แผนการจดั การเรยี นรวู้ ชิ าภาษาองั กฤษ
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน 3
ประถมศึกษาปีที่กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
นางสาวเสาวลกั ษณ์ เสาวงจนั ทร์
ครผู สู้ อน
ก
คำนำ
แผนการจดั การเรียนรู้รายวชิ าภาษาองั กฤษ ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 3 จดั ทาข้ึนเพื่อใช้
เป็นแนวทางในการจดั การเรียนการสอนที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ตามหลกั สูตรแกนกลาง
การศึกษา ข้นั พ้นื ฐานพทุ ธศกั ราช 2541
แผนการจดั การเรียนรู้ประกอบดว้ ยเน้ือหาสาระดงั ต่อไปน้ี แผนการจดั การเรียนรู้ราย
เทอมซ่ึงประกอบดว้ ยมาตรฐานและตวั ช้ีวดั กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาภาษาองั กฤษ แผนการ
จดั การเรียนรู้รายคาบท้งั หมด 3 แผนการจดั การเรียนรู้ ประกอบดว้ ย Talking about time. Free
time. Friends. ซ่ึงแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้ไดร้ ะบุมาตรฐาน ตวั ช้ีวดั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบการจดั การเรียนรู้ท่ีหลากหลาย อนั ไดแ้ ก่ รูปแบบ
การเรียนการสอนทกั ษะปฏิบตั ิของเดวสี ์ รูปแบบการจดั การเรียนรู้แบบใชช้ ุดการสอนและ
รูปแบบการจดั การเรียนรู้แบบแฮร์บาร์ด ซ่ึงแต่ละรูปแบบมีวธิ ีการจดั การเรียนการสอนที่แตกต่าง
กนั แต่ท้งั หมดนามาซ่ึงการบรรลุจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ นอกจากน้ียงั มีใบงานและเกณฑก์ าร
ประเมินผล เพอ่ื ใชใ้ นการประเมินผลการเรียนรู้ของนกั เรียนแต่ละคนวา่ หลงั จากเสร็จสิ้นการ
เรียน นกั เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจเน้ือหาสาระมากนอ้ ยเพียงใด ผา่ นเกณฑก์ ารประเมินหรือไม่
ผจู้ ดั ทาขอขอบพระคุณผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พชั รีภรณ์ บางเขียว เป็นอยา่ งยงิ่ ที่ให้
คาปรึกษาและคาแนะนาตลอดระยะเวลาการจดั ทาแผนการจดั การเรียนรู้ และหวงั เป็นอยา่ งยงิ่ วา่
แผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ีเป็นประโยชน์กบั การจดั การเรียนรู้ในหอ้ งเรียน ทาใหผ้ เู้ รียนสามารถ
พฒั นาการเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพต่อไป
นางสาวเสาวลกั ษณ์ เสาวงจนั ทร์
ผจู้ ดั ทา
สารบญั ข
เร่ือง หน้า
คานา ก
สารบัญ ข
แผนการจดั การเรียนรู้รายปี 1
ตารางโครงสร้างรายวชิ า 6
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 Talking about time
10
ใบงานท่ี 1
ใบงานท่ี 2 21
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 Free time 23
ใบงานท่ี 1 29
ใบงานที่ 2 39
ใบงานที่ 3 40
41
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 Friends
ใบงานท่ี 1 47
ใบงานที่ 2 64
ใบงานท่ี 3 65
66
1
แผนการจดั การเรียนรู้
รายวชิ าภาษาองั กฤษ รหัสวิชา อ13201 กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
จานวน 40 ชั่วโมง/ 1หน่วยกติ
ช้ันประถมศึกษาปี ท่3ี
ครูผู้สอน เสาวลกั ษณ์ เสาวงจนั ทร์
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐานที่ ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดง
ความคิดเห็นอยา่ งมีเหตุผล
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มูลขา่ วสาร แสดง
ความรู้สึกและความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ
โดยการพดู และการเขียน
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และ
นาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของ
เจา้ ของภาษากบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กบั กลุม่ สาระการเรียนรู้อื่น
และเป็นพ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั นข์ องตน
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษาชุมชน และ
สงั คม
มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพ้นื ฐานในการศึกษาต่อการประกอบ
อาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กบั สงั คมโลก
ตวั ชี้วดั
มาตรฐานท่ี ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดง
ความคิดเห็นอยา่ งมีเหตุผล
ต 1.1 ป.3/1 ปฏิบตั ิตามคาสง่ั และคาขอร้องง่ายๆที่ฟังหรืออ่าน
2
ต 1.1 ป.3/2 อา่ นออกเสียงคา สะกดคา อา่ นกลุม่ คา ประโยคและบทพดู เขา้ จงั หวะ
(chant)ง่ายๆถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น
ต 1.1 ป.3/3 เลือก/ระบุภาพหรือสัญลกั ษณ์หรือเคร่ืองหมายตรงตามความหมายของ
ประโยค และขอ้ ความส้นั ๆท่ีฟัง
ต 1.1 ป.3/4 ตอบคาถามจากการฟังหรืออา่ นประโยค บทสนทนาหรือนิทานง่ายๆ
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มูลข่าวสาร แสดง
ความรู้สึกและความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ
ต 1.2 ป.3/1 พดู โตต้ อบดว้ ยคาส้นั ๆง่ายๆในการสื่อสารระหวา่ งบุคคลตามแบบที่ฟัง
ต 1.2 ป.3/2 ใชค้ าสงั่ และคาขอร้องง่ายๆตามแบบที่ฟัง
ต 1.2 ป.3/3 บอกความตอ้ งการง่ายๆของตนเองตามแบบท่ีฟัง
ต 1.2 ป.3/4 พดู ขอและใหข้ อ้ มูลง่ายๆเกี่ยวกบั ตนเองและเพือ่ นตามแบบท่ีฟัง
ต 1.2 ป.3/5 บอกความรู้สึกของตนเองเก่ียวกบั ส่ิงต่างๆใกลต้ วั หรือกิจกรรมต่างๆตามแบบที่
ฟัง
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ
โดยการพดู และการเขียน
ต 1.3 ป.3/1 พดู ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและเรื่องใกลต้ วั
ต 1.3 ป.3/2 จดั หมวดหมู่คาตามประเภทของบุคคล สตั ว์ และส่ิงของตามท่ีฟังหรืออา่ น
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และ
นาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ต 2.1 ป.3/1 พดู และทาท่าประกอบตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ป.3/2 บอกช่ือและคาศพั ทง์ ่ายๆเกี่ยวกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลองและชีวิตความ
เป็นอยู่ ของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ป.3/3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมท่ีเหมาะสมกบั วยั
มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของ
เจา้ ของภาษากบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
ต 2.2 ป.3/1 บอกความแตกต่างของเสียง ตวั อกั ษร คา กลุม่ คาและประโยคง่ายๆของ
ภาษาองั กฤษและภาษาไทย
มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กลุม่ สาระการเรียนรู้อ่ืน
และเป็นพ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
3
ต 3.1 ป.3/1 บอกคาศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ งกบั กลุม่ สาระการเรียนรู้อ่ืน
มาตรฐาน ต 4.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษาชุมชน และ
สงั คม
ต 4.1 ป.3/1 ฟัง/พดู ในสถานการณ์ง่ายๆที่เกิดข้ึนในหอ้ งเรียน
มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาต่างประเทศเป็นเคร่ืองมือพ้ืนฐานในการศึกษาต่อการประกอบ
อาชีพ และการแลกเปล่ียนเรียนรู้กบั สงั คมโลก
ต 4.2 ป.3/1 ใชภ้ าษาองั กฤษ เพือ่ รวบรวมคาศพั ทท์ ี่เกี่ยวขอ้ งใกลต้ วั
จุดประสงค์การเรียนรู้
ความรู้ (K)
1. นกั เรียนสามารถเขา้ ใจและตีความเร่ืองที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดง
ความคิดเห็นอยา่ งมีเหตุผลได(้ K)
2. นกั เรียนสามารถบอกความตอ้ งการง่ายๆของตนเองตามแบบท่ีฟังได้ (K)
3. บอกความรู้สึกของตนเองเก่ียวกบั ส่ิงต่างๆใกลต้ วั หรือกิจกรรมต่างๆตามแบบท่ีฟัง(K)
4. นกั เรียนสามารถจดั หมวดหมู่คาตามประเภทของบุคคล สตั ว์ และสิ่งของตามที่ฟังหรือ
อ่าน(K)
5. นกั เรียนสามารถบอกชื่อและคาศพั ทง์ ่ายๆเกี่ยวกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลองและ
ชีวติ ความเป็นอยู่ ของเจา้ ของภาษาได(้ K)
6. นกั เรียนสามารถบอกความแตกต่างของเสียง ตวั อกั ษร คา กลุม่ คาและประโยคง่ายๆ
ของภาษาองั กฤษและภาษาไทยได(้ K)
7. นกั เรียนสามารถบอกคาศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ งกบั กลุม่ สาระการเรียนรู้อื่นได(้ K)
ทกั ษะ (P)
1. นกั เรียนสามารถระบุตวั อกั ษรและอ่านออกเสียง สะกดคาง่าย ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การ
อา่ น (P)
2. นกั เรียนสามารถพดู โตต้ อบดว้ ยคาส้นั ๆง่ายๆในการสื่อสารระหวา่ งบุคคลตามแบบที่
ฟังได้ (P)
3. นกั เรียนสามารถบอกความตอ้ งการง่ายๆของตนเองตามแบบท่ีฟัง(P)
4. นกั เรียนสามารถนาเสนอขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและเรื่องใกลต้ วั (P)
5. นกั เรียนสามารถพดู และทาท่าประกอบตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ได้ (P)
4
6. นกั เรียนมีส่วนร่วมในการทากิจกรรมในหอ้ งเรียน(P)
7. นกั เรียนสามารถฟัง/พดู ในสถานการณ์ง่ายๆท่ีเกิดข้ึนในหอ้ งเรียนได(้ P)
8. นกั เรียนสามารถใชภ้ าษาองั กฤษ เพอ่ื รวบรวมคาศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ งใกลต้ วั ได(้ P)
9. นกั เรียนสามารถนาสิ่งที่เรียนไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได(้ P)
ทัศนคติ (A)
1. นกั เรียนเห็นถึงความสาคญั ของภาษาองั กฤษ(A)
2. นกั เรียนเห็นถึงประโยชนใ์ นการเรียนภาษาองั กฤษ(A)
คาอธิบายรายวชิ า
ปฏิบตั ิตามคาสงั่ และคาขอร้องท่ีฟังหรืออา่ น อา่ นออกเสียงคา สะกดคา อา่ นกลุ่มคา
ประโยคและบทพดู เขา้ จงั หวะง่ายๆถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น เลือกระบุภาพหรือสญั ลกั ษณ์ตรงตาม
ความหมายของกลุม่ คาและประโยคท่ีฟังตอบคาถามจากการฟังหรืออา่ นประโยค บทสนทนาหรือ
นิทานง่าย พดู โตต้ อบคาส้นั ๆ ง่าย ๆ ในการส่ือสารระหวา่ งบุคคลตามแบบที่ฟัง ใชค้ าสงั่ และคา
ขอร้องง่ายๆตามแบบท่ีฟัง บอกความตอ้ งการง่ายของตนเองตามแบบท่ีฟัง พดู ขอและใหข้ อ้ มูลให้
ง่ายๆเก่ียวกบั ตนเองและเพอื่ นตามแบบท่ีฟัง บอกความรู้สึกของตนเองเก่ียวกบั สิ่งตา่ ง ๆ ใกลต้ วั หรือ
กิจกรรมต่าง ๆ ตามแบบท่ีฟัง พดู ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั จดั หมวดหมู่คาตาม
ประเภทของบุคคล สตั ว์ และส่ิงของ ตามแบบที่ฟังหรืออา่ น พดู และทาท่าทางประกอบ ตามมารยาท
สงั คมวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาบอกช่ือและคาศพั ทง์ ่าย ๆ เก่ียวขอ้ งกบั เทศกาล วนั สาคญั งาน
ฉลอง และชีวิตความเป็นอยขู่ องเจา้ ของภาษา เขา้ ร่วมกิจกรรมและวฒั นธรรมที่เหมาะสมกบั วยั บอก
ความแตกต่างของเสียง อกั ษร คา กลุม่ คา และประโยคง่ายๆของภาษาต่างประเทศ บอกคาศพั ทท์ ่ี
เก่ียวกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืน ฟังพดู ในสถานการณ์ง่ายๆ ที่เกิดข้ึนในหอ้ งเรียนใช้
ภาษาต่างประเทศเพ่ือรวบรวมคาศพั ทท์ ่ีเก่ียวขอ้ งใกลต้ วั
โดยใชก้ ระบวนการทกั ษะทางภาษา การฟัง พดู อ่าน เขียน ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง และการใชภ้ าษา
ท่าทางรูปแบบพฤติกรรมการสื่อสารของเจา้ ภาษา กระบวนการกลุม่ ในการฝึกออกเสียง ฟัง/พดู ถาม
ตอบ และสนทนาโตต้ อบเพอ่ื ใหน้ กั เรียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ สามารถส่ือสารส่ิงที่เรียนรู้ สนใจ
เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมรวมถึงการรวบรวมความรู้และแสวงหาความเพลิดเพลิน
จากภาษาองั กฤษ
เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนมีความสุขและเขา้ ใจในวฒั นธรรมและปฏิบตั ิตนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ท้งั น้ีเพอ่ื ให้
เกิดภาวะการเป็นผนู้ าและผตู้ ามท่ีดี มีจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ มีปฏิสมั พนั ธ์กบั ผอู้ ่ืน มี
5
วาทศิลป์ และมารยาทในการพดู กลา้ แสดงออก มีทศั นคติที่ดีต่อการเรียนเพ่อื เป็นพ้นื ฐานในการ
เรียนภาษาองั กฤษในระดบั สูง
รหัสตวั ชี้วดั
ต 1.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3 , ป.3/4
ต 1.2 ป.3/1, ป.3/2 , ป.3/3 , ป.3/4 ,ป.3/5
ต 1.3 ป.3/1, ป.3/2
ต 2.1 ป.3/1, ป.3/2, ป.3/3
ต 2.2 ป.3/1
ต 3.1 ป.3/1
ต 4.1 ป.3/1
ต 4.2 ป.3/1
รวมท้งั หมด 18 ตวั ชี้วดั
6
โครงสร้างรายวชิ า
รายวชิ าภาษาองั กฤษ รหัสวชิ า อ13201 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
ช้ันประถมศึกษาปี ที่3 ปี การศึกษา2564 จานวน 40 ชั่วโมง/ 1หน่วยกติ
หน่วยที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ เวลา
(ชั่วโมง)
1 My meals 6
1.1 โครงสร้างประโยค 1
1.2 What are you going to have for breakfast / lunch / dinner ? 2
1.3 I am going to have…ชื่ออาหาร What food do you like? 2
1.4 I like… ช่ืออาหาร 1
2 Free time 6
2.1 โครงสร้างประโยค 1
2.2 What sport do you like? 1
2.3 I like… ช่ือกีฬา 1
2.4 What is your hobby? 1
2.5 My hobby is…งานอดิเรก 2
3 Talking about time 5
3.1 โครงสร้างประโยค 1
3.2 What time is it? 1
3.3 It is ..(เวลา) o’clock. 1
3.4 What time do you…กิจวตั ร? 1
3.5 I…กิจวตั ร at…เวลา o’clock. 1
4 Friends 7
4.1 โครงสร้างประโยค 1
4.2 What is your name? 1
4.3 My name is... 1
4.4 Where are you from? 1
4.5 I’m from... 1
4.6 What does she look like? 1
4.7 She is ...คาคุณศพั ท์ 1
7
หน่วยที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ เวลา
(ชั่วโมง)
สอบกลางภาค
7
5 Places around us 1
5.1 โครงสร้างประโยค 1
5.2 Where are you going? 1
5.3 I’m going to the …สถานที่ 2
5.4 Where is the…สถานท่ี? 2
5.5 It’s…คาบพุ บท the…สถานที่ 7
6 Whose purse is it? 1
6.1 โครงสร้างประโยค 1
6.2 Whose…คานามเอกพจน์ is this? 1
6.3 It’s…คาสรรพนามแสดงความเป็นเจา้ ของ…คานามเอกพจน์ 1
6.4 Whose…คานามพหูพจน์ are these? 1
6.5 They’re…คาสรรพนามแสดงความเป็นเจา้ ของ…คานามพหูพจน์ 2
6.6 They’re…ช่ือ’s …คานามพหูพจน์
40
สอบปลายภาค
รวม
10
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1
สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวชิ าภาษาองั กฤษ
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 Talking about time
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง โครงสร้างประโยค และWhat time is it? เวลา 5 ชั่วโมง
1 มาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐานท่ี ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรื่องท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น
อยา่ งมีเหตุผล
ตวั ชีว้ ัดช้ันปี
ต 1.1 ป.3/1 ปฏิบตั ิตามคาสงั่ และคาขอร้องง่ายๆที่ฟังหรืออ่าน
ต 1.1 ป.3/2 อา่ นออกเสียงคา สะกดคา อา่ นกลุ่มคา ประโยคและบทพดู เขา้ จงั หวะ(chant)ง่ายๆถูกตอ้ งตาม
หลกั การอ่าน
ต 1.1 ป.3/3 เลือก/ระบภุ าพหรือสญั ลกั ษณ์หรือเคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยค และขอ้ ความ
ส้นั ๆท่ีฟัง
ต 1.1 ป.3/4 ตอบคาถามจากการฟังหรืออ่านประโยค บทสนทนาหรือนิทานง่ายๆ
2 จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักเรียนสามารถเขา้ ใจและตีความเร่ืองที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความ
คิดเห็นอยา่ งมีเหตุผลได(้ K)
2.นกั เรียนสามารถระบุตวั อกั ษรและอา่ นออกเสียง สะกดคาง่าย ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น (P)
3 สาระสาคญั
ผเู้ รียนจะรู้จกั การใชป้ ระโยคบอกเวลา ในสถานการณ์ต่างๆ โดยรูปแบบการเรียนการสอนทกั ษะปฏิบตั ิ
ของเดวีส์
รูปแบบน้ีมุ่งช่วยพฒั นาความสามารถดา้ นทกั ษะปฏิบตั ิของผเู้ รียน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ทกั ษะที่ประกอบดว้ ย
ทกั ษะยอ่ ยจานวนมาก
4 สาระการเรียนรู้
11
ความรู้ (K)
การใชค้ าและประโยคที่ถูกตอ้ ง เป็นพ้นื ฐานที่มีประโยชน์กบั ผเู้ รียนมาก จากเน้ือหาในการสอน
ผเู้ รียนสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ไดท้ ้งั ในปัจจุบนั และอนาคต
ทกั ษะ (P)
1. ทกั ษะการอภิปราย
2. ทกั ษะการสื่อความหมาย
3. ทกั ษะการสรุป
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1. มีวนิ ยั
2. ใฝ่ เรียนรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทางาน
5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ( เฉพาะทีเ่ กดิ ในหน่วยการเรียนรู้นี้ )
ความสามารถในการสื่อสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. ทักษะของผ้เู รียนในศตวรรษท่ี 21 ( 3R 8C + 2L ) (จุดเนน้ สู่การพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน)
ทกั ษะการอ่าน (Reading)
ทกั ษะการ เขียน (Writing)
ทกั ษะการ คิดคานวณ (Arithmetic)
ทกั ษะดา้ นการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ัญหา (Critical thinking and problem
solving)
ทกั ษะดา้ นการสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation)
ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผนู้ า (Collaboration , teamwork
and leadership)
ทกั ษะดา้ นความเขา้ ใจต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding)
12
ทกั ษะดา้ น การสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทนั สื่อ (Communication information and
media literacy)
ทกั ษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร (Computing)
ทกั ษะอาชีพและทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)
ทกั ษะการเปล่ียนแปลง (Change)
ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
ภาวะผนู้ า (Leadership)
7. ชิ้นงานหรือภาระงาน ( หลกั ฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ )
1. ท่องคาศพั ทท์ ่ีผสู้ อนกาหนด
2. ทากิจกรรมกลุม่
3. ทดสอบการออกเสียง
4. ใบงานท่ี 1
5. ใบงานที่ 2
8. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 Talking about time
หน่วยย่อยท่ี 1 What time is it?
( รูปแบบการเรียนรู้ :รูปแบบการเรียนการสอนทักษะปฏบิ ตั ิของเดวสี ์ )
รายชั่วโมงท่ี 1 - 2
ข้นั ที่ 1 ข้นั สาธิตทักษะหรือการกระทา
1. ครู/นกั เรียน กลา่ วทกั ทาย มีกิจกรรมสนั ทนาการเลก็ นอ้ ย คลายความตึงเครียดขเดก็ ๆ
สอนฝึกทาสมาธิเพอ่ื เตรียมความพร้อมในการรับความรู้
2. ครูเขา้ สู่บทเรียน ดว้ ยเหตุการสมมติ ท่าทาง และมีบทบาทต่างๆใหเ้ ดก็ ๆไดพ้ อเห็นภาพ
3. สอนโครงสร้างประโยค เเละสาธิตการออกเสียง What time is it?
ข้นั ที่ 2 ข้ันสาธิตและให้ผู้เรียนปฏบิ ัติทักษะย่อย
เม่ือผเู้ รียนไดเ้ ห็นภาพรวมของการ กระทาหรือทกั ษะท้งั หมดแลว้ ผสู้ อนควรแตกทกั ษะ
ท้งั หมดใหเ้ ป็นทกั ษะยอ่ ย ๆ หรือแบ่งสิ่งที่กระทาออกเป็นส่วนยอ่ ย ๆ และสาธิตส่วนยอ่ ยแต่ละส่วน
ใหผ้ เู้ รียนสงั เกตและทาตามไปทีละส่วนอยา่ งชา้ ๆ
ข้นั ที่ 3 ข้นั ให้ผู้เรียนปฏิบตั ทิ ักษะย่อย
13
1. ใหน้ กั เรียนหดั ออกเสียงคา และมีกิจกรรมกลุ่มเพ่ือเพิม่ ความกระตือรือร้นในการเรียน
2. ผสู้ อนทาการเฉลยวา่ สิ่งใดที่ถูกตอ้ ง และใหผ้ เู้ รียนทาส่ิงท่ีถูก
ข้นั ท่ี 4 ข้นั ให้เทคนิควธิ ีการ
1. สอนเทคนิคในการออกเสียงที่ถูกตอ้ ง
2. มีการทาบทบาทสมมุติเพ่ือเพม่ิ ความจา
ข้นั ท่ี 5 ข้นั ให้ผู้เรียนเชื่อมโยงทกั ษะย่อย ๆ
1. ใหผ้ เู้ รียนทาซ้าบ่อยๆ พดู กบั เพือ่ นบ่อยๆ
2. ทาแบทดสอบ โดยการตอบโตป้ ระโยคกบั ผสู้ อน
โครงสร้างน่ารู้ (Structure)
โครงสร้าง คาอ่าน คาแปล
What time is it? วอท ทาม อีซ อิท? ตอนน้ีก่ีโมงแลว้
It is 7’o clock. อิท อีซ เซฟ เวนิ โอ ตอนน้ี 7 โมงแลว้
คลอก
คาศัพท์บอกนาที (Minute)
คาศัพท์ คาอ่าน คาแปล
five ไฟฟ หา้ นาที
ten เทน็ สิบนาที
fifteen ฟิ ฟทีน สิบหา้ นาที
twenty ทเวน ที ยสี่ ิบนาที
ทเวน ที ไฟฟ ยสี่ ิบหา้ นาที
twenty-five เธอ ที สามสิบนาที
thirty เธอ ที ไฟฟ สามสิบหา้ นาที
ฟอร์ ที สี่สิบนาที
thirty-five ฟอร์ ที ไฟฟ สี่สิบหา้ นาที
forty ฟิ ฟ ที หา้ สิบนาที
ฟิ ฟ ที ไฟฟ หา้ สิบหา้ นาที
forty-five ซิก ที หกสิบนาที
fifty
fifty-five
sixty
14
a quarter past.... (อะ ควอร์ เทอะ พาสท...) สิบหา้ นาทีผา่ นเลข......
a quarter to.... (อะ ควอร์ เทอะ ทู...) สิบหา้ นาทีถึงเลขถดั ไป......
half past (ฮาฟ พาสท) คร่ึงชว่ั โมงผา่ น
a.m. = ante meridiem = หลงั เที่ยงคืน – ก่อนเทย่ี งวัน (00.01 a.m. – 11.59 a.m.)
p.m. = post meridiem = หลงั เที่ยงวนั – ก่อนเทีย่ งคืน (12.00 p.m. – 11.59 p.m.)
หากคุณตอ้ งการบอกเวลาเตม็ ชว่ั โมง ใหเ้ ติมคาวา่ “o’clock” ทา้ ยเวลา หรือพดู
a.m. และ p.m. ตามดว้ ยเวลาต่างๆ กไ็ ด้ เช่น
10.00 a.m. = ten o’clock in the morning
04.00 p.m = four o’clock in the afternoon
แต่ถา้ คุณอยากจะบอกเวลาท่ีผา่ นชว่ั โมงมาแลว้ แต่ไม่เกิน 30 นาที ใหบ้ อกนาที
นาหนา้ แลว้ ตามดว้ ย “past” และชว่ั โมงที่ผา่ นมา เช่น
09.25 a.m. = twenty-five past nine
05.12 p.m. = twelve past five
เวลาที่ผา่ นชว่ั โมง และเกิน 30 นาทีมาแลว้ ใหบ้ อกนาทีท่ีเหลือก่อนจะถึงชวั่ โมง
ถดั ไป ตามดว้ ย “to” และชว่ั โมงถดั ไป เช่น
07.50 a.m. = ten to eight
08.40 p.m. = twenty to nine
สาหรับ การบอกเวลาแบบ British English หากนาฬิกาเป็นเวลา 15 นาทีหรือ 45
นาที ใหใ้ ชค้ าวา่ a quarter และหากเป็น 30 นาที ใหใ้ ช้ half เช่น
06.15 a.m. = a quarter past six
06.30 a.m. = half past six
15
ส่งทา้ ย ทริคเลก็ นอ้ ย
ในเวลาเที่ยงคืนหรือเท่ียงวนั สามารถใชค้ าวา่ “midnight” หรือ “midday / noon” แทน
เลข 12 ได้ เช่น เวลา 00:00 น. แทนช่วงเวลาน้ี วา่ midnight หรือ เวลา 12:00 น. แทนช่วงเวลาน้ี
วา่ midday or noon
ส่วนในการพดู อยา่ งเป็นทางการ สามารถใช้ “a.m.” หรือ “p.m.” ประกอบไดอ้ ยเู่ หมือนเดิม เช่น
เวลา เวลา 03:15 น. บอกไดว้ า่ three fifteen a.m
หากจาเป็น กส็ ามารถใช้ “in the morning, in the afternoon, in the evening, at night”
ประกอบได้ เช่น เวลา 03:15 น. เป็น A quarter past three in the morning. หรือ A quarter past
three at night. กไ็ ดเ้ ช่นกนั
ตัวอย่างการบอกเวลา
A: What time is it? A: What time is it? A: What time is it?
B: It is seven o'clock. B: It is a quarter past one. B: It is a quarter to
three.
A: What time is it?
B: It is half past three.
16
กจิ กรรมการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 Talking about time
หน่วยย่อยท่ี 2 What time do you…กจิ วตั ร?
( รูปแบบการเรียนรู้ :รูปแบบการเรียนการสอนทักษะปฏบิ ัตขิ องเดวสี ์ )
รายช่ัวโมงที่ 3 - 5
ข้นั ท่ี 1 ข้นั สาธิตทกั ษะหรือการกระทา
1. ครู/นกั เรียน กลา่ วทกั ทาย มีกิจกรรมสนั ทนาการเลก็ นอ้ ย คลายความตึงเครียดขเดก็ ๆ
สอนฝึกทาสมาธิเพอ่ื เตรียมความพร้อมในการรับความรู้
2. ครูเขา้ สู่บทเรียน ดว้ ยเหตุการสมมติ ท่าทาง และมีบทบาทต่างๆใหเ้ ดก็ ๆไดพ้ อเห็นภาพ
3. สอนโครงสร้างประโยค เเละสาธิตการออกเสียง ในเร่ือง What time do you…กิจวตั ร?
ข้นั ท่ี 2 ข้นั สาธิตและให้ผู้เรียนปฏิบัตทิ กั ษะย่อย
เม่ือผเู้ รียนไดเ้ ห็นภาพรวมของการ กระทาหรือทกั ษะท้งั หมดแลว้ ผสู้ อนควรแตกทกั ษะ
ท้งั หมดใหเ้ ป็นทกั ษะยอ่ ย ๆ หรือแบ่งสิ่งท่ีกระทาออกเป็นส่วนยอ่ ย ๆ และสาธิตส่วนยอ่ ยแต่ละส่วน
ใหผ้ เู้ รียนสงั เกตและทาตามไปทีละส่วนอยา่ งชา้ ๆ
ข้ันที่ 3 ข้นั ให้ผู้เรียนปฏิบัตทิ กั ษะย่อย
1. ใหน้ กั เรียนหดั ออกเสียงคา และมีกิจกรรมกลุ่มเพ่อื เพิ่มความกระตือรือร้นในการเรียน
2. ผสู้ อนทาการเฉลยวา่ สิ่งใดที่ถูกตอ้ ง และใหผ้ เู้ รียนทาส่ิงท่ีถูก
ข้นั ท่ี 4 ข้นั ให้เทคนิควธิ ีการ
1. สอนเทคนิคในการออกเสียงท่ีถูกตอ้ ง
2. มีการทาบทบาทสมมุติเพอื่ เพิ่มความจา
ข้นั ที่ 5 ข้นั ให้ผู้เรียนเชื่อมโยงทักษะย่อย ๆ
1. ใหผ้ เู้ รียนทาซ้าบ่อยๆ พดู กบั เพอื่ นบ่อยๆ
2. ทาแบทดสอบ โดยการตอบโตป้ ระโยคกบั ผสู้ อน
โครงสร้างประโยค
What time do you usually wake up? I usually wake up at 4.00 a.m.
ว็อท ไทม์ ดู ยู ยูสชวลลี่ เวค อพั ไอ ยสู ชวลล่ี เวค อับ แอท โฟร์ เอเอม็
โดยปกตคิ ุณตื่นนอนกีโ่ มง ครบั /คะ่ ปกตฉิ นั ตืน่ นอนตสี คี่ ่ะ/ครบั
17
1. wake up คำศพั ท์นา่ รู้ ตนื่ นอน
2. get up ลุกจากท่ีนอน
3. make a bed เวค๊ คัพ เกบ็ ท่ีนอน
4. brush my teeth เก็ท ทพั แปรงฟัน
5. wash my face เมค คะ เบด ลา้ งหนา้
6. take a bath บรัช มาย ทธี อาบนำ้ ในอ่าง
7. take a shower วอช มาย เฟส อาบน้ำโดยฝกั บวั
8. get dressed เทค คะ บาธ แต่งตวั
9. have breakfast เทค คะ เชา๊ เวอะ กินอาหารเชา้
10. go to school เกท็ เดรส็ ท ไปโรงเรียน
11. go to แฮฝ เบร๊คเฟสิ ท ไปทำงาน
12. take a bus โก ทู สกลู โดยสารรถบสั
13. take a train โก ทู เวิค โดยสารรถไฟ
14. get to school เทค คะ บัส ไปถึงโรงเรยี น
15. study เทค คะ เทรน เรยี น
16. eat lunch เกท็ ทู สกูล กินอาหารเที่ยง
17. go home สตด๊ั ดิ กลบั บ้าน
18. get home อที ลันช ไปถงึ บ้าน
19. do homework โก โฮม ทำการบ้าน
20. eat dinner เกท็ โฮม กินอาหารเยน็
21. watch TV ดู โฮม๊ เวิค ดูทีวี
22. listen to music อที ดนิ๊ เนอะ ฟงั เพลง
23. go to bed ว็อช ทีวี เข้านอน
ลสิ๊ เซนิ ทู มิ๊วสคิ
โก ทู เบด
18
9. สื่อการสอน
1. วดิ ิโอตวั อยา่ ง
2. แผนผงั คาศพั ท์
10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานท่ี
1. สร้างบทบาทสมมุติ(ในสถานท่ี)
2. ช่องทางยทู ูป
3. คาศพั ทจ์ ากช่องทางออนไลน์
11. การวัดและประเมนิ ผล
สิ่งทีต่ ้องการจะวดั และประเมินผล วธิ ีวดั เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การประเมนิ
1 การออกเสียงโตต้ อบ การทดสอบพดู ไหวพริบในการตอบ การออกเสียง/ไหวพริบ โตต้ อบไดค้ ือผา่ น
2 การจาคาศพั ท์
การท่องจา ทดสอบท่อง ท่องครบ ท่องไดเ้ กิน 50%
3 ใบงานทดสอบความรู้ ตรวจใบงาน ใบงาน ตอบถูกตอ้ งตามใบงาน คะแนน ๑๖-๒๐ = ดีมาก
ท่ีกาหนดไว้ คะแนน ๑๑-๑๕ = ดี
คะแนน ๖-๑๐ = พอใช้
คะแนน ๐-๕ = ปรับปรุง
ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดีข้ึนไป
12. กจิ กรรมเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
13. บันทกึ ผลหลงั การสอน
สรุปผลการเรียนการสอน
นกั เรียนท้งั หมดจานวน.....................คน
19
จุดประสงค์การเรียนรู้ จานวนนักเรียนทผี่ ่าน จานวนนักเรียนท่ไี ม่ผ่าน
จานวนคน ร้อยละ จานวนคน ร้อยละ
1
2
3
15. ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
16. ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงช่ือ........................................................................
(.....................................................................)
ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ .......................................
ลงชื่อ................................................................ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
(.....................................................................)
ลงช่ือ.......................................................... รองผอู้ านวยการกลุม่ บริหารวชิ าการ
(.....................................................................)
20
ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา
ไดท้ าการตรวจแผนการเรียนรู้ของ....................................................แลว้ มีความคิดเห็นดงั น้ี
1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี
ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง
2. การจดั กิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ยงั ไม่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป
3. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ลงช่ือ......................................................................................
( ………………………………………………… )
ผอู้ านวยการโรงเรียน……………………………………………
21
ใบงานท่ี 1
ชื่อ..............................................................นามสกลุ ........................................ช้นั ..............เลขท่ี..............
คาสง่ั : ใหน้ กั เรียนอา่ นและวาดภาพเขม็ นาฬิกาและใส่เวลาเป็นตวั เลขตามเวลาท่ีกาหนดใหอ้ ยา่ ง
ถูกตอ้ ง พร้อมระบายสีใหส้ วยงาม
It is seven o’clock.
---------------------
It is half past two.
---------------------
It is twenty-five to ten.
---------------------
22
It is ten past five.
---------------------
It is a quarter to four.
---------------------
It is eight fifteen.
---------------------
It is three thirty.
---------------------
23
ใบงานท่ี 2
ชื่อ..............................................................นามสกลุ ........................................ช้นั ..............เลขท่ี..............
คาสงั่ : ใหน้ กั เรียนโยงความสมั พนั ธ์ของภาพและขอ้ ความที่กาหนดใหอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง พร้อมระบายสี
ใหส้ วยงาม
A: What time is it?
B: It is half past three.
A: What time is it?
B: It is seven o'clock.
A: What time is it?
B: It is a quarter to three.
A: What time is it?
B: It is a quarter past
one.
24
แบบประเมนิ กจิ กรรมรายบุคคล
ชื่อ..............................................................นามสกลุ ........................................ช้นั ..............เลขที่..............
ลาดบั ประเดน็ การประเมิน 4 (ดเี ยี่ยม) คุณภาพการปฏิบตั ิการ
3 (ด)ี 2 (ปากลาง) 1 (ปรับปรุง)
1 ตรงจุดประสงคท์ ่ีกาหนด
2 ถูกตอ้ งสมบูรณ์
3 มีความสร้างสรรค์
4 มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
5 ตรงต่อเวลา
รวม
ลงชื่อ..............................................................ผู้ประเมิน
วนั ท่ี................/...................../.....................
25
เกณฑ์การให้คะแนนใบงาน
ประเด็นการประเมนิ คะแนน
4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
1. ผลงานตรงตาม ผลงานมีความ ผลงานมีความ ผลงานมีความ ผลงานไม่
จุดประสงค์ สอดคลอ้ งกบั สอดคลอ้ งกบั สอดคลอ้ งกบั สอดคลอ้ งกบั
จุดประสงคข์ อง จุดประสงคข์ อง จุดประสงคข์ อง เน้ือหาที่เรียน
เน้ือหาท่ีเรียนทุก เน้ือหาท่ีเรียนเป็น เน้ือหาที่เรียนบาง
ประเดน็ ส่วนใหญ่ ประเดน็
2. ผลงานมีความ เน้ือหาสาระ เน้ือหาสาระ เน้ือหาสาระ เน้ือหาสาระไม่
ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง
สมบูรณ์ ครบถว้ น เป็นส่วนใหญ่ บางประเดน็
3. ผลงานมีความเป็น ผลงานมีความ ผลงานมีความเป็น ผลงานค่อนขา้ ง ผลงานไม่มีความ
ระเบียบเรียบร้อย เป็น ระเบียบเรียบนอ้ ย เป็น เป็ น
ระเบียบเรียบร้อย แต่ ระเบียบเรียบร้อย ระเบียบเรียบร้อย
น่าอา่ น ยงั มีขอ้ บกพร่อง แต่
บางส่วน มีขอ้ บกพร่อง
เลก็ นอ้ ย
4. การส่งงานตรงต่อ ส่งงานตรงตาม ส่งงานชา้ เลยเวลา ส่งงานชา้ เลยเวลา ส่งงานชา้ เลยเวลา
เวลา เวลาที่กาหนด ที่กาหนด 1-2 วนั ท่ีกาหนด 3-5 ท่ีกาหนดมากกวา่
5 วนั
เกณฑ์การประเมนิ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
16-20 ดีมาก
11-15 ดี
6-10 พอใช้
0-5 ปรับปรุง
26
แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
ลาดบั ช่ือ-นามสกลุ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
มวี นิ ัย ใฝ่ เรียนรู้ มุ่งม่นั ในการทางาน
543215432154321
ลงช่ือ..............................................................ผู้ประเมนิ
วนั ท่ี................/...................../.....................
27
เกณฑ์การให้คะแนนสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
พฤตกิ รรมบ่งชี้ คะแนน
5 (ดมี าก) 4 (ด)ี 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช้) 1(ปรับปรุง)
1.ความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไม่มี
ในการส่ือสาร ในการสื่อสาร ในการสื่อสาร ในการส่ือสาร ในการสื่อสาร ความสามารถ
ออกมาไดด้ ี ออกมาไดด้ ี ออกมาไดร้ ะดบั ออกมาไดร้ ะดบั ในการส่ือสาร
เยยี่ ม ชดั เจน ชดั เจน ปานกลาง ไม่ ปานกลาง ควร
ชดั เจน ปรับปรุง
2.ความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไม่มี
ในการคิด ในการคิดอยา่ ง ในการคิด ในการคิด ตดั สินใจ ความสามารถ
สร้างสรรค์ ตดั สินใจ ตดั สินใจ เกี่ยวกบั ปัญหา ในการคิด การ
ตดั สินใจ เก่ียวกบั ปัญหา เกี่ยวกบั ปัญหา ของตนเองได้ ตดั สินใจ
เกี่ยวกบั ปัญหา ของตนไดด้ ี ของตนเองได้ ไม่ เกี่ยวกบั ปัญหา
ของตนเองได้ ดีเท่าท่ีควร ของตนเองได้
เหมาะสม
3.ความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไม่สามารถ
ในการ แกป้ ัญหา แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหา แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหา
แกป้ ัญหา เฉพาะ หนา้ ไดเ้ กือบ เฉพาะ หนา้ ไดย้ งั ไมด่ ี เฉพาะ
ดา้ นไดท้ ุก ทุก หนา้ ไดบ้ าง เท่าที่ควร หนา้ ได้
สถานการณ์ สถานการณ์ สถานการณ์
29
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2
สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวชิ าภาษาองั กฤษ
ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 Free time
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง What is your hobby? / What sport do you like? เวลา 6 ชั่วโมง
1 มาตรฐานการเรียนรู้/ ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึกและ
ความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธิภาพ
ตัวชีว้ ดั ชั้นปี
ต 1.2 ป.3/1 พดู โตต้ อบดว้ ยคาส้นั ๆง่ายๆในการส่ือสารระหวา่ งบุคคลตามแบบท่ีฟัง
ต 1.2 ป.3/2 ใชค้ าสง่ั และคาขอร้องง่ายๆตามแบบที่ฟัง
ต 1.2 ป.3/3 บอกความตอ้ งการง่ายๆของตนเองตามแบบท่ีฟัง
ต 1.2 ป.3/4 พดู ขอและใหข้ อ้ มูลง่ายๆเกี่ยวกบั ตนเองและเพื่อนตามแบบท่ีฟัง
ต 1.2 ป.3/5 บอกความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกบั สิ่งต่างๆใกลต้ วั หรือกิจกรรมต่างๆตามแบบท่ีฟัง
2 จุดประสงค์การเรียนรู้
1.นกั เรียนสามารถบอกความตอ้ งการง่ายๆของตนเองตามแบบท่ีฟังได้ (K)
2. นกั เรียนสามารถพดู โตต้ อบดว้ ยคาส้นั ๆง่ายๆในการสื่อสารระหวา่ งบุคคลตามแบบที่ฟังได้ (P)
3. นกั เรียนสามารถบอกความตอ้ งการง่ายๆของตนเองตามแบบท่ีฟัง(P)
4. บอกความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกบั สิ่งต่างๆใกลต้ วั หรือกิจกรรมต่างๆตามแบบที่ฟัง(K)
3 สาระสาคญั
กิจกรรมยามวา่ ง และงานอดิเรกเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรคแ์ ละมีความหมายสาหรับวยั เดก็ มีส่วนช่วยให้
เติบโตอยา่ งมีคุณภาพและเรียนรู้ท่ีจะใชเ้ วลาวา่ งไดอ้ ยา่ งมีประโยชน์ ดงั น้นั นกั เรียนควรไดเ้ รียนรู้คาศพั ท์
และประโยคท่ีใชส้ ื่อสารเก่ียวกบั การทากิจกรรมยามวา่ งและงานอดิเรกของ ตนเอง เพอื่ ใชส้ ่ือสารแลกเปลี่ยน
ขอ้ มูลกบั เพ่อื น ๆ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
30
4 สาระการเรียนรู้
ความรู้ (K)
การใชค้ าและประโยคที่ถูกตอ้ ง เป็นพ้นื ฐานท่ีมีประโยชนก์ บั ผเู้ รียนมาก จากเน้ือหาในการสอน
ผเู้ รียนสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ไดท้ ้งั ในปัจจุบนั และอนาคต
ทักษะ (P)
1. ทกั ษะการอภิปราย
2. ทกั ษะการส่ือความหมาย
3. ทกั ษะการสรุป
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1. มีวนิ ยั
2. ใฝ่ เรียนรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทางาน
5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ( เฉพาะท่ีเกดิ ในหน่วยการเรียนรู้นี้ )
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ( 3R 8C + 2L ) (จุดเนน้ สู่การพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน)
ทกั ษะการอา่ น (Reading)
ทกั ษะการ เขียน (Writing)
ทกั ษะการ คิดคานวณ (Arithmetic)
ทกั ษะดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ัญหา (Critical thinking and problem
solving)
ทกั ษะดา้ นการสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation)
ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผนู้ า (Collaboration , teamwork
31
and leadership)
ทกั ษะดา้ นความเขา้ ใจต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding)
ทกั ษะดา้ น การสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทนั ส่ือ (Communication information and
media literacy)
ทกั ษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร (Computing)
ทกั ษะอาชีพและทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)
ทกั ษะการเปลี่ยนแปลง (Change)
ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
ภาวะผนู้ า (Leadership)
7. ชิ้นงานหรือภาระงาน ( หลกั ฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ )
1. ท่องคาศพั ทท์ ี่ผสู้ อนกาหนด
2. ทากิจกรรมกลุ่ม
3. ทดสอบการออกเสียง
4. ใบงานท่ี 1
5. ใบงานที่ 2
6. ใบงานที่ 3
8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 Free time
หน่วยย่อยท่ี 1 What sport do you like?
(รูปแบบการจดั การเรียนการสอน : การสอนแบบใช้ชุดการสอน)
รายช่ัวโมงที่ 1 – 3
ข้นั ที่ 1 ข้นั ทดสอบก่อนเรียน
1. ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรียน
2. ครูใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งกีฬาท่ีชอบ
ข้นั ท่ี 2 ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูพดู ถึงเรื่องคาศพั ทก์ ีฬาแต่ละชนิด
2. ครูบอกโครงสร้างประโยค ใหน้ กั เรียนบนั ทึกลงในสมุดบนั ทึก
32
ข้นั ที่ 3 ข้นั ประกอบกจิ กรรม
1. ครูใชส้ ื่อการเรียนการสอน จดั การเรียนการสอน ในหวั ขอ้ “What sport do you like?”
2. ครูสุ่มเรียกช่ือนกั เรียนเพ่ือทาการถามตอบ เกี่ยวกบั หวั ขอ้ ความรู้เบ้ืองตน้
ข้นั ที่ 4 ข้ันสรุปและข้นั ทดสอบหลงั เรียน
ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปสาระความรู้เก่ียวกบั What sport do you like?เพื่อทบทวน
ความจา ความเขา้ ใจของนกั เรียนและทาใบงาน
ข้นั ที่ 5 ข้นั ประเมินผลการเรียน
ครูใหน้ กั เรียนทาใบงานโดยเป็นแบบทดสอบ เกี่ยวกบั ความรู้พ้ืนฐานเร่ือง “What sport do
you like?” เพอ่ื เป็นการทบทวนเน้ือหาและประเมินผลความเขา้ ใจหลงั จากการจดั การเรียนการสอน
คาศัพท์กฬี าภาษองั กฤษ
1.Volleyball หมายถึง วอลเลยบ์ อล 21.karate หมายถึง กีฬาคาราเต้
2.synchronized swimming (ซิกโครไนซ 22.Baseball หมายถึง เบสบอล
สวิมมิ่ง) หมายถึง กีฬาระบาใตน้ ้า 23.Basketball หมายถึง บาสเกตบอล
3.sepak takraw หมายถึง กีฬาเซปักตะกร้อ 24.beach volleyball หมายถึง
4.hurdle racing (เฮิลเดิล แรคซิ่ง) หมายถึง วอลเลยบ์ อลชายหาด
กีฬาวิ่งขา้ มร้ัว 25.pool หมายถึง แทงบิลเลียด
5.Badminton หมายถึง แบดมินตนั 26.snooker หมายถึง การเล่นสนุกเกอร์
6.discus throwing หมายถึง ขวา้ งจกั ร 27.handball หมายถึง แฮนดบ์ อล
7.fencing หมายถึง ฟันดาบ 28.canoeing หมายถึง พายเรือแคนู
8.shooting หมายถึง ยงิ ปื น 29.aerobics หมายถึง แอโรบิก
9.athletics หมายถึง กรีฑา 30.go-karting หมายถึง แขง่ รถโกคาร์ท
10.kick boxing หมายถึง ชกมวย 31.golf หมายถงึ กอล์ฟ
11.judo หมายถึง ยโู ด 32.horse racing หมายถึง แข่งมา้
12.climbing หมายถึง ไต่เขา ปี นเขา 33.swimming หมายถึง ว่ายน้า
13.karate หมายถึง คาราเต้ 34.gymnastics หมายถึง ยมิ นาสติก
14.skateboarding หมายถึง สเกตบอร์ด 35.cycling หมายถึง จกั รยาน
15.weightlifting หมายถึง ยกน้าหนกั 36.American football หมายถึง กีฬา
16.rollerblading หมายถึง โรลเลอร์เบลด อเมริกนั ฟุตบอล
17.sailing หมายถึง แล่นเรือใบ 37.horse riding หมายถึง ขีม่ า้
18.squash หมายถึง สควอช 38.table tennis หมายถึง ปิ งปอง
19.Football หมายถึง ฟุตบอล 39.rugby หมายถึง รักบ้ี
20.water polo หมายถึง โปโลน้า 40.archery หมายถึง ยงิ ธนู
33
กจิ กรรมการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 Free time
หน่วยย่อยที่ 2 What is your hobby?
(รูปแบบการจดั การเรียนการสอน : การสอนแบบใช้ชุดการสอน)
รายช่ัวโมงที่ 4 - 6
ข้นั ที่ 1 ข้นั ทดสอบก่อนเรียน
1. ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรียน
2. ครูใหน้ กั เรียนยกตวั อยา่ งกีฬาที่ชอบ
ข้นั ที่ 2 ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
3. ครูพดู ถึงเรื่องคาศพั ทก์ ีฬาแต่ละชนิด
4. ครูบอกโครงสร้างประโยค What is your hobby? พร้อมใหน้ กั เรียนบนั ทึกสาระ
ความรู้ที่ไดร้ ับลงในสมุดบนั ทึก
ข้นั ท่ี 3 ข้นั ประกอบกจิ กรรม
3. ครูใชส้ ื่อการเรียนการสอน จดั การเรียนการสอน ในหวั ขอ้ “What is your hobby?”
4. ครูสุ่มเรียกช่ือนกั เรียนเพ่อื ทาการถามตอบ เกี่ยวกบั หวั ขอ้ ความรู้เบ้ืองตน้
ข้นั ท่ี 4 ข้ันสรุปและข้นั ทดสอบหลงั เรียน
ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปสาระความรู้เก่ียวกบั What is your hobby? เพ่อื ทบทวน
ความจา ความเขา้ ใจของนกั เรียนและทาใบงาน
ข้นั ท่ี 5 ข้นั ประเมนิ ผลการเรียน
ครูใหน้ กั เรียนทาใบงานโดยเป็นแบบทดสอบ เก่ียวกบั ความรู้พ้นื ฐานเร่ือง “What is your
hobby? ” เพ่อื เป็นการทบทวนเน้ือหาและประเมินผลความเขา้ ใจหลงั จากการจดั การเรียนการสอน
ตวั อยา่ งรปู แบบ
ประโยค
34
คาศัพท์หมวดงานอดเิ รกภาษาองั กฤษ
คาศัพท์ คาอ่าน ความหมาย
hobbies ฮอบบ้ี งานอดิเรก
antique collecting แอนทีค คอลเลคทิง สะสมของเก่า
baking เบคคิง ทาขนม
beatboxing บีตบอกซิง เล่นบีทบอ็ กซ์
bird watching เบิร์ด วอทชิง
camping แคมพพ์ งิ ดูนก
canoeing คานูอิง การต้งั แคมป์
car racing คาร์ เรซซิง พายเรือแคนู
carving คาร์ฟวิง
cooking คุคคิง แข่งรถ
cosplaying คอสเพลอิง แกะสลกั
cover dancing คฟั เวอร์ แดนซิง ทาอาหาร
แต่งตวั เลียนแบบการ์ตูน
crochet โครเช เตน้ คฟั เวอร์
dancing แดนซซ์ ิง เลียนแบบศิลปิ น
dartboard ดาร์ทบอร์ด ถกั โครเชต์
drawing ดรอวอ์ ิง เตน้ รา
drifting ดริฟทิง กระดานปาเป้า
driving ไดรฟวิง วาดรูป
flower arranging ฟลาวเวอร์ อาแรนจิง ขบั รถดริฟท์
flying ฟลายอิง ขบั รถ
gardening การ์เดนนิง จดั ดอกไม้
go Kart racing โก คาร์ท เรซซิง ฝึ กบิน
hiking ไฮคคิง ทาสวน
แขง่ โกคาร์ท
การไต่เขา
35
คาศัพท์ คาอ่าน ความหมาย
hiphop dancing ฮิปฮอป แดนซิง เตน้ ฮิปฮอป
การโบกรถท่องเท่ียว
hitchhiking ฮิทชไ์ ฮคคิง
horse riding ฮอร์ส ไรดิง ขี่มา้
internet surfing อินเทอร์เนท เซิร์ฟฟิ ง เลน่ อินเทอร์เน็ต
การเดินทางระยะส้นั
jaunt จอนท์ ว่งิ ออกกาลงั กาย
jogging จอกกิง การท่องเที่ยว
journey เจอร์นี การโยนลูกบอล 3 ลูก
juggling จกั กลิง โดยใช้ 2 มือ
พายเรือคายคั
kayaking คายคั คิง การชกมวยที่ใชเ้ ทา้ เตะได้
kickboxing คิคบอกซิง เลน่ เซิรฟบอร์ด
kite surfing ไคท์ เซิร์ฟฟิ ง โดยใชร้ ่มลาก
knitting นิททิง ถกั นิตติ้ง
listen to the radio ลิสเซิน ทู เธอะ เรดิโอ ฟังวทิ ยุ
making models ป้ันโมเดล
เมคคิง โมเดลส์ เตน้ มูนวอลค์
moonwalking มุนวอลค์ คิง การป่ันจกั รยานเสือภูเขา
mountain biking เมาทเ์ ทิน ไบคคิง ระบายสี, วาดรูป
เพนทท์ ิง กระโดดร่ม
painting พาราชูททิง ฝึ กควงปากกา
parachuting เพน สปิ นนิง ปลูกตน้ ไม้
pen spinning พลานทิง เลน่ เทนนิส
เพลยอ์ ิง เทนนิส เลน่ ไพ/่ ไพ่ 1 สารับ
planting เพลยอ์ ิง คาร์ดส์ เลน่ หมากรุก
playing tennis เพลยอ์ ิง เชส เล่นหมากลอ้ ม
playing cards เพลยอ์ ิง โกะ
playing chess
playing go
36
คาศัพท์ คาอ่าน ความหมาย
postcard collecting โพสทค์ าร์ด คอลเลคทิง สะสมโปสการ์ด
pottery พอทเทอรี ป้ันหมอ้
practice martial arts แพรคทิซ มาร์เชียล อาร์ท ฝึกศิลปะการป้องกนั ตวั
quilting ควิลทิง เยบ็ ผา้ ปูท่ีนอน
reading รีดดิง อ่านหนงั สือ
riding motorcycle ไรดิง มอเทอร์ไซเคิล ขี่มอเตอร์ไซค์
9. สื่อการสอน
1. วิดิโอตวั อยา่ ง
2. แผนผงั คาศพั ท์
10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานที่
1. สร้างบทบาทสมมุติ(ในสถานท่ี)
2. ช่องทางยทู ูป
3. คาศพั ทจ์ ากช่องทางออนไลน์
11. การวดั และประเมนิ ผล
สิ่งทต่ี ้องการจะวดั และประเมินผล วธิ ีวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การประเมนิ
1 การออกเสียงโตต้ อบ การทดสอบพดู ไหวพริบในการตอบ การออกเสียง/ไหวพริบ โตต้ อบไดค้ ือผา่ น
2 การจาคาศพั ท์
การท่องจา ทดสอบท่อง ท่องครบ ท่องไดเ้ กิน 50%คือ
ผา่ น
3 ใบงานทดสอบความรู้ ตรวจใบงาน ใบงาน ตอบถูกตอ้ งตามใบงาน คะแนน ๑๖-๒๐ = ดีมาก
ที่กาหนดไว้ คะแนน ๑๑-๑๕ = ดี
คะแนน ๖-๑๐ = พอใช้
คะแนน ๐-๕ = ปรับปรุง
ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดีข้ึนไป
37
12. กจิ กรรมเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
13. บนั ทึกผลหลงั การสอน
สรุปผลการเรียนการสอน
นกั เรียนท้งั หมดจานวน.....................คน
จุดประสงค์การเรียนรู้ จานวนนักเรียนทผ่ี ่าน จานวนนักเรียนทไี่ ม่ผ่าน
จานวนคน ร้อยละ จานวนคน ร้อยละ
1
2
3
15. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
16. ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
38
ลงช่ือ........................................................................
(.....................................................................)
ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ .......................................
ลงช่ือ................................................................ หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้
(.....................................................................)
ลงช่ือ.......................................................... รองผอู้ านวยการกลุม่ บริหารวชิ าการ
(.....................................................................)
ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา
ไดท้ าการตรวจแผนการเรียนรู้ของ....................................................แลว้ มีความคิดเห็นดงั น้ี
1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง
2. การจดั กิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ยงั ไม่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป
3. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ลงช่ือ......................................................................................
( …..............……………………………………………… )
ผอู้ านวยการโรงเรียน……………………………………………
39
ใบงานที่ 1
ช่ือ..............................................................นามสกลุ ........................................ช้นั ..............เลขท่ี..............
คาสง่ั : ใหน้ กั เรียนตอบคาถามและวาดภาพใหส้ อดคลอ้ งกบั คาตอบ (ในหว้ ขอ้ เรื่องกีฬาที่ชอบ)
พร้อมระบายสีใหส้ วยงาม
What sport do you like?
I like……………………
40
ใบงานที่ 2
ช่ือ..............................................................นามสกลุ ........................................ช้นั ..............เลขท่ี..............
คาสง่ั : ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบเขียนลงใตภ้ าพใหถ้ ูกตอ้ ง พร้อมเขียนคาแปลเป็นภาษาไทย
Football / Boxing / Basketball / Tenis / Swim / Run / Volleyball
Boxing
ต่อยมวย
41
ใบงานท่ี 3
ชื่อ..............................................................นามสกลุ ........................................ช้นั ..............เลขท่ี..............
คาสงั่ : ใหน้ กั เรียนตอบคาถามและวาดภาพใหส้ อดคลอ้ งกบั คาตอบ พร้อมระบายสีใหส้ วยงาม
What is your hobby?
My hobby is………………………
42
แบบประเมนิ กจิ กรรมรายบุคคล
ชื่อ..............................................................นามสกลุ ........................................ช้นั ..............เลขที่..............
ลาดบั ประเด็นการประเมนิ 4 (ดเี ยี่ยม) คุณภาพการปฏบิ ัติการ
3 (ด)ี 2 (ปากลาง) 1 (ปรับปรุง)
1 ตรงจุดประสงคท์ ่ีกาหนด
2 ถูกตอ้ งสมบูรณ์
3 มีความสร้างสรรค์
4 มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
5 ตรงต่อเวลา
รวม
ลงช่ือ..............................................................ผู้ประเมิน
วนั ที่................/...................../.....................
43
เกณฑ์การให้คะแนนใบงาน
ประเด็นการประเมิน คะแนน
1. ผลงานตรงตาม
จุดประสงค์ 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ผลงานไม่
2. ผลงานมีความ ผลงานมีความ ผลงานมีความ ผลงานมีความ สอดคลอ้ งกบั
ถูกตอ้ ง เน้ือหาท่ีเรียน
3. ผลงานมีความเป็น สอดคลอ้ งกบั สอดคลอ้ งกบั สอดคลอ้ งกบั
ระเบียบเรียบร้อย เน้ือหาสาระไม่
จุดประสงคข์ อง จุดประสงคข์ อง จุดประสงคข์ อง ถูกตอ้ ง
4. การส่งงานตรงต่อ
เวลา เน้ือหาท่ีเรียนทุก เน้ือหาท่ีเรียนเป็น เน้ือหาที่เรียนบาง ผลงานไม่มีความ
เป็ น
ประเดน็ ส่วนใหญ่ ประเดน็ ระเบียบเรียบร้อย
เน้ือหาสาระ เน้ือหาสาระ เน้ือหาสาระ ส่งงานชา้ เลยเวลา
ที่กาหนดมากกวา่
ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง 5 วนั
สมบูรณ์ ครบถว้ น เป็นส่วนใหญ่ บางประเดน็
ผลงานมีความเป็น ผลงานมีความเป็น ผลงานคอ่ นขา้ ง
ระเบียบเรียบร้อย ระเบียบเรียบนอ้ ย เป็น
น่าอา่ น แต่ ระเบียบเรียบร้อย
ยงั มีขอ้ บกพร่อง แต่
บางส่วน มีขอ้ บกพร่อง
เลก็ นอ้ ย
ส่งงานตรงตาม ส่งงานชา้ เลยเวลา ส่งงานชา้ เลยเวลา
เวลาที่กาหนด ท่ีกาหนด 1-2 วนั ท่ีกาหนด 3-5
เกณฑ์การประเมนิ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
16-20 ดีมาก
11-15 ดี
6-10 พอใช้
0-5 ปรับปรุง
44
แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
ลาดบั ช่ือ-นามสกลุ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
มีวนิ ัย ใฝ่ เรียนรู้ มุ่งมัน่ ในการทางาน
543215432154321
ลงชื่อ..............................................................ผู้ประเมนิ
วนั ท่ี................/...................../.....................
45
เกณฑ์การให้คะแนนสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
พฤตกิ รรมบ่งชี้ คะแนน
5 (ดมี าก) 4 (ด)ี 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช้) 1(ปรับปรุง)
1.ความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไม่มี
ในการส่ือสาร ในการสื่อสาร ในการสื่อสาร ในการส่ือสาร ในการสื่อสาร ความสามารถ
ออกมาไดด้ ี ออกมาไดด้ ี ออกมาไดร้ ะดบั ออกมาไดร้ ะดบั ในการส่ือสาร
เยยี่ ม ชดั เจน ชดั เจน ปานกลาง ไม่ ปานกลาง ควร
ชดั เจน ปรับปรุง
2.ความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไม่มี
ในการคิด ในการคิดอยา่ ง ในการคิด ในการคิด ตดั สินใจ ความสามารถ
สร้างสรรค์ ตดั สินใจ ตดั สินใจ เกี่ยวกบั ปัญหา ในการคิด การ
ตดั สินใจ เก่ียวกบั ปัญหา เกี่ยวกบั ปัญหา ของตนเองได้ ตดั สินใจ
เกี่ยวกบั ปัญหา ของตนไดด้ ี ของตนเองได้ ไม่ เกี่ยวกบั ปัญหา
ของตนเองได้ ดีเท่าท่ีควร ของตนเองได้
เหมาะสม
3.ความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไม่สามารถ
ในการ แกป้ ัญหา แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหา แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหา
แกป้ ัญหา เฉพาะ หนา้ ไดเ้ กือบ เฉพาะ หนา้ ไดย้ งั ไมด่ ี เฉพาะ
ดา้ นไดท้ ุก ทุก หนา้ ไดบ้ าง เท่าที่ควร หนา้ ได้
สถานการณ์ สถานการณ์ สถานการณ์
47
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3
สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รายวชิ าภาษาองั กฤษ
ช้ันประถมศึกษาปี ที่ 3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 Friends
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 เร่ือง What does she look like? / What is your name? เวลา 7 ช่ัวโมง
1 มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วดั
มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ด้
อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตัวชีว้ ดั ชั้นปี
ต 2.1 ป.3/1 พดู และทาท่าประกอบตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ต 2.1 ป.3/2 บอกช่ือและคาศพั ทง์ ่ายๆเก่ียวกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลองและชีวิตความเป็นอยู่ ของ
เจา้ ของภาษา
ต 2.1 ป.3/3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมท่ีเหมาะสมกบั วยั
2 จุดประสงค์การเรียนรู้
1.นกั เรียนสามารถบอกชื่อและคาศพั ทง์ ่ายๆเก่ียวกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลองและชีวิตความ
เป็นอยู่ ของเจา้ ของภาษาได(้ K)
2.นกั เรียนสามารถพดู และทาท่าประกอบตามมารยาทสงั คม/วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษาได้ (P)
3 สาระสาคญั
คาศพั ท์ สานวน ในการแนะนาเพอื่ นสนิทหรือผอู้ ่ืน คาศพั ท์ สานวนในการแนะนาเพ่ือนสนิทหรือผอู้ ื่น
โดยใชป้ ระโยคคาถาม และการตอบ ดงั น้นั นกั เรียนจึงตอ้ งเรียนรู้โครงสร้างภาษาเพือ่ การสื่อสารไดอ้ ยา่ ง
ถูกตอ้ งโดยรูปแบบการเรียนการสอนของ เดวสี ์ รูปแบบน้ีมุ่งช่วยพฒั นาความสามารถดา้ นทกั ษะปฏิบตั ิของ
ผเู้ รียน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ทกั ษะท่ีประกอบดว้ ยทกั ษะยอ่ ยจานวนมาก
4 สาระการเรียนรู้
ความรู้ (K)