48
การใชค้ าและประโยคท่ีถูกตอ้ ง เป็นพ้นื ฐานที่มีประโยชนก์ บั ผเู้ รียนมาก จากเน้ือหาในการสอน
ผเู้ รียนสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ไดท้ ้งั ในปัจจุบนั และอนาคต
ทักษะ (P)
1. ทกั ษะการอภิปราย
2. ทกั ษะการส่ือความหมาย
3. ทกั ษะการสรุป
คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1. มีวนิ ยั
2. ใฝ่ เรียนรู้
3. มุ่งมน่ั ในการทางาน
5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน ( เฉพาะทเี่ กดิ ในหน่วยการเรียนรู้นี้ )
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. ทกั ษะของผ้เู รียนในศตวรรษที่ 21 ( 3R 8C + 2L ) (จุดเนน้ สู่การพฒั นาคุณภาพผเู้ รียน)
ทกั ษะการอ่าน (Reading)
ทกั ษะการ เขียน (Writing)
ทกั ษะการ คิดคานวณ (Arithmetic)
ทกั ษะดา้ นการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ัญหา (Critical thinking and problem
solving)
ทกั ษะดา้ นการสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation)
ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทางานเป็นทีม และภาวะผนู้ า (Collaboration , teamwork
and leadership)
ทกั ษะดา้ นความเขา้ ใจต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding)
ทกั ษะดา้ น การส่ือสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทนั สื่อ (Communication information and
media literacy)
49
ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร (Computing)
ทกั ษะอาชีพและทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)
ทกั ษะการเปลี่ยนแปลง (Change)
ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
ภาวะผนู้ า (Leadership)
7. ชิ้นงานหรือภาระงาน ( หลกั ฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ )
1. ท่องคาศพั ทท์ ี่ผสู้ อนกาหนด
2. ทดสอบการออกเสียง
3. ทากิจกรรมกลุม่
4. ใบงานที่ 1
5. ใบงานที่ 2
6. ใบงานท่ี 3
8. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 Friends
หน่วยย่อยท่ี 1 What is your name?
( รูปแบบการเรียนรู้ :รูปแบบการเรียนการสอนทักษะปฏบิ ตั ขิ องเดวสี ์ )
รายชั่วโมงท่ี 1 - 2
ข้นั ท่ี 1 ข้นั สาธิตทักษะหรือการกระทา
1. ครู/นกั เรียน กล่าวทกั ทาย มีกิจกรรมสนั ทนาการเลก็ นอ้ ย คลายความตึงเครียดขเดก็ ๆ
สอนฝึกทาสมาธิเพ่อื เตรียมความพร้อมในการรับความรู้
2. ครูเขา้ สู่บทเรียน ดว้ ยเหตุการสมมติ ท่าทาง และมีบทบาทต่างๆใหเ้ ดก็ ๆไดพ้ อเห็นภาพ
3. สอนโครงสร้างประโยค เเละสาธิตการออกเสียง What is your name?
4. นกั เรียนออกเสียงตามครู
ข้นั ที่ 2 ข้นั สาธิตและให้ผู้เรียนปฏบิ ตั ทิ กั ษะย่อย
เม่ือผเู้ รียนไดเ้ ห็นภาพรวมของการ กระทาหรือทกั ษะท้งั หมดแลว้ ผสู้ อนควรแตกทกั ษะ
ท้งั หมดใหเ้ ป็นทกั ษะยอ่ ย ๆ หรือแบ่งสิ่งที่กระทาออกเป็นส่วนยอ่ ย ๆ และสาธิตส่วนยอ่ ยแต่ละส่วน
ใหผ้ เู้ รียนสงั เกตและทาตามไปทีละส่วนอยา่ งชา้ ๆ
ข้นั ที่ 3 ข้ันให้ผู้เรียนปฏิบตั ทิ ักษะย่อย
50
1. ใหน้ กั เรียนหดั ออกเสียงคา และมีกิจกรรมกลุ่มเพื่อเพมิ่ ความกระตือรือร้นในการเรียน
2. ผสู้ อนทาการเฉลยวา่ ส่ิงใดท่ีถูกตอ้ ง และใหผ้ เู้ รียนทาสิ่งที่ถูก
ข้นั ท่ี 4 ข้นั ให้เทคนิควธิ ีการ
1. สอนเทคนิคในการออกเสียงที่ถูกตอ้ ง
2. มีการทาบทบาทสมมุติเพ่ือเพ่ิมความจา
3. มีกิจกรรมกลุม่
ข้นั ท่ี 5 ข้ันให้ผู้เรียนเชื่อมโยงทกั ษะย่อย ๆ
1. ใหผ้ เู้ รียนทาซ้าบ่อยๆ พดู กบั เพือ่ นบ่อยๆ
2. ทาแบทดสอบ โดยการตอบโตป้ ระโยคกบั ผสู้ อน
โครงสร้างประโยค
51
Informal greetings (การทักทายอย่างไม่เป็ นทางการ)
(Informal greeting) (Informal response)
การทักทายอย่างไม่เป็ นทางการ การตอบรับอย่างไม่เป็ นทางการ
Hi, Hello Hi, Hello
How are you? Fine, thank you. And you?
How are you doing? I’m very well, thanks.
How’s everything? (How’re things?) All right.
OK.
Very well, thank you.
A : Hi, Gordon. How are you? Example
B : Hi, Frank. Fine, thanks and you?
A : Good. Thanks.
52
Formal greeting (การทกั ทายอย่างเป็ นทางการ)
Formal greeting Formal response
การทักทายอย่างเป็ นทางการ การตอบรับอย่างเป็ นทางการ
Good morning / afternoon / evening Good morning / afternoon / evening
How do you do? How do you do?
And How are you? I’m fine, thank you. And you?
Example A : Good morning Miss Susan? How do you do?
B: Good morning Mr.John. How do you do?
Language Use
1. คาถามที่ควรถาม หลงั จากที่ไดร้ ับการแนะนาใหร้ ู้จกั แลว้ ไดแ้ ก่
* Where are you from?
* What do you do?
* What is your job?
2. การแนะนาใหบ้ ุคคลรู้จกั กนั ควรบอกชื่อ อาชีพ หรือประเทศ / บริษทั ท่ีมาจาก ไดแ้ ก่
* This is Susan. She’s from Australia.
* This is Mr. Steve. He’s a famous journalist from the
53
Bangkok Post.
3. เม่ือไดร้ ับการแนะนาใหร้ ู้จกั บุคคลใดๆ ควรกล่าวแสดงความยนิ ดีท่ีไดร้ ู้จกั ดงั น้ี
* It’s nice to meet you.
* It’s nice meeting you.
* I’m very pleased to meet you.
* I’m very pleased to have met you.
* I’m very pleased to have the opportunity of meeting you.
4. เมื่อตอ้ งการใหบ้ ุคคลท่ีเพง่ิ รู้จกั หลงั การแนะนา เรียกช่ือของตนเองใหถ้ ูกตอ้ ง ใหใ้ ชส้ านวน ดงั น้ี
* My name is Robert Jansen.
* You can call me Bob.
* Please call me Bob.
Questions (คาถาม) Responses (การตอบ)
1. What is your name, please? = 1. I’m Nadia. = ฉนั ชื่อนาเดีย
คุณช่ืออะไร กรุณา(บอกฉนั ดว้ ย)? 2.My last name is Atwood. =
นามสกลุ ของฉนั คือแอทวดู
2. What’s your last name? = 3. Yes, it is. = ใช่
ช่ือนามสกุลของคุณคืออะไร?
No, it is not. = ไม่ใช่
3. Is that your first name? = 4.Nice to meet you too. =
นนั่ คือชื่อแรกของคุณใช่ไหม? ยนิ ดีที่ไดพ้ บคุณเช่นกนั
4. Nice to meet you. =
ยนิ ดีท่ีไดพ้ บคุณ
54
กจิ กรรมการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 Friends
หน่วยย่อยที่ 2 Where are you from?
( รูปแบบการเรียนรู้ :รูปแบบการเรียนการสอนทกั ษะปฏบิ ตั ขิ องเดวสี ์ )
รายช่ัวโมงที่ 3 - 4
ข้นั ท่ี 1 ข้นั สาธิตทกั ษะหรือการกระทา
1. ครู/นกั เรียน กลา่ วทกั ทาย มีกิจกรรมสนั ทนาการเลก็ นอ้ ย คลายความตึงเครียดขเดก็ ๆ
สอนฝึกทาสมาธิเพือ่ เตรียมความพร้อมในการรับความรู้
2. ครูเขา้ สู่บทเรียน ดว้ ยเหตุการสมมติ ท่าทาง และมีบทบาทต่างๆใหเ้ ดก็ ๆไดพ้ อเห็นภาพ
3. สอนโครงสร้างประโยค เเละสาธิตการออกเสียง Where are you from?
4. นกั เรียนออกเสียงตามครู
ข้นั ท่ี 2 ข้นั สาธิตและให้ผู้เรียนปฏิบตั ทิ กั ษะย่อย
เมื่อผเู้ รียนไดเ้ ห็นภาพรวมของการ กระทาหรือทกั ษะท้งั หมดแลว้ ผสู้ อนควรแตกทกั ษะ
ท้งั หมดใหเ้ ป็นทกั ษะยอ่ ย ๆ หรือแบ่งสิ่งที่กระทาออกเป็นส่วนยอ่ ย ๆ และสาธิตส่วนยอ่ ยแต่ละส่วน
ใหผ้ เู้ รียนสงั เกตและทาตามไปทีละส่วนอยา่ งชา้ ๆ
ข้นั ท่ี 3 ข้นั ให้ผู้เรียนปฏิบตั ทิ ักษะย่อย
1. ใหน้ กั เรียนหดั ออกเสียงคา และมีกิจกรรมกลุม่ เพอื่ เพิ่มความกระตือรือร้นในการเรียน
2. ผสู้ อนทาการเฉลยวา่ สิ่งใดที่ถูกตอ้ ง และใหผ้ เู้ รียนทาสิ่งที่ถูก
3. ผเู้ รียนทากิจกรรม
4. เปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดซ้ กั ถาม
ข้นั ที่ 4 ข้นั ให้เทคนิควธิ ีการ
1. สอนเทคนิคในการออกเสียงท่ีถูกตอ้ ง
2. มีการทาบทบาทสมมุติเพื่อเพ่ิมความจา
3. มีกิจกรรมกลุ่ม
4. ท่องคาศพั ท์
5. การคน้ หาสิ่งใหม่ๆ
ข้นั ท่ี 5 ข้นั ให้ผู้เรียนเชื่อมโยงทักษะย่อย ๆ
1. ใหผ้ เู้ รียนทาซ้าบ่อยๆ พดู กบั เพอ่ื นบ่อยๆ
2. ทาแบทดสอบ โดยการตอบโตป้ ระโยคกบั ผสู้ อน
55
• A: Where are you from?
แว อา ยู ฟรอม
คุณ มา จาก ไหน
B: I’m from England.
ไอม ฟรอม อ๊ิงเลินด
ฉนั มา จาก ประเทศองั กฤษ
• B: Where do you come from?
แว ดู ยู คมั ฟรอม
คุณ มา จาก ไหน
• A: I come from America.
ไอ คมั ฟรอม อเมร๊ ิเคอะ
ฉนั มา จาก ประเทศ อเมริกา
56
I’m from Bangkok, Thailand.
ไอม ฟรอม แบ๊งคอ็ ค ไทแ๊ ลนด
ฉนั มาจากกรุงเทพ ประเทศไทย
Where do you come from?/ Where are you from? มีความหมายเดียวกนั
I’m from… / I come from… กม็ ีความหมายเหมือนกนั
คาศัพท์
where แว ที่ไหน
are * อา เป็น อยู่ คือ
you ยู คุณ
from ฟรอม จาก
I’m ** ไอม ฉนั คือ
do *** ดู ทา
come คมั มา
America อะเม๊ริคะ อเมริกา
England อิ๊งเลินด องั กฤษ
* are ใชก้ บั ประธานพหูพจน์
** I’m ยอ่ มาจาก I am (ไอ แอม)
*** do แปลวา่ ทา แต่ถา้ ใชใ้ นประโยคคาถาม ไม่ตอ้ งแปล
57
กจิ กรรมการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 Friends
หน่วยย่อยท่ี 3 What does she look like?
( รูปแบบการเรียนรู้ :รูปแบบการเรียนการสอนทักษะปฏบิ ัติของเดวสี ์ )
รายช่ัวโมงท่ี 5 - 7
ข้นั ที่ 1 ข้นั สาธิตทักษะหรือการกระทา
1. ครู/นกั เรียน กลา่ วทกั ทาย มีกิจกรรมสนั ทนาการเลก็ นอ้ ย คลายความตึงเครียดขเดก็ ๆ
สอนฝึ กทาสมาธิเพื่อเตรี ยมความพร้อมในการรับความรู้
2. ครูเขา้ สู่บทเรียน ดว้ ยเหตุการสมมติ ท่าทาง และมีบทบาทต่างๆใหเ้ ดก็ ๆไดพ้ อเห็นภาพ
3. สอนโครงสร้างประโยค เเละสาธิตการออกเสียง Where are you from?
4. นกั เรียนออกเสียงตามครู
ข้นั ที่ 2 ข้นั สาธิตและให้ผู้เรียนปฏบิ ัติทักษะย่อย
เมื่อผเู้ รียนไดเ้ ห็นภาพรวมของการ กระทาหรือทกั ษะท้งั หมดแลว้ ผสู้ อนควรแตกทกั ษะ
ท้งั หมดใหเ้ ป็นทกั ษะยอ่ ย ๆ หรือแบ่งสิ่งท่ีกระทาออกเป็นส่วนยอ่ ย ๆ และสาธิตส่วนยอ่ ยแต่ละส่วน
ใหผ้ เู้ รียนสงั เกตและทาตามไปทีละส่วนอยา่ งชา้ ๆ
ข้นั ที่ 3 ข้ันให้ผู้เรียนปฏิบตั ทิ กั ษะย่อย
1. ใหน้ กั เรียนหดั ออกเสียงคา และมีกิจกรรมกลุ่มเพอื่ เพมิ่ ความกระตือรือร้นในการเรียน
2. ผสู้ อนทาการเฉลยวา่ สิ่งใดท่ีถูกตอ้ ง และใหผ้ เู้ รียนทาส่ิงท่ีถูก
3. ผเู้ รียนทากิจกรรม
4. เปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนไดซ้ กั ถาม
ข้นั ที่ 4 ข้นั ให้เทคนคิ วธิ ีการ
1. สอนเทคนิคในการออกเสียงท่ีถูกตอ้ ง
2. มีการทาบทบาทสมมุติเพอ่ื เพ่มิ ความจา
3. มีกิจกรรมกลุ่ม
4. ท่องคาศพั ท์
5. การคน้ หาส่ิงใหม่ๆ
ข้นั ที่ 5 ข้นั ให้ผู้เรียนเชื่อมโยงทกั ษะย่อย ๆ
1. ใหผ้ เู้ รียนทาซ้าบ่อยๆ พดู กบั เพื่อนบ่อยๆ
2. ทาแบทดสอบ โดยการตอบโตป้ ระโยคกบั ผสู้ อน
3. มีการสมมุติบทบาท เพือ่ เช่ือมกบั ชีวติ ประจาวนั
4. ใหผ้ เู้ รียนใชค้ วามรู้ท่ีเรียน ถามตอบกบั เพื่อนๆ
58
⋯ What does she look like? และ What is she like? ต่างกนั อย่างไร ⋯
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
What does she look like? เธอ(มีรูปร่าง)หนา้ ตาเป็นยงั ไง
คาถามน้ีใชถ้ ามเก่ียวกบั รูปร่างลกั ษณะภายนอกของคน (หรือแมแ้ ต่ สตั วแ์ ละส่ิงของ) วา่ มี
ลกั ษณะยงั ไง หนา้ ตาแบบไหน สวยม้ยั สูง ผอมหรือเปล่า ผมยาวหรือส้นั ... ตรงกบั เวลาท่ีเราใช้
ถามในภาษาไทยวา่ คนๆน้ีหนา้ ตาเป็นยงั ไง ซ่ึงจริงๆแลว้ เรากเ็ หมารวมไปหมดท้งั ตวั ไม่เฉพาะ
แค่หนา้ ตาอยา่ งเดียว
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
What’s she like? เธอมีนิสยั อยา่ งไร
What’s she like? เป็นคาถามท่ีถามเก่ียวกบั นิสยั ใจคอวา่ เป็นอยา่ งไร นิสยั ดีม้ยั เขา้ กบั คนอ่ืน
ไดม้ ้ยั เป็นคนสนุกสนานหรือไม่ ฯลฯ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
What is she like? ทาไปได้ เอากบั เขาสิ
ประโยคน้ีเขียนเหมือนประโยคขา้ งบนเป๊ ะ แต่มีความหมายคนละเรื่องกนั เลย What is she like?
อยใู่ นรูปประโยคคาถามแต่มนั ไม่ใช่ประโยคคาถามท่ีผพู้ ดู ตอ้ งการคาตอบ แต่เป็นประโยคท่ีคน
องั กฤษมกั ใชพ้ ดู เชิงเอน็ ดู ขาๆ เวลาที่มีคนทาอะไรท่ีมนั แปลกๆบ๊องๆที่คนอ่ืนไม่คอ่ ยทากนั
59
What is he like?
What does he like?
What does he look like?
3 ประโยคน้ีแตกต่างกนั อยา่ งไร
มีหลายคนอาจสบั สน ตอบไม่ถูก ไม่รู้วา่ มนั เหมือนกนั หรือแตกต่างกนั ไหม ก่อนอื่นมาดูความหมายกนั ก่อน
เลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(1).
What is he like? "เขาเป็นคนยงั ไง"
คือถามตามนิสยั ใจคอท่ีอยภู่ ายใน เช่น
เขาเป็นคนจิตใจดีงาม He is nice. / He is a nice person.
เขาเป็นคนมีน้าใจ He is generous./ He is a generous person.
เขาเป็นคนจริงใจ He is sincere./ He is a sincere person.
เขาเป็นคนใจดี He is kind./ He is a kind person.
เขาเป็นคนอบอุน่ He is warm./He is a warm person.
เขาเป็นคนตลก He is funny. /He is a funny person.
เขาเป็นมิตรกบั ผคู้ น He is friendly. ..เป็นตน้ ..
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(2).
What does he like? "เขาชอบอะไร" คือถามความชอบ ความสนใจ อาจเป็นอาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม ของใช้
เพลง กีฬา ดารา นกั ร้อง หรือแมง้ านอดิเรกต่าง ๆ ฯลฯ เช่น
He likes ice-cream.
He likes basketball.
He likes listening to music.
He loves playing the guitar.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(3).
What does he look like? "เขามีลกั ษณะยงั ไง" คือรูปลกั ษณ์ภายนอกท่ีเห็นได้ เช่น สูง เต้ีย อว้ น ผอม มีผมสี
อะไร นยั นต์ าสีอะไร ผิวสีอะไร น่ารัก สวย หลอ่ หรือแมแ้ ต่เคร่ืองแต่งกาย
สีผวิ 60
White ผวิ สีขาว
Black ผวิ สีดาเขม้
Ebony คาน้ีมีความหมายวา่ ไมเ้ น้ือแขง็ สีดา อาจนามาใชเ้ พ่ือพูดถึงสีผวิ สีเขม้ ได้
Brown ผวิ สีน้าตาล มกั จะใชก้ บั บุคคลที่มาจากตะวนั ออกกลาง หรือกลุ่มประเทศเอเชียใต้
เช่น ปากีสถาน อินเดีย ศรีลงั กา เนื่องจากส่วนใหญ่บุคคลจากประเทศน้ีมีสีผวิ ออกน้าตาลเขม้
Olive หากเราพดู ถึงสีน้ี เราจะนึกถึง สีเขียวหม่น ๆ เขียวปนเหลือง เราเรียก กลุ่มบุคคลที่มี
สีผวิ Olive-coloured skin เป็นบุคคลที่มาจากแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เช่น อิรัก อิหร่าน
อฟั กานิสถาน จะมีลกั ษณะสีผวิ แบบน้าตาลอมเหลือง
Swarthy ใชเ้ รียกบุคคลที่มีสีผวิ คล้าเขม้
Abino ใชเ้ รียกบุคคลท่ีมีผวิ สีขาวมาก ๆ ผมสีขาวและตาสีชมพหู รือสีแดง
Bob – ผมส้ันแค่คาง หรือเรียกง่ายๆ ว่า ทรงผม
ผมบ๊อบ
Layered – ผมซอยส้ันมีเลเยอร์ Chignon – มวยผม
Shoulder length – ผมยาวปะบ่า Bun – มวยผมเป็ นก้อน
Perm – การดดั ผม French twist – ผมทรง French Twist
Curly – ผมหยิกRinglet – ลอนผม Ponytail – ผมหางม้า
Corn rows – เปี ยแบบถกั ตดิ หนังหวั
61
9. ส่ือการสอน
1. วิดิโอตวั อยา่ ง
2. แผนผงั คาศพั ท์
3. บตั รคา
4. สื่อออนไลน์
10. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานท่ี
1. สร้างบทบาทสมมุติ(ในสถานท่ี)
2. ช่องทางยทู ปู
3. คาศพั ทจ์ ากช่องทางออนไลน์
11. การวดั และประเมินผล
สิ่งท่ีต้องการจะวดั และประเมนิ ผล วธิ ีวดั เครื่องมือวัด เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การประเมิน
1 การออกเสียงโตต้ อบ การทดสอบพดู ไหวพริบในการตอบ การออกเสียง/ไหวพริบ โตต้ อบไดค้ ือผา่ น
2 การจาคาศพั ท์
การท่องจา ทดสอบท่อง ท่องครบ ท่องไดเ้ กิน 50%คือ
ผา่ น
3 ใบงานทดสอบความรู้ ตรวจใบงาน ใบงาน ตอบถูกตอ้ งตามใบงาน คะแนน ๑๖-๒๐ = ดีมาก
ที่กาหนดไว้ คะแนน ๑๑-๑๕ = ดี
คะแนน ๖-๑๐ = พอใช้
คะแนน ๐-๕ = ปรับปรุง
ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดีข้ึนไป
12. กจิ กรรมเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
62
13. บนั ทึกผลหลงั การสอน
สรุปผลการเรียนการสอน
นกั เรียนท้งั หมดจานวน.....................คน
จุดประสงค์การเรียนรู้ จานวนนักเรียนท่ีผ่าน จานวนนักเรียนทีไ่ ม่ผ่าน
จานวนคน ร้อยละ จานวนคน ร้อยละ
1
2
3
15. ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
16. ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ลงช่ือ........................................................................
(.....................................................................)
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ .......................................
ลงชื่อ................................................................ หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้
(.....................................................................)
63
ลงช่ือ.......................................................... รองผอู้ านวยการกลุม่ บริหารวชิ าการ
(.....................................................................)
ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา
ไดท้ าการตรวจแผนการเรียนรู้ของ....................................................แลว้ มีความคิดเห็นดงั น้ี
1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรับปรุง
2. การจดั กิจกรรมไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ยงั ไม่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป
3. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ลงช่ือ......................................................................................
( …..............……………………………………………… )
ผอู้ านวยการโรงเรียน……………………………………………
64
ใบงานท่ี 1
ชื่อ..............................................................นามสกลุ ........................................ช้นั ..............เลขที่..............
คาสงั่ : ใหน้ กั เรียนจบั คูก่ บั เพอ่ื น ถามตอบช่ือโดยใชภ้ าษองั กฤษ และวาดภาพเพอ่ื นท่ีเราถาม พร้อม
ระบายสีใหส้ วยงาม
65
ใบงานท่ี 2
ชื่อ..............................................................นามสกลุ ........................................ช้นั ..............เลขท่ี..............
คาสงั่ : ใหน้ กั เรียนตอบคาถามใหถ้ ูกตอ้ ง
66
ใบงานท่ี 3
ช่ือ..............................................................นามสกลุ ........................................ช้นั ..............เลขท่ี..............
คาสง่ั : ใหน้ กั เรียนโยงความสมั พนั ธ์ของภาพและขอ้ ความที่กาหนดใหอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง พร้อมระบายสี
ใหส้ วยงาม
67
แบบประเมนิ กจิ กรรมรายบุคคล
ชื่อ..............................................................นามสกลุ ........................................ช้นั ..............เลขที่..............
ลาดบั ประเดน็ การประเมิน 4 (ดเี ยี่ยม) คุณภาพการปฏิบตั ิการ
3 (ด)ี 2 (ปากลาง) 1 (ปรับปรุง)
1 ตรงจุดประสงคท์ ่ีกาหนด
2 ถูกตอ้ งสมบูรณ์
3 มีความสร้างสรรค์
4 มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
5 ตรงต่อเวลา
รวม
ลงชื่อ..............................................................ผู้ประเมิน
วนั ท่ี................/...................../.....................
68
เกณฑ์การให้คะแนนใบงาน
ประเดน็ การประเมิน คะแนน
1. ผลงานตรงตาม
จุดประสงค์ 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ผลงานไม่
2. ผลงานมีความ ผลงานมีความ ผลงานมีความ ผลงานมีความ สอดคลอ้ งกบั
ถูกตอ้ ง เน้ือหาท่ีเรียน
3. ผลงานมีความเป็น สอดคลอ้ งกบั สอดคลอ้ งกบั สอดคลอ้ งกบั
ระเบียบเรียบร้อย เน้ือหาสาระไม่
จุดประสงคข์ อง จุดประสงคข์ อง จุดประสงคข์ อง ถูกตอ้ ง
4. การส่งงานตรงต่อ
เวลา เน้ือหาท่ีเรียนทุก เน้ือหาท่ีเรียนเป็น เน้ือหาที่เรียนบาง ผลงานไม่มีความ
เป็ น
ประเดน็ ส่วนใหญ่ ประเดน็ ระเบียบเรียบร้อย
เน้ือหาสาระ เน้ือหาสาระ เน้ือหาสาระ ส่งงานชา้ เลยเวลา
ที่กาหนดมากกวา่
ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง ถูกตอ้ ง 5 วนั
สมบูรณ์ ครบถว้ น เป็นส่วนใหญ่ บางประเดน็
ผลงานมีความเป็น ผลงานมีความเป็น ผลงานคอ่ นขา้ ง
ระเบียบเรียบร้อย ระเบียบเรียบนอ้ ย เป็น
น่าอา่ น แต่ ระเบียบเรียบร้อย
ยงั มีขอ้ บกพร่อง แต่
บางส่วน มีขอ้ บกพร่อง
เลก็ นอ้ ย
ส่งงานตรงตาม ส่งงานชา้ เลยเวลา ส่งงานชา้ เลยเวลา
เวลาที่กาหนด ท่ีกาหนด 1-2 วนั ท่ีกาหนด 3-5
เกณฑ์การประเมนิ
คะแนน ระดบั คุณภาพ
16-20 ดีมาก
11-15 ดี
6-10 พอใช้
0-5 ปรับปรุง
69
แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
ลาดบั ช่ือ-นามสกลุ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
มีวนิ ัย ใฝ่ เรียนรู้ มุ่งมัน่ ในการทางาน
543215432154321
ลงชื่อ..............................................................ผู้ประเมนิ
วนั ท่ี................/...................../.....................
70
เกณฑ์การให้คะแนนสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
พฤตกิ รรมบ่งชี้ คะแนน
5 (ดมี าก) 4 (ด)ี 3 (ปานกลาง) 2 (พอใช้) 1(ปรับปรุง)
1.ความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไม่มี
ในการส่ือสาร ในการสื่อสาร ในการสื่อสาร ในการส่ือสาร ในการสื่อสาร ความสามารถ
ออกมาไดด้ ี ออกมาไดด้ ี ออกมาไดร้ ะดบั ออกมาไดร้ ะดบั ในการส่ือสาร
เยยี่ ม ชดั เจน ชดั เจน ปานกลาง ไม่ ปานกลาง ควร
ชดั เจน ปรับปรุง
2.ความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไม่มี
ในการคิด ในการคิดอยา่ ง ในการคิด ในการคิด ตดั สินใจ ความสามารถ
สร้างสรรค์ ตดั สินใจ ตดั สินใจ เกี่ยวกบั ปัญหา ในการคิด การ
ตดั สินใจ เก่ียวกบั ปัญหา เกี่ยวกบั ปัญหา ของตนเองได้ ตดั สินใจ
เกี่ยวกบั ปัญหา ของตนไดด้ ี ของตนเองได้ ไม่ เกี่ยวกบั ปัญหา
ของตนเองได้ ดีเท่าท่ีควร ของตนเองได้
เหมาะสม
3.ความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไม่สามารถ
ในการ แกป้ ัญหา แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหา แกป้ ัญหาเฉพาะ แกป้ ัญหา
แกป้ ัญหา เฉพาะ หนา้ ไดเ้ กือบ เฉพาะ หนา้ ไดย้ งั ไมด่ ี เฉพาะ
ดา้ นไดท้ ุก ทุก หนา้ ไดบ้ าง เท่าที่ควร หนา้ ได้
สถานการณ์ สถานการณ์ สถานการณ์
71