หนังสือเล่มเล็กเรื่องรำฉุยฉายเบญกาย สำหรับอ่านเพิ่มเติมความรู้รายวิชารำเดี่ยวรำคู่ นักเรียนชั้นมัทธยมศึกษาปีที่5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ นายจักรภัทร ศิลากิจ รหัสนักศึกษา6411120008 หนังสือเล่มเล็กเรื่องรำฉุยฉายเบญกาย เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษารายวิชารำ เดี่ยว, รำคู่ สาขาวิชานาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช 2566
2 คำนำ หนังสือเล่มเล็กเรื่องรำฉุยฉายวันทองฉบับนี้ จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสื่อประกอบการ เรียนการสอนรำเดี่ยวรำคู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตลอดจนถึงผู้ที่สนใจ ในการเรียนรู้เกี่ยวกับการรำ เดี่ยว (รำฉุยฉายเบญกาย) ไว้สำหรับฝึกปฏิบัติรู้และเข้าใจองค์ประกอบเสริมของการแสดงชุดนี้อย่าง ละเอียด สาระสำคัญในเอกสารหนังสือเล่มเล็ก ประกอบด้วย จุดประสงค์ สื่อการสอน ประวัติชุดการแสดง บท ร้อง ลักษณะการแต่งกาย อธิบายท่ารำ สรุป และคำถามบททวน ขอขอบคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรวัฒน์ ช่างสาน อาจารย์ประจำวิชารำเดี่ยวรำคู่ ที่ชี้แนะการ พัฒนาเอกสารจนสมบูรณ์เป็นสื่อที่ดีมีประโยชน์ ขอบคุณครอบครัว ที่เป็นกำลังใจในการพัฒนาสร้าง ผลสัมฤทธิ์ที่ดีของงานเอกสารครั้งนี้ จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ นายจักรภัทร ศิลากิจ ผู้เรียบเรียง 3/2/2566
3 สารบัญ หน้า คำนำ......................................................................................................................................... 2 สารบัญ...................................................................................................................................... 3 สารบัญภาพ.............................................................................................................................. 4 สารบัญภาพ(ต่อ)………………………………………………………………………………………………………… 5 ข้อแนะนำก่อนใช้หนังสือเล่มเล็ก………………………………………………………………………………….. 6 สาระของหนังสือ………………………………………………………………………………………………………… 6 จุดประสงค์………………………………………………………………………………………………………………… 6 สื่อการเรียนการสอน…………………………………………………………………………………………………… 6 ฉุยฉายเบญกาย……………………………………………………………………………………………………. 7 -ประวัติการแสดง…………………………………………………………………………………………………….. 7 -บทร้อง…………………………………………………………………………………………………………………... 8 ลักษณะการแต่งกาย……………………………………………………………………………………………… 11 -องค์ประกอบการแต่งกาย………………………………………………………………………………………… 11 อธิบายท่ารำฉุยฉายเบญกาย………………………………………………………………………………………... 15 สรุป…………………………………………………………………………………………………………………………... 46 คำถามทบทวน……………………………………………………………………………………………………………. 48 คำถามก่อนเรียนและหลังเรียน…………………………………………………………………………………….. 51 บรรณานุกรม…………………………………………………………………………………………………………….. 52 ภาคผนวก…………………………………………………………………………………………………………………. 54
4 สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า 1 ท่ารัว………………………………………………………………………………………………………………… 15 2 ท่าป้องหน้า………………………………………………………………………………………………………. 16 3 ท่าฉุยฉายเอย……………………………………………………………………………………………………. 17 4 ท่าจะเข้าไปเฝ้าเจ้าก็กรีดกลาย……………………………………………………………………………. 18 5 ท่าเยื้องย่างเจ้าช่างแปลงกาย……………………………………………………………………………… 19 6 ท่าให้ละเมียดละม้ายสีดานงลักษณ์……………………………………………………………………… 20 7 ท่าถึงพระรามเห็นทรามวัย…………………………………………………………………………………. 21 8 ท่าจะสงนพระทัยให้อะเลือกอะลาก…………………………………………………………………….. 22 9 ท่ารับ (รอบที่1)…………………………………………………………………………………………………. 23 10 งามนักเอย………………………………………………………………………………………………………. 24 11 ท่าใครเห็นพิมพ์พักตร์ก็จะรักจะใคร่…………………………………………………………………… 25 12 ท่าหลับก็จะฝันใคร่ตื่นก็จะคิด……………………………………………………………………………. 26 13 ท่าอยากให้เห็นอีกสักหนิดให้ชื่นใจ……………………………………………………………………... 27 14 ท่างามคมดุจจะคมศรชัย…………………………………………………………………………………… 28 15 ท่าถูกนอกทะลุในให้เจ็บอุรา……………………………………………………………………………… 29 16 ท่ารับ (รอบที่2)……………………………………………………………………………………………….. 30 17 ท่าแม่ศรีเอย……………………………………………………………………………………………………. 31 18 ท่าแม่ศรีรากษสี……………………………………………………………………………………………….. 32 19 ท่าแม่แปลงอินทร์ทรีเป็นแม่สีสีดา……………………………………………………………………… 33 20 ท่าทศพักตร์มาลักเห็นจะตื่นเต้นในวิญญา…………………………………………………………… 34 21 ท่าเหมือนล้อเล่นให้เป็นบ้าระอาเจ้าแม่ศรีเอย…………………………………………………….. 35 22 ท่ารับ (รอบที่3……………………………………………………………………………………………….. 36 23 ท่าอรชอนเอย อรชอนอ้อนแอ้น……………………………………………………………………….. 37 24 ท่าเอวขาแขนแมนแม้นเหมือนกินรี…………………………………………………………………… 38 25 ท่ารับ(รอบที่4)………………………………………………………………………………………………. 39 26 ท่าระทวยนวยนาดวิลาศจรลี…………………………………………………………………………… 40 27 ท่าขึ้นปราสาทมณีเผ้าพระปิตุลาย์เอย………………………………………………………………. 41 28 ท่ารับ(รอบที่4)……………………………………………………………………………………………… 42 29 ท่ารับ(รอบที่5)………………………………………………………………………………………………. 43
5 สารบัญ(ต่อ) ท่าที่ หน้า 30 ท่าเพลงรัว………………………………………………………………………………………………………. 44 31 ท่าเพลงลา……………………………………………………………………………………………………… 45
6 ข้อแนะนำก่อนใช้หนังสือเล่มเล็ก 1. นักเรียนต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง โดยต้องปฏิบัติตามคำสั่งของครู 2. เอกสารเรื่องรำเดี่ยวรำคู่ (ฉุยฉายเบญกาย) เป็นเอกสารที่มีความสมบูรณ์ในเล่ม นักเรียนต้องทำความ เข้าใจกับคำชี้แจง ตรวจสอบวัตถุประสงค์ ตรวจสอบสาระสำคัญ ทำแบบฝึกหัดก่อนเรียน แล้วจึงศึกษา สาระในเล่มทั้งหมด อ่านสรุป และทำคำถามทบทวนที่มีในเล่มทุกครั้ง ทำแบบทดสอบหลังเรียนอย่างมี สมาธิและเข้าใจ 3. นักเรียนต้องอ่านหนังสือทุกหน้าเพื่อทำความเข้าใจ หากมีข้อสงสัยให้ถามครู 4. นักเรียนปฏิบัติตามกิจกรรมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียน นักเรียนจะต้องมีความซื่อสัตย์โดยจะต้องทำด้วยตนเองอย่างเคร่งครัด 5. เมื่อนักเรียนเรียนและทำกิจกรรมในเล่มเสร็จ จะต้องเก็บเอกสารประกอบการเรียนส่งครูเพื่อจะได้ บันทึกคะแนน 6. หากนักเรียนอ่านคำถามในกิจกรรมไม่เข้าใจจะต้องตรวจสอบกับคุณครูเท่านั้น โดยไม่ถามคำถามจาก เพื่อน สาระของหนังสือ 1. ประวัติความเป็นมา 2. เนื้องร้อง 3. การแต่งกาย 4. การปฏิบัติท่ารำ จุดประสงค์ 1. นักศึกษาบอกที่มาของการรำฉุยฉายเบญกายได้ถูกต้อง 2. นักศึกษาสามารถร้องเพลงรำฉุยฉายเบญกายได้ถูกต้อง 3. นักศึกษาบอกท่ารำฉุยฉายเบญกายได้ถูกต้อง 4. นักศึกษาปฏิบัติท่ารำฉุยฉายเบญกายได้ถูกต้อง สื่อการเรียนการสอน 1. คู่มือการใช้เอกสารประกอบการ 2. เอกสารประกอบการเรียน
7 ฉุยฉายเบญกาย ฉุยฉายเบญกาย เป็นชุดการแสดงรำเดี่ยวที่มีความงดงามลงตัวในลีลาของตัวนางสีดาที่นางเบญจ กายได้แปลงร่างกายของตนเองโดยมีความมุ่งหมายเพื่อหลอกล่อพระรามให้เข้าใจผิดคิดว่านางสีดาตายจะ ได้เลิกทัพที่ประชิดติดเมืองลงกาอยู่ในขณะนั้น ผู้ที่จะปฏิบัติท่ารำฉุยฉายเบญกายให้งดงามจำเป็นต้องมี สมาธิ มีความตั้งใจ และเข้าใจกระบวนการนำเสนอตนเองให้งดงามโดดเด่นทุกท่วงท่า ตามกิริยาอาการ ของนางกษัตริย์ นอกจากนี้สิ่งส่งเสริมที่จะทำให้การรำฉุยฉายเบญกายได้ดีและถูกต้องผู้แสดงจำเป็นต้อง ทำความเข้าใจ ประวัติชุดการแสดง บทร้อง ลักษณะการแต่งกาย และท่ารำฉุยฉายเบญกาย เพราะจะ ทำให้เกิดความตระหนักและเข้าใจแนวคิดของชุดการแสดงได้อย่างลึกซึ้งต่อความประสงค์ของผู้ประดิษฐ์ เพื่อให้เกิดอารมณ์ถ่ายทอดที่มีศิลปะทุกกระบวนท่ารำ ดังจะอธิบายต่อไปนี้ ประวัติชุดการแสดง ฉุยฉายเบญกาย เป็นการแสดงนาฏศิลป์ไทยชุดหนึ่ง อยู่ในตับเรื่องรามเกียรติ์ ตอนนางลอย บท ร้องฉุยฉายเบญกายนี้ปรากฏอยู่ในบทคอนเสิร์ตพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระ ยานริศรานุวัติวงศ์ ตับนางลอยแบ่งออกเป็น ๒ ตอน เรียกว่าบั้นต้นหรือตับใหญ่ และ บั้นปลายหรือตับ เล็ก (พจนีย์ กงตาล. ๒๕๔๓ : ๙๒-๙๓) บั้นต้นหรือตับใหญ่ เริ่มตั้งแต่ตอนพิเภกทำนายฝันว่าทศกัณฐ์จะแพ้สงครามและจะถูกฆ่าตาย ควรจะสะเดาะเคราะห์เสียด้วยการคืนนางสีดาให้แก่พระราม ทศกัณฐ์โกรธจึงขับพิเภกออกจากกรุงลงกา พิเภกขอเข้าเป็นพวกกับพระรามและขอดูฤทธิ์พวกลิง พระรามจึงสั่งให้พวกลิงประลองฤทธิ์ให้พิเภกดูสุกร สารแปลงเป็นลิงเข้าปะปนกับไพร่พลลิง พิเภกรู้จึงบอกให้หนุมานจับตัวไปถวายพระราม พระรามสั่งให้ เฆี่ยนและสักหน้าก่อนปล่อยตัวไป สุกรสารกลับไปหาทศกัณฐ์จึงหาอุบายให้นางเบญกายบุตรีของพิเภกกับ นางตรีชาดาซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของทศกัณฐ์ ให้แปลงตัวเป็นนางสีดา นางเบญจกายรู้สึกอึดอัดใจแต่ ขณะนั้นพิเภกถูกขับไล่ออกจากกรุงลงกานางก็หมดอำนาจวาสนา เมื่อทศกัณฐ์ต้องการตัดศึกและออก อุบายเช่นนั้นจึงจำเป็นต้องรับอาสาด้วยเกรงภัยที่จะตกแก่ตน แต่มีข้อแม้ว่าตนเองไม่เคยเห็นนางสีดาว่ามี รูปโฉมอย่างไร จึงทูลขออนุญาตไปแอบยลโฉมนางสีดาที่สวนขวัญท้ายกรุงลงกา ทศกัณฐ์อนุญาตเมื่อแอบ ดูแล้วจึงได้แปลงตัวมาให้ทศกัณฐ์ตรวจตราดูอีกครั้ง ทศกัณฐ์จำนางเบญกายแปลงไม่ได้คิดว่าเป็นนางสีดา จริงจึงได้เข้าเกี้ยวพาล นางเบญกายรู้สึกอึดอัดจึงได้แปลงตัวกลับทำให้ทศกัณฐ์รู้สึกอับอายมาก บั้นปลายหรือตับเล็กเมื่อการเป็นดังนั้นทศกัณฐ์จึงสั่งให้นางเบญกายไปปฏิบัติหน้าที่ นางเบญจ กายรับพระราชบัญชา ก็ได้เหาะไปริมฝั่งแม่น้ำแล้วแปลงร่างเป็นนางสีดาอีกครั้งและทำตายลอยทวนน้ำไป ติดที่หน้าฉนวนของพระราม พระรามมาสรงน้ำพบเข้าก็เศร้าโศกเสียใจคร่ำครวญคิดว่านางสีดาตายจริง ทรงกริ้วหนุมานมากว่าเป็นต้นเหตุให้นางสีดาตาย เพราะว่าครั้งหนึ่งหนุมานเคยเข้าไปเผาเมืองลงกา จน
8 ทำให้ทศกัณฐ์โกรธแค้นเรื่องจึงมาเกิดที่ต้องฆ่านางสีดาทิ้งศพลงแม่น้ำลอยมาตามที่เห็นหนุมานมีควานฉงน ใจว่าศพทำไมต้องลอยทวนกระแสน้ำมา จึงขออนุญาตนำศพนางสีดาไปเผาไฟ นางเบญกายเมื่อถูกไฟเผา ก็เกิดอาการร้อนทนความร้อนไม่ไหว จึงได้คืนร่างแล้วเหาะหนีไปหนุมานที่คอยจับสังเกตอยู่เห็นดังนั้นจึง ได้ไล่จับนางเบญกายและทำให้พระรามทราบความจริงทั้งหมด ความเป็นมาของการรำฉุยฉายเบญกายนั้น(กรมศิลปากร, ๒๕๕๑ : ๙๐) มีประวัติโดยสังเขป คือ นางเฉลย ศุขะวณิช ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์) ปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ เป็นผู้ได้รับการถ่ายทอดกระบวนท่ารำฉุยฉาย เบญกายมาจากหม่อมครูนุ่ม นวรัตน์ ณ อยุธยา เมื่อครั้งฝึกละครอยู่ที่วังสวนกุหลาบ นางสาวจำเรียง พุธประดับ ผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยนาฏศิลป์ กรมศิลปากร ศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์) ปีพุทธศักราช ๒๕๓๑ เป็นผู้ได้รับการถ่ายทอดกระบวนท่ารำฉุยฉายเบญกาย มาจากหม่อมครูต่วน (นางศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก) จากข้อมูลในสูจิบัตร และหนังสือ “THE KHON and LAKON” ปรากฏการแสดงโขน ชุดนางลอยผู้แสดงรำฉุยฉายคือ นางสาวนันทินี ดีประวัติ (เวชสุทัศน์) ซึ่งได้รับการถ่ายทอดกระบวนท่ารำมาจากนางสาวจำเรียง พุธประดับ บทร้อง บทร้องของเพลงฉุยฉายเบญกายที่จะอธิบายต่อไปนี้ แบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ ลักษณะของบทร้อง เพลงฉุยฉายเบญกาย และวิธีการร้องเพลงฉุยฉายเบญกาย ดังนี้ ๑. ลักษณะของบทร้องเพลงฉุยฉายเบญกาย บทร้องเพลงฉุยฉายเบญกายประกอบด้วยเพลง ๓ ช่วง คือ ช่วงแรกเป็นเพลงรัวเพื่อให้ผู้แสดงวิ่งซอยเท้าสอดสร้อยออกมาหน้าเวทีเพื่อรำเพลงฉุยฉายเบญจ กาย ช่วงที่สองเป็นบทร้องฉุยฉายในทำนองช้าแล้วต่อด้วยร้องแม่ศรีในตอนท้าย ช่วงสุดท้ายเป็นเพลง เร็ว-ลา เพื่อให้ผู้แสดงร่ายรำอำลาเวทีก่อนจบการแสดง (เครือวัลย์ เรืองศรี. ๒๕๔๒: ๗๒-๗๓) ดังนี้ เพลงฉุยฉายเบญกาย - เพลงรัว - - ร้องฉุยฉาย - ฉุยฉายเอย จะขึ้นไปเฝ้าเจ้าก็กรีดกราย เยื้องย่างเจ้าช่างแปลงกาย ให้ละเมียดละม้ายสีดานงลักษณ์ ถึงพระรามเห็นทรามวัย จะฉงนพระทัยให้อะเหลื่ออะหลัก งามนักเอย ใครเห็นพิมพ์พักตร์ก็จะรักจะใคร่ หลับก็จะฝันครั้นตื่นก็จะคิด อยากจะเห็นอีกสักนิดหนึ่งให้ชื่นใจ งามคมดุจคมศรชัย ถูกนอกทะลุในให้เจ็บอุรา
9 - ร้องแม่ศรี - แม่ศรีเอย แม่ศรีรากษสี แม่แปลงอินทรีย์ เป็นแม่ศรีสีดา ทศพักตร์มาลักเห็น จะตื่นเต้นในวิญญา เหมือนล้อเล่นให้เป็นบ้า ระอาเจ้าแม่ศรีเอย อรชรเอย อรชรอ้อนแอ้น เอวขาแขนแมน แม้นเหมือนกินรี ระทวยนวยนาด วิลาศจรลี ขึ้นปราสาทมณี เฝ้าพระปิตุลาเอย - เพลงเร็ว-ลา - ๒. วิธีการร้องเพลงฉุยฉายเบญกาย จะอธิบายตามวิธีการร้อง โดยมีการควบคุมจังหวะ ฉิ่งไว้ด้านล่างของคำร้องที่ต้องตีจังหวะฉิ่ง ในจังหวะเบา เสียงฉิ่ง จะใช้สัญลักษณ์ (- ) และในจังหวะหนัก เสียงฉับ จะใช้สัญลักษณ์ ( + ) เมื่อนักศึกษาพบสัญลักษณ์ตามที่กล่าวจะต้องเคาะจังหวะฉิ่งให้ลงพอดี และต้องฝึกซ้อมหลาย ๆ ครั้งจนเกิดความชำนาญ สามารถร้องได้โดยไม่ต้องดูเนื้อเพลงประกอบ ดังนี้ - ร้องฉุยฉาย – เออ เหิง เอ่อ เห้อ เออ เอิง เอย เอ๋ย ฉุย ฉาย เอย - + - + จะ ขึ้น ไป เฝ้า เจ้าก็ กรีด เอ่อ เฮ้อ กราย ( รับเพลงปี่ ) - + - + เยื้อง เอ่อ เฮ้อ ย่าง เจ้า ช่าง แปลง กาย ให้ ละ เมียด ละ ม้าย สี ดา นง ลักษณ์ - + - + - + - + ถึง พระ ราม เห็น ทราม วัย จะ ฉงน พระ ทัย ให้ เอ เหลื่อ อะ หลัก (รับเพลงปี่ ) - + - + - + - +
10 เออ เหิง เอ่อ เห้อ เออ เอิง เอย เอ๋ย งาม นัก เอย - + - + ใคร เห็น พิมพ์ พักตร์ ก็ จะ รัก จะ ใคร่ ( รับเพลงปี่ ) - + - + หลับ ก็ จะ ฝัน ครั้น ตื่น ก็ จะ คิด อยาก จะ เห็น อีก สัก นิด ให้ ชื่น ใจ (รับเพลงปี่) - + - + - + - + งาม เฮ้อ คม ดุจ คม ศร ชัย ถูก นอก ทะ ลุ ใน ให้ เจ็บ เออ เฮ้อ อุ รา ( ร้องซ้ำ ) - + - + - + - + - ร้องแม่ศรี - แม่ ศรี เอย แม่ ศรี ราก ษ สี แม่ แปลง อิน ทรีย์ เป็น แม่ ศรี สี ดา - + - + - + - + ทศ พักตร์ มา ลัก เห็น จะ ตื่น เต้น ใน วิญ ญา เหมือน ล้อ เล่น ให้ เป็น บ้า - + - + - + ระ อา เจ้า แม่ ศรี เอย - + อ ร ชร เอย อ ร ชร อ้อน แอ้น เอว ขา แขน แมน แม้น เหมือน กิน รี - + - + - + - + ระ ทวย นวย นาด วิ ลาส จ ร ลี ขึ้น ปรา สาท ม ณี เฝ้า พระ ปิ ตุ รา เอย - + - + - + - +
11 ลักษณะการแต่งกาย ลักษณะการแต่งกายของชุดการแสดงฉุยฉายเบญกาย จะอธิบายเป็น ๒ ลักษณะคือ องค์ประกอบชุดการแต่งกาย และขั้นตอนการแต่งกาย ดังนี้ ๑. องค์ประกอบชุดการแต่งกาย องค์ประกอบชุดการแต่งกายของการแสดงฉุยฉายเบญกายผู้แสดงจะแต่งกายแบบ ยืนเครื่องนางกษัตริย์ สวมมงกุฎเป็นเครื่องประดับศีรษะโดยมีรายละเอียดของอุปกรณ์ประกอบการแต่ง กาย ประกอบด้วย กำไล ผ้านุ่ง หรือพระภูษา เสื้อในนาง เข็มขัด นวมนาง จี้นาง มงกุฎ กรรเจียก หรือจอนหู ดอกไม้ทัด อุบะ แหวนรอบ ปะวะหล่ำ และทองกร (ธีรวัฒน์ ช่างสาน. ๒๕๕๒: ๗๖- ๗๙) ดังนี้ ภาพที่ ๗๒ ลักษณะการแต่งกายฉุยฉายเบญกาย ๑.๑ กำไล หมายถึง เป็นเครื่องประดับที่ใช้สวมข้อเท้าจะทำด้วยเงินหรือทองแต่โดยมาก จะใช้กำไลเงินหรือทองเหลือง ต่อมาในระยะหลัง เครื่องประดับที่ข้อเท้าของตัวโขน-ละคร จะทำด้วยผ้า กำมะหยี่หรือผ้าอื่น ๆ ที่เห็นว่าสวยงามปักด้วยดิ้นหรือเลื่อมลงบนผ้า ๑.๒ ผ้านุ่ง หรือพระภูษา หมายถึง ผ้าที่จะใช้นุ่งสำหรับการแสดงละครรำต้องเป็นผ้าเนื้อดี โดยมากใช้ผ้าเนื้อดีที่เรียกว่าผ้ายก คือผ้าที่ใช้เส้นไหมหรือเส้นลวดทองหรือเงิน ทอยกเป็น ดอกให้เป็นลายนูนเห็นเด่นชัดจากพื้นธรรมดา ๑.๑ ๑.๒ ๑.๓ ๑.๔ ๑.๕ ๑.๖ ๑.๗ ๑.๘ ๑.๙ ๑.๑๐
12 ๑.๓ เสื้อในนาง หมายถึง เสื้อชั้นในที่ตัวละครสวมไว้เพื่อห่อหุ้มร่างกายส่วนสงวนของ สุภาพสตรีเป็นลักษณะของเสื้อผ่าหน้าไม่มีแขน มักทำจากผ้าต่วนสีเหลือง ๑.๔ ผ้าห่มนาง หมายถึง ผ้าสไบที่ใช้ปกปิดร่างกายและเสื้อในนาง ทำจากผ้าต่วนขลิบริมสี ตัดกัน ปักด้วยดิ้นข้อ ดิ้นโปร่ง เลื่อม ประดับพลอยสี ชายผ้าสองข้างมีลายเชิงกระจก ๑.๕ เข็มขัด หรือปั้นเหน่ง หมายถึง เครื่องประดับที่ใช้รัดสะเอวอาจทำด้วยเงินหรือทองก็ ได้แต่โดยมากนิยมใช้โลหะชุบเงินหรือทอง หัวเข็มขัดประดับด้วยพลอยขาว ๑.๖ กรองคอ หรือนวมนาง หมายถึง เครื่องประดับที่ใช้สวมใส่ที่คอมีลักษณะเด่น ดังนี้คือเป็นผ้าสีปักดิ้น เวลาแต่งใช้สวมทับลงบนเสื้อส่วนมากใช้ผ้าคนละสี เพื่อที่สีจะได้ตัดกัน มองเห็น อย่างเด่นชัด ๑.๗ จี้นาง หมายถึง เครื่องประดับอก รูปรีทำจากเหล็กประดับเพชรจะมีความ แตกต่างกันกับทับทรวงของตัวพระ พระจี้นางจะเรียวแผ่ออกด้านข้างใส่แล้วด้านที่มีความยาวเรียวจะอยู่ ด้านล่าง) ประดับด้วยพลอยขาว ๑.๘ กรรเจียกจอน หรือจอนหู หมายถึง เครื่องประดับที่ติดอยู่กับเครื่องสวมศีรษะ ประเภทชฎา มงกุฎรัดเกล้า กระบังหน้า ปันจุเหร็จ และศีรษะโขนทำจากโลหะเงิน ประดับด้วยพลอยขาว ๑.๙ ดอกไม้ทัด หมายถึง เครื่องประดับที่ติดกับชฎาและมงกุฎ เป็นดอกไม้สีแดง ตัวพระทัดด้านขวาเสมอ ตัวนางจะอยู่ด้านซ้ายเสมอ ๑.๑๐ กำไลแผง หรือทองกร หมายถึง กำไลสวมข้อมือมีลักษณะเป็นแผงโค้ง มี บานพับตรงกลางทำด้วยโลหะชุบเงิน หรือทอง ประดับด้วยพลอยขาว ๑.๑๑ มงกุฎ หมายถึง เครื่องสวมศีรษะของตัวนางรูปลักษณะคล้ายกับชฎาของ ตัวพระ แต่ทรวดทรงของมงกุฎจะป้อมและสั้นกว่าชฎา
13 อธิบายท่ารำฉุยฉายเบญจกาย การอธิบายท่ารำ จะอธิบายตามลักษณะการปฏิบัติท่ารำของการปฏิบัติเท้าในลำดับแรก จากนั้น จะอธิบายอิริยาบทของมือ และการเอียงศีรษะตามลำดับ ดังนี้ ๑. ท่ารัว ภาพที่1ท่ารัว การฝึกปฏิบัติ ๑. มือซ้ายตั้งวงบน มือขวาจีบหงายชายพก เอียงศีรษะทางขวา เท้าทั้งสองยืนเขย่งเท้า งอเข่าพร้อมกับซอยเท้าถี่ ๆ ๒. กดมือซ้ายผ่านลำตัวมาระดับสะเอวพร้อมเปลี่ยนมือเป็นจีบคว่ำ พร้อมกับที่มือขวาดึง มาปล่อยแบมือข้างลำตัว เอียงศีรษะทางขวา เท้าทั้งสองยืนเขย่งเท้างอเข่าพร้อมกับซอยเท้าถี่ ๆ ๒. กลับมือขวาเป็นตั้งวงบน มือซ้ายเป็นจีบหงายชายพก ศีรษะเอียงทางซ้าย หมายเหตุ ฝึกปฏิบัติท่ารัวสลับเปลี่ยนไปมา ข้อควรระวังในการฝึกปฏิบัติจะต้องปฏิบัติในลำดับต่อไปนี้ ๑. ควรกำกับวงให้ได้ระดับกับแง่ศีรษะทุกครั้งที่เปลี่ยนมือ ๒. จีบควรหักข้อมือเข้าหาลำแขนทุกครั้ง พร้อมกับกรีดนิ้วมือที่เหลือออกเป็นรูปใบพัดให้ สวยงาม ๓. การซอยเท้าควรย่อไว้ตลอดไม่ควรยืดยุบตัวอยู่ตลอดเวลา
14 ๒. ท่าป้องหน้า ภาพที่ 2 ท่าป้องหน้า การฝึกปฏิบัติ ๑. เบี่ยงตัวทางซ้ายของเวที ถอนเท้าซ้ายวางหลัง ยกหน้าเท้าขวาพร้อมกับดึงมือซ้ายมา เป็นจีบหงายชายพก มือขวาตั้งวงบน เอียงศีรษะทางซ้าย ๒. ก้าวข้างเท้าขวา พร้อมกับหมุนตัวผ่านหน้าเวที มาทางขวาของเวที ๓. กระทุ้งเท้าซ้าย และกระดกเท้าซ้าย พร้อมกับปล่อยจีบมือซ้ายเป็นแบมือ มือขวาลด มือลงเป็นตั้งวงกลาง เอียงศีรษะทางซ้าย ๔. ยืดตัวพร้อมกลับมือซ้ายเป็นป้องหน้า ให้ระดับนิ้วมืออยู่ระดับหน้าผาก กลับมือขวา เป็นแบลาดงอแขน เอียงศีรษะทางขวาแล้วค่อยกลับมาเอียงศีรษะทางซ้าย
15 4.ท่าฉุยฉายเอย ภาพที่ 3 ท่าฉุยฉายเอย การฝึกปฏิบัติ ๑. เบี่ยงตัวทางซ้ายของเวที แตะจมูกเท้าซ้าย มือซ้ายตั้งวงบน มือขวาจีบหงายชายพก เอียงศีรษะทางซ้าย ๒. ซอยเท้าหมุนตัวผ่านหน้าเวทีมาทางขวาของเวที จากนั้นแตะจมูกเท้าขวา พร้อมกับ ม้วนมือขวาปล่อยจีบเป็นตั้งวงบน มือซ้ายลดมือมาจีบหงายชายพก เอียงศีรษะทางซ้ายซอยเท้าหมุนตัว ทางขวามาหน้าเวที ๓. เอ๋ยฉุย ถอนเท้าขวา ยกหน้าเท้าซ้าย มือซ้ายตั้งวงบน มือขวาจีบหงายแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางซ้าย ๔. ฉายเอย เท้าซ้ายก้าวหน้า พร้อมกับกรายมือขวาเป็นตั้งวงบน มือซ้ายส่งจีบหลัง เอียงศีรษะ ทางขวา
16 ๔. ท่าจะขึ้นไปเฝ้าเจ้าก็กรีดกราย ภาพที่ 4 ท่าจะขึ้นไปเฝ้าเจ้าก็กรีดกราย การฝึกปฏิบัติ ๑. จะขึ้น ยืดตัวขึ้นพร้อมกับดึงมือทั้งสองมาจีบคว่ำระดับสะโพก เอียงศีรษะทางขวา ๒. ไปเฝ้า ก้าวหน้าเท้าขวา คลายมือจีบโดยปล่อยมือขวาเป็นระดับวงล่าง มือซ้ายปล่อย จีบแบคว่ำมือไว้ข้างสะโพก (ท่าเดิน) เอียงศีรษะทางซ้าย ๓. เจ้าก็กรีด กระทุ้งเท้าซ้าย มือขวาจีบหงายแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางซ้าย ๔. กราย ก้าวหน้าเท้าซ้าย พร้อมกับกรายมือซ้ายส่งเป็นตั้งวงบน มือขวาส่งจีบหลัง เอียง ศีรษะทางขวา
17 ๕. ท่าเยื้องย่างเจ้าช่างแปลงกาย ภาพที่ 5 ท่าเยื้องย่างเจ้าช่างแปลงกาย การปฏิบัติ ๑. เยื้อง ถอนเท้าซ้าย ก้าวไขว้เท้าขวาขยั่นเท้าเลื่อนตัวไปทางซ้าย มือขวาควักจีบปล่อยมือเป็น แบลาดหงายฝ่ามืองอแขนระดับสะเอว มือซ้ายลดมือลงแบลาดงอแขนระดับสะเอว แล้วค่อยกลับมือ ปลายนิ้วตั้งขึ้นระดับวงกลาง ขณะที่ควักจีบมือซ้ายกล่อมหน้ามองนิ้วมือขวา จากนั้นค่อยกลับเป็นเอียง ศีรษะทางขวา ๒. ย่าง ถอนเท้าขวา ก้าวไขว้เท้าซ้ายขยั่นเท้าเลื่อนตัวไปทางขวา มือซ้ายควักจีบปล่อยมือเป็น แบลาดหงายฝ่ามืองอแขนระดับสะเอว มือขวาลดมือลงมาแบลาดงอแขนระดับสะเอว แล้วค่อยกลับมือ ปลายนิ้วตั้งขึ้นระดับวงกลาง ขณะที่ควักจีบมือซ้ายกล่อมหน้ามองนิ้วมือซ้าย จากนั้นค่อยกลับเป็นเอียง ศีรษะทางซ้าย ๓. เจ้าช่าง เบี่ยงตัวทางขวา เท้าขวาก้าวไขว้ มือทั้งสองตั้งวงบน ค่อยวาดมือลงมากลางลำตัว เอียงศีรษะทางขวา ๔. แปลงกาย เท้าซ้ายก้าวไขว้ มือทั้งสองจีบคว่ำงอแขนระดับอก จากนั้นดึงมือจีบขึ้นปล่อย ระดับศีรษะ หมุนตัวทางขวามือผ่านหลังเวทีมาหน้าเวที เอียงศีรษะทางซ้าย
18 ๖. ท่าให้ละเมียดละม้ายสีดานงลักษณ์ ภาพที่ 6 ท่าให้ละเมียดละม้ายสีดานงลักษณ์ การปฏิบัติ ๑. ให้ละเมียด เท้าซ้ายก้าวไขว้ มือขวาตั้งวงหน้าจากนั้นเลื่อนมือวงมาจีบระดับไหล่ซ้าย มือซ้ายส่งจีบหลัง ลักคอซ้าย ๒. ละม้าย ดึงมือจีบขวาปาดมือออกมาเป็นตั้งวงกลาง ลักคอขวา ๓. สีดา เท้าขวาก้าวไขว้ มือขวาตั้งวงหน้า มือซ้ายกำมือชี้นิ้วชี้รวมไว้ระดับอก เอียง ศีรษะทางขวา ๔. นงลักษณ์ กระดกเท้าซ้าย ดึงมือซ้ายชี้คว่ำมือแขนตึงระดับไหล่ มือขวาส่งจีบ หลัง เอียงศีรษะทางซ้าย
19 ๗. ท่าถึงพระรามเห็นทรามวัย ภาพที่ 7 ท่าถึงพระรามเห็นทรามวัย การปฏิบัติ ๑. ถึง ก้าวหน้าเท้าซ้าย มือทั้งสองตั้งวงล่าง เอียงศีรษะทางซ้าย ๒. พระราม จากนั้นกระดกเท้าขวา พร้อมกับดึงมือขวามาไว้มือระดับแง่ศีรษะ มือซ้ายส่งจับ หลัง กลับมาเอียงศีรษะทางขวา ๓. เห็น ก้าวหน้าเท้าขวา มือขวาจีบหงายงอแขนระดับอก มือซ้ายตั้งวงหน้าซ้อนมือขวา เอียงศีรษะ ทางซ้าย ๔. ทรามวัย กระดกเท้าซ้าย พร้อมกับดึงมือขวาส่งจีบหลัง มือซ้ายจีบหงายงอแขนระดับอก เอียง ศีรษะทางขวา
20 ๘. ท่าจะฉงนพระทัยให้อะเหลื่ออะหลัก ภาพที่ 8 ท่าจะฉงนพระทัยให้อะเหลื่ออะหลัก การปฏิบัติ ๑. จะฉงน อยู่ในท่าเดิมสะดุ้งตัวขึ้น ๒. พระทัย เบี่ยงตัวทางขวา ยืนผสมเท้าซ้าย มือขวาไว้มือระดับแง่ศีรษะ มือซ้ายจับ สะเอว เอียงศีรษะทางซ้าย ๓. ให้อะเหลื่อ วิ่งซอยเท้าเบี่ยงตัวทางขวาสะดุดเท้าซ้าย มือทั้งสองประกบกรีด นิ้วออกไว้กระดับอก เอียงศีรษะทางขวา ๒. อะหลัก กลับตัวมาเบี่ยงทางซ้ายสะดุดเท้าขวา มือทั้งสองประกบกรีดนิ้วไว้ระดับอก เอียงศีรษะทางซ้าย
21 1.ท่ารับ (ช่วงที่ ๑) ภาพที่ ๙ ท่ารับดนตรีช่วงที่ ๑ ของฉุยฉายเบญกาย การปฏิบัติ ท่ารับมี ๒ ท่า คือท่าขึ้นด้านหน้าเวที และท่าเดินลงหลังเวที ดังนี้ ๑. ท่าเดินขึ้นด้านหน้าเวที ปฏิบัติคือ ๑.๑ ถอนเท้าซ้าย มือซ้ายตั้งวงหน้า มือขวาจีบหงายซ้อนมือวง เอียงศีรษะทางซ้าย ๑.๒ ก้าวหน้าเท้าขวา พร้อมกับดึงมือจีบขวาเป็นส่งหลัง มือซ้ายม้วนมือวงเป็นจีบ หงายแขนตึงระดับอก เอียงศีรษะทางขวา (นับ๑) ๑.๓ เช็ดจมูกเท้าซ้ายจากหลังมารวมไว้ใกล้เท้าขวา มือขวาซ้ายตั้งวงหน้า มือซ้าย จีบหงายซ้อนมือวง เอียงศีรษะทางขวา ๑.๔ ก้าวหน้าเท้าซ้าย พร้อมกับดึงมือจีบซ้ายเป็นส่งหลัง มือขวาม้วนมือวงเป็นจีบ หงายแขนตึงระดับอก เอียงศีรษะทางขวา (นับ ๒) หมายเหตุ ปฏิบัติท่านับ ๑ อีกครั้ง เป็น (นับ ๓) ๒. ท่าเดินลงหลังเวที ปฏิบัติคือ ๒.๑ เคาะจมูกเท้าซ้าย น้ำหนักตัวอยู่เท้าขวา พร้อมกับวาดมือซ้ายปล่อยจีบเป็นเหยียด แขนตึงปลายนิ้วชี้ขึ้นระดับไหล่ มือขวาปล่อยมือจีบตักมือเป็นจีบหงายแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะ ทางซ้าย (นับ ๑) ๒.๒ เหยียบเท้าซ้าย พร้อมกับฉายเท้าขวา มือซ้ายกลับมือเป็นจีบหงายแขนตึงระดับไหล่ มือขวาม้วนมือปล่อยจีบเป็นปลายนิ้วชี้ขึ้นแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางขวา สายตามองปลายนิ้วมือ ซ้าย พร้อมกับเท้าขวาวางหลังเคาะจมูกเท้า (นับ ๒)
22 ๒.๓ เหยียบเท้าขวา พร้อมกับฉายเท้าซ้าย มือขวากลับมือเป็นจีบหงายแขนตึงระดับไหล่ มือซ้ายม้วนมือปล่อยจีบเป็นปลายนิ้วชี้ขึ้นแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางซ้าย สายตามองปลายนิ้วมือ ขวา พร้อมกับเท้าซ้ายวางหลังเคาะจมูกเท้า (นับ ๓) ๒.๔ เหยียบเท้าซ้าย พร้อมกับฉายเท้าขวา มือซ้ายกลับมือเป็นจีบหงายแขนตึงระดับไหล่ มือขวาม้วนมือปล่อยจีบเป็นปลายนิ้วชี้ขึ้นแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางขวา สายตามองปลายนิ้วมือ ซ้าย พร้อมกับเท้าขวาวางหลังเคาะจมูกเท้า (นับ ๔) ๒.๓ เหยียบเท้าขวา พร้อมกับฉายเท้าซ้าย มือขวากลับมือเป็นจีบหงายแขนตึงระดับไหล่ มือซ้ายม้วนมือปล่อยจีบเป็นปลายนิ้วชี้ขึ้นแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางซ้าย สายตามองปลายนิ้วมือ ขวา พร้อมกับเท้าซ้ายวางหลังเคาะจมูกเท้า (นับ ๕) ๑๐. ท่างามนักเอย ภาพที่ 10 ท่างามนักเอย การปฏิบัติ ๑. เบี่ยงตัวทางขวา เท้าขวาก้าวไขว้ขยั่นเท้า มือซ้ายจีบหงายแขนตึงระดับไหล่ มือขวาตั้งวง ล่าง เอียงศีรษะทางขวา ๒. กลับตัวผ่านหน้าเวที เบี่ยงตัวทางซ้าย เท้าซ้ายก้าวไขว้ขยั่นเท้า เปลี่ยนเป็นมือขวาจีบ หงายแขนตึงระดับไหล่ มือซ้ายตั้งวงล่าง เอียงศีรษะทางซ้าย ๓. งาม ก้าวหน้าเท้าขวา มือขวาจีบคว่ำงอแขนระดับอก มือซ้ายแบลาดงอแขนระดับอก เอียงศีรษะทางซ้าย ๔. นักเอย เท้าซ้ายกระดกหลัง มือขวาควักจีบปล่อยมือเป็นบัวชูฝัก มือซ้ายกลับมือเป็น ตั้งวงหน้า (ท่าสวยงาม) เอียงศีรษะทางขวา
23 ๑๑.ท่าใครเห็นพิมพ์พักตร์ก็จะรักจะใคร่ ภาพที่ 11 ท่าใครเห็นพิมพ์พักตร์ก็จะรักจะใคร่ การปฏิบัติ ๑. ใครเห็น ก้าวไขว้เท้าซ้าย ทิ้งน้ำหนักตัวไปทางขวา มือซ้ายจีบคว่ำงอแขนระดับ ใบหน้า มือขวาจับสะเอว ลักคอขวา ๒. พิมพ์พักตร์ ทิ้งน้ำหนักตัวมาทางซ้าย ดึงมือซ้ายมาปล่อยมือแบหงายแตะข้าง แก้มซ้าย ลักคอซ้าย ๓. ก็จะรัก เบี่ยงตัวทางขวามือ เท้าขวาก้าวไขว้ มือทั้งสองตั้งวงหน้าไขว้มือ เอียง ศีรษะทางขวา ๔. จะใคร่ ยืดตัวขึ้นก้าวไขว้เท้าซ้าย มือทั้งสองแบประสานกันระดับไหล่ เอียง ศีรษะทางซ้าย วิ่งซอยเท้าวนทางขวาผ่านหลังเวที ๑ รอบ
24 ๑๒. ท่าหลับก็จะฝันครั้นตื่นก็จะคิด ภาพที่ 12 ท่าหลับก็จะฝันครั้นตื่นก็จะคิด การปฏิบัติ ๑. หลับ เบี่ยงตัวทางขวา ยืนผสมเท้าซ้าย มือซ้ายตั้งวงล่าง มือขวาแบลาดงอแขนระดับ สะเอว เอียงศีรษะทางซ้าย ๒. ก็จะฝัน เปลี่ยนเป็นยืนผสมเท้าขวา มือซ้ายจับสะเอว มือขวากำมือชี้นิ้วเคาะเอียงศีรษะ ทางขวา ๓. ครั้นตื่น ปฏิบัติท่าลักษณะเดิม แต่สะดุ้งตัวขึ้นพร้อมกับเคาะนิ้วอีกครั้ง ๔. ก็จะคิด กลับมายืนผสมเท้าซ้าย มือซ้ายม้วนมือจีบหงายงอแขนระดับอก มือ ขวาจับสะเอว เอียงศีรษะทางซ้าย
25 ๑๓. ท่าอยากจะเห็นอีกสักนิดให้ชื่นใจ ภาพที่13 ท่าอยากจะเห็นอีกสักนิดให้ชื่นใจ การปฏิบัติ ๑. อยากจะเห็น เบี่ยงตัวทางขวา ถอนเท้าซ้าย มือขวาดึงจีบส่งหลัง มือซ้ายม้วนมือจีบ หงายชายพก จากนั้นก้าวหน้าเท้าขวา เอียงศีรษะทางขวา หมุนตัวผ่านหน้าเวทีไปทางซ้าย ๒. อีกสักนิด ก้าวหน้าเท้าซ้าย มือซ้ายส่งจีบหลัง มือขวากลับมือเอานิ้วหัวแม่มือกดข้อ สุดท้ายของนิ้วก้อย ยื่นมือไปข้างหน้าระดับสะเอว เอียงศีรษะทางซ้าย ๓. ให้ชื่น เบี่ยงตัวทางขวา ก้าวไขว้เท้าขวา มือทั้งสองประกบรวมกันระดับอก ยืดลำตัวขึ้น เอียงศีรษะทางขวา ๔. ใจ ยุบตัวลง ปฏิบัติมือลักษณะเดิม วิ่งซอยเท้าวนทางขวาผ่านหลังเวที ๑ รอบ
26 ๑๔. ท่างามคมดุจคมศรชัย ภาพที่ 14 แสดงท่างามคมดุจคมศรชัย การปฏิบัติ ๑. งามคม ก้าวหน้าเท้าซ้าย มือซ้ายจีบคว่ำงอแขนระดับอก มือขวาแบลาดงอแขนระดับ อก เอียงศีรษะทางขวา จากนั้นกระดกเท้าขวาพร้อมกับดึงมือซ้ายเป็นบัวชูฝัก มือขวากลับมือเป็นตั้งวง หน้า เอียงศีรษะทางซ้าย ๒. ดุจคมศรชัย เบี่ยงตัวทางขวา ก้าวหน้าเท้าขวา มือขวาจีบคว่ำงอแขนระดับไหล่ มือ ซ้ายแบลาดงอแขนระดับอก จากนั้นกระดกเท้าซ้ายพร้อมกับดึงมือซ้ายกลับมือปลายนิ้วชี้ขึ้นเหยียดแขนตึง ระดับไหล่ มือขวาจีบคว่ำระดับแง่ศีรษะ เอียงศีรษะทางขวา
27 ๑๕. ท่าถูกนอกทะลุในให้เจ็บอุรา ภาพที่ 15 ท่าถูกนอกทะลุในให้เจ็บอุรา การปฏิบัติ ๑. ถูกนอก เบี่ยงตัวทางซ้าย กระดกเท้าขวา มือขวาจีบหงายแขนตึงระดับไหล่ มือซ้ายตั้งวง บน เอียงศีรษะทางซ้าย ๒. ทะลุใน ก้าวไขว้เท้าขวา พร้อมดึงมือจีบขวาเข้าอก เอียงศีรษะทางขวา หมุนตัวทางซ้าย วิ่ง ซอยเท้าวนผ่านหลังเวที ๑ รอบ ๓. ให้เจ็บ ซอยเท้าอยู่กับที่ มือขวาจับสะเอว มือซ้ายแบมือแตะหน้าอก ๔. อุรา ก้าวเท้าซ้ายวางข้าง พร้อมกับลากเท้าขวากระทืบเท้า มือซ้ายตบหน้าอก หมายเหตุ ปฏิบัติท่ารำเพลงปี่ ที่ซ้ำท่ารำนั้น เมื่อดนตรีรับถึงท่า เจ็บอุรา ให้ใช้สองมือแบแตะหน้าอก
28 ๑๖. ท่ารับ (ช่วงที่ ๒) ภาพที่ 16 ท่ารับดนตรีช่วงที่๒ ของฉุยฉายเบญกาย การปฏิบัติ ท่ารับมี ๒ ท่า คือท่าเดินขึ้นด้านหน้าเวที และท่าเดินลงหลังเวที ดังนี้ ๑. ท่าเดินขึ้นด้านหน้าเวที ปฏิบัติคือ ๑.๑ ถอนเท้าซ้าย ก้าวหน้าเท้าขวา มือซ้ายตั้งวงล่าง มือขวาจีบคว่ำแขนตึงระดับ ไหล่ เอียงศีรษะทางขวา (นับ๑) ๑.๒ ก้าวหน้าเท้าซ้าย มือขวาตั้งวงล่าง มือซ้ายจีบคว่ำแขนตึงระดับไหล่ เอียง ศีรษะทางซ้าย (นับ๒) ๑.๓ ก้าวหน้าเท้าขวา มือซ้ายตั้งวงล่าง มือขวาจีบคว่ำแขนตึงระดับไหล่ เอียง
29 ศีรษะทางขวา (นับ๓) ๒. ท่าเดินลงหลังเวที ปฏิบัติคือ ๒.๑ เท้าซ้ายวางหลังเคาะจมูกเท้า พร้อมกับวาดมือขวาขึ้นตั้งวงบน มือซ้ายจีบคว่ำแขน ตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางซ้าย (นับ ๑) ๒.๒ เท้าขวาวางหลังเคาะจมูกเท้า พร้อมกับดึงมือซ้ายปล่อยจีบตั้งวงบน มือขวาจีบคว่ำ แขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางขวา (นับ ๒) ๒.๓ เท้าซ้ายวางหลังเคาะจมูกเท้า พร้อมกับวาดมือขวาขึ้นตั้งวงบน มือซ้ายจีบคว่ำแขน ตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางซ้าย (นับ ๓) ๒.๔ เท้าขวาวางหลังเคาะจมูกเท้า พร้อมกับดึงมือซ้ายปล่อยจีบตั้งวงบน มือขวาจีบคว่ำ แขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางขวา (นับ ๔) ๒.๕ ประเท้าซ้าย มือขวาจีบคว่ำงอแขนระดับสะเอว มือซ้ายแบลาดงอแขนระดับสะเอว เอียงศีรษะทางขวา จากนั้นก้าวหน้าเท้าซ้าย พร้อมกับเหยียดแขนขวาเป็นจีบหงายแขนตึงระดับไหล่ มือซ้ายกลับมือยกเป็นตั้งวงบน เอียงศีรษะทางซ้าย (นับ ๕) ๑๗. ท่าแม่ศรีรากษศรี ภาพที่ 17ท่าแม่ศรีรากษศรี การปฏิบัติ ๑. แม่ศรี ปฏิบัติท่าลักษณะเดิมยักตัวกดไหล่ขวา เอียงศีรษะทางขวา ๒. เอย กลับมายักตัวกดไหล่ซ้าย เอียงศีรษะทางซ้าย ๓. แม่ศรี เบี่ยงตัวทางขวา ก้าวหน้าเท้าขวา มือขวาจีบปรกข้าง มือซ้ายตั้งวงกลางเอียงศีรษะ ทางซ้าย ๔. รากษศรีกระดกเท้าซ้าย มือขวาม้วนจีบเป็นตั้งวงบน มือซ้ายกลับมือเป็นจีบปรกข้าง เอียงศีรษะทางขวา
30 ๑๘. ท่าแม่แปลงอินทรีย์เป็นแม่ศรีสีดา ภาพที่18 ท่าแม่แปลงอินทรีย์เป็นแม่ศรีสีดา การปฏิบัติ ๑. แม่แปลง ก้าวไขว้เท้าขวา มือทั้งสองตั้งวงบน จากนั้นค่อยลากมือลงระดับอก เอียง ศีรษะทางขวา ๒. อินทรีย์ ก้าวไขว้เท้าซ้าย ดึงมือทั้งสองจีบคว่ำงอแขนระดับอก มาจีบปล่อยจีบแบมือ ปลายนิ้วชี้ลงข้างลำตัว เอียงศีรษะทางซ้าย พร้อมกับหมุนตัวทางขวาวิ่งซอยเท้าผ่านหลังเวที ๑ รอบ ๓. เป็นแม่ศรี ก้าวหน้าเท้าซ้าย มือทั้งสองรวมไว้ระดับอก โดยให้มือซ้ายตั้งวงหน้า มือขวากำ มือชี้รวมกันไว้ระดับอก เอียงศีรษะทางซ้าย ๔. สีดา กระดกเท้าขวา มือขวาชี้นิ้วเหยียดแขนตึงระดับไหล่ มือซ้ายส่งจีบหลัง เอียงศีรษะ ทางขวา
31 ๑๙. ท่ารับ (ท่าที่ ๓) ภาพที่ 19 ท่ารับท่าที่ ๓ ของฉุยฉายเบญกาย การปฏิบัติ ๑. จังหวะที่ ๑ เบี่ยงตัวทางขวา ประเท้าซ้าย มือขวาจีบปรกข้าง มือซ้ายตั้งวงกลาง เอียงศีรษะทางขวา ๒. จังหวะที่ ๒ ก้าวเท้าหน้าเท้าซ้าย มือขวาม้วนมือจีบปล่อยเป็นตั้งวงบน มือซ้ายกลับ ข้อมือแบลาดปลายนิ้วชี้ลง งอแขนระดับสะเอว เอียงศีรษะทางซ้าย (เรียกท่าผาลา) ๓. จังหวะที่ ๓ เหยียบหลังเท้าขวา มือปฏิบัติเช่นเดียวกับจังหวะที่ ๒ ๔. จังหวะที่ ๔ ก้าวหน้าเท้าซ้าย แทงมือวงเป็นบัวชูฝัก มือซ้ายกลับข้อมือปลายนิ้วชี้ขึ้น เหยียดแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางซ้าย (เรียกท่าสอดสูง) หมายเหตุ ปฏิบัติการก้าวเดินในจังหวะที่ ๒ และ ๔ ต่อเนื่องตามจังหวะเพลง พร้อมกับค่อย ๆ หมุนตัวผ่านหน้าเวทีมาเบี่ยงตัวทางซ้าย จังหวะสุดท้ายของท่อนเพลงรับ จะต้องก้าวหน้าเท้าซ้าย กระดกเท้าขวา มือปฏิบัติท่าสอดสูง
32 ๒๐. ท่าทศพักตร์มาลักเห็นจะตื่นเต้นในวิญญา ภาพที่ 20 ท่าทศพักตร์มาลักเห็นจะตื่นเต้นในวิญญา การปฏิบัติ ๑. ทศพักตร์ เบี่ยงตัวทางขวา ยืนผสมเท้าซ้าย มือซ้ายเท้าสะเอว มือขวาไว้มือระดับ แง่ศีรษะ เอียงศีรษะทาวซ้าย ๒. มาลักเห็น เบี่ยงตัวมาหน้าเวที ก้าวหน้าเท้าซ้าย มือซ้ายส่งจีบหลัง มือขวางอ แขนระดับใบหน้า(ท่าแอบมอง)แบมือตั้งไว้ข้างแก้มซ้าย ลักคอซ้าย ๓. จะตื่นเต้น ก้าวไขว้เท้าซ้าย มือซ้ายจีบหงายงอแขนไว้ข้างสะเอวขวา มือขวาจับ สะเอว ลักคอ(ขวา-ซ้าย) ตามจังหวะ
33 ๒๑. ท่าเหมือนล้อเล่นให้เป็นบ้าระอาเจ้าแม่ศรีเอย ภาพที่21 ท่าเหมือนล้อเล่นให้เป็นบ้า การปฏิบัติ ๑. เหมือนล้อเล่น เบี่ยงตัวทางขวา ถอนเท้าซ้ายก้าวหน้าเท้าขวา มือซ้ายล่อแก้วงอแขนระดับ สะเอว ม้วนข้อมือ มือขวาส่งจีบหลัง เอียงศีรษะทางขวา ๒. ให้เป็นบ้า เบี่ยงตัวทางขวา ก้าวหน้าเท้าซ้าย มือขวาชี้ตะหวัดนิ้วหักข้อมือ มือซ้ายส่งจีบ หลัง เอียงศีรษะทางซ้าย ๓. ระอาเจ้าแม่ เบี่ยงตัวทางซ้าย เท้าขวาก้าวหน้า มือขวาจีบหงายงอแขนระดับอก มือซ้ายตั้ง วงกลาง เอียงศีรษะทางขวา ๔. ศรีเอย ยืดตัวขึ้น เท้าซ้ายก้าวไขว้กลับมือซ้ายเป็นจีบหงายงอแขนระดับอก มือขวาส่งจีบ หลัง เอียงศีรษะทางซ้าย หมายเหตุ ช่วงดนตรีรับซ้ำท่ารำ เดินย่ำเท้าตามจังหวะเพลงปฏิบัติมือลักษณะเดิมเดินย่ำเท้าลงหลังเวที ๔ จังหวะ จังหวะที่ ๕ หมุนตัวทางขวาเดินขึ้นหน้าเวที จังหวะสุดท้ายก้าวหน้าเท้าซ้ายดึงมือขวามาแตะ ข้างแก้ม มือซ้ายส่งจีบหลัง พร้อมก้าวไขว้เท้าขวา
34 ๒๒. ท่าดนตรีรับ ภาพที่ 22 ท่าดนตรีรับช่วงที่ ๓ ของฉุยฉายเบญกาย อธิบายท่ารำ ๑. จังหวะที่ ๑ ถอนเท้าขวา ก้าวข้างเท้าซ้าย มือขวาตั้งวงบน มือซ้ายจีบหงายชายพก เอียงศีรษะทางซ้าย ๒. จังหวะที่ ๒ ยืดยุบวิ่งซอยเท้าหมุนตัวผ่านหลังเวทีมาหน้าตรง ๓. จังหวะที่ ๓ ถอนเท้าซ้าย ประเท้าขวา มือทั้งสองจีบหงายงอแขนระดับอก เอียงศีรษะ ทางซ้าย ๔. จังหวะที่ ๔ ก้าวหน้าเท้าขวา มือซ้ายปล่อยจีบเป็นตั้งวงบน มือขวาปล่อยจีบเหยียดแขน ตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางขวา ๕. จังหวะที่ ๕ ยักตัวตามจังหวะเพลงจนหมดจังหวะ
35 ๒๓. ท่าอรชรอ้อนแอ้น ภาพที่ 23 ท่าอรชรอ้อนแอ้น การปฏิบัติ ๑. อรชร ปฏิบัติท่าต่อเนื่อง แต่ใช้การยักตัวมาทางซ้าย งอแขนซ้ายเข้าหาสะเอว พร้อมกับ เหยียดแขนขวาตึงระดับไหล่ ลักคอขวา ๒. เอย ปฏิบัติท่าต่อเนื่อง ยักตัวมาทางขวา งอแขนขวาเข้าหาสะเอว พร้อมกับเหยียดแขน ซ้ายตึงระดับไหล่ ลักคอซ้าย ๓. อรชร ปฏิบัติท่าต่อเนื่อง ยักตัวมาทางขวา งอแขนขวาเข้าหาสะเอว พร้อมกับเหยียดแขน ซ้ายตึงระดับไหล่ ลักคอซ้าย ๔. อ้อนแอ้น ปฏิบัติท่าต่อเนื่อง ยักตัวมาทางขวา งอแขนขวาเข้าหาสะเอว พร้อมกับเหยียด แขนซ้ายตึงระดับไหล่ ลักคอซ้าย
36 ๒๔. ท่าเอวขาแขนแมนแม้นเหมือนกินรี ภาพที่ 24 ท่าเอวขาแขนแมนแม้นเหมือนกินรี การปฏิบัติ ๑. เอวขา เบี่ยงตัวทางขวา เท้าซ้ายยกหน้า มือทั้งสองม้วนมือจีบคว่ำปล่อยมือจับสะเอว เอียง ศีรษะทางซ้าย ๒. แขนแมน ถอนเท้าซ้ายเบี่ยงตัวทางขวา ยกหน้าเท้าขวา มือทั้งสองจีบหงายแขนตึงระดับอก เอียงศีรษะทางขวา ๓. แม้นเหมือน เบี่ยงตัวทางขวา เท้าขวาวางหลัง ยกหน้าเท้าซ้าย มือทั้งสองส่งจีบหลัง เอียง ศีรษะทางขวา ๔. กินรีก้าวหน้าเท้าซ้าย มือทั้งสองปล่อยเป็นตั้งวงกลางซอยเท้าหมุนทางซ้ายผ่านหน้าเวที
37 ๒๕. ท่าดนตรีรับ ภาพที่ 25 ท่าดนตรีรับช่วงที่ ๔ ของฉุยฉายเบญกาย การปฏิบัติ ๑. จังหวะที่ ๑ เบี่ยงตัวทางขวา ประเท้าขวา มือขวาจีบคว่ำงอแขนระดับสะเอว มือ ซ้ายแบแบลาดงอแขนระดับสะเอว มือซ้ายตั้งวงกลาง เอียงศีรษะทางซ้าย ๒. จังหวะที่ ๒ ก้าวหน้าเท้าขวา มือขวายกเป็นจีบปรกข้าง มือซ้ายตั้งวงล่างเอียงศีรษะ ทางขวา ๓. จังหวะที่ ๓ เหยียบหลังเท้าซ้าย มือปฏิบัติเช่นเดียวกับจังหวะที่ ๒ ๔. จังหวะที่ ๔ ก้าวหน้าเท้าขวา มือขวาม้วนมือจีบปล่อยเป็นตั้งวงบน มือซ้ายกลับข้อมือ เป็นจีบหงายชายพก หมายเหตุ ปฏิบัติการก้าวเดินในจังหวะที่ ๒ และ ๔ ต่อเนื่องตามจังหวะเพลง พร้อมกับค่อย ๆ หมุนตัว ผ่านหน้าเวทีมาเบี่ยงตัวทางซ้าย จังหวะสุดท้ายของท่อนเพลงรับ จะต้องก้าวหน้าเท้าขวา กระดกเท้าซ้าย มือขวาม้วนมือจีบปล่อยเป็นตั้งวงบน มือซ้ายจีบหงายชายพก เอียงศีรษะทางขวา
38 ๒๖. ท่าระทวยนวยนาดวิลาสจรลี ภาพที่ 26 ท่าระทวยนวยนาดวิลาสจรลี การปฏิบัติ ๑. ระทวย เท้าขวาก้าวไขว้ ขยั่นเท้าเลื่อนตัวไปทางซ้าย มือทั้งสองจีบแล้วปล่อยเป็นมือขวาตั้ง วงบน มือซ้ายตั้งวงล่าง เอียงศีรษะทางขวา ๒. นวยนาด เท้าซ้ายก้าวไขว้ ขยั่นเท้าเลื่อนตัวไปทางขวา มือทั้งสองจีบแล้วปล่อยเป็นมือซ้าย ตั้งวงบน มือขวาตั้งวงล่าง เอียงศีรษะทางซ้าย ๓. วิลาส กระทุ้งเท้าขวา มือซ้ายจีบหงายแขนตึงระดับไหล่ มือขวาตั้งวงบน เอียงศีรษะทางขวา ๒. จรลี ก้าวหน้าเท้าขวา ม้วนจีบมือซ้ายปล่อยมือเป็นตั้งวงบน มือขวาส่งจีบหลัง เอียงศีรษะ ทางซ้าย
39 ๒๗. ท่าขึ้นปราสาทมณีเฝ้าพระปิตุลาเอย ภาพที่ 27 ท่าขึ้นปราสาทมณีเฝ้าพระปิตุลาเอย การปฏิบัติ ๑. ขึ้นปราสาท ประเท้าซ้าย มือซ้ายตั้งวงหน้า มือขวาจีบคว่ำงอแขนระดับอก เอียงศีรษะ ทางซ้าย ๒. มณี ก้าวหน้าเท้าซ้าย มือขวาดึงมือจีบปล่อยเป็นตั้งวงบน มือซ้ายจีบส่งหลัง เอียงศีรษะ ทางขวา ๓. เฝ้าพระปิ ก้าวไขว้เท้าขวา มือทั้งสองพนมมือระดับไหล่ซ้าย เอียงศีรษะทางซ้าย ๔. ตุลาเอย กระดกเท้าซ้าย ดึงมือทั้งสองมาไหว้ระดับไหล่ซ้าย เอียงศีรษะทางซ้าย
40 ๒๘. ท่ารับ ภาพที่ 28 ท่ารับดนตรีช่วงที่ ๕ ของฉุยฉายเบญกาย การปฏิบัติ ๑. จังหวะที่ ๑ เบี่ยงตัวทางขวา ประเท้าซ้าย มือขวาจีบหงายงอแขนระดับสะเอว มือ ซ้ายตั้งวงกลาง เอียงศีรษะทางขวา ๒. จังหวะที่ ๒ ก้าวหน้าเท้าซ้าย มือขวาม้วนมือจีบปล่อยเป็นตั้งวงล่าง มือซ้ายกลับข้อมือเป็น แบลาดงอแขนระดับสะเอว เอียงศีรษะทางซ้าย ๓. จังหวะที่ ๓ เหยียบหลังเท้าขวา มือปฏิบัติเช่นเดียวกับจังหวะที่ ๒ ๔. จังหวะที่ ๔ ก้าวหน้าเท้าซ้าย มือซ้ายแทงมือเป็นตั้งวงกลาง มือขวากลับ ข้อมือปลายนิ้วชี้วง เอียงศีรษะทางซ้าย หมายเหตุ ปฏิบัติการก้าวเดินในจังหวะที่ ๒ และ ๔ ต่อเนื่องตามจังหวะเพลง พร้อมกับค่อย ๆ หมุนตัว ผ่านหน้าเวทีมาเบี่ยงตัวทางซ้าย จังหวะสุดท้ายของท่อนเพลงรับ จะต้องก้าวหน้าเท้าซ้าย กระดกเท้าขวา มือขวาส่งมือขึ้นเป็นท่าบัวชูฝัก มือซ้ายตั้งวงล่าง เอียงศีรษะทางซ้าย
41 ๒๙. ท่าดนตรีรับ ภาพที่ 29 ท่ารับดนตรีช่วงที่ ๖ ของฉุยฉายเบญกาย การปฏิบัติ ๑. จังหวะที่ ๑ ถอนเท้าขวา ก้าวข้างเท้าซ้าย มือขวาตั้งวงบน มือซ้ายจีบหงายชายพก เอียงศีรษะทางซ้าย ๒. จังหวะที่ ๒ ยืดยุบวิ่งซอยเท้าหมุนตัวผ่านหลังเวทีมาหน้าตรง ๓. จังหวะที่ ๓ ถอนเท้าซ้าย ประเท้าขวา มือซ้ายจีบคว่ำงอแขนระดับสะเอว มือขวาแบมือ ลาดปลายนิ้วชี้ลงงอแขนระดับสะเอว เอียงศีรษะทางซ้าย ๔. จังหวะที่ ๔ ก้าวหน้าเท้าขวา มือซ้ายปล่อยจีบส่งมือเป็นบัวชูฝัก มือขวากลับมือตั้งข้อมือ ปลายนิ้วชี้ขึ้นเหยียดแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางขวา ๕. จังหวะที่ ๕ ยักตัวตามจังหวะเพลงจนหมดจังหวะ
42 ๓๐. ท่าเพลงเร็ว ภาพที่30 ท่าเพลงเร็ว ของฉุยฉายเบญกาย การปฏิบัติ ๑. จังหวะที่ ๑ ย่ำถัดอยู่กับที่ ๓ จังหวะ มือขวาจีบคว่ำงอแขนระดับสะเอว มือซ้ายแบลาดงอ แขนระดับสะเอว เอียงศีรษะทางซ้าย ๒. จังหวะที่ ๒ ย่ำถัดเท้าเดินขึ้นด้านหน้าเวที ๔ จังหวะ พร้อมกับมือขวาส่งจีบปล่อยมือเป็นท่า บัวชูฝัก มือซ้ายกลับข้อมือปลายนิ้วชี้ขึ้นเหยียดแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางขวา
43 ๓. จังหวะที่ ๓ ย่ำถัดเท้าเดินลงหลังเวที ๔ จังหวะ พร้อมกับกดมือขวาเป็นตั้งวงหน้า มือซ้าย ส่งจีบหลัง เอียงศีรษะทางซ้าย หมุนตัวทางขวาผ่านหลังเวทีมาเบี่ยงตัวทางซ้าย ๔. จังหวะที่ ๔ ย่ำถัดอยู่กับที่ ๓ จังหวะ มือซ้ายจีบคว่ำงอแขนระดับสะเอว มือขวาแบลาดงอ แขนระดับสะเอว เอียงศีรษะทางขวา ๕. จังหวะที่ ๕ ย่ำถัดเท้าเดินขึ้นด้านหน้าเวที ๔ จังหวะ พร้อมกับมือซ้ายส่งจีบปล่อยมือเป็นท่า บัวชูฝัก มือขวากลับข้อมือปลายนิ้วชี้ขึ้นเหยียดแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางซ้าย ๖. จังหวะที่ ๖ ย่ำถัดเท้าเดินลงหลังเวที ๔ จังหวะ พร้อมกับกดมือขวาเป็นตั้งวงหน้า มือซ้าย ส่งจีบหลัง เอียงศีรษะทางขวา หมุนตัวทางซ้ายผ่านหลังเวที ๑ รอบมาหน้าตรง ๗. จังหวะที่ ๗ เดินถัดเท้าท่ารำส่ายแขนขึ้นหน้าเวที จังหวะสุดท้ายก่อนลงจังหวะ ก้าวหน้าเท้า ขวากดไหล่ซ้าย เอียงศีรษะทางซ้าย จากนั้นยืดตัวกลับแขน กลับมาเคาะจมูกเท้าซ้าย เอียงศีรษะทางขวา ๓๑. ท่าลา
44 ภาพที่ 31. ท่าลา การปฏิบัติ ท่าที่ ๑ ปฏิบัติ ๒ ขั้นตอน ดังนี้ ๑. จังหวะที่ ๑ เบี่ยงตัวทางขวากระดกเท้าซ้าย มือขวาจีบคว่ำงอแขนระดับสะเอว จากนั้นยกขึ้นปล่อยจีบเป็นบัวชูฝัก มือซ้ายตั้งวงล่าง เอียงศีรษะทางขวา(นับ ๑) ๒. จังหวะที่ ๒ เบี่ยงตัวทางซ้ายกระดกเท้าขวา มือขวาจีบคว่ำงอแขนระดับสะเอว จากนั้น ยกขึ้นปล่อยจีบเป็นบัวชูฝัก มือขวาตั้งวงล่าง เอียงศีรษะทางซ้าย (นับ ๒) ๓. จังหวะที่ ๓ เบี่ยงตัวทางขวากระดกเท้าซ้าย มือขวาจีบคว่ำงอแขนระดับ สะเอว จากนั้นปล่อยมือจีบเป็นแบลาดงอแขนระดับสะเอว เอียงศีรษะทางขวา (นับ ๓) ๔. จังหวะที่ ๔ เบี่ยงตัวทางซ้ายกระดกเท้าขวา มือซ้ายจีบคว่ำงอแขนระดับสะเอวจากนั้น ปล่อยมือจีบเป็นแบลาดงอแขนระดับสะเอว เอียงศีรษะทางซ้าย (นับ ๔) ๕. จังหวะที่ ๕ ประเท้าขวา มือซ้ายตั้งวงล่าง มือขวาล่อแก้วหงายฝ่ามือระดับสะเอว
45 เอียงศีรษะทางซ้าย จากนั้นก้าวหน้าเท้าขวา พร้อมกับยกมือขวามาเป็นมือล่อแก้วระดับวงบน มือซ้ายตั้ง วงล่าง เอียงศีรษะทางขวา(นับ ๕) ๖. จังหวะที่ ๖ ประเท้าซ้าย มือขวาตั้งวงล่าง มือซ้ายล่อแก้วหงายฝ่ามือระดับสะเอว เอียงศีรษะทางขวา จากนั้นก้าวหน้าเท้าซ้าย พร้อมกับยกมือซ้ายมาเป็นมือล่อแก้วระดับวงบนมือซ้ายตั้ง วงล่าง เอียงศีรษะทาวซ้าย (นับ ๖) ๗. เบี่ยงตัวทางขวาก้าวหน้าเท้าซ้าย ต่อด้วยก้าวข้างเท้าขวา มือซ้ายควักมือจีบคว่ำ มือ ขวาแบลาดงอแขนระดับสะเอว ย้อนตัวทางซ้าย เอียงศีรษะทางขวา ๘. จากนั้นย้อนตัวหนักขวา พร้อมกับดึงมือจีบปล่อยเป็นท่าบัวชูฝัก มือขวาพลิกมือ ปลายนิ้วชี้ขึ้นเหยียดแขนตึงระดับไหล่ เอียงศีรษะทางซ้าย ย้อนตัวหนักซ้าย พร้อมกับแทงข้อมือซ้ายเป็นวงบน มือขวาส่งจีบหลังแขนตึง เอียงศีรษะทางซ้าย ยืดยุบวิ่งซอยเท้ากลับหลังเวที
46 สรุป ฉุยฉายเบญกายเป็นชุดการแสดงรำเดี่ยวที่มีความงดงามลงตัวตามลีลาของนางกษัตริย์ที่นางยักษ์ สามารถแปลงกายได้สวยงาม การแสดงชุดนี้อยู่ในตับเรื่องรามเกียรติ์ ตอนนางลอย ซึ่งมีอยู่ ๒ ตอนคือ บั้นต้นหรือตับใหญ่ และบั้นปลายคือตับเล็ก โดยมีเนื้อความพอประมวลได้คือ ทศกัณฐ์ออกอุบายให้นาง เบญกายผู้เป็นหลานรับหน้าที่ตัดศึกโดยการแปลงตนเองเป็นนางสีดาที่ถูกตนเองลักพาตัวมาไว้ที่สวนขวัญ นางเบญกายไม่กล้าทัดทานด้วยเป็นหลานจึงได้เข้าไปแอบดูนางสีดาและได้แปลงร่างกายตนเองจนเหมือน จากนั้นก็ได้ทำตายลอยน้ำไปหน้าอาศรมของพระรามเพื่อให้พระรามเข้าใจผิดคิดว่านางสีดาตายแล้วจะได้ เลิกทัพกลับเมืองไป การแสดงชุดนี้มีบทร้องสองแบบคือ บทร้องฉุยฉาย และบทร้องแม่ศรีมีรูปแบบฉันท ลักษณ์ที่สมบูรณ์ดังที่ปรากฏข้างต้น ลักษณะการแต่งกาย ผู้แสดงจะแต่งกายแบบยืนเครื่องนางโดยการ แต่งกายตามแบบของนางสีดาคือสีเขียวแถบสีแดง สวมมงกุฎกษัตริย์ตรีเป็นเครื่องประดับศีรษะ มี ขั้นตอนการแต่งกายที่ประณีตงดงามโดยแบ่งเป็น ๒ ขั้นตอน คือ ขั้นตอนการเตรียมจีบชายพกของผ้า กับขั้นตอนการแต่งกาย ดังอธิบายรายละเอียดแล้วข้างต้น ท่ารำทั้งหมด ๓๑ ท่า ประกอบด้วย ท่ารัว ท่าป้องหน้า ท่าฉุยฉายเอย ท่าจะขึ้นไปเฝ้าเจ้า ก็กรีดกราย ท่าเยื้องย่างเจ้าช่างแปลงกาย ท่าให้ละเมียดละม้ายสีดานงลักษณ์ ท่าถึงพระรามเห็น ทรามวัย ท่าจะฉงนพระทัยให้อะเหลื่ออะหลัก ท่ารับ (ช่วงที่ ๑) ท่างามนักเอย ท่าใครเห็นพิมพ์พักตร์ ก็จะรักจะใคร่ ท่าหลับก็จะฝันครั้นตื่นก็จะคิด ท่าอยากจะเห็นอีกสักนิดให้ชื่นใจ ท่างามคมดุจคมศรชัย ท่าถูกนอกทะลุในให้เจ็บอุรา ท่ารับ (ช่วงที่ ๒) ท่าแม่ศรีรากษศรี ท่าแม่แปลงอินทรีย์เป็นแม่ศรีสีดา ท่ารับ (ท่าที่ ๓) ท่าทศพักตร์มาลักเห็นจะตื่นเต้นในวิญญา ท่าเหมือนล้อเล่นให้เป็นบ้าระอาเจ้าแม่ศรี เอย ท่าดนตรีรับ ท่าอรชรอ้อนแอ้น ท่าเอวขาแขนแมนแม้นเหมือนกินรี ท่าดนตรีรับ ท่าระทวยนวย นาดวิลาสจรลี ท่าขึ้นปราสาทมณีเฝ้าพระปิตุลาเอย ท่ารับ ท่าดนตรีรับ ท่าเพลงเร็ว ท่าท่าลา วิธีการร่ายรำมีลักษณะเดียวกับการรำเพลงฉุยฉายพราหมณ์ กล่าวคือมักเป็นการรำซ้ำท่าคือเมื่อ จบบทร้องจะรำซ้ำท่าในการบรรเลงปี่ซ้ำเนื้อเพลง นอกจากนี้เมื่อประมวลจากลักษณะท่ารำของทุกท่าที่ กล่าวสิ่งที่ผู้แสดงจะต้องปฏิบัติควบคู่กับการร่ายรำที่ถูกต้องแม่นยำนั่นคือ การใส่อารมณ์เพลงประกอบท่า รำเข้าไปด้วย เพื่อความมีอรรถรสขณะแสดงและสื่อผ่านท่ารำถึงผู้ชมจะเป็นเสน่ห์อย่างยิ่งดังที่ได้อธิบายไว้ ข้างต้น
47 คำถามทบทวน คำถามทบทวน แบบฝึกหัดที่ 1 เรื่อง ประวัติชุดการแสดง *************************************************************************** คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามและอธิบายตามสิ่งกำหนดให้ต่อไปนี้ (10 คะแนน) ๑. รําฉุยฉายเบญกายมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ตอบ ฉุยฉายเบญกายศิลปะการรําเดี่ยวทางการแสดงนาฏศิลป์ไทยชุดหนึ่ง อยู่ในตับเรื่องรามเกียรติ์ ตอนนางลอย บทร้องฉุยฉายเบญกายนี้ปรากฏอยู่ในบทคอนเสิร์ตพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรม วงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ (พจนีย์ กงตาล. ๒๕๔๓ :๙๒-๙๓) นางเบญกายบุตรีของ พิเภกกับนางตรีชาดาซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของทศกัณฐ์ ให้แปลงตัวเป็นนางสีดา นางเบญจกายรู้สึกอึด อัดใจแต่ขณะนั้นพิเภกถูกขับไล่ออกจากกรุงลงกานางก็หมดอํานาจวาสนา เมื่อทศกัณฐ์ต้องการตัดศึก และออกอุบายเช่นนั้นจึงจําเป็นต้องรับอาสาด้วยเกรงภัยที่จะตกแก่ตน แต่มีข้อแม้ว่าตนเองไม่เคยเห็น นางสีดาว่ามีรูปโฉมอย่างไร จึงทูลขออนุญาตไปแอบยลโฉมนางสีดาที่สวนขวัญท้ายกรุงลงกา ทศกัณฐ์ อนุญาตเมื่อแอบดูแล้วจึงได้แปลงตัวมาให้ทศกัณฐ์ตรวจตราดูอีกครั้ง ทศกัณฐ์จํานางเบญกายแปลง ไม่ได้คิดว่าเป็นนางสีดาจริงจึงได้เข้าเกี้ยวพาล นางเบญกายรู้สึก อึดอัดจึงได้แปลงตัวกลับทําให้ ทศกัณฐ์รู้สึกอับอายมาก
48 แบบฝึกหัดที่ 2 เรื่อง องค์ประกอบของการแสดง ********************************************************************** คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามและอธิบายตามสิ่งกำหนดให้ต่อไปนี้ (10 คะแนน) 2.องค์ประกอบของการแสดงชุดฉุยฉายเบญกายมีกี่ประเภทอะไรบ้าง ตอบ ๕ ประเภท ได้แก่ ดนตรีและบทร้อง เครื่องดนตรี เครื่องแต่งกาย โอกาสที่ใช้ในการแสดง ท่ารํา
49 แบบฝึกหัดที่ 3 เรื่อง ท่ารำ ********************************************************************** คำชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามและอธิบายตามสิ่งกำหนดให้ต่อไปนี้ (10 คะแนน) 1.การรําฉุยฉายเบญกายเป็นการรําประเภทใด ผู้แสดงต้องมีลักษณะอย่างไร ตอบ การรําฉุยฉายเบญกายเป็นการรําเดี่ยวที่อวดฝีมือของผู้แสดง ที่มีลีลาท่ารําอ่อนช้อยยงดงามตามแบบ แผนนาฏศิลป์ไทยและเป็นผู้ที่มีรูปร่างงดงาม นุ่มนวลสอดคล้องกับบทบาทที่ได้รับเนื่องจากเป็นการรํา เดี่ยว ดังนั้น ผู้รําจะต้องมีความแม่นยํา มีปฏิภาณไหวพริบและแสดงอารมณ์ได้สมบทบาทในการแสดงได้
50 แบบทดสอบก่อน - หลังเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระนาฏศิลป์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เรื่องรำเดี่ยวรำคู่ รหัสวิชา ............ เวลา 30 นาที คะแนน 10 คะแนน ********************************************************************************** คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดแล้วทำเครื่องหมาย (×) ลงในกระดาษคำตอบ 1. รำฉุยฉายเบญกาย เป็นชุดการแสดงรำเดี่ยว อยู่ในการแสดงอะไร ? ก.โขน ข.ระบำ ค.ฟ้อน ง.เบ็ดเตล็ด จ.ไม่มีข้อใดถูก ๒. รำฉุยฉายเบญกาย เป็นชุดการแสดงรำเดี่ยว อยู่ในเรื่องอะไร ? ก.ขุนช้างขุนแผน ข.อิเหนา ค.โนรา ง.รามเกียรติ์ จ.อุณรุท ๓. รำฉุยฉายเบญกาย เป็นชุดการแสดงรำเดี่ยว อยู่ในตอนอะไร ? ก.ตอนลมเหาะ ข.ตอนนางลอย ค.ตอนสืบมรรคา ง.ตอนจองถนน จ.ข้อ ก.และ ง. ๔. การแต่งกายของชุดการแสดง รำฉุยฉายเบญกาย แต่งกายแบบใด ก.ชุดยืนเครื่อง ข.ชุดบ้าน ค.ชุดพิธีการ ง.ชุดราตรีสโมสร จ.ชุดสากลนิยม ๕. ผู้ประพันธ์บทร้องประกอบการรำฉุยฉายเบญกาย คือใคร ก.สมเด็จพระสังฆราช ข.สมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ ค.พระยานัฏกานุรักษ์ ง.พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ จ.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ๖. เครื่องแต่งกายรำฉุยฉายเบญกายสวมศิราภรณ์ใด ก.ชฎา ข.รัดเกล้าเปลว ค.รัดเก้ายอด ง.มงกุฏนาง จ.ปันจุเหร็จ ๗. บุคคลใดเป็นผู้ถ่ายทอดท่ารำฉุยฉายเบญกาย ก.นางเฉลย ศุขะวณิช ข.ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี ค.ครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ) ง.ครูอาคม สายาคม จ.ครูลมุล ยมะคุปต์ ๘. วงดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดงชุดรำฉุยฉายเบญกาย คือข้อใด ก.วงปีพาทย์เครื่องห้า ข.วงปี่พาทย์เครื่องคู่ ค.วงปี่พาทย์ไม้นวม ง.วงลูกทุ่ง จ.วงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ ๙. นางเบญกายได้แปลงกายเป็นใคร ก.นางวันทอง ข.พลายงาม ค.ขุนแผน ง.พระราม จ.นางสีดา ๑๐. บาทแรกของเนื้อร้องฉุยฉายเบญกายคือ ก.จะเข้าไปเฝ้าเจ้าก็กรีดกราย ข.เอวขาแขนแมน ค.ฉุยฉายเอย ง.วิลาสจรลี จ.แม่ศรีรากษสี