ข้อเสนอเชิงนโยบาย แนวทางลดความเหลื่อมล ้าทางสังคม ตัดตอนความจนหยุดวังวนความยากจนข้ามรุ่น ส้านักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส้านักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 11
ค ำน ำ " ข้อเสนอเชิงนโยบำย " เป็นข้อเสนอที่ได้จำก กำรวิเครำะห์ สังเครำะห์องค์ควำมรู้จำกงำนวิจัย งำนวิชำกำรที่เกี่ยวข้องกับบริบทในพื้นที่ เพื่อเป็นข้อมูล เบื้ องต้นป ร ะก อบ ก ำ ร ตัด สินใ จใน ก ำ ร ก ำห น ด ทิศทำงกำรพัฒนำองค์กร กำรพัฒนำงำน รวมถึงกำร พัฒนำคุณภำพกำรปฏิบัติงำนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในพื้นที่ ทั้งในระดับจังหวัด และกลุ่มจังหวัดในพื้นที่รับผิดชอบ ของส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร 11 (จังหวัดตรัง พัทลุง สตูล สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส) ส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร 11 เ ล็งเห็น ถึงค ว ำม จ ำเป็นใน ก ำ รเต รียมค ว ำมพ ร้ อม ทั้งด้ำนขององค์ควำมรู้และควำมเข้ำใจของบุคลำกร เพื่อ รอง รับทิศท ำงก ำ รพัฒน ำง ำนด้ ำนก ำ รพัฒน ำสังคม ในทุกมิติให้พร้อมส ำหรับกำรปฏิบัติงำนเพื่อกำรพัฒนำใน ร ะ ดั บ พื้ น ที่ อ ย่ ำง มี ป ร ะ สิ ท ธิ ภ ำ พ ทั้ง ด้ ำ น ก ำ ร มี ส่วนร่วมของภำครัฐ ภำคประชำสังคม ภำคเอกชน ให้มี ประสิทธิภำพในกำรด ำเนินงำนตำมมติคณะรัฐมนตรี (Function Base) งำนตำมกฎหมำยนโยบำยของรัฐบำล หลักภำรกิจพื้นฐำนงำน เพื่อสรุปบทเรียนแนวทำงกำรสร้ำง กำรมีส่วนร่วมในกำรพัฒนำสังคมระดับพื้นที่ และพัฒนำเป็น ข้อเสนอเชิงนโยบำย และแนวทำงกำรขยำยผลกำร ด ำเนินงำนต่อไป “ ข้อเสนอเชิงนโยบำย ” ฉบับนี้จัดท ำขึ้นเพื่อปรับปรุง คุณภำพ ควำมเหมำะสม และขอบเขต กำรด ำเนินกำรในด้ำนต่ำง กเพื่อเสริมสร้ำงควำมเข้มแข็ง ให้แก่ระบบกำรเรียนรู้ตลอดชีวิตและควำมสำมำรถ ในกำรท ำงำน (employability) ของเด็กและเยำวชนไทย
บทสรุปผู้บริหำร ปัจจุบันปัญห ำสังคมด้ ำนก ำ รเปลี่ยนแปลงของโครงส ร้ ำงป ระช ำกร ก ำ รเปลี่ยนผ่ ำนสู่ยุคดิจิทัล กระแสโลก ำภิวัฒน์ กำรเปลี่ยนแปลงของสภำพภูมิอำกำศ กำรเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน (disruptions) ในระดับโลก กำรแพร่ระบำดของโรคโควิด-19 ท ำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัว ส่งผลให้เกิดปัญหำรำยได้ต่อหัว ปัญหำควำม ต้ องก ำ ร แ รงง ำนใ นต ล ำด แ รงง ำน ปัญห ำค่ ำค ร อง ชีพ ปัญห ำค ว ำมเห ลื่ อมล้ ำที่เพิ่มสูง ขึ้น ซึ่ง จ ะเห็น ได้ชัดเจนในรูปแบบกำรเรียนกำรสอนในระบบกำรศึกษำของไทย ควำมยำกจนและควำมเหลื่อมล้ ำนั้นแสดงให้เห็นถึง ควำมเสี่ยงและควำมเปรำะบำงที่ผู้ประสบปัญหำทำงสังคม กลุ่มคนยำกจนก ำลังเผชิญอยู่และมีควำมเสี่ยงที่จะส่งต่อ ควำมยำกจนนี้ให้กับเด็กและเยำวชนรุ่นหลัง ดังนั้นกำรขจัดควำมเปรำะบำงและควำมเหลื่อมล้ ำของสังคมจึงมีควำมจ ำเป็น อย่ำงมำกที่รัฐบำลชุดใหม่ควรให้ควำมสนใจและขับเคลื่อนกำรด ำเนินงำนอย่ำงใกล้ชิด โดยเฉพำะในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ ทำงสังคมมำกที่สุดจำกกำรเปลี่ยนแปลงดังกล่ำวคือ กลุ่มเด็กและเยำวชนรวมถึงวัยแรงงำน ซึ่งในปีพ.ศ. 2563 เป็นต้นมำ ประชำกรไทยเผชิญกับปัญหำกำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ตอกย้ ำควำมจริงด้ำนควำมเหลื่อมล้ ำทำง กำรศึกษำ ควำมเหลื่อมล้ ำทำงด้ำนทักษะฝีมือแรงงำนที่มีกำรปลดแรงงำนทักษะต่ ำหรือกึ่งทักษะออกจำกองค์กรเพื่อ ลดต้นทุนค่ำจ้ำงแรงงำน จำกสถำนกำรณ์ดังกล่ำวจึงท ำให้ประเทศไทยต้องมีวิสัยทัศน์ใหม่เกี่ยวกับระบบกำรศึกษำ กำรฝึกอบรมเพิ่มทักษะให้แก่เด็กและเยำวชนเพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยำวชนได้ปรับปรุงและพัฒนำทักษะ สมรรถนะ ควำมรู้ด้ำนดิจิทัล และเพื่อเสริมสร้ำงควำมยืดหยุ่นในกำรท ำงำน รวมถึงกำรเปิดโอกำสให้แก่เด็กและเยำวชน กลุ่มเปรำะบำง ให้สำมำรถรับมือกับควำมท้ำทำยในตลำดแรงงำนแห่งศตวรรษที่ 21 ที่ก ำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่ำงรวดเร็ว ได้ด้วยกำรปรับโครงสร้ำงของนโยบำยและระบบกำรบริหำรจัดกำรภำครัฐในมิติต่ำงก ภำยใต้แผนพัฒนำเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชำติฉบับที่ 13 ให้สำมำรถก้ำวข้ำมควำมท้ำทำยที่เป็นอุปสรรคต่อกำรบรรลุเป้ำหมำยตำมยุทธศำสตร์ชำติ ที่ต้องเร่งแก้ไขจุดอ่อนและข้อจ ำกัดของประเทศที่มีอยู่เดิม รวมทั้งเพิ่มศักยภำพในกำรรับมือกับควำมเสี่ยงส ำคัญที่มำจำก กำรเปลี่ยนแปลงของสังคมทั้งจำกภำยในและภำยนอก ตลอดจนกำรเสริมสร้ำงควำมสำมำรถในกำรสร้ำงสรรค์ประโยชน์ จำกโอกำสที่เกิดขึ้นได้อย่ำงเหมำะสมและทันท่วงทีพลิกโฉมประเทศไทยสู่ “สังคมก้ำวหน้ำ เศรษฐกิจสร้ำงมูลค่ำ อย่ำงยั่งยืน” ซึ่งหมำยถึงกำรสร้ำงกำรเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับโครงสร้ำง นโยบำย และกลไก เพื่อมุ่งเสริมสร้ำงสังคมที่ก้ำวทันพลวัตของโลก และเกื้อหนุนให้คนไทยมีโอกำสที่จะพัฒนำตนเองได้อย่ำงเต็มศักยภำพ พร้อมกับกำรยกระดับกิจกรรมกำรผลิตและกำรให้บริกำรให้สำมำรถสร้ำงมูลค่ำเพิ่มที่สูงขึ้น โดยอยู่บนพื้นฐำนของ ควำมยั่งยืนทำงสิ่งแวดล้อมตำมเป้ำหมำยหลักของกำรพัฒนำ 5 ประกำร ดังนี้
1. กำรปรับโครงสร้ำงภำคกำรผลิตและ บริกำรสู่เศรษฐกิจฐำนนวัตกรรม 2. กำรพัฒนำคนส ำหรับโลกยุคใหม่ 3. กำรมุ่งสู่สังคมแห่งโอกำสและควำมเป็นธรรม 4. กำรเปลี่ยนผ่ำนกำรผลิตและบริโภคไปสู่ ควำมยั่งยืน 5. กำรเสริมสร้ำงควำมสำมำรถของประเทศ ในกำรรับมือกับกำรเปลี่ยนแปลงและควำมเสี่ยง ภำยใต้บริบทโลกใหม่ นอกจำกนั้น แผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคม แห่งชำติฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) ยังก ำหนดให้ กำรพัฒนำทุนมนุษย์เป็นหนึ่งในปัจจัยส ำคัญที่จะท ำให้ เกิดกำรเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ซึ่งกำรจัดท ำ ข้อเสนอเชิงนโยบำยเล่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ประเมินผลกระทบของปัญหำควำมยำกจน ข้ำมรุ่นที่ส่งผลต่อคุณภำพชีวิตของประชำชนในพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำงซึ่งประกอบด้วย จังหวัดตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส 2. ให้ข้อเสนอแนะในกำรด ำเนินกำรและ เสนอทำงเลือกเชิงนโยบำยในกำรฟื้นฟูกลุ่มเป้ำหมำย คนจน กลุ่มเปรำะบำงในนิยำมของ พม. เพื่อไปสู่ เป้ำหมำยกำรพัฒนำที่ยั่งยืน 3. เพื่อให้กลุ่มเป้ำหมำย (เด็กและเยำวชน) หลุดพ้นจำกกำรส่งต่อควำมยำกจนข้ำมรุ่น ซึ่งรำยงำนฉบับนี้สะท้อนถึงนโยบำยที่มีผลต่อควำมเหลื่อม ล้ ำ และนโยบำยด้ำนกำรใช้จ่ำยของรัฐด้ำนสวัสดิกำรและ ด้ำนสังคม นโยบำยภำษี ที่ยังมิได้ใช้ประโยชน์ในกำรลด ควำมเหลื่อมล้ ำมำกเท่ำที่ควรเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนำ แล้วทั่วไป ระบบภำษีของประเทศไทยยังมีช่องว่ำงให้กิจกำร บำงประเภทเสียภำษีน้อยกว่ำควำมสำมำรถ ไม่ว่ำจะเป็น ภำษีที่เก็บบนฐำนทรัพย์สิน กำรหลีกเลี่ยงภำษีหลำก ประเภท ควำมไม่เท่ำเทียมด้ำนกำรเข้ำถึงโอกำสของ กลุ่มเป้ำหมำย เช่น วัยแรงงำนนอกระบบ เด็กและเยำวชนที่ อยู่ในครอบครัวผู้มีรำยได้น้อย รวมถึงผู้สูงอำยุที่อยู่ตำม ล ำพัง หน่วยงำนภำครัฐควรเรียนรู้จำกประสบกำรณ์ที่ผ่ำน มำและร่วมกันหำแนวทำงในกำรพัฒนำประเทศ พัฒนำ ก ำลังคน เพื่อดูแลประชำชนได้อย่ำงทั่วถึง โดยกำรจะ ก ำหนดนโยบำยควรค ำนึงถึงระบบสวัสดิกำรที่ดีระบบ สวัสดิกำรควรมีลักษณะเป็น “ กำรลงทุนทำงสังคม ” เช่น กำรลงทุนในเด็กและเยำวชน ให้เด็กและเยำวชนแสดงออก ทำงควำมคิดได้อย่ำงเสรีบนพื้นที่ปลอดภัย หรือมีส่วนร่วม ในกำรก ำหนดนโยบำยด้ำนเด็กและเยำวชน สะท้อนปัญหำ และข้อเท็จจริงของนโยบำยที่มีในปัจจุบัน นอกจำกนั้นยัง ควรประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรจัดท ำ ร ะบบ ฐ ำน ข้อมูลกล ำงที่ส ำม ำ ร ถค้นห ำ ข้อมูล ของ ทุกกระทรวงได้ในที่เดียว ตั้งคณะกรรมกำรทบทวนนิยำม ของกฎระเบียบ หรือกฎหมำยต่ำงก ให้ใช้ค ำนิยำมที่ได้ มำตรฐำนโดยมีค ำนิยำมกลำงที่ทุกกระทรวง หน่วยงำนใช้ ร่วมกัน และข้อมูลในฐำนระบบดังกล่ำวจะต้องมีกำรอัพเดท ให้ทันต่อสถำนกำรณ์และเป็นปัจจุบัน
รำยงำนฉบับนี้ได้น ำเสนอรูปธรรมของนโยบำย ประเภทดังกล่ำวที่มีควำมเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้ำหมำยเด็ก และเยำวชน ที่อยู่ในครอบครัวยำกจนหรือกลุ่มผู้มีรำยได้ น้อยซึ่งนโยบำยที่เป็นรูปธรรมเหล่ำนี้สำมำรถน ำไปพัฒนำ เป็นกำรก ำหนดนโยบำยกำรท ำงำนของกระทรวงกำร พัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์ในอนำคต แต่ข้อเสนอเชิงนโยบำยต่ำง ก เหล่ำนี้จะไม่มีประโยชน์ หำกไม่มีกำรขับเคลื่อนที่เหมำะสมกับบริบทของประเทศ ไทยที่ค ำนึงถึงค่ำนิยมและทัศนคติของคนในสังคมต่อ “กำรเติบโตแบบทั่วถึง” หรือแนวทำงกำรลดควำมเหลื่อม ล้ ำที่เป็นไปได้ เช่น กำรเปลี่ยนทัศนคติหรือมุมมองของ กลุ่มคนรำกหญ้ำด้วยกำรสื่อสำรกับกลุ่มรำกหญ้ำให้เข้ำใจ และเข้ำถึงกำรเสียโอกำสในกำรเข้ำถึงระบบสวัสดิกำร แบบถ้วนหน้ำหำกยังมุ่งหวังแค่นโยบำยแบบประชำนิยมที่ ประชำกรบำงกลุ่มเท่ำนั้นที่ได้รับประโยชน์ ท ำควำมเข้ำใจ กับกลุ่มคนชั้นกลำงว่ำกำรช่วยเหลือกลุ่มคนจนนั้นไม่ใช่ ภำระที่ตนต้องรับผิดชอบ เนื่องจำกหำกรัฐส่งเสริมกลุ่มคน จนให้ขึ้นมำเป็นกลุ่มชนชั้นกลำงได้กลุ่มคนเหล่ำนั้นจะเป็น ผู้ร่วมเสียภำษีเข้ำสู่รัฐ เพื่อน ำไปพัฒนำระบบโครงสร้ำง ทำงสังคมที่เข้มแข็งต่อไป ประเทศไทยต้องกล้ำยอมรับควำมจริงและเผชิญ กับควำมท้ำทำยที่จะก ำหนดนโยบำยและจัดสวัสดิกำรทำง สังคมให้เกิดผลดังนี้ 1. รวดเร็ว ทั่วถึง และครบถ้วน 2. ลดควำมเหลื่อมล้ ำได้จริงและสำมำรถวัดผลใน เชิงประจักษ์ 3. กำรพัฒนำเศรษฐกิจต้องมีกำรขยำยตัวพร้อม กับกำรลดควำมเหลื่อมล้ ำ 4. ให้ควำมส ำคัญกับกำรลงทุนด้ำนสังคม 5. ปฏิรูประบบกำรบริหำรจัดกำรภำครัฐ 6. ให้ควำมส ำคัญกับรัฐสวัสดิกำร
สำรบัญ หน้ำ ค ำน ำ บทสรุปผู้บริหำร บทน ำ 1 ประเด็นกำรเปลี่ยนแปลงและควำมท้ำทำยของสังคมไทยกับชำยแดนใต้ 4 ภำพรวมควำมยำกจนในประเทศไทยกับ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง 14 ควำมยำกจนกับควำมยำกจนข้ำมรุ่น 18 กฎหมำยและนโยบำยในกำรแก้ไขปัญหำ 23 ผลกระทบของควำมยำกจนที่ส่งผลต่อเด็กและเยำวชน 28 ปัญหำโควิด 19 ส่งผลต่อกำรศึกษำของเด็กและเยำวชน 31 สิทธิประโยชน์ด้ำนสวัสดิกำรสังคมส ำหรับเด็กและเยำวชน 32 หลุดกับดักยำกจนข้ำมรุ่นด้วยควำมเสมอภำค “รัฐสวัสดิกำร” 39 รัฐสวัสดิกำรในโลกตะวันตกและตะวันออก 40 รูปแบบรัฐสวัสดิกำรที่แตกต่ำงกันของโลกตะวันออกและโลกตะวันตก 41 ตัวอย่ำง “Nodic Model” รัฐสวัสดิกำรในกลุ่มประเทศนอร์ดิก 42 จำกเกิดจนตำย...กับสวัสดิกำรรัฐของประเทศไทย 43 วิธีกำรแก้ไขปัญหำควำมยำกจนอย่ำงเบ็ดเสร็จและแม่นย ำเพื่อให้หลุดพ้นจำกวงจรควำมจน 44 เป้ำหมำยกำรแก้ไขปัญหำควำมยำกจนอย่ำงเบ็ดเสร็จและแม่นย ำ 45 เส้นทำงขจัดควำมจนอย่ำงตรงจุดควบคู่กับกำรพัฒนำเชิงพื้นที่ 46 ข้อเสนอแนะระดับนโยบำยและระดับปฏิบัติในประเด็นที่มีควำมเกี่ยวข้องกับกระทรวง พม. 47 ข้อเสนอแนะระดับนโยบำยที่มีควำมเกี่ยวข้องกับหน่วยงำนอื่นก 51 เอกสำรอ้ำงอิง
1 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) บทน ำ จำกกำรวิเครำะห์ข้อมูลเชิงสถิติโดยอ้ำงอิง ข้อมูลจำกรำยงำนสถำนกำรณ์ทำงสังคมในพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส กำรจัด ประชุมสมัชชำสวัสดิกำรสังคม 14 จังหวัดภำคใต้ กำรจัดงำนเวทีวิชำกำรแลกเปลี่ยนองค์ควำมรู้ใน พื้นที่ 14 จังหวัดภำคใต้ และรำยงำนวิเครำะห์ สถำนกำรณ์ควำมยำกจนและควำมเหลื่อมล้ ำของ ประเทศไทยปี 2564 ของสภำพัฒนำเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชำติ พบว่ำบริบทพื้นที่ เป็นพื้นที่ที่มีกำร อำศัยอยู่ร่วมกันในเชิงพหุวัฒนธรรม กล่ำวคือเป็น พื้นที่ที่มีชำวไทยพุทธ ชำวไทยมุสลิม และชำวจีน อำศัยอยู่ร่วมกัน ประชำกรส่วนใหญ่ประกอบอำชีพ เกษตรกรรม เช่น กำรท ำสวนยำงพำรำ สวนปำล์ม น้ ำมัน กำรเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ และกำรท ำประมง ถึงแม้อำชีพดังกล่ำวจะสำมำรถสร้ำงรำยได้หลัก ให้กับประชำกรในพื้นที่ แต่รำคำผลผลิตทำง กำรเกษตรมีกำรปรับตัวขึ้นลงตำมฤดูกำล ท ำให้ รำยได้เกิดควำมไม่แน่นอน จึงท ำให้ประชำกรใน พื้นที่มีควำมยำกจนบำงช่วงฤดูกำล อีกทั้งยังพบว่ำ ภำคใต้มีปัญหำควำมยำกจนรุนแรงที่สุด โดยจังหวัด ที่มีสัดส่ วนคนจนสูงที่สุดห รือมีคว ำมย ำกจน หนำแน่นสูงที่สุดในช่วงปี 2543 – 2564 (21 ปี) คือ จังหวัดปัตตำนีโดยติดอันดับ 10 จังหวัดที่มีสัดส่วน คนจนสูงที่สุดหรือมีควำมยำกจนหนำแน่นสูงที่สุด (16 ปี ติดต่อกัน 2549-2564) จังหวัดนรำธิวำส 14 ปี จังหวัดยะลำ 6 ปี จังหวัดพัทลุง 2 ปี ตำมล ำดับ ดังนั้นส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร 11 จึงเล็งเห็นว่ำกำรจัดกำรควำมยำกจนเป็นประเด็น ปัญหำเร่งด่วนในกำรจัดท ำข้อเสนอเชิงนโยบำย เสนอต่อกระทรวง พม. เพื่อแก้ไขปัญหำด้ำนสังคม ให้แก่คนทุกช่วงวัย โดยในปีงบประมำณ 2566 นี้ กลุ่มเป้ำหมำยหลักในกำรพัฒนำศักยภำพได้แก่ กลุ่ม เด็กและเยำวชน ซึ่งเป็นกลุ่มวัยแรกเริ่มที่จะเติมโต ไปสู่ วัยแรงงำน วัยผู้สูงอำยุที่มีคุณภำพต่อไป ปัญหำควำมยำกจนเป็นปัญหำที่อยู่คู่กับ คนไทยและประเทศไทยมำเป็นระยะเวลำนำนและ ยังเป็นปัญหำที่ถูกส่งต่อไปยังคนรุ่นลูก หลำน ได้ง่ำย กว่ำปัญหำอื่นก มีกำรส่งต่อหนี้สินครัวเรือน ขำดกำร มีคุณภำพชีวิตที่ดีในด้ำนต่ำงก ไม่ว่ำจะเป็นด้ำน กำรศึกษำ สุขภำพ ที่อยู่อำศัย กำรมีงำนท ำ และ กำรเข้ำถึงสวัสดิกำร จึงท ำให้กลุ่มคนรุ่นหลังต้อง แบกรับภำระปัญหำ ภำวะพึ่งพิง หรือที่เรียกอีกอย่ำง ว่ำ ควำมยำกจนข้ำมรุ่นซึ่งหำกต้องกำรขจัดปัญหำ ควำมยำกจนข้ำมรุ่นนั้นมีควำมจ ำเป็นอย่ำงยิ่งที่ต้อง แก้ไขปัญหำเชิงระบบ
2 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) และเชิงโครงสร้ำงในระดับชำติ ซึ่งถึงแม้ว่ำทุกรัฐบำลที่ผ่ำนมำได้พยำยำมที่จะหำแนวทำงในกำรแก้ไขปัญหำ ควำมยำกจนของประชำชนโดยมีกำรสนับสนุนงบประมำณให้กับหน่วยงำนต่ำง ก ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ ด ำเนินกำรขจัดปัญหำควำมยำกจนให้ครอบคลุมทั่วถึงทั้งประเทศ ช่วยลดปริมำณครัวเรือนยำกจนลงได้ แต่ รูปแบบในกำรบริหำรจัดกำรทั้งแผนงำน โครงกำรงบประมำณ และหน่วยงำนยังคงเป็นไปแบบแยกด ำเนินกำร ต่ำงคนต่ำงปฏิบัติหน้ำที่ หรืออำจเรียกได้ว่ำต่ำงคนต่ำงท ำ จึงท ำให้กำรด ำเนินงำนขจัดควำมยำกจนขำดพลัง กำรขับเคลื่อนในกำรแก้ไขปัญหำ และประชำชนยังคงไม่ได้รับควำมช่วยเหลือในกำรแก้ไขปัญหำควำมยำกจน ได้อย่ำงเต็มที่ กระทรวงกำรพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์ มีภำรกิจเกี่ยวข้องกับยุทธศำสตร์ที่ 4 ยุทธศำสตร์ด้ำนกำรสร้ำงโอกำสและควำมเสมอภำคทำงสังคม แผนพัฒนำฯ ฉบับที่ 13 ในหมุดหมำยที่ 9 ไทย มีควำมยำกจนข้ำมรุ่นลดลง และมีควำมคุ้มครองทำงสังคมที่เพียงพอเหมำะสม แผนปฏิรูปประเทศด้ำนสังคม กิจกรรม ปฏิรูปที่ 2 ผลักดันให้มีฐำนข้อมูลทำงสังคมและคลังควำมรู้ในระดับพื้นที่เพื่อให้สำมำรถจัดสวัสดิกำร และสร้ำงโอกำสในกำรประกอบอำชีพที่ตรงตำมควำมต้องกำรของกลุ่มเป้ำหมำย ส ำนักงำนส่งเสริมและ สนับสนุนวิชำกำร 11 เป็นหน่วยงำนส่วนกลำงที่ตั้งอยู่ในภูมิภำคดูแลพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง ซึ่ง ประกอบด้วย จังหวัดตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส มีวิสัยทัศน์คือ "ศูนย์กลำงวิชำกำรด้ำน กำรพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์ในระดับพื้นที่ และมีพันธกิจดังนี้ 1. บูรณำกำรงำนพัฒนำสังคมเพื่อจัดวำงยุทธศำสตร์เชิงพื้นที่ 2. ส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำรพัฒนำสังคมให้กับทุกภำคส่วน 3. ศึกษำวิจัยและพัฒนำวิชำกำรด้ำนกำรพัฒนำสังคม 4. ติดตำมและประเมินผลเชิงนโยบำยและกำรบริหำรเชิงยุทธศำสตร์ในระดับพื้นที่ 5. พัฒนำหน่วยงำนเป็นองค์กรแห่งกำรเรียนรู้ ดังนั้นส ำนักงำนส่งเสริมและสนับสนุนวิชำกำร 11 จึงมีแนวคิดในกำรสนับสนุนให้มีกำรจัดท ำข้อมูลคน จนข้ำมรุ่นโดยแยกประเภทกลุ่มดังกล่ำวจำกฐำนข้อมูลกลุ่มเปรำะบำงรำยครัวเรือน (MSO-Logbook) และ ติดตำมกำรช่วยเหลือในกำรแก้ปัญหำควำมยำกจน รวมถึงกำรติดตำมวิเครำะห์ และหนุนเสริมกลไกกำรพัฒนำ เชิงพื้นที่ สังเครำะห์ข้อมูลพื้นที่ระดับครัวเรือน เพื่อเพิ่มประสิทธิภำพกำรช่วยเหลือกลุ่มครัวเรือนยำกจนที่ไม่ สำมำรถช่วยเหลือตัวเองได้ให้สำมำรถเข้ำถึงสวัสดิกำรอย่ำงครอบคลุม รวมถึงหำแนวทำงในกำรพัฒนำส่งเสริม ศักยภำพครัวเรือนที่ยำกจนในกำรพึ่งพำตนเองและปรับตัวให้เท่ำทันกำรเปลี่ยนแปลง
3 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) วัตถุประสงค์ 1. ประเมินผลกระทบของปัญหำควำมยำกจน ข้ำมรุ่นที่ส่งผลต่อคุณภำพชีวิตของประชำชนในพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำงซึ่งประกอบด้วย จังหวัด ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส 2. ให้ข้อเสนอแนะในกำรด ำเนินกำรและเสนอ ทำงเลือกเชิงนโยบำยในกำรฟื้นฟูกลุ่มเป้ำหมำยคน จน กลุ่มเปรำะบำงในนิยำมของ พม. เพื่อไปสู่ เป้ำหมำยกำรพัฒนำที่ยั่งยืน 3. เพื่อให้กลุ่มเป้ำหมำย (เด็กและเยำวชน) หลุดพ้นจำกกำรส่งต่อควำมยำกจนข้ำมรุ่น วิธีการศึกษา รำยงำนฉบับนี้เป็นกำรสังเครำะห์ข้อมูลจำก รำยงำนสถำนกำรณ์ทำงสังคมในพื้นที่ 7 จังหวัด ภำคใต้ตอนล่ำง ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส กำรจัด ประชุมสมัชชำสวัสดิกำรสังคม 14 จังหวัดภำคใต้ กำรจัดงำนเวทีวิชำกำรแลกเปลี่ยนองค์ควำมรู้ใน พื้นที่ 14 จังหวัดภำคใต้ และรำยงำนวิเครำะห์ สถำนกำรณ์ควำมยำกจนและควำมเหลื่อมล้ ำของ ประเทศไทยปี 2564 ของสภำพัฒนำเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชำติวำรสำรสังคมศำสตร์เพื่อกำรพัฒนำ ท้องถิ่น มหำวิทยำลัยรำชภัฏมหำสำรคำม รำยงำน วิจัย เอกสำรวิชำกำรโดยสถำบันพระปกเกล้ำ และ ผลงำนวิจัย ผลงำนทำงวิชำกำรของหน่วยงำนภำครัฐ บทควำมทำงวิชำกำรของกองทุนเพื่อควำมเสมอภำค ทำงกำรศึกษำ (กสศ.) สถำบันวิจัยเพื่อกำรพัฒนำ ประเทศไทย (TDRI) มหำวิทยำลัยอื่นก องค์กำร ระหว่ำงประเทศ UNICEF Thailand และเอกสำร บทควำมอื่นก ซึ่งปรำกฏในรำยกำรเอกสำรอ้ำงอิง
4 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ประเด็นกำรเปลี่ยนแปลงและควำม ท้ำทำยของสังคมไทยกับชำยแดนใต้ เศรษฐกิจกับสภำวะเงินเฟ้อ กำรเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ควำมเหลื่อมล้ ำของสังคม เหตุกำรณ์ควำมรุนแรงในพื้นที่ชำยแดนใต้ ควำมขัดแย้งแห่งช่วงวัย
5 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ส ำนักงำนนโยบำยและยุทธศำสตร์กำรค้ำ กระทรวงพำณิชย์ และสถำบันวิจัยเพื่อกำรพัฒนำ ประเทศไทย(TDRI) ให้ข้อมูลเศรษฐกิจไทยและ สภำวะเงินเฟ้อว่ำ เศรษฐกิจไทย ปี 2566 จะเผชิญ กับ “แรงลมต้ำน” จำกภำวะเศรษฐกิจถดถอยใน หลำยประเทศ ควำมขัดแย้งในภูมิรัฐศำสตร์ ปัญหำ เงินเฟ้อและกำรเพิ่มขึ้นของอัตรำดอกเบี้ยในโลก อัตรำเงินเฟ้อทั่วไปของประเทศไทยสูงขึ้นร้อยละ 3.79 โดยสำเหตุส ำคัญมำจำกกำรชะลอตัวของรำคำ น้ ำมันเชื้อเพลิง อำหำรบำงประเภท โดยเฉพำะ อำหำรส ำเร็จรูป และอำหำรสด ประกอบกับฐำน รำคำที่ใช้ค ำนวณเงินเฟ้อในปี 2565 อยู่ในระดับสูงมี ส่วนท ำให้เงินเฟ้อขยำยตัวไม่มำกนักซึ่งปัจจุบันเงิน เฟ้อไทยต่ ำเป็นอันดับที่ 29 และยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจำกอุปทำนที่ตึงตัว โดยหำกรัสเซียหรือยูเครน ยกระดับกำรตอบโต้ในสงครำมก็อำจกดดันให้รำคำ พลังงำนสูงขึ้นอีกครั้ง นอกจำกนี้สถำนกำรณ์ กำรเมืองในประเทศจีนและควำมขัดแย้งในภูมิ รัฐศำสตร์ ท ำให้บริษัทต่ำงชำติในประเทศจีนจ ำนวน มำกต้องย้ำยฐำนกำรผลิตออกจำกจีน โดยส่วนหนึ่ง ย้ำยมำยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพำะเวียดนำมและประเทศไทย ซึ่งอุตสำหกรรม ที่ย้ำยมำลงทุนในประเทศไทยจ ำนวนมำกอยู่ในภำค เทคโนโลยีชั้นสูง เช่น ยำนยนต์และชิ้นส่วน รวมถึง รถยนต์ไฟฟ้ำ อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี ตลอดจน เทคโนโลยีสำรสนเทศและศูนย์ข้อมูล (data center) ดังนั้นประเทศไทยควรใช้ประโยชน์จำกควำม แข็งแกร่งในฐำนะผู้ให้บริกำรโครงสร้ำงพื้นฐำน ดิจิทัลชั้นน ำในภูมิภำคอำเซียน รวมถึงฐำนกำรผลิต ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคำร์บอนต่ ำ เพื่อดึงดูด กำรลงทุนจำกต่ำงประเทศให้มำกขึ้น และกลำยเป็น แรงลมหนุนที่ส ำคัญของเศรษฐกิจไทย เหล่ำนี้เป็น โจทย์ส ำคัญส ำหรับรัฐบำลไทยในปี 2566 ที่จะเข้ำ มำรับหน้ำที่รัฐบำลชุดใหม่ในกำรบริหำรประเทศว่ำ จะท ำอย่ำงไรให้เศรษฐกิจไทยพัฒนำไปพร้อมกกำร พัฒนำคุณภำพชีวิตคนไทยและลดควำมเหลื่อมล้ ำใน สังคมไทยลง ซึ่งจำกกำรจัดอันดับดัชนีควำมก้ำวหน้ำ ทำงสังคม (Social Progress Index -SPI) ปี 2020ที่ จัดท ำโดย Social Progress Imperative องค์กรสัญชำติ อเมริกันที่ท ำวิจัยด้ำนคุณภำพชีวิตของแต่ละประเทศ โดยมีกำรจัดอันดับคุณภำพชีวิตของคนไทยซึ่งพบว่ำ คุณภำพชีวิตของคนไทยอยู่ในอันดับที่ 79 จำก ทั้งหมด 163 ประเทศ โดยกำรจัดอันดับ SPI ครั้งนี้ มำจำกกำรประเมินตัวชี้วัดด้ำนสังคมและสิ่งแวดล้อม มำกถึง 12 หัวข้อ รวม 50 ปัจจัย ซึ่งครอบคลุม 3 มิติใหญ่ก ได้แก่ ควำมต้องกำรพื้นฐำนของมนุษย์ (Basic Human Needs) โครงสร้ำงพื้นฐำนเพื่อควำม เป็นอยู่ที่ดี (Foundation of Wellbeing) รวมถึง โอกำสทำงสังคม (Opportunity and Inclusiveness) โดยประเทศไทยได้รับคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 70.72 ซึ่ง เพิ่มสูงขึ้นจำก 67.47 ในปีที่ผ่ำนมำ และถ้ำเทียบกับ ประเทศในอำเซียนแล้ว ประเทศไทยจะอยู่ในอันดับ ที่ 3 เป็นรองจำกประเทศสิงคโปร์และมำเลเซีย โดย ปัจจัยทำงสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ประเทศไทยได้อันดับ สูงสุดแม้จะได้รับผลกระทบจำกวิกฤตโควิด-19 คือ 1. ปัจจัยด้ำนสุขภำพและอนำมัย อันดับที่ 43 ของโลก 2. ด้ำนโอกำสกำรเข้ำถึงกำรศึกษำขั้นสูง อันดับที่ 45 ของโลก 3. ด้ำนที่อยู่อำศัย อันดับที่ 74 ของโลก
6 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ข้อมูลจำกศูนย์ควำมรู้นโยบำยเด็ก (คิด for คิดส์) โดย 101 PUB – 101 Public Policy Think Tank และส ำนักสนับสนุนสุขภำวะเด็ก เยำวชน และครอบครัว สสส. จำกผลกำรส ำรวจเยำวชน ปี 2565 พบว่ำควำมเหมำะสมของที่อยู่อำศัยของ เยำวชนในภำพรวมและเยำวชนชำยแดนใต้ตำมที่ พวกเขำรับรู้ในพื้นที่ภำคใต้ไม่ทนต่อสภำพอำกำศ 19.3% ชำยแดนใต้ 28.4% สิ่งแวดล้อมโดยรอบ สกปรกผิดหลักสุขอนำมัยภำคใต้ 15.3% และ ชำยแดนใต้ 24.8% รวมถึงควำมไม่ปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สินภำคใต้ 9.7% และชำยแดนใต้ 18.0% นอกจำกนี้ที่อยู่อำศัยของเยำวชนชำยแดนใต้รำว 24.8% ยังไม่มีน้ ำประปำ ซึ่งสูงกว่ำครัวเรือน ทั่วประเทศที่เข้ำไม่ถึงน้ ำประปำเพียง 6.0% ทั้งนี้ 40.7% ของเยำวชนชำยแดนใต้ยังรำยงำนอีกว่ำไม่มี พื้นที่ส่วนตัวในบ้ำนของตัวเอง ซึ่งมำกกว่ำค่ำเฉลี่ย ทั่วไปกว่ำเท่ำตัว ปัจจัยสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ประเทศไทย ได้อันดับต่ ำสุด คือ 1. ปัจจัยด้ำนกำรเข้ำถึงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน 2. ปัจจัยควำมปลอดภัยและควำมมั่นคง 3. ปัจจัยด้ำนสิทธิและเสรีภำพส่วนบุคคล เมื่อกล่ำวถึงสิทธิเสรีภำพส่วนบุคคลคงปฏิเสธ ไม่ได้เลยว่ำเด็กและเยำวชนไทยออกมำแสดงออกทำง ควำมคิด ใช้สิทธิและเสรีภำพทำงกำรแสดงออกอย่ำง สันติวิธี แต่ในบำงครั้งกำรแสดงออกบำงอย่ำงอำจมี ผลต่อกำรบังคับใช้กฎหมำยของรัฐที่น ำไปสู่กำร วิพำกษ์วิจำรณ์ กำรตั้งค ำถำมถึงหลักสิทธิมนุษยธรรม หลักกำรปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมอย่ำงสำกล รวมถึงกำร บังคับใช้กฎหมำยบำงมำตรำที่ส่งผลถึงกำรลิดรอน สิทธิของผู้ชุมนุม กำรคัดค้ำนกำรประกันตัวของรัฐ ท ำให้เด็กและเยำวชนอำยุน้อยเสียโอกำสในกำรศึกษำ ในกำรต้องหำหลักฐำนมำเพื่อพิสูจน์ ยืนยันว่ำตน ไม่ได้เป็นผู้กระท ำผิดในกฎหมำยมำตรำดังกล่ำว ซึ่งควำมขัดแย้งในเรื่องนี้มีมำอย่ำงต่อเนื่องและ ยำวนำน ดังนั้นมีควำมจ ำเป็นอย่ำงยิ่งที่รัฐจะต้อง ทบทวน หำแนวทำง ทำงออก ร่วมกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือนักวิชำกำรที่จะสำมำรถเป็นตัวกลำงในกำรแก้ไข ปัญหำควำมขัดแย้งแห่งช่วงวัยที่เดือดระอุในทุก ภูมิภำคของไทย กล่ำวคือ ในขณะที่โลกเปลี่ยนแปลง อย่ำงรวดเร็วและเทคโนโลยีเกิดกำรพัฒนำอย่ำงก้ำว กระโดด คนจึงมีอำยุยืนยำวขึ้นต่อเนื่อง สถำบันวิจัยเพื่อกำรพัฒนำประเทศไทยชี้ว่ำ โลกมีคนหลำยรุ่นอำศัยอยู่รวมกันอย่ำงน้อย 6 รุ่น ท ำให้สังคมในปัจจุบันคนรุ่นใหม่จึงไม่ได้หมำยถึงแค่ คนหนุ่มสำว แต่หมำยควำมรวมถึงคนหลำยช่วงวัย หลำกหลำยเชื้อชำติ หลำกหลำยเพศ หลำกหลำย ควำมชอบ และหลำกหลำยฐำนะ ที่อยู่ร่วมกันใน สังคม ดังนั้นสังคมจึงเกิดควำมหลำกหลำยทำง ควำมคิด ควำมหลำกหลำยด้ำนพฤติกรรมกำรแสดงออก กำรสื่อสำร มนุษย์ทุกคนจึงควรให้เกียรติซึ่งกันและ กัน ควรเปิดใจรับฟังผู้อื ่น และท ำควำมเข้ำใจเขำ อย ่ำงจริงใจ แต่เมื่อสถำนกำรณ์ที่เกิดขึ้นแตกต่ำง ออกไป ต่ำงฝ่ำยต่ำงมีส่วนที่ไม่ยอมรับในควำมคิดที่ แตกต่ำงจึงท ำให้เกิดกระแสควำมคิดสุดโต่งที่คนรุ่น เก่ำนิยำมตีตรำคนรุ่นใหม่ว่ำควำมคิดเหล่ำนั้นท ำให้ เป็นควำมขัดแย้งระหว่ำงคนรุ่นใหม่กับรัฐและคนรุ่น ใหม่กับคนต่ำงรุ่น แต่อย่ำงไรเสียเรำจะสรุปได้อย่ำงไร ว่ำคนรุ่นใหม่มีควำมคิดสุดโต่งหรือคนรุ่นเก่ำล้ำหลัง ยึดติดกันแน่ ซึ่งจำกผลกำรวิจัยของรำยงำนฉบับ สมบูรณ์ (Final Report) โครงกำรศึกษำและพัฒนำ บุคลำกรสื่อด้ำน “สื่อสังคมยุคใหม่กับกำรเคลื่อนไหว ทำงสังคมในประเทศไทย” (ส ำนักงำน กสทช.) เป็น เหตุกำรณ์หรือสิ่งบ่งชี้ที่แสดงถึงควำมขัดแย้งระหว่ำง
7 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) รัฐกับประชำชนในสังคมไทย รวมถึงควำมขัดแย้ง ระหว ่ำงช ่วงวัย ยกตัวอย ่ำงเช ่น เหตุกำรณ์กำร ประท้วงของกลุ่มเด็กและเยำวชน “ม็อบนักเรียน เลว” Another Brick in the Wall เพลงประเทศ กูมี กำรแสดงออกทำงควำมคิดอย่ำงเสรีภำยใต้ เพจย้ำยประเทศกันเถอะ เหตุกำรณ์ดังกล่ำวข้ำงต้น บ่งบอกได้ถึงควำมคิด ควำมต้องกำรที่ต่ำงกันที่คน รุ่นใหม่มองว่ำกำรพัฒนำประเทศที่ผ่ำนมำไม่มี เสถียรภำพ ไม่เกิดควำมก้ำวหน้ำ ไม่มีควำมยุติธรรม กำรสะท้อนควำมต้องกำรที่แตกต่ำง กำรแสดงควำม คิดเห็นอย่ำงเสรีไม่มีอยู่จริง แต่ในขณะเดียวกัน คนรุ่นก่อนกมองกำรกระท ำของคนรุ่นใหม่ว่ำไร้สำระ ไม่มีเหตุผลเพียงพอ ก้ำวร้ำว ไม่มีระเบียบวินัย มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะก่อควำมไม่สงบและกระทบถึง ควำมมั่นคงต่อชำติ ศำสน์ กษัตริย์ ดังนั้นเมื่อ วิเครำะห์ถึงควำมขัดแย้งที่เกิดขึ้นมำอย่ำงต่อเนื่องนี้ ควบคู่ไปกับประเด็นที่เยำวชนและวัยแรงงำนเข้ำไป แลกเปลี่ยนหำแนวทำงในกำรออกนอกประเทศนั้น อำจเป็นสัญญำณเตือนภัยอีกประกำรที่สังคมไทย อำจจะต้องศูนย์เสียมันสมองและแรงงำนมีทักษะ ของชำติไป เพรำะฉะนั้นกำรมองหำแนวทำง และ ทำงออกร่วมกันจึงเป็นทำงออกที่ดีที่สุด ในส่วนของ 3 จังหวัดชำยแดนภำคใต้เด็กและ เยำวชนชำยแดนใต้เติบโตท่ำมกลำงควำมรู้สึก ไม่ปลอดภัย โดยย้อนไปตั้งแต่ในอดีตปมของควำม ขัดแย้งมีจุดก ำเนิดมำตั้งแต่ที่ดินแดนปำตำนีได้กลำย มำเป็นส่วนหนึ่งของสยำม และกำรรวมศูนย์อ ำนำจ เป็นกำรกลืนกินอัตลักษณ์มำเลย์มุสลิม อ้ำงอิงข้อมูล จำก BBC NEW ไทย วันที่ 13 ส.ค. 2564 กล่ำวถึง หนังสือเรื่อง "ควำมรุนแรงกับกำรจัดกำรควำมจริง : ปัตตำนีในรอบกึ่งศตวรรษ" โดย ชัยวัฒน์ สถำอำนันท์ แห่งชำติยุคนั้น ห้ำมไม่ให้ชำวมลำยูมุสลิมแต่งกำย ตำมวัฒนธรรมมลำยู ห้ำมไม่ให้ตั้งชื่อและห้ำมพูด ภำษำมลำยู ห้ำมนับถือศำสนำอิสลำม ทั้งยังปรำกฏ ค ำสั่งรำชกำรบังคับให้กรำบไหว้พระพุทธรูปในบำง พื้นที่ หรือกำรใช้กฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ว่ำด้วย มรดกและครอบครัวแทนที่กำรใช้กฎหมำยอิสลำมใน ศำลของสี่จังหวัดภำคใต้กำรกดขี่อัตลักษณ์ของชำว มลำยูหลำยประกำรน ำมำสู่ข้อร้องเรียนเรื่องควำมไม่ เป็นธรรมจำกรำษฎรในสี่จังหวัดอย่ำงกว้ำงขวำงท ำ ให้หะยีสุหลงในฐำนะประธำนคณะกรรมกำรอิสลำม ประจ ำจังหวัดปัตตำนีตัดสินใจยื่นข้อเสนอ 7 ประกำรต่อรัฐบำลพลเรือตรีถวัลย์ ธ ำรงนำวำสวัสดิ์ เมื่อวันที่ 3 เม.ย .2490ในขณะนั้น โดยข้อเสนอ 7 ประกำร ของหะยีสุหลงเพื่อกำรปกครองในสี่จังหวัด ภำคใต้มีดังนี้ 1. ขอให้มีกำรปกครอง ปัตตำนี สตูล ยะลำ และนรำธิวำส โดยผู้มีต ำแหน่งสูงสุดต้องเป็นมุสลิม ใน 4 จังหวัดนี้ โดยได้รับเลือกจำกชำวมุสลิมในพื้นที่ และมีอ ำนำจสูงสุดในกำรแต่งตั้งข้ำรำชกำร 2. ข้ำรำชกำรใน 4 จังหวัดให้มีชำวมลำยู 80% 3. ให้ใช้ภำษำมลำยูเป็นภำษำรำชกำรควบคู่ กับภำษำไทย 4. ให้มีกำรศึกษำภำษำมลำยูในโรงเรียนชั้น ประถม 5. แยกศำลศำสนำออกจำกศำลจังหวัดมี โต๊ะกำลีที่มีเสรีในกำรพิพำกษำชี้ขำดควำม 6. ผลประโยชน์ใด ก ทำงภำษีให้ใช้ใน 4 จังหวัดนี้ 7. ให้คณะกรรมกำรอิสลำมประจ ำจังหวัด มีเอกสิทธิ์ออกระเบียบเกี่ยวกับปฏิบัติกำรศำสนำ อิสลำม
8 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) แต่เมื่อข้อเสนอ 7 ประกำร ถูกยื่นถึงรัฐบำล หะยีสุหลงถูกกล่ำวหำว่ำเป็น “กบฏแบ่งแยกดินแดน” ภำยหลังหะยีสุหลงและพวกจึงถูกจับกุมในเดือน ม.ค. 2491 และถูกฟ้องฐำน "ตระเตรียมและสมคบคิดกำรจะ เปลี่ยนแปลงรำชประเพณีกำรปกครอง" ข้อมูลที่มูลนิธิอำจำรย์ฮัจยีห์สุหลงฯ บันทึกไว้ระบุว่ำ เขำถูกพิพำกษำ ให้รับโทษจ ำคุก 4 ปี 8 เดือน ที่เรือนจ ำบำงขวำง ในข้อหำดูหมิ่นรัฐบำล แต่ยกฟ้องข้อหำแบ่งแยกดินแดน ต่อมำ 15 มิ.ย. 2495 หะยีสุหลงกลับสู่อิสรภำพอีกครั้ง แต่ทว่ำเป็นอิสรภำพที่ถูกจับตำมองจำกรัฐบำลก่อนถูก บังคับให้สูญหำยในอีกสองปีต่อมำ ซึ่งลูกชำยของหะยีสุหลง นำยเด่น โต๊ะมีนำเล่ำถึงเหตุกำรณ์ วันสุดท้ำยที่เขำได้เจอกับผู้เป็นพ่อ วันที่ 13 ส.ค. 2497 เป็นช่วงที่เขำกลับบ้ำนจำกภำคปิดภำคเรียนที่รัฐกลันตัน ทำงต ำรวจเรียกพ่อไปที่สงขลำ พ่อก็เอำพี่ชำยคนโตไปเป็นล่ำม เนื่องจำกหะยีสุหลงพูดไทยไม่ได้เลย หะยีสุหลง อะห์หมัดลูกชำยคนโต และเพื่อนอีกสองคน ออกจำกบ้ำนในเช้ำวันนั้นเพื่อไปพบหน่วยสันติบำล สงขลำที่ อ.เมือง จ.สงขลำ เด่นกล่ำวต่อไปว่ำ "รถแท็กซี่ส่งหะยีสุหลงที่ อ.โคกโพธิ์ เพื่อนั่งรถไฟไปลงที่หำดใหญ่ เมื่อถึงหำดใหญ่มีต ำรวจรับตัว ถึงเวลำละหมำดก็พำละหมำด หลังจำกนั้นพำไปสงขลำ ต ำรวจสอบพอเป็นพิธี เพื่อให้มีหลักฐำนว่ำมำสอบจริง พอเซ็นเอกสำรเสร็จ เพชรฆำตก็รออยู่ข้ำงนอกแล้ว" ครอบครัวหะยีสุหลงออก ตระเวนตำมหำควำมจริงเกี่ยวกับกำรหำยตัวไปของหะยีสุหลงและพวก ทั้งติดตำมไปยังต ำรวจสันติบำล ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดปัตตำนีท ำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย แต่ค ำตอบที่ได้คือ หะยีสุหลงกับ พวกอยู่นอกประเทศ กระทั่งเด่นและมำรดำเดินทำงเข้ำกรุงเทพฯ เพื่อขอเข้ำพบจอมพล ป. พิบูลสงครำม แต่ได้พบท่ำนผู้หญิงละเอียด พิบูลสงครำมแทน ซึ่งค ำตอบของผู้เป็นภริยำนำยกฯที่กล่ำวกับเด่นในตอนนั้นคือ “ไม่ต้องไปหำหรอก ตำยไปแล้ว”ควำมจริงที่ครอบครัวหะยีสุหลงตำมหำที่มีน้ ำหนักที่สุดถึงผู้ลงมืออุ้มฆ่ำหะยีสุหลง เกิดขึ้นเมื่อมีกำรเปลี่ยนกลุ่มอ ำนำจหลังปี 2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้แต่งตั้งคณะกรรมกำรสะสำงคดีนี้ และควำมจริงจำกคณะกรรมกำรชุดนี้บอกว่ำ หะยีสุหลงกับพวก 2 คน และลูกชำยถูกฆ่ำตำยโดยกำรรัดคอตำย แล้วผ่ำศพผูกเสำซีเมนต์ไปทิ้งทะเลสำบสงขลำ อีกทั้งยังมีค ำอธิบำยจำกมูลนิธิฮัจยีสุหลงฯ ยังบันทึกไว้ด้วยว่ำ อดีตรองผู้บังคับกำรต ำรวจสันติบำล พ.ต.อ.พุฒ บูรณสมภพ นำยต ำรวจคนส ำคัญในยุค พล.ต.อ.เผ่ำ ศรียำนนท์
9 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ได้เขียนบันทึกไว้ในหนังสือ "บุรุษเหล็กแห่งเอเชีย" ว่ำมีค ำสั่งฆ่ำหะยีสุหลงจริง และเมื่อควำมจริงถูกเปิดเผยสู่ สำธำรณะชนกระแสควำมไม่พอใจของคนในพื้นที่จึงสะท้อนให้เห็นอยู่เนืองก แต่ปมปัญหำของควำมขัดแย้ง ระอุเป็นควำมรุนแรงมำกขึ้นจำกเหตุกำรณ์ “ปล้นปืน” จำกค่ำยปิเหล็ง ในวันที่ 4 มกรำคม 2547 ตำมมำด้วย เหตุกำรณ์ล้อมปรำบผู้ก่อควำมไม่สงบในมัสยิดกรือเซะ และเหตุกำรณ์สลำยกำรชุมนุมที่ตำกใบในเดือน เมษำยนและตุลำคมของปีเดียวกัน หลังจำกนั้นควำมไว้วำงใจระหว่ำงคนในพื้นที่กับรัฐบำลเริ่มเสื่อมถอยลง แทนที่ด้วยควำมหวำดกลัวและอำวุธปืน เมื่อผนวกรวมกับปัญหำด้ำนเศรษฐกิจภำยในพื้นที่อันเป็นผลมำกจำก กำรเปลี่ยนผ่ำนสู่วิถีชีวิตที่ขึ้นอยู่กับระบบตลำดสินค้ำเกษตรที่มีควำมเปรำะบำง ส่งผลให้ในพื้นที่จังหวัด ชำยแดนใต้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีปัญหำซับซ้อนเป็นอย่ำงมำก ซึ่งผลกระทบต่ำงกย่อมย้อนกลับมำเป็นผลพวง ในกำรพัฒนำเด็กและเยำวชนในพื้นที่ย้อนมองสถำนกำรณ์ในรอบ 10 ปีที่ผ่ำนมำ ข้อมูลจำกศูนย์ควำมรู้ นโยบำยเด็ก (คิด for คิดส์) โดย 101 PUB – 101 Public Policy Think Tank และ ส ำนักสนับสนุนสุขภำวะ เด็กเยำวชนและครอบครัว สสส. พบว่ำจ ำนวนเหตุกำรณ์ควำมไม่สงบภำยในจังหวัดชำยแดนใต้บรรเทำลง อย่ำงมำก โดยในปี พ.ศ. 2555 ได้เกิดเหตุกำรณ์ควำมไม่สงบถึง 1,850 ครั้ง แต่ในปี 2566 เหตุกำรณ์ควำมไม่สงบ ลดลงเหลือ 158 ครั้งเท่ำนั้น แต่อย่ำงไรก็ตำมกำรลดลงของสถำนกำรณ์ดังกล่ำวไม่ได้หมำยควำมว่ำ ควำมเป็นอยู่ของประชำชนในพื้นที่จะรำบรื่นและปลอดภัย เพรำะควำมปลอดภัยในชีวิตของผู้คนในสำมจังหวัด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ‘กลุ่มผู้ก่อกำร’ เพียงอย่ำงเดียว หำกแต่เกิดขึ้นจำกน้ ำมือของรัฐด้วย โดยกลุ่มผู้ที่ถูกคุกคำมนี้ รวมถึงเด็กและเยำวชนในพื้นที่ด้วย ซึ่งกลไกส ำคัญที่รัฐส่วนกลำงใช้ในควบคุมประชำชนในพื้นที่ชำยแดนใต้ คือ กฎหมำยพิเศษด้ำนควำมมั่นคงที่บังคับใช้ในพื้นที่มำอย่ำงยำวนำน ประกอบด้วยกฎหมำย 3 ฉบับคือ พ.ร.บ. กฎอัยกำรศึก พ.ศ. 2457, พ.ร.ก. กำรบริหำรรำชกำรในสถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) และ พ.ร.บ. กำรรักษำควำมมั่นคงในรำชอำณำจักร พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นกฎหมำยจัดตั้งกองอ ำนวยกำรรักษำ ควำมมั่นคงภำยในรำชอำณำจักร หรือที่รู้จักกันในชื่อ กอ.รมน. กำรบังคับใช้กฎหมำยทั้ง 3 ฉบับเพิ่มอ ำนำจ ให้กับเจ้ำหน้ำที่รัฐในกำรจัดกำรสถำนกำรณ์ควำมไม่สงบ โดย พ.ร.บ. กฎอัยกำรศึก และ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ให้อ ำนำจจับกุม/ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ตรวจค้นอำคำรหรือสถำนที่ต่ำงก ตรวจสอบสิ่งพิมพ์ หนังสือ หรือเครื่องมือสื่อสำร และกำรเรียกบุคคลใดก็ได้เพื่อให้ข้อมูล มอบเอกสำร หรือหลักฐำนที่เกี่ยวข้องกับ เหตุกำรณ์ควำมไม่สงบได้ ส่วนทำงด้ำน พ.ร.บ. กำรรักษำควำมมั่นคงในรำชอำณำจักร แม้กฎหมำยไม่ได้ ก ำหนดอ ำนำจต่ำงก อย่ำงชัดเจนแบบกฎหมำย 2 ฉบับแรก แต่ก็ได้ระบุในมำตรำที่ 15 ว่ำหำกมีเหตุกำรณ์ ควำมไม่สงบแต่ยังไม่จ ำเป็นต้องประกำศเป็นสถำนกำรณ์ฉุกเฉินตำม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ กอ.รมน. มีอ ำนำจในกำร ป้องกันปรำบปรำม ระงับ ยับยั้ง หรือบรรเทำได้กำรบังคับใช้กฎหมำยเหล่ำนี้น ำมำซึ่งกำรลิดรอนสิทธิและ เสรีภำพ หรือกระทั่งคุกคำมประชำชนโดยเจ้ำหน้ำที่รัฐอย่ำงไม่ชอบธรรม และอำจเกิดกำรตีควำมใช้อ ำนำจ เกินเลยกว่ำที่กฎหมำยก ำหนด นอกจำกพ่อแม่และญำติกที่ถูกคุกคำมแล้ว ที่ผ่ำนมำเด็กและเยำวชนก็ถูก คุกคำมด้วยเช่นกัน อ้ำงอิงข้อมูลจำกคิด for คิดส์ ในช่วงปี 2005 – 2018 มีเด็ก 127 คนถูกควบคุมตัวและ อีก 16 คนถูกจับกุม ตลอดจนกำรใช้อ ำนำจเกินกฎหมำยในกำรข่มขู่แม่ของเด็กอำยุ 10 ขวบ เพื่อตรวจ DNA ของเด็กในกำรหำเบำะแสผู้ก่อควำมไม่สงบ ซึ่งกำรตรวจ DNA เด็กนอกจำกจะเป็นกำรกระท ำนอกกฎหมำย
10 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) แล้วยังเป็นกำรละเมิดสิทธิมนุษยชนตำมหลักกำรในอนุสัญญำระหว่ำงประเทศว่ำด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิ ทำงกำรเมือง สิทธิในกำรไม่ถูกเลือกปฏิบัติทำงเชื้อชำติทุกรูปแบบอีกด้วย มำตรกำรต่ำงกที่ถูกใช้โดยรัฐสะท้อน ให้เห็นถึงทัศนคติที่รัฐมีต่อเด็กและเยำวชนชำยแดนใต้ว่ำเด็กและเยำวชนในพื้นที่มีโอกำสที่จะก่อควำมไม่สงบ และอีกหนึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจำกกำรเหตุกำรณ์ควำมไม่สงบในพื้นที่ที่รัฐบำลบังคับใช้กฎหมำยควำมมั่นคงใน พื้นที่คือวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งท ำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในควำมมั่นคงทำงเศรษฐกิจ ไม่มั่นใจในกำรลงทุน สถำบัน กำรเงินในชุมชนไม่มั่นคง รำยได้ของชุมชนลดลง แรงงำนย้ำยถิ่นออกจำกชุมชนไปท ำงำนที่อื่น ขำดเงินทุน หมุนเวียน ชุมชนเปลี่ยนโครงสร้ำงจำกกำรเกษตรกรรมเป็นอุตสำหกรรมครัวเรือน พืชผลทำงกำรเกษตร เสียหำยถูกทิ้งร้ำง ลดกำรผลิตและกำรบริกำร ท ำให้เกิดกำรกระจำยรำยได้ไม่ทั่วถึง ค่ำจ้ำงแรงงำนต่ ำ ธุรกิจ ชุมชนหยุดชะงัก ท ำให้ฐำนะควำมเป็นอยู่ยำกจนลง ดังนั้นจำกเหตุกำรณ์ที่ผ่ำนมำท ำให้เห็นว่ำกำรที่จะแก้ไข ปัญหำทำงสังคม พัฒนำเศรษฐกิจ พัฒนำคุณภำพชีวิต ไปพร้อมกับกำรลดควำมเหลื่อมล้ ำนั้นไทยมีควำมจ ำเป็น อย่ำงยิ่งที่ต้องแก้ไขปัญหำเชิงโครงสร้ำง ทั้งคุณภำพกำรศึกษำ กำรบังคับใช้กฎหมำย กำรให้สิทธิและเสรีภำพ กับประชำชนจริงก กำรพัฒนำเมืองและชนบทรวมถึงสวัสดิกำรที่รัฐเป็นผู้จัดสรร เป็นผู้บริหำรจัดกำรให้กับคน ในประเทศเพื่อลดควำมเหลื่อมล้ ำของสังคม แนวทางการบริหารความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนใต้ 19 ปีแห่งควำมสูญเสียของคนในพื้นที่สำมจังหวัดชำยแดนใต้เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่ำแนวทำงกำรควบคุม ปรำบปรำมที่รัฐเลือกใช้นั้นไม่ประสบควำมส ำเร็จและไม่สำมำรถหยุดยั้งควำมรุนแรงได้ อีกทั้งยังก่อเกิดควำม ขัดแย้งในใจของคนในพื้นที่มำกขึ้น โดยเฉพำะกับครอบครัวผู้ถูกบุกค้น จับกุม และวิสำมัญภำยใต้กำรใช้ กฎหมำยพิเศษ ซึ่งกำรกระท ำของรัฐส่งผลถึงคนรุ่นลูกรุ่นหลำนที่เติบโตในสถำนกำรณ์เช่นนี้ให้เลือกเดินเข้ำสู่ วงจรกำรแก้แค้นด้วยควำมรุนแรง เพรำะไม่ไว้ใจในกระบวนกำรยุติธรรม ไม่ไว้ใจกำรกระท ำของรัฐ และเมื่อคน รุ่นลูกหลำนของผู้ประสบเหตุเลือกเส้นทำงอันโหดร้ำย ผลที่ตำมมำคือกลุ่มคนกลุ่มดังกล่ำวจะสนองตอบกำร กระท ำของรัฐด้วยวิธีกำรตำต่อตำฟันต่อฟันอย่ำงไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นถึงเวลำแล้วที่สังคมไทยต้องใช้ควำมอดทน และควำมเชื่อมั่นระหว่ำงกันในกำรพูดคุยถึงควำมขัดแย้งอย่ำงตรงไปตรงมำ เคำรพควำมแตกต่ำง และไม่ผลัก ให้อีกฝ่ำยกลำยเป็นศัตรูจำกงำนวิจัยของ รศ.ดร.มำรค ตำมไท เรื่องสำนฝันปำตำนีโดยไม่ใช้ควำมรุนแรง : กำรวิเครำะห์จำกบทสนทนำเพื่อสร้ำงจินตนำกำรใหม่ ที่ได้สอบถำมคนปำตำนีที่ต้องกำรเอกรำชจ ำนวน 1,000 คน ถึงเหตุผลที่ต้องกำรเอกรำช พบว่ำมี 4 เหตุผลหลักก คือ
11 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) 1. ควำมเป็นเจ้ำของดินแดน ต้องกำรเอกรำชเพื่อทวงสิทธิในแผ่นดินตัวเอง 70.1% 2. เป็นวิธีที่จะได้อนำคตที่ปรำรถนำ กำรปกครองภำยใต้รัฐไทยไม่ตอบโจทย์อัตลักษณ์คนในพื้นที่ ไม่เกิดประสิทธิภำพและสังคมประชำธิปไตย 24.1% 3. เป็นพันธะทำงศำสนำ ต้องกำรให้มีกำรบังคับใช้กฎหมำยอิสลำม 21.2% 4. เป็นวิธีจัดกำรควำมขัดแย้งกับรัฐไทยได้ดีที่สุด ไม่ต้องกำรถูกรุกรำนจำกเจ้ำหน้ำที่ ไม่ต้องกำร ควำมอยุติธรรมและกำรถูกกระท ำจำกอ ำนำจรัฐไทย แต่ยังเป็นเพื่อนบ้ำนที่ดีกับไทยได้ 40.2% ซึ่งงำนวิจัยของมำรคชี้ให้เห็นว่ำ เหตุผลในข้อ 1, 2, 3 เป็นเหตุผลที่วำงอยู่บนฐำนคุณค่ำที่เรียกว่ำ ‘คุณค่ำศักดิ์สิทธิ์’ (sacred values) ซึ่งเป็นคุณค่ำที่แลกเปลี่ยนกับอย่ำงอื่นไม่ได้และจะเกิดปฏิกิริยำทำงลบ ถ้ำคนอื่นพยำยำมโน้มน้ำวเสนอของตอบแทนเพื่อให้ละทิ้งเหตุผลนั้น ส่วนเหตุผลข้อ 4 วำงอยู่บนคุณค่ำที่ จัดกำรได้ หำกรัฐไทยเปลี่ยนวิธีปฏิบัติและนโยบำยบำงเรื่อง ซึ่งสอดคล้องกับงำนวิชำกำรของ เมธัส อนุวัตรอุดม ส ำนักสันติวิธีและธรรมำภิบำล สถำบันพระปกเกล้ำที่พูดถึงรำกเหง้ำของปัญหำในพื้นที่ชำยแดนใต้ว่ำ รำกเหง้ำ ของควำมขัดแย้งในชั้นที่ลึกที่สุดคือ ควำมกังวลที่ถูกสั่งสมมำแต่อดีตสู่ปัจจุบันของประชำชนในจังหวัดชำยแดน ภำคใต้ว่ำอัตลักษณ์มลำยูมุสลิมของตนจะถูกท ำให้จำงหำยไป ด้วยวิธีคิดและกำรกระท ำของผู้มีอ ำนำจรัฐ บำงส่วน และด้วยโครงสร้ำงทำงกำรเมืองและสังคมวัฒนธรรมที่ไม่ได้สะท้อนถึงควำมแตกต่ำงหลำกหลำย ทำงวัฒนธรรมที่มีอยู่จริงในสังคมไทย ในขณะเดียวกันกับที่รัฐและสังคมบำงส่วนมองควำมแตกต่ำงทำง ชำติพันธุ์โดยเฉพำะในพื้นที่จังหวัดชำยแดนภำคใต้ด้วยสำยตำที่หวำดระแวงและเกรงว่ำคนในพื้นที่ดังกล่ำว จะไม่มี “ควำมเป็นไทย” ตำมจินตภำพของตน และเมธัส อนุวัตรอุดมยังวิเครำะห์ต่อไปอีกว่ำเมื่อเป็นเช่นนี้ ทิศทำงหลักในกำรแก้ปัญหำควำมไม่สงบด้วยสันติวิธีที่รัฐจะต้องท ำให้ประชำชนในจังหวัดชำยแดนภำคใต้ เห็นเป็นรูปธรรมจึงมีอยู่ 5 ประกำร 1. ต้องลดหรือขจัดเงื่อนไขทำงกำรเมืองและสังคมที่จะถูกกลุ่มผู้ก่อควำมไม่สงบน ำมำอ้ำงควำมชอบ ธรรมให้ได้อย่ำงเป็นรูปธรรม ที่ผ่ำนมำแม้ภำครัฐจะพยำยำมป้องกันมิให้มีกำรละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือมีกำร กระท ำใดกที่กระทบต่อควำมรู้สึกของประชำชน แต่กำรกระท ำนอกแถวของเจ้ำหน้ำที่รัฐเพียงจ ำนวนเล็กน้อย ก็สำมำรถที่จะน ำมำซึ่งควำมเสื่อมเสียแก่ภำครัฐทั้งหมดได้ ซึ่งเจ้ำหน้ำที่รัฐบำงส่วนนั้นยังมีควำมเชื่อ ที่คลำดเคลื่อนว่ำสันติวิธีเป็นอุปสรรคต่อกำรแก้ไขปัญหำ จึงมุ่งเน้นกำรสถำปนำอ ำนำจและควำมมั่นคงของรัฐ มำกกว่ำกำรเสริมสร้ำงควำมมั่นคงของประชำชนและชุมชน โดยประเด็นส ำคัญคือ เมื่อมีกำรละเมิดกฎหมำยขึ้นแล้วจ ำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะต้องเร่งรัดน ำตัวผู้กระท ำผิด เข้ำสู่กระบวนกำรยุติธรรมโดยเร็ว เพื่อพิสูจน์ให้พื้นที่ได้เห็นว่ำผู้ละเมิดกฎหมำยจะต้องได้รับโทษไม่ว่ำคนคนนั้น จะเป็นใครก็ตำม รวมถึงกำรเปิดเผยควำมจริงให้สำธำรณชนได้รับทรำบ ไม่ว่ำจะเป็นกรณีตำกใบ หรือเหตุที่ มัสยิดอัลฟุรกอน เป็นต้น โดยจัดตั้งคณะกรรมกำรแสวงหำควำมจริงและควำมสมำนฉันท์ส ำหรับเป็นกลไก ในกำรแสวงหำควำมจริงที่ทุกฝ่ำยยอมรับร่วมกัน ซึ่งที่ผ่ำนมำไม่ปรำกฏต่อสำธำรณะว่ำมีเจ้ำหน้ำที่รัฐ ถูกด ำเนินคดีตำมกระบวนกำรยุติธรรมที่สวนทำงกับกำรรับรู้ควำมจริงของประชำชนในพื้นที่ ทั้งนี้ กำรจัดตั้ง
12 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) องค์กรดังกล่ำวก็เป็นไปเพื่อป้องกันมิให้กำรกระท ำผิดกฎหมำยต่ำงกที่เกิดขึ้นนั้นถูกน ำมำอ้ำงซ้ ำแล้วซ้ ำเล่ำ โดยกลุ่มต่อต้ำนรัฐที่อำศัยบำดแผลดังกล่ำวเป็นเชื้อไฟในกำรปลุกเร้ำและหล่อเลี้ยงวงจรควำมรุนแรงต่อไป อย่ำงไม่มีที่สิ้นสุด 2. ต้องเปิดพื้นที่ทำงกำรเมืองบนพื้นฐำนของควำมไว้ใจซึ่งกันและกันโดยให้ทุกภำคส่วนไม่ว่ำจะเป็น ประชำชนในพื้นที่ทั้งพุทธและมุสลิม ผู้น ำชุมชน ผู้น ำศำสนำ หรือนักวิชำกำรต่ำงก ได้มีส่วนร่วมในกำรแสดง ควำมคิดเห็น ก ำหนดแนวทำงและตัดสินใจในเชิงนโยบำย รวมถึงประเมินผลกำรท ำงำนของภำครัฐในส่วนที่ เกี่ยวข้องกับควำมเป็นไปของท้องถิ่นทั้งในแง่ของกำรแก้ไขปัญหำควำมไม่สงบและกำรพัฒนำบ้ำนเมืองโดยไม่ ควรระแวงว่ำคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะเป็นแนวร่วมของกลุ่มขบวนกำร ซึ่งในเบื้องต้นสำมำรถกระท ำได้โดยผ่ำน สภำที่ปรึกษำกำรบริหำรและพัฒนำจังหวัดชำยแดนภำคใต้ใน โครงสร้ำงของศูนย์อ ำนวยกำรบริหำรจังหวัด ชำยแดนภำคใต้ปัจจุบัน ทั้งนี้สิ่งส ำคัญคือรัฐจะต้องมีควำมจริงใจที่จะรับฟังเสียงของประชำชนในพื้นที่และ น ำมำด ำเนินกำรให้เกิดผลในทำงปฏิบัติอย่ำงจริงจัง เนื่องจำกที่ผ่ำนมำนั้นภำครัฐจะให้ประชำชนมีส่วนร่วม ในลักษณะของกำรเข้ำร่วมแสดงควำมคิดเห็นโดยทั่วไปผ่ำนเวทีกำรสัมมนำเป็นส่วนใหญ่เท่ำนั้นแต่ยังไม่ได้ให้มี ส่วนร่วมในระดับที่มีนัยส ำคัญต่อกำรเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบำยและกำรริเริ่มโครงกำรต่ำงกตำมควำมต้องกำร ของพื้นที่จริงก ซึ่งแนวโน้มในอนำคตภำครัฐจะต้องมีกำรกระจำยอ ำนำจให้ประชำชนในพื้นที่ได้ดูแลตัวเองตำม เจตนำรมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่ำงแท้จริง 3. ต้องริเริ่มและส่งเสริมกระบวนกำรพูดคุยเพื่อสันติภำพ (Peace Talk) อย่ำงจริงจังและต่อเนื่องกับ กลุ่มผู้เห็นต่ำงจำกรัฐทุกกลุ่ม โดยเริ่มต้นจำกส่วนที่ต้องกำรจะใช้สันติวิธีในกำรแก้ไขปัญหำทั้งที่อยู่ ภำยในประเทศและภำยนอกประเทศก่อน อีกทั้งต้องเปิดโอกำสให้ภำคส่วนอื่นกนอกเหนือจำกภำครัฐที่ สำมำรถเข้ำถึงกลุ่มบุคคลเหล่ำนี้ได้ด ำเนินกำรพูดคุยควบคู่กันไปด้วยโดยมีเป้ำหมำยเดียวกันคือ สังคมสันติสุข ในจังหวัดชำยแดนภำคใต้ ซึ่งจะเป็นกำรสร้ำงโอกำสของประเทศชำติในกำรสร้ำงสันติภำพ ทั้งนี้ กระบวนกำร พูดคุยดังกล่ำวมิใช่กำรเจรจำต่อรองกับรัฐแต่อย่ำงใด หำกแต่เป็นขั้นตอนเบื้องต้นในกำรสร้ำงบรรยำกำศ ที่จะเอื้อต่อกำรแก้ไขควำมขัดแย้งด้วยสันติวิธีต่อไป กำรจัดให้มีพื้นที่ปลอดภัยส ำหรับกำรใช้สันติวิธีนี้จะเป็น กำรจ ำกัดพื้นที่กำรใช้ควำมรุนแรงให้เหลือน้อยมำกที่สุดไปโดยปริยำยโดยมิต้องใช้กำรสู้รบทำงกำรทหำร มำกเกินควำมจ ำเป็น 4. ต้องเปิดพื้นที่ทำงวัฒนธรรมด้วยกำรยอมรับควำมแตกต่ำงหลำกหลำยอย่ำงสนิทใจ โดยสิ่งที่ ด ำเนินกำรได้เลยคือกำรให้ลูกหลำนของคนในพื้นที่ได้เรียนหลักสูตรกำรศึกษำในโรงเรียนรัฐที่สอดคล้องกับวิถี วัฒนธรรม กล่ำวคือเป็นหลักสูตรที่บูรณำกำรสำยสำมัญกับศำสนำเข้ำด้วยกันอย่ำงเหมำะสม บรรจุวิชำภำษำ มลำยูไว้ในหลักสูตรกำรศึกษำอีกวิชำหนึ่งเพื่อให้มีกำรเรียนกำรสอนอย่ำงต่อเนื่องและเป็นระบบโดยมีครูผู้สอน ที่จบทำงด้ำนกำรสอนภำษำโดยเฉพำะ ซึ่งครูผู้สอนในส่วนของวิชำภำษำไทยก็ควรต้องมีคุณสมบัติดังกล่ำวด้วย เช่นเดียวกัน มีกำรจัดตั้งหรือพัฒนำมหำวิทยำลัยของรัฐในพื้นที่ให้เป็นมหำวิทยำลัยที่เน้นสอนสำขำวิชำต่ำงกที่ อยู่บนพื้นฐำนของหลักอิสลำม นอกจำกนี้ในแง่ของจิตวิทยำนั้นควรต้องมีกำรใช้ภำษำมลำยูควบคู่กับภำษำไทย และภำษำอังกฤษก ำกับบนป้ำย ต่ำงก โดยเฉพำะป้ำยของทำงรำชกำร ซึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ก็มีกำรใช้ป้ำย
13 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ภำษำท้องถิ่นในจ ำนวนมำกขึ้นแล้ว ทั้งนี้กำรส่งเสริมอัตลักษณ์ท้องถิ่นดังกล่ำวไม่ได้เป็นกำรก่อให้เกิดควำม แตกแยกมำกขึ้น หำกแต่ท ำให้ประชำชนในพื้นที่กลับรู้สึกว่ำสังคมไทยเปิดรับควำมแตกต่ำง และรู้สึกสบำยใจที่ จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย 5. ต้องสื่อสำรกับสังคมส่วนใหญ่และผู้เกี่ยวข้องจำกทุกภำคส่วนในกำรแก้ไขปัญหำเพื่อสร้ำงควำม เข้ำใจต่อ รำกเหง้ำควำมขัดแย้งในจังหวัดชำยแดนภำคใต้และเสริมสร้ำงทัศนคติที่เอื้อต่อกำรอยู่ร่วมกันด้วย สันติวิธี โดยผลักดันให้เป็นวำระแห่งชำติ ความขัดแย้งแห่งช่วงวัย จำกผลส ำรวจของ คิด for คิดส์ ในเดือนพฤษภำคม 2022 รำยงำนว่ำเด็กและเยำวชนอำยุ 15-25 ปี ร้อยละ 30.8 มีควำมคิดขัดแย้งกับครอบครัวค่อนข้ำงมำกถึงมำกที่สุดในเรื่องกำรศึกษำและกำรท ำงำน ซึ่งคิด เป็นร้อยละ 29.6 เรื่องชีวิตประจ ำวัน ร้อยละ 25.5 เรื่องสังคม เศรษฐกิจ และกำรเมือง ร้อยละ 24.1 เรื่องควำมสัมพันธ์ภำยในครอบครัว ร้อยละ 17.5 เรื่องควำมสัมพันธ์กับเพื่อนและคนรัก เรื่องศำสนำ และ จริยธรรม ร้อยละ 16.2 โดยควำมขัดแย้งที่มีค่ำร้อยละมำกที่สุดคือเรื่องกำรศึกษำและกำรท ำงำน สำเหตุเนื่อง มำกจำกเยำวชนมักต้องกำรเรียนและท ำงำนในสำขำที่ตรงตำมควำมชอบ หรือใช้เวลำค้นหำควำมฝันของ ตนเองอย่ำงอิสระ แต่ผู้ปกครองกลับบีบบังคับให้เรียนและท ำงำนในสำขำที่เชื่อว่ำค่ำตอบแทนสูง ต ำแหน่งงำน มั่นคง และสังคมให้คุณค่ำ ยิ่งไปกว่ำนั้นเยำวชนมักให้ควำมส ำคัญกับงำนอดิเรก กำรพักผ่อน และกำรรักษำ สุขภำพจิต ไม่ทุ่มเทชีวิตทั้งหมดกับกำรศึกษำและกำรท ำงำน ใช้วิธีกำรที่ประหยัดเวลำ สะดวก และไม่ยึดติด กับแบบแผนที่ผู้ปกครองคำดหวัง ดังนั้นควำมขัดแย้งทำงควำมคิดดังกล่ำวข้ำงต้นจึงมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยก ตำมช่วงอำยุของเยำวชนที่เพิ่มขึ้น โดยมีรำยงำนว่ำเด็กและเยำวชนมีควำมคิดขัดแย้งกับครอบครัวเพิ่มขึ้นจำก ร้อยละ 20.3 ในกลุ่มอำยุ 15-18 ปี เป็นร้อยละ 44.9 ในเรื่องสังคม เศรษฐกิจ และกำรเมืองในขณะที่เรื่องกำร ใช้ชีวิตประจ ำวัน ควำมสัมพันธ์ภำยในครอบครัว ตลอดจนควำมสัมพันธ์กับเพื่อนและคนรัก มีแนวโน้มขัดแย้ง รุนแรงที่สุดในช่วงอำยุ 19-22 ปี ก่อนจะลดลงในช่วงอำยุ 23-25 ปี แนวทางการบริหารความขัดแย้งของช่วงวัย คนรุ่นเก่ำควรมองคนรุ่นใหม่เป็นกลุ่มคนที่มีควำมหลำกหลำย ไม่คิดว่ำกำรกระท ำและกำรแสดงออกที่ แตกต่ำงเป็นกำรท ำลำยจำรีต ธรรมเนียมที่ตนยึดถือ เปิดใจรับฟังควำมคิดเห็นแบบไม่อคติและมองคนรุ่นใหม่ ว่ำเป็นผู้น ำกำรเปลี่ยนแปลง คนรุ่นใหม่ต้องตระหนักว่ำกำรจะให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่คนรุ่นใหม่จ ำเป็นต้องมีคนรุ่นเก่ำ ร่วมมือด้วย โดยทุกกกำรกระท ำของคนรุ่นใหม่จ ำเป็นต้องแสวงหำจุดร่วม สงวนจุดต่ำง สร้ำงพันธมิตรกับคนรุ่น อื่น ซึ่งควำมสุขของคนรุ่นใหม่จะไม่ใช่ควำมทุกข์ หรือควำมอัปยศของคนรุ่นก่อนหน้ำ เพรำะฉะนั้นกำรบริหำร ควำมขัดแย้ง จ ำเป็นต้องปรับกันใหม่ มองหำตรงกลำงที่จะเป็นทำงออกที่ดีกว่ำเดิม จึงเป็นแนวทำงกำร หลีกเลี่ยงกำรปะทะอันรุนแรงและน ำมำซึ่งกำรสูญเสียที่ควรค ำนึงถึงมำกที่สุด
14 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ภำพรวมควำมยำกจนในประเทศไทย กับ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง ข้อมูลจำกสภำพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ พบว่ำ ผลกำรจัดท ำดัชนีควำมก้ำวหน้ำของคน ในปี พ.ศ. 2564 ของไทยในช่วงตลอด 7 ปีที่ผ่ำนมำ (ปี 2558 - 2564) มีแนวโน้มทิศทำงกำรพัฒนำคนใน ระดับประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่ำงต่อเนื่อง แม้ว่ำในปี 2564 ระดับกำรพัฒนำคนจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยก็ตำม โดยดัชนีควำมก้ำวหน้ำของคนปรับตัวลดลงมำอยู่ที่ 0.6411 จำก 0.6466 ในปี 2563 ตำมกำรลดลงของกำร พัฒนำคนใน 5 ด้ำน ได้แก่ ด้ำนกำรศึกษำ ด้ำนชีวิตครอบครัวและชุมชน ด้ำนกำรมีส่วนร่วม ด้ำนเศรษฐกิจ และด้ำนสุขภำพ ตำมล ำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมำจำกกำรด ำเนินมำตรกำรเพื่อป้องกัน กำรแพร่ระบำดของโควิค-19 ของภำครัฐที่ส่งผลให้เกิดกำรหดตัวทำงเศรษฐกิจและกำรหยุดชะงักของกิจกรรม ต่ำง ก ภำยในประเทศ โดยเฉพำะด้ำนกำรศึกษำที่ได้รับผลกระทบสูงที่สุด สะท้อนจำกกำรปรับตัวลดลงของ ดัชนีย่อยด้ำนกำรศึกษำและลดลงในระดับที่สูงกว่ำภำพรวมกำรพัฒนำคนในทุกมิติ ซึ่งปัจจัยส ำคัญมำจำก
15 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ควำมจ ำเป็นในกำรปิดสถำนศึกษำหรือโรงเรียนเป็นกำรชั่วครำวเพื่อป้องกันกำรแพร่ระบำดท ำให้เกิดผลกระทบ ต่อกำรพัฒนำคนด้ำนกำรศึกษำทั้งในมิติของคุณภำพและโอกำสในกำรศึกษำและเรียนรู้นอกจำกนี้กำรพัฒนำ คนด้ำนสุขภำพยังคงเป็นมิติส ำคัญที่ได้รับผลกระทบจำกสถำนกำรณ์แพร่ระบำดของโควิค-19 เนื่องจำกปัญหำ ควำมเครียดสะสมที่ส่งผลต่อร่ำงกำยและสุขภำพจิตของคน อย่ำงไรก็ตำมในด้ำนกำรคมนำคมและกำรสื่อสำร ด้ำนชีวิตกำรงำน และด้ำนที่อยู่อำศัยและสภำพแวดล้อม เป็นเพียง 3 มิติเท่ำนั้นที่ระดับกำรพัฒนำคนปรับตัว เพิ่มขึ้นจำกปีก่อนขณะที่กำรพัฒนำคนในด้ำนที่มีระดับกำรพัฒนำต่ ำที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ ด้ำนกำรศึกษำ ด้ำนกำรมีส่วนร่วม และด้ำนที่อยู่อำศัยและสภำพแวดล้อม ตำมล ำดับ หำกพิจำรณำควำมสัมพันธ์ระหว่ำง กำรพัฒนำคนในด้ำนต่ำง ก กับกำรพัฒนำคนในภำพรวม พบว่ำ ควำมก้ำวหน้ำของคนด้ำนกำรศึกษำค่อนข้ำง มีควำมสัมพันธ์และอิทธิพลสูงต่อระดับกำรพัฒนำคนในภำพรวม โดยหำกกำรพัฒนำคนด้ำนกำรศึกษำปรับตัว เพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลให้ระดับควำมก้ำวหน้ำของคนในภำพรวมเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งกำรส่งเสริมและสนับสนุนกำร พัฒนำคนด้ำนกำรศึกษำในพื้นที่ที่มีระดับกำรพัฒนำคนด้ำนกำรศึกษำต่ ำ จะส่งผลให้ควำมก้ำวหน้ำของคน ในภำพรวมเพิ่มสูงขึ้นอย่ำงชัดเจน แต่อย่ำงไรก็ตำมสำเหตุที่สถำนกำรณ์ควำมยำกจนปรับตัวดีขึ้นนั้นเป็นผลมำ จำกในช่วงปี 2563 - 2564 ที่ประเทศไทยประสบกับปัญหำวิกฤตกำรแพร่ระบำดของโควิด-19 ซึ่งกระทบต่อ เศรษฐกิจ กำรจ้ำงงำน และวิถีชีวิตของบุคคล รัฐบำลจึงออกมำตรกำรเพื่อช่วยเหลือและบรรเทำผลกระทบที่ เกิดขึ้นโดยมุ่งเน้นกลุ่มคนจนและผู้มีรำยได้น้อย อำทิ โครงกำรเพิ่มก ำลังซื้อผู้มีบัตรสวัสดิกำรแห่งรัฐระยะที่ 2 และ 3 ที่ให้ควำมช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิกำรแห่งรัฐ โครงกำร ม.33 เรำรักกัน โครงกำรเยียวยำนำยจ้ำงและ ผู้ประกันตนมำตรำ 33 39 และ 40 ในกิจกำรที่ได้รับผลกระทบจำกมำตรกำรของรัฐ และในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด รวมทั้งโครงกำรบรรเทำภำระค่ำใช้จ่ำยในด้ำนต่ำง ก อำทิ โครงกำรบรรเทำภำระค่ำสำธำรณูปโภค ไฟฟ้ำ และประปำ เป็นต้น มำตรกำรและโครงกำรต่ำงกนี้จึงช่วยบรรเทำภำระค่ำใช้จ่ำยให้กับครัวเรือนได้และ กำรที่รัฐมีมำตรกำรช่วยเหลือเยียวยำกลุ่มเปรำะบำงและผู้มีรำยได้น้อย รวมถึงกำรช่วยเหลือของบุคคลและ หน่วยงำนต่ำงกนั้นท ำให้คนยำกจนมีรำยได้เพิ่มขึ้น แต่เมื่อศึกษำทบทวนควำมยำกจนตำมระดับควำมรุนแรงของ ประเทศไทยในปี 2564 พบว่ำ “คนจนมำก” ถือเป็นกลุ่มคนที่มีปัญหำควำมยำกจนในด้ำนตัวเงินที่รุนแรง มีจ ำนวนทั้งสิ้น 1.36 ล้ำนคน (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.95 ของประชำกรทั้งประเทศ) ลดลงจำกจ ำนวน 1.60 ล้ำนคน (ร้อยละ 2.30 ของประชำกรทั้งประเทศ) ในปี 2563 “คนจนน้อย” มีจ ำนวน 3.05 ล้ำนคน (ร้อยละ 4.37 ของประชำกรทั้งประเทศ) ลดลงจำก 3.15 ล้ำนคน (ร้อยละ 4.53 ของประชำกรทั้งประเทศ) ในปี 2563 “คนเกือบจน” เป็นกลุ่มประชำกรที่มีควำมเสี่ยงที่จะเป็นคนจนได้ง่ำย พบว่ำ มีจ ำนวนทั้งสิ้น 4.82 ล้ำนคน (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.91 ของประชำกรทั้งประเทศ) ซึ่งลดลงจำกจ ำนวน 5.14 ล้ำนคน ร้อยละ 7.39 ในปี 2563 และในระดับของภูมิภำคพบว่ำภำคที่มีปัญหำควำมยำกจนรุนแรงที่สุด คือ ภำคใต้แต่ภำค ตะวันออกเฉียงเหนือมีคนจนมำกที่สุด ซึ่งภำคใต้มีสัดส่วนคนจนสูงสุดที่ร้อยละ 10.94 รองลงมำเป็นภำค ตะวันออกเฉียงเหนือ และภำคเหนือ ตำมล ำดับ โดยสำเหตุที่ภำคใต้มีปัญหำควำมยำกจนสูงสุดเกิดจำก
16 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) สถำนกำรณ์ควำมรุนแรงจำกพื้นที่ 3 จังหวัดชำยแดน (ปัตตำนี ยะลำ และนรำธิวำส) ประกอบกับภำคใต้พึ่งพำ รำยได้จำกภำคกำรท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งในช่วงปี 2563 - 2564 นักท่องเที่ยวยังไม่สำมำรถเข้ำมำท่องเที่ยวใน ประเทศได้มำกนักและเมื่อพิจำรณำจำกจ ำนวนคนจน พบว่ำ ภำคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภำคที่มีจ ำนวนคน จนสูงสุด รองลงมำเป็นภำคใต้ ภำคเหนือ ภำคกลำง และกรุงเทพมหำนคร ตำมล ำดับ จังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนสูงสุด 10 อันดับแรกในปี 2564 ได้แก่ ปัตตำนี กำฬสินธุ์ แม่ฮ่องสอน นครรำชสีมำ ระนอง ยะลำ นรำธิวำส พะเยำ หนองบัวล ำภู และศรีสะเกษ ตำมล ำดับ โดยจังหวัดปัตตำนีมี สั ด ส่ วนคน จน ติดใน อัน ดับ สูง สุ ด 10 อัน ดับ แ ร กตั้ง แต่ปี2549 แ ล ะต่ อเนื่ องม ำ จน ถึงปี 2564 (16 ปี ติดต่อกัน) โดยมีสัดส่วนคนจนลดลงจำกร้อยละ 44.20 ในปี 2563 เป็นร้อยละ 30.85 ในปี 2564 ขณะที่ อีก 9 จังหวัดที่มีปัญหำควำมยำกจนเรื้อรัง (อยู่ใน 10 อันดับแรกที่มีสัดส่วนคนจนสูงสุดมำกกว่ำ 12 ปี จำก 22 ปี) ประกอบด้วยจังหวัดแม่ฮ่องสอน นรำธิวำส กำฬสินธุ์ ปัตตำนี ตำก บุรีรัมย์ นครพนม เมื่อกล่ำวถึงกำรเข้ำถึงสวัสดิกำรภำครัฐของคนจน คนจนส่วนใหญ่สำมำรถเข้ำถึงสวัสดิกำร กำรรักษำพยำบำลได้ โดยเมื่อพิจำรณำสัดส่วนคนจนที่มีสิทธิในกำรเบิกค่ำใช้จ่ำยกำรรักษำพยำบำล ในปี 2564 มีสัดส่วนคนจนที่ได้รับสิทธิ์ครอบคลุมถึงร้อยละ 97.83 แต่อย่ำงไรก็ตำมยังมีควำมแตกต่ำงของ คุณภำพกำรให้บริกำรในระดับพื้นที่ซึ่งท ำให้คนยำกจนได้รับบริกำรที่มีคุณภำพที่ไม่เท่ำเทียมกันโดยเฉพำะ ในพื้นที่ห่ำงไกล อีกทั้งคนจนที่ได้รับบัตรสวัสดิกำรแห่งรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจำกร้อยละ 35.16 ในปี 2561 เป็นร้อยละ 49.72 ในปี 2564 อย่ำงไรก็ตำม ยังมีกลุ่มคนจนถึงร้อยละ 50.28 ที่ยังไม่สำมำรถเข้ำถึง บัตรสวัสดิกำรแห่งรัฐได้ ส่วนหนึ่งเกิดจำกยังไม่มีกำรติดตำมสถำนะของผู้มีบัตรสวัสดิกำรแห่งรัฐ และเมื่อเจำะกลุ่มผู้เปรำะบำงยำกจนที่เป็นผู้สูงอำยุและผู้พิกำร พบว่ำในส่วนของผู้สูงอำยุยำกจนที่ได้รับ สวัสดิกำรเบี้ยยังชีพผู้สูงอำยุมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในปี 2564 มีผู้สูงอำยุยำกจนที่ได้รับเบี้ยยังชีพจ ำนวน 1.05 ล้ำนคน จำกผู้สูงอำยุยำกจนทั้งหมด 1.12 ล้ำนคน ทั้งนี้ กำรได้รับเงินช่วยเหลือจำกรัฐส่งผลให้ผู้สูงอำยุ ในครัวเรือนยำกจนมีรำยได้เพิ่มขึ้น ส่วนผู้พิกำรที่ยำกจนที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้พิกำรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยในปี 2564 มีจ ำนวนคนพิกำรทั้งสิ้น 2.67 แสนคน เป็นผู้ที่ได้รับเบี้ยยังชีพคนพิกำรจ ำนวน 2.08 แสนคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 77.88 โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่ำงมำก เมื่อเทียบกับปี 2554 ที่มีสัดส่วนผู้ได้รับเบี้ยยังชีพ คนพิกำรเพียงร้อยละ 54.23 ทั้งนี้กำรเป็นผู้พิกำรนอกจำกท ำให้ไม่สำมำรถท ำงำนได้อย่ำงเต็มศักยภำพแล้ว กลุ่มผู้พิกำรทำงสมอง และทำงร่ำงกำยที่ไม่สำมำรถช่วยตนเองได้ยังท ำให้สมำชิกในครัวเรือนต้องช่วยเหลือและ ดูแล ซึ่งอำจท ำให้ผู้ดูแลไม่สำมำรถท ำงำนหำรำยได้มำช่วยเหลือครัวเรือนได้อีกด้วย โดยเฉพำะในกลุ่มครัวเรือน ยำกจน ซึ่งพบว่ำ ครัวเรือนที่มีผู้พิกำร มีสัดส่วนครัวเรือนยำกจนถึงร้อยละ 11.01 ขณะที่ครัวเรือนไม่มีผู้พิกำร เป็นสมำชิกในครัวเรือน มีสัดส่วนครัวเรือนยำกจนเพียงร้อยละ 4.27 ครัวเรือนยำกจนกับอัตรำกำรพึ่งพิง ปี 2564 อัตรำพึ่งพิง (จ ำนวนเด็กอำยุต่ ำกว่ำ 15 ปี และผู้สูงอำยุ ต่อวัยแรงงำน) ของคนจนอยู่ที่ร้อยละ 96.5 ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่อยู่ที่ร้อยละ 104.4 หรือ หมำยถึงในครัวเรือนยำกจนวัยแรงงำนอำยุ 15 - 59 ปี 1 คน ต้องรับภำระในกำรดูแลวัยเด็กและวัยสูงอำยุอีก 1 คน เมื่อเทียบกับครัวเรือนไม่ยำกจนที่วัยแรงงำน 1 คน ต้องดูแลวัยเด็กและวัยสูงอ ำยุเพียง 0.6 คน เท่ำนั้น
17 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) สถำนกำรณ์ด้ำนประชำกรและควำมยำกจนของคนในพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำงโดยวิเครำะห์จำก ข้อมูลของส ำนักบริหำรกำรทะเบียนและข้อมูลจำก TPMAP พบว่ำ ในปี2564 จังหวัดตรังมีประชำกรทั้งสิ้น 639,788 รำย โดยในจ ำนวนประชำกรทั้งหมดนี้แบ่งเป็นคนจน 15,832 รำย ซึ่งจ ำนวนคนจนดังกล่ำวประสบ กับปัญหำในมิติสุขภำพ 2,632 รำย มิติที่อยู่อำศัย 4,217 รำย มิติกำรศึกษำ 2,641 รำย มิติรำยได้ 6,296 รำย และมิติกำรเข้ำถึงกำรบริกำรภำครัฐ 46 รำย จังหวัดพัทลุงมีประชำกรทั้งสิ้น 522,541 รำย โดยในจ ำนวนประชำกรทั้งหมดนี้แบ่งเป็นคนจน 16,252 รำย ซึ่งจ ำนวนคนจนดังกล่ำวประสบกับปัญหำในมิติสุขภำพ 2,526 รำย มิติที่อยู่อำศัย 3,356 รำย มิติกำรศึกษำ 3,317 รำย มิติรำยได้ 7,023 รำย และมิติกำรเข้ำถึงกำรบริกำรภำครัฐ 30 รำย จังหวัดสตูลมีประชำกรทั้งสิ้น 324,835 รำย โดยในจ ำนวนประชำกรทั้งหมดนี้แบ่งเป็นคนจน 16,142 รำย ซึ่งจ ำนวนคนจนดังกล่ำวประสบกับปัญหำในมิติสุขภำพ 1,861 รำย มิติที่อยู่อำศัย 3,508 รำย มิติกำรศึกษำ 2,825 รำย มิติรำยได้ 7,849 รำย และมิติกำรเข้ำถึงกำรบริกำรภำครัฐ 99 รำย จังหวัดสงขลำมีประชำกรทั้งสิ้น 1,431,536 รำย โดยในจ ำนวนประชำกรทั้งหมดนี้แบ่งเป็นคนจน 31,409 รำย ซึ่งจ ำนวนคนจนดังกล่ำวประสบกับปัญหำในมิติสุขภำพ 9,832 รำย มิติที่อยู่อำศัย 4,312 รำย มิติกำรศึกษำ 2,629 รำย มิติรำยได้ 14,582 รำย และมิติกำรเข้ำถึงกำรบริกำรภำครัฐ 54 รำย จังหวัดปัตตำนีมีประชำกรทั้งสิ้น 729,581 รำย โดยในจ ำนวนประชำกรทั้งหมดนี้แบ่งเป็นคนจน 34,743 รำย ซึ่งจ ำนวนคนจนดังกล่ำวประสบกับปัญหำในมิติสุขภำพ 4,528 รำย มิติที่อยู่อำศัย 4,638 รำย มิติกำรศึกษำ 11,375 รำย มิติรำยได้ 14,144 รำย และมิติกำรเข้ำถึงกำรบริกำรภำครัฐ 58 รำย จังหวัดยะลำมีประชำกรทั้งสิ้น 542,314 รำย โดยในจ ำนวนประชำกรทั้งหมดนี้แบ่งเป็นคนจน 26,178 รำย ซึ่งจ ำนวนคนจนดังกล่ำวประสบกับปัญหำในมิติสุขภำพ 4,278 รำย มิติที่อยู่อำศัย 5,844 รำย มิติกำรศึกษำ 7,319 รำย มิติรำยได้ 8,713 รำย และมิติกำรเข้ำถึงกำรบริกำรภำครัฐ 24 รำย จังหวัดนรำธิวำสมีประชำกรทั้งสิ้น 809,660 รำย โดยในจ ำนวนประชำกรทั้งหมดนี้แบ่งเป็นคนจน 22,563 รำย ซึ่งจ ำนวนคนจนดังกล่ำวประสบกับปัญหำในมิติสุขภำพ 2,821 รำย มิติที่อยู่อำศัย 2,932 รำย มิติกำรศึกษำ 9,501 รำย มิติรำยได้ 7,276 รำย และมิติกำรเข้ำถึงกำรบริกำรภำครัฐ 33 รำย และเมื่อน ำ จ ำนวนคนจนมำจัดล ำดับจะพบว่ำจังหวัดที่มีคนจนอำศัยอยู่เยอะที่สุดคือ จังหวัดปัตตำนี สงขลำ ยะลำ นรำธิวำส พัทลุง สตูล และตรัง ตำมล ำดับ ผลส ำรวจภำวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ประจ ำปี 2565 พบว่ำ 28.4% ด้ำนที่อยู่อำศัยของ เยำวชนชำยแดนใต้ไม่ทนทำนต่อสภำพอำกำศ 24.8% สิ่งแวดล้อมโดยรอบสกปรกผิดหลักสุขอนำมัย 18.0% มีควำมไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน นอกจำกนั้น 24.8% ยังเข้ำไม่ถึงหรือไม่มีน้ ำประปำ
18 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ควำมยำกจน กับ ควำมยำกจนข้ำมรุ่น นิยามตามส านักงานราชบัณฑิตยสภา ค ว า ม ย า ก จ น เป็ น ศัพท์บั ญ ญั ติ ข อง ค ำ poverty หมำยถึง สภำพที่ประชำชนมีควำม เป็นอยู่ที่ต่ ำกว่ำมำตรฐำน กล่ำวคือ ไม่มีรำยได้เพียง พอที่จะใช้จ่ำยในกำรซื้อสิ่งจ ำเป็นขั้นพื้นฐำนในกำร ครองชีพ เช่น อำหำร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อำศัย ความยากจนอาจวัดได้ใน 2 ลักษณะ คือ ควำมยำกจนสัมบูรณ์ (absolute poverty) กับ ควำมยำกจนสัมพัทธ์ (relative poverty) ความยากจนสัมบูรณ์คือสภำพที่ประชำชน ไม่มีรำยได้เพียงพอที่จะมีชีวิตอยู่ได้ ซึ่งอำจแก้ไขได้ ด้วยกำรพัฒนำเศรษฐกิจ หรือมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นก็ จะช่วยขจัดควำมยำกจนนั้นได้ความยากจนสัมพัทธ์ เป็นกำรเปรียบเทียบระหว่ำงกลุ่มของประชำชนที่มี รำยได้แตกต่ำงกัน ดังนั้น ควำมยำกจนสัมพัทธ์จึงจะ มีอยู่ตลอดเวลำแม้ว่ำกลุ่มประชำชนที่ยำกจนที่สุดมี รำยได้เพียงพอที่จะใช้จ่ำยในกำรครองชีพได้ก็ตำม ครัวเรือนยากจนข้ามรุ่น คือ ครัวเรือนที่ขัด สนในมิติรำยได้ หรือมิใช่รำยได้ และมีโอกำสจะส่ง ต่อควำมยำกจนไปยังสมำชิกในครัวเรือนที่เป็นเด็ก และเยำวชน (0-18 ปี)
19 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ความหมายของสัญลักษณ์ เส้นประ แสดงสมาชิกที่อาศัยในบ้านหลังเดียวกัน
20 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) โครงสร้ำงทำงสังคมไทยในปัจจุบันเห็นชัด ว่ำประเทศไทยได้เข้ำสู่สังคมสูงวัยตั้งแต่ปี 2548 และจะเข้ำสู่สังคมสูงวัยอย่ำงสมบูรณ์ในปี 2564 ซึ่ง หมำยควำมว่ำปัจจุบันไทยเข้ำสู่สังคมสูงวัยอย่ำง สมบูรณ์แล้ว ซึ่งสัดส่วนผู้สูงอำยุยังคงเพิ่มขึ้นอย่ำง ต่อเนื่องในขณะที่ประชำกรวัยเด็กและวัยแรงงำน ลดลง กำรเปลี่ยนแปลงโครงสร้ำงประชำกรดังกล่ำว สะท้อนถึงควำมจ ำเป็นในกำรพัฒนำทุนมนุษย์ให้เต็ม ศักยภำพ โดยเฉพำะกลุ่มประชำกรวัยเด็ก ซึ่งจะเป็น ทุนมนุษย์ที่มีค่ำในอนำคต รวมถึงกำรขจัดควำม ยำกจนในกลุ่มเด็ก เพื่อให้เด็กทุกคนมีโอกำสในกำร พัฒน ำตนเองเป็นป ร ะช ำก รที่มีคุณภ ำพของ สังคมไทยในอนำคต โดยปัจจัยควำมยำกจนในเด็ก มีหลำยมิติ ซึ่งมีควำมจ ำเป็นอย่ำงยิ่งที่ต้องมองให้ รอบด้ำนมำกกว่ำมองควำมยำกจนด้ำนกำรเงินเพียง อย่ำงเดียว ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรำยได้ปำน กลำงระดับสูง ปัญหำควำมยำกจนมีควำมซับซ้อน พลวัตทำงด้ำนควำมยำกจนในเด็กมีหลำยมิติ เช่น มิติด้ำนกำรศึกษำ มิติด้ำนสุขภำพ มิติด้ำนสวัสดิภำพ มิติด้ำนมำตรฐำนควำมเป็นอยู่ ตลอดจนพฤติกรรมอัน ไม่เหมำะสมของเด็กเอง ปัจจัยส าคัญที่ท าให้ครัวเรือนเข้าข่าย ครัวเรือนยากจนข้ามรุ่น 1. ครัวเรือนยำกจนข้ำมรุ่นส่วนใหญ่ไม่มี เงินออม หมำยถึง กำรจัดล ำดับของรำยได้คนจน กลุ่มนี้จะมีรำยได้น้อย เนื่องจำกหัวหน้ำครัวเรือน ได้รับกำรศึกษำต่ ำ ท ำให้ขำดทักษะในกำรประกอบ อำชีพจึงกลำยเป็นแรงงำนทักษะต่ ำซึ่งอัต ร ำ ผลตอบแทนของรำยได้จึงน้อยและไม่เพียงพอต่อ ค่ำใช้จ่ำยรำยวันและกำรเก็บออม 2. กำรศึกษำต่ ำ ขำดโอกำสในกำรเข้ำถึง กำรศึกษำและทักษะควำมรู้ที่จ ำเป็นต่อกำรประกอบ อำชีพในอนำคต เนื่องจำกรำยได้ครัวเรือนของ ครอบครัวยำกจนค่อนข้ำงต่ ำ หำกครอบครัวใดเป็น ครอบครัวใหญ่มีบุตรหลำนเยอะ ภำระกำรหำรำยได้ จะอยู่ที่หัวหน้ำครอบครัวเป็นหลัก ซึ่งรำยได้ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงพอต่อค่ำใช้จ่ำย ถึงแม้รัฐบำลจะจัดสวัสดิกำร เรียนฟรีจนส ำเร็จกำรศึกษำภำคบังคับ แต่ครอบครัว ยังต้องรับผิดชอบค่ำใช้จ่ำยส่วนเกิน ทั้งค่ำอุปกรณ์ กำรเรียน ชุดนักเรียน ค่ำใช้จ่ำยรำยวันและค่ำ เดินทำง วัยแรงงำนบำงส่วนประสงค์ไม่ศึกษำต่อ เพื่อลดรำยจ่ำยด้ำนกำรศึกษำ และท ำให้เด็กกลุ่มนี้ ต้องเข้ำสู่ตลำดแรงงำนในฐำนะแรงงำนทักษะต่ ำ หรือแรงงำนกึ่งมีทักษะเท่ำนั้น 3. อัตรำกำรพึ่งพิงสูง กล่ำวคือ ลักษณะ ครอบครัวของครัวเรือนยำกจนในพื้นที่ส่วนใหญ่จะมี ผู้สูงอำยุและเด็กซึ่งอยู่ในภำวะพึ่งพิงที่คนวัยแรงงำน จะต้องเป็นผู้ดูแลผู้สูงอำยุและเด็กในครอบครัว 4. กำรเข้ำไม่ถึงสวัสดิกำร เงินอุดหนุน เงินกองทุนกำรประกันตนของส ำนักงำนประกันสังคม กำรเข้ำไม่ถึงข้อมูล และสิทธิบำงอย่ำงที่พึงมีของ ตนเอง เป็นปัญหำอีกอย่ำงนึงที่ท ำให้คนจนต้องอยู่ อย่ำงยำกล ำบำก ต้องด ำรงชีพบนรำยได้อันน้อยนิด เพียงเพื่อประทังชีวิตไปแบบวันต่อวัน หำกเกิด อุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉินต่อชีวิตและร่ำงกำยกลุ่มคน เหล่ำนี้จะสำมำรถใช้สิทธิได้เพียงสวัสดิกำรบัตรทอง 30 บำท รักษำทุกโรค ซึ่งหำกกลุ่มคนดังกล่ำวเข้ำถึง ข้อมูลและมีก ำลังที่จะส่งกำรประกันตนเองกลุ่มคน ดังกล่ำวจะสำมำรถใช้บริกำรด้ำนกำรแพทย์ที่ดีขึ้น และเมื่อกล่ำวถึงเงินกองทุนต่ำงกที่รัฐจัดสรรให้หำก กลุ่มคนเหล่ำนี้และแหล่งเงินทุนนั้นก กำรกู้ยืม
21 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) เงินกองทุนอำจจะเป็นอีกหนึ่งทำงรอดของกำรสร้ำง อำชีพใหม่หรืออำชีพเสริมให้กับคนจนได้ และยังมี ปัจจัยอื่นที่ส่งเสริมให้เกิดปัญหำควำมยำกจน ได้แก่ ไม่มีที่ดินท ำกิน หนี้สิน อบำยมุขและยำเสพติด 5. ด้ำนสุขภำพ ปัจจัยที่มีผลต่อภำวะทุพ โภชนำกำรของเด็ก 5.1 ปัจจัยจำกมำรดำ ซึ่งเกิดจำกกำรดูแล ขณะตั้งครรภ์และหลังคลอด เช่น กำรไม่ได้ทำนนมแม่ เพิ่มขึ้น 5.2 ปัจจัยจำกตัวเด็ก น้ ำหนักแรกเกิด และภำวกำรณ์เจ็บป่วยของเด็ก เช่น ภำวะทุพ โภชนำกำร ของเด็กยำกจนช่วงวัย 6 เดือน – 4 ปี มี ภำวะเตี้ย แคระแกร็น และผอมลีบ ไม่ได้บริโภค เกลือที่มีไอโอดีนเพียงพอของเด็กอำยุ 5 – 17 ปี 5.3 ปัจจัยทำงเศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม กล่ำวโดยสรุปได้ว่ำ ภำวะทุพโภชนำกำร ของเด็กนั้นเกิดจำกกำรดูแลเด็กตั้งแต่ในครรภ์จน หลังคลอด โดยผู้ปกครองไม่ได้ค ำนึงถึงหลัก โภชนำกำรที่เด็กควรได้รับ สังเกตได้ว่ำเด็กบำงส่วน จะมีอำกำรขำดสำรอำหำร ขำดโปรตีนและพลังงำน ขำดไอโอดีน ขำดธำตุเหล็ก มีภำวะผอมน้ ำหนักตัว ต่ ำกว่ำเกณฑ์ โดยปัญหำดังกล่ำวสำมำรถจัดกำรได้ โดยกำรส่งเสริมให้เด็กได้รับกำรพัฒนำสมวัยอย่ำง จริงจังในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตจะมีส่วนช่วยยกระดับ พัฒนำกำร และสร้ำงพื้นฐำนกำรเรียนรู้ของเด็ก เนื่องจำกเป็นช่วงที่สมองมีกำรพัฒนำสูงสุดและ ส่งผลต่อสติปัญญำ บุคลิกภำพและควำมฉลำดทำง อำรมณ์ โดย ศำสตรำจำรย์ James J. Heckman พบว่ำ กำรลงทุนพัฒนำเด็กปฐมวัยจะให้อัตรำ ผลตอบแทนมำกถึงร้อยละ 7 - 10 และเด็กที่ได้รับ กำรเลี้ยงดูที่ดีทั้งสำรอำหำรและกำรดูแลสุขภำพใน ช่วงแรกของชีวิตจะมีทักษะทำงกำยภำพ ควำมฉลำด ทำงสติปัญญำ และควำมฉลำดทำงอำรมณ์ที่ดีกว่ำ 5.4 ด้ำนกำรป้องกัน พบเด็กยำกจนช่วง วัย 0 – 4 ปี ยังได้รับวัคซีนไม่ครบตำมเกณฑ์ใน ระดับสูง ทั้งที่เป็นสวัสดิกำรที่ไม่มีค่ำใช้จ่ำย โดยมี สำเหตุมำจำกกำรขำดควำมรู้ และกำรให้ควำมส ำคัญ ของผู้ปกครอง รวมถึงผู้ปกครองบำงส่วนอำจไม่ ทรำบถึงสิทธิที่รัฐบำลจัดให้ 6. ด้ำนสวัสดิภำพเด็ก 6.1 ด้ำนกำรคุ้มครองเด็ก สถิติเด็กถูก ทำรุณกรรม โดยกรมกิจกำรเด็กและเยำวชนระหว่ำง ปีพ.ศ. 2556-2563 ทั้งหมด 1,739 ร ำย พบว่ ำ เด็กถูกทำรุณกรรมทำงเพศมำกที่สุด 1,244 เด็กถูก ทำรุณกรรมทำงร่ำงกำย 428 รำย เด็กถูกทำรุณ กรรมทำงจิตใจ 67 รำย คิดเป็นร้อยละ 4 ซึ่งในปี 2563 พบว่ำสถิติเด็กถูกทำรุณกรรมมีอัตรำลดลง จำกปี 2562 คิดเป็นร้อยละ 4 6.2 ด้ำนกำรเป็นอยู่ พบปัญหำเด็กยำกจน ที่มีอำยุต่ ำกว่ำ 5 ปี ถูกปล่อยให้อยู่ตำมล ำพังซึ่งท ำ ให้เด็กมีควำมเสี่ยงต่อกำรรับอันตรำย ขณะเดียวกัน ยังพบด้วยว่ำมีเด็กจ ำนวนมำกที่ไม่ได้อำศัยอยู่กับ บิดำมำรดำของตนเองเนื่องจำกบิดำมำรดำมีควำม จ ำเป็นในกำรต้องท ำงำนหำรำยได้ ท ำให้ต้องฝำกเด็ก ไว้กับต ำย ำย ซึ่งมีองค์คว ำ มรู้ไม่เพียงพอต่อ กำรพัฒนำของเด็กในปัจจุบัน 6.3 มิติด้ำนมำตรฐำนควำมเป็นอยู่ พบว่ำ เด็กยำกจนไม่มีกำรถือครองทรัพย์สินเป็นของตนเอง ในด้ำนกำรเข้ำถึงโอกำสในกำรเข้ำถึงบริกำรพื้นฐำน ที่จ ำเป็น หรือเป็นส่วนช่วยส่งเสริมพัฒนำกำรของ เด็ก อำทิ อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ
22 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) แท็บแลต ที่ช่วยในกำรติดต่อสื่อสำร ค้นคว้ำหำ ข้อมูล ในกำรศึกษำให้เข้ำกับยุคปัจจุบัน 7. เด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหม ำะสมห รือ พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อกำรกระท ำผิดจนน ำไปสู่ปัญหำ ควำมยำกจนต่อตัวเด็กเองในอนำคตและส่งผลต่อ ปัญหำสังคมในปัจจุบัน 7.1 เด็กที่ประพฤติตนไม่สมควร ได้แก่ เด็กที่มีพฤติกรรมอย่ำงหนึ่งอย่ำงใด ดังต่อไปนี้ 1) ประพฤติตนเกเรหรือข่มเหง รังแกผู้อื่น 2) มั่วสุมในลักษณะที่ก่อคว ำม เดือดร้อนร ำคำญแก่ผู้อื่น 3) เล่นก ำ รพนันห รื อมั่ วสุ มใน วงกำรพนัน 4) เสพสุรำ สูบบุหรี่ เสพยำเสพติด ให้โทษหรือของมึนเมำอย่ำงอื่น เข้ำไปในสถำนที่ เฉพำะเพื่อกำรจ ำหน่ำยหรือดื่มเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์ 5) เข้ ำไปในสถ ำนบ ริก ำ รต ำ ม กฎหมำยว่ำด้วยสถำนบริกำร 6) ซื้อหรือขำยบริกำรทำงเพศ เข้ำ ไปในสถำนกำรค้ำประเวณีหรือเกี่ยวข้องกับกำ ค้ำประเวณี ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรป้องกันและ ปรำบปรำมกำรค้ำประเวณี 7) ประพฤติตนไปในทำงชู้สำว หรือส่อไปในทำงลำมกอนำจำรในที่สำธำรณะ 8) ต่อต้ำนหรือท้ำทำยค ำสั่งสอน ของผู้ปกครองจนผู้ปกครองไม่อำจอบรมสั่งสอนได้ 9) ไม่เข้ำเรียนในโรงเรียนหรือ สถำนศึกษำตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรศึกษำภำค บังคับ 7.2 เด็กที่ประกอบอำชีพที่น่ำจะชัก น ำไปในทำงกระท ำผิดกฎหมำยหรือขัดต่อศีลธรรม อันดี ได้แก่ เด็กที่ประกอบอำชีพ ดังต่อไปนี้ 1) ขอทำนหรือกระท ำกำรส่อไป ในทำงขอทำนโดยล ำพังหรือโดยมีผู้บังคับ ชักน ำ ยุ ยงหรือส่งเสริม 2) ประกอบอำชีพหรือกระท ำกำร ใดอันเป็นกำรแสวงหำประโยชน์โดย มิชอบด้วย กฎหมำยหรือขัดต่อศีลธรรมอันดี 7.3 เด็กที่คบหำสมำคมกับบุคคลที่น่ำจะ ชักน ำไปในทำงกระท ำผิดกฎหมำยหรือขัดต่อ ศีลธรรมอันดีได้แก่ เด็กที่คบหำสมำคมกับบุคคล ดังต่อไปนี้ 1) บุคคลหรือกลุ่มคนที่รวมตัวกัน มั่วสุม เพื่อก่อควำมเดือดร้อนร ำคำญแก่ผู้อื่น หรือ กระท ำกำรอันขัดต่อกฎหมำยหรือศีลธรรมอันดี หรือ 2) บุคคลที่ประกอบอำชีพที่ขัดต่อ กฎหมำยหรือศีลธรรมอันดี 7.4 เด็กที่อยู่ในสภำพแวดล้อมหรือ สถำนที่อันอำจชักน ำไปในทำงเสียหำย ได้แก่ เด็กที่ อยู่ในสภำพแวดล้อมหรือสถำนที่ ดังต่อไปนี้ 1) อำศัยอยู่กับบุคคลที่มีพฤติกรรม เกี่ยวข้องกับยำเสพติดให้โทษหรือให้บริกำรทำงเพศ 2) เร่ร่อนไปตำมสถำนที่ต่ำง ก โดย ไม่มีที่พักอำศัยเป็นหลักแหล่งที่แน่นอน หรือ 3) ถูกทอดทิ้งหรือถูกปล่อยปละ ละเลยให้อยู่ในสภำพแวดล้อมอันอำจชักน ำไปในทำง เสียหำย
23 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) กฎหมำยและนโยบำย ในกำรแก้ไขปัญหำ การพัฒนาที่ยั่งยืนกับยุทธศาสตร์ชาติ กำรพัฒนำที่ยั่งยืน (Sustainable Development) คือ แนวทำงกำรพัฒนำที่ตอบสนอง ควำมต้องกำรของคนรุ่นปัจจุบัน โดยไม่ลิดรอนควำมสำมำรถในกำรตอบสนองควำมต้องกำรของคนรุ่นหลัง (Brundtland Report, 1987) โดยกำรบรรลุกำรพัฒนำที่ยั่งยืน มีองค์ประกอบส ำคัญ 3 ประกำร ได้แก่ กำรเติบโตทำงเศรษฐกิจ (economic growth) ควำมครอบคลุมทำงสังคม (social inclusion) และกำรคุ้มครอง สิ่งแวดล้อม (environmental protection) โดยมีเป้ำหมำยในกำรพัฒนำดังนี้ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) 17 เป้ำหมำย ประกอบไปด้วย เป้ำหมำยที่ 1 : ขจัดควำมยำกจน เป้ำหมำยที่ 2 : ขจัดควำมหิวโหย
24 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) เป้ำหมำยที่ 3 : กำรมีสุขภำพและควำมเป็นอยู่ที่ดี เป้ำหมำยที่ 4 : กำรศึกษำที่เท่ำเทียม เป้ำหมำยที่ 5 : ควำมเท่ำเทียมทำงเพศ เป้ำหมำยที่ 6 : กำรจัดกำรน้ ำและสุขำภิบำล เป้ำหมำยที่ 7 : พลังงำนสะอำดที่ทุกคนเข้ำถึงได้ เป้ำหมำยที่ 8 : กำรจ้ำงงำนที่มีคุณค่ำและกำรเติบโตทำงเศรษฐกิจ เป้ำหมำยที่ 9 : อุตสำหกรรม นวัตกรรม โครงสร้ำงพื้นฐำน เป้ำหมำยที่ 10 : ลดควำมเหลื่อมล้ ำ เป้ำหมำยที่ 11 : เมืองและถิ่นฐำนมนุษย์อย่ำงยั่งยืน เป้ำหมำยที่ 12 : แผนกำรบริโภคและกำรผลิตที่ยั่งยืน เป้ำหมำยที่ 13 : กำรรับมือกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ เป้ำหมำยที่ 14 : กำรใช้ประโยชน์จำกมหำสมุทรและทรัพยำกรทำงทะเล เป้ำหมำยที่ 15 : กำรใช้ประโยชน์จำกระบบนิเวศทำงบก เป้ำหมำยที่ 16 : สังคมสงบสุข ยุติธรรม ไม่แบ่งแยก เป้ำหมำยที่ 17 : ควำมร่วมมือเพื่อกำรพัฒนำที่ยั่งยืน โดยภำยใต้เป้ำหมำยหลักจะมี 169 เป้ำหมำยย่อย (SDG Targets) ที่มีควำมเป็นสำกล เชื่อมโยงและ เกื้อหนุนกัน และก ำหนดให้มี 247 ตัวชี้วัด เพื่อใช้ติดตำมและประเมินควำมก้ำวหน้ำของกำรพัฒนำ โดยสำมำรถจัดกลุ่ม SDGs ตำมปัจจัยที่เชื่อมโยงกันใน 5 มิติ (5P) ได้แก่ 1. กำรพัฒนำคน (People) ให้ควำมส ำคัญกับกำรขจัดปัญหำควำมยำกจนและควำมหิวโหย และลด ควำมเหลื่อมล้ ำในสังคม 2. สิ่งแวดล้อม (Planet) ให้ควำมส ำคัญกับกำรปกป้องและรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและสภำพ ภูมิอำกำศเพื่อพลเมืองโลกรุ่นต่อไป 3. เศรษฐกิจและควำมมั่งคั่ง (Prosperity) ส่งเสริมให้ประชำชนมีควำมเป็นอยู่ที่ดีและสอดคล้องกับ ธรรมชำติ 4. สันติภำพและควำมยุติธรรม (Peace) ยึดหลักกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติ มีสังคมที่สงบสุขและ ไม่แบ่งแยก 5. ควำมเป็นหุ้นส่วนกำรพัฒนำ (Partnership) ควำมร่วมมือของทุกภำคส่วนในกำรขับเคลื่อน วำระกำรพัฒนำที่ยั่งยืน
25 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ที่ 4 ยุทธศำสตร์ด้ำนกำรสร้ำงโอกำสและควำมเสมอภำคทำงสังคม มีเป้ำหมำยกำรพัฒนำที่ ส ำคัญที่ให้ควำมส ำคัญกำรดึงเอำพลังของภำคส่วนต่ำง ก ทั้งภำคเอกชน ประชำสังคม ชุมชนท้องถิ่นมำร่วม ขับเคลื่อน โดยกำรสนับสนุนกำรรวมตัวของประชำชนในกำรร่วมคิดร่วมท ำเพื่อส่วนรวม กำรกระจำยอ ำนำจ และควำมรับผิดชอบไปสู่กลไกบริหำรรำชกำรแผ่นดินในระดับท้องถิ่น กำรเสริมสร้ำงควำมเข้มแข็งของชุมชน ในกำรจัดกำรตนเอง และกำรเตรียมควำมพร้อมของประชำกรไทยทั้งในมิติสุขภำพ เศรษฐกิจ สังคม และสภำพแวดล้อมให้เป็นประชำกรที่มีคุณภำพ สำมำรถพึ่งตนเองและท ำประโยชน์แก่ครอบครัว ชุมชน และสังคมให้นำนที่สุด โดยรัฐให้หลักประกันกำรเข้ำถึงบริกำรและสวัสดิกำรที่มีคุณภำพอย่ำงเป็นธรรมและทั่วถึง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 เป้าหมายการพัฒนา หมุดหมายที่ 9 ไทยมีควำมยำกจนข้ำมรุ่นลดลง และมีควำมคุ้มครองทำงสังคมที่เพียงพอเหมำะสม โดยหมุดหมำยที่ 9 มุ่งตอบสนองต่อเป้ำหมำยหลักของแผนพัฒนำฯ ฉบับที่ 13 จ ำนวน 2 เป้ำหมำย ได้แก่ เป้ำหมำยที่ 2) กำรพัฒนำคนส ำหรับโลกยุคใหม่ในด้ำนกำรสร้ำงหลักประกันและควำมคุ้มครอง ทำงสังคม เพื่อให้คนไทยมีควำมมั่นคงในชีวิต เป้ำหมำยที่ 3) กำรมุ่งสู่สังคมแห่งโอกำสและควำมเป็นธรรม โดยกำรสนับสนุนให้กลุ่มเปรำะบำงและ ผู้ด้อยโอกำสมีโอกำสในกำรเลื่อนชั้นทำงเศรษฐกิจและสังคมสูงขึ้น นอกจำกนี้ หมุดหมำยที่ 9 ยังมีควำมสอดคล้องกับเป้ำหมำยตำมยุทธศำสตร์ชำติใน 2 ด้ำน ได้แก่ - ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนกำรพัฒนำและเสริมสร้ำงศักยภำพทรัพยำกรมนุษย์ ในประเด็นเป้ำหมำย สังคมไทยมีสภำพแวดล้อมที่เอื้อและสนับสนุนต่อกำรพัฒนำคนตลอดช่วงชีวิต - ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนกำรสร้ำงโอกำสและควำมเสมอภำคทำงสังคมใน 2 ประเด็นเป้ำหมำย คือ สร้ำงควำมเป็นธรรมและลดควำมเหลื่อมล้ ำในทุกมิติ และกระจำยศูนย์กลำงควำมเจริญทำงเศรษฐกิจและ สังคมเพื่อเพิ่มโอกำสให้ทุกภำคส่วนเข้ำมำเป็นก ำลังของกำรพัฒนำประเทศในทุกระดับ โดยแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) มีวัตถุประสงค์เพื่อ พลิกโฉมประเทศไทยสู่ “สังคมก้ำวหน้ำ เศรษฐกิจสร้ำงมูลค่ำ อย่ำงยั่งยืน” ซึ่งหมำยถึงกำรสร้ำง กำรเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับโครงสร้ำง นโยบำย และกลไก เพื่อมุ่งเสริมสร้ำงสังคมที่ก้ำวทันพลวัต ของโลก และเกื้อหนุนให้คนไทยมีโอกำสที่จะพัฒนำตนเองได้อย่ำงเต็มศักยภำพ พร้อมกับกำรยกระดับกิจกรรม กำรผลิตและกำรให้บริกำรให้สำมำรถสร้ำงมูลค่ำเพิ่มที่สูงขึ้น โดยอยู่บนพื้นฐำนของควำมยั่งยืน ทำงสิ่งแวดล้อม และยังมีกำรก ำหนดทิศทำงกำรพัฒนำประเทศให้ “ประเทศไทยมีควำมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนำแล้ว ด้วยกำรพัฒนำตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง” ตำมเจตนำรมณ์ของ ยุทธศำสตร์ชำติ โดยอำศัยหลักกำรและแนวคิด 4 ประกำร ดังนี้
26 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) 1. หลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง โดยสืบสำน รักษำ ต่อยอดกำรพัฒนำตำมหลักปรัชญำของ เศรษฐกิจพอเพียง ผ่ำนกำรก ำหนดทิศทำงกำรพัฒนำประเทศอย่ำงมีเหตุผล ควำมพอประมำณ ภูมิคุ้มกัน บนฐำนของควำมรู้ คุณธรรม และควำมเพียร โดยค ำนึงถึงควำมสอดคล้องกับสถำนกำรณ์และเงื่อนไข ระดับประเทศและระดับโลกทั้งในปัจจุบันและอนำคตอันใกล้ และศักยภำพของทุนทำงเศรษฐกิจ ทุนทำง สังคม และทุนทำงทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมของประเทศให้ควำมส ำคัญกับกำรเสริมสร้ำง ควำมสมดุล ในมิติต่ำง ก ทั้งควำมสมดุลระหว่ำงกำรพัฒนำควำมสำมำรถในกำรแข่งขันกับต่ำงประเทศ กับควำมสำมำรถ ในกำรพึ่งตนเองได้อย่ำงมั่นคง ควำมสมดุลของกำรกระจำยโอกำสเพื่อลดควำมเหลื่อมล้ ำ ระหว่ำงกลุ่มคน และพื้นที่ และควำมสมดุลทำงธรรมชำติเพื่อให้คนอยู่ร่วมกับทรัพยำกรธรรมชำติ และสิ่งแวดล้อมได้อย่ำงยั่งยืน รวมถึงกำรบริหำรจัดกำรองคำพยพต่ำง ก ของประเทศให้พร้อมรับกับ ควำมเสี่ยงที่เกิดจำกกำรเปลี่ยนแปลง ทั้งภำยนอกแลภำยในประเทศ นอกจำกนี้ในกำรวำงแผนและ กำรขับเคลื่อนแผนไปสู่กำรปฏิบัติต้องอำศัยองค์ควำมรู้ทำงวิชำกำรที่รอบด้ำนและพิจำรณำด้วย ควำมรอบคอบ ควบคู่กับกำรยึดถือผลประโยชน์ของประชำชนส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และมุ่งมั่นผลักดันให้ กำรพัฒนำบรรลุเป้ำหมำยที่ตั้งไว้ 2. กำรสร้ำงควำมสำมำรถในกำร “ล้มแล้ว ลุกไว” โดยมุ่งเน้นกำรพัฒนำใน ๓ ระดับประกอบด้วย 2.1 กำรพร้อมรับ หรือ ระดับ “อยู่รอด” ในกำรแก้ไขข้อจ ำกัดหรือจุดอ่อนที่มีอยู่ ซึ่งเป็นผลให้ ประชำชนประสบควำมยำกล ำบำกในกำรด ำรงชีวิต หรือท ำให้ประเทศมีควำมเปรำะบำงต่อกำรเปลี่ยนแปลง จำกภำยนอกและภำยใน รวมถึงกำรสร้ำงควำมพร้อมในทุกระดับในกำรรับมือกับสภำวะวิกฤติที่อำจเกิดขึ้น ให้สำมำรถฟื้นคืนสู่ภำวะปกติได้อย่ำงรวดเร็ว 2.2 กำรปรับตัว หรือ ระดับ“พอเพียง” ในกำรปรับเปลี่ยน ปัจจัยที่จ ำเป็นเพื่อเสริมสร้ำง ควำมมั่นคงทำงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ในระดับครอบครัว ชุมชน พื้นที่ และประเทศ รวมถึง ปรับทิศทำง รูปแบบ และแนวทำงกำรพัฒนำให้สอดรับกับกระแสกำรเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ 2.3 กำรเปลี่ยนแปลงเพื่อพร้อมเติบโตอย่ำงยั่งยืน หรือ ระดับ “ยั่งยืน” ในกำรผลักดันให้เกิด กำรเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้ำงในมิติต่ำง ก เพื่อเสริมสร้ำงควำมสำมำรถของบุคคลและสังคมในกำรพัฒนำ อย่ำงต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อสนับสนุนให้ประเทศสำมำรถเติบโตได้อย่ำงมีคุณภำพและยั่งยืน 3. เป้ำหมำยกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืนของสหประชำชำติโดยก ำหนดทิศทำงกำรพัฒนำที่อยู่บนพื้นฐำน ของแนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้ำงหลัง” มุ่งเสริมสร้ำงคุณภำพชีวิตที่ดีให้กับประชำชนทุกกลุ่ม ทั้งในมิติของกำรมี ปัจจัยที่จ ำเป็นส ำหรับกำรด ำรงชีวิตขั้นพื้นฐำนที่เพียงพอ กำรมีสภำพแวดล้อมที่ดี กำรมีปัจจัยสนับสนุนให้มี สุขภำพที่สมบูรณ์ทั้งทำงร่ำงกำยและจิตใจ กำรมีโอกำสที่จะใช้ศักยภำพของตนในกำรสร้ำงควำมเป็นอยู่ที่ดี และกำรมุ่งส่งต่อทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมที่ดีไปยังคนรุ่นต่อไป 4. กำรพัฒนำเศรษฐกิจชีวภำพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว โดยให้ควำมส ำคัญกับ กำรประยุกต์ใช้องค์ควำมรู้ทำงด้ำนวิทยำศำสตร์ เทคโนโลยีสมัยใหม่ และควำมคิดสร้ำงสรรค์ เพื่อสร้ำง มูลค่ำเพิ่มทำงเศรษฐกิจควบคู่กับกำรรักษำควำมสมดุลระหว่ำงกำรอนุรักษ์และกำรใช้ประโยชน์จำก
27 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ฐำนทรัพยำกรธรรมชำติและควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ รวมถึงกำรปรับเปลี่ยนรูปแบบกำรผลิต กำรให้บริกำร และกำรบริโภคเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566-2570) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ กระทรวงกำรพัฒนำสังคมและควำมมั่นคงของมนุษย์ เป็นกระทรวงภำคสังคมและเป็นหน่วยงำน หลักในกำรท ำหน้ำที่เกี่ยวกับกำรพัฒนำสังคม กำรสร้ำงควำมเป็นธรรมและควำมเสมอภำคในสังคม กำรส่งเสริมและพัฒนำคุณภำพและควำมมั่นคงในชีวิต สถำบันครอบครัว และชุมชน แผนปฏิบัติรำชกำร ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) ของกระทรวงฯ ฉบับนี้ จึงได้ก ำหนดวิสัยทัศน์ คือ “ประชำชนเข้ำถึงโอกำส และ กำรคุ้มครองทำงสังคม มีควำมมั่นคงในชีวิต” และเพื่อตอบโจทย์ยุทธศำสตร์ชำติและเป้ำหมำย กำรพัฒนำ ประเทศภำยใต้วิสัยทัศน์“ประเทศไทยมีควำมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนำแล้ว ด้วยกำรพัฒนำ ตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง” หรือ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” กระทรวง พม. จึงได้ก ำหนดทิศทำง กำรขับเคลื่อนแผนปฏิบัติรำชกำรระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ของกระทรวงฯ ไว้ 4 เรื่อง โดยเรื่องที่มี ควำมเกี่ยวข้องกับกำรจัดท ำข้อเสนอเชิงนโยบำยฉบับนี้ คือ เรื่องที่ 2 สร้ำงโอกำสและยกระดับกำรคุ้มครองทำงสังคมส ำหรับคนทุกช่วงวัย เป้ำหมำยประชำชน ทุกช่วงวัยได้รับกำรคุ้มครองทำงสังคมที่เพียงพอต่อกำรด ำรงชีวิต แนวทาง/กลยุทธ์ 1) ก ำหนดนโยบำย มำตรกำร ในกำรคุ้มครองทำงสังคม รวมถึงกำรพัฒนำนวัตกรรมทำงสังคม เพื่อสร้ำงควำมเป็นธรรมและลดควำมเหลื่อมล้ ำในทุกมิติ 2) ยกระดับกำรคุ้มครองทำงสังคม โดยกำรจัดสวัสดิกำรขั้นพื้นฐำน กำรส่งเสริมกำรเข้ำถึงสิทธิ กำรสร้ำงหลักประกันทำงสังคม ส ำหรับคน ทุกช่วงวัย กลุ่มเปรำะบำง กลุ่มผู้ประสบปัญหำทำงสังคม และ กลุ่มเป้ำหมำยของกระทรวงแบบพุ่งเป้ำ ให้สอดคล้องกับสถำนกำรณ์ที่มีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงรวดเร็ว 3) พัฒนำระบบกำรให้ควำมช่วยเหลือเยียวยำในสถำนกำรณ์วิกฤติอย่ำงทันท่วงทีและมีประสิทธิภำพ 4) สร้ำงโอกำสและกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตครัวเรือนเปรำะบำงแบบพุ่งเป้ำ 5) เสริมสร้ำงโอกำสในกำรเข้ำถึงที่อยู่อำศัยและที่ดินท ำกินที่มั่นคงและ ได้มำตรฐำน และ สภำพแวดล้อมที่เอื้อต่อกำรด ำรงชีวิตให้กับประชำชนในทุกกลุ่มเป้ำหมำย 6) ยกระดับกำรบริหำรจัดกำรกองทุนในสังกัดกระทรวงฯ เพื่อขับเคลื่อนกำรคุ้มครองทำงสังคมของคน ทุกช่วงวัย พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระท าให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 พระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 พระราชบัญญัติความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551
28 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ผลกระทบของควำมยำกจนที่ส่งผลต่อ เด็กและเยำวชน ข่ำวร้ำยส ำหรับเด็กไทย จนแค่ไหน...เหลื่อมล้ ำเท่ำไร... จึงเข้ำไม่ถึงโอกำสทำงกำรศึกษำ กำรศึกษำ คือประตูบำนส ำคัญสู่โอกำสของชีวิต แต่ข้อมูลสถำนกำรณ์ทำงสังคมในพื้นที่ 7 จังหวัด ภำคใต้ตอนล่ำงบอกเรำว่ำไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับโอกำสทำงกำรศึกษำอย่ำงเท่ำเทียม สำเหตุส ำคัญมำจำก “ความยากจน” ข้อมูลประชำกรในปี 2565 พบว่ำ ประชำกรอำยุ 0-25 ปี ในพื้นที่จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง ประกอบด้วยจ ำนวนทั้งสิ้น 1,867,156 คน โดยในจ ำนวนดังกล่ำวมีประชำกรที่ยังไม่ได้เข้ำรับกำรศึกษำ อำยุ 0-3 ปี จ ำนวนทั้งสิ้น 241,226 คน อยู่ในวัยศึกษำอำยุ 4-25 ปี มีจ ำนวนทั้งสิ้น 1,625,930 คน โดยเด็กและ เยำวชนกลุ่มดังกล่ำวอยู่ในระบบโรงเรียน 1,174,473 คน อยู่นอกระบบโรงเรียน 159,759 คน เมื่อน ำข้อมูล ดังกล่ำวมำวิเครำะห์จะพบว่ำเด็กและเยำวชนที่อยู่ในช่วงอำยุ 4-25 ปี ที่อยู่นอกระบบกำรศึกษำทั้งที่เป็นผู้ที่ ไม่ได้รับกำรศึกษำ ออกกลำงคัน หรือประสงค์ไม่ศึกษำต่อมีจ ำนวนทั้งหมด 291,698 คน ซึ่งหมำยถึงมีเด็กและ เยำวชนที่เผชิญควำมเหลื่อมล้ ำในกำรเข้ำถึงกำรศึกษำ ร้อยละ 21.8 สรุปพอสังเขปได้ว่ำ เด็กและเยำวชนจำก 100 คน มีผู้ที่ไม่ได้รับกำรศึกษำ ไม่เข้ำรับกำรศึกษำต่อจ ำนวน 22 คน หรือ 1 ใน 5 แม้ว่ำเด็กในวัยเรียนจะ ได้รับสิทธิ์เรียนฟรีตำมนโยบำยของรัฐ แต่กลับมีเด็กช่วงอำยุ 6 – 14 ปี (ป.1-ม.3) ไม่ได้เรียนหรืออยู่นอกระบบ กำรศึกษำอีกทั้งเด็กกลุ่มดังกล่ำวยังมีภำวะเสี่ยงที่จะหลุดออกนอกระบบกำรศึกษำทันที หำกไม่ได้รับกำร ช่วยเหลือ จนแค่ไหน...เหลื่อมล้ ำเท่ำไร...จึงเข้ำไม่ถึงโอกำสทำงกำรศึกษำ กล่ำวโดยสรุปได้ว่ำ ควำมเหลื่อมล้ ำ สะท้อนให้เห็นว่ำสังคมในปัจจุบันควำมยำกจนที่ตัวเงินไม่ใช่ปัจจัยหลักปัจจัยเดียวที่จะส่งผลต่อคุณภำพชีวิต ของคน หรือควำมยำกจนจนท ำให้เข้ำไม่ถึงโอกำสทำงกำรศึกษำได้ทั้งหมด ยังมีปัจจัยอื่นก ทั้งที่เป็นควำมจนที่ สถำนะครัวเรือน เช่น สภำพที่อยู่อำศัย จ ำนวนสมำชิกในครัวเรือน สุขภำพ กำรเข้ำถึงบริกำรของรัฐ ฯลฯ เป็นตัวชี้วัดทำงอ้อมที่สำมำรถบ่งบอกระดับ 'ควำมยำกจน'ได้ดี
29 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) เนื่องจำกสังคมไทยยังคงเผชิญกับปัญหำที่ยำกจะแก้ไขและปัญหำนั้นยังคงอยู่กับคนไทยมำเป็นระยะ เวลำนำน ปัญหำนั้นคือควำมเหลื่อมล้ ำ โดยปัญหำของควำมเหลื่อมล้ ำดังกล่ำวนั้นหมำยควำมรวมถึง กำรขำด โอกำส ไม่อำจมีอำชีพที่ให้ผลตอบแทนด้ำนรำยได้สูง ทรัพย์สินน้อยลง ซึ่งเหล่ำนี้เองจึงท ำให้คนติดอยู่กับควำม ยำกจนซ้ ำแล้วซ้ ำเล่ำ ปัญหำด้ำนกำรขำดโอกำสทำงกำรศึกษำ กำรศึกษำคือบันใดขั้นแรกของคุณภำพชีวิต เมื่อขำดโอกำสทำงกำรศึกษำจึงท ำให้คนเริ่มต้นชีวิตไม่ เท่ำกัน (คนรวยมีโอกำสเรียนต่อมำกกว่ำคนจน) ข้อมูลจำกเว็บไซต์ https://theactive.net/dataviz/welfare/ และเมื่อโอกำสทำงกำรศึกษำไม่เท่ำกันโอกำสในกำรสร้ำงรำยได้จึงไม่เท่ำกัน 1.40% 2.60% 2.40% 4% 3.50% 3.60% 3.60% 4.20% 3.80% 4.20% 5.30% 59.30% 51.70% 45% 66% 67.30% 60% 62.80% 65.80%65.60% 63.10% 65.80% 0.00% 10.00% 20.00% 30.00% 40.00% 50.00% 60.00% 70.00% 80.00% 90.00% 100.00% 2552 2553 2554 2555 2556 2557 2558 2559 2560 2561 2562 อัตรำกำรเข้ำเรียนสุทธิในระดับปริญญำตรี/ปวส.หลังจบกำรศึกษำภำคบังคับ (Net Enrolment Rate) 10% ที่จนที่สุด (กลุ่มประชำกรแบ่งตำมระดับรำยจ่ำย) 10% ที่รวยที่สุด
30 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ข้อมูลจำกเว็บไซต์ https://theactive.net/dataviz/welfare/ ควำมเหลื่อมล้ ำยังไม่เพียงส่งผลต่อบุคคลซึ่งอำยุเยอะกว่ำเท่ำนั้นควำมเหลื่อมล้ ำยังถูกส่งต่อข้ำมรุ่น กลำยเป็นวงจรควำมจนไม่รู้จบ 7,712.03 8,754.63 9,986.42 11,859.52 13,666.91 23,832.95 41,988.01 55,102.03 0.00 5,000.00 10,000.00 15,000.00 20,000.00 25,000.00 30,000.00 35,000.00 40,000.00 45,000.00 50,000.00 55,000.00 60,000.00 ค่ำจ้ำงแรงงำนเฉลี่ยจ ำแนกตำมระดับกำรศึกษำ (2544-2563) ต่ ำกว่ำปริญญำ ปริญญำ
31 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ปัญหำโควิด-19 ส่งผลต่อกำรศึกษำ ของเด็กและเยำวชน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ำปัญหำของโรคโควิด -19 ส่งผลกำรทบต่อระบบกำรศึกษำของไทยเป็นอย่ำงมำก สืบเนื่องจำกปี พ.ศ. 2562 ที่ประเทศไทยมีควำมท้ำทำยและควำมพยำยำมที่จะพัฒนำทักษะเด็กและเยำวชน สู่กำรเป็นผู้น ำกำรเปลี่ยนแปลง (ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21) แต่เนื่องด้วยปี พ.ศ. 2563 ไทยเผชิญกับปัญหำ โรคโควิด-19 ที่แพร่ระบำดไปทั่วประเทศ ประชำชนได้รับผลกระทบอย่ำงหนัก และเพื่อระงับกำรติดต่อของโรค และเป็นกำรควบคุมจ ำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มจำกเชื้อไวรัสดังกล่ำว รัฐบำลไทยจึงมีประกำศใช้มำตรกำรกำรปิด โรงเรียน ท ำให้โรงเรียนสังกัดส ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน 12,000 แห่ง ไม่สำมำรถเปิด กำรเรียนกำรสอนแบบ Onsite ได้ จึงท ำให้เวลำเรียนของเด็กและเยำวชนลดลง 10-18 เปอร์เซ็น และกองทุน เพื่อควำมเสมอภำคทำงกำรศึกษำ (กสศ.) ท ำกำรส ำรวจพบว่ำ เด็กยำกจนพิเศษเพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19 โดยปี พ.ศ. 2563 จ ำนวนเด็กยำกจนพิเศษทั้งประเทศมี 7.6 แสนคน ต่อมำปี พ.ศ. 2564 จ ำนวนเด็กยำกจน พิเศษเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้ำนคน ซึ่งจังหวัดที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของจ ำนวนนักเรียนยำกจนและนักเรียนยำกจน พิเศษในพื้นที่ภำคใต้ตอนล่ำงคือ จังหวัดนรำธิวำสอันดับ 4 จ ำนวน 55,226 คน จังหวัดปัตตำนีอันดับ 10 จ ำนวน 40,864 คน ต่อมำส ำนักงำนเลขำธิกำรสภำกำรศึกษำท ำกำรส ำรวจภำวะถดถอยทำงกำรเรียนรู้ของ เด็กไทย พบว่ำช่วงโควิด-19 นักเรียนระดับประถมศึกษำได้รับผลกระทบในวิชำเรียนภำษำต่ำงประเทศถดถอย มำกที่สุด นักเรียนระดับมัธยมศึกษำมีควำมถดถอยในวิชำคณิตศำสตร์มำกที่สุด และเมื่อเทียบกับผลกำร ประเมิน PISA 2018 ยังพบว่ำนักเรียนไทยมีทักษะต่ ำกว่ำเกณฑ์โดยมีควำมสำมำรถทำงกำรอ่ำนเพียงแค่ 40% คณิตศำสตร์ 47% และวิทยำศำสตร์ 56% ดังนั้นจึงสรุปได้ว่ำเด็กไทยก ำลังเผชิญกับปัญหำและควำมท้ำทำย ด้ำนคุณภำพทักษะของผู้เรียนต่ ำกว่ำเกณฑ์ มีควำมเหลื่อมล้ ำสูง หมำยถึง นักเรียนในชนบทมีทักษะกำรอ่ำนช้ำ กว่ำนักเรียนในเมืองใหญ่ และกำรบริหำรงบประมำณของกระทรวงศึกษำธิกำรมีประสิทธิภำพต่ ำ แม้ว่ำ ในปีงบประมำณ 2566 กระทรวงศึกษำธิกำรจะได้รับงบประมำณมำกเป็นอันดับ 1 แต่จ ำนวนเงินลดลง อย่ำงต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมำณ 2559 เป็นต้นมำ
32 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) สิทธิประโยชน์ด้ำนสวัสดิกำรสังคม ส ำหรับเด็กและเยำวชน และกำรวิเครำะห์แนวทำงกำรด ำเนินงำน โครงกำรสนับสนุนคำใชจ่ำยในกำรจัดกำรศึกษำตั้งแต่ระดับอนุบำล จนจบกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน
33 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) สิทธิประโยชน์ด้ำนสวัสดิกำรสังคมส ำหรับเด็กและเยำวชนในปัจจุบัน 1. ด้ำนกำรศึกษำ 1.1 เงินอุดหนุนสนับสนุนอำหำรกลำงวัน 1.2 เงินอุดหนุนส ำหรับส่งเสริมศักยภำพกำรจัดกำรศึกษำท้องถิ่น 1.3 โครงกำรสนับสนุนค่ำใช้จ่ำยในกำรจัดกำรศึกษำตั้งแต่ระดับอนุบำลจนจบกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน 1.4 ทุนกำรศึกษำรำยปีต่อเนื่องและเงินยังชีพรำยเดือน 1.5 เงินอุดหนุนส ำหรับสนับสนุนอำหำรเสริม (นม) 2. ด้ำนสุขภำพอนำมัย 2.1 สิทธิหลักประกันสุขภำพแห่งชำติหรือสิทธิบัตรทอง 3. ด้ำนบริกำรทำงสังคมทั่วไป 3.1 เงินอุดหนุนเพื่อกำรเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด 3.2 กำรสงเครำะห์เด็กในครอบครัว 3.3 เงินอุดหนุนช่วยค่ำเลี้ยงดูเด็กในครอบครัวอุปถัมภ์ 3.4 กองทุนคุ้มครองเด็ก 3.5 กำรช่วยเหลือเยียวยำผู้รับผลกระทบเนื่องจำกสถำนกำรณ์ควำมไม่สงบในจังหวัดชำยแดนใต้ 3.6 กำรช่วยเหลือผู้ถูกกระท ำด้วยควำมรุนแรงในครอบครัว วิเครำะห์สิทธิประโยชน์สวัสดิกำรสังคมด้ำนกำรศึกษำ กำรศึกษำถูกมองว่ำเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยยกระดับฐำนะได้ พ่อแม่หลำยคนเชื่อว่ำเมื่อมอบกำรศึกษำ ที่ดีให้ลูกพวกเขำจะเติบโตมำมีฐำนะดีกว่ำรุ่นตน ควำมเชื่อนี้ถูกส่งต่อพร้อมกับควำมหวังที่อยำกให้คนรุ่นหลัง เป็นก ำลังหลักทำงเศรษฐกิจของครอบครัว ดังนั้นกำรศึกษำจึงมีบทบำทส ำคัญในกำรสร้ำงโอกำสและสะสม ทุนมนุษย์ตั้งแต่เด็กจนเข้ำสู่วัยท ำงำน อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นส ำคัญของกำรยกระดับทักษะแรงงำนเพื่อให้ ประเทศแข่งขันได้ในเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ต้องกำรแรงงำนมีทักษะ ดูเผิน ก คนไทยอำจมีกำรศึกษำดีขึ้น แต่แท้จริงแล้วโอกำสที่เด็กแต่ละคนจะได้รับกำรศึกษำสูงแค่ไหนนั้นมีไม่เท่ำกัน จำกข้อมูลกำรขยับฐำนะ ระหว่ำงคนต่ำงรุ่นในสังคมไทย โดยธนำคำรโลก พบว่ำระดับกำรศึกษำของพ่อแม่มีแนวโน้มส่งผลต่อระดับ กำรศึกษำของลูกได้ เช่น พ่อแม่จบกำรศึกษำระดับปริญญำตรีลูกมีแนวโน้มเรียนจบสูงระดับเดียวกับพ่อแม่ หรือสูงกว่ำพ่อแม่ ตรงกันข้ำมหำกพ่อแม่มีกำรศึกษำระดับต่ ำสุด ลูกก็จะมีแนวโน้มมีกำรศึกษำระดับต่ ำสุดไป ด้วย ข้อมูลจำกฐำนข้อมูลกำรคัดกรองนักเรียนยำกจนพิเศษของ กสศ. ปีกำรศึกษำ 2563 บ่งชี้ว่ำจังหวัด นรำธิวำสและจังหวัดปัตตำนี มีนักเรียนยำกจนพิเศษมำกที่สุด ติด 1 ใน 10 จังหวัดของประเทศ ไทย และเมื่อมองถึงผลกำรส ำรวจและวิเครำะห์ข้อมูลค่ำใช้จ่ำยส ำหรับกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนของส ำนักงำน เลขำธิกำรสภำกำรศึกษำ กระทรวงศึกษำธิกำร พบว่ำเงินอุดหนุนรำยหัวของโครงกำรสนับสนุนคำใชจ่ำยในกำร จัดกำรศึกษำ ตั้งแต่ระดับอนุบำลจนจบกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน "ไม่สอดคล้อง" และ "ไม่เพียงพอ" กับควำมจ ำเป็น พื้นฐำนของผู้เรียนและสถำนศึกษำ เนื่องจำกรำคำสินค้ำ บริกำรและค่ำครองชีพปรับเพิ่มสูงขึ้นทุกปีตำม
34 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) สภำพเศรษฐกิจสังคม (อัตรำเงินเฟ้อสะสมตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ ถึง ๒๕๖๒ ประมำณร้อยละ ๑๕.๙๓ ท ำให้มูลค่ำ แท้จริงของเงินอุดหนุนฯลดลง) รวมถึงสถำนกำรณ์จำกทั้งภำยในประเทศและต่ำงประเทศที่มีกำรเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลำ ส่งผลให้ผู้เรียนและผู้ปกครองต้องรับภำระค่ำใช้จ่ำยด้ำนกำรศึกษำที่เพิ่มขึ้น ซึ่งข้อจ ำกัดด้ำน กำรเงินเป็นอุปสรรคส ำคัญในกำรตัดสินใจเข้ำศึกษำต่อของผู้เรียนที่มีควำมยำกจนและยำกจนพิเศษ อีกทั้ง ผู้เรียนกำรศึกษำนอกระบบ ยังได้รับกำรสนับสนุนค่ำใช้จ่ำยพื้นฐำนแตกต่ำงจำกผู้เรียนกำรศึกษำในระบบ กล่ำวคือ ผู้เรียนกำรศึกษำนอกระบบ ระดับก่อนประถมศึกษำ ยังไม่ได้รับเงินอุดหนุนฯจำกโครงกำรเรียนฟรี และผู้เรียนที่อยู่ในวัยกำรศึกษำภำคบังคับ (อำยุต่ ำกว่ำ ๑๕ ปี) ยังไม่ได้รับเงินอุดหนุนรำยกำรค่ำเครื่องแบบ นักเรียนและค่ำอุปกรณ์กำรเรียน ด้ำนผู้เรียนและผู้ปกครอง ปัจจุบันกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนในระบบจะครอบคลุมตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษำ ประถมศึกษำ มัธยมศึกษำตอนต้น มัธยมศึกษำตอนปลำยหรือประกำศนียบัตรวิชำชีพ (ปวช.) ได้รับกำรสนับสนุนเงินอุดหนุน ตำมจ ำนวนผู้เรียนผ่ำนโครงกำรเรียนฟรี 5 รำยกำร ได้แก่ 1. ค่ำจัดกำรเรียนกำรสอน 2. ค่ำกิจกรรมพัฒนำคุณภำพผู้เรียน 3. ค่ำหนังสือเรียน 4. ค่ำเครื่องแบบนักเรียน 5. ค่ำอุปกรณ์กำรเรียน ส่วนกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนนอกระบบ ซึ่งครอบคลุมระดับประถมศึกษำ มัธยมศึกษำตอนต้น มัธยมศึกษำตอนปลำย หรือประกำศนียบัตรวิชำชีพ (ปวช.) ได้รับกำรสนับสนุนเงินอุดหนุนรำยหัว 3 รำยกำร ได้แก่ 1. ค่ำจัดกำรเรียนกำรสอน 2. ค่ำกิจกรรมพัฒนำคุณภำพผู้เรียน 3. ค่ำหนังสือเรียน เปรียบเทียบค่ำใช้จ่ำยในกำรซื้อค่ำเครื่องแบบนักเรียน (ค่ำใช่จ่ำยที่ผู้ปกครอบต้องแบบรับภำระ)
35 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ที่มา: ทีมนิวมีเดีย PPTVHD36 เปรียบเทียบค่ำใช้จ่ำยในกำรซื้อค่ำเครื่องแบบนักเรียน (ค่ำใช่จ่ำยที่ผู้ปกครองต้องแบกรับภำระ) จ ำนวนเงินที่ผู้ปกครองสำมำรถเบิกได้ตำมโครงกำรสนับสนุนคำใชจ่ำยในกำรจัดกำรศึกษำตั้งแต่ระดับ อนุบำลจนจบกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ซึ่งค่ำเครื่องแบบนักเรียนประกอบด้วย เสื้อ กำงเกง กระโปรง ในอัตรำ ดังนี้ ระดับก่อนประถมศึกษำ 325 บำท/คน/ปี ระดับประถมศึกษำ 400 บำท/คน/ปี ระดับมัธยมศึกษำตอนต้น 500 บำท/คน/ปี ระดับมัธยมศึกษำตอนปลำย 550 บำท/คน/ปี ระดับ ปวช. 1 – 3 ที่จัดโดยสถำนประกอบกำร 950 บำท/คน/ปี
36 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ทั้งนี้ ผู้ปกครองหรือนักเรียนสำมำรถถัวจ่ำยระหว่ำงเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์กำรเรียนได้ กรณีนักเรียนมีชุดนักเรียนเพียงพอแลว สำมำรถซื้อเข็มขัด รองเท ำ ถุงเทำ ชุดลูกเสือ ชุดเนตรนำรี ชุดยุวกำชำด ผู้บ ำเพ็ญประโยชน ชุดกีฬำ ชุดฝกงำน ชุดประจ ำทองถิ่น และอุปกรณ์กำรเรียนที่จ ำเป็นได้ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบเอกสำรเชิงประจักษ์จึงสำมำรถสรุปและสนับสนุนได้ว่ำกำรกล่ำวมำข้ำงต้นเป็นควำมจริง สำมำรถดูรำยละเอียดเงินอุดหนุนเพิ่มเติมตำมโครงกำรสนับสนุนคำใชจ่ำยในกำรจัดกำรศึกษำตั้งแต่ระดับ อนุบำลจนจบกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน ประจ ำปีงบประมำณ 2566 ได้ตำมภำคผนวก และอีกประกำรส ำคัญที่ไม่ สำมำรถปฏิเสธที่จะกล่ำวถึงไม่ได้เลยนั้นคือคุณภำพกำรศึกษำ โดยพบว่ำ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำงมีเพียงหนึ่ง จังหวัดเท่ำนั้นที่ได้รับผลกำรประเมินคุณภำพกำรศึกษำระดับจังหวัดของประเทศไทย ประจ ำปีงบประมำณ 2564 อยู่ในเกณฑ์ดี คือ จังหวัดตรัง จังหวัดที่ได้รับผลกำรประเมินอยู่ในเกณฑ์พอใช้คือ จังหวัดสงขลำ พัทลุง และจังหวัดที่ได้รับผลกำรประเมินอยู่ในเกณฑควรปรับปรุงคือ จังหวัดสตูล ปัตตำนี ยะลำ นรำธิวำส สำมำรถดู รำยละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ภำคผนวก วิเครำะห์ภำระค่ำใช้จ่ำยด้ำนกำรศึกษำของเยำวชนชำยแดนใต้ ข้อมูลจำกกำรส ำรวจเยำวชน ประจ ำปี 2565 พบว่ำค่ำใช้จ่ำยที่เกี่ยวเนื่องกับกำรศึกษำในพื้นที่จังหวัดชำยแดนภำคใต้มีค่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 2,423 บำท/เดือน ในขณะที่ค่ำเฉลี่ยโดยรวมของภำคใต้อยู่ที่ 2,106 บำท/เดือน และในระดับประเทศมีค่ำเฉลี่ยนที่ 2,602 บำท/เดือน แต่ภำระค่ำใช้จ่ำยด้ำนกำรศึกษำในปัจจุบันถือเป็นกำรลงทุนที่สูงมำกเมื่อเทียบกับรำยได้ที่เขำมี โดยมีค่ำสูงถึง 25.8% ซึ่งหมำยควำมว่ำรำยได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนในพื้นที่ชำยแดนใต้จะเท่ำกับ 9,391 บำท/เดือน อย่ำงไรเสียแม้ว่ำกำรลงทุนด้ำนกำรศึกษำของเยำวชนในพื้นที่จังหวัดชำยแดนภำคใต้แต่พวกเขำกลับได้รับ คุณภำพทำงกำรศึกษำที่ด้อยกว่ำที่อื่นกอย่ำงมีนัยส ำคัญทั้งด้ำนอุปกรณ์และบุคลำกร ดังค่ำเฉลี่ยที่จะปรำกฎให้เห็นนี้ 1. 51.5% เคยประสบปัญหำสื่อกำรสอนล้ำสมัย 2. 50.2% เคยประสบปัญหำคอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอต่อจ ำนวนนักเรียน 3. 48.9% เคยประสบปัญหำครูไม่มีควำมรู้เรื่องที่สอน 4. 69.6% เคยประสบปัญหำครูไม่มีเวลำสอน และเมื่อพิจำรณำถึงระดับกำรศึกษำที่เยำวชนแต่ละกลุ่มต้องกำรส ำเร็จกำรศึกษำพบว่ำ เยำวชน ชำยแดนใต้ส่วนใหญ่ต้องกำรส ำเร็จกำรศึกษำในระดับประกำศนียบัตรวิชำชีพชั้นสูง (ปวส.) มำกที่สุด 38.2% ต้องกำรส ำเร็จระดับกำรศึกษำไม่เกินมัธยมปลำยหรือประกำศนียบัตรวิชำชีพ (ปวช.) 5.4% ระดับปริญญำตรี 26.6% และต้องกำรส ำเร็จกำรศึกษำระดับปริญญำโทขึ้นไป 29.8% วิเครำะห์สิทธิประโยชน์สวัสดิกำรสังคมด้ำนบริกำรทำงสังคมทั่วไป สิทธิประโยชน์ด้ำนบริกำรทำงสังคมทั่วไปมุ่งเน้นที่กำรจ่ำยเงินสงค์เครำะห์และเงินอุดหนุน กรณีเงิน อุดหนุนเพื่อกำรเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เงินสงเครำะห์เด็กในครอบครัวรำยได้น้อย เงินอุดหนุนช่วยค่ำเลี้ยงดูเด็กใน ครอบครัวอุปถัมภ์ เป็นส่วนช่วยในกำรบรรเทำผลกระทบด้ำนควำมยำกล ำบำกของครอบครัวที่ส่งผลเสียต่อ พัฒนำกำรและคุณภำพชีวิตของเด็ก แต่อย่ำงไรก็ตำมสังคมยังมีควำมกังวลเกี่ยวกับกำรใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ เช่น ผู้ปกครองอำจน ำเงินไปเล่นกำรพนัน ซื้อเหล้ำหรือบุหรี่ โดยไม่ได้ค ำนึงถึงควำมคุ้มค่ำของเงินหรือสิทธิที่
37 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) เด็กควรได้รับ ดังนั้นหน่วยงำนผู้รับผิดชอบควรมีระบบกำรติดตำมและประเมินผลกำรใช้วงเงินดังกล่ำวของ ผู้ปกครอง หรือควรมีกำรปรับเปลี่ยนกระบวนกำรกำรจ่ำยเงิน โดยเชื่อมโยงบูรณำกำรกับสถำบันกำรศึกษำ กระทรวงสำธำรณสุข หน่วยงำนภำครัฐอื่นกที่สำมำรถดึงวงเงินดังกล่ำวไปใช้ให้เกิดประสิทธิผลต่อเด็กมำกที่สุด วิเครำะห์ตลำดแรงงำนกับระบบกำรศึกษำไทย ผลกำรศึกษำด้ำนข้อคิดเห็นของเยำวชนและนำยจ้ำงเกี่ยวกับโอกำสในกำรมีงำนท ำของเยำวชนไทย ของยูนิเซฟพบว่ำ หลักสูตรและแนวทำงกำรสอนของระบบกำรศึกษำไทยไม่สอดคล้องกับควำมต้องกำรของ ตลำดแรงงำนหมำยควำมว่ำ ปัจจุบันตลำดแรงงำนของไทยมีกำรเปลี่ยนแปลงอย่ำงรวดเร็วซึ่งต้องกำรแรงงำนที่ มีทักษะควำมรู้ เช่น ควำมรู้เฉพำะทำง กำรออกแบบและเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์และทักษะทำงสังคมและ กำรท ำงำน กำรคิดวิเครำะห์ควำมคิดริเริ่ม กำรแก้ไขปัญหำที่ซับซ้อน ทักษะกำรเป็นผู้น ำ ควำมฉลำดทำง อำรมณ์และ ควำมยืดหยุ่น ซึ่งจำกผลกำรส ำรวจดังกล่ำวชี้ให้เห็นว่ำหลักสูตรกำรศึกษำในปัจจุบันยังขำดกำรให้ ควำมส ำคัญกับกำรศึกษำในวิชำ STEAM4INNOVATOR ซึ่งมีควำมส ำคัญต่อกำรบรรลุเป้ำหมำยตำม ยุทธศำสตร์ประเทศไทย 4.0 อีกทั้งยังไม่มีกำรสอนทักษะกำรบริหำรจัดกำรธุรกิจและกำรเป็นผู้ประกอบกำร ซึ่งมีควำมส ำคัญต่อกำรท ำให้เยำวชนพร้อมเข้ำสู่ภำคเศรษฐกิจไม่เป็นทำงกำร STEAM4INNOVATOR คือ แผนกำรพัฒนำศักยภำพด้ำนนวัตกรรมส ำหรับเยำวชนไทยที่ต้องกำรก้ำว ไปเป็นนวัตกร “แนวทำงหลักส ำคัญที่ส ำนักงำนนวัตกรรมแห่งชำติ (องค์กรมหำชน) มุ่งใช้ในกำรพัฒนำ ผู้ประกอบกำรนวัตกรรมกลุ่มเครือข่ำยเยำวชน โดยศักยภำพด้ำนธุรกิจและกำรเป็นผู้ประกอบกำรจะถูกบูรณำ กำรเข้ำกับควำมรู้ควำมเข้ำใจทำงด้ำน STEAM เพื่อให้เยำวชนสำมำรถประยุกต์และสร้ำงสรรค์ผลงำนบน พื้นฐำนของวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ที่มีมิติของกำรประกอบธุรกิจนวัตกรรมอยู่ด้วยอย่ำงสมบูรณ์”โดยเป็น แนวทำงพัฒนำศักยภำพที่ใช้พื้นฐำนควำมรู้ด้ำน STEAM ซึ่งประกอบด้วย วิทยำศำสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศำสตร์ (Engineering) ศิลปะ (Art) และคณิตศำสตร์ (Mathematics) โดยมี กระบวนกำร 4 ขั้นตอนในกำรสร้ำงสรรค์นวัตกรรมดังนี้ วงล้อ STEAM4innovator
38 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ขั้นตอนที่ 1 Insight รู้ลึกรู้จริง เริ่มต้นกระบวนกำรสร้ำงสรรค์ธุรกิจนวัตกรรมด้วยกำรรับรู้สิ่งแวดล้อม สำมำรถมองเห็นปัญหำที่ แท้จริง เข้ำถึงมุมมองใหม่ จนสำมำรถสร้ำงแรงกระตุ้นให้เกิดควำมอยำกที่จะคิดไอเดียสุดเจ๋งมำต่อยอด สร้ำงสรรค์เป็นธุรกิจที่สร้ำงคุณค่ำ ขั้นตอนที่ 2 Wow! Idea คิดสร้ำงสรรค์ไอเดีย กำรต่อยอดควำมคิดสร้ำงสรรค์ ก ำหนดปัญหำและเป้ำหมำยในกำรแก้ไขที่ชัดเจน เพื่อให้ได้ค ำตอบ ใหม่ที่แตกต่ำง สร้ำงสรรค์ ท ำได้จริงและมีคุณค่ำเป็นที่ต้องกำรของกลุ่มเป้ำหมำยที่ก ำหนดไว้ ขั้นตอนที่ 3 Biz model แผนพัฒนำธุรกิจ กำรออกแบบแนวคิดและแผนบริหำรจัดกำรทั้งหมด ซึ่งจะเกี่ยวข้องทั้งกำรเชื่อมโยงคน เทคโนโลยี ทรัพยำกร และควำมหลำกหลำยไปสู่เป้ำหมำยที่ท ำได้จริง ขั้นตอนที่ 4 Production & Diffusion กำรผลิตและกำรกระจำยสินค้ำ กำรลงมือสร้ำงผลงำนนวัตกรรมและกำรลงมือท ำอย่ำงจริงจังให้เกิดผลอย่ำงเป็นรูปธรรมทำงธุรกิจ เพื่อกระจำยผลผลิตออกสู่ตลำด
39 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) หลุดกับดักยำกจนข้ำมรุ่น ด้วยควำมเสมอภำค “รัฐสวัสดิกำร” ดร. เดชรัต สุขก ำเนิด นักวิชำกำรด้ำนเศรษฐศำสตร์ ให้ควำมหมำยของรัฐสวัสดิกำร คือ กำรที่รัฐดูแล ประชำชนผ่ำนระบบภำษี โดยรัฐจะเป็นคนดูแลจัดหำสวัสดิกำรพื้นฐำนที่จ ำเป็นให้ครอบคลุมประชำชน เพื่อลด ควำมเหลื่อมล้ ำในกำรเข้ำถึงโอกำสด้ำนต่ำง ก โดยที่มำของเงินที่ใช้มำจำกภำษีที่เก็บจำกประชำชนเป็นหลัก ซึ่งทั้งหมดนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องแบ่งเงินมำช่วยคนจน แต่มันคืออีกโมเดลหนึ่งที่คนทั้งประเทศจะเข้มแข็งพร้อมก กัน ไม่ใช่โดยกำรช่วยเหลือของรัฐ แต่โดยกำรช่วยเหลือของเรำทุกคน เพียงแต่รัฐบำลเป็นคนกลำงที่น ำภำษี ของเรำมำจัดกำรจัดสรรให้ทุกคน สวัสดิกำรรำยได้พื้นฐำนถ้วนหน้ำ หรือที่รู้จักกันดีในนำม “UBI” (Universal Basic Income) คือหนึ่ง ในทำงเลือกที่ได้รับควำมสนใจมำกที่สุดและคำดว่ำจะตอบโจทย์ควำมท้ำทำยแห่งยุคสมัยได้ดีที่สุด โดย หลักกำร 5 ข้อของ UBI คือ เป็นเงินสด, ไม่มีเงื่อนไข, เพียงพอ, ถ้วนหน้ำ และเป็นสิทธิของประชำชนทุกคน กล่ำวคือ หำกประเทศไทยมีนโยบำย UBI ทุกกเดือนรัฐบำลจะโอนเงินจ ำนวน 2,763 บำท/เดือน (รำยได้ขั้นต่ ำ บนเส้นควำมยำกจน) ให้แก่เรำทุกคน โดยไม่ค ำนึงว่ำเรำจะเป็นใคร ประกอบอำชีพอะไร หรือพักอำศัยอยู่ส่วน ใดของประเทศ
40 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) รัฐสวัสดิกำรในโลกตะวันตก และตะวันออก 1. สังคมนิยมประชำธิปไตย (Social Democratic) กลุ่มประเทศนอร์ดิก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ เดนมำร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน “รัฐ” ท ำหน้ำที่หลักในกำรจัดสรรสวัสดิกำรให้กระจำยและเป็นธรรมไปยังทุกกลุ่มคนโดยถ้วนหน้ำ 2. เสรีนิยม (Liberal) สหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย “กลไกกำรตลำด” ท ำหน้ำที่จัดสรรสวัสดิกำร บุคคลจัดซื้อสวัสดิกำรให้ตนเองได้โดยอิสระ ซึ่งมีควำมเหลื่อมล้ ำสูง (ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มนี้) 3. อนุรักษ์นิยม (Conservative) เยอรมนี อิตำลี สเปน และฝรั่งเศส “อำชีพของบุคคล” ก ำหนด สวัสดิกำรที่ครัวเรือนจะได้รับ ซึ่งแปรผันตำมอัตรำภำษีที่บุคคลจ่ำยให้แก่รัฐ กำรจัดประเภทรัฐสวัสดิกำรอีกแบบในโลกตะวันออก ซึ่งจัดสรรสวัสดิกำรเพื่อมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจเป็น ส ำคัญ (Productivist) 1. Universalist รัฐจัดสรรสวัสดิกำรให้ประชำชนทุกกลุ่ม 2. Particularist รัฐจัดสรรสวัสดิกำรให้ประชำชนบำงกลุ่มที่รัฐเห็นสมควร (ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มนี้) 3. Facilitative รัฐแทรกแซงน้อยมำก ปล่อยให้กลไกตลำดและสภำพเศรษฐกิจเป็นตัวก ำหนดสวัสดิกำร ดังนั้นจะเห็นได้ว่ำรัฐสวัสดิกำรมีหลำยรูปแบบแต่มีเป้ำหมำยร่วมเพียงหนึ่งเดียว คือ ทุกชีวิตมี"สิทธิ" ในสวัสดิกำรพื้นฐำนแห่งรัฐเพื่อลดควำมเหลื่อมล้ ำทำงเศรษฐกิจ ลดช่องว่ำงทำงสังคม และเพิ่มโอกำสให้แก่ผู้ ขำดแคลน
41 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) รูปแบบรัฐสวัสดิกำรที่แตกต่ำงกันของ โลกตะวันออกและโลกตะวันตก รัฐสวัสดิกำรของโลกตะวันตก รัฐสวัสดิกำรของโลกตะวันออก จุดเริ่มต้น กำรเรียกร้องของประชำชน Timeline ปี 1834 อังกฤษออกกฎหมายสงเคราะห์ คนจน ก่อนจะออกกฎหมำยด้ำนสวัสดิกำร อื่นกตำมมำ เช่น กฎหมำยควำมรับผิดชอบ ของนำยจ้ำง (1880) และกฎหมำย ประกันสังคมแห่งชำติ (1911) ปี 1883 เยอรมนีริเริ่มระบบประกันสุขภำพ และประกันอุบัติเหตุโดยตรำกฎหมาย สวัสดิการสังคมรับรองสิทธิของแรงงำน ภำคอุตสำหกรรมยุคแรก เพื่อลดอุณหภูมิ กระแสกำรเรียกร้องจำกฝ่ำยแรงงำน ปี1941 อังกฤษยกร่ำงแผนประกันสังคม “The Beveridge Report” ชูแนวคิดรัฐ ต้องดูแลคุณภำพชีวิตคนตลอดชีวิต (from Cradle to Grave) ปี 1948 ระบบบริกำรสำธำรณสุขแห่งชำติ อังกฤษ หรือ National Health Service (NHS) ได้รับกำรประกำศใช้ ผลพวงจำก แผนประกันสังคม “The Beveridge Report” และขบวนกำรเคลื่อนไหวทำง สังคมอย่ำงต่อเนื่อง จุดเริ่มต้น กำรตัดสินใจของรัฐบำล Timeline ปี 1933 หลังเปลี่ยนแปลงกำรปกครอง หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) ยกร่ำง “สมุดปกเหลือง” หรือเค้ำโครงกำร เศรษฐกิจที่เป็นร่ำงรัฐสวัสดิกำรที่ใกล้เคียง กับแบบสังคมประชำธิปไตยมำกที่สุดแต่ถูก ปฏิเสธ และไม่เคยน ำไปปฏิบัติจริง ปี 1944 หลังสงครำมโลกครั้งที่สอง อดีต ประเทศในอำณำนิคมทยอยประกำศ อิสรภำพและเริ่มต้นสร้ำงชำติครั้งใหม่ โดย ใช้สวัสดิกำรแห่งรัฐสร้ำงกำรเติบโตทำง เศรษฐกิจ ฟื้นฟูสังคมและวัฒนธรรม เช่น ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ รัฐสวัสดิกำรมีหลำยรูปแบบแต่มีเป้ำหมำยร่วมเพียงหนึ่งเดียว คือ ทุกชีวิตมี “สิทธิ” ในสวัสดิกำร พื้นฐำนเพื่อลดควำมเหลื่อมล้ ำทำงเศรษฐกิจ ลดช่องว่ำงทำงสังคม และเพิ่มโอกำสให้แก่ผู้ขำดแคลน
42 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) ตัวอย่ำง "Nordic Model" รัฐสวัสดิกำรในกลุ่มประเทศนอร์ดิก (ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ เดนมำร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน) มักได้รับกำรหยิบยกเป็นประเทศต้นแบบที่ รัฐจัดสรรสวัสดิกำรให้ประชำชนอย่ำงถ้วนหน้ำ รัฐสวัสดิกำรตั้งแต่เกิดจนตำยของประเทศฟินแลนด์ ปี พ.ศ. 2564 1. ของขวัญจำกรัฐตั้งแต่แรกเกิด คุณแม่ชำวนแลนด์สำมำรถเลือกรับเงินให้เปล่ำ 170 ยูโร (กว่ำ 6,000 บำท) หรือของใช้จ ำเป็นส่ ำหรับเด็กเล็กได้ตั้งแต่อำยุครรภ์ 5 เดือน 2. พ่อแม่มีสิทธิลำคลอดพร้อมเงินช่วยเหลือ พ่อแม่ลำคลอดได้ 9 เดือน พร้อมเงินช่วยเหลือคิดจำก ค่ำแรง 263 วันท ำงำน และมีสิทธิขอพี่เลี้ยงเวลำกลำงวัน 3. ค่ำขนมเด็กและประโยชน์อื่นก รับค่ำเลี้ยงดูบุตร 338 ยูโร/คน (กว่ำ12,000 บำท) จนถึง 3 ขวบ พร้อมวัคซีนพื้นฐำนฟรีก่อนเข้ำโรงเรียน จำกนั้นจะได้รับค่ำขนม 90-180 ยูโร/เดือน (รำว 3-6พันบำท) พร้อม บริกำรตรวจสุขภำพพื้นฐำนฟรี จนถึงอำยุ 16 ปี 4. เงินช่วยเหลือเพื่อกำรศึกษำ เรียนฟรีถึงอำยุ 16 ปี จำกนั้นรัฐจะช่วยค่ำหอพัก อุปกรณ์กำรเรียน และกำรเดินทำง พร้อมทุนกู้ยืมศึกษำต่อถึงอุดมศึกษำ 5. เงินช่วยเหลือเมื่อว่ำงงำน รัฐช่วยหำงำนพร้อมให้เงินช่วยเหลือไม่เกิน 400 วัน และสนับสนุน งบประมำณกำรศึกษำ เพื่อเพิ่มศักยภำพ ณ ศูนย์กำรเรียนรู้นับร้อยแห่งทั่วประเทศ 6. เงินช่วยเหลือระหว่ำงเกณฑ์ทหำร ชำยที่ถูกเกณฑ์ทหำรจะได้รับเงินช่วยเหลือหำกครอบครัวไม่มีรำยได้ 7. เงินช่วยเหลือด้ำนที่อยู่อำศัย ครัวเรือนที่มีรำยได้ต่ ำหรือต้องกำรควำมช่วยเหลือ จะได้รับสินเชื่อ ผ่ำนกองทุนกำรเคหะแห่งฟินแลนด์ เพื่อให้มีบ้ำนคุณภำพมำตรฐำนในรำคำย่อมเยำ 8. เงินบ ำนำญแห่งชำติ ชำวฟินแลนด์อำยุเกิน 65 ปี ถือว่ำเกษียณ จะได้รับบ ำนำญทุกคนอย่ำงน้อย คนละ 837.59 ยูโร/เดือน (กว่ำ 31,000บำท) โดยไม่ถูกหักภำษีหำกไม่มีรำยได้จำกที่อื่น 9. กำรช่วยเหลือยำมป่วยไข้ ชำวนแลนด์จะได้รับบริกำรสำธำรณสุข (ครบวงจร) ณ "ศูนย์สุขภำพ" ประจ ำท้องถิ่นที่กระจำยอยู่ทั่วประเทศกว่ำ 200 แห่ง โดยไม่เสียค่ำใช้จ่ำยใด ก ข้อมูลข้ำงต้นเป็นเพียงเป็นส่วนหนึ่งของกำรจัดสวัสดิกำรให้แก่ประชำชนเท่ำนั้น ยังมีสวัสดิกำรแบบ อื่นกเพิ่มเติมอีกมำกมำยในโลกใบนี้
43 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) จำกเกิดจนตำย...กับสวัสดิกำรรัฐ ของประเทศไทย 1. ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมเบิกค่ำคลอดบุตรได้ 13,000 บำท/ครั้ง (ไม่จ ำกัดจ ำนวนครั้ง) และแม่จะได้รับเงินสงเครำะห์จำกกำรลำคลอด 50% ของเงินเดือนในเวลำ 90 วัน 2. ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจะได้รับเงินสงเครำะห์บุตร (แรกเกิด - 6 ปี) เดือนละ800 บำท/คน ครำวละไม่เกิน 3 คน 3. ค ำสั่งหัวหน้ำ คสช. (ที่ 28/2559) ให้บุคคลพึงมีสิทธิและโอกำสได้รับกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนที่มี คุณภำพและทั่วถึง 15 ปี โดยไม่เก็บค่ำใช้จ่ำย (ถึงชั้น ม.6 หรือ ปวช.3 หรือเทียบเท่ำ) 4. ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่ถูกเลิกจ้ำงหรือลำออกจะได้รับเงินทดแทนปีละไม่เกิน 180 วัน 30-50% ของค่ำจ้ำงเฉลี่ย (ไม่เกิน 15,000 บำท) 5. ประกันสุขภำพถ้วนหน้ำ (บัตรทอง) ผู้มีสิทธิลงทะเบียนและไม่มีสวัสดิกำรด้ำนกำรรักษำพยำบำล อื่นใดที่รัฐจัดให้สำมำรถรับบริกำรสำธำรณสุขพื้นฐำนจำกหน่วยบริกำรโดยไม่เสียค่ำใช้จ่ำย 6. ประกันสังคมผู้ประกันตนเข้ำรับกำรรักษำในสถำนพยำบำลตำมกำรรับรองสิทธิโดยไม่เสียค่ำใช้จ่ำย 7. พิสูจน์ตนได้ว่ำเป็น "ผู้ยำกไร้" จะได้รับเงินช่วยเหลือบำงส่วนจำกรัฐบำลผ่ำน "บัตรสวัสดิกำรแห่งรัฐ" (บัตรคนจน) ลดภำระค่ำใช้จ่ำยบำงอย่ำงตำมเงื่อนไข เช่น สินค้ำอุปโภคบริโภค ค่ำเดินทำง ค่ำน้ ำค่ำไฟ 8. เบี้ยคนพิกำร ผู้พิกำรสำมำรถลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพได้800 - 1,000 บำท/เดือน 9. ประกันสังคมในกรณีทุพพลภำพร้ำยแรง รับเงินชดเชยรำยได้ 50% ของค่ำจ้ำงเป็นรำยเดือนตลอดชีวิต หำกไม่ร้ำยแรงจะได้รับตำมเงื่อนไข รวมถึงรับเงินช่วยเหลือค่ำบริกำรทำงกำรแพทย์ เงินบ ำเหน็จชรำภำพ ค่ำท ำศพ และเงินสงเครำะห์เสียชีวิต 10. เบี้ยยังชีพผู้สูงอำยุ ผู้สูงอำยุทุกคนที่ขึ้นทะเบียนได้รับเงินคนละ 600-1,000บำท/เดือน ตำมช่วงอำยุ 11. ประกันสังคม ผู้ประกันอำยุครบ 55 ปีบริบูรณ์จะได้รับบ ำเหน็จหรือบ ำนำญชรำภำพ 12. รับค่ำท ำศพ 40,000 บำท ส ำหรับผู้จัดกำรศพของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม
44 ข้อเสนอเชิงนโยบำยในระดับพื้นที่ 7 จังหวัดภำคใต้ตอนล่ำง (ตรัง สตูล พัทลุง สงขลำ ยะลำ ปัตตำนี นรำธิวำส ) วิธีกำรแก้ไขปัญหำควำมยำกจน อย่ำงเบ็ดเสร็จและแม่นย ำ เพื่อให้หลุดพ้นจำกวงจรควำมจน จ ำแนกครัวเรือนเปรำะบำงที่เข้ำข่ำย จะเป็นครัวเรือนยำกจนข้ำมรุ่น วิเครำะห์รูปแบบปัญหำคนจนเป้ำหมำย และน ำไปสู่กำรสร้ำงโมเดลควำมช่วยเหลือ รำยบุคคลอย่ำงเบ็ดเสร็จ แม่นย ำ และยั่งยืน (วำงแผนควำมช่วยเหลือตำม 5 มิติ) ( ไม่แน่นจ ำนวน เน้นคุณภำพช่วยเหลือ ระยะยำว ติดตำมผลทุกปี) 1. ล้อคเป้าหมาย 2. ปักหมุดแผนที่บ้ำนครัวเรือนเปรำะบำงที่เป็นครัวเรือนยำกจนข้ำมรุ่น 3. ช่วยเหลือ