พม.
กบงานบริการทางสงคม
TPSO12 สำนกงานสงเสริมและสนบสนุนวชิ าการ 12
สำนกงานปลดกระทรวงการพฒนาสงคมและความมน่ คงของมนุษย
สารบัญ
หนา้
คำนำ 1
บำ้ นพกั เด็กและครอบครัวจังหวดั สงขลำ 3 - 17
สถำนสงเครำะหเ์ ดก็ ปตั ตำนี 18 - 48
ศนู ย์เรยี นรกู้ ำรพฒั นำสตรแี ละครอบครัวภำคใต้ฯ 49 - 70
สถำนสงเครำะห์เด็กบำ้ นสงขลำ 71 - 93
ศูนยพ์ ัฒนำกำรจดั สวัสดิกำรสงั คมผู้สูงอำยุบ้ำนทักษิณ 94 - 112
คณะผจู้ ดั ทำ 113
คานา
กำรบริกำรสังคม คือ สิ่งท่ีจัดให้มีข้ึนเพ่ือให้ผู้รับมีคุณภำพชีวิต
ที่ดีหรือไม่ตกต่ำลงกว่ำท่ีเป็นอยู่ และครอบคลุมถึงกำรนำสิ่งที่จัด
ใหม้ ีข้นึ ไปยงั กลุ่มเปำ้ หมำยไดเ้ ข้ำถงึ สง่ิ ท่จี ัดให้มีข้นึ
รูปแบบและวิธีกำรบริกำรสังคม ได้พัฒนำไปสู่กำรจัดตั้ง
เป็นองค์กร/องค์กำร สถำบันหรือหน่วยงำนทำงสังคมที่มีกำร
นำเอำเรื่องของสิทธิทำงสังคม สิทธิมนุษยชน และควำมเป็นธรรมทำงสังคม
มำใชเ้ ปน็ กรอบในกำรวำงนโยบำยตลอดจนแนวทำงกำรปฏิบตั ิงำน
กำรจัดกำรบริกำรสังคม จำเป็นต้องให้ควำมสำคัญกับ
องค์ประกอบของบริกำรสังคม ไม่ว่ำจะเป็นผู้ปฏิบัติ องค์กำร
ผลิตภัณฑ์บริกำร กำรบริกำรและสภำพแวดล้อม เมื่อองค์ประกอบเหล่ำนี้
ได้รับกำรจัดกำรอย่ำงเป็นระบบแล้ว ผลิตภัณฑ์บริกำรหรือบริกำรสังคม
ที่ออกมำก็น่ำจะเป็นบริกำรสังคมที่มีคุณภำพ ซ่ึงคณะผู้จัดทำองค์ควำมรู้
หวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำ เกิดประโยชน์แก่ผู้ท่ีสนใจหรือผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้อง
ในกำรนำไปใช้เป็นแนวทำงกำรขับเคล่ือนงำนบริกำรทำงสังคม
ตำมควำมเหมำะสมต่อไป
สานกั งานส่งเสริมและสนบั สนนุ วิชาการ 12
กนั ยายน 2561
บา้ นพกั เดก็ และครอบครัวจงั หวัดสงขลา
บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลา กองคุ้มครองเด็ก
และเยาวชน กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคม
และความม่ันคงของมนุษย์ จัดตั้งเป็นครั้งแรกเม่ือปี พ.ศ.2539
เพ่ือเป็นหน่วยงานบริการสาหรับผู้เดือดร้อนในลักษณะบ้านพักฉุกเฉิน
สาหรับเดก็ สตรี บุคคลในครอบครวั และผปู้ ระสบปัญหาทางสงั คม
ในรูปแบบต่างๆ โดยจัดบริการด้านท่ีพักอาศัย อาหาร ส่ิงของ
เครื่องใช้จาเป็น และการรักษาพยาบาล นอกจากนั้นยังให้การช่วยเหลือ
ในเร่ืองการส่งกลับภูมิลาเนา สงเคราะห์ครอบครัว รวมท้ังประสานหน่วยงาน
ที่เก่ียวข้องเพื่อช่วยเหลือเรื่องอื่นๆ ตามความเหมาะสม บ้านพักเด็ก
และครอบครัวมีกลไกสาคัญ คือ นักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์
สามารถให้คาปรึกษาแนะนา ประสานและให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
โดยเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง เพ่ือให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน
และทนั ต่อเหตกุ ารณ์
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 3
บทบาทภารกิจของหน่วยงาน
บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลา เป็นสถานรับเด็ก
ท่ีประสบปัญหาทางสังคม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
และเป็นสถานที่พักพิงช่ัวคราวสาหรับ เด็ก สตรี ตามกฎหมาย 3 ฉบับ
ได้แก่ 1) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539
2) พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทาด้วยความรุนแรงในครอบครัว
พ.ศ. 2550 3) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์
พ.ศ. 2551
ภารกิจหลกั
1. การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม
ในภาวะวิกฤต การคุ้มครองสวัสดิภาพ จัดบริการสวัสดิการสังคม
สาหรบั เด็ก เยาวชน และสตรี ทปี่ ระสบปญั หาทางสังคม
2. การให้ที่พักพิงชั่วคราวตลอดจนปัจจัยส่ี มีการบริการ
ให้คาปรึกษาและฟื้นฟูร่างกาย จิตใจ และสังคม สาหรับ
กล่มุ เปา้ หมายท่ปี ระสบปญั หาทางสงั คม
3. เป็นหน่วยงานที่ประสานการดาเนินงานของศูนย์
ช่วยเหลอื สังคม 1300 ตลอด 24 ช่วั โมง
4. เป็นหน่วยสนับสนุน และพัฒนาอาสาสมัคร กลุ่ม องค์กร
เครือข่ายในการจัดสวัสดกิ ารสงั คมแก่กลมุ่ เป้าหมาย
5. บูรณาการและปฏิบัติงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพและ
หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง เพื่อวางแผนให้ความช่วยเหลือท้ังระยะสั้น
พม.กบั งานบริการทางสังคม 4
และระยะยาวแก่กลุ่มเป้าหมาย เกิดเครือข่ายสร้างความร่วมมือ
ในการทางานอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ทงั้ ดา้ นการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หา
โครงสรา้ งการบรหิ าร
กลุ่มเป้าหมายผูร้ ับบรกิ าร
1. เด็กกาพร้าขาดอุปการะ เร่ร่อน ขอทาน เด็กถูกทอดทิ้ง
หรือพลดั หลง เดก็ พิการ
2. เดก็ สตรี ถูกทารณุ กรรม ต้ังครรภ์ไม่พงึ ประสงค์
3. เดก็ สตรีตกเป็นเหยอื่ การคา้ มนษุ ย์
4. เด็ก สตรี ถูกล่อลวงชกั จูงค้าบริการทางเพศ
5. เด็กท่ีผู้ปกครองไม่สามารถอุปการะเล้ียงดูได้ด้วยเหตุใดๆ
เช่น ถูกจาคุก กักขัง ยากจน พิการทุพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง เป็นผู้เยาว์
หยา่ ถกู ท้ิงร้าง เป็นโรคจติ หรอื ประสาท
6. เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยมิชอบถูกใช้เป็นเคร่ืองมือ
ในการกระทาหรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
7. เดก็ /สตรตี ดิ เชอ้ื เอดส์
8. เดก็ ทป่ี ระพฤตติ นไม่เหมาะสม
พม.กับงานบริการทางสังคม 5
9. เดก็ สตรี ครอบครวั ที่ประสบปญั หาสังคม
กระบวนการดาเนนิ งานบา้ นพักเดก็ และครอบครวั
1. การรับแจ้ง บ้านพักเด็กและครอบครัวได้เปิดช่องทาง
ในการให้บริการแก่ประชาชน ผ่านโทรศพั ท์สายด่วน 1300 ตลอด
24 ชัว่ โมง มาติดต่อดว้ ยตนเอง หรือผา่ นหนว่ ยงานอ่นื ๆ ท้งั ภาครัฐ
และภาคเอกชน
2. การรับตัวผู้ประสบปัญหา ซ่ึงมีท้ังผู้ประสบปัญหา
มาติดต่อขอรับบริการด้วยตนเอง หรือศูนย์ประชาบดี 1300
ออกไปช่วยเหลือและนามาเข้ารับบริการ หรือจากการส่งต่อจาก
พนักงานเจ้าหน้าท่ีตามกฎหมายต่างๆ เช่น พระราชบัญญัติ
คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 พระราชบัญญัติคุม้ ครองผู้ถูกกระทาด้วย
ความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 พระราชบัญญัติป้องกันและ
ปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 หรือจากการส่งต่อจากศูนย์พึ่งได้
ของโรงพยาบาล หรือจากเจ้าหน้าท่ีตารวจ หรือหน่วยงานอื่นๆ
ทง้ั ภาครัฐและเอกชน
3. สอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อมูลประวัติของผู้ประสบปัญหา
และครอบครัว สภาพปัญหา สาเหตุท่ีทาให้ประสบปัญหา
ผูก้ ระทา ความสัมพันธ์ระหว่างผปู้ ระสบปัญหากับผูก้ ระทา
4. ประเมินสภาพปัญหาและความต้องการของผู้ประสบ
ปัญ หาทางสังคม ประเมินทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ สังคม
สภาพแวดล้อมอื่น เช่น กรณีเดก็ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือผ้ทู ตี่ ก
เป็นเหย่อื การค้ามนุษย์
พม.กบั งานบริการทางสังคม 6
5. วางแผนการให้ความช่วยเหลือด้วยทีมสหวิชาชีพ
โดยการกาหนดเป้าหมายในการจัดการสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น
ของผู้ใชบ้ รกิ ารและทมี สหวิชาชพี
6. ให้การช่วยเหลือเบ้ืองต้น เช่น นาส่งเข้ารับการ
รักษาพยาบาล ดาเนินการบาบัดฟื้นฟูสภาพร่างกาย จิตใจ หรือ
เข้าพักอาศัยในบ้านพักเด็กและครอบครัวเป็นการช่ัวคราว พร้อมทั้ง
ให้บรกิ ารดา้ นปัจจัยสี่
7. พิจารณาให้การช่วยเหลือในระยะยาว โดยนาปัญหา
ของผู้ประสบปัญหานั้นๆ เข้าพิจารณาในทีมสหวิชาชีพ ซึ่งอาจจะ
ประกอบด้วยจิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ตารวจ
อัยการและผู้ที่เก่ียวข้องเพ่ือร่วมกันพิจารณาในการช่วยเหลือ
ผู้ประสบปัญหาระยะยาว ท้ังด้านการรักษาภาวะจิตใจ การป้องกัน
มิให้ถูกกระทาซ้า การดาเนินงานด้านกฎหมายกับผู้กระทา
การเรียกร้องสิทธิต่างๆ การพิจารณาส่งต่อหน่วยงานอ่ืน หรือ
การนาสง่ กลับคืนสูค่ รอบครัวและชมุ ชน
8. การส่งเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ โดยกระบวนการนี้
อาจได้จากการร่วมกันพิจารณาของบ้านเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลาเอง
หรือจากการพิจารณาร่วมกันของทีมสหวิชาชีพว่าจะใช้วิธีการสงเคราะห์
หรือคุ้มครองสวัสดิภาพให้แก่ผปู้ ระสบปัญหา หรืออาจจะใช้ควบคู่
กันไปทั้งสองวิธี เช่น กรณีเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยบุคคล
ในครอบครัว เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าหากนาเด็กกลับสู่ครอบครัว
เด็กอาจถูกกระทาซ้าหรือไม่ได้รับความปลอดภัย จึงอาจให้การ
พม.กับงานบริการทางสงั คม 7
คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กโดยการนาส่งต่อเข้ารับบริการท่ีสถาน
คุ้มครองสวัสดิภาพ หรือสถานพัฒนาและฟ้ืนฟู เพื่อฟื้นฟูสภาพ
จิตใจเด็กและคุ้มครองให้เด็กได้รับความปลอดภัยระหว่างที่
ดาเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทา ท้ังนี้อาจใช้วิธีการสงเคราะห์
ควบคู่ไปด้วย เช่น ให้การศกึ ษาหรือฝึกอาชีพแก่เดก็ หรือช่วยเหลือ
ดา้ นสงั คมสงเคราะห์แกค่ รอบครวั ของเด็ก เปน็ ตน้
9. ประเมินสภาวะครอบครวั และชมุ ชน เป็นการพจิ ารณา
ถึงสภาพปัญหาและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ว่าพร้อมท่ีจะนาผู้ประสบ
ปัญหากลับคืนสู่ครอบครัวและชุมชนหรือไม่ โดยการลงพ้ืนที่เย่ียมบ้าน
สอบข้อเท็จจริง จากครอบครัวและชุมชน เพื่อนามาประเมิน
ความพร้อมตา่ งๆ
10. ส่งผู้ประสบปัญหาทางสังคมกลับคือสู่ครอบครัว
เม่ือพิจารณาแล้วเห็นว่า สภาพแวดล้อมทั้งครอบครัวและชุมชน
มีความพร้อมท่ีจะรับผู้ประสบปัญหากลับคืนสู่ครอบครัว และ
ผู้ประสบปัญหามีความพร้อม ท้ังด้านร่างกายและจิตใจแล้ว ก็นาส่งกลับ
เพ่อื ให้อยกู่ บั ครอบครัวอย่างสงบสขุ ต่อไป
11. ติดตามประเมินผล เม่ือนาผู้ประสบปัญหาคืนสู่
ครอบครัวและชุมชนแล้ว นักสังคมสงเคราะห์หรือเจ้าหน้าท่ี
ดาเนินการติดตามเยี่ยมบ้านเป็นระยะ เพื่อประเมินผู้ประสบ
ปัญหาสามารถอยู่กับครอบครัวและชุมชนได้ หากเห็นว่า
ยังประสบปัญหาบางประการอยู่ จะพิจารณาให้การช่วยเหลือ
ตามความเหมาะสมต่อไป
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 8
บ้านพักเด็กและครอบครัว...องคก์ รแหง่ การสรา้ งสุข
องคก์ ร บุคลากรทางาน
น่าอยู่ องคก์ รแห่งการ มีความสุข
สรา้ งสุข
ผ้ปู ระสบปญั หา
ทางสงั คม
รสู้ ึกปลอดภยั
องคป์ ระกอบ...องค์กรแหง่ การสรา้ งสุข
1. องค์กรน่าอยู่ คือ องค์กรต้องทาให้ที่ทางานเป็นบ้านหลังท่ี 2
ของเจ้าหน้าท่ีและผู้ประสบปัญหาทางสังคม เปรียบเสมือนที่พ่ึงพิง
ท้ังทางกายและทางใจ เป็นท่ีท่ีมีความปลอดภัย อยู่กันฉันท์คน
ในครอบครัว และคอยช่วยเหลอื ซึ่งกันและกัน
2. บุคลากรทางานมีความสุข องค์กรต้องตระหนักว่า
เจ้าหน้าท่ี คือ บุคลากรของหน่วยงานเป็นฟันเฟืองสาคัญที่จะ
ขับเคลื่อนและพัฒนาองค์กรไปสู่ความสาเร็จ ดังน้ัน การส่งเสริมและ
พัฒนาศักยภาพให้เจ้าหน้าที่มีความเป็นมอื อาชีพในด้านการทางานจึง
เปน็ สงิ่ จาเป็น ท้งั นตี้ ้องคานึงถงึ ความสุขของบุคลากรในองค์กรเปน็ หลัก
ตลอดจนองคก์ รต้องมปี จั จยั สนับสนุนการทางานอย่างเหมาะสมด้วย
3. ผู้ประสบปัญหาทางสังคมรู้สึกปลอดภัย การช่วยเหลือ
และคุ้มครองผู้ประสบปัญหาทางสังคม ไม่ว่าจะเป็น เด็ก เยาวชน หรือสตรี
พม.กับงานบริการทางสงั คม 9
เป็นภารกิจหนึ่งของบ้านพักเด็กและครอบครัว ท่ีต้องตระหนักและให้
ความสาคัญกับปัญหาของผู้ประสบปัญหาทางสังคมท่ีประสบมา ดังนั้น
การดูแล เยียวยา และฟ้ืนฟูท้ังสภาพร่างกายและจิตใจจึงเป็นสิ่งสาคัญ
ที่เจ้าหน้าที่ต้องเอาใจใส่และดูแลอย่างใกล้ชิด เพ่ือสร้างความอุ่นใจ
และความปลอดภัยตลอดระยะเวลาท่ีอยภู่ ายใต้การดูแลของบ้านพักเด็ก
และครอบครัว
พม.กับงานบริการทางสงั คม 10
ผบู้ รหิ าร…ตอ่ การพัฒนาองค์กร
นางสาวชมฤดี นาทะศิริ
หัวหน้าบา้ นพักเดก็ และครอบครัวจังหวัดสงขลา
ได้กล่าวว่า “หัวใจ” สาคัญของการปฏิบัติงานให้องค์กร
ประสบความสาเร็จ คือ การสร้างองค์กรให้เป็น “องค์กรแห่งการสร้างสุข”
เพราะการจะเป็นองค์กรท่ีประสบความสาเร็จได้น้ัน ปัจจัยสาคัญ คือ
บุคลากรในองค์กรต้องมีการเรียนรแู้ ละเข้าใจในแนวคิดท่ีถูกต้องในการ
ทางานการช่วยเหลือและการดูแลผู้ประสบปัญหาทางสังคม ผู้บริหาร
และบุคลากรต้องมีทัศนคติเชิงบวก มีการวิเคราะห์ การสังเกตและ
วางแผน ซึ่งนาไปสูก่ ระบวนการพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรทีม่ ีคุณภาพ
การส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรในองค์กรมีการพัฒนา
ศักยภาพเกิดความรู้ ทักษะ สมรรถนะ และทัศนคติที่สามารถ
ปฏิบัติงานอย่างมีความสุขและมีแรงจูงใจ ผลักดันภารกิจให้บรรลุ
เป้าหมายตามที่องค์กรกาหนดไว้นั้นถือเป็นสิ่งจาเป็น เพราะหาก
พม.กับงานบริการทางสังคม 11
บุคลากรมีภาวะความเครียด กดดันจากสิ่งรอบข้าง ก็จะนามาซ่ึง
การปฏิบัติงานที่ไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ดังนั้น การพัฒนา
บคุ ลากรจึงเปน็ สงิ่ สาคัญท่อี งค์กรจะตอ้ งพงึ ตระหนักและใหค้ วามสาคญั
นอกจากน้ีการทางานร่วมกับทีมสหวิชาชีพหรือภาคีเครือข่าย ก็เป็น
บทบาทสาคัญในการปฏิบัติงานเพื่อมุ่งเน้นและแก้ไขปัญหาร่วมกัน
อย่างมีระบบและเป็นกระบวนการ โดยอยู่บนพื้นฐานของเป้าหมาย
และวัตถุประสงค์เดียวกันในการปฏิบัติงาน โดยจะมีการติดต่อสื่อสาร
ระหว่างกันอย่างต่อเน่ืองเพื่อการประเมินสภาพการณ์ของปัญหา และ
มีความรบั ผดิ ชอบรว่ มกนั ทั้งกระบวนการ
อย่างไรก็ตาม “องค์กรแห่งการสร้างสุข” จะเกิดข้ึนได้ขึ้นอยู่กับ
ผู้บริหารองค์กรท่ีมีการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาองค์กร และบุคลากร
ให้มีความรู้ ความสามารถและมีความคิดสร้างสรรค์ มีบรรยากาศ
ของการทางานเป็นทีม ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และสร้างความรู้สึกผูกพัน
เปรียบเสมือนเป็นพ่ีเป็นน้อง เป็นครอบครัวเดียวกันสภาพแวดล้อมที่ดี
ภายในองค์กรก็เป็นส่วนหน่ึงท่ีสามารถทาให้คนในองค์กรทางานและอยู่ได้
อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย จะเห็นได้ว่าหัวใจสาคัญของการ
บริหารจัดการองค์กรให้ประสบความสาเร็จนั้น ปัจจัยหลักคือ
การบริหารให้ “ได้ใจ ได้คน ได้งาน” ซ่ึงสิ่งเหล่าน้ีส่งผลต่อการรับรู้ถึง
ความสุขของการทางานและความเป็นอยู่ของคนในองค์กรไดเ้ ป็นอย่างดี
พม.กับงานบริการทางสงั คม 12
นกั สังคมสงเคราะห.์ ..กับการทางาน
นางชฎารัตน์ ยาดา นักสังคมสงเคราะห์ ทาหน้าท่ี
ให้ความช่วยเหลือแนะนา ด้านสังคม ด้านอารมณ์ท่ีเกิดขึ้นแก่ผู้ที่
ประสบปัญหาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเอง รวมไปถึงการป้องกัน
แก้ไข ฟ้ืนฟู ส่งเสริมศักยภาพทางสังคมและดาเนินการเสริมพลัง
ให้กบั ผู้ท่ีประสบปัญหามีกาลังใจ และสามารถกลับคืนส่คู รอบครัว
ชมุ ชน สงั คมได้ตอ่ ไป
สาหรับกระบวนการทางานของนักสังคมสงเคราะห์
บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลานั้น จะแตกต่าง
จากหน่วยงานอ่ืนๆ ในด้านของสภาพปัญหาของผู้ท่ีประสบปัญหา
ทางสั งคม ท่ี มีค วาม ห ล าก ห ล าย ท าให้ การ แก้ไขปั ญ ห าใน แ ต่ล ะ
ปัญหาก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบริบทและที่มาของผู้ท่ีประสบ
ปัญหานั้นๆ เช่น ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่น นักสังคมสงเคราะห์
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 13
จะคอยให้คาแนะนา ปรึกษาเสริมสร้างศักยภาพและเสริมพลัง
ให้กับผปู้ ระสบปัญหา เน้นให้ผู้ประสบปัญหาเห็นคณุ ค่าของตนเอง
จัดการกับอารมณ์แนวทางการใช้ชีวิต ฝึกอาชีพ ส่งเสริมสุขภาพ
ของมารดาและให้ความรู้แนวทางการป้องกันเพ่ือลดปัญหา
การตง้ั ครรภซ์ ้าในอนาคตตอ่ ไป
เสียงสะทอ้ น...ผู้รบั บรกิ าร
หน่ึงในผู้รับบริการของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด
สงขลา ผู้ประสบปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม หลังจากได้เข้ามาอยู่
ในความดูแลของผู้บริหารและเจ้าหน้าท่ีบ้านพักเด็กและครอบครัว
จังหวัดสงขลา ได้สะท้อนให้เห็นถึงการทางานและการบริการที่มี
การเอาใจใส่ ดูแล ให้ความช่วยเหลือ ให้คาแนะนา ปรึกษา และ
สร้างความเป็นกันเอง ประดุจด่ังเป็นบ้านหลังหน่ึงที่เปรียบเสมือน
คนในครอบครัว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ทาให้ตนซึ่งเป็นผู้ที่
ประสบปัญหาเกิดความคลายกังวล คลายความเครียดจากปัญหา
ทปี่ ระสบอยู่ และเกดิ ความรูส้ ึกประทับใจตอ่ การบรกิ ารของผบู้ รหิ าร
เจ้าหนา้ ที่และองคก์ รนีท้ ี่สรา้ งความสุขให้แกต่ นเอง
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 14
หวั ใจสาคญั ส่คู วามสาเรจ็
การบริหารจัดการองค์กร ถือเป็นเร่ืองท่ีเกี่ยวกับบุคคล
และการทางานซ่ึงเป็นหัวใจสาคัญต่อการบริหารองค์กร ดังนั้น จึงต้องใช้
การปกครองอย่างมีศิลปะเพื่อ “ครองใจคน” และได้ “ผลงาน”
ที่มีประสิทธิภาพเกิดประสิทธิผล เป็นศาสตร์และศิลป์ในการ
ทางานให้สาเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายท่ีวางไว้
การดูแล การจูงใจ และการเอาใจใส่บุคลากร จึงเป็นส่ิงสาคัญที่ผู้บริหาร
พึงต้องมี ก่อนทาเป็นตัวอย่าง ตลอดจนสร้างภาพลักษณ์ขององค์กร
ให้เป็นท่ีชื่นชมยินดี รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพ มีความรู้
ความสามารถในวิชาชีพในการดูแลและแก้ไขปัญหา ให้คาปรึกษา
กับผู้ประสบปัญหาทางสังคมได้อย่างครอบคลุม นอกจากนี้
บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสงขลา ยังมีการจัดกิจกรรมสรา้ ง
ความสัมพันธ์ระะหว่าง “ผู้ประสบปัญหาทางสังคมกับเจ้าหน้าท่ี”
พม.กับงานบริการทางสงั คม 15
เพ่ือสร้างความคุ้นเคยและคลายความตึงเครียดด้านสภาพจิตใจ
ให้กบั ผู้ประสบปญั หาทางสังคมอกี ดว้ ย
ดังนั้น การสร้างองค์กรให้เป็น “องค์กรแห่งการสร้างสุข”
สร้างรอยยิ้มใหก้ ับคนในองค์กร จงึ เป็นส่ิงสาคญั ทต่ี อ้ งมีปจั จัย ดงั น้ี
1. การบริหารให้ได้ใจ คือ การยอมรับในความคิดและมุมมอง
ที่แตกต่างออกไปของบุคลากรและผู้ประสบปัญหาทางสังคม การเปิดใจ
และเปิดโอกาสให้แสดงศักยภาพทมี่ ีอยู่ การสร้างความสัมพันธ์ทีด่ ีตอ่ กัน
ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับบุคลากร หัวหน้ากับผู้ประสบปญั หา
ทางสังคมและบุคลากรกับผู้ประสบปัญหาทางสังคมรวมถึงการให้
กาลังใจในการทางานและส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพ
บุคลากรอย่างต่อเน่ือง
2. การบริหารให้ได้คน คือ หัวหน้าต้องเป็นแบบอย่างที่ดี
ชมเม่ือลูกน้องทาได้ดี มีการขอบคุณหรือแสดงให้ลูกน้องเห็นว่า
หวั หน้ารบั รู้ถึงความสามารถและความพยายาม นอกจากนี้สนับสนุน
ส่งเสริมให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าท่ีการงาน แต่หากลูกน้อง
ทาผิดพลาดก็ไม่ควรตาหนจิ นเสียกาลังใจ ควรแก้ปัญหาและชี้แนะ
ในจดุ ทจ่ี ะปรบั ปรุงพัฒนา
3. การบริหารให้ได้งาน คือ การต้ังเป้าหมายในการทางานท่ีชัดเจน
มีการบริหารเวลาอย่างเหมาะสม และจัดลาดับความสาคัญของงาน
ก่อนและหลัง นอกจากนี้การนาเทคโนโลยีมาช่วยหนุนเสริมการทางาน
กเ็ ปน็ การลดข้นั ตอนและประหยดั เวลาในการทางานอีกด้วย
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 16
จะเห็นได้ว่าปัจจัยความสาเร็จนั้นอยู่ที่การบริหารจัดการท่ีดี
ของผู้บริหารองค์กร รวมถึงการสร้างความร่วมมืออันดีระหว่าง
บุคลากรและผู้ประสบปัญหาทางสังคม นามาซ่ึงองค์การแห่งการ
สร้างสขุ “ไดใ้ จ ได้คน ได้งาน”
ทศิ ทางการดาเนนิ งานในอนาคต
รูปแบบการกาหนดเป้าหมายและทิศทางการทางานในอนาคต
เพื่อให้การปฏิบัติงานประสบความสาเร็จ มีประสิทธิภาพและ
ประสทิ ธิผลยง่ิ ข้ึนๆ ไปนั้น จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของผู้บริหาร
องค์กรท่ีจะนาองค์กรไปสู่ทิศทางที่วางไว้ ดังน้ัน ส่ิงที่เป็นปัจจัยในการ
กาหนดทิศทางในการปฏบิ ัติงานมีดังน้ี
1. การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ด้านการวิเคราะห์ข้อมูล
คือ การพัฒนาคนให้มีความรู้ มีทักษะ ให้มีความพร้อม สาหรับ
การปฏบิ ัติงานเพอื่ พัฒนาสง่ิ ที่ดอี ยู่แล้วและต่อยอดส่ิงท่ดี ีให้ดียิง่ ขนึ้
2. การรู้เท่าทันและการรับมือกับการเปล่ียนแปลง คือ องค์กร
จะต้องมีการประเมินและเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง
ของสถานการณ์สังคมไทยอยา่ งสม่าเสมอ มีการพัฒนาองคก์ รและ
พัฒนาบุคลากร เพ่ือรับมือกับการเปล่ียนแปลงในอนาคต เช่น
แนวโนม้ สงั คมในอนาคต ข้อมลู สถานการส์ ังคมปัจจุบนั
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 17
สถานสงเคราะห์เด็กปตั ตานี
บ้านปัตตานี หรือ สถานสงเคราะห์เด็กปัตตานี เป็นหน่วยงาน
สังกัดกองสวัสดิการเด็กและครอบครัว กรมกิจการเด็กและเยาวชน
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ จัดต้ังข้ึนเม่ือปี
พ.ศ.2521 บนพ้ืนท่ี 51 ไร่ 20 ตารางวา ให้การอุปการะเล้ียงดูเด็กหญิง
ท่ีจาเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ หรือผลกระทบจากปัญหาครอบครัว
ช่วงอายุระหว่าง 4–18 ปี ในเขตพ้นื ที่ 14 จงั หวัดภาคใต้
สถานท่ีตั้ง 186 หมู่ท่ี 6 ถนนหน้าสงเคราะห์ ตาบลรูสะมิแล
อาเภอเมอื ง จงั หวดั ปตั ตานี
ปรชั ญา “บริการด้วยใจ แก้ไขปญั หา พึ่งตนเองได้”
วิสัยทัศน์ “เป็นองค์กรในการจัดการสวัสดิการสังคมสาหรับเด็ก
และเยาวชน ได้ตามมาตรฐานบนพื้นฐานด้านคุณธรรม โดยการมีส่วนร่วม
ของภาคีเครือข่าย เพอ่ื ใหก้ ลมุ่ เปา้ หมายพ่งึ พาตนเองได้”
พม.กบั งานบริการทางสังคม 18
พันธกิจ
1. จัดสวสั ดกิ ารสงั คมได้ตามมาตรฐานกลมุ่ เปา้ หมายพึ่งตนเองได้
2. ส่งเสรมิ สนับสนุนการมสี ่วนร่วมของภาคีเครอื ขา่ ย
3. ปฏบิ ตั งิ านรว่ มกับหน่วยงานชุมชนเครอื ข่ายทีเ่ กีย่ วข้อง
4. พฒั นาระบบบริหารจดั การ
ยุทธศาสตร์
1. พฒั นาระบบการจดั บริการสวสั ดกิ ารสงั คมท่มี คี ุณภาพ
2. พัฒนาศักยภาพประชาชนกลุ่มเป้าหมายพร้อมรับ
การเปลี่ยนแปลง
3. บูรณาการและพัฒนาความรว่ มมอื กับภาคเี ครือขา่ ย
4. พัฒนาการบรหิ ารจดั การสอู่ งค์กรแหง่ การเรยี นรู้
เป้าประสงค์
1. กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงบริการสวัสดิการสังคม
ไดอ้ ยา่ งเท่าเทียม
2. กลุ่มเป้าหมายสามารถดารงชีวิตสอดคล้องกับบริบท
การเปลย่ี นแปลงของชมุ ชน/ สังคม
3. ชุมชนในท้องถิ่นและองค์กรภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วม
ในการพฒั นาสังคมและจัดสวัสดิการสงั คม
4. การเปน็ องคก์ รทีม่ ีคณุ ภาพ
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 19
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้การอุปการะเด็กหญิง อายุระหว่าง 4-18 ปี
จากท่ีประสบปัญหาทางสังคม เช่น เด็กกาพร้า ยากจน ไร้ท่ีพ่ึง
เรร่ ่อน ครอบครวั แตกแยก ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ฯลฯ
2. เพ่ือให้การสงเคราะห์และพัฒนาเด็กในสถานสงเคราะห์
และนอกสถานสงเคราะห์
3. เพ่ือเป็นองค์กรการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุน
ชมุ ชนในการจัดสวัสดิการและการพฒั นาสงั คมดา้ นเด็ก
คา่ นยิ มองค์กร
มีการบริหารจัดการท่ีดี มีความคล่องตัวและพร้อมรับ
การเปลีย่ นแปลง
บทบาทภารกิจ
บ้านปัตตานี หรือสถานสงเคราะหเ์ ดก็ ปตั ตานี จัดต้ังข้ึนเน่ืองจาก
ภาวะเศรษฐกิจปัญหาก่อการร้ายคุกคามและปัญหาครอบครัวแตกแยก
ในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส
เด็กท่ีอยู่ในสภาพกาพร้า อนาถา ถูกทอดทิ้ง และขาดผู้อุปการะเล้ียงดู
ท่ีเหมาะสม การศึกษาไม่สมควรแก่วัย อาจก่อให้เกิดปัญหาสังคมต่อไปได้
รัฐบาลได้เล็งเห็นความสาคัญในเรื่องน้ี จึงได้ตั้งสถานสงเคราะห์
เด็กปัตตานีข้ึนเม่ือปี พ.ศ.2521 และเปิดดาเนินการเม่ือวันที่
25 ตุลาคม 2522 มีเด็กอุปการะครั้งแรก 90 คน เป็นเด็กชายและเด็กหญิง
อายุ 4-18 ปี ต่อมาในปี พ.ศ.2523 ได้มีจานวนเด็กเพิ่มขึ้นเป็น 237 คน
พม.กับงานบริการทางสังคม 20
โดยรับเด็กจาก 14 จังหวัดภาคใต้ ในปี พ.ศ.2544 ได้ยกเลิกการ
อุปการะเด็กชาย ปัจจุบันให้การอุปการะเด็กหญิงที่มีอายุต้ังแต่
4-18 ปีบริบูรณ์ และอายุ 19-24 ปี สาหรับเด็กที่ไม่สามารถ
กลับคืนสู่ครอบครัวเดิมได้ และมีความประสงค์ความสามารถ
ในการศึกษาต่อในระดับท่ีสูงข้ึน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้สามารถ
ประกอบอาชีพและกลับสู่สังคมต่อไปอย่างมั่นคง มีเป้าหมาย 200 คน
โดยจดั ใหบ้ ริการในดา้ นตา่ งๆ
1.ด้านปจั จยั 4
- จัดอาคารท่ีพักอาศัย เคร่ืองอานวยความสะดวกท่ีจาเป็น
อาคารละ 25-35 คน จานวน 6 อาคาร
- จัดอาหารตามหลักโภชนาการอย่างเพียงพอและเหมาะสม
จานวน 3 ม้อื
- จัดหาเครื่องนุ่งห่มและเครื่องใช้ส่วนตัวอย่างเพียงพอ
และเหมาะสม
- จัดการรักษาพยาบาลเบื้ องต้น โดยมีเจ้าหน้าท่ี
ผู้ปฏิบัติงานพยาบาล และส่งเด็กป่วยเข้ารับการรักษาพยาบาล
ในโรงพยาบาลใกลเ้ คียงและโรงพยาบาลต่างๆ
2. ดา้ นการศกึ ษา
- จัดให้เด็กได้รับการศึกษาต้ังแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึง
ระดับอุดมศึกษา ทั้งสายสามัญและสายอาชีพตามภาคบังคับอย่างต่อเน่ือง
และตามความถนดั ความสนใจของเด็กแตล่ ะคน
พม.กับงานบริการทางสงั คม 21
-จัดด้านปจั จัยสนบั สนนุ เงินไปโรงเรียนตามระดับการศกึ ษา
ระดับอนบุ าล – ประถมศึกษา วันละ 15 บาท
(ทางโรงเรียนบรกิ ารอาหารกลางวันฟรี)
ระดบั มัธยมศึกษา วันละ 40 บาท
(บรกิ ารรถรบั -สง่ )
ระดบั ปวช. ปวส. และปริญญาตรี วันละ 70 บาท
(ไม่บรกิ ารรถรับ-ส่ง)
3. ดา้ นสังคมสงเคราะห์
- จดั ทาแฟ้มประวัตเิ ด็กบันทึกการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน
ของเด็กทกุ คน
- จัดท าข้อมูลสารสนเทศของเด็กรายบุ คคลเข้าสู่ระบบ
คอมพวิ เตอร์
- ดาเนินการป้องกันแก้ไขและพัฒนาเด็กภายในสถานสงเคราะห์
ตามกระบวนการสังคมสงเคราะห์ทั้งในลักษณะรายบุคคล รายกลุ่ม
ประชุมรายกรณีตามความจาเป็นและเหมาะสม ตลอดจนใช้เทคนิค
การแนะแนวและการใหค้ าปรึกษา/แนะนาควบคู่กนั ไป
- การติดตามและประเมินผล ดาเนินการติดตามและประเมินผล
เด็กท่ีอยู่ระหว่างรับการสงเคราะห์ รวมทั้งการติดตามบ้านในช่วง
ปิดภาคเรยี นและเดก็ ที่พ้นการสงเคราะห์กลบั คืนสู่ครอบครัว
4. ดา้ นนันทนาการ
- ส่งเสริมให้เด็กใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยให้เด็ก
เข้าร่วมกิจกรรมโครงการต่างๆ เช่น โครงการกีฬาสานสัมพันธ์
พม.กบั งานบริการทางสังคม 22
บ้านปัตตานี ชมรมดนตรีและนาฏศิลป์ ชมรมศิลปะ โครงการ
เพาะพันธ์ุกล้าไม้ประดับ โครงการมารยาทไทย โครงการแสงธรรมนาชีวิต
โครงการสุขสันต์วนั เกิด โครงการพลังน้า พลังชีวิตจิตปัญญา และ
โครงการส่งทา้ ยปเี กา่ ต้อนรบั ปใี หม่ ฯลฯ
- เสริมสร้างประสบการณ์ทักษะชีวิต เพื่อเป็นการปรับ
พฤติกรรม กิจกรรมและฝึกทักษะชีวิต รวมท้ังเสริมสร้างความเป็นจิตอาสา
บาเพ็ญประโยชน์สู่สังคมที่กว้างขึ้น เช่น โครงการ 1 หอ 1 อาชีพ
คิดสร้างสรรค์เติมฝันอาชีพ(เถ้าแก่น้อย) โครงการทาเอง ใช้เอง ขายได้
โครงการทาด้วยมือบ้านปัตตานี โครงการปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ
โครงการแกค่ รัวตัวน้อย โครงการชมรมสร้างสรรคฝ์ ีมอื โครงการแมล่ กู ผูกพัน
เทิดพระเกียรติวันแม่ โครงการตรวจสุขภาพประจาปีของเด็ก
ในความอปุ การะ โครงการเสริมสรา้ งทักษะชีวิตเยาวชน
5. ดา้ นการกระต้นุ /สง่ เสรมิ พฒั นาการ
ประเมินและส่งเสริมกิจกรรมที่สอดคล้องกับพฤติกรรม
การแสดงออกของเด็กในความอุปการะ โดยใช้เคร่ืองมือทางด้านจิตวิทยา
ได้แก่ จัดทาแบบประเมินพัฒนาการเบ้ืองต้นตามช่วงอายุ 4-18 ปี
จัดทาแบบประเมินพฤติกรรม SDQ จัดทาแบบประเมินความฉลาด
ทางด้านอารมณ์ EQ จัดทาแบบประเมินความฉลาดทางด้านเชาว์ปัญญา IQ
จัดทาแบบประเมินต้นทุนชีวิต จัดช่ังน้าหนัก วัดส่วนสูง จัดทาภาวะ
โภชนาการ จัดคัดแยกแบ่งกลุ่มเด็กเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปกติ
กลุ่มเสี่ยง กลุ่มพิเศษ จัดบริการด้านเคร่ืองมืออื่นๆ ท่ีเกี่ยวข้องตามสภาพ
พม.กบั งานบริการทางสังคม 23
พฤติกรรมของเด็กในความอุปการะ จัดทาแผนพัฒนาเด็กรายบุคคล IDP
เพ่ือการพฒั นาตรงตามเป้าหมาย
การอปุ การะดูแลเด็ก
ตามบริบทสภาพแวดล้อมท่ีเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม โดยเฉพาะด้านสังคมซ่ึงเดิม
เป็นชุมชนชนบทปัจจุบันกลายเป็นชุมชนเมือง ความเป็นอยู่ของ
มนุษย์อาศัยเทคโนโลยีมากขึ้น จาเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อม
ให้กับเด็กและเยาวชน ซึ่งนับว่าเป็นทรัพยากรที่สาคัญและมีคุณค่า
อย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนให้สังคมมีความสงบสุข เด็กเกิดความ
เข้ ม แ ข็ ง แ ล ะ มี ภู มิ คุ้ ม กั น ที่ ดี เพี ย ง พ อ ท่ี จ ะ ต อ บ ส น อ ง ต่ อ ก า ร
เปล่ียนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ สถานสงเคราะห์เด็กปัตตานี ให้
ความสาคญั ต่อการพัฒนาศักยภาพของเด็กท่ีอยู่ในความอุปการะได้
พัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ เพราะเชื่อมั่นว่าคุณภาพชีวิตที่ดี
จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาศักยภาพของเด็กอันจะส่งผลต่อ
การเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต และเพ่ือเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต
และสร้างขวัญกาลังใจให้เด็กผู้ด้อยโอกาส มีพลัง มีความพร้อม
สามารถยนื อยูใ่ นสงั คมอย่างภาคภมู ิ
พม.กับงานบริการทางสังคม 24
แนวคิดการบรหิ าร
1. การปฏิบัติงานในทุกข้ันตอนต้องเรียบร้อย โปร่งใส
และสามารถตรวจสอบได้
2. มีความเข้าใจและยอมรับสภาพความแตกต่างของการ
นับถอื ศาสนาวัฒนธรรมประเพณี เพอื่ ไม่ใหเ้ กดิ ปัญหาในการบริหารจดั การ
3. เน้นการป้องกันพร้อมกับการแก้ไขปัญหา ฟ้ืนฟู และ
พัฒนาเชิงรุก
4. เน้นข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กต้องทันสมัย เป็นปัจจุบัน
สามารถตรวจสอบและนาไปใชป้ ระโยชน์
5. มีการพัฒนาบุคลากรทุกระดับ เพื่อให้มีแนวคิดใหม่ๆ
ในการทางานอยา่ งมีประสทิ ธิภาพและเกิดประสทิ ธผิ ลมุ่งผลสมั ฤทธ์ิ
6. ประสานงานติดต่อเครือข่าย องค์กรเอกชน เข้ามามีส่วนร่วม
สนับสนุนการพฒั นางานสถานสงเคราะห์
7. สถานสงเคราะห์เป็นสถานท่ีสุดท้ายที่เด็กต้องเข้าอยู่
ดังน้ัน การดาเนินการใดๆ เพ่ือให้เด็กสามารถอยู่กับครอบครัวได้
พม.กับงานบริการทางสังคม 25
เป็นสิ่งท่ีต้องดาเนินการ ยกเว้นได้พิจารณาแล้วเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้น
กับตัวเด็กจะกระทบต่อสวัสดิภาพของเด็กโดยตรง และเป็นอันตรายต่อเด็ก
ก็จะตอ้ งรับเข้าอยใู่ นการดูแล
แนวคดิ การดูแลเด็ก
1. เด็กทุกคนต้องได้รับบริการด้านปัจจัย 4 การอบรมสั่งสอน
และการส่งเสริมสนับสนุนในทุกๆ ด้าน เพื่อให้มีการพัฒนาตนเอง
ในทางทส่ี รา้ งสรรค์
2. เด็กทุกคนสามารถพัฒนาได้ และพัฒนาเป็นไปตามศักยภาพ
ของเดก็ ท้งั ทางดา้ นการศกึ ษา อารมณ์ สังคมและจติ ใจ
3. การเล้ียงดูเด็ก เน้นให้เด็กรู้จักช่วยเหลือตนเองและผู้อื่น
ตลอดจนมสี ว่ นรว่ มในการจัดกจิ กรรมต่างๆ
4. เด็กทุกคนจะต้องมีความรัก มีความสามัคคี มีความเป็น
อันหนึ่งอันเดียวกัน แม้จะมาจากพื้นฐานที่แตกต่างกันในเร่ืองศาสนา
วัฒนธรรมการดาเนนิ ชีวติ และสภาพการท่เี ขา้ มาอยู่ในสถานสงเคราะห์
5. เดก็ ท่ีมคี รอบครัวจะต้องฟ้ืนฟูความสัมพนั ธ์ระหว่างเด็ก
กบั ครอบครัว เพ่ือนาไปสู่ความสัมพันธ์ท่ีแน่นแฟ้นและการรับเด็ก
กลบั คืนสู่ครอบครัว
พม.กบั งานบริการทางสังคม 26
ลกั ษณะการดแู ลเดก็
1. การสง่ เสรมิ บทบาทหน้าท่ีการเปน็ สถาบนั ครอบครวั
2. การสง่ เสริมการพฒั นาศกั ยภาพของเด็กสู่ความเปน็ เลิศ
แนวคิดการดแู ลเดก็
แนวคดิ ท่ี 1เดก็ ทกุ คนต้องได้เรยี นหนงั สือและเรียนหนงั สือไดด้ ี
แนวคิดที่ 2 เด็กทุกคนจะต้องมีโอกาสในการแสดง
ความสามารถพิเศษของตน อย่างน้อยคนละ 1 อย่าง เช่น ดนตรี ศิลปะ
หรอื กฬี า
แนวคิดท่ี 3 เด็กทุกคนจะต้องมีระเบียบวินัย มีคุณธรรม
และมนี า้ ใจงาม
กลยทุ ธก์ ารดาเนนิ งาน
1. มุ่งเนน้ การมีส่วนรว่ มของเดก็ ในทุกระดับอายุ
2. กาหนดรูปแบบ กิจกรรมพ้ืนฐาน ให้มีความสอดคล้อง
กับแนวคดิ ตามความเหมาะสม
3. เจ้าหนา้ ทท่ี ุกฝ่ายเขา้ มีส่วนรว่ มในการผลักดันให้การจัด
กิจกรรมตา่ งๆ ตอ่ เน่อื ง และเป็นตน้ แบบท่ีดใี หก้ ับเด็ก
กรอบแนวคิดที่ 1 เป็นแนวคิดท่ีจะทาให้เด็กมีทัศนคติและเล็งเห็นถึง
ความสาคัญของการศึกษา รู้จักคิด รู้จักการวางแผน คิดบวกต่อมุมมอง
ในการดาเนินชีวิต เพอ่ื ความสาเรจ็ ของชีวติ ในอนาคต
พม.กบั งานบริการทางสังคม 27
กลยุทธ์
เจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์เด็กปัตตานี ท่ีปฏิบัติงานพ่ีเลี้ยง
นอกจากจะเปน็ พ่ีเลี้ยงแล้วยงั ต้องทางานควบคู่กับงานดา้ นส่งเสรมิ การศึกษา
โดยพี่เลี้ยงแต่ละคนจะมีหน้าที่ในการประสานกับโรงเรียน เนื่องจาก
สถานสงเคราะห์เด็กกระจายเด็กทั้งหมด 6 โรงเรียน ก็จะมีพ่ีเลี้ยง 6 คน
ท่ีจะต้องเป็นผู้ประสานกับโรงเรียนในด้านการศึกษา ผู้ประสานจะต้องรู้ถึง
สภาพของเด็กทุกอย่างในด้านการศึกษา ต้ังแต่นาเด็กไปสมัครเข้าเรียน
การประชุมผู้ปกครอง กากับดูแลติดตามเด็กในเรื่องการเรียน
การเตรียมความพร้อมในการสอบ การรับทราบผลการเรียนของเด็ก ฯลฯ
เมื่อเด็กประสบปัญหาในด้านการเรียน เป็นหน้าท่ีของผู้ประสาน
ท่ีจะประสานกับฝ่ายการศึกษา เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือ
โดยจะมีกิจกรรมเข้ามาช่วยเด็ก เช่น โครงการพี่สอนน้อง โครงการ
อินเตอรเ์ นต็ ชุมชน โครงการสอนเสริมทักษะหลังเลิกเรียน
กรอบแนวคิดที่ 2 เปน็ แนวคิดท่ีจะทาให้เด็กสามารถดึงศกั ยภาพ
และความสามารถของเด็กออกมาสรา้ งช่ือเสียงตนเองและองค์กร
เดก็ รจู้ ักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และสามารถทางานรว่ มกันได้
โดยมีเจ้าหน้าทท่ี กุ ฝา่ ยเข้ามสี ่วนรว่ มในการผลกั ดันให้จดั กจิ กรรม
พม.กับงานบริการทางสังคม 28
กลยุทธ์
การริเร่ิมให้จัดต้ังสภาเด็กฯ ข้ึนภายในสถานสงเคราะห์
โดยให้เด็กเข้ามาทางานเพื่อส่วนรวม ภายใต้สภาเด็กฯ ก็จะมี
กิจกรรม 3 ชมรม ได้แก่ ชมรมกีฬา ชมรมดนตรี และชมรมศิลปะ
จะให้เด็กสมัครใจเลือกชมรมท่ีตนเองชอบ แต่ละชมรมจะมี
เจ้าหน้าท่ีปฏิบัติงานพ่ีเล้ียง มีหน้าที่ผลักดันให้กิจกรรมดาเนินไปได้
เปน็ ผู้กากบั ดแู ล และเปน็ วทิ ยากรใหก้ บั เดก็
ชมรมที่ 1 ชมรมดนตรีสากล จัดตั้งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี โดยแรกเริ่ม
เป็นการจัดตั้งเพื่อให้เด็กได้มีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และสามารถ
แสดงออกได้อย่างเหมาะสม สามารถแสดงให้พี่ๆ น้องๆ และเพ่ือนๆ
ภายในสถานสงเคราะห์ได้ชมอย่างสนุกสนาน แต่ปัจจุบันสามารถ
พัฒนาฝีมือในการแสดงได้มากข้ึน สามารถนาเสนอผลงานการแสดง
ในโอกาสตา่ งๆและเข้ารว่ มประกวดวงดนตรีตามรายการประกวดทจี่ ัดขนึ้
ชมรมท่ี 2 ชมรมกีฬา แบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ บาสเกตบอล วอลเลย์บอล
เปตอง ตะกร้อ และกรีฑา
ชมรมที่ 3 ชมรมศิลปะ แบ่งเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ ศิลปะวาดภาพ
และศิลปะการแสดง
ศิลปะวาดภาพ สถานสงเคราะห์เด็กปัตตานี ได้เข้าร่วมแข่งขัน
การประกวดวาดภาพหลายคร้ังจนชนะเลิศ ทั้งผลงานที่ส่งในนาม
ของสถานสงเคราะหแ์ ละในนามโรงเรยี น
พม.กบั งานบริการทางสังคม 29
ศิลปะการแสดง จะมีการแสดงที่หลากหลายรูปแบบ ซ่งึ ได้มีโอกาส
ไปแสดงในงานตา่ งๆ ทั้งภายในจังหวัด และตา่ งจังหวัด
กรอบแนวคิดท่ี 3
เด็กทุกคนจะต้องมีระเบียบวินัย มีคุณธรรม และมีน้าใจ
เป็นแนวคิดท่ีเน้นให้เด็กมีคุณธรรม มีระเบียบมีวินัย มีน้าใจ รักษา
ขนบธรรมเนียมไทย เพ่ือให้เด็กสามารถคืนสู่ครอบครัวอย่างมีคุณภาพ
อยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข มีพ่ีเลี้ยงประจาหอคอยอบรมสั่งสอนมารยาท
การรบั ประทานอาหาร การรู้จักรกั ษาความสะอาดที่อยอู่ าศยั
กลยทุ ธ์
พ่ีเล้ียงประจาหอพัก จะอบรมส่ังสอนเกี่ยวกับมารยาท
ก่อนไปโรงเรียน การรับประทานอาหาร และการรักษาความสะอาด
ท่อี ยอู่ าศยั
ผลการดาเนินงาน
1. เดก็ กลา้ แสดงออก และมคี วามมน่ั ใจในตนเอง
2. ลดความก้าวรา้ ว มสี มาธิ และควบคมุ อารมณไ์ ด้ดขี นึ้
3. สร้างรายได้ให้กับเด็ก
4. สามารถต่อยอดเป็นอาชีพได้ (โดยการส่งเด็กที่มีความ
สนใจศึกษาต่อ)
5. การทางานเปน็ ทมี
ผลจากการนาแนวคิดการดูแลเด็กและกลยุทธสู่การปฏิบัติ
กอ่ ให้เกดิ ความกา้ วหน้าในการดาเนินงาน ดังนี้
พม.กับงานบริการทางสงั คม 30
1. เกิดความสนใจทางด้านดนตรี มีการสร้างวงเมโลเดียน
โดยเด็กมคี วามสนใจเพิม่ ข้ึน
2. เกดิ การพัฒนาทกั ษะทางด้านศิลปะอยา่ งตอ่ เนอื่ ง จากเดิม
เป็นการวาดภาพด้วยสีน้า ได้พัฒนาการเพิ่มข้ึนโดยการวาดภาพด้วย
สีอะครีลิค ซ่ึงเป็นการวาดภาพท่ีสูงข้ึน และมีสมาชิกสนใจเข้าร่วม
กจิ กรรมเพิ่มขึน้
เดก็ ท่อี ย่ใู นการอุปการะ
ปัจจุบันมีเด็กอยู่ในการอุปการะ จานวน 160 คน จาแนกตาม
สาเหตุหลักที่รับเข้าอุปการะ ส่วนใหญ่จากปัญหาเด็กถูกทารุณกรรม
เด็กกาพร้า ครอบครัวแตกแยก ผู้ปกครองฐานะยากจน อยู่ในช่วง
อายุ 6–19 ปี มีภูมิลาเนาในพ้ืนที่ภาคใต้ และกาลังศึกษาอยู่ในชั้น
ประถมศึกษา ถงึ ระดับปริญญาตรี
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 31
การได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณหน่วยงานท่ีมีผลงานด้านการ
พฒั นาสงั คมเป็นเลศิ ประจาปี 2559
นางสุภาพร วฒุ ศิ าสตร์
ผูป้ กครองสถานสงเคราะห์เด็กปัตตานี
ได้กล่าวว่าครั้งแรกท่ีคณะกรรมการจากส่วนกลางมาตรวจประเมิน
ทราบว่าหน่วยงานนี้เคยได้รับคัดเลือกให้เป็นหน่วยงานท่ีมี
นวัตกรรมใหม่ในการทางานมาก่อน การทางานเม่ือครงั้ กอ่ นๆ จะปฏิบัติตาม
บทบาทหนา้ ท่กี ารชว่ ยเหลือเด็กทไ่ี ด้รบั ผลกระทบจากปญั หาสังคม
ท้ังหมดทุกปัญหา การรับเด็กมาอยู่กับเราและจัดเลี้ยงอาหาร ให้ปัจจัยส่ี
ให้การศึกษา ส่งเด็กไปเรียนในสถานศึกษา ไป-กลับ เม่ือถึงเวลา
พ้นเกณฑ์อายุหรือครอบครัวมารับกลับบ้าน กลับไปเขาก็มีแต่ความรู้
ท่ีได้รับจากโรงเรียนอย่างเดียว ท่ีน่ีจริงๆ เด็กของเรามีศักยภาพเยอะมาก
พม.กบั งานบริการทางสังคม 32
เราก็มองวา่ จะทาอย่างไร ดว้ ยโลกสมัยปัจจุบัน จะอยู่เหมือนสมัยกอ่ นไม่ได้
เราต้องมาเรียนรู้ตัวเด็กของเราจริงๆ ท่ีมาจากท้ังหมดท้ังมวล
ท่ีมาอยู่กับเรา จากปัญหาครอบครัวเป็นปัญหาหลัก เด็กท่ีมาอยู่กับเรา
บางคนมาอยู่ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เขาลืมระบบของครอบครัว
และเด็กหลายๆ คนที่ไม่สามารถอยู่กับครอบครัวได้ เรามานั่งคิดกัน
มาน่ังคุยกันว่าจะทาอย่างไรท่ีจะดูแลเด็กไม่เป็นภาระกับสังคม
เวลาเขาออกไปแล้วอย่าไปเป็นภาระ เราก็มานั่งคิดเราก็บอกว่า
ตอ่ ไปนเ้ี ราจะทาสถานสงเคราะห์ของเราให้มคี วามเปน็ อยู่ใน 2ลักษณะ
ลักษณะที่ 1 สร้างบ้านหลังนี้ให้เป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นครอบครัวใหญ่
ประกอบด้วย พ่อแม่ลูก เจ้าหน้าที่ผู้หญิงเราให้เด็กเรียกแม่
เจ้าหน้าที่ผู้ชายให้เรียกพ่อ เพ่ือเขาจะได้ซาบซึ้งในความเป็นครอบครัว
มาช่วงหลังเรามีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่เรามีน้อยไม่สามารถ
ท่ีจะเข้าไปทางานกับเด็กได้ ก็เปิดรับสมัครลูกจ้างช่ัวคราวจ้างเหมา แต่การ
จ้างเหมาของเราทั้งหมดขอเป็นวุฒิปริญญาตรี โดยเฉพาะเด็กท่ีจบสาขา
จิตวิทยาสังคมสงเคราะห์ การศกึ ษาถือวา่ คนเราพดู กันรูเ้ ร่อื ง หลังจากทีเ่ รา
คิดตรงนี้ ก็เริ่มรับเจ้าหน้าที่อัตราจ้างเหมา เดือนละ 10,000 บาท
แต่รับวุฒิปริญญาตรีเขาก็ไม่เอาเราก็บอกว่าลองมาดูก่อน พอเราได้ตรงนี้
เรากพ็ ูดกนั รเู้ รอ่ื งก็ถ่ายทอดความรู้ทางด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านครอบครัว
จริงๆ แล้วเจา้ หน้าท่ีท่ีนที่ ี่เป็นพี่เล้ียงก็ไม่มีครอบครวั สักคนแตเ่ ราก็
สอนเขาในระบบของการเป็นครอบครัว
พม.กบั งานบริการทางสังคม 33
ลักษณะท่ี 2 ทาให้เด็กรู้สึกว่าเขามีครอบครัว ไม่ใช่เด็กอะไรก็ไม่รู้
ที่ใครเอามาอยู่ในสถานสงเคราะห์ ซึ่งมีเด็กหลายคนท่ีไม่เคยอยู่
ในระบบครอบครัว บางส่วนอยู่ในระบบครอบครัวแต่เป็น
ครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ พอมาอยู่กับเราเราพยายามทาท่ีนี่ให้เป็น
ครอบครวั ท่สี มบูรณม์ ีพ่อแม่ คอยดูแลเอาใจใสเ่ สมือนลูก
การดแู ลเด็กในหอพัก
เจ้ า ห น้ า ที่ พี่ เลี้ ย ง ท้ั ง ห ม ด น อ ก จ า ก จ ะ อ ยู่ ห อ พั ก แ ล ะ
ทาหน้าท่ีประจาหอพักเด็กแล้ว จะมีหน้าที่พิเศษท้ัง 6 คน จะต้อง
เป็นผู้ประสานโรงเรียน ดูแลการเรียน ดูแลพยาบาล จัดกิจกรรม
เด็กของเราจะไปเรียนข้างนอก จะมีโรงเรียนเทศบาล1 เทศบาล2
เทศบาล3 โรงเรียนเบญจมราชทู ิศจงั หวัดปัตตานี ฯลฯ ก็ให้พเ่ี ล้ียง
หน่ึงคนดูแล นอกจากเขาทาหน้าท่ีดูแลเด็กแล้วก็ยังเป็นแม่เด็ก
ในเรื่องการเรียนทั้งหมด เช่น นาเด็กไปสมัครเข้าเรียน ประชุม
ผู้ปกครอง แม่ต้องรู้ว่าเด็กคนนี้เข้าเรียนหรือไม่เข้าเรียน แต่ละ
โรงเรียนจะมีพี่เล้ียง ทาหน้าท่ีตรงน้ีประจา เด็กเราส่งไปเรียน
ประมาณ 6 โรงเรียน ก็จะมีพี่เล้ียงประจาท้ังหมด แล้วก็ส่วนหนึ่ง
3 คน ก็ให้เป็นแม่พยาบาล เราไม่มีเจ้าหน้าท่ีพยาบาล แต่เราใช้วิธี
จัดเจ้าหน้าท่ีของเราไปฝึกที่โรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ใกล้ๆ ด้าน
ความรู้พ้ืนฐาน เมื่อเด็กเจ็บไข้ได้ป่วยนิดๆ หน่อยๆ เจ้าหน้าท่ี
พยาบาลจะเป็นผดู้ ูแลเบ้อื งต้นได้
พม.กบั งานบริการทางสังคม 34
การสรา้ งศักยภาพของเด็ก
เมื่อเราสร้างระบบครอบครัวได้แล้ว เราก็มาสร้างระบบ
ศักยภาพของตัวเด็ก จะทาอย่างไรที่จะดึงศักยภาพของเด็กได้
เพราะเชื่อวา่ เดก็ ทุกคนมศี กั ยภาพ เรามีแนวคดิ 3 แนวคิด คือ
แนวคิดที่ 1 เด็กทุกคนที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ จะต้องได้เรียน
เรยี นแล้วจะตอ้ งเรียนไดด้ ดี ว้ ย
แนวคิดที่ 2 เด็กทุกคนท่ีอยู่ในสถานสงเคราะห์ จะต้องมีความรู้
ความสามารถพิเศษเฉพาะตวั อยา่ งน้อย 1 อย่าง
แนวคิดท่ี 3 เด็กทุกคนที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ จะต้องมีระเบียบ
มีวินัย มคี ณุ ธรรม
พอเราได้แนวคิดทั้ง 3 แนวคิดน้ี เราก็มาคิดว่าเราจะทา
อย่างไร พอดีเรามีสภาเด็กที่เราจัดตั้งข้ึนเป็นสภาเด็กฯ เล็กๆ
เพ่ือท่ีจะให้เด็กจัดกิจกรรมได้ เราก็มาประชุมกับสภาเด็กฯ ว่า
แม่มีแนวคิด 3 แนวคิดนี้เราจะทาอย่างไร ก็คิดก่อนอื่นเลยต้องนา
เดก็ เรากาหนดขน้ึ มาก่อนวา่ เรามีกิจกรรมอะไรบ้าง
กจิ กรรมที่ 1 เร่ืองการเรียน เด็กทุกคนท่ีเข้ามาแล้วก็ต้องได้เรียน
และเรียนได้ดี เราก็มาจัดหลักสูตรใหม่ว่าพอเด็กเข้ามาที่เราและ
ส่งไปเรียนเสร็จกลับในช่วงเย็นเขาว่าง เราก็ให้เขาเรียนพิเศษ
จ้างครูจากข้างนอกมาสอนท้ังภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ เสร็จแล้ว
ก็มีโครงการพ่ีช่วยน้องในเร่ืองของการทาการบ้าน เด็กคนไหนท่ีเราดูว่า
เรยี นเก่งๆ ก็มาชว่ ยกัน กระท่ังตรงน้ีผลออกมาเดก็ นักเรียนของเรา
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 35
สอบได้เกรดเฉลี่ย 3 ขึ้นไป ตั้งแต่ช้ัน ป.1 ถึง ป.6 เราประสบ
ผลสาเรจ็ ในส่วนหนึ่งของแนวคดิ ที่ 1
กิจกรรมที่ 2 เด็กทุกคนที่ออกไปจากสถานสงเคราะห์ จะต้องมีความรู้
ความสามารถพเิ ศษเฉพาะตวั อย่างนอ้ ยคนละหน่งึ อย่างจากการทาประชาคม
ค้นหาความต้องการของเด็กแต่ละคนเขาสนใจจะทาอะไร เขาอยากได้อะไร
เขาบอกอยากจะเล่นดนตรี อยากจะเรียนศิลปะ อยากจะเล่นกีฬา
จึงเป็นท่ีมาของการจัดต้ัง 3 ชมรม คือ ชมรมดนตรี ชมรมกีฬา ชมรมศิลปะ
ส่วนชมรมศิลปะแบ่งเป็น 2 ประเภท ศิลปะวาดภาพ และ ศิลปะการแสดง
ซ่ึงเด็กของเรามีความสามารถอยู่แล้ว เราก็มาจับกลุ่มให้เขาได้แสดงออก
ดึงศักยภาพในตัวเขาออกมา เรื่องของกีฬาเราจัดกีฬา 4 ประเภท
คือ บาสเก็ตบอล วอลเลย์บอล กรีฑา และตะกร้อ เราให้เด็กทุกคนสมัคร
จะมีชมรมของตนเอง มีเด็กบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าชมรมอะไรได้
เรากใ็ หเ้ ขาทาเศรษฐกิจพอเพียง
กล่าวถึงชมรมดนตรี การก่อต้ังได้รับการสนับสนุนจาก
บริษัทชูเกียรติลิสซ่ิง จากัด โดยท่านชูเกียรติ ปิติเจริญกิจ บริจาคเงิน
ซ้ือเครื่องดนตรี จานวน 30,000 บาท เครื่องดนตรีท่ีได้มาไม่ได้มาตรฐาน
เท่าท่ีควร ให้ฝึกซ้อมกันไปก่อน คร้ังแรกเราใช้จิตอาสาในการสอนดนตรี
ประสานกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี ส่งนักศึกษา
มาสอน 2–3 ครั้ง แต่ไม่ประสบผลสาเร็จ ถ้าเราคิดจะทาจริงๆ
เราก็ต้องใช้คนระดับมืออาชีพมาสอน จึงจัดจ้างครูดนตรีมืออาชีพ
มาสอนจนเด็กๆ มีความสามารถเล่นดนตรีได้ระดับหน่ึง จึงออก
พม.กบั งานบริการทางสังคม 36
ประกวดตามเวทีต่างๆ มีเวทีประกวดที่ไหนเราไปท่ีน้ัน เป็นการเปิดตัว
เด็กบ้านเรา และได้เจอท่านภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต.
ในขณะนั้น ท่านสนใจเรื่องดนตรี เห็นเด็กมีแววจึงสนับสนุนเคร่ืองดนตรีชุด
ท่ีได้มาตรฐานข้ึนมาหน่อยหนึ่ง ปัจจุบันเด็กของเราสามารถเล่นดนตรีได้
สามารถออกงานจนเป็นที่ยอมรับในสามจังหวัด ถ้าเป็นวงดนตรี
ของสถานสงเคราะห์เด็กปัตตานี ซึ่งมีสมาชกิ วงเป็นเด็กผู้หญิงล้วน
ทุกคนยอมรับถึงจะไม่ติดอันดับหน่ึงเหมือนคนอื่น ขอให้เด็กของเรามีที่ยืน
เราก็พอใจในความสาเรจ็
ชมรมด้านศิลปะ แบ่งเป็น 2 ประเภท ศิลปะวาดภาพ
และศลิ ปะการแสดง
ศิลปะวาดภาพ เร่ิมต้ังแต่พี่เลี้ยงเราเลือกสรรบุคลากรที่มีความรู้
ด้านศิลปะมาเป็นครูสอน จนกระทั่งเด็กของเรามีฝีมือไม่แพ้คนข้างนอก
เป็นที่ยอมรับ เรานาภาพท่ีได้ไปจาหน่ายหารายได้ให้กับเด็ก
บางครั้งขายได้ต่อเดือนหน่ึงถึงสองภาพ แต่ตอนนี้เด็กเราวาดภาพ
ไม่ทนั เน่อื งจากใกลส้ อบ
ศิลปะการแสดง เด็กค่อนข้างจะมีคุณภาพเร่ืองของการแสดง
เด็ ก ช อ บ เร า ก็ ดึ ง ศั ก ย ภ า พ ข อ งเข า ต ร ง น้ี ให้ เข า ได้ มี ก า ร แ ส ด ง
เจ้าหน้าที่ช่วยกันสอน ขอสนับสนุนจากที่อ่ืนมาช่วยสอนบ้าง
ตอนนี้กาลังจะทาเร่ืองศิลปะการแสดงพ้ืนเมือง เช่น รองเง๊ง สาแปงมะโย่ง
(การแสดงละคร) ซ่ึงสูญหายไปนานแล้ว กาลังนาเด็กท่ีเป็นดนตรีของเรา
และขอสนับสนุนอาจารย์ท่ีมีความรู้ด้านศิลปะการแสดงพื้นเมือง
พม.กับงานบริการทางสังคม 37
มาช่วยสอน โดยดัดแปลงจากดนตรีสากลมาใช้ร่วมกับการแสดงพ้ืนเมือง
ติดต่อทาบทามลูกหลานนายขาเดร์ แวเด็ง ศิลปินแห่งชาติประจาปี 2536
สาขาศิลปะการแสดงดนตรพี ื้นบ้านชว่ ยสอน พอเราเริ่มเปิดตัวเขา
กเ็ ริ่มเหน็ ความตัง้ ใจตรงนี้
กิจกรรมที่ 3 เร่ืองการมีระเบียบวินัย มีคุณธรรม เด็กท่ีออกไปข้างนอก
ไม่ว่าจะไปโรงเรียนไหนก็ตาม คุณครูแต่ละโรงเรียนและผู้หลักผู้ใหญ่
ท่ีเข้าเยี่ยมชมสัมผัสกับเด็ก จะชื่นชมเด็กสถานสงเคราะห์ฯ มีมารยาทดี
มีน้าใจ มีเมตตา จุดนี้เป็นการทางานแนวใหม่ของเรา เพราะการทางาน
กับเด็กตามบริบทท่ีสถานสงเคราะห์ท่ัวๆ ไป ประจวบเหมาะกับภารกิจ
ของกรมกิจการเด็กและเยาวชน เร่ืองเพชรน้าหน่ึง ท่ีสรรหาเพชรต่างๆ
เข้ามา 10 บ้านแรกท่ีได้รับการคัดเลือก ท่ีบ้านตานีได้มา 2 เรื่อง
พม.กับงานบริการทางสงั คม 38
คือ ในเร่ืองของเพชรของดนตรีกับเพชรของศิลปะ ตรงนี้คิดว่า
เราประสบผลสาเร็จในการดูแลเด็ก เด็กไม่ได้ออกไปตัวเปล่า
เราจะพูดกับเด็กตลอด ลูกเข้ามามีเส้ือชุดเดียว แต่ลูกออกไป
ข้างนอก เมื่อจบตรงน้ีแล้วลูกออกไปแบบมีเสื้อหลายชุด
เพราะว่าลูกจะได้เปล่ียน ลูกมีความรู้กับโรงเรียนที่ได้มาจบชั้น
ปวส. จบชั้นปริญญาตรีก็แล้วแต่ แต่ลูกก็มีความสามารถพิเศษ
เด็กของเราที่ออกไปเดิมก็เป็นนักร้องนาของเรา ตอนน้ีไปอยู่ที่
อาเภอหาดใหญ่ ร้องเพลงได้วันหน่ึงอยู่ท่ี 700-900 บาท คดิ วา่ เรา
ประสบความสาเร็จในการทาให้เด็กได้ตรงนั้น เพราะกลางวันทางาน
กลางคืนร้องเพลง เขามีเส้ือหลายชุด เขาทาในส่ิงท่ีเขาชอบด้วย
แล้วเราก็คัดเลือกเด็กรุ่นใหม่มาแทน นี้คือการทางานท่ีเราทาอยู่
ในปจั จบุ ันสามารถช่วยเด็กได้
พม.กับงานบริการทางสงั คม 39
นางสาวนูรียนั นิเตะ๊ หวั หน้าฝ่ ายสวสั ดิการสงเคราะห์
ได้กล่าวในถึงการปฏิบัตงิ านดแู ลเด็กและจดั สวัสดกิ ารตามบทบาท
ภารกิจของสถานสงเคราะห์ ทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเช่ือมโยง การได้รับโล่ประกาศ
เกียรตคิ ณุ หน่วยงานที่มผี ลงานดา้ นการพฒั นาสงั คมเปน็ เลศิ ประจาปี 2559
“เราจะทางานเป็ นทีมฝ่ ายบริหารสถานสงเคราะห์ ายสวสั ดิการ
สงเคราะห์ทางานร่วมกนั โดยฝ่ ายสวสั ดิการฯเป็ นผ้ดู าเนิ นการ
ฝ่ ายบริหารเป็ นผ้สู นับสนุนหลกั ” สาหรับฝ่ายสวัสดิการปฏิบัติงาน
หลักคอื สหวิชาชีพเราจัดตัง้ ข้ึนภายในเพ่ือดแู ลแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดย
การนาทีมของผู้ปกครอง นักสังคม นักจิต หัวหน้าการศึกษา แบ่งออกเป็น
4 ส่วนงาน คือ
งานที่หนึ่ง งานพี่เลี้ยง มีพีเ่ ลยี้ ง 11 คน จานวน 6 บ้าน
งานทสี่ อง งานพยาบาล มเี จา้ หนา้ ที่ 3 คน
งานท่สี าม งานการศึกษามีเจา้ หน้าที่รับผิดชอบ 6คนจานวน6โรงเรยี น
พม.กบั งานบริการทางสังคม 40
งานท่สี ่ี งานกิจกรรมโครงการแบ่งเปน็ งานกจิ กรรมชมรมศิลปะชมรมดนตรี
ชมรมนาฎศิลป์ ชมรมวาดภาพ ชมรมกีฬา ชมรมดนตรีสากล ชมรมเมโลเด้ียน
(กาลงั ดาเนินการ)มีเจ้าหน้าทปี่ ฏิบตั ิงานจากัด เจ้าหน้าท่ี 1คน ปฏิบัตงิ าน
2-3 หน้าท่ี เช่น งานการศึกษา มีพี่เล้ียง 11 คนปฏิบตั ิหน้าท่ีพยาบาล 3 คน
ที่เหลือรับผิดชอบงานการศึกษา และนาเด็กไปโรงพยาบาลในยามเจ็บป่วย
นาเด็กไปตามหมอนัด การพัฒนาเราจะส่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน เข้ารับ
การอบรมที่โรงพยาบาลด้านการพยาบาลเบื้องต้นและได้รับวุฒิบัตรมา
งานการศึกษามี 6 โรงเรียน เจ้าหน้าที่รับผิดชอบ 6 คน ทาหน้าที่
นอกเหนือจากหน้าท่ีดูแลเด็กอยู่แล้ว ก็มาทาหน้าท่ีในเร่ืองการติดต่อ
โรงเรียน การประชุมผู้ปกครอง การสมัครเด็กเข้าโรงเรียน การทาบันทึก
ขอเบิกชุดนักเรียน รวมถึงการรายงานพฤติกรรมเด็กหรือการรายงานผล
การเรียนของเด็กให้หัวหน้าการศึกษาทราบ งานกิจกรรมโครงการก็เช่นกัน
มพี ่ีเล้ียง มีนักจิตวิทยาและหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสงเคราะห์รว่ มรับผิดชอบ
และการติดตามกิจกรรมโครงการตามแผนงบประมาณประจาปี เช่น
งบประมาณปี 2560 ว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นเราก็จะแบ่งงานกัน โครงการนี้
ใครรับผิดชอบ ใครเป็นผู้ปฏิบัติ ใครเป็นผู้ติดตามโครงการว่าดาเนินการ
ไปถึงไหนอย่างไร ขัดข้องอย่างไรก็ประสานกัน ถ้ามีข้อขัดข้องจะประสาน
กับผูป้ กครองและนามาแจ้งให้กับน้องๆ ในทีมทราบ ซง่ึ ทุกคนจะปฏิบตั ิงาน
2-3 หน้าที่ แม้กระท่ังหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสงเคราะห์ก็เป็นผู้ปฏิบัติด้วย
ในการทาโครงการหลายๆ อย่างเพ่ือที่จะให้งานของสถานสงเคราะห์ฯ
เดนิ หน้าต่อไป เหมือนนกั จิตวิทยามีหนา้ ทใ่ี ห้คาปรึกษาและรับผิดชอบงาน
พม.กบั งานบริการทางสังคม 41
ชมรมดนตรีสากลด้วย พ่ีเลี้ยงที่รับผิดชอบงานการศึกษาอยู่แล้วก็ต้อง
รับผิดชอบงานวงเมโลเดี้ยนด้วย ถ้าไม่ทาอย่างน้ีจะทาให้งานไม่ทั่วถึง
เจ้าหนา้ ทอี่ าจจะไมไ่ ด้พกั ผ่อนจะใช้หลายๆ คนสลับเวรกันปฏิบตั งิ าน
กิจกรรมในเร่ืองของศาสนาการเรียนอันกุรอานของอิสลาม
หั วหน้ าฝ่ ายสวั สดิ การสงเคราะห์ รั บผิ ดชอบตั วหลั กในการประสาน
การประชุมเดก็ และติดตามผล มพี ี่เล้ียง 2 คน สลับเวรกนั สัปดาห์ละ 3-4 วัน
ในการตรวจเช็คเด็กเข้าเรียนท่ีศาลาละหมาด ส่วนศาสนาพุทธเจ้าหน้าท่ี
ของฝ่ายสวัสดิการสงเคราะห์จะเวียนกันมานาสวดมนต์ เด็กจะเข้าหอทุกคน
ไม่เกินหนึ่งทุ่มหรือทุ่มคร่ึง ทุกหอเด็กพร้อมกันก็จะประจาท่ี การประจาท่ี
ในที่นี้ก็จะถามว่าวันนี้เด็กเป็นอย่างไรบ้าง มีปัญหาอะไรบ้าง จะบอกให้
แมแ่ ก้ปัญหาภายในบ้าน พรุ่งน้ีจะเบิกอะไร จะเปน็ ชว่ งทเี่ ดก็ คุยกับแมใ่ นหอ
แม่หอก็จะมาบอกฝ่ายสวัสดิการสงเคราะห์อีกคร้ังหน่ึงว่าต้องการอะไร
ฝ่ายสวัสดิการสงเคราะห์แก้ไขปัญหา ถ้าแก้ไขไม่ได้จะปรึกษาผู้ปกครองฯ
จะทาอย่างไร อีกเรื่องหนึ่งการทางานของเราจัดเป็นระบบ จะมีการประชุม
ฝ่ายสวัสดิการสงเคราะห์ทุกวันพุธ ในหนึ่งเดือนพี่เลี้ยงจะเข้าเวร 3 วันรอบ
4 วันรอบ ในพี่เล้ียง 8 คน จะเร่ิมต้ังแต่วันอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส
ศกุ ร์ เสาร์ สลับการเขา้ เวรรอบสัปดาห์ วันพุธบังคับวา่ จะเข้าเวรหรือออกเวร
ก็ตอ้ งมาประชุมเพ่ือคุยกันแบบไมเ่ ปน็ ทางการ มีปญั หากม็ าคุยกันทกุ วนั พุธ
จะบอกกับทุกคนว่าอย่าพึ่งเบ่ือหน่าย ก็คุยกันจนเรามีความรู้สึกว่า
เป็นกิจกรรมปกติของเรา เหมือนฝ่ายบริหารต้องการเจอพี่เลี้ยงก็ต้องมาเจอ
วันพุธ เพราะทุกคนมาถ้าเป็นวันอ่ืนออกเวรเขาก็จะกลับบ้าน อีกอย่างหนึ่ง
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 42
ที่น่ีพี่เล้ียงทุกคนจบปริญญาตรีเป็นเด็กสมัยใหม่ ส่วนใหญ่จบจาก มอ.
ปัตตานี สาขาจิตวิทยา สาขาพัฒนาสังคม สาขาการจัดการ สาขาทัศนศิลป์
เป็นกาไรของเราก็คือจบทัศนศิลป์ สามารถไปสอนศิลปะเด็ก โดยเรา
ไม่ต้องจ้างวิทยากรภายนอก แม่ด๊ะพี่เลี้ยงจบเพาะช่างกรุงเทพฯ ด้านศิลปะ
สามารถดาเนินกิจกรรมได้ไม่ต้องมีงบประมาณในส่วนน้ี แต่เราต้องจัดหา
อุปกรณ์เพ่ิม ส่วนเรื่องดนตรีเราไม่มีเจ้าหน้าท่ีจบด้านน้ี แต่เรามีเจ้าหน้าที่
ที่ใจรักด้านดนตรี ไม่ได้จบด้านน้ีสามารถนาเด็กประสบผลสาเร็จได้
ท่ีว่าจัดต้ังวงดนตรีสากลพี่เลี้ยงที่จบด้านจิตวิทยาสามารถให้คาแนะนา
ปรึกษาได้ เม่ือใครติดราชการก็ขอช่วยน้องคนนี้ได้ น้องท่ีเป็นนักสังคม
สงเคราะห์ จบด้านจิตวิทยาไปอบรมหลักสูตรนักสังคมสงเคราะห์ก็สามารถ
นามาปรับใช้กันได้ ด้วยความท่ีเป็นเด็กสมัยใหม่ เด็กรุ่นใหม่มีความพร้อม
ท่ีจะก้าวไปข้างหน้าท่ีจะพัฒนาในหลายๆ อย่างภายใน 3-4 ปี เราเริ่มทาให้
เห็นผลตอนน้ี เร่ิมแรกๆ ก็ค่อนข้างมีปัญหาเพราะพี่เล้ียงเด็กส่วนหนึ่ง
ไม่มีครอบครัวก็เข้าใจ ต้องมีเวลาเป็นส่วนตัว แต่ส่วนหนึ่งที่มีครอบครัวเขา
ก็มีเวลาให้ครอบครัว การบริหารจัดการตรงน้ีทาให้เราเรียนรู้กับมันจะทา
อย่างไร ให้ได้ท้งั ครอบครัวได้ท้ังงาน คนโสดก็เช่นกันชีวิตส่วนตัวก็ล้ันล้าได้
งานใหม่ก็ไปได้ต้องใช้เวลา เริ่มต้ังแต่ผู้ปกครองฯ มาดารงตาแหน่งเมื่อปี
2556–2558 ระยะเวลา 3 ปี ทาให้เห็นผลงานในทุกวันนี้ แต่อีกอย่างหนึ่ง
ของผู้ปกครองฯ เรียกว่า เข้าใจเจ้าหน้าที่เหมือนกัน ถ้าเรามีอะไร
เราบอกท่านตรงๆ เหมือนกับวันน้ีนัดทาอะไร เราติดภารกิจน้ีนั่นโน้น
ก็ไม่ต้องมา กรณีหัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสงเคราะห์ลูกเล็กเดินทางไปราชการ
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 43
ก็ไปไม่ได้ ผู้ปกครองฯ ก็เข้าใจ ทาให้คนทางานรู้สึกว่ามีอะไรแล้วพูดกันได้
ดงั แนวคดิ การปฏิบัตงิ านการดแู ลเดก็ ดังนี้
แนวคิดท่ี 1 เด็กทุกคนจะต้องได้เรียนและเรียนได้ดี ก่อนหน้าที่เราส่งเด็ก
ไปเรียนแต่ไม่ได้เน้น แต่ท่านผู้ปกครองฯ เน้นว่าเด็กทุกคนต้องอ่านออก
เขียนได้ แต่พออ่านออกเขียนได้ต้องพัฒนาถึงขั้นสอบได้ถึงเกรดเฉล่ีย 3.0
ต้ังเป้าไว้ถึง 3 ใช้วิธีการเรียนพิเศษ จ้างครูภายนอกมาสอนและมีจิตอาสา
คิดค่าจ้างไม่แพงมาสอนตามท่ีเราพอมีงบประมาณ แบ่งเป็นช่วงชั้นจะเน้นท่ี
ช้ันประถม ชั้นมัธยมไม่มีการสอนพิเศษ จะมีชั้น ป.1 ป.2 ป.3 ป.4 ป.5 และ
ป.6 เรามาปูพื้นฐานเด็กเหล่าน้ีให้เข้มแข็งก่อน ส่วนมัธยมไม่ได้สอนพิเศษ
แต่ใช้วิธีพี่สอนน้องเพราะว่าเรามีพี่ท่ีอยู่มหาวิทยาลัย สมมติน้องมีการบ้าน
พี่ก็จะสอนน้อง หรือไม่ก็แม่พี่เล้ียงหรือเจ้าหน้าท่ีจะเป็นคนติวให้เด็ก
อีกทางนึง เราจะเปิดห้องตอนเย็นๆ เด็กกลับมาจากโรงเรียน 4 โมงครึ่ง
เด็กเรียนพิเศษถึง 5 โมงคร่ึง ในระหว่างนี้เด็กมัธยมก็จะทาการบ้าน มีอะไร
ก็ถาม มีห้องคอมพิวเตอร์มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการอยากจะพิมพ์งาน
อยากจะทางานในระหว่างนี้ พอถึง 5 โมงครึ่ง 6 โมงคร่ึง ก็จะรับประทาน
อาหาร เสร็จแล้วไปเรียนอันกุระอ่านต่อ เด็กไทยพุธก็สวดมนต์ ส่วนหน่ึง
ซ้อมดนตรี จะเป็นกิจวัติประจาวัน วันไหนการบ้านของเด็กที่มีกิจกรรม
ไม่เสร็จเขาก็จะบอกแม่พี่เลี้ยง แม่พ่ีเลี้ยงก็จะช่วยตรงนี้ให้ นี่คือเรื่องของ
การเรยี นสาหรบั เดก็ ในบา้ นปตั ตานี
พม.กับงานบริการทางสงั คม 44
แนวคิดท่ี 2 เด็กทุกคนจะต้องมีกิจกรรมเป็นของตนเองอย่างน้อย 1 อย่าง
ก่อนหน้าน้ีมีสภาเด็กฯ การจัดต้ังสภาเด็กฯ ไม่เข้ารูปเข้ารอย พอเรา
มกี ิจกรรมตัวน้ีเข้ามาทาให้เข้ารูปเข้ารอยมากข้ึน จัดตง้ั สภาเดก็ ฯ เสร็จแล้ว
เราก็ให้กลุ่มชมรมสภาเด็กฯ ท่ีเป็นแกนนาของเรารับสมัครสมาชิกเพิ่ม
ด้านศิลปะวาดภาพ ด้านศิลปะนาฏศิลป์ ด้านดนตรีสากล ด้านวงเมโลเด้ียน
ด้านกีฬา ทุกคนจะมีกิจกรรมของตัวเองพอถึงเวลาเขาก็รู้หน้าที่ของตัวเอง
เด็กบางคนท่ีมีพรสวรรค์หน่อยก็จะมีกิจกรรมเยอะหน่อยท้ังด้านการกีฬา
ด้านศิลปะ บางคนท้ังสองอย่าง ด้วยความที่เด็กมีศักยภาพอยู่แล้ว แต่เรา
ไม่ได้ดงึ ศักยภาพของเดก็ ออกมาการทางานของท่านผู้ปกครองฯ จะพฒั นาที่
ตัวเจ้าหน้าท่ีก่อน เหมือนเจ้าหน้าที่คนนี้จบด้านพละศึกษามาก็รับผิดชอบ
ชมรมกีฬา แต่ละชนิดกีฬาก็ไม่ได้ถนัดท้ังหมด เราก็จะจ้างผู้ที่มีความถนัด
ด้านกีฬาแต่ละประเภท ในช่วงท่ีเราจะไปแข่งกีฬาท่ีสถานสงเคราะห์
ทั่วประเทศจัดร่วมกัน เราก็จ้างวิทยากรจากภายนอกมา เช่น บาสเก็ตบอล
วอลเลย์บอล กรีฑา ตะกรอ้ จนทาให้เรามีตรงน้ีได้ทุกวันน้ี เจ้าหน้าท่ีทุกคน
ทุกกิจกรรมทุกชมรมมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบหลักท้ังหมด แล้วก็เสริมจ้าง
วิทยากรภายนอกมาชว่ ยในสว่ นท่จี าเป็น
แนวคิดท่ี 3 เร่ืองคุณธรรม จริยธรรม เราก็เน้นตามโครงการใหญ่ๆ
แสงธรรมนาชีวิต จะสอนในเรื่องการอบรมมารยาทไทย การปฏิบัติธรรม
การเข้าค่ายมุสลิมะจะสอนการถือศีลอด การนาเด็กเข้าร่วมกิจกรรม
ในวันสาคัญทางพุทธศาสนา เดิมมีอยู่แล้วแต่ไม่ได้จัดเป็นระบบ
พอท่านผู้ปกครองฯ มาจัดเข้าสู่ระบบ จะเน้นในเรื่องให้เด็กคิดว่า
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 45
ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ ให้เด็กรู้สึกว่าเป็นครอบครัว มีอะไรคุยกับเราได้
เป็นครอบครัวใหญ่ก็ทุกคนที่มีบ้านพักอยู่ในสถานสงเคราะห์ก็สามารถ
ปฏิบัติงานได้ตลอด 24 ช่ัวโมง คือ เด็กจะไปปรึกษาเวลาไหนก็ได้
เด็กจะบอกแม่ว่าเย็นนี้จะไปปรึกษา ก็จะบอกได้ว่าพบได้เวลาไหนเมื่อไหร่
เด็กก็จะไปพบ คือ พยายามให้เด็กรู้สึกว่าเราอยู่เหมือนครอบครัว
เราจะคุยกันอย่างไรก็ได้เวลาไหนก็ได้ เด็กรู้สึกว่ามีอะไรก็จะบอกกัน
ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเหมือนสถานสงเคราะห์ หรือการมียามก็จริง
เราก็สามารถออกไปภายนอกได้ จะมีแบบฟอร์มให้เด็กขออนุญาต
ออกไปข้างนอก แม่หอจะเป็นผู้พิจารณาก่อนว่าออกได้หรือไม่ได้
แล้วก็จะมีทีมสหวิชาชีพลงนามอนุญาตอีกคร้ังหน่ึง เด็กจึงออกไปได้
และเราจะกาหนดว่าถ้าออกไปวันเสาร์แล้ววันอาทิตย์เราจะไม่ให้ออกไปอีก
เด็กก็จะเข้าใจ ทุกอย่างที่เกิดข้ึนท้ังหมดมาจากท่ีเราทาข้อตกลงกับเด็ก
การคาดโทษก็เช่นกันทกุ อยา่ งเกดิ ขึ้นจากข้อตกลงจากเด็กจะไมม่ วี า่ คดิ แล้ว
ไปบอกให้เด็กทา ทุกอย่างมาจากข้อตกจากเด็กทั้งหมด บางคร้ัง
อย่างการประชุมเด็กเดือนหน่ึง 2 คร้ัง ทุกวันพุธสัปดาห์ที่สอง
และพุธสัปดาห์สุดท้ายของเดือน จะมีการประชุมเด็กก่อนกินข้าวเย็น
พอเด็กเรียนพิเศษเสร็จ ประชุมมีอะไรเราก็จะแจ้งให้เด็กทราบ
มีอะไรก็บอกกล่าว ปัจจุบันกาหนดทา 5 ส. ทุกวันเสาร์สัปดาห์แรก
ของเดือน และทุกวันอาทิตย์สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ทุกอย่างเราประชุม
แล้วไปบอกกลา่ วกบั เด็ก เดก็ ตกลงเรากก็ าหนดตารางปฏบิ ตั ิ
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 46
ความสืบเนื่อง หน่วยงานของเราผ่านมาตรฐานดีเด่นของ
สถานสงเคราะหอ์ ันดับหนง่ึ สามปซี ้อน ได้รบั การตรวจมาตรฐานสมยั ท่ีสังกัด
กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ยังไม่ได้โอนเป็นกรมกิจการเด็กและเยาวชน
เราถือปฏิบัติตามมาตรฐานมาโดยตลอดในมาตรฐานเราก็จะกาหนด
กิจกรรมต่างๆ ส่ิงที่เราทากิจกรรมเหล่านี้ บังเอิญไปสอดคล้องกับ
นโยบายใหม่ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์
ด้านเพชรน้าหนึ่ง ก่อนหน้านี้เราทาโครงการชมรมสร้างสรรค์ฝีมือเด็ก
ในความอุปการะส่คู วามเป็นเลิศแต่พอเปล่ยี นเปน็ กรมกิจการเด็กและเยาวชน
เปลี่ยนช่ือโครงการเป็นเพชรน้าหน่ึง ทาให้เราซ่ึงงานท่ีทาอยู่แล้ว
ตามมาตรฐานที่เขากาหนดมนั ก็เพิ่มเติมบา้ งในส่วนต่างๆ เล็กน้อย
ทาให้มันดีขึ้น ทาให้มันมีชีวิตตลอดเวลา เพราะในเรื่องการทางานเหล่านี้
ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุน การทางานของเจ้าหน้าท่ีหรือการทางานเป็นทีม
หรือผู้บริหารไม่สนับสนุน ก็จะไม่เกิดมันก็จะไม่มีชีวิต การเบิกวัสดุก็ตาม
บางอย่างมันจะได้หรอื ไม่ได้กต็ ้องช่วยกัน สมมติว่าฝ่ายสวัสดิการสงเคราะห์
ทางานคนเดียวมันก็ไม่เกิด บางอย่างฝ่ายบริหารสถานสงเคราะห์ก็ต้องช่วย
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ก็ต้องลงมาช่วยเร่ืองของ
กิจกรรมเด็กตอนเย็น การเงินก็ต้องลงมาช่วย ทุกอย่างเราทางาน
เป็นวงจรในเจ้าหน้าที่ท้ังหมด 30 คน เว้นคนสวน สามารถหมุนเวียน
ทางานแทนกันได้ เหมือนหัวหน้าฝ่ายสวัสดิฯ ไปราชการก็ฝาก
นักสังคมสงเคราะห์ทางานแทนได้ แต่ทุกอย่างต้องรู้เป็นไปใน
แนวทางเดียวกัน เช่น ยอดจานวนเด็กมีเท่าไหร่ก็สามารถตอบ
พม.กับงานบริการทางสังคม 47
ตรงกันท้ังหมด การจาหน่ายเด็กออกไปแล้วก่ีคนต้องรู้ เรามี
กระดานเหมือนกัน หัวหน้าฝ่ายสวัสดิฯ ทาสถิติว่าเดือนน้ีมียอดเท่าน้ี
ทุกคนก็มาดูทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ ปัจจัยความสาเร็จล้วนเกิดจาก
1) ศักยภาพของผู้บริหาร 2) ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ และ 3)
การให้ความร่วมมอื ของเด็ก
การดึงศักยภาพของเด็กมาทากิจกรรมเราไม่ได้บังคับให้เด็กทา
มีการสอบถามพูดคุยทุกกิจกรรมเกิดจากความต้องการของเด็ก
ทุกอย่างเด็กให้ความร่วมมือกับเราเพราะเราใช้ศักยภาพท่ีมีในตัวเด็ก
ดึงออกมาแล้วมาทากิจกรรมเป็นปัจจัยทาให้เกิดความสาเร็จนี้ข้ึน
พม.กบั งานบริการทางสงั คม 48
ศนู ยเ์ รียนรู้การพฒั นาสตรีและครอบครวั ภาคใต้ จงั หวัดสงขลา
กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย ได้เห็นถึงความสาคัญ
ของการพัฒนาความรู้พ้ืนฐานในการประกอบอาชีพ ให้แก่เยาวสตรีและสตรี
ท่ีขาดโอกาสทางการศึกษา ได้มีความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ
สามารถช่วยเหลือตนเองและครอบครัวให้ดารงอยู่ได้อย่างมีความสุข อีกท้ัง
เป็นการป้องกันปัญหาการไปประกอบอาชีพในทางท่ีเส่ือมเสียถูกล่อลวง
หรือตกเป็นเครื่องมือของผู้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และ
ป้องกันการอพยพและท้ิงที่อยู่ไปหางานทาในต่างถิ่น จึงได้จัดต้ัง
" ศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพสตรีภาคใต้ จังหวัดสงขลา " ขึ้น
และได้เปิดดาเนินการ เม่ือวันที่ 9 สิงหาคม 2534 ต่อมาเม่ือวันท่ี
6 มีนาคม 2558 ได้โอนย้ายมาสังกัดกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ เปล่ียนชื่อเป็น
“ศูนย์เรยี นรูก้ ารพัฒนาสตรแี ละครอบครวั จังหวดั สงขลา”
พม.กับงานบริการทางสงั คม 49