รายงานการผลิตสื่อนวัตกรรมการศึกษา ระดับปฐมวัย ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนเสริมมิตรวิทยา สังกัดสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ
การผลิตสื่อนวัตกรรมการศึกษา ชื่อนวัตกรรมสื่อการสอน : โมเดลฟัน ชื่อผู้จัดทำนวัตกรรม : นางชะเอม จิตรพิมาย หลักการและเหตุผล การดูแลใส่ใจสุขภาพฟันสำหรับเด็ก ๆนั้น มีความสำคัญเช่นเดียวกับการดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวม ดังนั้นควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับฟันน้ำนม และฟันแท้ของเด็กว่าสำคัญต่ออนาคตของเด็กๆ อย่างไร น่า เสียดายที่เรามักขาดความรู้ความเข้าใจว่า การดูแลสุขภาพช่องปากควรจะเริ่มต้นทันทีที่ฟันนำนมซี่แรกของเด็ก ในช่วงอายุ 4-6 เดือน หลังจากที่ฟันขึ้นแล้ว ให้ดูแลทำความสะอาดสุขภาพช่องปากทุกวัน รวมถึงการพาเด็กไป พบหมอฟันเป็นประจำ คือสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพฟันของเด็กอย่างมาก ฟันผุในเด็กเพิ่มสูงขึ้น เคยมีบันทึกว่า ปัญหาฟันผุนั้นได้ลดลงเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว แต่ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่าปัญหาฟันผุใน เด็กกลับเพิ่มมากขึ้น ข้อมูลจาก สมาคมทันตาภิบาลแห่งประเทศไทย ระบุว่า ปัญหาฟันเป็นรู หรือฟันผุ เกิดขึ้น น้อยลงในเด็กอายุ 2-11 ปี ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1970 จนถึงกลางทศวรรษ 1990 แต่เมื่อกลางทศวรรษ 1990 จนถึงปี 2004 กลับพบว่ามีปัญหาฟันผุเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แนวโน้มนี้เห็นชัดมากขึ้นใน กลุ่มเด็ก ๆ อายุ 2-11 ปี เนื่องจากการได้รับอิทธิพลอย่างมากจากปัจจัยด้านรายได้ เชื้อชาติ และการเข้าถึงการ ดูแลรักษาฟัน อย่างไรก็ตาม การให้ความรู้กับคุณพ่อคุณแม่ และการจัดให้มีทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อการดูแลรักษา ฟันนั้นมีส่วนช่วยอย่างมากต่อสุขภาพฟันที่ดีขึ้นของเด็ก ๆ ข้อมูลจาก สมาคมทันตกรรมแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุ ว่าปัญหาฟันผุในเด็กปฐมวัย หมายถึงการมีฟันน้ำนมหรือฟันแท้หนึ่งซี่ หรือมากกว่าถูกถอน ผุ หรือมีการอุดฟัน ปัญหาฟันผุในเด็กปฐมวัยถือเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญในประชากรบางกลุ่ม หรืออาจพบได้ในกลุ่มเด็ก ทั่วๆไปได้เช่นกันฟันผุเป็นปัญหาติดเชื้อและจำเป็นต้องมีการควบคุมโดยการป้องกัน https://www.colgate.com เพราะการมองไม่เห็นทำให้ขาดความเข้าใจและการรับรู้เรื่องสุขภาวะช่องปากอย่างถูกต้องจึงไม่สามารถ ทำความสะอาดฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือการสอนแปรงฟันให้กับเด็กยังขาดสื่อการเรียนการสอน ด้านการแปรงฟันที่มีประสิทธิภาพ เพราะสื่อการสอนที่ดีและเหมาะสมสำหรับเด็กควรมีขนาดใหญ่ที่เด็กสามารถ ลงมือปฏิบัติติจริงได้เพื่อให้ตอบโจทย์จึงเป็นที่มาของการทำโมเดลฟันเพื่อให้เด็กๆได้เรียนรู้การแปรงฟันที่ถูกวิธี วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กสามารถแปรงฟันได้ถูกวิธี 2. เพื่อให้เด็กได้มีโอกาศฝึกแปรงฟันได้สม่ำเสมอ 3. เพื่อให้เด็กมีความสุขในการฝึกแปรงฟัน ขอบเขตของสื่อนวัตกรรมที่นำมาใช้ หน่วยการเรียนรู้โครงงาน ฟ ฟันแข็งแรง จะมีการจัดกิจกรรมการฝึกการแปรงฟันอย่างถูกวิธี ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กสามารถแปรงฟันได้ถูกวิธี 2. เด็กมีโอกาศฝึกแปรงฟันได้สม่ำเสมอ 3. เด็กมีความสุขในการฝึกแปรงฟัน
ขั้นตอนการดำเนินงาน 1. ศึกษาหาข้อมูลที่จะทำนวัตกรรม ตามตามหนังสือและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 2. วางแผนในการจัดทำโมเดลฟัน 3. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ 4. ผลิตโมเดลฟัน 5. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของสื่อ 6. ทดลองนำไปใช้ 7. ประเมินผลการใช้สื่อ กระบวนการเรียนโดยใช้เกมการศึกษาวงล้อสะกดคำ 1. เด็กดูโมเดลฟัน 2. เด็กฟังครูอธิบายวีการใช้โมเดลฟัน 3. แจ้งผลเรียนรู้ที่คาดหวัง 4. เด็กทดลองใช้โมเดลฟัน 5. เด็กช่วยกันตรวจสอบความแข็งแรงของโมเดลฟัน 6.หลังจากที่เด็กทดลองเล่นแล้วครูและเด็กสรุปได้เรียนรู้อะไรจากการใช้โมเดลฟัน ระยะเวลาในการจัดทำ ประมาณ 1 สัปดาห์ งบประมาณที่ใช้จริง 1. กระป๋องแป้ง 2.,ขวดน้ำอัดลม 3. ปืนกาว 4. ฟิวเจอร์บอร์ด 5. กาวแท่ง 6. กระดาษฟรอย 7. ดินน้ำมัน 8. สีสเปรย์สีขาว บรรณานุกรม กองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (2546) รายงานผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพ กลุ่มเด็กอายุ 3 ปี. จันทนา อึ่งชูศักดิ์ (2547) ฟันผุในเด็กไทย นิตยสารหมอชาวบ้าน 2547; 300(4). ฉลองชัย สกลวสันต์ (2547) บริบทการดำเนินชีวิตของครอบครัวที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมดูแลสุขภาพช่องปากใน เด็กปฐมวัย วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาทันตกรรมป้องกัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ภาคผนวก
คุณครูประดิษฐ์สื่อนวัตกรรมโมเดลฟัน
คุณครูนำสื่อนวัตกรรมโมเดลฟันมาจัดกิจกรรมให้เด็กเรียนรู้
คุณครูนำสื่อนวัตกรรมโมเดลฟันมาจัดกิจกรรมให้เด็กเรียนรู้
การผลิตสื่อนวัตกรรมการศึกษา ชื่อนวัตกรรมสื่อการสอน : บิงโกพยัญชนะไทย ชื่อผู้จัดทำนวัตกรรม : นางสาวทัศนีย์ สาพิมพ์ หลักการและเหตุผล การพัฒนาทักษะทางภาษาเป็นสิ่งที่สําคัญและมีความจําเป็นสําหรับเด็กปฐมวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ อ่านเป็นทักษะหนึ่งที่สําคัญต่อชีวิตของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน เนื่องจากโลก ปัจจุบันเป็นโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทั้ง ด้านวัตถุวิทยากร เทคโนโลยีและความนึกคิด ทําให้มนุษย์รู้จัก ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพื่อให้ทันต่อ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น นอกจากการอ่านจะเป็น การส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาแล้ว การอ่านจะช่วย ส่งเสริมความรู้ความคิดของคนเราให้เพิ่มพูนขึ้น จากการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการอ่านเป็นจํานวนมากพบว่า การอ่านทําให้คนเป็นคน โดยสมบูรณ์ซึ่งสอดคล้องกับบันลือ พฤกษะวัน (2538) ที่กล่าวว่าทักษะการอ่านถือเป็น ทักษะหนึ่งที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้น และประพีร์ อุ่นจิตติ (2530) ที่กล่าวว่า ทักษะการ อ่าน และการเขียนถือเป็นทักษะหนึ่งที่สําคัญที่สุดในการเรียนรู้ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ในระดับอื่น รวมทั้ง การ สร้างบุคลิกภาพและประสบการณ์ การอ่านเป็นพื้นฐานสําคัญของเด็ก เพราะการอ่านช่วยพัฒนาความรู้สติปัญญาและ ความคิด นอกจากนี้ การอ่านเป็นเครื่องมือแสวงหาความรู้เป็นปัจจัยสําคัญที่ช่วยให้ผู้เรียนก้าวหน้า ประสบผลสําเร็จในการเรียนที่จะ ช่วยพัฒนาความสามารถในการคิด และการอ่าน ตลอดชีวิตของ คนเรานั้น ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตรงไม่มาก นัก แต่หากผู้ใดอ่านมากผู้นั้นย่อมมีประสบการณ์กว้างขวาง และประสบการณ์จะนําความรู้จากการอ่านไป พัฒนาการฟัง พูด และเขียน บันลือ พฤกษะวัน (2532: 138) นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับ ศรีรัตน์ เจิงกลิ่นจันทร์ (2536: 18) กล่าวว่าการ อ่านจะประสบผลดีได้นั้นต้องมีความสามารถในการจําแนกความแตกต่างด้วยสายตา เป็นการ สังเกตเห็นความเหมือนความต่างกันของรูปทรง รูปภาพ และคําที่เขียนเป็นสัญลักษณ์ความสามารถใน การอ่านขึ้นอยู่กับความสามารถในการเห็นความแตกต่างระหว่างคําที่อ่านหรือ สัญลักษณ์ได้การที่เด็กจําแนก เสียงที่คล้ายคลึงกันได้จะช่วยให้เด็กอ่านได้อย่างถูกต้อง ความสามารถในการฟังเรื่องราวต่างๆ เป็นการฝึกให้เด็ก รู้จักคิดหาเหตุผล ซึ่งสอดคล้องกับ ประเทิน 2 มหาขันธ์ (2530 : 18) กล่าวว่า การฝึกทักษะในการโยง ความหมายสัญลักษณ์ที่เป็นตัวอักษรเข้าด้วยกัน เป็นการเชื่อมโยงความหมายของคํากับสัญลักษณ์หรือตัวอักษร เป็นทักษะเบื้องต้นในการอ่าน เกมการศึกษาเป็นกิจกรรมการเล่นที่มีกฎกติกา มีความสำคัญต่อการฝึกทักษะ ขณะที่เล่นจะ ช่วยให้เด็ก เกิดการเรียนรู้ ทักษะการสังเกต ความคิด รวบยอดเกี่ยวกับสิ่งที่เรียน นอกจากนี้ยังทำให้สามารถจำแนกความ เหมือนและความแตกต่าง คิดหาเหตุผลด้วยตนเอง เกมการศึกษาเป็นการฝึกให้ รู้จักสังเกตและเปรียบเทียบ รูปภาพและวัสดุสิ่งของต่างๆ ใช้ความคิดอย่างมีเหตุผลการตัดสินใจ แก้ปัญหาการใช้กล้ามเนื้อมือและตา ประสานกัน เตรียมความพร้อมในการอ่านและเขียนให้ได้ตาม พื้นฐาน ทำให้รู้การเรียนวิชาต่างๆ ในที่สูงขึ้น สอดคล้องกับ อุษา กลแกม (2559: 38) ได้กล่าวถึงเกม การศึกษาว่า เกมการศึกษาเป็นของเล่นที่ช่วยให้ผู้เรียนที่ มีความสังเกตที่ดี มีความสามารถในการ มองเห็นและจำแนกด้วยตา สอดคล้องกับ อัจฉรา ชีวพันธุ์ (2559: 27) ได้กล่าวว่าเกมช่วยพัฒนา ความคิดทักษะทางภาษา แสดงความสามารถของแต่ละบุคคล ช่วยให้เห็นพฤติกรรม ของเด็กชัดเจน ยิ่งขึ้น ทั้งยังเกิดความเพลิดเพลิน และผ่อนคลายความตึงเครียดในการเรียนและเป็นการฝึกความ รับผิดชอบและฝึกให้เด็กรู้จักการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่วางไว้ และช่วยพัฒนาทักษะในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะ
ด้านสติปัญญา การเรียนรู้ คือเด็กได้รับการเรียนจากการเล่น โดยลงมือปฏิบัติจริงจาก ประสบการณ์โดยตรงด้วย ตนเองจากสื่ออุปกรณ์ของเล่นที่เป็นรูปธรรม ซึ่งจะช่วยพัฒนาความพร้อม ให้เด็กเกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เพื่อเป็นพื้นฐานทางการเรียนในระดับ ที่สูงขึ้นต่อไป ดังนั้น จึงได้จัดทำสื่อ เรื่อง เกมการศึกษาวงล้อสะกดคำเพื่อให้ผู้เรียนสามารถมีพัฒนาการด้านทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียนได้ดียิ่งขึ้น วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กสามารถอ่านพยัญชนะไทยจนนักเรียนอ่านได้คล่อง 2. เพื่อให้เด็กสามารถอ่าน-เขียนพยัญชนะไทยได้ 3. เพื่อให้เด็กมีความเข้าใจวิธีการเล่นบิงโกพยัญชนะไทยและการเล่นร่วมกับผู้อื่น ขอบเขตของสื่อนวัตกรรมที่นำมาใช้ หน่วยการเรียนรู้จะมีการจัดกิจกรรมการเล่นบิงโกพยัญชนะไทยสำหรับเด็กในระดับชั้น อนุบาล 2/3 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กสามารถอ่านพยัญชนะไทยจนนักเรียนอ่านได้คล่อง 2. เด็กสามารถอ่าน-เขียนพยัญชนะไทยได้ 3. เด็กมีความเข้าใจวิธีการเล่นบิงโกพยัญชนะไทยและการเล่นร่วมกับผู้อื่น ขั้นตอนการดำเนินงาน 1. ศึกษาหาข้อมูลที่จะทำนวัตกรรม ตามตามหนังสือและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 2. วางแผนในการจัดทำชุดบิงโกพยัญชนะไทย สำหรับเด็กในระดับชั้นอนุบาล 2/3 3. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ 4. ผลิตบิงโกพยัญชนะไทย 5. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของสื่อ 6. ทดลองนำไปใช้ 7. ประเมินผลการใช้สื่อ กระบวนการเรียนโดยใช้บิงโกพยัญชนไทย 1. เด็กดูบิงโกพยัญชนะไทย 2. เด็กฟังครูอธิบายวิธีการเล่นบิงโกพยัญชนะไทย 3. แจ้งผลเรียนรู้ที่คาดหวัง 4. เด็กทดลองเล่นบิงโกพยัญชนะไทย 5. เด็กช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของเกมการศึกษาที่ตนเองเล่น 6.หลังจากที่เด็กทดลองเล่นแล้วครูและเด็กสรุปได้เรียนรู้อะไรจากการเล่นบิงโกพยัญชนะไทย ระยะเวลาในการจัดทำ ประมาณ 1 สัปดาห์
งบประมาณที่ใช้จริง 1. กระดาษ A 4 2. พยัญชนะไทย 3. รูปภาพ 4. กระดุม 5. กาว 6. กรรไกร บรรณานุกรม - อัจฉรา ชีวพันธุ์ (2559: 27) เกมช่วยพัฒนา ความคิดทักษะทางภาษา - ราศี ทองสวัสดิ์ และคณะ. ความจำเป็นต้องอ่านเขียนในชั้นอนุบาลไทย การเข้าใจเด็กก่อนวัยเรียน. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2542 - สํานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติกระทรวงศึกษาธิการ (2536: 2–33) - กิจกรรมสำาหรับเด็กก่อนวัยเรียน . กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. เยาวพา เดชะคุปต์. (2542 ก). กิจกรรมสำหรับเด็ก ปฐมวัย. กรุงเทพฯ: แม็ค. เริงชัย จงพิพัฒนสุข. (2546)
ภาคผนวก
บิงโกพยัญชนะไทย
การผลิตสื่อนวัตกรรมการศึกษา ชื่อนวัตกรรมสื่อการสอน : บ้านไม้ไอติม ชื่อผู้จัดทำนวัตกรรม : นางวาสนา มากกล่ำ หลักการและเหตุผล บ้านเป็นที่อยู่อาศัยของคน ส่วนประกอบของบ้าน มีหลังคา ฝาผนัง พื้นเสาบ้าน บันได ประตู หน้าต่าง มี บ้านปูนบ้านไม้ บ้านชั้นเดียวและบ้าน 2 ชั้น บ้านประกอบไปด้วยห้องต่างๆเช่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขก ห้องครัว วัสดุที่นำมาใช้สร้างบ้านได้แก่ดิน หิน ปูน ทราย ไม้ บ้านมีหลายประเภทเช่น บ้านเดี่ยว บ้านทาวน์เฮ้าส์ หมู่บ้าน คอนโดมิเนียม บ้านทรงไทยมีลักษณะใต้ถุนสูงบ้านทำจากไม้เด็กได้เรียนรู้วัสดุที่นำมาสร้างบ้านเช่นหิน ดิน ปูน ทราย เหล็ก ไม้ เป็นต้น ดังนั้นครูผู้สอนจึงได้จัดทำสื่อ บ้านไม้ไอติมขึ้นมา เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจอยากเรียนรู้มีทักษะการ ประดิษฐ์ สร้างสรรค์ผลงานตามจินตนาการเป็นต้น วัตถุประสงค์ 1. เด็กได้เรียนรู้วัสดุ/อุปกรณ์การประดิษฐ์บ้านไม้ไอติม 2. เด็กได้เรียนรู้อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน 3. บอกส่วนประกอบของบ้านได้ 4. บอกวิธีประดิษฐ์บ้านไม้ไอติมได้ 5. บอกการตกแต่งบ้านไม้ไอติมได้ ขอบเขตของสื่อนวัตกรรมที่นำมาใช้ บ้านไม้ไอติมสำหรับนักเรียนชั้นอนุบาล 1/4 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. สามารถบอกส่วนประกอบของบ้านได้ 2. สามารถลงมือปฏิบัติด้วยความระมัดระวังได้ 3. สามารถบอกวัสดุ/อุปกรณ์และวิธีประดิษฐ์บ้านไม้ไอติมได้ 3. เด็กเกิดทักษะทางภาษาแสดงความคิดเห็นชื่นชมผลงานได้ ขั้นตอนการดำเนินงาน 1.ศึกษาหาข้อมูลที่จะทำนวัตกรรมตามหนังสือและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 2.ศึกษาค้นคว้าหาวัสดุ อุปกรณ์วิธีการทำและจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ 3.ปรึกษาเพื่อนร่วมงานในสายชั้นระดับเดียวกันจำนวน 3 คน 4.ออกแบบบ้านไม้ไอติม 5.พาเด็กลงมือประดิษฐ์บ้านไม้ไอติม 6.ประเมินการเรียนรู้บ้านไม้ไอติมเด็กปฐมวัย 7.ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมบ้านไม้ไอติมให้สวยงามน่าสนใจและหลากหลายสีมากขึ้น 8.จัดทำบ้านไม้ไอติมเพิ่มเติม
กระบวนการเรียนรู้โดยใช้สื่อบ้านไม้ไอติม 1.ครูให้เด็กดูภาพบ้านแบบต่างๆ ห้องต่างๆ ส่วนประกอบของบ้าน ครูอธิบายเพิ่มเติมและให้เด็กดูบ้าน ไม้ไอติมประกอบ 2. บ้านเป็นที่อยู่อาศัยของคนกันแดดกันฝนเราทุกคนปลอดภัยเมื่ออาศัยอยู่ในบ้าน 3. บ้านประกอบไปด้วยห้องต่างๆเช่นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องรับแขก 4. ส่วนประกอบของบ้าน มีหลังคา ฝาผนัง พื้นเสาบ้าน บันได ประตู หน้าต่าง 5. บ้านมีแบบต่างๆ บ้านปูน บ้านไม้ บ้านชั้นเดียวและบ้าน 2 ชั้น 6. ครูสังเกตการเข้าร่วมกิจกรรมการลงมือประดิษฐ์บ้านไม้ไอติม 7. ครูประเมินการใช้สื่อบ้านไม้ไอติม ระยะเวลาในการจัดทำ 3 สัปดาห์ งบประมาณที่ใช้ในการจัดกิจกรรม งบประมาณ 100 บาท ใส้ปืนกาวร้อน แพ็คละ 20 บาท จำนวน 5 แพ็ค บรรณานุกรม -
ภาคผนวก (รูปภาพสื่อนวัตกรรม)
ภาพการประดิษฐ์บ้านไม้ไอติม
ภาพบ้านไม้ไอติม
ภาพเรียนรู้บ้านไม้ไอติม
ภาพเรียนรู้บ้านไม้ไอติม
ภาพเรียนรู้บ้านไม้ไอติม
ภาพเรียนรู้บ้านไม้ไอติม
ภาพเรียนรู้บ้านไม้ไอติม
การผลิตสื่อนวัตกรรมการศึกษา ชื่อนวัตกรรมสื่อการสอน : โครงร่างของฉัน ชื่อผู้จัดทำนวัตกรรม : นางนรวีร์ มากล้น หลักการและเหตุผล เกมการศึกษาเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยให้เด็กได้พัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ซึ่งได้มี นักวิชาการให้ความหมายเกมการศึกษาไว้ดังนี้เกมการเล่นที่ฝึกการ สังเกต พัฒนากระบวนการคิด เกิดความคิด รวบยอด วิธีการเล่นมีกฎ กติกาง่าย ๆ เด็กสามารถ เล่นคนเดียว หรือเล่นเป็นกลุ่มได้บูรชัย ศิริมหาสาคร (2545: 79) ได้ให้ความหมายเกมการศึกษาว่า เป็นเกมการเล่นที่ช่วย พัฒนาสติปัญญา มีกฎเกณฑ์กติกาง่าย ๆ เด็กสามารถเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่มได้ช่วยให้เด็กรู้จัก สังเกต คิดหาเหตุผล และเกิดความคิดรวบยอด เกี่ยวกับสีรูปร่าง จำนวน ประเภท และความสัมพันธ์เกี่ยวกับระยะ เกมการศึกษาที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัย 3-6 ปีเช่น เกมจับคู่แยกประเภท ภาพกับเงา โครงร่างสัตว์ โครงร่างผลไม้ กรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ (2546: 66) ได้กล่าวว่าเกมการศึกษา หมายถึง เกมการเล่น ท ี่ ช่วยพัฒนาสติปัญญา มีกฎเกณฑ์กติกาง่าย ๆ เด็กสามารถเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่มได้ช่วยให้เด็กรู้จักสังเกต คิดหาเหตุผลและเกิดความคิด รวบยอด เกี่ยวกับสี รูปร่าง จำนวน ประเภท และ ความสัมพันธ์เกี่ยวกับพื้นที่/ระยะ เกมการศึกษาที่เหมาะสมสำหรับเด็ก วัย 3–5 ปีเช่น เกมจับคู่ แยกประเภท จัดหมวดหมู่ เรียงลำดับ โดมิโน ลอตโต ภาพตัดต่อ ต่อตามแบบ ฯลฯ สุ วิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ (2547: 90) กล่าวว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม คือ กระบวนการเรียนรู้ที่ ผู้สอน ให้ผู้เรียนเล่นเกมที่มีกฎเกณฑ์กติกาเงื่อนไข หรือข้อตกลงร่วมกันที่ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน ทำให้เกิดความสนุกสนาน ร่าเริง เป็นการออกกำลังกาย เพื่อพัฒนาความริเริ่มสร้างสรรค์มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การ เรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นโดยมีการนำเนื้อหาข้อมูลของเกม พฤติกรรมการเล่น วิธีการเล่น และผลการเล่นเกมมาใช้ใน การอภิปรายเพื่อสรุปผล การเรียนรู้จากความหมายเกมการศึกษาดังกล่าว จึงพอสรุปความหมายของเกม การศึกษา ได้ว่า เกมการศึกษา หมายถึง กิจกรรมการเล่นที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาการด้านทักษะการคิด อย่าง เป็นระบบ ซึ่งต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ กำหนด ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมให้เกิดการเรียนรู้เกิดทักษะการคิด เพื่อ ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสติปัญญา และตอบสนองความต้องการตามวัยของผู้เรียน ดังนั้นครูผู้สอนจึงได้จัดทำสื่อ โครงร่างผลไม้สำหรับ เด็กปฐมวัยขึ้นมา เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจอยาก เรียนรู้มีทักษะการการเปรียบเทียบ การสังเกตและคิดวิเคราะห์มากขึ้นเกิดทำให้เกิดการอยากเรียนรู้ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กสนใจเกิดการอยากเรียนรู้ในเกมโครงร่างของฉัน 2. เพื่อให้เด็กมีทักษะในการเปรียบเทียบ สังเกตและคิดวิเคราะห์ 3. เพื่อให้เด็กได้รู้จักผลไม้ รูปร่างลักษณะ และสีมากขึ้น ขอบเขตของสื่อนวัตกรรมที่นำมาใช้ สื่อ โครงร่างของฉัน ในระดับชั้นอนุบาล 1 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. เพื่อให้เด็กสนใจเกิดการอยากเรียนรู้ในเกมโครงร่างของฉัน 2. เพื่อให้เด็กมีทักษะในการเปรียบเทียบ สังเกตและคิดวิเคราะห์ 3. เพื่อให้เด็กได้รู้จักผลไม้ รูปร่างลักษณะ และสีมากขึ้น
ขั้นตอนการดำเนินงาน 1.ศึกษาหาข้อมูลที่จะทำนวัตกรรมตามหนังสือและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 2.ศึกษาค้นคว้าหารูปภาพที่น่าสนใจ ผลไม้ที่เด็กอยากเรียนรู้ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ 3.ร่วมประชุมปรึกษาครูผู้สอนในสายชั้นระดับอนุบาล 1 4.ออกแบบสื่อ โครงร่างของฉัน เด็กระดับอนุบาล 1 5.จัดทำสื่อโครงร่างของฉัน เด็กปฐมวัยและทดลองใช้สอนในเด็กนักเรียนอนุบาล 1 6.ประเมินการใช้สื่อโครงร่างของฉัน ในเด็กอนุบาล 7.จัดทำนิทานสื่อโครงร่างของฉัน เพิ่มเติม กระบวนการเรียนรู้โดยใช้สื่อ วงล้อผสมคำ เด็กปฐมวัย 1.ครูอธิบายการเล่นเกี่ยวกับสื่อเกมโครงร่างของฉันตามที่กำหนด 2.ครูให้เด็กได้ทดลองการเล่นเกมโครงร่างของฉัน 3.ครูให้เด็กเล่นเกมโครงร่างของฉัน ตามความสนใจ 4.ครูให้เด็กจัดกลุ่มเล่นเกมโครงร่างของฉันตามความสนใจ 5.ครูสังเกตการเข้าร่วมกิจกรรมความสนใจของเด็กโดยใช้สื่อโครงร่างของฉัน 6.ครูประเมินการใช้สื่อ โครงร่างของฉัน เพื่อเพิ่มเติมและปรับปรุง ระยะเวลาในการจัดทำ 1 สัปดาห์ งบประมาณที่ใช้จริง ประมาณ 100 บาท บรรณานุกรม -
ภาคผนวก (รูปภาพสื่อนวัตกรรม)
สื่อโครงร่างของฉัน
สื่อโครงร่างของฉัน
การผลิตสื่อนวัตกรรมการศึกษา ชื่อนวัตกรรมสื่อการสอน : บ้านจากหลอด ชื่อผู้จัดทำนวัตกรรม : นางวาสนา ไข่ช่วย หลักการและเหตุผล บ้านที่น่าอยู่อาศัยจะต้องสะอาดถูกสุขทั้งภายในบ้านและบริเวณบ้าน โดยภายในบ้านจะต้องมีการดูแล รักษาบ้าน ปัด กวาด เช็ดถู เป็นประจำ ไม่มีฝุ่นละอองหรือหยากไย่ เครื่องเรือนเครื่องใช้ปราศจาก ความ สกปรกแม้แต่ บริเวณบ้าน ได้แก่ รั้ว สนาม ทางเดินเข้าบ้านก็ต้องสะอาดร่มรื่น ไม่มีเศษขยะ เศษใบไม้ ร่วงอยู่ตามพื้น ควรจัดบ้านให้มีพื้นที่สะดวกสบาย พอเหมาะกับจำนวนคนที่อยู่อาศัยโดยไม่แออัด มีอากาศ ถ่ายเทสะดวก หน้าต่างหรือช่องทางให้ลมผ่านได้ แสงแดดส่องถึง มีที่ที่สำหรับให้สมาชิกทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ดู โทรทัศน์นั่งพักผ่อน มีการจัดวางสิ่งของเครื่องใช้เป็นที่ เพื่อให้หยิบมาใช้ได้สะดวก และจัดวางเครื่องเรือนไว้ พอเหมาะกับห้อง เพื่อให้ห้องนั้นมีพื้นที่กว้าง สะดวกต่อการทำกิจกรรมต่างๆ บ้านที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในบ้าน ได้แก่ การจัดวางสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ให้เป็น ระเบียบ ไม่เกะกะ มีหิ้ง ชั้น หรือตู้สำหรับเก็บของ เพื่อให้บริเวณต่างๆ แลดูโปร่ง นอกจากนี้ควรมีการจัดตกแต่ง ภายในบ้าน และบริเวณบ้านให้เหมาะสม เช่น นำสิ่งของมาจัดวางไว้ให้สวยงามและเกิดความสมดุล ใช้สีผ้าม่านที่ สวยงาม ตกแต่งให้ดูสบายตา ก็จะทำให้บ้านมีความสวยงามมากยิ่งขึ้นนะค่ะ นอกจากนี้บ้านยังมีความสำคัญคือ 1. เป็นสถานที่ที่ป้องกันอันตรายต่างๆ จากสิ่งแวดล้อมทั้งที่เป็นภัยธรรมชาติ รวมถึง ภัยที่อาจเกิดจากมนุษย์ สัตว์ และแมลง 2. เป็นสถานที่สำหรับประกอบกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน 3. บ้านเป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างความ ภาคภูมิใจ และช่วยสร้างความรู้สึกเข้าหมู่พวก 4. บ้านเป็นแหล่งผลิตพลเมืองดีให้แก่สังคม เพราะที่พักอาศัยมีผล ต่อการส่งเสริม คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้มีพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย ด้านสังคม ดังนั้นครูผู้สอนจึงได้จัดทำสื่อจำลอง บ้านจากหลอด เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจอยากเรียนรู้มีทักษะฝึก พัฒนาการทางด้านคิดวิเคราะห์ การเปรียบเทียบ และความสัมพันธ์ เป็นสื่อสร้างสรรค์ที่ทำขึ้นจากเศษวัสดุ เหลือใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการนำไปใช้ให้ได้มากที่สุด และทำให้เด็กเกิดความอยากเรียนรู้และฝึก พัฒนาการทางด้านร่างกายได้ดี วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กได้ฝึกพัฒนาการทางด้านร่างกายและกล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง 2. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับบ้านลักษณะต่างๆ รูปทรงบ้าน 3. เพื่อให้เด็กได้รู้จักการนำวัสดุเหลือใช้มาประดิษฐ์สิ่งของให้เกิดประโยชน์ ขอบเขตของสื่อนวัตกรรมที่นำมาใช้ สื่อบ้านจากหลอด ในระดับชั้นอนุบาล 1 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. เพื่อให้เด็กได้ฝึกพัฒนาการทางด้านร่างกายและกล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง 2. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับบ้านลักษณะต่างๆ รูปทรงบ้าน 3. เพื่อให้เด็กได้รู้จักการนำวัสดุเหลือใช้มาประดิษฐ์สิ่งของให้เกิดประโยชน์
ขั้นตอนการดำเนินงาน 1.ศึกษาหาข้อมูลที่จะทำนวัตกรรมตามหนังสือและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 2.ศึกษาค้นคว้าและวิธีการทำและ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ 3.ร่วมประชุมปรึกษาครูผู้สอนในสายชั้นระดับอนุบาล 1 4.ออกแบบสื่อ บ้านลักษณะต่างๆ เด็กระดับอนุบาล 1 5.จัดทำสื่อ บ้านจากหลอด และทดลองใช้สอนและเล่นในเด็กนักเรียนอนุบาล 1 6.ประเมินการใช้สื่อ บ้านจากหลอด ในเด็กอนุบาล 1 7.จัดทำสื่อ บ้านจากหลอด เพิ่มเติม กระบวนการเรียนรู้โดยใช้สื่อ วงล้อผสมคำ เด็กปฐมวัย 1.ครูอธิบายวิธีการเล่นสื่อ บ้านจากหลอด ให้เด็กได้ดู 2.ครูให้เด็กทดลองการเล่นสื่อ บ้านจากหลอด 3.ครูให้เด็กจัดกลุ่มเล่นสื่อ บ้านจากหลอด ตามความสนใจ 5.ครูสังเกตการเข้าร่วมกิจกรรมความสนใจของเด็กโดยใช้สื่อบ้านจากหลอด 6.ครูประเมินการใช้สื่อ บ้านจากหลอด เพื่อเพิ่มเติมและปรับปรุง ระยะเวลาในการจัดทำ 1 สัปดาห์ งบประมาณที่ใช้จริง ประมาณ 150 บาท บรรณานุกรม -
ภาคผนวก (รูปภาพสื่อนวัตกรรม)
สื่อบ้านจากหลอด
สื่อบ้านจากหลอด
สื่อบ้านจากหลอด
การผลิตสื่อนวัตกรรมการศึกษา ชื่อนวัตกรรมสื่อการสอน : อวัยวะของฉัน ชื่อผู้จัดทำนวัตกรรม : นางสาวไพริน พระคำจันทึก หลักการและเหตุผล อวัยวะภายนอกเป็นส่วนต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ที่ทำหน้าที่แต่ละอย่างแตกต่างกันไป อวัยวะทุกส่วน ของร่างกายมีความสำคัญและต้องอาศัยอวัยวะทุกส่วนเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวันและอวัยวะแต่ละส่วนก็ มีหน้าที่ที่สำคัญดังนี้ 1. ตา หน้าที่ของตา ตาเป็นอวัยวะที่สำคัญสำหรับการรับสัมผัสเกี่ยวกับแสงสีและภาพ มีลักษณะกลม บรรจุในเบ้าตา ไม่ควรขยี้ตาแรง ๆ เมื่อมีฝุ่นละอองเข้ามา และควรอ่านหนังสือในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ 2. หู หน้าที่ของหู หูเป็นอวัยวะสำคัญที่รับการสัมผัสเกี่ยวกับเสียงและการทรงตัว เราไม่ควรใช้ของแข็ง แคะหู เมื่อหูผิดปกติเราต้องรีบไปพบหมอทันที 3. จมูก หน้าที่ของจมูก จมูกเป็นอวัยวะที่รับรู้เรื่องกลิ่น การดูแลรักษาจมูกไม่ใช้ของแข็งแคะจมูกหรือ นำสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่จมูก 4. ลิ้น หน้าที่ของลิ้น เป็นอวัยวะสำคัญเกี่ยวกับการรับรู้ เรื่องรสต่าง ๆ โดยเซลล์ต่าง ๆ ของลิ้นทำ หน้าที่เกี่ยวกับการรู้รส 5. ฟัน หน้าที่ของฟัน ฟันมีหน้าที่ในการกัด ตัด แทะ และบดเคี้ยวอาหารให้ละเอียดเพื่อให้อาหาร คลุกเคล้ากับน้ำลายและน้ำย่อยอาหารได้ดี การดูแลรักษาฟัน แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ไม่ควรใช้ฟันกัด แทะของแข็งมากเกินไป เมื่อปวดฟันต้องรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที 6. ผิวหนัง หน้าที่ของผิวหนัง ผิวหนังเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่ช่วยในการขับถ่ายของเสียประเภทของเหลว และยังช่วยควบคุมความชุ่มชื้นภายในเซลล์ของร่างกาย ช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสม ป้องกันสาร แปลกปลอมและเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย รวมทั้งป้องกันอันตรายจากรังสีอัลตราไวโอแลตจากดวงอาทิตย์อีก ด้วย ดังนั้นครูผู้สอนจึงได้จัดทำสื่ออวัยวะส่วนต่างๆ สำหรับ เด็กปฐมวัยขึ้นมา เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ อยากเรียนรู้มีทักษะฝึกพัฒนาการทางด้านคิดวิเคราะห์ การเปรียบเทียบ และความสัมพันธ์ เป็นสื่อสร้างสรรค์ที่ ทำขึ้นจากเศษวัสดุเหลือใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการนำไปใช้ให้ได้มากที่สุด และทำให้เด็กเกิดความอยาก เรียนรู้และฝึกพัฒนาการทางด้านร่างกายได้ดี วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กได้ฝึกพัฒนาการทางด้านร่างกายและกล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง 2. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อวัยวะในร่างกายและหน้าที่สำคัญของอวัยวะ 3. เพื่อให้เด็กได้รู้จักการนำวัสดุเหลือใช้มาประดิษฐ์สิ่งของให้เกิดประโยชน์ ขอบเขตของสื่อนวัตกรรมที่นำมาใช้ สื่ออวัยวะของฉัน ในระดับชั้นอนุบาล 1-3 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. เพื่อให้เด็กได้ฝึกพัฒนาการทางด้านร่างกายและกล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง 2. เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อวัยวะในร่างกายและหน้าที่สำคัญของอวัยวะ 3. เพื่อให้เด็กได้รู้จักการนำวัสดุเหลือใช้มาประดิษฐ์สิ่งของให้เกิดประโยชน์
ขั้นตอนการดำเนินงาน 1.ศึกษาหาข้อมูลที่จะทำนวัตกรรมตามหนังสือและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 2.ศึกษาค้นคว้าและวิธีการทำและ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ 3.ร่วมประชุมปรึกษาครูผู้สอนในสายชั้นระดับอนุบาล 1- 3 4.ออกแบบสื่อ อวัยวะของฉัน เด็กระดับอนุบาล 1 - 3 5.จัดทำสื่ออวัยวะของฉัน และทดลองใช้สอนและเล่นในเด็กนักเรียนอนุบาล 1 - 3 6.ประเมินการใช้สื่ออวัยวะของฉัน ในเด็กอนุบาล 1 - 3 7.จัดทำสื่ออวัยวะของฉัน เพิ่มเติม กระบวนการเรียนรู้โดยใช้สื่อ วงล้อผสมคำ เด็กปฐมวัย 1.ครูอธิบายวิธีการเล่นสื่อ อวัยวะของฉัน ให้เด็กได้ดู 2.ครูให้เด็กทดลองการเล่นสื่อ อวัยวะของฉัน 3.ครูให้เด็กจัดกลุ่มเล่นสื่อ อวัยวะของฉัน ตามความสนใจ 5.ครูสังเกตการเข้าร่วมกิจกรรมความสนใจของเด็กโดยใช้อวัยวะของฉัน 6.ครูประเมินการใช้สื่อ อวัยวะของฉัน เพื่อเพิ่มเติมและปรับปรุง ระยะเวลาในการจัดทำ 1 สัปดาห์ งบประมาณที่ใช้จริง ประมาณ 60 บาท บรรณานุกรม -
ภาคผนวก (รูปภาพสื่อนวัตกรรม)
สื่ออวัยวะของฉัน
สื่ออวัยวะของฉัน
การผลิตสื่อนวัตกรรมการศึกษา ชื่อนวัตกรรมสื่อการสอน : เกมกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก ชื่อผู้จัดทำนวัตกรรม : นางณฐมน กูบกกระโทก หลักการและเหตุผล เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการ ตลอดจนการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เด็กกับผู้เลี้ยงดูหรือบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยง ดูและให้การศึกษาเด็กปฐมวัยเพื่อให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเอง ตามลำดับขั้นตอนของพัฒนาการทุกด้าน อย่างสมดุลและเต็มตามศักยภาพ โดยกำหนดหลักการ ดังนี้(กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ, 2546: 5) 1) ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการที่ครอบคลุมเด็กปฐมวัยทุกประเภท 2) ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและ ให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงความ แตกต่างระหว่างบุคคล และวิถีชีวิตของเด็กตามบริบทของ ชุมชนสังคม และวัฒนธรรมไทย 3) พัฒนาเด็กโดยองค์รวมผ่านการเล่นและกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย 12 4) จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข 5) ประสานความ ร่วมมือระหว่างครอบครัว ชุมชน และสถานศึกษาในการพัฒนาเด็ก กิจกรรมการเล่นที่เป็นส่วนสำคัญในการ พัฒนาด้านสติปัญญา เป็นการเล่นที่ช่วยให้ผู้เล่นเป็นผู้มีความสังเกตดีช่วยให้มองเห็นได้ ได้ฟัง หรือคิดอย่าง รวดเร็ว ซึ่งเกมการศึกษาจะต่างจากของเล่นอย่างอื่น แต่ละชุดจะมีวิธีเล่นโดยเฉพาะ อาจเล่นคนเดียวหรือเล่น เป็น กลุ่ม 3 ผู้เล่นสามารถตรวจสอบการเล่นว่าถูกต้องหรือไม่ เกมการศึกษา หมายถึง เกมที่เน้นกิจกรรมการ เล่นโดยมีครูและกติกาที่ช่วยพัฒนาความคิด เป็นพื้นฐานสำคัญของการเตรียม ความพร้อมให้เกิดการเรียนรู้ด้วย ความสนุกสนุกสนาน ดังนั้น จึงได้จัดทำสื่อ เรื่อง เกมกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก เพื่อให้ผู้เรียนสามารถมีพัฒนาการของเด็กปฐมวัย ด้านต่างๆ ดียิ่งขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ วัตถุประสงค์ 1. นวัตกรรมสื่อ เกมกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก เป็นสิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาการเด็กทั้ง 4 ด้าน 2. เพื่อให้เด็กมีความเข้าใจวิธีการเล่น และการเล่นเกมร่วมกับผู้อื่น ขอบเขตของสื่อนวัตกรรมที่นำมาใช้ หน่วยการเรียนรู้จะมีการจัดกิจกรรมการเล่นเกมกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก สำหรับเด็กในระดับชั้นอนุบาล 2/2 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กได้มีการพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมือที่ดีขึ้น 2. เด็กได้เรียนรู้วิธีการเล่นเกมกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก และการเล่นเกมที่ถูกวิธี 3. เด็กได้ฝึกการเล่นเกมเป็นกลุ่มและสนุกกับการเล่นกับเพื่อน 4. ส่งเสริมพัฒนากล้ามเนื้อเล็ก และการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา ขั้นตอนการดำเนินงาน 1. ศึกษาหาข้อมูลที่จะทำนวัตกรรม ตามตามหนังสือและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 2. วางแผนในการจัดทำชุดกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก ระดับชั้นอนุบาล 2/2 3. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ 4. ผลิตเกมกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก 5. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของสื่อ 6. ทดลองนำไปใช้ 7. ประเมินผลการใช้สื่อ
กระบวนการเรียนโดยใช้เกมการศึกษาพาเพลิน 1. เด็กดูเกมกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก 2. เด็กฟังครูอธิบายวีการเล่นเกมกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก 3. แจ้งผลเรียนรู้ที่คาดหวัง 4. เด็กทดลองเล่นเกมกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก 5. เด็กช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของเกมการศึกษาที่ตนเองเล่น 6.หลังจากที่เด็กทดลองเล่นแล้วครูและเด็กสรุปได้เรียนรู้อะไรจากการเล่นเกมการศึกษา ระยะเวลาในการจัดทำ ประมาณ 1 สัปดาห์ งบประมาณที่ใช้จริง 1. กระดาษสีอ่อนต่างๆ 2. หลอด 3. ด้าย 4. กาวสองหน้าบาง 5. ดินสอ 6. กรรไกร บรรณานุกรม - วัชรา เล่าเรียนดี (2549: 25-26) ได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการจัดกิจกรรม เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการคิด - สํานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติกระทรวงศึกษาธิการ (2536: 2–33) - กิจกรรมสำาหรับเด็กก่อนวัยเรียน. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. เยาวพา เดชะคุปต์. (2542 ก). กิจกรรมสำหรับเด็ก ปฐมวัย. กรุงเทพฯ: แม็ค. เริงชัย จงพิพัฒนสุข. (2546)
ภาคผนวก
เกมกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก
เกมกระดูกมือดุ๊กดิ๊ก
การผลิตสื่อนวัตกรรมการศึกษา ชื่อนวัตกรรมสื่อการสอน : เกมติดภาพฉันให้ถูกที่ (เกมติดภาพอวัยวะ) ชื่อผู้จัดทำนวัตกรรม : นางแสงเดือน ช่วยปลอด หลักการและเหตุผล เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการ ตลอดจนการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เด็กกับผู้เลี้ยงดูหรือบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการอบรมเลี้ยง ดูและให้การศึกษาเด็กปฐมวัยเพื่่อให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเอง ตามลําดับขั้นของพัฒนาการทุกด้าน อย่างสมดุล และเต็มตามศักยภาพ โดยกําหนดหลักการ ดังนี้(กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ, 2546: 5) 1) ส่งเสริม กระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการที่ครอบคลุมเด็กปฐมวัยทุกประเภท 2) ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้ การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสําคัญ โดยคํานึงถึงความ แตกต่างระหว่างบุคคล และวิถีชีวิตของเด็กตามบริบทของ ชุมชนสังคม และวัฒนธรรมไทย 3) พัฒนาเด็กโดยองค์รวมผ่านการเล่นและกิจกรรมที่เหมาะสมกับวัย 12 4) จัด ประสบการณ์การเรียนรู้ให้สามารถดํารงชีวิตประจําวันได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข 5) ประสานความร่วมมือ ระหว่างครอบครัว ชุมชน และสถานศึกษาในการพัฒนาเด็ก กิจกรรมการเล่นที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาด้าน สติปัญญา เป็นการเล่นที่ช่วยให้ผู้เล่นเป็นผู้มีความสังเกตดีช่วยให้มองเห็นได้ ได้ฟัง หรือคิดอย่างรวดเร็ว ซึ่ง เกมการศึกษาจะต่างจากของเล่นอย่างอื่น แต่ละชุดจะมีวิธีเล่นโดยเฉพาะ อาจเล่นคนเดียวหรือเล่นเป็นกลุ่ม ผู้ เล่นสามารถตรวจสอบการเล่นว่าถูกต้องหรือไม่ เกมการศึกษา หมายถึง เกมที่เน้นกิจกรรมการเล่นโดยมีครูและ กติกาที่ช่วยพัฒนาความคิด เป็นพื้นฐานสำคัญของการเตรียม ความพร้อมให้เกิดการเรียนรู้ด้วยความ สนุกสนาน ดังนั้น จึงได้จัดทำสื่อ เรื่อง เกมติดภาพฉันให้ถูกที่ (เกมติดภาพอวัยวะ) เพื่อให้ผู้เรียนสามารถมีพัฒนาการของเด็ก ปฐมวัยด้านต่างๆดียิ่งขึ้น วัตถุประสงค์ 1. นวัตกรรมสื่อเกมการศึกษาพาเพลิน เป็นสิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาการเด็กทั้ง 4 ด้าน 2. เพื่อให้เด็กมีความเข้าใจวิธีการเล่นเกมการศึกษา และการเล่นร่วมกับผู้อื่น ขอบเขตของสื่อนวัตกรรมที่นำมาใช้ หน่วยการเรียนรู้จะมีการจัดกิจกรรมการเล่นเกมติดภาพฉันให้ถูกที่ (เกมติดภาพอวัยวะ สำหรับเด็กในระดับชั้นอนุบาล 1/1 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กได้มีการพัฒนาการดีขึ้น 2. เด็กได้เรียนรู้วิธีการเล่นเกมติดภาพฉันให้ถูกที่ (เกมติดภาพอวัยวะ) และการเล่นเกมที่ถูกต้อง 3. เด็กได้ฝึกการเล่นเกมเป็นกลุ่มและสนุกกับการเล่นกับเพื่อน 4. ส่งเสริมพัฒนากล้ามเนื้อเล็ก และการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตา
ขั้นตอนการดำเนินงาน 1. ศึกษาหาข้อมูลที่จะทำนวัตกรรม ตามตามหนังสือและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 2. วางแผนในการจัดทำชุดเกมติดภาพฉันให้ถูกที่ (เกมติดภาพอวัยวะ) ระดับชั้นอนุบาล 1/1 3. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ 4. ผลิตเกมติดภาพฉันให้ถูกที่ (เกมติดภาพอวัยวะ 5. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของสื่อ 6. ทดลองนำไปใช้ 7. ประเมินผลการใช้สื่อ กระบวนการเรียนโดยใช้เกมการศึกษาพาเพลิน 1. เด็กดูเกมติดภาพฉันให้ถูกที่ (เกมติดภาพอวัยวะ) 2. เด็กฟังครูอธิบายวีการเล่นเกมติดภาพฉันให้ถูกที่ (เกมติดภาพอวัยวะ) 3. แจ้งผลเรียนรู้ที่คาดหวัง 4. เด็กทดลองเล่นติดภาพฉันให้ถูกที่ (เกมติดภาพอวัยวะ) 5. เด็กช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องของเกมการศึกษาที่ตนเองเล่น 6.หลังจากที่เด็กทดลองเล่นแล้วครูและเด็กสรุปได้เรียนรู้อะไรจากการเล่นเกมการศึกษา ระยะเวลาในการจัดทำ ประมาณ 1 สัปดาห์ งบประมาณที่ใช้จริง 1. ฟิวเจอร์บอร์ด 2. ตีนตุ๊กแก 3. รูปภาพ 4. สติ๊กเกอร์ใส 5. แท่งกาว 6. กรรไกร 7. เทปสี 8. ปืนกาว บรรณานุกรม - วัชรา เล่าเรียนดี (2549: 25-26) ได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการจัดกิจกรรม เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการคิด - สํานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติกระทรวงศึกษาธิการ (2536: 2–33) - กิจกรรมสำาหรับเด็กก่อนวัยเรียน. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. เยาวพา เดชะคุปต์. (2542 ก). กิจกรรมสำหรับเด็ก ปฐมวัย. กรุงเทพฯ: แม็ค. เริงชัย จงพิพัฒนสุข. (2546)
ภาคผนวก
เกมติดภาพฉันให้ถูกที่ (เกมติดภาพอวัยวะ)
การผลิตสื่อนวัตกรรมการศึกษา ชื่อนวัตกรรมสื่อการสอน : สื่อ บ้านไม้เรือแพ ชื่อผู้จัดทำนวัตกรรม : นางนิภาพร จำกลาง หลักการและเหตุผล วัยเด็กนั้นเป็นวัยที่มีจินตนาการอย่างไม่จำกัด ไร้ขอบเขตและเป็นวัยที่ต้องมีการพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ด้าน ร่างกาย อารมณ์ สังคม-จิตใจ สติปัญญา ด้านร่างกายเด็กต้องมีร่างกายที่สมบูณ์แข็งแรง กล้ามเนื้อมือมัดเล็ก มัดใหญ่ต้องแข็งแรงและได้รับการพัฒนาฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เด็กได้มีกล้ามเนื้อมือมัดเล็ก มัดใหญ่ที่ แข็งแรง เพื่อให้เด็กสามารถหยิบจับสิ่งของ ดินสอ สีเทียนในการชีด เขียนเพื่อให้เด็กได้ขีด เชียนเส้นต่างๆ ให้ได้ ชัดเจน ตรงตารมรอยประ การจับดินสอและสีเทียนต่างๆ ได้อย่างถูกวิธี รวมไปถึงการหยิบจับช้อน ส้อม เครื่อง ดนตรี ของเล่น ของใช้และ สิ่งของต่างๆ กล้ามเนื้อมือมัดใหญ่เน้นให้เด็กมีการทรงตัวที่ดี เคลื่อนไหวร่างกายได้ อย่างคล่องแคล่วว่องไว กระฉับกระเฉง การเดิน กระโดด วิ่งได้อย่างมั่นคง ไม่ล้มง่ายและปลอดภัย การหาสื่อและกิจกรรมที่สามารถพัฒนากล้ามเนื้อทั้งสองส่วนของเด็กจึงมีความสำคัญสำหรับเด็กปฐมวัยและ กิจกรรมที่เหมาะสมสำหรับการพํฒนากล้ามเนื้อมือมีหลากหลายวิธี เช่นการขยำกระดาษ ปั้นแป้งโดว์ ปั้นดิน น้ำมัน การประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ดังนั้นครูผู้สอนจึงได้จัดทำ “บ้านไม้เรือนแพ” เพื่อให้เด็กได้ใช้ บ้านไม้เรือนแพในการเล่นเพื่อเป็นการฝึก กล้ามเนื้อมือของเด็กและคุณครูได้ให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการทำบ้านไม้เรือนแพด้วย ทำให้เด็กได้เรียนรู้ในการ ประดิษฐ์บ้านไม้เรือนแพได้ด้วยตนเองเด็กๆได้ลงมือทำเพราะอุปกรณ์ที่ใช้ในการประดิษฐ์บ้านไม้เรือแพได้เป็น ของใช้ที่มีอยู่ในบ้านของเด็กซึ่งเด็กสามารถนำไปทำเองกับผู้ปกครองที่บ้านได้ด้วยและบ้านไม้เรือนแพยังสามารถ ใช้ประโยชน์ในการให้เด็กได้เรียนรู้ในการสร้างบ้านแบบต่างๆและยังทำให้เด็กได้ใช้ตะเกียบในการทำให้เกิด ประโยชน์ได้อีกด้วย วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้เด็กมีกล้ามเนื้อมือที่แข็งแรงในการหยิบจับสิ่งของต่างๆ 2. เพื่อให้เด็กสามารถขีด เขียนเส้นต่างๆ ได้ชัดเจน 3. เพื่อให้เด็กได้ลงมือทำและเกิดการอยากเรียนรู้ 4. เพื่อให้เด็กมีทักษะในการสังเกต การวัด การตวง การได้ลงมือทำ ขอบเขตของสื่อนวัตกรรมที่นำมาใช้ สื่อ ขั้นตอนการสร้างบ้านไม้เรือแพจากวีดีโอการทำบ้านไม้เรือนแพจาก “D I Y บ้านสวน”(จากยูทูป) ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. เด็กเกิดความสนใจและอยากเรียนรู้ 2. เด็กมีทักษะการสังเกตและการขีด เขียนเส้นต่างๆได้ชัดเจน 3. เด็กเกิดทักษะจากการได้ลงมือปฏิบัติจริง
ขั้นตอนการดำเนินงาน 1.ศึกษาหาข้อมูลที่จะทำนวัตกรรมตามหนังสือและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ 2.ศึกษาค้นคว้าหาขั้นตอนการทำจากสื่อต่างๆ 3.ปรึกษาหัวหน้าฝ่ายปฐมวัยและเพื่อนร่วมงานในสายชั้นระดับเดียวกันแจำนวน 4 คน 4.จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ในการทำสร้างบ้านไม้เรือนแพจากตะเกียบไม้ไผ่ 5.จัดสร้างบ้านไม้เรือนแพจากตะเกียบไม้ไผ่สำหรับเด็กปฐมวัยและทดลองให้เด็กในชั้น อนุบาล1/3ได้ ไเรียนรู้ 6.ประเมินการสร้างบ้านไม้เรือนแพของเด็กปฐมวัย 7.ปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้บ้านไม้เรือแพมีสีสวยงามน่าสนใจ น่าเล่นและเก็บไว้ได้นาน 8.จัดสร้างบ้านไม้เรือแพ เพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอกับเด็กอนุบาลของโรงเรียนทุกคนได้เรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้โดยใช้สื่อ บ้านไม้เรือแพ เด็กปฐมวัย 1.ครูนำขั้นตอนวิธีการสร้างบ้านไม้เรือนแพให้เด็กๆดู 2.ครูให้เด็กลงมือสร้างบ้านไม้เรือนแพจากตะเกียบไม้ไผ่ 3.ครูให้เด็กสร้างบ้านไม้เรือแพจากตะเกียบไม้ไผ่เพื่อให้เด็กได้ลงมือทำและเรียนรู้ 4.ครูดูแลเด็กๆอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอนที่เด็กเริ่มทำและเล่นอย่างใกล้ชิด 5.ครูสังเกตการเข้าร่วมกิจกรรมความสนใจของเด็กในการลงมือปฏิบัติการสร้างบ้านไม้เรือนแพ 6.ครูประเมินการทำและการสร้างบ้านไม้เรือแพเพื่อเรียนรู้เพื่อเพิ่มเติมและปรับปรุง ระยะเวลาในการจัดทำ 2 สัปดาห์ งบประมาณที่ใช้จริง - 200 บาท บรรณานุกรม - สื่อการเรียนรู้การสร้างบ้านไม้เรือแพจากวีดีโอการทำบ้านไม้เรือนแพจาก“D I Y บ้านสวน
ภาคผนวก (รูปภาพสื่อนวัตกรรม)