เร่ือง ตรรกศาสตรช์ ้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 100
10. สมมลู และนิเสธของประโยคที่มีตัวบง่ ปรมิ าณ
การสมมลู กันของประโยคทม่ี ีตัวบง่ ปรมิ าณ
การสมมูลของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ จะพิจารณาประโยคเปิดว่าสมมูลหรือไม่ โดย
พิจารณาเหมือนการสมมูลของประพจน์ เราสามารถเทียบรูปแบบการสมมูลกันของประโยคเปิดกับ
การสมมูลกันของประพจนไ์ ด้
ประพจนท์ สี่ มมูลกนั สมมูลของประโยคเปดิ
1. ( p) p 1. P ( x) P ( x)
2. P ( x) Q ( x) Q ( x) P ( x)
2. p q q p
3. p q q p 3. P ( x) Q ( x) Q ( x) P ( x)
4. p q q p
5. ( p q) p q 4. P ( x) Q ( x) Q ( x) P ( x)
6. ( p q) p q
5. P ( x) Q ( x) P ( x) Q ( x)
7. p → q p q 6. P ( x) Q ( x) P ( x) Q ( x)
8. p → q q → p 7. P ( x) → Q ( x) P ( x) Q ( x)
9. p q ( p → q) (q → p)
10. p (q r ) ( p q) ( p r ) 8. P ( x) → Q ( x) Q ( x) → P ( x)
11. p (q r ) ( p q) ( p r )
9. P ( x) Q ( x) P ( x) → Q ( x) Q ( x) → P ( x)
10. P ( x) Q ( x) R ( x) P ( x) Q ( x) P ( x) R ( x)
11. P ( x) Q ( x) R ( x) P ( x) Q ( x) P ( x) R ( x)
นเิ สธของประโยคท่ีมตี วั บ่งปริมาณ
ให้ P( x),Q ( x) เป็นประโยคใดๆ x P ( x)
x P ( x)
1. x P ( x) x P ( x)
2. x P ( x) x P ( x)
3. x P ( x) x P ( x) Q ( x)
4. x P ( x) x P ( x) Q ( x)
5. x P ( x) Q ( x) x P ( x) Q ( x)
6. x P ( x) Q ( x) x P ( x) Q ( x)
7. x P ( x) → Q ( x)
8. x P ( x) → Q ( x)
เร่อื ง ตรรกศาสตรช์ ้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4 101
1. จงตรวจสอบว่าประโยคตอ่ ไปนี้สมมูลกนั หรือไม่
1) x x 3 → x2 3 กบั x x 0 x2 0
ให้ P ( x) แทน x 3
Q ( x) แทน x2 3
จะไดว้ ่า x x 3 → x2 3 x P ( x) → Q ( x)
เนือ่ งจากเปน็ ประพจน์ทม่ี ีรปู แบบเปน็ p → q สมมูลกับ p q
x P ( x) → Q ( x) x ( P ( x)) Q ( x)
x P ( x) Q ( x)
x x 0 x2 0
ดงั นัน้ x x 3 → x2 3 x x 3 x2 3
2) x P ( x) → x Q ( x) กบั x Q ( x) → x P ( x)
เนื่องจากเป็นประพจน์ที่มรี ูปแบบเปน็ p → q สมมูลกับ q → p
ดงั นนั้ x P ( x) → x Q ( x) x Q ( x) → x P ( x)
3) (x x2 = 0) → ( x = 0) กบั x ( x 0) → ( x2 0)
ให้ P ( x) แทน x2 = 0
Q ( x) แทน x = 0
จะได้วา่ (x x2 = 0) → ( x = 0) x P ( x) → Q ( x)
เนื่องจากเป็นประพจน์ทีม่ ีรูปแบบเปน็ p → q สมมลู กบั q → p
x P ( x) → Q ( x) x Q ( x) → P ( x)
x ( x 0) → ( x2 0)
ดงั นน้ั x ( x2 = 0) → ( x = 0) x ( x 0) → ( x2 0)
4) x P ( x) → Q ( x) กบั x P ( x) Q ( x)
เน่ืองจากเป็นประพจนท์ มี่ ีรูปแบบเป็น p → q สมมลู กบั p q
ดังนน้ั x P ( x) → Q ( x) x ( P ( x)) Q ( x)
x P ( x) Q ( x)
ดังนั้น x P ( x) → Q ( x) x P ( x) Q ( x)
เรื่อง ตรรกศาสตรช์ ัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 102
5) (x x2 = x +1) ( x I ) กบั x ( x I ) ( x2 = x +1)
ให้ P ( x) แทน x2 = x +1
Q ( x) แทน x I
จะได้วา่ (x x2 = x +1) ( x I ) x P ( x) Q ( x)
เนื่องจากเปน็ ประพจนท์ ี่มีรปู แบบเป็น p q สมมลู กับ q p
x P ( x) Q ( x) x Q ( x) P ( x)
x x I x2 = x +1
ดงั นนั้ (x x2 = x +1) ( x I ) x ( x I ) ( x2 = x +1)
2. จงหานเิ สธของข้อความต่อไปนี้
1) x p ( x) q ( x)
x q ( x) → p ( x)
2) xx = −6
xx −6
3) xx 7 → xx = 7
xx 7 xx 7
4) x ( x 5) (2x + 3 2)
x ( x 5) (2x + 3 2)
5) จำนวนเตม็ ทุกจำนวนเปน็ จำนวนตรรกยะ
ให้ P ( x) แทน x เปน็ จำนวนเตม็
Q ( x) แทน x เปน้ จำนวนตรรกยะ
จำนวนเตม็ ทกุ จำนวนเปน็ จำนวนตรรกยะ แทน ดว้ ย x P( x) → Q( x)
นิเสธคอื x P( x) Q( x) มจี ำนวนเต็มบางจำนวนท่ีไมใ่ ช่จำนวนตรรกยะ
6) จำนวนตรรกยะบางจำนวนเป็นจำนวนเต็ม
ให้ P ( x) แทน x เป็นจำนวนตรรกยะ
Q ( x) แทน x เปน็ จำนวนเตม็
จำนวนตรรกยะบางจำนวนเป็นจำนวนเตม็ แทนด้วย x P( x) Q( x)
นิเสธคอื x P( x) Q ( x) จำนวนทุกจำนวนไมเ่ ป็นตรรกยะหรอื ไมเ่ ป็นจำนวนเตม็