เฉลยแบบฝึ กหัดหน่วยที่ 9
เรือ่ ง พลังงานนิวเคลียรต์ ่อการดารงชีวติ
คาช้แี จง จงทำเครอ่ื งหมำย หน้ำข้อที่ถกู และเครอ่ื งหมำย หนำ้ ขอ้ ท่ีผดิ
1. กมั มนั ตรงั สี คน้ พบโดยมำร่ี กูรี่
2. ธำตกุ มั มันตรงั สีท่มี เี ครงึ่ ชวี ติ ยำว กำรสลำยตวั ของธำตุจะช้ำลง
3. กำรหำอำยุของโบรำณวตั ถุนั้นอยบู่ นพ้ืนฐำนกำรเพ่ิมข้นึ ในอัตรำส่วนของคำร์บอน -14 ต่อ
คำร์บอน -12 ในวตั ถุโบรำณนั้น
4. กำรรักษำโรคมะเร็งมกั ใชก้ ำรแผร่ งั สีจำกโคบอลด์ 60 ไปทำลำยกำรเจริญเติบโตอย่ำงรวดเรว็
ของเซลลม์ ะเร็ง
5. เม่อื ร่ำงกำยไดร้ บั รงั สจี ำนวนมำก จะทำใหเ้ กดิ อำกำรคลน่ื ไส้ อำเจยี นและโรคทอ้ งร่วง
6. รังสที ่ที ุกคนได้รับตลอดเวลำและหลีกเลย่ี งไม่ได้ รงั สเี หล่ำนี้เรียกว่ำ รงั สพี ้นื ฐำน
7. โปรตอนอยู่รวมกันไดเ้ พรำะมีแรงนิวเคลยี ร์
8. เครอ่ื งมอื ผลติ พลังงำนนวิ เคลียร์ที่สำมำรถควบคมุ อัตรำกำรเกดิ ฟสิ ชัน และปฏกิ ิริยำลกู โซ่ได้นี้
เรยี กว่ำ เครอ่ื งปฏกิ รณ์ นวิ เคลียร์
9. ปัจจุบนั ท่วั โลกนิยมใชเ้ คร่อื งปฏิกรณ์นิวตรอนควำมเรว็ ต่ำในโรงไฟฟ้ำนวิ เคลยี ร์
10. เตำปฏกิ รณ์ท้ังหมดถูกก้นั ดว้ ยเหลก็ และคอนกรีตเพื่อดดู กลืนอนุภำคแอลฟำ
47
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 9
เรอื่ ง พลังงานนิวเคลียรต์ ่อการดารงชวี ิต
คาช้แี จง: 1. แบบทดสอบมีจำนวน 20 ขอ้
2. จงทำเคร่ืองหมำย บนตัวเลอื กทถี่ กู ตอ้ งที่สุดเพียงขอ้ เดยี ว
1. ขอ้ ใดกลำ่ วได้ถกู ตอ้ งตำมลกั ษณะของพลังงำนนวิ เคลยี ร์
ง. พลังงำนนิวเคลยี ร์อำจอยใู่ นรปู พลังงำนจลนห์ รือคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้ำกไ็ ด้
2. ข้อใดเป็นปฏกิ ริ ิยำท่ีเกดิ จำกพลงั งำนนวิ เคลยี ร์
ง. กำรเปลยี่ นแปลงบริเวณอิเลก็ ตรอนรอบดวงอำทิตย์
3. ขอ้ ใดหมำยถึงสำรกมั มันตรังสี
ข. สำรท่ีใหร้ งั สีออกมำจำกนิวเคลียสดว้ ยตนเองได้
4. ข้อใดเป็นเหตุผลท่เี บคเคอเรลกล่ำววำ่ รงั สที ี่ออกมำจำกสำรประกอบยูเรเนียมไม่ใชร่ ังสีเอกซ์
ก. ไม่ตอ้ งใช้ไฟฟำ้
5. ขอ้ ใดเป็นประโยชนจ์ ำกกำรใช้สำรกัมมนั ตภำพรังสี
ก. วดั ควำมหนำของวัตถุ
6. ขอ้ ใดเป็นตัวกระตนุ้ ที่ทำใหธ้ ำตุกมั มันตรังสีสลำยตัวได้มำกหรอื น้อย
ก. มวล
7. ข้อใดหมำยถึงไอโซโทป
ง. กลุ่มนิวเคลียสท่ีมีจำนวนโปรตอนเท่ำกนั นิวตรอนไมเ่ ท่ำกนั สมบตั ิทำงเคมเี หมอื นกัน
8. ข้อใดเป็นบคุ คลแรกทีค่ น้ พบสำรกัมมนั ตรังสี
ข. เบคเคอเรล
9. ขอ้ ใดเป็นวธิ ีกำรกำจดั กำกกมั มนั ตรังสีที่มคี วำมเข้มสูงทด่ี ที ีส่ ุด
ง. ใสใ่ นภำชนะโลหะหนำ ๆ ท่ีกนั้ รังสีได้ และทำเครื่องหมำยไมใ่ ห้คนเข้ำใกล้
10. ขอ้ ใดเปน็ รงั สีจำกกำรปลดปลอ่ ยกัมมนั ตภำพรังสที ี่มลี กั ษณะคล้ำยกับกำรปลดปล่อยรังสจี ำกอะตอม ท่ีอยู่
ในสถำนะกระตนุ้
ข. รงั สีแกมมำ
11. ข้อใดเปน็ ชนดิ ของกมั มันตภำพรังสที ี่มีสมบัติคลำ้ ยรงั สเี อกซ์
ค. รงั สีแกมมำ
12. ข้อใดเป็นกำรสลำยตวั ของธำตกุ ัมมนั ตรังสี ทำใหม้ วลของสำรลดลงเหลือครงึ่ หน่งึ
ค. ครงึ่ ชวี ิต
13. ข้อใดเปน็ สว่ นที่ทำหน้ำท่เี ป็นเครื่องถ่วงควำมเรว็ ของอนุภำคนิวตรอนในเคร่ืองปฏิกรณป์ รมำณู
ข. มอเดอเรเตอร์
14. ขอ้ ใดเป็นปฏิกิรยิ ำเครื่องปฏกิ รณน์ ิวเคลยี รท์ ี่ใช้ผลติ พลังงำนไฟฟำ้
ก. ลูกโซแ่ ละฟิชชัน
15. ข้อใดเป็นหน้ำที่ของมอเดอเรเตอรใ์ นเคร่ืองปฏกิ รณน์ วิ เคลยี ร์
ค. เป็นสำรที่ทำให้นวิ ตรอนพลงั งำนสูงวง่ิ ช้ำลง
16. ขอ้ ใดเปน็ สมบัติของเตำปฏกิ รณ์นวิ เคลียร์มอเดอเรเตอร์
ง. มนี ำ้ หนกั โมเลกลุ ใกลเ้ คียงกบั นวิ ตรอน
17. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะกำรเกดิ ปฏกิ ริ ิยำลูกโซ่
ง. นิวตรอนที่เกดิ ขึน้ มีมำกกว่ำจำนวนนวิ ตรอนที่ใช้ไป
18. ข้อใดเป็นปริมำณรังสีทป่ี ระชำชนทว่ั ไปรบั ไดโ้ ดยไมเ่ ปน็ อันตรำย
ค. ไมเ่ กิน 0.4 เรม/ปี
19. ขอ้ ใดเปน็ สำเหตตุ อ้ งนำพลังงำนนวิ เคลียร์มำใช้ทดแทนพลงั งำนจำกธรรมชำติอ่นื ๆ
ก. ให้พลังงำนมหำศำล
20. ข้อใดเป็นข้อเสียของกำรนำพลังงำนนิวเคลียร์มำทดแทนพลงั งำนธรรมชำติอน่ื ๆ
ง. มโี อกำสท่กี มั มนั ตรังสีจะกระจำยออกมำภำยนอกได้