The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานเรื่องสามก๊กตอนกวนอูไปรับโจโฉ (1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อ้อม แอ้ม, 2022-07-25 06:21:04

รายงานเรื่องสามก๊กตอนกวนอูไปรับโจโฉ (1)

รายงานเรื่องสามก๊กตอนกวนอูไปรับโจโฉ (1)

สามก๊ก

ตอนกวนอูไปรับราชการกับโจโฉ



คำนำ

รายงานฉบับนี้ เป็ นส่วนหนึ่งของรายวิชา

ภาษาไทย ท33101ืการค้นคว้าและเขียน

รายงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทราบถึง

เรื่ องของสามก๊กตอนกวนอูไปรับราชการ


กับโจโฉ
การจัดทำรายงานได้ทำการค้นคว้า

รวบรวมข้อมูลากหนั งสือและเว็บไซต์ผู้

เขียนรายงานหวังว่าจะเป็ นประโยชน์แก่ผู้


สนใจบ้างตามสมควร

คณะผู้จัดทำ

28/05/2565

สารบัญ

เรื่อง หน้าที่

ชื่ อเรื่ องและผู้แต่ง 4

จุดประสงค์และลักษณะของคำประพันธ์ 5

เรื่ องย่อ 6-15

ข้อคิดและคุณค่าจากเรื่ อง 16-19

คณะผู้จัดทำ

นายณัฐวุฒิ แก้วบู่ เลขที่ 4

นายธนเทพ บริบูรณ์์ เลขที่ 6

นางสาวกัญญารัตน์ ลาดบาศรี เลขที่15

นางสาวสุภาพร จันโทนวน เลขที่ 29

นางสาวสุรารักษ์ เมืองลี เลขที่ 30

นางสาวเสาวลักษณ์ สุตัญตั้งใจ เลขที่ 31

นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่6/3

เสนอ

คุณครูพรภิมล กีฬาพันธ์

เรื่องสามก๊กตอน

กวนอูไปรับราชการ


กับโจโฉ

ผู้แต่ง
เจ้าพระยาพระคลัง (หน)

อำนวยการแปล

จุดประสงค์ของผู้แต่ง

เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับอุบายการเมือง
และการสงคราม

ลักษณะคำประพันธ์
ร้อยแก้ว ประเภท ความเรียง


เรื่องนิทาน

สามก๊ก
ตอน
กวนอูไปรับ
ราชการกับ
โจโฉ

ม เจ้าพระยาพระคลัง (หน)

ฝ่ายโจโฉในเวลากลางค
ืนนั้น คุมทหารเข้าตีเอา


เมืองเสียวพ่ายได้ แลยกกองทัพไปตีเมือง ชีจิ๋ว

แลบิต๊ก บิฮอง กันหยง ซึ่งเล่าปี่ให้รักษาเมือง

จึงคิดกันว่า ทัพโจโฉยกมาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก

เห็นเราจะต้านทานมิได้ ก็พากันหนีออกจาก

เมือง แต่ตันเต๋งเห็นจวนตัว จึงเปิดประตูเมือง


ออกไป รับโจโฉให้เป็นความชอบไว้

โจโฉเห็นดังนั้นก็มีความยินดียกทหารเข้าไป

จึงกำชับทหารมิให้ทำอันตรายแก่ชาวเมือง

แล้วปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงว่า เราจะยก

กองทัพไปตีเอาเมืองแห้ฝือ ท่านทั้งปวงจะ


เห็นประการใด

ซุนฮกจึงว่า ข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่า เล่าปี่ให้

กวนอูรักษาครอบครัวอยู่เมืองแห้ฝือ ซึ่งท่าน


จะ ยกกองทัพไปตีนั้นควรนัก ถ้าละไว้อ้วน

เสี้ยวก็จะยกมาพาเอาครอบครัวเล่าปี่ไป โจโฉ


จึงตอบว่า อันกวนอูนั้นมีฝีมือกล้าหาญชำ

นาญในการสงคราม เราจะใคร่ได้ตัวมาเลี้ยง

เป็นทหาร เราจะแต่งคน ให้ไปเกลี้ยกลอม

กวนอูจึงจะได้ กุยแกจึงว่า อันน้ำ ใจกวนอูนั้น

ซื่อสัตย์ต่อเล่าปี่นัก ซึ่งจะให้คนไป เกลี้ยกล่อม

เห็นกวนอูจะมิลงใจด้วย แลผู้ใดซึ่งจะไปเกลี้ย


กล่อมนั้นกวนอูก็คงจะฆ่าเสีย

เตียวเลี้ยวจึงว่า ข้าพเจ้ากับกวนอูได้รู้จักกัน
มา ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะขออาสาไปเกลี้ยกล่อม


กวนอู
ให้ได้ เทียหยกจึงว่า ซึ่งเตียวเลี้ยวจะรับอาสา


ไปเกลี้ยกล่อมกวนอูนั้น เห็นกวนอูจะไม่มา

ข้าพเจ้า จะขออาสาล่อลวงให้กวนอูออกจาก

เมืองแห้ฝือแล้ว ถ้าเห็นกวนอูสิ้นความคิดลง

เมื่อใด จึงให้เตียวเลี้ยวไปเกลี้ยกล่อมเห็นจะได้


โดยง่าย
โจโฉจึงถามเทียหยกว่าท่านจะคิดล่อลวง

ประการใด เทียหยกจึงว่า ท่านจับทหารเล่าปี่

ไว้ได้ เป็นอันมาก จงให้บำเหน็จรางวัลให้ถึง

ขนาด แล้วสั่งให้ทำ ตามคำเราจึงปล่อยเข้าไป

ในเมือง ให้บอกว่าหนีกลับมาได้ ถ้าเราจะทำ

การก็ให้เป็นไส้ศึกอยู่ในเมือง แล้วให้แต่งทหาร

ไปรบล่อ ถ้ากวนอูไล่ออกมานอกเมืองแล้ว

จึงให้ทหารซึ่งซุ่มอยู่ทั้งสองข้างล้อมไว้ จึงแต่ง

ให้ผู้มีสติปํญญาไป เกลี้ยกล่อมกวนอูเห็นจะได้

โดยง่าย โจโฉเห็นชอบด้วย จึงให้เอาทหารเล่าปี่

ซึ่งจับไว้ได้นั้นประมาณ สี่สิบคน แล้วให้บำเหน็จ


รางวัลเป็นอันมาก จึงสั่งเนื้อความตามคำ
เทียหยกว่าทุกประการทหาร ทั้งปวงก็เข้าไปหา
กวนอูในเมืองแห้ฝือ แล้วบอกว่า ข้าพเจ้าหนีโจ

โฉมาได้ กวนอูได้ฟังดังนั้นก็มิได้ มีความสงสัย


จึงเอาไว้ใช้สอยอยู่
ครั้นเวลาสามยาม โจโฉจึงให้แฮหัวตุ้นคุมทหาร

ห้าพันเป็นกองซุ่ม แล้วสั่งซิหลงกับเคาทูว่า ถ้า

กวนอูไล่แฮหัวตุ้นออกมาก็ให้ยกทหารตั้งสกัดไว้

คอยรบป้องกันอย่าให้กวนอูเป็นอันตราย นาย

ทหารทั้งสามคนก็ยกไปเมืองแห้ฝือ โจโฉก็คุม

ทหารยกตามไปตั้งอยูแตไกล แฮหัวตุ้นคุม


ทหาร มาตั้งอยู่ใกล้เชิงกำแพงเมืองแห้ฝือ

ฝ่ายกวนอูเห็นกองทัพมาตั้งประชิดอยู่ดังนั้นก็

มิได้ยกออกรบพุ่ง ให้ทหารขึ้นรักษาหน้าที่ไว้
มั่นคง แฮหัวตุ้นมิได้เห็นกวนอูยกออกมารบ จึง

ให้ทหารเลวร้องต่อล้อด่ากวนอูเป็นข้อหยาบช้า
กวนอูได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงคุมทหารสามพันเปิด

ประตูเมืองออกมารบแฮหัวตุ้นได้สิบเพลง
แฮหัวตุ้นแกล้งชักม้าหนี กวนอูมิได้รู้กลอุบายก็

ขับม้าไล่ไปทางไกลเมืองประมาณสองร้อยเส้น
กวนอูได้คิดขึ้นมากลัวว่าทหารโจโฉจะยกเข้าทำ


ร้ายเมืองแห้ฝือ จึงพาทหารกลับมา

พอได้ยินเสียงประทัด แล้วแลเห็นเคาทูกับซิ

หลงคุมทหารออกมารบสกัดไว้ทั้งซ้ายขวา

กวนอูก็ขับม้าเข้ารบพุ่งเป็นสามารถ ซิหลง เคา

ทูก็รับรองป้องกันอยู่ กวนอูจะกลับเข้าไปใน

เมือง พอพบแฮหัวตุ้นคุมทหารมารบอ้อมสกัด

ทางไว้ ซิหลงกับเคาทูก็รบตีกระหนาบเข้ามา

กวนอูนั้นป้องกันลูกเกาทัณฑ์ไว้เป็นสามารถ

จะกลับเข้าเมืองก็ไม่ได้ จะหลีกไปทางซ้ายขวา

ทหารก็หนุนหนาเข้ามาแต่รบป้องกันอยู่นั้นจน

ใกล้พลบค่ำ กวนอูอิดโรยกำ ลังลง จึงคุม

ทหารหนีไปถึงเนินเขาแห่งหนึ่งก็ขึ้นหยุดพักอยู่

บนเขานั้น แฮหัวตุ้น ซิหลง เคาทูเห็นดังนั้นก็คุม


ทหารเข้าล้อมเชิงเขาไว้

ฝ่ายทหารเล่าปี่ซึ่งเข้าไปหากวนอูนั้น ครั้นเวลา

พลบค่ำ มิได้เห็นกวนอูกลับเข้าเมือง ก็ชวนกัน
เปิดประตูออกมาหวังจะรับโจโฉ ม้าใช้เห็นดังนั้น

ก็เอาเนื้อความมาบอกแก่โจโฉ โจโฉมีความยินดี
ก็คุมทหารเข้าเมืองแห้ฝือ แล้วให้เอาเพลิงเผา


เมืองขึ้น หวังจะให้กวนอูเสียน้ำใจ
จึงสั่งให้ทหารรักษาครอบครัวเล่าปี่ไว้จงดี แล้ว

โจโฉก็กลับมาเกณฑ์ทหารหนุนเข้าล้อมกวนอูไว้


กวนอูเห็นแสงเพลิงในเมืองสว่างขึ้นก็ตกใจ

คิดถึงครอบครัวเล่าปี่ จึงคุมทหารลงมาถึงเชิง

เขาทหารโจโฉรบสกัดไว้ลงมามิได้ แล้วรื้อกลับ


ขึ้นบนเขาเป็นหลายครั้ง

จนรุ่งขึ้นกวนอูจึงขี่ม้าพาทหารลงไปใกล้จะถึง

เชิงเขาพอเห็นเตียวเลี้ยวขี่ม้าถือง้าวเข้ามา

กวนอูจึงถามว่า ท่านจะมารบกับเราหรือ

เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า ข้าพเจ้าจะมารบกับท่าน

หามิได้ ซึ่งข้าพเจ้าขึ้นมานี้หวังจะแทนคุณท่าน

แล้วเตียวเลี้ยวก็ลงจากม้าเอาง้าวนั้นวางไว้

เข้าไปคำนับกวนอู กวนอูเห็นดังนั้นก็ลงจากม้า

รับคำนับเตียวเลี้ยว แล้วถามเตียวเลี้ยวว่า โจโฉ

ใช้มาเกลี้ยกล่อมเราหรือ เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า


ท่านได้มีคุณช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้
บัดนี้ท่านมีความทุกข์ใหญ่หลวง ข้าพเจ้าจึง


อุตส่าห์ขึ้นมาหวังจะแทนคุณท่าน

กวนอูจึงถามว่าท่านคิดถึงคุณเรานั้นจะขึ้นมาช่วย

เป็นกำลังเราหรือเตียวเลี้ยวก็ว่าหามิได้

กวนอูจึงว่า ท่านจะมาเกลี้ยกล่อมแลช่วยเราก็

หามิได้ ซึ่งท่านขึ้นมานี้ด้วยเหตุสิ่งใดเล่าเตียวเลี้ยว
จึงตอบว่า ท่านกับเล่าปี่ เตียวหุยมีความรักกันเป็น


อันมาก บัดนี้เล่าปี่กับเตียวหุยแตกไป ท่านก็ยัง
ไม่รู้เหตุว่าเป็นแลตาย เวลาคืนนี้มหาอุปราชยก

กองทัพเข้าตีเมืองแห้ฝือได้ แล้วสั่งแก่ทหารทั้ง

ปวงมิให้ทำ อันตรายแก่อาณาประชาราษฎร์ อัน

ครอบครัวของเล่าปี่นั้น ก็แต่งให้ทหารไปพิทักษ์

รักษามิให้ผู้ใดทำ อันตรายได้ ข้าพเจ้าเห็นว่ามหา

อุปราชมีใจเมตตาผูกความรักท่านถึงเพียงนี้ จึง


เอาเนื้อความมาแจ้งแก่ท่าน

กวนอูได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า

เดิมเราถามตัวว่าจะเกลี้ยกล่อมหรือตัวว่า
หามิได้ แลตัวมาว่ากล่าวดังนี้ จะว่าไม่เกลี้ย


กล่อมนั้นตัวประสงค์สิ่งใดเล่า แล้วว่าเราอยู่ในที่

นี้ก็เป็นที่คับขันอยู่ ซึ่งเราจะเข้าด้วยผู้ใดนอกจาก

เล่าปี่นั้นอย่าสงสัยเลย ตัวเราก็มิได้รักชีวิต อัน
ความตายอุปมาเหมือนนอนหลับ ท่านเร่งกลับไป


บอกแก่โจโฉ ให้ตระเตรียมทหารไว้ให้พร้อม
เราจะยกลงไปรบ เตียวเลี้ยวได้ฟังดังนั้นก็

หัวเราะแล้วตอบว่า ซึ่งท่านว่าทั้งนี้ โทษมีอยู่กับ

ตัวท่านถึงสมประการ คนทั้งปวงจะล่วงครหา

นินทาท่านได้ กวนอูจึงว่า ตัวเราถือความสัตย์


มั่นคงอยู่ว่า ถึงตัวจะตาย
ก็มิได้เข้ากับผู้ใด ซึ่งท่านว่ามีโทษสามประการนั้น


ด้วยเหตุสิ่งใดบ้าง

เตียวเลี้ยวจึงตอบว่า เดิมท่านกับเล่าปี่ เตียวหุย

ได้สาบานไว้ต่อกันว่า เป็นพี่น้องร่วมสุขแลทุกข์


เป็นชีวิตอันเดียวกัน ถ้าผู้ใดตาย
ก็จะตายด้วย ครั้งนี้เล่าปี่กับเตียวหุยแตกไป ท่าน

ก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แลบัดนี้ทหารก็น้อยนัก ซึ่ง
จะยกลงไปรบนั้น ถ้าท่านเป็นอันตรายถึงสิ้นชีวิต

ฝ่ายเล่าปี่ เตียวหุยยังมีชีวิตอยู่จะเที่ยวตามหา
ท่าน หวังจะช่วยกันคิดการต่อไป เมื่อท่านตาย


เสียแล้ว เล่าปี่ เตียวหุยก็จะตายด้วย ซึ่งท่าน

สาบานไว้ต่อกันก็จะมิเสียความสัตย์ไปหรือ คน


ทั้งปวงก็จะล่วงนินทาว่าความคิดท่านน้อย
ประการหนึ่ง เล่าปี่ก็มอบครอบครัวไว้ให้ท่าน

รักษา ถ้าท่านตายเสีย ภรรยาเล่าปี่ทั้งสองนั้น
จะพึ่งผู้ใดเล่า อันตรายก็จะมีต่าง ๆ การซึ่งเล่าปี่

ปลงใจไว้แก่ท่านนั้นก็จะไม่เสียไปหรือ ข้าพเจ้าเห็น

ไม่ชอบเป็นสองประการ

อีกประการหนึ่งนั้น ท่านก็มีฝีมือกล้าหาญ แล้ว

แจ้งใจในขนบธรรมเนียมโบราณมาเป็นอันมาก
เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้


ช่วยกันคิดการทำ นุบำ รุงแผ่นดินให้อยู่เย็น

เป็นสุข ถึงมาตรว่าท่านจะได้ความลำ บากก็อุปมา

เหมือนหนึ่งลุยเพลิงอันลุก แลข้ามพระมหาสมุทร

อันกว้างใหญ่ ก็จะลือชาปรากฏชื่อเสียงท่านไป

ภายหน้า ว่าเป็นชาติทหารมีใจสัตย์ซื่อกตัญญูต่อ


แผ่นดินซึ่งท่านจะมานะลงไปรบพุ่งกับโจโฉ ถ้า

ชีวิตท่านตายเสียครั้งนี้ก็จะไม่มีชื่อปรากฏไป

ข้าพเจ้าเห็นโทษมีสามประการฉะนี้ ข้าพเจ้าจึงว่า
กวนอูได้ฟังดังนั้น ก็นิ่งตรึกตรองอยู่เป็นช้านาน

ครั้นเห็นชอบด้วยจึงว่า ท่านว่าดังนี้ก็ควร
แล้ว แลโทษซึ่งมีสามประการนั้นจะให้เราทำ

ประการใด เตียวเลี้ยวจึงว่า มหาอุปราชให้ทหาร


ล้อมท่านไว้เป็นอันมาก

ถ้าท่านมิสมัครเข้าด้วยเห็นชีวิตท่านจะถึงแก่
ความตายหาประโยชน์มิได้ ขอให้ท่านอยู่กับมหา

อุปราชก่อนเถิด จะได้มีประโยชน์สามประการ
ประการหนึ่ง ซึ่งท่านสาบานไว้กับเล่าปี่ เตียวหุย


ว่าจะช่วยกันทำ นุบำรุงแผ่นดิน ความสัตย์
ข้อนี้จะได้คงอยู่

ประการหนึ่ง ท่านจะได้อยู่ปฏิบัติรักษาพี่สะใภ้ทั้ง
สองมิให้เป็นอันตรายสิ่งใดได้ เป็นสองประการ
อีกประการหนึ่งนั้น ตัวท่านก็มีฝีมือกล้าหาญมีสติ
ปัญญา จะได้คิดการทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้

ให้ครองราชสมบัติสืบไป
ข้าพเจ้าเห็นมีประโยชน์สามประการฉะนี้ จึงเตือน


สติท่านให้ดำริดูจงควร

กวนอูจึงตอบว่า ซึ่งท่านว่ามีประโยชน์แก่เรา

สามประการนั้นก็จริงอยู่ แต่เราจะขอสัญญาไว้
สามประการบ้าง ถ้ามหาอุปราชยอม เราจึงจะ

ถอดเกราะออกเสีย แล้วจะลงไปหามหาอุปราช
แม้ความประการใดขาดแต่ข้อหนึ่ง เราก็จะสู้ตาย

เสีย ถึงมาตรว่าคนทั้งปวงจะครหานินทาเรา

ก็ตามเถิด เตียวเลี้ยวจึงว่า มหาอุปราชนั้นน้ำใจ

กว้างขวางอารีนัก มักสมาคมด้วยผู้มีสติปัญญา

ถ้าท่านจะว่าประการใดมหาอุปราชก็คงจะยอม

ซึ่งท่านจะขอสัญญาสามประการนั้นคือข้อใดบ้าง


กวนอูจึงว่า เดิมเราได้สาบานกันไว้กับเล่าปี่

เตียวหุยว่าจะช่วยกันทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้


แลอาณาประชาราษฎร์ให้อยู่เย็นเป็นสุข

ซึ่งเราจะสมัครเข้าด้วยนั้น เราจะขอเป็นข้า

พระเจ้าเหี้ยนเต้ประการหนึ่ง เราจะขอปฏิบัติพี่

สะใภ้เราทั้งสอง แลอย่าให้ผู้ใดเข้าออกกล้ำ

กรายเข้าถึงประตูที่อยู่ได้ จะขอเอาเบี้ยหวัดของ

เล่าปี่ซึ่งเคยได้รับพระราชทานนั้น มาให้แก่พี่

สะใภ้เราทั้งสองประการหนึ่งอีกประการหนึ่ง

ถ้าเรารู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดตำ บลใด ถึงมาตรว่า

เรามิได้ลามหาอุปราช เราก็จะไปหา เล่าปี่ แม้

มหาอุปราชจะห้ามเราก็ไม่ฟัง แลเนื้อความสาม

ประการนี้ ท่านจงเอาไปบอกแก่มหาอุปราชเถิด

ถ้ายอมตามคำ เรา เราจะลงไปหา เตียวเลี้ยวก็

ลากวนอูแล้วขึ้นม้ากลับมาแจ้งเนื้อความแก่

โจโฉทุกประการ

โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะ แล้วว่าแก่เตียวเลี้ยว

ว่า ซึ่งกวนอูไม่ยอมด้วยเรานั้น เราเป็นถึง

มหาอุปราช กวนอูจะยอมเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ก็

เหมือนเป็นบ่าวเรา ถ้าเราบังคับบัญชาราชการ
ประการใดกวนอูก็จะไม่ขัดได้ กับซึ่งกวนอูว่าจะ

ปฏิบัติรักษาพี่สะใภ้ทั้งสองมิให้ผู้ใดแปลกปลอม

เข้าไปถึงประตูที่อยู่นั้นเราก็จะยอม ทุกวันนี้อย่า

ว่าแต่ภรรยาเล่าปี่เลย ถึงภรรยาผู้น้อยลงไปเรา

ก็มิได้ให้ทำ หยาบช้า ซึ่งกวนอูจะขอเอาเบี้ยหวัด

เล่าปี่ให้แก่พี่สะใภ้นั้น เราจะให้ทวีขึ้นอีก แต่ข้อซึ่ง

กวนอูรู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใด มิได้ลาเราก่อนจะไปหา

กันนั้น โจโฉสั่นศีรษะไม่ยอม แล้วว่าเมื่อกวนอู

เอาสัญญาฉะนี้ เราจะเอามาเลี้ยงไว้ให้มีกำ ลังจะ
ได้ประโยชน์สิ่งใดเล่า

เตียวเลี้ยวจึงว่า มหาอุปราชไม่แจ้งหรือในนิทา

นอิเยียงซึ่งมีมาแต่ก่อนว่า เดิมอิเยียงอยู่กับ

ต๋งหางซึ่งเป็นเจ้าเมือง ต๋งหางเลี้ยงอิเยียงเป็น

ทนายใช้สอย ครั้นอยู่มายังมีคิเป๊กเจ้าเมืองหนึ่ง

นั้นยกกองทัพมารบฆ่าต๋งหางตาย คิเป๊กได้อิ

เยียงไปไว้ จึงตั้งอิเยียงเป็นขุนนางที่ปรึกษาอิ

เยียงมีความสุขมาเป็นช้านาน แล้วเซียงจูเจ้า

เมืองหั้นก๊กยกทัพมารบฆ่าคิเป๊กตาย อิเยียงนั้น


มีใจเจ็บแค้นเป็นอันมาก จึงไปยังเมืองหั้นก๊ก

แล้วเข้าซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ จะลอบทำ ร้ายเซียง

จูให้ถึงแก่ความตาย เซียงจูจับได้ถึงสองครั้ง

มิได้เอาโทษ ให้ปล่อยอิเยียงเสีย ครั้นอยู่มาอิ

เยียงลอบเข้าไปซ่อนอยู่ถึงที่ข้างในหมายจะฆ่า
เซียงจูเสีย เซียงจูก็จับได้อีกจึงถามอิเยียงว่า

ตัวจะทำ อันตรายเราเราจับได้ถึงสองครั้งแล้ว


ก็มิได้เอาโทษ

ให้ปล่อยอิเยียงเสีย ครั้นอยู่มาอิเยียงลอบเข้าไป
ซ่อนอยู่ถึงที่ข้างในหมายจะฆ่าเซียงจูเสีย เซียงจู

ก็จับได้อีกจึงถามอิเยียงว่า ตัวจะทำอันตรายเรา

เราจับได้ถึงสองครั้งแล้วก็มิได้เอาโทษ เราให้

ปล่อยตัวเสียตัวก็มิได้หลาบจำ รื้อจะมาทำร้าย

เราอีกเราก็จับตัวได้ แลตัวผูกใจแค้นเราด้วยเหตุ

สิ่งใด อิเยียงจึงบอกว่าเดิมข้าพเจ้าอยู่กับต๋งหาง
ต๋งหางเลี้ยงข้าพเจ้าเป็นทนายใช้สอย ครั้นคิเป๊ก

ยกไปฆ่าต๋งหางเสีย เอาตัวข้าพเจ้าไปตั้งให้เป็น

ขุนนางที่ปรึกษา ได้ความสุขเป็นอันมาก
ครั้งนี้ท่านยกไปฆ่าคิเป๊ก ซึ่งเป็นนายมีคุณแก่

ข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้ามีใจเจ็บแค้นอยู่ คิดอ่านมา

หวังจะทำ อันตรายท่าน หวังจะแทนคุณคิเป๊ก

ซึ่งท่านจับข้าพเจ้าได้ถึงสองครั้งแล้วปล่อย

เสียนั้น ข้าพเจ้ายังไม่หายแค้น จึงลอบเข้ามา

จะทำ ร้ายท่านอีก ท่านก็จับได้แลโทษข้าพเจ้านี้

ก็ถึงตายตามท่านจะโปรดเถิด เซียงจูจึงว่า เรา

จะปล่อยเสียตัวจะคิดทำ ร้ายเราอีกหรือไม่ อิ

เยียงจึงว่า ท่านปล่อยข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าก็

ยังจะคิดร้ายแก่ท่านกว่าจะทำสำเร็จ ข้าพเจ้า

จึงจะหายแค้น ถ้าท่านเอ็นดูข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะ

ขอเสื้อซึ่งท่านใส่ แม้ท่านโปรดให้ ข้าพเจ้าจะได้

สิ้นความพยาบาทท่าน เซียงจูได้ฟังดังนั้นก็คิด

ว่าอิเยียงนี้มีน้ำ ใจกตัญญู จะใคร่ได้อิเยียงไว้

จึงถอดเสื้อให้อิเยียง อิเยียงก็คำ นับรับเอาเสื้อ
มา จึงถอดกระบี่ออกฟันเสื้อเสียสามที แล้วว่า

แก่เซียงจูว่าข้าพเจ้าได้แทนคุณคิเป๊กแล้ว อิ


เยียงก็เอากระบี่เชือดคอตาย

อันน้ำใจกวนอูนั้น ถ้าผู้ใดมีคุณแล้วเห็นจะเป็น

เหมือนอิเยียง อันเล่าปี่กับกวนอูนั้นมิได้เป็น
พี่น้องกัน ซึ่งมีความรักกันนั้น เพราะได้สาบาน

ต่อกัน เล่าปี่เป็นแต่ผู้น้อย เลี้ยงกวนอูไม่ถึง

ขนาดกวนอูยังมีน้ำ ใจกตัญญูต่อเล่าปี่ จึงคิด

จะติดตามมิได้ทิ้งเสีย อันมหาอุปราชมีวาสนา

กว่าเล่าปี่เป็นอันมาก ถ้าท่านได้กวนอูมาไว้ทำ

นุบำรุงให้ถึงขนาด เห็นกวนอูจะมีกตัญญูต่อ

ท่านยิ่งนัก โจโฉจึงว่าแก่เตียวเลี้ยวว่า ท่าน

ว่ากล่าวทั้งนี้ก็ชอบนัก จงเร่งขึ้นไปบอกแก่

กวนอูว่า ซึ่งสัญญาสามประการนั้นเรายอม

แล้ว ท่านจงเร่งพากวนอูลงมาเถิด เตียว


เลี้ยวจึงลาโจโฉขึ้นไปบอกแก่กวนอู

กวนอูจึงว่า ถ้ามหาอุปราชยอมดังนั้นแล้ว
ท่านจงลงไปบอกให้กองทัพซึ่งล้อมเราไว้นั้น
เลิกไปเสียเราจะเข้าไปแจ้งเนื้อความแก่พี่สะใภ้
ทั้งสองคนก่อน ถ้าไม่เป็นอันตรายแล้ว จึงจะไป

หามหาอุปราชเตียวเลี้ยวก็ลงไปบอกแก่โจโฉ

ตามคำ กวนอูว่า โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ให้ม้าใช้ไป

สั่งทหารซึ่งล้อมกวนอูไว้นั้นให้เลิกทัพถอยมา

ซุนฮกจึงว่าแก่โจโฉว่า ซึ่งกวนอูยอมแก่ท่าน

ครั้งนี้เกลือกจะเป็นกลอุบายโจโฉจึงตอบว่า

กวนอูเป็นคนมีความสัตย์เห็นจะไม่คิดอ่าน

ล่อลวงเราฝ่ายกวนอูครั้นเห็นทหารโจโฉถอยไป

ก็พาทหารเข้าไปในเมืองแห้ฝือ เห็นราษฎรทั้ง

ปวงปกติอยู่ จึงเข้าไปคำ นับพี่สะใภ้ทั้งสองแล้ว

ว่า ข้าพเจ้าเสียทีทำ ให้พี่ตกใจได้ความเดือดร้อน

นั้นโทษข้าพเจ้าผิดนัก พี่สะใภ้ทั้งสองจึงถามว่า

เจ้ายังแจ้งว่าเล่าปี่นั้นพลัดไปอยู่แห่งใด กวนอู

จึงบอกว่ายังไม่แจ้ง พี่สะใภ้จึงว่าโจโฉก็ได้เมือง
แห้ฝือแล้ว เจ้าจะคิดอ่านประการใด กวนอูจึง


บอกเนื้อความให้ฟังทุกประการ แล้วว่าบัดนี้

ข้าพเจ้าเข้ามาปรึกษาด้วย พี่ทั้งสองจะเห็น

ประการใด นางกำ ฮูหยินจึงว่า เวลาคืนนี้โจโฉ

เข้าในเมืองได้ พี่นี้เกรงอยู่ว่าจะเป็นอันตรายต่าง

ๆ เป็นเดชะบุญของเรา โจโฉกำ ชับทหารมิให้

แปลกปลอมเข้ามาถึงประตูได้ ครั้งนี้เจ้ากับพี่ก็

อยู่ในเงื้อมมือโจโฉ แลเจ้าจะยอมเข้าอยู่ด้วยเขา

นั้น ด้วยความจำ เป็นก็ตามเถิด แต่พี่เกรงอยู่ข้อ

หนึ่งว่า ถ้ารู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดเราก็จะพากันไป


หาเกลือกโจโฉจะมิให้ไป

กวนอูจึงตอบว่า ข้อนี้พี่ทั้งสองอย่าวิตกเลย

แม้รู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดเราจะพากันไปหา ถึง
มาตรว่าโจโฉจะขัดขวางไว้ ข้าพเจ้าจะคิดอ่าน

แก้ไขไปให้จงได้ แล้วกวนอูก็ลาพี่สะใภ้ทั้งสอง

พาทหารประมาณสามสิบคนออกไปถึงหน้า

ค่ายโจโฉ โจโฉเห็นกวนอูมาก็มีความยินดี จึง

ออกไปรับกวนอูเข้ามา กวนอูจึงคำ นับโจโฉ

แล้วว่า ตัวข้าพเจ้าเป็นเชลยท่านมิได้ฆ่าเสีย

แล้วออกไปรับข้าพเจ้าถึงนอกค่ายนั้น คุณหา

ที่สุดมิได้ โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่กวนอูว่า

เราก็แจ้งอยู่ว่าท่านมีความสัตย์แลกตัญญู


บัดนี้เรากับท่านได้พบกันเราก็มีความยินดี

กวนอูจึงตอบว่าเตียวเลี้ยวไปบอกข้าพเจ้าว่า

มหาอุปราชรับปฏิญาณทั้งสามประการแล้ว


ข้าพเจ้าก็มีความยินดี

เห็นว่าถึงนานไปเมื่อหน้ามหาอุปราชก็จะไม่

คืนคำ โจโฉจึงว่า ซึ่งปฏิญาณของท่านนั้น เรา

ได้ออกปากรับแล้ว จึงจะเป็นประการใดเราก็มิ

ให้เสียวาจา กวนอูได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีจึง

ว่า แม้ข้าพเจ้ารู้ว่าเล่าปี่อยู่ที่ใด ถึงมาตรว่าเป็น

ทางกันดารจะต้องข้าม พระมหาสมุทรแลลุย


เพลิงก็ดี ข้าพเจ้าจะไปหาเล่าปี่ให้จงได้ แม้

ข้าพเจ้ายังมิทันลามหาอุปราชก็ดีขอท่านให้อภัย

แก่ข้าพเจ้า อย่าเคืองด้วยเนื้อความข้อนี้เลย โจ

โฉจึงว่า ซึ่งท่านรู้ข่าวเล่าปี่แล้วจะไปหาก็ตาม

เถิด แต่ให้ท่านตรึกตรองดูให้เห็นควรก่อน แล้ว

โจโฉก็ให้กวนอูกินโต๊ะ แล้วว่าพรุ่งนี้เช้าเราจะ

ยกกลับไปเมืองฮูโต๋

กวนอูเข้าไปบอกพี่สะใภ้แล้ว ก็จัดแจงสิ่งของทั้ง

ปวงแล้วออกมา ครั้นเวลาเช้าโจโฉก็ยกทหาร

ไป กวนอูจึงให้พี่สะใภ้ทั้งสองขึ้นขี่รถตามกองทัพ

โจโฉไป เวลาค่ำ ถึงที่ประทับตำ บลใด โจโฉจึงให้

กวนอูกับภรรยาเล่าปี่ทั้งสองคนนั้นอยู่เรือน

เดียวกัน หวังจะให้กวนอูคิดทำ ร้ายพี่สะใภ้ น้ำใจ


จะได้แตกออกจากเล่าปี่จะได้เป็นสิทธิ์แก่ตัว
ฝ่ายกวนอูให้พี่สะใภ้ทั้งสองนอนห้องข้างใน

ตัวนั้นก็นั่ง
จุดเทียนดูหนังสือ รักษาพี่สะใภ้อยู่นอกประตูยัน

รุ่ง มิได้ประมาทสักเวลาหนึ่งจนถึงเมืองฮูโต๋ โจโฉ
รู้ดังนั้นก็เกรงใจกวนอูว่ามีความสัตย์แลกตัญญู

ต่อเล่าปี่ โจโฉจึงให้กวนอูกับภรรยาเล่าปี่ไปอยู่

ณ ตึกสองหลังมีชานกลาง กวนอูจึงให้พี่สะใภ้ทั้ง

สองคนนั้นอยู่ตึกหนึ่ง แล้วให้ทหารที่แก่ชราอยู่
รักษาประมาณสิบคน ตัวนั้นอยู่ตึกหนึ่งระวัง

รักษาพี่สะใภ้ทั้งสอง ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง โจโฉจึง

พากวนอูเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้แล้วทูลว่า

กวนอูคนนี้มีฝีมือพอจะเป็นทหารได้ พระเจ้าเหี้ยน

เต้ก็มีความยินดีจึงตั้งกวนอูเป็นนายทหาร โจโฉ

กับกวนอูก็ลากลับมาบ้าน โจโฉจึงให้เชิญกวนอู

กินโต๊ะ จัดแจงให้กวนอูนั่งที่สูงกว่าขุนนางทั้ง

ปวง แล้วให้เครื่องเงินเครื่องทองแลแพรอย่างดี

แก่กวนอูเป็นอันมาก กวนอูรับเอาสิ่งของนั้นแล้ว

ก็ลาโจโฉกลับมาที่อยู่จึงบอกเนื้อความทั้งปวงแก


พี่สะใภ้แล้วเอาสิ่งของนั้นให้

ฝ่ายโจโฉทำนุบำรุงกวนอูมิได้อนาทร สามวัน

แต่งโต๊ะไปให้ครั้งหนึ่ง ห้าวันครั้งหนึ่ง แล้ว
จัดหญิงสาวที่รูปงามสิบคนให้ไปอยู่ปฏิบัติกวนอู

หวังจะผูกน้ำ ใจไว้ให้กวนอูหลง กวนอูให้หญิง
สิบคนไปอยู่ที่พี่สะใภ้ใช้สอย ครั้นถึงสามวันกวนอู

จึงไปเยือนพี่สะใภ้ครั้งหนึ่ง นั่งอยู่แต่นอกประตู
แล้วถามว่า พี่อยู่ปกติอยู่หรือ หรือป่วยไข้

ประการใดบ้าง พี่สะใภ้จึงตอบว่า ปกติอยู่มิได้

ป่วยไข้ประการใด เจ้ารู้ข่าวเล่าปี่บ้างหรือไม่

กวนอูว่าไม่แจ้ง แล้วคำ นับพี่สะใภ้กลับมา โจโฉรู้

กิตติศัพท์ว่ากวนอูปฏิบัติพี่สะใภ้โดยสุจริตดังนั้น

ก็สรรเสริญกวนอูว่ามีความสัตย์หาผู้เสมอมิได้

ครั้นอยู่มาวันหนึ่งโจโฉใหเ้ชิญ กวนอูมากินโต๊ะ
เห็นกวนอูห่มเสื้อขาด โจโฉจึงเอาเสื้ออยา่งดี
ให้กวนอู กวนอูรับเอาเสื้อแล้ว จึงเอาเสื้อใหม่นั้น

ใส่ชั้นใน เอาเสื้อเก่านั้นใส่ชั้นนอก โจโฉเห็น
ดังนั้นก็หัวเราะแล้วถามว่า เอาเสื้อใหม่ใส่ชั้นในนั้น

กลัวจะเก่าไปหรือ กวนอูจึงว่าเสื้อเก่านี้ของเล่าปี่
ให้ บัดนี้เล่าปี่จะไปอยู่ที่ใดมิได้แจ้ง ข้าพเจ้าจึงเอา

เสื้อผืนนี้ใส่ชั้นนอก หวังจะดูต่างหน้าเล่าปี่
ครั้นจะเอาเสื้อใหม่นั้นใส่ชั้นนอก คนทั้งปวงจะ

ครหานินทาว่าได้ใหม่แล้วลืมเก่า โจโฉได้ยินดังนั้น
ก็สรรเสริญกวนอูว่ามีกตัญญูนัก แต่คิดเสียใจอยู่


กวนอูก็ลาโจโฉกลับมาที่อยู่

ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง หญิงคนใช้มาบอกแก่กวนอูว่า

บัดนี้พี่สะใภ้ทั้งสองร้องไห้รักกันอยู่ด้วยเหตุสิ่งใด

มิได้แจ้ง กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงเข้าไปถึงริม

ประตูแล้วถามว่า พี่ทั้งสองร้องไห้ด้วยเหตุสิ่งใด


นางกำ ฮูหยินจึงตอบว่า คืนนี้พี่ฝันเห็นเล่าปี่

ตกหลุมลง ครั้นตื่นขึ้นมาก็ตกใจจึงแก้ฝัน
นางบิฮูหยิน เห็นพร้อมกันว่าเล่าปี่ตายแล้วพี่จึง

ร้องไห้รัก กวนอูได้ฟังดังนั้น พิเคราะห์ดูเห็นฝัน
ผิดประหลาด สำ คัญว่าเล่าปี่เป็นอันตรายก็

ร้องไห้ด้วย แล้วกวนอูจึงคิดกลอุบายว่าแก่พี่

สะใภ้ทั้งสองหวังจะให้คลายความทุกข์
จึงว่าฝันนั้นจะสำ คัญเอาเป็นแน่มิได้ ด้วยพี่ทั้ง

สองมีน้ำ ใจคิดถึงเล่าปี่อยู่จึงเผอิญให้ฝัน ทั้งนี้ ใช่

เล่าปี่จะเป็นอันตรายอย่างนั้นหามิได้ พี่ทั้งสอง


อย่าเศร้าโศกเลย

พอคนใช้โจโฉมาบอกกวนอูว่า มหาอุปราชให้

เชิญไปกวนอูก็ลาพี่สะใภ้ไปหาโจโฉ โจโฉเห็นหน้า

กวนอูนั้นเศร้าหมองจึงถามว่า วันนี้เราเห็นท่าน

ไม่สบาย มีทุกข์สิ่งใดหรือกวนอูบอกว่า พี่สะใภ้

ข้าพเจ้าทั้งสองคิดถึงเล่าปี่ ด้วยมิรู้ว่าเป็นหรือ

ตายแล้วชวนกันร้องไห้ ข้าพเจ้าก็กลั้นน้ำ ตามิได้

โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ปลอบโยนกวนอู แล้วก็ชวนกิน

โต๊ะ หวังจะให้คลายความทุกข์ กวนอูเสพสุราเมา

มิได้เกรงใจโจโฉ เอามือจับหนวดของตัวเข้าแล้ว

จึงว่า เกิดมาเป็นชายไม่ได้ทำนุบำรุงแผ่นดิน ทั้ง

เล่าปี่ผู้พี่นั้นก็มีคุณมา ถ้าเราจะเอาใจออกหาก

บัดนี้ ก็หาผู้ใดจะนับถือว่าเป็นชายไม่ โจโฉได้ฟัง

ดังนั้นก็คิดว่ากวนอูยังมีใจสัตย์ซื่อต่อเล่าปี่อยู่ โจ


โฉทำเป็นไม่ได้ยินจึงแกล้งถามกวนอูว่า

หนวดของท่านประมาณสักกี่เส้น กวนอูจึงตอบ

ว่าหนวดของข้าพเจ้าประมาณหลายร้อยเส้น

ครั้นถึงเทศกาลหนาวก็หล่นบ้าง ข้าพเจ้าจึงทำ

ถุงใส่ไว้ โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงเอาแพรขาวอย่างดี

ทำถุงให้กวนอูสำหรับใส่หนวดกวนอูรับเอาถุง

นั้นแล้วก็ลากลับมาที่อยู่ไปครั้นเวลาเช้ากวนอู

เข้าไปเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้ทอดพระเนตรเห็น

กวนอูใส่ถุงหนวดดังนั้นจึงตรัสถามว่า ถุงใส่สิ่ง

ใดแขวนอยู่ที่คอนั้น กวนอูจึงทูลว่า ถุงนี้มหา

อุปราชให้ข้าพเจ้าสำ หรับใส่หนวดไว้ แล้วกวนอู

ก็ถอดถวายให้ทอดพระเนตร พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็น

หนวดกวนอูยาวถึงอกเส้นละเอียดงามเสมอกัน

แล้วตรัสสรรเสริญว่ากวนอูนี้หนวดงาม จึง

พระราชทานชื่อว่า บีเยียงก๋ง แปลภาษาไทย

ว่าเจ้าหนวดงาม

จึงพระราชทานชื่อว่า บีเยียงก๋ง แปลภาษาไทย
ว่าเจ้าหนวดงาม แล้วก็เสด็จขึ้น โจโฉกับขุนนาง

ทั้งปวงแลกวนอูก็ออกจากที่เฝ้า มาถึงประตูวัง
กวนอูก็ขึ้นม้าตามโจโฉไป ครั้นถึงหน้าบ้านกวนอู

ก็ลาโจโฉจะมาที่อยู่โฉเห็นม้ากวนอูผอม จึงถาม

ว่าเหตุใดม้าจึงผอมไม่สมตัวท่าน กวนอูจึงตอบ

ว่า ม้าตัวนี้กำลังน้อย ทานกำลังข้าพเจ้ามิได้จึง

ผอม โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงให้ทหารไปเอาม้าเซ็ก

เธาว์มา แล้วถามกวนอูว่า ม้าตัวนี้เป็นของผู้ใด

ท่านรู้จักหรือไม่ กวนอูจึงว่า ม้าตัวนี้ของลิโป้

ข้าพเจ้ารู้จักอยู่ โจโฉก็ให้จัดแจงเครื่องม้าพร้อม


แล้วก็ให้กวนอู กวนอูมีความยินดีลงจากม้า

คุกเข่าลงคำ นับแล้วว่าซึ่งมหาอุปราชให้ม้าตัวนี้


แก่ข้าพเจ้านั้นคุณหาที่สุดมิได้

โจโฉได้ฟังดังนั้นก็คิดกริ่งใจจึงถามว่า เราให้เงิน

ทองสิ่งของแก่ท่านมาเป็นอันมากก็ไม่ยินดี

ท่านไม่ว่าชอบใจแลมีความยินดีเหมือนเราให้ม้า

ตัวนี้ เหตุไฉนท่านจึงรักม้าอันเป็นสัตว์เดียรัจฉาน

มากกว่าทรัพย์สิ่งสินอีกเล่า กวนอูจึงตอบว่า

ข้าพเจ้าแจ้งว่าม้าเซ็กเธาว์ตัวนี้มีกำ ลังมาก เดิน

ทางได้วันละหมื่นเส้น แม้ข้าพเจ้ารู้ข่าวเล่าปี่อยู่ที่

ใด ถึงมาตรว่าไกลก็จะไปหาได้โดยเร็วเหตุฉะนี้


ข้าพเจ้าจึงมีความยินดี ขอบคุณมหาอุปราช

มากกว่าให้สิ่งของทั้งปวง

โจโฉได้ฟังดังนั้นยิ่งมีความน้อยใจ แล้วคิดว่าเรา

เสียทีที่ทำ นุบำ รุงกวนอูด้วยยศศักดิ์ศฤงคาร

บริวาร กวนอูก็คิดรักเล่าปี่อยู่มิได้ขาด กวนอูก็ลา

โจโฉไปที่อยู่ โจโฉจึงถามเตียวเลี้ยวว่า เราเลี้ยง
กวนอูก็ถึงขนาดฉะนี้แล้ว กวนอูยังมีน้ำ ใจผูกพัน

รักเล่าปี่อยู่ เราจะคิดอ่านประการใดกวนอูจึงจะ
เอาใจออกจากเล่าปี่ เตียวเลี้ยวจึงว่า ขอให้งดอยู่


สักเวลาหนึ่งก่อน ข้าพเจ้าจะไปว่ากล่าวลอง
ความคิดกวนอูดูว่าจะมีใจสัตย์ซื่อต่อเล่าปี่เที่ยง
แท้หรือ หรือจะคิดอ่านยักย้ายประการใดบ้าง

กวนอูจึงว่า ซึ่งมหาอุปราชมีคุณแก่เราก็จริงอยู่

แต่จะเปรียบเล่าปี่นั้นยังมิได้ ด้วยเล่าปี่นั้นมี

คุณแก่เราก่อน ประการหนึ่งก็ได้สาบานไว้ต่อกัน

ว่าเป็นพี่น้อง เราจึงได้ตั้งใจรักษาสัตย์อยู่ ทุกวันนี้
เราก็คิดถึงคุณมหาอุปราชอยู่มิได้ขาด ถึงมาตรว่า


เราจะไปจากก็จะขอแทนคุณเสียก่อนให้มีชื่อ
ปรากฏไว้เราจึงจะไป เตียวเลี้ยวได้ฟังดังนั้นจึง

ถามกวนอูว่า ถ้าเล่าปี่ถึงแก่ความตายแล้ว ท่าน
จะอยู่กับมหาอุปราชหรือ หรือจะคิดประการใด

กวนอูจึงตอบว่า ตัวเราเกิดมาเป็นชายรักษาสัตย์
มิให้เสียวาจา ถึงมาตรว่าเล่าปี่จะถึงแก่ความตาย


เราก็จะตายไปตามความที่ได้สาบานไว้

เตียวเลี้ยวเห็นกวนอูนั้นมีใจสัตย์ซื่อต่อเล่าปี่อยู่

เป็นมั่นคง ก็ลากลับมา จึงเอาเนื้อความทั้งปวง
บอกแก่โจโฉทุกประการ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ทอด

ใจใหญ่ มีความวิตก ซึ่งจะเอากวนอูไว้ให้ขาด

จากเล่าปี่ก็ไม่สมคิด แล้วสรรเสริญกวนอูว่ามี

ความสัตย์ซื่อมั่นคงนัก ซุนฮกจึงว่าแก่โจโฉว่า

อันความคิดกวนอูนั้นจะแทนคุณมหาอุปราชเสีย

ก่อน แล้วจึงจะไปจาก ถ้ามีศึกมาก็อย่าให้กวนอู

ออกอาสาแม้กวนอูยังไม่มีความชอบก็จะอยู่


ด้วยมหาอุปราช โจโฉได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบ

ด้วย

สามก๊ก
ตอน
กวนอูไปรับ

ราชการกับโจโฉ

เรื่องย่อ

เรื่องสามก๊ก เป็นเรื่องตอนที่แผ่นดินจีนแบ่ง

แยกออกเป็น สามก๊กใหญ่ๆ นับตั้งแต่ สมัย

พระเจ้าเลนเต้ กษัตริย์ราชวงศ์ฮั่น ครองราช

เมื่อ พ.ศ. ๗๑๑ พระเจ้าเลนเต้เป็นกษัตริย์ที่

อ่อนแอ ไม่สน พระทัยที่จะบริหารบ้านเมือง


มัวแต่แสวงหาความสุขสําราญส่วน

พระองค์ ปล่อยให้ขันทีทั้ง๑๐ ว่าราชการตาม

ความพอใจ จนขุนนาง และประชาชนได้รับ


ความเดือดร้อนไปทั่ว

พระเจ้าเลนเต้มีโอรส ๒ พระองค์ต่างชนนีกัน จึง

เป็นเหตุให้ เกิดความยุ่งยากในการสืบราชสมบัติ

ครั้นพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์ โอรสองค์ใหญ่คือ

หองจูเปียน ซึ่งขณะนั้นยังทรงพระเยาว์อยู่ได้

ครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ต่อมา โดยมีนางโฮ

เฮาพระมารดาเป็น ผู้สําเร็จราชการแผ่นดิน แต่

ในราชสํานักก็ยังวุ่นวายจากพวกขันทีทั้ง ๑๐ อยู่

โฮจิ๋นพี่ชายของนางโฮเฮาจึงเชิญตั๋งโต๊ะมาช่วย


กําจัดพวกขันที

เมื่อเหตุการณ์เรียบร้อยเป็นปกติแล้ว ตั๋งโต๊ะก็ยึด

อํานาจถอด ถอนหองจูเปียงออก โดยให้เอาสุรา


ผสมยาพิษกรอกจนสิ้นพระชนม์ จากนั้นก็

สถาปนาหองจูเหียบขึ้นเป็นกษัตริย์ มีพระนามว่า

พระเจ้า เหี้ยนเต้ แล้วตั๋งโต๊ะก็ตั้งตนเป็นพระมหา

อุปราช มีฐานะเป็นบิดาบุญ ธรรม ของพระเจ้า


เหี้ยนเต้ ถืออํานาจบาทใหญ่กระทําการทุจริต

พวกขุนนางทั้งหลายจึงคิดที่จะกําจัดตั๋งโต๊ะ แต่ก็


ไม่สําเร็จ

จนอ้องอุ้นได้วางแผนส่งนาง เตียวเสี้ยน ซึ่งเป็น

บุตรสาวบุญธรรม ไปเป็นภรรยาตั๋งโต๊ะ ให้นางใช้

อุบาย และมารยาหญิง ทําให้ตั๋งโต๊ะผิดใจ กับลิโป


ผู้เป็นหทารเอก จนกระทั่งลิโปู ฆ่าตั๋งโต๊ะตาย
แต่อ้องอุ้นก็ไม่สามารถจัดการบ้านเมืองให้

เรียบร้อยได้ ใน ที่สุดอ้องอุ้นก็ถูกลิฉุยกับกุยกี

พรรคพวกของตั๋งโต๊ะฆ่า แล้วลิฉุยกับกุยกี ก็

บังคับพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้อยู่ใต้อํานาจ มีอํานาจ

สิทธิ์ขาดในการ บริหารบ้านเมือง พระเจ้าเหี้ยนเต้

คับแค้นใจมาก จึงมีรับสั่ง เรียกโจโฉ มาช่วยกํา

จัด ลิฉุย กุยกี และพรรคพวก โจโฉยึดอํานาจใน


เมืองหลวง ไว้ได้

โจโฉกําเริบ ตั้งตนเองเป็นมหาอุปราช ควบคุม

พระเจ้าเหี้ยนเต้ให้อยู่ใต้อํานาจ ข่ม เหงพวก
ขุนนางที่สุจริตและ เหล่าราษฎร พระเจ้าเหี้ยนเต้

จึงใช้พระโลหิตเขียนหนังสือ ลับ ไปขอร้องให้

ขุนนางที่จงรักภักดีช่วย กําจัดโจโฉ แต่ถูกโจโฉ


จับได้

ขุนนางเหล่านั้นก็ถูกฆ่าตายหมด แม้แต่นางฮก

เฮาพระมเหสี ของ พระองค์ก็ถูกจับไปฆ่าเช่นกัน

พวกเจ้าเมืองต่างๆได้ทราบ พฤติการณ์อันเลว

ทรามของโจโฉ ก็ไม่พอใจ คิดจะช่วยเหลือพระเจ้า

เหี้ยนเต้ จึงพากันกระด้างกระเดื่องขึ้น โจโฉก็ให้

จัดกองทัพไป ปราบปราม สงครามจึงเกิดขึ้น โจ

โฉสามารถปราบเมืองต่างๆ ได้ สําเร็จ แต่ไม่อาจ

ปราบเล่าปี่เจ้าเมืองเสฉวนได้ และซุนกวนเจ้า


เมือง กังตั๋งได
เล่าปี่เป็นเชื้อสายพระราชวงศ์ฮั่น แต่ยากจน

อนาถา ได้คนมี ฝีมือไว้เป็นทหาร หลายคน แต่

มีกําลังไพร่พลน้อย ต้องคอยหลบหนี ฝุายศัตรู

อยู่เสมอ จนกระทั่งได้ขงเบ้งมาเป็น ที่ปรึกษา จึง

สามารถ ตั้งตนเป็นเจ้าเมืองเสฉวนได้ส่วนซุน

กวน เป็นเจ้าเมืองกังตั๋งโดยการ สืบสกุล เป็นคน

ดีมีศีลธรรม ปกครองบ้านเมืองด้วยความเป็น

ธรรม จึง มีคนเคารพนับถือเข้ามาเป็นพวกมาย


มาย

เมื่อโจโฉตาย โจผีบุตรชายของโจโฉครองตําแหน่

งมหาอุปราช แทน แล้วต่อมาก็กบฏ ปลดพระเจ้า

เหี้ยนเต้ออกจากบัลลังก์ แล้ว สถาปนาตนเองขึ้น


เป็นกษัตริย์ มีพระนามว่าพระเจ้า อ้วนโซ่ ตั้ง

ราชวงศ์ขึ้นใหม่ คือ ราชวงศ์วุย เล่าปี่ถือว่า

ตนเองเป็นเชื้อสายราชวงศ์ ฮั่น ไม่ยอมรับ

พระเจ้าโจผีเป็นกษัตริย์ จึงตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์

สืบ ราชวงศ์ฮั่น ใช้เมืองเสฉวนเป็นราชธานี

ซุนกวนก็ไม่ยอมขึ้นกับพระเจ้าโจผีหรือเล่าปี่ ก็ตั้ง

ตัวเป็น กษัตริย์บ้าง มีเมืองกังตั๋งเป็นราชธานี

ประเทศจีนขณะนั้น จึงแยกเป็น ๓ อาณาจักร


หรือเรียกว่า สามก๊ก อาณาจักร ของเล่าปี่ เรียก

ว่า "จ๊กก๊ก" อาณาจักรของพระเจ้า ซุนกวน


เรียกว่า "ง่อก๊ก" และอาณาจักรของพระเจ้าโจผี

เรียกว่า "วุ ยก๊ก"


Click to View FlipBook Version