The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประชาสัมพันธ์ ชุด รู้ไว้ก่อนไปศาลปกครอง (ฉบับล่าสุด)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by RT, 2021-08-23 00:44:51

เอกสารประชาสัมพันธ์ ชุด รู้ไว้ก่อนไปศาลปกครอง (ฉบับล่าสุด)

เอกสารประชาสัมพันธ์ ชุด รู้ไว้ก่อนไปศาลปกครอง (ฉบับล่าสุด)

สำ� นักประชาสมั พนั ธ์ สำ� นักงานศาลปกครอง

รไู้ ว้ก่อนไปศาลปกครอง
สำ� นกั งานศาลปกครอง
ISBN : 978-616-333-058-1
พิมพค์ รงั้ ท่ี 6 : กรกฎาคม 2564
จ�ำนวน : 10,000 เล่ม

จัดพมิ พโ์ ดย
ส�ำนกั งานศาลปกครอง
อาคารศาลปกครอง ถนนแจง้ วฒั นะ แขวงท่งุ สองหอ้ ง เขตหลกั ส่ี กรงุ เทพมหานคร 10210
โทรศัพท์ 0 2141 1111 สายด่วนศาลปกครอง 1355
http://www.admincourt.go.th

พิมพท์ ่ี

บริษัท ดนิ ดีไซน์ จ�ำกัด โทรศัพท์ 09 0080 3333, 0 2563 6921

การพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบันท�ำให้การสื่อสารสะดวกรวดเร็วและ
เขา้ ถงึ ประชาชนไดง้ า่ ยขน้ึ ศาลปกครองเหน็ ถงึ ขอ้ ดดี งั กลา่ วจงึ นำ� เทคโนโลยมี าประยกุ ต์
ใชก้ บั กระบวนการพจิ ารณาคดี เพอ่ื อำ� นวยความสะดวกใหแ้ กป่ ระชาชนและคกู่ รณี
ทำ� ใหไ้ มต่ อ้ งเสยี เวลาและคา่ ใชจ้ า่ ยในการเดนิ ทางมายงั อาคารศาลปกครอง โดยการ
น�ำเทคโนโลยีมาใช้ซึ่งเร่ิมต้ังแต่การยื่นค�ำฟ้องจนจบการพิพากษาคดี ไม่ว่าจะเป็น
การปรกึ ษาคดอี อนไลนผ์ า่ นทางโปรแกรมไลน์ (LINE application) การใชร้ ะบบงาน
คดปี กครองอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ หอ้ งพจิ ารณาคดอี เิ ลก็ ทรอนกิ ส์(e-Courtrooms)การขอคดั
สำ� เนาคำ� สง่ั คำ� พพิ ากษาทางแอปพลเิ คชนั ของศาลปกครอง เปน็ ตน้
รู้ไว้ก่อนไปศาลปกครองฉบับน้ีได้เพิ่มเติมเนื้อหาเกี่ยวกับเทคโนโลยี
ดงั กลา่ ว ซงึ่ เปน็ เพยี งบางสว่ นของศาลปกครองอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (e-Admincourt) ทจ่ี ะ
น�ำเทคโนโลยีทันสมัยมาปรับใช้กับการด�ำเนินงานของศาลปกครองและส�ำนักงาน
ศาลปกครอง เนอื้ หาทเี่ พมิ่ เตมิ นจี้ ะทำ� ใหผ้ อู้ า่ นไดเ้ ขา้ ใจระบบการใชง้ านในเบอื้ งตน้
และหากตอ้ งการความรเู้ พม่ิ เตมิ ไมว่ า่ จะเปน็ เรอื่ งระบบศาลปกครองอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
หรอื ความรเู้ กย่ี วกบั ศาลปกครองและคดปี กครองกส็ ามารถเขา้ ไปแวะเวยี นเยยี่ มชม
ได้ที่ห้องสมุดสื่อประชาสัมพันธ์ศาลปกครองอิเล็กทรอนิกส์ http://bit.ly/2k1Fdws
หรอื สแกนควิ อารโ์ คด้ ทอ่ี ยทู่ า้ ยหนงั สอื เลม่ นี้
สำ� นกั งานศาลปกครองยงั คงมงุ่ หวงั ใหห้ นงั สอื รไู้ วก้ อ่ นไปศาลปกครอง
เล่มน้ีเปน็ ประโยชนแ์ กป่ ระชาชนทุกกลมุ่ เปา้ หมาย เพือ่ ใหค้ วามร้ทู ่ไี ด้รบั กลายเป็น
ปญั ญาใหแ้ กค่ นไทยทกุ คนทจี่ ะรว่ มสรรสรา้ งประเทศชาตใิ หเ้ จรญิ กา้ วหนา้ ตอ่ ไป

สำ� นกั งานศาลปกครอง

คดีปกครอง 4
ศาลปกครองสงู สดุ 21
คดที ไี่ ม่อยใู่ นอ�ำนาจของศาลปกครอง 25
ระยะเวลาในการฟอ้ งคดี 30
ค�ำฟอ้ ง 38
การชำ� ระค่าธรรมเนยี มศาล 45
การไกล่เกลย่ี ข้อพิพาทในศาลปกครอง 46
การขอวธิ กี ารชั่วคราวกอ่ นการพพิ ากษา 48
ระบบไตส่ วน 55
การนัง่ พจิ ารณาคด ี 58
ตลุ าการศาลปกครอง 60
การพพิ ากษาคด ี 62
ระบบงานคดปี กครองอิเล็กทรอนิกส์ 65
หอ้ งพิจารณาคดอี ิเล็กทรอนกิ ส์ (e-Courtrooms) 68
ระบบปรกึ ษาคดีปกครองออนไลน ์ 69
Admincourt mobile app 70

2

3

คดปี กครอง คอื คดที เี่ ปน็ ขอ้ พพิ าทระหวา่ งหนว่ ยงานทางปกครองหรอื
เจ้าหน้าท่ีของรัฐกับเอกชน หรือข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานทางปกครองหรือ
เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ดว้ ยกนั เอง และเปน็ คดใี นเรอื่ งดงั ตอ่ ไปนี้

1. คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ี
ของรฐั ออกกฎ คำ� ส่ัง หรอื กระท�ำการอื่นใดโดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย เชน่

กฎกระทรวงกำ� หนดเวลาเปดิ หรอื ปดิ สถานบรกิ าร ระเบยี บมหาวทิ ยาลยั ทก่ี ำ� หนด
ให้นักศึกษาต้องท�ำวิทยานิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษ หรือกรณีผู้ฟ้องคดีเห็นว่า
เจ้าพนักงานท้องถ่ินปฏิเสธการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโดยไม่ชอบ
ด้วยกฎหมาย กรณีผู้ฟ้องคดีเห็นว่าผู้บังคับบัญชามีค�ำส่ังลงโทษทางวินัยโดย
ไมเ่ ปน็ ธรรม เปน็ ตน้

4

2. คดีพิพาทเก่ียวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ี
ของรัฐละเลยต่อหน้าท่ีตามที่กฎหมายก�ำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติ
หนา้ ทด่ี งั กลา่ วลา่ ชา้ เกนิ สมควร เชน่ กรณที เ่ี จา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ ละเลยตอ่ หนา้ ท่ี

ไมต่ รวจตราและออกคำ� สงั่ ใหเ้ จา้ ของอาคารรอื้ ถอนอาคารทกี่ อ่ สรา้ งหรอื ตอ่ เตมิ
โดยไมไ่ ดร้ บั ใบอนญุ าต กรณที เี่ จา้ พนกั งานทดี่ นิ ดำ� เนนิ การออกโฉนดทด่ี นิ ลา่ ชา้
เกนิ สมควร เปน็ ตน้

3. คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระท�ำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอ่ืน
ของหนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั อนั เกดิ จากการใชอ้ ำ� นาจ
ตามกฎหมายหรือจากกฎ ค�ำส่ัง หรือจากการละเลยต่อหน้าท่ีหรือปฏิบัติ
หน้าท่ีล่าช้าเกินสมควร เชน่ การทเี่ จ้าพนกั งานที่ดินออกค�ำสง่ั เพิกถอนโฉนด

ท่ีดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายท�ำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหายและผู้ฟ้องคดี
เรยี กคา่ เสยี หายดงั กลา่ ว เปน็ ตน้

4. คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง เชน่ ขอ้ พพิ าทเกย่ี วกบั

สญั ญาจา้ งเอกชนกอ่ สรา้ งถนน สะพาน อาคารเรยี น หรอื ขอ้ พพิ าทเกยี่ วกบั การ
เรียกเก็บค่าสัมปทานตามสัญญาสัมปทานท�ำไม้ป่ าชายเลน หรือสัญญาท่ี
หนว่ ยงานทางปกครองทำ� กบั ขา้ ราชการทไ่ี ดร้ บั อนญุ าตใหล้ าศกึ ษาตอ่ เปน็ ตน้

5. คดที ม่ี กี ฎหมายกำ� หนดใหห้ นว่ ยงานทางปกครอง หรอื เจา้ หนา้ ที่
ของรัฐต้องฟ้องคดีต่อศาลเพ่ือบังคับให้บุคคลกระท�ำการ หรือละเว้น
กระทำ� การ เชน่ กรณเี จา้ หนา้ ทขี่ องกรมเจา้ ทา่ ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองเพอื่ มคี ำ� สง่ั

ให้เอกชนรื้อถอนสะพานหรือบ้านท่ีปลูกรุกล้�ำแม่น�้ำ กรณีเจ้าพนักงานท้องถิ่น
ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองเพอื่ มคี ำ� สง่ั ใหจ้ บั กมุ และกกั ขงั บคุ คลซงึ่ มไิ ดป้ ฏบิ ตั ติ าม
คำ� สง่ั ของเจา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ ตามพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคารฯ เปน็ ตน้

6. คดที ม่ี กี ฎหมายกำ� หนดใหอ้ ยใู่ นเขตอำ� นาจของศาลปกครอง เชน่

กรณที ฟี่ อ้ งขอใหเ้ พกิ ถอนคำ� ชขี้ าดหรอื บงั คบั ตามคำ� ชข้ี าดของอนญุ าโตตลุ าการ
เกยี่ วกบั สญั ญาทางปกครอง เปน็ ตน้

5

เกยี่ วกบั การทห่ี นว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ออกกฎ
คำ� สัง่ หรือกระทำ� การอน่ื ใดโดยไมช่ อบด้วยกฎหมาย

นายณเดช รับราชการเปน็ เจ้าหนา้ ท่บี รหิ ารงานโยธา 7 สังกัดกรุงเทพ
มหานคร ไดร้ บั คำ� สงั่ ใหอ้ อกจากราชการ โดยถกู กลา่ วหาวา่ กระทำ� ผดิ วนิ ยั อยา่ ง
ร้ายแรงเนื่องจากรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา กรณีที่รายงานว่า นายมาริโอ้
เจา้ ของอาคารซง่ึ ตอ้ งรอื้ ถอนตามคำ� พพิ ากษาศาลฎกี า ไดย้ น่ื แบบขอแกไ้ ขอาคาร
ดงั กลา่ วใหถ้ กู ตอ้ ง ทง้ั ทค่ี วามจรงิ ปรากฏวา่ นายมารโิ อไ้ มไ่ ดม้ กี ารยน่ื แบบขอแกไ้ ข
อาคารแตอ่ ยา่ งใด
เม่ือได้รับค�ำส่ัง นายณเดช ได้ท�ำหนังสือร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการ
ขา้ ราชการกรงุ เทพมหานคร (ก.ก.) แตใ่ นเวลาตอ่ มานายณเดชมหี นงั สอื ขอถอน
คำ� รอ้ งทกุ ขด์ งั กลา่ วและนำ� คดมี าฟอ้ งตอ่ ศาลปกครองซงึ่ ศาลมคี ำ� สงั่ ไมร่ บั คำ� ฟอ้ ง
ไว้พิจารณาเน่ืองจากนายณเดชซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดียังไม่ได้ด�ำเนินการแก้ไขความ
เดือดร้อนเสียหายตามข้ันตอนที่กฎหมายก�ำหนด นายณเดชจึงท�ำหนังสือถึง
ก.ก. อกี ครงั้ เพอ่ื รอ้ งขอให้ ก.ก. รบั เรอ่ื งรอ้ งทกุ ข์ แต่ ก.ก. เหน็ วา่ นายณเดชรอ้ งทกุ ข์
เกนิ กำ� หนดและการขอถอนเรอ่ื งรอ้ งทกุ ขท์ ผี่ า่ นมามผี ลทำ� ใหก้ ารพจิ ารณารอ้ งทกุ ข์
ดงั กลา่ วมอี นั ตอ้ งระงบั ไปตามกฎหมาย จงึ มมี ตไิ มร่ บั เรอื่ งรอ้ งทกุ ขข์ องนายณเดช
ไวพ้ จิ ารณา เมอื่ นายณเดชหนั ซา้ ยขวาไมร่ จู้ ะพง่ึ ใคร จงึ เดนิ ทางมายน่ื ฟอ้ งคดตี อ่
ศาลปกครองอกี ครงั้ เพอื่ รอ้ งขอความเปน็ ธรรม
เรอ่ื งนศี้ าลปกครองพจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ หลงั จากทศ่ี าลปกครองมคี ำ� สง่ั
ไมร่ บั ฟอ้ ง เนอื่ งจากเหน็ วา่ นายณเดช ซงึ่ เปน็ ผฟู้ อ้ งคดยี งั ไมไ่ ดด้ ำ� เนนิ การตาม
ขน้ั ตอนทก่ี ฎหมายกำ� หนด นายณเดชจงึ ไดท้ ำ� หนงั สอื ถงึ หวั หนา้ สำ� นกั งาน ก.ก.
ร้องขอความเป็นธรรมให้พิจารณาเร่ืองร้องทุกข์ดังกล่าวอีกครั้ง ซ่ึงหัวหน้า
ส�ำนักงาน ก.ก. ได้มีหนังสือแจ้งกลับมายังผู้ฟ้องคดีให้ส่งส�ำเนาค�ำสั่งศาลให้
สำ� นกั งาน ก.ก. และผฟู้ อ้ งคดกี ไ็ ดป้ ฏบิ ตั ติ ามแลว้ นนั้ การที่ ก.ก. ปลอ่ ยใหเ้ วลา
ล่วงพ้นไปกว่า 5 เดือนจึงมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาว่าการขอถอนเรื่อง
ร้องทุกข์ของผู้ฟ้องคดีมีผลท�ำให้การพิจารณาร้องทุกข์มีอันต้องระงับไปตาม

6

กฎหมาย เหตผุ ลดงั กลา่ วไมอ่ าจรบั ฟงั ไดแ้ ละไมเ่ ปน็ ธรรมตอ่ ผฟู้ อ้ งคดเี นอ่ื งจาก
การขอถอนเรอื่ งรอ้ งทกุ ขม์ สี าเหตมุ าจากการไมไ่ ดร้ บั ความสะดวกและความลา่ ชา้
ในการขอขอ้ มลู ขา่ วสารเพ่ือนำ� มาใช้จดั ทำ� ค�ำร้องทุกข์ ดงั น้นั การจะห้ามไมใ่ ห้
ผฟู้ อ้ งคดใี ชส้ ทิ ธฟิ อ้ งคดตี อ่ ศาลดว้ ยเหตทุ ไี่ มไ่ ดย้ น่ื รอ้ งทกุ ขค์ ำ� สง่ั กอ่ นฟอ้ งคดอี กี
ย่อมจะไม่เป็นธรรม จึงถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีด�ำเนินการร้องทุกข์เพื่อแก้ไขความ
เดือดร้อนหรือเสียหายตามท่ีกฎหมายก�ำหนดแล้ว แต่ทางผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้มี
การสง่ั การใดๆ ภายในเวลาอนั สมควรหรอื ภายในระยะเวลาทก่ี ฎหมายกำ� หนด
สำ� หรบั เรอื่ งการรายงานเทจ็ ตอ่ ผบู้ งั คบั บญั ชาจนเปน็ เหตใุ หผ้ ฟู้ อ้ งคดไี ด้
รบั คำ� สง่ั ใหอ้ อกจากราชการนน้ั ศาลปกครองพจิ ารณาเหน็ วา่ นายนคร ซง่ึ เปน็
เจา้ หนา้ ทผ่ี รู้ บั ผดิ ชอบและเปน็ ผรู้ ายงานผลการดำ� เนนิ การประจำ� เดอื นเกย่ี วกบั
อาคารตามคำ� พพิ ากษาไดร้ ายงานเทจ็ ตอ่ หวั หนา้ ของตนวา่ นายมารโิ อ้ เจา้ ของ
อาคารพพิ าทขอยน่ื แบบแกไ้ ขอาคารทงั้ ทไี่ มไ่ ดม้ กี ารขอยนื่ แบบแตอ่ ยา่ งใดในขณะ
ทผี่ ฟู้ อ้ งคดซี ง่ึ เปน็ หวั หนา้ เหนอื ขน้ึ ไปจากหวั หนา้ ของนายนคร ไดร้ บั รายงานแลว้
ไมไ่ ดอ้ า่ นรายงานอยา่ งถถี่ ว้ นเนอื่ งจากเหน็ วา่ รายงานดงั กลา่ วผา่ นการกลน่ั กรอง
มาแลว้ ชนั้ หนง่ึ แตเ่ มอื่ ผฟู้ อ้ งคดที ราบความจรงิ กไ็ ดส้ ง่ั ใหล้ กู นอ้ งตรวจสอบขอ้ มลู
อีกคร้ังจนกระทั่งได้ข้อมูลท่ีเป็นจริงรายงานต่อผู้บังคับบัญชา ท�ำให้ทราบว่า
เอกสารขออนุมัติยุติคดีอาคารของนายนครเป็นเอกสารปลอม จากข้อเท็จจริง
ดังกล่าวมีน้�ำหนักรับฟังได้ว่าผู้ฟ้องคดีไม่ได้มีส่วนเก่ียวข้องกับการปลอมแปลง
เอกสาร และการรายงานเทจ็ ของผฟู้ อ้ งคดไี มไ่ ดเ้ ปน็ คณุ แกน่ ายมารโิ อถ้ งึ ขนาด
ท�ำให้ไม่ต้องรื้อถอนอาคารตามค�ำพิพากษาแต่อย่างใด ซึ่งเป็นการกระท�ำผิด
วินัยอย่างไม่ร้ายแรง ทั้งพฤติการณ์แห่งการกระท�ำผิดไม่เข้าลักษณะมีมลทิน
หรอื มวั หมองในกรณที ถี่ กู สอบสวนและหากใหร้ บั ราชการตอ่ ไปจะเปน็ การเสยี หาย
แกร่ าชการ การทผี่ ถู้ กู ฟอ้ งคดอี อกคำ� สง่ั ใหผ้ ฟู้ อ้ งคดอี อกจากราชการจงึ เปน็ การ
ใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ ศาลปกครองจึงพิพากษาให้เพิกถอนค�ำสั่งที่ให้ผู้ฟ้องคดี
ออกจากราชการและให้ด�ำเนินการเพื่อให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการตาม
ระเบียบ ข้อบังคับของทางราชการภายในสามสิบวันนับจากวันที่คดีถึงที่สุด
ตลอดจนคืนสิทธิต่างๆ ที่ผู้ฟ้องคดีจะต้องได้รับตามกฎหมายและระเบียบที่
เกยี่ วขอ้ งภายในสามสบิ วนั นบั จากวนั ทผ่ี ฟู้ อ้ งคดไี ดก้ ลบั เขา้ รบั ราชการ
(เทยี บเคยี งคำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.63/2551)

7

เกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลย
ตอ่ หนา้ ทต่ี ามทกี่ ฎหมายกำ� หนดใหต้ อ้ งปฏบิ ตั ิ หรอื ปฏบิ ตั หิ นา้ ทล่ี า่ ชา้
เกนิ สมควร

นายหมากซึ่งเป็นผู้ฟ้องในคดีน้ี เป็นเจ้าของที่ดินผืนหนึ่งในตัวเมือง
จงั หวดั เชยี งใหม่ ทด่ี นิ ของนายหมากอยตู่ ดิ กบั อาคารหอพกั ของนายปรนิ ซงึ่ กำ� ลงั
ก่อสร้าง นายหมากได้มีค�ำร้องถึงนายกเทศมนตรีขอให้ตรวจสอบการก่อสร้าง
อาคารหอพกั ของนายปรนิ วา่ ขดั ตอ่ กฎหมายหรอื ไม่ แตท่ างเทศบาลกลบั นงิ่ เฉย
จนนายหมากทำ� คำ� รอ้ งไปอกี ครง้ั ขอใหต้ รวจสอบหอพกั ดงั กลา่ วโดยเฉพาะเรอื่ ง
ของระยะห่างของอาคารกับเขตท่ีดินของตน ต่อมานายกเทศมนตรีซ่ึงเป็น
ผถู้ กู ฟอ้ งคดมี หี นงั สอื ตอบกลบั คำ� รอ้ งวา่ อาคารหอพกั ของนายปรนิ ไมร่ กุ ลำ้� ทด่ี นิ
ของผู้ฟ้องคดี แต่ผู้ฟ้องคดียังเห็นว่าการก่อสร้างอาคารหอพักของนายปริน
มบี างสว่ นชดิ กบั เขตทดี่ นิ ของตนซง่ึ มรี ะยะหา่ งจากเขตทดี่ นิ นอ้ ยกวา่ 50เซนตเิ มตร
โดยไม่ได้รับความยินยอมซ่ึงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีค�ำร้องให้ตรวจสอบ
ระยะหา่ งของอาคารกบั เขตทด่ี นิ ดงั กลา่ วอกี ครงั้
หลังจากได้รับค�ำร้องของนายหมาก ผู้ถูกฟ้องคดีใช้เวลาตรวจสอบ
นานกว่า 5 เดือนเศษก่อนจะพบว่าการก่อสร้างอาคารของนายปรินไม่ถูกต้อง
ตามใบอนญุ าตจรงิ แตว่ า่ เปน็ กรณที ส่ี ามารถแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งไดจ้ งึ ออกคำ� สง่ั ให้
แก้ไขอาคารให้มีระยะห่างตามที่กฎหมายก�ำหนดภายใน 30 วันและยื่นค�ำขอ
รบั ใบอนญุ าตดดั แปลงอาคารหลงั จากแกไ้ ขแลว้ เสรจ็ ภายใน 30 วนั เวลาผา่ นไป
4 เดือนเศษหลังจากได้รับค�ำส่ังให้แก้ไขอาคาร นายปรินจึงได้ยื่นค�ำขอรับใบ
อนญุ าตดดั แปลงอาคารและทางผถู้ กู ฟอ้ งคดกี ไ็ ดอ้ อกใบอนญุ าตใหใ้ นเวลาตอ่ มา
นายหมากเหน็ วา่ เรอ่ื งนไ้ี มเ่ ปน็ ธรรมกบั ตนจงึ มายนื่ ฟอ้ งคดกี บั ศาลปกครอง
ศาลปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่าการที่นายหมากซ่ึงเป็นผู้ฟ้องคดีมีค�ำร้องให้
ผถู้ กู ฟอ้ งคดตี รวจสอบการกอ่ สรา้ งหอพกั ของนายปรนิ วา่ ขดั ตอ่ กฎหมายหรอื ไม่
แตผ่ ถู้ กู ฟอ้ งคดกี ลบั นง่ิ เฉยจนผฟู้ อ้ งคดตี อ้ งยนื่ คำ� รอ้ งอกี ครงั้ ใหต้ รวจสอบในเรอ่ื ง
ดงั กลา่ ว ผถู้ กู ฟอ้ งคดจี งึ มหี นงั สอื ตอบกลบั คำ� รอ้ งวา่ อาคารหอพกั ไมไ่ ดร้ กุ ลำ้� ทด่ี นิ

8

ของผู้ฟ้องคดี อันเป็นการละเลยต่อหน้าท่ีตามกฎหมาย อีกทั้งเม่ือผู้ฟ้องคดีมี
ค�ำร้องเตือนให้ตรวจสอบเรื่องระยะห่างของอาคารกับเขตที่ดินในเวลาต่อมา
ผู้ถูกฟ้องคดีใช้เวลานานถึง 5 เดือนเศษจึงไปตรวจสอบแล้วพบว่าการก่อสร้าง
อาคารของนายปรินไม่ถูกต้องตามใบอนุญาตแต่เป็นกรณีท่ีสามารถแก้ไขได้
จงึ สงั่ ใหแ้ กไ้ ขภายใน 30 วนั และใหย้ นื่ ขอรบั ใบอนญุ าตดดั แปลงอาคารหลงั จาก
แกไ้ ขเสรจ็ ภายใน 30 วนั แตเ่ จา้ ของอาคารใชเ้ วลา 4 เดอื นเศษหลงั จากไดร้ บั
ค�ำส่ังจึงไปย่ืนขอรับใบอนุญาต โดยท่ีในระยะเวลาดังกล่าวผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้
ดำ� เนนิ การใดๆ ตามกฎหมายตามทเี่ จา้ พนกั งานทอ้ งถนิ่ จะตอ้ งปฏบิ ตั ิ ซงึ่ แสดง
ใหเ้ หน็ ถงึ ความไมส่ นใจทจี่ ะใหม้ กี ารบงั คบั ใชก้ ฎหมายใหเ้ กดิ ผลอยา่ งดที ส่ี ดุ
นอกจากน้ัน ผู้ฟ้องคดีได้ออกใบอนุญาตดัดแปลงอาคารให้นายปริน
แกไ้ ขผงั บรเิ วณกอ่ สรา้ งอาคารดา้ นทชี่ ดิ เขตทดี่ นิ ของผฟู้ อ้ งคดี แมจ้ ะมกี ารแกไ้ ข
อาคารดังกล่าวก็ยังฝ่าฝืนกฎหมายท่ีก�ำหนดให้อาคารที่มีความสูงเกิน 9 เมตร
แตไ่ มถ่ งึ 23 เมตร ผนงั หรอื ระเบยี งตอ้ งอยหู่ า่ งจากเขตทดี่ นิ ไมน่ อ้ ยกวา่ 3 เมตร
แตอ่ าคารหอพกั ของนายปรนิ อยหู่ า่ งจากเขตทดี่ นิ นอ้ ยกวา่ 3 เมตร แตไ่ มน่ อ้ ยกวา่
50เซนตเิ มตรผนงั จะตอ้ งปดิ ทบึ แตผ่ ถู้ กู ฟอ้ งคดยี นิ ยอมใหน้ ายปรนิ จดั ทำ� หนา้ ตา่ ง
บานเกล็ดท่ีช่องกันสาด แก้ไขประตูห้องพักไประเบียงเป็นหน้าต่างบานเกล็ด
ซง่ึ มลี ักษณะเปน็ ชอ่ งระบายอากาศและชอ่ งแสง แลว้ ให้การรบั รองว่าหนา้ ต่าง
บานเกลด็ ดงั กลา่ วเปน็ ผนงั ของหอ้ งพกั อยหู่ า่ งจากเขตทด่ี นิ เกนิ กวา่ 3 เมตรนน้ั
ถูกต้อง เป็นการตีความเบี่ยงเบนเพื่อช่วยเหลือให้นายปรินหลีกเล่ียงไม่ต้อง
ปฏิบัติตามกฎหมาย พฤติการณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีท่ีไม่ออกค�ำสั่งให้นายปรินซ่ึง
เปน็ เจา้ ของอาคารแกไ้ ขอาคารใหถ้ กู ตอ้ งตามกฎหมายจงึ เปน็ การละเลยตอ่ หนา้ ที่
ตามท่ีกฎหมายก�ำหนดให้ต้องปฏิบัติ ศาลปกครองจึงพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดี
ออกค�ำส่ังให้เจ้าของอาคารแก้ไขผนังอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายภายใน
สามสบิ วนั นบั แตว่ นั ทมี่ คี ำ� พพิ ากษา
(เทยี บเคยี งคำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.181/2553)

9

เกยี่ วกบั การกระทำ� ละเมดิ หรอื ความรบั ผดิ อยา่ งอนื่ ของหนว่ ยงาน
ทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐอันเกิดจากการใช้อ�ำนาจตาม
กฎหมายหรอื จากกฎ คำ� สง่ั หรอื จากการละเลยตอ่ หนา้ ทห่ี รอื ปฏบิ ตั ิ
หน้าทีล่ า่ ช้าเกนิ สมควร

น้องญาญ่าลูกสาวนางคิมหลานสาวนางค้ิมมีบ้านอยู่ในจังหวัด
สมุทรปราการซึ่งเป็นเขตเวนคืนก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่ได้มีการเวนคืน
ไปแล้วต้ังแต่ปีพ.ศ. 2523 แต่ยังไม่ได้มีการก่อสร้างสนามบิน รัฐจึงปล่อยให้
ชาวบ้านแถบน้ันอาศัยอยู่เรื่อยมา จนเมื่อจะมีการก่อสร้างจึงได้มีการส�ำรวจ
ข้อมูลราษฎรในพื้นที่โครงการในปีพ.ศ. 2536 โดยคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้
บรษิ ทั ทา่ อากาศยานสากลกรงุ เทพแหง่ ใหม่ จำ� กดั หรอื บทม. เปน็ ผดู้ ำ� เนนิ การ
อพยพโยกย้ายชาวบ้านออกจากพ้ืนท่ีโครงการโดยให้เงินช่วยเหลือชาวบ้าน
ตามหลกั เกณฑ์ 5 ขอ้ คอื (1) เปน็ บา้ นทปี่ ลกู กอ่ นการสำ� รวจเมอ่ื ปพี .ศ. 2536
(2) มีสภาพเป็นบ้านพักอาศัย (3) สภาพบ้านเป็นสัดส่วนแยกจากหลังใหญ่
ท่ีได้รับเงินช่วยเหลือค่าชดเชยไปแล้วโดยเด็ดขาด (4) มีทะเบียนบ้านถูกต้อง
และ (5) ตอ้ งทำ� กนิ อยใู่ นพน้ื ทหี่ รอื มพี นื้ ทท่ี ำ� กนิ ในบรเิ วณพนื้ ทก่ี อ่ สรา้ งสนามบนิ
โดยมอี ตั ราใหค้ วามชว่ ยเหลอื ตามหลกั เกณฑข์ า้ งตน้ ดงั น้ี (1) ผไู้ มผ่ า่ น
หลักเกณฑท์ ้ัง 5 ข้อ จะชว่ ยเหลือรายละ 5,000 บาท เนื่องจากมีสง่ิ ปลูกสร้าง
อยใู่ นพนื้ ท่ี (2) ผทู้ ผ่ี า่ นหลกั เกณฑ์ 1 ขอ้ ชว่ ยเหลอื รายละ 20,000 บาท (3) ผทู้ ่ี
ผา่ นหลกั เกณฑ์ 2 ขอ้ ชว่ ยเหลอื รายละ 50,000 บาท (4) ผทู้ ผี่ า่ นหลกั เกณฑ์ 3 ขอ้
ชว่ ยเหลอื รายละ 100,000 บาท (5) ผทู้ ผี่ า่ นหลกั เกณฑ์ 4 ขอ้ ชว่ ยเหลอื รายละ
200,000 บาท (6) ผทู้ ผี่ า่ นหลกั เกณฑ์ 5 ขอ้ ชว่ ยเหลอื รายละ 800,000 บาท
นอ้ งญาญา่ นำ� คดมี าฟอ้ งตอ่ ศาลปกครองเนอ่ื งจากไมพ่ อใจทไี่ ดร้ บั เงนิ
ชว่ ยเหลอื เพยี ง 20,000 บาท เนอ่ื งจาก บทม. ซงึ่ เปน็ ผถู้ กู ฟอ้ งในคดนี เี้ หน็ วา่ บา้ น
ของผู้ฟ้องคดีเป็นบ้านประเภทนอกบัญชีส�ำรวจที่ได้มีการส�ำรวจไปเมื่อปี พ.ศ.
2536 ซง่ึ คดนี ศี้ าลปกครองพจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ ตามสำ� เนาทะเบยี นบา้ นดงั กลา่ ว
มีช่ือนางคิ้มเป็นหัวหน้าครอบครัว และเป็นมารดาของนางคิมซ่ึงเป็นแม่ของ

10

ผฟู้ อ้ งคดีโดยทม่ี พี ยานยนื ยนั วา่ นางคมิ้ ไดย้ กบา้ นหลงั นใี้ หแ้ กผ่ ฟู้ อ้ งคดีนอกจากนน้ั
ในใบมรณบัตรของนางค้ิมระบุว่านางค้ิมเสียชีวิตเมื่อปีพ.ศ. 2535 และขณะ
เสียชีวิตนางคิ้มอยู่ท่ีบ้านหลังดังกล่าว ย่อมรับฟังได้ว่าบ้านหลังน้ีปลูกสร้างข้ึน
แลว้ ในปพี .ศ. 2535 ซึ่งตรงตามหลักเกณฑ์ขอ้ (1) ทั้งนี้ สำ� เนาทะเบยี นบา้ นมี
ชอ่ื ของหลานของผฟู้ อ้ งคดอี ยอู่ าศยั และบรเิ วณบา้ นประกอบดว้ ยพน้ื ทที่ ำ� กนิ ซง่ึ
เปน็ สวนและบอ่ ปลา ซงึ่ รบั ฟงั ไดว้ า่ บา้ นหลงั ดงั กลา่ วมสี ภาพเปน็ บา้ นพกั อาศยั
เป็นสัดส่วนแยกเป็นเอกเทศจากบ้านหลังอื่นและมีทะเบียนบ้านถูกต้องตรง
ตามหลกั เกณฑข์ อ้ ที่ (2) (3) และ (4)
อย่างไรก็ตาม ผู้ฟ้องคดียอมรับว่าไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว
แตอ่ ยกู่ บั สามที บ่ี า้ นอกี หลงั หนง่ึ โดยมอบใหห้ ลานเปน็ ผอู้ ยอู่ าศยั และใหช้ ว่ ยดแู ล
บ่อปลาแทนผู้ฟ้องคดี และถึงแม้หลักเกณฑ์ข้อ (5) ระบุว่าผู้ท่ีจะได้รับเงิน
ช่วยเหลือจะต้องท�ำกินอยู่ในพื้นท่ีหรือมีพื้นท่ีท�ำกินในบริเวณพ้ืนท่ีก่อสร้าง
สนามบนิ โดยทไี่ มไ่ ดร้ ะบชุ ดั เจนวา่ ผมู้ สี ทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ ชว่ ยเหลอื จะตอ้ งทำ� กนิ ดว้ ย
ตนเอง แตเ่ มอ่ื คำ� นงึ ถงึ วตั ถปุ ระสงคใ์ นการกำ� หนดหลกั เกณฑท์ ต่ี อ้ งการบรรเทา
ความเดอื ดรอ้ นหรอื เสยี หายของราษฎรจากการทตี่ อ้ งยา้ ยออกจากพน้ื ท่ี ผฟู้ อ้ งคดี
จะต้องเป็นผู้ท่ีเคยได้รับประโยชน์โดยตรงและสม�่ำเสมอมาโดยตลอดจากการ
ทำ� กนิ ในพนื้ ทนี่ น้ั มากอ่ น ไมว่ า่ จะทำ� กนิ เองโดยมอบใหผ้ อู้ นื่ ดแู ลหรอื มอบใหผ้ อู้ นื่
ท�ำกินแทนแล้วให้ประโยชน์ตอบแทน ซึ่งในคดีนี้ผู้ฟ้องคดีเพียงแต่อ้างว่าได้ให้
ผู้อ่ืนดูแลบ่อปลาแทนโดยมีพยานบุคคลให้ถ้อยค�ำสนับสนุนข้อกล่าวอ้าง แต่
ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าผู้ฟ้องคดีได้ท�ำกินอยู่ในพ้ืนท่ีหรือมีพื้นที่
ทำ� กนิ อยใู่ นบรเิ วณนนั้ ทง้ั พยานบคุ คลทกี่ ลา่ วอา้ งกเ็ ปน็ พยานทผ่ี ฟู้ อ้ งคดอี า้ งขน้ึ
ทง้ั สน้ิ ศาลจงึ เหน็ วา่ ผฟู้ อ้ งคดอี ยใู่ นหลกั เกณฑต์ ามขอ้ (1) (2) (3) และ (4) เทา่ นน้ั
จงึ มคี ำ� พพิ ากษาใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดชี ำ� ระเงนิ ชว่ ยเหลอื จำ� นวน 200,000 บาท ใหแ้ ก่
ผฟู้ อ้ งคดี
(เทยี บเคยี งคำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.280/2551)

11

เก่ียวกบั สัญญาทางปกครอง

นายบอยมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นถนน สะพาน โรงเรียน
โรงแรม อาคาร ห้างร้าน นายบอยรับสร้างทุกส่ิง จนเม่ือ 16 สิงหาคม 2550
นายบอยไดท้ ำ� สญั ญารบั จา้ งกบั ทางเทศบาลปรบั ปรงุ เกาะกลางถนน มรี ะยะเวลา
ทำ� งาน 180 วนั โดยจะไดร้ บั คา่ กอ่ สรา้ งทง้ั สนิ้ 940,000 บาท จนเมอ่ื เวลาผา่ นไป
นายบอยปรับปรุงเกาะกลางถนนแล้วเสร็จส่งมอบงานงวดสุดท้ายให้ทาง
เทศบาลเมอื่ วนั ที่ 20 มถิ นุ ายน 2551 เทศบาลตรวจรบั งานและจา่ ยคา่ จา้ งใหก้ บั
นายบอยโดยไดห้ กั เงนิ คา่ ปรบั งานลา่ ชา้ จำ� นวน 277,300 บาท นายบอยจงึ ทำ�
หนังสือถึงเทศบาลเพื่อขอขยายระยะเวลาและคืนเงินค่าปรับ เนื่องจากเห็นว่า
ตามมตคิ ณะรฐั มนตรเี มอื่ วนั ที่ 17 มถิ นุ ายน 2551 มมี ตใิ หช้ ว่ ยเหลอื ผปู้ ระกอบ
อาชพี กอ่ สรา้ งและผปู้ ระกอบอาชพี อน่ื โดยใหข้ ยายระยะเวลาและคนื เงนิ คา่ ปรบั
แกผ่ รู้ บั จา้ งทท่ี ำ� สญั ญากอ่ นวนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2550 ตามหลกั เกณฑท์ กี่ ำ� หนด เพอ่ื
บรรเทาผลกระทบจากวิกฤตราคาน�้ำมัน เหล็กและวัสดุก่อสร้างที่มีราคาสูงขึ้น
แตท่ างเทศบาลแจง้ วา่ ไมส่ ามารถคนื เงนิ ใหน้ ายบอยไดเ้ นอ่ื งจากสญั ญาดงั กลา่ ว
มกี ารสง่ มอบงานเสรจ็ สน้ิ แลว้ กอ่ นทนี่ ายบอยจะขอขยายระยะเวลาสง่ มอบงาน
เพื่อขอคืนเงินค่าปรับ นายบอยเห็นว่าการที่เทศบาลปฏิเสธไม่ขยายระยะเวลา
และคนื เงนิ คา่ ปรบั ทำ� ใหธ้ รุ กจิ ของตนขาดสภาพคลอ่ งไมส่ ามารถไปรบั งานอนื่ ได้
ทำ� ใหธ้ รุ กจิ เสยี หาย นายบอยจงึ มายน่ื ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครอง
คดนี ี้ศาลปกครองพิจารณาแล้วเหน็ วา่ สัญญาระหวา่ งนายบอยซ่ึงเปน็
ผฟู้ อ้ งคดกี บั เทศบาลซงึ่ เปน็ ผถู้ กู ฟอ้ งคดเี กดิ ขนึ้ กอ่ นวนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2550 และ
เมอื่ ครบกำ� หนดสง่ งานแลว้ ผฟู้ อ้ งคดยี งั ทำ� งานไมเ่ สรจ็ ผถู้ กู ฟอ้ งคดกี ไ็ มไ่ ดใ้ ชส้ ทิ ธิ
บอกเลกิ สญั ญาแตอ่ ยา่ งใดยงั คงปลอ่ ยใหผ้ ฟู้ อ้ งคดที ำ� งานจนแลว้ เสรจ็ สง่ มอบงาน
เมอ่ื วนั ท่ี 20 มถิ นุ ายน 2551 อนั เปน็ การสง่ มอบงานงวดสดุ ทา้ ยภายหลงั วนั ท่ี 1
ตุลาคม 2550 ซึ่งล่วงเลยก�ำหนดและผู้ถูกฟ้องคดีก็ได้หักเงินค่าปรับไว้ ทั้งน้ี
ผฟู้ อ้ งคดไี ดย้ น่ื คำ� ขอรบั ความชว่ ยเหลอื เมอื่ วนั ที่ 1 สงิ หาคม 2551 ซงึ่ อยใู่ นกำ� หนด
60 วันนับแต่วันท่ี 17 มิถุนายน 2551 ซ่ึงเป็นวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ

12

มาตรการช่วยเหลือดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีจึงปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและ
วิธีการท่ีก�ำหนดไว้ถูกต้องครบถ้วน จึงย่อมได้รับความช่วยเหลือโดยต้องขยาย
ระยะเวลาในสญั ญาใหเ้ ปน็ เวลา 180 วนั อนั จะมผี ลทำ� ใหผ้ ฟู้ อ้ งคดไี มต่ อ้ งเสยี
คา่ ปรบั ทส่ี ง่ งานเลยกำ� หนดตามสญั ญา
อย่างไรก็ตาม เทศบาลซ่ึงเป็นผู้ถูกฟ้องคดีอ้างว่าสัญญาพิพาทเป็น
สญั ญาจา้ งทำ� ของ เมอ่ื นายบอยซง่ึ เปน็ ผฟู้ อ้ งคดสี ง่ มอบงานและทางเทศบาลได้
จา่ ยคา่ จา้ งใหแ้ ลว้ สญั ญาดงั กลา่ วยอ่ มระงบั ไปตามกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
ส่วนความรับผิดในเร่ืองความช�ำรุดบกพร่องของงานตามสัญญาเป็นเร่ืองที่
คสู่ ญั ญาตอ้ งปฏบิ ตั ภิ ายหลงั อายสุ ญั ญาสน้ิ สดุ ลงแลว้ แตไ่ มใ่ ชห่ ลกั เกณฑต์ าม
กฎหมายทจี่ ะขยายเวลาสญั ญาหรอื ตอ่ อายสุ ญั ญาได้ ซง่ึ ประเดน็ นศี้ าลปกครอง
เหน็ วา่ สญั ญาดงั กลา่ วเปน็ สญั ญาทางปกครองซง่ึ นติ สิ มั พนั ธต์ อ้ งบงั คบั กนั ตาม
หลักกฎหมายปกครอง โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ใช้บังคับโดย
อนุโลมเท่าที่ไม่ขัดกับหลักกฎหมายปกครอง และมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว
เปน็ หลกั ดลุ ยภาพทางการเงนิ ในสญั ญาทางปกครอง ซง่ึ เปน็ มาตรการชว่ ยเหลอื
คสู่ ญั ญากบั ทางราชการทป่ี ระสบภาวะวกิ ฤตราคานำ้� มนั เหลก็ และวสั ดกุ อ่ สรา้ งที่
สงู ข้ึน อนั เปน็ เหตุทใี่ นขณะท�ำสัญญาต่อกันไม่อาจคาดหมายลว่ งหน้าได้วา่ จะ
เกิดขึ้น และเป็นเหตุไม่ปกติที่เมื่อเกิดข้ึนแล้วก่อความเสียหายอย่างร้ายแรงใน
การปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาถงึ ขนาดทที่ ำ� ใหค้ สู่ ญั ญาฝา่ ยเอกชนขาดทนุ เกนิ ขนาดและ
นานเกนิ กวา่ บคุ คลธรรมดาจะคาดหมายได้ ซง่ึ วธิ กี ารขยายระยะเวลาของสญั ญา
หรืองด ลด หรือคืนค่าปรับฐานผิดสัญญาให้คู่สัญญาฝ่ายเอกชนแล้วแต่กรณี
เพ่ือให้ดุลยภาพทางการเงินท่ีเอกชนเสียไปกลับคืนมาและสามารถด�ำเนินการ
ตามสญั ญาอนั เปน็ บรกิ ารสาธารณะไดต้ อ่ ไปตามหลกั กฎหมายปกครองวา่ ดว้ ย
บรกิ ารสาธารณะตอ้ งมคี วามตอ่ เนื่อง ดงั นน้ั ผู้ถูกฟ้องคดีจะปฏเิ สธไมใ่ ห้ความ
ชว่ ยเหลอื ผฟู้ อ้ งคดโี ดยยกประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ยข์ น้ึ มากลา่ วอา้ งจงึ
ไมส่ ามารถทำ� ได้ ศาลปกครองจงึ พพิ ากษาใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดคี นื เงนิ คา่ ปรบั จำ� นวน
277,300 บาท พรอ้ มดอกเบยี้ รอ้ ยละ 7.5 ตอ่ ปขี องเงนิ ตน้ ดงั กลา่ ว นบั แตว่ นั ถดั
จากวนั ฟอ้ งเปน็ ตน้ ไปจนกวา่ จะชำ� ระเสรจ็
(เทยี บเคยี งคำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.465/2556)

13

ทม่ี กี ฎหมายกำ� หนดใหห้ นว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั
ต้องฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลกระท�ำการหรือละเว้น
กระท�ำการ

ปา้ พดุ จบี เศรษฐนี ใี นตำ� บลหอมหมน่ื ล้ี อยากตอ่ เตมิ บา้ นเอาไวร้ บั แขก
จงึ เรยี กชา่ งมาตอ่ เตมิ ทง้ั ทบุ และรอ้ื เนอื้ ทไี่ มพ่ อกส็ รา้ งยนื่ ออกไปอกี พอสรา้ งเสรจ็
เสียงร่�ำลือถึงบ้านหลังใหม่ของป้าพุดจีบลอยไปเข้าหูนายกเทศมนตรี นายก
เทศมนตรจี งึ สงั่ ใหล้ กู นอ้ งไปดคู ำ� ขออนญุ าตดดั แปลงอาคารของปา้ วา่ ทำ� เกนิ กวา่
ทข่ี อไวห้ รอื ไม่ เมอ่ื ลกู นอ้ งกลบั มารายงานวา่ ไมม่ ใี บขออนญุ าตดดั แปลงอาคาร
จากปา้ พดุ จบี มายน่ื ไวเ้ ลย นายกเทศมนตรซี งึ่ เปน็ ผฟู้ อ้ งในคดนี จี้ งึ ออกคำ� สงั่ ให้
ระงบั การกอ่ สรา้ ง ดดั แปลงอาคาร คำ� สง่ั หา้ มใชห้ รอื เขา้ ไปในสว่ นใดของอาคาร
และคำ� สง่ั ใหร้ อื้ ถอนอาคารทดี่ ดั แปลงสง่ ไปถงึ ปา้ พดุ จบี ซงึ่ เปน็ ผถู้ กู ฟอ้ งในคดนี ี้
เมอ่ื ครบกำ� หนดเวลาตามคำ� สงั่ แลว้ ยงั ไมเ่ หน็ ความคบื หนา้ จากปา้ พดุ จบี
นายกเทศมนตรจี งึ มคี ำ� สงั่ แตง่ ตงั้ คณะทำ� งานดำ� เนนิ การรอ้ื ถอนสว่ นทด่ี ดั แปลง
ของบ้านป้าพุดจีบ คณะท�ำงานชุดดังกล่าวได้ไปเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ไม่ได้รับ
ความรว่ มมอื ใดๆจากปา้ พดุ จบี คณะทำ� งานจงึ ออกคำ� สง่ั กำ� หนดวนั ทจ่ี ะเขา้ รอื้ ถอน
สว่ นทด่ี ดั แปลงของบา้ นปา้ พดุ จบี และปดิ ประกาศคำ� สงั่ นนั้ ไวท้ หี่ นา้ บา้ นปา้ พดุ จบี
และเม่ือถึงวันท่ีจะเข้าท�ำการร้ือถอน คณะท�ำงานด�ำเนินการร้ือถอนพร้อมด้วย
เจา้ หนา้ ทท่ี เี่ กยี่ วขอ้ งเดนิ ทางไปยงั บา้ นปา้ พดุ จบี แตพ่ อมาถงึ กลบั เจอรถกระบะ
จอดขวางหน้าบ้านและประตูร้ัวคล้องกุญแจไว้ และพบว่าป้าพุดจีบไม่อยู่บ้าน
เหลือเพียงแต่น้องชายที่ไม่ยอมเปิดประตูรั้วให้ นอกจากจะได้รับอนุญาตจาก
ปา้ พดุ จบี เทา่ นนั้ ตวั แทนของคณะทำ� งานดำ� เนนิ การรอื้ ถอนจงึ โทรศพั ทไ์ ปเจรจา
กับป้าพุดจีบ แต่ไม่ว่าจะชี้แจงเหตุผลใดๆ ก็ตาม ป้าพุดจีบก็ไม่ยอมให้รื้อ
คณะท�ำงานด�ำเนินการร้ือถอนจึงไปแจ้งความลงบันทึกประจ�ำวันที่สถานี
ตำ� รวจภธู รหอมหมน่ื ล้ี และนำ� เรอ่ื งดงั กลา่ วไปรายงานใหน้ ายกเทศมนตรที ราบ
นายกเทศมนตรีหอมหมื่นลี้จึงน�ำเร่ืองน้ีมาย่ืนฟ้องต่อศาลปกครอง
ขอใหม้ คี ำ� สงั่ จบั กมุ และกกั ขงั ปา้ พดุ จบี หรอื เจา้ ของบา้ นในขณะนน้ั และมคี ำ� สงั่ ให้

14

เจ้าพนักงานท้องถิ่นเข้าท�ำการร้ือถอนส่วนที่ดัดแปลงของบ้านป้าพุดจีบตาม
พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ.2522
ศาลปกครองชน้ั ตน้ พจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ การใหศ้ าลมคี ำ� สงั่ จบั กมุ
และกักขังป้าพุดจีบหรือเจ้าของบ้านในขณะน้ันเป็นการใช้มาตรการ
บังคับทางปกครองที่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพมากเกินกว่าเหตุ
จ�ำเป็น และเทศบาลเองก็สามารถที่จะใช้ก�ำลังพอสมควรแก่เหตุเข้า
ดำ� เนนิ การรอื้ ถอนบา้ นปา้ พดุ จบี ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรการบงั คบั ทางปกครอง
ได้เองอยู่แล้วโดยไม่จ�ำเป็นต้องให้ศาลมีค�ำสั่งให้เจ้าพนักงานท้องถ่ิน
เข้าท�ำการรื้อถอนแต่อย่างใด จึงมีค�ำสั่งยกค�ำร้องของเทศบาลและ
ใหจ้ ำ� หนา่ ยคดอี อกจากสารบบความ

เทศบาลยน่ื อทุ ธรณต์ อ่ ศาลปกครองสงู สดุ โดยใหเ้ หตผุ ลวา่ เมอ่ื จะเขา้
ดำ� เนนิ การรอ้ื ถอนบา้ นทดี่ ดั แปลงตอ่ เตมิ โดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตแตไ่ ดร้ บั การขดั ขวาง
จากผคู้ รอบครองบา้ นในขณะนนั้ ทำ� ใหไ้ มส่ ามารถเขา้ ทำ� การรอ้ื ถอนได้ จงึ จำ� เปน็
ตอ้ งขออำ� นาจตามมาตรา 43 วรรคหนง่ึ (1) แหง่ พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร
พ.ศ.2522 ในการจับกุมและกักขังเจ้าของบ้านที่ไม่ปฏิบัติตามค�ำสั่งของ
เจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนกระบวนการที่กฎหมาย
กำ� หนดไวแ้ ลว้ ทกุ ประการโดยเครง่ ครดั เพราะหากใชก้ ำ� ลงั เขา้ ดำ� เนนิ การรอื้ ถอน
บ้านป้าพุดจีบ จะต้องยกรถที่จอดขวางประตูออก ต้องตัดกุญแจที่คล้องปิด
ประตูร้ัวบ้าน และต้องใช้ก�ำลังจับตัวน้องชายป้าพุดจีบให้ออกมาจากบ้าน ซึ่ง
การกระท�ำดังกล่าวย่อมต้องมีการต่อสู้ขัดขืน จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่
ทรัพย์สินหรืออาจเกิดอันตรายต่อร่างกายหรือชีวิต ส่งผลให้มีการฟ้องร้องเป็น
คดีอาญา คดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย และคดีปกครองตามมา หากศาลมีค�ำส่ัง
จับกุมและกักขังป้าพุดจีบหรือเจ้าของบ้านในขณะน้ัน ย่อมจะเป็นการใช้
มาตรการบังคับทางปกครองท่ีเหมาะสมและกระทบกับสิทธิและเสรีภาพของ
ปา้ พดุ จบี นอ้ ยกวา่ การใชก้ ำ� ลงั เขา้ รอ้ื ถอนบา้ น
ศาลปกครองสงู สดุ พเิ คราะหแ์ ลว้ เหน็ วา่ การทป่ี า้ พดุ จบี ไดน้ ำ� รถกระบะ
มาจอดขวางประตทู างเขา้ บา้ น และมกี ารคลอ้ งกญุ แจดา้ นนอกปดิ รวั้ บา้ นในวนั
ท่ีคณะท�ำงานด�ำเนินการร้ือถอนจะเข้าท�ำการรื้อถอนบ้านที่ดัดแปลง ต่อเติม
โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการจงใจขัดขวางการท�ำงานของเจ้าหน้าที่ และ

15

ในวนั ดงั กลา่ วคณะทำ� งานดำ� เนนิ การรอ้ื ถอน มที ง้ั เจา้ หนา้ ทตี่ ำ� รวจ คนงานรอ้ื ถอน
ช่างวิศวกร และเจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้องอีกประมาณ 50 คน จึงสามารถท่ีจะใช้
กำ� ลงั เขา้ บงั คบั รอ้ื ถอนเองไดต้ ามมาตรา 43 วรรคหนง่ึ (2) แหง่ พระราชบญั ญตั ิ
ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และหากการใช้ก�ำลงั น้ันจะมีผลกระทบตอ่ ทรพั ย์สนิ
ไปบ้าง ก็ยังเป็นมาตรการท่ีรุนแรงน้อยกว่าการท่ีจะให้ศาลมีค�ำสั่งจับกุมและ
กกั ขงั ซงึ่ สง่ ผลกระทบอยา่ งรนุ แรงตอ่ สทิ ธแิ ละเสรภี าพของปา้ พดุ จบี หรอื เจา้ ของ
บา้ นในขณะนนั้ และเหน็ ไดว้ า่ เทศบาลยงั ไมไ่ ดใ้ ชม้ าตรการบงั คบั ในหนทางอน่ื
แก่ป้าพุดจีบซึ่งสามารถด�ำเนินการได้ จึงไม่สมควรท่ีศาลจะมีค�ำสั่งจับกุมและ
กักขังป้าพุดจีบหรือเจ้าของบ้านในขณะน้ันตามค�ำร้องขอ และท่ีกล่าวว่าการ
ด�ำเนินการรื้อถอนอาจจะถูกขัดขวางหรือถูกด�ำเนินคดีต่างๆ ทั้งคดีอาญา
คดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย หรือคดีปกครองน้ัน ก็เป็นเพียงการคาดการณ์ของ
เทศบาลหอมหมื่นล้ีเท่านั้น อีกทั้งหากการด�ำเนินการเป็นไปโดยชอบด้วย
กฎหมายแลว้ กไ็ มต่ อ้ งกลวั วา่ จะถกู ฟอ้ งรอ้ งดำ� เนนิ คดแี ตอ่ ยา่ งใด
16

และแมว้ า่ จะถกู ขดั ขวางไมใ่ หเ้ ขา้ ทำ� การรอ้ื ถอนได้ แตเ่ ทศบาลกส็ ามารถ
ทจ่ี ะใชก้ ำ� ลงั พอสมควรแก่เหตุเข้าดำ� เนนิ การเพ่อื ใหเ้ ปน็ ไปตามมาตรการบงั คบั
ทางปกครองได้เองอยู่แล้วตามมาตรา 60 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติ
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 อันเป็นขั้นตอนการด�ำเนินการตาม
อำ� นาจหนา้ ทขี่ องเจา้ พนกั งานทอ้ งถน่ิ ตามมาตรา 43 วรรคหนง่ึ (2) แหง่ พระราช
บญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร พ.ศ.2522 ซง่ึ กฎหมายกำ� หนดกระบวนการขนั้ ตอนไวแ้ ลว้
ศาลจึงไม่จ�ำเป็นต้องมีค�ำสั่งให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินเข้าท�ำการรื้อถอนอาคาร
ส่วนท่ีดัดแปลง ดังน้ัน การท่ีศาลปกครองชั้นต้นมีค�ำสั่งยกค�ำร้องของ
เทศบาลและใหจ้ ำ� หนา่ ยคดอี อกจากสารบบความนน้ั ศาลปกครองสงู สดุ
เหน็ พอ้ งดว้ ย จงึ มคี ำ� สง่ั ยนื ตามคำ� สง่ั ของศาลปกครองชนั้ ตน้
(เทยี บเคยี งคำ� สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ 614/2558)

17

ที่มกี ฎหมายก�ำหนดใหอ้ ยใู่ นเขตอำ� นาจของศาลปกครอง
(กรณีท่ีฟ้องขอให้เพิกถอนค�ำช้ีขาดหรือบังคับตามค�ำชี้ขาดของ
อนญุ าโตตุลาการเกยี่ วกับสญั ญาทางปกครอง)

ส�ำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษายื่นค�ำร้องต่อศาลปกครอง
ขอให้เพิกถอนค�ำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการจากข้อพิพาทกรณีท่ีนางสาวชมพู่
เจา้ ของบรษิ ทั กอ่ สรา้ ง ชมพู่ คอนสตรคั ชน่ั จำ� กดั ไดร้ บั จา้ งกอ่ สรา้ งอาคารของ
วิทยาลัยสารพัดช่างแห่งหนึ่ง เม่ือก่อสร้างแล้วเสร็จและได้มีการตรวจรับงาน
เรยี บรอ้ ย ตอ่ มาสำ� นกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษาซงึ่ เปน็ ผรู้ อ้ งไดต้ รวจพบ
ความเสียหายของงานก่อสร้าง ซ่ึงตามสัญญาประกันความช�ำรุดบกพร่อง
ของงานกอ่ สรา้ งนม้ี รี ะยะเวลา 2 ปนี บั ถดั จากวนั ทไี่ ดร้ บั มอบงาน คอื ภายในวนั ท่ี
5 มนี าคม 2544 โดยผรู้ อ้ งไดเ้ สนอขอ้ พพิ าทตอ่ อนญุ าโตตลุ าการวา่ ระหวา่ งวนั ท่ี
12 พฤษภาคม 2543 ถงึ วนั ที่ 22 มนี าคม 2544 เจา้ หนา้ ทขี่ องผรู้ อ้ งไดต้ รวจพบ
ความชำ� รดุ บกพรอ่ งของงานกอ่ สรา้ งหลายจดุ ซง่ึ รวมแลว้ เปน็ คา่ ซอ่ มแซมจำ� นวน
173,685 บาท แต่ผู้คัดค้านเห็นว่าความเสียหายในส่วนของการแตกร้าวของ
ผนงั ปนู หนา้ อาคาร เสาคำ�้ ยนั คานผนงั และพนื้ หอ้ งชา่ งยนตซ์ งึ่ คดิ เปน็ คา่ ซอ่ มแซม
จ�ำนวน 40,925 บาท เป็นความเสียหายท่ีไม่ได้เกิดขึ้นก่อนหรือภายในวันท่ี 5
มนี าคม 2544 ซง่ึ เปน็ วนั สดุ ทา้ ยของการรบั ประกนั ความชำ� รดุ บกพรอ่ งของงาน
ก่อสร้างตามสัญญา ผู้คัดค้านจึงไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายในส่วนนี้ ซ่ึง
ขอ้ พพิ าทดงั กลา่ วอนญุ าโตตลุ าการมคี ำ� วนิ จิ ฉยั วา่ ผรู้ อ้ งตรวจสอบพบความชำ� รดุ
บกพรอ่ งและความเสยี หายของอาคารเรยี น เฉพาะในสว่ นของการแตกรา้ วของ
ผนงั ปนู หนา้ อาคาร เสาคำ�้ ยนั คานผนงั และพน้ื หอ้ งชา่ งยนต์ ตามเอกสารลงวนั ที่
22 มนี าคม 2544 เปน็ เวลาภายหลงั จากครบกำ� หนด 2 ปนี บั แตว่ นั ทผี่ รู้ อ้ งไดร้ บั
มอบงานแล้ว นางสาวชมพู่ซ่ึงเป็นผู้คัดค้านจึงไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหาย
ในสว่ นนซี้ งึ่ คดิ เปน็ เงนิ 40,925 บาท เมอื่ หกั ออกจากคา่ ซอ่ มแซมทงั้ หมดจำ� นวน
173,685 บาท คงเหลือค่าซ่อมแซมท่ีผู้คัดค้านต้องรับผิดชอบเป็นเงินจ�ำนวน
132,760 บาท

18

ศาลปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่าค�ำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไม่ได้
เป็นค�ำช้ีขาดวินิจฉัยข้อพิพาทซ่ึงไม่อยู่ในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการ
หรอื คำ� ชข้ี าดวนิ จิ ฉยั เกนิ ขอบเขตแหง่ ขอ้ ตกลงในการเสนอขอ้ พพิ าทตอ่ อนญุ าโต-
ตลุ าการทศี่ าลจะเพกิ ถอนไดต้ ามกฎหมาย ทง้ั ไมไ่ ดม้ กี รณปี รากฏวา่ การยอมรบั
หรือการบังคับตามค�ำชี้ขาดนั้นเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม
อนั ดขี องประชาชนทศ่ี าลจะเพกิ ถอนไดต้ ามกฎหมาย ศาลปกครองจงึ พพิ ากษา
ยกคำ� รอ้ งดงั กลา่ ว
(เทยี บเคยี งคำ� พพิ ากษาศาลปกครองกลางที่ 1482/2555)

ผู้สนใจสามารถหาข้อมูลเพ่มิ เตมิ
เกย่ี วกบั พระราชบญั ญัตอิ นุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545

ได้ที่ http://www.krisdika.go.th

19

20

ประชาชนทมี่ ปี ญั หาพพิ าทกบั หนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั
ในเรื่องดังกล่าวข้างต้น และมีความประสงค์จะใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง
สามารถย่ืนฟ้องคดีต่อศาลปกครองชั้นต้นที่ตนมีภูมิล�ำเนาหรือท่ีมูลคดีเกิดขึ้น
แตก่ ม็ บี างกรณที ต่ี อ้ งยนื่ ฟอ้ งตอ่ ศาลปกครองสงู สดุ โดยตรง กรณเี หลา่ นไ้ี ดแ้ ก่
1. คดีพิพาทเก่ียวกับค�ำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท
ตามที่ท่ีประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดประกาศก�ำหนด หมายถึง
เมื่อท่ีประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดประกาศก�ำหนดให้ค�ำวินิจฉัย
ของคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทใดต้องฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด
ประชาชนผไู้ ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นหรอื เสยี หายจากคำ� วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการ
วนิ จิ ฉยั ขอ้ พพิ าทดงั กลา่ ว กต็ อ้ งยนื่ ฟอ้ งตอ่ ศาลปกครองสงู สดุ โดยตรง
2. คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา
หรือกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรีหรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
หมายถงึ โดยปกตแิ ลว้ เมอ่ื ประชาชนไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นหรอื เสยี หายจาก “กฎ”
ประชาชนต้องยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองชั้นต้นที่มีเขตอ�ำนาจ แต่ถ้าเป็นกฎ
ที่ตราขึ้นหรือออกโดยคณะรัฐมนตรีหรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ในกรณเี ชน่ นก้ี ฎหมายไดก้ ำ� หนดใหย้ นื่ ฟอ้ งตอ่ ศาลปกครองสงู สดุ โดยตรง
3. คดที มี่ กี ฎหมายกำ� หนดใหอ้ ยใู่ นอำ� นาจศาลปกครองสงู สดุ หมายถงึ
เม่ือมีกฎหมายก�ำหนดให้เรื่องใดต้องย่ืนฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด ประชาชน
ท่ีมีความประสงค์จะใช้สิทธิยื่นฟ้องในเร่ืองดังกล่าวก็ต้องยื่นฟ้องคดีต่อ
ศาลปกครองสงู สดุ โดยตรง

21

การฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองสงู สดุ จะตอ้ งยน่ื ฟอ้ งคดที ศ่ี าลปกครองสงู สดุ
ซง่ึ มแี หง่ เดยี วตง้ั อยใู่ นกรงุ เทพมหานคร

ศาลปกครองสงู สดุ และศาลปกครองกลาง
ตง้ั อยทู่ ี่ อาคารศาลปกครอง ถนนแจง้ วฒั นะ แขวงทงุ่ สองหอ้ ง เขตหลกั สี่
กรงุ เทพมหานคร 10210 โทร. 0 2141-1111 Call center 1355

ไปปากเกรด็ บกิ๊ ซี ศาลปกครองสงู สดุ
ศาลปกครองกลาง
สำ� นกั งานศาลปกครอง ไปดอนเมอื ง

DSI ถนนแจง้ วฒั นะสำ� นหกั ลงกัานสเี่ ขต วดั หลกั ส่ี

กรมการกงสลุ

CAT ไปสะพานใหม่
TOT
กองบญั ชาการ ถนนวภิ าวดรี พงั รสมะ.ติรนาคชรภถฎั นนพMหaลxโVยaธlนิu
กองทพั ไทย สถานรี ถไฟหลกั สี่

ไป ม.เกษตรฯ อนสุ าวรยี ห์ ลกั สี่
ถนนรามอนิ ทรา

ศาลปกครองสงู สดุ มเี ขตอำ� นาจทวั่ ราชอาณาจกั ร
ศาลปกครองกลางมีเขตอ�ำนาจครอบคลุมพื้นท่ีกรุงเทพมหานคร

จงั หวดั นครปฐม นนทบรุ ี ปทมุ ธานี สมทุ รปราการ และสมทุ รสาคร และจงั หวดั อน่ื
ทไ่ี มไ่ ดอ้ ยใู่ นเขตอำ� นาจของศาลปกครองในภมู ภิ าคแหง่ ใดแหง่ หนงึ่

22

หน่วยงานทางปกครองที่อาจถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้มีอยู่ 7 ประเภท
ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. หนว่ ยราชการทเ่ี ปน็ ราชการสว่ นกลาง ไดแ้ ก่ กระทรวง กรม
2. หนว่ ยราชการทเี่ ปน็ ราชการสว่ นภมู ภิ าค ไดแ้ ก่ จงั หวดั อำ� เภอ
3. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ เทศบาล องค์การบริหารส่วนต�ำบล
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั กรงุ เทพมหานคร และเมอื งพทั ยา
4. รฐั วสิ าหกจิ ทจ่ี ดั ตง้ั ขนึ้ โดยพระราชบญั ญตั ิ เชน่ การรถไฟแหง่ ประเทศไทย
การประปานครหลวง หรอื รฐั วสิ าหกจิ ทจ่ี ดั ตงั้ ขนึ้ โดยพระราชกฤษฎกี า เชน่ องคก์ าร
ขนส่งมวลชนกรุงเทพ แต่ไม่รวมถึงรัฐวิสาหกิจท่ีจัดตั้งขึ้นในรูปของบริษัทหรือ
บรษิ ทั มหาชนจำ� กดั เชน่ บรษิ ทั การบนิ ไทย จำ� กดั (มหาชน)
5. หนว่ ยงานของรฐั ทม่ี ไิ ดเ้ ปน็ สว่ นราชการและรฐั วสิ าหกจิ หรอื ทเ่ี รยี กกนั วา่
องค์การมหาชน เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ส�ำนักงานคณะกรรมการ
กำ� กบั หลกั ทรพั ยแ์ ละตลาดหลกั ทรพั ย์
6. หนว่ ยงานอสิ ระตามรฐั ธรรมนญู เชน่ สำ� นกั งานศาลปกครอง สำ� นกั งาน
ศาลยตุ ธิ รรม
7. หน่วยงานท่ีได้รับมอบหมายจากรัฐให้ใช้อ�ำนาจทางปกครองหรือให้
ด�ำเนินกิจการทางปกครอง เช่น แพทยสภา สภาทนายความ ส�ำนักงานช่างรังวัด
เอกชน บรษิ ทั ทา่ อากาศยานไทย จำ� กดั (มหาชน)
ดังน้ัน หน่วยงานทางปกครองที่อาจถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครองจึงไม่รวมถึง
รฐั สภาทใ่ี ชอ้ ำ� นาจทางนติ บิ ญั ญตั แิ ละศาลทใ่ี ชอ้ ำ� นาจทางตลุ าการ

23

เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ทอี่ าจถกู ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครอง ไดแ้ ก่
1. ขา้ ราชการ พนกั งาน ลกู จา้ ง คณะบคุ คลหรอื ผทู้ ปี่ ฏบิ ตั งิ านในหนว่ ยงาน
ทางปกครอง ไดแ้ ก่
1.1 ข้าราชการในกระทรวง กรม เช่น รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี
ผอู้ ำ� นวยการกอง
1.2 ขา้ ราชการในจงั หวดั อำ� เภอ เชน่ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั นายอำ� เภอ
1.3 พนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เช่น นายกเทศมนตรี
ปลดั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล ผอู้ ำ� นวยการเขตของกรงุ เทพมหานคร
1.4 พนกั งานรฐั วสิ าหกจิ เชน่ ผวู้ า่ การการไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย
ผอู้ ำ� นวยการการทา่ เรอื แหง่ ประเทศไทย
1.5 พนักงานขององค์การมหาชน เช่น ผู้อ�ำนวยการองค์การสงเคราะห์
ทหารผา่ นศกึ ผอู้ ำ� นวยการโรงพยาบาลบา้ นแพว้
1.6 เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ เช่น เลขาธิการ
สำ� นกั งานศาลปกครอง เลขาธกิ ารสำ� นกั งานศาลยตุ ธิ รรม
2. คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท คณะกรรมการหรือบุคคลซ่ึงมีกฎหมาย
ให้อ�ำนาจในการออกกฎ ค�ำส่ัง หรือมติใดๆ ที่มีผลกระทบต่อบุคคล เช่น
คณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื นคณะกรรมการพจิ ารณาอทุ ธรณต์ ามกฎหมายตา่ งๆ
คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ สภามหาวิทยาลัย
สภาทอ้ งถนิ่
3. บุคคลท่ีอยู่ในบังคับบัญชาหรือในก�ำกับดูแลของหน่วยงานทางปกครอง
หรอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั เชน่ กำ� นนั ผใู้ หญบ่ า้ น เจา้ หนา้ ทขี่ องเอกชนทไี่ ดร้ บั มอบหมาย
ใหจ้ ดั ทำ� บรกิ ารสาธารณะ

24

1. พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ.2542 ได้บัญญัติยกเว้นคดีพิพาทเก่ียวกับหน่วยงานทางปกครองหรือ
เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั บางประเภททไ่ี มส่ ามารถนำ� มาฟอ้ งตอ่ ศาลได้ ไดแ้ ก่

- การด�ำเนินการเก่ียวกับวินัยทหาร ไม่ว่าจะเป็นการลงทัณฑ์แก่
ผกู้ ระทำ� ผดิ ตอ่ วนิ ยั ทหารหรอื เปน็ การดำ� เนนิ การทางวนิ ยั อยา่ งอน่ื

- การดำ� เนนิ การของคณะกรรมการตลุ าการ(ก.ต.)ตามพระราชบญั ญตั ิ
ระเบยี บขา้ ราชการฝา่ ยตลุ าการศาลยตุ ธิ รรม พ.ศ. 2543 ซง่ึ มใิ ชเ่ ปน็ การพจิ ารณา
พิพากษาคดี แต่เป็นการบริหารงานบุคคลของผู้พิพากษาศาลยุติธรรม เช่น
การแตง่ ตงั้ โยกยา้ ย การเลอื่ นตำ� แหนง่ การลงโทษทางวนิ ยั เปน็ ตน้

- คดีที่อยู่ในอ�ำนาจของศาลช�ำนัญพิเศษต่างๆ ที่อยู่ในระบบศาล
ยตุ ธิ รรม ซง่ึ ไดจ้ ดั ตง้ั ขนึ้ กอ่ นทจ่ี ะมกี ารจดั ตงั้ ศาลปกครอง ไดแ้ ก่ คดที อี่ ยใู่ นอำ� นาจ
ของศาลเยาวชนและครอบครัว คดีที่อยู่ในอ�ำนาจของศาลแรงงาน คดีที่อยู่ใน
อำ� นาจของศาลภาษอี ากร คดที อี่ ยใู่ นอำ� นาจของศาลทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาและ
การคา้ ระหวา่ งประเทศ คดที อ่ี ยใู่ นอำ� นาจของศาลลม้ ละลาย

25

2. คดีที่มีกฎหมายยกเว้นอ�ำนาจศาลปกครองไว้โดยเฉพาะ เช่น
พระราชก�ำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ. 2544 บัญญัติว่ามิให้น�ำ
กฎหมายวา่ ดว้ ยการจดั ตง้ั ศาลปกครองและวธิ พี จิ ารณาคดปี กครอง มาใชบ้ งั คบั
แก่การด�ำเนินการเกี่ยวกับการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของบรรษัท
บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ์ ทย (บสท.) และการออกระเบยี บ ขอ้ บงั คบั คำ� สง่ั คำ� วนิ จิ ฉยั
การอนญุ าต และการกระทำ� อนื่ ใดของคณะกรรมการและคณะกรรมการบรหิ าร
อนั เกยี่ วกบั การบรหิ ารสนิ ทรพั ยด์ อ้ ยคณุ ภาพตามพระราชกำ� หนดน้ี
3. คดีท่ีคู่กรณีหรือผู้ถูกฟ้องคดีมิใช่หน่วยงานทางปกครองหรือ
เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั เชน่ สหกรณอ์ อมทรพั ย์ รฐั วสิ าหกจิ ทจ่ี ดั ตงั้ ขน้ึ ในรปู ของบรษิ ทั
หรอื บรษิ ทั มหาชนจำ� กดั เชน่ ธนาคารกรงุ ไทยจำ� กดั (มหาชน)บรษิ ทั ทา่ อากาศยาน
สากลกรงุ เทพแหง่ ใหม่ จำ� กดั เปน็ ตน้
4. คดที ค่ี กู่ รณเี ปน็ หนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั แตก่ าร
กระทำ� ดงั กลา่ วเปน็ การกระทำ� สว่ นตวั มไิ ดเ้ ปน็ การกระทำ� ทใี่ ชอ้ ำ� นาจทางปกครอง
หรอื ดำ� เนนิ กจิ การทางปกครอง เชน่ เทศบาลไมย่ อมชำ� ระหนคี้ า่ จา้ งทำ� อาหาร
เล้ียงรับรองในงานเลี้ยงของเทศบาล มหาวิทยาลัยของรัฐท�ำสัญญากับเอกชน
ให้เช่าห้องประชุมเพ่ือจัดงานแต่งงาน แต่ผิดสัญญาไม่สามารถให้เอกชนใช้
หอ้ งประชมุ ในวนั ดงั กลา่ วได้ พลทหารอาสาสมคั รบกุ รกุ เขา้ ไปทำ� ลายทรพั ยส์ นิ
ในเคหสถานของเอกชนเพราะมเี รอ่ื งทะเลาะววิ าทกนั เปน็ การสว่ นตวั เปน็ ตน้

26

5. คดีแพ่ง หรือคดีอาญา ซึ่งเป็นการด�ำเนินงานตามกระบวนการ
ยตุ ธิ รรมทางแพง่ หรอื ทางอาญา เชน่ การฟอ้ งวา่ เจา้ พนกั งานบงั คบั คดยี ดึ และ
ขายทอดตลาดทรพั ยส์ นิ โดยไมช่ อบซงึ่ การบงั คบั คดดี งั กลา่ วเปน็ การบงั คบั คดแี พง่
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่อยู่ในอ�ำนาจของศาลยุติธรรม
การจับกุมของเจ้าหน้าท่ีต�ำรวจ การสอบสวน และการเปรียบเทียบปรับของ
พนกั งานสอบสวน และการสงั่ ฟอ้ งหรอื สงั่ ไมฟ่ อ้ งคดอี าญาของพนกั งานอยั การ
ซ่ึงเป็นข้ันตอนการด�ำเนินงานในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาท่ีจะน�ำไปสู่
การน�ำตัวผู้กระท�ำความผิดมาลงโทษทางอาญาตามท่ีบัญญัติไว้ในประมวล
กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา เปน็ ตน้
6. คดีท่ีฟ้องขอให้ศาลปกครองลงโทษทางอาญาแก่เจ้าหน้าท่ีของรัฐ
ซ่ึงการลงโทษทางอาญาเป็นอ�ำนาจของศาลยุติธรรม ไม่ได้อยู่ในอ�ำนาจของ
ศาลปกครอง

27

1. ผปู้ ระสงคจ์ ะฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองจะตอ้ งเปน็ ผทู้ ไี่ ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น
เสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจาก
การกระทำ� หรอื งดเวน้ การกระทำ� ของหนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั
หรอื มขี อ้ โตแ้ ยง้ เกยี่ วกบั สญั ญาทางปกครอง หรอื กรณอี น่ื ใดทอ่ี ยใู่ นเขตอำ� นาจของ
ศาลปกครอง
กรณผี เู้ ยาวห์ รอื คนไรค้ วามสามารถประสงคจ์ ะฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองจะ
ตอ้ งใหผ้ แู้ ทนโดยชอบธรรมหรอื ผอู้ นบุ าลเปน็ ผฟู้ อ้ งคดแี ทน เวน้ แตผ่ เู้ ยาวซ์ ง่ึ มอี ายุ
ไมต่ ำ�่ กวา่ 15 ปบี รบิ รู ณ์ ศาลอาจอนญุ าตใหฟ้ อ้ งคดดี ว้ ยตนเองไดห้ ากเหน็ สมควร
กรณคี นเสมอื นไรค้ วามสามารถประสงคจ์ ะฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองจะตอ้ ง
ได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ก่อน และต้องแนบหนังสือแสดงความยินยอม
มาพรอ้ มกบั คำ� ฟอ้ งดว้ ย
2. หากมกี ฎหมายกำ� หนดใหด้ ำ� เนนิ การเพอื่ แกไ้ ขความเดอื ดรอ้ นหรอื เสยี หาย
ในเรอ่ื งใดไวโ้ ดยเฉพาะผปู้ ระสงคจ์ ะฟอ้ งคดจี ะตอ้ งดำ� เนนิ การแกไ้ ขความเดอื ดรอ้ น
หรอื เสยี หายนน้ั กอ่ น และเมอื่ ไดม้ กี ารสงั่ การตามกฎหมาย หรอื ไมไ่ ดม้ กี ารสง่ั การ
ภายในเวลาอันสมควรหรือภายในเวลาท่ีกฎหมายก�ำหนด จึงจะน�ำคดีมาฟ้อง
ตอ่ ศาลปกครองได้ เชน่ คำ� สงั่ ลงโทษทางวนิ ยั หากผถู้ กู ลงโทษไมพ่ อใจกบั คำ� สง่ั
ดงั กลา่ วและประสงคจ์ ะฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครอง ผถู้ กู ลงโทษตอ้ งอทุ ธรณค์ ำ� สงั่ นน้ั
ก่อนภายในเวลาที่กฎหมายก�ำหนด เม่ือเจ้าหน้าที่หรือคณะกรรมการได้วินิจฉัย
อทุ ธรณห์ รอื ไมไ่ ดว้ นิ จิ ฉยั อทุ ธรณภ์ ายในเวลาทก่ี ฎหมายกำ� หนดหรอื ภายในเวลา
อนั สมควร ผถู้ กู ลงโทษจงึ มสี ทิ ธนิ ำ� คดมี าฟอ้ งตอ่ ศาลปกครองได้
กรณที มี่ กี ฎหมายกำ� หนดใหต้ อ้ งอทุ ธรณค์ ำ� สง่ั ทางปกครอง แตผ่ ปู้ ระสงค์
จะฟอ้ งคดไี มไ่ ดอ้ ทุ ธรณค์ ำ� สงั่ กอ่ นนำ� คดมี าฟอ้ งตอ่ ศาลปกครอง หรอื อทุ ธรณค์ ำ� สง่ั
นน้ั แลว้ แตย่ งั ไมท่ ราบผลการพจิ ารณาและยงั อยใู่ นระยะเวลาการพจิ ารณาอทุ ธรณ์
ของเจา้ หนา้ ทห่ี รอื คณะกรรมการผมู้ อี ำ� นาจพจิ ารณาอทุ ธรณ์แตผ่ ปู้ ระสงคจ์ ะฟอ้ งคดี
กลบั รบี นำ� คดมี าฟอ้ งศาล ศาลปกครองจะมคี ำ� สงั่ ไมร่ บั คำ� ฟอ้ งนน้ั ไวพ้ จิ ารณา
3. จดั ทำ� คำ� ฟอ้ งตามทกี่ ฎหมายกำ� หนดการทำ� คำ� ฟอ้ งไมม่ แี บบฟอรม์ บงั คบั
แตต่ อ้ งทำ� คำ� ฟอ้ งเปน็ หนงั สอื โดยจะเขยี นดว้ ยลายมอื หรอื พมิ พก์ ไ็ ด้ แตจ่ ะฟอ้ งดว้ ย
วาจาหรอื ฟอ้ งทางโทรศพั ทไ์ มไ่ ด้
4. ยนื่ คำ� ฟอ้ งภายในระยะเวลาทกี่ ฎหมายกำ� หนด
28

การฟ้องคดีท่ีขอให้เพิกถอนกฎ ซ่ึงหมายถึง พระราชกฤษฎีกา
กฎกระทรวง ระเบียบ หรือบทบัญญัติอื่นท่ีมีผลบังคับเป็นการท่ัวไป โดย
ไมไ่ ดม้ งุ่ หมายใหใ้ ชบ้ งั คบั แกก่ รณใี ดหรอื บคุ คลใดเปน็ การเฉพาะ ผทู้ ไ่ี ดร้ บั ความ
เดือดร้อนเสียหายสามารถมาฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้เลยโดยไม่จ�ำเป็น
ต้องอุทธรณ์กฎดังกล่าวไปยังองค์กรอ่ืนอีก ยกเว้นกรณีที่มีกฎหมาย
กำ� หนดใหต้ อ้ งอทุ ธรณก์ ฎนน้ั เสยี กอ่ นจงึ จะฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองได้ เชน่
ประกาศก�ำหนดเขตระบบโครงขา่ ยไฟฟา้ แรงสูง ซง่ึ มสี ภาพเป็นกฎ จึงตอ้ ง
อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการก�ำกับกิจการพลังงานก่อน จึงจะฟ้องคดีต่อ
ศาลปกครองได้

29

การฟอ้ งคดปี กครองจะตอ้ งดำ� เนนิ การภายในระยะเวลาทก่ี ฎหมายกำ� หนดดงั นี้
1. คดพี พิ าทเกยี่ วกบั การทห่ี นว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั
ออกกฎ คำ� สง่ั ทางปกครองหรอื กระทำ� การอน่ื ใดโดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย
ผฟู้ อ้ งคดจี ะตอ้ งยน่ื ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองภายใน 90 วนั นบั แตว่ นั ท่ี
รหู้ รอื ควรรถู้ งึ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี

ฟ้องไดใ้ นชว่ ง 90 วัน

วนั ทร่ี หู้ รอื ควรรถู้ งึ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี ครบ 1 วนั ครบ 2 วนั ครบ 3 วนั ครบ...วนั ครบ 90 วนั
วนั ท่ี 90
(ยนื่ ฟอ้ งคดไี ดต้ ง้ั แตว่ นั น)้ี วนั ที่ 1 วนั ท่ี 2 วนั ที่ 3 วนั ท.่ี ..

การนบั ระยะเวลาการฟอ้ งคดปี กครองอา้ งองิ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
มาตรา 193/3 วรรคสอง โดยจะมไิ ดน้ บั รวมวนั แรกแหง่ ระยะเวลานนั้ เขา้ ไวด้ ว้ ย ดงั นนั้ การนบั
ระยะเวลาจะนบั วนั ถดั ไปเปน็ วนั ท่ี 1

ตวั อยา่ ง
นายปอ๊ ดรบั ราชการเปน็ ครอู ยทู่ โี่ รงเรยี นแหง่ หนง่ึ ถกู คำ� สง่ั ลงโทษทางวนิ ยั
จงึ มายน่ื ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองขอใหเ้ พกิ ถอนคำ� สง่ั ดงั กลา่ ว โดยกอ่ นหนา้ นนั้
นายปอ๊ ดซงึ่ เปน็ ผฟู้ อ้ งคดไี ดย้ นื่ อทุ ธรณค์ ำ� สงั่ ดงั กลา่ วตอ่ คณะกรรมการขา้ ราชการ
ครู(ก.ค.)แลว้ และทางก.ค.วนิ จิ ฉยั ยกอทุ ธรณ์โดยมหี นงั สอื ลงวนั ที่10พฤษภาคม
2547 ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังบ้านของผู้ฟ้องคดี โดยมีแม่ยายของ
ผฟู้ อ้ งคดเี ปน็ ผรู้ บั หนงั สอื ไวแ้ ทน ในคดนี ผ้ี ฟู้ อ้ งคดอี า้ งวา่ ไมไ่ ดร้ บั ทราบผลอทุ ธรณ์
จึงน�ำคดีมาฟ้องต่อศาลล่าช้า ซ่ึงศาลปกครองพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้จะไม่
ปรากฏว่าผู้ฟ้องคดีได้รับทราบผลอุทธรณ์เมื่อใด แต่จากหนังสือของผู้ฟ้องคดี
ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2547 ถึงผอ.ส�ำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและ
บคุ ลากรทางการศกึ ษา วา่ ไดร้ บั แจง้ ผลการพจิ ารณาอทุ ธรณแ์ ละสทิ ธกิ ารฟอ้ งคดี
ต่อศาลปกครอง และมีความประสงค์ขอถ่ายส�ำเนาเอกสารเพื่อประกอบการ
ด�ำเนินการทางศาลปกครอง น้ัน ถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีได้รับแจ้งผลการพิจารณา
อทุ ธรณแ์ ลว้ ตง้ั แตว่ นั ที่ 11 มถิ นุ ายน 2547 ซงึ่ ผฟู้ อ้ งคดตี อ้ งมายน่ื ฟอ้ งคดภี ายใน
90 วนั นบั แตว่ นั ที่ 11 มถิ นุ ายน 2547 ซง่ึ ถอื เปน็ วนั ทร่ี เู้ หตแุ หง่ การฟอ้ งคดี แต่
ผู้ฟ้องคดีมายื่นฟ้องเม่ือวันที่ 20 มกราคม 2548 ซึ่งเกินก�ำหนด 90 วันนับแต่

30

วนั ทร่ี เู้ หตแุ หง่ การฟอ้ งคดดี งั กลา่ ว จงึ เปน็ การฟอ้ งคดเี มอ่ื พน้ กำ� หนดระยะเวลา
ศาลปกครองจงึ มคี ำ� สง่ั ไมร่ บั คำ� ฟอ้ งไวพ้ จิ ารณา
(เทยี บเคยี งคำ� สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ 539/2548)
2. คดพี พิ าทเกย่ี วกบั การทห่ี นว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั
ละเลยตอ่ หนา้ ทตี่ ามทก่ี ฎหมายกำ� หนดใหต้ อ้ งปฏบิ ตั หิ รอื ปฏบิ ตั หิ นา้ ทล่ี า่ ชา้ เกนิ สมควร
ผฟู้ อ้ งคดจี ะตอ้ งยน่ื ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองภายใน 90 วนั นบั แตว่ นั ทร่ี ู้
หรอื ควรรถู้ งึ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี

วนั ทร่ี หู้ รอื ควรรถู้ งึ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี ฟอ้ งไดใ้ นช่วง 90 วัน ครบ 90 วนั
(ยน่ื ฟอ้ งคดไี ดต้ งั้ แตว่ นั น)ี้ วนั ที่ 90
ครบ 1 วนั ครบ 2 วนั ครบ 3 วนั ครบ...วนั

วนั ที่ 1 วนั ที่ 2 วนั ท่ี 3 วนั ท.ี่ ...

การนบั ระยะเวลาการฟอ้ งคดปี กครองอา้ งองิ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
มาตรา 193/3 วรรคสอง โดยจะมไิ ดน้ บั รวมวนั แรกแหง่ ระยะเวลานนั้ เขา้ ไวด้ ว้ ย ดงั นนั้ การนบั
ระยะเวลาจะนบั วนั ถดั ไปเปน็ วนั ท่ี 1

ในกรณที ผ่ี ฟู้ อ้ งคดไี ดม้ หี นงั สอื รอ้ งขอตอ่ หนว่ ยงานทางปกครองหรอื
เจ้าหน้าที่ของรัฐให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างใดอย่างหน่ึงแต่หน่วยงานละเลยต่อหน้าที่
หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร กรณีเช่นนี้จะเริ่มนับระยะเวลาการฟ้องคดี
ตง้ั แตว่ นั ทพี่ น้ กำ� หนด 90 วนั นบั แตว่ นั ทผี่ ฟู้ อ้ งคดไี ดม้ หี นงั สอื รอ้ งขอตอ่ หนว่ ยงาน

รอหนว่ ยงาน 90 วนั หรอื ภายในเวลาทก่ี ำ� หนด ฟอ้ งไดใ้ นชว่ ง 90 วนั

ครบ 1 วนั ครบ 2 วนั ครบ 3 วนั ครบ...วนั ครบ 90 วนั พน้ กำ� หนดเวลา / ยนื่ ฟอ้ งคดไี ด้ (วนั ท่ี 90)
วนั ทร่ี อ้ งขอตอ่ หนว่ ยงาน (วนั ที่ 1)

วนั ท่ี 1 วนั ที่ 2 วนั ท่ี 3 วนั ท.ี่ .. วนั ท่ี 90 /
หนว่ ยงานไมด่ ำ� เนนิ การ

การนบั ระยะเวลาการฟอ้ งคดปี กครองอา้ งองิ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์
มาตรา 193/3 วรรคสอง โดยจะมไิ ดน้ บั รวมวนั แรกแหง่ ระยะเวลานน้ั เขา้ ไวด้ ว้ ย ดงั นนั้ การนบั
ระยะเวลาจะนบั วนั ถดั ไปเปน็ วนั ท่ี 1

31

ตวั อยา่ ง
นางแย้มยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ขอให้ศาลส่ังให้อธิบดีกรมท่ีดิน
แกไ้ ขความเดอื ดรอ้ นเสยี หายทเี่ กดิ จากการทเ่ี จา้ พนกั งานทด่ี นิ ระบรุ ายละเอยี ด
ในโฉนดทดี่ นิ คลาดเคลอ่ื นจากท่ี น.ส.3 ระบวุ า่ ทศิ ตะวนั ตกจดชายทะเล แตโ่ ฉนด
ทดี่ นิ ทเ่ี จา้ พนกั งานทด่ี นิ ออกใหก้ ลบั ระบวุ า่ ทศิ ตะวนั ตกจดทดี่ นิ มกี ารครอบครอง
นางแย้มซึ่งเป็นผู้ฟ้องในคดีนี้จึงมีหนังสือลงวันที่ 15 ธันวาคม 2546 ขอให้
ผถู้ กู ฟอ้ งคดแี กไ้ ขโฉนดทด่ี นิ ดงั กลา่ ว แตผ่ ถู้ กู ฟอ้ งคดกี ลบั นง่ิ เฉยไมม่ กี ารแจง้ ผล
การพจิ ารณาแตอ่ ยา่ งใด คดนี ศี้ าลปกครองพจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ เมอ่ื ผฟู้ อ้ งคดมี ี
หนงั สอื ลงวนั ท่ี 15 ธนั วาคม 2546 ถงึ ผถู้ กู ฟอ้ งคดขี อใหพ้ จิ ารณาแกไ้ ขโฉนดทด่ี นิ
ซึ่งถือได้ว่าเป็นวันท่ีร้องขอต่อหน่วยงาน ในกรณีที่หน่วยงานไม่ได้แจ้งผลการ
พจิ ารณาภายใน90วนั (หรอื ภายในวนั ท่ี14มนี าคม2547)ผฟู้ อ้ งคดจี ะตอ้ งนำ� คดี
มายน่ื ฟอ้ งตอ่ ศาลปกครองภายใน 90 วนั นบั จากพน้ กำ� หนด 90 วนั ดงั กลา่ วหรอื
ภายในวนั ที่ 12 มถิ นุ ายน 2547 แตผ่ ฟู้ อ้ งคดยี นื่ ฟอ้ งเมอื่ วนั ท่ี 13 กนั ยายน 2547
จงึ เปน็ การฟอ้ งคดที เ่ี กนิ กำ� หนดระยะเวลาการฟอ้ งคดตี ามกฎหมาย ศาลปกครอง
จึงมีค�ำสั่งไม่รับค�ำฟ้องไว้พิจารณาและให้จ�ำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
(เทยี บเคยี งคำ� สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี 450/2548)
หรอื หากผฟู้ อ้ งคดไี ดร้ บั หนงั สอื ชแ้ี จงจากหนว่ ยงานแตเ่ หน็ วา่ เปน็ คำ� ชแ้ี จง
ท่ีไม่มีเหตุผล กรณีเช่นนี้จะเร่ิมนับระยะเวลาการฟ้องคดีตั้งแต่วันท่ีผู้ฟ้องคดี
ไดร้ บั หนงั สอื ชแี้ จง

รอหนว่ ยงาน ฟอ้ งไดใ้ นชว่ ง 90 วนั

วนั ทร่ี อ้ งขอตอ่ หนว่ ยงาน ครบ 1 วนั ครบ 2 วนั ครบ 3 วนั ครบ...วนั วนั ทไี่ ดร้ บั หนงั สอื ชแี้ จง (วนั ที่ 90)
วนั ท่ี 1 วนั ท่ี 2 วนั ที่ 3 วนั ท.่ี .. (วนั ที่ 1)

32

ตวั อยา่ ง
สถาปนิกชานนท์ได้ยน่ื ร้องเรียนกบั รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย
ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งสภาสถาปนิกให้พิจารณาการด�ำเนินการของ
สภาสถาปนกิ วา่ มกี ารใชอ้ ำ� นาจโดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมายรฐั มนตรวี า่ การกระทรวง
มหาดไทยซง่ึ เปน็ ผถู้ กู ฟอ้ งในคดนี จี้ งึ ไดม้ อบหมายใหก้ รมโยธาธกิ ารและผงั เมอื ง
สอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว ต่อมากรมโยธาธิการฯ ได้แจ้งผลการสอบสวนให้
สถาปนิกชานนท์ทราบ แต่สถาปนิกชานนท์ไม่พอใจผลการสอบสวนเนื่องจาก
เหน็ วา่ ไมไ่ ดม้ กี ารพจิ ารณาความผดิ ของกรรมการสภาสถาปนกิ แตเ่ ปน็ เพยี งการ
ส่งส�ำเนาผลการสอบสวนให้ตนทราบเท่านั้น สถาปนิกชานนท์จึงน�ำคดีมาฟ้อง
ต่อศาลปกครองขอให้ศาลมีค�ำพิพากษาหรือค�ำส่ังให้ผู้ถูกฟ้องคดีพิจารณา
ความผิดของคณะกรรมการสภาสถาปนิก ซึ่งศาลปกครองพิจารณาเห็นว่า
สถาปนิกชานนท์ซ่ึงเป็นผู้ฟ้องคดี ได้ร้องเรียนต่อผู้ถูกฟ้องคดีและได้รับแจ้งผล
การสอบสวนตามหนงั สอื ลงวนั ที่ 5 ตลุ าคม 2555 แตผ่ ฟู้ อ้ งคดไี มพ่ อใจผลการ
สอบสวนดังกล่าวจึงน�ำคดีมาฟ้องต่อศาล แม้ว่าไม่ปรากฏว่าผู้ฟ้องคดีได้รับ
หนงั สอื ตอบกลบั จากหนว่ ยงานเมอื่ ใด แตเ่ มอื่ นบั จากวนั ทกี่ รมโยธาธกิ ารฯ ไดม้ ี
หนงั สอื ลงวนั ที่ 5 ตลุ าคม 2555 และผฟู้ อ้ งคดนี ำ� คดมี ายน่ื ฟอ้ งตอ่ ศาลปกครอง
เมอื่ วนั ที่ 9 พฤศจกิ ายน 2555 จงึ อยใู่ นชว่ งเวลา 90 วนั ทไ่ี ดร้ บั หนงั สอื ชแ้ี จง ซงึ่ เปน็
กรณที อี่ ยใู่ นระยะเวลาการฟอ้ งคดี ศาลปกครองจงึ มคี ำ� สงั่ รบั คำ� ฟอ้ งไวพ้ จิ ารณา
(เทยี บเคยี งคำ� สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี 889/2557)

33

3. คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระท�ำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของ
หนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ใหย้ นื่ ฟอ้ งภายใน 1 ปี นบั แตว่ นั ทร่ี ู้
หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี แต่ไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันที่มีเหตุแห่งการ
ฟอ้ งคดี และจะตอ้ งฟอ้ งภายในระยะเวลาไมเ่ กนิ 10 ปนี น้ั
ตวั อยา่ ง
นายสงกรานตน์ ำ� คดมี ายนื่ ฟอ้ งตอ่ ศาลปกครองขอใหศ้ าลมคี ำ� พพิ ากษา
หรือค�ำส่ังให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ช�ำระเงินเดือนและเงินประจ�ำ
ตำ� แหนง่ จากการทสี่ ภาอบจ.มมี ตเิ มอ่ื ปพี .ศ. 2545 ถอดถอนตนออกจากตำ� แหนง่
สมาชกิ สภาอบจ. ซงึ่ ศาลปกครองไดม้ คี ำ� พพิ ากษาใหเ้ พกิ ถอนมตดิ งั กลา่ ว
ในเรอื่ งนี้ศาลปกครองพจิ ารณาเหน็ วา่ การทนี่ ายสงกรานตซ์ ง่ึ เปน็ ผฟู้ อ้ งคดี
มหี นงั สอื ลงวนั ท่ี 2 กรกฎาคม 2556 เพอ่ื ขอใหอ้ บจ.ซง่ึ เปน็ ผถู้ กู ฟอ้ งคดชี ำ� ระเงนิ
เดอื นและเงนิ ประจำ� ตำ� แหนง่ ใหแ้ กต่ น โดยไมป่ รากฏขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ ผถู้ กู ฟอ้ งคดี
ไดร้ บั หนงั สอื เมอ่ื ใด แตพ่ ออนมุ านไดว้ า่ ผถู้ กู ฟอ้ งคดไี ดร้ บั หนงั สอื อยา่ งเรว็ ทส่ี ดุ
ในวันที่ระบุในหนังสือ คือวันที่ 2 กรกฎาคม 2556 ผู้ฟ้องคดีจึงสามารถน�ำคดี
มาฟอ้ งตอ่ ศาลไดน้ บั แตว่ นั ทพ่ี น้ กำ� หนด 90วนั นบั แตว่ นั ทผ่ี ฟู้ อ้ งคดไี ดม้ หี นงั สอื
รอ้ งขอตอ่ ผถู้ กู ฟอ้ งคดเี พอ่ื ใหป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทต่ี ามทก่ี ฎหมายกำ� หนด ซง่ึ กค็ อื ตง้ั แต่
วันที่ 1 ตุลาคม 2556 โดยการฟ้องคดีพิพาทเก่ียวกับการกระท�ำละเมิดหรือ
ความรบั ผดิ อยา่ งอนื่ ของหนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ใหย้ นื่ ฟอ้ ง
ภายใน 1 ปี นบั แตว่ นั ทร่ี หู้ รอื ควรรถู้ งึ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี (ในกรณนี ค้ี อื วนั ที่ 1
ตุลาคม 2556) แต่ไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันท่ีมีเหตุแห่งการฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดี
นำ� คดมี าฟอ้ งตอ่ ศาลเมอ่ื วนั ที่ 22 มกราคม 2557 จงึ เปน็ การยน่ื ฟอ้ งคดภี ายใน
ระยะเวลาที่กฎหมายก�ำหนด ศาลปกครองจึงมีค�ำส่ังรับค�ำฟ้องไว้พิจารณา
(เทยี บเคยี งคำ� สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ 904/2557)

34

4. คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง ให้ยื่นฟ้องภายใน 5 ปี
นบั แตว่ นั ทร่ี หู้ รอื ควรรถู้ งึ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี แตไ่ มเ่ กนิ 10 ปี นบั แตว่ นั ทม่ี เี หตุ
แหง่ การฟอ้ งคดี และจะตอ้ งฟอ้ งภายในระยะเวลาไมเ่ กนิ 10 ปนี นั้
ตวั อยา่ ง
กรมทางหลวงมโี ครงการขยายเขตทางหลวงแผน่ ดนิ จากเดมิ มเี ขตทาง
ด้านละ 8 เมตรเป็นด้านละ 15 เมตร จึงได้ท�ำการเวนคืนท่ีดินบริเวณดังกล่าว
โดยที่ดินที่เวนคืนมีส่วนหน่ึงเป็นที่ดินของนายเตชินทร์ กรมทางหลวงได้จ่าย
คา่ เวนคนื ใหแ้ กน่ ายเตชนิ ทรจ์ ำ� นวน 2 ครงั้ คอื คา่ ทดแทนทด่ี นิ เปน็ เงนิ 1,430 บาท
และคา่ ทดแทนสง่ิ ปลกู สรา้ งและไมย้ นื ตน้ เปน็ เงนิ 59,719 บาท โดยนายเตชนิ ทร์
ไดท้ ำ� บนั ทกึ ขอ้ ตกลงยนิ ยอมระหวา่ งผมู้ สี ทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ คา่ ทดแทนกบั กรมทางหลวง
จำ� นวน 2 ฉบบั ฉบบั แรกลงวนั ที่ 6 พฤศจกิ ายน 2555 และฉบบั ท่ี 2 ลงวนั ท่ี 27
ธนั วาคม2555 ตอ่ มานายเตชนิ ทรม์ ายนื่ ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองขอใหผ้ ถู้ กู ฟอ้ งคดี
จา่ ยเงนิ คา่ ทดแทนสง่ิ ปลกู สรา้ งเปน็ เงนิ จำ� นวน 1,000,000 บาทเพอ่ื ปรบั ปรงุ บา้ น
ใหม้ คี วามปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ เนอื่ งจากเหน็ วา่ การขยายเขตทางหลวง
ดงั กลา่ วทำ� ใหห้ อ้ งนอนและระเบยี งของตนอยตู่ ดิ แนวเวนคนื และบรเิ วณดงั กลา่ ว
เปน็ ทางโคง้ ซง่ึ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความไมป่ ลอดภยั แกช่ วี ติ และทรพั ยส์ นิ ได้
ในเรื่องน้ี ศาลปกครองเห็นว่าการเวนคืนที่ดินดังกล่าวมีวัตถุประสงค์
เพ่ือน�ำท่ีดินมาขยายเขตทางหลวง ซ่ึงเป็นสาธารณูปโภคท่ีประชาชนผู้ใช้ได้รับ
ประโยชนโ์ ดยตรง จงึ เหน็ วา่ สญั ญาดงั กลา่ วเปน็ สญั ญาจดั ใหม้ สี ง่ิ สาธารณปู โภค
อันเป็นสัญญาทางปกครอง และการฟ้องคดีเก่ียวกับสัญญาทางปกครองไม่มี
กฎหมายก�ำหนดขั้นตอนหรือวิธีการส�ำหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสีย
หายไวโ้ ดยเฉพาะ จงึ สามารถนำ� คดมี าฟอ้ งไดโ้ ดยมติ อ้ งดำ� เนนิ การตามขนั้ ตอน
สำ� หรบั แกไ้ ขความเดอื ดรอ้ นหรอื เสยี หาย โดยจะตอ้ งยน่ื ฟอ้ งภายใน 5 ปนี บั แต่
วนั ทร่ี หู้ รอื ควรรถู้ งึ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี ในคดนี ้ี ผฟู้ อ้ งคดที ำ� บนั ทกึ ขอ้ ตกลงยนิ ยอม
ระหวา่ งผมู้ สี ทิ ธไิ ดร้ บั เงนิ คา่ ทดแทนทดี่ นิ และสงิ่ ปลกู สรา้ งเมอ่ื วนั ที่ 6 พฤศจกิ ายน
2555 และวนั ที่ 27 ธนั วาคม 2555 วนั ดงั กลา่ วจงึ เปน็ วนั ทรี่ เู้ หตแุ หง่ การฟอ้ งคดี
เมื่อผู้ฟ้องคดีน�ำคดีมาฟ้องต่อศาลวันท่ี 30 สิงหาคม 2556 จึงเป็นการยื่นฟ้อง
ภายใน 5 ปนี บั แตว่ นั ทร่ี เู้ หตแุ หง่ การฟอ้ งคดี ศาลปกครองจงึ มคี ำ� สง่ั รบั คำ� ฟอ้ ง
ไวพ้ จิ ารณา
(เทยี บเคยี งคำ� สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ 678/2557)

35

5. คดีพิพาทเกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ หรือคดีพิพาท
เกย่ี วกบั สญั ชาตขิ องบคุ คลจะยนื่ ฟอ้ งเมอื่ ใดกไ็ ด้
ตวั อยา่ ง
นายเฉิน เป็นบุตรของผู้อพยพชาวเวียดนาม เกิดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ในจังหวัดนครพนม นายเฉินได้ย่ืนค�ำร้องขอมีสัญชาติไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2537
แต่ก็ไม่เคยได้รับแจ้งผลการพิจารณา จนปีพ.ศ. 2544 นายเฉินได้ยื่นค�ำร้อง
ขอมีสัญชาติไทยอีกครั้งแต่ก็ยังไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาแต่อย่างใด ทั้งที่
กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องได้ตรวจสอบข้อมูลค�ำร้องขอมี
สญั ชาตไิ ทยและตรวจสอบพฤตกิ ารณท์ เี่ กยี่ วขอ้ งกบั ยาเสพตดิ และอาชญากรรม
ของนายเฉนิ เสรจ็ เรยี บรอ้ ยสมบรู ณแ์ ลว้ ตง้ั แตป่ พี .ศ. 2545 แตน่ ายเฉนิ กย็ งั ไมเ่ คย
ได้รับแจ้งผลการพิจารณา นายเฉินจึงน�ำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองขอให้ศาล
มีค�ำพิพากษาหรือค�ำส่ังให้นายเฉินได้สัญชาติไทยซึ่งศาลปกครองพิจารณา
เห็นว่าการฟ้องในเรื่องดังกล่าวเป็นการฟ้องคดีปกครองที่เกี่ยวกับการคุ้มครอง
สถานะของบคุ คลซง่ึ ไมม่ รี ะยะเวลากำ� หนดไวจ้ ะยนื่ ฟอ้ งเมอื่ ใดกไ็ ด้ ศาลปกครอง
จึงมีค�ำสั่งรับค�ำฟ้องไว้พิจารณา ซ่ึงคดีน้ีศาลปกครองได้พิพากษาให้รัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องคดีด�ำเนินการพิจารณาค�ำร้องขอมี
สญั ชาตไิ ทยของนายเฉนิ ซงึ่ เปน็ ผฟู้ อ้ งคดแี ละแจง้ ผลการพจิ ารณาภายใน 60 วนั
นบั แตค่ ดถี งึ ทสี่ ดุ
(เทยี บเคยี งคำ� พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.123/2551)

36

6. การฟอ้ งคดปี กครองทย่ี นื่ ฟอ้ งเมอ่ื พน้ กำ� หนดเวลาการฟอ้ งคดแี ลว้
ถ้าศาลปกครองเห็นว่าคดีที่ยื่นฟ้องน้ันจะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมหรือมีเหตุ
จำ� เปน็ อนื่ ศาลปกครองอาจรบั ไวพ้ จิ ารณากไ็ ด้
ตวั อยา่ ง
นายยงยุทธน�ำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองขอให้ศาลมีค�ำสั่งหรือ
คำ� พพิ ากษาใหเ้ พกิ ถอนใบอนญุ าตประกอบกจิ การโรงงานไมแ้ หง่ หนง่ึ ซงึ่ ตง้ั อยใู่ น
บรเิ วณชมุ ชนทนี่ ายยงยทุ ธอาศยั อยู่ โดยนายยงยทุ ธไดเ้ คยรอ้ งเรยี นไปยงั อบต.
เรอ่ื งเสยี งและฝนุ่ ละอองทเ่ี กดิ จากการทำ� งานของเครอ่ื งจกั รในโรงงาน ทางอบต.
จึงได้ประสานให้ส�ำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาตรวจสอบ
วัดปริมาณฝุ่นละออง ซ่ึงผลการตรวจสอบตามหนังสือ ที่ทางอบต.แจ้งแก่
นายยงยุทธ เม่ือวันที่ 21 ธันวาคม 2552 ปรากฏว่าค่าเฉลี่ยของฝุ่นละอองไม่
เกนิ กวา่ คา่ มาตรฐาน ตอ่ มา นายยงยทุ ธมายนื่ ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองเมอื่ วนั ที่
22 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งเป็นการฟ้องคดีเมื่อพ้นระยะเวลาที่กฎหมายก�ำหนด
คอื ภายใน 90 วนั นบั แตว่ นั ทรี่ หู้ รอื ควรรถู้ งึ เหตแุ หง่ การฟอ้ งคดี หรอื นบั แตว่ นั ทพี่ น้
ก�ำหนด 90 วันนับแต่วันท่ีผู้ฟ้องคดีมีหนังสือร้องขอต่อหน่วยงานทางปกครอง
หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ และไม่ได้รับหนังสือชี้แจงหรือได้รับแต่เป็นค�ำช้ีแจงท่ี
ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าไม่มีเหตุผล แต่อย่างไรก็ตาม เร่ืองน้ีศาลปกครองเห็นว่าจาก
คำ� ชแี้ จงในรายงานสำ� รวจดว้ ยแบบตดิ ตามตรวจสอบคณุ ภาพฝนุ่ และเสยี งของ
อบต.ซงึ่ เปน็ ผถู้ กู ฟอ้ งในคดนี ี้ ลงวนั ท่ี 19 มถิ นุ ายน 2556 ซง่ึ ไดต้ ดิ ตามตรวจสอบ
คุณภาพฝุ่นและเสียงในชุมชนบริเวณใกล้เคียงกับบ้านของนายยงยุทธ ระบุว่า
ภาวะเสียงที่ได้ยินส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก และบางส่วนได้รับผลกระทบจาก
ฝุ่นในระดับมาก โดยชุมชนบริเวณรอบโรงงานรัศมี 500 เมตรมีบ้านพักอาศัย
จ�ำนวนประมาณ 27 หลังคาเรือน มีประชาชนอาศัยอยู่ประมาณ 141 คน จึง
เห็นว่ามีประชาชนอยู่อาศัยเป็นจ�ำนวนมาก ซ่ึงความเดือดร้อนจากฝุ่นละออง
และเสยี งจากโรงงานอาจสง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพอนามยั ของประชาชนโดยรอบ
ที่มีจ�ำนวนมากไม่ใช่แต่เพียงผู้ฟ้องคดีเท่านั้น จึงเห็นว่าหากรับค�ำฟ้องนี้ไว้
พจิ ารณาจะเปน็ ประโยชนแ์ กส่ ว่ นรวมศาลปกครองจงึ มคี ำ� สงั่ รบั คำ� ฟอ้ งไวพ้ จิ ารณา
(เทยี บเคยี งคำ� สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ 783/2557)

37

ค�ำฟ้องในคดีปกครองไม่มีแบบฟอร์มบังคับ แต่ต้องใช้ถ้อยค�ำสุภาพ
และมอี งคป์ ระกอบครบถว้ น ไดแ้ ก่
1. ชื่อและที่อยู่ผู้ฟ้องคดี โดยจะต้องระบุชื่อและท่ีอยู่ของตนให้ชัดเจน
และเป็นท่ีอยู่ที่สามารถติดต่อได้เพื่อประโยชน์ในการนัดหมายหรือส่งเอกสาร
ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีให้แก่ผู้ฟ้องคดี อาทิ การแจ้งนัดหมายเพ่ือการไต่สวน
การจดั สง่ เอกสารหรอื ขอเอกสารเพมิ่ เตมิ เปน็ ตน้
2. ชื่อหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ประสงค์จะฟ้อง
ระบุให้ชัดเจนว่าเป็นหน่วยงานทางปกครองใด หรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐคนใด
(ระบตุ ำ� แหนง่ ) อยทู่ ห่ี นว่ ยงานใด
3. การกระท�ำอันเป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีพร้อมทั้งพฤติการณ์และ
ขอ้ เทจ็ จรงิ ทเี่ กยี่ วขอ้ ง ซง่ึ ทำ� ใหผ้ ฟู้ อ้ งคดี เดอื ดรอ้ นหรอื เสยี หาย และเปน็ เหตใุ ห้
ตอ้ งมาฟอ้ งคดี โดยตอ้ งเขยี นใหช้ ดั เจนและเรยี งลำ� ดบั ตามขอ้ เทจ็ จรงิ ทเี่ กดิ ขน้ึ
4. ค�ำขอว่าประสงค์จะให้ศาลปกครองสั่งหรือพิพากษาอย่างไร เพ่ือ
บรรเทาความเดอื ดรอ้ นหรอื เสยี หายทตี่ นไดร้ บั และตอ้ งเปน็ เรอื่ งทศ่ี าลมอี ำ� นาจ
กำ� หนดคำ� บงั คบั ได้
5. ลายมอื ชอื่ ผฟู้ อ้ งคดี

38

ในกรณีที่ไม่อาจแนบพยานหลักฐานที่เก่ียวข้องมาได้ ให้ระบุเหตุท่ีไม่
อาจแนบพยานหลกั ฐานไวด้ ว้ ย และผฟู้ อ้ งคดตี อ้ งยน่ื สำ� เนาคำ� ฟอ้ ง และสำ� เนา
พยานหลกั ฐานทผ่ี ฟู้ อ้ งคดรี บั รองสำ� เนาถกู ตอ้ งใหค้ รบตามจำ� นวนของผถู้ กู ฟอ้ ง
คดมี าพรอ้ มกบั คำ� ฟอ้ งดว้ ย

การยนื่ คำ� ฟอ้ ง ผปู้ ระสงคจ์ ะฟอ้ งคดสี ามารถยนื่ คำ� ฟอ้ งตอ่ ศาลปกครอง
ช้ันต้นหรือศาลปกครองสูงสุดแล้วแต่กรณี โดยสามารถย่ืนค�ำฟ้องได้ 4 วิธี
ไดแ้ ก่
1. ยื่นค�ำฟ้องด้วยตนเองท่ีศาลปกครองชั้นต้นท่ีตนมีภูมิล�ำเนาหรือ
ทม่ี ลู คดเี กดิ หรอื ยนื่ คำ� ฟอ้ งดว้ ยตนเองทศ่ี าลปกครองสงู สดุ ซงึ่ มแี หง่ เดยี วตง้ั อยู่
ในกรงุ เทพมหานคร
2. ส่งค�ำฟ้องทางไปรษณีย์ลงทะเบียน จ่าหน้าซองถึงส�ำนักงาน
ศาลปกครองกลาง หรือส�ำนักงานศาลปกครองในภูมิภาคแห่งท่ีประสงค์จะ
ยน่ื ฟอ้ ง หรอื จา่ หนา้ ซองถงึ สำ� นกั งานศาลปกครองสงู สดุ
3. ยน่ื คำ� ฟอ้ งทางโทรสาร
4. ยน่ื คำ� ฟอ้ งทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์

ผปู้ ระสงคจ์ ะยนื่ ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครอง
สามารถตรวจสอบเขตอำ� นาจและทอี่ ยขู่ องศาลปกครอง

ทปี่ ระสงคจ์ ะยนื่ คำ� ฟอ้ งไดท้ ่ี
เวบ็ ไซตศ์ าลปกครอง www.admincourt.go.th

หรอื Call center 1355

39

40

ชอื่ และทอี่ ยู่ 2 มถิ นุ ายน 2558
ผฟู้ อ้ งคดี ข้าพเจ้า นายสุเมธิน จ�ำปามา เกิดวันท่ี 2 มกราคม
ชอ่ื หนว่ ยงาน 2500 อายุ 58 ปี ประกอบอาชพี รบั จา้ ง อยบู่ า้ นเลขท่ี 5
ทางปกครอง หมทู่ ่ี 4 ถนนราษฎรอทุ ศิ ตำ� บลหนง่ึ สอง อำ� เภอหนง่ึ สอง
หรอื เจา้ หนา้ ที่ จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ รหสั ไปรษณยี ์ 55555
ของรฐั โทรศพั ท์ 0 4389 900
ทปี่ ระสงค์ มีความประสงค์ขอฟ้องเทศบาลต�ำบลหน่ึงสอง อยู่ที่
จะฟอ้ ง เลขท่ี 10 หมทู่ ่ี 2 ถนนประดษิ ฐ์ ตำ� บลหนงึ่ สอง อำ� เภอ
การกระทำ� หนงึ่ สอง จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ รหสั ไปรษณยี ์ 55555
อนั เปน็ เหตแุ หง่ ด้วยข้าพเจ้าและครอบครัวรวมท้ังชาวบ้านข้างเคียงได้
การฟอ้ งคดี รบั ความเดอื ดรอ้ นรำ� คาญจากกลมุ่ บคุ คลกลมุ่ หนง่ึ ไดน้ ำ�
พรอ้ มทงั้ เอาขยะและซากสัตว์ไปทิ้งไว้ในท่ีดินรกร้างซ่ึงอยู่ติดกับ
พฤตกิ ารณ์ บ้านของข้าพเจ้า ท�ำให้ส่งกล่ินเหม็นรบกวนในบริเวณ
และขอ้ เทจ็ จรงิ ดังกล่าวเป็นอันมาก โดยเฉพาะอย่างย่ิงในช่วงที่ฝนตก
ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง น้�ำฝนจะชะล้างความสกปรกจากกองขยะไหลเข้ามา
บรเิ วณบา้ นของขา้ พเจา้ ทำ� ใหบ้ รเิ วณบา้ นชนื้ แฉะและมี
น้�ำท่วมขัง พืชผักท่ีปลูกไว้บริเวณรอบบ้านก็ตายหมด
ข้าพเจ้าได้เคยน�ำเรื่องน้ีไปปรึกษาผู้ใหญ่บ้านแล้วได้รับ
ค�ำแนะน�ำให้ท�ำหนังสือร้องเรียนไปยังเทศบาลต�ำบล
หนงึ่ สองซง่ึ เปน็ หนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบในพนื้ ท่ี ขา้ พเจา้ ได้
สง่ หนงั สอื รอ้ งเรยี นไปยงั เทศบาลตง้ั แตว่ นั ท่ี 5 มกราคม
2557 แตจ่ นบดั นย้ี งั ไมไ่ ดร้ บั หนงั สอื ตอบจากทางเทศบาล
มเี พยี งเจา้ หนา้ ทบี่ างคนเทา่ นนั้ ทรี่ บั ปากวา่ จะดแู ลให้ ซง่ึ
ปจั จบุ นั นก้ี ย็ งั ไมม่ เี จา้ หนา้ ทขี่ องเทศบาลเขา้ มาตรวจสอบ
หรือเข้ามาแก้ไขความเดือดร้อนดังกล่าวแต่อย่างใด
ขา้ พเจา้ เหน็ วา่ ทกุ ขห์ รอื ความเดอื ดรอ้ นทพ่ี วกเราชาวบา้ น
ไดร้ บั นนั้ เปน็ ทกุ ขอ์ นั แสนสาหสั ทเ่ี จา้ หนา้ ทล่ี ะเลยไมแ่ กไ้ ข

41

คำ� ขอวา่ ความเดอื ดรอ้ นให้ ขา้ พเจา้ จงึ ไดน้ ำ� เหตเุ ดอื ดรอ้ นรำ� คาญ
ประสงคจ์ ะให้ ดังกล่าวมาฟ้องต่อศาลปกครอง เพ่ือโปรดพิจารณา
ศาลสง่ั หรอื วนิ จิ ฉยั ใหเ้ จา้ หนา้ ทเี่ ทศบาลตำ� บลหนง่ึ สองปฏบิ ตั หิ นา้ ที่
พพิ ากษา ตามท่ีกฎหมายก�ำหนดเพ่ือระงับเหตุเดือดร้อนร�ำคาญ
อยา่ งไร ดงั กลา่ ว ทงั้ นี้ ขา้ พเจา้ ไดแ้ นบเอกสารและพยานหลกั ฐาน
ทเ่ี กยี่ วขอ้ งมาดว้ ยแลว้
ขอใหศ้ าลปกครองมคี ำ� พพิ ากษาใหเ้ ทศบาลตำ� บลหนงึ่ สอง
ดำ� เนนิ การแกไ้ ขความเดอื ดรอ้ นดงั กลา่ วตามอำ� นาจหนา้ ท่ี
ตามกฎหมาย ภายในระยะเวลาตามทศี่ าลจะเหน็ สมควร

ลายมอื ชอ่ื ผฟู้ อ้ งคดี นายสเุ มธนิ จำ� ปามา

ผฟู้ อ้ งคดจี ะตอ้ งแนบเอกสารและพยานหลกั ฐานมาพรอ้ มกบั คำ� ฟอ้ งดว้ ย
ซงึ่ ไดแ้ ก่
1. สำ� เนาบตั รประจำ� ตวั ประชาชนหรอื บตั รทที่ างราชการออกใหพ้ รอ้ ม
รบั รองสำ� เนาถกู ตอ้ ง (กรณสี ง่ คำ� ฟอ้ งทางไปรษณยี ล์ งทะเบยี นหรอื ทางโทรสาร)
2. พยานหลกั ฐานทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การฟอ้ งคดี ในกรณที ไี่ มส่ ามารถแนบ
พยานหลกั ฐานดงั กลา่ วมาไดเ้ พราะเอกสารอยใู่ นความครอบครองของหนว่ ยงาน
ทางปกครอง เจ้าหน้าท่ีของรัฐ หรือบุคคลอน่ื หรือเพราะเหตอุ ื่นใด ใหร้ ะบุเหตุ
ทไี่ มอ่ าจแนบพยานหลกั ฐานมาไดไ้ วใ้ นคำ� ฟอ้ งดว้ ย
3. สำ� เนาคำ� ฟอ้ งและสำ� เนาพยานหลกั ฐานตามจำ� นวนของผถู้ กู ฟอ้ งคดี
โดยตอ้ งรบั รองสำ� เนาถกู ตอ้ งใหค้ รบถว้ นดว้ ย
4. หากผู้ฟ้องคดีประสงค์จะมอบฉันทะให้บุคคลอ่ืนย่ืนฟ้องคดีแทน
ตอ้ งมหี นงั สอื มอบฉนั ทะใหฟ้ อ้ งคดี โดยไมต่ อ้ งปดิ อากรแสตมป์
5. หากผู้ฟ้องคดีประสงค์จะมอบอ�ำนาจให้บุคคลอื่นด�ำเนินคดีแทน
ตอ้ งมหี นงั สอื มอบอำ� นาจพรอ้ มปดิ อากรแสตมป์ 10 บาทในกรณมี อบอำ� นาจให้
กระทำ� การครง้ั เดยี วหรอื ปดิ อากรแสตมป์30บาทในกรณมี อบอำ� นาจใหก้ ระทำ� การ
หลายครง้ั หรอื ใหด้ ำ� เนนิ การทง้ั คดี
6. หากผู้ฟ้องคดีเป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถต้องมีหนังสือแสดง
ความยนิ ยอมใหฟ้ อ้ งคดมี าดว้ ย
42

อากรแสตมป์
30 บาท

ข้าพเจ้า นายสุเมธิน จ�ำปามา ขอมอบอ�ำนาจให้ นายซ่ือสัตย์ มั่นคง
อยบู่ า้ นเลขที่ 55/5 หมบู่ า้ นแสนสขุ ถนนแจง้ วฒั นะ แขวงทงุ่ สองหอ้ ง เขตหลกั ส่ี
จังหวัดกรุงเทพฯ รหัสไปรษณีย์ 10210 โทรศัพท์ 0 2555 5555 ท�ำการแทน
โดยขา้ พเจา้ ยอมรบั ผดิ ชอบในการทผ่ี รู้ บั มอบอำ� นาจของขา้ พเจา้ ไดท้ ำ� การไปนน้ั
ทกุ ประการ ในกจิ การดงั จะกลา่ วตอ่ ไปนี้
การฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองกลางและดำ� เนนิ การแทนจนคดถี งึ ทสี่ ดุ เชน่
มอี ำ� นาจลงชอ่ื ในคำ� ฟอ้ ง คำ� รอ้ ง คำ� ขอ คำ� แถลง คำ� อทุ ธรณ์ หรอื เอกสารอน่ื ใด
ทเี่ กยี่ วขอ้ งในคดี รวมทงั้ ยนื่ เอกสารดงั กลา่ ว ใหถ้ อ้ ยคำ� ตอ่ ศาล และใหม้ อี ำ� นาจ
รับเงินค่าธรรมเนียมศาล (ให้ระบุกรณีคดีท่ียื่นฟ้องต้องเสียคา่ ธรรมเนียมศาล)
เอกสาร หรอื สงิ่ อนื่ ใดจากศาลแทนขา้ พเจา้ ได้

สเุ มธนิ จำ� ปามา ผมู้ อบอำ� นาจ
(นายสเุ มธนิ จำ� ปามา)

ซอื่ สตั ย์ มน่ั คง ผรู้ บั มอบอำ� นาจ
(นายซอ่ื สตั ย์ มนั่ คง)

ดี ใจดี พยาน
(นายดี ใจด)ี

สำ� ราญ มสี ขุ พยาน
(นายสำ� ราญ มสี ขุ )

43

44

โดยปกติการยื่นฟ้องคดีปกครองไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล เว้นแต่
เปน็ การฟอ้ งคดเี กย่ี วกบั สญั ญาทางปกครองหรอื ละเมดิ หรอื ความรบั ผดิ อยา่ งอนื่
เพื่อขอให้ศาลส่ังให้มีการชดใช้เงินหรือส่งมอบทรัพย์สิน ผู้ฟ้องคดีต้องเสีย
ค่าธรรมเนียมศาลในอัตราตามท่ีระบุไว้ในตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมาย
วธิ พี จิ ารณาความแพง่ ซงึ่ กำ� หนดไวส้ ำ� หรบั คดฟี อ้ งขอปลดเปลอื้ งทกุ ขอ์ นั คำ� นวณ
เป็นราคาเงินได้ ในปัจจุบันส�ำหรับคดีที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50 ล้านบาท
คดิ ในอตั รารอ้ ยละ 2 ของทนุ ทรพั ยแ์ ตไ่ มเ่ กนิ 200,000 บาท ทนุ ทรพั ยส์ ว่ นทเ่ี กนิ
50 ล้านบาทข้ึนไป คิดในอัตราร้อยละ 0.1 และถ้าชนะคดี ศาลปกครองจะสั่ง
คนื คา่ ธรรมเนยี มศาลทง้ั หมดหรอื บางสว่ นตามสว่ นแหง่ การชนะคดี
กรณที ผ่ี ู้ฟ้องคดไี มม่ ีทรัพยส์ นิ เพียงพอทจี่ ะเสยี ค่าธรรมเนยี มศาล หรือ
หากไมไ่ ดร้ บั ยกเวน้ คา่ ธรรมเนยี มศาลจะไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นเกนิ สมควรผฟู้ อ้ งคดี
สามารถยน่ื คำ� ขอใหย้ กเวน้ คา่ ธรรมเนยี มศาลมาพรอ้ มกบั คำ� ฟอ้ งหรอื คำ� อทุ ธรณ์
เมื่อศาลปกครองพิจารณาค�ำขอแล้ว ศาลปกครองอาจอนุญาตให้ด�ำเนินคดี
โดยใหย้ กเวน้ คา่ ธรรมเนยี มศาลทง้ั หมดหรอื เฉพาะบางสว่ นกไ็ ด้
ในกรณที ศี่ าลปกครองชน้ั ตน้ มคี ำ� สงั่ ใหย้ กเวน้ คา่ ธรรมเนยี มศาลเฉพาะ
บางส่วนหรือมีค�ำส่ังให้ยกค�ำขอ ผู้ฟ้องคดีสามารถอุทธรณ์ค�ำสั่งนั้นต่อ
ศาลปกครองสงู สดุ ไดภ้ ายใน 15 วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั แจง้ คำ� สงั่ โดยยนื่ อทุ ธรณ์
ตอ่ ศาลปกครองชนั้ ตน้ ทมี่ คี ำ� สงั่ ใหย้ กเวน้ คา่ ธรรมเนยี มศาลเฉพาะบางสว่ นหรอื
คำ� สง่ั ใหย้ กคำ� ขอดงั กลา่ ว

สามารถดาวนโ์ หลดแบบฟอรม์ ตา่ งๆ เชน่ แบบฟอรม์ คำ� ฟอ้ ง
แบบฟอรม์ ใบมอบฉนั ทะ/ใบมอบอำ� นาจ แบบฟอรม์ คำ� รอ้ ง/

คำ� ขอ ฯลฯ ไดท้ ่ี เวบ็ ไซตศ์ าลปกครอง

www.admincourt.go.th

45

นอกจากการยน่ื ฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองเพอ่ื ใหศ้ าลพจิ ารณาพพิ ากษาคดี
ให้แล้ว คู่กรณีสามารถเลือกใช้ “วิธีการไกล่เกล่ียข้อพิพาทในศาลปกครอง”
เป็นอีกทางเลือกหน่ึงในการระงับข้อพิพาท โดยสามารถด�ำเนินการได้ในคดี
ประเภทตา่ งๆ ไดแ้ ก่
- คดีพิพาทเก่ียวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของ
รัฐละเลยต่อหน้าที่ตามท่ีกฎหมายก�ำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหนา้ ท่ีล่าช้า
เกนิ สมควร
- คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระท�ำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของ
หนว่ ยงานทางปกครองหรอื เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั
- คดพี พิ าทเกย่ี วกบั สญั ญาทางปกครอง และ
- คดีพิพาทอื่นตามท่ีก�ำหนดในระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการ
ในศาลปกครองสงู สดุ
อย่างไรก็ตาม มีข้อพิพาทบางลักษณะท่ีกฎหมายห้ามมิให้ใช้วิธีการ
ไกลเ่ กลยี่ ขอ้ พพิ าทในศาลปกครอง ไดแ้ ก่
- ขอ้ พพิ าททเี่ ปน็ การฝา่ ฝนื หรอื ตอ้ งหา้ มชดั แจง้ โดยกฎหมาย
- ขอ้ พพิ าททเี่ กยี่ วกบั ความสงบเรยี บรอ้ ยหรอื ศลี ธรรมอนั ดขี องประชาชน
- ข้อพิพาทที่มีผลกระทบต่อสถานะของบุคคลหรือมีผลกระทบในทาง
เสยี หายตอ่ ประโยชนส์ าธารณะ
- ขอ้ พพิ าททม่ี ผี ลกระทบรา้ ยแรงตอ่ การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย
- ข้อพิพาทที่อยู่นอกเหนือสิทธิ อ�ำนาจหน้าที่ หรือความสามารถของ
คกู่ รณี
- ขอ้ พพิ าททเ่ี กย่ี วกบั คำ� วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการวนิ จิ ฉยั ขอ้ พพิ าท

46

- ขอ้ พพิ าททก่ี ฎหมายกำ� หนดใหฟ้ อ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองสงู สดุ
- ข้อพิพาทที่มีลักษณะอื่นตามท่ีก�ำหนดในระเบียบของท่ีประชุมใหญ่
ตลุ าการในศาลปกครองสงู สดุ

คู่กรณีท่ีต้องการไกล่เกล่ียข้อพิพาทสามารถยื่นค�ำขอต่อศาลได้
นบั ตงั้ แตม่ กี ารฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองจนถงึ วนั สน้ิ สดุ การแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ
การไกลเ่ กลยี่ ขอ้ พพิ าทจะดำ� เนนิ การอยา่ งเรยี บงา่ ย รวดเรว็ และถกู ตอ้ ง
ตามกฎหมาย ดว้ ยความสมคั รใจของคกู่ รณที งั้ สองฝา่ ยและโดยศาลเหน็ สมควร
ซึ่งจะด�ำเนินการภายในระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
ครงั้ แรก และเมอื่ การไกลเ่ กลย่ี ขอ้ พพิ าทสำ� เรจ็ ผลของการไกลเ่ กลยี่ ขอ้ พพิ าทจะ
มีผลบังคับได้จริงตามกฎหมาย โดยคู่กรณีที่เข้าร่วมในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
จะรว่ มกนั ทำ� บนั ทกึ ขอ้ ตกลงหรอื สญั ญาประนปี ระนอมยอมความและศาลปกครอง
จะมีค�ำพิพากษาให้เป็นไปตามน้ัน ส�ำหรับกรณีที่การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทส�ำเร็จ
บางส่วน ศาลจะน�ำบันทึกข้อตกลงนั้นมารวมพิพากษาไปพร้อมกับการมี
คำ� พพิ ากษาในประเดน็ ทยี่ งั พพิ าทกนั

คำ� พพิ ากษาตามยอม โดยหลกั ไมอ่ าจอทุ ธรณไ์ ด้
เวน้ แตม่ เี หตตุ ามทก่ี ฎหมายกำ� หนด

47

ในระหว่างท่ศี าลปกครองยังไม่พพิ ากษาคดี คู่กรณสี ามารถขอใหศ้ าล
สงั่ ใหก้ ำ� หนดวธิ กี ารชวั่ คราวกอ่ นการพพิ ากษาคดเี พอ่ื บรรเทาความเดอื ดรอ้ นหรอื
เสยี หายของตนซง่ึ ยงั คงมอี ยู่ และอาจจะทวมี ากขนึ้ หรอื ยากแกก่ ารแกไ้ ขเยยี วยา
ในภายหลงั
วธิ กี ารชวั่ คราวกอ่ นการพพิ ากษามดี ว้ ยกนั 2 กรณี คอื การขอทเุ ลาการ
บงั คบั ตามกฎหรอื คำ� สงั่ ทางปกครอง และการบรรเทาทกุ ขช์ ว่ั คราว
1. การขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือค�ำส่ังทางปกครอง หมายถึง
การขอให้ชะลอหรือระงับการบังคับตามผลของกฎหรือค�ำส่ังทางปกครองไว้
เป็นการช่ัวคราวในกรณีท่ีมีการฟ้องคดีต่อศาลเพ่ือขอให้เพิกถอนกฎหรือค�ำสั่ง
ทางปกครอง เนอื่ งจากการฟอ้ งคดตี อ่ ศาลปกครองไมไ่ ดเ้ ปน็ การทเุ ลาการบงั คบั
ตามกฎหรอื คำ� สงั่ ทางปกครองโดยอตั โนมตั ิดงั นน้ั ในระหวา่ งพจิ ารณาคดีผฟู้ อ้ งคดี
ก็ยังคงถูกบังคับตามกฎหรือค�ำสั่งทางปกครองน้ันอยู่ท�ำให้ผู้ฟ้องคดีเดือดร้อน
หรอื เสยี หาย ในกรณเี ชน่ น้ี ผฟู้ อ้ งคดสี ามารถขอมาในคำ� ฟอ้ งหรอื อาจยนื่ คำ� ขอ
ในเวลาใดๆ กอ่ นศาลจะพพิ ากษาหรอื มคี ำ� สงั่ ชข้ี าดคดี เพอ่ื ใหศ้ าลมคี ำ� สง่ั ทเุ ลา
การบงั คบั ตามผลของกฎหรอื คำ� สง่ั ทางปกครองไวเ้ ปน็ การชวั่ คราวกอ่ น อยา่ งไร
ก็ตาม ผู้ฟ้องคดีจะต้องแสดงเหตุผลในค�ำขอให้ชัดเจนว่าต้องการจะขอทุเลา
การบงั คบั ตามกฎหรอื คำ� สง่ั ทางปกครองใดและหากกฎหรอื คำ� สงั่ ทางปกครองนนั้
ยงั คงมผี ลบงั คบั ตอ่ ไปจะทำ� ใหเ้ กดิ ความเสยี หายทยี่ ากตอ่ การเยยี วยาแกไ้ ขอยา่ งไร

48


Click to View FlipBook Version