The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรวิทย์ ป.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kru Chorthip Hormchuen, 2023-10-15 12:07:04

หลักสูตรวิทย์ ป.1

หลักสูตรวิทย์ ป.1

1 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในหลักสูตรโรงเรียนบ้านรวมไทย พุทธศักราช 2566 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) วิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ


1 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน หลักสูตรโรงเรียนบ้านรวมไทย มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษาถ่ายทอด ความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การ เลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มี ประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ เกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่าง ถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลง ของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจ ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดำเนิน ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้าง เสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการ เปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและ ผู้อื่น 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะ กระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม


2 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรโรงเรียนบ้านรวมไทย มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น ในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ๒. ซื่อสัตย์สุจริต ๓. มีวินัย ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. อยู่อย่างพอเพียง ๖. มุ่งมั่นในการทำงาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ


3 มาตรฐาน / ตัวชี้วัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งชีวิต และ ความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ใน ระบบนิเวศ ความหมาย ของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางใน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.1/1 ระบุชื่อพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณต่างๆจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ป.1/2 บอกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตของสัตว์ในบริเวณที่อาศัยอยู่ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ โครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.1/1 ระบุชื่อบรรยายลักษณะและบอหน้าที่ ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์สัตว์และ พืช รวมทั้ง บรรยายการทำหน้าที่ร่วมกัน ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ในการทำ กิจกรรมต่าง ๆ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ ป.1/2 ตระหนักถึงความสำคัญของส่วนต่างๆ ของร่างกายตนเอง โดยการดูแลส่วนต่าง ๆอย่างถูกต้อง ให้ ปลอดภัย และรักษา ความสะอาดอยู่เสมอ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้าง และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และ การเกิดปฏิกิริยาเคมี ตัวชี้วัด ป.1/1 อธิบายสมบัติที่สังเกตได้ของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุซึ่งทำจากวัสดุชนิดเดียว หรือหลายชนิด ประกอบกัน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ป.1/2 ระบุชนิดของวัสดุและจัดกลุ่มวัสดุตามสมบัติที่สังเกตได้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสาร และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ป.1/1 บรรยายการเกิดเสียงและทิศทาง การเคลื่อนที่ของเสียงจากหลักฐานเชิงประจักษ์


4 สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และ บนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งชีวิตและ สิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ป.1/1 ระบุดาวที่ปรากฏบน ท้องฟ้าในเวลากลางวัน และกลางคืนจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ป.1/2 อธิบายสาเหตุที่มองไม่เห็นดาวส่วนใหญ่ ในเวลากลางวันจากหลักฐานเชิงประจักษ์ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและบน ผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลง ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ป.1/1 อธิบายลักษณะภายนอกของหิน จากลักษณะเฉพาะตัวที่สังเกตได้ สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม ตัวชี้วัด ป.1/1 แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้การลองผิดลองถูก การเปรียบเทียบ ป.1/2 แสดงลำดับขั้นตอนการทำงาน หรือ การแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ ป.1/3 เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือสื่อ ป.1/4 ใช้เทคโนโลยีในการสร้างจัดเก็บเรียกใช้ข้อมูล ตามวัตถุประสงค์ ป.1/5 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์ ร่วมกัน ดูแลรักษา อุปกรณ์เบื้องต้น ใช้งานอย่างเหมาะสม


5 โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านรวมไทย โครงสร้างเวลาเรียน ระดับประถมศึกษา กลุมสาระการเรียนรู/ กิจกรรม เวลาเรียน : ชั่วโมง/ป ระดับประถมศึกษา ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ • กลุมสาระการเรียนรู/วิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ คณิตศาสตร ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วิทยาศาสตร์ 80 80 80 80 8๐ 8๐ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 40 40 40 40 4๐ 4๐ - ประวัติศาสตร ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ สุขศึกษาและพลศึกษา (บูรณาการเพศวิถี) 40 40 40 8๐ 8๐ 8๐ ศิลปะ 40 40 40 8๐ 8๐ 8๐ การงานอาชีพ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาอังกฤษ 160 160 160 ๑6๐ ๑6๐ ๑6๐ รวมเวลาเรียน (พื้นฐาน) ๘4๐ ๘4๐ ๘4๐ ๘4๐ ๘4๐ ๘4๐ • รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร 40 40 40 40 40 40 เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) 40 40 40 40 40 40 หน้าที่พลเมือง / หลักสูตรตานทุจริต (พระบรมราโชบายดานการศึกษาของ รัชกาลที่ ๑๐) 40 40 40 40 40 40 รวมเวลาเรียน (เพิ่มเติม) 12๐ 12๐ 12๐ 120 12๐ 12๐ • กิจกรรมพัฒนาผูเรียน (บูรณากาพระบรมราโชบายดานการศึกษา ของรัชกาลที่ ๑๐) ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กิจกรรมนักเรียน - กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี - ชุมนุม 30 40 30 40 30 40 30 40 30 40 30 40 - กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ รวมเวลาเรียน (กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน) ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ รวมเวลาเรียนทั้งหมด ๑,๐8๐ ชั่วโมง/ปี ๑,08๐ ชั่วโมง/ปี


6 โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านรวมไทย ระดับประถมศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรียน (ชั่วโมง/ปี) (ชั่วโมง/สัปดาห์) รหัสวิชา รายวิชาพื้นฐาน ๘๔๐ ๒๑ ท๑๑๑๐๑ ภาษาไทย ๒๐๐ ๕ ค๑๑๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒๐๐ ๕ ว๑๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๘๐ ๒ ส๑๑๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ๔๐ ๑ ส๑๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๔๐ ๑ พ๑๑๑๐๑ สุขศึกษาและพลศึกษา ๔๐ ๑ ศ๑๑๑๐๑ ศิลปะ 4๐ ๑ ง๑๑๑๐๑ การงานอาชีพ ๔๐ ๑ อ๑๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑๖๐ ๔ รหัสวิชา รายวิชาเพิ่มเติม 12๐ 3 อ๑๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษ(เพิ่มเติม) ๔๐ ๑ ว11201 เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) 40 1 ส๑๑๒๐๑ หน้าที่พลเมือง / หลักสูตรตานทุจริต ๔๐ ๑ รหัสกิจกรรม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๑๒๐ ๓ ก๑๑๙๐๑ กิจกรรมแนะแนว ๔๐ ๑ ก๑๑๙๐๒ ก๑๑๙๐๓ กิจกรรมนักเรียน ลูกเสือ/เนตรนารี ชุมนุม (๘๐) 3๐ 4๐ (๒) ๑ ๑ ก๑๑๙๐๔ กิจกรรมเพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ ๑๐ ผนวก ในกิจกรรมชุมนุม รวมเวลาเรียนทั้งหมดตามโครงสร้างหลักสูตร ๑,๐8๐ ๒7


7 คำอธิบายรายวิชาพื้นฐาน รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว11101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 80 ชั่วโมง ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับชื่อพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณต่าง ๆ ที่ได้จากการสำรวจจำแนกพืชออกเป็นพืช ดอกและพืชไม่มีดอกโดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลพืชที่รวบรวมได้จากแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่น บอกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในบริเวณที่พืชและสัตว์อาศัยอยู่ในบริเวณที่สำรวจ ลักษณะและบอกหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ สัตว์และพืช การทำหน้าที่ร่วมกันของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ความสำคัญของส่วนต่างๆของร่างกายของตนเองและการดูแลส่วนต่าง ๆ อย่างถูกต้อง และปลอดภัย สมบัติที่สังเกต ได้ของวัสดุที่ทำจากวัสดุชนิดเดียวหรือหลายชนิดประกอบกันโดยใช้หลักฐาน เชิงประจักษ์ ชนิดของวัสดุและจัด กลุ่มวัสดุตามสมบัติที่สังเกตได้ การเกิดเสียงและทิศทางการเคลื่อนที่ของเสียงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ดาวที่ ปรากฏบนท้องฟ้าในเวลากลางวันและกลางคืนจากข้อมูลที่รวบรวมได้ สาเหตุที่มองไม่เห็นดวงดาวส่วนใหญ่ในเวลา กลางวันจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ลักษณะภายนอกของหินจากลักษณะเฉพาะตัวที่สังเกตได้ การแก้ปัญหาให้ ประสบความสำเร็จทำได้โดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหา แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ การ เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์ หรือสื่อ เพื่อให้เกิดชิ้นงาน การใช้เทคโนโลยีในการสร้างจัดเก็บเรียกใช้ข้อมูล ตามวัตถุประสงค์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างปลอดภัยและมีวิธีการดูแลรักษาอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศได้ อย่างเหมาะสม โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะ ในศตวรรษที่ ๒๑ การสืบค้นข้อมูล และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่ เรียนรู้มีความสามารถในการตัดสินใจการแก้ปัญหา การนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ ซื่อสัตย์ สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการทำงาน จิสาธารณะ และค่านิยมที่เหมาะสม รหัสตัวชี้วัด ว 1.1 ป.1/1, ป.1/2 ว 1.2 ป.1/1, ป.1/2 ว 2.1 ป.1/1, ป.1/2 ว 2.3 ป.1/1 ว 3.1 ป.1/1, ป.1/2 ว 3.2 ป.1/1 ว 4.2 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5 รวมทั้งหมด 15 ตัวชี้วัด


8 โครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว11101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 80 ชั่วโมง ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียน มาตรฐานการ เรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 1 ตัวเรา พืช และสัตว์ ว 1.2 ป.1/1 ป.1/2 มนุษย์มีส่วนต่าง ๆ ที่มีลักษณะและ หน้าที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมในการ ดำรงชีวิตโดยส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะทำ หน้าที่ร่วมกันในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ใน ชีวิตประจำวัน พืชและสัตว์มีส่วนต่าง ๆ ที่มีลักษณะและ หน้าที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมในการ ดำรงชีวิต 14 10 2 พืชและสัตว์ ในท้องถิ่น ว 1.1 ป.1/1 ป.1/2 บริเวณต่าง ๆ ในท้องถิ่น อาจพบพืชและ สัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่บริเวณที่แตกต่างกัน อาจพบพืชและสัตว์แตกต่างกัน เพราะ สภาพแวดล้อมของแต่ละบริเวณจะมีความ เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ที่ อาศัยอยู่ในแต่ละบริเวณแตกต่างกันไป หาก สภาพแวดล้อมในบริเวณที่พืชและสัตว์อาศัย อยู่เกิดการเปลี่ยนแปลงจะมีผลต่อการ ดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ 13 10 3 วัสดุและการ เกิดเสียง ว 2.1 ป.1/1 ป.1/2 ว 2.3 ป.1/1 วัสดุที่นำมาใช้ทำวัตถุที่เป็นของเล่นและ ของใช้มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีสมบัติแตกต่าง กัน เราสามารถนำสมบัติของวัสดุแต่ละชนิดมา ใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่มวัสดุได้ วัสดุ บางอย่างสามารถนำมาประกอบกันเพื่อทำ เป็นวัตถุต่าง ๆ ได้ เสียงเกิดจากการ สั่นสะเทือนของวัตถุ วัตถุที่ทำให้เกิดเสียง เรียกว่าแหล่งกำเนิดเสียง ซึ่งมีทั้งแหล่งกำเนิด เสียงตามธรรมชาติและแหล่งกำเนิดเสียงที่ มนุษย์สร้างขึ้น 17 15


9 ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียน มาตรฐานการ เรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน 4 หินและ ท้องฟ้า ว 3.1 ป.1/1 ป.1/2 ว 3.2 ป.1/1 บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และ ดาว ซึ่งในเวลากลางวันจะมองเห็นดวงอาทิตย์ และมองเห็นดวงจันทร์บางเวลาในบางวัน แต่ ไม่สามารถมองเห็นดาวได้ในเวลากลางวัน เนื่องจากแสงอาทิตย์สว่างกว่าจึงกลบแสงของ ดาว ส่วนในเวลากลางคืนจะมองเห็นดาวและ ดวงจันทร์ได้ หินที่อยู่ในธรรมชาติมีลักษณะ ภายนอกเฉพาะตัวที่สังเกตได้ 14 15 5 เทคโนโลยีใน ชีวิตประจำวัน ว 4.2 ป.1/1 ป.1/2 ป.1/3 ป.1/4 ป.1/5 เรียนรู้ความเป็นมาและเข้าใจหลักการ ทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เข้าใจบทบาท และประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ในการช่วย อำนวยความสะดวกในกิจกรรมต่าง มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องข้อมูลและสารสนเทศ โครงสร้างของข้อมูล สามารถแยกประเภท ของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แต่ละชนิด เลือกใช้ ซอฟต์แวร์สร้างงานได้เหมาะสมกับประเภท ของงาน มีมารยาท มีจิตสำนึกในการ บำรุงรักษาและการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อไว้ใช้ ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า 20 20 รวมระหว่างปี 78 70 ปลายภาค/ปลายปี 2 30 รวมตลอดปี 80 100


10 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ตัวเรา พืชและสัตว์ รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว11101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 14 ชั่วโมง 1. สาระ / มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงาน สัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.2 ป.1/1 ระบุชื่อ บรรยายลักษณะและบอกหน้าที่ ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์สัตว์และพืช รวมทั้ง บรรยายการทำหน้าที่ร่วมกัน ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ในการทำ กิจกรรมต่าง ๆ จาก ข้อมูลที่รวบรวมได้ ว 1.2 ป.1/2 ตระหนักถึงความสำคัญของส่วนต่างๆ ของร่างกายตนเอง โดยการดูแลส่วนต่าง ๆอย่างถูกต้อง ให้ ปลอดภัย และรักษา ความสะอาดอยู่เสมอ 2. สาระสำคัญ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 3.1.1 มนุษย์มีส่วนต่างๆ ที่มีลักษณะและหน้าที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมในการดำรงชีวิต เช่น ตามีหน้าที่ ไว้มองดูโดยมีหนังตาและขนตาเพื่อป้องกันอันตราย ให้กับตา หูมีหน้าที่รับฟังเสียง โดยมีใบหูและ รูหูเพื่อเป็นทางผ่านของเสียง ปากมีหน้าที่พูด กินอาหาร มีช่องปากและมีริมฝีปากบนล่าง แขนและมือมี หน้าที่ ยก หยิบ จับ มีท่อนแขนและนิ้วมือที่ขยับได้สมอง มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกาย เป็นก้อนอยู่ในกะโหลกศีรษะ โดยส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกายจะทำหน้าที่ร่วมกันในการทำกิจกรรมใน ชีวิตประจำวัน 3.1.2 สัตว์มีหลายชนิดแต่ละชนิดมีส่วนต่างๆที่มี ลักษณะและหน้าที่แตกต่างกันเพื่อให้เหมาะสมใน การดำรงชีวิตเช่นปลามีครีบเป็นแผ่น ส่วนกบเต่า แมว มีขา๔ขาและมีเท้าสำหรับใช้ในการเคลื่อนที่ พืชมีส่วน ต่างๆ ที่มีลักษณะและหน้าที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมในการดำรงชีวิต โดยทั่วไป รากมี ลักษณะเรียวยาว และแตกแขนงเป็นรากเล็กๆ ทำหน้าที่ดูดน้ำลำต้นมีลักษณะเป็นทรงกระบอก ตั้งตรงและมีกิ่งก้านใบ ทำ หน้าที่ชูกิ่งก้าน ใบและดอก ใบมีลักษณะเป็นแผ่นแบน ทำหน้าที่ สร้างอาหารนอกจากนี้พืชหลายชนิดอาจมี มนุษย์มีส่วนต่าง ๆ ที่มีลักษณะและหน้าที่แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมในการดำรงชีวิตโดยส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกายจะทำหน้าที่ร่วมกันในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน พืชและสัตว์มีส่วนต่าง ๆ ที่มีลักษณะและหน้าที่ แตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะสมในการดำรงชีวิต


11 ดอก ที่มีสีรูปร่างต่างๆทำหน้าที่สืบพันธุ์รวมทั้งมีผล ที่มีเปลือกมีเนื้อห่อหุ้มเมล็ด และมีเมล็ด ซึ่งสามารถงอก เป็นต้นใหม่ได้ 3.1.3 มนุษย์ใช้ส่วนต่างๆของร่างกายในการทำ กิจกรรมต่างๆเพื่อการดำรงชีวิตมนุษย์จึงควร ใช้ ส่วนต่างๆของร่างกายอย่างถูกต้องปลอดภัยและรักษาความสะอาดอยู่เสมอเช่นใช้ตามองตัวหนังสือในที่ที่มี แสงสว่างเพียงพอ ดูแลตาให้ ปลอดภัยจากอันตราย และรักษาความสะอาดตาอยู่เสมอ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น จำแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอกโดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลพืชที่รวบรวมได้ จากแหล่งเรียนรู้ภายในท้องถิ่น 4. สมรรถนะสำคัญ 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร ( การนำเสนองาน ) 4.2 ความสามารถในการคิด (การคิดวิเคราะห์, การสังเกต, การให้เหตุผล ) 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา (การแก้ปัญหาในการทำงาน) 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต (กระบวนการกลุ่ม) 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี(การสืบค้นข้อมูล,การเรียนรู้ด้วยสื่อวีดีทัศน์) 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 มีวินัย 5.2 ใฝ่เรียนรู้ 5.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 6. ชิ้นงานหรือภาระงาน 6.1 ใบกิจกรรมที่ 1.1 เรื่อง เติมอวัยวะที่หายไป 6.2 ใบกิจกรรมที่ 1.2 เรื่อง ร่างกายของเรา 6.3 ใบกิจกรรมที่ 1.3 เรื่อง ความสำคัญของอวัยวะต่อการดำรงชีวิตของเรา 6.4 ใบกิจกรรมที่ 1.4 เรื่อง หน้าที่ของอวัยวะภายใน 6.5 ใบกิจกรรมที่ 1.5 เรื่อง รู้จักลักษณะส่วนต่าง ๆ ของพืช 6.6 ใบกิจกรรมที่ 1.6 เรื่อง นี่คือสัตว์ชนิดใด 6.7 ใบกิจกรรมที่ 1.7 เรื่อง จำแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอก ลักษณะงานสุดท้าย - แผ่นป้ายรณรงค์การวางแผนดูแลรักษาอวัยวะภายนอกของร่างกายในชีวิตประจำวัน


12 7. การประเมินผล รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 7.1 การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน (สุดท้าย) - ตรวจผลงานป้าย รณรงค์การวางแผน ดูแลรักษาอวัยวะ ภายนอกของร่างกายใน ชีวิตประจำวัน - แบบประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 7.2 การประเมินก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อน เรียน หน่วยการ เรียนรู้ที่ 1 ตัวเรา พืช และ สัตว์ - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน หน่วยการ เรียนรู้ที่ 1 - แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 - ประเมินตามสภาพ จริง 7.3 การประเมินระหว่าง การจัดกิจกรรม 1) บันทึกผลการทำ กิจกรรม 1 2 3 และ 4 - ตรวจสมุดประจำตัว นักเรียนหรือแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ ป.1 - สมุดประจำตัวนักเรียน หรือแบบฝึกหัด วิทยาศาสตร์ ป.1 - ร้อยละ 60 ผ่าน เกณฑ์ 2) เติมอวัยวะที่หายไป - ตรวจใบกิจกรรมที่ 1.1 - ใบกิจกรรมที่ 1.1 - ร้อยละ 60 ผ่าน เกณฑ์ 3) ร่างกายของเรา - ตรวจใบกิจกรรมที่ 1.2 - ใบกิจกรรมที่ 1.2 - ร้อยละ 60 ผ่าน เกณฑ์ 4) ความสำคัญของ อวัยวะต่อการ ดำรงชีวิตของเรา - ตรวจใบกิจกรรมที่ 1.3 - ใบกิจกรรมที่ 1.3 - ร้อยละ 60 ผ่าน เกณฑ์ 5) หน้าที่ของอวัยวะ ภายใน - ตรวจใบกิจกรรมที่ 1.4 - ใบกิจกรรมที่ 1.4 - ร้อยละ 60 ผ่าน เกณฑ์ 6) รู้จักลักษณะส่วน ต่าง ๆ ของพืช - ตรวจใบกิจกรรมที่ 1.5 - ใบกิจกรรมที่ 1.5 - ร้อยละ 60 ผ่าน เกณฑ์ 7) นี่คือสัตว์ชนิดใด - ตรวจใบกิจกรรมที่ 1.6 - ใบกิจกรรมที่ 1.6 - ร้อยละ 60 ผ่าน เกณฑ์ 8) การนำเสนอผลงาน ผลการทำกิจกรรม - ประเมินการนำเสนอ ผลงาน/ผลการทำ กิจกรรม - แบบประเมินการนำเสนอ ผลงาน - ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์


13 รายการวัด วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน 9) พฤติกรรม การทำงาน รายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานรายบุคคล - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 10) พฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - สังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 11) คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น ในการทำงาน - แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ - ระดับคุณภาพดี ผ่านเกณฑ์ 4. การประเมินหลังเรียน - แบบทดสอบหลัง เรียนหน่วยการ เรียนรู้ที่ 1 ตัวเรา พืช และสัตว์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน หน่วยการ เรียนรู้ที่ 1 - แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 - ร้อยละ 60 ผ่าน เกณฑ์ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 1. ครูทักทายกับนักเรียน ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ที่จะเรียนในวันนี้ให้นักเรียนทราบ กระตุ้นความสนใจของ นักเรียนก่อนจะเริ่มเรียนในวันนี้ โดยเขียนเนื้อเพลง ตา หู จมูก บนกระดาน จากนั้นสอนนักเรียนร้องเพลง โดยให้นักเรียนร้องตาม เพลง ตา หู จมูก ตา หู จมูก จับให้ถูก จมูก หู ตา จับใหม่จับให้ฉันดู (ซ้ำ) จับจมูก ตา หู จับหู ตา จมูก (ที่มา : เพลงสอนเด็กปฐมวัย) 2. ครูติดบัตรข้อความอวัยวะภายในและบัตรข้อความอวัยวะภายนอกไว้คนละฝั่งของกระดาน จากนั้นนำบัตรคำ ของชื่ออวัยวะภายในและอวัยวะภายนอกร่างกายใส่ไว้ในกล่อง สุ่มนักเรียนออกมาหยิบบัตรคำในกล่องทีละ คนแล้วอ่านให้เพื่อนฟัง จากนั้นนำบัตรคำไปติดบนกระดานให้ตรงกับบัตรข้อความอวัยวะภายในและบัตร ข้อความอวัยวะภายนอกที่ครูติดไว้บนกระดานให้ถูกต้อง เมื่อทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนช่วยกัน สรุปข้อมูลที่ได้จากการทำกิจกรรมบนกระดาน 3. ครูสนทนากับนักเรียนว่า คนเรามีอวัยวะต่าง ๆ เหมือนกันหรือไม่ อย่างไร โดยให้นักเรียนจับกลุ่มกลุ่มละ 3-4 คน แล้วช่วยกันสืบค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ โดยครูกำหนดเวลาในการทำกิจกรรม ให้แต่ละกลุ่ม


14 นำเสนอข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นหน้าชั้นเรียน ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปผลที่แต่ละกลุ่ม นำเสนอไป เพื่อแนะนำและเสนอแนะข้อบกพร่อง 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความหมายของอวัยวะภายนอกและอวัยวะภายใน ดังนี้ อวัยวะที่เราสามารถ มองเห็นได้ เรียกว่า อวัยวะภายนอก ส่วนอวัยวะที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะอยู่ภายในร่างกายตัวเรา เรียกว่า อวัยวะภายใน ชั่วโมงที่ 2 1. ครูนำแผนภาพอวัยวะภายในมาให้นักเรียนช่วยกันสังเกต แล้วถามนักเรียนว่า นักเรียนสามารถมองเห็นอวัยวะ ในภาพนี้ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบ 2. ครูสุ่มนักเรียนด้วยการจับฉลากชื่อ 3-4 คน ให้ออกมานำเสนอข้อมูลที่ได้จากการสำรวจอวัยวะของตนเอง หน้าชั้น เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และตรวจสอบความถูกต้อง โดยครูตั้งคำถาม ดังนี้ - นักเรียนมองเห็นอวัยวะใดของเพื่อนบ้าง ? - อวัยวะที่เราสามารถมองเห็นได้เรียกว่าอะไร ? 3. ครูแจกใบกิจกรรมที่ 1.1 เรื่องอวัยวะที่หายไป โดยให้นักเรียนทุกคนวาดภาพอวัยวะที่ขาดหายไปให้สมบูรณ์ และลากเส้นชี้บอกชื่ออวัยวะทุกส่วน พร้อมตกแต่งให้สวยงาม 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่า ร่างกายของคนเราทุกคนประกอบด้วยอวัยวะต่าง ๆ เหมือนกัน ซึ่งอวัยวะที่เรา สามารถมองเห็นได้ เรียกว่า อวัยวะภายนอก และอวัยวะที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ เรียกว่า อวัยวะภายใน ชั่วโมงที่ 3 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน จากนั้นช่วยกันศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายจาก หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ เรื่องอวัยวะภายนอกของเรา และเรื่องอวัยวะภายในของเรา ให้นักเรียนร่วมกัน ศึกษา จากนั้นให้แต่ละกลุ่มจัดทำบัตรปริศนาคำทายเกี่ยวกับอวัยวะต่าง ๆ กลุ่มละ 5 คำทาย โดยปฏิบัติ ดังนี้ 1) ให้ตัดกระดาษแข็งเป็นแผ่นขนาดตามที่ต้องการ 2) ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันคิดและเขียนปริศนาคำทายเกี่ยวกับอวัยวะต่าง ๆ ลงในกระดาษ 3) ตกแต่งบัตรปริศนาคำทายให้สวยงาม ตัวอย่างปริศนาคำทาย เช่น - อะไรเอ่ยมีสองใบติดอยู่ข้างหัว (หู) - อะไรเอ่ยมีลักษณะคล้ายผลชมพู่วาอยู่บนหน้า (จมูก) - ใช้เดินไปมา เพื่อนจ๋าสองข้างต้องไปด้วยกัน (เท้า,ขา) เป็นต้น โดยครูกำหนดเวลาให้กลุ่มละ 15 นาที เมื่อนักเรียนแต่ละกลุ่มจัดทำปริศนาคำทายเสร็จแล้ว ครูให้แต่ะ ละกลุ่มนำบัตรปริศนาคำทายออกมาทายเพื่อนกลุ่มอื่น ๆ หน้าชั้นเรียน โดยให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มยก มือขึ้นตอบ เมื่อเล่นวนจนครบทุกกลุ่ม กลุ่มใดที่ได้คะแนนมากที่สุดจะเป็น ผู้ชนะ ครูให้รางวัลแก่กลุ่มที่ เป็นผู้ชนะ เพื่อเป็นการเสริมแรง ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปข้อมูลที่ได้จากการทำกิจกรรม เพื่อให้เกิดความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 2. จากนั้นครูแจกใบกิจกรรมที่ 1.2 เรื่องร่างกายของเรา โดยให้นักเรียนลากเส้นชี้และบอกชื่ออวัยวะต่าง ๆ ทั้ง อวัยวะภายในและอวัยวะภายนอกให้ถูกต้อง พร้อมตกแต่งให้สวยงาม 3. ครูถามนักเรียนว่า ร่างกายของตนเองประกอบด้วยอวัยวะภายนอกและอวัยวะภายในอะไรบ้าง แล้วทำไม


15 เราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องอวัยวะภายนอกและอวัยวะภายในของเรา ครูให้นักเรียนร่วมกันแสดงความ คิดเห็นอย่างอิสระ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับความสำคัญของอวัยวะภายนอกและอวัยวะภายใน ชั่วโมงที่ 4 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยเขียนเนื้อเพลง ตาไว้ดู หูไว้ฟัง ไว้บนกระดาน แล้วให้นักเรียนช่วยกัน ร้อง ดังนี้ เพลง ตาไว้ดู หูไว้ฟัง เรามีตาไว้ดู เรามีหูไว้ฟัง คุณครูท่านสอนท่านสั่ง ต้องตั้งใจฟัง ต้องตั้งใจดู ที่มา : เพลงสอนเด็กปฐมวัย 2. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียน กลุ่มละ 4 คน จากนั้นครูแจ้งจุดประสงค์ของการทำกิจกรรมให้นักเรียนทราบ โดย ปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ 1) ให้แต่ละคู่สังเกตพฤติกรรมคู่ของตนเองระหว่างทำกิจกรรมว่า เพื่อนใช้อวัยวะส่วนใดบ้างและอวัยวะแต่ละ ส่วนทำหน้าที่อย่างไร แล้วบันทึกผลลงในสมุด 2) เมื่อนักเรียนแต่ละคู่บันทึกผลการทำกิจกรรมเสร็จแล้ว ให้กลับมารวมกลุ่ม 4 คน เหมือนเดิม 3) ให้แต่ละคู่อธิบายผลการทำกิจกรรมและนำคำตอบมาเปรียบเทียบกับเพื่อนอีกคู่ 4) จากนั้นให้แต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายและสรุปผลที่ได้จากการทำกิจกรรม เพื่อนำเสนอผลจากการทำ กิจกรรม 3. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลจากการทำกิจกรรม โดยครูตั้งคำถาม ดังนี้ 1) เราใช้อวัยวะส่วนใดในการกินขนม 2) เราใช้อวัยวะส่วนใดในการหยิบหนังสือ 3) เราใช้อวัยวะส่วนใดในการดมกลิ่นดอกไม้ 4) เราใช้อวัยวะส่วนใดในการเต้นตามจังหวะเพลง 5) เราใช้อวัยวะส่วนใดในการมองดูตัวเลขในบัตรภาพ โดยครูคอยแนะนำและให้ความรู้เพิ่มเติม 4. ครูให้นักเรียนจับคู่กัน จากนั้นครูแจกใบกิจกรรมที่ 1.4 เรื่องหน้าที่ของอวัยวะภายใน โดยให้แต่ละคู่เลือก อวัยวะภายในมา 1 อวัยวะ แล้วสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของอวัยวะภายในที่แต่ละคู่เลือกจาก แหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น หนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต เป็นต้น แล้วบันทึกข้อมูลลงในใบกิจกรรมที่ 1.4 พร้อม ตกแต่งให้สวยงาม ครูสุ่มใบกิจกรรมของนักเรียนที่สืบค้นอวัยวะภายในแตกต่างกันมา 5 ใบ แล้วให้เจ้าของ ใบกิจกรรมออกมานำเสนอข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นหน้าชั้นเรียน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กัน โดยมีครู ค่อยแนะนำข้อมูลที่ถูกต้องด้วย ชั่วโมงที่ 5 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนก่อนที่จะเรียนในวันนี้ โดยให้นักเรียนเล่นเกมปลาเป็น ปลาตาย เมื่อเล่น เกมเสร็จ ครูให้นักเรียนที่ได้เป็นคนหาปลา ออกมาตอบคำถาม ดังต่อไปนี้ 1) รู้สึกอย่างไรเมื่อตนเองต้องโดนปิดตา


16 2) ถ้าให้เลือกเป็นผู้เล่นระหว่างเป็นปลากับเป็นคนจับปลา จะเลือกเป็นผู้เล่นใด เพราะอะไร 3) ถ้าเปลี่ยนให้คนจับปลาไม่ต้องปิดตา นักเรียนคิดว่าจะสามารถจับปลาได้มากกว่านี้หรือไม่ เพราะ อะไร เมื่อทำกิจกรรมจบ ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปข้อมูลที่ได้จากการเล่นเกมนี้ จะเกี่ยวข้องกับการใช้อวัยวะ หลาย ๆ ส่วนทำงานร่วมกัน โดยให้นักเรียนยกมือแสดงความคิดเห็น 2. จากนั้นครูนำนักเรียนทำกิจกรรมเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันของอวัยวะอีกกิจกรรม โดยครูนำตะกร้าและลูก บอลมาวางไว้หน้าชั้นเรียน จากนั้นแบ่งนักเรียนออกเป็นสองฝ่ายตามความเหมาะสม แล้วปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ 1) รอบที่ 1 ให้แต่ละฝ่ายส่งตัวแทนออกมา 5 คน ยืนเข้าแถว โดยคนแรกของแถวยืนห่างจากตะกร้า 5 เมตร 2) จากนั้นให้แต่ละฝ่ายโยนลูกบอลให้ลงในตะกร้า ฝ่ายใดที่โยนลูกบอลลงในตะกร้าได้จะได้ลูกละ 1 คะแนน สลับกันโยนจนครบทุกคนแล้วนับคะแนน 3) รอบที่ 2 ให้ใช้ผ้าปิดตาตัวแทนของแต่ละฝ่าย แล้วให้โยนลูกบอลลงในตะกร้า ถ้าลูกบอลลงตะกร้าจะ ได้ลูกละ 2 คะแนน 4) สลับกันโยนลูกบอลทีละฝ่ายจนครบทุกคนจากนั้นนับคะแนนฝ่ายไหนทำคะแนนได้มากที่สุดเป็นฝ่าย ชนะ ครูให้นักเรียนส่งตัวแทนออกมาอธิบายความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรมว่าเกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันของ อวัยวะใดบ้าง 3. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันของอวัยวะ ว่า ในขณะที่เราทำกิจกรรมต่าง ๆ เราต้อง อาศัยการทำงานร่วมกันของอวัยวะ เพื่อช่วยให้สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ชั่วโมงที่ 6 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนก่อนที่จะเรียนในวันนี้ว่า ในแต่ละวันเรามีวิธีดูแลรักษาอวัยวะต่าง ๆ อย่างไร บ้าง โดยให้นักเรียนยกมือตอบคำถามทีละคน 2. ครูเขียนเนื้อเพลง แปรงฟัน ไว้บนกระดาน เพลง แปรงฟัน แปรงซิแปรง แปรงฟัน ฟันหนูสวยสะอาดดี แปรงขึ้นแปรงลงทุกซี่ สะอาดดีเมื่อหนูแปรงฟัน (ซ้ำ 2 ครั้ง) ที่มา : เพลงสอนเด็กปฐมวัย ครูถามนักเรียนว่า จากเนื้อเพลงเป็นการดูแลอวัยวะส่วนใด และการแปรงฟันที่ถูกต้องควรทำอย่างไร ให้ นักเรียนยกมือตอบแสดงความคิดเห็น ครูใช้วิธีการสอนโดยใช้การสาธิต โดยให้นักเรียนจับกลุ่มตามความ สมัครใจ กลุ่มละ 4-5 คน แล้วให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาจับฉลาก เพื่อเลือกบัตรข้อความเกี่ยวกับ พฤติกรรมการดูแลอวัยวะ ให้สมาชิกในกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า 1) พฤติกรรมที่จับได้ในฉลากนั้นเป็นพฤติกรรมการดูแลอวัยวะที่ถูกวิธีหรือไม่ 2) ถ้าหากไม่ถูกต้อง วิธีการดูแลอวัยวะที่ถูกวิธีต้องปฏิบัติอย่างไร


17 3. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลอวัยวะที่ถูกวิธี ชั่วโมงที่ 7 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกันตามความสามารถ จากนั้นให้แต่ละกลุ่มช่วยกันคิดวิธีการ ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย แล้วร่วมกันอภิปราย โดยครูมีคำถามดังนี้ 1) เมื่อมีฝุ่นเข้าตา นักเรียนมีวิธีการดูแลรักษาตาอย่างไร 2) ถ้ามีฝุ่นละอองในอากาศมากๆ นักเรียนมีวิธีการดูแลรักษาจมูกอย่างไร 3) ถ้าได้ยินเสียงดังมาก ๆ นักเรียนมีวิธีการดูแลรักษาหูอย่างไร 4) ถ้าฟันผุ นักเรียนมีวิธีการดูแลรักษาปากและฟันอย่างไร 2. ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลวิธีการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับอวัยวะต่าง ๆ แต่ละกลุ่มร่วมกัน แสดงความคิดเห็น แล้วแบ่งหน้าที่ให้แต่ละคนรับผิดชอบในการเตรียมข้อมูลออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียนครู สุ่มจับฉลากให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอวิธีการป้องกันและดูแลอวัยวะต่าง ๆ ตามที่ได้สืบค้นมา เพื่อ แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนกลุ่มอื่น ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรมนี้ 3. ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันวางแผนการดูแลรักษาอวัยวะภายนอกของร่างกายที่ถูกวิธีจัดทำเป็นแผ่นป้ายรณรงค์ การดูแลรักษาอวัยวะภายนอกลงในกระดาษแข็ง พร้อมตกแต่งให้สวยงาม นำป้ายรณรงค์ไปติดตามป้ายนิเทศ ภายในห้องโรงเรียน ชั่วโมงที่ 8 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องที่จะเรียนในวันนี้ โดยให้นักเรียนดูแผนภาพ สิ่งแวดล้อมที่มีพืชและสัตว์ และถามว่า พืชและสัตว์มีส่วน ต่าง ๆ ของร่างกายเหมือนกันหรือแตกต่างกัน อย่างไร แล้วให้นักเรียนช่วยกันระดมความคิดในการตอบคำถาม 2. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน จากนั้นถามนักเรียนว่า นักเรียนรู้จักทะเลทรายหรือไม่ แล้ว ทะเลทรายมีลักษณะเป็นอย่างไร ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันเขียนคำตอบลงในกระดาษ เมื่อแต่ละกลุ่มเขียนคำตอบ เสร็จแล้ว ครูถามนักเรียนอีกว่า แล้วนักเรียนคิดว่า มีพืชและสัตว์ชนิดใดบ้าง ที่สามารถเจริญเติบโตได้ใน ทะเลทราย ให้นักเรียนเขียนคำตอบลงในกระดาษแผ่นเดิม เมื่อแต่ละกลุ่มเขียนคำตอบเสร็จแล้ว ครูสุ่ม นักเรียน 2 กลุ่ม ให้ออกมานำเสนอคำตอบหน้าชั้นเรียน เพื่อให้เพื่อนกลุ่มอื่นได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น ชั่วโมงที่ 9 1. ครูเตรียมตัวอย่างต้นพืชที่สามารถหาได้ง่ายมา 2-3 ชนิด มาวางไว้หน้าชั้นเรียน แล้วให้นักเรียนสังเกต ครู ถามคำถามเพื่อให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นร่วมกันว่า ต้นพืชที่นักเรียนสังเกตมีโครงสร้างส่วนใดบ้าง 2. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำกิจกรรมที่ 1 เรื่องรู้จักส่วนต่าง ๆ ของพืช โดยปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ 1) ให้เลือกสังเกตต้นพืช 1 ชนิด ที่ครูเตรียมไว้หน้าห้องเรียน 2) วาดภาพต้นพืชลงในสมุดประจำตัวนักเรียน 3) ลากเส้นชี้บอกชื่อส่วนต่าง ๆ ของพืชที่นักเรียนสังเกตเห็นและรู้จัก 4) ให้นักเรียนแต่ละคนจับกลุ่มกับเพื่อนที่วาดต้นพืชชนิดเดียวกัน แล้วช่วยกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่ของ ส่วนต่าง ๆ ของพืชว่า ส่วนต่าง ๆ ของพืชทำหน้าที่อะไร แล้วบันทึกลงในสมุดประจำตัวนักเรียน 5) ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปชื่อและหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ของพืช


18 3. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับอวัยวะภายนอกของพืช บอกชื่ออวัยวะภายนอกของพืชทีละคน และ บอกหน้าที่ของส่วนนั้นให้ถูกต้อง เพื่อทดสอบความเข้าใจ ชั่วโมงที่ 10 1. ครูเขียนเนื้อเพลง กิ่ง ก้าน ใบ บนกระดานดังนี้ เพลง กิ่ง ก้าน ใบ กิ่ง ก้าน ใบ ชะ ชะ ใบ ก้าน กิ่ง ฝนตกลมแรงจริง ๆ ฝนตกลมแรงจริง ๆ ชะ ชะ กิ่ง ก้าน ใบ 2. ครูนำนักเรียนเล่นเกมส่งต่อสิ่งของ โดยครูอธิบายกติกาการเล่น ดังนี้ 1) ครูเตรียมกระดาษเขียนข้อความไว้หลาย ๆ แผ่น แล้วนำมาห่อรวมกันเป็นลูกบอล ตัวอย่างข้อความ - วาดส่วนที่เป็นรากของพืช - วาดส่วนของพืชที่ทำหน้าที่ สืบพันธุ์ - บอกหน้าที่ของราก - เขียนลักษณะของใบ เป็นต้น 2) ให้นักเรียนนั่งล้อมกันเป็นวงกลม แล้วส่งต่อลูกบอลกระดาษไปเป็นวงกลม โดยให้ร้องเพลง กิ่ง ก้าน ใบ ไปพร้อม ๆ กับส่งลูกบอล หรืออาจเปลี่ยนเพลงตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดความสนุกสนาน 3) เมื่อครูให้สัญญาณหยุดลูกบอลอยู่ในมือใคร ให้แกะกระดาษออกมา 1 แผ่น แล้วอ่านข้อความให้เพื่อนฟัง และปฏิบัติตามข้อความที่ได้ 3. ครูให้นักเรียนจับกลุ่มเดิมจากชั่วโมงที่ผ่านมา จากนั้นครูแจกใบกิจกรรมที่ 1.5 เรื่องส่วนต่าง ๆ ของพืชที่ แตกต่างกันของพืช แล้วให้แต่ละกลุ่มปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ 1) ให้แต่ละกลุ่มไปสำรวจพืชในบริเวณโรงเรียน แล้วเลือกศึกษาพืชมา 2 ชนิด 2) สังเกตลักษณะของส่วนต่าง ๆ ของพืชทั้ง 2 ชนิดนั้น 3) เปรียบเทียบลักษณะของส่วนต่าง ๆ ของพืชทั้ง 2 ชนิด 4) นำข้อมูลที่ได้มาบันทึกลงในใบกิจกรรมที่ 1.5 ที่ครูแจกให้แล้วตกแต่งให้สวยงาม จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มวางแผนการทำงานโดยแบ่งหน้าที่กันในกลุ่ม ซึ่งครูอาจชี้แนะแนวทางเพื่อให้ นักเรียนเกิดกระบวนการทำงานที่เป็นแบบแผนและรวดเร็ว 4. เมื่อทุกกลุ่มทำงานเสร็จ ให้แต่ละกลุ่มนำผลงานการศึกษาค้นคว้าออกมานำเสนอหน้าชั้นทีละกลุ่ม ครูสุ่ม เรียกรายชื่อนักเรียน 2-3 คน ให้ออกมาสรุปความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรม และครูให้ความรู้เพิ่มเติมใน ส่วนที่บกพร่อง ชั่วโมงที่ 11 1. ครูเขียนเพลงช้าง บนกระดาน แล้วให้นักเรียนร่วมกันร้องเพลง เพลง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง หนูรู้จักช้างหรือเปล่า ช้างมันตัวโตไม่เบา จมูกมันยาวเรียกว่างวง สองเขี้ยวข้างงวงเรียกว่างา มีหูมีตาหางยาว


19 ที่มา : เพลงสอนเด็กปฐมวัย 2. จากนั้นครูให้นักเรียนทำใบกิจกรรมที่ 1.6 เรื่องนี่คือสัตว์ชนิดใด โดยให้นักเรียนวาดภาพสัตว์และบอกชื่อตาม ปริศนาคำทายที่ใบ้ให้พร้อมตกแต่งให้สวยงาม 3. ครูติดบัตรภาพสัตว์แต่ละชนิดบนกระดาน แล้วสุ่มเรียกนักเรียนออกมาเขียนชื่ออวัยวะของสัตว์บนกระดานที ละคน คนละข้อครูและเพื่อนๆ ช่วยกันตรวจสอบความถูกต้องคำตอบบนกระดาน จากนั้นครูอธิบายให้ความรู้ เพิ่มเติมเกี่ยวกับอวัยวะภายนอกของสัตว์ ชั่วโมงที่ 12 1. ครูเขียนชื่ออวัยวะภายนอกของสัตว์บนกระดาน ดังนี้ หู ตา จมูก ปาก ขาและเท้า ครูถามนักเรียนว่า อวัยวะ ภายนอกของสัตว์ที่ครูเขียนไว้บนกระดาน อวัยวะใดที่สุนัขใช้ในการหายใจ โดยให้นักเรียนช่วยกันตอบ 2. ครูให้นักเรียนเล่มเกมตอบคำถาม โดยแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน โดยให้แต่ละกลุ่มแข่งขันกันตอบคำถาม โดยครูจะสุ่มหยิบและชูบัตรข้อความเกี่ยวกับหน้าที่ของอวัยวะภายนอกของสัตว์ขึ้นมา จากนั้นให้แต่ละกลุ่ม ยกมือ กลุ่มที่ยกมือก่อนมีสิทธิ์ในการตอบคำถามก่อนว่า บัตรข้อความดังกล่าวตรงกับอวัยวะภายนอกของ สัตว์ส่วนใด 3. ครูถามนักเรียนว่า ถ้าสัตว์แต่ละชนิดมีอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งขาดหายไป จะส่งผลต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ ชนิดนั้นหรือไม่ เพราะอะไร โดยให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็น ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปหน้าที่ของ อวัยวะภายนอกของสัตว์ต่าง ๆ ชั่วโมงที่ 13 – 14 1. ครูนำนักเรียนร้องเพลง เป็ดอาบน้ำในคลอง โดยมีเนื้อเพลงเขียนไว้บนกระดานดังนี้ เพลง เป็ดอาบน้ำในคลอง ก้าบ ก้าบ ก้าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมี หอย ปู ปลา ก้าบ ก้าบ ก้าบ เป็ดอาบน้ำในคู ตาก็จ้องแลดู เพราะในคู มี หอย ปู ปลา ที่มา : เพลงสอนเด็กปฐมวัย ครูถามคำถามว่า เนื้อเพลงได้กล่าวถึงสัตว์ชนิดใดบ้าง ให้นักเรียนยกมือตอบ 2. ครูให้นักเรียนวาดรูปสัตว์ที่นักเรียนชอบลงในสมุดภายในเวลา 1 นาที จากนั้นครูสุ่มเรียกเลขที่ นักเรียนทีละ คน แล้วให้บอกลักษณะของสัตว์ที่นักเรียนวาดให้เพื่อน ๆ ฟัง และให้เพื่อน ๆ ทายว่าสัตว์ที่นักเรียนวาดเป็น สัตว์ชนิดใด เช่น ตัวอย่างคำใบ้บอกลักษณะของสัตว์ - เป็นสัตว์ที่อยู่บนบกมี 4 ขา มีใบหูใหญ่ แต่มีตาเล็กเป็นสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดตัวผู้มีเขี้ยวยาว (ช้าง) - มีหางไว้สำหรับว่ายน้ำ มีเหงือกไว้หายใจในน้ำลำตัวแบน ๆ มีเกล็ด (ปลา) - มีปีกลำตัวมีขน มี 2 ขา มีปากแหลมและแข็ง (นก)


20 ให้นักเรียนบอกลักษณะจนกว่าเพื่อนจะทายถูกว่าเป็นสัตว์ชนิดใด เป็นต้น เมื่อทำกิจกรรมจบครูให้นักเรียน ร่วมกันสรุปข้อมูลที่ได้จากทำกิจกรรมว่า สัตว์แต่ละชนิดมีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร โดยให้นักเรียนยกมือ แสดงความคิดเห็น 3. ครูแบ่งกลุ่มให้นักเรียน กลุ่มละ 3-4 คน ให้แต่ละกลุ่มทำกิจกรรมสร้างสรรค์ผลงานจากหนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ หน้า 40 หรือในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ หน้า 46 โดยจัดทำสมุดภาพอวัยวะภายนอกของสัตว์ ชนิดต่าง ๆ โดยวาดภาพหรือติดภาพสัตว์ที่กลุ่มตนเองรู้จักลงในสมุดภาพแล้วชี้บอกชื่ออวัยวะและหน้าที่ของ อวัยวะ พร้อมตกแต่งให้สวยงาม ครูกำหนดเวลาในการทำสมุดภาพ 40 นาที แล้วให้แต่ละกลุ่มนำสมุดภาพ มาส่งครูหน้าชั้นเรียน ครูนำสมุดภาพของแต่ละกลุ่มมาวางไว้หน้าห้อง เพื่อให้กลุ่มอื่น ๆ ได้ศึกษาสมุดภาพ 4. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้จากการทำกิจกรรมในชั่วโมงนี้ 9. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรม 2. บัตรภาพอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของคน 3. บัตรคำอวัยวะส่วนต่างๆของสัตว์ 4. ต้นพืชขนาดไม่ใหญ่ 4 ต้น 5. สมุดประจำตัวนักเรียน 6. หนังสือเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 7. วีดิทัศน์ 8. แบบประเมินผล


21 แบบสังเกตการณ์ทดลองและการนำเสนอ เลขที่ รายการประเมินและระดับคุณภาพ การ ทดลอง และการ ใช้อุปกรณ์ การเก็บ รักษา อุปกรณ์ ความ ถูกต้อง ของข้อมูล การแปล ความ หมายและ สรุปผล การ นำเสนอ ข้อมูล รวม คะแนน เฉลี่ย x ผลการ ประเมิน 4 4 4 4 4 20 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 รวม เกณฑ์การการประเมิน ระดับคุณภาพ 3.1 – 4.0 หมายถึง ดีมาก ระดับคุณภาพ 2.1 – 3.0 หมายถึง ดี ระดับคุณภาพ 1.1 - 2 หมายถึง พอใช้ ระดับคุณภาพ 0 – 1.0 หมายถึง ปรับปรุง


22 การวัดและประเมิน การทดลองและการนำเสนอผลการทดลอง ประเด็น การประเมิน ระดับคุณภาพ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) 1.การทดลองและ การใช้อุปกรณ์ เมื่อดำเนินการ ทดลองตามแผนทุก ขั้นตอน และใช้ อุปกรณ์ถูกวิธี เมื่อดำเนินการ ทดลองตามแผนทุก ขั้นตอน และใช้ อุปกรณ์ผิดบ้าง เล็กน้อย เมื่อมีการปรับ แผนการทดลองบ้าง และใช้อุปกรณ์ไม่ ค่อยถูกวิธี เมื่อดำเนินการ ทดลองโดยไม่ คำนึงถึงแผนเลย หรือใช้อุปกรณ์ไม่ถูก วิธีเป็นส่วนใหญ่ 2.การเก็บรักษา อุปกรณ์ เมื่อทำความสะอาด อุปกรณ์เช็ดให้แห้ง เก็บรักษาเป็น ระเบียบ อุปกรณ์อยู่ ในสภาพดี เมื่อทำความสะอาด อุปกรณ์เก็บรักษาไม่ เป็นระเบียบ อุปกรณ์อยู่ในสภาพ ดี เมื่อเก็บรักษาโดย ไม่ได้ดูความ เรียบร้อยของ อุปกรณ์ เมื่อต้องเตือนให้เก็บ รักษาอุปกรณ์หรือ ทำอุปกรณ์ชำรุดโดย ประมาท 3.ความถูกต้อง ของข้อมูล เมื่อบันทึกข้อมูล ครบถ้วน และ ถูกต้อง เมื่อบันทึกข้อมูล ครบถ้วน มีผิดพลาด เล็กน้อย เมื่อบันทึกข้อมูลไม่ ครบถ้วน และมี ผิดพลาด เมื่อบันทึกข้อมูล ผิดพลาดมากต้อง คอยบอกให้แก้ไข 4.การแปล ความหมายและ สรุปผลการ ทดลอง เมื่อสรุปผลการ ทดลองสอดคล้องกับ จุดประสงค์ครบถ้วน แปลความหมาย ถูกต้อง เมื่อสรุปผลการ ทดลองสอดคล้องกับ จุดประสงค์ครบถ้วน แต่แปลความหมาย ผิดบ้าง เมื่อสรุปผลการ ทดลองสอดคล้องกับ จุดประสงค์ไม่ ครบถ้วน หรือแปล ความหมายผิด เมื่อสรุปผลการ ทดลองไม่สอดคล้อง กับจุดประสงค์ 5. การนำเสนอ ข้อมูล การนำเสนอข้อมูลได้ ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ การนำเสนอข้อมูลได้ ถูกต้อง แต่ข้อมูลยัง ไม่ครบ การนำเสนอข้อมูลได้ ถูกต้อง เพียง บางส่วน การนำเสนอข้อมูล ไม่ถูกต้อง


23 แบบประเมินผลงานแผ่นป้ายรณรงค์การดูแลรักษาอวัยวะภายนอกของร่างกาย ลำดับ ที่ รายการประเมิน ระดับคุณภาพ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) 1 ตรงกับจุดประสงค์ที่กำหนด 2 มีความถูกต้องของเนื้อหา 3 มีความคิดสร้างสรรค์ 4 มีความเป็นระเบียบ 5 กำหนดเวลาส่งงาน รวม เฉลี่ย ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............./.................../..............


24 เกณฑ์การประเมินแผ่นป้ายรณรงค์การดูแลรักษาอวัยวะภายนอกของร่างกาย รายการประเมิน คำอธิบายระดับคุณภาพ/ระดับคะแนน ดีมาก(4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) 1. ผลงานตรงกับ จุดประสงค์ที่กำหนด ผลงานสอดคล้อง กับจุดประสงค์ทุก ประเด็น ผลงานสอดคล้อง กับจุดประสงค์บาง ประเด็น ผลงานสอดคล้อง กับจุดประสงค์ ตรงประเด็น เล็กน้อย ผลงานไม่สอดคล้อง กับจุดประสงค์ 2. ผลงานมีความ ถูกต้องของเนื้อหา เนื้อหาการดูแล รักษาอวัยวะ ภายนอกของ ร่างกายของผลงาน มีความถูกต้อง ครบถ้วน เนื้อหาการดูแล รักษาอวัยวะ ภายนอกของ ร่างกายของผลงาน มีความถูกต้อง ไม่ครบถ้วน เนื้อหาการดูแล รักษาอวัยวะ ภายนอกของ ร่างกายของผลงาน มีความถูกต้อง เป็นบางประเด็น เนื้อหาการดูแล รักษาอวัยวะ ภายนอกของ ร่างกายของผลงาน ไม่ถูกต้องเป็นส่วน ใหญ่ 3. ผลงานมีความคิด สร้างสรรค์ ผลงานแสดงออก ถึงความคิด สร้างสรรค์แปลก ใหม่ และเป็นระบบ ผลงานแสดงออก ถึงความคิด สร้างสรรค์แปลก ใหม่ และไม่เป็นระบบ ผลงานมีความ น่าสนใจ แต่ยังไม่มี แนวคิดแปลกใหม่ ผลงานไม่แสดง แนวคิดใหม่ 4. ผลงานมีความเป็น ระเบียบ ผลงานมีความเป็น ระเบียบแสดงออก ถึงความประณีต ผลงานมีความเป็น ระเบียบแสดงออก ถึงความประณีต เล็กน้อย ผลงานมีความ เป็นระเบียบ แต่มี ข้อบกพร่อง บางส่วน ผลงานส่วนใหญ่ ไม่เป็นระเบียบ และมีข้อบกพร่อง มาก 5. กำหนดเวลาส่งงาน ส่งชิ้นงานภายใน เวลาที่กำหนด ส่งชิ้นงานช้ากว่า กำหนด 1 วัน ส่งชิ้นงานช้ากว่า กำหนด 2 วัน ส่งชิ้นงานช้ากว่า กำหนดเกิน 3 วัน ขึ้นไป เกณฑ์การการประเมิน ระดับคุณภาพ 3.1 – 4.0 หมายถึง ดีมาก ระดับคุณภาพ 2.1 – 3.0 หมายถึง ดี ระดับคุณภาพ 1.1 - 2 หมายถึง พอใช้ ระดับคุณภาพ 0 – 1.0 หมายถึง ปรับปรุง


25 แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล ที่ พฤติกรรม ชื่อ-สกุล ความสนใจ การแสดง ความคิดเห็น การตอบ คำถาม การยอมรับ ฟังคนอื่น ทำงาน ตามที่ได้รับ มอบหมาย หมาย เหตุ 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 เกณฑ์การวัดผล ให้คะแนนระดับคุณภาพของแต่ละพฤติกรรมดังนี้ ดีมาก = 4 สนใจฟัง ไม่หลับ ไม่พูดคุยในชั้น มีคำถามที่ดีตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบ ตรงเวลา ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70% ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50% ปรับปรุง = 1 เข้าชั้นเรียน แต่การแสดงออกน้อยมากส่งงานไม่ครบ ไม่ตรงเวลา ลงชื่อ……………………………….ผู้สังเกต (……………………………….) …………/…………/………..


26 แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม กลุ่ม……..…………………………………….. ชั้น…..………………………………..…… เกณฑ์การให้คะแนน ดีมาก = 4 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 90-100% หรือปฏิบัติบ่อยครั้ง ดี = 3 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 70-89% หรือปฏิบัติบางครั้ง ปานกลาง = 2 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 50-69% หรือปฏิบัติครั้งเดียว ปรับปรุง = 1 ประสิทธิภาพต่ำกว่าเกณฑ์50% หรือไม่ปฏิบัติเลย ลำดับ ที่ ชื่อสกุล สมาชิก กลุ่ม พฤติกรรม รวม ความร่วมมือ การแสดง ความคิดเห็น การรับฟัง ความคิดเห็น ความตั้งใจใน การทำงาน การมีส่วนร่วม ในการ อภิปราย 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10


27 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง พืชและสัตว์ในท้องถิ่น รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว11101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 13 ชั่วโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิต กับสิ่งชีวิต และ ความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลงแทนที่ใน ระบบนิเวศ ความหมาย ของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทาง ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 1.1 ป.1/1 ระบุชื่อพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่บริเวณต่างๆจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ป.1/2 บอกสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิต ของสัตว์ในบริเวณที่อาศัยอยู่ 2. สาระสำคัญ บริเวณต่าง ๆ ในท้องถิ่น เช่น สนามหญ้า ใต้ต้นไม้ แหล่งน้ำอาจพบพืชและสัตว์หลายชนิดอาศัยอยู่บริเวณ ที่แตกต่างกันอาจพบพืชและสัตว์แตกต่างกัน เพราะสภาพ แวดล้อมของแต่ละบริเวณมีความเหมาะสมต่อการ ดํารงชีวิตของพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแต่ละบริเวณแตกต่างกันไป หากสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พืชและสัตว์ อาศัยอยู่เกิดการเปลี่ยนแปลงจะมี ผลต่อการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ 3.สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง 3.1.1 บริเวณต่างๆในท้องถิ่น เช่นสนามหญ้าใต้ต้นไม้สวนหย่อม แหล่งน้ำอาจพบพบพืชและสัตว์หลายชนิด อาศัยอยู่ 3.1.2 บริเวณที่แตกต่างกันอาจพบพืชและสัตว์แตกต่างกันเพราะสภาพแวดล้อมของแต่ละบริเวณมีความ เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแต่ละบริเวณเช่นสระน้ำ มีน้ำเป็นที่อยู่อาศัยของหอย ปลา และสาหร่าย เป็นที่หลบภัยและมีแหล่งอาหารของหอยและปลา บริเวณต้นมะม่วงมีต้นมะม่วงเป็นแหล่งที่อยู่และมี อาหารสำหรับกระรอกและมด 3.1.3 ถ้าสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พืช และสัตว์อาศัยอยู่ มีการเปลี่ยนแปลง จะมีผลต่อการดำรงชีวิตของพืช และสัตว์ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 3.2.1 พืชและสัตว์ที่อยู่ในท้องถิ่น 3.2.2 สภาพแวดล้อม และที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงในชุมชน 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร (นำเสนองาน ปากปล่าว ชิ้นงาน)


28 4.2 ความสามารถในการคิด (การคิดวิเคราะห์ การสังเกต การให้เหตุผล) 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา (การแก้ปัญหาในการทำงาน) 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิติ (กระบวนการกลุ่ม) 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 5.1 ซื่อสัตย์สุจริต 5.2 มีวินัย 5.3 ใฝ่เรียนใฝ่รู้ 5.4 มุ่งมั่นในการทำงาน 5.5 มีจิตสาธารณะ 6. ชิ้นงาน/ภาระงาน 1. ใบกิจกรรมเรื่องสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต 2. วาดภาพพืชและส่วนประกอบ 3. ใบกิจกรรมเรื่องสัตว์ ลักษณะงานสุดท้าย นักเรียนสามารถบอกได้ถึงความแตกต่างของพืช และสัตว์ ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมและที่อยู่อาศัยที่ แตกต่างกัน 7. การวัดและประเมินผล 7.1 การประเมินระหว่างกิจกรรม ชิ้นงาน/ภาระงาน วิธีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ใบกิจกรรมเรื่องสิ่งมีชีวิตและ สิ่งไม่มีชีวิต ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี วาดภาพพืชและ ส่วนประกอบ ตรวจใบกิจกรรม/สวยงาม /ครบทุกส่วนประกอบ/ตรง เวลา ภาพวาด ผ่านระดับดี ใบกิจกรรมเรื่องสัตว์ ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี


29 7.2 การประเมินสิ้นสุดกิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน วิธีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ทดสอบหลังเรียน ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านร้อยละ 60 8. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ศึกษาเรื่องสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิต ที่นักเรียนรู้จัก (ทำใบกิจกรรม ร่วมกันกับครูเฉลยคำตอบ หน้าชั้นเรียน (1 ชั่วโมง) 2. ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพืชแต่ละชนิดที่นักเรียนรู้จัก (1 ชั่วโมง) 3. นักเรียนแบ่งกลุ่ม วาดภาพ พืช 1 ชนิด ที่มี ราก ลำต้น ใบ ดอก และผล พร้อมทั้งอธิบายว่า แต่ละส่วนมีหน้าที่ อะไร (2 ชั่วโมง) 4. ตัวแทนกลุ่มนำเสนอกิจกรรมในข้อ 3 หน้าชั้นเรียน ครูให้ข้อเสนอแนะ (1 ชั่วโมง) 5. นักเรียนสังเกตพืชที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน จะมีลักษณะความเจริญงอกงามที่ไม่เหมือนกัน แม้เป็น พืชชนิดเดียวกัน จากต้นพืชตัวอย่าง ช่วยกันสรุป โดยมีครูคอยเสนอแนะ (1 ชั่วโมง) 6. ครูให้ความรู้เรื่องสัตว์ แต่ละชนิดจากวีดีโอ ฝึกสังเกตเกี่ยวกับสัตว์ โดยใช้ลักษณะภายนอกเป็นเกณฑ์ ในการ จำแนก ทำลงในใบกิจกรรม (2 ชั่วโมง) 7. แบ่งกลุ่มการจำแนกสัตว์แต่ละประเภทตามที่อยู่อาศัย (1 ชั่วโมง) 8. ศึกษาสิ่งมีชีวิตในท้องถิ่นอาศัยอยู่ที่ไหน จดบันทึกสิ่งที่พบเห็น (2 ชั่วโมง) 9. ร่วมกันสรุป การเจริญเติบโต การอยู่อาศัย ตามแต่ละสภาพแวดล้อมที่สัตว์และพืชอาศัยอยู่ (1 ชั่วโมง) 10. ทดสอบหลังเรียน (1 ชั่วโมง) 9. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรม 2. หนังสือเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ 3. วีดิทัศน์ 4. แบบประเมินผล


30 เกณฑ์การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน รายการประเมิน ระดับคะแนน น้ำหนัก คะแนน 4 3 2 1 รวม 1. ความถูกต้อง มีความถูกต้อง ชัดเจนสมบูรณ์ ครบถ้วน ผลงานส่วนใหญ่ ถูกต้องครบถ้วน ผลงานมีความ ถูกต้อง เป็นบางส่วน มีความถูกต้องเป็น ส่วนน้อย 1.0 4 2. ความสะอาด เรียบร้อยสวยงาม ผลงานสะอาด เรียบร้อย สวยงาม ไม่มีรอยขีดลบ ผลงานสะอาด เรียบร้อย มีรอยขีดลบน้อย ผลงานบางส่วน ไม่สะอาด ไม่เรียบร้อย ผลงานส่วนใหญ่ไม่ สะอาด ไม่เรียบร้อย 0.5 2 3. ตรงต่อเวลา ส่งงานตรงเวลา ที่กำหนด ส่งช้ากว่า กำหนด 1 วัน ส่งงานช้ากว่า กำหนด 2 วัน ส่งงานช้ากว่า กำหนด เกิน 2 วัน 0.5 2 4. เชื่อมโยงและ ความคิด สร้างสรรค์ คิดแปลกใหม่ เชื่อมโยง สัมพันธ์ สิ่งต่าง ๆ ได้ อย่างถูกต้อง คิดแปลกใหม่ เชื่อมโยง สัมพันธ์สิ่งต่าง ๆ ได้อย่าง ถูกต้อง เป็นส่วนใหญ่ คิดแปลกใหม่ เชื่อมโยงสัมพันธ์ สิ่งต่าง ๆ ได้ อย่างถูกต้อง เป็นบางส่วน คิดแปลกใหม่ เชื่อมโยสัมพันธ์ สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เป็นส่วนน้อย 0.5 2 ระดับคุณภาพ คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้ คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรุง


31 แบบประเมิน คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนำเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการที่กำหนดแล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 ความคิดสร้างสรรค์ 3 วิธีการนำเสนอผลงาน 4 การนำไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............................/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน แบบสังเกตพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม


32 คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียนแล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน ลำ ดับ ที่ ชื่อ-สกุล ของผู้รับ การประเมิน ความ ร่วมมือกัน ทำ กิจกรรม การแสดง ความ คิดเห็น การรับฟัง ความ คิดเห็น ความ ตั้งใจ ทำงาน การแก้ไข ปัญหา/ หรือ ปรับปรุง ผลงาน กลุ่ม รวม 15 คะแนน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง


33 เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน


34 แบบประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียนแล้วขีดลงในช่องที่ตรงกับ ระดับคะแนน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ด้าน รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 2 1 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้ 1.2 เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และเป็น ประโยชน์ต่อโรงเรียน 1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตามหลักศาสนา 1.4 เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่โรงเรียน จัดขึ้น 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 2.1 ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง 2.2 ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง 3. มีวินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน 4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบัติได้ 4.2 รู้จักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม 4.3 เชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดา-มารดา โดยไม่โต้แย้ง 4.4 ตั้งใจเรียน 5. อยู่อย่าง พอเพียง 5.1 ใช้ทรัพย์สินและสิ่งของของโรงเรียนอย่างประหยัด 5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอย่างประหยัดและรู้คุณค่า 5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงิน 6. มุ่งมั่น ในการทำงาน 6.1 มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย 6.2 มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสำเร็จ 7. รักความเป็น ไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย 7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน 8.2 รู้จักการดูแล รักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของห้องเรียน โรงเรียน


35 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ 46 - 60 ดี 30 - 45 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน


36 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง วัสดุและการเกิดเสียง รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว11101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 17 ชั่วโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง สถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่าง สสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน ตัวชี้วัด ว.2.1 ป.1/1 อธิบายสมบัติที่สังเกตได้ของวัสดุที่ใช้ทำวัตถุซึ่งทำจากวัสดุชนิดเดียว หรือหลายชนิด ประกอบกัน โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ว.2.1 ป.1/2 ระบุชนิดของวัสดุและจัดกลุ่มวัสดุตามสมบัติที่สังเกตได้ ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสียงและทิศทาง การเคลื่อนที่ของเสียงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ 2. สาระสำคัญ วัสดุที่นำมาใช้ทำวัตถุที่เป็นของเล่นและของใช้มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีสมบัติแตกต่างกัน เราสามารถนำ สมบัติของวัสดุแต่ละชนิดมาใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่มวัสดุได้วัสดุบางอย่างสามารถนำมาประกอบกันเพื่อทำ เป็นวัตถุต่าง ๆ ได้ เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุวัตถุที่ทำให้เกิดเสียงเรียกว่าแหล่งกำเนิดเสียง ซึ่งมีทั้ง แหล่งกำเนิดเสียงตามธรรมชาติและแหล่งกำเนิดเสียงที่มนุษย์สร้างขึ้น 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. วัสดุที่ใช้ทำ วัตถุที่เป็นของเล่น ของใช้มีหลายชนิด เช่น ผ้า แก้ว พลาสติก ยาง ไม้อิฐหิน กระดาษ โลหะ วัสดุแต่ละชนิดมีสมบัติที่สังเกตได้ต่างๆ เช่น สีนุ่ม แข็ง ขรุขระ เรียบ ใส่ ยืดหดได้บิดงอได้ 2. สมบัติที่สังเกตได้ของวัสดุแต่ชนิดอาจเหมือนกัน ซึ่งสามารถนำ มาใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดกลุ่มวัสดุได้ 3. วัสดุบางอย่าง สามารถนำมาประกอบกันเพื่อทำ เป็นวัตถุต่าง ๆ เช่น ผ้าและกระดุมใช้ทำเสื้อ ไม้และ โลหะ ใช้ทำกระทะ 4.เสียงเกิดจากการสั่นของวัตถุ วัตถุที่ทำให้เกิดเสียง เป็นแหล่งกำเนิดเสียงซึ่งมีทั้งแหล่งกำเนิดเสียงตาม ธรรมชาติและแหล่งกำเนิดเสียงที่มนุษย์สร้างขึ้น เสียงเคลื่อนที่ออกจากแหล่งกำเนิดเสียงทุกทิศทาง


37 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น - 4. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด ( ทักษะการระบุ, ทักษะการสังเกต, ทักษะการเชื่อมโยง, ทักษะการคิดวิเคราะห์, ทักษะการเปรียบเทียบ, ทักษะการสำรวจค้นหา, ทักษะการนำความรู้ไปใช้, ทักษะการจำแนกประเภท) 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2.ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. มีจิตสาธารณะ 6. ชิ้นงานหรือภาระงาน 1) ใบกิจกรรมที่ 3.1 เรื่อง ของเล่นของฉัน 2) ใบกิจกรรมที่ 3.2 เรื่อง วัสดุที่ใช้ทำของเล่น 3) ใบกิจกรรมที่ 3.3 เรื่อง สมบัติของวัสดุที่ใช้ทำของเล่น 4) ใบกิจกรรมที่ 3.4 เรื่อง ของใช้ในชีวิตประจำวัน 5) ใบกิจกรรมที่ 3.5 เรื่อง ลักษณะของของใช้ 6) ใบกิจกรรมที่ 3.6 เรื่อง สมบัติของวัสดุที่ใช้ทำของใช้ 7) ใบกิจกรรมที่ 3.7 เรื่อง วัสดุที่ใช้ทำของเล่นและของใช้ 8) ใบกิจกรรมที่ 3.8 เรื่อง การจำแนกวัสดุ 9) ใบกิจกรรมที่ 3.9 เรื่อง การจำแนกวัสดุโดยใช้พื้นผิว 10) ใบกิจกรรมที่ 3.10 เรื่อง การจำแนกเสียง


38 7. การประเมินผล 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 1. ครูนำภาพสิ่งของต่างๆ มาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนช่วยกันตอบคำถามตามประเด็นที่กำหนด 2. ครูอธิบายความหมายของคำว่า ของเล่น ให้นักเรียนฟัง 3. นักเรียนแต่ละคนสำรวจของเล่นของตนเองว่ามีอะไรบ้าง แล้วบันทึกผลการสำรวจลงในใบกิจกรรมที่ 3.1 เรื่อง เล่นของฉัน 4. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับสิ่งของที่เป็นของเล่น รายการประเมิน ระดับคุณภาพ ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1) 1) ใบกิจกรรมที่ 3.1 เรื่อง ของเล่นของฉัน 2) ใบกิจกรรมที่ 3.2 เรื่อง วัสดุที่ใช้ทำของเล่น 3) ใบกิจกรรมที่ 3.3 เรื่อง สมบัติของวัสดุที่ใช้ทำของเล่น 4) ใบกิจกรรมที่ 3.4 เรื่อง ของใช้ในชีวิตประจำวัน 5) ใบกิจกรรมที่ 3.5 เรื่อง ลักษณะของของใช้ 6) ใบกิจกรรมที่ 3.6 เรื่อง สมบัติของวัสดุที่ใช้ทำของใช้ 7) ใบกิจกรรมที่ 3.7 เรื่อง วัสดุที่ใช้ทำของเล่นและของใช้ 8) ใบกิจกรรมที่ 3.8 เรื่อง การจำแนกวัสดุ 9) ใบกิจกรรมที่ 3.9 เรื่อง การจำแนกวัสดุโดยใช้พื้นผิว 10) ใบกิจกรรมที่ 3.10 เรื่อง การจำแนกเสียง


39 ชั่วโมงที่ 2 1. ครูนำของเล่นหลายๆ ชนิด มาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะที่ แตกต่างของของเล่นแต่ละชิ้น 2. นักเรียนกลุ่มเดิมร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง วัสดุที่ใช้ทำของเล่น จากหนังสือเรียน 3. สมาชิกในกลุ่มจับคู่กันเป็น 2 คู่ ให้แต่ละคู่ช่วยกันทำใบกิจกรรมที่ 3.2 เรื่อง วัสดุที่ใช้ทำของเล่น 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปความรู้เรื่อง วัสดุที่ใช้ทำของเล่น ครูตรวจสอบความถูกต้อง ชั่วโมงที่ 3 1. ครูนำลูกบอลมาให้นักเรียนดู และให้นักเรียนช่วยกันบอกวัสดุที่ใช้ทำลูกบอล (รูปร่าง สี ขนาด พื้นผิว ความแข็งของลูกบอล) 2. นักเรียนกลุ่มเดิมร่วมกันสืบค้นและทำใบกิจกรรมที่ 3.3 เรื่อง สมบัติของวัสดุที่ใช้ทำของเล่น 3. เมื่อนักเรียนแต่ละคนสืบค้นข้อมูลตามที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว ให้อธิบายคำตอบในใบกิจกรรมที่ 3.3 4. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับสมบัติของวัสดุที่ ใช้ทำของเล่น ชั่วโมงที่ 4 1. ครูนำภาพสิ่งของต่างๆ มาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนบอกว่า สิ่งของในภาพ สิ่งของใดจัดเป็นของใช้ 2. นักเรียนจับคู่กันเป็น 2 คู่ ให้แต่ละคู่ช่วยกันสำรวจของใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วบันทึกผลการสำรวจลงใน ใบกิจกรรมที่ 3.4 เรื่อง ของใช้ในชีวิตประจำวัน 3. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เกี่ยวกับสิ่งของที่เป็นของใช้ ชั่วโมงที่ 5 1. นักเรียนช่วยกันสังเกตรูปร่าง สี พื้นผิว ขนาด และความแข็งของกบเหลาดินสอ 2. ครูให้นักเรียนสังเกตและทำใบกิจกรรมที่ 3.5 เรื่อง ลักษณะของของใช้ 3. นักเรียนแต่ละคู่นำคำตอบในใบกิจกรรมที่ 3.5 มาอภิปรายร่วมกันและออกมานำเสนอ 4. นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับลักษณะที่เหมือนกันหรือแตกต่างกัน ชั่วโมงที่ 6 1. ครูนำวัสดุประเภทผ้า พลาสติก และไม้ มาให้นักเรียนดู 2. นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุที่ใช้ทำของใช้ จากห้องสมุด 3. นักเรียนช่วยกันทำใบกิจกรรมที่ 3.6 เรื่อง สมบัติของวัสดุที่ใช้ทำของใช้ 4. ครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน ออกมาสรุปความรู้เกี่ยวกับสมบัติของวัสดุที่ใช้ทำของใช้


40 ชั่วโมงที่ 7 1. ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกวัสดุที่นำมาใช้ทำของเล่นและของใช้แต่ละชนิดที่ครูนำมาให้ดู 2. ครูอธิบายเกี่ยวกับความหมายของวัสดุที่ใช้ทำของเล่นและของใช้ ให้นักเรียนฟัง 3. ครูแบ่งนักเรียนเป็น 5 กลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้ เรื่อง สมบัติของวัสดุ จากหนังสือเรียน ดังนี้ - กลุ่มหมายเลข 1 ศึกษาความรู้เรื่อง วัสดุประเภทกระดาษ - กลุ่มหมายเลข 2 ศึกษาความรู้เรื่อง วัสดุประเภทผ้า - กลุ่มหมายเลข 3 ศึกษาความรู้เรื่อง วัสดุประเภทพลาสติก - กลุ่มหมายเลข 4 ศึกษาความรู้เรื่อง วัสดุประเภทไม้ - กลุ่มหมายเลข 5 ศึกษาความรู้เรื่อง วัสดุประเภทโลหะ 4. สมาชิกในแต่ละกลุ่มช่วยกันทำใบกิจกรรมที่ 3.7 เรื่อง วัสดุที่ใช้ทำของเล่นและของใช้และ ออกมานำเสนอใบ กิจกรรม ที่หน้าชั้นเรียน 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่อง สมบัติของวัสดุที่ใช้ทำของเล่นและของใช้ ชั่วโมงที่ 8 1. ครูคัดเลือกนักเรียน 2-3 คน ออกมาจำแนกกลุ่มสิ่งของชนิดต่างๆ ที่ครูนำมาวางที่หน้าชั้นเรียน และบอกเกณฑ์ ที่ใช้ในการจำแนกสิ่งของ 2. ครูอธิบายเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกวัสดุและศึกษาความรู้เรื่อง การจำแนกวัสดุโดยใช้รูปร่างเป็นเกณฑ์ จากหนังสือเรียน 3. ครูให้นักเรียนทำใบกิจกรรมที่ 3.8 เรื่อง การจำแนกวัสดุโดยใช้รูปร่างเป็นเกณฑ์ 4. นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับการจำแนกวัสดุโดยใช้รูปร่างเป็นเกณฑ์ ชั่วโมงที่ 9 1. ครูตั้งประเด็นคำถามถามนักเรียนเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุที่ใช้ทำของเล่นและของใช้ 2. ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า เราสามารถใช้สมบัติของวัสดุในด้านพื้นผิวมาเป็นเกณฑ์ในการจำแนกของเล่น และของใช้ได้ 3. นักเรียนช่วยกันทำใบกิจกรรมที่ 3.9 เรื่อง การจำแนกวัสดุโดยใช้พื้นผิวเป็นเกณฑ์ 4. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้เกี่ยวกับการจำแนกวัสดุโดยใช้พื้นผิวเป็นเกณฑ์ ชั่วโมงที่ 10-11 1. ครูให้นักเรียน ออกมาอธิบายเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกวัสดุที่ใช้ทำของเล่นและของใช้ที่เรียนผ่าน มาแล้ว


41 2. ครูให้นักเรียนเล่นเกม “ใช้เกณฑ์อะไร” โดยครูนำของเล่นและของใช้มาจัดเป็น 2 กลุ่ม แล้วให้นักเรียน แต่ละกลุ่มบอกว่า ของเล่นและของใช้แต่ละกลุ่มนั้น ใช้เกณฑ์อะไรในการจำแนก กลุ่มใดตอบได้ถูกต้องมาก ที่สุดเป็นกลุ่มชนะ 3. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกวัสดุที่ใช้ทำของเล่นและของใช้ในชีวิตประจำวัน ชั่วโมงที่ 12-13 1. ครูนำภาพมาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนช่วยกันบอกว่า ภาพใดบ้างมีเสียงเกิดขึ้น และสังเกตจากสิ่งใด 2. ครูถามนักเรียนว่า เสียงเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การเกิดเสียง จากหนังสือเรียน 3. ครูแจ้งจุดประสงค์การทดลองเพื่อให้นักเรียนตรวจสอบว่า แหล่งกำเนิดเสียงทำให้เกิดเสียงได้อย่างไร และให้ นักเรียนเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง 4. ให้นักเรียนแต่ละคนทำการทดลอง เรื่อง การกำเนิดเสียง 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการทดลองว่า แหล่งกำเนิดเสียงทำให้เกิดเสียงได้อย่างไร เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ที่ตรงกัน ชั่วโมงที่ 14-15 1. ครูสนทนากับนักเรียนว่าในชีวิตประจำวันนักเรียนได้ยินเสียงอะไรบ้าง ครูให้นักเรียนหลับตาแล้วฟังเสียงใน สิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ห้องเรียน 2 นาที หลังจากนั้นให้นักเรียนบอกว่าได้ยินเสียงอะไรบ้างโดยถามเป็นรายบุคคล และให้นักเรียนเลียนแบบเสียงพร้อมกันทั้งห้อง เช่น เสียงรถยนต์ เสียงสัตว์ร้องเป็นต้น 2. ครูตั้งคำถามเพื่อประเมินความรู้ของนักเรียนก่อนเรียน เช่น เสียงต่าง ๆ ที่นักเรียนได้ยินนั้นเกิดขึ้นจากอะไร เสียงเกิดขึ้นได้อย่างไร เสียงใดเป็นเสียงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และเสียงใดเป็นเสียงที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติ เป็นต้น 3. ครูเปิดวีดิทัศน์ที่มีภาพและเสียงจากสิ่งแวดล้อม เช่น เสียงฟ้าร้อง เสียงน้ำไหล เสียงรถยนต์เสียงเครื่องจักรกล เป็นต้น จากนั้นครูถามนักเรียนว่านักเรียนคิดว่าเสียงใดเป็นเสียงที่เกิดจากธรรมชาติและเสียงใดเป็นเสียงที่ไม่ได้เกิด จากธรรมชาติบ้าง 4. ครูนำเสนอเนื้อหาเรื่อง ความหมายและที่มาของเสียง เกี่ยวกับความหมายและแหล่งที่มาของเสียง โดยอธิบาย และยกตัวอย่างจนนักเรียนสามารถแยกได้ว่า เสียงใดเป็นเสียงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและเสียงใดเป็นเสียงที่ ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ 5. ให้นักเรียนจับคู่ จำแนกที่มาของเสียงว่ามีเสียงใดบ้างเป็นเสียงที่เกิดจากธรรมชาติและเสียงใดบ้างเป็นเสียงที่ไม่ได้ เกิดจากธรรมชาติ โดยบอกลักษณะเสียงนั้นพร้อมทั้งเลียนแบบเสียงให้ครูและเพื่อน ๆ ฟัง ช่วยกันทำ ใบกิจกรรมที่ 3.10 เรื่อง การจำแนกเสียง ชั่วโมงที่16-17 1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดเสียง แล้วถามนักเรียนว่า บางครั้งแหล่งกำเนิดเสียงอยู่ไกล แต่ ทำไมเราจึงได้ยินเสียงนั้น 2. ครูเฉลยคำตอบให้นักเรียนฟังและกำหนดปัญหาให้นักเรียนแต่ละคนสืบค้นว่า เสียงมีการเคลื่อนที่อย่างไร 3. ครูมอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนทำการทดลอง เรื่อง การเคลื่อนที่ของเสียง


42 4. นักเรียน นำเสนอผลการทดลอง เรื่อง การเคลื่อนที่ของเสีย และและสรุปผลการทดลองว่า เสียงมีการเคลื่อนที่ อย่างไร 9. สื่อและแหล่งเรียนรู้ 1) หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ป.1 2) แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ป.1 3) บัตรภาพ 4) ของเล่น ของใช้ 5) ห้องสมุด 6) แหล่งข้อมูลสารสนเทศ


43 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง หินและท้องฟ้า รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว11101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 14 ชั่วโมง 1. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งชีวิต และสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ว 3.1 ป1/1 ระบุดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้าในเวลากลางวัน และกลางคืนจากข้อมูลที่รวบรวมได้ ว 3.1 ป1/2 อธิบายสาเหตุที่มองไม่เห็นดาวส่วนใหญ่ ในเวลากลางวันจากหลักฐานเชิงประจักษ์ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและบนผิว โลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลง ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตัวชี้วัด ว 3.2 ป1/1 อธิบายลักษณะภายนอกของหิน จากลักษณะเฉพาะตัวที่สังเกตได้ 2. สาระสำคัญ บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว ซึ่งในเวลากลางวันจะมองเห็นดวงอาทิตย์และมองเห็นดวงจันทร์ บางเวลาในบางวัน แต่ไม่สามารถมองเห็นดาวได้ในเวลากลางวันเนื่องจากแสงอาทิตย์สว่างกว่าจึงกลบแสงของดาว ส่วนในเวลากลางคืนจะมองเห็นดาวและดวงจันทร์ได้ หินที่อยู่ในธรรมชาติมีลักษณะภายนอกเฉพาะตัวที่สังเกตได้ 3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง 1. บนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว ซึ่งในเวลากลางวันจะมองเห็นดวงอาทิตย์และอาจ มองเห็นดวงจันทร์บางเวลาในบางวัน แต่ไม่สามารถมองเห็นดาว 2. ในเวลากลางวันมองไม่เห็นดาวส่วนใหญ่เนื่องจากแสงอาทิตย์สว่างกว่าจึงกลบแสงของดาว ส่วน ในเวลากลางคืนจะมองเห็นดาวและมองเห็นดวงจันทร์ 3. หินที่อยู่ในธรรมชาติมีลักษณะภายนอกเฉพาะตัว ที่สังเกตได้ เช่น สี ลวดลาย น้ำหนัก ความแข็ง และเนื้อหิน 4. สมรรถนะสำคัญ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด


44 - คิดวิเคราะห์ - คิดสร้างสรรค์ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา - กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต - กระบวนการทำงานกลุ่ม 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 6. ชิ้นงานหรือภาระงาน 1. ใบกิจกรรมที่ 1.1 ท้องฟ้าเวลากลางวัน 2. ใบกิจกรรมที่ 1.2 ท้องฟ้าเวลากลางคืน 3. ใบกิจกรรมที่ 1.3 ลักษณะของดวงอาทิตย์ในแต่ละช่วงเวลา 4. ใบกิจกรรมที่ 1.4 ดวงจันทร์วันเพ็ญ 5. ใบกิจกรรมที่ 1.5 ดวงจันทร์มีรูปร่างอย่างไร 6. ใบกิจกรรมที่ 1.6 ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ 7. ใบกิจกรรมที่ 1.7 Sun and Moon 8. ใบกิจกรรมที่ 1.8 ฟังนิทาน 9. ใบกิจกรรมที่ 1.9 สังเกตดวงดาวบนท้องฟ้า 10.ใบกิจกรรมที่ 1.10 ทำได้หรือไม่ 11.ใบกิจกรรมที่ 1.11 ฝึกคิดพิชิตถาม 12.ใบกิจกรรมที่ 2.1 เรื่อง หินมีลักษณะอย่างไร 13.ใบกิจกรรมท้องฟ้าแสนสวย ลักษณะงานสุดท้าย นักเรียนแต่ละคนวาดภาพในเวลากลางวันและกลางคืน แล้วเขียนเปรียบเทียบความแตกต่างของ ท้องฟ้า


45 7. การวัดและประเมินผล 7.1 การประเมินระหว่างกิจกรรม ชิ้นงาน/ภาระงาน วิธีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ใบกิจกรรมที่ 1.1 ท้องฟ้า เวลากลางวัน ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี ใบกิจกรรมที่ 1.2 ท้องฟ้า เวลากลางคืน ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี ใบกิจกรรมที่ 1.3 ลักษณะ ของดวงอาทิตย์ในแต่ละ ช่วงเวลา ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี ใบกิจกรรมที่ 1.4 ดวงจันทร์ วันเพ็ญ ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี ใบกิจกรรมที่ 1.5 ดวงจันทร์ มีรูปร่างอย่างไร ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี ใบกิจกรรมที่ 1.6 ดวง อาทิตย์กับดวงจันทร์ ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี ใบกิจกรรมที่ 1.7 Sun and Moon ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี ใบกิจกรรมที่ 1.8 ฟังนิทาน ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี ใบกิจกรรมที่ 1.9 สังเกต ดวงดาวบนท้องฟ้า ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี ใบกิจกรรมที่ 1.10 ทำได้ หรือไม่ ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี ใบกิจกรรมที่ 2.1 เรื่อง หินมีลักษณะอย่างไร ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม (พร้อมเฉลยคำตอบ) ผ่านระดับดี 7.2 การประเมินสิ้นสุดกิจกรรมการเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน วิธีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน ใบกิจกรรมท้องฟ้าแสนสวย ตรวจใบกิจกรรม เกณฑ์การประเมิน (รูบริค) ผ่านระดับดี


46 กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 1. ครูให้นักเรียนร้องเพลง นัด และทำท่าทางประกอบเพลงตามจินตนาการ เพลง นัด มากลางคืน เธอนัดให้มากลางวัน ชะ ชะ ชะ มากลางวัน เธอนัดให้มากลางคืน ชะ ชะ ชะ 2. ครูให้นักเรียนวาดภาพและระบายสีวิวตอนกลางวันและตอนกลางคืน ชั่วโมงที่ 2 1. ครูนำบัตรภาพเวลากลางวันและเวลากลางคืนมาให้นักเรียนดู จากนั้นร่วมกันอภิปรายและตอบคำถาม ต่อไปนี้ - จากภาพเป็นเวลาใด สังเกตจากสิ่งใด - นักเรียนคิดว่าทั้ง 2 ภาพนี้ มีสิ่งใดแตกต่างกันอย่างไรบ้าง - สิ่งใดที่ทำให้ 2 ภาพนี้ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน - นักเรียนชอบเวลาในภาพใดมากที่สุด เพราะเหตุใด 2. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมในใบกิจกรรมที่ 1.1 ท้องฟ้าเวลากลางวัน โดยครูพานักเรียนไปที่สนามหรือ บริเวณที่โล่งแจ้ง แล้วให้สังเกตลักษณะรูปร่างของท้องฟ้าในเวลากลางวัน ดังนี้ - ท้องฟ้ามีรูปร่างลักษณะเป็นอย่างไร - ในเวลากลางวัน มีสิ่งใดปรากฏอยู่บนท้องฟ้าบ้าง - ให้นักเรียนวาดภาพลักษณะของท้องฟ้าในเวลากลางวัน 3. ครูให้นักเรียนผลัดกันนำเสนอผลงานที่หน้าชั้น 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรมเรื่อง ลักษณะของท้องฟ้าในเวลากลางวัน เขียน เป็นแผนผังความคิด ชั่วโมงที่ 3 1. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมในใบกิจกรรมที่ 1.2 ท้องฟ้าเวลากลางคืน ให้นักเรียนยืนที่สนามหรือบริเวณที่ โล่งแจ้ง แล้วสังเกตลักษณะของท้องฟ้าในเวลากลางคืนว่า มีลักษณะอย่างไร และวาดภาพระบายสี ลักษณะท้องฟ้าที่ สังเกตเห็น จดบันทึกข้อมูลลงในใบกิจกรรม (ครูอาจให้นักเรียนสังเกตท้องฟ้าในเวลากลางคืนมาก่อนที่จะเรียนชั่วโมง นี้) 2. ครูให้นักเรียนผลัดกันนำเสนอผลงานที่หน้าชั้น 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรมเรื่อง ลักษณะของท้องฟ้าในเวลากลางคืน และ เฉลยคำตอบ


47 ชั่วโมงที่ 4 1. ครูให้นักเรียนร้องเพลง แหงนดูดาว และทำท่าทางประกอบเพลงตามจินตนาการ เพลง แหงนดูดาว แหงนดูดาวเมื่อคราวฟ้าสาง คนรักเขามาจืดจาง มาเหินมาห่างไปเสียจากเรา กับเราเขาไม่อยากรำ เขาทำกระบวนกระบิด เขารำกับคนหลายขีด เขาจีบกับคนหลายดาว เขาทำขนมบัวลอย มันน่าอร่อยแต่มันเหนียวหนืด เหนียวหนืดๆ ๆ ขายดีจนมีกำไร เก็บเงินเอาไว้ ให้น้องปลูกตึก โอ้ละหน่ายโอ้ละหนึก ดึกๆ อยู่กันสองคน สองคนๆ ๆ 2. ครูให้นักเรียนอภิปรายกลุ่มเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างท้องฟ้าตอนกลางวันและท้องฟ้าตอน กลางคืนว่าแตกต่างกันอย่างไร แล้วจดบันทึกลงในสมุด 3. ครูให้นักเรียนผลัดกันนำเสนอผลการอภิปรายกลุ่มที่หน้าชั้น 4. ครูและนักเรียนร่วมสรุปความรู้จากการทำกิจกรรม และเฉลยคำตอบ ชั่วโมงที่ 5 1. ครูให้นักเรียนดูภาพดวงอาทิตย์ในช่วงเวลาต่างๆ แล้วให้นักเรียนทายว่า เป็นภาพของดวงอาทิตย์ในเวลา ใด (เช้า กลางวัน เย็น) ดวงอาทิตย์ในแต่ละช่วงเวลา มีลักษณะที่เหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร (โดยไม่ต้อง เฉลยคำตอบ) 2. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมในใบกิจกรรมที่ 1.3 ลักษณะของดวงอาทิตย์ในแต่ละช่วงเวลา โดยให้นักเรียน ดูภาพดวงอาทิตย์ในแต่ละช่วงเวลา แล้วร่วมกันอภิปรายกลุ่มเกี่ยวกับลักษณะของดวงอาทิตย์ จากนั้นให้วาดภาพ ลักษณะของดวงอาทิตย์ในช่วงเช้า กลางวัน เย็น และจดบันทึกข้อมูลลงในใบกิจกรรม 3. ครูให้นักเรียนผลัดกันนำเสนอผลงานที่หน้าชั้น 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรมเรื่อง ลักษณะของดวงอาทิตย์ในช่วงเวลาต่างๆ และเฉลยคำตอบ ดังนี้ จากการสังเกตดวงอาทิตย์ ทำให้เราทราบว่า ดวงอาทิตย์มีแสงจ้ามาก ถ้าเรามองดูดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่า จะทำให้รู้สึกเคืองตา และถ้าดูเป็นเวลานานๆ อาจทำให้ตาบอดได้ หลังจากขึ้นจากขอบฟ้าแล้ว ดวงอาทิตย์จะลอยสูงขึ้นจากขอบฟ้า และส่องแสงสว่างจ้ามากขึ้น เมื่อถึงเวลา เที่ยงวันดวงอาทิตย์จะอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุด หลังจากนั้นจึงลอยต่ำลงจนถึงขอบฟ้าด้านตรงข้ามกับตอนเช้า และลับ ขอบฟ้าไปในที่สุด ด้านที่ดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า เรียกว่า ทิศตะวันออก ด้านที่ดวงอาทิตย์ลับจากขอบฟ้า เรียกว่า ทิศตะวันตก ชั่วโมงที่ 6 1. ครูให้นักเรียนร้องเพลง ลอยกระทง และจับคู่รำวงรอบห้อง เพลงลอยกระทง วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันจริงวันลอยกระทง ลอย ลอย กระทง ลอย ลอย กระทง ลอยกระทงกันแล้ว ขอเชิญน้องแก้วมาเล่นรำวง รำวงวันลอยกระทง (ซ้ำ) บุญจะส่งให้เราสุขใจ (ซ้ำ)


48 2. ครูติดคำถามให้นักเรียนคิดและร่วมกันอภิปราย (โดยไม่ต้องเฉลยคำตอบ) ว่า 1) เราสามารถมองดูดวงจันทร์ด้วยตาเปล่าได้หรือไม่ 2) ดวงจันทร์จะเต็มดวงและสว่างที่สุดในคืนใด ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น 3. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมในใบกิจกรรมที่ 1.4 ลักษณะของดวงจันทร์ ดังนี้ 1) ให้นักเรียนสังเกตดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญและวาดภาพ ระบายสีให้สวยงาม 2) บันทึกผลในใบกิจกรรม โดยบอกลักษณะของดวงจันทร์ที่มองเห็น และความรู้สึกในขณะที่มอง 3) นำผลการสังเกตมาเปรียบเทียบกับเพื่อนแล้วให้นักเรียนผลัดกันนำเสนอผลงานที่หน้าชั้น 4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรมเรื่อง ดวงจันทร์วันเพ็ญ และเฉลยคำตอบ ดังนี้ จากการสังเกตดวงจันทร์ ทำให้เราทราบว่า ดวงจันทร์มีแสงสีเหลืองนวล และสามารถมองดูด้วย ตาเปล่าได้โดยไม่แสบตา ดวงจันทร์เป็นดาวที่มีรูปร่างกลม มีขนาดเล็กกว่าโลก และเป็นดาวบริวารของโลก ดวงจันทร์ไม่มี แสงสว่างในตัวเอง แต่เราสามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้เพราะแสงของดวงอาทิตย์ส่องไปกระทบดวงจันทร์และสะท้อน กลับมายังโลกนั่นเอง ชั่วโมงที่ 7 1. ครูตั้งคำถามว่า ดวงจันทร์ในแต่ละคืนที่เรามองเห็น มีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ หรือแตกต่างกันอย่างไร แล้วให้นักเรียนคิดและร่วมกันอภิปรายหาคำตอบ (โดยที่ครูไม่ต้องเฉลยคำตอบ) 2. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมในใบกิจกรรมที่ 1.5 ดวงจันทร์มีรูปร่างอย่างไร ดังนี้ 1) ให้นักเรียนสังเกตลักษณะรูปร่างของดวงจันทร์ 3 คืน โดยเว้นระยะห่าง ครั้งละ 3 คืน เช่น คืนวันจันทร์ พฤหัสบดี และดวงอาทิตย์ 2) ให้บันทึกผลการสังเกต และวาดรูปดวงจันทร์ในแต่ละคืนที่สังเกตเห็น แล้วให้นักเรียนผลัดกัน นำเสนอผลงานที่หน้าชั้น 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรมเรื่อง ดวงจันทร์มีรูปร่างอย่างไร ชั่วโมงที่ 8 1. ครูนำภาพดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า ดวงอาทิตย์และ ดวงจันทร์มีลักษณะที่เหมือนกัน และแตกต่างกันอย่างไร (ยังไม่ต้องเฉลยคำตอบ) 2. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมในใบกิจกรรมที่ 1.6 ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ โดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม อภิปรายถึงลักษณะที่เหมือนกันและแตกต่างกันของดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ แล้วบันทึกผลการอภิปรายในใบ กิจกรรม แล้วให้นักเรียนผลัดกันนำเสนอผลงานที่หน้าชั้น 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรม และเฉลยคำตอบ ชั่วโมงที่ 9 1. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมในใบกิจกรรมที่ 1.7 SUN and MOON โดยให้นักเรียนตัดกระดาษสีเป็นรูป ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ติดบนใบกิจกรรม และคัดลายมือภาษาอังกฤษ คำว่า SUN และ MOON อย่างละ 5 คำ 2. ครูให้นักเรียนผลัดกันนำเสนอผลงานที่หน้าชั้น 3. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรม


49 ชั่วโมงที่ 10 1. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมในใบกิจกรรมที่ 1.8 ฟังนิทาน ดังนี้ 1) ครูเล่านิทานเรื่อง ดาวลูกไก่ ให้นักเรียนฟัง 2) ให้นักเรียนแสดงบทบาทสมมุติเรื่อง ดาวลูกไก่ 3) ให้นักเรียนวาดภาพเรื่อง ดาวลูกไก่ เลือกตอนที่นักเรียนชอบมากที่สุด 1 ตอน 4) ให้นักเรียนจดบันทึกข้อมูล เรื่อง ดาวลูกไก่ ในใบกิจกรรมแล้วให้นักเรียนผลัดกันนำเสนอ ผลงานที่หน้าชั้น 2. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรม 1) คุณธรรมความดีจากนิทานเรื่อง ดาวลูกไก่ ที่นักเรียนควรปฏิบัติตาม คืออะไร 2) ความรู้เกี่ยวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ชั่วโมงที่ 11 1. ครูให้นักเรียนร้องเพลง ดวงจันทร์ และจับคู่รำวงรอบๆ ห้อง เพลง ดวงจันทร์ โอ้จันทร์ไปไหน ทำไมจึงไม่ส่องแสง เดือนมาแฝงแสงสว่าง เมฆน้อยลอยมาบัง (ซ้ำ) แสงสว่างก็จางหายไป 2. ครูตั้งคำถามให้นักเรียนคิดและอภิปรายคาดคะเนคำตอบ โดยที่ครูยังไม่ต้องเฉลยคำตอบ ดังนี้ 1) ในเวลากลางคืน เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า จะเห็นอะไร (ดวงจันทร์ และดวงดาว) 2) เรามองเห็นดวงจันทร์และดวงดาวทุกคืนหรือไม่ เพราะเหตุใด (ไม่ เพราะขึ้นอยู่กับข้างขึ้น ข้างแรม) 3) นักดาราศาสตร์จำแนกดวงดาวบนท้องฟ้าเป็นกี่ประเภท ได้แก่อะไรบ้าง (ดาวฤกษ์, ดาว เคราะห์) 3. ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมในใบกิจกรรมที่ 1.9 สังเกตดวงดาวบนท้องฟ้า โดยให้นักเรียนสังเกตดวงดาวบน ท้องฟ้าปลอดโปร่งมองเห็นดาว แล้ววาดภาพประกอบและจดบันทึกข้อมูลในใบกิจกรรม 4. ครูให้นักเรียนผลัดกันนำเสนอผลงานที่หน้าชั้น 5. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้จากการทำกิจกรรม และเฉลยคำตอบ เรื่อง สังเกตดวงดาวบนท้องฟ้า เขียนสรุปเป็นแผนผังความคิด ดังนี้


Click to View FlipBook Version