The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by promlikitkeawmang, 2022-03-02 12:11:04

โครงงานถ่านดับกลิ่นจากเปลือกผลไม้

โครงงาน

โครงงานถา่ นดับกลน่ิ จากเปลือกผลไม้
( Charcoal deodorizing from fruit peel project )

นางสาวพชร หม่นื มหายศ
นางสาวพรหมลิขิต เขียวมงั่

โครงงานนเ้ี ปน็ สว่ นหน่ึงของการศกึ ษาตามหลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชนั้ สงู
ประเภทวิชาบรหิ ารธรุ กิจ สาขาวิชาการบญั ชี
วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาเชียงใหม่
ปกี ารศกึ ษา 2564

โครงงานถ่านดับกล่นิ จากเปลือกผลไม้
( Charcoal deodorizing from fruit peel project )

จัดทาโดย

นางสาวพชร หมน่ื มหายศ

นางสาวพรหมลขิ ิต เขยี วมง่ั

นักศกึ ษา ชัน้ ปวส. 2/4 สาขาการบัญชี

ครทู ปี่ รกึ ษาโครงงาน/ครปู ระจาวิชาโครงงาน
นางภทั รานษิ ฐ์ พชั รวิ โรจน์

โครงงานนเ้ี ปน็ ส่วนหนึง่ ของการศกึ ษาตามหลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี ช้นั สงู
ประเภทวิชาบรหิ ารธรุ กจิ สาขาวชิ าการบญั ชี
วิทยาลัยอาชวี ศึกษาเชียงใหม่
ปกี ารศกึ ษา 2564



ใบรับรองโครงงาน
วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาเชียงใหม่

เรื่อง การศกึ ษาการทาถ่านดบั กล่นิ จากเปลอื กผลไม้
จดั ทาโดย
นางสาวพชร หมน่ื มหายศ รหสั 63302010112
รหสั 63302010113
นางสาวพรหมลขิ ติ เขยี วม่งั

ได้รบั รองใหน้ บั เป็นส่วนหนงึ่ ของการศึกษาตามหลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชีพช้นั สูง
สาขาวิชาการบัญชี ประเภทวชิ าบรหิ ารธรุ กจิ

......................................... หวั หนา้ แผนกวิชา ................................. รองผู้อานวยการฝา่ ยวิชาการ

(นางจนั ทรา เทพาคา) (นางจันทมิ า สตั ยาภรณ์)

วนั ท่.ี ........เดอื น..............พ.ศ....... วันท.่ี ........เดือน..............พ.ศ.......

คณะกรรมการสอบโครงงาน

...................................................................................... ประธานกรรมการ
(นางจันทรา เทพาคา)

……………………………………………………………………………. กรรมการ
(นางภัทรานษิ ฐ์ พัชรศิ วโรจน์)

....................................................................................... กรรมการ
(นางนางอริชาภัสร์ อินต๊ะจกั ร์)



ช่ือผจู้ ัดทำโครงงำน : นำงสำวพชร หมื่นมหำยศ นำงสำวพรหมลขิ ิต เขยี วมงั่
ชื่อโครงงำน : ถ่ำนดับกลน่ิ จำกเปลอื กผลไม้
สำขำวิชำ : กำรบัญชี
ประเภทวิชำ : บรหิ ำรธรุ กจิ
ครูที่ปรึกษำโครงงำน : นำงภัทรำนิษฐ์ พชั ริศวโรจน์
ปีกำรศกึ ษำ : 2564

บทคัดยอ่
กำรดำเนนิ โครงงำนถ่ำนดบั กล่นิ จำกเปลือกผลไมก้ ำรจัดทำตน้ ทนุ กำรผลติ และเปรียบเทียบผล
กำรดำเนินงำนของถำ่ นดับกลน่ิ จำกถำ่ นไม้และถำ่ นดบั กล่ินจำกเปลอื กผลไม้ทำใหช้ มุ ชนไมม่ ขี ยะเน่ำเสีย
มำกเกินไป จำนวน 2 แห่ง ณ 152/5 หมู่ 11 ตำบลปำ่ แดด อำเภอเมือง จังหวดั เชยี งใหม่ 50100 และ 35
ถนน สิทธิวงศ์ ตำบล ชำ้ งม่อย อำเภอ เมอื ง จงั หวัด เชียงใหม่ 50300 ระหว่ำงวันท่ี 12 ตลุ ำคม 2564 ถึง
7 กุมภำพนั ธ์ 2565

ผลกำรดำเนนิ โครงงำนถ่ำนดบั กลน่ิ จำกเปลือกผลไมแ้ ละเปรียบเทยี บประสทิ ธิภำพพรอ้ ม
จดั ทำตน้ ทุน จำกผู้ทำแบบสอบถำมจำนวน 32 รำย ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู เบอื้ งต้นของผ้ทู ำแบบสอบถำม
เพศชำย จำนวน 14 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 43.8 , เพศหญิง จำนวน 18 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 56.3 , คนท่ีตอบ
แบบสอบถำมมชี ่วงอำยุดงั น้ี 15 – 25 ปี จำนวน 21 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 65.6 , อำยุ 26 - 35 ปี จำนวน 5
คน คิดเป็นรอ้ ยละ 12.5 , อำยุ 36 - 45 ปี จำนวน 2 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 15.6 , อำยุ 46 ปีขึน้ ไป จำนวน
2 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 6.3 ตอนที่ 2 ระดับควำมพงึ พอใจของถำ่ นดบั กลิ่นจำกเปลอื กผลไม้ มีควำมพงึ พอใจ
โดยรวมอยูใ่ นระดบั มำก ( ̅= 4.03) โดยเรียงลำดบั จำกมำกไปหำนอ้ ย ไดแ้ ก่ ผลิตภัณฑ์ดับกลิน่ ไดด้ กี ว่ำ
ถำ่ นไม้ ( ̅=4.75) ผลิตภณั ฑ์มีลกั ษณะสวยงำม ( ̅ =4.55) ผลติ ภณั ฑส์ ำมำรถนำไปต่อยอดได้และ
พฒั นำได้ ( ̅= 4.32) ผลิตภณั ฑส์ ำมำรถใชง้ ำนไดอ้ ยำ่ งปลอดภัย ( ̅ = 4.18) ผลิตภัณฑม์ ีบรรจภุ ณั ฑท์ ่ี
สวยงำม ( ̅ = 3.31) ผลติ ภณั ฑส์ ำมำรถใช้งำนได้นำน ( ̅= 3.12) ผลติ ภณั ฑ์สำมำรถใช้งำนไดน้ ำน
( ̅= 3.12)



กติ ติกรรมประกาศ
โครงงานถา่ นดบั กลนิ่ จากเปลือกผลไม้ สาเร็จลลุ วงไปดว้ ยดี โดยความกรณุ าของหลายฝ่าย
ตง้ั แต่ ผอู้ านวยการฯ รองผ้อู านวยการฯครอู าจารย์ และเจา้ หนา้ ที่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงใหม่ ที่ได้
ให้การสนบั สนนุ การดาเนินโครงการวชิ าชีพ เพอื่ ใหน้ ักเรยี นไดเ้ พมิ่ โอกาสทางการศกึ ษาวิชาชพี ดว้ ยดี
ตลอดมา
ขอขอบคณุ นางภทั รานษิ ฐ์ พชั รศิ วโรจนค์ รทู ป่ี รกึ ษา/ครปู ระจาวชิ าโครงการทใ่ี ห้คาแนะนา
ในการจัดทาโครงงานวิชาชีพ รวมท้ังแกไ้ ขข้อบกพร่องในส่วนต่าง ๆ จนเป็นรูปเลม่ สมบรู ณ์ และ
ขอขอบคณุ คณะกรรมการรบั รองรับรองและสอบโครงงาน ทใี่ หค้ วามเห็นชอบครง้ั นี้

พชร หมื่นมหายศ
พรหมลขิ ิต เขียวมัง่

สารบญั ค

เรอื่ ง หน้า
ใบรบั รองโครงการ ก
บทคัดยอ่ ข
กติ ตกิ รรมประกาศ ฃ
สารบัญ ค
สารบัญตาราง ฆ
สารบัญภาพประกอบ ง
บทท่ี 1 บทนา 1
1
1.1 ความเปน็ มาและความสาคัญของโครงงาน 1
1.2 วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน 2
1.3 ขอบเขตของโครงงาน 2
1.4 ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะได้รบั 2
1.5 นิยามศัพท์ 3
บทท่ี 2 เอกสาร ทฤษฏี และงานวจิ ัยที่เกย่ี วขอ้ ง 8
2.1 ความรูเ้ ก่ยี วกบั โครงงานท่ที า 25
2.2 ทฤษฎที เี่ ก่ยี วข้อง 26
2.3 ความรเู้ ก่ียวกับทฤษฎีแบบประเมนิ ความพงึ พอใจ 28
2.4 งานวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้อง 29
บทท่ี 3 วธิ กี ารดาเนนิ การศึกษา 29
3.1 ประชาชนและกลมุ่ ตวั อย่าง 29
3.2 เครื่องมอื ในการทางานวจิ ยั และวสั ด/ุ อปุ กรณ์ 33
3.3 ขัน้ ตอนการดาเนนิ งาน 38
3.4 สร้างและพัฒนาสง่ิ ประดษิ ฐ์ 38
3.5 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และสรปุ ผล



สารบัญ(ตอ่ ) หน้า
เรื่อง 42
บทท่ี 4 ผลการดาเนินโครงงาน 47
47
4.1 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู 48
4.2 อภิปรายผลและการวิเคราะห์ขอ้ มลู 48
บทที่ 5 สรปุ ผลการดาเนนิ งานโครงงานและขอ้ เสนอแนะ 50
5.1 สรปุ ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู 51
5.2 ข้อเสนอแนะ 52
บรรณานุกรม 53
ภาคผนวก 59

ภาคผนวก ก เค้าโครงร่างโครงงาน 63
ภาคผนวก ข แผนธรุ กจิ 66
ภาคผนวก ค รูปครทู ่ีปรกึ ษาและคณะผจู้ ดั ทา 70
77
และรูปสง่ิ ประดิษฐ์
ภาคผนวก ง แบบบนั ทกึ ความพอใจของผู้ตอบแบบสอบถาม 83
ภาคผนวก จ ขัน้ ตอนการผลติ ถ่านดบั กล่ิน 85
ภาคผนวก ฉ แบบเสนออนมุ ตั โิ ครงการวิชาชพี 87
ภาคผนวก ช คณะกรรมการอนมุ ตั ิโครงการ 88
92
และคณะกรรมการประเมินโครงการ
ภาคผนวก ณ รปู นาเสนอโครงงานประจาปกี ารศึกษา 2564
ประวัตผิ จู้ ดั ทา
ภาคผนวก ฑ แบบบนั ทกี ความพงึ พอใจการนาเสนอโครงงาน
โครงงานถ่านดบั กลิน่ จากเปลอื กผลไม้



สารบัญตาราง หน้า
33
ตาราง 37
ตารางที่ 3.1 ตารางการวิเคราะหข์ ้อมลู ตดั สินใจเลือกโครงงาน 44
ตารางท่ี 3.2 ปฏทิ ินการปฏบิ ตั งิ าน 45
ตารางที่ 4.1 จาแนกเพศของผู้ตอบแบบสอบถาม 46
ตารางที่ 4.2 จาแนกอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม 47
ตารางที่ 4.3 ระดบั ความพึงพอใจดา้ นคณุ ภาพของถา่ นดบั กลิ่นจากเปลือกผลไม้
ตารางที่ 4.5 วิเคราะหข์ ้อเสนอแนะของผูต้ อบแบบสอบถาม

สารบญั ภาพประกอบ ง

ภาพ หน้า
ภาพที่ 2.1 ถา่ นไม้ 5
ภาพท่ี 2.2 ตารางแสดงสมบัตทิ างกายภาพของถ่านผลไม้แตล่ ะชนดิ 9
ภาพที่ 2.3 การคานวณต้นทนุ เฉล่ียตอ่ หน่วย 18
ภาพท่ี 2.4 การคานวณจุดคมุ้ ทุน 20
ภาพที่ 3.1 เปลอื กผลไม้ 30
ภาพที่ 3.2 แปง้ มนั สาปะหลัง 30
ภาพท่ี 3.3 นาเปลา่ 30
ภาพท่ี 3.4 ไฟแชค็ 30
ภาพที่ 3.5 ไมเ้ ก๊ยี ะ 30
ภาพที่ 3.6 กะละมงั 31
ภาพท3่ี .7 หม้อ 31
ภาพที่ 3.8 ทพั พี 31
ภาพที่ 3.9 ครกหนิ 31
ภาพที่ 3.10 คมี คบี ถา่ น 32
ภาพท่ี 3.11 เตาองั โล่ 32
ภาพท่ี 3.12 ถ้วย 32
ภาพท่ี 3.13 ถงุ ตาข่าย 32
ภาพท่ี 3.14 ถงุ พลาสติก (ถุงแก้ว) 32
ภาพที่ 3.15 ตัวอย่างท่ี 1 35
ภาพที่ 3.16 ตัวอย่าง 2 35
ภาพท่ี 4.1 แผนภมู ิจาแนกเพศของผตู้ อบแบบสอบถาม 44
ภาพท่ี 4.2 แผนภมู ิอายขุ องผตู้ อบแบบสอบถาม 45

สารบญั ภาพประกอบ(ตอ่ ) จ
ภาพ
ภาพที่ 4.3 แผนภมู ิแสดงวามพงึ พอใจ หน้า
46

บทที่ 1
บทนำ

1.1 ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของโครงงำน
ประเทศไทยของเราเป็นประเทศเกษตรกรรมท่ีมผี ลิตผลทางการเกษตรมากมายหลายชนิดใน

อดตี เคยมีปา่ ไม้อนั อดุ มสมบรู ณ์ แต่เนอื่ งดว้ ยมีการตดั ไมท้ าลายปา่ กนั มากทาใหพ้ ื้นที่ปา่ ของเมืองไทย
มจี านวนลดลง สาเหตุทส่ี าคัญอันหนึง่ กค็ อื การตัดไมท้ าลายป่าเพ่ือนามาใช้เปน็ เชอ้ื เพลงิ ในปจั จบุ นั มีผู้
นาเอากากผลไม้ต่างๆจากผลิตภณั ฑท์ างการเกษตรนากลับมาใชเ้ ปน็ เชอ้ื เพลิงแทนถา่ นไม้ซ่ึงสามารถ
ลดการตดั ไมท้ าลายป่าได้

เนอื่ งจากในปจั จบุ นั มีการประกอบอาชีพเกษตรกรกันมากทาให้เกิดปญั หาในการค้าขาย จึง
เกดิ วกิ ฤตราคาผลไม้ ตกตา่ และลน้ ตลาด ซงึ่ เป็นปญั หาใหญส่ าหรบั เกษตรกร แต่ก็มีองคก์ ร และ
หนว่ ยงานต่างๆ เขา้ มาชว่ ยเหลอื เกษตร ดว้ ยการแปรรปู ผลผลิตในรปู แบบตา่ งๆแตท่ ้ิงเปลอื กของ
ผลไมเ้ ปน็ ขยะ กลุ่มของดฉิ นั อยาก เป็นสว่ นหน่งึ ในการ ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวน จงึ ศกึ ษาวิธกี าร
แกป้ ญั หาเปลอื กผลไมจ้ ากกองขยะ โดยการนาเปลอื กผลไมม้ าทาใหเ้ กิด ประโยชนด์ ว้ ยการนาเปลือก
ของผลไมม้ าผลติ เป็นถา่ นดับกลนิ่ สามารถนาเปลอื กผลไมม้ าใชป้ ระโยชน์ไดแ้ ละผลดจี งึ คดิ พัฒนาการ
ทดลองโดยชว่ ยกันเกบ็ เปลอื กผลไมท้ ชี่ าวบา้ นทง้ิ เป็นขยะ นามาเผาและบด ใหเ้ ปน็ ผงถา่ น แล้วนาแปง้
เปียกมาผสมแลว้ นาไปตากแหง้ เมือ่ แหง้ แล้ว นามาใสล่ งในถุงตาข่าย ตกแตง่ ใหส้ วยงาม จาการศึกษา
พบว่าคณุ สมบตั ิของถา่ นไมส้ ามารถดดู ซบั กลิน่ อบั ชนื้ ไดเ้ ชน่ เดยี วกัน โดยตง้ั สมมุตวิ ่าถา่ นจากเปลอื ก
ผลไมแ้ ละถา่ นไมถ้ ่านชนดิ ไหนมาประสิทธภิ าพในการดูดซบั กล่นิ มากกวา่ กัน และหาต้นทุนในการ
ผลไม้ถ่านดดู กลิ่นว่าใช้ต้นทุนในการผลิตเทา่ ไหร่

โครงงานน้ีเปน็ โครงงานทกี่ ลมุ่ ของดฉิ ัน ฝกึ ปฏบิ ตั ิเพอ่ื ใหเ้ กดิ ทักษะในการคิด การศึกษา
คน้ ควา้ เชิงวทิ ยาศาสตร์ การประดษิ ฐส์ ่ิงใหม่ๆ ทเี่ ปน็ ประโยชน์ ความภาคภมู ใิ จ ที่ไดร้ ว่ มกันแกไ้ ข
ปญั หาของเกษตรกรชาวสวน การทางานเปน็ ทมี

1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงงำน
1.2.1 เพ่อื นาเปลอื กผลไม้ในชุมชน เชน่ ทเุ รยี น มงั คุด ฯลฯ มาทาเป็นถา่ นผลไม้ดูดกลิน่
1.2.2 เพ่อื เปรียบเทยี บประสิทธิภาพ การดูดกลน่ิ ของถา่ นจากเปลือกผลไมก้ บั ถ่านไม้
1.2.3 เพ่อื หาต้นทุนในการผลติ ถ่านดดู กล่ินจากเปลือกผลไม้

2

1.3 ขอบเขตของโครงงำน

111 11.3.1 เปา้ หมายของโครงการ

11111111 1. เป้าหมายเชงิ คุณภาพ

2222222222 1) ศึกษาการทาถา่ นจากเปลือกผลไมว้ ่ามตี น้ ทนุ เทา่ ไหร่22222222222

2) เปรียบเทยี บคุณภาพการดูดกล่นิ ของถา่ นไม้และถ่านจากเปลือกผลไม้

111 2. เป้าหมายเชงิ ปริมาณ
22222 1) จดั ทาต้นทนุ การผลติ จากเปลอื กผลไม้
11111 2) ทราบผลการเปรยี บเทียบถา่ นดดู กล่นิ จากเปลือกผลไมแ้ ละถ่านไม้
1.3.2 ระยะเวลาและสถานที่ดาเนินงาน
22222 1. ระยะเวลาดาเนินงาน 12 ตลุ าคม 2564 ถึง 7 กุมภาพนั ธ์ 2565
11111 2. สถานท่ีดาเนนิ งาน ณ หมูบ่ ้านลงิ หลับ 152/5 หมู่ 11 ตาบล ป่าแดด
อาเภอ เมอื ง จงั หวัด เชียงใหม่ 50100

1.4 ประโยชนท์ ี่คำดวำ่ จะไดร้ ับ
1.4.1 ได้ทราบผลของการทดลองวา่ สาเรจ็ หรอื ไมแ่ ละต้นทนุ เทา่ ไหร่
1.4.2 ได้เปรยี บเทียบการดาเนนิ งานถา่ นดดู กล่ินจากเปลือกผลไมแ้ ละถ่านไม้

1.5 นยิ ำมศัพท์
ถ่ำนดบั กล่นิ จำดเปลอื กผลไม้ หมายถึง เปน็ ถ่านทมี่ ีโครงสรา้ งทางโมเลกลุ หนาแน่นน้อยกวา่

ถา่ นไมท้ ั่วไป ทาใหส้ ามารถดดู ซบั กลน่ิ อบั ช้ืนต่างๆ
กำรเปรียบเทียบ หมายถงึ การกระทาและผลกระทบของการเปรียบเทียบน่นั คือการสังเกต

ความแตกต่างและความคล้ายคลงึ กันระหว่างสององคป์ ระกอบไมว่ ่าจะเป็นคนวตั ถสุ ถานท่ีหรือสง่ิ
ต่างๆ

กำรจดั ทำต้นทนุ หมายถึง มูลค่า ทีค่ ิดเปน็ เงิน ซงึ่ ใชจ้ ่ายหรอื ส้นิ เปลอื งไปในการดาเนนิ งาน
หรอื การผลติ ทงั้ ทางตรงหรือทางออ้ ม และไมส่ ามารถจะนาไปใช้ประโยชนอ์ ย่างอื่นได้อกี

บทที่ 2

เอกสาร ทฤษฏแี ละงานวิจัยที่เกี่ยวขอ้ ง

การดาเนนิ โครงงานถา่ นดบั กล่นิ จากเปลือกผลไมก้ ารจัดทาตน้ ทุนการผลิตและเปรยี บเทียบผล
การดาเนนิ งานของถา่ นดับกล่นิ จากถ่านไม้และถา่ นดับกลนิ่ จากเปลอื กผลไม้ทาให้ชุมชนไมม่ ีขยะเนา่ เสยี
มากเกินไป จานวน 2 แห่ง ณ 152/5 หมู่ 11 ตาบลป่าแดด อาเภอเมือง จังหวัดเชยี งใหม่ 50100 และ 35
ถนน สิทธิวงศ์ ตาบล ช้างม่อย อาเภอ เมอื ง จังหวดั เชยี งใหม่ 50300 ระหวา่ งวันท่ี 12 ตุลาคม 2564 ถงึ
7 กุมภาพนั ธ์ 2565 ผ้ดู าเนินโครงการไดร้ วบรวม เอกสาร ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทีเ่ กย่ี วขอ้ งดงั มหี ัวข้อ
ตอ่ ไปนี้

2.1 ความรเู้ กย่ี วกบั โครงงานทีท่ า
2.2 ทฤษฎที เี่ ก่ยี วขอ้ ง
2.3 ความร้เู กยี่ วกบั ทฤษฎีแบบประเมินความพงึ พอใจ
2.4 งานวจิ ยั ทเ่ี กีย่ วข้อง

2.1 ความรเู้ ก่ยี วกับโครงงานทที่ า

2.1.1 ชมุ ชน

ชมุ ชน (community) หมายถงึ หมายถงึ พื้นทที่ ี่มกี ลมุ่ ที่พกั อาศยั ของประชาชนในลักษณะใดกไ็ ด้
อยู่รว่ มกัน ไม่วา่ จะเป็นในเมือง หรอื ชนบท โดยในดา้ นกายภาพมีสิง่ อานวยความสะดวกในดา้ นการ
ดาเนนิ ชวี ติ ร่วมกัน เชน่ ถนนหนทาง ไฟฟา้ ประปา วัด โรงเรยี น เป็นต้น และคนกล่มุ นม้ี ีลกั ษณะทาง
สงั คมตลอดจนกจิ กรรามทางสังคม และเศรษฐกิจ บางอย่างรว่ มกันชัดเจน และขอบเขตของชุมชนจะมี
อาณาบรเิ วณทีช่ ัดเจน ไม้ว่าจะเปน็ ขอบเขตทางธรรมชาติ หรอื ขอบเขตทีส่ ร้างขน้ึ เองก็ตาม

ชมุ ชนจงึ มีองค์ประกอบ 6 อย่างคอื

1. คน (People) คนเปน็ องคป์ ระกอบสาคญั ยง่ิ ของชมุ ชน หากปราศจากคนเสยี แลว้ จะ
เปน็ ชมุ ชนไม่ได้

2. ความสนใจรว่ มกัน (Common Interest ) คนทอ่ี ยู่ในชุมชนนั้นจะตอ้ งมีความสนใจ
อย่างใดอย่างหนง่ึ ร่วมกัน และความสนใจดงั กลา่ วเปน็ ผลมาจากการอยู่ร่วมกนั ในอาณาเขตบรเิ วณ
เดียวกัน

4

3. อาณาบริเวณ (Area) คนและสถานทเ่ี กอื บจะแยกกนั ไม่ได้ ต่างกเ็ ป็นส่วนประกอบ
สาคญั และมสี ว่ นสมั พันธก์ ันมคี นกต็ อ้ งมสี ถานท่ี แต่การจะกาหนดขอบเขต และขนาดของสถานที่ของ
ชุมชนหน่ึงๆเป็นเร่อื งยาก

4. ปะทะสงั สรรค์ต่อกัน (Interaction) เม่อื มีคนมาอยรู่ ่วมชุมชนเดยี วกนั แตล่ ะคนต้อง
มจี ะต้องมกี ารติดต่อแลกเปลี่ยนและปฎิบตั ติ ่อกัน

5. ความสัมพนั ธ์ของสมาชกิ (Relationship) ความสัมพนั ธต์ อ่ กันของสมาชกิ ในชมุ ชน
เปน็ สงิ่ ทผี่ ูกพนั ใหส้ มาชิกอย่รู ว่ มกันในชุมชนนัน้

6. วฒั นธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี (Cultural Traditions) ตลอดจนแบบแผน
ของการดาเนินชวี ติ ในชมุ ชน ( Pattern of Community Life )ซ่งึ สว่ นใหญม่ ลี ักษณะคล้ายคลงึ และเป็น
รปู แบบเดียวกัน

องค์ประกอบของชมุ ชน
1. บคุ คลหลากหลายท่ีรวมตัวกนั เป็นองค์กรชุมชนอยา่ งเปน็ ทางการหรอื ไม่กต็ าม
2. มเี ป้าหมายรว่ มกันและยึดโยงเกาะเก่ียวกนั ดว้ ยประโยชนส์ าธารณะและของสมาชกิ
3. มจี ิตสานักของการพงึ่ ตนเอง รักษาเออ้ื อาทรตอ่ กัน และมีความรกั ท้องถิน่ รักชุมชน
4. มอี ิสระในการรว่ มคดิ รว่ มตดั สนิ ใจ รว่ มทาและร่วมรบั ผดิ ชอบ
5. มกี ารระดมใช้ทรัพยากรในชมุ ชนอย่างเตม็ ท่ีและมปี ระสทิ ธิภาพ
6. มกี ารเรยี นรู้ เชื่อมโยงกนั เป็นเครอื ขา่ ยและติดต่อสื่อสารกนั หลายรปู แบบ
7. มีการจดั ทากจิ กรรมทเ่ี ปน็ สาธารณะของชุมชนอยา่ งต่อเน่อื ง
8. มกี ารจดั การบริหารกลมุ่ ทหี่ ลากหลายและเครือขา่ ยทด่ี ี
9. มีการเสริมสรา้ งผ้นู าการเปล่ียนแปลงทหี่ ลากหลายของชมุ ชนสืบทอดกันตลอดไป

บทบาทของการส่งเสรมิ การเกษตร
1. เปน็ หนว่ ยงานนติ บิ ุคคลตามพรบ. สง่ เสรมิ วสิ าหกจิ ชุมชนในการรบั จดทะเบียน

วิสาหกจิ ชมุ ชนและเครอื ข่ายวสิ าหกิจชุมชน และการเลิกกิจการของวสิ าหกจิ ชมุ ชนและเครือขา่ ย
2. เป็นสานกั งานเลขานุการของคณะกรรมการสง่ เสรมิ วสิ าหกิจชมุ ชน ซ่ึงมี

นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน อธบิ ดกี รมสง่ เสรมิ การเกษตรเปน็ เลขานกุ าร โดยมผี ู้แทนกรมสง่ เสรมิ
การเกษตร และผแู้ ทนกรมการพฒั นาชุมชนเปน็ ผู้ช่วยเลขานกุ าร

3. ประสานงานกบั หน่วยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ งเพ่อื ให้การสง่ เสริมและสนบั สนนุ การพฒั นา
วสิ าหกจิ ชุมชนและเครอื ขา่ ยวสิ าหกจิ ชมุ ชน อยา่ งครบวงจร

5

4. จัดให้มกี ารฝกึ อบรมหรอื การถา่ ยทอดความร้ทู เ่ี ป็นประโยชน์และเปน็ ไปตามความ
ต้องการของวสิ าหกิจชมุ ชน ทงั้ ดา้ นเทคโนโลยกี ารผลติ การจดั การ การบญั ชี ภาษีอากร และการตลาด

การเตรียมความพรอ้ มของกรมสง่ เสรมิ การเกษตร
1. จดั เตรียมยกรา่ งหลักเกณฑ์ กฎระเบยี บในการปฏิบตั งิ าน ขอความเหน็ ชอบจาก

คณะกรรมการส่งเสรมิ วสิ าหกจิ ชมุ ชน เพื่อประกาศเปน็ ขอ้ กาหนดในการปฏิบตั งิ าน
2. เตรียมความพรอ้ มของเจ้าหน้าทสี่ ่งเสริมการเกษตรในระดบั ต่าง ๆ ศูนยบ์ รกิ ารและ

ถา่ ยทอดเทคโนโลยี เพอื่ ใหร้ บั ทราบและเขา้ ใจบทบาทหนา้ ที่
3. เตรียมเนอ้ื งานทปี่ ระกอบดว้ ยโครงสรา้ งและเน้อื หาทชี่ ัดเจน ใหม้ คี วามพรอ้ ม

ปฏบิ ตั งิ านได้ทนั ทที ี่พระราชบญั ญัตปิ ระกาศใช้
2.1.2 ถา่ นไม้

ภาพที่ 2.1 ถ่านไม้
ทม่ี า :ถ่านไม้ของดาท่ไี ม่ธรรมดา 2552 : เว็บไซต์
ถา่ นไม้ ชื่อวิทยาศาสตร:์ activated carbon ถา่ นไม้ (charcoal) หมายถงึ ไมท้ ี่ไดจ้ ากการเผาไหม้ภายใน
สภาพแวดล้อมทม่ี อี ากาศอยเู่ บาบาง ขณะนน้ั คือ ระหว่างทไ่ี ม้ถกู สลายตวั ดว้ ยความร้อน ภายในเนื้อไม้
เกดิ กระบวนการกาจดั น้า นา้ มนั ดนิ และสารประกอบอนื่ ๆ ออกไป คงเหลอื ถา่ นทม่ี คี าร์บอนสงู กวา่ ๘๐%
และไม่มคี วามช้ืนหลงเหลืออยู่ เปน็ ผลให้ถ่านสามารถใหพ้ ลงั งานไดส้ งู กวา่ ไมแ้ ห้งถึงสองเทา่

6

ประวัตคิ วามเป็นมาของถ่านไม้
ในประเทศไทย ไดม้ ีการผลติ ถ่านไม้ เพอื่ ใชเ้ ป็นเชื้อเพลิงมาเป็นเวลานานมากแล้ว ซ่งึ วิธีการผลิต

ถ่านไม้ที่ใชก้ นั มาตง้ั แต่อดีตจนถึงปจั จบุ นั ท่หี ลายคนคงเคยพบเหน็ กค็ ือ การทช่ี าวบ้านตัดต้นไม้ทง้ั ท่ีอยู่ใน
ทีข่ องตนเองและในป่าไมธ้ รรมชาตมิ าเผา โดยการนาทอ่ นไมม้ าวางเรียงแล้วจุดไฟ จากนัน้ จงึ ใชด้ นิ หรอื
แกลบกลบ ปล่อยใหล้ กุ ไหมแ้ ล้วนาถา่ นออกมาดบั ด้วยน้า และมกั จะยา้ ยทผ่ี ลติ ไปเรอ่ื ย ๆ ตามแต่วา่ ทไี่ หน
จะมไี ม้ใหเ้ ผา เม่ือไมห้ มดกจ็ ะย้ายไปผลิตที่อนื่ ต่อ การผลติ ถ่านไมจ้ งึ ถกู มองว่าเปน็ การตดั ไมท้ าลายปา่ และ
สรา้ งมลพษิ เมือ่ การผลติ ถ่านไม้ถูกมองวา่ เป็นการตัดไม้ทาลายป่า อีกทง้ั กฎระเบียบตา่ ง ๆทเี่ กยี่ วกับปา่ ไม้
กไ็ ม่เอ้อื อานวยใหเ้ กดิ แรงจงู ใจในการพฒั นาวิธีการผลติ ใหม้ ปี ระสิทธิภาพสงู ข้นึ ดงั น้ันการศึกษาทาความ
เข้าใจ การวจิ ยั พฒั นาคุณภาพและผลผลิตของถา่ นไม้ รวมทง้ั การใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้ จงึ มีนอ้ ย
มากการผลติ ถา่ นไม้ไผ่เพื่อสุขภาพในประเทศไทย อาจกล่าวได้วา่ เป็นแบบก้าวกระโดด คือ แตกต่างจาก
การเผาถา่ นที่คนไทยทว่ั ไปรจู้ ักเปน็ อยา่ งมาก เนอ่ื งจากการผลติ ถ่านไมไ้ ผเ่ พอื่ สุขภาพนนั้ เปน็ การนา
เทคโนโลยีจากประเทศญปี่ ุ่นมาประยุกตใ์ ช้ เพื่อใหส้ ามารถเผาถ่านไม้ไผ่ในอุณหภูมิทสี่ งู กวา่ 1,000
เซลเซยี สได้

ผู้ผลิตถ่านไม้ไผ่เพ่อื สุขภาพ ( คนแรกของประเทศไทย ) คอื คุณกิตติ เลศิ ล้า ได้รบั การถ่ายทอด
ทั้งเทคนิคในการทาเตาเผาและกรรมวิธใี นการทาทงั้ หมดจาก เพอ่ื นชาวญี่ปนุ่ ชอื่ Mr. Daisaku Nakago
ซึง่ เป็นผทู้ ีม่ คี วามรู้ ความชานาญเรื่องการทาถา่ นไมเ้ ป็นอย่างดี เนอ่ื งจากครอบครัวของ Mr. Daisaku
Nakago ที่ประเทศญปี่ ุ่นน้นั ประกอบอาชีพผลิตถ่านไม้ มาหลายชวั่ อายุคน เมื่อทงั้ สองไดเ้ ลง็ เห็นวา่ บ้าน
เกดิ ของคณุ กิตตทิ จี่ ังหวดั ปราจนี บรุ นี ั้นมี การปลกู ไมไ้ ผก่ ันอยา่ งแพร่หลาย ซ่งึ สามารถนามาทาเปน็ วตั ถุดิบ
ในการผลิตถ่านไม้ไผ่เพ่ือสุขภาพได้ คุณกิตติจงึ ตัดสินใจลงมอื ทาทันที เม่อื ปี พ.ศ. 2542 ท้งั น้กี ็มี
วัตถุประสงคเ์ พอ่ื ทาเปน็ สินค้าสง่ ออกไปยังประเทศญป่ี นุ่ นอกจากคณุ กิตตจิ ะไดฝ้ กึ ฝนการเผาถา่ นตาม
กรรมวธิ ที เี่ พือ่ นชาวญป่ี นุ่ ได้แนะนา จนเกิดความชานาญและปรบั ปรุงพฒั นาเทคนิคกรรมวิธีการเผาจน
สามารถทาถา่ นไม้ไผ่ ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานของประเทศญป่ี ่นุ

7

ประเภทของถ่านไม้
1. ถ่านไมห้ ุงตม้ ลกั ษณะทว่ั ไป - ต้องมีสดี าเสมอ ไมม่ ีเศษดนิ และไม้เผาไหม้ไมส่ มบรู ณ์

ปนอยู่ ความชืน้ - ตอ้ งไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 8 โดยนา้ หนกั ค่าความรอ้ น - ไมน่ อ้ ยกวา่ 6,000 แคลอรีตอ่ กรมั
สารระเหย - ต้องไมเ่ กินรอ้ ยละ 25โดยน้าหนัก การใชง้ าน – เมื่อตดิ ไฟตอ้ งไม่มสี ะเก็ดไฟกระเด็น มคี วันได้
เล็กนอ้ ย

2. ถ่านไม้ปิ้งยา่ ง ลักษณะท่ัวไป - ตอ้ งมสี ีดาเสมอ ไมม่ เี ศษดนิ และไมเ้ ผาไหม้ไม่
สมบรู ณ์ปนอยู่ ความชื้น - ตอ้ งไม่เกนิ ร้อยละ 7 โดยน้าหนัก ค่าความรอ้ น - ไม่นอ้ ยกวา่ 7,000 แคลอรตี อ่
กรัม สารระเหย - ตอ้ งไมเ่ กนิ ร้อยละ 8 โดยน้าหนกั การใชง้ าน – เมอ่ื ตดิ ไฟตอ้ งไม่มสี ะเกด็ ไฟกระเด็น มี
ควนั ไดเ้ ล็กนอ้ ย

3. ถ่านไมอ้ ัดแท่ง ลกั ษณะทัว่ ไป - ในภาชนะบรรจุเดยี วกนั ตอ้ งมรี ปู ทรงเดียวกนั ตอ้ งมี
สีดาเสมอ อาจแตกหรือหกั ได้บา้ ง ความชนื้ - ต้องไมเ่ กินรอ้ ยละ 8 โดยนา้ หนกั คา่ ความร้อน - ไม่นอ้ ยกวา่
5,000 แคลอรีต่อกรมั การใชง้ าน – เมื่อติดไฟตอ้ งไมม่ ีสะเกด็ ไฟกระเดน็ ไมม่ ีควนั และกลิ่น

ประโยชนข์ องถ่านไม้
1. ลดความช้นื ในห้อง ห้องพกั ทเ่ี ราอย่บู างครงั้ เราอาจไม่ค่อยไดเ้ ปิดประตู หน้าตา่ งให้

ลม แสงแดดผา่ นเขา้ มา ดงั นั้นจึงเกิดความช้ืน หรือบางครงั้ มกี ล่ินอบั การนากอ้ นถา่ นไปวางไวใ้ ต้เตียงนอน
จะชว่ ยฟอกอากาศ ดูดกลนิ่ และลดความช้นื ไดเ้ ปน็ อยา่ งดีโดยไม่จาเป็นตอ้ งใชส้ เปรยด์ ับกล่ิน

2. ดดู และหักเหคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า เครอื่ งใช้ไฟฟา้ ในบ้านไม่ว่าจะเป็นทีวี คอมพิวเตอร์
ไมโครเวฟ ฯลฯ ลว้ นมีคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ ทีแ่ ผก่ ระจายออกมา ดงั นนั้ การนาถ่านไปวางไว้ในจดุ ทีต่ ้งั
เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าเหลา่ น้ีจะดดู และหกั เหคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าได้

3. ปรบั สภาพดนิ ดินทเี่ รานามาปลกู ตน้ ไม้ สว่ นใหญ่ไมค่ ่อยมคี วามสมดลุ อาจมคี วาม
เปน็ กรดสงู การใชถ้ า่ นผสมดินจะชว่ ยทาใหส้ ภาพดินมคี วามสมดลุ ทง้ั ยังชว่ ยเพม่ิ แร่ธาตุให้กบั ดินอกี ดว้ ย

4. เพม่ิ ออกซเิ จนในนา้ ใครทเี่ ลีย้ งปลา หรอื สตั วน์ ้าคงเขา้ ใจดวี ่า ออกซิเจนในนา้ นัน้ มี
ความจาเปน็ การใส่ถ่านลงไปในตู้ อ่าง หรือบ่อเลยี้ งปลาถอื เปน็ การเพ่ิมแร่ธาตุจาเปน็ ใหก้ บั นา้ และยังทา
ให้นา้ ใสสะอาดด้วย

5. ใช้ในทางการแพทย์ การรกั ษาโรค ศนู ย์พิษวทิ ยารามาธบิ ดี ให้ข้อมูลไว้วา่ แอคทิเวท
เต็ด ชาร์โคล ใช้เปน็ หนงึ่ ในยาทอ่ี ยใู่ นกล่มุ ยาตา้ นพษิ มลี กั ษณะเป็นผงๆ หรอื อาจจะเรียกว่าเป็น “ผง
ถ่าน” จะใช้รักษาผปู้ ว่ ยทไ่ี ดร้ ับพษิ จากยา หรอื สารพษิ บางชนดิ เกินขนาด โดยผงถา่ นจะเข้าไปยบั ยั้ง หรือ

8

ลดการดูดซมึ ยา หรอื สารพษิ ทผี่ ู้ป่วยรบั ประทานเข้าไป โดยให้หลังจากผ่านการลา้ งทอ้ ง หรือ การทาให้
อาเจยี นด้วย ipecac syrup และอาจให้ทานผงถ่านซา้ ๆ เพอ่ื เพม่ิ การขบั ถ่ายยาหรอื สารพษิ ออกจาก
ร่างกาย ในกรณที ี่เป็นพิษจากยาหรอื สารพิษและนา ไปผสมในยาตัวอืน่ เพอื่ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการรกั ษา
อาการอ่ืนๆ เช่น ทอ้ งเสยี อาหารไมย่ อ่ ย มแี กส๊ ในท้องมากจนทาให้ปวดทอ้ ง

2.2 ทฤษฎที ่ีเกี่ยวข้อง
2.2.1 สมบัติทางกายภาพและอตั ราการดูดซบั ความชื้นของถ่านผลไม้
1. การดูดซึมของถ่านแต่ละชนดิ
1 ) สมบัตทิ างกายภาพ
สมบตั ทิ างกายภาพ ( physical property ) หมายถึง ลักษณะการเปลีย่ นแปลง

ภายนอกทสี่ ามารถสงั เกตได้ดว้ ยตาเปล่าหรอื โดยใชเ้ ครื่องมอื วัด สามารถบอกความหนัก-เบา กวา้ ง-ยาว
ได้ มีคณุ สมบตั ิท่ีขึ้นอยูก่ บั ปริมาณและเน้ือสารในวตั ถุ หรือสมบตั ิของสสารทเี่ ราสังเกตได โดยไมตองใช
ปฏกิ ิรยิ าเคมี ไดแก สี กล่ิน รส สถานะ ความหนาแนน ความแขง็ ความเหนียว รูปผลกึ การนาความร้อน
และไฟฟ้า จุดเดอื ด จดุ หลอมเหลว การละลายในนา้ และในตัวทาละลายอนื่ ๆ

1.1 การเปลยี่ นแปลงทางกายภาพ หมายถงึ เปน็ การเปลี่ยนแปลงท่ีสามารถ
สังเกตได้โดย ที่ไม่มีการเปล่ียนแปลงองค์ประกอบภายในของสสาร แต่เกดิ การจัดเรยี งตวั ของอนุภาคใหม่
เท่านนั้ ดงั รปู ที่ 1 การเปล่ยี นสถานะของน้า โดยเมอื่ น้าแขง็ ไดร้ ับความร้อนจะหลอมเหลวกลายเปน็ น้าใน
รูปของเหลว และเมอื่ ได้รบั ความร้อนต่อไปอีกสามารถเปลยี่ นเป็นไอน้าได้ โดย ท่ไี ม่มกี ารเปล่ยี นแปลง
องค์ประกอบภายในของน้าแต่อย่างใด

1.2 การเปลย่ี นแปลงทางเคมี หมายถึง เปน็ การเปล่ยี นแปลงองคป์ ระกอบ
ภายในของสสาร เกิดเป็นสารใหม่ขึ้นมา ท้งั นเี้ พราะมีปฏิกริ ยิ าเคมเี กิดขนึ้ นน่ั เอง การเปล่ยี นแปลงทางเคมี
ไดแ้ ก่ การเผาไหม้ การย่อยอาหาร การเกดิ สนิม การรวมตวั ของโมเลกลุ ของสารตา่ งๆ เปน็ ตน้ การ
เปล่ียนแปลงทางเคมี ทาให้ไดส้ ารใหมเ่ กิดขึน้ เสมอ ซึง่ สามารถเขยี นเปน็ สมการเคมีขน้ึ แทนปฏกิ ริ ิยาเคมที ี่
เกิดขึ้นได้ ตวั อยา่ งของการเปล่ียนแปลงทางเคมี เช่น การเกดิ นมเปร้ียว การปง้ิ ขนมปงั การเกดิ สนมิ ของ
ตะปู การจุดประกายของน้ามนั ในเครื่องยนต์ การเกดิ ฟองของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) ใน
บาดแผล การจดุ ไม้ขดี ไฟ การกนิ ยาลดกรด

9

2.2.2 ตารางแสดงสมบตั ทิ างกายภาพของถา่ นผลไมแ้ ตล่ ะชนดิ

ภาพท่ี 2.2 ตารางแสดงสมบตั ิทางกายภาพของถา่ นผลไม้แตล่ ะชนดิ
ทม่ี า : วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถมั ภ, 2556 : เว็บไซต์
จากตารางคา่ ความรอ้ นถ่านผลไมท้ กุ ชนดิ เปน็ ไปตาม มผช.238/2547 คือมี คา่ ความร้อนเป็นไป
ตามเกณฑ์มาตรฐานของผลติ ภณั ฑช์ ุมชนถ่านอดั แทง่ คอื มคี า่ ไม่น้อยกว่า 5,000 cal/g ค่าความร้อนของ
ถ่านสมั พนั ธก์ บั ปรมิ าณคารบ์ อนที่อยู่ในถา่ น และการกลายเปน็ ถ่านของวตั ถุดบิ ก็คือการท่าใหเ้ ซลลโู ลส
กลายเป็นถา่ นดังนั้นปรมิ าณของเซลลโู ลสในวัตถดุ ิบจึงสมั พนั ธก์ บั ปรมิ าณคาร์บอนทอ่ี ยใู่ นถ่าน Asim et
al. (2015) ได้ศึกษาองค์ประกอบของใบสบั ปะรด พบวา่ มีปรมิ าณร้อยละของคารบ์ อน เทา่ กบั 73.13
ของปรมิ าณองคป์ ระกอบทงั้ หมด จงึ ท่าใหถ้ ่านสบั ปะรดมคี วามรอ้ นสงู เนอ่ื งจากผลสบั ปะรดจะมสี ่วนหัวท่ี
เป็นใบของสบั ปะรดอยู่และใกลเ้ คยี งกบั ถ่านจากขา้ วโพด โดยจากงานวิจยั ของ Mullen et al. (2010) ได้
ศกึ ษาองค์ประกอบของพบวา่ ซงั ข้าวโพดมรี ้อยละคารบ์ อนคงตวั เท่ากับ 47.35 แต่อตั ราส่วนเน้ือของ
สับปะรดต่อใบมากกว่าอตั ราสว่ นเนอื้ ของขา้ วโพดต่อซงั ขา้ วโพด เวลาเปลย่ี นเปน็ ถ่านและน่ามาวดั คา่
ปริมาณความรอ้ นเป็นถา่ นบดทม่ี สี ่วนผสมของท้งั 2 ส่วน จงึ ทา่ ใหค้ า่ ความร้อนของถา่ นจากขา้ วโพดสงู
กวา่ ถ่านจากสบั ปะรด และ Nuithitikul et al. (2015) ศึกษาองคป์ ระกอบของเปลอื กทุเรียนพบวา่ มรี อ้ ย
ละคารบ์ อนคงตัว 42.86 และ Mukti et al. (2018) ไดศ้ ึกษาองคป์ ระกอบของเปลอื กมงั คดุ พบวา่ มรี ้อย
ละคารบ์ อนคงตัว 32.29 และ Rosal et al. (2012) ศกึ ษาองค์ประกอบของกลว้ ยพบว่ามรี อ้ ยละคารบ์ อน
คงตวั 39.67 ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั ค่าความรอ้ นในตารางท่ี 1 ตามคา่ คารบ์ อนคงตวั คา่ ความชนื้ ของถ่านผลไม้

10

ถ่านสบั ปะรด ถา่ นขา้ วโพดและถา่ นเปลอื กทเุ รยี น มีคา่ รอ้ ยละความชื้นไมอ่ ยใู่ นเกณฑ์ คอื เกินกวา่ รอ้ ยละ
8 และค่าดัชนแี ตกรว่ นอยใู่ นเกณฑ์ที่ใช้ไดค้ ืออยู่ในช่วง 0.5 - 1 เหมาะสมนา่ ไปใชง้ านสามารถขนสง่ ได้
สะดวกไม่แตกหกั งา่ ย

2.2.3 ทฤษฎตี ้นทุน
1. ความหมายของต้นทุน
ต้นทุน คอื คา่ ใชจ้ า่ ยทีเ่ กดิ ขน้ึ ในการดาเนินการผลติ สินค้า หรอื บรกิ าร หรอื ถ้าพูดกัน

แบบภาษาชาวบา้ น ต้นทุนคอื จานวนเงนิ ทไี่ ด้จ่ายไปในการซือ้ สนิ ค้า ขา้ วของ วตั ถุดบิ ต่างๆ นานา
จิปาถะ เพื่อนามาผลติ หรือขายสนิ ค้าเพอื่ ใหก้ อ่ ใหเ้ กิดรายไดค้ อื ยอดขายอีกที โดยเรม่ิ ตัง้ แต่ข้ันตอนการ
ออกแบบผลติ ภณั ฑ์ การผลิต การทดสอบ การจดั เกบ็ และการขนสง่ โดยเราสามารถจาแนกตน้ ทุนออกได้
หลายชนิด ตน้ ทนุ มีความหมายหลายประเภทตามวัตถุประสงคข์ องการนาไปใชข้ องผูบ้ ริหาร เช่น ตน้ ทนุ
เพือ่ กาหนดค่าของสินค้าคงคลัง และใช้ในการคานวณผลการดาเนนิ งาน ต้นทุนเพ่ือใชใ้ นการวางแผนและ
ควบคมุ ตน้ ทุนเพื่อใช้ในการตัดสนิ ใจ

ใบหยก เทธนาวนิ (2556 : เว็บไซต์ ) ตน้ ทุน(cost) คอื ค่าใช้จ่ายทีเ่ กิดข้นึ ในการดาเนนิ การผลติ
สนิ ค้า หรอื บรกิ าร หรอื ถา้ พูดกนั แบบภาษาชาวบ้าน ตน้ ทนุ คอื จานวนเงินที่ไดจ้ ่ายไปในการซอื้ สินคา้
ขา้ วของ วัตถดุ ิบ ตา่ งๆ นานาจิปาถะ เพอ่ื นามาผลติ หรือขายสนิ ค้าเพ่อื ให้กอ่ ให้เกดิ รายได้คือยอดขายอกี ที
โดยเร่ิมตง้ั แต่ข้ันตอนการออกแบบผลิตภณั ฑ์ การผลิต การทดสอบ การจดั เกบ็ และการขนสง่ โดยเรา
สามารถจาแนกต้นทนุ ออกไดห้ ลายชนดิ ดังน้ี

อนุรักษ์ ทองสโุ ขวงศ์ ( 2558 : เวบ็ ไซต์ ) ตน้ ทุน (Cost) หมายถึง มูลค่าของทรัพยากรทสี่ ญู เสีย
ไปเพ่อื ใหไ้ ดส้ ินคา้ หรือบริการ โดยมลู คา่ น้นั จะตอ้ งสามารถวัดได้เปน็ หน่วยเงินตรา ซึ่งเป็นลกั ษณะของการ
ลดลงในสินทรัพยห์ รอื เพ่ิมข้นึ ในหน้ีสนิ ต้นทุนทเ่ี กิดขนึ้ อาจจะใหป้ ระโยชน์ในปจั จบุ นั หรอื ในอนาคตก็ได้
เมื่อตน้ ทนุ ใดทเ่ี กดิ ขนึ้ แลว้ และกจิ การได้ใช้ประโยชนไ์ ปทงั้ สน้ิ แล้ว ต้นทนุ นน้ั กจ็ ะถือเป็น “คา่ ใชจ้ ่าย”
(Expenses) ดังนั้น ค่าใชจ้ ่ายจึงหมายถึงต้นทนุ ทไ่ี ดใ้ หป้ ระโยชนแ์ ละกิจการไดใ้ ช้ประโยชนท์ งั้ หมดไปแล้ว
ในขณะน้ันและสาหรับตน้ ทนุ ทีก่ จิ การสญู เสียไป แต่จะให้ประโยชนแ์ ก่กิจการในอนาคตเรยี กวา่
“สินทรพั ย์ (Assets)

จากความหมายของ ตน้ ทนุ (Cost) สรปุ ได้วา่ ตน้ ทุน (Cost) หมายถึงค่าใช้จ่ายท่ีเกดิ ขน้ึ ในการ
ดาเนินการผลติ สนิ ค้า หรือบรกิ าร หรือมลู ค่าของทรัพยากรท่สี ญู เสียไปเพอื่ ใหไ้ ด้สินค้าหรอื บรกิ าร โดย
มลู คา่ นนั้ จะตอ้ งสามารถวดั ได้เปน็ หนว่ ยเงินตรา ซงึ่ เปน็ ลกั ษณะของการลดลงในสินทรพั ยห์ รอื เพมิ่ ขึน้ ใน
หนสี้ ิน ตน้ ทนุ ทเี่ กิดข้นึ อาจจะใหป้ ระโยชนใ์ นปจั จบุ นั หรือในอนาคตกไ็ ด้

11

2. ประเภทของตน้ ทนุ
ต้นทนุ ในทางบญั ชบี รหิ ารจาแนกได้ดงั นี้
1. การจาแนกต้นทุนตามลกั ษณะส่วนประกอบของผลติ ภัณฑ์

สว่ นประกอบของตน้ ทนุ ที่ใช้ในการผลติ สินค้าหรอื ผลิตภัณฑแ์ ตล่ ะชนดิ (Cost of a
Manufactured Product) จะประกอบด้วยวัตถุดิบทางตรง คา่ แรงงานทางตรง และค่าใชจ้ า่ ยการผลิต
ซ่งึ ถ้าพิจารณาในด้านทรพั ยากรทเ่ี ป็นส่วนประกอบของสนิ คา้ แล้ว ประกอบดว้ ย

1.1 วตั ถดุ บิ (Materials) วตั ถดุ ิบนับวา่ เปน็ ส่วนประกอบสาคัญของการผลิตสนิ คา้ หรอื
ผลิตภณั ฑส์ าเรจ็ รูปโดยทวั่ ไปซงึ่ ตน้ ทุนท่เี กย่ี วกับการใช้วตั ถดุ ิบในการผลิตสนิ ค้าอาจจะถูกแบง่
ออกเปน็ 2 ลักษณะ คือ

1.1.1 วตั ถดุ ิบทางตรง (Direct materials) หมายถงึ วตั ถุดิบหลกั ทใ่ี ชใ้ นการ
ผลิต และสามารถระบไุ ด้อยา่ งชัดเจนว่าใช้ในการผลิตสินค้าชนดิ ใดชนิดหนงึ่ ในปรมิ าณและต้นทุน
เท่าใด รวมท้ังจดั เป็นวัตถดุ ิบส่วนใหญท่ ี่ใช้ในการผลิตสนิ คา้ ชนดิ นัน้ ๆ เช่น ไม้แปรรปู จดั เปน็
วัตถุดบิ ทางตรงของการผลิตเฟอร์นเิ จอร์ ผา้ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเสอ้ื ผ้า ยางดบิ ท่ใี ช้ในการผลติ
ยางรถยนต์

แร่เหลก็ ทใ่ี ชใ้ นอตุ สาหกรรมถลงุ เหลก็ กระดาษท่ีใชใ้ นธรุ กจิ ส่งิ พมิ พ์
1.1.2 วตั ถุดิบทางออ้ ม (Indirect materials) หมายถึง วัตถดุ ิบตา่ ง ๆ

ท่เี ก่ียวขอ้ งโดยทางออ้ มกับการผลิตสนิ ค้า แตไ่ ม่ใชว่ ตั ถดุ ิบหลักหรอื วัตถุดิบสว่ นใหญ่ เช่น
ตะปู กาว กระดาษทรายทใี่ ชเ้ ป็นสว่ นประกอบของการทาเครอื่ งหนงั หรือเฟอร์นเิ จอร์ นามนั หล่อ
ลื่นเครอื่ งจกั ร เส้นด้ายท่ใี ช้ในการตดั เย็บเสอื้ ผา้ เปน็ ต้น โดยปกตแิ ลว้ วตั ถดุ ิบทางออ้ มอาจจะถกู
เรยี กว่า “วสั ดโุ รงงาน” ซ่งึ จะถือเปน็ ค่าใช้จา่ ยการผลติ ชนดิ หนึง่

1.2 คา่ แรงงาน (Labor)
คา่ แรงงาน หมายถงึ ค่าจา้ งหรือผลตอบแทนทจ่ี า่ ยให้แกล่ กู จา้ งหรือคนงานท่ที าหน้าที่
เกี่ยวข้องกบั การผลติ สนิ ค้า โดยปกติแล้วคา่ แรงงานจะถกู แบ่งออกเปน็ 2 ชนิด คอื คา่ แรงงานทางตรง
(Direct labor) และค่าแรงงานทางอ้อม (Indirect labor)

1.2.1 ค่าแรงงานทางตรง (Direct labor) หมายถงึ ค่าแรงงานตา่ ง ๆ ท่ีจ่าย
ใหแ้ ก่คนงานหรือลกู จ้างที่ทาหนา้ ทเ่ี ก่ยี วกบั การผลติ สินค้าสาเรจ็ รูปโดยตรง รวมทั้งเปน็ คา่ แรงงานทมี่ ี
จานวนมากเมื่อเทียบกบั ค่าแรงงานทางออ้ มในการผลติ สินคา้ หนว่ ยหนึ่งๆ และจดั เปน็ ค่าแรงงานส่วน
สาคญั ในการแปรรปู วัตถดุ บิ ใหเ้ ปน็ สนิ คา้ สาเรจ็ รปู เชน่ คนงานที่ทางานเกีย่ วกับการควบคมุ เครอื่ งจักรทใี่ ช้
ในการผลิตกค็ วรถอื เปน็ แรงงานทางตรง พนักงานในสายการประกอบ

12

1.2.2 คา่ แรงงานทางออ้ ม (Indirect labor) หมายถึง ค่าแรงงานท่ไี ม่
เกย่ี วข้องกบั คา่ แรงงานทางตรงทใี่ ชใ้ นการผลติ สนิ คา้ เช่น เงนิ เดือนผคู้ วบคมุ โรงงาน เงินเดอื นพนักงานทา
ความสะอาดเครอ่ื งจกั ร และโรงงาน พนักงานตรวจสอบคณุ ภาพ ชา่ งซ่อมบารงุ ตลอดจนต้นทุนที่
เกีย่ วข้องกบั คนงาน เชน่ คา่ ภาษีท่อี อกใหล้ กู จา้ ง สวัสดกิ ารตา่ ง ๆ เป็นต้น ซ่ึงค่าแรงงานทางออ้ มเหลา่ น้ี
จะถือเปน็ ส่วนหน่งึ ของคา่ ใชจ้ ่ายการผลิต

1.2.3 คา่ ใชจ้ ่ายการผลิต (Manufacturing Overhead) ค่าใชจ้ ่ายการผลิต
หมายถึง แหล่งรวบรวมคา่ ใช้จา่ ยตา่ ง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การผลิตสินค้าซงึ่ นอกเหนือจากวตั ถุดิบทางตรง
คา่ แรงงานทางตรง เช่น วตั ถุดิบทางออ้ ม ค่าแรงงานทางออ้ ม คา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิตทางออ้ มอ่ืน ๆ ได้แก่
คา่ น้า คา่ ไฟ คา่ เช่า คา่ เสื่อมราคา คา่ ประกันภัย คา่ ภาษี เป็นตน้ แต่อยา่ งไรก็ตามคา่ ใชจ้ า่ ยเหล่านีก้ ็
จะตอ้ งเป็นค่าใช้จ่ายทเ่ี กี่ยวกบั การดาเนินการผลติ ในโรงงานเทา่ นน้ั ไมร่ วมถงึ เงนิ เดอื น ค่าเชา่ ค่าไฟฟ้า
ค่าเสอ่ื มราคา ท่ีเกดิ ข้ึนจากการดาเนนิ งานในสานกั งาน ดังนนั้ คา่ ใชจ้ ่ายการผลติ จงึ ถือเป็นทรี่ วมของ
ค่าใช้จ่ายในการผลติ ทางออ้ มตา่ งๆ (Cost pool of indirect manufacturing costs) นอกจากน้ี ยังจะ
พบวา่ ในบางกรณีก็มกี ารเรยี กค่าใช้จา่ ยการผลิต ในชอื่ อ่ืน ๆ เช่น คา่ ใช้จ่ายโรงงาน (Factory Overhead)
โสหุ้ยการผลติ (Manufacturing Burden) ตน้ ทุนผลติ ทางออ้ ม (Indirect Costs) เป็นต้น

2. การจาแนกตน้ ทนุ ตามความสาคัญและลกั ษณะของต้นทนุ การผลติ
การจาแนกต้นทนุ ตามความสาคญั และลกั ษณะของต้นทนุ การผลติ นัน้ จะมลี ักษณะท่คี ล้ายคลงึ
กบั การจาแนกต้นทุนตามสว่ นประกอบของการผลติ ซง่ึ วตั ถุประสงค์ของการจาแนกตน้ ทนุ ในลกั ษณะนี้ ก็
เพอ่ื ใชใ้ นการวางแผนและควบคุมมากกว่าทจี่ ะจาแนกเพ่อื การคานวณตน้ ทุนของสินค้าหรือบรกิ าร การ
จาแนกตน้ ทุนตามความสาคญั และลักษณะของตน้ ทุนการผลิต
เราสามารถจาแนกได้ 2 ลักษณะคือ

2.1 ตน้ ทนุ ข้ันต้น (Prime Costs) หมายถงึ ต้นทนุ รวมระหว่างวัตถดุ ิบทางตรง
และค่าแรงงานทางตรง ซงึ่ ตามปกติเราจะถอื ว่า ตน้ ทุนข้ันตน้ จะมีความสมั พันธโ์ ดยตรงกับการผลติ รวมทงั้
เปน็ ตน้ ทุนที่มจี านวนมากเมอ่ื เทียบกบั ต้นทุนการผลติ ทงั้ หมด แตอ่ ยา่ งไรกต็ ามในยุคปัจจบุ ัน การผลิตใน
ธรุ กิจบางแหง่ มกี ารใชเ้ คร่อื งจักรมากขึน้ ทาให้ตน้ ทุนคา่ แรงงานทางตรงลดลง ในลกั ษณะเช่นน้ีต้นทนุ
ขนั้ ตน้ ก็จะมีความสาคญั ลดลงเมอ่ื เทยี บกบั ต้นทนุ แปรสภาพ

2.2 ต้นทุนแปรสภาพ (Conversion costs) หมายถงึ ต้นทนุ ท่เี ก่ยี วกบั แปร
สภาพและเปลีย่ นรปู แบบจากวัตถุดิบทางตรงให้กลายเปน็ สนิ ค้าสาเรจ็ รปู ตน้ ทุนแปรสภาพจะ
ประกอบดว้ ย ค่าแรงงานทางตรง และคา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ จากทก่ี ลา่ วแลว้ ก็คอื เมือ่ กจิ การมกี ารลงทนุ ใน
เครอื่ งจกั รมากข้นึ คา่ เสือ่ มราคา คา่ ซ่อมบารงุ ซึ่งจดั เป็นค่าใชจ้ า่ ยการผลติ ก็จะมจี านวนมากขนึ้ ตามไป

13

ด้วย ดงั น้ันในปัจจุบันน้ี สาหรบั ธรุ กิจทีม่ กี ารใช้เทคโนโลยชี ้นั สงู ก็จะให้ความสาคญั กบั ต้นทนุ แปรสภาพ
มากกว่าต้นทนุ ขั้นต้น

3. การจาแนกต้นทนุ ตามความสัมพันธ์กบั ระดบั ของกิจกรรม
การจาแนกต้นทุนความสัมพันธก์ ับระดบั ของกิจกรรมน้ี บางครง้ั เรากเ็ รยี กว่า “การจาแนกตน้ ทุน
ตามพฤตกิ รรมของต้นทนุ (Cost Behavior) ซงึ่ มลี กั ษณะทส่ี าคญั คอื เปน็ การวิเคราะหจ์ านวนของตน้ ทนุ
ท่ีจะมกี ารเปล่ยี นแปลงไปตามปรมิ าณการผลติ หรือระดบั ของกิจกรรมทเี่ ปน็ ตวั ผลกั ดนั ให้เกิดตน้ ทนุ
(Cost Driver) ในการผลิตท้ังท่เี กย่ี วกบั การวางแผน การควบคมุ การประเมนิ และวดั ผลการดาเนนิ งาน
การจาแนกตน้ ทนุ ตามความสมั พนั ธก์ ับระดบั ของกจิ กรรม เราสามารถทจี่ ะจาแนกตน้ ทนุ ได้ 3 ชนดิ คอื
ต้นทนุ ผันแปร ต้นทุนคงท่ี ต้นทุนผสม อย่างไรกต็ ามแนวคดิ ในการจาแนกต้นทนุ ใน 3 ชนิดน้ี เปน็ การ
จาแนกต้นทนุ ที่อยใู่ นช่วงของตน้ ทุนที่มีความหมายตอ่ การตดั สินใจ (Relevant range) นั่นก็คอื เปน็ ชว่ งที่
ต้นทนุ คงทีร่ วม และต้นทนุ ผันแปรตอ่ หนว่ ย ยังมลี ักษณะคงท่หี รอื ไม่เปลีย่ นแปลง

3.1 ต้นทุนผันแปร (Variable Costs) หมายถึง ต้นทนุ ทจ่ี ะมีต้นทนุ รวม
เปลี่ยนแปลงไปตามสัดส่วนของการเปลย่ี นแปลงในระดับกิจกรรมหรือปรมิ าณการผลติ ในขณะที่ตน้ ทนุ
ต่อหน่วยจะคงท่ีเท่ากนั ทกุ ๆ หนว่ ย โดยทั่วไปแล้วต้นทนุ ผันแปรนจ้ี ะสามารถควบคมุ ไดโ้ ดยแผนกหรือ
หน่วยงานที่ทาใหเ้ กิดตน้ ทุนผันแปรน้ันในเชงิ การบรหิ ารน้นั ตน้ ทนุ ผันแปรจะเข้ามามบี ทบาทอย่างมาก
ตอ่ การตัดสินใจของฝา่ ยบริหาร เชน่ การกาหนดราคาสนิ ค้าของกจิ การ ก็จะต้องกาหนดใหค้ รอบคลุมทง้ั
ส่วนทีเ่ ปน็ ตน้ ทุนผันแปร และต้นทนุ คงทที่ ัง้ หมด ในกรณีทก่ี จิ การจะทาการผลติ และจาหนา่ ยสนิ คา้ ในสว่ น
ท่นี อกเหนอื จากกาลงั การผลติ ปกติ แตไ่ ม่เกินกาลังการผลติ สงู สดุ ของกจิ การ การตดั สินใจกาหนดราคา
สินคา้ ในใบสง่ั ซือ้ พเิ ศษนี้ ก็ไมค่ วรที่จะต่ากว่าตน้ ทนุ ผนั แปรต่อหนว่ ย

3.2 ต้นทุนคงที่ (Fixed Costs) คอื ต้นทุนที่มีพฤติกรรมคงที่ หมายถงึ ตน้ ทุน
รวมท่ีมิได้เปล่ยี นแปลงไปตามระดบั ของการผลติ ในชว่ งของการผลติ ระดับหนง่ึ แตต่ ้นทนุ คงที่ตอ่ หน่วยก็
จะเปล่ียนแปลงในทางลดลงถ้าปรมิ าณการผลิตเพิม่ มากข้นึ นอกจากนี้ตน้ ทุนคงทย่ี งั แบ่งออกเป็นต้นทุน
คงทีอ่ ีก 2 ลักษณะ คอื ตน้ ทุนคงที่ระยะยาว (Committed Fixed Cost) เป็นต้นทนุ คงทท่ี ่ีไม่สามารถ
เปล่ยี นแปลงไดใ้ นระยะสน้ั เชน่ สัญญาเชา่ ระยะยาว ค่าเสื่อมราคา เป็นต้น และตน้ ทนุ คงทร่ี ะยะสั้น
(Discretionary Fixed Cost) จัดเป็นตน้ ทนุ คงทที่ ่ีเกดิ ข้ึนเปน็ คร้ังคราวจากการประชุมหรอื ตัดสนิ ใจของ
ผู้บริหาร เช่น ค่าโฆษณา คา่ ใชจ้ ่ายในการค้นคว้าและวจิ ยั เปน็ ต้น สาหรบั ในเชงิ การบรหิ ารแลว้ ตน้ ทนุ
คงทีส่ ว่ นใหญ่มักจะควบคมุ ไดด้ ้วยผู้บรหิ ารระดับสูงเท่าน้นั

14

3.3 ตน้ ทนุ ผสม (Mixed Costs) หมายถึง ตน้ ทุนทม่ี ลี กั ษณะของตน้ ทุนคงที่
และต้นทนุ ผนั แปรรวมอยูด่ ้วยกัน ในช่วงของการดาเนนิ กจิ กรรมที่มีความหมายตอ่ การตดั สินใจ โดยต้นทุน
ผสมนจ้ี ะแบ่งออกเป็น 2 ชนดิ คือ ต้นทุนก่งึ ผนั แปร และตน้ ทนุ กง่ึ คงที่หรือต้นทุนเชงิ ขั้น

3.3.1 ตน้ ทุนกงึ่ ผันแปร (Semi variable cost) หมายถงึ ตน้ ทุนที่จะ
มีต้นทนุ ส่วนหนง่ึ คงทที่ กุ ระดับของกจิ กรรม และมตี ้นทนุ อีกสว่ นหนงึ่ จะผันแปรไปตามระดับของกิจกรรม
เช่น ค่าโทรศพั ท์ คา่ โทรสาร เป็นต้น อยา่ งไรกต็ าม ในบางคร้งั กเ็ ปน็ การยากทจี่ ะระบุได้วา่ ต้นทนุ ส่วนใด
เป็นตน้ ทุนผนั แปร ดงั นน้ั จงึ จาเปน็ ต้องใช้เทคนคิ ในการประมาณต้นทุนเขา้ มาชว่ ยในการวเิ คราะห์ ซ่งึ
เทคนคิ ในการประมาณต้นทนุ จะได้ศึกษาตอ่ ไปในสว่ นของการบญั ชตี น้ ทุนทเ่ี กยี่ วกบั การใช้ข้อมลู เพ่อื การ
ตดั สินใจ

3.3.2 ตน้ ทนุ เชงิ ขั้น (Step cost) หรอื ตน้ ทนุ กง่ึ คงท่ี (Semi fixed
cost) หมายถงึ ต้นทุนที่จะมจี านวนคงท่ี ณ ระดับกจิ กรรมหนึง่ และจะเปลย่ี นไปคงท่ใี นอกี ระดบั กจิ กรรม
หนึ่ง เชน่ เงนิ เดอื น ผ้คู วบคุมคนงาน ค่าเชา่ บางลักษณะ เปน็ ตน้

4. การจาแนกตน้ ทนุ ตามความสมั พันธก์ บั หนว่ ยตน้ ทุนในการจาแนก
ตน้ ทนุ ลกั ษณะนีเ้ ราสามารถทจี่ ะจาแนกได้ 2 ชนิด คือ ตน้ ทุนทางตรง (Direct cost) และต้นทุน
ทางอ้อม (Indirect cost) โดยพจิ ารณาตามความสามารถทจ่ี ะระบุไดว้ ่าต้นทนุ ใดเปน็ ตน้ ทุนของงานใด
แผนกใด หรือเขตการขายใด

4.1 ตน้ ทนุ ทางตรง (Direct cost) หมายถึง ตน้ ทนุ ทฝ่ี ่ายบรหิ ารสามารถทจ่ี ะ
ระบไุ ด้ว่าตน้ ทนุ ใดเป็นของหน่วยต้นทุน (Cost Object) ใดนั่นเอง เช่น วตั ถุดิบทางตรงและค่าแรงงาน
ทางตรงทใ่ี ชใ้ นการผลติ งานผลติ ช้ินใดช้ินหนงึ่ หรอื ค่าเสอ่ื มราคาเคร่ืองจักรในแผนกประกอบ กค็ ือ ต้นทนุ
ทางตรงของแผนกประกอบน่ันเอง

4.2 ต้นทุนทางอ้อม (Indirect cost) หมายถงึ ตน้ ทุนร่วม (Common cost)
ที่เกดิ ขึน้ โดยไมส่ ามารถระบไุ ดว้ า่ เกดิ จากหน่วยตน้ ทนุ ใด โดยปกติแล้วตน้ ทนุ ทางอ้อมนจ้ี ะถูกแบง่
สรรใหแ้ กห่ นว่ ยตน้ ทนุ ต่าง ๆ ด้วยเทคนิควิธีในการจดั สรรตน้ ทนุ (Allocation techniques) ซ่งึ โดยท่วั ไป
ตน้ ทุนเกย่ี วกบั การผลิตน้นั ตน้ ทุนทางอ้อมกห็ มายถึงคา่ ใช้จา่ ยการผลิตของสนิ ค้า

5. การจาแนกตน้ ทนุ ตามหนา้ ทง่ี านในสายการผลิต
การดาเนนิ งานของธรุ กจิ อตุ สาหกรรมต่าง ๆ มกั จะประกอบไปด้วยแผนกตา่ งๆ จานวนมากใน
สายการผลติ สนิ คา้ และแต่ละแผนกก็ทาหน้าท่งี านทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย สาหรับกจิ การทท่ี าการ
ผลติ สินคา้ เราสามารถท่จี ะจาแนกแผนกตา่ งๆ ออกเป็น 2 ลกั ษณะใหญ่ๆ คือ

15

5.1 ต้นทุนแผนกผลิต (Cost of production departments) หมายถึง ต้นทุน
ต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วกบั การทางานของเครอ่ื งจกั ร คนงาน และค่าใช้จา่ ยอืน่ ๆ ท่เี กดิ ข้ึนในแผนกผลติ สนิ คา้ ของ
กิจการ เช่น แผนกตดั แผนกเชอื่ ม แผนกประกอบ แผนกบรรจุ เป็นต้น

5.2 ต้นทนุ แผนกบริการ (Cost of service departments) หมายถงึ ตน้ ทนุ
ต่างๆ ทีไ่ มเ่ กีย่ วข้องกบั การผลติ โดยตรงโดยแผนกตา่ ง ๆ เหลา่ นีจ้ ะทาหน้าทใี่ นดา้ นการบรกิ ารให้แก่แผนก
อนื่ ๆ เช่น แผนกเงนิ เดือนและค่าจ้าง แผนกบคุ คล แผนกซอ่ มบารงุ แผนกธรุ การโรงงาน

เป็นตน้ โดยปกติแลว้ ต้นทนุ ในแผนกบรกิ ารสว่ นท่เี ก่ยี วกบั การผลิตก็จะถกู จดั สรรเข้าแผนกผลิต
ต่างๆ เพ่อื ทาการคานวณหาต้นทนุ ผลติ ท่ีเหมาะสม อยา่ งไรก็ตามการจัดสรรต้นทนุ จากแผนกบรกิ ารให้แก่
แผนกผลิตกจ็ ะตอ้ งคานงึ ถงึ การทีแ่ ผนกผลิตไดใ้ ช้ประโยชนจ์ ากแผนกบรกิ ารน้นั ๆ

6. การจาแนกต้นทุนตามหน้าทง่ี านในกิจการ
การจาแนกต้นทนุ ตามหน้าทีง่ าน เปน็ การพจิ ารณาตน้ ทนุ ทเี่ กิดขนึ้ จากการดาเนนิ งานหรอื
ปฏบิ ตั ิงานของหน้าทง่ี านตา่ งๆ โดยปกติแล้วจะสามารถแบง่ หนา้ ทง่ี านในกจิ การต่างๆ ออกเปน็ 4 หน้าที่
งาน คือ การผลติ การตลาด การบริหาร การเงิน ดงั นัน้ ตน้ ทนุ ท่ีจะเกิดขน้ึ ในหน้าทง่ี านต่างๆ คือ

6.1 ตน้ ทุนทเ่ี กย่ี วกบั การผลติ (Manufacturing costs) ไดแ้ ก่ตน้ ทนุ ทมี่ ี
ความสัมพนั ธ์กบั การผลิต คือ วัตถดุ บิ ทางตรง คา่ แรงงานทางตรง และคา่ ใชจ้ า่ ยการผลติ

6.2 ตน้ ทนุ ท่เี ก่ียวกบั การตลาด (Marketing costs) หมายถงึ ตน้ ทุนต่างๆ
ท่ีเกย่ี วกบั การส่งเสรมิ การจาหนา่ ยสินคา้ หรือบริการ ค่าโฆษณา ค่านายหนา้ พนักงานขาย

6.3 ต้นทนุ ทีเ่ ก่ยี วกบั การบรหิ าร (Administrative costs) ไดแ้ ก่ ต้นทนุ ที่
เกดิ ข้นึ ในลักษณะทเี่ กย่ี วกบั การส่ังการ การควบคมุ และการดาเนินงานของกจิ การ นอกจากนยี้ งั รวมถงึ
เงนิ เดอื นของผู้บริหารและพนกั งานในแผนกตา่ ง ๆ ทีไ่ มเ่ ก่ียวกบั แผนกผลติ และแผนกขาย

6.4 ต้นทุนทางการเงิน (Financial costs) หมายถึง ตน้ ทุนทเี่ กิดข้ึนอนั เนือ่ ง
มากจากการจดั หาเงนิ ทุน หรือการบรหิ ารเงนิ ทนุ ของกิจการ เช่น ค่าดอกเบีย้ คา่ ธรรมเนียมต่าง ๆ เปน็ ต้น

7. การจาแนกตน้ ทุนตามความสมั พันธ์กบั เวลา
7.1 ตน้ ทุนในอดตี (Historical cost) หมายถงึ ตน้ ทนุ ที่กจิ การไดจ้ ่ายไปจริง

ตามหลกั ฐานอนั เท่ียงธรรมทป่ี รากฏ จานวนเงินทกี่ จิ การไดจ้ า่ ยไปนน้ั จงึ ถอื เปน็ มลู ค่าหรอื ตน้ ทุนของสนิ คา้
หรอื สินทรพั ยข์ องกิจการในอดตี แต่ต้นทุนในอดีตนีอ้ าจจะไม่มคี วามเหมาะสมในการนามาใช้เพอ่ื การ
ตัดสินใจของฝ่ายบริหารในปจั จบุ ัน ทงั้ นเ้ี พราะค่าของเงนิ ในอดีตกบั ในปจั จบุ ันย่อมมคี วามแตกต่างอัน
เน่ืองมากจากภาวะเงนิ เฟอ้ และความเจรญิ ทางดา้ นเศรษฐกจิ

16

7.2 ตน้ ทุนทดแทน (Replacement cost) หมายถึง มลู ค่าหรอื ราคาตลาด
ปจั จบุ ันของสนิ ทรพั ยป์ ระเภทเดียวกนั กบั ทก่ี ิจการใช้อย่กู ลา่ วอกี นัยหนง่ึ ก็คือสินทรัพยท์ กี่ ิจการเคยซื้อมา
ในอดตี ถา้ ต้องการทจ่ี ะซ้อื ใหม่ในขณะนีจ้ ะตอ้ งจ่ายเงนิ ในจานวนเทา่ ไร ซ่ึงโดยปกติมลู ค่าหรือราคาตน้ ทนุ
ทดแทนยอ่ มมมี ูลค่าสูงกว่าตน้ ทนุ ในอดตี ท้ังนีอ้ าจจะเปน็ เพราะการเกิดภาวะเงนิ เฟอ้ ส่วนหนงึ่ และจากการ
เปลยี่ นแปลงในเทคโนโลยีของสนิ ทรพั ย์ เพือ่ ใหม้ ีประสทิ ธิภาพการทางานท่สี งู ขึ้น

7.3 ต้นทนุ ในอนาคต (Future cost) หมายถงึ ต้นทนุ หรอื คา่ ใช้จ่ายท่ีกิจการ
คาดวา่ จะเกดิ ขึ้นในอนาคต จากการตดั สินใจเร่อื งใดเรอ่ื งหนง่ึ ของผบู้ รหิ าร ซง่ึ ต้นทนุ ในอนาคตนน้ั อาจจะ
ได้มาจากการประมาณการหรือการพยากรณก์ ็เป็นได้ บ่อยคร้งั ท่ีตน้ ทุนในอนาคตจะถกู นามาใชใ้ นการ
วางแผน ฉะนน้ั การประมาณตน้ ทนุ ในอนาคตจงึ ตอ้ งทาดว้ ยความระมดั ระวงั และรอบคอบ

8. การจาแนกต้นทนุ ตามลกั ษณะของความรบั ผิดชอบ
8.1 ต้นทนุ ทค่ี วบคมุ ได้ (Controllable cost) หมายถึง ตน้ ทุน หรือ ค่าใช้จ่าย

ท่สี ามารถระบหุ รือกาหนดได้วา่ หน่วยงานใดหรอื บคุ คลใดบคุ คลหนึ่งเป็นผรู้ บั ผดิ ชอบโดยตรง กล่าวอกี นัย
หนง่ึ ก็คอื มีอานาจ หนา้ ที่ หรอื มคี วามสามารถที่จะทาให้ตน้ ทุนจานวนนั้นเพมิ่ ข้นึ หรือลดลงจากการ
ตัดสินใจของตน ซงึ่ ถ้าจะพจิ ารณาใหม้ ากขึ้นกพ็ อทจี่ ะสรปุ ได้วา่ ต้นทุนท่ีควบคมุ ได้ในหน่วยงานหรือ
ผู้บริหารคนใดคนหนง่ึ กอ็ าจจะเป็นต้นทนุ ทคี่ วบคมุ ไมไ่ ดใ้ นอีกหน่วยงานหรอื ผบู้ รหิ ารอีกคนหนึ่งก็ได้

8.2 ต้นทนุ ท่คี วบคุมไม่ได้ (Uncontrollable Cost) หมายถงึ ต้นทุน หรือ
ค่าใช้จา่ ยที่ไมอ่ ยูภ่ ายใตอ้ านาจหน้าท่ี ทหี่ น่วยงานหรือผ้บู รหิ ารในระดบั น้นั ๆ จะควบคุมไวไ้ ด้ น่นั คือไม่
สามารถทจ่ี ะกาหนดตน้ ทุนประเภทน้ีใหเ้ พ่มิ ข้ึนหรือลดลงได้ โดยปกตติ ้นทุนที่ควบคุมไมไ่ ด้ของผู้บรหิ าร
ระดับล่างกม็ ักจะเกิดจากการตัดสนิ ใจของผ้บู รหิ ารระดบั สงู

9. การจาแนกตน้ ทุนตามลกั ษณะของการวเิ คราะห์ปัญหาเพอ่ื ตัดสินใจ
ในการดาเนินธุรกจิ ผูบ้ ริหารมักจะต้องประสบปญั หาตา่ ง ๆ มากมายและท่สี าคญั ก็คือ ผบู้ รหิ าร
จะตอ้ งพยายามทาการตัดสนิ ใจแก้ไขปัญหา หรอื เลอื กทางเลอื กที่ดที ีส่ ุด ข้อมลู ทางด้านตน้ ทนุ ทีเ่ ขา้ มามี
บทบาทในการตดั สนิ ใจจงึ มกั จะถูกจาแนกเปน็

9.1 ต้นทนุ จม (Sunk Cost) หมายถงึ ตน้ ทุนท่ีหลกี เลยี่ งไม่ได้ (Unavoidable
Cost) หรอื ไมส่ ามารถทจี่ ะทาการเปล่ียนแปลงไดไ้ ม่ว่าผบู้ รหิ ารจะทาการตดั สินใจอย่างไร ดงั นัน้ ตน้ ทนุ จม
จงึ เป็นตน้ ทนุ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการตดั สนิ ใจในอดีต ซง่ึ จะไมม่ ผี ลกระทบต่อการตัดสินใจในปจั จบุ นั เชน่ คา่ เชา่
ท่เี ป็นสัญญาเช่าระยะยาว คา่ เส่ือมราคาสนิ ทรัพยป์ ระจา เปน็ ตน้ ถึงแม้ว่าตน้ ทุนจมจะไมม่ ีผลตอ่ การ
ตดั สินใจในปจั จบุ นั แต่ผู้บรหิ ารก็ควรทจ่ี ะทาการตดั สินใจเลอื กทางเลอื กทส่ี ามารถใชป้ ระโยชน์จากต้นทุน
จมใหไ้ ดม้ ากทีส่ ดุ เทา่ ทจี่ ะเป็นไปได้

17

9.2 ตน้ ทนุ ทห่ี ลกี เล่ยี งได้ (Avoidable Cost) หมายถงึ ตน้ ทนุ ท่ีสามารถ
ประหยัดไดจ้ ากการตัดสนิ ใจเลือกทางใดทางหนึง่ ต้นทนุ ทีห่ ลีกเลีย่ งได้มกั จะมบี ทบาททสี่ าคัญตอ่ การ
ตดั สินใจของผู้บรหิ ารเสมอ

9.3 ตน้ ทุนเสยี โอกาส (Opportunity Cost) คือ ผลประโยชน์หรอื ผลตอบแทน
ที่กจิ การจะได้รบั จากการตัดสินใจเลือกทางเลือกหนงึ่ แตก่ ับตอ้ งสญู เสยี ไป จากการทเี่ ลอื กตดั สินใจในอกี
ทางเลอื กหน่ึง เช่น ถา้ กจิ การมเี งนิ จานวนหนึ่งและสามารถนาไปฝากธนาคารได้ดอกเบยี้ ปลี ะ20,000 บาท
แตถ่ า้ กจิ การต้องการนาเงนิ ทีม่ อี ยูน่ นั้ ไปลงทนุ ทาธรุ กจิ การทก่ี จิ การเลอื กลงทนุ ทาธุรกิจทาให้สญู เสีย
ดอกเบย้ี ที่จะไดร้ ับ 20,000 บาท ถอื ว่าถา้ กจิ การเลอื กทาธุรกิจกจ็ ะมีตน้ ทุนเสยี โอกาสเกดิ ข้ึน 20,000
บาท โดยปกตติ น้ ทุนเสียโอกาสจะไม่มกี ารบันทกึ ลงบญั ชีของกิจการเพราะมิไดเ้ ป็นต้นทุนท่ีเกดิ ขึ้นจรงิ แต่
เป็นต้นทุนทถ่ี ูกสมมติเพ่ือการตดั สนิ ใจ

9.4 ต้นทุนส่วนทีแ่ ตกตา่ ง (Differential Cost) หมายถึง ต้นทนุ ทีเ่ กดิ การ
เปลย่ี นแปลงไปจากการตดั สินใจเลอื กกระทาอย่างใดอย่างหน่งึ ซง่ึ อาจจะเปล่ียนแปลงในทางเพมิ่ ข้ึนหรอื
ลดลงกไ็ ด้ (Incremental Cost or DecrementalCost) โดยปกติต้นทนุ ประเภทน้จี ะเกิดก็ตอ่ เมอ่ื มกี าร
เปลย่ี นแปลงวิธกี ารปฏบิ ตั ิแบบเดิม มาเปน็ วิธีการปฏบิ ัตแิ บบใหม่ เชน่ ถ้าผบู้ รหิ ารกาลงั ทาการตดั สนิ ใจวา่
ควรทจี่ ะซอ้ื เคร่ืองจักรรุ่นใหม่ เข้ามาทาการผลิตแทนเครอ่ื งจักรเก่าทมี่ ีอยหู่ รอื ไม่ ทงั้ น้ีเครอ่ื งจักรใหม่
อาจจะตอ้ งลงทนุ สงู แต่กส็ ามารถที่จะประหยดั ตน้ ทุนผันแปรตอ่ หนว่ ยลงไปได้

9.5 ตน้ ทุนเพม่ิ ต่อหนว่ ย (Marginal Cost) หมายถงึ ต้นทุนทจ่ี ะเพิ่มข้นึ จากการ
ผลิตเพมิ่ ข้ึนหนึ่งหนว่ ย ซง่ึ มีลกั ษณะคลา้ ยคลงึ กับต้นทนุ สว่ นเพ่มิ (Incremental Cost) แต่ตน้ ทนุ ส่วนเพม่ิ
ต่อหนว่ ยเป็นการพจิ ารณาส่วนทีเ่ พม่ิ จากการเพ่มิ ของการผลติ เพยี ง 1 หน่วย ตามที่กลา่ วแล้ว ช่วย
ผูบ้ ริหารเพอื่ การตัดสนิ ใจได้เช่นกนั

3. ต้นทุนเฉลย่ี ต่อหนว่ ย
3.1 ต้นทุนเฉล่ยี ต่อหนว่ ย หมายถงึ ผลผลติ ทง้ั หมดคดิ เฉล่ยี ตอ่ ปัจจัยการผลติ 1 หน่วย

ในระยะแรก ๆ ท่ีเพ่มิ ปจั จัยผันแปรเข้าไปทางานกับปจั จยั คงที่ ผลผลติ เฉลย่ี จะค่อยๆ เพมิ่ ข้นึ ในอตั ราตา่
กวา่ ผลผลิตเพิ่ม เม่ือผลผลติ เฉลี่ยมีค่าสงู สุด ผลผลิตเฉลีย่ จะเท่ากับผลผลิตเพมิ่ หลังจากนัน้ เม่อื เพมิ่ ปจั จัย
ผนั แปรเขา้ ไปเรอ่ื ย ๆ

3.2 หลักการคานวณตน้ ทนุ เฉลยี่ ต่อหนว่ ย
ตน้ ทุนเฉลี่ยตอ่ หนว่ ย = ตน้ ทุนสนิ คา้ ทม่ี ีไวเ้ พือ่ ขาย
จานวนหน่วยสินค้าท่มี ีไวเ้ พอื่ ขาย

18

3.3 ตวั อยา่ งการคานวณตน้ ทุนเฉลย่ี ต่อหนว่ ย

ภาพที่ 2.3 การคานวณตน้ ทนุ เฉล่ยี ต่อหน่วย
ที่มา :การคานวณต้นทุนการผลติ แบบงา่ ย 2557 : เว็บไซต์

4. ตน้ ทุนผลติ รวม
4.1 ความหมายของต้นทนุ ผลิตรวม

ตน้ ทนุ การผลิต (Production Theory) เป็นการศกึ ษาลกั ษณะของฟงั กช์ ่นั การผลติ
(Production Function) ซ่งึ แสดงความสัมพนั ธร์ ะหว่างปัจจยั การผลติ ท่ใี สเ่ ขา้ ไปในกระบวนการผลติ กับ
การผลติ ทไ่ี ด้รบั ออกมา

4.2 การคานวณหาต้นทุนการผลิตโดยมีสูตรการคานวณคอื ต้นทุนการผลติ ทงั้ สน้ิ =
วัตถดุ ิบที่ใชไ้ ปในการผลิต+ค่าแรงงานทางตรง+คา่ ใชจ้ ่ายการผลติ

4.3 ตัวอยา่ งการคานวณหาต้นทนุ การผลติ
สูตรการตน้ ทุนการผลิตทงั้ สนิ้ = วตั ถดุ บิ ในการผลติ +คา่ แรงงานทางตรง+ค่าใช้จ่ายการผลติ

ตัวอยา่ ง โรงานอุตสาหกรรมผลิตสนิ ค้า ประกอบดว้ ยวัตถุดิบทางตรงเบิกใช้ 199,000 บาท
คา่ แรงงานทางตรง 121,000 บาท ค่าใช้จา่ ยในการผลิต 130,000 บาทให้คานวณหา ตน้ ทุนการผลิต
ท้งั สน้ิ

= 199,000+121,000+130,000
= 450,000

19

5. ตน้ ทุนการขาย
5.1 ความหมายของต้นทนุ ขาย หมายถึง ตน้ ทุนของสนิ คา้ ทข่ี ายหรอื บรกิ ารท่ใี ห้

กล่าวคอื ในกจิ การซอ้ื เพอ่ื ขาย ตน้ ทุนของสนิ คา้ ทข่ี ายจะรวมราคาซื้อและคา่ ใชจ้ า่ ยอ่นื ๆทจี่ าเปน็ เพอ่ื ให้
สนิ คา้ อยใู่ นสภาพพร้อมทจ่ี ะขายสว่ นในกิจการผลติ เพอ่ื ขายตน้ ทุนของสนิ คา้ ท่ขี ายคือต้นทนุ การผลติ ของ
สนิ ค้านั้น ซงึ่ ประกอบดว้ ย ค่าวัตถดุ ิบ ค่าแรงงานและคา่ ใชจ้ า่ ยในการผลิต

5.2 หลกั การคานวณตน้ ทนุ ขาย
การคานวณตน้ ทนุ ขายแบ่งออกเปน็ 2 ลักษณะดังนี้

5.2.1 กิจการที่ซือ้ มาขายไป กลา่ วคอื การขายสินค้าโดยไมม่ กี าร
เปล่ยี นแปลงสภาพของสนิ ค้าแต่ประการใด
ต้นทนุ การขาย = สินค้าคงเหลอื ตน้ งวด + ซ้อื สนิ คา้ (สุทธิ) – สนิ คา้ คงเหลอื ปลายงวด

5.2.2 กิจการท่ีมีกระบวนการผลิต กล่าวคอื จะตอ้ งมีการเปลีย่ นแปลง
สภวตั ถดุ ิบให้เป็นสินคา้ สาเรจ็ รปู ทง้ั น้โี ดยใชแ้ รงงานและเครอื่ งจักรอุปกรณต์ ่างๆในโรงงาน
ต้นทุนการขาย = สินคา้ สาเรจ็ รปู ตน้ งวด + ต้นทนุ สนิ คา้ สาเรจ็ รปู – สินค้าสาเร็จรูปปลายงวด

6. จุดคุม้ ทนุ

6.1 ความหมายของจดุ คมุ้ ทนุ

จดุ ค้มุ ทนุ (Break Even Point) หมายถึง ระดบั ของยอดขายของกิจการทเ่ี ทา่ กบั คา่ ใชจ้ ่ายทง้ั หมด

ของกิจการ ซ่งึ ก็คือจดุ ทก่ี จิ การไมม่ ผี ลกาไรหรือขาดทนุ น่ันเอง โดยจุดคุ้มทุนจะสามารถหาไดก้ ็ต่อเม่ือ

ผปู้ ระกอบการสามารถแยกได้ว่าคา่ ใชจ้ ่ายของธุรกิจน้ันมอี ะไรเป็นต้นทุนคงที่และตน้ ทนุ ผันแปรอย่างละ

เท่าไรบา้ ง

6.2 จากการคานวณดงั นี้

จดุ คมุ้ ทุน (หน่วยขายท่คี ุ้มทุน) = ตน้ ทนุ คงที่

ราคาขายตอ่ หน่วย-ตน้ ทนุ ผนั แปรตอ่ หน่วย

จดุ คมุ้ ทนุ (ยอดขายที่คุม้ ทุน) = หน่วยขายทคี่ ุม้ ทนุ x ราคาขายต่อหน่วยหรอื ต้นทุนคงท่ี

อตั รากาไรสว่ นเกนิ

20

เห็นไดว้ า่ การวิเคราะหห์ าจดุ คุ้มทุนเป็นการวางแผนการทากาไรจากการดาเนนิ งานของธุรกจิ โดย
มองทร่ี าคาขาย ต้นทนุ คงทแี่ ละต้นทนุ ผนั แปร โดยหากตอ้ งการให้มจี ดุ คมุ้ ทนุ ท่ตี ่าลง เพอื่ เพ่ิม
ความสามารถในการทากาไรก็สามารถทาไดโ้ ดย เพ่มิ ราคาขาย หรอื ลดตน้ ทนุ ผันแปรและต้นทุนคงทีล่ ง ซึ่ง
การใช้การวิเคราะหจ์ ุดคุ้มทุนจะใช้ในการวางแผนระยะส้นั ๆ เช่นต่อเดือนหรือต่อปี
ตัวอย่างการคานวณจุดคุม้ ทุน

ภาพที่ 2.4 การคานวณจุดคมุ้ ทุน
ทีม่ า : myAccount Cloud Accounting, 2553 : เว็บไซต์
2.3.2 ทฤษฎตี ้นทุนการผลิต
1. ความหมายของตน้ ทนุ การผลติ
ตน้ ทนุ การผลิต(production cost) หมายถึง คา่ ใชจ้ า่ ยในการดาเนินกจิ กรรมทางการ
ผลิตเพ่อื ให้ได้มาซงึ่ ผลิตภณั ฑท์ ่ีดี มีคณุ ภาพ ตามความต้องการของลกู คา้
วทิ ยา สพุ รรณนา (2555 : เวบ็ ไซต์) ตน้ ทนุ การผลติ (cost of production) หมายถงึ
คา่ ใช้จ่ายหรือรายจา่ ยในปจั จยั การผลิตที่ใชใ้ นกระบวนการผลิต เน่อื งจากปจั จยั การผลติ แบ่งออกเปน็ 2
ประเภท คอื ปจั จัยคงท่ี กบั ปัจจัยผันแปร ดังนัน้ ต้นทนุ การผลิตซึง่ เปน็ คา่ ใชจ้ ่ายหรอื รายจ่ายในปัจจยั การ

21

ผลิตจึงแบง่ ตามประเภทของปจั จยั การผลิต ออกเป็น 2 ประเภทเช่นเดยี วกนั คือ ตน้ ทุนคงท่ี (fixed cost)
และตน้ ทนุ แปรผนั (variable cost)

สรุ ะศกั ดิ์ บรสิ ทุ ธ์ิ (2558 : เว็บไซต์ ) ต้นทนุ การผลิต (cost of production) หมายถึง
ตน้ ทุนท่ีเกิดขึน้ ทจ่ี ะตอ้ งจาแนกให้เปน็ ตน้ ทุนการผลิต เพื่อคานวณเป็นต้นทนุ สนิ ค้า (product costs)
และสว่ นทเี่ ปน็ ต้นทุนทีไ่ ม่ใช่การผลิต (non manufacturing cost) ให้แสดงเปน็ รายการคา่ ใชจ้ า่ ยในการ
ขาย และการบรหิ ารหักขน้ั กาไรข้นั ต้น เพื่อแสดงกาไรขาดทนุ สุทธิจากการดาเนนิ งาน

จากความหมายของ ต้นทุนการผลิต (cost of production) สรปุ ไดว้ ่า ต้นทุนการผลิต
หมายถงึ ค่าใช้จา่ ยหรอื รายจ่ายในปจั จัยการผลติ ท่ใี ช้ในกระบวนการผลติ เน่อื งจากปัจจยั การผลิตโดย
ต้นทุนการผลติ จะประกอบด้วย ต้นทุนวตั ถุดบิ (material cost) ต้นทนุ แรงงาน(labor cost) และ
ค่าใชจ้ า่ ยโรงงาน(manufacturing overhead) หรอื คา่ ใชจ้ า่ ยในการดาเนินกจิ กรรมทางการผลิตเพื่อให้
ไดม้ าซ่งึ ผลติ ภัณฑ์ท่ีดี มคี ุณภาพ

2. องค์ประกอบของต้นทุนการผลติ
ตน้ ทุนการผลิต ประกอบด้วย
2.1 ต้นทุนด้านวสั ดุ (material cost) เป็นค่าใช้จา่ ยทเี่ ก่ียวขอ้ งกับวสั ด,ุ อปุ กรณ,์
เครือ่ งมือ ท่ใี ชใ้ นการผลติ ทัง้ ทางตรงและทางออ้ ม ดังนี้
2.1.1 วัสดทุ างตรง (direct material cost) คือ วสั ดหุ รือวตั ถุดิบที่ใชเ้ พ่ือการ

ผลิตโดยตรง โดยสว่ นมากมักจะเป็นส่วนประกอบหนึ่งของผลิตภณั ฑ์ เช่น ยางรถยนต์มยี างเป็นวัตถุดิบ
ทางตรง, ปากกา มี พลาสติกและหมกึ เปน็ วตั ถุดิบทางตรง เปน็ ต้น จานวนในการใช้งานวัสดุ/วัตถุดิบ
ทางตรงนจี้ ะแปรผนั กบั หน่วยในการผลิตโดยตรง

2.1.2 วัสดทุ างอ้อม (indirect material cost) เช่น วสั ดุ, เครือ่ งมอื , อปุ กรณ์
ที่ใชส้ นับสนนุ ในการผลติ โดยส่วนมากจะไมแ่ ปรผนั กบั ปรมิ าณการผลติ โดยตรง เชน่ กระดาษทราย, ผา้
เชด็ มือ, กาว, ตะปู เปน็ ตน้ ในบางคร้ังวสั ดทุ างออ้ มกอ็ าจถูกจดั ให้อยใู่ นหมวดหม่ขู องวัสดุทางตรงกเ็ ปน็ ได้
ท้งั นขี้ ้นึ อย่กู บั นโยบายทางการบัญชีของแตล่ ะองคก์ ร เชน่ มดี กลงึ สาหรับเคร่ืองจกั รซเี อน็ ซี ซ่ึงเปน็ วัถดุ บิ
ทางออ้ ม สามารถถูกจัดใหอ้ ย่ใู นกล่มุ ของวตั ถดุ บิ ทางตรงก็ได้ อาจเนอ่ื งจากเหตผุ ลดา้ นราคาท่ีสงู และ
สามารถคานวณอายุการใช้งานตอ่ จานวนชน้ิ งานทีท่ าการผลติ ได้ (tool life) ถึงแม้ว่ามดี กลงึ จะไมไ่ ดถ้ ูก
ประกอบไปกับชน้ิ งานกต็ าม

22

2.2 ตน้ ทนุ ดา้ นแรงงาน (labor cost) เปน็ คา่ ใชจ้ ่ายด้านแรงงานในการทางานและผลิต
สนิ สนิ คา้ เพ่อื ใหเ้ กดิ ผลิตภณั ฑ์สาเรจ็ รปู สามารถแบ่งออกไดค้ ล้ายๆ กับต้นทุนวัตถุ คือคา่ ใช้จ่ายด้าน
แรงงานทางตรง และค่าจ่ายดา้ นแรงงานทางอ้อม ดงั น้ี

2.2.1 ค่าใช้จา่ ยดา้ นแรงงานทางตรง (direct labor cost) เชน่ ค่าจา้ รายวัน/
เงินเดือนของพนกั งานฝา่ ยผลติ ,ซึ่งจะแปรผนั กับปรมิ าณการผลิตโดยตรง

2.2.2 ค่าใชจ้ ่ายด้านแรงงานทางออ้ ม (indirect labor cost) เชน่ เงนิ เดอื นของ
พนกั งานขาย, เงนิ เดือนของผู้จัดการ, เงินดือนของวิศวกร คา่ ใช้จา่ ยเหล่านจี้ ะไมแ่ ปรผันกบั ปรมิ าณในการ
ผลิตโดยตรง

2.3 คา่ ใชจ้ า่ ยโรงงานหรอื คา่ โสหุย้ ในการผลิต (overhead cost) เปน็ คา่ ใชจ้ ่ายที่
นอกเหนอื จากจากค่าใชจ้ ่ายของวสั ดแุ ละค่าใชจ้ ่ายด้านแรงงาน เชน่ คา่ สาธารณูปโภค, คา่ เช่าโรงงาน, ค่า
บารงุ รักษาเครอ่ื งจกั ร, สวสั ดกิ ารต่างๆ เป็นต้น

2.4 การคานวณต้นทุนการผลติ สามารถคานวณได้ดงั นี้ ต้นทนุ การผลติ = ต้นทนุ วสั ดุ +
ต้นทนุ แรงงาน + ค่าโสหุ้ย

2.5 การวิเคราะห์ต้นทุนการผลติ เปน็ สิง่ จาเปน็ อยา่ งมากเป็นการรวบรวม, แจกแจง,
วเิ คราะห์และรายงานค่าใชจ้ า่ ยท่เี กิดขน้ึ ในส่วนของต้นทุนต่างๆ ของการผลติ เพอื่ ประโยชต์ ่อการ
บรหิ ารงานและการดาเนินนโยบายของฝ่ายบริหาร

3. วัตถุประสงค์ของการวิเคราะหต์ น้ ทุนการผลติ มดี งั นี้
3.1 เพ่ือกาหนดหาตน้ ทนุ การผลติ ท่ใี กลเ้ คยี งทส่ี ดุ : โดยปกตแิ ลว้ ตน้ ทนุ การผลติ ท่ีได้จาก

การคานวณจะมีการคลาดเคลื่อนเน่อื งจากหลายๆ ปจั จยั ในการผลิต เชน่ งานเสียตอ้ งผลติ ซา้ ทาใหต้ น้ ทนุ
ต่อหนว่ ยเพ่ิมเปน็ สองเท่า, กระบวนการผลิตที่ขาดประสิทธภิ าพให้กระบวนการผลติ ลา่ ชา้ สง่ ผลให้
สน้ิ เปลอื งทรัพยากรนโรงงานเพ่มิ ข้ึน ตน้ ทุนแรงงานเพมิ่ ขึ้น. การวเิ คราะหต์ ้นทุนการผลิตจะทาให้ทราบถงึ
จดุ ท่ีมีต้นทุนการผลิตที่สงู -ตา่ รวมถึงสาเหตุและทมี าทท่ี าใหต้ ้นทุนการผลิตทีส่ งู ได้

3.2 การควบคมุ และลดตน้ ทุนการผลิต : เม่ือทราบสาเหตทุ ่ที าใหเ้ กดิ ตน้ ทุนการผลิตทสี่ งู
ทาให้เราสามารถหามาตรฐานแก้ไขปรบั ปรงุ เพอ่ื ให้ตน้ ทุนการผลติ ลดลงได้.

23

3.3 เพื่อตัดสินใจและวางแผนงานต่างๆ : เช่น เม่อื ทราบปญั หาทที่ าใหเ้ กิดต้นทนุ การ
ผลิตทส่ี ูง และหลังจากที่ได้มกี ารกาหนดมาตรฐานในการลดต้นทุนการผลิต ทาใหส้ ามารถประมาณการ
ตน้ ทนุ การผลิตและราคาขายทต่ี ่าลงมาได้ ทาใหส้ ามารถเพม่ิ ความสามารถในการแขง่ ขนั ในดา้ นราคาได้

3.4 เพอ่ื กาหนดกาไรและฐานะทางการเงนิ ของกจิ การ : การวิเคราะห์ตน้ ทนุ การผลติ จะ
ทาใหส้ ามารถประมาณการต้นทนุ การผลิตที่แมน่ ยา ซง่ึ จะทาใหผ้ บู้ รหิ ารสามารถประมาณการผล
ประกอบการและกาไรของกิจการได้

4. วธิ ีการลดตน้ ทุนการผลิต
วธิ กี ารและแนวทางในการลดตน้ ทุนการผลิตที่นิยมใช้กันมากและแพรห่ ลาย คอื การลดความ
สูญเสยี 7 ประการ คือ

1. ความสูญเสยี จากการผลติ มากเกนิ ความจาเป็น (over production) คอื การผลติ
ท่มี ากเกินความจาเปน็ หรอื ความตอ้ งการของกคา้ ถา้ พดู ตามภาษาชาวบา้ นก็คือ ผลิตแล้วยังขายไม่ได้
นน่ั เอง. สว่ นทีผ่ ลิตเกนิ จากความตอ้ งการ สง่ ผลใหเ้ กดิ ความสญู เสียทงั้ ด้านค่าจ่ายในการจดั เกบ็ และ
ควบคุมวัตถดุ บิ /ผลิตภัณฑ์ระหวา่ งกระบวนการ WIP/ผลติ ภัณฑ์สาเร็จรปู , ต้นทนุ แรงงานโดยเฉพาะการ
ทางานล่วงเวลา

2. ความสูญเสยี จาการรอคอย (Waiting) คือ การรอคอยเปน็ กระบวนการทไ่ี มก่ อ่ ใหเ้ กิด
ผลิตภัณฑแ์ ละมลู ค่า เช่น วตั ถดุ บิ ขาดสตอ๊ กทาใหก้ ระบวนการผลติ เกิดการรอคอย เสยี โอกาส เสยี ท้ัง
ค่าแรงของพนกั งาน. กระบวนการผลติ ทไ่ี ม่ต่อเนื่อทาให้เกดิ การรอคอยในการผลิต เชน่ เดียวกนั

3. ความสญู เสียจากการขนสง่ (Transportation) คอื การวางผังโรงงาน (plant
layout) และลาดับของกระบวนการ(process priority) มีผลโดยตรงต่อการขนสง่ ระหวา่ งกระบวนการ
เปน็ การอย่างมาก การขนส่งทม่ี ีระยะทางมากและซา้ ซอ้ นสง่ ผลให้เกดิ ตน้ ทุนเพมิ่ ขึ้นเชน่ คา่ แรงของ
พนกั งานขบั รถโฟลคล์ ฟิ ท,์ คา่ นามัน, คา่ เสยี กาส เปน็ ต้น

4. ความสญู เสียจากการเกบ็ วสั ดุคงคลังมากเกินไป (Excess Inventory) คอื การเก็บ
วัสดคุ งคลังมากเกนิ ไป ทาให้เกิดคา่ เสียโอกาสในการขาย, คา่ ใชจ้ ่ายในการจัดเกบ็ ละควบคุมวัสดุ
คงคลงั ทง้ั วัตถุดบิ และผลติ ภัณฑส์ าเร็จรูป

5. ความสญู เสียทเี่ กิดจากงานเสยี (Defect) คอื การผลติ งานเสียกอ่ ใหเ้ กิดการสูญเสียคอื
ค่าใชจ้ า่ ยในการผลิตภัณฑซ์ ้าหรือแก้ไข ซึ่งรวมถงึ วัตถดุ ิบ, คา่ แรง, ค่าสาธารณปู โภค และอ่ืนๆ เพ่มิ ขึ้นมา
โดยทไ่ี ด้ผลิตภณั ฑส์ าเรจ็ รูปเท่าเดมิ

24

6. ความสญู เสยี ทีเ่ กดิ จาการเคลือ่ นไหวมากเกินไป(Excess Motion) คือ การเคลือ่ นไหว
ทเี่ กิดเกนิ ความจาเป็นสง่ ผลใหร้ ะยะเวลาในการทางานนานขน้ึ ค่าใช้จ่าย อื่นๆ กจ็ ะตามมาเช่น คา่ แรงงาน
, คา่ สาธารณปู โภค เป็นต้น

7. ความสูญเสียของกระบวนการที่ไมก่ ่อใหเ้ กิดคุณคา่ หรอื ผลติ ภณั ฑ์ (Non-Value
Added Processing)คือ กระบวนการส่วนเกนิ ไม่มกี ระบวนการนก้ี ส็ ามารถผลิตผลิตภณั ฑ์ได้

2.2 การเปรียบเทียบต้นทุน
ธรี พล ศรกี มล ( 2552 : เวบ็ ไซต์ ) การเปรียบเทยี บตน้ ทนุ หมายถงึ กระบวนการของ

การเปรียบเทยี บกระบวนการทางธรุ กจิ และการวดั ประสทิ ธิภาพรวมทงั้ ค่าใชจ้ า่ ยในรอบเวลาการผลติ หรือ
ที่มีคุณภาพเพื่อการควบคมุ ท่มี กี ารพจิ ารณาอยา่ งกว้างขวางทีจ่ ะเป็นมาตรฐานตามมาตรฐานอุตสาหกรรม
หรอื การปฏบิ ัติที่ดที ส่ี ุด เป็นหลกั เปรียบเทยี บให้ภาพรวมของผลการดาเนนิ งานของธรุ กิจของคุณและชว่ ย
ใหค้ ณุ เขา้ ใจวา่ คุณจะอยใู่ นความสมั พันธท์ ม่ี มี าตรฐานโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ

จุฑาลักษณ์ ฐิตกิ ลุ ( 2555 : เว็บไซต์ ) การเปรียบเทียบตน้ ทุน หมายถงึ ความ
หลากหลายของคานิยามของตัวช้ีวัดทใี่ ชโ้ ดย บรษิ ัท ท่แี ตกตา่ งกนั และ / หรอื หน่วยงาน คาจากดั ความ
ของตวั ช้วี ัดทย่ี ังอาจมีการเปล่ยี นแปลงเม่อื เวลาผ่านไปภายในองคก์ รเดียวกนั เน่อื งจากมกี ารเปล่ียนแปลง
ในการเป็นผนู้ าและความสาคัญ การเปรยี บเทยี บประโยชนม์ ากท่ีสุดสามารถทาคาจากดั ความของตัวชีว้ ัด
ท่ีเมอ่ื อยูร่ ่วมกนั ระหว่างหนว่ ยงานเมอื่ เทียบและไมเ่ ปลยี่ นแปลงตลอดเวลาเพอ่ื ให้การปรับปรงุ สามารถ
ตรวจสอบได้

จากความหมายของ การเปรียบเทียบต้นทนุ สรุปได้วา่ การเปรียบเทยี บตน้ ทนุ หมายถงึ
กระบวนการของการเปรยี บเทยี บกระบวนการทางธุรกจิ และการวดั ประสทิ ธภิ าพรวมทั้งคา่ ใชจ้ ่ายในรอบ
เวลาการผลติ หรอื ทมี่ คี ณุ ภาพเพือ่ การควบคุมทมี่ กี ารพจิ ารณาอยา่ งกวา้ งขวางท่ีจะเปน็ มาตรฐานตาม
มาตรฐานอตุ สาหกรรมหรอื การปฏิบัตทิ ดี่ ที ส่ี ุด หรือ) วิธีการทีจ่ ะทาการเปรียบเทยี บอีกคา่ ใช้จา่ ยท่ี
เกยี่ วข้องกบั การใช้ aggregative เพม่ิ เติมหรอื ข้อมลู การผลติ ในการระบุหน่วยงานท่ีมีประสิทธิภาพ
แขง็ แรงและออ่ นแอ

2.2.1 ประเภทของการเปรยี บเทียบตน้ ทุน
1. การเปรยี บเทียบกระบวนการ บรษิ ทั มุ่งเน้นการเรมิ่ ต้นการสงั เกต

และการสอบสวนของกระบวนการทางธุรกจิ ทม่ี เี ป้าหมายในการระบแุ ละการสังเกตการปฏิบตั ิท่ีดที ส่ี ุดจาก
หนง่ึ หรือมากกวา่ หนง่ึ บริษัท มาตรฐาน การวเิ คราะหก์ ิจกรรมจะต้องมวี ัตถุประสงคท์ จ่ี ะเสียคา่ ใชจ้ ่าย
มาตรฐานและมีประสทิ ธิภาพ; นามาใช้มากขึ้นในการกระบวนการ back - office ทจี่ ้างอาจจะพจิ ารณา

25

2. การเปรียบเทียบทางการเงิน การดาเนนิ การวิเคราะหท์ างการเงนิ
และการเปรียบเทยี บผลลพั ธ์ทีใ่ นความพยายามทจี่ ะประเมนิ ความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของ
ผลผลติ และของคุณ

3. การเปรียบเทยี บจากมุมมองของนกั ลงทนุ ท่ีขยายจักรวาล
เปรยี บเทียบไปยงั เปรียบเทียบกบั บริษทั ในอุตสาหกรรมเดยี วกนั ที่สามารถพิจารณาโอกาสในการลงทุน
ทางเลือกจากมมุ มองของนักลงทนุ

4. เปรยี บเทียบประสทิ ธิภาพ ช่วยให้ บรษิ ทั ท่รี ิเรมิ่ ในการประเมิน
ตาแหน่งในการแข่งขันของพวกเขาโดยการเปรยี บเทียบสนิ คา้ และบริการกับผทู้ เ่ี ปา้ หมายของ บริษัท

5. การเปรยี บเทยี บสินค้า กระบวนการของการออกแบบผลติ ภณั ฑ์
ใหมห่ รือการอัพเกรดเพอ่ื คนทป่ี ัจจุบนั กระบวนการน้บี างครง้ั อาจเก่ยี วขอ้ งกบั การทาวิศวกรรมยอ้ นกลบั
ซง่ึ เป็นการนอกเหนือผลติ ภณั ฑ์คแู่ ข่งเพ่ือหาจุดแข็งและจุดออ่ น

6. การเปรยี บเทียบเชงิ กลยุทธ์ เก่ยี วขอ้ งกบั การสงั เกตวธิ ีการอื่นๆ ใน
การแขง่ ขนั ประเภทนี้มกั จะไมเ่ ฉพาะอตุ สาหกรรมมีความหมายดที ส่ี ุดคอื การมองไปทอ่ี ุตสาหกรรมอ่ืนๆ

7. การเปรยี บเทยี บการทางาน บริษัท จะเน้นการเปรียบเทยี บของตน
ในการทางานเพยี งครงั้ เดยี วเพ่อื ทจ่ี ะปรบั ปรงุ การดาเนินงานของการทางานเฉพาะท่ี การทางานทซี่ ับซอ้ น
เช่นทรพั ยากรมนษุ ยก์ ารเงนิ และบญั ชแี ละเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารมีแนวโนม้ ทจี่ ะ
เปรยี บเทียบโดยตรงในแงค่ า่ ใชจ้ า่ ยและประสิทธภิ าพการทางานและอาจจะตอ้ งถกู แยกออกเปน็
กระบวนการทจ่ี ะทาให้การเปรยี บเทยี บท่ถี กู ตอ้ ง

8. การเปรยี บเทยี บการดาเนนิ งาน รวบรวมทุกอยา่ งจากพนกั งานและ
การผลติ เพ่ือการไหลเวียนของสานกั งานและการวิเคราะห์ขนั้ ตอนการดาเนินการ

2.3 ความรู้เกย่ี วกับทฤษฎแี บบประเมินความพงึ พอใจ
ธนียา ปญั ญาแกว้ ไดใ้ ห้ความหมายว่า ส่งิ ทที่ าให้เกดิ ความพึงพอใจทเี่ กีย่ วกบั ลกั ษณะ

ของงาน ปจั จัยเหลา่ นี้นาไปส่คู วามพอใจในงานทที่ า ได้แก่ ความสาเรจ็ การยกย่อง ลกั ษณะงาน ความ
รับผิดชอบ และความก้าวหนา้ เมอื่ ปจั จัยเหล่านีอ้ ยูต่ า่ กวา่ จะทาใหเ้ กิดความไมพ่ อใจงานทีท่ า ถ้าหากงาน
ให้ความก้าวหนา้ ความทา้ ทา้ ย ความรับผดิ ชอบ ความสาเรจ็ และการยกย่องแกผ่ ูป้ ฏิบัติงานแล้ว พวกเขา
จะพอใจและมแี รงจูงใจในการทางานเปน็ อย่างมาก

26

1. ผลิตภณั ฑบ์ รกิ าร ในการน าเสนอการบริการจะตอ้ งมีผลิตภัณฑ์บรกิ ารท่ีมีคุณภาพ
และระดบั การให้บรกิ ารที่ตรงกบั ความต้องการของผู้รบั บริการ โดยผู้ใหบ้ รกิ ารจะตอ้ งแสดงให้ผรู้ ับบริการ
เหน็ ถึงความเอาใจใส่ และจริงใจต่อการสร้างเสรมิ คณุ ภาพของผลติ ภัณฑบ์ รกิ ารท่ีจะสง่ มอบใหแ้ ก่
ผรู้ บั บรกิ าร

2. ราคาคา่ บริการ ความพึงพอใจของผรู้ บั บริการเกดิ จากการประเมนิ คณุ ภาพและ
รูปแบบของการบรกิ ารเทียบกบั ราคาค่าบริการที่จะต้องจ่ายออกไป โดยผู้ให้บรกิ ารจะต้องกาหนดราคา
คา่ บรกิ ารทเ่ี หมาะสมกบั คณุ ภาพของการบรกิ าร และเปน็ ไปตามความเตม็ ใจทจี่ ะจา่ ย)ของผรู้ บั บรกิ าร
คา่ บรกิ ารจะถกู หรอื แพงขนึ้ อยู่กบั ความสามารถในการจา่ ยและเจตคติต่อราคาของกลุม่ ผรู้ บั บรกิ ารอีกด้วย

3. สถานทบี่ รกิ าร ผใู้ หบ้ ริการจะต้องมองหาสถานท่ีในการให้บริการทผี่ รู้ ับบรกิ าร
สามารถเขา้ ถงึ ไดโ้ ดยสะดวก มสี ถานท่ีกว้างขวางเพยี งพอและต้องคานึงถึงการอานวยความสะดวกแก่
ผู้รบั บริการในทุกดา้ น เช่น การมสี ถานที่จอดรถ หรอื การใหบ้ ริการผ่านระบบอินเตอรเ์ น็ต ซง่ึ ทาให้
ประเด็นด้านสถานทใ่ี หบ้ ริการลดลงไปได้

4. การสง่ เสรมิ แนะนาบรกิ าร ผู้ให้บรกิ ารจะต้องให้ขอ้ มลู ข่าวสารในเชิงบวกแก่
ผู้รบั บริการทั้งในดา้ นคณุ ภาพการบรกิ ารและภาพลกั ษณข์ องการบรกิ ารผ่านทางสื่อตา่ งๆ เพอื่ ให้
ผู้รบั บรกิ ารได้นาข้อมลู เหลา่ นีไ้ ปช่วยประเมนิ เพ่อื ตัดสนิ ใจใช้บริการตอ่ ไป

5. ผใู้ ห้บริการ จะต้องตระหนักตนเองว่ามสี ว่ นสาคัญในการสร้างให้เกดิ ความพงึ
พอใจในการบรกิ ารของผรู้ ับบริการ โดยในการกาหนดกระบวนการจัดการ การวางรูปแบบการบรกิ าร
จะต้องคานึงถงึ ผรู้ ับบรกิ ารเป็นสาคญั ทั้งแสดงพฤติกรรมบรกิ ารและเสนอบรกิ ารทีล่ กู ค้าต้องการดว้ ย
ความสนใจเอาใจใส่อยา่ งเตม็ ทีด่ ว้ ยจิตสานกึ ของการบรกิ าร

6. สภาพแวดล้อมของการบริการ ผใู้ หบ้ รกิ ารจะต้องสรา้ งใหเ้ กิดความสวยงามของ
อาคารสถานท่ี ผ่านการออกแบบตกแต่ง การแบ่งพื้นท่ีอย่างเหมาะสมลงตวั สรา้ งให้เกิดภาพลักษณท์ ดี่ ขี อง
องคก์ รผูใ้ หบ้ รกิ ารและสอ่ื ภาพลกั ษณ์เหล่านอ้ี อกไปสู่ผรู้ บั บรกิ ารอีกดว้ ย

7. กระบวนการบริการ ผใู้ ห้บริการตา่ งมงุ่ หวังใหเ้ กิดความมปี ระสทิ ธภิ าพของการจดั การ
ระบบการบรกิ ารเพอื่ เพ่ิมความคลอ่ งตวั และความสามารถในการสนองตอบตอ่ ความต้องการของลูกคา้ ได้
อย่างถกู ตอ้ ง มีคุณภาพ โดยการนาบคุ ลากร เทคโนโลยีเขา้ มารว่ มกันเพอื่ เพม่ิ ประสทิ ธิภาพในการบรกิ าร
และหวงั ต่อประสทิ ธิผลทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ ตอ่ ผูร้ บั บรกิ าร
ความพงึ พอใจของผรู้ ับรกิ ารนนั้ สามารถแบง่ ออกได้เปน็ 2 ระดับดว้ ยกนั คอื

27

1. ความพึงพอใจทตี่ รงกบั ความคาดหวัง เปน็ สิ่งทผี่ ใู้ หบ้ รกิ ารจะตอ้ งจดั ใหม้ ตี าม
ความคาดหวังของผรู้ บั บริการและระวังไม่ใหเ้ กดิ สิ่งท่ีตา่ กวา่ ความคาดหวงั นั้นได้ เพือ่ ใหผ้ รู้ ับบรกิ ารรู้สกึ
ยินดแี ละมีความสุขในการมารบั บรกิ ารน้ันๆ

2. ความพงึ พอใจท่ีเกนิ ความคาดหวัง เปน็ สิ่งทผ่ี ใู้ หบ้ รกิ ารม่งุ หวังทจี่ ะสร้างให้มเี กนิ กวา่
ความคาดหวงั ของผรู้ ับบริการ เพอ่ื ให้ผรู้ บั บรกิ ารมีความรสู้ กึ ปลาบปลม้ื ใจหรอื ประทบั ใจในบรกิ ารท่ีไดร้ บั
ซ่ึงเกนิ ความคาดหวังทีต่ ้งั ใจไว้

สรปุ ไดว้ ่า ความพึงพอใจคอื ความร้สู กึ พอใจตอ่ สิ่งใดสงิ่ หน่ึง เมอื่ ความต้องการของมนษุ ยไ์ ด้รับ
การตอบสนองทงั้ ทางด้านรา่ งกายและจิตใจก็จะเกิดความพอใจ ชอบใจ เกดิ เป็นทัศนคติดา้ นบวก ทแี่ สดง
ให้เห็นถงึ สภาพความพึงพอใจในสงิ่ นน้ั และทศั นคติด้านลบทแี่ สดงใหเ้ ห็นถงึ สภาพความไม่พงึ พอใจ ความ
พงึ พอใจเป็นองคป์ ระกอบด้านความรสู้ กึ ของทัศนคติซ่งึ ไมจ่ าเป็นตอ้ งแสดงหรอื อธิบายเชิงเหตผุ ลเสมอไปก็
ได้ดังนัน้ ความพงึ พอใจจงึ เป็นเพียงปฏิกริ ยิ าด้านความรสู้ กึ ตอ่ ส่งิ เรา้ หรือสิ่งกระตนุ้ ทแ่ี สดงผลออกมาใน
ลกั ษณะของผลลพั ธ์สุดท้ายของขบวนการประเมินโดยบง่ บอกถึงทศิ ทางของผลประเมนิ วา่ จะเป็นไปใน
ลกั ษณะทศิ ทางบวก หรือทิศทางลบหรอื ไมม่ ปี ฏิกริ ยิ า คือ เฉยๆ ต่อสิ่งเร้าหรอื สง่ิ กระตุ้นนนั้ กไ็ ด้

28

2.4 งานวิจยั ทเ่ี กยี่ วข้อง
นายปัธวี ปรีดาวงศากร (2561 : บทคัดยอ่ ) จากการที่ได้เข้าปฏิบตั ิงานสหกจิ ศึกษา

ณ โรงแรม ชาเทรยี ม เรสซเิ ดนซ์ สาทร กรงุ เทพฯแผนกอาหารเละเครอ่ื งดืม่ จงึ เลง็ เห็นปัญหาเร่ือง ต้เู ย็น
เกบ็ อาหารสดมกี ลน่ิ อบั ผจู้ ัดทาจงึ ไดศ้ ึกษาวิธกี าจัดกลน่ิ อันไมพ่ ึงประสงคใ์ นตเู้ ยน็ พบว่าสามารถนา
วตั ถุดิบเหลอื ใชจ้ ากการประกอบอาหารของสถานประกอบการมาทาถา่ นดบั กลน่ิ ได้ จงึ มคี วามคิดเหน็ ใน
จดั ทาโครงงานเรอื่ ง ถ่านดบั กลิ่นจากเปลือกผลไม้ ดว้ ยวัตถุประสงค์เพื่อแกไ้ ขปัญหากลนิ่ อนั ไม่พงึ ประสงค์
ของตู้เยน็ ในแผนกครวั ท่ีสถานประกอบการ และเพ่ือแก้ไขปญั หาขยะจากเปลอื กผลไมท้ ่ีเหลอื ใช้ จาก
การศกึ ษาเกย่ี วกบั ถ่านเปลือกผลไม้ ผจู้ ดั ทาไดผ้ ลิตถา่ นจากวัสดุเหลอื ใช้ในสถานประกอบการและนาไป
ทดลอง โดยนาเปลอื กทเุ รียนและซงั ข้าวโพดไปแปรรปู เปน็ ผลติ ภัณฑ์ถา่ นดูดกลิ่น และนามาวางในตเู้ ยน็
เพอ่ื ดบั กลิน่ โดยทาการสงั เกตทุกวัน ได้ขอ้ สรปุ ว่าถ่านทีส่ ามารถดดู กล่นิ ได้ดี คอื ถา่ นเปลือกทุเรยี น
หลงั จากทีไ่ ด้ทาการทดลองทาผลติ ภัณฑ์ถา่ นดูดกลิ่นจากเปลือกผลไม้ ผูจ้ ัดทาไดส้ ารวจความคิดเห็นโดย
การทาแบบสอบถามความพงึ พอใจ จากกลุ่มตวั อยา่ งคือ พนกั งานภายในโรงแรม จานวน 30 คน เพอื่ ให้
ทราบถงึ ผลของโครงงาน ผลการศึกษาพบวา่ จากการประเมินแบบสอบถาม แผนกอาหารและเคร่ืองดมื่ ,
แผนกแม่บ้าน และแผนกครวั มีความพงึ พอใจ โดยรวมมคี า่ เฉลย่ี ̅ = 3.97 และ S.D = 0.90 ไดแ้ ก่
ความพึงพอใจดา้ นต้นทนุ , ความพงึ พอใจดา้ นประสทิ ธภิ าพ และความพงึ พอใจด้านผลิตภณั ฑ์ ตามลาดับ
ดงั น้นั จึงเห็นไดว้ ่าโครงงานถา่ นดูดกล่นิ จากเปลือกผลไมม้ คี วามพึงพอใจอยู่ในระดบั มาก

ดร.เรวดี อนุวฒั นา (2559 : บทคดั ย่อ) วิจยั “ถา่ นหอม 3 in 1” ผลติ ภัณฑจ์ ากโครงการ
บรหิ ารจัดการขยะชุมชนดว้ ย วทน. สรา้ งมูลคา่ เพมิ่ เกิดแรงจูงใจคดั แยกขยะชมุ ชนอยา่ งยง่ั ยนื ด้วย
นวัตกรรมสถาบันวิจยั วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแหง่ ประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี มีวตั ถปุ ระสงคห์ ลักในการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยจี ากงานวิจยั ทแี่ ลว้ เสรจ็ จากการ
ดาเนนิ “โครงการแก้ไขปญั หาส่งิ แวดลอ้ มและขยะพลาสติกในชมุ ชนเพือ่ การบรู ณาการอย่างยง่ั ยืน”
ภายใตก้ ารบรหิ ารจัดการโครงการโดย ศูนย์เชีย่ วชาญนวัตกรรมพลงั งานสะอาดและสงิ่ แวดล้อม วว. ลงสู่
ชุมชนดา้ นการจดั การขยะที่ต้นทาง เพือ่ เพิ่มมลู ค่าและการนาไปใช้ประโยชน์ ซ่ึงเป็นการใชอ้ งค์ความร้ทู าง
วิทยาศาสตรแ์ ละงานวิจยั เพ่ือถา่ ยทอดจากหงิ้ สหู่ ้าง ผลกั ดนั การใชป้ ระโยชน์จากงานวิจัยในการสรา้ ง
มูลคา่ เพมิ่ เกิดแรงจงู ใจในการคดั แยกขยะชุมชนไดอ้ ยา่ งยัง่ ยนื ด้วยนวัตกรรม เพอ่ื ก้าวสู่ประเทศไทย 4.0
“ถา่ นหอม 3 in 1” เปน็ นวัตกรรมการเพ่มิ มลู ค่าขยะเปลอื กผลไมจ้ ากตลาดสด โดยการใชอ้ งคค์ วามรู้
พ้นื ฐานในการกาจดั กลิน่ น้ามันดนิ ทเ่ี กดิ จากการเผาถ่านเปลอื กผลไม้ มกี ารพฒั นาการใช้องค์ความรู้ดา้ น

29

การผลิตถา่ นกรองก๊าซจากกะลาปาลม์ โดยเทคนิคการกระตนุ้ การใช้เทคโนโลยเี อบิ ชมุ่ เพอื่ เกิดองค์ความรู้
ในการพัฒนาคณุ สมบัตถิ ่านเพอ่ื ทาการปลอ่ ยกลน่ิ หอม และดดู กลน่ิ อับช้ืน หรือกล่ินเหม็นในห้องน้า
ตู้เส้ือผา้ รถยนต์

สุนันทา ขอ้ งสาย (2561 : บทคัดยอ่ ) การใชป้ ระโยชนข์ องตน้ จากเพอื่ ผลิตใบจากมวน
ยาสูบหรือกิจกรรมอ่ืนๆ ทาให้มเี ศษวสั ดเุ หลือทงิ้ ปรมิ าณมากและก่อให้เกิดปัญหาการจดั การซากต้นจาก
หรือวสั ดุเหลือท้ิง งานวจิ ัยนม้ี ีวัตถุประสงค์เพอ่ื ผลติ ถ่านกัมมนั ต์ และศึกษาความสามารถในการดูดซบั ของ
ถ่านกมั มันต์ทผี่ ลติ จากเศษกา้ นจากและเศษทางจาก โดยทาการคารบ์ อไนเซชนั ทอ่ี ณุ หภมู ิ 300, 400 และ
500 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30, 60, 90, 120 และ 150 นาที พบว่าผงถา่ นตัวอยา่ งทสี่ ามารถดูดซับ
ไอโอดนี ไดด้ ที สี่ ดุ ได้แก่ ผงถ่านจากเศษก้านจากท่ีทาการคารบ์ อไนเซชนั ท่อี ุณหภูมิ 400 องศาเซลเซยี ส
เป็นเวลา150 นาที และผงถา่ นจากเศษทางจากที่ทาการคารบ์ อไนเซชนั ทอี่ ณุ หภูมิ 500 องศาเซลเซยี ส
เปน็ เวลา 90 นาที เม่อื ทาการกระตนุ้ ด้วยซิงค์ (II) คลอไรดใ์ น อตั ราส่วน 1 : 1 ท่ีอุณหภูมิ 500, 600 และ
700 องศาเซลเซยี ส เปน็ เวลา 60, 90 และ 120 นาที พบว่าถ่านกมั มนั ตท์ สี่ ามารถดูดซบั ไอโอดนี ได้ดี
ท่ีสดุ ได้แก่ ถ่านกัมมันต์จากเศษกา้ นจากทก่ี ระตุ้นทอ่ี ณุ หภมู ิ 500 องศาเซลเซียส เปน็ เวลา 90 นาที
และถ่านกัมมนั ตจ์ ากเศษทางจากท่กี ระต้นุ ทีอ่ ุณหภูมิ 500 องศาเซลเซยี ส เปน็ เวลา 120 นาที มีค่า
การดูดซับไอโอดีนเท่ากับ 730.79 ± 85.81 และ 474.05 ± 2.78 มลิ ลิกรมั ต่อกรัม
ดงั น้ันการนาเศษก้านจากไปกระตุ้นทอี่ ุณหภมู ิ 500 องศาเซลเซยี ส เป็นเวลา 90 นาที เป็นสภาวะท่ีมี
คณุ สมบัติเพียงพอที่จะนามาผลติ เป็นถา่ นกมั มนั ตไ์ ด้ เนอ่ื งจากถา่ นกมั มนั ต์ทไี่ ด้มีค่ามีคา่ การดดู ซบั ไอโอดีน
มากกวา่ 600 มิลลกิ รมั ต่อกรมั และมรี ้อยละความช้นื น้อยกว่า 8 ตามมาตรฐานของ มอก .900

บทท3่ี
วิธีการดาเนนิ การศึกษา

ในการศกึ ษาครัง้ นม้ี วี ัตถุประสงค์เพอื่ ทดลองการผลิตถ่านดบั กล่ินจากเปลอื กผลไมแ้ ละหา
ต้นทนุ การผลติ พรอ้ มเปรยี บเทยี บถ่านดบั กลนิ่ ถ่านไมแ้ ละถ่านดับกลน่ิ จากเปลอื กผลไมว้ ่าถา่ นตวั ไหน
สามารถดบั กล่นิ ได้ดีกว่ากัน และเพือ่ ทาแบบประเมนิ ความพงึ พอใจตอ่ การใชง้ านผลิตภณั ฑ์ทงั้ 2 ชนิด
ผู้ดาเนนิ โครงการมีวธิ ีการดาเนินโครงงานตอ่ ไปนี้

3.1 ประชาชนและกลมุ่ ตวั อย่าง
3.2 เคร่ืองมอื ในการทางานวจิ ยั และวสั ดุ/อปุ กรณ์
3.3 ข้นั ตอนการดาเนินงาน
3.4 สรา้ งและพฒั นาสง่ิ ประดษิ ฐ์
3.5 การวิเคราะห์ข้อมูลและสรปุ ผล

3.1 ประชาชนและกล่มุ ตัวอยา่ ง (people and samples)

ประชาชนและกลมุ่ ตวั อย่างที่ใช้ในการศกึ ษาครง้ั น้ี จานวน 32 ราย ดงั น้ี บ้านลงิ หลบั 152/5
หม1ู่ 1 ตาบลป่าแดด อาเภอเมือง จงั หวดั เชยี งใหม่ 50100 จานวน 32 ราย

3.2 เครื่องมอื ในการทางานวจิ ยั และวัสด/ุ อปุ กรณ์
3.2.1 จัดทาต้นทนุ การผลติ ถ่านดบั กลน่ิ จากเปลอื กผลไม้
3.2.2 ผลเปรียบเทยี บถา่ นดับกลน่ิ จากถ่านไม้และถา่ นดบั กลนิ่ จากเปลอื กไม้
3.2.3 แบบประเมินความพงึ พอใจตอ่ การใชง้ านผลติ ภัณฑ์ทง้ั 2 ชนดิ

3.3.4 วสั ดุ

1. เปลือกผลไม้ เชน่ มังคุด ทุเรยี น จานวน 1 ชนิด
2. แป้งมนั สาปะหลงั จานวน 50 กรัม
3. นา้ เปลา่ จานวน 1 ลิตร
4. ไฟแช็ค จานวน 1 อนั
5. ไม้เก๊ยี ะ จานวน 1 มดั

30

ภาพท่ี 3.1 เปลอื กผลไม้ ภาพที่ 3.2 แป้งมนั สาปะหลงั

ภาพที่ 3.3 นา้ เปล่า ภาพท่ี 3.4 ไฟแช็ค

ภาพที่ 3.5 ไมเ้ กีย๊ ะ

31

3.3.5 อปุ กรณ์ จานวน 1 ใบ
จานวน 1 ใบ
1. กะละมงั จานวน 2 อนั
2. หม้อ จานวน 1 ชุด
3. ทพั พี จานวน 1 อัน
4. ครกหนิ จานวน 1 เตา
5. คีมคีบถา่ น จานวน 2 ใบ
6. เตาอั้งโล่ จานวน 5 ถงุ
7. ถว้ ย จานวน 5 ถงุ
8. ถงุ ตาขา่ ย
9. ถงุ พลาสติก (ถุงแกว้ )

ภาพที่ 3.6 กะละมงั ภาพที่3.7 หม้อ

ภาพที่ 3.8 ทพั พี ภาพที่ 3.9 ครกหิน

32

ภาพที่ 3.10 คมี คบี ถา่ น ภาพที่ 3.11 เตาอั้งโล่

ภาพที่ 3.12 ถ้วย ภาพท่ี 3.13 ถุงตาขา่ ย

ภาพท่ี 3.17 ถุงพลาสติก (ถุงแก้ว)
ภาพที่ 3.14 ถงุ พลาสติก (ถงุ แกว้ )

33

3.3 ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน

1. ทาการเลอื กโครงการโดนใชต้ ารางการวิเคราะหข์ อ้ มลู ตดั สินใจเลือกโครงการ
ตารางการวเิ คราะห์ขอ้ มลู เพอื่ ตดั สนิ ใจเลอื กโครงการ

รายละเอยี ด โครงการท่ี 1 โครงการท่ี 2 โครงการที่ 3 หมายเหตุ

ขอ้ มูลเก่ยี วกบั ตนเอง ..
1. ความสนใจ ความถนัด 4 4 2.

2. ความรแู้ ละประสบการณเ์ ดมิ 32 2

3. ความพร้อมดา้ นเงินลงทุน 33 3

4. ความพร้อมในการจัดเตรยี มวสั ดุ อุปกรณ์ 3 4 2

5. ความพรอ้ มในดา้ นเวลา/แรงงาน 34 1

ข้อมูลเกย่ี วกบั สิง่ แวดลอ้ ม . .
1. เปน็ โครงการทม่ี ีประโยชนต์ ่อตนเอง/ 4 4. 2
ครอบครัว/ชมุ ชน

2. คนในครองครวั ใหก้ ารสนบั สนนุ 34 3

3. มแี หลง่ ความรทู้ จี่ ะศึกษาได้ 33 3

4. มีแหล่งทส่ี ามารถจดั หาวัสดไุ ด้ 43 2

5. สถานทีป่ ฏิบตั งิ านเหมาะสม 33 2

ข้อมลู เก่ยี วกับความรพู้ ้นื ฐานทางวชิ าการ . . .\

1. มคี วามรู้เกย่ี วกับวชิ าชีพ 34 2

2. ข้นั ตอนการปฏิบตั งิ านไมซ่ บั ซ้อน 2 3 2
3.
3. ความรู/้ ทักษะในโครงการนี้สามารถนาไป . .
เป็นขอ้ มลู ในการผลิตหรือดาเนนิ งารนในชนิ้ 4 3
อนื่ ๆได้

รวมคะแนน 41 45 29
ตารางที่ 3.1 ตารางการวิเคราะห์ขอ้ มลู ตดั สินใจเลอื กโครงการ

34

หมายเหตุ ใหผ้ ู้เรยี นพจิ ารณาข้อมลู ต่าง ๆ และให้คะแนนเพอื่ การตัดสนิ ใจเลอื กโครงการโดย
1) การใหค้ ะแนน กาหนด 4 ระดบั ดงั นี้
4 = มคี วามพร้อม/เหมาะสมมากทส่ี ดุ
3 = มคี วามพร้อม/เหมาะสมมาก
2 = มคี วามพรอ้ ม/เหมาะสมปานกลาง
1 = มีความพรอ้ ม/เหมาะสมนอ้ ย
2) ชอ่ื โครงการที่พิจารณา มีดงั นี้
โครงการท1่ี กระถางต้นไม้จากไมไ้ อศกรมี
โครงการท2่ี ถา่ นดดู กลน่ิ จากเปลอื กผลไม้
โครงการท3่ี ทาแซนวิชทอดเพือ่ จาหน่าย
3) ให้คะแนนแตล่ ะโครงการใหค้ รบทกุ ขอ้ แลว้ รวมคะแนนทงั้ หมดในแตล่ ะ

โครงการ สรปุ โครงการท่ไี ดค้ ะแนนสงู สุด คือ โครงการท่ี 2 ถา่ นดบั กลิ่นจากเปลอื กผลไม้
ได้คะแนน 45 คะแนน

2. เขยี นโครงร่างโครงการเพือ่ เสนอขออนมุ ัตโิ ครงการ โดยมหี ัวขอ้ ดงั นี้
1) ช่อื โครงการ 2) ผู้จดั ทาโครงการ 3) ครูท่ปี รึกษาโครงการ 4) หลกั การเหตผุ ล
5) วตั ถุประสงค์ของโครงการ 6) ขอบเขตของโครงการ 7) แนวคิดในการออกแบบโครงการ
แหล่งความรู้/เอกสารอา้ งองิ 9) ประมาณวสั ดุ – อปุ กรณใ์ นการทาโครงการ
10) วธิ ีดาเนินโครงการ 11) แผนดาเนินงานโครงการ 12) ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะไดร้ ับ

3. กรอบแนวคิดศึกษาวิธกี ารทาถ่านดับกลิ่นจากเปลอื กผลไมแ้ ละเปรียบเทียบ
ประสิทธภิ าพการดบั กล่ินของถ่านไม้และถา่ นจากเปลอื กผลไม้ จากการนาเปลอื กผลไมท้ ี่เหลอื ท้งิ ไป
ตากแดดใหแ้ หง้ จากนัน้ นาไปเผาในเตาอง้ั โลจ่ นกลายเป็นถ่านและทามาบดใหล้ ะเอียด นาผงถา่ นจาก
เปลอื กผลไม้ มาผสมกบั น้าและแปง้ มันสาปะหลงั แลว้ นามาป้ันเปน็ รูปแบบทต่ี อ้ งการ จากนนั้
นาออกไปตากแดดให้แหง้ แล้วนามาทดลองดบั กลิ่นของตเู้ ยน็ โดยเปรียบเทียบกบั ถ่านไมท้ มี่ ขี นาด
เทา่ ๆกนั แลว้ บนั ทกึ ผลการทดลอง พรอ้ มคานวณตน้ ทนุ

35

วิธที าถ่านดับกล่นิ จากเปลอื กผลไม้

1. นาเปลอื กผลไมท้ ่ีตอ้ งการไปตากแดดใหแ้ หง้ สนทิ
2. หลงั จากเปลอื กผลไม้แห้งแล้ว นาไม้เก๊ยี ะมาจดุ ไมใ้ ห้ไฟตดิ
3. จากนั้นนาเปลือกผลไมล้ งไปเผาใหม้ สี ีดาสนทิ ประมาณ 20 นาที
4. นาขนึ้ มาพกั ไว้ใหเ้ ย็น แล้วนาไปตาใหล้ ะเอยี ด
5. นาแป้งมนั มาใส่ถว้ ยแล้วผสมน้า
6. นามาผสมกบั ถา่ นทีต่ าแลว้
7. นามาป้ันตามรปู แบบท่ีต้องการ
8. นาไปตากแดดใหแ้ ห้งสนทิ
9. นาไปใส่ในถงุ ตาข่ายเพื่อเพ่ิมความสวยงาม
10. จากน้นั นาไปเปรียบเทยี บประสิทธภิ าพกบั ถ่านไม้

ภาพที่ 3.15 ตวั อย่างที่ 1 ภาพท่ี 3.16 ตวั อย่าง 2

36

จัดทาต้นทุนการผลติ

1. ต้นทุนการผลติ 800 บาท ค่าวัสดแุ ละอปุ กรณท์ ้งั หมด 627 บาท มดี ังนี้

1.1. เปลอื กผลไม้ตา่ งๆ ราคา 0 บาท

1.2. แป้งมนั สาปะหลงั ราคา 25 บาท

1.3. นา้ เปลา่ ราคา 17 บาท

1.4. ไฟแชค็ ราคา 5 บาท

1.5. ไม้เก๊ียะ ราคา 40 บาท

1.6. กะละมัง ราคา 30 บาท

1.7. หมอ้ ราคา 95 บาท

1.8. ทพั พี ราคา 40 บาท

1.9. ครก ราคา 100 บาท

1.10. คีมคีบถา่ น ราคา 45 บาท

1.11. เตาอง้ั โล่ ราคา 150 บาท

1.12. ถว้ ย ราคา 20 บาท

1.13. ถงุ ตาข่าย ราคา 30 บาท

1.14. ถุงแก้วพลาสติก ราคา 30 บาท

สรปุ ต้นทนุ การผลิตทง้ั หมด 627 บาท คงเหลอื 173 บาท สามารถผลติ ได้ทัง้ หมด 5 ถงุ สามารถนาไป
จาหนา่ ยได้ในราคาถุงละ 50 บาท เพราะอุปกรณ์ไมจ่ าเปน็ ตอ้ งซ้อื เพม่ิ สามารถทาตอ่ ไดเ้ ลย

37

4. กาหนดปฏิทนิ การปฏิบัตงิ าน

ลาดบั ขั้นตอนการปฏบิ ัตงิ าน พ.ย ธ.ค ม.ค ผูร้ บั ผิดชอบ

12 34 1 2341 234

1. ศึกษา เอกสาร ทฤษฎี และ พชร

งานวิจยั ทเ่ี กยี่ วข้อง พรหมลิขติ

2. วเิ คราะหป์ ัญหา ประเมิน พชร

ของตอ้ งการของผ็ใช้ พรหมลขิ ติ

3. ออกแบบชิ้นงาน พชร

พรหมลขิ ิต

4. ปฏบิ ัตติ ามแผนโดยใช้ พชร

กระบวนการตาม P D C A พรหมลขิ ิต

5. รายงานความก้าวหน้า พชร

พรหมลิขิต

6. รวบรวมข้อมูลวเิ คราะห์ พชร

พรหมลิขิต

7. เขียนรายงานโครงการ พชร

พรหมลิขติ

8. นาเสนอผลการดาเนนิ พชร

โครงการ พรหมลิขติ

9. ประเมนิ โครงการ พรช

พรหมลิขิต

ตารางท่ี 3.2 ปฏทิ นิ การปฏบิ ัติงาน

5. ศกึ ษา เอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยทเี่ กยี่ วขอ้ งตอ่ ไปนี้
1) ความรู้เกยี่ วกบั โครงการทที่ า 2) ทฤษฎีทเี่ กยี่ วขอ้ ง 3) ประวตั ิวทิ ยากร
4) งานวิจัยทเ่ี ก่ียวขอ้ ง

3.3.3 ขนั้ ดาเนนิ การปฏิบตั งิ านโดยใชก้ ระบวนการวงจร (PDCA) ดงั ตอ่ ไปนี้
1. สรา้ งและเปรยี บเทยี บประสทิ ธภิ าพของถ่านไม้และถา่ นจากเปลือกผลไม้
2. ปฏบิ ัติตามแผน P D C A และปฏทิ นิ ปฏบิ ตั งิ าน
3. รายงานความก้าวหน้าของการปฏบิ ัตงิ าน เปน็ รายบุคคล ตามแบบบนั ทึก
การปฏิบตั งิ านวิชาโครงงาน

38

3.4 สร้างและพฒั นาสิง่ ประดษิ ฐ์ (ภาคผนวก...)
3.4.1 วิธกี ารทาถา่ นดบั กลน่ิ จากเปลือกผลไม้
1. นาเปลือกผลไมท้ เ่ี หลอื ทงิ้ ไปตากแดดใหแ้ หง้ จากนน้ั นาไปเผาในเตาองั้ โลจ่ น

กลายเป็นถา่ นและทามาบดให้ละเอียด นาผงถา่ นจากเปลือกผลไม้ มาผสมกับน้าและแปง้ มนั
สาปะหลงั แล้วนามาปน้ั ตามรูปแบบท่ตี อ้ งการ จากนนั้ นาออกตากแดดใหแ้ หง้ พรอ้ มบนั ทกึ ตน้ ทนุ
การผลิต

3.5 การวเิ คราะหข์ อ้ มูลและสรปุ ผล
3.5.1 นาถา่ นที่ผลิตมาทดลองดบั กล่ินของตเู้ ย็น โดยเปรียบเทยี บกบั ถา่ นไมท้ ม่ี ขี นาด

เทา่ ๆกนั แลว้ บันทกึ ผลการทดลอง โดยการกรอกแบบสอบถามความพึงพอใจในการดับกล่นิ ของ
ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์

39

แบบสอบถามพงึ พอใจถ่านดับกล่ินเปลอื กผลไม้

คาชีแ้ จง : การสารวจความพึงพอใจ เพือ่ เปรียบเทียบประสทิ ธิภาพในการดับกลน่ิ ของถา่ นไมแ้ ละถา่ น

จากเปลือกผลไม้ จงึ ขอความรว่ มมือจากทุกทา่ นในการกรอกแบบสอบถาม โดยใส่เครอื่ งหมาย ลง

ในชอ่ งว่างให้ครบถว้ น

ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม

1. เพศ ชาย หญิง อ่ืน ๆ

2. อายุ 15 - 20 ปี 21 - 25 ปี 26 ปขี น้ึ ไป

ตอนที่ 2 ระดับความพึงพอใจ

ระดับความพงึ พอใจ

หวั ข้อประเมิน มากทส่ี ุด มาก ปานกลาง พอใช้ ปรบั ปรงุ

54 3 2 1

1. ดา้ นคณุ ลักษณะของผลติ ภัณฑ์

1.1 ขนาดของถา่ นดับกล่นิ

1.2 กลน่ิ ของถ่าน

1.3 รปู ลกั ษณข์ องถ่านน่าใช้

1.4 บรรจภุ ณั ฑส์ วยงาม

1.5 เนื้อสัมผสั ของถ่าน

2. ด้านคุณภาพของผลิตภณั ฑ์

2.1 ดบั กลน่ิ ได้ดี

2.2 มีกลิ่นทหี่ อม

2.3 ใชง้ า่ ย พกไปได้ทุกท่ี

ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version