The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ 3 แผน ป.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by supanat.nlsc15, 2021-05-30 07:51:13

แผนการจัดการเรียนรู้ 3 แผน ป.1

แผนการจัดการเรียนรู้ 3 แผน ป.1

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ 3 แผน ป.1

1

แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย

นายศุภณัฐ อว่ มงามอาจ

2

แผนการจดั การเรียนรู้
รายวิชาภาษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๑

จดั ทำโดย
นายศุภณัฐ อ่วมงามอาจ เลขที่ ๑๙

เสนอ
ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พัชรภี รณ์ บางเขียว

3

คานา

แผนการจดั การเรยี นรูร้ ายวิชาภาษาไทย ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ทางผจู้ ดั ทาไดจ้ ดั ทาขนึ้
เพ่ือใชเ้ ป็นแนวทางในการจดั การเรียนการสอนท่เี นน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคญั ตามหลกั สตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑

แผนการจดั การเรยี นรูป้ ระกอบดว้ ยเนือ้ หาสาระ แผนการจดั การเรยี นรูร้ ายปีซง่ึ ประกอบไป
ดว้ ยมาตรฐานและตวั ชีว้ ดั ของกลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิชาภาษาไทย ซง่ึ แผนการจดั การเรยี นรูร้ ายคาบ
ทงั้ หมด ๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ ซง่ึ ประกอบไปดว้ ย รูจ้ กั คา นาเรอ่ื ง เขียนไทยพาเพลิน และหลกั
ภาษา มาเรยี นกนั เถอะ ซง่ึ แตล่ ะแผนการเรียนรูไ้ ดร้ ะบมุ าตรฐาน ตวั ชีว้ ดั ประสงคก์ ารเรยี นรู้ และ
สาระการเรยี นรู้ และไดส้ อดแทรกการเรยี นรูร้ ูปแบบการจดั การเรียนรูอ้ นั หลากหลาย อนั ประกอบไป
ดว้ ย รูปแบบการเรยี นรูแ้ บบถามตอบ รูปแบบการเรียนรูแ้ บบสาธิต และรูปแบบการเรยี นรู้
แบบบรู ณาการ ซง่ึ แต่ละรูปแบบนนั้ จะมีวธิ ีการเรยี นการสอนท่ีแตกตา่ งกนั ออกไปแตท่ งั้ หมดนนั้ จะ
นามาซง่ึ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูน้ อกจากนยี้ งั มใี บงานและเกณฑก์ ารประเมินเพ่ือใชใ้ นการประเมนิ ผล
การเรยี นรูข้ องนกั เรยี นหลงั เสรจ็ สนิ้ การเรยี นวา่ นกั เรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจในเนือ้ หาสาระมากนอ้ ย
เพียงใดและนกั เรยี นผ่านเกณฑก์ ารประเมินหรือไม่

ผจู้ ดั ทาไดข้ อบพระคณุ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พชั รภี รณ์ บางเขียว เป็นอย่างยงิ่ ท่ไี ดใ้ ห้
คาปรกึ ษาแนะนาตลอดจนแนวทางการจดั ทาแผนการเรยี นรูเ้ ลม่ นี้ และหวงั เป็นอย่างยิ่งวา่ แผนการ
จดั การเรยี นรูเ้ ลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชนใ์ หก้ บั การเรยี นรูใ้ นหอ้ งเรยี น และผเู้ รียนสามารถพฒั นาตนเอง
จากการเรยี นรูไ้ ดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพและถกู ตอ้ งอยา่ งยง่ิ

นายศภุ ณฐั อว่ มงามอาจ
ผจู้ ดั ทา

สารบัญ 4

เรือ่ ง หน้า

แผนการจัดการเรยี นรู้รายปี ๕
โครงสร้างรายวิชา ๑๒
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ หน่วยท่ี ๑ รู้จักคำ นำเร่อื ง ๑๖
ใบงานท่ี ๑ ๓๒
ใบงานท่ี ๒ ๓๓
ใบงานท่ี ๓ ๓๔
ใบงานท่ี ๔ ๓๕
ใบงานที่ ๕ ๓๖
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒ หนว่ ยท่ี ๗ เขียนไทยพาเพลนิ ๓๗
ใบงานที่ ๑ ๔๘
ใบงานท่ี ๒ ๔๙
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๓ หน่วยที่ ๑๒ หลักภาษา มาเรยี นกนั เถอะ ๕๐
ใบงานท่ี ๑ ๖๓

5

แผนการจัดการเรียนรู้

สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย รายวิชา ภาษาไทย
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ เวลา ๒๐๐ ชัว่ โมง
ครูผสู้ อน นายศุภณฐั อว่ มงามอาจ

๑. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชว้ี ดั
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปตัดสินใจ
แกป้ ัญหาในการดำเนินชีวิตและมีนสิ ัยรักการอ่าน
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และ
เขียนเรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า
อย่าง มีประสิทธภิ าพ
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้
ความคดิ และความรู้สกึ ในโอกาสต่างๆ อย่างมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของ
ภาษาและพลงั ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ขิ องชาติ
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยา่ งเห็นคุณค่าและนำมาประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ
ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปตัดสินใจ
แกป้ ญั หาในการดำเนนิ ชีวติ และมีนสิ ัยรกั การอา่ น
ท ๑.๑ ป.๑/๑ อา่ นออกเสยี งคำ คำคลอ้ งจอง และขอ้ ความส้นั ๆ

ท ๑.๑ ป.๑/๒ บอกความหมายของคำ และข้อความทอ่ี า่ น

ท ๑.๑ ป.๑/๓ ตอบคำถามเกยี่ วกับเร่ืองทอ่ี า่ น
ท ๑.๑ ป.๑/๔ เลา่ เรือ่ งยอ่ จากเรอ่ื งทอี่ ่าน
ท ๑.๑ ป.๑/๕ คาดคะเนเหตกุ ารณ์จากเร่อื งท่ีอา่ น
ท ๑.๑ ป.๑/๖ อา่ นหนงั สอื ตามความสนใจ
ท ๑.๑ ป.๑/๗ บอกความหมายของเครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ที่มักพบเห็นใน
ชวี ติ ประจำวัน

6

ท ๑.๑ ป.๑/๘ มีมารยาท ในการอา่ น
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และ
เขียนเรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้า
อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ท ๒.๑ ป.๑/๑ คดั ลายมอื ตัวบรรจง เตม็ บรรทัด
ท ๒.๑ ป.๑/๒ เขยี นสือ่ ด้วยคำและประโยคงา่ ยๆ
ท ๒.๑ ป.๑/๓ มมี ารยาทในการเขียน

มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้
ความคิด และความรู้สกึ ในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์

ท ๓.๑ ป.๑/๑ ฟังคำแนะนำ คำส่งั ง่าย ๆ และปฏบิ ตั ติ าม
ท ๓.๑ ป.๑/๒ ตอบคําถามและเลา่ เรอ่ื งท่ีฟงั และดูทัง้ ท่เี ปน็ ความร้แู ละความบันเทิง
ท ๓.๑ ป.๑/๓ พูดแสดงความคิดเหน็ และความร้สู ึกจากเรอื่ งทฟ่ี งั และดู
ท ๓.๑ ป.๑/๔ พดู ส่อื สารได้ตามวตั ถปุ ระสงค์
ท ๓.๑ ป.๑/๕ มมี ารยาทในการฟงั การดแู ละการพูด

มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของ
ภาษาและพลังของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ

ท ๔.๑ ป.๑/๑ บอกและเขยี นพยญั ชนะ สระ วรรณยุกตแ์ ละเลขไทย
ท ๔.๑ ป.๑/๒ เขียนสะกดคำ และบอกความหมายของคำ
ท ๔.๑ ป.๑/๓ เรยี บเรียงคำเป็นประโยคง่าย ๆ
ท ๔.๑ ป.๑/๔ ต่อคำคล้องจองง่าย ๆ
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทย
อยา่ งเหน็ คณุ คา่ และนำมาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตจริง
ท ๕.๑ ป.๑/๑ บอกขอ้ คิดทีไ่ ดจ้ ากการอ่านหรอื การฟงั วรรณกรรมรอ้ ยแกว้ และร้อย
กรองสำหรบั เดก็
ท ๕.๑ ป.๑/๒ ท่องจำบทอาขยานตามทกี่ ำหนดและบทรอ้ ยกรองตามความสนใจ

๒. จุดประสงค์การเรียนรู้
๒.๑ ดา้ นความรู้ (K)

7

- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการอา่ นออกเสยี ง คำคลอ้ งจองไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการอา่ นขอ้ ความสัน้ ๆไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของคำไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายขอ้ ความทอ่ี า่ นไดอ้ ยา่ งชดั เจน และถกู ตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายเกย่ี วกบั เรอ่ื งทอ่ี า่ นได้ (K)
- นกั เรยี นตอบคำถามไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งชดั เจน (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายเลา่ เรอ่ื งยอ่ จากเรอ่ื งทอ่ี า่ นไดค้ รบถว้ นสมบรู ณ์ (K)
- นกั เรยี นสามารถคาดคะเนวเิ คราะหเ์ รอ่ื งราว และอธบิ ายเรือ่ งทอี่ ่านไดถ้ ูกตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายหนงั สอื ทต่ี วั เองสนใจเพอ่ื มาแลกเปลย่ี นความรใู้ หมๆ่ (K)
- นักเรียนสามารถอธิบายเครื่องหมาย และสัญลักษณ์ที่พบเห็นในชีวิตประจำวันได้อย่างแม่นยำ และ

ถูกตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของมารยาทในการอา่ นได้ (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายขน้ั ตอนการเขยี นตวั บรรจง เตม็ บรรทัดไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นบอกการเขียนส่ือดว้ ยคำ และประโยคงา่ ย ๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และตรงตามหลักโครงสร้างของ

ภาษาไทย(K)
- นกั เรยี นมคี วามรเู้ รือ่ งของมารยาทในการเขยี นอยา่ งถกู ตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามรถสงั เคราะห์คำสง่ั ง่าย ๆ และปฏิบตั ิตามได้อยา่ งถูกตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหต์ อบคำถามไดอ้ ยา่ งชดั เจนถกู ตอ้ ง(K)
- นกั เรยี นสามารถสรปุ เลา่ เรอ่ื งทฟ่ี งั ท้ังทเ่ี ปน็ ความรแู้ ละความบนั เทงิ ไดด้ ี (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายพดู แสดงความคดิ เหน็ และความรสู้ กึ จากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดูได้อยา่ งถูกตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นอธบิ ายพดู สอ่ื สารไดต้ ามวตั ถปุ ระสงคไ์ ดค้ รบถว้ น (K)
- นกั เรยี นบอกถงึ มารยาทในการฟงั การดแู ละการพดู ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นอธบิ ายขน้ั ตอนมารยาทในการฟงั การดู และการพดู ไดอ้ ยา่ งครบถว้ น (K)
- นกั เรยี นสามรถบอกและเขยี นพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ตแ์ ละเลขไทยไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการเขยี นสะกดคำ และบอกความหมายของคำไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามารถบอกเรยี บเรยี งคำไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามารถเชอ่ื มโยงตอ่ คำคลอ้ งจองงา่ ย ๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K)
- นกั เรยี นสามารถวเิ คราะหค์ ำคลอ้ งจองงา่ ย ๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (K)

8

- นักเรียนสามารถสรุปบอกข้อคิดที่ได้จากการอ่าน หรือฟังวรรณกรรมร้อยแก้วและร้อยกรองสำหรับ
เดก็ ได้อยา่ งถูกต้อง (K)

- นกั เรยี นวจิ ารณบ์ อกข้อคดิ ทไ่ี ดจ้ ากการอา่ นหรือการฟงั วรรณกรรมรอ้ ยแกว้ สำหรบั เด็กได้อย่างถูกต้อง
(K)

- นักเรียนวิเคราะห์ท่องจำบทอาขยานตามที่กำหนดและบทร้อยกรองตามความสนใจได้อย่างถูกต้อง
(K)

๒.๒ ด้านทักษะ (P)
- นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสยี งคำคลอ้ งจองไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
- นกั เรยี นสามารถอา่ นออกเสยี งขอ้ ความสน้ั ๆไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และเหมาะสมกบั เรือ่ งทอ่ี า่ น (P)
- นกั เรยี นสามารถอา่ นความหมายของคำไดถ้ กู ตอ้ งชดั เจน (P)
- นกั เรยี นสามารถอา่ นขอ้ ความไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และเหมาะสม (P)
- นกั เรยี นรู้จกั ตง้ั คำถามเกย่ี วกบั เร่ืองทอ่ี า่ น (P)
- นกั เรยี นมคี วามกระตอื รอื รน้ ในการตง้ั คำถาม และตอบคำถามจากเรอ่ื งทอ่ี า่ น (P)
- นกั เรยี นมสี ว่ นรว่ มกบั เพอ่ื นในหอ้ งเรยี นในการเลา่ เรอ่ื งยอ่ จากเรอ่ื งทไ่ี ดอ้ า่ น (P)
- นกั เรยี นรู้จกั การคาดเดาเหตกุ ารณส์ ำคญั จากเรอ่ื งทอ่ี า่ นไดช้ ดั เจน (P)
- นักเรียนนำหนังสือที่ตัวเองสนใจมาอ่านให้เพื่อนฟังในห้องเรียนฟัง เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและ

กนั (P)
- นกั เรยี นสามารถนำความรจู้ ากทเ่ี รยี นไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ (P)
- นกั เรยี นสามารถนำไปปฏบิ ตั ไิ ดจ้ รงิ ในการใชช้ วี ติ ประจำวนั (P)
- นกั เรยี นสามารถเขียนลายมือตัวบรรจง เตม็ บรรทัดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและสวยงาม (P)
- นกั เรยี นประยกุ ต์ เขยี นสือ่ ดว้ ยคำ และประโยคงา่ ย ๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
- นกั เรยี นสามารถนำสอ่ื คำและประโยคไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ยา่ งดี (P)
- นกั เรยี นนำไปปฏบิ ตั ใิ นหอ้ งเรยี นไดจ้ รงิ (P)
- นกั เรยี นมสี ว่ นรว่ มกบั คำส่งั ง่าย ๆ และปฏิบตั ิตามได้อย่างดี (P)
- นกั เรยี นมสี ว่ นรว่ มใน การใหด้ หู รอื ฟงั นทิ าน(P)
- นกั เรยี นมกี ารตง้ั คำถามและตอบคำถามจากเรอ่ื งทด่ี หู รอื ฟงั (P)
- นกั เรยี นสามารถตอบคำถามทง้ั ท่ีเปน็ ความรแู้ ละความบนั เทงิ อยา่ งดี (P)

9

- นกั เรยี นสามารถนำเสนอเลา่ เร่ืองทฟ่ี งั ทง้ั เปน็ ความรแู้ ละความบนั เทงิ (P)
- นกั เรยี นมสี ว่ นรว่ มแสดงความคดิ เหน็ และความรสู้ ึกจากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู (P)
- นกั เรยี นสามารถทดลองพดู สอ่ื สารไดต้ ามวตั ถปุ ระสงคไ์ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
- นักเรียนสามารถนำการพูดสื่อสารไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ตามความเหมาสมของเวลา สถานที่ และ

บุคคล (P)
- นกั เรยี นสามารถนำมารยาทในการฟงั การดแู ละการพดู ไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ (P)
- นกั เรยี นสามารถนำเสนอการเขยี นพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ตแ์ ละเลขไทยไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
- นกั เรยี นสามารถนำการเขยี นพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ตแ์ ละเลขไทยไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ (P)
- นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั กิ ารเขยี นสะกดคำ และบอกความหมายของคำไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
- นกั เรยี นสามารถนำไปใชเ้ ขยี นสะกดคำ และบอกความหมายไดใ้ นชวี ติ ประจำวนั (P)
- นกั เรยี นสามารถประยกุ ต์ เรียบเรยี งคำเปน็ ประโยคไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
- นกั เรยี นสามารถเรยี บเรยี งคำเปน็ ประโยคนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ (P)
- นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั เิ รยี บเรยี งคำไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
- นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ติ อ่ คำคลอ้ งจองไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง(P)
- นักเรียนมีส่วนร่วมบอกข้อคิดที่ได้จากการอ่านหรือฟังวรรณกรรมร้อยแก้วและร้อยกรองสำหรับเด็ก

(P)
- นกั เรยี นปฏบิ ตั ทิ อ่ งจำบทอาขยานตามทีก่ ำหนดและบทรอ้ ยกรองตามความสนใจไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P)

๒.๓ ด้านจติ พสิ ยั (A)
- นกั เรยี นเหน็ คณุ คา่ ของการอา่ นคำ คำคลอ้ งจอง และขอ้ ความสน้ั ๆ (A)
- นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั กบั ความหมายของคำ และขอ้ ความทีอ่ า่ น (A)
- นกั เรยี นใหค้ วามสำคัญเก่ียวกบั คำถาม และคำตอบ (A)
- นกั เรยี นใหค้ วามสำคัญในการอา่ นจบั ใจความจากเรือ่ งทอ่ี า่ น (A)
- นกั เรยี นไดใ้ ชค้ วามคดิ จนิ ตนาการในการคาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเรอ่ื งทอ่ี า่ น (A)
- นกั เรยี นเหน็ คณุ คา่ และใหค้ วามสำคญั กบั หนงั สอื (A)
- นกั เรยี นรู้จกั สังเกตในเรอ่ื งของเครือ่ งหมาย และสัญลกั ษณท์ ่พี บเจอ (A)
- นกั เรยี นมจี ติ สำนกึ คำนงึ ถงึ มารยาทในการอา่ น (A)
- นกั เรยี นเหน็ คณุ คา่ ในการเขยี นดว้ ยลายมอื ตวั บรรจง เตม็ บรรทดั (A)

10

- นกั เรยี นชน่ื ชอบการแตง่ ประโยค (A)
- นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของมารยาทในการเขียน (A)
- นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ตอ่ คำสง่ั ง่าย ๆ และปฏบิ ัตติ ามได้อย่างถกู ตอ้ ง (A)
- นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ในการตอบคำถาม (A)
- นกั เรยี นภมู ใิ จในการเลา่ เรอ่ื งทฟ่ี งั และดู (A)
- นกั เรยี นรู้จกั สังเกตในเรอ่ื งของเครอ่ื งหมาย และสญั ลกั ษณท์ ่ีพบเจอ (A)
- นกั เรยี นเหน็ คณุ คา่ ทัง้ ทเ่ี ปน็ ความรแู้ ละความบนั เทงิ (A)
- นกั เรยี นเหน็ ประโยชนข์ องการพดู แสดงความคดิ เหน็ และความรสู้ ึกจากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู (A)
- นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ตอ่ การพดู แสดงความคดิ เหน็ และความรสู้ ึกจากเรอ่ื งทฟ่ี งั และดู (A)
- นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของการพดู สอ่ื สารได้ตามวัตถุประสงค์ (A)
- นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของมารยาทในการฟงั การดแู ละการพดู (A)
- นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั กบั ความหมายของคำ (A)
- นกั เรยี นเหน็ ประโยชนข์ องการเขยี นสะกดคำ (A)
- นกั เรยี นเหน็ ประโยชนข์ องการเรยี บเรยี งคำเปน็ ประโยค (A)
- นกั เรยี นภมู ใิ จในการเรยี บเรยี งคำเปน็ ประโยคได้ (A)
- นกั เรยี นเหน็ ประโยชนข์ องการตอ่ คำคลอ้ งจอง (A)
- นกั เรยี นเหน็ ประโยชนข์ อ้ คดิ ไดท้ ีไ่ ดจ้ ากการอา่ นหรอื ฟงั วรรณกรรมร้อยแกว้ รอ้ ยกรองสำหรบั เดก็ (A)
- นกั เรยี นเหน็ ประโยชน์การทอ่ งจำบทอาขยานรอ้ ยแก้วและบทร้อยกรอง (A)

คำอธบิ ายรายวิชา

การอา่ นออกเสียงคำ คำคลอ้ งจอง และข้อความส้นั ๆ คำท่มี ีรูปวรรณยกุ ต์ และไมม่ รี ปู วรรณยุกต์
คำท่ีมตี วั สะกดตรงตามมาตรา และไมต่ รงตามมาตรา คำทม่ี ีพยญั าชนะควบกล้ำ คำที่มอี กั ษรนำ การ
บอกความหมายของคำ และขอ้ ความท่อี ่านคำทใี่ ชใ้ นชีวิตประจำวันไมน่ ้อยกว่า ๖๐๐ คำคำในข้อความที่
พบไดจ้ ากส่อื ทว่ั ไป พร้อมบอกความหมายการคิดวิเคราะห์ความหมายของคำ การแยกแยะสรุปข้อความท่ี
อา่ น การตอบคำถามเกี่ยวกบั เร่อื งทอี่ า่ นการอ่านจบั ใจความจากเร่ืองที่อา่ น การคดิ วิเคราะห์ เพอ่ื ตอบ
คำถาม และตั้งคำถามจากเร่ืองที่อา่ น การเลา่ เรอื่ งยอ่ จากเรอื่ งท่ีอ่าน การอ่านสรุปจับใจความสำคญั
จากเร่ืองทอ่ี ่าน

11

การสื่อสารภาษาในการเลา่ เร่ืองยอ่ การเรยี บเรียงเร่อื งราวให้เกดิ ความพอดตี อ่ การเล่าเร่ืองย่อจากเรื่องที่
อา่ น

การคาดคะเนเหตุการณ์จากเรอ่ื งทอ่ี ่าน เรือ่ งราวจากบทเรยี นในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ภาษาไทย ในการคาดคะเนจากเรื่องที่อา่ น การอา่ นหนงั สอื ตามความสนใจ หนังสือท่ีนกั เรยี นสนใจ และ
เหมาะสมกบั วยั

หนังสือที่ครู และนักเรียนกำหนดร่วมกัน การบอกความหมายของเครือ่ งหมาย หรือสัญลักษณส์ ำคัญที่มกั
พบเห็นในชีวิตประจำวัน การรู้ความหมายของสัญลักษณ์ที่พบเจอในชีวิตประจำวัน การใช้เสียงนุ่มนวล
การไม่พูดสอดแทรกในขณะที่ผู้อื่นกำลังพูด การบอกและเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และเลขไทย
ท่องจำพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และเลขไทย เขียนคัดตัวอักษรพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และเลขไทย
การเขียนสะกดคำ และบอกความหมายของคำ หลักการแจกลูกสะกดคำ หลักการใช้มาตราและไม่ตรง
ตามมาตรา การเรียบเรียงคำเป็นประโยตคง่าย ๆ การแต่งประโยค การต่อคำคล้องจองง่าย ๆ คำคล้อง
จอง เครื่องหมายที่พบเจอในชีวิตประจำวัน การใช้มารยาทในการอ่าน ไม่อ่านเสียงดังรบกวนผู้อื่น ไม่
เล่นกันในขณะที่อ่าน ไม่ทำลายหนังสือ การคัดลายมือตัวบรรจง เต็มบรรทัด การเขียนตามรูปแบบตาม
ตัวอักษรไทย

การเขียนตัวบรรจง เต็มบรรทัด การเขียนสื่อด้วยคำ และประโยคง่าย ๆ การเขียนสะกด
คำพื้นฐานไม่น้อยกว่า ๖๐๐ คำ คำที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คำพื้นฐานในบทเรียน การมีมารยาทในการ
เขียน การเขียนให้อ่านง่าย สะอาด ไม่ขีดฆ่า การไม่ขีดเขียนในที่สาธารณะ การใช้ภาษาเขียนที่
เหมาะสมกับ เวลา สถานที่ และบุคคล การฟังคำแนะนำ คำสั่งง่าย ๆ และปฏิบัติตาม การตอบคําถาม
และเล่าเรื่องที่ฟงั และดทู ้ังที่เปน็ ความรแู้ ละความบนั เทงิ การสรปุ จากเรือ่ งทฟี่ งั และดทู ั้งท่ีเป็นความรู้หรือ
ความบันเทิง การนำเสนอเล่าเรื่องจากเรื่องที่ได้ดูและฟัง การวิเคราะห์ตอบคำถามจากเรื่องที่ดูและฟัง
การพูดแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกจากเรื่องที่ฟังและดู การอธิบายพูดแสดงความคิดเห็น การมี
ส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น การพูดสื่อสารได้ตามวัตถุประสงค์ การพูดสื่อสารในชีวิตประจำวัน การพูด
แนะนำตนเอง การกล่าวทักทาย การมีมารยาทในการฟัง การดูและการพูด การตั้งใจฟังตามองผู้พูด
การไม่รบกวนผู้อื่นขณะท่ีฟัง การไม่นำอาหาร หรือเครื่องดื่มไปรับประทานขณะทีฟ่ ัง การให้เกียรติผู้พดู
ด้วยการปรบมือ การไม่พูดแทรกขณะที่ฟัง การตั้งใจดู การไม่ส่งเสียงดัง หรือแสดงอาการรบกวนสมาธิ
ผู้อื่น การใช้ถ้อยคำและกิริยาที่สุภาพเหมาะสมกับกาลเทศะ การบอกข้อคิดที่ได้จากการอ่านหรือการ
ฟงั วรรณกรรมรอ้ ยแก้วและร้อยกรองสำหรับเด็ก วรรณคดีและวรรณกรรมในบทเรียน ท่องจำบทอาขยาน
ตามที่กำหนดและบทร้อยแก้ว

12

โครงสร้างรายวชิ า

รายวิชาภาษาไทย รหสั วชิ า ๑๑๑๐๑ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย

ช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔ จำนวน ๒๐๐ ช่วั โมง

หน่วยท่ี ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน เวลา(ชัว่ โมง)

การเรียนร้/ู ตวั ช้วี ดั

๑ เตรียมความพร้อม สร้างความคิด ๑๓

๑.๑ การฟงั คำแนะนำ คำสง่ั ง่าย ๆและปฏิบัตติ าม ท๓.๑ ป.๑/๑ ๓

๑.๒ การพูดแสดงความคดิ เห็นและความรสู้ กึ จากเร่ืองท่ีฟังและดู ท๓.๑ ป.๑/๓ ๓

๑.๓ การมีมารยาทในการฟงั การดูและการพูด ท๓.๑ ป.๑/๕ ๓

- การตั้งใจฟังตามองผ้พู ดู ไมร่ บกวนผอู้ น่ื ขณะทฟ่ี งั ๑
- การไมน่ ำอาหาร หรอื เคร่อื งดืม่ ไปรับประทานขณะทีฟ่ งั ๑
- การใหเ้ กยี รติผพู้ ดู ด้วยการปรบมือ ๑
- การไมพ่ ดู แทรกขณะท่ฟี งั และตั้งใจดู ๑

๒ อา่ นดี มีเพลนิ ท๑.๑ ป.๑/๑ ๑๔
๒.๑ การอา่ นออกเสยี งคำคล้องจอง ๓

-คำทม่ี รี ปู วรรณยุกต์ และไม่มีรูปวรรณยุกต์ ๓
-คำทมี่ ีตวั สะกดตรงตามมาตราและไมต่ รงตามมาตรา ๓
-คำท่ีมีพยัญาชนะควบกล้ำ ๓
-คำท่มี ีอกั ษรนำ

๓ อา่ นสนุก ปลกุ ความรู้ ท๔.๑ ป.๑/๒ ๑๘
ท๔.๑ ป.๑/๒
๓.๑ เขียนสะกดคำ ๓
- บอกความหมายของคำ ๒
- หลักการแจกลกู สะกดคำ ๒
- หลกั การใชม้ าตราและไมต่ รงตามมาตรา ๒

๓.๒ การเขยี นเรยี งคำประโยคง่าย ๆ ๓
-การแตง่ ประโยค ๓
-มารยาทในการอา่ น ๓

13

หนว่ ยที่ ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา(ชว่ั โมง)

๔ คำสนกุ สุดหรรษา การเรียนรู้/ตัวชี้วดั
๔.๑ การบอกความหมายของคำ และคำท่ีใชใ้ นชวี ิตประจำวนั
๑๑
-คำในขอ้ ความที่พบไดจ้ ากสอื่ ท่ัวไป
-การคิดวเิ คราะห์ความหมายของคำ ท๑.๑ ป.๑/๒ ๒
-การแยกแยะสรปุ ขอ้ ความทอ่ี ่าน






๔.๒ การคาดคะเนเหตกุ ารณ์จากเรือ่ งที่อ่าน ท๑.๑ ป.๑/๕ ๒
๓๒
๕ มาเล่นกันเถอะ ๓

๕.๑ ร้จู กั คำคล้อง ท๔.๑ ป.๑/๔ ๓

-การตอ่ คำคล้องจองงา่ ยๆ ๒

๕.๒ วรรณคดแี ละวรรณกรรมในบทเรียน ท๕.๑ ป.๑/๒ ๒

-ท่องจำบทอาขยานตามท่ีกำหนดและบทร้อยแกว้ ๒

๕.๓ การบอกข้อคิดที่ได้จากการอ่านหรือการฟังวรรณกรรมร้อยแก้วและร้อย ท๕.๑ ป.๑/๑ ๒

กรองสำหรับเดก็ ๔

-นิทาน ๑๐

- เร่ืองสั้น ๆ ๒

-ปรศิ นาคำทาย ๒

-บทร้องเลน่ ๒

-บทอาขยาน

-บทร้อยกรอง

๕.๔ การนำเสนอเล่าเร่อื งจากเรอื่ งทไี่ ด้ดูและฟัง ท๓.๑ ป.๑/๒

-การวเิ คราะห์ตอบคำถามจากเร่อื งทด่ี แู ละฟัง

๖ รจู้ ักคำ นำเร่ือง

๖.๑ การเขียนสอื่ ดว้ ยคำ ท๒.๑ ป.๑/๒
-การเขยี นสะกดคำพื้นฐาน
-คำที่ใช้ในชีวิตประจำวนั
-คำพื้นฐานในบทเรียน
-ประโยคงา่ ยๆ
สอบกลางภาค

14

หนว่ ยที่ ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา(ช่วั โมง)
การเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด
๗ เขียนไทย พาเพลิน
๗.๑ การคัดลายมือตัวบรรจง เต็มบรรทดั ๑๒

-การเขยี นตามรูปแบบตามตวั อักษรไทย ท๒.๑ ป.๑/๑ ๖
๘ มารยาท งามเด่น ๖
๘.๑ การมมี ารยาทในการเขยี น ๑๘

-การเขียนใหอ้ ่านงา่ ยสะอาดไมข่ ดี ฆา่ ท๒.๑ ป.๑/๓ ๕
-การไม่ขีดเขียนในทสี่ าธารณะ ๕
-การใชภ้ าษาเขียนท่ีเหมาะสมกับเวลาสถานท่ี และบคุ คล ๓
๙ คำถาม -ถามตอบ ๕
๙.๑ การตอบคำถามเกย่ี วกับเรื่องท่ีอ่าน ๒๘
-การอา่ นจับใจความจากเรอื่ งท่ีอ่าน
-การคดิ วิเคราะห์ เพ่อื ตอบคำถาม และต้งั คำถามจากเรอื่ งท่ีอ่าน ท๑.๑ ป.๑/๓ ๒

๙.๒ การเล่าเร่ืองย่อจากเรื่องท่ีอ่าน ๓
-การสอื่ สารภาษาในการเลา่ เรอื่ งยอ่
-การเรยี บเรียงเรือ่ งราวใหเ้ กิดความพอดตี อ่ การเล่าเร่ืองย่อ ท๑.๑ ป.๑/๔ ๓

๙.๓ การตอบคําถามและเล่าเรื่องทีฟ่ ัง ๓
-การให้ดหู รอื ฟังนิทาน
-การให้ดูหรอื ฟังการ์ตนู ท๓.๑ ป.๑/๒ ๒
-การให้ดหู รอื ฟังสารคดี ๒
-การตั้งคำถามและตอบคำถามจากเร่อื งทด่ี หู รอื ฟงั ๒

๑๐ พดู ดี ชีวิตสดใส ๒
๑๐.๑ การพดู สอ่ื สารในชีวิตประจำวนั
ท๓.๑ ป.๑/๔ ๑๕
- การแนะนำตนเอง ท๑.๑ ป.๑/๗
-การกลา่ วคำทกั ทาย ๕
๑๑ สญั ลกั ษณ์ มกั ตอ้ งจำ ๕

๑๑.๑ การรคู้ วามหมายของสัญลักษณท์ ีพ่ บเจอในชีวิตประจำวนั ๑๐



15

หน่วยท่ี ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน เวลา(ชวั่ โมง)
การเรยี นรู้/ตวั ชว้ี ัด
-การจดจำเครอื่ งหมายท่ีพบเจอในชีวิตประจำวนั
๑๒ หลกั ภาษา มาเรยี นกนั เถอะ ๔
๑๕
๑๒.๑ การบอกและเขียนพยัญชนะสระวรรณยุกตแ์ ละเลขไทย
-ท่องจำพยญั ชนะสระวรรณยกุ ต์และเลขไทย ท๔.๑ ป.๑/๑ ๖
-เขยี นคดั ตวั อกั ษรพยัญชนะสระวรรณยกุ ต์และเลขไทย ๕
สอบปลายภาค ๔
รวม ๒

๒๐๐

16

แผนการจดั การเรยี นรู้ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๔
เวล ๑๐.ชั่วโมง
สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รายวิชาภาษาไทย
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๑
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๑ เรอ่ื ง รู้จักคำ นำเรื่อง

๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขยี นเขยี นสอื่ สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี น
เรื่องราวใน รูปแบบต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ ควา้ อย่าง มี
ประสทิ ธิภาพ
ตัวช้วี ดั
ท ๒.๑ ป.๑/๒ เขียนส่ือดว้ ยคำและประโยคงา่ ย ๆ

๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

ดา้ นความรู้ (K)
- นกั เรยี นบอกการเขยี นสอ่ื ดว้ ยคำ และประโยคงา่ ย ๆ ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และตรงตามหลกั

โครงสรา้ งของภาษาไทย (K)

ดา้ นทกั ษะ (P)

- นกั เรยี นประยกุ ต์ เขยี นสือ่ ดว้ ยคำ และประโยคงา่ ย ๆ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง (P)
- นกั เรยี นสามารถนำสอ่ื คำและประโยคไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ยา่ งดี (P)

ดา้ นจติ พิสัย (A)

- นกั เรยี นชน่ื ชอบการแตง่ ประโยค (A)
๓. สาระสำคัญ

การเขยี นสื่อสารเป็นทกั ษะทจ่ี ำเป็นตอ่ การรับร้ขู อ้ มลู จากผสู้ ง่ สาร และผูร้ บั สาร ในชวี ติ ประจำวัน
และในขณะทเ่ี ขยี นจะต้องสื่อสารด้วยประโยคทีม่ ีความเขา้ ใจง่าย ไมซ่ ับซ้อน ใหเ้ หมาะสมกบั ชว่ งวัยนนั้ ๆ
นำความรู้ทีไ่ ดไ้ ปใช้เป็นทกั ษะใหเ้ กิดประโยชน์ ดังนน้ั ผู้เรยี นควรฝกึ ทกั ษะการเขียนสอ่ื สารได้อย่างถูกตอ้ ง
เพื่อนำไปสู่การเขยี นสะกดคำพน้ื ฐาน และคำทใี่ ชใ้ นชีวิตประจำวันด้วยประโยคงา่ ย ๆ

17

๔. สาระการเรียนรู้
การเขยี นสอ่ื ด้วยคำ และประโยคงา่ ย ๆ การเขียนสะกดคำพื้นฐาน คำทใ่ี ชใ้ น

ชีวิตประจำวนั คำพ้ืนฐานในบทเรยี น ประโยคงา่ ย ๆ

๕. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรยี นร้นู ้)ี
 ความสามารถในการสอ่ื สาร
 ความสามารถในการคดิ
 ความสามารถในการแก้ปญั หา
 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
๖. ทักษะของผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จดุ เน้นสู่การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี น)
 ทักษะการอา่ น (Reading)
 ทักษะการ เขียน (Writing)
 ทักษะการ คดิ คำนวณ (Arithmetic)
 ทกั ษะด้านการคิดอย่างมวี จิ ารณญาณและทักษะในการแก้ปญั หา (Critical thinking and
problem solving)
 ทักษะด้านการสรา้ งสรรคแ์ ละนวัตกรรม (Creativity and innovation)
 ทักษะด้านความร่วมมอื การทำงานเป็นทีม และภาวะผ้นู ำ (Collaboration , teamwork
and leadership)
 ทกั ษะดา้ นความเขา้ ใจต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)
 ทักษะด้าน การส่ือสาร สารสนเทศ และรู้เทา่ ทนั สอ่ื (Communication information and
media literacy)
 ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing)
 ทกั ษะอาชีพและทักษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change)
 ทกั ษะการเปลยี่ นแปลง (Change)
 ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
 ภาวะผนู้ ำ (Leadership)

18

๗. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน ( หลกั ฐาน / ร่องรอยแสดงความรู้ )

- ใบงานเขียนบอกความรจู้ ากเรือ่ งท่เี รยี นพอสังเขป ด้วยคำและประโยคงา่ ย ๆ โดยกำหนดโจทย์
มาให้จากครผู สู้ อน
- ใบงานการเขยี นสะกดคำพ้ืนฐาน จากโจทย์ท่คี รูผู้สอนกำหนดให้
- ใบงานจบั คูเ่ ติมคำใหเ้ กดิ ประโยคงา่ ย ๆ
- ใบงานทดสอบการใช้ประโยคในชีวิตประจำวันของนกั เรยี น
- ใบงานการแต่งประโยคง่าย ๆ ด้วยตนเอง

๘. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

หนว่ ยย่อยท่ี ๑ เรอ่ื ง การเขียนสื่อด้วยคำ และประโยค
ชั่วโมงที่ ๑-๒ (ใชร้ ูปแบบการเรยี นรู้ การสอนแบบถามตอบ )

ขน้ั ที่ ๑. แนะนำกจิ กรรม

๑. ครกู ล่าวทักทายนกั เรียน พร้อมกำหนดหวั ขอ้ การเรยี นและจุดประสงค์การเรียนรู้
และข้ันตอนการเรียน

๒. กำหนดหวั ข้อการเรยี นเปน็ หวั ขอ้ ย่อย ๆ บอกประโยชน์ที่จะได้รบั ในการเรยี น
ข้ันท่ี ๒. ศึกษาความรู้

๓. ให้นักเรียนหาคำท่ีพบตามสอื่ ประเภทต่าง ๆ ทค่ี รผู ู้สอนจัดเตรียมใหใ้ นห้องเรียน

ขัน้ ที่ ๓. วางแผน
๔. ครูสอนให้นักเรียนรจู้ กั คำและการเรียงประโยคทีถ่ ูกตอ้ ง โดยการถามตอบ

ขั้นท่ี ๔. ดำเนนิ การถามตอบ
๕. ให้นักเรียนบอกความหมายของคำโดยการถามตอบ
๖. ใหน้ ักเรียนตงั้ คำถาม เพื่อถามครูผู้สอนให้เกิดความรู้เพม่ิ เติมแกต่ ัวนักเรียน
๗. ครูผ้สู อนตั้งคำถาม เพื่อถามนกั เรยี น

ขั้นที่ ๕. ทบทวนและสรุปความรู้
๘. ถามคำถามเพอ่ื ทบทวนความร้นู ักเรียนในเร่อื งที่เรียน
๙. ใหน้ ักเรยี นสรปุ สงิ่ ท่ไี ด้เรียนในหน่วยยอ่ ยนี้

19

ขน้ั ที่ ๖.กิจกรรมสร้างสรรค์
๑๐.ใบงานจับคูค่ ำ ให้เกดิ ประโยคง่าย ๆ

หน่วยยอ่ ยที่ ๒ เร่ือง การเขียนสะกดคำพนื้ ฐาน
ช่ัวโมงท่ี ๑-๒ ( ใช้รปู แบบการเรยี นรู้ แบบบรู ณาการ )
ขั้นท่ี ๑. สรา้ งองค์ความรู้
๑. ครูผสู้ อนอธบิ ายสว่ นของเนอื้ หาการเขียนสะกดคำ ให้นักเรียนได้มีองค์ความรู้
กอ่ นจะปฏบิ ตั ใิ นการเขยี นสะกดคำขนั้ พื้นฐาน
๒. ครผู ู้สอนเสริมสรา้ งวิธีการเขียนสะกดคำ เพ่อื เปน็ ความรู้และใหน้ ักเรียนได้เห็น
ภาพของการเขยี นสะกดคำไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
ขน้ั ท่ี ๒. เชื่อมโยงประสบการณ์
๓. ให้นักเรยี นนำคำศัพท์งา่ ย ๆ ท่ีใช้หรือเคยพบเจอในความรเู้ ดมิ มาเขยี นสะกดคำ
พ้นื ฐานใหไ้ ด้ถกู ตอ้ ง และถูกวิธี
ขน้ั ที่ ๓. เสริมสร้างทกั ษะ
๔. สอนใหน้ กั เรียนเขยี นสะกดคำ และลงมอื ปฏิบัติด้วยตนเอง
ข้นั ที่ ๔. แสวงหาคำตอบ
๕. ครผู สู้ อนถามคำถามเกย่ี วกับการสะกดคำ โดยการถามตอบ เพอ่ื ใหน้ ักเรียนได้มี

ความกระตือรือร้นในการแสวงหาคำตอบจากคำถามของครู
ขนั้ ท่ี ๕. ตดั สนิ ใจและลงมือทำ
๔. ครูผ้สู อนสรา้ งโจทยค์ ำถามเกยี่ วกับการสะกดคำ ให้นกั เรียนไดค้ ดิ คน้ หา
คำตอบ เพ่อื นำมาแก้ปัญหาจากโจทยท์ ีค่ รผู ู้สอนมอบหมายให้ โดยการจบั
กลุ่ม ๒-๓ คน เพ่อื ชว่ ยกนั หาคำตอบ หรือแสดงวิธีทำจากโจทยท์ ไ่ี ด้รบั และ
ลงมอื ทำ

20

หน่วยยอ่ ยที่ ๓ เรอื่ ง คำที่ใชใ้ นชีวิตประจำวัน

ช่วั โมงที่ ๑-๒ ( ใช้รูปแบบการเรยี นรู้แบบสาธิต)

ขั้นท่ี ๑ ขัน้ เตรียมการสอน

๑. การอภิปายแนะแนวการใชค้ ำในชวี ติ ประจำวันว่าสำคัญ และมีประโยชนอ์ ย่างไร
๒. การแนะนำวธิ ีการใช้คำท่ใี ชใ้ นชีวิตประจำวันอยา่ งเหมาะสม และคูค่ วรกบั วยั
๓. การนำเข้าสู่บทเรยี น เนอ้ื หาท่ีจะสอน

ขน้ั ท่ี ๒ ขนั้ สาธติ

๔. การนำคำทีเ่ หมาะสมกบั การใช้คำในชวี ิตประจำวัน เพอ่ื เหมาะสมกับวยั ให้
นกั เรยี นไดเ้ รยี นรู้ และสามารถนำไปใชไ้ ดใ้ นการดำเนนิ ชีวติ อย่างถกู ตอ้ ง และ
เหมาะสม

ขั้นท่ี ๓ ขน้ั สรปุ

๕. นกั เรยี นสามารถสรปุ การเรยี นการสอนของครผู สู้ อนเกย่ี วกบั การใชค้ ำใน
ชีวติ ประจำวันได้ และใช้คำได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม

ขนั้ ที่ ๔ ข้ันวดั และประเมนิ ผล

๖. นกั เรยี นสามารถอภปิ ายการใชค้ ำในชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และถูกวธิ ี
๗. นกั เรยี นใชค้ ำไดอ้ ยา่ งเหมาะสม และเปน็ ประโยชนแ์ ก่การนำไปใชด้ ำเนนิ ชวี ติ

ของนกั เรยี นได้จรงิ

หนว่ ยย่อยที่ ๔ เรื่อง คำพน้ื ฐานในบทเรยี น

ชวั่ โมงที่ ๑-๒ ( ใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบถามตอบ )

ข้ันที่ ๑. แนะนำกิจกรรม

๑. การอภิปายถงึ เนือ้ หาท่ีจะสอนอย่างละเอียด และเข้าใจง่าย
๒. บอกประโยชน์ของตวั เนอ้ื หาที่จะเรยี นให้แกน่ ักเรียนไดท้ ราบวา่ ส่งิ ทเ่ี รยี นนนั้

สำคญั อย่างไร
๓. การนำเข้าสู่เนื้อหาคำพน้ื ฐานในบทเรียน

21

ขนั้ ที่ ๒. ศึกษาความรู้

๔. การยกตัวอย่างคำในบทเรียนมาสอนเพ่อื ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจถงึ คำพ้ืนฐานต่าง ๆ
ทตี่ ้องพบเจอในบทเรียน และสามารถตอ่ ยอดได้

๕. การเพ่มิ เติมความรรู้ อบตวั นอกเหนอื จากคำที่พบในบทเรียน และรวบไปถงึ
คำทีพ่ บเจอในชวี ิตประจำวนั

ขัน้ ท่ี ๓. วางแผน
๖. การคิดและต้งั คำถามของครผู สู้ อนใหส้ อดคล้องและเชื่อมโยงกับเน้อื หาท่ีสอน
๗. ครูผู้สอนคิดกจิ กรรมทีน่ ักเรียนสามารถเรยี นรูแ้ ละเข้าใจงา่ ย เหมาะสมกับวยั
และตรงเนื้อหาท่สี อน เพอ่ื ไม่ใหน้ กั เรยี นเกิดความสับสน

ขน้ั ท่ี ๔. ดำเนนิ การถามตอบ
๘. การต้งั คำถามใหก้ ับนักเรียนตอบ ใหต้ รงกับเนื้อคำพนื้ ฐานในบทเรยี น
๙. การให้นักเรียนตั้งคำถามที่จะถามครผู ้สู อน ให้นักเรียนไดค้ วามรู้ใหม่และความ
เข้าใจมากย่ิงขึน้ โดยผา่ นกระบวนการคิด วเิ คราะห์ และพฒั นาสติปญั ญาของ
เดก็ วัยเจริญปญั ญา และต่อยอดไดใ้ นระดับชนั้ ตอ่ ไป

ขั้นท่ี ๕. ทบทวนและสรปุ ความรู้
๑๐. ครูผสู้ อนสามารถทบทวนความรจู้ ากที่เรียนไดโ้ ดยการถามตอบของครูและ
นกั เรยี นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งชดั เจน
๑๑. นกั เรยี นสามารถยกตวั อยา่ งคำพน้ื ฐานทพ่ี บในบทเรยี นได้

ข้นั ที่ ๖.กิจกรรมสรา้ งสรรค์

๑๒.การยกมือตอบคำถาม โดยการนำของรางวัลมาเปน็ แรงบวกใหก้ ับนักเรียน
และสรา้ งสีสนั ให้การจัดกจิ กรรมในห้องเรยี นของครแู ละนักเรียน เปน็ ไปอยา่ ง
สนกุ สนาน

๑๓.ใบงานทดสอบหลงั เรียนเกี่ยวกบั คำพ้นื ฐานที่พบในบทเรียน

หน่วยย่อยที่ ๕ เรอื่ ง ประโยคง่าย ๆ

ชั่วโมงท่ี ๑-๒ ( ใช้รปู แบบการเรียนรแู้ บบสาธติ )

ขน้ั ที่ ๑ ข้นั เตรียมการสอน

22

๑. การแนะแนวการใชป้ ระโยค วา่ สำคญั และมปี ระโยชน์อย่างไรตอ่ การเรียน หรอื
การนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันเพื่อการสอ่ื สารไดม้ ากน้อยเพียงใด

๒. เตรยี มเนื้อหาอปุ กรณท์ จี่ ะนำมาอธิบาย สอน หรือสาธติ ให้นักเรยี นไดเ้ รยี นรู้
และทำตาม เกย่ี วกบั ประโยคงา่ ย ๆ ทจี่ ะเรมิ่ เรียน

ขัน้ ท่ี ๒ ข้นั สาธติ
๔. การยกตวั อย่างสาธิตการสร้างประโยคงา่ ย ๆ เพ่ือนำไปใช้ใหเ้ กิดความหมาย
หรอื ใชส้ ่ือความหมายไดถ้ กู ต้องและชัดเจน
๕. การแสดงตัวอย่างให้ดูจากบนกระดาน หรอื Projector ให้นกั เรยี นไดเ้ ห็นถึงรูป
ประโยคทชี่ ัดเจน

ขนั้ ที่ ๓ ขัน้ สรุป
๖. นกั เรยี นสามารถคดิ และแต่งประโยคง่าย ๆ ได้ถกู ต้องตามหลักไวยกรณ์
๗. นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความหมายของประโยคท่ีแตง่ เองไดอ้ ยา่ งชดั เจน

ขนั้ ที่ ๔ ขน้ั วัดและประเมนิ ผล
๘. นกั เรียนสามารถนำเร่อื งที่เรียนไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ในชวี ติ ประจำวนั ได้ถกู ตอ้ ง
๙. นกั เรยี นสามารถสือ่ สารไดอ้ ยา่ งเขา้ ใจในประโยคงา่ ย ๆ
๑๐.นกั เรยี นสามารถทำแบบทดาอบ และขอ้ สอบไดค้ ะแนนท่ีผา่ นเกณฑ์

๙.ส่อื การสอน
๑. หนังสอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐานภาษาไทย
๒. สื่อประกอบการเรียนการสอน power point
๓. ใบงานทดสอบความรู้ วดั ความสามารถ
๔. VDO หรือสื่อภาพประกอบ ตา่ ง ๆ

๑๐. แหลง่ เรียนรูใ้ นหรือนอกสถานที่

23

- อินเทอร์เน็ต วธิ วี ดั เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การให้ เกณฑก์ ารประเมิน
- หอ้ งสมุด คะแนน

๑๑. การวัดและประเมนิ ผล

จุดประสงค์การเรียนรู้
หรือส่งิ ทตี่ อ้ งการจะวดั และ

ประเมินผล

๑.นกั เรียนบอกการเขยี นสื่อดว้ ยคำ ตรวจใบงาน ใบงาน คะแนน๑๖-๒๐ ดมี าก
และประโยคง่ายๆได้อยา่ งถกู ต้อง ตรวจใบงาน ดี
และตรงตามหลักโครงสรา้ งของ ตรวจใบงาน เขียนบอกความรู้ คะแนน๑๑-๑๕ พอใช้
ภาษาไทย ปรบั ปรุง
จากทเี่ รยี นพอ คะแนน๖-๑๐ (ผา่ นเกณฑ์ระดับดี
๒.นักเรียนเขยี นสะกดคำพน้ื ฐานได้ ขน้ึ ไป)
อย่างถกู ต้อง สังเขปดว้ ยคำและ คะแนน๐-๕
ดมี าก
๓.นกั เรยี นประยุกตเ์ ขยี นสื่อดว้ ยคำ ประโยคง่าย ๆ ตาม ดี
และประโยคง่าย ๆ ได้อย่างถูกต้อง พอใช้
โครงสรา้ งโดยมี ปรบั ปรุง
(ผา่ นเกณฑ์ระดับดี
โจทย์มาใหจ้ าก ขึ้นไป)

ครผู ู้สอน ดีมาก
ดี
ใบงาน คะแนน๑๖-๒๐ พอใช้
ปรบั ปรุง
เขียนสะกดคำตาม คะแนน๑๑-๑๕ (ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี
ขึ้นไป)
โจทยท์ ีผ่ ู้สอน คะแนน๖-๑๐

กำหนดให้ คะแนน ๐-๕

ใบงาน คะแนน ๑๖-๒๐
จบั คู่คำเติมคำให้ คะแนน ๑๑-๑๕
เกิดประโยคงา่ ยๆ คะแนน ๖-๑๐
คะแนน ๐-๕

24

๔.นักเรยี นสามารถนำสือ่ คำและ ตรวจใบงาน ใบงาน คะแนน๑๖-๒๐ ดีมาก
ประโยคไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้ ตรวจใบงาน ทดสอบการใช้ คะแนน๑๑-๑๕ ดี
อยา่ งดี ประโยคใน คะแนน๖-๑๐ พอใช้
ชวี ิตประจำวนั ของ คะแนน๐-๕ ปรบั ปรุง
๕.นกั เรียนชื่นชอบการแตง่ ประโยค (ผา่ นเกณฑ์ระดับดี
นกั เรียน ขน้ึ ไป)

ใบงาน คะแนน๑๖-๒๐ ดีมาก
การแต่งประโยคง่าย คะแนน๑๑-๑๕ ดี
พอใช้
ๆด้วยตนเอง คะแนน๖-๑๐ ปรับปรุง
คะแนน ๐-๕ (ผา่ นเกณฑร์ ะดับดี
ขน้ึ ไป)

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน วิธวี ัด เครือ่ งมือวดั เกณฑ์การให้ เกณฑ์การประเมิน

(ตามหัวขอ้ ท่ี ๕) คะแนน

๑. ความสามารถในการสื่อสาร สังเกตสมรรถนะ แบบสงั เกต ตารางเกณฑ์การให้ ผา่ นเกณฑ์ตั้งแต่
ความสามารถในการ พฤติกรรมแบบกลุ่ม คะแนนสมรรถนะ ระดบั ปานกลางข้ึน

สือ่ สาร ของผู้เรียน ไป

๒. ความสามารถในการคิด สังเกตสมรรถนะ แบบสังเกต ตารางเกณฑ์การให้ ผ่านเกณฑ์ตง้ั แต่
ความสามารถในการ พฤตกิ รรมแบบกลุ่ม คะแนนสมรรถนะ ระดบั ปานกลางขึ้น

คิด ของผ้เู รียน ไป

25

๓.ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต สงั เกตสมรรถนะ แบบสงั เกต ตารางเกณฑ์การให้ ผา่ นเกณฑ์ต้งั แต่

ความสามารถในการ พฤตกิ รรมแบบกลมุ่ คะแนนสมรรถนะ ระดบั ปานกลางข้ึน

ใชท้ ักษะชวี ิต ของผู้เรียน ไป

ทกั ษะของผเู้ รียนในศตวรรษท่ี ๒๑ วธิ ีวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ารให้ เกณฑก์ ารประเมิน
(ตามหัวขอ้ ท่ี ๖) คะแนน
สังเกตพฤตกิ รรม การสงั เกต
๑.ทกั ษะการเขยี น ทกั ษะการเขยี น พฤติกรรมแบบ เกณฑก์ ารให้ ผ่านเกณฑ์ต้งั แต่
คะแนนทักษะของ ระดบั ปานกลางขึ้น
กลมุ่ ผ้เู รยี นในศตวรรษท่ี ไป

๒๑

๒.ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมี สังเกตพฤตกิ รรม การสังเกต เกณฑ์การให้ ผ่านเกณฑ์ต้ังแต่
วจิ ารณญาณและทักษะในการ ทักษะการคิดอย่าง พฤตกิ รรมแบบ คะแนนทกั ษะของ ระดบั ปานกลางขึ้น
แกป้ ัญหา มีวิจารณญาณและ ผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี ไป
กลุ่ม
ทักษะในการ ๒๑
แกป้ ัญหา

๓.ทกั ษะด้านการส่ือสาร สังเกตพฤติกรรม สงั เกตพฤติกรรม เกณฑ์การให้ ผ่านเกณฑ์ตัง้ แต่
สารสนเทศ และรู้เท่าทันสือ่ ทักษะ การสื่อสาร แบบกลมุ่ คะแนนทกั ษะของ ระดับปานกลางข้ึน
ผเู้ รียนในศตวรรษท่ี ไป

๒๑

26

๔.ทกั ษะการเรยี นรู้ สังเกตพฤตกิ รรม สงั เกตพฤตกิ รรม เกณฑก์ ารให้ ผ่านเกณฑ์ตัง้ แต่
ทักษะการเรียนรู้ แบบกล่มุ คะแนนทักษะของ ระดับปานกลางข้ึน
ผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี ไป

๒๑

เกณฑ์ใหค้ ะแนน ระดับคุณภาพ
ดมี าก
คะแนน ดี
๑๖ – ๒๐ พอใช้
๑๑ – ๑๕ ปรับปรงุ
๖ - ๑๐
๐-๕

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนส่ิงทตี่ อ้ งการจะวัดและประเมินผล

ประเมนิ ๔ (ดีมาก) คะแนน ๑(ปรบั ปรุง)
เน้ือหาสาระมีความ ๓(ด)ี ๒(พอใช้) เนือ้ หาสาระไมม่ ี
๑.ชนิ้ งานมคี วาม ถูกตอ้ งครบถ้วน เนอื้ หาสาระส่วนใหญ่ เนอื้ หาสาระมีความ
ถกู ต้อง สมบูรณ์ทั้งหมด มีความถูกตอ้ ง ถกู ตอ้ งบางส่วน ถกู ต้อง

๒.ชน้ิ งานสอดคล้อง ชนิ้ งานมีความ ชิ้นงานส่วนใหญ่มี ช้ินงานบางสว่ นมี ชนิ้ งานไมม่ คี วาม
กับจดุ ประสงคข์ อง ถูกตอ้ งและ ความสอดคลอ้ งกับ ความสอดคล้องกับ สอดคล้องกับเร่อื งท่ี
สอดคล้อง จดุ ประสงคท์ ่เี รยี น เนอ้ื หาท่เี รียน
ครูผู้สอน จุดประสงค์กับ เรียน
เนือ้ หาทเี่ รียน
ทั้งหมด

27

๓.ชิน้ งานมคี วาม ชน้ิ งานมคี วามเป็น ชิ้นงานบางสว่ นมี ชนิ้ งานมีความเปน็ ชิ้นงานไมม่ ีความเปน็
เป็นระเบียบ ระเบียบเรยี บร้อยดี ความเปน็ ระเบียบ ระเบียบเรยี บร้อย ระเบียบเรยี บร้อย
เรยี บร้อย
มาก เรียบร้อย บางสว่ นมี สง่ งานล่าชา้ เกนิ วนั
๔.สง่ งานตรงเวลาท่ี ขอ้ บกพรอ่ ง เวลาทก่ี ำหนด๕วนั
กำหนด สง่ งานตรงตามเวลาท่ี ส่งงานล่าช้า ส่งงานล่าชา้
กำหนด ๑ - ๒ วนั ๓ – ๔ วนั เปน็ ต้นไป

เกณฑ์การใหค้ ะแนนสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

พฤตกิ รรมบง่ ชี้ คะแนน

๕(ดมี าก) ๔(ด)ี ๓(ปานกลาง) ๒(พอใช)้ ๑(ปรับปรุง)

๑. ความสามารถ มคี วามสามรถใน มคี วามสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ
ในการสื่อสาร การส่ือสารท่ี ในการสอื่ สารได้ ในการส่อื สารใน ในการสือ่ สารโดย ในการสื่อสารท่ี
สอ่ื สารออกมาได้ ดี ระดับที่ปาน มขี ้อบกพร่อง น้อยในระดับท่ี
อยา่ งชัดเจน
ถกู ต้องตรง กลาง เล็กนอ้ ย อ่อนมาก
ประเด็นครบถ้วน

๒. ความสามารถ มคี วามคิดทีด่ ี มีความคดิ ที่ดี มีความคิดท่ดี ี มคี วามคดิ ท่ดี ี ไมม่ ีความคิดที่ดี
ในการคิด และความคดิ และความคิด และความคดิ และความคดิ และความคดิ
สรา้ งสรรค์อยา่ ง สร้างสรรคด์ ี สร้างสรรค์ใน สร้างสรรค์โดยมี สรา้ งสรรค์ท่ี
ระดบั ปานกลาง ข้อบกพรอ่ งใน อ่อนกว่าในชว่ ง
ดเี ยี่ยม การคิดบางสว่ น วยั เดยี วกัน

๓. ความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ
ในการใชท้ กั ษะ ในการตดั สนิ ใจ ในการตัดสินใจ ในการตัดสินใจ ในการตัดสนิ ใจ ในการตัดสนิ ใจ
ชวี ิต กล้าส่อื สารและ กลา้ สอื่ สารและ กลา้ ส่ือสารและ กล้าสื่อสารและ กลา้ ส่ือสารและ
สามารถแก้ไข สามารถแก้ไข สามารถแก้ไข สามารถแก้ไข สามารถแก้ไข
ปญั หาในเร่ือง ปัญหาในเรื่อง ปัญหาในเร่ือง ปัญหาในเรื่อง ปญั หาในเร่ือง
ของตนเองได้ดี
ของตนเองไดไ้ ม่ดี

28

ของตนเองได้ ของตนเองไดใ้ น ของตนเองได้
อยา่ งดีเยย่ี ม ระดบั ปานกลาง เล็กนอ้ ย

เกณฑ์การใหค้ ะแนนทักษะของผเู้ รยี นในศตวรรษที่ ๒๑

พฤติกรรมบง่ ช้ี คะแนน

๕(ดมี าก) ๔(ดี) ๓(ปานกลาง) ๒(พอใช)้ ๑(ปรบั ปรงุ )

๑.ทักษะการ มคี วามสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มคี วามสามารถ ไมม่ ี

เขียน ใชท้ ักษะการ ใชท้ กั ษะการ ใช้ทกั ษะการ ใช้ทักษะการ ความสามารถใช้

เขียนไดอ้ ย่างดี เขียนไดอ้ ย่างดี เขียนได้อยใู่ น เขียนดี โดยอาจ ทกั ษะการเขยี น

เยยี่ ม ระดับปานกลาง มีขอ้ บกพร่อง

เลก็ น้อย

๒.ทักษะดา้ น มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไมม่ ี

การคิดอย่างมี ในการคิดอย่างมี ในการคิดอย่างมี ในการคิดอย่างมี ในการคิดอย่างมี ความสามารถใน

วจิ ารณญาณและ วิจารณญาณและ วจิ ารณญาณและ วจิ ารณญาณและ วจิ ารณญาณและ การคดิ อย่างมี

ทกั ษะในการ ทักษะในการ ทักษะในการ ทักษะในการ ทกั ษะในการ วิจารณญาณและ

แก้ปญั หา แก้ปญั หาอย่างดี แกป้ ญั หาอย่างดี แก้ปัญหาอยูใ่ น แกป้ ัญหาได้ ทกั ษะในการ

เยย่ี ม ระดับปานกลาง เลก็ น้อย แก้ปญั หา

๓.ทักษะด้าน มคี วามสามารถ มคี วามสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ ไม่มี

การส่อื ใชท้ กั ษะดา้ น ใช้ทักษะดา้ น ใช้ทกั ษะด้าน ใช้ทักษะด้าน ความสามารถใน

สารสนเทศและ การส่อื การสอ่ื การสื่อ การสื่อ การใช้ทักษะด้าน

รเู้ ทา่ ทนั สื่อ สารสนเทศและ สารสนเทศและ สารสนเทศและ สารสนเทศและ การสือ่

รู้เท่าทนั สือ่ ได้ รู้เทา่ ทนั สื่อได้ รเู้ ท่าทนั สอื่ ไดใ้ น รู้เท่าทนั สือ่ ได้ สารสนเทศและ
อย่างดเี ย่ยี ม อยา่ งดี ระดบั ปานกลาง อ่อนกว่าเกณฑ์ รูเ้ ท่าทนั ส่ือ

๔.ทักษะการ มคี วามสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไมม่ ี
เรยี นรู้ ใช้ทักษะการ ใช้ทักษะการ ใชท้ ักษะการ ใชท้ ักษะการ ความสามารถใน

เรียนรไู้ ดอ้ ยากดี เรยี นรู้ได้อยากดี เรยี นรู้ได้ใน เรียนรทู้ ่ีออ่ น การใช้ทักษะการ

เย่ียม ระดบั ปานกลาง กวา่ เกณฑ์ เรยี นรู้

29

แบบสังเกตพฤติกรรมแบบกลุ่ม

กลมุ่ ท่ี.................................เรอื่ ง................................................................................................

สมาชิกในกลมุ่ ๑.)..................................................................................เลขท่ี...........................
๒.)...........................................................................................................เลขท่ี...........................
๓.)...........................................................................................................เลขท่.ี ..........................

ลำดับ พฤตกิ รรม ๓(สมำ่ เสมอ) คะแนน ๑ (น้อย)
๒ (บ่อยคร้ัง)
๑. มีสมาธิและความสนใจในการ
ทำงาน

๒. ความร่วมมือในการปฏบิ ัติงาน
๓. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
๔. กล้าแสดงออก
๕ มีความตรงต่อเวลา
๖. มพี ฤตกิ รรมทเ่ี หมาะสม

ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ
(..........................................................)

........../................................./..............
๑๒. กิจกรรมเสนอแนะ

...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
๑๓. บนั ทึกผลหลงั การสอน

สรุปผลการเรยี นการสอน
นกั เรยี นท้ังหมดจำนวน.....................คน

30

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ข้อท่ี จำนวนนักเรยี นทผี่ ่าน จำนวนนักเรียนท่ีไม่ผา่ น

จำนวนคน รอ้ ยละ จำนวนคน รอ้ ยละ







๑๕. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแกไ้ ข

...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
.
๑๖. ขอ้ เสนอแนะ

...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
.

ลงช่ือ........................................................................

()
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ .......................................

ลงช่ือ................................................................ หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้
()

ลงชอื่ .......................................................... รองผูอ้ ำนวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ
(………………………………………..)

31

ความเหน็ ของหวั หนา้ สถานศึกษา

ไดท้ ำการตรวจแผนการเรยี นรขู้ อง....................................................แลว้ มคี วามคดิ เหน็ ดงั นี้

๑. เปน็ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี

 ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง

๒. การจดั กิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้

 เนน้ ผเู้ รียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม

 ยังไมเ่ น้นผเู้ รียนเปน็ สำคญั ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป
๓. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ

........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................

ลงชื่อ...................................................................
( ………………………………………………… )

ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี น………………………………………………

32

ใบงานท่ี ๑
บอกความรู้จากเร่ืองที่เรยี น

๑. จงบอกคำพืน้ ฐานท่พี บในบทเรียน อย่างน้อย ๓ คำ
ตอบ
๒. จงบอกประโยคงา่ ย ๆ จากในบทเรยี น อยา่ งน้อย ๒ ประโยค
ตอบ

ชื่อ...........................................นามสกุล.......................................ชน้ั ...............เลขท.่ี .......

33

ใบงานท่ี ๒

ใบงานการเขยี นสะกดคำพืน้ ฐาน

ข้อ พยัญชนะ สระ ตวั สะกด คำอา่ น

๑. ร เ -ยี น
๒. ด แ- ง
๓. ว -ะ ด
๔. ด -า ว
๕. ป -า ก
๖. ด เ-ะ ก
๗. ด เ -อื น
๘. ข ออ ง
๙. ค โ - ะ น
๑๐. ช ออ บ

34

ใบงานท่ี ๓
ใบงานจบั ค่เู ติมคำให้เกดิ ประโยคงา่ ย ๆ

เลยี้ ง กิน เก็บ

ฉนั .............ขา้ ว
พอ่ .............เงนิ
แม.่ ............แมว

35

ใบงานท่ี ๔
ใบงานทดสอบการใช้ประโยคในชีวิตประจำวัน

ใหน้ กั เรยี นคิดประโยคท่ีพบเจอ
ในชีวิตประจาวนั มา ๕ ประโยค

ขอ้ ๑.
ขอ้ ๒.
ขอ้ ๓.
ขอ้ ๔.
ขอ้ ๕.

36

ใบงานที่ ๓
ใบงานการแตง่ ประโยคงา่ ย ๆ ดว้ ยตนเอง

ข้อ ๑ ?????
• ตอบ ?????
?????
ข้อ ๒.

• ตอบ

ข้อ ๓.
• ตอบ

37

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชา ภาษาไทย
ปีการศกึ ษา ๒๕๖๔
สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย เวลา ๑๒ ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษา ปีที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๑
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๗ เรอื่ ง เขยี นไทยพาเพลิน

๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียน
เรื่องราวใน รูปแบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ ง มี
ประสทิ ธิภาพ

ตัวชวี้ ดั

ท ๒.๑ ป.๑/๑ คัดลายมอื ตัวบรรจง เตม็ บรรทดั

๒. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

ด้านความรู้ (K)
- นกั เรยี นสามารถอธบิ ายขนั้ ตอนการเขยี นตัวบรรจง เต็มบรรทัดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง (K)
ดา้ นทักษะ (P)
- นักเรยี นสามารถเขียนลายมอื ตวั บรรจง เตม็ บรรทดั ไดอ้ ย่างถูกต้องและสวยงาม (P)
ดา้ นจิตพสิ ยั (A)
- นกั เรียนเห็นคณุ คา่ ในการเขยี นดว้ ยลายมือตวั บรรจง เต็มบรรทัด (A)

๓. สาระสำคัญ

การคดั ลายมือตวั บรรจง เต็มบรรทดั เป็นทักษะพ้นื ฐานเบอ้ื งตน้ ของการเขียนภาษาไทย การ
เขยี นภาษาไทย พยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ต์ ตวั เลข ฯลฯ จะตอ้ งเขยี นอยา่ งถูกหลัก มีหางสน้ั หาง
ยาว มหี ัว หรอื โคง้ ดงั นนั้ จึงจำเปน็ ตอ้ งเรยี นการคดั ลายมอื เพ่อื เปน็ ทกั ษะในการเขยี นอย่าง
ถูกตอ้ ง และสวยงาม อีกท้งั ยังสามารถฝึกสมาธิของเด็กไดอ้ กี ดว้ ย

38

๔. สาระการเรยี นรู้

การคดั ลายมอื ตวั บรรจง เตม็ บรรทัด การเขียนตามรปู แบบตามตัวอกั ษรไทย
และการเขียนตวั บรรจง เต็มบรรทัด

๕. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน (เฉพาะทเี่ กิดในหนว่ ยการเรยี นรนู้ ี)้

 ความสามารถในการส่อื สาร
 ความสามารถในการคิด
 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ
 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

๖. ทกั ษะของผเู้ รยี นในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จดุ เน้นสู่การพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รียน)

 ทกั ษะการอา่ น (Reading)
 ทกั ษะการ เขยี น (Writing)
 ทกั ษะการ คิดคำนวณ (Arithmetic)
ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ญั หา (Critical thinking and
problem solving)
 ทักษะด้านการสร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม (Creativity and innovation)
 ทกั ษะดา้ นความร่วมมอื การทำงานเป็นทมี และภาวะผนู้ ำ (Collaboration , teamwork
and leadership)
 ทกั ษะด้านความเข้าใจตา่ งวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding)
 ทักษะด้าน การสื่อสาร สารสนเทศ และร้เู ท่าทนั ส่ือ (Communication information and
media literacy)
 ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร (Computing)
 ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change)
 ทักษะการเปลยี่ นแปลง (Change)
 ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skills)
 ภาวะผ้นู ำ (Leadership)

39

๗. ช้ินงานหรอื ภาระงาน ( หลักฐาน / รอ่ งรอยแสดงความรู้ )
- ใบงานอธบิ ายความเข้าใจในการคัดลายมือตวั บรรจงเต็มบรรทดั
- ใบงานการคัดตวั บรรจงเต็มบรรทัด อักษรไทย
๘. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
หนว่ ยย่อยท่ี ๑ เรือ่ ง การคดั ลายมือ ตวั บรรจงเตม็ บรรทดั
ชวั่ โมงที่ ๑ - ๖ (ใช้รปู แบบการเรียนรู้แบบสาธิต)

ขน้ั ที่ ๑ ข้นั เตรียมการสอน
๑. การอภปิ ายแนะแนวการใชท้ ักษะการเขียนตัวบรรจงเต็มบรรทดั วา่ มีประโยชน์

อยา่ งไร
๒. การแนะนำวธิ ีเขียนตัวบรรจงเตม็ บรรทัด อย่างถกู วิธี และถูกต้อง
๓. การนำเข้าสบู่ ทเรียนและเนอื้ หา

ขน้ั ที่ ๒ ขั้นสาธิต
๔. การนำ พยัญชนะ สระ วรรณยกุ ต์ และตวั เลขไทย หรือคำในประโยคมาเขยี นให้

นกั เรยี นไดส้ ังเกตดเู พอ่ื จดจำ และปฏบิ ตั ติ าม ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งสวยงาม และถกู วธิ ี
ขน้ั ท่ี ๓ ขั้นสรปุ
๕. นกั เรยี นสามารถนำสง่ิ ท่ีเรยี น และไดฝ้ ึกทกั ษะการคดั ลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทดั

ไปปฏิบตั ไิ ด้ในชีวิตประจำวนั และสามารถต่อยอดในระดับชั้นตอ่ ไปได้
ขน้ั ที่ ๔ ข้นั วัดและประมินผล
๖. นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ใิ ชท้ กั ษะการคดั ลายมอื ตวั บรรจงเตม็ บรรทดั ไดจ้ ริง ดว้ ยวธิ ที ี่

ถกู ต้อง และมผี ลงานท่สี วยงามในการเขียน
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒ เรอื่ ง การเขยี นตามรปู แบบตวั อกั ษรไทย
ชวั่ โมงท่ี ๑ - ๖ (ใชร้ ปู แบบการเรียนรูแ้ บบสาธิต)
ขนั้ ที่ ๑ ขั้นเตรียมการสอน

40

๑. การอภิปายแนะแนวการใช้ทักษะการเขยี นตามรปู แบบตวั อักษรไทย
๒. การแนะนำวธิ เี ขยี นตามรูปแบบตัวอักษรไทย ให้สวยงาม และถูกต้อง
๓. การนำเขา้ สู่บทเรยี น และเนือ้ หา
ขนั้ ท่ี ๒ ขั้นสาธติ
๔. การนำตัวอักษรไทยมาเขยี นสาธิตใหน้ กั เรยี นไดส้ ังเกต และเขียนตามได้อย่างถกู ต้อง
ขนั้ ที่ ๓ ขน้ั สรปุ
๕. นกั เรยี นสามารถเขยี นอกั ษรไทยตามไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และสวยงาม
ขน้ั ท่ี ๔ ข้ันวีดและประเมนิ ผล
๖. นกั เรยี นเขา้ ใจในการเขยี นตามรปู แบบอกั ษรไทยไดอ้ ยา่ งดี
๗. นกั เรยี นสามารถนำเรอ่ื งทเ่ี รยี น และทกั ษะในการเขยี นตามรปู แบบอกั ษรไทยไปใช้ได้
อยา่ งถกู ต้องถูกวิธี และปฏบิ ัตใิ นการนำไปใช้ในชีวิตประจำวนั ไดจ้ รงิ
9. สื่อการสอน
๑. หนังสอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานภาษาไทย
๒. สือ่ ประกอบการเรยี นการสอน power point
๓. ใบงานทดสอบความรู้ วัดความสามารถ
๔. VDO หรือสอ่ื ภาพประกอบ ต่าง ๆ
10. แหล่งเรียนรใู้ นหรือนอกสถานท่ี
- อนิ เทอร์เน็ต
- ห้องสมดุ

41

11. การวดั และประเมนิ ผล วิธีวดั เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การให้ เกณฑก์ ารประเมิน
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ตรวจใบงาน คะแนน
ดมี าก
หรือ สิ่งที่ต้องการจะวัดและ ตรวจใบงาน ใบงานอธบิ ายความ คะแนน๑๖-๒๐ ดี
ประเมนิ ผล เขา้ ใจในการคัด คะแนน๑๑-๑๕ พอใช้
ตรวจใบงาน ลายมอื ตัวบรรจง คะแนน๖-๑๐ ปรับปรุง
๑.นักเรยี นสามารถอธบิ ายขนั้ ตอน เตม็ บรรทดั คะแนน๐-๕ (ผา่ นเกณฑร์ ะดบั ดี
การเขียนตวั บรรจงเตม็ บรรทัดได้ ข้นึ ไป)
อย่างถกู ต้อง ใบงานการคัดตัว คะแนน๑๖-๒๐ ดมี าก
บรรจงเตม็ บรรทัด คะแนน๑๑-๑๕ ดี
๒.นักเรยี นสามารถเขยี นลายมือตวั อกั ษรไทยและเลข คะแนน๖-๑๐ พอใช้
บรรจงเต็มบรรทัดไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ปรับปรุง
และสวยงาม ไทย คะแนน๐-๕ (ผ่านเกณฑร์ ะดบั ดี
ข้นึ ไป)
๓.นกั เรยี นเห็นคุณคา่ ในการเขยี น ใบงานการคัดตัว คะแนน๑๖-๒๐ ดมี าก
ดว้ ยลายมอื ตวั บรรจงเต็มบรรทัด บรรจงเตม็ บรรทัด คะแนน๑๑-๑๕ ดี
อักษรไทยและเลข คะแนน๖-๑๐ พอใช้
ปรบั ปรุง
ไทย คะแนน๐-๕ (ผ่านเกณฑ์ระดับดี
ข้นึ ไป)

42

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน วิธวี ดั เครอื่ งมอื วัด เกณฑก์ ารให้ เกณฑก์ ารประเมิน
(ตามหัวขอ้ ที่ ๕) คะแนน
สงั เกตสมรรถนะ สังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ตง้ั แต่
๑. ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการ แบบรายบคุ คล ตารางเกณฑก์ ารให้ ระดบั ปานกลางข้ึน
คะแนนสมรรถนะ
๒.ความสามารถในการใชท้ กั ษะ ส่อื สาร สงั เกตพฤติกรรม ไป
ชีวิต สังเกตสมรรถนะ แบบรายบคุ คล ของผเู้ รียน ผา่ นเกณฑ์ตั้งแต่
ความสามารถในการ ตารางเกณฑก์ ารให้ ระดบั ปานกลางข้ึน
ใชท้ ักษะชีวิต คะแนนสมรรถนะ
ไป
ของผเู้ รียน

(ถ้าม)ี

ทักษะของผ้เู รยี นในศตวรรษที่ ๒๑ วิธวี ัด เครอื่ งมอื วัด เกณฑ์การให้ เกณฑ์การประเมิน
(ตามหัวขอ้ ที่ ๖) สงั เกตพฤตกิ รรม
สงั เกตพฤตกิ รรม แบบรายบุคคล คะแนน
๑.ทกั ษะการเขยี น ทักษะการเขียน
สังเกตพฤตกิ รรม เกณฑก์ ารให้ ผา่ นเกณฑ์ตง้ั แต่
๒.ทักษะดา้ นการคิดอย่างมี สงั เกตพฤตกิ รรม แบบรายบคุ คล
วจิ ารณญาณและทกั ษะในการ ทกั ษะดา้ นการคิด คะแนนทกั ษะของ ระดบั ปานกลางข้ึน
แก้ปัญหา สังเกตพฤตกิ รรม
อย่างมี แบบรายบุคคล ผูเ้ รยี นในศตวรรษที่ ไป
๓.ทกั ษะการเรียนรู้ วิจารณญาณและ
ทกั ษะในการ ๒๑

แกป้ ญั หา เกณฑ์การให้ ผา่ นเกณฑ์ตง้ั แต่
สังเกตพฤตกิ รรม
ทักษะการเรยี นรู้ คะแนนทกั ษะของ ระดับปานกลางขึ้น

ผูเ้ รยี นในศตวรรษท่ี ไป

๒๑

เกณฑ์การให้ ผ่านเกณฑ์ตั้งแต่

คะแนนทกั ษะของ ระดบั ปานกลางขึ้น

ผเู้ รียนในศตวรรษท่ี ไป

๒๑

43

ตารางเกณฑก์ ารประเมนิ ผลตา่ ง ๆ ระดบั คณุ ภาพ
ดมี าก
เกณฑใ์ หค้ ะแนน ดี
พอใช้
คะแนน ปรบั ปรุง
๑๖ – ๒๐
๑๑ – ๑๕
๖ - ๑๐
๐-๕

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนสงิ่ ที่ตอ้ งการจะวดั และประเมินผล

ประเมิน คะแนน

๔ (ดีมาก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) ๑(ปรับปรงุ )

๑.ชน้ิ งานมคี วาม เนื้อหาสาระมคี วาม เนื้อหาสาระส่วนใหญ่ เน้ือหาสาระมคี วาม เนอ้ื หาสาระไม่มี

ถกู ต้อง ถกู ต้องครบถ้วน มีความถกู ต้อง ถูกต้องบางส่วน ถูกต้อง

สมบรู ณ์ทงั้ หมด

๒.ชนิ้ งานสอดคล้อง ชิ้นงานมคี วาม ช้ินงานส่วนใหญ่มี ช้ินงานบางส่วนมี ชิ้นงานไม่มีความ

กับจุดประสงคข์ อง ถูกตอ้ งและ ความสอดคลอ้ งกับ ความสอดคล้องกับ สอดคลอ้ งกับเรือ่ งท่ี

ครผู สู้ อน สอดคลอ้ ง จุดประสงค์ท่เี รียน เนื้อหาทเ่ี รยี น เรยี น

จดุ ประสงค์กับ

เนอ้ื หาทเี่ รียน

ท้ังหมด

๓.ชิน้ งานมคี วาม ชนิ้ งานมีความเป็น ชนิ้ งานบางสว่ นมี ชิ้นงานมคี วามเปน็ ชิ้นงานไม่มคี วามเปน็

เป็นระเบียบ ระเบียบเรียบร้อยดี ความเป็นระเบียบ ระเบยี บเรยี บร้อย ระเบยี บเรยี บร้อย

เรยี บร้อย มาก เรยี บร้อย บางสว่ นมี

ข้อบกพรอ่ ง

๔.ส่งงานตรงเวลาท่ี ส่งงานตรงตามเวลาที่ สง่ งานล่าชา้ ส่งงานล่าช้า สง่ งานล่าช้าเกนิ วนั

กำหนด กำหนด ๑ - ๒ วัน ๓–๔วนั เวลาทกี่ ำหนด๕วนั

เปน็ ต้นไป

44

เกณฑ์การใหค้ ะแนนสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน

พฤตกิ รรมบง่ ชี้ ๕ (ดีมาก) คะแนน ๓ (ปานกลาง) ๒ (พอใช)้ ๑ (ปรับปรุง)
๑. ความสามารถ ๔ (ด)ี
ในการสือ่ สาร มคี วามสามรถใน มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ
การสือ่ สารที่ ในการสอื่ สาร ในการส่อื สาร ในการส่อื สาร ในการสอื่ สา
๒. ความสามารถ ส่อื สารออกมาได้ ออกมาไดอ้ ย่าง ออกมาไดอ้ ย่าง ออกมาไดอ้ ย่าง ออกมาไดอ้ ย่าง
ในการใชท้ กั ษะ อย่างชัดเจนผ่าน ชัดเจนผา่ น ชัดเจนผา่ น ชดั เจนผา่ น ชัดเจนผา่ น
ชวี ิต ตวั อกั ษรหรอื ตัวอักษร หรอื ตวั อกั ษรหรอื ตัวอกั ษรหรอื ตัวอักษร หรอื
การเขยี น การเขียน ได้ดี การเขยี นใน การเขยี นโดยมี การเขียน รท่ี
ถกู ตอ้ งตรง ระดับที่ปาน ขอ้ บกพรอ่ ง น้อยในระดับท่ี
ประเด็นครบถว้ น มคี วามสามารถ อ่อนมาก
มคี วามสามารถ ในการเขยี นคัด กลาง เลก็ น้อย มีความสามารถ
ในการเขียนคัด อักษรไทยได้ดี มคี วามสามารถ มีความสามารถ ในการเขยี นคัด
อกั ษรไทยได้ ในการเขียนคัด ในการเขียนคัด อกั ษรไทยได้ไมด่ ี
อยา่ งดเี ย่ยี ม อกั ษรไทยได้ใน อกั ษรไทยได้
ระดับปานกลาง
เล็กน้อย

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนทักษะของผเู้ รียนในศตวรรษที่ ๒๑

พฤติกรรมบง่ ช้ี ๕(ดมี าก) คะแนน ๓ (ปานกลาง) ๒ (พอใช้) ๑(ปรับปรงุ )

๑. ทักษะการ มคี วามสามารถ ๔ (ดี) มีความสามารถ มคี วามสามารถ ไม่มี
เขยี น ใช้ทักษะการ ใช้ทักษะการ ใช้ทักษะการ ความสามารถใช้
เขยี นไดอ้ ย่างดี มีความสามารถ เขยี นไดอ้ ยู่ใน เขียนดี โดยอาจ ทักษะการเขียน
เยีย่ มถูกตอ้ ง ใชท้ กั ษะการ ระดับปานกลาง มขี ้อบกพร่อง
และสวยงาม เขียนไดอ้ ย่างดี เลก็ นอ้ ย

45

๒.ทกั ษะดา้ น มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ไม่มี

การคิดอย่างมี ในการคิดอย่างมี ในการคิดอย่างมี ในการคิดอย่างมี ในการคิดอย่างมี ความสามารถใน

วจิ ารณญาณและ วิจารณญาณและ วจิ ารณญาณและ วิจารณญาณและ วจิ ารณญาณและ การคดิ อย่างมี

ทกั ษะในการ ทกั ษะในการ ทักษะในการ ทกั ษะในการ ทกั ษะในการ วิจารณญาณและ

แกป้ ญั หา แก้ปัญหาอย่างดี แก้ปัญหาอย่างดี แก้ปญั หาอย่ใู น แก้ปัญหาได้ ทักษะในการ

เยี่ยม ระดับปานกลาง เลก็ นอ้ ย แกป้ ัญหา

๓.ทักษะการ มีความสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ ไม่มี

เรยี นรู้ ใชท้ ักษะการ ใชท้ กั ษะการ ใช้ทักษะการ ใช้ทกั ษะการ ความสามารถใน

เรยี นร้ไู ด้อยากดี เรียนรไู้ ด้อยากดี เรยี นรไู้ ดใ้ น เรยี นรู้ทอ่ี อ่ น การใชท้ ักษะการ

เย่ียม ระดับปานกลาง กว่าเกณฑ์ เรียนรู้

๑๒. กจิ กรรมเสนอแนะ

...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

๑๓. บนั ทึกผลหลังการสอน

สรุปผลการเรยี นการสอน

นกั เรยี นทง้ั หมดจำนวน.....................คน

จุดประสงคก์ ารเรยี นรขู้ อ้ ท่ี จำนวนนกั เรียนท่ีผ่าน จำนวนนักเรียนทไ่ี มผ่ ่าน

๑ จำนวนคน รอ้ ยละ จำนวนคน รอ้ ยละ



46

๑๕. ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแกไ้ ข
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
.

๑๖. ข้อเสนอแนะ
...............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................
.

ลงชื่อ........................................................................
()

ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ .......................................

ลงชอ่ื ................................................................ หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้
()

ลงชื่อ.......................................................... รองผอู้ ำนวยการกล่มุ บริหารวชิ าการ
(………………………………………..)

ความเห็นของหวั หน้าสถานศึกษา

ได้ทำการตรวจแผนการเรยี นรู้ของ....................................................แลว้ มคี วามคดิ เหน็ ดังน้ี

๑. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี

 ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง

47

๒. การจดั กิจกรรมได้นำเอากระบวนการเรยี นรู้
 เนน้ ผ้เู รียนเป็นสำคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
 ยงั ไมเ่ น้นผเู้ รยี นเป็นสำคญั ควรปรบั ปรงุ พฒั นาตอ่ ไป

๓. ขอ้ เสนอแนะอืน่ ๆ
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................

ลงชื่อ...............................................................................................
( ………………………………………………… )

ผู้อำนวยการโรงเรยี น…………………………………………………………..

48

ใบงานที่ ๑

อธิบายความเข้าใจเกยี่ วกบั
การคดั ลายมือ

ช่ือ……………….นามสกุล………………..ชัน้ ………..เลขท…ี่ ….

49

ใบงานท่ี ๒

ใบงานการคัดตวั บรรจง
เต็มบรรทัด อกั ษรไทย

คดั ตวั บรรจง เตม็ บรรทดั

ก ข ฃคตฆงจฉ

ชซฌญฎฏฐฑฒ

ภาษาไทย

แผนการจดั การเรยี นรู้ 50

สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวชิ า ภาษาไทย
ชั้น ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๔
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑๒ เรอ่ื ง หลกั ภาษา มาเรยี นกนั เถอะ
เวลา ๑๕ ชวั่ โมง

๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การ

เปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ
ตวั ชวี้ ัด
ท ๔.๑ ป.๑/๑ บอกและเขยี นพยญั ชนะ สระ วรรณยุกต์ และเลขไทย

๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (K)
- นกั เรยี นสามรถบอกและเขยี นพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ตแ์ ละเลขไทยได้อย่างถูกตอ้ ง (K)
ด้านทักษะ (P)
- นกั เรยี นสามารถนำเสนอการเขยี นพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ตแ์ ละเลขไทยไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
- นกั เรยี นสามารถนำการเขยี นพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ตแ์ ละเลขไทยไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั
ได้ (P)
ดา้ นจติ พสิ ัย (A)
- นกั เรยี นเหน็ ความสำคญั ของการเขยี นพยญั ชนะ สระ วรรณยกุ ต์ และเลขไทย (A)


Click to View FlipBook Version