๓.รูปแบบการเขียนแนะนำการปฏิบัติตน ๔. หนังสือภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๕.ไม้เรียกเลขที่ ๖. บัตรคำวิเศษณ์ ๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... vv ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
ภาคเรียนที่..…๒…../.…๒๕๖๖.... ชื่อผู้สอน …………………………………………………….. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่……๔..... จ านวน……๕….คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่ ..……๑๑…..… เรื่อง.................คนดีศรีโรงเรียน......................... สัปดาห์ที่ ๖ โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำมา ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ ระบุข้อคิดจากนิทานพื้นบ้านหรือนิทานคติธรรม ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ อธิบายข้อคิดจากการอ่านเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียน รายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้คำได้ถูกต้องชัดเจนและเหมาะสม ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิดและความรู้สึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๓ พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู มาตรฐานที่ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิ ปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๔ แต่งประโยคได้ถูกต้องตามหลักภาษา มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ จำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังและดู มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิ ปัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัด ป. ๔/๒ ระบุชนิดและหน้าที่ของคำในประโยค ๒. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความส าคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษา หาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ
การเขียนโน้มน้าวใจ คือ การเขียนสื่อสารเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจตรงกัน ต้องเลือกใช้คำที่ถูกต้องเหมาะสม สามารถสื่อ ความหมายได้ชัดเจนตรงตามจุดประสงค์ ชนิดและหน้าที่ของค าในประโยค คือ ประโยค คือ คำหรือข้อความที่นำมาเรียงกันแล้วได้ใจความสมบูรณ์ มีภาค ประธาน และภาคแสดง ประโยคประกอบด้วยคำชนิดต่างๆ ที่ทำหน้าที่ต่างกัน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ (K) ๒.อธิบายการใช้คำเขียนสื่อสารโน้มน้าวใจได้ถูกต้องชัดเจน และเหมาะสม (K) ๓.รู้และเข้าใจหลักการอ่าน การเขียน ประโยค (K) ๔.อ่านเรื่องได้คล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) ๕.แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน (P) ๖. เขียนโน้มน้าวใจสื่อสารได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน และเหมาะสม (P) ๗.อ่าน เขียนและนำประโยค ไปใช้ได้ถูกต้อง (P) ๘.เห็นความสำคัญของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A) ๙. เห็นความสำคัญของการเขียนสื่อสารที่ถูกต้อง ชัดเจน และเหมาะสม (A) ๑๐.กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๑. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ ๒. อธิบายการใช้คำเขียนสื่อสารโน้มน้าวใจได้ถูกต้องชัดเจน และ เหมาะสม ๓. รู้และเข้าใจหลักการอ่าน การเขียน ประโยค ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน การอ่าน จับใจความ ส าคัญ สาระส าคัญ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่านการอ่านจับ ใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญใน การศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา โดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ - นักเรียนเคยไปทำบุญหรือไม่ และเคยไปที่วัดใดมาบ้าง - นักเรียนเคยเห็นคำสอน ข้อคิด ข้อเตือนใจ ในป้ายที่ติดอยู่ที่ต้นไม้ในวัดบ้างหรือไม่ - นักเรียนคิดว่าการที่มีคำสอน ข้อคิด ข้อเตือนใจ ติดอยู่ที่ต้นไม้ดีหรือไม่ เพราะอะไร คาบที่ ๑
การเขียน โน้มน้าวใจ ให้นักเรียนช่วยกันตอบ เพื่อโยงเข้าสู่สาระการเรียนรู้นักเรียนทบทวนเกี่ยวกับการอ่านจับใจความสำคัญ โดยครูถามคำถามดังนี้ -การอ่านสรุปใจความคืออะไร -นักเรียนใช้ทักษะอะไรบ้างในการอ่านสรุปใจความ *ในการตอบคำถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคำถามก่อนจะ เรียกเลขที่เพื่อให้ทุกคนได้คิด ๒. นักเรียนเข้ากลุ่มศึกษาเรื่อง ห้องสมุดป่า โดยครูใช้คำถามดังนี้ - เรื่องที่นักเรียนอ่านเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร - นักเรียนชอบตัวละครใดมากที่สุด เพราะอะไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน โดยครูใช้คำถามดังนี้ - ตัวละครสำคัญในเรื่องมีใครบ้าง แต่ละตัวละครมีนิสัยอย่างไร - จากเรื่องที่อ่านนักเรียนชอบข้อความในป้ายที่ติดที่ต้นไม้ป้ายใดมากที่สุด - จากเรื่องที่อ่านนักเรียนได้ข้อคิดอะไรบ้าง ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนเข้ากลุ่มทำกิจกรรมการตั้งคำถามและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน กลุ่มละ 5 ข้อ กติกาในการตั้งคำถาม คุณครูแบ่งจำนวนนักเรียน หน้าที่แต่ละกลุ่มที่จะต้องรับผิดชอบใน การตั้งคำถาม เพื่อไม่ให้การตั้งคำถามของแต่ละกลุ่มซ้ำกัน ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอคำถามหน้าชั้นเรียน แล้วให้เพื่อนตอบคำถาม ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๘.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ การเขียนสื่อสารเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจตรงกัน ต้องเลือกใช้คำที่ถูกต้องเหมาะสม สามารถสื่อ ความหมายได้ชัดเจนตรงตามจุดประสงค์ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. นักเรียนดูวีดีโอการโฆษณา แบบโน้มน้าวใจ ในการซื้อสินค้า แล้วสนทนาร่วมกัน โดยครู ใช้คำถามดังนี้ - นักเรียนเชื่อคำโฆษณานั้นหรือไม่ - การเลือกใช้คำในการเขียนโฆษณามีความน่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะอะไร ๒. นักเรียนร่วมกันศึกษาเรื่อง การเขียนโน้มน้าวใจ แล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถาม ดังนี้ คาบที่ ๒-๓
- องค์ประกอบในการเขียนโน้มน้าวใจ มีอะไรบ้าง - การเขียนโน้มน้าวใจ มีประโยชน์อย่างไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์การเขียนโน้มน้าวใจ ว่ามีอะไรบ้าง ตัวอย่าง เช่น ๑)การวิเคราะห์ผู้อ่าน ผู้เขียนจะต้องวิเคราะห์ผู้อ่านว่า มีลักษณะอย่างไร เช่น เพศ วัย การศึกษา อาชีพ ฐานะทางเศรษฐกิจ ฐานะทางสังคม และค่านิยม เป็นต้น การวิเคราะห์ผู้อ่าน จะช่วย ให้ผู้เขียนสามารถกำหนด เนื้อหาและกลวิธีการนำเสนอได้อย่างเหมาะสม ๒)ผู้เขียนต้องทำความเข้าใจธรรมชาติ ความสนใจ และความต้องการของ ผู้อ่าน ว่าน่าจะเป็น ไปในทิศทางใด แล้วจึงนำมาเป็นประโยชน์ในการเขียนโน้มน้าวใจต่อไป ๓)การให้เหตุผล ผู้เขียนต้องพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดเห็นของ ตน เหตุผลที่นำมาอ้างนั้นควรน่าเชื่อถือ มีน้ำหนักเพียงพอ และเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้อ่าน เชื่อถือ และยอมรับ ตลอดจนมีปฏิกิริยาตอบสนองความต้องการของผู้เขียน ๔)การใช้ภาษา ภาษาทีใช้ในการเขียนโน้มน้าวใจ ควรรู้จักเลือกสรรถ้อยคำที่ สื่อความหมายได้ชัดเจน ก่อให้เกิดภาพ และกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกของผู้อ่าน ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕. นักเรียนเข้ากลุ่มทำกิจกรรมการเขียนโน้มน้าวใจ ตามความสนใจของสมาชิกในกลุ่ม ๖. ให้นักเรียนร่วมกันสรุปความสำคัญของการเขียนโน้มน้าวใจ ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การเขียนโน้มน้าวใจ ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ . นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อนกลุ่มอื่นร่วมกันแสดงความคิดเห็น ๘. นักเรียนรวบรวมการเขียนโน้มน้าวใจ ไว้ที่มุมห้อง เพื่อให้เพื่อนๆ ได้อ่าน ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณ ๙.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ ประโยค คือ คำหรือข้อความที่นำมาเรียงกันแล้วได้ใจความสมบูรณ์ มีภาคประธาน และภาค คาบที่ ๔-๕
ชนิดและ หน้าที่ของค า ในประโยค แสดง ประโยคประกอบด้วยคำชนิดต่างๆ ที่ทำหน้าที่ต่างกัน ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับชนิดและหน้าที่ของคำในประโยค สนทนา ร่วมกัน ให้ตัวแทนนักเรียนพูดกลุ่มละ ๑ ประโยค และดูแถบประโยค โดยใช้คำถามดังนี้ - คำชนิดใดบ้างที่ทำหน้าที่เป็นประธานในประโยคได้ - กรรมในประโยค เป็นคำชนิดใดได้บ้าง ๒. ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง ชนิดและหน้าที่ของคำในประโยค แล้วร่วมกันสนทนา โดยใช้คำถามดังนี้ - ชนิดของคำที่ใช้ในการแต่งประโยค มีคำชนิดใดบ้าง - ประโยคประกอบด้วยอะไรบ้าง ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.นักเรียนสังเกตแถบประโยค และบอกชนิดของคำ และหน้าที่ของประโยค เช่น ประโยค แม่รักลูกมาก ประโยค คำ ชนิดของคำ หน้าที่ของคำ แม่รักลูก มาก แม่ คำนาม ประธาน รัก คำกริยา กริยา ลูก คำนาม กรรม มาก คำวิเศษณ์ วิเศษณ์ประกอบคำกริยา ให้ทุกคนช่วยกันพิจารณาความถูกต้องของชนิดและหน้าที่ของประโยค ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพิ่มคุณค่า โดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.ให้นักเรียนเล่นเกมโดยหยิบบัตรคำในกล่อง และบอกว่าเป็นคำชนิดใด และแต่งประโยค โดยใช้ไม้เรียกเลขที่ เรียกนักเรียนให้ตอบ และครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดานดำ แล้วอ่าน ออกเสียงพร้อมกัน ให้ทุกคนช่วยกันพิจารณาความถูกต้องของชนิดของคำและประโยค ๖.นักเรียนเข้ากลุ่มทำกิจกรรมคิดประโยคและแยกชนิดของคำ และหน้าที่ของคำในประโยค กลุ่มละ ๕ ประโยค ๗.นักเรียนฝึกอ่านบัตรคำและแถบประโยค แมวจับหนู ฉันวิ่ง
๘.นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่อง ชนิดและหน้าที่ของคำในประโยค ดังนี้ ประโยค คือ คำหรือข้อความที่นำมาเรียงกันแล้วได้ใจความสมบูรณ์ มีภาคประธาน และภาคแสดง ประโยคประกอบด้วยคำชนิดต่างๆ ที่ทำหน้าที่ต่างกัน ๙.นักเรียนทำแบบฝึกหัด ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๑๐.นักเรียนนำเสนอคำกริยาในแต่ละชนิด ตามกลุ่มที่จับฉลากได้ โดยครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนนำเสนอ ทีละกลุ่ม และร่วมกันแสดงความคิดเห็น และรวบรวมเป็นเล่มไว้ที่มุมห้องเรียนให้เพื่อนๆได้ศึกษา ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๑๑.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถาม - ทำแบบฝึกหัด - คำถาม - แบบฝึกหัด ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่านในใจ -ทักษะการเขียน -ทักษะการคิดวิเคราะห์ -แบบประเมินการอ่านในใจ -แบบประเมินการเขียน -คำถาม -แบบฝึกหัด ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยม (A) -สังเกตพฤติกรรมในการร่วม กิจกรรม การทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรมความ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ๗. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑.ตัวอย่าง ภาพป้ายข้อคิด คำสอน ข้อเตือนใจ ๒.ตัวอย่างการเขียนโน้มน้าวใจ ๓. หนังสือภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๔.ไม้เรียกเลขที่ ๕. บัตรคำ (ชนิดของคำ) ๖.แถบประโยค
๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... vv ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
ภาคเรียนที่..…๒…../.…๒๕๖๖.... ชื่อผู้สอน …………………………………………………….. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่……๔..... จ านวน……๕….คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่ ..……๑๒…..… เรื่อง..........สารพิษในชีวิตประจำวัน.................... โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และมี นิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยค และสำนวนจากเรื่องที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการอ่าน มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้คำได้ถูกต้องชัดเจนและเหมาะสม ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐานที่ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิ ปัญญา ทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๕ แต่งบทร้อยกรองและคำขวัญ ๒. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความส าคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษา หาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ การเขียนค าขวัญ คือ คำขวัญเป็นถ้อยคำที่แต่งขึ้น เพื่อเตือนใจหรือเพื่อเป็นสิริมงคล มีลักษณะเป็นการเชิญชวน หรือ ขอร้องให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังยึดเป็นแนวในการปฏิบัติ ถ้อยคำมักมี ความคล้องจอง หรือมีสัมผัสเป็นร้อยกรองสั้น ๆ เพื่อให้จดจำขึ้นใจ ค าขวัญ คือ คำขวัญเป็นถ้อยคำที่แต่งขึ้น เพื่อเตือนใจหรือเพื่อเป็นสิริมงคล มีลักษณะเป็นการเชิญชวน หรือขอร้องให้ ผู้อ่านหรือผู้ฟังยึดเป็นแนวในการปฏิบัติ ถ้อยคำมักมี ความคล้องจอง หรือมีสัมผัสเป็นร้อยกรองสั้น ๆ เพื่อให้จดจำขึ้นใจ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ (K) สัปดาห์ที่ ๗
๒.รู้และเข้าใจลักษณะของคำขวัญ (K) ๓. รู้และเข้าใจลักษณะของคำขวัญ (K) ๔.อ่านเรื่องได้คล่องแคล่วรวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) ๕.แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน (P) ๖. เขียนคำขวัญให้ถูกต้อง (P) ๗.เห็นความสำคัญของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A) ๘.กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๑. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ ๒. รู้และเข้าใจลักษณะของคำขวัญ ๓. รู้และเข้าใจลักษณะของคำขวัญ ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน การอ่าน จับใจความ ส าคัญ สาระส าคัญ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่านการอ่านจับ ใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญใน การศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา โดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ - นักเรียนเคยไปซื้อของที่ตลาดกับผู้ปกครองบ้างหรือไม่ - นักเรียนเคยซื้ออาหารที่รถเข็นบ้างหรือไม่ - นักเรียนคิดว่าอาหารที่ซื้อรับประทานในแต่ละวันมีผงชูรสหรือไม่ ให้นักเรียนช่วยกัน ตอบ เพื่อโยงเข้าสู่สาระ การเรียนรู้นักเรียนทบทวนเกี่ยวกับการอ่านจับใจความสำคัญ โดยครูถามคำถามดังนี้ -การอ่านสรุปใจความคืออะไร -นักเรียนใช้ทักษะอะไรบ้างในการอ่านสรุปใจความ *ในการตอบคำถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคำถามก่อนจะ เรียกเลขที่เพื่อให้ทุกคนได้คิด ๒. นักเรียนเข้ากลุ่มศึกษาเรื่อง สารพิษในชีวิตประจำวัน โดยครูใช้คำถามดังนี้ - เรื่องที่นักเรียนอ่านเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร - นักเรียนชอบตัวละครใดมากที่สุด เพราะอะไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน โดยครูใช้คำถามดังนี้ คาบที่ ๑
การเขียน ค าขวัญ - ตัวละครสำคัญในเรื่องมีใครบ้าง แต่ละตัวละครมีนิสัยอย่างไร - จากเรื่องที่อ่านนักเรียนได้ข้อคิดอะไรบ้าง ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนเข้ากลุ่มทำกิจกรรมการตั้งคำถามและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน กลุ่มละ 5 ข้อ กติกาในการตั้งคำถาม คุณครูแบ่งจำนวนนักเรียน หน้าที่แต่ละกลุ่มที่จะต้องรับผิดชอบใน การตั้งคำถาม เพื่อไม่ให้การตั้งคำถามของแต่ละกลุ่มซ้ำกัน ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอคำถามหน้าชั้นเรียน แล้วให้เพื่อนตอบคำถาม ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๘.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ คำขวัญเป็นถ้อยคำที่แต่งขึ้น เพื่อเตือนใจหรือเพื่อเป็นสิริมงคล มีลักษณะเป็นการเชิญชวน หรือ ขอร้องให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังยึดเป็นแนวในการปฏิบัติ ถ้อยคำมักมี ความคล้องจอง หรือมีสัมผัสเป็นร้อย กรองสั้น ๆ เพื่อให้จดจำขึ้นใจ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับคำขวัญ ว่ามีใครจำคำขวัญวันเด็กได้หรือไม่ และให้ นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นร่วมกัน จากนั้นครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ - นักเรียนจำคำขวัญประจำจังหวัดที่นักเรียนอยู่ได้หรือไม่ มีว่าอย่างไร และให้ นักเรียนอ่านคำขวัญต่อไปนี้ - คำขวัญสองคำขวัญนี้แตกต่างกันอย่างไร (ไม่มีค าสัมผัสคล้องจอง และมีสัมผัสคล้องจอง) ๒. นักเรียนร่วมกันศึกษาเรื่อง การเขียนคำขวัญ (วันพ่อ) แล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้ คำถาม ดังนี้ - องค์ประกอบในการเขียนคำขวัญ (วันพ่อ) มีอะไรบ้าง คาบที่ ๒-๓ ไทยท า ไทยใช้ ไทย เจริญ รักของพ่อยิ่งใหญ่ เหนือสิ่งใดในโลกหล้า ลูกขอตั้งมั่นให้สัญญา กตัญญูต่อบิดา....ทุกชาติ ไป
ค าขวัญ - นักเรียนประทับใจอะไรพ่อมากที่สุด ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์การเขียนคำขวัญ (วันพ่อ) ว่ามีอะไรบ้าง ตัวอย่าง เช่น - เสนอใจความสำคัญอะไร - นำใจความสำคัญที่คิดไว้มาเขียนเรียบเรียง - นำข้อความที่คิดเรียบเรียงให้ไพเราะและได้ใจความ ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนเข้ากลุ่มทำกิจกรรมการเขียนคำขวัญ (วันพ่อ) ตามความสนใจของสมาชิกในกลุ่ม ๖.ให้นักเรียนร่วมกันสรุปความสำคัญของการเขียนคำขวัญ (วันพ่อ) ครูอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเขียนคำขวัญ (วันพ่อ) ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗. นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อนกลุ่มอื่นร่วมกันแสดงความคิดเห็น ๘. นักเรียนรวบรวมการเขียนคำขวัญ (วันพ่อ) ไว้ที่มุมห้อง เพื่อให้เพื่อนๆ ได้อ่าน ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณ ๙.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ คำขวัญเป็นถ้อยคำที่แต่งขึ้น เพื่อเตือนใจหรือเพื่อเป็นสิริมงคล มีลักษณะเป็นการเชิญชวน หรือ ขอร้องให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังยึดเป็นแนวในการปฏิบัติ ถ้อยคำมักมี ความคล้องจอง หรือมีสัมผัสเป็นร้อย กรองสั้น ๆ เพื่อให้ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ คำขวัญ สนทนาร่วมกัน โดยใช้คำถามดังนี้ - นักเรียนจำคำขวัญจังหวัดอะไรได้บ้าง - นักเรียนจำขวัญวันเด็กได้บ้างหรือไม่ คาบที่ ๔-๕
๒. ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง คำขวัญ แล้วร่วมกันสนทนาโดยใช้คำถามดังนี้ - องค์ประกอบในการเขียนคำขวัญ มีอะไรบ้าง - นักเรียนชอบคำขวัญที่มีความคล้องจองกัน หรือ ไม่คล้องจองกัน - นักเรียนจะเขียนคำขวัญในลักษณะใด ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์การเขียนคำขวัญ ว่ามีอะไรบ้าง ตัวอย่าง เช่น - เสนอใจความสำคัญอะไร - นำใจความสำคัญที่คิดไว้มาเขียนเรียบเรียง - นำข้อความที่คิดเรียบเรียงให้ไพเราะและได้ใจความ ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพิ่มคุณค่า โดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.ให้นักเรียนเล่นเกมโดยหยิบบัตรคำในกล่องของแต่ละกลุ่ม และนำคำศัพท์มาเรียงต่อกัน ให้เป็นคำขวัญ โดยใช้ไม้เรียกเลขที่ เรียกนักเรียนให้ตอบเป็นกลุ่ม และครูเขียนคำตอบของนักเรียน บนกระดานดำแล้วอ่านออกเสียงพร้อมกัน ให้ทุกคนช่วยกันพิจารณาความถูกต้องของการเรียงคำขวัญ ๖.นักเรียนเข้ากลุ่มทำกิจกรรมคิดคำขวัญ โดยส่งตัวแทนออกมาจับฉลากหัวข้อเรื่องที่จะแต่ง คำขวัญ ๗.นักเรียนฝึกอ่านคำขวัญ ๘.นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่อง คำขวัญ ดังนี้ คำขวัญเป็นถ้อยคำที่แต่งขึ้น เพื่อเตือนใจหรือเพื่อเป็นสิริมงคล มีลักษณะเป็นการเชิญ ชวน หรือขอร้องให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังยึดเป็นแนวในการปฏิบัติ ถ้อยคำมักมี ความคล้องจอง หรือมีสัมผัส เป็นร้อยกรองสั้น ๆ เพื่อให้จดจำขึ้นใจ ๙.นักเรียนทำชิ้นงานคำขวัญ ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๑๐.นักเรียนนำเสนอคำขวัญตามกลุ่มที่จับฉลากได้ โดยครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียน นำเสนอทีละกลุ่ม และร่วมกันแสดงความคิดเห็น และรวบรวมเป็นเล่มไว้ที่มุมห้องเรียนให้เพื่อนๆได้ ศึกษาต่อไป ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๑๑.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถาม - ทำแบบฝึกหัด - คำถาม - แบบฝึกหัด ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่านในใจ -ทักษะการเขียน -ทักษะการคิดวิเคราะห์ -แบบประเมินการอ่านในใจ -แบบประเมินการเขียน -คำถาม -แบบฝึกหัด ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยม (A) -สังเกตพฤติกรรมในการร่วม กิจกรรม การทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรมความ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ๗. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑.ตัวอย่าง รถเข็นที่ขายอาหาร ๒.ตัวอย่างการเขียนคำขวัญ ๓. หนังสือภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๔.ไม้เรียกเลขที่ ๕. บัตรคำ ๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
ภาคเรียนที่..…๒…../.…๒๕๖๖.... ชื่อผู้สอน …………………………………………………….. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่……๔..... จ านวน……๕….คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่ ..……๑๒…..… เรื่อง..........สารพิษในชีวิตประจำวัน...................... สัปดาห์ที่ ๘-๙ โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และ มีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๓ อ่านเรื่องสั้นๆตามเวลาที่กำหนดและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๔ แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๕ รายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๖ สรุปความรู้และข้อคิดจากเรื่องที่อ่านเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียน รายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๔ แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐานที่ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิดและความรู้สึกในโอกาส ต่าง ๆ อย่างมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ จำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ พูดสรุปจากการฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๓ พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๔ ตั้งคำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผลจากเรื่องที่ฟังและดู มาตรฐานที่ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิ ปัญญา ทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๕ แต่งบทร้อยกรอง ๒. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความส าคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษา หาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ การเขียน ย่อบทความ คือ การย่อความมีรูปแบบที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่ย่อ แหล่งข้อมูลที่ย่อและเนื้อเรื่องย่อ
ค าคล้องจอง คือ ต้องมีคำสัมผัสบังคับให้ครบถ้วน และเลือกใช้คำให้เหมาะสมกับใจความเป็นเรื่องราวเดียวกัน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ (K) ๒. บอกรูปแบบการย่อความ (K) ๓.สรุปความรู้เรื่องคำคล้องจอง (K) ๔.อ่านเรื่องได้คล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) ๕.แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน (P) ๖. เขียนรูปแบบการย่อความได้ (P) ๗.แต่งคำคล้องจองได้ (P) ๘.เห็นความสำคัญของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A) ๙. เห็นความสำคัญของการเขียนรูปแบบการย่อความได้ถูกต้อง (A) ๑๐.กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๑. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ ๒. บอกรูปแบบการย่อความ ๓. สรุปความรู้เรื่องคำคล้องจอง ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน การอ่าน จับใจความ ส าคัญ สาระส าคัญ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่านการอ่านจับ ใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญใน การศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา โดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ - นักเรียนรู้จักโฆษณาอะไรบ้าง จากสื่อต่างๆที่นักเรียนใช้ในชีวิตประจำวัน - นักเรียนชอบผลงานการโฆษณาของสิ่งใดมากที่สุด ให้นักเรียนช่วยกันตอบ โดยครูถามนำเพื่อโยงเข้าสู่สาระการเรียนรู้นักเรียนทบทวนเกี่ยวกับ การอ่านจับใจความสำคัญ โดยครูถามคำถามดังนี้ -การอ่านสรุปใจความคืออะไร -นักเรียนใช้ทักษะอะไรบ้างในการอ่านสรุปใจความ *ในการตอบคำถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคำถามก่อนจะ เรียกเลขที่เพื่อให้ทุกคนได้คิด คาบที่ ๑
การเขียน ย่อ บทความ ๒. นักเรียนเข้ากลุ่มศึกษาเรื่อง การอ่านจับใจความโฆษณา ที่ครูได้เตรียมมาให้ โดยครูใช้ คำถามดังนี้ - โฆษณาที่อ่านเป็นโฆษณาเกี่ยวกับอะไร - โฆษณาที่อ่านมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับโฆษณาที่อ่าน โดยครูใช้คำถามดังนี้ - โฆษณาที่นักเรียนได้อ่านต้องการนำเสนออะไร - นักเรียนคิดว่าอะไรคือจุดเด่นของโฆษณาชิ้นนี้ - นักเรียนคิดว่าโฆษณาใช้คำได้เข้าใจง่าย ตรงประเด็นหรือไม่ อย่างไร ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนเข้ากลุ่มทำกิจกรรมการตั้งคำถามและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน กลุ่มละ ๓ ข้อ กติกาในการตั้งคำถาม คุณครูแบ่งจำนวนนักเรียน หน้าที่แต่ละกลุ่มที่จะต้องรับผิดชอบใน การตั้งคำถาม เพื่อไม่ให้การตั้งคำถามของแต่ละกลุ่มซ้ำกัน ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปข้อคิดที่ได้จากการอ่านสรุปความการโฆษณา ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอคำถามหน้าชั้นเรียน แล้วให้เพื่อนตอบคำถาม ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๘.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ การย่อความมีรูปแบบที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่ย่อ แหล่งข้อมูลที่ย่อและเนื้อเรื่องย่อ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. นักเรียนดูตัวอย่าง บทความ แล้วสนทนาร่วมกัน โดยครูใช้คำถามดังนี้ - นักเรียนเคยอ่านบทความหรือไม่ - นักเรียนคิดว่าบทความส่วนใหญ่จะปรากฏในสื่อชนิดใด (วารสาร นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ) ๒. นักเรียนร่วมกันศึกษาเรื่อง การเขียนย่อบทความ แล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้ คำถาม ดังนี้ - องค์ประกอบในการเขียนย่อบทความมีอะไรบ้าง - นักเรียนคิดว่าบทความแตกต่างจากเรียงความอย่างไร - การเขียนย่อบทความมีประโยชน์อย่างไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์การเขียนย่อบทความ ซึ่งมีหลักในการเขียนย่อบทความดังนี้ คาบที่ ๒-๓
ค าคล้องจอง ๑. อ่านบทความให้เข้าใจ ๒. จับใจความสำคัญของบทความที่อ่าน ๓. ใช้ภาษาง่าย ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อหาเดิม ๔. ใช้เป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 ๕. เขียนเป็นเรื่องเล่าไม่มีเครื่องหมายอื่นใด รูปแบบการย่อบทความ บทความเรื่อง...................จาก...................ของ .........................ความว่า.................... ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕. นักเรียนฝึกการเขียนย่อบทความ ของวันรัฐธรรมนูญ แล้วช่วยกันตรวจสอบความถูก ต้อง ๖. ให้นักเรียนร่วมกันสรุปความสำคัญของการเขียนย่อบทความ และการเขียนย่อบทความ ของวันรัฐธรรมนูญ ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนประกอบในการเขียนย่อบทความ ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗. นักเรียนแต่ละคนนำเสนอผลงานการย่อบทความวันรัฐธรรมนูญหน้าชั้นเรียน เพื่อนๆ ร่วมกันแสดงความคิดเห็น ๘. นักเรียนรวบรวมการเขียนย่อบทความ วันรัฐธรรมนูญ ไว้ที่มุมห้อง เพื่อให้เพื่อนๆได้ ศึกษาต่อไป ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณ ๙.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ คำคล้องจอง ต้องมีคำสัมผัสบังคับให้ครบถ้วน และเลือกใช้คำให้เหมาะสมกับใจความเป็น เรื่องราวเดียวกัน ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำคล้องจอง โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ - นักเรียนเคยคิดคำคล้องจองหรือไม่ - ให้นักเรียนช่วยกันคิดคำคล้องจอง เช่น คำที่ ๑ คำว่า ไร่-ไก่-ไผ่-ไว-ไข้-ไป และคิดต่อไปเรื่อยๆ จนครบทุกคน คำที่ ๒ คำว่า หา-นา –มา-ลา-ปลา-กล้า คำที่ ๓ คำว่า ก่อน-นอน-ผ่อน-ช้อน-ก้อน-ร้อน จากนั้นให้นักเรียนลองเรียงบัตรคำให้คล้องจองกัน คาบที่ ๔-๕
๑) ชีวิต / มีพิษ / มีภัย / อากาศ .............................. ๒) รักษา / แม่น้ำ / ให้ดี / มีค่า ............................................... ๓) ให้ดี / ยังมี / แยกขยะ / คุณค่า ................................................ ๔) ชีวิต / ได้เลี้ยง / พอเพียง / ครอบครัว ................................................. ๒. ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง คำคล้องจอง แล้วร่วมกันสนทนาโดยใช้คำถามดังนี้ - คำคล้องจองมีลักษณะอย่างไร - การเขียนคำคล้องจองควรคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓. นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์เรื่อง คำคล้องจอง ว่ามีหลักในการเขียนอย่างไรบ้าง ตัวอย่าง เช่น - คำสัมผัสคล้องจองมีสระเดียวกัน และตัวสะกดเดียวกัน - มีเนื้อหาที่เกี่ยวเนื่องกันในคำคล้องจอง - มีสาระข้อคิดเตือนใจเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านในเชิงสร้างสรรค์ ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.ให้นักเรียนเล่นเกมโดยหยิบบัตรคำในกล่องของแต่ละกลุ่ม และนำคำศัพท์มาเรียงต่อ กันให้เป็นคำคล้องจอง โดยใช้ไม้เรียกเลขที่ เรียกนักเรียนให้ตอบเป็นกลุ่ม และครูเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดานดำแล้ว อ่านออกเสียง พร้อมกัน ให้ทุกคนช่วยกันพิจารณาความถูกต้องของการเรียงคำคล้องจอง ๖.นักเรียนเข้ากลุ่มทำกิจกรรมคิดคำคล้องจอง โดยส่งตัวแทนออกมาจับฉลากหัวข้อเรื่องที่ จะคิดคำคล้องจอง ๗.นักเรียนฝึกอ่านคำคล้องจอง ๘.นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่อง คำคล้องจอง ดังนี้ คำคล้องจอง ต้องมีคำสัมผัสบังคับให้ครบถ้วน และเลือกใช้คำให้เหมาะสมกับใจความเป็น เรื่องราวเดียวกัน ๙.นักเรียนทำชิ้นงานคำคล้องจอง ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๑๐.นักเรียนนำเสนอคำคล้องจองตามกลุ่มที่จับฉลากได้ โดยครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้ นักเรียนนำเสนอทีละกลุ่ม และร่วมกันแสดงความคิดเห็น และรวบรวมเป็นเล่มไว้ที่มุมห้องเรียนให้
เพื่อนๆได้ศึกษาต่อไป ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๑๑.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถาม - ทำแบบฝึกหัด - คำถาม - แบบฝึกหัด ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่านในใจ -ทักษะการเขียน -ทักษะการคิดวิเคราะห์ -แบบประเมินการอ่านในใจ -แบบประเมินการเขียน -คำถาม -แบบฝึกหัด ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยม (A) -สังเกตพฤติกรรมในการร่วม กิจกรรม การทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรมความ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ๗. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑. ตัวอย่าง รถเข็นที่ขายอาหาร ๒.ตัวอย่างการเขียนคำขวัญ ๓. หนังสือภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๔.ไม้เรียกเลขที่ ๕. บัตรคำ ๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
ภาคเรียนที่..…๒…../.…๒๕๖๖.... ชื่อผู้สอน …………………………………………………….. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่……๔..... จ านวน……๕….คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่ ..……๑๓…..… เรื่อง................อย่างนี้ดีควรทำ............................. สัปดาห์ที่ ๑๐-๑๑ โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเห็นเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้คำที่ถูกต้องชัดเจนและเหมาะสม ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการอ่าน มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ อธิบายความหมายของการเขียนโฆษณา มาตรฐานที่ ท ๓.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิ ปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ ฟังคำแนะนำ คำสั่งง่ายๆและปฏิบัติตาม มาตรฐานที่ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิ ปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑สะกดคำและบอกความหมายของคำในบริบทต่างๆ ๒. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความส าคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษา หาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ เขียนโฆษณา คือ พูดแสดงความรู้ เล่าเรื่องย่อหรือสรุปจากเรื่องที่ฟังและดุ ตั้งคำถาม ตอบคำถามจากเรื่องที่ฟังและดู รวมทั้งประเมินความน่าเชื่อถือจากการฟังและโฆษณา การเขียนโฆษณา เป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่สินค้าและบริการ เป็น ข้อความเชิญชวน ชักจูง โน้มน้าวในให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังคล้อยตามหรือให้เชื่อและปฏิบัติตาม ค าพ้องเสียง คือ คำพ้องเสียงจะออกเสียงเหมือนกันแต่เขียนต่างกันและมีความหมายไม่เหมือนกันการสะกดคำและบอก ความหมายของคำจากการรู้จักคำพ้องเสียงในบริบทต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและการใช้พจนานุกรมเรียนรู้วิธีเรียงลำดับคำ หา ความหมายเพื่อนำคำไปสื่อความหมายได้ชัดเจนขึ้นและเข้าใจความหมายของคำได้ดียิ่งขึ้น
๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ (K) ๒.อธิบายความหมายและหลักการเขียนโฆษณาได้ถูกต้อง (K) ๓.บอกความหมายและอ่านออกเสียงคำพ้องเสียงได้อย่างถูกต้อง (K) ๔.อ่านเรื่องได้คล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) ๕.เขียนโฆษณาได้ (P) ๖.ยกตัวอย่างคำพ้องเสียงได้อย่างถูกต้อง (P) ๗.เห็นความสำคัญของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A) ๘. นำเรื่องที่โฆษณานำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ (A) ๙.มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ กระตือรือร้นในการทำกิจกรรม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๑. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ ๒. อธิบายความหมายและหลักการเขียนโฆษณาได้ถูกต้อง ๓. บอกความหมายและอ่านออกเสียงคำพ้องเสียงได้อย่างถูกต้อง ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน การอ่าน จับใจความ ส าคัญ สาระส าคัญ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่านการอ่านจับ ใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญใน การศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา โดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ -เล่าประสบการณ์การทำความดีที่น่าภูมิใจของนักเรียน - นักเรียนแยกแยะการทำความดี และการทำความชั่ว ให้นักเรียนช่วยกันตอบ โดยครูถามนำเพื่อ โยงเข้าสู่สาระการเรียนรู้นักเรียนทบทวนเกี่ยวกับการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้คำถามต่อไปนี้ -การอ่านสรุปใจความคืออะไร -นักเรียนใช้ทักษะอะไรบ้างในการอ่านสรุปใจความ -นักเรียนจะนำหลักการอ่านสรุปความไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร *ในการตอบคำถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคำถามก่อนจะเรียก เลขที่เพื่อให้ทุกคนได้คิด ในแต่ละคำถามควรให้นักเรียนนำเสนอ ๔-๕ คน ๒.นักเรียนเข้ากลุ่มศึกษาเรื่อง “อย่างนี้ดีควรทำ” โดยครูใช้คำถามต่อไปนี้ -นักเรียนยกตัวอย่างการทำความดี มีอะไรบ้าง -นักเรียนยกตัวอย่างการทำความชั่ว ควรทำหรือปฏิบัติตามหรือไม่ คาบที่ ๑
การเขียน เขียนโฆษณา -นักเรียนสามารถทำความดีในใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างไรบ้าง ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.นักเรียนอ่านเนื้อเรื่อง “อย่างนี้ดีควรทำ” นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ว่าเนื้อเรื่องที่อ่านสอนแทรก แนวคิดอะไรบ้าง ๔.ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ -จากการศึกษา เรื่องอย่างนี้ดีควรทำ นักเรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนเข้ากลุ่มร่วมกันหาการกระทำของการทำความดี และความชั่ว จากเรื่อง “อย่างนี้ดีควรทำ” ๖. นักเรียนร่วมกันสรุปข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗. ให้นักเรียนนำเสนอความภาคภูมิใจในการกระทำความดีของตนเองให้เพื่อนฟัง ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๘.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ - นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ พูดแสดงความรู้ เล่าเรื่องย่อหรือสรุปจากเรื่องที่ฟังและดู ตั้งคำถาม ตอบคำถามจากเรื่องที่ฟัง และดู รวมทั้งประเมินความน่าเชื่อถือจากการฟังและโฆษณา การเขียนโฆษณา เป็นการประชาสัมพันธ์ เพื่อเผยแพร่สินค้าและบริการ เป็นข้อความเชิญชวน ชักจูง โน้มน้าวในให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังคล้อยตามหรือ ให้เชื่อและปฏิบัติตาม ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.ครูให้นักเรียนดูตัวอย่าง โดยครูใช้คำถามดังนี้ -ภาพนี้คือภาพอะไร -ภาพที่นักเรียนเห็นมีประโยชน์อย่างไร ๒. ให้นักเรียนร่วมกันศึกษาเรื่อง การเขียนโฆษณา โดยใช้คำถามต่อไปนี้ -การเขียนโฆษณาให้ประโยชน์อย่างไร -การเขียนโฆษณาจากสื่อต่างๆ มีอะไรบ้าง ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์หลักการเขียนโฆษณามีอะไรบ้าง ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร - นักเรียนได้ความรู้จากสื่อต่างๆ และนำไปประยุกต์ใช้ในการทำสื่อการโฆษณาได้เกิดผลมาก น้อยเพียงไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ คาบที่ ๒-๓
คำพ้องเสียง ๕.นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๔-๕ คน ในการเขียนรายงานตามหัวข้อที่สมาชิกในกลุ่มสนใจที่จะศึกษา ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปความสำคัญของการเขียนรายงาน ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียน โฆษณา ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อนกลุ่มอื่นร่วมกันแสดงความคิดเห็น ๘.นักเรียนรวบรวมเล่มการเขียนโฆษณาในใบงานไว้ที่มุมห้องเรียนเพื่อให้เพื่อนๆได้ศึกษาต่อไป ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณ ๙.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ คำพ้องเสียงจะออกเสียงเหมือนกันแต่เขียนต่างกันและมีความหมายไม่เหมือนกันการสะกดคำ และบอกความหมายของคำจากการรู้จักคำพ้องเสียงในบริบทต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและการใช้ พจนานุกรมเรียนรู้วิธีเรียงลำดับคำ หาความหมายเพื่อนำคำไปสื่อความหมายได้ชัดเจนขึ้นและเข้าใจ ความหมายของคำได้ดียิ่งขึ้น ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพ้องเสียงโดยครูใช้คำถาม ดังนี้ -ถ้าพูดออกเสียงว่า “บาด” นักเรียนจะนึกถึงอะไร ๒. ให้นักเรียนศึกษาคำพ้องบทร้อยกรอง และร่วมสนทนาโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ -ถ้าโต๊ะไม้ท่าคุณพ่อทำขึ้นใช้มาได้เกือบ ๒ ปี เกิดขาชำรุด คุณพ่อจะนำโต๊ะนี้ไปทำอะไร (ซ่อมแซม) -คุณลุงใช้สิ่งใดในการรับประทานอาหารคู่กับช้อน (ส้อม) ให้นักเรียนสังเกตคำว่า ซ่อม กับ ส้อม ครูใช้คำถามว่า - คำทั้งสองอ่านออกเสียงเหมือนกัน แต่มีสิ่งใดต่างกันบ้าง (การเขียน พยัญชนะต้น และรูป วรรณยุกต์ต่างกัน ความหมายก็ต่างกัน ซ่อม หรือซ่อมแซม หมายถึง การทำสิ่งใดให้ดีขึ้น ให้ใช้ได้อีก จากการชำรุด เสียหายไป แต่ ส้อม คำที่สอง หมายถึง สิ่งที่จิ้มอาหาร หรือใช้ตักอาหารคู่กับช้อน) ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.ให้นักเรียนอ่านบทร้อยกรอง “น้ำใจมีให้แก่กัน” สังเกตคำที่ครูกำหนดช่วยกันจัดกลุ่มของคำ เหล่านั้นพร้อมอธิบาย เหตุผลและร่วมกันสนทนาโดยใช้คำถามต่อไปนี้ -นักเรียนเจอคำพ้องเสียงในบทร้อยกรองมีคำว่าอะไรบ้าง -นักเรียนอ่านคำพ้องเสียงได้ถูกต้องหรือไม่ คาบที่ ๔-๕
๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพิ่มคุณค่า โดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.ให้นักเรียนออกมาเขียนคำตามที่ครูพูดคนละ ๑ คำ บนกระดานเช่น ๏กุม - พา - พัน กุมภาพันธ์ ๏ แพร่ - พัน - พืด แพร่พันธุ์พืช ๏ ผ้า - พัน - แผล ผ้าพันแผล ๏ สุ - พัน - บุ - รี สุพรรณบุรี ๖.ให้นักเรียนสังเกต หรือตรวจสอบคำที่เพื่อนเขียนทุกคำ (ในกรณีที่เขียนถูกต้องแล้วทุกคำ) แต่ละคำที่มีคำ พัน จะเขียนต่างกันไป ความหมายก็ไม่เหมือนกัน (เช่น เป็นชื่อเดือน ชื่อจังหวัด ฯลฯ). ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปคำที่มีเสียงเหมือนกัน แต่เขียนต่างกัน และมีความหมายไม่เหมือนกันเรียกว่า คำพ้องเสียง การจะเขียนคำพ้องเสียงให้ถูกต้องได้นั้นต้องสังเกต หรือพิจารณาคำหรือข้อความที่ แวดล้อมคำนั้น ๆ จึงจะเข้าใจว่าหมายถึงอะไร หรือหมายถึงคำใด เช่น จังหวัดสุพรรณบุรี, สี่พันห้าร้อย บาท, เดือนกุมภาพันธ์ -ให้นักเรียนสังเกตการเขียนคำที่เป็นคำพ้องเสียงในแต่ละภาพ แล้วหาเพิ่มเติมบางคำ เช่น มีดบาด - บ่วงบาศ, รดน้ำ - สับปะรด, จรรยา (จัน - ยา) - ให้นักเรียนเขียนคำที่มีเสียงพ้องกับคำที่ครูพูดในกระดาษที่ครูแจกให้หรือเขียนบนกระดาน เช่น ๑. กัน .............(กรรไกร) ๒. คนพาล ..........(สมภาร, พานดอกไม้) ๓. คัดสรร .............(สังสรรค์, สันมีด) ๔. วันพุธ ................(พระพุทธ, ดอกพุด) ๕. วันศุกร์...........(ผาสุก, ความสุข) ๖. วันเพ็ญ ..............(เถาวัลย์, สุวรรณ) ๗. น่ารัก ............(หน้าต่าง) ๘. ทิศใต้..............(ขี้ไต้) ๙. ทิศเหนือ ...........(อาทิตย์, ทิดสึกใหม่) ๑๐. บรรทุก ..............(ความทุกข์) ให้นักเรียนหรืออาสาสมัครออกมาเขียนคำเฉลยบนกระดาน คนละ ๑ คำ ให้ทุกคนร่วมกัน ตรวจสอบ แก้ไขให้ถูกต้อง จากนั้นรวบรวมผลงานส่งให้ครูตรวจสอบอีกครั้ง -ให้นักเรียนฝึกอ่านคำพ้องเสียงจากบัตรคำ ๗. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ ดังนี้ ๏ คำพ้องเสียงจะออกเสียงเหมือนกัน แต่เขียนต่างกัน และมีความหมายไม่เหมือนกัน . น้ าใจมีให้แก่กัน เพลาเช้าวันหนึ่งเพลาล้อหลุด รถต้องหยุดซ่อมแซมเร่งแก้ไข หนุ่มแขมเข้ามาช่วยอย่างเร็วไว ซาบซึ้งใจให้ส้อมเงินแสนยินดี ทุกวันยิ้มวันนี้ไยดูเป็นทุกข์ หมดสนุกแหวนหล่นลงพงแขมนี่ ทราบแล้วช่วยกันหาอย่าช้าที บทกลอนนี้มีคำพ้องลองค้นดู ประพันธ์โดย นฤภร รุจิเรข
๘. นักเรียนทำแบบฝึกหัดคำพ้องรูปจากใบงานที่ครูทำขึ้น ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๙.นักเรียนนำเสนอคำตัวพ้องเสียงตามที่จับฉลากได้โดยครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียน นำเสนอทีละคนและร่วมกันแสดงความคิดเห็น และรวบรวมเป็นเล่มไว้ที่มุมห้องเรียนให้เพื่อนๆได้อ่าน ด้วย ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๑๐.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถาม - ทำแบบฝึกหัด - คำถาม - แบบฝึกหัด ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่านในใจ -ทักษะการเขียน -ทักษะการคิดวิเคราะห์ -ทักษะการอ่าน -แบบประเมินการอ่านในใจ -แบบประเมินการเขียน -คำถาม -แบบฝึกหัด ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยม (A) -สังเกตพฤติกรรมในการร่วม กิจกรรม การทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรมความ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ๗. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑.บทร้อยกรอง “น้ำใจมีให้กัน” ๒.บัตรคำ บัตรภาพ ๓.แผนภูมิตัวอย่างคำพ้องเสียง ๔. หนังสือภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๕.ไม้เรียกเลขที่ ๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ........................................................................... ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
ภาคเรียนที่..…๒…../.…๒๕๖๖.... ชื่อผู้สอน …………………………………………………….. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่……๔..... จ านวน……๕….คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่ ..……๑๓…..… เรื่อง................อย่างนี้ดีควรทำ............................. สัปดาห์ที่ ๑๒ โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และมี นิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๓ อ่านเรื่องสั้นๆตามเวลาที่กำหนดและตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๔ แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๕ คาดคะเนเหตุการณ์จากเรื่องที่อ่านโดยระบุเหตุผลประกอบ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๖ สรุปความรู้และข้อคิดจากเรื่องที่อ่านเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้คำได้ถูกต้องชัดเจน และเหมาะสม ตัวชี้วัดที่ ป 4ฃ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐานที่ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณ และสร้างสรรค์ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ จำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มาตรฐานที่ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิ ปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ สะกดคำและบอกความหมายของคำในบริบทต่างๆ ๒. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความส าคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษา หาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ
การเขียนแสดงความคิดเห็นจากการฟังและการดู คือ การเขียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังและการดูจากการจัด กิจกรรมวันเด็กช่วยพัฒนาทักษะการคิด การเขียน รู้จักการเชื่อมโยงประโยคจากภาพที่เห็นให้เป็นเรื่องราวให้สัมพันธ์กัน เพื่อเพิ่ม ความรัก สามัคคี ในการทำกิจกรรมร่วมกัน ค าพ้องรูป คือ คำพ้องรูปจะเขียนเหมือนกัน แต่ออกเสียงต่างกัน และมีความหมายไม่เหมือนกัน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ (K) ๒.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญของการเขียนประเภทโต้แย้งได้อย่างถูกต้อง (K) ๓.ระบุข้อคิดที่ได้จากการแสดงความคิดเห็นในกิจกรรมวันเด็ก (K) ๔.บอกความหมาย และอ่านคำพ้องรูปได้อย่างถูกต้อง (K) ๕.อ่านเรื่องได้คล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) ๖.แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน (P) ๗.จดจำคำขวัญวันเด็กได้ (P) ๘.ยกตัวอย่างคำพ้องรูปได้อย่างถูกต้อง (P) ๙.เห็นความสำคัญของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๑. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ ๒. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญของการ เขียนประเภทโต้แย้งได้อย่างถูกต้อง ๓. ระบุข้อคิดที่ได้จากการแสดงความคิดเห็นในกิจกรรมวันเด็ก ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน การอ่าน จับใจความ ส าคัญ สาระส าคัญ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่านการอ่านจับ ใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญใน การศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา โดยใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ - นักเรียนรู้จักบทความหรือไม่ หรือเคยเห็นบทความที่ไหนบ้าง - นักเรียนเคยอ่านบทความอะไรบ้าง มีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ให้นักเรียนช่วยกันตอบ โดยครูถามนำเพื่อโยงเข้าสู่สาระการเรียนรู้และกระตุ้นความสนใจของ และ นำเข้าสู่เนื้อหาในบทเรียนโดยครูถามคำถามดังนี้ -การอ่านสรุปใจความคืออะไร คาบที่ ๑
การเขียน แสดงความ คิดเห็นจาก การฟังและ การดู -นักเรียนใช้ทักษะอะไรบ้างในการอ่านสรุปใจความ -นักเรียนจะนำหลักการอ่านสรุปความไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร *ในการตอบคำถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคำถามก่อนจะ เรียกเลขที่เพื่อให้ทุกคนได้คิด ๒.นักเรียนศึกษาวิธีการอ่านจับใจความสำคัญจากใบความรู้ และสนทนาเกี่ยวกับการอ่านจับ ใจความสำคัญโดยครูใช้คำถามดังนี้ -การอ่านจับใจความสำคัญคืออะไร -นักเรียนอ่านบทความแล้วมีบทความใดที่เป็นคำโต้แย้งบ้าง ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน โดยครูใช้คำถามดังนี้ -ใจความสำคัญของบทโต้แย้งบทนี้คืออะไร -จากเรื่องที่อ่านนักเรียนได้ข้อคิดอะไรบ้าง ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนทำกิจกรรมการถามตอบจากเรื่องที่ศึกษา ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปหลักการอ่านจับใจความการเขียนประเภทโต้แย้ง ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗. แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของการทำกิจกรรม การสรุปใจความสำคัญบทความ ๘. เปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ผลงานของเพื่อน ลักษณะการ นำเสนอของเพื่อน อย่างอิสระ นำจุดเด่นจุดด้อย จุดควรพัฒนา สิ่งที่เหมือนกัน และแตกต่างกัน ของ แต่ละกลุ่มมาแสดงให้นักเรียนเห็นถึงความหลากหลายของความคิด ซึ่งขึ้นอยู่กับเหตุผล ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๙.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ - นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ การเขียนแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังและการดูจากการจัดกิจกรรมวันเด็กช่วยพัฒนาทักษะ การคิด การเขียน รู้จักการเชื่อมโยงประโยคจากภาพที่เห็นให้เป็นเรื่องราวให้สัมพันธ์กัน เพื่อเพิ่มความ รัก สามัคคี ในการทำกิจกรรมร่วมกัน ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. นักเรียนดูกิจกรรมในวันเด็กจากภาพที่ครูนำเสนอ แล้วร่วมสนทนาโยงเข้าสู่บทเรียนโดยครูใช้ คำถามต่อไปนี้ -นักเรียนเคยไปทำกิจกรรมวันเด็กที่ไหนบ้าง - นักเรียนเคยอยากทำกิจกรรมในวันเด็กอะไรบ้าง ให้นักเรียนช่วยกันตอบ โดยครูถามนำเพื่อ โยงเข้าสู่สาระการเรียนรู้และกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน คาบที่ ๒-๓
คำพ้องรูป ๒.นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การเขียนแสดงความคิดเห็นจากการดูกิจกรรรมวันเด็ก แล้วร่วมกัน สนทนาโดยครูใช้คำถามดังนี้ - นักเรียนจะเขียนเรื่องจากกิจกรรมที่ได้ดูนักเรียนต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรมากที่สุด - นักเรียนควรระมัดระวังเกี่ยวกับอะไรใน การเขียนแสดงความคิดเห็นในกิจกรรมที่ได้ดูและได้ฟัง ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.ครูนำภาพกิจกรรมวันเด็กมาให้นักเรียนดูแล้วร่วมกันวิเคราะห์ โดยครูถามคำถามดังนี้ - การเขียนแสดงความคิดเห็นจากภาพมีความสำคัญอย่างไร - ภาพที่นักเรียนเห็นมีองค์ประกอบอะไรบ้าง - จากภาพนักเรียนสามารถเขียนแสดงความคิดเห็นจากภาพได้อย่างไร ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนเข้ากลุ่มการทำกิจกรรมเขียนแสดงความคิดเห็นจากการได้ฟังและดูในกิจกรรมวันเด็ก ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปความสำคัญของการเขียนแสดงความคิดเห็นจากการได้ฟังและดูกิจกรรม วันเด็ก ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียนโดยให้สอดคล้องกับภาพที่กำหนด ๘.นักเรียนรวบรวมเล่มการเขียนแสดงความคิดเห็นไว้ที่มุมห้องเรียนเพื่อให้เพื่อนๆ ได้ศึกษาต่อไป ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณ ๙.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนได้รับความรู้และข้อคิดจากกิจกรรมในวันเด็กอย่างไรบ้าง ๑๐.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ คำพ้องรูปจะเขียนเหมือนกัน แต่ออกเสียงต่างกัน และมีความหมายไม่เหมือนกัน ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.ให้นักเรียนออกมาทีละ ๒ คน เขียนคำบนกระดานคนละ ๑ คำ แล้วให้เพื่อนหาคำพ้องเสียง กับคำที่ตนเขียน แลกเปลี่ยนกัน (เช่น คนที่ ๑ เขียนว่า ดอกพุด ............. คนที่ ๒ เขียนว่า รังผึ้ง .............. คนที่ ๒ ต้องเติมคำว่า วันพุธ หรือ พระพุทธเจ้า คนที่ ๑ เขียนคำว่า ที่พึ่ง) ๏ รถยนต์ ................ ๏ โศกศัลย์ .................. ๏ พระสงฆ์ .................... ๏ พระธรรม .............. ๏ อนุญาต .................. ๏ สัดส่วน ..................... -คำพ้องรูปเขียนเหมือนกันความหมายเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๒. ให้นักเรียนสังเกตข้อความต่อไปนี้ แล้วให้อาสาสมัครออกมาเติมคำในช่องว่าง (ครูอาจบอกใบ้ว่าเป็นคำที่เขียนเหมือนกัน) เช่น คาบที่ ๔-๕
*น้องท่องบทร้อยกรองคำประสม ............... โอขณะกำลังอาบน้ำ ............ผม *นิดชวนปอไปช้อน ........ใบเขียวเล็ก ๆ ในสระน้ำ นิดชอบปอเพราะปอใจดีไม่เคยหวง ......... สิ่งของ จากนั้นครูใช้คำถามว่า - ข้อ ก. ที่เติมคำว่า สระ ทั้ง 2ช่อง อ่านเหมือนกันหรือไม่ (ช่องแรก อ่านว่า สะ - หระ ช่องที่ ๒ สระ อ่านว่า สะ) - ข้อ ข. เติมคำว่า แหน อ่านว่าอย่างไรบ้าง (ช่องแรกอ่านเป็นค าอักษรน า หอ - นอ - แอ - แหน ช่องที่ ๒ อ่านสะกดค าว่า หอ - แอ - นอ - แหน มี น เป็นตัวสะกด จึงอ่านต่างกัน และ ๓.ให้นักเรียนทุกคนพิจารณาความถูกต้องของคำพ้องรูป ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพิ่มคุณค่า โดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ -นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.ให้นักเรียนฝึกอ่านคำพ้องรูปให้ถูกต้องคล่องแคล่วขึ้น ๑ - ๒ ครั้ง จากบัตรคำ, แถบประโยค บนกระดาน เช่น ๏ใบเสมา (เส - มา) ๏ หญ้าเสมา ๏ ต้นเสลา (สะ - เหลา) ๏ หินเสลา (เส - ลา) ๏ เพลา (เพ - ลา) เย็น ๏ ดูเพลารถ ๏ พระเพลา (คำราชาศัพท์ หมายถึง ตัก) ๏ ในสระ (สะ) น้ำมีจอกแหน ๏ ไม่หวงแหน ๏ กระบวนแห่แหน ๖.นักเรียนฝึกอ่านคำพ้องรูปจากการอ่านบัตรคำ เพื่อจดจำการอ่านออกเสียงที่ถูกต้อง ๗.ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องคำพ้องรูป ๘.นักเรียนทำแบบฝึกหัด ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๙.นักเรียนนำเสนอการทำแบบฝึกหัด โดยครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนนำเสนอทีละคน เพื่อนๆช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๑๐.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถาม - ทำแบบฝึกหัด - คำถาม - แบบฝึกหัด ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่านในใจ -ทักษะการเขียน -ทักษะการคิดวิเคราะห์ -ทักษะการอ่าน -แบบประเมินการอ่านในใจ -แบบประเมินการเขียน -คำถาม -แบบฝึกหัด • •
ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยม (A) -สังเกตพฤติกรรมในการร่วม กิจกรรม การทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรมความ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ๗. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑.ภาพสัตว์ต่างๆ ๒.แผนภูมิคำพ้องรูป3.บัตร บัตรภาพ ๓.แถบประโยคเพื่อแยกคำพ้องรูป ๔. หนังสือหลักภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... vv ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
ภาคเรียนที่..…๒…../.…๒๕๖๖.... ชื่อผู้สอน …………………………………………………….. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่……๔..... จ านวน……๕….คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่ ..……๑๔…..… เรื่อง................อย่างนี้ดีควรทำ............................. สัปดาห์ที่ ๑๓ โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และ มีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ เขียนสื่อสารโดยใช้คำที่ถูกต้องชัดเจน และเหมาะสม ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการอ่าน มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๖ การเขียนบันทึกและการเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐานที่ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณ และสร้างสรรค์ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ จำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ พูดสรุปจากการฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๓ พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นและความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๕ รายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มาตรฐานที่ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิ ปัญญา ทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ สะกดคำและบอกความหมายของคำในบริบทต่างๆ
๒. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความส าคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษา หาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ การเขียนการเขียนการเขียนรายงาน คือ การเขียนรายงานเป็นการเขียนเสนอผลการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่างมีระเบียบแบบแผนและมีหลักฐานอ้างอิงจากแหล่งต่าง ๆ เรียบเรียงและจัดทำรายงานเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้ผู้ที่สนใจ เช่นครู เพื่อนๆ ในชั้นเรียน ต่อที่ประชุม ซึ่งอาจเขียนคนเดียวหรือเป็นกลุ่มก็ได้ ค าสุภาพ คือ คำสุภาพ คือคำที่มีความไพเราะเมื่อนำไปใช้แล้วทำให้ผู้ฟังเกิดความนิยมในตัวผู้ว่าใช้คำได้เหมาะสม น่าฟัง เป็นการใช้คำให้ถูกต้องเหมาะสม ตามกาลเทศะ และบุคคล คำสุภาพเป็นส่วนหนึ่งของคำราชาศัพท์ กฎเกณฑ์การใช้คำสุภาพ ไม่มี กำหนดตายตัว บางคำใช้ในภาษาพูด บางคำใช้ในภาษาเขียน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ (K) ๒.อธิบายความหมาย และหลักการการเขียนรายงานได้ถูกต้อง (K) ๓.อธิบายความหมายและเข้าใจคำสุภาพได้ (K) ๔.อ่านเรื่องได้คล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) ๕.แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน (P) ๖.เขียนรายงานได้ (P) ๗.อ่านสะกดคำ และเขียนคำสุภาพที่มีลักษณะต่างๆ ได้ (P) ๘.เห็นความสำคัญของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A) ๙.กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๑. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ ๒. อธิบายความหมาย และหลักการการเขียนรายงานได้ถูกต้อง ๓. อธิบายความหมายและเข้าใจคำสุภาพได้ ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน การอ่าน จับใจความ ส าคัญ สาระส าคัญ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่านการอ่านจับ ใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญใน การศึกษาหาความรู้จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา โดยใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ คาบที่ ๑
การเขียน รายงาน - นักเรียนรู้จักการทำกระดาษ หรือเคยเห็นการทำกระดาษจากที่ไหนบ้าง - นักเรียนคิดว่ากระดาษสามารถทำมาจากอะไรได้บ้างให้นักเรียนช่วยกันตอบ โดยครูถามนำ เพื่อโยงเข้าสู่สาระการเรียนรู้และกระตุ้นความสนใจของ และนำเข้าสู่เนื้อหาในบทเรียน โดยครูถาม คำถามดังนี้ -การอ่านสรุปใจความคืออะไร -นักเรียนใช้ทักษะอะไรบ้างในการอ่านสรุปใจความ *ในการตอบคำถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคำถามก่อนจะ เรียกเลขที่เพื่อให้ทุกคนได้คิด ๒.นักเรียนศึกษาวิธีการอ่านจับใจความสำคัญเรื่องกระดาษนี้มีที่มาโดยครูใช้คำถามดังนี้ -การอ่านจับใจความสำคัญคืออะไร -นักเรียนอ่านจับใจความแล้วได้ข้อคิดอะไรบ้าง ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน โดยครูใช้คำถามดังนี้ -ตัวละครสำคัญในเรื่องมีใครบ้างอยู่ในยุคสมัยใด -จากเรื่องที่อ่านนักเรียนได้ข้อสังเกตจากการทำกระดาษอย่างไรบ้าง ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนเข้ากลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นและความหมายของที่มาของการทำกระดาษ ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๖.นักเรียนนำเสนอแนวความคิดที่ได้จากการทำกระดาษเป็นรายบุคคลหน้าชั้นเรียน ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๗.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ - นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ การเขียนรายงานเป็นการเขียนเสนอผลการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างมีระเบียบแบบ แผนและมีหลักฐานอ้างอิงจากแหล่งต่าง ๆ เรียบเรียงและจัดทำรายงานเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้ผู้ที่สนใจ เช่นครู เพื่อนๆ ในชั้นเรียน ต่อที่ประชุม ซึ่งอาจเขียนคนเดียวหรือเป็นกลุ่มก็ได้ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. นักเรียนดูตัวอย่างรายงานแล้วร่มกันสนทนาโดยครูใช้คำถามต่อไปนี้ - เอกสารที่นักเรียนดูเรียกว่าอะไร - นักเรียนเคยเห็นรายงานหรือไม่ ๒.นักเรียนร่วมกันศึกษาเรื่อง การเขียนรายงาน แล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถามดังนี้ - การเขียนรายงานมีประโยชน์อย่างไร - องค์ประกอบของรายงานมีอะไรบ้าง คาบที่ ๒-๓
ค าสุภาพ -การเขียนแผนภาพความคิดก่อนทำรายงานมีประโยชน์อย่างไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ว่าการเขียนรายงานเรื่องหมีแพนดาจะต้องเขียนเรื่องอะไรบ้าง โดยเขียนเป็นแผนภาพความคิด ตัวอย่างเช่น ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนเข้ากลุ่มทำกิจกรรมเขียนรายงาน ตามหัวข้อที่สมาชิกในกลุ่มสนใจที่จะศึกษา ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปความสำคัญของการเขียนรายงาน ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียน รายงาน ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียนเพื่อนกลุ่มอื่นร่วมกันแสดงความคิดเห็น ๘.นักเรียนรวบรวมเล่มการเขียนการเขียนรายงานไว้ที่มุมห้องเรียนเพื่อให้เพื่อนๆ ได้ศึกษาต่อไป ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๙.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ คำสุภาพ คือคำที่มีความไพเราะเมื่อนำไปใช้แล้วทำให้ผู้ฟังเกิดความนิยมในตัวผู้ว่าใช้คำได้ เหมาะสม น่าฟัง เป็นการใช้คำให้ถูกต้องเหมาะสม ตามกาลเทศะ และบุคคล คำสุภาพเป็นส่วนหนึ่งของ คำราชาศัพท์ กฎเกณฑ์การใช้คำสุภาพ ไม่มีกำหนดตายตัว บางคำใช้ในภาษาพูด บางคำใช้ในภาษาเขียน ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูเขียนคำเหล่านี้บนกระดานดำ ให้นักเรียนอ่านแล้วให้นักเรียนหาคำสุภาพมาแทนคำที่ พิมพ์ตัวหนา คาบที่ ๔-๕
๑. บ้านฉันเลี้ยงหมาพันธุ์ไทย (สุนัข) ๒. แม่ผัดผักบุ้งไฟแดง (ผักทอดยอด) ๓. พี่นำผ้าห่มไปตากแดดทุกวัน (ผึ่งแดด) ๔. คุณครูครับผมปวดหัวมากครับ (ศีรษะ) ๕. สมชายขออนุญาตครูไปเยี่ยว (ปัสสาวะ) ๒.นักเรียนศึกษาเรื่องคำสุภาพ แล้วร่วมสนทนาโดยครูใช้คำถามต่อไปนี้ -คำสุภาพ มีลักษณะการนำไปใช้อย่างไร -นักเรียนจะใช้คำสุภาพเนื่องในโอกาสใดบ้าง -นักเรียนคิดว่าคำสุภาพมีประโยชน์ในการใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.ให้นักเรียนจับคู่กันทายคำสุภาพ จนเกิดความมั่นใจและจำคำสุภาพต่าง ๆ ได้ ๔. นักเรียนสังเกตคำจากคำตอบจากการทายคำสุภาพ -ให้นักเรียนทุกคนช่วยกันพิจารณาความถูกต้องของคำสุภาพ ๕.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพิ่มคุณค่า โดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๖.นักเรียนจับคูคำสุภาพ และคำธรรมดา จากบัตรคำ ๗. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องคำสุภาพ ๘.นักเรียนฝึกอ่านคำสุภาพจากบัตรคำ ๙.นักเรียนทำแบบฝึกหัด และแบบทดสอบเรื่อง คำสุภาพ ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๑๐.นักเรียนนำเสนอการทำแบบฝึกหัด โดยครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนนำเสนอทีละ คน เพื่อนๆช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๑๑.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถาม - ทำแบบฝึกหัด - คำถาม - แบบฝึกหัด ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่านในใจ -ทักษะการเขียน -ทักษะการคิดวิเคราะห์ -ทักษะการอ่าน -แบบประเมินการอ่านในใจ -แบบประเมินการเขียน -คำถาม -แบบฝึกหัด
ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยม (A) -สังเกตพฤติกรรมในการร่วม กิจกรรม การทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรมความ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ๗. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑.ภาพสัตว์ต่างๆ ๒.ภาพสิ่งของเครื่องใช้ ๓. บัตรคำ บัตรภาพ ๔.แถบประโยค คำสุภาพ ๕. หนังสือหลักภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
ภาคเรียนที่..…๒…../.…๒๕๖๖.... ชื่อผู้สอน …………………………………………………….. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่……๔..... จ านวน……๕….คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่ ..……๑๔…..… เรื่อง................กระดาษนี้มีที่มา............................. สัปดาห์ที่ ๑๔ โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๗ เขียนเรื่องตามจินตนาการ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐานที่ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิ ปัญญา ทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ สะกดคำและบอกความหมายของคำในบริบทต่าง ๆ มาตรฐานที่ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำมา ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ ระบุข้อคิดจากนิทานพื้นบ้านหรือนิทานคติธรรม ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ อธิบายข้อคิดจากนิทานเพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริง ๒. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความส าคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษา หาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ การเขียนตามจินตนาการ คือ การเขียนเรื่องตามจินตนาการช่วยฝึกการสังเกต พัฒนาการคิดอารมณ์ ความรู้สึก และ สามารถถ่ายทอดออกมาด้วยการเขียน ค าที่ใช้กับพระภิกษุสามเณร คือ ในภาษาไทยมีการกำหนดถ้อยคำไว้จำนวนหนึ่งสำหรับใช้กับภิกษุสามเณรโดยเฉพาะ เป็นการเลือกใช้คำที่ถูกต้องเหมาะสม ตามกาลเทศะ และบุคคล ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ (K)
๒.อธิบายความหมาย และหลักการเขียนตามจินตนาการได้ถูกต้อง (K) ๓.อธิบายความหมายและเข้าใจคำสุภาพที่ใช้กับภิกษุ สามเณรได้ (K) ๔.อ่านเรื่องได้คล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) ๕.เขียนเนื้อเรื่องตามจินตนาการได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับเรื่องที่จะเขียน (P) ๖.อ่านสะกดคำ และเขียนคำสุภาพที่ใช้กับพระภิกษุ สามเณร (P) ๗.เห็นความสำคัญของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A) ๘.นำความรู้เรื่องการคัดลายมือไปใช้ในชีวิตประจำวัน (A) ๙. มีวินัย ใฝ่ความรู้ และกระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๑. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ ๒. อธิบายความหมาย และหลักการเขียนตามจินตนาการได้ถูกต้อง ๓. อธิบายความหมายและเข้าใจคำสุภาพที่ใช้กับภิกษุ สามเณรได้ ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน การอ่าน จับใจความ ส าคัญ สาระส าคัญ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่านการอ่านจับ ใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญใน การศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถามกระตุ้น ดังนี้ - มัคคุเทศก์น้อยคืออะไร มีหน้าทีอย่างไรบ้าง - ถ้านักเรียนเป็นมัคคุเทศก์น้อย นักเรียนจะมีวิธีปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวอย่างไร - ให้นักเรียนยกตัวอย่างสถานที่สำคัญในสมัยพระร่วง ๒.นักเรียนศึกษาวิธีการอ่านจับใจความสำคัญจากใบความรู้ และสนทนาเกี่ยวกับการอ่านจับ ใจความสำคัญโดยครูใช้คำถามดังนี้ -การอ่านจับใจความสำคัญคืออะไร *ในการตอบคำถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคำถามก่อนจะ เรียกเลขที่เพื่อให้ทุกคน ได้คิด ๓.นักเรียนเข้ากลุ่มศึกษาเรื่องเที่ยวเมืองพระร่วง โดยครูใช้คำถามต่อไปนี้ -พระร่วงมีความรู้ความสามารถในการใช้สติปัญญาเพื่อต่อกรกับชาวขอมอย่างไร -ข้อคิดที่ได้จากการศึกษานักเรียนสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ คาบที่ ๑
การเขียนตาม จินตนาการ ๔. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องที่อ่านโดยครูใช้คำถามดังนี้ -พระร่วงมีชีวิตอยู่ในสมัยใด -นักเรียนวิเคราะห์ลักษณะนิสัยของพระร่วง แล้วอภิปรายเกี่ยวกับแบบอย่างที่ดีในการ ดำเนินชีวิต ๕. นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่า โดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ -นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๖.นักเรียนทำกิจกรรมการถามตอบจากเรื่องที่ศึกษา ๗.นักเรียนร่วมกันสรุปข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๘. นักเรียนนำเสนอคำถามหน้าชั้นเรียน แล้วให้เพื่อนตอบคำถาม ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๙.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถาม -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ การเขียนเรื่องตามจินตนาการช่วยฝึกการสังเกต พัฒนาการคิดอารมณ์ ความรู้สึก และสามารถ ถ่ายทอดออกมาด้วยการเขียน ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.นักเรียนดูตัวอย่างการเขียนตามจินตนาการ แล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถามดังนี้ -การเขียนเรื่องตามจินตนาการมีแนวคิดและความสำคัญอย่างไร -ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไรบ้าง -มีหลักแนวความคิดเรื่องที่จะต้องเขียนอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องและน่าสนใจ ๒.นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การเขียนจินตนาการจากคำแล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถาม ดังนี้ - นักเรียนจะเขียนตามจินตนาการจากคำนักเรียนต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรมากที่สุด -การเขียนตามจินตนาการมีความสำคัญอย่างไร -การเขียนตามจินตนาการมีหลักการเขียนอย่างไรบ้าง ๏ นักเรียนควรระมัดระวังเกี่ยวกับการเขียนตามจินตนาการจากคำ ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.ครูนำคำศัพท์ต่างๆ มาให้นักเรียนเลือกในการเขียนจินตนาการแล้วร่วมกันวิเคราะห์ โดย ครูถามคำถามดังนี้ - การเขียนตามจินตนาการมีความสำคัญอย่างไร - จากคำนักเรียนเขียนจินตนาการได้อย่างไร ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร คาบที่ ๒-๓
ค าที่ใช้กับ พระภิกษุ สามเณร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๔ กลุ่ม สมาชิกในกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์ภาพแล้วเขียนจินตนาการ ให้สอดคล้องกับคำที่กำหนด ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปความสำคัญของการเขียนตามจินตนาการจากคำ ครูอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับองค์ประกอบของการเขียนตามจินตนาการ ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อนกลุ่มอื่นร่วมกันแสดงความคิดเห็น ๘.นักเรียนร่วมกันคัดเลือกประโยคที่ชอบมากที่สุด ๓ อันดับ แล้วนำไปจัดแสดงที่ป้ายนิเทศ หน้าชั้นเรียน ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๙.ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสาระสำคัญของเรื่อง การเขียนตามจินตนาการจากคำ ๑๐.ให้นักเรียนนำความรู้เรื่อง การเขียนจินตนาการจากคำ ที่ได้เรียนรู้ไปใช้เพื่อการฝึกทักษะ การเขียนสื่อสารและแนะนำเพื่อนๆ น้อง ๆ หรือคนใกล้ชิดในเรื่องการเขียนจินตนาการ ๑๑.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ ในภาษาไทยมีการกำหนดถ้อยคำไว้จำนวนหนึ่งสำหรับใช้กับภิกษุสามเณรโดยเฉพาะเป็นการ เลือกใช้คำที่ถูกต้องเหมาะสม ตามกาลเทศะ และบุคคล ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถาม ดังนี้ - คำที่ใช้เรียกแทนตัวเองของภิกษุสามเณร ๒.นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับคำที่ใช้กับภิกษุสามเณรแล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถามต่อไปนี้ -การสนทนากับภิกษุสามเณรควรใช้คำอย่างไรให้เหมาะสมและถูกต้อง -นักเรียนมีวิธีปฏิบัติในการใช้คำที่เหมาะสมกับภิกษุสามเณรอย่างไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.ให้นักเรียนทายคำดังนี้ - มีคำอะไรอีกบ้างที่เป็นได้ทั้งคำนาม และคำบุรุษสรรพนามที่ใช้กับภิกษุสามเณร (อาตมา,โยม) - พระ.......อะไรมิใช่พระสงฆ์มีชีวิต (พระพุทธรูป) -จำ.........อะไรที่หมายถึงการนอน (จ าวัด) ๔.นักเรียนคิดประเมินเพิ่มคุณค่า โดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดเรื่องคำที่ใช้กับภิกษุสามเณร ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อ การแก้ไข ปรับปรุง และซักถามเมื่อเกิดความสงสัย ส่งให้ครูตรวจสอบอีกครั้ง คาบที่ ๔-๕
๖.ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มทำกิจกรรมโดยการคิดคำที่ใช้กับพระภิกษุสามเณร ๗.นักเรียนฝึกอ่านคำที่ใช้กับภิกษุสามเณรจากบัตรคำ ๘.นักเรียนร่วมกันสรุปเรื่องคำที่ใช้กับพระภิกษุสามเณร ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๙.นักเรียนนำเสนอคำที่ใช้กับภิกษุสามเณร โดยครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนนำเสนอทีละ คนและร่วมกันแสดงความคิดเห็น และรวบรวมเป็นล่มไว้ทุ่มห้องเรียนให้เพื่อนๆ ได้อ่านด้วย ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๑๐.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถาม - ทำแบบฝึกหัด - คำถาม - แบบฝึกหัด ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่านในใจ -ทักษะการเขียน -ทักษะการคิดวิเคราะห์ -ทักษะการอ่าน -แบบประเมินการอ่านในใจ -แบบประเมินการเขียน -คำถาม -แบบฝึกหัด ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยม (A) -สังเกตพฤติกรรมในการร่วม กิจกรรม การทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรมความ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ๗. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑. แบบฝึกหัด ๒. บัตรคำ ๓. บัตรภาพ ๔. ปริศนาคำทาย ๕. หนังสือหลักภาษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๖. ไม้เรียกเลขที่
๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... vv ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)
ภาคเรียนที่..…๒…../.…๒๕๖๖.... ชื่อผู้สอน …………………………………………………….. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่……๔..... จ านวน……๕….คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่ ..……๑๕…..… เรื่อง.................รักที่คุ้มภัย.................................. สัปดาห์ที่ ๑๕ โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และ มีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยค และสำนวนจากเรื่องที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการอ่าน มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียน รายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๔ เขียนย่อความจากเรื่องสั้น ๆ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐานที่ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณ และสร้างสรรค์ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ พูดสรุปจากการฟังและการดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๓ พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นและความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มาตรฐานที่ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิ ปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ สะกดคำและบอกความหมายของคำในบริบทต่าง ๆ ๒. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความส าคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษา
หาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ การเขียนย่อความจากการฟังบทความวันตรุษจีน คือ การเขียนย่อความเป็นการสรุปสาระสำคัญของเนื้อเรื่องนำเสนอ ต่อผู้อื่น การเขียนแสดงความคิดเห็น การเก็บใจความสำคัญของเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากบทความแล้วนำมาเขียนเรียบเรียงใหม่ ค าราชาศัพท์ คือ ราชาศัพท์เป็นระเบียบของภาษาที่ต้องใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับระดับของบุคคล ประเทศไทยมีการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงมีการใช้ถ้อยคำอย่างประณีตเป็นพิเศษสำหรับพระประมุขและ พระราชวงศ์ นอกจากพระราชาแล้วยังมีชั้นของบุคคลที่ต้องมีถ้อยคำ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ (K) ๒. อธิบายความหมาย และหลักการเขียนย่อความวันตรุษจีนได้ (K) ๓. รู้และเข้าใจหลักการอ่าน การ เขียน คำราชาศัพท์ได้(K) ๔.อ่านเรื่องได้คล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) ๕.เขียนย่อความประเภทวันตรุษจีนได้ (P) ๖.อ่านเขียนและจำแนกคำที่เป็นคำราชาศัพท์ได้ (P) ๗. เห็นความสำคัญของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A) ๘.นำความรู้เรื่องการเขียนย่อความไปใช้ในชีวิตประจำวัน(A) ๙. มีวินัย ใฝ่ความรู้ และกระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๑. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ ๒. อธิบายความหมาย และหลักการเขียนย่อความวันตรุษจีนได้ ๓. รู้และเข้าใจหลักการอ่าน การ เขียน คำราชาศัพท์ได้ ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน การอ่าน จับใจความ ส าคัญ สาระส าคัญ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่านการอ่านจับ ใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญใน การศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา โดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ - นักเรียนได้ความรักความอบอุ่นจากครอบครัวอย่างไรบ้าง เช่น ก่อนมาโรงเรียนหอม คุณพ่อคุณแม่ - นักเรียนมีความภูมิใจในความรักต่อใครมากที่สุด โดยครูถามนำเพื่อโยงเข้าสู่สาระการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง “รักที่คุ้มภัย” นำเสนอตัวอย่างความ คาบที่ ๑
การเขียนย่อ ความจากการ ฟังบทความ วันตรุษจีน รักความอบอุ่นในครอบครัว และกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนโดยครูถามคำถามดังนี้ -การอ่านสรุปใจความในเนื้อเรื่องที่ศึกษาคืออะไร -นักเรียนใช้ทักษะอะไรบ้างในการอ่านสรุปใจความ -นักเรียนจะนำหลักการอ่านสรุปความไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร *ในการตอบคำถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคำถามก่อนจะ เรียกเลขที่เพื่อให้ทุกคนได้คิด ๒.นักเรียนเข้ากลุ่มศึกษาเรื่อง รักที่คุ้มภัย โดยครูใช้คำถามดังนี้ -ความรักความอบอุ่น มีความสำคัญในการดำเนินชีวิตอย่างไร -นักเรียนคิดว่าสิ่งใดที่จะสามารถเป็นเกราะป้องกันจากครอบครัวได้มากที่สุด -นักเรียนสามารถสร้างความรักความอบอุ่นให้เกิดขึ้นได้โดยอาศัยปัจจัยอะไรบ้าง ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน โดยครูใช้คำถามดังนี้ -จ๊อกกับแจ๊กเป็นใคร และจะมาพบกันในเวลาใด -ครอบครัวของจ๊อกกับครอบครัวของแจ๊กมีความแตกต่างกันอย่างไรและนักเรียนชอบบ้านหลัง ไหนพร้อมบอกเหตุผล -ให้นักเรียนยกตัวอย่างโทษของยาเสพติดในเรื่องที่อ่านและวิธีป้องกัน ๔.ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนทำกิจกรรมการถามตอบจากเรื่องที่ศึกษา ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปหลักการอ่านจับใจความดังนี้ ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗. แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของการทำกิจกรรมให้เพื่อนฟัง โดยใช้วิธีจับสลาก ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๘.นักเรียนช่วยกันสรุป แสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้เพื่อเป็นการประเมินความ เข้าใจไปในตัวด้วย -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ การเขียนย่อความเป็นการสรุปสาระสำคัญของเนื้อเรื่องนำเสนอต่อผู้อื่น การเขียนแสดงความ คิดเห็น การเก็บใจความสำคัญของเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากบทความแล้วนำมาเขียนเรียบเรียงใหม่ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับวันตรุษจีน และขออาสาสมัครเล่า ๑ เรื่อง ให้ นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดังนี้ - มีเหตุการณ์ใดบ้างในชีวิตประจำวันที่มีลักษณะคล้ายการย่อความ - นักเรียนทราบหรือไม่ว่าหลักการย่อความมีอะไรบ้าง คาบที่ ๒-๓
ค าราชาศัพท์ * หลักการย่อความ ๑. อ่านเรื่องที่จะย่อให้เข้าใจ ๒. จับใจความสำคัญหรือสาระสำคัญของเรื่อง ๓. ใช้สำนวนภาษาง่าย ๆ ของผู้ย่อเองโดยไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องเดิม ๔. เปลี่ยนสรรพนามบุรุษที่ ๑ หรือสรรพนามบุรุษที่ ๒ เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓ รูปแบบการย่อความ ย่อบทความเรื่อง...................จาก...................ของ......................... ความว่า.................... ๒.นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การย่อบทความแล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถามดังนี้ - ในการย่อบทความจากการฟังนักเรียนต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรมากที่สุด - นักเรียนควรระมัดระวังเกี่ยวกับอะไรในการย่อความ ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.ครูนำตัวอย่างการเขียนย่อบทความจากการฟังบทความวันตรุษจีนให้นักเรียนดูแล้วร่วมกัน วิเคราะห์ โดยครูถามคำถามดังนี้ - การย่อความจากบบทความวันตรุษจีนมีความสำคัญอย่างไร ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนเข้ากลุ่มทำกิจกรรมเขียนย่อความจากการฟังบทความวันตรุษจีน ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปความสำคัญจากการฟังบทความ ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ องค์ประกอบของการย่อบทความ ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗.นักเรียนแต่ละคนนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อนในห้องเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ๘.นักเรียนร่วมกันคัดเลือกการย่อบทความวันตรุษจีนที่ชอบมากที่สุด ๓ อันดับ แล้วนำไปจัด แสดงที่ป้ายนิเทศหน้าชั้นเรียน ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๙.ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสาระสำคัญของเรื่อง การย่อความที่ได้ฟังบทความวันตรุษจีน ๑๐.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ ราชาศัพท์เป็นระเบียบของภาษาที่ต้องใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับระดับของบุคคล ประเทศไทยมี การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงมีการใช้ถ้อยคำอย่างประณีตเป็น พิเศษสำหรับพระประมุขและพระราชวงศ์ นอกจากพระราชาแล้วยังมีชั้นของบุคคลที่ต้องมีถ้อยคำ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพข่าวพระราชกรณียะกิจของพระบาทสมเด็จพระ คาบที่ ๔-๕
เจ้าอยู่หัวจากหนังสือพิมพ์แล้วร่วมกันสนทนาโดยใช้คำถามดังนี้ -ถ้อยคำภาษาที่ใช้บรรยายใต้ภาพนั้นแตกต่างจากภาษาโดยทั่วไปอย่างไร -คำศัพท์ที่ปรากฏอยู่ในภาพมีความหมายว่าอย่างไร ๒.นักเรียนศึกษาเรื่องคำราชาศัพท์ แล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถาม ดังนี้ -ความหมายของคำราชาศัพท์ตามความเข้าใจของนักเรียนเป็นอย่างไร -สาเหตุที่ต้องมีคำราชาศัพท์ใช้ -ทำอย่างไรจึงจะใช้คำราชาศัพท์ได้ถูกต้อง ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพิ่มคุณค่า โดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - คำราชาศัพท์มีหลักการใช้อย่างไร -นักเรียนจะใช้คำราชาศัพท์กับบุคลใดได้บ้าง ยกตัวอย่าง -นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๔.นักเรียนเล่นเกมจับคู่ภาพและบัตรคำคำราชาศัพท์ที่ครูกำหนดให้ โดยใช้ไม้เรียกเลขที่เรียกชื่อ นักเรียนมาเป็นคู่โดยการให้นักเรียนที่จับคู่ได้แล้วอ่านให้เพื่อนฟัง ๕.ครูติดบัตรคำบนกระดานดำ แล้วให้นักเรียนฝึกอ่านทบทวนอีกครั้ง ๖.นักเรียนสรุปเรื่องคำราชาศัพท์ ๗.นักเรียนทำแบบฝึกหัด ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๘.นักเรียนนำเสนอการทำแบบฝึกหัดหน้าชั้นเรียน เพื่อนๆช่วยกันตรวจสอบความถูกต้อง ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๑๐.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถาม - ทำแบบฝึกหัด - คำถาม - แบบฝึกหัด ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่านในใจ -ทักษะการเขียน -ทักษะการคิดวิเคราะห์ -ทักษะการอ่าน -แบบประเมินการอ่านในใจ -แบบประเมินการเขียน -คำถาม -แบบฝึกหัด
ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยม (A) -สังเกตพฤติกรรมในการร่วม กิจกรรม การทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรมความ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ๗. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑.ภาพประกอบเกี่ยวกับคำราชาศัพท์ ๒.บัตรภาพคำราชาศัพท์ \ ๓. หนังสือหลักภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๔.ไม้เรียกเลขที่ ๕. เกมจับคู่คำราชาศัพท์ ๖.แบบฝึกหัด ๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... vv สัปดาห์ที่ 16 ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)