The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้างและแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ป.4 เทอม 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by meionjira29, 2024-01-04 05:02:21

โครงสร้างและแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ป.4 เทอม 2

โครงสร้างและแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ป.4 เทอม 2

ภาคเรียนที่..…๒…../.…๒๕๖๖.... ชื่อผู้สอน …………………………………………………….. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่……๔..... จ านวน……๕….คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่ ..……๑๕…..… เรื่อง.................รักที่คุ้มภัย.................................. โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และ มีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๗ อ่านหนังสือที่มีคุณค่าตามความสนใจอย่างสม่ำเสมอและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องอ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการอ่าน มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียน รายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๔ เขียนย่อความจากเรื่องสั้น ๆ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐานที่ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณ และสร้างสรรค์ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ จำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ พูดสรุปความจากการฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๓ พูดแสดงความคิดรู้ ความคิดเห็นและความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๔ ตั้งคำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผลจากเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๕ รายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มาตรฐานที่ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิ ปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ สะกดคำและบอกความหมายของคำในบริบทต่าง ๆ สัปดาห์ที่ ๑๖


๒. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความส าคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษา หาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ การเขียนย่อข่าวจากการฟังและการดู คือ การเขียนย่อความเป็นการสรุปสาระสำคัญของเนื้อเรื่องนำเสนอต่อผู้อื่น การ เขียนแสดงความคิดเห็น การเก็บใจความสำคัญของเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากบทความแล้วนำมาเขียนเรียบเรียงใหม่ ค าพังเพย คือ เป็นถ้อยคำที่ใช้เปรียบเทียบเพื่อให้เข้าใจเรื่องที่พูดถึง แฝงด้วยข้อคิดเตือนใจในการดำเนินชีวิต สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มีคติ ข้อคิดดี ใช้เปรียบเทียบเพื่อสอนให้ทำสิ่งที่ดีหรือเว้นไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่ดี คำพังเพยและสุภาษิตช่วยให้การใช้ภาษา กระชับ กินใจ และไพเราะ แสดงถึงความเป็นผู้มีศิลปะในการสื่อสาร ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ (K) ๒. อธิบายความหมาย และหลักการเขียนย่อข่าวจากการฟังและการดู (K) ๓. รู้และเข้าใจคำพังเพย(K) ๔.อ่านเรื่องได้คล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) ๕.เขียนย่อข่าวจากการฟังและการดูได้ (P) ๖.เขียนคำพังเพยได้ถูกต้อง (P) ๗. แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน (P) ๘.เห็นความสำคัญของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A) ๙.กระตือรือร้นในการ่วมกิจกรรม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๑. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ ๒. อธิบายความหมาย และหลักการเขียนย่อข่าวจากการฟังและการดู ๓. รู้และเข้าใจคำพังเพย ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน การอ่าน จับใจความ ส าคัญ สาระส าคัญ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่านการอ่านจับ ใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญใน การศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูพานักเรียนไปห้องสมุดให้นักเรียนเลือกหนังสือที่สนใจและชอบอ่านคนละ 1 เรื่อง ๒.นักเรียนศึกษาวิธีการอ่านจับใจความสำคัญ และสนทนาเกี่ยวกับการอ่านจับใจความสำคัญโดย คาบที่ ๑


การเขียนย่อ ข่าวจากการ ฟังและการดู ครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนใช้ทักษะอะไรบ้างไรการอ่านสรุปความ -การอ่านสรุปใจความสำคัญคือ ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.ให้นักเรียนวิเคราะห์เรื่องที่อ่าน โดยครูใช้คำถามดังนี้ -ตัวละครสำคัญในเรื่องมีใครบ้าง -ตัวละครแต่ละตัวมีนิสัยเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร -จากเรื่องที่อ่านนักเรียนได้ข้อคิดอะไรบ้าง ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนทำกิจกรรมการถามตอบจากเรื่องที่ศึกษา ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗. แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลของการทำกิจกรรมให้เพื่อนฟัง โดยใช้วิธีจับสลาก ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๘.นักเรียนช่วยกันสรุป แสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้เพื่อเป็นการประเมินความเข้าใจ ไปในตัวด้วย -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ การเขียนย่อความเป็นการสรุปสาระสำคัญของเนื้อเรื่องนำเสนอต่อผู้อื่น การเขียนแสดงความ คิดเห็น การเก็บใจความสำคัญของเรื่องใดเรื่องหนึ่งจากบทความแล้วนำมาเขียนเรียบเรียงใหม่ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.ครูให้นักเรียนดูตัวอย่างจากข่าวในหนังสือพิมพ์ พร้อมกับยกตัวอย่างให้นักเรียนฟัง แล้ว ร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถาม ดังนี้ - มีเหตุการณ์ใดบ้างในชีวิตประจำวันที่มีลักษณะทำให้เป็นข่าวได้ - นักเรียนทราบหรือไม่ว่าข่าวแต่ละข่าวมาจากแหล่งข่าวจากแหล่งใดบ้าง * หลักการย่อข่าว ๑. อ่านเรื่องที่จะย่อให้เข้าใจ ๒. จับใจความสำคัญหรือสาระสำคัญของเรื่อง ๓. ใช้สำนวนภาษาง่าย ๆ ของผู้ย่อเองโดยไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องเดิม ๔. เปลี่ยนสรรพนามบุรุษที่ 1 หรือสรรพนามบุรุษที่ 2 เป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 รูปแบบการย่อข่าว ย่อข่าวเรื่อง...................จาก...................ของ.........................ความว่า .................... คาบที่ ๒-๓


ค าพังเพย ๒.นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การย่อบทความแล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถามดังนี้ - ในการย่อข่าวนักเรียนต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรมากที่สุด - นักเรียนควรระมัดระวังเกี่ยวกับอะไรในการย่อความ ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.ครูนำตัวอย่างการเขียนย่อข่าวให้นักเรียนดูแล้วร่วมกันวิเคราะห์ โดยครูถามคำถามดังนี้ - การย่อข่าวมีความสำคัญอย่างไร ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.ให้นักเรียนทำกิจกรรมโดยการเข้ากลุ่มและเลือกข่าวตามความสนใจ ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปความสำคัญของการย่อความจากการฟังและดู ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗.นักเรียนแต่ละคนนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อนในห้องเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๘.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ใช้เปรียบเทียบเพื่อให้เข้าใจเรื่องที่พูดถึง แฝงด้วยข้อคิดเตือนใจในการ ดำเนินชีวิต สุภาษิตเป็นถ้อยคำที่มีคติ ข้อคิดดีใช้เปรียบเทียบเพื่อสอนให้ทำสิ่งที่ดีหรือเว้นไม่ให้ทำสิ่งที่ ไม่ดี คำพังเพยและสุภาษิตช่วยให้การใช้ภาษากระชับ กินใจ และไพเราะ แสดงถึงความเป็นผู้มีศิลปะใน การสื่อสาร ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑.ให้นักเรียนสังเกตบทร้อยกรอง เรื่อง “ภาษิต คำพังเพย” ค าพังเพย โบราณว่าเรียนผูกต้องเรียนแก้ น้ าน้อยแพ้ไฟแน่อย่าสงสัย น้ าตาลใกล้มดใครจะอดได้ น้ าหนึ่งใจเดียวกันนั่นแหละดี รักดีหามจั่วรักชั่วหามเสา พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกไม่สุขศรี อย่าโลภมากลาภหายในทันที สำนวนนี้มีภาษิตคำพังเพย ประพันธ์โดย นฤภร รุจิเรข ๒. นักเรียนสังเกตคำที่เป็นตัวหนา แล้วร่วมกันแสดงความคิดเห็น สรุปความรู้ในประเด็นที่ กำหนด ดังนี้ -คำที่เป็นตัวหนามีลักษณะอย่างไร ๓.ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่องคำพังเพย แล้วร่วมกันสนทนาโดยใช้คำถามดังนี้ คาบที่ ๔-๕


-นักเรียนรู้จักคำพังเพยอะไรบ้าง -นักเรียนชอบคำพังเพยอะไรมากที่สุด เพราะอะไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๔. นักเรียนวิเคราะห์ความหมายการใช้คำพังเพย -เรียนผูกต้องเรียนแก้ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ *จากนั้นให้นักเรียนปฏิบัติตามประเด็นที่ครูกำหนด -บอกลักษณะการใช้คำพังเพย -แต่งประโยคเพื่อช่วยอธิบายความหมาย ๕.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพิ่มคุณค่า โดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๖.นักเรียนเล่นเกมทายคำพังเพย โดยการให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเตรียมคำพังเพย มา 2 ชนิด ให้ เพื่อนกลุ่มอื่นทายว่ามีความหมายอย่างไร ๗. นักเรียนทำกิจกรรมการใช้คำพังเพย โดยการให้นักเรียนฝึกการแต่งประโยคปากเปล่า และฝึก อ่านคำพังเพยจากบัตรคำ ๘. นักเรียนสรุป คำพังเพย ดังนี้ -คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ใช้เปรียบเทียบเพื่อให้เข้าใจเรื่องที่พูดถึง แฝงด้วยข้อคิดเตือนใจในการ ดำเนินชีวิต สุภาษิตเป็นถ้อยคำที่มีคติ ข้อคิดดี ใช้เปรียบเทียบเพื่อสอนให้ทำสิ่งที่ดีหรือเว้นไม่ให้ทำสิ่งที่ ไม่ดี ๙. นักเรียนทำแบบฝึกหัด ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๑๐.นักเรียนนำเสนอการทำแบบฝึกหัดหน้าชั้นเรียน ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๑๑.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถาม - ทำแบบฝึกหัด - คำถาม - แบบฝึกหัด ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่านในใจ -ทักษะการเขียน -ทักษะการคิดวิเคราะห์ -ทักษะการอ่าน -แบบประเมินการอ่านในใจ -แบบประเมินการเขียน -คำถาม -แบบฝึกหัด


ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยม (A) -สังเกตพฤติกรรมในการร่วม กิจกรรม การทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรมความ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ๗. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑.ใบความรู้คำพังเพย ๒.บัตรภาพ บัตรคำ ๓. หนังสือหลักภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๔.ไม้เรียกเลขที่ ๕.แบบฝึกหัด ๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)


ภาคเรียนที่..…๒…../.…๒๕๖๖.... ชื่อผู้สอน …………………………………………………….. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่……๔..... จ านวน……๕….คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่ ..……๑๖…..… เรื่อง.....................ธรรมชาตินี้มีคุณ..................... สัปดาห์ที่ ๑๗ โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และ มีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ อธิบายความหมายของคำ ประโยค และสำนวนจากเรื่องที่อ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๖ เขียนบันทึกและเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐานที่ ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณ และสร้างสรรค์ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ จำแนกข้อเท็จจริงและข้อคิดจากเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๒ พูดสรุปการฟังและการดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๓ พูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นและความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๔ ตั้งคำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผลจากเรื่องที่ฟังและดู ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๕ รายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๖ มีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด มาตรฐานที่ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิ ปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๖ บอกความหมายของสำนวน


๒. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความส าคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษา หาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ การเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า คือ เป็นการเขียนเสนอผลการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างมีระเบียบ แบบแผนและมีหลักฐานอ้างอิง เพื่อนำเสนอต่อครู ต่อเพื่อนๆ ในชั้นเรียน ต่อที่ประชุม หรือเพื่อเผยแพร่ ซึ่งอาจเขียนคนเดียวหรือ เป็นกลุ่มก็ได้ ส านวนภาษา คือ สำนวน ใช้เป็นข้อคิดแก่ผู้ฟังและผู้อ่านในด้านต่างๆ การแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ จำแนก ข้อเท็จจริง และข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ (K) ๒.อธิบายความหมาย และหลักการเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้าได้ (K) ๓.เขียนสำนวนภาษาได้ (K) ๔.อ่านเรื่องได้คล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) ๕.แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน (P) ๖.ยกตัวอย่างสำนวนภาษาไทย (P) ๗.เห็นความสำคัญของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A) ๘.กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม(A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๑. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ ๒. อธิบายความหมาย และหลักการเขียนรายงานจากการศึกษา ค้นคว้าได้ ๓. เขียนสำนวนภาษาได้ ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน การอ่าน จับใจความ ส าคัญ สาระส าคัญ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความหรือเรื่องที่อ่านการอ่านจับ ใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานสำคัญใน การศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเรื่อง “ธรรมชาตินี้มีคุณ” โดยใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ - นักเรียนรู้ความหมายของธรรมชาติที่มีคุณต่อเราหรือไม่ หรือเคยเห็นธรรมชาติที่สวยงามที่ คาบที่ ๑


ไหนบ้าง - นักเรียนเคยอ่านบทความเกี่ยวกับธรรมชาติอะไรบ้าง ให้นักเรียนช่วยกันตอบ โดยครูถามนำเพื่อโยงเข้าสู่สาระการเรียนรู้และกระตุ้นความ สนใจของผู้เรียน และนำเสนอบทความ โดยมีบทความเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมเกี่ยวกับธรรมชาติ ให้ นักเรียนกลุ่มละ ๑ เรื่อง และนำเข้าสู่เนื้อหาในบทเรียน โดยครูถามคำถามดังนี้ -การอ่านสรุปใจความคืออะไร -นักเรียนใช้ทักษะอะไรบ้างในการอ่านสรุปใจความ -นักเรียนจะนำหลักการอ่านสรุปความไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร *ในการตอบคำถามให้ครูใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนตอบทีละคน โดยถามคำถามก่อนจะ เรียกเลขที่เพื่อให้ทุกคนได้คิด ๒.นักเรียนเข้ากลุ่มศึกษาเรื่อง “ธรรมชาตินี้มีคุณ” โดยครูใช้คำถามต่อไปนี้ -ธรรมชาติให้คุณกับเราอย่างไรบ้าง -ธรรมชาติมีโทษต่อเราหรือไม่ -ถ้าไม่มีธรรมชาติมนุษย์จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้หรือไม่ ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องที่อ่านโดยครูใช้คำถามต่อไปนี้ -ธรรมชาติที่กล่าวถึงในบทเรียนประกอบด้วยอะไรบ้าง -ปรากฏการณ์ใดบ้างที่แสดงว่าธรรมชาติขาดดุลเกิดจากความแปรปรวนไม่ปกติ ๔.ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ -จากการอ่านเรื่อง “ธรรมชาตินี้มีคุณ” นักเรียนสามารถนำไปปรับใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนทำกิจกรรมการถามตอบจากเรื่องที่ศึกษาตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน กลุ่มละ ๕ ข้อ กติกาในการตั้งคำถาม คุณครูแบ่งจำนวนหน้าที่แต่ละกลุ่มจะต้องรับผิดชอบในการตั้งคำถาม เพื่อป้องกันไม่ให้การตั้งคำถามของแต่ละกลุ่มไม่ให้ซ้ำกัน ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗. แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอคำถามหน้าชั้นเรียน การสรุปใจความสำคัญบทความ ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๘.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ - นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ เป็นการเขียนเสนอผลการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างมีระเบียบแบบแผนและมีหลักฐาน อ้างอิง เพื่อนำเสนอต่อครู ต่อเพื่อนๆ ในชั้นเรียน ต่อที่ประชุม หรือเพื่อเผยแพร่ ซึ่งอาจเขียนคนเดียว หรือเป็นกลุ่มก็ได้


การเขียน รายงานจาก การศึกษา ค้นคว้า ส านวนภาษา ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ เอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อ เทคโนโลยีต่าง ๆ แหล่ง เรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน และเลือกใช้สื่อได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างคนละ ๑ หัวข้อ โดย ใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ - เอกสารที่นักเรียนศึกษาค้นคว้าเรียกว่าอะไร - นักเรียนเคยเห็นการเขียนรายงานหรือไม่ ๒.นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การเขียนรายงาน แล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถามดังนี้ - นักเรียนจะเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้ามีประโยชน์อย่างไร - องค์ประกอบของการเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้ามีอะไรบ้าง - การแผนภาพความคิดก่อนการเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้ามีประโยชน์อย่างไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.ครูตั้งประเด็นคำถามนำให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ถึงความสำคัญของการเขียนรายงานจาก การศึกษาค้นคว้า โดยการตั้งคำถามต่อไปนี้ -การเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้ามีความรู้มีความจำเป็นหรือไม่ เพียงไร -ถ้าจะเขียนรายงานจากความรู้จากการศึกษาค้นคว้า เราควรปฏิบัติอย่างไร ๔.ครูทบทวนการการเขียนรายงานด้วยแผนผังความคิด (mind mapping) การใช้กระดาษ วิธี เขียนผังความคิด การใช้เส้น สี ภาพ การสรุปสาระสำคัญจากเรื่องที่นักเรียนศึกษาค้นคว้า ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.นักเรียนร่วมกับเข้ากลุ่มทำกิจกรรมเขียนรายงานจากการศึกค้นคว้า ตามหัวข้อที่สมาชิกใน กลุ่มสนใจที่จะศึกษา ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปความสำคัญของการเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้า ครูอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเขียนรายงาน ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อนกลุ่มอื่นร่วมกันแสดงความคิดเห็น ๘.นักเรียนรวบรวมเล่มการเขียนรายงานไว้ที่มุมห้องเพื่อให้เพื่อนๆ ได้ศึกษาต่อไป ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๙.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ สำนวน ใช้เป็นข้อคิดแก่ผู้ฟังและผู้อ่านในด้านต่างๆ การแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ จำแนก ข้อเท็จจริง และข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูติดบัตรคำ 10 ใบ บนกระเป๋าผนัง ดังนี ปลา มด มา กิน ลด กิน น้ า มด คาบที่ ๔-๕ คาบที่ ๒-๓


ครูสุ่มเรียกตัวแทนนักเรียน ๑ คน มาเรียงบัตรคำให้เป็นสำนวน ซึ่งจะได้ว่า - น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา (หมายถึง ทีใครทีมัน) แล้วให้นักเรียนช่วยกันอธิบายความหมายของสำนวนตามความเข้าใจ ๒.ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับ ถ้อยคำสำนวนไทย และให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง สำนวนไทย จากหนังสือเรียน จากนั้นครูซักถามนักเรียนโดยใช้คำถาม ดังนี้ - สำนวน มีลักษณะเด่นอย่างไร (ถ้อยค ากระชับคมคาย มีความหมายเชิง เปรียบเทียบ) ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.นักเรียนวิเคราะห์ และเปรียบเทียบความแตกต่างของความหมาย และการใช้สำนวนภาษา งูๆ ปลาๆ ตีนเท่าฝาหอย เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง จากนั้นให้นักเรียนปฏิบัติตามประเด็นที่ครูกำหนด ดังนี้ -บอกลักษณะการใช้ -แต่งประโยค เพื่อช่วยอธิบายความหมายการใช้ที่เหมาะสม ๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕. นักเรียนเล่นเกมทายสำนวนภาษา โดยการให้นักเรียน แต่ละกลุ่มเตรียมสำนวนภาษา มาชนิด ละ 2 สำนวน มาทายเพื่อนกลุ่มอื่น ว่าที่นักเรียนยกมาเป็นสำนวนหมายถึงอะไร ๖. นักเรียนทำกิจกรรมจากการนำสำนวนภาษามาแต่งประโยคและฝึกอ่านจากบัตรคำ ๗. นักเรียนทำแบบฝึกหัด ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๘.นักเรียนนำเสนอการทำแบบฝึกหัดหน้าชั้นเรียน ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๙.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถาม - ทำแบบฝึกหัด - คำถาม - แบบฝึกหัด ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่านในใจ -ทักษะการเขียน -ทักษะการคิดวิเคราะห์ -ทักษะการอ่าน -แบบประเมินการอ่านในใจ -แบบประเมินการเขียน -แบบฝึกหัด


ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยม (A) -สังเกตพฤติกรรมในการร่วม กิจกรรม การทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรมความ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ๗. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑.ใบความรู้เรื่องสำนวนภาษา ๒.ใบความรู้เรื่องแบบรายงาน ๓. บัตรคำ (สำหรับเรียงประโยค) ๔.ไม้เรียกเลขที่ ๕.บัตรภาพสำนวนภาษา ๖. หนังสือหลักภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)


ภาคเรียนที่..…๒…../.…๒๕๖๖.... ชื่อผู้สอน …………………………………………………….. กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่……๔..... จ านวน……๕….คาบ หน่วยการเรียนรู้ที่ ..……๑๖…..… เรื่อง.....................ธรรมชาตินี้มีคุณ..................... สัปดาห์ที่ ๑๘ โรงเรียนขจรเกียรติโคกกลอย แผนการจัดการเรียนรู้ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐานที่ ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ อ่านออกเสียงร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการอ่าน มาตรฐานที่ ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๗ เขียนเรื่องตามจินตนาการ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๘ มีมารยาทในการเขียน มาตรฐานที่ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภูมิ ปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๑ สะกดคำและบอกความหมายของคำในบริบทต่าง ๆ มาตรฐานที่ ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนำมา ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตัวชี้วัดที่ ป ๔/๓ ร้องเพลงพื้นบ้าน ๒. สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด การอ่านจับใจความส าคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคิด ความคิดสำคัญหลักของข้อความ หรือเรื่องที่อ่าน การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุด เพราะเป็นพื้นฐานสำคัญในการศึกษาหา ความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญเพลงพื้นบ้าน คือเพลงของชาวบ้านที่จดจำสืบทอดกันมาแบบปากเปล่า ใช้ร้องเล่นเพื่อ ความสนุกสนานรื่นเริงโดยใช้คำง่ายๆ เน้นเสียงสัมผัสและจังหวะการร้องเป็นเพลง การเขียนตามจินตนาการจากภาพ คือ การเขียนเรื่องตามจินตนาการช่วยฝึกการสังเกต พัฒนาการคิดอารมณ์ ความรู้สึก


และสามารถถ่ายทอดออกมาด้วยการเขียน เครื่องหมายวรรคตอน คือ การเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องหมายวรรคตอนจะทำให้สามารถอ่านข้อความหรือเรื่องราวต่างๆ ได้ เข้าใจและสื่อสารกับบุคคลอื่นได้ ๓. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑.อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ (K) ๒. อธิบายการเขียนเรื่องตามจินตนาการ (K) ๓.รู้และเข้าใจหลักการอ่าน การเขียนเครื่องหมายวรรคตอน (K) ๔.แยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่อ่าน (P) ๕. อ่านเรื่องได้คล่องแคล่วรวดเร็วและถูกต้องตามอักขรวิธี (P) ๖.อ่าน เขียนและนำคำนำไปใช้ได้ถูกต้อง (P) ๗.เขียนเรื่องตามจินตนาการ (P) ๘.เห็นความสำคัญของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A) ๙.เห็นความสำคัญของการเขียนและมีมารยาทในการเขียน (A) ๑๐. กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม (A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๑. อธิบายความหมาย และหลักการอ่านจับใจความสำคัญ ๒. อธิบายการเขียนเรื่องตามจินตนาการ ๓. รู้และเข้าใจหลักการอ่าน การเขียนเครื่องหมายวรรคตอน ๕. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน การอ่านจับ ใจความ เพลงพื้นบ้าน ภูเก็ต สาระส าคัญ การอ่านจับใจความสำคัญ ถือเป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในการอ่านเพื่อการสื่อสารมากที่สุด เพราะเป็น พื้นฐานสำคัญในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญเพลงพื้นบ้าน คือเพลงของ ชาวบ้านที่จดจำสืบทอดกันมาแบบปากเปล่า ใช้ร้องเล่นเพื่อความสนุกสนานรื่นเริงโดยใช้คำง่ายๆ เน้น เสียงสัมผัสและจังหวะการร้องเป็นเพลง ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูและนักเรียนร่วมกันร้องเพลงพื้นบ้านในท้องถิ่น 1 รอบ ๒. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะของเพลงพื้นบ้าน โดยครูอธิบาย เพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะของเพลงพื้นบ้านให้นักเรียนฟัง ดังนี้ ลกัษณะเน้ือร้องของเพลงพ้ืนบา้นไม่มีระเบียบแบบแผน ข้ึนอยกู่บัแต่ละทอ้งถิ่นจะคิดแบบแผนการร้องของตนไปตามความนิยม ลกัษณะเด่นของเพลงพ้ืนบา้นอยทู่ ี่ความไพเราะของการใชถ้อ้ยคา ที่ง่าย ๆ แต่มีความหมายกินใจและปฏิภาณไหวพริบของผรู้้อง คาบที่ 1


การเขียนตาม จินตนาการ จากภาพ ๓. ครูใช้คำถามเพื่อให้นักเรียนร่วมกันสนทนาแสดงความคิดเห็น ดังนี้ ๏ เพลงพื้นบ้านของแต่ละภาคมีความแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร ๏ นักเรียนรู้จักเพลงพื้นบ้านของภาคใด ได้แก่เพลงอะไรบ้าง ๔. นักเรียนเข้ากลุ่มศึกษาเพลงพื้นบ้านโดยครูใช้คำถามต่อไปนี้ -เพลงพื้นบ้านที่นักเรียนรู้จักมีเพลงอะไรบ้าง -นักเรียนสามารถร้องเพลงพื้นบ้านของตัวเองได้หรือไม่ -นักเรียนจะจูงใจให้คนในชุมชนสนใจเพลงพื้นบ้านได้อย่างไร ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๕.นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์เรื่องที่อ่าน โดยครูใช้คำถามดังนี้ -กลุ่มที่ ๑ ลักษณะเพลงพื้นบ้านภาคเหนือ -กลุ่มที่ ๒ ลักษณะ เพลงพื้นบ้านภาคอีสาน -กลุ่มที่ ๓ ลักษณะเพลงพื้นบ้านภาคกลาง -กลุ่มที่ ๔ ลักษณะเพลงพื้นบ้านภาคใต้ ๖. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามต่อไปนี้ -นักเรียนสามารถนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันอย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๗.นักเรียนทำกิจกรรมการถามตอบจากเรื่องที่ศึกษา ๘.นักเรียนร่วมกันสรุปข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๙. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อนกลุ่มอื่นร่วมกันแสดงความ คิดเห็น ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๑๐.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ การเขียนเรื่องตามจินตนาการช่วยฝึกการสังเกต พัฒนาการคิดอารมณ์ ความรู้สึก และสามารถ ถ่ายทอดออกมาด้วยการเขียน ขั้นที่ 1 ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑ .นักเรียนดูตัวอย่างการเขียนตามจินตนาการจากภาพ แล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถาม ดังนี้ -การเขียนเรื่องตามจินตนาการจากภาพมีแนวคิดและความสำคัญอย่างไร -จากภาพใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไรบ้าง -มีหลักแนวความคิดเรื่องที่จะต้องเขียนอย่างไรเพื่อให้สอดคล้องและน่าสนใจ ๒.นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การเขียนจินตนาการจากคำแล้วร่วมกันสนทนาโดยครูใช้คำถาม คาบที่ 2-3


เครื่องหมาย วรรคตอน ดังนี้ - นักเรียนจะเขียนตามจินตนาการจากคำนักเรียนต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรมากที่สุด -การเขียนตามจินตนาการมีความสำคัญอย่างไร -การเขียนตามจินตนาการมีหลักการเขียนอย่างไรบ้าง ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓.ครูนำภาพต่างๆ มาให้นักเรียนเลือกในการเขียนจินตนาการจากภาพแล้วร่วมกันวิเคราะห์ โดยครูถามคำถามดังนี้ - การเขียนตามจินตนาการจากภาพมีความสำคัญอย่างไร - จากภาพนักเรียนเขียนจินตนาการได้อย่างไร ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าโดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๕.ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น ๔ กลุ่ม สมาชิกในกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์ภาพแล้วเขียนจินตนาการ ให้สอดคล้องกับคำที่กำหนด ๖.นักเรียนร่วมกันสรุปความสำคัญของการเขียนตามจินตนาการจากคำ ครูอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับองค์ประกอบของเรื่องที่นักเรียนเขียน ขั้นที่ ๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๗.นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน เพื่อนกลุ่มอื่นร่วมกันแสดงความคิดเห็น ๘.นักเรียนร่วมกันคัดเลือกประโยคที่ชอบมากที่สุด 3 อันดับ แล้วนำไปจัดแสดงที่ป้ายนิเทศ หน้าชั้นเรียน ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๙.ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสาระสำคัญของเรื่อง การเขียนตามจินตนาการจากคำ ๑๐.ให้นักเรียนนำความรู้เรื่อง การเขียนจินตนาการจากคำ ที่ได้เรียนรู้ไปใช้เพื่อการฝึก ทักษะการเขียนสื่อสารและแนะนำเพื่อนๆ น้อง ๆ หรือคนใกล้ชิดในเรื่องการเขียนจินตนาการ ๑๑.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร สาระส าคัญ การเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องหมายวรรคตอนจะทำให้สามารถอ่านข้อความหรือเรื่องราวต่างๆ ได้ เข้าใจและสื่อสารกับบุคคลอื่นได้ ขั้นที่๑ ขั้นรวบรวมข้อมูล ๑. ครูติดบัตรเครื่องหมายวรรคตอนต่อไปนี้ แล้วถามนักเรียนว่าเป็นเครื่องหมายอะไร . เรียกว่า มหัพภาค “ ” เรียกว่า อัญประกาศ ! เรียกว่า อัศเจรีย์ - เรียกว่า ยัติภังค์ คาบที่ ๔-๕


....... เรียกว่า จุดไข่ปลา ๒. ครูให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง เครื่องหมายวรรคตอน จากหนังสือเรียน แล้วร่วมกันสนทนา โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนรู้จักเครื่องหมายวรรคตอนอะไรบ้าง -ยกตัวอย่างเครื่องหมายวรรคตอนที่นักเรียนเคยใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันมีอะไรบ้าง ขั้นที่๒ ขั้นคิดวิเคราะห์และสรุปความ ๓. ครูติดแถบประโยคบนกระดาน นักเรียนสังเกตบัตรคำบนกระดานให้นักเรียนช่วยกันพิจารณา ความถูกต้องของเครื่องหมายวรรคตอน ตัวอย่าง เช่น - อุ๊ย ตกใจหมดเลย ( ! ) - สนุก อ่านว่า สะ หนุก ( - ) - 14 ตุลาคม พ ศ 2516 ( . ) - เด็ก ชอบกินขนม ( ๆ ) - น้อยไปเที่ยวกรุงเทพ ( ฯ ) ๔.นักเรียนแต่ละกลุ่มคิดประเมินเพิ่มคุณค่า โดยครูใช้คำถามดังต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถนำเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ขั้นที่๓ ขั้นปฏิบัติและสรุปความรู้หลังการปฏิบัติ ๑๐. ครูให้นักเรียนทำชิ้นงานเรื่อง เครื่องหมายวรรคตอน โดยให้นักเรียนอ่านออกเสียงประโยคที่มี เครื่องหมายวรรคตอน พร้อมทั้งบอกชื่อเครื่องหมายวรรคตอนนั้น ๑๑.นักเรียนฝึกอ่านเครื่องหมายวรรคตอนจากบัตรคำ ๑๒. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสาระสำคัญของเรื่อง เครื่องหมายวรรคตอน ๑๓. นักเรียนทำแบบฝึกหัด ขั้นที่๔ ขั้นสื่อสารและน าเสนอ ๑๔.นักเรียนนำเสนอเครื่องหมายวรรคตอนจากที่ทำชิ้นงานมานำเสนอและให้เพื่อนๆ ทาย โดยครู ใช้ไม้เรียกเลขที่ เพื่อให้นักเรียนนำเสนอทีละคน เพื่อให้นักเรียนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น และ รวบรวมจัดแสดงผลงานของนักเรียนไว้ที่ป้านนิเทศหน้าห้องเรียน ขั้นที่๕ ขั้นประเมินเพื่อเพิ่มคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ ๑๕.นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามดังนี้ -นักเรียนสามารถนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร ๖. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การประเมิน วิธีการ เครื่องมือ ด้านความรู้ (K) - การตอบคำถาม - ทำแบบฝึกหัด - คำถาม - แบบฝึกหัด


ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่านในใจ -ทักษะการเขียน -ทักษะการคิดวิเคราะห์ -ทักษะการอ่าน -แบบประเมินการอ่านในใจ -แบบประเมินการเขียน -แบบฝึกหัด ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ค่านิยม (A) -สังเกตพฤติกรรมในการร่วม กิจกรรม การทำงานกลุ่ม -สังเกตพฤติกรรมความ กระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ๗. สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งการเรียนรู้ ๑.ใบความรู้เรื่องสำนวนภาษา ๒.ใบความรู้เรื่องแบบรายงาน ๓. บัตรคำ (สำหรับเรียงประโยค) ๔.ไม้เรียกเลขที่ ๘. กิจกรรมเสนอแนะ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวิชาการ (...........................................................) (...........................................................) ลงชื่อ................................................... ผู้บริหาร (...........................................................)


Click to View FlipBook Version