-๙๕-
คาอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ
อ๑๖๒๐๑ องั กฤษเพื่อการส่ือสาร ๓ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ
ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ปี
การพัฒนาทักษะการฟงั และการพูด โดยฝึกปฏบิ ัติตามข้นั ตอนและทักษะยอ่ ยของกระบวนการ
ฟัง กระบวนการพดู ใชภ้ าษาส่อื สาร รบั และสง่ สารในรปู แบบการสนทนาในสถานการณ์ทีห่ ลากหลาย
โดยใช้คาศัพท์ สานวน โครงสร้างภาษาไดถ้ ูกตอ้ งตามวตั ถุประสงคข์ องการสอ่ื สาร สรา้ งสรรค์และ
ดาเนินการสนทนากบั ชาวต่างชาตไิ ดอ้ ย่างต่อเน่อื ง เหมาะสมตามกาลเทศะและมารยาทสังคม
โดยใชท้ ักษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอดและความ
คดิ เห็นในเร่อื งตา่ งๆโดยผา่ นการพูดและการเขยี น
เห็นคณุ ค่าและตระหนักในความสาคัญของการใช้ภาษาส่ือสารอยา่ งสร้างสรรค์
ผลการเรียนรู้
๑. ปฏิบตั ติ ามข้นั ตอนของกระบวนการฟงั ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ มีทกั ษะในการฟงั โดยสามารถตคี วาม
วเิ คราะห์เรือ่ งทีฟ่ งั นา้ เสยี ง กริยาท่าทางและสรุปความ ถา่ ยโอนเป็นภาษาพดู และเขยี นได้
๒. ปฏิบัติตามข้ันตอนของกระบวนการพูดได้อยา่ งถกู ตอ้ ง โดยสามารถพูดนาเสนอในท่ีชุมชน ในหัวข้อ
ตา่ งๆ ได้อยา่ งสร้างสรรค์
๓. สรา้ งสรรค์ภาษาในการสนทนา แลกเปล่ยี นขอ้ มูลและสร้างความสัมพนั ธ์ระหว่างบุคคล โดยใช้
คาศัพท์ สานวน โครงสรา้ งภาษาให้เหมาะสมกบั สถานการณ์และมารยาทสังคม
๔. ใชภ้ าษาอังกฤษในการสอ่ื สารไดท้ ุกสถานการณ์
๕. มคี วามเช่อื มน่ั ในการใชภ้ าษาองั กฤษกับชาวต่างชาติ
รวมท้งั หมด ๕ ผลการเรียนรู้
-๙๖-
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น
-๙๗-
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน
๑. ความสาคญั ของกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน
พระราชบัญญตั ิการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ กาหนดแนวการจัดการศึกษา โดยยดึ หลักวา่
ผู้เรยี นทุกคนมคี วามสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองได้ และถอื วา่ ผ้เู รียนมีความสาคัญทีส่ ุด กระบวนการจัด
การศกึ ษาต้องสง่ เสรมิ ให้ผูเ้ รยี นสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ โดยจดั เนือ้ หาสาระและ
กจิ กรรมให้สอดคลอ้ งกับความสนใจและความถนัดของผเู้ รยี น คานึงถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล ฝกึ
ทกั ษะ กระบวนการคดิ การจดั การ การเผชญิ สถานการณ์ ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ของสงั คมและเทคโนโลยี กอ่ ให้เกดิ ท้ังผลดีและผลเสยี ตอ่ การดาเนนิ ชวี ิตในปจั จุบนั ของบุคคล ทาใหเ้ กิด
ความยงุ่ ยากซบั ซ้อนมากยง่ิ ข้นึ จาเป็นตอ้ งปรับเปลี่ยนวิถีการดาเนินชวี ิตให้สามารถดารงชวี ติ อยใู่ นสังคมได้
อยา่ งมีคุณค่า มศี กั ดศ์ิ รี มีความสุขบนพ้ืนฐานของเศรษฐกจิ พอเพียงและยั่งยนื
จากจุดหมายของหลักสูตรการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน มุ่งพัฒนาคนไทยใหเ้ ปน็ มนุษย์ท่สี มบูรณเ์ ป็นคนดี
คนเก่ง และอยูร่ ว่ มในสังคมอยา่ งมีความสุข บนพ้ืนฐานของความเป็นไทยนัน้ นอกจากการพฒั นาผู้เรยี น
ทุกคนให้มคี วามรู้ท่เี ปน็ พื้นฐานสาคัญซ่ึงได้กาหนดไว้ในโครงสรา้ งกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๘ กลุ่มสาระ
แลว้ หลักสูตรยังไดก้ าหนดกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนไวใ้ นโครงสรา้ งด้วย โดยมงุ่ สง่ เสริมการพฒั นาผูเ้ รียน
เพม่ิ เติมจากกล่มุ สาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระ ให้ผเู้ รียนรจู้ กั ตนเอง ค้นพบความสามารถ ความถนัด
ของตนเอง เพ่ือการพัฒนาให้เตม็ ศกั ยภาพ เห็นคุณค่าในการประกอบสัมมาชีพ ให้เปน็ ผมู้ ีระเบยี บวนิ ยั
ศลี ธรรม จรยิ ธรรม รูจ้ กั บทบาทหนา้ ที่ ความรับผดิ ชอบ การบาเพ็ญประโยชน์ใหช้ มุ ชน สงั คม
ประเทศชาติ และดารงชวี ิตได้อยา่ งมีความสุข ซึ่งจาเปน็ ตอ้ งอาศยั ความร่วมมือจากทุกสว่ นในสังคม
ท้ังพ่อแม่ ผูป้ กครอง ชุมชน และภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่
ด้วยเหตผุ ลดังกลา่ วขา้ งต้นการจดั กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนจะตอ้ งมีการพัฒนาและปรับปรุงให้
เหมาะสมโดยมุ่งเน้นให้ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนของสถานศึกษาเป็นกจิ กรรมทีใ่ ห้ผู้เรียนเป็นผู้ปฏบิ ัติจรงิ
โดยการศึกษา วเิ คราะห์ วางแผน ปฏิบตั ติ ามแผน การทางานเปน็ กลุ่ม และประเมนิ ผลเพ่อื ปรับปรงุ
พฒั นาอยา่ งต่อเนือ่ งตามลกั ษณะความพร้อม ความต้องการ และความเปน็ ไปได้ในการปฏิบัติตามดุลย
พินิจของสถานศกึ ษา และมีการกากบั ดูแลอย่างจริงจงั
๒. ความหมายของกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน
กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนเปน็ กจิ กรรมทีจ่ ดั อยา่ งเป็นระบบ ประกอบดว้ ยรูปแบบกระบวน การ
วิธีการทห่ี ลากหลาย ให้ผู้เรยี นไดร้ ับประสบการณ์จากการปฏิบัตจิ ริง มีความหมายและมีคุณค่าใน
การพฒั นาผูเ้ รียนท้งั ดา้ นรา่ งกาย จิตใจ สตปิ ญั ญา อารมณ์ และสังคม มุ่งสรา้ งเสริมเจตคติ คุณภาพชวี ิต
ปลกู ฝังคณุ ธรรม และคา่ นิยมทีพ่ ึงประสงค์ ส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนรจู้ ักและเข้าใจตนเอง สรา้ งจติ สานึกใน
ธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ มปรับตัวและปฏิบัติตนให้เป็นประโยชนต์ ่อสังคม ประเทศชาติ และดารงชีวิต
ไดอ้ ยา่ งมีความสขุ
-๙๘-
๓. จุดมุ่งหมายของกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นมีจุดมงุ่ หมายเพื่อให้ผูเ้ รยี นได้รับการพัฒนา ดังน้ี
๓.๑ พฒั นาองคร์ วมของความเปน็ มนุษยใ์ หค้ รบทุกดา้ น ทงั้ รา่ งกาย สติปญั ญา
อารมณ์ และสังคม
๓.๒ พัฒนาความสามารถของตนเองตามศกั ยภาพ โดยมุง่ เน้นเพิม่ เตมิ จากกจิ กรรมท่ีได้จัดให้
ผูเ้ รยี นเรยี นรตู้ ามกลุ่มสาระการเรยี นรทู้ ัง้ ๘ กลมุ่ สาระ
๓.๓ เขา้ รว่ มและปฏิบัตกิ ิจกรรมทเ่ี ลือกตามความถนัดและความสนใจของตนเอง
๔. หลักการจัดกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน
กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี นมหี ลักการจัดดังนี้
๔.๑ มีการกาหนดวตั ถุประสงค์และแนวปฏบิ ตั ิที่ชดั เจนเป็นรปู ธรรม
๔.๒ จดั ใหเ้ หมาะสมกับวยั วุฒภิ าวะ ความสนใจ ความถนัด และความสามารถของผูเ้ รยี น
และวัฒนธรรมที่ดีงาม
๔.๓ บรู ณการวิชาการกับชีวติ จรงิ ให้ผเู้ รียนไดต้ ระหนกั ถึงความสาคัญของการเรียนรูต้ ลอดชีวิต
และรสู้ ึกสนกุ กบั การใฝ่รใู้ ฝ่เรียน
๔.๔ ใชก้ ระบวนการกล่มุ ในการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ ฝกึ ให้คิดวิเคราะหส์ รา้ งสรรค์
จินตนาการ ท่ีเปน็ ประโยชน์และสัมพันธ์กับชวี ติ ในแต่ละชว่ งวัยอย่างตอ่ เนอื่ ง
๔.๕ จานวนสมาชกิ มีความเหมาะสมกับลักษณะของกิจกรรม
๔.๖ มีการกาหนดเวลาในการจดั กิจกรรมใหเ้ หมาะสม สอดคลอ้ งกับวสิ ยั ทศั น์และเป้าหมายของ
สถานศึกษา
๔.๗ ผู้เรยี นเป็นผู้ดาเนินการ มคี รูเปน็ ท่ีปรกึ ษา ถอื เปน็ หน้าท่ีและงานประจาโดยคานึงถงึ ความ
ปลอดภัย
๔.๘ ยึดหลักการมีสว่ นร่วม โดยเปิดโอกาสให้ครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง ชมุ ชนองค์กรทัง้ ภาครัฐ
และเอกชน มสี ว่ นรว่ มในการจัดกิจกรรม
๔.๙ มีการประเมินผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยวธิ ีการที่หลากหลายและสอดคล้องกบั กิจกรรม
อยา่ งเปน็ ระบบและตอ่ เนอื่ ง
๕. ขอบข่ายของกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี นประกอบดว้ ย กิจกรรมแนะแนวและกิจกรรมนักเรียนซง่ึ สถานศึกษา
สามารถจัดแยกหรือบรู ณาการไว้ด้วยกันก็ได้ และสามารถจัดได้หลากหลายรูปแบบและวิธีการโดยมี
ขอบเขตดงั นี้
๕.๑ เป็นกจิ กรรมท่เี กื้อกลู สง่ เสริมการเรียนรู้ ๘ กล่มุ สาระ สาระการเรยี นรู้ใหก้ วา้ งขวาง
ลึกซ้งึ ย่งิ ขนึ้ ในรูปแบบของการปฏิบตั ติ ามโครงการ/ โครงงาน ในลักษณะเป็นกระบวนการเชงิ บูรณาการ
โดยยดึ หลกั คุณธรรม จริยธรรมเปน็ พืน้ ฐาน
-๙๙-
๕.๒ เปน็ กิจกรรมท่ีสนองความสนใจ ความถนดั ความตอ้ งการของผูเ้ รียน ตามความแตกต่าง
ระหว่างบคุ คลในลกั ษณะชมรม ชมุ นมุ กลุ่มสนใจ เน้นการใหผ้ ู้เรียนเหน็ คุณค่าของวชิ าความรู้ อาชพี
และการดาเนนิ ชีวิตที่ดีงาม ตลอดจนเห็นช่องทางในการประกอบอาชีพ
๕.๓ เป็นกิจกรรมทป่ี ลูกฝงั และสรา้ งจติ สานกึ ในการทากจิ กรรมทีเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คมใน
ลักษณะต่าง ๆ ให้สามารถจดั การกับชวี ิตและสังคมได้ มคี ณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ รกั และเห็นคุณค่า
ในตนเองและผู้อนื่ มคี า่ นยิ มในความดีงาม มวี นิ ัยในตนเอง มคี ุณธรรมและจรยิ ธรรม ตลอดจนอนรุ ักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม
๕.๔ เป็นกิจกรรมท่ีฝึกการทางานและการให้บริการด้านต่าง ๆ ท่ีเปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง
ส่วนรวม เพือ่ เสริมสรา้ งความมนี ้าใจ เอือ้ อาทร ความเป็นพลเมืองดี และรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเอง
ครอบครัว และสังคม
๖. เปา้ หมายของกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น
การจัดกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียนไดก้ าหนดเปา้ หมายเพือ่ การพฒั นาผเู้ รียน ดังนี้
๖.๑ ได้รับประสบการณท์ ห่ี ลากหลาย เกิดความรู้ ความชานาญ ดา้ นวชิ าการ วิชาชพี และ
เทคโนโลยี
๖.๒ เห็นคุณคา่ ขององค์ความรตู้ ่าง ๆ และสามารถนาความรู้และประสบการณ์ใชใ้ นการพฒั นา
ตนเองและประกอบอาชีพสุจรติ
๖.๓ รู้จักและเห็นคณุ ค่าในตนเองและผู้อืน่ มวี ฒุ ิภาวะทางอารมณ์ มกี ระบวนการคดิ มที กั ษะ
ในการดาเนนิ ชวี ติ อยา่ งเหมาะสมและมคี วามสขุ
๖.๔ คน้ พบและพฒั นาศักยภาพของตนเอง มองเหน็ ชอ่ งทางในการสรา้ งงานอาชีพในอนาคตได้
เหมาะสมกับตนเอง
๖.๕ พัฒนาบุคลิกภาพ เจตคติ คา่ นยิ มที่ดีในการดาเนนิ ชีวติ เสริมสรา้ งคณุ ธรรมและ
จรยิ ธรรม
๖.๖ มีจติ สานกึ ในความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว สงั คมและประเทศชาตติ ลอดจนความ
เปน็ ระเบยี บวนิ ยั คณุ ธรรมและจรยิ ธรรม
๗. แนวทางการจัดทาหลกั สตู รสถานศึกษาเก่ยี วกบั กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
การจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนเปน็ สว่ นหนง่ึ ของหลกั สูตรสถานศึกษาทคี่ ณะกรรมการสถานศกึ ษา
จะตอ้ งจดั ทาขน้ึ เพอ่ื เป็นแนวทางให้สถานศกึ ษาและบคุ ลากรที่เก่ียวขอ้ งใช้วางแผนในการจดั กิจกรรม
พฒั นาผเู้ รยี นไดอ้ ย่างเหมาะสมกบั ความพรอ้ มของชุมชน ตามสภาพปัญหาและความต้องการของผเู้ รยี น
ตลอดจนวิสยั ทศั นข์ องสถานศกึ ษา โดยมีกระบวนการจัดทาหลกั สูตร หลกั สูตรสถานศึกษาเก่ียวกบั
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน ดังน้ี
๗.๑ ศกึ ษาวิสยั ทศั น์ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ โครงสรา้ งหลกั สูตรของสถานศกึ ษาที่เก่ียวขอ้ ง
กบั การพฒั นาผู้เรียน เพอ่ื เป็นข้อมลู ในการจัดกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียนให้สอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของสถานศึกษา
๗.๒ ศึกษาข้อมูลสารสนเทศ เชน่ สภาพความพร้อมของโรงเรียน สภาพของชมุ ชนท้องถิ่น
สภาพปญั หาและความตอ้ งการของผู้เรียน เพือ่ เป็นขอ้ มลู ในการจัดกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี นให้สอดคล้องกับ
บริบทของสถานศกึ ษา
-๑๐๐-
๗.๓ วางแผนและจัดแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นโดยกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ กระบวนการ
วิธีดาเนนิ การ ส่ือ/อปุ กรณ์ และการประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นอย่างแท้จรงิ
๗.๔ กาหนดบทบาทของผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้ากิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น ครทู ี่ปรกึ ษา
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ผ้เู รยี น ผปู้ กครอง และชุมชน เพื่อให้มีส่วนรว่ มในการจัดกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
๗.๕ กาหนดการประเมนิ และเกณฑ์การประเมิน การผา่ นกจิ กรรมแตล่ ะภาคเรียนช้ันปี และ
ช่วงชน้ั ใหเ้ ป็นไปตามสถานศกึ ษากาหนด
เพ่ือใหก้ ารจดั กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี นประสบผลสาเรจ็ บรรลุผลตามเจตนารมณข์ องหลักสตู ร
ผเู้ กี่ยวข้องทุกฝา่ ยจะตอ้ งใหค้ วามสาคัญกบั การจดั กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนใหม้ ากข้ึน นอกจากจะต้องมี
การพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษากิจกรรมพัฒนาผ้เู รียนแล้ว สถานศึกษาจะต้องมีการกาหนดครูผู้รับผิดชอบ
มีการนิเทศ ติดตามผล และประเมินผลการจัดกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนอยา่ งจรงิ จงั
-๑๐๑-
โครงสร้างและเวลาการจดั กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ระดับประถมศึกษา ป.๖
ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ๔๐
๑. กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๓๐
๔๐
๒. กิจกรรมนักเรยี น ๑๐
๒.๑ ลกู เสอื -เนตรนารี ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๑๒๐
๒.๒ กิจกรรมชุมนมุ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
๓. กิจกรรมเพื่อสังคม ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐
และสาธารณประโยชน์
เวลาเรียนรวม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
-๑๐๒-
กจิ กรรมแนะแนว
๑. กจิ กรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนาผู้เรยี นให้สอดคล้องกับความ
สามารถ ความถนดั และความสนใจ โดยคานึงถึงความแตกต่างระหวา่ งบุคคล ดว้ ยกระบวนการทางจติ วทิ ยา
การแนะแนว ใหส้ อดคลอ้ งครอบคลุมด้านการศกึ ษา อาชีพส่วนตัวและสังคม กิจกรรมสาคญั ในการพัฒนา
ไดแ้ ก่ กจิ กรรมการรู้จัก เข้าใจและเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผ้อู ่ืน กิจกรรมการปรบั ตัวและดารงชีวิต
กจิ กรรมแสวงหาและใช้ข้อมูลสารสนเทศ กิจกรรมการตัดสินใจและแกป้ ญั หา
๑.๑ หลักการ
เปน็ กจิ กรรมที่สง่ เสรมิ และพฒั นาผเู้ รยี นให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิด
ตัดสินใจ คิดแกป้ ญั หา กาหนดเปา้ หมาย วางแผนชวี ิตทัง้ ดา้ นการเรียนและอาชีพ สามารถปรบั ตนเองได้
อย่างเหมาะสม ผู้เรียนเรียนรดู้ ้วยตนเองดว้ ยการปฏิบัติ จนกระทัง่ เกดิ ทกั ษะชีวิตหรือเกิดการเรียนรู้ โดย
มีครทู กุ คนเป็นผมู้ ีส่วนรว่ มในการจดั กจิ กรรม ซ่งึ เป็นกิจกรรมทชี่ ว่ ยให้ครรู จู้ ักและเข้าใจผเู้ รียน อีกทั้งยงั
เป็นกจิ กรรมทชี่ ่วยเหลอื และให้คาปรึกษาแกผ่ ู้ปกครองในการมีสว่ นรว่ มในการพฒั นาผู้เรยี น
๑. ๒ วตั ถปุ ระสงค์
๑) เพือ่ ให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ รูจ้ ัก เข้าใจ รกั และเหน็ คุณค่าในตนเองและผูอ้ น่ื
๒) เพื่อใหผ้ ้เู รียนเกิดการเรียนรู้ สามารถวางแผนการเรยี น อาชีพ รวมท้งั การดาเนนิ
ชีวติ และสงั คม
๓) เพื่อให้ผูเ้ รยี นเกดิ การเรียนรู้ สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม และอยู่รว่ มกับ
ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งมีความสุข
๑.๓ เกณฑ์การประเมนิ
๑) เวลาเข้ารว่ มกิจกรรม
๒) การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
๓) ผลงาน/ช้นิ งาน/คณุ ลกั ษณะของผู้เรยี น
-๑๐๓-
แนวการจัดกจิ กรรมแนะแนว
การจดั กจิ กรรมแนะแนว
๑. เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รียนเกดิ การเรยี นรู้ หลักการ เป็นกิจกรรมที่จัดใหส้ อดคล้องกับสภาพ
จัก เขา้ ใจ รกั และเห็น ปัญหา ความตอ้ งการ ความสนใจ ธรรมชาติ
คณุ คา่ ในตนเองและผอู้ น่ื วัตถปุ ระสงค์ ของผเู้ รียนและวสิ ยั ทัศน์ของสถานศึกษาท่ีตอบ
สนองจดุ มุ่งหมายหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา
๒. เพ่อื ให้ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้ ขอบข่าย ขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ใหค้ ลอบ
สามารถวางแผนการเรียน ๑. ดา้ นการศึกษา คุลมทง้ั ด้านการศึกษา การงาน และอาชพี
อาชพี รวมทั้งการดาเนิน ๒. ด้านการงานและ อาชพี ชีวติ และสงั คม เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ผู้เรยี นมี
ชีวติ และสังคม ๓. ดา้ นชวี ติ และสงั คม อสิ ระในการคิดและตดั สนิ ใจดว้ ยตนเอง เรยี นรู้
ดว้ ยตนเอง ดว้ ยการปฏิบัติจนกระทงั่ เกิดทักษา
๓. เพือ่ ให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ ชวี ติ หรือการเรยี นรู้จนครูทุกคนมสี ่วนรว่ มใน
สามารถปรับตัวได้อย่าง การจัดกจิ กรรม โดยมคี รูแนะแนวเป็นพเี่ ล้ยี ง
เหมาะสม และอยู่ร่วมกับ และประสานงาน
ผอู้ ื่นได้อย่างมคี วามสขุ
แนวการจดั กจิ กรรมแนะแนว
๑. สารวจสภาพปญั หา ความต้องการ ความสนใจและธรรมชาติของผ้เู รียน
๒. ศกึ ษาวสิ ัยทัศนข์ องสถานศึกษาและวเิ คราะห์ขอ้ มลู ของผู้เรยี นทีไ่ ดจ้ าก
การสารวจ
๓. กาหนดสัดสว่ นสาระของกิจกรรมในแต่ละด้าน
๔. กาหนดแผนการปฏบิ ัติกิจกรรมแนะแนว
๕. การจัดทารายละเอยี ดของแต่ละกิจรรม
๖. ปฏิบัตติ ามแผน วดั และประเมนิ ผล และสรุปรายงาน
ซอ่ มเสริม ไมต่ ามเกณฑ์ ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ
ไม่ผ่าน
ตามเกณฑ์ ๑. เวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรม
๒. การปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
ผา่ น ๓. ผลงาน/ช้นิ งาน/
คุณลกั ษณะของผูเ้ รียน
สง่ ผลการประเมิน
-๑๐๔-
กจิ กรรมนกั เรียน
๒. กิจกรรมนักเรียน เปน็ กิจกรรมทีม่ งุ่ พฒั นาความมีระเบยี บวินัย ความเป็นผนู้ า ผูต้ ามท่ีดี
ความรับผดิ ชอบ การทางานร่วมกนั การรจู้ ักแก้ปญั หาการตดั สินใจทเ่ี หมาะสมความมีเหตุผล การช่วยเหลือ
แบง่ ปันกัน เออื้ อาทรและสมานฉนั ท์ โดยจดั ให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนดั และความสนใจ
ของผู้เรียน ให้ผู้เรยี นได้ปฏบิ ัติดว้ ยตนเองในทุกขนั้ ตอน ไดแ้ ก่ การศกึ ษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏิบตั ติ ามแผน
ประเมินและปรบั ปรงุ การทางาน เน้นการทางานรว่ มกันเปน็ กลมุ่ ตามความเหมาะสม และสอดคลอ้ งกับวุฒิ
ภาวะของผู้เรียน บรบิ ทของโรงเรียนและท้องถิน่ กจิ กรรมนกั เรยี นประกอบด้วย
๒.๑ กจิ กรรมลกู เสอื – เนตรนารี - ยวุ กาชาด เปน็ กิจกรรมทมี่ ุง่ พัฒนาความมี
ระเบยี บวินัย ความเป็นผูน้ าผ้ตู ามท่ดี ี ความรับผิดชอบ การทางานร่วมกัน การรู้จกั แกป้ ญั หา การตัดสินใจ
ท่ีเหมาะสม ความมเี หตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน การประนีประนอม เพื่อส่งเสริมใหผ้ ้เู รียนเจริญเตบิ โต
เป็นผใู้ หญ่ท่ีมีความสมบูรณ์ พร้อมทง้ั ด้านรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คมและสติปัญญา เปน็ ตน้
๒.๑.๑ หลกั การ
เป็นกจิ กรรมท่มี ุง่ พฒั นาความมรี ะเบียบวนิ ยั ความเป็นผู้นาผูต้ ามท่ีดี การทางาน
รว่ มกัน การรจู้ กั แก้ปัญหา การตัดสนิ ใจทีเ่ หมาะสม ความมเี หตุผล การชว่ ยเหลอื แบ่งปันกนั เอ้ืออาทร
และสมานฉันท์ มงุ่ พฒั นาสมรรถภาพของบุคคลท้ังทางสมอง ร่างกาย จติ ใจ และศีลธรรม เพ่อื ใหเ้ ปน็
บุคคลที่มีความประพฤตดิ ีงาม ไมก่ ระทาตนให้เป็นปัญหาตอ่ สังคม และดารงชีวติ อย่างมีความหมายและ
สขุ สบาย
๒.๑.๒ วัตถุประสงค์
๑) เพอื่ พัฒนาผ้เู รยี นให้มรี ะเบยี บวนิ ัย มคี วามเปน็ ผนู้ าและผ้ตู ามท่ีดี มคี วาม
รับผดิ ชอบ
๒) เพ่อื พัฒนาผู้เรยี นใหม้ ีทกั ษะการทางานรว่ มกัน ตดั สินใจทเี่ หมาะสม ช่วยเหลอื
แบง่ ปัน เออ้ื อาทรและสมานฉนั ท์
๓) สง่ เสริมสนบั สนนุ ใหผ้ ู้เรียนมคี ุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๒.๑.๓ เกณฑ์การประเมนิ
๑) เวลาเข้าร่วมกจิ กรรม
๒) การปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
๓) ผลงาน/ช้นิ งาน/คุณลักษณะของผเู้ รยี น
๒.๒ กจิ กรรมชุมนมุ - ชมรม เป็นกิจกรรมทส่ี ง่ เสรมิ และพัฒนาผู้เรียนใหส้ อดคลอ้ ง
กับความสามารถ ความถนดั และความสนใจ โดยเน้นใหผ้ ้เู รยี นปฏบิ ัตดิ ้วยตนเอง ต้ังแต่การศึกษาวิเคราะห์
วางแผน ปฏบิ ัติตามแผน ประเมนิ และปรับปรงุ การทางาน เนน้ การทางานร่วมกันเป็นกลมุ่ กิจกรรมสาคัญ
ในการพัฒนา ได้แก่ ชมุ นุมหรอื ชมรมต่างๆ ทีโ่ รงเรยี นกาหนดขึ้นตามความเหมาะสมและสอดคลอ้ งกับวุฒิ
ภาวะของผเู้ รียนและบริบทของโรงเรียนและท้องถน่ิ
๒.๒.๑ หลักการ
เปน็ กิจกรรมทจี่ ดั ให้ผเู้ รียนตามความสามารถ ความถนดั และความสนใจของผเู้ รียน
เพ่อื เตมิ เต็มความรู้ ความชานาญ ประสบการณ์ ทักษะ เจตคติ เพ่อื พัฒนาตนเองตามศักยภาพ เน้น
การทางานเป็นกลุม่ ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกบั วฒุ ภิ าวะของผเู้ รียน บริบทของสถานศึกษาและ
ท้องถิ่น
สนใจ -๑๐๕-
แกป้ ญั หา
๒.๒.๒ วัตถปุ ระสงค์
๑) เพอ่ื ส่งเสริมและสนับสนุนใหผ้ ้เู รียนได้ปฏิบตั ิกจิ กรรมตามความถนัดและความ
๒) เพอื่ ส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนรว่ มกันทางานเป็นทีม ชว่ ยกนั ทา ช่วยกนั คิด และชว่ ยกัน
๓) เพอ่ื ส่งเสริมและพฒั นาผเู้ รียนให้เกิดการเรยี นรอู้ ย่างเตม็ ศักยภาพ
๒.๒.๓ เกณฑ์การประเมิน
๑) เวลาเขา้ ร่วมกิจกรรม
๒) การปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
๓) ผลงาน/ชิ้นงาน/คณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี น
-๑๐๖-
แนวการจดั กิจกรรมนกั เรียน (ลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด)
การจัดกิจกรรมนักเรียน
๑. เพื่อพฒั นาผเู้ รยี นให้มีระเบยี บ หลกั การ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้
วินัย มีความเปน็ ผนู้ า ผู้ตามท่ีดี วัตถุประสงค์ ผู้เรียนได้เข้าร่วมกิจกรรมตาม
มีความรับผิดชอบ ความถนัด ความสนใจ โดย
เน้นเรื่องคุณธรรมจริยธรรม
๒. เพ่ือพัฒนาผเู้ รยี นใหม้ ีทักษะ ไม่เห็นแก่ตัว มีระเบียบวินัย
การทางานรว่ มกนั รูจ้ กั การ มีความเป็นผู้นา ผู้ตามที่ดี มี
แกป้ ัญหา มเี หตผุ ล ตัดสนิ ใจ ความรับผิดชอบ การทางาน
ที่เหมาะสม ชว่ ยเหลอื แบง่ ปัน ร่วมกัน รู้จักการแก้ปัญหา
เออ้ื อาทรและสมานฉนั ท์ การตัดสินใจ ความมีเหตุผล
การช่วยเหลือแบ่งปัน เอ้ือ
๓. สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ให้ผู้เรยี นมี อาทรและสมานฉันท์
คณุ ธรรม จริยธรรม และ
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
๔. ส่งเสริมและสนบั สนนุ ให้
ผู้เรียนได้ปฏิบัติกจิ กรรมตาม
ความถนัดและความสนใจ
กิจกรรมชมุ นุม ชมรม ขอบขา่ ย กจิ กรรมลูกเสือ-เนตรนารี
รว่ มกิจกรรม กจิ กรรมยวุ กาชาด
กจิ กรรมผู้บาเพ็ญประโยชน์
กจิ กรรมนกั ศึกษาวชิ าทหาร
ซอ่ มเสรมิ ไมต่ ามเกณฑ์ ประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน
ไม่ผ่าน
ตามเกณฑ์ ๑. เวลาเข้าร่วมกิจกรรม
๒. การปฏบิ ัติกิจกรรม
ผา่ น ๓. ผลงาน/ชิน้ งาน/
คณุ ลกั ษณะ ของผู้เรียน
ส่งผลการประเมิน
-๑๐๗-
แนวการจดั กิจกรรมลกู เสือ-เนตรนารี
กจิ กรรมลูกเสอื - เนตรนารี
สมรรถนะสาคญั ๕ ประการ วัตถุประสงค์ของ
ลกู เสือแห่งชาติ
ลูกเสอื สารอง
เตรียมลกู เสือสารองและ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๘ ประการ
ดาวดวงท่ี๑
ดาวดวงที่๒ ลกู เสือ ลกู เสือสามัญ
ดาวดวงท่ี๓ ลกู เสอื ตรี
ป.๑ – ป.๓ ลกู เสอื โท
ลกู เสอื เอก
วิชาพิเศษ ๑๘ วิชา ป.๔ – ป.๖
ลกู เสือวสิ ามญั วชิ าพิเศษ ๕๔ วชิ า
เตรียมลูกเสอื วิสามญั
ลูกเสอื สามัญ เนตรนารี ลกู เสือสามัญรุน่ ใหญ่
ม.๔ - ๖ ลกู เสอื โลก
ลกู เสือชนั้ พิเศษ
ลกู เสอื หลวง
ม.๑ – ม.๓
วชิ าพิเศษ ๑๑ วชิ า วิชาพิเศษ ๗๖ วิชา
* วชิ าพเิ ศษ คือ วิชาที่กาหนดข้ึนเพ่ือให้ผู้เรียนเลือกเรียนตามความถนัดและความสนใจ นอกเหนือจาก
การเรยี น ตามหลกั สตู รแตล่ ะประเภท
-๑๐๘-
หลักสูตรกิจกรรมลกู เสอื - เนตรนารี ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๔ - ๖
ลกู เสอื สามัญ
ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๑ - ๓
ลูกเสือสารอง ชั้นปีท่ี ๑ เครื่องหมายลูกเสอื ตรี และวชิ าพิเศษ
ชน้ั ปีท่ี ๒ เครื่องหมายลูกเสือโท และวชิ าพิเศษ
ชั้นปีท่ี ๑ ดาวดวงที่ ๑ และวิชาพิเศษ ชัน้ ปีท่ี ๓ เครอ่ื งหมายลกู เสอื เอก และวิชาพิเศษ
ชน้ั ปีท่ี ๒ ดาวดวงท่ี ๒ และวิชาพเิ ศษ
ชน้ั ปีท่ี ๓ ดาวดวงที่ ๓ และวิชาพเิ ศษ
เครอ่ื งหมายลูกเสือสามญั
ชั้น.๔ ชัน้ .๕ ช้นั .๖
เคร่ืองหมายลกู เสือตรี เคร่ืองหมายลูกเสือโท เครือ่ งหมายลกู เสือเอก
กระบวนการลกู เสือ คอื กระบวนการพฒั นาเยาวชน มวี ัตถปุ ระสงค์เพื่อฝกึ อบรมให้การศึกษา
และพฒั นาเยาวชนใหเ้ ป็นพลเมืองดี โดยคานึงถึงเช้ือชาติ ศาสนา ทงั้ นีเ้ ปน็ ไปตามความมงุ่ ประสงค์
หลักการ และวิธีการซง่ึ ลกู เสอื โลกกาหนดไว้
ปจั จบุ นั กระบวนการลกู เสอื ถอื เป็นกระบวนการทางการศกึ ษาส่วนหนึ่ง ซึ่งมุง่ พฒั นาสมรรถภาพ
ของบุคคลท้งั ทางสมอง รา่ งกาย จติ ใจ และศีลธรรม เพ่ือให้เปน็ บุคคลทม่ี ีความประพฤติดงี าม ไม่กระทาตน
ใหเ้ ปน็ ปัญหาตอ่ สังคม และดารงชีวติ อยา่ งมคี วามหมายและสุขสบาย
-๑๐๙-
กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์
๓. กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณะประโยชน์ เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้ผ้เู รียนได้ทา
ประโยชน์ตามความสามารถ ความถนดั และความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร เพื่อแสดงถึงความรับผดิ ชอบ
ความดีงาม ความเสยี สละตอ่ สงั คม มีจติ ใจมุ่งทาประโยชนต์ ่อครอบครัว ชุมชนและสังคม กจิ กรรมสาคญั
ไดแ้ ก่ กจิ กรรมบาเพ็ญประโยชน์ กจิ กรรมสร้างสรรคส์ ังคม กจิ กรรมดารงรักษา สบื สานศาสนา ศิลปะและ
วัฒนธรรม กิจกรรมพฒั นานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพือ่ สงั คม เป็นต้น
การจัดกจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ สามารถนาไปสอดแทรก หรือบูรณาการ
ในกจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู้ าเพญ็ ประโยชน์และนักศึกษาวิชาทหาร และ
กจิ กรรมชมุ นมุ ไดต้ ามความเหมาะสม ท้ังนี้ การทากิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ให้ผู้เรียน
รายงานแสดงการเข้าร่วมกิจกรรมและมีผู้รับรองผลการเข้าร่วมกิจกรรมด้วย โดยโรงเรียนจัดเวลาเรียนให้
ผูเ้ รียนดงั น้ี ระดับประถมศกึ ษาปที ่ี ๑-๖ รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ช่วั โมง (เฉล่ียปีละ ๑๐ ช่ัวโมง)
๓.๑ หลักการ
เปน็ กจิ กรรมท่ีส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และ
ท้องถิ่นตามความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรบั ผิดชอบ ความดีงาม ความเสยี สละต่อ
สงั คม มจี ิตสาธารณะ
๓.๒ วัตถปุ ระสงค์
๑) เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนบาเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ต่อครอบครวั โรงเรยี น ชุมชน สังคม
และประเทศชาติ
๒) เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นออกแบบการจดั กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์อยา่ ง
สรา้ งสรรค์ ตามความถนดั และความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร
๓) เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นพฒั นาศกั ยภาพในการจดั กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชนไ์ ด้
อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
๔) เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม
๕) เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นมจี ติ สาธารณะและใช้เวลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์
๓.๓ เกณฑ์การประเมิน
๑) เวลาเข้ารว่ มกจิ กรรม
๒) การปฏบิ ัติกิจกรรม
๓) ผลงาน/ชนิ้ งาน/คุณลกั ษณะของผเู้ รยี น
-๑๑๐-
แนวการจดั กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์
กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
๑. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นบาเพ็ญตนใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ หลักการ กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณ
ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ วตั ถปุ ระสงค์ ประโยชน์เปน็ กิจกรรมทีต่ อ้ งสง่ เสริมให้
ผเู้ รียนสามารถพฒั นาตนเองตามธรรมชาติ
๒. เพ่ือใหผ้ ู้เรียนออกแบบการจดั กจิ กรรมเพือ่ ขอบข่าย
สงั คมและสาธารณประโยชนอ์ ย่างสรา้ งสรรคต์ าม -กิจกรรมอาสา และเต็มตามศกั ยภาพ โดยคานึงถึงความ
แตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล และพฒั นา การ
ความถนัดและความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร ทางสมอง เน้นให้ความสาคัญทง้ั ความรู้
๓. เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นพัฒนาศกั ยภาพในการจัดกจิ กรรม และคุณธรรมจรยิ ธรรม จัดกิจกรรมโดยให้
ผเู้ รียนคดิ สรา้ งสรรค์ อออกแบบ
เพื่อสังคม และสาธารณประโยชน์ไดอ้ ยา่ งมี กจิ กรรมบาเพญ็ ประโยชน์อยา่ งหลากหลาย
ประสิทธิภาพ รปู แบบเพือ่ แสดงถึงความรับผิดชอบต่อ
๔. เพอื่ ให้ผเู้ รยี นปฏิบตั กิ ิจกรรมเพอื่ สังคมและ สังคมในลักษณะจติ อาสา
สาธารณประโยชนจ์ นเกดิ คุณธรรม
๕. เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นมีจติ สาธารณและใช้เวลาว่างให้
เป็นประโยชน์
จัดกิจกรรม จดั เปน็ เงอ่ื นไข
บรู ณาการในกล่มุ โครงงาน/ ๑. จัดกจิ กรรมอย่างตอ่ เนอ่ื ง
๒. มีครูท่ีปรกึ ษากจิ กรรม
โครงการ/
สาระการเรยี นรู้ ทกุ กิจกรรม
กจิ กรรม ๓. เนน้ ผู้เรียนเป็นผู้จดั
ซ่อมเสริม จดั กิจกรรม กิจกรรม/รายงานตนเอง/
- ในโรงเรียน มชี ้ินงาน
- นอกโรงเรยี น ๔. จดั กิจกรรมเวลาใดกไ็ ด้
โดยไมจ่ ากัดเวลา/
จดั กจิ กรรม สถานท/่ี รูปแบบกิจกรรม
รว่ มกับองคก์ รอืน่
เกณฑก์ ารประเมนิ
ไม่ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์
๑. เวลาเข้ารว่ มกจิ กรรม
ไม่ผา่ น ประเมิน ๒. การปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
๓. ผลงาน/ชิ้นงาน/
ผา่ น
ส่งผลการประเมิน คุณลกั ษณะ ของผู้เรียน
-๑๑๑-
กจิ กรรมชุมนมุ
การจัดกิจกรรมชมุ นุม
วตั ถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรมชุมนมุ
สมรรถนะสาคัญ ๕ ประการ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๘ ประการ
กิจกรรมที่จัดตาม กจิ กรรม กิจกรรมทจี่ ัดเสริม
ความสนใจของ ชมุ นุม หลักสตู รสถานศึกษา
ผู้เรยี น ในดา้ นความรแู้ ละ
ทกั ษะปฏิบตั ขิ องผ้เู รยี น
กจิ กรรมทจ่ี ัดไดท้ ง้ั ใน
และนอกสถานศึกษา กิจกรรมที่จดั ไดท้ ้งั ใน
และนอกเวลาเรียน
กิจกรรมชมุ นุม เป็นกจิ กรรมท่ีผู้เรยี นรวมกลมุ่ กนั จดั ขึน้ ตามความสามารถ ความถนดั และความ
สนใจของผูเ้ รียน เพื่อเติมเต็มความรู้ ความชานาญ ประสบการณ์ ทักษะ เจตคติเพอ่ื พัฒนาตนเองตาม
ศกั ยภาพ
หลกั การ
กิจกรรมชุมนมุ มหี ลกั การทีส่ าคญั ดังน้ี
๑. เปน็ กิจกรรมทเี่ กดิ จาการสร้างสรรค์และออกแบบกิจกรรมของผเู้ รยี นตามความสมัครใจ
๒. เป็นกิจกรรมท่ผี ูเ้ รียนร่วมกันทางานเป็นทีม ช่วยกันคิด ชว่ ยกันทา และชว่ ยกนั แก้ปญั หา
๓. เปน็ กจิ กรรมท่ีสง่ เสรมิ และพฒั นาศกั ยภาพของผ้เู รยี น
๔. เปน็ กิจกรรมทีเ่ หมาะสมกับวยั และวุฒิภาวะของผู้เรยี น รวมท้งั บริบทของสถานศึกษา
และท้องถ่ิน
-๑๑๒-
คาอธิบายรายวิชา
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
-๑๑๓-
กิจกรรมแนะแนว
-๑๑๔-
คาอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น
กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น กจิ กรรมแนะแนว
ชัน้ ประถมศึกษาปีที ๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ปี
ศึกษาเรียนรู้ ฝึกทักษะ การรับรู้ความต้องการและความรู้สึกของตนเอง รู้จุดเด่น จุดด้อย
เข้าใจความสนใจความถนดั ความสามารถดา้ นการเรียนและการงาน สร้าง ความภูมิใจในตนเองและช่ืนชม
ผู้อ่ืน สารวจความต้องการและเข้าใจปัญหาง่าย ๆของตนเอง การสื่อความรู้สึกและความต้องการของ
ตนเองใหผ้ ู้อื่นรบั รู้ การแสดงออกทางอารมณ์เหมาะสมกับวัย การเป็นผ้ใู หแ้ ละผรู้ บั ทด่ี ี
เพื่อให้รู้จักรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีค่านิยม วินัย คุณธรรมจริยธรรม จิตสานึก
รับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศไทย และมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพสุจริต สามารถพัฒนา
บุคลิกภาพและปรับตวั อยู่ในสงั คมได้อยา่ งมคี วามสุข รู้จักแสวงหาและใช้ข้อมูลสารสนเทศจากแหล่งเรียนรู้
ใกล้ตัวภายในโรงเรียนเพื่อการเรียนและชวี ิตประจาวัน
ผลการเรียนรู้
๑. เพื่อผู้เรียนค้นพบความถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รักและเห็นคุณค่าใน
ตนเองและผูอ้ ื่น
๒. เพ่ือให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้จากข้อมูล ข่าวสาร แหล่งเรียนรู้ ท้ังด้านการศึกษา อาชีพ
ส่วนตัว สังคม เพื่อนาไปใช้ในการวางแผน เลือกแนวทางการศึกษาอาชีพได้อย่างเหมาะสมสอดคล้อง
กับศักยภาพของตนเอง
รวม ๒ ผลการเรยี นรู้
-๑๑๕-
คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน กิจกรรมแนะแนว
ชั้นประถมศกึ ษาปีที ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ปี
ศกึ ษาเรียนรู้ ฝกึ ทกั ษะการรบั ร้คู วามตอ้ งการและความรสู้ ึกของตนเอง การรจู้ ดุ เด่น จุดด้อย
รู้และเขา้ ใจความสนใจความถนัด ความสามารถด้านการเรยี นและการงาน รจู้ ักสร้าง ความภูมิใจในตนเอง
และช่นื ชมผอู้ ืน่ เรียนรู้และเข้าใจความต้องการและปญั หาของตนเอง
เพื่อให้รู้จักรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน มีค่านิยม วินัย คุณธรรมจริยธรรม จิตสานึก
รับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศไทย และมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพสุจริต รู้จักแสวงหา
เลือกและใช้ขอ้ มูลสารสนเทศให้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจาวัน
ผลการเรียนรู้
๑. เพื่อผู้เรียนค้นพบความถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รักและเห็นคุณค่าใน
ตนเองและผ้อู ่นื
๒. เพ่ือให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้จากข้อมูล ข่าวสาร แหล่งเรียนรู้ ท้ังด้านการศึกษา อาชีพ
ส่วนตัว สังคม เพ่ือนาไปใช้ในการวางแผน เลือกแนวทางการศึกษาอาชีพได้อย่างเหมาะสมสอดคล้อง
กบั ศักยภาพของตนเอง
๓. เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นเกิดการเรียนรู้ สามารถปรบั ตัวได้อย่างเหมาะสม และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่าง
เหมาะสม
รวม ๓ ผลการเรียนรู้
-๑๑๖-
คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น กิจกรรมแนะแนว
ช้นั ประถมศึกษาปที ี ๓ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี
ศึกษาเรียนรู้ ฝึกทักษะการรับรู้ความต้องการและความรู้สึกของตนเอง การรู้จุดเด่น จุดด้อย
รู้และเขา้ ใจความสนใจความถนัด ความสามารถดา้ นการเรียนและการงาน รู้จักสร้าง ความภูมิใจในตนเอง
และชืน่ ชมผ้อู นื่ เรียนรู้และเขา้ ใจความต้องการและปญั หาของตนเอง
เพอ่ื ใหร้ ้จู กั รักและเห็นคณุ คา่ ในตนเองและผอู้ ่ืน มีค่านยิ ม วนิ ัย คณุ ธรรมจรยิ ธรรม จิตสานกึ
รับผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศไทย การทางานและอยู่รว่ มกับผ้อู ่นื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ
และมีเจตคตทิ ี่ดีตอ่ อาชีพสจุ รติ รจู้ กั แสวงหา เลือกและใช้ขอ้ มูลสารสนเทศให้เป็นประโยชน์ ในชวี ติ
ประจาวัน
ผลการเรยี นรู้
๑. เพอ่ื ผเู้ รียนค้นพบความถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รกั และเห็นคณุ ค่าใน
ตนเองและผอู้ น่ื
๒. เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนแสวงหาความรูจ้ ากข้อมูล ข่าวสาร แหล่งเรยี นรู้ ท้ังดา้ นการศึกษา อาชพี
สว่ นตวั สงั คม เพ่อื นาไปใชใ้ นการวางแผน เลอื กแนวทางการศกึ ษาอาชพี ได้อยา่ งเหมาะสมสอดคล้อง
กับศกั ยภาพของตนเอง
๓. เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม และอยู่รว่ มกบั ผ้อู น่ื ได้
อยา่ งเหมาะสม
๔. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนมีความรู้ มีทกั ษะ มีความคดิ สร้างสรรค์ ในงานอาชพี และมีเจตคติที่ดตี อ่
อาชพี สจุ รติ
รวม ๔ ผลการเรยี นรู้
-๑๑๗-
คาอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน กจิ กรรมแนะแนว
ช้นั ประถมศึกษาปีที ๔ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี
ศกึ ษาเรียนรู้ ฝกึ ทกั ษะ การรับรคู้ วามต้องการและความรู้สึกของตนเอง การพฒั นาจุดเด่น และ
ปรับปรุงจุดด้อยของตนเอง รู้และเข้าใจความสนใจความถนัด ความสามารถด้านการเรียนและการงาน
รู้จักสร้าง ความภูมิใจในตนเองและชื่นชมผู้อื่น การเข้าใจและยอมรับความต้องการและความรู้สึกของ
ตนเอง การสอ่ื สาร ความคดิ ความรู้สึกให้ผ้อู ่ืนเข้าใจไดต้ ามสถานการณ์
การควบคุมอารมณ์และแสดงออกได้เหมาะสมกับวัย และสถานการณ์ ความสามารถในการ
ตัดสินใจและแก้ไขปัญหาของตนเอง และร่วมตัดสินใจแก้ไขปัญหา การปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์ต่อ
ครอบครวั โรงเรยี น และชมุ ชน การปฏบิ ัติตนให้เปน็ ประโยชน์
เพ่ือให้รู้จักรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อ่ืน มีค่านิยม วินัย คุณธรรมจริยธรรม จิตสานึก
รบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศไทย การทางานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
และมีเจตคติท่ีดีต่ออาชีพสุจริตรู้จักแสวงหา เลือกและใช้ข้อมูลสารสนเทศท่ีหลากหลายให้เป็นประโยชน์
ในชีวติ ประจาวนั
ผลการเรยี นรู้
๑. เพ่อื ผเู้ รยี นคน้ พบความถนดั ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รกั และเห็นคุณค่าใน
ตนเองและผูอ้ น่ื
๒. เพอ่ื ให้ผู้เรียนแสวงหาความร้จู ากข้อมูล ขา่ วสาร แหล่งเรยี นรู้ ท้ังด้านการศึกษา อาชีพ
ส่วนตัว สังคม เพ่อื นาไปใช้ในการวางแผน เลือกแนวทางการศกึ ษาอาชีพไดอ้ ยา่ งเหมาะสมสอดคลอ้ ง
กับศักยภาพของตนเอง
๓. เพื่อให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ สามารถปรบั ตัวไดอ้ ยา่ งเหมาะสม และอยรู่ ่วมกบั ผอู้ นื่ ได้อยา่ ง
เหมาะสม
๔. เพื่อให้ผู้เรียนมคี วามรู้ มีทกั ษะ มีความคิดสร้างสรรค์ ในงานอาชีพและมีเจตคติที่ดตี อ่
อาชพี สุจริต
๕. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นมคี า่ นิยมที่ดีงามในการดาเนินชวี ิต สร้างเสรมิ วนิ ัย คณุ ธรรมและจริยธรรม
แก่นกั เรียน
๖. เพือ่ ใหผ้ ู้เรยี นมีจิตสานึกในการรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ
๗. สามารถประยุกต์ใชป้ รัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้
รวม ๗ ผลการเรยี นรู้
-๑๑๘-
คาอธบิ ายรายวิชากิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน กจิ กรรมแนะแนว
ช้นั ประถมศึกษาปที ี ๕ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ปี
ศึกษาเรียนรู้ ฝึกทกั ษะ การรบั รูค้ วามตอ้ งการและความร้สู ึกของตนเอง การพฒั นาจดุ เด่น และ
ปรบั ปรุงจุดดอ้ ยของตนเอง รู้และเข้าใจความสนใจความถนัด ความสามารถด้านการเรียนและการงาน
รู้จักสรา้ ง ความภูมใิ จในตนเองและชนื่ ชมผู้อืน่ การเข้าใจและยอมรบั ความตอ้ งการและความรสู้ กึ
ของตนเอง การส่อื สาร ความคิดความรสู้ ึกใหผ้ ูอ้ ื่นเข้าใจไดต้ ามวยั และสถานการณ์
การควบคุมอารมณ์และแสดงออกได้เหมาะสมกับวัย และสถานการณ์ ความสามารถในการ
ตัดสนิ ใจและแกไ้ ขปัญหาของตนเอง และร่วมตัดสินใจแก้ไขปัญหา และการปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์ต่อ
ครอบครวั โรงเรยี น และชมุ ชน
เพ่ือให้รู้จักรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีค่านิยม วินัย คุณธรรมจริยธรรม จิตสานึก
รับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศไทย การทางานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
และมีเจตคติทด่ี ตี ่ออาชีพสจุ รติ รู้จกั แสวงหา เลือกและใช้ข้อมูลสารสนเทศที่หลากหลายให้เป็นประโยชน์
ในชวี ิตประจาวัน
ผลการเรียนรู้
๑. เพอื่ ผู้เรยี นคน้ พบความถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รกั และเห็นคณุ ค่าใน
ตนเองและผู้อน่ื
๒. เพอ่ื ให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้จากขอ้ มูล ขา่ วสาร แหลง่ เรยี นรู้ ท้ังดา้ นการศกึ ษา อาชพี
สว่ นตวั สังคม เพ่ือนาไปใชใ้ นการวางแผน เลือกแนวทางการศึกษาอาชพี ได้อย่างเหมาะสมสอดคลอ้ ง
กับศักยภาพของตนเอง
๓. เพือ่ ให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรู้ สามารถปรับตัวได้อยา่ งเหมาะสม และอยูร่ ว่ มกับผ้อู น่ื ไดอ้ ย่าง
เหมาะสม
๔. เพื่อให้ผู้เรยี นมคี วามรู้ มีทักษะ มีความคิดสรา้ งสรรค์ ในงานอาชีพและมเี จตคติทดี่ ีต่อ
อาชีพสุจริต
๕. เพื่อให้ผู้เรียนมีคา่ นยิ มทด่ี งี ามในการดาเนินชวี ิต สรา้ งเสรมิ วินัย คุณธรรมและจรยิ ธรรมแก่
นักเรียน
๖. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นมจี ติ สานกึ ในการรบั ผิดชอบต่อตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ
๗. สามารถประยกุ ต์ใชป้ รชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงได้
รวม ๗ ผลการเรยี นรู้
-๑๑๙-
คาอธบิ ายรายวิชากิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน กจิ กรรมแนะแนว
ช้นั ประถมศึกษาปที ี ๖ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ปี
ศึกษาเรยี นรู้ ฝกึ ทกั ษะ การรบั ร้คู วามต้องการและความรู้สึกของตนเอง การพัฒนาจดุ เด่น และ
ปรับปรุงจุดด้อยของตนเอง รู้และเข้าใจความสนใจความถนัด ความสามารถด้านการเรียนและการงาน
รู้จักสร้าง ความภูมิใจในตนเองและชื่นชมผู้อื่น การเข้าใจและยอมรับความต้องการและความรู้สึกของ
ตนเอง การสอื่ สาร ความคดิ ความรู้สกึ ใหผ้ ูอ้ ื่นเขา้ ใจ
การควบคุมอารมณ์และแสดงออกได้เหมาะสมกับวัย และสถานการณ์ ความสามารถในการ
ตัดสินใจและแก้ไขปัญหาของตนเอง และร่วมตัดสินใจแก้ไขปัญหา และการปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์
ตอ่ ครอบครัว โรงเรยี น และชุมชน
เพ่ือให้รู้จักรักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีค่านิยม วินัย คุณธรรมจริยธรรม จิตสานึก
รบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศไทย การทางานและอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข
และมเี จตคตทิ ่ีดตี อ่ อาชีพสุจริต รู้จกั แสวงหา เลือกและใช้ข้อมูลสารสนเทศที่หลากหลายให้เป็นประโยชน์
ในชวี ติ ประจาวัน
ผลการเรยี นรู้
๑. เพื่อผเู้ รียนคน้ พบความถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รักและเห็นคุณค่า
ในตนเองและผูอ้ นื่
๒. เพอื่ ใหผ้ ู้เรียนแสวงหาความร้จู ากข้อมูล ขา่ วสาร แหล่งเรยี นรู้ ทั้งดา้ นการศกึ ษา อาชีพ
สว่ นตวั สังคม เพอ่ื นาไปใชใ้ นการวางแผน เลือกแนวทางการศึกษาอาชพี ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมสอดคล้องกับ
ศักยภาพของตนเอง
๓. เพ่ือใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรยี นรู้ สามารถปรับตวั ไดอ้ ย่างเหมาะสม และอยรู่ ่วมกบั ผ้อู น่ื
ไดอ้ ย่างเหมาะสม
๔. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นมคี วามรู้ มีทักษะ มีความคิดสร้างสรรค์ ในงานอาชีพและมเี จตคติท่ดี ี
ต่ออาชีพสุจริต
๕. เพ่ือให้ผู้เรยี นมีค่านิยมที่ดีงามในการดาเนินชวี ิต สรา้ งเสรมิ วินยั คณุ ธรรมและจริยธรรมแก่
นกั เรยี น
๖. เพ่ือให้ผู้เรียนมีจติ สานึกในการรบั ผิดชอบต่อตนเอง ครอบครวั สงั คม และประเทศชาติ
๗. สามารถประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งได้
รวม ๗ ผลการเรียนรู้
-๑๒๐-
กจิ กรรมลกู เสือ-เนตรนารี
-๑๒๑-
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน คาอธิบายรายวิชากิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน
ช้ันประถมศึกษาปที ี ๑
กจิ กรรมนกั เรียน (ลูกเสือสารองและลกู เสือสารองดาวดวงที่๑)
เวลา ๓๐ ช่ัวโมง/ปี
เปดิ ประชมุ กอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสือและจัดกิจกรรมโดยให้ศกึ ษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏิบตั ิกจิ กรรมตามฐานการเรยี นรู้ โดยเนน้ ระบบหมู่และปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามคาปฏญิ าณและ
กฎของลกู เสือสารอง เรยี นรจู้ ากการคิดและปฏิบัตจิ ริงใช้สัญลกั ษณส์ มาชกิ ลกู เสอื สารองท่ีมีความเป็น
เอกลกั ษณ์ร่วมกัน ศกึ ษาธรรมชาติในชมุ ชนด้วยความสนใจ ใฝร่ ู้ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
สรุปผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม ปิดประชุมกอง ในเรื่องต่อไปน้ี เตรียมลูกเสือสารอง นยิ ายเมาคลี ประวัติ
การเรมิ่ กิจการลูกเสอื การทาความเคารพหมู่ (แกรนดฮ์ าวล์) การทาความเคารพเปน็ รายบคุ คล การจับ
มอื ซา้ ย ระเบยี บแถว เบอ้ื งต้น คาปฏิญาณ กฎและคตพิ จน์ของลูกเสือสารอง ลูกเสอื สารองดาวดวงที่ ๑
อนามยั ความสามารถเชงิ ทกั ษะ การสารวจ การค้นหาธรรมชาติ ความปลอดภยั บริการ ธงและ
ประเทศต่าง ๆ การฝมี อื กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทงิ การผูกเงือ่ น คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ
สารอง
เพื่อใหม้ คี วามรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลกู เสือสารองดาวดวงท่ี ๑ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ
กฎ และคติพจนข์ องลูกเสือสารอง มีนสิ ัยในการสังเกต จดจา เช่ือฟังและพงึ่ ตนเอง
มคี วามซอ่ื สัตย์ สุจรติ มีระเบยี บวนิ ัย และเห็นอกเหน็ ใจผอู้ นื่ รู้จกั บาเพ็ญตนเพ่อื สงั คมและ
สาธารณประโยชน์ รูจ้ กั ทาการฝมี ือและฝึกฝนทากิจกรรมตา่ งๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสรมิ
จารตี ประเพณี วฒั นธรรมและความม่ันคงของชาติ และสามารถประยกุ ต์ใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
ผลการเรียนรู้
๑. มนี ิสัยในการสังเกต จดจา เช่อื ฟงั และพงึ่ พาตนเองได้
๒. มีความซ่ือสัตย์ สุจรติ มรี ะเบยี บวนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผ้อู น่ื
๓. บาเพ็ญตนเพอ่ื สงั คมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รกั ษาและสง่ เสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรมประเพณี ภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่ินและ ความมนั่ คง
๖. อนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งิ แวดล้อมและลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกตใ์ ชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้
รวม ๗ ผลการเรยี นรู้
-๑๒๒-
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน คาอธิบายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ชนั้ ประถมศึกษาปีที ๒
กิจกรรมนักเรียน (ลกู เสอื สารองดาวดวงท่ี ๒)
เวลา ๓๐ ช่ัวโมง/ปี
เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลกู เสือ และจดั กิจกรรมให้ศกึ ษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบตั ิตามคาปฏิญาณ คตพิ จน์และ
กฎของลกู เสอื สารอง ศึกษาเรียนรจู้ ากการคดิ และปฏบิ ตั ิจรงิ ใช้สญั ลักษณส์ มาชกิ ลูกเสือสารองท่ีมีความ
เป็นเอกลักษณร์ ่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝร่ ตู้ ามวิถีเศรษฐกิจพอเพยี ง สรุปผลและ
ปฏิบัตกิ จิ กรรม ปดิ ประชมุ กองในเรอ่ื งต่อไปนี้ ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๒ นิยายเมาคลี ประวตั ิการเรม่ิ
กจิ การลกู เสอื การทาความเคารพหมู่ (แกรนฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมอื ซา้ ย
ระเบยี บแถว คาปฏิญาณ กฎ และคติพจนข์ องลูกเสือสารอง อนามยั ความสามารถเชงิ ทักษะ การสารวจ
การค้นหาธรรมชาติการอนุรักษท์ รัพยากรในชมุ ชนท้องถน่ิ ความปลอดภยั บริการ การผูกเงอ่ื น ธง และ
ประเทศตา่ ง ๆ การฝีมอื ที่ใชว้ สั ดุเหลอื ใช้ในทอ้ งถ่ิน กิจกรรมกลางแจง้ การบันเทิงที่สง่ เสรมิ สขุ ภาพกาย
สขุ ภาพจิตและอนุรกั ษภ์ ูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ อนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดลอ้ มลดภาวะโลกรอ้ น
เพ่ือใหม้ คี วามรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๒ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ
กฎและคตพิ จน์ของลกู เสือสารอง มนี สิ ยั ในการสังเกต จดจา เชอ่ื ฟังและพึ่งตนเอง
มคี วามซอ่ื สตั ย์สจุ ริต
มรี ะเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจ รจู้ ักบาเพญ็ เพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ร้จู กั ทาการฝีมอื
และฝึกฝนทากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม รกั ษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ิปญั ญา
ท้องถ่ิน อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาตสิ ่ิงแวดลอ้ ม ความมน่ั คงของชาติ และสามารถประยุกตใ์ ชห้ ลักปรัชญา
ของเศรษฐกจิ พอเพียง
ผลการเรยี นรู้
๑. มีนิสัยในการสังเกต จดจา เช่อื ฟงั และพึ่งตนเองได้
๒. มคี วามซื่อสตั ย์ สจุ รติ มีระเบียบวินยั และเหน็ อกเห็นใจผู้อืน่
๓. บาเพ็ญตนเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์
๔. ทาการฝีมือและฝกึ ฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รกั ษาและสง่ เสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ และความมนั่ คงของชาติ
๖. อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกรอ้ น สามารถประยกุ ตใ์ ช้หลกั
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้
รวม ๖ ผลการเรียนรู้
-๑๒๓-
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น คาอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที ๓
กิจกรรมนักเรยี น (ลกู เสือสารองดาวดวงที่ ๓)
เวลา ๓๐ ชวั่ โมง/ปี
เปิดประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลกู เสือ และจัดกจิ กรรมให้ศึกษาวิเคราะห์
วางแผน ปฏิบตั กิ ิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเนน้ ระบบหมู่ และปฏบิ ตั ิตามคาปฏญิ าณ คตพิ จน์และ
กฎของลูกเสอื สารอง ศึกษาเรียนรจู้ ากการคดิ และปฏิบตั จิ รงิ ใช้สญั ลกั ษณ์สมาชิกลกู เสอื สารองทีม่ ีความ
เป็นเอกลกั ษณ์รว่ มกนั ศกึ ษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รูต้ ามวถิ ีเศรษฐกิจพอเพยี ง สรุปผลและ
ปฏิบัตกิ จิ กรรม ปดิ ประชมุ กองในเรอ่ื งตอ่ ไปน้ี ลกู เสือสารองดาวดวงที่ ๓ นยิ ายเมาคลี ประวัติการเรมิ่
กิจการลูกเสอื การทาความเคารพหมู่ (แกรนฮาวล์) การทาความเคารพเป็นรายบุคคล การจบั มือซา้ ย
ระเบยี บแถว คาปฏิญาณ กฎ และคติพจนข์ องลูกเสือสารอง อนามยั ความสามารถเชงิ ทักษะ การสารวจ
การค้นหาธรรมชาติการอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชนท้องถ่นิ ความปลอดภัย บริการ การผกู เง่อื น ธง และ
ประเทศต่าง ๆ การฝมี ือที่ใชว้ ัสดเุ หลือใชใ้ นท้องถ่ิน กจิ กรรมกลางแจ้ง การบันเทิงท่ีส่งเสรมิ สขุ ภาพกาย
สขุ ภาพจิต และอนรุ กั ษภ์ มู ิปญั ญาทอ้ งถิน่ อนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกรอ้ น
เพอื่ ให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลกู เสือสารองดาวดวงท่ี ๓ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ
กฎและคตพิ จน์ของลกู เสือสารอง มนี ิสัยในการสงั เกต จดจา เช่ือฟงั และพงึ่ ตนเอง
มคี วามซอ่ื สัตยส์ ุจริต มีระเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจ รู้จักบาเพ็ญเพ่อื สังคมและ
สาธารณประโยชน์ รจู้ กั ทาการฝีมือและฝกึ ฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รกั ษาและสง่ เสริม
จารีตประเพณี วัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ อนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตสิ ่ิงแวดลอ้ ม ความม่นั คงของชาติ
และสามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ผลการเรยี นรู้
๑. มีนิสัยในการสงั เกต จดจา เชอ่ื ฟังและพง่ึ ตนเองได้
๒. มคี วามซ่อื สตั ย์ สจุ ริต มีระเบยี บวินยั และเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ ื่น
๓. บาเพ็ญตนเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์
๔. ทาการฝมี ือและฝกึ ฝนทากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รักษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรม ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิน่ และความมนั่ คงของชาติ
๖. อนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน สามารถประยกุ ต์ใช้หลกั
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้
รวม ๖ ผลการเรียนรู้
-๑๒๔-
กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน คาอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพฒั นาผู้เรียน
ช้นั ประถมศึกษาปที ี ๔
กจิ กรรมนกั เรยี น (ลกู เสอื สามญั ลกู เสอื ตรี)
เวลา ๓๐ ช่ัวโมง/ปี
เปิดประชมุ กอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสอื และจดั กิจกรรมโดยให้ศกึ ษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏบิ ัติกจิ กรรมตามฐานการเรยี นรู้ โดยเนน้ ระบบหมู่ และปฏิบตั กิ จิ กรรมตามคาปฏิญาณ
คตพิ จน์ และกฎของลูกเสอื สามญั เรยี นรู้จากการคิดและปฏิบัติจรงิ ใช้สญั ลักษณ์สมาชกิ ลูกเสือสามญั
ทีม่ คี วามเปน็ เอกลักษณร์ ว่ มกนั ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝร่ ู้และมจี ิตสานกึ ในการอนุรกั ษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น ลดภาวะโลกรอ้ นและประยุกต์ใชป้ รชั ญา
ของเศรษฐกจิ พอเพียง ความรเู้ กี่ยวกับกระบวนการลูกเสือ ประวัติของ Load Baden Powell พระราช
ประวตั ิสงั เขปของพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว วิวัฒนาการของกระบวนการ ลูกเสอื ไทยและ
ลูกเสอื โลก การทาความเคารพ การแสดงรหสั การจับมือซ้าย กจิ กรรมกลางแจง้ ระเบียบแถวท่ามอื
เปลา่ ท่ามอื ไมพ้ ลวง การใชส้ ัญญามือและนกหวดี การต้งั แถวและการเรยี นแถว
เพ่อื ใหม้ คี วามรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลกู เสือสามัญ สามารถปฏบิ ัติตามคาปฏญิ าณ กฎ และ
คติพจนข์ องลูกเสอื สามญั มนี สิ ยั ในการสังเกต จดจา เชอื่ ฟงั และพง่ึ ตนเอง
มคี วามซือ่ สัตย์ สจุ ริต มรี ะเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผู้อื่น บาเพ็ญตนเพอ่ื สงั คมและ
สาธารณประโยชน์ ทาการฝมี อื และฝึกฝนการทากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนดั และความ
สนใจ รักษาและสง่ เสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรมและความมน่ั คง ประโยชน์และสามารถประยุกตใ์ ช้หลกั
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ผลการเรียนรู้
๑. มีนสิ ัยในการสังเกต จดจา เชอ่ื ฟังและพ่ึงตนเองได้
๒. มีความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ มีระเบยี บ วนิ ัยและเห็นอกเห็นใจผอู้ ่ืน
๓. บาเพญ็ ตนเพอื่ สง่ เสรมิ และสาธารณะประโยชน์
๔. ทาการฝมี ือและฝึกฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ
๕. รักษาและสง่ เสริมจารตี ประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ และความมั่นคงของชาติ
๖. อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
รวม ๗ ผลการเรยี นรู้
-๑๒๕-
กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน คาอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี ๕
กจิ กรรมนักเรียน ( กิจกรรมลูกเสือสามญั ลกู เสือโท)
เวลา ๓๐ ช่ัวโมง/ปี
เปดิ ประชมุ กองดาเนินการตามกระบวนการของลกู เสือ และจดั กจิ กรรมโดยให้ศึกษา วเิ คราะห์
วางแผน ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามฐานการเรยี นรู้ โดยเนน้ ระบบหมู่ และปฏบิ ัติกจิ กรรมตามคาปฏิญาณ
คตพิ จน์และกฎของลูกเสือสามัญ เรียนรูจ้ ากคิดและปฏิบตั ิจริง ใชส้ ัญลักษณ์สมาชกิ ลกู เสอื สามัญที่มีความ
เป็นเอกลกั ษณ์ร่วมกนั ศกึ ษาธรรมชาตใิ นชมุ ชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ มจี ิตสานกึ ในการอนุรักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ลดภาวะโลกร้อนและการประยุกต์ใชป้ รชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้ทกั ษะในทางวชิ าลกู เสอื การรูจ้ ักดแู ลตนเอง การชว่ ยเหลือผู้อ่นื การเดินทาง
ไปยงั สถานท่ตี ่าง ๆ ทางานอดเิ รก และเรื่องทสี่ นใจ
เพื่อใหม้ ีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลกู เสอื สามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏญิ าณ กฎ และ
คตพิ จนข์ องลกู เสอื สามัญ มนี สิ ัยในการสงั เกต จดจา เช่อื ฟัง และพึ่งตนเอง
มคี วามซื่อสตั ย์ สุจรติ มีระเบียบวินยั และเห็นอกเห็นใจผอู้ นื่ บาเพญ็ ตนเพอ่ื สังคมและ
สาธารณประโยชน์ ทาการฝีมอื และฝกึ ฝนการทากจิ กรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ความถนดั และ
ความสนใจ รักษาและสง่ เสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรมและความมน่ั คง ประโยชน์และสามารถ
ประยกุ ต์ใช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ผลการเรยี นรู้
๑. มีนสิ ัยในการสังเกต จดจา เชอื่ ฟังและพึง่ ตนเองได้
๒. มคี วามซ่ือสัตย์สุจริต มีระเบยี บ วินยั และเห็นอกเห็นใจผอู้ นื่
๓. บาเพ็ญตนเพือ่ ส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์
๔. ทาการฝมี ือและฝึกฝนทากิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ
๕. รกั ษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่ และความมัน่ คงของชาติ
๖. อนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม ลดภาวะโลกรอ้ น
๗. สามารถประยกุ ต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
รวม ๗ ผลการเรยี นรู้
-๑๒๖-
กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน คาอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี ๖
กจิ กรรมนักเรียน ( กจิ กรรมลกู เสือสามญั ลกู เสือเอก)
เวลา ๓๐ ชั่วโมง/ปี
เปิดประชุมกองดาเนนิ การตามกระบวนการของลกู เสือ และจัดกจิ กรรมโดยให้ศกึ ษา วเิ คราะห์
วางแผน ปฏิบตั ิกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบตั ติ ามคาปฏิญาณ คติพจน์ และ
กฎของลกู เสือสามัญ วชิ าการของลูกเสอื ระเบยี บแถว การพง่ึ ตนเอง การผจญภยั การใชส้ ัญลกั ษณ์
สมาชิกลูกเสือสามญั ทีม่ ีความเป็นเอกลักษณร์ ว่ มกัน เรียนรูจ้ ากการคิดและปฏิบัติจรงิ ศกึ ษาธรรมชาติ
วฒั นธรรมประเพณี ภมู ิปัญญาท้องถน่ิ ดว้ ยความสนใจ ใฝ่รู้ และประยกุ ต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง ในการปฏิบตั ิกิจกรรมเพ่ือการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและลดภาวะโลกรอ้ น
เพอ่ื ให้มีความรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลกู เสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคาปฏญิ าณ กฎ และ
คตพิ จน์ของลกู เสือสามัญ มนี สิ ัยในการสงั เกต จดจา เชอ่ื ฟงั และพง่ึ ตนเอง
มีความซ่อื สัตย์ สุจริต มรี ะเบยี บวนิ ยั และเห็นอกเหน็ ใจผอู้ ่นื บาเพญ็ ตนเพื่อสงั คมและ
สาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากจิ กรรมตา่ งๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความ
สนใจ รักษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรมและความม่นั คง ประโยชน์และสามารถประยุกตใ์ ช้หลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ผลการเรยี นรู้
๑. มนี สิ ัยในการสงั เกต จดจา เชื่อฟังและพึง่ ตนเองได้
๒. มีความซือ่ สตั ย์สุจริต มรี ะเบยี บ วนิ ัยและเห็นอกเหน็ ใจผูอ้ ่นื
๓. บาเพญ็ ตนเพ่ือสง่ เสริมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทาการฝีมอื และฝึกฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ
๕. รักษาและสง่ เสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ และความมน่ั คงของชาติ
๖. อนรุ ักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยกุ ต์ใชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
รวม ๗ ผลการเรียนรู้
-๑๒๗-
กิจกรรมเพ่อื สังคม
และสาธารณประโยชน์
-๑๒๘-
คาอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น
กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี ๑ - ๖ เวลา ๑๐ ชวั่ โมง/ปี
ฝกึ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดว้ ยความสมัครใจผา่ นกจิ กรรมทห่ี ลากหลาย ฝกึ การทางานทีส่ อดคลอ้ งกับ
ชวี ิตจรงิ ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ สารวจและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผน
อย่างเปน็ ระบบ เน้นทักษะการคิดวเิ คราะห์ และใช้ความคดิ สร้างสรรค์ การบริการด้านต่าง ๆ ทีเ่ ป็น
ประโยชน์ตอ่ ตนเองและส่วนรวม เสริมสร้างความมนี า้ ใจ เอื้ออาทร ความเปน็ พลเมืองดีและความ
รบั ผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครวั และสังคม คดิ ออกแบบกิจกรรมบาเพญ็ ประโยชนใ์ นลักษณะอาสาสมัคร
จติ อาสา เพ่ือแสดงความรับผดิ ชอบต่อสงั คมตามแนวทางวิถีชวี ิตเศรษฐกิจพอเพียง
เพือ่ ให้ผเู้ รียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ตอ่ ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ
สามารถออกแบบการจัดกิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรคต์ ามความถนัดและความ
สนใจในลักษณะอาสาสมัคร พฒั นาศักยภาพตนเองในการจัดกจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ได้
อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์
เกิดคุณธรรม จรยิ ธรรม ตามคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มจี ติ สาธารณะและใชเ้ วลาว่างให้เกิด
ประโยชน์ และสามารถประยกุ ต์ใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้
ผลการเรียนรู้
๑. บาเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ครอบครัว โรงเรยี น ชุมชน สังคมและประเทศชาติ
๒. ออกแบบการจดั กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชนอ์ ย่างสรา้ งสรรค์ ตามความถนัด
และความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร
๓. สามารถพัฒนาศกั ยภาพในการจดั กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชนไ์ ด้อยา่ งมี
ประสทิ ธิภาพ
๔. ปฏิบัติกิจการเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์จนเกดิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรมตามคุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์
๕. สามารถประยุกตใ์ ชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งได้
รวม ๕ ผลการเรยี นรู้
-๑๒๙-
กจิ กรรมชมุ นมุ
-๑๓๐-
คาอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน
กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน กจิ กรรมนกั เรียน (กิจกรรมชุมนมุ )
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที ๑ - ๖ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/ปี
ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการ เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถ
ด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ท้ังด้านวิชาการ และพื้นฐานอาชีพ ทักษะชีวิตและ
สังคมตามศักยภาพอย่างรอบ ให้เกิดประสบการณ์ท้ังทักษะทางวิชาการ ทักษะอาชีพ ทักษะชีวิตและ
สังคมตามศักยภาพ ใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชนต์ ่อตนเองและสว่ นรวม คดิ เป็น ทาได้ ทางานร่วมกับผู้อ่ืน
ไดต้ ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย และประยกุ ต์หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไดอ้ ย่างเหมาะสม
มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร มีทกั ษะการคิด แก้ปัญหา ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
พัฒนาทกั ษะในการทางานและการอย่รู ่วมกบั ผูอ้ ืน่ ในสังคมได้อยา่ งมคี วามสุข
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอ่ื สัตย์สจุ ริต มีวินัย ใฝเ่ รียนรู้ อย่อู ย่างพอเพยี ง มุ่งม่นั ในการทางาน
รกั ความเป็นไทย มจี ิตสาธารณะ
ผลการเรยี นรู้
๑. ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนัดและความต้องการของตน
๒. มคี วามรู้ ความสามารถด้านการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ ทง้ั ทาง
วิชาการและวิชาชพี ตามศักยภาพ
๓. ใช้เวลาว่างใหเ้ กดประโยชน์ตอ่ ตนเองและสว่ นรวม
๔. มงุ่ มน่ั ในการทางานและทางานร่วมกับผู้อ่ืนไดต้ ามวถิ ีประชาธิปไตย
๕. ประยกุ ตใ์ ชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไดอ้ ย่างเหมาะสม
รวม ๕ ผลการเรยี นรู้
-๑๓๑-
เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑. การตัดสิน การให้ระดับผลการเรยี น
๑.๑ การตัดสนิ ผลการเรียน
ในการตัดสนิ ผลการเรยี นของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ การอ่าน คิด วเิ คราะห์และเขยี น
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น มีเกณฑ์ในการตดั สินผลการเรียน ดงั นี้
๑) ผู้เรยี นต้องมเี วลาเรียนไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทั้งหมด
๒) ผ้เู รยี นตอ้ งได้รบั การประเมินทุกตวั ชีว้ ดั และผา่ นเกณฑต์ ามทีส่ ถานศึกษากาหนด
๓) ผู้เรยี นต้องได้รับการตัดสนิ ผลการเรียนทุกรายวิชา
๔) ผเู้ รียนต้องได้รับการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี นในระดบั ผ่านเกณฑ์
การประเมิน
๕) ผเู้ รียนตอ้ งได้รับการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคใ์ นระดบั ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
๖) ผเู้ รียนตอ้ งเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทัง้ หมด
และไดร้ บั ผลการประเมนิ ในระดบั ผา่ นเกณฑ์การประเมิน
๑.๒ การให้ระดบั ผลการเรยี น
๑) การตดั สนิ เพือ่ ให้ระดับผลการเรยี นรายวิชา ใชต้ วั เลขแสดงระดับผลการเรยี นเป็น ๘
ระดบั ดงั น้ี
ระดับผลการเรียน ความหมาย ช่วงคะแนนเปน็ ร้อยละ
๔ ดเี ยี่ยม ๘๐-๑๐๐
๓.๕ ดมี าก ๗๕-๗๙
๓ ดี ๗๐-๗๔
๒.๕ ค่อนข้างดี ๖๕-๖๙
๒ ปานกลาง ๖๐-๖๔
๑.๕ พอใช้ ๕๕-๕๙
๑ ผ่านเกณฑ์ขัน้ ต่า ๕๐-๕๔
๐ ตา่ กว่าเกณฑ์ ๐-๔๙
๒) การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้นให้ระดับ
ผลการประเมินเป็นผ่านและไม่ผ่าน กรณีท่ีผ่านให้ระดับผลการประเมินเป็นดีเยี่ยม ดี และผ่าน การ
สรุปผลการประเมนิ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน เพื่อการเล่ือนชั้นและจบการศึกษา กาหนดเกณฑ์การ
ตดั สินเป็น ๔ ระดบั และความหมายของแต่ละระดบั ดงั น้ี
ดเี ยี่ยม หมายถงึ ช่วงคะแนน ๘๐-๑๐๐ คะแนน
ชว่ งคะแนน ๗๐-๗๙ คะแนน
ดี หมายถึง ชว่ งคะแนน ๕๐-๖๙ คะแนน
ช่วงคะแนน ๐-๔๙ คะแนน
ผา่ น หมายถึง
ไม่ผ่าน หมายถึง
-๑๓๒-
๓) การสรุปผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ รวมทุกคุณลักษณะเพื่อการเล่ือนช้ัน
และจบการศึกษา กาหนดเกณฑ์การตดั สินเป็น ๔ ระดบั และความหมายของแตล่ ะระดบั ดังน้ี
ดีเย่ียม หมายถงึ ชว่ งคะแนน ๘๐-๑๐๐ คะแนน
ชว่ งคะแนน ๗๐-๗๙ คะแนน
ดี หมายถึง ช่วงคะแนน ๕๐-๖๙ คะแนน
ชว่ งคะแนน ๐-๔๙ คะแนน
ผ่าน หมายถงึ
ไมผ่ ่าน หมายถงึ
๔) การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทงั้ เวลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรม
การปฏิบตั ิกจิ กรรมและผลงานของผู้เรียนตามเกณฑท์ ีโ่ รงเรยี นกาหนด และให้ผลการประเมินเปน็ ผา่ นและ
ไม่ผา่ น การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน มี ๓ ลกั ษณะ คอื
๑) กจิ กรรมแนะแนว
๒) กจิ กรรมนักเรียน
๓) กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์
ใหใ้ ช้ตัวอักษรแสดงผลการประเมนิ ดงั นี้
“ผ” หมายถึง มเี วลาเข้ารว่ มกจิ กรรมไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทงั้ หมด
“มผ” หมายถึง มีเวลาเขา้ รว่ มกิจกรรมนอ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้ังหมด
๒. การรายงานผลการเรียน
การรายงานผลการเรียน เปน็ การสื่อสารใหผ้ ู้ปกครองและผู้เรยี นทราบความกา้ วหน้าในการเรยี นรู้
ของผเู้ รยี น ซึง่ สถานศกึ ษาต้องสรปุ ผลการประเมนิ และจัดทาเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะๆ
หรืออยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ ครงั้
๒.๑ จุดมุ่งหมายการรายงานผลการเรียน
๑) เพ่ือแจ้งให้ผูเ้ รยี น ผู้เก่ยี วขอ้ งทราบความก้าวหน้าของผเู้ รยี น
๒) เพอ่ื ให้ผู้เรียน ผู้เกี่ยวข้องใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการปรับปรงุ แกไ้ ข ส่งเสรมิ และพัฒนา
การเรียนของผเู้ รียน
๓) เพ่ือให้ผ้เู รียน ผู้เก่ียวขอ้ งใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการเรียน กาหนดแนวทาง
การศกึ ษาและการเลอื กอาชีพ
๔) เพอื่ เปน็ ขอ้ มูลให้ผู้ทมี่ หี นา้ เกี่ยวขอ้ ง ใช้ดาเนนิ การออกเอกสารหลักฐานการศกึ ษา
ตรวจสอบและรบั รองผลการเรียน หรือวฒุ ทิ างการศึกษาของผู้เรียน
๕) เพ่อื เป็นข้อมลู สาหรับสถานศึกษา เขตพืน้ ที่การศึกษาและหน่วยงานต้นสงั กัด
ใชป้ ระกอบในการกาหนดนโยบาย วางแผนในการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา
-๑๓๓-
๒.๒ ขอ้ มลู ในการรายงานผลการเรยี น
๑) ขอ้ มูลระดบั ชั้นเรยี น ประกอบด้วย เวลามาเรียน ผลการประเมนิ ความรู้ ความสามารถ
พฤติกรรมการเรยี น ความประพฤติและผลงานในการเรียนของผู้เรยี น เป็นขอ้ มูลสาหรับรายงานให้ผู้ มีสว่ น
เกยี่ วข้อง ได้แก่ ผเู้ รยี น ผสู้ อนและผู้ปกครอง ไดร้ บั ทราบความกา้ วหนา้ ความสาเร็จในการเรยี นของผเู้ รยี น
เพือ่ นาไปใช้ในการวางแผนกาหนดเปา้ หมายและวธิ ีการในการพฒั นาผเู้ รียน
๒) ข้อมลู ระดับสถานศึกษา ประกอบด้วย ผลการประเมินผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น กลมุ่
สาระการเรยี นรู้ ๘ กลมุ่ สาระ ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอัน
พึงประสงค์ ผลการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียนรายป/ี รายภาค ผลการประเมนิ ความกา้ วหนา้ ใน
การเรยี นรรู้ ายปี/รายภาคโดยรวมของสถานศกึ ษา เพอ่ื ใช้เปน็ ข้อมลู และสารสนเทศในการพฒั นา การเรยี น
การสอนและคณุ ภาพของผู้เรยี น ให้เป็นไปตามมาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชี้วดั การตดั สิ การเล่ือนช้ันและ
การซ่อมเสริมผเู้ รียนท่ีมขี ้อบกพรอ่ งใหผ้ า่ นระดบั ชั้นและเปน็ ข้อมลู ในการออกเอกสารหลกั ฐานการศึกษา
๓) ขอ้ มูลการประเมนิ คุณภาพระดบั เขตพืน้ ที่การศกึ ษา ได้แก่ ผลการประเมนิ คุณภาพ ของ
ผู้เรียนด้วยแบบประเมนิ ที่สานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาจดั ทาขึน้ ในกลุม่ สาระการเรียนรู้สาคัญในระดับชนั้ ที่
นอกเหนือจากการประเมินคุณภาพระดบั ชาติ เปน็ ขอ้ มลู ที่ผู้เกย่ี วขอ้ งใช้วางแผนและดาเนนิ การพฒั นา
คณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษาในเขตพืน้ ที่การศกึ ษาเพ่ือใหเ้ กิดการยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน
การศกึ ษาของผ้เู รยี นและสถานศกึ ษา
๔) ข้อมลู ผลการประเมนิ คุณภาพระดบั ชาติ ได้แก่ ผลการประเมินคุณภาพของผ้เู รียนดว้ ย
แบบประเมินทีเ่ ป็นมาตรฐานระดับชาติในกลมุ่ สาระการเรียนรู้ทสี่ าคัญในช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๓
ประถมศึกษาปที ่ี ๖ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ และมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ ซึ่งดาเนนิ การโดยหน่วยงานระดบั ชาติ
เปน็ ขอ้ มูลที่ผู้เกยี่ วขอ้ งใช้วางแผนและดาเนินการพฒั นาคุณภาพการศึกษาในส่วนทีเ่ กย่ี วข้อง เพอื่ ให้เกิด
การยกระดบั คณุ ภาพและมาตรฐานการศึกษาของผู้เรยี น สถานศึกษา ท้องถ่นิ เขตพ้นื ที่การศกึ ษาและ
ประเทศชาติ รวมท้ังนาไปรายงานในเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษาของผู้เรยี น
๕) ขอ้ มูลพฒั นาการของผ้เู รียนด้านอื่นๆ ประกอบด้วย ข้อมลู เกย่ี วกับพัฒนาการทางดา้ น
ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและพฤติกรรมต่างๆ เป็นข้อมลู สว่ นหน่ึงของการแนะแนวและจัดระบบการ
ดูแลช่วยเหลือเพ่อื แจง้ ให้ผู้เรยี น ผู้สอน ผปู้ กครองและผเู้ กี่ยวขอ้ งไดร้ ับทราบขอ้ มลู โดยผู้มีหนา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบ
แต่ละฝา่ ยนาไปใช้ปรบั ปรุงแกไ้ ขและพฒั นาผ้เู รียนใหเ้ กิดพฒั นาการอยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม รวมทง้ั นาไป
จัดทาเอกสารหลักฐานแสดงพฒั นาการของผู้เรยี น
๒.๓ วิธีการรายงาน
การรายงานผลการเรยี นใหผ้ ู้เก่ยี วขอ้ งรับทราบ สามารถดาเนินการไดด้ งั น้ี
๑) การรายงานผลการเรยี นในเอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา ไดแ้ ก่
ระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ.๑)
ประกาศนียบตั ร (ปพ.๒)
แบบรายงานผู้สาเร็จการศกึ ษา (ปพ.๓)
แบบบนั ทึกผลการเรียนประจารายวชิ า (ปพ.๕)
แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบคุ คล (ปพ.๖)
ใบรับรองผลการเรียน (ปพ.๗)
ระเบยี นสะสม (ปพ.๘)
-๑๓๔-
๒) การรายงานคุณภาพการศกึ ษาให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ สามารถรายงานได้หลายวิธี เช่น
รายงานคุณภาพการศึกษาประจาปี
วารสาร/จุลสารของสถานศึกษา
จดหมายส่วนตัว
การให้คาปรกึ ษาหารอื เปน็ รายบคุ คล
การใหพ้ บครทู ป่ี รกึ ษาหรือการประชุมเครอื ข่ายผูป้ กครอง
การใหข้ อ้ มูลทาง Internet ผ่าน Web site ของสถานศึกษา
เกณฑก์ ารจบหลกั สตู รการศกึ ษา
๑) ผู้เรียนเรยี นรายวิชาพ้นื ฐาน จานวน ๕,๐๔๐ ชว่ั โมง และรายวิชาเพ่มิ เตมิ /กจิ กรรมเพมิ่ เตมิ
ไม่ตา่ กวา่ จานวน ๒๔๐ ชั่วโมง
๒) ผเู้ รียนตอ้ งมีผลการประเมนิ รายวชิ าพื้นฐานระดบั ๑ ขน้ึ ไปทุกวชิ า
๓) ผเู้ รียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน ระดบั "ผา่ น" ขนึ้ ไป
๔) ผ้เู รียนมีผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดับ "ผ่าน" ขน้ึ ไป
๕) ผูเ้ รียนเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน และมีผลการประเมนิ ระดับ"ผ่าน" ทกุ กิจกรรม
-๑๓๕-
บรรณานกุ รม
กรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๔๕). เอกสารประกอบหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน
พุทธศกั ราช ๒๕๔๔ แนวทางการวัดและประเมนิ ผลการเรียน. กรงุ เทพมหานคร :โรงพมิ พ์
ครุ ุสภา ลาดพร้าว.
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพมหานคร:
โรงพมิ พช์ ุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด, ๒๕๕๑.
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๔๔). การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร
การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์
(รสพ.), ๒๕๔๘.
สานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา. (๒๕๕๐). แนวทางการจดั ทาเอกสารหลักฐานการศึกษา ปพ.๑
ปพ.๒ และ ปพ.๓ ตามหลกั สูตรการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๔๔. กรุงเทพมหานคร
: โรงพมิ พค์ ุรสุ ภา ลาดพร้าว.
สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน
กระทรวงศึกษาธกิ าร. (๒๕๕๑). ตวั ชวี้ ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑.
กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด.
สานกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๕๑). ตัวชวี้ ดั และสาระการเรียนร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
คณติ ศาสตร์ ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑.
กรงุ เทพมหานคร:โรงพมิ พ์ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากดั .
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๕๑). ตวั ช้วี ดั และสาระการเรียนร้แู กนกลาง กล่มุ สาระการเรยี นรู้
วทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑.
กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั .
สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๕๑). ตัวชว้ี ัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุม่ สาระการเรยี นรู้
สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช
๒๕๕๑. กรงุ เทพมหานคร:โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด.
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๕๑). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กล่มุ สาระการเรยี นรู้
สขุ ศึกษาและพลศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑.
กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพช์ มุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด.
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน
กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๕๑). ตัวชว้ี ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้
ศิลปะ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพมหานคร:
โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั .
-๑๓๖-
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๕๑). ตวั ชว้ี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลุม่ สาระการเรียนรู้
การงานอาชพี และเทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช
๒๕๕๑. กรงุ เทพมหานคร:โรงพมิ พช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จากัด.
สานกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน
กระทรวงศึกษาธกิ าร. (๒๕๕๑). ตัวช้ีวดั และสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรยี นรู้
ภาษาต่างประเทศ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑.
กรงุ เทพมหานคร:โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั .
-๑๓๗-
ภาคผนวก
-๑๓๘-
ประกาศสานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาอุดรธานี เขต ๑
เรอื่ ง แตง่ ตง้ั คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวิชาการของสถานศึกษาขั้นพนื้ ฐาน
------------------
เพอื่ ใหก้ ารบริหารหลักสูตรและงานวชิ าการสถานศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานเป็นไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ
สอดคล้องกับพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่แี ก้ไขเพิ่มเติม หมวด ๔ มาตรา ๒๗
และคาส่งั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ สงิ หาคม ๒๕๖๐ ที่ใหใ้ ช้มาตรฐาน
และตวั ช้วี ัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และกล่มุ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา
และวฒั นธรรม (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช
๒๕๕๑ และแนบท้ายประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เรื่อง การบรหิ าร
จัดการเวลาเรยี นของสถานศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน และคาส่งั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน ที่
๓๐/๒๕๖๑ ลงวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ ท่ีใหเ้ ปล่ยี นแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกล่มุ สาระการ
เรียนร้คู ณติ ศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) และแนบทา้ ยประกาศคาส่งั สานกั งาน
คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๑ เรอ่ื งการบริหารจัดการหลักสูตร
สถานศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) ตามหลกั สูตร
แกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ทาให้โรงเรยี นตอ้ งปรับปรงุ หลักสูตรสถานศกึ ษา ให้
สอดรับกับการเปล่ียนแปลงดังกล่าว และสอดคล้องกับหลักสูตรท้องถิ่น จุดเนน้ และความต้องการของ
โรงเรียน เพื่อใหน้ ักเรียนเปน็ สมาชกิ ทด่ี ีของครอบครวั ชุมชน สงั คมและประเทศชาติ
อาศยั ระเบียบ กระทรวงศึกษาธกิ าร วา่ ดว้ ยคณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและงานวิชาการ
สถานศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้อ ๕ และ ประกาศการใช้หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน
พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เมือ่ วนั ท่ี ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษา
อุดรธานี เขต ๑ จงึ ขอแตง่ ตง้ั คณะกรรมการบริหารหลกั สูตรและวิชาการของโรงเรียนบา้ นท่าตมู ดงสระพงั
ดงั รายละเอยี ดแนบทา้ ย
ประกาศ ณ วันท่ี ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
(ลงช่ือ)
(นายภญั ญู ภรู ิศร)ี
ผ้อู านวยการสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาหนองคาย เขต ๒
ปฏบิ ตั ริ าชการในตาแหนง่ ผอู้ านวยการสานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาอุดรธานี เขต ๑
-๑๓๙-
คณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและวชิ าการของโรงเรยี นบา้ นท่าตูมดงสระ
๑. คณะกรรมการที่ปรึกษา ประกอบดว้ ย ผ้ทู รงคณุ วฒุ ผิ ู้แทนชมุ ชน กรรมการ
๑.๑ นางไพเราะ พรหมเศรษฐา ผ้แู ทนผ้ปู กครอง กรรมการ
๑.๒ นางบวั ทอง บญุ ทองอ่อน ผู้แทนศิษยเ์ ก่า กรรมการ
๑.๓ นายสกุ นั ใจสุข
มีหน้าทใ่ี หค้ าปรกึ ษา ชแี้ นะ สง่ เสริมและสนบั สนนุ ตามทคี่ ณะกรรมขอความรว่ มมอื
๒. คณะกรรมการบริหารหลักสูตรและวชิ าการโรงเรียน ประกอบดว้ ย
๒.๑ นายนฤป สืบวงษา ผู้อานวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ
๒.๒ นางสนุ สิ า ธรรมโกลัง หวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ กรรมการ
๒.๓ นางสาวจิราวรรณ เสนาลอย หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ กรรมการ
๒.๔ นางอัมพร ธงภกั ดิ์ หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษาฯ กรรมการ
๒.๕ นายศรศี กั ดิ์ ศรีสมุทร หวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา กรรมการ
๒.๖ นางนงลักษณ์ ชาญโคตรพนั ธ์ุ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะ กรรมการ
๒.๗ นางอมั พร ธงภกั ด์ิ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพฯ กรรมการ
๒.๘ นางพรทิพย์ แพงยา หวั หน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย กรรมการ
๒.๙ นานรณภมู ิ พลนามอินทร์ หัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ กรรมการ
๒.๑๐นางพรทพิ ย์ แพงยา หัวหนา้ งานแนะแนว กรรมการ
๒.๑๑ นายศรศี กั ด์ิ ศรสี มุทร หัวหน้างานกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น กรรมการ
๒.๑๒ นางสาวจริ าวรรณ เสนาลอย หวั หน้างานวัดและประเมินผล กรรมการ
๒.๑๓ นางสาวจริ าวรรณ เสนาลอย หัวหน้างานวิชาการ กรรมการและเลขานกุ าร
หน้าท่ี
๑. วางแผนการดาเนินงานวิชาการ กาหนดสาระรายละเอยี ดของหลกั สตู รระดบั สถานศกึ ษา
และแนวการจดั สัดส่วนสาระการเรยี นรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นของสถานศกึ ษา ให้สอดคลอ้ งกบั หลกั สูตร
การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน สภาพเศรษฐกิจ สังคม ศิลปวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาของทอ้ งถ่ิน
๒. จดั ทาคมู่ ือการบรหิ ารหลกั สูตรและงานวชิ าการของสถานศกึ ษา นิเทศ กากบั ติดตาม ให้
คาปรกึ ษาเกย่ี วกับการพัฒนาหลกั สูตร การจัดกระบวนการเรียนรู้ การวัดผลและประเมนิ ผล และการแนะ
แนว ใหส้ อดคล้องและเป็นไปตามมาตรฐานหลกั สตู รการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน
๓. สง่ เสรมิ สนับสนุนการพัฒนาบุคลากรเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสตู ร การจดั กระบวนการเรียนรู้
การวัดผลและประเมินผลและการแนะแนวให้เป็นไปตามจุดหมายและแนวทางการดาเนนิ การของหลกั สตู ร
๔. ประสานความรว่ มมือจากบุคคล หนว่ ยงาน องคก์ รต่าง ๆ และชุมชน เพือ่ ให้การใช้หลักสูตร
เปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพและคณุ ภาพ
๕. ประชาสัมพนั ธ์หลกั สตู ร และการใชห้ ลกั สูตรแกน่ ักเรียน ผปู้ กครอง ชมุ ชนและผูเ้ กยี่ วข้อง
และนาข้อมูลปอ้ นกลบั จากฝ่ายตา่ ง ๆ มาพจิ ารณาเพื่อการปรับปรงุ พฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษา
๖. สง่ เสริมสนับสนุนการวจิ ัยเกย่ี วกบั การพัฒนาหลกั สูตรและกระบวนการเรียนรู้
๗. ตดิ ตามผลการเรยี นรู้ของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล ระดบั ช่วงชนั้ และระดับกลุม่ สาระการเรยี นรู้
-๑๔๐-
ในแตล่ ะปกี ารศกึ ษา เพอ่ื ปรับปรุง และพฒั นาการดาเนินงานดา้ นต่าง ๆของสถานศึกษา
๘. ตรวจสอบ ทบทวน ประเมนิ มาตรฐานการปฏิบัตงิ านของครู และการบรหิ ารหลักสตู รระดบั
สถานศกึ ษาในรอบปที ีผ่ ่านมา แลว้ ใช้ผลการประเมนิ เพอื่ วางแผนพัฒนาการปฏิบัตงิ านของครูและการ
บริหารหลกั สูตรในปีการศกึ ษาต่อไป
๙. รายงานผลการปฏบิ ัติงานและผลการบรหิ ารหลกั สูตรของสถานศกึ ษา โดยเน้นผลการพฒั นา
คุณภาพนักเรยี นต่อคณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน คณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรระดับเหนือ
สถานศึกษา สาธารณชนและผ้เู กีย่ วข้อง
๑๐. ใหม้ ีการประชุมคณะกรรมการ อย่างนอ้ ยภาคเรียนละ ๒ ครงั้
......................................................................................................
-๑๔๑-
คาสัง่ โรงเรียนบ้านท่าตูมดงสระพัง
ท่ี ๕๐ / ๒๕๖๓
เรือ่ ง แตง่ ต้งั คณะกรรมการบริหารหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านทา่ ตมู ดงสระพัง
................................................................................................
ด้วยกระทรวงศกึ ษาธกิ ารไดม้ คี าสง่ั ท่ี ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ สงิ หาคม ๒๕๖๐ เรอื่ ง ใหใ้ ช้
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชี้วดั กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภมู ิศาสตร์ในกลุ่ม
สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษาและวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษา
ขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ สาหรับชั้นประถมศกึ ษาป่ีท่ี ๑ และชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ และคาส่ัง
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน ท่ี ๓๐/๒๕๖๑ สงั่ ณ วนั ท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ เร่ือง ให้
เปลยี่ นแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ดั กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ เพ่อื ให้
สถานศกึ ษาพัฒนาผูเ้ รยี นให้มีศกั ยภาพในการแขง่ ขนั และดารงชวี ติ อย่างสร้างสรรค์ในประชาคมโลกตาม
หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
เพื่อปฏิบัติใหเ้ ปน็ ไปตามคาสง่ั ดังกล่าว ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช
๒๕๕๑ เพอ่ื ให้การจดั ทาหลกั สตู รโรงเรยี นบา้ นทา่ ตมู ดงสระพงั ไดด้ าเนนิ การไปด้วยความเรียบร้อย ถูกตอ้ ง
จึงแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารหลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นท่าตมู ดงสระพงั ดังต่อไปนี้
คณะกรรมการทีป่ รึกษา
๑. นายนฤป สืบวงษา ผู้อานวยการสถานศกึ ษา ประธานกรรมการ
๒. นางไพเราะ พรหมเศรษฐา ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาฯ รองประธาน
กรรมการ
คณะกรรมการดาเนนิ งาน
๑. นางพรทิพย์ แพงยา หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย กรรมการ
กรรมการ
๒. นางสุนิสา ธรรมโกลงั หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ กรรมการ
กรรมการ
๓. น.ส.จิราวรรณ เสนาลอย หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรฯ์ กรรมการ
กรรมการ
๔. นางอัมพร ธงภักดิ์ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา กรรมการ
๕. นายศรศี กั ดิ์ ศรสี มุทร หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา
๖. นางอัมพร ธงภักด์ิ หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชีพ
๗. นางนงลกั ษณ์ ชาญโคตรพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรศู้ ิลปะ
-๑๔๒-
๘. นายรณภมู ิ พลนามอินทร์ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ กรรมการ
๙. นายศรีศักด์ิ ศรสี มุทร หวั หน้ากลุม่ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน กรรมการ
๑๐. นางสาวจริ าวรรณ เสนาลอย กรรมการ/เลขานกุ าร
ใหค้ ณะทางานทีไ่ ด้รบั การแต่งตั้ง มหี น้าทด่ี งั นี้
๑. กาหนดตวั ชี้วดั รายวิชาต่างๆในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒. กาหนดคาอธบิ ายรายวิชาในแต่ละกลุม่ สาระการเรยี นรู้ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา
ขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๓. กาหนดกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนและคาอธิบายของสถานศกึ ษา ตวั ช้ีวดั กิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน
ของแต่ละกิจกรรม
๔. กาหนดคุณลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องสถานศกึ ษา ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้
พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๕. กาหนดมาตรฐานการอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละการเขียน พรอ้ มเกณฑ์การประเมนิ และ
แนวทางการปรบั ปรงุ แกไ้ ขผเู้ รียนท่มี ีผลการประเมนิ ไม่พงึ พอใจ
๖. กาหนดวธิ กี ารเทยี บโอนผลการเรยี น จานวนรายวิชา เพอ่ื การเทียบโอนผลการเรยี น
๗. กาหนดระเบียบการประเมินผลต่างๆของสถานศกึ ษา
ท้ังน้ีตง้ั แต่บดั น้เี ป็นต้นไป
ส่ัง ณ วันท่ี ๒ เดือน พฤษภาถม พ.ศ. ๒๕๖๓
( นายนฤป สืบวงษา )
ผอู้ านวยการโรงเรยี นบ้านท่าตูมดงสระพัง
-๑๔๓-
คาสงั่ โรงเรยี นบา้ นท่าตมู ดงสระพัง
ที ๕๑ / ๒๕๖๓
เรือ่ ง แต่งต้ังคณะอนกุ รรมการกล่มุ สาระการเรียนรู้ (กลมุ่ วิชา) และกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น
................................................................................................
ตามทกี่ ระทรวงศกึ ษาธิการ ได้มีคาส่ังท่ี ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๗ สงิ หาคม ๒๕๖๐ เร่ือง ใหใ้ ช้
มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภูมิศาสตร์ในกลุ่ม
สาระการเรียนรู้สงั คมศึกษาและวัฒนธรรม (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา
ข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ สาหรบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปี่ที่ ๑ และชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ และคาสั่ง
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน ท่ี ๓๐/๒๕๖๑ สัง่ ณ วนั ท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ เรือ่ ง ให้
เปลีย่ นแปลงมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชว้ี ัด กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เพอื่ ใหก้ าร
พัฒนาการใชห้ ลักสูตรเป็นไปดว้ ยความเรยี บร้อย มีประสิทธิภาพ และเกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ จึงเหน็ ควรแตง่ ตัง้
คณะอนุกรรมการกลมุ่ สาระการเรียนรู้ (กลุม่ วิชา) และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ดังต่อไปนี้
๑. กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ไดแ้ ก่
นางพรทพิ ย์ แพงยา ตาแหนง่ ครู อันดับ คศ. ๓
๒. กลมุ่ สาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ ได้แก่
นางสนุ สิ า ธรรมโกลัง ตาแหน่ง ครู อนั ดับ คศ. ๓
๓. กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไดแ้ ก่
นางสาวจริ าวรรณ เสนาลอย ตาแหน่ง ครู อนั ดบั คศ. ๓
๔. กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ได้แก่
นางอมั พร ธงภักด์ิ ตาแหนง่ ครู อันดับ คศ. ๓
๕. กลุม่ สาระการเรยี นร้สู ุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ได้แก่
นายศรีศกั ดิ์ ศรีสมุทร ตาแหนง่ ครู อนั ดบั คศ. ๓
๖. กล่มุ สาระการเรียนร้ศู ิลปะ ไดแ้ ก่
นางนงลกั ษณ์ ชาญโคตรพันธุ์ ตาแหนง่ ครู อันดับ คศ. ๓
๗. กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ไดแ้ ก่
นางอัมพร ธงภักด์ิ ตาแหน่ง ครู อนั ดบั คศ. ๓
๘. กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาตา่ งประเทศ ได้แก่
นายรณภมู ิ พลนามอินทร์ ตาแหน่ง ครู อันดับ คศ.๒
๙. กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน ไดแ้ ก่
นายศรศี กั ดิ์ ศรสี มทุ ร ตาแหนง่ ครู อนั ดับ คศ. ๓
-๑๔๔-
โดยใหม้ หี นา้ ที่ ดังตอ่ ไปนี้
๑. กาหนดแนวทางการจดั การเรยี นรู้ การจดั กจิ กรรม พร้อมแนวทางวัดผลประเมนิ ผลการเรยี นรู้
ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ และกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น
๒. สนบั สนุนการจัดการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น และวดั ผลประเมินผลและตัดสนิ ผลตาม
แนวทางที่กาหนดไว้
๓. พิจารณาใหค้ วามเหน็ ชอบผลการวัดและประเมินผลการเรียนสาระการเรยี นรู้รายปี / รายภาค
และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
ทง้ั นี้ ต้ังแตบ่ ัดนเ้ี ป็นตน้ ไป
สง่ั ณ วนั ที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
(นายนฤป สืบวงษา)
ผูอ้ านวยการโรงเรียนบา้ นทา่ ตูมดงสระพงั