ก
คำนำ
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคล่ือนที่ รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5
ว23101 สำหรับนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 จัดทำข้ึนตามมาตรฐานการเรียนรกู้ ลมุ่ สาระการเรยี นรู้
วิทยาศาสตร์ โดยมเี นื้อหาและกจิ กรรมการเรยี นรู้ทหี่ ลากหลาย สอดคล้องตามหลกั สูตรการศึกษา
ขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยใช้กิจกรรมนำทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ ทักษะในการอ่าน คิด วิเคราะห์ การคำนวณ และการเชื่อมโยงความสัมพันธ์
ผ่านการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม เป็นคู่ และรายบุคคล เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
นักเรียนและพัฒนานักเรียนให้มีทักษะในด้านต่าง ๆ ทำงานร่วมกับผู้อ่ืนได้ดีข้ึน สามารถสร้าง
องคค์ วามร้ไู ดด้ ้วยตนเอง และนำไปสกู่ ารมีพฒั นาการด้านจิตวิทยาศาสตร์
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง แรงและการเคล่ือนท่ี รายวิชาวิทยาศาสตร์ 5
ว23101 สำหรับนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ประกอบดว้ ยชุดกจิ กรรมจำนวน 6 ชดุ ดงั น้ี
ชุดที่ 1 การเคล่อื นทข่ี องวตั ถุ
ชดุ ท่ี 2 ความเรง่ และผลของแรงลพั ธ์ทีก่ ระทำตอ่ วัตถุ
ชดุ ท่ี 3 แรงกริ ิยาและแรงปฏิกิริยา
ชุดที่ 4 แรงพยงุ ของของเหลว
ชุดท่ี 5 แรงเสียดทาน
ชดุ ท่ี 6 โมเมนต์ของแรง
สำหรบั ชุดกจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ชุดนเี้ ปน็ ชดุ ท่ี 1 การเคล่อื นที่ของวตั ถุ มเี นือ้ หา
เกี่ยวกับ แรงและกฎการเคล่อื นที่ของนวิ ตัน การเคลอื่ นท่ขี องวตั ถุ 2 แบบ คือ การเคลอ่ื นท่ีแนวตรง
และการเคล่ือนที่แนวโคง้ ซึ่งจัดเรยี งลำดบั เนื้อหาจากงา่ ยไปยาก ครอบคลุมตวั ชว้ี ัด คำอธิบาย
เป็นคำง่าย ๆ ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย เมื่อทำกิจกรรมจบแล้วทราบผลได้ในทันที
ไม่ต้องคอย ไม่นา่ เบ่ือ มภี าพประกอบที่ชัดเจน สีสนั สดใส จัดไว้อย่างประณีตสวยงาม น่าสนใจ
และน่าตดิ ตาม
ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ชุดนี้ จะเป็นประโยชน์
อย่างย่ิงแก่ผู้เรียน ครูผู้สอนและผู้ที่สนใจ เพ่ือนำไปใช้ในการพัฒนาเยาวชนไทยให้เป็นบุคคล
แห่งการเรยี นรู้และมคี วามสุขในการดำรงชีวติ ในอนาคต
นายทศพล สุวรรณราช
ข หน้า
สารบัญ ก
คำนำ ข
สารบญั
คำชแ้ี จงในการใชช้ ุดกจิ กรรมสำหรบั นักเรยี น 1
สาระ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และจุดประสงคก์ ารเรียนรู้
ลำดบั ขั้นการเรียนโดยใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ 2
รายละเอยี ดกจิ กรรมและเวลาท่ใี ช้
เกณฑ์การวัดและประเมินผลกจิ กรรม 4
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
กิจกรรมท่ี 1.1 การศกึ ษา เร่อื ง แรงและกฎการเคลื่อนที่ของนวิ ตัน 5
ใบความรู้ เร่อื ง แรงและกฎการเคลอื่ นท่ขี องนิวตนั 6
แบบบนั ทึกผลกจิ กรรมที่ 1.1 7
แบบฝกึ ทกั ษะทา้ ยกจิ กรรมท่ี 1.1
กิจกรรมท่ี 1.2 การศกึ ษา เรอ่ื ง การเคล่ือนท่ีของวัตถุ 11
ใบความรู้ เรอ่ื ง การเคล่ือนทขี่ องวัตถุ
แบบบันทกึ ผลกจิ กรรมที่ 1.2 12
แบบฝกึ ทกั ษะท้ายกิจกรรมท่ี 1.2 19
ใบกิจกรรมการจัดการเรยี นร้แู บบสะเตม็ ศกึ ษา 23
แบบรายงานผลการทำกจิ กรรมสะเต็มศึกษา
แบบทดสอบหลงั เรียน 26
บรรณานุกรม
ภาคผนวก 27
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน 34
เฉลยแบบบนั ทกึ ผลกจิ กรรมท่ี 1.1 40
เฉลยแบบฝกึ ทกั ษะท้ายกิจกรรมท่ี 1.1 44
เฉลยแบบบันทึกผลกจิ กรรมท่ี 1.2 45
เฉลยแบบฝกึ ทักษะท้ายกจิ กรรมท่ี 1.2 49
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
53
56
57
58
60
63
68
72
1
คำช้แี จงในการใชช้ ุดกิจกรรมสำหรับนักเรยี น
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชุดที่ 1
เรอ่ื ง การเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถุ ใหน้ ักเรียนปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามข้ันตอนดงั ตอ่ ไปน้ี
1. ศึกษา “คำชี้แจง” และ “ลำดับขั้นการเรียน” ในชุดกิจกรรมตามแผนภูมิ
หน้าที่ 4
2. ทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนแบบ 4 ตวั เลอื ก จำนวน 10 ข้อ (10 คะแนน)
3. แบ่งกลุม่ กลุ่มละ 4-5 คน เพ่ือทำกจิ กรรมร่วมกันตามที่กำหนดไว้ในแต่ละ
กิจกรรม
4. ตั้งใจทำกิจกรรมตามขั้นตอนท่ีกำหนดไว้ในชุดกิจกรรม มีความซ่ือสัตย์
ต่อตนเองและผอู้ ื่น มีวินัยและมีความรบั ผิดชอบต่อหน้าทีใ่ นการทำงานกล่มุ
5. เม่ือทำกจิ กรรมต่าง ๆ ในแตล่ ะชุดกจิ กรรมเสรจ็ เรียบรอ้ ยแล้ว นักเรียนทำ
แบบทดสอบหลงั เรยี นแบบ 4 ตวั เลือก จำนวน 10 ขอ้ (10 คะแนน)
6. อภิปรายร่วมกันในกลมุ่ เพือ่ เฉลยและตรวจคำตอบ โดยแลกเปลี่ยนกันตรวจ
และสรปุ คะแนนทไี่ ด้ ก่อนนำสง่ ครู
7. ถ้ามีขอ้ สงสัยหรือประเด็นปัญหาต่าง ๆ ท่ียังไม่เข้าใจ ให้นักเรียนสอบถาม
และขอคำตอบ คำอธิบาย หรือคำแนะนำจากครูผ้สู อนทนั ที
8. ชุดกิจกรรมชุดน้ีนอกจากจะใช้ในชั้นเรียนแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ศึกษา
ด้วยตนเองได้ แต่สิ่งสำคัญท่ีจะต้องยึดถือและปฏิบัติเช่นเดียวกันคือ จะต้องทำตาม
ขั้นตอนที่ชุดกิจกรรมกำหนดไว้ทีละข้ันตอนและจะต้องมี “ความซื่อสัตยต์ ่อตนเอง
ใหม้ ากท่ีสุด โดยไมเ่ ปิดดูเฉลยคำตอบก่อนทำกิจกรรมหรอื ขณะทำกิจกรรม” จะทำให้
การเรยี นรดู้ ้วยชุดกจิ กรรมชุดนไ้ี ด้ผลเป็นอยา่ งดี
2
สาระ มาตรฐาน ตัวช้ีวดั และจดุ ประสงค์การเรียนรู้
สาระ
สาระท่ี 4 แรงและการเคลอ่ื นที่
มาตรฐาน
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจลักษณะการเคล่ือนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุในธรรมชาติ
มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ ละจิตวทิ ยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงท่ีเรยี นรแู้ ละนำความรู้
ไปใชป้ ระโยชน์
สาระการเรยี นรู้
การเคลอื่ นท่ีของวัตถุ
ตวั ชวี้ ัด
ว 4.2 ม.3/3 สงั เกตและอธิบายการเคลอ่ื นที่ของวตั ถุที่เปน็ แนวตรงและแนวโค้ง
จุดประสงค์การเรยี นรู้
ด้านความรู้ (Knowledge)
1. อธิบายผลของแรงที่มตี อ่ การเคลอื่ นท่ขี องวัตถดุ ้วยกฎการเคล่อื นทข่ี องนวิ ตนั ได้
2. สังเกตและอธิบายการเคลื่อนทขี่ องวตั ถุทเ่ี ปน็ แนวตรงและแนวโคง้ ได้
3. นำความร้เู กยี่ วกับการเคลื่อนทขี่ องวตั ถไุ ปใช้ประโยชนไ์ ด้
ด้านกระบวนการ (Process)
เรยี นจบในแต่ละกจิ กรรมแล้ว นกั เรียนจะไดฝ้ กึ ทกั ษะตา่ ง ๆ ดังต่อไปน้ี
ท่ี ด้านกระบวนการ (Process) กิจกรรมที่
1.1 1.2
1 ทักษะในการอ่าน คิด วิเคราะห์ ✓✓
2 ทักษะในการแกป้ ัญหา
3 ทกั ษะในการเชอ่ื มโยงความสัมพันธร์ ะหว่างขอ้ มูล ✓
4 ทักษะในการใช้เทคโนโลยี ✓✓
5 ทักษะในการทำงานระบบกลมุ่
✓
✓✓
3
ด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ (Scientific mind)
1. ความสนใจใฝร่ ู้
2. ความรบั ผิดชอบ
3. ความซื่อสตั ย์
4. การทำงานรว่ มกบั ผูอ้ น่ื ไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์
5. การรว่ มแสดงความคิดเหน็ และยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อ่นื
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต
2. มวี นิ ยั
3. ใฝเ่ รยี นรู้
4. มงุ่ ม่ันในการทำงาน
5. มจี ิตสาธารณะ
สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4
ลำดบั ข้นั การเรียนโดยใช้ชุดกจิ กรรมการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
ชุดที่ 1 การเคลื่อนที่ของวตั ถุ
ทำแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน (กอ่ นเรียน)
เรอ่ื ง แรงและการเคลอ่ื นท่ี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 5
ว23101 สำหรบั นกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 3
1. ศึกษาคำช้ีแจงในการใช้ชดุ กจิ กรรมสำหรับนักเรยี น
2. ทำแบบทดสอบก่อนเรยี น
ปรึกษาครูผสู้ อน 3. ทำกิจกรรมท่ี 1.1 การศึกษา เรอ่ื ง แรงและกฎการเคลอื่ นที่
ของนวิ ตนั
4. เฉลยและตรวจคำตอบ
5. ทำกจิ กรรมท่ี 1.2 การศกึ ษา เรอื่ ง การเคลื่อนที่ของวตั ถุ
6. เฉลยและตรวจคำตอบ
7. ศึกษาและวางแผนการทำกิจกรรมสะเตม็ ศึกษา
ไมผ่ ่านเกณฑ์ 8. ทำแบบทดสอบหลงั เรียน ผา่ นเกณฑ์
ศึกษาชุดกิจกรรมตอ่ ไป
5
รายละเอียดกิจกรรมและเวลาท่ีใช้
นกั เรียนครับ! เรามาดูกันว่าเราจะต้องทำกิจกรรมอะไรกนั บ้าง แต่ละกิจกรรม
ใช้เวลาเทา่ ใดโดยประมาณ มเี กณฑใ์ นการให้คะแนนและการประเมนิ อยา่ งไร
กจิ กรรมที่ 1.1 ศึกษาใบความรู้ เรื่อง แรงและกฎการเคลื่อนท่ีของนิวตัน
(1 ชัว่ โมง)
- ทำแบบบันทึกผลกจิ กรรมที่ 1.1
- ทำแบบฝึกทักษะท้ายกิจกรรมที่ 1.1
กิจกรรมที่ 1.2 ศึกษาใบความรู้ เรอ่ื ง การเคลอ่ื นท่ีของวัตถุ (1 ชั่วโมง)
- ทำแบบบันทึกผลกจิ กรรมที่ 1.2
- ทำแบบฝึกทกั ษะทา้ ยกจิ กรรมที่ 1.2 ตอนท่ี 1-2
- ทำแบบฝึกทกั ษะท้ายกจิ กรรมที่ 1.2 ตอนที่ 3 ดงั น้ี
1) ทำผงั มโนทัศนส์ รปุ องค์ความรู้
2) อธิบายการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์พร้อมยกตัวอย่าง
ประกอบ โดยสืบคน้ ขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ จากอนิ เทอร์เน็ต
3) ศกึ ษาและวางแผนการทำกิจกรรมสะเตม็ ศกึ ษา สรา้ งสรรค์
ช้นิ งานตามหวั ข้อท่ีกำหนด
6
เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลกิจกรรม
เกณฑ์ในการใหค้ ะแนนกิจกรรมที่ 1.1 และกจิ กรรมที่ 1.2 ในส่วนของ “แบบบันทึกผล
กิจกรรม” และ “แบบฝกึ ทักษะท้ายกิจกรรม” ทุกข้อคำถามและทุกคำตอบท่ีตอ้ ง
เขยี น “บรรยายหรืออธิบาย” ให้คะแนนข้อละ 2 คะแนนเท่า ๆ กัน โดยไม่คำนงึ ถึง
น้ำหนักของเน้ือหาหรือความยากง่ายของคำถามคำตอบ และใช้เกณฑ์ในการให้
คะแนนร่วมกัน ดงั นี้ (ยกเว้นแบบฝกึ ทกั ษะท้ายกิจกรรมท่ี 1.2 ตอนท่ี 3)
2 คะแนน หมายถึง คำตอบถูกตอ้ ง ชดั เจนและสมบรู ณ์
1 คะแนน หมายถงึ คำตอบถกู ต้อง แตไ่ ม่ชดั เจนและไมส่ มบูรณ์
0 คะแนน หมายถงึ คำตอบไม่ถูกต้อง ไมช่ ดั เจนและไมส่ มบรู ณ์
เกณฑใ์ นการใหค้ ะแนนในส่วนของ “แบบฝกึ ทักษะท้ายกิจกรรมที่ 1.2 ตอนที่ 3”
ขอ้ ท่ี 1 และ 2 ใหค้ ะแนนเต็มข้อละ 5 คะแนน ดังน้ี
5 คะแนน หมายถงึ คำตอบถูกต้อง ชดั เจนและสมบรู ณ์
4 คะแนน หมายถึง คำตอบถูกตอ้ ง แต่ไม่ชัดเจนและไมส่ มบูรณ์
3 คะแนน หมายถงึ คำตอบถูกตอ้ งเป็นบางสว่ น แต่ไมช่ ัดเจนและไมส่ มบรู ณ์
2 คะแนน หมายถงึ คำตอบถกู ต้องเล็กน้อย แตไ่ ม่ชดั เจนและไม่สมบูรณ์
1 คะแนน หมายถงึ คำตอบถกู ตอ้ งนอ้ ยทส่ี ุด แต่ไม่ชดั เจนและไม่สมบรู ณ์
0 คะแนน หมายถงึ คำตอบไมถ่ ูกต้อง ไม่ชดั เจนและไมส่ มบูรณ์
เกณฑใ์ นการให้คะแนนในสว่ นของ “แบบฝึกทักษะท้ายกจิ กรรมที่ 1.2 ตอนที่ 3”
ข้อที่ 3 ใชเ้ กณฑก์ ารประเมนิ ตามแบบประเมนิ กิจกรรมสะเตม็ ศกึ ษา ดังนี้
ระดบั คุณภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก ตั้งแต่ ร้อยละ 80 ขึน้ ไป
ระดบั คณุ ภาพ 3 หมายถึง ดี ตง้ั แต่ รอ้ ยละ 70 ข้นึ ไป
ระดบั คณุ ภาพ 2 หมายถงึ พอใช้ ต้งั แต่ ร้อยละ 60 ข้ึนไป
ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ ต่ำกว่า ร้อยละ 60
เกณฑก์ ารตัดสิน
ได้คะแนนรวมทกุ กิจกรรมที่ 1.1-1.2 ตง้ั แต่ ร้อยละ 80 ขึ้นไป ถอื วา่ “ผ่าน”
ได้คะแนนรวมทุกกิจกรรมท่ี 1.1-1.2 ตำ่ กวา่ ร้อยละ 80 ถอื ว่า “ไม่ผา่ น”
7
แบบทดสอบก่อนเรยี น
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 5 ว23101 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2560
หนว่ ยการเรียนรู้ เรื่อง แรงและการเคล่อื นท่ี ชุดที่ 1 การเคลอื่ นทีข่ องวตั ถุ
คำช้ีแจง
1. แบบทดสอบฉบับนเ้ี ป็นแบบทดสอบ 4 ตวั เลอื ก จำนวน 10 ข้อ
ขอ้ ละ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน
2. ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบท่ถี กู ทส่ี ดุ เพยี งขอ้ เดียว โดยทำเคร่อื งหมาย
กากบาท ลงในช่องวา่ งใหต้ รงกับตัวอกั ษร ก ข ค หรือ ง ในกระดาษคำตอบ
1. การเคล่อื นทข่ี องลกู ปงิ ปองขณะออกแรงตีโตก้ ลบั ไป-มา ดังภาพ
ทมี่ า : Pinclipart (ม.ป.ป.), สบื คน้ เม่ือ 12 มกราคม 2559
ลกั ษณะการเคลอ่ื นท่ีของลกู ปิงปองใกลเ้ คยี งกบั ข้อใดมากทส่ี ดุ
ก. การเคลอ่ื นที่แนวดิง่ ข. การเคล่ือนท่ีแนวราบ
ค. การเคลอ่ื นแบบวงกลม ง. การเคลอื่ นท่แี บบโพรเจกไทล์
2. สถานการณใ์ นขอ้ ใด เป็นการเคล่ือนท่ีแนวตรงและแนวโคง้ ตามลำดับ
1) นักกีฬากระโดดไกล 2) ผลไม้สกุ หลน่ จากตน้
3) โยนกล่องนมลงถงั ขยะ 4) ดาวเทยี มโคจรรอบโลก
ก. ข้อที่ 1 และ 2 ข. ขอ้ ท่ี 1 และ 3
ค. ข้อท่ี 2 และ 3 ง. ขอ้ ท่ี 3 และ 4
3. แรงโน้มถว่ งของโลกทีก่ ระทำต่อลูกแอปเปิลให้หล่นจากตน้ ในแนวดิ่งน้ัน มีความสัมพันธ์
กับกฎการเคลอ่ื นที่ของนวิ ตนั ในขอ้ ใด
ก. กฎข้อที่ 1 ข. กฎขอ้ ท่ี 2
ค. กฎขอ้ ท่ี 3 ง. กฎข้อท่ี 1 และ 2
8
ใชข้ ้อมูลจากตารางต่อไปน้ี ตอบคำถามข้อ 4-5
กจิ กรรมท่ี กจิ กรรมการทดลอง แรงท่ีกระทำต่อวัตถุ
แนวราบ แนวดง่ิ
1 ออกแรงเหว่ียงยางลบทผี่ ูกเชือกเหนอื ศรี ษะ
โดยรอบอย่างต่อเน่อื ง
2 ใชน้ ิว้ ดีดยางลบใหพ้ งุ่ ออกไปบนพน้ื โต๊ะ
3 ใชน้ ิว้ ดีดยางลบท่ีวางอยู่ขอบโตะ๊ ใหพ้ ุง่ ออกไป
ในแนวราบและตกลงส่พู ื้น
4 โยนยางลบพุ่งขนึ้ ไปเหนอื ศรี ษะ
4. ข้อใดเป็นกิจกรรมที่มกี ารเคลื่อนทใี่ นลักษณะเดยี วกนั ทัง้ หมด
ก. กิจกรรมที่ 1 และ 2 ข. กิจกรรมที่ 1 และ 3
ค. กจิ กรรมท่ี 2 และ 3 ง. กิจกรรมท่ี 3 และ 4
5. ข้อใดเปน็ กิจกรรมทีม่ ีการเคล่อื นทเี่ ช่นเดยี วกับการเคล่ือนทีข่ องกงั หนั ลม
ก. กิจกรรมที่ 1 ข. กจิ กรรมที่ 2
ค. กิจกรรมท่ี 3 ง. กจิ กรรมท่ี 4
6. การเคล่ือนทข่ี องรถมอเตอร์ไซดไ์ ตถ่ งั ทบี่ รเิ วณขอบของถงั ไม้ขนาดใหญ่ ดังภาพ
ทม่ี า : Neelaemuns (2558), สืบคน้ เมื่อ 12 มกราคม 2559
รถมอเตอรไ์ ซด์ไต่ถงั จะเคล่อื นทีโ่ ดยไมเ่ กดิ อบุ ัตเิ หตุ ต้องใช้ความร้จู ากการเคล่ือนทีใ่ นขอ้ ใด
ก. การเคลอื่ นทแ่ี นวดิง่ ข. การเคลื่อนท่ีแนวราบ
ค. การเคล่ือนท่แี บบวงกลม ง. การเคลอื่ นทีแ่ บบโพรเจกไทล์
7. กฎการเคลอื่ นทข่ี องนวิ ตันในขอ้ ใดที่สัมพันธ์กบั วตั ถทุ เ่ี คลอื่ นที่ดว้ ยความเรว็ คงท่ี ขณะผลรวม
ของแรงลพั ธ์ท่กี ระทำตอ่ วตั ถมุ คี ่าเท่ากบั ศนู ย์
ก. กฎข้อท่ี 1 ข. กฎขอ้ ที่ 2
ค. กฎข้อท่ี 3 ง. กฎข้อที่ 1 และ 2
9
8. ขอ้ ใด ไมเ่ ป็น การใช้ประโยชนจ์ ากแรงในการเคลอื่ นย้ายวัตถหุ รอื สง่ิ ของ
ก. เด็กผชู้ าย 3 คน เตะลูกบอลในสนามหญา้
ข. พนกั งานขนส่งโยนและรบั กระเป๋าต่อกันเป็นทอด ๆ
ค. ผูช้ าย 2 คน ช่วยกันยกตู้เสอื้ ผ้าและเดินเขา้ ไปในหอ้ งนอน
ง. คุณพ่อเข็นรถกระบะทบี่ รรทกุ ทรายทมี่ นี ้ำหนกั มากจนลอ้ ไม่ขยับ
9. ขอ้ ใดอธบิ ายการเคล่ือนทข่ี องวตั ถไุ ด้ใกล้เคยี งความเป็นจริงมากทส่ี ุด
ก. การหมนุ ของกังหนั เป็นการเคล่ือนที่แนวดงิ่
ข. การพุ่งแหลน เป็นการเคลือ่ นทแี่ บบโพรเจกไทล์
ค. การโยนกล่องนมลงถังขยะ เป็นการเคลอ่ื นทแี่ บบวงกลม
ง. การตลี ูกเทนนสิ เปน็ การเคลือ่ นท่ีแนวเอียงทำมุมกบั พ้ืนราบ
10. ลกั ษณะการเคลอื่ นที่ของวัตถุแบบตา่ ง ๆ ดังภาพ
ภาพท่ี 1 ภาพที่ 2
ภาพท่ี 3 ภาพที่ 4
ทมี่ า :. Clipartmax (ม.ป.ป.), สบื ค้นเมอื่ 12 มกราคม 2559
FuereeTit (ม.ป.ป.), สบื คน้ เม่อื 12 มกราคม 2559
Seekclipart (ม.ป.ป.), สบื คน้ เมอ่ื 12 มกราคม 2559
Vecteezy (ม.ป.ป.), สบื คน้ เมอื่ 12 มกราคม 2559
จากภาพ ข้อใดสมั พันธ์กบั การเคล่ือนท่ีแนวโคง้
ก. ภาพที่ 1 และ 2 ข. ภาพที่ 2 และ 3
ค. ภาพที่ 1, 2 และ 3 ง. ภาพที่ 1, 2, 3 และ 4
10
กระดาษคำตอบแบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ชดุ กจิ กรรมการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 1 การเคลื่อนที่ของวัตถุ
ชื่อ ........................................................................... เลขท่ี ...................... ชั้น ..................
ข้อ ก ข ค ง คะแนน ผลการประเมิน
1. คะแนนเต็ม 10
2.
3. คะแนนท่ีได้
4.
5. ลงช่ือ .................................................... ผปู้ ระเมนิ
6. ( นายทศพล สวุ รรณราช )
7.
8. วนั ที่ ........... เดือน ........................ พ.ศ. ..............
9.
10.
ทำเสร็จ! ทบทวนคำตอบ
อีกครง้ั นะครบั
เกณฑ์การตดั สนิ ผา่ น
คะแนนรวมตัง้ แต่รอ้ ยละ 80 ขึ้นไป ไม่ผ่าน
คะแนนรวมต่ำกว่าร้อยละ 80
11
กจิ กรรมที่ 1.1
การศกึ ษา เรื่อง แรงและกฎการเคล่ือนที่ของนวิ ตนั
จดุ ประสงคข์ องกิจกรรม
1. อธิบายความรู้พ้นื ฐานเกย่ี วกับแรงและกฎของนวิ ตนั ได้
2. อธิบายผลของแรงทีม่ ีตอ่ การเคลอ่ื นที่ของวตั ถุดว้ ยกฎการเคลือ่ นทีข่ องนิวตนั ได้
เวลาท่ใี ช้ 1 ชวั่ โมง
สือ่ การเรยี นรู้
1. ใบกิจกรรมที่ 1.1
2. ใบความรู้ เรอื่ ง แรงและกฎการเคลื่อนท่ขี องนิวตัน
3. แบบบนั ทึกผลกจิ กรรมที่ 1.1
4. แบบฝกึ ทักษะทา้ ยกิจกรรมที่ 1.1
ข้ันตอนการปฏบิ ัติกิจกรรม
คำชแี้ จง ให้นักเรียนทำกจิ กรรมตามลำดับขั้นตอนตอ่ ไปนี้
1. ศึกษาใบความรู้ เรอื่ ง แรงและกฎการเคลือ่ นท่ีของนิวตัน อภิปรายร่วมกันในกลุ่ม
เพื่อตอบคำถามจากใบความรแู้ ละบนั ทกึ คำตอบลงใน “แบบบนั ทกึ ผลกิจกรรมท่ี 1.1”
2. เฉลยและตรวจคำตอบจาก “แบบเฉลยคำตอบในภาคผนวก” โดยแต่ละกลุ่ม
แลกเปลย่ี นกนั ตรวจ สรปุ คะแนนท่ไี ด้และนำส่งครู
3. นักเรยี นทุกคนทำ “แบบฝกึ ทักษะท้ายกิจกรรมที่ 1.1”
4. เฉลยและตรวจคำตอบจาก “แบบเฉลยคำตอบในภาคผนวก” โดยจับคู่กับ
เพ่อื นเพอ่ื แลกเปลย่ี นกนั ตรวจ สรุปคะแนนทไี่ ด้และนำส่งครู
5. ถ้านักเรยี นมขี ้อสงสยั หรือประเดน็ ปัญหาต่าง ๆ ทีย่ งั ไม่เข้าใจ นักเรยี นสอบถาม
และขอคำตอบ คำอธิบาย หรอื คำแนะนำจากครูผสู้ อนทันที
12
ใบความรู้
เรอื่ ง แรงและกฎการเคลอ่ื นทีข่ องนิวตนั
ในชวี ิตประจำวัน เรามักพบหรอื สังเกตเห็นส่ิงท่ีเคลื่อนไหวรอบ ๆ ตัวเราอยู่
เสมอ เชน่ คนเดินในสนามหญ้า รถแลน่ บนถนน นกบินบนท้องฟา้ ลมพัดใบไม้ปลิว
และตัวอยา่ งอื่น ๆ ดงั ภาพ
ภาพที่ 1.1 การเคลือ่ นท่ีท่ีพบเห็นได้ในชวี ติ ประจำวัน
ทม่ี า : Picz (ม.ป.ป.), สบื คน้ เมอื่ 12 มกราคม 2559
จากตัวอย่างเหตุการณ์ขา้ งตน้ พบวา่ ล้วนมีความเกย่ี วข้องกับ “แรง” ท้ังสิ้น
ดังนั้น “แรง” จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ตลอดจนวัตถุ
ส่ิงของต่าง ๆ เกิดการเคลือ่ นทีไ่ ด้
ความหมายของแรง
แรง (Force) คือ สิ่งท่ีสามารถทำให้วัตถุที่อยู่นิ่งเคลื่อนที่ หรือทำให้วัตถุที่
กำลังเคลื่อนท่ีมี “ความเร็วเพิ่มขึ้นหรือช้าลง หรือหยุดน่ิง หรือเปลี่ยนทิศทาง
การเคลื่อนที่ หรือเปลยี่ นรูปร่างได้”
13
คำถามข้อท่ี 1
1.1 นักเรียนคิดว่า การเคล่ือนที่ของวัตถุมีความเกี่ยวข้อง
กับ “แรง” หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
1.2 เมื่อมีแรงมากระทำต่อวัตถุ แรงจะส่งผลให้วัตถุนั้น
เกิดการเปล่ยี นแปลงสภาพอย่างไรได้บา้ ง
สัญลักษณแ์ ละหน่วยของแรง
แรงมาจากคำในภาษาองั กฤษวา่ “Force” ใชส้ ัญลกั ษณย์ ่อแทนแรงเปน็ “⃑F”
และมีหน่วยเป็น “นิวตัน” หรือ “N” โดยมีที่มาจากชื่อของ เซอร์ไอแซก นิวตัน
ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ผู้เสนอ“กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน” ที่อธิบาย
เก่ียวกับ “แรงทมี่ ีผลตอ่ การเคลอื่ นทีข่ องวัตถ”ุ
สาระน่ารู้ !
ปรมิ าณเวกเตอร์ (Vector quantity) เป็นปรมิ าณทางฟสิ กิ สท์ ่มี ที ้ังขนาดและ
ทศิ ทาง
สัญลกั ษณข์ องปริมาณเวกเตอร์
การแสดงขนาดและทิศทางของปรมิ าณเวกเตอร์จะใช้สญั ลกั ษณ์แทนด้วยลูกศร
โดย “ขนาดของปรมิ าณเวกเตอร์” แทนด้วย “ส่วนของเสน้ ตรง” และ “ทศิ ทางของ
ปริมาณเวกเตอร์”แทนดว้ ย “ทิศทางของหัวลูกศร”และ “สญั ลักษณข์ องปริมาณเวกเตอร์”
เขยี นแทนด้วย “เคร่ืองหมาย F⃑ ” เพื่อแสดงปริมาณเวกเตอร์ เช่น แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์
ทีบ่ อกทัง้ ขนาดและทิศทาง ใชส้ ัญลกั ษณ์ ⃑F
เวกเตอร์ของแรงลัพธ์
การรวมแรงหลายแรงเพื่อหาผลลัพธข์ องแรง เรยี กว่า “แรงลัพธ”์ ใช้สญั ลักษณ์
เป็น ∑ ⃑F โดยสญั ลกั ษณ์ อ่านว่า “ซิกมา” แทน ผลรวมใด ๆ และ F⃑ แทน เวกเตอร์
ของแรง ดังน้นั ∑ ⃑F แทน เวกเตอร์ของแรงลัพธ์ หรือ ผลบวกของแรงย่อยหลาย ๆ แรง
14
คำถามขอ้ ท่ี 2
2.1 นักเรยี นคดิ ว่า “แรง” เป็นปริมาณทาง
ฟสิ กิ สป์ ระเภทใดเพราะเหตุใด
2.2 “สัญลักษณ์ยอ่ ของแรง” เขียนแทน
ด้วยอะไร และใช้ “หน่วย” ใดใน
การวดั ขนาดของแรง
กฎการเคลื่อนที่ของนวิ ตันมี 3 ข้อ
กฎข้อที่ 1 ของนวิ ตัน วตั ถุจะหยดุ น่งิ หรอื เคลื่อนทด่ี ว้ ยความเรว็ คงท่ีได้ กต็ ่อเมื่อ
“ผลรวมของแรงหรอื แรงลัพธ์ทกี่ ระทำตอ่ วัตถมุ คี า่ เทา่ กบั ศนู ย”์
ดังสมการ ∑ F⃑ = 0
ทม่ี า : สมพงศ์ จันทรโ์ พธ์ิศรี (ม.ป.ป.)
วัตถหุ ยดุ น่งิ หรือเคล่อื นท่ดี ้วยความเรว็ คงท่ี ∑ F⃑ = 0
⃑F3 ⃑F4
⃑F2
F⃑ 1
ภาพท่ี 1.2 แรงยอ่ ย 4 แรงที่กระทำต่อวัตถุใหว้ ตั ถุหยุดนง่ิ หรอื เคลอ่ื นทด่ี ้วยความเร็วคงที่
ทีม่ า : ภาพโดย ทศพล สวุ รรณราช
เมอ่ื ∑ ⃑F แทน ผลรวมของแรงยอ่ ยหรอื แรงลพั ธ์
F⃑ 1, ⃑F2, ⃑F3, ⃑F4 แทน แรงยอ่ ยทก่ี ระทำต่อวตั ถุ
15
กฎข้อท่ี 2 ของนิวตัน ถ้ามีแรงลัพธ์ท่ีไม่เป็นศูนย์มากระทำต่อวัตถุ จะทำให้
วตั ถุเคลอื่ นที่ด้วยความเรง่ ทิศเดียวกับแรงลัพธ์ “ขนาดของแรงลัพธ์จะเท่ากับผลคูณ
ของมวลกบั ขนาดของความเรง่ ”
ดงั สมการ ∑ F⃑ = m⃑a
ท่ีมา : สมพงศ์ จนั ทร์โพธศ์ิ รี (ม.ป.ป.)
วัตถุเคล่อื นทดี่ ว้ ยความเรง่ ∑ ⃑F = ma⃑
⃑F3 ⃑F4
F⃑ 2
F⃑ 1
ภาพที่ 1.3 แรงย่อย 4 แรงทก่ี ระทำต่อวัตถุให้วัตถุมีความเร่งทศิ เดยี วกบั แรงลัพธ์
ที่มา : ภาพโดย ทศพล สุวรรณราช
เมือ่ ∑ F⃑ แทน “ผลรวมของแรงยอ่ ย” หรอื “แรงลพั ธ์”
m แทน มวลของวตั ถุ และ a⃑ แทน ความเรง่ ของวัตถุ
F⃑ 1, ⃑F2, F⃑ 3, F⃑ 4 แทน แรงย่อยท่ีกระทำต่อวตั ถุ
สาระน่ารู้ !
ถ้ามีแรงมากกว่า 1 แรง มากระทำต่อวัตถุ แรงเหล่านั้น เรียกว่า
“แรงย่อย” และเรียกผลรวมของแรงย่อยน้นั วา่ “แรงลัพธ์”
คำถามขอ้ ท่ี 3
นกั เรยี นคิดว่ากฎของนิวตันข้อใด
ที่อธิบายเกี่ยวกับ “ความเร่ง”
เพราะเหตใุ ดจงึ คดิ เช่นนนั้
16
จากกฎข้อท่ี 2 ของนิวตันพบว่า การตกของวัตถุในแนวด่ิงลงสู่พื้นโดยไม่คิด
แรงต้านอากาศจะเกิดความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำต่อวัตถุ ซึ่งมี
ทศิ เข้าส่ศู นู ยก์ ลางของโลกเสมอและมีทิศเดยี วกบั แรงโน้มถว่ งของโลก ดังภาพ
⃑g = 9.80665
m/s2
ภาพที่ 1.4 ความเร่งที่เกิดจากการตกของวตั ถุ (ลกู แอปเปิล) ในแนวด่ิง
ทมี่ า : วรวุฒิ ศรีทอง (2553), สบื ค้นเมือ่ 12 มกราคม 2559
จากภาพที่ 1.4 ความเร่งเน่ืองจากแรงโน้มถว่ งของโลก ใช้สัญลักษณ์แทนด้วย ⃑g
มคี า่ โดยประมาณ 9.80665 เมตร/วินาที2 ซง่ึ นำมาใช้ในการคำนวณหาน้ำหนกั ของวตั ถุ
ดงั สมการ W⃑⃑⃑ = m⃑g
ทม่ี า : สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2557)
จากสมการ ⃑W⃑⃑ = mg⃑
เมือ่ ⃑W⃑⃑ แทน น้ำหนักของวัตถุ (หนว่ ยเปน็ นิวตนั , N)
m .แทน มวลของวตั ถุ (หนว่ ยเปน็ กโิ ลกรัม, kg)
.g⃑ แทน ความเรง่ เน่อื งจากแรงโน้มถว่ งของโลก
(หน่วยเป็น เมตร/วินาที2, m/s2)
สาระนา่ รู้ !
ตวั อย่างคา่ ⃑g หรือค่าความเรง่ เนอ่ื งจากแรงโนม้ ถ่วงของโลกใน “สถานท่ี
ซึง่ สงู จากระดับน้ำทะเลแตกตา่ งกนั ” จะมคี ่าใกลเ้ คียงกนั มากจนอาจจะอนุมาน
ได้วา่ มีคา่ เท่ากนั
17
จงั หวดั ความสูงจากระดับนำ้ ทะเล ความเร่งเนอ่ื งจาก
ปานกลาง (เมตร, m) แรงโนม้ ถว่ งของโลก หรือ ⃑
(เมตรต่อวนิ าที2, m/s2)
เชียงใหม่ 416 9.78426
อุดรธานี 178 9.78415
อบุ ลราชธานี 130 9.78322
กรงุ เทพฯ 2 9.78297
สงขลา 4 9.78120
ทีม่ า : สถาบนั มาตรวทิ ยาแห่งชาติ (2559), สบื คน้ เม่ือ 12 มกราคม 2559
คำถามข้อที่ 4
4.1 ถ้าไม่คิดแรงต้านอากาศ “วัตถุท่ีตกในแนวดิ่ง”
จะมีทศิ ของการเคล่ือนทอี่ ย่างไร เพราะเหตุใด
4.2 ค่า g⃑ ในแต่ละพ้ืนที่บนโลกจะมีค่าท่ีแตกต่างกัน
หรือไม่ อยา่ งไร
กฎข้อท่ี 3 ของนิวตัน ทุกแรงกริ ิยาทก่ี ระทำตอ่ วัตถุ จะตอ้ งเกดิ แรงปฏิกิริยาท่มี ี
“ขนาดเทา่ กนั กระทำในทศิ ทางตรงกนั ขา้ มเสมอ”
ดังสมการ F⃑ กิรยิ า = F⃑ ปฏกิ ริ ิยา
ทมี่ า : สถาบนั ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2557)
แรงปฏิกิรยิ า
แรงกริ ิยา
ภาพที่ 1.5 แรงกริ ยิ าจากนำ้ หนกั ของหนงั สือและแรงปฏิกิรยิ าทต่ี อบโตใ้ นทิศตรงกันขา้ ม
ทมี่ า : BBC (2554), สบื ค้นเมื่อ 12 มกราคม 2559
18
จากสมการ ⃑F กริ ิยา = F⃑ ปฏิกริ ิยา
เม่อื ⃑F กริ ิยา แทน แรงท่ีกระทำต่อวัตถุ
⃑F ปฏิกิริยา แทน แรงที่วตั ถกุ ระทำตอบโตแ้ รงกิริยาในทศิ ทางตรงกนั ขา้ ม
แรงกิรยิ า แรงปฏกิ ริ ิยา
ภาพท่ี 1.6 ออกแรงผลกั กำแพง
ท่มี า : Scott, S. (2557), สืบคน้ เมอ่ื 13 มกราคม 2559
คำถามขอ้ ท่ี 5
จากภาพที่ 1.6 ถา้ ออกแรงผลักกำแพงจะรสู้ กึ ว่ามี “แรงต้าน
ที่มอื ของเรา” เหตใุ ดจึงร้สู ึกเชน่ น้ัน
19
แบบบันทึกผลกจิ กรรมที่ 1.1
การศกึ ษา เรื่อง แรงและกฎการเคล่ือนทข่ี องนิวตัน
กล่มุ ที่ ชน้ั เลขท่ี
เลขที่
รายช่อื สมาชิกกล่มุ เลขที่
1. ชื่อ เลขท่ี
2. ชอ่ื เลขที่
3. ชอ่ื
4. ช่อื
5. ชื่อ
คำชแี้ จง
นักเรียนอ่าน คิด และวิเคราะห์ “คำถามจากใบความรู้ เรอ่ื ง แรงและกฎการเคล่อื นท่ี
ของนิวตัน” แล้วอภิปรายร่วมกนั ในกลมุ่ เพอ่ื ตอบคำถามและชว่ ยกันบันทึกคำตอบลงใน
“แบบบนั ทกึ ผลกจิ กรรมท่ี 1.1” (คะแนนเต็ม 16 คะแนน ข้อละ 2 คะแนน)
ดู “คำถาม” หน้าถดั ไปกนั เถอะ
20
คำถามข้อท่ี 1
1.1 .นักเรยี นคิดว่า การเคลื่อนท่ีของวัตถุมีความเกีย่ วข้องกับ “แรง” หรือไม่ เพราะเหตุใด
(2 คะแนน)
1.2 .เม่ือมแี รงมากระทำต่อวตั ถุ แรงจะส่งผลให้วัตถุนน้ั เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอย่างไร
.ได้บ้าง (2 คะแนน)
คำถามขอ้ ที่ 2
2.1 .นักเรยี นคดิ วา่ “แรง” เปน็ ปรมิ าณทางฟิสกิ ส์ประเภทใด เพราะเหตใุ ด (2 คะแนน)
21
2.2 “สัญลกั ษณ์ย่อของแรง” เขียนแทนดว้ ยอะไรและใช้ “หน่วย” ใดในการวัดขนาดของแรง
(2 คะแนน)
คำถามขอ้ ท่ี 3
นักเรยี นคิดว่ากฎของนิวตันขอ้ ใดท่ีอธิบายเก่ียวกบั “ความเร่ง” เพราะเหตุใดจึงคิดเช่นน้ัน
(2 คะแนน)
คำถามขอ้ ที่ 4
4.1 .ถา้ ไม่คดิ แรงตา้ นอากาศ “วตั ถทุ ต่ี กในแนวดงิ่ ” จะมีทิศของการเคลือ่ นทีอ่ ยา่ งไร เพราะ
เหตใุ ด (2 คะแนน)
4.2 .คา่ g⃑ ในแตล่ ะพนื้ ที่บนโลกจะมคี ่าทแ่ี ตกต่างกันหรอื ไม่ อย่างไร (2 คะแนน)
คำถามข้อท่ี 5 22
แรงปฏกิ ริ ิยา
แรงกริ ิยา
ภาพที่ 1.6 ออกแรงผลกั กำแพง
ทม่ี า : Scott, S. (2557), สืบค้นเม่ือ 13 มกราคม 2559
จากภาพท่ี 1.6 ถ้าออกแรงผลกั กำแพงจะรูส้ กึ วา่ มีแรงตา้ นท่มี อื ของเรา เหตุใดจงึ ร้สู ึกเชน่ น้นั
(2 คะแนน)
23
แบบฝึกทักษะท้ายกจิ กรรมที่ 1.1
การศกึ ษา เร่ือง แรงและกฎการเคลอื่ นทีข่ องนวิ ตนั
ชอื่ เลขที่ ชนั้
ตอนท่ี 1
คำชี้แจง ให้นักเรียนนำ “ข้อความ” ในกรอบส่ีเหล่ียมมาเติมลงในช่องว่างให้เช่ือมโยง
สมั พนั ธก์ ันและได้ใจความทีส่ มบรู ณ์ (คะแนนเต็ม 9 คะแนน ข้อความละ 1 คะแนน)
9.80665 กฎการเคลือ่ นท่ขี องนวิ ตัน ขนาด
กฎข้อท่ี 1 ของนิวตนั ความเรง่ โน้มถ่วงของโลก ทศิ ทาง
กฎข้อที่ 2 ของนิวตัน นิวตัน (N) เวกเตอร์
1. กฎท่ีใช้อธิบายการเคลอ่ื นที่ของวัตถุในแบบตา่ ง ๆ เรียกวา่
2. จาก อธิบายวา่ “ถ้ามีแรงลัพธ์ที่ไม่เป็นศูนยม์ ากระทำต่อวตั ถุ
.จะทำใหว้ ัตถมุ คี วามเรง่ ในทิศทางเดยี วกับแรงลัพธ์”
3. มีคา่ โดยประมาณเท่ากับ เมตรต่อวินาที2
4. “หนว่ ยของแรง” คือ มีท่ีมาจากชอื่ ของนกั วทิ ยาศาสตร์ชาวอังกฤษ
5. ผลรวมของแรงลัพธ์ทีก่ ระทำต่อวตั ถมุ ีคา่ เทา่ กับ “ศูนย”์ เป็นไปตาม
6. แรงเป็นปริมาณ ท่ีมีทง้ั และ
24
ตอนท่ี 2
คำช้ีแจง ให้นักเรียนลากเส้นจับคู่ระหว่าง “ข้อความ” กับ “ภาพ” ให้มีความเชื่อมโยง
สัมพันธ์กนั (คะแนนเตม็ 5 คะแนน ข้อละ 1 คะแนน)
ภาพท่ี 1.7
1. การคำนวณ ทีม่ า : Wikipedia (ม.ป.ป.),
นำ้ หนกั ของวัตถุ .สบื ค้นเม่อื 13 มกราคม 2559
2. วัตถุกำลงั ตกใน ภาพที่ 1.8 เหยียบคันเร่งให้สดุ ๆ ไปเลย!
แนวดง่ิ
ทีม่ า : Anna Hansen (2558),
3. กฎข้อท่ี 3 ของ สืบคน้ เม่อื 13 มกราคม 2559
นวิ ตัน
ภาพท่ี 1.9
4. เซอรไ์ อแซก
นิวตัน ทม่ี า : มหาวิทยาลัยสุโขทัย (ม.ป.ป.),
สืบคน้ เม่ือ 13 มกราคม 2559
5. วตั ถเุ กิดความเร่ง
ตามแนวราบ ภาพที่ 1.10 แรงปฏกิ ิรยิ า
ทีม่ า : Cristi Stoica (2แ55ร6งก),ิรยิ า
.สบื ค้นเมือ่ 13 มกราคม 2559
ภาพที่ 1.11
.ทีม่ า : TODTY (2557),
สืบค้นเมือ่ 13 มกราคม 2559
25
ตอนที่ 3
คำช้ีแจง ให้นักเรียนเติมเคร่ืองหมาย ✓ หน้าข้อความที่ “ถูกต้อง” และเครื่องหมาย
.หนา้ ขอ้ ความที่ “ไมถ่ ูกต้อง” (คะแนนเตม็ 10 คะแนน ขอ้ ละ 1 คะแนน)
................. 1) แรงกิรยิ าจะมขี นาดและทศิ ทางเท่ากับแรงปฏกิ ิรยิ าเสมอ ตามกฎข้อท่ี 3 ของ
..นวิ ตัน
................. 2) การเคล่อื นทีข่ องวตั ถุต่าง ๆ น้ัน ลว้ นมี “แรง” เข้ามาเกี่ยวข้องทง้ั สน้ิ
................. 3) ขณะที่เรานอนอยู่บนเตียง เตียงจะมีแรงท่ีกระทำต่อตัวเรา เรียกว่า แรงปฏิกิริยา
................ 4) แรงลัพธท์ ีม่ ีขนาดไมเ่ ป็นศนู ยม์ ากระทำตอ่ วตั ถุ จะทำใหว้ ัตถุมคี วามเรง่ ในทิศทาง
ตรงขา้ มกับแรงลัพธ์
................. 5) ในบริเวณพ้ืนท่ีต่าง ๆ บนโลกที่สูงจากระดับน้ำทะเลต่างกัน จะมีความเร่ง
เน่ืองจากแรงโน้มถ่วงของโลกใกลเ้ คยี งกนั
................ 6) แรงเป็นปจั จยั ท่ีทำใหว้ ตั ถมุ ีความเรว็ เพม่ิ ขน้ึ /ลดลง หยุดนิ่ง หรอื เปลี่ยนทิศทาง
การเคล่อื นท่ี
............... 7) ขณะออกแรงผลักวัตถุให้เคล่ือนท่ีด้วยความเร่ง วัตถุจะมีสภาพการเคล่ือนที่
เปน็ ไปตามกฎข้อที่ 1 ของนวิ ตัน
................ 8) กฎข้อท่ี 2 ของนิวตนั อธบิ ายวา่ “มวลของวตั ถุคูณกับขนาดของความเร่ง” จะ
มีคา่ เท่ากบั ขนาดของแรงลพั ธ์
................ 9) แรงมาจากคำว่า “Force” ใช้สัญลักษณ์เป็น “⃑F” แรงเป็นปริมาณสเกลาร์
..มหี น่วยเปน็ นิวตนั
............... 10) แรงลัพธ์ที่กระทำต่อวัตถุ ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ วัตถุนั้นจะ
“ไม่มีความเร่ง”
26
กจิ กรรมท่ี 1.2
การศกึ ษา เรอ่ื ง การเคลือ่ นทขี่ องวตั ถุ
จุดประสงคข์ องกิจกรรม
1. สังเกตและอธบิ ายการเคลอื่ นที่ของวตั ถุท่เี ป็นแนวตรงได้
2. สงั เกตและอธิบายการเคลื่อนทข่ี องวตั ถุทีเ่ ปน็ แนวโค้งได้
3. อธิบายการนำความรเู้ กย่ี วกับการเคลือ่ นท่ีของวตั ถไุ ปใช้ประโยชน์ได้
เวลาท่ีใช้ 1 ช่ัวโมง
สอ่ื การเรียนรู้
1. ใบกิจกรรมที่ 1.2
2. ใบความรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ของวัตถุ
3. แบบบันทกึ ผลกจิ กรรมท่ี 1.2
4. แบบฝึกทักษะท้ายกิจกรรมที่ 1.2
ขัน้ ตอนการปฏบิ ัติกิจกรรม
คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนทำกจิ กรรมตามลำดบั ขัน้ ตอนตอ่ ไปนี้
1. ศึกษาใบความรู้ เรื่อง การเคล่อื นที่ของวัตถุ อภิปรายร่วมกันในกลุ่มเพอื่ ตอบ
คำถามจากใบความรู้และชว่ ยกนั บันทึกคำตอบลงใน “แบบบนั ทกึ ผลกิจกรรมที่ 1.2”
2. เฉลยและตรวจคำตอบ “จากแบบเฉลยคำตอบในภาคผนวก” โดยแต่ละ
กลุ่มแลกเปลี่ยนกนั ตรวจ และสรปุ คะแนนทีไ่ ด้นำส่งครู
3. นักเรยี นทกุ คนทำ “แบบฝกึ ทักษะท้ายกจิ กรรมที่ 1.2 ตอนที่ 1 และตอนที่ 2”
4. เฉลยและตรวจคำตอบจาก “แบบเฉลยคำตอบในภาคผนวก” โดยจับคู่
แลกเปลย่ี นกนั ตรวจ และสรปุ คะแนนทีไ่ ด้นำสง่ ครู
5. นกั เรยี นทำ “แบบฝกึ ทกั ษะท้ายกิจกรรมที่ 1.2 ตอนท่ี 3” สรปุ องค์ความรู้
และอธิบายการนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ โดยอภิปรายร่วมกันในช้ันเรียน แล้วสืบค้น
ขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ จากอินเทอร์เนต็ และสง่ ครทู าง E-mail ภายใน 3 วนั หลังเรยี นจบชุดนี้
6. ถา้ นักเรียนมขี ้อสงสยั หรอื ประเดน็ ปัญหาต่าง ๆ ทีย่ ังไมเ่ ข้าใจ นักเรยี นสอบถาม
และขอคำตอบ คำอธบิ าย หรือคำแนะนำจากครูผู้สอนทนั ที
27
ใบความรู้
เรอ่ื ง การเคลอื่ นทขี่ องวัตถุ
การเคล่ือนที่ของวัตถุนั้นเกิดจากมีแรงมากระทำต่อวัตถุในทิศทางต่าง ๆ ทำให้
วัตถุเคลื่อนที่ในลักษณะที่แตกต่างกันไปตามขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์หรือแรง
ทม่ี ากระทำตอ่ วตั ถุ โดยสามารถแบ่ง “การเคล่อื นทขี่ องวัตถอุ อกเป็น 2 แบบ” คอื
1. การเคลอื่ นทแี่ นวตรง ได้แก่
- การเคล่อื นทแ่ี นวระดับ หรือ แนวราบ
- การเคล่อื นทแี่ นวดิ่ง
- การเคลื่อนทแ่ี นวเอยี งทำมุมกับพืน้
2. การเคลือ่ นท่ีแนวโค้ง ได้แก่
- การเคลอ่ื นที่แบบโพรเจกไทล์
- การเคล่อื นท่แี บบวงกลม
คำถามข้อท่ี 1
ขณะออกแรงกระทำต่อวตั ถุในทิศทางต่าง ๆ
วัตถุจะมีลักษณะการเคลื่อนที่แตกต่างกัน
หรือไม่ อย่างไร
28
การเคลอ่ื นที่แนวตรง
การเคล่ือนทแ่ี นวตรงเปน็ การเคลือ่ นท่ีของวัตถุในแนวเดียวกันตลอดเป็นเสน้ ตรง
โดยอาจมีลักษณะเป็นการเคล่ือนท่ี “แนวราบ” หรือ “แนวดิ่ง” หรือ “แนวเอยี งทำมุม
กับพนื้ ก็ได”้
.ภาพที่ 1.12 การเคลือ่ นท่ีของรถยนต์ในแนวราบ ภาพที่ 1.13 การเคลือ่ นทข่ี องลกู แอปเปิลในแนวดง่ิ
ทม่ี า : 123AF (ม.ป.ป.), ท่ีมา : Mondcivitan (ม.ป.ป.),
.สบื คน้ เมื่อ 13 มกราคม 2559 . สืบคน้ เมอื่ 13 มกราคม 2559
ภาพที่ 1.14 การเคลอ่ื นทข่ี องกลอ่ งไมใ้ นแนวเอยี งทำมมุ กับพื้น
ทม่ี า : Chegg (ม.ป.ป.), สบื คน้ เม่ือ 13 มกราคม 2559
คำถามข้อที่ 2
2.1 จากภาพท่ี 1.12-1.14 นกั เรยี นคิดวา่ มลี ักษณะ
การเคลอื่ นท่แี ตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
2.2 ลกั ษณะการเคลอื่ นทใี่ นภาพใดที่เกิดจาก
“แรงโนม้ ถว่ งของโลก”
29
การเคล่อื นทแี่ นวโคง้
การเคล่ือนที่แนวโค้งแบ่งได้ 2 ลักษณะ ได้แก่ การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์และ
การเคลอื่ นทแ่ี บบวงกลม
1. การเคลื่อนทแี่ บบโพรเจกไทล์
การเคลื่อนท่ีแบบโพรเจกไทล์ เปน็ การเคลือ่ นทข่ี องวัตถทุ ่มี ีแนวการเคลอ่ื นทเ่ี ป็น
เส้นโค้งที่มีความเร็วขณะเคล่ือนที่เกิดขึ้น 2 แนว ในเวลาเดียวกัน คือ การเคลื่อนที่
แนวราบเปน็ การเคลอ่ื นท่ดี ว้ ยความเร็วคงที่ และการเคลอ่ื นที่แนวดิ่งจะมกี ารเปลี่ยนแปลง
ความเรว็ ตลอดการเคล่ือนที่ ดังภาพ
ลูกศรสีแดง Y
ความเร็ว
ในแนวด่งิ
ลกู ศรสนี ำ้ เงนิ
ความเรว็ ลพั ธ์
ลูกศรสเี ขยี ว X
ความเรว็
ในแนวระดับ
ภาพที่ 1.15 แสดงความเรว็ ในการเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ของวัตถุบนแกน X และ Y
ท่ีมา : Beer (2556), สืบคน้ เมอ่ื 15 มกราคม 2559
คำถามขอ้ ที่ 3
จากภาพท่ี 1.15 นักเรยี นคดิ ว่า “ความเร็ว
ในการเคลอื่ นท่ีของวัตถุแบบโพรเจกไทล์”
บนแกน X และ Y มลี กั ษณะอย่างไร
30
ปัจจัยท่ีมีผลตอ่ การเคลอ่ื นท่ีแบบโพรเจกไทล์
1. แรงกระทำตอ่ วัตถุ ทำให้วัตถเุ คลอ่ื นทไี่ ปในแนวราบดว้ ยความเรว็ เรม่ิ ตน้ ค่าหนง่ึ
2. ผลลัพธ์ของความเร็วในแนวระดับและแนวด่ิง ทำใหท้ ิศทางการเคลื่อนที่เป็น
.เส้นโคง้
3. แรงโน้มถ่วงของโลกกระทำต่อวัตถุ ใหต้ กลงสพู่ ื้นโลกในแนวด่ิงด้วยความเร็ว
.ท่ีเพมิ่ ขึน้
คำถามขอ้ ที่ 4
นักเรียนคิดว่ามีปัจจัยใดบา้ ง ท่ีมีผล
ต่อการเคลือ่ นที่แบบโพรเจกไทล์
ตัวอย่างการเคล่ือนทแ่ี บบโพรเจกไทล์
ภาพที่ 1.16 ลกู บาสเกตบอลเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์
ทมี่ า : สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ม.ป.ป.),
สบื ค้นเมื่อ 15 มกราคม 2559
31
ภาพท่ี 1.17 การขว้างหรือโยนวัตถุออกไปข้างหน้า
ทมี่ า : Storyblocks (ม.ป.ป.), สบื คน้ เม่อื 15 มกราคม 2559
คำถามข้อที่ 5
จากภาพที่ 1.16-1.17 นักเรียนคิดว่ามีการเคลอื่ นท่ี
แบบโพรเจกไทลใ์ นตัวอย่างอื่น ๆ อกี หรือไม่ ยกตัวอยา่ ง
มา 2-3 ตวั อย่าง
2. การเคลอ่ื นท่แี บบวงกลม
การเคล่ือนที่แบบวงกลมเป็นการเคลื่อนที่ของวัตถุที่วนกลับมาซ้ำทางเดิมตาม
แนววงกลมและมแี รงกระทำต่อวัตถุในแนวเข้าสจู่ ุดศูนย์กลางของการเคลื่อนที่เรยี กว่า
“แรงเข้าสู่ศูนย์กลาง” (Centripetal Force, Fc) โดยความเร็วของวัตถุแต่ละตำแหน่ง
ขณะเคลื่อนท่ีจะมีทิศทางตั้งฉากกับทิศทางของแรงสู่ศูนย์กลาง จึงทำให้ความเร็ว
เปล่ียนทิศทางตลอดเวลา วัตถุจงึ เคลื่อนท่ีด้วยความเร่ง ทิศทางความเร่งจงึ มที ิศเดียวกับ
ทิศของแรงเข้าสู่ศูนย์กลางตลอดเวลาเรียกความเร่งนี้ว่า “ความเร่งสู่ศูนย์กลาง”
(Centripetal acceleration, ac) ดังภาพ
32
Fc ac
Fc ac Fc ac
Fc ac
ภาพท่ี 1.18 แสดงความเร็วท่ีมกี ารเปลี่ยนทิศทางตลอดการเคล่อื นที่
ที่มา : Wiring diagram (ม.ป.ป.), สืบค้นเม่อื 15 มกราคม 2559
คำถามขอ้ ที่ 6
6.1 จากภาพที่ 1.18 นกั เรยี นคดิ ว่ามีปจั จัยใดบา้ ง ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง
กบั การเคลอ่ื นที่แบบวงกลม
6.2 จากข้อ 6.1 ให้บอกทิศทางของ “แรงเข้าสู่ศูนย์กลาง
และความเร่งสู่ศนู ย์กลาง” ในการเคล่อื นท่แี บบวงกลม
ตวั อยา่ งการเคลอ่ื นท่ีแบบวงกลม
ภาพที่ 1.19 เหลาดนิ สอด้วยกบเหลา่ ดนิ สอ ภาพท่ี 1.20 เคร่ืองเล่นสวนสนุก
ทมี่ า : Dahle (ม.ป.ป.), ทมี่ า : Sciencestruck (ม.ป.ป.),
สบื คน้ เม่อื 16 มกราคม 2559 สบื คน้ เม่ือ 16 มกราคม 2559
33
ภาพท่ี 1.21 รถไตถ่ งั
ที่มา : Heart (2555), สืบค้นเมื่อ 16 มกราคม 2559
ดาวพธุ ดาวศกุ ร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจนู
ภาพที่ 1.22 ดาวเคราะหโ์ คจรรอบดวงอาทิตย์ในระบบสรุ ยิ ะ
ท่มี า : James Renhard (2557), สบื คน้ เมอ่ื 16 มกราคม 2559
คำถามขอ้ ที่ 7
จากภาพท่ี 1.19-1.22 นักเรยี นคิดว่ามีการเคล่ือนท่ี
แบบวงกลมในตวั อย่างอื่น ๆ อีกหรอื ไม่ ยกตัวอย่าง
มา 2-3 ตัวอย่าง
34
แบบบนั ทึกผลกจิ กรรมท่ี 1.2
การศกึ ษา เรื่อง การเคล่อื นที่ของวัตถุ
กลมุ่ ที่ ช้นั
รายชื่อสมาชกิ กลุ่ม เลขที่
เลขที่
1. ชือ่ เลขที่
2. ชอื่ เลขที่
3. ช่ือ เลขที่
4. ชอ่ื
5. ชือ่
คำชี้แจง
นกั เรยี นอ่าน คดิ และวิเคราะห์ “คำถามจากใบความรู้ เร่ือง การเคลอ่ื นที่ของวัตถุ”
แล้วอภิปรายร่วมกันในกล่มุ เพื่อตอบคำถาม และช่วยกันบันทึกคำตอบลงใน “แบบบันทกึ ผล
กจิ กรรมท่ี 1.2” (คะแนนเต็ม 18 คะแนน ขอ้ ละ 2 คะแนน)
ดู “คำถาม” หน้าถัดไปกันเถอะ
35
คำถามขอ้ ท่ี 1
ขณะออกแรงกระทำต่อวัตถใุ นทิศทางตา่ ง ๆ วตั ถจุ ะมลี ักษณะการเคลือ่ นท่แี ตกตา่ งกันหรือไม่
อยา่ งไร (2 คะแนน)
คำถามขอ้ ที่ 2
.ภาพท่ี 1.12 การเคลอ่ื นที่ของรถยนต์ในแนวราบ ภาพที่ 1.13 การเคลอื่ นที่ของลกู แอปเปลิ ในแนวดง่ิ
ท่มี า : 123AF (ม.ป.ป.), ที่มา : Mondcivitan (ม.ป.ป.),
สืบค้นเมอ่ื 13 มกราคม 2559 . สบื ค้นเมอ่ื 13 มกราคม 2559
ภาพท่ี 1.14 การเคล่ือนท่ขี องกลอ่ งไมใ้ นแนวเอียงทำมมุ กับพ้นื
ท่มี า : Chegg (ม.ป.ป.), สืบค้นเม่ือ 13 มกราคม 2559
36
2.1 จากภาพที่ 1.12-1.14 นักเรยี นคิดว่ามลี ักษณะการเคลอื่ นทแี่ ตกต่างกนั หรอื ไม่ อยา่ งไร
.(2 คะแนน)
2.2 ลกั ษณะการเคลือ่ นทใ่ี นภาพใดทีเ่ กดิ จาก “แรงโนม้ ถว่ งของโลก” (2 คะแนน)
คำถามขอ้ ท่ี 3
ลกู ศรสแี ดง Y
ความเรว็
ในแนวดิ่ง
ลูกศรสนี ้ำเงิน
ความเร็วลพั ธ์
ลกู ศรสีเขยี ว X
ความเรว็
ในแนวระดับ
ภาพที่ 1.15 แสดงความเร็วในการเคล่อื นทีแ่ บบโพรเจกไทลข์ องวตั ถบุ นแกน X และ Y
ท่ีมา : Beer (2556), สืบค้นเม่อื 15 มกราคม 2559
จากภาพที่ 1.15 นักเรียนคิดว่า “ความเร็วในการเคลื่อนท่ีของวัตถุแบบโพรเจกไทล์” บน
แกน X และ Y มีลักษณะอยา่ งไร (2 คะแนน)
คำถามขอ้ ที่ 4
นักเรยี นคดิ ว่ามปี ัจจยั ใดบ้างทีม่ ีผลต่อการเคลอ่ื นท่แี บบโพรเจกไทล์ (2 คะแนน)
37
คำถามข้อที่ 5
ภาพท่ี 1.16 ลูกบาสเกตบอลเคลอ่ื นท่ีออกไป ภาพที่ 1.17 การขว้างหรอื โยนวตั ถแุ บบ
โพรเจกไทล์ ขา้ งหน้า
ท่มี า : สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์ ทมี่ า : Storyblocks (ม.ป.ป.),
และเทคโนโลยี (ม.ป.ป.), . สืบคน้ เม่ือ 15 มกราคม 2559
สบื คน้ เมอื่ 15 มกราคม 2559
จากภาพท่ี 1.16-1.17 นักเรียนคิดว่ามีการเคล่ือนท่ีแบบโพรเจกไทล์ในตัวอย่างอ่ืน ๆ อีก
หรอื ไม่ ยกตวั อยา่ งมา 2-3 ตวั อยา่ ง (2 คะแนน)
38
คำถามขอ้ ท่ี 6
Fc ac
Fc ac Fc ac
Fc ac
ภาพท่ี 1.18 แสดงความเร็วท่ีมกี ารเปล่ยี นทศิ ทางตลอดการเคลอ่ื นท่ี
ทม่ี า : Wiring diagram (ม.ป.ป.), สบื คน้ เม่อื 15 มกราคม 2559
6.1 จากภาพท่ี 1.18 นกั เรยี นคิดว่ามีปจั จยั ใดบา้ ง ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับการเคลอ่ื นทใ่ี นแบบวงกลม
.(2 คะแนน)
6.2 จากข้อ 6.1 ให้บอกทิศทางของ “แรงเข้าสู่ศูนย์กลางและความเร่งสู่ศูนย์กลาง” ใน
.การเคล่อื นทแี่ บบวงกลม.(2 คะแนน)
คำถามข้อที่ 7
ภาพท่ี 1.19 เหลาดินสอดว้ ยกบเหลา่ ดินสอ ภาพท่ี 1.20 เคร่อื งเล่นสวนสนกุ
ท่ีมา : Dahle (ม.ป.ป.), ..ทีม่ า : Sciencestruck (ม.ป.ป.),
สืบค้นเม่อื 16 มกราคม 2559 สบื ค้นเม่อื 16 มกราคม 2559
39
ภาพที่ 1.21 รถไตถ่ งั
ทีม่ า : Heart (2555), สืบค้นเม่อื 16 มกราคม 2559
ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนสั ดาวเนปจูน
ภาพท่ี 1.22 ดาวเคราะหโ์ คจรรอบดวงอาทิตย์ในระบบสรุ ยิ ะ
ท่ีมา : James Renhard (2557), สืบคน้ เม่อื 16 มกราคม 2559
จากภาพที่ 1.19-1.22 นักเรียนคิดว่ามีการเคลื่อนที่ในแบบวงกลมในตัวอย่างอื่น ๆ อีก
หรือไม่ ยกตัวอย่างมา 2-3 ตัวอย่าง (2 คะแนน)
40
แบบฝกึ ทักษะทา้ ยกจิ กรรมท่ี 1.2
การศึกษา เรอ่ื ง การเคลอื่ นทขี่ องวัตถุ
ช่อื เลขที่ ช้นั
ตอนท่ี 1
คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนทำ “กจิ กรรมลองทำด”ู ตอ่ ไปนแ้ี ละตอบคำถาม (คะแนนเตม็ 8 คะแนน
ขอ้ ละ 2 คะแนน)
กิจกรรมลองทำดู 1
ออกแรงโยน “ยางลบ” ขึ้นไปในแนวด่ิง แล้วสังเกตและอธิบายลักษณะการเคล่ือนท่ีของ
ยางลบกอ้ นนนั้ พรอ้ มแสดงเหตุผลประกอบ (2 คะแนน)
กจิ กรรมลองทำดู 2
วาง “ยางลบ” ท่ขี อบโต๊ะและใช้นว้ิ ดีดยางลบให้พงุ่ ออกไปข้างหนา้ แล้วตกลงพ้ืน สังเกตและ
อธบิ ายลกั ษณะการเคล่ือนทขี่ องยางลบกอ้ นนนั้ พรอ้ มแสดงเหตุผลประกอบ (2 คะแนน)
กิจกรรมลองทำดู 3
จับค่กู ับเพื่อนโดยยืนห่างกันประมาณ 2 เมตร ออกแรงโยน “ยางลบ” ไป-กลับ แลว้ สังเกต
และอธบิ ายลกั ษณะการเคล่อื นที่ของยางลบก้อนนั้น (2 คะแนน)
กจิ กรรมลองทำดู 4
นักเรยี นแต่ละกลมุ่ นำเชอื กเสน้ เลก็ ๆ ความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร มา 1 เส้น ผูกเข้า
กบั ยางลบ 1 ก้อน และให้นักเรียนตัวแทนกลุ่ม 1 คน ออกแรงเหวี่ยงยางลบที่ผกู เชือกน้ัน
เหนือศรี ษะโดยรอบอยา่ งตอ่ เนอื่ งตลอดเวลา จากนัน้ นกั เรยี นทกุ คนสังเกตและอธิบายลกั ษณะ
การเคลื่อนทีข่ องยางลบก้อนนน้ั (2 คะแนน)
41
ตอนท่ี 2
คำช้แี จง ให้นักเรียนนำ “หมายเลข” ในกรอบส่ีเหลี่ยมเติมลงในช่องว่างให้สัมพันธ์กับ
“ภาพ” ดงั ตัวอยา่ งข้อที่ 1 (คะแนนเตม็ 5 คะแนน ข้อละ 1 คะแนน)
หมายเลข 1 การเคลอ่ื นท่ีแนวระดับหรอื แนวราบ หมายเลข 4 การเคลอ่ื นทแี่ นวดงิ่
หมายเลข 2 การเคล่ือนทแ่ี บบโพรเจกไทล์ หมายเลข 5 การเคล่ือนท่ีแนววงกลม
หมายเลข 3 การเคลอื่ นทแี่ นวเอยี งทำมมุ กบั พื้น
1. 2.
ภาพที่ 1.23 การยกนำ้ หนกั ภาพท่ี 1.24 การเคล่ือนทข่ี องใบพัดพัดลม
ท่ีมา : Supplemented (2558), ทีม่ า : Pantip (2557),
สืบคน้ เมื่อ 16 มกราคม 2559 .. สบื ค้นเมื่อ 16 มกราคม 2559
หมายเลข 4 4.
3.
ภาพที่ 1.25 การเลน่ แบดมนิ ตนั ภาพท่ี 1.26 การเคลือ่ นที่ของรถแข่ง
ท่มี า : P30Download (2559), ท่มี า : David Szondy (2557),
สบื ค้นเมือ่ 16 มกราคม 2559 .. สืบคน้ เมอื่ 16 มกราคม 2559
5. 6.
ภาพที่ 1.27 การโยนลกู บอล ภาพท่ี 1.28 การผลักรถ
ที่มา : HOURIT (ม.ป.ป.), ท่มี า : Onur (2554),
สืบค้นเมือ่ 16 มกราคม 2559 .. สืบค้นเมื่อ 16 มกราคม 2559
42
ตอนที่ 3 ฝกึ ทักษะในการใชเ้ ทคโนโลยีและทำกจิ กรรมสะเตม็ ศกึ ษา
คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนสรุปองค์ความรู้ และอธิบายการนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ แล้วส่งคำตอบ
ให้ครทู าง E-mail ภายใน 3 วัน หลงั เรียนจบ (คะแนนเตม็ 10 คะแนน ขอ้ ละ 5 คะแนน)
1. นักเรยี นทำผังมโนทัศน์สรุปองค์ความรู้ เรือ่ ง การเคลื่อนท่ีของวตั ถุ (5 คะแนน)
แรง กฎของนิวตัน
ความหมาย กฎข้อที่ 1
สัญลักษณ์ คือ กฎขอ้ ที่ 2
หน่วยท่ีใช้วดั ขนาดของแรง คือ
สภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุขณะมีแรง กฎข้อท่ี 3
มากระทำ
การเคลอ่ื นทีข่ องวตั ถุ
การเคล่ือนที่แนวตรง การเคลื่อนที่แนวโค้ง
1. . 1. .
ได้แก่ ได้แก่
2. . 2. .
ไดแ้ ก่ ได้แก่
3. .
ไดแ้ ก่
43
2. ให้นักเรียนอธิบายการนำความรู้ เร่ือง การเคล่ือนท่ีของวัตถุ ไปใช้ประโยชน์ พร้อม
ยกตัวอย่างประกอบ และต้องเปน็ ตัวอยา่ งท่ีไมซ่ ้ำกับในชดุ กิจกรรม โดยสืบค้นขอ้ มูลเพ่มิ เติม
จากอนิ เทอรเ์ นต็ มาไม่เกนิ 10 บรรทดั (5 คะแนน)
3. ฝกึ ทกั ษะในการทำกจิ กรรมสะเต็มศกึ ษา
ให้นักเรยี นศึกษาและวางแผนการทำกจิ กรรมสะเตม็ ศกึ ษา ซึ่งเป็นกิจกรรมเสรมิ ท่ีจัดขึ้น
นอกเวลาเรียนหลงั จากเรียนจบเร่อื ง แรงและการเคลื่อนที่ โดยใช้ความรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (S)
จากชดุ กจิ กรรม บูรณาการเข้ากับเทคโนโลยี (T) วศิ วกรรมศาสตร์ (E) คณิตศาสตร์ (M)
และความคิดริเร่มิ สรา้ งสรรค์ ตลอดจนความรู้ในด้านอน่ื ๆ เช่น ศิลปะ เพอ่ื นำเสนอเป็น
ผลงานสิ่งประดษิ ฐ์ โดยเลอื กหัวขอ้ ทกี่ ำหนดให้เพอ่ื ทำกจิ กรรมสะเต็มศึกษาเพียง 1 เร่อื ง
จากในชุดกจิ กรรมจำนวน 6 ชดุ ดงั น้ี
ชุดกจิ กรรมท่ี 1 หวั ขอ้ สะเตม็ ศกึ ษาท่กี ำหนด เรื่อง เครอ่ื งเล่นเพ่ือสุขภาพ
ชุดกจิ กรรมท่ี 2 หัวข้อสะเต็มศึกษาทกี่ ำหนด เร่ือง รถแข่งยูเอฟโอ
ชุดกจิ กรรมที่ 3 หัวขอ้ สะเต็มศึกษาที่กำหนด เรือ่ ง ซุปเปอรจ์ รวดแรงดันสงู
ชุดกจิ กรรมที่ 4 หัวขอ้ สะเตม็ ศกึ ษาที่กำหนด เร่อื ง เรือด่วนพลังสงู
ชุดกจิ กรรมท่ี 5 หัวขอ้ สะเตม็ ศึกษาทก่ี ำหนด เรอ่ื ง ชุดอุปกรณ์กนั ลืน่
ชดุ กจิ กรรมที่ 6 หัวขอ้ สะเตม็ ศกึ ษาทก่ี ำหนด เรื่อง โมบายพนั ธ์ุไม้มหัศจรรย์
44
ใบกจิ กรรมการจดั การเรียนรู้แบบสะเตม็ ศึกษา
หนว่ ยการเรยี นรู้ เรือ่ ง แรงและการเคลอ่ื นท่ี รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 5 ว23101
คำชี้แจง
1. ใหน้ ักเรยี นจัดกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน และตง้ั ชอื่ กล่มุ
2. ศกึ ษาทำความเขา้ ใจเก่ียวกับการทำกิจกรรมสะเต็มศึกษาจากใบกจิ กรรมท่ีกำหนดให้
3. อภิปรายและกลา้ แสดงความคิดเห็นทีแ่ ตกตา่ งอย่างมีเหตุผลตามสภาพจริงที่ปรากฏ
ตลอดการทำกิจกรรมเพ่ือแก้ปัญหาจนไดผ้ ลงานที่มีคุณภาพและมคี วามคิดริเริม่ สร้างสรรค์
โดยคำนงึ ถงึ ประโยชน์ทจ่ี ะได้รบั จากการทำกจิ กรรม
4. เตรียมความพร้อมท่จี ะนำเสนอผลงานกิจกรรมสะเตม็ ศกึ ษา
ชุดกิจกรรมที่ 1 การเคลือ่ นท่ีของวตั ถุ
หัวข้อเรอ่ื งทีก่ ำหนด
เคร่อื งเลน่ เพื่อสุขภาพ
หลกั การและเหตุผล
สขุ ภาพของมนุษย์เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต การจัดทำเครื่องเล่นเพื่อสุขภาพ
จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจท่ีจะนำมาพัฒนาเคร่ืองเล่นตา่ ง ๆ ให้เหมาะสมกับวัยของผู้เล่นและ
ประโยชน์ที่ผู้เล่นจะได้รับ ตัวอย่างเคร่ืองเล่นที่ใช้ความรู้เรื่องการเคล่ือนที่ของวัตถุ เช่น
รำไท้เก๊กเป็นการออกกำลังแบบศาสตร์ของจีนโดยการใช้อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย หรือ
การใช้ไม้พลองในการบริหารด้วยท่วงท่าต่าง ๆ การใช้ห่วงยางวงกลมในการเต้นฮูลาฮูป
บริหารหน้าทอ้ ง บั้นเอว และสะโพก เปน็ ตน้
ดว้ ยเหตุนี้ จึงให้นกั เรียนนำความรทู้ เ่ี รียนจากชุดกจิ กรรมท่ี 1 การเคล่อื นท่ขี องวัตถุ
และความรู้วิทยาศาสตร์ดา้ นอ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้อง (S) บูรณาการเข้ากบั ความรู้ดา้ นเทคโนโลยี (T)
วศิ วกรรมศาสตร์ (E) คณิตศาสตร์ (M) และความคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์ ตลอดจนความรู้ดา้ นอนื่ ๆ
เชน่ ศลิ ปะ มาพัฒนาเคร่อื งเล่นอยา่ งง่ายท่ไี ด้ประโยชน์ ปลอดภัยตอ่ การใช้งาน สนุกสนาน
และราคาไมแ่ พง ซ่ึงอาจนำมาผลิตเพอ่ื จำหนา่ ยเป็นอาชพี ได้
45
แบบรายงานผลการทำกิจกรรมสะเตม็ ศึกษา
ชุดกจิ กรรมที่ 1 การเคลอื่ นท่ีของวตั ถุ หวั ข้อเรอื่ ง เครื่องเล่นเพอ่ื สุขภาพ
หนว่ ยการเรยี นรู้ เร่ือง แรงและการเคลอื่ นที่ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ 5 ว23101
1. ช่ือกลุ่ม ชน้ั
รายชื่อสมาชิกกลมุ่
เลขท่ี
1. ช่อื เลขท่ี
2. ชอ่ื เลขที่
3. ชื่อ เลขท่ี
4. ช่อื เลขท่ี
5. ชื่อ
2. ปญั หา/ส่ิงที่ต้องการพฒั นา
เหตุผล
3. ศกึ ษาค้นคว้าเอกสาร/ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น (เขียนเฉพาะหลักการท่ีสำคัญ)
3.1 วทิ ยาศาสตร์ (Science)
3.2 เทคโนโลยี (Technology)
46
3.3 วศิ วกรรมศาสตร์/การออกแบบ (Engineering)
3.4 คณติ ศาสตร์ (Mathematics)
4. เขยี นผังความคิด (บูรณาการ STEM)
วิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี ปัญหา/นวัตกรรม คณติ ศาสตร์
วิศวกรรมศาสตร์
5. ออกแบบวิธีแก้ปญั หาหรือวิธที ำกิจกรรมเพื่อสร้างหรอื จดั ทำผลงาน/ผลิตภัณฑ/์ นวัตกรรม
5.1 วสั ดอุ ปุ กรณ์ (เลอื กวัสดุอุปกรณ์)
47
5.2 รปู แบบ และ/หรือ วิธีการทำกจิ กรรม
6. วางแผนการทำกจิ กรรมและบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ ขณะทำกจิ กรรม เชน่ ปัญหาทพ่ี บ
การระดมสมองเพ่ืออภิปรายและกล้าแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างมีเหตุผล
ตามสภาพจริงทปี่ รากฏตลอดการทำกจิ กรรมจนสำเร็จเพ่อื แก้ปญั หา
7. ผลการทำกจิ กรรม
8. คำถามเพื่อนำไปสู่การคดิ วิเคราะห์ ตรวจสอบ ประเมนิ ผล และสรุปองค์ความรู้