The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือประเทศจีนโดยสังเขปที่อยู่ในมือท่านนี้จะแนะนำท่านให้รู้จักประเทศจีน ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมืองในระยะเวลาอันสั้นเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แม้จะให้ข้อความรู้เกี่ยวกับประเทศจีนแค่เศษเสี้ยว แต่ผู้แปลเชื่อเหลือเกินว่าการอ่านหนังสือเล่มนี้จะช่วยจุดประกายให้ผู้อ่านเกิดความสนใจใคร่รู้เรื่องแผ่นดินมังกรมากขึ้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by grichawat, 2022-05-06 05:05:36

ประเทศจีนโดยสังเขป

หนังสือประเทศจีนโดยสังเขปที่อยู่ในมือท่านนี้จะแนะนำท่านให้รู้จักประเทศจีน ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมืองในระยะเวลาอันสั้นเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แม้จะให้ข้อความรู้เกี่ยวกับประเทศจีนแค่เศษเสี้ยว แต่ผู้แปลเชื่อเหลือเกินว่าการอ่านหนังสือเล่มนี้จะช่วยจุดประกายให้ผู้อ่านเกิดความสนใจใคร่รู้เรื่องแผ่นดินมังกรมากขึ้น

Keywords: China,History,จีน,ประวัติศาสตร์

This page intentionally left blank

中国概况

ประเทศจนี โดยสังเขป

A Survey of China
โ จ ว เ จี้ ย น เ ขี ย น
ก ฤ ช ว ร ร ธ น์ โ ล่ ห์ วั ช ริ น ท ร์ แ ป ล

中国概况
A Survey of China
ประเทศจนี โดยสงั เขป
ผ้แู ต่ง โจวเจีย้ น (周健)

ภาคภาษาองั กฤษ ยฺหวีฮุย่ เฟิน (余惠芬)

แปลและเรียบเรียง กฤชวรรธน์ โล่หว์ ชั รนิ ทร์ (罗致远)

จากหนงั สอื 游学在中国

A Study Tour in China

© 1999 Foreign Language Teaching and Research Press, Beijing.

Thai Language Translation © 2009 Grichawat Lowatcharin.

พิมพ์คร้ังท่ี ๑ มนี าคม ๒๕๕๒
ปกและรปู เลม่ วิฬัจฉา ปัญญาอ่อนโยน
จัดพิมพ์โดย สถาบนั ขงจอื๊ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ช้นั ๖ อาคารคณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น
พมิ พท์ ่ี ตําบลในเมอื ง อําเภอเมอื ง จังหวดั ขอนแก่น
รหสั ไปรษณีย์ ๔๐๐๐๒
โทรศพั ทแ์ ละโทรสาร ๐-๔๓๒๐-๔๑๔๒
เว็บไซต์ confucius.kku.ac.th
อเี มล [email protected]
ขอนแกน่ ประเทศไทย

การถอดเสียงวสิ ามานยนาม (ช่อื บคุ คล เหตกุ ารณ์ สถานท่ี ฯลฯ)
สว่ นใหญใ่ นการแปลครัง้ น้ี องิ ตามหลกั เกณฑก์ ารทบั ศพั ทภ์ าษาจนี
ของราชบัณฑติ ยสถาน โดยได้ระบุวสิ ามานยนามท่ีใชต้ ามความนยิ ม
หรอื ทีม่ คี ําศพั ทภ์ าษาไทยไวใ้ นวงเล็บบางแห่งดว้ ย

อาทิ ยฺหวินหนาน (ยนู นาน)
เหมยี ว (แมว้ )

中国概况

A Survey of China
ประเทศจีนโดยสงั เขป

คาํ นาํ ผู้แปล

หนงั สอื เล่มนแี้ ปลจากภาคภาษาอังกฤษของ 中国概况 (A Survey of China) ซง่ึ เปน็ บทหน่งึ ใน
หนังสอื 游 学 在 中 国 (A Study Tour in China) เพ่ือใชป้ ระกอบการบรรยายรายวชิ าความร้ทู ่ัวไป
เก่ยี วกับประเทศจีน ในการฝึกอบรมครผู สู้ อนภาษาจนี อนั เป็นโครงการความรว่ มมอื ระหวา่ งสถาบัน
ขงจอ๊ื มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ กับสาํ นกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาขอนแกน่ เขต ๑

ในการถอดเสยี งชือ่ บุคคล เหตุการณ์ และสถานท่ีโดยสว่ นใหญ่ ผแู้ ปลได้องิ ตามหลักเกณฑก์ ารทบั
ศัพท์ภาษาจนี ของราชบณั ฑติ ยสถาน ขณะที่บางชอื่ ยังคงใช้ช่อื ทค่ี นไทยคุ้นชนิ อยแู่ ลว้ นอกจากนนั้ ยงั ได้
ศึกษาขอ้ มลู อา้ งองิ จากตําราและเอกสารจํานวนมากประกอบการแปลด้วย

ขอขอบคณุ ศาสตราจารยห์ วงเสย่ี วหมิง (黄 小 明) ที่ใหโ้ อกาสร่วมบรรยายในการฝึกอบรมครัง้ น้ี
ขอขอบคุณ รองศาสตราจารย์ ดร.หลเ่ี จวฺ ยี น (李娟) ทใ่ี หค้ ําแนะนําอนั เปน็ ประโยชนแ์ ละตรวจทานขอ้ มลู
ในการแปล และขอขอบคุณ สถาบนั ขงจือ๊ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทจ่ี ัดพมิ พแ์ ละเผยแพรห่ นังสือเลม่ น้ี
อันจะพอมีประโยชน์ตอ่ ผู้สนใจศึกษาขอ้ มูลพนื้ ฐานเก่ยี วกบั ประเทศจนี อยู่บ้าง

หากมีข้อบกพร่องหรอื ผดิ พลาดประการใดในหนังสอื เลม่ นี้ ผู้แปลขอน้อมรับผิดแตเ่ พียงผูเ้ ดียว

กฤชวรรธน์ โลห่ ์วัชรนิ ทร์
มีนาคม ๒๕๕๒

This page intentionally left blank

中国概况

A Survey of China
ประเทศจนี โดยสงั เขป

สารบัญ

บทท่ี ๑ สภาพภูมศิ าสตร์ • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • ๑
บทที่ ๒ ประชากรและกลุม่ ชาติพนั ธ์ุ • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • ๔
บทที่ ๓ เทศกาลประเพณี • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • ๙
บทที่ ๔ เขตการปกครองและปญั หาไต้หวัน • • • • • • • • • • • • • • • • • • ๑๓
บทที่ ๕ องค์กรปกครองของรัฐ • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • • ๑๗
บทที่ ๖ ประวตั ศิ าสตรส์ มยั โบราณโดยสังเขป • • • • • • • • • • • • • • • • • ๑๙
บทท่ี ๗ ประวัตศิ าสตรส์ มยั ใหม่โดยสงั เขป • • • • • • • • • • • • • • • • • • ๒๗

This page intentionally left blank

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๑ สภาพภมู ิศาสตร์



ภาพท่ี ๑ แผนท่ภี มู ศิ าสตร์ประเทศจนี

ประเทศจนี มชี อื่ เต็มว่าสาธารณรัฐประชาชนจีน ตง้ั อยทู่ างตะวนั ออกของทวปี เอเชยี มีขนาดพนื้ ที่
๙.๖ ล้านตารางกโิ ลเมตร ซง่ึ ใหญเ่ ปน็ อันดับสามของโลกรองจากรัสเซยี และแคนาดา จีนแผน่ ดนิ ใหญ่ทาง
ทศิ ตะวนั ออกและทิศใตโ้ อบล้อมดว้ ยทะเลปอ๋ ไห่ ทะเลเหลือง ทะเลจนี ตะวนั ออก และทะเลจนี ใต้ โดยใน
อาณาเขตทางทะเลนั้นมเี กาะใหญ่น้อยกระจายอย่เู กอื บ ๖,๕๐๐ เกาะ เกาะท่ีมขี นาดใหญ่ที่สุดคือไต้หวัน
ซึง่ มีขนาดพนื้ ท่ี ๓๖,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร และอนั ดบั สองคือเกาะไหห่ นาน (ไหหลาํ ) ซึ่งมขี นาดพื้นท่ี
๓๔,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ทัง้ ไตห้ วนั และไห่หนานมสี ถานะเปน็ มณฑลหน่ึงของจนี

หากมองจากดา้ นบนจะพบว่าสภาพพน้ื ท่ีของจีนลาดเอยี งจากตะวันตกสวู่ นั ตะวนั ออกเปน็ บนั ไดสข่ี ้ัน
บนั ไดขัน้ สงู สดุ คือที่ราบสูงชิงไห-่ ทิเบต ซึ่งมคี วามสูงจากระดับนา้ํ ทะเลโดยเฉลยี่ กวา่ ๔,๐๐๐ เมตร
และไดช้ ่ือวา่ เปน็ “หลงั คาโลก”
บนั ไดขั้นที่สองประกอบดว้ ยที่ราบสงู มองโกเลยี ใน ท่รี าบสูงหวงถู่ (ทร่ี าบสูงดนิ เหลอื ง) ทีร่ าบสงู
ยหฺ วนิ หนาน-กุ้ยโจว แอ่งทารมิ แอ่งจุงการ์ และแอง่ ซ่อื ชวน ซ่ึงมีความสงู จากระดับนา้ํ ทะเลโดยเฉลย่ี
๑,๐๐๐ ถงึ ๒,๐๐๐ เมตร

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ภาพท่ี ๒ โค้งแรกของแม่น้ําฉางเจียง ณ มณฑลยฺหวนิ หนาน
ทเี่ ปลีย่ นทิศทางการไหล ๑๘๐ องศาจากไหลลงใตเ้ ปน็ ไหลขึ้นเหนือ

บันไดข้ันท่ีสามมีความสูงราว ๕๐๐ ถึง ๑,๐๐๐ เมตรจากระดับนํ้าทะเล ประกอบด้วยที่ราบ

ตะวันออกเฉียงเหนือ ท่ีราบจีนเหนือ ที่ราบหุบเขาแม่น้ําฉางเจียงตอนกลางและตอนล่าง และท่ีราบปาก

แม่น้ําจเู จียง โดยมเี นินเขานอ้ ยใหญ่ก้นั เป็นแนวระหวา่ งท่รี าบตา่ งๆ

บนั ไดขน้ั สุดท้ายคือไหล่ทวีปซึ่งทอดตัวไปทางตะวันออกลงสู่ทะเลน้ําต้ืนท่ีมีระดับความลึกเพียง ๒๐๐ ๒

เมตร โดยมแี นวตะกอนขนาดมหึมาอยู่บริเวณปากแม่นํา้ สายตา่ งๆ

ประเทศจีนมีภูเขาท่ีมีชื่อเสียงมากมาย ท่ีสูงท่ีสุดในโลกและเป็นยอดเขาของเทือกเขาหิมาลัยคือยอด

เขาโชโมลังมา (เอเวอเรสต์) ซ่ึงมีความสูง ๘,๘๔๘ เมตรจากระดับนํ้าทะเล ตั้งอยู่ปลายตะวันตกเฉียงใต้

ของทีร่ าบสูงชิงไห-่ ทเิ บต

แม่นํ้าส่วนใหญ่ในประเทศจีนไหลไป

ทิศตะวันออกลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก แม่น้ํา

ฉางเจียง (แยงซีเกียง) ซ่ึงมีความยาวกว่า

๖,๓๐๐ กิโลเมตร เป็นแม่นํ้าสายใหญ่ท่ีสุด

ใ น ป ร ะ เ ท ศ จี น มี พื้ น ที่ ชุ่ ม นํ้ า ก ว่ า

๑,๘๐๙,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ทั้งยังเป็น

เส้นทางการคมนาคมทางนํ้าท่ีสําคัญที่สุด

ของประเทศอีกด้วย ส่วนแม่น้ําหวงเหอ

(ฮวงโฮ-แม่นํ้าเหลือง) มีความยาว ๕,๔๖๔

กิโลเมตร ถือเป็นแม่น้ําท่ียาวเป็นอันดับ

ส อ ง ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ทว่ า ที่ ร า บ ลุ่ มแ ม่

น้ําเหลืองถือเป็นอู่อารยธรรมจีนมาแต่ครั้ง

ภาพที่ ๓ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ บรรพกาล และพบโบราณสถานและ
บริเวณทรี่ าบสูงหวงถู่ โบราณวัตถมุ ากมาย

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

นอกจากแม่นาํ้ ตามธรรมชาติแล้ว ประเทศจีนยังมี

แม่นํ้าขนาดใหญท่ ่มี นษุ ยส์ รา้ งขน้ึ ดว้ ย นน่ั คือคลอง

ใหญ่ ซึ่งไหลจากเป่ยจ์ ิง (ปักกง่ิ ) ทางทศิ เหนือลงสู่

หังโจวทางทศิ ใต้ มคี วามยาวกวา่ ๑,๘๐๐ กโิ ลเมตร

และเปน็ เสน้ ทางคมนาคมมานานกวา่ ๑,๐๐๐ ปีแลว้

ประเทศจีนยังมีทะเลสาบหลายแห่ง โดยส่วนใหญ่

กระจายอยู่ทางทิศใต้ ทะเลสาบน้ําจืดขนาดใหญ่ที่สุด

คือทะเลสาบโผหยางในมณฑลเจียงซี ส่วนทะเลสาบ

นาํ้ เค็มทใี่ หญ่ที่สุดคือทะเลสาบชิงไหใ่ นมณฑลิ ชงิ ไห่

พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจีนตั้งอยู่ในเขตอบอุ่น

บางส่วนทางทิศใต้อยู่ในเขตร้อนและเขตใกล้เขตร้อน

สว่ นทางทิศเหนืออยู่ใกล้เคียงกับเขตหนาว อณุ หภูมจิ ะ

แตกต่างกันมากในพ้ืนท่ีต่างๆ ของประเทศ โดยทั่วไป

แล้วประเทศจีนมีภูมิอากาศแบบมรสุมภาคพ้ืนทวีป ๓

ทําให้สภาพอากาศในส่ีฤดูแตกต่างกันมาก กล่าวคือ

ในฤดูร้อนจะรอ้ นและชื้น ส่วนในฤดูหนาวจะหนาวเย็น ภาพท่ี ๔ ลิงขนทองเป็นสตั ว์ที่มถี ่นิ ท่อี ยู่อาศยั
ในมณฑลซอ่ื ฉวนของจีนเท่าน้ัน
และแหง้ แลง้

ประเทศจีนเป็นประเทศหน่ึงที่มีความหลากหลายของสายพันธ์ุสัตว์ป่ามากที่สุดในโลก โดยมีสัตว์บก

มกี ระดกู สันหลังมากกวา่ ๒,๐๐๐ สายพันธุ์ นับเป็นร้อยละ ๑๐ ของทั้งโลก และมีสัตว์ป่าจํานวนมากที่ไม่

อาจพบเหน็ ได้ทอี่ ืน่ นอกจากในประเทศจนี อาทิ แพนด้ายกั ษ์ ลิงขนทอง กวางปากขาว วัวทาคิน โลมาธง

ขาว และตะเข้จีน เป็นตน้

ประเทศจนี มพี รรณไมม้ ากกว่า ๗,๐๐๐ สายพันธุ์ โดยเปน็ ไม้ตน้ ถึง ๒,๘๐๐ สายพนั ธ์ุ ไมว่ ่าจะเปน็

สนสยุ่ ซาน (metasequoia) สนสุ่ยซง (China cypress) สนหยงิ ซาน (silver fir) สนซานมู่ (China fir)

สนจิงเฉยี นซง (golden larch) ฯลฯ ลว้ นเปน็ ไมต้ ้นทีพ่ บในประเทศจนี เทา่ นัน้

ดว้ ยความพยายามจะสงวนรกั ษาทรพั ยากรพืชและสัตว์อนั เปน็ เอกลักษณข์ องชาติ และสายพนั ธ์ุ

สงิ่ มีชีวิตที่ใกล้สญู พันธนุ์ ้ัน รัฐบาลจีนไดก้ ่อตงั้ เขตสงวนธรรมชาติและพันธส์ุ ัตว์จาํ นวนมาก โดยในปี

๑๙๙๙ มีถึง ๑,๑๔๖ แหง่ (ไมร่ วมไต้หวัน) ซง่ึ เปน็ พน้ื ทีร่ วมกนั มากกว่า ๘๘.๑๕ ลา้ นเฮคเตอร์

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๒ ประชากรและกลมุ่ ชาติพันธุ์

จนี เป็นประเทศที่มีประชากรมากทีส่ ุดในโลก โดยในตน้ ปี ๒๐๐๕ มจี ํานวนประชากรทั่งสน้ิ ถงึ
๑,๓๐๐ ล้านคน ทง้ั นไี้ มน่ บั รวมประชากรในฮ่องกง มาเกา๊ และไตห้ วัน



ภาพที่ ๕ แสตมปฉ์ ลอง ๕๐ ปแี หง่ การสถาปนาสาธารณรฐั ประชาชนจนี
เป็นภาพกล่มุ ชาติพนั ธุ์ท้ัง ๕๖ กล่มุ ในประเทศจีน

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ความหนาแนน่ ของประชากรโดยเฉลย่ี อยู่ที่ ๑๓๐ คนต่อตารางกิโลเมตร ทว่าตัวเลขนี้ไมไ่ ดก้ ระจาย
ตวั อย่างสมํา่ เสมอในทกุ พน้ื ที่ กล่าวคือในแถบชายฝัง่ ตะวันออกนนั้ มคี วามหนาแนน่ สงู ถึง ๔๐๐ คนตอ่
ตารางกิโลเมตร พ้ืนทต่ี อนกลางราว ๒๐๐ คนต่อตารางกิโลเมตร ขณะทีบ่ รเิ วณทรี่ าบสงู ทุรกันดารทาง
ตะวันตกมีความหนาแนน่ น้อยกวา่ ๑๐ คนต่อตารางกิโลเมตร

ประชากรจนี จาํ นวนรอ้ ยละ ๓๐.๔ อาศยั อยูใ่ นเขตเมอื ง ร้อยละ ๖๙.๖ อยู่ในเขตชนบท ขณะที่
ประชากรชายมจี ํานวนรอ้ ยละ ๕๐.๘ และหญิงรอ้ ยละ ๔๙.๒ ประชากรทม่ี อี ายนุ ้อยกวา่ ๑๔ ปมี ีจาํ นวน
ร้อยละ ๒๕.๗ อายุระหว่าง ๑๕ ถึง ๖๔ รอ้ ยละ ๖๗.๖ และอายตุ ้งั แต่ ๖๕ ปีขึ้นไปร้อยละ ๖.๗ ของ
จาํ นวนประชากรทง้ั หมด



ภาพที่ ๖ ภาพวาดในประเทศจีนแสดงให้เห็น (จากซา้ ยไปขวา) ชาวเอ้อหลุนชุน รัสเซยี และตู๋หลง

นับแตก่ ารสถาปนาสาธารณรฐั ประชาชนจนี ในปี ๑๙๔๙ การเพมิ่ ขน้ึ อยา่ งรวดเรว็ ของจาํ นวน
ประชากรเปน็ อปุ สรรคต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศอย่างยงิ่ ในทศวรรษท่ี ๑๙๗๐
รฐั บาลจนี จึงได้ดาํ เนินนโยบายวางแผนครอบครวั ขึน้ สง่ เสรมิ ใหแ้ ตง่ งานและมบี ตุ รชา้ มีบุตรนอ้ ยลงแต่
แข็งแรงข้ึน และที่สาํ คญั ให้ค่สู มรสมีบุตรเพียงคนเดียว กระน้นั นโยบายนค้ี ่อนข้างยดื หยนุ่ สาํ หรบั
ประชาชนในเขตทรุ กนั ดารและชนกลมุ่ นอ้ ย นบั แต่นนั้ มาอัตราการเกดิ ในประเทศจีนก็ลดตํา่ ลงปตี อ่ ปี
โดยลดลงจากร้อยละ ๓๔.๑๑ ในปี ๑๙๖๙ เป็น ๑๒.๘๓ ในส้ินปี ๒๐๐๒ อตั ราการเติบโตตามธรรมชาติ

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ลดลงจากรอ้ ยละ ๒๖.๐๘ เหลอื เพียงรอ้ ยละ ๖.๔๕ ดังนน้ั ประชากรของประเทศน้จี งึ ประสบความสาํ เรจ็

ขัน้ พ้ืนฐานในการเปล่ียนผ่านสู่รปู แบบการสบื แทนพันธท์ุ ่มี อี ตั ราการเกิดและการเจรญิ เตบิ โตน้อย

ประเทศจีนมปี ระชากร ๓๔๐ ล้านครอบครวั โดยเฉลย่ี แตล่ ะครัวเรือนมปี ระชากร ๓.๖๓ คน

ครอบครัวสว่ นใหญป่ ระกอบดว้ ยคสู่ มรสกบั บุตร แต่ใชว่ า่ จะขาดลักษณะของครอบครวั ใหญเ่ นอื่ งจากมี

ประชากรตง้ั แต่สามรุน่ ขนึ้ ไปอาศยั อยู่ใตช้ ายคาเดียวกนั ส่วนใหญแ่ ล้วสามีกับภรรยาจะแบ่งเบา

ภาระหนา้ ทขี่ องกนั และกนั ปรกึ ษาหารือกนั และจัดการงานบ้านรว่ มกบั สมาชิกคนอ่ืนๆ ในครอบครวั

ชาวจีนมธี รรมเนียมเคารพผอู้ าวุโสและเออื้ อาทรผูเ้ ยาว์ แม้คู่สมรสรุน่ ใหมห่ ลายค่จู ะไมไ่ ดอ้ าศัยอยูก่ บั พอ่

แมแ่ ตก่ ็ยังติดตอ่ กนั อยปู่ ระจาํ มิไดข้ าด ส่วนเดก็ ๆ ที่โตแล้วกม็ ีหนา้ ที่ตอ้ งค่อยช่วยเหลอื พอ่ แม่ ชาวจนี นน้ั

ใหค้ วามสาํ คัญแกส่ มาชกิ ในครอบครวั และในหมู่ญาติเปน็ อยา่ งย่งิ

ประเทศจนี ยงั เป็นชาตทิ ม่ี ีความหลากหลายทางชาตพิ ันธด์ุ ว้ ย โดยมีกลมุ่ ชาตพิ นั ธถ์ุ งึ ๕๖ กลุ่มอาศัย

อยรู่ วมกัน โดยชาวฮั่นมีจาํ นวนมากที่สุดถึงร้อยละ ๙๒ ของประชากรท้ังหมด ขณะท่อี กี ๕๕ กลุ่มชาติ

พนั ธ์ุมีประชากรรวมกนั เพยี งร้อยละ ๘ และด้วยเหตทุ ี่ประชากรสว่ นใหญข่ องประเทศเปน็ ชาวฮั่นนี่เอง

กลมุ่ ชาตพิ นั ธอ์ุ นื่ ๆ จงึ ไดร้ บั การขนานนามวา่ ชนกลมุ่ นอ้ ย ชาวฮ่ันนน้ั สามารถพบเหน็ ไดท้ ว่ั ประเทศ แต่

ส่วนใหญจ่ ะอาศยั อยใู่ นแถบล่มุ แม่น้าํ หวงเหอ แมน่ าํ้ ฉางเจียง และแม่นํา้ จเู จยี ง และที่ราบ ๖

ตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะทีช่ นกลุ่มน้อยจะกระจายตัวอยู่ตามพน้ื ทตี่ ่างๆ โดยมากจะอาศยั อยู่ทางทศิ

ตะวนั ตกเฉียงเหนอื ตะวนั ตกเฉียงใต้ และบรเิ วณชายแดนของประเทศ

ชาวฮั่นมภี าษาพูดและภาษาเขียนเปน็ ของตัวเอง ภาษาจนี หรอื ภาษาของชาวฮั่นถือเปน็ ภาษาราชการ

ของประเทศ และเปน็ ภาษาทําการภาษาหน่ึงขององคก์ ารสหประชาชาตอิ กี ด้วย ชนกลมุ่ นอ้ ยทกุ กลุ่มมี

ภาษาเป็นของตวั เอง ยกเว้นชาวหยุ กับชาวแมนจูเทา่ นนั้ ท่ีใชภ้ าษาจนี และชนกลุม่ น้อย ๒๓ กลุ่มมีภาษา

เขยี นเปน็ ของตัวเอง

จาํ นวนประชากรและถ่นิ ทอี่ ยูข่ องชนกลุ่มน้อยในประเทศจีน

กลุม่ ชาตพิ ันธุ์ จํานวนประชากร ถิ่นท่ีอยหู่ ลัก
มองโกล
๔,๘๐๒,๔๐๐ มองโกเลยี ใน, ซนิ เจียง, เหลียวหนงิ , จห๋ี ลนิ ,
หุย
เฮย์หลงเจียง, กานซู, เหอเปย่ ,์ เหอหนาน, ชงิ ไห่
ทิเบต
อยุ กูร์ ๘,๖๑๒,๐๐๐ หนิงเซีย่ , กานซู, เหอหนาน, เหอเป่ย,์ ชิงไห,่ ซานตง,
เหมยี ว (แมว้ )
ยฺหวินหนาน, ซนิ เจยี ง, อานหยุ , เหลยี วหนงิ ,

เฮย์หลงเจียง, จี๋หลิน, ซานซ,ี เป่ยจ์ งิ , เทยี นจนิ

๔,๕๙๓,๑๐๐ ทิเบต, ชิงไห,่ ซอื่ ชวน, กานซ,ู ยหฺ วินหนาน

๗,๒๐๗,๐๐๐ ซนิ เจียง

๗,๓๘๓,๖๐๐ กุ้ยโจว, หหู นาน, ยหฺ วนิ หนาน, กวา่ งซี, ซื่อชวน, หเู ป่ย์

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

กลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ จาํ นวนประชากร ถน่ิ ที่อยู่หลัก
หยี
จว้ ง ๖,๕๗๘,๕๐๐ ซ่ือชวน, ยฺหวนิ หนาน, กุย้ โจว, กว่างซี
ปู้ยี
เกาหลี ๑๕,๕๕๕,๘๐๐ กวา่ งซี, ยฺหวนิ หนาน, กว่างตง, กยุ้ โจว
แมนจู
๒,๕๔๘,๓๐๐ กุ้ยโจว
ตง้
เหยา (เย้า) ๑,๙๒๓,๔๐๐ จี๋หลิน, เหลียวหนิง, เฮย์หลงเจยี ง
ไป๋
ถู่เจยี ๙,๘๔๖,๘๐๐ เหลียวหนิง, จหี๋ ลนิ , เฮยห์ ลงเจยี ง, เหอเปย่ ,์ เป่ยจ์ งิ ,
ฮาหนี
คาซกั มองโกเลยี ใน
ไต่ (ไตล้อื )
หลี ๒,๕๐๘,๖๐๐ กยุ้ โจว, หหู นาน, กวา่ งซี
ลี่ซู่
หว่า (วา้ ) ๒,๑๓๗,๐๐๐ กวา่ งซี, หหู นาน, ยฺหวนิ หนาน, กว่างตง, กยุ้ โจว
เชอ
เกาชาน ๑,๕๙๘,๐๐๐ ยหฺ วนิ หนาน, กยุ้ โจว
ลาฮู่
ส่ยุ ๕,๗๒๕,๐๐๐ หูหนาน, หเู ปย่ ์
ตงเซียง
หน่าซี ๑,๒๕๔,๘๐๐ ยหฺ วนิ หนาน
จงิ่ โพ (ขะฉน่ิ )
ครี ก์ ซี ๑,๑๑๐,๘๐๐ ซนิ เจียง, กานซ,ู ชงิ ไห่
ถู่
ตา๋ ว้อเอ่อร์ ๑,๐๒๕,๔๐๐ ยหฺ วนิ หนาน ๗
มูเ่ หล่า
เชยี ง ๑,๑๑๒,๕๐๐ ยหฺ วนิ หนาน
ป้หู ลา่ ง
ซาลา ๕๗๔,๐๐๐ ยฺหวนิ หนาน, ซ่ือชวน

๓๕๒,๐๐๐ ยฺหวินหนาน

๖๓๔,๗๐๐ ฝเู จยี้ น, เจ้อเจยี ง, เจียงซ,ี กวา่ งตง

๒,๙๐๐ ไต้หวนั , ฝเู จย้ี น

๔๑๑,๕๐๐ ยฺหวินหนาน

๓๔๗,๑๐๐ กุ้ยโจว, กว่างซี

๓๗๓,๗๐๐ กานซ,ู ซนิ เจียง

๒๗๗,๘๐๐ ยหฺ วินหนาน, ซ่ือชวน

๑๑๙,๓๐๐ ยหฺ วนิ หนาน

๑๔๓,๕๐๐ ซนิ เจยี ง, เฮยห์ ลงเจยี ง

๑๙๒,๖๐๐ ชงิ ไห,่ กานซู

๑๒๑,๕๐๐ มองโกเลียใน, เฮยห์ ลงเจยี ง, ซนิ เจยี ง

๑๖๐,๖๐๐ กว่างซี

๑๙๘,๓๐๐ ซ่อื ชวน

๘๒,๔๐๐ ยฺหวนิ หนาน

๘๗,๕๐๐ ชงิ ไห่, กานซู

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

กล่มุ ชาติพนั ธุ์ จาํ นวนประชากร ถิ่นที่อย่หู ลกั

เหมาหนาน ๗๒,๔๐๐ กวา่ งซี

เกอเหลา่ ๔๓๘,๒๐๐ กุ้ยโจว, กวา่ งซี

ซปี ๋อ ๑๗๒,๙๐๐ ซินเจียง, เหลยี วหนิง, จห๋ี ลิน

อาชงั ๒๗,๗๐๐ ยฺหวนิ หนาน

ผูหม่ี ๒๙,๗๐๐ ยฺหวินหนาน

ทาจิก ๓๓,๒๐๐ ซนิ เจียง

นู่ ๒๗,๒๐๐ ยหฺ วินหนาน

อุซเบค ๑๔,๘๐๐ ซินเจยี ง

รสั เซีย ๑๓,๕๐๐ ซนิ เจียง

เออ้ เวนิ เคอ่ (อเี วนค)ิ ๒๖,๔๐๐ มองโกเลียใน, เฮยห์ ลงเจยี ง

เต๋ออา๋ ง ๑๕,๕๐๐ ยหฺ วินหนาน

เป่าอาน (โบนาน) ๑๑,๗๐๐ กานซู

ยวฺ กี่ ู้ (ยเู กอร)์ ๑๒,๓๐๐ กานซู ๘

จิง ๑๘,๗๐๐ กว่างซี

ทาร์ทาร์ ๕,๑๐๐ ซินเจยี ง

ต๋หู ลง (เตอรัง) ๕,๘๐๐ ยหฺ วนิ หนาน

เอ้อหลนุ ชนุ (โอโรเชน) ๗,๐๐๐ มองโกเลียใน, เฮยห์ ลงเจยี ง

เฮ่อเจ๋อ (เหอเจิน) ๔,๓๐๐ เฮยห์ ลงเจียง

เหมินปา (มอนปา) ๗,๕๐๐ ทเิ บต

ลว่ั ปา ๒,๓๐๐ ทเิ บต

จนิ ่วั ๑,๘๐๐ ยหฺ วินหนาน

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๓ เทศกาลประเพณี

วนั หยดุ ราชการของประเทศจนี ไดแ้ ก่ วันปีใหม่ (๑ มกราคม-หยดุ หนึ่งวัน) วันตรษุ จนี (เทศกาลฤดู

ใบไม้ผลิ หรือวนั ปีใหมต่ ามปฏิทนิ จนั ทรคต-ิ หยดุ สามวัน) วันสตรสี ากล (๘ มนี าคม) วนั ปลูกตน้ ไม้ (๑๒

มนี าคม) วันแรงงานสากล (๑ พฤษภาคม-หยดุ สามวนั ) วันเยาวชนจนี (๔ พฤษภาคม) วันเด็กสากล (๑

มถิ ุนยาน) วนั ครบรอบการสถาปนากองทพั ปลดปล่อยประชาชนจนี (๑ สิงหาคม) วนั ครู (๑๐ กนั ยายน)

และวันชาติ (๑ ตลุ าคม-หยุดสามวนั )

เทศกาลสาํ คญั ของชาวจนี ไดแ้ ก่ เทศกาลตรุษจนี เทศกาลโคมไฟ เทศกาลชงิ หมิง (เชงเม้ง) เทศกาล

แขง่ เรอื มังกร เทศกาลไหวพ้ ระจันทร์ และเทศกาลฉงหยาง

ตรุษจีนเป็นเทศกาลท่ีสําคัญที่สุดของประเทศจีน

ในอดีตชาวจีนยังใช้ปฏิทินจันทรคติ และวันนี้ถือเป็น

วันปีใหม่ เนื่องจากตรงกับวันที่หนึ่งเดือนหน่ึงซ่ึงเป็น

วันแรกของปี แต่หลังจากการปฏิวัติเม่ือปี ๑๙๑๑

ประเทศจีนได้เปลี่ยนมาใช้ปฏิทินสุริยคติ และเพ่ือ ๙

ป้องกันความสับสนกับวันปีใหม่สากล จึงเรียกวันปี

ใหม่ตามปฏิทินจันทรคติว่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ (วัน

ตรุษจีน) ซ่ึงโดยท่ัวไปจะอยู่ระหว่างปลายเดือน

มกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ในคืนก่อนวัน

ตรุษจีนเป็นช่วงเวลาสําคัญที่สมาชิกในครอบครัวจะมา

อยู่พร้อมหน้ากัน ทานอาหารม้ือใหญ่ร่วมกัน แล้ว

พูดคุยกันอย่างออกรสหรือนั่งชมรายการงานเลี้ยง

ฉลองตรุษจีนทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ (CCTV)

ภาพท่ี ๗ การจัดแสดงโคมไฟ หลายครอบครัวนั่งคุยกันทั้งคืนเพ่ือ “ส่งท้ายปีเก่า”

ในเทศกาลโคมไฟ พอเช้าวันรุ่งข้ึนผู้คนต่างพากันอวยพรให้บรรดาญาติ

มิตรโชคดีในปีใหม่ ในช่วงตรุษจีนน้ีจะมีการละเล่นต่างๆ เพ่ือเฉลิมฉลองกันในหลายพ้ืนที่ ที่โดดเด่น

ไดแ้ ก่การเชิดสงิ โต การเชิดมงั กร การแข่งพายเรือบก การเดินไม้ตอ่ ขา และการแสดงดอกไมเ้ ป็นตน้

เทศกาลโคมไฟตรงกบั วนั ขน้ึ สบิ หา้ คํา่ เดือนหนึ่งตามปฏทิ ินจันทรคติ ซึง่ เปน็ คนื วนั เพ็ญคนื แรก

หลงั จากวันตรษุ จีน และเปน็ สัญลักษณแ์ สดงการสนิ้ สดุ ของการเฉลมิ ฉลองเทศกาลดงั กลา่ วด้วย ตาม

ธรรมเนียมแลว้ ในเทศกาลนผ้ี คู้ นจะรบั ประทานบัวลอยและชมการแสดงโคมไฟ บวั ลอยหรือหยวนเสี้ยว มี

ลกั ษณะเปน็ ลูกกลมๆ ทาํ จากแปง้ ขา้ วเหนยี วใสไ่ สน้ ํ้าตาล ถือเปน็ สัญลักษณ์ของการกลับมาอยู่พร้อมหน้า

กนั ในยามคาํ่ ตามเมืองตา่ งๆ จะจดั การแสดงโคมไฟหลากหลายรปู แบบสีสนั ขึน้ อันเป็นทม่ี าของชอื่

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

เทศกาลน้ี โดยจดั สบื เนื่องกันมานบั ตงั้ แตศ่ ตวรรษท่หี นงึ่ และยังไดร้ ับความนิยมในหลายเมอื งจวบจน
ปัจจบุ นั ขณะที่ในเขตชนบทชาวบา้ นจะจัดงานเล้ยี งและมีการละเลน่ ในยามคํ่า

เทศกาลชิงหมงิ ตรงกับวันที่ ๕ เมษายนของทุกปี ตามธรรมเนยี มแล้วในวันน้ชี าวจีนจะทาํ พธิ ไี หว้
บรรพบรุ ุษ ทงั้ ยังเดนิ ทางไปเคารพสสุ านวรี ชนนักปฏิวตั ิ และถือเปน็ โอกาสอันดใี นการเดนิ ทางไปยงั เขต
ชนบทเพือ่ ต้งั คา่ ย เดินป่า เลน่ ว่าว และชน่ื ชมความงามของฤดูใบไม้ผลิ อันเปน็ เหตผุ ลให้เทศกาลชงิ หมงิ
มชี ื่อเรยี กอกี ชือ่ หนึง่ วา่ “วนั ชมธรรมชาต”ิ

๑๐

ภาพที่ ๘ ภาพเขยี นสมัยราชวงศซ์ ่งแสดงการเฉลมิ ฉลองเทศกาลชิงหมิง

เทศกาลแขง่ เรอื มังกรตรงกบั วนั ขึ้นหา้ คํ่าเดอื นหา้ ตามปฏทิ ินจนั ทรคติ โดยเช่อื กันวา่ จัดข้ึนเพ่อื ราํ ลึก
ถึงชฺวีหยวน กวผี ้รู ักชาตแิ ละรฐั บรุ ษุ ผู้ยิ่งใหญ่ของรัฐฉู่ในยุคจา้ นก๋ัว (๔๗๕-๒๒๑ ปกี อ่ นครสิ ตศกั ราช)
ชวฺ หี ยวนผู้นเี้ ปน็ ผูป้ ฏิรปู ระบบการเมอื งการปกครองและลงโทษพวกฉอ้ ราษฎรบ์ ังหลวง แต่กลบั ถูกพวก
ขุนนางกงั ฉนิ ใส่รา้ ย จนถกู กษัตรยิ ร์ ฐั ฉ่เู นรเทศ เขาฆ่าตวั ตายด้วยการโจนลงแม่นํา้ หมห่ี ลัวซึ่งปจั จบุ ันอยู่
ในเขตมณฑลหหู นานในวันท่ีห้าเดือนหา้ หลงั จากรัฐฉู่ตกเป็นของรฐั ฉนิ ในปี ๒๗๘ กอ่ นครสิ ตกาล หลงั
จากชวฺ หี่ ยวนตาย ชาวบ้านทอ่ี าศยั อยู่รมิ นาํ้ ตา่ งพากนั พายเรือออกค้นหาศพ พรอ้ มกบั โยนบ๊ะจ่าง (ขนม
รูปปริ ามดิ ทําจากแป้งข้าวเหนยี วห่อดว้ ยใบไผ)่ ลงในนํ้าให้ปลาให้ก้งุ กินเพ่ือปอ้ งกนั ไมใ่ หป้ ลาให้กุ้งกินศพ
ชาวจนี จงึ นยิ มจดั การแขง่ เรอื มังกรและรับประทานบะ๊ จา่ งในเทศกาลนจี้ วบจนปจั จบุ ัน

เทศกาลไหวพ้ ระจนั ทรต์ รงกบั วันข้นึ สบิ หา้ ค่ําเดอื นแปดตามปฏทิ นิ จนั ทรคติ ซง่ึ เปน็ วนั กลางฤดูใบไม้
รว่ ง (อันเป็นทมี่ าของชอ่ื เทศกาลในภาษาจนี ) โดยทอ้ งฟา้ ในวันนจี้ ะปลอดโปรง่ อากาศสดชน่ื และเดือน

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

เพญ็ ก็ส่องสว่างสกุ ใสเปน็ พเิ ศษ สมาชิกทกุ คนในครอบครวั จะน่ังรบั ประทานขนมไหวพ้ ระจันทรแ์ ละนง่ั ชม

พระจันทร์รว่ มกนั พระจนั ทรด์ วงกลมและขนมไหวพ้ ระจนั ทรช์ น้ิ กลมเป็นสญั ลกั ษณแ์ ทนการกลบั มาอยู่

พร้อมหนา้ ของคนในครอบครัว ในคืนน้ีผ้คู นยังคงทอ่ งบทกลอนของกวีเอกสมัยราชวงศ์ถังนามหลี่ไป๋

มาถึงทกุ วันนี้

แสงเดอื นส่องข้างมญั จาอยพู่ ราวพรา่ ง

ดั่งน้าํ คา้ งระยาบวบั จบั ใจข้า

เบิกดวงเนตรผนิ พกั ตรเ์ หน็ เพญ็ จนั ทรา

พลันกม้ หนา้ หวนคะนงึ ถงึ เรอื นนอน

เทศกาลฉงหยางตรงกับวันขนึ้ เก้าค่าํ เดือนเก้าตามปฏทิ ินจนั ทรคติ (อนั ที่ทีม่ าของช่อื เรยี กอีกชือ่ หนง่ึ

ว่า ฉงจวิ่ -เก้าคู่) เลขเก้าตามคตคิ วามเช่อื ของชาวจีนนน้ั เปน็ เลขมงคล ดงั นั้นวันท่ีเกา้ เดือนเก้าจงึ เป็นวัน

มหามงคล โดยในวนั นี้ชาวจีนมักจะไปปนี เขา ด่ืมเหลา้ และชมดอกเบญจมาศ ตัง้ แตป่ ลายทศวรรษ

๑๙๘๐ เปน็ ตน้ มาเทศกาลนถี้ อื เป็นเทศกาลสําหรบั ผู้สงู อายุ มกี ารจัดกจิ กรรมเพื่อผูส้ งู อายทุ ัว่ ประเทศ

ตลอดพัฒนาการทาง

ประวัติศาสตร์ ชาวจีนแต่ละ ๑๑

ก ลุ่ ม ช า ติ พั น ธ์ุ ไ ด้ พั ฒ น า

ป ร ะ เ พ ณี ม า ก ม า ย อั น

สะท้อนอัตลักษณ์ของตน

ผ่ า น อ า ห า ร ก า ร กิ น

เคร่ืองนุ่งห่ม และท่ีพักอาศัย

ซึ่งล้วนแต่แตกต่างกันไป

ตามสภาพแวดล้อม สังคม

และระดับการพัฒนาทาง

เศรษฐกิจ โดยท่ัวไปชาวฮ่ัน

ภาพที่ ๙ ภาพเขยี นสมยั ราชวงศ์ซ่งซ่ึงเขยี นซา้ํ ภาพสมัยราชวงศ์ถงั ท่ีอยู่ทางใต้นิยมรับประทาน
แสดงการจัดเลยี้ งกลางแจง้ ของชาวจีนในอดตี ข้าว ขณะที่ผู้คนทางเหนือ
นิยมอาหารที่ทําจากแป้ง

สาลี แต่ต่างก็ชอบรับประทานผัก ถั่ว หมู ไก่ ไข่ และผลไม้ทั้งสิ้น และแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ก็มีวิธีประกอบ

อาหารแตกต่างกันไป ชาวมองโกลน้ันนิยมรบั ประทานเน้ือวัวและเนื้อแกะ พร้อมท้ังด่ืมชาใส่นม ส่วนชาว

ทิเบตรับประทานจันปา (แป้งข้าวบาร์เลย์ชิงเคอย่าง) ชาใส่เนยหรือเหล้าท่ีทําจากข้าวบาร์เลย์ชิงเคอเป็น

พ้ืน ชาวอุยกูร์ คาซัก และอุซเบกชอบเน้ือแกะย่าง แป้งทอดแผ่นแข็ง และกับข้าวที่ทําจากเนื้อแกะ แค

รอท ลูกเกด ฯลฯ โดยใชม้ ือเปิบ ชาวเกาหลชี อบหม่านโถวแปง้ ข้าวเหนียว ก๋วยเตี๋ยวเย็น และกิมจิ ขณะท่ี

ชาวหลี จิง ไต่ ป้หู ลา่ ง และฮาหนชี อบเคี้ยวหมาก

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป แตเ่ ดิมเครอ่ื งแตง่ กายตามปรกตขิ องหญิงชาว
แมนจคู อื ชดุ ฉเี ผา (ก่ีเพา้ ) ชาวมองโกลสวมชดุ แบบ
ภาพที่ ๑๐ ครอบครวั ชาวคีร์กิซ ด้ังเดมิ พรอ้ มรองเท้าบตู๊ สาํ หรับข่ีมา้ ชาวธเิ บตชอบ
สวมชดุ แบบทเิ บต พร้อมผ้าผกู เอวและรองเทา้ บตู๊
ภาพที่ ๑๑ สตรีเผ่าเหมียวเขายาว ชาวอุยกูร์สวมหมวกทรงเพชรปักลาย ชาวเกาหลี
ซ่ึงเปน็ สาขายอ่ ยของกลุ่มชาติพันธเ์ุ หมยี ว นิยมสวมรองเท้าทรงเรอื สตรชี าวหยี เหมยี ว และ
เหยา นิยมสวมกระโปรงจีบและประดบั ตกแต่ง
ในอาํ เภอจือจิน มณฑลกุย้ โจว
ด้วยเครอ่ื งเงนิ และทอง

ตามธรรมเนยี มโบราณของชาวฮ่ัน บา้ น

จะตอ้ งมีทรงสีเ่ หลย่ี ม ส่วนคนเลยี้ งสตั วเ์ รร่ อ่ นใน

มองโกเลียใน ชงิ ไห่ และกานซูโดยมากจะอาศัย

อยู่ในกระโจม ชาวไต่ จว้ ง และป้ยู ที างใตข้ องจนี

จะอาศัยอยใู่ นบ้านหลายช้นั ยกพ้นื สูง ขณะทใี น

เขตทีม่ ปี ระชากรหนาแนน่ ในปัจจบุ นั ผ้คู นสว่ น ๑๒

ใหญ่จะอาศัยอยูใ่ นอพาร์ทเมน้ ท์

ประเทศจีน เปน็ ประเทศทม่ี คี วามหลากหลาย

ทางศาสนา มีผู้นบั ถอื ลทั ธคิ วามเชอื่ ต่างๆ

มากกวา่ ๑๐๐ ลา้ นคน ศาสนาหลกั ไดแ้ กพ่ ทุ ธ

อิสลาม คริสต์ คาธอลิก และเตา๋ อันเปน็ ลทั ธิ

ความเชือ่ ดงั้ เดมิ ของชาวจนี ขณะทช่ี าวหุย อยุ กรู ์

คาซัก และกลมุ่ ชาตพิ ันธุอ์ ืน่ ๆ ในแถบเดียวกนั นบั

ถอื ศาสนาอิสลาม ชาวทเิ บตและมองโกลนบั ถอื

ศาสนาพทุ ธนกิ ายทิเบต ชาวไตแ่ ละปู้หลา่ งนับถือ

ศาสนาพทุ ธนกิ ายเถรวาท กระนน้ั กม็ ีชาวเหมยี ว

เหยา และหยบี างสว่ นทน่ี บั ถอื ศาสนาครสิ ตห์ รอื

คาธอลกิ ชาวฮั่นบางสว่ นปฏบิ ตั ติ ามคาํ สอนของ

ศาสนาพุทธ ครสิ ต์ คาธอลกิ หรือเต๋า โดยท่ชี าว

ฮนั่ ส่วนใหญ่ไม่นบั ถอื ลทั ธคิ วามเชื่อใดๆ

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทท่ี ๔ เขตการปกครองและปัญหาไต้หวัน

ในปัจจบุ นั ประเทศจนี แบง่ เขตการปกครองออกเป็นสามระดบั กลา่ วคอื ประเทศแบ่งออกเปน็ มณฑล
(province) อาํ เภอ (county) และตําบล เขตการปกครองระดับมณฑลได้แก่ มณฑล เขตปกครองตนเอง
(autonomous region) และมหานคร (municipality) ซ่งึ ข้นึ ตรงต่อรฐั บาลกลาง แตล่ ะมณฑล (หรอื เขต
ปกครองตนเอง) แบ่งออกเป็นจงั หวัดปกครองตนเอง (autonomous prefecture) อาํ เภอ (หรอื อําเภอ
ปกครองตนเอง- autonomous county) และเมือง แตล่ ะอาํ เภอแบง่ ออกเปน็ ตาํ บล (township) และเทศ
ตาํ บล (town)

๑๓

ภาพท่ี ๑๒ แผนทร่ี ฐั ศาสตร์แสดงเขตการปกครองของสาธารณรัฐประชาชนจีน

ประเทศจีนมมี ณฑล ๒๓ มณฑล เขตปกครองตอนเอง ๕ เขต มหานคร ๔ แห่งซึ่งขนึ้ ตรงต่อรฐั บาล
กลาง และเขตปกครองพเิ ศษ ๒ เขต

ไตห้ วนั ถือเปน็ ส่วนหน่ึงท่ีไม่อาจแยกจากเขตแดนของประเทศจนี ไดน้ ับแต่ครงั้ บรรพกาล ดังจะได้
อธบิ ายตอ่ ไปน้ี

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ไต้หวันต้ังอยูท่ างทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจนี แผน่ ดินใหญต่ รงข้ามกบั มณฑลฝูเจย้ี น (ฮกเกยี้ น) กนั้

กลางด้วยช่องแคบไต้หวนั ตัวเกาะมีขนาดพ้นื ที่ ๓๖,๐๐๐ ตารางกโิ ลเมตร ในสมัยโบราณเรยี กวา่ อ๋โี จว

หรอื หลิวฉิว พฒั นาในยคุ แรกเรม่ิ ได้รับการบนั ทกึ ลงในตําราและเอกสารประวตั ศิ าสตรจ์ าํ นวนมาก

บรรดาราชสํานักจีนในยคุ ต่างๆ ลว้ นจดั ตง้ั หนว่ ยการปกครองข้นึ บนเกาะไต้หวนั วฒั นธรรมประเพณีจนี

เองกไ็ ด้เผยแพรส่ ูไ่ ตห้ วนั อย่างไม่ขาดสาย แม้ในช่วง ๕๐ ปที ถี่ กู ญีป่ นุ่ ยึดครองก็ตาม หลังจากจนี ชนะ

สงครามต่อตา้ นญปี่ นุ่ ในปี ๑๙๔๕ รัฐบาลจีนได้สถาปนาหนว่ ยการปกครองขึน้ ในมณฑลไตห้ วันอกี คร้ัง

กอ่ นวนั สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี ๑๙๔๙ รัฐบาลก๋วั หมนิ ตัง่ (กก๊ มินตัง๋ ) ได้ลี้ภยั จาก

แผน่ ดนิ ใหญไ่ ปอยู่ไตห้ วัน จากน้นั ในปี ๑๙๕๐ เกดิ สงครามเกาหลขี ้นึ สหรฐั อเมรกิ าได้สง่ กองเรอื ทเี่ จ็ด

เข้ารุกรานเกาะไตห้ วันและชอ่ งแคบไตห้ วัน ลุปี ๑๙๕๔ รฐั บาลสหรฐั อเมริกากับรฐั บาลไต้หวนั ไดร้ ว่ มลง

นามใน “สนธสิ ัญญาป้องกนั รว่ ม” อันเป็นโมฆะ ซงึ่ นาํ ไปส่กู ารแยกไตห้ วันออกจากจนี แผน่ ดนิ ใหญ่

ใ น เ ดื อ น กุ ม ภ า พั น ธ์ ๑ ๙ ๗ ๒

ป ร ะ ธ า น า ธิ บ ดี ริ ช า ร์ ด นิ ก สั น แ ห่ ง

สหรฐั อเมรกิ าเดนิ ทางเยอื นประเทศจีน และ

ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามใน “แถลงการณ์ ๑๔

ซ่างไห่” จากนั้นในวันที่ ๑ มกราคม

๑ ๙ ๗ ๙ ส ห รั ฐ อ เ ม ริ ก า ไ ด้ ส ถ า ป น า

ความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ

กับประเทศจีน โดยรับรู้ว่าสาธารณรัฐ

ประชาชนจีนเป็นรัฐบาลโดยชอบธรรมของ

ภาพท่ี ๑๓ ประธานาธบิ ดรี ชิ าร์ด นกิ สนั ประเทศจีนเพียงผู้เดียวและไต้หวันถือเป็น
เข้าพบประธานาธบิ ดีเหมาเจ๋อตง ในปี ๑๙๗๒
ส่วนหนึ่งของประเทศจีน ขณะเดียวกันน้ัน
ส ห รั ฐ อ เ มริ ก า ยัง ไ ด้ป ร ะ กา ศ ยก เ ลิ ก

“ความสัมพันธ์ทางการทูต” กับรัฐบาลไต้หวัน ส่งผลให้สนธิสัญญาป้องกันร่วมส้ินสุดลงและดําเนินการ

ถอนกําลังพลออกจากไต้หวัน ภายใต้เง่ือนไขทางประวัติศาสตร์ดังกล่าวนี้และเพ่ือผลประโยชน์และ

อนาคตของชาติ รัฐบาลจีนจึงได้มุ่งหน้าดําเนินนโยบาย “รวมประเทศโดยสันติ และหน่ึงประเทศสอง

ระบบ” ท้ังนี้โดยเคารพประวัติศาสตร์และสภาพท่ีเป็นจริง ค้นหาความจริงจากข้อเท็จจริง และคํานึงถึง

ผลประโยชน์ของทุกฝา่ ยท่ีเกี่ยวขอ้ ง

เน้ือหาโดยสังเขปของนโยบายดงั กลา่ วมดี งั น้ี

จนี เดียว ในโลกนี้มีประเทศจนี เพียงประเทศเดยี ว และไตห้ วันถอื เปน็ สว่ นหนึ่งของประเทศจนี อยา่ ง

มิอาจแยกกนั ได้ รฐั บาลกลางต้ังอยู่ ณ กรงุ ปักกงิ่

การเมอื งสองระบอบพรอ้ มกัน ดว้ ยแนวทางจีนเดยี วนี้ จนี แผ่นดนิ ใชจ้ ะปกครองในระบอบสังคม

นิยม และไตห้ วนั จะใช้ระบอบทนุ นิยมไปพร้อมกันเพ่ือการพัฒนาร่วมกัน

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

อิสรภาพขั้นสงู ภายหลังการรวมชาติ ไต้หวนั จะกลายเปน็ เขตปกครองพเิ ศษ ทาํ ให้มอี สิ รภาพใน
การปกครองตนเองสงู

การเจรจาโดยสันติ การรวมชาตจิ ะดําเนินไปดว้ ยสนั ตวิ ิธผี า่ นการเจรจาและสญั ญาต่างๆ การใช้
กําลงั ทหารไมไ่ ดม้ ไี วเ้ พือ่ ดาํ เนินการกับเพ่อื นรว่ มชาตใิ นไต้หวัน หากแต่มีไว้ต่อตา้ นการกระทําใดๆ ที่
ขดั ขวางการรวมชาตโิ ดยกาํ ลังตา่ งชาติ ซึ่งจะนําไปส่กู ารแยกไต้หวนั เป็นอิสระ

ในวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๑๙๙๗ และ ๒๐ ธนั วาคม ๑๙๙๙ รฐั บาลจีนไดอ้ าํ นาจอธปิ ไตยเหนือฮ่องกง
และมาเกา๊ กลบั คืนมาตามลาํ ดับ ซงึ่ สาํ หรบั ประชาชนจนี ทง้ั มวลแล้ว การยตุ ปิ ญั หาไตห้ วนั และการรวม
ชาติจีนได้กลายเปน็ พนั ธกิจที่สาํ คญั ย่ิงทางประวตั ิศาสตรอ์ ยา่ งไม่เคยปรากฏมากอ่ น

เขตการปกครองของประเทศจนี

ชือ่ เมืองเอก พ้นื ท่ี (ตร.กม.) จํานวนประชากร ๑๕
มหานครเป่ย์จงิ (ปักกงิ่ -เมอื งหลวง) เปย่ จ์ ิง ๑๖,๘๐๐ ๑๒,๔๐๐,๐๐๐
มหานครเทียนจนิ (เทียนสนิ ) เทยี นจนิ ๑๑,๓๐๐ ๙,๕๓๐,๐๐๐
มณฑลเหอเปย่ ์ สอื เจียจวง ๑๙๐,๐๐๐ ๖๕,๒๕๐,๐๐๐
มณฑลซานซี ไทห่ ยวน ๑๕๖,๐๐๐ ๓๑,๔๑๐,๐๐๐
เขตปกครองตนเองมองโกเลยี ใน ฮอฮอท ๒๓,๒๖๐,๐๐๐
มณฑลเหลยี วหนิง เสน่ิ หยาง ๑,๑๘๓,๐๐๐ ๔๑,๓๘๐,๐๐๐
มณฑลจห๋ี ลนิ ฉางชนุ ๑๔๕,๗๐๐ ๒๖,๒๘๐,๐๐๐
มณฑลเฮย์หลงเจียง ฮาร์บนิ ๑๘๗,๐๐๐ ๓๗,๕๑๐,๐๐๐
มหานครซา่ งไห่ (เซี่ยงไฮ)้ ซา่ งไห่ ๔๖๙,๐๐๐ ๑๔,๕๗๐,๐๐๐
มณฑลเจียงซู หนานจิง ๗๑,๔๘๐,๐๐๐
มณฑลเจอ้ เจยี ง หงั โจว ๖,๒๐๐ ๔๔,๓๕๐,๐๐๐
มณฑลอันฮุย เหอเฝย ๑๐๒,๖๐๐ ๖๑,๒๗๐,๐๐๐
มณฑลฝูเจย้ี น (ฮกเกีย้ น) ฝูโจว ๑๐๑,๘๐๐ ๓๒,๘๓๐,๐๐๐
มณฑลเจียงซี หนานชาง ๑๓๙,๐๐๐ ๔๑,๕๐๐,๐๐๐
มณฑลซานตง จี่หนาน ๑๒๐,๐๐๐ ๘๗,๘๕๐,๐๐๐
มณฑลเหอหนาน เจงิ้ โจว ๑๖๖,๖๐๐ ๙๒,๔๓๐,๐๐๐
มณฑลหูเปย่ ์ อู่ฮ่ัน ๑๕๓,๐๐๐ ๕๘,๗๓๐,๐๐๐
มณฑลหหู นาน ฉางซา ๑๖๗,๐๐๐ ๖๔,๖๕๐,๐๐๐
มณฑลกวา่ งตง (กวางตงุ้ ) กว่างโจว ๑๘๗,๔๐๐ ๗๐,๕๑๐,๐๐๐
เขตปกครองตนเองจว้ งกว่างซี หนานหนงิ ๒๑๐,๐๐๐ ๔๖,๓๓๐,๐๐๐
๑๘๖,๐๐๐
๒๓๖,๓๐๐

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ช่อื เมืองเอก พืน้ ท่ี (ตร.กม.) จาํ นวนประชากร

มณฑลไห่หนาน (ไหหลํา) ไห่โขว่ ๓๔,๐๐๐ ๗,๔๓๐,๐๐๐

มหานครฉงชงิ่ (จงุ กิง) ฉงช่ิง ๘๒,๐๐๐ ๓๐,๔๒๐,๐๐๐

มณฑลซ่ือชวน (เสฉวน) เฉิงตู ๔๘๘,๐๐๐ ๘๔,๓๔๐,๐๐๐

มณฑลกุย้ โจว ก้ยุ หยาง ๑๗๐,๐๐๐ ๓๖,๐๖๐,๐๐๐

มณฑลยฺหวินหนาน (ยูนนาน) คนุ หมงิ ๓๙๔,๐๐๐ ๔๐,๙๔๐,๐๐๐

เขตปกครองตนเองทิเบต ลาซา ๑,๒๒๐,๐๐๐ ๒,๔๘๐,๐๐๐

มณฑลส่านซี ซอี าน ๒๐๕,๐๐๐ ๓๕,๗๐๐,๐๐๐

มณฑลกานซู หลานโจว ๔๕๐,๐๐๐ ๒๔,๙๔๐,๐๐๐

มณฑลชิงไห่ ซหี นงิ ๗๒๐,๐๐๐ ๔,๙๖๐,๐๐๐

เขตปกครองตนเองหุยหนิงเซ่ีย หยนิ ชวน ๖๖,๔๐๐ ๕,๓๐๐,๐๐๐

เขตปกครองตนเองอยุ กูร์ซนิ เจียง อรุ มุ ชี ๑,๖๐๐,๐๐๐ ๑๗,๑๘๐,๐๐๐

เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ฮอ่ งกง ๑,๐๙๒ ๖,๕๐๐,๐๐๐

เขตปกครองพเิ ศษมาเกา๊ มาเกา๊ ๒๓ ๔๕๐,๐๐๐ ๑๖

มณฑลไตห้ วนั ไทเป ๓๖,๐๐๐ ๒๑,๕๒๐,๐๐๐

(ตามข้อมูลสาํ มะโนประชากรแหง่ ชาตคิ รง้ั ที่ ๕ ในปี ๒๐๐๐)

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๕ องค์กรปกครองของรัฐ

อาํ นาจทั้งปวงในสาธารณรัฐประชาชนจนี เป็นของประชาชนจนี ซ่งึ ใช้สทิ ธติ ามอาํ นาจของตนผ่าน
องค์กรท่เี รียกว่าสภานิติบญั ญัติประชาชนแห่งชาติและบรรดาสภานติ บิ ญั ญัติประชาชนระดบั ท้องถนิ่ ตา่ งๆ
ดงั นั้นจึงถอื ว่าระบบสภาประชาชนดงั กลา่ วน้เี ป็นพื้นฐานระบอบการเมอื งของประเทศจีน

ภาพท่ี ๑๔ ธงชาติและตราสญั ลักษณ์สาธารณรฐั ประชาชนจีน ๑๗

จีนเปน็ ประเทศที่มีความหลากหลายทางชาตพิ นั ธแ์ุ ละมีพรรคการเมืองหลากหลาย โดยก่อนท่ีรฐั บาล
จะดําเนินนโยบายใดๆ ทีอ่ าจสง่ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติและวถิ ีชวี ิตของประชาชน พรรค
คอมมิวนิสตแ์ ห่งประเทศจนี (Communist Party of China: CPC) ในฐานะเปน็ ผู้กุมอํานาจบริหารจะ
เสนอประเดน็ ดังกลา่ วเพ่อื หารอื กบั ผูแ้ ทนกลุ่มชาตพิ ันธ์ุ พรรคการเมอื ง กล่มุ อาชีพ และกลุ่มผไู้ ม่สงั กัด
พรรคการเมอื งท้ังหลาย ทงั้ น้ีเพ่อื สรา้ งความเขา้ ใจร่วมกัน ระบบความร่วมมือระหว่างพรรคการเมือง
ตา่ งๆ และขอคําปรกึ ษาทางการเมืองภายใต้การนําของพรรคคอมมวิ นิสตแ์ ห่งประเทศจนี นเี้ ปน็ ฐาน
สําคญั ของระบอบการเมืองของสาธารณรัฐประชาชนจีน

ระบบความร่วมมอื ระหว่างพรรคการเมอื งตา่ งๆ และขอคําปรึกษาทางการเมอื งนี้สามารถแสดงออก
ไดใ้ นสองรปู แบบ รปู แบบแรกคอื การประชมุ เพอื่ รับข้อปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจนี (Chinese
People’s Political Consultative Conference: CPPCC) และอกี รูปแบบหน่งึ คอื การประชุมหารอื ขอ้
ปรกึ ษาในหมพู่ รรคการเมืองและกลุ่มไมส่ ังกดั พรรคการเมอื งต่างๆ ซง่ึ จดั ข้ึนโดยคณะกรรมการกลาง
พรรคคอมมวิ นิสตแ์ หง่ ประเทศจนี หรือคณะกรรมการทอ้ งถ่ินในระดับตา่ งๆ

องค์กรปกครองของประเทศจนี ประกอบด้วย
องคก์ รอาํ นาจรฐั — สภานิตบิ ญั ญตั ปิ ระชาชนแห่งชาติ และสภานติ บิ ัญญัตปิ ระชาชนระดบั ท้องถ่ิน
ประธานาธบิ ดเี ปน็ ประมขุ ของประเทศ
องคก์ รบรหิ ารแหง่ รฐั — รฐั สภา และรฐั บาลประชาชนทอ้ งถนิ่

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

องค์กรทหารแห่งรัฐ — คณะกรรมาธิการการทหารกลาง

องคก์ รยตุ ิธรรมแห่งรฐั — ศาลฎกี าประชาชน ศาลประชาชนท้องถน่ิ ระดับต่างๆ และศาลประชาชน

พิเศษ

องคก์ รอยั การแหง่ รฐั — สาํ นักงานอยั การประชาชนสงู สดุ สาํ นกั งานอยั การประชาชนทอ้ งถิ่นระดบั

ตา่ งๆ และสาํ นกั งานอัยการพิเศษ

ท้ายนีจ้ ะกลา่ วถงึ สภาพปญั หาและ

คาํ มัน่ สญั ญาของประเทศจีน

จนี เป็นประเทศกําลังพฒั นาขนาด

ใหญ่ที่มปี ระชากรมากว่า ๑,๓๐๐ ลา้ น

คน โดยพน้ื ฐานแลว้ เศรษฐกจิ

ระดบั ชาตคิ อ่ นขา้ งอ่อนแอ และการ

พัฒนาอตุ สาหกรรม เกษตรกรรม

วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยยี ังอยใู่ น

ระดับต่าํ ระบบเศรษฐกจิ เกา่ ยงั คง ๑๘

ภาพท่ี ๑๕ มหาศาลาประชาชน ณ มหานครเป่ย์จิง ขดั ขวางการเตบิ โต ของระบบเศรษฐกจิ
เปน็ สถานทจ่ี ัดประชมุ สภานิติบญั ญตั ปิ ระชาชนแห่งชาติ แบบตลาดสงั คมนิยม ชอ่ งว่างระหว่าง
ภาคตะวันออก กับภาคตะวันตกของ

ประเทศ และชอ่ งวา่ งระหว่างคนรวยกบั คนจนคอ่ นข้างกวา้ ง ทรพั ยากรนาํ้ ทด่ี นิ และแรธ่ าตขุ องจนี โดย

เฉลยี่ ตอ่ คนยังถือว่าน้อยมาก ทงั้ ยังมีมลพษิ สิง่ แวดลอ้ มเปน็ ปญั หาขน้ั วกิ ฤตอกี ประการหนงึ่ ด้วย

แมจ้ ะประสบปญั หาข้างต้นกต็ าม ประเทศจีนยังมีคํามน่ั สัญญาอนั สาํ คญั ยิ่งในการสรา้ งสงั คมนิยมอนั

ทนั สมัย การพฒั นาเศรษฐกจิ ประสบความสําเรจ็ อยา่ งยง่ั ยนื นับแตก่ ารดําเนนิ นโยบายปฏริ ปู และเปดิ

ประเทศในปี ๑๙๗๙ ภายใต้การนาํ ของเตงิ้ เสีย่ วผงิ ในวันนป้ี ระเทศจีนเปน็ ผนู้ ําการส่งออก

ผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมและเกษตรกรรมรายสําคญั ของโลก ประชาชนจนี เองกม็ ุ่งหนา้ เพอื่ รว่ มกัน

สรา้ งสรรคส์ งั คมอันผาสุก หลังจากดาํ เนนิ ยทุ ธศาสตรก์ ระชากวยั ประเทศจีนโดยการสง่ เสริมวิทยาศาสตร์

และการศึกษา พร้อมยึดหลกั การพัฒนาอย่างยง่ั ยืน สง่ ผลใหจ้ ีนกาํ ลังก้าวเขา้ สคู่ วามทนั สมยั และ

ผลติ ภณั ฑ์มวลรวมประชาชาติสูงเทยี บเทา่ กับระดับกลางของประเทศทพี่ ัฒนาแล้ว ซ่ึงทา้ ยท่สี ุดประชาชน

จนี จะประสบความอยดู่ กี ินดี แม้จีนจะเปน็ ประเทศเก่าแกแ่ ต่ในปจั จุบนั กาํ ลังเปลง่ รศั มขี องความเปน็ หนุม่

สาวอนั กระปรกี้ ระเปรา่ ซ่งึ จะสร้างเสริมสนั ติสขุ และความก้าวหน้าใหม้ นั่ คงสบื

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๖ ประวัติศาสตร์สมัยโบราณโดยสังเขป

หลกั ฐานจากการขุดคน้ ทางโบราณคดีแสดงให้เห็นวา่ มีมนุษยด์ ึกดาํ บรรพอ์ าศัยอยู่เมอ่ื กว่าหน่ึงล้านปี

มาแลว้ ในบรเิ วณท่ีรู้จักกนั วา่ เปน็ ประเทศจนี ในปจั จบุ นั จนี เป็นประเทศทเ่ี ก่าแกท่ ีส่ ดุ ประเทศหน่งึ ในโลก

โดยมีบนั ทกึ ทางประวัติศาสตร์มานับ ๔,๐๐๐ ปี

“นับแต่ผันกู่แยกดินฟ้า มีสามบูรพกษัตริย์กับห้าอธิราชเป็น

ใหญ่ในบรรพกาล” ผันกู่คือวีรบุรุษในนิทานปรัมปราผู้ซึ่งแยก

สวรรค์และโลกออกจากกัน สามบูรพกษัตริย์กับห้าอธิราชล้วนเป็น

วีรบุรุษในตํานานเช่นกัน โดยเชื่อกันว่าสามมหาราชคือ ฝูซี เสิน-

หนง และหวงตี้ ฝูซีน้ันเป็นบรรพบุรุษคนแรกของชาวจีน มีหัวเป็น

คนมีตัวเป็นงู อยู่กินกับน้องสาวของตนนามว่านฺหวี่วา ซึ่งบรรดา

บุตรของท้ังคู่ก็คือเหล่ามนุษย์นั่นเอง เสินหนงมีชื่อเรียกอีกชื่อหน่ึง

ว่า เหยยี นตี้ เปน็ เทพกสิกรรมและหัวหน้าชนเผา่ ทางใต้ ส่วนหวงตี้

หรือจักรพรรดิเหลือง เป็นหัวหน้าชนเผ่าทางตะวันตกเฉียงเหนือ ๑๙

สองเผ่าน้ีร่วมมือกันขับไล่ชนเผ่าของชื่อโหยว แล้วตั้งถ่ินฐานใน

บริเวณภาคกลางพร้อมกับผูกสัมพันธ์กับเช่นเผ่าอื่นๆ จนก่อกําเนิด

ประเทศจีนขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ชาวจีนทั่วโลกขนานนามตนเอง

ว่าเปน็ “ลูกหลานเหยยี นตี้หวงต้”ี

ส่วนอธริ าชอกี สามคนได้แก่ เหยา ซนุ่ และยหฺ ว่ี ซง่ึ อย่หู ลงั ยคุ

ภาพท่ี ๑๖ นฺหวี่วากบั ฝูซี หวงตี้ นทิ านเรอ่ื งยหฺ วี่บาํ บดั อุทกภัยนน้ั ยงั เล่าขานสบื กันมาจวบจน
ทุกวันนี้ โดยตาํ นานกล่าววา่ ในสมัยนน้ั แมน่ าํ้ หวงเหอจะเออ่ ล้นไหล่

ท่วมทุกปี ยฺหวต่ี ั้งปณธิ านจะกําราบแม่นํา้ สายนใ้ี หไ้ ด้ จึงเกณฑไ์ พรพ่ ลขุดลอกคคู ลองเพ่อื ชกั นํา้ ทท่ี ่วมอยู่

นั้นให้ไหลลงสทู่ ะเล เขาตอ้ งเผชิญอปุ สรรคนานปั การและกวา่ จะควบคมุ แมน่ าํ้ หวงเหอให้ไดน้ ้ันตอ้ งใช้

เวลานานถงึ ๑๓ ปตี ิดกนั วา่ กนั ว่าเขาทุม่ เทให้งานนม้ี ากถึงขนาดทว่ี ่าแมเ้ มือ่ มโี อกาสเดนิ ทางผา่ นหน้า

บ้านตนถงึ สามหนแตก่ ็ตดั ใจไมย่ อมแวะเลยสักหนเดยี ว

ในศตวรรษที่ ๒๑ ก่อนครสิ ตกาล บตุ รชายของยฺหว่ีนามว่าฉี่ไดส้ ถาปนาราชวงศเ์ ซยี่ ข้นึ เปน็ ราชวงศ์

แรกในประวัตศิ าสตรจ์ นี ซง่ึ นํามาพร้อมจดุ เริ่มต้นของสงั คมทาสในประเทศจีน กระนัน้ ความรเู้ กย่ี วกับ

ราชวงศน์ ้ียงั มนี อ้ ยมาก

ราชวงศ์ซางเข้ามาแทนที่ราชวงศ์เซ่ียในศตวรรษท่ี ๑๗ ก่อนคริสตกาล บรรดาคําจารึกบนกระดอง

เตา่ ด้วยอักษรโบราณสมัยราชวงศซ์ างนี้ ถอื เปน็ หลักฐานการเขียนช้ินแรกของประวัติศาสตร์จีน อย่างไรก็

ดีคําจารึกเก่ียวกับพิธีกรรมศักดิ์สิทธ์ิดังกล่าวนี้เพิ่งถูกค้นพบเมื่อหนึ่งร้อยปีมานี่เอง โดยเล่ากันว่าในปี

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

๑๘๙๙ นักภาษาศาสตร์ชื่อดังในเป่ย์จิงนามว่า

หวังอี้หรงไม่สบาย เมื่อไปซื้อยาหมอได้ให้ยาจีน

โบราณท่ีเรียกกันว่า “กระดูกมังกร” มารับประทาน

ซึ่งเขาพบโดยบังเอิญว่าบนกระดูกมังกรน้ันมีอักขระ

บางอย่างปรากฏอยู่ หวงั อ้หี รงไม่เพียงแตซ่ ้อื ยาขนาน

ดังกล่าวมาหมดทั้งร้านเท่านั้น หากยังส่งคนไปซื้อ

กระดูกจํานวนมหาศาลท่ีหมู่บ้านเส่ียวถุน อําเภอ

อันหยาง มณฑลเหอหนาน อันเป็นแหล่งขุดพบเลย

ทีเดียว กระดูกมังกรที่เรียกกันนี้ได้รับการพิสูจน์ใน

ภายหลังว่าแท้จริงแล้วคือกระดองเต่าและกระดูกสัตว์

ส่วนอักขระที่จารึกอยู่นั้นคืออักษรจีนโบราณสมัย

ราชวงศซ์ าง นอกจากนั้นแล้วยังพบวา่ ในสมยั ราชวงศ์

ซางมีเครื่องสัมฤทธิ์ ซ่ึงฝีมือท่ีปรากฏนั้นช้ีให้เห็นว่า

เทคโนโลยีการหลอมโลหะสมั ฤทธ์ิ ได้พัฒนาถงึ ขน้ั สงู ภาพที่ ๑๗ เครื่องสัมฤทธ์ิสมัยราชวงศ์ซาง ๒๐
แลว้

กษัตริย์องคส์ ุดท้ายของราชวงศ์ซางคือพระเจา้ โจ้ว (ซางโจว้ หวาง) นน้ั เปน็ ทรราชมนี สิ ยั โหดรา้ ย

ทําให้ไพรฟ่ า้ ทง้ั แผ่นดินตา่ งลกุ ขึ้นตอ่ ต้าน ในศตวรรษที่ ๑๑ กอ่ นครสิ ตกาล ราชวงศ์ซางก็ถูกลม้ ล้างโดย

ราชวงศโ์ จว

ชว่ ง ๒๐๐ ปแี รกของราชวงศโ์ จว หรือท่เี รียกว่ายคุ โจวตะวนั ตก ตง้ั เมืองหลวงอยู่บรเิ วณเมอื งซอี าน

ปัจจบุ ัน ลปุ ี ๗๗๐ ก่อนครสิ ตกาลจงึ ไดย้ ้ายเมืองหลวงไปทีบ่ รเิ วณเมอื งลั่วหยางปัจจุบนั ซ่งึ เรียกยคุ น้ี

วา่ โจวตะวนั ออก ตาํ นานไดก้ ลา่ วถึงเหตใุ หย้ ้ายเมืองหลวงไปทางตะวันออกไว้ดังน้ี

พระเจา้ อวิ (โจวอวิ หวาง) มสี นมคใู่ จนางหนงึ่ นามวา่ เปาซือ่ ซงึ่ เปน็ ผหู้ ญิงย้มิ ยาก วันหนึ่งพระเจา้ อิว

หมายใจจะใหส้ นมเปาซื่อยม้ิ จงึ สั่งให้ทหารจุดไฟสญั ญาณบนหอคอย เมื่อเจ้าผูค้ รองนครท้ังหลายเห็น

เหน็ ไฟสัญญาณก็เข้าใจว่าศตั รูยกทพั มาบกุ จงึ เรง่ ยกพลมาชว่ ยเมืองหลวง สนมเปาซ่ือซ่งึ ยนื อยบู่ นกําแพง

เมอื งเหน็ ไพรพ่ ลและมา้ ศึกมากมายว่งิ กลับไปกลบั มาก็ยมิ้ ดงั ทีพ่ ระเจา้ อวิ คาดไว้ ทว่าเม่อื กองทัพศัตรบู ุก

เขา้ มาจริงๆ เจ้าผู้ครองนครเหน็ ไฟสญั ญาณแต่ก็ไม่ยอมยกทัพเข้ามาชว่ ย ผลสดุ ทา้ ยกองทัพศัตรกู จ็ บั พระ

เจา้ อวิ สงั หารแล้วปลน้ สะดมเมืองหลวงเสยี หายยอ่ ยยับ ราชบตุ รพระเจ้าอิวจงึ จาํ ตอ้ งยา้ ยเมอื งหลวงไปทาง

ตะวันออกอย่ทู ี่ล่วั หยาง

ในสมยั ราชวงศ์โจวตะวนั ออก รฐั ประเทศราชทง้ั หลายซ่ึงปกครองโดยเจ้าผคู้ รองนครไดส้ ง่ั สมอาํ นาจ

กล้าแขง็ ขึ้นและต่างแย่งชิงดินแดนกันอยูไ่ ม่ขาด ประวตั ศิ าสตรเ์ รยี กยุคนี้ว่ายุคชนุ ชวิ (ยคุ ใบไมผ้ ลิใบไม้

รว่ ง) และยคุ จ้านก๋วั (ยคุ สงครามระหว่างรฐั )

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ในยคุ ดังกล่าวนี้ พฒั นาการทางความคิดของผคู้ นมีสูงมาก สง่ ผลให้เกิดนักคิด นักการเมือง และ
นักวางแผนชื่อดงั มากมาก ในบรรดาคนเหลา่ นน้ั มีขงจื๊อ ผเู้ ปน็ ปราชญแ์ ละนักการศกึ ษาท่ยี ิง่ ใหญ่ทีส่ ุด
ของประเทศจนี ขงจ๊อื มศี ษิ ยานศุ ษิ ยก์ วา่ ๓,๐๐๐ คน ซ่งึ ๗๒ คนในจาํ นวนนนั้ เปน็ บณั ฑติ ผมู้ ผี ลงานโดด
เด่น บรรดาสาวกไดบ้ นั ทกึ และเรยี บเรียงคาํ สอนและขอ้ คิดต่างๆ ของขงจอื๊ และศิษยไ์ วใ้ นคัมภรี ์ “หลุน
ยฺหว”ี่ ซ่ึงบรรยายใหเ้ หน็ แนวคดิ ของลทั ธขิ งจื๊ออย่างถว้ นทั่ว และลัทธขิ งจ๊ือนี้เองท่ที รงอทิ ธิพลมหาศาลต่อ
ประวัติศาสตรจ์ ีนเรือ่ ยมา

๒๑

ภาพท่ี ๑๘ ขงจื๊อสอนศิษย์

นอกจากขงจื๊อแล้วยงั มสี วฺ นิ จื๊อและเมง่ิ จ๊ือเปน็ ตวั แทนของสาํ นกั คดิ ขงจือ๊ เลา่ จอื๊ และจวงจอ๊ื เปน็ ผนู้ าํ
ลทั ธเิ ต๋า โมจ่ อ๊ื เปน็ ผู้กอ่ ตั้งลัทธิโม่ ขณะที่หานเฟยเ์ ปน็ เจา้ สํานักนิตธิ รรมนยิ ม สว่ นพชิ ัยสงครามซนุ จ่อื
ซึ่งแตง่ โดยนักยุทธศาสตร์อยา่ งซนุ อนู่ น้ั ยงั คงไดร้ บั การปรบั ใช้ในทางการทหารและบรหิ ารตราบเทา่ ทุก
วนั น้ี จงึ กลา่ วได้วา่ ยคุ จา้ นกั๋วน้เี ป็นยคุ “เมธรี ้อยสาํ นกั ประชนั เสยี ง” อย่างแท้จรงิ

ยุคจ้านกั๋วนม้ี รี ฐั ที่เขม้ แขง็ เหลอื อยเู่ พียงเจด็ รฐั อันไดแ้ ก่ ฉนิ ฉี ฉู่ เยียน หาน จา้ ว และเวย่ ์ ลุปี ๒๒๑
ก่อนคริสตกาลภายหลังกําจัดศัตรูทั้งหกรัฐสน้ิ แลว้ อิ๋งเจ้ิงกษตั ริยร์ ฐั ฉินไดร้ วบแผน่ ดนิ ไว้เปน็ ปกึ แผน่ และ
สถาปนารฐั รวมอํานาจสศู่ นู ย์กลางแห่งแรกในประวัตศิ าสตรจ์ ีน นัน่ คอื ราชวงศ์ฉนิ (๒๒๐-๒๐๖ ก่อน
ครสิ ตกาล)

ฉินสือ่ หวงต้ี (จิ๋นซฮี ่องเต)้ หรอื ปฐมจักรพรรดแิ หง่ ราชวงศ์ฉิน เปน็ บคุ คลผู้หนง่ึ ในประวตั ิศาสตร์ที่ตก
เปน็ ท่โี ต้แยง้ มากทสี่ ุด กลา่ วคอื ในรชั สมัยของพระองค์ไดก้ าํ หนดใหใ้ ชเ้ งนิ ตรา ตวั อักษร เครื่องชงั่ ตวงวดั
เปน็ มาตรฐานเดยี วทว่ั ประเทศ ยกเลกิ ระบบแบง่ ทด่ี นิ ใหเ้ จ้าผูค้ รองนครแลว้ ใช้ระบบแบง่ เขตการปกครอง
เปน็ เขตและอําเภอแทน ซงึ่ กระตนุ้ ให้เกิดการพฒั นาเศรษฐกจิ และวฒั นธรรมจนี อยา่ งสงู แตข่ ณะเดยี วกนั
พระองคไ์ ดร้ วบอาํ นาจไวท้ ้ังหมด สัง่ ใหเ้ ผาคมั ภีร์และฝังบัณฑติ ลัทธขิ งจอื๊ ทัง้ เปน็ เพอื่ สร้างความมนั่ คงให้

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

การปกครองของพระองคอ์ ยเู่ หนอื ลทั ธคิ วามเชอ่ื ทง้ั ยังเกณฑ์ไพร่พลแรงงาน และส่ังสมเงนิ ทางจากทั่ว

ประเทศอย่างต่อเน่ืองเพ่อื ใชท้ าํ สงครามกบั เผา่ ซยฺ งหนู และใชส้ รา้ งกําแพงเมืองจีน ถนนหนทาง รวมท้ัง

พระราชวังและสุสานสาํ หรบั ตนเองดว้ ย จงึ เปน็ เหตใุ หป้ ระชาชนเกดิ ความเคยี ดแคน้ ชงิ ชงั และลุกขึน้

ตอ่ ต้าน อัตตาธปิ ไตยแห่งราชวงศ์ฉินซงึ่ ยาวนานเพียง ๑๕ ปกี ็ถกู ทาํ ลายลงสน้ิ เชงิ ในรชั สมัยของ

จกั รพรรดอิ งคท์ ่ีสอง (ฉนิ เออ้ รซ์ อื่ ) เทา่ น้ัน

จากนน้ั ในปี ๒๐๖ กอ่ นครสิ ตกาล ราชวงศ์ฮ่นั (๒๐๖ กอ่ นครสิ ตกาล-ค.ศ.๒๒๐) ไดร้ บั การสถาปนา

ขน้ึ ราชวงศฮ์ ัน่ น้ีเปน็ หน่ึงในสองราชวงศท์ ่ีทรงอิทธพิ ลและเจริญรุ่งเรอื งท่สี ดุ ในประวัตศิ าสตร์จนี และ

มนั่ คงอยู่นานกว่า ๔๐๐ ปี โดยในช่วงแรกของราชวงศ์ พวกชนเผา่ ซยฺ งหนไู ดร้ กุ รานชายแดนทศิ เหนือ

เปน็ ประจํา จนกระทั่งรัชสมยั จักรพรรดฮิ ั่นอตู่ ี้ ราชวงศฮ์ นั่ จึงเข้มแขง็ พอจะโจมตีพวกซฺยงหนูคนื บา้ ง และ

จักรพรรดอิ งคน์ เี้ องทีไ่ ดเ้ ชอ่ื มความสัมพันธก์ บั นานาประเทศในแถบเอเชียกลางและสร้างถนนเชื่อมตอ่ กบั

ดนิ แดนตะวันตก การค้าผา้ ไหมซึ่งเปน็ สนิ คา้ นาํ เขา้ ยอดนิยมของชาวยุโรปเฟ่อื งฟอู ยา่ งยิ่งในยุคนี้ จนเป็น

ทม่ี าของชือ่ “เสน้ ทางสายไหม”

ความท่ีราชวงศ์ฮั่นทรงอิทธิพลและ

เจริญรุ่งเรืองอย่างย่ิง เป็นเหตุให้ ๒๒

ทกุ วนั น้คี นจีนยงั คงเรยี กตนเองวา่ “ฮั่น

เหริน” (ชาวฮั่น) และเรียกภาษาจีนว่า

“ฮั่นยฺหวี่” (ภาษาฮั่น) ซือหม่าเชียน

นักประวัติศาสตร์และนักเขียนช่ือดัง

สมัยรา ชวงศ์ ฮ่ัน ไ ด้แต่ง “สื่อจี้ ”

( บั น ทึ ก ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ) ตํ า ร า

ประวัติศาสตร์ชื่อก้องโลกท่ีมีเน้ือหา

ภาพท่ี ๑๙ พระเจ้าฮ่ันอตู่ สี้ ง่ จางเชียนเปน็ ทตู ครอบคลุมช่วงเวลา ๓,๐๐๐ ปีแห่ง
ไปดนิ แดนตะวันตก (ภาพจติ รกรรมฝาผนังถํา้ โม่เกา) ประวัติศาสตร์จีน นับแต่ยุคหวงตี้จนถึง
รัชสมัยจักรพรรดิฮ่ันอู่ตี้ โดยมีบท

ชีวประวัติบุคคลสําคัญซึ่งมีภาพประกอบและคําอธิบายชัดเจนเป็นบทสําคัญท่ีสุดในงานเขียนดังกล่าว

สง่ ผลใหไ้ ด้รบั การยกยอ่ งวา่ เปน็ ยอดวรรณกรรมทางประวัตศิ าสตร์

ในปสี ดุ ทา้ ยของราชวงศ์ฮ่นั ตะวันออก (ค.ศ.๒๕-๒๒๐) เปน็ ช่วงทรี่ ฐั ทง้ั สามอนั ไดแ้ ก่ เวย่ ์ สู่ และอู๋

ต่างแย่งชงิ ความเปน็ ใหญ่ เปน็ เหตุให้ประวตั ิศาสตรเ์ รยี กยคุ น้วี า่ “ยคุ สามกก๊ ” โดยในยคุ น้มี นี กั การเมือง

ทโ่ี ดดเด่นได้แก่ เฉาเชา (โจโฉ) จเู ก่อเล่ียง (จกู ัดเหลยี ง-ขงเบง้ ) และซนุ เฉฺวยี น (ซุนกวน) เฉาเชา

ผ้สู ถาปนาอาณาจกั รเวย่ ์ ไมเ่ พียงเป็นยอดนักวางแผนเท่านนั้ หากยังเป็นกวเี อกด้วย สว่ นจเู ก่อเลย่ี ง

อัครมหาเสนาบดแี หง่ อาณาจกั รสู่นน้ั ถือเปน็ ตวั แทนอจั ฉริยภาพของชาวจีนโบราณ โดยความมงุ่ มั่นของ

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

เขาถึงขน้ั ท่วี ่า “ทุ่มเทสติปญั ญาจนลมหายใจสดุ ทา้ ย” ไดก้ ลายเปน็ แรงบนั ดาลใจใหช้ าวจีนมานานหลาย

รอ้ ยปี และเรอื่ งราวของบุคคลทัง้ หลายในยคุ นไ้ี ดร้ บั การบนั ทึกไว้ในวรรณกรรมช้ินเอกเร่อื ง “สามก๊ก”

ยุคทองของจนี โบราณอกี ยุคหน่ึงคอื ราชวงศถ์ ัง (ค.ศ.๖๑๘-๙๐๗) ในช่วง ๔๐๐ ปีระหวา่ งการลม่

สลายของราชวงศฮ์ ัน่ ถงึ การสถาปนาราชวงศถ์ ังนนั้ ประเทศจนี ได้ผา่ นยุคสามกก๊ ราชวงศ์จน้ิ ราชวงศ์

เหนือใต้ และราชวงศส์ ยุ แล้วแตกแยกกนั จากเหตคุ วามขัดแย้งภายใน

คลองใหญ่ทีม่ ีความยาว ๑,๘๐๐ กโิ ลเมตรจากเปย่ จ์ ิงถึงหังโจวน้ันสรา้ งขึ้นในสมัยราชวงศ์สยุ นเี่ อง

ถังไท่จงหล่ีซื่อหมิน จักรพรรดิองค์ที่สองแห่งราชวงส์ฮ่ัน เป็นจักรพรรดิพระองค์หน่ึงที่ได้รับการยก

ย่องมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ในรัชศกเจินกฺวันของพระองค์เกิดการปฏิรูประบบชั่งตวงวัดใหม่ซ่ึงนํา

ความเจริญรุ่งเรืองมาสู่จักรวรรดิอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน การพัฒนาเส้นการคมนาคมขนส่งท้ังทางน้ํา

ทางบกให้มีประสิทธิภาพยิ่งข้ึน เป็นผลให้เกิดความก้าวหน้าด้านการติดต่อค้าขายและแลกเปล่ียน

วฒั นธรรมระหว่างประเทศจนี กบั นานาประเทศ อาทิ ญ่ปี ุน่ เกาหลี อินเดยี เปอรเ์ ซยี และดินแดนอาหรบั

เป็นต้น ในด้านวรรณกรรมโดยเฉพาะโคลง

กลอนนั้นก็พัฒนาถึงขีดสุด กวีเอกของจีนล้วนถือ

กําเนิดในยุคน้ี ไม่ว่าจะเป็น หลี่ไป๋ ตู้ฝู่ และ ๒๓

ไป๋จฺวี่อี้ ย่ิงไปกว่าน้ันนักศึกษากว่า ๕๐,๐๐๐ คน

จากญ่ีปุ่น เกาหลี และนานาประเทศล้วนมุ่งหน้า

สู่ประเทศจีนเพื่อศึกษาวัฒนธรรมจีน ขณะที่

เสฺวียนจ้าง (ซัมจั๋ง) พระสงฆ์นามอุโฆษแห่ง

ราชวงศ์ถัง ได้เดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกยัง

ประเทศอนิ เดยี ในยุคน้เี ช่นกนั

อํานาจและความม่ังค่ังของราชวงศ์ถังได้ส่ง

อิทธิพลต่อประวัติศาสตร์โลกอย่างมหาศาล

ตราบเท่าทุกวันน้ีชาวต่างชาติยังคงเรียกชาวจีน

โพ้นทะเลในประเทศตนว่า “ถังเหริน” (ชาวถัง)

เรียกเขตชุมชนชาวจีนว่า “ถังเหรินเจีย” (บ้าน

ชาวถัง) เรียกอาหารจีนว่า “ถังชาน” (อาหารท่ี

ชาวถังรับประทาน) และเรียกเคร่ืองแต่งกาย

อยา่ งจนี ว่า “ถงั จวง”

หลังจากราชวงศ์ถังล่มสลาย มีราชวงศ์

สําคัญๆ สถาปนาข้ึนคือ ราชวงศ์ซ่ง หยวน หมิง ภาพท่ี ๒๐ จักรพรรดถิ งั ไทจ่ ง
มหาราชพระองค์หนง่ึ ของประวัตศิ าสตรจ์ ีน
และชิง สมัยราชวงศ์ซ่งเป็นช่วงท่ีแผ่นดินจีนถูก
ชนกลุ่มน้อยรุกรานหนักหน่วงที่สุดในบรรดา

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ราชวงศ์ท่ีชาวฮ่ันปกครอง เนื่องจากเกิดการ

ฉ้อราษฎร์บังหลวงมาก จนทําให้ราชสํานัก

อ่อนแอและไม่อาจป้องกันแผ่นดินจากการ

รุกรานได้ จักรพรรดิราชวงศ์ซ่งจึงจําต้องส่ง

เครื่องเงินและผ้าไหมเป็นเครื่องราชบรรณาการ

ให้บรรดาชนกลุ่มน้อยเป็นประจําทุกปี ลุปี

๑๑๒๗ ราชวงศ์จิน (๑๑๑๕-๑๒๓๔) ได้เข้ายึด

เมืองหลวงไคเฟิง (ไคฟง) และราชวงศ์ซ่งเหนือ

(๙๖๐-๑๑๒๗) ก็ถึงกาลอวสาน อนุชาองค์หน่ึง

ของจักรพรรดิได้นํากําลังพลลี้ภัยข้ามแม่นํ้าฉาง

เจียงมาต้ังเมืองหลวงใหม่ข้ึน ณ หังโจว อันเป็น

การเรม่ิ ยคุ ราชวงศ์ซ่งใต้ (๑๑๒๗-๑๒๗๙) ในยุค

นี้มีวีรบุรุษเรืองนามผู้ต่อต้านชาวจินผู้หนึ่ง

ปรากฏขน้ึ น่นั คือเยวฺ เ่ ฟย์ (งักฮยุ ) ๒๔

ในปี ๑๒๐๖ เจงกิสข่านรวบรวมชนเผ่ามอง

โกลเร่รอนได้เป็นปึกแผ่น และขนานนาม

ป ร ะ เ ท ศ ใ ห ม่ ข อ ง ต น ว่ า อ า ณ า จั ก ร ม อ ง โ ก ล

อันยิ่งใหญ่ จากนั้นในปี ๑๒๗๑ กุบไลข่าน

หลานปู่ของเจงกิสข่านได้พิชิตท่ีราบภาคกลาง

ของจีน (จงหยวน) แล้วสถาปนาราชวงศ์หยวน

ขึ้น (๑๒๗๙-๑๓๖๘) มีต้าตู (ปัจจุบันคือเป่ย์จิง)

เป็นเมืองหลวง ในช่วงน้ีมาร์โค โปโลแห่งเวนิซ

ภาพท่ี ๒๑ ยีราฟนาํ มาจากโซมาเลยี ได้เดินทางมายังประเทศจีนและพํานักอยู่นาน
ในรัชศกหยงเลอ่ ปีที่ ๑๒ ชาวจีนสมัยน้ันเหน็ ว่ายีราฟ
มีลกั ษณะคลา้ ยกเิ ลน สตั ว์มงคลตามตํานานโบราณ ๑๗ ปี ในหนังสือบันทึกการเดินทางของมาร์โค
โปโล เขาได้บรรยายถึงภาพความเจริญรุ่งเรือง
ของราชวงศ์หยวนไว้มากมาย สมัยราชวงศ์ซ่ง

และราชวงศ์หยวนนี้ เป็นช่วงท่ีสิ่งประดิษฐ์เอกทั้งส่ีของจีนโบราณ อันได้แก่ กระดาษ การพิมพ์ เข็มทิศ

และดนิ ปนื ได้รับการพฒั นาก้าวหน้าอย่างมาก

จากนนั้ ในปี ๑๓๖๘ จูหยวนจาง ได้สถาปนาราชวงศข์ องชาวฮั่นขน้ึ อีกครัง้ นั่นคอื ราชวงศห์ มิง

(๑๓๖๘-๑๖๔๔) โดยมหี นานจงิ (นานกิง) เปน็ เมอื งหลวง ภายหลงั ราชโอรสจตู ้ขี ้นึ ครองราชยเ์ ปน็

จักรพรรดหิ มิงเฉงิ จ่ไู ดย้ า้ ยเมอื งหลวงไปยงั เป่ยจ์ ิง ในสมยั ราชวงศ์หมงิ ประเทศจนี กลายเป็นประเทศท่ี

ร่ํารวยและก้าวหน้าทส่ี ุดประเทศหนึง่ ของโลก เน่ืองจากการเร่งพัฒนาทางเกษตรกรรม หัตถอตุ สาหกรรม

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

และพาณิชยกรรม กอปรกับการเชอ่ื มสัมพนั ธท์ างการคา้ กบั นานาประเทศ โดยจักรพรรดหิ มิงเฉิงจู่ไดม้ ี

พระราชโองการให้ขันทเี จิ้งเหอนํากองเรือขนาดใหญ่ออกเดินทางขา้ มทะเลจีนใตแ้ ละมหาสมุทรอนิ เดยี ไป

ยังประเทศต่างๆ มากกวา่ ๓๐ ประเทศ ซ่ึงครง้ั หนง่ึ ไดเ้ ดนิ ทางไปไกลถงึ ทวปี แอฟริกา

ในปี ๑๖๔๔ อนั เปน็ ปสี ดุ ทา้ ยของราชวงศห์ มิง กบฏชาวนาซง่ึ มีหลีจ่ อื้ เฉงิ เปน็ หัวหน้าไดบ้ ุกยึดกรงุ

เป่ยจ์ งิ แลว้ ราชวงศ์หมงิ กถ็ ึงกาลลม่ สลายเม่ือจักรพรรดิหมิงซอื จงผกู คอตายบนเขาจ่งิ ซาน

จากน้ัน พวกแมนจูซ่ึงเป็นชนกลุ่มน้อยทาง

ตะวันออกเฉียงเหนือของจีนได้เข้ามาปราบกบฏ

ชาวนาได้สําเร็จ แล้วสถาปนาราชวงศ์ชิง (๑๖๔๔-

๑๙๑๑) ซึ่งปกครองแผ่นดินจีนนานกว่า ๒๖๐ ปี มี

จั ก ร พ ร ร ดิ ท่ี เ ป็ น ม ห า ร า ช อ ยู่ ส อ ง พ ร ะ อ ง ค์ คื อ

จกั รพรรดคิ งั ซีและจักรพรรดเิ ฉยี นหลง

ช่วงระหว่างราชวงศ์ซ่ง หยวน หมิง และชิง

เป็นยุคที่วรรณกรรมจีนมีการพัฒนาข้ึนอีกขั้นหน่ึง

ไม่ว่าโคลงประเภทฉือของราชวงศ์ซ่ง ละครสมัย ๒๕

ราชวงศ์หยวน และนิยายสมัยราชวงศ์หมิงและชิง

ล้ ว น นั บ ไ ด้ ว่ า เ ป็ น ตั ว แ ท น ค ว า ม สํ า เ ร็ จ ท า ง

วรรณกรรมของยคุ น้นั ๆ ทง้ั ส้นิ

ปลายศตวรรษท่ี ๑๘ บรรดานักล่าอาณานิคม

จากตะวันตกต่างใช้ทุกวิธีการเพ่ือเปิดประเทศจีน

ด้วยหมายจะกอบโกยเอาความมั่งคั่งออกไป ความ ภาพท่ี ๒๒ การต์ นู ลอ้ เลยี นเหตุการณ์
ชาตมิ หาอํานาจแบ่งเค้กผลประโยชนจ์ ีน
หายนะเร่ิมขึ้นเม่ือชาวอังกฤษได้นําฝ่ินจํานวน
มหาศาลเข้ามาขาย ราชสํานักชิงจึงมีราชโองการให้

หลินเจอ๋ สฺวีเปน็ ขา้ หลวงไปดําเนินการหา้ มการสูบและรบิ เอาฝิ่นจากพ่อคา้ ตา่ งชาตมิ าเผาท้งิ ทเ่ี มอื งหู่เหมิน

มณฑลกว่างตง เป็นเหตุให้อังกฤษประกาศสงครามกับจีนเป็นการโต้ตอบในปี ๑๘๔๐ เหตุการณ์น้ี

เรียกว่า “สงครามฝ่นิ ”

สงครามฝิ่นเปน็ จุดหักเหสําคญั ของประวตั ศิ าสตรจ์ นี เน่อื งจากภายหลังสงครามนรี้ าชสาํ นักชิงไดย้ อม

ทําสญั ญาสัมปทานให้ผู้บุกรกุ ชาตแิ ล้วชาตเิ ลา่ เขา้ มากอบโกยผลประโยชน์ ซาํ้ ในปี ๑๘๔๒ ราชสาํ นักชงิ ยงั

ไดล้ งนามครัง้ อปั ยศในสนธสิ ญั ญาหนานจงิ เพื่อชดใช้คา่ ปฏิกรรมสงครามจาํ นวนมหาศาลและยกฮ่องกง

ให้อังกฤษ

หลังจากสงครามฝิ่น ประเทศจีนไดล้ งนามในสนธิสญั ญาอันไม่เปน็ ธรรมกบั หลายประเทศ ไดแ้ ก่

อังกฤษ สหรฐั อเมริกา ฝร่งั เศส รัสเซีย และญีป่ ุน่ ขณะท่เี ดียวกนั ก็กา้ วเข้าสูส่ ภาพสงั คมแบบก่ึงศกั ดนิ า

ก่งึ อาณานิคมเขา้ ไปเรอ่ื ยๆ

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ลําดบั ราชวงศ์จีนโบราณโดยยอ่

ราชวงศ์ ช่วงเวลา ๒๖
เซ่ยี ศตวรรษท่ี ๒๑-๑๗ ก่อนคริสตกาล
ซาง ศตวรรษท่ี ๑๗-๑๑ ก่อนครสิ ตกาล
โจวตะวนั ตก ศตวรรษท่ี ๑๑ ก่อนคริสตกาล-๗๗๑ ปีกอ่ นครสิ ตกาล
โจวตะวนั ออก (ยุคชนุ ชวิ และยุคจา้ นกั๋ว) ๗๐-๒๒๑ ปกี ่อนครสิ ตกาล
ฉนิ ๒๒๑-๒๐๖ ปกี ่อนคริสตกาล
ฮ่ันตะวันตก ๒๐๖ ปกี ่อนครสิ ตกาล-ค.ศ.๒๕
ฮ่นั ตะวนั ออก ค.ศ.๒๕-ค.ศ.๒๒๐
สามกก๊ (เวย่ ,์ สู่ และอู)๋ ค.ศ.๒๒๐-ค.ศ.๒๘๐
จิน้ ตะวันตก ค.ศ.๒๖๕-ค.ศ.๓๑๗
จิน้ ตะวันออก ค.ศ.๓๑๗-ค.ศ.๔๒๐
ราชวงศ์เหนือใต้ ค.ศ.๔๒๐-ค.ศ.๕๘๙
สุย ค.ศ.๕๘๑-ค.ศ.๖๑๘
ถงั ค.ศ.๖๑๘-ค.ศ. ๙๐๗
หา้ ราชวงศ์ ค.ศ.๙๐๗-ค.ศ.๙๖๐
ซ่งเหนอื ค.ศ.๙๖๐-ค.ศ.๑๑๒๗
ซ่งใต้ ค.ศ.๑๑๒๗-ค.ศ.๑๒๗๙
หยวน ค.ศ.๑๒๗๑-ค.ศ.๑๓๖๘
หมงิ ค.ศ.๑๓๖๘-ค.ศ.๑๖๔๔
ชงิ ค.ศ.๑๖๔๔-ค.ศ.๑๙๑๑

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

บทที่ ๗ ประวัติศาสตร์สมัยใหมโ่ ดยสงั เขป

เมอื่ วันท่ี ๑๐ ตุลาคม ๑๙๑๑ เกิดการกอ่ จลาจลอชู่ างขนึ้ โดยการนาํ ของซนุ จุงซาน (ซุนยัดเซน็ ) พรอ้ ม

ได้เสนอให้เกดิ การปฏวิ ัติขนึ้ ภายใต้ “หลักไตรราษฎร์” เน่ืองจากปี ๑๙๑๑ ตรงกับปีซินไห่ตามปฏิทินจีน

เหตุการณ์คร้ังนี้จึงได้รับการขนานนามว่าการปฏิวัติซินไห่ ซึ่งทําให้ราชสํานักชิงถูกโค่นล้มลง พร้อมกับ

กาลอวสานของระบบศักดินาราชาธิปไตยที่ปกครองจีนมายาวนานกว่า ๒,๐๐๐ ปี จากนั้นจึงได้สถาปนา

สาธารณรัฐจีนขึ้น ทว่าการปฏิวัติครั้งนี้ประสบ

ความล้มเหลวในการต่อต้านจักรวรรดินิยมและ

ระบอบศักดินาอันเป็นภารกจิ สําคญั ยง่ิ ดังท่ีซุนจงซาน

ได้กล่าวไว้ก่อนเสียชีวิตว่า “ในยามท่ีการปฏิวัติยังไม่

บรรลผุ ลน้ี เหลา่ สหายจําต้องมงุ่ ทาํ งานหนักขน้ึ ”

ภายหลังจากการปฏิวัติในปี ๑๙๑๑ ไม่นาน

เหล่าขุนศึกภาคเหนือได้เข้ากุมอํานาจ เมื่อ

สงครามโลกคร้ังที่หน่ึงสิ้นสุดลง จีนเป็นประเทศหนึ่ง ๒๗

ในหมู่ประเทศท่ีชนะสงคราม ท้ังท่ีควรจะส่งผลให้เกิด

การล้มเลิกเขตสิทธิพิเศษของเยอรมนีในมณฑล

ซานตง บรรดาชาติมหาอํานาจกลับโอนสิทธินั้นให้

ญี่ปุ่นแทน เป็นผลทําให้เกิดการเคล่ือนไหวส่ี

พฤษภาคมขึ้นในปี ๑๙๑๙ โดยนักศึกษาในเป่ย์จิงได้

ภาพที่ ๒๓ ซุนจงซาน เดินขบวนประท้วง ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน ในการ
บิดาแห่งประเทศจนี สมัยใหม่ เคลื่อนไหวต่อต้านจักรวรรดินิยมและระบอบศักดินา
ซ่ึงมีนักศึกษาผู้รักชาติเป็นแกนนํานี้ เหล่ากรรมาชน

ได้เข้าร่วมด้วยซ่ึงนับเป็นครั้งแรกของชนชั้นน้ีในก้าวเข้าสู่แวดวงการเมือง การเคลื่อนไหวส่ีพฤษภาคม

ได้รับอิทธิพลอย่างมหาศาลจากการปฏิวัติตุลาคมในรัสเซียเมื่อปี ๑๙๑๗ และถือเป็นปฐมบทของการ

ปฏวิ ัตปิ ระชาธปิ ไตยครั้งใหม่ในประเทศจีน

การเคลอ่ื นไหวสพี่ ฤษภาคม นบั เป็นการสง่ เสริมและเผยแพร่แนวคดิ ตามลัทธมิ ารก์ ซ-์ เลนนิ ขนึ้ ใน

ประเทศจีน ในปี ๑๙๒๑ เหลา่ ตวั แทนกลุ่มคอมมวิ นิสตก์ ลุม่ ต่างๆ ท่วั ประเทศ อาทิ เหมาเจอ๋ ตง ตง้ ปี้อู่

เฉินถานชิว เหอซูเหิง หวังจ้งิ เม่ย เติ้งเอนิ หมงิ และหล่ตี า๋ ได้ร่วมประชมุ กัน ณ ซา่ งไหใ่ นการประชมุ สภา

แห่งชาติครง้ั แรกและมกี ารประกาศก่อตง้ั พรรคคอมมวิ นสิ ต์แหง่ ประเทศจีน ลปุ ี ๑๙๒๔ พรรค

คอมมิวนิสต์แห่งประเทศจนี ได้ร่วมกับพรรคก๋ัวหมนิ ตั่ง (ก๊กมนิ ตัง๋ ) ของซุนจงซานเพอ่ื กรธี าทพั สู่

ภาคเหนือ (รจู้ ักในอกี ช่อื หนึ่งว่าการปฏวิ ตั ิใหญ่ ซ่งึ เปน็ แนวร่วมระหว่างพรรคกว๋ั หมนิ ต่ังกบั พรรค

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

คอมมวิ นสิ ตค์ รัง้ แรกในประวัตศิ าสตร์จนี ) และปราบบรรดาขุนศกึ ภาคเหนือลง หลงั จากนนั้ ไมน่ าน
ซนุ จงซานกเ็ สยี ชวี ิต ในปี ๑๙๒๗ เจีย่ งเจยี้ สือ (เจียงไคเชค็ ) ผนู้ าํ ฝา่ ยขวาของพรรคก๋ัวหมนิ ตงั่ ไดท้ ํา
รัฐประหารต่อตา้ นการปฏิวัติขนึ้ โดยไดส้ ังหารสมาชกิ พรรคคอมมิวนิสต์และมวลชนปฏิวตั ิจาํ นวนมาก
แลว้ สถาปนารฐั บาลขนึ้ ท่หี นานจงิ พอวนั ที่ ๑ สงิ หาคม ๑๙๒๗ พรรคคอมมิวนสิ ตก์ ่อการจลาจล
หนานชาง จากนัน้ จเู ตอ๋ จึงได้นํากองกาํ ลงั ผู้กอ่ การขน้ึ ไปยังเขาจงิ่ กัง เพอื่ ร่วมกบั เหมาเจ๋อตงในการตง้ั ฐาน
ทม่ี น่ั เพอ่ื การปฏิวตั ิ พรอ้ มกบั จัดตั้งกองทพั แดงของชาวนาและกรรมาชนจนี ขึ้น

๒๘

ภาพที่ ๒๔ เหตุการณก์ องทัพแดงข้ามแมน่ ้าํ หลูต้ิง ระหวา่ งการกรธี าทพั ไกล ๒๕,๐๐๐ ล้ี

วันท่ี ๑๘ กนั ยายน ๑๙๓๑ ญปี่ ่นุ ไดส้ ่งกองทัพเข้ารกุ รานภาคตะวันออกเฉยี งเหนือของจนี ด้วยหมาย
จะเข้ายดึ ครองท้ังประเทศ พอถึงเดือนตลุ าคม ๑๙๓๔ ภายหลงั พ่ายแพ้การรบต่อตา้ นการปิดล้อมคร้ังที่
ห้าของกองทพั พรรคก๋ัวหมนิ ตั่ง กองทัพแดงได้เร่มิ การกรธี าทพั ไกล ๒๕,๐๐๐ ล้จี ากมณฑลเจยี งซแี ละ
เดนิ ทางถงึ แนวหน้าต่อต้านญ่ีป่นุ ทางภาคเหนอื ในเดือนตลุ าคมปถี ดั มา ตอ่ มาพรรคคอมมวิ นสิ ตก์ บั พรรค
กั๋วหมินตง่ั จําต้องรว่ มมอื กนั เปน็ คาํ รบสอง เพ่ือทาํ สงครามตอ่ ต้านการรกุ รานของญป่ี นุ่ หลังจากตรากตรํา
ทาํ สงครามตอ่ ต้านนานแปดปี ประชาชนจีนกส็ ามารถขบั ไล่ผูร้ กุ รานชาวญ่ปี ุ่นได้สาํ เร็จในเดือนสิงหาคม
๑๙๔๕

ปีรุ่งขนึ้ ไดเ้ กดิ สงครามปลดปลอ่ ย จากนน้ั ในเดอื นเมษายน ๑๙๔๙ กองทัพปลดปลอ่ ยประชาชน
ไดย้ กพลขา้ มแมน่ ้าํ ฉางเจียงแลว้ เขา้ ยดึ ครองหนานจิง เจี่ยงเจยี้ สือจําตัองลภี้ ยั ไปยงั ไต้หวนั พร้อมกับ
กองทพั บกและกองทัพเรอื ทเี่ หลอื อยู่ ซา้ํ ยังขนทองคาํ สํารองทง้ั หมดของประเทศไปดว้ ย จึงนบั ว่ากองทัพ
ปลดปลอ่ ยประชาชน ภายใต้การนาํ ของพรรคคอมมิวนสิ ต์ไดร้ บั ชยั ชนะในสงครามปลดปลอ่ ยประชาชน

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

ภาพที่ ๒๕ ประธานาธบิ ดเี หมาเจอ๋ ตงประกาศสถาปนาสาธารณรฐั ประชาชนจีน ๒๙

ครัน้ วนั ที่ ๑ ตลุ าคม ๑๙๔๙ ประธานาธบิ ดเี หมาเจ๋อตงได้ขึ้นกล่าวบนเวทีปราศรยั เหนือประตู
เทยี นอันเหมนิ ในเป่ยจ์ งิ แล้วประกาศสถาปนาสาธารณรฐั ประชาชนจนี ข้นึ อยา่ งเปน็ ทางการ อนั เปน็ การ
ยุตยิ ุคมืดหม่นของประเทศและสงั คมก่งึ ศกั ดินากง่ึ อาณานิคม พรอ้ มกนั น้นั ก็ก้าวเขา้ สยู่ ุคใหม่ของระบอบ
สังคมนิยม

สงครามและการจลาจลสง่ ผลใหป้ ระชาชนประสบความเดอื ดรอ้ นแสนสาหสั จาํ เปน็ ตอ้ งเร่งสะสาง
ภาระอนั ค่งั คา้ งอกี คร้ัง ฉะนั้นในสามปแี รกของสาธารณรัฐประชาชนจนี จึงเป็นชว่ งเวลาของการฟ้ืนฟู
สภาพเศรษฐกจิ ของประเทศใหเ้ ฟ่อื งฟูอีกครง้ั ระหว่างปี ๑๙๕๓-๑๙๕๖ การเปลย่ี นแปลงระบบ
เกษตรกรรม หัตถอตุ สาหกรรม อตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ และพาณิชยกรรมตามแนวทางสงั คมนยิ ม
ประสบความสาํ เรจ็ อยา่ งย่งิ การตั้งรฐั วิสาหกิจเพ่ือดําเนนิ การผลติ สําคญั ๆ ถอื กําเนดิ ข้นึ และเปลย่ี นผา่ น
จากสังคมระบอบประชาธปิ ไตยใหมไ่ ปสูส่ งั คมระบอบสงั คมนิยมกเ็ ป็นจรงิ ขน้ึ มา ปี ๑๙๕๓ ประเทศจนี ได้
เร่มิ แผนห้าปคี รง้ั แรกเพื่อพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม ซึ่งประสบผลสาํ เรจ็ หลายด้าน

หนง่ึ ทศวรรษระหวา่ งปี ๑๙๕๗-๑๙๖๖ เปน็ ช่วงแห่งการก่อสร้างทางสงั คมนิยมขนานใหญ่ มผี ลงาน
โดดเด่นทสี่ ัมฤทธิ์ผลมากมาย แม้จะมคี วามผดิ พลาดอนั เป็นผลจากการเรง่ สร้างเศรษฐกิจแบบ “ก้าว
กระโดด” ขณะยงั ไมพ่ รอ้ มอย่บู ้างกต็ าม ปริมาณสินทรพั ย์ถาวรทางอุตสาหกรรมของประเทศมมี ากขึ้น
เปน็ ห้าเทา่ จากปี ๑๙๕๖-๑๙๖๖ ขณะทีร่ ายได้ของประเทศสงู ขึน้ ถึงร้อยละ ๕๘ ผลผลติ ทางอตุ สาหกรรม
หลัก อาทิ เหล็ก ถา่ นหนิ นา้ํ มันดิบ ไฟฟา้ และเคร่อื งจักร เพ่ิมขน้ึ หลายเท่าตัว ซึ่งบางประเภทสูงถงึ ๑๒
เทา่ ตัว ท้ังยงั ได้เรม่ิ ก่อตงั้ อตุ สาหกรรมใหม่อยา่ งอเิ ล็คทรอนิคสแ์ ละปโิ ตรเคมอี กี ดว้ ย ย่งิ ไปกวา่ น้ัน

ป ร ะ เ ท ศ จี น โ ด ย สั ง เ ข ป

วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิง่ การพัฒนาพลังงานปรมาณู เคร่ืองบนิ เจ๊ต คอมพิวเตอร์

เซมคิ อนดคั เตอร์ และอุปกรณ์ควบคมุ อัตโนมัติล้วนกา้ วหน้าอยา่ งรวดเรว็

“การปฏิวตั ิวฒั นธรรม” ซึง่ เร่มิ ขนึ้ เมอ่ื ปี ๑๙๖๖ ไดน้ ําประเทศถอยกลับไปสู่ความยงุ่ ยากครั้งยิง่ ใหญ่

ผลผลิต วัฒนธรรม และกิจกรรมทางสงั คมตา่ งหยดุ ชะงัก ท้งั ทที่ ศวรรษท่ี ๑๙๖๐ และ ๑๙๗๐ เปน็ ยุค

ทองของการเจริญเติบโตของเศรษฐกจิ โลก แต่สําหรบั ประเทศจนี แล้วนับเปน็ ช่วงเวลาความถอดถอยทาง

เศรษฐกจิ อย่างมอิ าจประเมนิ ค่าได้

พอเดือนตุลาคม ๑๙๗๖ คณะกรรมการกลางแหง่ พรรคคอมมิวนิสต์ได้จบั กุมและพพิ ากษา “แก๊งสี่

สหาย” ในที่สุด ซึง่ สร้างความยนิ ดปี รดี าในหมู่ประชาชนทั่วประเทศ การดําเนนิ การครงั้ นถ้ี อื เปน็ การยุติ

ทศวรรษแห่งความยุง่ เหยิงอันเกิดจาก “การปฏวิ ัตวิ ัฒนธรรม” ให้สิน้ ลง

ในสมัยประชุมเต็มคณะ

คร้ังท่ี ๓ ของคณะกรรมการ

พรรคคอมมิวนิสต์ชุดท่ี ๑๑

ซึ่ ง จั ด ข้ึ น ใ น ก่ อ น สิ้ น ปี

๑ ๙ ๗ ๘ พ ร ร ค แ ล ะ ผู้ นํ า ๓๐

รัฐบาลซึ่งนําโดยเติ้งเสี่ยวผิง

ได้ริเร่ิมนโยบาลปฏิรูปและ

เปิดประเทศ ทั้งยังตัดสินใจ

ใช้ยุทธศาสตร์ที่เน้นการ

ขั บ เ ค ล่ื อ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ป สู่

ระบอบสังคมนิยมสมัยใหม่ ภาพที่ ๒๖ ตกึ สงู ในเขตผตู่ ง มหานครซ่างไห่ เม่ือมองจากเขตผู่ซี
มีการใช้ระบบการผลิตแบบ

ใหม่ในเขตชนบทซึ่งอนุญาตให้ผู้ผลิตสามารถขายผลิตผลทางการเกษตรได้ในตลาดเปิด ส่วนในเขต

ชายฝั่ง มีการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นที่เซินเจิ้น (ติดกับฮ่องกง) จูไห่ (ติดกับมาเก๊า) ซานโถว (ซัวเถา)

กบั เซี่ยเหมิน (ฝง่ั ตรงข้ามไต้หวัน) และบนเกาะไห่หนาน และในปี ๑๙๙๐ ได้จดั ต้ังเขตผู่ตงใหม่ขึ้นในซ่าง

ไหแ่ ละเขตพัฒนาเศรษฐกิจข้นึ ตามฝ่ังแม่น้ําฉางเจียง

ตลอดระยะเวลา ๒๐ ปแี หง่ การปฏริ ปู และเปิดประเทศ เศรษฐกจิ จนี ประสบความสําเรจ็ อยา่ งยอด

เยี่ยม ขณะเดียวกันบรรดาประชาชนจนี ลว้ นมุ่งมั่นทมุ่ เทเพ่ือสร้างสรรค์สงั คมอนั ผาสุกในศตวรรษใหม่

ตามแนวทางตา่ งๆ ดังทท่ี ี่ประชมุ สภานติ บิ ญั ญตั แิ ห่งชาตคิ รง้ั ที่ ๑๖ ไดก้ ําหนดไว้

This page intentionally left blank


Click to View FlipBook Version