การทาวิจัยเชิงพ้ืนทีเ่ พื่อการจัดทานโยบายการจัดการเรียนร้วู ถิ ใี หม่ สพม.นนทบุรี
วิจัยนเ้ี ปน็ ส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมการทาวิจยั เชงิ พน้ื ท่ีเพอ่ื การจดั ทานโยบาย
การจัดการเรียนร้วู ิถีใหม่ สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษานนทบรุ ี
ปกี ารศึกษา 2564
ลิขสทิ ธข์ิ องสานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษามธั ยมศึกษานนทบุรี
ก
ชอ่ื : สำนกั งำนเขตพื้นทีก่ ำรศึกษำมัธยมศกึ ษำนนทบรุ ี
ชอื่ วิจยั : กำรทำวิจัยเชิงพื้นทเี่ พ่ือกำรจดั ทำนโยบำยกำรจดั กำรเรียนรู้
ผู้เชยี วชำญที่ปรึกษำงำนวิจยั
วถิ ใี หม่ สพม.นนทบุรี
ปีกำรศึกษำ : ผศ.ดร.อดเิ รก เยำวว์ งค์ หำวิทยำลัยรำชภฏั รำชนครินทร์
: ดร.สิทธิเดช กติ ตวิ ิรยิ ะกำร วทิ ยำลยั เทคโนโลยีสยำม
: ดร.พงษ์ศธร ปำลี หำวิทยำลัยรำชภฏั รำชนครินทร์
: ดร.จิรำภร คุม้ มณี วิทยำลัยเทคนคิ ดสุ ิต
: ดร.นภำจติ ร ดสุ ดี สพม.นนทบรุ ี
: 2564
บทคัดย่อ
งำนวิจัยน้ีมีวัตถุประสงค์ (1) เพ่ือวิเครำะห์สภำพกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียนลักษณะต่ำงๆ
ด้ำนข้อดี ข้อเสีย โอกำส อุปสรรค (SWOT) ในกำรบริหำรจัดกำร กำรจัดกำรเรียนรู้ และกำรดูแล
ช่วยเหลือนักเรียน (2) เพื่อพัฒนำแนวทำงกำรจัดกำรศึกษำเพ่ือพัฒนำโรงเรียนทุกลักษณะในกำร
บริหำรจดั กำรกำรจัดกำรเรียนรู้ และกำรดูแลช่วยเหลือนักเรียน (3) เพือ่ จดั ทำข้อเสนอเชิงนโยบำยกำร
จัดกำรศึกษำในสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 ในระดับเขตพ้ืนท่ี
กำรศึกษำ และระดับสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน กลุ่มตัวอย่ำงท่ีใช้ในกำรวิจัย ได้แก่
ผู้บริหำรสถำนศึกษำ สังกัดสำนักงำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำนนทบุรี จำนวน 18 โรงเรียน และครูที่
สอนใน 8 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ โดยกำรเลือกกลุ่มตัวอย่ำงแบบเจำะจง จำนวน 577 คน เคร่ืองมือที่ใช้ใน
กำรวจิ ัยประกอบด้วย (1) แบบสัมภำษณผ์ ้บู รหิ ำร (2) แบบสัมภำษณค์ รู
ผลกำรวจิ ัยพบวำ่
1. กำรวิเครำะห์สภำพกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียนลักษณะต่ำงๆ ด้ำนข้อดี ข้อเสีย โอกำส
อุปสรรค (SWOT) ในกำรบริหำรจัดกำร กำรจัดกำรเรียนรู้ และกำรดูแลช่วยเหลือนักเรียน พบว่ำ
ประเด็นจุดแข็ง มี 10 ประเด็น ประเด็นจุดอ่อนมี 15 ประเด็น ประเด็นโอกำส มี 18 ประเด็น และ
ประเด็นภัยคกุ คำม มี 8 ประเด็น
2. กำรพัฒนำแนวทำงกำรจัดกำรศึกษำเพ่ือพฒั นำโรงเรยี นทกุ ลักษณะในกำรบริหำรจัดกำรกำร
จัดกำรเรียนรู้ และกำรดูแลช่วยเหลือนักเรียน พบว่ำอยู่ในขอบเขตของจุดอ่อน และโอกำส และ
แผนภมู ิ Startegic Map อย่ใู นขอบเขตของแผนกลยทุ ธเ์ ชงิ รกุ และแผนกลยุทธเ์ ชงิ แกไ้ ข
3. กำรจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบำยกำรจัดกำรศึกษำในสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติด
เชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 ในระดับเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำ และระดับสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ัน
พื้นฐำน นำเสนอยุทธศำสตร์กำรพัฒนำจัดกำรศึกษำในสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อ
ข
ไวรัสโคโรนำ 2019 ดังนี้ ยุทธศำสตร์ท่ี 1: พัฒนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือสนับสนุนองค์กำรดิจิทัล
สำหรบั สถำนศึกษำสมรรถนะสูง ยทุ ธศำสตร์ที่ 2: สง่ เสรมิ ควำมสำมำรถทำงด้ำนเทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือ
พัฒนำสมรรถนะดิจิทัลสำหรับครูและบุคลำกรทำงกำรศึกษำ ระดับกำรศึกษำข้ันพ้ืนฐำน และ
ยุทธศำสตร์ที่ 3: พัฒนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือกำรให้บริกำรทำงวิชำชีพ เกิดค่ำนิยม คือ SPM
Intelligent (S-support, P-professional, M-management)
(งำนวจิ ัยมที งั้ สิน้ 91 หนำ้ )
คำสำคัญ : วิจัยเชิงพน้ื ท่ี, กำรจัดกำรเรยี นรวู้ ถิ ใี หม่
ค
กติ ตกิ รรมประกาศ
งำนวิจัยฉบับนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยควำมอนุเครำะห์จำกผู้อำนวยกำรสำนักงำนเขตพ้ืนที่
กำรศึกษำมัธยมศึกษำนนทบุรี นำยสุรชำติ เครือครี รองผู้อำนวยกำรสำนักงำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำ
มัธยมศึกษำนนทบุรี ดร.อมรรัตน์ โสธำรัตน์ และนำงศุภรินทร์ พรมรินทร์ ที่ให้ควำมเมตตำ เสียสละ
เวลำใหค้ ำแนะนำแนวทำงกำรทำวิจยั เชิงพื้นท่ี และถ่ำยทอดประสบกำรณใ์ นกำรศึกษำและกำรทำงำน
วิจัยด้วยควำมรัก เอำใจใส่เสมอ ผู้วิจัยขอกรำบขอบพระคุณเป็นอย่ำงสูงมำ ณ โอกำสนี้ ขอกรำบ
ขอบพระคุณ ผศ.ดร.อดิเรก เยำว์วงค์ ดร.พงษ์ศธร ปำลี ดร.สิทธิเดช กิตติวิริยะกำร และ ดร.จิรำภร
คุ้มมณี ท่ีให้คำปรึกษำด้วยดีตลอดระยะเวลำท่ีผู้วิจัยศึกษำงำนวิจัย ขอกรำบขอบพระคุณ
ดร.นภำจิตร ดุสดี ศึกษำนิเทศก์ สพม.นนทบุรี ท่ีเป็นผู้รับผิดชอบในกำรจัดทำวิจัยดำเนินงำนกำรทำ
วิจัยให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ขอกรำบขอบพระคุณคณะกรรมกำรจัดทำวิจัยเชิงพื้นท่ี สพม.นนทบุรี
ทกุ ท่ำนท่ีให้คำแนะนำเพ่ือปรับปรงุ งำนวิจยั ใหส้ ำเร็จสมบรู ณ์
สำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำมัธยมศึกษำนนทบรุ ี
ง
สารบัญ
บทคดั ย่อ ก
กติ ติกรรมประกำศ ค
สำรบญั ง
สำรบญั ภำพ ฉ
สำรบญั ตำรำง ช
บทท่ี 1 บทนำ 1
1.1 ควำมเป็นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ 1
1.2 วตั ถปุ ระสงค์กำรวิจัย 4
1.3 ขอบเขตของกำรวจิ ัย 5
1.4 กรอบแนวคิดกำรวิจัย 6
1.5 นยิ ำมศพั ท์เฉพำะ 7
1.6 ประโยชนท์ ี่จะได้รับ 7
บทที่ 2 เอกสำรและงำนวจิ ัยที่เก่ียวข้อง 8
2.1 นโยบำยและแผนกำรจดั กำรศึกษำ 8
2.2 สถำนกำรณก์ ำรแพรร่ ะบำดของโรคติดเช้อื ไวรสั โคโรนำ 2019 18
2.3 กำรเข้ำส่ชู ีวิตวิถีใหม่ 20
2.4 ทฤษฎีกำรเรยี นรู้คอนเนคทิวิซึม 25
2.5 รูปแบบกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนภำยใต้สถำนกำรณก์ ำรแพรร่ ะบำด
ของโคโรนำ 2019 27
2.6 กำรวเิ ครำะหส์ ภำพแวดลอ้ มภำยในและภำยนอกองคก์ ร 29
2.7 งำนวิจัยที่เกีย่ วขอ้ ง 31
บทที่ 3 วธิ ีดำเนนิ กำรวิจัย 35
3.1 วิเครำะหส์ ภำพกำรจดั กำรศกึ ษำของโรงเรยี นลกั ษณะต่ำงๆ ดำ้ นข้อดี ข้อเสีย
โอกำส อปุ สรรค (SWOT) ในกำรบริหำรจดั กำร กำรจัดกำรเรยี นรู้ และกำรดูแล
ชว่ ยเหลอื นกั เรียน 35
3.2 พัฒนำแนวทำงกำรจัดกำรศึกษำเพื่อพฒั นำโรงเรียนทุกลกั ษณะในกำรบรหิ ำร
จัดกำรกำรจดั กำรเรยี นรู้ และกำรดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน 37
3.3 จดั ทำข้อเสนอเชิงนโยบำยกำรจดั กำรศึกษำในสถำนกำรณก์ ำรแพรร่ ะบำด
ของโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนำ 2019 ในระดบั เขตพืน้ ท่กี ำรศกึ ษำ และระดบั สำนกั งำน
คณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้ันพื้นฐำน 38
จ
บทที่ 4 ผลกำรวจิ ัย 39
4.1 ผลวเิ ครำะห์สภำพกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียนลักษณะตำ่ งๆ ด้ำนขอ้ ดี ขอ้ เสยี
โอกำส อปุ สรรค (SWOT) ในกำรบริหำรจดั กำร กำรจดั กำรเรยี นรู้ และกำรดแู ล
ชว่ ยเหลอื นักเรยี น 39
4.2 ผลกำรพฒั นำแนวทำงกำรจัดกำรศกึ ษำเพื่อพัฒนำโรงเรยี นทุกลักษณะ
ในกำรบริหำรจดั กำรกำรจัดกำรเรียนรู้ และกำรดแู ลช่วยเหลอื นักเรียน 46
4.3 ผลกำรจดั ทำข้อเสนอเชงิ นโยบำยกำรจดั กำรศึกษำในสถำนกำรณ์กำรแพรร่ ะบำด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 ในระดบั เขตพื้นที่กำรศกึ ษำ และระดบั สำนักงำน
คณะกรรมกำรกำรศึกษำขน้ั พื้นฐำน 48
4.4 ยทุ ธศำสตร์กำรจัดกำรศึกษำในสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชือ้
ไวรสั โคโรนำ 2019 59
บทที่ 5 สรปุ ผลกำรวิจยั อภปิ รำยผล และขอ้ เสนอแนะ 61
5.1 สรปุ ผลกำรวจิ ัย 61
5.2 อภปิ รำยผล 63
5.3 ขอ้ เสนอแนะ 63
บรรณำนกุ รม 64
ภำคผนวก ก รำยนำมผู้เชย่ี วชำญ ผูท้ รงคุณวุฒิ 66
ภำคผนวก ข เครื่องมือที่ใช้ในกำรวิจัย 72
ภำคผนวก ค ภำพกำรทำวิจัยเชงิ พ้ืนท่ี 81
ฉ
สารบญั ภาพ 7
15
ภำพที่ 1-1 กรอบแนวคิดกำรวจิ ัยเชงิ พ้นื ทเี่ พ่ือกำรจัดทำนโยบำยกำรจดั กำรเรียนรูว้ ิถีใหม่ 17
สพม.นนทบรุ ี 47
47
ภำพที่ 2-1 ภมู ทิ ัศนด์ ิจทิ ัลของไทยในระยะเวลำ 20 ปี
ภำพที่ 2-2 ยทุ ธศำสตร์กำรพัฒนำดจิ ทิ ัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ภำพที่ 4-1 แผนภมู ิ Score
ภำพท่ี 4-2 แผนภูมิ Startegic Map
ช
สารบัญตาราง
4-1 กำรวเิ ครำะห์ประเด็นจุดแขง็ (Strengths: S) และประเด็นจดุ ออ่ น
(Weakness: W) 39
4-2 กำรวิเครำะห์ประเด็นโอกำส (Opportunities: O) และประเดน็ ภยั คุกคำม
(Threats: T) 41
4-3 ประเด็นจุดแข็ง 42
4-4 ประเดน็ จุดอ่อน 43
4-5 ประเดน็ โอกำส 44
4-6 ประเดน็ ภยั คุกครำม 46
4-7 ผลกำรวิเครำะห์สภำพแวดล้อมภำยในและภำยนอกองค์กร 47
4-8 กำรวเิ ครำะห์และสร้ำงกลยทุ ธเ์ ชิงรกุ 49
4-9 กำรวิเครำะห์และสรำ้ งกลยุทธ์เชิงแกไ้ ข 50
4-10 กำรวเิ ครำะห์และสรำ้ งกลยทุ ธ์เชิงป้องกนั 51
4-11 กำรวเิ ครำะหแ์ ละสรำ้ งกลยุทธ์เชิงรับ 52
4-12 แผนท่ยี ุทธศำสตร์กำรจัดกำรศึกษำในสถำนกำรณก์ ำรแพรร่ ะบำดของโรคตดิ เชือ้
ไวรสั โคโรนำ 2019 59
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ควำมเปน็ มำและควำมสำคัญของปัญหำ
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทลั เป็นปัจจัยสาคัญที่มีบทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ของประเทศ ปัจจุบันโลกได้เข้าสู่ยุคระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลที่เทคโนโลยีดิจิทัลไม่ได้เป็นเพียง
เคร่ืองมือสนับสนุนการทางานเฉกเช่นที่ผ่านมา หากแต่จะหลอมรวมเข้ากับวิถีชีวิตของคนอย่างแท้จริง
และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนโครงสร้างรูปแบบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กระบวนการผลิต สังคม การค้า
การบริการ และการศึกษา โดยเฉพาะด้านการศึกษา เทคโนโลยีดิจิทัลส่งผลกระทบโดยตรงทั้งด้าน
การจดั การเรียนการสอน การวจิ ยั การบริหารจัดการทางวชิ าการ ตลอดจนการส่ือสาร สถาบนั การศึกษา
หลายแห่งทั่วโลกเลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกับการจัดการเรียนการสอนเพ่ือช่วยพัฒนาการศึกษาและ
บคุ คลากรทางการศึกษาใหม้ ีคุณภาพและศักยภาพ นาเขา้ มาเป็นส่วนร่วมในการขบั เคลื่อนเศรษฐกิจและ
สังคมดจิ ิทัล ทาให้เทคโนโลยดี ิจทิ ัลมีอิทธิพลต่อการดารงชวี ิตและการทางาน ทิศทางการพัฒนาประเทศ
ไทยไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีความมั่นคง มั่งค่ังและย่ังยืนในระยะยาวตามนัยของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) และแนวคิดประเทศไทย 4.0
โมเดลขับเคล่ือนสู่ความม่ันคง ม่ังค่ัง และย่ังยืน ได้มีการกล่าวถึงการนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็น
เครื่องมือสาคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจท่ีต้ังอยู่บนพ้ืนฐานของการใช้นวัตกรรม การปฏิรูป
กระบวนการทางธุรกิจ การผลิต การค้า และการบริการ การปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารราชการ
แผ่นดิน และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีการเตรียมความพร้อมการพัฒนากาลังคน
การวิจัย พัฒนานวัตกรรมรวมทั้งระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และการสร้างความ
พร้อมด้านไอซีทีโดยรวมของประเทศเพื่อยกอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศ
ข้าราชการซึ่งเป็นแกนหลักของการพัฒนาประเทศ จึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับบริบทของ
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี เพ่ือป้องกันความเส่ียงที่อาจเกิดจากการใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม
ทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นทักษะด้านดิจิทัลพ้ืนฐานที่จะเป็นตัวช่วยสาคัญ สาหรับ
ข้าราชการในการปฏบิ ตั ิงาน การสือ่ สารและการทางานร่วมกันกับผอู้ ่ืน ช่วยสว่ นราชการสรา้ งคุณคา่ และ
ความคุ้มค่าในการดาเนินงานเพื่อการก้าวไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 อีกท้ังยังเป็นเครื่องมือช่วยให้
ข้าราชการ สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองเพ่ือให้ได้รับโอกาสการทางานท่ีดีและเติบโตก้าวหน้าใน
อาชีพราชการด้วย (คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน, 2560) นโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ
20 ปี แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2560-2579 และแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
2
ฉบับท่ี 12 จึงมุ่งเน้นให้ความสาคัญกับการผลิตและพัฒนาครูท่ีเน้นสมรรถนะดิจิทัล ปรับกระบวนการ
เรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง เน้นการพัฒนาทักษะด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี เพ่ือเอ้ือต่อการเตรียมคุณภาพของผู้เรียนทั้งด้านทักษะ ความรู้ ความสามารถ และสมรรถนะ
ท่ีพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานต่อไป (สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ,
2559) ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลแบบก้าวกระโดดส่งผลให้แนวโน้มการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยีดิจิทัลกับการศึกษามีหลากหลายมากข้ึน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกับการศึกษา
พบว่าโรงเรยี นทมี่ ีโครงการดิจทิ ัลเพื่อการศึกษาที่ดี จะช่วยพฒั นากระบวนการสอนให้กบั ครูมีการปรับ
เปล่ียนแปลงวิธีการสอนการสอน เมื่อครูมีความรู้ความสามารถในทักษะดิจิทัลจะสามารถออกแบบ
กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ท่ีตอบสนองกับผู้เรียนในยุคดิจิทัลได้ ครูที่มีความรู้ความเข้าใจและทักษะ
ด้านดิจิทัลเป็นอย่างดีจะสามารถออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่สามารถกระตุ้นให้นักเรียนเกิด
การพฒั นาการทกั ษะในการเรยี นรู้ไดด้ ีมากข้นึ
กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทาแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560–2579 เป็นแผนระยะยาว
20 ปี เพ่ือให้เป็นแผนแม่บทสาหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนาไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนา
การศกึ ษาโดยจุดมุง่ หมายที่สาคญั ของแผนคือ “การม่งุ เน้นการประกันโอกาส และความเสมอภาคทาง
การศึกษา การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และการศึกษาเพื่อการมีงานทาและสร้างงาน
ได้ภายใต้บริบทเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและของโลกท่ีขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความคิด
สรา้ งสรรคร์ วมทั้งมีความเป็นพลวตั ” โดยการจดั ทาแผนไดพ้ ิจารณาถงึ สภาวการณ์และบรบิ ทแวดล้อม
ท่ีมีผลต่อการพัฒนาการศึกษาของประเทศ รวมถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีดิจิทัลแบบก้าว
กระโดดที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ภูมิภาคและของโลก โดยแผนได้
กาหนดแนวทางดาเนินงานไว้ 6 ยทุ ธศาสตรซ์ ่งึ มียุทธศาสตร์ทเี่ กีย่ วข้องกับเทคโนโลยเี ทคโนโลยีดิจิทัล
อาทิเช่น ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ มี
เป้าหมายให้ผู้เรียนมีทักษะและคุณลักษณะที่จาเป็นในศตวรรษท่ี 21 มีระบบการผลิตครู อาจารย์
และบคุ ลากรทางการศกึ ษาได้มาตรฐานระดับสากล และครู อาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษาได้รับ
การพัฒนาสมรรถนะตามมาตรฐานวิชาชีพ และสามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพเพ่ิมขึ้น
ยุทธศาสตร์ที่ 4 สร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา มีเป้าหมายการเพ่ิม
โอกาสทางการศึกษาผ่านดิจิทัลเพ่ือการศึกษาสาหรับคนทุกช่วงวัย ให้มีระบบสารสนเทศติดตาม
ประเมินผลรายบุคคล (สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2560) ซ่ึงแผนยุทธศาสตร์ข้างต้น
สอดคล้องกับหลักการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษท่ี 21 ท่ีเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาท
ทางการศึกษา
3
การระบาดของไวรสั โคโรนา พ.ศ. 2562–2564 เปน็ การระบาดทวั่ โลก ทาให้การจัดการเรียนรู้
เกิดปัญหาและอุปสรรค สาหรับสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรีมีโรงเรียนในสังกัด
ท้งั หมดจานวน 18 โรงเรียน ขนาดใหญพ่ ิเศษ จานวน 12 โรงเรียน ขนาดใหญ่จานวน 4 โรงเรียน และ
ขนาดกลางจานวน 2 โรงเรียน พบว่ามีการจัดการเรียนรู้แบบ On Demand ดังนี้ 1) นักเรียนขาด
ความรับผิดชอบต่อภาระงานท่ีครูมอบหมายสาเหตุอันเนื่องมาจากช่วยท่ีบ้านทางาน 2) นักเรียนส่วน
ใหญ่ไม่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่สนับสนุนการเรียนรู้ 3) ครูผู้สอนขาด
ทักษะการจัดการเรียนรู้และเทคนิคท่ีหลากหลายเพ่ือกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน ปัญหาและ
อุปสรรคท่ีพบในการจัดการเรียนรู้แบบ On Hand ดังน้ี 1) เกิดอุปสรรคในการจัดส่งเอกสาร
ประกอบการเรียนเนื่องจากนักเรียนไม่สะดวกเดินทางมารับได้ และนักเรียนไม่สามารถส่งการ บ้าน
กลับมาที่ครูผู้สอนกาหนดได้ครบทุกคน 2) โรงเรียนเป็นสถานท่ีตั้งของโรงพยาบาลสนาม ทาให้ไม่
สะดวกในการจัดเตรียมชุดเอกสารประกอบการเรียนรู้ และนกั เรยี นบางส่วนเดินทางกลับภูมิลาเนาจึง
ไม่สะดวกในการเดินทางรับเอกสารประกอบการเรียนรู้ 3) มีนักเรียนที่อยู่ในพ้ืนท่ีเส่ียง คุณครูไม่
สามารถจัดเตรียมและจัดส่งเอกสารประกอบการเรียนรู้ไปมอบแก่นักเรียนได้ด้วยตัวเอง ปัญหาและ
อุปสรรคท่ีพบในการจัดการเรียนรู้แบบ On Line ดังนี้ 1) นักเรียนเข้าเรียนไม่สม่าเสมอ ไม่สามารถ
เข้าเรียนได้ตามเวลาขาดความรับผิดชอบในการส่งงาน 2) สภาพแวดล้อมในห้องเรียนออนไลน์ท่ียัง
ขาดปฏิสัมพันธ์และให้ความร่วมมือในกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน อาจเป็นเพราะครูขาดเทคนิค
กระตุ้นให้เกิดการอยากเรียนรู้ของนักเรียน 3) อุปกรณ์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร บางพ้ืนที่
ของท่ีอยู่อาศัยนักเรียนอยู่ห่างไกลเสาส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต 4) สุขภาพของนักเรียนมีผลเกิดความ
เมื่อยล้าของร่างกายและสายตาจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เป็นเวลานาน นอกจากน้ีมี
นักเรียนท่ีเป็นกลุ่มเด็กพิเศษจึงมีความยากในการจัดเรียนรู้รูปแบบออนไลน์ 5) สภาพเศรษฐกิจของ
ครอบครัวไม่มีความพร้อมในการชื้ออุปกรณ์การเรียนและค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ต และผู้ปกครอง ส่วน
ใหญ่ต้องทางานทาให้ไม่สามารถดูแลนักเรียนในการเรียนออนไลน์ได้ 6) ครูผู้สอน ต้องการ
การสนับสนุนอุปกรณ์และสญั ญาณอินเทอร์เนต็ จากต้นสังกัด และครูมีภาระในการรายงานข้อมูลตาม
นโยบาย
จากสภาพปัญหาและภาวะวิกฤตที่กล่าวมาข้างต้นน้ี จึงมีความจาเป็นอย่างย่ิงที่ต้องมี
การจัดการเรียนรู้ในรูปแบบผสมผสานระหว่างการจัดการเรียนรู้แบบ On-Air, แบบ On Demand,
On Hand และ On Line เนื่องจากการจดั การเรยี นรู้ในรูปแบบ On Demand พบข้อเสนอแนะ ดังนี้
1) ครูควรกาหนดปฏิทินการส่งงานของนักเรียนอย่างชัดเจน 2) บูรณาการช้ินงานระหว่างวิชาเพ่ือให้
นักเรียนมีภาระงานน้อยลง 3) นาแพตฟอร์มท่ีสนับสนุนการจัดการเรียนรู้มาใช้ควบคู่กับกิจกรรม
การเรียนการสอน 4) ครูนาชุมชนการจัดการเรียนรู้ทางวิชาชีพมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการจัดการ
เรยี นรู้ การจดั การเรียนรู้ในรูปแบบ On Hand พบขอ้ เสนอแนะ ดังน้ี โรงเรียนอานวยความสะดวกใน
4
การจัดทาชุดเอกสารประกอบการเรียนรู้พร้อมปฏิทินกาหนดการสง่ งานจากแตล่ ะวชิ า และครูประจา
ช้ันประสานข้อมูลนักเรียนเพ่ือนัดหมายการจัดส่งให้กับนักเรียนตามช่องทางในการติดต่อ และ
โรงเรียนสนับสนุนค่าบริการจัดส่งชุดเอกสารประกอบการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ในรูปแบบ
On Line พบข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1) ปรับการจัดการเรียนรู้แบบผสมผสานกับ On Line อาจนา
On Line มาใช้คู่กับ On demand หรือนา On Line มาใช้คู่กับ On Hand บูรณาการการ
จัดการเรียนร้เู พ่ือให้ภาระงานที่มอบหมายลดลง 2) ครูท่ีปรึกษาติดตามการเข้าเรียนของนักเรียนผา่ น
ทางผู้ปกครอง 3) ครูประจาวิชารายงานการเข้าเรียนของนกั เรียน และติดตามการขาดเรียน โดยครูท่ี
ปรึกษาผ่านทางผู้ปกครองเพื่อแก้ปัญหาได้ทันเวลา 4) จัดหาอุปกรณ์และสนับสนุนค่าอินเตอร์เน็ต
5) ปรับลดจานวนคาบเรียน ปรับลดเวลาเรียน ขยายเวลาพักให้มากข้ึน มีวิธีการวัดและประเมินผล
ด้วยวิธีท่ีหลากหลาย ไม่เน้นการสอบ และตัดเกรดแบบอิงกลุ่ม 6) สนับสนุนอุปกรณ์การเรียนและ
สัญญาณอินเทอร์เนตใหก้ บั นกั เรยี น
สภาพปัญหาและภาวะวิกฤตท่ีกล่าวมาข้างต้นน้ี จึงมีความสาคัญเป็นอย่างย่ิงที่ต้องมี
การศึกษาเกี่ยวกับการจัดทานโยบายการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ ของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
มัธยมศึกษานนทบุรี เพื่อนานโยบายการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่มาใช้ให้ทันต่อสถาณการณ์การจัดการ
เรียนร้ใู นปจั จบุ ัน
1.2 วัตถปุ ระสงค์ของกำรวิจัย
1.2.1 เพ่ือวิเคราะห์สภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนลักษณะต่าง ๆ ด้านข้อดี ข้อเสีย โอกาส
อปุ สรรค (SWOT) ในการบริหารจัดการ การจดั การเรยี นรู้ และการดแู ลชว่ ยเหลือนักเรียน
1.2.2 เพ่ือพัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาโรงเรียนทุกลักษณะในการบริหาร
จัดการ การจดั การเรยี นรู้ และการดแู ลชว่ ยเหลือนกั เรียน
1.2.3 เพ่ือจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติด
เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน
พืน้ ฐาน
5
1.3 ขอบเขตของกำรวจิ ยั
1.3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่างใช้ผู้บริหารสถานศึกษาและข้าราชการครูสังกัดสานักงานเขต
พื้นที่การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน
1.3.1.1 ประชากร คือ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา
มัธยมศึกษานนทบุรี ที่จัดการเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา
2019 จานวน 1785 คน
1.3.1.2 กลุ่มตัวอย่างเลือกแบบเจาะจง คือ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูท่ีจัดการเรียน
การสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษามัธยมศกึ ษานนทบรุ ี จานวน 577 คน
1.3.2 ตัวแปรที่ใช้ในการวจิ ัย
1.3.2.1 ตวั แปรต้น คอื การทาวจิ ยั เชงิ พน้ื ท่ี
1.3.2.2 ตวั แปรตาม คอื นโยบายการจดั การเรียนรวู้ ิถีใหม่ สพม. นนทบุรี
1.4 กรอบแนวคิดกำรวิจยั
กำรทำวิจัยเชิงพื้นที่เพื่อกำรจัดทำนโยบำ
วเิ คราะห์สภาพการจดั การศึกษาของโรงเรยี น พฒั นาแนวทางการจัดการ
- จุดแขง็ (Strengths: S) - แผนกลยทุ ธ์
- ประเดน็ จุดอ่อน (Weakness: W) - วเิ คราะห์และสรา้ งกลยุท
- โอกาส (Opportunities: O) - แผนภูมิยทุ ธศาสตร์
- ภยั คุกคาม (Threats: T)
นโยบำยกำรจัดกำรเรียน
พฒั นาระบบเทคโนโลยีดจิ ิทลั เพ่ือสนบั สนุน สง่ เสรมิ ความสามารถทา
องค์การดจิ ทิ ัลสาหรับสถานศึกษาสมรรถนะสงู เพือ่ พัฒนาสมรรถนะดิจิทลั
ทางการศกึ ษา ระดับก
ภำพที่ 1 -1 กรอบแนวคิดการวิจัยเชงิ พ้ืนที่เพ่ือการจ
6
ำยกำรจัดกำรเรยี นรู้วถิ ใี หม่ สพม.นนทบรุ ี
รศึกษา สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโร
นา 2019
ทธ์ - นโยบายและแผนการจัดการศึกษา
- รูปแบบการจัดการเรยี นการสอนภายใต้สถานการณ์
การแพรร่ ะบาดของของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019
นรวู้ ถิ ีใหม่ สพม.นนทบุรี
างด้านเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั พัฒนาระบบเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั
ลสาหรบั ครแู ละบุคลากร เพ่อื การใหบ้ ริการทางวิชาชพี
การศึกษาข้ันพนื้ ฐาน
จดั ทานโยบายการจดั การเรียนรู้วถิ ีใหม่ สพม.นนทบรุ ี
7
1.5 นยิ ำมศพั ทเ์ ฉพำะ
1.5.1 ผู้บริหารสถานศึกษา หมายถึง ผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มธั ยมศกึ ษานนทบุรี 18 โรงเรียน จานวน 18 คน
1.5.2 ครูทจี่ ดั การเรยี นการสอนในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 หมายถงึ
ครูท่ีสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้พื้นฐาน ดังนี้ 1) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
2) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ 3) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4) กลุ่มสาระการ
เรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 5) กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 6) กลุ่มสาระการ
เรียนรศู้ ลิ ปะ 7) กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และ 8) กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ
1.5.3 วิจัยเชิงพ้ืนท่ี หมายถึง การศึกษาสภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้กับโรงเรียนในสังกัดจานวน 18
โรงเรียน
1.5.4 นโยบายการจัดการเรยี นรูว้ ถิ ใี หม่ หมายถึง นโยบายการจดั การเรยี นรูว้ ถิ ีใหมข่ องสานักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษามัธยมศกึ ษานนทบรุ ี
1.6 ประโยชน์ที่จะได้รับ
1.6.1 สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษานนทบุรีนาข้อมูลการวเิ คราะหส์ ภาพการจัดการศึกษาของ
โรงเรยี นในสังกัดมาวางแผนการบรหิ ารภายในหนว่ ยงาน
1.6.2 สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี นารูปแบบการจัดการศึกษาวิถีใหม่ ที่เอื้อต่อการ
จัดการเรยี นรู้กบั นกั เรียน
1.6.3 สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี มีแผนการดาเนินงานพัฒนาการจัดการเรียนรู้
ตามนโยบายการจดั การศึกษาในสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยทเ่ี ก่ยี วข้อง
การทาวจิ ัยเชงิ พืน้ ที่เพ่ือการจัดทานโยบายการจดั การเรียนรู้วถิ ใี หม่นี้ ผู้วิจยั ได้ศกึ ษาแนวคิด
ทฤษฎแี ละงานวิจยั ทเ่ี ก่ียวข้องจากเอกสาร ตาราวชิ าการ วารสาร รายงานการวิจยั และการสืบคน้ ผา่ น
ระบบอินเทอร์เนต็ ทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศ เพอื่ วเิ คราะห์และสังเคราะหป์ ระเดน็ สาคัญๆ ตาม
หวั ขอ้ ดังต่อไปน้ี
2.1 นโยบายและแผนการจัดการศกึ ษา
2.2 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019
2.3 การเขา้ ส่ชู วี ิตวิถใี หม่
2.4 ทฤษฎกี ารเรียนรู้คอนเนคทิวซิ ึม
2.5 รูปแบบการจัดการเรยี นการสอนภายใตส้ ถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโคโรนา 2019
2.6 การวเิ คราะห์สภาพแวดลอ้ มภายในและภายนอกองคก์ ร
2.7 งานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วข้อง
2.1 นโยบายและแผนการจัดการศึกษา
2.1.1 ยทุ ธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580)
ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ท่ีคณะกรรมการจัดทายุทธศาสตร์ชาติได้
ดาเนินการยกร่างตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีกาหนด เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาในระยะ
20 ปีต่อจากนี้ประกอบด้วย วิสัยทัศน์และเป้าหมายของชาติท่ีคนไทยทุกคนต้องการบรรลุร่วมกัน
รวมทงั้ นโยบายแห่งชาติ และมาตรการเฉพาะซึ่งเป็นแนวทาง ทศิ ทาง และวิธกี ารท่ที กุ องค์กรและ
คนไทยทกุ คนตอ้ งมงุ่ ดาเนินการไปพร้อมกนั อยา่ งประสานสอดคล้อง เพือ่ ให้บรรลซุ ง่ึ ส่ิงทคี่ นไทยทุกคน
ต้องการ คือ ประเทศไทยม่ันคง ม่ังคั่ง และยั่งยืน ในทุกสาขาของกาลังอานาจแห่งชาติ อันได้แก่
การเมอื งภายในประเทศ การเมอื งตา่ งประเทศ เศรษฐกิจ สังคมจติ วิทยา การทหาร วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี การพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี การพลังงาน
ทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารกาหนดวิสัยทัศน์ คือ
ประเทศไทยมีความม่ันคง ม่ังคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยการพัฒนา ตามหลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียง กาหนดความม่ันคง คือ การมีความมั่นคงปลอดภัยจากภยั และการเปลย่ี นแปลงทั้ง
ภายในประเทศและภายนอกประเทศในทุกระดับ ทั้งระดับประเทศ สังคม ชุมชน ครัวเรือน และ
ปัจเจกบุคคล และมีความมั่นคงในทุกมิติ ทั้งมิติทางการทหาร เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และ
9
การเมือง เช่น ประเทศมีความม่ันคงในเอกราชและอธิปไตย มีการปกครองระบบประชาธิปไตยท่ีมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มีความเข้มแข็งเป็น
ศูนย์กลางและเป็นท่ียึดเหน่ียวจิตใจของประชาชน มีระบบการเมืองท่ีมั่นคงเป็นกลไกที่นาไปสู่
การบริหารประเทศท่ีต่อเนื่องและโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล สังคมมีความปรองดองและความ
สามัคคี สามารถผนกึ กาลังเพ่ือพัฒนาประเทศชุมชนมีความเข้มแข็ง ครอบครวั มีความอบอุน่ ประชาชน
มีความม่ันคงในชีวิต มีงานและรายได้ที่ม่ันคงพอเพียงกับการดารงชีวิต ความม่ันคงของอาหาร
พลังงาน และน้า มีท่ีอยู่อาศัยและความปลอดภัย ในชีวิตทรัพย์สิน มีการออมสาหรับวัยเกษียณ
ความมัน่ คงของอาหาร พลงั งาน และนา้ มที ีอ่ ยู่อาศัยและความปลอดภยั ในชีวิตทรัพยส์ นิ ยทุ ธศาสตร์
ทสี่ าคัญ 6 ด้าน ดงั น้ี
ยุทธศาสตร์ท่ี 1 ด้านความมั่นคง เพ่ือบริหารจัดการสภาวะแวดล้อมของประเทศให้มีความ
มั่นคง ปลอดภัย และมีความสงบเรียบร้อยในทุกระดับ ต้ังแต่ระดับชาติ สังคม ชุมชน ไปจนถึงระดับ
ความม่ันคงของมนุษย์ และทุกมิติ ท้ังมิติทางด้านการทหาร การเมือง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา
วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาหาร น้า ไปจนถึงมิติทางพลังงาน โดย
มุ่งเน้นการพัฒนาคน เคร่ืองมือ(ทรัพยากร) เทคโนโลยี และระบบฐานข้อมูลกลาง (Big Data) ให้มี
ความพร้อมสามารถรับมือกับภัยคุกคาม และภัยพิบัติได้ทุกรูปแบบ และทุกระดับความรุนแรง
ควบคู่ไปกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงท่ีมีอยู่ในปัจจุบัน และที่อาจจะเกิดข้ึนใน
อนาคต โดยใช้กลไกการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ ทั้งกับส่วนราชการภาคเอกชนประชาสังคม และ
องค์กรท่ีไม่ใช่รัฐ รวมถึงประเทศเพ่ือนบ้านและมิตรประเทศทั่วโลกบนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล
เพ่ือมุ่งท่ีจะเอ้ืออานวยประโยชน์ต่อการดาเนินการของยุทธศาสตร์ชาติด้านอื่นๆ ตลอดถึงการบริหาร
ประเทศของรัฐบาล ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ตามทิศทางและเป้าหมายท่ีกาหนด โดยเหตุการณ์
สาคัญท่ีอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ท้ังในระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับ
ภายในประเทศ โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์ ดังน้ี 1) การรกั ษาความสงบภายในประเทศ 2) การป้องกัน
และแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง 3) การพัฒนาศักยภาพของประเทศให้พร้อมเผชิญภัย
คุกคามที่กระทบต่อความม่ันคงของชาติ 4) การบูรณาการความร่วมมือด้านความมั่นคงกับอาเซียน
และนานาชาติ รวมถึงองค์กรภาครัฐและที่มิใช่ภาครัฐ 5) การพัฒนากลไกการบริหารจัดการความมั่ง
คงแบบบรู ณาการ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพใน
หลากหลายมติ ิ ต้งั แตก่ ารสร้างพื้นฐานทีม่ ่ันคงของประเทศ การพฒั นาทีส่ มดุลในประเทศ ไมว่ า่ จะเป็น
การขยายตวั ของเศรษฐกิจ การกินดีอยดู่ แี ละรายได้ที่เพิ่มข้ึนของประชาชน ควบคู่กบั การขยายโอกาส
ของประเทศไทยในเวทีโลก ตลอดจนการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศท่ีเพิ่มข้ึน
ในเวทีสากล โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1) มหาอานาจทางการเกษตร (เกษตรปลอดภัย เกษตร
10
ชีวภาพ เกษตรอัตลักษณ์พ้ืนถิ่น เกษตรอัจฉริยะ เกษตรแปรรูป) 2) อุตสาหกรรมและบริการแห่ง
อนาคต (อุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมและบริการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมและบริการ
ดิจิทัล ข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์ อุตสาหกรรมและบริการขนส่ง และโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมความ
มั่นคงของประเทศ) 3) แม่เหล็กการท่องเท่ียวระดับโลก (ท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
ท่องเท่ียวเชงิ ธรุ กิจ ท่องเทย่ี วเชิงธรุ กจิ ท่องเทย่ี วเชงิ สุขภาพ ความงาม และแพทย์แผนไทย ท่องเท่ียว
สาราญทางน้า ท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาค) 4) โครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยง เช่ือมโลก (เช่ือมโยง
โครงขา่ ยคมนาคมไรร้ อยต่อ เพมิ่ พน้ื ท่แี ละเมืองเศรษฐกิจ พฒั นาโครงสรา้ งพื้นฐานเทคโนโลยสี มัยใหม่
รักษาและเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค สร้างพลวัตทางกฎหมาย) 5) สร้างนักรบ
เศรษฐกิจยุคใหม่ (สร้างผู้ประกอบการอัจฉริยะ สร้างโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน สร้างโอกาส
เข้าถงึ ตลาด สรา้ งโอกาสเข้าถึงขอ้ มูล ปรบั บทบาทและกลไกภาครฐั )
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพ่ือคนไทยในอนาคต
มีความพร้อมทั้งกายใจ สติปัญญา มีพัฒนาการท่ีดีรอบด้านและมีสุขภาวะท่ีดีในทุกช่วงวัย มีจิต
สาธารณะ รบั ผิดชอบตอ่ สังคมและผู้อื่น มัธยสั ถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มวี นิ ัย รกั ษาศลี ธรรม และเป็น
พลเมืองดีของชาติ มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะท่ีจาเป็นในศตวรรษที่ 21 มีทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษ
และภาษาท่ี 3 มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทย
ท่ีมีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และอื่นๆ โดยมีสัมมาชีพตามความ
ถนัดของตนเอง คนไทยในอนาคตต้องเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ มีความพร้อมท้ังกาย ใจ สติปัญญา
สามารถเรียนรู้ ได้ตลอดชีวิต มีทักษะในศตวรรษท่ี 21 สู่การเป็นคนไทย ที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกรรม
นักคิด และผู้ประกอบการบนฐานของการรู้คุณค่าความเป็นไทย มีคุณธรรมจริยธรรม มีวินัย
ความรับผิดชอบ ต่อสังคม และมีสุขภาวะท่ีดี โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1) การปรับเปล่ียน
ค่านิยมและวัฒนธรรม (Transformation of Culture) 2) การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต
3) การปฏิรูปการเรียนรู้แบบพลิกโฉม 4) การตระหนักถึงพหุปัญญา (multiple intelligence)
5) การเสริมสร้างให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี ครอบคลุมท้ังด้าน กาย ใจ สติปัญญา และสังคม
6) การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
7) การเสรมิ สร้างศักยภาพการกีฬาในการสร้างคุณค่าทางสังคมและพัฒนาประเทศ
ยุทธศาสตรท์ ่ี 4 การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม เพื่อลดความเหลอื่ มลา้ และสร้าง
ความเป็นธรรมในสังคมตั้งอยู่บนหลักการและพ้ืนฐานสาคัญคือการสร้างสังคมคุณภาพสังคมในทุกๆ
ด้านไปพร้อมกัน โดยไม่ทอดท้ิงใครไว้เบ้ืองหลัง ประกอบด้วย การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
และสังคม (Socio-economic Security) โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์ ดังน้ี 1) การลดความเหลื่อมล้า
สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ 2) การกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม
11
3) การเสริมสร้างพลังทางสังคม 4) การเพ่ิมขีดความสามารถของชุมชนท้องถ่ินในการพัฒนา
การพ่ึงตนเองและการจัดการตนเอง
ยุทธศาสตร์ท่ี 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม โดยมี
เป้าหมายที่สาคัญ คือ การบริโภคท่ียั่งยืนและการผลิตท่ียั่งยืน การดาเนินการท่ีสาคัญคือต้องเร่งวาง
ระบบการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติ บริหารจัดการน้าให้มี
ประสิทธิภาพโดยการวางระบบบริหารจัดการน้าอย่างบูรณาการให้มีประสิทธิภาพใน 25 ลุ่มน้า ท้ัง
ด้านอุปสงค์และอุปทาน เน้นการปรบั ระบบการบริหารจัดการอุทกภัยอยา่ งบรู ณาการ รวมท้งั ยกระดับ
ความสามารถในการป้องกันผลกระทบและปรับตัวต่อการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ
ธรรมชาติและปรับตัวไปสู่รูปแบบของการผลิตและการบริโภคที่ปล่อยคาร์บอนต่าและเป็น มิตรกับ
สิ่งแวดล้อมมากข้ึน โดยพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพและพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศและ
เมืองที่เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อมโดยการจัดการขยะสารพิษ และของเสียอันตรายอย่าง
มีประสิทธิภาพ โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์ ดังน้ี 1) สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสี
เขียว 2) สร้างการเติบโตอย่างย่ังยืนบนสังคมเศรษฐกิจภาคทะเล 3) สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบน
สังคมเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ 4) พัฒนาพื้นท่ีเมือง ชนบท เกษตรกรรมและ
อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 5) พัฒนาความมั่นคงทางน้า พลังงาน และเกษตรท่ีเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม
6) ยกระดับกระบวนทัศน์เพ่ือกาหนดอนาคตประเทศ
ยุทธศาสตร์ท่ี 6 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เพ่ือ
การปรับเปลี่ยนภาครัฐ ยึดหลัก “ภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม” โดย
ภาครัฐต้องมีขนาดท่ีเหมาะสมกับบทบาทภารกิจ และแยกแยะบทบาทหน่วยงานของรัฐที่ทาหน้าท่ี
กากับ หรือให้บริการในระบบเศรษฐกิจที่มีการแข่งขัน มีขีดสมรรถนะสูง ยึดหลักธรรมภิบาล ปรับ
วัฒนธรรมการทางานให้มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ส่วนรวม มีความทันสมัย และพร้อมท่ีจะ
ปรับตัวให้ทันต่อการเปล่ียนแปลงของโลกอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนานวัตกรรม
เทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่ และระบบการทางานท่ีเป็นดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่า และ
ปฏิบัติงานเทียบได้กับมาตรฐานสากล โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์ ดังน้ี 1) ภาครัฐที่ยึดประชาชนเป็น
ศูนย์กลาง ตอบสนองความต้องการ และให้บริการอยา่ งสะดวกรวดเร็ว โปร่งใส 2) ภาครัฐบริหารงาน
แบบบูรณาการโดยมียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายและเชื่อมโยงการพัฒนาในทุกระดับ ทุกประเด็น
ทกุ ภารกจิ และทุกพืน้ ที่ 3) ภาครัฐมขี นาดเลก็ ลง เหมาะสมกับภารกจิ เปิดกวา้ ง ส่งเสรมิ ให้ประชาชน
และทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ 4) ภาครัฐมีความทันสมัย ทันการเปล่ียนแปลง และ
มขี ดี สมรรถนะสูง 5) บุคลากรภาครฐั เป็นคนดีและเก่ง ยึดหลกั คุณธรรม มจี ติ สานึก มีความสามารถสูง
มุ่งมั่น และเป็นมืออาชีพในการพัฒนาประเทศ 6) ภาครัฐมีความโปร่งใส ปลอดการทุจริตและ
ประพฤติมิชอบ ทุกภาคส่วนร่วมต่อต้านการทุจริต 7) ภาครัฐดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้
12
กฎหมายอย่างเคร่งครัด 8) กระบวนการยุติธรรมเคารพสิทธิมนุษยชนและปฏิบัติต่อประชาชนโดย
เสมอภาคมคี วามเป็นกลาง น่าเชอ่ื ถือ โปร่งใส ตรวจสอบได้
2.1.2 แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติ (พ.ศ. 2560-2579)
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 และกฎกระทรวงแบ่งส่วน
ราชการสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ได้กาหนดให้สานักงาน
เลขาธิการสภาการศึกษามีหน้าท่ีในการพิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติท่ีบู รณาการศาสนา
ศิลปะ วัฒนธรรม และกีฬากับการศึกษาทุกระดับ ดังน้ันสานักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้จัดทา
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 ซ่ึงเป็นแผนระยะยาว 20 ปี เพ่ือเป็นแผนแม่บทสาหรับ
หน่วยงานที่เก่ียวข้องนาไปใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการศึกษาในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
แนวคดิ การจดั การศึกษา (Conceptual Design) ตามแผนการศึกษาแหง่ ชาติ ยึดหลกั สาคญั ในการจัด
การศกึ ษา ประกอบด้วยหลกั การจัดการศึกษาเพ่ือปวงชน (Education for All) หลักการจัดการศกึ ษา
เพ่ือความเท่าเทียมและท่ัวถึง (Inclusive Education) หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
(Sufficiency Economy) และหลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนของสังคม (All for Education)
อีกทั้งยึดตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs 2030)
ประเด็นภายในประเทศ (Local Issues) อาทิ คุณภาพของคนทุกช่วงวัย การเปล่ียนแปลงโครงสร้าง
ประชากรของประเทศ ความเหล่ือมล้าของการกระจายรายได้ และวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม โดยนา
ยุทธศาสตร์ชาติ (National Strategy) มาเป็นกรอบความคิดสาคัญในการจัดทาแผนการศึกษา
แหง่ ชาติ
โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา 4 ประการ คือ 1) เพอ่ื พฒั นาระบบและกระบวนการจัด
การศึกษาที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ 2) เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นพลเมืองดี มีคุณลักษณะทักษะ
และสมรรถนะท่ีสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพระราชบัญญัติ
การศึกษาแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ชาติ 3) เพ่ือพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และ
คุณธรรม จริยธรรม รู้รักสามัคคี และร่วมมือผนึกกาลังมุ่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างย่ังยืน ตามหลัก
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และ 4) เพ่ือนาประเทศไทยกา้ วข้ามกับดักประเทศท่ีมีรายได้ปานกลาง
และความเหลื่อมล้าภายในประเทศลดลง เพ่ือให้บรรลุวิสัยทัศน์และจุดมุ่งหมายในการจัดการศึกษา
ดังกล่าวขา้ งตน้
แผนการศกึ ษาแหง่ ชาติได้กาหนดยุทธศาสตรใ์ นการพัฒนาการศึกษาภายใต้ 6 ยทุ ธศาสตร์หลัก
ทสี่ อดคลอ้ งกับยุทธศาสตรช์ าติ 20 ปี ดงั น้ี
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การจดั การศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ มเี ปา้ หมาย ดงั น้ี
1) คนทุกช่วงวัยมีความรักในสถาบันหลักของชาติ และยึดม่ันการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี
13
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2) คนทุกช่วงวัยในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจงั หวดั ชายแดนภาคใต้
และพ้ืนที่พิเศษได้รับการศึกษาและเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ 3) คนทุกช่วงวัยได้รับการศึกษาการดูแล
และป้องกันจากภัยคุกคามในชีวิตรูปแบบใหม่ โดยได้กาหนดแนวทางการพัฒนา คือ พัฒนาการจัด
การศึกษาเพ่ือเสริมสร้างความม่ันคงของสถาบันหลักของชาติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยกระดับคุณภาพและส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาใน
เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และพ้ืนท่ีพิเศษ ท้ังที่เป็นพ้ืนท่ีสูง พื้นที่ตามแนว
ตะเข็บชายแดนและพื้นที่เกาะแก่ง ชายฝั่งทะเล ทั้งกลุ่มชนต่างเช้ือชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม กลุ่ม
ชนชายขอบและแรงงานต่างด้าว พัฒนาการจัดการศึกษาเพ่ือการจัดระบบการดูแลและป้องกันภัย
คุกคามในรูปแบบใหม่ อาทิ อาชญากรรมและความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ยาเสพติด ภัยพิบัติจาก
ธรรมชาติภัยจากโรคอบุ ตั ใิ หม่ ภัยจากไซเบอร์
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การผลิตและพัฒนากาลังคน การวิจัย และนวัตกรรรม เพ่ือสร้างขีด
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ มีเป้าหมาย ดังนี้ 1) กาลังคนมีทักษะท่ีสาคัญจาเป็นและมี
สมรรถนะตรงตามความต้องการของตลาดงานและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
2) สถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่จัดการศึกษาผลิตบัณฑิตท่ีมีความเชี่ยวชาญและเป็นเลิศเฉพาะ
ด้าน 3) การวิจัยและพัฒนาเพ่ือสร้างองค์ความรู้ และนวัตกรรมที่สร้างผลผลิตและมูลค่าเพ่ิมทาง
เศรษฐกิจ โดยได้กาหนดแนวทางการพัฒนา คือ ผลิตและพัฒนากาลังคนใหม้ ีสมรรถนะในสาขาที่ตรง
ตามความตอ้ งการของตลาดงานและการพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมของประเทศ สง่ เสริมการผลิตและ
พัฒนากาลังคนท่ีมีความเชี่ยวชาญและเป็นเลิศเฉพาะด้าน ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพ่ือสร้างองค์
ความรู้ และนวตั กรรมทีส่ ร้างผลผลิตและมูลค่าเพ่มิ ทางเศรษฐกจิ
ยุทธศาสตร์ท่ี 3 การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
มเี ปา้ หมาย ดงั น้ี 1) ผูเ้ รยี นมที กั ษะและคุณลักษณะพื้นฐานของพลเมืองไทย และคณุ ลักษณะทจ่ี าเป็น
ในศตวรรษที่ 21 2) คนทุกช่วงวัยมีทักษะ ความรู้ความสามารถ และสมรรถนะตามมาตรฐาน
การศึกษาและมาตรฐานวิชาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ตามศักยภาพ 3) สถานศึกษาทุกระดับ
การศึกษาสามารถจัดกิจกรรม กระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน
4) แหล่งเรียนรู้ ส่ือตาราเรียน นวัตกรรม และส่ือการเรียนรู้มีคุณภาพและมาตรฐาน และประชาชน
สามารถเข้าถึงไดโ้ ดยไมจ่ ากัดเวลาและสถานที่ 5) ระบบและกลไกการวัด การตดิ ตาม และประเมินผล
มีประสิทธิภาพ 6) ระบบการผลิตครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ได้มาตรฐานระดับสากล
7) ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการพัฒนาสมรรถนะตามมาตรฐาน โดยได้กาหนด
แนวทางการพัฒนา คือ ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ สื่อตาราเรียนและสื่อการเรียนรู้ต่างๆ ให้มี
คุณภาพ มาตรฐาน และประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้โดยไม่จากัดเวลาและสถานท่ี สร้าง
14
เสริมและปรับเปลี่ยนค่านิยมของคนไทยให้มีวินัย จิตสาธารณะและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ และ
พัฒนาระบบและกลไกการติดตาม การวดั และประเมินผลผเู้ รยี นใหม้ ีประสทิ ธิภาพ
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเทา่ เทียมทางการศกึ ษา มีเป้าหมาย
ดังน้ี 1) ผู้เรียนทุกคนได้รับโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ 2) การเพิ่ม
โอกาสทางการศึกษาผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาสาหรับคนทุกช่วงวัย 3) ระบบข้อมูล
รายบุคคลและสารสนเทศทางการศึกษาท่ีครอบคลมุ ถูกต้องเป็นปัจจุบนั เพื่อการวางแผนการบริหาร
จัดการศึกษา การติดตามประเมิน และรายงานผล โดยได้กาหนดแนวทางการพัฒนา คือ เพิ่มโอกาส
และความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษาท่ีมีคุณภาพ พัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ือการศึกษา
สาหรบั คนทุกช่วงวยั พัฒนาฐานข้อมลู ดา้ นการศกึ ษาทีม่ ีมาตรฐาน เชือ่ มโยงและเข้าถึงได้
ยุทธศาสตร์ท่ี 5 การจัดการศึกษาเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มีเป้าหมาย ดังน้ี 1) คนทุกช่วงวัย มีจิตสานึกรักษ์ส่ิงแวดล้อม มีคุณธรรม จริยธรรม และนาแนวคิด
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ 2) หลักสูตร แหล่งเรียนรู้ และสื่อการเรียนรู้ที่
ส่งเสริมคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คุณธรรม จริยธรรม และการนาแนวคิดตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ 3) การวิจัยเพ่ือพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านการ
สรา้ งเสริมคณุ ภาพชีวิตท่เี ปน็ มติ รกับสิง่ แวดลอ้ ม
ยทุ ธศาสตร์ท่ี 6 การพัฒนาประสทิ ธิภาพของระบบบรหิ ารจดั การศกึ ษา มเี ป้าหมาย ดงั นี้
1) โครงสร้าง บทบาท และระบบการบริหารจัดการการศึกษามีความคล่องตัวชัดเจน และสามารถ
ตรวจสอบได้ 2) ระบบการบริหารจัดการศึกษามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลส่งผลต่อคุณภาพและ
มาตรฐาน 3) ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของ
ประชาชนและพื้นที่ 4) กฎหมายและรูปแบบการบริหารจัดการทรัพยากรทางการศึกษารองรับ
ลักษณะท่ีแตกต่างกันของผู้เรียน สถานศึกษา และความต้องการกาลังแรงงานของประเทศ 5) ระบบ
บริหารงานบุคคลของครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษามีความเป็นธรรม สร้างขวัญกาลังใจ
และส่งเสรมิ ใหป้ ฏิบัตงิ านได้อยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ
2.1.3 แผนพฒั นาดจิ ิทัลเพื่อเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ
ดิจิทัลไทยแลนด์ (Digital Thailand) หมายถึง ประเทศไทยท่ีสามารถสร้างสรรค์ และใช้
ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม ข้อมูล
ทุนมนุษย์ และทรัพยากรอื่นใด เพ่ือขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ไปสู่ความ
ม่ันคง มั่งคั่ง และยั่งยืนโดยแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจะมีเป้าหมายในภาพรวม
4 ประการดังต่อไปน้ี 1) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการใช้
นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นเคร่ืองมือหลักในการสร้างสรรค์นวัตกรรมการผลิต การบริการ
2) สร้างโอกาสทางสังคมอย่างเท่าเทียมด้วยข้อมูลข่าวสารและบริการต่าง ๆ ผ่านสื่อดิจิทัลเพ่ือ
15
ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน 3) เตรียมความพร้อมให้บุคลากรทุกกลุ่มมีความรู้และทักษะที่
เหมาะสมต่อการดาเนินชีวิตและการประกอบอาชีพในยุคดิจิทัล 4) ปฏิรูปกระบวนทัศน์การทางาน
และการให้บริการของภาครัฐ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและการใช้ประโยชน์จากข้อมูล เพ่ื อให้
การปฏิบัติงานเกดิ ความโปร่งใส มีประสทิ ธิภาพ และประสิทธผิ ล
การพัฒนาดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย มุ่งเน้นการพัฒนาระยะยาวอย่าง
ย่ังยืนสอดคล้องกับการจัดทายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีแต่เนื่องจากเทคโนโลยีดิจิทัลมีการเปล่ียนแปลง
อย่างรวดเร็ว ดังน้ัน แผนพัฒนาดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคมฉบับนี้ จึงกาหนดภูมิทัศน์ดิจิทัล เพ่ือ
กาหนดทิศทางการพัฒนาและเป้าหมายใน 4 ระยะ ดังน้ี ระยะที่ 1 Digital Foundation ประเทศ
ไทยลงทุนและสร้างฐานรากในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ระยะท่ี 2 Digital Thailand I:
Inclusion ทกุ ภาคส่วนของประเทศไทยมีสว่ นร่วมในเศรษฐกจิ และสังคมดิจิทลั ตสมแนวทางประชารัฐ
ระยะท่ี 3 Digital Thailand II: Full Transformation ประเทศไทยก้าวสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ ที่ขับค
ล่ือนและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ ระยะท่ี 4 Global Digital
Leadership ประเทศไทยอยใู่ นกลุ่มประเทศทพี่ ฒั นาแลว้ สามารถใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั สร้างมลู ค่าทาง
เศษฐกจิ และคุณคา่ ทางสงั คมอยา่ งยั่งยืน ดงั ภาพท่ี 2-1
ภาพที่ 2-1 ภูมิทศั นด์ จิ ิทลั ของไทยในระยะเวลา 20 ปี (กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศ
และการสอื่ สาร, 2559)
กล่าวโดยสรุป แผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีเป้าหมายท่ีเก่ียวข้องกับ
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล คือการเตรียมความพร้อมให้บุคลากรทุกกลุ่มมีความรู้และทักษะที่เหมาะสม
ต่อการดาเนินชีวิตและการประกอบอาชีพในยุคดิจิทัล และปฏิรูปกระบวนทัศน์การทางานและ
การให้บริการของภาครัฐ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและการใช้ประโยชน์จากข้อมูล เพ่ือให้การปฏิบัติงาน
เกิดความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล เพื่อขับเคล่ือนการพัฒนาดิจิทัลของประเทศไทย
ตามวิสัยทัศน์และแนวทางการพัฒนาตามภูมิทศั น์ดิจิทัล 4 ระยะ แผนพัฒนาดิจิทลั เพื่อเศรษฐกิจและ
16
สังคม จึงได้กาหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาไว้ 6 ยุทธศาสตร์ท่ีส่งเสริมซึ่งกันและกัน มีการกาหนด
เป้าหมาย เพ่ือให้สามารถติดตามและประเมินความก้าวหน้าได้อย่างชัดเจน และแผนงานเพื่อ
ดาเนนิ การตามยทุ ธศาสตร์ ดังน้ี
ยุทธศาสตร์ท่ี 1 พัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมท่ัวประเทศ
โครงสร้างพ้นื ฐานดจิ ทิ ัลทม่ี ีประสิทธภิ าพทที่ ุกคนเขา้ ถึงและใช้ประโยชน์ เพอื่ รองรับการเปน็ ดจิ ทิ ัลไทย
แลนด์เป็นการยกระดับเศรษฐกจิ และสังคมของประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โครงสรา้ งพนื้ ฐานดิจิทัล
ที่สาคัญ ประกอบด้วย โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โทรคมนาคม และการแพร่ภาพ
กระจายเสียงท่ีมีความทนั สมัย มีคุณภาพ ขนาดเพยี งพอ ครอบคลมุ ทุกพืน้ ที่ และสามารถให้บริการได้
อย่างตอ่ เนือ่ ง เพอ่ื รองรบั การติดต่อส่ือสาร การเช่ือมตอ่ การแลกเปลย่ี นขอ้ มูลสารสนเทศ การคา้ และ
พาณิชย์ การบริการภาครัฐและเอกชน ตลอดจนการใช้งานรูปแบบต่างๆ อันเป็นประโยชน์ต่อ
การสร้างความมั่งค่ังทางเศรษฐกิจ และความม่ันคงทางสังคมของประเทศ รวมท้ังเพ่ือรองรับการเป็น
ศนู ย์กลางด้านดิจิทลั ในอนาคต
ยุทธศาสตร์ท่ี 2 ขับเคล่ือนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การขับเคล่ือนเศรษฐกิจด้วย
เทคโนโลยีดิจิทัล หมายถึง การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้ภาค
ธุรกิจสามารถลดต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการ พร้อมกับเพ่ิมประสิทธิภาพในการดาเนินธุรกิจ
ตลอดจนวางรากฐานการแข่งขันเชงิ ธรุ กิจรูปแบบใหม่ในระยะยาว ภายใต้การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจทิ ัล
จึงจาเป็นต้องเร่งสร้างระบบนิเวศสาหรับธุรกิจดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการยกระดับและพัฒนาขีด
ความสามารถในการแข่งขันของภาคธรุ กจิ ท่จี ะส่งผลต่อการขยายฐานเศรษฐกิจและอัตราการจ้างงาน
ของไทยอยา่ งยง่ั ยนื ในอนาคต
ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างสังคมคุณภาพที่ทั่วถึงเท่าเทียมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างสังคม
คณุ ภาพด้วยเทคโนโลยีดจิ ิทลั หมายถงึ การพฒั นาประเทศไทยท่ีประชาชนทุกกลุ่มโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
กลุ่มเกษตรกร ผู้ที่อยู่ในชุมชนห่างไกล ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และคนพิการ สามารถเข้าถึงและใช้
ประโยชน์จากบริการต่างๆ ของรัฐผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล มีการรวบรวมและแปลงข้อมูล องค์ความรู้
ของประเทศท้ังระดับประเทศและระดับท้องถิ่นให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลท่ีประชาชนสามารถเข้าถึงและ
นาไปใช้ประโยชน์ได้โดยง่ายและสะดวก โดยประชาชนมีความรู้เท่าทันข้อมูลข่าวสาร และมีทักษะใน
การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยดี ิจทิ ลั อย่างมคี วามรับผิดชอบตอ่ สังคม
ยุทธศาสตร์ท่ี 4 ปรบั เปลี่ยนภาครัฐสกู่ ารเป็นรัฐบาลดจิ ิทัล ปรับเปล่ียนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาล
ดิจิทัล หมายถึง การนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการของ
หน่วยงานรัฐท้ังส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอย่างมีแบบแผนและเป็นระบบจนพัฒนาสู่การเป็นรัฐบาล
ดิจิทัลโดยสมบูรณ์ โดยลักษณะของบริการภาครัฐหรือบริการสาธารณะจะอยู่ในรูปแบบดิจิทัลท่ี
ขบั เคลอื่ นโดยความต้องการของประชาชนหรือผูใ้ ชบ้ ริการ ซึ่งประชาชนทุกคนสามารถเข้าถงึ บริการได้
17
โดยไม่มีข้อจากัดทางกายภาพ พ้ืนที่ และภาษา และในระยะต่อไป รัฐบาลสามารถหลอมรวม
การทางานของภาครัฐเสมือนเป็นองค์กรเดียว ภาครัฐจะแปรเปล่ียนไปเป็นผู้อานวยความสะดวกใน
การสรา้ งบริการสาธารณะโดยเอกชนและประชาชน เรยี กวา่ บริการระหวา่ งกนั (peer to peer) ตาม
หลักการออกแบบที่เป็นสากล (universal design) ประชาชนมีส่วนร่วมในการกาหนดแนวทาง
การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจการปกครอง/บริหารบ้านเมือง และเสนอความคิดเห็นต่อการ
ดาเนนิ งานของภาครัฐไดอ้ ย่างสมบรู ณ์
ยุทธศาสตรท์ ี่ 5 พฒั นากาลังคนให้พร้อมเข้าส่ยู คุ เศรษฐกิจและสังคมดิจทิ ัล การพฒั นากาลังคน
ดิจิทัล หมายถึง การสร้างและพัฒนาบุคลากรผู้ทางานให้มีความสามารถในการสร้างสรรค์และใช้
เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างชาญฉลาดในการประกอบอาชีพ รวมถึงการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
ในบุคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน ทั้งที่ประกอบอาชีพในสาขาเทคโนโลยีดิจิทัลโดยตรงและทุกสาขา
อาชีพ ให้มีความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญตามระดับมาตรฐานสากล เพื่อสร้างให้เกิด
การจ้างงานที่มีคุณค่าสูงรองรบั การพัฒนาประเทศในยุคเศรษฐกิจและสังคมท่ีใช้เทคโนโลยีดจิ ิทัลเปน็
ปัจจัยหลกั ในการขับเคลอื่ น
ยุทธศาสตร์ท่ี 6 สร้างความเช่ือม่ันในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างความเชื่อมั่นในการใช้
เทคโนโลยีดิจิทัล หมายถึง มาตรฐาน กฎหมาย กฎ ระเบียบ และกติกาท่ีมีประสิทธิภาพทันสมัยและ
สอดคล้องกับหลักเกณฑ์สากลท่ีมาเป็นพลังในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศ
ตลอดจนการสร้างความมั่นคงปลอดภัยการสร้างความเช่ือมั่น และการคุ้มครองสิทธิให้แก่ผู้ใช้งาน
เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั ในทุกภาคส่วน เพ่ือก่อใหเ้ กิดการอานวยความสะดวก ลดอปุ สรรค เพม่ิ ประสิทธิภาพ
ในการประกอบกิจกรรมที่เก่ียวข้องต่าง ๆ พร้อมกับสร้างแนวทางขับเคลื่อนอย่างบูรณาการเพื่อ
รองรบั การเตบิ โตของเทคโนโลยีดจิ ิทัลในอนาคต ดังภาพที่ 2-2
ภาพที่ 2-2 ยุทธศาสตร์การพฒั นาดิจทิ ัลเพอ่ื เศรษฐกจิ และสังคม (กระทรวงเทคโนโลยี
สารสนเทศและการส่อื สาร, 2559)
18
กล่าวโดยสรุป ยุทธศาสตร์การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทุกยุทธศาสตร์เก่ียวข้อง
กบั การนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้กบั การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ให้เกดิ ประสทิ ธภิ าพ
2.2 สถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019
2.2.1 สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019
จากการวจิ ัยศึกษาโครงการต่างๆ สามารถเรียบเรยี งสรุปเป็นความหมายของ สถานการณก์ าร
แพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 ดงั น้ี
โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (Coroavirus Disease 2019 : COVID-19) เป็นตระกูลของ
ไวรัสท่ีก่อให้เกิดอาการป่วยตั้งแต่โรคไข้หวัดธรรมดา ไปจนถึงโรคที่มีความรุนแรงมาก เช่น โรคระบบ
ทางเดินหายใจในตะวนั ออกกลาง (MERS - CoV) โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลนั รุนแรง (SARS -
CoV) เป็นต้น ซ่ึงเป็นสายพันธุ์ใหม่ท่ีไม่เคยพบมาก่อนในมนุษย์ ก่อให้เกิดอาการป่วยระบบทางเดิน
หายใจในคน และสามารถแพร่เช้ือจากคนสู่คนได้ โดยเช้ือไวรัสน้ีพบการระบาดคร้ังแรกในเมืองอู่ฮั่น
มณฑลหูเป่ย์ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงปลายปี 2019 หลังจากน้ันได้มีการระบาดไปท่ัวโลก
องค์การอนามัยโลกจึงต้ังชื่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ว่าโรค COVID-19 อาการของ
ผู้ป่วยโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อาการท่ัวไป ได้แก่ อาการระบบทางเดินหายใจ
มีไข้ ไอ มีน้ามูก เจ็บคอ หายใจ ลาบาก เหนื่อยหอบ ไม่ได้กล่ิน ไม่รู้รส ในกรณีท่ีอาการรุนแรงมาก
อาจทาให้เกิด ภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม ปอดอักเสบ ไตวาย หรืออาจเสียชวี ติ แพร่กระจายเชอ้ื
โรคชนิดนี้มีความเป็นไปได้ท่ีมีสัตว์เป็นแหล่งรังโรค ส่วนใหญ่แพร่กระจายผ่านการ สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ
ผ่านทางละอองเสมหะจากการไอ น้ามูก น้าลาย ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐาน สนับสนุนการแพร่กระจาย
เช้ือผ่านทางพ้ืนผิวสัมผัสที่มีไวรัส แล้วมาสัมผัสปาก จมูก และตา สามารถแพร่เชื้อผ่านทางเช้ือท่ีถูก
ขับถ่ายออกมากับอุจจาระเข้าสู่อีกคนหน่ึงโดยผ่านเข้าทางปาก ได้ด้วย โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) ยังไม่มียาสาหรับป้องกันหรือรักษาโรคโควิด 2019 ผู้ที่ติดเช้ืออาจต้องได้รับการรักษา
แบบ ประคบั ประคองตามอาการ โดยอาการท่แี สดงแตกต่างกัน บางคนรนุ แรงไม่มาก ลักษณะเหมือน
ไข้หวัดท่ัวไป บางคนรุนแรงมาก ทาให้เกิดปอดอักเสบได้ ต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ร่วมกับ
การรกั ษาด้วยการประคับประคองอาการจนกวา่ จะพน้ อาการช่วงนั้น และยงั ไมม่ ยี าตวั ใด ที่มหี ลักฐาน
ชดั เจนวา่ รกั ษาโรคโควดิ 19 ไดโ้ ดยตรง
2.2.1 ผลกระทบการแพร่ระบาดโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019
คาว่า ผลกระทบ (Impact) หมายถึง ผลสะท้อนที่เกิดจากการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 ตอ่ การจดั การศกึ ษา ประกอบดว้ ย
2.2.1.1 ด้านสังคม สงั คมการเรียนร้มู ผี ลกระทบจากมาตรการทางสาธารณสขุ ในการ
เว้นระยะหา่ งทางสงั คม (Social Distancing) หมายถงึ การใหบ้ ุคคลอย่หู ่างกนั อย่างน้อย 1-2 เมตรใน
19
การทากิจกรรมทางสังคม เช่น การประชุม การนั่ง คุยกัน การรับประทานอาหารโต๊ะ เดียวกันการ
ปฏิสมั พนั ธก์ ารยืนห่างกันในลิฟท์โดยสาร เป็นตน้ ทกุ คนสวมหน้ากากอนามยั แม้แต่การเดินทางก็ต้อง
สวมหน้ากากอนามัยด้วยเช่นกันระบบการประชุมออนไลน์ ที่สามารถประชุมในที่ทางานหรือท่ีบ้าน
โดยไม่ต้องไปนั่งรวมกนั ในทปี่ ระชมุ เดยี วกนั
2.2.1.2 ด้านเศรษฐกิจ มีผลกระทบอย่างรนุ แรงโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 สง่ ผล
ให้คนว่างงานเพราะโรงงานปิดกิจการ ผู้ปกครองไม่มีรายได้ นักเรียน นักศึกษาไม่มีเงินใช้จ่ายเป็นค่า
หน่วยกิต และอุปกรณ์การศึกษา สถาบันการศึกษามีรายได้ลดลงส่งผลกระทบต่อระบบการจัดการ
เรียนการสอนรัฐบาลมีงบประมาณอุดหนุนการศึกษาลดลง สถานการณ์เหล่านี้มีผลกระทบต่อการจัด
การศกึ ษาของประเทศ
2.2.1.3 ด้านการศึกษาการศึกษาได้รับผลกระทบหลายด้าน กล่าวคือ การจัดการ
เรียนการสอนเป็นหัวใจในการเรียนรู้ของผู้เรียนวิกฤตโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้เป็นโอกาสให้
สร้างแนวคิดใหม่ทางการเรียนรู้ หรือการเรียนการสอนด้วยวิธีการใหม่ นวัตกรรมใหม่ เช่น ทางาน
ท่ีบ้าน เรียนท่ีบ้าน ในช่วงระบาดหนกั ทุกคนอยู่บ้าน ทางานที่บ้าน พอสถานการณ์คลี่คลายลงก็มีการ
เรียนสลับกันทั้งท่ีโรงเรียนและบ้าน พบว่านวัตกรรมทางการเรียนที่เหมาะสมที่สุดในช่วงระบาด คือ
การเรียนแบบผสมผสาน (Schwenger, 2018) เป็นวิธีสอนในระบบผสมผสานในหลายลักษณะตาม
แนวคิดและประสบการณ์ ของผู้สอนและความสามารถของผเู้ รียน เชน่ การใชร้ ะบบการสอนออนไลน์
ผสมผสานกับสาระการเรียนรู้ ในลักษณะอ่ืน ๆ เช่น ผสมผสานกับวิธีการของ Web-Based
Technology ผสมผสานกับวิธีการสอนหลายๆ วิธี ผสมผสานกับเทคโนโลยีทางการสอนกับการสอน
ในชั้นเรียนปกติ และการใช้เทคโนโลยีทางการสอนกับการปฏิบัติงานจริงซ่ึงนิยมใช้กันมากแต่ก็มี
ผลกระทบในลักษณะเป็นข้อสังเกตว่าการสอนในระบบออนไลน์ อย่างเดียวได้ผลน้อยเพราะนักเรียน
อาจไม่สนใจ หรือไมม่ วี ินัยในตนเอง การสอนแบบนต้ี อ้ งใช้ระบบติวเตอรม์ าชว่ ยเสรมิ การเรียนร้ดู ว้ ย
นักเรียนกับอาหารและสุขภาพของนักเรียน นักเรียนท่ีเคยได้รับการดูแลจากโรงเรียน เช่น โครงการ
อาหารกลางวัน การตรวจสุขภาพจากโรงเรียน จะได้รับผลกระทบเมื่อปิดโรงเรียน ผลลัพธ์การเรียนรู้
นักเรียนต้องหยุดเรียนระบบการเรียนการสอนเปลี่ยนแปลงโอกาสการเรียนรู้แบบตัวต่อตัวกับการ
เรียนด้วยตนเอง ผลลพั ธ์การเรียนรกู้ ็ได้รบั ผลกระทบ ส่วนที่เกย่ี วขอ้ งกับการฝึกทักษะ หรอื การปฏิบัติ
จะมีผลกระทบไปด้วย ผลลัพธ์การเรียนรู้ไม่เป็นไปตามคาดหวังเมื่อสถานศึกษาปิด นักเรียนอยู่บ้าน
ผู้ปกครองดูแลในวยั เด็ก ส่วนระดับอุดมศึกษาแม้ว่าจะสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้กม็ ีข้อจากัดในการ
เขา้ ถงึ ทรพั ยากรการเรยี นรู้
2.2.1.4 ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อนักเรียน นกั เรียนนกั ศึกษาเครียดจากภาวะท่ีต้อง
อยู่บ้านแม้ว่าจะมีการคลายมาตรการแล้วก็ตาม แต่การเข้าเรียนหรือเดินทางยังกังวลกับการกลับมา
ของการระบาด ในรอบทสี่ องหรอื สาม ความสญู เสียจากรายไดผ้ ลกระทบจากรายได้ของผู้ปกครองการ
20
ช่วยเหลือของรัฐก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ท่ัวถึง และเนื่องจากยังไม่สามารผลิตวัคซีนได้ ก่อให้เกิด
ความกงั วลและความเครียด
2.2.1.5 ผลกระทบต่อผู้บริหารและครูผู้สอน การบริหารวิกฤตเป็นช่วงภาวะที่ได้รับ
ผลกระทบในการบริหารที่อยากต้องจัดการกับภาวะวิกฤตที่เกิด จากมาตรการของรัฐสถานการณ์ที่
เก่ียวขอ้ ง ปอ้ งกันไมใ่ หเ้ กิดแก้ไขสถานการณ์ ด้วยความรวดเร็วการสื่อสารที่ดเี ป็นปัจจัยความสาเร็จจึง
ต้องเป็นนักส่ือสารท่ีดี หรือหาคนที่มีประสบการณ์การสื่อสารมาช่วยและมีทีมงานช่วยเหลือ ทั้ง
ระหว่างการเกิดวิกฤต และภายหลังการเกิดวิกฤต ครูผู้สอน ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนการ
สอนจากการสอนในชัน้ ปกติ มาเป็น การสอนแบบผสมผสาน และการเตรียมการสอนเม่ือสถานการณ์
คล่ีคลาย ซึ่งท้ังสองลกั ษณะต้องมีการออกแบบ การเรียนการสอน การทดลองก่อนสอนจริง สิ่งเหลา่ น้ี
ย่อมส่งผลกระทบ การจัดห้องเรียน ส่ือการเรียนการสอน การจัดช่วงเวลาสอน การทดสอบ รวมทั้ง
ระเบียบและเกณฑ์การประเมินการเรยี นรทู้ ี่ต้องปรับปรุง ผลกระทบต่อการให้บริการของสถานศึกษา
เครือข่าย ผู้ปกครองจะได้รับผลกระทบ เม่ือสถานศึกษาปิดดาเนินงาน โครงการท่ีต้องตกลงต้อง
เลื่อนหรือยกเลิกการรวมกลุ่มต้องยกเลิก เช่นกัน งบประมาณ ก็ยกไปใช้จ่ายในการบริหารวิกฤต
COVID-19
สรุปการระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบท้ังทางบวกและทางลบในภาวะวิกฤติได้
ก่อให้เกิดโอกาสสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ ในด้านต่าง ๆ คือ ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ การจัดการเรียน
การสอน อาหารและสุขภาพ ผลลัพธ์การเรียนรู้ทางจิตวิทยาต่อนักเรียน ต่อผู้บริหารและครูผู้สอน
การให้บริการของสถานศึกษาส่วนต่าง ๆ เหล่าน้ีท่ีเคยปฏบิ ัติไม่สามารถดาเนินงานได้ดังเดิม หรือต้อง
ปรับปรุง เพราะสถานการณ์เปล่ียน ในขณะเดียวกัน ก็พัฒนาส่ิงใหม่มาแทนการเรียนการสอนแบบ
ใหม่การทางานแบบใหมส่ ังคมแบบใหมภ่ ายใต้ สิ่งแวดล้อมแบบใหมโ่ ดยการปฏิบัติตวั เป็นเวลานานซ่ึง
จะกลายเปน็ ชีวิตวถิ ใี หมใ่ นการดาเนนิ ชวี ติ ในบริบทการศึกษา
2.3 การเขา้ สู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Nomal)
ความเปลี่ยนแปลงของชีวิต ประจาวัน หลังโควิดท่ีเร่ิมสู่ภาวะปกติ แต่เป็น ภาวะปกติแบบ
ใหม่ หรือ ท่ีเรียกว่า “New Normal” นั้น ส่งผลกระทบต่อทุกคนในสังคมเม่ือรัฐบาลประกาศ
การผ่อนคลายระยะที่ 5 อนุญาตให้สถานศึกษาจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนปกติ (On-Site)
จะเหน็ การเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อม ที่โรงเรยี น ทีต่ ้องเปน็ ไปตามมาตรการทางสาธารณสุข และ
ตามบริบททางการศึกษา ในระดับชั้นต่าง ๆ ระดับปฐมวัยหรือเด็กเล็ก ประถมศึกษา และ
ระดับอดุ มศึกษา อาจเปน็ ชวี ีตวถิ ที างการศึกษาใหม่
ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ราชบัณฑิตยสภา โดยคณะกรรมการบัญญัติศัพท์นิเทศศาสตร์
ราชบัณฑิตยสภา ได้อธิบายคานี้เอาไว้ว่า New Normal แปลว่า ความปกติใหม่ ฐานวิถีชีวิตใหม่
21
หมายถงึ รูปแบบการดาเนินชวี ติ อย่างใหม่ที่แตกต่างจากเดมิ เน่ืองจากมีบางสิ่งมากระทบ จนแนวทาง
ปฏิบัติที่คนในสังคมคุ้นเคยอย่างเป็นปกติและเคยคาดหมายล่วงหน้าได้ ต้องเปล่ียนแปลงไปสู่วิถีใหม่
ภายใต้หลักมาตรฐานใหม่ สาหรับ New Normal ในท่ีน้ีจะใช้ชีวิตวิถีใหม่ในบริบท COVID-19 นั้น
ชีวิตวิถีใหม่พ้ืนฐาน คือ ด้านการสาธารณสุขของเมืองไทยโดยทางศูนยบ์ ริหารสถานการณ์แพรร่ ะบาด
ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา2019 หรือ ศบค. มีการประกาศมาตรการการป้องกันและควบคุมการ
ระบาดของโควิด-19 ท่ีทุกคนต้องให้ความสาคัญและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ได้แก่ สวมใส่
หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยเสมอต้องเว้นระยะห่าง 2 เมตร ล้างมือบ่อย ๆ พกเจลแอลกอฮอล์
หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด หลีกเล่ียงกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ที่มีอาการป่วย เป็นพ้ืนฐานสาคัญ ในการออกแบบ
ชวี ิตวถิ ีใหม่
2.3.1 ชวี ติ วถิ ใี หม่ทางการศึกษา ประกอบดว้ ย
1) ด้านการดารงชีพปัจจุบัน มาตรการการป้องกันและควบคุมการระบาดของ
COVID-19 ในด้านการสาธารณสุขของเมืองไทยที่เป็นกรอบการดารงชีวิต ประจาวันรวมทั้งการจัด
การศึกษาในระดับชั้นต่าง ๆ โดยเฉพาะการเว้นระยะห่าง และด้านสุขภาพอนามัย การเดินทาง
กิจกรรมทางสังคมในสถานศึกษา เช่น การเรียนการสอน ที่เป็นภารกิจหลักต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
สาธารณสุข คือ สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเสมอ ต้องเว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ ใช้
เจลหรือแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ไม่เปิดแอร์เพ่ือให้อากาศไหลเวียน ในขณะเดียวกัน ต้อง
ปรั บกร ะบว น การ เรีย นการ สอน ท่ีมีการใช้เทคโน โล ยีก าร ทางาน ที่บ้าน ของครูแล ะบุคลากรของ
สถาบันการศึกษาและการเรียนการสอนเปน็ ต้น ซึ่งต้องเว้นระยะห่างทางสังคมในการติดต่อสื่อสารใน
ทุกรูปแบบโดยบุคคลทที่ ากจิ กรรมทางสังคมต้องอยู่ห่างกัน 1-2 เมตร ในทกุ กจิ กรรม
2) ด้านการเรียนการสอน การปรับแนวทางการเรียนการสอนที่มีการนาเทคโนโลยี
มาใช้ ท่ีเรียกว่า สอนแบบผสมผสาน (Blended Learning) ท่ีครูและผู้บริหารตอ้ งปรบั บทบาทในการ
สอนการบริหารและวธิ กี ารสอน การจัดสภาพแวดล้อมทางการเรยี นรู้ในมิติแบบใหม่ที่ ผสมผสานการ
สาธารณสุขกับการจัดการศึกษาในระบบใหม่ในศตวรรษท่ี 21 การพัฒนาแนวคิดแบบใหม่ (Design
Thinking) การพัฒนาทักษะชีวิต (Life Skill) ในภาวะวิกฤตท่ีอาจเกิดข้ึนในอนาคตในด้านความรู้
(Knowledge) ทักษะ (Skill) และกระบวนการทางความคดิ (Mindset)
3) ด้านการบริหารภาวะวิกฤตการบริหารแบบใหม่ที่มีผลกระทบจาก COVID-19
ในช่วงระหว่างการแพร่ระบาดยังอยู่เป็นการบริหารในระหว่างภาวะวิกฤต (During Crisis) ที่ต้อง
คานึงถึงมาตรการทางสาธารณสุข และการบริหารท่ีต้องปรับเปลี่ยนท่ีเป็นลักษณะที่นาระบบ
อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ตามบริบทและงบประมาณของ สถาบันการเงินในรูปแบบใหม่ ระบบการเงินของ
สถาบันการศึกษา จะเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) และการบริหารหลังจากภาวะวิกฤต
22
COVID-19 ยุติลง (After Crisis) ต้องเตรียมการบริหารแบบใหม่ล่วงหน้า จัดทาแผนการบริหารหลัง
วกิ ฤต COVID-19
2.3.2 การออกแบบการศกึ ษาในชีวิตวิถีใหม่
คาว่าการออกแบบการศึกษาในชีวิตวิถีใหม่ หรือ Design-Based New Normal เป็นคาใหม่
ที่บูรณาการมาจากสถานการณ์ชีวิตวิถีใหม่กับแนวคิดของ Morrison (2010) เสนอรูปแบบ เรียกว่า
ADDIE Model of Instructional Design ได้เสนอแนวทางการออกแบบไว้ 5 ขัน้ ตอน คอื 1)
การวิเคราะห์ (Analysis) 2) การออกแบบ (Design) 3) การพัฒนา (Development) 4) การนาไป
ปฏิบัติ (Implement) และ 5) การประเมินผล (Evaluation) และแนวคิด Design - Based
Research จากการสังเคราะห์งานวิจัย 162 เรื่อง ระหว่างปี 2004-2013 พบว่า การศึกษาใน
องค์ประกอบท่ีสอดคล้องกับแนวคิดของ Morrison (2010) คือ ประกอบด้วย Design,
Development and Redesign ท่ีคานึงถึงสภาพแวดล้อม ดังนั้น จากผลกระทบและชีวิตวิถีใหม่
(New Normal) สถานศึกษาการออกแบบในระหว่างวิกฤตและหลังวิกฤต COVID-19 จึงมีความ
จาเป็น โดยผู้บรหิ ารและบุคลากรของสถาบันการศึกษาต้องปรับตัว หรือปรบั เปลย่ี นแนวคิดจากที่เคย
ทางานแบบเดิมต้องปรบั ตัวรองรบั การเปล่ียนแปลงระหว่าง COVID-19 ยังแพรร่ ะบาด หรือยุตลิ งชวี ิต
วิถีใหม่จึงไม่ใช่การแก้ปัญหาเดิม ๆ ปรากฏการณ์ COVID-19 จึงควรออกแบบอนาคตของการศึกษา
ใหม่ในการเรียนรู้ ปูแบบใหม่ท่ีให้ความสาคัญ ต่อการเรียนรู้ของนักเรียน น้าหนักการปฏิสัมพันธ์
ระหว่างครูกับนักเรียนให้มากกว่าการนับชว่ั โมงเรยี นการเรียนรู้ที่สง่ เสริมความสนใจของนักเรยี นและ
ความคิดสร้างสรรค์ การสร้างความรักสามัคคีในครอบครัว สังคม และประเทศชาติ เป็นคนดีมี
คณุ ธรรม สง่ เสรมิ นักเรียนท่ีมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ ท้าทายทางการเรียน พรอ้ มกับกลุ่มอ่นื ๆ โดยไมท่ ้ิง
ใครไว้ข้างหลัง ในสถานการณ์ที่ปรับเปลี่ยนรวดเร็ว (Disruption) การพัฒนาทักษะชีวิตท่ีสามารถ
ยืดหยุ่นปรับตัวอยู่ได้ในสถานการณ์ที่เป็นจริง (Resilience) บนพื้นฐานของการสาธารณสุขที่ดี
มาตรฐานทางการสาธารณสุขท่ีดีจะเป็นพื้นฐานในการจัดการศึกษาในอน าคตท่ีเป็นการศึกษาตลอด
ชีวิตสถานศึกษาทุกระดับจะเป็นการเรียนรู้ของทุกช่วงวัย ระบบชั้นเรียนจะเปลี่ยนไป เป็นระบบ
ความสามารถของผู้เรียน การนาระบบเทคโนโลยีมาจัดระดับความสาเร็จของผู้เรียนอาจารยม์หา
วิทยาลัยจากสงั กัดมหาวิทยาลัย ไม่มีคณะและภาควิชาแต่จะเป็นการรวมความเชย่ี วชาญของอาจารย์
ในการทางานเป็นกลุ่มงาน เป็นต้น ดังน้ันการปรับตัวในอนาคต ทางการศึกษาในอนาคต จากการ
วิเคราะห์ผลกระทบ COVID-19 นาไปสู่การปรับตัวในอนาคตที่มีการออกแบบการศึกษาใหม่ นาแบบ
ไปปฏิบัติมีการประเมินผลเป็นระยะ ๆ และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการออกแบบ เพื่อการ
ปรับตัวสถาบันการศึกษาโดยผู้บริหารและทีมงานต้องตระหนักถึงภาวะวิกฤติที่ต้องปรับแนวคิดคือ
การปรับเปล่ียน Mindset คาว่า Mindset ประกอบด้วย Growth Mindset คือ กรอบความคิดหรือ
ทัศนคติและแนวคิดแบบปรับตัวและพัฒนาต่อไปข้างหน้า ในการพัฒนาตนเองรูปแบบใหม่ ท่ีมี
23
ลักษณะยืดหยุ่น (Resilience) ส่วน Fixed Mindset คือการคิดแบบเดิมและพอใจจะเป็นเช่นนั้น
Growth Mindset จึงพลิกกลับความคิด ให้ต่างจากเดิม และพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้าที่ต้องการจะ
เป็นในรปู แบบใหม่ (Desired New Normal) การปรับ Mindset จึงเป็นบนั ไดขัน้ แรกของการปรับตัว
หรอื การออกแบบสถานศึกษาในอนาคตวา่ 5 ปี 10 ปี วา่ จะเปน็ อยา่ งไรบนพื้นฐานทางการสาธารณสุข
ท่ีดีและการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีเป้าหมายให้เป็นพลเมืองที่ดี (Smart Citizen) และมีอาชีพ ม่ันคงเป็น
การออกแบบท่ีทา้ ทายยง่ิ และควรเปน็ การออกแบบเฉพาะตัว มากกว่าการออกแบบ โดยใช้ท่วั ไปดังนี้
2.3.2.1 ด้านการบริหาร ควรต้องปรับเปล่ียนไปตามลักษณะของการออกแบบและ
ขบั เคล่อื นให้เปน็ ตามแบบและเปา้ หมายที่กาหนดลักษณะการบริหารในขณะวกิ ฤต COVID-19 จงึ ตอ้ ง
เป็นไปตามข้อกาหนดของมาตรการทางสาธารณสุขและกรอบของทางราชการ แต่การบริหารภายใน
สถาบนั การศกึ ษา แต่ละสถาบนั ตอ้ งออกแบบในการบรหิ าร และต้องระมดั ระวงั ว่า จะระบาดรอบสอง
หรือเชื้อระบาดสายพันธุ์ใหม่ท่ีกาลังแพร่ระบาดที่เวียดนามจะข้ามมาเมืองไทยหรือไม่ และต้องคานึง
ถึงว่าหลังพ้นวิกฤต COVID-19 แล้วจะบริหารอย่างไร และถ้าอนาคตจะป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตเกิด
แล้วจะแกไ้ ขอยา่ งไรเป็นการมองอนาคตทางการบรหิ ารไมใ่ ชร่ อให้เกดิ และจงึ แก้ไขศึกษาบทเรยี นจาก
การบริหารวิกฤตที่ผ่านมา หรือท่ีประเทศไทยดาเนินการแก้ไข เช่น สถานการณ์ 13 ชีวิตทีมหมูป่าติด
ถ้าขนุ น้านางนอน จงั หวดั เชยี งราย ซง่ึ ประสบความสาเรจ็ ลงไดเ้ พราะ “พลงั สามัคค”ี จนเปน็ ทย่ี อมรับ
ท่ัวโลก หรือกรณีของประเทศนิวซีแลนด์ท่ีประสบความสาเร็จในการบริหารวิกฤต COVID-19 และ
การบริหารสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ของประเทศไทยในปัจจุบัน “การ์ดอย่าตก” Global
COVID-19 จัดไทยฟ้ืนตัวจาก COVID-19 อันดับ 2 ของโลก ได้รับการยกย่องทั่วโลก สรุปในภาพรวม
จากตวั อยา่ ง ท่ีกล่าวมาจะมหี ลักการบริหารคลา้ ยกัน คือ ตัวผูน้ าตอ้ งเปน็ ผ้นู าในการตดั สินใจ ลงมอื ทา
อย่างรวดเรว็ และอยู่ในพนื้ ทส่ี ร้างความม่ันใจ โดยการสือ่ สารทช่ี ัดเจนและเป็นระบบเดียวมีทีมทางาน
เฉพาะทางการส่ือสารเป็นหัวใจสาคัญต้องส่ือสารจากแหล่งท่ีถูกต้องขอความร่วมจากทุ กภาคส่วน
และตดั สินใจแก้ปัญหาทีละจุดอย่างเป็นระบบที่มีการสื่อสารท่ีถูกต้องโดยกระบวนการทางการบริหาร
คือการกาหนดเป็นนโยบายการจัดทาแผนการบริหารหลัง COVID-19 ยุติ หรือแผนการบริหารความ
ต่อเนื่อง (Education Continuity Plan-ECP) การกากับติดตามและประเมินนาผลมาปรับการ
ออกแบบ ท้งั น้ีต้องจัดงบประมาณสนับสนนุ ด้วย
2.3.2.2 ด้านการจัดการเรียนการสอนและเทคโนโลยีสารสนเทศการออกแบบ
หลักสูตรเป็นเรื่องสาคัญ ควรเป็นหลักสูตรท่ีสนองตอบต่อสังคมในอนาคต และความต้องการของ
ผู้เรียน การศึกษาท่ีรับปริญญามีความสาคัญน้อยลง คนรุ่นใหม่ที่มีความคิดและความเช่ือท่ีได้รับ
อิทธิพลจากโซเชียลมีเดีย จะจัดห้องเรียนอย่างไรท่ีสอดคล้องกันห้องเรียนห้องเล่นเป็นห้องเดียวหรือ
ห้องเรียน ห้องสมุดห้องทางานเป็นห้องเดียวกันที่ไม่มีหนังสือ (e-Library) ห้องทางานอยู่ใน Café
(Co-working space) รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้ เช่น ลานกิจกรรม และลาน
24
สุขภาพอนามัย เป็นต้นครูและผปู้ กครองก็ต้องปรับบทบาทมาเป็น ผู้สนับสนุนการเรียนรมู้ ากกว่าเป็น
ผู้สอนการเรียนการสอนจะมีลักษณะการผสมผสานหลากหลายวิธี (Blended Learning) ตามความ
ต้องการของผู้เรียนและสังคม ท่ีเคล่ือนไหวตลอดเวลาความสามารถในการยืดหยุ่น และเปลี่ยนแปลง
(Resilience and Flexibility) ของครูจึงมีความท้าทายนโยบายของสถานศึกษาจึงเป็นกรอบ
สนับสนุนการจัดการศึกษาที่ให้แนวปฏิบัติที่ชัดเจน รวมทั้งการวัดผลเพื่อเน้นพัฒนาการ (Formative
Evaluation) ท่ีนาระบบเทคโนโลยีมาใช้เมื่อประเมินออกมาแล้ว วิเคราะห์ได้ว่า บกพร่องเรื่องใด จะ
ศกึ ษาเพมิ่ ไดจ้ ากเอกสารอะไร หรอื สื่ออะไร ในประเดน็ อะไร เป็นตน้
เทคโนโลยีสารสนเทศมีแนวโน้มจะเข้ามามีบทบาทสาคัญต่อการจัดการศึกษาในอนาคต
เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็จะมีงบประมาณค่าใช่จ่ายและต้องมีผู้เช่ียวชาญแม้ว่าจะทราบว่าการจัดการ
เรียนสอนออนไลน์จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต แต่การขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน ความมีวินัยของ
ผู้เรียน ความเช่ียวชาญของครู ผลจากการทดลองใช้ในช่วงล็อคดาวน์ท่ีผ่านมา การสอนออนไลน์ยังมี
ปัญหาท่ีต้องปรับปรุงหลายประการ เช่น รูปแบบการสอน เคร่ืองมือของครู เครื่องมือของนักเรียน
การกากับติด ตามและการประเมินผล อาจทาให้เกิด ความเหลื่อมล้า ทางการศึกษามากข้ึน ครูหรือ
ผู้บริหารรวมท้ังสถาบันผลิตครู อาจต้องพิจารณาใช้การเรียนการสอนทางไกลจากมูลนิธิการศึกษา
ทางไกลผา่ นดาวเทียม ในพระบรมราชปู ถมั ภ์-DLTV เสริมจุดอ่อน หรือวธิ ีการอยา่ งอืน่ เพมิ่ เติม
2.3.2.3 ด้านระบบฐานขอ้ มูล ระบบฐานข้อมลู เปน็ ปัญหาสาคัญเรื่องหน่ึงของการจัด
การศกึ ษาไทยในปจั จุบนั และอาจโยงไปถงึ อนาคต คือขอ้ มูลทางการศึกษาทุกระดบั เช่ือมโยงกนั ตรงกัน
และพร้อมใช้ แต่ในความเป็นจริงในปัจจุบัน ข้อมูลไม่ตรงกันมีฐานข้อมูลแยกย่อยนามาใช้ในการ
วางแผนได้ยาก การวางแผน จึงอิงข้อมูลได้แต่ไม่ตรงกันระบบฐานข้อมูลทางการศึกษาจึงเป็นเร่ือง
เร่งด่วน และต้องเตรียมการรับระบบ เทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาในอนาคต ท่ีทุกอย่างจะเป็น ระบบ
e-Service, e-Money, e-Government จึงต้องวางระบบรองรับการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึ้นในอนาคต
มาใชท้ างการศกึ ษา โดยเฉพาะการเตรยี มบคุ ลากรของสถานศึกษา
2.3.2.4 ด้านความสัมพันธ์กับชุมชน ชุมชนกับสถานศึกษามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกนั
จึงมีความจาเป็นที่สถาบันการศึกษาต้องให้ความสาคัญนักเรียน นักศึกษามาจากชุมชน กลับจาก
สถานศึกษาก็อยู่ในชุมชน ชุมชนก็เป็นสถานศึกษาสนับสนุนการศึกษาสาหรับ นักเรียนนักศึกษา
ชุมชนบางแห่งรวมถึง วัด ก็จัดการศึกษาเพิ่มเติมจากสถานศึกษา ระบบการจัดการศึกษาแบบเดิม
“บวร” ก็ยังใชไ้ ด้ แตท่ าอย่างไรในการรว่ มมอื กันใหเ้ กิดผลสูงสุด
กล่าวไดว้ า่ การออกแบบการศึกษาในชีวิตวิถีใหม่ คือ การออกแบบเพ่ือการปรับตัวหรือพิมพ์
เขียว ทางการศึกษาในอนาคต ที่ให้ความสาคัญกับการปรับแนวคิดความเชื่อของบุคลากรว่า จะต้อง
ปรับตัวอย่างมาก และสร้างพลังใจในการพัฒนาตนเอง บทบาทหน้าท่ีความรับผิดชอบเรียกว่า
Growth Mindset เป็นเรื่องสาคัญ ผู้บริหารและครูในการขับเคล่ือนการเรียนการสอนการใช้
25
เทคโนโลยีในการบริหารหรือในการจัดการศึกษา เช่นการเรียนการสอนออนไลน์ การทางานท่ีบ้าน
การประชุมออนไลน์ การสื่อสาร รวมท้ังการซื้อของออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เป็นต้น ความสัมพันธ์กับ
ชุมชน ระบบฐานข้อมูล และเทคโนโลยีสารสนเทศ จะเป็นกลไกสาคัญสนับสนุนการบริหารจัด
การศึกษา
2.4 ทฤษฎกี ารเรยี นรู้คอนเนคทวิ ิซึม
2.4.1 ความเป็นมาของทฤษฎีการเรยี นรู้คอนเนคทิวิซึม (Connectivism)
Siemens (Siemens, 2004) ผู้คิดค้นทฤษฎีการเรียนรู้ Connectivism กล่าวถึงความเป็นมา
ของทฤษฎีน้ีว่า เป็นทฤษฎีการเรียนรู้สาหรับยุคดิจิทัล กล่าวคือเป็นยุคที่เทคโนโลยีมีผลกระทบต่อ
ความเป็นอยู่ การส่ือสาร และการเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้ในสถาณการณ์ดังกล่าว ต้องการทฤษฎีท่ี
สามารถอธิบายหลักการและกระบวนการเรียนรู้ท่ีสะท้อนสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ได้ ซ่ึงแนวโน้มของ
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ของยุคเทคโนโลยีที่สาคัญมีดังนี้ 1) ผู้เรียนจานวนมากจะเคลื่อนย้ายไปสู่
ความหลากหลายของความแตกต่างและอาจรวมถึงการเรียนรู้ข้ามสาขาวิชา 2) การเรียนรู้ตาม
อัธยาศัยเป็นสิ่งสาคัญของประสบการณ์การเรียนรู้ ส่วนการเรียนในระบบจะไม่ใช่ระบบการเรียนหลกั
อีกต่อไป ซ่ึงขณะนี้การเรียนรู้สามารถเกิดข้ึนได้หลากหลายวิธี เช่น การเรียนรู้ผ่านชุมชนการปฏิบัติ
จากเครือข่ายส่วนบุคคล และจากการทางานท่ีเสร็จสิ้นแล้ว 3) การเรียนรู้เป็นกระบวนการท่ีต่อเนื่อง
ตลอดชีวิต การเรียนรู้และการทางานในกิจกรรมต่างๆ ไม่สามารถแยกแยะออกจากกันได้ ซึ่งใน
หลายๆ สถานการณ์ การเรียนรู้และการทางานคือส่ิงเดียวกัน 4) เทคโนโลยีกาลังเปลี่ยนแปลงสมอง
โดยเทคโนโลยีจะเป็นเครื่องมือสาหรับใช้กาหนดความหมาย และก่อร่างความคิด 5) องค์กรและ
ปัจเจกบุคคลเป็นส่วนประกอบของระบบการเรียนรู้ ความตั้งใจที่เพิ่มข้ึนในการจัดการความรู้เน้นถึง
ความต้องการทฤษฎีที่สามารถอธิบายถึงการเช่ือมต่อระหว่างการเรียนรู้ระหว่างบุคคลกับองค์กร
6) กระบวนการต่างๆ ก่อนหน้านี้ถูกจัดโดยทฤษฎีการเรียนรู้ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการที่
เกี่ยวข้องกับการจดจาข้อมูลข่าวสาร ซ่ึงต่อไปนี้จะลดบทบาทลงไป โดยการนาเทคโนโลยี
มาใชก้ ารร้ขู นั้ ตอน และการร้วู ่าจะสามารถหาความรไู้ ดจ้ ากทีใ่ ด
2.4.2 ความหมายทฤษฎกี ารเรยี นรู้คอนเนคทิวซิ มึ (Connectivism)
ความหมายแนวคิดทฤษฎีคอนเนคทิวิซึม (ณมน, 2555) ในปี ค.ศ. 2004 จอร์ช ซีเมนส์
(George Siemens) และสตีเฟน ดาวน์ส (Stephen Downes) ได้เสนอทฤษฎีน้ีขึ้นมา และให้คา
จากัดความว่าเป็น “A learning theory for the digital age” หรือทฤษฎีการเรียนรู้ในยุคดิจิตอล
แต่ก็ยังมีลักษณะหลายอย่างที่ยังเป็นท่ีโต้แย้งในเหล่านักวิชาการ รวมท้ังเร่ืองของการเป็น
Continuums ท่ีไม่ใช่ Extremes (Siemens, 2008) ซึ่งหมายความว่า คอนเนคทิวิซึมอาจยังไม่ใช่
ทฤษฎีแต่เป็นเพียงการเปลยี่ นถ่ายเชื่อมโยงหรอื เลื่อนไหลจากทฤษฎีเดิมที่มีอยูม่ าสูแ่ นวคดิ หรอื
26
“วา่ ท”่ี ทฤษฎีการเรยี นร้ใู นยคุ ดิจิตอลนนั่ เอง
จอร์ช (Siemens, 2004) อธิบายว่า ทฤษฎีนี้อธิบายการเรียนรู้วา่ สมมุติในโลกใบน้ีเต็มไปด้วย
ข้อมูลมากมายซ่ึงอาจจะเป็นในรูปแบบของข้อความ สัญลักษณ์ รูปภาพ เสียง โดยถือให้ข้อมูลเหลา่ นี้
เป็นโหนด (Node) กระจัดกระจายท่ัวไป โหนดเหล่าน้ีอาจจะมีการเชื่อมโยง (Connection) ซ่ึงอาจ
เช่ือมโยงกับสิ่งอ่ืนได้อีกมหาศาล การเรียนรู้ ตามความคิดของ George Siemens คือการท่ีเราเห็น
การเช่ือมโยงเหล่าน้ีว่าอะไรสัมพันธ์กับอะไร อย่างไรรวมถึงการสังเกตเห็นถึงรูปแบบ (Patterns)
ของการเชือ่ มโยงตา่ งๆ จนทาใหเ้ กดิ ความรู้ (Knowledge)
คอนเนคทิวิซึม (Connectivism) เป็นทฤษฎีที่เกิดมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
อนิ เทอรเ์ น็ตท่เี ปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตลอดเวลาทาใหร้ ปู แบบการเรยี นรู้ของมนษุ ย์แตกตา่ งไปจาก
การเรียนรู้ในยุคก่อน คอนเนคทิวิซึมเป็นทฤษฎีการเรียนรู้ในยุคดิจิตอล โดยมี ความเชื่อว่า
1) การเรียนรู้มีการเลื่อนไหลไม่หยุดน่ิง 2) ความรู้ต่างๆ เกิดข้ึนตลอดเวลา จึงนามาซ่ึงการ
เปล่ียนแปลงสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็ว 3) การเรียนรู้เปลี่ยนแปลงจากการเรียนรู้ว่าเป็น “อย่างไร” หรือ
เป็น “อะไร” เปน็ การเรียนร้ทู ่ีวา่ จะหาความรู้ได้ที่ใดและเช่ือมโยงอย่างไร และ 4) การเรยี นรู้ อาจเกิด
จากหลายวิธีการ เช่นความรู้จากชุมชน ความรู้จากเครือข่ายและความรู้จากเอาพุท
หรือการทางานให้สาเร็จ
ทฤษฎีคอนเนคติวิซึม (Connectivism) น้ีรองรับความรู้ที่มีการเปล่ียนแปลงจากการค้นพบสิ่ง
ใหม่ทเี่ กิดข้นึ อย่างรวดเร็ว จอร์ช ซีเมนส์ (George Siemens) มคี วามคดิ เหน็ ว่า เม่อื มีการเชื่อมโยงได้
อย่างรวดเร็ว ทาให้ความรู้ท่ีมีอยู่นั้นมีช่วงเวลาท่ีส้ันลง ความรู้ที่ทันสมัยในปัจจุบันกลายเป็นความรู้ที่
ล้าสมัยในเวลาอันรวดเร็ว เน่ืองจากเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา จึงทาให้เรา
จาเปน็ ตอ้ งมีการเรียนรใู้ นรูปแบบใหม่ใหเ้ หมาะกับการเรยี นรู้ในยุคดิจิตอล
2.4.3 หลกั การของทฤษฎกี ารเรียนรู้คอนเนคทวิ ิซึม (Connectivism)
หลักการของทฤษฎีการเรียนรู้ คอนเนคทิวิซึมมีดังน้ี 1) การเรียนรู้ และความรู้มิได้มีอยู่แต่ใน
บริบทของความเป็นวิชาการเท่าน้ัน แต่อาจมีอยู่ในความคิดเห็นต่างๆ 2) การเรียนรู้คือกระบวนการ
เชื่อมต่อ ไปยังจดุ เชื่อมต่อตา่ งๆ หรอื แหล่งข้อมลู ข่าวสาร 3) ความสามารถท่ีจะทาให้รู้มากขึ้น เป็นสิ่ง
ท่ีต้องคานึงถึงมากกว่าความรู้ท่ีมีอยุ่ในปัจจุบัน 4) การเช่ือมต่อเป็นสิ่งจาเป็นท่ีทาให้เกิดการเรียนรู้
อยา่ งต่อเนื่อง 5) ความสามารถในการหาความเช่ือมโยงระหว่างเรื่อง แนวคดิ และความคิดต่างๆ เปน็
ทักษะสาคญั 6) ความเปน็ ปัจจุบัน (ความถูกต้อง หรอื ความรู้ที่ทนั สมยั ) เป็นสิง่ ทีต่ ง้ั ใจให้เกิดขนึ้ ในการ
ทากิจกรรมในการเรียนรู้แบบคอนเนคทิวิซึม 7) การตัดสินใจ คือ กระบวนการเรียนรู้ (ข้อมูลท่ีได้ใน
วันนอ้ี าจถกู ต้องสาหรบั วันน้ี แตอ่ าจผิดสาหรบั วนั พรงุ่ นี)้
หลักการของทฤษฎีคอนเนคทิวิซึม (Connectivism) มีดังน้ี (กวิทธิ์, 2560 ) (ณมน, 2555)
ประกอบด้วย 1) ความรู้และการเรียนรู้มีความหลากหลายทางความคิด 2) การเรียนรู้เป็น
27
การเชื่อมโยงระหว่างโหนดความรู้ต่อโหนดความรู้หรือแหล่งข้อมูลต่อแหล่งข้อมูล เป็นการเช่ือมโยง
ความรหู้ น่งึ สู่อีกความรู้หน่ึง 3) การเรียนร้ไู ม่จาเป็นต้องเรียนรู้จากมนุษย์เพียงอย่างเดียว อาจเกิดการ
เรียนรู้ จากสิ่งต่างๆ ที่ไม่มีชีวิตได้ 4) การสะสมความจุของการเรียนรู้มากขึ้นเป็นส่ิงสาคัญมากกว่าสง่ิ
ท่ีเป็นที่รู้จักอยู่ในปัจจุบัน 5) การดูแลรักษาธรรมชาติของการเช่ือมโยงในด้านต่างๆ เช่น ด้านสังคม
ความรู้เป็นปัจจัยในการช่วยอานวยความสะดวกในการเรียนรู้ให้ต่อเนื่อง 6) ความสามารถใน
การมองเห็นความเช่ือมโยงระหว่างเขตข้อมูลความคิด และแนวความคิดน้ีเป็นทักษะหลัก
ของทฤษฎีนี้ 7) ความแพร่หลายในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ความรู้ที่ถูกต้อง และมีการปรับปรุงข้อมูล
สม่าเสมอ) คือหัวใจในทุกๆ กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางทฤษฎีการเช่ือมโยงนิยม 8) การตัดสินใจ
เพื่อเลือกส่ิงท่ีเรียนรู้จะเป็นกระบวนการเรียนรู้ การเลือกที่จะเรียนรู้ความหมายของข้อมูลที่เข้ามาจะ
เป็นการเข้าใกล้ความจริงมากข้ึน ในขณะท่ีคาตอบที่ได้วันนี้อาจจะผิดในวันพรุ่งน้ี เน่ืองจาก
การเปล่ยี นแปลงทางดา้ นภมู อิ ากาศหรอื สิ่งแวดล้อมท่สี ง่ ผลตอ่ การตดั สินใจในขอ้ มลู น้ันในอนาคต
ทฤษฎีคอนเนคทิวิซึม (Connectivism) เป็นทฤษฎีท่ีเกิดจากความก้าวหน้าของอินเทอร์เน็ต
ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตลอดเวลาทาให้รูปแบบการเรียนรู้ของมนุษย์แตกต่างไปจาก
การเรียนรู้ในยุคก่อน คอนเนคทิวิซีม (Connectivism) เป็นทฤษฎีการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล โดยเชื่อว่า
(ณมน, 2555) 1) การเรียนรู้มีการรื่นไหลไม่หยุดน่ิง 2) ความรู้ต่างๆ เกิดข้ึนตลอดเวลา จึงนามาซึ่ง
การเปล่ียนแปลงสิ่งต่างๆ อย่างรวดเรว็ 3) การเรยี นรูเ้ ปลีย่ นแปลงจาก การเรียนรู้วา่ เป็นอย่างไร หรอื
เป็นอะไร เป็นการเรียนรู้ท่ีว่าจะหาความรู้ได้ที่ใด และเชื่อมโยงอย่างไร 4) การเรียนรู้อาจเกิดจาก
หลายวิธี เช่น ความร้จู ากชมุ ชน ความรจู้ ากเครือข่าย และความรจู้ ากเอาตพ์ ทุ หรอื การทางานใหส้ าเร็จ
2.5 รปู แบบการจดั การเรียนการสอนภายใตส้ ถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของโคโรนา 2019
กระทรวงศึกษาธิการ ได้กาหนดรูปแบบการจัดการเรียนการสอนสาหรับโรงเรียนใน
สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)ใน 3 รปู แบบ ซึ่งโรงเรียน
สามารถเลือกรูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยพิจารณาตามความเหมาะสมและบริบทของ
โรงเรียน ดงั นี้
2.5.1 รปู แบบการจดั การเรียนการสอนแบง่ ตามรปู แบบการจัดการเรยี นการสอน
2.5.1.1 การเรยี นในชนั้ เรียน (OnSite)
การเรียนการสอนที่เน้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในโรงเรียนหรือในชั้นเรียนเป็นหลัก โดย
ครูผู้สอนสามารถนารูปแบบการเรียนการสอนอื่น ๆ มาบูรณาการใช้กับการเรียนในช้ันเรียนได้ เช่น
การเรียนผ่านโทรทศั น์ (On-Air) หรอื การเรียนผ่านอินเทอร์เนต็ (Online) เปน็ ต้น
28
2.5.1.2 การเรยี นผ่านโทรทศั น์ (On-Air)
การเรียนการสอนทางไกลผ่านโทรทัศน์ในระบบดิจิทัล และระบบดาวเทียมเพ่ือให้นักเรียน
เข้าถึงการเรียนรู้ในทุกครัวเรือน ท้ังนี้ มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชูปถัมภ์
ได้อนุเคราะห์ในการส่งสัญญาณออกอากาศ 15 ช่องสัญญาณ (อนุบาล 1–ม.6) พร้อมทั้งอนุเคราะห์
เนื้อหาสาระการเรียนรู้ในระดับช้ันอนุบาลปีท่ี 1 ถึงระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ส่วนเนื้อหาสาระ
การเรียนรู้ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 สานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน เปน็ ผู้จดั ทาส่ือวดิ ทิ ัศนก์ ารเรยี นการสอน
2.5.2 รูปแบบการจดั การเรียนการสอนแบง่ ตามการมาเรยี นของนักเรยี น
2.5.2.1 การจดั การเรยี นการสอนแบบปกติ
การเรียนในช้ันเรียน (OnSite) สาหรับสถานศึกษาที่มีผลการประเมินตนเอง ตามแบบ
ประเมินตนเองสาหรับสถานศึกษาในการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน เพ่ือเฝ้าระวังและ
ป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในระดับ “สีเขียว” หรอื “สเี หลือง” สามารถจดั การเรียน
การสอนแบบปกติในช้ันเรียนได้ ทั้งน้ีจะต้องปฏิบัติตามมาตรการ 6 ข้อปฏิบัติในสถานศึกษา ได้แก่
1) วัดไข้ 2) ใส่หน้ากาก 3) ล้างมือ 4) เว้นระยะห่าง 5) ทาความสะอาด 6) ลดแออัดรวมถึง
สถานศึกษาจะต้องนาเสนอ รูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามท่ีสถานศึกษาประเมินตนเองใน
ข้อที่ 7) และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) และศูนย์ปฏิบัติการ
ควบคุมโรคจงั หวดั (ศปก.จ.) ให้โรงเรยี นสามารถเปิดเรยี นได้ท้ังโรงเรียน
2.5.2.2 การจัดการเรียนการสอนแบบผสมสาน คือ การจัดการเรียนรู้ ที่ใช้รูปแบบ
การเรียนรู้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ที่เกิดข้ึนในห้องเรียน ผสมผสานกับการเรียนรู้นอก
ห้องเรียนท่ีครูและนักเรียนไม่ได้เผชิญหน้ากัน หรือการใช้แหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่อย่างหลากหลาย ซ่ึงมี
เป้าหมายอยู่ที่การเรียนรู้ของนักเรียนเป็นสาคัญโดยโรงเรียนสามารถเลือกรูปแบบการจัดการเรียน
การสอนได้ตามตัวอย่าง ดังนี้ การสลับช้ันมาเรียนของนักเรียน แบบสลับวันเรียน ระดับมัธยมศึกษา
ตอนต้น มาเรียนวันจันทร์ วันพุธ วันศุกร์ และ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมาเรียน วันอังคาร
วันพฤหัสบดี การสลับช้ันมาเรียนของนักเรยี น แบบสลับวันคู่ วันคี่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มาเรียน
วันคู่ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลายมาเรียน วนั ค่ี การสลบั ช้นั มาเรียนของนกั เรยี น แบบสลบั วันมาเรียน
5 วัน หยุด 9 วัน กลุ่ม A ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มาเรียน 5 วัน หยุด 9 วัน กลุ่ม B ระดับ
มัธยมศึกษาตอนปลาย มาเรียน 5 วัน สลับกับกลุ่ม A การสลับช่วงเวลามาเรียนของนักเรียน
แบบเรียนทุกวันระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ มาเรียน 08.30-11.30 น.และระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย
มาเรียน 12.30-15.30 น. การสลับกลุ่มนักเรียน แบบแบ่งนักเรียนในห้องเรียนเป็น 2 กลุ่มระดับ
มัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แบ่งเด็กออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่ กลุ่ม Aและกลุ่ม
B สลับการมาเรยี น
29
รูปแบบหรือวิธีอื่น ๆ โรงเรียนสามารถออกแบบวิธีการจัดการเรียนการสอนได้ตามความ
เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน โดยจาเป็นต้องคานึงถึงความปลอดภัยของนักเรียน ในการป้องกัน
การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งรูปแบบการจัดการเรียนการสอนดังกล่าวต้องผ่านการพิจารณาจาก
คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และคณะกรรมการติดตามตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศ
การศึกษา (ก.ต.ป.น.) รวมถึงต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
และศูนยป์ ฏบิ ัตกิ ารควบคุมโรคจังหวัด(ศปก.จ.) ตามลาดบั
2.5.2.3 การเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Online)
การเรียนการสอนแบบออนไลน์ เป็นการศึกษาผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยนักเรียน
สามารถเลือกเรียนตามความสนใจ หรือครูอาจกาหนดเนื้อหาการเรียนรู้เพ่ือให้นักเรียนเข้าถึงเน้ือหา
ด้วยตนเองได้ทุกท่ีทุกเวลา เน้ือหาอาจประกอบด้วย ข้อความ ,รูปภาพ , เสียง , วิดีโอ และส่ือ
มัลติมเี ดียอน่ื ๆ ซึ่งนกั เรยี น ครู และเพอื่ นรว่ มช้นั เรยี นสามารถตดิ ตอ่ ส่ือสาร ปรกึ ษา หรอื แลกเปลี่ยน
ความคิดเห็นแบบเดียวกับการเรียนในช้ันเรียนท่ัวไป โดยใช้ช่องทางการสื่อสารผ่าน E-mail, Chat,
Social Network เป็นต้น
2.6 การวิเคราะหส์ ภาพแวดลอ้ มภายในและภายนอกองค์กร
2.6.1 การวเิ คราะห์สวอท (SWOT)
ปรัชญนันท์ นิลสุข และ จิระ จิตสุภา (2560) กล่าวว่า การวิเคราะห์สวอทเป็นเทคนิคท่ีใช้ใน
การวิเคราะห์ของวงการธุรกิจเพื่อนาไปวางแผนเชิงกลยุทธ์และถูกนามาใช้กันอย่างกว้างขวางในวง
การบริหารจัดการต่าง ๆ ความเข้าใจเบ้ืองต้นของการวิเคราะห์สวอทคือ การวิเคราะห์สวอทเป็น
การวิเคราะห์ องค์การ เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ (Situation Analysis) และจะต้องนาผล
การวิเคราะห์ไปใช้ในการวางแผนกลยุทธด์ ้วยโทวส์เมตริก ความสับสนในการใช้งานสวอทมีให้เห็นอยู่
เสมอ เช่น การนาสวอทไปใช้ในการวิเคราะห์กิจกรรมหรือ การทางานบางอย่าง เมื่อวิเคราะห์แล้วไม่
ได้ผลก็มักจะโทษว่าการวิเคราะห์ยากเกินไปหรือไม่มีประโยชน์ เช่นเดียวกันกับการวิเคราะห์สวอท
ของหลายหน่วยงานท่ีทาเพียงการวิเคราะห์สวอท เม่ือได้คาตอบจากการวิเคราะห์แล้วก็ทาเพียงแค่
สรุปผล กลายเป็นการต่อว่าองค์การตัวเอง หรือบางคร้ังก็สรุปผลเป็นความล้มเหลวของการบริหาร
จัดการ โดยไม่ได้นาผลไปทากลยทุ ธ์ตามกระบวนการจัดการประการต่อมาคือการวิเคราะห์สวอทเปน็
การวิเคราะหส์ ถานการณ์ขององค์การ ในชว่ งระยะเวลาหน่ึง ดงั นัน้ สถานการณ์องค์การทั้งภายในและ
ภายนอกมกี ารเปล่ยี นแปลงอยตู่ ลอดเวลา จะยดึ ถอื ผลการวเิ คราะห์สวอทเป็นผลลัพธ์สดุ ท้ายแล้วสรุป
เป็นความสาเร็จหรือล้มเหลวไม่ได้ การวิเคราะห์สวอทจึงทาซ้า ๆ ได้เสมอเม่ือเวลาผ่านไป
องค์การธุรกิจบางแห่งก็มีการวิเคราะห์สวอทหลายครั้งในแต่ละปี บางแห่งวิเคราะห์เป็นรายไตรมาส
หน่วยงานของรัฐหลายแห่งก็จะใช้โอกาสในการจัดสัมมนาของหน่วยงานวิเคราะห์สถานการณ์ของ
30
หน่วยงานโดยการใช้สวอทเช่นกัน การวิเคราะห์สวอทในการบริหารจัดการไอซีทีถือว่าเป็นเคร่ืองมือ
สาคัญในการจัดการเน่ืองจากไอซีมีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา องค์การต้องบริหาร
จัดการไอซีทีอย่างรวดเร็วทันสถานการณ์เช่นกัน ผู้บริหารจึงควรทาความเข้าใจเทคนิคและ
กระบวนการในการวิเคราะห์สวอทและตามด้วยโทว์เมตริกให้ลึกซ้ึง เพื่อประโยชน์ต่อการบริหาร
จัดการองค์การ แสดงถึงความสามารถในการบริหาร เกิดวิสัยทัศน์ต่อองค์การโดยอาศัยข้อมูลจาก
การวิเคราะหม์ าทาแผนกลยุทธ์ ทมี่ ุ่งสู่การแขง่ ขันขององค์การตอ่ ไป
การวิเคราะห์สวอทเป็นการวิเคราะห์จุดแข็ง (Strength) จุดอ่อน (Weakness) โอกาส
(Opportunity) และภัยคุกคาม (Threat) เม่ือนาตัวเริ่มต้นของคาหลักมารวมกันก็กลายเป็น SWOT
โดยการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อน เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ท่ีเป็นสภาพแวดล้อมภายใน
(Interna( Environment)ขององค์การ ส่วนการวิเคราะห์โอกาสและภัยคุกคามเป็นการวิเคราะห์
สถานการณ์ท่ีเป็นสภาพแวดล้อมภายนอก (External Environment) ขององค์การ การวิเคราะห์
องค์การด้วยเทคนิคนี้จึงเป็นการแยกส่ิงท่ีจะวิเคราะห์ออกจากกันอย่างชัดเจน โดยหลักการก็จะทา
การแบ่งตารางการวิเคราะห์ออกเป็น 4 ช่อง เพื่อใส่ส่ิงที่จะเป็นผลการวิเคราะห์ลงไปในตารางและ
แยกไดอ้ ยา่ งเดน่ ชดั บางครงั้ ก็จะเพ่ิมการบง่ บอกสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกเอาไวด้ ้วย รวมทั้ง
พยายามบอกถึงสงิ่ ที่เปน็ ประโยชน์และส่ิงท่ีเปน็ โทษ เพ่ือเพิ่มความเขา้ ใจของผ้อู า่ นผลการวิเคราะห์
ที่มาของการวิเคราะห์ SWOT ไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าเป็นหลักการที่ใครเป็นผู้คิดค้น เพราะ
มีการนามาใช้หลายสิบปีมาแล้วโดยไม่มีการอ้างอิงว่าเป็นของใคร (Helms and Nixon, 2010)
มีการนามาใช้ในการวิจัยต้ังแต่ปี ค.ศ.1960 ในหลายงานวิจัยของศาสตราจารย์อัลเบิร์ต ฮัมฟรีย์
แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (King, 2004) บางคนก็บอกว่าเป็นแนวคิดท่ีนามาใช้โดยมหาวิทยาลัย
ฮาร์วาร์ต ต้ังแต่ช่วงปี ค.ศ.1960 เช่นกัน (Haberberg, 2000) ก็เป็นอีกหลักการหน่ึงเหมือนๆ
กับหลายๆ หลักการท่ีมีการใช้กันทั่วไปโดยไม่ทราบท่ีมาของหลักการน้ันๆ ว่าเร่ิมต้นเป็นแนวคิดของ
ใครข้อดีประการหน่ึงคือทาให้มีการใช้งานอย่างกว้างขวาง เพราะไม่มีใครออกมาบอกว่าต้องขอ
อนุญาตหรือสงวนสิทธ์ิในการใช้ ข้อสาคัญคือถ้าบอกว่าเป็นของใครคิดอาจมีการแบ่งพวกแบ่งค่ายไม่
ยอมรบั วิธีการน้ันก็เป็นได้
2.6.2 กระบวนการวเิ คราะห์สวอท (SWOT)
ปรัชญนันท์ นิลสุข และ จิระ จิตสุภา (2560) กล่าวว่า การวิเคราะห์มีความหลากหลาย
ตามแต่จะใช้ในการวิเคราะห์องค์การประเภทใด วิธีการก็ปรับใช้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์
ขององค์การท่ีทาการวิเคราะห์ เน้นหลักการใหญ่ๆ เพียงสองประการคือ การวิเคราะห์ปัจจัยภายใน
และปัจจัยภายนอก โดยการวิเคราะห์ปัจจัยภายในเป็นการวิเคราะห์ จุดแข็งและจุดอ่อนขององค์
การ ส่วนการวิเคราะห์ภายนอกเป็นการวิเคราะห์โอกาสและภัยคุกคาม ต่อองค์การ ปัญหาใน
การวิเคราะห์สวอทของหน่วยงานคือ วิเคราะห์โดยไม่มีหลักการ ขาดการนาหลักการจัดการท่ัวไป
31
มาร่วมในการวิเคราะห์ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก เน่ืองจากสวอทจะมีเพียงกรอบหลักให้ส่ีด้าน
เท่าน้ัน เม่ือเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์ถ้าไม่มีหลักการประกอบ ผลที่ได้ก็กว้างเกินไปบางครั้งก็แคบ
หรือน้อยเกินไป เม่ือนาไปทากลยุทธ์จึงขาดความสมบูรณ์กระบวนการในการวิเคราะห์จึงต้องบูรณา
การหลักการจัดการท่ัวไปเข้าไปประกอบครอบคลุมองค์การที่จะทาการวิเคราะห์ สอดคล้องกับ
แนวทางและการปฏิบัติขององค์การ ทาให้การวิเคราะห์มีประสิทธิภาพและนาไปสู่กลยุทธ์ท่ีต้องการ
อย่างแท้จริง ดังนั้นในขั้นตอนน้ีจะอธิบายวิธีการวิเคราะห์สวอทบูรณาการหลักการต่างๆ เช่น 4M,
4P, 7S, PDCA, IPOO, ITM, PEST Analysis ฯลฯ เพ่ือทาให้การวิเคราะห์มีกระบวนการในการคิดท่ี
เป็นระบบ โดยใช้ตัวอย่างสมมุติเป็นหน่วยงานประเภทต่าง ๆ และมีการใช้วิธีการวิเคราะห์ปัจจัย
ภายในและปจั จยั ภายนอกที่แตกตา่ งกัน เปน็ การเลือกกรอบการวิเคราะห์ภายในตามความเหมาะสมของ
องคก์ าร
แนวการวเิ คราะหโ์ ดยการใช้ 4M ในการวิเคราะหป์ ัจจัยภายในของ SWOT เพ่อื ทาแผนกลยุทธ์
ไอซีทีของโรงเรียน โดยวิเคราะห์ คน เงิน วัสดุ และการจัดการ ท่ีเป็นจุดแข็งและจุดอ่อนขององค์การ
แนวการวิเคราะห์โดยใช้ PEST Analysis ในการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกของ SWOT เพื่อทาแผนกล
ยุทธ์ไอซีที่ของโรงเรียน โดยวิเคราะห์ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ที่เป็นโอกาสและภยั
คุกครามองค์การ
เมอื่ ได้ทาการวเิ คราะห์จุดแขง็ จุดอ่อน โอกาสและภัยคุกคามของหนว่ ยงานแล้ว ก็นาผลสรปุ มา
เขยี นเป็นข้อ ๆ โดยเป็นผลสรุปจากการระดมความคิดของบุคลากร ผบู้ ริหารในหนว่ ยงาน เพื่อนข้อคิด
ต่าง ๆ ที่ได้มาจัดทากลยุทธ์ การทาตารางสรุปของ SWOT ก็จะเขียนเป็นข้อสั้น ๆ โดยอาจใช้ตัวอักษร
ตามด้วยตัวเลขแสดงที่มีของการวิเคราะห์ในแต่ละข้อ เช่น S1 หมายถึง จุดแข็งข้อที่ 1 หรือ T5
หมายถงึ อุปสรรคข้อที่ 5 เป็นต้น
2.7 งานวจิ ัยท่เี ก่ียวข้อง
นภาจิตร ดุสดี และ ปณิตา วรรณพิรุณ (2563) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ชุมชนการเรียนรู้ทาง
วิชาชีพผ่านคลาวด์เทคโนโลยีเพื่อส่งเสรมิ สมรรถนะครู มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบของ
ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ 2) สังเคราะห์คลาวด์เทคโนโลยีท่ีสนับสนุนการส่งเสริมสมรรถนะครู
ผลการศึกษาพบว่า 1) องค์ประกอบของ PLC ในบริบทสถานศึกษา คือ เอกลักษณ์สาคัญของความ
เป็น PLC แสดงให้เห็นว่าความเป็น PLC จะทาให้ความเป็น องค์กร หรือ โรงเรียน มีความหมายที่
การพัฒนาการเรียนร้ขู องผู้เรียนอย่างแท้จริง ซ่ึงเป็นหัวใจสาคัญของ PLC ด้วยกลยุทธ์การสร้างความ
ร่วมมือท่ียึดเหนี่ยวกันด้วยวิสัยทัศน์ร่วม มุ่งการเรียนรู้ของผู้เรียน การเรียนรู้และพัฒนาวิชาชีพ และ
ชุมชนกัลยาณมิตร แสดงถึงการรวมพลังของครูและนักการศึกษา ที่เป็นผู้นาร่วมกัน ทางานร่วมกัน
แบบทีมร่วมแรงร่วมใจมุ่งเรียนรู้เพ่ือพัฒนาตนเอง พัฒนาวิชาชีพ ภายใต้โครงสรา้ งอานาจทางวิชาชีพ
32
และอานาจเชิงคุณธรรม ท่ีมาจากการร่วมคิด ร่วมทา ร่วมนา ร่วมพัฒนาของครู ผู้บริหาร
นักการศึกษา 2) ความสามารถของคลาวด์เทคโนโลยีท่ีรองรับการทางานในหลายรูปแบบของ
การใหบ้ รกิ าร อาทิ SaaS PaaS หรอื IaaS
ณัฐพัชร์ บุญเกตุ (2563) ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง การบริหารการจัดการเรียนรู้ในยุคฐานวิถีชีวิต
ใหม่ของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุโขทัย
เขต 2 มีวัตถุประสงค์เพ่ือ ศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางการบริหารการจัดการเรียนรู้ในยุคฐานวิถี
ชีวิตใหม่ของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ผลการศึกษาพบว่าสภาพปัญหาการบริหาร
การจัดการเรียนรู้ในยุคฐานวิถีชีวิตใหม่ของโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา สังกัดสานักงานเขต
พื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาสุโขทัยเขต 2 ประกอบไปด้วย 6 ด้าน ได้แก่ ด้านการบริหารหลักสูตรมี
ค่าเฉลี่ยมากที่สุด ( ̅ ̅ = 4.01, SD =.732) รองลงมา ได้แก่ ด้านการประเมินผลในการศึกษาแบบ
ฐานวถิ ชี ีวิตใหม่ ( ̅ ̅ = 3.99, SD =.705) ด้านการจัดการเรียนการสอน ( ̅ ̅ = 3.87, SD =.684)
ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรใหม่ตามลาดับความสาคัญใหม่ ( ̅ ̅ = 3.75, SD =.657)
ด้านการพัฒนาครู ( ̅ ̅ = 3.59, SD =.968) และด้านการรับฟังเสียงสะท้อนจากครู ผู้ปกครอง
นักเรียน และชุมชนมคี ่าเฉล่ียน้อยท่ีสดุ ( ̅ ̅ = 3.53, SD =.924)
ราณี จีนสุทธิ์ และ หทัยภัทร จีนสุทธิ์ (2564) ได้ศึกษาวิจัยเร่ือง แนวทางการพัฒนาครูวิถีใหม่
ฉลาดรู้เท่าทันดิจิทัล มีวัตถุประสงค์เพื่อนาเสนอแนวทางการพัฒนาครูวิถีใหม่ฉลาดรู้เท่าทันดิจิทัล
ผลการศึกษาพบว่า ครูจึงต้องพัฒนาตนเองเพื่อให้มีความรู้ด้านเทคนิคและวิธีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
อย่างชาญฉลาดและรู้เท่าทันอย่างเป็นระบบและต่อเน่ืองผ่านกระบวนการศึกษาในระบบการศึกษา
นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ในทักษะ 8 ด้าน ซึ่งประกอบด้วย 1) ทักษะในการรักษา
อัตลักษณะที่ดีของตนเอง 2) ทักษะการคิดวิเคราะห์มีวิจารณญาณท่ีดี 3) ทักษะในการรักษาความ
ปลอดภัยของตนเองในโลกไซเบอร์ 4) ทักษะในการรักษาข้อมูลส่วนตัว 5) ทักษะในการจัดสรรเวลา
หน้าจอ 6) ทักษะในการบริหารจัดการขอ้ มลู ท่ีผใู้ ชง้ าน 7) ทักษะในการรบั มอื กบั การกล่นั แกลง้ บนโลก
ไซเบอร์ และ 8) ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งมจี รยิ ธรรม
อรทัย ร่งุ วชริ า, เศวตาภรณ์ ต้ังวนั เจรญิ และ กาญจนา เกียรติกานนท์ (2558) ไดศ้ กึ ษาวิจยั เรอื่ ง
การจัดการเรียนนรู้ในโลกยุคใหม่เพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะคนยุคใหม่ มีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนา
ผู้เรียนให้มีคุณลักษณะของคนยุคใหม่ ผลการศึกษาพบว่า การจัดการเรียนรู้ในโลกยุคใหม่เพื่อ
เสริมสรา้ งคณุ ลกั ษณะคนยุคใหม่ ภายใตก้ รอบประเทศไทย 4.0 สู่ศตวรรษที่ 21 ใหผ้ เู้ รยี นเป็นผูเ้ รียนรู้
ผู้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม พลเมืองท่ีเข้มแข็ง และมีทักษะในศตวรรษที่ 21 ต้องมีการพัฒนา
ปรับเปล่ียนการจัดการเรียนรู้ ตั้งแต่หลักสูตรต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับผลลัพธค์ ุณลักษณะของ
ผู้เรียนยุคใหม่ท่ีเปล่ียนไปตามสภาพสังคม มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสร้างสรรค์นวัตกรรม และการวิจัยด้วย
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพ่ือเพ่ิมขีดความสามารถแข่งขันของประเทศ ด้านการจัดการเรียน
33
การสอน ครูต้องเปลี่ยนจากครูสอน เป็นผู้ฝึกสอน (Coach) และอานวยความสะดวก (Facilitator)
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์จรงิ ได้ลงมือปฏิบัติ และรู้วิธีแสวงหาความรดู้ ว้ ย
ตนเอง มีการใช้วิธีการสอนแบบใหม่ ๆ ท่ีสามารถตอบสนองการเรียนรายบุคคล คานึงถึงความ
แตกต่างของผู้เรียนแต่ละคน ยึดผู้เรียนเปน็ ศูนย์กลาง ด้านส่ือการสอน มีการใช้นวตั กรรมส่อื การสอน
สามารถเรียนรู้ได้ทุกท่ีทุกเวลา ได้แก่ E-Learning ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองได้ง่ายผ่านทาง
แอปพลิเคชัน หรือ E-book คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) มัลติมีเดีย การประชุมทางไกล ชุดการสอน
วีดีทัศน์แบบมีปฏิสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และในการประเมินผล
ผู้เรียน ควรประเมินจากความเข้าใจ โดยวัดความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้ และความเข้าใจ
เชิงลึกในการแก้ปัญหา ประเมินการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดสร้างสรรค์ เพ่ือ
ผลลพั ธ์คณุ ลกั ษณะคนยคุ ใหม่
อลงกรณ์ เกิดเนตร, ประภาวรรณ สมุทรเผ่าจินดา และพันพัชร ป่ินจินดา (2564) ได้ศึกษาวิจัย
เร่ืองการจัดการช้ันเรียนออนไลน์ด้วยรูปแบบ SMILES เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ ในยุค
เปลี่ยนผ่านการศึกษาด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล มีวัตถุประสงค์เพ่ือนาเสนอการจัดการชั้นเรียนออนไลน์
ด้วยรูปแบบ SMILES เพ่ือส่งเสริม การเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ในยุคเปล่ียนผ่านการศึกษาด้วยเทคโนโลยี
ดิจิทัล ผลการศึกษาพบว่ารูปแบบ SMILES สาหรับนาไปประยุกต์ใช้ ในการจัดการช้ันเรียนออนไลน์
การส่งเสริมการเรียนรู้ชีวิตวิถีใหม่ ประกอบด้วย 1) Strategy คือ การวางแผนกลยุทธ์เพื่อออกแบบ
การจัดการเรียนรู้และการจัดการช้ันเรียน กาหนดเป้าหมาย และจุดประสงค์การเรียนรู้
2) Motivation คือ การสร้างแรงจูงใจเพ่ือกระตุ้นและเสริมแรงเมื่อผู้เรียนประสบ ความสาเร็จตาม
เป้าหมายและจุดประสงค์การเรียนรู้ 3) Interactive คือ การเน้นปฏิสัมพันธ์โต้ตอบ มีส่วนร่วม และ
การร่วมมือกันของผู้เรียน 4) Learning activities คือ กิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการเรียนรู้เชิงรุก
(Active learning) ผสมผสานกับห้องเรียนกลับด้าน (Flipped classroom) และเกมการเรียนรู้
(Gamification) 5) Evaluation คือ การประเมินเพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน
(Formative assessment) และ 6) Sprightly คือ การเน้นบรรยากาศการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวา
สนุกสนาน โดยนามาบูรณาการและประยุกต์ใช้ สาหรับการจัดการชั้นเรียนออนไลน์หรือการเรียน
ทางไกล ผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัลต่าง ๆ เพ่ือกระตุ้น การเรียนรู้ ดึงดูดความสนใจและสร้าง
เจตคติท่ีดตี ่อการเรียน เรยี นรไู้ ด้อยา่ งมีความสขุ และสง่ ผลใหก้ ารเรยี นรู้ นัน้ มปี ระสทิ ธิภาพ
อภิชาติ รอดนยิ ม (2558) ได้ศกึ ษาวิจัยเร่ืองเทคโนโลยีการศึกษากับการจัดการเรียนการสอน
ออนไลน์ในยุคใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา เทคโนโลยีท่สี ่งเสริมการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ใน
ยุคใหม่ ผลการศึกษาพบว่า 1) การเรียนการสอนในยุคใหม่ เม่ือมีการนาเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้
กับระบบการศึกษา ทาให้การเรียนรู้ไม่ได้ถูกจากัดเพียงในช้ันเรียน ไม่ได้ถูกจากัดด้วยอายุ ผู้เรียนรู้
สามารถเข้าถึงรูปแบบการเรียนการสอน แหล่งเรียนรู้ได้ด้วยเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และทุก
34
แพลตฟอร์มของการเรียนรู้ ข้อดีของการเรียนการสอนในยุคใหม่ คือการใช้แพลตฟอร์มรูปแบบการ
เรียนการสอนที่ผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้ไม่ซับซ้อน สามารถบริหารจัดการเวลาการเรียนรู้ด้วยตนเอง
ตามความต้องการ อย่างไรก็ตามผู้สอนตอ้ งปรับวิธีการเรยี นการสอนให้สอดคล้องกับแพลตฟอร์มของ
การเรียนรู้ในด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาเพ่ือให้ผู้สอนและผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน เมื่อถามถึง
ความจาเป็นที่สถานศึกษาต้องเปลี่ยนไปสู่รูปแบบการเรียนการสอนในยุคใหม่ ทางผู้เขียนบทความก็
จะขอยกสถานการณโ์ รคตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 ทาให้สถานศึกษาไม่สามารถเปิดการเรยี นการสอน
ไดต้ ามปกติ จาเปน็ ตอ้ งสร้างระบบการเรียนการสอนการเรยี นรู้รูปแบบออนไลนข์ ้ึนอย่างเร่งดว่ น และ
ผู้เรียนยังไม่สามารถปรับตัวกับ การเรียนแบบออนไลน์ จึงมีอุปสรรคในช่วงเริ่มต้นของการปรับ
รปู แบบการเรียนการสอน หากสถานศึกษา ผ้สู อน และผ้เู รียน เตรยี มความพรอ้ มในด้านการเรยี นการ
สอนออนไลน์ จะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มเพื่อการศึกษาได้อย่างคุ้มค่า
หลังจากวกิ ฤตสถานการณ์โรคตดิ เช้ือไวรสั โคโรนา 2019 นีผ้ ่านไปได้ ระบบการเรียนการสอนออนไลน์
จะมาเปน็ ส่วนหน่งึ ที่จะเปล่ียนโฉมระบบการศึกษาและรูปแบบการเรยี นรู้ในสถานศกึ ษา
บทท่ี 3
วิธดี ำเนนิ กำรวิจยั
การวจิ ยั เร่อื งการทาวจิ ยั เชิงพื้นท่ีเพ่ือการจดั ทานโยบายการจัดการเรียนร้วู ิถีใหม่ คร้งั น้เี ป็นการ
วิจัยประเภทสารวจ มีวัตถุประสงค์หลักเพ่ือจัดทานโยบายการจัดการเรียนรวู้ ิถีใหม่ของสานักงานเขต
พ้นื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษานนทบรุ ี การดาเนินการวิจัยมี 3 ขั้นตอนดงั ตอ่ ไปนี้
ข้ันตอนที่ 1 วิเคราะห์สภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนลักษณะต่างๆ ด้านข้อดี ข้อเสีย
โอกาส อุปสรรค (SWOT) ในการบริหารจัดการ การจัดการเรียนรู้ และการดูแล
ช่วยเหลอื นกั เรียน
ข้ันตอนที่ 2 พัฒนาแนวทางการจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาโรงเรียนทุกลักษณะในการบริหาร
จัดการการจดั การเรยี นรู้ และการดแู ลช่วยเหลือนกั เรยี น
ขั้นตอนที่ 3 จัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา และระดับ
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน
3.1 วเิ ครำะหส์ ภำพกำรจัดกำรศึกษำของโรงเรียนลักษณะตำ่ งๆ ด้ำนข้อดี ข้อเสีย โอกำส
อุปสรรค (SWOT) ในกำรบริหำรจดั กำร กำรจัดกำรเรียนรู้ และกำรดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน
การดาเนินการวิจัยในข้ันนี้เป็นการการศึกษาข้อมูลจาก เอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยที่
เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอกองค์กร มีรายละเอียดของหัวข้อที่ศึกษา
ดังนี้
3.1.1 การวิเคราะห์เอกสารที่เก่ียวข้องกับการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในองค์กร (Internal
Environment Analysis)
ผ้วู จิ ยั ได้ศึกษาข้อมลู จากเอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเก่ยี วข้องกับการวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อม
ภายในองค์กร เป็นการวิเคราะห์เพื่อระบุจุดแข็ง (Strengths) และจุดอ่อน (Weaknesses) ของ
สถานศึกษาในสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษานนทบรุ ี เกย่ี วข้องกบั การจดั การศกึ ษาใน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยอาศัยกรอบการวิเคราะห์ปัจจัย
ภายในตามหลกั การ 4–M Model สามารถสรปุ แนวทางการวิเคราะห์ ดังน้ี
3.1.1.1 Man (คน) วิเคราะห์ผ้บู ริหาร ครู บคุ ลากร นกั เรียน ฯลฯ
3.1.1.2 Money (เงนิ ) วเิ คราะหง์ บประมาณ เงนิ รายได้ เงินบรจิ าค ฯลฯ
3.1.1.3 Material (วสั ดุ) วิเคราะห์เครื่องมืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อายกุ ารใช้งาน ฯลฯ
36
3.1.1.4 Management (การจดั การ) วิเคราะห์นโยบาย แผน โครงการของโรงเรยี น ฯลฯ
ตารางที่ 3-1 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในองค์กรโดยอาศัยกรอบการวิเคราะห์ปัจจัยภายใน
ตามหลักการ 4–M Model
3.1.2 การวิเคราะห์เอกสารท่ีเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก (External
Environment Analysis)
ผวู้ ิจัยไดศ้ ึกษาข้อมูลจากเอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยทเ่ี กีย่ วข้องการวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อม
ภายนอก เป็นการวิเคราะห์เพ่ือระบุสถานการณ์ที่เป็นโอกาส (Opportunities) และภัยคุกคาม
(Threats) ของสถานศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษานนทบุรี เก่ียวข้องกับ
การจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยอาศัยกรอบ
การวิเคราะหป์ ัจจยั ภายนอกตามหลกั การ PEST Model สามารถสรปุ แนวทางการวิเคราะห์ ดงั น้ี
3.1.2.1 P-Politics เปน็ การวเิ คราะห์สภาพทางการเมือง รวมทง้ั กฎหมายและนโยบาย
ทางการเมืองทีม่ ีผลกระทบกับโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม
3.1.2.2 E-Economics เป็นการวเิ คราะหส์ ภาพการณ์และแนวโน้มทางเศรษฐกจิ ทีม่ ี
ผลกระทบกับสถานศึกษาในสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษานนทบุรี
3.1.2.3 S-Social เปน็ การวิเคราะห์สภาพการณ์และกระแสสงั คมท่มี ีต่อสถานศกึ ษาในสังกัด
สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษานนทบุรี
3.1.2.4 T-Technology เปน็ การวเิ คราะห์แนวโน้มของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีท่มี ี
ผลกระทบกับสถานศึกษาในสงั กัดสานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษานนทบรุ ี
3.1.3 ประเดน็ ปจั จยั ที่มผี ลกระทบต่อการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติด
เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019
การวิเคราะห์ประเด็จปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของของสถานศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา
มัธยมศึกษานนทบุรี เก่ียวข้องกับการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา 2019 มีการใช้เทคนิคประเมินลาดับความสาคัญ (Prioritization)1 ดังน้ี (1 อ้างอิงจาก
https://www.strategicmanagementinsight.com/tools/swot-analysis-how-to-do-it.html)
3.1.3.1. การประเมินลาดับความสาคญั ของประเด็นจดุ แข็ง และ จดุ อ่อน มสี ตู รคานวณดังนี้
Score = Importance × Rating
โดยท่ี
Score คอื คะแนนประเมนิ ลาดบั ความสาคัญหากมีค่ามากแสดงวา่ มคี วามสาคัญสูง
37
Importance คือ คะแนนความสาคัญของแต่ละประเด็น โดยคะแนนที่สามารถกาหนดใหแ้ ก่
ทุก ๆ ประเด็นทง้ั จุดแข็ง และจุดอ่อน จะต้องมีคา่ ตั้งแต่ 0.01 (ไม่สาคัญ) ถึง 1.00 (สาคัญมาก) และ
เม่อื รวมค่าคะแนนความสาคญั ในประเด็นจดุ แข็งและจดุ อ่อนแล้วจะมีคา่ ไม่เกนิ 1.00
Rating คือ คะแนนผลกระทบ มีค่าตงั้ แต่ 1 ถงึ 3 โดยในประเด็นจดุ แข็งนน้ั คะแนน
ผลกระทบ 3 หมายถึง ประเด็นจุดแข็งน้ัน ๆ มีความสาคัญและส่งผลกระทบอย่างมากต่อหน่วยงาน
คะแนน ผลกระทบ 1 หมายถงึ ประเด็นจดุ แข็งนัน้ ๆ มีความสาคญั น้อยและไม่ค่อยท่ีจะสง่ ผลกระทบ
ตอ่ หน่วยงาน และในส่วนของประเด็นจดุ อ่อน คะแนนผลกระทบ 3 หมายถงึ ประเดน็ จดุ ออ่ นนั้น ๆ มี
ความสาคัญและส่งผลกระทบอย่างมากต่อหน่วยงาน คะแนนผลกระทบ 1 หมายถึง ประเด็นจุดอ่อน
น้นั ๆ มีความสาคญั น้อยและไมค่ อ่ ยทจี่ ะส่งผลกระทบต่อหนว่ ยงาน
3.1.3.2 การประเมินลาดบั ความสาคญั ของประเดน็ โอกาส และ ภัยคุกคาม มสี ูตรคานวณ
ดังนี้
Score = Importance × Probability
โดยท่ี
Score คือ คะแนนประเมนิ ลาดับความสาคัญหากมีคา่ มากแสดงว่ามคี วามสาคัญสงู
Importance คือ คะแนนความสาคัญของแตล่ ะประเด็น โดยคะแนนทสี่ ามารถ
กาหนดให้แก่ทุก ๆ ประเด็นทั้งโอกาส และภัยคุกคาม จะต้องมีค่า ตั้งแต่ 0.01 (ไม่กระทบ) ถึง 1.00
(สง่ ผลกระทบมาก) และเมือ่ รวมคา่ คะแนนในประเด็นโอกาศและภัยคกุ คามแลว้ จะมคี ่าไมเ่ กนิ 1.00
Probability คือ คะแนนความน่าจะเป็นท่จี ะเกดิ เหตุการณ์ในประเด็นโอกาสและ
ภัยคุกคาม มีค่าต้ังแต่ 1 ถึง 3 โดยในประเด็นโอกาสนั้น คะแนนความน่าจะเป็น 3 หมายถึง ประเด็น
โอกาสนนั้ ๆ น่าจะเกิดเหตุการณ์ขน้ึ อย่างแนน่ อน คะแนนความนา่ จะเป็น 1 หมายถงึ ประเดน็ โอกาส
น้ัน ๆ ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ข้ึน หรืออาจจะมีโอกาสน้อยท่ีจะเกิดขึ้น และในส่วนของประเด็นภัย
คุกคาม คะแนนความน่าจะเป็น 3 หมายถึง ประเด็นภัยคุกคามนั้น ๆ น่าจะเกิดเหตุการณ์ข้ึนอย่าง
แน่นอน คะแนนความน่าจะเป็น 1 หมายถึง ประเด็นภัยคุกคามนนั้ ๆ ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ข้ึน หรือ
อาจจะมีโอกาสนอ้ ยทีจ่ ะเกิดขึ้น
3.2 วิเครำะห์แนวทำงกำรจัดกำรศึกษำเพ่ือพัฒนำโรงเรียนทุกลักษณะในกำรบริหำรจัดกำรกำร
จัดกำรเรยี นรู้ และกำรดูแลชว่ ยเหลอื นักเรยี น
การดาเนินการวิจัยในขั้นนี้เป็นการการศึกษาข้อมูลจาก เอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยที่
เกย่ี วขอ้ งกับสมรรถนะครดู จิ ิทลั มีรายละเอียดของหัวข้อทศี่ กึ ษา ดงั นี้
38
3.2.1 การศึกษา และการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอกองค์กรในลักษณะ
อัตราส่วนระหว่างกลยุทธ์เชิงรุก (จุดแข็งและโอกาส) กลยุทธ์เชิงรับ (จุดอ่อนและภัยคุกคาม) กลยุทธ์
เชิงแกไ้ ข (จุดแข็งและภัยคกุ คาม) และกลยทุ ธ์เชงิ ปอ้ งกนั (จุดอ่อนและโอกาส)
3.2.2 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอกองค์กรดว้ ยแผนภูมคิ ะแนน SWOT
นาไปสรา้ งแผนภูมยิ ทุ ธศาสตร์ และกาหนดยทุ ธศาสตร์ในการบริหารจดั การภายในองงค์การ
3.3 จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบำยกำรจัดกำรศึกษำในสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำด ของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนำ 2019 ในระดับเขตพ้ืนที่กำรศกึ ษำ และระดับสำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำ
ข้ันพืน้ ฐำน
ผู้วิจัยได้ดาเนินการวิเคราะห์และสร้างกลยุทธ์ ใช้กรอบแนวคิด TOWS Matrix เป็นการ
วิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ท่ีจะต้องอาศัยผลจากการวิเคราะห์ SWOT มาจัดเป็นระบบเพ่ือให้ง่ายต่อความ
เขา้ ใจและสรุปในการกาหนดกลยุทธ์ TOWS เป็นการกลบั คาย่อของการวิเคราะห์ SWOT โดยกาหนด
ประเด็นในการทากลยุทธ์เอาไวใ้ น 4 ประเด็นคือ
3.3.1 กลยุทธ์เชิงรุก (SO) เป็นการนาข้อวิเคราะห์ของการวิเคราะห์จุดแข็งที่เป็นปัจจัยภายใน
กบั การวเิ คราะหโ์ อกาสท่เี ป็นปจั จัยภายนอกมาสังเคราะหเ์ ป็นกลยทุ ธ์เชิงรุก อันเป็นการนาจุดแข็งของ
องคก์ ารมาผสานกับโอกาสจากภายนอก
3.3.2 กลยุทธ์เชิงป้องกัน (ST) เป็นการนาข้อวิเคราะห์ของการวิเคราะห์จุดแข็งท่ีเป็นปัจจัย
ภายในกบั การวิเคราะหภ์ ัยคุกคามท่ีเปน็ ปัจจัยภายนอกมาสังเคราะห์เปน็ กลยทุ ธเ์ ชิงป้องกัน โดยนาจดุ
แขง็ ในองคก์ ารมาเปน็ เกราะปอ้ งกันภยั คุกคามจากภายนอก
3.3.3 กลยุทธเ์ ชงิ แก้ไข (WO) เปน็ การนาขอ้ วิเคราะห์จุดอ่อนทีเ่ ปน็ ปจั จัยภายในขององค์การ
มาหาทางแก้ไขโดยอาศัยข้อวเิ คราะห์จากโอกาสท่ีเป็นปจั จัยภายนอกมาสังเคราะหเ์ ป็นกลยทุ ธ์ในการ
แกไ้ ขจดุ ออ่ นภายในองคก์ าร
3.3.4 กลยุทธ์เชิงรับ (WT) เป็นการนาข้อวิเคราะห์จุดอ่อนท่ีเป็นปัจจัยภายในขององค์การ
และตรวจสอบข้อวิเคราะห์จากภัยคุกคามท่ีเป็นปัจจัยภายนอกมาสังเคราะห์เป็นกลยุทธ์ในการต้ังรับ
อุปสรรคตา่ ง ๆ ท่จี ะเกิดขึ้นกับองค์การ
บทท่ี 4
ผลการวิจัย
การวิจัยเรื่องการทาวิจัยเชิงพ้ืนท่ีเพ่ือการจัดทานโยบายการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่ ผู้วิจัยได้
ดาเนินการวิจัยตามกระบวนการวิธีการวิจัยในส่วนของการนาเสนอนโยบายการจัดการเรียนรู้วิถีใหม่
นาเสนอในรูปแบบตารางและแผนภูมิเพื่อนาไปสรุปและอภิปรายผลตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย
โดยมีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้
4.1 ผลวิเคราะหส์ ภาพการจดั การศกึ ษาของโรงเรียนลกั ษณะต่างๆ ดา้ นขอ้ ดี ข้อเสีย โอกาส
อปุ สรรค (SWOT) ในการบริหารจดั การ การจดั การเรยี นรู้ และการดแู ล ช่วยเหลอื นักเรียน
4.2 ผลการพฒั นาแนวทางการจดั การศึกษาเพอ่ื พัฒนาโรงเรียนทุกลกั ษณะในการบรหิ าร
จดั การการจัดการเรยี นรู้ และการดูแลช่วยเหลือนกั เรียน
4.3 ผลการจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 ในระดับเขตพนื้ ท่ีการศึกษา และระดับสานกั งาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน
4.1 ผลวิเคราะห์สภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนลักษณะต่างๆ ด้านข้อดี ข้อเสีย โอกาส
อุปสรรค (SWOT) ในการบริหารจัดการ การจดั การเรยี นรู้ และการดแู ล ช่วยเหลือนักเรยี น
4.1.1 การวิเคราะห์เอกสารที่เก่ียวข้องกับการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในองค์กร
(Internal Environment Analysis)
ตารางท่ี 4-1 การวิเคราะห์ประเดน็ จดุ แข็ง (Strengths: S) และประเดน็ จดุ อ่อน (Weakness: W)
4-M model ประเด็นจุดแข็ง (Strengths: S) ประเด็นจดุ อ่อน (Weakness: W)
องคป์ ระกอบหลกั (Hard Elements)
Man (คน) 1 ครเู พยี งพอตอ่ การจัดการเรียนรู้ 4 1 ครูไม่เพยี งพอต่อการจดั การเรียนรู้
On (online ,onair, onhand, Onsite
ondemand)
2 ครูพฒั นาตนเองเสมอ 2 นักเรยี นช่วยผปู้ กครองประกอบ
อาชีพ
3 อบรมครูการจัดการเรียนรู้แบบ 3 ครปู รับการจดั การเรยี นรใู้ ห้
ออนไลน์ เหมาะสมกับนักเรียน
4 ครูมคี วามชานาญในการสร้างสือ่ ฯ 4 นักเรียนขาดความรบั ผดิ ชอบ
40
ตารางที่ 4-1 (ต่อ) ประเดน็ จดุ อ่อน (Weakness: W)
4-M model ประเด็นจุดแข็ง (Strengths: S)
5 นกั เรยี นขาดทักษะการเข้าหอ้ งเรียน
องคป์ ระกอบหลกั (Hard Elements) ออนไลน์
Man (คน) 6 เก็บค่าบารุงการศกึ ษาไม่ได้ตามเปา้
7 โรงเรยี นไม่มีเงินช่วยเหลือนักเรียนท่ี
Money (เงนิ ) 5 งบประมาณเพียงพอ ติดเชือ้ ไวรัสโควิด 2019
8 นักเรยี นขาดอุปกรณ์ในการเรยี น
Material (วสั ดุ) 6 สนับสนุนอปุ กรณ์และอบรมการใช้ ออนไลน์
สื่อให้กับครู 9 นักเรยี นไม่มีอนิ เทอร์เน็ต
Management 7 สนับสนุนคา่ อินเตอรเ์ นต 10 การดาเนินงานตามโครงการเกดิ
(การจดั การ) 8 จดั การเรยี นรู้แบบออนไลน์มี ความลา่ ชา้
คณุ ภาพ 11 บางกิจกรรมการเรยี นรู้ไมเ่ หมาะ
9 ปรับหลกั สตู รการจัดการเรียนรู้ กับออนไลน์
แบบออนไลน์ 12 การจัดกจิ กรรมออนไลน์ไม่ประสบ
10 โรงเรยี นจัดโครงการนิเทศภายใน ความสาเรจ็
13 การบรหิ ารของ รร. ขาดความ
ชดั เจนในการปฏบิ ตั ิ
14 การจดั การเรยี นการสอน Online
และ Ondemand ไม่สามารถนา
ขอ้ มูลมาใช้แกป้ ัญหาได้
15 การ WFH ทาให้ประสทิ ธิภาพการ
ทางานลดลง
จากตารางที่ 4-1 การวิเคราะห์ประเด็นจุดแข็ง (Strengths: S) และประเด็นจุดอ่อน
(Weakness: W) ประเด็นจุดแข็ง มี 10 ประเด็น ประเดน็ จุดออ่ นมี 15 ประเดน็
41
4.1.2 การวิเคราะห์เอกสารท่ีเก่ียวข้องกับการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก (External
Environment Analysis)
ตารางท่ี 4-2 การวเิ คราะหป์ ระเด็นโอกาส (Opportunities: O) และประเดน็ ภัยคุกคาม (Threats: T)
PEST model ประเดน็ โอกาส (Opportunities: O) ประเด็นภยั คุกคาม (Threats: T)
Politics 1 หน่วยงานภาครฐั และเอกชน 1 ภาระงานจานวนมาก
(สภาพทางการเมือง สนับสนนุ งบประมาณ
กฎหมาย) 2 สพฐ.และ สพท. ประชุมช้ีแจง 2 นโยบายทางการศกึ ษามกี าร
นโยบาย เปลีย่ นแปลงเปน็ ระยะ
3 สพฐ. จัดทาคู่มือการจดั การเรียนรู้ 3 นโยบายรฐั บาลทไ่ี ม่เอ้ือต่อการ
แบบออนไลน์ ดาเนนิ ชีวติ
4 จดั สรรวคั ซีนให้ครู นกั เรยี น และ
บคุ ลากรทางการศึกษา
5 กระทรวงศกึ ษาธิการมแี ผนพัฒนา
การศึกษา ภายใตย้ ุทธศาสตร์ชาติ 20
ปี
6 ความยืดหย่นุ โครงสร้างเวลาเรียน
จาก สพฐ.
7 นเิ ทศ กากบั ติดตามการจดั การ
เรียนรู้ จากต้นสังกดั
E-Economics 8 รฐั บาลสนบั สนุนคา่ ใชจ้ ่ายใน 4 รายไดข้ องผู้ปกครองไมเ่ พยี งพอ
(สภาพทางเศรษฐกจิ ) ครัวเรอื น กบั คา่ ใช้จ่าย
9 คณะกรรมการสถานศึกษา 5 บางคน ผูป้ กครอง ขาดทนุ ทรพั ย์
ช่วยเหลืออปุ กรณ์การเรยี น ในการซ้ืออุปกรณแ์ ละค่า
10 รัฐบาลจัดสรรเงินคา่ อนิ เทอรเ์ นต็ อินเตอรเ์ น็ต
ให้ครู และนักเรยี น
11 การสนบั สนนุ เงินทุนการศึกษา
จากหน่วยงานภายนอก
12 การสนับสนนุ อปุ กรณท์ าง
การศึกษาจากหน่วยงานภายนอก