The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผลการดำเนินงานตามนโยบายของประธานศาลฎีกา ประจำปี ๒๕๖๓ ถึง ๒๕๖๔

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ptw.pdw, 2021-09-27 03:06:19

ผลการดำเนินงานตามนโยบายของประธานศาลฎีกา ประจำปี ๒๕๖๓ ถึง ๒๕๖๔

ผลการดำเนินงานตามนโยบายของประธานศาลฎีกา ประจำปี ๒๕๖๓ ถึง ๒๕๖๔

48

โดยบุคลากรที่ผ่านการอบรมด้านการดูแลสุขภาพเพ่ือแนะนำและส่งต่อผู้ขอรับคำปรึกษา
ด้านสุขภาพไปยังแพทย์ผู้เช่ียวชาญ ให้สำนักการแพทย์ดำเนินงานตามภารกิจอย่างต่อเน่ืองในการ
ให้บริการทางการแพทย์ คลินิกหน่วยแพทย์สาขาย่อยศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ ศาลแพ่ง ศาลอาญา
กรุงเทพใต้ และศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พิจารณาจัดหาสถานท่ีหรือปรับปรุงสถานท่ี
ท่ีเหมาะสม เช่น โรงพยาบาลตุลาการเฉลิมพระเกียรติหรือสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการ
ศาลยุติธรรม อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพ่ือจัดตั้งศูนย์การดูแลและฟ้ืนฟูสุขภาพกาย
และจิตใจของบุคลากรในศาลยุติธรรมและข้าราชการฝ่ายตุลาการเกษียณตลอดจนบุคคล
ในครอบครัว

49

๔. ส่งเสริมให้บุคลากรมีความก้าวหน้าในหน้าท่ีราชการอย่างเป็นธรรมและ
ได้รับค่าตอบแทนที่สัมพันธ์กับความรู้ความสามารถ หน้าที่ความรับผิดชอบ ตลอดจน
ระยะเวลาการทำงาน

การได้รับค่าตอบแทนจากการปฏิบัติราชการท่ีสอดคล้องกับทุกบริบทของการ
ปฏิบัติหน้าท่ีในตำแหน่งข้าราชการตุลาการ ย่อมนำมาซ่ึงกำลังใจในการทำงานและส่งผลต่อการ
ดำรงสถานะของข้าราชการตุลาการด้วยโครงสร้างตำแหน่งของข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม
ในปัจจุบัน กำหนดความก้าวหน้าของการเป็นผ้พู ิพากษาโดยเริ่มจากศาลชั้นต้นและได้รับเงินเดือน
ที่สูงข้ึนตามลำดับช้ันศาล ดังน้ัน หากมีการปรับปรุงโครงสร้างตำแหน่งให้ผู้พิพากษาที่มี
ประสบการณ์และความเช่ียวชาญสามารถปฏิบัติหน้าที่อยู่ในศาลช้ันต้นรวมถึงศาลชำนัญพิเศษ
ต่าง ๆ ต่อไป โดยไมต่ อ้ งเลอื่ นข้ึนไปดำรงตำแหน่งในศาลสูงและไม่กระทบต่อความกา้ วหน้าในชวี ิต
ราชการ ก็จะทำให้ศาลช้ันต้นมีความเข้มแข็งและเป็นหลักประกันแก่ผู้ท่ีมีอรรถคดีว่าจะได้รับการ
พจิ ารณาพิพากษาคดดี ว้ ยความถูกตอ้ งและเปน็ ธรรม โดยมแี ผนปฏิบัตกิ ารดังน้ี

พิจารณาทบทวนกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์เก่ียวกับการโยกย้าย
เงินเดือน และค่าตอบแทนอ่ืน ให้เกิดความเป็นธรรมสอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน
ภาระงานความสามารถของบุคลากร และระยะเวลาการทำงาน

ประธานศาลฎีกาจึงเห็นชอบให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอร่างพระราชบัญญัติ
ระเบียบขา้ ราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบบั ที่...) พ.ศ....ซ่งึ มีเนื้อหาโดยสรุปให้มกี ารเล่อื น
ขนั้ เงินเดือนตามระยะเวลาการรบั ราชการโดยไม่ต้องเล่ือนตำแหน่งไปรับราชการในช้ันศาลท่ีสูงขึ้น
ต่อท่ีประชุมคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ในการประชุมคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม
คร้ังที่ ๘/๒๕๖๔ เมื่อวันท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมได้ให้
ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัตฉิ บับดังกล่าว สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้ดำเนินการรับฟังความ
คิดเห็นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และเสนอร่างพระราชบัญญัติ
ไปตามขั้นตอนของกฎหมายตอ่ ไป

การที่ผู้พิพากษาได้รับการพิจารณาเพ่ิมค่าตอบแทนโดยยึดโยงกับระยะเวลา
การรับราชการ นอกจากจะเป็นการสร้างความเสมอภาคแก่ผู้พิพากษาซ่ึงบรรจุเข้ารับราชการ
พร้อมกัน ให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าท่ีราชการไปพร้อม ๆ กัน ยังเป็นการเปิดโอกาสให้แก่
ผู้พิพากษาได้มีโอกาสในการเลือกทำงานตามความถนัดของตนเองโดยไม่ต้องกังวลว่าการไม่เข้าสู่
ตำแหน่งผู้บริหารศาลหรือการเลื่อนตำแหน่งไปรับราชการในช้ันศาลท่ีสูงข้ึนจะทำให้เกิดปัญหา
เก่ียวกับความไม่เจริญก้าวหน้าในหน้าท่ีราชการ ก่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานบุคคล
และจูงใจให้ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายท่ีมีความรู้ความสามารถมาเข้าสู่กระบวนการสอบคัดเลือก
และทดสอบความรเู้ พ่อื เปน็ ขา้ ราชการตุลาการศาลยุตธิ รรมมากข้ึน

50

ขอ้ 5 สว่ นร่วม
“สนับสนุนให้เกิดการรบั รู้และมสี ่วนรว่ ม”

การบริหารราชการสมัยใหม่จำเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องสร้างช่องทางเพื่อการรับรู้และ
รับฟังเพ่ือให้เกิดการมีส่วนร่วมไม่ว่าจากบุคลากรภายในองค์กรเองหรือจากบุคคลภายนอก
การสะท้อนมุมมองที่หลากหลายย่อมทำให้การวางแผนและการตัดสินใจเพื่อพัฒนางานมีความ
ครอบคลุมรอบด้าน ท้ังยังสร้างความเข้าใจระหว่างกันอันจะนำไปสู่ความร่วมมือร่วมใจ ความรัก
สามัคคี การเปิดโอกาสให้บุคลากรของศาลยุติธรรมมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเพ่ือการ
พัฒนาและแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการบริหารจัดการงานของศาลยุติธรรม นอกจากจะเกิดประโยชน์
เพราะได้รับข้อมูล สภาพปัญหา ตลอดจนแนวทางแก้ไขจากบุคลากรซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติและได้รับ
ผลกระทบโดยตรงแลว้ ยังสรา้ งความรู้สึกในความเป็นส่วนหน่งึ ขององค์กร ความรักและผกู พันของ
บุคลากรในองค์กรจะช่วยให้ทุกคนมุมานะและพยายามทำงานให้ดีที่สุดเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของ
องค์กรให้เป็นที่เช่ือมั่นศรัทธาของประชาชน ส่วนการรับฟังบุคคลภายนอกย่อมจะทำให้เกิดความ
เข้าใจและทัศนคติที่ดีต่อกัน นำไปสู่การสนับสนุนกิจการงานของศาลยุติธรรม ท่ีผ่านมาสังคม
อาจยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงานของศาล เพราะศาลเองมิได้เปิดช่องทาง
ในการสร้างความรับรู้ และความเข้าใจแก่ประชาชนอย่างกว้างขวางและง่ายต่อการเข้าถึงมากนัก
ทำให้เกิดช่องว่างที่ประชาชนหรือแม้แต่นักกฎหมายยังไม่เข้าใจถึงอำนาจหน้าที่ กระบวนการ
ทำงาน ตลอดจนแนวปฏิบัติของข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ความเคลือบแคลงสงสัย
จึงอาจเกิดขึ้นได้ แต่หากสร้างช่องทางการรับรู้ เพ่ือการรับฟังและมีส่วนร่วมให้กว้างขวางย่ิงขึ้น
ย่อมจะเป็นการลดช่องว่างนั้นลงจนเกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน และนำไปสู่ความเช่ือมั่นศรัทธา
ในท่ีสุด ดังน้ี “การสร้างการรับรู้และมีส่วนร่วม” จึงถูกกำหนดไว้เป็นนโยบายประธานศาลฎีกา
ข้อท่ี 5 โดยมแี นวทางการดำเนนิ การ ดงั น้ี

5.1 สร้างช่องทางการมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งอย่างเป็นระบบสำหรับบุคลากร
ภายในเพ่อื ประสานความรว่ มมอื และเสรมิ สรา้ งความรกั สามคั คี

การสร้างการมีส่วนร่วมของบุคลากรศาลยุติธรรมให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ต้องมี
ช่องทางการรับฟังความคิดเห็นของบุคลากรที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ สามารถเปิดรับฟัง
ความคิดเห็นได้อย่างท่ัวถึงโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้ปฏิบัติงานในส่วนภูมิภาคที่อยู่ห่างไกลจาก
สว่ นกลาง เพื่อบรรลผุ ลตามเปา้ หมายดงั กลา่ วจงึ มกี ารกำหนดแผนปฏิบัตกิ าร ดงั ต่อไปน้ี

51

5.1.1 สร้างช่องทางการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
ของบุคลากร เช่น ให้คณะอนุกรรมการบริหารศาลยุติธรรมประจำภาค รวบรวม
ความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอแนะ ปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานของศาลหรือ
ผู้พิพากษาในส่วนภูมิภาค เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการบริหารงานของ
ศาลยตุ ธิ รรม

5.1.2 ให้สำนักประธานศาลฎีกาสร้างช่องทางในการรับฟัง
ความคิดเห็นของบุคลากร และรวบรวมความคิดเห็นดังกล่าวเสนอต่อประธาน
ศาลฎีกา เพอื่ เปน็ แนวทางในการพฒั นาและปรบั ปรงุ ระบบงานศาลยตุ ิธรรม ทั้งนี้ ใหม้ ี
การตอบข้อเสนอท่ชี ดั เจน

5.1.3 จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นในส่วนกลางและภูมิภาค
ต่าง ๆ เป็นระยะ ในเวลาและวิธีการที่เหมาะสมเพ่ือให้เกิดการมีส่วนร่วมและ
สร้างความเข้าใจอันจะนำมาซง่ึ ความรกั สามัคคี

ก่อนหน้านี้ศาลยุติธรรมมีคณะอนุกรรมการบริหารศาลยุติธรรมประจำภาค รวม
๙ ภาค และคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการเก่ียวกับการจัดระเบียบบริหารราชการและการปฏิบัติ
ราชการของศาลแรงงานกลางและศาลแรงงานภาค แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมภารกิจของศาลยุติธรรม
ทั้ งหมด ต่ อมาเมื่ อวันท่ี ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ประธานศาลฎี กาในฐานะประธาน
คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมจึงได้มีคำส่ังคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ที่ ๑๙/๒๕๖๓
แต่งตงั้ คณะอนุกรรมการ เพ่ือดำเนินการเกี่ยวกบั การจดั ระเบียบบริหารราชการและการปฏิบตั ิงาน
ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค
เพ่ิมเติม สำหรับคณะอนุกรรมการดังกล่าวทุกชุดจะจัดให้มีการประชุมและรวบรวมความคิดเห็น
เกี่ยวกับปัญหาข้อขัดข้องในการปฏิบัติงานของศาลหรือผู้พิพากษาในภาคหรือในกลุ่มศาลนั้น
เสนอต่อประธานศาลฎีกาเพ่ือเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางในการพัฒนาการ
บริหารงานของศาลยุติธรรมได้อย่างเหมาะสม ซ่ึงในปีที่ผ่านมานอกจากประธานศาลฎีกาจะนำ
ข้อเสนอจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ มาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาระบบงานแล้ว
ป ร ะ ธ า น ศ า ล ฎี ก า ยั งไ ด้ เข้ า ร่ ว ม ป ร ะ ชุ ม เพื่ อ ห า รื อ ข้ อ ร า ช ก า ร กั บ ค ณ ะ อ นุ ก ร ร ม ก า ร บ ริ ห า ร
ศาลยตุ ธิ รรมประจำภาค ผ่านระบบการประชุมทางไกลผา่ นจอภาพ รวม ๔ ครงั้ ดงั น้ี

คร้ังท่ี ๑ เม่ือวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ร่วมกับคณะอนุกรรมการบริหาร
ศาลยตุ ิธรรมประจำภาค ๑, ๓, ๕ และ ๘

ครั้งท่ี ๒ เม่ือวันท่ี ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ร่วมกับคณะอนุกรรมการบริหาร
ศาลยุตธิ รรมประจำภาค ๗

52

คร้ังที่ ๓ เม่ือวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ร่วมกับคณะอนุกรรมการบริหาร
ศาลยตุ ิธรรมประจำภาค ๔

คร้ังที่ ๔ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ร่วมกับคณะอนุกรรมการบริหาร
ศาลยตุ ธิ รรมประจำภาค ๒, ๖ และ ๙

นอกจากน้ีเพื่อเป็นการขับเคลื่อนนโยบายประธานศาลฎีกาข้อน้ีให้เป็นรูปธรรม
จึงได้มีการสร้างช่องทางเพ่ือให้บุคลากรภายในศาลยุติธรรมได้แสดงความคิดเห็นโดยตรงต่อ
ประธานศาลฎีกาในด้านต่าง ๆ ในรูปแบบที่สะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการใช้งาน โดยใช้
เทคโนโลยีที่ทุกคนเข้าถึงได้ คือ การจัดระบบรับฟังความคิดเห็นทางอิเล็กทรอนิกส์
(e-Comment)

เม่ือวันท่ี 8 ธันวาคม 2563 สำนักประธานศาลฎีกาได้สร้างช่องทางการรับฟังความ
คิดเห็นในระบบ e-Comment (https://ecomment.coj.go.th/) ขึ้น เพ่ือเปิดรับฟังความคิดเห็นจาก
ขา้ ราชการฝ่ายตุลาการศาลยุตธิ รรมและบุคลากรท่ัวประเทศ เพื่อการพฒั นาระบบงานศาลยุติธรรม
ในด้านต่าง ๆ คือ ด้านการพิจารณาพิพากษาคดี ด้านอาคารสถานท่ีทำงาน ด้านเทคโนโลยี
สารสนเทศและนวัตกรรม ด้านการแต่งตั้งโยกย้าย ด้านการพัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพ
บุคลากร ด้านค่าตอบแทนและสวัสดิการ และด้านอื่น ๆ (ถ้ามี) โดยสำนักประธานศาลฎีกาได้เชิญชวน
ให้บุคลากรร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยการออกหนังสือเวียนแจ้งหน่วยงานในสังกัดสำนักงาน
ศาลยุติธรรมท่ัวประเทศทราบ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางการส่ือสารของศาลยุติธรรม
แอปพลิเคชันต่าง ๆ อาทิ Line : InsideCOJ, Facebook เพจส่ือศาล และยังทำหน้าท่ีรวบรวม
และจัดทำรายงานสรุปผลความคดิ เห็นเสนอประธานศาลฎีกาเพื่อพจิ ารณา ซึ่งความคิดเหน็ ท่ีได้รับ
มีความหลากหลาย ในเรื่องท่ีสามารถดำเนินการได้ทันทีก็ได้มีการนำมาดำเนินการ แต่ในบางส่วน
จำเป็นต้องส่งต่อให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องรับไปดำเนินการ เช่น สำนักงานศาลยุติธรรม สถาบัน
พัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ก็มีการส่งต่อและติดตามผลเพื่อพัฒนาและปรับปรุง
ระบบงานศาลยุติธรรมต่อไป จากการดำเนินการดังกล่าวผลปรากฏว่า มีข้าราชการฝ่ายตุลาการ
ศาลยุติธรรมและบุคลากรทั่วประเทศร่วมแสดงความคิดเห็นทั้งส้ิน 526 คน แบ่งเป็นข้าราชการ
ตุลาการ 93 คน ข้าราชการ ลูกจ้างและบุคลากรอื่น ๆ ของศาลยุติธรรม 433 คน (ข้อมูล ณ วันที่
1 กันยายน 2564)

นอกจากนย้ี ังมีการจดั ทำไลน์โอเพนแชท (Open Chat) เพ่ือส่ือสารเก่ียวกับการ
ทำงาน ซ่ึงระบบ Open Chat จัดทำขึ้นเพื่อเป็นช่องทางให้บุคลากรจำนวนมากสามารถเข้าร่วม
ในการพูดคุย สอบถามรวมทั้งแลกเปล่ียนความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ เก่ียวกับการทำงานระหว่างกัน
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนางานและแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องในการทำงานที่เกิดขึ้น ปัจจุบัน
มีระบบ Open Chat จำนวน 2 กลุ่ม ท่ีประธานศาลฎีกาและคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายชุดต่าง ๆ
ไดเ้ ข้ารว่ มแลกเปลย่ี นและรับฟงั ความคดิ เห็น คอื

53

1) กลมุ่ แชรข์ ้อมูลผกู้ ำกบั ดูแล
กลุ่มน้ีจัดต้ังข้ึนเพื่อเป็นช่องทางในการแลกเปล่ียนข้อมูล ตอบปัญหาข้อขัดข้องใน
การปฏิบัติงานตามคำแนะนำของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการใช้มาตรการกำกับดูแลในระหว่าง
ปล่อยช่ัวคราว พ.ศ. 2564 ซึ่งแนะนำรายละเอียดการดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติมาตรการ
กำกับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล พ.ศ. 2560 ทีก่ ำหนดใหม้ ีการแต่งต้ัง
ผกู้ ำกับดูแลและนำมาตรการตา่ ง ๆ มาใชก้ ำกับดแู ลผู้ถกู ปลอ่ ยชว่ั คราวเพื่อปอ้ งกันการหลบหนีและ
ภัยอนั ตรายหรอื ความเสยี หายท่ีอาจเกิดขึ้นในระหว่างที่ผู้ตอ้ งหาหรือจำเลยได้รบั การปล่อยชว่ั คราว
จากศาล ปัจจุบันกลุ่มระบบ Open Chat กลุ่มน้ีมีสมาชิกประมาณ 600 คน ประกอบด้วย
ผู้บริหารศาลยุติธรรม บุคลากรระดับปฏิบัติงานในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้มาตรการกำกับดูแล
และผู้กำกับดูแลท่ีศาลแตง่ ต้งั ทว่ั ประเทศ

2) กล่มุ การบรหิ ารจดั การคดีของศาลในโซนสแี ดงเข้ม
กลุ่มน้ีจัดตั้งขึ้นเพ่ือเป็นช่องทางของบุคลากรซึ่งเป็นผบู้ ริหารหรือปฏิบตั ิหน้าที่อยู่ใน
ศาลซ่ึงถูกจัดให้เป็นศาลในโซนสีแดงเข้มในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา
2019 ท่ีเกิดข้ึนในปัจจุบันซ่ึงจะสามารถส่ือสารเก่ียวกับแนวทางในการบริหารจัดการคดีในแต่ละ
ช่วงเวลา การแก้ไขปัญหาข้อขัดข้อง ตลอดจนการรายงานสถานการณ์การติดเชื้อของบุคลากร
และเร่ืองต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว นำไปสู่การแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ปัจจุบัน ระบบ Open Chat
กลุ่มนี้มสี มาชิกประมาณ 150 คน ประกอบด้วยผู้บริหารศาลยุติธรรมทั้งจากส่วนกลางและในเขต
พ้นื ท่โี ซนสแี ดงเข้ม ซึ่งจากเดมิ 13 จังหวัด และขณะน้ีเพมิ่ ขึน้ เป็น 29 จังหวดั ได้แก่ กรงุ เทพมหานคร
นครปฐม นนทบรุ ี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ฉะเชงิ เทรา ชลบรุ ี พระนครศรีอยธุ ยา นราธวิ าส
ปัตตานี ยะลา สงขลา กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบุรี
เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี และ อ่างทอง
(ข้อมูล ณ วนั ที่ 1 สิงหาคม 2564)

54

นอกจากนี้ ประธานศาลฎีกายังได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและขอความ
รว่ มมือในการบริหารราชการศาลกบั ศาลต่าง ๆ ในส่วนภูมิภาค และศาลสูง ผ่านการตรวจราชการ
ออนไลน์ ซึง่ ในรอบปที ่ผี า่ นมาไดต้ รวจราชการออนไลน์ท้งั หมด ๑๓ ศาล คอื

- ศาลในสงั กดั อธบิ ดีผู้พิพากษาภาค 1 จำนวน 1 ศาล
- ศาลในสังกดั อธบิ ดีผู้พิพากษาภาค ๒ จำนวน 1 ศาล
- ศาลในสงั กดั อธบิ ดีผพู้ พิ ากษาภาค ๓ จำนวน ๑ ศาล
- ศาลในสังกัดอธิบดผี พู้ พิ ากษาภาค ๔ จำนวน ๒ ศาล
- ศาลในสังกดั อธิบดผี ู้พิพากษาภาค ๕ จำนวน ๒ ศาล
- ศาลในสังกัดอธบิ ดีผูพ้ พิ ากษาภาค ๖ จำนวน ๑ ศาล
- ศาลในสงั กดั อธบิ ดีผู้พิพากษาภาค ๗ จำนวน ๑ ศาล
- ศาลในสังกดั อธิบดผี พู้ ิพากษาภาค ๘ จำนวน ๑ ศาล
- ศาลในสงั กดั อธบิ ดีผูพ้ พิ ากษาภาค ๙ จำนวน ๒ ศาล และ
- ศาลอทุ ธรณ์ภาค ๑

โดยมีผู้บริหารศาลฎีกา เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมพร้อมคณะ เลขาธิการ
สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมพร้อมคณะ พร้อมด้วยเลขาธิการประธาน
ศาลฎีกาพรอ้ มคณะเข้าร่วมประชุมด้วยทุกครั้ง และยังได้จดั ให้มีการประชุมผู้บริหารศาลฎีกา และ
ผู้บริหารศาลสูงทั่วประเทศด้วย ส่งผลให้เกิดความเข้าใจ เกิดความมีส่วนร่วม และสามารถ
ขบั เคล่ือนนโยบายได้ด้านต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็สามารถแก้ปัญหาให้ศาลต่าง ๆ
ทั้งในส่วนภูมิภาคและส่วนกลางได้ทันที เนื่องจากมีการสื่อสารกันโดยตรง ลดข้ันตอน และลดการ
ใช้เวลา

5.2 สร้างการรับรู้ ลดช่องว่างและส่งเสริมการมีส่วนร่วมสำหรับบุคลากร
ภายนอกในรูปแบบท่ีเหมาะสมเพื่อสร้างความเชื่อม่ันศรัทธาและการพัฒนางานศาลยุติธรรม
ทีย่ ่ังยนื

การทำงานของศาลยตุ ิธรรมในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนนั้น จำเป็น
ต้องร่วมมือหรือทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง ดังน้ัน การสร้างความรู้ ความเข้าใจ
สร้างความสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานหรือบุคลากรภายนอกจึงเป็นส่ิงสำคัญ เพื่อสร้างโอกาสในการ
รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของบุคลากรภายนอก และนำไปพัฒนาระบบการทำงานของ
ศาลและเสริมสร้างมาตรฐานการให้บริการ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนและ
สงั คมไดอ้ ย่างแทจ้ รงิ จงึ ไดก้ ำหนดแผนปฏิบัติการ ดังตอ่ ไปนี้

55

5.2.1 ให้ศาลร่วมมือกับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องอื่น ๆ จัดให้มี
การอบรมสัมมนาร่วมกับหน่วยงานภายนอก บุคลากรภายนอก รวมทั้งประชาชน
ทั่วไป เพ่ือรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ และนำไปพัฒนาระบบการทำงาน
ของศาลและเสริมสร้างมาตรฐานการให้บริการ ให้สามารถตอบสนองความต้องการ
ของประชาชนไดอ้ ย่างแทจ้ รงิ

5.2.2 สานต่อโครงการ open court ในศาลฎีกาเพื่อสนับสนุนให้เกิด
การรับรู้ขั้นตอนการทำงานของศาลท่ีมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมและสร้างความ
เชื่อมั่นในกระบวนการทางศาล โดยส่งเสริมให้มีการขยายโครงการไปยังศาลอื่น ๆ
ในลักษณะเดียวกัน

5.2.3 ให้นักศึกษากฎหมายเข้าสังเกตการณ์การทำงานของศาลหรือ
ฝึกงานในสว่ นที่เหมาะสม เพ่อื ให้เกดิ การเรียนรูก้ ารทำงานในกระบวนการยตุ ธิ รรม

ในรอบปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อการสร้างการรับรู้ ลดช่องว่าง
และส่งเสรมิ การมสี ่วนร่วมสำหรับบุคลากรภายนอกได้ดำเนินการแล้วในรูปแบบต่าง ๆ ดงั น้ี

(๑) การใชม้ าตรการผกู้ ำกบั ดแู ลผู้ถกู ปล่อยตวั ชั่วคราว
การดำเนินการของศาลยตุ ิธรรมทผี่ ่านมา มีการนำเครือ่ งมือและวิธกี ารตา่ ง ๆ มาใช้
ในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแทนการเรียกหลักประกันเพ่ือขยายโอกาสในการปล่อยช่ัวคราว
ให้แก่ผ้ตู ้องหาหรือจำเลยเพิ่มมากขึ้น เพราะการไม่มีทรัพย์สนิ มาประกันตัวน้ันย่อมก่อให้เกดิ ความ
เหล่ือมล้ำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เคร่ืองมือและวิธีการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ติดตามตวั (EM) การทำสญั ญาประกันโดยไม่เรียกหลกั ประกัน รวมถึงการวางเง่ือนไขตา่ ง ๆ ใหผ้ ู้ต้องหา
หรือจำเลยปฏิบัติตามในระหว่างการปล่อยชั่วคราวโดยต้ังผู้กำกับดูแลให้แก่ผู้ต้องหาหรือจำเลย ซึ่งการ
ต้ังผู้กำกบั ดูแลนเ้ี ปน็ มาตรการสำคญั ทสี่ ่งเสรมิ การมีส่วนรว่ มสำหรบั บุคลภายนอกในรปู แบบหนงึ่ ท่ที ำให้
ภาคสงั คมเข้ามามสี ่วนรว่ มในกระบวนการยตุ ธิ รรมในการดแู ลความปลอดภยั ของสงั คมรว่ มกันดว้ ย
ทั้งน้ี นับตั้งแต่ศาลต้ังผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวเร่ือยมาตั้งแต่ปี 2561 พบว่า
เป็นหนึ่งในมาตรการท่ีมีประสิทธิภาพในการสอดส่องดูแลผู้ถูกปล่อยช่ัวคราวและป้องกัน
การหลบหนีได้เป็นอย่างดี ผู้ต้องหาหรือจำเลยหลายคนสามารถกลับตัวเป็นคนดีได้จากการกำกับดูแล
อีกท้ังเป็น มาตรก ารที่ช่วยลดความแออัดข องเรือนจำในช่วงสถานก ารณ์ การแพร่ระบาด ของ
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ นอกเหนือจากการใช้มาตรการอ่ืนของศาลที่ประชาชนสามารถ
มสี ่วนร่วมชว่ ยกันดูแลความปลอดภยั ใหส้ ังคมควบคกู่ ันไปด้วย

56

เม่ือวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๔ ศาลจังหวัดบัวใหญ่จัดการประชุม โครงการประสานความร่วมมือ
เกี่ยวกบั การแต่งต้ังผู้กำกับดแู ลผถู้ ูกปล่อยตัวชั่วคราวตามพระราชบัญญัติมาตรการกำกับและตดิ ตามจบั กุมผู้หลบหนกี าร
ปล่อยตัวช่ัวคราวโดยศาล พ.ศ. ๒๕๖๐ ระหว่างศาลจังหวัดในเขตพื้นท่ีจังหวัดนครราชสีมาและได้มีการลงนามบันทึก
ข้อตกลงความร่วมมือ ร่วมกับ ศาลจังหวัดนครราชสีมา ศาลจังหวัดพิมาย และศาลจังหวัดสีคิ้ว เพื่อบูรณาการ
ความร่วมมอื เก่ยี วกบั การแต่งต้ังผ้กู ำกับดูแล ผถู้ กู ปลอ่ ยตวั ชวั่ คราว ณ หอ้ งประชุมศาลจังหวดั นครราชสีมา

เมอ่ื วนั ที่ ๒ มถิ ุนายน ๒๕๖๔ ศาลจงั หวดั ปทุมธานี เผยแพร่ความรู้กฎหมายเก่ียวกบั การตั้งผู้กำกับดแู ล
ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวโดยศาลตามพระราชบัญญัติมาตรการกำกับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยช่ัวคราวโดยศาล
พ.ศ. ๒๕๖๐ ใหแ้ กก่ ำนัน ผู้ใหญบ่ ้าน ของอำเภอสามโคก จังหวดั ปทุมธานี

57

เมื่อวันท่ี 15 มิถุนายน 2564 ศาลจังหวัดหล่มสัก ร่วมประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับดูแล
ผู้ถูกปล่อยช่ัวคราว ตามพระราชบัญญัติมาตรการกำกับและติดตามการจับกุม ผู้หลบหนีการปล่อยช่ัวคราวโดยศาล
พ.ศ.2560 ให้แก่ประธานชุมชนในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในกรณีศาลมีคำส่ังแต่งต้ังเป็น
ผู้กำกับดแู ลผู้ถกู ปล่อยชั่วคราวโดยศาล ณ ห้องประชมุ ช้ัน 3 อาคารศาลจงั หวัดหลม่ สกั อำเภอหลม่ สกั จงั หวดั เพชรบูรณ์

เม่ือวันที่ 16 มถิ ุนายน 2564 ศาลแขวงพระนครเหนือ จดั การประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติหน้าที่
ผกู้ ำกับดูแลผ้ถู ูกปลอ่ ยช่ัวคราวตามพระราชบัญญัตมิ าตรการกำกับและติดตามจับกุมผหู้ ลบหนกี ารปล่อยช่ัวคราวโดยศาล
พ.ศ. 2560 ให้แก่ผู้กำกับดูแลผ้ถู ูกปล่อยชั่วคราว

58

เมือ่ วันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ศาลจังหวัดสมุทรสงคราม เผยแพร่ความรู้เกย่ี วกับการปฏิบัติหน้าที่เป็น
ผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยช่ัวคราว ให้แก่เครือข่ายยุติธรรมชุมชน เพ่ือแต่งตั้งเป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว ในเขต
อำนาจศาลจงั หวดั สมุทรสงคราม ณ หอ้ งประชมุ 1 อาคารบูรณาการกระทรวงยุตธิ รรมจงั หวดั สมุทรสงคราม

(๒) หลกั สูตรผ้บู รหิ ารกระบวนการยุติธรรมระดบั สูง (บ.ย.ส.)
สำนักงานศาลยุติธรรมจัดหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.)
มาต้ังแต่ปี 2540 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลาเกือบ 25 ปี ปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมจาก
หลักสูตรดังกล่าว ท้ังจากองค์กรภาครัฐและเอกชน 1,๘๕๙ คน โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการ
ส ร้ า งโอ ก า ส ให้ ศ า ล ยุ ติ ธ ร ร ม แ ล ะ ห น่ ว ย งา น ภ า ย น อ ก ท่ี มี บ ท บ า ท เก่ี ย ว ข้ อ งกั บ ก า ร ส นั บ ส นุ น
การอำนวยความยุติธรรมได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ ความคิด ประสบการณ์ ตลอดจนสามารถ
ประสานการทำงานรว่ มกนั อยา่ งมีเอกภาพ

59

ดังนั้น เพื่อการพัฒนาใหห้ ลักสูตรกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) เหมาะสม
กับสภาวะปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัตน์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
เมอื่ เดือนกรกฎาคม 2564 ท่ีผา่ นมา จึงไดม้ กี ารพจิ ารณาปรบั ปรุงหลักสตู รในประเดน็ ต่าง ๆ ดังนี้

1. การกำหนดกลุ่มผู้บริหารระดับสูงขององค์กรท้ังภาครัฐและภาคเอกชนที่เข้าร่วม
การอบรมหลักสตู ร ให้มีสัดส่วนทช่ี ัดเจนเหมาะสม เพ่ือความหลากหลายในการแลกเปล่ียนมุมมอง
ประสบการณ์ และองค์ความร้ตู ่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง

2. การกำหนดกรอบจำนวนผู้เข้ารับการอบรมให้ชัดเจน โดยพิจารณาจำนวนเงิน
งบประมาณท่ี ไดร้ บั การจัดสรร เพอื่ การบรหิ ารจัดการหลักสูตรให้มปี ระสทิ ธิภาพสูงสดุ

3. การพิจารณาทบทวน เน้ือหาหลักสูตร รวมทั้งรูปแบบการอบรม เพ่ือพัฒนา
หลักสูตรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยการเพิ่มการอบรมภาคปฏิบัติการ เพิ่มการทำ
กิจกรรมนอกสถานท่ี เพิ่มการอบรมในรูปแบบหรือเทคนิคใหม่ๆ และพิจารณากำหนดวิทยากรท่ีมี
ความรู้ในเร่ืองที่เกี่ยวข้อง และมีความสามารถในการถ่ายทอดการเรียนรู้ได้อย่างน่าสนใจและ
มปี ระสิทธภิ าพ

4. การพิจารณาและกำหนดรายละเอียดคณุ สมบัติของผู้เข้ารับอบรมให้ชัดเจนมาก
ย่ิงขน้ึ เพ่ือการแก้ไขปญั หาขอ้ ขัดข้องที่เคยเกิดขึ้นในทางปฏิบตั ิ เช่น การกำหนดคุณสมบัติผู้เข้ารับ
การอบรมเรื่องเกี่ยวกับประวัติการเป็นคู่ความในคดีให้ชัดเจนและรัดกุมขึ้น การกำหนดเงื่อนการ
พน้ สภาพหรอื ถกู ตัดสิทธิการเปน็ ผู้เข้ารบั การอบรม เปน็ ต้น

5. การกำหนดเงื่อนไขในกรณีที่ผู้เข้ารับการอบรมไม่ผ่านการอบรมหลักสูตรฯ
เน่ืองจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การพ้นสภาพหรือถูกตัดสทิ ธิจากการอบรม การเข้ารับการอบรมไม่ครบ
ระยะเวลาที่กำหนดไว้ การไม่จัดทำเอกสารทางวิชาการตามที่กำหนดไว้ เป็นต้น ซึ่งอาจต้องชดใช้
คา่ ใชจ้ ่ายทเ่ี กิดข้นึ จรงิ คนื เน่อื งจากเก่ยี วข้องกบั เรอื่ งงบประมาณของทางราชการ

ซึ่งหลักสูตรท่ีได้รับการพัฒนาและปรับปรุงดังกล่าวข้างต้น จะเร่ิมใช้ในการอบรม
หลักสูตร “ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง” รุ่นที่ ๒๖ แนวคิดหลัก “การเข้าถึงความ
ยุตธิ รรมอยา่ งเป็นธรรม” ทจี่ ะจดั การอบรมระหวา่ งเดือนตุลาคม ๒๕๖๔ ถงึ เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕

60

(๓) การมีส่วนร่วมกับหน่วยงานภายนอกเก่ียวกับการประชุม อบรม หรือ
สมั มนาทางวิชาการในวาระต่าง ๆ

ประธานศาลฎีกาหรือผู้แทนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวิชาการต่าง ๆ กับ
หน่วยงานภายนอกซึ่งเป็นช่องทางการสร้างความร่วมมือกับบุคลากรภายนอกทางหน่ึง เช่น
การเข้าร่วมและบรรยายพิเศษ หลักสูตร ผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย รุ่นท่ี ๑๐ (ปนป. ๑๐)
การให้สัมภาษณส์ ถาบนั เพอ่ื การยุตธิ รรมแหง่ ประเทศไทย (TIJ) เก่ียวกับการใช้มาตรการท่ีมใิ ชก่ ารคมุ ขัง
ในบริบทของประเทศไทย การให้สัมภาษณ์ธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับบทบาทศาลยุติธรรม
แก่ประชาชนและภาคธุรกิจ การเข้าร่วมและบรรยายพิเศษในการประชุมทางวิชาการระดับชาติ
ว่าด้วยงานศาลยุติธรรม คร้ังท่ี ๑๘ จัดโดยกระทรวงยุติธรรม และการบรรยายพิเศษ “หลักสูตร
การอบรมอธิบดีอัยการ” รุ่นท่ี ๑๒ จัดโดยสำนักงานอัยการสูงสุด และเป็นประธานในพิธีเปิด
การสัมมนาทางวิชาการ หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ๖ สถาบัน คร้ังที่ ๑๑ ซึ่งจัดโดยสถาบันพัฒนา
ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม การจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการว่าด้วยกฎหมาย
ส่ิงแวดล้อมและวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อมร่วมกับองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ
ของสหรัฐอเมรกิ าเก่ียวกับสตั ว์ป่า สำนักงานภาคพืน้ เอเชีย (USAID Wildlife ASIA) เป็นตน้

เมื่อวันท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๖๔ บรรยายหัวข้อ “ถอดบทเรียนผู้นำ : กรณีศึกษาผู้นำสตรี” ให้แก่
ผเู้ ข้ารับการอบรมหลักสูตร ผนู้ ำยคุ ใหมใ่ นระบอบประชาธปิ ไตยรนุ่ ท่ี ๑๐ (ปนป.๑๐) จำนวน ๑๔๐ คน

61

เม่ือวันท่ี ๒๑ มกราคม ๒๕๖๔ ให้สมั ภาษณ์สถาบันเพ่ือการยุติธรรมแห่งประเทศไทยในหัวข้อ “การใช้
มาตรการที่ไม่ใช่การคุมขังในบริบทของประเทศไทย” เพื่อเป็นข้อมูลการศึกษาวิจัยเชิงระบบและออกแบบหลักสูตร
การพฒั นาศักยภาพผูป้ ฏิบัตงิ านเกีย่ วกับมาตรการท่ีมใิ ช่การคุมขงั ที่สอดคลอ้ งกับมาตรฐานสหประชาชาติ

เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๔ ให้สัมภาษณ์ธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับบทบาทของศาลยุติธรรม
แก่ภาคประชาชนและธุรกิจในการบริหารจดั การและพิจารณาอรรถคดี ณ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่

62

เมือ่ วนั ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๔ บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “การปรับกระบวนทศั น์ใหมข่ องศาลยตุ ิธรรม
ในยุค New Normal ประชุมทางวิชาการระดับชาติวา่ ด้วยงานยุติธรรม ครั้งท่ี ๑๘ ซ่งึ จัดขึน้ โดยกระทรวงยุติธรรม โดยมี
ผู้เข้ารว่ มการประชมุ ทางวชิ าการจากหน่วยงานต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรมจำนวนมาก

เม่ือวันที่ ๑๗ - ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ สำนักประธานศาลฎีการ่วมกับร่วมกับองค์การเพ่ือการพัฒนา
ระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับสัตว์ป่า สำนักงานภาคพ้ืนเอเชีย (USAID Wildlife ASIA) จัดโครงการ
สัมมนาเชิงปฏิบัติการว่าด้วยกฎหมายส่ิงแวดล้อมและวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม เพ่ือพัฒนาองค์ความรู้แก่บุคลา กร
ศาลยตุ ิธรรมในเร่อื งดงั กล่าว โดยมผี ูเ้ ขา้ ร่วมการสมั มนาทั้งส้นิ กว่า ๕๐ คน

63

เมื่อวันท่ี ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาวิชาการ หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง
๖ สถาบัน ครั้งท่ี ๑๑ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ พร้อมบรรยายในหัวข้อ “ทางรอดประเทศไทยจากวิกฤติโควิด-๑๙” ซึ่งจัดโดย
สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม โดยมีการแลกเปล่ียนความคิดเห็นและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในการ
สร้างเครอื ข่ายการทำงานท่เี ปน็ ประโยชน์ต่อสังคมของผเู้ ขา้ ร่วมการสมั มนาฯ ซึง่ มาจากหนว่ ยงานตา่ ง ๆ มากมาย

เม่ือวันท่ี ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ บรรยายหัวข้อ “นโยบาย การบริหารงานของศาลยุติธรรม” ตามโครงการ
ฝึกอบรมนักบริหารงานยุติธรรมระดับสูง “หลักสูตรการอบรมอธิบดีอัยการ” รุ่นที่ ๑๒ จัดโดยสำนักงานอัยการสูงสุด
ซ่งึ มรี องอธบิ ดอี ัยการและบุคคลภายนอกท่ีไดร้ บั การคัดเลอื กเข้าร่วมฝึกอบรม จำนวน ๙๖ คน

64

(๔) การต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากหนว่ ยงานภายนอก
ในปีที่ผ่านมา การสานต่อโครงการ Open Court ตามดำรขิ องนายไสลเกษ วัฒนพันธ์ุ
ประธานศาลฎีกาท่านท่ี ๔๕ ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ด้วยการแต่งตั้งคณะทำงานศูนย์
การเรียนรู้ทางด้านกฎหมายและกระบวนการทางศาล ณ ศาลฎีกาขึ้น เพ่ือดำเนินการรวบรวม
ข้อมูล ปรับปรุงห้องสมุด และวางรูปแบบการนำเสนอข้อมูลความรู้เกี่ยวกับศาลยุติธรรมให้แก่
คณะบุคคลภายนอก โดยก่อนที่ศูนย์การเรียนรู้จะจัดต้ังขึ้นสำเร็จ ศาลฎีกาให้การต้อนรับคณะผู้เข้า
ศึกษาดูงานที่ศาลฎีกาเกือบ 1,000 คน อาทิ คณะเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการค่ายต้นกล้าตุลาการ
รุ่นท่ี 10 คณะสื่อมวลชน คณะข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมและผู้พิพากษาสมทบใน
ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนครปฐม โดยเน้นย้ำการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอน
การทำงานของศาล และกระบวนการทางศาลเพื่อสรา้ งความเช่ือม่ันแก่ประชาชน อนั เป็นการสรา้ ง
การรับรู้ ลดช่องว่างและส่งเสริมการมีส่วนร่วมสำหรับบุคลากรภายนอกในรูปแบบที่เหมาะสม
เพื่อสร้างความเช่อื มั่นศรัทธาและการพัฒนางานศาลยุติธรรมท่ยี ่ังยนื ตามนโยบายประธานศาลฎีกา

วนั ที่ 22 พฤศจิกายน 2563 คณะเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการค่ายต้นกล้าตุลาการ รนุ่ ที่ 10 และผู้ท่ีเกี่ยวข้อง
จำนวน 180 คน

65

วันที่ 24 ธนั วาคม 2563 คณะสอ่ื มวลชน จำนวน 40 คน

วันท่ี 22 มีนาคม 2564 คณะข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมและผู้พิพากษาสมทบ
ในศาลเยาวชนและครอบครวั จังหวดั นครปฐม จำนวน 45 คน

ต่อมาคณะทำงานฯ ได้จัดตั้ง “ศาลฎีกานิทรรศน์” ซึ่งเป็นนิทรรศการถาวรขึ้น
เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชนและสังคมเก่ียวกับกฎหมายและกระบวนการทางศาล ไม่ว่าจะ
เป็นประวัติศาสตร์ อำนาจ หน้าที่ ตลอดจนกระบวนการทำงานของศาลฎีกา ท้ังยังมีการรวบรวม
วัตถุสิ่งของที่สำคัญและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เก่ียวข้องกับศาลฎีกาและศาลยุติธรรม รวมถึง
เหตุการณ์สำคัญ เมื่อวันท่ี ๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ
พระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอาคารท่ีทำการศาลฎีกาแห่งน้ี
อันเปน็ หนง่ึ ในหนา้ ประวตั ิศาสตร์ทส่ี ำคัญย่งิ ของศาลฎีกาตา่ งถกู นำมาเกบ็ รักษาไว้อยา่ งเป็นระบบ

66

โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 เวลา 14.00 นาฬิกา
ในรูปแบบจำลองสภาวะแวดล้อมออนไลน์ (Virtual Event) ถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสียง
ผา่ นระบบ Streaming และ Facebook Live

67

หลังจากนั้นได้มีผู้เข้าเยี่ยมชมศาลฎีกานิทรรศน์เป็นระยะ ๆ เช่น คณะผู้เข้ารับ
การศึกษาอบรม หลักสูตร "ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล” รุ่นที่ 21 คณะผู้เข้ารับการศึกษาอบรม
หลกั สูตร "ผ้บู รหิ ารกระบวนการยตุ ิธรรมระดับสูง” รนุ่ ท่ี 25 คณะผ้พู พิ ากษาและผูพ้ ิพากษาสมทบ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ คณะผู้ช่วยผู้พิพากษารุ่นท่ี ๗๕ และคณะ
ผู้ช่วยผู้พิพากษารุ่นท่ี ๕๖ ซ่ึงคาดว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ คล่ีคลายลง จะมีผู้พิพากษาและประชาชนท่ัวไปเข้าเย่ียมชมศาลฎีกานิทรรศน์มากขึ้น
ตามวัตถุประสงคข์ องการจดั การ และย่อมเปน็ แรงกระตุ้นสำคัญให้ศาลต่าง ๆ เปิดช่องทางต้อนรับ
การเย่ียมชมแก่บุคลากรท้ังภายในและภายนอกให้มากขึ้นในลักษณะเช่นเดียวกัน อันจะนำมาซ่ึง
ความเข้าใจในศาลยตุ ธิ รรมยิง่ ขึน้

การเปิดช่องทางการรับรู้เพื่อสร้างความเข้าใจในศาลยุติธรรมน้ัน มิได้จำกัดเพียง
ในกลุ่มของผู้ใหญ่หรือผู้พิพากษาเท่านั้น แต่ประธานศาลฎีกายังให้ความสำคัญกับเยาวชนของชาติ
จึงได้จัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เร่ือง “เด็กไทยยุคใหม่ก้าวไปกับศาลยุติธรรม”
มอบเป็นของขวญั วันเดก็ ให้แก่เดก็ และเยาวชนท่ัวประเทศ เมื่อวันท่ี 9 มกราคม 2564 ซ่ึงตรงกับ
วันเด็กเพ่ือให้ข้อมูลและความรู้เก่ียวกับศาลยุติธรรม หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวเป็นภาพ
การ์ตูน สีสันสดใส อ่านง่าย ในเนื้อหาประกอบไปด้วยสาระน่ารู้ต่าง ๆ อาทิ ศาลยุติธรรมและ
กระบวนการยุติธรรม การพิจารณาพิพากษาคดี ศาลมีก่ีช้ันศาล แต่ละช้ันศาลพิจารณาคดีแบบใด
เส้นทางการเป็นผู้พพิ ากษา ซ่ึงเชื่อว่าจะเปน็ แรงบันดาลใจให้แกเ่ ดก็ ๆ อยากเดินตามรอยผู้พิพากษา
สทิ ธขิ องเดก็ และเยาวชนตามกฎหมาย และสทิ ธิขั้นพ้ืนฐานของเดก็ เป็นต้น

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ฯ มุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจให้เด็กทราบถึงสิทธิ
ของตัวเอง สิทธิของพยานท่ีเป็นเด็กตามกฎหมาย สิทธิของผู้ต้องหาที่เป็นเด็กและเยาวชนในชั้น
จับกุมและสอบสวน สิทธิของผู้ต้องหาที่เป็นเด็ก สิทธิของจำเลยในคดีอาญาท่ีเป็นเด็ก ดังน้ัน
เม่ือเด็กและเยาวชน ได้อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ฯ เล่มน้ีแล้ว จะช่วยสร้างความรับรแู้ ละความเข้าใจ
ถึงกระบวนการยุติธรรมทางศาลโดยเฉพาะท่ีเกี่ยวข้องกับตนมากย่ิงข้ึน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย
ประธานศาลฎีกา ข้อที่ 5 การสนับสนุนให้เกิดการรับรู้ให้แก่บุคคลภายนอก โดยหนังสือ
อเิ ล็กทรอนิกส์ฯ ดังกล่าว สามารถอ่านไดท้ ี่ https://anyflip.com/fumkt/htic/

68

ในส่วนของนักศึกษากฎหมายซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลท่ีประธานศาลฎีกาให้ความสำคัญ
เป็นพิเศษและได้กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการเพ่ือให้โอกาสได้เข้าสังเกตการณ์ และฝึกงานกับ
ศาลต่าง ๆ อย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้กระบวนการยุติธรรมในภาคปฏิบัตินั้น ในปีที่
ผ่านมานับว่าได้ผลดี โดยศาลฎีกาได้มีโครงการฝึกอบรมกฎหมายภาคปฏิบัติ ประจำปีการศึกษา
2563 ระหว่างวันที่ ๑ มิถุนายน ถึง ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔ แก่นักศึกษาคณะนิติศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้าร่วมจำนวน ๑๕ คน เม่ือวันที่ ๒๑
มิถุนายน ๒๕๖๔ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลำพูนได้จัดอบรมและแนะนำนักศึกษา
คณะนิติศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ๒ คน ท่เี ข้าฝึกงาน นอกจากนี้ยังมศี าลต่าง ๆ อีกหลายศาล
ที่รับนักศึกษาเข้าฝึกงานเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้และมีส่วนร่วมในกระบวนการทางศาล
เช่น ศาลแขวงพัทยา ศาลแขวงนครราชสีมา ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอ่างทอง
ศาลจังหวดั ชยั ภมู ิ ศาลแขวงเชยี งใหม่ และศาลจังหวดั บวั ใหญ่ เปน็ ตน้

โครงการนักศึกษาฝึกประสบการณ์ทักษะวิชาชีพ จากวิ ทยาลัยอักษรพิทยา ระหว่างวันที่
9 พฤศจิกายน ถึง วันท่ี ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ จำนวน 3 คน ณ ศาลแขวงพัทยา

โครงการนักศกึ ษาฝกึ งาน โดยมนี ักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และนักศึกษาจากมหาวทิ ยาลยั พะเยา
เขา้ ฝกึ งาน ระหว่างวันท่ี 16 พฤศจิกายน 2563 ถึง 12 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 จำนวน 6 คน ณ ศาลแขวงเชียงใหม่

69

โครงการฝึกอบรมกฎหมายภาคปฏิบัติ ประจำปีการศึกษา 2563 ระหว่างวันที่ ๑ มิถุนายน – ๓๑
กรกฎาคม ๒๕๖๔ แก่นกั ศึกษาคณะนติ ิศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ เข้ารว่ มจำนวน
๑๕ คน ณ ศาลฎกี า

โครงการนักศึกษาฝึกงาน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล
ชั้นปีท่ี 2 วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา เข้าฝึกงานต้ังแต่วันที่ 5 พฤษภาคม – 3 กันยายน 2564 จำนวน 5 คน
ณ ศาลแขวงนครราชสีมา

โครงการนักศึกษาฝึกงาน มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์
สาขาวิชานิติศาสตร์ ที่สำเร็จการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ระหว่างวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ ถึงวันท่ี ๒๐ สิงหาคม
๒๕๖๔ จำนวน ๔ คน ณ ศาลเยาวชนและครอบครวั จงั หวัดอา่ งทอง

70

โครงการนักศึกษาฝึกประสบการณ์ทักษะวิชาชีพ จากวิทยาลัยเทคโนโลยีชัยภูมิบริหารธุรกิจ
ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาบัญชี ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ถึง วันท่ี 8 ตุลาคม 2564 เข้าฝึกงาน
จำนวน 4 คน ณ ศาลจงั หวดั ชัยภมู ิ

โครงการนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ จากวิทยาลัยมหาสารคาม ท่ีเข้าฝึกประสบการณ์วิชาชีพ
ต้งั แตง่ วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๔ ถงึ วนั ท่ี ๗ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔ จำนวน 1 คน ณ ศาลจังหวัดบวั ใหญ่

การสนับสนุนให้เกิดการรับรู้และมีส่วนร่วมของบุคลากรภายในและบุคคลภายนอก
ที่ดำเนินการไปแล้วข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างช่องทางการมีส่วนร่วมในรูปแบบต่าง ๆ ของ
บุคลากรภายใน เพ่ือประสานความร่วมมือและเสริมสร้างความรักสามัคคี หรือการสนับสนุน
ให้บคุ คลภายนอกเกิดการรับรู้ขนั้ ตอนของการทำงานของศาลที่มปี ระสทิ ธิภาพ และเปน็ ธรรมซง่ึ จะ
ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมทางศาล ย่อมต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและ
พัฒนาให้เกิดความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การจัดให้มีช่องทางหรือวิธีการ
การมีส่วนร่วมของบุคคลากรภายในเพ่ิมมากขึ้น การประชาสัมพันธ์ศาลฎีกานิทรรศน์และให้การ
ต้อนรับแก่บุคคลภายนอกที่ขอเข้าเย่ียมชมอย่างต่อเนื่อง การเพ่ิมโอกาสให้นักศึกษาวิชากฎหมาย
ซ่ึงเป็นเยาวชนของชาติเข้าสงั เกตการทำงานของศาลหรอื ฝึกงานในสว่ นงานที่เหมาะสม รวมท้ังการ
ขยายโครงการไปยังศาลอืน่ ในลกั ษณะเดียวกันด้วย

71

ส่วนท่ี 2 งานสานตอ่ นโยบาย

72

งานสานตอ่ นโยบาย

การสานต่อนโยบายที่ประธานศาลฎีกาท่านก่อน ๆ ได้เริ่มต้นไว้แล้วถือเป็นภารกิจ
สำคัญท่ีจำเป็นต้องดำเนินการให้ประสบผลสำเร็จควบคู่ไปกับการขับเคล่ือนนโยบายประธาน
ศาลฎีกาปัจจุบัน เพราะนโยบายที่เกิดจากดำริของประธานศาลฎีกาทุกท่านย่อมเป็นประโยชน์
ในด้านต่าง ๆ ท้ังต่อประเทศชาติ ประชาชน และศาลยุติธรรม หากขาดการดำเนินงานท่ีต่อเนื่อง
แล้ว การดำเนินการตามนโยบายท่ีได้เริ่มต้นไว้แล้วย่อมไม่อาจลุล่วง เกิดความสูญเปล่า สิ้นเปลือง
งบประมาณ ไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาศาลยุติธรรม ดังน้ัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประธาน
ศาลฎีกาจึงได้สั่งการให้มีการสานต่อนโยบายท่ีสำคัญได้แก่ การจัดทำแบบประเมินเพ่ือความเป็น
เลิศทางการศาล และการสง่ เสริมการอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ ม

๑. การจดั ทำแบบประเมินเพ่ือความเปน็ เลศิ ทางการศาล

เมื่อกลางปี ๒๕๖๓ นายไสลเกษ วฒั นพันธุ์ ประธานศาลฎกี า ท่านที่ ๔๕ ได้แตง่ ตั้ง
คณะทำงานเพ่ือศึกษาแบบประเมินระบบงานศาลยุติธรรมขององค์กรหรือหน่วยงานระหว่าง
ประเทศ สำหรับนำมาทดลองใช้และวิเคราะห์ประเมินผลเพ่ือจัดทำแบบประเมินท่ีเหมาะสมกับ
ศาลยุติธรรมไทย คณะทำงานดังกล่าวนำแบบประเมินตามกรอบสากลเพ่ือความเป็นเลิศทางการ
ศาล (International Framework for Court Excellence) มาปรับปรุงให้เข้ากับการปฏิบัติงาน
ของศาลยุติธรรมไทย แล้วพัฒนาเป็นแบบประเมินตนเองฉบับศาลยุติธรรมไทย (Self-Assessment
Checklist) ประกอบด้วยการประเมิน ๗ หัวข้อหลัก ได้แก่ ความเป็นผู้นำและการบริหารจัดการศาล
การวางแผนและนโยบายของศาล ทรพั ยากรของศาล การพิจารณาคดีและกระบวนการตา่ ง ๆ ของ
ศาล ความต้องการและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ การให้บริการของศาลท่ีมีค่าใช้จ่ายไม่สูง
สามารถเข้าถึงได้ง่าย และความน่าเชื่อถือหรือความเช่ือมั่นจากสาธารณชน หลังจากนั้น
คณะทำงานมอบหมายให้ศาลนำร่อง ๓ ศาล ได้แก่ ศาลภาษีอากรกลาง ศาลทรัพย์สินทางปัญญา
และการค้าระหว่างประเทศกลาง และศาลจังหวัดสมุทรปราการ ทดลองใช้แบบประเมิน ซ่ึงได้ผล
เป็นท่ีน่าพอใจ คณะทำงานจึงนำผลลัพธ์จากการทดลองในศาลนำร่องมาปรับปรุงแบบประเมิน
เพ่อื ใหใ้ ช้งานไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพมากขนึ้

73

คร้ันเม่อื นางเมทินี ชโลธร ขึน้ ดำรงตำแหนง่ ประธานศาลฎีกา ทา่ นที่ ๔๖ ได้เล็งเห็น
ว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กรศาลยุติธรรมสู่สากล จึงแต่งตั้ง
คณะทำงานส่งเสริมการสร้างกลไกการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีท่ีทันสมัย เพ่ือสานต่อและ
สนับสนุนให้มีการขยายผลการดำเนินการไปยังศาลอ่ืนท่ัวประเทศ คณะทำงานได้นำแบบประเมิน
ตนเองฉบบั ศาลยุติธรรมไทยซ่งึ ผ่านการทดลองใช้
แ ล ะ พั ฒ น า ป รั บ ป รุ ง ต า ม ค ว าม คิ ด เห็ น แ ล ะ
ข้ อ เส น อ แ น ะ ข อ งศ าล น ำร่อ งม าใช้ ใน
ศาลยุตธิ รรมท่วั ประเทศพร้อมกัน เพื่อให้มกี าร
ปรับปรุงระบบการทำงานและกระบวนการ
ต่าง ๆ ของศาล ให้สะดวกและเข้าถึงได้ง่าย
ลดภาระแก่ประชาชน กับทั้งยังเป็นการ
ยกระดั บ มาต รฐาน การด ำเนิ นงาน ของ
ศาลยุติธรรมให้เป็นสากลและเป็นไปในทิศทาง
เดยี วกนั

ตลอดระยะเวลา ๑ ปี ท่ีผา่ นมา
ค ณ ะ ท ำงาน ได้ จั ด ให้ มี ก ารป ระ ชุ ม เชิ ง
ปฏิบัติการกับศาลยุติธรรมทั่วประเทศ รวมถึง
มกี ารประชุมกับองค์กรสากลเพื่อความเป็นเลิศ
ทางการศาล คู่ขนานไปกบั การใช้แบบประเมิน
ตนเอง เพอ่ื สรา้ งความเข้าใจเกี่ยวกบั การจัดทำ
แบบประเมินตนเองอย่างต่อเน่ือง จนถึงปัจจุบัน

74

ศาลยุติธรรมทั่วประเทศได้จัดทำแบบประเมินตนเองฉบับศาลยุติธรรมไทยแล้ว ๓ ครั้ง
สำนักประธานศาลฎีกา สถาบันวิจัยและพัฒนารพีพัฒนศักด์ิ และสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค
1 ถึง 9 ได้ดำเนินการวิเคราะห์และสรุปผลการจัดทำแบบประเมินตนเองฉบับศาลยุติธรรมไทยทั้งใน
เชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ พบว่าแบบประเมินตนเองฯ เป็นเคร่ืองมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับ
กรอบการทำงานของผู้บริหาร เพื่อประโยชน์ในการติดตามและประเมินผลการทำงาน ข้อมูลที่ได้
เป็นผลให้สว่ นกลางและส่วนภูมิภาคได้รบั ข้อมูลเชิงลึกที่ทนั สมัยและเป็นประโยชน์ การจัดทำแบบ
ประเมินตนเองฯ สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติราชการได้อย่างดียิ่ง เป็นการประเมิน
ทผ่ี ู้บังคบั บัญชาและผ้ใู ต้บังคับบัญชานำข้อมลู ที่มีมาพิจารณาถงึ จุดเด่นจดุ ด้อยที่ควรปรับปรุงแก้ไข
และพัฒนาระบบงานให้ดีย่ิงขึ้น ทำให้ทราบผลการดำเนินงานของศาลว่าสามารถปฏิบัติงาน
ให้สอดคล้องกับนโยบายของประธานศาลฎีกาและแนวทางของสำนักงานศาลยุติธรรมได้หรือไม่
เพียงใด ท้ังยังสามารถนำข้อมูลไปปรับปรุงการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง การจัดทำแบบประเมิน
ตนเองฯ จึงเปน็ ประโยชน์ต่อทั้งตัวบคุ คลและองคก์ ร

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันกรอบสากลเพ่ือความเป็นเลิศ อันเป็นต้นแบบของ
แบบประเมินตนเองนี้ ได้มีการปรับปรุงเน้ือหาและคำถาม รวมถึงวิธีการคิดคำนวณคะแนน
ด้วยระบบใหม่ เพื่อให้ตอบสนองต่อสภาวการณ์ปัจจุบัน ขณะเดียวกันศาลยุติธรรมไทยก็ได้จัดทำ
แผนยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ จึงสมควรต้องนำแบบประเมินตนเองฯ ฉบับศาลยุติธรรมไทยท่ีใช้อยู่น้ี
มาพิจารณาปรับปรงุ ใหม้ ีความเทา่ ทันและและเปน็ ปจั จบุ นั มากยงิ่ ข้นึ

75

๒. การส่งเสริมการอนุรกั ษส์ ่ิงแวดล้อม
๑.

นโยบายประธานศาลฎีกา ประจำปี ๒๕๖๒ ถึง ๒๕๖๓ มุ่งเน้นการพัฒนาระบบงาน
ด้านคดีส่ิงแวดล้อม และสนับสนุนบทบาทของศาลยุติธรรมในการช่วยส่งเสริมรักษาส่ิงแวดล้อม

มีการแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนา
วิธีพิจารณาคดีส่ิงแวดล้อมและ
ศึกษาความเปน็ ไปได้ในการจัดตั้ง
ศาลสิ่งแวดล้อมข้ึน เพื่อจัดทำร่าง
พระราชบัญญั ติ พิจารณาคดี
สิ่งแวดล้อม และมีการดำเนิน
กิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมหลาย
ประการ เช่น การอนุรักษ์ต้นไม้
และการจัดการพ้ืนที่สีเขียวในศาล
การอนุรักษ์พลังงาน การพัฒนา
ระบบงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เม่อื นางเมทินี ชโลธร ดำรงตำแหน่ง
ประธานศาลฎีกา ได้มีการสานต่อ
โดยแต่งต้ังคณะทำงานส่งเสริมส่ิงแวดล้อมของศาล ให้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการ
พัฒนาระบบงานคดีสิ่งแวดล้อม และศึกษาบทบาทของศาลในการช่วยส่งเสริมและสนับสนุน
ส่ิงแวดล้อม แม้จะยังไม่มีการจัดทำคู่มือการดำเนินคดีส่ิงแวดล้อมขึ้น แต่ก็เป็นเพราะอยู่ระหว่าง
การดำเนินการเก่ียวกับร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อมร่วมกับคณะกรรมการปฏิรูป
ประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลัก โดยเม่ือวันท่ี
๗ เมษายน ๒๕๖๔ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศฯ ได้เข้าหารือข้อราชการกับประธานศาลฎีกา
เกี่ยวกับกระบวนการนำเสนอร่างกฎหมายวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม ซ่ึงในส่วนของศาลยุติธรรม
จะดำเนินการแก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายของศาลยุติธรรมให้มีความสมบูรณ์มากย่ิงข้ึน เพื่อให้
ครอบคลมุ และสามารถรองรับข้อเทจ็ จริงตามสภาพปัญหาทีเ่ ปล่ยี นแปลงไป

76

ต่อมาสำนักประธานศาลฎีกาและคณะทำงานส่งเสริมสิ่งแวดล้อมของศาลได้นำ
ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ... ท่ียกร่างโดยคณะทำงานพัฒนาวิธพี ิจารณา
คดีส่ิงแวดล้อมและศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดต้ังศาลส่ิงแวดล้อม มาทบทวนทำความเห็นและ
ข้อสังเกตเพิ่มเติม พร้อมทั้งจัดทำข้อมูลความเป็นมาของร่างพระราชบัญญัติน้ัน และรวบรวม
ความเห็นเก่ียวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวโดยแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา กับความเห็น
โดยสำนักกฎหมายและวิชาการศาลยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม นำเสนอเข้าที่ประชุม
คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมเพ่ือพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว
เข้าสู่กระบวนการทางนิติบัญญัติ ซ่ึงถือเป็นความก้าวหน้าอีกข้ันหน่ึงกระบวนการพิจารณาคดี
สง่ิ แวดลอ้ มในประเทศไทย

77

นอกจากน้ี เม่ือเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมเก่ียวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในรูปแบบปกติได้ คณะทำงาน
จึงจัดทำโครงการให้ความรู้เก่ียวกับประโยชน์ในการปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอก ไม้ใบ และพืชสวนครัว
โดยนำข้อมูลความรู้เผยแพร่ผ่าน inside COJ เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรในศาลยุติธรรมปลูกต้นไม้
และจัดกิจกรรมประกวดการปลูกหรือดูแลรักษาต้นไม้ โดยนำเสนอผ่านภาพถ่ายพร้อม
คำอธิบายภาพ ภายใต้แนวคิด Green Court @ Home เพื่อให้บุคลากรของศาลยุติธรรม
เกิดความสนใจและตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของส่ิงแวดล้อม ปลูกจิตสำนึกให้อนุรักษ์และ
ส่งเสริมคุณภาพชีวิตทางด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ รวมท้ังผ่อนคลายจิตใจจาก
สถานการณ์ในปัจจุบัน โดยถ่ายทอดเรื่องราวและคุณค่าความงดงามของพืชพรรณไม้ต่าง ๆ
ผ่านภาพถ่ายต้นไม้หรือพรรณไม้ที่บุคลากรของศาลยุติธรรมหรือบุคคลในครอบครัวเป็นผู้ปลูก
หรือดูแลในช่วงที่บุคลากรต้องทำงานในท่ีพักอาศัย เพ่ือช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา ๒๐๑๙

การแข่งขันแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ ดอกไม้งามยามโควิด (ไม้ดอก)
ไม้ใบไร้โควดิ (ไม้ใบ) และ ทานได้สบายใจไร้โควิด (พืชสวนครวั ) กิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจ
จากบุคลากรในศาลยุติธรรมจำนวนมาก รวมภาพถ่ายท่ีส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น ๔๖๖ ภาพ
จาก ๒๘๗ ศาล

78

เม่ือวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๔ มีการประกาศผลการประกวดของกิจกรรมดังกล่าว
ถือเป็นโครงการที่สร้างจิตสำนึกในการส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมของบคุ ลากรของศาลยุติธรรม
ในรูปแบบใหม่ และประสบความสำเร็จในการขบั เคลือ่ นนโยบายทางด้านสง่ เสริมรักษาสิ่งแวดล้อม
อยา่ งเป็นรปู ธรรม

79

ส่วนท่ี 3 งานพระราชพธิ ี รฐั พธิ ี และพิธตี ่าง ๆ

80

งานพระราชพธิ ี รฐั พธิ ี และพธิ ตี ่าง ๆ

ประธานศาลฎีการับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินี เน่ืองในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารท่ีทำการศาลท้ังในส่วนกลาง
และส่วนภูมิภาค

นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นมา ศาลยุติธรรมได้รับพระมหากรุณาธิคุณ
จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในการเสด็จพระราชดำเนิน
ไปทรงเปิดอาคารท่ีทำการศาลท้ังในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมจำนวน 9 ศาล ในการน้ี
ประธานศาลฎีกา และข้าราชการฝ่ายตุลาการชั้นผู้ใหญ่ ร่วมรับเสด็จ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ
อยา่ งหาท่ีสุดมไิ ด้

1. วันท่ี 10 พฤศจิกายน 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ
พระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิด
อาคารทีท่ ำการศาลเยาวชนและครอบครวั จงั หวดั อุดรธานี อำเภอเมืองอดุ รธานี จังหวัดอุดรธานี

81

2. วันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ
พระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิด
อาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 7 และอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครปฐม อำเภอเมืองนครปฐม
จังหวดั นครปฐม

82

3. วันท่ี 21 พฤศจิกายน 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ
พระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิด
อาคารท่ีทำการศาลแขวงพระนครศรอี ยุธยา อำเภอพระนครศรอี ยธุ ยา จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยา

83

4. วันท่ี 7 ธันวาคม 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารท่ที ำการศาลฎีกา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

84

๕. วันท่ี 12 มีนาคม 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการ
ศาลจังหวัดพิษณุโลก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ในโอกาสน้ี เจ้าคุณพระสินีนาฏ
พลิ าสกลั ยาณี โดยเสด็จในการนี้ดว้ ย

85

๖. วันที่ 16 มีนาคม 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารท่ีทำการ
ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ในโอกาสน้ี
เจ้าคุณพระสินีนาฏ พลิ าสกลั ยาณี โดยเสด็จในการนด้ี ้วย

86

๗. วันที่ 29 มีนาคม 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการ
ศาลจงั หวัดพจิ ติ ร อำเภอเมืองพิจิตร จงั หวดั พิจิตร

87

๘. วันท่ี 8 เมษายน 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารท่ีทำการ
ศาลจังหวัดสุโขทัย อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ในโอกาสนี้ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี
โดยเสดจ็ ใการนด้ี ว้ ย

88

งานรัฐพธิ ี และพิธตี ่าง ๆ

ประธานศาลฎีกานำผู้พิพากษาประจำศาลเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์
ปฏญิ าณกอ่ นเขา้ รบั หนา้ ที่

เม่ือวันที่ 29 ตุลาคม 2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาส
ให้นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาล (ผู้ช่วยพิพากษารุ่นที่ 70 และรุ่นท่ี
71) จำนวน 216 คน เฝา้ ทูลละอองธลุ ีพระบาทถวายสตั ยป์ ฏญิ าณกอ่ นเข้ารบั หนา้ ที่

89

เม่ือวันท่ี ๒๔ มนี าคม ๒๕๖๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินี เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาส
ให้นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาล (ผู้ช่วยผู้พิพากษา รุ่นท่ี ๗๒) จำนวน
๑๙๘ คน เฝ้าทลู ละอองธลุ พี ระบาทถวายสตั ย์ปฏิญาณกอ่ นเข้ารบั หนา้ ที่

90

ประธานศาลฎีกาในฐานะนายกเนติบัณฑิตยสภา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
กราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงดำรงตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์
แห่งเนตบิ ัณฑติ ยสภา

เมือ่ วนั ที่ 24 มีนาคม 2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั และสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระท่ีน่ังอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาส
ให้นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา ในฐานะนายกเนติบัณฑิตยสภาพร้อมคณะกรรมการ
เนติบัณฑิตยสภา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมุดทะเบียนสมาชิก
เนติบัณฑิตยสภาแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ ี เพื่อทรงลงพระนามาภิไธย พร้อมทูลเกล้า
ทูลกระหม่อมถวายหนังสือสำคัญ ทรงดำรงตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักด์ิแห่งเนติบัณฑิตยสภา
และฉลองพระองคค์ รยุ เนตบิ ัณฑติ

91

ประธานศาลฎีกาเป็นประธานในพิธีวางพานพุ่ม ถวายพระพรชัยมงคล และ
ถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการท่ีดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสวันเฉลิม
พระชนมพรรษา พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั 28 กรกฎาคม 2564

เม่ือวันท่ี 28 กรกฎาคม 2564 นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน
ในพิธีวางพานพุ่ม ถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณเพ่ือเป็นข้าราชการท่ีดี
และพลังของแผ่นดิน เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
28 กรกฎาคม 2564 โดยมผี ูบ้ รหิ ารศาลยตุ ธิ รรมเข้าร่วมพิธี ณ ชนั้ 1 อาคารศาลฎกี า

92

ประธานศาลฎีกา เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่ม และถวายพระพรชัยมงคล
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพนั ปหี ลวง

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2564 นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน
ในพิธีวางพานพุ่มและถวายพระพรชัยมงคล เน่ืองในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จ
พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2564 โดยมี
ผ้บู ริหารศาลยตุ ิธรรมเขา้ ร่วมในพธิ ี ณ โถงกลางช้นั 2 อาคารศาลยตุ ธิ รรม

93

ประธานศาลฎีกาเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เน่ืองในวันพระราชสมภพ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี 2 เมษายน
2564

เมื่อวันท่ี ๑ เมษายน ๒๕๖๔ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ
รัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จออก ณ วังสระปทุม พระราชทานพระราชวโรกาส
ให้นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกาและคณะ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล
เนอ่ื งในโอกาสวันคลา้ ยวนั พระราชสมภพ 2 เมษายน 2564 ณ วังสระปทุม

94

ประธานศาลฎีกาทูลเกล้าถวายแจกันดอกไม้ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติสมเด็จ
พระเจ้าลกู เธอ เจา้ ฟา้ พชั รกติ ยิ าภา นเรนทิราเทพยวดี

เม่ือวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ ประธานศาลฎีกาและคณะร่วมทูลเกล้าถวายแจกัน
ดอกไม้ เนื่องในวันประสตู สิ มเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจา้ ฟา้ พัชรกิตยิ าภา นเรนทริ าเทพยวดี ณ วังศุโขทัย

95

ประธานศาลฎกี าร่วมกิจกรรมเฉลมิ พระเกยี รติเนอ่ื งในวนั คลา้ ยวันพระบรมราชสมภพ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม 2563 นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกาเข้าร่วมกิจกรรม
เฉลิมพระเกียรติในพิธีตักบาตร ถวายพานพุ่มดอกไม้ และพิธีถวายบังคม เนื่องในวันคล้าย
วันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
วนั ชาติ และวนั พ่อแหง่ ชาติ ๕ ธันวาคม 2563 ณ ทอ้ งสนามหลวง

ในช่วงค่ำของวันดังกล่าว ประธานศาลฎีกาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในพิธีจุดเทียนมหามงคล
เพ่ือสดุดพี ระเกียรติคุณและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เน่ืองในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ
๕ ธันวาคม 2563 ณ ท้องสนามหลวง

96

ประธานศาลฎีการ่วมพิธี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรม
ชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

เม่ือวันท่ี 13 ตุลาคม 2563 นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีการ่วมทำบุญ
ตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล เน่ืองในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากน้ัน ประธานศาลฎีการ่วมพิธีวางพวงมาลา
และถวายบังคมหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และในช่วงค่ำของวันดังกล่าว ประธานศาลฎีการ่วมในพิธี
จุดเทียนเพ่ือน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เน่ืองในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรม
ชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ณ ทอ้ งสนามหลวง

97

ประธานศาลฎีกาเป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของ
ศาลยุตธิ รรมและสำนักงานศาลยตุ ิธรรม ประจำปี ๒๕๖๓

เมื่อวันท่ี 15 ตุลาคม 2563 นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกาเป็นประธาน
ในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของศาลยุติธรรมและสํานักงานศาลยุติธรรม ประจําปี 2563
ณ วัดศรีสุดารามวรวิหาร โดยมีคณะข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พนักงานราชการ ลกู จ้าง
หนว่ ยงานในสงั กดั ศาลยุตธิ รรม และประชาชนเข้าร่วมพธิ ี


Click to View FlipBook Version