แบบฝกึ ทกั ษะทางวิชาการ
เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
สำ� นักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั เลย
สำ� นักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย
สำ� นักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
กระทรวงศึกษาธิการ
คำ� น�ำ
เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผเู้ รยี นรายบคุ คล ฉบับน้ี เปน็ เอกสารทจ่ี ัดท�ำขึน้ โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื
ให้ผเู้ รียน ได้ศึกษาเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง ใหเ้ กดิ การพฒั นาทกั ษะทางวชิ าการ และยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในการ
เรยี นรู้ตาม หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 มีรายละเอียดสรุปเนื้อหาตาม
สาระการเรยี นรู้ แบบทดสอบหลงั เรยี นและแบบบนั ทกึ การพฒั นาทกั ษะวชิ าการผเู้ รยี นรายบคุ คล เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นไดป้ ระเมนิ
และพัฒนา ตนเองอย่างตอ่ เนอื่ งให้มพี น้ื ฐานความร้เู พียงพอกับการศึกษาตามระดับ
คณะผู้จัดท�ำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษา ในการศึกษาเรียนรู้ตามหลักสูตร
การศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช2551 และขอขอบคณุ ทกุ ทา่ นทมี่ สี ว่ นรว่ มในการทำ� เอกสาร
เลม่ น้ีใหส้ �ำเร็จ ลลุ ว่ งด้วยดี
ส�ำนกั งาน กศน.จงั หวัดเลย
สารบญั หนา้
ค�ำน�ำ 1
สารบญั 3
คำ� ช้แี จงการใชเ้ อกสารพัฒนาทกั ษะวิชาการผู้เรียนรายบุคคล 5
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ปกี ารศกึ ษา 2563 8
รายวชิ าทักษะการเรยี นรู้ รหสั วิชา ทร31001 11
สรุปเนอ้ื หาส�ำคัญจากบทเรียน 14
แบบทดสอบรายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ ทร31001 17
รายวิชาภาษาไทย รหสั วชิ า พท31001 21
สรุปเนื้อหาสำ� คญั จากบทเรยี น 23
แบบทดสอบรายวชิ าภาษาไทย พท31001 27
รายวิชาภาษาองั กฤษเพื่อชีวิตและสงั คม รหัสวิชา พต31001 29
สรปุ เนอ้ื หาส�ำคัญจากบทเรยี น 31
แบบทดสอบรายวชิ าภาษาอังกฤษเพอื่ ชวี ิตและสงั คม พต31001 33
รายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหสั วิชา พค31001 35
สรุปเนอ้ื หาสำ� คัญจากบทเรียน 37
แบบทดสอบรายวิชาคณติ ศาสตร์ พค31001 40
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า พว31001 42
สรุปเนื้อหาส�ำคัญจากบทเรียน 44
แบบทดสอบรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ พว31001
รายวชิ าช่องทางการขยายอาชพี รหัสวิชา อช31001
สรุปเนอื้ หาส�ำคัญจากบทเรยี น
แบบทดสอบรายวชิ าชอ่ งทางการขยายอาชีพ อช31001
รายวชิ าทักษะการขยายอาชพี รหสั วิชา อช31002
สรุปเน้ือหาส�ำคญั จากบทเรยี น
แบบทดสอบรายวิชาทกั ษะการขยายอาชีพ อช31002
รายวชิ าพัฒนาอาชีพใหม้ ีความม่นั คง รหัสวชิ า อช31003
สรุปเนอ้ื หาสำ� คัญจากบทเรยี น
แบบทดสอบรายวชิ าพฒั นาอาชีพใหม้ คี วามมนั่ คง อช31003
รายวิชาเศรษฐกิจพอเพยี ง รหัสวิชา ทช31001
สรปุ เนอ้ื หาสำ� คญั จากบทเรียน
แบบทดสอบรายวชิ าเศรษฐกจิ พอเพยี ง
สารบญั (ตอ่ ) หนา้
47
รายวชิ าสขุ ศึกษา พลศกึ ษา รหสั วิชา ทช31002 50
สรุปเน้อื หาสำ� คญั จากบทเรยี น 52
แบบทดสอบรายวิชาสุขศกึ ษา พลศึกษา ทช31002 55
รายวชิ าศิลปศกึ ษา รหัสวชิ า ทช31003 57
สรปุ เนอ้ื หาส�ำคัญจากบทเรยี น 60
แบบทดสอบรายวชิ าศลิ ปศกึ ษา ทช31003 62
รายวิชาสงั คมศกึ ษา รหสั วชิ า สค31001 65
สรปุ เนือ้ หาส�ำคญั จากบทเรยี น 67
แบบทดสอบรายวชิ าสงั คมศึกษา สค31001 70
รายวิชาศาสนาและหน้าทพี่ ลเมอื ง รหัสวชิ า สค31002 72
สรปุ เนื้อหาส�ำคัญจากบทเรยี น 75
แบบทดสอบรายวชิ าศาสนาและหนา้ ท่ีพลเมอื ง สค31002 76
รายวชิ าการพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม รหัสวิชา สค31003 77
สรุปเนอื้ หาส�ำคัญจากบทเรียน 78
แบบทดสอบรายวิชาการพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สงั คม สค31003
เฉลยแบบทดสอบ
แบบบนั ทกึ การพฒั นาทักษะวชิ าการผูเ้ รยี นรายบคุ คล ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย
เกณฑก์ ารประเมินผลการพฒั นาทกั ษะวชิ าการผูเ้ รียนรายบุคคล ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย
บรรณานกุ รม
คณะผู้จัดทำ�
คำ� ชีแ้ จงการใช้เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผเู้ รยี นรายบคุ คล
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ปีการศกึ ษา 2563
เอกสารพัฒนาทกั ษะวิชาการผ้เู รียนรายบุคคล ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ปีการศกึ ษา 2563 เลม่ น้ี จดั ทำ� ขึ้น
เพื่อพัฒนาผู้เรียน ให้มีความรู้ความสามารถทางด้านวิชาการในรายวิชาบังคับ ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ
ระดับการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551
ในการศึกษาเอกสารเลม่ นีผ้ ู้เรยี นควรปฏบิ ัติ ดังน้ี
1. ผ้เู รยี นส�ำรวจวิชาทตี่ นเองลงทะเบยี นเรยี นในปีการศกึ ษา 2563
2. ผ้เู รยี นศึกษาเน้ือหารายวิชาท่ตี นเองลงทะเบยี นเรยี น หรอื รายวิชาอ่ืน ๆ ที่ต้องการเรียนรู้
3. หลังจากศกึ ษาในรายวิชานัน้ ๆ แลว้ ผู้เรยี นต้องท�ำแบบทดสอบ แลว้ นำ� มาเฉลยแบบทดสอบ
4. ผู้เรียนบันทึกคะแนนผลการทดสอบรายวิชาในแบบบันทึกการพัฒนาทักษะวิชาการผู้เรียนรายบุคคล
(อยู่ท้ายเล่ม)เพือ่ เป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองตอ่ เน่ือง
5. ใหผ้ ้เู รียนศกึ ษาเพ่ิมเตมิ ในรายวิชาต่างๆ ได้จากแบบเรยี นตามหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษา
ขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น แหลง่ เรียนรู้ และสอื่ ออนไลนอ์ น่ื ๆ
สรปุ เนื้อหารายวชิ าทกั ษะการเรียนรู้ รหสั วิชา ทร31001
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. นกั ศกึ ษาสามารถบอกความหมายและความส�ำคญั ของการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองได้
2. นกั ศกึ ษาสามารถกำ� หนดเปา้ หมายและวางแผนการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง บนทกั ษะของการแสวงหาความรู้ ทกั ษะ
ในการแกป้ ญั หา และเทคนิคการเรยี นรู้ด้วยตนเองได้
3. นกั ศกึ ษามเี จตคตทิ ดี่ ตี อ่ การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองและบอกปจั จยั ทท่ี ำ� ใหส้ ามารถเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองใหป้ ระสบความ
สำ� เร็จได้
ขอบเขตเนื้อหา
การเรยี นรใู้ นสาระทกั ษะการเรยี นรู้ เปน็ สาระเกย่ี วกบั รายวชิ าการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง รายวชิ า การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้
รายวิชาการจดั การความรู้ รายวชิ าการคิดเปน็ และรายวิชาการวิจัยอยา่ งงา่ ย ในส่วนของรายวชิ า การเรยี นรดู้ ้วยตนเอง
เป็นสาระการเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ในด้านการเรียนรู้ด้วยตนเอง เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษา
ค้นคว้า ฝกึ ทกั ษะในการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง เพอ่ื มงุ่ เสรมิ สรา้ งให้ผู้เรียนมนี สิ ัยรักการเรยี นร้ซู ่ึงเปน็ ทกั ษะพ้ืนฐานของบคุ คล
แหง่ การเรยี นรทู้ ย่ี ง่ั ยนื เพอื่ ใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื ในการชนี้ ำ� ตนเองในการเรยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื งตลอดชวี ติ การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง
(Self-Directed Learning) เปน็ แนวทางการเรยี นรหู้ นงึ่ ทส่ี อดคลอ้ งกบั การเปลย่ี นแปลงของสภาพปจั จบุ นั ๆ ไดด้ ว้ ยตนเอง
เพือ่ ท่ตี นเองสามารถดำ� รงชวี ิตอยูใ่ นสงั คมท่ีมกี ารเปลี่ยนแปลงอยตู่ ลอดเวลาได้อยา่ งเป็นปกติสุข
บทที่ 1 การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (Self-Directed Learning) เปน็ แนวทางการเรยี นรหู้ นงึ่ ทสี่ อดคลอ้ งกบั การ เปลยี่ นแปลง
ของสภาพปจั จุบัน
การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง เปน็ หลกั การทางการศกึ ษาทม่ี แี นวคดิ พน้ื ฐานมาจากทฤษฎขี องกลมุ่ มนษุ ยน์ ยิ ม(Human-
ism) ซึ่งเช่ือวา่ มนุษย์ทุกคนมีธรรมชาติเปน็ คนดี มีเสรภี าพและความเปน็ ตนเอง มคี วามเปน็ ปัจเจกชน มีศักยภาพ และ
การรับรู้ตนเอง มีความเปน็ จริงในส่งิ ท่ตี นสามารถเปน็ ได้ มกี ารรบั รู้ มีความรบั ผิดชอบและความเปน็ มนษุ ย์ ดงั นน้ั การที่
ผู้เรยี นสามารถเรยี นรดู้ ้วยตนเองได้นับว่าเป็นคณุ ลกั ษณะท่ีดี ซ่ึงมอี ยใู่ นตัวบุคคลทกุ คน ผู้เรยี นควรจะมคี ุณลกั ษณะของ
การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองจดั เปน็ กระบวนการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ยอมรบั ในศกั ยภาพของผเู้ รยี นวา่ ผเู้ รยี น
ทกุ คนมคี วามสามารถทจี่ ะเรยี นรสู้ ง่ิ ตา่ ง ๆ ไดด้ ว้ ยตนเอง เพอื่ ทตี่ นเองสามารถทดี่ ำ� รงชวี ติ อยใู่ นสงั คมทมี่ กี ารเปลย่ี นแปลง
อยู่ตลอดเวลาไดอ้ ย่างเปน็ ปกติสุข
บทที่ 2 การใชแ้ หล่งเรียนรู้
ความรู้หรือข้อมูลสารสนเทศเกิดขึ้นและพัฒนาอย่างต่อเน่ืองตลอดเวลา และมีการเผยแพร่ถึงกัน โดยใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศภายในไม่ก่ีวินาที ท�ำให้มนุษย์ต้องเรียนรู้กับสิ่งท่ีเปล่ียนแปลงใหม่ๆ เพื่อให้ สามารถรู้เท่าทัน
เหตกุ ารณ์ และน�ำมาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ตอ่ การด�ำรงชีวติ ไดอ้ ย่างมคี วามสขุ
ความหมายของแหลง่ เรียนรู้ แหล่งเรยี นรู้ หมายถงึ บรเิ วณศูนยร์ วม บอ่ เกิด แห่ง หรือท่ี ที่มสี าระเนอื้ หาเป็น
ขอ้ มลู ความรู้ ความสำ� คญั ของแหลง่ เรยี นรู้ แหลง่ เรยี นรู้มีบทบาทสำ� คัญในการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของประชาชน เป็น
แหลง่ ทม่ี ีขอ้ มลู ความรู้ ตามวตั ถปุ ระสงค์ของแหลง่ เรยี นรู้นัน้ เชน่ สวนสัตว์ ใหค้ วามรู้เรอื่ งสตั ว์ พพิ ิธภณั ฑ์ให้วามร้เู รือ่ ง
โบราณวตั ถุสมัยต่าง ๆ และเปน็ สื่อการเรียนรสู้ มัยใหม่ทคี่ วามรู้ก่อใหเ้ กดิ ทักษะ และชว่ ยการเรียนรสู้ ะดวกรวดเร็ว เชน่
อินเทอรเ์ นต็
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพ่อื ยกระดับผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน 1
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
บทท่ี 3 การจัดการความรู้
แนวคดิ เกย่ี วกบั การจดั การความรู้ ความหมายของการจดั การความรู้ การจดั การ (Management) หมายถงึ
กระบวนการในการเขา้ ถงึ ความรู้ และการถา่ ยทอด ความรทู้ ตี่ อ้ งดำ� เนนิ การรว่ มกนั กบั ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน ซง่ึ อาจเรมิ่ ตน้ จากการ
บง่ ชคี้ วามรทู้ ตี่ อ้ งการใชก้ ารสรา้ ง และแสวงหาความรู้ การประมวลเพอ่ื กลน่ั กรองความรู้ การจดั การความรใู้ หเ้ ปน็ ระบบ
การสรา้ งชอ่ งทางเพอ่ื การสอื่ สารกบั ผเู้ กยี่ วขอ้ ง การแลกเปลยี่ นความรู้ การจดั การสมยั ใหมก่ ระบวนการทางปญั ญา เปน็
สง่ิ สำ� คญั ในการคดิ ตดั สนิ ใจ และสง่ ผลใหเ้ กดิ การกระทำ� การจดั การจงึ เนน้ ไปทกี่ ารปฏบิ ตั คิ วามรู้ (Knowledge) หมายถงึ
ความรูท้ คี่ วบค่กู บั การปฏิบตั ิ
การจัดการความรู้เป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติ น�ำผลจากการปฏิบัติมาแลกเปล่ียนเรียนรู้กัน เสริมพลังของ
การแลกเปลย่ี นเรยี นรดู้ ว้ ยการชนื่ ชม ทำ� ใหเ้ ปน็ กระบวนการแหง่ ความสขุ ความภมู ใิ จ และการเคารพเหน็ คณุ คา่ ซงึ่ กนั และกนั
ทกั ษะเหล่านีไ้ ปสู่การสร้างนิสยั คดิ บวก มองโลกในแงด่ ี และสรา้ งวฒั นธรรมในองค์กรทผี่ ้คู นสมั พันธก์ นั ดว้ ยเร่อื งราวดี ๆ
บทที่ 4 คิดเปน็
การคิดเป็น คอื การใชข้ อ้ มลู อย่างนอ้ ย 3 ประการมาประกอบการตดั สินใจ ขอ้ มูลดา้ นวิชาการ ข้อมลู เกย่ี วกับ
ตนเอง ขอ้ มลู เกยี่ วกบั สงั คมและสง่ิ แวดลอ้ ม การทเี่ ปน็ ผรู้ จู้ กั ปญั หา เรอื่ งทกุ ข ์ รจู้ กั สาเหตแุ หง่ ทกุ ข์ ซงึ่ มอี ยใู่ นตนเองและ
สภาพแวดล้อม รู้จักคิดวิเคราะห์หาวิธีบ�ำบัดทุกข์ และใช้วิธีที่เหมาะสมในการดับทุกข์จึงจะเกิดความสุขแนวความคิด
เรื่องคิดเป็นมีองค์ประกอบท่ีส�ำคัญในเชิงปรชั ญา 3 ส่วน กลา่ วคอื เป้าหมายสงู สดุ ของชวี ติ มนษุ ย์ คอื ความสุข มนุษย์
จึงแสวงหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อที่จะมงุ่ ไปสู่ความสุขน้ัน แตเ่ นอ่ื งจากมนษุ ย์มีความแตกตา่ งกันโดยพ้นื ฐานทั้งทางกายภาพ
อารมณ์ สงั คม จติ ใจและสภาวะแวดลอ้ ม ทำ� ใหค้ วามตอ้ งการของคนแตล่ ะคนมคี วามแตกตา่ งกนั การใหค้ ณุ คา่ และความ
หมายของความสขุ ของมนษุ ยจ์ งึ แตกตา่ งกนั การแสวงหาความสขุ ทแี่ ตกตา่ งกนั นน้ั ขนึ้ อยกู่ บั การตดั สนิ ใจของคน แตล่ ะคน
การตัดสินใจนั้นจ�ำเป็นจะต้องใช้ข้อมูลอย่างรอบด้าน ซ่ึงโดยหลักการของการคิดเป็น มนุษย์ควรจะใช้ข้อมูลอย่างน้อย
3 ดา้ น คอื ขอ้ มลู ตนเอง ซงึ่ เปน็ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ตนเอง ทงั้ ทางดา้ นกายภาพ สขุ ภาพอนามยั ความพรอ้ มตา่ ง ๆ ขอ้ มลู สงั คม
ซง่ึ เป็นข้อมลู เกยี่ วกับสภาพแวดลอ้ ม ครอบครวั สงั คม วฒั นธรรม ความเช่อื ประเพณี ค่านิยมตลอดจนกรอบคุณธรรม
จริยธรรม และขอ้ มลู ทางวิชาการ คอื ความรู้ท่ีเกยี่ วข้องกับเรือ่ งทต่ี อ้ งคิด ตดั สินใจนนั้ ๆ ว่ามหี รือไม่เพยี งพอทจ่ี ะน�ำไป
ใช้หรือไม่ การใชข้ อ้ มลู อย่างรอบด้านน้ี จะช่วยใหก้ ารคดิ ตัดสนิ ใจเพือ่ แสวงหาความสุขของมนุษย์เป็นไปอย่างรอบคอบ
เรียกวธิ ีการคิดตดั สนิ ใจนว้ี ่า “คดิ เป็น” และเปน็ ความคิดทม่ี ีพลวตั คอื ปรับเปลี่ยนไดเ้ สมอ เม่อื ขอ้ มลู เปลย่ี นแปลงไป
เปา้ หมายชวี ิตเปลย่ี นไป
บทที่ 5 ความหมาย ความสำ� คญั ของการวิจัย
ความหมาย ความสำ� คญั ของการวจิ ยั เมอื่ ไดย้ นิ คำ� วา่ “การวจิ ยั คนสว่ นใหญจ่ ะรสู้ กึ วา่ เปน็ เรอื่ งทท่ี ำ� ยาก มขี น้ั ตอน
มาก ตอ้ งใชเ้ วลานาน ต้องมีความรใู้ นการสร้างเครอ่ื งมอื การวิจยั และการใช้สถิติต่างๆ ท�ำใหห้ ลายคนไม่อยากทำ� วิจัย
ข้อเทจ็ จรงิ คือ การวจิ ัยมีหลายระดับตง้ั แตร่ ะดบั ยากๆ ซับซอ้ น ท่ตี ้องใชค้ วามรู้ทางวชิ าการดา้ นต่างๆ และใช้เวลาเป็นปี
ในการทำ� วิจยั แต่ละเร่ืองจนถึงการวจิ ัยทงี่ ่าย ดังนั้นการวจิ ยั จึงไมใ่ ชเ่ ร่ืองยาก อยา่ งทีค่ ดิ เสมอไป คำ� ถามคือ การวจิ ัยคอื
อะไร ท�ำไมต้องท�ำวิจัย ท�ำแล้วได้ประโยชน์อย่างไร การวิจัยเป็นการหาค�ำตอบที่อยากรู้ที่สงสัยท่ีเป็นปัญหาข้อข้องใจ
แตค่ ำ� ตอบนัน้ ต้องเชือ่ ถือได้ ไม่ใชก่ ารคาดเดา หรือคิดสรุปไปเองโดยใช้ความรูส้ กึ วิธกี ารหาค�ำตอบจงึ ต้องเปน็ กระบวน
การขน้ั ตอน อยา่ งเปน็ ระบบ ผลทไ่ี ด้จากการทำ� วจิ ยั นอกจากจะได้รับค�ำตอบท่ีตอ้ งการร้แู ล้ว ผูว้ จิ ยั เองก็ไดป้ ระโยชน์
จากการท�ำ วจิ ัย คือ การเปน็ คนชา่ งคิด ช่างสงั เกต ศกึ ษาค้นควา้ หาความรูแ้ ละเขยี นเรยี บเรยี งอย่างเปน็ ระบบ
หมายเหตุ : ให้นักศึกษา ไดศ้ ึกษาเพ่มิ เติมจากหนังสอื แบบเรียนรายวิชาทกั ษะการเรียนรู้ ทร31001
2 แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพื่อยกระดบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
แบบทดสอบรายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ ทร31001
จงเลอื กค�ำตอบท่ีถกู ตอ้ งท่ีสุดเพียงค�ำตอบเดียว
1. การเรยี นรู้ดว้ ยตนเองมคี วามสาํ คัญต่อนักศึกษาอย่างไร
ก. ประหยัดเวลาในการเรยี นรู้ 6. การเรียนรู้แบบใด ที่นักศึกษาสามารถนําไปใช้ให้เกิด
ข. ไม่ตอ้ งมีครกู ส็ ามารถเรียนรูไ้ ด้ ประโยชน์ได้มากที่สุด
ค. ไม่ตอ้ งเสยี คา่ ใชจ้ ่ายในการเรยี น ก. การเรยี นรโู้ ดยกลมุ่
ง. ชว่ ยใหผ้ ู้เรียนพฒั นาและเพิ่มศกั ยภาพ ข. การเรียนรูด้ ว้ ยตวั เอง
2. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ความหมายของการเรียนรู้ด้วยตนเอง ค. การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง
ก. ผู้เรยี นริเรม่ิ เรียนรตู้ ามความต้องการ ง. การเรียนรจู้ ากสถาบันการศกึ ษา
ข. กระบวนการเรียนรูท้ ่ีผู้เรยี นรเิ ริม่ เรียนรู้ 7. การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองเพอื่ ใหก้ ารเรยี นรบู้ รรลจุ ดุ มงุ่ หมาย
ค. เป็นการประเมินผลการเรียนโดยครเู ทา่ น้ัน ควรมเี ทคนคิ ในขอ้ ใด
ง. ผู้เรยี นจดั การแสวงหาแหล่งทรพั ยากรของ ก. อรุณา เป็นคนมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์
การเรยี นรู้ ข. อมุ ารนิ ทร์ มุง่ ม่นั เรียนรู้จากสถาบนั ทางไกล
3. ข้อความต่อไปนี้สอดคลอ้ งกบั ข้อใด “การทบทวนความ การเรียนรู้
สําเร็จในอดีตจะสรา้ งเสรมิ ความภูมิใจ กาํ ลงั ใจ เจตคตทิ ีด่ ี ค. อุมาพร สบื ค้นข้อมลู ด้วยตนเอง อยา่ งต่อเนอ่ื ง
เกิดความเชื่อมัน่ และนบั ถอื ตนเอง” ง. อรณุ ี เลอื กคบเพอ่ื นทเ่ี รยี นเก่ง
ก. เปา้ หมายของชวี ิต 8. ขอ้ ใดไม่ใชอ่ งคป์ ระกอบของการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง
ข. เวลาของชวี ติ ก. การใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตอย่างเดียวในการเรยี นรู้
ค. รู้เขา รเู้ รา ข. การแสวงหาแหลง่ วทิ ยากร
ง. คุณค่าของตน ค. การกําหนดจดุ มุ่งหมายในการเรียน
4. ลกั ษณะของบุคคลท่ีเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ขอ้ ใดถกู ต้อง ง. การวเิ คราะห์ความตอ้ งการของกลุ่มผู้เรียน
ก. รัตน์ ชอบลอกการบา้ นเพ่อื นเป็นประจํา 9. กสุ มุ า เปน็ ผบู้ กพรอ่ งทางการไดย้ นิ แตอ่ ยากเรยี นรเู้ รอ่ื ง
ข. พมิ พ์ ทำ� นำ�้ กลว้ ยหอมปั่นตามทค่ี รแู นะนาํ การนวด ควรเลอื กวธิ กี ารเรยี นรใู้ นขอ้ ใดเหมาะสมทสี่ ุด
ค. นิสา สองน้องใหร้ จู้ กั วธิ ีสบื คน้ ขอ้ มลู ก. ฝึกนวดด้วยตนเอง
ง. น�ำ้ ผง้ึ ศึกษาข้อมลู เพื่อวางแผนการท่องเทย่ี ว ข. อ่านจากตาํ ราการนวด จากอินเทอร์เน็ต
5. ทา่ นควรเรมิ่ ตน้ แกไ้ ขปญั หาอยา่ งไร หากคนในครอบครวั ค. ดคู ลปิ การนวดจากยทู ูป
ตดิ ยาเสพตดิ ง. นวดกับหมอนวดและฝึกนวด ทางอินเทอร์เนต็
ก. หาสาเหตุของปัญหาวา่ เกิดจากอะไรผเู้ รียน 10. การที่ผู้เรียนจะประสบความสําเร็จในการเรียนได้นั้น
ข. หาทางสืบใหร้ ูว้ ่าซอื้ ยาเสพตดิ จากทีใ่ ด ข้อใดมคี วามสาํ คญั เป็นลําดบั แรก
ข. เพื่อนในหอ้ งเรียน ก. ความรับผิดชอบในการเรยี นรู้ดว้ ยตนเองของ
ค. ฐานะทางการเงนิ ผเู้ รยี น
ง. การประเมินผล ข. เพื่อนในห้องเรยี น
ค. ฐานะทางการเงิน
ง. การประเมินผล
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพ่ือยกระดบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน 3
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
11. ข้อใดไม่ใช่วิธีการประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง 16. Mind Map คอื ขอ้ ใด
อยา่ งเหมาะสม ก. การทาํ แผนการสอน
ก. คดิ หาวธิ กี ารดําเนินงานตามโครงการทีว่ างไว ้ ข. การทาํ แผนทีบ่ ้าน
ข. การตัดสนิ ใจด้วยตนเองวา่ เปน็ ไปตามจดุ มุ่งหมาย ค. การทาํ แผนผงั ความคดิ
หรอื ไม่ ง. การทาํ แผนการดําเนินงาน
ค. การสังเกตการปฏิบัตขิ องตนเองว่า เป็นไปตาม 17. ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ จั จยั ดา้ นความพรอ้ มของการเรยี นรดู้ ว้ ยตน
เป้าหมายหรือไม่ เองที่นําไปใชใ้ นการแกป้ ัญหา
ง. การตอบสนองความพึงพอใจ มกี ารพฒั นา ก. การมีความรบั ผดิ ชอบต่อการเรียนรขู้ องตน
ปรบั ปรุงการปฏิบตั ิงานของตนเอง ข. การมีความคดิ สรา้ งสรรค์ เรยี นรู้เรอ่ื งคนอ่ืนเสมอ
12. ข้อใดเป็นการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากแหล่ง ค. การมีความรบั ผดิ ชอบในหน้าทที่ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย
เรียนรู้ในทอ้ งถน่ิ ง. การเปิดโอกาสในการเรียนรู้ มีทักษะในการแก้ไข
ก. ออ๋ ย ไปหอ้ งคอมพิวเตอร์เพอ่ื สืบคน้ ข้อมลู ปัญหา
ข. แอม๋ ไปอา่ นหนงั สอื คมู่ อื ฟสิ กิ สท์ ศี่ นู ยว์ ทิ ยาศาสตร์ 18. ถา้ เพ่ือนของท่านทะเลาะกนั และทา่ นเป็นความกลาง
ค. อ้มุ ไปค้นควา้ สรรพคณุ ของยาสามญั ประจํา ท่านจะแก้ไขปัญหานีอ้ ยา่ งไร
บ้านท่สี ถานศกึ ษา ก. เข้าไปห้ามแล้วแยกเพอ่ื นออกจากกนั
ง. อ๋อม เรยี นทาํ ปุ๋ยหมักกับกล่มุ เกษตรกรในหม่บู า้ น ข. รบี บอกผปู้ กครองของเพอ่ื นให้มาหา้ ม
13. ข้อใดเป็นวิธีการฝึกฝนตนเองให้เป็นนักพูดที่มี ค. ระมัดระวงั ตัวไม่เขา้ ไปใกลอ้ าจถกู ทาํ รา้ ยได ้
ประสทิ ธิภาพ ง. ฟงั ความทงั้ สอง ผ่ายและใชเ้ หตุผลในการแกไ้ ข
ก. เตรยี มเน้ือหาทีจ่ ะพูดไวล้ ่วงหนา้ 19. สมพร มีความสนใจการทําปุ๋ยอินทรีย์และทดลอง
ข. พูดใหเ้ ร็วเพ่อื ไม่ใหเ้ ป็นการเสียเวลา ปฏิบัติจรงิ จนประสบผลสําเร็จเกิดจากปจั จัยตามขอ้ ใด
ค. ทกั ทายกับผฟู้ ังเสมอื นเป็นญาตสิ นิท ก. สรา้ งบรรยากาศส่ิงแวดล้อมทส่ี ะดวกสวยงาม
ง. ใช้ภาษาองั กฤษสอดแทรกในการพดู ทกุ คร้งั ข. มคี วามเขา้ ใจตนเอง ใฝ่รใู้ ฝศ่ กึ ษาหาความรู้ตอ่
14. ข้อใดเปน็ หลักการในการพูดแสดงความคิดเห็น ค. มีแหล่งเรยี นรู้ทีพ่ ร้อมและสะดวกสาํ หรับการ
ก. พูดตรงไปตรงมา ง. มีบรรยากาศแวดลอ้ มท่เี ออื้ อํานวยต่อการเรียนรู้
ข. พูดอยา่ งมเี หตผุ ล 20. นักศึกษาสามารถผลิตแท่นอัดก้อนเพาะเห็ดนางฟ้า
ค. พดู ดว้ ยน้�ำเสยี งออ่ นหวาน และเห็ดนางรมได้เป็นลักษณะความพร้อมในการเรียนรู้
ง. พูดดว้ ยถอ้ ยคาํ สภุ าพ นุ่มนวล ดว้ ยตนเองตามองคป์ ระกอบขอ้ ใด
15. “ปลานลิ ปลาทบั ทมิ ปลาตะเพียน ปลาดุก ปลาช่อน ก.รักการเรียนร ู้
ปลานำ�้ จดื ” จากข้อมูลดังกล่าวขอ้ ใดเป็นคาํ สาํ คญั หรือ ข. มีอัตมโนทศั น์
คำ� หลกั ค. มีความรับผิดชอบ
ก. ปลาดุก ง. มคี วามคดิ สรา้ งสรรค ์
ข. ปลานิล
ค. ปลาน�ำ้ จดื
ง. ปลาตะเพยี น
4 แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพือ่ ยกระดับผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
สรุปเนอื้ หารายวชิ าภาษาไทย รหัสวชิ า พท31001
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. นกั ศกึ ษาบอกความสำ� คญั และบอกคณุ คา่ ของสอื่ ในการฟงั การดแู ละการพดู ในการเรยี นและในชวี ติ ประจำ� วนั
ได้
2. นักศึกษาสามารถวิจารณค์ วามสมเหตุสมผล การลำ� ดบั ความและความเปน็ ไปไดข้ องเร่ืองทฟ่ี ัง การดแู ละ
การพดู ได้
3. นักศกึ ษาสามารถน�ำเสนอความรู้ ความคิดเห็นท่ไี ดจ้ ากการฟงั การดูและการพูดได้
4. นักศกึ ษาบอกศลิ ปะการพูดที่เป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการได้อยา่ งเหมาะสมกบั โอกาสและบุคคล
5. นักศกึ ษาสามารถวเิ คราะห์ ประเมนิ ค่าการใช้ภาษาพดู จากสอื่ ต่าง ๆ ได้
6. นักศกึ ษาบอกวิธีปฏิบตั ติ นเป็นผู้มีมารยาทในการฟัง การดูและการพดู ในโอกาสตา่ ง ๆ ได้อยา่ งถูกตอ้ งและ
สามารถนำ� ไปใช้ในการเรียนและในชีวิตประจ�ำวนั ได้
ขอบเขตเนอ้ื หา
ภาษาไทยเปน ภาษาทบี่ ง บอกถงึ เอกลกั ษณค วามเปน็ ไทยมาชา นาน ตงั้ แตโ บราณจนถงึ ปจ จบุ นั ภาษาไทยเปน ภาษา
ทส่ี ภุ าพ ไพเราะ ออ นหวาน และสงิ่ ทส่ี าํ คญั คอื เปน ภาษาทใ่ี ชใ นการสอื่ สารของมนษุ ยใ นชวี ติ ประจาํ วนั หากมกี ารพดู ภาษาไทย
ใหถกู ตอ งเหมาะสมตามกาลเทศะแลว จะแสดงถึงกิริยามารยาท ทเี่ รียบรอย นอบนอ ม มสี มั มาคารวะ จะทําใหค นอ่ืน
มีความรักใครในตัวเรานอกจากนี้ ภาษาไทยยังสามารถนํามาดัดแปลงแตงเปนคํากลอน แตงเปนเพลงไดอยางไพเราะ
เพราะพรง้ิ ฉะนนั้ เพอื่ ใหผ เู รยี นเกดิ ทกั ษะอยา งถกู ตอ งและเหมาะสมในการสอื่ สารกบั ผอู นื่ อยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ รจู กั แสวงหา
ความรแู ละประสบการณ รกั การอา น การเขยี น การพดู การบนั ทกึ ความรแู ละขอ มลู ขา วสารทไ่ี ดร บั เกดิ ความภาคภมู ใิ จ
ในความเปนเจา ของภาษา และเห็นคุณคาของบรรพบรุ ษุ ที่ไดสรา งสรรคผ ลงานไวผ เู รยี นควรทีจ่ ะรซู ้ึงถึงคุณคา ตลอดจน
รักและหวงแหนภาษาไทยเพอ่ื ใหคงอยูคกู ับคนไทยตลอดไป
บทท่ี 1 การฟงั การดู
สรปุ มารยาทในการฟงั และดไู ด้ ดังน้ี
1. ฟังและดูดว้ ยความตั้งใจ ตามองดผู ู้พดู ไม่แสดงออกด้วยอาการใด ๆ ทบ่ี อกถึงความไม่สนใจ
2. ไม่ทำ� ความรำ� คาญแก่ผอู้ น่ื ท่ีฟังและดูด้วย
3. ไม่แสดงกรยิ าไม่เหมาะสมใด ๆ เชน่ โห ฮา ฯลฯ
4. ถา้ จะแสดงความคดิ เหน็ หรอื ถามปญั หาขอ้ ขอ้ งใจ ควรจะขออนญุ าตกอ่ นหรอื เมอ่ื ทป่ี ระชมุ เปดิ โอกาสใหถ้ าม
และแสดงความคิดเห็น
5. ไม่ควรเดินเขาหรือเดินออกขณะท่ีผู้พูดก�ำลังพูดหรือก�ำลังแสดงหากจ�ำเป็นจริง ๆ ควรจะท�ำความเคารพ
ประธานก่อน
บทท่ี 2 การพดู
ผู้มีมารยาทดีในการพูด
ผู้พูดเป็นผู้ที่ถ่ายทอดความรูสึกความคิดเห็น ขอเท็จจริง ตลอดจนทัศนคติของตนไปสู่ผู้ฟง โดยสื่อทางภาษา
เสียง อากปั กิริยา และบคุ ลิกภาพ ใหป้ ระสิทธิภาพท่สี ดุ ผูพ้ ดู จะตอ งมีมารยาทและคณุ ธรรมในการพดู และผพู ูดเองต้อง
แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพือ่ ยกระดบั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน 5
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
มีการเตรียมตัว มีความรู และประสบการณในเรื่องที่จะพูดอย่างดีเรื่องและสาระท่ีพูดต้องมีประโยชนตอผู้ฟังควรเป็น
เรื่องทันสมัย เน้อื หาชัดเจน ผพู้ ดู ตองขยายความคิดและยกตวั อยา่ งใหช้ ัดเจน
บทที่ 3 การอ่าน
มารยาททวั่ ๆ ไปในการอา่ น มีดังน้ี
1. ไมค่ วรอ่านเรื่องที่เปน็ ส่วนตัวของบุคคลอ่ืน เชน จดหมาย สมุดบันทึก
2. ในขณะท่ีมผี ูอ้ า่ นหนงั สอื ไมควรชะโงกไปอา นขา งหลงั ใหเปนที่ร�ำคาญและไมค่ วรแย่งอ่าน
3. ไมอ า นออกเสียงดังในขณะทีผ่ อู ่นื ตอ งการความสงบ
4. ไมแ กลงอา นเพ่ือลอเลียนบคุ คลอ่ืน
5. ไมควรถือวิสาสะหยบิ หนงั สอื อื่นมาอานโดยไมไดร ับอนญุ าต
6. ไมอานหนังสอื เม่ืออยูในวงสนทนาหรือมีการประชุม
7. เมอ่ื อา นหนงั สอื ในหอ งสมดุ หรอื สถานทซี่ ง่ึ จดั ไวใ หอ า นหนงั สอื โดยเฉพาะ ไมส ง เสยี งดงั ควรปฏบิ ตั ติ ามระเบยี บ
กฎเกณฑของสถานทเี่ หลา น้ันอยางเครง ครดั
บทที่ 4 การเขยี น
หลกั การเขยี น การเขยี น คอื การแสดงความรู ความคดิ อารมณค วามรสู กึ และความตอ งการของผสู้ ง่ สารออกมา
เปน ลายลกั ษณอ กั ษรเพอื่ ใหผ รู บั สารอา นเขา ใจไดร บั ความรู ความคดิ อารมณ ความรสู กึ และความตอ้ งการตา ง ๆ เหลา นน้ั
การเขียนเปนพฤติกรรมของการสงสารของมนุษย ซึ่งมีความสําคัญไมยิ่งหยอนไปกวาการสงสารดวยการพูดและ
การอาน เพราะการเขียนเปนลายลักษณอักษรหรือตัวหนังสือจะคงทนถาวรและกวางขวางกวาการพูดและการอาน
การทีเ่ ราไดทราบความรคู วามคดิ และวทิ ยาการตา ง ๆ ของบคุ คลในยคุ กอน ๆ ก็เพราะมนุษยรูจักการเขยี น
บทที่ 5 หลกั การใชภ าษา
ความหมายของภาษา ภาษา เปนคําท่เี รายนื มาจากภาษาสนั สกฤต ถา แปลตามความหมายของคําศพั ทภ าษา
แปลวา ถอยคาํ หรอื คําพูดท่ีใชพูดจากัน ค�ำวา ภาษาตามรากศัพทเ ดิมจงึ มคี วามหมายแคบคอื หมายถึง คําพดู แตเ พียง
อยา งเดยี ว
ขอ้ สังเกตและจดจำ� ในการเขียนภาษาไทย
1. หลักการประวิสรรชนียใ์ นภาษาไทย - คำ� ทข่ี ึน้ ตน้ ดว้ ยกระ/กะ ในภาษาไทยให้ประวิสรรชนยี ์ เชน่ กระเชา้
กระเซ้า กระแส กระโปรง กระทรวง กระทะ กระพรบิ กะปิ เป็นตน้
2. ค�ำท่ีเป็นคำ� ประสมท่คี ำ� หน้าก่อนเปน็ เสียงอะ ใหป้ ระวสิ รรชนีย์ - เช่น ตาวัน เป็น ตะวนั , ฉนั นนั้ เปน็ ฉะนัน้ ,
ฉันนี้ เปน็ ฉะนี,้ หมากมว่ ง เป็น มะม่วง, สาวใภ้ เปน็ สะใภ,้ วับวบั เป็น วะวับ, เร่ือยเรอ่ื ย เปน็ ระเร่ือย เปน็ ตน้
3. ค�ำที่ยืมมาจากภาษาบาลี สนั สกฤต ตัวท้ายท่ีออกเสียง อะ ต้องประวิสรรชนยี ์
- เชน่ ศลิ ปะ มรณะ สาธารณะ วาระ เปน็ ตน้
4. คำ� ทพ่ี ยัญชนะตน้ ออกเสียงอะ แต่ไมใ่ ชอ่ ักษรนำ� ต้องประวสิ รรชณยี ์
- เชน่ ขะมุกขะมอม ขะมักเขมน้ ทะเล่อทะล่า เปน็ ต้น
บทท่ี 6 ภาษาไทยกบั ชอ่ งทางการประกอบอาชีพ
ภาษาไทยเปน ภาษาทบ่ี ง บอกถงึ เอกลกั ษณค วามเปน็ ไทยมาชา นาน ตงั้ แตโ บราณจนถงึ ปจ จบุ นั ภาษาไทยเปน ภา
ษาท่ีสุภาพ ไพเราะ ออนหวาน และส่งิ ท่ีสาํ คัญคือ เปนภาษาท่ีใชใ นการสื่อสารของมนุษยใ นชวี ิตประจาํ วนั หากมกี ารพูด
ภาษาไทยใหถ กู ตอ งเหมาะสมตามกาลเทศะแลว จะแสดงถงึ กริ ยิ ามารยาททเ่ี รยี บรอ ย นอบนอ ม มสี มั มาคารวะ จะทาํ ใหค นอน่ื
มีความรักใครในตัวเรานอกจากน้ี ภาษาไทยยังสามารถนํามาดัดแปลงแตงเปนคํากลอน แตงเปนเพลงไดอยางไพเราะ
6 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพ่ือยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
เพราะพร้ิง ฉะนั้น เพ่ือใหผูเรียนเกิดทักษะอยางถูกตองและเหมาะสมในการส่ือสารกับผูอ่ืนอยางมีประสิทธิภาพ รูจัก
แสวงหาความรูแ ละประสบการณ รักการอา น การเขยี น การพดู การบนั ทกึ ความรูแ ละขอมลู ขา วสารทไี่ ดร บั เกดิ ความ
ภาคภมู ใิ จในความเปน เจา ของภาษา และเหน็ คณุ คา ของบรรพบรุ ษุ ทไ่ี ดส รา งสรรคผ ลงานไวผ เู รยี นควรทจี่ ะรซู งึ้ ถงึ คณุ คา
ตลอดจนรักและหวงแหนภาษาไทยเพอื่ ใหค งอยูคกู บั คนไทยตลอดไป
ภาษาไทยกบั ชอ งทางการประกอบอาชพี
ภาษาเปน เครอื่ งมอื ในการสอ่ื สารระหวางผสู ง สาร (ผูพ ูด ผเู ขียน) กับผรู ับสาร (ผฟู ง ดู ผอู า น) ทมี่ นษุ ยใชใน
การดําเนินชวี ติ ประจาํ วัน โดยเรม่ิ ต้งั แตวัยเด็กท่ีเรมิ่ หัดพดู เพ่อื ส่ือสารกบั พอ แม พ่ีนอง บุคคลใกลเคยี ง ตอ มาเมอื่ อยใู น
วยั เรยี น เรม่ิ เขา สรู ะบบโรงเรยี นตง้ั แตอ นบุ าล ระดบั ประถมศกึ ษา ระดบั มธั ยมศกึ ษา ผเู รยี นในวยั นเี้ รมิ่ ใชภ าษาทม่ี รี ะบบ
ระเบยี บ มีหลกั เกณฑก ารใชภาษาทส่ี ลับซับซอ น ยากงายตามระดับ
หมายเหตุ : ให้นักศกึ ษา ไดศ้ กึ ษาเพิ่มเตมิ จากหนังสือแบบเรยี นรายวิชาภาษาไทย พท31001
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน 7
ภาคเรียนท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
แบบทดสอบรายวชิ าภาษาไทย พท31001
จงเลอื กคำ� ตอบท่ีถกู ตอ้ งท่ีสดุ เพียงคำ� ตอบเดียว ธรรมดาปุถุชนคนของโลก
มีสขุ โศกเกดิ ดับดับสงั ขาร
ข้อ 1.ขอ้ ความในข้อใดทีท่ ำ� ใหผ้ ู้ฟงั ปฏิบตั ิตามได้ทนั ที จะหาคนผดุ ผอ่ งก่องตระการ
ก. หา้ มเดินลดั สนาม เฉกบัวบานใสพิสุทธ์ิหยดุ เสียที
ข. อย่าไปเดินลดั สนาม
ค. อยา่ ห้ามเดนิ ลัดสนาม
ง. ห้ามไม่ให้เดนิ ลดั สนาม
ข้อ 2. การโฆษณาสินค้าในข้อใดจูงใจให้ผู้ซื้อตัดสินใจซ้ือ ข้อ 4. โฆษณาในข้อใดมีความน่าเช่ือถอื น้อยทีส่ ุด
มากทสี่ ุด ก. คอลลาเจนแคป คอลลาเจนจากปลาทะเลน�้ำ
ก. รถกระบะคใู่ จ ซิงเกลิ แคป บรรทกุ หนัก ลึกช่วยลดอาการปวดข้อปวดเขา่ และชะลอร้ิวรอย
ข. รถยกรถขุดทรงพลัง กรา้ วแกรง่ ทุกพ้ืนที่ แหง่ วยั เพยี งวนั ละ 2 แคปซลู ต่อวนั รับประทาน
ทนทาน ไม่มีวันตาย ตลอดอายุการใชง้ าน ตอ่ เนื่องตามค�ำแนะนำ� ข้างกลอ่ ง
ค. เจลบ�ำรงุ ผิวสูตรเข้มขน้ กลิน่ หอมกรุ่นคืน ข. ยธู ครีม ครมี บ�ำรุงผวิ หน้า หนา้ กระจา่ งใสลดฝ้า
ความชุ่มชนื้ แก่ผวิ หนงั ลบเลอื นริ้วรอยอยา่ ง ลดกระ ลดริ้วรอยเห่ียวยน่ ผลติ จากดนิ ใต้ทะเลลกึ
ถาวร ค. ซุปเปอรค์ รอป เอสเซ็นสห์ ยดสีทองเพยี ง 1 หยดลด
ง. โรงเรยี นอนุบาลนำ� สมัย ดูแลบุตรหลานของ . เลอื นริว้ รอยได้ภายใน 1 สัปดาห์
ท่านให้มสี ุขภาพดี ปัญญาเลศิ สอบเขา้ ได้ทกุ ง. วอส์ซ ผงซกั ฟองพลงั ซกั ซปุ เปอร์ซักผา้ ได้ขาว
สถาบัน หมดจดแมค้ ราบเลอื ด
ขอ้ 3. การโฆษณาในขอ้ ใดมีความน่าเช่ือถอื ท่ีสดุ แพทย์สมาคมอเมริกันและระหว่างประเทศ
ก. คอลลาเจนแคป คอลลาเจนจากปลาทะเล ได้น�ำเสนองานวิจัยเร่ืองฟัน เปิดเผยว่าคน
น้ำ� ลึกช่วยลดอาการปวดขอ้ ปวดเขา่ และชะลอ ทว่ั ไปมกั ไมส่ นใจเมอ่ื ฟนั หกั หรอื หลดุ ทง้ั ๆ ท่ี
รวิ้ รอยแห่งวัยเพียงวนั ละ 2 แคปซลู ต่อวนั การรักษาสุขภาพปากและฟันมีความส�ำคัญ
รบั ประทานตอ่ เนือ่ งตามคำ� แนะน�ำข้างกลอ่ ง กับสุขภาพในระยะยาว การสูญเสียฟันอาจ
ข. ยูธครมี ครีมบำ� รงุ ผิวหน้า หน้ากระจา่ งใส ท�ำให้ปัญญาเสื่อมและสมองเสื่อมในผู้ใหญ่
ลดฝ้า ลดกระ ลดรวิ้ รอยเห่ียวยน่ ผลิตจากดนิ ได้รายงานวิจัยได้ค้นพบว่า ผู้ใดที่ปล่อยให้
ใตท้ ะเลลึก สูญเสยี ฟันไปไมน่ อ้ ยกวา่ 1 ใน 4 จะเสีย่ งกบั
ค. ซปุ เปอรค์ รอป เอสเซน็ ส์หยดสที องเพยี ง 1 อาการสมองเส่อื มสงู กวา่ คนอนื่
หยดลดเลอื นริ้วรอยได้ภายใน 1 สปั ดาห์
ง. วอส์ซ ผงซักฟองพลงั ซกั ซุปเปอร์ซักผ้าไดข้ าว
หมดจดแมค้ ราบเลือด ขอ้ 5.จากขอ้ ความข้างต้น ข้อใดสรปุ ความไดต้ รงทีส่ ดุ
ก. ผลกระทบของสุขภาพปากและฟัน
ข. การรักษาสุขภาพฟัน
ค. สมองเสือ่ มในผ้ใู หญ่
ง. การักษาสุขภาพปาก
8 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพอ่ื ยกระดบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
ข้อ 6. ข้อใดไม่สอดคลอ้ งกับคำ� ประพันธข์ ้างต้น ข้อ 10. ข้อใดเป็นการแสดงขอ้ คิดเห็น
ก. ไมม่ ีใครสมบรู ณแ์ บบ ก. โครงสร้างของฟนั ประกอบด้วยเคลือบฟัน
ข. ทกุ คนต้องเวียนวา่ ยตายเกดิ เน้ือฟนั และโพรงประสาทฟนั
ค. คนเราไม่ควรลุ่มหลงอย่ใู นกิเลส ข. คนเรามสี ีฟนั ไม่เหมอื นกันข้นึ อยกู่ ับโครงสรา้ ง
ง. ในโลกไม่มคี นบรสิ ุทธ์ไิ รม้ ลทิน ฟัน พันธกุ รรมและปจั จยั อน่ื ๆ
ขอ้ 7.”ขออยา่ ยอมแพ้ อยา่ ออ่ นแอแมจ้ ะแพพ้ า่ ย จงลกุ ขน้ึ ค. การมฟี ันขาวถอื เป็นการสร้างบุคลกิ ภาพทดี่ ี
สไู้ ป จดุ หมายไมไ่ กลเกนิ รอ” ใจความสำ� คญั ของขอ้ ความน้ี อย่างหนงึ่ เพราะจะชว่ ยเสริมความมั่นใจได้
ตรงกบั ข้อใด ง. คนท่ีมอี ายนุ อ้ ยเคลือบฟันจะหนา ฟนั จงึ ดูขาว
ก. จงลุกขน้ึ สู้ เมือ่ อายมุ ากขน้ึ เคลอื บฟันบางลง ฟนั จงึ มีสเี หลือง
ข. อย่ายอมแพ้ มากขึน้
ค. อยา่ ออ่ นแอ ขอ้ 11.ข้อใดมขี ้อคิดเหน็ และขอ้ เทจ็ จริง
ง. ส้ไู ปส่จู ดุ หมาย ก. รฐั มนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แก้ปัญหาการจด
สทิ ธิบัตร “สารสกัดจากัญชา” โดยตั้งคณะกรรมการ
ตรวจสอบการรับคำ� ขออย่างละเอยี ด
นา่ นวนั นมี้ ใิ ชจ่ งั หวดั ทใ่ี ครๆ จะผา่ นเลยไดอ้ กี ข. สมคิด ยอมรับผลกระทบสงครามการคา้ แรงกวา่ ที่
ต่อไปแม้หนทางจะไกลแต่ส่ิงที่รออยู่ ณ จุด
หมายปลายทางคือความประทับใจอันแสน คาด แต่เชือ่ มั่นประเทศไทยและตลาดหนุ้ จะผา่ นพ้น
พายรุ อบนี้ได้
หลากหลาย ท่ีพร้อมมอบให้ทุกคนภายใต้ ค. เรามกั เชอ่ื ม่ันวา่ คนเราเกิดมาบา้ งร�่ำรวย บา้ งยากจน
นิยาม “น่าน..... ความงามแห่งขุนเขาเมือง
เก่าที่มีชีวิต” เมืองแสนน่ารักที่จะต้องย้อน เปน็ เพราะ “กรรม” ในอดีตชาติท่ที ำ� มาไมเ่ ท่ากนั
ง. ปนี ี้ผลการประกอบการของกลุ่มซพี ีเอฟมีก�ำไรกวา่
กลับไปครงั้ แล้วครัง้ เลา่ หมืน่ สามพนั ล้านบาท เพ่ิมข้นี จากปีท่ีแลว้ 7%
ข้อ 8.ขอ้ ใดเปน็ ใจความส�ำคัญของขอ้ ความข้างตน้ ข้อ 12. ขอ้ ใดเปน็ การแสดงข้อคดิ เหน็
ก. นา่ นเป็นเมืองทีห่ ลากหลายคนเคยผ่านเลยไป ก. มขี ้อมลู วา่ ทกุ วนั น้ีมนษุ ยล์ ะเลยการดแู ล
ข. นา่ นเปน็ เมอื งไกลในขุนเขาทีง่ ดงาม ธรรมชาตริ อบตัว
ค. น่านเป็นเมอื งที่มคี ุณตาน่าไปเยือน ข. สาเหตหุ ลายประการทีท่ ำ� ให้โลกร้อนขี้น ๆ
ง. นา่ นเปน็ เมอื งท่ีมีชีวิตชวี า คือการเผาป่า เผาขยะ
ข้อ 9. ข้อใดเปน็ ขอ้ คดิ เหน็ ค. มกี ารใชถ้ ุงพลาสตกิ ทย่ี ่อยสลายยากมาก
ก. แสงแดดมีท้งั ความร้อนและแสงสว่าง เกนิ ไปรวมถึงการทำ� ลายปา่ ไมด้ ้วย
ข. ดวงอาทติ ยข์ ้ึนจากทางตะวนั ออก ตกทาง ง. จากการศกึ ษาขอ้ มูลทางวทิ ยาศาสตร์ใน
ทิศตะวันตก ปจั จบุ ันพบว่า สงิ่ ทท่ี ำ� ใหม้ นษุ ยเ์ ราสามารถมี
ค. สงั เกตว่าคนจะอ้วนจะผอมขน้ึ อยู่กบั การกนิ อายุยนื ยาวมี 4 ปัจจยั คอื กรรมพนั ธ์ุ
เป็นสว่ นใหญ่ สงิ่ แวดลอ้ ม โภชนาการและการออกกำ� ลงั กาย
ง. ถึงเวลาแล้วทท่ี กุ คนต้องร่วมมือกันดูแล ข้อ 13. เร่ืองทีฟ่ งั ในข้อใดมีสาระสำ� คญั เชอื่ ถอื ได้
ธรรมชาติเพอื่ ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ก. ฟงั ประวตั บิ ุคคล
ข. ฟังการนำ� เสนอผลงาน
ค. ฟังสาระส�ำคัญของการอภปิ ราย
ง. ฟังประกาศจากหนว่ ยงานราชการ
แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพื่อยกระดับผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น 9
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
ขอ้ 14. ข้อใดมกี ารใชเ้ หตผุ ล ข้อ 18. ขอ้ ใดมีเน้อื หาแสดงความคิดเหน็
ก. กล่มุ อุตสาหกรรมกระตนุ้ ทุนการผลิตสงู แตใ่ ช้ ก. อันเหล่าศัตรูหม่รู า้ ย จงแพ้พา่ ยอยา่ รอตอ่ ตดิ
เทคโนโลยีสมัยใหม่ระดบั ต่�ำ ข. ชะรอยเป็นบพุ เพนิวาสา เทวาอารกั ษม์ าชกั ให้
ข. นกั เล่นหนุ้ ติดตามขา่ วท่เี กดิ จากความผนั ผวน ค. กูก็ไม่คร่นั ครา้ มขามใคร จะหักให้เป็นภัสมธ์ ุลีผง
ของคา่ เงนิ และราคาทองทกุ วัน ง. เจา้ จงยกพลขันธ์ไปบรรจบ สมทบทพั อเิ หนาใหจ้ งได้
ค. การปลูกพชื ที่ไมเ่ หมาะสมกับพืน้ ท่ีเกิดจาก ข้อ 19. ความคิดเห็นของสื่อในข้อใดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน
เกษตรกรไทยขาดความรู้ใหม่ๆ ข้อมลู ตวั เลข
ง. นกั วิชาการศึกษาวิเคราะหเ์ ก่ียวกบั การพัฒนา ก. ถงึ เวลาหรอื ยงั ที่ประเทศไทยจะต้องมีกฎหมาย
เศรษฐกจิ หลงั จากทีไ่ ทยเขา้ สปู่ ระชาคม ควบคุมการชกมวย หา้ มเด็กชกมวยอย่างเดด็ ขาด
อาเซยี น ข. ตา่ งชาติส้ินสงสัย เรื่องการยืดโรดแมปคนื
ขอ้ 15.หน่อยตดั สินใจเลิกใช้ถงุ พลาสตกิ หลังจากฟัง ประชาธิปไตย ผิดกบั เวทีในประเทศท่ีต้องเร่งเคลียร์
รายการวิทยุ เร่ือง วิธีลดภาวะโลกร้อน หน่อยปฏิบัติตน สรา้ งความกระจา่ งเรอื่ งการเลอื กตง้ั
ตามขอ้ ใด ค. ค�ำกล่าวว่า “คุกมีไวข้ ังคนจน” ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งที่พูดกนั
ก. การพิจารณาเหตผุ ลจากส่ิงทฟี่ งั เล่น ๆ แตเ่ ป็นความจรงิ ในสงั คมไทยทม่ี ีผูต้ ้องหา
ข. การประเมนิ คา่ ส่งิ ทไ่ี ด้จากการฟงั และจ�ำเลย ประมาณ 63,000 คน ที่ถูกคุมขังเพราะ
ค. การปฏิบัตติ ามข้อมลู ทไี่ ด้จากการฟัง ไม่มเี งนิ ประกนั ตวั
ง. การน�ำแนวทางจากส่งิ ทฟ่ี งั ไปประยกุ ต์ใช้ ง. ต้องถอื เปน็ “โศกนาฏกรรมแหง่ ความยากจน”
ข้อ 16. ขอ้ ใดเป็นจุดประสงคข์ องผู้พดู ในข้อความข้างต้น โดยแท้ กรณนี ักมวยเด็กอายุ 13 ปี ถกู คตู่ อ่ ส้ ู
ก. ใหค้ วามรู้เรือ่ งการอนรุ ักษ์ดิน น็อค ลม้ หวั กระแทกพ้นื อยา่ งแรงจนหมดสติ
ข. ชี้แจงเรือ่ งการใช้พืน้ ทเี่ กษตรกรรม ถูกน�ำสง่ โรงพยาบาลและเสียชีวติ ในเวลาต่อมา
ค. แนะนำ� เรื่องการป้องกันภัยธรรมชาติ ข้อ 20. ขอ้ ความใดเปน็ ภาษาทางการ
ง. วิจารณ์เรอื่ งความสูญเสยี ของเกษตรกร 1) ห้องคนไขไ้ ม่ใชส่ ถานทีท่ จี่ ะอ้อยอิ่งอยูน่ าน ๆ
ขอ้ 17. ขอ้ ใดเปน็ การพูดแสดงความคิดเหน็ ในเชิงบวก 2) การเยยี่ มคนไขเ้ พยี งสบิ หรอื สบิ หา้ นาทนี บั วา่ เหมาะสม
ก. เส้อื สวยกเ็ หมาะกับคนสวย ๆ ถ้าม่ันใจจะซือ้ ไปกไ็ ด้ 3) และพอมแี ขกคนใหมม่ าเย่ยี มผูอ้ ยกู่ อ่ นควรขอ
แตไ่ ม่รบั คนื ตัวลาทันที
ข. ไมไ่ ด้เจอกนั นาน เธอดูสมบรู ณข์ ึ้นและสวยภมู ิฐาน 4) เพราะทที่ างในห้องไม่กว้างขวางผมู้ าเยีย่ มไมน่ า่ จะ
ค. บ้านหลังใหม่ของเธอถึงจะเปน็ บา้ นสองช้นั แต่ อยูก่ ันเป็นกลุ่ม
กแ็ คบ ก. 1)
ง. รองเทา้ สวยและเก๋มาก แต่ไมเ่ หมาะกับวัย ข. 2)
อย่างเราๆ นัก ค. 3)
ง. 4)
10 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพอื่ ยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
สรุปเนอื้ รายวชิ าภาษาองั กฤษเพอ่ื ชวี ติ และสังคม รหสั วิชา พต31001
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
นกั ศกึ ษา มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคตเิ กยี่ วกบั ภาษาทา่ ทาง การฟงั พดู อา่ น เขยี น ภาษาตา่ งประเทศ
ดว้ ยประโยคทซี่ ับซอ้ นมากขึน้ ในชวี ติ ประจำ� วนั และงานอาชพี ของตน ถูกตอ้ งตามหลกั ภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะ
ของเจา้ ของภาษา
ขอบเขตเนื้อหา
การออกเสยี งเชอ่ื มโยง (Linking Sound) วิธกี ารอา่ นออกเสยี งเช่อื มโยงระหวา่ งค�ำในภาษาองั กฤษทถี่ ูกต้อง
ตามกฎเกณฑข์ องภาษาองั กฤษ การออกเสยี งตามระดบั เสยี งสงู -ตำ�่ (Intonation) วธิ กี ารออกเสยี งของประโยคลกั ษณะ
ต่าง ๆ ซ่ึงจะต้องออกเสยี งสูง-ต�ำ่ ใหถ้ กู ตอ้ งเพอ่ื ให้สื่อความหมายทผี่ ู้พดู ต้องการ ประโยคประเภทเดียวกนั ถ้าออกเสียง
สงู -ตำ�่ ตา่ งกนั จะใหค้ วามรสู้ กึ ทตี่ า่ งกนั รวมไปถงึ การตคี วามหมายจากนำ้� เสยี งของผอู้ นื่ วา่ มคี วามรสู้ กึ ดใี จ เสยี ใจ พงึ พอใจ
ไม่พงึ พอใจซาบซึง้ ผิดหวัง ปรารถนาดี ชน่ื ชมหรือเหน็ ใจ และการใช้น้ำ� เสียงแสดงความรสู้ ึกของตัวเองในโอกาสต่างๆ
บทที่ 1 Everyday English
การจะพูดภาษาใดนั้นต้องเร่ิมต้นด้วยการออกเสียงให้ถูกต้องก่อนแล้วจึงหัดพูดเป็นประโยค เราเรียนภาษา
อังกฤษมาเป็นเวลานานแต่ไม่ได้เรียนเพื่อการพดู
ภาษาองั กฤษเป็นภาษาในลักษณะ ภาษา intonation ซึง่ หมายถึงการใชเ้ สียงสูงต�ำ่ ขนึ้ อยู่กบั ประโยคทใี่ ช้ ต่าง
กับภาษาไทยทใ่ี ชว้ รรณยุกต์เปน็ ตัวก�ำกับของเสียงสูงต�ำ่ ประโยคในรูปแบบตา่ งกนั จะใชเ้ สยี งสูงตำ่� แตกต่างกนั ตัวอยา่ ง
เช่น When do you want to be paid? (คณุ ตอ้ งการชำ� ระเงนิ เมือ่ ไร)
บทท่ี 2 Should You Do ?
การใชพ้ จนานกุ รมในการอา่ นภาษาองั กฤษ สว่ นมากเรอื่ งทนี่ กั ศกึ ษาอา่ นมกั จะมคี ำ� ทนี่ กั ศกึ ษาไมเ่ คยรจู้ กั มากอ่ น
ปะปนอยดู่ ว้ ย ตามปรกตนิ กั ศกึ ษาไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งเขา้ ใจคำ� ทกุ ๆ คำ� ในยอ่ หนา้ ใดยอ่ หนา้ หนง่ึ เพอ่ื ทจี่ ะเขา้ ใจสงิ่ ทผี่ เู้ ขยี นเขยี น
ในยอ่ หนา้ นน้ั อยา่ งไรกต็ าม คำ� บางค�ำท่สี �ำคัญมาก หากไม่ทราบความหมายของค�ำนัน้ วธิ หี นงึ่ ทจี่ ะหาความหมายของค�ำ
ทเ่ี ขา้ ใจก็คือ ดูในพจนานุกรม เราเหน็ วา่ นกั ศกึ ษาจำ� เปน็ ต้องรวู้ ธิ ีใชพ้ จนานุกรมอย่างมีประสิทธภิ าพ
บทท่ี 3 Hello Could You Tell Me ?
การรู้จักประโยคต่างๆท่ีใช้ในการสนทนาโต้ตอบหรือติดต่อส่ือสารทางโทรศัพท์เป็นทักษะเบ้ืองต้นท่ีส�ำคัญ
สำ� หรบั การน�ำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชพี และการด�ำเนินชวี ติ ประจ�ำวัน ตวั อย่างประโยคท่ีใช้ในการสนทนาใน
สถานการณ์ต่างๆสิ่งท่ีส�ำคัญในการพูดโทรศัพท์คือการใช้ค�ำและน�้ำเสียงที่สุภาพเรียบร้อย ควรใช้ค�ำต่อไปนี้ในประโยค
ดว้ ย ไมว่ ่าจะเปน็ 'Could you' และ 'Please' และอย่าลมื จบการสนทนาดว้ ยคำ� ว่า 'Thank you' และ 'Goodbye'!
บทที่ 4 Culture Differences
การใช้ภาษาในการส่ือสารสามารถสื่อความได้โดยตรงชัดเจนมากกวา่ การส่อื สารโดยภาษากาย อย่างไรกต็ าม
การพูดจะต้องเป็นไปโดยถูกต้องตามมารยาททางสังคมและวัฒนธรรมเมื่อสื่อสารโดยใช้ภาษาอังกฤษจึงต้องใช้ภาษาใน
การสอื่ สารได้เหมาะสมตามมารยาททางสงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาดว้ ยเชน่ กนั
บทท่ี 5 News & News Headline
ในการเขียนข่าว การพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ จะมีวิธีการเขียนแกรมม่าแบบแปลกๆ Headline
พาดหวั ขา่ ว คอื ขอ้ ความสำ� คญั ทบี่ ง่ ชถ้ี งึ ขา่ วเรอ่ื งนนั้ ๆและทำ� หนา้ ทเ่ี รยี กรอ้ งความสนใจจากผพู้ บเหน็ จงึ ใชส้ ำ� นวนภาษา
ประโยคหรือวลที ส่ี น้ั กะทัดรัด ได้ใจความ น่าสนใจ
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพอื่ ยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น 11
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
บทที่ 6 Self-Sufficiency Economy
เศรษฐกจิ พอเพียง คอื ปรชั ญาทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชด�ำรสั ชแ้ี นะแนวทาง
การด�ำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทย เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวการด�ำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่
ระดบั ครอบครวั ระดบั ชมุ ชนจนถงึ ระดบั รฐั ทงั้ ในการพฒั นาและบรหิ ารประเทศใหด้ ำ� เนนิ ไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะ
การพฒั นาเศรษฐกิจเพื่อใหก้ า้ วทนั ต่อโลกปัจจบุ นั
บทที่ 7 Have You Exercise Today ?
ผูเรียนอานเนื้อหาการดูแลสุขภาพจาก Web site แลวตอบแบบสอบถามวามีความเขาใจ เกี่ยวกับเรื่องที่อน
เพียงใด
Modal Verb คือ กรยิ าช่วยซงึ่ น�ำมาใช้ร่วมกับคำ� กรยิ าหลักและตอ้ งค�ำนงึ ถงึ สถานการณด์ ้วย เพราะคำ� กรยิ า
เหลา่ น้จี ะมคี วามหมายตามแต่สถานการณท์ ่ใี ช้ หรือเป็น Auxiliary Verb นัน่ เอง (เพยี งบางตวั ไม่ทง้ั หมด) ไปใช้รว่ มกบั
กรยิ าตวั อนื่ เพอื่ ใหเ้ ปน็ วลกี รยิ า (Verb Phrase) ขน้ึ มา กรยิ าชว่ ยนจ้ี ะตามหลงั ดว้ ยกรยิ า (กรยิ าชอ่ ง 1) เสมอ ไดแ้ ก่ Can,
Could, Will, Would, Shall, Should, May,Might , Must, Ought to, had better etc.
บทที่ 8 Shall We Save Energy ?
พลงั งานเปน สงิ่ ทม่ี คี ณุ คา และมปี ระโยชนอ ยา งอเนกอนนั ตต อ ชวี ติ มนษุ ยบ นโลกน้ี แตม นษุ ยต อ งเรยี นรวู ธิ ใี ชพ ลงั
งานอยา งรคู ณุ คา ดว ย เนอ่ื งจากพลงั งานมวี นั ทจ่ี ะหมดไปหากไมร จู กั วธิ ใี ช นอกจากนน้ั ปญ หาเรอ่ื งพลงั งานยงั เปน ประเดน็
สําคญั ระดับโลกการเรียนรู ถอ ยคาํ สํานวน และการใชภาษาองั กฤษเกยี่ วกบั การอนรุ ักษพ ลงั งานเปนส่ิงจําเปน
บทท่ี 9What Have I Done ?
บทสนทนาเกี่ยวกับการไปตดั เสื้อ, การอา่ นออกเสยี ง ค�ำศพั ท์ วลี สำ� นวนท่ีเกี่ยวข้องกับการตดั เสื้อโครงสร้าง
have something done ใชเ้ มอ่ื ไมไ่ ด้ทำ� กริยาเอง แตใ่ ห้คนอืน่ ทำ�
บทท่ี 10 What is Your E-mail Address ?
E-mail มาจากคำ� วา่ Electronic Mail เรียกเปน็ ภาษาไทยวา่ ไปรษณยี อ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ ปจั จบุ ันนไ้ี ดร้ ับความ
นยิ มอย่างมาก เน่ืองจากรวดเรว็ ประหยดั ไมต่ ้องเสยี ค่าใช้จา่ ย สามารถตดิ ตอ่ ได้ทว่ั โลก และสามารถส่งถงึ หลายคนใน
เวลาเดยี วกนั ได้
บทท่ี 11 Natural Disaster ?
ภัยธรรมชาติ คือ ภัยอันตรายตางๆที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและมีผลกระทบตอชีวิตความเปนอยูของมนุษย์
Compound Sentence (ประโยคความรวม) คอื ประโยคเดย่ี ว 2 ประโยคขน้ึ ไป รวมกนั เปน ประโยคเดยี วกนั Complex
Sentence (ประโยคใจความซอ น) คอื ประโยค Simple Sentence มา รวมกัน โดยใชค าํ เชอ่ื มทีไ่ มใชก ลมุ คําของ and,
but, or, soเชน when, while, until, as soon as, ...
บทที่ 12 Let’s Travel ?
ปจั จบุ นั นก้ี ารถามหาและการบอกทศิ ทางเพอ่ื การเดนิ ทางมคี วามจาํ เปน ตอ ชวี ติ ประจาํ วนั มากขน้ึ โดยเฉพาะผทู มี่ ี
อาชพี เกยี่ วขอ งกบั การทอ งเทย่ี ว ผเู รยี นตอ งเรยี นรเู ขา ใจใน การนาํ คาํ ศพั ทส าํ นวนภาษาองั กฤษทเ่ี กยี่ วขอ งกบั การสอบถาม
และการบอกทิศทางเพ่ือการเดินทางไปใชใ นชวี ิตประจาํ วนั ใหมีทักษะ
บทที่ 13 Will It Rain Tomorrow ?
ดนิ ฟา อากาศเปน ธรรมชาตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ ในชวี ติ ประจาํ วนั ทท่ี กุ คนตอ งเรยี นรู คาํ ศพั ท สาํ นวนภาษาองั กฤษทเี่ กยี่ วกบั
การพยากรณอ ากาศ (Weather Forecast)การสอบถามขอ มลู เกย่ี วกบั ดนิ ฟา อากาศ(Asking and Giving Information)
ท้ังในและตางประเทศ
12 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพือ่ ยกระดับผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
ประโยคทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับการพยากรณอ์ ากาศและส�ำนวนอื่นๆ เกยี่ วกับดินฟา้ อากาศ
- Seems like it is going to rain. ,Sunny out. ,Warm today. ฯ
บทท่ี 14 Global Warming ?
ภาวะโลกรอ้ น หมายถงึ การเปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศทเี่ กดิ จากการกระทำ� ของมนษุ ย์ ทที่ ำ� ใหอ้ ณุ หภมู เิ ฉลยี่ ของโลก
เพิ่มสูงขน้ึ เราจึงเรยี กวา่ ภาวะโลกร้อน (Global Warming) กจิ กรรมของมนุษย์ท่ีท�ำให้เกดิ ภาวะโลกร้อน คอื กิจกรรม
ทท่ี ำ� ใหป้ รมิ าณกา๊ ซเรอื นกระจกในบรรยากาศเพมิ่ มากขนึ้ ไดแ้ ก่ การเพมิ่ ปรมิ าณกา๊ ซเรอื นกระจกโดยตรง เชน่ การเผาไหม้
เชอื้ เพลงิ และ การเพมิ่ ปรมิ าณกา๊ ซเรอื นกระจกโดยทางออ้ ม คอื การตดั ไมท้ ำ� ลายปา่ Word studies (คำ� ศพั ทท คี่ วรทราบ)
global warming = ภาวะโลกรอน, phenomena = ปรากฎการณธรรมชาต,ิ deforestation = การทําลายปา ฯ
บทท่ี 15 Urgently Wanted ?
การอานโฆษณาตําแหนงงานวางจากหนังสือพิมพท่ีเปนภาษาอังกฤษใหรูและเขาใจไดดีน้ัน ผูเรียนจําเปนตอง
เรยี นรแู ละเขาใจ คําศพั ทสํานวนภาษาองั กฤษท่ใี ช้ในโฆษณารบั สมัครงาน
(Job Advertisement)กระชับ ส่ือความตอ้ งการ มีรายระเอยี ดต่างๆให้ผู้สนใจรับทราบ
การเขียนประวัติส่วนตัว หรือ Resume คือการเขียนคุณสมบัติของตัวเองเพื่อให้ผู้ว่าจ้างอ่านและเกิดความ
ประทบั ใจ พงึ พอใจ
บทท่ี 16 ภาษาองั กฤษสําหรบั พนกั งานนวดแผนไทย
การใหบ รกิ ารนวดแผนไทยแกช าวตา งประเทศ ถอื เปน การเผยแพรภ มู ปิ ญ ญาไทย ในการใหบ รกิ ารนวดแผนไทย
แกช าวตา งชาตนิ นั้ เราสามารถนาํ ประโยคสนทนาภาษาองั กฤษมาใชก บั ผรู บั บรกิ ารชาวตา งชาตไิ ดโ ดยการกลา วทกั ทาย
กนั การเช้อื เชญิ ลูกคาและการใหขอ มูลตา งๆ เกยี่ วกับการนวดแผนไทย
ดตู ัวอยา งตอไปน้ี
Good morning, would you like a massage, sir? (กดู มอรน ่งิ วดู ยู ไลคฺเอ มะซาจเฺ ซอร) สวัสดี(ตอนเชา)
คะ คณุ ตอ งการรบั บรกิ ารนวดไหมคะการใหข อ มลู ตา งๆ เกย่ี วกบั การนวดแผนไทย แกล กู คา เปน สงิ่ จาํ เปน เพราะการนวด
แผน ไทยเปน การนาํ เอาภมู ปิ ญ ญาของไทยไปเผยแพรแ กช าวโลก พนกั งานนวดแผนไทยสามารถ สรา งรายไดแ กต นเองได
บทท่ี 17 ภาษาอังกฤษสำ� หรบั พนักงานขาย
ในชวี ติ ประจำ� วนั กจิ กรรมการซอื้ ขายมมี ากมายมาวา จะเปน การซอื้ ขายสนิ คา เครอ่ื ง อปุ โภค บรโิ ภค การซอ้ื ของ
ทรี่ ะลกึ การซอื้ ตว๋ั โดยสารประเภทตา งๆ ผเู รยี นจำ� เปน ตอ งเรยี นรู ศพั ทส ำ� นวน ทเี่ หมาะสมและแตกตา งกนั ไป ซงึ่ ประกอบ
ดว ยการถามราคาของสินคา ขนาด ระยะทาง ระยะเวลา ทางเลือก รวมทงั้ การตอ รองราคา การบอกผลการตัดสนิ ใจ ซง่ึ
กจิ กรรมการ ซอื้ ขายอาจเกดิ ขนึ้ แบบเปน ทางการ และไมเ ปน ทางการ ตอ งเลอื กใชภ าษาใหถ กู ตอ ง บรรลุ วตั ถปุ ระสงค์ ใน
การซ้ือขาย ผซู อ้ื ตอ งรูจ กั ใชสํานวนภาษาเพอ่ื ถามขอมูล และผขู ายตองใชสาํ นวนภาษาเพ่ือการใหข อมูลไดถกู ตอง แสดง
ความพรอมในการอํานวยความสะดวกแกลูกคาในแตละสถานการณ์ เช่นตัวอยางบทสนทนาในการทักทายและไตถาม
ความตอ งการ รวมทั้งการอํานวยความ สะดวกแกล ูกคาอยา งสภุ าพ โดยใชค าํ ทักทายใหเ หมาะสมกับชวงเวลา
พนกั งานขาย : Good morning. Can I help you?
ลกู คา : I want to buy some souvenirs.
พนักงานขาย : Please come and look around
หมายเหตุ : ใหน้ กั ศกึ ษา ไดศ้ กึ ษาเพมิ่ เตมิ จากหนงั สอื แบบเรยี นรายวชิ าภาษาองั กฤษเพอื่ ชวี ติ และสงั คม พต31001
แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพือ่ ยกระดบั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น 13
ภาคเรียนท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
แบบทดสอบวชิ าภาษาองั กฤษเพื่อชีวติ และสงั คม รหสั วิชา พต31001
Directions : Choose the best answer for each question.
Complete the dialogue. (Items 1-2) Complete the dialogue. (Items 4)
Helping a tourist
James wants to borrow his dad’s car. Tourist: Could you please tell me how to
James: Dad, can I use your car? get to Suvarnabhumi International Airport?
Dad: _____(1)_____ You: _______(4)________
James: I want to go up to the mountain with Tourist: Thank you very much.
my friends.
Dad: When will you come back?
James: _____(2)_____
Dad: O.K. Here’s the key. Have fun. 4. 1) I think transportation in Bangkok is quite
terrible.
2) Don’t worry. The airport opens 24 hours
1. 1) Why do you need it? a day.
2) Which one do you want? 3) Sure. It is the busiest airport in the world.
3) How do you get there? 4) Take the A1 bus to the airport. It’s about
4) What time are you leaving? 20 minutes from here.
2. 1) I have to go now. Complete the dialogue. (Items 5)
2) I’ll be home before dinner.
3) I will pick you up.
4) I’m coming back alone. At the fitness centre.
Trainer: Hello, Mam. I’m Tim, a trainer here.
Complete the dialogue. (Items 3) How can I help you?
In the office Patty: I have gained a lot of weight and lost
Pamela: Hi, Jess. I heard you went to America my _______(5)_____. I feel terrible.
last month. How was your trip? Jessica: Trainer: If you join our programme, you will be
______(3)_________ I spent nearly 7 hours at informed about complete workout and diet
the airport due to technical problems at the plans.
terminal. Pamela: Oh, poor you! 5. 1) belief
3. 1) Terrible! 2) power
2) Terrific! 3) confidence
3) Awesome! 4) importance
4) Fantastic!
14 แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพอื่ ยกระดับผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
Complete the dialogue. (Items 6 - 7) 10. Who follows the suggestions CORRECTLY?
At the shoes shop 1) Tom drinks 6 – 8 glasses of water a day.
Shop assistant: ______(6)______ 2) Jack runs in the sun around noon every day.
Sombat: Yes, Do you have these shoes in size 8? 3) Lisa wears a thick jacket and gloves before
Shop assistant: ______(7)______ going out.
Sombat: I’d like the black pair on the top shelf. 4) Sarah works in the field for many hours
6. 1) Hi! What’s up? without taking a rest.
2) Hello. How have you been? 11. According to the suggestions, you should
3) Good morning. May I help you? _______________ to avoid heatstroke.
4) Good morning. How do you do? 1) drink less water
7. 1) Would you like the black ones? 2) try to work indoors more
2) What color would you like? 3) wear a dark-coloured shirt
3) Do you like the black one? 4) stay away from trees and shade
4) What would you like? 12.
8. Choose the correct answer that has the same
meaning as the underlined word.
He takes an English course in order to study
abroad.
1) at home Based on the pie chart, which sentence is TRUE?
2) in other schools 1) The chart tells types of gases people need.
3) in a foreign country 2) Carbon dioxide makes up 78% of all gases.
4) in different areas 3) The air contains more nitrogen than oxygen.
9. Choose the correct answer that has the same 4) There are three types of gases in the
meaning as the underlined word. atmosphere.
13. What does the sign mean?
John has already fixed the car.
1) Placed
2) Moved
3) Washed
4) Repaired 1) Be careful! Children cross the road here.
Read the suggestions and answer the ques- 2) Speed up! Children cross the road here.
tions. (Items 10 - 11) 3) Keep off! Children walk along the path.
4) Drive on! Children cross the road here.
Heatstroke Prevention 14. What does this sign mean?
* Drink lots of water.
* Wear light-coloured clothes and 1) The way out.
a wide-brimmed hat. 2) You can go in.
* Take more rest in the shade to cool down. 3) Emergency way.
* Avoid hard work outdoors during the day time. 4) You cannot go in.
แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพื่อยกระดบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน 15
ภาคเรียนท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
Read the following piece of news and choose 18. Which one does NOT belong to the group?
the best answer. (Item 15 - 19) 1) an unpleasant smell
Trat - An unusual plant gave off a stink in a village 2) a rotted smell
In Trat when it bloomed. The unpleasant 3) an awful odor
smell was similar to rotting meat. The plant, 4) a bloom
which was unknown to villagers, was found in 19. What does “it” ( line 6 ) refer to?
the garden of a house belonging to Srinual Sai- 1) a multicolored flower
oy in Trat’s Mueang district. 2) a bad smell
A report said the multicolored flower had 3) a plant
died, but its very bad smell stayed and it was 4) a fly
attracting flies. 20.
The plant has a bud and is expected to
develop into a flower soon. Secretary
Mrs. Srinual said she smelled an awful odor Female, knowledge computers, typing
around her home on Saturday night. When she
saw the plant, its flower was in full bloom. 1 – 2 years experience in secretary
work Khun Apinrat – Tel. 02 – 5367 – 4554
15. What is the best headline for this piece of Sirla Group, 16th fl. Mahathun Plaza
news? Ploenchich Rd., Bangkok 10330
1) A stink strange plant in Trat.
2) Awful odor in Mueang district. What vacancy is offered for?
3) Multicolored flower in full bloom. 1) a teacher
4) Unknown tree at a villager’s house. 2) a secretary
16. What does the writer compare the smell of 3) a typewriter
flower to? 4) an office clerk
1) an unpleasant villager
2) a developed bud
3) attractive flies
4) rotting meat
17. Which is true about this plant?
1) Its flower has many colors.
2) People enjoy its smell.
3) Villagers know it well.
4) It blooms all days.
16 แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพือ่ ยกระดับผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
17
สรปุ เน้ือหารรายาวยชิ วาชิคณาคิตณศาติสตศรา์ สรหตัสรว์ ิชราหพสั คว31ชิ 0า01พค31001
จ แจเจ ซลร ุดดุ ติงะปปไกดรแราะ้ละรสะใส321งหก.ง..ค213้เานคมนห..์ก.นรกัคีน์กกัาตมใักศวรศหกัผุาีคศกเาึ ึกศลร้เวรึกมษหษกึเาียษรราอตมษนาู้สยีาัตุคผสราราสนู้รวาสลู้มคาามาราามวสอมมาู้ราา่วัรตเถารขมนถรอรถ้าเถแาธขอใตแสบสจิ ้าธรสด่เวาใิบกีโยจดนงกา่ยีคคเงณยกวคตววค่ียกาามวรวมวบัมาีโิตากกหมจสิมับณมส�ำแมั หนมัาจลพมมยวพาะนัิตแานนกนั ธิยลแวาแธข์แะรนลข์ลอหลนะแอะงาะ�ำกลงจกผหไจาะำ�ลปาารานกรลผใดนชวานพัลำ�วรน้ าธลเน ดนตทไ์ ัพกตปาา่ินเี่ าธกเา่งในกร์ทงดิๆชาใิน่ีจเ้ชๆรกใกาเ้นกดิกคเใาลารนจกรรระขาราอ่ื ใบกยเระงชลบกกบบม้เขวากจคบือยกรำ��ำแรจกบ ลน่ือลา กกวังนวะงทกาานมกวรลมี่นจือาลังกีเรรจแบทลอางิรลกขี่มไรองิ ะดาชลีเไกรลกด้กี้บคแข้าำ�กณบู ชรลาบอ้ีกังรแเผอาคปลลลกูณะน็ ังติแกจเภบแปา�ำรณัลบ็นนหะผวจฑากนลาร์ านิตจสตรำ�วรถภหนรนิตัณากวติเรบนฑยจรจอ้ืะ์รารสงกนเงิตซถยวไน้ิตตดนะ้ิ
แ ขเขบลอออื้ะบบงคเตเขวข้นาตตแมจเนลเน�ำจนะนอื้า่าค้ือจหวนวะนหาวาเแานปมลแน็นะลา่ กจะากะรเาดปร�ำน็ดเนาเินนกนิ ากรารจ�ำจนาวนนวจนรจิงริงสสมมบบัตัติขขิอองจงจ�ำนานววนนจจรริงเิงกเกี่ยี่ยววกกับบั กกาารรบบววกกแแลละะกกาารรคคูณณู สสมมบบัตัติกิกาารรเเทท่า่ากกันัน
แจเแป�ำลลน็นะะจวกกนาาานรรตไไวรเมมลนรเเ่เ่ขลกตททยขยรา่า่ กระยกกกกกันันแย�ำกลละคคาะงั่า่าลแจทสสงัลำ�ม่ีัมัมทะนเีบบม่ีจลวูรรูาีเขนลณณนชจขว์ีก้์รชนงิ�ำก้ีทจลารังี่อลงิเยปทงั ู่ใน็เ่ีอนปจยรน็ำ�ใูู่ปนนจกราวรปูนนณกวตฑรนรณ์รตกฑรยร์ ะก ย กะารกบาวรกบ ว กการกลาบร ล กบารคกูณาร ค กูณารหกาารร ห จาำ�รนวจนาทนวม่ี นเี ลทข่มี ชีเ้กีลำ�ขลชงั้กี เาปลน็ ัง
เซเตซตกากราดรำ� ดเานเนิ กนิ ากราขรอขงอเงซเตซตแผแนผภนาภพาพเวเนวน์-นอ์-อยอเยลเอลรอ์แรล์แะลกะการาแรแกก้ป้ปัญญั หหาา
กากราใรหใ้เหห้เตหุผตลุผลกากราใรหใเ้หหเ้ ตหุผตลผุ แลบแบอบปุอนุปัยนแัยลแะลนะรินนิรยันยั กากราอรา้องา้ เงหเหตผุตลุผล
อตัอรัตารสาว่สน่วตนรตโี กรีโณกมณติ มแิ ติ ลิแะลกะากรนารำ� ไนปาใไชป้ อใชตั ้รอาัตสวร่ านสต่วรนโี กตณรีโมกติณิ อมตัิตริ าอสัตว่ รนาสต่วรนโี กตณรีโมกติ ณขิ มอิตงมิขมุอง3ม0ุมองศา 453อ0งอศงาศาแล4ะ5
6อ0งศอางศแลาะกา6ร0นอำ� งอศัตารากสา่วรนตาอรโีัตกรณาสม่วติ นไิ ตปรใชโี ก้ในณกมาติ ริไแปกใ้ปช้ใญั นหกาเรกแ่ียกวป้ กัญบั หกาเรกหี่ยาวรกะับยกะาทราหงาแรละะยคะวทาามงสแงู ละความสงู
กากราใรชใ้เชค้เรคื่อรงื่อมงือมแือลแะลกะากราอรอกอแกบแบผบลผิตลภิตัณภัณฑ์ฑก์ ากราสรรส้ารง้ารงูปรูปททาางเงรเรขขาาคคณณิติตโดโดยยใใชช้เ้เคครร่ือ่ืองงมมือือแแลละะกกาารออกแบบ
ผลติ ภณั ฑ์
สถสติถเิตบิเอื้บงื้อตงน้ ตก้นารกวาเิ รควริเาคะรหาข์ะอ้หม์ขลู ้อเมบูลอ้ื เงบตื้อนงกตา้นรหกาครา่หกาลคา่างกขลอางงขขอ้ อมงลู ขโ้อดมยูลใชโค้ดา่ยเใฉชล้คย่ี ่าเเลฉขลค่ียณเลติ ขมคธั ณยิตฐานแมลัธะยฐฐาานนนแยิลมะ
แฐลานะนกายิ รมนแ�ำเลสะนกอาขรนอ้ มาเูลสนอขอ้ มูล
ควคาวมานม่านจ่าะจเะปเน็ปน็ กฎกเฎกเณกณฑ์เฑบ์เ้ือบง้ือตง้นตเ้นกเยี่กวยี่ กวับกกบั ากรานรับนับควคาวมานมนา่ จ่าะจเะปเปน็ น็ขขอองเงหเหตตุกกุาราณรณ์ ์
บทที่ 1 จำ�านวนและการดา�ำเนนิ การ
1. จานวนนับหรือจานวนธรรมชาติ (Natural Number) เป็นจานวนแรกท่ีมนุษย์รู้จัก และใช้ประโยชน์
ประกอบด้วยตัวเลข 1, 2, 3, … เม่อื ให้ N แทนเซตของจานวนนับ ดังนน้ั N = 1, 2, 3, …
2. จานวนเต็ม (Integer) เป็นจานวนท่ีประกอบด้วยจานวน 3 ลักษณะ คือ จานวนเต็มบวก ท่ี
ประกอบด้วยตัวเลข 1, 2, 3, … จานวนเต็ม ที่ประกอบด้วยตัวเลข 0 เพียงตัวเดียว และจานวนเต็ม ที่
ประกอบดว้ ยตัวเลข -1, -2, -3, …
3. จานวนตรรกยะ (Rational Numbers) เปน็ จานวนทเ่ี ขียนได้ 3 ลักษณะคือ
เศษส่วน เชน่ 1 , 3 หรอื 7 ทศนยิ มไม่ร้จู บซา้ เช่น 0.2000…= 0.2 หรือ 1.6666…= 1.6·
24 9
4. จานวนอตรรกยะ ( Irrational number ) คอื จานวนทไี่ มส่ ามารถเขียนในรูปเศษส่วนของจานวนเตม็ ที่
ตวั ส่วนไมเ่ ป็นศูนย์ แตเ่ ขยี นได้ในรปู ทศนยิ มไม่ซา้ และสามารถกาหนดค่าโดยประมาณได้ เช่น 2 มีคา่ ประมาณ
1.414
5. การแกส้ มการ
ตวั อยา่ งที่ 1 จงแกส้ มการ X – 5 = 2 โดยใชค้ ณุ สมบัตขิ องการเทา่ กนั ดงั นี้
วิธีทา X – 5 = 2
เอา 5 บวกเขา้ ทง้ั สองขา้ ง จะได้
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพ่อื ยกระดบั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น 17
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
17
17
X–5+5 = 2 +5 = 7
ตคราตวจอคบาขตต6อตคอ.ัวงราบสอกตวโมยาจดอ่ากรคยบงแาาแทขรกวตท6ต่ีอธิอ้ Xอน.วัทีง2สบสอกคา–มโมยา่าจกด5ต่ากรงายงแัวแาเXรแทอแร=กวกท่ีาปิธ–้ออ้ X2นีท2รสส52คา–มมXา่+จกก5ตลงาXXา5ดวัแบรเXรอแ=้วก+อยาป+้ออ22รสกX722มทX+ก<ั้งใ-ลนสาXX22ดบรอสว้+องมย5ขอก<2้ากX7างรท==จ+<<ั้งใะ5นสXไ2อดส–งม้ 5ขก<522้าางร=5=จ++–ะ5255X2ได–จ้ ะ52ไ=ด=้ +725 จ7ะได้ 7 – 5 = 2 ซ่งึ เปน็ จริง
–5 = 2 ซงึ่ เปน็ จรงิ ดงั นั้น 7 ดงั นน้ั 7 เป็น
เป็น
X + 2 -2 <X 5–<2 3
ตรวจคาตอบโดยแทนคา่ ตXัวแปร X< ด้วยจา3นวนจริงที่นอ้ ยกว่า จะไดป้ ระโยคที่เปน็ จรงิ ดงั นนั้ จานวนทุกจานวนทน่ี ้อย
ตรวจคาตกอวบ่าโดย3แทคนอื คา่ ตัวอแบปขรองXอสดมว้ กยาจรานน้ี วนจรงิ ทีน่ ้อยกว่า จะไดป้ ระโยคท่ีเป็นจรงิ ดงั นั้น จานวนทกุ จานวนทนี่ ้อย
กวา่ 3 คบอื ทคทาตี่ 2อบเลขขอยงอกสกมากลางั รทน่ีม้ ีเลขชก้ี าลงั เปน็ จานวนตรรกยะ
บทที่ 2 เลขยกกาลเลงั ขทย่มี กีเกลาขลชังี้กหาลมังาเยปถน็ ึงจกาานรวในชต้สรัญรลกักยษะณ์เขียนแทนจานวนที่เกิดข้ึนจากการคูณจานวนเดิม ซ่ึงเท่ากันซ้าๆ กัน
เลหขลยายกคกราั้งลังดงัหตมวั าอยยถ่าึงงรกูปาแรบใชบ้สเัญลขลยักกษกณาล์เขังียนแทนจานวนที่เกิดข้ึนจากการคูณจานวนเดิม ซึ่งเท่ากันซ้าๆ กัน
หลายคร้ัง ดงั ตวั อย่างรปู แบaบเnล=ขยaกxกาaลxงั a x …………………x a (n ตัว)
a n = a x a nx อaา่ xนว…า่ …“…เ…อย…ก…ก…าลxังaเอ(น็n”ตเัวป) ็นเลขยกกาลังท่ีมี a เปน็ ฐานและ n เปน็ เลขชี้กาลงั
การบวกaกn าอร่าลนบวกา่ า“รเคอูณยกแกลาละกงั เาอรน็ ห”ารเปเลน็ ขเลยขกยกกากลาังลทังมี่ ทเี ม่ีลีขaชี้กเปา็นลฐังเาปนน็ แจลาะนnวนเปตน็รรเลกขยชะีก้ าลัง
การบวก กบาทรนลิยบากมา1รคถณู า้ แaลเะปก็นาจราหนาวรนเใลดขๆยแกลกะาaลงั ท≠่ีม0ีเลแขลชะก้ี าmลัง,เปn็นเปจาน็ นจวานตวนรรเตกม็ ยบะวก แล้ว am an = amn
บทนยิ าม บ1ทถน้ายิ าaมเป2็นถจา้ นaวนเปใดน็ ๆจาแนลวะนaใดๆ≠แ0ละแaละ≠m0,แnละเปmน็ จ,านnวเนปเต็นม็จบานววกนแเตล็มว้ บaวmกแลa้วna=m amann = amn
บทนิยาม บ2ทถนา้ ยิ าaมเป3็นจถาา้นวaนใดเๆปน็แลจะานaว≠นใ0ดๆแลแะละma, n≠เป0็นแจลาะนวmนเต, ็มnบเวปก็นแจลา้วนaวนmเตม็ aบnวก=แaลว้mn(am )n = amn
บทนิยาม บ3ทนถา้ยิ าaม 4เปถ็นา้ จาaน,วนbใดเปๆน็ แจลานะวนaใด≠ๆ0แลแะลaะ ,mb, ≠n เ0ปแ็นลจะานnวนเปเต็นม็ จบานวกวนแเลตว้ม็ (แaลmว้ )n(a=b)an =mn an .bn
บทนิยาม บ4ทถทา้ ี่ 3aเ,ซbตเป็นจานวนใดๆ และa , b ≠ 0 และ n เปน็ จานวนเตม็ แล้ว (ab)n = an .bn
บทที่ 3 เซเซตตจากัด คือ เซตทส่ี ามารถระบจุ านวนสมาชิกได้ เชน่ A = { 1,2,3} มีสมาชกิ 3 ตวั
เซตจากัดเคซือตอเซนตนั ทตี่ส์ คาอืมาเรซถตรทะ่ีไบมจุ ่สาานมวานรสถมระาชบิกจุ ไาดน้ วเชน่นสมAาช=ิก{ได1้,2เช,3น่ } Bม=ีส{มาyช|กิ y3เปต็นวั จานวนนับ และ 2 ‹ x ‹9}
เซตอนนั ตเ์ซคตอื วเ่าซงตทค่ไี อืม่สเซามตาทร่ไี ถมรม่ ะสี บมจุ าาชนกิ วนจสะใมชา้สชญักิ ไลดัก้ ษเชณน่ ์ หBร=ือ {{ y} เ|ชy่นเปA็น=จา{นyวน| นyับเปแ็นลจะาน2ว‹นxน‹บั 9}และ 2 ‹ x ‹3}
เซตว่าง คยอืเู นเียซนตขทอ่ีไงมเซ่มตสี Aมาแชลกิะ Bจะคใือชเส้ซญัตทล่ีปกั ษระณก์อหบรดอื ้วย{ส}มเาชชน่ ิกAที่เ=ป็น{สyมา| ชyิกเขปอน็ งจAานหวรนือนขอบั งแBละใ2ชส้ ‹ัญxล‹ัก3ษ} ณ์ A B
ยเู นยี นของอเซนิ ตเตAอรแเ์ลซะกชBั่นคขอื อเซงตAทแี่ปลระะกBอคบอื ดเซว้ ยตสทมีป่ ารชะิกกทอี่เบปดน็ ้วสยมสามชากิ ชขิกอทงี่เปAน็ หสรมอื าขชอิกงทB้งั ขอใงช้สAัญแลลกัะษBณใช์ ส้Aญั ลกั Bษณ์ A B
อนิ เตอร์เซบกชท่นั ทข่ี อ4งอAัตแรลาะสB่วนคตอื รเซีโตกทณปี่ มรติะกแิ อลบะดก้วายรสนมาาไชปิกใทช่เี้ปน็ สมาชิกท้งั ของ A และ B ใช้สญั ลกั ษณ์ A B
บทที่ 4 อสัตมรบาสัตว่สิ นามตเรหีโกลณย่ี มมมติ มุ ิแฉลาะกการนาไปใช้
สมบัตสิ ามเหลยี่ มมถมุ า้ ฉใาหก้ ABC เปน็ รปู สามเหลย่ี มมุมฉากที่มมี ุมฉากที่ c และมี a , b , c เป็นความยาวของด้านตรงข้ามมุม A , B
ถ,า้ Cใหต้ AามBCลาเดปบั น็ รูปสามเหล่ยี มมมุ ฉากที่มมี ุมฉากท่ี c และมี a , b , c เปน็ ความยาวของด้านตรงข้ามมุม A , B
, C ตามลาดับ
ด้าน AB เปน็ ด้านท่ีอยู่ตรงข้ามมุมฉากยาว c หนว่ ย เรียกวา่ ดา้ นตรงข้ามมมุ ฉาก
c ดา้ น AB ดเปา้ น็นดBา้ Cนทเ่ีอปย็น่ตู ดร้างนขทา้ มีอ่ มยุมตู่ ฉรางกขยา้ มาวมุมc Aหนยว่ ายว aเรหยี นกว่ว่าย ดเา้ รนยี ตกรวง่าขดา้ ม้านมตุมรฉงาขก้ามมมุ A
c ด้าน BaC เปด็นา้ นดา้ นAทC่ีอยตู่ เปรง็นขด้า้ามนมทมุ ่ีอAยตู่ ยรางวข้าaมหมนุมว่ Bย ยเารวียกbวา่หนด่วา้ ยนตเรรงียขก้าวมา่ มมุดา้ Aนประชิดมมุ A
a ดา้ น AC เปน็ ดา้ นที่อยูต่ รงขา้ มมุม B ยาว b หน่วย เรยี กว่า ด้านประชิดมมุ A
18 แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพ่อื ยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
18
c2 a2 b2
b
ถา้ ABC เป็นรปู สามเหล่ยี มมุมฉาก ซง่ึ มมี มุ เปน็ มมุ ฉาก
cแทนความยาวดา้ นตรงขา้ มมุมฉาก
a และ bแทนความยาวของดา้ นประกอบมุมฉาก
จะไดค้ วามสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความยาวของด้านทงั้ สามของรปู สามเหล่ียมมุมฉากดังตอ่ ไปน้ี
ความยาวของดา้ นตรงขา้ มมมุ A
Sin A = ความยาวของด้านตรงข้ามมมุ ฉาก
ความยาวของด้านประชิดมมุ A
Cos A = ความยาวของดา้ นตรงข้ามมมุ ฉาก
ความยาวของด้านตรงขา้ มมมุ A
Tan A = ความยาวของดา้ นประชดิ มมุ A
บทท่ี 5 สถติ เบอื้ งต้น
การหาคา่ กลางของข้อมูลทาให้ได้ทง้ั ข้อมลู ทแี่ จกแจงความถีแ่ ละข้อมลู ทไี่ ม่ได้แจกแจงความถี่
5.1 ค่าเฉลยี่ เลขคณติ (Arithmetic mean)
ใชส้ ัญลักษณ์ คอื x
การหาคา่ กลางของข้อมูลทาให้ได้ท้งั ขอ้ มูลทีแ่ จกแจงความถแ่ี ละขอ้ มูลท่ีไม่ได้แจกแจงความถี่
การหาค่าเฉล่ยี เลขคณิตของขอ้ มลู ทไี่ มแ่ จกแจงความถี่
ให้ x1 , x2 , x3 , …,xn เป็นขอ้ มูล N คา่
หรอื x x
n
5.2 มธั ยฐาน (Median)
ใช้สัญลกั ษณ์ Med คอื คา่ ทม่ี ีตาแหน่งอยกู่ ง่ึ กลางของข้อมูลทั้งหมด เม่ือได้เรยี งข้อมลู ตามลาดบั ไมว่ ่าจาก
นอ้ ยไปมาก หรือจากมากไปนอ้ ย
1) เรียงขอ้ มลู ที่มอี ยทู่ ง้ั หมดจากนอ้ ยไปมาก หรือมากไปนอ้ ยก็ได้
N 1
2) ตาแหน่งมธั ยฐาน คอื ตาแหนง่ กึ่งกลางขอ้ มลู ดงั นนั้ ตาแหนง่ ของมัธยฐาน = 2 เม่อื N คือ จานวน
ข้อมลู ทง้ั หมด
3) มัธยฐาน คอื ค่าท่ีมตี าแหนง่ อยกู่ ่งึ กลางของข้อมลู ทั้งหมด
5.3 ฐานนยิ ม (Mode)
ใช้สญั ลกั ษณ์ Mo คือคา่ ของขอ้ มลู ทม่ี คี วามถี่สูงสุด หรอื คา่ ทมี่ จี านวนซา้ ๆ กนั มากทส่ี ดุ สามารถ
หาไดจ้ ากกรณีขอ้ มลู ตอ่ ไปนี้
หลักการคิด ให้ดูว่าข้อมูลใดในข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด มีการซ้ากันมากที่สุด (ความถ่ีสูงสุด) ข้อมูลนั้นเป็นฐานนิยมของ
ขอ้ มลู ชดุ นัน้
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพ่ือยกระดบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน 19
ภาคเรียนท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
19
บทที่ 6 ความนา่ จะเปน็
1. แซมเปลิ สเปซ (Sample Space ) เป็นเซตที่มสี มาชิกประกอบด้วยสง่ิ ทตี่ ้องการ ทั้งหมด
จากการทดลองอย่างใดอย่างหนึง่ บางครั้งเรียกว่า Universal Set เขียนแทนด้วย S เช่น ในการโยนลูกเต๋าถา้ ตอ้ งการ
ดูวา่ หน้าอะไรจะข้ึนมาจะได้ S = 1, 2, 3, 4, 5, 6
2. แซมเปลิ พ้อยท์ (Sample Point) คือ สมาชิกของแซมเปลิ สเปซ (Sample Space )
เช่น S = H , T ค่า Sample Point คอื H หรือ T
3. เหตุการณ์ (event) คอื เซตทเี่ ป็นสบั เซตของ Sample Space หรือเหตุการณท์ เ่ี รา
สนใจ จากการทดลองสุ่ม
4. การทดลองสมุ่ (Random Experiment) คือ การกระทาที่เราทราบว่าผลทัง้ หมดที่อาจจะเกดิ ขนึ้ มี
อะไรบา้ ง แตไ่ ม่สามารถบอกได้อย่างถกู ต้องแน่นอนวา่ จะเกดิ ผลอะไรจากผลทั้งหมดท่ีเป็นไปไดเ้ หล่าน้นั
5. ความน่าจะเปน็ = จานวนผลของเหตกุ ารณ์ท่ีสนใจ
จานวนเหตกุ ารณ์ทง้ั หมดของการทดลองสมุ่
หมายเหตุ : ใหน้ กั ศกึ ษา ไดศ้ กึ ษาเพิ่มเตมิ จากหนงั สอื แบบเรยี นรายวิชาคณติ ศาสตร์ พค31001
แบบทดสอบรายวชิ าคณิตศาสตร์ พค31001
จงเลอื กคาตอบที่ถกู ต้องท่สี ดุ เพียงคาตอบเดียว
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา พว31001
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นกั ศกึ ษาสามารถอธบิ ายธรรมชาตแิ ละความสาคัญของวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยไี ด้
2. นักศึกษาสามารถอธิบายกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์
3. นกั ศกึ ษาสามารถนาความรู้ และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรไ์ ปใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้
4. นกั ศึกษาเกดิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์และมจี ติ วทิ ยาศาสตร์
5. นักศึกษาสามารถอธิบายความหมาย ความสาคัญ และความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีต่อชีวิต และสังคม นา
ความรู้ และเลือกใช้เทคโนโลยใี นชวี ิตประจาวนั ได้อยา่ งเหมาะสม
20 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพือ่ ยกระดับผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
แบบทดสอบวชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วชิ าพค31001
จงเลือกค�ำตอบทถี่ กู ต้องท่ีสดุ เพยี งคำ� ตอบเดียว 8. ปรซิ ึมท่มี ีพนื้ ทฐ่ี านเท่ากบั 144 ตารางเซนติเมตร สูง 8
เซนตเิ มตร จะมปี ริมาตรเท่าไร
1. ประโยคต่อไปน้ีประโยคใดเป็นจริง ก. 18 ข. 288
ก. 0 เปน็ จ�ำนวนนับ ค. 576 ง. 1,152
ข. เม่อื a แทนจ�ำนวนใดๆ a + 0 = 0 9. ห้องเรียนกวา้ ง 7 เมตร ยาว 8 เมตร สงู 4 เมตร จะมี
ค. เม่ือ a แทนจำ� นวนใดๆ a x 0 = 0 x a อากาศกลี่ ูกบาศกเ์ มตร
ง. 0 ไมเ่ ปน็ จ�ำนวนเตม็ ก. 224 ข. 225
2. ประโยคตอ่ ไปนี ้ ประโยคใดเป็นเท็จ ค. 248 ง. 260
ก. 1 เปน็ จำ� นวนเต็ม 10. สนามหนา้ บา้ นกวา้ ง 20 วา ยาว 80 เมตร ตอ้ งการ
ข. จ�ำนวนเต็มบวกเปน็ จ�ำนวนนบั ยกพ้นื ให้สูงข้ึน 40 เซนติเมตร ตอ้ งใช้ดินกลี่ ูกบาศก์เมตร
ค. มีจำ� นวนเต็มบวกมากทส่ี ุด ก. 6,400 ข. 2,560
ง. เมื่อ a แทนจ�ำนวนใด ๆ a x 1 = 1 x a ค. 1,280 ง. 640
3. ถ้า ( a x a) - a = 0 แลว้ a แทนจ�ำนวนใด 11.แท่งแก้วหนงึ่ เป็นปริซึมสามเหลีย่ มมุมฉาก ดา้ น
ก. 0 เพียงจำ� นวนเดยี ว ประกอบมมุ ฉากยาว 4 เซนตเิ มตร และ 3 เซนติเมตร
ข. 1 เพยี งจำ� นวนเดียว ถ้าแทง่ แกว้ ยาว 10 เซนติเมตร จะมปี ริมาตรกี่ลูกบาศก์
ค. 0 หรอื 1 เซนติเมตร
ง. ไมม่ จี ำ� นวนใดทแ่ี ทน a แลว้ ได้ (a x a ) - a = 0 ก. 60 ข. 80
4. ถ้า ( 5 x 4 ) + (5 x 1 ) = 5 x a แล้ว a ค. 100 ง. 120
แทนจ�ำนวนใด 12. จำ� นวน 172 ฐาน 10 มคี า่ เทา่ กบั 1142 ในฐานอะไร
ก. 2 ข. 3 ก.4 ข.5
ค. 4 ง. 5 ค. 6 ง.7
5. (2 x 3 ) + ( 2 x 5 ) มีค่าเท่าใด 13. หอ้ งสมดุ แหง่ หนึง่ ถ้านับหนงั สอื ครัง้ ละ 3, 5 และ 7
ก. 2 x 12 ข. 2 x 345 เลม่ แล้วปรากฏว่าไมเ่ หลอื เศษถามวา่ มีหนังสอื ท้งั หมดก่ี
ค. 2 x 3 x 4 x 5 ง. 2 x 2 x 2 x 3 x 4 x 5 เลม่ ในห้องสมุด
6. ให้ a และ b แทนจ�ำนวนใด ๆ ประโยคใดเปน็ เทจ็ ก .35 เลม่ ข. 75 เล่ม
ก. a +b = b + a ข. -a + b = b - a ค. 105 เล่ม ง. สรุปแนน่ อนไมไ่ ด้
ค. a x b = b x a ง. a ÷ b = b ÷ a 14. แสงดาวซอื้ ปากกา 2 ชนดิ ชนดิ แรกราคา 2.50 บาท
7. กล่องใบหน่ึงมขี นาดกวา้ ง 3 เมตร ยาว 4 เมตร สงู 2 ชนดิ ทีส่ องราคา 7 บาท หมดเงนิ ไป 174 บาท ปรากฏ
เมตร จะมปี รมิ าตรก่ลี ูกบาศกเ์ มตร วา่ ได้จ�ำนวนปากกาชนิดแรกมากกว่าชนดิ ที่สองอยู่
ก. 24 ข. 28 24 ดา้ ม ดังนัน้ แสงดาวซ้อื ปากกาท้ังหมดกีด่ ้าม
ค. 48 ง. 52 ก. 30 ด้าม ข. 36 ด้าม
ก. 48 ด้าม ง. 54 ด้าม
แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพอื่ ยกระดบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น 21
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
15. สเ่ี หลยี่ มผนื ผา้ ดา้ นกวา้ งยาว 6 ซม. ดา้ นยาว 8 ซม. 18. นาย ก ประกาศขายท่ดี ินผืนหนึง่ กว้าง 26 เมตร
จะมเี สน้ แทยงมมุ ยาวเท่าไร ยาว 40 เมตร ราคาตารางเมตรละ 500 บาท นาย ก
ก. 18 จะได้รับเงินเท่าไร
ข. 16 ก. 65,000
ค. 14 ข. 130,000
ง.10 ค. 200,000
16. ถ้า 2 เทา่ ของจ�ำนวนเตม็ บวกจำ� นวนหนึง่ มากกว่า ง. 300,000
10 อยูไ่ มถ่ ึง 20 จำ� นวนเต็มบวกน้คี วรจะเป็น 19. ถ้า a = -5 และ b = 5 ค่าสมบรู ณ์ของ a - b
ก. นอ้ ยกวา่ 15 มคี ่าเท่าใด
ข. มากกวา่ 15 ก. 10 ข. -10
ค. นอ้ ยกวา่ 20 ค. 0 ง.จากข้อ ก. ถงึ ขอ้ ค. ไม่มขี อ้ ถกู
ง. มากกวา่ 20 20. ชาวนาคนหน่งึ มีข้าวเปลือกอยู่ 12 เกวยี น ขายได้เงิน
17. ผลการสอบวิชาภาษาไทย 3 ครง้ั ของนักเรียนคน 300,000 บาท เขาขายไปถงั ละก่บี าท
หน่ึงมีค่ามธั ยฐาน 47 คา่ เฉลี่ยเลขคณติ 44 และพสิ ยั ก. 150 ข. 180
เท่ากบั 11 จงหาคะแนนสูงสุด ค. 250 ง. 280
ก. 50 ข. 49
ค. 48 ง. 37
22 แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพ่อื ยกระดับผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน
ภาคเรียนท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
สรุปเน้อื หารายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า พว31001
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. นกั ศกึ ษาสามารถอธิบายธรรมชาตแิ ละความส�ำคญั ของวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยไี ด้
2. นักศึกษาสามารถอธิบายกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และเจตคติทางวิทยาศาสตร์
3. นักศกึ ษาสามารถน�ำความรู้ และกระบวนการทางวิทยาศาสตรไ์ ปใช้แกป้ ัญหาต่างๆได้
4. นกั ศึกษาเกดิ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละมีจติ วทิ ยาศาสตร์
5. นกั ศึกษาสามารถอธบิ ายความหมาย ความส�ำคัญ และความสมั พันธ์ของเทคโนโลยตี อ่ ชวี ิต และสังคม น�ำ
ความรู้ และเลือกใช้เทคโนโลยีในชีวติ ประจ�ำวันไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
6. นกั ศกึ ษาสามารถอธิบายประเภท เลือกหัวขอ้ วางแผน วิธีท�ำ นำ� เสนอและประโยชนข์ องโครงงานได้
7. นกั ศกึ ษาน�ำความรู้เก่ียวกบั วิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และโครงงานไปใชไ้ ด้
ขอบเขตเน้ือหา
ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ เจตคติทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และโครงงานวิทยาศาสตร์ลักษณะทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตแต่ละ
ชนดิ มลี กั ษณะเฉพาะตวั ทำ� ใหส้ ง่ิ มชี วี ติ แตกตา่ งกนั เชน่ ลกั ษณะสผี วิ ลกั ษณะเสน้ ผม ลกั ษณะสตี า สแี ละกลนิ่ ของดอกไม้
รสชาตขิ องผลไม้ เสยี งของนกชนดิ ตา่ งๆ ลกั ษณะเหลา่ นจี้ ะถกู สง่ ผา่ นจากพอ่ แมไ่ ปยงั ลกู ได้ หรอื สง่ ผา่ นจากคนรนุ่ หนง่ึ ไป
ยงั รุน่ ตอ่ ไป ยนี และ DNA เป็นส่วนหนึ่งของโครโมโซม โครโมโซมหน่ึงๆ มียนี ควบคมุ ลักษณะต่างๆ เป็นพนั ๆ ลกั ษณะ
ยนี (gene) คอื หนว่ ยพนั ธกุ รรมทค่ี วบคมุ ลกั ษณะตา่ งๆ จากพอ่ แมโ่ ดยผา่ นทางเซลลส์ บื พนั ธไ์ุ ปยงั ลกู หลาน ยนี จะอยเู่ ปน็
คบู่ นโครโมโซม โดยยนี แตล่ ะคจู่ ะควบคมุ ลกั ษณะทถี่ า่ ยทอดทางพนั ธกุ รรมเพยี งลกั ษณะหนงึ่ เทา่ นน้ั เซลล์ พนั ธกุ รรมและ
ความหลากหลายทางชีวภาพ เทคโนโลยชี วี ภาพ ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม
บทท่ี 1 ทกั ษะทางวิทยาศาสตรแ์ ละกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์และทักษะทางวิทยาศาสตรท์ ักษะทางวิทยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย
1. การสังเกต เป็นวิธีการได้มาของขอ้ สงสัย รบั รขู้ อ้ มูล พจิ ารณาข้อมลู จากปรากฏการณท์ างธรรมชาตทิ เี่ กดิ ขึ้น
2. ตั้งสมมติฐาน เป็นการการระดมความคดิ สรปุ สิ่งทคี่ าดว่าจะเปน็ ค�ำตอบของปญั หาหรือ ขอ้ สงสัยนัน้ ๆ
3. ออกแบบการทดลอง เพ่ือศึกษาผลของตัวแปรที่ต้องศึกษาโดยควบคุมตัวแปรอื่นๆ ท่ีอาจมีผลต่อตัวแปรที่
ต้องการศึกษา
4. ด�ำเนินการทดลอง เป็นการจกั กระทำ� กบั ตัวแปรท่ีก�ำหนดได้แก่ ตวั แปรตน้ ตัวแปรตาม และตัวแปรทตี่ ้อง
ควบคุม
5. รวบรวมข้อมลู เป็นการบนั ทกึ รวบรวมผลการทดลองหรอื ผลจากการกระท�ำของตวั แปรทีก่ �ำหนด
6. แปลและสรุปผลการทดลอง
บทที่ 2 ส่งิ มีชีวติ และส่ิงแวดล้อม
เซลล์ (Cell) หมายถึง หนว่ ยท่เี ล็กท่ีสุดของสงิ่ มีชวี ติ ซ่งึ จะท�ำหนา้ ท่เี ปน็ โครงสร้างและหน้าทข่ี องการประสาน
และการเจริญเตบิ โตของสง่ิ มชี ีวติ
แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพอื่ ยกระดบั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน 23
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
เซลล์ (Cell) หมายถึง หน่วยท่ีเล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต ซึ่งจะทาหน้าท่ีเป็นโครงสร้างและหน้าที่ของการ
ประสานและการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวติ
แผนผงั โครงสร้างของเซลล์
เซนทรโิ อล แวคิวโอล ไซโทพลาซมึ นิวคลีโอลัส
ไมโทคอนเดรยี ไลโซโซม นิวเคลยี ส ไรโบโซม
เวสิเคิล
เอนโดพลาสมิกเรติคลู ัม
แบบผิวขรขุ ระ
กอลจแิ อปพาราตสั
เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมแบบผิวเรยี บ ไซโทสเกลเลตอน
การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม
ลกั ษณะทางพันภธาพกุ เซรลรลม์โดยสัตวท์ ั่วไป ประกอบด้วยออรแ์ กเนลล์ตา่ ง ๆ
สงิ่ มชี วี ติ แตล่ ะชนดิ มลี กั ษณะเฉพาะตวั ทำ� ใหส้ ง่ิ มชี วี ติ แตกตา่ งกนั เชน่ ลกั ษณะสผี วิ ลกั ษณะเสน้ ผม ลกั ษณะสตี า
สแี ละกลน่ิ ของดอกไม้ รสชาตขิ องผลไม้ เสยี งของนกชนดิ ตา่ งๆ ลกั ษณะเหลา่ นจี้ ะถกู สง่ ผา่ นจากพอ่ -แม่ ไปยงั ลกู ได้ หรอื
ส่งผา่ นจากคนรนุ่ หนึง่ ไปยังร่นุ ตอ่ ไป
ยีน และ DNA
ยีน เป็นสว่ นหน่ึงของโครโมโซม โครโมโซมหนง่ึ ๆ มียีนควบคุมลักษณะตา่ งๆ เปน็ พันๆ ลักษณะ ยีน (gene) คอื
หนว่ ยพนั ธกุ รรมทคี่ วบคมุ ลกั ษณะตา่ งๆ จากพอ่ แมโ่ ดยผา่ นทางเซลลส์ บื พนั ธไ์ุ ปยงั ลกู หลาน ยนี จะอยเู่ ปน็ คบู่ นโครโมโซม
โดยยนี แตล่ ะค่จู ะควบคุมลกั ษณะท่ีถา่ ยทอดทางพันธกุ รรมเพยี งลักษณะหนง่ึ เท่าน้นั
บทท่ี 3 สารเพอื่ ชีวติ
ธาต ุ สารเปน็ สารบรสิ ทุ ธ์ทิ มี่ โี มเลกลุ ประกอบดว้ ยอะตอมชนิดเดยี วกัน มธี าตุท่ีคน้ พบแล้ว 109 ธาตุ เป็นธาตุที่
อย่ใู นธรรมชาติ 89 ธาตุ เช่น โซเดยี ม (Na) แมกนเี ซยี ม (Mg) คารบ์ อน (C) ออกซิเจน (O) เปน็ ตน้ จะแบ่งธาตอุ อกเปน็
3 กลุ่ม ดงั นี้
1. โลหะ (metal) เป็นกลุ่มธาตุที่มสี มบัตเิ ปน็ ตวั น�ำไฟฟา้ ได้ นำ� ความรอ้ นทดี่ ี เหนียว มจี ุดเดอื ดสงู ปกตเิ ป็น
ของแขง็ ทอี่ ุณหภูมหิ ้อง (ยกเวน้ ปรอท) เช่น แคลเซยี ม อะลูมเิ นยี ม เหลก็ เป็นตน้
2. อโลหะ (non-metal) เป็นกลุ่มธาตทุ ่มี สี มบัติไมน่ �ำไฟฟา้ มจี ดุ ¬หลอมเหลวและจดุ เดือดต�ำ่
เปราะบาง และมกี ารแปรผนั ทางดา้ นคุณสมบตั ิทางกายภาพมากกว่าโลหะ
3. กง่ึ โลหะ (metalloid)เปน็ กลมุ่ ธาตทุ มี่ สี มบตั กิ ำ้� กงึ่ ระหวา่ งโลหะและอโลหะ เชน่ ธาตซุ ลิ คิ อน และเจอเมเนยี ม
มีสมบตั ิบางประการคลา้ ยโลหะ เช่น นำ� ไฟฟา้ ไดบ้ ้างทอ่ี ุณหภมู ิปกต ิ และนำ� ไฟฟา้ ไดม้ ากข้ึน
ธาตุกมั มนั ตภาพรังสี กัมมนั ตภาพรงั สี (Radioactivity) หมายถงึ รงั สีทแ่ี ผอ่ อกมาไดเ้ องจากธาตบุ างชนิด
ธาตุกมั มันตภาพรังสี หมายถงึ ธาตทุ ม่ี ีในธรรมชาติทแี่ ผ่รงั สีออกมาได้เอง ชนิดของกัมมนั ตภาพรงั สีมี 3 ชนิด
คือ
1. รงั สแี อลฟา (alpha, a) คอื นวิ เคลยี สของอะตอมธาตฮุ เี ลยี ม 4He2 มปี ระจไุ ฟฟา้ +2 มมี วลมาก ความเรว็ ตำ่�
อ�ำนาจทะลทุ ะลวงนอ้ ย มีพลังงานสงู มากท�ำให้เกิดการแตกตวั เป็นออิ อนได้ดที ีส่ ุด
2. รังสเี บตา้ (Beta, b) มี 2 ชนิด คอื อเิ ลคตรอน 0e-1 (ประจุลบ) และ โฟซิตรอน 0e+1
24 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพอื่ ยกระดบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
1. รังสีแอลฟา (alpha, a) คือ นิวเคลียสของอะตอมธาตุฮีเลียม 4He2 มีประจุไฟฟ้า +2 มีมวลมาก ความเร็ว
ต่ า อ า น า จ ท ะ ลุ ท ะ ล ว ง น้ อ ย มี พ ลั ง ง า น สู ง ม า ก ท า ใ ห้ เ กิ ด ก า ร แ ต ก ตั ว เ ป็ น อิ อ อ น ไ ด้ ดี ที่ สุ ด
2. รงั สีเบตา้ (Beta, b) มี 2 ชนดิ คือ อิเลคตรอน 0e-1 (ประจลุ บ) และ โฟซติ รอน 0e+1
เบก(ปอาทกรรทะซทจ่ี์ ะ4ุบลว( บทแุท3ปกระ.ทะร)งลละทแรมทุ จวังล่ีีคะงบุส4ะวไลวีแดพา3วแกกม้ส.งล )รมเไู งังรรงดมมมงว็ังแ้สีคาาาสสูงกลวนีแูง(มาgะมเกมาaพพไามกmเมกอ่ืรม ล่เ็ว ใชmาบไกังสมีว่ียงล(aูงเ่ติgงามบ้เ,aคเนาgี่ยบmีย)กงเนงพmใเคกบใกอืนอื่ับaลนส,ชคเ้รใคgนนงัวีว)ยีสสาาติ คงีทมมนกือเแี่ไารบัมมมร็วค่มแ่เังแหวีปสมสาลรีทเ่งมหะ็กีไ่ เมจลแรุไม่็กว็ลฟแแีปะฟสลสรง้าะะนจสาหไุนมมฟาไาฟฟมย้าไฟถฟ้าหึงฟมโ้าเฟา ปย ตเ็นถปอคงึ็นนลคโหฟื่นลรแตน่ืือมอแคน่เมวหหอเ่ ลหรน็กลือตไก็คัมฟไวขฟฟออ้าฟนงท้าตแี่มทมัสีคีม่ขงวคีอาวงมาแถมสมี่สถงีอูงสี่ มกางู ีอนกว�ำ่าาวนรจ่าังารในสจงั สีในีเอกกาซร์
แรง (Fแoรrงce(F)oหrcมeา)ยหถมึงาสย่ิงถทงึ ี่มสางิ่ กทรมี่ ะาทการหะรทือำ� พหยรอืายพายมากยารมะทกราะตท่อำ�วตัตอ่ ถวุแตั ลถ้วแุ ทลาว้ ใทหำ�้วใัตหถว้ ุเตั กถิดเุ กาดิ รกเาปรลเป่ียลนยี่แนปแลปงลสงภสาภพาพ เชน่
เช่น ถ้ามถแี ้ารมงีแมรางกมราะกทราะกทับ�ำวกัตับถวุซัต่ึงถกซุ าึ่งลกัง�ำเลคังลเ่อืคนลทื่อนี่ อทา่ีจอทาจาใทห�ำว้ ใตัหถ้วนุัตถั้นนุเคนั้ ลเ่ืคอนลื่อทนเ่ี รท็วเี่ขร้นึ็วขชน้ึ ้าชลา้งลหงรหือรหอื ยหดุ ยนุดงิ่ นห่งิ รหอื รเือปเลป่ยี ลนยี่ ทนศิ ททิศาทงาง แรง
แรงเป็นปเปรน็ิมปาณรมิ เวากณเตเวอกรเ์ตคออื รต์ คอ้ ืองบตอ้ กงบขอนกาดขนแลาดะทแลศิ ะททาศิงทมาีหงนมว่ หียนเป่ว็นยนเปิวน็ตนั ิวตนั
ความเรคว็ วาแมลเะรอว็ ัตแรลาะเรอ็วตั รขาณเระ็วทข่รี ถณยะนทตร่ี ก์ถายลนังตวก์ิ่ง�ำเลรางั วจ่งิะเเหรา็นจเขะม็เหบ็นอเกขค็มวบาอมกเครว็ บามนเขรึ้น็วบเรนื่อขยึ้นๆเรอ่ื ย ๆ
แสดงว่ารแถสเดคงลวื่อ่านรถทเ่ีดค้วลย่อื นอทัตี่ดรา้วเยร็วอเตัพรม่ิ าขเร้ึนว็ เแพตมิ่ ่เขม้นึ่ือพแิจตาเ่ มรณือ่ พาถิจึงาทรณศิ ทาถางึ ทีร่ศิ ถทวา่างงทไ่ีรปถดว้วา่ ยงไจปะดกว้ ลย่าจวไะดก้วล่า่าเวคไลดอื่ ว้ นา่ เทค่ีดลว้ อื่ ยนอทัตี่ดร้วายเรอ็วตั ราเร็ว
ทเ่ี ทา่ กนั ทต่เีลทอ่าดกนั ตลอด
อตั ราเรว็ = ระยะทางทเี่ คลอ่ื นที่ / เวลาทีใ่ ช้
หรือ V = S/T
สนามของแรง หมายถึง บรเิ วณทเ่ี มอ่ื น�ำวัตถุไปวางไวแ้ ล้วเกดิ แรงกระท�ำกบั วัตถุน้ัน ซึง่ จะมีค่ามากหรือนอ้ ยขน้ึ
อยกู่ บั ขนาดของสนาม ขนาดและตำ� แหนง่ ของวตั ถุ ในทนี่ จี้ ะศกึ ษาสนามของแรง 3 แบบดว้ ยกนั คอื สนามโนม้ ถว่ ง สนาม
แม่เหล็ก และสนามไฟฟา้
สนามไฟฟา้ (Electric field) เป็นบรเิ วณโดยรอบประจุ เมื่อนำ� ประจุอีกประจุหน่งึ ไปวาง ณ ต�ำแหนง่ ตา่ ง ๆ
กัน จะเกดิ แรงไฟฟ้ากระทำ� ตอ่ ประจุท่ีน�ำไปวางไว้ สำ� หรบั เส้นสนามไฟฟา้ สนามไฟฟา้ จะบอกทิศทางของแรงทกี่ ระท�ำ
ต่อประจุทดสอบท่เี ป็นบวก
บทท่ี 5 เทคโนโลยอี วกาศ
โลกเปน็ ดาวเคราะหด์ วงหนงึ่ ในระบบสรุ ยิ ะทเี่ กดิ ขนึ้ ประมาณ 4,600 ลา้ นปมี าแลว้ บรวิ ารของดาวเคราะห์ ดาว
เคราะหน์ อ้ ย ดาวหาง และเศษวตั ถขุ นาดเลก็ ๆ จำ� นวนมาก โคจรรอบดวงอาทติ ย์ เรยี กวา่ ระบบสรุ ยิ ะ บรเิ วณทเ่ี ปน็ ระบบ
สรุ ยิ ะในปัจจุบนั เคยเปน็ เนบวิ ลาทม่ี แี ก๊สไฮโดรเจนและธาตุตา่ งๆ เป็นองค2์ ประกอบหลกั แกส๊ และระบบธาตุเหล่านีม้ า
จากเนบิวลาดัง้ เดิมและเนบิวลาใหม่ทเี่ กดิ จากซเู ปอรโ์ นวา
โครงสร้างทัง้ ชน้ั นอกและชั้นใน
1. ชนั้ เปลอื กโลก (crust) เปน็ ผวิ ดา้ นนอกทป่ี กคลมุ โลก สว่ นทบ่ี างทส่ี ดุ ของชนั้ เปลอื กโลกอยทู่ ม่ี หาสมทุ รแปซฟิ กิ
ทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ และส่วนท่หี นาท่สี ดุ อยู่ที่แนวยอดเขา ช้ันเปลอื กโลกแบง่ เปน็ 2 บรเิ วณ คือ
1) เปลอื กโลกภาคพนื้ ทวีป หมายถงึ สว่ นทเ่ี ป็นแผน่ ดินทงั้ หมด
2) เปลอื กโลกใตม้ หาสมุทร หมายถึง ส่วนของเปลือกโลกทป่ี กคลมุ ด้วยนำ้�
3) ชนั้ เนอ้ื โลก (mantle) อยถู่ ดั ลงไปจากชน้ั เปลอื กโลก สว่ นมากเปน็ ของแขง็ มคี วามลกึ ประมาณ2,900 กโิ ลเมตร
นับจากฐานล่างสุดของเปลือกโลกจนถงึ ตอนบนของแก่นโลก เป็นหินหนืดร้อนจัด ประกอบดว้ ยธาตเุ หล็ก ซิลิคอน และ
อะลูมเิ นยี ม แบง่ เป็น 3 ชนั้ คอื
4) ชั้นแก่นโลก (core) แบ่งเปน็ 2 ส่วน คือ
4.1) แก่นโลกชั้นนอก อยทู่ ่คี วามลกึ 2,90025,100 กิโลเมตร เชือ่ วา่ ประกอบด้วยสารเหลวร้อนของ
โลหะเหล็กและนกิ เกิลเป็นส่วนใหญ่ มคี วามร้อนสงู มาก มคี วามถ่วงจำ� เพาะ 12
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น 25
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
ขแเเขแ2เเแแเเคคหหททตต,ออลล9รรลลคค่ออ่งงะะาา0็ก็กโโโโยยออะะนนลล0ู่ใูใ่ววหหซซหหโโนนกกกลลลิิลแ์แ์ะะสส ขดส ิโยยาาคิคิลลเเภภลศศหหอภาีีออะะออาาเรงววลลาววนนมพพกกาดพกกตตััก็็กตศแแลลาแแาาแแแถถราวขข้้ออศศลลขลลุททุนสเ็ง็ง44งง4เะะคง็ะะ้อ้อตัเเทบโโ)).เเออปปรนนงง2ททเนนรคจาชชนะะฟฟ็็นนิิกก)แ์่่ืืออรราะโนนั้ั้ลลอ่ืเเ้า้ากกลน44ททงงกแหกกูมูมแแง44บบจจะาา..โกฐรรแ์ลิิล11จิเเิกก..ลรราาาาอ22นนารรน่ลเเ))ากกน่น่นนงงยวปป))นศศีียยกโะออแแมมโโาาีกอลแแน็น็นนลมมวมลลยยกกหหีคีคาวกกกตัสส่า์์เเคีกกาา่่่่นนศววลลกแแปปช่่นนงถ่ว่วงงวาาโโักักบบส้นั((็็นนนโโทุามมลลกccศซซลลกกุด่ง่งใมใเเอ้ooดดกกลงึึ่ง่กกนเเาาคคหหขดงปปrrันันชชนน้อเรรชชรรญญeeฟอปนัั้ั้็็นนนนงแแททาาอัน้น้ั่ืื่ออ))งา้โ็นแ่่ไไลลนนาายใใงงทมมเบปปแแ33ลนนกะะงงปทู่มมออีคีครบบาสสววะออาชชลกกืืค่ีออทงววออทิิทูก่กู่่งง่อรุณุณ้ั้นันืออวขขาาเเรยยนาาณุยยออปปามมยกหหรยูู่่ททรราา�ำคคยยม็น็นศหา่รรโปปภภาศศ่่ีีคคหอือืูู่่ททลงลอ้้อนภยยูมมูรราาวว22ลก่่ีีคคกึนนซบบัั์เขขมูสสาาสิสิักปจววงึ่สสสสมมออแแิสตตูงูงก5น็นาานงููงมมวว่่ลลกกบบงูรร,มมามมำ�เนนถ1มาาึึไ์ไ์กกท้ท้คเเรไลลปปาากกึ0งขขาปฤฤทรคค55กกึึกกต0กใใตต่อืสษษออาชช,,อืืออ211กกมมง22ู่งาาอฎฎ้้ใใ6น00มวาาจจนนคีีค,,าคคีี99,00บิรรทอืสส3กกววจวว0022เเปูงูงข7นยาาสาาหหาา0066ถถมม0รยรราูงขมม,,็็22นนึงึงบัขข33ศถถถาอเเ55กขขยชช77ยแึง่่ววา66ง,,โิ00ออขอื่่อืสงงาาก,,11แ600ลจจยยอใใงงตท้00กกก,00เหหาามม0ขขบมร00ฤ่น00ิิโโเเ้สส้0ออนน์ไลลตเพพษโขปกก0ออออบบเเุุษษรลาาฎมมติิโโใดดงงเเะะกอยยชลลคีศศตตขขกมคค์์ง้เเใวาารรตตา11เสีลลมมชชนศาเเปร22กกว่ซซออ้้มม่่ตตววามกเ็นาานหลลงงเีียยสสรรเาซรรชกกหปเเ็น่่ววขขรศศซซลเเอื่ัับบินนนรขยยขชชียียึกึกเใะสสซปปยหอื่่ืาาออหสสษษกิ่งง่ิียยยารรงววนส้าาททอยมสะะใใ่่าาืดอคคหหี่พีพ่บกกขปปนดร้้นนออ้้อเเเบบรรุษ้อคหหหคคบบะะบเเยนลม็็หหววนนกกเเเ์อ้หหจา้้าขือนน็็รรออชททงัดมมตนาาใใบบ่วกนนาายยกออืืแยดดปบังงธธนนลลากขดด้้ววรสรรระะแแ่นยยย้้าาะงรร่ิศเเกกาโนนสสทกมมออึกลย่่นนาาดดพ่ีอชชียยษกใโโรราาาาหบดดลลบชาเเรรตตหหกกเ้ขขดคเัน้ าาหหิิ ชชลล้ออว้นนศศ็นน็้น้ันัยววงงคาาอรใดดรรนนธสสวกนา้้ออาาาออตต้ายธตนนววกกทรรแรลุ์์ตราะมงอ่เอดชยยี้าาู่ในนดติ
11.. กก ลลออ้้ งงโโททรร1ทท.รรกรรลศศอ้ นนงช์ช์ โนนทดดิิรทสสระะรททศ้้ออนนน์ชแแนสสดิงงส((ะRRทeeffอ้ llนeeccแttสttงee(llReeessfcclooeppctee))telescope)
22.. กก ลลออ้้ งงโโททรร2ทท.รรกรรลศศอ้ นนง์์ชชโนนทิดดิรทหหรกกัั รเเหหศนแแสสช์ งงนดิ((RRหeeกั ffเrrหaaccแttสttงee(llReeessfccrooappctee))telescope)
ดาวเทียมและยานอวกาศ
ประเภทของดาวเทยี มบางประเภท เช่น
1. ดาวเทยี มอตุ ุนิยมวทิ ยา
2. ดาวเทียมสงั เกตการณด์ าราศาสตร์
3. ดาวเทยี มชวี ภาพ
4. ดาวเทยี วทางการทหาร
5. ดาวเทยี มส�ำรวจทรพั ยากรโลก
6. ดาวเทียมส่ือสารโทรคมนาคม
7. ดาวเทียมสงั เกตการณ์ดวงอาทิตย์
8. ดาวเทียมห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ เชน่ หอ้ งทดลอง LDEF
หมายเหตุ : ใหน้ กั ศกึ ษา ได้ศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสอื แบบเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ พว3100
26 แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพ่ือยกระดับผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน
ภาคเรียนท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
แบบทดสอบรายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า พว31001
จงเลอื กคำ� ตอบท่ถี ูกทสี่ ดุ เพยี งคำ� ตอบเดยี ว ข้อ 6 ข้อใดใชเ้ ทคโนโลยีทเ่ี หมาะสมในการจัดการแก้
ปัญหาขยะในเมือง
ข้อ 1 ขอ้ ใดใชอ้ ธิบายปญั หาหรือคาดคะเนค�ำตอบได้อย่าง ก. การขุดดนิ ฝงั กลบ
มเี หตผุ ล ข. การเผาขยะทีส่ ามารถ
ก. สมมตฐิ าน ค. การนำ� ขยะกลับมาใชป้ ระโยชน์
ข. การทดลอง ง. มาเปล่ียนการน�ำขยะไปทิ้งในที่รกรา้ งว่างเปลา่
ค. การสรุปความ ขอ้ 7 บคุ คลใดใช้อปุ กรณว์ ทิ ยาศาสตรไ์ ดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
ง. การลงความเหน็ ก. มะลิ ใช้กระดาษกรองเม็ดทราย
ข้อ 2 การคาดคะเนค�ำตอบของปัญหาเป็นขน้ั ตอนใดของ ข. สมศรี ใช้บ๊กิ เกอรว์ ัดปรมิ าณนำ้� แข็ง
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ค. คิม ใชเ้ วอร์เนยี วดั ความหนาของท่อเหลก็
ก. การระบปุ ัญหา ง. สมารท์ ใชบ้ วิ เรตตว์ ดั ปรมิ าตรของผงโซเดยี ม
ข. การตง้ั สมมติฐาน คลอไรด์
ค. การศึกษาค้นควา้ และรวบรวมขอ้ มูล ข้อ 8 ถ้วยยูเรก้าใช้หาปริมาตรของสงิ่ ใด
ง. การออกแบบการทดลองและปฏิบัติการ ก. ของแขง็ ไมม่ รี ูปทรงเรขาคณติ
ทดลอง ข. ของแข็งรปู ทรงเรขาคณติ
ขอ้ 3 ลักษณะนิสยั ของนักวิทยาศาสตรข์ อ้ ใดทท่ี ำ� ให้งาน ค. ของแข็งทอี่ ณุ หภูมิห้อง
ประสบความส�ำเร็จ ง. ของเหลวท่กี ลายเปน็ ไอ
ก. รักการอ่าน ขอ้ 9 โครงงานวทิ ยาศาสตรป์ ระเภทใดไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งมี
ข. ชอบคน้ คว้า ตวั แปร
ค. ชอบจดบนั ทึก ก. โครงงานประเภททดลอง
ง. มคี วามพยายามและอดทน ข. โครงงานประเภทสงิ่ ประดษิ ฐ์
ข้อ 4 ถ้าพบว่า มียงุ ลายจ�ำนวนมากในชมุ ชนควรดำ� เนนิ
การใดเป็นขน้ั ตอนแรกเพือ่ แกป้ ัญหาอยา่ งยัง่ ยนื
ก. ใช้สารเคมฉี ดั พน่ บริเวณบา้ น ค. โครงงานประเภทสำ� รวจรวบรวมขอ้ มูล
ง. โครงงานประเภทส่งิ ประดิษฐ์และสำ� รวจ
ข. แจง้ ใหป้ ระชาชนซ้ือยากันยงุ ขอ้ มลู
ค. สำ� รวจหาแหล่งเพาะพนั ธย์ุ ุง
ง. ท�ำลายแหล่งเพาะพนั ธุ์ยุง ขอ้ 10 กำ� ธร สนใจศกึ ษาอัตราสว่ นของดินผสมท่ีใชใ้ น
การปลกู เฟิร์นสไบนางควรท�ำโครงงานประเภทใด
ข้อ 5 ขอ้ ใดเลอื กใชเ้ ทคโนโลยีไดอ้ ย่างเหมาะสม ก. ส�ำรวจ ข. ทฤษฎี
ก. สมหญิง ต้งั ครรภอ์ ายุ 1 เดือน ใชเ้ ครื่อง
อัลตราซาวดต์ รวจหาเพศของเดก็ ค. ทดลอง ง. ประดิษฐ์
ข. สมศักดิ์ น�ำกล้วยไมพ้ นั ธหุ์ ายากมาขยายพันธุ์ ขอ้ 11 การเลอื กหัวขอ้ เร่อื งเพ่อื ทำ� โครงงานวิทยาศาสตร์
โดยวิธเี พาะเลยี้ งเนอ้ื เยอื่ ควรเริ่มตน้ ด้วยเรื่องประเภทใด
ค. สมชาย ซอ้ื เลื่อยตดั ไม้ไฟฟา้ มาเล็มหญา้ ใน ก. นิยมทำ� กนั ในปัจจบุ ัน
สนามหนา้ บ้าน ข. เป็นประโยชน์และใกล้ตัว
ง. สมถวลิ ขยายพนั ธโ์ุ ค กระบอื ดว้ ยวธิ ีการตัด
ตอ่ พนั ธกุ รรม ค. แปลก ๆ ใหม่ ๆ ยังไม่มใี ครท�ำ
ง. มีผจู้ ัดท�ำไว้แล้วเพือ่ การตอ่ ยอด
แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพือ่ ยกระดบั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น 27
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
ขอ้ 12 ข้อใดไม่ได้เปน็ องค์ประกอบในการตัดสนิ ใจเลือก ขอ้ 17 พจิ ารณารูปต่อไปนี้ จากรูปเป็นเซลลข์ องสง่ิ มีชีวติ
โครงงาน ประเภทใด
ก. คา่ นิยม ก. พืช ข.สตั ว์
ข. คา่ ใช้จ่าย ค. ไวรัส ง. แบคทเี รีย
ค. ความคิดสรา้ งสรรค์ ข้อ 18 เยอ่ื หมุ้ เซลล์มหี น้าทอ่ี ย่างไร
ง. ความรคู้ วามสามารถ ความสนใจ ก. ลำ� เลยี งสารต่าง ๆ
ขอ้ 13 การเขยี นรายงานโครงงานทถ่ี ูกต้องควรเรยี งล�ำดบั ข. ป้องกันและให้ความแข็งแรงแกเ่ ซลล์
ตามขอ้ ใด ค. ชว่ ยควบคมุ การเขา้ ออกของสารตา่ ง ๆ
ก. บทน�ำ วิธกี ารทดลอง ผลการทดลอง ง. ช่วยในการเจริญเติบโตและการดำ� รงชวี ติ
สรุปผลการทดลอง ของเซลล์
ข. เอกสารท่เี ก่ียวขอ้ ง วิธกี ารทดลอง ข้อ 19 ขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ งเกี่ยวกบั การถ่ายทอดพลังงาน
ผลการทดลองและสรุปผลการทดลอง ก. ผู้ผลติ เปน็ จดุ เริ่มตน้ ของโซ่อาหารทกุ ชนิด
ค. เอกสารทเ่ี ก่ียวขอ้ ง บทนำ� วิธีการทดลอง ข. ระบบนิเวศทมี่ สี ายใยอาหารซบั ซอ้ นมาก
ผลการทดลอง และเอกสารท่เี กย่ี วข้อง แสดงว่าระบบนเิ วศนั้นมีความสมดุล
ง. บทน�ำ เอกสารทีเ่ ก่ียวข้อง วธิ กี ารทดลอง ค. จุลินทรีย์มบี ทบาทในการย่อยสลายวาร
ผลการทดลอง และสรปุ ผลการทดลอง อนิ ทรยี แ์ ต่ไมไ่ ด้มีสว่ นในการถ่ายทอดพลงั งาน
ขอ้ 14 การสกัดสีธรรมชาตจิ ากดิน สามารถน�ำไปใช้ ง. โซอ่ าหารท่มี จี �ำนวนส่งิ มชี ีวติ มาก สิ่งมีชวี ติ
ประโยชนต์ ่อการพัฒนาโครงงานวิทยาศาสตร์ใด ท้าย ๆ โซอ่ าหารยิง่ พลงั งานนอ้ ยลง
เหมาะสมทส่ี ุด ข้อ 20 หากเซลลพ์ ืชไม่มีหนังเซลล์ จะสง่ ผลต่อเซลล์
ก. การใช้สีธรรมชาตผิ สมปูนซีเมนต์ อยา่ งไร
ข. การยอ้ มผา้ พ้ืนเมอื งดว้ ยสธี รรมชาติ ก. เซลล์จะมรี ปู ร่างไมค่ งตวั
ค. การศึกษาการให้สขี องดินชนิดต่างๆ ข. เซลลม์ ีความแข็งแรงมาก
ง. การส�ำรวจความหลากหลายของดนิ ค. ไมม่ ผี ลต่อกระบวนการแพร่
ขอ้ 15 ถา้ นกั ศกึ ษาต้องการน�ำเสนอขอ้ มูลแนวโน้มการ ง. มผี ลตอ่ ไปมาน�ำ้ ในการแพร่
เจริญเติบโตของไกค่ วรใช้การนำ� เสนอรปู แบบใด เหมาะ
สมท่สี ุด
ก. แผนภูมริ ูปภาพ
ข. แผนภมู วิ งกลม
ค. กราฟแท่ง
ง. กราฟเส้น
ข้อ 16 ส่วนประกอบท่ีช่วยควบคมุ การเข้าออกของสาร
ตา่ ง ๆ ระหวา่ งเซลล์และสง่ิ มีชวี ติ ที่ทุกเซลล์จะตอ้ งมีคอื
ข้อใด
ก. ผนังเซลล์
ข. เหยือ่ หุ้มเซลล์
ค. คลอโรพลาสต์
ง. ไมโทคอนเดรีย
28 แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพอื่ ยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
รายวชิ าช่องทางการขยายอาชีพ รหสั วิชา อช31001
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1.นักศึกษาสามารถอธบิ ายความส�ำคญั และความจำ� เปน็ ในการขยายอาชีพได้
2.นักศึกษาสามารถอธบิ ายลกั ษณะขอบขา่ ยกระบวนการผลติ งานอาชพี ในชุมชน สงั คม ประเทศ และโลก เพือ่
น�ำมาวเิ คราะห์ขยายอาชพี ได้
ขอบเขตเนื้อหา
การขยายอาชีพเป็นขั้นตอนต่อเนื่องท่ีส�ำคัญของการพัฒนาอาชีพ เพราะเมื่ออาชีพถูกพัฒนาข้ึนในทางที่ดีกว่า
การขยายไปสู่ตลาดธุรกิจย่อมมีความจ�ำเป็น เพื่อความก้าวหน้าในเชิงอาชีพท่ีท�ำอยู่โดยขยายกิจกรรมท่ีเกี่ยวข้อง และ
มคี วามสมั พนั ธ์กันออกไปเปน็ ขอบข่ายอาชพี ท่ีสรา้ งรายได้ ใช้ทุนและทรพั ยากรจากอาชีพหลักใหเ้ กิดคุณคา่ สร้างความ
เข้มแข็ง และความยั่งยืนในอาชีพได้การขยายอาชีพในชุมชน สังคม ประเทศ และโลก เป็นการวิเคราะห์ความเป็นไป
ไดส้ ิง่ ตอ่ ไปน้ี ได้แก่ การลงทนุ การตลาด กระบวนการผลติ การขนสง่ การบรรจุหีบห่อ การแปรรูป และผลกระทบตอ่
ชุมชนและส่ิงแวดลอ้ ม
บทที่ 1 การงานอาชีพ
ความสำ� คัญและความจ�ำเปน็ ในการขยายอาชพี
ความส�ำคัญในการขยายอาชีพ การขยายอาชีพเป็นข้ันตอนต่อเน่ืองท่ีส�ำคัญของการพัฒนาอาชีพ เพราะเม่ือ
อาชีพถูกพัฒนาข้ึนในทางที่ดีกว่า การขยายไปสู่ตลาดธุรกิจย่อมมีความจ�ำเป็น เพื่อความก้าวหน้าในเชิงอาชีพที่ท�ำอยู่
โดยขยายกจิ กรรมทีเ่ กย่ี วขอ้ ง และมคี วามสมั พันธก์ ันออกไปเป็นขอบขา่ ยอาชีพทส่ี รา้ งรายได้ ใชท้ ุนและทรัพยากรจาก
อาชพี หลกั ใหเ้ กิดคณุ คา่ สร้างความเขม้ แขง็ และความยั่งยนื ในอาชีพได้
ความจ�ำเป็นในการขยายอาชีพ ความจ�ำเป็นในการขยายอาชีพในชุมชน สังคม ประเทศ และโลก เป็นการ
วเิ คราะหค์ วามเปน็ ไปไดส้ งิ่ ตอ่ ไปนี้ ไดแ้ ก่ การลงทนุ การตลาด กระบวนการผลติ การขนสง่ การบรรจหุ บี หอ่ การแปรรปู
และผลกระทบตอ่ ชุมชนและส่ิงแวดลอ้ ม
คุณธรรม จริยธรรมในการขยายอาชพี
คุณธรรมจริยธรรมในการขยายอาชีพ นับว่ามีผลต่อความมั่นคงของอาชีพ ผู้ขายกับผู้ซ้ือจะต้องมีคุณธรรม
จริยธรรมต่อกัน จึงจะค้าขายร่วมกันได้เป็นเวลานาน คุณธรรม จริยธรรม หมายถึง การประพฤติปฏิบัติท่ีดี ท่ีชอบ
ทัง้ กาย วาจาและใจ การประพฤตปิ ฏิบตั ิเปน็ ไปด้วยความจริงใจ ไมเ่ สแสร้ง เป็นไปโดยธรรมชาติของแต่ละบคุ คล
จรรยาบรรณและคณุ สมบัตขิ องผู้ประกอบธุรกิจ หมายถงึ มาตรฐานในการตดั สนิ ใจทจ่ี ะประพฤตปิ ฏิบัตอิ ยา่ ง
มีคณุ ธรรมในการปฏิบัติหนา้ ทีต่ ่าง ๆ ท่แี ต่ละคนในสังคมตอ้ งรับผิดชอบ
บทท่ี 2 ชอ่ งทางการขยายอาชพี
ช่องทางการขยายอาชีพ คือ หน้าที่การงานที่พึงประสงค์ต่อสังคมและสร้างผลตอบแทนท่ีเป็นรายได้ตรงตาม
ความต้องการเพ่ือด�ำรงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันมีการแข่งขันกันมาก อาชีพต่างๆจ�ำเป็นต้องมีความรู้ความ
สามารถ ความช�ำนาญ ทงั้ ภาคทฤษฎี และปฏิบัติ เช่น
1. การหาขอ้ มลู จากเอกสารในแหลง่ ต่างๆ
2. สอ่ื จากวทิ ยุ โทรทัศน์ หนงั สอื พมิ พ์
3. ศกึ ษาจากแหลง่ เรียนรูใ้ นอาชีพน้ัน ๆ
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพื่อยกระดับผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน 29
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
4. หาความรู้เก่ยี วกับภูมิปัญญาจากปราชญใ์ นชมุ ชน
5. มีการทดลอง วเิ คราะห์ เพ่อื จัดการอาชพี นน้ั
บทที่ 3 การตัดสนิ ใจเลอื กขยายอาชีพ
ความสำ� คญั ของการตลาด
1. ผู้มีความรู้ด้านการตลาดสามารถเข้าใจกระบวนการต่างๆท่ีผู้ผลิตสินค้าใช้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดเพ่ือให้
ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ ความสนใจ ตัดสนิ ใจซ้อื สินคา้ และบริการ
2. การตลาดท�ำให้เกิดการแลกเปล่ียนสินค้าและบริการ ในอดีตการตลาดมีความส�ำคัญไม่มากนักเพราะคน
ส่วนใหญ่ด�ำรงชีวิตแบบพอยงั ชพี มกี ารแลกเปล่ียนสนิ คา้ และบริการโดยตรงไมผ่ า่ นสื่อกลาง คือ เงินตรา และการตลาด
3. การตลาดช่วยพฒั นาเศรษฐกิจการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นผลมาจากการซอื้ ขายแลกเปลยี่ นสินคา้
และบริการอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ไมเ่ กิดการเอารดั เอาเปรยี บระหว่างผู้ผลิตหรือพ่อคา้ กับผู้บรโิ ภค
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
ทรัพยากรธรรมชาติของโลกท่ีจ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีวิตของประชากรมนุษย์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ
ทรพั ยากรทใี่ ชแ้ ลว้ ไมห่ มดสนิ้ ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ใี่ ชแ้ ลว้ ทดแทนได้ ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ส่ี ามารถนำ� มาใชใ้ หมไ่ ด้ และ
ทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดสนิ้ ไป
แรงงานเป็นปัจจัยส�ำคัญอย่างหน่ึงในการผลิต ในที่น้ีหมายถึงลักษณะทางกายภาพและจิตใจ ในด้านกายภาพ
น้ันเกีย่ วกับเรอ่ื งสุขภาพและอนามัย ความแขง็ แรงสมบรู ณใ์ นการท�ำงาน ส่วนดา้ นจติ ใจน้ันหมายถึงทัศนคติอดุ มการณ์
ความขยันหมั่นเพียรความรู้สึกรับผิดชอบในการผลิต ลักษณะของแรงงานแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ 1. แรงงานคน
2. แรงงานสัตว์ 3. แรงงานเครอ่ื งจกั รกลการเกษตร
เงินทุน เครื่องจักรกลการเกษตรตา่ งๆโรงเรยี น ส่ิงก่อสร้างท่ใี ช้ในการผลิตและเก็บรกั ษาผลผลิต รวมท้ังปจั จยั
การผลิตท่ีเป็นพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ปุ๋ย สารเคมี เป็นต้น ทุนมีความส�ำคัญมากต่อการผลิตและทุนยังมีความสัมพันธ์กับ
แรงงาน เทคโนโลยสี าระสนเทศ
ลกั ษณะเดน่ ที่สำ� คญั ของเทคโนโลยสี าระสนเทศ มีดงั น้ี
เทคโนโลยีสาระสนเทศช่วยเพ่ิมผลผลิตลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการท�ำงาน ในการประกอบการทาง
ด้านเศรษฐกิจการคา้ และการอุตสาหกรรมจ�ำเป็นตอ้ งหาวิธีในการเพ่ิมผลผลิต ลดต้นทุน และเพม่ิ ประสทิ ธิภาพในการ
ทำ� งาน คอมพวิ เตอรแ์ ละระบบสือ่ สารเข้ามาชว่ ยท�ำให้เกดิ ระบบอตั โนมัติ
เทคโนโลยสี าระสนเทศเปลย่ี นรปู แบบการบรกิ ารเปน็ แบบกระจาย เมอื่ มกี ารพฒั นาระบบขอ้ มลู และการใชข้ อ้ มลู
ไดด้ ีการบริการต่างๆ เมื่อมกี ารพฒั นาระบบข้อมลู และการใช้ขอ้ มลู ได้ดีการบริการตา่ งๆ
เทคโนโลยสี าระสนเทศเปน็ สงิ่ ทจ่ี ำ� เปน็ สำ� หรบั การดำ� เนนิ การในหนว่ ยงานตา่ งๆ ปจั จบุ นั ทกุ หนว่ ยงานตา่ งพฒั นา
ระบบรวบรวมจดั เกบ็ ข้อมูลเพอื่ ใชใ้ นองค์กร
เทคโนโลยสี าระสนเทศเก่ยี วข้องกบั คนทกุ ระดบั พัฒนาการดา้ นเทคโนโลยีสาระสนเทศทำ� ใหช้ ีวติ ความเป็นอยู่
ของคนเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีน้ันจะเห็นได้จากการพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์การใช้ตารางค�ำนวณและใช้อุปกรณ์สื่อสาร
โทรคมนาคมแบบตา่ งๆ เป็นตน้
หมายเหตุ : ให้นักศกึ ษา ไดศ้ ึกษาเพิม่ เติมจากหนงั สือแบบเรยี นรายวิชาช่องทางการขยายอาชพี
30 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพ่ือยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
แบบทดสอบรายวิชาชอ่ งทางการขยายอาชีพ รหสั วชิ า อช31001
จงเลือกค�ำตอบท่ถี ูกที่สดุ เพียงค�ำตอบเดียว
1.ข้อใดให้ความหมายของการขยายขอบขา่ ยอาชีพได้ถกู 5. เงินทนุ คงทค่ี วามแตกต่างจากเงนิ ทนุ หมนุ เวียน
ต้องที่สุด อยา่ งไร
ก. การขยายอาชพี จากการทอ่ งเทยี่ ว
ก. เงินทุนคงทเี่ ปน็ คา่ ใช้จา่ ยรายวนั สว่ นเงนิ
ข. การขยายอาชพี จากการกับการสง่ เสริมสุขภาพและ ทุนหมนุ เวียนจา่ ยเพียงครัง้ เดียว
อนามัย ข. เงินทุนคงทีเ่ ป็นตน้ ทุนจม คนื ทนุ ช้า สว่ นเงนิ
ค. กิจกรรมทม่ี อี ยูส่ ามารถขยายอาชพี ท่ี เกี่ยวขอ้ งและ ทุนหมุนเวียนคืนกำ� ไรเปน็ ระยะๆ
สัมพันธ์ออกไปเป็นขอบขา่ ยอาชีพท่ีสรา้ งรายได้ ค. เงนิ ทนุ คงท่ี คือแรงงาน คา่ ซ้อื วตั ถุดิบ คา่
ง. การขยายอาชีพขอบข่ายอาชีพจากการตลาด ขนสง่ ค่าขนสง่ สว่ นเงนิ ทนุ หมนุ เวยี น คือคา่ จดั ตง้ั
2. การขยายอาชีพมีความสำ� คัญตอ่ ตนเอง ครอบครัว โรงงาน
ชุมชน สงั คม ประเทศ โลก ด้านใดเรียงลำ� ดับความสำ� คญั ง. เงนิ ทนุ คงทเี่ ป็นเงินท่ใี ชใ้ นการบริหารดำ� เนินกจิ การ
ไดถ้ ูกต้อง สว่ นเงนิ ทุนหมุนเวียนเปน็ เงนิ ทนุ ในการจดั หา
ก. เพ่ือตนเองและครอบครัว , เพอื่ ชุมชนและสังคม, ทรัพยส์ นิ ถาวร
ประเทศชาต,ิ โลก 6. ขอ้ ใดเป็นเทคนคิ การลดความยุง่ ยากสลบั ซบั ซ้อนของ
ข. เพื่อสังคม,ตนเอง,ครอบครัว,ประเทศชาต,ิ โลก การผลิต
ค. เพอื่ ตนเอง,ชุมชน,โลก,ประเทศชาต,ิ ครอบครวั , ก. เตรียมเคร่ืองมอื สนบั สนุนงานแต่ละข้ันตอน
สังคม ข. ประมาณเวลาท่จี �ำเป็นในการปฏบิ ัติแต่ละขนั้ ตอน
ง. เพื่อประเทศชาต,ิ โลก,ตนเอง,ครอบครวั ,ชุมชน, ค. เรยี งลำ� ดับข้ันตอนว่าอะไรควรทำ� กอ่ น อะไรควรท�ำ
สงั คม หลัง
3. การประกอบอาชพี ในชมุ ชน สังคม และส่วนใหญ่ ง. วางแผนว่าใครจะเปน็ ผู้กระทำ� กิจกรรมในแต่ละ
ประกอบอาชพี ใด ขัน้ ตอน
ก. อาชพี อตุ สาหกรรม
ข. อาชพี เกษตรกรรม 7. กลุ่มอาชีพใหม่ด้านความคดิ สร้างสรรคใ์ ช้
กระบวนการใดท่ีทำ� ใหป้ ระสบความส�ำเร็จในการ
ค. อาชพี หตั ถกรรม ประกอบอาชีพ ได้มากทีส่ ดุ
ง. ถกู ทุกขอ้
ก. การเพม่ิ มูลคา่ ของสินคา้
4. การพัฒนาวิธกี ารและศักยภาพในการแข่งขันตาม ข. การวางแผนการจำ� หน่ายสินค้า
กระบวนการผลติ ในระดบั โลกตอ้ งค�ำนงึ ถึงข้อใดเปน็ ค. การใช้ทรพั ยากรในปรมิ าณท่ีมาก
ส�ำคญั ง. การใช้แนวคิด สตปิ ัญญาสรา้ งงาน
ก. แหล่งวตั ถดุ บิ 8. การจดั การผลติ หมายถึง
ข. บริบทภมู ภิ าค
ค. ความตอ้ งการของตลาด ก. การวางแผนการผลติ ระยะ
ข. การบริหารจดั การในการขายสินค้า
ง. ประเพณแี ละวฒั นธรรม ค. การเตรยี มทรัพยากรเพ่ือเพมิ่ ผลผลิต
ง. กระบวนการแปรสภาพวตั ถุดบิ เปน็ สนิ ค้า
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน 31
ภาคเรียนท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
9. ขอ้ ใดคือความสำ� คญั ของการผลติ 15. ผูบ้ ริหารระดบั ใดมหี น้าทีเ่ รอื่ งการตลาด
ก. ทำ� ให้มงี านท�ำทค่ี วามมน่ั คง ก. ระดับสูง
ข. ท�ำใหม้ ีการขยายอาชีพ ข. ระดบั กลาง
ค. ทำ� ใหเ้ กิดสินคา้ และบรกิ าร ค. ระดบั ล่าง
ง. ท�ำให้เกิดทกั ษะความชำ� นาญในอาชีพ ง. ระดบั พนักงาน
10. ข้อใดเปน็ การปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานทถี่ กู ตอ้ ง 16. ปัจจบุ นั ธรุ กจิ อะไรท่ีเติบโตควบคกู่ บั การผลิต
ก. บรษิ ัทเอกชนก�ำหนดเวลาให้พนักงานพกั ก. การขนส่งสินคา้
ข. โรงงานแหง่ หนงึ่ ให้พนักงานทำ� งาน 50 ชัว่ โมง ข. การลงทนุ
ตอ่ สปั ดาห์ ค. การแปรรปู
ค. รา้ นขายของใหล้ ูกจา้ งทำ� งานวนั ละไมเ่ กิน 8 ชั่วโมง ง. การตลาด
ง. รา้ นหมูกระทะจ้างเดก็ อายุต�ำ่ กว่า 15 ปีเข้า 17. แผนประเภทใดทเี่ กิดผลชดั เจนที่สุด
ท�ำงาน ก. แผนระยะสนั้
11. สุนิสา เปน็ เจ้าของโรงงานผลติ เครือ่ งดม่ื ชกู ำ� ลงั แตไ่ ม่ ข. แผนระยะกลาง
มกี ารวางแผนการผลติ สินคา้ ค. แผนระยะยาว
ก. ยอดขายไมเ่ ป็นทนี่ า่ พอใจ ง. แผนพัฒนา
ข. พนักงานบรษิ ทั ไดร้ บั โบนสั ลดลง 18. แผนท่ใี หญท่ ส่ี ุดครอบคลมุ แผนอืน่ ๆ คอื ข้อใด
ค. จ�ำหน่ายสินค้าไมไ่ ดต้ ามเป้าหมาย ก. แผนท่กี ิจกรรม
ง. สินค้ามคี ณุ ภาพไมต่ รงตามความต้องการ ข. แผนทย่ี ุทธศาสตร์
12. ข้อใดเปน็ วธิ ีการจดั การตลาด ค. แผนกลยุทธ์
ก. การขนส่งสินคา้ ง. แผนทแี่ มบ่ ท
ข. การบรรจภุ ัณฑ์สนิ ค้า 19. จะท�ำอยา่ งไรให้ธรุ กิจมกี ำ� ไรมากทส่ี ดุ
ค. การแลกเปลย่ี นสินค้า ก. เพม่ิ ราคาสนิ คา้
ง. การกำ� หนดราคาสินคา้ ข. เพิ่มการประชาสัมพนั ธ์
13. ข้อใดเปน็ สามารถนำ� มาใช้กำ� หนดทศิ ทางการตลาด ค. เพมิ่ คณุ ภาพสนิ คา้
ในอนาคตได้ ง. ลดการสญู เสยี ลงเหลอื ตำ�่ สดุ
ก. การสำ� รวจข้อมลู ผ้บู ริโภค 20. แดง วเิ คราะห์รายการสินค้าไดแ้ ลว้ ขัน้ ตอนตอ่ ไปที่
ข. การสำ� รวจต้นทนุ การผลิต ตอ้ งปฏิบัติคอื ข้อใด
ค. การศึกษา โฆษณาทีไ่ ด้รบั ความนิยม ก. การจดั ท�ำงบการเงิน
ง. การศึกษาปญั หาในการจดั การการตลาด ข. การปรับปรงุ บัญชี
14. ขอ้ ใดคอื ขอ้ เสียของการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ ค. การผา่ นรายการจากสมุดบัญชขี นั้ ต้น
ก. มีการลงทุนน้อย ง. การบันทึกรายการลงในสมดุ บัญชขี น้ั ตน้
ข. ขายสินคา้ ได้ตลอด 24 ชัว่ โมง
ค. ตรวจสอบยอดสั่งซอ้ื ไดส้ ม่ำ� เสมอ
ง. ไมม่ หี น้าร้านท�ำใหไ้ ม่เห็นตัวสนิ ค้า
32 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพ่อื ยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
สรปุ เนื้อหารายวิชาทักษะการขยายอาชพี รหัสวิชา อช31002
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักศึกษาสามารถอธิบายความจ�ำเป็นในการฝึกทักษะอาชีพ กระบวนการผลิต กระบวนการตลาดท่ีใช้
นวัตกรรม เทคโนโลยี เพ่อื การขยายอาชพี ได้
2. นกั ศกึ ษาสามารถอธบิ ายความหมาย ความสำ� คญั ของการจัดการอาชีพ และระบบการจัดการ เพื่อการขยาย
อาชพี โดยพัฒนาตอ่ ยอด ประยุกตใ์ ช้ภูมปิ ัญญา และคำ� นึงถึงความหลากหลายทางชวี ภาพ
ขอบเขตเนื้อหา
มคี วามรู้ ความเขา้ ใจทักษะ ในอาชพี เพอ่ื สร้างความมน่ั คงบนพ้นื ฐานความรู้ ในกระบวนการผลติ กระบวนการ
ตลาด ทใ่ี ชน้ วตั กรรมเทคโนโลยที เ่ี หมาะสม มีความหลากหลายทางชวี ภาพ พฒั นาตอ่ ยอดและประยุกต์ใชภ้ ูมปิ ัญญา
บทท่ี 1 ทักษะในการขยายอาชีพ
แหลง่ เรียนรแู้ ละสถานทีฝ่ กึ ทกั ษะในการขยายอาชพี การถา่ ยทอดภูมิปัญญาจากเจ้าขององค์ความร้ไู ปสู่บุคคล
ท่ีรับการถ่ายทอด ส่วนใหญ่จะให้ความส�ำคัญกับเทคนิค ข้ันตอน วิธีการของการท�ำงานหรือการแก้ปัญหาการต่อยอด
ภูมิปัญญายกระดับความรู้ให้สูงขึ้น เป็นกระบวนการขั้นตอนการวิเคราะห์ภูมิปัญญาท้องถ่ิน เพื่อให้มีความรู้เกิดความ
กระจา่ งในองคค์ วามรขู้ องภมู ปิ ญั ญานำ� ไปสกู่ ารวเิ คราะห์ ระบทุ ฤษฎแี นวคดิ ยคุ ใหมใ่ ชย้ กระดบั ความรใู้ หส้ งู ขน้ึ การสรา้ ง
ความหลากหลาย การสร้างความหลากหลายในอาชีพ เป็นภูมิปัญญาเพื่อใช้สร้างภูมิคุ้มกันให้กับการด�ำรงชีวิตตาม
หลักทฤษฎใี หมข่ องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ร.9
บทท่ี 2 การทำ� แผนธรุ กิจเพือ่ การขยายอาชพี
แผนธรุ กจิ คอื แผนงานทางธุรกจิ ท่แี สดงกจิ กรรมต่างๆ ที่ตอ้ งปฏบิ ัติในการลงทนุ ประกอบการ โดยมีจุดเร่มิ ตน้
จากจะผลิตสินค้าและบริการอะไร มีกระบวนการปฏิบัติอย่างไรและผลจากการปฏิบัติออกมาได้มากน้อยแค่ไหน ใช้
งบประมาณและกำ� ลงั คนเทา่ ไร เพือ่ ใหเ้ ปน็ สินคา้ และบริการแกล่ ูกคา้ และจะบริหารธุรกิจอย่างไรธุรกิจจึงจะอยู่รอด
การวเิ คราะหช์ มุ ชน หมายถงึ การนำ� ขอ้ มลู ทว่ั ไปของชมุ ชนทเ่ี ราอาศยั อาจจะเปน็ หมบู่ า้ น ตำ� บลหรอื อำ� เภอ มา
พิจารณา โดยจำ� แนกข้อมลู ตา่ งๆ เพอ่ื ให้ทราบถึงประเดน็ ปญั หา ความต้องการท่แี ท้จริงของชุมชน เพ่อื จะนำ� มากำ� หนด
แนวทางการขยายอาชพี ให้ตอบสนองตรงกบั ความต้องการของคนในชุมชน
บทท่ี 3 การจดั การความเสยี่ ง
สภาวะท่ีจะท�ำให้เกิดความเสียหาย หมายถึง สภาพเง่ือนไขท่ีเป็นสาเหตี่ท�ำให้เกิดความเสียหายเพิ่มสูงขึ้น
โดยสภาวะต่างๆ ท้ังทางดา้ นกายภาพและจิตส�ำนึก
องคป์ ระกอบการจัดการความเสยี่ ง มาตรการขจดั หรือลดความรุนแรง อันตรายของภัยทีต่ อ้ งประสบมาตรการ
ท่ีป้องกันผู้รับภัยมิให้ต้องประสบภัยโดยตรง มาตรการลดความรุนแรงของสถานการณ์ฉุกเฉินมาตรการกู้ภัย และ
มาตรการกลบั คืนสภาพ
การวเิ คราะหป์ จั จยั ความเสยี่ งทางธรุ กจิ จะใชธ้ รุ กจิ เราเปน็ ตวั ตงั้ แลว้ มองสงิ่ แวดลอ้ มรอบธรุ กจิ และตวั ธรุ กจิ เอง
ว่ามีอะไรบ้างเป็นจุดส�ำคัญ ประโยชน์ของการวิเคราะห์ปัจจัยความเส่ียง ประกอบด้วย สามารถสร้างเสริมความเข้าใจ
การดำ� เนนิ การของธรุ กจิ และจดั ทำ� แผนธรุ กจิ ทใ่ี กลเ้ คยี งความเปน็ จรงิ มากขน้ึ ในเรอื่ งการประมาณการคา่ ใชจ้ า่ ยและระยะ
เวลาดำ� เนนิ การ ในการเพม่ิ พนู ความเขา้ ใจความเสยี่ งในธรุ กจิ มากขนึ้ ซงึ่ มอี สิ ระในการพจิ ารณาความเสยี่ งของธรุ กจิ และ
ทำ� ให้ยอมรบั ความเสยี่ งได้มากขน้ึ
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพอ่ื ยกระดบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น 33
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
บทท่ี 4 การจดั การผลติ หรอื บรกิ าร
การใชน้ วตั กรรมและเทคโนโลยกี ารผลติ เป็นการพัฒนาความสามารถในการผลติ ผลติ ภัณฑข์ องมนษุ ย์ ชว่ ยใน
การแกป้ ญั หาและสนองความต้องการของมนษุ ย์อยา่ งสรา้ งสรรค์
นวตั กรรม หมายถงึ ความคดิ การปฏบิ ตั ิ หรอื สงิ่ ประดษิ ฐใ์ หม่ ทยี่ งั ไมเ่ คยมใี ชม้ ากอ่ นหรอื เปน็ การพฒั นาดดั แปลง
มาจากของเดมิ ท่มี ีอยูแ่ ล้ว
กระบวนการเทคโนโลยใี นการผลติ กระบวนการเทคโนโลยใี นการผลติ เปน็ กระบวนการทเี่ กยี่ วกบั การแกป้ ญั หา
โดยการใช้ความคิดริเรม่ิ สรา้ งสรรคแ์ ละรอบคอบ
บทที่ 5 การจัดการการตลาด
การจัดการการตลาด การด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ ด้านธุรกิจ ซึ่งจะต้องมีการวางแผนการผลิต การโฆษณาการ
ประชาสมั พนั ธ์ การวจิ ยั การตลาด การสง่ เสรมิ การขาย การทำ� ฐานขอ้ มลู ลกู คา้ การกระจายสนิ คา้ การกำ� หนดราคา การ
จดั จำ� หนา่ ย ตลอดจนการด�ำเนินการทกุ อย่างเพอ่ื สนองความตอ้ งการ และบรกิ ารใหแ้ กผ่ ู้ซ้อื หรือผู้บรโิ ภคพอใจ
การนำ� แผนไปปฏบิ ตั แิ ละการควบคมุ เปน็ กระบวนการทผี่ ทู้ ำ� การตลาด ตอ้ งดำ� เนนิ งานตามแผนการตลาดทวี่ าง
ไว้ ด้วยความม่นั ใจวา่ สามารถบรรลุวตั ถปุ ระสงคไ์ ด้
บทที่ 6 บญั ชีธรุ กจิ
บญั ชธี รุ กิจ ระบบประมวลข้อมลู ทางการเงนิ การจดบันทึกรายการคา้ ต่างๆท่ีเกยี่ วกับการรับ- จา่ ยเงนิ สง่ิ ของ
และสิทธทิ ี่มลู ค่าเปน็ เงนิ ไวใ้ นสมุดบัญชอี ย่างสม�่ำเสมอ
ความส�ำคญั ของการท�ำบัญชี เปน็ เครือ่ งมอื วดั ความสำ� เร็จในการด�ำเนินธรุ กจิ เป็นเคร่ืองมือช่วยในการวางแผน
และตัดสินใจในธรุ กจิ และเปน็ เครือ่ งมือในการวางแผนกำ� ไร
ประเภทและข้ันตอนของการท�ำบัญชีธุรกิจ บัญชีการเงิน หมายถึง การเพ่ิมข้ึนของประโยชน์เชิงธุรกิจในรอบ
ระยะเวลาบญั ชี ในรูปแบบของกระแสเข้าหรอื การเพิ่มข้นึ ของสนิ ทรพั ย์
บญั ชีสนิ ทรัพย์ หมายถงึ ทรพั ยากรท่มี ีอยู่ในความควบคุมของกิจการ
บัญชรี ับ – จา่ ย หมายถงึ การจดบนั ทึกรายการขอ้ มูลดา้ นการเงนิ ของการปฏบิ ตั งิ าน ทัง้ ทเี่ ก่ยี วกบั รายการทรี่ ับ
เข้ามาและรายการทีต่ ้องจ่ายออกไป
บทท่ี 7 การขับเคลอื่ นธุรกิจเพ่อื การขยายอาชีพ
ส่ิงท่ีต้องวิเคราะห์ในแผนปฏิบัติการขยายธุรกิจ ความถูกต้องน่าเช่ือถือของข้อมูลพื้นฐานท่ีจะน�ำมาใช้ก�ำหนด
แผน ข้อมูลที่ได้มามีความเที่ยงตรงเพียงพอ การตรวจติดตามคุณภาพการท�ำงานมี การทบทวนโครงการ/กิจกรรม
จดั ท�ำแผนการตรวจติดตาม ทำ� ความเขา้ ใจรว่ มกนั ใหช้ ัดเจน และประเมนิ คณุ ภาพการทำ� งาน เข้าระบบการท�ำงาน
บทที่ 8 โครงการขยายอาชีพ
โครงการ แผนงานย่อย แผนการดำ� เนินงานหรอื กจิ กรรมท่ีจะน�ำไปปฏบิ ัติ โดยมีวัตถุประสงค์ในการดำ� เนนิ งาน
ท่ชี ดั เจน มรี ะยะเวลาเร่ิมตน้ มรี ะเบยี บแบบแผนในการปฏบิ ตั ิ ซึง่ ประกอบดว้ ย
ประโยชน์ของโครงการ ช่วยอ�ำนวยความสะดวกแก่ผู้อ่าน ช่วยประหยัดเวลาแก่ผู้อนุมัติช่วยให้การปฏิบัติงาน
ตามโครงการเป็นไปตามวัตถปุ ระสงค์ เป็นการแสดงถงึ ประสบการณก์ ารทำ� งานของผู้เขียนโครงการแผนปฏิบตั ิการ คอื
เครื่องค�้ำประกันว่าเป้าหมายในการท�ำงาน มีโอกาสบรรลุเป้าหมาย การตรวจสอบโครงการ หมายถึง โครงการและ
ตวั ช้ีวัดซึ่งใช้สำ� หรับตรวจสอบความคืบหนา้ ของโครงการ ตลอดอายขุ องโครงการ
หมายเหตุ : ให้นักศกึ ษา ไดศ้ ึกษาเพ่มิ เตมิ จากหนังสือแบบเรียนรายวิชาทกั ษะการขยายอาชีพ อช31002
34 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพอ่ื ยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
แบบทดสอบรายวิชาทักษะการขยายอาชีพ รหสั วชิ า อช31002
จงเลือกคำ� ตอบทถ่ี กู ทีส่ ดุ เพียงค�ำตอบเดียว 6. กระบวนการทำ� งานควบคมุ คณุ ภาพข้นั ตอนใดส�ำคัญ
ที่สดุ ทจ่ี ะทำ� ใหเ้ กดิ การขยายอาชพี
1. ข้อใดเปน็ เหตุผลส�ำคญั ทีผ่ ูป้ ระกอบอาชีพนยิ มน�ำ ก. D (Do) การท�ำงานตามแผน
เทคโนโลยมี าใชใ้ นการขยายอาชพี ข. P (Plan) การวางแผนปฏบิ ัตกิ าร
ก. ประหยัดค่าใชจ้ ่าย ค. A (Action) ปฏบิ ัติการแก้ไขข้อบกพร่อง
ข. ทำ� งานได้อย่างรวดเร็วถกู ตอ้ ง ง. C (Check) ตดิ ตามตรวจสอบหาขอ้ บกพรอ่ ง
ค. ไม่ย่งุ ยากในการด�ำเนนิ งาน 7. ขอ้ ใดเปน็ ประโยชน์สงู สดุ ของการฝกึ ทกั ษะอาชพี
ง. ท�ำงานไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์ ก. มคี วามมานะอดทน
2. ขอ้ ใดอธบิ ายความจำ� เปน็ ในการฝกึ ทกั ษะอาชีพได้ดี ข. มีทักษะการปฏิบตั ิงาน
ที่สุด ค. มคี วามคิดรเิ ร่มิ สร้างสรรค์
ก. เพ่อื ให้เข้าใจถงึ การประกอบธุรกจิ ตา่ งๆ ง. มีความรูเ้ ฉพาะในงานอาชพี
ข. เพอื่ ให้การขยายอาชีพเริม่ ตน้ ไดเ้ หมาะสม 8. ขอ้ ใดคอื เป้าหมายของการจัดการอาชีพ
เฉพาะกบั ตนเอง ก. เขา้ ใจถงึ อาชีพนัน้ ๆ
ค. เพอ่ื ประเมินความเปน็ ไปได้ในการประกอบ ข. ผใู้ ช้บรกิ ารเหน็ ถึงความสำ� คญั
ธรุ กิจตา่ งๆ ค. บรรลวุ ัตถปุ ระสงคข์ องกิจการ
ง. เพือ่ ให้รูแ้ ละเข้าถงึ รายละเอยี ดของการสร้าง ง. สามารถสร้างภมู ิคุ้มกันให้แกผ่ ้บู รหิ ารได้
อาชพี ใหก้ ับคนในชมุ ชน 9. ข้อ ใดคือสาเหตสุ �ำคญั ท่ีสุดของการใช้ เทคโนโลยใี น
3. ขอ้ ใดเนน้ การใชเ้ ทคโนโลยีเพื่อการขยายอาชีพ การส่งเสริมการขยายอาชีพ
ก. วนั ชัย เปดิ ขายสนิ ค้าทางเว็บไซต์ ก. ไมท่ �ำลายส่งิ แวดล้อม
ข. อรุณ ใชเ้ คร่อื งคิดเลขในการคดิ เงนิ ข. ประหยัดค่าใช้จ่าย
ค. ชัยยศ โฆษณาสินค้าทางวทิ ยชุ ุมชน ค. ท�ำงานได้อย่างรวดเร็ว
ง. ดิเรก ใชเ้ คร่ืองบันทกึ เงินสดส�ำหรับรา้ นค้า ง. ประหยดั พลังงาน
4. ข้อใดใชน้ วตั กรรมเทคโนโลยเี พื่อการขยายอาชพี 10. บุคคลใดวางแผนระบบการจัดการอาชพี เพอื่ การ
ก. จา้ งคนงานเพิ่ม ขยายอาชีพไดด้ ที ส่ี ดุ
ข. ซอ้ื เครอื่ งมอื เพ่มิ ก. มานะ ศกึ ษาขัน้ ตอนวิธีการแปรรปู ทเุ รียนในการ
ค. เพิ่มวตั ถุดิบในการผลติ ส่งออก
ง. ประชาสมั พันธผ์ ่านสอื่ ออนไลน์ ข. หนนู า มคี วามร้ดู า้ นการท�ำปยุ๋ หมักชีวภาพ
5. ข้อใดหมายถงึ การจดั การอาชพี ได้ดี ค. มาลี เรยี นรงู้ านได้รวดเร็วและมปี ระสิทธภิ าพ
ก. การพัฒนาอาชพี ให้มีความม่ันคง ง. สมปอง ท�ำมะมว่ งดองขายในตลาด
ข. การขยายงานอาชีพใหม้ ีความหลากหลาย
ค. กระบวนการทที่ �ำให้เกิดการขยายงานอาชีพ
ง. กระบวนการทำ� งานอาชีพท่ีมปี ระสิทธิภาพ
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพอ่ื ยกระดับผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น 35
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
11. ขอ้ ใดมคี วามสำ� คญั มากทส่ี ดุ ทจี่ ะทำ� ให้การขยาย 17. เพราะเหตุใดจึงควรมีการส�ำรวจและเลอื กสถานที่ใน
อาชีพตรงตามความต้องการของลกู คา้ การฝกึ ทกั ษะอาชพี
ก. ผลิตสนิ คา้ ราคาถกู ก. ไมเ่ สยี คา่ ใช้จ่ายสูง
ข. การเปล่ยี นอาชพี อยา่ งสม�่ำเสมอ ข. ตรงกับความต้องการ
ค. มีการพัฒนาสนิ คา้ อย่างสมำ่� เสมอ ค. เกิดความสะดวกสบาย
ง. จดั หาสถานทขี่ ายใหส้ ะดวกกับลกู คา้ ง. ไมเ่ สียเวลาในการเดินทาง
12. การสรา้ งความหลากหลายทางชีวภาพสามารถตอ่ ย 18. แหลง่ เรยี นรู้และสถานทีฝ่ กึ ทกั ษะในการขยายอาชีพ
อดการขยายอาชพี ไดอ้ ยา่ งไร มคี วามแตกตา่ งกันอย่างไร
ก. ผลผลติ เพมิ่ มีรายได้ อาชีพม่นั คงยงั่ ยนื ก. แหลง่ เรยี นรู้เปน็ สถานประกอบการสถานท่ี
ข. มอี าชพี ทสี่ ามารถท�ำรายได้ ฝึกทักษะเป็นแหลง่ ขอ้ มูลข่าวสาร
ค. ผลผลิตมีความหลากหลาย ข. แหลง่ เรียนร้เู ปน็ แหลง่ ขอ้ มูลขา่ วสารสถานที่ฝึก
ง. มรี ายไดท้ สี่ งู ข้ึนกวา่ เดมิ ทกั ษะ เป็นสถานประกอบการ
13. ขอ้ ใดคอื แหลง่ เรียนรใู้ นทอ้ งถน่ิ ค. แหล่งเรยี นร้เู ป็นศูนย์ฝึกอาชพี สถานท่ีฝกึ
ก. วดั ทกั ษะไมใ่ ชฝ่ กึ อาชพี
ข. มมุ รกั การอา่ น ง. ไมม่ ีความแตกต่าง
ค. ห้องคอมพวิ เตอร์ 19. การฝกึ ทักษะอาชพี ใหป้ ระสบความสำ� เรจ็ ต้องเรม่ิ ตน้
ง. หอ้ งสมุดเคลอื่ นท่ี จากสงิ่ ใด
14. ข้อใดเปน็ แหลง่ เรียนร้ทู างวิชาการในชุมชน ก. การวางแผน
ก. สวนสาธารณะ ข. การระดมทนุ
ข. โบราณสถาน ค. การพฒั นาคน
ค. กศน.ต�ำบล ง. การพฒั นาผลิตภณั ฑ์
ง. สวนสัตว์ 20. ข้อใดเป็นกระบวนการวางแผนการฝกึ ทกั ษะอาชพี ได้
15. ขอ้ ใดเป็นแหลง่ เรียนรดู้ า้ นอาชีพในชุมชน ถูกต้อง
ก. ประพจน์ มาดูโรงโมห่ ิน ก. ศึกษาความร้เู ก่ียวกบั อาชีพท่ตี นเองสนใจ
ข. สมใจ ไปดงู านสนิ คา้ OTOP ในเมือง และถนดั
ค. นกั ศกึ ษา กศน. มาดูงานแปรรปู ขมน้ิ ชนั ใน ข. ตัดสินใจเลอื กอาชพี ทตี่ นเองสนใจและถนดั
หมบู่ ้าน ค. ศึกษาความรเู้ ก่ยี วกับอาชีพตามผ้อู ืน่
ง. ไพลิน นำ� นักศกึ ษามาเยยี่ มชมโรงงานไฟฟ้า ง. ตัดสินใจเลือกอาชพี ตามผอู้ นื่
16. ถ้าตอ้ งการเรียนรู้การรกั ษาโรคดว้ ยสมุนไพรใน
ทอ้ งถนิ่ ควรไปศกึ ษาจากแหล่งรูใ้ ด
ก. กศน.ตำ� บล
ข. ปราชญช์ าวบ้าน
ค. ศนู ยฝ์ กึ อาชีพชมุ ชน
ง. โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพชุมชน
36 แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพื่อยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
สรปุ เน้ือหารายวิชาพัฒนาอาชพี ใหม้ คี วามมัน่ คงอาชพี รหัสวชิ า อช31003
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักศกึ ษามคี วามรู้ ความเขา้ ใจ หลักการพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สังคม
2. นกั ศึกษาสามารถวเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายขอ้ มูลของตนเอง ครอบครัว ชุมชนสงั คมดา้ นต่างๆได้
3. นักศึกษาเหน็ ความสำ� คญั เกิดความตระหนัก และมีส่วนรว่ มในการจัดท�ำแผนพัฒนาชุมชนสังคม
4. นักศกึ ษาสามารถอธบิ ายและก�ำหนดแนวทางการพฒั นาตนเองครอบครวั ชมุ ชน สังคมได้
5. นักศึกษาสามารถอธบิ าย บทบาท หนา้ ทข่ี องผู้นำ� ชมุ ชน และผ้ตู ามท่ดี ีในชุมชนได้
6. นักศกึ ษาสามารถบอกวธิ กี ารขับเคลือ่ นแผนพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชนสังคม ได้อย่างเหมาะสมกับ
ท้องถิน่ และสงั คม
ขอบเขตเน้ือหา
การประกอบอาชีพท่ีมีการพฒั นาสนิ คา้ หรือบริการ หรือ ผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความตอ้ งการของลูกคา้ อยู่ต ลอด
เวลา มีส่วนครองตลาดไดตามความต้องการของผู้ผลิต และเกิดความมั่นคงในอาชีพ เป็นกระบวนการส่งเสริมพัฒนา
ให้บุคคล มีศักยภาพในการท�ำธุรกิจให้มีความก้าวหน้าในอาชีพ โดยมีแนวทางการวิเคราะห์ปัจจัย ท่ีใช้ในการพัฒนา
ศักยภาพธุรกิจเพอื่ ความม่ันคงในอาชพี เช่น อาชีพและทิศทางของอาชีพทจี่ ะท�ำนโยบายการพฒั นาอาชีพ การวางแผน
การพัฒนาอาชีพ กลยุทธ์การพัฒนาอาชีพการประเมิน และการพัฒนาอาชีพ ความหมาย ความส�ำคัญ ของข้อมูล
ประโยชนข์ องข้อมูลตนเอง ชมุ ชน สังคม เทคนิคและวิธีการจัดเกบ็ ขอ้ มลู เชน่ การจดั เวทีประชาคม การสำ� รวจขอ้ มูล
โดยใชแ้ บบสอบถาม การสืบคน้ ขอ้ มลู จากแหลง่ ต่างๆ ฯลฯ การวเิ คราะห์ข้อมูลเพ่ือการจดั ทำ� แผนพัฒนาตนเอง ชุมชน
สังคม และการน�ำไปใช้บทบาทหนา้ ที่ของผู้น�ำ ผูต้ าม ดา้ นการจัดทำ� แผนพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สงั คม และการขบั เคลอ่ื น
แผนพัฒนาตนอง ชมุ ชน สังคม สกู่ ารปฏบิ ตั ิ
บทท่ี 1 ความหมาย ความส�ำคญั และความจำ� เป็นของการพัฒนาอาชพี เพ่ือความมั่นคง
1.1 ความหมายของการพัฒนาอาชพี
การพัฒนาอาชีพ หมายถงึ การประกอบอาชีพท่มี กี ารพฒั นาสินค้าหรือบริการ หรือ ผลิตภณั ฑใ์ ห้ตรงกับความ
ต้องการของลูกค้าอย่ตู ลอดเวลา มีสว่ นครองตลาดไดตามความตอ้ งการของผ้ผู ลติ และเกิดความมนั่ คงในอาชพี เปน็ ก
ระบวนการส่งเสริมพัฒนาให้บุคคล มีศักยภาพในการท�ำธุรกิจให้มีความก้าวหน้าในอาชีพ โดยมีแนวทางการวิเคราะห์
ปัจจัย ท่ีใช้ในการพัฒนาศักยภาพธุรกิจเพื่อความม่ันคงในอาชีพ เช่น อาชีพและทิศทางของอาชีพท่ีจะท�ำนโยบายการ
พฒั นาอาชีพ การวางแผนการพฒั นาอาชีพ กลยทุ ธ์การพัฒนาอาชีพการประเมิน และการพฒั นาอาชีพ
1.2 ความสำ� คญั และความจ�ำเปน็ ของการพัฒนาอาชีพ
ในการพัฒนาอาชีพ ทุกสายอาชีพสามารถพัฒนาไดหมด มีความก้าวหนา้ ไดท้ กุ แหง แนวทางการพฒั นาอาชพี
มีหลักพนื้ ฐานทั่วไปที่คนประกอบอาชีพน้นั ๆ ควรจะรแู ละปฏิบัติ คอื ตองรูจักอาชพี ของตนเองใหด้ พี อ รูท ศิ ทางของ
อาชีพของตน รูโลกท่เี ปล่ยี นแปลงตลอดเวลา วางแผนชีวิตและการทำ� งาน กำ� หนดนโยบายการพัฒนาอาชีพของตนเอง
ต้ังเป้าหมาย แบง ระยะใหเ้ หน็ เป็นรปู ธรรมธรรม วางกลยุทธพ์ ัฒนาอาชีพ ลงมือปฏิบตั ิ ประเมนิ ผล ปรบั ปรงุ และพฒั นา
การพัฒนาอาชีพมคี วามสำ� คัญและความจ�ำเป็น ดงั นี้
1) ช่วยใหม้ ีสนิ คา้ ท่ีดีตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
2) ช่วยใหผ้ ผู้ ลติ ผลิตไดมกี ารคดิ ค้นผลติ ภณั ฑ์ หรอื สินค้าได้ตลอดเวลา
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพอ่ื ยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน 37
ภาคเรียนท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
3) ชว่ ยให้มกี ารน�ำนวัตกรรมและเทคโนโลยเี ข้ามาใช้ ในกระบวนการผลติ ทำ� ให้สินค้ามคี ุณภาพขนึ้
4) ช่วยให้เศรษฐกจิ ชมุ ชนและเศรษฐกิจของประเทศดีขนึ้
5) ชว่ ยใหบ้ คุ คลมคี วามสามารถจะประกอบอาชพี ตอ่ ไป ทำ� ใหเ้ กดิ ความมน่ั คง ในอาชพี ของตนเอง และ
ก้าวสู่ความก้าวหน้าในอาชพี ที่ประกอบอยูตอ่ ไป
บทที่ 2 การจัดท�ำแผนการพัฒนาการตลาดเพือ่ ความมน่ั คงในอาชีพ
การกำ� หนดทศิ ทางการตลาด เปา้ หมาย กลยทุ ธ์ ในการขยายอาชพี จดุ แขง็ (Strengths) หมายถงึ งานทเ่ี ราถนดั
ท�ำแล้วมคี วามสขุ งานทโ่ี ดดเดน ชมุ ชนชน่ื ชอบ ทรพั ยากรและเคร่ืองมือมคี วามพรอม จดุ อ่อน(Weakness) หมายถงึ
งานทเ่ี ราไมส บายใจที่จะทำ� ตอ งการรับความชว่ ยเหลอื จากคนอ่ืนมีทกั ษะ บางอย่างเรายังไมมั่นใจ และขาดทรพั ยากร
ในการท�ำงานให้บรรลุเป้าหมาย โอกาส (Opportunities) หมายถึง โอกาสท่ีก�ำลังเกิดขึ้นท่ีจะท�ำให้เราประสบความ
สำ� เรจ็ มีเคร่อื งมือใหม่ที่ไดรบั การสนบั สนนุ มีสว่ นแบ่งของตลาดท่เี รามองเหน็ และมบี คุ ลากรมศี กั ยภาพท�ำให้งานส�ำเรจ็
ไดง ่ายขึ้น อปุ สรรค (Threats) หมายถึง ใครคอื คูแ ขง่ ขันที่ท�ำให้ดกี ว่าเรา สภาพแวดลอ้ มเปลยี่ น จะทำ� ใหแ้ ผนโครงการ
เรามีปัญหา และความขัดข้องจะเกิดจากเราเอง ความม่ันคงในอาชีพเป็นการจัดการทางจิตใจของผูประกอบการและ
ระบบงานให้การประกอบอาชพี ด�ำเนินไปอย่างมีความแน่นอน ทนทาน ล่มสลายไดยาก โดยอาศัยพน้ื ฐาน ของการคดิ
เปน็ องคป์ ระกอบของการพัฒนาอาชพี สคู วามมน่ั คง โดยใช้ หลักปรชั ญา “คิดเปน็ ” โดยมขี ้อมูลดา้ นต่าง ๆ ดงั น้ี
1. ดา้ นตนเอง อยู่บนฐานของคุณธรรม
2. ดา้ นสังคม อย่บู นฐานของการพัฒนา
3. ดา้ นวิชาการ อยู่บนฐานของการลดความเสี่ยงในผลผลติ
ซึ่งเป็นกระบวนการท่ีต้องใช้ข้อมูลเข้ามาคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์และตัดสินใจอย่างเป็นระบบ จะน�ำอาชีพไป
สคู วามมนั่ คงได สว นการนำ� “หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง” มาเปน็ แนวทางในการพฒั นา อาชพี สคู วามมนั่ คง ภาย
ใต้ 3 หว ง 2 เงื่อนไข ไดแ ก ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล และมีภูมิคุ้มกนั ในตวั ท่ดี ี และเงื่อนไขของความรคู ูคุณธรรม
บทท่ี 3 การพัฒนาธรุ กิจเชงิ รกุ เพอื่ ความมนั่ คงในอาชพี
ความจ�ำเป็นและคณุ ค่าของธรุ กิจเชิงรุก
ธรุ กจิ เชงิ รกุ หมายถงึ การบรหิ ารจดั การธรุ กจิ แบบมแี บบแผนเปน็ ระบบการพฒั นางานทดี่ ี อำ� นวยประโยชนใ์ ห้
ผปู้ ระกอบการ สามารถวางแผนติดตามและควบคมุ ใหก้ ารดำ� เนนิ งานในทุกดา้ นไดอยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ความจำ� เปน็ และคณุ คา่ ของธรุ กจิ เชงิ รกุ ธรุ กจิ เชงิ รกุ เปน็ ความพยายามทจี่ ะหาวธิ กี ารใหไ้ ดเ ปรยี บทางการแขง่ ขนั
ทางธรุ กจิ เปน็ การพฒั นาสนิ คา้ ใหต้ รงกบั ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค สนิ คา้ ไดร้ บั การตอ่ เนอ่ื งตลอดเวลา ผบู้ รโิ ภคมโี อกาส
เลอื กซอ้ื สนิ คา้ ไดอ้ ยา่ งหลากหลาย เปา้ หมายทส่ี ำ� คญั ทสี่ ดุ ของธรุ กจิ เชงิ รกุ คอื การชว่ งชงิ สว่ นแบง่ การตลาดจากคแู ขง่ ขนั
มาเป็นของตนใหไ้ ดม ากทสี่ ดุ
บทท่ี 4 การแทรกความนิยมเข้าสู่ความตอ้ งการของผบู้ ริโภค
ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภค หมายถงึ ความอยากไดใ นสนิ คา้ และบรกิ ารซงึ่ ทำ� ให้ เกดิ ความพอใจเมอื่ ความตอ้ งการ
และความอยากไดร บั การตอบสนอง ทง้ั จากประโยชนใ ชส้ อยในตวั สนิ คา้ และบรกิ าร และอรรถประโยชนจ ากการบรโิ ภค
สนิ คานน้ั ความตอ้ งการของผบู ริโภค แบง ออกได 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. ความต้องการทางด้านร่างกาย คือ ความหวิ การนอน การพกั ผ่อน ความอบอนุ
2. ความต้องการดา้ นอารมณ์หรือจิตวทิ ยา คอื ความปลอดภยั ความรัก การยอมรบั ความพอใจ ความงาม
การพัฒนาอาชีพให้มีความม่ันคง การพัฒนาอาชีพเข้าสู่ความมั่นคง ผู้ที่ประสบความส�ำเร็จจะมีลักษณะการ
ทำ� งานท่ีข้นึ อยูก่ บั องคป์ ระกอบอย่างน้อย 3 ประการ ดงั นี้
38 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพ่อื ยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
1. การลดความเสยี่ งในผลผลิต
2. ความม่งุ มัน่ พัฒนาอาชีพ
3. การยึดหลักคณุ ธรรม
การวิเคราะห์ความเป็นไปไดของแผนการตลาด การผลิตหรือบริการ เป็นการแปลงความคิดให้อยู่ในรูปแบบ
ของการจดั ทำ� แผนปฏบิ ตั กิ ารโดยมจี ดุ มงุ่ หมายหรอื วตั ถปุ ระสงคข์ อง การจดั ทำ� แผนใหบ้ รรลผุ ลสำ� เรจ็ ตามเปา้ หมายทต่ี ง้ั
ไว และนำ� ไปสู่ก ารเขยี นโครงการพฒั นา 42 อาชพี ซ่งึ ใช้รปู แบบการเขียนโครงการตามขนั้ ตอนและมกี ารตรวจสอบความ
เป็นไปไดของโครงการพัฒนาอาชีพด้วยกระบวนการวิเคราะห์ปัจจัยน�ำเข้าเป็นเร่ืองทรัพยากรในการบริหารโครงการ
วิเคราะห์วิธีการและขั้นตอนท่ีใช้ในการบริหารจัดการ และการวิเคราะห์ผลผลิตหรือผลลัพธ์ท่ีเกิดข้ึน เพ่ือการปรับปรุง
โครงการพฒั นาอาชพี โดยใช้ หลักการประเมินขอ้ มลู นำ� เข้า ประเมนิ กระบวนการ และประเมนิ ผลงาน
หมายเหตุ : ให้นกั ศกึ ษา ไดศ้ ึกษาเพิ่มเตมิ จากหนังสอื แบบเรยี นรายวชิ าพัฒนาอาชีพใหม้ คี วามมน่ั คง อช31003
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพอ่ื ยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน 39
ภาคเรียนท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
แบบทดสอบรายวิชาพฒั นาอาชพี ให้มคี วามมั่นคงอาชพี รหัสวชิ า อช31003
จงเลอื กค�ำตอบถูกต้องท่ีสุดเพยี งคำ� ตอบเดยี ว ข้อ 5 นายเกษตร ตัดสินใจปลูกสตรอว์เบอรร์ ่ใี นพื้นท่ี
จงั หวดั เชยี งใหม่ แสดงว่าเขาวเิ คราะหศ์ ักยภาพทางดา้ น
ขอ้ 1. การพัฒนาอาชพี ให้มีความมน่ั คงมีความ ใด
สอดคลอ้ งกบั ขอ้ ใด ก. ดา้ นท�ำเลทีต่ ัง้ ในแตล่ ะพ้ืนท่ี
ก. การพฒั นาสนิ ค้าหรอื ผลติ ภณั ฑ์ให้ตรงกบั ข. ดา้ นพื้นที่ท�ำตามลักษณะภมู ิอากาศ
วัฒนธรรมทอ้ งถิน่ ค. ดา้ นทรพั ยากรมนษุ ย์ในแต่ละพื้นท่ี
ข. การพฒั นาสนิ คา้ หรือผลติ ภัณฑใ์ ห้ตรงกบั ง. ดา้ นศิลปวัฒนธรรม ประเพณีแตล่ ะพ้ืนท่ี
ความตอ้ งการของลกู คา้ ข้อ 6 การก�ำหนดทศิ ทางการตลาด หมายถงึ ขอ้ ใด
ค. การพฒั นาสินคา้ หรอื ผลิตภัณฑ์ใหต้ รงกบั ก. การดำ� เนินธรุ กจิ ใหไ้ ด้ก�ำไรสงู สุด
สภาพภูมอิ ากาศในท้องถ่ิน ข. การจัดการขายสินค้าใหส้ นองความตอ้ งการ
ง. การพฒั นาสินคา้ หรือผลิตภณั ฑใ์ ห้ตรงกับ ของผู้บรโิ ภค
ความต้องการของสถานประกอบการ ค. การกำ� หนดกลยุทธ์ทางการตลาดใหส้ ามารถ ขาย
ขอ้ 2. ถา้ ท่านต้องการขยายตลาดในการทำ� ธุรกิจควร สินคา้ ให้ไดก้ ำ� ไรสงู สดุ
คำ� นึงถึงข้อใด ง. การกำ� หนดกลยุทธท์ างการตลาดใหต้ อบ
ก. ทุน วัตถุดิบ การคมนาคม สนองความตอ้ งการของผ้บู ริโภค
ข. ทนุ ผู้บริโภค การกระจายสนิ คา้ ขอ้ 7. บุคคลใดกำ� หนดเปา้ หมายทางการตลาดได้
ค. ทุน แรงงาน การแขง่ ขันทางการตลาด สมบูรณท์ ส่ี ดุ
ง. ทุน แรงงาน วสั ดุอุปกรณ์ และการ ประกอบการ ก. สนุ ันท์ ตงั้ เป้าหมายว่าต้องเพิ่มสาขารา้ น
ขอ้ 3 การวเิ คราะห์ศักยภาพทางธรุ กจิ มคี วามจ�ำเป็น ขนมปังให้ไดม้ ากทส่ี ดุ
อยา่ งไร ข. จิตรา ตั้งเปา้ หมายวา่ ตอ้ งเพ่ิมการจ�ำหนา่ ย
ก. เพื่อกำ� หนดทิศทางในการดำ� เนนิ ธุรกจิ ให้มี ทุเรยี นใหม้ ากข้ึน 20 เปอร์เซน็ ภายใน 2 ปี
ความมน่ั คงขน้ึ ค. อรัญญา ตง้ั เป้าหมายวา่ จะพฒั นาหลกั สตู ร
ข. เพอ่ื แกไ้ ขข้อบกพร่องในการด�ำเนินการพฒั นา การทำ� เตา้ เจย้ี วไปเรอ่ื ยโดยไมก่ ำ� หนดเวลา
อาชีพ ง. วิรตั น์ ตง้ั เปา้ หมายวา่ จะโฆษณาเพื่อ
ค. เพอื่ สรา้ งความม่ันใจในการประกอบอาชีพ ประชาสมั พันธ์สินค้าโดยไมม่ ีกำ� หนดเวลา
ง. เพอ่ื นำ� ไปขยายอาชพี ใหก้ ว้างขวางข้ึน ขอ้ 8 การก�ำหนดเป้าหมายทางการตลาด ควรด�ำเนนิ
ขอ้ 4 การวเิ คราะหต์ ำ� แหนง่ ทางธรุ กิจระยะใดมีการ การตามข้อใดมากทส่ี ุด
เจริญเติบโตได้มากทีส่ ดุ ก. การประเมินทางเลอื กในการแบ่งส่วนตลาด
ก. ระยะเร่มิ ตน้ แล้วนำ� มากำ� หนดเปา้ หมายตลาด
ข. ระยะทรงตวั ข. การกำ� หนดพ้นื ท่ีทางการตลาด ที่สามารถ
ค. ระยะสรา้ งตวั จำ� หน่ายสินคา้ ได้
ง. ระยะตกต�่ำหรือสรา้ งขึ้น ค. การตั้งเปา้ หมายในการขายสินคา้ ใหไ้ ดต้ ามกำ� หนด
ง. การกำ� หนดปรมิ าณสินค้าท่ีจะขายได้ในแต่ละปี
40 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพ่ือยกระดบั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
ข้อ 9 การก�ำหนดกลยุทธท์ างการตลาดมปี ระโยชน์ ข้อ 15 การกำ� หนดคณุ ภาพการผลติ หมายถงึ ขอ้ ใด
อยา่ งไร ก. การทำ� ใหส้ ินค้าและบริการเป็นทพี่ อใจของผ้บู ริโภค
ก. ท�ำให้ทราบผลการด�ำเนนิ งานในอนาคต ข. การผลติ สินค้าและบรกิ ารสู่ผ้บู ริโภคอย่างเพียงพอ
ข. ทำ� ใหท้ ราบวา่ จะกำ� หนดวิสัยทศั นอ์ ยา่ งไร และม่ันคง
ค. ทำ� ใหท้ ราบวา่ จะก�ำหนดทศิ ทางการตลาด อยา่ งไร ค. การพัฒนาปัจจัยการผลติ ใหเ้ ออ้ื ตอ่ การผลติ สนิ ค้า
ง. ทำ� ให้มแี นวทางในการปฏบิ ตั งิ านสู่ความ สำ� เรจ็ ได้ บรกิ ารและเพียงพอ
ข้อ 10 โรงงานผลิตเครื่องปรบั อากาศสามารถผลิตสินค้า ง. การพฒั นาการผลิตสินค้าและบรกิ ารให้สามารถใช้
ให้สามารถเคล่อื นทีไ่ ดส้ ะดวกในการใช้งาน ตรงกบั ในชีวติ ประจ�ำวนั ไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่อื ง
กลยทุ ธ์ทางการตลาดในขอ้ ใด ข้อ 16 ปจั จยั การผลิตสินค้าและบรกิ ารทีใ่ ชใ้ นการ
ก. การขยายตลาด ประกอบการ มีอะไรบ้าง
ข. การพฒั นาสนิ คา้ ก. ท่ดี ิน ทนุ
ค. การแทรกความนิยมสู่ผู้บริโภค ข. ทีด่ ิน ทนุ แรงงาน บุคลากร
ง. การสร้างรูปลักษณ์คณุ ภาพสนิ ค้า ค. ที่ดนิ ทนุ แรงงาน การประกอบการ
ขอ้ 11 ขอ้ ใดเปน็ ความส�ำคัญของเป้าหมายกลยุทธ์ทีม่ ี ง. ท่ีดิน ทนุ แรงงาน ทรัพย์สิน วสั ดุอุปกรณต์ ่าง ๆ
ต่อลกู ค้า 17 ข้อใดเป็นทุนคงทใี่ นการประกอบการผลติ สนิ คา้
ก. การสรา้ งความน่าเชอื่ ถอื ของธุรกจิ ก. วัสดุ อุปกรณ์ วตั ถุดบิ
ข. การสรา้ งแรงจูงใจแกบ่ ุคลากร ข. โรงเรือน เคร่อื งจักร ทด่ี นิ
ค. การเพ่ิมผลผลติ ของสินค้า ค. วัตถุดบิ แรงงาน ปุย๋ ยาฆ่าแมลง
ง. การสร้างและพฒั นาบคุ ลากร ง. ยาฆ่าแมลง ปุย๋ อุปกรณ์ ยานพาหนะขนส่ง
ข้อ 12 ในการขยายการประกอบอาชพี ส่คู วามส�ำเรจ็ จะ ข้อ 18 ข้อใดคือความสำ� คัญอันดบั แรกในการกำ� หนด
ต้องมอี งคป์ ระกอบตามขอ้ ใด เปา้ หมายการผลิตหรอื บริการ
ก. ปจั จยั นำ� เข้า ลกู คา้ ผลผลติ ก. ความต้องการแรงงาน
ข. ปจั จยั น�ำเข้า การแปรรูป ผลผลิต ข. ความตอ้ งการของลกู ค้า
ค. การลงทนุ ลกู คา้ ผลผลติ การพัฒนาตนเอง ค. ความต้องการทนุ การผลติ
ง. เปา้ หมายความส�ำเร็จ วัตถุประสงค์ความตอ้ งการ ง. ความตอ้ งการปริมาณงานผลิต
ของลกู คา้ ขอ้ 19 ข้อใดคอื เปา้ หมายการผลติ
ข้อที่ 13 ข้อใดเป็นกระบวนการสำ� คญั เปน็ อนั ดับแรก ก. มีตน้ ทนุ การผลิตต่�ำ
กอ่ นการด�ำเนินธรุ กจิ ของผู้ประกอบการยคุ ใหม่ ข. ส่งสนิ ค้าได้ตามก�ำหนด
ก. การวจิ ยั การตลาด ค. ผลิตสินค้าทไ่ี ดค้ ุณภาพ
ข. การสง่ เสรมิ การขาย ง. ผลิตสินคา้ ไดต้ ามปริมาณท่ตี ้องการ
ค. การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ขอ้ 20 การกำ� หนดคณุ ภาพในมาตรฐานของผลติ ภณั ฑ์
ง. การกำ� หนดกลยทุ ธท์ างการตลาด หรอื สนิ คา้ เปน็ การปฏบิ ตั ิเกย่ี วกับคุณภาพในข้อใด
ข้อ 14 ข้อใดเปน็ กจิ กรรมท่ตี อ้ งดำ� เนินการในการ ก. การจดั การคณุ ภาพ
ก�ำหนดทศิ ทางการพัฒนาการตลาด ข. การบรหิ ารคุณภาพ
ก. การโฆษณา ค. การประกันคณุ ภาพ
ข. การประชาสมั พนั ธ์ ง. การควบคมุ คณุ ภาพ
ค. การท�ำฐานขอ้ มูลลกู คา้
ง. การก�ำหนดวิสยั ทศั น์ พนั ธกจิ
แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพือ่ ยกระดบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น 41
ภาคเรียนท่ี 2 ประจ�ำปี 2563 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
สรปุ เนอื้ หารายวชิ าเศรษฐกจิ พอเพียง รหัสวชิ า ทช31001
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. นกั ศกึ ษาสามารถบอกความเปน็ มา ความหมาย และแนวคดิ ของหลักแนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพยี งได้
2. นกั ศึกษามคี วามรูค้ วามเขา้ ใจในแนวคิดของหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง
ขอบเขตเน้ือหา
การพฒั นาประเทศตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง การวเิ คราะหส์ ถานการณโ์ ลก ความสำ� คญั ของการพฒั นา
ประเทศในกระแสโลกาภวิ ัฒน์ การเลอื กแนวทางของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยกุ ต์ใช้ไดอ้ ย่างเหมาะสม
บทท่ี 1 ความพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมีมติ ิ 4 ดา้ น
1. มิติดา้ นเศรษฐกิจ : เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจแบบพออยพู่ อกนิ ให้มคี วามขยันหมัน่ เพยี ร ประกอบ
สัมมาอาชพี เพือ่ ให้พ่ึงตนเองได้ใหพ้ น้ จากความยากจน
2. มติ ดิ า้ นจติ ใจ : ยดึ เสน้ ทางสายกลาง (มชั ฌมิ าปฏปิ ทา) เนน้ ทจ่ี ติ ใจทร่ี จู้ กั พอ คอื พอดี พอประมาณ และพอใจ
ในส่ิงทมี่ ี
3. มิติดา้ นสงั คม : สงั คมทีม่ ีความสุขสงบ ประชาขนมคี วามเมตตาเอื้ออาทรชว่ ยเหลอื ซงึ่ กนั และกัน
4. มิตดิ า้ นวัฒนธรรม : เศรษฐกจิ พอเพยี งมงุ่ ให้เกิดวฒั นธรรมหรอื วิถชี วี ิตทปี่ ระหยัด อดออม มชี ีวิตทีเ่ รยี บงา่ ย
ไมฟ่ ุ่มเฟอื ย
บทที่ 2 ชุมชนพอเพยี ง
การบรหิ ารจดั การชมุ ชน หมายถงึ การนำ� วธิ กี ารตา่ ง ๆ มาใชเ้ พอื่ ชว่ ยในการดำ� เนนิ งานในชมุ ชนเปน็ ไปตามแผน
ชุมชนทก่ี ำ� หนด เน้นการด�ำเนินการดังนี้
1. การมสี ่วนร่วมของประชาชน
2. การปฏิบตั เิ พื่อกระทำ� สงิ่ ต่าง ๆ
3. การวัดผลความสำ� เร็จของชุมชน
พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ทรงไดพ้ ระราชทาน ทฤษฎใี หม่ เปน็ แนวทางทไ่ี ดท้ รงคดิ ใน
การคำ� นวณตามหลกั วชิ าการบรหิ ารทรพั ยากรธรรมชาตใิ หเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ โดยกำ� หนดสง่ิ ทเ่ี กษตรกรควรปฏบิ ตั ิ เพอ่ื
แกป้ ัญหาหรืออุปสรรค โดยเฉพาะปัญหาการจดั การนำ้� ให้เพียงพอตอ่ การเพาะปลกู พชื และเล้ียงสัตวไ์ ด้ตลอดปี
บทที่ 3 การแก้ปญั หาชมุ ชน
ปัญหาชุมชน แต่ละชุมชนจะมีปัญหาท่ีแตกต่างกันออกไปข้ึนอยู่กับบริบทของชุมชนเช่น ด้านการศึกษาด้าน
สขุ ภาพอนามยั ดา้ นสงั คมการเมอื งการปกครองดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม และทรพั ยากรธรรมชาต ิ และดา้ นศาสนาศลิ ปวฒั นธรรม
การพฒั นาชมุ ชน เปน็ การแก้ปญั หาชมุ ชนทเ่ี ป็นรปู แบบและข้นั ตอน ชมุ ชนจะต้องมคี ณะทำ� งานทม่ี าจากหลายภาคสว่ น
เขา้ มามีสว่ นรว่ มในการแก้ปญั หาของชมุ ชนดว้ ยตนเอง จดั ลำ� ดับ และแนวทางการแกไ้ ขมารว่ มพิจารณาปญั หา
การมีส่วนร่วมแก้ปัญหาหรือพัฒนาชุมชน ประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง เพ่ือแก้ปัญหาชุมชนการประยุกต์ใช้
ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
42 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการ เพื่อยกระดบั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น
ภาคเรียนท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย
- โดยพนื้ ฐานกค็ อื การพึง่ พาตนเองเป็นหลกั
- การสรา้ งสามคั คีในการเกดิ ขึน้ บนพนื้ ฐานของความสมดลุ
- ครอบคลมุ ทงั้ ด้านจิตใจสังคมเทคโนโลยที รัพยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อมรวมถงึ เศรษฐกิจ
บทท่ี 4 สถานการณข์ องประเทศกับความพอเพยี ง
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ม่งุ เน้นให้เกิดการพจิ ารณาอย่างรอบคอบ มคี วามรอบครอบ ระมัดระวงั ในการ
วางแผน และการดำ� เนินงานทกุ ข้ันตอน เพื่อมิให้เกดิ ความเสียหายต่อการพัฒนา
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับทุก
ขน้ั ตอน โดยยดึ หลกั รว่ มกนั คดิ รว่ มกนั ทำ� และรว่ มกนั รบั ผดิ ชอบในลกั ษณะเปน็ เครอื ขา่ ยการพฒั นายดึ หลกั ปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรชั ญาน�ำทางในการพฒั นาประเทศใหเ้ ขา้ สู่สงั คมท่ยี ึดหลกั ทางสายกลาง แบ่งเปน็ 4 ดา้ น ไดแ้ ก่
ด้านสงั คมด้านเศรษฐกิจดา้ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม และด้านการบรหิ ารจัดการทรัพยากร
บทท่ี 5 สถานการณ์โลกกบั ความพอเพยี ง
ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ ปรชั ญาทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (ร.9) ทรงชแี้ นวทาง
ในการด�ำเนนิ ชีวิตให้กบั ประชาชน โดยให้ด�ำเนนิ ชีวิตแบบพออย่พู อกนิ พอใช้ รจู้ ักพึ่งตนเอง เปน็ การดำ� รงชวี ิตในทาง
สายกลางดว้ ยการนำ� ทรพั ยากรท่มี อี ยมู่ าใชใ้ ห้เกิดประโยชนส์ ูงสดุ
1. การประยกุ ตใ์ ช้เศรษฐกจิ พอเพียงระดบั ชุมชน ชุมชนพอเพียง ประกอบด้วย บุคคล/ครอบครวั ตา่ งๆ ท่ีมี
ความพอเพยี งแลว้ มคี วามรู้ และคณุ ธรรมเปน็ กรอบในการดำ� เนนิ ชวี ติ จนสามารถพงึ่ ตนเองได้ บคุ คลเหลา่ นม้ี ารวมกลมุ่
กนั ทำ� กิจกรรมตา่ งๆ ท่มี ีสอดคล้องเหมาะสมกบั สถานภาพ ภมู ิสังคมของแต่ละชุมชน
2. การประยกุ ตใ์ ชเ้ ศรษฐกจิ พอเพยี งระดบั เกษตร ไดแ้ ก่ เกษตรทฤษฎใี หม ่ แนวพระราชดำ� รสิ ง่ เสรมิ ใหเ้ กษตรกร
พง่ึ ตนเองได้ ซ่งึ มกี ารรวมกลมุ่ กนั ในการเชอื่ มโยงเครอื ขา่ ยดา้ นต่างๆ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความก้าวหน้าไปอยา่ งสมดุลกับสภาพ
แวดลอ้ มในแต่ละท้องถิ่น ทมี่ กี ารพฒั นาอย่างตอ่ เนอ่ื ง เปน็ ขนั้ ตอน ประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ภูมปิ ญั ญา ทรพั ยากรตา่ งๆ ทมี่ ีอยู่
อยา่ งเหมาะสม บนพื้นฐานของคุณธรรม ความซ่อื สัตย์สุจรติ ขยันหมัน่ เพยี ร
3. การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงระดับนักธุรกิจ นักธุรกิจพอพียง ค�ำนึงถึงความมั่นคงและย่ังยืนของการ
ดำ� เนนิ ธรุ กิจ มากกว่าการแสวงหาผลประโยชน์ระยะส้นั
บทที่ 6 การประกอบอาชพี ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพื่อการสร้างรายได้
อยา่ งมั่นคง มงั่ คงั่ และยั่งยนื
การประกอบตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง เพ่อื การสร้างรายได้ อยา่ งมัน่ คง มงั่ คัง่ และย่ังยนื มงุ่ เนน้ ให้ผเู้ รียนมี
การพิจารณาอย่างรอบด้าน มีความรอบคอบ และระมดั ระวงั ในการวางแผน ในการดำ� เนินงานทกุ ขน้ั ตอน เพ่อื มิให้เกดิ
ความเสยี หายต่อการพัฒนา ขอ้ ควรค�ำนงึ ในการตัดสนิ ใจประกอบอาชีพ การตดั สินใจประกอบอาชีพโดยใช้ขอ้ มลู อย่าง
เหมาะสมมีความรูว้ ชิ าชีพน้นั ๆ มที ุน แรงงาน และสถานที่ มวี ธิ กี ารปฏบิ ตั งิ านและจดั การอาชพี มีกลวิธกี ารขาย การ
ตลาด มกี ารจดั การการเงนิ การจดั ท�ำบัญชีรายรบั –รายจา่ ย เพ่อื ใหท้ ราบผลการประกอบการ มีมนุษยส์ ัมพันธแ์ ละมจี ติ
บรกิ าร มคี ณุ ธรรมในการประกอบอาชพี แนวทางการประกอบอาชพี ใหป้ ระสบผลสำ� เรจ็ มคี วามรู้ คอื ตอ้ งรอบรู้ รอบคอบ
และระมัดระวงั มคี ณุ ธรรมที่สง่ เสริมการประกอบอาชีพใหป้ ระสบความสำ� เร็จ คอื ความซื่อสตั ย์ สุจริตขยนั อดทน
หมายเหตุ : ใหน้ กั ศึกษา ได้ศกึ ษาเพิม่ เตมิ จากหนังสอื แบบเรยี นรายวชิ าเศรษฐกจิ พอเพียง ทช31001
แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการ เพื่อยกระดับผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น 43
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจำ� ปี 2563 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย