The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แบบฝึกทักษะทางวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 (ม.ต้น)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by art5680144134, 2022-12-25 03:45:05

แบบฝึกทักษะทางวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 (ม.ต้น)

แบบฝึกทักษะทางวิชาการ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 (ม.ต้น)

เอกสารพฒั นาทักษะวิชาการผู้เรยี นรายบคุ คล

ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น

ปีการศึกษา 2563
หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551

ส�ำนกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดสโุ ขทัย

สำ� นกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย
ส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงศกึ ษาธิการ



ค�ำน�ำ

เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการผู้เรียนรายบุคคล ฉบับน้ี เป็นเอกสารท่ีจัดท�ำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้เรียน
ได้ศกึ ษาเรยี นรูด้ ้วยตนเอง ให้เกิดการพฒั นาทกั ษะทางวชิ าการ และยกระดบั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนในการเรียนรู้ตาม
หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 มรี ายละเอยี ดสรปุ เนอื้ หาตามสาระการเรยี นร ู้
แบบทดสอบหลังเรียนและแบบบันทึกการพัฒนาทักษะวิชาการผู้เรียนรายบุคคล เพ่ือให้ผู้เรียนได้ประเมินและพัฒนา
ตนเองอยา่ งตอ่ เนื่องใหม้ ีพืน้ ฐานความรู้เพียงพอกบั การศกึ ษาตามระดับ
คณะผู้จัดท�ำ หวังเป็นอย่างย่ิงว่าเอกสารเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษา ในการศึกษาเรียนรู้ตามหลักสูตร
การศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 และขอขอบคณุ ทกุ ทา่ นทม่ี สี ว่ นรว่ มในการทำ� เอกสาร
เล่มน้ีใหส้ �ำเรจ็ ลุลว่ งดว้ ยดี

ส�ำนักงาน กศน.จงั หวัดสุโขทยั

สารบญั

หนา้
คำ� นำ�
สารบัญ
คำ� ชแี้ จงการใช้เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผเู้ รียนรายบุคคลระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้
ปีการศกึ ษา 2563 1
รายวชิ าทักษะการเรียนรู้ รหสั วชิ า ทร21001 1
สรุปเนอื้ หาส�ำคัญจากบทเรยี น 3
แบบทดสอบรายวชิ าทกั ษะการเรียนรู้ 5
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา พท21001 5
สรุปเนื้อหาสำ� คัญจากบทเรียน 10
แบบทดสอบรายวิชาภาษาไทย 13
รายวิชาภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจ�ำวัน รหัสวชิ า พต21001 13
สรปุ เนือ้ หาสำ� คญั จากบทเรียน 16
แบบทดสอบรายวชิ าภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำ� วนั 19
รายวชิ าคณติ ศาสตร ์ รหัสวิชา พค21001 19
สรุปเนื้อหาสำ� คญั จากบทเรยี น 23
แบบทดสอบรายวิชาคณติ ศาสตร์ 26
รายวิชาวทิ ยาศาสตร ์ รหัสวชิ า พว21001 26
สรปุ เนือ้ หาสำ� คญั จากบทเรียน 29
แบบทดสอบรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ 32
รายวิชาชอ่ งทางการพฒั นาอาชพี รหสั วิชา อช21001 32
สรปุ เนอ้ื หาสำ� คัญจากบทเรยี น 36
แบบทดสอบรายวิชาชอ่ งทางการพฒั นาอาชพี 38
รายวชิ าทักษะการพฒั นาอาชพี รหัสวชิ า อช21002 38
สรปุ เนือ้ หาสำ� คญั จากบทเรียน 40
แบบทดสอบรายวชิ าทกั ษะการพฒั นาอาชพี 42
รายวิชาพฒั นาอาชพี ใหม้ ีความเขม้ แข็ง รหสั วชิ า อช21003 42
สรปุ เนื้อหาสำ� คญั จากบทเรยี น 45
แบบทดสอบรายวชิ าพัฒนาอาชีพใหม้ ีความเขม้ แขง็ 48
รายวชิ าเศรษฐกิจพอเพยี ง รหสั วชิ า ทช21001 48
สรุปเนื้อหาส�ำคัญจากบทเรยี น 50
แบบทดสอบรายวิชาเศรษฐกจิ พอเพยี ง

สารบญั

หน้า
รายวิชาสุขศึกษา พลศกึ ษา รหสั วิชา ทช21002 53
สรุปเน้อื หาสำ� คัญจากบทเรียน 53
แบบทดสอบรายวชิ าสุขศึกษา พลศึกษา 56
รายวชิ าศิลปศึกษา รหสั วชิ า ทช21003 58
สรุปเนื้อหาส�ำคัญจากบทเรียน 58
แบบทดสอบรายวิชาศลิ ปศึกษา 60
รายวชิ าสงั คมศึกษา รหัสวิชา สค21001 63
สรปุ เนอ้ื หาสำ� คัญจากบทเรียน 63
แบบทดสอบรายวชิ าสังคมศกึ ษา 65
รายวชิ าศาสนาและหน้าที่พลเมอื ง รหัสวิชา สค21002 68
สรปุ เนื้อหาสำ� คญั จากบทเรยี น 68
แบบทดสอบรายวิชาศาสนาและหนา้ ทพ่ี ลเมอื ง 70
รายวิชาการพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม รหสั วิชา สค21003 73
สรปุ เนอื้ หาส�ำคญั จากบทเรยี น 73
แบบทดสอบรายวิชาการพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม 75
เฉลยแบบทดสอบ 78
แบบบันทึกการพฒั นาการเรยี นรู้ รายวิชาบงั คับ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น 80
เกณฑ์การประเมินพัฒนาทกั ษะวิชาการของผเู้ รียนจากการทำ� แบบทดสอบ 81
บรรณานุกรม 82
คณะผู้จดั ทำ� 84

คำ� ช้แี จงการใช้เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศึกษา 2563

เอกสารพฒั นาทกั ษะวิชาการผูเ้ รยี นรายบุคคล ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปกี ารศึกษา 2563 เล่มนี ้ จัดท�ำ
ข้ึนเพ่ือพัฒนาผู้เรียน ให้มีความรู้ความสามารถทางด้านวิชาการในรายวิชาบังคับ ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบ
ระดับการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
ในการศึกษาเอกสารเล่มนี้ผู้เรยี นควรปฏิบตั ิ ดังนี้
1. ผเู้ รียนสำ� รวจวชิ าท่ตี นเองลงทะเบียนเรียนในปีการศึกษา 2563
2. ผูเ้ รียนศึกษาเน้ือหารายวิชาทีต่ นเองลงทะเบียนเรียน หรือรายวิชาอน่ื ๆ ทต่ี อ้ งการเรียนรู้
3. หลังจากศกึ ษาในรายวชิ านั้น ๆ แลว้ ผู้เรยี นตอ้ งท�ำแบบทดสอบ แล้วน�ำมาเฉลยแบบทดสอบ
4. ผู้เรียนบันทึกคะแนนผลการทดสอบรายวิชาในแบบบันทึกการพัฒนาทักษะวิชาการผู้เรียนรายบุคคล
(อยทู่ า้ ยเลม่ )เพื่อเป็นแนวทางในการพฒั นาตนเองตอ่ เน่ือง
5. ใหผ้ เู้ รยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ ในรายวชิ าตา่ ง ๆ ไดจ้ ากแบบเรยี นตามหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษา
ข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แหล่งเรียนร ู้ และส่ือออนไลนอ์ ่ืน ๆ

สรุปเน้อื หารายวชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ ทร21001

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. วิเคราะหค์ วามรูจ้ ากการอ่าน การฟงั การสงั เกต และสรุปได้ถกู ต้อง
2. จัดระบบการแสวงหาความรูใ้ ห้ กับตนเอง
3. ปฏบิ ัตติ ามขนั้ ตอนในการแสวงหาความร้เู กีย่ วกบั ทักษะการอา่ น ทกั ษะการฟงั และทักษะการจดบันทึก

ขอบเขตเนอ้ื หา

1. ความหมาย และความส�ำคัญของการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
2. การกำ� หนดเปา้ หมาย และการวางแผนการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง
3. ทกั ษะพ้นื ฐานทางการศกึ ษาหาความรู้ ทกั ษะการแก้ปัญหาและเทคนคิ ในการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง
4. ปัจจยั ทท่ี �ำให้การเรียนรดู้ ว้ ยตนเองประสบความส�ำเรจ็

หน่วยที่ 1 การเรยี นรู้ด้วยตนเอง

การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง เปน็ กระบวนการเรยี นรทู้ ผี่ เู้ รยี นรเิ รมิ่ การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ตามความสนใจ ความตอ้ งการ
และความถนัด มีเป้าหมาย รู้จักแสวงหาแหล่งทรัพยากรของการเรียนรู้ เลือกวิธีการเรียนรู้ จนถึงการประเมินความ
กา้ วหนา้ ของการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง โดยจะดำ� เนนิ การดว้ ยตนเองหรอื รว่ มมอื ชว่ ยเหลอื กบั ผอู้ น่ื หรอื ไมก่ ไ็ ด้ ทกุ วนั นค้ี นสว่ นใหญ่
แสวงหาการศกึ ษาระดบั ทสี่ งู ขนึ้ จำ� เปน็ ตอ้ งรวู้ ธิ วี นิ จิ ฉยั ความตอ้ งการในการเรยี นของตนเอง สามารถกำ� หนดเปา้ หมายใน
การเรยี นรขู้ องตนเอง สามารถระบแุ หลง่ ความรทู้ ต่ี อ้ งการ และวางแผนการใชย้ ทุ ธวธิ ี สอื่ การเรยี น และแหลง่ ความรเู้ หลา่ นนั้
หรือแม้แต่ประเมินและตรวจสอบความถูกต้องของผลการเรียนรู้ของตนเอง มาตรฐานการเรียนรู้ สามารถวิเคราะห์
เหน็ ความส�ำคญั และปฏบิ ัตกิ ารแสวงหาความรู้จากการอ่าน ฟัง และสรุปไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั วิชาการ

หนว่ ยที่ 2 การใช้แหลง่ เรยี นรู้

แหลง่ เรยี นรมู้ คี วามสำ� คญั ในการพฒั นาความรขู้ องมนษุ ยใ์ หส้ มบรู ณม์ ากยงิ่ ขน้ึ นอกเหนอื จาการเรยี นในชน้ั เรยี น
และเปน็ แหลง่ ทอี่ ยใู่ หส้ ังคม ชุมชน ลอ้ มรอบตวั ผู้เรียน สามารถเขา้ ไปศกึ ษาคน้ คว้าเพื่อการเรียนรู้ไดต้ ลอดชีวิต
แหลง่ เรยี นรู้ หมายถงึ ถนิ่ ทอี่ ยู่ บรเิ วณ ศนู ยร์ วม บอ่ เกดิ แหง่ ทมี่ สี าระเนอื้ หาเปน็ ขอ้ มลู ความรู้ หรอื องคค์ วามรู้
ที่ปรากฏอย่รู อบตัวของมนษุ ยเ์ มอ่ื ไดป้ ฏสิ มั พนั ธ์ดว้ ย ไมว่ ่าทางตา หู จมกู ล้ิน กาย และใจ แลว้ ทำ� ให้เกิดความรู้ ความ
เขา้ ใจ มคี วามเท่าทนั ความเปล่ยี นแปลงไปของส่งิ ตา่ ง ๆ ช่วยให้สามารถด�ำรงชีวิตอยูใ่ นโลกของการเปลยี่ นแปลงได้อย่าง
เปน็ สขุ ตามสมควรแกอ่ ตั ภาพ

หน่วยที่ 3 การจดั การความรู้

การจดั การ (Management) หมายถงึ กระบวนการในการเข้าถงึ ความรู้ และการถ่ายทอด ความรู้ท่ี ตอ้ งด�ำเนนิ
การร่วมกนั กบั ผปู้ ฏบิ ัตงิ าน ซึง่ อาจเรม่ิ ต้นจากการบ่งชคี้ วามรูท้ ตี่ อ้ งการใชก้ ารสรา้ ง และแสวงหา ความรู้ การประมวล
เพื่อกล่ันกรองความรู้ การจัดการความรู้ให้เป็นระบบ การสร้างช่องทางเพ่ือการส่ือสารกับผู้เกี่ยวข้อง การแลกเปล่ียน
ความรู้ การจัดการสมยั ใหมก่ ระบวนการทางปัญญา เป็นสง่ิ สำ� คัญในการคดิ ตัดสนิ ใจ และส่งผลใหเ้ กิดการกระท�ำการ
จดั การจงึ เนน้ ไปทีก่ ารปฏบิ ัติ
การจดั การความรเู้ ปน็ เครอื่ งมอื ของการพฒั นาคณุ ภาพของงาน หรือสรา้ งนวัตกรรมในการท�ำงาน การจัดการ
ความรจู้ งึ เปน็ การจัดการกับความรูแ้ ละประสบการณท์ ่ีมอี ยใู่ นตวั ตน และความร้เู ด่นชัด นำ� มาแบง่ ปนั ให้เกิดประโยชน์
ตอ่ ตนเอง และองคก์ รดว้ ยการผสมผสานความสามรถของคนเขา้ ด้วยกันอยา่ งเหมาะสม มีเปา้ หมายเพื่อการพัฒนางาน
พฒั นาคน และพัฒนาองค์กรใหเ้ ปน็ องค์กรแห่งการเรยี นรู้

เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา  1
ปีการศึกษา 2563

หน่วยที่ 4 คิดเป็น

การคดิ เปน็ คือ การใชข้ ้อมลู อย่างน้อย 3 ประการมาประกอบการตดั สินใจ ได้แก่ ขอ้ มูลด้านวชิ าการ ข้อมูล
เกย่ี วกบั ตนเอง ข้อมลู เกยี่ วกับสงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม การท่เี ปน็ ผรู้ ูจ้ ักปัญหา เรือ่ งทกุ ข์ รู้จกั สาเหตแุ ห่งทกุ ข์ ซง่ึ มอี ย่ใู น
ตนเองและสภาพแวดลอ้ ม รจู้ ักคดิ วิเคราะห์หาวธิ บี �ำบดั ทุกข์ และใช้วิธีท่ีเหมาะสมในการดับทุกข์จงึ จะเกดิ ความสุข
แนวความคิดเรือ่ งคดิ เป็นมีองคป์ ระกอบทีส่ ำ� คญั ในเชงิ ปรัชญา 3 ส่วน กล่าวคอื เป้าหมายสูงสุดของชวี ติ มนุษย์
คอื ความสขุ มนษุ ยจ์ งึ แสวงหาวธิ กี ารตา่ ง ๆ เพอ่ื ทจ่ี ะมงุ่ ไปสคู่ วามสขุ นนั้ แตเ่ นอ่ื งจากมนษุ ยม์ คี วามแตกตา่ งกนั โดยพนื้ ฐาน
ทงั้ ทางกายภาพ อารมณ์ สงั คม จติ ใจและสภาวะแวดลอ้ ม ทำ� ใหค้ วามตอ้ งการของคนแตล่ ะคนมคี วามแตกตา่ งกนั การให้
คณุ คา่ และความหมายของความสขุ ของมนษุ ยจ์ งึ แตกตา่ งกนั การแสวงหาความสขุ ทแ่ี ตกตา่ งกนั นนั้ ขนึ้ อยกู่ บั การตดั สนิ
ใจของคนแตล่ ะคน การตัดสินใจนัน้ จำ� เปน็ จะตอ้ งใช้ข้อมูลอย่างรอบด้าน ซ่ึงโดยหลักการของการคิดเป็น มนษุ ยค์ วรจะ
ใชข้ อ้ มลู อยา่ งนอ้ ย 3 ดา้ น คอื ขอ้ มลู ตนเอง ซง่ึ เปน็ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั ตนเอง ทง้ั ทางดา้ นกายภาพ สขุ ภาพอนามยั ความพรอ้ ม
ต่าง ๆ ขอ้ มูลสงั คม ซงึ่ เป็นข้อมูลเกย่ี วกบั สภาพแวดล้อม ครอบครัว สงั คม วฒั นธรรม ความเชอ่ื ประเพณี ค่านยิ มตลอด
จนกรอบคุณธรรม จริยธรรม และข้อมลู ทางวชิ าการ คอื ความร้ทู ่ีเกย่ี วข้องกบั เรอ่ื งที่ตอ้ งคดิ ตัดสินใจนั้น ๆ วา่ มีหรือไม่
เพียงพอที่จะนำ� ไปใช้หรือไม่ การใช้ข้อมลู อยา่ งรอบด้านนจี้ ะชว่ ยใหก้ ารคดิ ตัดสนิ ใจเพ่ือแสวงหาความสุขของมนษุ ย์เปน็
ไปอย่างรอบคอบ เรยี กวิธกี ารคิดตดั สนิ ใจนีว้ ่า “คดิ เปน็ ” และเปน็ ความคิดท่ีมีพลวตั คือ ปรบั เปลีย่ นไดเ้ สมอ เมอื่ ข้อมูล
เปล่ียนแปลงไป เป้าหมายชวี ิตเปลย่ี นไป

หนว่ ยท่ี 5 การวจิ ัยอย่างง่าย

การวจิ ยั หมายถงึ กระบวนการแสวงหาความรอู้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และมจี ดุ มงุ่ หมายทแี่ นน่ อนภายในขอบเขต
ทก่ี ำ� หนด โดยใชว้ ธิ ที างวทิ ยาศาสตร์ เพอื่ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ ความรู้ ความจรงิ เปน็ ทย่ี อมรบั การวจิ ยั จงึ เปน็ เครอ่ื งมอื ในการคน้ หา
องค์ความรู้หรือข้อค้นพบในการแก้ปัญหา หรือพัฒนางานหรือการเรียน ได้อย่างเป็นระบบ น่าเชื่อถือ มีความชัดเจน
ตรวจสอบได้
การวจิ ยั อยา่ งงา่ ย เปน็ กระบวนการในการคน้ หาองคค์ วามรู้ หรอื ขอ้ คน้ พบในการแกป้ ญั หา หรอื แนวทางพฒั นางาน
ท่มี กี ระบวนการไมซ่ บั ซอ้ นใชเ้ วลาไมม่ าก สามารถท�ำควบคูไ่ ปกับการใช้ชีวติ ประจำ� วนั ได้ เนน้ ปรากฎการณ์ทเ่ี กดิ ขึ้นจริง
และสะทอ้ นความเป็นเหตเุ ปน็ ผล
หมายเหตุ : ให้นกั ศกึ ษา ได้ศึกษาเพิ่มเติมจากหนังสอื แบบเรียนรายวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ ทร21001

2  เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

แบบทดสอบรายวิชาทกั ษะการเรียนรู้ ทร21001

จงเลอื กคำ� ตอบทถี่ ูกตอ้ งทส่ี ุดเพียงค�ำตอบเดยี ว

1. ข้อใดคอื ข้อมลู เก่ียวกับตนเอง 6. ขอ้ ใดเปน็ แหลง่ รวบรวมขอ้ มลู สารสนเทศ มากที่สุด
ก. ขอ้ มลู เรือ่ งทดี่ นิ ก. หอ้ งสมุด
ข. การมรี ายไดแ้ ละรายจา่ ย ข. อนิ เตอร์เนต็
ค. สภาพชุมชน ค. สวนสาธารณะ
ง. การหาเสยี งเลือกต้งั ง. อทุ ยานแห่งชาติ
2. ข้อใดคอื ประโยชนข์ องการคดิ เปน็ 7. ขัน้ สูงสุดของการเรยี นรู้ คอื อะไร
ก. สามารถสบื เสาะแสวงหาความรู้ ก. สารสนเทศ
ข. เปน็ ผ้รู จู้ กั ปัญหา เรือ่ งทกุ ข์ สาเหตขุ องทกุ ข์ ข. ปัญญา
ค. พฒั นาการตัดสินใจ ค. ขอ้ มูล
ง. การมีความสขุ อยู่บนความตัดสินใจของตนเอง ง. ความรู้
3. ข้อใดไม่ใชค่ ุณสมบตั ิท่ีเหมาะสมของข้อมูล 8. ห้องสมุดประเภทใด ใหบ้ ริการทกุ เพศ ทุกวัย และ
ก. ความถกู ตอ้ ง ความรู้
ข. ความรวดเรว็ และเป็นปจั จบุ ัน ก. หอ้ งสมุดเฉพาะ
ค. ความชดั เจนและความสมบูรณ์ ข. ห้องสมุดโรงเรยี น
ง. ความละเอียด ค. ห้องสมุดประชาชน
4. ขอ้ มูล 3 ดา้ นของการคดิ เป็นคือขอ้ ใด ง. หอ้ งสมดุ มหาวทิ ยาลัย
ก. ด้านความรู้ ดา้ นครองครวั และดา้ นชมุ ชน 9. การจัดการความรู้ เรียกสั้นๆ ว่าอะไร
ข. ดา้ นวิชาการ ด้านตนเองและด้านครอบครัว ก. MK
ค. ดา้ นวิชาการ ด้านตนเอง ด้านความรู้ (สังคม) ข. KM
ง. ดา้ นวชิ าการ ดา้ นความรแู้ ละด้านชีวติ ค. LM
5. หากเราตอ้ งการศกึ ษาอัตชีวประวตั ิของภูมปิ ัญญา ง. ML
ท้องถนิ่ ในแตล่ ะภาค เราควรศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรใู้ ด 10. เป้าหมายของการจัดการความรคู้ ืออะไร
จงึ เหมาะสม ก. พฒั นาคน
ก. พิพธิ ภณั ฑ์ ข. พฒั นางาน
ข. สอบถามครู อาจารย์ ค. พัฒนาองคก์ ร
ค. หลกั ศลิ าจารกึ สมุดข่อย ง. ถกู ทุกขอ้
ง. สำ� นกั งานวฒั นธรรมจงั หวดั ต่าง ๆ

เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา  3
ปีการศึกษา 2563

11. ข้อใดคือทกั ษะที่จ�ำเปน็ ในการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง 16. ขั้นตอนสุดทา้ ยของการวจิ ัย คอื อะไร
ก. การฟัง ก. การเขียนโครงการวิจัย
ข. การพดู ข. การเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัย
ค. การอา่ นและการเขยี น ค. เขยี นรายงานการวิจัย
ง. ถกู ทกุ ขอ้ ง. เอกสารและงานวจิ ยั ท่เี ก่ยี วข้อง
12. ข้อใดคือ “การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง” 17. ผลการวจิ ัย ควรสอดคลอ้ งกับหัวข้อใดมากท่ีสุด
ก. นภดลโทรศพั ท์สอบถามอาจารย์ ก. ความเปน็ มาและความสำ� คัญของปัญหา
ข. ยุพายมื หนังสือเพ่ือนมาอ่าน การวิจยั
ค. กษมาสืบคน้ ขอ้ มลู ทางอนิ เทอรเ์ นต็ ข. วตั ถุประสงคก์ ารวจิ ยั
ง. กนกจา้ งอาจารยม์ าสอน ค. กรอบแนวคดิ การวจิ ัย
13. ข้อใดเปน็ ความหมายของการวจิ ยั อยา่ งง่าย ง. งานวิจยั ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง
ก. การวางแผนงานอย่างเปน็ ระบบ 18. “การนวดกดจุด” จัดเปน็ การประกอบอาชีพตาม
ข. การคาดเดาคำ� ตอบอย่างมรี ะบบ ขอ้ ใด
ค. กระบวนการแสวงหาความรูอ้ ยา่ งมี ก. เกษตรกรรม
ประสิทธิภาพ ข. พาณชิ ยกรรม
ง. การศึกษาค้นควา้ เรอ่ื งท่สี นใจทไี่ มส่ ลบั ซับซอ้ น ค. ความคดิ สร้างสรรค ์
14. ข้อใดเปน็ ประโยชนข์ องการวิจัยต่อตัวผูว้ ิจยั เอง ง. การบริหารจดั การและการบรกิ าร
ก. ฝกึ การท�ำงานอย่างมีระบบ 19. ข้อใดเปน็ กลุ่มอาชพี ตาม ๕ กลุ่มอาชพี ใหม่
ข. เกิดการท�ำงาน และนวัตกรรม ก. ธุรกิจและบริการ
ค. เกดิ นวตั กรรมสิง่ ประดิษฐ์ใหม่ ๆ ข. ศลิ ปะประดษิ ฐ์
ง. ฝกึ ฝนความเชีย่ วชาญในงานอาชีพ ค. อตุ สาหกรรม
15. ขั้นตอนการทำ� วิจัยอยา่ งง่ายมีกข่ี ้นั ตอน ง. คหกรรม
ก. 3 ข้ันตอน 20. “ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่น” เกยี่ วข้องกับศักยภาพของพน้ื ท่ี
ข. 4 ขนั้ ตอน ตามข้อใด
ค. 5 ขั้นตอน ก. ศกั ยภาพของพ้ืนทตี่ ามหลกั ภมู ิอากาศ
ง. 6 ขั้นตอน ข. ศกั ยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในแตล่ ะพนื้ ที่
ค. ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาตใิ นแตล่ ะ
พ้นื ที่
ง. ศักยภาพของภมู ิประเทศ และทำ� เลที่ตง้ั ของ
แต่ละพืน้ ที่

4  เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563

สรุปเนือ้ หารายวชิ าภาษาไทย พท21001

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. รู้และเขา้ ใจชนิด และหน้าทขี่ องค�ำ พยางค์ วลี ประโยค และสามารถอ่าน เขียนไดถ้ กู ต้องตามหลกั เกณฑ์
ของภาษา
2. สามารถใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอน อักษรยอ่ คำ� ราชาศัพท์
3. สามารถวเิ คราะหค์ วามแตกตา่ งระหว่างภาษาพดู และภาษาเขียน
4. รู้และเขา้ ใจสำ� นวน สภุ าษติ คำ� พงั เพยในการพูดและเขียน

ขอบเขตเนือ้ หา

1. สามารถสะกดคำ� โดยการออกเสียงและรูปอกั ษร ไทยประสมเป็นคำ� อา่ นและเขยี นได้ถกู ต้องตามหลกั การใช้
ภาษา
2.ความหมายของค�ำ พยางค์ วล ี ประโยค การสะกดค�ำ
3.การใช้เคร่ืองหมายวรรคตอน
4. การใช้สำ� นวน สภุ าษิต คำ� พังเพย

หน่วยที่ 1 การฟงการดู

มารยาทในการฟังและดู
การฟงั และการดเู ปน็ กจิ กรรมในการดำ� เนนิ ชวี ติ ทที่ กุ คนในสงั คมมกั จะตอ้ งเขา้ ไปมสี ว่ นรว่ มเกอื บทกุ วนั การเปน็
ผู้มีมารยาทในการฟงั ทดี่ ี นอกจากเป็นการสร้างบคุ ลิกภาพทด่ี ใี ห้กับตนเองแล้วยงั เป็นสิ่งแสดงใหเ้ หน็ ว่าเป็นผูไ้ ด้รับการ
อบรมฝึกฝนมาอยา่ งดี เป็นผมู้ มี ารยาทในสังคม การท่ที กุ คนมีมารยาทท่ดี ีในการฟังและการดู ยงั เป็นการสรา้ งระเบยี บ
ในการอย่รู ว่ มกันในสงั คม ช่วยลดปญั หาการขดั แยง้ และชว่ ยเพ่ิมประสทิ ธภิ าพในการฟงั อกี ดว้ ย ผู้มีมารยาทในการฟงั
และการดู ควรปฏบิ ัตติ นดังนี้
1. เมื่อฟงั อย่เู ฉพาะหนา้ ผ้ใู หญ่ ควรฟงั โดยสำ� รวมกิรยิ ามารยาท
2. การฟงั ในทปี่ ระชมุ ควรเขา้ ไปนง่ั กอ่ นผพู้ ดู เรมิ่ พดู โดยนง่ั ทด่ี า้ นหนา้ ใหเ้ ตม็ เสยี กอ่ น และควรตง้ั ใจฟงั จนจบเรอ่ื ง
3. ฟังด้วยใบหนา้ ยิ้มแย้มแจม่ ใสเปน็ กันเองกับผ้พู ดู ปรบมอื เมือ่ มีการแนะน�ำตัวผู้พดู และเมอ่ื ผ้พู ดู พดู จบ
4.เมอื่ ฟงั ในทป่ี ระชมุ ตอ้ งตง้ั ใจฟัง และจดบันทึกข้อความท่ีสนใจ หรือขอ้ ความท่สี ำ� คัญ หากมีขอ้ สงสัยเก็บไว้
ถามเม่ือมโี อกาสและถามด้วยกริ ิยาสภุ าพ
5. เมอื่ ไปดลู ะคร ภาพยนตร์ หรือฟงั ดนตรี ไมค่ วรสรา้ งความรำ� คาญใหบ้ คุ คลอน่ื ควรรกั ษามารยาทและสำ� รวม
กริ ิยา

หน่วยท่ี 2 การพูด

มารยาทในการพูด
การพูดที่ดไี ม่วา่ จะเป็นการพดู ในโอกาสใด ผ้พู ูดจะตอ้ งค�ำนงึ ถงึ มารยาทในการพูด ซ่ึงจะชว่ ยสร้างความชน่ื ชม
จากผฟู้ ัง มผี ลให้การพูดแตล่ ะครั้งประสบความสำ� เร็จตามวัตถุประสงค์ท่ีต้ังไว้ มารยาทในการพูดสรุปไดด้ งั นี้
1. เรือ่ งท่ีพดู น้นั ควรเปน็ เรือ่ งท่ีทั้งสองฝา่ ยสนใจร่วมกัน หรืออย่ใู นความสนใจของคนท่วั ไป
2. พดู ใหต้ รงประเด็นจะออกนอกเรื่องบา้ งก็เพยี งเล็กนอ้ ย
3. ไม่ถามเร่อื งส่วนตวั ซึง่ จะทำ� ให้อีกฝา่ ยหน่งึ รู้สึกอึดอดั ใจ หรือล�ำบากใจในการตอบ

เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา  5
ปีการศึกษา 2563

4. ตอ้ งค�ำนงึ ถึงสถานการณ์และโอกาส เชน่ ไมพ่ ูดเร่ืองเศรา้ เรื่องท่นี ่ารังเกยี จ ขณะรบั ประทานอาหารหรอื งาน
มงคล
5. สร้างบรรยากาศทีด่ ี ยิ้มแย้มแจม่ ใสและสนใจเรอื่ งท่กี ำ� ลงั พูด
6. ไม่แสดงกิรยิ าอันไมส่ มควรในขณะทพี่ ูด เช่น ลว้ ง แคะ แกะ เกา ส่วนใดส่วนหนง่ึ ของรา่ งกาย
7. หลกี เลย่ี งการกล่าวรา้ ย การนินทาผูอ้ น่ื ไมย่ กตนข่มทา่ น
8. พูดให้มีเสยี งดังพอไดย้ นิ กนั ทวั่ ไมพ่ ดู ตะโกน หรอื เบาจนกลายเปน็ กระซบิ กระซาบ
9. พูดดว้ ยถ้อยค�ำวาจาท่ีสภุ าพ
10.พยายามรกั ษาอารมณใ์ นขณะพดู ใหเ้ ปน็ ปกติ
11.หากน�ำค�ำกล่าวหรือมีการอ้างอิงค�ำพูดของผู้ใดควรระบุนามหรือแหล่งที่มา เพ่ือให้เป็นเกียรติแก่บุคคลที่
กล่าวถึง
12.หากพูดในขณะทผ่ี ้อู น่ื กำ� ลังพูดอยู่ควรกล่าวขอโทษ
13.ไม่พดู คุยกันข้ามศรี ษะผอู้ น่ื

หนว่ ยท่ี 3 การอ่าน

การอา่ นอยา่ งมมี ารยาทเปน็ เรอื่ งทจี่ ำ� เปน็ และสำ� คญั เพราะการอา่ นอยา่ งมมี ารยาทเปน็ เรอื่ งการประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ
อย่างมีวินัยและรบั ผิดชอบ รวมทั้งการมจี ิตส�ำนกึ และแสดงถงึ ความเจรญิ ทางด้านจิตใจทคี่ วรยึดถือใหเ้ ป็นนสิ ัย
มารยาททดี่ ใี นการอ่าน
1. ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผอู้ น่ื
2. ไมท่ ำ� ลายหนงั สือ โดยการ ขดู ลบ ขดี ทับ หรือฉกี สว่ นท่ีต้องการ
3. เมอ่ื คดั ลอกเนอื้ หาเพอ่ื อา้ งองิ ในขอ้ เขยี นของตน ตอ้ งอา้ งองิ แหลง่ ทม่ี าใหถ้ กู ตอ้ งตามหลกั การเขยี นอา้ งองิ โดย
เฉพาะงานเขยี นเชงิ วิชาการ
4. เมอ่ื อา่ นหนังสือเสร็จแล้วควรเก็บหนังสือไว้ทีเ่ ดิม
5. ไม่ควรอ่านเร่อื งท่ีเป็นส่วนตวั ของผู้อน่ื
6. อา่ นอย่างตง้ั ใจ และมสี มาธิ รวมท้งั ไมท่ ำ� ลายสมาธิผู้อืน่
7. ไม่ใชส้ ถานที่อา่ นหนังสอื ทำ� กจิ กรรมอยา่ งอ่ืน เชน่ นอนหลับ รับประทานอาหาร

หนว่ ยท่ี 4 การเขยี น

การเขียนเพื่อส่ือความหมายให้ผู้อ่ืนเข้าใจตามต้องการน้ัน มีความจ�ำเป็นต้องระมัดระวังให้มากเก่ียวกับการใช้
ภาษา ควรใชถ้ อ้ ยคำ� ทคี่ นอา่ น อ่านแลว้ เข้าใจทนั ที เขยี นด้วยลายมอื ทชี่ ดั เจนอ่านง่ายเปน็ ระเบยี บและผู้เขียนจะต้องใช้
ภาษาใหถ้ ูกตอ้ งตามหลกั การเขยี น ใช้คำ� ท่ีเหมาะสมกบั กาลเทศะ และบคุ คลด้วย จงึ จะถือว่าผ้เู ขียนมหี ลักการใชภ้ าษา
ไดด้ ีมปี ระสิทธิภาพ
การเขยี นมีหลักทคี่ วรปฏบิ ัตดิ งั ตอ่ ไปน้ี
1. เขยี นให้ชดั เจน อา่ นง่าย เป็นระเบียบ
2. เขียนใหถ้ ูกต้อง ตรงตามตวั สะกด การันต์ วรรณยกุ ต์
3. ใชถ้ ้อยคำ� ทส่ี ภุ าพ เหมาะสมกับกาลเทศะ และบุคคล
4. ใช้ภาษาท่ีงา่ ย ๆ ส้ัน ๆ กะทดั รดั ส่ือความหมายเข้าใจได้ดี
5. ใช้ภาษาเขยี นที่ดี ไม่ควรใช้ภาษาพดู ภาษาโฆษณา หรือภาษาทไี่ มไ่ ด้มาตรฐาน
6. ควรใชเ้ ครือ่ งหมายวรรคตอนให้ถกู ต้อง เช่น เวน้ วรรค ยอ่ หน้า ฯลฯ
7. เขยี นใหส้ ะอาด

6  เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563

หนว่ ยที่ 5 หลกั การใชภ าษา

การใชภ้ าษาที่เป็นทางการและไม่เปน็ ทางการ
1. ภาษาท่เี ป็นทางการ
ภาษาทางการ หมายถงึ ภาษาที่ใช้อย่างเปน็ ทางการ มลี ักษณะเปน็ แบบพธิ ี ถกู ตอ้ งตามแบบแผนของ
ภาษาเขยี น มีทั้งเสียงเครง่ ขรึม จริงจัง อาจเรยี กว่าภาษาแบบแผนก็ได้ ภาษาทางการมกั ใช้ในการเขยี นหนังสอื ราชการ
การกล่าวรายงาน ค�ำกล่าวเปิดงาน การแสดงสุนทรพจน์ การเขียนต�ำราวิชาการ และการบันทึกรายงานการประชุม
เปน็ ตน้
2. ภาษาไม่เป็นทางการ
ภาษาไมเ่ ปน็ ทางการ หมายถงึ ภาษาทใี่ ชถ้ อ้ ยคำ� งา่ ย ๆ นำ้� เสยี งเปน็ กนั เองไมเ่ ครง่ เครยี ด แสดงความใกลช้ ดิ
สนทิ สนมระหว่างผู้ส่งสารและผูร้ ับสารอาจเรียกวา่ ภาษาปากกไ็ ด้
ภาษาไมเ่ ป็นทางการ อาจจ�ำแนกเป็นภาษากลุ่มยอ่ ย ๆ ได้อีกหลายกล่มุ เชน่ ภาษาถิ่น ภาษาแสลง
ภาษาตลาด ฯลฯ ใช้ในการสนทนาระหว่างสมาชกิ ในครอบครวั คนสนทิ คุ้นเคย ใช้เขยี นบนั ทึกส่วนตวั และงานเขียนท่ี
ตอ้ งการแสดงความเป็นกนั เองกับผูอ้ า่ น เปน็ ตน้
ส�ำหรับการเลือกใช้ภาษาแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการจะต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับ
องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ดังนี้
2.1 วัตถุประสงค์ จะตอ้ งพจิ ารณาวา่ งานเขยี นนน้ั นำ� ไปใช้เพอ่ื อะไร
2.2 สถานการณ์ในตา่ งสถานการณ์ ผู้เขียนจะใชร้ ะดบั ภาษาที่ต่างกัน เชน่
เชิญเพื่อน “เชญิ ทานอาหารได้แล้ว”
เชญิ ผู้ใหญ่ “ขอเชญิ รบั ประทานไดแ้ ลว้ ครบั ”

หน่วยที่ 6 วรรณคดี และวรรณกรรม

วรรณคดี ใช้ในความหมายว่า วรรณกรรมหรอื หนังสือทไ่ี ดร้ ับการยกยอ่ งว่าแต่งดี มีวรรณกรรมศลิ ป์ กล่าวคอื มี
ลกั ษณะเด่นในการใช้ถอ้ ยค�ำภาษาและเดน่ ในการประพันธ์ ใหค้ ณุ คา่ ทางอารมณแ์ ละความรูส้ ึกแกผ่ อู้ ่านสามารถใชเ้ ป็น
แบบฉบบั อ้างองิ ได้
หนังสอื ที่เปน็ วรรณคดีสามารถบ่งบอกลักษณะได้ ดงั นี้
1. มีเนอ้ื หาดี มปี ระโยชน์และเป็นสุภาษติ
2. มีศลิ ปะการแตง่ ทยี่ อดเยี่ยมทัง้ ดา้ นศลิ ปะการใชค้ �ำ การใชโ้ วหารและถกู ตอ้ งตามหลกั ไวยากรณ์
3. เป็นหนงั สอื ที่ไดร้ บั ความนยิ มและสบื ทอดกันมายาวนานกว่า 100 ปี
วรรณกรรม ใชใ้ นความหมายวา่ งานหนงั สือ งานนพิ นธท์ ่ีทำ� ขึน้ ทกุ ชนดิ ไมว่ า่ แสดงออกมาโดยวธิ หี รือในรปู อยา่ งใด เช่น
หนงั สอื จลุ สาร สิ่งเขียน สงิ่ พิมพ์ ปาฐกถา เทศนา ค�ำปราศรยั สุนทรพจน์ สิ่งบันทึก เสยี ง ภาพ เป็นต้น
วรรณกรรม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. สารคดี หมายถงึ หนงั สือท่แี ตง่ ขนึ้ เพ่อื ให้ความรู้ ความคดิ ประสบการณ์แกผ่ ู้อ่านซึ่ง อาจใชร้ ูปแบบร้อยแกว้
หรือรอ้ ยกรองก็ได้
2. บนั เทิงคดี คอื วรรณกรรมทีแ่ ต่งขึ้นเพอ่ื ม่งุ ให้ความเพลิดเพลิน สนุกสนาน บนั เทิงแก่ผอู้ า่ นจึงมักเปน็ เร่อื งที่
มเี หตุการณแ์ ละตวั ละคร

เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา  7
ปีการศกึ ษา 2563

หน่วยที่ 7 ภาษาไทยกับชอ งทางการประกอบอาชีพ

ในปจั จุบนั มีอาชีพมากมายทค่ี นรุ่นกอ่ น ๆ อาจมองขา้ มความส�ำคัญไป แต่กลับเป็นอาชีพทีท่ �ำรายไดอ้ ยา่ งงาม
แก่ผู้ประกอบอาชีพนั้น และกลายเป็นอาชีพท่ีเป็นที่นิยมของคนไทยในปัจจุบัน เป็นอาชีพที่ใช้ภาษาไทยเป็นพ้ืนฐาน
โดยเฉพาะใช้ทักษะการพดู และการเขียนเป็นพื้นฐาน ดังนี้
1. อาชพี ทใ่ี ช้ทักษะการพูดเป็นช่องทางในการประกอบอาชพี
การพูดเป็นทักษะส�ำคัญอีกทักษะหน่ึงท่ีต้องอาศัยวรรณศิลป์ คือ ศิลปะการใช้ภาษาที่จะสามารถโน้มน้าวใจ
กอ่ ให้เกิดความน่าเช่อื ถือ เหน็ คล้อยตาม สรา้ งสมั พันธภาพท่ีดรี ะหวา่ งผู้พดู และผฟู้ งั หรือผูฟ้ งั ตอ่ สว่ นรวม หรือโน้มนา้ ว
ใจใหใ้ ช้บรกิ ารหรือซ้อื สิ่งอุปโภคบริโภคในทางธุรกิจได้ การพดู จึงเป็นช่องทางนำ� ไปสอู่ าชพี ตา่ ง ๆ ได้ดงั นี้
1.1 อาชีพนกั โฆษณาประชาสัมพนั ธ์
1.2 อาชีพนักจัดรายการวิทยุ
1.3 อาชพี พธิ ีกร
2. อาชพี ทใ่ี ชท้ ักษะการเขียนเป็นช่องทางในการประกอบอาชีพ
การเขยี นเปน็ ทกั ษะสำ� คญั อกี ทกั ษะหนง่ึ ทเี่ ปน็ ชอ่ งทางในการนำ� ภาษาไทยไปใชป้ ระโยชนใ์ นการประกอบอาชพี
ตา่ ง ๆ ได้ การจะใช้ภาษาเขียนเพื่อประโยชนใ์ นการประกอบอาชพี ก็เชน่ เดยี วกบั การพูด คือ ต้องมวี รรณศลิ ป์ของภาษา
เพอ่ื ใหส้ ง่ิ ทเี่ ขยี นสามารถดงึ ดดู ความสนใจดงึ อารมณค์ วามรสู้ กึ รว่ มของผอู้ า่ น โนม้ นา้ วใจใหผ้ อู้ า่ นเหน็ คลอ้ ยตาม และเพอ่ื
สรา้ งความบันเทงิ ใจ รวมทงั้ สรา้ งความรูค้ วามเข้าใจแกผ่ ู้อ่าน ตลอดถงึ ความเปน็ อันหนง่ึ อนั เดียวกันของสว่ นรวม อาชีพ
ที่สามารถน�ำทักษะการเขยี นภาษาไทยไปใช้เพ่อื ประกอบอาชพี ไดโ้ ดยตรง ไดแ้ ก่ อาชีพดงั ต่อไปนี้
2.1 อาชพี ดา้ นสอื่ สารมวลชนทกุ รปู แบบ ทงั้ ในวงราชการ เอกชน และวงการธรุ กจิ ไดแ้ ก่ อาชพี ผสู้ อ่ื ขา่ ว
อาชพี ผเู้ ขียนขา่ ว, อาชีพผ้พู สิ จู นอ์ ักษรและบรรณาธิการ
2.2 อาชพี ดา้ นการสร้างสรรค์งานศลิ ปะรูปแบบตา่ ง ๆ ท้ังในวงราชการ เอกชน และวงการธรุ กิจ ได้แก่
อาชพี กว,ี นักเขยี น
นอกเหนอื จากอาชพี ทใ่ี ชภ้ าษาไทยเปน็ ชอ่ งทางในการประกอบอาชพี โดยตรงแลว้ ยงั มกี ารประกอบอาชพี อน่ื ๆ
อกี ทใี่ ชภ้ าษาไทยเปน็ ชอ่ งทางโดยออ้ ม เพอื่ นำ� ไปสคู่ วามสำ� เรจ็ ในอาชพี ของตนเอง เชน่ อาชพี ลา่ ม, มคั คเุ ทศก,์ เลขานกุ าร,
นักแปล, นกั ฝกึ อบรม, ครู, อาจารย์ เปน็ ตน้
หมายเหตุ : ใหน้ ักศกึ ษา ได้ศกึ ษาเพิ่มเติมจากหนังสือแบบเรยี นรายวชิ าภาษาไทย พท21001

8  เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

แบบทดสอบรายวชิ าภาษาไทย พท21001

จงเลอื กคำ� ตอบทีถ่ ูกต้องท่สี ุดเพียงค�ำตอบเดียว

1. “โวหาร หมายถงึ ช้นั เชงิ สำ� นวน หรอื ทว่ งท�ำนองการ คำ� ชแ้ี จง อ่านเรือ่ งต่อไปนแ้ี ลว้ ตอบค�ำถามข้อ 5 - 6
แต่งหนงั สอื ให้ผูอ้ า่ นเข้าใจ “เราจะทำ� อยา่ งไรกนั ดลี ่ะคะคุณขา้ วของในทอ้ ง
ความร้สู ึกคลอ้ ยตามจุดมุ่งหมายของผเู้ ขยี น ” จาก ตลาดพากันขึ้นราคาไปหมดทุกอย่าง ไหนจะค่าเช่าบ้าน
ข้อความขา้ งตนั ผเู้ ขียนมจี ดุ ประสงคอ์ ย่างไร ค่าเทอมลูก ค่าอาหาร สารพดั อย่าง แย่แล้วล่ะคะ่ ”
ก. เชญิ ชวน 6. จากขอ้ ความข้างตน้ เปน็ คำ� พดู ประเภทใด
ข. น�ำเสนอ ก. รอ้ งทกุ ข ์
ค. ตักเตือน ข. ปรบั ทกุ ข์
ง. อธบิ าย ค. ปรบั ความเข้าใจ
2.ขอ้ ใดใช้ภาษาเชงิ สรา้ งสรรค์ ง. ขอความชว่ ยเหลอื
ก. รถผดู้ วี ิ่งขวา รถขขี้ า้ วิ่ง 7. ขอ้ ความในข้อ 5 ข้อเท็จจรงิ มลี กั ษณะอยา่ งไร
ข. ซ่อื กนิ หมด คดกนิ ไดน้ านซา้ ย ก. เป็นเร่ืองที่ผู้ใหญ่พดู กนั
ค. ส่งิ สำ� คัญคือเงินตราได้มานำ� ไปใช้ ข. มีคนพดู กนั วา่ เป็นเร่อื งจริง
ง. เสร็จกิจปิดไฟ ชว่ ยไทยประหยัดน้�ำมนั ค. เป็นเร่ืองทน่ี ่าจะเปน็ ไปได้
3. ในการเขยี นรายงาน ควรทำ� สิ่งใดเป็นอนั ดบั แรก ง. เปน็ เรอื่ งท่มี หี ลกั ฐานอ้างองิ และเช่ือถอื ได้
ก. ค้นควา้ 8. ข้อใดใชส้ รรพนามได้เหมาะสมทส่ี ุด
ข. ทบทวน ก. นายกรฐั มนตรีออกตรวจพื้นท่ี
ค. การเตรยี ม ข. นายกรฐั มนตรีท่านกำ� ลงั ประชมุ
ง. เรยี งลำ� ดบั ค. นายกรฐั มนตรีเขาไม่อยู่ไปราชการ
4. “ คนเราจิตใจตา่ งกนั ” ตรงกับส�ำนวนใด ง. นายกรฐั มนตรกี �ำลงั ใหก้ ารชว่ ยเหลอื
ก. ขนมพอสมน�้ำยา ประชาชน
ข. ลางเน้อื ชอบลางยา 9. ข้อใดเขยี นถกู ต้อง
ค. คอหยักๆ สกั แตว่ ่าคน ก. ในสวนหลงั บา้ นมดี อกไม้นานาพรรณ
ง. คับทีอ่ ยู่ได้คบั ใจอยยู่ าก ข. สรุ ชัย พัวพันธกุ์ บั คดียาเสพติด
5.ขอ้ ใดเปน็ ภาษาแบบไมเ่ ป็นทางการ ค. พ่อไปเทยี่ วงานจำ� หนา่ ยผลิตพรรณของ
ก. แม่เรียกใหไ้ ปกนิ ข้าว นกั เรยี น
ข. คุณยายทำ� ขนมบวั ลอย ง. มะละกอแพรพ่ นั ธ์ุดว้ ยเมลด็
ค. พ่อเตรียมดนิ ปลกู ตน้ ไม้ 10. เน้ือเรื่องใดทเี่ หมาะส�ำหรับการเขยี นเรียงความ โดย
ง. กอ้ งท่องบทอาขยานให้แม่ฟัง ใชข้ อ้ เท็จจริงท่มี หี ลกั ฐานอา้ งอิงได้
ก. ขอมด�ำดิน
ข. วัยรุ่นกับยาเสพติด
ค. สื่อรกั แทนใจ
ง. ถา้ ฉันเปน็ เจ้าชาย(หญิง)ฉันจะ

เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา  9
ปีการศกึ ษา 2563

11. สงิ่ ทีส่ ำ� คญั ทส่ี ุดทีผ่ พู้ ูดควรเตรียมลว่ งหน้าคือขอ้ ใด 16. การอา่ นจบั ใจความสำ� คญั มลี ักษณะอย่างไร
ก. การแตง่ กาย ก. เข้าใจความหมายของเรอื่ งท่อี ่าน
ข. การฝกึ ซอ้ ม ข. ไดร้ บั ความเพลดิ เพลิน
ค. การเตรียมตน้ ฉบบั ในการพูด ค. มกี ารสื่อสาร
ง. การใช้เสยี งและทา่ ทาง ง. ผู้ฟงั เกิดความเข้าใจ
12. การพูดแสดงความคดิ เหน็ คอื การพดู ใน 17. ข้อใดเขยี นถกู ต้องทุกค�ำ
ลกั ษณะใด ก. จระเข้ เจยี ระนัย จันทนก์ ะพอ้
ก. พูดทักทาย ข. จัดสรร สรา้ งสรรค ์ เสกสรร
ข. พดู แนะน�ำตัว ค. จักรวรรด ิ โจษจนั จตสุ ดมภ ์
ค. พูดอภปิ ราย ง. เจตจำ� นง เจตนารม จนิ ตนาการ
ง. พดู อวยพร 18. อธปิ + บดี รวมกนั เปน็ ค�ำสนธไิ ดอ้ ย่างไร
13. การอา่ นในใจและอ่านออกเสยี งแตกต่างกนั อยา่ งไร ก. อธิปดี
ก. อา่ นเพอื่ ใหเ้ กิดความรเู้ ร่อื งท่อี ่าน ข. อธบิ ดี
ข. อา่ นเพื่อใหเ้ กิดความเพลดิ เพลนิ ค. บดธี ิป
ค. อ่านเพ่อื ใชน้ ำ้� เสยี งบอกอารมณแ์ ละ ง. ธิปบดี
ความรู้สึก 19. พฤติกรรมใดแสดงให้เหน็ ถึงการให้เกยี รติเพ่ือน
ง. อา่ นเพ่ือให้เข้าใจเรื่องทอ่ี ่านไดถ้ ูกตอ้ ง ก. อรอนงค์เปน็ ท่ีชอบพอของเพ่ือน
14. เนอ้ื เร่ืองใดทเ่ี หมาะสำ� หรบั การเขียนเรยี งความ โดย ข. สวุ รรณชยั ยอมรบั ในความคิดเห็นของเพือ่ น
ใชข้ อ้ เท็จจรงิ ที่มีหลกั ฐานอ้างอิงได้ ค. ลลี าวดีท�ำงานทไ่ี ด้รบั มอบหมายจนส�ำเร็จทุก
ก. ขอมด�ำดิน ครง้ั
ข. วยั รนุ่ กบั ยาเสพตดิ ง. โรจนช์ ่วยเพ่ือนทำ� เวรท�ำความสะอาดห้องเรี
ค. สอ่ื รักแทนใจ 20. แมน่ ำ�้ ” มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด
ง. ถา้ ฉนั เปน็ เจ้าชาย(หญิง) ฉันจะ ก. นภา ชลาลัย
15. การฟังท่ีมีประสทิ ธิภาพ คือการฟังในขอ้ ใด ข. คงคา สิงขร
ก. มสี มาธิในการฟัง ค. นที ชลที
ข. จับสาระส�ำคญั ได้ ง. ชโลทร ทิฆัมพร
ค. ปราศจากอคติ
ง. จดบันทึกไดท้ ัน

10  เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563

สรุปเน้อื หารายวิชาภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจำ� วนั พต 21001

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. มคี วามรูแ้ ละเขา้ ใจลักษณะ ของประโยคใน ภาษาอังกฤษ ประโยคบอกเลา่ / ประโยค คำ� ถาม /ประโยค
ปฏเิ สธ/ ประโยคอทุ าน
2. ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารส�ำหรับการฟงั พูดอา่ นเขยี น ได้
ขอบเขตเน้ือหา
ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเกีย่ วกับเรอื่ งต่อไปนี้
ประโยคบอกเล่า /ประโยคค�ำถาม / ประโยคปฏเิ สธ / ประโยคอุทาน

หนว่ ยท่ี 1 การฟัง

ทกั ษะการฟังภาษาองั กฤษ
1. เริม่ จากการฟังอะไรท่ีง่ายๆ จะไดม้ กี ำ� ลังใจไม่ท้อตง้ั แตแ่ รก
2. ฟังเรือ่ งท่ีเราถูกใจ เพราะจะน�ำไปสคู่ วามสุขใจ ใส่ใจ และเข้าใจ มากกว่าฟงั เร่ืองทเ่ี ราไมค่ อ่ ยสนใจหรือตอ้ ง
ทนฟงั
3. ใหฝ้ ึกฟงั เร่อื งทีจ่ บภายในเวลาสัน้ ๆ ในระยะเริ่มตน้ ถา้ ฝึกฟงั เร่อื งทีย่ าวเกนิ ไปจะทำ� ให้สมองลา้ รับไม่ไหว
4. ฟังพร้อมอา่ น หรืออา่ นก่อนฟงั หรอื ฟังแล้วอา่ น จะฝกึ แบบไหนกต็ ามถนดั การอ่านจะชว่ ยผ่อนแรงในการ
สรา้ งความเข้าใจเรอ่ื งทีฟ่ ัง
5. ฟงั พรอ้ มดูวดี โิ อ การที่สามารถรบั สารผ่าน 2 ประสาท คือ ทางหแู ละทางตา จะช่วยใหเ้ ข้าใจง่ายข้ึน ยิง่ ถ้ามี
subtitle ใหอ้ า่ นพรอ้ มกบั ชมภาพวีดิโอท่ีเคลื่อนไหว ยงิ่ ชว่ ยให้เขา้ ใจยิ่งข้นึ ไปอีก
6. ฝึกฟงั นอ้ ยๆ แต่ฟังบ่อยๆ ดกี วา่ ฝกึ ฟังนาน ๆ แตไ่ มบ่ ่อย
7. ลองฟังโดยใช้หูฟัง จะไดย้ นิ ส�ำเนยี งชัดข้ึน ช่วยให้งา่ ยในการฝกึ ออกเสยี งตาม
8. ฝึกฟงั พรอ้ มพดู ตาม
9. ฟังอย่างต้งั ใจ
10. ฟังด้วยความสุข ถงึ ยังฟงั ไม่คอ่ ยรู้เรอ่ื ง กไ็ ม่ได้แปลว่าฟงั ไม่ได้เร่ือง

หน่วยท่ี 2 การพูด

ทกั ษะการพดู ภาษาอังกฤษ
1. อยา่ กลวั ความผดิ พลาดและกงั วลกบั หลกั ไวยากรณม์ ากเกนิ ไป เพราะ “การสอ่ื สารเปน็ เรอ่ื งสำ� คญั มากกวา่
ความสมบูรณ์แบบ”
2. เร่ิมต้นจากการฟังอยากพูดภาษาอังกฤษให้คล่องเราต้องเร่ิมฟังกันก่อน เคล็ดลับในการฟังให้ได้ผลก็คือ
“ฟงั อย่างเข้าใจ และฟังอยา่ งตอ่ เนื่อง”
3. ฟงั แลว้ ตอบ “ฟงั และตอบคำ� ถาม”
4. เรียนรูเ้ ป็นภาพ ไม่ใช่ตัวอกั ษร “เลกิ ท่องศพั ท์ ถ้าอยากพดู ภาษาอังกฤษได้”
5. หยุดท่องหลักไวยากรณ์ถ้าจะฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ได้ต้องหยุดท่องหลักไวยากรณ์ เพราะน่ันเป็นวิธีที่ผิด
เดก็ ๆ ชาวตา่ งชาตจิ ะพดู ภาษาองั กฤษจากการเรยี นรเู้ องโดยธรรมชาติ จากการฟงั สงั เกตและเลยี นเสยี งพดู จนคลอ่ งกอ่ น
จะเริ่มเรยี นหลกั ไวยากรณ์ เหมือนเดก็ ไทยทเี่ รียนรู้และพูดคำ� ว่า “แม่” จากการฟงั และฝกึ ออกเสียง แลว้ คอ่ ยมาเรยี นรู้
วธิ ีการผสมคำ� ในภายหลังนน่ั เอง

เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา  11
ปีการศึกษา 2563

6. เรียนรแู้ บบชา้ ๆ แตล่ ึกซ้ึง เคล็ดลับท่จี ะท�ำให้คุณพูดภาษาองั กฤษได้อย่างงา่ ยดายนนั่ กค็ ือ การเรียนรู้ทุกคำ�
และทุกวลอี ย่างลึก (Deeply)
7. อย่าแปลเป็นไทย

หน่วยท่ี 3 การอ่าน

ทักษะการอ่านภาษาองั กฤษ
1. ให้ทุกครั้งท่อี ่านเป็นชว่ งเวลาที่พเิ ศษ
2. อ่านหนงั สือทส่ี นใจ
3. เพ่มิ คลังคำ� ศัพท์
4. อา่ นออกเสียง
5. อ่านซ้�ำอย่างนอ้ ย 2 รอบ

หน่วยที่ 4 การเขยี น

1. เขียนแลว้ ทบทวนแก้ไขหลาย ๆ รอบ
2. ลองอา่ นออกเสียงเผ่ือสะดดุ การอา่ นออกเสียงท�ำใหเ้ ราได้ใชป้ ระสาทสมั ผสั เพิม่ มากขึ้น
3. จดศพั ทห์ รอื สำ� นวน ทม่ี ปี ระโยชน์ โดยจดความหมายและตวั อยา่ งประกอบดว้ ย จำ� เปน็ ประโยคดกี วา่ จำ� เปน็ คำ�

หน่วยที่ 5 ภาษาอังกฤษกบั การประกอบอาชีพ

1. การพูดภาษาอังกฤษตามมารยาทสังคม และเหมาะสมกับสถานการณ์ส�ำหรับการประกอบอาชีพ คือ
การทักทาย การอำ� ลา การสอบถามขอ้ มูล เช่น
Good morning. Goodbye.
2. การพูดแสดงความร้สู กึ และแสดงความคิดเหน็
Of course. That’s right.
3. ประโยคภาษาองั กฤษทีใ่ ช้พดู แสดงความชว่ ยเหลือ
Do you need my help? Let me help you.
4. การขออนุญาต ใช้ประโยคเหลา่ นี้
Can I (possibly) ?
5. การพูดแทรกอยา่ งสุภาพ
การพดู แทรก หรอื การขัดจงั หวะการสนทนาของผู้อน่ื สามารถใช้สำ� นวนต่อไปนี้
Sorry for interrupting. ขออภยั ขอขดั จังหวะหนอ่ ยครับ/ค่ะ

หมายเหตุ : ให้นกั ศึกษา ไดศ้ กึ ษาเพิ่มเตมิ จากหนงั สือแบบเรยี นรายวชิ าภาษาองั กฤษใน

ชวี ติ ประจ�ำวัน พต21001

12  เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563

แบบทดสอบรายวิชาภาษาองั กฤษในชวี ิตประจำ� วัน พต 21001

จงเลือกคำ� ตอบทถ่ี กู ต้องทสี่ ดุ เพียงค�ำตอบเดียว 6. Bill. : Tom, this is Bob.
Tom. : Nice to meet you.
1. A : Thank you. Bob. : _____________________.
B : _______________________. a. How do you do?
a. You’re welcome b. Nice to meet you too
b. I’m sorry c. Nice to meeting you too
c. O.K d. Good luck.
d. Welcome 7. Linda. : Tom, this is Ken Woods.
2. A : ________________________ Tom. : How do you do, Sir?
B : That’s all right. Ken . : ___________________.
a. I’m fine a. I’m fine, thanks
b. I’m sorry b. How do you do?
c. How are you? c. Nice to meet you
d. Congratulations! d. How unfortunate !
3. A : I live in Ratchaburi. 8. A : Fine, thanks. And you?
Where do you live? B : _________________________.
B : ________________________. a. Not bad
a. I live in Ratchaburi, too b. Good morning
b. You’re welcome c. Good afternoon
c. Thank you d. Thank you for your concern
d. I am sorry. 9. Louis : Hi! Laura, how are you?
4. A : Good morning. Laura: Hi! Louis. I’m not so well.________.
B : _______________________. a. I have a fever.
a. Good afternoon b. I have a good luck.
b. Good morning c. I have a new friend.
c. Good night d. Thank you .
d. Good by 10. A : I am a nurse. What’s your occupation ?
5. A : How are you? B : ________________________.
B : _______________________. a. I live in Petchaburi
a. How are you? b. I am a teacher
b. I’m fine, thanks c. I am a woman
c. And you? d. I agree with you.
d. Good luck.

เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา  13
ปีการศกึ ษา 2563

11. My name is __________________. 16. Miss Cathy: Well, thanks for the information.
I’m __________________ years. Mr. Dan: _________________. Good bye.
a. 17, Suda a. I call you later
b. Suda, 17 b. You’re welcome
c. Petchaburi,17 c. Thanks for the information
d. Born January 16 d. Thanks a lot
12. Miss Suda: See you later. 17. Miss Kate: I look forward to hearing from you.
Mr.Tom: __________. Mr. Danael: ______________________ .
a. See you a. I’m much obliged to you
b. Yes, thank you b. I’ll speak to you tomorrow
c. Yes. You’re welcome c. I look forward to hearing from you, too
d. Goodbye d. I have no reason to disagree.
13. Miss Cathy : Give my regards to Mr. A.J. 18. Mr. Ken: What a nice party!
Miss Suda :______________. Miss Suda: _________________.
a. Yes, I do a. Thanks for coming
b. Yes, I will b. I’m glad you liked it
c. Yes, alright c. Thank you for inviting me
d. Yes, thank you d. Thanks you very much
14. Miss Carolyn: Hope to see you soon, bye. 19. Mr.Ken: Thanks for the meal.
Mr. Dan: ________________. MissSuda: ____________________.
a. Yes, I will a. That’s all right
b. Yes, I hope so b. I’m glad you liked it
c. Yes, thank you c. It’s nice of you to say so
d. Goodbye. d. I do not want
15. Miss Aliz : I wish you luck. 20. A : What’s your job?
Mr.Bob : _____________,Good bye. B : I am _______________.
a. You too a. a teacher
b. You will b. a cat
c. You wish c. a man
d. You have d. a beautiful

14  เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

สรุปเนสร้อื ปุ หเนาื้อรหาายรวายชิ วาิชคาคณณติ ติ ศศาาสสตตรร์ พ์ พค2ค120101001

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

ก จ ห ข(นจรอำ�ดุน�ำะเบนปสว่บเวนรยขวนอะนทตเขสขกหจกเขกศ131จ2ตเ่ีรน้อาอ้1าาง....�ำอานม็กึขนมือ้รรนรคมจจเจบษศ่วาลจนจตหูลวดั�ำว�ำลูก์คนูเยาอืดันานขัดแแน�ำเาเแณทายกพไกศจเนลสเตวนแลกปร)์ต่ีบ็าใิตึก่อืน231ะนิ1กเล1ะช็บวเใตน็มนรษไน...กรเ.ใจะชฝ้หดนขาตลววจจอื้จเจียาาาำ�กจ้กึมลน้้อบนม็บไแารแหไัดานนาาทดือโปมว่นรบนแแลเรลานวค้อแรักกยกวูลสลนำ�ดวะวนระวลู้ยมษกบ็ใขู่กกะฝนก�ำงเชกนนะา่ขาตะอ้รกเรสกึจแห้งนจาศรเาวอ้เะม็มารทาตสลกเวำ�นินรูนบบรม้าสนบลูกัม็มดันะยี่ดด่วกยงรลูวนไววษกบเวเวตยวปา์านำ�ทหกนกอก(านะเมวกอ่รใจเก่ีย่เีตนเขรบัชเนเกหจขาไตากาวตสุด้อกินปป้เรำ�อ้น็มมินรกร่ยีม็มมาจาวกนนรมตบาวื่อบัวรกเลผดัูลาาะี้วะนนูลัดงกใวคนบลราแเกชนสตทสกกเนิบัวรลวตอ้เเมก่อินี่ยแ่ีเกาคเตะนม็จบหรถาไวมลใาร็มกปาื่อศเรจกมกูกะย่อืรตลนาใงนนูไาาตับศางชร็มดบตวระ้ียมวอู้นคน้เ้ลอนต่อสค)์แงือวแยายบัดไเมนรลตใาตขลป์จา่สนือ่ถะมําา้อม็�ำะแงนนิงูกเมกพยนสศมลสลี้มใตาโาน้ืมวูนลูบจนะคือรอ้วนทเไศยอวรใหแงปแเน่ีไ์ดูนงดัขนลตตดลใสำ�กอ้ยชะ็มาสุะอ้กรเาม์จเพ้ปนปมศย้าสาราลู รน้ืนิงผรนูรา่วนนใะตะงคลัดกทยนอวเกอ่กำ�าด์ีไ่หขรนกอนไดอราูป้อมปเาบบ้อบวเตแมารนนณยกวด็มะคบลูนิี้ก่าา้วปสหาใบงรกยนมนราลเตทาหะพรแวบจัดร่ีเปูกมณสหืน้�ำบสคอแานดมทวินหะูณบบงวากี่ใาสกนรดบะจพมลาหปูส้วเท้นืตรแบยาทมเ่ีหม็ทสรหรจคเาบดี่มงปจราพูณเงวาปูำ�รรนกน้ืกะนขยีทวหาทสาบวจนรราม่ขีคนเำ�หงเรทอณตนเเาเรตียงจปม็วพติขรม็บาบนรน้ืาปูนกียขกวเคทเตาวบ้อการณรี่ข็มนรขมเนทอจิตลเาูลต�ำงีดัยบคเไ็มรพบเณปกูปแอื่ ใติ็บลชนไขะ้�ำดศ้อไ้ ปูนมูลสย์ู่

จำนวน
เต็ม

จำนวนเต็ม ศูนย์ จำนวนเต็ม

หห ลนักว่ คยอื ทเ2ห1ร1รมี่ม3ะะ200นาต3บบต่วรเมก6รบบซยลิฐาซนอเทหลมาร่ึงตงับี่นนเิตแวรมร111ก2มิเว่สมบะะรว000ฤาัดตยกิกบบาตตง่ษกรเมเหกาอรบรบซด เิลรลลฐจอนปคเอ วลมทากัะกังาต็นนัดเิตมคี่นเกเแสมิเกปมสรมืหีอฤิยต�ำตาน็ติกาตษนมห่ลรรเกรรมใ่วแระเ1ลชจปยบัตบเ0ทซ้กะ็นวรร่งมนันี่นเดัะกแสแ1ดซหีตคิยคย0บตาาซึ่งิเนอืมหระวล่บแมเิเแาท่วมใรดะทบตชมบยับตเาครศ่งซก้ยว่งงรราอจนนันทแดัาะเอะแมวยิบตคค่ยียแกตเตมิเือาะวบปบมเ่ลรวทาทปทน็ต่งะขมี่สาน็เศยรเน้ึทยงำ�นดน่อจทาเค1า่ิ้วซยปะิยวก0ยี่ญั เิลแมเน็ฟบัมาปรบเงทวตุตดะไ็น1่ง1ขีส่ปรซบ0ยห้ึนาแนอเิเบอ่คมลฮเเบกีิว้ปมยแญัตกา่งเลรต็นฟปโรอรแกตงรตุ็นอะลแ1ไเเบกกปจมะ0ตหดิเะบอตไ่ลปลเมเขีกรแมะทาน็ล้นึเรเตแ่าปด์แกใรกเลนน็ซปลเับะกจเิปะ็นมดิะไร1ตตมขเะ้นทรเนึ้ลเฮแทา่ ์ใกเกบนศปโับง่ปฝตน็ อรรเตอมง่ัะ้นเกตเศทเรสปศลเ็นฝทเบมร่าั่งอ่ื กเปศบั ีสพ1เ.มกศื่อโิ.ลป2เีม3พ3ต.6ศร.หนว่ ย

10 เดคาหเมนต่วรย ราก1ฐ0าเนดคขาอเงมรตะรบบเทS่ากI บัมี 71 หเฮนก่วโยตเไมดต้แรกแ่ ละ 1 เฮกโตเมตร เทา่ กบั 1 กิโลเมตร
หนว่ ยรากเมฐตารน(ขMอeงtรeะrบ:บMS)I มี 7 หนว่ ย ไดแ้ เกป่น็ หน่วยทใ่ี ช้วดั ความยาว
เมตร (Mกeโิtลeกr ร:ัมM()K ilogram me : Kเปg)็นหน่วเยปทน็ ่ีใชหว้นดั ว่ คยวทา่ีใมชย้วาัดวมวล
กิโลกรัม((SKeilcoognradm:mS)e : Kg) เป็นหน่วเยปท็นี่ใชหว้นัดว่ มยวทลี่ใช้วัดเวลา
(Second(A:mS)p ere : A) เป็นหน่วเยปท็นใ่ี ชห้วนัดว่ เยวทลี่ใาชว้ ัดกระแสไฟฟา้
(Ampere(Ke: lAv)in : K) เป็นหน่วเยปท็นีใ่ ชห้วนดั ว่ กยรทะี่ใแชส้วไดั ฟอฟุณ้าหภมู ิ
(Kelvin (:CKa)n del a : Cd) เปน็ หนว่ เยปทน็ ีใ่ ชหว้นดั ่วอยณุทใ่ีหชภ้วมูัดิความเข้มข้นของการส่องสว่าง
(Candel(aM:oCled): Mol) เปน็ หนว่ เยปท็นใ่ี ชหว้นัด่วคยวทาี่ใมชเ้วขดั ม้ ปขร้นมิ ขาอณงขกอารงสส่อารงสวา่ ง
(Mole : Mol) เป็นหน่วยทใี่ ช้วัดปรมิ าณของสาร

เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา  15
ปีการศึกษา 2563

หรูปนรว่ ะยน หหรทาปู นน่ีบรร3รว่ว่ปููปะยเยนเเวรทรรทัดาขขข่ีบไรรรรี่3าาาดูปูป3ูปูปคคคเ้เเเเเวฉณณรณรรรเรัดพรขขขขขติิติตไขาาาาาดสคคะคคาค้เเอคณณฉณณปคณงวพน็ิติตณิตมิติตาารส มิตส ะิตูปอเกิเอคปปทงวงเวมน็น็ี่ปป้ามาติรงรร็นมิตปูแิ ูปะกิ รลทเกทูปวปเะ่ปีอ่ปีป้าเ็นครบงร็นรวแขะะดูปราลากกวู้ปมเคะอยรอยเคณบขรบาวาขดิดตวาจคาว้เ้วทมุดทณคยย่ีมยา่ณ ิต ีลานเ ทิตสวักจั้นจเมี่ทนุ้ดษุดทลีจต่ีม ณ่า ักะรีลเนเะสงวษสัก้ันแดัน้น้ณษบสคตจตณะ่ววนระรแนางะงวรบม โแดัา คนหสบบสคง้รว่น่ววนตานนาารอ่าบมหโโางยค คหรบ ู่ใง้ๆอ้งืนนตตยคาร่าอา่่ใูวหะงนงยารนรๆู่ใมๆือนาะสคบนรูงวะเาไดามบนมีย่ไเาสดวบงูก้ียเไันวดมกียไ่ ันดวเ ก้ร ียัเนรกียวกเ่ารวีย่า ก รวปู่าระนาบ วัดได้
เฉพาระูปคเวราขรมาูปกคเวณรา้ ขงิตแาสคลอะณงคิมตวิตสาิอมงยแมาบวิต่งเิอทแอา่ นบก้นั่เงปอจ็นอะกว2เัดปกค็นลวุ่าม2มใหกญนลุ่มา่ หๆใหรตือญาค่มวๆลามัตกสาษงูมณไลมะัก่ไขดษอ้ ณงขะอขบองหขรอือบดห้านรือขดอ้างนรูปของรูป
ได้แก่ ไดก้แลกุ่ม่ ทกี่ม ลีข รุ่มอปู ทบเร่ีมหขีขราอือคบดณห้าิตนรสืขออดง้ามรนิตูปข ิเอ ปแง็นบรสงู่ปอ่วเปอนก็นขเอสป่วงน็ เนส2ข้นอกตงลรเงมุ่ส้นใกหตลญรุ่มง่ นๆก้ีคตลือาุ่มมรนลูป้ีคกัหือษลณราูปยะเหขหลอลางี่ยขยมอเหบแลหลี่ยระมือกดแลา้ ลุ่มนะทขกี่มอลีขงุ่มรอปูทบ ่ีม ไีขดอ้แบก่ กลุม่ ที่มีขอบ
หรอื ดหา้ นรอืเปดน็ า้ สน่วขเปนอน็โงครส้งปู ว่ งเนอปโน็คเชสง้ น่งว่ อนรขูปเชอวน่งงเกสรลน้ปู มตวงรรกงปู ลกวมลงรมุ่ รี นูปคี้วอืงรรี ปู หลายเหลยี่ ม และกลมุ่ ทม่ี ขี อบหรอื ดา้ นเปน็ สว่ นโคง้ งอ เชน่ รปู วงกลม
รปู รวูปงรหี ลราูปยเหหลลาี่ยยมเหเลก่ียิดมจาเกกสิด่วจนาขกอสง่วเนสข้นอตงรเงสต้นั้งตแรตง่ต3้ังแเสต้น่ 3ขึ้นเสไป้นขเช้ึน่นไปAเBช,่นBCA,BC, BDC, ,…C, DP,Q…,โดPQยท่ี โดยที่
จุด A จ,ุดB, CA,, …Bร,ูปPC,ห,Qล…ายPเปเ,หQ็นลจ่ียุดเมปทเ็น่ีแกจติดุดจกทาตกี่แ่าสตงว่กกนันตขบ่าองนงกเรัสนะ้นบนตนารบรงะตน้ังแแาลตบะ่ 3ไมแเ่มสลี้นะขไ3ม้ึน่มไจปี ุด3เใชด่นอจAยุดBู่รใ่ด,วBมอCสย,ู่่วรC่นวDมข,สอ…่วงนเ,สPข้นQอต ง รเโสดง้นยทตีจ่รดุง A, B, C, …P,
เทจยหเหดาาี่ไนยีลมนว่ววีย่่ใวแยกชมนQ เเ ( ห ดจทเยหเลทัน่ปคดหหดมงัาาีไ่น ะนฯี่วยีลลียลต มนวรนรดสมุ4คล่วาเวว่า่ียว่ียปููป่อ่ใป่ังวใวยิมวฯแยกยกชมนเยตมไนเนเ็นาาลหลทนัขรรปัน่ปจหอ่ทมมมขจขขขะฯนอี่นะลไลนสรรสนรรดุมเอีุ่ด4าคายลปงารเถา ้ีปปูู4ููปาป่วิยูงงัใคทคทยิงส)วกฯยียนา้ยนเนตเเเาเเณาณว่า่ารแี่ลร(กกขรรสเ้ีเมหอ่คขaมมขกนขขลหตขขขาวอ้ตินิตไอวลาสบัาอขา่ลกลขาายถปแงสสถาตคงาคงูอคจคงสตงัี่ยา้กทยามนเาเ้ายรณณเำ�สงสณณ่วมา่ม(กมนสหี้กงเaคเนaนง้นน้ติหจิตมาสม้ิตนิตจaนกกววสขแตทะลลส้นติแิตnสาสเาตานันำ�าอทเรร=งัย่ีแานิทติาม)าทรมลบดไีงยงมนมยมมวรนหดงห า่aมเา้นังกมงจ นงจมสมก้แจaนนเรติมเรวติะxร�ำ้นใติิตnากบัดเือาข ิะ่ดาุมยีนเร=ินิต ิ)่ียaเทจไอนไีกยรวรหดวรๆวดไาห่าaงาปูียวนดxกดนงแ้รกนรกแ้บร่าก้ปเาวใแอxื้แกใปูันaวกบัดือ ด น่อดาลรเก ่น ห่ียaรเจดxรแีกิซขะเรร่ๆยีดๆวลาร…้าูปรลปูมึอียดxอกกน้าียนnาูปปแะ…กย้ปางแนอยันกaวรขสไลร่นารอลเ…รกีเขนปูวมอปาูงซิปะxหีกซิขะเอา่อ.ม่ดมทหงร…็นมึหมึลออยnงรxา้ียี เnรนเจ…ีย่ยห รลงาูป่สนรกงร3aึ่งาเปูมรง่าาเล…นู้ปกหขปปูวว นปหูงปยห ย่ีรทา่ทอล.่า็นทหจวนน็สหเะมลงาxแรนหจดุรนเงว่ึ่รจบราลยสงยงำ�วใเูปรนลa่ึงายูปกอาเต้นกดงนาู่ปวนหี่ยขทเยรหกมม็รอท่หาวสวมอละรรเะมุลบยนแลนห่หีรปูบงงย่ีรบาู่รวยเูปี่ยเเเูปลลไมทอตยจสว่รอตกงดมพ่ียี่ย ทกรขเ็มมุด้นกม็ม แ้หมงีรเมจารบสสตุมบลกเระลรคุดงรว่ว่วรขูปรวA่มูป่ียเขณ ไนรกนงจรูปกย พ,ดดิมพาทูปAขขุดขิตกหB้แคเรีีรเ,ลี่สอาลอรสกลา้,ะกณะคBเาางปูขง่วเาขมCปA่มเกหม,ณเติรนยกลสยสิด,,็นิดCเเลปูกงัรขชน้ิตกหน้…Bเร,่ยีวสรกปอ่ือรกตaล,ูตปP…ยมปูเาปู�ำงนม็nารย่ีCปรท,มลเกPกลงจรงมรมฯส,็นQ่ีมเังร,เปูทังรุดปูหีค้นล…ดรีควQวรทaย่ีลทวฯaลยีูตปเยPวยปูnรอามี่าnรีย่วรทเา,ียสกมรดรคีงกงมรมมมQี่มยี่ีหกปูเกทหทวูปันีคชกีคีคกลวราลทลี่มี่ไทวือ่เวววมปู่วมามีย่ราราาา้รมาาา่กีใ่ยสมกงยมงงมจชมจฯกว่ีหกเกจหุดหปุ่ดชกลคาร้ลลวดุลมงยูปยมือ่วฯลวม่ามยย่ีา้าออามาาหคอมยงมยฯยจดดจฯา้วดุขดลดุลคราอฯยูปยมจฯวงออ�ำยาหสนมาดด้า่วววนนแขมลอมุ ะงใคเนสวห้นาลมตาสรยงงู
nเ รยี nเกรียaกn
วanเร่าnยี ว า่กเลaขเลnยวขกา่ ยกก�ำเกลลาขงั ล ย งัทกก่มี ทาี aม่ีลีังเaปท็นเปมี่ฐน็าี aนฐาเแนปล็นแะฐลาnะน nเแปลน็เะปเลน็nขเลชเขีก้ปช�ำ็นก้ีลเางัลลขังช้ีกาลัง
หพเถโกอา้นยิดกไาว่มขากยส่ข้นึ ห แแ มเรหพถโททพนึ้กมอณตตา้านนย่ีี่จหดิยีกาไล่ล่5า์ว่ผ่วมกะงขวัากะะกยลใกหคสน่ขกกยนึ้วคคดรททวทาึ้น็ตยา้อ่ามทรรณารรี่ี่เกบิเอ้ยจ่ีห้งงััากคชี่ก5มทว์ผไวนักะงเไ5ัวาวน่ิดพมนเิดขา่ลดกหคนกรกาคขอ่จยี้ลึ้น่าทกทลมวาต็ยใา้อรึ้นะาจงนกูารกร่ีอเดนาิบอ้ยาจใเกะแมทบกวอ้รงปละเงด่าไบเิดพตนเดิลสขอยดหจวอปน็คอข่เลยี่อล้้ึนุ่่ามละลงิเ์ข็นชอรแกึ้นจคะงสูกเสกออ้่นาะปตใไหะคแ่มุบหใีรอ้งะดดไบม่ใด็นเรตมาใสอยมหนปวู้ลหนหม้ัง่เลาะุ่มลเาา่์ขกน็ชแวนชแหากมยะหยจสา่้อาน่ลกนตึงลหมาถคะถหใีรจ์ขมมกะใ่ยด่อาึงรขมึโงใใมะนคอ้ีลูลวยถยนนมั้งง้นึาเากจก่าูกวใแวนงึมถปากกยหยบกาาา่าบาลกึงแลา็นลูถถกวันรรนัหจมอกะรต่ึงอหแึโงาทวะจนนโคลวย่ลงระรนยลเ�ำดกจึ่งา่วา่ใสนะทปือไนนทบมกลาะาจาีแครแด็นขนเวรลีันี่หแคอมะดรหตล้ึนอนเทวกูสเงน้งันวงชล่รอปกะนทซไบดดึ่งา่่นาียะมง5ไอ้น็ึ่ทงมี่แงลอจมญซครอ่ยทใสลีใี่แลอะึ่งรหนาเนเรดกูสเทสงท้งัชจ้ทปกา่าซไงบดีแร่ีย่นบมสบรน็ใจา่ึงาดงองหอาขี่อรทใผบะตใงลบหกโ้ทาานลเรผรสยว5จวไป้ทรกางลลดแีนา่บบร3น็าลัลพ1ด้วเเบอารหหผกูพัา่งธลบเวกโจตรลห์วธยูก่า5สวไียะุก่ล์วารดนเ่าีขหขญห่าจายีลัพ้วเเาจึ้นรหหตญะลูก่าเธวณะทหเุกจตับร์วกสเเ3ี่ียยะาุกวั์ใ่ตารกิดีขดรขหญงจาาาิดลาอณตเทนึ้รหระอหเกูวะณรอืทหเ์ใยะตกงไดาข3หี่ยัวบิ์ใไรุกิดบรเด้ึนหงล1ขไหลาไอวตเดกับรน้ึดรหูกตา่เะรอือ้้บตณบ้หมุกตงไถขหย้าาา้รรากุ์หา้ึน้หงลงีย1รไาไน1ดกบัยณญมรแแเ่ึง้อ้บบิลตณห่ขตม์หตยกู้ขาเาน้ึร่ไโี์ห่ไนรหงึน้มอมียหาโน่ึงยก่มสญส่อทแัวม่ึงบิาาาากกตรมีโสมมขอเาต็า่ไโี1รทสาน้ึมกอาบอ้ารรทล่จีกา่มสวงทถถสะูกขจี่า่าาารพทส้นึะมา1ยทหี่จกาบาระลจ่ียอ้วกถเะกูบิย่ากรไณิแดดตข้ล์ผ่ใึ้นกูลนมบทกาอ่เี ากกลรดินโสขย้อีใน้นึดย

ตถึง่อไ5ปนล ข ตถกู้ีางึอ่ วไ5แเปพตกคนลียคม่วรกูี้ งณาวลี คกมากูแ3ีรนวมนตสกคณาี้ตลนา่คีขม่มวรอีนกูจา่ณาาวลีนบจะเต้ีมวากูทา่ีนะเเมไอนจสปพา่ดเี้ตบนา่ะปขีน็นีย้วอจา่ไเา็นั้น่าขงปดบจะวขอว้น็ะเ3โเไปอพงอ่าดเขปเลงน็กยี้วหอโเ็นกู่าขงาอหงตเสขอเกตท3กุโหอหงอาุกาา่ตเลงสยกราหนเกุกูหิณบราหัน้ตาเณสยลตทกุท์รหบิูกกุ์ณา่า่ีก=ลยรบานลท์ ูกิณบรอ้ันจา่ ี่กณบลวลท์าลอูกมน์สีก่ า่=ลบาจวีแลวแสนาอดมจา่ ลีแนผวลงาาว้ดวไมลนแสขดนงาลลจวีแไ้า้มแผนัพ้วาดงาลลนขผธตงม้ ก้วลาไว์ทล้นากขดงนัพลกง้ัแตา้ว้มหผธัพกลง้น่าาข์ลมวธตะแกอลเ่าด์ทขน้ พลกงพัทองั้แเะเรวพหธงหอ่ีลขา่าเ์ขมราตะะหออาเจดขกุใงพตะงเนทอเากกุเใรหรจงหอี่นดิาาตณเาาตรจะหขุกนจณกุ์�ำใึน้ตาเนวากไกุใ์รนรจดดวดิณาณนา้รข8ๆใ์นณ์้ึนด8วลหไ์ในๆูกดดลา้ไกู 8หเๆดปาจ้เลห็นปไาูกดาล็นกจ้ไูกลสเดาปสกููต้จก็นีแสราสลดีแกตู ูกดงสรสงตู ถีแร่องึ ดไปง5นล้ี กู แต่มลี กู สี
เม่ือแตเมล่ ะื่อผแลตลล่ พัะผธท์ลลีอ่ พัาจธจ์ทะี่อเากจิดจขะ้ึนเกจิดากขก้ึนาจราทกดกลาอรทงสดุ่มลมอีโงอสกุ่มามสีโเอกกิดาขสึน้ เกไดดิ เ้ ขท้นึ ่าไๆดเ้ ทกันา่ ๆ กัน

16  เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

นราสวรถดาเาททนทกกนดว่ ชงึมใกเทเหหใดโหอกหี่ี่าวดรนยีทหกศดนกดป6จแ6ใพกกพี 76นี ลาัตว1รนม่ีในนนรชลวเษษ่ีเ้.ายล.าาางักชรบจิหงทักปมุ่มร21ทาเว่หกว่ว่จ(จ้สอกอนกรรร:จะะตสขาใ้ดาารนเยอดย็นถาาา่นัยยัญเเเงลนาตัตรั้นรเรา1กอรกสีย่วรหิวขขขถดกานนเลภเา้รททียหงัอ้นทรณาก0กนลดัตลขลนง่ว1ยีียยีชางึมใันอเขววทจรานยี่่ี)0ราวดรนา่ยีรียุ่มักทชห0รเนนนกดป6จแใ6พกกพีา76นนีนงอางึส1ปขรอืนลรวใาชรรลจวนษ0เอตโือ่เี่้.าเล.าาาังกรอรงรบิจนตนงทักปมว่21ไสอทหดะอ้เ้อป็นหก(จจ้สัดหอกอนการรรใาจ้ออ้มณ:ะะอขดตัลดาะรกจเนักด่ว็นงนยยย ห ห ขหเ ใเจ เอ าาา่นนัญัน็อชกรเเเงลาัตรตะรน้ัรเย1ยกอรกขโยีตัปปว้า่รหิวนเขงขขะนล์เกนนลภเมแะลลอาัต(รรือัตีพรนย่วาียหงัอ้กพรณาน0ลลรวลาตั่ายีาลขลนงรPเกเทหหใดโหกอห1น็็นไียยียีาก4ุ่มงนัปูอไ%เขอืะะววรลีทงจยรกศรารนงดนียยว่ยีส)ไนอ0รดะะาบ่านรียุ่มักช0eดรลาัตว่วเขนนนนม่ีใ1นนาลเออแนนาดงาอคาึงหเกเตทดหหใโหกอหสเะษยษป34ขอืลยสนงว่วใากศตุตใช4้จรรอ8หจนงษ0อrตวใกศโศ่มุ้จือ่้ารดนเยสาุ่มกรรอ10ว่ตังสลตัว่่วนว้รนนตงแา่ลาัตา่วว12่วcตไสมนอนมใี่หนนนดจะ่วอ้้อปน็ตสาาใ้ใ่อษสัดหา่างานา�ำใายจษษษอ้ออ้อมณยยว่อกดตัลชถา่อ้่วรนะทยยตรหง0คงนนeอะก0จ4ุม่ารนักน่า่วนรางานลายยยใช่วส่วรรนว่ว่า็นอชนเ8กรสรกเเทหกใอหหดโหะถนยยดาา่กเจานาตโสสัตกาว้้ใา่า้ถรยททน่อปูปพกก66กจใดแ3าเงมนวnงะนทนนลลยยกศก์เอปูกย่ีดนนหดา่มเอแลลพีาวถ่ว(รยยือัตีพยว่านกพชชวน่วสลาัตนวึงสรลาลรวม1มนใ่ีใาันนนา่าทกว่ปส่วรรPา6้าท่าล..คไลางาาัtรถกี่่ี4ถมุ่ร็นงอษงษาวจิดหหานเดปูรนย%ียัตะะรลีเกา้ทยชห1ก2ททนหนรทงงนท3กดปแจ6ใ6พียกกีพ้สียสไว่นมุ่อก่วรดว)ก76จรนะะนาน่นัดบ ีนนากนัว่ว่รรรeศ่วว่ปูม่ีขน็1คู้ะร1นะชีม่นรงึงึอัตาอแมชใเกจดลวรตรแ สคารหเตเา้ใะร34นเี่า้.นาสนา่แลบ.งอัญาี่่ีนา่วงัย่ใีตาตุวใะ้จอดอเรเเรนยออ8บจิศีไตทกัเหถทrวนักร้ัปศยยษา้มร2กร1จีนทกดแ6จป6ใพกกีพณร เจี10ฮขขอือืขหกส76รลตัจ(จารส้านีอรลaชว้รกอนรสว่แรเนกอ่าว12รรรc1ดมนร:นะว่ะยเถตขก1าใชอ่สรดดาจาเล้อตัา่าวง้อษเณา้เาตัรปเ้อททษลเ�ำ่ีเอ้.ดคาลสน็าล.นาทาางัสมอกปยีย่าีกยี้อาา่าร%ว่ะันกบญัรจิง0นดคเมุ่เเ้ทงลนeาทอกตั่วจกั04ปตงรารม2รน1้นัรนเป้เ1ทอาชลิกรเกิต่าใช0งึยีหกาอ้จจ(ะส้ามรใิหเอวยอกรนขขขยนกสรรรนยกัสก:่ากนนน็ละภป่ว่ะวาเรนว่สี่่ีขกนนาลนวถดาเยดรรนนียปปูน็3ายีมนยีหnังง1ึ2อ้ทรหเลยเรณางกั0ดร็นหลกดปกแจ6ก6ใพัตีพา่า0เอาลขลพีวนตงอาาา่าศันง76ัญ1ปกเเเลีนงยีายยีีลัตนาต่วปวน(สวลรานัน้ร1เนว่ษกร1อันวนัรอนากรกเข่วปียตอววทเาจท์็น้าทชตหิวลรลนอรราวขขข0น4=หtเเรยถกงร็น)งรอค0รษใกหสหเ่ีนนน้ล.ภาเล่า.าาางัรัตียมุ่กัชร้อก0รขรราเบจิมะนลทยีหงไนนนน้อะทาน็นักรปณปานว่ะม20ว1)1จรนนนนลน่ัทตั็กสงลขลเอ้ลไนอชงาอ้ณงึตัาหกสจจ(จ1สู้ปำ่�็นอปคู้ตัะขกอียยียีือใ่ี่มีาลนกใงึวใอรรรัตารนดว่นั:เ์เอรรกะจะเขรนรแววสะขทษร0จอตงรียดโา ดร่ือาน มุ่นสา่เยบร)เ00หร่ีใกรรอช งะ1อคดนร็น่าหนศซารยีุ่ม่ักยไต้ตนชกังเะค0ยาา่ารรันเญว่่วเเเงไสน นนอลือราหาัตดณระน ้ออ้ปตีจ็%%ฮรอืือใทรใน้ัรนนเา1ก้อวดัหงรรลaทชก)อ ์ารียึงเสตอตนาใาิหจวปดข้เ้ออื้อมณขขขลัมอ1วยี0ใวอ ตรกาด1ัตลท้รก(รรนน43ยลา่ภชาจเล็น0นพลหษษ0กะอเล ะตกาลปจโา่้อรือ่นกัเ ค่วียหงัปสางเอ้อนายนรยมณกรยรอาอ่างกน0% P็นอนชลัตกรุ่ม้ทลขลตนางน งรงงราะา1ว่%รไไสเอป้เยยสยีหยียีด กิะ้อา้อาปขิตบสน็0โพตัา้อ้ว่า ร่าสดันัหอขตังเขเดะเงววทละสะจาน0งัลตใาจนยเ้์รสเอ้้อมาณบหนนป็ปว่วยา่มอแ)ด ลลดา0ัตลรไลน็(ขรเeมอืตัพียีงา่,ยว่ารียมุ่กัก์1ก2ชกะกพจ0แรชนัักเขรลลรวงนนนัญงนาเา่า0ยาอายย่วอนศเรPงหน็นนอเว่ชปอกรใกงะดอนัไเาเลึงรุม่สอว่ะ(4ุ่มนลาน์งป่วย ยขือวคูปล%โปวใวตัะอวมะ้รลีรา้เา่ยท์็นร้าrปรรน68ทจ รเง0ท4นง=หตษะ0ขขเยีบัยีนอียลตนสไรคโพีนอ์อ่ืเษดใียนะาบเลม =แลลนางกรรอ(รรงeขอืาัตพีเขนยมว่นงาลcรตนก้โ1งพ อน็นปลัธตนมะว่อา่ลไลแสรวอยีา่งวาหา่ดดกาะณอ้อ้ปชน็อคาตัรPหตเาะน็ดัหก34ไใ่ี็นยีา่สียงนใงร4มุ่ายี่วใ าจผีงตรตุนดใน้อ้จอ้รมณ์เปูอง8ร%อะพแะสระลีดตัยeลือrวียศใา้ะรงุม่,ล์ทสียยีะกสจไงนา่อัก10นดักชร1อสคีลัต ะบะ่วานยบงหซนายว้รยยนต้แแeา่นรอาวน็12aอขอ้ชcกรถมนยีือ1ปนูนนว่ราบะ%อ้%อเู้ใทาแใอ่สยยยิตด4ท าา่)งอโสคาัตหnตเ้วาตะรน ษร43ต1อาเงา่าสนมังอะีย่วนล รรตตุษ์ใแ่ีท้เ่าจ้้อ1ว่ะน34ยถอ8า่1ราง0็0มคแหลลานกeเะ ออrว(ลร04ศตัาร้1อืัตพียน ยา้นว่างนอกาพ9ลใช10ยสแรแลตัอเลลรวาเาศ่า้รนาดณตั แงรPทtสา่ว12า cรอ้มเนียไสา่าก1วาขบสน2ารส4พมุ่กสา0ใงอ่ส ถ0่างยึปปูนา่าปแ%ปูเ3ณดคจมนนวะะnรลีลยลล0งัตยร้เษลอร งป)ปูหยี่าีย่าเอสไีพวนอลอไา่ด้อททว่ะตัะระง0าบง,คานeก์กอมรนง04าชร่วนสขอ้ขนกน 1ยี ัญ1างลัน อใ่วช0่วปย0ดเอาแ้าทา่เเลดาิอาดนัเเคาลนหtลุ่มตรเกถกะนร็นงอ์ักะ 34หหา่นกคสนนงา ส่ว ตักก,1 สระตรตุใถากจ้ยปาร์อ886ทปูป3มคทนnนนตนขขียบัลrยวทีพศว่้าวยีนย)ลจรนบหนั่น่เอ=สไีพวงน10เสลตัง ูปเน็ยลคู้้วะรลนวโ้น่ีมแอ่ียึงลน่าวอสธ21มอcตัเมน1ียอ้วนัเกส่วณชา่วปรรแเ11ตาราา้าใท่อปดสรลด01ดา่ปง นว็นtยี่ารยีง่าบถรกรยี็นอดรดี่ใกดษหนหกลนะอ(มุ่จงผี่วศ่ัตพแไักจเป(กา่อ้่วะ่ารวง0กทค,์ทกนeอณ รนง40่าีจักาสว่รฮวฮนอื)อืะรีจนรบรนเาน่นัยา่วลรลaชใชรแเพเอีรปูางaา้อั62น็เงัู้คดเ้ะยีอ่มี0นนงึาบอ็น ตตนก1้วว้าะยระาเา่ติกกป4ูเ้นารอรแสสษนารกเถปปยอ้รนเตป1ูปา3อรนมคนnส่าาอบเลายว่ใี่มอษแ่ีนะก%คน ล1์นหศมา่เุม่อท้รไพว4กัเเองร1ยนนปเ้รณรร9รนิกยยติจีป0นสฮืออืตนแรแาอ้เา1อกนัศรลaช รยีดณว่ปัตเรอาทสอาทนลนยด,สานร็อป่ววtรฮ2ถรกร็นตงอก1สลียลร0หหนเปะาียใณคษจัตี้ส12เ ้ีลปกเแอ้เเ์ักเลทครสาา0าใมอออว่กทศวท%)งอ้จรนมรน่ันปาตักุ่มท้ว1านมรง:ซ์เงรค่วรห(ู ปลานอ้น็ป21กูค้ปเ้ว่ะคยีกิวมี่ักอติรว0ึงออัตา0ด้อนใ์เ์ท็นเนกิชนา04รรแ=มัหซนรลสเกบนรคยสษะใน ็ทนป่วว่าบรใียก,1ส่ีใลนราะเ12ขาง์ายี์เศมนลรนนนไ12ัก3เนน็็นทปรกั์นาะ่ายลรบอ้ณ�ำ0รก05รา เลีจรนชอศฮัตอืืองรงาหปกรลไยaชซวใร่ี43กเกน็่ีย่วอใพซ(อเลานรนด่วใวเ์่งสชบรอ11สะตกเต า1า0ำ4�ท์น็ดรีย01นูม้วน04ร่มุ=หษสเเหปวคอ้ดกียดดปษใชเีกลย1อ(คมุ่ตคนจรสา่ีผหซยาาใ์ม้ตชอจร,กข%รา่า วมนกลุ่มท้กน็อืเ้นน็นลลปงรน%%ะฮใยีตทสไรเป้เก่วกินัท)ติช0ัต้อา่พา้อีตรนเงั26น่า ใข่ีา0มัใอสยีกับ นรยารน้เ้วท้้วสบะะา์เน43ยร็ปา่์นปว่าเู้วใู่น็0สะหนาดก้ตะลลีย::เทีย มุ่.รสล21เอ มุุ่่มอตักชน1นอคคนว่รนร์ตห์ซา0าร้ต4า อศแรยธงน.าปรกเรยีือสรกยยาขอืบปสว่ย%%ี(เพลา นใตนทว่ ่าวเท)รเดอเ.รนั่โเลต้อ์ทน็ะน0งั11ตน้เน,ร40=ปหมัมอยีุ่เีย่านยี รรคลอท้มยีไรษใ)์43ย า่าาง)์ใทน็์0,ตทหี้กก์ะทลรลลทเแขชา มนดขลนรอัญงบานน็อ่วป้อนะเ้อมรเกว1 าดันช เอ้เเล:ัต00่มุคราหนปร์21เเสใียี่คกันาขบสวใบพไนรใ์รนา ่าแปี์เ86ทเด่อสะตลขข กยีับปู0งัว้ตะบยีแี่รพีต้เยีดยีน่มุปอยียส่าีย=อง4ไยชน11อ2เคงนรงห1เ์,ดซานก์ต้0ก0้โ3ยอรชล68ธาม า่ขยีนญัชืองว้อ50รอเ่วณ%%เใรทสเทปไทท)ดนัซเเหล34จ็นกมุ่ยีา่ยีงตรียนนสีย์บาดใน เอคลง่งบงมอบยีพรแ รตั0ล4้ทป43ยา่86ทาวน็น0ร้,หตท์กขขียะลับลหงีพดา่กียักยีน ีบค้มูพีปอ=ย งตชแ,ดaอ้มกน็า้โา ยอนีนลร5งลาบธดมดารรียเียยวสิตอัตปณ4าขบสอสพอ้า่ ะร เ่าต1าเด็นียียงเละรยีกั0งัตบหหา้เดษ้เ่ีแนปรง1นใู่่าาแพต้เอไนแ่อล::ดิม 1ทงงย,.นท์อืบก์ลกล9งุ่ม่าปักชตงลนแีแขบเราญงศงรจอว่หดณแตัเยทนร.aเ้ร ดันหาเเนนลุม่าอืบ2รกเนแ์สย0ิตกปคเ4รรรอสณคจ.รอะลี่1จ1ปก้า68ตทลว1าามเยีุ่สขขยีบัา ยีีพาษ่แีออรอ์)ททียน1อิม�ำ=ตทจางเอทมรงล1รย้อนกรียโ้9อป6ลอืืออ้ลธมลร แแ0ดเียวศาิชณนาดณัตเณน0น0ทนลากลดาสะาียน็นว่ียีย่ง2รรบำไีย�นสก,1สดา10นางาป ์งระณคจอืพแอ่นนากลูปะทตียลดยล,ือ์ทบงร่านอกั้วมุ่ย9ททีงบนอ1ดยรา 0ว0มรแง่ยีค86กอa้อ้อนับกตค่วนยีชสนนชาบเ์1120ดดตณารดยตปติ01วิช4ใาอสหเนจล กยีบดดเาะตกล1า(อมุ่ลเจ6่ผีก,1สเลษซแ่ีจาา่า์1วรก11้นนวเอปนนทดอว1ตฮยยลนประบเำมู้�ีพใ9ว่ปนตนปพแแงีเวรงั62ศอ้ยไมวาดณตั210ร5ยี่งทอร้ว้วะาะาอสัตปปชู้เ2ส์เร11นาตาสะซน็ด0หน01ปณรคจาวเเล00ดหดหดอปเนลฮกลา(ทุ่มคอนจีผ่์งดาร4รอซจนแอ่ทท่าดอิมวกงารอืมรลนงยยปปฮ04อ้ตนกรเกยี่วงรหอพ0รดีมึง่อรงั26า่นชิ,าตม0ต้น,ลกกแอลว้ว้ีย้แะะียาะน00รปาูเ้รรใใรนาว้ี่ีมก1,สย็นีอาจเแาร้า์วารนนเเาักทอานแคนยอ้ลมยีบร์อิมรว1ร4นชง:งรหคปร12ยวร์นยยยัก.ะป์เย่ีลวป6อือือลลมิตนนก์ใลบงสนชเ์กัณ11รบนตาาอลจีดบดน01ส,ต.ยี11อ้ซปลดดียเต1นกล1(2ุม่งางจซผ่ใ์เรอืี้นาต้3จเแา่.วา่กดิ,เใู่อ้05รนเำ�ร้วุม่ฮนั่9อ้์ใ่มราเนอวว1ไซเเ:34กาพคีครรหกปงั6212บัตว่เใแข์กั่ง062กวบเ์รย2น็นด์ใณ04ว้้วนะาะ่ลปรรน็ู้เใกนรเนนาทะบหดกียดี.ยรสทณเยียอชซนน,12คนงนรเ์์เ11นรก็ว43ปนลดา.อวา่ียะออ้อร50เยยยีปิมลอ้ตนวเะตไไซลรอเ4321ก.รตกับนกาเ้ับใ,ยีน่งรรบใู่ส์เร04้ตลซียยีน็::นาทวในร.ี้าวลกหุ่ม00เแดกียดตปเฮนหทอรลงยงงนชะซปู,จายอ้นม.รว1ร์ก็นมุ่งล:า้ือครห์ เป40ีย12ากบักเรวอตอ้า่.บนม์ใึ่งะเน11ตจต,มแยีุ่ักียบียบาอ้เอแ้ร์)00ณรร กูใ่หรียตทนี่มต้าทน็น:ตซล:12งงทเ์.อนรรล3อุ่มตอ้า(นา่แรยี้อ05รเปงเย00่นอ.(ครไปาซหียน์43.นอกะอื์เงบเไมิก%ลานใสเ่งรอบ21รอ่.40กทะปูอ1ีจ1ะรึ่ง่%ง่ึตยีตว.นดตัมยีุ่11ียหาซปดกยีอรซย)์ตง1ดตทย0ท0ชนลแ,.68จริดรเนก็นชลลอ้รั่นลรียใ์แ่าตรปอ05ืวฮเห0จ0้า่าียจเชบาแยีดข์อลนร62กบไกับน็าลเ้าง่ึล่)รรก่ใู้อ่มิน้ตกปอะ::ต�ียำวทดม)ิ.สมู้ณีพลรุ่มกตตยังนตนรน1อ่ดเเอม00าำ�ร5ยงา86น.พีอร รอนชออลตัยีปอืิมเระปะตเรนลอปหจน.เยีาะล11บหคหกขาอลรามียุ่า ยีอลอรนแ่อ)์นดล่มิส้ตทเลวือทลลปหาู้มพีรลงองงรตหอ้จารณหม์่มุางเปรร500ณงา้วกกแอทรอา์อยีตัปนรรบไะฮอานจะว่้าววา์ทจจ่อเแเกปูาะหหตายีดณกอแิมางนานแ่อยด้อิมงร1ดนรือ00ลอปป6ม86ืออืลอล(็นงนชงรนี่หนอณนในราจรลดป..สามสหหจอเกเทหใดหหโียหกอกแบ่ใี%า1นสอลรรลอร12ือาลอทจ..ึ่งย้าวา้เด์าาากศต3้วซ่มุฮ9านดอมู้พีอนมิช..ตน�ำลคกรทตซับตว่มอาีร5ปลง6อืือลลาเตัลว์2ลดณรตรนมี่ใอ05ตันนะปนใวฮณเนาะลดชสดยปเหหอษซ1่ึงษะน)รรยาอื11า้วกนแป่อ์นชดดมิอววหนะ็ะงอืงลรม่ีกป้วมุุ่่ม9รงันวน่องรอไาห่ว12คก่วว่รีพบัอต่วถลเสเ์ก์แ2ดณเซลรน็นจใรรวเตปนาสอา้ใจ00เคดข้าปเฮวาทอาเางตนอายจีซซอกยรอมิ11เลวปนถดยยอวก40ราะกึงนมิอป6ออืือลลมวใ์่ึงนราไนต21ณตปรสว่ร,นาลดทออร้แส์00รสเ์รำข�ถ่มีฮซ็น็น1นดาีเยรอืท์จาน้า00ดปยเททฮีแทยีแงนทงาซ้วกงุ่ม9้อกนอคนดมิเ์น่ว.ะ์เคก40นิม1บัน็กลงตก่วชี่ออเอ์ึง2ดมณึ่งีจมใง..ใตตม.ตเ,ป11งซปอณก้แ่ีใต00รงลรี่ี่่มีน็ซาว..ด.ยรรนดิ11ยีเวทาปนหด3อวั่นแใ์่ยีาะแวกดป6จแ6พใกกพีช..งงลาแว76คนีไ์น์ข21.ี62กะเ์มิน็กลา1็นรล่ะร:นกรส์เนซน็ีจณชนต.วสาณเ11ห00จซปดนปตเฮทเี่งอน้.าอล.เงาาางั้ซอ์.รบิจิดอเรอทียักปิม่ัน40ม2์ใ่าก1ะทตกเเทหใดหโหกอหลเเออ1ามกหงึ่(จจส้กอแตข์กอตร26ก,ำน�ร็นรรอ้แล่00นร:รกหะะรลกศนวม่ีขศซทน็ลดดนาหสณลงงรเแจานดีย็เลา0์ตัุ่มวงงาาา่้านันนม่ีใัญคนนาเเเองอลน์าัต.ียะ์เิมตมิรกล้ันรเนะ1กอตรลอกึ่งจษียษงแึ่กลษจีกหิยวต.ดรณขขขกช11นซปหาตงกงนนงลภ0เุ่มวรรอ.ร(หาิดยีวลหเ่วงัง้องว่่วตรณอานั่จา0ใ์่าลตั์ุมาลงลขหนงออาา้งั1จา%นตแสส์ขียียียลส62กาใ้อ21น็ทนา่ล ันงึ่อรกนเขจยนววแทอจนายซราณสกณถยยยน)าอ่น0ราขนนงา่เรรียมุ่กั อช0ฮลฮราร(เลอตนรอสนน่วร50อ่วายีวฮมิ นนะชตงาลหอถอดาองึสดาเก%นง่ึปสจขทือ)หรอา้ล21วใทททาอ่งึรรนทวจนวกษ0ออราอกตกนโซดนอ่ืงัหลว่่องเงงอนรรองจาชพีนอร์ุม่งึงนตงลล้ามใล่วมาไตสรอ05หดะวฮอ้อ้ป็นนก่ีรงนชคัดขห่ี่ีดจาแวลดารใอนลาจ่ึงีย้อ้อ)มณณทกหทเลอนอ้ดาตัลงวกดป6แจพ6ใกกพี3ารอรอะกก76จ(นกังันีนอว่อือ่หีงนอยยยปรำ1�นรีพ็นอนอชทอกรร์าหลอ์ชระล์ฮท%วนสยยเอ21โนท์จัตยทว้่าีเ่้รีเ่.คาึ่งขล.าาาังทเงแะงรนาลอบิจ์ซเหตั้อ กัปเมลแลลามน2ด1(รททือัตีพ็นาเยงว่าอกกหพจ(จลส้่ีออลกอลตลรวร50นาก..่าาวมฮรี่รรใปรP :ชทะอะ์ีใดไขลดาใ4ุ่มี่ฮง่ึง..)ยรปูร%เท์จนะะรลียชดวน็3วโว่รง แงาา่ายีรยีนัา่สกไัญช..นอชเลดเเงัง้อนละะาาัต่บตอรี้ันรeเ1กอพีรขน็องกยี1ละ่ีาดอหิว อแขขข..ดมงนคายหตเกนนะ้ลใกภคดใ่ีขเ43ลสนงว่ร้อใ้ตตุ..ใ์จ้ยีหังย้ออ8รเณล า0rว3ศสลตัา้ลาขลนงอนช..1ย10ลสลตัียยียีาน้วรนีปรเแันา่ว12อนัทอc ใ์เขถมนววะทจว่ฮราาในอ่สยา่าง)ท์จ0รดว่่าษรยีอุ่มักชแ0งร ้หจเ์่าอ้อ้ว่กนนนะรง0าคนeอก04นนารง็นนงอ้านาึงาสลี่ใชอปขือา ลเ..วมในารรยีจใี่น่ากษ0ลอตนำ�าโสโ่อืก..ถยย้เานปูป3มกรนอรnมงาล ย3นนตงห่าเอช..พีว่วเลไสอหดะด้ออ้ปน็ีนวัดนเนสห1 นัะารขใาจ่วปาอ้อ้มณร้าทลอดัตลtรถีนกรน็งอปหหนะกจตั้นกั์ กว่งนยกยทยยนน็อช่วกรทว)จรนทนน่ัวระยียยปูน็้คูโะัตม่ว้า่รนงึอตัเงักเกะนลน็รรแ์รเรมแลมลานัน(า่รบือตันีพีใ่ย่วาะกพศนดไกัดเลลรวาา่ารPณรีจฮือือรไาั่นเรลaช4ุ่มรงเอูป%ดะะรลีย ีหตก1รงรรหยียีสไ1นอษดลเลปเะะาอ้บเคสาeามข อก%1มุ่ท้เอแงรปดป้เคาหตเกิียะติ0า43อ้สนง0รว่ตุตใอ้จอสลอนอ8ยสน็ปว่rววศ้าลเยี1012สลัตักว้รนรแนน็0า่าว12อืcอศมนง0ปว่กาใอ่สงง่วัง(งลานาา่งว่วอษเอท์็นน04=ห่าอ้เ่วะรรง0คษคในeอ04ารนร นขาาลมนลใชนน็าปเนะ กชตัา่กนาสใ่ีกถใยนปรูปน3มนn์เลยสะยีห่าเอีพุม่วสช1อคนรนหซานส้ตร1นั่วปือา้าท%%ลใทtรถทก)รน็งอหหตนนัตมัอกีย ร้ทท43ยา่าน็0หว่กวะ)ลจรนนนั่ อปูน็ู้คะมี่ึงอาัต เากรเรรแสราขบสรพ นา่่าบเด่ใีละ0งัต้เศไกัปเ่าไณรง,ีจกฮ์กอืือราชรลaชขรญัเงออ่วดเเดันตกเเ1ลมุ่รน์ษคเป้อเรคปสา68ทามอตขกขียบั%พีมุ่้ทยีน=งรงปเ้ิกิต0้โาอ้อลธมยีวสณนยสน็ป่ววน็ลีย่ายีงรเียียดน12งพแกัร0า,์ทอศงง่าักปกีบ่ว(ลานแ่ววa้ออเนนท์น็าบน04=ยหิตเ4รอคสษใต1ารขาษแี่มนล1น็นปนะเอ1กยนชัต9แแเใ่ีศใดณัตรนท์เสะายี2รสุม่0สปณคจช1อลคนรหซลาต้รอททือ%า%มใทรงท้อ)กียตน0ดมัอียิชา รท้นลก43ยา่า็น0ะหกะลก1,ส าาอ์นนทยาล บานรเงสาขบสยพว ี่ย
เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563  17

หนว่ ยท่ี 7 การเชือ่ มโยงความรคู้ ณติ ศาสตรก์ ับงานอาชพี

ประเภทของงานอาชพี ทใี่ ชท้ กั ษะทางคณติ ศาสตร ์ แบง่ กลมุ่ ได้ 5 กลมุ่ ไดแ้ ก่ กลมุ่ อาชพี เกษตรกรรม กลมุ่ อาชพี
อุตสาหกรรม กลมุ่ อาชพี พาณิชยกรรม กลมุ่ อาชพี ดา้ นความคดิ สร้างสรรค์ และกลมุ่ อาชพี บริหารจดั การและการบริการ
ในการนำ� ความรคู้ ณติ ศาสตรไ์ ปเชอ่ื มโยงกบั งานอาชพี ทงั้ 5 กลมุ่ งานอาชพี ทงั้ กลมุ่ อาชพี เกษตรกรรม กลมุ่ อาชพี
อุตสาหกรรม กลมุ่ อาชีพพาณชิ ยกรรม กลมุ่ อาชีพดา้ นความคดิ สรา้ งสรรค์ และกลุ่มอาชพี บรหิ ารจดั การและการบรกิ าร
ท่ีตอ้ งนำ� ทกั ษะความรทู้ างคณิตศาสตรม์ าใชท้ กุ กลุม่ อาชพี เชน่ การจัดทำ� บัญชีรายรับ – รายจา่ ยประจ�ำวัน ประจำ� เดือน
การค�ำนวณเงินค่าจ้าง การค�ำนวณเงินค่านายหน้าและเงินปันผล การใช้สถิติในการสรุปรายงานหรือน�ำเสนอข้อมูล
การคำ� นวณภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดา การคำ� นวณในการจดั ทำ� แผน่ ปา้ ยโฆษณาเพอื่ ประชาสมั พนั ธก์ ารใหบ้ รกิ าร เปน็ ตน้
กลุ่มอาชพี ทกุ กลมุ่ อาชีพอาจจะใชท้ กั ษะความร้ทู างคณิตศาสตรต์ ่างกันออกไป
หมายเหตุ : ให้นักศกึ ษา ได้ศึกษาเพมิ่ เติมจากหนังสือแบบเรยี นรายวิชาคณติ ศาสตร์

พค21001

18  เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

แบบทดแบสบอทบดรสาอยบวราชิ ยาวคิชาณคณติ ศิตศาาสสตตรร์์ พพคค2210100101

แบบทดสอบรายวชิ าคณติ ศาสตร์ พค21001

1 2 จ 321ท.. งจจ ...ัง้เจจคงงขขกกค3ม2ท1งงลหจขงกขคกงค..หหงง.........เีตั้งจจ..งือมง....หห..--หาา-2811-จกขงกคคขงอ11งงิน--เต11ด2-181-กคจาา.. 57มล11ง....หห..ง1571เ55อ5จค7�ำำ�--เ คมห57ด2อื-18-15าา5ล11 งนาต1า1ซเี5จค7�ำลกม57นอืงต55อวื้อาาตอืคซินีเกนอวบนเงตเาื้ออสนคบททินอวตเ(อ้ืบ3ทา่ีหสา่น-บอ(32ตไ่ีห-ทอ้ืา3ทบร3)0อ(ย1า2ี่ห่ีถ-)ท5+บยไ3601ากู+ปี่ถบไ)ท5ย56ปต ูกา+่ีถบ5ไ ขทต้อ+(ปูกา-อ5(+อ้ข1งทต-6ง10งอทซ(+อ้เ6-ท0ง)ง้ือ–่ีส1งซนิเ)6่ีสx–รท0ง้ือดุ(ทxอดุนิ-)ส่ี2–ร(เ9ี่เง-เทx2พอดุห9พ)เ–(เทีเ่ง-เ)ลท2ีย–หยี9พเเ้า(อืททา่งง…)ล–ีย(เก่าคา้ค…อืท.งก.บั(จ5า2ำ�).า่ค….บัตงข)กตxจ5า2ห.ขออ้.บัxตงอ)ข5าอ้บใหขอบx5วดอใขเา=อ้บา่ดงดเ5วอ=ใตเดเีย-า่ดงงดอ3=ียตินว-เยี3งง0อวินว-0 3ง 0 7 เขป 76เอ.อ ปน็ ..าอง(7เอ6กขก็นยคปองขกคตั....า. 3.( ุข คกน.ัตข..น็ร ย3อขกคง : ฟ ..ฟอ.5 ฟา ฟร 2ท . ขุ: .ตั.. า้ 53 :ส้างา ฟ ้าฟา้ัง้ฟอ)63 ร 2 322ค:ส: ่ว ส า้ 6 5า้ ้างา31 1 )น่ว3น+ถ322าคx:ส118+x86นถ3า้ท1ขม11น8่ว8+ xท้า8ข+x 98อง้ันถ ป ทปห ท อสัง้ ง 2้าีข ปป ี2งั้ม ป ส ง้ัป3ปหาง ท ด3อส ฟ ด ี ี2สาี ามี ี2มx+ นิ ั้ง3ฟางนิยมา้าดด3ดดดสามม้าถ+x นิคฟินนินินิ ยตา 3 3 งึค น ม ต้าถ 0อ่22 ข2 น3 33ม งึ่อค 33อ อ้ต0202มข2ปอีอ2น0ปาใอ่ อ้ีอีา ดยาีมปอปป ใยายลขุลปปอีีดาีียุรมขุมอา ีี ยลลลรุว องยมุขมมลลวม33งรุอดมมม6ก8ว3ด33งนิก นัม6 68นิปนัป33ดกต8ี8ี6ินปันปตปอ่84 ีีีอ่ 4 อต8ปปคอาอ่4คีนียาอนยขุคาจุขอนยจงองหขุงจงหอาลงอาลงมหามาลยมุ
ค. ง .ฟฟา้ฟ้าา้ 1 19199 ป ีปดี นิ ดดนิ ิน3 0 332ป0 ีป ลปี มลี มล3ม63 8 ป3ี6ป ี ปี
มเี งินกเ.ห1ล3อื 0เทบา่ ไารท ว 9 ว8 ล วลถ98า่นั..ง จาใ..้าคงท“ลขงถ9วล8งกงคขกกงนงใะท..“ทหะ....อา..า้คง.น...แขง ชเกข ก7หาอง6ใ7 ้อทฝ6ก..“ท6ม ผช5ฟ.2่อฟ.งน..0แ56้อ0ฝ0ง5กคขนั7็บห0านลิอ0่อ6า้า06งเมผช้า505เงนัง..0.ตซนบเอ้รว0ลฝง0วบ5บบ เนบ0ลิบ่อางตเมเ1ยีว า่รอ้นงา่บิเบวนัาานิซานบมา1ลงวบามาบ9บงา่ยีเอ้นจิลบทันงตทาาตทวทรนท9ตา่ทวเิางตากานะงาลก3ทาทมลิเา่ีย้อจทัน ตรปททกมรทาเทกเิ0 วงะต นะงกมลิเีปราต า้%วกมรเกท็บเระตด 2ี งกรา้ กาต วเินอเ7ร0งบ็ดกร2บ็งขรา้ 7ฝ0เินินบ็เ0.องเก3ง.ันง7.0. เบงิน2บ็..นิ3 งจ..เ3.า.ิน.งเ0บะซ...3งท.2.ปนิ.%ซ..มาอื้.นิ0.. .ี ท..ท้อื.ีเ กท”.%ซ.ลงป..หี่กขา”.้อือนิมท.คี งาอา. กฝขเ”คเอวงไลกงก3ันาอดเรวฝเมบ็คก8งงงงจ้ใเรนั เตตนิวงนเเะเก ทงจตตรปัวิม3ทแมนิงา่ะเัวหมิี8หตตี่หตเี ทไมหง หนรนล่ัวมิา นิห่ีเีนปน่งึหะไงว่หเาดึง่ินวยี่วนกโนไใ้ ันดยเกดโบ็ึง่ น่วกดกยา้ใเยแโถบ็ นยทรวาดกต้าเวราแา่ ยทาทล่ัดวงไตร่ารแดัำ�ะใล่วไดงผวใรัดะาดันนวในดนั
ก.ข1.31032บาบทาท ข.คเซ.งนเ.มตกตเิโิ รมลตเมรตร
ข.ค1.31234บาบทาท ค.งเ.มกตโิ รลเมตร
ค.ง1. 31436บาบทาท ง. กิโลเมตร
ง. 136 บาท 10. ในเวลา 3 ชว่ั โมง รถยนตค์ นั หน่งึ แล่นไดร้ ะยะทาง
162 ไมลถ์ ้าใช้ความเร็วเทา่ เดิม จะใชเ้ วลาเท่าใดในระยะ
4. จงแปลง เปน็ ทศนยิ ม 2 ตาแหน่ง ทาง 324ไมล์
4. จงกแ.ป3ล.8ง3 เปน็ ทศนิยม 2 ตาแหนง่ ก. 3 ช่วั โมง
ก.ข3..48.384
ข.ค4..854.83
ค.ง5. .68.384
5ง.. 6ท.่ีด8ิน4 12.5 ตารางกิโลเมตร คดิ เปน็ กี่ตารางเมตร
5. กท.่ดีขก1นิ..21112x22.5x.1501xต70า7ร1า0ง7กตโิ ลาตตรเาามารรงตาาเรงมงเเตคมมริดตตเรรปน็ กต่ี ารางเมตร
ขค..งค11..2211.252.x5xx1x01180017808 ตาตราารงาเงมเตมรตร
ตาตราารงาเมงเตมรตร
ง. 12.5 x 108 ตารางเมตร

ข. 4 ช่ัวโมง
ค. 5 ชั่วโมง
ง. 6 ช่ัวโมง

เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา  19
ปีการศกึ ษา 2563

11. ข้อใด ไม่เปน็ ลักษณะของทรงกลม 16.จากข้อ 15 คะแนนฐานนยิ มตรงกบั ขอ้ ใด
ก. ลูกรักบ ี้ ก. 23
ข. ลูกเปตอง ข. 24
ค. ลกู ปิงปอง ค. 25
ง. ลูกฟุตบอล ง. 26
12. คำ� กลา่ วขอ้ ใดไม่ถกู ตอ้ ง 17. ข้อความใดไมใ่ ช่ข้อมูลแสดงปรมิ าณ
ก. ทรงกระบอกมีฐานเป็นวงกลม ก. อายุของนักเรยี น
ข. พืน้ ทหี่ นา้ ตดั ของทรงกระบอกเท่ากนั ข. รายได้ของแมค่ า้ ทุเรียน
ค. แกนของทรงกระบอกตรงกบั สว่ นสูงอนั เดียวกัน ค. จำ� นวนนกั เรยี นในห้องเรียน
ง. แกนของทรงกระบอกตรงหรอื ทรงกระบอกเอยี ง ง. เบอร์รองเท้าของนกั ฟตุ บอล
ยาวเทา่ กับส่วนสงู ของทรงกระบอก 18. เด็ก 6 คนสอบวชิ าสถติ ไิ ดค้ ะแนนดังน้ี 1, 2, 0, 3,
13. จงหาคูอ่ ันดับต่อไปนี้ 3, 4 ดังนัน้ ตวั กลางเลขคณิต ของระดับคะแนนเปน็ เท่าไร
ก. 2.1
อายุ(ป)ี 10 11 12 13 ข. 2.2
ส่วนสงู (ซม. 140 145 150 155 ค. 2.5
ง. 2.6
ก. (10,140),(145,11),(12,150),(155,13) 19. การกระทำ� ใด ไมเ่ ป็น การทดลองสมุ่
ข. (10,140),(11,145),(12,150),(13,155) ก. การคัดเลือกนกั ศึกษาเข้าคา่ ยจำ� นวน 30 คน
ค. (10,11),(12,13),(140,145),(150,155) โดยการสุม่ จาก 50 คน
ง. 10,140,11,145,12,150,13,155 ข. สมชายหลับตาหยบิ สลากในแกว้ 1 ใบ
14. ขอ้ ใดเปน็ ขอ้ มลู ปฐมภมู ิ จากสลากทมี่ อี ยู่ 10 ใบ
ก. รปู ภาพท่ีนักเรยี นรวบรวมได้ ค. การโยนลกู เต๋าสีแดง พร้อมกบั ลกู เตา๋ สีเขยี ว
ข. ขอ้ มูลนกั เรยี นจากทะเบียนบ้าน พร้อมกัน
ค. สถติ คิ นไข้ทไ่ี ด้จากโรงพยาบาล ง. การหยิบเสอ้ื สีเหลอื งมาใสใ่ นวนั จันทร์
ง. ผลการเรยี นจากทะเบียนของโรงเรยี น 20. จำ� นวนผลท้งั หมดทอ่ี าจจะเกิดขึน้ จากการดงึ ไพ่ 1 ใบ
15. คะแนนสอบปลายภาคของนกั ศึกษา ห้องหนง่ึ จากสำ� รับ คอื ขอ้ ใด
จ�ำนวน 10 คน ดงั นี้ ก. 13
20, 23, 25, 21, 19, 23, 20, 23, 24, 26, ข. 26
มัธยฐานของขอ้ มูลชุดนตี้ รงกับขอ้ ใด ค. 39
ก. 20 ง. 52
ข. 23
ค. 24
ง. 26

20  เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

สรปุ เนอ้ื หารายวิชาวทิ ยาศาสตร์ พว21001

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. ด้านความรู้ อธบิ ายธรรมชาตแิ ละความสำ� คญั ของวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี
2. อธิบายทักษะทางวิทยาศาสตรท์ ง้ั 13 ทกั ษะได ้
3. อธิบายกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ทง้ั 5 ขัน้ ตอนได้
4. น�ำความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตรไ์ ปใช้แก้ปญั หาตา่ งๆได้
ขอบเขตเนอ้ื หา
1.กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
2.สงิ่ มีชีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม
3. สารเพือ่ ชวี ิต
4. แรงและพลังงานเพื่อชีวติ
5. ดาราศาสตร์เพอื่ ชีวิต

หนว่ ยที่ 1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ เรอ่ื งของการเรยี นรเู้ กยี่ วกบั ธรรมชาติ โดยมนษุ ยใ์ ชท้ กั ษะตา่ ง ๆ ในการศกึ ษา ทดลอง ตรวจสอบ
เกยี่ วกบั ปรากฎการณต์ า่ ง ๆ ท่ีเกดิ ขึน้ จากธรรมชาติ และน�ำผลทีไ่ ดม้ าจดั ตง้ั เป็นทฤษฎี ระบบทักษะทางวทิ ยาศาสตร์มี
13 ทักษะ ซึ่งเป็นแนวทางที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการศึกษาเพ่ือหาค�ำตอบในเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง โดยการก�ำหนดล�ำดับ
ขัน้ ตอนอยา่ งเปน็ ระบบต้ังแต่ตน้ จนจบ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ คือ ความชำ� นาญในการใช้ความคิดในการสงั เกต
การคำ� นวณ การจัดกระทำ� กับข้อมูล การสอื่ ความหมาย การออกแบบ การทดลอง และการสรุปผลการทดลอง
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ มีอยู่ 5 ข้ันตอน ประกอบด้วย 1) ระบุปัญหา 2) ต้ังสมมุติฐาน 3) การทดลอง
4) การศึกษาค้นคว้าและรวบรวมขอ้ มลู 5) การสรุปผล
ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ บง่ ออกเปน็ 2 ประเภท คอื
1. ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ขัน้ พืน้ ฐาน ไดแ้ ก่ 1) ทักษะการสงั เกต 2) ทักษะการวดั 3) ทักษะการ
จำ� แนกประเภท 4) ทักษะการหาความสัมพนั ธร์ ะหว่างสเปกกับสเปก และสเปกกับเวลา 5) ทักษะในการใช้เลขจ�ำนวน
หรอื การคำ� นวณ 6) ทกั ษะการจดั กระทำ� และสอ่ื ความหมายขอ้ มลู 7) ทกั ษะการลงความคดิ เหน็ จากขอ้ มลู 8) ทกั ษะการ
ทำ� นายหรอื การพยากรณ์
2. ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรข์ นั้ ผสม ไดแ้ ก่ 1) ทกั ษะการกำ� หนดและควบคมุ ตวั แปร 2) ทกั ษะการตง้ั
สมมติฐาน 3) ทักษะการก�ำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ 4) ทักษะการทดลอง 5) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและ
ลงขอ้ สรุป

หน่วยที่ 2 ส่งิ มีชวี ิตและสง่ิ แวดลอ้ ม

เซลล์ (Cell) หมายถึง หนว่ ยที่เล็กทสี่ ดุ ของส่ิงมีชีวติ ซ่งึ จะทำ� หน้าท่ีเป็นโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของการประสาน
และการเจรญิ เตบิ โตของสิง่ มีชวี ิต

เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา  21
ปีการศึกษา 2563

เซลลพ์ ชื เซลล์สตั ว์

1. โดยมากมีลกั ษณะเปน็ เหล่ียม 1. สว่ นใหญม่ ลี กั ษณะกลมหรือรี
2. มผี นังเซลลเ์ ปน็ โครงสร้างแข็งอยภู่ ายนอกเยื่อหมุ้ เซลล์ 2. ไม่มีผนงั เซลล์ มเี ฉพาะเยื่อหมุ้ เซลล์
3. มีคลอโรพลาส ภายในมวี ตั ถสุ เี ขยี วซึ่งมีคลอโรฟิลล์มี 3.ไม่มคี ลอโรพลาส
สมบตั ิในการดูดพลังงานแสงมาชว่ ยในกระบวนการ
สังเคราะหด์ ้วยแสง
4. มนี วิ เคลียสอยูด่ ้านข้างของเซลล์ 4. มีนิวเคลยี สอยู่บริเวณตรงกลางเซลล์
5. ไม่มีเซนตริโอล และถุงน้ำ� ย่อย (Lysosome) 5. มเี ซนตรโิ อลชว่ ยในการแบ่งเซลล์และมถี ุงน�้ำยอ่ ย
6. แวควิ โอลมขี นาดใหญแ่ ละมนี ้�ำเลีย้ งอยู่ภายใน 6. แวควิ โอลมีขนาดเลก็ และไม่มีน้�ำเล้ยี งเซลล์

ระบบนิเวศ หมายถงึ หน่วยของความสัมพันธ์ของสงิ่ มีชีวติ ในแหลง่ ทอี่ ยูแ่ หลง่ ใดแหลง่ หนึ่ง ซง่ึ ความสมั พนั ธ์นม้ี ี
2 ลกั ษณะคือ ความเก่ยี วขอ้ งสัมพนั ธ์ระหวา่ งสิ่งมชี วี ติ กับส่ิงไมม่ ชี วี ติ ทแี่ วดล้อมอยู่ ขณะเดียวกนั ก็จะมีความสัมพนั ธ์อีก
ลักษณะหนงึ่ คือ ความเก่ยี วโยงพ่ึงพาหรอื ส่งผลต่อกันระหวา่ งสิ่งมีชวี ิตกบั ส่ิงมีชีวติ เอง
ทรพั ยากรธรรมชาติ (Natural resources) หมายถงึ สงิ่ ทีป่ รากฏอย่ตู ามธรรมชาตหิ รือสง่ิ ที่เกิดข้นึ เอง อำ� นวย
ประโยชนแ์ กม่ นษุ ยแ์ ละธรรมชาตดิ ว้ ยกนั เอง และถา้ สง่ิ นนั้ ยงั ไมใ่ หป้ ระโยชนต์ อ่ มนษุ ยก์ ย็ งั ไมถ่ อื วา่ เปน็ ทรพั ยากรธรรมชาติ
หน่วยที่ 3 สารเพื่อชีวติ
สสาร (Matter)หมายถงึ สิ่งทม่ี มี วล ต้องการทีอ่ ยู่ และสัมผัสได้ เชน่ นำ้� อากาศ เกลือแกง ฯลฯ
สาร (Substance)คอื สสารทศี่ กึ ษาคน้ ควา้ จนทราบสมบตั แิ ละองคป์ ระกอบทแ่ี นน่ อน หรอื สสารทก่ี ำ� ลงั ศกึ ษาอยู่
ธาตุ (Element) หมายถงึ สารบรสิ ทุ ธท์ิ มี่ ีองค์ประกอบดว้ ยอะตอมชนดเดียวกัน ธาตไุ ม่สามารถจะนำ� มาแยก
สลายให้กลายเปน็ สารอน่ื โดยวิธกี ารทางเคมี ปจั จบุ ันมีธาตไุ ม่นอ้ ยกวา่ 119 ธาตุ โดยธรรมชาติ 83 ธาตุ นอกจากน้ัน
นกั วิทยาศาสตรไ์ ดส้ งั เคราะห์ขน้ึ
สารละลาย (Solution) คอื ของผสมเนอ้ื เดยี วทปี่ ระกอบดว้ ยตวั ถกู ละลาย (Solute)และตวั ทำ� ละลาย (Solvent)
กรด (Acid) คือ สารประกอบทม่ี ธี าตไุ ฮโดรเจน (H) เปน็ องคป์ ระกอบและอะตอมของไฮโดรเจนจะต้องให้โลหะ
หรือหมู่ธาตุท่ีเทียบเท่าโลหะเข้าแทนที่ได้และเมื่อละลายน�้ำจะแตกตัวให้ไฮโดรเจนอิออน (H) เช่น H2SO4HCI HNO3
เปน็ ต้น
เบส (Bass) คอื สารละลายน�้ำแลว้ แตกตวั ใหไ้ ฮโดรไซด์ออิ อน (OH)ออกมาเช่น NaoH KOH, Ca(OH)2

หนว่ ยที่ 4 แรงและพลงั งานเพอ่ื ชีวิต
แรง (Force) หมายถงึ อำ� นาจอยา่ งหนง่ึ ทกี่ ระทำ� หรอื พยายามกระทำ� ตอ่ วตั ถแุ ลว้ ทำ� ใหว้ ตั ถเุ กดิ การเปลย่ี นแปลง
สภาพ เช่น ถา้ มีแรงมากระทำ� กบั วตั ถุซ่งึ กำ� ลงั เคลอื่ นท่ี อาจทำ� ใหว้ ัตถนุ ้ันเคลื่อนทีเ่ รว็ ข้ึน ช้าลง หรอื หยดุ น่งิ หรอื เปลี่ยน
ทิศทางแรงเปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ คือตอ้ งบอกขนาดและทศิ ทาง มีหน่วยเป็น นวิ ตนั
งาน (Work) คือ ผลของแรงทก่ี ระท�ำต่อวัตถเุ พ่อื ใหว้ ตั ถเุ คลอื่ นที่ตามแรงท่ีกระทำ�
พลงั งาน (Energy) หมายถึง ความสามารถท�ำงานได้ สง่ิ ใดท่ที �ำงานได้ เรยี กวา่ สงิ่ นั้นมีพลังงาน เชน่
- พลังงานลมในรูปของพลังงานจลนข์ องลม
- พลงั งานน�ำ้ ในรูปของพลงั งานศกั ย์ของน�ำ้ ฝนท่ีตกลงมาและถูกกกั เกบ็ ไวใ้ นทีส่ งู
- พลังงานมหาสมทุ รในรูปของพลังงานจลนข์ องคลื่นและกระแสนำ�้ และพลังงานความรอ้ นในน้ำ� ของมหาสมุทร
- พลังงานชวี มวลในรูปของพลงั งานเคมแี ละชวี มวล

22  เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563

- พลังงานฟอสซิลในรูปของพลังงานเคมีของถ่านหินน้�ำมันและแก๊สธรรมชาติแหล่งพลังงานทางอ้อมของดวง
อาทติ ยก์ ็ได้
แสง (Light)เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งท่ีช่วยให้มองเห็นส่ิงต่าง ๆ รอบตัวแหล่งก�ำเนิดแสงท่ีมนุษย์สร้างข้ึนเช่น
หลอดไฟ ตะเกียง เทยี นไขแหลง่ กำ� เนิดแสง แสงจากดวงดาว แสงจากดวงจนั ทร์

หนว่ ยที่ 5 ดาราศาสตร์เพอื่ ชวี ติ

ดาวฤกษ์ (Star) หมายถึง ดาวทีม่ ีขนาดใหญ่ มมี วลมาก ประกอบดว้ ยกลมุ่ แก๊สขนาดใหญ่ มีแสงสวา่ งในตัวเอง
ผลติ พลงั งานได้เองโดยการเปล่ยี นมวลสารสว่ นหน่ึง ณ แกนกลางของดาวใหเ้ ปน็ พลงั งานตามสมการ E = mc2 ของ
ไอนส์ ไตน์ เมือ่ c เป็นอตั ราเร็วของแสงซ่งึ สงู เกอื บ 300,000 กิโลเมตรตอ่ วินาทีหรอื 3x108 การเปลยี่ นมวลเปน็ พลงั งาน
ของดาวฤกษจ์ ะเกดิ ขนึ้ ภายใตอ้ ณุ หภมู ทิ สี่ งู มากเปน็ 15 ลา้ นเคลวนิ ในการทจ่ี ะหลอมไฮโดรเจนเปน็ ฮเี ลยี มซง่ึ เปน็ ปฏกิ ริ ยิ า
ฟวิ ช่นั หรือปฏิกริ ยิ าเทอรโ์ มนวิ เคลียร์ ดาวท่ีผลิตพลังงานนี้มมี วลกวา่ 98% ของมวลวตั ถุในระบบสุรยิ ะ
หมายเหตุ : ใหน้ ักศกึ ษา ได้ศกึ ษาเพิ่มเติมจากหนงั สือแบบเรียนรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ พว21001

เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา  23
ปีการศกึ ษา 2563

แบบทดสอบรายวชิ าวิทยาศาสตร์ พว21001

คำ� สั่ง จงเลอื กค�ำตอบที่ถูกตอ้ งที่สุดเพยี งข้อเดยี ว
1. ขอ้ ใดไมใ่ ช่คุณลกั ษณะของบุคคลทมี่ ีจติ วิทยาศาสตร์ 5. จากภาพเซลลช์ นดิ ใดเป็นเซลลพ์ ืช
ก. เป็นคนทม่ี ีความอยากรอู้ ยากเห็น คน้ หา ก. A และ B
ความรโู้ ดยวิธกี ารต่างๆ ข. B และ C
ข. เป็นบคุ คลทีส่ ังเกตและบนั ทึกผลต่างๆอย่าง ค. A และ C
ตรงไปตรงมา ง. D และ B
ไมม่ ีการพคสิ . ูจ เนปท์ น็ ่ีเชบือุ่คถคอืลไทด่ยี ้ อมรบั สแ่ิงใบดบสทง่ิ หดนสึง่อไบดร้โำดยยวยิชงั ำวิทยำ 6ศ .ำ ขส ้อตใรด์ พไกมว.่พ2ไบล0โใ0บน1โเซซลมล์สัตว์
ค ำสงั่ จงงเล. อื เกปค็นำบตุคอคบลทท่ถี ีม่ กู เี ตหอ้ตงุมทผี ีส่ ลดุ คเพ้นยีหงาขเหอ้ ตเดผุ ียลวของ ข. ไลโซโซม
1ป.ัญขห้อาใแดลไะมผ่ใชลค่ทุณเี่ กลดิ ักขษ้ึนณไดะ้ของบุคคลทมี่ จี ติ วทิ ยาศาสตร์ ค. เซนตริโอ
322 3ว 4ข ..ิท...้า ขขวนขขย ้ออ้กขกขโคงงค ้อ้อาักคกขง พ ....ใใ....ศ.ใใศ...ดดหดดดเเกาถเึกเปผวคเเเเเปคลเเหสรปปปปปกูกขงคงคกขอษลปปรรอะว็น..ตต็นทน็น็....็น็น..ร่อืะทาน็็นบรดหถบรผุเเ์เเปบคกผบุกเปองม่ีคทหอวปนคดทอ์ูกลชลุคลขนรุปคุรคุัจปีาอุป�ำตียรน็ัจกดทคง่ัะอคะ้อทดทคคจกโัญรือ่ผุจกตปลวบกุดลเคยัวลค่ีลร์เมี่งดลัยวราอหนญัทขทอ่ารณทททาชีคคมณน็งทงจงายีอ้ก่ีมดดห่สี่งัสีย่ีว์สวสปงสี่เะส์ตีเวลาราาังอาาาาห�ำไญั�ำา่มเคอื่วทอมนมหดคคกตหจงอญังหงสี่สร้รัญปรตัญุมะครยบันับำ�บัาใรแทไีผบัณุใคานทใสหหะดลนลสก่ีจหญักส่ีง่ิเภล้ราะกนร/ภใาานปับคทงัาบอดอู้าปใรทจพน้ใรหสี่จยรนัสยวจรใามิวหนข/าลาา่งิทดมิ/กอาากหงกอาังใอกึเาทตจงยแจพรเเงนยตผหแห/าราู้/ผดา่อืง่ึาอลรโอผขตกน็กนินไกคนขยตยอนผุรดททใรรอำ�าค่า้/ูางลโ้ทนำ�งู้/าไกองดสงกน้ของโป�ำกโๆสรยยาแคคหาอโยาใ/ู้อารายคกนรชรงาอรารกยังงไ้รงปนค้ปปกยขแา่ไงงงวญัี้แรามลงาากงากะตกน่มกูนาห้ไมโแนขร้ไกีวนายรขกงิทาแี้โู้ชไไ้รดยลปขนพยาะต์ สิศวผริธจูาลงีกสนมท 9 8อ7 าต์ทา...เ่ีอ รกร ่เี ก กต ช์กสิดาจา่่อืัตาขรางรถ้นึวเๆกคปือ์มไรงกคขงกขงคลดฏไีก...่า......ด่ือ้ิสรงลกพกกเกอก้นกะนมะาลลาาาบั ดาทลรธอรรราีบลยกูแิข่ีข็ดสเออสดะปสพออเังองตรออิดนัเเงงรสดิิม่รคอกพนแ่หโณงรงเลม้�ำืชลรอาเูตจะรซเ่มิังะกกาณกปใิสบหชิดกลิดแูาด์อ้ขดงขนตว้วึน้บินอยกัยเนเงแขมอวปยส้าอะอื่ อาสงใกใกดดด่รู ใใาเบกนกสกใชราตก้รรวัขะเบั มบขียวอนงกเสายี รใด
4 . น ักศกึ ษก.ามสีป�ำรญั วหจา เ ร ่อื งคุณภาพของดนิ ในการปลูกข้าวโพดคว รทาโครงกง.าไนตประเภทใดเพือ่ นาไปใชป้ ระโยชน์
ก . สารขว.จทดลอง ข. ปาก
ข . ทดคล.อพง ัฒนาหรอื ประดษิ ฐ์
ค . พัฒงน. าสหรา้รงอื ทปฤรษะดฎษิ ีหฐร์ืออธบิ าย ค. หลอดลม
ง. สรา้ งทฤษฎหี รอื อธิบาย ง. ล�ำไสเ้ ลก็
10. ในหว่ งโซอ่ าหารสิง่ มีชวี ิตขอ้ ใดทำ� หน้าทแ่ี ตกตา่ งจาก
ขอ้ อน่ื
ก. ไก่
ข. แร้ง
เซลลA์ เซลลB์ เซลลC์ เซลลD์ ค. ปลวก
5. จากภาพเซลลช์ นดิ ใดเปน็ เซลลพ์ ืช ง. ตะขาบ
ก. A และ B
24ขค.. B แเลอกะสCารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล
A แปลีกะารCศึกษา 2563 ระดับประถมศกึ ษา

ง. D และ B

11. คาร์บอนไดออกไซดใ์ นบรรยากาศส่วนใหญไ่ ด้มา 16. ถ้าจัด เหลก็ น�ำ้ เกลอื และสารละลายกรดซลั ฟวิ ริก
จากข้อใด อยใู่ นกลมุ่ เดยี วกนั จะต้องใช้เกณฑ์ข้อใดในการจดั
ก. การเพิม่ ปริมาณของสัตว์ ก. การนำ� ไฟฟ้า
ข. การเผา่ ผลาญเชื้อเพลงิ ข. การละลาย
ค. การตดั ไมท้ �ำลายปา่ ค. การเป็นสารเนอื้ เดียวกัน
ง. การหายใจของสัตว์ ง. สมบตั ิความเป็นกรด-เบส
12. ชน้ั ใดของเปลอื กโลกที่มีความหนาที่สดุ 17. รงั สีท่เี กิดจากธาตุกมั มันตรงั สี ซ่ึงทะลผุ ่านไดส้ งู สดุ
ก. เปลอื กโลก คือขอ้ ใด
ข. แมนเทิล ก. รังสเี อกซ์
ค. แก่นโลก ข. รังสแี กมมา
ง. เนอื้ โลก ค. รงั สแี อลฟา
13. บรรยากาศช้นั เทอรโ์ มสเฟยี ร์ใช้ประโยชนใ์ นการ ง. รงั สีอนิ ฟราเรด
ส่ือสารไดเ้ พราะเหตใุ ด 18. ถา้ ใชค้ วามเป็นกรด เบส ของสารเปน็ เกณฑ์ในการจัด
ก. มีอนุภาคประจุไฟฟา้ ท่ีสามารถสะท้อน กลุม่ สารชดุ ใดจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกนั
คลน่ื วิทยไุ ด้ ก. ผงซกั ฟอก น้�ำยาลา้ งจาน สบู่
ข. มรี ังสอี ัลตราไวโอเลตนอ้ ย ทำ� ใหค้ ลน่ื วทิ ยุ ข. น�้ำยาล้างจาน น้ำ� มะนาว สบู่
ทะลุผ่านได้ ค. น�ำ้ มะนาว ผงซักฟอก น�้ำเชอื่ ม
ค. มีเมฆหมอกหนาทบึ ชว่ ยให้เกิดการสะทอ้ น ง. น้�ำยาลา้ งจาน น�้ำมนั พืช แชมพู
คล่ืนวทิ ยุ 19. สมบัตขิ องแสงในขอ้ ใดทำ� ใหส้ ามารถมองเหน็ ดวง
ง. มไี อนำ�้ อยนู่ อ้ ย ทำ� ใหค้ ลน่ื วทิ ยสุ ง่ ผา่ นไดง้ า่ ยขน้ึ จันทรไ์ ด้ในเวลากลางคืน
14. ข้อใดเปน็ ลมประจำ� ฤดู ก. การหักเห
ก. ลมมรสุม ข. การสะทอ้ นของแสง
ข. ลมงวงช้าง ค. การแยกสขี องแสง
ค. ลมบก ลมทะเล ง. การกระเจิงของแสง
ง. พายหุ มนุ เขตรอ้ น 20. เราใช้กลุ่มดาวข้อใดในการช่วยสงั เกตดาวเหนอื
15. เราจะช่วยรักษาสภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาตไิ ด้ ก. กล่มุ ดาวลูกไก่และกลุ่มดาวจระเข้
อย่างไร ข. กลุม่ ดาวจระเขแ้ ละกลุ่มดาวค้างคาว
ก. ไมฆ่ า่ สตั วใ์ นวันพระ ค. กลุ่มดาวนายพรานและกลุ่มดาวคา้ งคาว
ข. ไมใ่ ช้นำ�้ ในแมน่ ำ�้ ล�ำคลอง ง. กลมุ่ ดาวนายพรานและกลุ่มดาวแมงป่อง
ค. ไมเ่ ลี้ยงสตั ว์ในบริเวณบ้าน
ง. ไมท่ ิ้งขยะลงในแมน่ �้ำล�ำคลอง

เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา  25
ปีการศกึ ษา 2563

สรุปเนอื้ หารายวชิ าช่องทางการพฒั นาอาชพี อช21001

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. มีความรู้และเขา้ ใจ การงานอาชีพชอ่ งทางการพฒั นาอาชีพการตัดสินใจเลอื กพฒั นาอาชีพ วิพากษ์วิจารณ์
เร่อื งต่าง ๆ ได้
2. มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ทางการงานอาชีพช่องทางการพฒั นาอาชีพการตัดสนิ ใจเลือกพฒั นาอาชพี

ขอบเขตเนอื้ หา

ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะเกย่ี วกบั เรอื่ งตอ่ ไปนก้ี ารงานอาชพี ชอ่ งทางการพฒั นาอาชพี การตดั สนิ ใจเลอื กพฒั นาอาชพี

หน่วยท่ี 1 การงานอาชพี

การพฒั นาอาชีพเปน็ ส่งิ ทีส่ ำ� คญั ในวถิ ีชวี ติ และการด�ำรงชพี ในปจจุบนั เพราะอาชีพเปน็ การ
สรา้ งรายไดเ้ พอื่ เลย้ี งชพี ตนเองและครอบครวั อาชพี กอ ใหเ กดิ ผลผลติ และการบรกิ าร ซง่ึ สนองตอบตอ ความตอ งการของ
ผูบ้ ริโภค และท่ีสำ� คญั คือ การพฒั นาอาชพี มคี วามสำ� คญั ตอ่ เศรษฐกจิ ของ ประเทศชาติ ความส�ำคญั จึงเปน็ ฟันเฟอื งใน
การพัฒนาคณุ ภาพชีวติ เศรษฐกจิ ชุมชน ส่งผลถึงความ เจรญิ ก้าวหน้าของประเทศชาติ
ความจำ� เปน็ ในการพฒั นาอาชพี ในชมุ ชน สงั คม ประเทศ และภมู ภิ าค 5 ทวปี ไดแ ก ทวปี เอเชยี ทวปี ออสเตรเลยี
ทวีปอเมรกิ า ทวปี ยโุ รป และทวีปแอฟริกา ที่เหมาะสมกบั ตนเอง วิเคราะห ความเปน็ ไปไดต้ ่าง ๆ ไดแ้ ก่ การลงทุน
การตลาด กระบวนการผลิต การขนสง การบรรจหุ บี หอ การแปรรปู และผลกระทบตอ่ ชุมชน และส่ิงแวดลอม ความ
รคู วามสามารถของตนเองตอ ส่ิงทตี่ องการพัฒนา การลำ� ดบั ความส�ำคัญของการพฒั นาทมี่ คี วามเป็นไปได้ เพอ่ื น�ำข้อมลู
ทวี่ เิ คราะหไ์ ว้ นาํ ไปปรกึ ษาผรู้ ู การตดั สนิ ใจเลอื กพฒั นาอาชพี ทเี่ หมาะสมกบั ตนเอง โดยวเิ คราะหค์ วามพรอ มของ ตนเอง
ความตอ งการของตลาด เทคนคิ ความรู ทกั ษะในอาชพี และความรบั ผดิ ชอบตอ สงั คม ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ ม

หนว่ ยท่ี 2 ช่องทางการพัฒนาอาชพี

เร่ืองที่ 1 ความจำ� เป็นในการมองเหน็ ชอ งทางเพื่อพัฒนาอาชพี
การประกอบอาชพี หรือประกอบธรุ กจิ หรอื ด�ำเนนิ การสิ่งใด เชน การเดนิ ทางไปที่ใดสกั แหง่ หนง่ึ การจดั เลยี้ ง
เหลา นเี้ ป็นต้น จะตอ งมกี ารก�ำหนดแผนเสียกอ่ นถึงแม้ว่าบางคนอาจท�ำกิจการ โดยไมม่ แี ผนงาน ซงึ่ อาจประสบความ
สำ� เรจ็ ในชวงแรก ๆ เทา น้ัน แตร่ ะยะเวลาอาจมีเหตุการณต์ ่าง ๆ เกิดข้ึนสงผลใหเกิดอปุ สรรคการประกอบอาชพี เชน
การเปลย่ี นแปลงทางดา้ นเศรษฐกจิ การเมอื ง การปกครอง หรอื แมก ระทง่ั ความสลบั ซบั ซอ นของงานทมี่ ากขนึ้ เพราะสงิ่
เหลา นไ้ี ม่ได้ผา่ นการ คาดคะเนและการคิดอยา่ งรอบคอบก่อน
การวางแผน เปน็ การคดิ ไวล้ ว่ งหนา้ วา่ จะทำ� อะไร มจี ดุ มงุ่ หมายอะไร มวี ธิ กี ารอยา่ งไร เปน็ กระบวนการทม่ี รี ปู แบบ
อยา่ งหนึ่ง มกี ารระบุเป้าหมาย และแผนรายละเอยี ดตา่ ง ๆ มีการประสาน กจิ กรรมตา่ ง ๆ ต้ังแต่จุดเร่มิ ตนจนกระท่งั ถงึ
จุดส้ินสุด การประกอบอาชีพมีความยุงยาก สลับซับซ้อนการด�ำเนินกิจกรรมต่าง ๆ จะตองมีความสอดคลองกันกับ
ทรพั ยากร และงบประมาณ ทม่ี อี ยู่ เพอ่ื ใหม คี วามเปน็ ไปไดม้ ากทสี่ ดุ ดงั นน้ั การวางแผนจงึ มคี วามสำ� คญั ตอ การประกอบ
อาชพี ดังนคี้ ือ
1. ชว่ ยทำ� ใหก้ ารดำ� เนนิ งานบรรลผุ ลสำ� เร็จตามเป้าหมาย
2. ชว่ ยทำ� ใหก้ ารใช้ทรพั ยากรเปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ
3. ช่วยท�ำใหก้ ารดำ� เนนิ งานมคี วามเส่ยี งนอ้ ยลง และมีความเชอ่ื ม่นั ในการบรหิ ารงานมากขน้ึ

26  เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

4. ช่วยป้องกันการขดั แยง้ ซึ่งอาจจะเกิดขน้ึ ระหว่างการดำ� เนนิ งานได้
5. ช่วยปรับวิธกี ารดาํ เนินงาน หรอื เปล่ยี นแปลงกิจกรรมบางอยา่ งได้อย่างเหมาะสม
เรือ่ งที่ 2 ความเป็นไปไดใ้ นการพัฒนาอาชีพ
1. การลงทนุ
“การลงทนุ ” หมายถงึ การออมเพอ่ื ใหไ้ ดร้ บั ผลตอบแทนทมี่ ากขน้ึ ซงึ่ เราจะตอ งยอมรบั ความเสยี่ งทเี่ พม่ิ ขน้ึ เชน่
กนั การตดั สินใจนําเงนิ ออมมาลงทนุ เราจงึ ตอ งพจิ ารณาอยา่ งรอบคอบ และ ศึกษาหาขอ้ มลู ที่เกย่ี วขอ้ งเปน็ อยา่ งดี เพือ่
ให้ไดร้ ับผลตอบแทนทค่ี าดหวงั ไว และเพอ่ื ลดความเส่ยี ง ท่ีเกิดขน้ึ จากการลงทุน
2. การตลาด
การตลาด เปน็ กิจกรรมทางธรุ กจิ ท่ีมีความจำ� เปน็ และมคี วามสำ� คญั ตอการอยรู อดของ องคกรธุรกจิ ในระบบ
เศรษฐกจิ แบบเสรนี ยิ มนน้ั ธรุ กจิ จำ� เปน็ จะตอ้ งอาศยั กลยทุ ธท างการตลาด ซง่ึ สง่ิ นน้ั กค็ อื การขาย การเรยี นรเู พอ่ื ใหเ ขา ใจถงึ
ความแตกตา่ งของการขาย และการตลาดอยา่ งชดั เจน จะช่วยใหธ รุ กิจพัฒนาตอ ไป รวมถึงหนาท่ขี องการขายและการ
ตลาดดว้ ย ดังนน้ั เปา้ หมายของธุรกิจจะด�ำเนินไปในทิศทางทม่ี ุ่งหวังได้ จึงจำ� เปน็ ท่ตี ้องศึกษาความส�ำคญั ของการตลาด
และการขายอย่างละเอยี ด
เรือ่ งที่ 3 การกำ� หนดวธิ ีการพฒั นาอาชีพพรอมเหตผุ ล
1. เทคนคิ วธิ กี ารทำ� งานของอาชพี ทเ่ี ลอื กประกอบการ เปน็ เคลด็ วชิ าในการประกอบอาชพี แตล่ ะอาชพี ใหป ระสบ
ความสำ� เรจ็ จงึ เปน็ ปัจจัยส�ำคัญทผ่ี ปู้ ระกอบอาชีพจะตอ งเรยี นรใู หเ้ ขา้ ใจอยา่ งถ่องแท้
2. เทคนคิ วธิ กี ารทำ� งานชว่ ยลดขน้ั ตอนการทำ� งานอาชพี บางอาชพี ใหส้ ำ� เรจ็ อยา่ งรวดเรว็ ผปู้ ระกอบอาชพี จะนาํ
เวลาทเ่ี หลอื ไปดำ� เนินการในงานยอ่ ยอ่ืน ๆ ใหมปี ระสทิ ธิภาพตอไป
3. เทคนคิ การทำ� งานชว่ ยใหก้ ารทำ� งานประหยดั ขน้ึ เชน ใชว สั ดบุ างอยา่ งทมี่ รี าคาถกู หางา่ ย ในทอ งถน่ิ ทดแทน
วัสดทุ มี่ รี าคาแพงหรอื หายากมาใชใ นการผลติ แทน ผลผลิตทผ่ี ลิตได้ยังมีคุณภาพเหมือนเดมิ
4. เทคนคิ วิธกี ารทำ� งานช่วยให้ผ ลิตไดม้ ากข้ึน โดยการนําเครอ่ื งมืออุปกรณท่ีดัดแปลงมาใช ในการเพ่มิ ปริมาณ
การผลิต ผผู้ ลิตเสาะแสวงหาเทคโนโลยีต่าง ๆ ทม่ี ใี นทองถนิ่ มาใชห รอื ดัดแปลง พัฒนาเทคโนโลยที ่ีมอี ย่แู ลว ใหช่วยเพม่ิ
ผลผลติ ใหม ากข้ึน
5. เทคนิควธิ กี ารทำ� งาน ชว่ ยให้ง านอาชพี มคี ุณภาพ มมี าตรฐานเปน็ สากล เปน็ ท่ียอมรับของตลาด

หน่วยที่ 3 การตัดสนิ ใจเลอื กพัฒนาอาชพี

เรือ่ งที่ 1 ขอมลู การตัดสินใจเลือกพัฒนาอาชพี
1. ความพรอ ม หมายถึง สภาพของบุคคลทม่ี วี ฒุ ิภาวะแรงจูงใจและประสบการณเดิมสูง พอทจ่ี ะ กอ ใหเกดิ การ
ตัดสนิ ใจเลือกพฒั นาอาชีพไดโ้ ดยสะดวก
2. ความตองการของตลาด
3. ความร/ู ทักษะและเทคนคิ ต่าง ๆ
ความรู หมายถึง การเรียนรู การจำ� และการระลึกถึงความคดิ โดยใชขอมูลขอเท็จจริงให้เป็นไปตามเปา้ หมาย
วัตถุประสงคใ นการตดั สนิ ใจเลือกพฒั นาอาชีพ
ทักษะ คือ ความสามารถในการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ อย่างช�ำนาญ ซึ่งครอบคลุมการตัดสินใจ เลือกพัฒนา
อาชพี
เทคนคิ คอื กลวธิ ตี ่าง ๆ ทีใ่ ชเสรมิ กระบวนการ ขั้นตอน วธิ ีการ หรอื การกระทำ� ใด ๆ เพ่อื ช่วยใหก้ ระบวนการ
ขนั้ ตอน วิธกี าร หรอื การกระทำ� ในกจิ กรรม/งานน้ัน ๆ มคี ุณภาพและประสิทธิภาพมากข้ึน

เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา  27
ปีการศกึ ษา 2563

4. ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม
การวางแผนการใชท รพั ยากรระดับครวั เรือน มีความจำ� เป็นอย่างยิง่ ในการผลติ พืชผล การเกษตร ซึ่งผู้จดั การ
หรอื เจาของฟาร์มตอ้ งพิจารณาใชทรพั ยากรอย่างเหมาะสมไม่ทำ� ลายสิ่งแวดล้อม และอนุรักษท รพั ยากรอย่างยง่ั ยนื
5. การใชทีด่ นิ
6. การใช้ทุน
เร่อื งท่ ี 2 การตัดสนิ ใจพฒั นาอาชพี ดว้ ยการวิเคราะหศ ักยภาพ
การพัฒนาส่งิ ใดก็ตาม มวี ธิ ีการหลากหลาย เชน ทำ� การวจิ ยั ทดลองท�ำกอ นลงมอื ทำ� จริง การใชกระบวนการ
คิดเป็น นอกจากนี้ยงั มวี ิธีการวเิ คราะหศ กั ยภาพตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวของวา จะสามารถพฒั นาอาชพี ไดห้ รือไม ซ่งึ เรื่องน้จี ะได้
ศึกษาตอไป เพ่ือใชเปน็ แนวทางในการตัดสินใจพฒั นาอาชพี โดยการวเิ คราะหศ์ ักยภาพ 5 ด้าน ไดแ้ ก่
1. ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาตใิ นแต่ละพื้นที่
2. ศักยภาพของพื้นทตี่ ามลักษณะภูมอิ ากาศ
3. ศกั ยภาพของภูมปิ ระเทศและท�ำเลทีต่ งั้ ของแตล่ ะพนื้ ที่
4. ศกั ยภาพของศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณีและวิถีชวี ติ ของแต่ละพ้ืนที่
5. ศกั ยภาพของทรพั ยากรมนุษยใ์ นแต่ละพืน้ ท่ี
หมายเหตุ : ใหน้ กั ศึกษา ได้ศึกษาเพิ่มเตมิ จากหนังสอื แบบเรยี นรายวิชาช่องทางการพฒั นาอาชีพ อช21001

28  เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563

แบบทดสอบรายวชิ าชอ่ งทางการพฒั นาอาชีพ อช21001

จงเลือกคำ� ตอบทถ่ี ูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 7. การวเิ คราะหเ์ ศรษฐกิจชมุ ชนเกี่ยวกบั ขอ้ ใด
ก. เศรษฐกิจของชนุ ชน
1. การพัฒนาอาชพี หมายถึงขอ้ ใด ข. การผลติ ผู้บริโภค และธรุ กจิ การคา้
ก. การทำ� ใหอ้ าชพี เจรญิ งอกงามเตบิ โตมากยง่ิ ขน้ึ ค. การเตรยี มศักยภาพการผลิต
ข. การขยายอาชพี ง. ทกั ษะการผลติ และการตลาด
ค. การจัดการธุรกิจการตลาด 8. ขอ้ ใดเปน็ แรงจงู ใจในการพฒั นาอาชพี
ง. ความพยายามของบคุ คลในการบรหิ ารจัดการ ก. งานท่ีจะเกิดรายไดเ้ พม่ิ ขน้ึ
อาชพี ข. ได้รบั การสนบั สนนุ เงินทุนจากรฐั บาล
2. ขอ้ ใดเปน็ ความส�ำคญั ของการประกอบอาชีพ ค. มีความพรอ้ มในวธิ ีการและกระบวนการ
ก. การผลติ สินค้า พฒั นาอาชีพ
ข. การนำ� สินค้าสู่ตลาดเพื่อขาย ง. ภูมปิ ญั ญาชาวบา้ นแนะน�ำ
ค. กอ่ ให้เกิดรายได้ 9. ความจำ� เปน็ พ้ืนฐานของมนุษย์ คือขอ้ ใด
ง. เศรษฐกิจดีขึ้น ก. การประกอบอาชพี
3. การตดั สนิ ใจตามปรชั ญา “คิดเป็น” พิจารณาดา้ นใด ข. การพฒั นาอาชพี
ก. พิจารณาดา้ นตนเอง ค. ปัจจัย 4 เพอื่ ด�ำรงชีวิต
ข. พจิ ารณาดา้ นสงั คมและสงิ่ แวดล้อม ง. กิน อยู่ หลบั นอน
ค. พจิ ารณาวิชาการ 10. ความจ�ำเปน็ ในการมองเห็นทางพฒั นาอาชีพคอื ข้อใด
ง. ถกู ทกุ ข้อ ก. เกิดแรงบันดาลใจ
4. การอดออม หมายถึงขอ้ ใด ข. การตัดสินใจ
ก. การอดเปร้ยี วไวก้ นิ หวาน ค. ทา้ ทายความสามารถ มีความกระตอื รอื รน้
ข. การตระหน่ถี เ่ี หนียว ง. ถกู ทกุ ข้อ
ค. การเก็บรายได้ไว้เป็นทนุ สำ� รอง 11. ข้อใดใช้ในการวางนโยบายในการพัฒนาอาชพี
ง. การเกบ็ ประกนั สงั คม ก. แผนงานและโครงการ
5. สถานการณ์ดา้ นการเกษตรที่หน้าเปน็ หว่ งคอื ขอ้ ใด ข. วสิ ัยทศั น์ พนั ธกจิ
ก. ผลผลิตการเกษตรราคาตกต�่ำ ค. หลกั การและเหตุผล
ข. การสูญเสียทรพั ยากรธรรมชาติ ง. วตั ถปุ ระสงค์
ค. การเสือ่ มคุณภาพของดิน 12. ข้อใดเปน็ ความส�ำคัญในการวางแผนงานแลโครงการ
ง. การเกดิ ภัยตามธรรมชาติ ก. การลงทุน ค่าใช้จา่ ย งบประมาณ
6. ข้อใดน�ำมาใชใ้ นการพฒั นาอาชพี ข. ข้ันตอนจัดกจิ กรรมและระยะเวลา
ก. วิธีการและกระบวนการทท่ี ำ� ให้อาชีพ ค. การสรุปงาน
เจรญิ เตบิ โต ง. การประกอบธุรกิจ
ข. การจดั ต้งั อาชพี ในชมุ ชน
ค. การค้าขายอย่างอสิ ระ ขยายวงกวา้ งข้ึน
ง. รักษาผลผลิตทีเ่ กิดประโยชน์

เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา  29
ปีการศกึ ษา 2563

13. การขนส่งในงานอาชีพ คือข้อใด 17. แก้ปัญหาเปน็ เหน็ ความสขุ ในการขยายอาชีพ
ก. การล�ำเลียงวัตถดุ ิบทำ� การผลติ คอื ข้อใด
ข. การเคลือ่ นย้ายและเกบ็ รกั ษาผลผลติ สนิ ค้า ก. การมีความสขุ ในการประกอบอาชพี
ค. การนำ� ส่งลูกค้า ข. การรูส้ ึกภาคภมู ใิ จ
ง. ถกู ทกุ ขอ้ ค. การใช้ทนุ ปัญญาและการลงทุน
14. ขอ้ ใดหมายถงึ การแปรรูป ง. การผลติ สินค้าและธุรกิจการตลาด
ก. การผลติ สนิ คา้ ในรูปแบบแปลกใหม่ 18. คุณภาพของผลผลิตสนิ ค้า ทราบไดจ้ ากข้อใด
ข. การเปลี่ยนสภาพวตั ถดุ ิบเป็นผลผลติ สนิ คา้ ก. สนิ ค้าดี มกี ารบรรจุภัณฑส์ วยงาม สะดดุ ตา
ค. การเปลย่ี นสภาพการผลิต ข. ความพึงพอใจในสินคา้ ของลูกค้า
ง. การจดั การธุรกิจการตลาด ค. มีทัง้ ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล
15. การศกึ ษาอาชีพในชมุ ชน คือข้อใด ง. ราคาถกู ประหยดั บรกิ ารดี
ก. การเรยี นรตู้ ามอัธยาศัย เรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง 19. การพัฒนาอาชพี ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงคือขอ้ ใด
ข. ข้อมลู การประกอบอาชพี ในชุมชน สำ� รวจ ก. ความเหมาะสม พอประมาณ
วิเคราะหอ์ าชีพ ข. ความมีเหตุผล
ค. หาแหลง่ เรยี นรู้สถานศึกษา ค. ยดึ ถอื เกณฑ์เฉล่ยี ของการผลติ
ง. ภูมปิ ัญญาในชุมชน ง. การสรา้ งภมู ิคุ้มกัน
16. ทำ� เปน็ – เหน็ เงนิ มีความหมายในข้อใด 20. จิตวทิ ยาในการครองใจคนสามารถนำ� มาใช้พฒั นา
ก. การเหน็ ช่องทางในการประกอบอาชพี อาชีพได้อย่างไร
ข. การพัฒนาอาชพี ใหใ้ หญ่โตข้ึน ก. การมมี นษุ ย์สมั พันธใ์ นการปกครองผรู้ ่วมงาน
ค. การขยายอาชพี ให้กวา้ งข้ึน ข. กลวิธที ่ีทำ� ใหค้ นพงึ พอใจ
ง. ถูกทุกขอ้ ค. รูร้ ักสามคั คี
ง. เข้าใจ เข้าถึง พฒั นา

30  เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

สรปุ เนอ้ื หารายวิชาทักษะการพฒั นาอาชีพ อช21002

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. มคี วามรแู้ ละเขา้ ใจ ทกั ษะในการพฒั นาอาชพี การทำ� แผนธรุ กจิ เพอ่ื การพฒั นาอาชพี การกำ� หนดวสิ ยั ทศั นพ์ นั ธ
กิจเป้าหมายและกลยุทธ์ในการวางแผนพัฒนาธุรกิจของชุมชนการจัดการความเสี่ยงการจัดการการผลิตการบริการ
การจดั การการตลาด
2. มคี วามคดิ ดา้ น ทกั ษะในการพฒั นาอาชพี การทำ� แผนธรุ กจิ เพอื่ การพฒั นาอาชพี การกำ� หนดวสิ ยั ทศั นพ์ นั ธกจิ
เป้าหมายและกลยุทธ์ในการวางแผนพัฒนาธุรกิจของชุมชนการจัดการความเส่ียงการจัดการการผลิตการบริการ
การจดั การการตลาด

ขอบเขตเนื้อหา

ศกึ ษาและฝึกทักษะเกีย่ วกับเรื่องทักษะในการพัฒนาอาชีพ การท�ำแผนธรุ กจิ เพอื่ การพฒั นาอาชพี การกำ� หนด
วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เปา้ หมายและกลยทุ ธใ์ นการวางแผนพฒั นาธรุ กจิ ของชมุ ชน การจดั การความเสย่ี ง การจดั การการผลติ
การบริการ การจดั การการตลาด

หนว่ ยที่ 1 กระบวนการผลติ

กระบวนการผลิต (Production process) มอี งค์ประกอบทีส่ ำ� คญั 3 ประการ ไดแ้ ก่ ปจั จัยน�ำเข้า (Input),
กระบวนการแปลงสภาพ (Conversion Process), และผลผลติ (Output) โดยมรี ายละเอียด ดังต่อไปน้ี
1. ปจั จยั นำ� เขา้ (Input) คอื ทรพั ยากรขององคก์ ารทใ่ี ชผ้ ลติ ทง้ั ทเี่ ปน็ ทรพั ยส์ นิ ทมี่ ตี วั ตน เชน่ เครอื่ งจกั ร อปุ กรณ์
และสินทรัพย์ที่ไม่มตี วั ตน เชน่ แรรงาน ขา่ วสาร
2. กระบวนการแปลงสภาพ (Conversion Process) เป็นขั้นตอนท่ีท�ำให้ปัจจัยน�ำเข้าที่ผ่านเข้ามามี
การเปล่ียนแปลงในดา้ นตา่ ง ๆ ได้แก่ รูปลักษณ์ สถานท่ี การแลกเปลยี่ น การให้ข้อมลู จิตวทิ ยา
3. ผลผลติ (Output) เปน็ ผลไดจ้ ากระบบการผลติ ทม่ี มี ลู คา่ สงู กวา่ ปจั จยั นำ� เขา้ ทร่ี วมกนั อนั เนอ่ื งมาจากทไ่ี ดผ้ า่ น
กระบวนการแปลงสภาพ ผลผลิตแบ่งเปน็ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ สินคา้ และบรกิ าร

หน่วยท่ี 2 กระบวนการตลาด

1. การวเิ คราะห์สถานการณก์ ารตลาด (Marketing Analysis)
2. การก�ำหนดกลมุ่ เปา้ หมาย (STP Analysis)
3. การกำ� หนดเป้าหมายทางการตลาด (Marketing Objective)
4. การก�ำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด (Marketing Strategy)
5. การวางแผนการปฏบิ ตั ิ (Action planned Budgeting)
6. การนำ� แผนไปปฏบิ ัติ (Implementation)
7. การตดิ ตามและการประเมนิ ผล (Monitoring & Evaluation)

เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา  31
ปีการศกึ ษา 2563

หนว่ ยที่ 3 การวางแผนการฝกึ

การฝกึ ทกั ษะอาชพี หมายถงึ ฝกึ ทกั ษะอาชพี ใดอาชพี หนง่ี จนเกดิ ความชดั เจนและชำ� นาญ จนสามารถถา่ ยทอด
ความรแู้ ละประสบการณ์นน้ั ๆ ให้กับผู้อ่นื ได้ ประโยชน์ของการวางแผนฝกึ ทกั ษะอาชพี มดี งั นี้
1. มีโอกาสวเิ คราะห์ทักษะท่จี �ำเป็นและตอ้ งฝึกอย่างถ่ีถว้ น
2. ทำ� ใหค้ รอบคลมุ ทกั ษะที่ต้องการฝกึ และมองเห็นภาพรวมของการพัฒนาอาชีพท้งั ระบบ
3. สามารถวางแผนในการเลอื กสถานทฝ่ี กึ และวธิ กี ารฝกึ ทกั ษะกบั หนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบโดยตรงหรอื บางทกั ษะ
อาจฝกึ ดว้ ยตนเองได้
ขั้นตอนการวางแผนการฝึกทักษะอาชพี มีดังน้ี
1. สรุปทกั ษะท่ตี ้องการฝกึ เพิ่มเตมิ
2. ศึกษาข้อมูลเกีย่ วกบั แหล่งฝกึ ทกั ษะอาชีพและประสานงานกับแหล่งฝึกว่า ตอ้ งการฝกึ เรอ่ื งใดบ้าง เม่ือใด
3. กำ� หนดวัน เวลา สถานทใี่ นการฝกึ ทักษะท้ังหมดลงในการฝกึ
4. ผตู้ อ้ งการฝกึ ควรศกึ ษาเรอ่ื งทต่ี อ้ งการฝกึ ทกั ษะดว้ ยตนเองลว่ งหนา้ ไปกอ่ น เพอื่ ใหม้ คี วามเขา้ ใจ ในระดบั หนงึ่
แลว้ จดเปน็ คำ� ถามทย่ี ังไมเ่ ขา้ ใจเพือ่ นำ� ไปซักถามในวัน เวลาทม่ี กี ารฝึกจรงิ
หมายเหตุ : ใหน้ กั ศกึ ษา ไดศ้ ึกษาเพิม่ เติมจากหนังสือแบบเรยี นรายวชิ าทกั ษะการพฒั นาอาชพี อช21002

32  เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

แบบทดสอบรายวิชาทกั ษะการพัฒนาอาชีพ อช21002

จงเลือกค�ำตอบท่ถี กู ต้องทสี่ ุดเพียงค�ำตอบเดียว 6. หลักการบรหิ ารจัดการอาชีพข้อใดทมี่ คี วามสำ� คัญนอ้ ย
ทสี่ ุด
1. ขอ้ ใดเปน็ ทักษะที่ส�ำคัญในการเป็นปฏิบตั งิ านทด่ี ี ก. ราคาสนิ คา้
ท�ำให้เกิดความรู้ความชำ� นาญในการทำ� งาน ข. แหล่งวัตถดุ ิบในชุมชน
ก. ท�ำงานไปพร้อมกบั วางแผนควบคูก่ ันไป ค. สถานทผี่ ลิตและจำ� หนา่ ย
ข. ศกึ ษาหาความรจู้ ากงานนัน้ ๆ ก่อนลงมือปฏิบัติ ง. คณุ ภาพสนิ คา้ และการประชาสัมพันธ
ค. ลงมือปฏบิ ตั ิและศึกษาหาความรู้ไปพรอ้ มๆ กัน 7. กลมุ่ อาชีพใดเปน็ ตอ้ งใชท้ ักษะ
ง. ท�ำงานตามขัน้ ตอน พร้อมตรวจสอบความ ก. ช่างวทิ ยุ ชา่ งไฟฟ้า ช่างทำ� ผม
เรยี บรอ้ ย ข. ชา่ งไม้ ช่างเหล็ก ชา่ งชุบทอง
2. ข้อใดเป็นลกั ษณะของสมาชกิ ทมี่ ีความส�ำคญั ต่อความ ค. ช่างปนู ชา่ งตัดเส้ือ รับส่งน�้ำแขง็
สำ� คัญของกลุ่ม ง. ชา่ งเฟอร์นิเจอร์ พนกั งานเก็บขยะ ช่างกลึง
ก. มีความเปน็ ผนู้ ำ� 8. อาชีพเกษตรและอาชีพอตุ สาหกรรมมคี วามสัมพันธ์กัน
ข. มีความคดิ เห็น ในขอ้ ใด
ค. มคี วามสามัคคี ก. งานผลิตและแปรรูป
ง. มีความเฉลียวฉลาด ข. ช่างเสริมสวย แม้คา้ ขายขา้ วแกง
3. การรวมกลมุ่ อย่างมีประสิทธภิ าพมีลกั ษณะอย่างไร ค. ช่างซอ่ มรองเทา้ คนถีบสามล้อ
ก. กลมุ่ จะตอ้ งมีผ้นู �ำทีด่ ี ง. พนกั งานส่งเอกสาร ช่างกลึงเหล็ก
ข. จะตอ้ งเปน็ กลมุ่ ในการพัฒนา 9. อาชพี ทมี่ คี วามส�ำคญั ต่อระบบเศรษฐกิจประเทศไทย
ค. สมาชิกต้องรบั ผิดชอบในบทบาทหน้าทีข่ องตน มากทีส่ ดุ
ง. สมาชกิ จะต้องมคี วามรู้หลาย ๆ ดา้ น ก. เกษตรและบริการ
4. ข้อใดเป็นจดุ ประสงคก์ ารประเมินผลการประกอบ ข. ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์
อาชีพอตุ สาหกรรม ค. อุตสาหกรรมและบรกิ าร
ก. ส�ำรวจความตอ้ งการของตลาด ง. เกษตรและอตุ สาหกรรม
ข. การคาดคะเนจ�ำนวนสนิ ค้าท่ีจะผลติ 10. ถ้าธรุ กจิ ทอ่ งเทีย่ วประสบปัญหาจะมีผลกระทบต่อ
ค. ปรบั ปรงุ สนิ ค้าเพ่ือใหไ้ ด้กำ� ไรมากข้นึ อาชพี ใดมากทีส่ ดุ
ง. ปรบั ปรงุ และพฒั นาการดำ� เนนิ งานให้กา้ วหน้า ก. การเกษตร
มากขนึ้ ข. ประมง
5. ขอ้ ควรค�ำนงึ ในการตัดสินใจประกอบอาชพี ของตนเอง ค. บริการ
คือข้อใด ง. คา้ ขาย
ก. พ่อแมพ่ ่นี อ้ งแนะนำ� ให้ทำ�
ข. ความรู้ความสามารถของตน
ค. เพื่อน ๆ ในหมูบ่ ้านท�ำกันมาก
ง. มีคนนยิ มท�ำงานนั้นมากมายทว่ั ประเทศ


เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา  33
ปีการศึกษา 2563

11.ขอ้ ใดเป็นตัวบ่งบอกถงึ ฐานะทางเศรษฐกจิ ของ 16. การจัดการพัฒนาอาชพี โดยให้มีความเหมาะสม
ประเทศ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการกับอะไร
ก. ทรัพยากรธรรมชาติ ก. การเมือง
ข. รายได้ของประชาชน ข. ตลาด
ค. ผลผลติ ทางการเกษตร ค. วฒั นธรรม
ง. การศกึ ษาของประชากร ง. สังคม
12. การประกอบอาชีพแบบผสมผสานใหป้ ระโยชน์ใน 17. ข้อใดไมใ่ ช่ลกั ษณะของการวางแผน
ด้านใดมากที่สดุ ก. ต้องก�ำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน
ก. ลดต้นทนุ การผลิต ข. อาจไม่ส�ำเรจ็ ตามวัตถปุ ระสงค์ก็ได้
ข. ลดการใช้แรงงาน ค. เป็นการก�ำหนดสง่ิ ทจ่ี ะท�ำในอนาคต
ค. ลดเทคนคิ การผลติ ง. เปน็ หลักประกันวา่ งานตอ้ งส�ำเร็จตาม
ง. ลดการใช้พ้นื ทก่ี ารผลติ วตั ถปุ ระสงค์
13. ข้อใดคอื ผลผลติ จากการนำ� ส่งิ เหลอื ใชจ้ ากการ 18. อาชีพตอ่ ไปนี้ข้อใดตอ้ งอาศัยทำ� เลใกล้แหลง่ ชมุ ชน
อุตสาหกรรมมาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ ก. การเล้ียงไขไ่ ก่
ก. ปลากระป๋อง ข. การผลิตมะขามหวาน
ข. เส้ือผา้ สำ� เร็จรปู ค. การซอ่ มเครื่องใช้ไฟฟา้
ค. สับปะรดกระปอ๋ ง ง. การแปรรปู ผลผลิตการเกษตร
ง. พรมเช็ดเท้าจากเศษผา้ 19. ข้นั ตอนแรกของกระบวนการตดั สนิ ใจซ้อื
14. การจดทะเบียนการคา้ หรอื เสยี ภาษีการคา้ ต้องไปที่ ของผบู้ ริโภคคอื ขนั้ ตอนใด
ใด ก. การรับรู้ปัญหา
ก. สำ� นกั งานเขต/อ�ำเภอ ข. การค้นหาข้อมลู
ข. กรมสรรพากร ค. การตัดสินใจซ้ือ
ค. กรมการค้าภายใน ง. การประเมินทางเลอื ก SHOW ANSWER
ง. ศูนยบ์ ริการสง่ ออก 20. การจดั ท�ำแผนธุรกิจทเ่ี หมาะสมในงานพฒั นาอาชีพ
15. การแก้ปญั หาความเสยี่ งขอ้ ใดเปน็ การจดั การ ผปู้ ระกอบการควรพจิ ารณาถงึ สง่ิ ต่อไปนี้ ยกเวน้
ความเส่ยี งท่ีอยูใ่ นระดบั สูงมาก และหน่วยงานไม่อาจ ข้อใด
ยอมรบั ได้ จึงตดั สนิ ใจยกเลิกโครงการ/กจิ กรรมน้ัน ก. แผนการเงิน
ไป ข. แผนการผลิต
ก. การลดความเส่ยี ง ค. แผนการตลาด
ข. การยอมรับความเสยี่ ง ง. แผนปฏบิ ตั ิการ
ค. การถ่ายโอนความเส่ียง
ง. การหลีกเลี่ยงความเส่ยี ง

34  เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

สรุปเนอื้ หารายวชิ าพฒั นาอาชพี ให้มีความเขม้ แข็ง อช21003

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธบิ ายความหมาย ความสำ� คัญและความจำ� เป็นของการพฒั นาอาชีพเพือ่ ความเข้มแข็งได้
2. กำ� หนดทศิ ทางและเปา้ หมายการตลาดของสินคาหรือบริการได้

ขอบเขตเน้อื หา

1. ศกั ยภาพธรุ กจิ
1.1 ความหมาย ความสำ� คญั และความจำ� เปน็ ในการพัฒนาอาชีพเพือ่ ความเขม แข็ง
1.2 ความจ�ำเป็นของการวิเคราะห์ศกั ยภาพธรุ กิจ
1.3 การวเิ คราะหต์ ำ� แหนง่ ธุรกิจ
1.4 การวิเคราะห์ศกั ยภาพธรุ กิจบนเสนทางของเวลาตามศักยภาพของแตล่ ะพืน้ ท่ี
2. การจดั ทำ� แผนพฒั นาการตลาด
2.1 ทิศทางและเป้าหมายการตลาดเพือ่ พฒั นาการตลาด
2.2 การกำ� หนดกลยุทธแ ละวเิ คราะหสเู่ ปา้ หมาย
2.3 วิเคราะหก ลยุทธ
2.4 ก�ำหนดกจิ กรรมและแผนการพัฒนาการตลาด

หน่วยที่1 ศักยภาพธรุ กจิ

อาชีพ คือ การหาเล้ียงชีพด้วยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งในอดีตอาชีพมีจ�ำกัด อาชีพหลัก ๆ ในสังคมยุคอดีตมาจาก
เกษตรกรรม การทำ� ไรท่ ำ� นา และมงี านอดเิ รกคอื การจกั สานเครอื่ งใช้ และงานเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผา การทำ� เครอื่ งเงนิ การทำ�
เครื่องทอง งานโลหะฝีมือ งานเคร่ืองใช้ชั้นสูง มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไม่นิยมเปิดเผยให้คนอื่นรู้ จึงไม่มีการท�ำเป็น
อาชพี ทแี่ พรห่ ลายมาก มเี พยี งชา่ งผชู้ ำ� นาญการพเิ ศษในการทำ� อาชพี ในยคุ อดตี จงึ ไมม่ ใี หค้ นในสงั คมยคุ นนั้ เลอื กทำ� อยา่ ง
ในยุคปจั จบุ นั ทีม่ ีความหลากหลายทางอาชพี จนแตกยอ่ ยเปน็ สายอาชพี ตา่ ง ๆ ท่มี ีความเฉพาะมากขน้ึ เช่น อาชีพนักบิน
อาชีพวิศวกร อาชีพนักบัญชี อาชีพทนายความ อาชพี ชา่ งแตง่ หนา้ อาชพี นักสำ� รวจ อาชพี ช่าง เปน็ ตน้
การพัฒนาอาชีพ หมายถึง การประกอบอาชีพที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าอยู่
ตลอดเวลาโดยมีสว่ นครองตลาดไดต้ ามความตอ้ งการของผ้ผู ลติ ซง่ึ แสดงถึงความมั่นคงในอาชพี
การพัฒนาอาชีพเพอ่ื ความเข้มแข็ง หมายถงึ การประกอบอาชีพทใี่ ชก้ ระบวนการพฒั นาสนิ คา้ ให้ตรงกับความ
ตอ้ งการของลกู คา้ อยตู่ ลอดเวลา และสามารถจดั การกบั ความหลากหลายทสี่ รา้ งสรรคอ์ ยา่ งมคึ ณุ ภาพและมคี วามสามารถ
ที่จะรักษาสง่ิ ท่พี ฒั นาไปแลว้ ให้คงอยูต่ ลอดไป
ศกั ยภาพ คือ ความสามารถในรา่ งกาย และถูกน�ำมาใชใ้ นการพฒั นาธุรกจิ หรอื ด�ำเนินการในสิ่งต่าง ๆ
การวเิ คราะหต์ ำ� แหนง่ ธรุ กจิ หมายถงึ การศกึ ษาขนั้ ตอนในการวเิ คราะหถ์ งึ ตำ� แหนง่ ในดา้ นการเปลย่ี นแปลงของ
ธรุ กิจตามชว่ งระยะเวลาและเปา้ หมายทกี่ ำ� หนดไว้
ศักยภาพของพ้ืนท่ี 5 ด้าน หมายถึง ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพื้นท่ี ศักยภาพของพ้ืนท่ีตาม
ลกั ษณะภมู อิ ากาศ ศกั ยภาพของภมู ปิ ระเทศและทำ� เลทตี่ งั้ ของแตล่ ะพนื้ ที่ ศกั ยภาพของศลิ ปะ วฒั นธรรม ประเพณี และ
วถิ ชี ีวติ ของแต่ละพนื้ ท่ี ศักยภาพของทรพั ยากรมนุษยใ์ นแต่ละพ้นื ท่ี ดงั ตอ่ ไปนี้ 1) ศกั ยภาพของทรพั ยากรธรรมชาติใน

เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา  35
ปีการศกึ ษา 2563

แตล่ ะพน้ื ที่ 2) ศักยภาพของพ้ืนที่ตามลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ 3) ศกั ยภาพของภมู ิประเทศและท�ำเลทตี่ ้งั ของแต่ละพน้ื ที่
4) ศักยภาพของศลิ ปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวถิ ีชวี ติ ของแตล่ ะพืน้ ที่ 5) ศักยภาพของทรพั ยากรมนษุ ยใ์ นแตล่ ะพนื้ ที่

หน่วยท่ี 2 การจดั ทำ� แผนการพฒั นาการตลาด

กจิ กรรมการพฒั นาการตลาด หมายถงึ การใชก้ จิ กรรมหรอื เหตกุ ารณพ์ เิ ศษ เปน็ สอื่ กลางในการสรา้ งความสนใจ
และโอกาสในการเห็นตราสนิ คา้ ตลอดจนการผกู ความสัมพันธ์ระหว่างตราสนิ คา้ กบั ผบู้ ริโภค
แผนพัฒนาการตลาด หมายถงึ การกำ� หนดแนวทางและทศิ ทางในการดำ� เนินงานทางการตลาดใหเ้ ปน็ ไปตาม
วัตถุประสงค์ และสัมพันธ์กับกลยุทธ์ทางการตลาดทก่ี �ำหนดไว้ โดยสามารถตรวจสอบและประเมนิ ผลกจิ กรรมทางการ
ตลาดไว้ล่วงหนา้ ได้
การวางแผนพัฒนาการตลาด คือ กระบวนการในการก�ำหนดเป้าหมายและวิธีการเพื่อการตลาด ปฏิบัติการ
ทางการตลาดใหบ้ รรลผุ ลสำ� เรจ็ ตามเปา้ หมาย และกอ่ ใหเ้ กดิ ผลตอบแทนอยา่ งคมุ้ คา่ โดยใชท้ รพั ยากรอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
การวางแผนพฒั นาการตลาด ท�ำไดห้ ลายวธิ ี เช่น การวางแผนเพ่อื เพิ่มยอดขาย เพือ่ ขยายสว่ นแบง่ ตลาด และเพอ่ื เพิ่ม
ผลกำ� ไร เป็นตน้

หน่วยท่ี 3 การจัดท�ำแผนพัฒนาการผลติ

การพัฒนาอาชีพให้มีความเข้มแข็ง จ�ำเป็นต้องจัดท�ำแผนพัฒนาการผลิตหรือการบริการ เพ่ือก�ำหนดคุณภาพ
ผลผลติ หรอื การบรกิ าร การวเิ คราะหท์ นุ ปจั จยั การผลติ หรอื การบรกิ าร การวเิ คราะหท์ นุ ปจั จยั การผลติ หรอื การบรกิ าร
การกำ� หนดเปา้ หมายการผลติ หรอื การบรกิ าร การกำ� หนดแผนกจิ กรรมการผลติ เพอ่ื พฒั นาระบบการผลติ หรอื การบรกิ าร
และนำ� ไปสกู่ ารปฏิบตั ิอย่างมคี ุณภาพต่อไป

หน่วยท่ี 4 การบริหารธรุ กจิ เชิงรุก

เม่ือธุรกจิ หน่งึ ไดเ้ จรญิ เติบโตไปไดร้ ะยะหนึ่ง กย็ อ่ มจะพัฒนาให้เตบิ โตก้าวหน้าขน้ึ ไปอกี ในอนาคต การวางเปา้
หมายและกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจเป็นส่ิงท่ีต้องก�ำหนดเพื่อให้ได้แนวทางการพัฒนาธุรกิจเชิงรุกตามที่ต้องการด้วย
สภาพแวดลอ้ มและปจั จยั ทางธรุ กจิ ตา่ ง ๆ จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งศกึ ษาการพฒั นาธรุ กจิ เชงิ รกุ เพอ่ื ใหเ้ กดิ คณุ คา่ และเพอื่ ใหส้ นิ คา้
หรือบรกิ ารเป็นทีต่ ้องการของผบู้ รโิ ภค จึงตอ้ งสรา้ งรูปลักษณ์คณุ ภาพสินคา้ ทแี่ ตกตา่ งจากคู่แขง่ ขัน นอกจากนน้ั ยังตอ้ ง
มกี ารพัฒนาอาชพี ให้มีความม่นั คง พออยู่ พอกินตอ่ ไป

หน่วยท่ี 5 โครงการพฒั นาอาชพี ใหม้ คี วามเขม้ แข็ง

การเขียนโครงการพัฒนาอาชีพให้มีอยู่มีกินน้ันเพื่อน�ำไปสู่การพัฒนาอาชีพให้มีผลิตภัณฑ์หรือการบริการเพ่ือ
สร้างรายได้พอเพียงต่อการดำ� รงชีวิตนั้น โดยต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง ดังนั้น ก่อนลงมือปฏิบัติจริงควรจะ
วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของแผนต่าง ๆ เพ่ือน�ำมาเขียนเป็นโครงการพัฒนาอาชีพ และตรวจสอบความเป็นไปได้ของ
โครงการ และปรับปรงุ แก้ไขโครงการพฒั นาอาชพี กจ็ ะเปน็ ผลดตี ่อผ้ปู ระกอบการในการประกอบอาชีพในอนาคต
หมายเหตุ : ใหน้ ักศึกษา ไดศ้ ึกษาเพิ่มเติมจากหนังสือแบบเรยี นรายวิชาพฒั นาอาชีพใหม้ ี
ความเข้มแข็ง อช21003

36  เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563

แบบทดสอบรายวิชาพัฒนาอาชีพใหม้ ีความเข้มแข็ง อช21003

จงเลือกค�ำตอบท่ถี ูกตอ้ งทส่ี ดุ เพียงค�ำตอบเดยี ว ขอ้ ท ่ี 6.ข้ันตอนแรกของการกำ� หนดขัน้ ตอนแผนการผลิต
คอื
ข้อท่ี 1. ขอ้ ใดถูกตอ้ งทส่ี ุดเกี่ยวกับลกั ษณะจุดอ่อนทาง ก. ประเมนิ ทางเลือก
ธรุ กิจ ข. การสำ� รวจตนเอง
ก. เปน็ งานทเ่ี ราทำ� ถนดั ถงึ แมจ้ ะขายสนิ คา้ ไดน้ อ้ ย ค. ก�ำหนดวตั ถุประสงค์
ข. มบี ุคลากรท่ีมคี วามเชยี่ วชาญ ง. ก�ำหนดแนวทางปฏิบัติ
ค. ต้องการรับความช่วยเหลอื จากคนอนื่ ขอ้ ท่ี 7. นิดา ส่งสินค้าให้ลูกคา้ ตามสัญญาและถกู ตอ้ งตรง
ง. มีสว่ นแบ่งการตลาด ไปตรงมา นดิ ามี
ขอ้ ท ่ี 2. สิ่งทีต่ ้องค�ำนงึ ในการก�ำหนดกจิ กรรมเพอื่ พฒั นา ก. มคี วามเข้าใจในการบริการ
ตลาด คอื ข. มคี วามเชี่ยวชาญในการส่งสนิ ค้า
ก. สนิ คา้ ราคา สถานท ่ี การสง่ เสรมิ การขาย ค. มคี วามไวว้ างใจ
ข. ตน้ ทนุ ลูกค้า คนขาย แรงงาน ง. มีการติดตอ่ สอ่ื สารกบั ลูกคา้ ที่ดี
ค. ต้นทนุ แรงงาน ก�ำไร ลกู ค้า ขอ้ ที ่ 8. ก่อนซือ้ สนิ คา้ อตุ สาหกรรม สิง่ ทีค่ วรพิจารณา
ง. สนิ ค้า กำ� ไร สถานท ่ี ต้นทุน คือ
ขอ้ ท่ี 3. การกำ� หนดคุณภาพการผลติ ขอ้ ใดถกู ตอ้ งทสี่ ดุ ก. ผขู้ ายมาบรกิ ารหลังการขายตามโอกาส
ก. แกว้ ขายเสอื้ มือสองในราคาถกู มาก ราคาสินคา้ ถกู
ข. ปานขายผกั ปลอดสารพษิ ให้กับกล่มุ แมบ่ า้ น ข. มกี ารโฆษณาดี ทว่ั ถึงประชาชนรจู้ ัก
ค. แมวขายลูกกวาดลดราคา ให้สาวโรงงาน ค. สนิ ค้ามือสองตำ� หนนิ ้อย ราคาเหมาะสม
และผูส้ งู อายุ ง. มกี ารรับรองมาตรฐาน มอก.
ง. คมิ ท�ำลกู ช้นิ หมูใส่แปง้ มากๆเพือ่ จะได้ ข้อท ี่ 9. ขอ้ ใดที่จดั ว่าเปน็ อตุ สาหกรรมภายในครอบครัว
ปริมาณเยอะขายราคาถกู ใหล้ กู คา้ ก. การจกั สาน
ข้อท ่ี 4. ข้อใดถูกตอ้ งท่สี ดุ ในการวิเคราะห์ทนุ ข. การถลงุ เหล็ก
ก. ศกั ดาสง่ั ซอ้ื ดอกไมร้ าคาแพงจากต่างประเทศ ค. การผลติ กระดาษ
ขายในหมบู่ า้ น ง. การทำ� เหมืองแร่
ข. วิชิต ใช้เทคโนโลยที ุกอยา่ งในการเกษตร ข้อที่ 10. อาชพี ใดท่จี ดั ว่าเปน็ อตุ สาหกรรมขนาดย่อม
เพ่อื จะได้เหมือนเพื่อนบ้าน ก. การทำ� เฟอรน์ ิเจอร์
ค. ดวงตาเช่าที่ดนิ ทำ� นา และจ้างแรงงานมากๆ ข. การประกอบรถยนต์
ราคาสงู ใหท้ นั การเก็บเกี่ยวเพอื่ จะได้ราคาดี ค. การท�ำเครอื่ งเรือน
ง. มะลขิ ายผลไม้ ผกั ทป่ี ลกู เองทหี่ มบู่ า้ น ทกุ เชา้ ง. อูซ่ อ่ มรถ
ขอ้ ท่ี 5. ปจั จัยทีส่ ง่ ผลให้ธุรกิจประสบความสำ� เร็จ คือ
ก. กลุ่มเป้าหมายชัดเจน
ข. มีสว่ นแบง่ ทางการตลาดลงตวั
ค. มีการคำ� นงึ ถงึ สภาวะแวดล้อม
ง. ถกู ทกุ ขอ้

เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา  37
ปีการศกึ ษา 2563

ขอ้ ที่ 11. สาเหตทุ สี่ �ำคัญของการใชท้ รพั ยากร ขอ้ ท่ี 16. ต�ำแหน่งทางธรุ กจิ แบง่ เป็นกีร่ ะยะ
หมดเปลือง คือขอ้ ใด ก. 2 ระยะ
ก. สง่ ขายต่างประเทศ ข. 3 ระยะ
ข. ขาดการผลติ หมุนเวยี น ค. 4 ระยะ
ค. มกี ารกกั ตุนไว้ใชส้ ว่ นตัว ง. 5 ระยะ
ง. การใชข้ าดประสทิ ธภิ าพ ขอ้ ท่ ี 17. ขอ้ ใดคือ ระยะสรา้ งตัวหรือทรงตวั ของธุ รุ กิจ
ข้อที่ 12. ขอ้ ใดถกู ตอ้ งทสี่ ุดเกีย่ วกบั อาชพี อิสระ ก. เปน็ ระยะฟักตัวเขา้ ส่อู าชพี
ก. การทำ� เลียนแบบคนอนื่ ข. ไม่มกี ารพฒั นาธรุ กจิ
ข. การท�ำตามคำ� สัง่ คนอ่ืน ค. ธุรกิจก้าวหนา้ มผี ู้คนเข้ามารเรียนรูเ้ กดิ สว่ น
ค. การท�ำตามความประสงค์ของตนเอง แบง่ การตลาด
ง. การท�ำตามความประสงคข์ องคนอ่นื ง. ธุรกจิ มีการพัฒนามผี ู้คนจบั ตามมองและ
ข้อท ่ี 13. ขอ้ ใดถูกต้องท่ีสุด พร้อมท�ำตาม
ก. การพฒั นาอาชีพ คอื การขายสนิ ค้าให้ได้ ขอ้ ท่ี 18. การประกอบธรุ กจิ ท�ำใหท้ ราบผลประกอบการ
ก�ำไร ก�ำไร ขาดทุนและทำ� ใหท้ ราบ พยากรณต์ �ำแหน่งธรุ กจิ วา่
ข. การพฒั นาอาชพี คอื การประกอบอาชีพใน อยู่ในชว่ งขาขึ้น-ขาลงเปน็ ความหมายของ
ชมุ ชนของตนเอง ก. การวเิ คราะหอ์ าชีพตนเอง
ค. การพฒั นาอาชพี การขายสินคา้ และบริการ ข. การวเิ คราะหศ์ ักยภาพธุรกจิ บนเสน้ ทางของ
ง. การพัฒนาอาชีพ คอื การประกอบอาชพี ทม่ี ี เวลา
การพัฒนาสนิ ค้า ผลิตสนิ ค้าตรงความต้องการของลูกคา้ ค. การวเิ คราะห์ตน้ ทนุ -ก�ำไรของสถานประกอบ
และมีความมัน่ คงในอาชีพ การ
ข้อท ี่ 14. ข้อใด คอื ความส�ำคญั /ความจ�ำเป็นของการ ง. การวิเคราะห์ตำ� แหนง่ ธุรกจิ
พฒั นาอาชพี ใหม้ ีความเขม้ แข้ง ขอ้ ท ่ี 19. ผใู้ ดกำ� หนดเป้าหมายและทิศทางการตลาดได้
ก. ทำ� ใหอ้ าชพี เจรญิ กา้ วหนา้ เขม้ แขง็ พงึ่ ตนเองได้ เหมาะสมท่สี ดุ
ข. ผปู้ ระกอบการไมล่ า้ สมัย ก. แดงขายไข่ทีต่ ลาดนัดทุกวันศุกร์
ค. สามารถดึงบุคคลากรทีม่ คี วามสามารถสูงเข้า ข. ดาววางแผนขายขนมเพม่ิ ข้นึ ใหไ้ ดก้ ำ� ไรเพม่ิ
มาทำ� งานได้มากขี้น 10 % และมขี นมใหม่ๆมาเสนอลูกค้าทุกครั้ง
ง. ถกู ทกุ ข้อ ค. นกตง้ั ราคาขายใหไ้ ด้กำ� ไรมากทส่ี ดุ
ขอ้ ท ี่ 15. การวเิ คราะหศ์ ักยภาพทางธุรกิจคอื ง. แก้วขายสินคา้ และสง่ ถงึ มอื ลกู ค้าตรงเวลา
ก. การร้จู ักตนเอง ค่แู ข่ง ข้อที่ 20. หลักการก�ำหนดเปา้ หมายการตลาด
ข. การวางกลยทุ ธ์ธรุ กิจ ก. เป็นไปได้
ค. มคี วามสามารถมองหาลทู่ างการลงทนุ ข. ชดั เจน
ง. ถกู ทุกขอ้ ค. ละเอยี ด เพียงพอ
ง. ถกู ทกุ ขอ้

38  เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

สรุปเน้อื หารายวชิ าเศรษฐกิจพอเพียง ทช21001

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1.อธบิ ายความเปน็ มา แนวคิด และหลักการปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้
2. การน�ำหลักความพอประมาณ มเี หตุผล และภูมิคุม้ กนั ไปใชใ้ นการประกอบอาชีพได้

ขอบเขตเน้ือหา

1. ความพอเพยี ง
2. การประกอบอาชพี อยา่ งพอเพียง

หนว่ ยท่ี 1 แนวคดิ หลักการ ความหมาย ความส�ำคญั

เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวคิดท่ยี ึดหลกั ทางสายกลาง คือ พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู ิคุ้มกนั ทีด่ ีในการด�ำรง
ชวี ิตและปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดบั ต้งั แต่ระดบั ครอบครวั ระดบั ชุมชน จนถึงระดบั รฐั เพือ่ การดำ� เนินชีวิตอยา่ ง
ชาญฉลาด และสามารถด�ำรงอยู่ได้ท่ามกลางสภาพการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงของโลกาภิวัตน์ท้ังน้ีจะต้องอาศัย
ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอยา่ งยิ่งในการนำ� วิชาการตา่ ง ๆ มาใช้ในการวางแผนและดำ� เนินการ
ทุกขั้นตอนและขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพ้ืนฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าท่ีของรัฐ นักวิชาการและ
นกั ธรุ กจิ ในทกุ ระดบั ใหส้ ำ� นกึ ในคณุ ธรรม ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ และใหม้ คี วามรอบรทู้ เ่ี หมาะสม ดำ� เนนิ ชวี ติ ดว้ ยความอดทน
ความเพยี ร มสี ตปิ ญั ญาและความรอบคอบเพอื่ ใหส้ มดลุ และพรอ้ มตอ่ การรองรบั การเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และกวา้ ง
ขวางทง้ั ด้านวัตถุ สังคม สง่ิ แวดลอ้ ม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกไดอ้ ย่างดี
ความสำ� คญั ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
เศรษฐกิจพอเพียงจะทำ� ใหเ้ กิดความพอเพยี งตงั้ แตร่ ะดบั บุคคล ครอบครวั หมู่บ้าน ต�ำบล อ�ำเภอ จงั หวดั และ
ประเทศ ซึ่งจะน�ำมาสู่ความเข้มแข็งและมีภูมิคุ้มกันทั้งด้านวัตถุนิยม บริโภคนิยม เม่ือคนเข้มแข็งก็จะเป็นจุดเริ่มต้นให้
สังคมเขม้ แข็งและขยายส่รู ากฐานอนั แขง็ แรงของประเทศตอ่ ไป
ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมหี ลักกการพจิ ารณาอยดู่ ว้ ยกัน 5 ส่วน ดงั นี้
1. กรอบแนวคดิ เปน็ ปรชั ญาท่ชี แี้ นะแนวทางการด�ำรงอยแู่ ละปฏบิ ัตติ นในทางที่ควรจะเป็น
2. คณุ ลกั ษณะ เศรษฐกจิ พอเพยี งสามารถน�ำมาประยุกตใ์ ชก้ บั การปฏิบตั ิตนได้ในทุกระดบั
3. ค�ำนยิ าม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คณุ ลักษณะ ดงั น้ี 1) ความพอประมาณ 2) ความมีเหตุผล
3) การมภี มู คิ ุ้มกนั ท่ีดีในตวั
4. เงื่อนไข การตัดสินใจและการด�ำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงน้ัน ต้องอาศัยทั้งความรู้ และ
คณุ ธรรม
5. แนวทางปฏบิ ัติ/ผลทค่ี าดว่าจะได้รบั จากการน�ำหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาประยกุ ตใ์ ช้ คอื การ
พัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปล่ียนแปลงในทุกด้าน ท้ังด้านเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม ความรู้ และ
เทคโนโลยี
การประกอบอาชพี ของแตล่ ะคนมที ง้ั เหมอื นและแตกตา่ งกนั ทง้ั ในลกั ษณะงานและรายได้ แตท่ กุ คนยอ่ มตอ้ งการ
มีรายได้ท่ีสามารถน�ำมาใช้ในการด�ำรงชีวิตของตนเองและครอบครัวได้อย่างสะดวกสบาย ดังนั้นจึงต้องมีการน�ำหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการประกอบอาชีพโดยมีแนวทางปฏิบัติที่ยึดหลักการพอประมาณ ความมี
เหตผุ ล การมีภูมคิ ุ้มกนั ทด่ี ีในตัวตามเงอ่ื นไขความรู้ และคุณธรรม ถ้าทกุ คนปฏิบัติอยา่ งจริงจงั จะส่งผลให้เปน็ ผู้ทท่ี �ำงาน

เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา  39
ปีการศกึ ษา 2563

อยา่ งมอื อาชพี และมสี ภาพความเปน็ อยทู่ ด่ี ขี นึ้ อยอู่ ยา่ งพออยู่ พอกนิ พอใช้ รวมถงึ ทำ� ใหค้ รอบครวั ชมุ ชนมคี วามเขม้ แขง็
ตลอดจนสร้างความสามัคคีทจี่ ะนำ� ไปส่กู ารพัฒนาชุมชน และประเทศชาติใหม้ คี วามเจรญิ กา้ วหนา้ และย่ังยนื ตลอดไป

หนว่ ยที่ 2 ประกอบอาชพี อยา่ งพอเพยี ง

การวางแผนประกอบอาชพี ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ การเตรยี มความพรอ้ มทางดา้ นการศกึ ษา
ในแขนงวชิ าทตี่ รงกบั อาชพี ทวี่ างแผนไว้ โดยมกี ารพจิ ารณาจากการรจู้ กั ตนเอง แลว้ ศกึ ษาหาความรเู้ กย่ี วกบั อาชพี ตา่ ง ๆ มา
เปน็ ขอ้ มลู ในการตดั สนิ ใจเลอื กอาชพี ทเี่ หมาะสมกบั ตวั เรามากทส่ี ดุ และในการหาความรเู้ พอ่ื นำ� มาเปน็ ขอ้ มลู ทง้ั ชว่ งการ
วางแผนหรือเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็มีการท�ำโครงงานท่ีเป็นกระบวนการศึกษาเรียนรู้เฉพาะเรื่องอย่างลึกซ้ึง และในการ
วางแผนเลือกอาชีพและการเลือกเรอื่ งโครงงานรวมถงึ ขัน้ ตอนการดำ� เนินงานควรกระทำ� โดยยึดหลัก 3 หว่ ง 2 เงอื่ นไข
(พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู คิ มุ้ กนั ทดี่ ใี นตวั ความรู้ คณุ ธรรม) เพอ่ื ใหม้ กี ารวางแผนอาชพี ของตนเองอยา่ งมคี ณุ ภาพเปน็
พื้นฐานที่ดีต่อการประกอบอาชีพในปัจจุบันและอนาคต และมีการท�ำโครงงานอย่างเป็นขั้นตอนและมีประสิทธิภาพ
ส่งผลให้ประสบความส�ำเรจ็ ได้ตามเป้าหมาย อีกทัง้ ยงั ส่งเสรมิ ให้ทุกคนประกอบอาชีพอย่างมคี วามสขุ และมน่ั คงอยา่ ง
ยั่งยนื อย่บู นความพอเพยี งตลอดไป

หนว่ ยที่ 3 สร้างเครือขา่ ยดำ� เนนิ ชวี ิตแบบพอเพยี ง

องคป์ ระกอบสำ� คญั ในการประกอบอาชพี และการดำ� เนนิ ชวี ติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งใหป้ ระสบ
ความสำ� เร็จไดน้ ้ันต้องมกี ารสรา้ งเครือขา่ ยท่หี ลากหลายรปู แบบ เช่น รปู แบบสหกรณ์ ฯลฯ เป็นการรวมกล่มุ เพ่อื ชว่ ยกัน
แกป้ ญั หาและพฒั นาสว่ นรวมใหเ้ จรญิ กา้ วหนา้ และทกุ องคก์ รหรอื หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ตอ้ งมกี ระบวนการขบั เคลอ่ื นปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยวิธีการที่หลากหลายอย่างจริงจัง เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องและท่ัวถึง มุ่งให้
ประเทศเขา้ สู่ “สังคมอยูร่ ่วมกนั อย่างมีความสขุ ดว้ ยความเสมอภาค เปน็ ธรรม และมีภมู คิ ุม้ กนั ตอ่ การเปลย่ี นแปลง”
หมายเหตุ : ให้นกั ศึกษา ได้ศึกษาเพิม่ เตมิ จากหนงั สือแบบเรยี นรายวิชาเศรษฐกิจพอเพยี ง ทช21001

40  เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563

แบบทดสอบ วิชาเศรษฐกิจพอเพียง (ทช21001)

จงเลือกคำ� ตอบท่ถี กู ต้องทส่ี ดุ เพยี งค�ำตอบเดียว 6.การน�ำแนวคดิ แบบเศรฐกิจพอเพยี งไปใช้ในการ
ประกอบอาชพี เกษตรกรรมมีการแบง่ พื้นทอ่ี ยา่ งไร
1.ขอ้ ใดถกู ตอ้ งตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ก. ตวั เลอื กท่ี 1 : 30:30:30:10
ก. นาย ก รูจ้ ักกินรจู้ ักใช้ จนอยู่ได้ไม่เดือดรอ้ น ข. ตวั เลอื กที่ 2 : 30:20:20:30
ข. นาย ข ขยนั ทำ� กนิ จนมเี งนิ ใชจ้ า่ ยไมเ่ ดอื ดรอ้ น ค. ตวั เลือกท่ี 3 : 30:20:30:20
ค. นาย ค ขยันท�ำมาหากนิ ร้จู กั เกบ็ ออม ใชจ้ ่าย ง. ตวั เลอื กท่ี 4 : 30:30:10:30
อยา่ งไมเ่ ดอื ดร้อน 7. การผลติ สนิ คา้ ตามแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ควรใช้
ง. นาย ง ขยนั ทำ� มาหากนิ รู้จกั เก็บออม จนมี เทคโนโลยใี นลกั ษณะใด
เงินใหก้ ู้ ก. ตวั เลอื กท่ี 1 : ใช้เทคโนโลยรี าคาแพงใน
2. การปฏิบัติตามหลกั ความพอเพียงควรเริ่มจากทีใ่ ด ตา่ งประเทศ
ก. ตนเอง ข. ตัวเลือกที่ 2 : ใช้เทคโนโลยที ที รี าคาถูก
ข. เพอ่ื น ค. ตวั เลอื กท่ี 3 : การใช้เทคโนโลยจี าก
ค. ครอบครวั ภมู ิปญั ญาท้องถนิ่
ง.ประเทศ ง. ตวั เลอื กท่ี 4 : การใช้เทคโนโลยีจากประเทศ
3. หลกั คิดในการน�ำหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ เพ่ือนบ้าน
ในการดำ� เนินชีวติ ยกเว้นข้อใด 8. อาชีพใดเกย่ี วขอ้ งกบั “ทฤษฎใี หม”่ มากทีส่ ุด
ก. ความมีเหตผุ ล ก. ข้าราชการ
ข. การมีภูมคิ มุ้ กนั ทดี่ ีในตัว ข. เกษตรกร
ค.ความขยนั หมน่ั เพียร ค. ค้าขาย
ง.ใชค้ ุณธรรมน�ำความรู้ ง. นักธุรกิจ
4. ข้อใดเป็นการปฏบิ ัติตนตามหลักปรชั ญาเศรษฐกจิ 9.หลกั ธรรมในข้อใดท่ีท�ำใหผ้ ปู้ ระพฤตปิ ฏบิ ัติมีจติ ส�ำนึก
พอเพยี ง และรับผิดชอบตอ่ หนา้ ที่
ก. รจู้ กั ประหยดั ก. อทิ ธบิ าท 4
ข. ยมื เงนิ เพอื่ นและผอ่ นใช้ทีหลัง ข. ทศิ 6
ค. อดอาหารกลางวันเพ่อื เกบ็ เงินใส่ออมสิน ค. สัปปริสธรรม 7
ง. ท�ำงานหลงั เลิกเรียนเพื่อเกบ็ เงินไว้ซ้ือสงิ่ ของที่ ง. สังคหวตั ถุ 4
อยากได้ 10.ขอ้ ใดไม่ใชแ่ นวทางปฏิบัติตนในเร่ืองจริยธรรมในการ
5. โครงการใดต่อไปน้ไี ม่ใชโ่ ครงการพัฒนาประเทศตาม ทำ� งาน
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ก. อิทธิบาท 4
ก. โครงการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ข. ทศิ 6
ข. โครงการอนรุ กั ษภ์ มู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ค. สปั ปรสิ ธรรม 7
ค. โครงการส่งเสริมสินคา้ OTOP ง. สงั คหวตั ถุ 4
ง. โครงการสง่ เสรมิ ประเพณี วฒั นธรรม

เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา  41
ปีการศึกษา 2563

11.การประชากรในประเทศไทยควรตอ้ งพัฒนาตนเองใน 17. การแกป้ ญั หาวกิ ฤตขิ องไทยตามแนวเศรษฐกจิ พอเพยี ง
เรอื่ งการประกอบอาชพี เกษตรกรรมในเรือ่ งใด ส่งเสริมใหป้ ระชาชนหันมาประกอบอาชีพใด
ก. การลดการใชส้ ารเคมี ก. รบั จ้าง
ข. การใชป้ ยุ๋ หมกั แทนปยุ๋ เคมี ข. การท�ำการเกษตร
ค. การนำ� หลกั พอเพยี งมาใช้ ค. การท�ำธรุ กิจสว่ นตัว
ง. การน�ำพันธข์ า้ วดๆี มาปลูก ง. ลกู จ้างบรษิ ทั เอกชน
12.ถา้ นักศึกษาตอ้ งการประกอบอาชพี เกษตรกร 18.การสรา้ งความพอเพยี งในการดำ� เนินชวี ติ ตามทฤษฎี
นกั ศกึ ษาต้องท�ำสิ่งใดในการประกอบอาชพี ใหมใ่ ครมีบทบาทมากท่ีสุด
ก. ตรวจสอบตลาดในประเทศ ก. ผู้น�ำทางศาสนา
ข. จัดทำ� แผนและโครงการการประกอบอาชพี ข. สถาบันการศึกษา
ค. ศึกษาคน้ คว้ากระบวนการจากแหลง่ เรยี น ค. ทุกคนในทอ้ งถิ่น
ง. ปฏิบัตติ ามบรรพบุรษุ ท่ปี ฏิบัตมิ า ง. ผู้น�ำท้องถิ่น
13.ขอ้ ใดไมใ่ ช่ คนทปี่ ระสบความส�ำเรจ็ ในการทำ� งานและ 19. แนวคดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมคี ุณค่าตอ่ การ
ในการเลอื กอาชีพ พัฒนาในระดบั บุคคลอยา่ งไรบา้ ง
ก. ความมนั่ คงในการท�ำงาน ก. เป็นแนวทางสง่ เสรมิ ใหเ้ กิดความมั่งคง่ั ใน
ข. การไดร้ ับค่าตอบแทน ทางการเงิน
ค. ไมเ่ ป็นทยี่ อมรบั ข. เป็นแนวทางทีช่ ่วยก�ำหนดหน้าท่ี และความ
ง. เปน็ ทยี่ อมรบั รับผดิ ชอบของตนเอง
14.สิ่งท่ไี ดจ้ ากการประเมินผลการทำ� งานคือขอ้ ใด ค. เป็นแนวทางในการแก้ไขปญั หาความทุกข์
ก. มีความรคู้ วามเข้าใจในการทำ� งาน ยากลำ� บาก
ข. จัดล�ำดับข้ันตอนการท�ำงานได้ถกู ตอ้ ง ง. เป็นแนวทางในการกำ� หนดแนวทางในการ
ค. ทราบสงิ่ ที่ควรแก้ไขในการทำ� งาน ดำ� รงชวี ติ แบบยดึ ทางสายกลาง
ง. เห็นภาพรวมของงานก่อนลงมือปฏบิ ตั ิ 20. ขอ้ ใดคือตวั อย่างการนำ� เศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ น
15.การใชเ้ หตผุ ลในการแก้ปัญหา มีความส�ำคญั อยา่ งมาก ภาคอุตสาหกรรม สินคา้ และบรกิ าร
ต่อการท�ำงาน ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. ผลิตสนิ คา้ ใหไ้ ด้ก�ำไรมากทีส่ ุด
ก. ส้ินเปลืองเวลาในการแกป้ ัญหา ข. เลือกใชต้ น้ ทนุ การผลติ ใหน้ อ้ ยท่สี ดุ
ข. ลดความเสี่ยงจากการตัดสนิ ใจทีผ่ ดิ ค. ไม่คา้ ก�ำไรเกนิ ควรจนผู้บริโภคเดือดร้อน
ค. ตดั สนิ ใจแก้ปัญหาได้อยา่ งถูกต้อง ถูกวิธี ง. รับซื้อแต่สินคา้ ทุนในราคาถูก
ง.สามารถตัดสินใจท�ำงานได้อย่างทันเวลา
16.จากสถานการณ์ตอ่ ไปน้ี บคุ คลใดใช้เหตุผลในการแก้
ปัญหาได้ถูกต้องทส่ี ุด
ก. หนอ่ ย เล่ียงท่จี ะกนิ ผกั เนือ่ งจากมรี สขม
ข. แดง ใช้ยาฆ่าแมลงฉดี หนอนทีก่ �ำลงั กนิ พชื ผัก
ค. ดำ� ตดั ต้นไม้ในบา้ นทิ้ง เพราะไม่ชอบสีของ
ดอกไม้
ง. นิด ใช้ความรู้จากวิชาออกแบบมาจัดสวนใน
บ้านทมี่ ขี นาดเล็ก

42  เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563

สรปุ เน้อื หารายวชิ าสขุ ศกึ ษา พลศึกษา ทช21002

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. ดา้ นความรู้ เพือ่ ใหน้ กั ศกึ ษารู้จกั โครงสรา้ งหน้าทีก่ ารท�ำงานของระบบอวยั วะส�ำคัญของร่างกาย 5 ระบบได้
อย่างถกู ต้อง
2. ด้านคุณลกั ษณะ เพื่อให้นักศกึ ษาปฏบิ ัตติ นในการดแู ลรักษาและการป้องกนั อาการผิดปกของระบบอวยั วะ
ส�ำคัญ 5 ระบบไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

ขอบเขตเน้ือหา

1. โครงสร้าง หน้าที่ การท�ำงานและการดแู ลรกั ษาระบบต่างๆทสี่ ำ� คัญของรา่ งกาย
2. พัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงตามวัยด้านรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา

หนว่ ยท่ี 1 พัฒนาการของร่างกาย

การดูแลรักษาระบบการท�ำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ถ้า
ระบบตา่ ง ๆ ภายในรา่ งกายทำ� งานอยา่ งปกติ สง่ ผลใหบ้ คุ คลมสี ขุ ภาพกาย และสขุ ภาพจติ ดี กจ็ ะทำ� ใหบ้ คุ คลมพี ฒั นาการ
ทางด้านรา่ งกาย พัฒนาการทางสังคม พฒั นาการทางด้านอารมณ์ และพฒั นาการทางสตปิ ัญญาดีและเหมาะสมด้วย

หน่วยที่ 2 การดูแลรักษาสขุ ภาพ

สขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ เปน็ สงิ่ สำ� คญั และจำ� เปน็ สำ� หรบั ทกุ ชวี ติ การทจ่ี ะดำ� รงชวี ติ อยอู่ ยา่ งปกตกิ ค็ อื การทำ� ให้
รา่ งกายแข็งแรง สมบูรณ์ จติ ใจมีความสขุ ความพอใจ ความสมหวังทัง้ ตนเองและผู้อน่ื ผูท้ ม่ี สี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิต
ทด่ี ี จะปฏบิ ตั หิ นา้ ทป่ี ระจำ� วนั ไมว่ า่ จะเปน็ การเรยี นหรอื การทำ� งานเปน็ ไปดว้ ยดี มปี ระสทิ ธภิ าพ การทเ่ี รารสู้ กึ วา่ ทงั้ สขุ ภาพ
กายและสขุ ภาพจติ ของเรามีความปกติและสมบูรณ์ดี เรากจ็ ะมคี วามสขุ ในทางตรงข้าม ถา้ สุขภาพกายและสขุ ภาพจิต
ของเราผิดปกติหรือไมส่ มบรู ณเ์ ราก็จะมีความทกุ ข์ การรูจ้ กั บ�ำรุงรักษา และสง่ เสริมสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตเปน็ สิ่งที่
จำ� เปน็ สำ� หรบั ชวี ติ ของทกุ คน ในปจั จบุ นั เปน็ ทย่ี อมรบั วา่ การรจู้ กั ดแู ลสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ นน้ั เปน็ สงิ่ สำ� คญั มากท่ี
จะชว่ ยให้ชวี ิตอยู่ได้ดว้ ยควาสมบรู ณแ์ ละมคี ณุ ภาพท่ีดี
การเข้าสู่วยั หนุม่ สาวมผี ลใหม้ กี ารเปลย่ี นแปลงทางเพศเกดิ ขึ้นท้งั เพศหญงิ และเพศชาย จงึ ตอ้ งร้จู กั การปรบั ตัว
และยอมรบั การเปลย่ี นแปลง รวมทงั้ ปฏบิ ตั ติ นใหถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม และรกั ษาสขุ ภาพอนามยั เพอื่ หลกี เลยี่ งปญั หาตา่ ง ๆ
ทางเพศ

หน่วยที่ 3 สารอาหาร

จากการเปลยี่ นแปลงของสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปจั จุบนั ส่งผลให้การด�ำรงชวี ิตประจ�ำวันเปล่ียนแปลงไป
ทำ� ใหร้ ูปแบบของการรับประทานอาหารเปลย่ี นแปลงไปดว้ ย เชน่ การนิยมรบั ประทานอาหารท่ีมีน้ำ� ตาล เกลือ โปรตนี
และไขมนั สงู ขน้ึ นอกจากนชี้ วี ติ ในการทำ� งานและความเปน็ อยกู่ ไ็ ดม้ กี ารนำ� เอาเครอื่ งทนุ่ แรงมาใชม้ ากขนึ้ ทำ� ใหเ้ กดิ ภาวะ
ทพุ โภชนาการ หรือการขาดสารอาหาร และภาวะโภชนาการเกนิ คอื บรโิ ภคสารอาหารเกินความต้องการของรา่ งกาย
การบรโิ ภคอาหารตามหลักโภชนาการ คอื การบรโิ ภคอาหารครบ 5 หมู่ ในปริมาณทร่ี ่างกายตอ้ งการ ตามเพศ
วยั และสภาพร่างกาย เพ่อื ให้รา่ งกายเจริญเติบโตและซ่อมแซมส่วนทสี่ ึกหรอ

เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา  43
ปีการศึกษา 2563


Click to View FlipBook Version