หนว่ ยที่ 4 โรคระบาด
โรคระบาด เป็นโรคทีม่ ลี กั ษณะของโรคตดิ ตอ่ ทแ่ี พรไ่ ปอยา่ งรวดเรว็ และกว้างขวางเปน็ คราว ๆ ไปโรคระบาด
อาจจะจ�ำกัดอยเู่ ฉพาะสถานทใ่ี ดสถานทห่ี นง่ึ หรอื อาจเกดิ ได้ท่วั ไป หรืออาจกระจายไปทวั่ โลก เนอื่ งจากการจัดจ�ำแนก
ว่าโรคใดเป็นโรคระบาดน้ันข้ึนกับว่าจ�ำนวนที่คาดหวังหรือจ�ำนวนท่ีคาดว่าปกตินั้นเป็นเท่าไร โรคที่เกิดกรณีขึ้นจ�ำนวน
นอ้ ยแตห่ ายากเชน่ พษิ สนุ ขั บา้ อาจจดั ใหเ้ ปน็ โรคระบาดได้ ในขณะทโ่ี รคทเ่ี กดิ หลายกรณหี รอื เปน็ โรคทวั่ ไป เชน่ โรคหวดั
น้ันไม่จัดเปน็ โรคระบาด
ควรรักษาร่างกายใหแ้ ข็งแรง เพือ่ ใหร้ า่ งกายมีภมู ติ า้ นทานโรคได้ดี โดยการรบั ประทานใหค้ รบถ้วน รวมท้ังผัก
และผลไม้ งดบหุ รแ่ี ละสรุ า นอนหลบั พกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอ ออกกำ� ลงั กายอยา่ งสมำ่� เสมอ และในชว่ งอากาศเยน็ ควรสวมเสอื้ ผา้
ใหร้ ่างกายอบอ่นุ หากมอี าการไมส่ บาย เช่น มไี ข้ ปวดศรี ษะ หนาวสนั่ เจ็บคอ ไอ เป็นต้น ตอ้ งรบี ไปพบแพทย์ทันที
หนว่ ยที่ 5 ยาแผนโบราณและสมนุ ไพร
ยา หมายถงึ สารหรือวัตถปุ รงุ แต่งท่นี �ำมาใชโ้ ดยมจี ดุ มุง่ หมาย 6 ประการ คอื บำ� บัดโรค รักษาโรคทัง้ ระยะสั้น
และระยะยาว บรรเทาอาการเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย ปอ้ งกนั โรค วนิ จิ ฉยั โรค และเสรมิ สรา้ งสขุ ภาพเพอื่ ความสมบรู ณข์ องรา่ งกาย
และจติ ใจไม่ใหเ้ กิดความทุกขท์ รมานตอ่ การด�ำรงชวี ติ ของมนษุ ยแ์ ละสตั ว์
ยาแผนโบราณ เป็นยาที่ปรุงขึ้นเพ่ือใช้ในการบรรเทา หรือ รักษาโรคตามแผนโบราณ ท่ีได้รับอนุญาตให้ข้ึน
ทะเบยี นตำ� รับยาเป็นยาแผนโบราณ
ยาสมนุ ไพร ตาม พระราชบัญญตั ิยา หมายถึง “ยาทไ่ี ด้จากพชื สัตว์ หรือแร่ ซง่ึ ยังไมไ่ ดผ้ สม ปรงุ หรอื เปลี่ยน
สภาพ” เชน่ พชื กย็ ังเป็นส่วนของ ราก ลำ� ต้น ใบ ดอก ผล ซึง่ ยงั ไม่ไดผ้ ่านข้ันตอนการแปรรูปใด ๆ
ยาแผนโบราณ และยาสมุนไพรมปี ระโยชน์ แต่ก็อาจเกิดผลขา้ งเคยี งทก่ี ่อใหเ้ กิดอนั ตรายตอ่ รา่ งกายได้ ดังน้ัน
จงึ ควรใช้ดว้ ยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามคำ� แนะนำ� ของแพทย์แผนโบราณอย่างเคร่งครดั
หน่วยท่ี 6 การป้องกนั สารเสพติด
ยาเสพติด หมายถงึ สารใดก็ตามที่เกิดขึน้ ตามธรรมชาติ หรอื สารทีส่ งั เคราะหข์ ้นึ เม่อื น�ำเขา้ สู่รา่ งกาย ไมว่ ่าจะ
โดยวธิ รี บั ประทาน ดม สูบ ฉดี หรอื ดว้ ยวธิ กี ารใด ๆ แล้วทำ� ให้เกดิ ผลต่อร่างกายและจติ ใจ นอกจากน้ียงั จะท�ำให้เกิดการ
เสพติดได้ หากใชส้ ารน้นั เป็นประจ�ำทุกวัน หรอื วันละหลาย ๆ คร้งั
ยาเสพตดิ ไมเ่ พยี งทำ� ลายสขุ ภาพของผเู้ สพเทา่ นนั้ แตย่ งั ทำ� ลายเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศชาตดิ ว้ ย ดงั นนั้
จงึ ตอ้ งหลกี เล่ียงและหาแนวทางการป้องกนั ตนเองและครอบครวั ใหห้ า่ งไกลจากยาเสพติด
บทที่ 7 อบุ ตั เิ หตุ อบุ ตั ภิ ยั
อบุ ตั เิ หตุ หมายถงึ เหตกุ ารณใ์ ด กต็ ามทเ่ี กดิ ขน้ึ มไิ ดต้ ง้ั ใจ หรอื มไิ ดค้ าดคดิ มากอ่ น และเปน็ ผลใหเ้ กดิ ความเสยี หาย
แกร่ า่ งกายหรือทรพั ย์สนิ
อบุ ตั ิภัย หมายถึง ภยั ท่ีเกดิ ขึน้ โดยมไิ ดค้ าดหมาย อาจจะเกิดขนึ้ เองตามธรรมชาติหรอื เกิดจากการกระทำ� ของ
มนษุ ย์ ท�ำใหผ้ เู้ กี่ยวข้องบาดเจบ็ หรือเกดิ ความเสยี หายแก่ชีวติ และทรพั ยส์ ิน
ภัยธรรมชาติ หมายถึง ภัยอันตรายต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติ และมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของ
มนุษย์
หมายเหตุ : ใหน้ ักศึกษา ไดศ้ กึ ษาเพ่ิมเตมิ จากหนังสือแบบเรียนรายวชิ าสุขศกึ ษา พลศกึ ษา
ทช21002
44 เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563
แบบทดสอบวิชาสุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ทช21002
จงเลอื กคำ� ตอบที่ถูกต้องท่สี ดุ เพียงคำ� ตอบเดียว 7.ข้อใดไม่ใช่การป้องกนั โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์
ก. ไมส่ วมเส้อื ผา้ รว่ มกับผู้อ่นื
1.ข้อใดเปน็ การป้องกนั โรคท่นี ักเรียนควรปฏบิ ตั ิ ข. รกั ษาความสะอาดของเส้ือผา้ เครื่องนงุ่ ห่ม
ก. ออกก�ำลงั กายเป็นประจ�ำ ค. รบั ประทานอาหารที่มปี ระโยชน์ต่อร่างกาย
ข. กนิ ยาปอ้ งกนั เมอื่ มโี รคระบาด ง. สวมถงุ ยางอนามัยเม่อื รว่ มประเวณีกบั หญิง
ค. นอนรวมกนั มากๆ ยุงจะได้ไมก่ ัด ขายบรกิ าร
ง. ทำ� งานหนกั มากๆ รา่ งกายจะไดแ้ ข็งแรง 8.โรคเบาหวาน เป็นโรคทเ่ี กิดจากความผดิ ปกติของ
2.วธิ กี ารใดสามารถปอ้ งกันโรคตดิ ตอ่ ได้ อวัยวะสว่ นใด
ก. พกั ผ่อนให้เพียงพอ ก. ไต ข. ตับ
ข. กนิ อาหารที่มีประโยชน์ ค. ม้าม ง. ตับอ่อน
ค. ออกก�ำลงั กายอย่างสมำ�่ เสมอ 9.การสง่ เสริมสุขภาพมคี วามส�ำคัญตอ่ การด�ำเนินชีวิต
ง. รักษาสุขภาพใหส้ มบรู ณ์แขง็ แรงอยเู่ สมอ ของนกั เรยี นอยา่ งไร
3.โรคติดตอ่ มักจะเป็นกบั บคุ คลใดไดง้ ่ายท่ีสุด ก. มกี ารดแู ลสขุ ภาพมากยงิ่ ขน้ึ
ก. คนเข้มแข็ง ข. มสี ขุ ภาพทดี่ ี ไมเ่ จ็บไขไ้ ดป้ ว่ ย
ข. คนออ่ นแอ ค. ไม่สามารถดแู ลสุขภาพของตัวเองได้
ค. คนออ่ นโยน ง. มีสุขภาพร่างกาย จติ ใจ สังคม และสติดี
ง. คนออ่ นหวาน 10.สถาบันใดทเ่ี ร่มิ ใหบ้ รกิ ารพยาบาลอนามยั ชุมชนเป็น
4.โรคเอดส์ เป็นโรคทเี่ กดิ จากเชือ้ โรคชนิดใด คร้งั แรกในประเทศไทย
ก. เช้ือรา ก. สภากาชาดไทย
ข. เชอ้ื ปรสติ ข. เทศบาลนครกรงุ เทพ
ค. เช้ือไวรสั ค. กระทรวงสาธารณสขุ
ง. เชอ้ื แบคทเี รยี ง. คณะแพทยศาสตรศ์ ริ ิราชพยาบาล
5.โรคมะเรง็ เกดิ จากสว่ นประกอบใดของรา่ งกายผิดปกติ 11.ข้อใดมีผลโดยตรงตอ่ สขุ ภาพทางด้านคณุ ค่าของการ
ก. เนอ้ื เยื่อ วางแผนดูแลสขุ ภาพในชุมชน
ข. นำ�้ เหลอื ง ก. ชว่ ยสร้างความเขม้ แข็ง และมัน่ คง
ค. เมด็ เลอื ด ข. ช่วยลดภาระและประหยัดทรพั ยากร
ง. กล้ามเนื้อ ค. ช่วยพยากรณ์อนาคตเกยี่ วกบั ภาวะสุขภาพ
6.ผูป้ ว่ ยความดันโลหิตสูงไมค่ วรปฏิบตั ติ ามขอ้ ใด ง. ชว่ ยลดภาวะการเจบ็ ปว่ ย พกิ าร และเสยี ชวี ติ
ก. สบู บหุ รี ่
ข. ออกก�ำลงั กายสมำ่� เสมอ
ค. ลดปรมิ าณไขมนั รวมในมอ้ื อาหาร
ง. ลดการรับประทานอาหารทเ่ี คม็ จดั
เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา 45
ปีการศึกษา 2563
12.ถ้านกั เรยี นตอ้ งการข้อมลู ดา้ นสุขภาพของชุมชน จะ 17.ขอ้ ใดอธิบายความหมายของค�ำว่า “สมรรถภาพทาง
เลอื กใชว้ ิธีการใด กาย” ได้ถกู ตอ้ งท่ีสุด
ก. สอบถามข้อมลู จากอาสาสมคั ร ก. ความพรอ้ มของร่างกายในการทำ� กิจกรรม
ข. จดั คลนิ กิ ตรวจโรคท่ัวไปรว่ มกับการใช้ ต่างๆ ทท่ี า้ ทาย
แบบสอบถาม ข.ความแขง็ แรงของร่างกายในการออกกำ� ลงั กาย
ค. ศกึ ษาสถติ ิการเจบ็ ปว่ ยของประชาชนและ อยา่ งหนัก
การใชบ้ รกิ ารสุขภาพ ค. ความสมบรู ณข์ องร่างกายในการทนต่อสภาพ
ง. ศกึ ษาอัตราการป่วยและการตายของ อากาศต่างๆ
ประชากรร่วมกับการใช้แบบสอบถาม ง. ความสามารถของระบบตา่ งๆ ในรา่ งกายใน
13.เพราะเหตุใด เม่อื เกดิ ปัญหาเก่ียวกบั สุขภาพในชมุ ชน การท�ำงานอยา่ งมีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ล
จึงตอ้ งมกี ารรวบรวมข้อมลู ของปญั หาก่อนทกุ ครง้ั 18.เพราะเหตุใด วัยรนุ่ จงึ ควรออกกำ� ลังกายเป็นประจ�ำ
ก. ขอ้ มลู ของปญั หาคือการช้ที างแกป้ ัญหา ก. เพราะช่วยกระตุน้ ให้รา่ งกายเจรญิ เตบิ โต
ข. สาเหตุของปัญหาคอื ตวั กำ� เนิดของปญั หา อย่างเต็มท่ี
ค. การแกป้ ญั หาโดยไม่รสู้ าเหตุจะท�ำให้มีปญั หา ข. เพราะวยั รนุ่ ตอ้ งการเปน็ ทยี่ อมรบั ในกลมุ่ เพอ่ื น
มากข้ึน ค. เพราะวยั รุ่นเป็นวัยท่ตี ้องการใช้กำ� ลัง
ง. การแกป้ ญั หาไดต้ รงประเดน็ ต้องใชส้ าเหตขุ อง ง. เพราะทำ� ใหร้ ่างกายแขง็ แรง
ปญั หานัน้ มาเป็นแนวทาง 19.ใครเป็นผูม้ สี ุขภาพดี
14.เป้าหมายและหลักการของการส่งเสริมสขุ ภาพใน ก. สมไมร่ ับประทานอาหารเยน็ เพราะเกรงว่า
ชุมชน คอื ข้อใด จะท�ำให้อ้วน
ก. การปอ้ งกันและควบคมุ ข. สายนิยมรบั ประทานขนมขบเคีย้ ว และไม่
ข. การฟนื้ ฟสู มรรถภาพของผูป้ ว่ ย ออกกำ� ลงั กาย
ค. การสง่ เสรมิ และการป้องกนั โรค ค. สวยชอบรบั ประทานอาหารรสจดั และออก
ง. การใช้การรักษาพยาบาลตามแผนการรักษา ก�ำลังกายเม่อื มเี วลา
15.เพราะเหตใุ ด ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู แบบสมั ภาษณ์ ง. สาวรบั ประทานอาหารที่มปี ระโยชน์ และออก
จงึ ให้รายละเอยี ดขอ้ มูลได้ตรงตามเปา้ หมาย กำ� ลงั กายเปน็ ประจำ�
ก. มกี ารทดสอบก่อนนำ� ไปใช้จรงิ 20.ข้อใดไม่ใชอ่ งคป์ ระกอบของสมรรถภาพทางกาย
ข. มีเน้ือหาท่ีตรงกับวัตถปุ ระสงค์ ก. ความคล่องตัว
ค. ภาษาท่ีใชม้ คี วามชดั เจน เข้าใจงา่ ย ข. ความอดทนในการใช้กำ� ลงั
ง. ไดร้ ับการตรวจสอบจากผ้เู ช่ียวชาญก่อนนำ� ไป ค. ความสมดุลหรือการทรงตัว
ใช้ ง. พลงั หรอื ก�ำลงั ของกลา้ มเนอื้
16.ถ้านักเรียนเป็นหัวหน้าฝา่ ยสง่ เสรมิ สุขภาพ จะจัดการ 21.ขอ้ ใดไมใ่ ชป่ ระโยชนข์ องการพฒั นาสมรรถภาพทางกาย
ฝกึ อบรมเจา้ หนา้ ทใี่ นฝา่ ย จะเรมิ่ ดำ� เนนิ งานขนั้ ตอนใดกอ่ น ก. ท�ำให้รูปร่างดี ผวิ พรรณเปลง่ ปลัง่
ก. ศกึ ษาหาความรู้และคน้ ควา้ ขอ้ มูล ข. ทำ� ให้ได้รบั การยอมรับจากคนรอบขา้ ง
ข. เขียนโครงการและขออนมุ ัตเิ งินสนบั สนุน ค. ทำ� ให้มีบคุ ลกิ ภาพดี สามารถเคลื่อนไหวได้
ค. ดำ� เนินการอบรมแก่เจา้ หน้าทใี่ นดา้ นวชิ าการ อยา่ งสง่างาม คล่องแคลว่
ง. รวบรวมข้อมลู และหาปญั หาความตอ้ งการใน ง. ทำ� ให้มีพลงั งานสำ� รองเพอ่ื ใชใ้ นการทำ�
การฝึกอบรม กจิ กรรมนันทนาการ หรือใชก้ รณีฉกุ เฉนิ
46 เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563
22.หากนักเรยี นตอ้ งการทดสอบความทนทานของการ 28.ขอ้ ใดเป็นอนั ตรายร้ายแรงท่ีสุดของการตดิ สารเสพติด
เตน้ ของหวั ใจ สามารถทดสอบไดโ้ ดยวธิ ีใด ก. พิการ ข. เสยี ชวี ิต
ก. วงิ่ ระยะไกล ค. สมองเสอ่ื ม ง. ถูกต�ำรวจจับ
ข. ว่ิงอ้อมหลกั 29.ขอ้ ใดเป็นสาเหตุของปัญหาความรนุ แรงในครอบครวั
ค. ดันพน้ื 30 วินาที ก. พอ่ แม่ไมส่ ่งั สอน
ง. นงั่ งอตัวไปขา้ งหน้า ข. พ่อแมม่ ลี กู คนเดียว
23.การพฒั นาตนเองเพอ่ื พฒั นาสมรรถภาพของตนเอง ค. พ่อแม่ทำ� งานนอกบ้าน
สามารถทำ� ได้โดยอาศยั หลักการใด ง. พอ่ แมม่ ีเวลาอย่กู บั ลกู
ก. ต้งั ตา ต้ังใจ ตัง้ ม่ัน 30.พฤตกิ รรมการรับประทานอาหารต่อไปนมี้ คี วามเสย่ี ง
ข. เข้าใจ เขา้ ถงึ พัฒนา ต่อสขุ ภาพ ยกเวน้ ขอ้ ใด
ค. ทบทวน ฝึกฝน พฒั นา ก. การรับประทานอาหารสุกๆ ดบิ ๆ
ง. เต็มใจ เตรยี มตน เตมิ เต็มความสามารถ ข. การรับประทานอาหารหมักดอง
24.เพราะเหตุใด จงึ ไม่ควรออกก�ำลงั กายทันทหี ลงั จากรบั ค. การรับประทานอาหารทีม่ สี ารพิษเจอื ปน
ประทานอาหาร ง. การรับประทานอาหารทมี่ ปี ระโยชนต์ อ่
ก. เพราะร่างกายเกิดการเมอื่ ยล้า รา่ งกาย
ข. เพราะอาจทำ� ใหเ้ กดิ อาการจุกเสียด 31.การจัดการกบั ความโกรธ สามารถทำ� ได้โดยวธิ ีใด
ค. เพราะจะท�ำใหเ้ กดิ ลมในกระเพาะอาหาร ก. ตำ� หนิตวั เอง
ง. เพราะจะทำ� ใหห้ น้ามืดและเป็นลมได้งา่ ย ข. มีความละอายทีร่ ูส้ กึ โกรธ
25.การแก้ไขพฤติกรรมการรบั ประทานอาหารทถี่ ูกต้อง ค. พิจารณาสาเหตุของปญั หา
ควรท�ำอย่างไร ง. แสดงออกด้วยอาการทกี่ า้ วร้าว
ก. ใหค้ วามรู้ท่ถี ูกต้อง 32.ส่ิงแวดลอ้ มท่ดี มี ีผลต่อสขุ ภาพอยา่ งไร
ข. แก้ไขค่านิยมทางสังคม ก. ซึมเศรา้ ข. ป่วยบ่อย
ค. เพิม่ บทลงโทษผู้ที่กระท�ำผดิ ค. รา่ งกายผอมซีด ง. แข็งแรงสมบูรณ์
ง. ควบคมุ การโฆษณาทีช่ วนเชื่อ 33.ข้อใดไมใ่ ชล่ กั ษณะของผ้ปู ว่ ยทหี่ ัวใจหยดุ ทำ� งาน
26.การหลกี เลย่ี งพฤติกรรมเสี่ยงในขอ้ ใดเหมาะสมทสี่ ดุ ก. ตวั ซดี และเขียว
ก. นัดเพ่ือนไปดื่มเหล้าในตึกรา้ ง ข. ฟังเสยี งหวั ใจไมไ่ ด้
ข. ไปไหนกบั เพอ่ื นๆ เปน็ กลมุ่ ใหญ่เสมอ ค. คล�ำชีพจรข้างๆ ลำ� คอได้
ค. ไปเทย่ี วในสถานทที่ มี่ คี นเยอะเพราะท�ำให้ ง. รมู ่านตาขยาย หรือมีอาการชัก
รู้สึกคกึ คัก 34.หากผูป้ ่วยหัวใจหยดุ เตน้ จะต้องไดร้ บั การชว่ ยเหลอื
ง. คบเพ่อื นท่มี คี วามประพฤตดิ แี ละอยใู่ นทำ� นอง ในเวลาเท่าใด
คลองธรรม ก. ภายในเวลา 5 นาที
27.เพราะเหตใุ ด ผทู้ ดี่ มื่ เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลจ์ งึ ไมค่ วรขบั รถ ข. หลงั จากหวั ใจหยดุ เต้น 5 นาที
ก. สติปัญญาเส่ือม ค. ไมค่ วรให้เกนิ 7 นาที หลงั หวั ใจหยุดเตน้
ข. จ�ำทางกลับบา้ นไมไ่ ด้ ง. ไม่ควรใหเ้ กนิ 10 นาที หลังหัวใจหยดุ เต้น
ค. มเี งนิ เหลอื ไม่พอจา่ ยคา่ นำ�้ มันรถ
ง. ความสามารถในการขบั ขี่ลดลง
เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา 47
ปีการศึกษา 2563
35.หลักการช่วยฟื้นคนื ชพี จะตอ้ งปฏบิ ตั ิสงิ่ ใดเปน็ อนั ดบั 38.การช่วยฟืน้ คืนชพี ในสถานการณใ์ ด ท่ตี ้องอาศยั การ
แรก ปลอบโยนเพอื่ ให้รสู้ ึกผ่อนคลาย
ก. นวดหวั ใจ ก. ผปู้ ่วยที่จมนำ�้
ข. การผายปอด ข. ผู้ปว่ ยทส่ี �ำลกั ควันไฟ
ค. การช่วยหายใจ ค. ผ้ปู ว่ ยท่ถี กู ไฟฟ้าชอ็ ต
ง. การเปดิ ทางเดนิ หายใจ ง. ผปู้ ว่ ยทีม่ อี าการหวั ใจวาย
36.การช่วยหายใจ แบบปากตอ่ จมกู (Mouth to Nose) 39.อาการเจ็บหนา้ อกอยา่ งแรง และปวดรา้ วแถบไหล่
เหมาะสำ� หรับผปู้ ว่ ยในขอ้ ใด ซ้ายเป็นอาการของคนป่วยใด
ก. ผู้ปว่ ยท่ีหายใจเองได ้ ก. ความดันโลหิตสงู
ข. ผู้ป่วยท่เี ปน็ ผสู้ ูงอายุ ข. เบาหวาน
ค. ผู้ปว่ ยทม่ี อี าการบาดเจบ็ นอ้ ย ค. หวั ใจวาย
ง. ผปู้ ว่ ยทมี่ อี าการบาดเจบ็ ในปาก หรอื ในเดก็ เลก็ ง. อัมพาต
37.เพราะเหตุใด จึงไม่ควรคล�ำชพี จรด้วยนิ้วหวั แม่มอื 40.หากเด็กเลก็ กลนื เศษวสั ดุ หรอื ของเล่นลงคอ จะช่วย
ก.เพราะเสน้ เลอื ดท่นี ว้ิ หวั แม่มอื เตน้ แรง อาจ ฟื้นคนื ชีพอย่างไร
ทำ� ให้สับสนกับชีพจรของตนเองได้ ก.จับเท้าเดก็ ทัง้ สองขา้ ง ห้อยศรี ษะลง แลว้ ตบหลงั
ข.เพราะนิ้วหัวแมม่ ือมีขนาดใหญ่ ไม่เหมาะใน เพอ่ื ให้สำ� ลักและไอออกมา
การจับชีพจรในส่วนท่แี คบๆ ข.ใช้มือลว้ งคอให้ลึกท่สี ุดเพ่อื หยิบเศษวสั ดุออกมา
ค.เพราะนวิ้ หัวแม่มือมีผิวสัมผัสท่หี ยาบ รบั ความ ค.ให้ยนื โกง่ คอเพอ่ื อาเจียนเศษวัสดุออกมา
ร้สู ึกได้น้อย ง.ใหต้ บหลงั เด็กแรงๆ 3 ครง้ั หากไม่หลดุ ออกให้ทำ� ให้
ง.เพราะเส้นเลือดท่นี ้วิ หัวแมม่ อื มนี ้อย รับความ อาเจียน
ร้สู กึ ไดช้ ้า
48 เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563
สรุปเน้ือหารายวชิ าศิลปศึกษา ทช21003
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายประวัติ ความเป็นมา ในการแสดงนาฏศิลปไ์ ทยในแต่ละภาคตา่ งๆ
2. บอกรูปแบบ องค์ประกอบ และวธิ ีการแสดงนาฏศิลป์ไทยประเภทตา่ งๆ
ขอบเขตเนือ้ หา
1. ประวัติ ความเป็นมา ในการแสดงนาฏศลิ ปไ์ ทยในแตล่ ะภาคตา่ งๆ
2. รปู แบบ องคป์ ระกอบ และวธิ ีการแสดงนาฏศิลป์ไทยประเภทต่างๆ
หนว่ ยที่ 1 ทัศนศลิ ปไ์ ทย
จดุ คอื องคป์ ระกอบทเ่ี ลก็ ทส่ี ดุ จดุ เปน็ สงิ่ ทส่ี ามารถบอกตำ� แหนง่ และทศิ ทางโดยการนำ� จดุ มาเรยี งตอ่ กนั ใหเ้ ปน็
เสน้ การรวมกันของจดุ จะเกดิ น้ำ� หนกั ที่ให้ปรมิ าตรแกร่ ปู ทรงเปน็ ต้น
เส้น หมายถงึ จดุ หลายๆจุดทเ่ี รยี งชดิ ติดกนั เป็นแนวยาวโดยการลากเส้นจากจดุ หนึง่ ไปยงั อกี จดุ หน่งึ ในทศิ ทาง
ทีแ่ ตกต่างกนั โดยจำ� แนกออกได้เป็นลักษณะใหญ่ ๆ คือ เส้นตั้ง เส้นนอน เส้นเฉยี ง เสน้ โค้ง เส้นหยกั เสน้ ซิกแซก
สี คอื สที น่ี �ำมาผสมกันแล้วทำ� ให้เกิดสีใหม่ ทม่ี ลี ักษณะแตกตา่ งไปจากสเี ดมิ แมส่ มี ีอยู่ 2 ชนิด คือ 1) แม่สขี อง
แสง 2) แม่สวี ตั ถุธาตุ
แสงและเงา หมายถึง แสงทสี่ ่องมากระทบพืน้ ผวิ ทม่ี สี ีอ่อนแกแ่ ละพื้นผวิ สูงต่�ำ โค้ง นนู เรยี บหรอื ขรุขระ ท�ำให้
ปรากฏแสงและเงาแตกต่างกัน
ศิลปะ หมายถึง ผลแห่งความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ท่ีแสดงออกมาในรูปลักษณ์ต่าง ๆ ให้ปรากฏซึ่งความ
สุนทรยี ภาพ ความประทบั ใจ หรือความสะเทอื นอารมณ์ ตามประสบการณ์ รสนิยม และทกั ษะของบุคคลแต่ละคน
ประเภทของงานทัศนศิลป์ไทย สามารถแบ่งออกเป็น4ประเภท คือ 1.จิตรกรรมไทย 2.ประติมากรรมไทย
3. สถาปัตยกรรมไทย 4. ภาพพมิ พ์
หน่วยที่ 2 ดนตรีไทย
ประวตั ดิ นตรไี ทย ดนตรไี ทยไดแ้ บบอยา่ งมาจากอินเดยี เน่ืองจากอินเดียเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณที่ส�ำคัญ
แห่งหนึง่ ของโลก อารยธรรมตา่ ง ๆ ของอนิ เดยี ได้เข้ามามอี ทิ ธพิ ลต่อประเทศตา่ ง ๆ ในแถบเอเชียอย่างมาก ท้งั ในด้าน
ศาสนา ประเพณคี วามเชอ่ื ตลอดจน ศลิ ปะแขนงตา่ ง ๆ โดยเฉพาะทางดา้ นดนตรี ปรากฏรปู ร่างลักษณะ เครือ่ งดนตรี
ของประเทศต่าง ๆ ในแถบเอเชยี เชน่ จีน เขมร พม่า อนิ โดนเี ซีย และมาเลเซีย มีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกัน เป็นส่วนมาก
ทงั้ น้เี นื่องมาจากประเทศเหล่าน้นั ตา่ งก็ยึดแบบฉบบั ดนตรขี องอนิ เดยี เปน็ บรรทดั ฐาน รวมท้งั ไทยเราด้วย ลกั ษณะของ
เคร่ืองดนตรไี ทย สามารถจำ� แนกเปน็ 4 ประเภท คอื 1) เครอื่ งดีด 2) เครอื่ งสี 3) เครือ่ งตี 4) เครอ่ื งเป่า
หน่วยท่ี 3 นาฏศลิ ปไ์ ทย
นาฏศลิ ป์ คือ ศิลปะการรอ้ งรำ� ทำ� เพลง ท่ีมนษุ ยเ์ ป็นผู้สร้างสรรค์ โดยประดิษฐข์ น้ึ อย่างประณีตและมแี บบแผน
ใหค้ วามรู้ ความบันเทงิ ซึ่งเป็นพ้ืนฐานสำ� คญั ที่แสดงใหเ้ ห็นถงึ วัฒนธรรมความรุ่งเรอื ง ของชาตไิ ด้เปน็ อยา่ งดี
นาฏศลิ ปไ์ ทย คอื ศลิ ปะแหง่ การรา่ ยรำ� ทเี่ ปน็ เอกลกั ษณข์ องไทย จากการสบื คน้ ประวตั คิ วามเปน็ มาของนาฏศลิ ป์
ไทย เปน็ เรอื่ งทเี่ กยี่ วขอ้ งและสมั พนั ธก์ บั ประวตั ศิ าสตรไ์ ทย และวฒั นธรรมไทย จากหลกั ฐานทยี่ นื ยนั วา่ นาฏศลิ ปม์ มี าชา้
นาน เช่น การสบื ค้นในหลักศลิ าจารกึ หลกั ท่ี 4 สมยั กรงุ สโุ ขทยั พบขอ้ ความว่า “ระบำ� รำ� เต้นเลน่ ทุกวนั ” แสดงให้เหน็
วา่ อยา่ งนอ้ ยทีส่ ดุ นาฏศิลปไ์ ทยมีอายไุ มน่ ้อยกวา่ ยุคสุโขทัยข้ึนไป
หมายเหตุ : ให้นกั ศึกษา ไดศ้ ึกษาเพิ่มเตมิ จากหนงั สือแบบเรยี นรายวิชาศิลปศกึ ษา ทช21003
เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา 49
ปีการศกึ ษา 2563
แบบทดสอบรายวชิ าศิลปศึกษา ทช 21003
จงเลือกค�ำตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดเพยี งคำ� ตอบเดียว
ขอ้ ที่ 1. ผลงานศิลปะในขอ้ ใดจัดอย่ใู นสาขาทศั นศิลป์ ขอ้ ท่ี 7. งานออกแบบท่รี ูปแบบสามารถสื่อความหมายให้
ท้งั หมด ผูพ้ บเห็นมคี วามเข้าใจตรงกนั โดยไม่จำ� เป็นต้องมีค�ำ
ก. จิตรกรรม ประติมากรรม วรรณกรรม บรรยายประกอบคืออะไร
ก. การออกแบบสิ่งพิมพ ์
ข. ภาพถ่าย สอื่ ประสม ประติมากรรม ข. การออกแบบสัญลกั ษณ์
ค. ภาพพิมพ์ นาฏศิลป์ จติ รกรรม
ง. การละคร ภาพพมิ พ ์ ภาพถา่ ย ค. การออกแบบเครอ่ื งแตง่ กาย
ขอ้ ท่ ี 2. จิตรกร(Artist)หมายถึง ผสู้ ร้างสรรค์ผลงาน ง. การออกแบบตกแต่งหน้าร้าน
ประเภทใด ข้อที่ 8. ข้อใดเปน็ สีตรงขา้ ม
ก. สมศรใี ส่เสือ้ สีแดง กระโปงสมี ว่ ง
ก. ประตมิ ากรรม ข. สมชายใสเ่ สือ้ สีเหลอื ง กางเกงสนี ้�ำเงนิ
ข. จิตรกรรม
ค. สถาปตั ยกรรม ค. สมหมายผูกเนคไทสีน�้ำเงนิ ใสเ่ สือ้ สสี ้ม
ง. สมรักสวมนวมสีดำ� ใส่เสือ้ กล้ามสีเหลอื ง
ง. วรรณกรรม
ขอ้ ที่ 3. ช่างปนั้ แกะสลกั และชา่ งหลอ่ หมายถงึ ขอ้ ท่ี 9. ข้อใดตอ่ ไปนี้ คือ งานประติมากรรม
บคุ คลในข้อใด ก. รูปปั้นพระบรมรูปทรงมา้
ก. จติ รกร ข. ประติมากร ข. รปู ป้นั หลวงปู่ทวดวัดช้างให้
ค. สถาปนิก ง. กรรมกร ค. พระประธานในอโุ บสถ
ข้อที ่ 4. ผู้ออกแบบกอ่ สรา้ งอาคารสถานท ี่ หมายถึง ง. รปู ป้นั นางเงือกริมหาดสมหิ ลา จ.สงขลา
บคุ คลในข้อใด ขอ้ ที่ 10. . สขี ้ันท2ี่ (Secondary Colour) คอื สีขอ้ ใด
ก. จิตรกร ข. ประตมิ ากร ก. ส้ม ชมพ ู เขียว
ค. สถาปนิก ง.มณั ฑนาการ ข. ชมพู ฟ้า ขาว
ข้อที่ 5. ข้อใดไม่ใช่งานศลิ ปะ ค. เขียว แดง เหลือง
ง. สม้ ม่วง เขียว
ก. ความสวยงามของน�้ำตก ขอ้ ที่ 11. . การออกแบบเครอื่ งแตง่ กาย จัดวา่ เป็นงาน
ข. การสร้างรูปเคารพ
ค. การเขยี นภาพเหมือน ออกแบบประเภทใด
ก. ออกแบบตกแตง่
ง. การออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ ข. ออกแบบผลิตภัณฑ์
ขอ้ ท ่ี 6. ศิลปหตั ถกรรมพ้ืนบ้านในขอ้ ใดจดั เปน็ งาน
จติ รกรรม ค. อออกแบพาณชิ ยศ์ ลิ ป์
ง. ออกแบบสัญลักษณส์ อื่ ความหมาย
ก. ลวดลายบนดา้ มกริช
ข. ลวดลายบนกระต่ายขูดมะพร้าว
ค. ลวดลายบนเรอื กอและ
ง. ลวดลายบนเทยี นพรรษา
50 เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563
ขอ้ ที ่ 12. คำ� กล่าวต่อไปนี้ ขอ้ ใดเปน็ จรงิ และเหมาะสม ขอ้ ที่ 17. ข้อใดกล่าวถกู ต้องทส่ี ดุ ?
ทส่ี ุด ก. ศิลปะ คือ ส่ิงที่สวยงามสดุ
ก. ผลงานของคนปัญญาอ่อน ไมจ่ ดั ว่าเป็นผล ข. ภาพถา่ ยของธรรมชาตทิ สี่ วยงาม
งานศิลปะ ค. ศลิ ปะ คือความงามทไ่ี ดจ้ ากธรรมชาตทิ ่ี
ข. ผลงานศลิ ปะจากคนปญั ญาออ่ น อาจมี สวยงาม
คุณคา่ มากกว่าผใู้ ด ง. ศลิ ปะ คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขนึ้ มาเพ่ือความพึง
ค. จินตนาการจากโลกมืด (คนตาบอด) เป็น พอใจ
จนิ ตนาการท่ีไม่สมบูรณ์ ขอ้ ท ่ี 18. ศลิ ปะไทย เปน็ ศลิ ปะท่ีจดั อยใู่ นประเภทใด
ง. ผลงานของศลิ ปนิ ทว่ี าดภาพดว้ ยเท้า มคี ณุ ค่า ก. ศิลปะแบบธรรมชาติ
มากกวา่ ศิลปินที่วาดภาพดว้ ยมอื ข. ศิลปะแบบนามธรรม
ขอ้ ที่ 13. การออกแบบส่ิงของเครือ่ งใช้ ในชีวติ ประจำ� วนั ค. ศิลปะแบบสมยั เกา่
หมายถงึ การออกแบบข้อใด ง. ศิลปะแบบอดุ มคติ
ก. การออกแบบพาณชิ ยศลิ ป์ ขอ้ ท่ี 19. บานประตแู กะสลกั ทงี่ ามทส่ี ดุ สมยั รตั นโกสนิ ทร์
ข. การออกแบบหุ่นจ�ำลอง อยู่ทใ่ี ด?
ค. การออกแบบผลติ ภัณฑ์ ก. วดั พระแกว้
ง. การออกแบบส่ิงพมิ พ์ ข.วดั บวรนิเวศ
ขอ้ ท ่ี 14. ภาพเขียนขนาดใหญ่ สว่ นมากเขยี นดว้ ยสีฝนุ่ ค. วดั สทุ ศั น์เทพวราราม
หรอื สเี ฟรสโก (Fresco) คอื ภาพอะไร ง. วัดพระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม
ก. ภาพผนัง ข้อท่ี 20. รปู ภาพมนุษย์ ในงานจติ รกรรมไทย มกี าร
ข.ภาพคนเตม็ ตวั ก�ำหนดสตี ามฐานะ และความส�ำคัญของรปู แบบให้แตก
ค. ภาพทิวทัศน ์ ตา่ งออกไป ผิวของคนทีม่ บี านะช้ันสงู ใช้สีในขอ้ ใด
ง. ภาพอาคารส่งิ ก่อสร้าง ก. สที อง
ขอ้ ที่ 15. รปู ป้ัน แกะสลกั และหลอ่ ทเ่ี ปน็ รปู เคารพ ข. สีขาว
ทางศาสนาโดยทัว่ ไปหมายถงึ พระพุทธรูป คอื ข้อใด ค. สขี าวนวล
ก. ประติมากรรม ง. สีน�้ำตาลอ่อน
ข. ปฏมิ ากรรม ขอ้ ที่ 21. ศลิ ปะหมายถงึ ฝมี อื การชา่ ง การแสดงใหป้ รากฏ
ค. ปฏมิ ากร ขึน้ อยา่ งงดงามนา่ พึงชม และเกิดความสะเทือนใจ ผู้ให้
ง. ประติมากรรม และปฏิมากรรม ความหมายคือใคร
ขอ้ ท ่ี 16. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ลกั ษณะของผ้ทู ีม่ คี วามคดิ ก. อาริสโตเตลิ
สรา้ งสรรคส์ ูง ข. ดอลสตอย
ก. มอี สิ ระทางความคิด ค. ศาสตราจารย์ศลิ ปะ พรี ะศร ี
ข. มีความไวตอ่ การรับร ู้ ง. พจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ สถานฯ
ค. เป็นคนใจกวา้ งมองโลกในแง่ด ี ขอ้ ที ่ 22. เคร่ืองดนตรใี นขอ้ ใดที่ไม่นำ� มาบรรเลงในวง
ง. มคี วามสามารถในการวิเคราะห์ปญั หาเฉพาะ โยธวาทิต
เรื่องท่สี รา้ งสรรค์ ก. ทรัมเป็ท ข. เปยี โน
ข. ออรแ์ กน ง. เชซโล
เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา 51
ปีการศกึ ษา 2563
ขอ้ ท่ี 23. วงดนตรปี ระเภทสตริง สมยั นยิ มในปัจจุบนั มี ข้อท่ี 27. ข้อใดทไี่ มใ่ ช่เพลงทบ่ี รรเลงโดยวงออรเ์ คสตรา้
เคร่ืองดนตรหี ลกั ในวง คือเครอ่ื งดนตรปี ระเภทใด ก. ซิมโฟนี่
ก. แอคคอร์เดยี น ออรแ์ กน ข. คอนเซอร์โต
ข. เปยี โน ไวโอลิน ค. เพลงเบ็ดเตลด็
ค. ทรอมโบน แซกโซโฟน ทูบา ง. โชนาตา
ง. กตี า้ ร์ไฟฟ้า เบส กลอง ข้อท ี่ 28. ข้อใดไม่ใชเ่ ครอื่ งดนตรสี ากลประเภทสาย
ข้อท ่ี 24. วงดนตรีลกู ทงุ่ ไมน่ ิยมนำ� เครื่องดนตรีชนิดใด ก. กีตาร์
มาบรรเลงในวง ข. ไวโอลนิ
ก. ทรมั เป็ท ค. ฟลตู
ข. กตี าร์ ง. แบนโจ
ค. แซกโซโฟน ข้อที่ 29. ขอ้ ใดไม่ใช่ประเภทของเคร่ืองดนตรสี ากล
ง. เชลโล ก. ดดี ข. เคาะ
ขอ้ ท่ี 25. เครือ่ งดนตรีชนิดใดเมอ่ื เล่นเสรจ็ แล้วควรลด ค. ต ี ง. เป่า
สายให้หย่อนลง ข้อที ่ 30. ขอ้ ใดไมใ่ ชค่ ุณประโยชนข์ องเคร่ืองดนตรที ่ีมตี อ่
ก. ไวโอลิน มนษุ ย์
ข. ทรอมโบน ก. เปน็ เครอื่ งบ�ำบดั ความเครียด
ค. ทรัมเปท ข. สร้างสมาธิ
ง. กลองใหญ่ ค. กล่อมเกลาจิตใจให้สขุ ุม
ง. เกดิ ความวิตกกังวล หวาดกลัว
52 เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563
สรปุ เนือ้ หารายวชิ าสงั คมศึกษา สค21001
จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. มีความรแู้ ละเขา้ ใจประวตั ศิ าสตร์ทวีปเอเชีย และสามารถ วพิ ากษ์วจิ ารณ์เรอื่ งตา่ ง ๆ ได้
2. บอกเหตกุ ารณส์ ำ� คัญทางประวัตศิ าสตร์ที่เกดิ ขนึ้ ในประเทศไทยและประเทศในทวีปเอเชียได้
ขอบเขตเนอื้ หา
ศกึ ษาเร่อื งประวัติศาสตร์ทวีปเอเชยี ยุคล่าอาณานคิ ม และยุคสงครามเย็น
หน่วยที่ 1 ภูมศิ าสตรก์ ายภาพทวปี เอเชยี
ทวีปเอเชียเป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีพ้ืนท่ีประมาณ 44,648,953 ล้านตารางกิโลเมตร มีดินแดนที่
ต่อเนื่องกับทวีปยุโรปและทวีปแอฟริกา แผ่นดินของทวีปยุโรปกับทวีปเอเชีย ท่ีต่อเนื่องกันเรียกรวมว่า ยูเรเชีย พื้นท่ี
สว่ นใหญอ่ ยเู่ หนอื เสน้ ศนู ยส์ ตู รมที ำ� เลทตี่ งั้ ตามพกิ ดั ภมู ศิ าสตร์ คอื จากละตจิ ดู 11 องศาใต้ ถงึ ละตจิ ดู 77 องศา 41 ลปิ ดาเหนอื
ลักษณะภูมิประเทศ แบ่งออกเป็นเขตต่างๆ 5 เขต ดังนี้ 1. เขตท่ีราบต่�ำตอนเหนือ 2. เขตที่ราบลุ่มแม่น�้ำ
3. เขตเทือกเขาสงู 4. เขตทีร่ าบสูงตอนกลางทวปี 5. เขตทรี่ าบสูงตอนใตแ้ ละตะวันออกเฉียงเหนือ
สภาพภมู ิอากาศ ในทวีปเอเชยี แบง่ ได้ดังน้ี 1. ภมู อิ ากาศแบบปา่ ดบิ ชนื้ 2. ภมู ิอากาศแบบมรสมุ เขตรอ้ น หรอื
รอ้ นชืน้ แถบมรสุม 3. ภมู อิ ากาศแบบทงุ่ หญา้ เมืองรอ้ น 4. ภูมิอากาศแบบมรสมุ เขตอบอนุ่ 5. ภูมอิ ากาศแบบอบอุน่ ภาค
พ้นื ทวีป 6. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญา้ กึง่ ทะเลทรายแถบอบอ่นุ
การแบ่งภูมภิ าค แบง่ ออกเป็น เอเชยี เหนอื เอเชียกลาง เอเชยี ตะวันออก เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ เอเชยี ใต้ และ
เอเชียตะวันตกเฉียงใต้
หนว่ ยที่ 2 ประวัติศาสตร์ทวปี เอเชยี
ประวตั ศิ าสตรข์ องประเทศในทวปี เอเชยี ไดแ้ ก่ ประวตั ศิ าสตรป์ ระเทศจนี อนิ เดยี ลาว พมา่ อนิ โดนเี ซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์
และ ญี่ปนุ่ โดยแบง่ ยคุ ออกเป็น ยุคลา่ อาณานคิ ม และยคุ สงครามเยน็ โดยยคุ ล่าอาณานคิ ม เกิดขึน้ จากประเทศทางโลก
ตะวันตก ได้แก่ อังกฤษ ฝร่งั เศส โปรตุเกส ฮอลนั ดา ยคุ สงครามเย็น หรือ สงครามเยน็ (Cold war) เปน็ สงครามทเ่ี กิด
จากการปะทะกนั ระหว่างสหรัฐอเมริกา และ สหภาพโซเวียต (คอมมิวนสิ ต์)
หนว่ ยท่ี 3 เศรษฐศาสตร์
ความหมายของเศรษฐศาสตร์ เป็นศาสตร์หรือสาขาความรู้ที่ว่าด้วยการจัดสรรทรัพยากรที่มีจ�ำกัดอย่างมี
ประสิทธภิ าพ เพอื่ ประโยชนส์ ูงสดุ ของสงั คม เศรษฐศาสตร์ เปน็ ศาสตร์ทมี่ ีพลวตั และการพัฒนาเสมอ และท่ีสำ� คญั นกั
เศรษฐศาสตรต์ อ้ งใฝร่ ู้ ใชส้ ตปิ ญั ญาเสมอ การจดั สรรทรพั ยากรเพอื่ ใหส้ งั คมเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ ขอบขา่ ยของเศรษฐศาสตร์
แบง่ เป็น 2 ด้านใหญ่ ๆ คือ 1. เศรษฐศาสตร์มหภาค เป็นการศึกษาถึงหนว่ ยเศรษฐกจิ เป็นสว่ นรวม เชน่ การผลติ รายได้
การบรโิ ภค การออม การลงทนุ การธนาคาร รายไดป้ ระชาชาติ การคา้ ระหวา่ งประเทศ เปน็ ตน้ 2. เศรษฐศาสตรจ์ ลุ ภาค
ระบบเศรษฐกิจ คือ กลุ่มหน่วยธุรกิจท่ีรวมตัวกันด�ำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยอยู่ภายใต้รูปแบบของการ
ปกครอง จารตี ประเพณี สงั คม และวฒั นธรรมของแตล่ ะประเทศเพอ่ื กำ� หนดวา่ จะผลติ อะไร ปรมิ าณมากนอ้ ยเทา่ ใด และ
ใช้วิธกี ารผลิตอย่างไร เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการของหน่วยครวั เรือน
เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา 53
ปีการศึกษา 2563
หนว่ ยท่ี 4 การเมอื งการปกครอง
การปกครองในระบอบประชาธิปไตย หมายถึง การปกครองท่ีประชาชนมีอ�ำนาจสูงสุดหรือแบ่งการปกครอง
ของประชาชนโดยประชาชนและเพ่ือประชาชน รูปแบบของการปกครอง ประกอบด้วย 1.อ�ำนาจนิติบัญญัติ
2.อำ� นาจบรหิ าร 3. อ�ำนาจตลุ การ
รฐั ธรรมนูญของไทย รฐั ธรรมนูญ หมายถึง กฎหมายสงู สดุ ในการปกครองประเทศท่อี อกโดยฝ่ายนติ ิบัญญตั ิ คือ
รัฐสภา ซึง่ มีบทบัญญัติกำ� หนดหลกั การสำ� คญั ต่างๆ
ความส�ำคัญของรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักท่ีส�ำคัญท่ีสุด มีรูปแบบการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยที่เรียกวา่ อ�ำนาจอธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ์เป็นประมขุ ปกครองในระบบรัฐสภา
ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษัตริย์เป็นประมุข มรี ัฐธรรมนูญเปน็ กฎหมาย
สงู สดุ ของประเทศ
หมายเหตุ : ให้นกั ศึกษา ไดศ้ กึ ษาเพิ่มเติมจากหนังสือแบบเรียนรายวชิ าสงั คมศกึ ษา สค21001
54 เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563
แบบทดสอบรายวชิ าสังคมศกึ ษา สค21001
จงเลอื กคําตอบขอ้ ท่ีถูกต้องท่ีสดุ เพยี งข้อเดยี ว 6. ขอใดคอื อาํ นาจของรัฐสภา
ก. ศาล
1.การปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาเปดโอ ข. บริหาร
กาสใหฝ า ยบรหิ ารควบคุม ฝา ยนิติบญั ญตั ิไดดวยวธิ ใี ด ค. ตลุ าการ
ก. ยุบรัฐสภา ง. นติ บิ ัญญัติ
ข. ลงมตไิ มไววางใจ 7. การปกครองแบบรัฐสภา ผูทดี่ ํารงตําแหนง หวั หนา
ค. ยุบสภาผแู ทนราษฎร รฐั บาลคือใคร
ง. แตงตั้งวฒุ ิสมาชิกใหม ก. องคมนตรี
2. บทบาทและหนา ท่ีของรัฐสภาคอื ขอ ใด ข. นายกรฐั มนตรี
ก. ออกกฎหมายควบคุมรัฐบาลและประชาชน ค. ประธานวฒุ สิ ภา
ข. ยบั ยั้งกฎหมายและอภปิ รายลงมตไิ มไ ววางใจ ง. ประธานรัฐสภา
ค. ถวายคาํ แนะนําแกพ ระมหากษตั ริยในการ 8. ผูทีม่ หี นาท่ใี ชอ าํ นาจในการบรหิ ารคอื ใคร
ตรากฎหมายฉบับตา ง ๆ ก. นายกรัฐมนตรี
ง. ออกกฎหมายและควบคมุ การบรหิ ารราช ข. คณะรัฐมนตรี
การแผนดินของราชการ ค. ประธานวุฒสิ ภา
3. คาํ วา “อํานาจอธิปไตย” ตามที่บัญญตั ิไวใ นกฎหมาย ง. ประธานรัฐสภา
รฐั ธรรมนูญหมายความวา อยางไร 9. ผูทม่ี ีหนาที่ตราพระราชบัญญตั คิ อื ใคร
ก. อาํ นาจสูงสดุ ของรัฐสภาในการรา งกฎหมาย ก. คณะรัฐมนตรี
ข. อาํ นาจสงู สดุ ของประชาชนในการบรหิ าร ข. นายกรัฐมนตรี
ประเทศ ค. สภาผแู ทนราษฎร
ค. อํานาจสูงสดุ ของฝา ยบรหิ ารในการปกครอง ง. พระมหากษัตริย
ประเทศ 10. การปกครองระบอบประชาธิปไตยผูท่มี อี าํ นาจสูงสุด
ง. อํานาจสงู สดุ ของคณะรฐั มนตรใี นการบริหาร คอื ใคร
ประเทศ ก. พระมหากษตั รยิ
4. หัวใจสําคัญของระบบการปกครองแบบประชาธปิ ไตย ข. นายกรัฐมนตรี
คือขอ ใด ค. ผบู ญั ชาการเหลา ทัพ
ก. ประชาชน ข. การเลอื กตั้ง ง. ประชาชนชาวไทย
ค. รัฐธรรมนญู ง. พรรคการเมอื ง
5. การจดั ระเบียบสังคมเกีย่ วขอ งกบั สถาบันใดมากทีส่ ุด
ก. สถาบนั ศาสนา
ข. สถาบนั การศกึ ษา
ค. สถาบนั ครอบครัว
ง. สถาบันการปกครอง
เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา 55
ปีการศกึ ษา 2563
11. วัฒนธรรมในการทํางานแบบใดทจ่ี ะสง เสริมใหม ี 16. กฎหมายจราจรทางบกไดเพิ่มโทษสูงแกผฝู าฝน ใน
ความเจริญกาวหนา ของการปกครองในระบอบ ลักษณะใด
ประชาธปิ ไตยเพิม่ มากข้นึ ก. เมาสุรา
ก. การทาํ งานคนเดยี ว ข. ขับรถฝาไฟแดง
ข. การทาํ งานเปนทมี ค. ขบั รถโดยประมาท
ค. การทํางานตามทตี่ นถนัด ง. ขบั รถโดยไมมใี บอนญุ าตขับข่ี
ง. การทํางานกับคนที่ชอบพอกนั 17. สทิ ธเิ สรีภาพถูกควบคุมโดยขอ ใด
12. รัฐธรรมนญู จะประกอบไปดวยสวนตาง ๆ หลายสว น ก. รฐั บาล
สว นใดทมี่ ีผลโดยตรงตออํานาจอธปิ ไตยของ ประชาชน ข. จริยธรรม
ก. หมวดทว่ั ไป ค. กฎหมาย
ข. หมวดหนา ท่ีของปวงชน ง. เจาหนาทต่ี ํารวจ
ค. หมวดแนวนโยบายพ้ืนฐานแหงรัฐ 18. ใครคอื บุคคลไดร บั ความคุมครองสิทธิและเสรีภาพ
ง. หมวดสิทธแิ ละเสรภี าพของประชาชนชาวไทย จากรัฐ
13. สทิ ธขิ องปวงชนตามกฎหมายรฐั ธรรมนญู ใน ก. ประชาชน
การมสี ว นรวมทางการเมืองระดบั ทองถ่ินคอื ขอ ใด ข. ขา ราชการ
ก. การเลอื กตง้ั สมชั ชาแหง ชาติ ค. เด็กและคนชรา
ข. การเลือกต้ังสมาชกิ วุฒสิ ภา ง. ถูกทกุ ขอ
ค. การเลือกตั้งสมาชกิ สภาผแู ทนราษฎร 19. ตามรฐั ธรรมนญู ประชาชนไมม ีสิทธใิ นดานใด
ง. การเลอื กตง้ั ผูวา ราชการกรุงเทพมหานคร ก. การนับถือศาสนา
14. สิทธเิ สมอภาคทางกฎหมาย หมายถึงอะไร ข. การวา รายผูอ น่ื
ก. ประชาชนทกุ คนมสี ทิ ธอิ์ อกกฎหมายเหมอื นกนั ค. การประกอบอาชีพ
ข. ประชาชนทุกคนมสี ิทธ์ริ บั รกู ฎหมายโดยเทา ง. การเลอื กทอี่ ยอู าศยั
เทยี มกัน 20. ตามรัฐธรรมนูญของไทยสิทธิในดา นใดของมนษุ ยจ ะ
ค. ประชาชนทุกคนมีสิทธไิ์ ดรบั สวัสดิการจากรัฐ ไดร บั การปกปอ งเปน พเิ ศษ
โดยเทา เทียมกัน ก. สิทธิสว นบุคคล
ง. ประชาชนทุกคนมีสิทธไ์ิ ดร บั การคมุ ครองตาม ข. การเมืองการปกครอง
กฎหมายโดยเทา เทียมกัน ค. สทิ ธิดา นการพูดในท่ีสาธารณะ
15. เพราะเหตใุ ดจงึ ตองมกี ารจํากัดสทิ ธขิ อง ง. สิทธดิ า นการถือครองทรัพยสนิ
ประชาชนใหอยภู ายใตก ฎหมาย
ก. เพ่ือรักษาความมัน่ คงของชาติ
ข. เพื่อรกั ษาความสงบสขุ ของบา นเมือง
ค. เพ่อื ปอ งกันไมใ หเ กดิ การละเมิดสิทธิซ่งึ กัน
และกนั
ง. ถูกทุกขอ
56 เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563
สรุปเน้อื หารายวชิ าศาสนาและหนา้ ทพ่ี ลเมือง สค21002
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. มคี วามรู้และเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความเปน็ มาและหลักธรรมของศาสนาในประเทศไทย
2. มคี วามรูเ้ ก่ียวกับวัฒนธรรมประเพณแี ละการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมประเพณีไทย
ขอบเขตเนื้อหา
ศกึ ษาและฝึกทกั ษะเกี่ยวกับเรอื่ งตอ่ ไปนี้
1. ความเป็นมาและหลกั ธรรมของศาสนา
2. วัฒนธรรม ประเพณแี ละการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมประเพณไี ทย
หนว่ ยท่ี 1 ศาสนาในประเทศไทยและในเอเชยี
ความเป็นมาของศาสนาในประเทศไทย ศาสนาในประเทศไทยที่รัฐบาลให้การอุปถัมภ์ดูแลมีทั้งสิ้น 5 ศาสนา
ไดแ้ ก่ ศาสนาพทุ ธ ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาฮนิ ดู และศาสนาซกิ ซ์ โดยประเทศไทยมศี าสนาพทุ ธ เปน็ ศาสนาประจำ� ชาตแิ ละ
มีผู้นับถือมากท่ีสุด โดยพระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาในประเทศไทย ประมาณปี พ.ศ.270 หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จ
ปรนิ พิ พาน ในสมัยทวราวดี
ความเป็นมาของศาสนาในทวีปเอเชีย พุทธศานานิกายใหญ่ 2 นิกาย คือ นกิ ายเถรวาท กับ นกิ ายมหายาน โดย
เถรวาท แปลวา่ “วาทะของพระเถระ” หมายถงึ พระพทุ ธศาสนาแบบดง้ั เดมิ นกิ ายนต้ี งั้ อยทู่ างภาคใตข้ องประเทศอนิ เดยี
ประเทศที่นบั ถือพุทธศาสนาแบบเถรวาท คอื ไทย พมา่ ลังกา ลาว และเขมร
มหายาน แปลวา่ ยานใหญ่ เปน็ นามตั้งขนึ้ เพ่ือแสดงว่าพุทธศาสนาแบบน้ีสามารถช่วยให้สตั วข์ า้ มพ้นวัฏสงสาร
ได้มาก โดยประเทศท่ีนับถอื พระพทุ ธศาสนาแบบมหายาน คือ ทิเบต เวียดนาม จีน เกาหลี และญ่ีปนุ่
หน่วยท่ี 2 วัฒนธรรม ประเพณีของประเทศไทยและเอเชยี
วัฒนะ หมายถงึ ความเจริญงอกงามรงุ่ เรือง ธรรม หมายถึง การกระทำ� หรอื ข้อปฏิบัติ วฒั นธรรม คอื ขอ้ ปฏิบัติ
เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเจรญิ งอกงาม วฒั นธรรม หมายถงึ ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งทมี่ นษุ ยส์ รา้ งขน้ึ ไวเ้ พอื่ นำ� เอาไปชว่ ยพฒั นา ชวี ติ ความ
เป็นอยู่ในสังคม ซง่ึ จะรวมถึงชว่ ยแกป้ ัญหาและชว่ ยสนองความต้องการของสงั คม
ประเพณไี ทย เปน็ วฒั นธรรมทสี่ บื ทอดกนั มา เปน็ สงิ่ ทแ่ี สดงถงึ วธิ ชี วี ติ ของคนไทย ทงั้ ในอดตี และปจั จบุ นั ประเพณี
แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยท่ีสืบเน่ืองกันมาและเป็นสิ่งที่คนไทยควรศึกษาท�ำความเข้าใจและช่วยกัน
อนุรักษ์ ประเพณไี ทยจำ� แนกออกเป็น 2 ประเภท คือ พระราชพิธี และ ประเพณีในทอ้ งถ่ินตา่ ง ๆ
วัฒนธรรมประเพณีของประเทศในทวีปเอเชีย มีลักษณะส�ำคัญอยู่ 2 ลักษณะได้แก่ 1. ลักษณะส�ำคัญทาง
ประชากร และ 2. สิง่ ที่มีอทิ ธพิ ลส�ำคัญตอ่ วฒั นธรรมของเอเชีย คือ ภาษาและอทิ ธพิ ลอารยธรรมภายนอก
หน่วยท่ี 3 รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย
รัฐธรรมนูญ (Constitution) หมายถึง กฎหมายสูงสุดในการจัดการปกครองรัฐ โดยประเทศไทยเร่ิมใช้
รฐั ธรรมนญู เปน็ กฎหมายสงู สดุ ในการปกครองประเทศ เมอื่ เกดิ การปฏวิ ตั โิ ดยคณะราษฎร เพอื่ เปลยี่ นแปลงการปกครอง
ประเทศจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประประมุขท่ี
ทรงอยู่ใต้รฐั ธรรมนูญ เม่อื วันท่ี 24 มิถนุ ายน 2475 ในรัชสมยั พระบาทสมเด็จประปกเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว รชั กาลที่ 7 แห่ง
ราชวงศ์จักรี
เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา 57
ปีการศกึ ษา 2563
หน่วยที่ 4 พัฒนาการทางการเมืองและการอยู่ร่วมกันในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ทรงเปน็ ประมุข
การอยู่ร่วมกันในสังคมทม่ี คี วามแตกต่างทั้งความคดิ อาชพี สถานะทางสงั คม และสภาพแวดล้อม การศกึ ษา
เรียนรู้ การพัฒนาทางการเมือง และการมีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา
กษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข เป็นส่วนหนง่ึ ทีจ่ ะทำ� ให้สงั คมอยูไ่ ด้อยา่ งสงบสุขตามวถิ ีประชาธปิ ไตย
หน่วยที่ 5 สทิ ธมิ นษุ ยชน
สิทธิมนุษยชน หมายถึง สิทธิต่างๆ ท่ีแสดงถึงคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2
มกี ารดำ� เนนิ การจดั ตงั้ องคก์ ารสหประชาชาตขิ นึ้ โดยผนู้ ำ� ของประเทศสมาชกิ ดงั้ เดมิ 50 ประเทศ ไดร้ ว่ มลงนามในกฎบตั ร
สหประชาชาติ (Charter of the United Nations) เมอื่ วนั ที่ 26 มถิ นุ ายน ค.ศ. 1945 (พ.ศ.2488) ซง่ึ ประกาศเปา้ หมาย
หลกั ขององคก์ ารสหประชาชาติ ได้ถือก�ำเนิดขน้ึ อย่างเป็นทางการในวนั ที่ 24 ตลุ าคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) วา่ “เพื่อ
ปกป้องคนรุ่นต่อไปจากภัยพิบัติสงคราม และเพ่ือยืนยันความศรัทธาในสิทธิมนุษยชนข้ันพื้นฐานในศักด์ิศรีและคุณค่า
ของมนุษย์ และในสิทธอิ ันเทา่ เทยี มของบรุ ุษและสตร”ี
หมายเหตุ : ให้นกั ศึกษา ไดศ้ กึ ษาเพิม่ เติมจากหนังสือแบบเรียนรายวชิ าศาสนาและหน้าทพ่ี ลเมือง สค21002
58 เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563
แบบทดสอบรายวิชาศาสนาและหน้าที่พลเมอื ง สค21002
จงเลือกคําตอบข้อท่ถี ูกต้องที่สดุ เพยี งขอ้ เดยี ว 6. อาณาจักรใดในดินแดนสุวรรณภูมิท่มี ีการนบั ถือนกิ าย
ทางพระพุทธศาสนาแตกตา่ งจากอาณาจกั รอืน่
1. ศาสนาพทุ ธทีแหลง่ ก�ำเนดิ ในประเทศใด ก. พกุ าม
ก. อนิ เดยี ข. ทวารวดี
ข. เนปาล ค. ศรีวชิ ัย
ค. พมา่ ง. หริภญุ ไชย
ง. ลาว 7. “ไตรภมู พิ ระรว่ ง” คืออะไร
2. ปัจจยั หลักท่สี ง่ เสรมิ ให้พทุ ธศาสนาเผยแผ่ไปยงั ดนิ ก. วรรณคดีทางพระพทุ ธศาสนา
แดนต่าง ๆ ในสมยั โบราณได้แก่ข้อใด ข. ชาดกทางพระพทุ ธศาสนา
ก. ประชาชน ค. เร่ืองราวการสร้างพระร่วงสุโขทัย
ข. อบุ าสก ง. ศิลปกรรมทางพระพุทธศาสนา
ค. อบุ าสกิ า 8. พระพทุ ธศาสนานิกายอุบาลีวงศเ์ กิดขน้ึ จากสาเหตใุ ด
ง. พระมหากษตั รยิ ์ ก. พระอุบาลเี ถระเปน็ ผ้กู ่อตั้งนิกายใหมใ่ นไทย
3. ข้อใด คือหลักธรรมของศาสนาพทุ ธตามทางสายกลาง ข. เป็นนกิ ายทพ่ี ระสงฆไ์ ทยและลงั การ่วมกันตัง้
ที่ทำ� ให้บคุ คลมศี ลี ธรรมในตนเอง ขึ้น
ก. สัมมาทิฐิ ค. นกิ ายใหมท่ ล่ี งั กาเอาไปจากอาณาจักร
ข. สมั มาวาจา อยธุ ยา
ค. สัมมาวายามะ ง. พระสงฆ์ไทยไปชว่ ยวางรากฐานพระพทุ ธ
ง. สัมมาสังกัปปะ ศาสนาในลงั กา
4. ขอ้ ใดเป็นอุดมการณ์ของพระพทุ ธศาสนา 9. ประเพณีสงกรานตเ์ ป็นประเพณดี ้งั เดิมของศาสนาใด
ก. ขจัดความไม่เปน็ ธรรม ก. พุทธ ข. พราหมณ์
ข. สร้างความสงบสุขแก่ชาวโลก ค. ซกิ ข์ ง. ฮนิ ดู
ค. เผยแผพ่ ระพุทธศาสนาให้กว้างขวาง 10. ขอ้ ใด เปน็ การถ่ายทอดวฒั นธรรมขนบธรรมเนียม
ง. พัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของประชากร ประเพณี
5. ธรรมจักรกับกวางหมอบเปน็ สญั ลักษณ์ทางพระพุทธ ก. น�ำวฒั นธรรมประเพณีจากชุมชนอนื่ มาแสดง
ศาสนาทหี่ มายถึงเหตกุ ารณใ์ ด ในชุมชนของตน
ก. เจ้าชายสทิ ธัตถะเสด็จออกผนวช ข. นำ� ภมู ปิ ญั ญาในท้องถิ่นมาสาธิตการสาน
ข. ปญั จวัคคยี ์ยอมรบั ใชพ้ ระสิทธัตถะ ตะกรา้ หวายในหมูบ่ ้าน
ค. นางสชุ าดาถวายขา้ วมธปุ ายาส ค. การร่วมกันจัดงานประเพณี ตามเทศกาลของ
ง. พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา ชมุ ชนหรอื ทอ้ งถิ่น
ง. ถูกทกุ ข้อ
เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา 59
ปีการศึกษา 2563
11. หากทกุ คนต้องการใหส้ งั คมมคี วามเปน็ ระเบยี บ 16. พระสงฆเ์ ป็นผู้ทมี่ วี ัตรปฏิบตั ิอนั งดงามทีค่ วรแก่การ
เรียบรอ้ ยมคี วามสขุ สมาชิกสงั คมควรปฏิบตั ิอย่างไร ถวายของท�ำบุญ จดั อย่ใู นคุณของพระสงฆ์ข้อใด
ก. ปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบ ก. สุปะฏิปนั โน
ข. ปฏบิ ตั ิตามความพอใจ ข. สามีจปิ ะฏิปนั โน
ค. ดำ� รงชีวิตดว้ ยความสนั โดษ ค. อาหุเนยโย
ง. ลงโทษผู้ฝ่าฝืนกฎระเบยี บอยา่ งหนกั ง. ทักขเิ นยโย
12. ขอ้ ใดเปน็ การสรา้ งจิตสำ� นึกทีด่ ีในการอนรุ ักษ์ 17. พระสงฆ์ชื่อดงั ถกู เก็บไว้ในโลงแก้วภายหลังจาก
วฒั นธรรมประเพณี มรณภาพแลว้ ใหค้ ติแกพ่ ุทธศาสนิกชนว่าควรตระหนักใน
ก. การดูแลสวนสาธารณะของชมุ ชน เร่ืองใด
ข. การแตง่ กายตามประเพณีในเทศกาลท้องถ่ิน ก. ความศกั ดสิ์ ทิ ธ์ ิ
ค. การภาคภูมิใจในภาษาทอ้ งถนิ่ ข. ความเปน็ นิรันดร์
ง. ถูกทกุ ข้อ ค. ความแปลกประหลาด
13. ขอ้ ใดคอื การฟ้นื ฟวู ัฒนธรรมประเพณี ง. ความไม่เทย่ี งของสงั ขาร
ก. นำ� วฒั นธรรมทกี่ �ำลงั สูญหายไปกลบั มาใหม่ 18. การกระท�ำขอ้ ใดท่แี สดงให้เหน็ ถงึ ลักษณะของ
ข. พฒั นาวัฒนธรรมทมี่ อี ยแู่ ล้วให้เพิ่มมากขน้ึ วฒั นธรรมไทยแบบเกษตรกรรม
ค. น�ำวฒั นธรรมทีม่ อี ยู่ไปแลกเปลี่ยนกับ ก. การเลน่ รีรีข้าวสาร
วฒั นธรรมอ่นื ข. การท�ำขวญั ขา้ ว
ง. พฒั นาวฒั นธรรมให้สอดคลอ้ งกบั ค. การแห่นาคด้วยแตรวง
สภาพแวดลอ้ มทีก่ ำ� ลังเปล่ียนไป ง. การเลน่ กลองยาวในงานสงั สรรค์
14. ทศพิธราชธรรมเปน็ หลักธรรมท่เี หมาะอยา่ งย่งิ 19. การขนทรายเข้าวัด เพื่อกอ่ เจดีย์ในเทศกาลสงกรานต์
สำ� หรบั ใคร นิยมปฏิบัติในวนั ใด
ก. ทหาร ก. วันมหาสงกรานต ์
ข. ข้าราชการ ข. วนั กลางหรือวันเนา
ค. ประชาชน ค. วันเถลงิ ศก
ง. พระมหากษตั รยิ ์ ง. วนั ใดกไ็ ด้
15. การกระท�ำเชน่ ใดที่นกั เรยี นไม่ควรกระทำ� ในฐานะที่ 20. การจัดทำ� ระบบขอ้ มูลเครือขา่ ยเกีย่ วกับวฒั นธรรม
เป็นสมาชกิ ของสถาบันการศกึ ษา ประเพณที อ้ งถน่ิ จัดเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมเรือ่ งใด
ก. ตง้ั ใจเล่าเรียนหนงั สอื ก. การสร้างจิตสำ� นกึ ในตนเอง
ข. ประจบเอาใจครอู าจารย์ ข. การแลกเปล่ียนวัฒนธรรม
ค. แสดงความเคารพอยา่ งสูง ค. การเผยแผว่ ัฒนธรรม
ง. ปรนนบิ ัตริ บั ใชต้ ามโอกาส ง. การฟนื้ ฟวู ัฒนธรรม
60 เอกสารพฒั นาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563
สรุปเน้อื หารายวชิ าการพฒั นาตนเอง ชุมชน สงั คม สค21003
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. วิเคราะหศ์ กั ยภาพของข้อมูลตนเองในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกบั กล่มุ ได้
2. สรา้ งความสามคั คีให้กบั หมู่คณะ
ขอบเขตเน้ือหา
ละลายพฤตกิ รรมของนกั ศกึ ษาโดยอาศยั เกมสต์ า่ ง ๆ ในการเชอื่ มความสมั พนั ธ์ โดยเปน็ เกมสห์ มคู่ ณะเพอ่ื สรา้ ง
ความสามัคคี
หนว่ ยที่ 1 ความรู้เบ้อื งตน้ เกี่ยวกับการพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคม
การพฒั นาตนเอง (Self-Development) หมายถงึ การปรบั ปรงุ ตนเอง ทง้ั ดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ อารมณแ์ ละสงั คม
ตลอดจนดา้ นความรคู้ วามสามารถ เพอ่ื ใหส้ ามารถท�ำกจิ กรรมทพ่ี ึงประสงค์ตามที่ตัง้ ไว้และยงั สามารถทำ� ให้ตนเองดำ� รง
ชีวติ อยู่รว่ มกับครอบครวั ชมุ ชน และสงั คมไดอ้ ยา่ งปกตสิ ุข
การพฒั นาชุมชน (Community Development) หมายถงึ การกระทำ� ทม่ี ุ่งปรับปรงุ และสง่ เสริมใหก้ ลุม่ คนท่ี
อยรู่ ว่ มกนั มกี ารเปลย่ี นแปลงในทางทดี่ ขี นึ้ มคี วามเปน็ อยทู่ ด่ี ขี นึ้ สขุ ภาพแขง็ แรง มอี าชพี ทมี่ นั่ คงมคี วามปลอดภยั ในชวี ติ
และทรพั ยส์ นิ โดยอาศยั ความรว่ มมอื จากบคุ คลภายในชมุ ชน และหนว่ ยงานองคก์ ารตา่ ง ๆ ทงั้ ภายในและภายนอกชมุ ชน
การพฒั นาสงั คม ( Social development) เปน็ กระบวนการเปลย่ี นแปลงในทางทดี่ ใี นดา้ นเศรษฐกจิ การเมอื ง
สังคม การปกครองและวัฒนธรรม เพ่ือให้ประชาชนในสังคมมีความเป็นอยู่ท่ีดีขึ้นท้ังด้านท่ีอยู่อาศัย อาหาร สุขภาพ
อนามยั การศกึ ษา การมงี านทำ� และมรี ายไดเ้ พยี งพอสำ� หรบั การครองชพี ประชาชนในสงั คมไดร้ บั ความเสมอภาค ยตุ ธิ รรม
มคี ณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ี โดยประชาชนตอ้ งมสี ่วนร่วมในกระบวนการเปล่ียนแปลงทกุ ขน้ั ตอนอย่างมรี ะบบ
หน่วยท่ี 2 ข้อมลู กบั การพฒั นาชุมชน
ขอ้ มลู หมายถงึ ข้อเท็จจรงิ หรอื เหตกุ ารณท์ เ่ี กิดขึน้ เกี่ยวกับคน สัตว์ ส่งิ ของ ท่ีเปน็ ข้อความ ตัวเลข สญั ลกั ษณ์
ภาพ หรอื เสยี ง ท่ไี ด้มาจากวิธีการต่าง ๆ เชน่ การสังเกต การสมั ภาษณ์ การนบั การวัด และบันทึกเป็นหลักฐานเพื่อ
คน้ หาความจริง หรอื นำ� ไปใชป้ ระโยชน์ต่อไป
ประเภทของข้อมูล จำ� แนกได้ดงั น้ี
1. ข้อมลู ปฐมภมู ิ (Primary Data) เป็นขอ้ มูลทผี่ ูใ้ ช้เปน็ ผเู้ กบ็ รวบรวมข้อมูลเอง อาจได้มาจาก
การสมั ภาษณ์ การสังเกต การทดลอง
2. ข้อมูลทุติยภมู ิ (Secondary Data) เปน็ ข้อมลู ที่ผูใ้ ช้นำ� มาจากแหล่งทมี่ ผี เู้ กบ็ รวบรวมไว้แลว้ เชน่ ขอ้ มลู เก่ยี ว
กบั จำ� นวนประชากรในอำ� เภอแหง่ หนง่ึ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั อาชพี ของประชาชน สถติ ขิ องผวู้ า่ งงาน โดยแบง่ ประเภทของขอ้ มลู
ออกเปน็ 1. ขอ้ มลู เชงิ คุณภาพ เป็นข้อมลู ทไี่ มไ่ ด้บอกเป็นตวั เลขหรือจ�ำนวนแต่เปน็ การบอกถงึ ลักษณะ คุณภาพ ความ
พึงพอใจ เพศ ศาสนา อาชพี เปน็ ตน้ 2. ข้อมลู เชิงปรมิ าณ เป็นขอ้ มลู ที่แสดงค่าออกมาเป็นตวั เลข เชน่ จ�ำนวนประชากร
จำ� นวนวัน
ข้อมลู ที่ส�ำคัญสำ� หรับการพัฒนาชมุ ชน คือ 1) ข้อมูลดา้ นภมู ศิ าสตร์ 2) ข้อมลู ดา้ นประวตั ิศาสตร์ 3) ข้อมูลด้าน
เศรษฐศาสตร์ 4) ขอ้ มลู ดา้ นการเมอื ง 5) ขอ้ มลู ดา้ นการปกครอง 6) ขอ้ มลู ดา้ นศาสนา วฒั นธรรมประเพณี 7) ขอ้ มลู ดา้ น
หน้าทพ่ี ลเมือง 8) ขอ้ มลู ดา้ นทรัพยากรธรรม สิ่งแวดลอ้ ม 9) ขอ้ มดู ้านสาธารณสุข 10) ขอ้ มูลดา้ นการศกึ ษา
เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา 61
ปีการศกึ ษา 2563
การจัดเวทปี ระชาคม
องค์ประกอบของการจดั เวทีประชาคม ควรมีองคป์ ระกอบดังนี้ 1) ประเดน็ ปัญหา 2)วตั ถุประสงค์ 3) ล�ำดบั
ขนั้ ตอน 4) ผเู้ ขา้ รว่ มประชาคม 5) ผอู้ ำ� นวยการใหเ้ กดิ การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ 6) บรรยากาศทด่ี ี 7) มรี ะยะเวลาทเี่ หมาะสม
8) ขอ้ สรปุ 9) สอื่ และอปุ กรณ์ 10) การประสานงานทีด่ ี
การจดั ท�ำแผนพฒั นาชุมชน
แผนพัฒนาชมุ ชน หมายถงึ กจิ กรรมพัฒนาทีเ่ กดิ ขนึ้ จากคนในชมุ ชนรวมตวั กนั จัดท�ำขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางใน
การพัฒนาชุมชนหรือท้องถิ่นของตนเองให้เป็นไปตามท่ีต้องการ และสามารถแก้ปัญหาที่ชุมชนเผชิญอยู่ให้สามารถอยู่
ร่วมกันไดอ้ ย่างมคี วามสขุ
กระบวนการจัดท�ำแผนพัฒนาชุมชน มีดังน้1ี ) เตรียมวิทยากรกระบวนการ 2) เตรียมชุมชนในการจดั ท�ำแผน
3) ประเมินศกั ยภาพของชุมชน 4) กำ� หนดวสิ ัยทศั น์ 5) กำ� หนดยทุ ธศาสตรใ์ นการพัฒนาชมุ ชน 6) ก�ำหนดแผนงาน
หมายเหตุ : ให้นักศึกษา ได้ศกึ ษาเพม่ิ เติมจากหนังสือแบบเรยี นรายวชิ าศาสนาและหนา้ ที่พลเมือง สค21002
62 เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563
แบบทดสอบรายวิชาการพฒั นาตนเอง ชุมชน สังคมสค21003
จงเลือกคำ� ตอบท่ีถูกต้องทสี่ ดุ เพียงคำ� ตอบเดยี ว 6. ข้อใดคือการรวมตัวของสมาชกิ ในชุมชนเพ่ือรว่ มกัน
ทำ� กจิ กรรมต่างๆในชมุ ชน
1. ข้อใด ไมใ่ ช่ หลักของการพัฒนาชุมชน ก. เวทปี ระชาคม
ก. ประชาชนมสี ่วนรว่ ม ข. การท�ำประชาพิจารณ์
ข. ทำ� เปน็ กระบวนการและประเมินผลอย่าง ค. การเลอื กต้งั
ตอ่ เน่อื ง ง. การเขียนโครงการ
ค. ยดึ ประชาชนเปน็ หลักในการพัฒนา 7. ข้อใดไม่ใช่เทคนิคการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ในชมุ ชน
ง. พฒั นาทกุ ด้านไปพรอ้ มๆกันอย่างรวบรดั และ ก. อธบิ าย
เร่งรบี ข. สงั เกต
2. แนวทางในการพฒั นาตนเองอันดับแรกคอื อะไร ค. สัมภาษณ์
ก. ปลูกใจตนเอง ง. สนทนากลุ่ม
ข. ส�ำรวจตนเอง 8. วัตถุประสงค์ของการทำ� ประชาพจิ ารณ์ คือข้อใด
ค. ลงมอื พฒั นาตนเอง ก. ตอบสนองความต้องการของผู้บรหิ าร
ง. ปลูกคณุ สมบตั ิทด่ี ีงาม ข. ใหเ้ กิดความคดิ รวบยอดในการปฏบิ ัติงาน
3. กิจกรรมใดเปน็ กจิ กรรมระดับประเทศ ค. ปอ้ งกนั การประท้วงของผูเ้ สียประโยชน์
ก. การสมั มนา ง. รวบรวมความคดิ เหน็ ของผู้เกี่ยวขอ้ ง
ข. การส�ำรวจประชามติ 9. ข้อใดบ่งบอกถงึ ความส�ำเรจ็ ของโครงการ
ค. การประชุมกลุ่มย่อย ก. การประเมินโครงการ
ง. การจดั ท�ำเวทปี ระชาคม ข. ตวั ชีว้ ดั ผลส�ำเร็จของโครงการ
4. ข้อใดเป็นบทบาทท่สี ำ� คัญทส่ี ดุ ของประชาชนในการ ค. การสรุปผลและรายงานโครงการ
ดแู ลชนุ ชน ง. วัตถปุ ระสงค์โครงการ
ก. เขา้ รว่ มประชมุ ทกุ ครง้ั 10. ขอ้ ใดเปน็ วิธกี ารเขยี นรายงานการด�ำเนินงานที่
ข. แสดงความคดิ เหน็ ในการประชุม ถูกต้อง
ค. เหน็ คล้อยตามผนู้ �ำทกุ เรอื่ ง ก. ถกู ต้อง กระชับรัดกมุ ชดั เจนและสละสลวย
ง. ทำ� กจิ กรรมพฒั นาชมุ ชนร่วมกนั ทุกครัง้ ข. เขยี นบรรยายรายละเอยี ดใหม้ ากทีส่ ดุ
5. สถาบนั ใดทมี่ ีสว่ นส�ำคัญเปน็ ล�ำดับแรกปอ้ งกนั ไม่ให้ ค. เขียนให้เป็นภาษาวชิ าการมากๆ
เกิดปญั หาสังคม ง. เขยี นโดยแบง่ เป็นข้อย่อยๆ
ก. สถาบนั การเงนิ 11.ขนั้ ตอนการจดั ท�ำแผนมีก่ีขนั้ ตอน
ข. สถาบันศาสนา ก. 2ขัน้ ตอน
ค. สถาบันครอบครัว ข. 3 ข้นั ตอน
ง. สถาบันการศึกษา ค. 4 ข้นั ตอน
ง. 5 ข้นั ตอน
เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา 63
ปีการศกึ ษา 2563
12.ข้อใดเป็นขอ้ มลู ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การพัฒนาชุมชน 16.ข้อใดต่อไปนีเ้ ป็นวิธกี ารเกบ็ ขอ้ มลู ท่ปี ระกอบด้วย
ก. ข้อมูลครอบครวั คำ� ชแ้ี จง วัตถปุ ระสงค์ รายการขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการถาม
ข. ขอ้ มลู ดา้ นสังคม จำ� แนกเปน็ รายขอ้
ค. ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ ก. การสมั ภาษณ์
ง. ถกู ทุกข้อ ข. การส�ำรวจ
13. ข้อใดต่อไปนี้ ไมจ่ ดั วา่ เปน็ ขอ้ มลู ทีเ่ ก่ียวข้องกบั การ ค. การใช้แบบทดสอบ
พัฒนาชุมชน ง. การจดั เวทีประชาคม
ก. ข้อมูลเศรษฐกิจ 17. ความส�ำคัญของการพัฒนาชุมชนมกี ขี่ อ้
ข. ขอ้ มลู ด้านประเพณีและวฒั นธรรม ก. 5 ข้อ ข. 4 ข้อ
ค. ข้อมูลดา้ นระบบนิเวศและส่งิ แวดล้อม ค. 3 ขอ้ ง. 2 ขอ้
ง. ทกุ ขอ้ ท่ีกลา่ วมาถอื วา่ เป็นขอ้ มลู ที่เกยี่ วข้อง 18.การเกบ็ รวบรวมข้อมลู สถติ ิของทกุ ๆ หน่วยของ
กบั การพฒั นาชุมชน ประชากร จดั อยู่ในกล่มุ ใด
14.“สังเกตไปเร่ือยๆ ตามสงิ่ ทพ่ี บเห็นท่ีตอ้ งการ” ก. เก็บรวบรวมขอ้ มูลจากรายงาน
เป็นการสงั เกตแบบใด ข. เกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากทะเบยี น
ก. การสงั เกตรอบด้าน ค. เกบ็ รวบรวมขอ้ มูลโดยสำ� มะโน
ข. การสังเกตแบบไม่มโี ครงสร้าง ง. เก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยวิธีส�ำรวจ
ค. การสงั เกตแบบมีโครงสรา้ ง 19.สนบั สนุนให้ประชาชนพึ่งตนเองไดโ้ ดยการสรา้ ง
ง. การสงั เกตแบบไม่มโี ครงสรา้ งและแบบมี พลงั ชมุ ชนเพ่ือพัฒนาชมุ ชน อยใู่ นหลักการใด
โครงสรา้ ง ก. หลกั ความมีศกั ดศ์ิ รี
15.ในการทำ� เวทปี ระชาคมมีกี่ข้ันตอน ข. หลกั ประชาธปิ ไตย
ก. 1 ขัน้ ตอน ค. หลกั การมสี ่วนรว่ มของประชาชน
ข. 2 ข้นั ตอน ง. หลกั การพึง่ ตนเองของประชาชน
ค. 3 ขนั้ ตอน 20.รูปแบบการท�ำงานการตัดสินใจ จดั อยู่
ง. 4 ขั้นตอน องคป์ ระกอบใดของความเปน็ ผู้นำ� ใด
ก. ความรู้ ข. ความคดิ
ค. บคุ ลกิ ภาพ ง. ความสามารถ
64 เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563
เฉลยแบบทดสอบรายวชิ าทักษะการเรยี นรู้ ทร21001
1. ข 2. ง 3. ง 4. ข 5. ง 6. ง 7. ก 8. ค 9. ง 10.ง
11.ก 12.ข 13.ง 14. ง 15.ค 16.ค 17. ก 18. ค 19.ก 20. ข
เฉลยแบบทดสอบรายวชิ าภาษาไทย พท21001
1. ก 2. ก 3. ก 4.ข 5. ข 6.ง 7. ข 8. ข 9. ง 10. ง
11. ก 12. ข 13. ค 14. ค 15. ค 16. ข 17. ข 18. ข 19. ง 20. ก
เฉลยแบบทดสอบรายวิชาภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจำ� วัน พต21001
1.a 2.b 3.a 4.b 5.b 6.a 7.b 8.a 9.a 10. b
11.b 12.a 13.b 14. b 15.a 16.b 17. b 18.b 19.a 20. a
เฉลยแบบทดสอบรายวชิ าคณติ ศาสตร์ พค21001
1. ง 2. ง 3. ค 4. ง 5. ข 6. ข 7. ข 8. ง 9. ง 10. ข
11.ข 12.ค 13.ก 14. ข 15. ก 16.ก 17.ข 18.ก 19.ค 20. ก
เฉลยแบบทดสอบรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ พว21001
1. ข 2. ข 3. ง 4. ค 5. ค 6. ก 7. ข 8. ค 9. ก 10. ง
11.ก 12. ก 13.ก 14.ค 15.ง 16.ง 17. ง 18.ค 19.ง 20. ก
เฉลยแบบทดสอบรายวิชาชอ่ งทางการพฒั นาอาชพี อช21001
1. ก 2. ง 3. ก 4. ง 5. ค 6. ง 7. ง 8. ง 9. ง 10.ค
11.ค 12.ข 13.ก 14. ง 15.ข 16.ค 17. ก 18.ก 19.ข 20. ข
เฉลยแบบทดสอบรายวิชาทกั ษะการพฒั นาอาชีพ อช21002
1. ค 2. ก 3. ข 4. ง 5. ง 6. ง 7. ข 8. ง 9. ค 10.ข
11.ค 12.ค 13.ข 14.ง 15.ง 16.ง 17.ง 18.ข 19.ข 20. ง
เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา 65
ปีการศึกษา 2563
เฉลยแบบทดสอบรายวิชาพัฒนาอาชีพให้มคี วามเข้มแขง็ อช21003
1. ค 2. ข 3. ง 4. ง 5. ข 6. ก 7. ข 8. ง 9. ข 10.ค
11.ง 12.ข 13.ก 14.ค 15.ง 16.ก 17.ข 18.ข 19.ค 20. ค
เฉลยแบบทดสอบรายวิชาเศรษฐกิจพอเพียง ทช21001
1. ค 2. ข 3. ก 4. ค 5. ข 6. ก 7. ง 8. ค 9. ค 10.ก
11. ง 12. ง 13. ค 14. ข 15. ค 16. ค 17. ค 18. ก 19. ก 20. ก
เฉลยแบบทดสอบรายวชิ าสขุ ศกึ ษา พลศึกษา ทช21002
1. ก 2. ง 3. ง 4. ข 5. ง 6. ก 7. ก 8. ง 9. ค 10.ข
11.ง 12.ค 13.ค 14.ก 15.ง 16.ค 17.ข 18.ค 19.ก 20. ข
เฉลยแบบทดสอบรายวชิ าศลิ ปศกึ ษา ทช21003
1. ก 2. ก 3. ข 4. ข 5. ข 6. ข 7. ก 8. ง 9. ข 10.ข
11.ง 12.ก 13.ง 14.ง 15.ข 16.ก 17.ง 18.ก 19.ข 20. ค
เฉลยแบบทดสอบรายวิชาสงั คมศกึ ษา สค21001
1. ข 2. ง 3. ค 4. ก 5. ค 6. ก 7.ง 8. ค 9. ข 10. ก
11. ข 12.ค 13. ง 14.ก 15. ค 16.ข 17.ง 18. ก 19. ข 20. ค
เฉลยแบบทดสอบรายวิชาศาสนาและหนา้ ทพ่ี ลเมือง สค21002
1. ก 2. ก 3. ก 4. ข 5. ก 6. ก 7. ข 8. ค 9. ข 10.ง
11.ค 12.ง 13.ก 14.ง 15.ข 16.ง 17.ง 18.ข 19.ข 20. ค
เฉลยแบบทดสอบรายวชิ าการพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สงั คม สค21003
1. ง 2. ข 3. ข 4. ง 5. ค 6. ก 7. ก 8. ง 9. ข 10.ก
11.ข 12.ค 13.ง 14.ง 15.ค 16.ก 17.ก 18.ค 19.ง 20. ง
66 เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศึกษา 2563
แบบบนั ทกึ การพัฒนาการเรยี นรู้ รายวชิ าบังคบั
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
***********************
ชือ่ - สกลุ ................................................................ รหสั นักศกึ ษา...........................................................
กศน.ต�ำบล............................................................. กศน.อ�ำเภอ......................................... จังหวดั สุโขทยั
จากการทผี่ เู้ รยี นไดศ้ กึ ษาเรยี นรจู้ ากแบบเรยี น และสรปุ เนอื้ หาจากบทเรยี นในรายวชิ าตา่ ง ๆ ตามเอกสารเลม่ นี้
แล้ว ผู้เรยี นสามารถทราบได้วา่ ทำ� แบบทดสอบในรายวิชาต่าง ๆ ถกู ตอ้ งจำ� นวนกี่ข้อโดยการบันทึกในแบบบนั ทึกการ
พัฒนาการเรียนรู้ รายวิชาบังคบั ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ดังนี้
ที่ วิชา คะแนนเตม็ คะแนนที่ได้ หมายเหตุ
1 ทกั ษะการเรยี นรู้ ทร21001 20 1 ขอ้ = 1 คะแนน
2 ภาษาไทย พท21001 20
3 ภาษาองั กฤษในชวี ิตประจำ� วัน พต 21001 20
4 คณิตศาสตร์ พค 21001 20
5 วิทยาศาสตร์ พว 21001 20
6 ชอ่ งทางการพฒั นาอาชีพ อช21001 10
7 ทกั ษะการพัฒนาอาชพี อช21002 10
8 พฒั นาอาชพี ใหม้ คี วามเข้มแขง็ อช21003 20
9 เศรษฐกจิ พอเพียง ทช 21001 20
10 สขุ ศกึ ษา พลศกึ ษา ทช 21002 20
11 ศิลปศกึ ษา ทช 21003 20
12 สงั คมศกึ ษา สค21001 20
13 ศาสนา และหน้าทพ่ี ลเมือง สค21002 20
14 การพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคมสค21003 20
260
เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา 67
ปีการศกึ ษา 2563
เกณฑ์การประเมินผลการพฒั นาทักษะวิชาการผู้เรียนรายบคุ คล
ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้
******************
เมื่อท�ำแบบทดสอบในแต่ละรายวชิ าบงั คับระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้นแล้ว ซึง่ มแี บบทดสอบรายวชิ าละ 20 ข้อ
ผเู้ รยี นสามารถทราบได้ว่ามีความรอู้ ยใู่ นระดบั ใด ดงั น้ี
จ�ำนวนข้อสอบที่ผเู้ รยี นทำ� ถกู ตอ้ ง อยูใ่ นระดับ หมายเหตุ
18 - 20 ข้อ ดีมาก
16 - 17 ขอ้ ดี
14 -15 ขอ้
10 - 13 ข้อ ปานกลาง
ตำ่� กว่า 10 ข้อ พอใช้
ควรปรบั ปรุง
หมายเหต:ุ ผลจากการประเมิน ผเู้ รียนสามารถนำ� ไปปรบั ปรุงตนเองเพอื่ ให้เกดิ การพัฒนาต่อไป
68 เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563
บรรณานกุ รม
จนิ ตนชุ กุลทนันท.์ หนงั สอื เรยี นสาระความรูพ้ ้นื ฐาน รายวชิ าภาษาองั กฤษในชวี ิตประจำ� วนั (พต21001)
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น (ฉบับปรับปรงุ 2554). กรุงเทพฯ : บริษัท เจ.ดี.แอสโซซิเอท จำ� กดั , 2556.
ชัยวัฒน ์ ผดงุ ญาต.ิ หนังสอื เรยี นสาระความรูพ้ ืน้ ฐาน รายวิชาคณติ ศาสตร์ (พค21001) ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น
(ฉบับปรับปรงุ 2554). กรุงเทพฯ : บริษัท เจ.ดี.แอสโซซิเอท จำ� กัด, 2554.
แนง่ นอ้ ย คมุ้ ทรพั ย.์ หนงั สอื เรยี นสาระความรพู้ นื้ ฐาน รายวชิ าวทิ ยาศาสตร(์ พว21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้
(ฉบบั ปรบั ปรงุ 2554). กรุงเทพฯ : บริษัท เจ.ดี.แอสโซซเิ อท จ�ำกัด, 2556.
เพ็ญศรี เลิศเกยี รตวิ ิทยา และ สิฏฐากร ชทู รพั ย.์ หนงั สอื เรยี นสาระทักษะการประกอบอาชีพ รายวิชา ทักษะการ
พฒั นาอาชพี (อช21002) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2554). กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั สำ� นกั พมิ พ์
เอมพนั ธ์ จ�ำกัด, 2561.
เพญ็ ศร ี เลิศเกยี รตวิ ิทยา และ สฏิ ฐากร ชทู รัพย์. หนงั สือเรียนสาระทักษะการประกอบอาชพี
รายวชิ า พฒั นาอาชพี ใหม้ ีความเขม้ แข็ง (อช21003) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ฉบับปรับปรงุ 2554).
กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั ส�ำนกั พิมพเ์ อมพนั ธ์ จำ� กัด, 2561.
โสภณ เสือพนั ธ์ และ สชุ าดา วราหพันธ์. หนงั สือเรยี นสาระทักษะการดำ� เนนิ ชวี ิต รายวิชา เศรษฐกจิ พอเพยี ง
(ทช21001) ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ (ฉบบั ปรับปรงุ 2554). กรงุ เทพฯ :
บริษัท ส�ำนักพมิ พ์เอมพนั ธ์ จำ� กัด, 2561.
โสภณ เสอื พันธ์ และ สชุ าดา วราหพันธ์. หนงั สือเรียนสาระทักษะการพัฒนาสงั คม รายวิชา การพฒั นาตนเอง
ชุมชน สังคม(สค21003) ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ (ฉบบั ปรบั ปรงุ 2554). พมิ พ์ครง้ั ท่ี 1. กรุงเทพฯ :
บริษทั สำ� นกั พมิ พ์เอมพันธ์ จำ� กดั , 2561.
ส�ำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. หนังสอื เรียนสาระทกั ษะการด�ำเนนิ ชวี ิต รายวิชา ศิลปศึกษา (ทช21003)
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น (ฉบบั ปรับปรุง 2554). กรุงเทพฯ : สำ� นกั งาน กศน., 2555.
สำ� นกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. หนงั สอื เรียนสาระทกั ษะการประกอบอาชพี รายวิชา ชอ่ งทางการพัฒนา
อาชพี (อช21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ฉบับปรับปรงุ 2554). กรุงเทพฯ : สำ� นักงาน กศน., 2555.
สำ� นกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หนงั สอื เรียนสาระทกั ษะการพัฒนาสังคม รายวชิ าศาสนาและหนา้ ทพี่ ลเมอื ง
(สค21002) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ฉบบั ปรบั ปรุง 2554). กรุงเทพฯ : ส�ำนักงาน กศน., 2555.
สำ� นกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ. หนังสือเรียนสาระทกั ษะการพัฒนาสังคม รายวชิ าสังคมศกึ ษา (สค21001)
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ฉบับปรบั ปรงุ 2554). กรุงเทพฯ : สำ� นกั งาน กศน., 2555.
สำ� นักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. หนังสอื เรยี นสาระทกั ษะการเรียนรู้ รายวชิ าทักษะการเรียนรู้ (ทร21001)
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น (ฉบบั ปรับปรุง 2554). กรงุ เทพฯ : ส�ำนกั งาน กศน., 2555.
สำ� นกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธิการ. หนังสือเรียนสาระความรูพ้ ืน้ ฐาน รายวชิ าภาษาไทย (พท21001)
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น (ฉบับปรับปรุง 2554). กรงุ เทพฯ : สำ� นักงาน กศน., 2555.
อญั ชิษฐา สขุ กาย. หนังสอื เรียนสาระทกั ษะการด�ำเนินชวี ิต รายวชิ าสขุ ศึกษา พลศกึ ษา (ทช21002)
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น. กรุงเทพฯ : บรษิ ัท เจ.ด.ี แอสโซซิเอท จ�ำกัด, 2556.
เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบคุ คล ระดบั ประถมศกึ ษา 69
ปีการศกึ ษา 2563
คณะผจู้ ดั ท�ำ
ทป่ี รึกษา ผอู้ �ำนวยการสำ� นักงาน กศน.จังหวดั สโุ ขทยั
นักวชิ าการศึกษา ชำ� นาญการ
1. นายประกอบ โพธิ์ราม สังกดั ส�ำนกั งาน กศน.จังหวดั สโุ ขทยั
2. นายบรรเลง ยงญาต ิ ผู้อ�ำนวยการ กศน.อำ� เภอกงไกรลาศ
3. ผู้อ�ำนวยการ กศน.อ�ำเภอ ผูอ้ �ำนวยการ กศน.อ�ำเภอศรสี ำ� โรง
ผอู้ �ำนวยการ กศน.อ�ำเภอศรีนคร
คณะทำ� งาน ครู กศน.ต�ำบล อ�ำเภอกงไกรลาศ
ครู กศน.ตำ� บล อ�ำเภอศรสี ำ� โรง
1. นายพงคแ์ สนชยั อสิ ระไพจิตร ์ ครู กศน.ต�ำบล อำ� เภอศรนี คร
2. นางชัญญาภคั กง่ิ แก้ว นักวชิ าการศกึ ษา สำ� นกั งาน กศน.จงั หวดั สุโขทัย
3. นางพัทธนนั ท์ ดอ่ นด ี ครู กศน.ตำ� บล อำ� เภอศรีสำ� โรง
4. นางวิริญา แก้วทา ครชู �ำนาญการ กศน.อำ� เภอศรีนคร
5. นางชุติมณฑน์ ขำ� สาธร ครูอาสาสมัคร กศน. อ�ำเภอกงไกรลาศ
6. นางสาวขนิจดา สัตถาผล นักวิชาการศกึ ษา สำ� นักงาน กศน.จังหวัดสโุ ขทัย
7. จ.ส.ต.หญงิ ขนิษฐา ป่นิ สงคราม เจา้ หนา้ ที่บนั ทึกข้อมูล สำ� นกั งาน กศน.จงั หวดั สโุ ขทยั
บรรณาธิการ
1. นางสาวอมุ าพร ชมกล่ิน
2. นางสาวกนกวรรณ บรสิ ทุ ธ ์ิ
3. นางสาววชิ ดุ า คงอินทร ์
พมิ พ/์ รูปเล่ม
1. จ.ส.ต.หญงิ ขนษิ ฐา ปนิ่ สงคราม
2. นางสาวรพีพรรณ รอดสวุ รรณ
70 เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรยี นรายบุคคล ระดับประถมศกึ ษา
ปีการศกึ ษา 2563