เฉลยแบบทดสอบ E - Learning
หมวด ๑ ชดุ วชิ าที่ ๑
1. ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ ถานภาพของข้าราชการในสมัยการปกครองระบบประชาธิปไตย
ก. ขนุ นางตา่ งพระเนตรพระกรรณ
ข. ผปู้ ฏบิ ตั บิ ริหารงานของแผ่นดิน
ค. ลกู จา้ งของประชาชน
ง. พนกั งานของรฐั บาล
2. ขา้ ราชการในสมยั การปกครองระบบประชาธิปไตยมีสถานภาพเป็นอะไร
ก. ปัจจัยในการบรหิ ารราชการแผ่นดิน
ข. กลไลในการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ
ค. ลกู จา้ งของคณะรัฐมนตรี
ง. ข้าราชบรพิ าร
3. นายจ้างของขา้ ราชการในสมยั การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยคอื ใคร
ก. พระมหากษัตริย์
ข. เจา้ กระทรวง
ค. รฐั บาล
ง. ประชาชน
4. อะไรเป็นเครือ่ งยืนยนั วา่ ข้าราชการเปน็ ผู้ปฏบิ ตั บิ รหิ ารงานของแผน่ ดนิ
ก. รฐั ธรรมนูญ
ข. กฏหมายวา่ ด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดนิ
ค. กฏหมายว่าด้วยระเบยี บขา้ ราชการพลเรือน
ง. พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว
5. ข้าราชการนัดหยดุ งาน (strike) อยา่ งพนกั งานของบริษทั เอกชนไมไ่ ดเ้ พราะอะไร
ก. การรบั ราชการเปน็ หน้าท่ตี ามกฏหมาย
ข. ถกู จํากดั สิทธเิ สรีภาพโดยรฐั ธรรมนญู
ค. เปน็ การประทว้ งตอ่ ประชาชน
ง. เสยี เกยี รติ และศกั ดิศ์ รี
6. ข้าราชการใชเ้ วลาในวันหยดุ ราชการเข้าร่วมชมุ นุมกับประชาชนโดยสงบและไมม่ ีอาวธุ เพ่อื
เรยี กรอ้ งใหร้ ฐั บาลเลิกโครงการหน่ึงทร่ี ฐั บาลกําหนดไวเ้ ป็นนโยบาย ซึง่ มผี ลกระทบตอ่ ตน ได้หรอื ไม่
เพราะเหตุใด
ก. ได้ เพราะเปน็ สทิ ธเิ สรีภาพของประชาชนตามรฐั ธรรมนญู
ข. ได้ เพราะเป็นการกระทําในฐานะประชาชนไมเ่ กี่ยวกับตาํ แหน่งหนา้ ทรี่ าชการของตน
ค. ไมไ่ ด้ เพราะเปน็ การ strike ตอ่ รฐั บาล ซ่งึ เป็นนายจ้าง
ง. ไม่ได้ เพราะเปน็ การไมส่ นับสนนุ นโยบายของรัฐบาล
7. เหตุใดขา้ ราชการจึงถูกห้ามมิใหเ้ สพสุรามนี เมาในท่ีชมุ นมุ ชนในขณะท่ีบริษัทเอกชนไม่ห้ามพนกั งาน
ของเขากระทําเชน่ นั้น
ก. เพราะข้าราชการเป็นข้าราชบรพิ ารของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ไม่พงึ กระทาํ ใหเ้ สอื่ มเสีย
เกยี รติศกั ดิ์
ข. เพราะขา้ ราชการเปน็ พนกั งานของรัฐบาล จะตอ้ งรกั ษาความเช่อื มนั่ ของประชาชนต่อรัฐบาล
ค. เพราะการเสพสุรามนึ เมาจะทาํ ให้เสียราชการ
ง. เพราะขา้ ราชการตอ้ งดํารงตนให้มีศกั ด์ิศรเี หนอื กว่าพนกั งานของบริษัทเอกชน
8. ท่านเหน็ ดว้ ยกับคํากลา่ วในขอ้ ใดมากทสี่ ดุ
ก. การบรหิ ารประเทศไทยเป็นฝีมือของข้าราชการพลเรือนมาตลอด
ข. ข้าราชการต้งั สหภาพได้เช่นเดยี วกับลกู จ้างบริษัทเอกชน
ค. ในเวลาทไี่ ม่มีคณะรฐั มนตรกึ าํ หนดนโยบาย ข้าราชการอาจทาํ งานแบบ "ใสเ่ กยี รว์ า่ ง" กไ็ ด้
ง. ขา้ ราชการเปน็ ผรู้ ับใชป้ ระชาชน
9. ทา่ นเห็นวา่ ขา้ ราชการควรทาํ อยา่ งไรจึงจะไมถ่ กู ประณามวา่ เป็นพวกไดโนเสารเ์ ตา่ ล้านปี
ก. พฒั นาตนเองให้มคี ณุ ธรรม
ข. พฒั นาตนเองให้มที ักษะ
ค. พัฒนาตนเองให้มีสมรรถนะ
ง. พฒั นาตนเองให้มจี รยิ ธรรม
10. ขา้ ราชการรบั เล้ยี งจากผู้มาติดต่อราชการไม่ได้ เพราะเหตใุ ด
ก. ผิดมาตรฐานทางจริยธรรม
ข. ผิดมารยาททางการเมือง
ค. ผิดเป้าหมายธงชยั แห่งชีวติ ขา้ ราชการ
ง. ผิดวฒั นธรรมองคก์ ร
11. ท่านเหน็ วา่ การเป็นข้าราชการดีกว่าเป็นเป็นลกุ จ้างของธุรกิจเอกชนมากทสี่ ุดในเร่อื งใด /
ก. คุณภาพชีวติ
ข. ความเปน็ ธรรม
ค. ความมนั่ คง
ง. ความก้าวหนา้
12. เกียรติภมู ขิ องขา้ ราชการขึน้ อยู่กบั อะไร
ก. ความราํ่ รวย
ข. ความกวา้ งขวาง
ค. ความมอี ํานาจ
ง. ความดี
13.ทา่ นเหน็ วา่ ข้าราชการมที างก้าวหนา้ ในทางใดมากทีส่ ดุ
ก. ทางคณุ วฒุ ิ
ข. ทางคณุ ธรรม
ค. ทางรายได้
ง. ทางฐานะการงาน
14. ระบบการบริหารงานบคุ คล ระบบใดใหห้ ลกั ประกันความเป็นธรรมแกข่ า้ ราชการมากท่สี ดุ
ก. ระบบอุปถัมภ์ (Pratonage System)
ข. ระบบพรรคพวก (Spoils System)
ค. ระบบคณุ ธรรม (Merit System)
ง. ระบบจําแนกตาํ แหนง่ (Position Classification System)
15. การใดขา้ ราชการทาํ ได้
ก. เปน็ ผจู้ ดั การห้างหนุ้ สว่ นซงึ่ ตนถอื หุน้
ข. เป็นสมาชิกพรรคการเมอื ง
ค. สง่ั ขา้ ราชการด้วยวาจาโดยไมม่ คี วามจาํ เปน็ รบี ดว่ น
ง. รบั ของขวญั จากผู้เคยมาตดิ ต่อราชการ
16. วินยั ขา้ ราชการกําหนดใหข้ า้ ราชการปฏิบัติหน้าท่รี าชการใหเ้ ปน็ ไปตามอะไร
ก. แผนงาน และโครงการทก่ี าํ หนดไว้
ข. ความประสงค์ของประชาชน
ค. นโยบายของพรรคการเมอื ง
ง. นโยบายของรฐั บาล
17. วนิ ยั ข้าราชการท่ีกําหนดใหข้ ้าราชการต้องต้อนรบั ประชาชนน้นั ใหต้ ้อนรับประชาชนประเภทใด
ก. ประชาชนทวั่ ไป
ข. ประชาชนท่มี าเยย่ี มเยอื น
ค. ประชาชนท่ตี ดิ ต่อราชการ
ง. ประชาชนท่ตี ิดต่อราชการเก่ียวกับหนา้ ทขี่ องตน
18. จุดหมายปลายทางท่ขี า้ ราชการจะพงึ ไปใหถ้ งึ บน้ั ปลายของชีวิตการรบั ราชการ ไม่ควร อยู่ทขี่ อ้ ใด
ก. ความราํ่ รวยเป็นเศรษฐี
ข. ความเจรญิ เติบโตในสถานภาพ
ค. ความมน่ั คงในการดาํ รงชวี ติ
ง. ความนับถอื จากสังคม
19. ข้าราชการท่ีมงุ่ ประสงคจ์ ะเจริญเติบโตในสถานภาพจะตอ้ งสะสมอะไร
ก. ความดีงามในจติ ใจ
ข. ความจงรกั ภกั ดีตอ่ ประเทศชาติ
ค. ความสมั พันธอ์ ันดกี บั นักการเมือง
ง. ความรูค้ วามสามารถ
20. ขา้ ราชการจะมีเกียรติ และศกั ดิ์ศรีเป็นทย่ี อมรับในวงสังคมได้จะตอ้ งทาํ อยา่ งไร
ก. วางตนให้เป็นท่ภี ูมฐิ าน
ข. แสดงตัวเป็นผใู้ หญใ่ นสงั คม
ค. ไมท่ ํางานท่ีไม่น่าอภิรมย์
ง. ทําความดเี พอ่ื ประชาชน
หมวด ๑ ชดุ วิชาที่ ๒ หนว่ ยที่ ๑
๑. สํานกั งาน ก.พ. ได้ดําเนนิ โครงการเสรมิ สร้างวินยั และคณุ ธรรมข้าราชการพลเรอื น และ
โครงการปลกุ จติ สาํ นึกข้าราชการตามรอยพระยุคลบาท
และประพฤตติ ามกรอบแหง่ จรรยาบรรณ โดยผลิตและเผยแพร่สื่อเฉลมิ พระเกยี รตใิ นรปู แบบตา่ ง ๆ
ภายใตช้ ือ่ ว่าอะไร
ก. ส่ือเฉลมิ พระเกียรติ ชุด "ตามรอยพระยคุ ลบาท"
ข. สือ่ เฉลมิ พระเกียรติ ชดุ "พระบาทยาตรา"
ค. ส่ือเฉลิมพระเกยี รติ ชดุ "ตามรอยเทา้ พ่อ"
ง. สื่อเฉลิมพระเกียรติ ชุด "จติ สํานกึ ตามรอยพระยุคลบาท"
๒. ข้าราชการจะตอ้ งปฏิบัติตนอยา่ งไร เพ่ือประโยชนส์ ุขของประชาชนตามรอยพระยุคลบาท
ก. มคี วามจงรกั ภักดตี ่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์
ข. เป็นแกนหลักสาํ คญั ทร่ี ักษาความม่ันคงและสร้างสรรคพ์ ฒั นาประเทศ โดยปฏิบตั ิตามนโยบาย
ของรัฐบาล
ค. เปน็ คนท่ีมีความร้คู วามสามารถ ช่อื สตั ย์ สุจริต ยตุ ธิ รรม เป็นกลาง และปกปอ้ งผลประโยชน์
ของประชาชน
ง. พฒั นาตนเองใหท้ าํ งานเปน็ ท่ยี อมรบั ของประชาชน มคี วามมงุ่ มน่ั แน่วแน่ในการแก้ไขปัญหา
ของชาตแิ ละประชาชน /
๓. ข้าราชการท่ดี ีควรเป็นอยา่ งไร
ก. มคี วามมุง่ ม่นั ปฏิบัติหน้าทขี่ องตนใหด้ ีทีส่ ุด
ข. มหี ัวใจทรี่ ักประชาชนเพื่อประชาชนโดยยดึ มนั่ ในพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเดจ็ พระ
เจา้ อยูห่ ัว
ค. ปฏิบัตหิ นา้ ทข่ี องตนใหด้ ที ี่สุด โดยยึดมั่นพระบรมราโชวาทซึ่งกอ่ ให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุดแก่
ประชาชน สังคม และประเทศชาติเป็นหลักและแนวทางประพฤติปฏิบัติ
ง. ถูกทกุ ขอ้
๔. หลักสูตรการเรยี นรตู้ ามรอบพระยุคลบาทเพอื่ เปน็ ข้าราชการทด่ี แี ละพลงั ของแผ่นดิน มี
วัตถปุ ระสงค์อยา่ งไร
ก. เพอ่ื ใหข้ า้ ราชการปฏิบัติตนเป็นขา้ ราชการท่ีดี มงุ่ ม่นั ปฏบิ ตั ิงานเพ่อื ประโยชน์สุขของประชาชน
ถวายเปน็ ราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในโอกาสพระราชพิธี
มหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธนั วาคม 2542 /
ข. เพือ่ ใหข้ า้ ราชการสามารถทํางานโดยยดึ มน่ั ในพระบรมราโชวาททีพ่ ระราชทานให้แกข่ ้าราชการ
พลเรือน เพอ่ื เป็นกรอบและแนวทางประพฤติปฏบิ ัติที่ถกู ตอ้ ง
ค. เพอ่ื ใหข้ า้ ราชการไดเ้ รยี นรู้ตามรอยพระยคุ ลบาท เป็นทีร่ ักของประชาชน ในการสร้างความดี
แกส่ ังคมและเป็นพลังของแผ่นดิน
ง. ถกู ทกุ ขอ้
๕. พระบรมราโชวาททีว่ า่ "...การทํางานดว้ ยความบริสุทธ์ิใจ มไิ ดม้ งุ่ หมายหากนิ ดว้ ยวธิ ีใด ๆ
ใครอยากหากินขอใหล้ าออกจากตาํ แหน่งไปทําการค้าขายดกี วา่ ..."
เรยี นรไู้ ด้วา่ อย่างไร
ก. รรู้ กั สามัคคี
ข. ตอ้ งรู้จกั การให้มากกวา่ ท่จี ะหวังผลรบั /
ค. ทํางานอย่างสอดประสานสัมพนั ธ์
ง. ต้องมปี ญั ญาในการทํางาน
๖. พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสรจ็ ข้ึนครองราชย์ ขณะท่ีทรงมีพระชนมายเุ ทา่ ใด
ก. 16 พรรษา
ข. 17 พรรษา
ค. 18 พรรษา
ง. 19 พรรษา
๗. วนั ฉัตรมงคล ตรงกับวันทีเ่ ท่าใดของทุกปี
ก. 5 เมษายน
ข. 5 พฤษภาคม /
ค. 5 มถิ ุนายน
ง. 5 ธนั วาคม
๘. ศูนย์ศึกษาการพฒั นาอันเน่ืองมาจากพระราชดําริ ต้งั อยทู่ จ่ี ังหวัดใด
ก. เชยี งใหม่ เชียงราย จนั ทบรุ ี สกลนคร นราธวิ าส ฉะเชิงเทรา
ข. จนั ทบุรี ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี เชียงใหม่ สกลนคร นราธิวาส /
ค. นครนายก จนั ทบรุ ี ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ สกลนคร นราธวิ าส
ง. เพชรบรุ ี เชยี งราย จันทบรุ ี ฉะเชิงเทรา นราธิวาส ปัตตานี
๙. โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาํ ริ จํานวนกว่า 4,000 โครงการ แสดงใหเ้ ห็นถงึ
หลกั การพฒั นาประเทศวา่ อยา่ งไร
ก. การพฒั นาโดยเป็นไปตามภูมิประเทศ และความตอ้ งการของประชาชนในท้องทนี่ นั้ /
ข. การพฒั นาโดยพระราชดําริของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัว
ค. การพัฒนาโดยเนน้ การดําเนินงานท่ีหลากหลาย
ง. การพัฒนาโดยยดึ หลกั เศรษฐกจิ และประโยชน์ที่เพ่ิมขน้ึ
๑๐. คํากลา่ วทว่ี ่า "คณุ สมบตั ทิ ส่ี าํ คญั ของข้าราชการนนั้ ต้องอดทน" เปรยี บไดก้ ับพระราช
นิพนธ์เรือ่ งใด
ก. พระมหาชนก
ข. ติโต
ค. ตามรอยเท้าพ่อ
ง. คุณทองแดง
หมวด ๑ ชดุ วชิ าที่ ๒ หนว่ ยท่ี ๒
๑. พระปฐมบรมราชโองการ เมื่อครง้ั พระราชพิธีบรมราชาภเิ ษก เมือ่ วันท่ี 5
พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช 2493 มคี วามว่าอย่างไร
ก. เราจะครองแผน่ ดินโดยธรรม
ข. เราจะครองแผ่นดนิ โดยธรรมเพ่ือประโยชน์สุข
ค. เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพือ่ ประโยชน์สขุ
ง. เราจะครองแผ่นดนิ โดยธรรม เพ่อื ประโยชนส์ ุขแห่งมหาชนชาวสยาม
๒. ขอ้ ใดคือหลกั ทศพธิ ราชธรรม
ก. เมตตา ทาน ปยิ วาจา ตปะ อวหิ ิงสา
ข. ทาน ศลี อาชชวะ ขนั ติ อเุ บกขา
ค. ขันติ อวโิ รธนะ ปริจจาคะ ศลี อักโกธะ
ง. กรณุ า ทาน ขันติ มทั ทวะ ศลี
๓. ความเป็นคนตรง ซ่อื สัตย์ สุจรติ จรงิ ใจ ตรงกบั ทศพธิ ราชธรรมในขอ้ ใด
ก. ตปะ
ข. มัททวะ
ค. อาชชวะ
ง. อวหิ ิงสา
๔. ความอดทน ตรงกับทศพิธราชธรรมในขอ้ ใด
ก. ขนั ติ
ข. ปรจิ จาคะ
ค. ตปะ
ง. มทั ทวะ
๕. ความยตุ ิธรรม ตรงกับทศพิธราชธรรมในข้อใด
ก. อวิโรธนะ
ข. ศีล
ค. ปรจิ จาคะ
ง. อักโกธะ
๖. การพฒั นาใด ๆ ตอ้ งคาํ นึงถึงสภาพภูมปิ ระเทศของบริเวณนัน้ วา่ เป็นอยา่ งไร และเรยี นรู้
สงั คมวทิ ยาเกยี่ วกับนิสยั ใจคอของคนในพืน้ ท่ี
ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณแี ตล่ ะแหง่ ท่ีมคี วามแตกตา่ ง เรยี กว่าเป็นการพฒั นาโดยคาํ นงึ ถึงสง่ิ ใด
ก. ภมู สิ ังคม
ข. ภมู ศิ าสตร์
ค. ภมู ิวิทยา
ง. ภมู ทิ ัศน์
๗. ทฤษฎใี หม่ เป็นการแก้ไขปัญหาในลกั ษณะใด
ก. ลักษณะของแนวทางแกไ้ ขอยา่ งเชือ่ มโยง
ข. ลักษณะของแนวทางแกไ้ ขเปน็ องค์รวม
ค. ลกั ษณะของแนวทางแก้ไขในการบรหิ ารจัดการดนิ และนา้ํ
ง. ถูกทกุ ขอ้
๘. แนวคิดเพอื่ แกไ้ ขและพฒั นาประเทศตามแนวพระราชดาํ ริ ทรงมหี ลกั คดิ ใดเป็นประการ
สาํ คญั
ก. การทําให้งา่ ย
ข. สอดคลอ้ งกบั สภาพความเปน็ อยู่
ค. สอดคลอ้ งกับระบบนิเวศน์
ง. ถกู ทกุ ขอ้
๙. ขอ้ ใดคือความหมายของพระราชดํารัส "รู้ รัก สามัคค"ี
ก. การเรียนรู้เพอื่ ทราบถึงปญั หา
ข. การเรียนรู้เพ่อื ทราบถึงปัญหา ร้ถู ึงปัจจยั และวธิ ีการแก้ปัญหา
ค. การเรยี นรเู้ พ่อื ทราบถงึ ปญั หา รูถ้ งึ ปจั จัยและวิธกี ารแกป้ ญั หา มคี วามรกั ทจี่ ะลงมอื ไปปฏิบตั ิ
เพอ่ื แกป้ ญั หาน้นั ๆ
ง. การเรียนรู้เพอื่ ทราบถึงปัญหา รถู้ ึงปัจจยั และวธิ ีการแกป้ ัญหา มีความรกั ทจ่ี ะลงมือไปปฏบิ ัติ
เพอ่ื แกป้ ัญหาน้นั ๆ และมคี วามร่วมมอื ร่วมใจทําเปน็ หมคู่ ณะ
เพ่อื ใหม้ พี ลังในการแกป้ ญั หาให้ลลุ ว่ งไปด้วยดี
๑๐. พระบรมราโชวาทต่อไปนี้ ทา่ นคิดว่า ได้เรียนรู้ในเรื่องใด เปน็ ประเดน็ สําคญั
"...ความบงั คบั ตนเองนนั้ เกดิ ข้ึนได้จากความร้สู ึกระลกึ ไดว้ า่ อะไรเปน็ อะไร หรอื เรยี กส้นั ๆ ว่า "สต"ิ
กลา่ วคอื ก่อนที่บคุ คลจะทาํ จะพดู หรือแมแ้ ต่จะคดิ เร่อื งต่าง ๆ
สตหิ รอื ความรสู้ ึกระลึกได้น้นั จะทําใหห้ ยดุ คดิ ว่าสิ่งท่ีจะทําน้ันผิดชอบช่ัวดอี ยา่ งไร จะมีผลเสียหายหรอื
จะเปน็ ประโยชน์อย่างไรต่อไปในระยะยาว
เมือ่ บคุ คลคดิ ไดก้ ็จะสามารถตัดสินการกระทาํ ของตนได้ถูกต้อง แล้วก็จะกระทําเฉพาะสิ่งที่สจุ รติ ทมี่ ี
ประโยชนอ์ ันย่ังยืน ไม่กระทาํ สิ่งท่ีจะเปน็ ความผิดเสียหายทง้ั แก่ตนและสว่ นรวม
ความมสี ตนิ ้ัน จะชว่ ยใหส้ ามารถศึกษาทกุ สงิ่ ทุกอย่างได้อย่างละเอียด ประณตี คอื เม่อื จะศึกษาสงิ่ ใด
ก็จะพจิ ราณากลั่นกรองสิ่งท่มี ใิ ช่ความถกู ต้องแทจ้ ริงออกเสยี ก่อน
เพอื่ ให้ได้มาแตเ่ น้ือแท้ทปี่ ราศจากโทษ บณั ฑติ ทงั้ ปวงผหู้ วงั ความม่ันคงปลอดภัยทั้งของตนเองของชาติ
บา้ นเมอื ง เมื่อจะทําการงานใด ๆ ทส่ี ําคญั
ความอย่างท่ีจะหยุดคิดสักหน่อยก่อนทกุ ครัง้ แล้วท่านจะไมต่ ้องประสบกบั ความผิดหวังและผิดพลาด
ในชีวติ ..."
ก. ความมสี ติ
ข. ความอดทน
ค. ความดี
ง. ความสามัคคี
หมวด ๑ ชดุ วชิ าท่ี ๒ หนว่ ยที่ ๓
๑.สาํ นักงานคณะกรรมการพัมนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ได้รับพระราชทานพระ
บรมราชานุญาตใหน้ ําหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใชแ้ ละเผยแพร่เมื่อใด
ก. วันท่ี 4 เมษายน พทุ ธศักราช 2542
ข. วนั ที่ 28 เมษายน พทุ ธศักราช 2542
ค. วนั ที่ 29 พฤศจิกายน พทุ ธศักราช 2542
ง. วันท่ี 5 ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช 2542
๒. หลกั การ "3 ห่วง 2 เงื่อนไข" ประกอบด้วยอะไรบา้ ง
ก. พอเพียง พอประมาณ มเี หตุผล ความรู้ และคณุ ธรรม
ข. พอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมิค้มุ กันในตัวทด่ี ี ความรู้ และคุณธรรม
ค. พอเพียง พอประมาณ มภี มู ิคมุ้ กนั ในตัวทดี่ ี ความรู้ และคุณธรรม
ง. พอประมาณ ซื่อสตั ย์ มีภมู คิ ุม้ กนั ในตัวที่ดี ความรู้ และคณุ ธรรม
๓. ขอ้ ใดอธิบายถึงเง่อื นไขความรู้ และเงอื่ นไขคุณธรรม
ก. มสี ติ ปญั ญา ขยนั อดทน พากเพียร ระมัดระวงั และพอประมาณ
ข. มคี วามรอบรู้ รอบคอม สติ ปญั ญา ขยนั อดทน และพากเพยี ร
ค. มคี วามรอบคอบ ระมัดระวัง สติ ปญั ญา ขยัน และมภี ูมิคุ้มกนั ในตวั ที่ดี
ง. มีความซ่ือสตั ย์ ขยัน อดทน สติ ปญั ญา และมีเหตผุ ล /
๔. ข้อใดไม่ใชย่ ุทธศาสตรใ์ นการจัดทําแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติฉบบั ท่ี 10 ทไี่ ด้
นอ้ มนําหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงเปน็ แนวทาง
ก. ยทุ ธศาสตร์การพฒั นาคณุ ภาพคนและสงั คมไทยสสู่ งั คมแหง่ ภูมิปญั ญาและการเรียนรู้
ข. ยทุ ธศาสตร์การสรา้ งความเขม้ แขง็ ของชมุ ชน
ค. ยทุ ธศาสตรก์ ารปรบั โครงสรา้ งเศรษฐกิจใหส้ มดลุ และยงั่ ยืน
ง. ยทุ ธศาสตรก์ ารส่งเสรมิ ธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการประเทศ
๕. หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งสามารถนาํ ไปประยุกต์ใชก้ ับประชาชนกลมุ่ ใดได้บ้าง
ก. ขา้ ราชการ
ข. ภาคประชาชน
ค. ภาคเอกชน
ง. ประชาชนทุกกลุม่
๖. การนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการบรหิ ารงานบคุ คลของภาครฐั ทําไดโ้ ดย
วธิ ใี ด
ก. เลอื กบุคคลที่มคี วามเกง่ มาบริหารงานอยา่ งถูกหลักวชิ าการ
ข. พฒั นาขา้ ราชการตามกําหนดเวลาทีส่ ่วนราชการกําหนด
ค. มีสง่ิ จูงใจท่ีเหมาะสมกบั การทาํ งานของข้าราชการ
ง. ใหส้ ิทธปิ ระโยชนแ์ ละหลกั ประกันทมี่ นั่ คงสาํ หรับขา้ ราชการทีท่ ํางาใหต้ ามทีต่ น้ สงั กัดพอใจ /
๗. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถูกตอ้ งตามแนวปฏิบตั ิของหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ก. ควรมีการศกึ ษาวจิ ยั จาํ นวนบคุ ลากรทเี่ หมาะสมและคุ้มคา่ ในหน่วยงาน เพอ่ื วางแผน
อัตรากาํ ลังให้การทํางานบรรลเุ ป้าหมาย
ข. ควรสรรหาบุคคลเพอื่ ทํางานในหน่วยงานโดยยึดนโยบายโปร่งใส เสมอภาค เปน็ ธรรม ไม่เลอื ก
ปฏบิ ตั ิ ตรวจสอบได้ และมีเหตผุ ล
ค. ควรสรา้ งองคค์ วามรแู้ กบ่ คุ คลในสว่ นราชการอยา่ งต่อเนอ่ื ง
ง. ควรมีระบบการบริหารคา่ ตอบแทนหรอื สวสั ดิการเมือ่ หนว่ ยงานมผี ลกําไรจากการประกอบการ
๘. ข้อใดกล่าวไม่ถกู ตอ้ งตามแนวปฏบิ ตั ิของหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ก. หลักเศรษฐกจิ พอเพียงเป็นปรัชญาจงึ สามารถนําไปใหไ้ ดก้ ับทกุ คน
ข. พอเพยี งหมายความว่า มกี นิ มอี ยู่ ไมฟ่ ุ่มเฟอื ย ไมห่ รูหรา ไมม่ สี ิง่ อาํ นวยความสะดวก
ค. พงึ่ ตนเองคอื ใชต้ ามทมี่ ี ไม่ตอ้ งไปขอซื้อคนอืน่ อยูไ่ ด้ดว้ ยตนเอง
ง. พอประมาณคอื ไมส่ ุดโตง่ ไม่โลภอยา่ งมาก แมม้ สี ่งิ ฟ่มุ เฟือยก็ไม่เดอื ดร้อน
๙. ข้อใดคอื ความหมายของการมีภมู คิ ุม้ กันในตัวทด่ี ีตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ก. พรอ้ มรบั ผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงทีอ่ าจจะเกดิ ขึ้น
ข. มคี วามรอบรเู้ กี่ยวกบั วชิ าการต่าง ๆ อย่างรอบด้าน
ค. มคี วามพอดี ไมเ่ บียดเบยี นตนเองและคนอน่ื
ง. มีเหตผุ ลในการตัดสนิ ใจ โดยพจิ ารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง
๑๐. ข้อใดคือคําจํากัดความของคําอธบิ ายทว่ี า่ "ความพอดี ไมน่ อ้ ยเกนิ ไป ไม่มากเกินไป จน
ต้องเบียดเบยี นตนเองและผูอ้ นื่ "
ก. ความพอเพยี ง
ข. ความพอประมาณ
ค. ความมเี หตุผล
ง. การมภี มู คิ มุ้ กนั ในตัวทด่ี ี
หมวด ๒ ชดุ วิชาท่ี ๑
๑. ตามระบอบการปกครองประเทศไทย อํานาจอธิปไตยเปน็ ของใคร
ก. พระมหากษัตริย์
ข. ประชาชน
ค. รฐั บาล
ง. รัฐสภา
๒. เงนิ คงคลงั คือเงินอะไร
ก. เงินเหลือจ่ายของรฐั บาลในปีกอ่ น ๆ
ข. เงินสาํ รองของรฐั บาลเก็บไว้ใชย้ ามฉกุ เฉนิ
ค. เงนิ สํารองเพ่อื การออกธนบัตรของธนาคารแหง่ ประเทศไทย
ง. เงินสํารองเพอื่ การออกเหรียญกษาปณข์ องกรมธนารกั ษ์
๓. อะไร ไมใ่ ช่ รายได้ของรัฐ
ก. ภาษอี ากร
ข. คา่ ธรรมเนยี มจดทะเบียน
ค. ผลกาํ ไรจากการดาํ เนนิ การขององคก์ ารของรัฐบาล
ง. เงินกู้
๔. การกาํ หนดรายจ่ายในการบริหารราชการไทย จัดทาํ เปน็ รปู แบบใด
ก. แผนการใช้จา่ ย
ข. บญั ชรี ายจ่าย
ค. พระราชบัญญัติงบประมาณประจําปี
ง. ประมวลรษั ฎากร
๕. สํานกั งานสถิตแิ หง่ ชาติ อยใู่ นสงั กดั กระทรวงใด
ก. กระทรวงมหาดไทย
ข. กระทรวงยุตธิ รรม
ค. กระทรวงการพัฒนาสงั คมและความม่ันคงของมนษุ ย์
ง. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร
๖. ตามระบอบการปกครองประเทศไทย ใครเปน็ ผใู้ ช้อาํ นาจอธปิ ไตย
ก. พระมหากษตั ริย์
ข. ประชาชน
ค. รฐั บาล
ง. รฐั สภา
๗. คณะกรรมการการตรวจเงินแผน่ ดิน นอกจากประธานกรรมการแลว้ ยงั มี
กรรมการอีกกค่ี น
ก. 12 คน
ข. 10 คน
ค. 8 คน
ง. 6 คน
๘. นอกจากนายกรฐั มนตรี ยงั มีรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนญู อกี กีค่ น
ก. 25 คน
ข. 30 คน
ค. 35 คน
ง. 40 คน
๙. สํานักงานคณะกรรมการคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค อยใู่ นสังกัดกระทรวงใด
ก. สาํ นกั นายกรัฐมนตรี
ข. กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมั่นคงของมนษุ ย์
ค. กระทรวงมหาดไทย
ง. กระทรวงสาธารณสขุ
๑๐. องค์กรใด ไม่มี อาํ นาจควบคุมการบรหิ ารราชการแผ่นดิน
ก. สภาผแู้ ทนราษฎร
ข. วฒุ สิ ภา
ค. สภาทป่ี รึกษาเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ
ง. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ
๑๑. ตามรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย นายกรฐั มนตรมี าจากการใด
ก. การเลอื กต้งั โดยประชาชน
ข. การแตง่ ตั้งโดยพระมหากษัตรยิ ์ ด้วยความเหน็ ชอบของรัฐสภา
ค. การแต่งต้ังโดยพระมหากษัตรยิ ์ ดว้ ยความเหน็ ชอบของวฒุ ิสภา
ง. การแต่งต้ังโดยพระมหากษัตริย์ ดว้ ยความเหน็ ชอบของสภาผแู้ ทนราษฎร
๑๒. พนกั งานมหาวทิ ยาลยั เป็นขา้ ราชการประเภทใด
ก. ข้าราชการพลเรือน
ข. ขา้ ราชการพลเรอื นในมหาวทิ ยาลัย
ค. บคุ ลากรทางการศกึ ษา
ง. ไมเ่ ปน็ ขา้ ราชการ
๑๓. สภาท่ีปรึกษาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ มีสถานภาพเปน็ อะไร
ก. สว่ นราชการ /
ข. องค์กรมหาชน
ค. องคก์ รการเมอื ง
ง. องคก์ รตามรัฐธรรมนูญ
๑๔. กรมอุตนุ ิยมวิทยา อยใู่ นสังกดั กระทรวงใด
ก. สํานกั นายกรฐั มนตรี
ข. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม
ค. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร
ง. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๕. ด่านศลุ กากร อยู่ในราชการบรหิ ารสว่ นใด
ก. สว่ นกลาง
ข. สว่ นภมู ิภาค
ค. ส่วนท้องถ่ิน
ง. สว่ นทอ้ งท่ี
๑๖. การตรวจสอบภายในในระบบราชการ คอื การทาํ อะไร
ก. ตรวจโรคสตรีทางอวยั วะเพศ
ข. ตรวจความปลอดภยั ในสถานทรี่ าชการ
ค. ตรวจจับผดิ เจ้าหน้าที่ของรฐั
ง. ตรวจรายงานผลการปฏิบตั ริ าชการ
๑๗. คณะรฐั มนตรีท่ีจะเขา้ บริหารราชการแผน่ ดิน ต้องแถลงนโยบายตอ่ องคก์ รใด
ก. สภาผแู้ ทนราษฎร
ข. วฒุ สิ ภา
ค. รฐั สภา
ง. พระมหากษตั ริย์
๑๘. กรมราชทัณฑ์ อยูใ่ นสงั กดั กระทรวงใด
ก. กระทรวงมหาดไทย
ข. กระทรวงยตุ ธิ รรม
ค. กระทรวงการพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของมนุษย์
ง. สํานกั นายกรัฐมนตรี
๑๙. องค์กรใดเปน็ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนญู
ก. องค์กรอยั การ
ข. องค์กรตํารวจแหง่ ชาติ
ค. คณะกรรมการสทิ ธมิ นษุ ยชนแห่งชาติ
ง. คณะกรรมการการตรวจเงินแผ่นดิน /
๒๐. คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติ นอกจากประธาน
กรรมการแลว้ ยงั มีกรรมการอีกกคี่ น
ก. 12 คน
ข. 10 คน
ค. 8 คน
ง. 6 คน
หมวด ๒ ชดุ วชิ าท่ี ๒
๑. การบริหารผลการปฏบิ ัตงิ าน หมายถึง
ก. การปฏิบตั งิ านเพ่ือมุ่งใหเ้ กดิ ผลสัมฤทธต์ิ ามท่ตี ้องการ
ข. การประเมนิ ผลการปฏิบัติงานโดยการกําหนดตัวช้วี ดั (KPI) อยา่ งชดั เจน
ค. การดําเนินการอยา่ งเปน็ ระบบ เพอ่ื ผลักดนั ให้ผลการปฏบิ ัติงานขององค์กรบรรลุ
เปา้ หมาย
ง. การกาํ หนดมาตรฐานการปฏิบตั ิงานทเี่ หมาะสมและสอดคล้องกับความเป็นจริง
๒. ผลการปฏิบัตริ าชการของข้าราชการแต่ละคนประกอบดว้ ยองค์ประกอบอยา่ ง
น้อย 2 สว่ น คือ
ก. ผลสัมฤทธ์ขิ องงาน และความโปร่งใสในการปฏบิ ตั ริ าชการ
ข. ผลผลิตของงาน และผลลัพธข์ องงาน
ค. ผลสมั ฤทธ์ขิ องงาน และพฤติกรรมการปฏบิ ตั ริ าชการ
ง. พฤติกรรมการปฏบิ ัติราชการ และสมรรถนะ
๓. การประเมนิ ผลการปฏิบตั ริ าชการใหมใ่ นแต่ละปีงบประมาณประกอบด้วยการ
ประเมิน 2 รอบ โดยรอบการประเมนิ รอบที่ 1 และรอบท่ี 2 เรม่ิ ต้นและสน้ิ สดุ เม่อื ใด
ก. 1 ตุลาคม - 31 มนี าคม และ 1 เมษายน - 30 กันยายน ตามลาํ ดบั
ข. 1 เมษายน - 30 กันยายน และ 1 ตลุ าคม - 31 มนี าคม ตามลาํ ดับ
ค. 1 มกราคม - 30 มถิ นุ ายน และ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม ตามลาํ ดับ
ง. รอบการประเมนิ ในแต่ละปีงบประมาณไม่มกี ารกําหนดแน่ชดั ขึ้นอย่กู ับดลุ ยพินจิ
ของส่วนราชการทจ่ี ะกาํ หนดใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะของตน
๔. คณุ สมบัตสิ าํ คญั ทีส่ ุด 2 ประการของตัวชว้ี ัดผลการปฏบิ ตั ิงานที่ดี ได้แก่
ก. เข้าใจง่ายไมซ่ บั ซ้อน และให้ข้อมูลเก่ียวกับผลการปฏิบตั ิงานได้จรงิ
ข. มจี าํ นวนทเ่ี หมาะสม และผปู้ ระเมินเห็นวา่ มีเนือ้ หาท่ีเหมาะสม
ค. มีความจําเพาะเจาะจง และสามารถเก็บขอ้ มลู ผลการปฏบิ ตั งิ านได้จริง
ง. ให้ขอ้ มูลเกย่ี วกับผลการปฏิบตั งิ านได้จรงิ และไม่แปรผันตามชว่ งเวลาทวี่ ัดหรือผู้วัด
๕. การตัดสินใจเก่ียวกับจาํ นวนตวั ช้วี ดั ผลการปฏบิ ัตงิ านท่ีเหมาะสมมแี นวทางการ
พจิ ารณาอยา่ งไร
ก. ไมม่ ากเกินไป แตก่ ็ไม่นอ้ ยเกินควร
ข. กาํ หนดให้ครอบคลุมทุกมิติการปฏบิ ัติงานโดยไม่คาํ นึงถงึ ความมากนอ้ ยของตัวชีว้ ัด
ฯ/
ค. ข้นึ อยกู่ ับดุลยพินิจร่วมระหวา่ งผู้ประเมนิ และผู้ถูกประเมิน
ง. เลือกใชเ้ ฉพาะตวั ช้วี ดั ฯ สาํ คัญบางตวั ทีม่ ีอิทธพิ ลสงู ต่อผลการปฏบิ ัติงาน
๖. ขอ้ ใดกลา่ วถึงลักษณะของการบริการไดต้ รงกบั ความเปน็ จรงิ
ก. ความพึงพอใจของผรู้ บั บริการข้ึนอยู่กับองคป์ ระกอบหลักของการบริการท่ไี ดร้ ับ
เปน็ ปัจจยั สาํ คญั ท่ีสุด /
ข. การบรกิ ารมลี กั ษณะเหมอื นกันทกุ ประการกับการผลติ สินค้าเพราะทงั้ สองอยา่ ง
ล้วนเปน็ กิจกรรมทางเศรษฐกจิ
ค. หากผใู้ ชบ้ ริการทกุ คนไดป้ ฏิบัติตามข้นั ตอน / กระบวนการในการใหบ้ รกิ ารท่ี
เหมอื นกันแลว้ จะทําใหผ้ ลลัพธ์การบรกิ ารออกมาเหมอื นกนั ทุกประการ
ง. การใหบ้ รกิ ารส่วนใหญเ่ กิดข้นึ พร้อมกบั การรบั บรกิ ารของลูกค้า
๗. ข้อใดกล่าวถึงความหมายของบรกิ ารสาธารณะ (Public Service) ได้ถูกต้อง
ก. บริการท่ีจดั ให้มแี ก่ประชาชนที่มรี ายไดน้ ้อย
ข. บรกิ ารท่ีจัดใหแ้ ก่ประชาชนโดยไม่คิดมลู คา่
ค. บริการทร่ี ฐั จัดใหม้ ขี นึ้ แก่ประชาชนทวั่ ไป
ง. บรกิ ารที่รดั จดั ให้แก่ประชาชนเพอ่ื สนองการร้องขอจากประชาชน
๘. ข้อใดคือเหตุผลสนับสนนุ การกล่าวว่าแนวทางการจัดบรกิ ารสาธารณะ เปน็ การ
สะท้อนประชามติของประชาชนในประเทศ
ก. การจดั บรกิ ารสาธารณะต้องได้รบั ความเหน็ ชอบจากนายกรฐั มนตรใี นฐานะหวั หนา้
รัฐบาล
ข. การจดั บริการสาธารณะเป็นการดาํ เนินการตามกฎหมายรัฐธรรมนญู ซึง่ เป็น
กฎหมายสูงสดุ ทีป่ ระชาชนชาวไทยทุกคนตอ้ งเคารพและปฏิบัติตาม
ค. การจัดบรกิ ารสาธารณะต้องอาศยั เงนิ งบประมาณแผน่ ดินทต่ี อ้ งผ่านความเหน็ ชอบ
จากรัฐสภา อนั ประกอบด้วยผ้แู ทนราษฎรซึ่งถอื เป็นตัวแทนประชาชนทัว่ ประเทศ /
ง. ประชาชนเปน็ ผลู้ งคะแนนเสียงแสดงความคดิ เห็นวา่ ต้องการใหร้ ัฐจัดบรกิ าร
สาธารณะอะไรบา้ ง
๙. ข้อใดไมใ่ ชต่ วั อยา่ งแนวทางหลกั ในการพฒั นาบริการประชาชนตามแนวทางของ
สาํ นกั งาน ก.พ.ร.
ก. การกาํ หนดใหม้ เี งินรางวัลประจําปสี าํ หรับส่วนราชการทปี่ ฏิบตั ิราชการไดผ้ ลดี
ข. การจดั ตัง้ ศนู ยบ์ รกิ ารรว่ ม
ค. การมอบรางวัลคุณภาพการให้บรกิ ารประชาชน
ง. การลดข้ันตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการ
๑๐. ข้อใดไมใ่ ชอ่ งคป์ ระกอบของหวั ใจนักให้บรกิ ารท่ีเปน็ เลิศ (SERVICE)
ก. Smiling
ข. Early Response
ค. Respectful
ง. Validity
๑๑. ขอ้ ใดไมใ่ ชค่ วามสําคญั ของวัฒนธรรม
ก. วฒั นธรรมทาํ ให้มนษุ ย์แตกตา่ งจากสตั ว์ทด่ี ํารงอยู่ได้ด้วยสญั ชาตญาณและการ
เรียนรู้
ข. วัฒนธรรมทค่ี ล้ายคลึงกนั จะสง่ ผลใหค้ นในสังคมมพี ฤติกรรมท่คี ลา้ ยคลึงกัน
ค. คนในสังคมซึง่ มวี ฒั นธรรมแบบเดียวกนั มกั จะมสี ัญลกั ษณท์ ใ่ี ช้แสดงออกทาง
ความคดิ และปัญญาเปน็ แบบเดียวกนั
ง. เปน็ ความสําคัญของวัฒนธรรมทกุ ขอ้
๑๒. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลกั ษณะของวฒั นธรรมข้นั อนารยชน
ก. การรวมตวั ของคนเป็นชมุ ชนขนาดใหญ่
ข. มีการแบ่งหนา้ ทกี่ นั ปฏิบัติ
ค. การดิ้นรนใหม้ ชี ีวิตรอดโดยการแสวงหาอาหาร การล่าสตั ว์ การสบื เผา่ พันธุ์ หรอื
การเก็บเกย่ี วทรพั ยากรธรรมชาติ
ง. มวี ทิ ยาการดา้ นต่างๆ
๑๓. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ กั ษณะของวฒั นธรรมไทย
ก. วฒั นธรรมไทยพืน้ บ้านจาํ นวนมาก เกดิ จากการสรา้ งสรรค์ของข้าราชการชนช้ัน
ปกครอง
ข. วฒั นธรรมไทย มพี ระธรรมคาํ สอนในพระพุทธศาสนาเป็นแก่นสารเปน็ สว่ นใหญ่
ค. วฒั นธรรมไทย มีวงั และวัดเปน็ ฝา่ ยนาํ ในการพัฒนาหรือสรา้ งสรรค์
ง. วฒั นธรรมไทยมีลกั ษณะหลากหลาย มคี วามผดิ เพ้ยี นไปบ้าง แตส่ ามารถเข้าใจกนั ได้
และปฏิบตั ิร่วมกนั ได้
๑๔. การรบั ราชการเปน็ อาชีพถือวา่ ปรากฎชดั ข้นึ ในสมัยใด
ก. รชั กาลที่ 4
ข. รัชกาลท่ี 5
ค. รัชกาลท่ี 6
ง. รัชกาลที่ 7
๑๕. ข้อใดไมใ่ ช่ลักษณะของคน Generation Y
ก. ตัง้ คําถามกบั ทุกสิง่ จะไม่เชือ่ สง่ิ ใดงา่ ยๆ หากไม่มเี หตุผลดีพอ
ข. ไมม่ ีความอดทนท่จี ะทาํ งานในทเ่ี ดมิ นานๆ
ค. ชอบทําหลายๆ อย่างพร้อมกนั
ง. ถกู ทุกขอ้
๑๖. ข้อใดคอื ปญั หาของระบบงบประมาณแบบแสดงรายการ (Line-Item
Budgeting)
ก. ไมส่ ามารถวัดผลสาํ เรจ็ ของงานได้
ข. เนน้ การควบคุมรายละเอียดของการใชจ้ ่ายเงินมากเกนิ ไป
ค. ไมเ่ หน็ ความเช่ือมโยงระหว่างทรพั ยากรทจี่ ดั สรรให้แกง่ าน / โครงการกับผลที่
ตอ้ งการให้เกดิ ขนึ้
ง. ถกู ทุกข้อ
๑๗. ข้อใดไมใ่ ช่ลักษณะของระบบงบประมาณแบบม่งุ เน้นผลงานตามยุทธศาสตร์
ก. หนว่ ยงานภาครฐั มอี สิ ระในการจดั การงบประมาณ
ข. ให้ความสาํ คัญกบั การควบคมุ ปจั จยั นําเข้า (Input)แตล่ ะรายการ
ค. การจดั การงบประมาณจะตอ้ งเป็นการวางแผนลว่ งหน้าท่มี รี ะยะเวลา 3 ปี
ง. หนว่ ยงายภาครฐั ตอ้ งกําหนดวา่ จะดาํ เนนิ การใหเ้ กิดผลผลติ และผลลัพธ์อะไรบา้ ง
๑๘. ข้อใดไมใ่ ช่องคป์ ระกอบพนื้ ฐานทสี่ ําคัญของแผนการดาํ เนนิ งานตามระบบ
งบประมาณแบบมงุ่ เน้นผลงานตามยุทธศาสตร์
ก. ชือ่ แผนงานหรอื ประเดน็ ยุทธศาสตร์
ข. วตั ถปุ ระสงคห์ รอื เปา้ ประสงคข์ องแผนงาน ซง่ึ เขียนในรปู ของตวั ช้วี ัดความสาํ เรจ็
ค. งาน / โครงการ หรอื กจิ กรรมหลกั ที่จะดําเนนิ การภายใตแ้ ผนงาน
ง. คา่ ใชจ้ า่ ยงบประมาณตามรายการแตล่ ะประเภท
๑๙. ขอ้ ใดไมใ่ ช่คา่ ใช้จา่ ยเพอ่ื การดาํ เนนิ งาน
ก. คา่ จา้ งชั่วคราว
ข. คา่ ตอบแทน
ค. คา่ สาธารณูปโภค
ง. ค่าใชส้ อย
๒๐. ข้อใดคอื ลักษณะของตัวช้ีวดั
ก. ปรมิ าณงานทที่ าํ เสรจ็
ข. คุณภาพของผลผลิต
ค. งบประมาณท่ีใช้
ง. ถกู ทกุ ข้อ
หมวด ๒ ชดุ วชิ าที่ ๓
๑. "การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมืองที่ดี" (Good Governance) มีความม่งุ หมายให้สว่ นราชการ
ทํางาน โดย
ก. มุ่งความมีประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ล
ข. มุง่ ความรวดเร็วในการบริหารประเทศ
ค. มีการปรบั ตวั ให้ทนั การเปล่ยี นแปลง
ง. มงุ่ ประโยชนส์ ขุ ของประชาชน
จ. ถูกทุกขอ้
๒. การบริหารราชการตอ้ งเป็นไปเพอ่ื ประโยชนส์ ุขของประเทศ คาํ วา่ "ประโยชน์สขุ ของ
ประชาชน" หมายถึง การบริหารที่ตอ้ งการทําใหเ้ กิด
ก. ความสงบและความปลอดภัยของสังคมสว่ นรวม
ข. ความผาสกุ และความเปน็ อยูท่ ่ีดขี องประชาชน
ค. ประโยชนส์ ขุ ของประเทศ
ง. ขอ้ ก. และ ขอ้ ข.
จ. ถกู ทกุ ขอ้
๓. การท่จี ะถือไดว้ ่าส่วนราชการมี "การบริหารแบบมงุ่ ผลสมั ฤทธิ์" องค์ประกอบใดทถ่ี อื วา่
สําคัญทส่ี ดุ
ก. การทํางานโดยข้าราชการทีม่ คี วามสามารถ
ข. มรี ะบบตดิ ตามและประเมนิ ผลการทาํ งาน
ค. มแี ผนปฏิบตั ิราชการกอ่ นลงมือทํางาน
ง. มีเปา้ หมายความสําเรจ็ ของงาน /
จ. ถกู ทุกขอ้
๔. การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมืองทดี่ "ี (Good Governance) เป็นการบริหารทีผ่ สมผสาน
"คุณค่าหลกั " สองดา้ น คอื
ก. การเมอื งตามระบอบประชาธิปไตย กบั การบรหิ าร
ข. การปกครอง กบั ความพงึ พอใจของประชาชน
ค. การบริหาร กบั ความเท่ียงธรรมตอ่ ประชาชน
ง. การบรหิ าร กับ การปกครอง
จ. การเมอื ง กบั การปกครอง
๕. ขอ้ ใดเปน็ แนวทางการบริหารราชการเพ่ือประโยชนส์ ุขของประชาชน
ก. ไม่ปลอ่ ยปัญหาและอปุ สรรคทเี่ กดิ จากการบริหาร ทับถมและแกไ้ ขล่าชา้
ข. การดาํ เนนิ การทต่ี อ้ งคํานงึ ถงึ การใหป้ ระชาชนเป็นศูนยก์ ลาง
ค. การดําเนินการใดๆ ตอ้ งวเิ คราะห์ผลดีผลเสียใหค้ รบถ้วน
ง. การทตี่ อ้ งรับฟังความคดิ เหน็ ของประชาชน
จ. ถูกทุกขอ้ /
๖. ข้อใดเป็นวธิ กี ารดําเนนิ การที่สําคญั อนั ดบั แรก เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธต์ิ อ่ ภารกจิ ของรฐั
ก. ตอ้ งคํานงึ ถึงงบประมาณเปน็ อนั ดับแรก
ข. ตอ้ งรบั ฟังความคดิ เห็นของประชาชน
ค. มแี ผนการทาํ งานกอ่ นลงมอื ทํา /
ง. ตอ้ งคํานงึ ถึงกําลงั คน
จ. ต้องมีการจัดการ
๗. ข้อใดไม่ใชห่ ลกั การสําคญั ของ "การบริหารกจิ การบ้านเมืองท่ดี ี" (Good Governance)
ก. ประสทิ ธิภาพ
ข. ความโปรง่ ใส
ค. ความคมุ้ ค่า
ง. จริยธรรม
จ. นติ ิธรรม
๘. ข้อใดท่ไี มเ่ ก่ียวข้องกับหลักการมงุ่ เนน้ ความรวดเร็วและลดขัน้ ตอนการปฏิบตั ิงานทีเ่ กนิ
ความจาํ เปน็
ก. กระจายอํานาจจากผมู้ ีอํานาจตามกฎหมายไปสู่เจ้าหน้าทผ่ี ูป้ ฏิบตั ิ
ข. จดุ บริการแบบเบด็ เสรจ็ หรือศนู ยบ์ รกิ ารร่วม
ค. ช่วยลดค่าใชจ้ ่ายของประชาชน
ง. ช่วยใหเ้ กิดความโปร่งใส
จ. การวดั ผลการปฏิบตั ิงาน
๙. ข้อใดทไ่ี ม่เกย่ี วขอ้ งกบั หลกั การและวธิ กี ารอาํ นวยความสะดวกและตอบสนองความ
ต้องการของประชาชน
ก. สนองต่อสิทธติ ามแนวนโนยายพนื้ ฐานแหง่ รัฐในรฐั ธรรมนญู
ข. รบั ฟังขอ้ ร้องเรียนและตอบข้อซกั ถาม
ค. สาํ รวจตามความต้องการประชาชน
ง. การมสี ว่ นร่วมของประชาชน
จ. www.khonthai.com
๑๐. ขอ้ ใดไมเ่ กย่ี วขอ้ งกับการประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงาน
ก. ระดับคณุ ภาพและความพึงพอใจ
ข. ผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย
ค. ความคมุ้ ค่าลดค่าใชจ้ า่ ย
ง. การรบั ฟังข้อร้องเรียน /
จ. การจดั ทําคํารบั รอง
๑๑. แนวทางปรับเปล่ียนภาครัฐทส่ี นองต่อ "การบริหารกจิ การบ้านเมืองท่ีดี" (Good
Governance) ได้แก่
ก. เปลีย่ นแปลงโดยความสมัครใจของสว่ นราชการ
ข. จดั โครงการนาํ รอ่ งเพื่อให้ไดร้ ูปแบบทช่ี ัดเจน
ค. จดั ทําคมู่ ือเปน็ แนวทางดาํ เนินการใหก้ ่อน
ง. บางภารกจิ ตอ้ งรอรัฐบาลใหม่
จ. ถกู ทุกขอ้
๑๒. คุณสมบตั ขิ ้าราชการท่ีเหมาะสมกับ "การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งทีด่ "ี (Good
Governance)ไดแ้ ก่
ก. ยึดม่ันในคาํ ส่ังของผบู้ งั คบั บัญชาอยา่ งเคร่งครดั
ข. ยึดมั่นในกฎระเบียบของทางราชการ
ค. ทาํ งานรว่ มกบั ฝ่ายการเมอื งไดด้ ี
ง. ทาํ งานอย่างมศี ักดศิ์ รี
จ. มีบุคลกิ ภาพดี
หมวด ๓ ชดุ วิชาท่ี ๑
๑.ความสาํ คญั ของวินัยข้าราชการ มตี ่อ
ก. ราชการโดยส่วนรวม
ข. ตวั ขา้ ราชการ
ค. ผบู้ ังคบั บัญชา
ง. ถกู ทงั้ หมด
๒. วตั ถปุ ระสงคข์ องวนิ ัยข้าราชการ คอื
ก. เพอ่ื ประโยชน์ของทางราชการ
ข. เพื่อภาพพจนช์ อ่ื เสยี งท่ดี ีของราชการและตวั ของขา้ ราชการเอง
ค. เพ่อื ใหง้ านราชการดําเนนิ ไปดว้ ยดี มีประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล
ง. เพือ่ ความผาสกุ ของประชาชน ตลอดจนความเจรญิ ความสงบเรยี บรอ้ ยและความมัน่ คงของ
ประเทศ
๓. ขอ้ ใดเปน็ การกระทาํ ผดิ วนิ ัยข้าราชการ
ก. ผูบ้ ังคับบญั ชาแจ้งใหผ้ อู้ ยู่ใต้บังคับบัญชาไปทาํ งานในวนั หยุดราชการเนอื่ งจากมงี านด่วน แตผ่ ู้
อยู่ใตบ้ งั คบั บัญชาเป็นไข้ จึงไมไ่ ป
ข. ผบู้ งั คบั บญั ชาสัง่ ให้พนักงานขบั รถยนตข์ องทางราชการ ขบั รถยนต์ของทางราชการไปส่งตนทํา
ธรุ ะส่วนตวั แต่พนักงานขบั รถยนตไ์ มท่ าํ ตาม
ค. ขา้ ราชการได้รับอนุญาตใหล้ าพกั ผ่อนประจาํ ปี เป็นเวลา 5 วัน แต่ระหว่างนน้ั มงี านราชการ
ด่วนท่ผี นู้ ั้นจะต้องปฏิบัติ ผูบ้ งั คับบัญชาจงึ แจง้ ให้ผู้น้นั กลบั มาปฏบิ ัติราชการ แตผ่ ู้นัน้ เหน็ ว่าตนไดร้ ับ
อนญุ าตใิ ห้ลาแลว้ จงึ ไมก่ ลับมาปฏิบตั ริ าชการในระหว่างระยะเวลาทีไ่ ดร้ บั อนญุ าตใหล้ า /
ง. ผ้บู ังคับบญั ชาขอใหม้ กี ารตรวจรับงานจ้างท่เี สรจ็ เกนิ กําหนดระยะเวลาการจา้ งไป 5 วัน
เนื่องจากเจา้ หนา้ ท่กี ารเงนิ หลงลืมทีจ่ ะขอกนั เงนิ ไวเ้ บิกเหลอื่ มปี แต่คณะกรรมการตรวจจ้างไมย่ นิ ยอม
และไมท่ าํ การตรวจรับงานจ้าง ทําให้ตอ้ งส่งเงนิ คนื กระทรวงการคลัง และเม่อื งานเสร็จแลว้ ทาง
หนว่ ยงานไม่สามารถเบิกจ่ายเงินใหแ้ ก่ผรู้ บั จา้ งได้
๔. ขอ้ ใดไม่เปน็ การกระทาํ ผดิ วนิ ยั ขา้ ราชการ
ก. ผูบ้ งั คบั บัญชีมรี าชการดว่ นนอกที่ทาํ งาน แต่คนขับรถลาปว่ ยและตนเองก็ขยั รถไมเ่ ปน็ จึงให้
ผใู้ ตบ้ ังคบั บญั ชา (ตาํ แหนง่ นักพฒั นาทรพั ยากรบุคคล) ซงึ่ ขบั รถไม่เปน็ ใหข้ ับรถไปส่งต้น แต่ผู้อยใู่ ต้
บงั คับบญั ชาดังกล่าวปฏิเสธ เพราะไมใ่ ชง่ านในหน้าท่ีของตน
ข. ขา้ ราชการเข้ารบั การอบรมรวม 5 วนั ทําการ โดยเข้าอบรมเพียงแค่ครงึ่ วันเชา้ ทุกวนั ครั้นจบ
การอบรม ไดร้ ายงานผูบ้ ังคบั บัญชาทราบเพียงแค่ครึง่ วนั เช้าทกุ วนั คร้ันจบการอบรมได้รายงาน
ผบู้ งั คับบัญชาทราบเพียงว่าตนไดเ้ ขา้ รบั การอบรม
ค. ข้าราชการเห็นการตรวจรบั ปุ๋ย แล้วสงสัยวา่ ปยุ๋ ไม่ไดม้ าตรฐาน ซึ่งผู้ทเ่ี หน็ ป๋ยุ ต่างกเ็ ข้าใจเชน่ นนั้
จงึ ไดร้ อ้ งเรยี นผบู้ งั คับบัญชาและจากการตรวจสอบวิเคราะหเ์ นอ้ื ปยุ๋ พบว่าปยุ๋ ท่ตี รวจรับอยู่ใน
มาตรฐานที่กําหนดไวต้ ามประกาศราคา /
ง. ขา้ ราชการไดร้ ว่ มกบั พ่นี อ้ งตัง้ ห้างหุ้นสว่ นจํากดั เพ่อื ทํากิจการคา้ ของครอบครัว โดยพ่นี ้องได้
ขอใหข้ ้าราชการผนู้ ั้นเป็นกรรมการผจู้ ัดการหา้ งฯ เนื่องจากรูเ้ รื่องกฎหมาย แลว้ พ่ีนอ้ งคนอนื่ จะช่วย
บริหารงานใหเ้ พียงแตเ่ วลาเลกิ งานราชการแล้ว ขอใหข้ า้ ราชการผูน้ น้ั มาเซน็ เอกสารตา่ งๆ ของห้างฯ
ดว้ ย ซง่ึ ปรากฏวา่ ได้มีการดําเนนิ การตามทตี่ กลงกันขา้ งต้นมาโดยตลอด และไมม่ กี ารเบียดบงั เวลา
ราชการไปดูแลหรือดาํ เนนิ กิจการหา้ งฯ แต่อยา่ งใด
๕. การลาในขอ้ ใดถูกต้องตามระเบยี บของทางราชการ
ก. ขา้ ราชการมาปฏิบตั ริ าชการสาย จงึ ย่ืนใบลาป่วยคร่งึ วันเช้า
ข. ขา้ ราชการยืน่ ใบลาป่วยลว่ งหน้า 10 วนั เนือ่ งจากจะเขา้ รับการผ่าตดั เนอ้ื งอกในอกี 10 วนั
ข้างหนา้ ตามท่หี มอนัด
ค. ข้าราชการยนื่ ใบลากจิ โดยขอลาในวนั นนั้ เนือ่ งจากมธี รุ ะด่วนและเพ่ิงทราบตอนเชา้ วนั
ดงั กล่าว ครัน้ เม่อื ได้ย่ืนแล้วกไ็ ด้ออกจากท่ีทาํ งานไปเลยโดยไม่อยรู่ อว่าตนไดร้ บั อนุญาตให้ลาหรอื ไม่
ง. ขา้ ราชการผหู้ นึง่ ปว่ ยและพักรักษาตวั ทบ่ี า้ นพักขา้ ราชการหลงั ท่ีทาํ งาน ซึง่ มีเพือ่ นทที่ าํ งานไป
เย่ยี มและนําใบลาไปใหเ้ ซ็น แตผ่ ปู้ ว่ ยแจง้ วา่ เมือ่ กลบั ไปทาํ งานแลว้ จะย่นื เอง ครัน้ เมือ่ หายปว่ ยและไป
ทํางาน ก็ไดย้ ื่นใบลาปว่ ยในวันแรกทีไ่ ปทํางาน
๖. กรณีใดเป็นการกระทําผิดวินยั ฐานอาศัยหรอื ยินยอมใหผ้ ้อู ่นื อาศยั ตาํ แหน่งหนา้ ที่ราชการ
ของตนหาประโยชนใ์ ห้แกต่ นเองหรือผูอ้ ่ืน
ก. เจ้าหนา้ ที่ให้บริการเปน็ ทีถ่ ูกใจของประชาชน จงึ ได้รับของขวัญภายหลงั ท่ีเสรจ็ เรอื่ งแล้ว เป็น
ทวี ีจอแบนขนาด 50 นิว้
ข. บรษิ ัทห้างรา้ นท่ีเคยติดตอ่ งานกบั ทางราชการ ได้นํากระเชา้ ของขวญั ราคาประมาณ 1,000 -
3,000 บาท มาให้เจา้ หนา้ ทเ่ี ป็นการส่วนรวมในเทศกาลปใี หม่
ค. ผู้ขอรบั บรหิ ารขอให้เจา้ หน้าทดี่ าํ เนนิ เรื่องของตนให้แล้วเสร็จโดยเรว็ โดยใหข้ องขวัญเปน็
นาฬิกาข้อมอื ราคาประมาณ 2,000 บาทซ่ึงเจา้ หน้าทก่ี ร็ ับไวแ้ ล้วดําเนินเรื่องใหต้ ามปกติที่ควรเป็น
ง. ผบู้ ังคับบัญชาคิดวา่ จะย้ายผอู้ ยูใ่ ต้บงั คบั บัญชาคนหนึง่ ไปปฏิบตั ริ าชการที่ตา่ งจงั หวัด เน่อื งจาก
ขาดคนทาํ งาน แตผ่ ู้อยู่ใต้บังคบั บัญชาดงั กล่าวขอใหไ้ ม่ย้ายตน โดยจะให้ของขวญั เปน็ การตอบแทน
ผู้บงั คับบัญชาจงึ ไม่ย้าย แลว้ ได้รับของขวญั เป็นตูเ้ ยน็ ขนาด 20 ควิ /
๗. ขอ้ ใดเปน็ ความผิดวนิ ยั ฐานทุจรติ ต่อหน้าทรี่ าชการ
ก. เจา้ หนา้ ทีป่ กครองซง่ึ มีหน้าทท่ี ําบตั รประจาํ ตวั ประชาชนไดแ้ สดงกริ ิยาเรยี กเงินจากผ้มู าขอทาํ
บตั รประชาชน แต่เมื่อผูน้ นั้ ไม่ยอมใหเ้ งนิ ตามท่ีถกู เรียกรอ้ ง เจา้ หนา้ ท่ปี กครองก็ได้ดาํ เนนิ การออกบตั ร
ประจาํ ตวั ประชาชนให้
ข. เจา้ หนา้ ทกี่ ารเงนิ ไดน้ ําเงินที่ตนเองเก็บรกั ษาไปเกบ็ รักษาไว้ที่บ้านเฉยๆ เพื่อกลนั่ แกล้งให้เกิด
เร่ืองว่นุ วาย เน่ืองจากไมช่ อบเพอ่ื นร่วมงานแลว้ ไดน้ าํ เงนิ ดังกลา่ วมาคนื ภายหลังมเี รอื่ งวนุ่ วายแล้ว
ค. เจา้ หนา้ ที่ธรุ การซึง่ มีหน้าทีเ่ ก็บรักษาเครอ่ื งบนั ทึกเทปได้นาํ เคร่อื งบนั ทกึ เทปไปใชส้ ่วนตวั ทบ่ี า้ น
เป็นเวลา 2 วัน /
ง. หวั หน้าส่วนราชการในตา่ งจงั หวัดได้นําเงนิ รายได้ของส่วนราชการ ซงึ่ ปกติจะต้องส่งเปน็ รายได้
แผ่นดินไปใช้ซอ่ มแซมบา้ นพักราชการทตี่ นพักอาศยั อยู่
๘. บรษิ ทั จัดสรรทดี่ ินแห่งหนงึ่ ได้ขึ้นป้ายโฆษณาขายท่ดี ิน โดยตอนทา้ ยของปา้ ยโฆษณามี
การระบวุ า่ นาย ก. เป็นทป่ี รกึ ษาโครงการจดั สรรท่ีดินนี้ ทง้ั น้ี ประชาชนจํานวนมากทราบวา่ นาย ก.
เปน็ เจ้าพนักงานท่ดี นิ จงั หวดั น้ัน ซ่งึ นาย ก. เองก็เห็นปา้ ยโฆษณาดังกลา่ ว เพราะตั้งอยู่ฝั่งตรงกนั ขา้ ม
กบั สาํ นกั งานทดี่ นิ จงั หวดั นัน้ แต่ นาย ก. ก็ไม่ไดด้ ําเนนิ การอะไร และมิไดเ้ ป็นท่ีปรึกษาโครงการ
ดงั กลา่ ว แตอ่ ย่างใด ตลอดจนไมม่ ปี ระโยชนไ์ ด้เสียในโครงการนั้น การท่นี าย ก. มิได้ดาํ เนินการ
อย่างไรในเรอื่ งน้ี จะถูกตอ้ งหรอื ไม่
ก. ถกู ตอ้ ง เพราะเป็นเรอ่ื งของเอกชน จึงไมม่ เี หตผุ ลทจี่ ะเขา้ ไปเกีย่ วขอ้ ง
ข. ถกู ตอ้ ง เพราะนาย ก. อาจฟ้องร้องบรษิ ทั เป็นคดที างแพ่งได้ เน่ืองจากนาํ ช่ือไปใช้โดยมิไดร้ ับ
อนญุ าติ
ค. ไม่ถกู ตอ้ ง เพราะแม้ว่าจะเป็นเรื่องท่ีไมเ่ กย่ี วกับหนา้ ทค่ี วามรับผดิ ชอบของตน แตเ่ ม่ือมกี ารนาํ
ชอ่ื เสียงของตนไปใช้หาผลประโยชนอ์ ันอาจทาํ ให้เสยี ความเทยี่ งธรรม หรอื เสอ่ื มเสียเกยี รตศิ กั ด์ิของ
ตาํ แหนง่ หนา้ ทร่ี าชการของตน ก็ต้องเข้าไปหา้ มปรามด้วย
ง. ไม่ถูกตอ้ ง เพราะเป็นหน้าทร่ี าชการของตนทีจ่ ะต้องดูแลเรอื่ งเกี่ยวกับทด่ี นิ เมอื่ มีการโฆษณาท่ี
ผดิ จากความเป็นจริงในเรอ่ื งเกีย่ วข้องกบั ทดี่ ินทีอ่ าจทาํ ใหป้ ระชาชนหลงเชอื่ ไดจ้ งึ เขา้ ไปดําเนินการ
๙. คณะกรรมการพิทักษร์ ะบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) มีอาํ นาจหนา้ ท่ี
ก. เสนอแนะ ก.พ. หรือองค์กรกลางบริหารงานบคุ คลอน่ื เพอ่ื จัดใหม้ ี หรอื ปรับปรุงนโยบายการ
บรหิ ารทรัพยากรบคุ คลที่เกีย่ วข้องกบั การพิทักษร์ ะบบคณุ ธรรม
ข. พิจารณาวนิ จิ ฉยั อุทธรณค์ ําส่ังลงโทษทางวินยั ทุกกรณี
ค. พจิ ารณาวินจิ ฉัยเรื่องรอ้ งทกุ ข์บางกรณี
ง. ถกู ทกุ ขอ้
๑๐. กรณใี ดต้องอุทธรณ์ตอ่ ศาลปกครองสงู สุด
ก. สั่งให้ออกจากราชการไวก้ อ่ น
ข. ส่งั ใหอ้ อกจากราชการเพราะมีลกั ษณะต้องหา้ มตามมาตรา 36 ข (1)
ค. ส่งั ใหอ้ อกจากราชการเพราะมีมลทนิ หรอื มัวหมอง
ง. ข้อ ข. และ ข้อ ค.
หมวด ๓ ชดุ วิชาท่ี ๒ (ผดิ ๑ขอ้ )
๑. การบรหิ ารจดั การเกยี่ วกับ "คน" มีวตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื ขอ้ ใด /
ก. เพอื่ ใหอ้ งค์กรมีคนทาํ งานท่เี หมาะสมกับงานและสามารถสรา้ งผลงานท่ีสอดคล้องกับความ
ประสงคข์ ององคก์ ร /
ข. เพอ่ื ใหข้ า้ ราชการมีสงั คมและมีคุณภาพชีวติ ท่ีดี
ค. เพอ่ื ใหอ้ งค์กรมีคนน้อย คา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ย กําไรมาก
ง. ผิดทกุ ขอ้
๒. หน่วยงานใดมบี ทบาททค่ี ลา้ ยกับศาลแรงงานในปจั จบุ ัน
ก. ศาลปกครองสูงสดุ
ข. ศาลรฐั ธรรมนญู
ค. คณะกรรมการพทิ ักษร์ ะบบคุณธรรม
ง. คณะกรรมการข้าราชการพลเรอื น
๓. ข้อใดคือหลกั การของระบบคณุ ธรรมในระบบบรหิ ารงานบุคคลราชการพลเรอื น /
ก. หลักความเสมอภาค / หลกั ความรคู้ วามสามารถ / หลกั ความพอเพียง
ข. หลักความรู้ความสามารถ / หลกั จรยิ ธรรม / หลักความพอเพียง
ค. หลักความเสมอภาค / หลักความเปน็ กลางทางการเมอื ง / หลักความรคู้ วามสามารถ /
ง. หลกั ความรู้ความสามารถ / หลกั ความมงั่ คั่ง / หลกั จรยิ ธรรม
๔. ขอ้ ใดคือทศิ ทางของระบบบรหิ ารงานบคุ คลของราชการพลเรือนแนวใหม่ /
ก. เน้นผลงาน / เน้นความพอเพียง
ข. รวมอาํ นาจ / เน้นผลงาน / ยดึ หลกั การของระบบคุณธรรม
ค. กระจายอาํ นาจ / เน้นผลงาน / ยดึ หลักความพอเพยี ง
ง. ไม่มขี ้อใดถกู /
๕. สัดส่วนคะแนนของแต่ละองค์ประกอบในการประเมินผลการปฏิบตั ิงานท่ี ก.พ. กาํ หนด
คอื ข้อใด /
ก. ผลสมั ฤทธข์ิ องงานไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 50 / พฤตกิ รรมการปฏิบัติราชการไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ 40
ข. ผลสัมฤทธิข์ องงานไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 60 / พฤตกิ รรมการปฏิบตั ริ าชการไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 30
ค. ผลสัมฤทธ์ขิ องงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 /
ง. พฤติกรรมการปฏบิ ัตริ าชการไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 30
๖. ตามกฎ ก.พ. วา่ ดว้ ยการเล่อื นเงินเดือนฯ พ.ศ. 2552 ไดก้ าํ หนดหลักเกณฑ์การพิจารณา
เล่อื นเงินเดือนในแตล่ ะครง้ั โดยใหน้ าํ จาํ นวนวนั ลามาประกอบการพิจารณา
โดยในครง่ึ ปที แี่ ล้วมาตอ้ งมีเวลาปฏิบัตริ าชการ 6 เดือน โดยมีวนั ลาไมเ่ กิน 23 วนั ซึ่งวนั ลาประเภทใด
ท่ีนบั รวมเปน็ วนั ลาใน 23 วันดงั กลา่ ว /
ก. วนั ลาอปุ สมทบ หรือลาไปประกอบพิธฮี ัจญ์ เฉพาะวนั ลาทีม่ สี ิทธไิ ด้รับเงนิ เดอื น
ข. วนั ลากจิ เพ่ือเลย้ี งดบู ุตรตอ่ เนอ่ื งจากการลาคลอดบุตร /
ค. วนั ลาปว่ ยซงึ่ จําเป็นต้องรกั ษาตัวเป็นเวลานานไมเ่ กินหกสบิ วัน
ง. ลาพกั ผอ่ น
๗. พัชรนนท์ บรรจุเข้ารบั ราชการ เมอ่ื สนิ้ ปีงบประมาณนนั้ มอี ายุราชการ 5 เดอื น พัชรนนท์
จะมสี ทิ ธลิ าประเภทใด /
ก. ลาพกั ผอ่ น 10 วนั ทําการ
ข. ลากจิ สว่ นตวั 45 วันทาํ การ
ค. ลาปว่ ย 10 วัน /
ง. ลาอปุ สมบท
๘. นายพสิ ิษฐ์ เปน็ ข้าราชการบรรจุใหม่ จะมีสิทธลิ าพักผอ่ นไดเ้ มอ่ื ใด /
ก. หลักจากบรรจเุ ป็นข้าราชการ
ข. เมื่อผ่านการทดลองงาน
ค. หลงั จากบรรจุเปน็ ข้าราชการแลว้ 6 เดอื น /
ง. เมอื่ ขึน้ ปีงบประมาณใหม่
๙. ผ้ใู ด ไม่มสี ทิ ธิ ได้รบั สวสั ดิการรกั ษาพยาบาล /
ก. ข้าราชการ
ข. บดิ า หรือ มารดา ของข้าราชการ
ค. บุตรบญุ ธรรมของข้าราชการ /
ง. สามี หรอื ภรรยา ของข้าราชการ
๑๐. การนับเวลาเดินทางไปราชการเพอ่ื คํานวณเบี้ยเล้ยี งเดนิ ทาง ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ ูกตอ้ ง /
ก. ใหน้ ับตง้ั แต่เวลาออกจากสถานท่อี ยู่หรอื สถานทป่ี ฏบิ ัตริ าชการตามปกติจนกลับถึงสถานทอี่ ยู่
หรือสถานท่ีปฏบิ ตั ริ าชการตามปกตแิ ล้วแตก่ รณี
ข. กรณที ม่ี กี ารพกั แรม ให้นบั 24 ช่วั โมง เปน็ 1 วนั
ค. กรณที ม่ี ีการพักแรม ถ้าไมถ่ ึง 24 ชั่วโมงหรอื เกนิ 24 ช่วั โมง และสว่ นที่ไมถ่ ึงหรือเกิน 24
ช่ัวโมง นั้น หากนบั ไดเ้ กนิ 12 ชัว่ โมง ให้ถือเปน็ 1 วัน
ง. กรณที ่ีมไิ ดม้ กี ารพกั แรม หากนับไดไ้ ม่ถึง 24 ชว่ั โมง แต่เกนิ 6 ชัว่ โมงขึ้นไป ให้ถอื เป็น 1 วัน /
๑๑. ขอ้ ใดกลา่ วเก่ียวคณุ สมบตั ิของข้าราชการท่ีพงึ มสี ิทธไิ ดร้ ับการพจิ ารณาขอ
เครือ่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ ไม่ถูกต้อง /
ก. เปน็ ผกู้ ระทําความดีความชอบ เป็นประโยชนแ์ ก่ประเทศชาติ
ข. ตอ้ งมเี วลารบั ราชการตดิ ตอ่ กนั มาไม่น้อยกว่า 4 ปบี รบิ รู ณ์ นับตง้ั แต่วนั เริม่ เขา้ รับราชการ /
ค. เป็นผูม้ สี ญั ชาติไทย
ง. ไม่เป็นผเู้ คยมีพระบรมราชานญุ าตให้เรยี กคืนเครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์
๑๒. ขอ้ ใดกล่าว ไมถ่ กู ต้อง เกี่ยวกบั สทิ ธใิ นการไดร้ บั บาํ เหน็จบํานาญ /
ก. ขา้ ราชการทม่ี เี วลาราชการตง้ั แต่ 10 ปีบรบิ รู ณ์ข้ึนไป แตไ่ มถ่ งึ 25 ปีบรบิ ูรณ์ มสี ทิ ธิเลือกรับ
บําเหนจ็
ข. ข้าราชการที่มเี วลาราชการตั้งแต่ 25 ปบี รบิ รู ณ์ขน้ึ ไป มีสิทธิเลอื กรบั บาํ นาญ
ค. ขา้ ราชการท่ีบรรจุใหม่ซึ่งเป็นสมาชิก กบข. จะไมม่ สี ิทธิไดร้ ับบํานาญ /
ง. ผทู้ ี่มีสทิ ธิได้รบั บาํ นาญจะเลือกรับบําเหนจ็ แทนก็ได้
๑๓. กรณใี ดตอ่ ไปน้ี มไิ ด้ ทําใหห้ มดสทิ ธไิ ด้รับบําเหน็จบํานาญ /
ก. ไดร้ บั โทษสําหรบั ความผิดทีไ่ ด้กระทาํ โดยประมาทหรือความผดิ ลหโุ ทษ /
ข. ขา้ ราชการถูกไล่ออกจากข้าราชการ หรือถงึ แกค่ วามตายเน่ืองจากการประพฤติชว่ั อย่าง
รา้ ยแรงของตนเอง
ค. ไดร้ บั โทษจําคกุ โดยคาํ พิพากษาของศาลถงึ ท่สี ุดใหจ้ าํ คกุ
ง. เป็นบุคคลล้มละลายทจุ ริตตามกฎหมายวา่ ดว้ ยลม้ ละลาย
๑๔. ขอ้ ใดต่อไปน้ี มิใช่ หนังสอื ราชการ
ก. หนงั สอื ท่ีใช้ติดตอ่ ระหวา่ งสว่ นราชการกับสว่ นราชการ
ข. หนังสือของสว่ นราชการถึงบคุ คลภายนอกวงราชการ
ค. หนังสือของหนว่ ยงานรัฐถึงบรษิ ทั เอกชน
ง. จดหมายจากบิดามารดาทมี่ ถี ึงบตุ ร /
๑๕. หนังสือราชการชนดิ ใดทไ่ี มม่ ีช่อื เร่อื งของหนังสือ และคาํ ข้นึ ต้นใช้คาํ วา "ถงึ " ไมใ่ ชค้ าํ วา่
"เรียน" /
ก. หนังสอื ภายใน
ข. หนังสอื ภายนอก
ค. หนงั สอื ประทับตรา /
ง. ไมม่ ขี ้อใดถูก
๑๖. คาํ ข้นึ ต้น "กราบเรียน" ใชก้ ับ
ก. นายกรฐั มนตรี
ข. ประธานศาลฎกี า
ค. รัฐมนตรวี ่าการกระทรวง
ง. ถกู ทง้ั ก. และ ข.
๑๗. คาํ ลงท้าย "ขอแสดงความนับถอื ยา่ งยง่ิ " ใช้กบั
ก. รฐั บุรุษ
ข. ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร
ค. รฐั มนตรวี า่ การกระทรวง
ง. ถูกทั้ง ก. และ ข.
๑๘. เนื้อเรอ่ื ง ของหนงั สือราชการจะประกอบไปดว้ ย
ก. คาํ ขน้ึ ต้นและคําลงทา้ ย
ข. เน้ือความทสี่ ้ันทสี่ ุดของหนังสอื
ค. เหตทุ ี่มหี่ นังสอื ไป และจดุ ประสงคท์ ี่มีหนงั สอื ไป
ง. หัวเร่ือง เนอ้ื เร่อื ง ท้ายเรอื่ ง
๑๙. ข้อใด ไม่ใช่ หลกั การเรียนหนงั สอื ราชการ /
ก. ถูกต้อง
ข. ชดั เจน
ค. รวดเร็ว /
ง. นา่ อ่าน
๒๐. หลักการสําคญั ของการจัดซอื้ จดั จา้ ง
ก. โปรง่ ใส
ข. ตรวจสอบได้
ค. มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม
ง. ถกู ทกุ ขอ้ /
๒๑. การจดั ซอื้ จดั จ้างโดยให้มกี ารแขง่ ขนั อย่างเป็นธรรม หมายความว่า
ก. ให้ระบชุ ดั เจนวา่ ต้องการซื้อของยห่ี อ้ อะไร
ข. ใหร้ ะบชุ ัดเจนวา่ ต้องการซือ้ ของจากบรษิ ทั ข.
ค. กาํ หนดคณุ สมบตั ิไมเ่ ขา้ กับรายใดรายหนงึ่ หรอื กําหนดคณุ ลกั ษณะเฉพาะไมใ่ หเ้ ขา้ กบั ยี่หอ้ ใด
ยีห่ อ้ หนง่ึ
ง. กาํ หนดคุณลักษณะใหเ้ ข้าเสนอราคาไดน้ อ้ ยราย
๒๒. จงเรยี งลําดับการดําเนินการจัดหาพัสดุ
1) การทําสญั ญา
2) การรายงานขอความเห็นชอบการจัดหาพัสดุ
3) การตรวจนบั
4) การประกาศจัดซือ้ จดั จา้ ง
ก. 1) 2) 3) 4)
ข. 1) 3) 2) 4)
ค. 4) 2) 1) 3)
ง. 2) 4) 1) 3) /
๒๓. บรษิ ทั ก และบรษิ ทั ข ยนื่ ข้อเสนอต่อส่วนราชการเดียวกนั และเป็นการจดั ซื้อครงั้
เดียวกัน ปรากฏวา่ นาย ก ถอื ห้นุ ในบริษัท ก รอ้ ยละ 30 และนาย ก เปน็ ผจู้ ดั การของบรษิ ทั ข
ขอ้ เทจ็ จรงิ ดงั กล่าวอยู่ในเกณฑก์ ารพจิ ารณาข้อใดท่ถี ือวา่ ถูกต้อง
ก. บรษิ ัท ก และบริษทั ข ถอื ว่ามีประประโยชนร์ ่วมกนั จะตอ้ งตดั ตกทัง้ คู่
ข. บรษิ ัท ก และบริษทั ข ถอื วา่ มีประประโยชนร์ ว่ มกนั จะต้องตดั บริษทั ก ตก
ค. บรษิ ัท ก และบรษิ ทั ข ถือว่ามีประประโยชนร์ ว่ มกันจะตอ้ งตดั บริษทั ข ตก
ง. บรษิ ทั ก และบรษิ ทั ข ไมถ่ อื ว่ามปี ระประโยชน์ร่วมกัน ผ่านการพิจารณาทั้งคู่
๒๔. คณะกรรมการชดุ ใด มติทป่ี ระชมุ ต้องเปน็ เอกฉันท์ /
ก. คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา
ข. คณะกรรมการรับพัสดุ
ค. คณะกรรมการตรวจจ้าง
ง. ถูกท้ัง ขอ้ ข และ ค
๒๕. การซ้ือหมกึ พมิ พค์ อมพวิ เตอรโ์ ดยวธิ ีพิเศษในราคา 1.5 ล้านบาท ผมู้ ีอํานาจอนุมัตคิ ือ
ก. หัวหน้าส่วนราชการ
ข. ปลดั กระทรวง
ค. รัฐมนตรีกระทรวงเจา้ สงั กดั
ง. หวั หน้าเจ้าหนา้ ที่พัสดุ
๒๖. การจา้ งทวั่ ไปตา่ งกับการจ้างท่ีปรกึ ษาอย่างไร
ก. การจา้ งทว่ั ไปมวี งเงนิ สงู กวา่ การจ้างทป่ี รึกษา
ข. การจา้ งท่วั ไปเปน็ การจ้างทําของ แต่การจา้ งทีป่ รึกษาเปน็ การจา้ งเกี่ยวกบั แนวคดิ
ค. ถูกทงั้ ขอ้ ก และ ข
ง. ผดิ ทงั้ ข้อ ก และ ข
๒๗. ผมู้ ีอาํ นาจลงนามในสญั ญาจัดซอื้ จดั จา้ งคือ /
ก. หัวหนา้ ส่วนราชการ
ข. หัวหน้าเจ้าหน้าท่ีพสั ดุ
ค. ผู้อํานวยการกองพสั ดุ
ง. เจา้ หน้าท่พี ัสดุ
๒๘. การบอกเลกิ สัญญาในกรณีทผ่ี ูร้ บั จา้ งไมส่ ามารถทํางานไดต้ ามระยะเวลาของสญั ญาและ
คา่ ปรับเกินกวา่ ร้อยละเท่าใด ส่วนราชการจงึ บอกเลกิ สญั ญาได้ /
ก. ร้อยละ 5
ข. รอ้ ยละ 10 /
ค. รอ้ ยละ 15
ง. รอ้ ยละ 20
๒๙. บริษัท ก มคี าํ สัง่ ใหเ้ ปน็ ผู้ท้ิงงาน สว่ นราชการจะซอ้ื ของจากบริษัท ก ได้หรอื ไม่
ก. ไมไ่ ด้ เพราะหา้ มส่วนราชการก่อนิติสัมพันธ์กับผ้ถู กู ท้ิงงาน /
ข. ไมไ่ ด้ เพราะบริษทั ก ถูกปดิ ไปแล้วจากการเปน็ ผทู้ ้งิ งาน
ค. ได้ เพราะบรษิ ัท ก ยังไมถ่ ูกปดิ กจิ การ
ง. ได้ เพราะบรษิ ทั ก ยังคงชาํ ระภาษีครบถ้วนถกู ตอ้ ง
๓๐. ในส่วนทรี่ ะเบยี บสาํ นกั นายกรฐั มนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธกี ารทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. 2549 ไมไ่ ดก้ าํ หนดไว้ เช่น การตรวจรับ การปรบั ฯลฯ สว่ นราชการต้องปฏิบัตอิ ย่างไร
ก. ดําเนนิ การตามระเบยี บสํานกั นายกรัฐมนตรีวา่ ด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และทีแ่ กไ้ ขเพม่ิ เตมิ /
ข. ดําเนินการตามทีห่ ัวหน้าส่วนราชการเหน็ สมควร
ค. ดาํ เนนิ การตามระเบียบที่ส่วนราชการกาํ หนด
ง. ไมต่ อ้ งดําเนินการใดๆ
หมวดท่ี ๓ ชดุ ท่ี ๓
๑. นายกรัฐมนตรีได้สงั่ แต่งตงั้ คณะกรรมการสอบสวนปลดั กระทรวงกบั พวก กรณถี กู กลา่ วหา
วา่ กระทําผิดวินัยอย่างรา้ ยแรง ตอ่ มาทางราชการประสงคใ์ หป้ ลัดกระทรวง รายน้ี พ้นจากภารกจิ ใน
หน้าท่ีของปลัดกระทรวงโดยปฏิบตั ิหนา้ ที่ตามทไ่ี ด้รับมอบหมาย แตย่ ังอยใู่ นตําแหนง่ เดมิ เช่นนี้ จะสงั่
ประการใด และผู้ใดเปน็ ผสู้ ั่ง
ก. นายกรฐั มนตรีในฐานะหัวหนา้ รัฐบาล สง่ั ใหม้ าปฏบิ ัตริ าชการท่สี ํานกั นายกรัฐมนตรี
ข. นายกรฐั มนตรีผสู้ ่ังแตง่ ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ส่ังพกั ราชการ
ค. นายกรฐั มนตรผี สู้ ัง่ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน สง่ั ใหอ้ อกราชการไว้กอ่ น
ง. นายกรฐั มนตรีเจา้ สงั กดั สัง่ พกั ราชการผนู้ ี้ถูกตง้ั คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง
๒. กรมแหง่ หนึง่ มปี ัญหาทางการบริหารงานและคน ทาํ ให้อธบิ ดตี ้องลาออกจากราชการ
ปลดั กระทรวงจึงนําเรอื่ งเขา้ ปรึกษากับรฐั มนตรีเจา้ สังกัดเกย่ี วกบั การแกป้ ัญหาดงั กลา่ ว ทสี่ ดุ ได้ขอ้ ยุติ
ว่าจะตอ้ งขอให้รองอธิบดที ม่ี ีความสามารถด้านบรหิ ารของกรมหนงึ่ ในกระทรวงอ่ืนมารักษาราชการ
แทน จึงเป็นปญั หาว่าผู้ใดจะส่งั ใหข้ า้ ราชการรายน้มี าปฏบิ ตั หิ น้าท่ีได้
ก. นายกรฐั มนตรี
ข. รัฐมนตรเี จา้ สังกดั
ค. ปลัดกระทรวงเจา้ สงั กัดของกรมนี้
ง. อธิบดีของกรมน้ี
๓. ในจงั หวดั แหง่ หนึ่งมีสว่ นราชการทัง้ ท่ีเป็นราชการบริหารสว่ นกลางและราชการบริหาร
สว่ นภูมภิ าคตั้งอยูใ่ นเขตพนื้ ท่ีจงั หวัด สว่ นราชการเจ้าสังกัดจะมอบอาํ นาจในการส่งั อนมุ ตั ิอนุญาตใน
เร่อื งต่างๆ ไมว่ ่าจะเป็นอํานาจทัว่ ไปหรืออํานาจตามกฎหมายเฉพาะเรือ่ งทเ่ี ป็นอํานาจของแตล่ ะส่วน
ราชการโดยเฉพาะเพอื่ ให้การบริหารจัดการและการบรกิ ารประชาชนเกิดความคล่องตัวและมี
ประสิทธภิ าพ เช่นน้ี ส่วนราชการจะตอ้ งมอบหมายหรอื มอบอาํ นาจใหแ้ กผ่ ้ใู ดบา้ ง
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ข. หวั หนา้ สว่ นราชการประจาํ จังหวดั
ค. ผอู้ ํานวยการ/หวั หน้าศูนย/์ เขต
ง. นายอําเภอ
๔. นายชาญฉลาด ดาํ รงตาํ แหน่งผู้อํานวยการกองพัฒนาทรพั ยากรบคุ คล จัดการฝกึ อบรมโครงการ
หนงึ่ บกพรอ่ ง และสอ่ ไปในทางไม่สุจริต ทางราชการจงึ ประสงค์จะสั่งใหน้ ายชาญฉลาดไปใหพ้ ้นจาก
หน้าทีน่ ี้ และปฏบิ ัติหนา้ ทต่ี ามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย เพ่อื จะไดด้ าํ เนินการตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ
ตามอํานาจหน้าทขี่ องส่วนราชการ เชน่ นี้ ผู้บังคับบญั ชาซงึ่ มีอาํ นาจสั่งบรรจจุ ะเลือกสงั่ ประการใดจงึ
จะถูกต้องและเกิดประโยชน์สงู สุด
ก. สง่ั ใหป้ ระจาํ สว่ นราชการ /
ข. สัง่ ใหร้ บั เงนิ เดือนในอัตรากาํ ลังทดแทน
ค. สัง่ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวนิ ยั อยา่ งร้ายแรงพร้อมสงั่ พักราชการดว้ ย
ง. สงั่ ให้ออกจากราชการไวก้ อ่ น
๕. นายตอ่ ยอด เปน็ นักวิชาคอมพวิ เตอร์ระดบั ชํานาญการของสว่ นราชการแห่งหน่ึงไดใ้ ช้
User I.D. และ Pass word ของเพอื่ นขา้ ราชการเขา้ สู่ระบบคอมพวิ เตอร์แล้วคดิ จะกลน่ั แกล้งนายสาว
ตอ้ ยต่ิงโดยนําภาพของนายแบบทน่ี ุ่งชดุ อาบน้ํามาตัดต่อใส่ใบหน้าเป็นนางสาวต้อยต่ิง ขณะเดียวกนั
ปรากฏว่ามีเพ่ือนของ User I.D. สง่ ภาพอันลามกมาเขา้ ระบบคอมพิวเตอร์ นายต่อยอดดแู ลว้ จงึ ส่ง
ตอ่ ไปใหเ้ พ่อื นของตน เชน่ นี้การกระทําของนายต่อยอด เขา้ ขา่ ยเป็นการกระทาํ ความผิดเก่ียวกบั
คอมพวิ เตอรฐ์ านใดบ้าง
ก. มาตรา 5 เข้าถึงระบบคอมพิวเตอรข์ องผู้อื่น
ข. มาตรา 6 ล่วงรแู้ ละเปดิ เผยมาตราการป้องกนั การเขา้ ถึงระบบคอมพวิ เตอร์ของผู้อ่นื
ค. มาตรา 14 (5) เผยแพรห่ รือส่งต่อขอ้ มลู คอมพวิ เตอรโ์ ดยรู้อยแู่ ลว้ วา่ เปน็ ความผิด
ง. ผดิ ทัง้ มาตรา 5 และมาตรา 14 (5)
๖. ปลดั กระทรวงแรงงานถูกกล่าวหาวา่ กระทาํ ผดิ วนิ ัยอย่างรา้ ยแรง ร่วมกบั ขา้ ราชการใน
สังกดั กระทรวงแรงงาน ตอ่ มามขี ้าราชการ 2 รายได้ยา้ ยโอนไปดํารงตําแหน่งยงั อกี กระทรวงหน่งึ
เชน่ นี้ ผ้บู งั คับบัญชาซ่งึ มีอํานาจส่ังบรรจตุ ามมาตรา 57 รายใด จงึ จะมอี ํานาจส่งั แต่งตัง้ คณะกรรมการ
สอบสวนครัง้ นี้
ก. นายกรฐั มนตรี
ข. รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงแรงงาน
ค. รัฐมนตรีเจา้ สังกดั ของทั้งสองกระทรวง
ง. อธบิ ดเี จา้ สงั กดั
๗. ทางราชการสง่ั นายนทิ รา พนักงานขับรถยนตใ์ ห้ขบั รถยนต์ 6 ล้อ บรรทกุ สินคา้ ของกล่มุ
สหกรณจ์ ากต่างจังหวดั ไปจาํ หนา่ ยในงานวันสถาปนากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรากฏว่า นาย
นิทรา ซึง่ กาํ ลังขบั รถยนตม์ ีอาการง่วงนอน แต่ก็ไม่ยอมหยดุ พกั ฝืนขบั รถยนตต์ ่อทาํ ใหร้ ถยนต์ถลาข้าม
เกาะกลางถนนไปชนกับรถยนต์ผ้อู ่ืนเสียหายอีก 2 คนั รวมทั้งรถยนต์ของทางราชการและสนิ ค้า
เสยี หายดว้ ย เช่นน้ี ผใู้ ดเปน็ ผู้เสยี หายจากอุบตั เิ หตุครงั้ นี้
ก. สว่ นราชการจังหวัด
ข. เจา้ ของรถยนต์ทงั้ สองคนั
ค. กลมุ่ สหกรณ์เจ้าของสินค้า
ง. ท้งั ข้อ ก. ขอ้ ข. และขอ้ ค.
๘. นายโชคดี พนักงานขบั รถยนต์ไดร้ บั คําสัง่ ให้ขับรถยนตต์ ปู้ รับอากาศบรรทกุ เอกสารและ
เจา้ หนา้ ทท่ี มี่ าร่วมงานประชุมทก่ี รุงเทพฯ กลบั ต่างจังหวัด
ระหวา่ งทางปรกฏว่า มรี ถยนตเ์ ก๋งวงิ่ สวนทางมาด้วยความเรว็ แตไ่ มต่ รงทาง นายโชคดจี งึ รบี ขับ
รถยนตต์ หู้ ลบจนชิดขอบไหลท่ างด้านซา้ ยแตก่ ็ไม่พ้น
รถยนตค์ นั ดงั กลา่ วไดพ้ งุ่ เขา้ ชนรถยนตต์ ทู้ างดา้ นข้างด้านขวาจนไดร้ ับความเสียงหายทงั้ 2 คนั และผู้
ขับรถยนต์คนั ดงั กล่าว ถงึ แกค่ วามตาย เช่นน้ีผใู้ ดต้องรับผิดชอบในความเสยี หายนี้
ก. ส่วนราชการจังหวัด
ข. นายโชคดี
ค. ผู้ขับข่ีรถยนต์ทตี่ าย
ง. ทายาทของผู้ขบั ข่รี ถยนต์
๙. นายปกตกิ ระทาํ ผิดวินัยอย่างร้ายแรง ผบู้ ังคับบัญชาซงึ่ มอี ํานาจส่ังบรรจไุ ดส้ ่ังลงโทษไล่
ออกตามมติของ อ.ก.พ. กรม ส่วนนายธรรมดา กระทําผดิ วนิ ัยอยา่ งไมร่ ้ายแรง
อธิบดซี ่ึงเป็นผู้บงั คับบัญชาและมอี าํ นาจสงั่ บรรจไุ ด้ส่ังลงโทษตดั เงินเดอื น เช่นนี้ หากประสงค์จะ
อุทธรณค์ าํ ส่งั ลงโทษทางวนิ ยั ดังกล่าว จะต้องอุทธรณต์ ่อใครได้
ก. ก.พ.
ข. ก.พ.ค.
ค. อ.ก.พ. กระทรวง
ง. อ.ก.พ. กรม
๑๐. นางสาวปริญญา สอบแข่งขนั เขา้ รับราชการและไดร้ บั การบรรจแุ ตง่ ตง้ั เป็นขา้ ราชการ
พลเรอื นสามญั ตําแหนง่ ประเภทท่วั ไป ตาํ แหน่งเจ้าพนักงานธุรการ ระดบั ปฏบิ ัติงานต่อมามผี ู้
ร้องเรียนว่านางสาวปรญิ ญาไปทํางานเป็นเจ้าหน้าที่บันทึกขอ้ มลู ในทที่ าํ การของพรรคการเมอื งแห่ง
หนึ่ง ทางราชการไดส้ ืบสวนขอ้ เท็จจรงิ แลว้ ไดค้ วามว่า นางสาวปรญิ ญายังไปปฏิบัตงิ านและรับเงนิ ท่ี
สาํ นกั ของพรรคการเมอื งแหง่ หนง่ึ อกี โดยทําหน้าท่พี มิ พข์ ้อมลู ตา่ ง ๆ ในตอนเยน็ และวนั หยุดราชการ
จริง เช่นนที้ างราชการต้องดําเนนิ การประการใด
ก. ผ้บู งั คับบัญชาเรียกมาว่ากล่าวตกั เตือนและใหล้ าออกเพือ่ จะไดไ้ มไ่ ปปฏิบัตงิ านทีพ่ รรคการเมือง
แหง่ นน้ั อีก
ข. ผบู้ งั คบั บัญชาซ่ึงมีอาํ นาจส่งั บรรจดุ ําเนินการทางวินยั เพราะว่า นางสาวปริญญาไมอ่ ทุ ศิ เวลา
ของตนให้แก่ราชการ
ค. ผู้บังคับบญั ชาซึ่งมีอํานาจสงั่ บรรจุ ดําเนินการส่ังใหอ้ อกจากราชการเพราะมลี ักษณะต้องหา้ ม
ตามมาตรา 36 ข (5) แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น
พ.ศ. 2551 คอื เป็นเจา้ หนา้ ทใี่ นพรรคการเมือง
ง. ผบู้ งั คบั บัญชาไมต่ อ้ งดําเนินการอย่างใด เพราะว่านางสาวปรญิ ญา ได้ไปทาํ งานตอนเย็นหรือ
วนั หยุดจึงมิได้กระทาํ ผิดวนิ ยั แต่อย่างใด และทางราชการไมไ่ ดร้ บั ความเสียหาย
๑๑. สาํ นกั งาน ก.พ. รบั คําขอประเมนิ ผลงานเพื่อแต่งต้งั ใหด้ ํารงตาํ แหน่งประเภทวชิ าการ
ระดับผทู้ รงคุณวุฒิของขา้ ราชการรายหนงึ่ ซงึ่ สว่ นราชการไดจ้ ัดสง่ มายัง ก.พ. ปรากฏว่า
คณะกรรมการอา่ นผลงานแลว้ มมี ติร่วมกนั วา่ ผลงานไม่ผ่านการประเมิน แลว้ นําเสนอ อ.ก.พ. วิสามญั
เกี่ยวกับการประเมนิ บุคคลเพื่อแตต่ ง้ั ใหด้ ํารงตําแหน่งประเภทวิชาการเพอื่ พิจารณาใหค้ วามเห็นชอบ
ที่สุด อ.ก.พ.ฯ มีมติเหน็ ชอบ สาํ นกั งาน ก.พ. จงึ แจ้งมตใิ หส้ ว่ นราชการเจา้ ของเรื่องทราบ ขา้ ราชการ
รายนี้ จงึ ยน่ื เร่ืองตอ่ สํานักงาน ก.พ. เพือ่ ขอทราบช่ือกรรมการผู้ประเมนิ และความเห็น เชน่ นี้
สาํ นกั งาน ก.พ. จะปฏเิ สธคําขอของข้าราชการโดยอา้ งเหตุผลประการใด
ก. มาตรา 15 (2) การเปดิ เผยจะทาํ ใหก้ ารบงั คับใช้กฎหมายเสือ่ มประสทิ ธิภาพ หรอื ไมอ่ าจสาํ เร็จ
ตามวตั ถุประสงคไ์ ด้
ข. มาตรา 15 (3) เป็นความเหน็ หรอื คาํ แนะนาํ ภายในหนว่ ยงานของรฐั ดําเนนิ การเร่ืองหนึง่ เรื่อง
ใด
ค. มาตรา 15 (4) การเปดิ เผยจะก่อให้เกดิ อันตรายตอ่ ชีวิตหรือความปลอดภยั ของบุคคลหนึ่ง
บคุ คลใด
ง. ท้งั ข้อ ข. และขอ้ ค. /
๑๒. นายสุดอาลยั เปน็ ข้าราชการพลเรือนสามญั ไดก้ ระทาํ ผดิ วนิ ยั อย่างไม่ร้ายแรง
ผู้บังคับบัญชาซึง่ มอี ํานาจส่ังบรรจุได้สงั่ ลงโทษตัดเงินเดอื น 5% เปน็ เวลา 2 เดือน ต้งั แต่เดือน
พฤศจกิ ายน 2550 เป็นตน้ ไป หลงั จากนนั้ นายสุดาอาลัยถึงแก่กรรมพรอ้ มกบั พระราชบญั ญตั ิลา้ ง
มลทินในวโรกาสทพี่ ระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช มีพระชนพรรษา 80 พรรษา
พ.ศ. 2550 ได้ประกาศใชบ้ ังคบั ทาํ ใหน้ ายสุดอาลัยไดร้ ับการล้างมนทิษโทษและจะต้องบนั ทกึ ไว้ใน
ประวัติของผนู้ ั้นและหมายเหตไุ วด้ ว้ ยวา่ ได้รับล้างมลทนิ แต่เม่อื บตุ รของนายสดุ อาลัยไปขอถา่ ยสําเนา
ก.พ. 7 ของผู้ตายเพ่ือนําไปทําอนสุ รณ์ กลบั พบว่าส่วนราชการเจา้ สังกดั ไมไ่ ด้บันทกึ รายการไวแ้ ต่
ประการใด เช่นนี้ ผู้ใดจะมสี ทิ ธิร์ ้องขอใหม้ กี ารบนั ทึกรายการดงั กลา่ วได้บา้ ง
ก. บตุ รชอบดว้ ยกฎหมาย
ข. คู่สมรส
ค. บดิ าหรอื มารดา
ง. ถูกทัง้ 3 ขอ้
หมวดท่ี ๔ ชุดท่ี ๑
๑. ชวี ติ ที่ประสบผลสําเร็จเปน็ ผลมาจาก
ก. การดแู ลสุขภาพรา่ งกายให้แขง็ แรง
ข. การรกั ษาจิตใจให้เปน็ สขุ สดชน่ื
ค. การจัดการกบั รา่ งกายและจติ ใจอยา่ งสมดลุ /
ง. การแสวงหาความรู้ในการทํางาน
๒. ความหมายของการคดิ คือ
ก. การประมวลข้อมูลทซี่ บั ซ้อนมาก /
ข. กระบวนการท่ีเกดิ จากการทํางานของสมอง
ค. การตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
ง. วิธีแกป้ ญั หาโดยใชป้ ระสบการณ์สะสม
๓. การคิดมคี วามสาํ คญั เพราะ
ก. เปน็ ปฐมเหตกุ ่อนการกระทํา
ข. กํากบั ในระหว่างมกี ารกระทํา
ค. ทบทวนสง่ิ ท่ีไดก้ ระทําไปแลว้
ง. ถูกทงั้ ขอ้ ก., ข., และ ค. /
๔. สมองประกอบดว้ ยเซลลส์ มองสว่ นสําคัญซง่ึ
ก. เรียกวา่ สารเคมีไฟฟ้า
ข. เรยี กว่า นวิ รอน
ค. เรียกวา่ ประจปุ ฏิกริ ิยา
ง. เป็นเครอ่ื งรวบรวมความรู้ /
๕. การพัฒนาสมองอาจทาํ ได้โดย
ก. การฝึกคดิ เรอื่ งท่มี ปี ระโยชน์เปน็ ประจํา /
ข. การเรยี นความรู้ท่ีซบั ซอ้ นยากมาก
ค. กาจดจําส่ิงท่ีเป็นวทิ ยาศาสตร์
ง. การพกั ผ่อนในส่ิงแวดลอ้ มทส่ี งบเงียบ
๖. ขอ้ ใดที่มใิ ชล่ กั ษณะการคดิ แบบนอกกรอบ
ก. คดิ โดยกลา้ แหวกแนวออกไป /
ข. คิดโดยหลดุ จากความเคยชินเดิม
ค. คดิ กว้างอยา่ งรอบด้านเปิดใจ
ง. คิดอย่างไมเ่ ปน็ ปกตอิ อกจากฎเกณฑ์
๗. ประโยชนข์ องการคิดดว้ ยภาพในการทํางานคือ
ก. ช่วยทาํ เรือ่ งยากให้ง่ายในเวลาสั้นได้ดี /
ข. ชว่ ยให้เขา้ ใจภาษาจนี หรอื ญีป่ ุ่นมาก
ค. ช่วยในการวิเคราะหเ์ ชงิ สถิตติ า่ งๆ
ง. ช่วยในการจดั พมิ พ์เอกสารตําราการบรหิ าร
๘. การคิดเปน็ จะตอ้ งมีคุณลกั ษณะข้อใด
ก. คดิ ดว้ ยพลงั สติปัญญาเฉยี บแหลม
ข. คดิ มีความสาํ เร็จตามเปา้ หมายเป็นหลกั
ค. คดิ ดว้ ยใจผอ่ นคลายมคี วามสบายใจ
ง. คดิ ตามลกั ษณะในข้อ ก., ข., และ ค. /
๙. ขอ้ ใดเปน็ ลกั ษณะของการคิดเชงิ บวก
ก. คิดโดยคํานวณผลจริงจงั เสมอ
ข. เชอ่ื มน่ั ในโอกาสสําเร็จอยา่ งสงู /
ค. คดิ ตดั สินใจเส่ยี งไมก่ ลวั ขาดทุน
ง. ถกู ทกุ ขอ้
๑๐. การคิดเชิงวิเคราะหห์ มายถงึ การคดิ แบบ
ก. มงุ่ การมองอยา่ งสมจริงและรอบคอบ
ข. ม่งุ ทําความเขา้ ใจขอ้ มลู และหลักการ
ค. เน้นการใชป้ ระโยชน์ของความคดิ เหน็ ที่มี
ง. มุ่งแยกแยะหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งองค์ประกอบต่างๆ /
๑๑.ลักษณะใดอธบิ ายความหมายการคดิ เชงิ บรู ณาการ
ก. มองภาพองค์รวมและใชค้ วามเกยี่ วข้องของส่วนย่อย /
ข. รกั ษาสภาพและปรับปรุงทกุ ด้านสม่าํ เสมอ
ค. ศึกษาขอ้ ดอ้ ยขอ้ เด่นและออกแบบวิธีการแบบใหม่
ง. มุ่งสู้เป้าหมายสดุ ท้ายและวางกลยุทธช์ าญฉลาด
๑๒. การคิดเชิงสร้างสรรคม์ ปี ระโยชนเ์ ฉพาะ
ก. สามารถสร้างสง่ิ ใหมท่ ่ใี ช้ประโยชน์ไดจ้ รงิ
ข. ชว่ ยค้นหาความแปลกท่ีแตกตา่ งกวา่ เดมิ
ค. ปลดปลอ่ ยจนิ ตนาการทหี่ าได้ยาก
ง. สรา้ งแรงบันดาลใจของคนเก่ง
๑๓. การคิดทย่ี ึดหลกั ความดี มุง่ ประโยชนส์ ่วนรวม เน้นศกั ดศ์ิ รจี ัดเป็น
ก. การคดิ เชงิ รับผิดชอบ
ข. การคดิ เชงิ กลยุทธ์
ค. การคิดเชงิ ระบบ
ง. การคดิ เชงิ จรยิ ธรรม /
๑๔. ถา้ ท่านพบขอ้ ขดั ข้องในงานที่อยากจะขจัดให้หมดไปท่านควรอาศยั การคดิ
ก. เชิงวพิ ากษ์
ข. เชิงเปรยี บเทียบ
ค. เชิงวจิ ารณญาณ
ง. เชงิ แกป้ ัญหา /
๑๕. การคิดแบบใดทตี่ ้องอาศยั ความสามารถในการคดิ ทกุ แบบช่วยสนับสนุน
ก. การคิดเชิงอนาคต
ข. การคดิ เชงิ สังเคราะห์
ค. การคดิ เชงิ รกุ
ง. การคดิ เชิงประยกุ ต์
๑๖. เคร่ืองมอื ชว่ ยการคิด เพื่อเพิม่ คณุ ภาพการคิด ได้แก่
ก. แผนทคี่ วามคิด แผนผังเมทริกซ์ และแผนผังสาเหตุและผล /
ข. แผนภมู กิ ราฟ แผนผงั ความสมั พันธ์ และกจิ กรรมการระดมสมอง
ค. ไม่ใชท้ งั้ ก. และ ข.
ง. ใชท้ ้ัง ก. และ ข.
๑๗. แผนที่ความคดิ หมายถงึ
ก. การจัดแสดงความคิดท่เี ปน็ ระบบในภาพรวมอย่างง่าย
ข. การจัดลาํ ดบั ข้นั ตอนการคิดตามระยะเวลาและเนือ้ หา
ค. การนาํ ความคดิ ทั้งหมดมาเขียนบอกทิศทางไวร้ ่วมกัน
ง. การออกแบบตําแหน่งเส้นทางของเร่ืองทีค่ ิด /
๑๘. คณุ สมบัตหิ ลักของแผนทีค่ วามคิดทดี่ ีคอื
ก. ระบุเสน้ ทางถนนความคิดทกุ สายอยา่ งชัดเจนไว้ /
ข. ความคดิ ทดี่ เี ด่นตอ้ งไดร้ บั การเน้นด้วยตําแหนง่ เหมาะสม
ค. สวย สมบรู ณ์ ชดั เจน น่าสนใจ ง่าย กระจา่ ง และเปดิ รบั ความคดิ ใหม่ ๆ
ง. พมิ พ์สวยงาม ขนาดใหญ่ และใชภ้ าษาทที่ กุ คนเขา้ ใจตรงกัน
๑๙. ขา้ ราชการคือบุคคลสาธารณะตอ้ งมจี ติ สํานกึ รับผดิ ชอบดังน้ี
ก. จิตสํานึกบริการและรบั ผดิ ชอบตอ่ ส่วนรวม /
ข. จติ สํานึกมุ่งมน่ั และรบั ผดิ ชอบต่อหน่วยงาน
ค. จิตสํานกึ ในการพัฒนาและรับผิดชอบตอ่ เพ่อื นร่วมงาน
ง. จิตสํานกึ การแก้ปญั หาและรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ที่
๒๐. ขา้ ราชการแห่งอนาคตควรมีกรอบความคดิ ต่อไปนี้
ก. จะทาํ งานโดยยึดยทุ ธศาสตร์องคก์ ร
ข. จะทํางานเพ่อื พัฒนาสงั คมและประเทศชาติ /
ค. จะทํางานเพ่อื ใหบ้ รรลุตามพันธกิจทตี่ ัง้ ไว้
ง. จะทาํ งานใหส้ ําเรจ็ ตามแผนทกี่ าํ หนด
หมวดที่ ๔ ชดุ ท่ี ๒
๑. เม่ือผู้รบั สารไม่สามารถตคี วามหมายของขอ้ มูลขา่ วสารไดต้ รงตามเจตนาของผู้ส่งสาร ทา่ น
คิดวา่ ควรจะแก้ไขท่อี งคป์ ระกอบใด
ก. ผูส้ ง่ สาร
ข. เคร่ืองมือการสอ่ื สาร
ค. เน้ือหาหรือข้อมูลข่าวสาร /
ง. ผู้รับสาร
๒. ขอ้ ใดมใิ ช่องค์ประกอบสาํ คัญในกระบวนการสอื่ สาร
ก. ผสู้ ่งสาร
ข. ผรู้ ับสาร
ค. ข้อมลู ขา่ วสาร
ง. ส่ิงรบกวน /
๓. อะไรที่ไมน่ บั วา่ เปน็ อปุ สรรคของการสื่อสารภายในองคก์ ร
ก. วัฒนธรรมองค์กร
ข. พ้นื ฐานการรับรูข้ องแต่ละบุคคล
ค. ค่าใช้จา่ ยในการเชา่ ซ้อื พืน้ ทห่ี รอื เวลาของสื่อโฆษณาตา่ ง ๆ /
ง. เจตคตหิ รอื ความลําเอยี ง
๔. คาํ อธบิ ายท่ใี กลเ้ คียงความหมายของ "ตัวกรอง" มากทส่ี ดุ คอื ข้อใด
ก. การทําหนา้ ทกี่ ักหรือปล่อยข้อมลู ขา่ วสารเป็นระยะ
ข. การทําหน้าที่คดั สรรขอ้ มูลข่าวสารทด่ี ที ส่ี ดุ ไปยังผ้รู บั สาร
ค. การทําหน้าท่ีตีความขอ้ มลู ข่าวสารเพื่อให้ผู้รับสารมีความเข้าใจทถี่ กู ตอ้ งตรงกนั
ง. การทาํ หนา้ ท่ีสือ่ สารแทนผบู้ รหิ ารขององคก์ ร
๕. ผู้ทมี่ ีบทบาทสําคัญทสี่ ุดในการกาํ หนดวัฒนธรรมขององค์กรคือใคร
ก. ผู้บรหิ ารระดับสูง
ข. ผ้รู บั ผดิ ชอบการสื่อสารภายในองค์กร
ค. เจ้าหนา้ ท่ีหรอื สมาชิกทกุ คนขององคก์ ร
ง. ผู้รับบรกิ ารขององค์กร
๖. ทักษะการส่อื สารทมี่ นุษย์ใชม้ ากท่ีสดุ ในแตล่ ะวนั คือ
ก. ทกั ษะการพดู
ข. ทกั ษะการฟัง
ค. ทักษะการอา่ น
ง. ทักษะการเขยี น
๗. หากตอ้ งการมอบหมายงานใหแ้ กผ่ ู้ปฏิบตั งิ านอยา่ งมรี ะบบ ควรใชก้ ารสือ่ สารรูปแบบใด
ก. Formal Communication
ข. Informal Communication
ค. Public Communication /
ง. Noverbal Communication
๘. "วรรณไี มเ่ ขา้ ใจรายละเอียดของงานท่ี ผอ. มหี นงั สอื มอบหมายมาใหร้ ับผิดชอบ ซึง่ งาน
ดังกลา่ วต้องเร่งดําเนินการให้แลว้ เสรจ็ ภายในเวลา 1 สัปดาห์ เธอจึงหาโอกาสเข้าพบ ผอ. เพอ่ื
สอบถามรายละเอยี ดและขอรบั คําแนะนาํ ในการทาํ งานเพม่ิ เติม" ท่านคดิ ว่า การสอ่ื สารตามข้อความ
ขา้ งตน้ น้ี ตรงกับรูปแบบการส่อื สารใดมากทส่ี ดุ
ก. One-way Communication /
ข. Two-way Communication
ค. Horizontal Communication
ง. Diagonal Communication
๙. "แมว้ า่ ปรชี าจะดํารงตําแหนง่ ปลดั กระทรวง แตก่ ม็ กั จะลงมาร่วมทานอาหารกลางวันใน
โรงอาหารเหมือนขา้ ราชการทัว่ ไป และถอื โอกาสนี้พดู คยุ กบั ข้าราชการรุ่นใหมห่ รือผู้ทท่ี าํ หน้าที่ฝ่าย
สนับสนนุ เพื่อสอบถามถึงการทํางานและเร่ืองสว่ นตัวตามความเหมาะสมปรชี าบอกว่า การไดพ้ บและ
พดู คุยกับข้าราชการในลกั ษณะนี้ ทาํ ให้เขาได้ข้อมูลตรง ซ่ึงเป็นประโยชนใ์ นการบริหารงานอย่างย่ิง"
ทา่ นคิดว่า พฤตกิ รรมของคุณปรชี า ตรงกับรูปแบบการสือ่ สารใดมากทีส่ ุด
ก. Formal Communication
ข. Informal Communication /
ค. Public Communication
ง. Nonverbal Communication
๑๐. ในขณะทท่ี า่ นกําลงั สอ่ื สารอยกู่ บั บุตรหลาน ท่านจะใช้บุคลิกภาพลักษณะใด
ก. Parent Ego-State /
ข. Adult-State
ค. Natural Child
ง. Adapted Child
๑๑. ถ้าท่านไปเยยี่ มคนไขท้ ี่กาํ ลงั นอนรักษาตัวทโ่ี รงพยาบาล ทา่ นควรสอ่ื สารกับเขาดว้ ย
บคุ ลกิ ภาพลักษณะใด
ก. Critical Parent
ข. Nurturing Parent /
ค. Natural Child
ง. Adapted Child
๑๒. ในการทํางานร่วมกบั ผอู้ ่นื ท่านควรใช้ Stroke ชนดิ ใดมากที่สุด
ก. Positiver Stroke /
ข. Negative Stroke
ค. Conditional Stroke
ง. Plastic Stroke
๑๓. ข้อใดสามารถอธิบายความหมายของ "การสือ่ สารแนวราบหรือแนวนอน" ไดด้ ีที่สดุ
ก. สุดาและวินยั เป็นพนักงานระดับเดียวกัน ทํางานอยู่ในแผนกเดยี วกนั กาํ ลงั ปรกึ ษากันเรื่องการ
จดั ประกวดกองเชียร์ของสเี ขียว ในงานแขง่ ขนั กีฬาสีปีนี้ /
ข. สุดาและวนิ ยั เป็นพนักงานระดับเดียวกัน ทาํ งานอยคู่ นละแผนก กาํ ลังปรกึ ษากันเร่อื งการจัด
ประกวดกองเชยี ร์ของสเี ขยี ว ในงานแขง่ ขนั กฬี าสีปีนี้
ค. สดุ าเปน็ หัวหนา้ ของวินยั ทาํ งานอย่ใู นแผนกเดียวกนั กําลงั ปรกึ ษากันเรอื่ งการจัดประกวดกอง
เชยี ร์ของสีเขียว ในงานแข่งขนั กฬี าสปี ีนี้
ง. สุดามีอาวโุ สสงู กวา่ วินัย แตท่ ํางานอย่คู นละแผนก กาํ ลงั ปรกึ ษากนั เรือ่ งการจดั ประกวดกอง
เชียร์ของสีเขยี ว ในงานแขง่ ขันกฬี าสีปนี ี้