The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Cat & Cactus Home, 2020-06-16 00:42:09

E-Learning

E-Learning

๑๔. อะไรคือคาํ อธิบายท่ีเหมาะสมเกยี่ วกับการส่ือสาร
ก. การสือ่ สารเกดิ ขนึ้ ทกุ ขณะของการใชช้ วี ติ ประจําวัน
ข. การสื่อสารทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพสามารถโนม้ นา้ วหรือจูงใจให้ผอู้ ่นื เหน็ คลอ้ ยตามได้
ค. การสอ่ื สารทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพคอื การท่ีผู้ส่งสารและผรู้ บั สารมีความเข้าใจทถี่ ูกตอ้ งตรงกนั และ
สอดคลอ้ งกับวัตถปุ ระสงคท์ ตี่ ้องการ
ง. ถูกทกุ ขอ้ /

๑๕. การทําหน้าที่เปน็ "ผสู้ ่งสาร" ทดี่ ี ท่านคิดว่าควรมสี ิ่งใดเปน็ สว่ นประกอบ "สําคญั "
ก. รจู้ กั วเิ คราะหผ์ ้ฟู งั บุคลกิ ดี มลี ูกเลน่ และอารมณข์ ัน
ข. เปา้ หมายชดั เจน นาํ้ เสียงเพราะ จัดลําดบั เนือ้ หาเหมาะสม
ค. จดั ลาํ ดบั เน้ือหาเหมาะสม หน้าตาดี ปราศจากเจตคติ
ง. เป้าหมายชดั เจน รู้จกั วเิ คราะห์ผฟู้ ัง จัดลําดับเนอื้ หาเหมาะสม /

๑๖. "ขณะนีม้ อี บุ ตั เิ หตุรถยนตช์ นกันบนทางพหลโยธนิ ประมาณหลกั กิโลเมตรที่ 89 ขอความ
กรุณาผู้ใช้รถยนต์โปรดให้ความระมัดระวังเม่อื ตอ้ งขับขี่ยานพาหนะ
บนเสน้ ทางดังกล่าวด้วย" จากขอ้ ความขา้ งตน้ ท่านคิดว่าวตั ถุประสงคห์ ลกั ของเนอ้ื หาดังกลา่ วคืออะไร

ก. เพอื่ แจง้ ให้ทราบ /
ข. เพอื่ ใหค้ วามร้หู รือการศึกษา
ค. เพอ่ื สรา้ งความพงึ พอใจหรือเพ่ือความบนั เทงิ
ง. เพอื่ ชกั จงู หรือโน้มน้าวใจ

๑๗. ระดับการฟังทจี่ ะทาํ ใหผ้ ฟู้ ังได้รบั ประโยชน์มากท่สี ุดคือระดับใด
ก. Marginal Listening /
ข. Evaluation Listening
ค. Deliberative Listening
ง. Projective Listening

๑๘. สิง่ ทผี่ ฟู้ งั ไมค่ วรแสดงตอ่ คู่สนทนาคอื อย่างไร
ก. แสดงความใส่ใจในตัวผพู้ ดู
ข. แสดงกริ ิยาตอบสนองการพดู เช่น พยักหน้า เลกิ ค้ิว ฯลฯ
ค. ทํางานอ่นื ควบคูไ่ ปในขณะผพู้ ดู กาํ ลงั พดู /
ง. ปลอ่ ยให้ผพู้ ูดพูดในส่ิงทีเ่ ขาอยากพดู มากทส่ี ุด

๑๙. "การกระทํามีผลตอ่ การสอ่ื สารมากกวา่ การใชค้ าํ พูด (Action Speaks Louder than
Words) คอื การใหค้ วามสาํ คญั กับการสือ่ สารในรูปแบบใด

ก. การส่ือสารด้วยภาษาท่าทาง /
ข. การสือ่ สารดว้ ยภาษาเขยี นหรือตวั อักษร
ค. การสือ่ สารในทส่ี าธารณะ
ง. การส่อื สารแบบเผชญิ หนา้

๒๐. เมอื่ พิจารณาจากตวั เลอื กตอ่ ไปนี้ การสอ่ื สารดว้ ยความจรงิ ใจและการคดิ เชงิ บวก จะ
นําไปสสู่ ถานการณ์ใดได้

ก. เปล่ยี นจากการสือ่ สารอยา่ งไม่เปน็ ทางการ เปน็ การส่อื สารแบบเป็นทางการ
ข. เปลยี่ นจากการส่อื สารจากบนลงลา่ ง เปน็ การสอื่ สารแบบแนวนอน
ค. เปล่ียนจากการตงั้ ข้อโต้แย้ง เปน็ การให้คาํ แนะนํา /
ง. เปลีย่ นจากการทําหนา้ ทีผ่ ู้ส่งสาร เปน็ ผรู้ บั สาร

หมวดท่ี ๔ ชดุ ท่ี ๓

๑. เหตุใดจงึ ต้องนําเรื่องมนุษยสัมพนั ธ์ไปปรบั ใชใ้ นการทาํ งาน
ก. ชว่ ยประหยัดค่าใชจ้ า่ ย
ข. การปฏิบตั ิงานราบร่ืน ได้รบั ความรว่ มมอื ลดขอ้ ขดั แยง้ /
ค. งานประสบความสําเรจ็
ง. ผู้บริหารพอใจในผลงาน

๒. บรเิ วณท่เี รยี กวา่ อวชิ ชา (Unknown Area) ในทฤษฎีของ Johari's Window คอื ขอ้ ใด
ก. บริเวณทเ่ี ป็นสง่ิ ท่ีตวั เรารู้ คนอ่ืนกร็ ู้
ข. บรเิ วณทเี่ ป็นส่งิ ท่ตี ัวเรารู้ คนอ่นื ไมร่ ู้
ค. บริเวณท่เี ปน็ สิ่งทตี่ ัวเราไมร่ ู้ คนอ่นื รู้ /
ง. บรเิ วณท่ีเป็นสิ่งที่ตัวเราไม่รู้ คนอ่ืนก็ไม่รู้

๓. การที่บางครั้งเราเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ เปน็ การใชห้ ลกั การในข้อใด
ก. สังคหวตั ถุธรรม 4
ข. พรหมวหิ าร 4
ค. เทคนคิ การอยูร่ ว่ มกันด้วยดขี องขงจื๊อ /
ง. ความตอ้ งการของมนุษย์

๔. การทค่ี นเราตอ้ งการบรรลุเป้าหมายในชีวิต แสดงถงึ ความตอ้ งการของมนษุ ย์ในข้อใด
ก. ความตอ้ งการความมน่ั คงปลอดภยั (Safety and Security Needs)
ข. ความต้องการทางสังคม (Social Needs)
ค. ความต้องการเกียรติยศช่อื เสยี ง (Self Esteem Needs)
ง. ความตอ้ งการความสาํ เรจ็ สมหวงั ในชีวติ (Self Actualization/Self-fulfillment Needs) /

๕. หลักพรหมวหิ าร 4 ท่ีสอนใหเ้ รายนิ ดเี ม่ือผู้อื่นได้ดีคือขอ้ ใด
ก. เมตตา
ข. กรุณา
ค. มุทิตา /
ง. อเุ บกขา

๖. หลกั การสําคัญของความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) คอื อะไร
ก. การรจู้ กั ควบคมุ ตนเอง
ข. การมีทกั ษะทางสังคม
ค. การรู้จกั ควบคมุ ตนเองและการมีทักษะทางสังคม
ง. การรู้จกั ควบคุมอารมณ์ /

๗. ข้อใดเป็นการนําหลกั การของ Assertive Technique ไปใช้
ก. ความมวี ุฒภิ าวะ (mature)
ข. การใชข้ ้อมลู และเหตุผลในการสอื่ สาร
ค. การแสดงออกอยา่ งเหมาะสม
ง. ถูกทกุ ขอ้ /

๘. นายมนุษย์ สัมพันธ์ไมด่ ี คดิ วา่ การท่จี ะเจริญกา้ วหน้าในราชการนน้ั จะตอ้ งคอยประจบ
สอพลอ คอยเออออกับนายไมว่ ่าจะถกู หรอื ผิด ไมป่ ฏเิ สธนายแมค้ าํ ส่งั จะไมถ่ กู ตอ้ ง ถา้ ว่างเมอื่ ไรต้อง
รบี เข้าหา คอยเสนอหนา้ ให้เหน็ พรอ้ มของฝากแพง ๆ ในกรณที กี่ ลา่ วมาน้ี ท่านคดิ วา่ นายมนุษย์
ขาดหลกั การสร้าง มนษุ สมั พนั ธ์ที่ดีกับผบู้ งั คับบัญชาในขอ้ ใด

ก. การประจบด้วยการทาํ งานใหด้ ี มผี ลงานคุณภาพ
ข. การยดึ หลกั "ไดค้ รบั พี่ ดีครับผม เหมาะสมแลว้ "
ค. การเรยี นรู้นิสัยผบู้ งั คบั บญั ชา /
ง. การไมน่ ินทาท้ังต่อหน้าและลับหลงั

๙. นายมนุษย์ สมั พนั ธ์ไมด่ ี มฐี านะราํ่ รวย คดิ ว่าตัวเองเปน็ คนโปรด เจ้านายรกั ใคร่ เกรงใจ
จึงมักจะเกีย่ งงานไม่ยอมชว่ ยผอู้ ืน่ ทาํ งาน ดถู ูกเพื่อนรว่ มงาน ชอบวพิ ากษ์วิจารณผ์ อู้ ่นื ใหเ้ สยี หาย ขี้
อจิ ฉา เวลามีปญั หาใครทําอะไรผิดจะรบี ไปฟ้องผู้บงั คับบัญชาทันทเี พ่ือเอาหนา้ โดยลักษณะทก่ี ลา่ วมา
นี้ ทา่ นคดิ ว่านายมนษุ ย์ขาดความมมี นษุ ยสมั พันธท์ ด่ี ีกบั เพื่อนรว่ มงานข้อใด

ก. ความเออ้ื เฟอ้ื เผอ่ื แผ่
ข. การใหค้ วามร่วมมอื ในการทาํ งานร่วมกนั
ค. การวิพากษว์ ิจารณ์
ง. การสภุ าพใหเ้ กียรติ /

๑๐. นายมนษุ ย์ สัมพันธ์ไม่ดี มกั จะอารมณ์เสียเวลามีผู้มาตดิ ตอ่ ราชการเปน็ จาํ นวนมาก ก็จะ
รีบ ๆ ทาํ ใหเ้ สร็จ ๆ ไป ไมย่ อมตอบขอ้ ซกั ถาม หรอื อธบิ ายให้คําแนะนําแถมยังมีความรู้สกึ ว่า
ประชาชนเปน็ คนโง่ ไมค่ ่อยรเู้ รอ่ื ง เขา้ ใจอะไรยาก เวลาทาํ ผดิ หรือลืมเอกสารกจ็ ะดุว่า ระบายอารมณ์
ใสท่ ันที ท่านคดิ วา่ จากเหตุการณน์ นี้ ายมนุษยม์ ีพฤติกรรมที่สรา้ งมนษุ ยสมั พันธ์ทไี่ ม่ดกี ับประชาชนใน
ข้อใด

ก. ไมใ่ หข้ อ้ มูลและคําแนะนาํ ทด่ี ี /
ข. บรกิ ารช้า
ค. ไมส่ ุจรติ
ง. ไมย่ ุติธรรม

หมวดที่ ๔ ชดุ ท่ี ๔

๑. ข้อใดต่อไปนี้เปน็ สง่ิ ทที่ ําให้เกิด "สมรรถนะ"
ก. ความรู้ความสามารถ
ข. ทักษะ
ค. คุณลกั ษณะ
ง. ถกู ทกุ ขอ้ /

๒. คํานิยาม "สมรรถนะ" ทใ่ี ชใ้ นราชการพลเรือนหมายถงึ ข้อใด
ก. ความรู้ความสามารถ
ข. ทักษะ
ค. คุณลักษณะเชิงพฤตกิ รรม
ง. ถกู ทกุ ขอ้

๓. ขา้ ราชการระดับตาํ แหนง่ ใด ถูกกาํ หนดสมรรถนะในระดบั ทสี่ งู กวา่ ประเภทอนื่ ๆ
ก. อาวุโส
ข. ทรงคุณฎวุฒิ /
ค. อาํ นวยการต้น
ง. ชาํ นาญการพิเศษ

๔. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้ ไมใ่ ช่ สมรรถนะ "การมุ่งผลสมั ฤทธ"ิ์
ก. พัฒนาตนเองใหม้ คี วามรู้ และเชย่ี วชาญในงานมากขึ้น ท้งั ในเชงิ ลกึ และเชงิ กวา้ งอยา่ งตอ่ เน่ือง
ข. ตดั สนิ ใจได้ แม้จะมคี วามเส่ยี ง เพื่อให้ส่วนราชการบรรลเุ ปา้ หมาย
ค. แสดงความพยายามในการปฏิบัติหน้าที่ราชการท่ดี ี
ง. สามารถพฒั นาวิธีการทาํ งานเพอ่ื ให้ไดผ้ ลงานท่โี ดดเด่น และแตกตา่ งอยา่ งไมเ่ คยมใี ครทาํ ไดม้ า
ก่อน

๕. ขอ้ ใดต่อไปนเี้ ป็นข้อแนะนําสําหรบั การพัฒนาสมรรถนะ "การมุง่ ผลสมั ฤทธิ"์
ก. ต้ังเปา้ หมายการทํางาน ทบทวน หรือปรับเป้าหมายเป็นประจาํ
ข. คน้ หาวิธกี ารปรับปรุงงานให้มปี ระสทิ ธภิ าพมากยงิ่ ขึน้
ค. ขอความคิดเหน็ ของผู้อ่นื เกยี่ วกับพฤติกรรม หรือวธิ ีการทาํ งานของท่านเพือ่ หาทางปรบั ปรงุ ให้
ทาํ งานได้ดียิ่งข้นึ
ง. ถกู ทกุ ขอ้ /

๖. ขอ้ ใดต่อไปนี้เป็นพฤติกรรมสมรรถนะ "การสง่ั สมความเช่ียวชาญในงานอาชีพ"
ก. แสดงความคิดเห็นในเชงิ ปรบั ปรงุ พัฒนาเมื่อเหน็ ความสญู เปล่า หรือหยอ่ นประสิทธิภาพในงาน
ข. ยดึ มัน่ ในหลักการและจรรยาบรรณแหง่ วิชาชีพ ไมเ่ บ่ยี งเบนดว้ ยอคตหิ รือผลประโยชน์
ค. สนบั สนนุ การทํางานของคนในส่วนราชการท่ีเนน้ ความเชยี่ วชาญในวทิ ยาการดา้ นตา่ งๆ
ง. ผิดทกุ ขอ้

๗. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้เี ป็นข้อเสนอแนะสําหรับการพฒั นาสมรรถนะ "การสง่ั สมความเช่ียวชาญใน
งานอาชีพ"

ก. ทาํ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับคา่ นิยม และปรัชญาของการเป็นข้าราชการเพ่อื ทาํ ให้เกิดความ
ภาคภูมใิ จในการรับราชการ

ข. รับฟัง และใหค้ วามสาํ คัญกบั ความคดิ เห็นของผู้ร่วมงาน
ค. คน้ หาวธิ กี ารปรบั ปรุงใหม้ ีประสิทธภิ าพมากยิ่งข้ึน
ง. แลกเปลยี่ นความรู้กับเพ่อื นรว่ มอาชีพในหน่วยงานตา่ ง ๆ เพ่ือติดตามความกา้ วหนา้ ทาง
วชิ าการ /

๘. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีเปน็ สมรรถนะ "การยดึ มัน่ ในความถกู ต้องชอบธรรมและจรยิ ธรรม"
ก. ให้บรกิ ารทเี่ ปน็ ประโยชน์อยา่ งแท้จรงิ แก่ผ้รู ับบริการ
ข. ม่งุ พทิ กั ษผ์ ลประโยชนข์ องทางราชการ /
ค. ให้ความรว่ มมอื ในการทาํ งานกับเพื่อรว่ มงาน
ง. กลา้ ตัดสินใจ แมว้ ่าการตัดสนิ ใจนั้นจะมคี วามเสยี่ งเพอื่ ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายของหนว่ ยงาน หรือ
ส่วนราชการ

๙. ข้อเสนอแนะสาํ หรับการพัฒนา "การยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรมและจรยิ ธรรม" ได้แก่
ขอ้ ใด

ก. สนับสนนุ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื และกลา่ วชน่ื ชมในความสาํ เรจ็ ของเพื่อนรว่ มทมี
ข. ทาํ ความเข้าใจกบั จรรยาบรรณวชิ าชีพ หรอื จรรยาบรรณขา้ ราชการ เพอ่ื จะไดถ้ อื เป็นแนวทาง
ปฏิบตั ิหนา้ ทร่ี าชการ /
ค. พิจารณางานทที่ าํ อยู่ว่าจะสามารถประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ใหมไ่ ดอ้ ย่างไร เพือ่ ให้เกิดผลงานท่ีดีข้ึน
ง. คดิ วเิ คราะห์เกยี่ วกบั ปัญหาของการให้บริการ และหาทางปอ้ งกัน หรอื แกไ้ ขปญั หานน้ั ๆ

๑๐. ข้อใดเปน็ แนวทางของการพัฒนา "การทาํ งานเปน็ ทีม"
ก. ทําความเข้าใจถึงบทบาทหนา้ ทข่ี องตนเองในทมี ใหช้ ัดเจน เพือ่ จะได้ทําหน้าท่ีของตนเองได้
สําเรจ็ เรียบรอ้ ย
ข. ศกึ ษากฎหมายที่ให้อาํ นาจในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี เพือ่ ทจ่ี ะไดป้ ฏิบัติหนา้ ท่รี าชการภายใต้
กฎหมายทีใ่ หอ้ าํ นาจ
ค. จดบันทกึ และทบทวนความรู้ใหม่ ๆ ทศ่ี กึ ษามา โดยอาจบรรยายสรุปให้เพ่ือนร่วมงานฟัง /
ง. ขอข้อมลู ความคดิ เหน็ ของผอู้ ่นื เกย่ี วกบั วิธกี ารใหบ้ ริการของทา่ น

หมวดที่ ๔ ชดุ ที่ ๕
ก่อนศึกษา

๑. ท่านเขา้ ใจวา่ ความหมายของ การวางแผน คือข้อใด
ก. การเตรยี มการเพื่อรบั สภาวการณท์ อ่ี าจเปลย่ี นแปลงในอนาคต
ข. กระบวนการเตรยี มการปฏบิ ตั งิ านไว้ลว่ งหน้าอย่างเป็นระบบ
ค. เปน็ การกาํ หนดกจิ กรรมการปฏบิ ตั งิ านท้ังหมด พร้อมระยะเวลาในการปฏบิ ตั ิ
ง. ถูกทั้ง ก. ขอ้ ข. และข้อ ค.

๒. ข้อใดคือ วตั ถุประสงค์ของการวางแผนปฏิบัตงิ าน
ก. เพ่ือใหก้ ารดําเนินงานเป็นไปอยา่ งมเี ปา้ หมาย มีการคาดการณล์ ่วงหน้า และกาํ หนดกลวิธีให้
สอดรบั กบั สภาวการณ์
ข. เพอื่ ใหม้ กี จิ กรรมดําเนนิ การ ระยะเวลาปฏบิ ตั ิท่แี นชัดและกาํ หนดผรู้ บั ผดิ ชอบทช่ี ดั เจน
ค. เพ่ือใหผ้ บู้ ริหารและผปู้ ฏบิ ตั งิ านมคี วามเขา้ ใจตรงกนั ทงั้ วตั ถปุ ระสงค์ เปา้ หมายและวิธีการ
ง. ถกู ทง้ั ขอ้ ก. ขอ้ ข. และขอ้ ค. /

๓. ใครบ้างทต่ี อ้ งรว่ มกันวางแผนปฏบิ ตั ิงาน
ก. ผู้รบั ผิดชอบโครงการ
ข. ผมู้ สี ว่ นได้เสยี กับผลการปฏิบตั ิตามแผน
ค. ผู้บริหารของหน่วยงาน
ง. ถูกทง้ั ขอ้ ก. ขอ้ . ข. และข้อ ค. /

๔. ในกระบวนการวางแผน ทา่ นเข้าใจว่าขอ้ ใดต้องมาก่อน
ก. การกําหนดเปา้ หมายของงานหรอื โครงการ
ข. การวเิ คราะหส์ ภาพแวดลอ้ ม
ค. การประเมนิ สถานภาพหน่วยงาน /
ง. การกําหนดกลยทุ ธ์/วธิ กี าร

๕. เป้าหมายของโครงการทีด่ ีควรมลี ักษณะตามข้อใด
ก. เห็นภาพในอนาคตวา่ จะเป็นเช่นไร อะไรจะเกิดขน้ึ อยา่ งชัดเจน
ข. ตอ้ งสอดรบั กบั นโยบายของรัฐบาลหรือสมั พนั ธก์ บั ภารกิจของหน่วยงาน
ค. สามารถวดั ผลไดแ้ ละบอกเวลาทต่ี อ้ งประสบความสําเร็จชัดเจน
ง. ถูกท้ังขอ้ ก. ข้อ ข. และข้อ ค. /

๖. ทําไมต้องมีการวิเคราะหส์ ภาพแวดลอ้ มก่อนการวางแผนโครงการ
ก. ทาํ ใหท้ ราบสง่ิ แวดลอ้ มท่ีอาจมผี ลกระทบกับโครงการ /
ข. ทาํ ใหร้ จู้ กั หน่วยงานมากขน้ึ
ค. ทําใหม้ องเห็นอนาคตและสามารถวางแผนไดถ้ กู ตอ้ ง
ง. ถกู ทงั้ ขอ้ ก. ข้อ ข. และข้อ ค.

๗. ทา่ นเข้าใจคาํ วา่ ผลผลิต (OUTPUT) จะหมายถงึ ขอ้ ใด
ก. จาํ นวนคนทผ่ี ่านการฝกึ อบรมในหลักสูตรข้าราชการบรรจุใหม่ /
ข. การประชมุ ชีแ้ จงขา้ ราชการใหมก่ อ่ นเขา้ รบั การฝึกอบรม
ค. จํานวนคมู่ ือทผ่ี ลิตข้ึนเพ่อื ใชใ้ นการอบรมข้าราชการบรรจใุ หม่
ง. ถกู ทง้ั ขอ้ ก. ขอ้ ข. และข้อ ค.

๘. ความหมายของตวั ชี้วัดตรงกบั ขอ้ ใด
ก. การกําหนดค่าเปา้ หมายของส่ิงที่ตอ้ งการจะวัด /
ข. ระดบั ความสาํ เร็จของกจิ กรรมทที่ ําในโครงการ
ค. ตวั เลขท่วี ดั จากกิจกรรมทที่ ําให้
ง. ผลลพั ธท์ ่ีเกดิ ขน้ึ จากการดําเนินโครงการ

๙. "ทศิ ทางและสถานะขององคก์ รในอนาคต ทีก่ ําหนดวา่ องคก์ รตอ้ งการอยทู่ ่ีใดม่งุ หวงั จะ
บรรลสุ ิง่ ใด ภาพของจดุ มุ่งหมายเปน็ อยา่ งไร" มีความหมายตรงกบั ขอ้ ใด

ก. เปา้ หมาย
ข. วสิ ัยทัศน์ /
ค. พนั ธกิจ
ง. กลยทุ ธ์

๑๐. "หลกั การพน้ื ฐาน จุดมุ่งหมายของการกอ่ ตัง้ องคก์ ร และขอบขา่ ยการดาํ เนนิ งานเพื่อ
บรรลุจุดมงุ่ หมายขององค์กร" มคี วามหมายตรงกับข้อใด

ก. เปา้ หมาย
ข. วสิ ัยทศั น์
ค. พันธกจิ /
ง. กลยทุ ธ์

๑๑. "การกําหนดสง่ิ ท่ีต้องการในอนาคตทอ่ี งค์กรจะตอ้ งพยายามใหเ้ กิดข้นึ ซ่ึงหมายถึงการ
กาํ หนดพันธกิจในรูปของผลลพั ธ์ที่สาํ คัญทตี่ อ้ งการทําใหส้ ําเร็จ"
มีความหมายตรงกับข้อใด

ก. เป้าหมาย /
ข. วสิ ยั ทศั น์
ค. พนั ธกิจ
ง. กลยทุ ธ์

๑๒. "ผลสําเรจ็ ขององค์กรตามแผนงานทค่ี าดว่าจะทาํ ให้ได้ภายในระยะเวลาทก่ี าํ หนดซึ่ง
สามารถตรวจวดั ได้ และมีความเกยี่ วขอ้ ง" มีความหมายตรงกบั ข้อใด

ก. ผลผลิต
ข. กลยทุ ธ์
ค. วัตถปุ ระสงค์ /
ง. ผลลพั ธ์

๑๓. "แนวทางหรอื วธิ กี ารในการปฏบิ ัตงิ านเพื่อใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ขององคก์ ร" หมายถงึ ข้อ
ใด

ก. เปา้ หมาย
ข. กลยทุ ธ์ /
ค. ผลผลติ
ง. ผลลพั ธ์

๑๔. "ความสามารถในการปฏิบัตงิ านโครงการใหแ้ ล้วเสรจ็ ก่อนกาํ หนดเวลาและประหยัด
งบประมาณคา่ ใช้จ่าย รวมถึงสามารถประหยัดพลังงานได้ด้วย" หมายถงึ ขอ้ ใด

ก. มีประสทิ ธิผล
ข. มีคณุ ภาพ
ค. มปี ระสทิ ธิภาพ /
ง. มกี ารพฒั นาองค์กร

๑๕. "ผลสมั ฤทธ์ิของโครงการ ทาํ ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารมคี วามพงึ พอใจเปน็ อย่างมาก" หมายถงึ ขอ้ ใด
ก. มีประสทิ ธผิ ล /
ข. มคี ุณภาพ
ค. มปี ระสทิ ธิภาพ
ง. มกี ารพฒั นาองค์กร

หลงั ศึกษา

๑. เหตุผลสําคญั ของการจดั สัมมนาเชงิ ปฏบิ ัตกิ ารจดั ทาํ แผนบริหารผลการปฏบิ ตั ิงานคือขอ้
ใด

ก. การวางแผนถ่ายทอดตวั ชว้ี ัดและเปา้ หมายระดับองค์กรสู่ระดบั บุคคล
ข. เพ่อื ใหผ้ ลงานสนองความต้องการของลกู คา้ และผู้มสี ่วนไดเ้ สีย
ค. เพอื่ ทําขอ้ ตกลงการปฏบิ ตั งิ านเปน็ ลายลักษณอ์ กั ษร
ง. เพื่อใหก้ ารบริหารผลการปฏิบัติงานของสาํ นักงาน ก.พ. เปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ประสทิ ธิผล และบรรลตุ ัวชี้วัด /

๒. ผลสมั ฤทธข์ิ องโครงการท่คี าดหวัง คือขอ้ ใด
ก. แผนบรหิ ารผลการปฏบิ ัติงานของสาํ นกั บริหารกลาง
ข. สาํ นักบริหารกลางมีผลการดําเนินงานทส่ี รา้ งความพงึ พอใจกบั ผู้รับบริการ
ค. สาํ นกั งาน ก.พ. บรรลตุ วั ชว้ึ ัดตามระบบ PMQA
ง. ถกู ทงั้ ขอ้ ก. ขอ้ ข. และขอ้ ค. /

๓. จาํ นวนข้าราชการท่ีจะเขา้ รว่ มสมั มนาฯ มีจํานวนตามขอ้ ใด
ก. 100 คน
ข. 130 คน /
ค. 150 คน
ง. จาํ นวนยังไม่แนน่ อน

๔. วัดของโครงการท่สี าํ คัญ คอื ข้อใด
ก. ความสาํ เรจ็ ของการจัดสมั มนา
ข. มแี ผนบรหิ ารผลการปฏบิ ตั ิงานเปน็ รายบคุ คล /
ค. ข้าราชการทเี่ ข้าร่วมสมั มนามีความพงึ พอใจ
ง. มกี จิ กรรมในการจัดทาํ แผนบรหิ ารผลการปฏิบัติงาน

๕. การเขยี นวัตถปุ ระสงคข์ องโครงการ หมายถึงขอ้ ใด
ก. บอกความสําเร็จของงานตามแผนทค่ี าดว่าจะทาํ ไดภ้ ายในระยะเวลาท่ีกาํ หนดซง่ึ สามารถ
ตรวจวัดได้ /
ข. บอกส่งิ ท่ีจะดาํ เนินการตามแผน ภายในระยะเวลาท่กี าํ หนด และสามารถประเมนิ ผลได้
ค. บอกตัวชี้วดั ทจี่ ะทําได้จากโครงการ
ง. บอกผลผลติ ผลลัพธ์ และตัวชี้วัดของโครงการ

๖. กอ่ นเริม่ ปฏิบัติงานโครงการจะตอ้ งดาํ เนินการตามขอ้ ใดกอ่ น
ก. ขออนุมัตจิ ากหวั หนา้ โครงการ
ข. ขออนมุ ตั จิ ากทป่ี รกึ ษาโครงการ
ค. ขออนุมตั จิ ากอธบิ ดี /
ง. ขออนมุ ตั ิจากผ้มู สี ว่ นไดส้ ว่ นเสีย

๗. กลมุ่ เปา้ หมายในการจัดสัมมนา ได้แกข่ อ้ ใด
ก. ข้าราชการ /
ข. ลกู จา้ งประจํา
ค. ข้าราชการและลกู จ้างประจาํ
ง. ถูกทัง้ ขอ้ ก. ขอ้ ข. และขอ้ ค.

๘. การตดิ ตามประเมินผลการปฏบิ ตั งิ านของโครงการ เพื่อวัตถุประสงคต์ ามขอ้ ใด
ก. เพอื่ หาจดุ อ่อน ปญั หา อุปสรรคของการดาํ เนนิ การ
ข. เพ่อื จะแกป้ ญั หาไดท้ นั เวลา
ค. เพ่ือใหโ้ ครงการมปี ระสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล
ง. ถูกท้ังขอ้ ก. ข้อ ข. และขอ้ ค. /

๙. ในการเขยี นโครงการจาํ เป็นตอ้ งบอกหลักการและเหตุผลเสมอ เพราะเหตใุ ด
ก. เปน็ การบอกเหตุผลความจาํ เป็นท่ีต้องมีโครงการ /
ข. เป็นการบอกความเปน็ มาของโครงการ
ค. เป็นการบอกวธิ กี ารแก้ปญั หา
ง. เป็นการบอกนโยบายของหน่วยงาน

๑๐. ผลผลติ ของโครงการ หมายถงึ ข้อใด
ก. กจิ กรรมต่างๆ ในโครงการ
ข. การบรกิ ารทเี่ กิดขน้ึ จากการดําเนินโครงการ
ค. กิจกรรมหรอื การบรกิ ารท่ีเกดิ ขึ้นจากการดาํ เนนิ โครงการ /
ง. ความพงึ พอใจทผ่ี ูร้ บั บรกิ ารต้องการ

๑๑. วัตถุประสงคข์ องโครงการ มีลักษณะเปน็ ไปตามขอ้ ใด
ก. เป็นโครงการเพือ่ การพฒั นา /
ข. เปน็ โครงการเพอื่ การแกป้ ัญหา
ค. เปน็ โครงการสรา้ งสรรค์
ง. เปน็ โครงการต่อเนอื่ ง

๑๒. โครงการสัมนาเชงิ ปฏบิ ัติการฯ ทจ่ี ดั ขนึ้ ใช้เวลาตามข้อใด
ก. 1 วนั
ข. 2 วัน /
ค. 8 วัน
ง. 30 วัน

๑๓. โครงการท่ีสามารถปฏบิ ตั งิ านตามกจิ กรรมทก่ี ําหนดไว้ไดค้ รบถว้ น เป็นไปตาม
วตั ถปุ ระสงค์ และบรรลุตามตัวช้ีวัด หมายถงึ โครงการตามข้อใด

ก. เป็นโครงการทมี่ ีประสทิ ธผิ ล /
ข. เป็นโครงการทีม่ ีคุณภาพ
ค. เปน็ โครงการท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ
ง. เปน็ โครงการทม่ี กี ารบรหิ ารจดั การอย่างมคี ณุ ภาพ

๑๔. หากสภาพแวดลอ้ มมีจดุ แข็งและมโี อกาสดี กลยุทธห์ รอื แนวทางการดาํ เนินโครงการควร
เปน็ แบบข้อใด

ก. โครงการนาํ รอ่ ง
ข. โครงการจะต้องเรง่ ดําเนนิ การ เรง่ ขยาย /
ค. โครงการจะตอ้ งไมเ่ สี่ยง ควรดําเนินการเพอื่ รกั ษาสภาพไว้
ง. ควรลด เลกิ บางกจิ กรรม หรอื ปรับเปลย่ี นโครงการใหม่

๑๕. การกําหนดแผนปฏิบัตงิ านจาํ เป็นตอ้ งมีความรู้ ความเขา้ ใจ ในประเด็นสาํ คัญตามข้อใด
ก. กจิ กรรมหลกั และกิจกรรมยอ่ ย
ข. ข้ันตอนการปฏบิ ัติแต่ละกิจกรรม
ค. ระยะเวลาการปฏบิ ัติในแต่ละกจิ กรรม
ง. ถูกทงั้ ขอ้ ก. ข้อ ข. และข้อ ค /


Click to View FlipBook Version