วิเคราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
ตารางวเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ ONET 64
วชิ า วิทยาศาสตร์ ช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ปีการศึกษา 2564
ขอ้ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด เฉลย
1 มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลาย ของระบบนิเวศ ม.3/4 อธบิ ายความสัมพนั ธ์ 2
ความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งไม่มีชวี ิตกับส่ิงมีชวี ิต และ ของผูผ้ ลิต ผู้บรโิ ภค และผู้ 1
4
ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง ส่ิงมีชีวติ กับส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบ ยอ่ ยสลายสารอินทรยี ์ใน 3
4
นิเวศ การถ่ายทอด พลังงาน การเปล่ียนแปลง แทนท่ีใน ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปญั หาและผลกระทบท่ี
มีต่อ ทรพั ยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม แนวทางในการ
อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และการแก้ไขปญั หา
ส่ิงแวดล้อม รวมท้ังนาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์
2 มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ิของสิ่งมีชีวิต หน่วยพ้ืนฐาน ม.1/5 อธบิ ายกระบวนการ
ของสิ่งมีชีวติ การลาเลียงสารเขา้ และออก จากเซลล์ แพรแ่ ละออสโมซสิ จาก
ความสัมพนั ธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าท่ีของระบบ ต่าง ๆ หลักฐานเชิงประจกั ษ์ และ
ของสัตวแ์ ละมนุษย์ท่ี ท างานสัมพันธก์ ัน ความสัมพันธ์ ของ ยกตัวอยา่ ง การแพรแ่ ละ
โครงสรา้ งและหน้าท่ีของ อวัยวะต่าง ๆ ของพชื ท่ีทางาน ออสโมซสิ ในชีวิตประจาวัน
สัมพันธก์ ัน รวมท้ังนาความรูไ้ ป ใชป้ ระโยชน์
3 มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ิของส่ิงมีชวี ิต หน่วยพ้ืนฐาน ม.1/5 ระบปุ จั จยั ท่ีจาเปน็ ใน
ของสิ่งมีชีวติ การลาเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ การสังเคราะห์ด้วยแสง และ
ความสัมพนั ธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าท่ีของระบบ ต่าง ๆ ผลผลิตท่ีเกิดข้ึนจากการ
ของสัตวแ์ ละมนุษย์ท่ี ท างานสัมพันธก์ ัน ความสัมพันธ์ ของ สังเคราะห์ด้วยแสง โดยใช้
โครงสรา้ งและหน้าท่ีของ อวัยวะต่าง ๆ ของพชื ท่ีทางาน หลักฐานเชิงประจกั ษ์
สัมพันธก์ ัน รวมทั้งนาความรูไ้ ป ใชป้ ระโยชน์
4 มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของสิ่งมีชวี ิต หน่วยพ้นื ฐาน ม.1/10 เขียนแผนภาพท่ี
ของส่ิงมีชวี ิต การลาเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ บรรยายทิศทางการลาเลียง
ความสัมพันธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าท่ีของระบบ ต่าง ๆ สารในไซเล็มและโฟลเอ็ม
ของสัตว์และมนุษย์ท่ี ท างานสัมพันธก์ ัน ความสัมพันธ์ ของ ของพืช
โครงสรา้ งและหน้าท่ีของ อวยั วะต่าง ๆ ของพชื ท่ีทางาน
สัมพันธก์ ัน รวมทั้งนาความรูไ้ ป ใชป้ ระโยชน์
5 มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของสิ่งมีชีวติ หน่วยพ้นื ฐาน ม.2/7 อธบิ ายการทางาน
ของสิ่งมีชวี ติ การลาเลียงสารเขา้ และออก จากเซลล์ ของระบบหมุนเวยี นเลือด
ความสัมพันธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าท่ีของระบบ ต่าง ๆ โดยใชแ้ บบจาลอง
ของสัตว์และมนุษย์ท่ี ท างานสัมพันธก์ ัน ความสัมพันธ์ ของ
โครงสรา้ งและหน้าท่ีของ อวยั วะต่าง ๆ ของพชื ท่ีทางาน
สัมพนั ธก์ ัน รวมทั้งนาความรูไ้ ป ใชป้ ระโยชน์ ม.2/15 อธบิ ายการตกไข่ 2
6 มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสิ่งมีชีวติ หน่วยพ้ืนฐาน การมีประจาเดือนการ
ปฏิสนธิ และการพฒั นาของ
ของสิ่งมีชีวติ การลาเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์
ความสัมพนั ธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าท่ีของระบบ ต่าง ๆ
ของสัตว์และมนุษย์ท่ี ท างานสัมพันธก์ ัน ความสัมพันธ์ ของ ไซโกตจนคลอดเปน็ ทารก
โครงสรา้ งและหน้าท่ีของ อวยั วะต่าง ๆ ของพชื ท่ีทางาน
สัมพันธก์ ัน รวมทั้งนาความรูไ้ ป ใช้ประโยชน์
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 1
วิเคราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
ขอ้ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั เฉลย
7 มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและ ความสาคัญของ ม.3/3 อธบิ ายการเกิดจีโน 3
ไทปแ์ ละฟีโนไทปข์ องลูก 4
การถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรม สารพนั ธุกรรม การ และคานวณอัตราส่วนการ 1
เปล่ียนแปลง ทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อสิ่งมีชีวติ ความ เกิดจีโนไทปแ์ ละฟีโนไทป์
หลากหลายทางชวี ภาพ และววิ ัฒนาการของส่ิงมีชีวิต ของรุน่ ลูก 3
รวมทั้งนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 3
8 มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและ ความสาคัญของ ม.3/7 อธบิ ายการใช้
การถ่ายทอด ลักษณะทางพนั ธุกรรม สารพนั ธุกรรม การ ประโยชน์จากส่ิงมีชวี ิตดัด
เปล่ียนแปลง ทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อสิ่งมีชวี ติ ความ แปร พันธุกรรม และ
หลากหลายทางชีวภาพ และวิวฒั นาการของส่ิงมีชวี ิต ผลกระทบท่ีอาจมีต่อมนุษย์
รวมท้ังนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ และ ส่ิงแวดล้อม โดยใช้
ข้อมูลท่ีรวบรวมได้
9 มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของ
สสาร ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสมบตั ิ ของสสารกับโครงสรา้ ง ม.1/1 อธบิ ายสมบตั ิทาง
และ แรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของ กายภาพบางประการของ
การเปล่ียนแปลงสถานะ ของสสาร การเกิดสารละลาย และ ธาตุโลหะ อโลหะ และก่ึง
การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี โลหะ โดยใชห้ ลักฐานเชิง
ประจกั ษ์ท่ีได้จากการสังเกต
10 มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของ และการทดสอบและใช้
สสาร ความสัมพันธร์ ะหว่างสมบตั ิ ของสสารกับโครงสรา้ ง สารสนเทศท่ีได้จากแหล่ง
และ แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของ ขอ้ มูลต่าง ๆ รวมทั้งจดั กลุ่ม
การเปล่ียนแปลงสถานะ ของสสาร การเกิดสารละลาย และ ธาตเุ ปน็ โลหะ อโลหะ และ
การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ก่ึงโลหะ
ม.1/2 วเิ คราะห์ผลจากการ
11 มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของ ใชธ้ าตุโลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ
สสาร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมบตั ิ ของสสารกับโครงสรา้ ง และธาตกุ ัมมันตรงั สี ท่ีมีต่อ
และ แรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของ ส่ิงมีชวี ิต
การเปล่ียนแปลงสถานะ ของสสาร การเกิดสารละลาย และ ส่ิงแวดล้อม เศรษฐกิจและ
การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี สังคม จากข้อมูลท่ีรวบรวม
ได้
ม.1/9 อธบิ ายและ
เปรยี บเทียบการจดั เรยี ง
อนุภาค แรงยดึ เหน่ียว
ระหวา่ งอนุภาค และการ
เคล่ือนท่ีของอนุภาคของ
สสารชนิดเดียวกันในสถานะ
ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส
โดยใชแ้ บบจาลอง
ม.2 /2 แยกสารโดยการ
ระเหยแห้ง การตกผลึก การ
กลั่นอย่างงา่ ย โครมาโทก
ราฟแี บบกระดาษ
การสกัดด้วยตัวทาละลาย
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 2
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
ขอ้ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั เฉลย
12 มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของ ม.3/3 อธบิ ายการ 2
เกิดปฏิกิรยิ าเคมี รวมถึงการ
สสาร ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสมบตั ิ ของสสารกับโครงสรา้ ง จดั เรยี งตัวใหม่ของอะตอม 2
และ แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของ เม่ือเกิดปฏิกิรยิ าเคมี โดยใช้
การเปล่ียนแปลงสถานะ ของสสาร การเกิดสารละลาย และ แบบจาลองและสมการ
การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ขอ้ ความ
ม.2/5 ระบุปรมิ าณตัว
13 มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของ ละลายในสารละลาย ใน
สสาร ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสมบตั ิ ของสสารกับโครงสรา้ ง หน่วย ความเข้มขน้ เปน็ รอ้ ย
และ แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของ ละ ปรมิ าตรต่อปรมิ าตร มวล
การเปล่ียนแปลงสถานะ ของสสาร การเกิดสารละลาย และ ต่อมวล และมวลต่อปรมิ าตร
การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี
14 มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของ แรงในชวี ิตประจาวนั ม.2/4 วเิ คราะห์แรงพยงุ 1
4
ผลของแรงท่ีกระทาต่อวตั ถุ ลักษณะการเคล่ือนท่ีแบบต่าง ๆ และการจม การลอยของ 3
ของวตั ถุ รวมท้ังนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ วัตถุในของเหลวจาก
หลักฐานเชงิ ประจักษ์
15 มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของ แรงในชวี ิตประจาวัน ม.2/6 อธบิ ายแรงเสียดทาน
ผลของแรงท่ีกระทาต่อวตั ถุ ลักษณะการเคล่ือนท่ีแบบต่าง ๆ สถิตและแรงเสียดทานจลน์
ของวตั ถุ รวมทั้งนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์
16 มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของ แรงในชวี ิตประจาวนั ม.2/14 อธบิ ายและ
ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคล่ือนท่ีแบบต่าง ๆ คานวณอัตราเรว็ และ
ของวัตถุ รวมท้ังนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ความเรว็ ของการเคล่ือนท่ี
ของวัตถุ โดยใชส้ มการ
v = s/t และ v = s/t จาก
หลกั ฐานเชิงประจักษ์
17 มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของ แรงในชวี ติ ประจ าวัน ม.2/1พยากรณ์การเคล่ือนท่ี 1
ผลของ แรงท่ีกระท าต่อวตั ถุ ลักษณะ การเคล่ือนท่ีแบบต่าง ของวตั ถุท่ีเปน็ ผลของ แรง
ๆ ของ วตั ถุ รวมท้ังน าความรูไ้ ปใช้ ประโยชน์ ลัพธท์ ่ีเกิดจากแรงหลาย
แรงท่ีกระท าต่อ วตั ถุในแนว
เดียวกันจากหลักฐานเชิง
ประจกั ษ์
18 มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชวี ติ ประจาวัน ม2/10 ออกแบบการ 3
ผลของ แรงท่ีกระทาต่อวตั ถุ ลักษณะ ทดลองและทดลองด้วยวิธี
การเคล่ือนท่ีแบบต่าง ๆ ของ วตั ถุ รวมท้ังนาความรูไ้ ปใช้ ท่ีเหมาะสมในการอธบิ าย
ประโยชน์ โมเมนต์ของแรง เม่ือวัตถุ
อยใู่ นสภาพสมดลุ ต่อการ
หมุน และ คานวณโดยใช้
สมการ M = Fl
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 3
วิเคราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
ข้อ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด เฉลย
19 มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของ พลังงาน การ ม.1/5วิเคราะห์สถานการณ์ 3
การถ่ายโอนความรอ้ น และ
เปล่ียนแปลงและ การถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง คานวณปรมิ าณความรอ้ นท่ี 4
สสาร และพลังงาน พลังงาน ในชวี ิตประจ าวัน ธรรมชาติ ถ่ายโอน ระหว่างสสารจน
ของคล่ืน ปรากฏการณ์ท่ี เก่ียวข้องกับเสียง แสง และ คล่ืน เกิดสมดุลความรอ้ นโดยใช้
แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทั้ง น าความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ สมการ Qสูญเสีย = Qได้รบั
ม3/1วเิ คราะห์ความสัมพันธ์
20 มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของ พลังงาน การ ระหว่างความต่างศกั ย์
เปล่ียนแปลงและ การถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธร์ ะหวา่ ง กระแสไฟฟ้า และความ
สสาร และพลังงาน พลังงาน ในชีวติ ประจ าวัน ธรรมชาติ ต้านทาน และคานวณ
ของคล่ืน ปรากฏการณ์ท่ี เก่ียวขอ้ งกับเสียง แสง และ คล่ืน ปรมิ าณท่ีเก่ียวข้องโดยใช้
แม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้ังนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ สมการ V = IR จาก
หลักฐานเชิงประจักษ์
21 มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของ พลังงาน การ ม.3/9 ตระหนักในคณุ ค่า 4
เปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธร์ ะหวา่ ง ของการเลือกใช้
สสารและพลังงาน พลังงานในชวี ิตประจาวนั ธรรมชาตขิ อง เคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ โดยนาเสนอ
คล่ืน ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน วธิ กี ารใชเ้ คร่อื งใชไ้ ฟฟ้า
แม่เหล็กไฟฟ้า รวมท้ังนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ อยา่ งประหยดั และปลอดภัย
22 มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การ ม.3/18 เขียนแผนภาพการ 4
1
เปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธร์ ะหว่าง เคล่ือนท่ีของแสง แสดงการ
สสารและพลังงาน พลังงานในชวี ิตประจาวัน ธรรมชาติของ เกิดภาพของทัศนอุปกรณ์
คล่ืน ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวขอ้ งกับเสียง แสง และคล่ืน และเลนส์ตา
แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
23 มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองค์ประกอบและความสัมพันธข์ อง ม.1/2 อธบิ ายปจั จยั ท่ีมีผล
ระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลง ภายในโลกและบนผวิ ต่อการเปล่ียนแปลง
โลก ธรณีพบิ ตั ิภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟา้ อากาศ องค์ประกอบของลมฟ้า
และ ภูมิอากาศโลก รวมท้ัง ผลต่อ ส่ิงมีชีวติ และสิ่งแวดล้อม อากาศ จากขอ้ มูลท่ีรวบรวม
ได้
24 มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองค์ประกอบและ ความสัมพนั ธข์ อง ม.1/3 เปรยี บเทียบ 4
ระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลง ภายในโลกและบนผวิ กระบวนการเกิดพายุ ฝนฟา้
โลก ธรณีพบิ ตั ิภัย กระบวนการ เปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศ คะนอง และพายหุ มุนเขต
และ ภูมิอากาศโลก รวมท้ัง ผลต่อ ส่ิงมีชวี ิตและสิ่งแวดล้อม รอ้ น และผลท่ีมีต่อส่ิงมีชวี ติ
และสิ่งแวดล้อม รวมท้ัง
นาเสนอแนวทาง การปฏิบตั ิ
ตนให้เหมาะสมและ
ปลอดภัย
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
ขอ้ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั เฉลย
2
25 มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธข์ อง ม.2/5 อธบิ ายกระบวนการผุ
1
ระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลกและบนผิว พังอย่กู ับท่ี การกรอ่ น และ 3
โลก ธรณีพบิ ตั ิภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศ การสะสมตัวของตะกอน 2
1
และภมู ิอากาศโลก รวมท้ัง ผลต่อส่ิงมีชวี ิตและส่ิงแวดล้อม จากแบบจาลอง 2
รวมท้ังยกตัวอย่างผลของ 4
กระบวนการดังกล่าวท่ีทาให้
ผิวโลกเกิดการเปล่ียนแปลง
26 มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพนั ธข์ อง ม.2/8 อธบิ ายปจั จยั และ
ระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลกและบนผวิ กระบวนการเกิดแหล่งนา้ ผิว
โลก ธรณีพิบตั ิภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟา้ อากาศ ดินและแหล่งน้าใต้ดิน จาก
และภูมิอากาศโลก รวมทั้ง ผลต่อสิ่งมีชวี ิตและส่ิงแวดล้อม แบบจาลอง
27 มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพ่อื การ ม 3/4 ทดสอบ ประเมินผล
ดารงชีวิตในสังคมท่ีมีการเปล่ียนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ใช้ วิเคราะห์ และให้เหตุผลของ
ความรูแ้ ละทักษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ ปญั หาหรอื ขอ้ บกพรอ่ งท่ี
ศาสตรอ์ ่ืน ๆ เพ่อื แก้ปญั หาหรอื พฒั นางาน เกิดข้ึนภายใต้
อยา่ งมีความคิดสรา้ งสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิง กรอบเง่อื นไข พรอ้ มท้ังหา
วิศวกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคานึงถึง แนวทางการปรบั ปรุงแก้ไข
ผลกระทบต่อชีวติ สังคม และส่ิงแวดล้อม และนาเสนอผลการ
แก้ปญั หา
28 มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวติ ประจาวนั ม.2/14 อธบิ ายและคานวณ
ผลของแรงท่ีกระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคล่ือนท่ีแบบต่าง ๆ อัตราเรว็ และความเรว็ ของ
ของวตั ถุ รวมทั้งนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์
29 มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการ ม.2/2 ออกแบบและเขียน
แก้ปญั หาท่ีพบในชวี ติ จรงิ อย่างเปน็ ขั้นตอนและเปน็ ระบบใช้ โปรแกรมท่ีใชต้ รรกะและ
เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การ ฟงั ก์ชนั ในการแก้ปญั หา
ทางาน และการแก้ปญั หาได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ รูเ้ ท่าทัน
และมีจรยิ ธรรม
30 มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการ ม.1/3 รวบรวมขอ้ มูลปฐมภูมิ
แก้ปญั หาท่ีพบในชีวติ จรงิ อยา่ งเปน็ ประมวลผล ประเมินผล
ขั้นตอนและเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการ นาเสนอข้อมูลและ
ส่ือสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หา สารสนเทศตามวัตถุประสงค์
ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ รูเ้ ท่าทัน และมีจรยิ ธรรม โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รอื บรกิ าร
บนอินเทอรเ์ น็ตท่ี
หลากหลาย
31 มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการ ม.3/2 สรา้ งแบบจาลองท่ี
เกิดและววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ อธบิ ายการเกิดฤดูและการ
ระบบสุรยิ ะ รวมท้ังปฏิสัมพนั ธภ์ ายในระบบสุรยิ ะท่ีส่งผลต่อ เคล่ือนท่ีปรากฏของดวง
ส่ิงมีชีวติ และการประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ อาทิตย์
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 5
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
ข้อ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั เฉลย
32 มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการ ม.3/3 สรา้ งแบบจาลองท่ี 1
เกิดและวิวฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ อธบิ ายการเกิดขา้ งข้นึ
ระบบสุรยิ ะ รวมท้ังปฏิสัมพันธภ์ ายในระบบสุรยิ ะท่ีส่งผลต่อ ขา้ งแรม การเปล่ียนแปลง
สิ่งมีชวี ติ และการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ เวลาการข้นึ และตก
ของดวงจนั ทร์ และการเกิด
น้าข้นึ น้าลง
33 มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการ ม.3/3 อธบิ ายการเกิดจีโน 33.1
ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การ ไทปแ์ ละฟโี นไทปข์ องลูก ไม่ใช่
เปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อส่ิงมีชีวิตความ และคานวณอัตราส่วนการ 33.2
หลากหลายทางชวี ภาพและวิวัฒนาการของ สิ่งมีชีวติ เกิดจโี นไทปแ์ ละ ฟโี นไทป์ ใช่
รวมทั้งนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ของรุน่ ลูก 33.3
ม.3/4 อธบิ ายความ ใช่
แตกต่างของการแบง่ เซลล์
แบบไมโทซสิ และไมโอซสิ
34 มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การ ม.2/1 วิเคราะห์ 33.1 ใช่
เปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธร์ ะหวา่ ง สถานการณ์และคานวณ 33.2
สสารและพลังงาน พลังงานในชีวติ ประจาวัน ธรรมชาติของ เก่ียวกับงานและกาลังท่ีเกิด ไม่ใช่
คล่ืน ปรากฏการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับเสียง แสง และคล่ืน จากแรงท่ีกระทาต่อวตั ถุ 33.3
แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทั้งนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ โดยใช้สมการ W = Fs และ ไม่ใช่
P =W/t จากข้อมูลท่ี
รวบรวมได้
35 มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธข์ อง ม.1/2 อธบิ ายปจั จัยท่ีมีผล 35.1
ระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลง ต่อการเปล่ียนแปลง ใช่
ภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการ องค์ประกอบของลมฟ้า 35.2
เปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้ง ผลต่อ อากาศ จากข้อมูล ใช่
ส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม ท่ีรวบรวมได้ 35.3
ม.1/4 อธบิ ายการ ใช่
พยากรณ์อากาศ และ
พยากรณ์อากาศอย่างงา่ ย
จากข้อมูลท่ีรวบรวมได้
ม.1/6 อธบิ ายสถานการณ์
และผลกระทบการ
เปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลก
จากข้อมูล
ท่ีรวบรวมได้
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 6
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลาย ของระบบนเิ วศ ความสมั พนั ธ์ ระหว่างสง่ิ ไมม่ ชี วี ติ กบั
สง่ิ มชี วี ติ และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง สง่ิ มชี วี ติ กบั สงิ่ มชี วี ติ ตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอด พลงั งาน การ
เปลย่ี นแปลง แทนทใ่ี นระบบนเิ วศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบทม่ี ตี ่อ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ
สง่ิ แวดลอ้ ม แนวทางในการ อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และการแกไ้ ขปัญหา สงิ่ แวดลอ้ ม รวมทงั้
นาความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.3/4 อธบิ ายความสมั พนั ธข์ องผผู้ ลติ ผบู้ รโิ ภค และผยู้ อ่ ยสลายสารอนิ ทรยี ใ์ นระบบนเิ วศ
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 34.50
คะแนนเฉลี่ยระดบั เขต 27.48
แนวคาตอบ ขอ้ 2 เพราะไกป่ ่า สนุขจง้ิ จอกเป็นผบู้ รโิ ภคอนั ดบั ท่ี 2 หนอน กระตา่ ยและกวาง เป็น
ผบู้ รโิ ภคอนั ดบั ท่ี 1 เสอื ดาวเป็นผบู้ รโิ ภคอนั ดบั สดุ ทา้ ย ตน้ หญา้ เป็นผผู้ ลติ และจลุ นิ ทรยี เ์ ป็นผยู้ อ่ ยสลาย
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 7
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสง่ิ มชี วี ติ หน่วยพน้ื ฐานของสง่ิ มชี วี ติ การลาเลยี งสารเขา้ และ
ออก จากเซลล์ ความสมั พนั ธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าทข่ี องระบบ ต่าง ๆ ของสตั วแ์ ละมนุษยท์ ่ี ทางาน
สมั พนั ธก์ นั ความสมั พนั ธ์ ของโครงสรา้ งและหน้าทข่ี อง อวยั วะต่าง ๆ ของพชื ทท่ี างาน สมั พนั ธก์ นั รวมทงั้
นาความรไู้ ป ใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.1/5 อธบิ ายกระบวนการแพรแ่ ละออสโมซสิ จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ และยกตวั อยา่ ง
การแพรแ่ ละออสโมซสิ ในชวี ติ ประจาวนั
คะแนนเฉลี่ยระดบั ประเทศ 21.84
คะแนนเฉลี่ยระดบั เขต 16.50
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 2 เพราะสารละลายซโู ครสในบกี เกอรท์ ่ี 1 มคี วามเขน้ ขน้ น้อยกว่า
สารละลายซูโครสทอ่ี ยใู่ นบกี เกอรท์ ่ี 2 จงึ ทาใหเ้ มอ่ื เวลาผ่านไปเซลลท์ อ่ี ย่ใู นบกี เกอรท์ ่ี1 มขี นาดใหญ่กว่าบกี
เอรท์ ่ี 2
การออสโมซสิ เป็นการแพรข่ องน้าจากบรเิ วณทม่ี คี วามเขม้ ขน้ น้ามากกว่า (สารละลายเจอื จาง) ไปสู่
บรเิ วณทม่ี คี วามเขม้ ขน้ น้าน้อยกว่าและเป็นกระบวนการการเคลอ่ื นทข่ี องน้าจากบรเิ วณทม่ี คี วามเขม้ ขน้ ของ
สารละลายต่าไปส่บู รเิ วณทม่ี คี วามเขม้ ขน้ ของสารละลายสงู หรอื บรเิ วณทม่ี โี มเลกุลของน้ามากไปสบู่ รเิ วณท่มี ี
โมเลกุลของน้าน้อย
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 8
วิเคราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสง่ิ มชี วี ติ หน่วยพน้ื ฐานของสง่ิ มชี วี ติ การลาเลยี งสารเขา้ และ
ออก จากเซลล์ ความสมั พนั ธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าทข่ี องระบบ ต่าง ๆ ของสตั วแ์ ละมนุษยท์ ่ี ท างาน
สมั พนั ธก์ นั ความสมั พนั ธ์ ของโครงสรา้ งและหน้าทข่ี อง อวยั วะต่าง ๆ ของพชื ทท่ี างาน สมั พนั ธก์ นั รวมทงั้
นาความรไู้ ป ใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.1/5 ระบุปัจจยั ทจ่ี าเป็นในการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง และผลผลติ ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการ
สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
คะแนนเฉลี่ยระดบั ประเทศ 26.77
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 27.48
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 9
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
แนวคาตอบ ตอบ ขอ้ 4 เพราะจากการทดลองการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของตน้ ไทรทงั้ 4 ตน้ จะได้
แก๊สออกซเิ จนเป็นผลผลติ โดยมแี ก๊สคารบ์ อนไดออกไซดแ์ ละน้าเป็นสารตงั้ ตน้ และมแี สงเป็นตวั เรง่ ปฏกิ ริ ยิ า
และเมอ่ื ความเขม้ ของแสงมาก อตั ราการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงจะเพมิ่ ขน้ึ เรอ่ื ยๆ อุณหภมู กิ บั ความเขม้ ของแสง
มผี ลต่ออตั ราการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงรว่ มกนั
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 10
วิเคราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสง่ิ มชี วี ติ หน่วยพน้ื ฐานของสง่ิ มชี วี ติ การลาเลยี งสารเขา้ และออก จาก
เซลล์ ความสมั พนั ธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าทข่ี องระบบ ต่าง ๆ ของสตั วแ์ ละมนุษยท์ ่ี ท างานสมั พนั ธก์ นั
ความสมั พนั ธ์ ของโครงสรา้ งและหน้าทข่ี อง อวยั วะต่าง ๆ ของพชื ทท่ี างาน สมั พนั ธก์ นั รวมทงั้ นาความรไู้ ป
ใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.1/10 เขยี นแผนภาพทบ่ี รรยายทศิ ทางการลาเลยี ง สารในไซเลม็ และโฟลเอม็ ของพชื
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 37.07
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 30.03
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 11
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 3 เพราะตน้ พชื เป็นพชื ใบเลย้ี งคจู่ งึ มที ศิ ทางการลาเลยี งอาหารจากล่างขน้ึ
บน
การลาเลยี งสารของพชื คอื โครงสรา้ งและการทางานของระบบลาเลยี งน้าและอาหารของพชื ซง่ึ
ประกอบดว้ ยระบบท่อลาเลยี ง (Vascular Tissue System) ทเ่ี ป็นเน้อื เยอ่ื ซง่ึ เช่อื มต่อกนั ตลอดในลาตน้ โดย
ทาหน้าทล่ี าเลยี งน้าและแรธ่ าตุจากรากสง่ ต่อไปยงั ส่วนต่าง ๆ ของพชื เพอ่ื นาไปใชใ้ นกระบวนการ
สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง (Photo Synthesis) ก่อนจะนาสารหรอื น้าตาลซง่ึ เป็นผลผลติ จากกระบวนการดงั กลา่ ว
ส่งต่อไปยงั เน้อื เยอ่ื ในส่วนต่าง ๆ ของพชื เพ่อื นาไปใชใ้ นกจิ กรรมอ่นื ๆ ของเซลล์
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 12
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสงิ่ มชี วี ติ หน่วยพน้ื ฐานของสงิ่ มชี วี ติ การลาเลยี งสารเขา้ และ
ออก จากเซลล์ ความสมั พนั ธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าทข่ี องระบบ ต่าง ๆ ของสตั วแ์ ละมนุษยท์ ่ี ท างาน
สมั พนั ธก์ นั ความสมั พนั ธ์ ของโครงสรา้ งและหน้าทข่ี อง อวยั วะต่าง ๆ ของพชื ทท่ี างาน สมั พนั ธก์ นั รวมทงั้
นาความรไู้ ป ใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.2/7 อธบิ ายการทางานของระบบหมนุ เวยี นเลอื ดโดยใชแ้ บบจาลอง
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 24.88
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 22.59
แนวคาตอบ ตอบ ขอ้ 4 ค. หวั ใจหอ้ ง B (ลา่ งขวา)บบี ตวั ดนั เลอื ดไหลสู่ หลอดเลอื ดอารเ์ ทอร่ี
(pulmonary artery) ไปยงั E (ปอด) เพ่อื แลกเปลย่ี นก๊าซโดยจะปล่อย CO2 ออก และรบั O2 เขา้ แทน
**Pulmonary artery เป็นหลอดเลอื ดแดงซง่ึ นาเลอื ดทอ่ี อกซเิ จนต่าจากหวั ใจหอ้ งลา่ งขวาเขา้ ส่ปู อด
ซง่ึ ถอื ว่าเป็นหลอดเลอื ดแดงเพยี งชนิดเดยี วทบ่ี รรจเุ ลอื ดแดงทอ่ี อกซเิ จนต่า
ง. หวั ใจหอ้ ง D (ลา่ งซา้ ย)บบี ตวั ดนั เลอื ดทม่ี อี อกซเิ จนสงู ไหลส่หู ลอดเลอื ด เอออรต์ า
Aorta (เสน้ เลอื ดแดงทม่ี ขี นาดใหญ่ทส่ี ดุ ในรา่ งกาย) ไปยงั F (ส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกาย)
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 13
วิเคราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
ระบบหมนุ เวยี นเลอื ดของมนุษยเ์ กดิ ขน้ึ ตามลาดบั ดงั น้ี
1. หวั ใจหอ้ งบนขวา (Right Atrium) จะรบั เลอื ดดาจากหลอดเลอื ดเวนขนาดใหญ่ 2 เสน้ คอื ซพุ เี รยี เวนาคาวา
(Superior vena cava) จากสว่ นหวั และแขน และ อนิ ฟีเรยี เวนาคาวา (Inferior vena cava) จากส่วนลาตวั และขา
2. หวั ใจหอ้ งบนขวา (Right Atrium) บบี ตวั นาเลอื ดเขา้ ส่หู วั ใจลา่ งขาว (Right Ventricle) โดยผ่าน ลน้ิ ไตรคสั ปิด
(Tricuspid valve) ทก่ี นั้ อยรู่ ะหว่างหวั ใจหอ้ งบนขวาและล่างขวา
3. หวั ใจหอ้ งลา่ งขวา (Right Ventricle) บบี ตวั เลอื ดจะไหลผา่ น ลน้ิ พลั โมนารเี ซมลิ นู าร์ (Pulmonary Semilunar
valve) เพอ่ื ฉดี ไปยงั เสน้ เลอื ด พลั โมนารอี ารเ์ ทอรี (Pulmonar artery) นาไปแลกเปลย่ี นก๊าซทป่ี อด โดยจะปลอ่ ย
CO2 ออก และรบั O2 เขา้ แทน เลอื ดจะไหลกลบั ส่หู วั ใจทาง พลั โมนารเี วน (Pulmonary vein) เขา้ หวั ใจหอ้ งบน
ซา้ ย
4. หวั ใจหอ้ งบนซา้ ย (Left Atrium) บบี ตวั นาเลอื ดเขา้ สหู่ วั ใจหอ้ งลา่ งซา้ ย (Left Ventricle) โดยผ่าน ลน้ิ ไบคดั ปิด
(Bicuspid valve) หรอื เรยี กอกี ชอ่ื วา่ ลน้ิ ไมทรอล (Mitral valve) ทก่ี นั้ ระหวา่ งหอ้ งบนซา้ ยและ ล่างซา้ ย
5. หวั ใจหอ้ งล่างซา้ ย (Left Ventricle) บบี ตวั เลอื ดจะไหลเขา้ สู่ เอออรต์ า (Aorta) หลอดเลอื ดแดง ขนาดใหญ่สุดใน
รา่ งกาย และมลี น้ิ เอออรต์ กิ เซมลิ นู าร์ (Aortic semilunar valve) กนั้ ไมใ่ หเ้ ลอื ดไหลยอ้ นกลบั เขา้ สู่ หวั ใจ
6. เอออรต์ าจะมแี ขนงต่าง ๆ คอื หลอดเลอื ดอารเ์ ทอรี Artery สง่ เลอื ดทฟ่ี อกแลว้ ไปยงั ส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกาย
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 14
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสงิ่ มชี วี ติ หน่วยพน้ื ฐานของสง่ิ มชี วี ติ การลาเลยี งสารเขา้ และ
ออก จากเซลล์ ความสมั พนั ธข์ อง โครงสรา้ ง และหน้าทข่ี องระบบ ต่าง ๆ ของสตั วแ์ ละมนุษยท์ ่ี ท างาน
สมั พนั ธก์ นั ความสมั พนั ธ์ ของโครงสรา้ งและหน้าทข่ี อง อวยั วะต่าง ๆ ของพชื ทท่ี างาน สมั พนั ธก์ นั รวมทงั้
นาความรไู้ ป ใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.2/15 อธบิ ายการตกไข่ การมปี ระจาเดอื นการปฏสิ นธิ และการพฒั นาของไซโกตจนค
ลอดเป็นทารก
คะแนนเฉลี่ยระดบั ประเทศ 23.31
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 25.19
แนวคาตอบ ตอบ ข้อ 2
ผหู้ ญงิ มกั มปี ระจาเดอื นครงั้ ละประมาณ 3-5 วนั ประจาเดอื น (Menstrual cycle) คอื ภาวะท่ี
เน้อื เยอ่ื ภายในมดลกู หลดุ ลอกออกมาพรอ้ มกบั เลอื ดบางส่วน โดยเป็นผลมาจากการเตรยี มพรอ้ มสาหรบั การ
ตงั้ ครรภใ์ นทกุ ๆ รอบเดอื นของรา่ งกาย เมอ่ื ไมม่ กี ารตงั้ ครรภเ์ กดิ ขน้ึ ร่างกายจงึ ปรบั สภาพกลบั เขา้ ส่ภู าวะ
ปกติ สง่ ผลใหเ้ ยอ่ื บมุ ดลกู ทส่ี รา้ งมารองรบั ตวั อ่อนหลดุ ออกมากลายเป็นเลอื ดประจาเดอื น เกดิ ขน้ึ ภายใตก้ าร
ควบคุมของระบบต่อมไรท้ อ่ โดยในแต่ละรอบเดอื นใชเ้ วลาประมาณ 28 วนั
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 15
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและ ความสาคญั ของการถ่ายทอด ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม
สารพนั ธกุ รรม การเปลย่ี นแปลง ทางพนั ธุกรรมทม่ี ผี ลต่อสง่ิ มชี วี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพ และ
ววิ ฒั นาการของสง่ิ มชี วี ติ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.3/3 อธบิ ายการเกดิ จโี นไทป์ และฟีโนไทป์ ของลกู และคานวณอตั ราส่วนการเกดิ จโี นไทป์
และฟีโนไทป์ ของร่นุ ลกู
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 52.51
คะแนนเฉลี่ยระดบั เขต 52.54
แนวคาตอบ ตอบข้อ 2
กาหนดให้ เป็นโรคธาลวั ซเี มยี TT ไมเ่ ป็นโรคธาลวั ซเี มยี tt เป็นพาหะโรคธาลวั ซเี มยี Tt
ชายเป็นโรคธาลวั ซเี มยี TT หญงิ เป็นพาหะ Tt
T T T t
TT TT Tt Tt
เป็นโรคธาลวั ซีเมีย : เป็นพาหะโรคธาลวั ซีเมีย
1:1
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 16
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
รอ้ ยละ 50 : 50
มาตรฐาน ว 1.3 เขา้ ใจกระบวนการและ ความสาคญั ของการถ่ายทอด ลกั ษณะทางพนั ธุกรรม
สารพนั ธกุ รรม การเปลย่ี นแปลง ทางพนั ธุกรรมทม่ี ผี ลต่อสง่ิ มชี วี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพ และ
ววิ ฒั นาการของสง่ิ มชี วี ติ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.3/7 อธบิ ายการใชป้ ระโยชน์จากสง่ิ มชี วี ติ ดดั แปร พนั ธกุ รรม และผลกระทบทอ่ี าจมตี ่อ
มนุษยแ์ ละ สง่ิ แวดลอ้ ม โดยใชข้ อ้ มลู ทร่ี วบรวมได้
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 38.19
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 39.54
แนวคาตอบ ตอบข้อ 4. พนั ธวุ ิศวกรรม (genetic engineering) หมายถงึ เทคโนโลยที ท่ี าการ
เคลอ่ื นยา้ ยยนี (gene) จากสงิ่ มชี วี ติ สายพนั ธุห์ น่งึ ไปสสู่ ง่ิ มชี วี ติ อกี สายพนั ธหุ์ น่งึ เพ่อื สรา้ งสง่ิ มชี วี ติ รปู แบบ
ใหม่ (novel) เทคนิคเหล่าน้เี ป็นวธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรท์ ส่ี ลบั ซบั ซอ้ น ในการเปลย่ี นแปลงหน่วยพนั ธกุ รรม
หรอื DNA ของสง่ิ มชี วี ติ โดยอาศยั เทคโนโลยที างพนั ธุวศิ วกรรม นกั วทิ ยาศาสตรส์ ามารถเคลอ่ื นยา้ ยยนี ท่ี
อยเู่ หนือกฎเกณฑธ์ รรมชาติ สงิ่ มชี วี ติ ทเ่ี กดิ ขน้ึ อาจมยี นี ลกู ผสมแบบใหม่ ทาใหเ้ กดิ คุณลกั ษณะแบบใหม่ ซง่ึ
ไมเ่ คยปรากฏในธรรมชาตมิ าก่อน
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 17
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
ประโยชน์ของพนั ธวุ ิศวกรรม
1. ดา้ นการเกษตรและอาหาร เช่น การปรบั ปรงุ พนั ธุพ์ ชื ใหต้ า้ นทานโรคและแมลง ไวรสั
การพฒั นาพนั ธุพ์ ชื ใหม้ คี ณุ ภาพผลผลติ ดี การพฒั นาพนั ธุพ์ ชื ใหผ้ ลติ สารพเิ ศษ การพฒั นาพนั ธุส์ ตั ว์ การ
พฒั นาสายพนั ธจุ์ ลุ นิ ทรยี ์ ใหม้ คี ุณลกั ษณะพเิ ศษบางอยา่ ง เช่นใหส้ ามารถกาจดั คราบน้ามนั ไดด้ ี
2. ดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ เช่น การตรวจโรค การพฒั นายารกั ษาโรคและวคั ฃนิ ยา
รกั ษาโรค และวคั ฃนิ ใหมๆ่ ผลติ โดยวธิ พี นั ธวุ ศิ วกรรมในจลุ นิ ทรี หรอื recombinant DNA ทงั้ สน้ิ การ
สบั เปลย่ี นยนี ดอ้ ยดว้ ยยนี ดี (gene therapy)
3. ดา้ นการอนุรกั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม เชน่ พชื ทไ่ี ดร้ บั การถ่ายฝากยนี ตา้ นทานโรคและแมลง ทา
ใหไ้ มต่ อ้ งใชส้ ารเคมฉี ดี พ่นหรอื ใชใ้ นปรมิ าณทล่ี ดลงมาก พนั ธวุ ศิ วกรรมอาจนาไปสู่การผลติ พชื ทใ่ี ชป้ ๋ ยุ น้อย
และ น้าน้อย ทาใหเ้ ป็นการลดการใชป้ ๋ ยุ เคมี เป็นการอนุรกั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม และนาไปสกู่ ารสรา้ งสมดุล
ทรพั ยากรชวี ภาพได้
4. ดา้ นการพฒั นาอุตสาหกรรม การเปลย่ี นโครงสรา้ งแป้ง น้ามนั และโปรตนี ในพชื หรอื
การลดปรมิ าณเซลลโู ลสในไม้
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 18
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบตั ิ ของ
สสารกบั โครงสรา้ งและ แรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาตขิ อง การเปลย่ี นแปลงสถานะ ของ
สสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ตวั ชี้วดั ม.1/1 อธบิ ายสมบตั ทิ างกายภาพบางประการของธาตุโลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะ โดยใช้
หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษท์ ไ่ี ดจ้ ากการสงั เกตและการทดสอบและใชส้ ารสนเทศทไ่ี ดจ้ ากแหลง่ ขอ้ มลู ต่าง ๆ
รวมทงั้ จดั กลุ่มธาตุเป็นโลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะ
ม.1/2 วเิ คราะหผ์ ลจากการใชธ้ าตุโลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ และธาตุกมั มนั ตรงั สี ทม่ี ตี ่อ
สง่ิ มชี วี ติ สง่ิ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสงั คม จากขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้
คะแนนเฉลี่ยระดบั ประเทศ 38.98
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 31.73
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 1 เพราะ ธาตุโลหะมจี ดุ เดอื ดจดุ หลอมเหลวสงู มผี วิ มนั วาว นาความรอ้ น
นาไฟฟ้าไดด้ ี ดงึ เป็นเสน้ หรอื ตเี ป็นแผน่ บาง ๆ ได้
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 19
วิเคราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมบตั ิ ของ
สสารกบั โครงสรา้ งและ แรงยดึ เหน่ยี วระหว่างอนุภาค หลกั และธรรมชาตขิ อง การเปลย่ี นแปลงสถานะ ของ
สสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ตวั ชี้วดั ม.1/9 อธบิ ายและเปรยี บเทยี บการจดั เรยี งอนุภาค แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาค และการ
เคลอ่ื นทข่ี องอนุภาคของสสารชนิดเดยี วกนั ในสถานะของแขง็ ของเหลว และแก๊ส โดยใชแ้ บบจาลอง
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 67.44
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 64.47
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 20
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 3 เพราะ ความรอ้ นมผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงอนุภาคของสาร
บกี เกอร์ A เป็นของแขง็ การจดั เรยี งชดิ กนั แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาคมากทส่ี ดุ เมอ่ื ไดร้ บั ความ
รอ้ น
เกดิ การสนั่ แต่รปู รา่ งและปรมิ าตรคงท่ี
บกี เกอร์ B เป็นของเหลว แรงยดึ เหน่ยี วน้อยกว่าของแขง็ แต่มากกวา่ แก๊ส อนุภาคเคล่อื นทไ่ี ดแ้ ต่ไม่
เป็น
อสิ ระเทา่ แก๊ส
บกี เกอร์ C เป็นแกส๊ อนุภาคอยหู่ ่างกนั มาก แรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนุภาคน้อยทส่ี ดุ ทาใหร้ ปู รา่ ง
และ ปรมิ าตรไมค่ งท่ี เมอ่ื ไดร้ บั ความรอ้ นจะทาใหเ้ หน็ ค่าความรอ้ นมากทส่ี ุด
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 21
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 22
วิเคราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบตั ิ ของ
สสารกบั โครงสรา้ งและ แรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาตขิ อง การเปลย่ี นแปลงสถานะ ของ
สสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ตวั ชี้วดั ม.2 /2 แยกสารโดยการระเหยแหง้ การตกผลกึ การกลนั่ อยา่ งงา่ ย โครมาโทกราฟีแบบ
กระดาษการสกดั ดว้ ยตวั ทาละลาย
คะแนนเฉลี่ยระดบั ประเทศ 59.84
คะแนนเฉลี่ยระดบั เขต 54.82
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 3 เพราะ โครมาโทกราฟีแบบกระดาษเป็นวธิ กี ารแยกสารผสมทม่ี ปี รมิ าณ
น้อยโดยใชก้ ารแยกทม่ี สี มบตั กิ ารละลายในตวั ทาละลายและการถูกดดู ซบั ดว้ ยตวั ดดู ซบั ทแ่ี ตกต่างกนั สารจงึ
แยกออกจากกนั ได้
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 23
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบตั ิ ของ
สสารกบั โครงสรา้ งและ แรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาตขิ อง การเปลย่ี นแปลงสถานะ ของ
สสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ตวั ชี้วดั ม.3/3 อธบิ ายการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี รวมถงึ การจดั เรยี งตวั ใหมข่ องอะตอมเมอ่ื เกดิ ปฏกิ ริ ยิ า
เคมี โดยใชแ้ บบจาลองและสมการขอ้ ความ
คะแนนเฉลี่ยระดบั ประเทศ 23.99
คะแนนเฉลี่ยระดบั เขต 23.86
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 2 เพราะ การเกดิ ปฎกิ ริ ยิ าเคมี เป็นการเปลย่ี นแปลงทาใหเ้ กดิ สารใหมข่ ้นึ
การออกแบบการทดลองควรทาในภาชนะปิดเพ่อื ใหเ้ กดิ ความคลาดเคลอ่ื นทน่ี ้อยทส่ี ุด
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 24
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสมบตั ิ ของสสารกบั
โครงสรา้ งและ แรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาตขิ อง การเปลย่ี นแปลงสถานะ ของสสาร การ
เกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี
ตวั ชี้วดั ม.2/5 ระบุปรมิ าณตวั ละลายในสารละลาย ในหน่วย ความเขม้ ขน้ เป็นรอ้ ยละ ปรมิ าตร
ต่อปรมิ าตร มวลต่อมวล และมวลต่อปรมิ าตร
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 42.36
คะแนนเฉลี่ยระดบั เขต 38.58
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 25
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 2
เน่อื งจากคาถามตอ้ งการทราบว่า มปี รมิ าตรกม่ี ลิ ลลิ ติ ร
กาแฟ 1 ลติ ร จะเท่ากบั 1,000 มลิ ลลิ ติ ร และจะมนี ้าตาลผสมอยู่ 15 กรมั
แต่ถา้ นามาแบ่งใสแ่ ลว้ ใน 1 ขวด จะมนี ้าตาลผสมอยู่ 3 กรมั เราสามารถใชว้ ธิ กี ารคานวณแบบงา่ ย
ไดเ้ พ่อื หาคาตอบดงั น้ี
เพราะฉะนนั้ จงึ สรปุ ไดว้ า่ ใน 1 ขวด ของกาแฟเขม็ ใจ จะมนี ้าตาลผสมอยู่ 3 กรมั และมปี รมิ าตร
เท่ากบั 200 มลิ ลติ ร
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 26
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ อง แรงในชวี ติ ประจาวนั ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวตั ถุ ลกั ษณะ
การเคล่อื นทแ่ี บบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.2/4 วเิ คราะหแ์ รงพยงุ และการจม การลอยของวตั ถุในของเหลวจากหลกั ฐานเชงิ
ประจกั ษ์
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 18.64
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 16.54
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 27
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 1
ขอ้ น้ใี ชส้ ตู รการคานวณดงั้ น้ี
F=pvg
เราต้องแทนค่าในสตู รก่อน
F= น้าหนกั ก่อนชงั่ ในของเหลว(หรอื ชงั่ ในอากาศ) – น้าหนกั หลงั ชงั่ (ชงั่ ใน
ของเหลว)
เขียนสตู รใหมไ่ ด้
น้าหนกั ก่อนชงั่ ในของเหลว(หรอื ชงั่ ในอากาศ) – น้าหนกั หลงั ชงั่ (ชงั่ ในของเหลว)=
pvg
แทนค่าในสตู ร
น้าหนกั ก่อนชงั่ ในของเหลว(หรอื ชงั่ ในอากาศ) – 30 = 2 x 1 x 10
น้าหนกั ก่อนชงั่ ในของเหลว(หรอื ชงั่ ในอากาศ) = 20 + 30
น้าหนกั ก่อนชงั่ ในของเหลว(หรอื ชงั่ ในอากาศ) = 50 นิวตนั หรอื 5 กโิ ลกรมั
เทคนิคในการทาขอ้ น้ี
คอื การเลอื กใชต้ วั แปรสตู ร ทส่ี ามารถใชค้ ่าแทนกนั ได้
1. F คอื แรงพยงุ ซง่ึ หารไดจ้ าก น้าหนกั ก่อนชงั่ ในของเหลว(หรอื ชงั่ ในอากาศ) – น้าหนกั หลงั ชงั่
(ชงั่ ในของเหลว)
2. การเลอื กค่า P คอื ความหนาแน่นของของเหลว 2 g/cm3 = 2000 kg/m3 เลอื กใช้ 2 g/cm3 เพอ่ื ให้
สอดคลอ้ งกบั คาตอบทป่ี รากฏในตวั เลอื ก
3. คา่ V คอื ปรมิ าตรของวตั ถุ ใหท้ าจาก ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร เป็น ลกู บาศกเ์ มตร จงึ เหลอื เท่ากบั 1
4. ค่า g คอื แรงโน้มถ่วง ใชต้ ามเดมิ
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 28
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ อง แรงในชวี ติ ประจาวนั ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวตั ถุ ลกั ษณะ
การเคลอ่ื นทแ่ี บบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.2/6 อธบิ ายแรงเสยี ดทานสถติ และแรงเสยี ดทานจลน์จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 15.77
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 17.09
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 4
เราจะตอ้ งหาค่าแรงเสยี ดทานสถติ ก่อน จากสตู ร
Fs = μs . mg
แทนคา่
Fs = 0.6 x 30 x 10
Fs = 180
เราจะไดค้ ่าแรงเสยี ดทานสถติ มคี า่ 180 นวิ ตนั
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 29
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
เมอ่ื พจิ ารณาจากโจทย์ ออกแรง 150 นิวตนั ซง่ึ มคี ่าน้อยกวา่ แรงเสยี ดทานสถติ จงึ ทาให้
สรปุ ไดว้ า่ วตั ถุไมเ่ คล่อื นทห่ี รอื หยดุ นง่ิ
ตวั แปรต่าง ๆ
Fs คอื แรงเสยี ดทานสถติ
μs คอื ค่าสมั ประสทิ ธแิ ์ รงเสยี ดทานสถติ
m คอื มวลของวตั ถุ
g คอื คา่ ความเรง่ โน้มถ่วงของโลก
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 30
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ อง แรงในชวี ติ ประจาวนั ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวตั ถุ ลกั ษณะ
การเคลอ่ื นทแ่ี บบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.2/14 อธบิ ายและคานวณอตั ราเรว็ และความเรว็ ของการเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุ โดยใช้
สมการ
v = s/t และ v = s/t จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ
คะแนนเฉลี่ยระดบั ประเทศ 22.53
คะแนนเฉลี่ยระดบั เขต 18.27
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 31
วิเคราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 3
หาระยะทาง
ขอ้ น้ตี อ้ งเรม่ิ จากการหาค่าของระยะทาง แต่เน่อื งจากการเดนิ ทางเป็นลกั ษณะวงกลมเราจงึ
ตอ้ งใชว้ ธิ กี ารคานวณหาความยาวเสน้ รอบวง เพราะโจทยไ์ ดก้ าหนดรศั มมี าให้ คอื 98 เมตร ดงั น้ี
ใชส้ ตู ร 2πr แทนคา่ ในสตู ร 2x 22 x 98 = 616 เมตร
7
จะไดร้ ะยะทางทงั้ หมด คอื 616 เมตร
หาความเรว็ เฉลี่ย
เมอ่ื ไดร้ ะยะทางทงั้ หมดใหค้ านวณหาความเรว็ เฉลย่ี = ระยะการกระจดั แตเ่ น่อื งจากเคล่อื นท่ี
เวลา
แบบวงกลมจดุ เรมิ่ และจดุ ปลายอยตู่ าแหน่งเดยี วกนั จงึ มคี ่าเท่ากบั 0 ความเรว็ เฉลย่ี เมอ่ื แทนค่าในสตู รจงึ
เท่ากบั 0
หาอตั ราเรว็ เฉล่ีย
การหารอตั ราเรว็ เฉลย่ี = ระยะทาง แทนคา่ 616 = 2.05 เมตรต่อวนิ าที
เวลา 300
* 300 วนิ าที มาจากการทาเวลา 5 นาที ใหเ้ ป็นวนิ าที เพ่อื ใหส้ อดคลอ้ งกบั หน่วยทร่ี ะบุในโจทย์
จากนัน้ นาผลท่ีได้มาพิจารณากบั ตวั เลือก
ขอ้ ทถ่ี ูกทส่ี ุด คอื ขอ้ 3. เพราะหากพจิ ารณาระยะการกระจดั ทจ่ี ดุ C จะมรี ะยะการกระจดั ท่ี
สงู ทส่ี ุด คอื มคี ่าเทา่ 196 เมตร หรอื คดิ เป็น 2 เท่าของรศั มี ส่วนขอ้ 1/2/4 เมอ่ื พจิ ารณากบั ผลทไ่ี ด้ ไมม่ ี
ความเป็นไปได้
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 32
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ อง แรงในชวี ติ ประจ าวนั ผลของ แรงทก่ี ระท าต่อวตั ถุ ลกั ษณะ
การเคล่อื นทแ่ี บบต่าง ๆ ของ วตั ถุ รวมทงั้ น าความรไู้ ปใช้ ประโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.2/1พยากรณ์การเคล่อื นทข่ี องวตั ถุทเ่ี ป็นผลของ แรงลพั ธท์ เ่ี กดิ จากแรงหลายแรงทก่ี ระท
าต่อ วตั ถุในแนวเดยี วกนั จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 13.24
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 13.23
แนวคาตอบ ตอบ ขอ้ 1 หาคา่ T(แรงตงึ เชอื ก)
แรงลพั ธ=์ 50 N หา a ของระบบ
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 33
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
a=10 เมตร/วนิ าที
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 34
วิเคราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ติ ประจาวนั ผลของ แรงทก่ี ระทาต่อวตั ถุ ลกั ษณะ
การเคล่อื นทแ่ี บบต่าง ๆ ของ วตั ถุ รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม2/10 ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ยวธิ ี ทเ่ี หมาะสมในการอธบิ ายโมเมนตข์ องแรง
เมอ่ื วตั ถุอยใู่ นสภาพสมดลุ ต่อการหมุน และ คานวณโดยใชส้ มการ M = Fl
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 22.82
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 22.34
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 3
Mทวน=Mตาม
F X L =F X L
(2x3)+(F(A)x2)=(10x1)
6+ (F(A)x2)=10
F(A)x2=10-6
2F(A)=4
F(A)=2
ดงั นนั้ ออกแรง2นิวตนั ทศิ ลง
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 35
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 36
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของ พลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและ การถ่ายโอนพลงั งาน
ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งสสาร และพลงั งาน พลงั งาน ในชวี ติ ประจ าวนั ธรรมชาติ ของคล่นื ปรากฏการณ์ท่ี
เกย่ี วขอ้ งกบั เสยี ง แสง และ คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทงั้ น าความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.1/5วเิ คราะหส์ ถานการณ์การถ่ายโอนความรอ้ น และคานวณปรมิ าณความรอ้ นทถ่ี ่าย
โอน ระหวา่ งสสารจนเกดิ สมดลุ ความรอ้ นโดยใช้ สมการ Qสญู เสยี = Qไดร้ บั
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 27.50
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 25.95
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 37
วิเคราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
โดยใชส้ ตู ร Q = ml
แทนค่าในสตู ร
Q = 600 x 540
Q = 324,000 แคลอร่ี หรอื 324 กโิ ลแคลอร่ี
เมอ่ื เปรยี บเทยี บพจิ ารณาขอ้ มลู ทไ่ี ดแ้ ละพจิ ารณา จากตวั เลอื กจงึ พบว่า ในขอ้ ท่ี 3 เป็นคาตอบทไ่ี ม่
สอดคลอ้ งและไมถ่ ูกตอ้ ง
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 38
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของ พลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและ การถ่ายโอนพลงั งาน
ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างสสาร และพลงั งาน พลงั งาน ในชวี ติ ประจ าวนั ธรรมชาติ ของคล่นื ปรากฏการณ์ท่ี
เกย่ี วขอ้ งกบั เสยี ง แสง และ คล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทงั้ น าความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม3/1วเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธร์ ะหว่างความต่างศกั ย์ กระแสไฟฟ้า และความตา้ นทาน และ
คานวณ ปรมิ าณทเ่ี กย่ี วขอ้ งโดยใชส้ มการ V = IR จาก หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 22.18
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 23.60
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 39
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
แนวคาตอบ ตอบขอ้ 4
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 40
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของ พลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน
ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณ์ท่ี
เกย่ี วขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.3/9 ตระหนกั ในคุณค่าของการเลอื กใชเ้ คร่อื งใชไ้ ฟฟ้าโดยนาเสนอวธิ กี ารใช้
เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าอยา่ งประหยดั และปลอดภยั
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 41
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 31.96
คะแนนเฉลี่ยระดบั เขต 27.41
ดงั นนั้ พดั ลมยห่ี อ้ B ประหยดั ค่าไฟกวา่ พดั ลมยห่ี อ้ A 44 บาท และความถก่ี ารหมนุ ใบพดั เท่ากนั
ทงั้ สองยห่ี อ้
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 42
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
ตวั ลวง
ขอ้ 1 ผดิ เพราะ พดั ลมยห่ี อ้ A และ B ใชป้ รมิ าณไฟฟ้าไมเ่ ท่ากนั และพดั ลมยห่ี อ้ B
ไมไ่ ดม้ ี
ความถก่ี ารหมนุ มากกวา่ ยห่ี อ้ A แต่ยห่ี อ้ A และ B มคี วามถก่ี ารหมุนเท่ากนั (1 นาที หมนุ 1,200 รอบ)
ขอ้ 2 ผดิ เพราะ พดั ลมยห่ี อ้ A และ B ใชป้ รมิ าณไฟฟ้าไมเ่ ท่ากนั และพดั ลมยห่ี อ้
และ B มคี วามถก่ี ารหมุนเทา่ กนั (1 นาที หมนุ 1,200 รอบ)
ขอ้ 3 ผดิ เพราะ พดั ลมยห่ี อ้ B จะประหยดั คา่ ไฟฟ้าไดม้ ากกว่ายห่ี อ้ A 44 บาท
ไมใ่ ช่ 200 บาท และพดั ลมยห่ี อ้ B ไมไ่ ดม้ คี วามถใ่ี นการหมนุ มากกว่ายห่ี อ้ A แต่พดั ลมยห่ี อ้ A และ B
มคี วามถก่ี ารหมนุ เท่ากนั (1 นาที หมุน 1,200 รอบ)
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 43
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน
ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฏการณ์ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง
กบั เสยี ง แสง และคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทงั้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั ม.3/18 เขยี นแผนภาพการเคลอ่ื นทข่ี องแสง แสดงการเกดิ ภาพของทศั นอุปกรณ์และ
เลนสต์ า
คะแนนเฉลี่ยระดบั ประเทศ 26.34
คะแนนเฉลี่ยระดบั เขต 18.78
แนวคาตอบ เฉลย ขอ้ 4 ถูก เพราะ จากกรณดี งั กล่าวสายตาของนักเรยี นเป็นสายตาสนั้ ทา
ใหต้ าแหน่งทภ่ี าพโฟกสั จะตกก่อนจอรบั ภาพ โดยนกั เรยี นจะตอ้ งใชเ้ ลนสเ์ วา้ มาทาแว่นตา เพราะเลนสเ์ วา้
จะช่วยกระจายแสงเพ่อื ดนั จดุ ทโ่ี ฟกสั ตกบนจอรบั ภาพพอดี
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 44
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
ตวั ลวง
ขอ้ 1 ผดิ เพราะ จากกรณดี งั กลา่ วนกั เรยี นไมไ่ ดเ้ ป็นสายตายาว ซง่ึ คนทเ่ี ป็นสายตายาว
แสงทเ่ี ขา้ ตาจะโฟกสั หลงั จอรบั ภาพ ตอ้ งใชเ้ ลนสน์ ูนในการทาแวน่ ตา
ขอ้ 2 ผดิ เพราะ จากกรณดี งั กล่าวนกั เรยี นเป็นสายตาสนั้ ซง่ึ ตาแหน่งทภ่ี าพโฟกสั จะตก
ก่อนจอรบั ภาพ ตอ้ งใชเ้ ลนสเ์ วา้ มาทาแว่นตา ไม่ไดใ้ ชเ้ ลนสน์ ูนมาทาแว่นตา เพราะเลนสน์ ูนทา
หน้าทใ่ี นการรวมแสง จะทาใหด้ งึ จดุ โฟกสั ใหม้ าดา้ นหน้าอกี
ขอ้ 3 ผดิ เพราะ จากกรณดี งั กล่าวนกั เรยี นไมไ่ ดเ้ ป็นสายตายาว ซง่ึ คนทเ่ี ป็นสายตายาว
จะตอ้ งใชเ้ ลนสน์ ูนในการทาแว่นตา ไมไ่ ดใ้ ชเ้ ลนสเ์ วา้ มาทาแว่นตา เพราะ เลนสเ์ ว้ามคี ุณสมบตั ใิ น
การกระจายแสง ถ่างแสงออกเพ่อื ผลกั จดุ โฟกสั เขา้ ไปอกี
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 45
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศึกษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบและความสมั พนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลง
ภายในโลกและบนผวิ โลก ธรณพี บิ ตั ภิ ยั กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟ้าอากาศและ ภมู อิ ากาศโลก รวมทงั้
ผลต่อ สงิ่ มชี วี ติ และสงิ่ แวดลอ้ ม
ตวั ชี้วดั ม.1/2 อธบิ ายปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อการเปลย่ี นแปลง องคป์ ระกอบของลมฟ้าอากาศ จากขอ้ มลู
ทร่ี วบรวมได้
คะแนนเฉล่ียระดบั ประเทศ 30.71
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 25.13
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 46
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
แนวคาตอบ เฉลย ขอ้ 1 ถูก เพราะ ความชน้ื สมั พทั ธ์ คอื รอ้ ยละของอตั ราสว่ นระหวา่ ง
ปรมิ าณไอน้าทม่ี อี ย่จู รงิ ในอากาศและปรมิ าณไอน้าอม่ิ ตวั ณ อุณหภมู ิ ความดนั และปรมิ าตรเดยี วกนั
เขยี นเป็นสมการไดว้ ่า
ความชน้ื สมั พทั ธ์ = มวลไอน้าทม่ี อี ยู่ × 100
ปรมิ าณไอน้าทท่ี าใหอ้ ากาศอม่ิ ตวั
การเปลย่ี นแปลงความชน้ื สมั พทั ธใ์ นอากาศขน้ึ อยกู่ บั ปัจจยั ดงั น้ี
1. ปรมิ าณไอน้าในอากาศ ถา้ ค่าความกดอากาศคงท่ี แต่ปรมิ าณไปน้าเพมิ่ ขน้ึ ค่าความชน้ื
สมั พทั ธจ์ ะมเี พมิ่ ขน้ึ ตามไปดว้ ย
2. อุณหภมู ิ เมอ่ื ปรมิ าณไอน้าและความกดอากาศคงท่ี แต่มอี ุณหภมู เิ ปลย่ี นแลง ความชน้ื
สมั พทั ธจ์ ะเปลย่ี นแปลงไปดว้ ย โดยมลี กั ษณะการเปลย่ี นแปลง ดงั น้ี
2.1 ถา้ อุณหภูมลิ ดต่าลง ค่าความชน้ื สมั พทั ธจ์ ะมากขน้ึ เน่อื งจาก เมอ่ื อากาศเยน็ ตวั ลง
ปรมิ าตรของอากาศจะหดตวั จานวนไอน้าทม่ี อี ยจู่ งึ มนี าจวนต่อพน้ื ทม่ี ากขน้ึ ในขณะทอ่ี ากาศกจ็ ะรบั ไอน้า
ไดน้ ้อยลง
2.2 ถา้ อุณหภูมสิ งู ขน้ึ ค่าความช่นื สมั พทั ธจ์ ะต่าลง เน่อื งจาก เมอ่ื เมอ่ื อุณหภูมเิ พมิ่ ขน้ึ
ปรมิ าตรของอากาศจะขยายตวั มากขน้ึ ทาใหอ้ ากาศสามารถรบั ไอน้าไดม้ ากขน้ึ
ดงั นนั้ ชว่ งเวลา A มอี ุณหภมู ติ ่ากว่าช่วงเวลา B C และ D จงึ ทาใหช้ ่วงเวลา A มคี า่ ความชน้ื สมั พทั ธส์ ูง
ทส่ี ดุ
ตวั ลวง
ขอ้ 2 ผดิ เพราะ ช่วงเวลา B มอี ุณหภมู สิ งู กว่า A
ขอ้ 3 ผดิ เพราะ ชว่ งเวลา C มอี ุณหภมู สิ งู กวา่ A
ขอ้ 4 ผดิ เพราะ ช่วงเวลา D มอี ุณหภมู สิ งู กวา่ A
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 47
วิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อสอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ดั และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบและ ความสมั พนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลง
ภายในโลกและบนผวิ โลก ธรณพี บิ ตั ภิ ยั กระบวนการ เปลย่ี นแปลงลมฟ้าอากาศและ ภมู อิ ากาศโลก รวมทงั้
ผลต่อ สงิ่ มชี วี ติ และสง่ิ แวดลอ้ ม
ตวั ชี้วดั ม.1/3 เปรยี บเทยี บกระบวนการเกดิ พายุ ฝนฟ้าคะนอง และพายหุ มนุ เขตรอ้ น และผลทม่ี ี
ต่อสงิ่ มชี วี ติ และสงิ่ แวดลอ้ ม รวมทงั้ น าเสนอแนวทาง การปฏบิ ตั ติ นใหเ้ หมาะสมและปลอดภยั
คะแนนเฉลี่ยระดบั ประเทศ 25.36
คะแนนเฉล่ียระดบั เขต 22.34
แนวคาตอบ เฉลย ขอ้ 4 ถูก เพราะ พายไุ ซโคลนเป็นช่อื พายหุ มุนเขตรอ้ นทเ่ี กดิ ในมหาสมทุ ร
อนิ เดยี และทวปี ออสเตรเลยี มคี วามเรว็ ลมใกลจ้ ดุ ศูนยก์ ลางมากกว่า 118 กโิ ลเมตรต่อชวั่ โมง
ตวั ลวง
ขอ้ 1 ผดิ เพราะ พายหุ มุนเขตรอ้ นจะเกดิ ขน้ึ ในเขตรอ้ นบรเิ วณเสน้ ศนู ยส์ ตู ร ระหวา่ ง
23.5
องศาเหนือและ 23.5 องศาใต้ ดงั นนั้ การก่อตวั ไดท้ กุ พน้ื ทท่ี งั้ ในเขตอบอุ่นและเขตหนาวจงึ เป็นขอ้ ผดิ
ขอ้ 2 ผดิ เพราะ พายหุ มุนเขตรอ้ นจะเกดิ ขน้ึ บรเิ วณเหนอื พน้ื มหาสมทุ ร ดงั นนั้ การ
สลายตวั
เหนือพน้ื มหาสมุทรหรอื ทะเลจงึ เป็นขอ้ ผดิ
ขอ้ 3 ผดิ เพราะ บรเิ วณศนู ยก์ ลางพายุ เป็นบรเิ วณทม่ี คี วามกดอากาศต่ามากทส่ี ุด
เรยี กว่า ตาพายุ มลี กั ษณะกลม และกลมรี บรเิ วณตาพายุจะเงยี บสงบ ไมม่ ลี ม ทอ้ งฟ้าโปรง่ ไม่มฝี นตก
สว่ นบรเิ วณทม่ี ลี มพดั เรว็ ทส่ี ุดจะอยบู่ รเิ วณกาแพงตาพายุ ดงั นนั้ ลมพดั เรว็ ทส่ี ดุ บรเิ วณศูนยก์ ลางพายจุ งึ เป็น
ขอ้ ผดิ
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพษิ ณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 48
วเิ คราะห์ความสอดคล้องของขอ้ สอบ O-NET ปกี ารศกึ ษา 2564 กับ มาตรฐาน ตัวช้วี ัด และแนวการตอบ
แนวการ
มาตรฐาน ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบและความสมั พนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลย่ี นแปลง
ภายในโลกและบนผวิ โลก ธรณพี บิ ตั ภิ ยั กระบวนการเปลย่ี นแปลงลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศโลก รวมทงั้
ผลต่อสงิ่ มชี วี ติ และสง่ิ แวดลอ้ ม
ตวั ชี้วดั ม.2/5 อธบิ ายกระบวนการผุพงั อยกู่ บั ท่ี การกรอ่ น และการสะสมตวั ของตะกอน จาก
แบบจาลอง
รวมทงั้ ยกตวั อยา่ งผลของกระบวนการดงั กล่าวทท่ี าใหผ้ วิ โลกเกดิ การเปลย่ี นแปลง
คะแนนเฉลี่ยระดบั ประเทศ 34.94
คะแนนเฉลี่ยระดบั เขต 30.53
แนวคาตอบ เฉลย ขอ้ 2 ถกู เพราะ ดนิ ดอนสามเหลย่ี ม คอื พน้ื ดนิ ตรงบรเิ วณปากน้า ซง่ึ มี
รปู รา่ งคลา้ ยพดั ดา้ มจว้ิ เกดิ ขน้ึ เพราะแมน่ ้าพาตะกอนมาทบั ถมอยตู่ ลอดเวลา
ตวั ลวง
ขอ้ 1 ผดิ เพราะทะเลสาบรปู แอก เกดิ จากการทท่ี างน้าโคง้ ตวดั (meander) เปลย่ี นเสน้ ทาง
จากการไหลตามแนวโคง้ เดมิ เป็นตดั ตรง ทาใหล้ าน้าโคง้ เดมิ ถูกตดั ขาดเป็นทะเลสาบรปู แอก
ขอ้ 3 ผดิ เพราะแคนยอนเกดิ จากการกดั เซาะของกระแสน้าเป็นเพยี งลาธารเลก็ ๆไดไ้ หล
คดเคย้ี วตามทร่ี าบกวา้ งใหญ่ทอ่ี ยรู่ ะดบั เดยี วกบั น้าทะเล เมอ่ื พน้ื โลกเรมิ่ ยกตวั สงู ขน้ึ จากแรงดนั และความ
รอ้ นอนั มหาศาลภายใตพ้ น้ื โลกจงึ เกดิ การเปลย่ี นรปู และกลายเป็นแนวหน้าผากวา้ งใหญ่ซง่ึ การยกตวั ของ
แผ่นดนิ ทาใหท้ างทล่ี าธารไหลผา่ นลาดชนั ขน้ึ และทาใหน้ ้าไหลแรงมากขน้ึ พดั เอาทรายและตะกอนไปตาม
น้าเกดิ การกดั เซาะลกึ ลงไปทลี ะน้อยๆ ทงั้ การสกึ กรอ่ นหนิ บวกกบั แรงลมและแสงแดด
ขอ้ 4 ผดิ เพราะกุมภลกั ษณ์ เกดิ จากการกดั กรอ่ น โดยทางน้าในฤดูน้าหลาก กระแสน้าไหล
เชย่ี วจะพดั พาเอาตะกอนกรวดทรายมาหมนุ วนเซาะหนิ จนเกดิ เป็นหลมุ และขดั ถจู นมขี นาดใหญ่ขน้ึ เรอ่ื ย ๆ
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 : วิชาวทิ ยาศาสตร์ 49