The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 (อุตสาหกรรมการผลิต)
จังหวัดนครราชสีมา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nakhonratchasima nso, 2024-02-13 04:02:45

รายงานสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565

สำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 (อุตสาหกรรมการผลิต)
จังหวัดนครราชสีมา

สำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 : อุตสาหกรรมการผลิต จังหวัดนครราชสีมา THE 2022 BUSINESS AND INDUSTRIAL CENSUS : MANUFACTURING INDUSTRY NAKHON RATCHASIMA PROVINCE


หน่วยงานเจ้าของเรื่อง สำนักงานสถิติจังหวัดนคราชสีมา โทรศัพท์ 0-4424-2985 โทรสาร 0-4425-6406 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected] หน่วยงานที่เผยแพร่ กองสถิติพยากรณ์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์0 2141 7498 โทรสาร 0 2143 8132 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected] ปีที่จัดพิมพ์ 2566 จัดพิมพ์โดย สำนักงานสถิติจังหวัดนครราชสีมา


ค ำน ำ ภาคการค้า การบริการ และอุตสาหกรรมการผลิตเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ที่มีความสำคัญ และ รับบทบาทเป็นหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในแง่มูลค่า ผลผลิตที่ในแต่ละปีสร้างมูลค่ามากกว่าร้อยละ 50 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และก่อให้เกิด การจ้างงานโดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน แต่ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาการเติบโตทางเศรษฐกิจของ ประเทศกลับมีอัตราที่ชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความสามารถด้านการแข่งขันของผู้ประกอบการที่ มีข้อจำกัดในแง่การสร้างมูลค่าเพิ่มที่จะพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีราคาสูงขึ้น และความเข้มข้นของการใช้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะต้องเผชิญกับกระแสความท้าทายที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น อาทิ ความขัดแย้งทาง การค้าโลก และการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมาก ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจึงต้องเร่งปรับตัว และร่วมมือกันแก้ปัญหา โดยมีความจำเป็นที่จะต้องปรับกฎระเบียบ ปรับโครงสร้างแรงจูงใจ และปรับนโยบายการแข่งขันทางการค้า เพื่อทำให้ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถในการแข่งขันเท่าเทียมต่างประเทศและเติบโตได้ ดังนั้น ข้อมูล สถิติจากสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรมจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ประเทศมีโครงสร้าง พื้นฐานด้านข้อมูลทางเศรษฐกิจสำหรับภาครัฐ และภาคเอกชน ใช้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนการกำหนด นโยบาย และวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในระดับประเทศและระดับจังหวัด ตลอดจนยกระดับ ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้ในระยะยาว ในการจัดทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 ได้กำหนดแผนการดำเนินงานเป็น 2 ขั้นตอน คือ ขั้นการเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานหรือการนับจดสถานประกอบการทุกประเภทที่อยู่ใน ระบบทะเบียนและนอกระบบทะเบียนซึ่งได้ดำเนินการในปี 2564 และขั้นการเก็บรวบรวมข้อมูล รายละเอียดหรือการแจงนับสถานประกอบการที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐาน เฉพาะสถาน ประกอบการที่ประกอบธุรกิจทางการค้าธุรกิจทางการบริการ และอุตสาหกรรมการผลิตดำเนินการในปี 2565 สำหรับรายงานฉบับนี้ เป็นรายงานผลในขั้นการเก็บรวบรวมข้อมูลรายละเอียดของสถาน ประกอบการเฉพาะที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิต ที่มีคนทำงาตั้งแต่ 1 คน ขึ้นไป ตามการ จัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศไทย ปี 2552 ตั้งแต่ 1 คน ขึ้นไป ตามการจัดประเภท มาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศไทย ปี 2552(Thailand Standard Industrial Classification : TSIC 2009) ที่ตั้งอยู่ใน จังหวัด นครราชสีมาซึ่งได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่าง เดือนพฤษภาคม – กันยายน 2566 สำนักงาน สถิติแห่งชาติใคร่ขอขอบคุณผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล ซึ่งข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ข้อมูล ทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชนและประชาชนต่อไป


บทสรุป ผบ ้ ู ร ิ หำร จากการที่ทุกประเทศเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่ง ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและทำให้โครงสร้างทางเศรษฐกิจ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้น ข้อมูลสถิติและสารสนเทศเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจและ อุตสาหกรรม จึงมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับภาครัฐและเอกชนใช้ในการวางแผนและ กำหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น เพื่อเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันทางการค้า และยกระดับศักยภาพการเติบโตของผู้ประกอบการ ในระยะยาว สำนักงานสถิติแห่งชาติในฐานะหน่วยงานหลักในการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้าน เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ได้จัดทำสำมะโนธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการ บริการ และสำมะโนอุตสาหกรรม ทุก 5 - 10 ปีตามข้อเสนอแนะขององค์การ สหประชาชาติ เพื่อให้ประเทศมีข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญทางด้านธุรกิจทางการค้า ธุรกิจ ทางการบริการ และอุตสาหกรรมการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยสำมะโนธุรกิจทางการค้าและ ธุรกิจทางการบริการได้จัดทำมาแล้ว 4ครั้ง ในปี 2509 ปี 2531 ปี 2545 และปี 2555 ส่วนสำมะโนอุตสาหกรรมได้จัดทำมาแล้ว 5 ครั้ง ในปี 2507 ปี 2540 ปี 2550 ปี 2555 และปี 2560สำหรับในปี 2565 นี้ จะครบรอบ 10 ปี ในการจัดทำสำมะโนธุรกิจทางการค้า และธุรกิจทางการบริการ ครั้งที่ 5 และครบรอบ 5 ปี การจัดทำสำมะโน อุตสาหกรรม ครั้งที่ 6 ของประเทศไทย สำนักงานสถิติแห่งชาติ จึงได้บูรณาการ โครงการสำมะโนดังกล่าวไว้ด้วยกัน ภายใต้ชื่อ “สำมะโนธุรกิจและ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2565” ในส่วนของข้อมูลที่นำเสนอในรายงานฉบับนี้ เป็นผลการดำเนินกิจการในรอบปี 2564 (1 มกราคม –31 ธันวาคม 2564) ของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต ที่มี คนทำงานตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ตามการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรม ประเทศไทย ปี 2552 (Thailand Standard Industrial Classification : TSIC 2009) ที่ตั้ง อยู่ใน จังหวัดนครราชสีมาสรุปได้ดังน


ฉ สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 1. จำนวนสถานประกอบการ จำนวนสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมาส่วนใหญ่ ร้อยละ 32.8 เป็นการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร รองลงมาร้อยละ 8.6 เป็นการผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากแร่อโลหะ ร้อยละ 8.5 เป็นการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ ประดิษฐ์(ยกเว้นเครื่องจักรและอุปกรณ์) ร้อยละ 8.1 เป็นการผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ร้อยละ 6.2 เป็นการผลิตสิ่งทอ และร้อยละ 5.4 เป็นการซ่อมและการติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ ส่วนจำนวนสถานประกอบการประเภทอื่นๆ มีจำนวนต่ำกว่าร้อยละ 5.0 ของสถานประกอบการทั้งสิ้น ร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามหมวดย่อยอุตสาหกรรม หมวดย่อย 20 การผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี หมวดย่อย 10 การผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร หมวดย่อย 23 การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากแร่อโลหะ หมวดย่อย 25 การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์ (ยกเว้น เครื่องจักรและอุปกรณ์) หมวดย่อย 14 การผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หมวดย่อย 13 การผลิตสิ่งทอ หมวดย่อย 33 การซ่อมและการติดตั้งเครื่องจักรและ อุปกรณ์ หมวดย่อย 16 การผลิตไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้และไม้ ก๊อก (ยกเว้นเฟอร์นิเจอร์) การผลิตสิ่งของจากฟางและ วัสดุถักสานอื่นๆ หมวดย่อย 32 การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ หมวดย่อย 11 การผลิตเครื่องดื่ม หมวดย่อย 18 การพิมพ์และการผลิตซ้ำสื่อบันทึกข้อมูล 1 2 3 4 5 7 8 9 10 11 6 12 หมวดย่อยอื่นๆ ได้แก่ 12, 15, 17, 19, 21-22, 24, 26-31, 37-39 และ 58


ช บทสรปุผ้บูริหำร ช 11 - 15 คน 6 - 10 คน 16 –25 คน 51 - 200 คน 31 –50 > 200 26 – 30 14.5% 12.2% 6.5% 3.5% 2.4% 2.0% 57.3 1.6% คนทำงาน 1 – 5 42.7 คนทำงาน 6 คนขึ้น 2. ขนำดของสถำนประกอบกำร (จ ำนวนคนท ำงำน) ขนาดของสถานประกอบการผลิตในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 14.5 เป็นสถาน ประกอบการที่มีคนทำงาน 11 - 15 คน รองลงมาร้อยละ 12.2 เป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 6 - 10 คน ร้อยละ 6.5 เป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 16-25คน ร้อยละ 3.5เป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 51-200คน ร้อยละ 2.4 เป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 31-50 คน ร้อยละ 2.0 เป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงาน มากกว่า 200 คน และร้อยละ 1.6 เป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 26-30 คน ร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามขนาดของสถานประกอบการ (จำนวนคนทำงาน) 3. รูปแบบจัดตั้งตำมกฎหมำย รูปแบบจัดตั้งตามกฎหมายของสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 40.5 มีรูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมายเป็นส่วนบุคคลรองลงมาร้อยละ 25.1 เป็นบริษัทจำกัด บริษัทจำกัด (มหาชน) ร้อยละ 20.9 เป็นรูปแบบส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สหกรณ์ การรวมกลุ่ม และอื่น ๆ และ ร้อยละ 13.5 เป็นรูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามรูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมาย ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 40.5% 13.5% ส่วนบุคคล บริษัทจำกัด บริษัทจำกัด (มหาชน) ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สหกรณ์ การรวมกลุ่ม และอื่น ๆ 25.1% 20.9%


ซ สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต ส ำนักงำนแห่งเดียว ส ำนักงำนสำขำ ส ำนักงำนใหญ่ 95.5% 3.0% 1.5% 17.7% 5 - 9 ปี 12.3% < 5 ปี 6.2% 30 ปีขึ้นไป 29.0% 10 – 19 ปี 34.8% 20 – 29 ปี 4.รปูแบบกำรจดัตงั้ทำงเศรษฐกิจ รูปแบบการจัดตั้งทางเศรษฐกิจของสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 95.5 มีรูปแบบการจัดตั้งทางเศรษฐกิจเป็นสำนักงานแห่งเดียว ร้อยละ 3.0 มีรูปแบบเป็นสำนักงานสาขา และร้อยละ 1.5 มีรูปแบบเป็นสำนักงานใหญ่ ร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามรูปแบบการจัดตั้งทางเศรษฐกิจ 5. ระยะเวลำในกำรดำ เนินกิจกำร ระยะเวลาในการดำเนินกิจการของสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 34.8 มีระยะเวลาในการดำเนินกิจการ 10-19 ปี รองลงมาร้อยละ 29.0 มีระยะเวลาในการดำเนินกิจการ 5-9 ปี ร้อยละ 17.7 มีระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยกว่า 5 ปี ร้อยละ 12.3 มีระยะเวลาในการดำเนินกิจการ 20-29 ปี และร้อยละ 6.2 มีระยะเวลาในการดำเนินกิจการ 30 ปีขึ้นไป ร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามระยะเวลาในการดำเนินกิจการ


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลบิตทสรปุผ้บูริหำร ซ ฌ 6. ทุนจดทะเบียน ทุนจดทะเบียนของสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 63.8 เ ป็ นสถ านประ กอ บการที่ไม่มีทุนจดทะ เบียน ส่ ว น สถ านประก อบ การที่มีทุนจดทะเบียน มี ร้อยละ 36.2 ซึ่งพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 79.9 เป็นสถานประกอบการที่มีทุนจดทะเบียนน้อยกว่า 10 ล้านบาท รองลงมาร้อยละ 14.4 มีทุนจดทะเบียน 10-99 ล้านบาท และร้อยละ 5.7 เป็นสถาน ประกอบการที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามทุนจดทะเบียน 7. อตัรำกำรใช้กำ ลงักำรผลิต อัตราการใช้กำลังการผลิตของสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 54.8 มีอัตราการใช้กำลังการผลิตตั้งแต่ 80% ขึ้นไป รองลงมาร้อยละ 25.1 มีอัตราการใช้ กำลังการผลิตที่ต่ำกว่า 60% และร้อยละ 20.1 มีอัตราการใช้กำลังการผลิตตั้งแต่ 60-79% ร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามอัตราการใช้กำลังการผลิต มีทุนจดทะเบียน ไม่มีทุนจดทะเบียน ทุนจดทะเบียน (ล้านบาท) 36.2% 63.8% 79.9% 14.4% < 10 10 - 99 >100 5.7% อัตราการใช้กำลังการผลิต หมายถึง สัดส่วนระหว่างปริมาณผลผลิตจริงกับกำลังการผลิตสูงสุด ที่สามารถผลิตได้ในช่วงเวลาหนึ่ง คำนวนจากปริมาณการผลิตจริงหารกำลังการผลิต กำ ลงักำรผลิต < 60% กำ ลงักำรผลิต 60 – 79% กำ ลงักำรผลิต ≥ 80% 54.8% 25.1% 20.1%


ญ สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 8. จ ำนวนคนท ำงำนและลูกจ้ำง จำนวนคนทำงานและลูกจ้างของสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.4 เป็นเพศชาย และร้อยละ 46.6 เป็นเพศหญิง สำหรับสถานภาพการทำงาน พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.9 คนทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง/ เงินเดือนเป็นเพศหญิง ร้อยละ 51.8 ลูกจ้างไม่มีฝีมือส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 57.7 ลูกจ้างมี ฝีมือส่วนใหญ่เป็นเพศชาย และร้อยละ 54.8 ลูกจ้างอื่นส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละของคนทำงานและลูกจ้างในสถานประกอบการ จำแนกตามเพศและสถานภาพการทำงาน 9. ค่ำตอบแทนแรงงำน ค่าตอบแทนแรงงานของสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า สถานประกอบการผลิต อุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ ให้ค่าตอบแทนแรงงานสูงสุดเฉลี่ย 271,375.1 บาท/คน/ปี รองลงมาการผลิตผลิตภัณฑ์ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ ให้ค่าตอบแทนแรงงานเฉลี่ย 268,390.9 บาท/คน/ปี และการผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง ให้ค่าตอบแทน แรงงานเฉลี่ย 233,326.3 บาท/คน/ปี ลูกจ้ำงไม่มีฝี มือ ลูกจ้ำงอื่น ๆ ลูกจ้ำงมีฝี มือ คนทำ งำนโดยไม่ได้รบัค่ำจ้ำง/เงินเดือน 54.8% 51.8% 42.3% 52.9% 45.2% 48.2% 57.7% 47.1% 46.6%


บทสรปุผ้บูริหำร ฉ ฎ ค่าตอบแทนแรงงานเฉลี่ยต่อคนต่อปีจำแนกหมวดย่อยอุตสาหกรรม 10. มูลค่ำผลผลิต ค่ำใช้จ่ำยขนั้กลำง และมูลค่ำเพิ่ม มูลค่าผลผลิตของสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า สถานประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร มีมูลค่าผลผลิตสูงสุด คือ 228,641,699.7 พันบาท รองลงมาการผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และ อุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์มีมูลค่าผลผลิต 209,833,321.8 พันบาท และประกอบธุรกิจประเภทการผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง มีมูลค่าผลผลิต 54,090,646.2 พันบาท ค ่ าใ ช้ จ ่ า ย ขั้ น ก ล า งของสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า สถานประ ก อ บ ก า ร ผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร มีค่าใช้จ่ายขั้นกลางสูงสุด คือ 153,266,473.9 พันบาท รองลงมาการผลิตผลิตภัณฑ์ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ มีค่าใช้จ่ายขั้นกลาง 142,421,045.0 พันบาท และการผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง มีค่าใช้จ่ายขั้นกลาง 33,395,885.3 พันบาท มูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า สถานประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร มีมูลค่าเพิ่มสูงสุด คือ 75,375,225.8 พันบาท รองลงมาการผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และ อุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ มีมูลค่าเพิ่ม 67,412,276.8 พันบาท และการผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง มีมูลค่าเพิ่ม 20,694,761.0 พันบาท หมวดย่อย 29 การผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่ง พ่วง หมวดย่อย 22 การผลิตผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก หมวดย่อย 24 การผลิตโลหะขั้นมูลฐาน หมวดย่อย 10 การผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร หมวดย่อย 31 การผลิตเฟอร์นิเจอร์ หมวดย่อย 28 การผลิตเครื่องจักรและเครื่องมือ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น หมวดย่อย 13 การผลิตสิ่งทอ หมวดย่อย 25 การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์ (ยกเว้นเครื่องจักรและอุปกรณ์) หมวดย่อย 27 การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า หมวดย่อยอื่นๆ ได้แก่ 11-12, 14-21, 23, 32-33, 37-39 และ 58 12 หมวดย่อย 30 การผลิตอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ หมวดย่อย 26 การผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ 1 2 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 1 271,375.1 268,390.9 233,326.3 208,767.4 189,670.7 180,847.6 174,930.0 168,343.5 162,750.4 162,590.7 161,881.2 136,809.3 ค่าตอบแทนแรงงานเฉลี่ย (บาท/คน/ปี) 3 4 5 6 7 8 9 10 12 11


ฏ สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 9,903,332.9 2,478,154.9 1,812,570.2 1,900,721.8 3,962,929.1 5,275,117.4 6,320,836.0 2,939,280.0 11,411,981.1 20,694,761.0 67,412,276.8 75,375,225.8 24,131,130.4 3,536,703.9 4,237,099.8 4,411,308.9 8,012,535.5 11,399,943.0 12,003,374.7 17,897,112.0 20,365,774.6 33,395,885.3 142,421,045.0 153,266,473.9 34,034,463.2 6,014,858.9 6,049,669.9 6,312,030.6 11,975,464.5 16,675,060.4 18,324,210.7 20,836,392.0 31,777,755.6 54,090,646.2 209,833,321.8 228,641,699.7 อื่นๆ การผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี การผลิตเครื่องจักรและเครื่องมือ ซึ่งมิได้จัด ประเภทไว้ในที่อื่น การผลิตสิ่งทอ หมวดย่อยอุตสำหกรรม มูลค่าผลผลิต (พันบาท) หมายถึง รายรับของสถานประกอบการ ในรอบปี 2564 ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง (พันบาท) หมายถึง รายจ่ายที่ใช้ในการดำเนินการผลิต ของสถานประกอบการในปี 2564 มูลค่าเพิ่ม พันบาท) คำนวณโดย: มูลค่าผลผลิต - ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง การผลิตเฟอร์นิเจอร์ การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากแร่อโลหะ การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์ (ยกเว้น เครื่องจักรและอุปกรณ์) การผลิตโลหะขั้นมูลฐาน การผลิตผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก การผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง การผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ การผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร มูลค่าผลผลิต ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง และมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการ จำแนกหมวดย่อยอุตสาหกรรม 11. ปัญหำในกำรดำ เนินกิจกำร ปัญหาในการดำเนินกิจการของสถานประกอบการในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 89.7 ประสบปัญหา ส่วนที่ไม่ประสบปัญหา มีเพียงร้อยละ 10.3 สำหรับสถานประกอบการที่ประสบปัญหา พบว่า 5 อันดับปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินกิจการของสถาน ประกอบการ ส่วนใหญ่ร้อยละ 76.0 พบกับปัญหาเศรษฐกิจไม่ดี/ชะลอตัว รองลงมาร้อยละ 60.8 ปัญหาต้นทุนใน การผลิตสูงขึ้น ร้อยละ 23.8 ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ร้อยละ 16.6 คู่แข่งในอุตสาหกรรมมากขึ้น และร้อยละ 8.1 ขาดเงินทุนเงินหมุนเวียนในการประกอบการ


บทสรปุผ้บูริหำร ฏ ฐ ไม่ประสบปัญหำ ประสบปัญหำ 10.3% 89.7% 76.0% เศรษฐกิจไม่ดี/ ชะลอตัว 5 อันดับปัญหำ/อุปสรรคในกำรดำ เนินกิจกำร 23.8% กำรแพร่ระบำด ของเชื้อไวรัส โควิด 19 16.6% คู่แข่ง ในอุตสำหกรรม มำกขึ้น 8.1% ขำดเงินลงทุน และเงินหมุนเวียน ในกำรประกอบกำร ตอบได้มำกกว่ำ 1 ค ำตอบ ควำมช่วยเหลือที่ต้องกำร 5 อันดับแรก ต้องกำรควำมช่วยเหลือ ไม่ต้องกำรควำมช่วยเหลือ 82.7% 17.3% 72.1% 20.8% 48.0% 11.9% 25.1% ลดต้นทุนกำรผลิต ส่งเสริมกำรลงทุนให้แก่ผ้ปูระกอบกำร จดัหำแหล่งเงินก้ดูอกเบีย้ตำ ่ ขยำยตลำดรบัซื้อผลผลิต/ ส่งเสริมกำรส่งออก เพิ่มวงเงินสินเชื่อให้แก่ผ้ปูระกอบกำร ตอบได้มำกกว่ำ 1 ค ำตอบ ร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามการมีปัญหาในการดำเนินกิจการ 5 อันดับแรก 12. ควำมช่วยเหลือที่ต้องกำรจำกหน่วยงำนของรัฐ สถานประกอบการส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.7 มีต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐ ส่วนที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือมีเพียง ร้อยละ 17.3 สำหรับสถานประกอบการที่ต้องการความช่วยเหลือของรัฐ พบว่า 5 อันดับแรกที่ต้องการความช่วยเหลือ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 72.1 ช่วยลดต้นทุนการผลิต ร้อยละ 48.0 ช่วยส่งเสริมการลงทุนให้แก่ผู้ประกอบการ ร้อยละ 25.1 ช่วยจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 20.8 เพิ่มวงเงินสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ และ ร้อยละ 11.9 ขยายตลาดรับซื้อผลผลิต/ส่งเสริมการส่งออก ร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามความต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ 5 อันดับแรก


ฑ สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต ฒ สำรบัญ หน้า ค ำน ำ ค บทสรปุผ้บูริหำร จ สำรบัญแผนภำพ ฒ สำรบัญตำรำง ณ บทที่ 1 บทน ำ 1.1 ความเป็นมา 1 1.2 วัตถุประสงค์ 2 1.3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2 บทที่ 2ระเบียบวิธีสถิติ 2.1 ประชากรเป้าหมาย 5 2.2 เวลาอ้างอิง 5 2.3 คำนิยาม 5 2.4 แผนแบบการเลือกตัวอย่าง 12 2.5 รายการข้อมูล 13 2.6 การเก็บรวบรวมข้อมูล 13 2.7 การประมวลผลข้อมูล 13 2.8 การปัดตัวเลข 14 2.9 ความคลาดเคลื่อนของข้อมูล 14 2.10 การนำเสนอผลข้อมูลและจัดทำรายงาน 14 บทที่3 ผลกำรส ำมะโน 3.1 ข้อมูลทั่วไปของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต 15 3.2 ข้อมูลสถิติที่สำคัญจำแนกตามขนาดของสถานประกอบการและหมวดย่อยอุตสาหกรรม 19 3.3 ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 28 3.4 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของสถานประกอบการ 31 ภำคผนวก ก แผนกำรเลือกตวัอย่ำงและวิธีประมำณผล 37 ภำคผนวก ข ตำรำงสถิติ 43 ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต 47 ตอนที่ 2 ข้อมูลการดำเนินกิจการของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต 83 ตอนที่ 3 ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 127


ด ฒ สำรบัญแผนภำพ หน้า แผนภาพ 3.1 ร้อยละของแนวทางการแก้ไขปัญหาของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 30 แผนภาพ 3.2 ร้อยละของการฟื้นตัวและอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถฟื้นตัวของสถานประกอบการ โดย เปรียบเทียบสัดส่วนรายรับในปี 2565 กับรายรับในปี 2562 (ปีก่อนเกิดสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส โควิด 19) 31 แผนภาพ 3.3 ร้อยละของสถานประกอบการที่มีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินกิจการ 32 แผนภาพ 3.4 ร้อยละของสถานประกอบการที่ต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐ 33


ถ สำรบัญตำรำง หน้า ตาราง 3.1 จำนวนและร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามขนาด ของสถาน ประกอบการและหมวดย่อยอุตสาหกรรม 16 ตาราง 3.2 จำนวนและร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามลักษณะของสถาน ประกอบการ 18 ตาราง 3.3 คนทำงาน ลูกจ้าง และค่าตอบแทนแรงงาน จำแนกตามขนาดของสถานประกอบการและหมวด ย่อยอุตสาหกรรม 21 ตาราง 3.4 มูลค่าผลผลิต ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง และมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามขนาดของสถานประกอบการและหมวดย่อยอุตสาหกรรม 24 ตาราง 3.5 มูลค่าผลผลิตและมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อสถานประกอบการและต่อคนทำงาน จำแนกตามขนาดของ สถานประกอบการและหมวดย่อยอุตสาหกรรม 27 ตาราง 3.6 ร้อยละของสถานประกอบการ จำแนกตามระดับผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ในปี 2564 และปี 2565 29


1.1 ควำมเป็ นมำ บทที่ 1 บทน ำ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้จัดทำสำมะโนธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการ และสำมะโนอุตสาหกรรมทุก 5 - 10 ปี ตามข้อเสนอแนะขององค์การสหประชาชาติ เพื่อให้ ประเทศมีข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญทางด้านธุรกิจทางการค้า ธุรกิจทางการบริการ และ อุตสาหกรรมการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยสำมะโนธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการ ได้จัดทำมาแล้ว 4 ครั้ง ในปี 2509 ปี 2531 ปี 2545 และปี 2555 ส่วนสำมะโนอุตสาหกรรม ได้จัดทำมาแล้ว 5 ครั้ง ในปี 2507 ปี 2540 ปี 2550 ปี 2555 และปี 2560 โดยตั้งแต่ปี 2555 สำนักงานสถิติแห่งชาติได้มีการปรับระยะเวลาการจัดทำสำมะโนอุตสาหกรรมเป็นประจำ ทุก 5 ปี เนื่องจากหน่วยงานหลักด้านเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ สำนักงานสภาพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ขอให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ ปรับเปลี่ยนระยะเวลาการจัดทำ สำมะโนอุตสาหกรรมจากทุก 10 ปี เป็นจัดทำทุก 5 ปี เนื่องจากความผันผวนของเศรษฐกิจ โลกทำให้โครงสร้างการดำเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลที่ทันสมัยเพื่อใช้ในการวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ ด้านเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาค ประกอบกับประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่ได้มีการจัดทำ สำมะโนด้านเศรษฐกิจทุก 5 ปี ดังนั้น ในปี2555 ซึ่งครบรอบ 10 ปี ในการจัดทำสำมะโน ธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการ และครบรอบ 5 ปี การจัดทำสำมะโนอุตสาหกรรม สำนักงานสถิติแห่งชาติจึงได้บูรณาการโครงการสำมะโนดังกล่าวไว้ด้วยกัน ภายใต้ชื่อ “สำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของการบูรณาการโครงการสำมะโนด้าน เศรษฐกิจของประเทศ สำหรับในปี 2565 นี้ จะครบรอบในการจัดทำสำมะโนธุรกิจทางการค้าและธุรกิจ ทางการบริการ ครั้งที่ 5 และสำมะโนอุตสาหกรรม ครั้งที่ 6 ของประเทศไทย สำนักงานสถิติ แห่งชาติจึงกำหนดแผนการบูรณาการโครงการฯ ไว้ด้วยกันอีกครั้ง


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 2 2 1.2 วัตถุประสงค์ โครงการสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1.2.1 เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานที่แสดงให้เห็นโครงสร้างและการกระจายตัวของสถานประกอบการ ประเภทต่าง ๆ เช่น สถานประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจทางการค้า ธุรกิจทางการบริการ การก่อสร้าง สถานที่เก็บสินค้า และกิจกรรมด้านข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร เป็นต้น 1.2.2 เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลรายละเอียดการดำเนินงานของสถานประกอบการเกี่ยวกับจำนวนและ ขนาดของสถานประกอบการ ประเภทธุรกิจและอุตสาหกรรม จำนวนคนทำงาน ลูกจ้าง ค่าตอบแทนแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการผลิตและดำเนินงาน มูลค่าขายผลผลิตและรายรับ ส่วนเปลี่ยนแปลงของวัตถุดิบและสินค้าคงเหลือ มูลค่าของสินทรัพย์ถาวรของสถานประกอบการ เป็นต้น 1.3 ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ ข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ข้อมูลทั้งในภาครัฐและเอกชน ที่สำคัญดังนี้ ภาครัฐ 1.3.1 ใช้ในการวางแผนและกำหนดนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้ในภูมิภาคอาเซียน และเวทีการค้าโลก 1.3.2 ใช้ในการจัดทำดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจและภาวการณ์การดำเนินกิจการ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวม ตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิตของประเทศ สัดส่วนแรงงานในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม เป็นต้น 1.3.3 ใช้ในการจัดทำแผนวิเคราะห์สถานการณ์ในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของประเทศ 1.3.4 ใช้ประกอบการพิจารณากำหนดนโยบาย ออกกฎหมาย และมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมและ กำหนดทิศทางของภาคเอกชนให้เป็นไปตามแนวนโยบายที่กำหนดไว้ 1.3.5 เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนจัดหาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เพื่อสนับสนุน ผู้ประกอบการ 1.3.6 ใช้ในการพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อการวางแผนเตือนภัยทางเศรษฐกิจและสังคม 1.3.7 ใช้ประโยชน์ในทางสถิติเพื่อจัดทำกรอบตัวอย่าง (Sampling Frame) สำหรับการเก็บรวบรวม ข้อมูลจากสถานประกอบการของหน่วยสถิติต่าง ๆ


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 3 3 ภาคเอกชน 1.3.8 ผู้ประกอบการใช้ข้อมูลพื้นฐานและข้อมูลการดำเนินกิจการเป็นเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งการวางแผนตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนขยายกิจการ/สาขา บริหารและ ควบคุมการดำเนินกิจการในด้านต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 1.3.9 ใช้ข้อมูลเป็นฐานเพื่อเปรียบเทียบ (Benchmark) ผลการดำเนินงานของตนเองกับกิจการอื่น ๆ ในธุรกิจประเภทเดียวกัน 1.3.10 สำหรับนักวิชาการ นักวิจัย และสถาบันการศึกษา นำไปศึกษาวิเคราะห์ต่อยอดสร้างนวัตกรรม เพื่อสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมที่อยู่ในความสนใจ และเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง


บทที่ 2 ระเบ ี ยบว ิ ธ ีสถ ิ ต ิ 2.1 ประชำกรเป้ำหมำย สถานประกอบการที่อยู่ในขอบข่ายสำมะโนครั้งนี้ ได้แก่ สถานประกอบการ ทั่วประเทศได้ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการผลิต การจัดการ และการบำบัดน้ำเสีย ของเสีย และสิ่งปฏิกูล และการจัดพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่ ตามการจัดประเภทมาตรฐาน อุตสาหกรรมประเทศไทย ปี 2552 (Thailand Standard Industrial Classification : TSIC-2009) คุ้มรวมสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตทุกแห่งที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลและ นอกเขตเทศบาล ทั่วประเทศ 2.2 เวลำอ้ำงอิง ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับจำนวนและลักษณะต่าง ๆ ของสถานประกอบการที่ เก็บรวบรวมเป็นข้อมูลของสถานประกอบการที่ดำเนินกิจการในปี 2564 (การดำเนินกิจการ ระหว่าง 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2564) 2.3 คำ นิยำม 2.3.1 สถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต หมายถึง สถานประกอบการที่ ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการผลิต ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนรูปวัตถุให้เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ด้วย เครื่องจักรหรือเคมีภัณฑ์ โดยไม่คำนึงถึงว่างานนั้นทำด้วยเครื่องจักรหรือด้วยมือ หรือทำใน โรงงาน โรงซ่อมหรือเคหะสถาน หรือผลิตภัณฑ์นั้นขายส่งหรือขายปลีกก็ตาม การประกอบ ชิ้นส่วนของผลิตภัณฑ์นับว่าเป็นการผลิตด้วย 2.3.2การจำแนกประเภทอุตสาหกรรมการผลิต ในการจัดทำสำมะโนธุรกิจและ อุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 ได้จำแนกประเภทอุตสาหกรรมการผลิตที่จัดอยู่ในประเภท D E และ J เฉพาะหมวดย่อย 58


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 6 การจัดจำแนกโครงสร้างประเภทอุตสาหกรรมการผลิต เป็นดังนี้ หมวดย่อยอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มย่อยจากหมวดใหญ่ และใช้ แทนด้วยเลขรหัส 2 ตัวแรก ตั้งแต่รหัส 10-33 37-39 และ 58 รวม 28 หมวดย่อย หมู่ใหญ่อุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มย่อยจากหมวดย่อยอุตสาหกรรม และใช้แทนด้วยเลขรหัส 3 ตัวแรก ตั้งแต่รหัส 101-332 370-390 และ 581-582 รวม 78 หมู่ใหญ่ หมู่ย่อยอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มย่อยจากหมู่ใหญ่อุตสาหกรรม และใช้แทนด้วยเลขรหัส 4 ตัวแรก ตั้งแต่รหัส 1011-3320 3700-3900 และ 5811-5820 รวม 164 หมู่ย่อย กิจกรรมอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ย่อยที่สุด และใช้แทนด้วยเลขรหัส 5 ตัวแรก ตั้งแต่รหัส 10111-33200 37000-39000 และ 58111-58203 รวม 409 กิจกรรม 2.3.3 รูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมาย จำแนกออกเป็น 10 ประเภท ได้แก่ 1) ส่วนบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่เป็นนิติบุคคล (หสม.) หมายถึง สถานประกอบการที่มี เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดาคนเดียวหรือหลายคนรวมกัน และให้หมายรวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียน เป็นนิติบุคคลด้วย 2) ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล (หสน.) ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) หมายถึง สถานประกอบการ ที่จัดตั้งขึ้นโดยมีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป รวมทุนกันเพื่อประกอบการผลิตและมีความรับผิดชอบร่วมกัน โดยจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย 3) บริษัทจำกัด บริษัทจำกัด (มหาชน) - บริษัทจำกัด (บจก.) หมายถึง สถานประกอบการที่จัดตั้งขึ้นโดยผู้ริเริ่มคณะหนึ่ง และได้ จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีผู้เริ่มดำเนินการอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป - บริษัทจำกัด (มหาชน) (บมจ.) หมายถึง สถานประกอบการที่จัดตั้งขึ้นโดยการจดทะเบียน จัดตั้งบริษัท การควบบริษัท หรือการแปรสภาพบริษัท และวัตถุประสงค์ที่จะขายหุ้นต่อประชาชน โดยมีผู้ริเริ่ม ดำเนินการตั้งแต่ 15 คนขึ้นไป 4) ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หมายถึง สถานประกอบการที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ หรือมีทุนอยู่ด้วย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของทุนทั้งหมด ในที่นี้ให้หมายรวมถึงสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยรัฐบาลด้วย 5) สหกรณ์หมายถึง สถานประกอบการที่จัดตั้งขึ้นในรูปของสหกรณ์ โดยจดทะเบียนถูกต้อง ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ โดยมีผู้ก่อตั้งไม่น้อยกว่า 10 คน 6) การรวมกลุ่ม หมายถึง กลุ่มที่เกิดจากความต้องการของสมาชิกที่มารวมกลุ่มกันขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีแนวคิดสร้างสรรค์กลุ่มเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ ของสมาชิกให้ดียิ่งขึ้น ทั้งคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคม โดยใช้หลักการทำงานแบบมีส่วนร่วม คือ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมตัดสินใจ และร่วมพัฒนาสมาชิก


บทที่2ระเบียบวิธีสถิติ 7 7) สมาคม หมายถึง การก่อตั้งสมาคมเพื่อกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะต่อเนื่องร่วมกันและ มิใช่เป็นการหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน ต้องมีข้อบังคมและจดทะเบียนตามบทบัญญัติแห่งประมวล กฎหมายนี้ โดยมีผู้ริเริ่มก่อตั้ง 3 คน 8) มูลนิธิหมายถึง บุคคลอย่างน้อย 3 คน โดยทรัพย์สินที่จัดสรรไว้โดยเฉพาะสำหรับวัตถุประสงค์ เพื่อการกุศลสาธารณะ การศาสนา ศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา หรือเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างอื่น โดยมิได้มุ่งหวังหาประโยชน์มาแบ่งปันกัน และได้จดทะเบียนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ และการ จัดการทรัพย์สินของมูลนิธิ ต้องมิใช่เป็นการหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลใด 9) วิสาหกิจชุมชน หมายถึง กิจการของชุมชนเกี่ยวกับการผลิตสินค้า การให้บริการ หรือการอื่น ๆ ที่ดำเนินการโดยคณะบุคคลที่มีความผูกพัน มีวิถีชีวิตร่วมกันและรวมตัวกันประกอบกิจการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลในรูปแบบใดหรือไม่เป็นนิติบุคคล เพื่อสร้างรายได้และเพื่อการพึ่งพาตนเองของครอบครัว ชุมชน และระหว่างชุมชน 10) อื่น ๆ หมายถึง สถานประกอบการที่จัดตั้งในรูปแบบอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวข้างต้น เช่น สโมสร ชมรมต่าง ๆ เป็นต้น 2.3.4 รูปแบบการจัดตั้งทางเศรษฐกิจ จำแนกออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) สำนักงานแห่งเดียว หมายถึง สถานประกอบการที่ไม่มีหน่วยงานย่อยหรือสาขาอื่นใด และ ไม่เป็นหน่วยงานย่อยหรือสาขาของสถานประกอบการอื่น 2) สำนักงานใหญ่ หมายถึง สถานประกอบการที่เป็นเจ้าของ และควบคุมกิจการของ สถานประกอบการอื่นที่เป็นสำนักงานสาขาหรือหน่วยงานย่อย 3) สำนักงานสาขา หมายถึง สถานประกอบการที่เป็นสาขา หรือหน่วยงานย่อยของ สถานประกอบการอื่นที่เป็นสำนักงานใหญ่ 4) อื่น ๆ หมายถึง สถานประกอบการที่จัดตั้งในรูปแบบอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวข้างต้น เช่น แฟรนไชส์ 2.3.5 ทุนจดทะเบียน หรือทุนรับอนุญาต หมายถึง ทุนดำเนินการซึ่งผู้ริเริ่มก่อการได้ระบุไว้เมื่อ จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล หรือทุนที่ได้รับอนุญาตเมื่อขอจัดตั้งเป็นนิติบุคคล ทุนนี้ไม่ได้แสดงถึงเงินที่ได้รับ จากผู้ถือหุ้น แต่เป็นการแสดงถึงความประสงค์ของผู้เริ่มก่อการว่าจะมีทุนดำเนินการเป็นจำนวนเงินเท่าใด 2.3.6 อัตราการใช้กำลังการผลิต หมายถึง สัดส่วนระหว่างปริมาณผลผลิตจริงกับกำลังการผลิตสูงสุด ที่สามารถผลิตได้ในช่วงเวลาหนึ่ง คำนวณโดยปริมาณการผลิตจริงหารด้วยกำลังการผลิต 2.3.7 คนทำงาน หมายถึง คนที่ทำงานในสถานประกอบการทั้งที่ได้รับเงินเดือนและไม่ได้รับเงินเดือน ที่สถานประกอบการมีอยู่ตามปกติ รวมทั้งผู้ที่ปกติทำงานอยู่ในสถานประกอบการแห่งนี้ แต่ในวันดังกล่าว ไม่ได้มาทำงาน เนื่องจากเจ็บป่วย ลาหยุด พักผ่อน โดยได้รับค่าจ้าง/เงินเดือน คนทำงานประกอบด้วย 1) คนทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเงินเดือน หมายถึง เจ้าของกิจการหรือหุ้นส่วนที่ทำงานให้ สถานประกอบการ โดยไม่ได้รับค่าจ้าง เงินเดือน และผู้ที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนของเจ้าของกิจการหรือหุ้นส่วน


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 8 หรือบุคคลอื่นที่ทำงานให้กับสถานประกอบการอย่างน้อยสัปดาห์ละ 20 ชั่วโมง โดยไม่ได้รับ ค่าจ้าง เงินเดือน เป็นประจำ 2) ลูกจ้างในกรรมวิธีการผลิต หมายถึง ลูกจ้างทั้งหมดที่ทำงานเกี่ยวข้องโดยตรงกับการผลิตใน ขั้นตอนต่าง ๆ หรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต โดยได้รับค่าจ้างเงินเดือน (1) ผู้ปฏิบัติงานมีฝีมือ หมายถึงผู้ที่ทำงานด้านการผลิตซึ่งเคยได้รับการฝึกฝนอบรม มาก่อนอย่างน้อย 3 เดือน หรือผู้มีประสบการณ์ในการทำงาน 5 ปีขึ้นไปในงานเฉพาะที่ทำอยู่ เช่น ชำนาญงาน ดูแลเครื่องจักร ผู้ผลิต หรือติดตั้งอุปกรณ์ ผู้เดินเครื่องจักร ผู้ประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เป็นต้น (2) ผู้ปฏิบัติงานไม่มีฝีมือ หมายถึง ผู้ที่ทำงานด้านการผลิตที่ได้รับการฝึกงานก่อน ปฏิบัติงานน้อยกว่า 2 สัปดาห์ เช่น พนักงานทำความสะอาดเครื่องจักร 3) ลูกจ้างอื่น ๆ หมายถึง ลูกจ้างทั้งหมดนอกเหนือจากลูกจ้างในกรรมวิธีการผลิตรวมถึง ผู้ปฏิบัติงานนักบริหาร นักวิชาการ เสมียนพนักงาน เช่น ผู้จัดการ ผู้อำนวยการ และกรรมการบริหารที่ได้รับ ค่าจ้าง เงินเดือน ผู้ปฏิบัติงานในห้องทดลองและนักวิจัย พนักงานพิมพ์ดีด พนักงานบัญชี และพนักงานขาย เป็นต้น ไม่รวมคนทำงาน ดังต่อไปนี้ (1) ผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นที่ได้รับเบี้ยประชุมเป็นครั้งคราว (2) คนทำงานของสถานประกอบการอื่นที่มาปฏิบัติงานประจำที่สถานประกอบการแห่งนี้ (3) คนทำงานที่รับงานไปทำที่บ้านแล้วนำมาส่งโดยไม่ได้ลงทุนซื้อวัสดุ อุปกรณ์ (หรือถ้ามี การใช้เครื่องมือส่วนตัวเล็กน้อยได้ เช่น มีด เข็ม ด้าย เป็นต้น) (4) คนงานที่ลางานเป็นระยะเวลานาน เช่น ลาไปรับราชการทหาร (5) คนที่สถานประกอบการจ้างมาทำงานเฉพาะอย่างเป็นครั้งคราว เช่น กรรมกรที่จ้างมา ขนของ พนักงานเดินตลาดหรือตัวแทนขายที่ไม่มีเงินเดือนประจำ (6) ลูกจ้างเช่าหรือแรงงานเช่า หมายถึง ลูกจ้างเฉพาะหรืออยู่ในกระบวนการผลิตที่ส่งตัว จากสำนักจัดหางานหรือองค์กรที่ คล้ายคลึงกัน ให้แก่สถานประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิต สำนักจัดหางาน ดังกล่าวไม่มีหน้าที่บังคับบัญชาลูกจ้างซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุม (การสั่งการหรือการบังคับบัญชา) ของลูกค้าของ สำนักจัดหางาน ลูกจ้างเช่านี้จะมีชื่อในบัญชีเงินเดือนของสำนักจัดหางาน ไม่ใช่ของสถานประกอบการ ข้อมูล เกี่ยวกับแรงงานเช่า จะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ผลิตภาพแรงงานของหน่วยอุตสาหกรรมที่ทำการ ผลิต ซึ่งมีการป้อนแรงงานเช่าเป็นวัตถุดิบในการผลิตที่แท้จริง แรงงานต่อไปนี้ไม่จัดอยู่ในหมวดแรงงานเช่า - เจ้าหน้าที่ชั่วคราวที่ได้รับจากบริการจัดหาเจ้าหน้าที่ - ผู้รับเหมา ผู้รับเหมาช่วงหรือผู้รับเหมาอิสระ - บริการที่อยู่ใต้การบริหารจัดการ เช่น แม่บ้าน พนักงานรักษาความปลอดภัย บริการ ปรับปรุงภูมิทัศน์ - บริการวิชาชีพหรือบริการด้านเทคนิคที่ซื้อหามาจากกิจการอื่น เช่น บริการที่ปรึกษา ด้านซอฟแวร์การจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ บริการด้านวิศวกรรมหรือบริการด้านบัญชี


บทที่2ระเบียบวิธีสถิติ 9 2.3.8 ค่าตอบแทนแรงงาน 1) ค่าจ้าง เงินเดือน หมายถึง เงินที่นายจ้างหรือสถานประกอบการจ่ายให้ลูกจ้างระหว่าง เดือนมกราคม - เดือนธันวาคม 2564 (ก่อนหักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วน ที่ลูกจ้างต้องจ่าย ค่าประกันชีวิต และรายจ่ายอื่นๆ ของลูกจ้าง) ตามข้อตกลงการจ้างแรงงาน โดยอาจจ่ายตาม เงื่อนไขของระยะเวลา หรือจ่ายตามปริมาณงาน 2) ค ่าล ่วงเวลา โบนัส เงินรางวัลพิเศษ เงินเพิ ่มค ่าครองชีพ ค ่านายหน้า หมายถึง เงินนอกเหนือจากค่าจ้าง เงินเดือนที่สถานประกอบการจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าตอบแทนในการทำงาน 3) สวัสดิการและผลประโยชน์ตอบแทนอื ่น ๆ หมายถึง ผลประโยชน์ตอบแทนแรงงาน ที่นายจ้างหรือสถานประกอบการจ่าย หรือบริการให้แก่ลูกจ้าง ได้แก่ ค่าตอบแทนแรงงานที่จ่ายเป็นสิ่งของหรือ ผลผลิต และสวัสดิการที่นายจ้างจัดหาหรือบริการลูกจ้าง เช่น อาหาร เครื่องดื่ม บ้านพักคนงาน ค่าเช่าบ้าน ค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ค่ารักษาพยาบาล บริการดูแลบุตร พาหนะรับส่งมาทำงาน บันเทิงหรือนันทนาการต่าง ๆ ที่จัดให้ลูกจ้าง เป็นต้น ทั้งนี้ไม่รวมเสื้อผ้า เครื่องแบบที่ใช้เฉพาะในการปฏิบัติงาน (ค่าเสื้อผ้า เครื่องแบบ ที่ใช้เฉพาะในการปฏิบัติงาน ถือเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของสถานประกอบการ) 4) เงินที่สถานประกอบการจ่ายสมทบเข้ากองทุนเพื่อการประกันสังคม ฯลฯ หมายถึง เงินที่สถานประกอบการจ่ายสมทบเข้ากองทุนเพื่อการประกันสังคมของทั้งรัฐบาลและเอกชน เพื่อมิให้ลูกจ้าง ได้รับความเดือดร้อนเมื่อต้องขาดรายได้ไปบางส่วนหรือทั้งหมดอันเนื่องมาจากการเจ็บป่วยหรือประสบ อันตราย ทั้งในและนอกเวลาทำงาน การคลอดบุตร ทุพพลภาพ การว่างงาน ชราภาพ และเสียชีวิต เงินดังกล่าว เช่น เงินสมทบกองทุนประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น 2.3.9 ค่าซื้อวัตถุดิบและวัสดุประกอบที่ใช้ในการผลิต หมายถึง มูลค่าของวัตถุดิบและส่วนประกอบ ที่สถานประกอบการจัดซื้อ หรือได้รับมาจากสำนักงานใหญ่ ในระหว่างเดือนมกราคม – เดือนธันวาคม 2564 เพื่อใช้ในการผลิตโดยสถานประกอบการเอง หรือจ้างสถานประกอบการอื่นหรือผู้อื่นทำการผลิต มูลค่าดังกล่าว เป็นมูลค่าที่นำส่งถึงสถานประกอบการ ซึ่งรวมค่าภาษีขาเข้า ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ค่าบรรจุหีบห่อ เป็นต้น 2.3.10 ค่าเชื้อเพลิง หมายถึง มูลค่าของเชื้อเพลิงทุกชนิดที่ซื้อมา เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับพลังงาน และความร้อน ไม่รวม เชื้อเพลิงที่เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ หรือที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า หรือ เชื้อเพลิงที่ได้จากผลพลอยได้ของกิจกรรมการผลิต เช่น ขี้เลื่อย เป็นต้น 2.3.11 ค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการผลิต คือ มูลค่าไฟฟ้าทั้งหมดที่สถานประกอบการซื้อมาระหว่างเดือน มกราคม – เดือนธันวาคม 2564 รวมทั้งค่าไฟฟ้าที่ได้รับจากหน่วยพลังงานของสถานประกอบการอื่นแต่อยู่ใน เครือเดียวกัน โดยจะต้องประมาณมูลค่าเหมือนกับการซื้อขายโดยปกติ 2.3.12 ค ่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมเครื่องจักร เครื่องมือฯ หมายถึง มูลค่าของ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการซ่อมแซมและบำรุงอาคาร และสินทรัพย์ถาวรอื่น เพื่อให้อยู่ในสภาพที่ดีใช้งานต่อไป


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 10 ได้ ทั้งนี้ให้รวมค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ซ่อมแซมที่จัดทำโดยสถานประกอบการที่อยู่ในเครือ เดียวกันและให้ประมาณมูลค่าในการซ่อมแซมเหมือนกับการว่าจ้างสถานประกอบการอื่นหรือผู้อื่น 2.3.13 ค่าซื้อสินค้าที่ซื้อมาจำหน่ายในสภาพเดิม หมายถึง มูลค่าในการซื้อสินค้าเพื่อนำมาจำหน่าย ในสภาพเดิม โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพ 2.3.14 ค่าจ้างเหมาจ่ายให้สถานประกอบการอื่นผลิตสินค้าให้ โดยสถานประกอบการจัดหาวัสดุให้ หมายถึง จำนวนเงินที่จ่ายเป็นค่าจ้างให้กับสถานประกอบการอื่น เพื่อทำการผลิตสินค้า โดยวัตถุดิบและ ส่วนประกอบในการผลิตเป็นของสถานประกอบการผู้จ้าง 2.3.15 ค่าธรรมเนียมที่จ่ายสำหรับลูกจ้าง (แรงงานเช่า) หมายถึง ค่าตอบแทนแรงงานของลูกจ้างเช่า ที่สถานประกอบการผลิตจ่ายให้กับสำนักจัดหางาน 2.3.16 วัตถุดิบและสินค้าคงเหลือ หมายถึง มูลค่าของวัตถุดิบและวัสดุประกอบที่ใช้ในการผลิต และสินค้าคงเหลือซึ่งสถานประกอบการเป็นเจ้าของหรือควบคุมดูแลอยู่ ณ วันที่ 1 มกราคม และวันที่ 31 ธันวาคม 2564 วัตถุดิบและสินค้าคงเหลือเหล่านี้อาจจะเก็บไว้ที่สถานประกอบการ หรือที่หน่วยงานช่วยเสริม หรือที่โกดังสินค้า มูลค่าคงเหลือต้นปี คือ มูลค่าของสินค้า วัตถุดิบ และวัสดุประกอบฯ ที่เหลือมาจากปีก่อนเมื่อ 1 มกราคม 2564 มูลค่าคงเหลือปลายปี คือ มูลค่าของสินค้า วัตถุดิบ และวัสดุประกอบฯ ที่เหลืออยู่ เมื่อ 31 ธันวาคม 2564 2.3.17 ส่วนเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินค้า วัตถุดิบและวัสดุประกอบฯ คงเหลือ หมายถึง ผลต่างระหว่าง มูลค่าคงเหลือปลายปีและมูลค่าคงเหลือต้นปี (มูลค่าปลายปี – มูลค่าต้นปี) 2.3.18 ค่าใช้จ่ายในการบริหารและดำเนินการของสถานประกอบการ หมายถึง ค่าใช้จ่ายในการ ดำเนินกิจการต่าง ๆ ของสถานประกอบการ เช่น ค่าเช่าที่ดิน ค่าเช่าอาคารและที่ดินค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ ถาวรทุกประเภท ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการผลิต) ค่าไปรษณีย์ ค่าโทรเลข ค่าโทรศัพท์ ค่าทำบัญชี ค่าปรึกษา ค่าดอกเบี้ยจ่าย หนี้สูญ ค่าภาษี ค่าโฆษณา ค่านายหน้า และอื่นๆ เป็นต้น 2.3.19 มูลค่าขายผลผลิต หมายถึง มูลค่าการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่สถานประกอบการผลิตขึ้นเอง และ/หรือที่สถานประกอบการอื่นผลิตให้ โดยสถานประกอบการเป็นผู้จ่ายค่าวัสดุ และวัสดุประกอบที่ใช้ในการ ผลิตในระหว่างเดือนมกราคม – เดือนธันวาคม 2564 ทั้งนี้ให้รวมมูลค่าผลผลิตที่สถานประกอบการผลิตเพื่อใช้ เอง หรือให้คนทำงาน เป็นส่วนหนึ่งของค่าตอบแทนแรงงาน ผลผลิตที่จัดส่งให้สำนักงานใหญ่ สำนักงานสาขา หรือ สำนักงานขายของโรงงาน และรายรับจากการขายผลพลอยได้และเศษวัสดุ 2.3.20 รายรับจากการขายสินค้าที่ซื้อมาจำหน่ายในสภาพเดิม หมายถึง จำนวนเงินที่สถานประกอบการ ได้รับจากการขายสินค้าที่ซื้อมาจำหน่าย โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพ


บทที่2ระเบียบวิธีสถิติ 11 2.3.21 รายรับจากการรับจ้างเหมาทำการผลิตสินค้าให้สถานประกอบการอื่น โดยสถานประกอบการ เป็นผู้จัดหาวัสดุให้ หมายถึง จำนวนเงินที่ได้รับจากผู้จ้างในการรับจ้างเหมาทำการผลิตสินค้า โดยผู้จ้างจัดหา วัสดุให้ ถ้าเป็นการรับจ้างเหมาผลิตสินค้าให้สถานประกอบการในเครือเดียวกันให้คิดค่าบริการในการผลิตตาม ราคาตลาด หรือคิดจากค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในกระบวนการผลิต โดยไม่รวมค่าวัสดุที่ผู้จ้างจัดหามาให้ 2.3.22 รายรับจากการให้บริการ บำรุงรักษา ซ่อมแซมและติดตั้งให้แก่สถานประกอบการอื่น หมายถึง จำนวนเงินที่สถานประกอบการได้รับจากการให้บริการ บำรุงรักษาซ่อมแซมและติดตั้งเครื่องจักรหรือ โรงงานให้กับสถานประกอบการอื่นหรือลูกค้า สำหรับค่าบริการในการให้บริการแก่สถานประกอบการอื่น ในเครือเดียวกัน ให้คิดมูลค่าการบริการโดยรวมค่าแรงงาน ค่าดำเนินการ และค่าวัสดุที่ใช้ในการให้บริการ 2.3.23 รายรับอื่น ๆ หมายถึง มูลค่ารายรับอื่น ๆ ของสถานประกอบการ เช่น รายรับจากการขาย กากของเสียหรือวัสดุเหลือใช้ของสถานประกอบการ และค่าขายกระแสไฟฟ้า เป็นต้น 2.3.24 มูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ถาวร หมายถึง มูลค่าสุทธิของสินทรัพย์ถาวรตามบัญชีเมื่อได้ หักค่าเสื่อมราคม ค่าสึกหรอตามระยะเวลาการใช้จนถึงวันสิ้นปี สินทรัพย์ถาวร ได้แก่ ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร และเครื่องมือ ยานพาหนะ เครื่องใช้สำนักงาน เป็นต้น มูลค่าสินทรัพย์ถาวรรวมถึงมูลค่าการต่อเติมดัดแปลง และปรับปรุงสินทรัพย์ถาวรในระหว่างเดือนมกราคม – เดือนธันวาคม 2564 เพื่อยืดอายุการใช้งาน หรือ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 2.3.25 มูลค่าเพิ่ม คำนวณโดย : มูลค่าเพิ่ม = มูลค่าผลผลิต – ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง มูลค่าผลผลิต หมายถึง รายรับของสถานประกอบการในรอบปี 2564 ซึ่งได้แก่ 1) มูลค่าขายผลผลิต 2) รายรับจากการขายสินค้าที่ซื้อมาจำหน่ายในสภาพเดิม 3) รายรับจากการรับจ้างเหมาทำการผลิตสินค้าให้สถานประกอบการอื่น โดยสถานประกอบการ จัดหาวัสดุให้ 4) รายรับจากการให้บริการ บำรุงรักษา ซ่อมแซม และติดตั้งให้แก่สถานประกอบการอื่น 5) รายรับจากการให้เช่าอาคาร อาคารพร้อมที่ดิน ยานพาหนะ เครื่องจักรและเครื่องมือ ฯลฯ และรายรับอื่น ๆ 6) ส่วนเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินค้าคงเหลือ


12 สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง หมายถึง รายจ่ายที่ใช้ในการดำเนินการในขบวนการผลิตของสถานประกอบการ ในรอบปี 2564 ซึ่งได้แก่ 1) ค่าซื้อวัตถุดิบและวัสดุประกอบที่ใช้ในการผลิต 2) ค่าใช้จ่ายในการผลิต (ค่าเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้าที่ใช้ในการผลิต ค่าติดตั้งซ่อมแซมและ บำรุงรักษาสินค้าที่จำหน่ายให้ลูกค้า ค่าติดตั้งซ่อมแซมและบำรุงรักษาเครื่องจักร เครื่องมือฯ และค่าใช้จ่าย ในการผลิตอื่น ๆ) 3) ค่าซื้อสินค้าที่ซื้อมาจำหน่ายในสภาพเดิม 4) ค่าจ้างเหมาจ่ายให้สถานประกอบการอื่นผลิตสินค้าให้ โดยสถานประกอบการจัดหาวัสดุให้ 5) ค่าธรรมเนียมที่จ่ายสำหรับลูกจ้างเช่า (แรงงานเช่า) 6) ค่าใช้จ่ายในการขายของสถานประกอบการ (ค่าโฆษณา ค่าขนส่งสินค้าที่ขาย ค่านายหน้า ค่าประกันภัย และค่าใช้จ่ายในการขายอื่น ๆ) 7) ค่าใช้จ่ายในการบริหารและดำเนินงานของสถานประกอบการ (ค่าใช้จ่ายในการบริหารและ ดำเนินงานฯ หักด้วยค่าเช่าที่ดิน ค่าดอกเบี้ยจ่าย หนี้สูญ และขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนฯ) 8) ส่วนเปลี่ยนแปลงมูลค่าวัตถุดิบและวัสดุประกอบฯ คงเหลือ 2.4 แผนแบบกำรเลือกตัวอย่ำง 2.4.1 สถานประกอบการที่มีคนทำงาน 1 - 10 คน แผนการสุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นแบบ Stratified Systematic Sampling โดยมีประเภทมาตรฐาน อุตสาหกรรม (ประเทศไทย) ปี 2552 (Thailand Standard Industrial Classification: TSIC 2009) ในระดับ กิจกรรมเป็นสตราตัม มีทั้งสิ้น 409 สตราตัม ขนาดของสถานประกอบการเป็นสตราตัมย่อย (มี 2 ขนาด คือ จำนวนคนทำงาน 1 – 5 คน และ 6 – 10 คน) หรือ 2 สตราตัม และสถานประกอบการเป็นหน่วยตัวอย่าง ซึ่งในการเลือกสถานประกอบการตัวอย่างในแต่ละสตราตัมและสตราตัมย่อย อย่างอิสระต่อกันด้วยวิธีการเลือก ตัวอย่างแบบมีระบบ 2.4.2 สถานประกอบการที่มีคนทำงานตั้งแต่ 11 คนขึ้นไป กำหนดให้ทุกสถานประกอบการเป็นหน่วยตัวอย่าง โดยให้ทำการแจงนับสถานประกอบการทุกแห่ง ซึ่งวัดด้วยจำนวนคนทำงานมี 10 ขนาด (ที่มีคนทำงาน 11 – 15 คน 16 – 20 คน 21 – 25 คน 26 – 30 คน 31 – 50 คน 51 – 100 คน 101 – 200 คน 201 – 500 คน 501 – 1,000 คน และที่มีคนทำงานตั้งแต่ 1,000 คนขึ้นไป)


บทที่2ระเบียบวิธีสถิติ 13 2.5 รำยกำรข้อมูล สำหรับแบบสอบถามที่ใช้ในการสัมภาษณ์ และบันทึกรายละเอียดข้อมูลของสถานประกอบการที่อยู่ใน ข่ายการสำมะโนนี้ ประกอบด้วย 1) ข้อมูลทั่วไปของสถานประกอบการ ได้แก่ ชื่อและที่ตั้งสถานประกอบการ ประเภท อุตสาหกรรมการผลิตของสถานประกอบการ รูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมาย รูปแบบการจัดตั้งทางเศรษฐกิจ ระยะเวลาในการดำเนินกิจการ ทุนจดทะเบียน การมีต่างประเทศร่วมลงทุนหรือถือหุ้น การส่งผลผลิตออกไป จำหน่ายต่างประเทศ การใช้วัตถุดิบหรือวัสดุประกอบการผลิตที่มาจากต่างประเทศ และอัตราการใช้กำลังการผลิต 2) คนทำงาน ลูกจ้างและค่าตอบแทนแรงงาน 3) ต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการ 4) ผลผลิตและรายรับ 5) วัตถุดิบและสินค้าคงเหลือต้นงวดและปลายงวด 6) สินทรัพย์ถาวรของสถานประกอบการ 7) การทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินค้าและบริการกับต่างประเทศ 8) การมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในสถานประกอบการ เป็นต้น 2.6 กำรเก็บรวบรวมข้อมูล 2.5.1 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลสัมภาษณ์ผู้ประกอบการ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากสถาน ประกอบการให้เป็นผู้ให้ข้อมูล โดยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ 2.5.2 คาบเวลาการปฏิบัติงาน ขั้นการเก็บรวบรวมข้อมูลรายละเอียด : การแจงนับ (Enumeration) 1) การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วย (รวมติดตาม) ระหว่างเดือนเมษายน – กรกฎาคม 2565 2) การประมวลผลและนำเสนอผลข้อมูลรายละเอียด สรุปข้อมูลเบื้องต้น ภายในเดือนมีนาคม 2566 รายงานฉบับสมบูรณ์ระดับจังหวัด ภาค และทั่วประเทศ ภายในเดือนกันยายน 2566 2.7 กำรประมวลผลข้อมูล การประมวลผลข้อมูลทุกขั้นตอน และการจัดทำรายงานผลระดับจังหวัด ดำเนินการที่สำนักงานสถิติ จังหวัดโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติในส่วนกลางให้การสนับสนุนทางด้านวิชาการ เช่น การจัดทำโปรแกรม สำหรับการบันทึกข้อมูลและการประมวลผลข้อมูล และการจัดทำต้นฉบับรายงาน เป็นต้น สำหรับการ ประมวลผลระดับภาค และทั่วราชอาณาจักรดำเนินการที่สำนักงานสถิติแห่งชาติในส่วนกลาง


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 14 2.8 กำรปัดตัวเลข ผลรวมของแต่ละจำนวนอาจไม่เท่ากับยอดรวม ทั้งนี้เนื่องจากการปัดเศษ 2.9 ควำมคลำดเคลื่อนของข้อมูล ข้อมูลที่นำเสนอไว้ในรายงานฉบับนี้อาจจะมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง ความคลาดเคลื่อนดังกล่าว เป็นความคลาดเคลื่อนจากการสุ่มตัวอย่าง (Sampling error) และความคลาดเคลื่อนที่ไม่ได้เกิดจากการสุ่ม ตัวอย่าง (Non-Sampling error) เช่น ผู้ตอบไม่ให้ข้อมูลตามความเป็นจริง ข้อมูลในแบบสอบถามไม่ครบถ้วน การลงรหัสผิดพลาดหรือการบันทึกข้อมูลผิดพลาด เป็นต้น อย่างไรก็ดีสำนักงานสถิติแห่งชาติได้พยายาม ควบคุมให้ข้อมูลมีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด จึงขอให้ผู้ใช้ข้อมูลใช้ข้อมูลด้วยความระมัดระวังตามสมควร 2.10 กำรน ำเสนอผลข้อมูลและจัดท ำรำยงำน การจัดทำรายงานผลสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 จะจัดทำรายงานผล ดังนี้ 1) สรุปข้อมูลเบื้องต้น ระดับภาค และทั่วราชอาณาจักร 2) รายงานผลระดับจังหวัด รวม 76 ฉบับ 3) รายงานผลระดับภาค และทั่วราชอาณาจักร จำนวน 7 ฉบับ ประกอบด้วยรายงานผลของ กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และทั่วราชอาณาจักร


บทที่ 3 ผลกำรส ำมะโน 3.1 ข้อมูลทั ่วไปของสถำนประกอบกำรอตุสำหกรรมกำรผลิต 3.1.1 จำนวนสถานประกอบการ ผ ลจ า ก ส ำ ม ะ โ น ธุ ร กิ จ แ ล ะ อุ ต ส า ห ก ร ร ม พ . ศ . 2 5 6 5 ข อ งจั ง ห วั ด นครราชสีมา มีสถานประกอบการจำนวนทั้งสิ้น 7,215 แห่ง พบว่า ส่วนใหญ่เป็นสถาน ประกอบการที่มีคนทํางาน 1-5 คน จำนวน 4,133 แห่ง หรือร้อยละ 57.3 รองลงมา คือ สถานประกอบการที่มีคนทํางาน 11-15 คน จำนวน 1,048 แห่ง หรือร้อยละ 14.5 รองลงมาคือสถานประกอบการที่มีคนทํางาน 6-10 คน จำนวน 882 แห่ง หรือร้อยละ 12.2 รองลงมาคือสถานประกอบการที่มีคนทํางาน 16-25 คน จำนวน 467 แห่ง หรือร้อยละ 6.5 สำหรับสถานประกอบการที่มีจำนวนคนทำงานอื่น นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น มีสัดส่วน ที่น้อยลงมาตามลำดับ (ตาราง 3.1) 3.1.2 หมวดย่อยอุตสาหกรรม ผลจากสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 การเก็บรวบรวมข้อมูล รายละเอียด: การแจงนับ เมื่อพิจารณาจำนวนสถานประกอบการ ตามหมวดย่อย อุตสาหกรรม พบว่า สถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา ส่วนใหญ่ประกอบอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร จำนวน 2,370 แห่ง รองลงมา ประกอบอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากแร่อโลหะ จำนวน 623 แห่ง รองลงมาประกอบอุตสาหกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์ (ยกเว้นเครื่องจักรและ อุปกรณ์) จำนวน 610 แห่ง รองลงมาประกอบอุตสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย จำนวน 581 แห่ง สำหรับการประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตในหมวดย่อยอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น มีสัดส่วนที่น้อยลงมาตามลำดับ (ตาราง 3.1)


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 16 ตาราง 3.1 จำนวนและร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามขนาดของสถานประกอบการ และหมวดย่อย อุตสาหกรรม หมวดย่อยอุตสาหกรรม รวม ขนาดของสถานประกอบการ (จำนวนคนทำงาน) 1 – 5 คน 6 – 10 คน 11 – 15 คน 16 – 25 คน 26 – 30 คน 31 – 50 คน 51 –200 คน มากกว่า 200 คน รวม 7,215 4,133 882 1,048 467 114 172 254 145 (100.0) (57.3) (12.2) (14.5) (6.5) (1.6) (2.4) (3.5) (2.0) การผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร 2,373 1,435 283 276 143 33 65 92 43 (100.0) 60.65 11.94 11.65 6.03 1.39 2.74 3.88 1.81 การผลิตเครื่องดื่ม 236 129 64 16 14 4 6 - 3 (100.0) 54.66 27.12 6.78 5.93 1.69 2.54 - 1.27 การผลิตสิ่งทอ 445 200 51 134 25 9 8 9 9 (100.0) 44.94 11.46 30.11 5.62 2.02 1.80 2.02 2.02 การผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย 581 482 24 55 13 - 2 1 4 (100.0) 82.96 4.13 9.47 2.24 - 0.34 0.17 0.69 การผลิตเครื่องหนังและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง 20 6 1 6 - 1 1 3 2 (100.0) 30.00 5.00 30.00 - 5.00 5.00 15.00 10.00 การผลิตไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้และไม้ก๊อก (ยกเว้น 280 120 54 64 18 9 6 9 - เฟอร์นิเจอร์) การผลิตสิ่งของจากฟางและวัสดุถักสานอื่นๆ (100.0) 42.86 19.29 22.86 6.43 3.21 2.14 3.21 - การผลิตกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ 23 11 5 2 - - 2 2 1 (100.0) 47.83 21.74 8.70 - - 8.70 8.70 4.35 การพิมพ์และการผลิตซ้ำสื่อบันทึกข้อมูล 192 136 31 14 5 1 3 2 - (100.0) 70.83 16.15 7.29 2.60 0.52 1.56 1.04 - การผลิตถ่านโค้กและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม 32 5 2 16 2 2 2 3 - (100.0) 15.63 6.25 50.00 6.25 6.25 6.25 9.38 - การผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี 191 85 17 46 19 2 10 9 3 (100.0) 44.50 8.90 24.08 9.95 1.05 5.24 4.71 1.57 การผลิตเภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค และผลิตภัณฑ์ 42 11 9 16 5 - - 1 - จากพืชและสัตว์ที่ใช้รักษาโรค (100.0) 26.19 21.43 38.10 11.90 - - 2.38 - การผลิตผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก 168 50 7 14 37 3 16 28 13 (100.0) 29.63 4.17 8.33 22.02 1.79 9.52 16.67 7.74 การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากแร่อโลหะ 623 343 107 71 66 13 6 16 1 (100.0) 55.06 17.17 11.40 10.59 2.09 0.96 2.57 0.16 การผลิตโลหะขั้นมูลฐาน 54 16 5 7 12 - 1 8 5 (100.0) 29.63 9.26 12.96 22.22 - 1.85 14.81 9.26 การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์ (ยกเว้นเครื่องจักร 610 371 81 78 30 13 11 23 3


บทที่ 3 ผลกำรส ำมะโน 17 13.1.3 ขนาดของสถานประกอบการ (จำนวนคนทำงาน) ขนาดของสถานประกอบการเมื่อวัดด้วยจำนวนคนทำงาน พบว่าส่วนใหญ่เป็น สถานประกอบการขนาดเล็กที่มีคนทำงาน 1-5 คน จำนวน 4,133 แห่ง หรือร้อยละ 57.3 รองลงมาเป็น สถานประกอบการที่มีคนทำงาน 11-15 คน จำนวน 1,048 แห่ง หรือร้อยละ 14.5 รองลงมาเป็น ส ถ า น ป ร ะ ก อ บ ก า ร ที่ มี ค น ท ำ ง า น 6-10 คน จำนวน 882 แห่ง หรือร้อยละ 12.2 รองลงมาเป็น สถานประกอบการที่มีคนทำงาน 16-25 คน จำนวน467 แห่ง หรือร้อยละ 6.5 สำหรับขนาดของ สถานประกอบการ (จำนวนคนทำงาน) อื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น มีสัดส่วนที่น้อยลงมาตามลำดับ (ตาราง 3.2) 3.1.4 รูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมาย รูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมายของสถานประกอบการ พบว่าส่วนใหญ่รูปแบบการจัดตั้งตาม กฎหมายเป็นส่วนบุคคล จำนวน 2,919 แห่ง หรือร้อยละ 40.5 รองลงมารูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมายเป็น บริษัทจำกัด บริษัทจำกัด (มหาชน) จำนวน 1,814 แห่ง หรือร้อยละ 25.1 รองลงมารูปแบบการจัดตั้งตาม และอุปกรณ์) (100.0) 60.82 13.28 12.79 4.92 2.13 1.80 3.77 0.49 การผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ 42 13 1 2 1 3 - 7 15 ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ (100.0) 30.95 2.38 4.76 2.38 7.14 - 16.67 35.71 การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า 35 15 3 4 5 2 - 3 3 (100.0) 42.86 8.57 11.43 14.29 5.71 - 8.57 8.57 การผลิตเครื่องจักรและเครื่องมือ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น 150 65 18 31 14 3 8 9 2 (100.0) 43.33 12.00 20.67 9.33 2.00 5.33 6.00 1.33 การผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง 123 40 3 4 12 10 4 18 32 (100.0) 32.52 2.44 3.25 9.76 8.13 3.25 14.63 26.02 การผลิตอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ 24 20 - - - - 2 - 2 (100.0) 83.33 - - - - 8.33 - 8.33 การผลิตเฟอร์นิเจอร์ 141 79 23 15 14 - 4 4 2 (100.0) 56.03 16.31 10.64 9.93 - 2.84 2.84 1.42 การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ 257 156 36 44 6 6 3 4 2 (100.0) 60.70 14.01 17.12 2.33 2.33 1.17 1.56 0.78 การซ่อมและการติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ 389 299 25 52 12 - 1 - - (100.0) 76.86 6.43 13.37 3.08 - 0.26 - - การเก็บรวบรวมของเสีย การบำบัด และการกำจัดของเสีย 172 36 31 81 10 - 11 3 - รวมถึงการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ (100.0) 20.93 18.02 47.09 5.81 - 6.40 1.74 - การจัดพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่ 12 9 1 - 2 - - - - (100.0) 75.00 8.33 - 16.67 - - - -


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 18 16 กฎหมายเป็นรูปแบบอื่นๆจำนวน 1,404 แห่ง หรือร้อยละ 19.4 รองลงมารูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมายเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 976 แห่ง หรือร้อยละ 13.5 สำหรับรูปแบบการจัดตั้ง ตามกฎหมาย นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น มีสัดส่วนที่น้อยลงมาตามลำดับ (ตาราง 3.2) 3.1.5 รูปแบบการจัดตั้งทางเศรษฐกิจ รูปแบบการจัดตั้งทางเศรษฐกิจ สถานประกอบการส่วนใหญ่เป็นสำนักงานแห่งเดียว จำนวน 6,892 แห่ง หรือร้อยละ 95.5 รองลงมาเป็นสำนักงานสาขา จำนวน 213 แห่ง หรือร้อยละ 3.0 และเป็นสำนักงาน ใหญ่จำนวน 110 แห่ง หรือร้อยละ 1.5 (ตาราง 3.2) 3.1.6 ระยะเวลาในการดำเนินกิจการ สถานประกอบการส่วนใหญ่ มีระยะเวลาในการดำเนินกิจการ 10-19 ปี จำนวน 2,513 แห่ง หรือร้อย ละ 34.8 รองลงมามีระยะเวลาในการดำเนินกิจการ 5-9 ปีจำนวน 2,087 แห่ง หรือร้อยละ 28.9 รองลงมามี ระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยกว่า 5 ปีจำนวน 1,280 แห่ง หรือร้อยละ 17.8 รองลงมามีระยะเวลาใน การดำเนินกิจการ 20-29 ปีจำนวน 886 แห่ง หรือร้อยละ 12.3 และมีระยะเวลาในการดำเนินกิจการมากกว่า 30 ปีขึ้นไป (ตาราง 3.2) ตาราง 3.2 จำนวนและร้อยละของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตามลักษณะของสถานประกอบการ ลักษณะของสถานประกอบการ จำนวน ร้อยละ รวม 7,215 100.0 ขนาดของสถานประกอบการ (จำนวนคนทำงาน) 1 – 5 คน 4,133 57.3 6 – 10 คน 882 12.2 11 – 15 คน 1,048 14.5 16 – 25 คน 467 6.5 26 – 30 คน 114 1.6 31 – 50 คน 172 2.4 51 – 200 คน 254 3.5 มากกว่า 200 คน 145 2.0 รูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมาย ส่วนบุคคล 2,922 40.5 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 976 13.5 บริษัทจำกัด บริษัทจำกัด (มหาชน) 1,814 25.1 ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ 5 0.1


บทที่ 3 ผลกำรส ำมะโน 19 สหกรณ์ 97 1.4 อื่นๆ 1,404 19.4 รูปแบบการจัดตั้งทางเศรษฐกิจ สำนักงานแห่งเดียว 6,895 95.5 สำนักงานใหญ่ 110 1.5 สำนักงานสาขา 213 3.0 อื่น ๆ - - ระยะเวลาในการดำเนินกิจการ น้อยกว่า 5 ปี 1,280 17.8 5 – 9 ปี 2,087 28.9 10 – 19 ปี 2,516 34.8 20 – 29 ปี 886 12.3 ตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป 449 6.2 หมายเหตุ : - ไม่มีข้อมูล หรือข้อมูลมีค่าเป็น 0 หรือมีข้อมูลจำนวนเล็กน้อย 3.2 ข้อมูลสถิติที่สำ คญัจำ แนกตำมขนำดของสถำนประกอบกำรและหมวดย่อยอุตสำหกรรม 3.2.1 คนทำงานและค่าตอบแทนแรงงาน 1) จำนวนคนทำงาน สำหรับจำนวนคนทํางานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเงินเดือน ทำงานในสถานประกอบการ พบว่า มี จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 187,372 คน ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานประกอบการมากกว่า 200 คน จำนวน 108,971 คน หรือร้อยละ 58.2 เมื่อพิจารณาตามหมวดธุรกิจ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในธุรกิจการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหาร จำนวน 54,664 คน หรือร้อยละ 29.2 รองลงมาปฏิบัติงานอยู่ในธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์จำนวน 27,259 คน หรือร้อยละ 14.5 และ ปฏิบัติงานอยู่ในธุรกิจการผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง การผลิตอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ จำนวน 24,812 คน หรือร้อยละ 13.2 (ตาราง 3.3) 2) จำนวนลูกจ้าง ด้านการจ้างงงานในสถานประกอบการ พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 180,336 คน ในจำนวนนี้เป็น ลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างมากกว่า 200 คน จำนวน 108,971 คน หรือร้อยละ 60.4 เมื่อพิจารณาการจ้างงานในหมวดธุรกิจ พบว่า ส่วนใหญ่ลูกจ้างปฏิบัติงานอยู่ในธุรกิจการผลิต ผลิตภัณฑ์อาหาร จำนวน 51,511 คน หรือร้อยละ 28.6 รองลงมาปฏิบัติงานอยู่ในธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์จำนวน 27,256 คน หรือร้อยละ 15.1 และ


20 สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 18 ปฏิบัติงานอยู่ในธุรกิจการผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วงการผลิตอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ จำนวน 24,770 คน หรือร้อยละ 13.7 (ตาราง 3.3) 3) ค่าตอบแทนแรงงาน ผลจากสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 พบว่ามีมูลค่าตอบแทนแรงทั้งสิ้น 34,840,128.3 (ล้านบาท) โดยสถานประกอบการที่มีจำนวนคนทำงานมากกว่า 200 คน มีมูลค่าตอบแทน แรงงาน 25,600,682.4 (ล้านบาท) รองลงมาสถานประกอบการที่มีจำนวนคนทำงาน 51-200 คน มีมูล ค่าตอบแทนแรงงาน 4,399,621.9 (ล้านบาท) สำหรับสถานประกอบการที่มีจำนวนคนทำงาน 16-25 คน มีมูล ค่าตอบแทนแรงงาน 1,126,921.7 (ล้านบาท) เมื่อพิจารณาตามหมวดธุรกิจ พบว่า ส่วนใหญ่ธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร มีมูลค่าตอบแทน แรง 9,315,640.8 (ล้านบาท) รองลงมาธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ ในทางทัศนศาสตร์มีมูลค่าตอบแทนแรงงาน 7,315,263.6 (ล้านบาท) แลธุรกิจการผลิตยานยนต์ รถพ่วง และ รถกึ่งพ่วง มีมูลค่าตอบแทนแรงงาน 5,779,492.2 (ล้านบาท) (ตาราง 3.3) 4) ค่าตอบแทนแรงงานเฉลี่ย ลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบการ ได้รับค่าตอบแทนแรงงานโดยเฉลี่ย 193,195.6 บาทต่อ คนต่อปี โดยลูกจ้างที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานประกอบการที่มีคนทำงานมากกว่า 200 คน ได้รับค่าตอบแทน แรงงานเฉลี่ย 234,931.2 บาทต่อคนต่อปี รองลงมาลูกจ้างที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 51-200 คน ได้รับค่าตอบแทนแรงงานเฉลี่ย 169,849.9 บาทต่อคนต่อปีส่วนลูกจ้างที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถาน ประกอบการที่มีคนทำงาน 31-50 คน ได้รับค่าตอบแทนแรงงานเฉลี่ย 131,504.8 บาทต่อคนต่อปี เมื่อพิจารณาตามหมวดธุรกิจ พบว่า ส่วนใหญ่ลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในอยู่ในธุรกิจการผลิตอุปกรณ์ ขนส่งอื่นๆ ได้รับค่าตอบแทนแรงงานเฉลี่ยประมาณ 271,375.1 บาทต่อคนต่อปี รองลงมาปฏิบัติงานในอยู่ใน ธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ ได้รับค่าตอบแทน แรงงานเฉลี่ยประมาณ 268,390.9 บาทต่อคนต่อปี ส่วนลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในอยู่ในธุรกิจการผลิตยานยนต์ รถ พ่วง และรถกึ่งพ่วง ได้รับค่าตอบแทนแรงงานเฉลี่ยประมาณ 233,326.3 บาทต่อคนต่อปี (ตาราง 3.3)


บทที่ 3 ผลกำรส ำมะโน 21 ตาราง 3.3 คนทำงาน ลูกจ้าง และค่าตอบแทนแรงงาน จำแนกตามขนาดของสถานประกอบการและหมวดย่อยอุตสาหกรรม ขนาดของสถานประกอบการ/ หมวดย่อยอุตสาหกรรม จำนวน สถาน ประกอบการ (แห่ง) คนทำงาน ลูกจ้าง ค่าตอบแทนแรงงาน จำนวน (คน) ร้อยละ จำนวน (คน) ร้อยละ มูลค่า (พันบาท) เฉลี่ยต่อ คนต่อปี (บาท) รวม 7,215 187,372 100.0 180,336 100.0 34,840,128.3 193,195.6 ขนาดของสถานประกอบการ (จำนวนคนทำงาน) 1 – 5 คน 4,133 12,792 6.8 7,092 3.9 690,077.3 97,303.6 6 – 10 คน 882 7,073 3.8 6,466 3.6 656,708.5 101,563.3 11 – 15 คน 1,048 13,292 7.1 12,726 7.1 1,045,980.9 82,192.4 16 – 25 คน 467 9,187 4.9 9,083 5.0 1,126,921.7 124,069.3 26 – 30 คน 114 3,188 1.7 3,165 1.8 408,675.9 129,123.5 31 – 50 คน 172 6,963 3.7 6,931 3.8 911,459.7 131,504.8 51 – 200 คน 254 25,906 13.8 25,903 14.4 4,399,621.9 169,849.9 มากกว่า 200 คน 145 108,971 58.2 108,971 60.4 25,600,682.4 234,931.2 หมวดย่อยอุตสาหกรรม การผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร 2,373 54,664 29.2 51,511 28.6 9,315,640.8 180,847.6 การผลิตเครื่องดื่ม 236 2,794 1.5 2,682 1.5 401,121.9 149,560.7 การผลิตสิ่งทอ 445 13,988 7.5 13,528 7.5 2,277,350.5 168,343.5 การผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย 581 6,157 3.3 5,425 3.0 825,198.3 152,110.3 การผลิตเครื่องหนังและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง 20 1,579 0.8 1,566 0.9 222,725.1 142,225.5 การผลิตไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้และไม้ก๊อก (ยกเว้น เฟอร์นิเจอร์) การผลิตสิ่งของจากฟาง และวัสดุถัก สานอื่นๆ 280 3,331 1.8 3,131 1.7 303,074.4 96,798.0 การผลิตกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ 23 885 0.5 874 0.5 122,714.5 140,405.5 การพิมพ์และการผลิตซ้ำสื่อบันทึกข้อมูล 192 1,205 0.6 986 0.5 128,487.7 130,312.0 การผลิตถ่านโค้กและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่น ปิโตรเลียม 32 595 0.3 595 0.3 92,188.4 154,938.4 การผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี 191 3,204 1.7 3,110 1.7 452,049.7 145,353.6 การผลิตเภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค และ ผลิตภัณฑ์จากพืชและสัตว์ที่ใช้รักษาโรค 42 471 0.3 461 0.3 28,873.4 62,632.0 การผลิตผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก 168 12,014 6.4 11,901 6.6 2,484,541.2 208,767.4 การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากแร่อโลหะ 623 6,270 3.3 5,556 3.1 852,441.8 153,427.3 การผลิตโลหะขั้นมูลฐาน 54 2,706 1.4 2,702 1.5 512,490.3 189,670.7 การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์ (ยกเว้นเครื่องจักร และอุปกรณ์) 610 7,733 4.1 7,221 4.0 1,175,220.6 162,750.4


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 22 20 การผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และ อุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ 42 27,259 14.5 27,256 15.1 7,315,263.6 268,390.9 การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า 35 1,774 0.9 1,744 1.0 283,558.1 162,590.7 การผลิตเครื่องจักรและเครื่องมือ ซึ่งมิได้จัดประเภท ไว้ในที่อื่น 150 2,857 1.5 2,839 1.6 496,626.3 174,930.0 การผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง 123 24,812 13.2 24,770 13.7 5,779,492.2 233,326.3 การผลิตอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ 24 597 0.3 560 0.3 151,970.1 271,375.1 การผลิตเฟอร์นิเจอร์ 141 3,262 1.7 3,147 1.7 509,440.2 161,881.2 การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ 257 4,797 2.6 4,560 2.5 655,127.0 143,668.2 การซ่อมและการติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ 389 2,139 1.1 2,021 1.1 257,591.2 127,457.3 การเก็บรวบรวมของเสีย การบำบัด และการกำจัด ของเสีย รวมถึงการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ 181 2,194 1.2 2,104 1.2 182,134.8 86,566.0 การจัดพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่ 12 51 0.0 51 0.0 7,669.8 150,387.5 3.2.2 มูลค่าผลผลิต ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง และมูลค่าเพิ่ม 1) มูลค่าผลผลิต จากตาราง 3.4 พบว่า สถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตในจังหวัดนครราชสีมา มีมูลค่า ผลผลิตรวมทั้งสิ้นประมาณ 644,585,692.8 (ล้านบาท) โดยมีสัดส่วนของมูลค่าเพิ่มต่อมูลค่าผลผลิตประมาณ ร้อยละ 32.5 หากพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า สถานประกอบการที่มีคนมากกว่า 200 คน มีมูลค่าผลผลิต 430,374,113.6 (ล้าน) ร้อยละ 66.8 รองลงมา สถานประกอบการที่มีคน 51-200 คน มีมูลค่า ผลผลิต 137,502,597.1 (ล้านบาท) ร้อยละ 21.3 รองลงมา สถานประกอบการที่มีคน 31-50 คน มีมูลค่า ผลผลิต 21,644,186.5 (ล้านบาท) ร้อยละ 3.4 สำหรับสถานประกอบการที่มีขนาดจำนวนคนทำงานอื่นๆ นอกจากข้างต้นที่กล่าวมา มีสัดส่วนมูลค่าผลผลิตที่ต่ำลงมาตามลำดับ เมื่อพิจารณาตามหมวดย่อยอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ พบว่า มูลค่าผลผลิตของสถานประกอบการ ส่วนใหญ่มาจากการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร มีมูลค่าผลผลิต 228,641,699.7 (ล้านบาท) ร้อยละ 35.5 รองลงมา การผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ มีมูลค่าผลผลิต 209,833,321.8 (ล้านบาท) ร้อยละ 32.6 รองลงมา การผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง 54,090,646.2 (ล้านบาท) ร้อยละ 8.4 สำหรับหมวดย่อยอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ นอกจากข้างต้นที่กล่าวมา มีสัดส่วนมูลค่า ผลผลิตที่ต่ำลงมาตามลำดับ (ตาราง 3.4) 2) ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง ในด้านค่าใช้จ่ายขั้นกลางของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตในจังหวัดนครราชสีมา มี มูลค่าผลผลิตรวมทั้งสิ้นประมาณ 435,089,408.3 (พันบาท)


บทที่ 3 ผลกำรส ำมะโน 23 หากพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า สถานประกอบการที่มีคนมากกว่า 200 คน มีค่าใช้จ่ายขั้นกลาง 283,471,014.8 (พันบาท) ร้อยละ 65.2 รองลงมา สถานประกอบการที่มีคน 51-200 คน มีค่าใช้จ่ายขั้นกลาง 97,968,036.4 (พันบาท) ร้อยละ 22.5 รองลงมา สถานประกอบการที่มีคน 31-50 คน มี ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง 15,830,363.6 (พันบาท) ร้อยละ 3.6 สำหรับค่าใช้จ่ายขั้นกลางอื่นๆ นอกจากข้างต้นที่กล่าว มา มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่ต่ำลงมาตามลำดับ เมื่อพิจารณาตามหมวดย่อยอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ พบว่า ค่าใช้จ่ายขั้นกลางของสถาน ประกอบการ ส่วนใหญ่มาจากการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร 153,266,473.9 (พันบาท) ร้อยละ 35.2 รองลงมา การผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ 142,421,045.0 (พันบาท) ร้อยละ 32.7 รองลงมา การผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง 33,395,885.3 (พันบาท) ร้อยละ 7.7 สำหรับค่าใช้จ่ายขั้นกลางตามหมวดย่อยอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ นอกจากข้างต้นที่กล่าวมา มีสัดส่วน ค่าใช้จ่ายที่ต่ำลงมาตามลำดับ (ตาราง 3.4) 3) มูลค่าเพิ่ม จากตาราง 3.4 แสดงให้เห็นว่าสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตในจังหวัดนครราชสีมา มี มูลค่าเพิ่มประมาณ 209,496,284.5 (ล้านบาท) หากพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า สถานประกอบการที่มีคนมากกว่า 200 คน มีมูลค่าเพิ่ม 146,903,098.8 (ล้านบาท) ร้อยละ 70.1 รองลงมา สถานประกอบการที่มีคน 51-200 คน มี มูลค่าเพิ่ม 39,534,560.7 (ล้านบาท) ร้อยละ 18.9 รองลงมา สถานประกอบการที่มีคน 31-50 มีมูลค่าเพิ่ม 5,813,822.9 (ล้านบาท) ร้อยละ 2.8 สำหรับมูลค่าเพิ่มอื่นๆ นอกจากข้างต้นที่กล่าวมา มีสัดส่วนมูลค่าที่ต่ำลง มาตามลำดับ เมื่อพิจารณาตามหมวดย่อยอุตสาหกรรม พบว่า อุตสาหกรรมประเภทการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร มี มูลค่าเพิ่ม 75,375,225.8 (ล้านบาท) ร้อยละ 36.0 รองลงมา อุตสาหกรรมประเภทการผลิตผลิตภัณฑ์ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์มีมูลค่าเพิ่ม 67,412,276.8 (ล้านบาท) ร้อย ละ 32.2 รองลงมา อุตสาหกรรมประเภทการผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง มีมูลค่าเพิ่ม 20,694,761.0 (ล้านบาท) ร้อยละ 9.9 รองลงมา 8 สำหรับมูลค่าเพิ่มอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ นอกจากข้างต้นที่กล่าวมา มี สัดส่วนมูลค่าที่ต่ำลงมาตามลำดับ (ตาราง 3.4)


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 24 ตาราง 3.4 มูลค่าผลผลิต ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง และมูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต จำแนกตาม ขนาดของสถานประกอบการและหมวดย่อยอุตสาหกรรม ขนาดของสถานประกอบการ/ หมวดย่อยอุตสาหกรรม มูลค่าผลผลิต ค่าใช้จ่ายขั้นกลาง มูลค่าเพิ่ม มูลค่าเพิ่ม ต่อมูลค่า ผลผลิต (ร้อยละ) มูลค่า (พันบาท) ร้อยละ มูลค่า (พันบาท) ร้อยละ มูลค่า (พันบาท) ร้อยละ รวม 644,585,692.8 100.0 435,089,408.3 100.0 209,496,284.5 100.0 32.5 ขนาดของสถานประกอบการ (จำนวน คนทำงาน) 1 – 5 คน 9,244,140.8 1.4 6,006,842.0 1.4 3,237,298.8 1.5 35.0 6 – 10 คน 9,632,952.8 1.5 6,314,958.5 1.5 3,317,994.4 1.6 34.4 11 – 15 คน 14,313,830.4 2.2 10,544,969.8 2.4 3,768,860.7 1.8 26.3 16 – 25 คน 16,620,769.8 2.6 11,431,136.9 2.6 5,189,632.9 2.5 31.2 26 – 30 คน 5,253,101.8 0.8 3,522,086.4 0.8 1,731,015.4 0.8 33.0 31 – 50 คน 21,644,186.5 3.4 15,830,363.6 3.6 5,813,822.9 2.8 26.9 51 – 200 คน 137,502,597.1 21.3 97,968,036.4 22.5 39,534,560.7 18.9 28.8 มากกว่า 200 คน 430,374,113.6 66.8 283,471,014.8 65.2 146,903,098.8 70.1 34.1 หมวดย่อยอุตสาหกรรม การผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร 228,641,699.7 35.5 153,266,473.9 35.2 75,375,225.8 36.0 33.0 การผลิตเครื่องดื่ม 5,586,411.4 0.9 4,779,821.4 1.1 806,590.0 0.4 14.4 การผลิตสิ่งทอ 18,324,210.7 2.8 12,003,374.7 2.8 6,320,836.0 3.0 34.5 การผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย 5,466,062.1 0.8 3,119,669.2 0.7 2,346,392.9 1.1 42.9 การผลิตเครื่องหนังและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง 913,703.4 0.1 616,421.7 0.1 297,281.7 0.1 32.5 การผลิตไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้และไม้ก๊อก (ยกเว้นเฟอร์นิเจอร์) การผลิตสิ่งของจาก ฟาง และวัสดุถักสานอื่นๆ 4,245,411.3 0.7 3,079,690.1 0.7 1,165,721.2 0.6 27.5 การผลิตกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ 705,563.3 0.1 462,916.6 0.1 242,646.7 0.1 34.4 การพิมพ์และการผลิตซ้ำสื่อบันทึกข้อมูล 970,788.1 0.2 590,093.2 0.1 380,694.8 0.2 39.2 การผลิตถ่านโค้กและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการ กลั่นปิโตรเลียม 1,377,740.6 0.2 1,073,069.6 0.2 304,671.0 0.1 22.1 การผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี 6,049,669.9 0.9 4,237,099.8 1.0 1,812,570.2 0.9 30.0 การผลิตเภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค และผลิตภัณฑ์จากพืชและสัตว์ที่ใช้รักษาโรค 85,428.2 0.0 42,877.0 0.0 42,551.2 0.0 49.8 การผลิตผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก 31,777,755.6 4.9 20,365,774.6 4.7 11,411,981.1 5.4 35.9 การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากแร่อโลหะ 11,975,464.5 1.9 8,012,535.5 1.8 3,962,929.1 1.9 33.1 การผลิตโลหะขั้นมูลฐาน 20,836,392.0 3.2 17,897,112.0 4.1 2,939,280.0 1.4 14.1


บทที่ 3 ผลกำรส ำมะโน 25 การผลิตถ่านโค้กและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการ กลั่นปิโตรเลียม 1,377,740.6 0.2 1,073,069.6 0.2 304,671.0 0.1 22.1 การผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี 6,049,669.9 0.9 4,237,099.8 1.0 1,812,570.2 0.9 30.0 การผลิตเภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค และผลิตภัณฑ์จากพืชและสัตว์ที่ใช้รักษาโรค 85,428.2 0.0 42,877.0 0.0 42,551.2 0.0 49.8 การผลิตผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก 31,777,755.6 4.9 20,365,774.6 4.7 11,411,981.1 5.4 35.9 การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากแร่อโลหะ 11,975,464.5 1.9 8,012,535.5 1.8 3,962,929.1 1.9 33.1 การผลิตโลหะขั้นมูลฐาน 20,836,392.0 3.2 17,897,112.0 4.1 2,939,280.0 1.4 14.1 การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์(ยกเว้น เครื่องจักรและอุปกรณ์) 16,675,060.4 2.6 11,399,943.0 2.6 5,275,117.4 2.5 31.6 การผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ 209,833,321.8 32.6 142,421,045.0 32.7 67,412,276.8 32.2 32.1 การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า 1,725,092.3 0.3 992,339.5 0.2 732,752.9 0.3 42.5 การผลิตเครื่องจักรและเครื่องมือ ซึ่งมิได้จัด ประเภทไว้ในที่อื่น 6,312,030.6 1.0 4,411,308.9 1.0 1,900,721.8 0.9 30.1 การผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง 54,090,646.2 8.4 33,395,885.3 7.7 20,694,761.0 9.9 38.3 การผลิตอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ 4,804,622.9 0.7 4,315,500.8 1.0 489,122.2 0.2 10.2 การผลิตเฟอร์นิเจอร์ 6,014,858.9 0.9 3,536,703.9 0.8 2,478,154.9 1.2 41.2 การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ 3,400,873.5 0.5 1,861,415.1 0.4 1,539,458.5 0.7 45.3 การซ่อมและการติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ 1,495,795.9 0.2 1,027,778.7 0.2 468,017.3 0.2 31.3 การเก็บรวบรวมของเสีย การบำบัด และการ กำจัดของเสีย รวมถึงการนำของเสียกลับมา ใช้ใหม่ 3,197,153.5 0.5 2,133,310.8 0.5 1,063,842.8 0.5 33.3 การจัดพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่ 59,816.6 0.0 36,226.8 0.0 23,589.9 0.0 39.4


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 26 24 3.2.3 มูลค่าผลผลิตและมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อสถานประกอบการ จากตาราง 3.5 พบว่า สถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตในจังหวัดนครราชสีมา มีมูลค่าผลผลิต เฉลี่ยต่อสถานประกอบการประมาณ 89,339.7 (พันบาท) และมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อสถานประกอบการประมาณ 29,036.2 (พันบาท) หากพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า สถานประกอบการที่มีคนทำงานมากกว่า 200 คน มีมูลค่าผลผลิตเฉลี่ยต่อสถานประกอบการและมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อสถานประกอบการสูงสุดประมาณ 2,968,097.3 (ล้านบาท) และ 1,013,124.8 (ล้านบาท) ตามลำดับ ในขณะที่สถานประกอบการที่มีคนทำงาน 1-5 คน มีมูลค่าผลผลิตเฉลี่ยต่อสถานประกอบการและมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อสถานประกอบการต่ำสุดคือ 2,236.7 (ล้านบาท) และ 783.3 (ล้านบาท) ตามลำดับ เมื่อพิจารณาตามในแต่ละหมวดย่อยอุตสาหกรรม พบว่า ธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์มีมูลค่าผลผลิตเฉลี่ยต่อสถานประกอบการและมูลค่าเพิ่ม เฉลี่ยต่อสถานประกอบการสูงสุดประมาณ 4,996,031.5 (ล้านบาท) และ 1,605,054.2 (ล้านบาท) ตามลำดับ ส่วนธุรกิจการผลิตเภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค และผลิตภัณฑ์จากพืชและสัตว์ที่ใช้รักษาโรค มีมูลค่า ผลผลิตเฉลี่ยต่อสถานประกอบการและมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อสถานประกอบการต่ำสุดคือ 2,034.0 (ล้านบาท) และ 1,013.1 (ล้านบาท) ตามลำดับ (ตาราง 3.5) 3.2.4 มูลค่าผลผลิตและมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อคนทำงาน ในด้านมูลค่าผลผลิตและมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อคนทำงาน พบว่า สถานประกอบการอุตสาหกรรมการผลิต มีมูลค่าผลผลิตเฉลี่ยต่อคนทำงานประมาณ 3,440.1 (พันบาท) และมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อคนทำงานคนทำงาน ประมาณ 1,118.1 (พันบาท) เมื่อพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า สถานประกอบการที่มีคนทำงาน 51 – 200 คน คน มีมูลค่าผลผลิตและมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อคนทำงานสูงสุดประมาณ 5,307.8 (พันบาท) และ 1,526.1 (พันบาท) ตามลำดับ ในขณะที่สถานประกอบการที่มีคนทำงาน 1-5 คน มีมูลค่าผลผลิตและมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อคนทำงาน ต่ำสุดคือ 722.7 (พันบาท) และ 253.1 (พันบาท) ตามลำดับ เมื่อพิจารณาตามหมวดย่อยอุตสาหกรรม พบว่า ธุรกิจการผลิตอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ มีมูลค่าผลผลิตต่อ คนทำงานสูงสุดประมาณ 8,047.9 (พันบาท) และธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และ อุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ มีมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อคนทำงานสูงสุดประมาณ 2,473.0 (พันบาท) สำหรับธุรกิจ การผลิตเภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค และผลิตภัณฑ์จากพืชและสัตว์ที่ใช้รักษาโรค มีมูลค่าผลผลิตและ มูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อคนทำงานต่ำสุดคือ 181.4 (พันบาท) และ 90.3 (พันบาท) ตามลำดับ (ตาราง 3.5)


บทที่ 3 ผลกำรส ำมะโน 27 ตาราง 3.5 มูลค่าผลผลิตและมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อสถานประกอบการและต่อคนทำงาน จำแนกตามขนาดของสถานประกอบการ และหมวดย่อยอุตสาหกรรม หน่วย : พันบาท ขนาดของสถานประกอบการ/ หมวดย่อยอุตสาหกรรม มูลค่าผลผลิตเฉลี่ยต่อ มูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อ สถานประกอบการ คนทำงาน สถานประกอบการ คนทำงาน รวม 89,339.7 3,440.1 29,036.2 1,118.1 ขนาดของสถานประกอบการ (จำนวนคนทำงาน) 1 – 5 คน 2,236.7 722.7 783.3 253.1 6 – 10 คน 10,921.7 1,361.9 3,761.9 469.1 11 – 15 คน 13,658.2 1,076.9 3,596.2 283.5 16 – 25 คน 35,590.5 1,809.2 11,112.7 564.9 26 – 30 คน 46,079.8 1,647.8 15,184.3 543.0 31 – 50 คน 125,838.3 3,108.5 33,801.3 835.0 51 – 200 คน 541,348.8 5,307.8 155,647.9 1,526.1 มากกว่า 200 คน 2,968,097.3 3,949.4 1,013,124.8 1,348.1 หมวดย่อยอุตสาหกรรม การผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร 96,473.3 4,182.7 31,803.9 1,378.9 การผลิตเครื่องดื่ม 23,671.2 1,999.4 3,417.8 288.7 การผลิตสิ่งทอ 41,178.0 1,310.0 14,204.1 451.9 การผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย 9,408.0 887.8 4,038.5 381.1 การผลิตเครื่องหนังและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง 45,685.2 578.7 14,864.1 188.3 การผลิตไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้และไม้ก๊อก (ยกเว้นเฟอร์นิเจอร์) การผลิตสิ่งของจากฟาง และวัสดุถักสานอื่นๆ 15,162.2 1,274.5 4,163.3 350.0 การผลิตกระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ 30,676.7 797.2 10,549.9 274.2 การพิมพ์และการผลิตซ้ำสื่อบันทึกข้อมูล 5,056.2 805.6 1,982.8 315.9 การผลิตถ่านโค้กและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม 43,054.4 2,315.5 9,521.0 512.1 การผลิตเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี 31,673.7 1,888.2 9,489.9 565.7 การผลิตเภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค และผลิตภัณฑ์ จากพืชและสัตว์ที่ใช้รักษาโรค 2,034.0 181.4 1,013.1 90.3 การผลิตผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก 189,153.3 2,645.1 67,928.5 949.9 การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากแร่อโลหะ 19,222.3 1,910.0 6,361.0 632.0 การผลิตโลหะขั้นมูลฐาน 385,859.1 7,700.1 54,431.1 1,086.2 การผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์(ยกเว้นเครื่องจักรและอุปกรณ์) 27,336.2 2,156.4 8,647.7 682.2


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 28 26 3.3 ผลกระทบจำกสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรสัโควิด 19 3.3.1 ระดับของผลกระทบที่สถานประกอบการได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโควิด 19 เมื่อเปรียบข้อมูลระดับผลกระทบที่สถานประกอบการได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติด เชื้อไวรัสโควิด 19 ในปี 2564 และปี 2565 พบว่า รายได้/ยอดสั่งซื้อสินค้าในปี 2565 ลดลงมากที่สุดร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับปี 2564 และจำนวนลูกค้าลดลงมากที่สุดร้อยละ 1.4 และสภาพคล่องทางการเงินลดลงมาก ที่สุดร้อยละ 1.9 และชะลอการจ้างพนักงานใหม่มากที่สุดร้อยละ 3.5 และเลิกจ้างพนักงานมากที่สุดร้อยละ 1.3 และลดการผลิตสินค้ามากที่สุดร้อยละ 4.4 และความล่าช้าในการขนส่งสินค้ามากที่สุดร้อยละ 0.7 และขาด แคลนวัตถุดิบมากที่สุดร้อยละ 0.7 และการขยายการลงทุนทำได้ล่าช้า มากที่สุดร้อยละ 2.5 และผลกระทบอื่น ๆ ในระดับมากร้อยละ 0.4 (ตาราง 3.6) การผลิตผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ 4,996,031.5 7,697.8 1,605,054.2 2,473.0 การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า 49,288.4 972.4 20,935.8 413.1 การผลิตเครื่องจักรและเครื่องมือ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น 42,080.2 2,209.3 12,671.5 665.3 การผลิตยานยนต์ รถพ่วง และรถกึ่งพ่วง 439,761.4 2,180.0 168,250.1 834.1 การผลิตอุปกรณ์ขนส่งอื่นๆ 200,192.6 8,047.9 20,380.1 819.3 การผลิตเฟอร์นิเจอร์ 42,658.6 1,843.9 17,575.6 759.7 การผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ 13,233.0 709.0 5,990.1 320.9 การซ่อมและการติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ 3,845.2 699.3 1,203.1 218.8 การเก็บรวบรวมของเสีย การบำบัด และการกำจัดของเสีย รวมถึงการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ 18,588.1 1,457.2 6,185.1 484.9 การจัดพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่ 4,984.7 1,172.9 1,965.8 462.5


บทที่ 3 ผลกำรส ำมะโน 29 ตาราง 3.6 ร้อยละของสถานประกอบการ จำแนกตามระดับของผลกระทบที่ได้รับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ในปี 2564 และปี 2565 รายการ ระดับผลกระทบที่ได้รับ ปี 2564 ปี 2565 ไม่มีผล กระทบ น้อย ที่สุด น้อย ปาน กลาง มาก มาก ที่สุด ไม่มีผล กระทบ น้อย ที่สุด น้อย ปาน กลาง มาก มาก ที่สุด รายได้/ยอดสั่งซื้อสินค้าลดลง 2.1 1.4 7.7 30.6 37.2 21.0 2.3 2.0 12.0 36.6 28.4 18.8 จำนวนลูกค้าลดลง 2.3 3.1 7.0 33.7 35.4 18.5 2.5 3.4 9.7 41.6 25.7 17.1 สภาพคล่องทางการเงินลดลง 3.1 1.5 12.3 34.2 28.5 20.5 3.3 3.5 13.4 38.5 22.8 18.6 ชะลอการจ้างพนักงานใหม่ 35.9 6.4 12.3 17.5 15.4 12.5 36.4 6.3 14.8 19.2 14.3 9.0 เลิกจ้างพนักงาน 44.2 9.6 13.9 15.2 11.3 5.8 46.0 9.0 12.4 17.1 11.0 4.6 ลดการผลิตสินค้า 22.2 5.7 14.4 25.4 21.1 11.3 26.6 5.2 17.9 24.9 18.5 6.9 ความล่าช้าในการขนส่งสินค้า 38.0 8.7 12.4 20.2 17.6 3.1 38.5 8.8 16.2 20.8 13.4 2.4 ขาดแคลนวัตถุดิบ 41.3 7.8 13.0 20.7 14.4 2.8 42.8 9.8 13.8 19.5 12.0 2.1 การขยายการลงทุนทำได้ล่าช้า 43.0 9.2 10.7 15.7 13.8 7.6 44.2 10.0 12.4 17.1 11.3 5.1 อื่น ๆ 85.9 3.1 2.0 5.1 3.1 0.8 85.3 3.5 1.7 5.8 2.7 1.1 3.3.2 แนวทางการแก้ไขปัญหาของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 แนวทางการแก้ไขปัญหาของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 พบว่า ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 76.3) ได้รับผลกระทบ และ (ร้อยละ 23.7) ไม่ได้รับ ผลกระทบ โดยแนวทางการแก้ปัญหาของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 พบว่า ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 59.6) หยุดกิจการชั่วคราว/เปิดดำเนินกิจการบางส่วน รองลงมา (ร้อยละ 42.0) ปรับรูปแบบการจ้างแรงงาน เช่น ลดชั่วโมงการทำงาน เป็นต้น รองลงมา (ร้อยละ 9.2) ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน เช่น การทำงานทางไกล (Teleworking) เป็นต้น สำหรับแนวทาง การแก้ปัญหาของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโค วิด 19 อื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น มีสัดส่วนที่ต่ำลงมาตามลำดับ (แผนภาพ 3.1)


สำ มะโนธรุกิจและอตุสำหกรรม พ.ศ.2565: อตุสำหกรรมกำรผลิต 30 28 แผนภาพ 3.1 ร้อยละของแนวทางการแก้ไขปัญหาของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 3.3.3 การฟื้นตัวของสถานประกอบการโดยเปรียบเทียบสัดส่วนรายรับในปี 2565 กับรายรับในปี 2562 (ปีก่อนเกิดสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19) เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลสัดส่วนรายรับในปี 2565 กับรายรับในปี 2562 พบว่า ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 42.6) การฟื้นตัวอยู่ในระดับทรงตัว รองลงมา (ร้อยละ 26.0) การฟื้นตัวยังคงหดตัว รองลงมา (ร้อยละ 19.6) การฟื้น ตัวยังคงหดตัวมาก สำหรับการฟื้นตัวของสถานประกอบการในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น มี สัดส่วนที่ต่ำลงมาตามลำดับ เมื่อพิจารณาตามอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถฟื้นตัว พบว่า ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 88.6) กำลังซื้อของสถาน ประกอบการยังคงอ่อนแอ รองลงมา (ร้อยละ 29.5) พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รองลงมา (ร้อยละ 11.3) มาตรการของภาครัฐที่ไม่เหมือนเดิม สำหรับอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถฟื้นตัวอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น มีสัดส่วนที่ต่ำลงมาตามลำดับ (แผนภาพ 3.2) ไม่ได้รับผลกระทบ ได้รับผลกระทบ 23.7% 76.3% ตอบได้มำกกว่ำ 1 ค ำตอบ 59.6% 9.2% 42.0% 8.7% หยุดกิจการชั่วคราว/เปิดดำเนินกิจการบางส่วน ปรับรูปแบบการจ้างแรงงาน เช่น ลดชั่วโมงการทำงาน เป็นต้น เปลี่ยนไปผลิตสินค้าอื่น/ลงทุนในรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน เช่น การทำงานทางไกล (Teleworking) เป็นต้น 7.3% อื่นๆ 6.6% ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ (Automation)


Click to View FlipBook Version