The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 62040140101, 2023-01-28 23:43:49

วิจัยเทอม2

วิจัยเทอม2

41 การเก็บรวบรวมข้อมูล การดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ซึ่งดำเนินการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างตามลำดับ ดังนี้ 1. ทำการทดสอบก่อนเรียน (Pre - test) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2. ผู้วิจัยดำเนินการสอนกลุ่มตัวอย่างด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นจำนวน 13 แผน โดย ให้นักเรียนเรียนและปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตามขั้นตอนในแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชา คณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3. เมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้ว ให้นักเรียนทำการทดสอบหลังเรียน (Post - test) โดยใช้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชุดเดิมกับการทำการทดสอบก่อนเรียนไปทดสอบ นักเรียนอีกครั้ง จากนั้นนำผลที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติต่อไป การวิเคราะห์ข้อมูล การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยการหาคะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานและร้อยละ 2. วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยนำข้อมูลจากคะแนนสอบวัดผล ฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนมาเปรียบเทียบคำนวณหาค่าความแตกต่างของคะแนน วิเคราะห์โดย การทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for Dependent Sample) 3. วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนและเกณฑ์โดยนำข้อมูลจากคะแนนสอบวัดผลฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์เพื่อคำนวณหาค่าความแตกต่างของคะแนน วิเคราะห์โดย การทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for One Sample) 4. วิเคราะห์ผลการทำแบบฝึกทักษะและแบบทดสอบ เพื่อหาประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) จากคะแนนปฏิบัติกิจกรรมฝึกทักษะรวมกับคะแนนทดสอบหลังเรียนในแบบฝึกทักษะแต่ละชุด หา ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) จากคะแนนการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยคำนวณหา ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ แล้วนำมาวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 70/70 โดยใช้ สูตร E1 /E2 (เผชิญ กิจระการ, 2544: 49) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยเลือกใช้สถิติ ดังนี้ 1. สถิติที่ใช้หาคุณภาพของเครื่องมือ 1.1 การหาคุณภาพแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 1.1.1 การหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างผลการเรียนรู้ที่คาดหวังกับเนื้อหา (บุญ ชม ศรีสะอาด. 2543: 102 IOC = ∑ R N เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างผลการเรียนรู้ที่คาดหวังกับเนื้อหาของข้อสอบ ∑ R แทน ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด


42 N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด 1.1.2 ค่าความยากง่าย(p) 1.1.3 ค่าอำนาจจำแนก (r) 1.1.4 ค่าความเชื่อมั่น () 1.2 วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ 70/70 โดยใช้สูตร E1/E2 (เผชิญ กิจระการ, 2544: 49) E1 = [∑ x] N A ×100 E2 = [∑ Y] N B ×100 เมื่อ E1 แทน ประสิทธิภาพของการฝึกปฏิบัติและ/หรือประกอบกิจกรรมการเรียน E2 แทน ประสิทธิภาพของการทำแบบทดสอบหลังเรียนและ/หรือการประกอบ กิจกรรมหลังเรียน ∑ x แทน คะแนนรวมของผู้เรียนจากการปฏิบัติและ/หรือการประกอบกิจกรรม หลังเรียน ∑ Y แทน คะแนนรวมของผู้เรียนจากการทดสอบหลังเรียนและ/หรือการ ประกอบกิจกรรมหลังเรียน N แทน จำนวนผู้เรียน A แทน คะแนนเต็มของแบบฝึกทักษะ B แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน 2. สถิติพื้นฐาน 2.1 ค่าร้อยละ (Percentage) 2.2 ค่าเฉลี่ย ( ) 2.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ซึ่งในการคำนวณหาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) คำนวณผลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลทางสังคมศาสตร์ 3. สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ทดสอบสมมุติฐานโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสำหรับข้อมูลทางสังคมศาสตร์ SPSS for Windows 3.1 สถิติที่ใช้ทดสอบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียน คือ การทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for Dependent Samples)


43 บทที่4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล จากการดำเนินการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อ 1. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของ กระบวนการและผลลัพธ์ของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนเรียน และหลังเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนซึ่ง ผู้วิจัยขอนำเสนอผลการวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย และผลการศึกษาดังรายละเอียดต่อไปนี้ ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพ (E1/E2) ของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ร้อยละ 70/70 ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของ นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อความสะดวกและให้เกิดความเข้าใจตรงกันในการแปลความหมายของผลการวิเคราะห์ข้อมูลจึง กำหนดให้สัญลักษณ์ต่าง ๆ แทนความหมาย ดังนี้ x̅แทน ค่าเฉลี่ย S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน N แทน จำนวนสมาชิกของกลุ่มตัวอย่าง E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ t แทน ค่าทดสอบที ** แทน มีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ตอนที่1 ผลการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพ (E1/E2) ของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง วงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามเกณฑ์ร้อยละ 70/70 ผลปรากฏดังตาราง ผลการ วิเคราะห์หาประสิทธิภาพด้านกระบวนการของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากคะแนนการฝึกปฏิบัติกิจกรรมฝึกทักษะแต่ละชุดรวมกัน รวมกับคะแนนการทำ แบบทดสอบหลังเรียน ดังแสดงผลการวิเคราะห์ในตารางที่ 1


44 ตารางที่1 คะแนนระหว่างเรียน และคะแนนหลังเรียนของนักเรียน เลขที่ คะแนนที่ได้จากการทำแบบฝึกทักษะในแต่ละ กิจกรรมการเรียนรู้ รวม (E1) (110) คะแน นหลัง เรียน (E2) (20) ชุดที่ 1 (10) ชุดที่ 2 (10) ชุดที่ 3 (10) ชุดที่ 4 (10) ชุดที่ 5 (10) ชุดที่ 6 (10) ชุดที่ 7 (10) ชุดที่ 8 (10) ชุดที่ 9 (10) ชุดที่ 10 (10) ชุดที่ 11 (10) 1 9 7 9 6 7 7 8 6 8 7 6 80 14 2 10 9 10 8 9 8 9 8 9 9 6 95 20 3 9 8 7 6 7 9 7 9 7 7 8 84 15 4 10 8 10 6 8 9 8 8 9 8 9 93 17 5 10 7 8 6 7 8 7 9 7 7 8 84 15 6 9 8 9 7 6 8 8 7 8 8 6 84 14 7 10 6 9 7 7 8 8 7 6 7 8 83 17 8 10 7 8 8 7 7 9 8 8 9 7 88 18 9 10 6 9 8 7 8 8 8 8 9 8 89 18 10 10 6 8 7 9 7 8 7 7 7 6 82 15 11 10 7 8 8 6 8 8 6 9 7 8 85 15 12 9 8 8 6 6 7 7 7 7 8 7 80 15 13 10 9 7 6 8 8 9 9 8 8 6 88 17 14 10 8 8 8 7 6 8 7 7 8 7 84 16 15 10 8 7 7 9 6 7 8 7 7 7 83 17 16 9 7 8 6 8 7 9 8 8 7 6 83 17 17 10 7 8 8 8 8 7 7 8 8 8 87 17 18 10 8 8 7 8 8 8 8 7 8 7 87 17 19 10 9 6 8 9 8 6 8 7 7 6 84 16 20 10 8 8 8 9 7 9 8 7 8 6 88 17 21 9 9 9 7 9 9 8 9 8 7 6 90 19 22 10 9 8 9 9 7 7 9 9 8 9 94 19 23 9 8 9 6 7 8 8 7 9 8 6 85 14 24 10 9 7 7 9 8 7 9 7 10 8 91 20 25 10 7 9 8 7 8 6 7 9 8 7 86 16


45 เลขที่ คะแนนที่ได้จากการทำแบบฝึกทักษะในแต่ละ กิจกรรมการเรียนรู้ รวม (E1) (110) คะแน นหลัง เรียน (E2) (20) ชุดที่ 1 (10) ชุดที่ 2 (10) ชุดที่ 3 (10) ชุดที่ 4 (10) ชุดที่ 5 (10) ชุดที่ 6 (10) ชุดที่ 7 (10) ชุดที่ 8 (10) ชุดที่ 9 (10) ชุดที่ 10 (10) ชุดที่ 11 (10) 26 10 8 8 6 8 9 7 6 7 7 6 82 15 27 10 6 8 9 7 7 9 7 7 7 8 85 16 28 10 8 9 7 7 8 6 6 8 7 8 84 15 29 10 7 8 8 7 6 9 6 8 9 6 84 14 30 10 8 7 8 8 7 7 8 6 8 7 84 15 31 10 7 8 8 8 8 8 7 8 6 8 86 15 32 10 9 8 7 6 7 9 9 8 8 6 87 17 33 10 8 8 6 7 8 8 7 8 8 8 86 17 34 10 9 8 8 7 6 9 8 8 9 6 88 18 35 9 7 8 7 8 7 8 9 8 7 8 86 15 36 10 9 7 6 6 9 9 9 7 8 9 89 19 37 10 8 8 7 7 8 7 7 8 8 6 84 17 38 10 9 9 9 6 9 7 9 6 8 9 91 18 39 9 8 8 8 8 8 8 8 8 7 7 87 14 40 10 8 7 7 9 8 8 9 7 8 8 89 15 41 9 9 7 8 6 9 9 9 9 8 6 89 17 42 10 7 8 6 9 7 8 8 8 7 8 86 15 43 10 9 7 8 8 7 9 7 8 8 7 88 16 44 9 9 9 8 7 9 9 8 7 8 6 89 18 45 10 9 9 7 8 9 8 6 8 7 8 89 17 46 10 8 8 8 6 9 8 9 8 7 8 89 15 47 9 7 8 8 7 7 6 7 9 8 6 82 15 48 10 8 6 7 6 8 6 8 8 7 8 82 17 49 10 7 7 8 8 8 7 6 9 9 6 85 16 50 9 7 7 9 7 6 6 9 8 9 7 84 15 51 10 8 7 8 7 7 9 10 7 9 6 88 19


46 เลขที่ คะแนนที่ได้จากการทำแบบฝึกทักษะในแต่ละ กิจกรรมการเรียนรู้ รวม (E1) (110) คะแน นหลัง เรียน (E2) (20) ชุดที่ 1 (10) ชุดที่ 2 (10) ชุดที่ 3 (10) ชุดที่ 4 (10) ชุดที่ 5 (10) ชุดที่ 6 (10) ชุดที่ 7 (10) ชุดที่ 8 (10) ชุดที่ 9 (10) ชุดที่ 10 (10) ชุดที่ 11 (10) รวม 497 400 407 374 381 393 398 396 395 397 362 4400 835 X 9.76 7.84 7.98 7.33 7.47 7.71 7.80 7.76 7.75 7.78 7.10 86.27 16.37 S.D. 0.44 0.92 0.88 0.93 1.01 0.90 0.98 1.07 0.82 0.81 1.02 3.33 1.61 ร้อยละ 97.4 5 78.4 3 79.8 0 73.3 3 74.7 0 77.0 6 78.0 4 77.6 5 77.4 5 77.8 4 70.9 8 78.43 81.86 E1 / E2 = 78.43/81.86 จากตารางที่ 1 พบว่า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้คะแนนเฉลี่ยจากการปฏิบัติกิจกรรมฝึก ทักษะและการทำแบบทดสอบหลังเรียนของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ แต่ละชุดรวมกัน (E1) คิดเป็น ร้อยละ 78.43และทำคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน เท่ากับ 16.37 คะแนน คิดเป็น ร้อยละ 81.86 แสดงว่า แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 70/70 โดยมีค่า E1/E2 เท่ากับ 78.43/81.86 ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน ที่ เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ดังแสดงผล การวิเคราะห์ในตารางที่ 2 ตารางที่ 3 และตารางที่ 4 ตารางที่2 คะแนนที่ได้ร้อยละ คะแนนเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม คนที่ คะแนนสอบก่อนเรียน คะแนนสอบหลังเรียน คะแนนที่ได้ ร้อยละ คะแนนที่ได้ ร้อยละ 1 3 15 14 70 2 6 30 20 100 3 5 25 15 75 4 4 20 17 85 5 6 30 15 75 6 7 35 14 70 7 6 30 17 85 8 5 25 18 90


47 คนที่ คะแนนสอบก่อนเรียน คะแนนสอบหลังเรียน คะแนนที่ได้ ร้อยละ คะแนนที่ได้ ร้อยละ 9 7 35 18 90 10 6 30 15 75 11 5 25 15 75 12 6 30 15 75 13 5 25 17 85 14 4 20 16 80 15 7 35 17 85 16 4 20 17 85 17 3 15 17 85 18 5 25 17 85 19 4 20 16 80 20 7 35 17 85 21 5 25 19 95 22 4 20 19 95 23 6 30 14 70 24 7 35 20 100 25 5 25 16 80 26 8 40 15 75 27 7 35 16 80 28 5 25 15 75 29 3 15 14 70 30 5 25 15 75 31 7 35 15 75 32 5 25 17 85 33 4 20 17 85 34 3 15 18 90 35 7 35 15 75 36 6 30 19 95 37 8 40 17 85 38 6 30 18 90 39 7 35 14 70 40 6 30 15 75 41 4 20 17 85


48 คนที่ คะแนนสอบก่อนเรียน คะแนนสอบหลังเรียน คะแนนที่ได้ ร้อยละ คะแนนที่ได้ ร้อยละ 42 4 20 15 75 43 5 25 16 80 44 4 20 18 90 45 3 15 17 85 46 5 25 15 75 47 6 30 15 75 48 3 15 17 85 49 7 35 16 80 50 5 25 15 75 51 8 40 19 95 คะแนนเฉลี่ย 5.35 26.76 16.37 81.86 S.D. 1.44 1.61 จากตารางที่ 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม มีคะแนนเฉลี่ย ก่อนเรียนเท่ากับ 5.35 คิดเป็นร้อยละ 26.76 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 16.37 คิดเป็นร้อย ละ 81.86 ตารางที่ 3 คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ คะแนนเกณฑ์และการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์กับเกณฑ์ร้อยละ 70 โดยใช้การทดสอบแบบกลุ่มเดียว ** มีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จากตารางที่ 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า การทดสอบหลังเรียนและเกณฑ์ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 16.37 คิดเป็นร้อยละ 81.86 ได้คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01 การทดสอบ n ̅ S.D. ร้อยละ เกณฑ์ df t-test p-value หลังเรียน 51 16.37 1.61 81.86 14 51 10.51** 0.000


49 ตารางที่ 4 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม ระหว่างก่อนเรียนและ หลังเรียน ** มีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จากตารางที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า การทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม มีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 5.35 คิดเป็นร้อยละ 26.76 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 16.37 คิดเป็นร้อยละ 81.86 เมื่อ เปรียบเทียบกันด้วยการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t-test for Dependent Sample) ผลปรากฏว่า คะแนน เฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 การทดสอบ N ̅ S.D. ร้อยละ df t-test p-value ก่อนเรียน 51 5.35 1.44 26.76 51 36.30** 0.000 หลังเรียน 51 16.37 1.61 81.87 50


50 บทที่5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการรายงานผลการสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูป วงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผู้วิจัยนำเสนอการสรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ดังนี้ วัตถุประสงค์ของการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของกระบวนการและผลลัพธ์ของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชา คณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนเรียน และหลังเรียน สมมุติฐานของการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้มีสมมติฐานของการวิจัย ดังนี้ 1. ประสิทธิภาพของกระบวนการและผลลัพธ์ (E1 /E2 ) ของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70/70 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน วิธีดำเนินการวิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1.1 ประชากร เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลอุดรธานีอำเภอเมือง จังหวัด อุดรธานี จำนวน 543 คน ซึ่งการจัดนักเรียนในแต่ละ ห้องเรียนเป็นแบบคละความสามารถ (เก่ง ปานกลาง อ่อน) 1.2 กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลอุดรธานีอำเภอเมือง จังหวัด อุดรธานี จำนวน 51 คน ที่ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม(Cluster random sampling) 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 2.1 แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 13 แผน แผนละ 1-2 ชั่วโมง รวม 20 ชั่วโมง 2.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบทดสอบแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ


51 2.3 แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 1 เล่ม 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล การดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ซึ่งดำเนินการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างตามลำดับ ดังนี้ 3.1 ทำการทดสอบก่อนเรียน (Pre - test) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3.2 ผู้วิจัยดำเนินการสอนกลุ่มตัวอย่างด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นจำนวน 13 แผน โดยให้นักเรียนเรียนและปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ตามขั้นตอนในแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชา คณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3.3 เมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้ว ให้นักเรียนทำการทดสอบหลังเรียน (Post - test) โดยใช้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชุดเดิมกับการทำการทดสอบก่อนเรียนไปทดสอบ นักเรียนอีกครั้ง จากนั้นนำผลที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติต่อไป 4. การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูลการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ โดยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผู้วิจัยดำเนินการโดยใช้ โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติสำหรับข้อมูลทางสังคมศาสตร์ (SPSS for Window) ตามขั้นตอนดังนี้ 4.1 วิเคราะห์แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อหาประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) จากคะแนนปฏิบัติกิจกรรมฝึกทักษะในแบบฝึกทักษะแต่ละ ชุด หาประสิทธิของผลลัพธ์ (E2) จากคะแนนการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยคำนวณ หาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ แล้วนำมาวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้70/70 โดยใช้ สูตร E1/E2 4.2 ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการหา คะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ 4.3 วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนและเกณฑ์โดยนำข้อมูลจากคะแนนสอบวัดผล ฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์เพื่อคำนวณหาค่าความแตกต่างของคะแนน วิเคราะห์ โดยการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for One Sample) 4.4 วิเคราะห์แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยนำข้อมูลจาก คะแนนสอบวัดผลฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนมาเปรียบเทียบ คำนวณหาค่า ความแตกต่าง ของคะแนน วิเคราะห์โดยการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for Dependent Sample) สรุปผลการวิจัย การศึกษาวิจัยครั้งนี้สามารถสรุปผลได้ดังนี้ 1. แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 78.43/81.86 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ร้อยละ 70/70


52 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนโดยใช้แบบฝึก ทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม ได้คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 16.37 คิดเป็นร้อย ละ 81.86 พบว่า คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เรียนโดยใช้แบบฝึก ทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม ได้คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 5.35 คิดเป็นร้อยละ 26.76 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 16.37 คิดเป็นร้อยละ 81.86 พบว่า คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนน เฉลี่ยก่อนเรียน อภิปรายผลการวิจัย การสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ 1. แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 78.43/81.86 หมายความว่า นักเรียนได้คะแนนเฉลี่ยจากการปฏิบัติ กิจกรรมฝึกทักษะและทดสอบย่อยของแบบฝึกทักษะทั้ง 11 ชุด คิดเป็นร้อยละ 78.43 และคะแนนเฉลี่ย จากการทำแบบทดสอบหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 81.86 ตามลำดับ ซึ่งมีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ร้อย ละ 70/70 ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากสาเหตุดังต่อไปนี้ 1.1 แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ ทั้ง 11 ชุด ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นได้ผ่านกระบวนการสร้าง ตามลำดับขั้นตอนอย่างเป็นระบบและวิธีการที่เหมาะสม กล่าวคือ ผู้วิจัยได้ศึกษาวิเคราะห์เรียบเรียง เนื้อหา ศึกษาเทคนิควิธีการในการสร้างแบบฝึกทักษะ การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้การกำหนด จุดประสงค์หรือผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง และดำเนินการสร้างแบบฝึกทักษะที่มีความเหมาะสมกับวัย และ ความสามารถของนักเรียน คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล มีกิจกรรมที่เริ่มจากง่ายไปหายากโดยผ่าน กระบวนการตรวจสอบ แก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้แบบฝึกทักษะ ที่มีความเหมาะสม จนสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ ปราณีจิณฤทธิ์(2552 : 32) ได้ กล่าวว่า หลักการสร้างแบบฝึกผู้สร้างต้องคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล แบบฝึกที่สร้างต้องมี หลาย ๆ รูปแบบ สร้างจากง่ายไปหายาก มีความถูกต้อง ในการสร้างแบบฝึกมีการสอดแทรกทักษะวิชาอื่น เข้าไปด้วย ควรจัดทำแบบฝึกไว้ล่วงหน้า เพราะแบบฝึกควรทำหลังจากผู้เรียนได้เรียนบทเรียนในเรื่อง นั้น ๆ จบลงทันทีและสอดคล้องกับแนวคิดของนิตยา กิจโร (2553 : 40) ได้สรุปหลักการสร้างแบบฝึก ไว้ดังนี้1) ก่อนสร้างแบบฝึกจำเป็นต้องกำหนดโครงร่างไว้ก่อนว่ามีวัตถุประสงค์อย่างไร แบบฝึกเกี่ยวกับ เรื่องอะไร 2) ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 3) เขียนวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 4) แจ้ง วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมย่อย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของผู้เรียน 5) กำหนดอุปกรณ์ที่ใช้ในแต่ละ กิจกรรม 6) กำหนดเวลาและขั้นตอนให้เหมาะสม 7) การประเมินผลอย่างไร 1.2 แบบฝึกทักษะแต่ละชุดมีสีสันสวยงาม น่าสนใจ ในแต่ละกิจกรรมนักเรียนสามารถเติม คำตอบลงในแบบฝึกทักษะอย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาเขียนโจทย์หรือวาดรูป ในแต่ละกิจกรรมมี คำชี้แจงสั้น ๆ เป็นภาษาง่าย ๆ มีตัวอย่างประกอบ ช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้ง่าย เนื้อเรื่องมีความเกี่ยวข้อง กับชีวิตประจำวัน และที่สำคัญครูจะทำการตรวจให้คะแนนและแจ้งผลให้นักเรียนทราบทันทีเพื่อเป็นการ


53 เสริมแรงและให้กำลังใจ ช่วยให้นักเรียนเกิดความภาคภูมิใจและสนใจที่จะทำแบบฝึกทักษะชุดต่อไป ซึ่ง สอดคล้องกับแนวคิดของ สำลีรักสุทธี(2553 : 31 - 32) ได้กล่าวถึง ลักษณะของแบบฝึกทักษะที่ดีมี ดังนี้1) มีคำสั่งชัดเจน เข้าใจ เหมาะสมกับวัยเด็ก 2) มีตัวอย่างประกอบ ตัวอย่างที่ดีควรให้ผู้เรียนเกิด ความคิดหลาย ๆ แนวคิด 3) มีตัวอย่างประกอบเพื่อดึงดูดความสนใจและสื่อความหมาย 4) มีเนื้อที่สำหรับ เขียน เว้นให้มีขนาดเหมาะสมกับคำที่นักเรียนต้องการเขียน 5) การวางรูปแบบที่ดีจะทำให้เกิดความ เรียบร้อย สวยงามและประหยัด 6) ควรบันทึกวิธีการสอนที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของแบบฝึกไว้ในคู่มือ 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะวิชา คณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่า คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้แสดงให้เห็นว่า การใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ในการจัดการเรียนรู้ช่วยให้นักเรียนเกิดการพัฒนาการเรียนรู้ใน เนื้อหาวิชาได้ดีขึ้นทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก แบบฝึกทักษะเป็นเครื่องมือวัดความก้าวหน้าและประเมินตนเองแก่ นักเรียนได้หลังจากที่เรียนจบบทเรียนในแต่ละครั้ง ครูสามารถมองเห็นจุดเด่นจุดบกพร่องของนักเรียนได้ อย่างชัดเจน นักเรียนได้ทราบผลความก้าวหน้าของตนเองทันที ซึ่งการให้แบบฝึกที่เหมาะสมกับ ความสามารถทำให้นักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในบทเรียน มีเหตุผล แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เกิดความ มั่นใจในตนเอง มีการแก้ไขปรับปรุงงานของตนอยู่เสมอ ส่งผลให้นักเรียนประสบความสำเร็จทางการเรียน คือ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมากขึ้น สอดคล้องกับผลการวิจัย ดังกล่าวสอดคล้องกับงานวิจัยปรานี จิณ ฤทธิ์ (2552) ได้ศึกษาวิจัยผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์และเจตคติทางการเรียน คณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเคหะประชาสามัคคี จังหวัดนครราชสีมา ผลการวิจัยพบว่า 1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 81.21 / 82.99 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังการใช้แบบฝึกทักษะ คณิตศาสตร์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. เจตคติของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับ นงลักษณ์ ฉายาและคณะ (2555 : 78 - 79) ได้ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่องสมการเชิง เส้นตัวแปรเดียว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพของแบบฝึก ทักษะคณิตศาสตร์ มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 2) คะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 3) ค่าดัชนี ประสิทธิผลร้อยละ 65.97 4) นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด สอดคล้องกับ สมหมาย อัครศรี ชัยโรจน์(2555 : 80 - 81) ได้ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการเชิงเส้นตัวแปร เดียว ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ผลการวิจัยพบว่า 1) แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการเชิงเส้นตัว แปรเดียวสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 77.21/76.09 แสดงว่าแบบฝึกเสริมทักษะที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 ที่ตั้งไว้ 2) การ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 ที่ได้รับการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ผลการวิเคราะห์ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ เรื่อง สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 พบว่าดัชนีประสิทธิผล ของแบบฝึกเสริมทักษะมีค่าเท่ากับ 0.60 แสดงว่านักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการเรียน


54 ด้วยแบบฝึกเสริมทักษะเพิ่มขึ้นจากคะแนนแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน สอดคล้องกับ สุภวัฒน์ นามเจริญ (2553 : 80 - 81) ได้ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ชั้น ประถมศึกษาปี ที่ 5 ผลการวิจัยพบว่า 1) แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.39/85.59 2) ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนด้วยแบบ ฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และสอดคล้องกับทอมสัน (คำตา นัดกล้า . 2547หน้า 52 อ้างอิงจาก Thomson. 1991) ได้ศึกษาผลของวิธีสอนการคิดเลขในใจ เรื่อง ความสามารถในการแก้ โจทย์ปัญหาและ การคิดคำนวณสำหรับนักเรียนเกรด 4 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนโรงเรียนประถมศึกษาที่ตั้งอยู่ตอนบนของ ภาคตะวันออกกลาง จำนวน 95คน โดยแบ่งเห็นกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง และชุดฝึกทักษะคิดในใจ ผล การวิเคราะห์การทดลองพบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในเรื่องการแก้โจทย์ปัญหาและการคิดคำนวณ ระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะสำหรับการนำผลการวิจัยไปใช้ จากการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะสำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชา คณิตศาสตร์ ซึ่งผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ดังนี้ 1.1 ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ครูต้องพยายามให้นักเรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเองทุกคน เพื่อให้นักเรียนได้เกิดความรู้ความเข้าใจในบทเรียน มีความมั่นใจในตนเอง รักความก้าวหน้า รู้จักค้นคว้า แก้ไขปรับปรุงงานของตนอยู่เสมอ ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนมีทักษะ การเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้น 1.2 ครูควรแจ้งผลการปฏิบัติกิจกรรม เช่น ตรวจแบบทดสอบหลังเรียนทันทีที่เสร็จกิจกรรม พร้อม เฉลยและอธิบายเพิ่มเติมในโจทย์ที่มีความยุ่งยากเพื่อให้นักเรียนได้ตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเองและเกิด การเรียนรู้มากยิ่งขึ้น 1.3 ในการทำแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ไม่ควรกำหนดเวลาให้นักเรียนทำให้เสร็จภายในเวลา ที่กำหนด อาจจะฝึกทักษะนอกเวลา เช่น การทำการบ้านเสริมนอกเวลาเรียนก็ได้ 1.4 ครูควรเตรียมแผนการจัดการเรียนรู้และคำถามนำหลาย ๆ รูปแบบที่กระตุ้นให้นักเรียนได้เกิด ความสนใจในการเรียนรู้ และอยากรู้อยากเห็น และปฏิบัติกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง 2. ข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยครั้งต่อไป ในการวิจัยครั้งต่อไป ผู้วิจัยขอเสนอแนะประเด็นที่ควรนำมาศึกษาดังนี้ 2.1 ควรเปรียบเทียบวิธีการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะกับวิธีการสอนแบบอื่น ๆ เพื่อเปรียบเทียบ ความแตกต่าง 2.2 ควรเปรียบเทียบวิธีการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะในรายวิชาอื่น ๆ เพื่อเปรียบเทียบความ แตกต่าง 2.3 ควรมีการศึกษาตัวแปร หรือปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะ เช่น เจตคติความคงทนในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น


55 เอกสารอ้างอิง กนกกร พวงสมบัติ. (2557). การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ระบบจำนวนเต็ม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิตมหาวิทยาลัย ราชภัฏร้อยเอ็ด. กรมวิชาการ. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรไทย. . (2544). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : พัฒนา คุณภาพวิชาการ (พว). . (2545). เอกสารประกอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ : องค์การรับส่งสินค้า และพัสดุภัณฑ์. กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. กุหลาบ สีชาลี. (2556). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้แบบฝึกทักษะ. วิทยานิพนธ์ครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง. เกรียงไกร บุญเบ้า. (2557). ผลการใช้ชุดฝึกทักษะเรื่องการประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย ราชภัฏบุรีรัมย์. จามรี สมานชาติ. (2559). รายงานการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เวกเตอร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและ การสอน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. จารุวรรณ เขียวอ่อน. (2551). การพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสี่เหลี่ยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกทักษะ. การศึกษาค้นคว้าอิสระปริญญา การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. ชัชฎาพร นิลทัย. (2559). รายงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะ คณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. สุรินทร์ : โรงเรียนบ้านกาบกระบือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3. ชษาพิมพ์ สัมมา และพันธุ์ธัช ศรีทิพันธุ์. (2560). การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ


56 การสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ด้วยเทคนิค STAD. วารสารสถาบันวิจัยญาณสังวร. ฉบับที่ 1 ปีที่ 10. ชุลีพร แจ่มถนอม. (2542). การสร้างแบบทดสอบที่ใช้ในการฝึกการคิดคำนวณเคมีเรื่อง สมบัติ ของก๊าซ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. สารนิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. ณิชตา อังกุรอัชฌา. (2557). การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่เน้นกระบวนการแก้ปัญหา ของโพลยา เรื่อง การประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่2. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. นิตยา กิจโร. (2553). การศึกษาผลการฝึกทักษะการตั้งคำถามของนักเรียนในการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ที่ทีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และความคิดสร้างสรรค์ ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษา มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. นงลักษณ์ฉายา. (2558). การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. ปิยะนุช บุตรมาตย์. (2561). การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับจำนวน จริง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. สาขาคณิตศาสตรศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง. เผชิญ กิจระการ. (2544). การวิเคราะห์ประสิทธิภาพสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (E1/E2). วารสารการวัดผลการศึกษามหาวิทยาลัยมหาสารคาม. ฉบับที่ 3 ปีที่ 7. บุญชม ศรีสะอาด. (2540). การวิจัยทางการวัดผลและประเมินผล. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. ________. (2545). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. ประภาพร ถิ่นอ่อง. (2553). การพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง การแยกตัวประกอบ ของพหุนามดีกรีสอง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษา มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยนเรศวร. ปราณี กองจินดา. (2549). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์และทักษะ การคิดเลขในใจของนักเรียนที่ได้รับการสอนตามรูปแบบซิปปาโดยใช้แบบฝึกหัดที่เน้น ทักษะการคิดเลขในใจกับนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้คู่มือครู. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต (หลักสูตรและการสอน). มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา. ปราณีจิณฤทธิ์. (2552). ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์และเจตคติทาง การเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษา มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ปาริชาติ สุพรรณกลาง. (2550). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการ อินทิเกรตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเรียน เป็นรายบุคคลและเป็น กลุ่มย่อย. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชา หลักสูตรและการสอน, คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยบูรพา.


57 พินิจ จันทร์ซ้าย. (2546). การสร้างหนังสือและแบบฝึกทักษะประกอบการเรียนภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่2 เรื่อง บุญผะเหวดร้อยเอ็ด แบบมุ่งประสบการณ์ภาษา. วิทยานิพนธ์ ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. พิมพันธ์ เตชะคุปต์. (2548). การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุ๊ป แบเนจ เม็นท์. พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2540). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. กรุงเทพมหานคร : สำนักทดสอบทางการศึกษาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร. ไพบูลย์มูลดี. (2546). การพัฒนาแผนการเรียนรู้และแบบฝึกทักษะการเขียนสะกดคำที่ไม่ตรงตาม มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. รุจิภา สายสุข. (2560). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางคณิตศาสตร์ โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโพธิสารพิทยากร. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง. เยาวดีวิบูลย์ศรี. (2546). การวัดและการสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. วันเพ็ญ คุณพิริยะทวี. (2548). การพัฒนาแบบฝึกการอ่านจับใจความสำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาหลักสูตร และการนิเทศ มหาวิทยาลัยศิลปากร. วราภรณ์ ระบาเลิศ. (2552). การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่องตัวประกอบ ของจำนวนนับ โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบซิปปา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. การศึกษาค้นคว้าอิสระ การศึกษามหาบัณฑิต (หลักสูตรและการสอน) มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. วชิราภรณ์ ชำนิ. (2555).ผลของการใช้แบบฝึกที่มีต่อความสามารถในการแก้ปัญหาทาง คณิตศาสตร์ เรื่อง โจทย์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. สารนิพนธ์ การศึกษา มหาบัณฑิต (การมัธยมศึกษา). มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. (2555). นวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้. ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สมศรี อภัย. (2553). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรูคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้แบบฝึกทักษะ. การศึกษาค้นคว้าอิสระการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สมนึก ภัททิยธนี. (2546). พื้นฐานการวิจัยการศึกษา. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์. สมบัติท้ายเรือคำ. (2551). ระเบียบวิธีวิจัยสาหรับมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์. สมพร เชื้อพันธ์. (2547). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 โดยใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง


58 กับการจัดการเรียนการสอนตามปกติ. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต (หลักสูตรและการ สอน). สถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา. สมพร ตอยยีบี. (2554). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ, (2565). ค่าสถิติพื้นฐานผลการทดสอบ O-NET ชั้น ประถมศึกษาปีที่6 ปีการศึกษา 2564. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://www.niets.or.th. (วันที่ค้นข้อมูล 18 พฤศจิกายน 2565) สลาย ปลั่งกลาง. (2552). ผลการเรียนรู้ โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่ม ร่วมมือเทคนิค TAI เรื่องการบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 20 ชั้นประถมศึกษาปีที่1. วิทยานิพนธ์ ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตร และการสอน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สำลีรักสุทธี(2553). คู่มือการจัดทำสื่อนวัตกรรมและแผนฯ ประกอบสื่อนวัตกรรม. นนทบุรี : เพิ่มทรัพย์การพิมพ์. สุนันทา สุนทรประเสริฐ. (2544). การผลิตนวัตกรรมการเรียนการสอน การสร้างแบบฝึก. ชัยนาท : ชมรมพัฒนาความรู้ด้านระเบียบกฎหมาย. สุพรรณ สิงหนุวัฒนะ, ดร.ธนิน กระแสร์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันทนีย์ นามสวัสดิ์. (2557). ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม โดยการใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือ STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. ฉบับที่ 2 ปี ที่ 7. อนุรักษ์ เร่งรัด. (2557). การพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการประยุกต์ 1 โดยใช้ การจัดการเรียนรู้แบบปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการ นิเทศ, มหาวิทยาลัยศิลปากร. อำนวย เลื่อมใส. (2546). การสร้างหนังสือและแบบฝึกทักษะประกอบการเรียนภาษาไทย เรื่อง ผาน้ำอ้อย แบบมุ่งประสบการณ์ภาษา ชั้นประถมศึกษาปีที่4. วิทยานิพนธ์ ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. อุษณีย์ เสือจันทร์. (2553). การพัฒนาแบบฝึกทักษะแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง วิธีเรียง สับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่5. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยนเรศวร. Gay, L.R. & Gallagher, P.D. (1976).The Comparative Effectiveness of test Versus Written Exercise. The Journal of Educational Research. 6(9), 56 - 61. Howie EK, Schatz J and Pate RR. (2015). Acute Effects of Classroom Exercise Breaks on Executive Function and Math Performance: A Dose-Response Study. Search on 12 Dec 2018. Form http: //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/26009945.


59 Lowrey. (1978). The effects of Four Drill and Practice Times Units on the Decording Performances of Students with Specific Learning Disabilities. Dissertation Abstracts Internationl. 39 (2) : 817 - A. Siemens, Don Wesley. (1986). The Effects of Homework and the Achievement of Plane Geometry Students. Dissertation Abstracts International. 10(9) : 2954 - A. Wilson, James W. (1971). Evaluation of Learning in Secondary School Mathematics in Handbook on Formative and Summative Evaluation of Student Learning. New York : McGraw - Hill. Willson, Douglas Fitzarlington. (2003). The Effect of a Test Preparation Guide in Problem solving in Improving Student Achievement on the New York Math A Regents Examinations. Dissertation Abstract International. (November). 64(5) : 1573 - A.


60 ภาคผนวก


61 ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย


62 รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ที่ประเมินแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีรายนามดังต่อไปนี้ 1. ชื่อ- สกุล นางศิริวรรณ แก้วกองแสง โรงเรียนอนุบาลอุดรธานีอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1 ตำแหน่ง ครูช านาญการพิเศษ 2. ชื่อ- สกุล นางสาวทัศนย์ บำรุงภักดี โรงเรียนอนุบาลอุดรธานีอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1 ตำแหน่ง ครูชำนาญการพิเศษ 3. ชื่อ- สกุล นางปัณภัทร ศิวิโส โรงเรียนอนุบาลอุดรธานีอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1 ตำแหน่ง ครูชำนาญการพิเศษ


63 ภาคผนวก ข แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ - แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง รูปวงกลม - แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการ จัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม - แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบฝึก ทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม


64 แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง รูปวงกลม คำชี้แจง ขอให้ท่านผู้เชี่ยวชาญได้กรุณาแสดงความคิดเห็นของท่านที่มีต่อแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ บทที่ 3 เรื่อง ทศนิยม ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใส่ เครื่องหมาย () ลงในช่องความคิดเห็นของท่านพร้อมเขียนข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ในการนำไป พิจารณาปรับปรุงต่อไป จุดประสงค์ เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 1. นักเรียน สามารถบอก ส่วนต่าง ๆ ของวงกลม จากรูปวงกลมที่กำหนด ตอบคำถามข้อ 1 – 3 1. จุดศูนย์กลางของวงกลมคือข้อใด ก. จุด O ข. จุด A ค. จุด B ง. จุด C 2. ข้อใดคือรัศมีของวงกลมทั้งหมด ก. AB̅̅̅̅, OA̅̅̅̅ ข. OC̅̅̅̅, OA̅̅̅̅ ค. EF̅̅̅̅, OC̅̅̅̅ ง. AB̅̅̅̅, EF̅̅̅̅ 3. วงกลมนี้ชื่อวงกลมอะไร ก. วงกลม O ข. วงกลม A ค. วงกลม B ง. วงกลม C C O B F A E


65 จุดประสงค์ เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 2. นักเรียน สามารถ สร้างวงกลม ได้ 4. วงกลม A มีรัศมียาว 28 หน่วย ข้อใดเป็น ความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม A ก. 14 หน่วย ข. 28 หน่วย ค. 45 หน่วย ง. 56 หน่วย 5. ข้อใดต่อไปนี้ข้อใดถูกต้อง ก. เส้นผ่านศูนย์กลางมีความยาวเป็น ครึ่งหนึ่งของรัศมี ข. เส้นผ่านศูนย์กลางมีความยาวเป็นสอง เท่าของรัศมี ค. เส้นผ่านศูนย์กลางมีความยาวเท่ากับ รัศมี ง. รัศมีมีความยาวเป็นครึ่งหนึ่งของเส้น รอบรูปวงกลม 6. วงกลมรูปหนึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางได้กี่เส้น ก. 1 เส้น ข. 2 เส้น ค. 3 เส้น ง. หลายเส้น 7. ค่าของ มีค่าโดยประมาณเป็นเท่าใด ก. 31.4 ข. 3.14 ค. 22 7 ง. ข้อ ข. และ ค. ถูก


66 จุดประสงค์ เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 3. นักเรียน สามารถหา ความยาว ของเส้น รอบวงได้ 8. จากรูป รูปวงกลมมีเส้นรอบวงยาวเท่าไร (กำหนด = 3.14) ก. 75.36 วา ข. 87.92 วา ค. 87.99 วา ง. 88.44 วา 9. รูปวงกลมรูปหนึ่งมีเส้นรอบวงยาว 44 เซนติเมตร จะมีรัศมียาวกี่เซนติเมตร (กำหนด = 22 7 ) ก. 7 เซนติเมตร ข. 10.5 เซนติเมตร ค. 14 เซนติเมตร ง. 21 เซนติเมตร 10. รูปวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 26 เซนติเมตร จะมีเส้นรอบวงยาวกี่เซนติเมตร (กำหนด π = 3.14) ก. 83.56 เซนติเมตร ข. 82.65 เซนติเมตร ค. 81.64 เซนติเมตร ง. 80.46 เซนติเมตร 4. นักเรียน สามารถหา พื้นที่วงกลม ได้ 11. จากรูป รูปวงกลมมีพื้นที่กี่ตารางเมตร (กำหนด = 22 7 ) ก. 132 ตารางเมตร ข. 963 ตารางเมตร ค. 1,100 ตารางเมตร ง. 1,386 ตารางเมตร 24 วา 21 ม.


67 จุดประสงค์ เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 12. รูปวงกลมที่มีรัศมียาว 9 เซนติเมตร จะมี พื้นที่กี่ตารางเซนติเมตร (ให้ = 3.14) ก. 352.32 ตารางเซนติเมตร ข. 351.31 ตารางเซนติเมตร ค. 254.34 ตารางเซนติเมตร ง. 253.33 ตารางเซนติเมตร 13. รูปวงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 14 เซนติเมตร จะมีพื้นที่กี่ตารางเซนติเมตร (ให้ = 22 7 ) ก. 155 ตารางเซนติเมตร ข. 154ตารางเซนติเมตร ค. 165 ตารางเซนติเมตร ง. 164 ตารางเซนติเมตร 5. นักเรียน สามารถ แสดงวิธีหา คำตอบของ โจทย์ปัญหา เกี่ยวกับ ความยาว ของเส้นรอ บวง 14. สวนสาธารณะรูปวงกลมมีรัศมียาว 21 เมตร ถ้าวิ่งรอบสวนนี้ 10 รอบ จะได้ ระยะทางเท่าไร (กำหนด = 22 7 ) ก. 132 เมตร ข. 660 เมตร ค. 1,320 เมตร ง. 1,584 เมตร 15. นุ่นกลิ้งกระดาษแข็งวงกลมแผ่นหนึ่งไปตาม แ น ว ต ร ง 1 ร อ บ ไ ด ้ ร ะ ย ะ ท า ง 157 เซนติเมตร กระดาษแข็งแผ่นนี้มีรัศมียาว เท่าใด (กำหนด =3.14) ก. 25 เซนติเมตร ข. 26 เซนติเมตร ค. 27 เซนติเมตร ง. 28 เซนติเมตร


68 จุดประสงค์ เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 16. มานะใช้เชือกผูกวัวไว้กับหลักกลางสนาม หญ้า โดยความยาวเชือกจากวัวถึงหลักยาว 6 เมตร วัวจะสามารถเดิน 1 รอบได้ ระยะทางมากที่สุดเท่าใด(กำหนด =3.14) ก. 35.59 เมตร ข. 36.86 เมตร ค. 37.68 เมตร ง. 38.89 เมตร 17. จูนมีกระถางทรงกระบอก เส้นผ่าน ศูนย์กลางภายนอกของประกระถางยาว 30 เซนติเมตร จูนเจาะรู 3 รู ที่ปากกระถางให้ ห่างกันเท่า ๆ กันเพื่อร้อยเชือกสำหรับ แขวน รู 2 รูที่อยู่ติดกันห่างกันเท่าใด (กำหนด =3.14) ก. 33.5 เซนติเมตร ข. 32.8 เซนติเมตร ค. 31.4 เซนติเมตร ง. 30.9 เซนติเมตร 6. นักเรียน สามารถ แสดงวิธีหา คำตอบของ โจทย์ปัญหา เกี่ยวกับพื้นที่ ของวงกลม 18. กระดาษรูปวงกลมแผ่นหนึ่งวัดความยาวเส้น ผ่านศูนย์กลางได้ 42 เซนติเมตร กระดาษ แผ่นนี้มีพื้นที่กี่ตารางเซนติเมตร (ให้ = 22 7 ) จ. 1354 ตารางเซนติเมตร ฉ. 1398 ตารางเซนติเมตร ช. 1382 ตารางเซนติเมตร ซ. 1368 ตารางเซนติเมตร


69 จุดประสงค์ เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 19. ผ้าคลุมโต๊ะรูปวงกลมผืนหนึ่งวัดความยาว เส้นผ่านศูนย์กลางได้ 70 เซนติเมตร ผ้าคลุม โต๊ะรูปวงกลมผืนนี้มีพื้นที่กี่ตารางเซนติเมตร (ให้ = 22 7 ) ก. 4850 ตารางเซนติเมตร ข. 3850 ตารางเซนติเมตร ค. 2850 ตารางเซนติเมตร ง. 1850 ตารางเซนติเมตร .20. สนามหญ้าแห่งหนึ่งเป็นรูปครึ่งวงกลมมีเส้น ผ่านศูนย์กลางยาว 6 เมตร จงหาพื้นที่ของ สนามหญ้าแห่งนี้(ให้ = 3.14) ก. 28.26 ตารางเมตร ข. 25.24 ตารางเมตร ค. 16.13 ตารางเมตร ง. 14.13 ตารางเมตร 21. ลุงธงเลี้ยงวัวไว้กลางทุ่งนาโดยผูกเชือกไว้กับ ต้นไม้ซึ่งใช้เชือกยาว 4.2 เมตร วัวจะกิน หญ้าได้ในพื้นที่กี่ตารางเมตร (ให้ = 22 7 ) ก. 55.33 ตารางเมตร ข. 55.44 ตารางเมตร ค. 66.33 ตารางเมตร ง. 66.44 ตารางเมตร


70 จุดประสงค์ เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 7. นักเรียน สามารถ แสดงวิธีหา คำตอบของ โจทย์ปัญหา เกี่ยวกับเส้น รอบวงและ พื้นที่ของ วงกลม 22. เชือกเส้นหนึ่งยาว 88 เมตร นำไปล้อมรอบ สระน้ำรูปวงกลมได้พอดี สระน้ำมีพื้นที่กี่ ตารางเมตร (กำหนด = 22 7 ) ก. 614 ตารางเมตร ข. 615 ตารางเมตร ค. 616 ตารางเมตร ง. 617 ตารางเมตร 23. เวทีการแสดงละครสัตว์แห่งหนึ่งลักษณะ เป็นวงกลมมีพื้นที่ 28.56 ตารางเมตร และ มีตาข่ายล้อมเวทีโดยรอบ ตาข่ายที่ใช้ล้อม เวทีการแสดง มีความยาวอย่างน้อยกี่เมตร (ให้ = 3.14) ก. 18.84 ตารางเมตร ข. 18.54 ตารางเมตร ค. 18.47 ตารางเมตร ง. 18.67 ตารางเมตร 24. กระจกเงาแผ่นหนึ่งเป็นวงกลม มีพื้นที่ 254.34 ตารางนิ้ว ถ้าหุ้มขอบโดยรอบด้วย เส้นอะลูมิเนียมจะต้องใช้เส้นอะลูมิเนียมยาว อย่างน้อยเท่าใด (ให้ = 3.14) ก. 56.84 นิ้ว ข. 56.52 นิ้ว ค. 56.65 นิ้ว ง. 56.98 นิ้ว


71 จุดประสงค์ เชิง พฤติกรรม ข้อสอบ ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 25. ลุงสินใช้ไม้ไผ่ทำขอบกระด้ง ถ้าขอบกระด้ง ยาว 314 เซนติเมตร ก้นกระด้งใบนี้มีพื้นที่ เท่าใด (ให้ = 3.14) ก. 7853 ตารางเซนติเมตร ข. 7852 ตารางเซนติเมตร ค. 7851 ตารางเซนติเมตร ง. 7850 ตารางเซนติเมตร ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ........................................... ........................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................................... ..................................................................................................................................... ................................... ................................................................................................ ................................ (ลงชื่อ)..........................................................................ผู้เชี่ยวชาญ (.......................................................................)


72 แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง รูปวงกลม คำชี้แจง ขอให้ท่านผู้เชี่ยวชาญได้กรุณาแสดงความคิดเห็นของท่านที่มีต่อแผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ทศนิยม โดยใส่เครื่องหมาย () ลงในช่องความคิดเห็นของท่าน พร้อมเขียน ข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ในการนำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไป ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ เหมาะสม +1 ไม่แน่ใจ 0 ไม่เหมาะสม -1 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วนและสัมพันธ์กัน 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและสอดคล้องกับ ความสามารถผู้เรียน 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับระดับชั้น 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและจุดประสงค์ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถ ผู้เรียน 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และกิจกรรม 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจน ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ และ เจตคติ ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ........................................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... แบบตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ (ลงชื่อ)..........................................................................ผู้เชี่ยวชาญ (.......................................................................)


73 การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง รูปวงกลม คำชี้แจง ขอให้ท่านผู้เชี่ยวชาญได้กรุณาแสดงความคิดเห็นของท่านที่มีต่อแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปสามเหลี่ยม โดยใส่เครื่องหมาย () ลงในช่องความคิดเห็นของท่านพร้อมเขียนข้อเสนอแนะที่เป็น ประโยชน์ในการนำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไป ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ข้อเสนอ 5 4 3 2 1 แนะ 1. เนื้อหาแบบฝึกทักษะมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 2. แบบฝึกทักษะมีการฝึกกระบวนการคิดและการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ 3. เนื้อหาในแบบฝึกทักษะมีความสอดคล้องกันทุกขั้นตอน 4. เนื้อหาแบบฝึกทักษะเป็นไปตามลำดับขั้นตอนการเรียนรู้จากง่ายไปหายาก 5. แบบฝึกทักษะมีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วน 6. ภาษาที่ใช้ในการทำแบบฝึกมีการใช้สำนวนภาษาได้ถูกต้อง ชัดเจน และเข้าใจ ง่าย 7. การพิมพ์แบบฝึกทักษะถูกต้องตามหลักเกณฑ์ มีภาพประกอบ รูปเล่มสวยงาม เหมาะกับการนำไปใช้ 8. แบบฝึกทักษะสามารถนำไปใช้ได้อย่างสะดวก ประหยัด และคุ้มค่า 9. ใบความรู้หลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน 10. วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และกิจกรรม หมายเหตุ 5 หมายถึง เหมาะสมมากที่สุด 2 หมายถึง เหมาะสมน้อย 4 หมายถึง เหมาะสมมาก 1 หมายถึง เหมาะสมน้อยที่สุด 3 หมายถึง เหมาะสมปานกลาง ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ........................................... ........................................................................................................................................................................ ......................................................................................................................................... ....... (ลงชื่อ)..........................................................................ผู้เชี่ยวชาญ (.......................................................................)


74 ภาคผนวก ค ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญ - ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญการหาค่าดัชนี ความสอดคล้องของแผนการ จัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม - ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญการหาค่าดัชนีความสอดคล้องของ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม - ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญการประเมินความเหมาะสมของแบบฝึก ทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม


75 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง รูปวงกลม ข้อที่ ผลการประเมินผู้เชี่ยวชาญ รวม IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 1 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 2 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 3 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 4 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 5 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 6 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 7 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 8 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 9 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 10 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 11 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 12 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 13 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 14 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 15 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 16 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 17 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 18 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 19 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 20 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 21 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 22 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 23 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้


76 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) เรื่อง รูปวงกลม (ต่อ) ข้อที่ ผลการประเมินผู้เชี่ยวชาญ รวม IOC แปลผล คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 24 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ 25 +1 +1 +1 3 1.00 ใช้ได้ หมายเหตุการแปลผลค่า IOC ใช้เกณฑ์ ดังนี้ IOC < 0.5 หมายถึง ข้อสอบไม่สอดคล้องกับเนื้อหา ควรตัดข้อสอบข้อนั้นทิ้งไป IOC > 0.5 หมายถึง ข้อสอบข้อนั้นสอดคล้องกับเนื้อหา สามารถใช้ข้อสอบข้อนั้นได้


77 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 28 เรื่อง ส่วนต่าง ๆ ของวงกลม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 0 +1 0.67 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


78 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 29 เรื่อง ส่วนต่าง ๆ ของวงกลม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


79 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 30 เรื่อง การสร้างวงกลม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


80 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 31 เรื่อง ความยาวของเส้นรอบวง ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


81 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 32 เรื่อง ความยาวของเส้นรอบวง ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


82 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 33 เรื่อง พื้นที่ของวงกลม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


83 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 34 เรื่อง พื้นที่ของวงกลม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


84 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 35 เรื่อง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาวของเส้นรอบวง ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


85 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 36 เรื่อง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาวของเส้นรอบวง ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


86 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 37 เรื่อง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ของวงกลม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


87 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 38 เรื่อง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ของวงกลม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


88 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 39 เรื่อง โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับความยาวของเส้นรอบวงและพื้นที่ของ วงกลม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


89 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ (Index of Item Objective Congruence : IOC) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 40 เรื่อง ทดสอบท้ายบท ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า IOC แปลผล 1 2 3 1 แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญ ครบถ้วนและสัมพันธ์กัน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 2 เนื้อหา/สาระการเรียนรู้สอดคล้องกับจุดประสงค์ + 1 + 1 + 1 1.00 นำไปใช้ได้ 3 กิจกรรมการเรียนรู้สอดคล้องกับเนื้อหาและ วัตถุประสงค์ + 1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 4 กิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายเหมาะสมและ สอดคล้องกับความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 5 กิจกรรมการเรียนรู้เน้นทักษะกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ และสร้างความรู้ด้วยตนเอง +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 6 กิจกรรมการเรียนรู้มีความยากง่ายเหมาะสมกับ ระดับชั้น +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้สอดคล้องกับกิจกรรมและ จุดประสงค์ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 8 สื่อหลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 9 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้ 10 เกณฑ์การประเมินผลชัดเจนครอบคลุม ทั้งด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติ +1 +1 +1 1.00 นำไปใช้ได้


90 ผลการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ การประเมินความเหมาะสมของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปวงกลม ข้อ รายการพิจารณา ความคิดเห็น ผู้เชี่ยวชาญคนที่ ค่า เฉลี่ย แปลผล 1 2 3 1 เนื้อหาแบบฝึกทักษะมีความเหมาะสม และสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 4 5 4 4.33 เหมาะสมมาก 2 แบบฝึกทักษะมีการฝึกกระบวนการคิด และการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ 5 5 4 4.67 เหมาะสมมาก ที่สุด 3 เนื้อหาในแบบฝึกทักษะมีความสอดคล้องกัน ทุกขั้นตอน 5 4 5 4.67 เหมาะสมมาก ที่สุด 4 เนื้อหาแบบฝึกทักษะเป็นไปตามลำดับขั้นตอน การเรียนรู้จากง่ายไปหายาก 5 5 5 5.00 เหมาะสมมาก ที่สุด 5 แบบฝึกทักษะมีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วน 5 5 4 4.67 เหมาะสมมาก ที่สุด 6 ภาษาที่ใช้ในการทำแบบฝึกมีการใช้สำนวนภาษา ได้ถูกต้อง ชัดเจน และเข้าใจง่าย 5 5 4 4.67 เหมาะสมมาก ที่สุด 7 การพิมพ์แบบฝึกทักษะถูกต้องตามหลักเกณฑ์ มีภาพประกอบ รูปเล่มสวยงามเหมาะกับ การนำไปใช้ 5 5 4 4.67 เหมาะสมมาก ที่สุด 8 แบบฝึกทักษะสามารถนำไปใช้ได้อย่างสะดวก ประหยัด และคุ้มค่า 5 5 5 5.00 เหมาะสมมาก ที่สุด 9 ใบความรู้หลากหลายสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ วัย และความสามารถผู้เรียน 5 5 4 4.67 เหมาะสมมาก ที่สุด 10 วิธีการวัดผลและเครื่องมือสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์และกิจกรรม 5 5 5 5.00 เหมาะสมมาก ที่สุด เฉลี่ยรวม 4.70 เหมาะสมมาก ที่สุด


Click to View FlipBook Version