The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวปฏิบัติในการเปรียบเทียบและประสานรายการยา แผนกผู้ป่วยใน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลบึงสามพัน
Guideline of Inpatient Department Medication reconciliation for Medical personnel at Buengsamphan Hospital

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by resita085, 2021-12-12 01:32:05

Medication reconciliation BSP BOOK

แนวปฏิบัติในการเปรียบเทียบและประสานรายการยา แผนกผู้ป่วยใน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลบึงสามพัน
Guideline of Inpatient Department Medication reconciliation for Medical personnel at Buengsamphan Hospital

Keywords: MR

แนวปฏบิ ตั ใิ นการเปรยี บเทียบและประสานรายการยา
แผนกผ้ปู ว่ ยใน สาหรบั บคุ ลากรทางการแพทย์
โรงพยาบาลบงึ สามพัน

คานา

การเปรียบเทียบและประสานรายการยา (Medication reconciliation) เป็นแนวปฏิบัติ
หนึ่งในมาตรฐานที่จาเป็นของระบบการจัดการด้านยา ในการจัดการค้นหาและบันทึกข้อมูล
รายการยาเดิมทผ่ี ้ปู ว่ ยไดร้ บั ท้งั ก่อนท่ีจะเขา้ รบั การรักษาในโรงพยาบาล ระหวา่ งนอนโรงพยาบาล
และเมื่อจาหน่ายผู้ป่วยกลับบ้าน นาข้อมูลยานั้นส่ือสารกับแพทย์ผู้ทาการรักษาทราบ การ
ดาเนินงานนี้ต้ องมีการเ ชื่อม ปร ะส านกิจกร รมกั บทีม สหส าข าวิช า ชี พในการ ดูแล รักษ าผู้ ป่ ว ย
เพ่ือให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยจากการใช้ยาในทุกช่วงรอยต่อของการรักษา ดังน้ัน
โรงพยาบาลบึงสามพัน จึงได้เห็นความสาคัญในการจัดทาแนวปฏิบัติการเปรียบเทียบและ
ประสานรายการยา แผนกผปู้ ว่ ยใน สาหรบั บคุ ลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลบงึ สามพันข้ึน ใน
การใช้เป็นแนวทางมาตรฐานการปฏิบัติงาน เพ่ือให้การดาเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันท้ัง
โรงพยาบาล

แนวปฏิบัติการเปรียบเทียบและประสานรายการยา แผนกผู้ป่วยใน สาหรับบุคลากร
ทางการแพทย์ โรงพยาบาลบึงสามพันน้ีเป็นส่วนหนึ่งของชุดวิชา 50795 การค้นคว้าอิสระ
(Independent study) สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต
กลุ่มวิชาบริหารโรงพยาบาล แผน ข มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งประกอบด้วย ความรู้
เก่ียวกับมาตรฐานระบบยา ความรู้เกี่ยวกับการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา รอยต่อการ
ดูแลรักษา ความคลาดเคลื่อนทางยา บทบาทและหน้าท่ีของบุคลากรทางการแพทย์ (แพทย์
เภสัชกร พยาบาล) และแนวปฏิบัติของบุคลากรทางการแพทย์ ในกระบวนการเปรียบเทยี บและ
ประสานรายการยา

ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิง่ ว่า แนวปฏิบัติการเปรยี บเทียบและประสานรายการยา แผนก
ผปู้ ว่ ยใน สาหรบั บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลบึงสามพนั นี้จะเป็นประโยชน์ มีความชัดเจน
และสามารถเขา้ ใจได้งา่ ยสาหรบั ใช้เปน็ แนวทางในการปฏบิ ัตงิ านได้เป็นอย่างดี

เรศติ า จอมประดิษฐ์
ธนั วาคม 2564

กติ ตกิ รรมประกาศ

การจัดทาแนวปฏิบัติการเปรียบเทียบและประสานรายการยา แผนกผู้ป่วยใน สาหรับ
บุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลบึงสามพัน ซึ่งเป็นงานในการศึกษาค้นคว้าอิสระ หลักสูตร
สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิตของข้าพเจ้าเล่มน้ีสาเร็จลุล่วงได้ด้วยดีเป็นความกรุณาอย่างยิ่ง
จากรองศาสตราจารย์ ดร. นิตยา เพ็ญศิรินภา อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ประจาสาขาวิชา
วิทยาศาสตรส์ ุขภาพ กล่มุ วชิ าบรหิ ารโรงพยาบาล มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช ที่ไดใ้ หค้ วาม
กรุณาสละเวลาอันมีค่าให้คาแนะนา ชี้แนะ ติดตาม ตรวจสอบ แก้ไข ปรับปรุงแนวปฏิบัติการ
เปรียบเทียบและประสานรายการยา ในคร้ังนี้อย่างใกล้ชิดตลอดมา นับต้ังแต่เริ่มต้นจนกระท่ัง
สาเร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซ้ึงในความกรุณาของท่านอาจารย์เป็นอย่างย่ิง ขอ
กราบขอบคณุ ทา่ นเป็นอยา่ งสงู ไว้ ณ โอกาสน้ี

ขอขอบคุณท่านผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 3 ท่าน นายแพทย์สุรศักดิ์ จันทร์เกตุ ผู้อานวยการ
โรงพยาบาลวังโป่ง นางสาววรรณี ชัยศิริเพ็ญภาค เภสัชกรชานาญการ ประจาโรงพยาบาล
สมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า และนางสาวสรวงสุดา สว่างใจ พยาบาลวิชาชพี ชานาญการ หัวหน้า
งานโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โรงพยาบาลบึงสามพัน ที่สละเวลาอันมีค่าช่วยกรุณาประเมินคุณภาพ
ตรวจสอบความถูกต้อง และความครอบคลุม ทาให้แนวปฏิบัติการเปรียบเทียบและประสาน
รายการยานี้ เกิดความสมบูรณม์ ากยงิ่ ข้ึน

ขอขอบคณุ แพทย์ พยาบาลในแผนกผู้ปว่ ยในทุกท่านท่ีใหค้ วามร่วมมือในการจัดทาเป็น
อย่างดี และขอขอบคุณพ่ีๆ น้องๆเภสัชกร เจ้าหน้าที่ห้องยาโรงพยาบาลบึงสามพนั ทุกคนที่คอย
ช่วยเหลือ ให้กาลังใจ และชว่ ยเกบ็ ภาพการปฏิบัติงานจริง เพอ่ื ให้ไดภ้ าพท่ีสวยงาม ขอบคุณมาก
จรงิ ๆ

ขอขอบคุณครอบครัว ท่ีช่วยเหลือและเป็นกาลงั ใจตลอดมา

เรศิตา จอมประดิษฐ์
ธนั วาคม 2564

สารบัญ

หนา้

บทท่ี 1 บทนา 1

บทท่ี 2 ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานระบบยา 4
• มาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ ฉบับท่ี 4 4

• มาตรฐานวชิ าชพี เภสัชกรรมโรงพยาบาล 9

บทที่ 3 ความรู้เกย่ี วกับการเปรยี บเทียบและประสานรายการยา 13

• ความหมายการเปรยี บเทยี บและประสานรายการยา 13

• ความสาคัญของการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา 13

• ข้นั ตอนสาคัญการเปรยี บเทียบและประสานรายการยา 15

• แหลง่ ขอ้ มูลที่จาเปน็ สาหรับการเปรียบเทียบและประสานรายการยา 17

• ขอ้ มูลทีจ่ าเปน็ ในการบันทึกในกระบวนการเปรยี บเทยี บและประสานรายการยา 18

• รายการยาและกาหนดเวลาในการทาการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา 18

• ประเภทความแตกต่างของรายการยา 19

เมอ่ื มกี ารเปรียบเทยี บและประสานรายการยา

• การประเมนิ ผลกระบวนการการเปรยี บเทยี บและประสานรายการยา 19

บทท่ี 4 ความรู้เก่ียวกับรอยต่อการดแู ลรักษา 24

บทท่ี 5 ความรเู้ กย่ี วกบั ความคลาดเคลอื่ นทางยา 27
ที่เกีย่ วข้องกบั การเปรยี บเทียบและประสานรายการยา
• ความหมายและลักษณะสาคัญของความคลาดเคล่อื นทางยา 27
29
• ประเภทและความรุนแรงของความคลาดเคลอ่ื นทางยา 31

• ชนดิ ความคลาดเคลอ่ื นทางยาทีอ่ าจพบในชว่ งรอยตอ่ การดูแลรกั ษา

สารบัญ (ตอ่ )

หนา้

บทที่ 6 บทบาทและหน้าทีข่ องบุคลากรทางการแพทย์ 33
ในกระบวนการเปรยี บเทียบและประสานรายการยา
• บทบาทและหน้าทข่ี องแพทย์ 33
34
• บทบาทและหน้าท่ขี องเภสชั กร 36

• บทบาทและหน้าทข่ี องพยาบาล

บทท่ี 7 แนวปฏบิ ตั ขิ องบคุ ลากรทางการแพทย์ 38
ในกระบวนการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา โรงพยาบาลบงึ สามพนั
• ขน้ั ตอนแรกรับผู้ปว่ ยเข้านอนรกั ษาในโรงพยาบาล (Admission) 38
48
• ขัน้ ตอนจาหน่ายผูป้ ว่ ยออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน

หรือไปยังสถานพยาบาลอ่นื (Discharge or Refer)

บรรณานกุ รม 53

ประวตั ิผ้เู ขยี น 55

สารบญั ภาพ

หน้า

ภาพท่ี 2.1 แสดงมาตรฐานระบบการจัดการด้านยา II-6.2 การปฏบิ ัติในการใช้ยา 8
ภาพที่ 2.2 แสดงมาตรฐานระบบการจัดการด้านยา II-6.2 8

ก.การสัง่ ใชย้ าและถ่ายทอดคาส่ัง 14

ภาพท่ี 3.1 แสดงกระบวนการการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา 24
กบั ความปลอดภัยในการใชย้ า
29
ภาพที่ 4.1 แสดงการเปลี่ยนแปลงยาท่ผี ู้ปว่ ยได้รับ ในช่วงรอยตอ่ การดูแลรกั ษา
ระหว่างบา้ นและโรงพยาบาล

ภาพที่ 5.1 แสดงความสมั พนั ธร์ ะหว่างความคลาดเคลอ่ื นทางยา
และเหตกุ ารณ์ไม่พึงประสงค์จากการใชย้ า

บทที่ 1
บทนา

การเปรียบเทียบและประสานรายการยา (Medication Reconciliation) เป็นนโยบาย
หรือมาตรฐานท่ีสาคัญอย่างหน่ึงของการปฏิบัติงานในระบบยา โดยสถาบันเพื่อการรับรอง
คุณภาพสถานบริการสุขภาพแห่งสหรัฐอเมริกา (The Joint Commission on Accreditation of
Healthcare Organization: JCAHO) ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลด้านความปลอดภัยของผู้ป่วยใน
ประเทศสหรฐั อเมริกา ได้มีการประกาศใหก้ ระบวนการการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา
เป็นมาตรการหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพความปลอดภัยในการใช้ยาซ่ึงเป็นเป้าหมายของ
National Patient Safety Goals (JCAHO, 2021) สาหรับในประเทศไทย สถาบนั รับรองคุณภาพ
สถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ไดน้ ากระบวนการนร้ี ะบไุ ว้ในมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการ
สุขภาพ ฉบับท่ี 4 โดยได้ระบุเร่ือง การเปรียบเทียบและประสานรายการยา ไว้ในระบบการ
จัดการด้านยา หมวด II-6.2 การปฏิบัติในการใช้ยา (Medication Use Practices) ว่าเป็น
กระบวนการดาเนินงานด้านยาที่ส่งผลให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ป่วยต้ังแต่การสั่งใช้ยาจนถึง
การบริหารยา (สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน), 2561) นอกจากนี้การ
เปรียบเทียบและประสานรายการยายังได้ถูกกาหนดเป็นหน่ึงในวิธีการปฏิบัติตามมาตรฐาน
วิชาชีพเภสชั กรรมโรงพยาบาล พ.ศ. 2561-2565 โดยสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศ
ไทย) ในมาตรฐานท่ี 3 เร่อื ง การส่งเสริมการรกั ษาด้านยาให้เกดิ ประสิทธิภาพสงู สดุ (Optimizing
medication therapy) (สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย), 2561) เพอ่ื ใหผ้ ู้ป่วยได้รับ
ความปลอดภัยจากการใชย้ าตั้งแตก่ ารส่งั ใช้ จนถึงการบริหารยาในทุกช่วงรอยต่อของการดูแล
รักษาต้ังแต่ผูป้ ว่ ยเร่ิมเข้ารบั การรักษาตัวในโรงพยาบาลจนถึงการจาหน่ายกลับบา้ นอีกด้วย

ในบริบทระบบบริการสุขภาพของประเทศไทยน้ัน ประชาชนมีอิสระในการเลือกใช้
สถานบริการอันที่มิใชข่ องรัฐในการดูแลรักษาตนเอง อาทิเช่น จากคลินิก หรือร้านขายยา เป็น
ต้น ด้วยเหตนุ รี้ ะบบบรกิ ารสขุ ภาพของประเทศไทยจึงมีรอยต่อหลายจุดทั้งภายในและภายนอก
โรงพยาบาล และเมื่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล รอยต่อเหล่านี้เป็นช่องทางให้เกดิ
ความแตกตา่ งหรอื ความไม่สอดคลอ้ งกันของรายการยาระหว่างท่ีผู้ป่วยเข้ารบั การรักษา เม่อื ถูก
เคลือ่ นยา้ ยไปจุดบรกิ ารอน่ื หรือเม่อื ถูกจาหนา่ ยกลับบา้ น (จุราพร พงศเ์ วชรักษ์, 2561) และด้วย

1

รูปแบบการใชย้ าของประชาชนในประเทศไทยเป็นท่ที ราบกันดีเกย่ี วกับการใชย้ าวา่ กอ่ นผู้ปว่ ยมา
เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้ัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่หลายรายไม่ได้ใช้ยาตามที่แพทย์ส่ังให้
รับประทานจากโรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว ผู้ป่วยอาจจะรับการรักษาหรือรับยาจาก
โรงพยาบาลอ่ืนๆอีก หรือ ซื้อยารับประทานเองจากร้านขายยา ทั้งยาแผนปัจจุบัน ยาแผน
โบราณ หรือยาสมุนไพร เพ่ือใช้บรรเทาอาการ และใช้รักษาโรคอย่างต่อเน่ืองหรือใช้เพียง
บางครั้งบางคราว ซึ่งมีผลทาให้ผู้ป่วยได้รับยาท่ีซ้าซ้อนกัน โดยที่ผู้ป่วยอาจจะไม่ทราบเลยว่า
กาลงั ใชย้ าทีซ่ ้ากันอยู่ เนอ่ื งจากยาท่ีผปู้ ว่ ยใช้นนั้ ช่ืออาจแตกต่างกนั แตจ่ รงิ ๆแลว้ ยาเหล่านัน้ เป็น
ยาชนิดเดียวกัน เพียงแค่ใช้ชื่อการค้าท่ีแตกต่างกัน หรือยาน้ันเป็นยาที่มีกลไกออกฤทธ์ิทาง
เภสัชวิทยาท่ีเหมือนกัน ซ่ึงโดยมากผู้ป่วยไม่ได้แจ้งให้แพทย์ที่ทาการรักษาทราบว่ามีการใช้ยา
อื่นอยู่ด้วย โดยอาจมีสาเหตุต่างๆ เช่น เพราะผู้ป่วยไม่รู้ว่าอาจทาให้เกิดอันตรายขึ้นกับตนได้
หรอื ไม่มกี ระบวนการสมั ภาษณห์ รือสอบถามผ้ปู ่วยอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ (อภฤิ ดี เหมะจุฑา และ
ฉนั ทกา ซื่อตรง, 2559) ส่งผลใหผ้ ู้ป่วยเกิดความไม่ปลอดภยั อาจเกิดความคลาดเคลื่อนทางยา
(Medication error) ทาใหเ้ กดิ เหตุการณ์ไมพ่ ึงประสงค์จากการใช้ยา (Adverse drug event) หรอื
อาการไม่พงึ ประสงค์จากการใช้ยา (Adverse drug reaction) ทาใหผ้ ู้ปว่ ยไดร้ ับอันตรายหรอื มีผล
ตอ่ การรกั ษาได้

ในกระบวนการการเปรียบเทียบและประสานรายการยา หากตรวจพบความแตกตา่ ง
หรือความไม่สอดคล้องกันของรายการยา สามารถดาเนินการแก้ไขหรือป้องกันมิใหเ้ หตุการณ์
ความคลาดเคลื่อนทางยาถึงตัวผู้ป่วยได้ ซ่ึงเหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นตรงรอยต่อของการ
รักษาในระบบบริการสุขภาพ ที่เอื้อให้เกิดความคลาดเคลื่อนในลักษณะต่างๆ โดยมีข้อมูล
สนับสนุนจากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า ความคลาดเคล่ือนทางยาในขั้นตอนจาหน่ายผู้ป่วย ท่ี
พบบ่อยได้แก่ ผู้ป่วยไม่ได้รับยาที่ควรได้รับ ร้อยละ 54.2 ขนาดยาไม่เหมาะสม ร้อยละ 14.3
และกระบวนการเปรียบเทียบประสานรายการยาโดยเภสัชกรสามารถลดความคลาดเคล่ือน
ทางยาลงได้ ร้อยละ 58.3 (จันทิมา ศิริคัณทวานนท์ และนันทยา ประคองสาย, 2557) สาหรับ
โรงพยาบาลบึงสามพัน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชุมชน ขนาด 60 เตียงน้ัน ก็พบปัญหาความ
คลาดเคลื่อนทางยาที่เก่ียวข้องกับการส่ังใช้ยาเช่นเดียวกัน โดยจากสถิติรายงานข้อมูลความ
คลาดเคล่ือนทางยาในปี 2563 พบมีความคลาดเคลื่อนทางยาจากผปู้ ่วยไม่ได้รับยาที่ควรได้รบั
ร้อยละ 19.0 ขนาดยาไมเ่ หมาะสม ร้อยละ 38.6 (โรงพยาบาลบึงสามพัน, 2563)

2

อย่างไรก็ตามการดาเนินงานในกระบวนการการเปรียบเทียบและประสานรายการยา
น้นั จะมคี วามแตกตา่ งกนั ไปตามบริบทของแต่ละโรงพยาบาล การนากระบวนการน้ีมาใชพ้ ัฒนา
คณุ ภาพในองค์กร จึงควรมกี ารวางระบบงานที่ชัดเจน รวมถึงการรบั ทราบถึงบทบาทร่วมกันใน
ทีมสหสาขาวิชาชีพที่เก่ียวข้องหลักทั้งแพทย์ เภสัชกร และพยาบาลล้วนมีความสาคัญท้ังส้ิน
ดังนั้น ผู้ศึกษา ในฐานะเภสัขกรโรงพยาบาลบึงสามพัน จึงได้เล็งเห็นความสาคัญและความ
จาเป็นที่ควรจะจัดทาแนวปฏิบัติในการเปรียบเทียบและประสานรายการยา แผนกผู้ป่วยใน
สาหรับบุคลากรทางการแพทย์ข้ึน เพ่ือให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถใช้เป็นมาตรฐานใน
การปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปในแนวทางเดียวกัน อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยมีความ
ปลอดภัยจากการได้รับยาที่ใชอ้ ยูอ่ ย่างตอ่ เนื่อง ลดความซา้ ซ้อนจากการใชย้ า และป้องกันความ
ความคลาดเคล่ือนทางยา หรือลดความรุนแรงจากความเสี่ยงของการใช้ยาในผู้ป่วยทุกช่วง
รอยต่อของการรักษาอีกด้วย

3

บทที่ 2
ความรเู้ กย่ี วกบั มาตรฐานระบบยา

ในการจัดการระบบความปลอดภัยด้านยา การปฏิบัติตามมาตรฐานที่กาหนดไว้เป็นส่งิ ท่ี
สาคัญ และจาเป็นสาหรับการปฏิบัตงิ านในระบบยา เพื่อให้การดูแลรกั ษาสุขภาพของผปู้ ่วยได้
อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมาตรฐานสาคัญที่เก่ียวข้องในระบบยา ได้แก่ มาตรฐานระบบการ
จัดการด้านยา ในมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ ฉบับที่ 4 และมาตรฐานวิชาชีพ
เภสชั กรรมโรงพยาบาล

• มาตรฐานโรงพยาบาลและบรกิ ารสขุ ภาพ ฉบบั ท่ี 4
(Hospital and Healthcare Standards)

มาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ เป็น
มาตรฐานท่ีสถาบนั รับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การ
มหาชน) หรือ สรพ. ได้ประกาศใช้เพ่ือเป็นแนวทางในการ
ปร ะ เ มิ นการ พั ฒ นา แ ล ะ การ รั บร องคุ ณ ภ า พ ข อ ง
สถานพยาบาล โดยมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการ

สุขภาพ ฉบับที่ 4 เริ่มใช้เพื่อการรบั รองคุณภาพสถานพยาบาลต้ังแต่ 1 กรกฎาคม 2561 โดย
ใช้มาตรฐานน้ีสาหรับการพัฒนาและการประเมินโรงพยาบาลทั้งองค์กร เนื้อหาในมาตรฐาน

แบง่ เป็น 4 ตอน ไดแ้ ก่ ตอนท่ี 1 ภาพรวมของการบริหารองค์กร ตอนท่ี 2 ระบบงานสาคัญของ
โรงพยาบาล ตอนท่ี 3 กระบวนการดูแลผู้ป่วย และตอนท่ี 4 ผลลัพธ์ที่เกิดข้ึน (สถาบันรับรอง
คุณภาพสถานพยาบาล (องคก์ ารมหาชน), 2561)

ในมาตรฐานตอนที่ 2 ประกอบดว้ ยระบบงานที่สาคญั ของโรงพยาบาล 9 ระบบ ไดแ้ ก่

II-1 การบรหิ ารความเสี่ยง ความปลอดภยั และคณุ ภาพ
II-2 การกากับดูแลดา้ นวชิ าชพี
II-3 ส่งิ แวดลอ้ มในการดูแลผปู้ ่วย

II-4 การป้องกันและควบคมุ การติดเช้อื

4

II-5 ระบบเวชระเบียน

II-6 ระบบการจดั การด้านยา

II-7 การตรวจสอบเพื่อการวนิ จิ ฉยั โรค และบริการทเ่ี ก่ียวขอ้ ง

II-8 การเฝ้าระวังโรคและภัยสขุ ภาพ

II-9 การทางานกบั ชมุ ชน

มาตรฐานท่ีเก่ียวข้องกับระบบยาได้แก่ มาตรฐานตอนท่ี II-6 ระบบการจัดการด้านยา
(Medical Management System: MMS) ซงึ่ มีรายละเอยี ด ดังนี้

II-6.1 ก า ร ก า กั บ ดู แ ล แ ล ะ สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม ส นั บ ส นุ น ( Oversight and Supportive
Environment) องค์กรสร้างความม่ันใจในระบบการจัดการด้านยาที่ปลอดภัย เหมาะสม และ
ได้ผล รวมท้ังการมียาที่มีคุณภาพสูงพร้อมใช้สาหรับผู้ป่วย ผ่านกลไกกากับดูแลและ
สิ่งแวดล้อมสนับสนนุ

II-6.2 การปฏิบัติในการใช้ยา (Medical Use Practices) องค์กรทาให้มั่นใจในความ
ปลอดภัย ความถกู ต้อง ความเหมาะสม และประสทิ ธิผลของกระบวนการท้ังหมด ตั้งแตก่ ารส่ัง
ใชย้ าจนถึงการบรหิ ารยา ดังแสดงในภาพท่ี 2.1และ 2.2
โดยมีรายละเอียดดงั น้ี

ก. การสงั่ ใชแ้ ละการถ่ายทอดคาส่ัง
1) มีการเขียนคาสั่งใช้ยาอย่างชัดเจนและถ่ายทอดคาส่ังอย่างถูกต้อง มีการ

ส่อื สารคาสั่งใชย้ าทเ่ี ป็นมาตรฐาน เพอ่ื ลดความเสยี่ งต่อความผดิ พลาด มกี ารจัดทา นาไปปฏิบัติ
และตรวจสอบการปฏบิ ัตติ ามนโยบายและระเบยี บปฏิบตั ิในเรื่องต่อไปน้ี

(1) คาสงั่ ใช้ยาทหี่ ้ามใช้
(2) การปฏิบตั ติ อ่ คาส่ังใช้ยาทางโทรศัพท์
(3) คาสง่ั ใช้ยาที่พิมพไ์ ว้ลว่ งหน้า และ protocol สาหรับคาสั่งใช้ยาเคมี
บาบัด
(4) เกณฑพ์ จิ ารณาคาสั่งใชย้ าทีย่ อมรบั ได้

5

2) มีการจัดวางกระบวนการทางานที่ประกันความถูกต้องของยาที่ผู้ป่วย
ไดร้ ับในช่วงรอยต่อหรอื การสง่ ต่อการดแู ล (Medication reconciliation)

(1) พัฒนาระบบการจัดเก็บและบันทึกข้อมูลด้านยาท่ีเป็นปัจจุบันของ
ผปู้ ่วยแตล่ ะราย โดยใชม้ าตรฐานเดียวกนั ทง้ั องคก์ ร

(2) ระบุบัญชีรายการยาที่ผู้ป่วยแต่ละคนได้รับ (ได้แก่ ชื่อยา ขนาดยา
ความถ่ี และวธิ กี ารบรหิ ารยา) อย่างถกู ตอ้ งแมน่ ยา และใช้บญั ชรี ายการน้ีในทุกจุดการใหบ้ ริการ

(3) ส่งมอบรายการยาของผู้ป่วย (รวมถึงยาท่ีผู้ป่วยรับประทานท่ีบ้าน
ถ้ามี) ให้กับผู้ดูแลผู้ป่วยในข้ันตอนถัดไป (เช่น รับผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล ส่งต่อผู้ป่วยไป

โรงพยาบาลอน่ื จาหน่ายผ้ปู ว่ ย ส่งผ้ปู ่วยมาตรวจทต่ี กึ ผู้ปว่ ยนอก)

(4) เปรียบเทยี บรายการยาท่ีผู้ป่วยได้รับอยู่กับรายการยาทส่ี ั่งใหผ้ ู้ป่วย
เพื่อค้นหายาที่ตกหล่น สั่งซ้า ไม่เข้ากับสภาพของผู้ป่วย ผิดขนาด มีโอกาสเกิดอันตรกิริยา

ระหวา่ งกนั ให้แลว้ เสรจ็ ภายในระยะเวลาที่กาหนด

(5) มีการตัดสินใจทางคลินิกอย่างเหมาะสมตามข้อมูลท่ีพบ และ
สือ่ สารการตดั สินใจแกท่ มี งานและผูป้ ว่ ย

3) ในกรณีที่มกี ารสง่ั จา่ ยยาผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ระบบดงั กลา่ วมีฐานข้อมูล
ท่ีเปน็ ปจั จุบันทช่ี ่วยสนับสนนุ การตัดสนิ ใจในการสั่งใช้ยา

ข. การเตรียม เขยี นฉลาก จดั จา่ ย และส่งมอบยา

1) มีการทบทวนคาสั่งใช้ยาทุกรายการเพ่ือความมั่นใจในความถูกต้อง ความ
เหมาะสมและความปลอดภย ก่อนการบริหารยา dose แรก (หรือทบทวนเร็วท่ีสดุ หลังบรหิ าร
ยาในกรณีฉกุ เฉนิ ) มกี ารตรวจสอบซ้าสาหรับการคานวณขนาดยาในผปู้ ว่ ยเดก็ และยาเคมีบาบัด

เภสชั กรตดิ ต่อกบั ผสู้ ัง่ ใช้ยาถ้ามีขอ้ สงสยั

2) มีการจัดเตรียมยาอย่างเหมาะสมและปลอดภัยในสถานที่ท่ีสะอาดและ
เป็นระเบียบ มีการระบายอากาศ อุณหภูมิ และแสงสวา่ งท่ีเหมาะสม แผนกเภสัชกรรมเป็นผู้

เตรยี มยาสาหรบั ผู้ป่วยเฉพาะราย หรอื ยาทไ่ี ม่มีจาหนา่ ยในทอ้ งตลาด โดยใช้วิธีการปฏบิ ตั ิที่เป็น

มาตรฐาน ทีมเภสัชกรรมหลีกเลี่ยงการสัมผัสยาโดยตรงระหว่าง การจัดเตรียมยา และ

เวชภณั ฑแ์ ละสารละลายปราศจากเช้อื ไดร้ ับการเตรียมใน laminar air flow hood
3) ยาได้รับการติดฉลากอย่างเหมาะสม ชัดเจนและอ่านง่าย ติดท่ีภาชนะ

บรรจุยาทุกประเภท มีฉลากยาติดจนถึงจุดที่ให้ยาแก่ผู้ป่วย โดยระบุช่ือผู้ป่วย ช่ือยา ความ

เข้มขน้ และขนาดยา

6

4) มีการส่งมอบยาให้หน่วยดูแลผู้ป่วยในลักษณะท่ีปลอดภัย รัดกุม และ
พร้อมใช้ ในเวลาที่ทันความต้องการของผู้ป่วย มีการปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของ
บุคลากรท่ีสัมผัสยาเคมีบาบัด และมีการจัดเตรียม hazardous spill kit ที่สามารถเข้าถึงได้
โดยสะดวก ยาท่ีถูกส่งคืนได้รบั การตรวจสอบความสมบูรณ์ การคงสภาพ และได้รับการจัดการ
อยา่ งเหมาะสม

5) การส่งมอบยาให้แก่ผู้ป่วยทาโดยเภสัชกรหรือบุคลากรท่ีได้รับมอบหมาย
และได้รับการฝึกอบรม มีการตรวจสอบความถูกต้องของยาก่อนท่ีจะส่งมอบ และมีการให้
คาแนะนาการใชย้ าอย่างเหมาะสม

ค. การบริหารยา
1) มีการให้ยาแก่ผู้ป่วยอย่างปลอดภัยและถูกต้องโดยบุคคลซ่ึงมีคุณสมบัติ

เหมาะสมและอุปกรณก์ ารให้ยาท่ไี ด้มาตรฐาน โดยมีการตรวจสอบความถูกตอ้ งของยา คุณภาพ
ยา ข้อห้ามในการใช้ และเวลา/ขนาดยา/วิธีการให้ยาที่เหมาะสม มีการตรวจสอบซ้าโดยอิสระ
กอ่ นใหย้ าที่ต้องใชค้ วามระมัดระวังสูง ณ จดุ ให้บรกิ าร มีการบนั ทกึ เวลาท่ใี หย้ าจริงสาหรับกรณี
การให้ยาล่าช้าหรือลมื ให้ ผู้สงั่ ใช้ยาไดร้ ับการรายงานเม่ือมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยาหรือ
ความคลาดเคลือ่ นทางยา

2) ทีมผู้ให้บริการให้ข้อมลู เกี่ยวกับยาแก่ผู้ป่วยและครอบครัว (ด้วยวาจาหรือ
เป็นลายลักษณ์อักษร) เพ่ือให้สามารถเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการดูแลโดยใช้ยาอย่าง
ปลอดภัยและได้ผล ข้อมูลท่ีให้อาจรวมถึงชื่อยา เป้าหมายการใช้ ประโยชน์และผลข้างเคยี งท่ี
อาจเกิดข้ึน วิธีการใช้ยาอย่างปลอดภัยและเหมาะสม วิธีการป้องกันความคลาดเคลื่อนทางยา
และส่ิงทพ่ี ึงทาเมือ่ เกิดเหตุการณไ์ มพ่ งึ ประสงค์จากยา (ตามความเหมาะสม)

3) ผู้ป่วยได้รับการติดตามผลการบาบัดรักษาด้วยยาและบันทึกไว้ในเวช
ระเบียน เพื่อสร้างความม่ันใจในความเหมาะสมของเภสัชบาบัดและลดโอกาสเกิดผลท่ีไม่พึง
ประสงค์

4) มีการจัดการกับยาท่ีผู้ป่วยและครอบครัวนาติดตัวมา เพ่ือให้เกิดความ
ปลอดภยั และสอดคล้องกับแผนการดแู ลผู้ป่วยท่เี ป็นปัจจุบนั ทมี ผ้ใู หบ้ รกิ ารจดั ให้มกี ระบวนการ
เพ่ือตัดสินใจเกี่ยวกับยาที่ผู้ป่วยสามารถบริหารเองได้ ว่าเป็นยาตัวใด กับผู้ป่วยรายใด วิธีการ
เกบ็ รกั ษายาโดยผู้ปว่ ย การใหค้ วามรู้ และการบันทกึ

7

ภาพท่ี 2.1 แสดงมาตรฐานระบบการจัดการด้านยา II-6.2 การปฏบิ ัติในการใชย้ า
ทีม่ า มาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสขุ ภาพฉบับที่ 4 หนา้ 100

ภาพท่ี 2.2 แสดงมาตรฐานระบบการจดั การ
ด้านยา II-6.2 ก.การสั่งใช้ยาและถ่ายทอด
คาส่ัง ท่ีมา มาตรฐานโรงพยาบาลและ
บรกิ ารสขุ ภาพฉบบั ที่ 4 หน้า 100

8

โดยสรุป มาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ ฉบับที่ 4 ในตอนท่ี 2 มาตรฐาน
ระบบการจดั การด้านยา II-6.2 ข้อ ก. ในขน้ั ตอนการสั่งใช้ยาและถา่ ยทอดคาสั่งการใช้ยา เร่อื ง
ความถูกต้องของยา ณ ช่วงส่งต่อ (Medication reconciliation) ซึ่งเป็นเร่ืองท่ีมีการเพิ่มเติม
จากมาตรฐานฉบับเดมิ โดยกาหนดใหม้ ีการจัดทารายการยาท่ีผู้ป่วยได้รบั ส่งมอบรายการยาให้
ผดู้ ูแลในขนั้ ตอนต่อไป เปรียบเทียบยาท่ผี ปู้ ่วยใชอ้ ยู่กับยาที่สั่งให้ใหม่ เพอื่ ใหเ้ กิดการตัดสินใจใน
การรักษาทางคลินิกท่ีถูกต้องและเหมาะสม ดังน้ัน โรงพยาบาลบึงสามพัน จึงควรมีการจัดวาง
กระบวนการทางาน หรือแนวปฏบิ ตั ิในการเปรียบเทยี บและประสานรายการยาท่ีเปน็ มาตรฐาน
สามารถประกันความถูกต้องของยาท่ีผู้ป่วยได้รับในช่วงรอยต่อ หรือการส่งต่อการดูแลอย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ ทาให้ผปู้ ่วยได้รับยาทถ่ี ูกตอ้ ง เหมาะสม ปลอดภยั

• มาตรฐานวิชาชีพเภสชั กรรมโรงพยาบาล

เภสัชกรรมโรงพยาบาลเป็นวิชาชีพหน่ึงท่ีมีความสาคัญย่ิงในระบบยา ท้ังในบทบาท
การบริหารจัดการเชิงระบบเพ่ือให้มียาท่ีมีคุณภาพ พร้อมใช้ พอเพียง ปลอดภัย ภายใต้ระบบ
การจัดการท่ีมีประสทิ ธิภาพ และบทบาทผู้ให้การบริบาลทางเภสัชกรรมที่มุ่งเน้นการใช้วชิ าชพี
เภสัชกรรมในการส่งเสรมิ ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุดจากการรักษาพยาบาลดว้ ยยา เภสัชกรจึงต้อง
ไม่เพียงแต่จัดให้มีบริการต่างๆด้านเภสัชกรรมเท่าน้ัน แต่จะต้องให้ความสาคัญและสนใจต่อ
ผลลพั ธ์ของการให้บริการและการรกั ษาพยาบาลผู้ป่วยในภาพรวมดว้ ย บทบาทหลักเหลา่ นี้จะมี
ผลอย่างมากต่อความสาเร็จในการดาเนินงานของโรงพยาบาล มาตรฐานงานเภสัชกรรม
โรงพยาบาลจึงกาหนดข้ึนเพื่อเป็นมาตรฐานที่เภสัชกรโรงพยาบาลจะต้องนาลงสู่การปฏิบัติ
อย่างเข้มงวด สม่าเสมอ ต่อเน่ือง ประกอบด้วย 6 มาตรฐาน (สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล
(ประเทศไทย), 2561) ไดแ้ ก่

มาตรฐานท่ี 1 ภาวะผู้นาและการจัดการงานเภสัชกรรม (Leadership and Pharmacy
management) ภาวะผู้นาและทักษะการจัดการงานเภสัชกรรมท่ีมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจาเปน็
ในการพัฒนา และปรับปรุงการจัดการบริการด้านเภสัชกรรมใหส้ อดคล้องกับวสิ ัยทัศน์ พันธกิจ
ของโรงพยาบาล มาตรฐานวิชาชีพ มาตรฐานด้านการรกั ษาพยาบาลอ่ืนๆทเี่ ก่ยี วข้อง และการให้
ความสาคัญต่อความต้องการของผู้รับบริการ รวมทั้งการปรับปรุงคุณภาพการบริการอย่าง
ต่อเนื่อง โดยการจัดการงานเภสัชกรรม จะมุ่งเน้นบทบาทวิชาชีพที่ครอบคลุมมาตรฐานการ
จั ด ก า ร ด้ า น ย า ( medication management standard) ก า ร บ ริ บ า ล ท า ง เ ภ สั ช ก ร ร ม

9

(pharmaceutical care) และการคุ้มครองผู้บริโภค ในทกุ ระดับตัง้ แต่ระดับปฐมภมู ิ จนถงึ ตตยิ
ภูมิ ครอบคลุมผู้รับบริการ ชุมชน และสังคม ผ่านการจัดโครงสรา้ งองค์กร ระบบการจัดการให้
เอือ้ ตอ่ การใหบ้ ริการเภสชั กรรมตามพนั ธกิจทีก่ าหนดไวอ้ ย่างมคี ณุ ภาพและประสิทธิภาพ

มาตรฐานท่ี 2 การบริการเภสัชสนเทศและการจัดการความรู้ (Drug information
services and knowledge management) เภสัชกรจะต้องทาหน้าท่ีเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร
ด้านยาท่ีถูกต้อง เหมาะสมและเป็นปัจจุบัน แก่ผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ทุกสาขา และ
บุคลากรทุกระดับของโรงพยาบาลอย่างต่อเน่ือง สาหรับโรงพยาบาลที่มีศักยภาพควร
ดาเนินการในลักษณะศูนย์บริการข้อมูลยา สารสนเทศทางเภสชั ศาสตร์ และข้อมูลสารสนเทศ
ของหน่วยงาน โดยประสานงานและร่วมกับหน่วยงานอื่นๆท่ีเก่ียวข้อง ในการจัดหาแหล่ง
ขอ้ สนเทศทางเภสชั ศาสตร์ ได้แก่ วารสารและตาราทางด้านยาและการแพทย์ ท่ีเป็นปัจจุบันไว้
ประจาหน่วยงานเภสัชกรรมและหน่วยให้บรกิ าร ทั้งนี้รวมถึงระบบการเช่ือมต่อข้อมูลทางไกล
จากห้องสมุด และการเข้าถึงแหล่งข้อมูลอื่นๆ เภสัชกรจะต้องให้บริการข้อมลแก่แพทย์
พยาบาล บุคลากรอื่นๆ ท่ีขอรับบริการ ตลอดจนให้บริการแก่เภสัชกรที่ทาหน้าท่ีติดตามดูแล
ปญั หาดา้ นยาของผปู้ ่วยอยา่ งมีมาตรฐาน และตอ้ งมนั่ ใจว่าผทู้ เี่ ก่ียวข้องได้รับข้อมลู ที่สอดคล้อง
กับความต้องการท่ีแท้จริง สามารถนาไปปฏิบัติ ตลอดจนมีระบบการสนับสนุนงานบริการให้มี
และเข้าถึงข้อมูลยา ข้อมูลทางการแพทย์เพอ่ื การบรกิ ารอย่างเหมาะสม เพียงพอ และทนั เวลา

มาตรฐานที่ 3 การส่งเสริมการรักษาด้านยาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (Optimizing
medication therapy) เปา้ ประสงค์ท่ีสาคัญที่สุดในการให้บริการเภสัชกรรมในโรงพยาบาล คือ
การดาเนินการให้มีการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล มีความปลอดภัยและมีประสทิ ธิภาพมากท่สี ดุ
เภสชั กรจะต้องร่วมมอื กบั บุคลากรทางการแพทย์ทุกสาขา ที่ จะจัดทานโยบายและมาตรฐานวิธี
ปฏิบัติ เพ่ือประกันคุณภาพของการรักษาด้วยยา รวมทั้งการสร้างเสริมวัฒนธรรมความ
ปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และบรรยากาศท่ีเอ้ือต่อการทางานเป็นทีมอย่างสม่าเสมอ โดยการ
ดาเนินการจะเกี่ยวขอ้ งกับ

1) การพัฒนานโยบายการใชย้ าในโรงพยาบาล
2) การดาเนินงานระบบเภสชั ตารบั
3) การใหค้ วามสาคัญกับการส่งต่อข้อมลู ผ้ปู ว่ ย
4) คาส่ังใช้ยาแกผ่ ู้ปว่ ย ในการสง่ มอบยาผปู้ ่วย
5) การตดิ ตามการรักษาด้านยาในผู้ป่วย
6) การประสานรายการยา (medication reconciliation)

10

7) การสง่ เสรมิ การบรหิ ารยา (drug administration) อยา่ งมีประสิทธิภาพ
8) การเพ่มิ การมีส่วนรว่ มของผูป้ ว่ ย
9) การส่งเสรมิ การใช้ยาแก่ผรู้ บั บรกิ าร
10) การประเมินการใช้ยา (medication use evaluation)
11) การจัดการด้านยาท่ีเน้นผู้ป่วยเป็นสาคัญ (patient-focused medication
management)
12) ยาท่ีต้องระมัดระวงั สูง (high alert drug)
13) การกากบั ดแู ลดา้ นเภสชั กรรมการตลาดท่เี หมาะสม
14) การบรกิ ารเภสชั กรรมปฐมภมู ิ

มาตรฐานที่ 4 การจัดหา การสารองยา การกระจาย และการควบคุมยา (Medication
procurement, distribution and control) หน่วยงานเภสัชกรรมต้องรบั ผิดชอบ การจดั หา การ
กระจาย และการควบคุมยาทุกชนิดที่ใช้ในโรงพยาบาล และ/หรือเครือข่าย รวมทั้งการจัดทา
นโยบาย การออกแบบระบบ และวิธดี าเนินการเพ่ือให้มีการกระจายยาอย่างเหมาะสม ทนั ความ
ต้องการ และคงคุณภาพในทุกจุด โดยประสานข้อมูลกับคณะกรรมการต่างๆ และหน่วยงานท่ี
เกี่ยวข้อง มีการนาเทคโนโลยีท่ที ันสมยั มาใช้ในการดาเนนิ การ เชน่ การใชร้ ะบบคอมพวิ เตอร์ใน
การจัดหา การกระจายและการควบคมุ ยา

มาตรฐานท่ี 5 อุปกรณ์ สถานท่ี ส่ิงอานวยความสะดวก และแหล่งข้อสนเทศทางยา
(Facilities, equipment and drug informatics) หน่วยงานเภสัชกรรม จะต้องมีสถานท่ีที่
สะดวกต่อการเข้าถึง และให้บริการผู้ป่วย แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรอ่ืนๆ มีพ้ืนท่ี อุปกรณ์
วัสดุ ครุภุณฑ์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และส่ิงอานวยความสะดวก อย่างเพียงพอ เพ่ือให้
การจัดการงานเภสัชกรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถให้บริการงานเภสัช
กรรมได้อย่างมีคุณภาพ และมีระบบการขนส่ง หรือติดต่อภายในโรงพยาบาล พื้นท่ี ตู้ ชั้นวาง
ตู้เย็นเก็บยา และอปุ กรณใ์ นการเกบ็ รกั ษายา ต้องมีขนาดและปรมิ าณทเี่ พียงพอทจี่ ะสร้างความ
ปลอดภัย และสามารถควบคมุ สภาวะแวดล้อมในการเกบ็ ยาได้

มาตรฐานท่ี 6 การศกึ ษาวจิ ัย การประเมนิ ผล (Research and evaluation) เภสชั กรควร
จะทาการศึกษาวิจยั พัฒนา การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั ิการที่เปน็ การพฒั นางานประจาสู่งานวิจัย รวมทัง้
มสี ว่ นร่วมหรือสนับสนุนงานวิจยั ท้ังทางด้านการแพทยแ์ ละเภสชั กรรมทเี่ หมาะสมกับเปา้ หมาย

11

วัตถุประสงค์ และทรัพยากรของโรงพยาบาล ตลอดจนให้มีระบบการติดตาม การประเมินผล
ระบบท่มี กี ารวางไว้ เพอ่ื นาไปสกู่ ารพฒั นางานเภสัชกรรมโรงพยาบาลอยา่ งต่อเนอ่ื ง

สรปุ ได้ว่า การเปรียบเทยี บและประสานรายการยา เปน็ กระบวนการหน่ึงในการปฏิบัติ
ด้านยาตามมาตรฐานของวิชาชีพเภสัชกรรมโรงพยาบาล ในการท่ีจะทาให้ผู้ป่วยได้รับความ
ปลอดภยั จากการใช้ยา และชว่ ยส่งเสรมิ การรักษาดา้ นยาของผู้ป่วยให้เกดิ ประสทิ ธิภาพสงู สดุ

12

บทที่ 3
ความรเู้ กี่ยวกับการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา

การเปรยี บเทยี บและประสานรายการยา เปน็ กระบวนการที่สาคัญเพ่อื ความปลอดภัย
ในการใช้ยา และเป็นมาตรฐานหนึง่ ทจี่ าเป็นในการปฏบิ ัติด้านยา ดังนั้น เพื่อให้มีความเข้าใจใน
กระบวนการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา จึงควรทราบเก่ียวกับนิยาม หรือความหมาย
ความสาคัญ ข้ันตอนกระบวนการ แหล่งข้อมูลในการท่ีจะได้มาสาหรับยาท่ีผู้ป่วยได้รับ ข้อมูล
ด้านยาทจี่ าเป็น กาหนดระยะเวลาทเี่ หมะสมในการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา รวมถงึ
ประเภทความแตกต่างของรายการยาเม่ือมีการเปรียบเทียบและประสานรายการยา นอกจากน้ี
ยังต้องมีการประเมินผลกระบวนการเปรียบเทียบและประสานรายการยา เพื่อสะท้อน
ประสิทธภิ าพ ประสิทธผิ ลในการปฏิบตั ิงานอกี ด้วย

3.1 ความหมายการเปรยี บเทียบและประสานรายการยา

การเปรียบเทียบและประสานรายการยา คือ กระบวนการท่ีบุคลากรทางการแพทย์
ระบุรายการยาท้ังหมดท่ีถูกต้องท่ีสุดของผู้ป่วย ทาการพิจารณาความแตกต่างหรือความไม่
สอดคล้องกันของรายการยาผู้ป่วยระหว่างรายการยาที่ผู้ป่วยรับประทานอยู่อย่างต่อ เนื่อง
ท้ังหมด ก่อนเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลกับรายการยาท่ีผู้ป่วยได้รับเม่ือแรกรบั ให้แล้ว
เสร็จภายในกรอบระยะเวลาท่ีกาหนด รวมทั้งเมื่อผู้ป่วยย้ายแผนก/ย้ายหอผู้ป่วย หรือเมื่อถูก
จาหน่ายกลบั บ้าน

3.2 ความสาคัญของการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา

การเปรยี บเทียบและประสานรายการยา เป็นกระบวนการที่จาเปน็ เพ่อื ความปลอดภัย
ในการใช้ยาและความปลอดภัยของผู้ป่วย ในระหว่างกระบวนการเปรียบเทียบและประสาน
รายการยา อาจพบปัญหาอน่ื ๆ ทีเ่ กี่ยวกบั ยา ซึ่งอาจเป็นสาเหตขุ องการเข้ารักษาพยาบาลในครั้ง
นั้น หรือมีความเส่ียงท่ีจะเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข (จุราพร พงศ์เวช
รกั ษ์, 2560) ได้แก่

1. การไม่สามารถ หรือไมไ่ ดใ้ ชย้ าตามคาแนะนา เช่น พบว่าผู้ป่วยโรคหอบหดื โรคถงุ
ลมโปง่ พอง สดู พ่นยาขยายหลอดลมทางปากไม่ถูกวิธี หรอื พน่ ยาสเตยี รอยดส์ าหรับการป้องกัน

13

การเกิดอาการไมส่ ม่าเสมอ ซ่ึงอาจเป็นสาเหตทุ าให้ไมส่ ามารถควบคมุ โรคไดต้ ้องเข้านอนรักษา
ในโรงพยาบาล หรือต้องเข้ารับการรักษาซ้าๆบ่อยๆ ผู้ป่วยโรคเบาหวานเข้ารักษาด้วยภาวะ
น้าตาลในเลือดสูง อาจเกิดจากฉีดยาอินซูลินไม่ถูกเทคนิคทาให้ได้รับยาน้อยกว่าหรือมากกว่า
ขนาดที่แพทย์ส่ังใช้ หรือเกิดจาก ผู้ป่วยเก็บยาอินซลู ินไม่เหมาะสม ทาให้ยาเสยี ความคงตัว ทา
ใ ห้ ผู้ ป่ ว ย ไ ม่ ส า ม า ร ถ ค ว บ คุ ม ร ะ ดั บ น้ า ต า ล ใ น เ ลื อ ด ไ ด้ ต า ม เ ป้ า ห ม า ย ทุ ก ค รั้ ง ที่ ม า ติ ด ต า ม
ผลการรักษา เป็นตน้

2. ยาที่ใช้อยเู่ ป็นยาทม่ี ีอันตรกิริยาระหว่างยา เชน่ การพบว่ายาและ/หรือผลิตภัณฑ์
สุขภาพที่ผู้ป่วยใช้อยู่ มีอันตรกิริยาระหว่างยาต่อกัน ซึ่งอาจทาให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์
จากยา ท่มี ีผลใหผ้ ปู้ ่วยต้องเข้ารบั การรกั ษาในครัง้ นั้น

ภาพท่ี 3.1 แสดงกระบวนการการเปรยี บเทยี บและประสานรายการยากบั ความปลอดภยั ในการ
ใชย้ า ที่มา บทความการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์ เรือ่ ง การเทียบประสานรายการยาและ
ความคลาดเคล่ือนเหตุใช้ยา (Medication Reconciliation and Medication Errors) (จุราพร
พงศเ์ วชรักษ์, 2560)

14

จากภาพที่ 3.1 จะเห็นได้ว่า ภายในระบบการรักษาพยาบาล และการดูแลสุขภาพ
อย่างต่อเนื่อง (Within healthcare system and Across continuum of care) เม่ือตรวจพบ
ความแตกต่างหรือความไม่สอดคล้องกันของรายการยา (Medication discrepancies) ของ
ผู้ป่วย หากมีการปฏิบัติในกระบวนการเปรียบเทียบและประสานรายการยา ( Medication
reconciliation) ตามมาตรฐานด้วยข้นั ตอน ในกรอบระยะเวลาทีเ่ หมาะสมกจ็ ะสามารถตรวจพบ
ความคลาดเคล่ือนทางยา (Medication error) ได้ก่อนที่จะถึงตัวผู้ป่วย จึงเป็นการป้องกัน
เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (Adverse events) อันอาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วย (Patient
harm) ได้

3.3 ขน้ั ตอนสาคัญการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา

การเปรยี บเทียบและประสานรายการยา ไมใ่ ชเ่ ปน็ เพียงการสบื ประวัติเพือ่ ให้ไดข้ ้อมูล
ประวัติการใช้ยาเดิมท่ีกาลังใช้อยู่ของผู้ป่วยให้แก่ทีมดูแลผู้ป่วยเท่าน้ัน แต่รวมถึงยาผู้ป่วยอาจ
ใช้อยู่ ในอดีตท่ีเคยได้รับ ยาที่จะได้รับต่อไป และรวมถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆอีกด้วย เมื่อได้
ประวัติการใช้ยาครบถ้วนและสมบูรณ์เท่าท่ีจะหาได้แล้ว (a comprehensive best possible
medication history) จะต้องนามาเปรียบเทียบกันกับยาท่ีถกู สั่งใชเ้ มื่อเข้ารับการรักษา รวมถงึ
มีการสอบถามประวัติการแพ้ยา เพ่ือให้มั่นใจว่ามียาของผู้ป่วยมีความสอดคล้องต่อเนื่องกัน
หรือกรณีถ้ามีการปรับเปล่ียนยา ก็ควรเป็นไปอย่างมีเหตุผลสนับสนุนทางคลินิก เมื่อมีความ
แตกต่างหรือไม่สอดคล้องกันของรายการยาที่พบ จะต้องมีการหาข้อมูล สอบถาม ปรึกษากับ
แพทย์จนได้ข้อสรุป และต้องมีการบันทึกข้อมูล ไม่ว่าความแตกต่างน้ันจะเกิดโดยตั้งใจหรือไม่
ต้ังใจก็ตาม ขั้นตอนสุดท้าย คือ ต้องสื่อสาร และส่งต่อข้อมูลรายการยาท่ีครบถ้วนและถูกต้อง
มากที่สุด ซ่ึงได้จากการเปรียบเทียบและประสานรายการเรียบร้อยแล้วให้แก่ทีมที่รับช่วงต่อใน
การดูแลรักษาผ้ปู ว่ ยตอ่ ไป (จุราพร พงศเ์ วชรักษ์, 2560)

ขัน้ ตอนสาคัญของกระบวนการเปรียบเทียบและประสานรายการยา อาจสรุปไดเ้ ป็น 4
ขั้นตอน โดยต้องดาเนินการให้ครบถ้วนท้ังหมด คือ (สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศ
ไทย), 2563)

ข้ันตอนที่ 1 บันทึกรายการยาท่ีผู้ป่วยได้รับ (Verification) เป็น
การรวบรวมรายการยาท้ังหมดที่ผู้ป่วยได้รับก่อนเข้ามารับการรักษาใน
โรงพยาบาล ซึ่งอาจได้มาจากฐานข้อมูลของโรงพยาบาล จากซองยาที่ผู้ป่วย
หรือญาตินามาใหด้ ู ตลอดจนขอ้ มลู ทางคลินิก เชน่ ประวตั คิ วามเจบ็ ปว่ ย ผล

15

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เป็นต้น โดยข้อมูลยาที่ผู้ป่วยใช้น้ันต้องได้มาจากอย่างน้อย 2
แหล่งจึงจะครบถว้ น

ข้นั ตอนท่ี 2 ทวนสอบขอ้ มูลความถูกต้องของรายการยา
(Clarification) เป็นการสอบถามผู้ป่วยหรือญาติว่าผู้ป่วยใช้ยา
อย่างไร เป็นไปตามท่ีระบุบนซองยาหรือไม่ ตรวจสอบว่ายาท่ีอยูใ่ น
ซองยาใชย่ าทมี่ ีชือ่ และวธิ ีใชต้ ามทร่ี ะบไุ วท้ ห่ี นา้ ซองยาหรอื ไม่ ผูป้ ว่ ย
ยังใช้ยาทุกตัวท่ีนามาหรือไม่ ถ้าข้อมูลที่ได้จากการซักถามผู้ป่วย
หรือญาติไม่สอดคล้องกับยาที่แพทย์ส่ัง ควรระบุเหตุผลของการเปล่ียนแปลงการใช้ยาไว้ด้วย
เช่น ผู้ป่วยทนอาการข้างเคียงของยาไม่ได้จึงหยุดใช้ยาเอง หรือรู้สึกว่าอาการดีข้ึนแล้วเลยลด
ขนาดยาลงหรือหยุดยาเอง เปน็ ตน้ ควรให้เวลากับขัน้ ตอนนี้ โดยเฉพาะถ้าผู้ป่วยได้รับยาหลาย
ชนิด มีโอกาสมากท่ีจะใช้ยาคลาดเคล่ือนจากที่แพทย์ส่ัง เช่น ผู้ป่วยรับประทานยาซ้าซ้อนจาก
การใช้ยาเดิมควบไปกับยาใหม่ท่ีแพทย์สั่งให้ทดแทนยาเดิมท่ีสั่งหยุดแล้ว เป็นต้น และควร
สอบถามข้อมูลว่าผู้ป่วยรับประทานยาคร้ังสดุ ท้ายเมื่อใด ยาอะไรบ้าง ขนาดเทา่ ไร ในขน้ั ตอนน้ี
หากเป็นไปได้ ควรประเมินว่ายาที่ผู้ป่วยใช้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับความเจ็บป่วยของ
ผู้ป่วยหรือไม่ อาการท่ีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาในคร้ังนี้มีสาเหตุมาจากยาทใ่ี ช้หรอื ไม่ เช่น หัว
ใจเต้นช้าลงมากจากการได้รับยาเบต้า บล็อกเกอร์ (beta blocker) ในขนาดไม่เหมาะสม หรือ
น้าตาลลดต่าลงมากจากการฉีดอินซูลินผิดขนาด หรือถ่ายปัสสาวะไม่ออกเพราะได้รับยาผิด
เนอื่ งจากความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา เปน็ ต้น

ขั้นตอนที่ 3 เปรียบเทยี บรายการยาใหม่กบั รายการยาเดิมท่ี
เคยได้รับ และบันทึกการเปล่ียนแปลง (Reconciliation) ข้ันตอนนี้
สาคัญมาก เป็นการเปรียบเทียบรายการยาทแี่ พทยส์ ่ังเมื่อแรกรบั ผปู้ ่วย
เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลกับราย การยาเดิมท่ีได้จากการ
ดาเนินการขัน้ ตอนท่ี 1 และ 2 เพอ่ื ดูว่าแพทยล์ มื ส่งั ยาอะไรที่ผู้ป่วยเคย
ใช้ประจาหรือไม่ แพทย์จะหยุดยาบางอย่างไว้ช่ัวคราวในขณะที่ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล
หรือไม่ แพทยจ์ ะยกเลกิ รายการยาที่ซา้ ซอ้ นหรอื ไม่ ซง่ึ หากมีการเปล่ยี นแปลงรายการยาควรทา
การบันทึกการเปลี่ยนแปลงพร้อมเหตุผล ขั้นตอนน้ีหากเปรียบเทียบแล้วพบว่ามีการ
เปล่ียนแปลงของรายการยาโดยไมร่ ะบเุ หตุผล เภสัชกรหรอื ผู้ทาหน้าที่ประสานรายการยาควร
ติดต่อแพทย์ผสู้ ง่ั ใช้ยา เพอื่ สอบถามและยนื ยันอกี ครงั้ เป็นการปอ้ งกันความคลาดเคล่ือนท่ีอาจ
เกดิ ขนึ้ ท่สี าคัญคอื ในการยนื ยนั คาสั่งใช้ยานี้จะต้องมีลายเซน็ ต์แพทยผ์ ูส้ ่ังใช้ยากากบั ด้วยเสมอ

16

ขั้นตอนท่ี 4 ส่งต่อข้อมูลตามรอยต่อของการรั กษา
(Transmission) ระหว่างผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล หากมีการ
ย้ายแผนกหรือหอผู้ป่วย หรือมีการสรุปการรักษาใหม่ ( review
treatment) ข้อมูลรายการยาทั้งหมดที่ผู้ป่วยใช้อยู่และรายการยาที่
แพทย์ส่ังหยุดใช้ช่ัวคราว จะต้องถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานใหม่ทกุ ครงั้
และเมื่อผู้ป่วยถูกจาหน่ายกลับบ้าน จะต้องมีการประสานรายการยา
ที่แพทย์สั่งให้ผู้ป่วยกลับบ้านกับรายการยาผู้ป่วยท่ีบันทึกไว้ตอนแรกรับ (ขั้นตอนที่ 1 และ 2)
หากมกี ารเปล่ยี นแปลงชนดิ ของยา ขนาดยาทใี่ ช้ วถิ บี ริหารยา หรือมรี ายการยาใดทผ่ี ู้ปว่ ยเคยใช้
ประจาหายไป เภสัชกรจะตอ้ งยืนยนั ความถูกต้องของรายการยากับแพทยผ์ ู้สงั่ ใชย้ าก่อน พรอ้ ม
กันนี้เภสัชกรต้องมีการจัดทาสรุปรายการยาล่าสุดส่งให้สถานพยาบาลท่ีส่งตัวผู้ป่ วยมารักษา
หรือท่ีผู้ป่วยจะไปรับบริการต่อไป ตลอดจนเก็บไว้ในเวชระเบียนเมื่อผู้ป่วยจะมาพบแพทย์ใน
โรงพยาบาลที่แผนกผปู้ ่วยนอกในครัง้ ต่อไปด้วย

3.4 แหล่งข้อมูลที่จาเป็นสาหรับการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา

ขอ้ มลู ยาที่ผปู้ ่วยใชอ้ ยอู่ ยา่ งต่อเนือ่ งนนั้ อาจสืบคน้ ได้จากแหลง่ ตา่ งๆ (ธดิ า นิงสานนท,์
ปรีชา มนทกานติกุล และสุวฒั นา จุฬาวัฒนทล, 2551) ดงั น้ี

1.ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผู้ป่วยนาม า
โรงพยาบาล

2.การสัมภาษณ์ตัวผู้ป่วย ผู้ดูแลผู้ป่วย หรือ
ญาติผู้ป่วย

3.สมุดประจาตัวโรคเร้ือรังของผู้ปว่ ย
4. เวชระเบยี น ในกรณีท่ีเป็นผ้ปู ว่ ยประจาของโรงพยาบาล
5. ฐานข้ อมู ล อิ เ ล็ กท ร อนิกส์ ข องผู้ ป่ วยใน
โรงพยาบาล
6. สถานพยาบาลอ่ืนท่ีผู้ปว่ ยใช้บริการหรือรักษา
อยู่กอ่ นหนา้

17

3.5 ข้อมูลท่ีจาเป็นในการบันทึกในกระบวนการเปรียบเทียบและประสาน
รายการยา

ข้อมูลท่ีจาเป็นในกระบวนการเปรียบเทียบและประสานรายการยาท่ีต้องบันทึก เพื่อ
ส่งผลให้กระบวนการมีประสิทธิภาพ (ธิดา นิงสานนท์, ปรีชา มนทกานติกุล และสุวัฒนา
จฬุ าวฒั นทล, 2551) ได้แก่

1. ยาที่ผู้ป่วยรับประทานเป็นประจา ทั้งช่ือยา ขนาด วิธีใช้ ความถี่ท่ีได้รับยา
เหลา่ นั้น รวมถงึ ยาทผ่ี ้ปู ่วยซ้อื ใชเ้ อง สมนุ ไพร วิตามนิ ผลติ ภัณฑเ์ สริมอาหาร เป็นต้น

2. ยาที่รับประทานม้ือสุดท้ายเป็นยาอะไรบ้าง ช่ือยาอะไร รับประทานเวลาใด
ขนาดเทา่ ใด

3. ข้อมูลการแพ้ยา อาการไม่พึงประสงคจ์ ากยารุนแรงที่ผู้ป่วยมีประสบการณ์
จากการใชย้ าบางชนิด เพื่อปอ้ งกันการเกดิ ซ้า

3.6 รายการยาและกาหนดเวลาในการทาการเปรียบเทียบและประสาน
รายการยา

ในการหาข้อมูลยาท่ีผู้ป่วยใช้ต่อเน่ืองอยู่นั้น สถาบันเพ่ือการรับรองคุณภาพสถาน
บริการสขุ ภาพแห่งสหรัฐอเมรกิ า (The Joint Commission on Accreditation of Healthcare
Organization: JCAHO) ได้กาหนดให้ รวบรวมข้อมูลให้เสร็จส้ินภายใน 24 ชั่วโมง นับต้ังแต่
รับผปู้ ว่ ยไว้ในสถานพยาบาล หรือก่อนการสงั่ การรกั ษาใหม่ อยา่ งไรกต็ ามมยี าบางกลุม่ ทม่ี คี วาม
จาเป็นต้องสอบถามผู้ป่วยให้ได้ข้อมูลโดยเร็ว เพ่ือช่วยให้ผู้ป่วยได้รับยาตามเวลาที่ควรจะเป็น
รายการยาทีถ่ ือวา่ มีความสาคัญท่ีผปู้ ่วยต้องไดร้ ับต่อเนื่อง ควรทาการเปรียบเทยี บและประสาน
รายการยารวมท้ังควรมีการสื่อสารถึงกัน ระหว่างแพทย์ เภสัชกร และพยาบาล ภายใน 4
ชว่ั โมง นบั ตงั้ แต่รับผ้ปู ่วยไวใ้ นสถานพยาบาล หรอื กอ่ นการส่งั การรักษาใหม่ ยกเว้นกรณฉี กุ เฉิน
พิจารณาให้มีการสั่งการรักษาได้โดยอาจมรี ายการยาบางส่วนไม่สมบูรณ์ได้ มีดังนี้ (ธิดา นิงสา
นนท,์ ปรชี า มนทกานติกุล และสวุ ัฒนา จฬุ าวฒั นทล, 2551)

1) ยาปฏิชวี นะ (Antibiotics)
2) อนิ ซูลิน (Insulin)
3) ยาลดความดันโลหิตท่ีมีการให้ยาวันละยาหลายครั้ง (Antihypertensive
drug on a multiple dosing schedule)

18

4) ยาใช้ป้องกนั การปฏเิ สธเน้ือเยือ่ (Anti-rejection drug)
5) ยารักษาภาวะหวั ใจเตน้ ผิดจังหวะ (Antiarrhymics Drug)
6) ยาพ่นสดู (Inhalers)
7) ยากนั ชกั (Anticonvulsants)
8) ยารักษาตา (Eye medications)
9) ยารักษาอาการปวด (Analgesic drugs)
10) ยารับประทานใช้ลดน้าตาลในเลือดที่มีการให้ยาวันละยาหลายคร้ัง (Oral
antihyperglycemic drug on a multiple dosing schedule)

3.7 ประเภทความแตกตา่ งของรายการยาเมื่อมีการเปรียบเทียบและประสาน
รายการยา

เม่ือมีการเปรียบเทียบและประสานรายการยา ความแตกต่างของรายการยาทพ่ี บได้
แบง่ เปน็ 3 ประเภท คือ

1. ความแตกต่างท่ีเกิดจากความตั้งใจของแพทย์ คือ แพทย์ได้ส่ังเพ่ิม ลด
เปล่ียน หรือหยุดยาทผี่ ู้ป่วยเคยได้รับตามภาวะทางคลินกิ ของผู้ป่วย ซ่ึงเกิดจากความต้งั ใจและ
ถกู ตอ้ งตามหลักวชิ าการ ดงั น้ันจึงไมจ่ ดั เปน็ ความคลาดเคลอื่ น

2. ความแตกต่างท่ีเกิดจากความตั้งใจของแพทย์ และไม่มีการบันทึกในเวช
ระเบียนผปู้ ว่ ยแม้จะไม่ใช่ความคลาดเคล่ือน แตอ่ าจเปน็ สาเหตุทาให้เกดิ ความคลาดเคล่ือนได้

3. ความแตกตา่ งท่เี กดิ จากความไม่ตั้งใจ คอื แพทย์ส่ังเพิ่ม เปลีย่ น หรือหยุดยา
ท่ผี ปู้ ่วยเคยได้รบั โดยไมไ่ ด้ตั้งใจ จดั เป็นความคลาดเคลื่อนทางยา

3.8 การประเมนิ ผลกระบวนการการเปรียบเทียบและประสานรายการยา

ตัวช้ีวัดเป็นเครื่องมือท่ีใช้ในการวัดผลการปฏิบัติงาน หรือประเมินระบบท่ีได้มีการ
ออกแบบไว้ซึ่งสามารถแสดงการวัดผลลัพธ์ออกมาในรูปของข้อมูลเชิงปริมาณ เพื่อสะท้อน
ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการปฏิบัติงาน การติดตามประเมินผลผ่านตัวชี้วัดน้ีอาจจะมีการ
กาหนดท่ีแตกต่างกันไปตามแตล่ ะช่วงเวลาของระดับการพัฒนากระบวนการท่ีผ่านมาซึ่งขึน้ กบั
เป้าหมายของการดาเนินงาน และการออกแบบกระบวนการที่มีการดาเนินงานอยู่ ตัวชี้วัดใน

19

การติดตามผลลัพธ์กระบวนการการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา (จันทร์จารึก รัตนเดช
สกุล และภาสกร รัตนเดชสกุล, 2561) ไดแ้ ก่

1. ร้อยละของหอผู้ป่วยท่ีมีการดาเนินการเร่ือง การเปรียบเทียบและประสาน

รายการยา (MR)

= จานวนหอผู้ป่วยที่มกี ารดาเนนิ การเร่ือง MR x 100
จานวนหอผปู้ ่วยทง้ั หมด

2. ร้อยละของผู้ป่วยเบาหวานรับเข้าท่ีมีการดาเนินการเร่ือง การเปรียบเทียบ

และประสานรายการยา (MR)

= จานวนรวมของแฟม้ ผปู้ ว่ ยเบาหวานท่มี หี ลกั ฐานการดาเนนิ การเรอื่ ง MR x 100
จานวนแฟ้มผูป้ ่วยเบาหวานท่ีทบทวนทง้ั หมด

เน่ืองจากขอ้ จากดั เรื่องอัตรากาลัง การดาเนนิ การ MR ใหค้ รอบคลุมทง้ั หมดเปน็
เรื่องยาก ดังนั้นตัวบ่งช้ีกระบวนการน้ี อาจจาแนกตามกลุ่มโรค เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน

เปน็ ต้น หรอื ตามกลมุ่ ยาสาคัญ เช่น กลมุ่ ผู้ป่วยทใ่ี ชย้ าวารฟ์ าริน (warfarin) เป็นตน้ ตวั ต้ัง และ
ตัวหารจึงเปน็ ไปตามกล่มุ เฉพาะทไ่ี ด้ดาเนินการ

3. ร้อยละของผู้ป่วยที่มกี ารดาเนนิ งานการเปรียบเทียบและประสานรายการยา
(MR) ใหแ้ ลว้ เสร็จภายใน 24 ชั่วโมง
=

จานวนรวมของแฟ้มผปู้ ว่ ยทม่ี หี ลกั ฐานการดาเนินงาน MR ใหแ้ ลว้ เสร็จภายใน ชม. x 100
จานวนแฟ้มผู้ป่วยทท่ี บทวนท้งั หมด

4. รอ้ ยละของ medication discrepancy

= จานวนรายการยาที่เกดิ ความตา่ ง (discrepancy) ในบนั ทกึ MR x 100
จานวนรายการยาทัง้ หมดท่ที บทวน

รายการยาที่พบว่าเกิดความต่างในการเปรียบเทียบ สะท้อนให้เห็นว่าอาจไม่มี
ระบบการส่งต่อข้อมูลท่ีดีพอ หรือ แพทย์อาจมีการปรับเปลี่ยนแต่ไม่มีการระบุเหตุผลของการ

20

ปรับเปล่ียนเป็นการสะท้อนเรื่องการส่งต่อข้อมูลระหว่างสหวิชาชีพด้านการดูแลผู้ป่วย ทั้งนี้
ตัวช้วี ดั เหล่าน้อี าจปรับเป็นเฉพาะกลุม่ ผูป้ ่วย กล่มุ โรค หรือกลมุ่ ยาไดท้ ัง้ ส้นิ

5. ร้อยละของรายการที่ได้รับการเปรียบเทียบและประสานรายการยา

(reconciled)

= จานวนรายการยา reconcile ในบันทึก MR x 100
จานวนรายการยาทง้ั หมดทที่ บทวน

6. ร้อยละของรายการท่ีไม่ได้รับการเปรียบเทียบและประสานรายการยา

(unreconciled)

= จานวนรายการยา unreconciled ในบันทึก MR x 100
จานวนรายการยาทงั้ หมดทที่ บทวน

7. ร้อยละของรายการท่ีได้รับความร่วมมือจากแพทย์ปรับเปล่ียนการส่ังใช้ยา

ตามท่ีเภสัชกรได้ทาการเปรยี บเทียบ และพบความไมต่ รงกัน (adherence to intervention)

= จานวนรายการยา adherence to intervention ในบันทกึ MR x 100
จานวนรายการยาท่พี บความต่างโดยไมม่ ีขอ้ มลู สนบั สนนุ ทางคลนิ ิก

เป็นการนับจากความร่วมมือ (adherence) ท่ีแพทย์ปรับเปลี่ยนการส่ังใช้ยา
ตามท่ีเภสัชกรทาการเปรียบเทียบ และพบความไม่ตรงกัน จึงได้ให้ข้อเสนอแนะ ความคิดเห็น
ท้ังนี้อาจมาจากปัจจัยสาเหตุส่วนบุคคล เช่น ไม่ตั้งใจ หลุด หรือขาดข้อมูล การส่งต่อข้อมูลไม่
ครบถ้วน ความแตกต่างน้ีจัดเป็นความคลาดเคล่ือนจากการสัง่ ใชย้ าได้ และจากการท่ีได้รบั การ
เปรียบเทียบ และปรบั เปลี่ยนหรือแก้ไขก่อนที่จะถงึ ผู้ปว่ ย จึงเป็นความคลาดเคลื่อนจากการสั่ง
ใชย้ า ความรุนแรงระดบั B

8. จานวนรายการยาท่ีไม่ได้รับการเปรียบเทียบและประสานรายการยา

(unreconciled) ต่อ 100 ผปู้ ่วยรับเขา้ ใหม่

= จานวนรายการยา unreconciled ท่ไี ดจ้ ากการทบทวนทง้ั หมด x 100
จานวนแฟม้ รับใหม่ที่ทบทวนท้งั หมด

อาจปรับเปน็ ต่อ 1000 ผปู้ ่วยรับใหม่ตามความเหมาะสม

21

9. ความคลาดเคลื่อนจากการส่ังใช้ยา ความรุนแรงระดับ C ในกลุ่มยาท่ีต้อง
ระมัดระวงั สูงในผปู้ ่วยในรบั ใหม่

= จานวนรายการยา unreconciled ท่เี ปน็ ยาทต่ี อ้ งระมัดระวงั สูง x 100
จานวนแฟ้มรับใหมท่ ที่ บทวนทง้ั หมด

ใ น ก า ร นั บ ร า ย ก า ร ย า ท่ี ไ ม่ ไ ด้ รั บ ก า ร เ ป รี ย บ เ ที ย บ แ ล ะ ป ร ะ ส า น ร า ย ก า ร ย า

(unreconciled medications) นั้นจะนับในกรณีท่ีพบว่า ไม่มีการส่ังใช้ยาที่มาจากประวัติ หรือ
การสัมภาษณ์ มีเหตุผลในการที่จะใช้ต่อ โดยแจ้งแพทย์ว่ามีความต่างจากการเปรียบเทียบใน

แบบบันทึกข้อมูล (medication reconciliation form) แล้วแพทย์ยืนยันว่าไม่สั่งใช้ และไม่มี

ข้อมลู สนับสนุนชัดเจน ก็จะจัดเปน็ ส่วนหนึ่งใน unreconciled medications รวมถึงในกรณีท่ีมี
การเพิ่มขนาดยาประจาแก่ผู้ป่วย ท่ีแพทย์ได้รับแจ้งถึงความต่างจากการเปรียบเทียบใน

medication reconciliation form เดิมโดยผู้ป่วยยังมีค่าพารามิเตอร์สาคัญเป็นไปตาม

เป้าหมายเหมอื นทุกครงั้ ที่ผา่ นมา แต่แพทยย์ ืนยนั ทจ่ี ะสั่งใช้ยาดงั กล่าว โดยไมม่ ีขอ้ มลู สนับสนุน

ชัดเจน ในกรณีนี้จะนับว่าเป็น unreconciled medications ด้วย และเน่ืองจากความ
คลาดเคลื่อนดังกล่าว ส่งผลถึงผู้ป่วย จึงนับเป็นความคลาดเคล่ือนจากการส่ังใช้ยา ความ

รนุ แรงระดับ C ขน้ึ ไป
10. อุบัติการณ์เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ด้านยาร้ายแรงในกลุ่มผู้ป่วยท่ีได้รับ

การดาเนนิ การเรอื่ งการเปรียบเทียบและประสานรายการยา (medication reconciliation)
11. อุบัติการณ์เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ด้านยาท่ีมีศักยภาพในการก่อให้เกิดผล

ร้ายแรงในกลุ่มผู้ป่วยท่ีได้รับการดาเนินการเร่ืองการเปรียบเทียบและประสานรายการยา

(medication reconciliation)

12. ค่าใช้จ่ายด้านยาที่สามารถประหยัดได้จากการดาเนินการ เท่ากับ มูลค่ายา
เหลือใช้ท่ีผปู้ ว่ ยนาตดิ ตัวกลับมา โดยท่ไี ม่มปี ญั หาท่ีเก่ยี วกับยา (Drug Related Problem: DRP)
และสามารถนากลบั มาใชใ้ ห้กบั ผปู้ ว่ ยได้

13. ร้อยละผูป้ ่วยกลุ่มทีด่ าเนินการเรื่องการเปรียบเทยี บและประสานรายการยา
ทมี่ คี า่ พารามิเตอร์ในช่วงกาหนด

= จานวนผปู้ ่วยกลุ่มท่ีดาเนนิ การทมี่ ีค่าพารามเิ ตอร์ในชว่ งทีก่ าหนดx100
จานวนผปู้ ว่ ยทีอ่ ยใู่ นโครงการ

22

โดยสรุป ในการจัดทาแนวปฏิบตั ิในการเปรียบเทียบและประสานรายการยา จะทาให้
เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันของบุคลากรทางการแพทย์ใน
โรงพยาบาล ทาใหผ้ ปู้ ว่ ยได้รับยาท่สี มควรไดร้ บั มกี ารรักษาอย่างเหมาะสมและครบถว้ น ไม่เกดิ
การใช้ยาซ้าซ้อนหรือการได้รับยาท่ีไม่จาเป็น ซ่ึงจะช่วยลดความคลาดเคลื่อนจากการส่ังใช้ยา
ของแพทย์ไม่ให้ไปถึงตัวผู้ป่วย และป้องกันการเกิดความคลาดเคลื่อนจากการส่ังใช้ยาที่อาจจะ
เกดิ ขึน้ ส่งผลให้ไมเ่ กิดเหตุการณ์ไมพ่ ึงประสงค์ด้านยาทีม่ ีศักยภาพในการก่อให้เกิดผลร้ายแรง
และเป็นอันตรายต่อผู้ปว่ ยได้

23

บทที่ 4
ความรู้เก่ียวกบั รอยตอ่ การดแู ลรกั ษา

รอยต่อการดูแลรักษา (Transitions of care) เป็นจุดรอยต่อต่างๆท่ีซึ่งผู้ป่วยถูก
เคลื่อนย้ายไปหรือเคล่ือนย้ายกลับมา เพ่ือเข้ารับการดูแลรักษาพยาบาลกับแพทย์อย่าง
เหมาะสม รอยต่อการดูแลรกั ษามีความสาคญั และเป็นจุดท่มี คี วามเสย่ี งในการท่ีจะทาให้ผู้ป่วย
ได้รับยาไม่ครบถ้วน ถูกต้อง และเหมาะสมได้ ส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัยในการใช้ยาของ
ผปู้ ว่ ย

ภาพที่ 4.1 แสดงการเปลี่ยนแปลงยาท่ีผู้ป่วยได้รับ ในช่วงรอยต่อการดูแลรักษาระหว่างบ้าน
แ ล ะ โ ร ง พ ย า บ า ล ที่ ม า Medication Safety in Transitions of Care. World Health
Organization, 2019 หนา้ 12

จากภาพที่ 4.1 แสดงการเปลี่ยนแปลงยาท่ีผู้ป่วยได้รับ ในช่วงรอยต่อการดูแลรักษา
ระหว่างบ้านและโรงพยาบาล โดยเริ่มจากเมื่อ

1. ผปู้ ว่ ยเข้ารับการรกั ษาในโรงพยาบาล
2. บุคลากรทางการแพทย์จะทาการสัมภาษณ์ หรือซักประวัติเพื่อให้ได้มาซึ่งประวัติ
การใช้ยาของผู้ปว่ ย

24

3. จากนั้นจะทาการบันทึกรายการยาท่ีผู้ป่วยได้รับ และทวนสอบข้อมูลโดยใช้
แหลง่ ขอ้ มลู ทม่ี คี วามน่าเชื่อถอื

4. กระบวนการเปรียบเทียบรายการยาใหม่กับรายการยาเดิมที่เคยได้รับ และบันทึก
การเปลยี่ นแปลง ในขณะแรกรบั ผปู้ ว่ ยนอนรกั ษาในโรงพยาบาล

4-7 ระหว่างผู้ป่วยนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล แพทย์มีการปรับเปล่ียนยาที่ผู้ป่วย
รบั ประทาน (เช่น ให้หยดุ ยาบางรายการ มกี ารเพ่มิ ยาใหม่ เปน็ ต้น) ตามแผนการรกั ษา

7. กระบวนการเปรียบเทียบรายการยาใหม่กับรายการยาเดิมท่ีเคยได้รับ และบันทกึ
การเปล่ียนแปลง ในขณะเตรยี มจาหน่ายผ้ปู ่วยกลับบา้ น

8. ส่ือสารทาความเข้าใจข้อมูลยาท่ีมีการปรับเปล่ียนในระหว่างที่ผู้ป่วยรักษาตัวใน
โรงพยาบาล โดยใหผ้ ูป้ ว่ ยหรือญาตมิ ีสว่ นรว่ ม ก่อนที่จะกลบั ไปรักษาตัวทบี่ ้าน

9. ผู้ป่วยสามารถจาหน่ายจากโรงพยาบาลกลับไปบ้าน โดยได้รับทราบรายการยา
ล่าสดุ ที่ถกู ต้อง เหมาะสมกับการรกั ษาผ้ปู ว่ ย

การเปรียบเทียบและประสานรายการยา ได้เกี่ยวข้องกับรอยต่อของการ
รักษาพยาบาล 3 จุด คือ จากบ้านหรือในชุมชนมายงั โรงพยาบาล (admission) จากแผนกหรอื
หอผู้ปว่ ยหน่ึงไปยังอีกหน่วยหนง่ึ (transfer) และจากโรงพยาบาลไปบ้านผู้ปว่ ย (discharge) ซง่ึ
เป็นการเน้นบริบทของโรงพยาบาล แต่ในความเป็นจริงแลว้ ทุกๆท่ีที่ผู้ป่วยไปใช้บรกิ ารสขุ ภาพ
ระดับปฐมภูมิ เช่น คลินิกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลส่งเสรมิ สขุ ภาพตาบล สถานปฏิบัติการเภสชั
กรรมชุมชน (ร้านยา) ก็สามารถนาแนวคิดและกระบวนการไปประยุกต์ได้เช่นกัน รอยต่อของ
การดแู ลรกั ษาในบรบิ ทของโรงพยาบาลทที่ ีมสขุ ภาพควรใหค้ วามระมดั ระวงั มากเปน็ พิเศษ (จรุ า
พร พงศเ์ วชรกั ษ์, 2560) คือ

1. ขณะแรกรับเขา้ นอนรักษาในโรงพยาบาล
2. ขณะยา้ ยผู้ป่วยจากแผนกฉุกเฉินไปหอผ้ปู ่วย หรอื กลับบา้ น
3. ขณะย้ายผูป้ ่วยจากหนว่ ยผ้ปู ่วยภาวะวิกฤต (intensive care) ไปหอผปู้ วยทว่ั ไป
4. ขณะจาหน่ายผู้ปว่ ยออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน หรอื ไปยงั สถานพยาบาลอ่นื

โดยสรุป รอยต่อของการดูแลรักษา (Transitions of care) ที่มีความสาคัญในการ
ดูแลรักษาในโรงพยาบาล คือ รอยต่อของการรักษาพยาบาลจากบ้านหรือในชุมชนของผู้ป่วย
มายงั โรงพยาบาล จากแผนกหรือหอผปู้ ว่ ยหนึ่งไปยังอีกหน่วยหน่งึ และจากโรงพยาบาลไปบ้าน
ผู้ป่วย รอยต่อเหล่าน้ีเป็นช่องทางให้เกิดความแตกต่าง หรือไม่สอดคล้องกันของรายการยา

25

ระหวา่ งแตล่ ะจุดที่ผปู้ ว่ ยเข้ารับการรักษา หรือถกู เคลอื่ นยา้ ยไป ส่งผลให้เกิดความคลาดเคลื่อน
ทางยา เชน่ ความไมต่ ่อเน่อื งของการใชย้ าทีจ่ าเปน็ การยังคงใช้ยาทไี่ มจ่ าเปน็ ต้องใช้แล้ว การใช้
ยาซา้ ซอ้ น การใชย้ าไมถ่ กู ขนาด ไม่ถกู รปู แบบตามทผ่ี ู้รักษาตอ้ งการ การได้รบั ยาทีม่ อี ันตรกิริยา
ต่อกัน เป็นต้น ซ่ึงอาจส่งผลเสียต่อตัวผู้ป่วย เป็นสาเหตุให้เกิดการบาดเจ็บ ต้องเข้ารักษาตวั ใน
โรงพยาบาล ตอ้ งรกั ษาตัวเพมิ่ เตมิ นอนโรงพยาบาลนานขึ้น หรอื ทาให้ผปู้ ่วยท่ีถูกจาหน่ายกลับ
บา้ นไปแล้วตอ้ งกลบั เข้ารักษาทโ่ี รงพยาบาลซ้าอกี

26

บทท่ี 5
ความรูเ้ ก่ียวกบั ความคลาดเคลอ่ื นทางยา
ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การเปรยี บเทียบและประสานรายการยา

กระบวนการเปรียบเทียบและประสานรายการยา (Medication Reconciliation)
สามารถช่วยลดและป้องกันการเกิดความคลาดเคลื่อนทางยาได้ โดยความคลาดเคล่ือนทางยา
(Medication error) ก็เป็นประเด็นความเสี่ยงหนึ่งในมาตรฐานความปลอดภัยด้ านยา
ความคลาดเคลอ่ื นทางยาสามารถเกิดขึน้ ได้ในทุกข้นั ตอนของการใชย้ า และเป็นสาเหตุของการ
เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา หรืออาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา อันจะ
ก่อใหเ้ กดิ ความไม่ปลอดภัยในการใชย้ ากบั ผปู้ ่วย

5.1 ความหมายและลักษณะสาคญั ของความคลาดเคลือ่ นทางยา

ความคลาดเคลอ่ื นทางยา (Medication error) ตาม สภาประสานงานระดับชาติในการ
รายงานและการป้องกันความคลาดเคล่ือนทางยา (The National Coordinating Council for
Medication Error Reporting and Prevention: NCC MERP) หมายถึง เหตุการณ์ ใดๆที่
สามารถปอ้ งกนั ได้ ซงึ่ อาจเป็นสาเหตหุ รือนาไปสู่การใชย้ าท่ีไม่เหมาะสมหรือก่อให้เกิดอันตราย
กับผู้ป่วย โดยเกิดขึ้นในขณะที่ยาอยู่ในการควบคุมของบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยหรือ
ผู้บริโภค เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์
ผลิตภัณฑ์สุขภาพ กระบวนการรักษาและระบบ ซึ่งครอบคลุมถงึ การสั่งใชย้ า การสื่อสารคาส่งั
การจัดทาฉลากยา การบรรจุยาและระบุชือ่ ยา การเตรียมยา/การจัดยา การปรุงยา การจ่ายยา
การกระจายยา การบริหารยา/การใช้ยา การให้ความรู้ และการติดตามผลการใช้ยา (NCC
MERP, 2021)

ความคลาดเคล่ือนทางยามีลกั ษณะสาคญั (จันทร์จารกึ รตั นเดชสกลุ และภาสกร รตั น
เดชสกลุ , 2560) ดงั น้ี

1. เปน็ อบุ ัติการณ์ท่คี วรปอ้ งกันได้ สะท้อนวา่ ความคลาดเคลื่อนนัน้ เกิดจากบุคคล หรือ
ระบบไม่สามารถควบคมุ หรอื คัดกรองความคลาดเคล่ือนได้ผลของอุบัติการณ์อาจนาไปสู่การใช้

27

ยาท่ีไม่เหมาะสม เช่น เป็นการส่ังใช้ยาท่ีไม่ตรงกับข้อบ่งใช้หลักของยาหรือไม่สอดคล้องตาม
หลกั วชิ าการ

2. ผลของอุบัติการณ์ ผลน้ีอาจถึงหรือไม่ถึงตัวผู้ป่วย หากถึงผู้ป่วยอาจก่อให้เกิด
อันตรายหรือไมก่ ็ได้ ซึ่งหากก่อให้เกิดอันตราย อาจก่อให้เกิดอันตรายตั้งแต่ช่ัวคราวจนถึงถาวร
ผลของความคลาดเคลื่อนทางยาก็จะเรียกว่า “เป็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ด้านยา (Adverse
drug event)” และหากพิจารณาคานิยามของคาว่า “อันตราย” จะพบว่าโดยท่ัวไป หมายถึง
อบุ ัติการณท์ ่สี ่งผลกระทบต่อผ้ปู ว่ ยและกอ่ ให้เกดิ ความรนุ แรง

3. อุบัติการณ์นั้นอาจเก่ียวข้องกับปัจจัยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง หรือมากกว่า เช่น
เก่ียวข้องกับการปฎิบัติงานที่อาจเป็นการพล้ังเผลอ หรือ การขาดสมาธิ หรือ ไม่ปฎิบัติตาม
มาตรฐานวิธีการปฎบิ ัติ เชน่ แนวทางการส่ังใชย้ าอย่างเหมาะสมทีเ่ ก่ียวข้องกบั ผลิตภัณฑ์ (ยาที่
มีรูปแบบคล้ายกัน หรือมชี ่อื คลา้ ยกัน) เก่ยี วข้องกับวธิ ปี ฎบิ ัติ เช่น ขาดความชัดเจนในการยืนยัน
คาส่งั โดยวาจา ไมม่ แี นวทางการตรวจสอบอิสระต่อกันก่อนการบรหิ ารยา ขาดระบบการติดตาม
อาการไมพ่ ึงประสงค์ทสี่ ามารถปอ้ งกันได้ และเกีย่ วข้องกับระบบในองค์กร เช่น การทางานเป็น
ทมี ระบบการรายงานอุบัตกิ ารณท์ ี่เอ้อื ต่อการจดั การตามความเรง่ ดว่ นหรือความรนุ แรง

โดยความคลาดเคล่ือนทางยาน้ันเป็นเหตุการณ์ที่สามารถป้องกันได้ (Preventable
Harm) ในทุกกระบวนการของการจัดการระบบยา และเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา
(Adverse drug events: ADEs) และอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (Adverse drug
reactions: ADRs) ก็เป็นส่วนหน่ึงและมีความสัมพันธ์ หรือเป็นผลลัพธ์ท่ีเกิดจากเมื่อมีความ
คลาดเคลือ่ นทางยาเกิดขึ้นกับผูป้ ว่ ย ดังแสดงในภาพท่ี 5.1

28

ภาพท่ี 5.1 แสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความคลาดเคลื่อนทางยา และเหตกุ ารณ์ไม่พึงประสงค์
จากการใชย้ า ท่ีมา ระบบการจัดการด้านยา คน้ จาก

http://doh.hpc.go.th/ha2018/topicDisplay.php (ชลทศิ อไุ รฤกษก์ ลุ , 2562)

5.2 ประเภทและความรุนแรงของความคลาดเคลือ่ นทางยา

5.2.1 ประเภทของความคลาดเคลือ่ นทางยา (สมาคมเภสชั กรรมโรงพยาบาล (ประเทศ
ไทย), 2563) ได้แก่

1) ค ว าม ค ล าดเ ค ลื่ อนในการ ส่ั งใช้ ย า (Prescribing error) ห ม าย ถึ ง
ความคลาดเคล่ือนท่ีเกิดข้ึนในกระบวนการส่ังใช้ยาของแพทย์ท่ีส่งผลกระทบทางคลินิก เช่น
การส่ังใชย้ าทผ่ี ปู้ ว่ ยมปี ระวัติแพ้ หรือผูป้ ว่ ยมขี ้อห้ามใช้ (เช่น ยาทีห่ า้ มใชใ้ นหญงิ ต้งั ครรภ์ ผปู้ ว่ ย
G-6-PD เป็นต้น) การส่ังใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยเกินไป การส่ังใช้ยาในรูปแบบท่ีไม่
เหมาะสม การสั่งใช้ยาซ้าซ้อน เป็นต้น กระบวนการสาคญั ท่ีจะช่วยค้นหาความคลาดเคลอ่ื นใน
การส่ังใช้ยา และแก้ไขได้ก่อนถึงผู้ป่วย ก็คือ การทบทวนคาส่ังใช้ยาก่อนเร่ิมจัดยาโดยเภสัชกร
และกระบวนการเปรียบเทียบและประสานรายการยา (Medication reconciliation) นอกจากน้ี
พยาบาลท่ีรับคาสงั่ แพทย์โดยตรง หากพบความคลาดเคล่ือนในคาสั่งแพทย์ก็จะเป็นการค้นหา
ความคลาดเคลอ่ื นในการสัง่ ใชย้ าได้อกี ทางหน่งึ

29

2) ความคลาดเคลื่อนในการถ่ายทอดคาส่ัง (Transcribing error) หมายถึง
การถ่ายทอดคาสั่งแพทย์ที่มีความคลาดเคลื่อน เช่น การรับคาส่ังการใช้ยาทางโทรศัพท์
คลาดเคลื่อน การอ่านคาส่ังแพทย์ผิด การคัดลอกผิด การบันทึกคาส่ังในคอมพิวเตอร์ผิด เป็น
ต้น

3) ความคลาดเคลือ่ นในการจา่ ยยา (Dispensing error) หมายถึง ความคลาด
เคล่ือนในกระบวนการจ่ายยาของกลุ่มงาน/ฝ่ายเภสัชกรรม ท่ีจ่ายยาไม่ถูกต้องตามที่ระบุใน
คาส่ังใช้ยา เช่น จ่ายยาท่ีเสื่อมสภาพหรือหมดอายุ จ่ายยาที่ไม่มีคาส่ังใช้ยา ผู้ป่วยได้รับยาที่มี
ฉลากยาผิด ชอื่ ผู้ป่วยผิด จ่ายยาท่ีมีอนั ตรกริ ยิ าต่อกัน จา่ ยยาที่ผปู้ ่วยมขี อ้ ห้ามใช้ เปน็ ตน้

4) ความคลาดเคล่ือนในการบริหารยา (Administration error) หมายถึง
ความคลาดเคล่ือนของการบริหารยาซึ่งทาให้ผู้ป่วยได้รับยาที่ต่างไปจากคาส่ังใช้ยาของแพทย์
การบริหารยาให้ผู้ป่วยโดยพยาบาลมคี วามสาคัญมาก เพราะเป็นขั้นตอนที่ยาจะเข้าสู่ตัวผปู้ ่วย
โดยเฉพาะการบริหารยาที่ตอ้ งระมัดระวงั มาก คือ การบริหารยาเข้าทางหลอดเลอื ดซึ่งมหี ลาย
ขนั้ ตอน ตั้งแตก่ ารคานวณปรมิ าณยาใหถ้ ูกต้องตามแพทยส์ ่ัง การละลายและการเข้ากนั ได้ของ
ยากับสารละลายท่ีใช้ ความคงตัวของยา และการหยดยาด้วยอัตราเร็วที่ถูกต้องตามที่แพทย์
ต้องการ นอกจากการเตรียมและให้ยาถูกเทคนิคแล้วยังต้องคานึงถึง การให้ยาถูกคน ถูกชนิด
ถกู ขนาด ถูกเวลา ถูกวิถที างใหย้ า และการบันทึกการให้ยาทถี่ ูกตอ้ งตามจริงด้วย

5.2.2 ความคลาดเคล่อื นทางยาตามระดับความรุนแรง
สภาประสานงานระดับชาติในการรายงานและการป้องกันความคลาดเคลื่อน

ท า ง ย า ( The National Coordinating Council for Medication Error Reporting and
Prevention: NCC MERP) ได้แบ่งความคลาดเคลื่อนทางยาในลักษณะของการจัดกลุ่ม
(Category) ตามระดับความรุนแรงที่พบ โดยกาหนดไว้ 9 ระดับตั้งแต่ A-I (NCC MERP,
2001; จันทร์จารึก รัตนเดชสกลุ และภาสกร รัตนเดชสกลุ , 2560) ดังนี้

ก. ไม่มีความคลาดเคลอื่ นเกดิ ข้นึ
1) Category A ไม่มีความคลาดเคล่ือนเกิดขึ้น แต่มีเหตุการณ์ท่ีอาจทาให้
เกิดความคลาดเคล่ือนได้ ตัวอย่างเช่น การจัดซื้อ จัดหายาท่ีมีรูปแบบ ลักษณะใกล้เคียงกัน
ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดความคลาดเคล่ือนทางยา การเขียนคาส่ังใช้ยาโดยไม่เป็นไปตาม
มาตรฐานการปฏบิ ัติทเี่ หมาะสม

30

ข. มีความคลาดเคลือ่ นเกิดข้ึนแต่ไม่เปน็ อนั ตราย
2) Category B มีความคลาดเคลื่อนเกิดข้ึนแต่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย
เนอ่ื งจากความคลาดเคลื่อนไปไมถ่ งึ ผปู้ ว่ ย ตัวอยา่ งเช่น การจัดยาผดิ แตเ่ ภสัชกรสามารถตรวจ
พบความคลาดเคลอ่ื นนนั้ ก่อนการสง่ มอบให้ผู้ปว่ ย
3) Category C มีความคลาดเคล่ือนเกิดข้ึนแต่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย
ถงึ แม้วา่ ความคลาดเคล่ือนนัน้ จะไปถึงผู้ป่วย ตวั อย่างเช่น ผ้ปู ่วยได้รบั ยาบารงุ ท่ไี ม่ใชย่ าตนเอง
4) Category D มีความคลาดเคลื่อนเกิดข้ึนแม้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย แต่
ยังจาเป็นต้องมีการติดตามผู้ป่วยเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยได้รับยา Furosemide 20 mg
injection โดยทีไ่ มม่ ีการส่งั ใช้ สง่ ผลให้ต้องเฝา้ ระวังและตดิ ตามดูแลผู้ป่วย
ค. มีความคลาดเคล่ือนและเปน็ อนั ตราย
5) Category E มีความคลาดเคล่ือนเกิดข้ึนและเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย
เพียงชั่วคราวรวมถึงจาเป็นต้องได้รับการรักษา หรือแก้ไขเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น การมีผื่นท่ี
เกดิ ข้นึ จากการส่งั ยาทผ่ี ้ปู ่วยเคยมีประวัตกิ ารแพ้ยา
6) Category F มีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นและเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย
เพยี งช่ัวคราวรวมถึงจาเป็นตอ้ งไดร้ ับการรักษาในโรงพยาบาล หรือยืดระยะเวลาในการรกั ษาใน
โรงพยาบาลนานขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยแพ้ยาซ้าเกิดผ่ืนขนาดใหญ่ทาให้ต้องติดตามการรกั ษา
และรบั ผู้ป่วยไวเ้ ปน็ ผูป้ ว่ ยนอนในโรงพยาบาล
7) Category G มีความคลาดเคล่ือนเกิดข้นึ และเปน็ อนั ตรายตอ่ ผู้ปว่ ยถาวร
8) Category H มีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นและเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยจน
เกอื บเสียชีวิต
ง. มีความคลาดเคลอื่ นและเสียชีวติ
9) Category I มีความคลาดเคลื่อนเกิดข้ึนและเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยจนถึง
แกช่ ีวติ

5.3 ชนดิ ความคลาดเคล่อื นทางยาท่อี าจพบในชว่ งรอยตอ่ การดูแลรักษา

โดยสรุปจากการศึกษาต่างๆ อาจพบชนิดของความคลาดเคลื่อนทางยาท่ีอาจพบเมอื่
เปล่ียนระดับการรักษา หรือช่วงรอยต่อการดูแลรักษา (อภิฤดี เหมะจุฑา และฉันทกา ซ่ือตรง,
2559) ในลกั ษณะตอ่ ไปน้ี

31

5.3.1 การให้ยาไม่ครบ (Omission Error) หมายถึง ไม่มีการสั่งใช้ยาท่ีผู้ป่วยสมควร
ได้รบั ดังน้ี

1) รายการยาทผ่ี ู้ป่วยเคยใช้กอ่ นมาโรงพยาบาล และผูป้ ่วยสมควรได้รับตง้ั แต่
วันแรกท่เี ข้ารับการรกั ษาในหอผปู้ ว่ ย

2) รายการยาท่ีผู้ป่วยได้รับ ณ หอผู้ป่วยแห่งแรก และควรได้รับต่อ เมื่อถูก
ย้ายมาหอผู้ป่วยแหง่ ท่ี 2

3) รายการยาปจั จบุ นั ท่ผี ู้ป่วยได้รับก่อนกลบั บ้าน
5.3.2 ผ้ปู ว่ ยไดร้ บั คาสัง่ ใช้ยาในขนาด ความถ่ี หรอื วถิ ที างให้ยาท่แี ตกต่างจากที่เคยได้รับ
และไมเ่ หมาะสมกับสภาวะทางคลนิ กิ ในปจั จุบนั ของผปู้ ว่ ย (Wrong dose, frequency, route)
5.3.3 สัง่ ใช้ยาคนละชนดิ แตเ่ ปน็ ยาทีใ่ ห้ผลการรักษาในกล่มุ เดียวกนั
5.3.4 ส่ั ง ใ ช้ ย า ช นิ ด เ ดี ย ว กั น ห รื อ ก ลุ่ ม เ ดี ย ว กั น กั บ ร า ย ก า ร ย า ที่ ผู้ ป่ ว ย แ พ้
(Hypersensitivity reaction)
5.3.5 รายการยาในคาส่ังใช้ยากลับบ้านซ้ากับรายการยาที่ผู้ป่วยใช้ที่บ้าน (Duplicated
error)
5.3.6 รายการยาในคาสั่งใช้ยาเกิดอันตรกิริยากัน กับรายการยาที่ผู้ป่วยใช้ (Drug
interaction)

อุบัติการณ์ความคลาดเคลอ่ื นทางยา (Medication Errors) ในปัจจุบันมีการรายงานท่ี
เพิ่มสูงข้ึน จึงทาให้โรงพยาบาลได้เห็นถึงความสาคัญ และตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดข้ึนจาก
ความคลาดเคล่ือนทางยาที่เพ่ิมข้ึน โดยองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ได้มีการออกมาตรการมา
เพ่ือป้องกัน และหาวิธีการเพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อนทางยา ในทุกกระบวนการของการ
จัดการระบบยา นั่นคือ กระบวนการการเปรียบเทียบและประสานรายงานยาก็เป็นหนึ่งใน
มาตรการท่จี ะชว่ ยปอ้ งกนั การเกิดความคลาดเคล่อื นทางยาได้ อันอาจทาใหผ้ ู้ปว่ ยไดร้ บั อันตราย
มีความพกิ ารหรือเสียชีวติ ได้

32

บทท่ี 6
บทบาทและหนา้ ทขี่ องบคุ ลากรทางการแพทย์
ในกระบวนการเปรยี บเทียบและประสานรายการยา

ในกระบวนการเปรียบเทียบและประสานรายการยา (Medication Reconciliation)
จะมีความเก่ียวข้องกับบทบาทหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ท้ังแพทย์ เภสัชกร และ
พยาบาล (จนั ทรจ์ ารึก รตั นเดชสกุล และภาสกร รตั นเดชสกุล, 2561) ดงั นี้

6.1 บทบาทและหนา้ ที่ของแพทย์

6.1.1 การเปรียบเทียบรายการยาที่
ผู้ปว่ ยใช้ กับรายการยาทส่ี ั่งใช้

1) ขณะแรกรับเข้านอนรักษา
ในโรงพยาบาล แพทย์พิจารณารายการยาที่
ผู้ป่วยใช้ต่อเน่ืองเม่ือแรกรับกับรายการยาท่ีจะ
ส่ังใช้ ว่าต้องการส่ังใช้ยาเดิม หยุด ปรับเปล่ียน
หรือเพิ่มเติมตามความเหมาะสม เมื่อมีการสั่ง
ใช้ยาครั้งแรก อาจจาเป็นต้องมีข้อมูลประกอบ
เพื่อพิจารณาเหตุผลการส่ังใช้ เช่น ข้อมูลการ
ประเมินทางกายภาพของผู้ป่วยที่มาในครั้งนี้
อาการ/อาการแสดงปัจจุบนั หรอื อาการไม่พงึ ประสงคท์ เ่ี กิดกบั ผปู้ ว่ ย

2) ระหว่างรักษาในตัวในโรงพยาบาล รวมถึงกรณีการทบทวนการรักษา
(review treatment) การย้ายหอผู้ป่วย แพทย์ควรพิจารณาบันทึกประวตั ิการใช้ยาของผู้ปว่ ยท่ี
ใช้อยู่กอ่ นท่ีจะมารับการรักษาพยาบาล และคาสั่งใชย้ าของแพทยช์ ุดเดิมในขั้นตอนรอยต่อ เพอื่
การตัดสนิ ใจในการสัง่ ใช้ยา

3) ขณะจาหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน แพทย์พิจารณาบันทึก
ประวัติการใช้ยาของผู้ป่วยที่ใช้อยู่ คาส่ังใช้ยาคร้ังล่าสุดก่อนการจาหน่ายผู้ป่วย เพื่อ

33

ประกอบการตัดสินใจในการส่ังใช้ยาจาหน่ายผู้ป่วยกลับบ้าน มีการพิจารณาความเหมาะสม
เปรียบเทียบและปรบั เปลีย่ นในการสงั่ ใช้ยา

6.1.2 การพิจารณาปรับเปลี่ยน แก้ไขหลังจากได้รับสื่อสารการเปรียบเทียบรายการ
ยาโดยเภสัชกร โดยแพทย์ควรมีการพิจารณายืนยัน ปรับเปล่ียนยา หรือแก้ไขยาจากความ
แตกต่างที่พบในการเปรียบเทียบประสานรายการยา และบันทึกข้อมูลในคาสั่งใช้ยา ในกรณี
ต้องการปรับเปลี่ยนหรือหยุดใช้เพ่ือให้สามารถควบคุมอาการนาที่เป็นสาเหตุการเข้ารับ การ
รักษาให้ผ่านพ้นไปได้จึงจะเริ่มให้ยาประจาต่อเน่ือง ควรมีการระบุในแบบบันทึกให้ชัดเจน ถึง
ช่วงเวลาท่ีต้องการให้ติดตามหรือทบทวนคาส่ังใช้ยาอีกครั้ง รวมไปจนถึงการบันทึกสื่อสารแก่
สถานพยาบาลอนื่ หากมีการส่งต่อผู้ปว่ ยไปรบั การรักษาตอ่

6.1.3 การให้ข้อมูลยาที่ต้องใช้แก่ผู้ป่วย เพ่ือผลการรักษาที่เหมาะสมตามสภาพทาง
คลนิ ิกของผู้ป่วย

6.2 บทบาทและหนา้ ท่ขี องเภสชั กร

6.2.1 การรวบรวม ข้อมูลประวัติ
การใช้ยาท่ีเป็นปัจจุบันของผู้ป่วย ข้อมูลท่ี
รวบรวมควรประกอบด้วย ขนาด ความถี่ วิธใี ช้
เวลาที่ได้รับยาคร้ังสุดท้าย (ตรวจสอบการ
ไดร้ ับยาท่ีบา้ นเทียบกบั ท่ีแพทย์ส่งั ถ้าเป็นไปได้)
แหล่งที่รบั ยาของผู้ป่วย ดังน้ี

1) รวบรวมข้อมูลจากประวัติ
การใช้ยาเดิมของโรงพยาบาล ซึ่งสามารถ
สืบค้นได้จาก ประวัติใน OPD card ระบบ
สารสนเทศของโร งพ ยาบาล คู่มือ/สมุ ด
ประจาตวั ผูป้ ว่ ย หรือใบสรปุ รายการยาทผี่ ้ปู ่วยได้รบั

2) รวบรวมข้อมลู ยาจากผู้ปว่ ย/ญาติ/ผู้ดแู ล จากการการสัมภาษณ์ประวัติการ
ใช้ยา สอบถามขอ้ มูลชนิดของยา และวิธกี ารรบั ประทานยาจรงิ ของผู้ป่วย รวมถงึ ข้อมลู ยาหรือ
ผลติ ภัณฑ์สขุ ภาพอน่ื ๆ ทผ่ี ู้ป่วยจัดหามากนิ เอง ได้แก่ ยา วติ ามิน อาหารเสรมิ สมนุ ไพร อาหาร
ท่ีอาจมีอันตรกิริยากับอาการปว่ ยหรือโรคทีเ่ ปน็ อยู่ ขอดยู าเดิมของผู้ปว่ ย (ถา้ มี)

34

6.2.2 การบันทึกข้อมูลเพ่ือระบุบัญชรี ายการยาทเ่ี ป็นปัจจุบันของผู้ป่วย บันทึกข้อมูล
ระบุบัญชรี ายการยาท่ีผูป้ ่วยได้รับได้แก่ ชื่อยา ขนาดยา ความถ่ี และวิธีการบรหิ ารยา การได้รับ
ยานนั้ ม้ือสดุ ทา้ ยท่ีถกู ต้องแม่นยำ

6.2.3 ทวนสอบความถกู ตอ้ งของข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ ท้งั จากข้อมูลยาผู้ป่วยทไ่ี ด้รับจาก
โรงพยาบาล และข้อมูลยาที่ได้จากผู้ป่วย/ญาติ/ผู้ดูแลแจ้ง ถึงชนิดของยา ขนาด และวิธีการใช้
ยา เพื่อให้มั่นใจว่าการระบุบัญชีรายการยาน้ันเป็นประวัติการใช้ยาที่มีความถูกต้องและเป็น
ปจั จุบัน

6.2.4 การเปรยี บเทียบและประสานรายการยาท่ผี ู้ป่วยใชก้ ับคาสัง่ ใชย้ าของแพทย์
1) เปรียบเทยี บรายการยาท่ีผู้ปว่ ยใช้อยู่กบั รายการยาในคาสั่งใช้ยาของแพทย์

เพื่อค้นหาในประเด็น ดังน้ี รายการยาตกหล่น ไม่สั่งใช้ยาที่ผู้ป่วยใช้อยู่ ส่ังใช้ยาที่มีโอกาสเกิด
อันตรกิริยาระหว่างกัน สั่งใช้ยาผิดขนาด ส่ังใช้ยาซ้าซ้อน สั่งใช้ยาที่ไม่เหมาะสมกับสภาพของ
ผปู้ ่วย อาจจาเป็นต้องมกี ารบันทึกข้อมลู ประกอบเพ่ือให้แพทย์พจิ ารณาการสงั่ ใช้ยา เช่น ขอ้ มลู
อาการ/อาการแสดงปัจจุบนั หรอื อาการไม่พงึ ประสงค์จากการใชย้ าทเี่ กิดกบั ผปู้ ว่ ย

2) ดาเนินการเปรียบเทียบบันทึกรายการยาของผู้ป่วยท่ีใช้อยู่ในปัจจุบันกับ
คาสงั่ ใชย้ าของแพทยท์ กุ คร้ัง เมือ่ แรกรบั ผู้ปว่ ย ยา้ ยหอผูป้ ่วย และ /หรอื จาหนา่ ยผปู้ ว่ ยออกจาก
โรงพยาบาล

3) กาหนดการดาเนินงานเปรียบเทียบและประสานรายการยาท่ีแพทย์สั่งให้
แล้วเสรจ็ ภายในระยะเวลาท่ีกาหนด เชน่ ภายใน 24 ช่วั โมงหลงั จากรับไวน้ อนโรงพยาบาล และ
ระยะเวลาท่ีสน้ั ลงสาหรบั ยาที่มีความเสยี่ งสงู หรือเหตผุ ลอนื่ ๆ ที่จาเป็นตอ่ ผ้ปู ่วย

4) การเปรียบเทียบรายการยาที่ผู้ป่วยได้รับอยู่กับรายการยาในคาส่ังใช้ยา
ครอบคลมุ กรณีการย้ายหอผ้ปู ่วย และการจาหน่ายผปู้ ่วย

5) กรณีท่ีพบปัญหาจากการเปรียบเทียบ เช่น ในกลุ่มผู้ป่วยท่ีสาคัญ ได้แก่
ผู้ปว่ ยถกู สง่ ต่อการรักษามาจากโรงพยาบาลอ่ืน หรอื ผู้ป่วยทีใ่ ช้ยาในกล่มุ ยาที่ต้องเฝา้ ระวัง เชน่
ยาที่ต้องระมดั ระวังสงู ยาที่มีรายงานเหตุการณ์ไมพ่ งึ ประสงค์จากการใช้ยา ผู้ป่วยแพ้ยา ยาใน
โครงการพิเศษ หรือยาท่ีมีการติดตามการใช้ ควรมีแนวทางในการติดตามเพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีมี
ความถูกต้อง ครบถ้วน เพิ่มเติมให้ชัดเจนเพ่ือประกอบการพิจารณาในการเปรียบเทียบและ
ประสานรายการยา

6.2.5 มีการส่ือสารการเปรียบเทียบและประสานรายการยาที่พบความแตกต่างจาก
การเปรียบเทียบ และยืนยันกับแพทย์ผู้รับผิดชอบการรักษาในทุกช่วงรอยต่อของการรักษา
(แรกรับ ย้ายหอผู้ปว่ ย จาหน่ายกลบั บ้าน ส่งตอ่ ไปโรงพยาบาลอนื่ )

35

6.2.6 บันทึกข้อมูลการใช้ยาของผู้ป่วยที่มีการปรับปรุง/แก้ไขหรือเปล่ียนแปลง และ
จัด/จา่ ยยาส่งมอบให้หอผู้ป่วยตามระบบ โดยคานึงถึงแนวทางกาหนดของการจัดการยาที่ผู้ป่วย
นาติดตัวมาร่วมด้วย เช่น รายการยาท่ีจะซ้าซ้อน หรือปรับเปล่ียนตามคาสง่ั ใช้ยาของแพทย์ มี
การให้คาแนะนา และข้อมูลการใช้ยาแก่ผู้ป่วยที่มีการใช้ยาในกลุ่มยาที่ต้องเฝ้าระวัง หรือต้อง
ได้รับคาแนะนา เช่น ยาท่ีมีการติดตามการใช้ หรือยาที่แพทย์ส่ังใช้เพิ่มเติมข้ึน และยาที่มี
เทคนคิ การใชเ้ ฉพาะ เปน็ ตน้

6.2.7 การส่งมอบยา และการให้คาแนะนาเร่ืองยาแก่ผู้ป่วยก่อนกลับบ้าน
(discharge counseling) โดยการจัดทารายการยากลับบ้านท่ีมีรายการยาที่ผู้ป่วยใช้ล่าสุดให้
ผู้ป่วย ทั้งยาท่ีแพทย์ส่ังใหม่ และยาเดิมที่ผู้ป่วยเคยได้รับเมื่ออยู่ท่ีบ้านที่แพทย์ส่ังใช้ต่อ เพื่อ
ความต่อเนอ่ื งของการใชย้ า หากจาเปน็ ผดู้ แู ลหรอื ญาติควรได้รับคาอธิบายร่วมดว้ ย

6.3 บทบาทและหน้าท่ีของพยาบาล

6.3.1 ส่งมอบบัญชีรายการยาของผู้ป่วย
ให้กบั ผ้ดู แู ลผู้ป่วยในข้ันตอนถัดไปในทกุ ช่วงรอยต่อของ
การรักษา เช่น การรับผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล ส่งต่อ
ผู้ป่วยไปโรงพยาบาลอื่น จาหน่ายผู้ป่วย ส่งผู้ป่วยมา
ตรวจท่ตี กึ ผู้ป่วยนอก เปน็ ต้น

6.3.2 การส่ือสารข้อมูล การบริหารยา และ
ตดิ ตามผลการใชย้ า

1) กรณีมีคาสั่งใช้ยาท่ีเปล่ียนแปลง
หรือแกไ้ ข หลังการเปรียบเทียบและประสานรายการยา
ให้นาข้อมูลมาบันทึกหรือปรับข้อมูลในแบบบันทึกการ
ใ ห้ ย า ข อ ง พ ย า บ า ล ( Medication Administration
Record: MAR) ก่อนการบรหิ ารยา

2) บริหารยาให้แก่ผู้ป่วย และลงข้อมูลบันทึกเวลาการบริหารยาแก่ผู้ป่วยทกุ
รายการในใบ MAR เพ่ือเปน็ ขอ้ มลู ประวัติการใช้ยาปัจจบุ ันของผู้ปว่ ยในระหวา่ งรับการรักษาใน
โรงพยาบาล

36

3) มกี ารสอ่ื สารและบันทึกข้อมลู อาการไมพ่ งึ ประสงค์จากการใช้ยาของผู้ป่วย
และประสานเภสัชกรในกรณีการประเมินอาการผู้ป่วยท่ีพบรุนแรงหรือสงสัยแพ้ยา และ
รายงานแพทย์ เพื่อพจิ ารณาประกอบคาส่ังใชย้ า

6.3.3 การให้ขอ้ มลู ผู้ป่วย สร้างความเข้าใจเกยี่ วกับยาทัง้ หมดท่ผี ู้ปว่ ยจะได้รบั ยาเดิม
ที่ผู้ป่วยยังใช้อยู่ทั้งที่มีในโรงพยาบาล และนอกโรงพยาบาล เพ่ือป้องกันความเข้าใจท่ี
คลาดเคลื่อนในการใชย้ าตอ่ เน่ืองของผู้ป่วย

โดยสรุป ความสาเร็จของกระบวนการการเปรียบเทียบและประสานรายการยา เกิด
จากความร่วมมอื กนั ความเขา้ ใจและการปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหน้าท่ี มกี ารทางานรว่ มกันเปน็ ทีมท่ี
เข้มแข็งและมีการปฏิบัติอย่างต่อเน่ือง การส่ือสารข้อมูลท่ีมีประสิทธิภาพ ระหว่าง แพทย์
พยาบาล และเภสัชกร รวมถึงตัวผู้ป่วยเอง และผู้ดูแลผู้ป่วย ซ่ึงมีความสาคัญมากในการช่วย
ลด หรือป้องกันการเกิดความคลาดเคล่ือนจากการใช้ยาในช่วงรอยต่อของการดูแลรักษา โดย
ผลลัพธ์ทีไ่ ด้คอื ความปลอดภยั ของผู้ป่วย

37

บทท่ี 7 แนวปฏบิ ัตขิ องบุคลากรทางการแพทย์

ในกระบวนการเปรยี บเทียบและประสานรายการยา
โรงพยาบาลบึงสามพนั

ข้นั ตอนแรกรบั ผู้ป่วยเข้านอนรกั ษาในโรงพยาบาล (Admission)

ขั้นตอนท่ี รายละเอยี ดการปฏบิ ัติ ผู้รับผิดชอบ

1. ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แพทย์มีคาสั่งให้ แพทย์

ผู้ปว่ ยนอนโรงพยาบาล (Admit) แพทย์ส่ังยาให้ผู้ป่วยในแบบ

บันทึกการส่ังใช้ยา (Doctor order)

2. - พยาบาลรับคาสั่งใช้ยาของแพทย์ และ Scan ใบ พยาบาล
Doctor order สง่ มาท่หี ้องยา
- แนะนาให้ผู้ป่วย/ญาตินายาท่ีใช้เป็นประจามาในวันท่ี
Admit โดยแนะนาให้นายามาพร้อมกับซองยา/ฉลากยา ท่ีมี
วธิ ีใช้ และไม่ควรแกะเมด็ ยาออกจากแผง

38

ข้ันตอนที่ รายละเอยี ดการปฏบิ ัติ ผูร้ บั ผดิ ชอบ

กรณีที่ไม่ได้นายามาในวนั Admit ควรแนะนา ให้ญาติผู้ปว่ ย
นายามามอบให้เภสชั กรท่ีห้องยาโดยเร็วทสี่ ดุ

3. - เภสัชกรรับคาส่ังการใช้ยาของแพทย์ ตรวจสอบคาสั่ง เภสัชกร
ใช้ยาของแพทย์

39

ข้ันตอนท่ี รายละเอยี ดการปฏบิ ัติ ผรู้ ับผดิ ชอบ

ได้แก่ ความถูกต้องและความเหมาะสมของขนาดยา

(Dose) ค ว าม ถ่ี ( Frequency) วิ ถี ท างให้ ย า ( Route of
administration) เวลาในการให้ยา (เช่น ก่อนอาหาร หลัง
อาหาร กอ่ นนอน เป็นต้น)

- เภสชั กรทาการบนั ทกึ ประวตั กิ ารใชย้ าเดิมของผู้ปว่ ย ใน

แบบบันทึกประวัติการใช้ยาเดิมของผู้ป่วย (Medication
Reconciliation Form: MRF) ท่ี เ ช่ื อ ม ต่ อ กั บ โ ป ร แ ก ร ม
HOS-XP พมิ พอ์ อกมาจากระบบคอมพิวเตอร์

โดยในแบบ MRF ของผ้ปู ว่ ย มขี อ้ มลู ดงั ต่อไปน้ี

1.ชอ่ื ยา ควรบันทกึ ท้งั ช่ือสามัญทางยา และวงเล็บ
ชือ่ การค้าดว้ ย (ถา้ ม)ี เช่น Etoricoxib (Arcoxia®)

2. ขนาดความแรงยา ซ่ึงแสดงเป็นตัวเลข พร้อม
กบั หนว่ ยความแรง เชน่ 50 mg.

3. วิธีในการบริหารยาในแต่ละรายการ ซึ่งสามารถ
บนั ทึกเปน็ คาย่อได้ เชน่ รับประทาน = oral ฉีดเขา้ กลา้ มเนื้อ
= IM ฉีดเขา้ เสน้ เลอื ดดา = IV เป็นต้น

40

ข้ันตอนท่ี รายละเอยี ดการปฏบิ ตั ิ ผู้รบั ผดิ ชอบ

4. ความถ่ีในการบริหารยาของผูป้ ่วย โดยดวู ่ายานั้น
ผู้ป่วยรับประทานวันละกี่ครั้ง เวลาใดบ้าง ก่อนอาหาร หลัง

อาหาร หรือต้องรับประทานให้ตรงเวลาในแต่ละวันโดยให้

ระบุเวลาด้วย สามารถบันทึกเป็นคาย่อสากลได้ เช่น ผู้ป่วย

รับประทานยาคร้ังละ 1 เม็ด วันละ 3 คร้ัง หลังอาหาร เช้า
กลางวัน เย็น ให้บันทึกเป็น 1x3 pc หรือรับประทานยาครง้ั
ละ 1 เม็ด วันละ 1 คร้ัง ก่อนนอน ให้บันทึกเป็น 1x1 hs
หรือ รับประทานคร้ังละ 1 เม็ด วันละ 1 คร้ัง เวลา 20.00
น. ให้บนั ทกึ เป็น 1x1 เวลา 20.00 น. เปน็ ตน้

5. บันทึกวัน เดือน ปี ที่ผู้ป่วยได้รับยานั้ นม า
รับประทาน และวัน เดือน ปี ที่แพทย์นัดผู้ป่วยติดตามการ

รกั ษา

แบบบันทึกประวตั ิการใชย้ าเดมิ ของผปู้ ่วย
โรงพยาบาลบึงสามพนั

(Medication Reconciliation Form: MRF)

41

ขนั้ ตอนที่ รายละเอยี ดการปฏบิ ัติ ผูร้ บั ผิดชอบ

แบบบันทึกประวตั ิการใช้ยาเดิมของผู้ป่วย โรงพยาบาล

บึงสามพัน (Medication Reconciliation Form: MRF)
ท่ีมีการเปรียบเทียบและประสานรายการยา ในขั้นตอน

แรกรับผู้ป่วย และขั้นตอนการจาหน่ายผู้ป่วยออกจาก

โรงพยาบาล

42

ข้ันตอนท่ี รายละเอยี ดการปฏบิ ตั ิ ผู้รบั ผิดชอบ

- เภสัชกรทบทวนความถูกต้องของรายการยาท่ีรวบรวม
ได้กับผู้ป่วยและ /หรือญาติผู้ป่วย หรือสอบถามไปยัง
โ ร ง พ ย า บ า ล ท่ี ผู้ ป่ ว ย รั บ ย า อยู่ ผ่ า น ท า ง แ อ ป พ ลิ เ ค ชั่ น ไ ล น์
(Line) หรือทางโทรศัพท์ ยาเดิมของผู้ป่วยท่ีนามาจะเก็บ
รักษายาไว้ท่หี อ้ งยา เพ่อื นายามาจดั ให้ผู้ป่วยรบั ประทานขณะ
นอนโร งพ ย าบาล แ ล ะ เ มื่ อผู้ ป่ ว ย จาห น่ าย ออ ก จ า ก
โรงพยาบาล

- เภสัชกรทาการเปรียบเทียบและประสานรายการยา
(Medication reconciliation) ของผูป้ ่วยเบอื้ งตน้

43

ขนั้ ตอนที่ รายละเอยี ดการปฏบิ ตั ิ ผู้รบั ผดิ ชอบ

กรณีพบความแตกต่าง หรือความไม่สอดคล้องกันของ

รายการยาทแี่ พทย์ส่ังใหผ้ ู้ป่วย ให้บันทึกในแบบ MRF แสดง
ให้แพทย์ทราบ แต่ถ้าหากรายการยานั้นมีความเส่ียงต่อการ

เกิดอันตรายท่ีรุนแรง เภสัชกรพิจารณาส่ือสาร (Consult)
ปรกึ ษากับแพทยท์ ันที

44


Click to View FlipBook Version