บา้ นโพหกัจภมูกั ิปสัญาญนาทออ้างสถิ่นา
ส�ำนกั ศิลปะและวัฒนธรรม
OFFICE OF ARTS AND CULTURE
มหำวทิ ยำลัยรำชภฏั หมบู่ ำ้ นจอมบงึ
Muban Chombueng Rajabhat University
ส�ำนักศิลปะและวฒั นธรรม มหำวิทยำลยั รำชภฏั หม่บู ้ำนจอมบึง
ปรัชญำ (Philosophy)
“สืบสานงานศิลป์ของแผ่นดนิ เผยแพร่ภมู ปิ ญั ญาท้องถิน่ สูส่ ากล”
ปณธิ ำน (Determination)
๑. พัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บา้ นจอมบงึ ให้เป็นแหล่งเรียนร ู้ ส่งเสรมิ สืบสานอนรุ ักษ ์
และเผยแพรง่ านดา้ นศลิ ปะและวัฒนธรรมของชุมชนและท้องถ่นิ สูส่ ากล
๒. สร้างเครือข่ายและพัฒนาความร่วมมือเพื่อการด�าเนินงานด้านท�านุบ�ารุงศิลปะ
และวฒั นธรรม
๓. ส่งเสริมให้เกิดการจัดกิจกรรมสร้างจิตส�านึกทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม ให้กับ
นักศกึ ษาและบุคลากรของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมู่บา้ นจอมบงึ ตลอดจนประชาชนทว่ั ไป
๔. พัฒนาศักยภาพของนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
เพือ่ ความเปน็ เลศิ โดยการสรา้ งสรรค์งานศิลปะและวฒั นธรรมทีม่ ีมาตรฐานระดับชาติ
๕. ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาการด�าเนินงานด้านท�านุบ�ารุงศิลปะและวัฒนธรรมให้บรรลุ
ตามเกณฑ์มาตรฐานการประกันคณุ ภาพการศึกษา
๖. ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเผยแพร่งานด้าน
ทา� นุบ�ารงุ ศิลปะและวฒั นธรรมสสู่ ากล
วสิ ัยทัศน์
“มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบงึ เปน็ ศนู ยก์ ลางแหง่ การเรยี นร ู้ อนรุ กั ษ ์ สบื สาน สง่ เสรมิ
สร้างสรรค ์ และเผยแพร่งานด้านศิลปวฒั นธรรม และภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ สูส่ ากล”
พันธกิจ
๑. ส่งเสริม สืบสาน อนุรักษ์ และเผยแพร่งานด้านศิลปะและวัฒนธรรมของชุมชนและ
ท้องถ่ินสู่สากล
๒. สรา้ งเครอื ขา่ ยด้านทา� นุบา� รุงศิลปะและวัฒนธรรม และภมู ิปัญญาท้องถน่ิ
๓. จดั กจิ กรรมเพ่อื สร้างจิตสา� นึกทางดา้ นศิลปะและวัฒนธรรม
๔. สร้างความเป็นเลิศทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่มีมาตรฐานระดบั ชาติ
๕. ด�าเนินงานด้านท�านุบ�ารุงศิลปะและวัฒนธรรมให้บรรลุตามเกณฑ์มาตรฐาน
การประกนั คุณภาพการศึกษา
ค�ำนำ�
หนังสือ “จักสานอาสาภูมิปัญญาท้องถิ่นบ้านโพหัก” น้ี จัดท�ำขึ้น
เพื่อรวบรวมและถ่ายทอดองค์ความรู้ อนุรักษ์ และฟื้นฟูงานจักสานอาสา
ซ่ึงเป็นวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นบ้านโพหัก ให้ผู้สนใจและชนรุ่นหลัง
ไดร้ บั ความรแู้ ละเกดิ ความตระหนกั ภาคภมู ใิ จในภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ของทอ้ งถน่ิ ตน
หนังสือจักสานอาสาภูมิปัญญาท้องถิ่นบ้านโพหักประกอบไปด้วยองค์ความรู้
เก่ียวกับชาวไทยพ้ืนถิ่นในจังหวัดราชบุรี กระบวนการผลิตเคร่ืองจักสานไม้ไผ่
อัตลักษณ์ของเคร่ืองจักสานอาสา รูปแบบและแนวทางการอนุรักษ์ และฟื้นฟู
เครื่องจักสานอาสา
หวงั วา่ หนงั สอื เลม่ นจี้ ะมปี ระโยชนต์ อ่ นกั ศกึ ษา ครู อาจารย์ และประชาชน
ท่ัวไป ทีจ่ ะเรยี นร้ภู ูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ และร่วมกันอนุรกั ษแ์ ละฟืน้ ฟูให้คงอยู่ต่อไป
(ผชู้ ่วยศาสตราจารยเ์ บญจา ลขิ ติ ยง่ิ วรา)
ผอู้ ำ� นวยการส�ำนักศลิ ปะและวัฒนธรรม
มหาวิทยาลยั ราชภฏั หมบู่ ้านจอมบงึ
ค�ำนยิ ม
พันธกิจที่ส�ำคัญประการหนึ่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงในฐานะ
ของสถาบันอุดมศึกษาเพ่ือการพัฒนาท้องถ่ิน คือ การท�ำนุบ�ำรุงศิลปะและวัฒนธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปะและวัฒนธรรมของท้องถิ่น ควรได้รับการอนุรักษ์ ส่งเสริม ให้มี
การเผยแพร่ให้เกิดความภาคภูมใิ จในหมชู่ นคนไทยพนื้ ถ่ิน และคนไทยโดยท่วั ไป โดยเฉพาะ
อย่างย่ิงเยาวชน เพื่อให้ส่ิงท่ีงดงามและแสดงถึงภูมิปัญญาอันล้�ำค่าของบรรพบุรุษท่ีเป็น
คนไทยพื้นถิ่น ท่ีได้สร้างสรรค์ผลงานส�ำหรับการใช้ในชีวิตประจ�ำวัน แต่ได้ใช้งานศิลปะ
และงานฝีมือสอดแทรกจนเกิดความงดงามและเกิดประโยชน์ ซ่ึงเราจะพบเห็นผลงาน
ประเภทนี้ได้โดยทั่วไปในอดีต แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มาทดแทนส่งผลท�ำให้งานฝีมือ
ประเภทนก้ี �ำลงั จะเลอื นหายไป
ดังน้ันการที่ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรมได้มีด�ำริในการจัดท�ำหนังสือ “จักสานอาสา
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ บา้ นโพหกั ” เพอ่ื รวบรวมองคค์ วามรู้ เกย่ี วกบั งานหตั ถกรรม เครอื่ งจกั สาน
ของชาวไทยพื้นถ่ินบ้านโพหัก อ�ำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ส�ำหรับให้คนรุ่นปัจจุบัน
และรุ่นต่อๆ ไปได้ตระหนักรู้ถึงภูมิปัญญาอันล้�ำค่าของคนรุ่นก่อน และจะได้น�ำมาศึกษา
ตอ่ ยอด เพ่ืออนุรักษ์ไว้ หรอื หากเปน็ ไปได้ ควรมีการพจิ ารณาสร้างมูลคา่ เพิม่ ทง้ั ด้านคุณคา่
ทางจิตใจ และการใช้ประโยชน์ จึงเป็นส่ิงท่ีควรช่ืนชมอย่างยิ่ง เพราะมิเช่นนั้นแล้ว
หากไม่มีการรวบรวมองค์ความรู้นี้ไว้ และเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้รู้จัก เชื่อได้ว่าอีกไม่นาน
สงิ่ นี้จะสญู หายไป
สำ� หรบั จงั หวดั ราชบรุ ี ซงึ่ จดั ไดว้ า่ เปน็ เมอื งเกา่ แกท่ ม่ี ผี ลงานดา้ นศลิ ปะและวฒั นธรรม
อันเกิดจากภูมิปัญญาของคนไทยในพ้ืนที่ หรือแม้แต่ภูมิปัญญาของพ่ีน้องต่างชาติพันธุ์
ที่ได้มาลงหลักปักฐาน ท�ำสัมมาอาชีพในราชบุรีเป็นการถาวรอีกหลากหลาย ซ่ึงส�ำนัก
ศิลปะและวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ได้มีบทบาทในการส่งเสริม
พฒั นา อนรุ กั ษ์ และเผยแพร่ไว้ในหลายรปู แบบผา่ นงานการแสดง และการจัดท�ำในรปู แบบ
ของเอกสาร เช่น หนงั สือฉบับนี้ จึงขอเชญิ ชวนให้ผ้ทู ี่สนใจ โดยเฉพาะเยาวชนไดต้ ดิ ตาม
และอ่านเพ่อื ให้ได้ความรูแ้ ละอรรถรสทางด้านศิลปะและวฒั นธรรมต่อไป
(ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.ชัยฤทธิ์ ศลิ าเดช)
อธกิ ารบดีมหาวิทยาลยั ราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบึง
สารบัญ
คำ� นำ�
คำ� นยิ ม
๑
จักสานอาสาภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่นบา้ นโพหกั ๕
ชาวไทยพ้ืนถ่ินในจงั หวัดราชบรุ ี ๙
๒
กระบวนการจักสานอาสาบา้ นโพหัก
จงั หวัดราชบรุ ี ๒๐
กระบวนการผลิตเครอื่ งจักสานไมไ้ ผ ่ ๒๐
อตั ลกั ษณ์ของเคร่ืองจักสานอาสา ๕๕
๓
รปู แบบและแนวทางการอนรุ กั ษ์และฟื้นฟูเครอื่ งจกั สานอาสา ๖๓
ประวตั ิความเปน็ มาของงานจกั สานอาสา ๖๓
ความส�ำคญั ของจักสานอาสาและปญั หาอปุ สรรคของงานจักสานอาสา ๗๐
จิตส�ำนกึ ในการอนรุ ักษเ์ คร่อื งจักสานอาสาและประเพณีอาสา ๗๓
การมีส่วนร่วมในการอนุรักษง์ านจักสานอาสาของบคุ คลที่เกยี่ วขอ้ ง ๗๕
รูปแบบและวิธีการในการอนรุ ักษเ์ ครือ่ งจักสานอาสา ๗๗
บรรณานุกรม
๘๐
๑. จักสานอาสาภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ บา้ นโพหัก
Woven basket of local wisdom local Thai.
จังหวัดราชบุรีเป็นจังหวัดท่ีมีศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นมากมาย
ทงั้ นเี้ นอ่ื งมาจากประชากรในจงั หวดั ราชบรุ มี คี วามหลากหลายของชาตพิ นั ธ์ุ ซงึ่ ประกอบ
ไปด้วย ๘ กลุ่มชาตพิ นั ธุ์ ซึง่ ได้แก่ ไทยทรงดำ� หรอื ลาวโซ่ง ไทยมอญ ไทยจีน ไทยเขมร
ไทยกะเหรย่ี ง ไทยลาวเวยี ง หรอื ลาวตี้ ไทยวน และ ไทยพื้นถ่นิ หรอื ไทยแท้ไทยดัง้ เดมิ
แต่ละชาติพันธุ์จะมีศิลปวัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาท้องถ่ินเฉพาะกลุ่ม เช่น
ประเพณีกินข้าวห่อของชาวไทยกะเหรี่ยง ประเพณีกินขันโตกของชาวไท-ยวน
ประเพณีอาสาของชาวบ้านโพหักท่ีเป็นของคนไทยพื้นถิ่นหรือไทยแท้ไทยด้ังเดิม
ซึ่งได้สร้างสรรค์หัตถกรรมเคร่ืองจักสานที่ผูกพันกับประเพณี เป็นหัตถกรรม
เครื่องจักสานที่เกิดจากใจของผู้ชายบ้านโพหักท่ีตั้งใจท�ำให้สาวคนรักด้วยฝีมือตนเอง
ด้วยความพากเพียรอย่างประณีตบรรจง การท�ำหัตถกรรมเครื่องจักสานซึ่งเป็น
ของใช้ในบ้านน้ันเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีอาสาท่ีฝ่ายชายท�ำให้กับหญิงสาว
อนั เป็นขนบธรรมเนียมก่อนแต่งงานของชาวบ้านโพหกั สอดคลอ้ งกบั สุดใจ ขวญั ด�ำ
(๒๕๕๓, หน้า ๑๙) ที่กล่าวว่า หลักฐานหนึ่งที่ส�ำคัญ ในการท�ำเคร่ืองจักสาน
โดยเฉพาะเครอื่ งจกั สานจากไมไ้ ผท่ เี่ ปน็ ประเพณี สบื ทอดกนั มา คอื การสานกระบงุ อาสา
ท่ีบ้านโพหัก อ�ำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรีเป็นการท�ำขึ้นเพ่ือให้กับหญิงสาว
ในโอกาสพเิ ศษคอื วนั แตง่ งาน เนอื่ งจากบา้ นโพหกั มไี มไ้ ผเ่ ปน็ ทรพั ยากรตามธรรมชาติ
ใกล้ตัว อีกท้ังมีฝีมือทางการจักสาน ที่ละเอียดอ่อน นอกจากน้ียังใช้การจักสาน
เป็นกลวิธีในการฝึกคนให้มีความเพียรพยายาม มานะอดทน ใฝ่หาความรู้จากผู้อื่น
และมีจินตนาการสร้างสรรค์ด้วยตนเองโดยเฉพาะการก�ำหนดเง่ือนไข
ให้ชายหนุ่มสานกระบุง หรือกระจาด เพ่ือมอบให้เจ้าสาวไว้ใช้
ในวันแต่งงานซึ่งเป็นวัฒนธรรมอาสาของชาวโพหักรุ่นก่อนๆ
ท�ำให้เคร่ืองจักสานคือกระบุงอาสามีความงดงามประณีต
5
มีคุณค่า สื่อถึงความรักที่มีต่อผู้รับท่ีเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง จึงมีการเก็บรักษา
ไว้เป็นอย่างดี เมื่อทางราชการจัดให้มีการประกวดเครื่องจักสานโบราณขึ้น
จงึ พบวา่ เครือ่ งจกั สาน ต�ำบลโพหกั แต่ละชน้ิ มอี ายุไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยปีขึ้นไป
วบิ ลู ย์ ลสี้ วุ รรณ (๒๕๕๓, หนา้ ๑๕- ๑๖) ไดก้ ล่าวถงึ หตั ถกรรมเครอ่ื งจกั สาน
ท่ีมีความผูกพันกับวิถีชีวิตขนบประเพณี ความเช่ือท่ีคล้ายกันของแต่ละท้องถ่ิน
กลา่ วคอื คนไทยในภาคกลางสมยั โบราณมกั ใชต้ อกสาน “เฉลว” เลก็ ๆ ปกั ไวบ้ นหมอ้ ยา
เพ่ือป้องก้นส่ิงช่ัวร้ายมาท�ำให้ยาเสื่อม หรือใช้เฉลวปักไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพ่ือ
ป้องกันผีและสิ่งช่ัวร้ายเข้าไปในบริเวณน้ัน และในพิธีแต่งงานของชาวไทยทรงด�ำ
บริเวณจังหวัดเพชรบุรี นครปฐม และสุพรรณบุรี ชายหนุ่มจะต้องสาน “กะเหล็บ”
ไว้ใช้ในพิธีสู่ขอเจ้าสาว ส่วนชาวไทยพวน บ้านมะขามล้ม อ�ำเภอบางปลาม้า
จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี ชายหนมุ่ จะสาน “กระเชา้ ” สำ� หรบั ใสห่ มากพลใู นพธิ แี ตง่ งานของตน
เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตราว ๙๐ กว่าปี ของบ้านโพหัก อ�ำเภอบางแพ
จังหวัดราชบุรี ซ่ึงเป็นท่ีอยู่ของกลุ่มคนที่เป็นคนไทยแท้ภาคกลางหรือคนไทยพ้ืนถ่ิน
ซึ่งมาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นแหล่งก�ำเนิดของหัตถกรรมเคร่ืองจักสาน
ที่มีช่ือเสียงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความงดงามประณีตมาแต่อดีต ผู้สร้างสรรค์
ผลงานสามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับธรรมชาติ วิถีชีวิต
และวัฒนธรรมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ด้วยทักษะและความช�ำนาญในทางความคิด
สร้างสรรค์เฉพาะถ่ิน แต่เป็นที่น่าเสียดายปัจจุบันหัตถกรรมเครื่องจักสาน
ก�ำลังเลือนหายไปจากวิถีชีวิตของคนในชุมชน ด้วยเหตุผลที่ว่าอาชีพหลัก
ของชุมชนในอดีต คือการท�ำนาได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นนากุ้ง ผู้ชายยุคใหม่
ออกไปประกอบอาชีพต่างถิ่นสถานภาพของการท�ำงานเปล่ียนไป การไปมีครอบครัว
กับคนต่างถ่ิน ท�ำให้ประเพณีอาสาขาดช่วงขาดตอนจนในที่สุดประเพณีดังกล่าว
ก�ำลังจะสูญหายไปจากชุมชนโพหัก เป็นผลให้เครื่องจักสานท่ีมีความเก่ียวข้อง
กับประเพณีก�ำลังจะสูญหายไปเช่นเดียวกัน ท้ังน้ี
เป็นเพราะขาดผู้สืบทอดงานหัตถกรรมเคร่ืองจักสาน
มชี า่ งพนื้ บา้ นทยี่ งั คงทำ� อยู่ ลว้ นแตเ่ ปน็ ผเู้ ฒา่ ผแู้ กท่ งั้ สนิ้
6
ความรู้ฝีมือก็จะหายไป พร้อมกับท่านในเวลาที่ท่านจากไป
ดั่งค�ำพูดของนางผง ทองค�ำ (ภูมิปัญญาท้องถ่ินจักสาน
บา้ นโพหกั ) วา่ “เด็กสมัยน้ี เคา้ ไม่ท�ำหรอกเพราะมนั ย่งุ ยาก
นานกว่าจะเสร็จ ฉันก็จะเลิกท�ำแล้วตาไม่ค่อยจะเห็น”
ผลท่ีเกิดจากการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมในยุคสังคมออนไลน์
และเทคโนโลยีสมัยใหม่ การรับวัฒนธรรมจากตะวันตก ท�ำให้เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ
ถูกผลิตขึ้นด้วยเคร่ืองจักรกลท่ีทันสมัย รวดเร็ว และผลิตได้ในจ�ำนวนมากๆ
ผู้คนหันมาใช้ผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ หาซ้ือได้ง่าย และมีราคาถูกท�ำให้มีผลกระทบต่อ
หัตถกรรมเครื่องจักสานโดยตรง เคร่ืองจักสานท่ีผลิตด้วยมือ จากช่างพื้นบ้าน
จึงได้ขาดช่วงขาดตอน และค่อยๆ ลืมหายไป ความต้องการใช้สอยเครื่องจักสาน
จากไม้ไผ่ลดลง หัตถกรรมเคร่ืองจักสานถูกแทนท่ีด้วยวัสดุสมัยใหม่ เช่น พลาสติก
เอ็น ไนล่อน น�ำมาตกแต่งเคร่ืองจักสานหรือประกอบเครื่องจักสานท่ีใช้วัสดุพื้นบ้าน
ประเภท ไม้ไผ่ หวาย ซึ่งอาจช่วยให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการผลิต
แต่ความไม่เหมาะสมของวัสดุ จะท�ำให้คุณภาพของเคร่ืองจักสานเปล่ียนไป
ขาดคุณค่าทางความงาม ซึ่งในที่สุดสินค้าเครื่องจักสานแบบดั้งเดิม ท่ีผลิตด้วยฝีมือ
จากวัสดุธรรมชาติก็จะมีราคาที่แพงข้ึน ขายยากข้ึน และส่งผลกระทบถึงรายได้
ของผู้ผลิต ผู้คนในท้องถิ่นก็จะหันมาประกอบอาชีพใหม่ อาชีพเดิมท่ีเคยมี
ความส�ำคัญก็ลดลงหรือสูญหายไป โดยที่อาชีพใหม่ท่ีเกิดข้ึนอาจไม่เหมาะสมกับ
สภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต ท�ำให้เกิดปัญหาการท�ำลายทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่
ในทอ้ งถน่ิ และเกดิ การขาดแคลนวสั ดขุ นึ้ ได้ สง่ ผลใหเ้ กดิ ปญั หาความยากจนในชนบทไทย
ดงั ท่ี จริ วฒั น์ นาคพนม (๒๕๔๙, หนา้ ๓) ไดก้ ล่าวว่ากระบวนการเรียนรู้ของชุมชน
ซึ่งเป็นลักษณะที่ส�ำคัญของชุมชนเข้มแข็งนั้น ต้องเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่มาจาก
การนำ� ความรเู้ กา่ หรอื ภมู ปิ ญั ญาของชมุ ชน มาจดั กระบวนการถา่ ยทอดและบรู ณาการ
ผสมผสานกบั ความรใู้ หมท่ เี่ ปน็ ความรสู้ ากลหรอื ความรจู้ ากภายนอกชมุ ชน ความสามารถ
ในการบรู ณาการและสรา้ งสรรคภ์ มู ปิ ญั ญาจะเกดิ ขน้ึ ไดต้ อ้ งอาศยั ภมู ปิ ญั ญาเดมิ ทมี่ อี ยู่
7
ประกอบกบั กระบวนการทเ่ี หมาะสม แตจ่ ากการศกึ ษาสภาพการจดั การศกึ ษาของไทย
ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นการศึกษาที่ละเลยทอดท้ิงภูมิปัญญาของตนเอง มุ่งแสวงหา
ภูมิปัญญาที่เป็นสากล ฐานการเรียนรู้ เน้ือหา และกระบวนการเรียนรู้จึงไม่เป็นไป
ในทางสรา้ งสรรคค์ วามเข้มแขง็ ของชุมชน
เน้ือหาในหนังสือเล่มน้ี เป็นข้อมูลภูมิปัญญาท้องถ่ินประเภทหัตถกรรม
เครอื่ งจกั สานอาสาบา้ นโพหกั ตำ� บลโพหกั อำ� เภอบางแพ จงั หวดั ราชบรุ ี เปน็ องคค์ วามรู้
ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ศิลปะและวัฒนธรรมประเพณีที่ก�ำลังจะสูญหายไปตามกาลเวลา
การรวบรวมข้อมูลในครั้งน้ี จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการส่งต่อองค์ความรู้ และสร้าง
ความรู้ความเข้าใจถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ ของชุมชน ให้ได้รับ
การอนุรักษ์และส่งเสริมในเรื่องของประเพณีจักสานอาสาให้คงอยู่ เพ่ือให้ลูกหลาน
ผสู้ นใจในชมุ ชนไดภ้ าคภมู ใิ จ ตลอดจนเปน็ การถา่ ยทอดกระบวนการเรยี นรขู้ องชมุ ชน
ในด้านต่างๆ ให้ผู้คนในชุมชนเห็นความส�ำคัญ แม้ว่าค่านิยมของผู้คนในชุมชน
จะเปลี่ยนไปตามสภาพเศรษฐกิจสังคม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความ
สะดวกสบายวัตถุนิยมที่หลั่งไหลเข้ามา รวมถึงการย้ายถิ่นของผู้คน
ท�ำให้ขาดการสืบทอดของคนรุ่นใหม่ ดังน้ันจึงเป็นการสมควร
อย่างย่ิงท่ีให้ชุมชนน้ันได้เรียนรู้ เพ่ือให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง
ของสงั คมในโลกยคุ ปจั จบุ นั และรทู้ นั ตอ่ การเลอ่ื นไหลทางวฒั นธรรม
ท่ีท�ำให้ค่านิยม มรดกทางวัฒนธรรมถูกกลืนหาย ผู้เกี่ยวข้อง
จึงควรหารูปแบบแนวทางในการอนุรักษ์ และฟื้นฟู ภูมิปัญญา
ของท้องถิ่น เพ่ือเป็นข้อมูลที่จะน�ำไปพัฒนากระบวนการ
ถา่ ยทอดความรดู้ า้ นภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพยง่ิ ขนึ้
และด�ำรงอยู่คู่สังคมของชาวบ้านโพหัก อ�ำเภอบางแพ
จังหวัดราชบุรี ให้คงอยสู่ บื ต่อไป
8
ชาวไทยพ้ืนถิน่ ในจังหวัดราชบุรี
ประชากรในจังหวัดราชบุรีมีความหลากหลายทางเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์
อนั เป็นลักษณะเดน่ ของจังหวัด ทส่ี บื ทอดมาแตโ่ บราณกาล ทัง้ นเ้ี พราะสภาพภูมปิ ระเทศ
ท่ีเสริมให้เมืองราชบุรี เป็นศูนย์รวมทางวัฒนธรรม เป็นเมืองท่ีผู้คนทั้งจากดินแดน
โพ้นทะเลและชาวพ้ืนเมืองอีกหลายกลุ่มท่ีอยู่อาศัยบริเวณชายแดนระหว่างไทย
และประเทศสหภาพพม่าอพยพเข้ามาต้ังรกรากเมืองราชบุรีจึงท�ำให้จังหวัดราชบุรี
ประกอบด้วยชนหลายเชื้อชาติ แต่ละเช้ือชาติมีความแตกต่างกันทางวัฒนธรรม
และประเพณี เทา่ ทสี่ บื คน้ ไดใ้ นปจั จบุ นั ประชากรของจงั หวดั ราชบรุ ี แบง่ ตามสายเชอ้ื ชาติ
ได้ ๘ ชนเผ่า ดังนี้คอื (กรมศิลปากร, ๒๕๔๔ หน้า ๑๑๗-๑๙๘)
๑. ชาวไทยภาคกลางพืน้ ถ่ินบ้านโพหกั
๒. ชาวไทยจีน
๓. ชาวไท - ยวน
๔. ชาวไทยมอญ
๕. ชาวไทยกะเหรี่ยง
๖. ชาวไทยลาวโซ่ง (ไทยทรงด�ำ)
๗. ชาวไทยลาวเวยี ง (ลาวต้)ี
๘. ชาวไทยเขมรลาวเดิม
แผนท่กี ลุม่ ชาตพิ นั ธุ์ราชบุรี ที่มา : เบญจา ลิขิตย่งิ วรา, (๒๕๕๐, หนา้ ๑๒)
9
ชาวไทยภาคกลางพ้ืนถ่ินหรือคนไทยท่ีต้ังหลักแหล่งอยู่อาศัยทางตอนกลาง
ของประเทศไทยปัจจุบันหาได้ยาก เพราะการผสมผสานทางเผ่าพันธุ์ ส�ำหรับ
ในจังหวัดราชบรุ ีคงเหลอื ใหเ้ ห็นเดน่ ชดั ที่ชุมชนบ้านโพหัก ต�ำบลโพหัก อ�ำเภอบางแพ
จงั หวดั ราชบุรี
เผา่ พนั ธถ์ุ ิ่นกำ� เนิด
ชาวไทยภาคกลางพื้นถิ่นท่ีตั้งถ่ินฐานอยู่ท่ีชุมชนบ้านโพหักน้ี มีผู้สันนิษฐานว่า
น่าจะเป็นกลุ่มชนท่ีอพยพมาจากบริเวณป่าหลวงหรือป่าน้อย เพราะได้ส�ำรวจพบ
ซากอาคารก่อด้วยศิลาแลงท่ีโคกยายชีประกอบกับการพิจารณาภาพถ่ายทางอากาศ
บริเวณดังกล่าวได้พบว่ามีแหล่งน้�ำขนาดใหญ่ที่เช่ือมโยงกับแม่น�้ำสายอ่ืนๆ ไกลถึง
เมืองอู่ทองเก่าทางทิศเหนือ และลงสู่แม่น้�ำท่าจีนทางทิศใต้ ต่อมาบริเวณป่าหลวง
เกิดกันดารน้�ำผู้คนจึงพากันอพยพจากบริเวณดังกล่าวมายังต�ำบลโพหักในปัจจุบัน
ชาวโพหกั เปน็ กล่มุ คนท่อี พยพมาจากบางนอ้ ย บางใหญ่ โดยมีหลวงพอ่ ทองดีเป็นผู้น�ำ
เม่ือเดินทางมาถึงบึงใหญ่ซ่ึงมีน้�ำอุดมสมบูรณ์ตลอดปี จึงพากันต้ังหลักแหล่ง
ปลูกสร้างบ้านเรือน แผ้วถางป่าเป็นท่ีท�ำกิน สร้างวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน
และอยู่อาศัยมาจนถึงทุกวันนี้ ชื่อโพหัก มีต�ำนานและเร่ืองเล่ากล่าวถึงท่ีมาของช่ือ
ไวถ้ งึ ๓ เรอื่ งด้วยกนั คอื
เรื่องท่ี ๑ อิงต�ำนานพระปฐมเจดีย์ว่า เมื่อคร้ังพญาพานจะยกทัพไปรบกับ
พญากงผู้เป็นบิดา ได้เดินทัพผ่านมาทางนี้พบท�ำเลเหมาะจึงพักไพร่พลโดยน�ำ
ศาสตราวุธไปวางพิงไว้กับต้นโพธ์ิท�ำให้ต้นโพธิ์เกิดหักโค่นลง (เป็นอาเพศท่ีพญาพาน
จะกระท�ำปติ ุฆาตบดิ า) ตำ� บลน้ีจึงได้ชอื่ “โพหัก” แต่นน้ั มา
เร่ืองที่ ๒ อิงประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยาว่า เม่ือคร้ังพม่ายกทัพมาตี
กรุงศรีอยุธยา ได้มาแวะพักพล ณ บริเวณน้ีและได้น�ำปืนใหญ่พิงไว้กับต้นโพธิ์
เปน็ เหตใุ หต้ น้ โพธิ์เกดิ หักโคน่ ลงตำ� บลน้จี ึงได้ชื่อวา่ “โพหกั ”
10
เรื่องท่ี ๓ อิงประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน โดยเล่าว่า เม่ือครั้ง
กรุงแตก ราษฎรพากันอพยพหนีพม่าโดยใช้เกวียนบรรทุกทรัพย์สมบัติ จนมาถึง
ต�ำบลหนึ่ง วัวท่ีใช้เทียมเกวียนเกิดล้า เดินทางต่อไม่ไหว ราษฎรจึงพากันหยุดพักวัว
และน�ำทรพั ย์สมบตั อิ อกแขวนไว้ที่ต้นโพธ์ิ เปน็ เหตุให้ต้นโพธิเ์ กิดหักโคน่ ลง บรเิ วณนี้
จงึ ไดช้ อ่ื วา่ “ต�ำบลโพหัก” นบั แต่นนั้ มา
การตั้งถ่นิ ฐาน
ภูมิประเทศของชุมชนบ้านโพหักต้ังอยู่กลางทุ่งกว้างมีความเหมาะสมในการ
ตั้งหลักแหล่งอยู่อาศัยเป็นอย่างย่ิง เพราะมีความอุดมสมบูรณ์ สภาพพ้ืนที่เป็นที่
ราบลุ่มน�้ำท่วมถึง บ้านเรือนส่วนใหญ่จึงเป็นบ้านทรงไทยใต้ถุนสูง ระยะแรก
ปลูกสร้างบ้านเรือนกันบริเวณรอบวัดใหญ่โพหักซ่ึงเป็นศูนย์กลางของชุมชน
และทำ� นากนั เฉพาะรมิ ขอบคลองโพหกั อนั เปน็ แหลง่ นำ้� สำ� คญั ตอ่ มาราว ๗๐ ปใี หห้ ลงั
เม่ือผู้คนมีมากขึ้นจึงต้องมีการถากถางที่ดินบริเวณท้องทุ่งรอบต�ำบลโพหัก
เพ่ือเป็นท่ีท�ำกิน มีการตั้งบ้านเรือนเพ่ิมมากขึ้น ได้แก่ บ้านดอนมะขามเทศ
บา้ นดอนแห้วหมู บ้านดอนพรม บา้ นดอนขา่ ย บ้านดอนคลงั เปน็ ตน้
ภาษาและวรรณกรรม
ส�ำเนียงภาษาของคนท่ีชุมชนบ้านโพหักแปลกกว่าท้องถิ่นอื่นในจังหวัดราชบุรี
เชน่ ใช้คำ� นำ� หน้าชือ่ ผหู้ ญงิ ว่า “ออ” ค�ำวา่ “ท�ำไม” ใช้ “ใย” คำ� ว่า “เลก็ ” ใช้ “น้อย”
ค�ำว่า “ดู” ใช้ “แล” เป็นต้น บางคนกล่าวว่าค�ำเหล่าน้ีเป็นค�ำไทยแท้แต่โบราณ
ปัจจุบันผู้สูงอายุซึ่งเป็นชาวไทยภาคกลางพื้นถ่ินที่บ้านโพหัก ก็ยังคงใช้ค�ำเฉพาะ
กลมุ่ ในการสอื่ สาร ท่านกล่าววา่ คำ� เหลา่ น้เี ป็นคำ� ไทยแทท้ ีพ่ ูดกนั มาตง้ั แตด่ ง้ั เดิม เช่น
ใช้คำ� วา่ “แรกหรอื ตะกอ่ น” ในความหมายของค�ำว่า “เมอ่ื กอ่ น สมัยกอ่ น ในอดตี ”
คำ� วา่ “เวลา” ใช้ “เพลา” คำ� วา่ “บางท”ี ใช้ “ลางท”ี เปน็ ตน้ คำ� เหลา่ น้ี ในสงั คมปจั จบุ นั
ไม่ปรากฏเป็นภาษาพูด แต่ปรากฏในบทประพันธ์ประเภทร้อยกรอง ค�ำเฉพาะ
กลมุ่ ภาษาของโพหกั มีหลายคำ� ที่แตกตา่ งออกไปจากกลุ่มภาษาของคนไทยกล่มุ อืน่ ๆ
ในจังหวดั ราชบุรี เช่น พ่อแก่ ใชเ้ รียก ตา แมแ่ ก่ ใช้เรียก ยาย กลบ ใชเ้ รียก ฉมวก
(เครอื่ งมือจับปลา)
11
ไอ้ขี้ อีข้ี ไอ้หมา อีหมา ใช้เรียก ลูกรักหรือลูกคนโต ค�ำศัพท์เฉพาะบางค�ำ
แฝงความเชื่อพ้ืนถิ่นไว้ด้วย ได้แก่ ค�ำท่ีใช้เรียกลูกรักหรือลูกคนโต คนที่น่ีเชื่อว่า
ผเี ปน็ สงิ่ กระทำ� ใหเ้ ดก็ ตอ้ งเจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ย ดงั นนั้ การเรยี กชอ่ื เดก็ ดว้ ยคำ� ทไ่ี มส่ ไู้ พเราะนกั
จะช่วยให้เด็กปลอดภัยไม่เจ็บป่วย (ความเชื่อน้ีคล้ายกับความเชื่อของคนไทยโบราณ
กลุ่มอ่ืนที่เช่ือว่า “ผี” จะมาเอาชีวิตเด็ก หรือท�ำให้ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย หากเอ็นดูเด็ก
ต้องชมว่า “น่าเกลียด น่าชัง” แทนท่ีจะชมว่า “น่ารัก” เพราะจะได้รอดพ้นจากผี)
นอกจากนย้ี ังมีค�ำทีใ่ ชเ้ รยี กน�ำหนา้ ชื่อลูกสะใภ้ว่า “ออ” เช่น “ออแดง ออส”ี เป็นตน้
ส�ำหรบั การออกเสียงพยัญชนะพบวา่ เกดิ การแปรเสยี งพยัญชนะควบกลำ้� บางคำ� เช่น
ค�ำว่า แขวน ออกเสียงเป็น แผ่น ขวัญ ออกเสียงเป็น ฝัน ตรง ออกเสียงเป็น กรง
เตรียม ออกเสียงเป็น เกรยี ม นอกจากการแปรเสียงพยัญชนะท่ีดูเหมือนจะผิดเพ้ียน
ไปจากเสยี งภาษาปัจจบุ ันแลว้ การออกเสยี งพยัญชนะ ร, ล หรือพยญั ชนะควบกล้�ำ
ทม่ี ี ร, ล ได้ชดั เจนมากเหมอื นคนไทยในอดีต
การดำ� รงชวี ิต
เครื่องแต่งกาย แต่เดิมในเวลาปกติ ชายไทยที่บ้านโพหักนิยมสวมเสื้อกุยเฮง
สีต่างๆ นุ่งโจงกระเบน ต่อเม่ือมีงานบุญจึงน�ำผ้าม่วงออกมาใช้พร้อมด้วยผ้าขาวม้า
พาดบา่ ไวผ้ มทรงกนั จอน และเจาะหใู สต่ มุ้ หขู า้ งเดยี ว สำ� หรบั ผหู้ ญงิ มกั สวมเสอื้ คอกระเชา้
นุ่งโจงกระเบน ยามมงี านบุญจงึ นำ� ผ้าสีขาวออกมาห่มสไบเฉียง ไวผ้ มทรงดอกกระท่มุ
และทรงยี่เกิ้น เจาะหูใส่ตุ้มหูระย้าทั้งสองข้าง นิยมเครื่องประดับท่ีท�ำด้วยทอง
เพราะถือว่าเป็นของสูง ปัจจุบันชาวบ้านที่นี่แต่งกายสมัยนิยม คือ ผู้ชายนุ่งกางเกง
ผู้หญิงนุ่งผ้าถุง ไม่นิยมนุ่งโจงกระเบนเหมือนเมื่อก่อนแล้วทั้งในเวลาปกติและเวลา
มงี านบญุ
12
การแตง่ กายของหญิงชาวโพหกั ในอดีต การแต่งกายของชายชาวโพหักในอดีต
อาหาร
อาหารของกลุ่มคนที่บ้านโพหักมีวิธีการปรุงแต่งและความเชื่อในการบริโภค
ท้งั แบบง่ายๆ ในชีวิตประจำ� วนั และแบบพเิ ศษในงานบญุ ประเพณีตา่ ง ๆ การจดั ส�ำรับ
จะจัดใส่กระบะไม้ส่ีเหลี่ยม ในแต่ละกระบะหรือส�ำรับต้องจัดกับข้าว ๕ ถ้วย
ถ้าจัด ๔ ถ้วยถือว่าจัดให้ผี ดังนั้นแต่ละส�ำรับจึงต้องมีถ้วยน�้ำพริก จานผัก ถ้วยแกง
จานเคร่ืองเคียง แล้วตักอย่างใดอย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งถ้วย ส�ำรับของหวาน
โดยท่ัวไปเป็นผลไม้พวกกล้วย อ้อย ฝร่ัง ฯลฯ นานๆ ครั้งก็ท�ำขนมบ้าง เช่น
กล้วยบวชชี บัวลอย ขนมตาล ขนมกล้วย ปลากริม ข้าวเหนียวหน้าต่างๆ เป็นต้น
ซึ่งไม่ต่างไปจากขนมของคนไทยกลุ่มอื่นๆ ที่มีแปลกออกไปก็คือขนมปลากริม
แต่ก่อนไม่ได้ท�ำอย่างเค็มหวานผสมกันอย่างเด๋ียวนี้ แต่เลือกท�ำเพียงอย่างเดียว
ส่วนใหญ่มักท�ำอย่างหวาน แต่ถ้าท�ำอย่างเค็มก็ใส่หอมแดงลงไปด้วย ของกินเล่น
อีกอย่างหนึ่งท่ีท�ำกินในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม อันเป็นช่วงท่ีข้าวในนา
ออกรวงแก่เริ่มเหลืองคือ ข้าวเม่าคลุกกับมะพร้าวและกล้วย อาหารในงานบุญต่างๆ
มักเป็นอาหารแบบพิเศษท่ีท�ำข้ึนเฉพาะงานบุญน้ันๆ ถ้าเป็นงานบุญใหญ่อย่าง
13
งานกฐิน งานบวช มกั ท�ำขนมจีนน�ำ้ ยาและนำ�้ พรกิ มาเลีย้ งกนั ของหวานเปน็ ขนมชัน้
ฝอยทอง ทองหยบิ เมด็ ขนนุ และวนุ้ นำ�้ เชอื่ ม ถา้ เปน็ งานแตง่ งานกเ็ ลย้ี งลอดชอ่ งนำ้� กะทิ
แทนวุ้นน�้ำเช่ือม ส่วนงานหมั้นทางบ้านฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายท�ำข้าวเหนียวถ่ัวด�ำ
เลี้ยงขบวนขันหมากของฝ่ายชาย ส�ำหรับงานบุญตักบาตรในวันออกพรรษานิยม
ท�ำปลาเห็ด (คอื ทอดมันทีท่ ำ� ด้วยกงุ้ ตวั เลก็ ๆ หรือเนือ้ ปลา เช่น ปลาตะเพยี น น�ำมาขูด
คลุกเคล้ากับเคร่ืองแกงที่ประกอบด้วยพริก กระเทียม ตะไคร้ ปรุงรสด้วยน้�ำปลา
โรยใบมะกรดู ชบุ แป้งแลว้ ทอด) ไปตักบาตร ของหวานคือ ข้าวต้มมัดกบั กลว้ ยไข่
งานบญุ วนั สารทไทยก็จะกวนกระยาสารท ท้งั ท�ำบญุ ถวายพระและแจกกันกนิ
กระยาสารทที่นี่ไม่ใส่แบะแซ จึงไม่เหนียวหนืด หยิบขึ้นมาแต่ละครั้งจะร่วงกราว
แต่เดี๋ยวนี้ไม่กวนกันแล้วเพราะไม่มีคนกิน เมื่อถึงวันสารทแต่ละปีก็ซ้ือหาจากตลาด
มาพอเป็นพิธีเทา่ นัน้
งานศพ เจ้าภาพจะท�ำแกงคั่วหรือแกงส้มมาเล้ียงกันก็ได้ แต่ห้ามท�ำขนมจีน
และแกงวุ้นเส้น เพราะถือเคล็ดว่าเป็นอาหารท่ีมีเส้นยืดยาว คนตายต้องไม่มาผูกพัน
เกี่ยวขอ้ งกบั คนเป็น
งานสังคมชาวนาเม่ือถึงหน้าท�ำนา เก่ียวข้าว นวดข้าว ก็จะขอแรงลงแขก
เจ้าภาพต้องเตรียมข้าวปลาอาหารไว้เลี้ยงกันอย่างบริบูรณ์ ส�ำหรับของหวาน
เจ้าภาพมักใช้สัญลกั ษณธ์ งและพู่ (ท�ำจากซังข้าว) ผกู ไว้กับเสาไมร้ วกทีป่ กั ไวก้ ลางนา
เช่น ถ้ามัดพู่เหนือยอดธง แสดงว่าเจ้าภาพเล้ียงลอดช่องน้�ำกะทิ ถ้ามัดพู่ไว้กลางธง
แสดงว่าเจ้าภาพเลี้ยงขนมที่ท�ำจากข้าวเหนียว อาจจะเป็นข้าวเหนียวสังขยา
ข้าวเหนียวหน้ากระฉีก หรือข้าวเหนียวน้�ำกะทิก็ได้ แต่ถ้ามัดพู่ไว้ใต้ธงแสดงว่า
เจ้าภาพมีเหล้าเลยี้ งแนน่ อน
งานบวชเมื่อก่อน เจ้าภาพมีธรรมเนียมแจกขนมถ้วยฟูหรือขนมสาล่ีให้กับ
แขกท่มี าช่วยงานติดไม้ติดมอื กลับบ้าน แตป่ จั จุบนั เลิกราไปหมดแล้ว
14
ท่อี ยอู่ าศัย
บ้านเรือนท่ีเป็นท่ีอยู่อาศัยของคนไทยภาคกลางพ้ืนถิ่นเป็นบ้านไม้แบบท่ี
เรียกว่าบ้านทรงไทย ซึ่งปัจจุบันยังพอมีให้ดูอยู่บ้าง ที่บ้านโพหักบ้านเรือนไทย
มที งั้ แบบที่เปน็ เรอื นเคร่อื งผูกและเรือนเครือ่ งสับ
เรือนเคร่ืองผูก เป็นเรือนที่ปลูกสร้างในชนบททั่วไปและสร้างข้ึนอย่างง่ายๆ
ด้วยการผูกรัด ถักพันปลูกเป็นเรือนด้วยเส้นตอกเส้นหวายเป็นส�ำคัญ วัสดุท่ีใช้หาได้
ในท้องถิ่นภาคกลางนิยมใช้ไม้ไผ่ชนิดต่างๆ เป็นโครงสร้างส่วนใหญ่ ฝาเรือน
เปน็ ไมข้ ดั แตะหรอื กรดุ ว้ ยจาก ขอ้ เสยี ของเรอื นชนดิ นค้ี อื ไมม่ น่ั คงถาวรเทา่ เรอื นไมจ้ รงิ
เรือนเคร่ืองสับ เป็นเรือนท่ีปลูกสร้างด้วยไม้จริง องค์ประกอบโครงสร้างของ
เรือนยึดต่อกันด้วยการเข้าเดือยโดยอาศัยโลหะเป็นเคร่ืองยึดตรึงบ้างเพียงเล็กน้อย
เรือนชนิดนี้เป็นเรือนที่ผ่านพัฒนาการด้านเทคนิคการก่อสร้างที่ซับซ้อนขึ้นกว่าเรือน
เครอ่ื งผูก มรี ปู แบบการปลกู สรา้ งสบื ต่อกนั มาเปน็ แบบประเพณเี รียกว่า “เรอื นไทย”
มีลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ประโยชน์ใช้สอย แบบแผนความนิยมในท้องถ่ิน
ฐานะความเป็นอยู่ของผู้เป็นเจ้าของเรือน หรือต่างกันไปตามความจ�ำเป็นแห่งการ
อยู่อาศยั เรอื นเครือ่ งสบั แบง่ ได้เปน็ เรอื นประเภทต่างๆ กนั คอื เรอื นครอบครวั เดีย่ ว
เรือนหมู่ เรอื นคหบดี เรอื นรา้ นค้า เรอื นแพ
การวางต�ำแหน่งของบ้านเลือกทิศมงคลโดยเฉพาะการหันหัวนอน จะหันไป
ทางทศิ ใตห้ รอื ทศิ ตะวนั ออกซง่ึ เปน็ ทศิ มงคลตามคตคิ วามเชอ่ื มาแตโ่ บราณ การตงั้ เรอื น
ส่วนใหญ่ข้ึนอยู่กับเส้นทางสัญจร บ้านที่ปลูกริมน�้ำจะหันระเบียงหรือจ่ัวขนานไปกับ
ลำ� นำ�้ ถ้าไมย่ ดื ทางสัญจรจะปลกู ตามแนวทศิ ตะวนั ออก ตะวนั ตกขวางลมทพี่ ดั มาจาก
ทศิ ใต้และเรอื นจะไม่รับแดดร้อนตลอดวนั ส่งิ ศกั ดส์ิ ิทธป์ิ ระจ�ำบา้ น นอกจากห้องพระ
หรือสว่ นตัง้ โตะ๊ หมบู่ ชู า ยงั มศี าลพระภูมเิ จ้าท่ปี ระจ�ำบ้านด้วย
15
เรือนไทย (เรอื นเครือ่ งสบั ) ท่บี ้านโพหัก ภาพ : เบญจา ลขิ ิตยิ่งวรา
คติความเชื่อในการปลูกสร้างเรอื น
การปลูกเรือนทั้งเรือนเครื่องผูกและเรือนเครื่องสับมีความเชื่อถือเรื่องโชคลาง
ฤกษ์ยามมาแต่โบราณและยังคงเหลือสืบมาถึงปัจจุบัน ท้ังนี้ในการสร้างบ้านเรือน
จะมีการปรึกษาพระหรือโหรถึงฤกษ์งามยามดีตามพิธีการต่างๆ คติความเชื่อ
ส�ำหรับการสร้างบ้านเรือนที่ยังยึดถือกันคือ ฤกษ์ปลูกบ้าน เช่น ปลูกเรือนเดือน ๕
พระนารายณฆ์ า่ พระราหู ไมด่ ี อยอู่ าศยั แลว้ เกดิ โรคภยั ปลกู เรอื นเดอื น ๖ พระพทุ ธเจา้
บังเกิด ดี อยู่อาศัยแล้วได้ทรัพย์ เป็นต้น การเลือกพ้ืนท่ีต้ังเรือนอยู่อาศัย ได้แก่
พืน้ ท่ีมงคลอยู่อาศัยแลว้ มีความสุข พ้ืนทอ่ี ปั มงคลอยอู่ าศยั แลว้ ไม่ดี
นอกจากน้ียังมีความเชื่อเกี่ยวกับเสาเรือน การยกเสา ประตู บันได และการ
กำ� หนดสัดส่วนที่เป็นมงคลอีกดว้ ย
กอ่ นทจ่ี ะมกี ารปลกู บา้ น จะตอ้ งทำ� พธิ ขี อทเ่ี สยี กอ่ น โดยการนำ� ขา้ วตอกดอกไม้
ถวั่ เขยี ว ผกั และปลา ใสก่ ระทงใบตองวางเรยี งในกระบะทท่ี ำ� จากกาบกลว้ ย ไปใหห้ มอ
ทำ� พธิ ดี ว้ ยการนำ� ของในกระบะดงั กลา่ วไปโปรยบรเิ วณทจี่ ะปลกู บา้ น รวมทง้ั วางกระทง
อาหารไว้ด้วย จากนั้นน�ำกระบะกาบกล้วยไปวางไว้ท่ีทางสามแพร่งแล้วจึงลงมือปลูก
เรือนได้ การปลูกบ้านหรือปลูกเรือนน้ีคนไทยโบราณมีประเพณีอย่างหน่ึงซึ่งปัจจุบัน
เลกิ ไปแลว้ รวมทง้ั ทบ่ี า้ นโพหกั น้ดี ว้ ยคือ ประเพณีการปลกู เรอื นหอให้เสรจ็ ในวันเดยี ว
16
คติความเชื่อทางศาสนาและพธิ กี รรม
คนไทยแท้แต่โบราณ นับถือพุทธศาสนาโดยมีวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็น
ศนู ยก์ ลางหมบู่ า้ นมคี วามเชอ่ื ในเรอื่ งบญุ บาปและการประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามหลกั คำ� สอน
ทางพุทธศาสนา ท่ีบ้านโพหักมีวัดใหญ่โพหักเป็นศูนย์กลางทางศาสนา นอกจากน้ี
คนที่บ้านโพหักยังมีความเชื่ออื่นๆ ท่ีนอกเหนือไปจากความเช่ือทางพุทธศาสนา คือ
ความเช่ือเก่ียวกับศาลพ่อปู่หรือศาลตาปู่ เช่ือกันว่าเป็นเทวดาอารักษ์ประจ�ำท้องถิ่น
ที่ชาวโพหักให้ความเคารพนับถือ นอกจากนี้ยังมีการนับถือผีบรรพบุรุษ บางบ้าน
ตอ้ งจดุ ธปู ไหวก้ อ่ นนอนทกุ วนั เพอ่ื ขอความคมุ้ ครองและขอใหโ้ ชคดใี นการทำ� มาหากนิ
ในวันสงกรานต์จะมีการบังสุกุลให้ด้วย เพ่ือเป็นการระลึกถึงบุญคุณ บางบ้านก็มีการ
ท�ำบุญในวันครบรอบวันตายด้วย ในงานแตง่ งานบ่าวสาวจะตอ้ งไหวผ้ ีบรรพบรุ ุษดว้ ย
การปผู า้ ขาวสำ� หรบั กราบ จดุ ธปู เทา่ จำ� นวนคนตาย ระหวา่ งนนั้ เถา้ แกจ่ ะเปน็ คนพดู นำ�
บ่าวสาวพูดตาม การพูดจะเป็นท�ำนองบอกกล่าวให้ทราบถึงการแต่งงานและขอให้
ช่วยคุ้มครองคู่บา่ วสาว
ขนบธรรมเนียมและประเพณี
คนไทยที่บ้านโพหักมีประเพณีอย่างหน่ึงท่ีท�ำสืบทอดกันมาแต่โบราณ
และไม่พบว่ามีการปฏิบัติกันในท้องถ่ินอื่น ท้ังในจังหวัดราชบุรีและจังหวัดอื่นๆ
แม้ปัจจุบันจะเลือนไปบ้าง แต่ก็ยังพอหาดูได้ไม่ยากนัก ได้แก่ ประเพณีท�ำของอาสา
ซ่ึงเป็นข้ันตอนหนึ่งของประเพณีการแต่งงาน เม่ือชายหญิงคู่หน่ึงตกลงปลงใจว่าจะ
ใชช้ ีวิตร่วมกัน ฝา่ ยชายจะส่งเถ้าแก่ไปสขู่ อ และเมื่อฝ่ายหญิงตอบรบั การหมัน้ หมาย
จึงเกิดข้ึนก่อนที่จะถึงการแต่งงานส�ำหรับชาวโพหักการหม้ันกินเวลานานข้ามปี
ระหว่างนี้เป็นช่วงเวลาของการ “อาสา” คือ การที่ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติการใดๆ
ให้แต่ละฝ่ายพึงพอใจ ส่วนใหญ่มักเป็นการปฏิบัติของฝ่ายชาย โดยเฉพาะการ
“ขันอาสา” ท�ำข้าวของเครื่องใช้ก�ำนัลแก่ฝ่ายหญิง ตลอดจนลงแรงช่วยฝ่ายหญิง
ทง้ั งานในนาและงานบุญ
นอกจากประเพณีท�ำของอาสาแล้ว ที่ชุมชนบ้านโพหักยังมีอีกประเพณีหนึ่ง
ที่ปัจจุบนั สูญหายไปแลว้ นน่ั คือ ประเพณปี าข้าวเมา่
17
ขา้ วเม่า คอื ขา้ วทคี่ ั่วไฟจนเรมิ่ แตกเปน็ ข้าวตอก แลว้ เทใสค่ รกตำ� ให้เมด็ แบน
จากน้ันน�ำมาฝัดแยกเปลือก กาก ร�ำออกให้หมดก่อนจึงน�ำมากินได้ ฤดูต�ำข้าวเม่า
เป็นช่วงท่ีข้าวเริ่มแก่ ประมาณเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน มักต�ำกันในช่วงเวลา
เย็นถึงดึก ข้าวเม่าจัดเป็นการเล่นสนุกกันอย่างหนึ่ง โดยหนุ่มๆ จะมาปาข้าวเม่า
ของสาวๆ ซ่ึงคนที่มาปาและคนที่ถูกปานั้นรู้จักกันอยู่แล้ว การปาเริ่มด้วยฝ่ายหนุ่ม
ท่ีจะใช้ผ้าขาวม้าห่อมะพร้าวจ�ำนวน ๔ ลูก กับน้�ำตาลปริมาณพอสมควรปาเข้ามา
ในวงงานท่ีก�ำลังต�ำข้าวเม่า ซ่ึงเป็นที่รู้จักกันแล้วว่าเม่ือมีมะพร้าวห่อผ้ากล้ิงขลุกขลัก
เข้ามาก็ต้องมีไอ้หนุ่มที่รู้จักกันมาปาข้าวเม่าแต่ไม่ยอมปรากฏตัว หรือบางคร้ัง
เจ้าหนุ่มได้นัดหมายไว้ แต่สาวเจ้าไม่บอกให้ผู้ใหญ่รับรู้ เม่ือปามะพร้าว - น้�ำตาล
เข้าไปแล้ว เจ้าหนุ่มสองสามคนเจ้าของมะพร้าวก็จะแฝงกายอยู่ในเงามืด ใกล้ๆ
บริเวณน้ัน เพื่อรอดูลาดเลาสักครู่ก็จะออด การออดคือ การพูดดัดเสียง ส�ำเนียง
ให้ทางฝ่ายต�ำข้าวเม่าจ�ำไม่ได้ว่าเป็นใคร โดยจะออดว่า “ป้าจ๋า น้าจ๋า ขอข้าวเม่า
ฉันซักสอง สามกระเบ้ือง นึกว่าสงสารคนบ้านไกลเถิดจ้า” ฝ่ายหญิงผู้มีอายุซ่ึงเป็น
ผู้ควบคุมดูแลลูกหลานก็จะพูดขู่ว่า “ถ้าจับได้คอยดูนะ จะจับแก้ผ้าอาบน�้ำ
โกนหัวครึ่งซกี และจะแถมกะปทิ าจมูกอกี ดว้ ย คอยดูนะ” ฝ่ายสาวที่กำ� ลังตำ� ขา้ วเมา่
ก็จัดแจงฝัดข้าวเม่าพร้อมปอกและขูดมะพร้าวในห่อผ้าที่ปาเข้ามา ซึ่งสาวจะรู้ว่า
เจ้าของมะพร้าวเป็นใครเพราะอาจนัดแนะกันไว้หรือเพราะสาวจ�ำผ้าขาวม้าได้
จากน้ันจะคลุกข้าวเม่ากับมะพร้าวและน้�ำตาลห่อผ้ากลับคืนแล้วน�ำไปแขวนไว้
บางครง้ั มกี ารเลน่ ตลกดว้ ยการหอ่ ขเี้ ถา้ ใสไ่ ปดว้ ย การแขวนหอ่ ข้าวเมา่ นบี้ างทผี สู้ งู อายุ
บางคนจะแขวนไวก้ บั ปลายไมย้ าวๆ แลว้ ยนื่ ออกไป พวกเจา้ หนมุ่ เจา้ ของหอ่ ผา้ จะหยบิ
คนถอื ไม้กย็ กหนี เลน่ ล่อแบบตกปลา เมอื่ เจ้าหนุ่มไดห้ ่อขา้ วเม่าไปแล้วกห็ าทเ่ี หมาะๆ
กินข้าวเม่ากันอย่างสนุกและอร่อย แต่บางคร้ังก็ต้องดูให้ดีๆ ก่อนเพราะอาจเจอ
ห่อขี้เถ้าปนมาด้วย ปจั จบุ ันประเพณกี ารปาขา้ วเม่ารวมท้งั ตวั ข้าวเม่าเองไม่เหลือแลว้
เพราะคนทบ่ี ้านโพหกั เปลย่ี นจากการท�ำนาข้าวเปน็ นากุ้งเกือบท้งั หมด
18
เศรษฐกจิ ของชมุ ชนบ้านโพหัก
แต่เดิมอาชีพหลักของคนท่ีบ้านโพหักคือการท�ำนาข้าวที่ปลูกกันเป็น
พันธุ์ข้าวเจ้า ผลผลิตท่ีได้ส่วนหน่ึงเก็บไว้กิน อีกส่วนหน่ึงเก็บไว้ท�ำพันธุ์เพาะปลูก
ในปีต่อไป ส่วนท่ีเหลือขายให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อถึงท่ี แรงงานหลักได้แก่แรงงานวัว
ซึ่งหาซื้อจากหมู่บ้านอ่ืน บางคร้ังมีพ่อค้าเร่จากสุพรรณบุรี หรือกาญจนบุรีต้อนวัว
ตา่ งมาขายใหบ้ า้ ง ปจั จบุ นั คนทบ่ี า้ นโพหกั ประกอบอาชพี หลกั คอื การทำ� นากงุ้ กา้ มกราม
โดยใช้พื้นที่นาข้าวเดิมดันแปลงให้เป็นนากุ้ง ส่วนคนท่ีไม่มีที่นาเป็นของตนเองก็ใช้
วธิ เี ชา่ ทำ� เหตทุ คี่ นโพหกั พรอ้ มใจกนั เลกิ ทำ� นาขา้ วหนั มาทำ� นากงุ้ เปน็ เพราะการทำ� นาขา้ ว
ไมไ่ ด้ผลเน่ืองจากน้�ำเริ่มกรอ่ ย ทำ� ให้ตน้ ข้าวเสยี หาย อีกประการหน่ึงคือการท�ำนากุง้
ใหผ้ ลดแี ละเรว็ กวา่ รวมทง้ั เหนอื่ ยนอ้ ยกวา่ ดว้ ย นอกจากการเลยี้ งและขายกงุ้ กา้ มกรามแลว้
ชาวบ้านโพหักยังมีสินค้าท่ีส�ำคัญอีกหลายอย่าง เช่น เพาะเห็ด พืชผักผลไม้ และที่
ส�ำคัญคือแรงงาน ซ่ึงคนหนุ่มสาวปัจจุบันได้ออกไปใช้แรงงานในภาคอุตสาหกรรม
มากกว่าภาคเกษตร และเป็นแหล่งรายได้เข้าสู่ท้องถิ่นโพหักอย่างดี นอกจากนี้
การขายทดี่ นิ ของเกษตรกร ทำ� ใหเ้ จ้าของทดี่ ินมเี งนิ เหลอื เก็บกนั เปน็ จำ� นวนไมน่ อ้ ย
พนื้ ที่นาข้าวเดิมดดั แปลงใหเ้ ปน็ นากุ้ง ภาพ : เบญจา ลขิ ติ ยงิ่ วรา
19
๒. กระบวนการจักสานอาสาบา้ นโพหัก จงั หวดั ราชบรุ ี
Weaving process Ratchaburi
เครื่องจักสานของเก่าด้ังเดิมที่อยู่ในประเพณีอาสาน้ันมีอายุมากกว่า ๙๐ ปี
และยงั คงไดร้ บั การเกบ็ รกั ษาไวเ้ ปน็ อยา่ งดี เพราะเปน็ สงิ่ ทมี่ คี ณุ คา่ ทางจติ ใจของทงั้ ผใู้ ห้
และผรู้ บั หรอื อาจกลา่ วไดว้ า่ ผใู้ หไ้ ดท้ ำ� “ของพเิ ศษใหก้ บั คนพเิ ศษ” เบญจา ลขิ ติ ยง่ิ วรา
(๒๕๕๔) ได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ภาคสนามจากกลุ่มตัวอย่าง
ผู้มีส่วนร่วมในประเพณีอาสา ผู้ทรงภูมิปัญญา ผู้ผลิต ผู้น�ำท้องถ่ิน โดยแบ่งประเด็น
การศึกษาออกเปน็ ๓ ประเดน็ ดังน ้ี
๑. กระบวนการผลิตเครื่องจักสานไม้ไผ่
๒. อัตลกั ษณ์ของเครอ่ื งจักสานอาสา
๓. รปู แบบการอนุรกั ษแ์ ละฟืน้ ฟเู ครอื่ งจักสานอาสา
๑. กระบวนการผลิตเครือ่ งจกั สานไม้ไผ่
เครื่องจักสานอาสาของชาวโพหักเป็นเครื่องจักสานท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะถ่ิน
ท่ีโดดเด่นของจังหวัดราชบุรี มีความละเอียด ประณีต แข็งแรงและทนทานมาก
และยังมีคุณค่าทางจิตใจต่อทั้งผู้ให้และผู้รับ นอกจากนี้ยังมีกระบวนการผลิต
และข้ันตอนท่ีน่าศึกษาโดยเฉพาะขั้นตอนการตกแต่งท่ีไม่เหมือนใคร จากการ
วิเคราะห์กระบวนการผลิตเครื่องจักสานอาสา เบญจา ลิขิตยิ่งวรา (๒๕๕๔) พบว่า
มีองค์ประกอบ ๔ สว่ นดงั น้ี
๑.๑ เครื่องมือเครอ่ื งใช้ในการผลติ เคร่ืองจกั สาน
๑.๒ วัตถดุ บิ ในการผลติ เคร่อื งจักสาน
๑.๓ การสานและลวดลาย
๑.๔ การตกแต่งเคร่อื งจักสาน
20
๑.๑ เคร่ืองมอื เครือ่ งใชใ้ นการผลติ เคร่ืองจกั สานอาสา
การเลอื กเครอ่ื งมอื ในการผลติ เครอ่ื งจกั สานอาสา นบั วา่ มคี วามสำ� คญั มาก
เพราะส่วนใหญ่ผู้ผลิตหรือช่างจะเป็นผู้เลือกเคร่ืองมือให้เหมาะสมกับการผลิต
เครื่องจักสานประเภทน้ันๆ จากการศึกษาพบว่าเครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต
เครอ่ื งจกั สานทสี่ �ำคญั ได้แก่
๑.๑.๑ มีดโต้ เป็นมีดขนาดใหญ่ มีความหนาที่สัน ส่วนด้านตัดจะ
บางกว่าโดยช่างจะลับจนคม มีด้ามจับเป็นไม้เนื้อแข็งหรือไม้ไผ่ ใช้ตัดไม้ไผ่และผ่า
ให้เป็นชนิ้ เล็กๆ เพื่อน�ำไปจักตอกในขัน้ ตอนต่อไป
มดี โต้ ภาพ : เบญจา ลิขติ ย่งิ วรา
21
๑.๑.๒ มีดจักตอก มีลักษณะด้ามยาว ใบมีดสั้นบางคม และมี
ปลายแหลม ท�ำให้สามารถจักตอกได้บาง และเส้นเล็กได้ตามต้องการ มีดจักตอก
เป็นเครื่องมือประจ�ำตัวของช่างเพราะจะใช้ได้ถนัดมือ ช่างแต่ละคนจึงหวงเครื่องมือ
และไม่ให้ผู้อ่นื ยมื เพราะเกรงว่าหากนำ� ไปใช้ผิดประเภทจะเกิดความเสยี หาย
มดี จกั ตอก ภาพ : เบญจา ลขิ ติ ยงิ่ วรา
๑.๑.๓ เหล็กหมาด มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ปลายเป็นเหล็ก
หรือเส้นลวดขนาดใหญ่ฝนปลายให้แหลม การใช้งานเลือกขนาดที่เหมาะกับ
ความต้องการ ใช้เจาะน�ำทางเพ่ือสอดตอกหรือร้อยหวายในการถักขอบหรือผูก
โครงสรา้ งเคร่ืองจกั สาน
เหล็กหมาด ภาพ : เบญจา ลิขิตยง่ิ วรา
22
๑.๑.๔ คีมล็อค มี ๒ ชนิด คอื คมี ไม้ เป็นเครื่องมอื ชนดิ หน่งึ ท�ำข้นึ เอง
จากไม้สักหรือไม้เนื้อแข็ง ท่อนเล็กๆ ๒ ท่อน ท�ำเป็น ๒ ข้างคล้ายกรรไกร เป็น
ของใช้พ้ืนบ้านไทยสมัยก่อนเป็นเครื่องมือที่ใช้ส�ำหรับท�ำเคร่ืองใช้ประเภทหัตถกรรม
เครื่องจักสานไม้ไผ่ การท�ำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เพ่ือความสะดวกในการเข้าขอบ
ใช้ส�ำหรับจับล็อคในข้ันตอนการเข้าขอบไม้ไผ่ไม่ให้เด้งออก และใช้คีบดึงเส้นตอก
ในการผูกมัดการตกแต่งขอบปากผลิตภัณฑ์ ต่อมาจึงพัฒนาการมาเป็นคีมเหล็ก
ทใี่ ช้กันอยู่ในยุคปจั จุบันมีขายในท้องตลาด ท�ำด้วยเหล็กสะดวกต่อการใช้งาน
คีมล็อคแบบไม้ สบื คน้ ได้จาก http://www.watsamrong.com/anything๑
(วนั ที่ ๑๕ ธนั วาคม ๒๕๕๔)
คมี ลอ็ คแบบเหลก็ ภาพ : เบญจา ลิขิตยิง่ วรา
23
๑.๑.๕ คีมตัดลวด เป็นเครื่องมือไว้ส�ำหรับตัดลวดท่ีใช้ผูกขอบไม้ไผ่
เวลาเข้าขอบหรือชว่ ยจับดึงเสน้ ตอกและเส้นลวดเพอ่ื ให้แน่นข้ึน
คมี ตัดลวด ภาพ : เบญจา ลิขิตย่งิ วรา
๑.๑.๖ เลอื่ ยลนั ดา มฟี นั ละเอยี ดคม ใชง้ านทว่ั ไปสำ� หรบั ตดั หรอื ผา่ ไมไ้ ผ่
ตามความต้องการใชง้ าน ให้มีหน้าเรียบเสมอกัน
เลือ่ ยลันดา ภาพ : เบญจา ลขิ ิตยง่ิ วรา
24
๑.๑.๗ เลื่อยมือ ใช้ส�ำหรับเล่ือยไม้ไผ่ให้เป็นท่อนแล้วจึงใช้มีดโต้เกียก
(ท�ำให้เปน็ ชิน้ ๆ) ไว้ส�ำหรบั การจักตอก
เลื่อยมือ ภาพ : เบญจา ลขิ ติ ยงิ่ วรา
๑.๑.๘ แผ่นชักเลียด คือ เคร่ืองมือท่ีท�ำจากเหล็ก สังกะสี สเตนเลส
หรืออลูมิเนียมน�ำมาเจาะรูให้มีขนาดต่างๆ เพื่อใช้ลบความคมของตอกไม้ไผ่หรือ
หวายและท�ำให้เส้นตอกกลมได้ขนาดที่ตามต้องการ แผ่นชักเลียดอาจท�ำข้ึนเองจาก
วสั ดุเหลือใช้ประเภท เชน่ ฝากระป๋อง ฝาหมอ้ จานสงั กะสี เปน็ ตน้
แผน่ ชักเลยี ด ภาพ : เบญจา ลิขติ ยงิ่ วรา
25
๑.๑.๙ ฆอ้ นเลก็ มีลกั ษณะส่วนหัวเป็นเหลก็ ดา้ มจับท�ำด้วยไม้ ส�ำหรับ
ตอกยึดตะปูที่ก้นเคร่ืองจักสานโดยน�ำหวายมาซ้อนกัน เพ่ือยกก้นเครื่องจักสาน
ให้สงู ขึ้น
ค้อนเล็ก ภาพ : เบญจา ลขิ ติ ย่งิ วรา
๑.๑.๑๐ ลวดเสน้ เลก็ ใชส้ ำ� หรบั มดั ขอบ เวลาเขา้ ขอบเครอื่ งจกั สานทำ� ให้
ไม่หลุดเวลาตกแต่งขอบ การท่ีผู้จักสานใช้ลวดเส้นเล็กเพราะจะได้มีความกลมกลืน
กบั เครอ่ื งจกั สานทม่ี คี วามละเอียด อีกทงั้ ยงั มคี วามน่ิมใชง้ า่ ย
ลวดเสน้ เล็ก ภาพ : เบญจา ลิขติ ยงิ่ วรา
26
๑.๑.๑๑ ตะปตู ัวเล็ก ใชส้ ำ� หรบั ตอกย้ำ� เวลาเข้าขอบเครอื่ งจกั สานท�ำให้
ไม่หลุดง่ายหรือตอกเก็บปลายหวาย การใช้ตะปูตัวเล็กจะท�ำให้ขอบไม้ไผ่ไม่แตก
และดูเรยี บรอ้ ย
ตะปูตัวเล็ก ภาพ : เบญจา ลิขติ ยิ่งวรา
๑.๑.๑๒ ผ้าพันน้ิวมือ อาจใช้เศษผ้าท่ีไม่ใช้แล้ว ฉีกให้มีลักษณะเป็น
เส้นยาวๆ ใช้ส�ำหรับพันน้ิวมือหรือพันมีดจักตอกเพ่ือป้องกันมีดหรือตอกบาดน้ิวมือ
แตใ่ นปจั จุบันมปี ลอกส�ำหรบั ใส่นิ้วทำ� ให้สะดวกย่ิงข้ึน
ผ้าพนั นิว้ มอื ภาพ : เบญจา ลขิ ิตยิ่งวรา ปลอกใสน่ วิ้ มือ ภาพ : เบญจา ลิขิตยงิ่ วรา
27
๑.๑.๑๓ น้�ำมันวานิช ใช้ทาเคลือบเงาเคร่ืองจักสานเมื่อผ่านขั้นตอน
การรมควันเพื่อท�ำให้เคร่ืองจักสานเป็นมันวาวและยังเป็นการรักษาเคร่ืองจักสาน
ให้คงทนอีกด้วย ในสมัยก่อนจะใช้น้�ำมันยางชะโลมให้เกิดความเงางามและคงทน
และเปน็ การรกั ษาเนื้อไม้ไปด้วย
มันวานิชเคลือบเงา ภาพ : เบญจา ลิขติ ย่งิ วรา
๑.๑.๑๔ กระป๋องน�้ำ หรือกะละมังใส่น�้ำ ใช้ส�ำหรับใส่น�้ำเพื่อจุ่มหรือ
แช่ตอกใหม้ คี วามนุ่มนวล ไม่แขง็ และไม่หักง่ายและสามารถจดั แต่งรูปทรงไดง้ า่ ยขนึ้
กะละมงั ใสน่ ำ้� ภาพ : เบญจา ลิขิตย่ิงวรา
28
๑.๒ วตั ถดุ ิบในการผลติ เคร่ืองจักสาน
การท�ำเครื่องจักสานอาสาของบ้านโพหัก ต�ำบลบางแพ จังหวัดราชบุรี
นนั้ ใชว้ ตั ถดุ บิ ทส่ี ำ� คญั ๓ ชนดิ ดงั น้ี (จากการสมั ภาษณ์ ลงุ หมอเลย่ี ม แกว้ ทมิ า และปา้ ผง,
๑๕ ธนั วาคม ๒๕๕๔)
๑.๒.๑ ไม้ไผ่ เป็นวัตถุดิบหลักในการท�ำเครื่องจักสานอาสาของ
บา้ นโพหกั ต�ำบลบางแพ จังหวัดราชบรุ ี ไมไ้ ผท่ ่ใี ช้มี ๒ ชนดิ คือ
๑) ไม้ไผ่สสี ุก เป็นวัตถดุ ิบทมี่ ีมากในทอ้ งถ่ินตามหัวไรป่ ลายนา
มีอยู่ท่ัวไปเกือบทุกบ้าน เน้ือไม้มีความหนาและละเอียด สีออกเหลือง เน้ือเป็นมัน
เหนียวไม่ยุ่ยง่าย ทั้งนี้เนื่องจากดินที่โพหักเป็นดินเหนียวท�ำให้ไผ่เจริญงอกงามได้ดี
จึงมคี ณุ สมบัติเหมาะสมกับการน�ำมาทำ� เคร่อื งจักสานไดอ้ ยา่ งสวยงาม
๒) ไมไ้ ผน่ วล เนอื้ ไมบ้ างมคี วามละเอยี ดมาก ลำ� ปลอ้ งของไผน่ วล
จะตรงเรียวยาวมีสีเทาขาวเนียนสวยงามไม่มีขน ขนาดโตเต็มที่จะมีขนาด ๔ - ๖
น้ิว ความสูงของล�ำต้น ๒๐-๒๕ เมตร เหมาะส�ำหรับท�ำเคร่ืองจักสานท่ีต้องการ
ความละเอยี ดมากๆ ในทอ้ งทบ่ี า้ นโพหกั ไมม่ ปี ลกู ตอ้ งหาซอ้ื จากภายนอก ราคาประมาณ
ลำ� ละ ๕๐ บาท แตบ่ า้ นโพหกั ไมค่ อ่ ยนยิ มใชใ้ นการจกั สาน สว่ นใหญใ่ ชไ้ ผส่ สี กุ จะใชไ้ ผน่ วล
บา้ งแตก่ ็ไม่มาก
การเตรียมไม้ไผ่ ที่จะน�ำมาจักสานให้ดีพอเหมาะแก่การใช้งานควรเลือกไม้ไผ่
ไม้ที่เจริญเติบโตตามปกติไม่แคระแกรน ไม่บิดงอ มีล�ำต้นตรงปล้องยาว มีระยะ
ของปลอ้ งระหวา่ ง ๓๕-๔๐ เซนตเิ มตร ผวิ เรยี บเปน็ มนั ไมเ่ ปน็ มอด ไมม่ แี มลงเจาะแทะ
การเลือกตัดจะต้องดูจากประโยชน์ใช้สอย ว่าจะน�ำไปท�ำอะไรบ้าง (สัมภาษณ์
คุณลุงหมอเลี่ยม แก้วทิมา, ไผ่ท่ีน�ำมาจักสานเป็นลวดลาย ควรเป็นไผ่อ่อน
จะท�ำให้เน้ือไผ่ไม่แข็ง น�ำมาใช้จักสานได้ง่าย ไผ่ควรมีอายุ ๑ น้องหรือ ๑ ปี
เพราะไม้ในช่วงอายุดังกล่าวจะผ่า จัก เหลา และสานได้ง่ายดัดโค้งได้ไม่แตกหัก
หากไม้แก่เกินไปจะท�ำให้ยุ่งยาก เหลายาก เปราะแข็งเกินไป ล�ำบากในการ
น�ำมาสาน หากไม้อ่อนไปก็เปราะ หักง่าย บวม สานได้ไม่ค่อยแน่นและไม่ควร
ใช้ไม้ไผ่ที่มีสีต่างกัน ไม้ไผ่ท่ีตากแห้งมานาน เป็นราและไม้ไผ่ที่ถูกไฟไหม้กอ
29
วิธีดูอายุไม้ไผ่อายุ ๑ ปี ดูจากผิวล�ำไผ่ตึงสีเขียวสด มีการแทงหน่อและแตกใบขิง
หลังจากตัดไผ่ออกมาจากกอ น�ำมาแช่น้�ำตลอดทั้งล�ำเพื่อให้ไม้ไผ่มีความสด
และปอ้ งกนั มด ปลวก มอดเจาะไช เมื่อจะน�ำมาใชง้ านจงึ ตัดเอาตามขนาดท่ตี อ้ งการ
ผ่าออกแลว้ นำ� ไปจักเป็นตอก หลังจากน้ันน�ำไปตากแดดใหแ้ หง้
ส�ำหรับงานที่ต้องสานภาชนะท่ีรับน้�ำหนักมาก เช่น กระบุง กระจาด
ไผค่ วรมอี ายุ ๒ นอ้ งหรอื ๒ ปขี น้ึ ไปเนอ้ื ไมจ้ ะคอ่ นขา้ งแขง็ เมอ่ื นำ� มาจกั สานเปน็ ภาชนะ
สามารถรบั น้�ำหนักได้ดี
ไม้ไผ่ท่ีต้องการน�ำมาท�ำไม้คาน เป็นส่ิงที่รับน้�ำหนักมากส�ำหรับหาบ คอน
กระจาดที่ใส่ส�ำรับกับข้าวไปท�ำบุญที่วัดหรือใส่ข้าวของเคร่ืองใช้ เมล็ดพันธุ์ข้าวไปนา
ไม้ไผ่ควรมีอายุไม่น้อยกว่า ๔ ปีขึ้นไปเพราะจะท�ำให้แข็งแรงมาก ผู้ท�ำจะบรรจง
ท�ำให้มีลกั ษณะเหมือนหางหงส์มีความอ่อนชอ้ ยและสวยงามเหมาะส�ำหรบั หาบ คอน
กระจาดอาสา
กอไม้ไผส่ สี กุ ทบ่ี ้านโพหกั ภาพ : เบญจา ลขิ ติ ยิ่งวรา
30
๑.๒.๒ หวาย หาซ้ือได้ท่ีตลาดในตัวเมือง ต้องใช้หวายท่ีมีคุณภาพดี
คือ เปน็ หวายที่แก่ ไมเ่ ห่ยี วย่น ผุ เปราะ หรือหักงา่ ย ปราศจากรา และรอ่ งรอยการ
เจาะกัดกินของแมลง หวายเป็นส่วนประกอบส�ำคัญที่ใช้ตกแต่งส่วนขอบและส่วนก้น
ของเครื่องจักสาน
การเตรียมหวาย ต้องน�ำหวายแช่น้�ำให้อ่อนตัวเพ่ือความสะดวกในการทำ� งาน
หวายสามารถใช้ได้ท้ังเส้น นำ� ไปประกอบกน้ กระบุง ตะกรา้ หรอื น�ำไปชกั เลียดให้เป็น
เส้นเล็กๆ ใช้ผูก มัด ตกแต่งเคร่ืองจกั สานลวดลาย
เส้นหวาย ภาพ : เบญจา ลิขิตย่ิงวรา
๑.๒.๓ ใบลาน เป็นวัตถุดิบส�ำคัญในการท�ำงอบอาสา มีต้นคล้ายกับ
ต้นตาลแตจ่ ะออกลกู ครัง้ เดียวเมือ่ ต้นแก่ ในสมัยก่อนมีขึน้ อยู่ทั่วไปตามหวั ไรป่ ลายนา
และปลูกไว้ท่ีวัด ปัจจุบันต้นลานถูกโค่นหมดเพ่ือปรับพ้ืนที่นาให้เป็นบ่อเล้ียงกุ้ง
แต่ไม่มีการปลูกขึ้นทดแทนและสาเหตุท่ีไม่คอยนิยมปลูกไว้ในบ้านเพราะเป็นเรื่อง
ความเช่ือของคนโบราณว่าเม่ือต้นลานออกลูกแล้วต้นแม่จะตายไปเรียกว่า
“ลูกฆ่าแม่” ผู้ที่อยู่ในครอบครัวจะเกิดการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตได้ ท�ำให้ไม่มีการ
ปลูกทดแทนจึงเป็นวัสดุท่ีหายากต้องหาซื้อจากภายนอก ใบลานต้องเลือกท่ีแก่
เมอ่ื น�ำมาท�ำงอบจะท�ำใหอ้ ยทู่ รง ไม่บิดเบยี้ วง่าย ทรงจะกลมสวยงาม
31
ตน้ ลานออ่ นและต้นลานแกท่ อ่ี อกลกู แลว้ ภาพ : เบญจา ลิขิตย่งิ วรา
การเตรียมใบลาน ควรเลือกใบลานใบใหญ่สีขาวนวลเสมอกันไม่มีต�ำหนิ
ปราศจากราหรือเพลี้ย และร่องรอยการเจาะกัดกินของแมลง น�ำไปล้างตากให้
แห้งสนทิ ประมาณ ๒-๓ วนั แล้วรดี ให้เรยี บเพื่อสะดวกในการขน้ึ รูป
๑.๓. การสานและลวดลาย
๑.๓.๑ ขั้นตอนในการจกั สาน
หลังจากเตรยี มวตั ถดุ บิ ในการทำ� งานจักสานแลว้ จึงลงมือจักสาน ช่างจกั สาน
จะต้องรู้ว่าภาชนะที่จะท�ำควรใช้ลายสานแบบใด ส�ำหรับเครื่องจักสานแต่ละชนิด
จะใช้ลวดลายที่ แตกต่างกัน เช่น กระด้งใช้ลายขัดทึบหรือลายขัดโปร่ง กระบุง
ใช้ลายสาม เป็นต้น จากการศึกษาพบว่าในขั้นตอนการจักสานน้ันมีล�ำดับขั้น
ที่สำ� คัญดงั น้ี
32
๑) การจักตอก เป็นภูมิปัญญาของช่างจักสานท่ีน�ำไม้ไผ่มา
ท�ำให้เป็นเส้นบางๆ เรียกว่า ตอกเพื่อใช้ท�ำเป็นเคร่ืองจักสานหรือใช้มัดส่ิงของต่างๆ
ซง่ึ ลกั ษณะของตอกจะแตกตา่ งกนั ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการใชง้ าน ในการทำ� หตั ถกรรม
จักสานอาสาของบ้านโพหกั พบวา่ การจักตอกมี ๓ ลักษณะ คอื
๑.๑) การจักตอกปื้น คือ การจักตอกตามแนวกว้างของ
ไมไ้ ผห่ รอื ตามแนวของผิวไผ่แลว้ เหลาใหบ้ างและเรียบตลอดเส้นด้วยมีดจักตอก
๑.๒) การจักตอกตะแคง คือ การจักตอกท่ีใช้ไม้ไผ่ผ่าซีก
แล้วน�ำมาจักตอกตามแนวความหนาของเน้ือไม้ไผ่เหลาให้บางและเรียบตลอดเส้น
ด้วยมีดจักตอก
๑.๓) การจักตอกไพล คือ การจักตอกกลมโดยวิธีการ
จักตอกให้เส้นตอกเป็นสี่เหล่ยี มก่อน แล้วน�ำไปเหลาลบเหลี่ยมทำ� ให้ตอกเป็นเสน้ กลม
ดว้ ยแผ่นชกั เลยี ด
๒) การสาน เปน็ ข้ันตอนสำ� คญั ในงานหตั ถกรรมเครือ่ งจกั สาน
ซง่ึ พบวา่ ในขน้ั ตอนการสานเครอื่ งจกั สานอาสาของบา้ นโพหกั มกี ระบวนการในการสาน
ดังนี้
๒.๑) การข้ึนรูปผลิตภัณฑ์ โดยจะเริ่มสานส่วนก้นก่อน
เป็นการเร่ิมต้นของการสานในส่วนฐานของผลิตภัณฑ์ รูปทรงของก้นที่พบในเคร่ือง
จักสานอาสาแบ่งออกไดเ้ ป็น ๓ ลักษณะ คอื
๑. กน้ รปู ทรงสเ่ี หลย่ี มจตั รุ สั ไดแ้ ก่ กระบงุ ตะกรา้ หหู วิ้
ทใ่ี ชใ้ สข่ ันข้าวไปวัด
๒. ก้นรปู ทรงส่ีเหลี่ยมผนื ผ้า ท่พี บมเี พียง ๑ ชนดิ
ไดแ้ ก่ ตะกรา้ ทรงรี
๓. กน้ รปู ทรงหกเหลีย่ ม ที่พบมเี พยี ง ๑ ชนดิ
ได้แก่ กระจาดหาบ ลวดลายท่ีใช้ในการข้ึนรูป
ส่วนก้น ช่างผู้จักสานจะดูความเหมาะสมหรือ
ประโยชนใ์ นการใชส้ อยของงานจกั สานแตล่ ะชนดิ
ซง่ึ สว่ นใหญจ่ ะใชล้ ายแมบ่ ท ไดแ้ ก่ ลายขดั ตาโปรง่
ลายขัดทึบ ลายสอง ลายดีคว่�ำ ลายดีหงาย
ลายดีหลม่ ลายเฉลว (ลายตาชะลอม)
33
ส่วนก้นรูปทรงสี่เหลย่ี มผืนผา้
สว่ นก้นรปู ทรงส่ีเหล่ียมจตั ุรัส
ส่วนก้นรูปทรงหกเหล่ยี ม
ภาพ : เบญจา ลขิ ิตยง่ิ วรา
34
นอกจากนี้ยังพบว่ายังมีหัตถกรรมเครื่องจักสานอาสาท่ีไม่ได้มีก้นและไม่ได้
ขึน้ รปู จากฐาน ได้แก่ กระดง้ ฝดั ขา้ ว กะโล่ ซ่งึ การสานภาชนะประเภทนี้จะสานลาย
เป็นผืนก่อนแล้วจึงน�ำมาเข้าขอบไม้ไผ่เหลาเรียบแบนประกบกันสองอันดัดให้โค้ง
เป็นวงกลมแล้วมัดตกแต่งขอบด้วยหวาย ส�ำหรับลายที่ใช้ในการสานจะใช้ลายขัดทึบ
ลายสอง และลายสาม แต่ส�ำหรับตะแกรงตากปลาซึ่งมีลักษณะเหมือนกับกระด้ง
จะสานดว้ ยลายขดั ตาโปรง่ การสานจะเรมิ่ สานเปน็ ผนื กอ่ นแล้วจึงน�ำมาเขา้ ขอบไมไ้ ผ่
แลว้ มดั ตกแต่งขอบด้วยหวายเช่นเดยี วกนั
การสานลายสองเปน็ ผนื กอ่ นนำ� มาเขา้ ขอบ ภาพ : เบญจา ลขิ ติ ยิง่ วรา
การเขา้ ขอบกระด้ง ภาพ : เบญจา ลขิ ิตย่งิ วรา
35
กระด้งและตะแกรงทเี่ ข้าขอบแลว้ ยงั ไม่ไดต้ กแต่ง
กระดง้ ที่เขา้ ขอบและตกแตง่ ขอบเรยี บร้อยแล้ว
ภาพ : เบญจา ลิขิตยิง่ วรา
๒.๒) การสานตัวผลิตภัณฑ์เคร่ืองจักสาน การสาน
ตัวผลิตภัณฑ์เครื่องจักสานอาสา ลวดลายท่ีใช้มีความแตกต่างกัน ตามลักษณะ
ของผลติ ภณั ฑแ์ ละประโยชนใ์ ชส้ อยนบั วา่ ชา่ งจกั สานในสมยั โบราณมคี วามชาญฉลาด
ท้ังในการเลือกวัสดุและลวดลายที่ใช้ในการจักสานให้เหมาะสม ลวดลายที่พบ
ในการสานตัวผลิตภัณฑ์ ได้แก่
36
๑) ลายไพล เป็นลายจักสานแม่บทพบในเคร่ืองจักสานอาสา
ท่ตี ้องการความแขง็ แรงและความละเอยี ด เชน่ กะบงุ ตะกร้าหิ้ว กระจาด การจกั สาน
ดว้ ยลายไพลจะใชต้ อกกลมทผ่ี า่ นการชกั เรยี ดขนาดของเสน้ ตอกแลว้ สานดว้ ยวธิ กี ารขดั
ลายไพลใช้ตอกกลมสานลายขดั หนงึ่
ขน้ั ตอนการสานลายไพล ข้นั ตอนท่ี ๒
ขั้นตอนท่ี ๑
ข้นั ตอนที่ ๓ ขั้นตอนที่ ๔
37
ภาพวาดขั้นตอนการสานลายไพล ท่ีมา : เบญจา ลิขติ ย่งิ วรา
๒) ลายขัดหน่ึง จัดเป็นลายแม่บทของการสานท่ีเก่าแก่ท่ีสุด
ต้ังแต่มนุษย์เริ่มรู้จักการจักสาน เช่น การน�ำไม้มาขัดเพ่ือเป็นขอบเขตของบ้าน
หรอื ทำ� เปน็ รว้ั ลายขดั เกดิ จากการขดั กนั ของเสน้ ตอกในแนวตง้ั และแนวนอนอยา่ งละเสน้
ด้วยวิธียกหนึ่งข่มหน่ึง สลับกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะส�ำเร็จ นอกจากนี้ลายขัดหน่ึง
สามารถพฒั นาเป็นลวดลายอืน่ ๆ ไดอ้ ีก
ร้วั บ้านใช้ลายขดั หนึง่ ภาพ : เบญจา ลขิ ิตย่งิ วรา
38
ลายขดั ตาโป่งใช้วิธขี ัดหนง่ึ ภาพ : เบญจา ลิขิตยิ่งวรา
ขัน้ ตอนการจกั สานลายขัดหนง่ึ ขน้ั ตอนที่ ๒
ข้นั ตอนท่ี ๑
ขน้ั ตอนที่ ๓ ขั้นตอนท่ี ๔
ขั้นตอนท่ี ๕
ภาพวาดขั้นตอนการสานลายขดั หนึง่ ทม่ี า : เบญจา ลขิ ิตย่งิ วรา
39
๓) การจักสานลายสอง เป็นลายแม่บทเป็นลายขัดที่มี
ความละเอียดมากกว่าลายขัดหนึ่งเม่ือสานแล้วจะมีความสวยงามละเอียด พบมาก
ในการสานกระบุง ตะกรา้ การสานใชว้ ธิ ียกสองข่มสอง จนกว่าจะเสรจ็ ลายสองอาจมี
การพัฒนาเป็นลายอ่นื ไดเ้ ช่นกัน
ลายสอง ภาพ : เบญจา ลขิ ติ ยงิ่ วรา
ขน้ั ตอนการสานลายสอง ข้ันตอนท่ี ๒
ข้นั ตอนที่ ๑
40
ข้นั ตอนที่ ๓ ขัน้ ตอนท่ี ๔
ขน้ั ตอนท่ี ๕ ขั้นตอนท่ี ๖
ขนั้ ตอนที่ ๗ ขั้นตอนท่ี ๘
ภาพวาดข้ันตอนการสานลายสอง ท่มี า : เบญจา ลขิ ิตยิง่ วรา
41
ลายสาม ภาพ : เบญจา ลขิ ิตย่ิงวรา
๔) ลายสาม เป็นลายแม่บทท่ีใช้วิธีการสอดขัดในการสาน
เมือ่ สานเสรจ็ จะเหน็ ความสวยงามของลวดลาย
ขัน้ ตอนการสานลายสาม
ขั้นตอนท่ี ๑ ขน้ั ตอนท่ี ๒
42
ข้นั ตอนที่ ๓ ขัน้ ตอนที่ ๔
ขน้ั ตอนท่ี ๕ ขั้นตอนท่ี ๖
ขนั้ ตอนที่ ๗ ขั้นตอนท่ี ๘
ภาพวาดข้ันตอนการสานลายสาม ท่มี า : เบญจา ลขิ ิตยิง่ วรา
43
๕) ลายดีหล่มคว่�ำ เป็นลายพัฒนา ที่พัฒนาจากลายสอง
ลวดลายมลี กั ษณะของเสน้ ทแยงลง โดยจะมตี วั กำ� หนดลายคอื เสน้ กลางเรยี กวา่ ดกี ลาง
ลายดคี ว�่ำ ภาพ : เบญจา ลขิ ิตยงิ่ วรา
ขั้นตอนการสานลายดีหลม่ คว่�ำ ขน้ั ตอนท่ี ๒
ขน้ั ตอนท่ี ๑
44
ข้ันตอนท่ี ๓ ขน้ั ตอนท่ี ๔
ข้นั ตอนท่ี ๕ ขน้ั ตอนท่ี ๖
ขน้ั ตอนที่ ๗
ขั้นตอนการสานลายดหี ลม่ คว่ำ�
45
๖) ลายเฉลวเรียกอีกช่ือหนึ่งว่าลายตาชะลอม พบในการ
สานผลิตภัณฑ์เคร่ืองจักสานหลายชนิด เช่น สานชะลอม สานตะกร้า ส่วนใหญ่
สานด้วยไม้ไผ่ จะสานด้วยตอกปื้นหรือตอกตะแคงก็ได้ มีลักษณะเป็นตาหกเหล่ียม
และสามารถพัฒนาเป็นลายดอกพิกุล พบว่าเครื่องจักสานอาสาที่สานด้วยลายเฉลว
ได้แก่ กระจาดอาสา
ลายเฉลวหรือลายตาชะลอม
ข้ันตอนการสานลายเฉลวหรอื ลายตาชะลอม ข้นั ตอนท่ี ๒
ขั้นตอนท่ี ๑
46
ขั้นตอนที่ ๓ ขั้นตอนที่ ๔
ขั้นตอนท่ี ๕ ขั้นตอนท่ี ๖
ขัน้ ตอนท่ี ๗ ขน้ั ตอนที่ ๘
ภาพวาดขั้นตอนการสานลายเฉลวหรอื ลายตาชะลอม
ที่มา : เบญจา ลขิ ิตยิ่งวรา
47
๗) ลายผสม จากการศึกษาพบว่าลวดลายท่ีพบบนเครื่อง
จักสานอาสานอกจากจะเป็นลายเดียวแล้วยังพบลวดลายผสมบนตัวผลิตภัณฑ์ เช่น
สว่ นบนสานเปน็ ลายไพลสว่ นลา่ งเปน็ ลายดคี วำ่� หรอื สว่ นบนสานเปน็ ลายไพลสว่ นลา่ ง
เป็นลายสาม เป็นต้น ระหว่างรอยต่อของลายจะมีการถักหวายส่ีเส้นเป็นการ
ยึดลายใหแ้ นน่ เรยี กวา่ รัดเอว
รดั เอวถกั ด้วยหวาย
ชักเลยี ดชกั สีเ่ สน้
ลายไพลและลายดคี วำ่� ภาพ : เบญจา ลิขติ ยิ่งวรา
๑.๔ การตกแต่งเครอ่ื งจักสาน
จากการศึกษาเครื่องจักสานอาสาบ้านโพหัก อ�ำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี
พบว่า การตกแต่งเคร่ืองจักสานเป็นข้ันตอนสุดท้าย ซ่ึงมีความส�ำคัญท่ีสุดท่ีท�ำให้
เครอื่ งจกั สานมคี วามงาม เมอ่ื ชา่ งจกั สานสานสว่ นลำ� ตวั ผลติ ภณั ฑเ์ สรจ็ จะนำ� มาเขา้ ขอบ
ที่ท�ำด้วยไม้ไผ่เหลาสองอันท่ีมีขนาดพอดีกับขอบดัดเป็นวงกลมประกบกับขอบปาก
ด้านใน ๑ อัน ด้านนอก ๑ อัน หลังจากนั้นจึงน�ำมาตกแต่งลวดลายด้วยหวาย
โดยจะผูกและถักด้วยการจกั ใหไ้ ด้ขนาดทเ่ี หมาะสมกบั ผลติ ภัณฑ์แต่ละประเภท
การตกแต่งเคร่ืองจักสานอาสาของชาวโพหักมีการตกแต่งท่ีละเอียดประณีต
วจิ ติ รบรรจงอกี ทง้ั ยงั มคี วามสวยงามมคี ณุ คา่ ทางสนุ ทรยี ภาพ และมคี วามคงทนแขง็ แรง
จึงท�ำให้ เคร่ืองจักสานของชาวโพหักมีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะถ่ินไม่เหมือนใคร
อีกทั้งผลิตภัณฑ์ยังแสดงถึงความรักของผู้ให้ และความภาคภูมิใจของผู้รับ ซ่ึงยังคง
อยู่เหลือให้ลูกหลานได้เห็นได้ช่ืนชมและเกิดความภาคภูมิใจมาจนปัจจุบัน เคร่ือง
จกั สานอาสาของชาวโพหกั นยิ มตกแตง่ ขอบปาก สว่ นกน้ สว่ นหหู วิ้ สว่ นดา้ นขา้ งจะทำ�
48