The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thiradasommanas, 2022-10-03 03:01:12

รากแก้ว ต้นกล้า ภูมิปัญญาท้องถิ่น 1

1-รากแก้วต้นกล้า2557-1

ตน้ กล้าภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ิน

สาขาศิลปกรรม

ดา้ นหัตถกรรม : งานชา่ งฝมี ือ
การประดษิ ฐ์ใบตอง

นายเดชา แกว้ โยธา

ชอ่ื - นามสกุล นายเดชา แกว้ โยธา
วัน เดือน ปเี กดิ ๒๕ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๓๕
อาย ุ ๒๑ ปี
การศกึ ษา
 ระดับประถมศึกษา : โรงเรียนบ้านสมสนุกดงหนองบอน จังหวัด
หนองคาย
 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ : โรงเรยี นฝางพทิ ยาคม จงั หวดั หนองคาย
 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย : โรงเรียนฝางพิทยาคม จังหวัด
หนองคาย
 ปจั จบุ นั กำ� ลงั ศกึ ษาชนั้ ปที ี่ ๕ สาขาวชิ าภาษาไทย คณะมนษุ ยศาสตร์
และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบงึ
ทอี่ ย่ ู บ้านเลขที่ ๑๖ หมทู่ ่ี ๕ บา้ นสมสนกุ ต�ำบลบ้านฝาง อำ� เภอสระใคร
จังหวัดหนองคาย ๔๓๑๐๐
โทรศพั ท์ ๐๘-๓๖๗๙-๔๑๖๑

100 รากแกว้ ตน้ กลา้

ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่

๑. แรงบันดาลใจและจุดเร่ิมต้นในการสืบทอดภูมิปัญญา
การประดิษฐ์ใบตอง

จากการศกึ ษาและชน่ื ชมในศลิ ปะแขนงดา้ นหตั ถกรรม และดว้ ยเพราะเหตุ
ไปวัดและคลุกคลีอยู่กับผู้สูงวัยตั้งแต่ยังเล็ก มีโอกาสได้เห็นท่านเหล่านั้นท�ำงาน
ใบตอง ทำ� ใหเ้ ดชาเกดิ ความสนใจ และเกดิ แรงบนั ดาลใจอยากจะทำ� งานประดษิ ฐ์
ประเภทใบตองต้ังแต่ยังเด็ก จึงสรรหาวิธีท่ีจะท�ำงานประดิษฐ์ด้วยใบตองให้
ส�ำเร็จโดยต้ังใจศึกษาจากหนังสือ และการสอบถามพร้อมกับลงมือปฏิบัติ
ด้วยความสนใจท่ีมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงท�ำให้เดชารักในการท�ำงานประดิษฐ์
ใบตอง นอกจากน้ีเดชายังได้ศึกษาเทคนิคการประดิษฐ์งานใบตองจากอาจารย์
ท่านหนึ่งท่ีมีความรู้ความเช่ียวชาญเร่ืองงานใบตองและการท�ำบายศรี ซ่ึงก็คือ
คุณย่าเหนาะ แก้วโยธา ซ่ึงเป็นคุณย่าของเดชา ท่านได้ถ่ายทอดวิชาความรู้
ให้เดชาโดยเฉพาะความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับใบตอง ส่วนความรู้เพ่ิมเติมเดชา
ได้ศึกษาค้นคว้าจากเว็บไซต์ และหนังสือ จนสามารถพัฒนาฝีมือให้เป็นที่
ยอมรับ

๒. ความภาคภูมิใจ

เดชาประดิษฐ์ผลงานด้านใบตองเมื่อมีการว่าจ้าง ผลงานที่ท�ำน้ันได้รับ
ความพึงพอใจ และการตอบรับท่ีดีจากผู้ว่าจ้าง จึงบอกเล่าต่อ ๆ กันไป ท�ำให้
ผลงานของเดชาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะการท�ำบายศรี เดชา
กล่าวว่า “รู้สึกภาคภูมิใจท่ีได้สืบทอดภูมิปัญญาการท�ำงานใบตองจากคุณย่า
และได้อนุรักษม์ รดกภมู ิปญั ญาของคนไทยใหค้ งอยตู่ อ่ ไป”

รากแกว้ ตน้ กลา้ 101
ภมู ิปญั ญาท้องถนิ่

๓. ตวั อย่างผลงานที่โดดเดน่

ส่วนหนึง่ ของผลงานการประดษิ ฐใ์ บตอง

กระทงจำ� ลองฐานรอง บายศรีงานต่าง ๆ
พระบรมสารรี กิ ธาตุ
ในงานลอยกระทงของ
เทศบาลต�ำบลจอมบึง

กระทงลอย ถาดรองขนม หวั พญานาค

102 รากแกว้ ต้นกล้า

ภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ

๔. องคค์ วามรงู้ านประดิษฐ์ใบตอง

จากการเรียนรู้จากผู้สูงวัยในครั้งน้ันท�ำให้เดชาได้รับองค์ความรู้
รอบด้านเก่ียวกับงานใบตองตั้งแต่การพับจีบจนถึงการประกอบเป็นบายศรี
องค์ใหญ่ ซึ่งท�ำให้เขาได้มีวิชาท่ีติดตัวและหาเล้ียงชีพได้ งานใบตองเป็นงาน
ละเอียดอ่อนต้องได้รับการฝึกฝนและมีความอดทนในการท�ำ จึงจะท�ำให้
องค์ความรู้ท่ีได้ไปน้ันน�ำไปต่อยอดในงานหัตถกรรมอื่น ๆ ได้ ตัวอย่าง
วิธีการท�ำบายศรีตน้ สูข่ วัญนาค มขี น้ั ตอนและวิธีการท�ำดงั น้ี
๑. การเลือกใบตอง
การเลอื กใบตองควรเปน็ ใบตองกลว้ ยตานสี เี ขยี วเขม้ เพราะจะทำ� ให้
งานออกมาสสี ดและสวยงาม
๒. ขนั้ ตอนการทำ� นิ้วบายศรี
๒.๑ ตดั ใบตองขนาดกวา้ ง ๑.๕ นิ้ว ยาว ๓ นิ้ว
๒.๒ พันใบตองมุมด้านขวาลงมาจนกึ่งกลาง
๒.๓ พบั ใบตองดา้ นซ้ายลงมาแลว้ มว้ นใหร้ อบ
๒.๔ เย็บส่วนท้ายของนวิ้ บายศรใี ห้เรยี บรอ้ ย

๑๒

๓๔

รากแกว้ ต้นกลา้ 103
ภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ

๓. ขน้ั ตอนการนงุ่ ชายใบตอง
๓.๑ นำ� ใบตองกวา้ ง ๑.๕ นว้ิ ยาว ๓ นวิ้ มาวางแลว้ ใชน้ วิ้ ทบั ลงไป
๓.๒ พบั ดา้ นซา้ ยมอื ลงมาทบั นวิ้ ใบตองแลว้ ตะหวดั ขนึ้ ใหเ้ ปน็ กะพุ
๓.๓ พับกลีบขวาเหมือนกับด้านซ้ายให้ชายใบตองไขว้กัน
การนุ่งชายใบตอ้ งนยิ มนงุ่ สองชัน้

๑๒



104 รากแกว้ ตน้ กล้า

ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น

๔. ขั้นตอนการท�ำตัวบายศรี
๔.๑ ตดั ใบตองขนาดกวา้ ง ๘.๕ นวิ้ ยาว ๖ นิ้ว
๔.๒ พันใบตองจากดา้ นซา้ ยมาจนจรดดา้ นขวา
๔.๓ ภาพเสรจ็
๔.๔ น�ำชิ้นงาน ๓.๓ และใบตองกว้าง ๑.๕ น้ิว ยาว ๖ น้ิว
มาวางใตน้ ้ิวท้งั สองทีท่ บั กนั อยู่
๔.๕ พับดา้ นซา้ ยลงและดา้ นขวาแบบเดียวกนั
๔.๖ น�ำน้ิวบายศรียกชายมาเรียงกันจนครบ จ�ำนวนชั้นตาม
ต้องการ

๑๒

๓๔

๕๖

รากแกว้ ตน้ กล้า 105
ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ

๕. ขน้ั ตอนการท�ำเขม็ ขัดรัดข้อ
๕.๑ ฉีกใบตองเป็นแกนกลางและตัดใบตอง ขนาดกว้าง ๓ ซม.
ยาว ๗ ซม.
๕.๒ พับมุมใบตองมุมด้านซ้ายมายกแกนกลางและพับยก
ด้านขวามาทบั ดา้ นซ้ายทบั
๕.๓ นำ� มาเยบ็ เรียงกันจนได้ขนาดตามตอ้ งการ

๑๒ ๓

๖. ขั้นตอนการหมุ้ ฐาน
๖.๑ ฉีกใบตองขนาด ๒ น้ิว ยาว ๕ นว้ิ
๖.๒ พับครึ่งใบตอง
๖.๓ นำ� มาตดิ หวั ท้ายจนรอบ
๖.๔ ระหวา่ งตดิ ใหม้ ีช่องไฟสมำ�่ เสมอกัน
๖.๕ ภาพเสรจ็ บายศรตี น้ สขู่ วญั นาค

๑๒

๓ ๔

106 รากแก้วตน้ กล้า

ภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ



๕. การถ่ายทอดความรู้

การถ่ายทอดความรู้ เดชาจะถ่ายทอดให้แก่บุคคลท่ีมีความสนใจ
มีความต้องการท่ีจะเรียนรู้ มีความอดทน และรักในงานหัตถกรรมประเภทนี้
จริง ๆ เดชาก็จะสอนให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ โดยจะสอนงานฝีมือ
ให้ทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติเพ่ือเป็นการถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
ในด้านงานใบตองต่าง ๆ เช่น ถาดขนม พานไหว้ครู กระทง บายศรี เป็นต้น
และเพ่ือสืบสานภูมิปัญญาท้องถ่ินให้อยู่คู่กับสังคมไทยสืบไป ภายใต้การน�ำ
ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ทใ่ี ส่ใจงานหตั ถกรรมประเภทงานใบตอง

รากแกว้ ต้นกลา้ 107
ภูมิปัญญาทอ้ งถิน่

ต้นกล้าภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ

สาขาศิลปกรรม

ดา้ นดนตรี นาฏศิลป์
และการละเล่นพน้ื บา้ น : การเปา่ แคน

นายจิรนวุ ัฒน์ สทิ ธธิ นีนันท ์

ชอื่ - นามสกุล นายจิรนุวฒั น์ สทิ ธธิ นีนันท์
วนั เดือน ปเี กิด ๑๕ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
อาย ุ ๒๐ ปี
การศกึ ษา กำ� ลงั ศึกษาชัน้ ปีท่ี ๓ สาขาคนตรศี กึ ษา คณะมนุษยศาสตร์
และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั หมบู่ ้านจอมบึง
ท่ีอยู่ บ้านเลขท่ี ๘๒ หมู่ ๒ ต�ำบลดอนขอ่ ย อ�ำเภอกำ� แพงแสน
จังหวดั นครปฐม ๗๓๑๔๐
โทรศัพท ์ ๐๘-๔๕๔๙-๙๔๑๔

108 รากแกว้ ตน้ กลา้

ภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่

๑. แรงบันดาลใจและจุดเริ่มต้นในการสืบทอดภูมิปัญญา
การเป่าแคน

หมู่บ้านของจิรนุวัฒน์ เป็นชุมชนชาวไทยทรงด�ำ ซึ่งเป็นกลุ่มชนท่ีรัก
ความสนุกสนานร่ืนเริง เคร่ืองดนตรีท่ีให้ความร่ืนเริงก็คือ แคน ซึ่งทุกวันที่
๑๒ เมษายนของทุกปี จะมงี านประเพณีไทยทรงดำ� คือ การอิ้นกอน ฟอ้ นแคน
โดยจะมีวงแคนของหมู่บ้านใกล้เคียงมาร่วมสนุกสนานในงานด้วย เป็นการ
เอาแรงกัน วงแคนของแต่ละวงน้ันจะเล่นดีหรือไม่ดีข้ึนอยู่กับหมอแคน
(คนเป่าแคน)
จิรนุวัฒน์เกิดแรงบันดาลใจอยากเป่าแคนเมื่ออายุประมาณ ๗ ขวบ
จึงเข้าหาผู้ใหญ่ที่เป่าแคนเป็นเพ่ือให้เขาสอนหรือขอค�ำแนะน�ำ แต่เนื่องจาก
ตอนน้ันยังเด็กมาก จึงมักโดนดุอยู่บ่อย ๆ เพราะยังเด็กคงไม่เอาจริงเอาจัง
ครูสอนแคนคนแรกของจิรนุวัฒน์ คือ นายชัยยศ เรือนเพชร (เสียชีวิตแล้ว)
เป็นผ้ถู ่ายทอดความรใู้ ห้ ตอนเริม่ ฝึกหดั ครจู ะเป่าแคนแล้วให้เปา่ ตามทีละวรรค
เมื่อช�ำนาญแล้วก็อาศัยฟังจากคนอื่นเป่า หรือแกะจากเทป ซีดี ท่ีเปิดฟัง
โดยเพลงหลัก ๆ ท่ีเป็นหัวใจของการหัดแคน คือ ลายสุดสะแนน เม่ือเป่า
ลายน้ีคล่อง ลายอื่นก็จะง่ายข้ึน ลายสุดสะแนนถือได้ว่าเป็นเพลงพื้นฐาน
จากน้ันก็เร่ิมออกงานเป่าแคนตอนอายุ ๙ ขวบ แรก ๆ ได้ค่าตัวไม่มากนัก
แต่เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ท่ีได้ไปเห็นคนอื่น ๆ เป่าแคน แล้วจดจ�ำ
เสียงแคนของแต่ละคน หรือที่เรียกกนั ว่าครูพักลกั จำ�
จนกระท่ังถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จิรนุวัฒน์ได้สร้างวงแคนเป็นของตัวเอง
ชื่อวง ลูกทุ่งไทย มีสมาชิกเป็นเยาวชนในหมู่บ้านท้ังหมด รับงานแห่และ
งานมงคลทวั่ ไป

รากแกว้ ต้นกล้า 109
ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น

สมาชกิ วงลูกทุ่งไทย

๒. รางวัลทไ่ี ดร้ ับ

 ปี ๒๕๕๐ ได้รับรางวัลชมเชย ประกวดเดี่ยวแคน สภาวัฒนธรรม
บ้านหัวถนน อำ� เภอดอนตูม จังหวดั นครปฐม
 ปี ๒๕๕๖ ไดร้ บั รางวลั ผเู้ ผยแพรว่ ฒั นธรรมสอู่ าเซยี น ประเทศกมั พชู า

เกียรตบิ ัตรผู้เผยแพร่วัฒนธรรมสอู่ าเซียน ประเทศกมั พชู า

110 รากแกว้ ต้นกลา้

ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น

๓. ผลงานท่ีโดดเด่น

๑. ร่วมงานกับโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งได้รับเชิญ
จากสภาวัฒนธรรมพ้ืนบ้านโลก ให้เข้าร่วมการแสดงในงานมหกรรมพ้ืนบ้าน
นานาชาติ “๑๓ International Buyukeekmece Culture and Festival”
ระหว่างวนั ท่ี ๒๙ มถิ ุนายน-๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณ ประเทศตุรกี
๒. ร่วมเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมการแสดงทางวัฒนธรรมของ
ไทยทรงดำ� ชดุ “จอมบงึ สบื สานศกั ดศิ์ รไี ทยดำ� ” ในงานพธิ วี นั เฉลมิ พระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันท่ี ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖
ณ วัดบางสองรอ้ ย ต�ำบลหลมุ ดนิ อำ� เภอเมือง จังหวดั ราชบรุ ี
๓. ร่วมเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมการแสดงชุด “มโหระทึกไทย
เฉลมิ ชยั ๖ ทศวรรษ” ในงานครบรอบ ๖๐ ปี ของมหาวิทยาลยั ราชภัฏหมบู่ า้ น
จอมบงึ วันที่ ๑ มนี าคม ๒๕๕๗
๔. ร่วมการแสดงวงโปงลางสายสัมพันธ์หมู่บ้านจอมบึงในงาน
หอการค้าแฟร์ ๒๐๑๔ วันท่ี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ ตลาดเมืองทอง
เซ็นเตอรพ์ อยท์ จังหวดั ราชบุรี

งานมหกรรมพนื้ บา้ นนานาชาติ ณ ประเทศตุรกี

รากแก้วต้นกล้า 111
ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ

งานครบรอบ ๖๐ ปี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั หม่บู า้ นจอมบงึ

งานหอการค้าแฟร์ ๒๐๑๔

112 รากแก้วต้นกล้า

ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ

๔. องค์ความรกู้ ารเปา่ แคนพนื้ ฐาน

การฝกึ จบั แคน
๑. เอามือซ้ายขวาประกบเข้าอุ้มเต้าแคน หันด้านรูเป่าของเต้า
เข้าหาปากตนเอง สันมือหนีบเต้าไว้แน่น ปลายมืออยู่เหนือเต้าแคน โดยให้
นว้ิ ทงั้ สบิ สามารถปดิ รูแคนและขยับไปมาได้อย่างอสิ ระ
๒. พับข้อศอกท้ัง ๒ ข้าง พยุงเต้าแคนให้รูเป่าเข้าหาปาก ล�ำตัวแคน
อาจเบีย่ งปลายออกไปทางซา้ ยหรือขวากไ็ ด้
การใช้น้ิว
๑. ปลายนิ้วมือท้ัง ๑๐ น้ิวของผู้เป่ามีหน้าที่ขยับกดปิดหรือเปิดรูนับ
ของลูกแคนแต่ละลูก ลูกแคนจะเกิดเสียงก็ต่อเม่ือถูกนิ้วกดปิดรูนับในขณะท่ี
เป่าออกหรือดูดลมผ่านเตา้ แคน
๒. นว้ิ แตล่ ะนว้ิ กดเฉพาะลกู แคนทก่ี ำ� หนด แตล่ ะมอื ตอ้ งแบง่ หนา้ ทด่ี งั น้ี
นิ้วโปง้ ใชก้ บั ลกู ที่ ๑
นิว้ ช้ี ใช้กบั ลูกท่ี ๒ และ ๓
นว้ิ กลาง ใช้กับ ลูกท่ี ๔ และ ๕
นว้ิ นาง ใช้กับ ลกู ท่ี ๖ และ ๗
นิ้วก้อย ใช้กับ ลกู ที่ ๘ (เฉพาะแคนแปด)

ภาพแสดงการจบั เต้าแคนและเสียงตวั โน้ต 113

รากแกว้ ตน้ กล้า
ภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ

การจบั เตา้ แคนมอื ขวา
นว้ิ หัวแมม่ อื ท�ำหนา้ ที่ปิดร ู โป้ขวา (ทุง่ ) เสยี งลา
นว้ิ ช ้ี ท�ำหนา้ ท่ปี ิดร ู แมเ่ ซ เสยี งโด
สะแนน เสียงซอล
นวิ้ กลาง ท�ำหนา้ ท่ปี ดิ ร ู ฮบั ทุง่ เสยี งลา
ลูกเวียง เสียงที
นิว้ นาง ทำ� หน้าที่ปิดร ู แก่น้อย เสยี งโด
ก้อยขวา เสียงเร
นว้ิ ก้อย ทำ� หนา้ ทป่ี ิดรู เสพขวา เสยี งลา
การจับเตา้ แคนมอื ซา้ ย
นว้ิ หัวแมม่ อื ทำ� หน้าที่ปิดร ู โป้ซา้ ย เสียงโด
นว้ิ ช ้ี ทำ� หนา้ ทป่ี ดิ รู แม่เวียงใหญ่ เสียงที
แมแ่ ก่ เสยี งเร
นิ้วกลาง ท�ำหนา้ ทปี่ ิดร ู แมก่ อ้ ยขวา เสียงมี
แม่กอ้ ยซ้าย เสยี งฟา
นว้ิ นาง ทำ� หนา้ ทป่ี ิดร ู สะแนน เสยี งซอล
ก้อยซ้าย เสยี งฟา
นว้ิ ก้อย ท�ำหนา้ ท่ปี ดิ ร ู เสพซา้ ย เสยี งซอล

114 รากแกว้ ตน้ กล้า

ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ

ช่อื เรียกของลูกแคนตามลำ� ดับ

คทู่ ่ี ๑ คทู่ ี่ ๒ คทู่ ี่ ๓ คทู่ ่ี ๔ คู่ท่ี ๕ คูท่ ี่ ๖ คู่ท่ี ๗ คู่ท่ี ๘

ซา้ ย โป้ซ้าย เวียง แมแ่ ก่ แม่ แม่ สะแนน ก้อย เสพ
มือ ใหญ่ ก้อย ก้อย ซ้าย ซ้าย
ซ้าย
หรอื ขวา
แม่
เวยี ง

ขวา ทงุ่ แมเ่ ซ สะแนน ฮับท่งุ เวยี ง แกน่ อ้ ย กอ้ ย เสพ
ขวา
มือ หรือ นอ้ ย ขวา

โป้ขวา หรือ

ลูก

เวียง

ลูกแคนเทียบเป็นโนต้ ไทย ได้ดังน้ี

  ค่ทู ี่ ๑ คู่ท่ี ๒ ค่ทู ่ี ๓ คู่ท่ี ๔ คู่ท่ี ๕ คู่ท่ี ๖ คู่ท่ี ๗ คูท่ ี่ ๘
ซา้ ยมือ ด ทฺ รฺ มฺ ฟ ซ ฟ ซํ
ขวามือ ลฺ ดฺ ซ ล ท ร ม ลํ

รากแก้วตน้ กลา้ 115
ภูมิปัญญาท้องถ่นิ

การใช้ลม
แคนเป็นเคร่ืองดนตรีท่ีสามารถให้เสียงต่อเนื่องตลอด เม่ือผู้เป่า เป่าลม
และดูดลม การผ่านลมไปยังล้ินแคนจะต้องมีความสม่�ำเสมอ เม่ือต้องการ
ให้เสียงรัวเร็วหรือเสียงสั้นผู้เป่าจะต้องใช้ล้ินตัดลมช่วยตัดลมให้ขาดเป็นช่วง ๆ
เม่ือฝึกจนเกิดความช�ำนาญแล้วผู้เป่าสามารถเป่าแคนด้วยการหายใจเข้าออก
ขณะบรรเลง ควรฝึกใช้ลมจากท้องหรือกระบังลม ไม่ควรใช้ลมจากกระพุ้งแก้ม
การฝกึ เป่าแคนผฝู้ กึ ควรปฏิบตั ดิ งั นี้
๑. ผูเ้ ป่าหอ่ ปากเพอื่ ให้ปากประกบรเู ปา่ ได้พอดี ไม่ใชอ่ า้ ปากอมเตา้
๒. เวลาเปา่ ลมเข้าให้ทำ� ปากเหมอื นจะเปล่งเสียง “ต”ู
๓. เวลาดูดลมให้ท�ำปากเหมือนจะเปล่งเสียงว่า “ฮู” โดยให้ลม
ทด่ี ูดเขา้ ไปในปาก
๔. ขณะท่ีเป่าและดูดน้ันจมูกยังหายใจอยู่ แต่ปริมาณลมผ่าน
มีน้อยกว่าปกติ เพราะถูกแบ่งไปผ่านทางปากด้วย ควรฝึกให้จังหวะการหายใจ
เข้า-ออกสัมพนั ธ์กับการดดู เป่าตลอดเวลา อยา่ กล้ันลมหายใจ
๕. แรงของลมเขา้ ออกแตกตา่ งกนั มผี ลตอ่ สำ� เนยี งของแคน ความดงั เบา
(dynamic) ของเสยี งแคนข้ึนอย่กู ับลมทผ่ี า่ นลิ้น
๖. ผเู้ ปา่ สามารถทำ� ใหเ้ สยี งแคนฟงั แปลกออกไปได้ ดว้ ยการทำ� รปู ปาก
บงั คบั กระแสลมทดี่ ดู เปา่ กระทบกบั อวยั วะทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การเปลง่ เสยี ง (Speech
organs) ภายในกระพุ้งปาก ตัวอย่างเช่น เมื่อผันลิ้นเปล่งเสียงว่า “แต็นแต็น”
หรือ “แตรแตร” หรอื “ดราดรา” หรือ “ตยุ ตุย” หรือ “จด้ั จด้ั ” ฯลฯ ย่อมท�ำให้
มสี �ำเนยี งเสียงแตกต่างกันไป
๗. ความส้ันยาวของลมเป่าดูดมีผลต่อส�ำเนียงแคนด้วยเช่นกัน
ผู้เป่าสามารถใช้ลมยาว ๆ โยงโน้ตหลาย ๆ ตัว แบบ legato ท�ำให้ส�ำเนียง
ของเสียงแคนฟังราบเรียบไพเราะอ่อนหวาน หรือจะตัดลมให้ส้ันเน้นเป็น
หว้ ง ๆ กระแทกลมแบบ Staccato สำ� เนียงเพลงกจ็ ะฟงั ดรู ่าเริงสนกุ สาน

116 รากแกว้ ต้นกลา้

ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น

๘. ความกังวาน (Sonority หรือ Sustain) ของเสียงแคน นอกจาก
จะขึ้นอยู่ท่ีคุณภาพของล้ินแคนแล้ว ยังอยู่ท่ีการใช้เสียงคู่ ๘ เปอร์เฟคท์
หรือคู่เสียงอ็อคเทฟ (octave) ด้วย กล่าวคือแม้ท�ำนองหลักจะเขียนไว้
เป็นแนวเดียว (Single line) แต่เวลาปฏิบัติผู้เป่าต้องเปิดรูนับของลูกแคน
๒ ลูกท�ำเสียงคู่ ๘ เปอร์เฟคท์ไปพร้อมกัน ตัวอย่างเช่น เวลาเล่นเสียง “โด”
ตอ้ งปดิ รนู ับท้ัง “โดตำ่� ” และ “โดสูง” ไปพรอ้ มกัน
๙. เสียงส่ันพลิ้ว (Vibrato และ tremolo) ท�ำได้ด้วยการซอยแบ่ง
เขยา่ ลมดดู เป่าสัมพนั ธ์กับการพรมปลายน้ิวเผยอปิดเปดิ รูนบั ด้วยความรวดเรว็

๕. การถ่ายทอดองคค์ วามรู้

จริ นวุ ฒั นไ์ ดร้ บั เชญิ เปน็ วทิ ยากรสอนเปา่ แคนพน้ื ฐานใหแ้ กเ่ ยาวชนผสู้ นใจ
และนกั เรยี นโรงเรียนวันครู ๒๕๐๓ อำ� เภอจอมบงึ จังหวัดราชบรุ ี

วทิ ยากรสอนการเป่าแคนให้กบั นักเรยี น 117

รากแก้วตน้ กล้า
ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ

ตน้ กล้าภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ

สาขานาฏศิลป์

ดา้ นนาฏศิลป์ไทย

นางสาววรชั ญา ฉัตรพุก

ชือ่ - นามสกลุ นางสาววรชั ญา ฉตั รพกุ
วนั เดอื น ปี เกิด ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๗
อายุ ๒๐ ปี
การศกึ ษา ก�ำลังศึกษา ช้ันปีท่ี ๓ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
การอาหาร คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏหมูบ่ ้านจอมบึง
ที่อยู่ บา้ นเลขที่ ๘๖ หมู่ ๑ ตำ� บลแพรกหนามแดง อำ� เภออมั พวา
จงั หวัดสมทุ รสงคราม ๗๕๑๑๐
โทรศพั ท์ ๐๘-๔๑๐๔-๑๕๘๓

118 รากแก้วต้นกล้า

ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิน่

๑. แรงบันดาลใจและจุดเรมิ่ ต้นในการสบื ทอดนาฏศิลป์ไทย

จุดเริ่มต้นท่ีวรัชญาเริ่มสนใจนาฏศิลป์ คือ เมื่อครั้งยังเป็นเด็กได้รับ
การเลี้ยงดูโดยคุณย่า ซึ่งท่านได้เปิดลิเกให้ดูก่อนนอนจนเกิดความเคยชิน
จนกระท่ังรักในเสียงดนตรีไทย ช่ืนชอบการแสดงลิเก ตลอดจนท่วงท่าร�ำ
ในแบบฉบับของลิเก ต่อมาคุณย่าได้พาไปดูลิเกตามงานวัดต่าง ๆ รวมทั้ง
ดูจากแผ่นวิดีโอ จากนั้นจึงได้จดจ�ำท่าร�ำ และเริ่มหัดร�ำตาม รวมท้ังได้รับ
การสอนจากคุณครูที่โรงเรียนขณะเรียนอยู่ระดับประถมศึกษา เพื่อแสดงในงาน
สำ� คญั ของโรงเรยี น
ตอ่ มา วรชั ญาไดศ้ กึ ษาตอ่ ในระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ และมธั ยมศกึ ษา
ตอนปลายที่โรงเรียนถาวรานุกูล มีโอกาสได้เข้าร่วมชมรมนาฏศิลป์ของโรงเรียน
และได้รับการฝึกฝนจนสามารถร�ำได้อย่างงดงามและอ่อนช้อย จึงได้ร�ำในงาน
ส�ำคญั ๆ ทที่ างโรงเรยี นจัดขนึ้ อยู่เปน็ ประจำ� ตลอดจนแสดงในงานการประกวด
รวมถึงงานรบั ใช้สังคมและชุมชนต่าง ๆ
วรัชญาได้เข้าเรียนนาฏศิลป์ในโครงการยุวศิลปินที่อุทยาน ร.๒ ต�ำบล
อัมพวา อ�ำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ซ่ึงเป็นโครงการในพระราชด�ำริ
ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับการปลูกฝังให้รัก
ในนาฏศิลป์ไทย ท�ำให้วรัชญารักและซึมซับนาฏศิลป์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ
ชีวิต รวมทั้งได้มีโอกาสแสดงต่อหน้าพระท่ีนั่งในงานของอุทยานซ่ึงจัดเป็น
ประจ�ำทุกปี
วรัชญาน�ำความสามารถในการร�ำมาเผยแพร่และหารายได้เสริม โดย
รับงานแสดงตามโรงเรียนและงานจ้างต่าง ๆ เช่น การร�ำอวยพรในพิธีเปิดงาน
วันปีใหม่ งานพธิ ีกรรมต่าง ๆ ท้ังงานกลางวนั -กลางคืน ถา้ มบี ุคคลทา่ นใดสนใจ
ก็สามารถติดตอ่ ไดท้ ่ีเบอร์โทร ๐๘-๔๑๐๔-๑๕๘๓

รากแก้วตน้ กล้า 119
ภมู ิปัญญาทอ้ งถนิ่

๒. รางวัลทไ่ี ดร้ ับ

วรัชญาได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ ๑ การแข่งขันร�ำวงมาตรฐาน
ณ ศนู ย์วฒั นธรรมจังหวดั สมทุ รสงคราม ปี พ.ศ. ๒๕๕๑

๓. ผลงานการเผยแพรน่ าฏศลิ ป์ไทย

ปี ๒๕๕๑
 การแสดงในพิธีเปิดงานลนิ้ จี่ ณ หา้ งเซน็ ทรลั พระราม ๒
ปี ๒๕๕๒
 การแสดงจนิ ตลลี าในวนั ลอยกระทง “กาบกลว้ ยเมอื งแมก่ ลอง”
 การแสดงในพธิ เี ปดิ งานประมงของจงั หวดั สมทุ รสงคราม
ปี ๒๕๕๓
 การรำ� ถวายพระพรเนอ่ื งในวนั พอ่ แหง่ ชาตทิ โ่ี รงเรยี นถาวรานกุ ลู
วนั ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓
ปี ๒๕๕๖
 การแสดงชดุ “จอมบงึ สบื สานศกั ดศิ์ รไี ทดำ� ” ในงานเพชรบรุ ดี จี งั
ณ ต�ำบลหนองจิก อ�ำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี วันท่ี ๑๔
ธนั วาคม ๒๕๕๖
 การแสดงชุด “จอมบึงสืบสานศักดิ์ศรีไทยด�ำ” ในงานมหกรรม
ศิลปวัฒนธรรมอาเซียนสัมพันธ์เฉลิมพระเกียรติ ครั้งท่ี ๓
วันที่ ๗ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ณ วัดพระพุทธไสยาสน์ (วดั พระนอน)
จงั หวดั เพชรบุร ี
 การแสดงระบํากฤดาภินิหาร (แสดงเด่ียว) และร�ำขันดอก
ในงานเฉลิมพระเกยี รตพิ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ฯ เนอ่ื งใน
“วนั พ่อแห่งชาติ” วันท่ี ๓ ธนั วาคม ๒๕๕๖ ณ ส�ำนกั ศลิ ปะและ
วัฒนธรรม มหาวทิ ยาลัยราชภฏั หม่บู า้ นจอมบึง

120 รากแกว้ ตน้ กลา้

ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่

 การแสดงฟ้อนมาลยั ในงาน “แด่ศักด์ิศรีทส่ี บื สาน” งานเกษียณ
อายุราชการ ประจ�ำปีงบประมาณ ๒๕๕๖ วันที่ ๒๕ กันยายน
๒๕๕๖ ณ หอประชุมใหม่ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏหมบู่ ้านจอมบึง
ปี ๒๕๕๗
 การแสดงวงโปงลางสายสัมพันธ์หมู่บ้านจอมบึงในงาน
หอการค้าแฟร์ ๒๐๑๔ วันท่ี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ ตลาด
เมอื งทองเซน็ เตอรพ์ อ้ ยท์ จังหวัดราชบรุ ี
 การแสดงระบ�ำอวยพรเทพบันเทิงในงาน ๑๒ สิงหา เทิดไท้
“มหาราชินี” วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ ส�ำนักศิลปะและ
วัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภฏั หมบู่ ้านจอมบึง
 การแสดงศิลปวัฒนธรรมในโครงการความร่วมมือทางด้าน
ภาษาและศิลปวัฒนธรรมระหว่างมหาวิทยาลัย Hue ประเทศ
เวียดนาม และมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง วันที่ ๒๔
กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ส�ำนกั ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลยั
ราชภัฏหมบู่ า้ นจอมบงึ
 การแสดงรำ� กลองยาวในพธิ ปี ดิ การแขง่ ขนั กฬี าภายในกองทพั บก
ครั้งท่ี ๖๔ ประจ�ำปี ๒๕๕๗ วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗
ณ สนามกฬี ากลาง ศูนย์กีฬากรมการทหารช่าง จังหวัดราชบรุ ี
 การแสดงชดุ “มโหระทกึ ไทย เฉลมิ ชยั ๖ ทศวรรษ มหาวทิ ยาลยั
ราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบงึ ” ในงานครบรอบ ๖๐ ปี ของมหาวทิ ยาลยั
ราชภฏั หมบู่ า้ นจอมบงึ วันที่ ๑ มนี าคม ๒๕๕๗
 การแสดงชุด “จอมบึงสืบสานศักดิ์ศรีไทด�ำ” ในงาน
ศลิ ปวฒั นธรรมอดุ มศกึ ษา ครงั้ ท่ี ๑๔ “ฮตี ฮอยศลิ ป์ ถนิ่ ตกั สลิ า”
ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๘ มกราคม ๒๕๕๗ ณ มหาวิทยาลัย
มหาสารคาม

รากแกว้ ตน้ กลา้ 121
ภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ

การแขง่ ขันรำ� วงมาตรฐาน ณ ศนู ยว์ ัฒนธรรมจังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. ๒๕๕๑

การแสดงระบาํ กฤดาภินิหาร ในงานเฉลมิ พระเกียรตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ
เนอ่ื งใน “วันพอ่ แห่งชาต”ิ พ.ศ. ๒๕๕๖

122 รากแก้วต้นกลา้

ภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่

การแสดงรำ� อวยพรเทพบนั เทงิ ในงาน ๑๒ สงิ หา เทิดไท้ “มหาราชินี”
วันที่ ๑๕ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๗

การแสดงวงโปงลางสายสัมพนั ธห์ มูบ่ า้ นจอมบึงในงานหอการคา้ แฟร์ ๒๐๑๔
พ.ศ. ๒๕๕๗

รากแก้วตน้ กล้า 123
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ

๔. สนุ ทรียภาพของการแสดงนาฏศลิ ป์

สุนทรียภาพของงานนาฏศิลป์ หมายถึง การศึกษาและพิจารณาในเรื่อง
การแสดงท่าทาง อากัปกิริยา การร่ายร�ำของศิลปะแห่งการละครและ
การฟ้อนร�ำ ซ่ึงมีความเก่ียวข้องกับดนตรีที่เป็นองค์ประกอบท่ีช่วยให้การแสดง
นาฏศลิ ปม์ คี วามสมบรู ณจ์ งึ ตอ้ งนำ� ความงามทางดา้ นดนตรใี นการแสดงนาฏศลิ ป์
มาพิจารณาร่วมกันด้วย ทั้งนี้ เพ่ือให้การพิจารณาและประเมินค่าความงาม
ของการแสดงนาฏศิลป์มีความถูกต้อง และครอบคลุมตามหลักการนาฏศิลป์
ตลอดจนเปน็ ไปตามหลกั การทางสนุ ทรียศาสตร์ด้วย
นาฏศลิ ป์ไทย ประกอบดว้ ย ระบ�ำ รำ� ฟอ้ น โขน และละคร ซงึ่ เปน็ งาน
ศลิ ปะท่มี คี ณุ คา่ และมรี ปู แบบของความงามหรอื สุนทรยี ะ ๓ ด้าน สนุ ทรยี ะทาง
วรรณกรรม สนุ ทรียะทางดนตรี และการขบั รอ้ ง และสุนทรยี ะทางท่ารำ� ดงั น้ี
๑. สุนทรียะทางวรรณกรรม หมายถึง ความงามทางตัวอักษร
โดยเฉพาะค�ำประพันธ์ประเภทร้อยกรอง ที่มีความงามทางตัวอักษรของกวี
หรือผู้ประพันธ์ท่ีมีศิลปะในการใช้ถ้อยค�ำซึ่งก่อให้เกิดการโน้มน้าว ความรู้สึก
ในแง่ของคติสอนใจที่มีคุณประโยชน์ในการเสริมสร้างปัญญา โดยความงาม
ของวรรณคดีประเภทร้อยกรองนั้นประกอบด้วย ความงามของเนื้อหาสาระ
และศิลปะการใช้ถ้อยค�ำ การเล่นค�ำ เล่นอักษร เล่นสระ และเล่นเสียง
ให้มีรสสัมผัสนอกและสัมผัสในเพื่อช่วยในการเสริมคุณค่าทางสุนทรียะ
ของนาฏศลิ ป์ไทยยิง่ ขึน้ ดังพิจารณาไดจ้ ากบทร้อยกรองในวรรณคดีไทยเหลา่ นี้
ตัวอย่างวรรณคดีจากเร่ืองอิเหนา ตอน ลานางจินตรา ท่ีให้สุนทรียะ
ในด้านความรสู้ กึ และแงค่ ดิ ในด้านความรกั
โอว้ ่าอนิจจาความรกั พ่งึ ประจกั ษด์ งั สายน้�ำไหล
ต้ังแตจ่ ะเช่ียวเปน็ เกลยี วไป ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา
สตรใี ดในพิภพจบแดน ไมม่ ีใครได้แค้นเหมือนอกข้า
ด้วยใฝ่รกั ใหเ้ กินพกั ตรา จะมแี ตเ่ วทนาเป็นเนอื งนิตย์
โอ้วา่ นา่ เสยี ดายตัวนัก เพราะเชือ่ สิ้นหลงรกั จึงชำ้� จิต
จะออกช่ือลอื ชั่วไปท่วั ทศิ เมอ่ื พลงั้ คดิ ผิดแลว้ จะโทษใคร

124 รากแก้วตน้ กล้า

ภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ

ตัวอยา่ งวรรณคดจี ากเร่ืองขุนชา้ งขนุ แผน ทใ่ี ห้สุนทรยี ะในด้านความรู้สึก
และอารมณ์ท่ีเปน็ ภาพพจน์
ลูกกแ็ ลดูแมแ่ ม่ดูลูก ต่างพนั ผูกเพยี งวา่ เลอื ดตาไหล
สะอน้ื ร�่ำอำ� ลาด้วยอาลัย แลว้ แขง็ ใจจากนางตามทางมา
เหลียวหลังยังเหน็ แมแ่ ลเขม้น แมก่ เ็ หน็ ลกู นอ้ ยละหอ้ ยหา
แตเ่ หลยี วเหลียวเล้ยี วลับวบั วิญญา โอ้เปลา่ ตาต่างสะอ้นื ยนื ตะลึง
๒. สุนทรียะทางดนตรีและการขับร้อง ความงามที่ได้จากดนตรีและ
การขับร้องนั้นต้องอาศัยทั้งผู้บรรเลง ผู้ร้อง และผู้ฟัง เน่ืองจากในเพลงไทย
มักจะมีทั้งการบรรเลงดนตรีและการขับร้องไว้ด้วยกัน ตลอดจนมีผู้ฟังเพลง
ที่มาช่วยกันสร้างสุนทรียะทางดนตรีและการขับร้องร่วมกัน โดยแต่ละฝ่าย
ต้องอาศัยหลักการดังต่อไปนี้
๒.๑ สุนทรียะจากผู้บรรเลงดนตรี ผู้บรรเลงจะต้องมีความรู้
ความชำ� นาญในการรอ้ งและการสง่ ใหค้ ำ� รอ้ งมคี วามแตกฉานทจี่ ะชว่ ยใหก้ ารแสดง
มคี วามสมจรงิ ยง่ิ ขน้ึ สามารถรกั ษาลลี าจงั หวะไดต้ รงตามสถานการณแ์ ละอารมณ์
ตลอดจนมีกลเม็ดในการบรรเลงท่ีไม่ซ�้ำซากจนท�ำให้คนเบ่ือหน่าย ซ่ึงควรมี
การเปล่ียนท�ำนองให้แปลกแหวกแนวออกไปบ้าง อย่างไรก็ตามการบรรเลง
ที่ใช้เคร่ืองดนตรีชนิดเดียวจะให้รสสัมผัสและสุนทรียะได้ดีกว่า และง่ายกว่า
การบรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีหลาย ๆ ชนิด แต่ทั้งนี้ผู้บรรเลงจะต้องมี
ความชำ� นาญด้วย ดังเหน็ ได้จากผู้บรรเลงระนาดเด่ียว หรอื จะเข้เด่ียว เป็นตน้
๒.๒ สุนทรียะจากผู้ร้อง ผู้ขับร้องเพลงจะต้องมีการเตรียม
ความพร้อมในการร้องเพลงโดยฝึกใช้ระดับเสียงท่ีเหมาะสมกับเสียงของตน
มีวิธีการร้องที่ถูกต้องตามท�ำนองและจังหวะของเพลง ร้องได้ชัดเจนถูกอักขระ
ร้องตรงกับระดับเสียงของดนตรี ฝึกหายใจให้ถูกต้อง จะท�ำให้เสียงไม่ขาดห้วน
ในด้านการศึกษาเนื้อเพลงควรมีการแบ่งวรรคตอนให้พอดีกับความหมายตาม
อกั ขรวธิ ี และตคี วามเพอื่ ใสอ่ ารมณแ์ ละความรสู้ กึ ลงในบทเพลง เมอื่ ถงึ เวลาแสดง
ผู้ร้องจะต้องมีความมั่นใจในการแสดงออก รู้จักใช้เสียงและอารมณ์ตามบทบาท
ของตัวละครรวมทัง้ สังเกตอารมณ์ผฟู้ ังดว้ ย

รากแกว้ ต้นกลา้ 125
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่

๒.๓ สุนทรียะจากผู้ฟัง โดยผู้ฟังจะต้องมีความพร้อมในการฟัง
ดว้ ยการมศี รทั ธามสี มาธิ ในการฟงั และมคี วามรพู้ น้ื ฐานในการฟงั บา้ ง นอกจากน้ี
ควรมกี ารศกึ ษาเนอื้ เพลง และทำ� นองเพลงเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความซาบซงึ้ ความสามารถ
สร้างอารมณ์ให้คล้อยตามไปกับผู้บรรเลงดนตรีและผู้ร้อง ตลอดจนควรท�ำใจ
ให้สบายเพลิดเพลินและพยายามติดตามถ้อยค�ำตามบทร้องให้ตลอดทั้งเพลง
ด้วย
๓. สุนทรียะของท่าร�ำ ความงามของท่าร�ำอย่างมีสุนทรียะน้ัน
พิจารณาได้จากความถูกต้องตามแบบแผนของท่าร�ำ ได้แก่ ท่าร�ำถูกต้อง
จังหวะถูกต้อง สีหน้าอารมณ์ความรู้สึกที่สอดคล้องไปกับท่าร�ำ ท�ำนองเพลง
และบทบาทตามเน้ือเร่ือง ท่าร�ำสวยงาม มคี วามแตกฉานดา้ นทา่ รำ� มีทว่ งทีลลี า
เป็นเอกลักษณ์ของตน ถ่ายทอดท่าร�ำออกมาได้เหมาะสมตรงตามฐานะและ
บทบาทที่ไดร้ ับไม่มากหรือน้อยเกนิ ไป

ตวั อยา่ งสนุ ทรียะของท่ารำ�

ทา่ สอดสรอ้ ยมาลา ทา่ ทโ่ี นน่

126 รากแก้วต้นกล้า

ภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ

ทา่ พดู กิน ท่าไหว้

ท่ายนื ทา่ น่งั

รากแกว้ ต้นกล้า 127
ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่

ทา่ ผาลาเพียงไหล่

๕. การถ่ายทอดองคค์ วามรู้

วรัชญาได้ถ่ายทอดความรู้ด้านนาฏศิลป์ไทยโดยท�ำการสอนรุ่นน้อง
และเด็ก ๆ ที่สนใจในการร่ายร�ำ และได้รับมอบหมายจากผู้อ�ำนวยการส�ำนัก
ศิลปะและวัฒนธรรมท�ำหน้าที่ฝึกซ้อมร�ำให้กับนักศึกษา และเจ้าหน้าท่ีท่ีร่วม
การแสดงทางศลิ ปวัฒนธรรม รวมถึงได้สอนการร�ำวงให้กับนักศกึ ษาแลกเปล่ียน
ชาวเวยี ดนามในโครงการความรว่ มมอื ทางดา้ นภาษาและศลิ ปวฒั นธรรมระหวา่ ง
มหาวิทยาลัย Hue ประเทศเวียดนาม และมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
ระหว่างวันที่ ๑-๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ ส�ำนักศลิ ปะและวัฒนธรรม วรัชญา
มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดและเป็นผู้สืบสาน หรือหากมีบุคคล
ทา่ นใดสนใจในการเรียนนาฏศลิ ปส์ ามารถตดิ ตอ่ วรชั ญาได้

128 รากแกว้ ตน้ กล้า

ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่

ของสก�ำิจนักศกิลรปปะรรวะมัฒมวนเลธดภรารน่ พม

รากแก้วต้นกลา้ 129
ภมู ิปัญญาท้องถิน่

ประมวลภาพกิจกรรมเดน่

ปีงบประมาณ ๒๕๕๗

งานประเพณีปนี เขาเขา้ ถ้ำ� จอมพล ครัง้ ที่ ๕

เผยแพร่ชุดการแสดงสร้างสรรค์ใหม่ “จอมบึงสืบสานศักด์ิศรีไทด�ำ”
โดยน�ำวิถีชีวติ ของชาวไทยทรงด�ำมาบูรณาการกับวงดนตรีโปงลางในพิธีเปดิ งาน
และร่วมจัดการแสดง แสง สี สื่อผสม ชุด “พระบารมีไท้แผ่ไพศาล ต�ำนาน
ของกาลเวลา” ในงานประเพณีปีนเขาเข้าถ้�ำครั้งท่ี ๕ ระหว่างวันท่ี ๒๘-๓๐
ตลุ าคม ๒๕๕๖ ณ เวทีเชิงเขา มหาวิทยาลยั ราชภฏั หม่บู ้านจอมบึง

130 รากแก้วต้นกลา้

ภมู ิปญั ญาท้องถ่ิน

รากแก้วตน้ กล้า 131
ภูมิปญั ญาท้องถ่นิ

กจิ กรรมการสร้างเครือขา่ ยดา้ นศลิ ปะ
และวัฒนธรรม

โครงการงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมอุดมศึกษา ครั้งท่ี ๑๔
“ฮตี ฮอยศิลป์ ถน่ิ ตกั ศิลา”

ร่วมแลกเปล่ียนและเผยแพร่การแสดงชุด “จอมบึงสืบสานศักดิ์ศรี
ไทด�ำ” และ “คีตมวยไทย” ในนามของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
ในงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมอุดมศึกษา คร้ังท่ี ๑๔ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๘
มกราคม ๒๕๕๗ ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

132 รากแกว้ ตน้ กล้า

ภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่

โครงการความร่วมมือทางดา้ นภาษาและศิลปวฒั นธรรม
ระหวา่ งมหาวิทยาลยั Hue (เว้) ประเทศเวยี ดนาม
และมหาวทิ ยาลัยราชภฏั หมู่บ้านจอมบึง

ส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม ร่วมกับคณะครุศาสตร์ จัดโครงการ
ความร่วมมือทางด้านภาษาและศิลปวัฒนธรรมระหว่างมหาวิทยาลัย Hue (เว้)
ประเทศเวียดนาม และมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง โดยมหาวิทยาลัย
Hue ได้ส่งนักศึกษาจ�ำนวน ๑๓ คน มาฝึกประสบการณ์ทางด้านการสอน
ภาษาอังกฤษ และแลกเปล่ียนทางด้านศิลปวัฒนธรรม ระหว่างวันท่ี ๑-๒๕
กรกฎาคม ๒๕๕๗

รากแก้วตน้ กลา้ 133
ภมู ิปัญญาทอ้ งถิน่

กิจกรรมการสรา้ งเครอื ข่ายด้านศลิ ปะ
และวัฒนธรรม

งานขว่ งวัฒนธรรม เฉลิมพระเกียรติ ประจำ� ปี ๒๕๕๗
และงานมหกรรมกลองและศิลปวฒั นธรรมนานาชาติ

ร่วมงานข่วงวัฒนธรรม เฉลิมพระเกียรติ ประจ�ำปี ๒๕๕๗ และ
งานมหกรรมกลองและศิลปวัฒนธรรมนานาชาติ เมื่อวันท่ี ๘-๑๒ กันยายน
๒๕๕๗ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏล�ำปาง พร้อมทั้งได้ลงนามบันทึกข้อตกลง
ความร่วมมือด้านศิลปะและวัฒนธรรม ระหว่างส�ำนักศิลปะและวัฒนธรรม
ของมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ ๖ แห่ง

134 รากแกว้ ตน้ กลา้

ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น

รากแก้วตน้ กล้า 135
ภูมิปญั ญาท้องถ่นิ

งานบรกิ ารวิชาการ

โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม
ของ ๘ ชาตพิ นั ธุ์ ในจังหวดั ราชบรุ ี (ครัง้ ที่ ๑) กจิ กรรมจัดเวที
เสวนา เครือข่าย แลกเปลยี่ นเรยี นรชู้ าตพิ นั ธุ์ไทยทรงดำ�
ไทยพ้นื ถนิ่ และไทยกะเหร่ยี ง จ.ราชบรุ ี

136 รากแก้วตน้ กลา้

ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ

รากแก้วตน้ กล้า 137
ภูมิปญั ญาท้องถ่นิ

กิจกรรมอนุรักษ์ สบื สานวัฒนธรรม
และประเพณไี ทย

งานอนรุ ักษ์ สืบสานวฒั นธรรม ประเพณไี ทย
“วันสงกรานต์ สานใจ” คร้งั ท่ี ๒

จดั งานอนุรักษ์ สืบสานวัฒนธรรม ประเพณีไทย “วันสงกรานต์ สานใจ”
ครั้งที่ ๒ วันท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๕๗ ณ ลานวัฒนธรรม ส�ำนักศิลปะ
และวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั หมบู่ า้ นจอมบึง

138 รากแกว้ ตน้ กลา้

ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน

โครงการสืบสานประเพณี
“แห่เทยี นและถวายเทยี นจ�ำนำ� พรรษา”

จัดโครงการสืบสานประเพณี “แห่เทียนและถวายเทียนจ�ำน�ำพรรษา”
เน่ืองในวันเข้าพรรษาประจ�ำปี ๒๕๕๗ วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดย
ร่วมเดินแห่เทียนกับเทศบาลต�ำบลจอมบึง พร้อมท้ังถวายเทียนจ�ำน�ำพรรษา
ณ วดั วาปีสทุ ธาวาส (ตลาดควาย) อ�ำเภอจอมบงึ จงั หวัดราชบรุ ี

รากแก้วตน้ กล้า 139
ภูมิปัญญาท้องถิ่น

งานวิจัย

การศกึ ษาความเชื่อ ประเพณี และพธิ ีกรรมเก่ียวกบั ผี
ของไทยทรงด�ำ : กรณีศกึ ษาพธิ เี สนฆ่าแมเ่ กือด

140 รากแก้วตน้ กล้า

ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน

งานเฉลมิ พระเกียรติ

โครงการจดั งาน ๑๒ สิงหา เทิดไท้ “มหาราชิน”ี
วันท่ี ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗

รากแกว้ ตน้ กลา้ 141
ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ิน

งานเฉลมิ พระเกยี รติ

โครงการจดั งานเฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ
ส ย า ม ม กุ ฎ ร า ช กุ ม า ร เ นื่ อ ง ใ น โ อ ก า ส ม ห า ม ง ค ล
เฉลมิ พระชนมมายุ ๖๒ พรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗

142 รากแกว้ ต้นกลา้

ภมู ิปญั ญาท้องถนิ่

กจิ กรรมสนบั สนนุ สง่ เสรมิ ใหน้ กั ศกึ ษาทำ� กจิ กรรม
ทำ� นุบำ� รงุ ศิลปะและวัฒนธรรม

งานปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ ประจ�ำปกี ารศกึ ษา ๒๕๕๗
วนั ท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๕๗

รากแก้วต้นกลา้ 143
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่

การประกวดนางไห Contest ปที ี่ ๒

ส่งนักศึกษาเข้าร่วมการประกวดนางไห Contest ปีท่ี ๒ เม่ือวันท่ี
๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ วิทยาลัยการอาชีพนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รางวัล
รองชนะเลิศอันดบั ๒

ออกแบบ & พิมพท์ ่ี บรษิ ัท เพชรภูมกิ ารพมิ พ์ จำ�กัด
๘๐ หมู่ ๔ ถ.เพชรเกษม ต.บ้านหม้อ อ.เมอื ง จ.เพชรบุรี ๗๖๐๐๐
โทร. ๐-๓๒๔๑-๗๐๓๑-๒, ๐-๓๒๔๒-๕๓๑๐

รากแก้วตน้ กลา้e-mail : [email protected] website : www.petchpoom.com

144 ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่น


Click to View FlipBook Version