The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง

โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง

โปรแกรม การจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง โดย...นางวรรณี ศิรินทรางกูร ดร.นพรัตน์ ไชยชำนิ และนางเสาวลักษณ์ ยิ้มเยื้อน เอกสารฉบับนี้เป็นเครื่องมือวิจัยเรื่องการพัฒนาโปรแกรมจัดการความโกรธ ด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ กรมสุขภาพจิต 2561


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 2 โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา พฤติกรรมก้าวร้าว เป็นปฏิกิริยาที่แสดงออกถึงการต่อต้านทั้งด้านคำพูดหรือท่าทาง เพื่อ ป้องกันตนเองทั้งที่เหมาะสมและไม่เหมาะสม (Hamolia, 2005) ซึ่งถือเป็นการปลดปล่อยความโกรธ ความคับข้องใจและสิ่งที่ไม่ดีต่างๆในใจออกมาเป็นการแสดงออกของอารมณ์โกรธ โดยพบว่า สาเหตุ ของพฤติกรรมก้าวร้าวในผู้ป่วยจิตเภท เกิดเมื่อบุคคลได้รับสิ่งคุกคามหรือต้องการถูกขัดขวางจะทำให้ เครียดและวิตกกังวล เมื่อความกังวลมากขึ้นจะเกิดความรู้สึกโกรธและแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ออกมา (Harris and Rawlins, 1993) ดังนั้น การป้องกันพฤติกรรมรุนแรงจำเป็นต้องจัดการกับความ โกรธ ซึ่งเป็นการปรับตัวตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่พึงพอใจ เนื่องจากความโกรธเป็นตัวการสำคัญให้ เกิดพฤติกรรมรุนแรง (Talor, 1994) จากการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง พบว่า อาการทางบวกและพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงของผู้ป่วยจิตเภทต้องรักษาด้วยยารักษาโรคจิต เป็นหลัก แต่พบว่าผู้ป่วยจิตเภทระยะเรื้อรังส่วนใหญ่รักษาด้วยยาไม่สามารถรักษาอาการทางบวกให้ หายขาดได้ การรักษาจึงเป็นแบบคงสภาพ ดังนั้นนอกจากให้การบำบัดด้วยยาแล้วการดูแลด้านจิต สังคมบำบัด โดยเฉพาะการบำบัดรู้คิดและปรับพฤติกรรม (CBC: cognitive behavior therapy) มี ประสิทธิผลในการลดอาการหลงผิดและหูแว่วได้ (Tarrier, Yusupoff, Kinney, 1998) โดยการ ปรับเปลี่ยนความคิดอัตโนมัติทางลบ (negative automatic thoughts) และความเชื่อที่บิดเบือนที่ สัมพันธ์กับการเกิดอาการทางบวกและความทุกข์ทรมานใจของผู้ป่วย นอกจากนั้นมีการศึกษาเกี่ยวกับ การจัดการกับความโกรธและพฤติกรรมรุนแรงของผู้ป่วยจิตเวชต่างๆ ได้แก่ การพัฒนาระบบการ บริการพยาบาลแบบเจ้าของไข้สำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง (กัลยา, จินตนาและเพชรี, 2555) การฝึกให้ผู้ป่วยจิตเภทมีทักษะในการจัดการกับความโกรธ (Novaco, 1975) ซึ่งพบว่า การศึกษาการจัดการความโกรธในผู้ป่วยจิตเภทสามารถควบคุมความโกรธในผู้ป่วยจิตเภทและลดการ แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวได้ และพบว่า วิธีการที่ผู้ป่วยใช้จัดการกับความโกรธมากที่สุด คือ การหายใจ และการนับในใจ (บุษยา ศรีวรรณและอรพรรณ ลือบุญธวัชชัย, 2553; สิวลี เปาโรหิตย์, 2550; สิริ นภา จาติเสถียร, 2547; หทัยรัตน์, 2550) รวมทั้งมีการศึกษาผลของโปรแกรมการฝึกผ่อนคลาย


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 3 กล้ามเนื้อร่วมกับการควบคุมความโกรธต่อพฤติกรรมก้าวร้าวในผู้ป่วยจิตเภท (กัญญาวรรณ ระเบียบ, อรพรรณ ลือบุญธวัชชัย, รัตน์ศิริ ทาโต, 2556) พบว่า โปรแกรมการฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อร่วมกับ การควบคุมความโกรธต่อพฤติกรรมก้าวร้าวในผู้ป่วยจิตเภท ส่งผลให้พฤติกรรมก้าวร้าวของผู้ป่วย จิตเภทลดลง นอกจากนั้นจากการทบทวนอย่างเป็นระบบ (systematic review) โดย เดวิสและเคอร์ ซแบน (Davis & Kurzban, 2012) พบว่า สติบำบัด Mindfulness Based Cognitive Therapy: MBCT สามารถใช้ในการรักษาผู้ป่วย Severe mental illness (SMI) สามารถช่วยลดอาการทุกข์ใจ เพิ่มความรู้สึกว่าตนเองมีศักยภาพในการควบคุมตนเองต่อสิ่งกระตุ้นทั้งภายในภายนอกบุคคลและผู้ที่ ฝึกสติบำบัดจะสามารถจะสามารถปลดปล่อยความโกรธ รวมทั้งสามารถเพิ่มการคิดไตร่ตรองและ แสดงออกถึงพฤติกรรมที่เหมาะสมมากขึ้น สามารถควบคุมอารมณ์โกรธได้ดีขึ้น (Adele & Feldman, 2004; Grossman et.al., 2004) วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง เข้าใจและสามารถควบคุมความโกรธได้อย่าง เหมาะสม 2. เพื่อพัฒนาความสามารถของผู้ป่วยจิตเภทในการจัดการความโกรธด้วยสติบำบัด เพื่อลด การแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง 3. เพื่อเตรียมความพร้อมผู้ป่วยจิตเภทให้มีความรู้ความสามารถในการปรับตัวอยู่ร่วมกันใน ครอบครัว ชุมชนและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนจำหน่ายผู้ป่วยกลับสู่ชุมชน คุณสมบัติของผู้ร่วมโปรแกรม กลุ่มเป้าหมาย ผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง ที่เข้ามารับการรักษาแบบผู้ป่วยใน โรงพยาบาลสวนราญรมย์ จังหวัดสุราษฎร์ธานีจำนวน 9 -12 คน/กลุ่ม โดยมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1. ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นจิตเภทและมีอาการเจ็บป่วยอย่างน้อย 2 ปีขึ้นไป 2. ผู้ป่วยที่มีอายุ ระหว่าง 20-60 ปี 3. มีพฤติกรรมรุนแรงก่อนรับไว้และมีผลการประเมินระดับความก้าวร้าวรุนแรงตั้งแต่ระดับ 2 ขึ้นไป โดยใช้แบบประเมินพฤติกรรมก้าวร้าว (กรมสุขภาพจิต, 2561)


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 4 4. ผลการประเมิน BPRS ก่อนเข้ากลุ่มมีคะแนนเฉลี่ยน้อยกว่าหรือเท่ากับ 36 คะแนน 5. ระดับสติปัญญาอยู่ในระดับ 70 ขึ้นไป 6. สมัครใจเข้าร่วมโปรแกรมและสามารถเข้าร่วมโปรแกรมได้ครบทุกกิจกรรม 7. สามารถพูดคุยติดต่อสื่อสารได้ ผู้ใช้โปรแกรม พยาบาลจิตเวชหรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่มีประสบการณ์การทำงานด้านสุขภาพจิตและจิตเวช และ มีทักษะในการทำกลุ่มกิจกรรมบำบัด และผ่านการอบรมหลักสูตรสติบำบัด ผลที่คาดว่าจะได้รับ - ผู้ป่วยจิตเภทมีพฤติกรรมรุนแรง ได้รับการเสริมสร้างทักษะการจัดการความโกรธ โดยใช้ แนวคิดการบำบัดรู้คิดและปรับพฤติกรรม การจัดการกับความโกรธ และสติบำบัด - พยาบาลจิตเวชมีแนวทางในการทำกลุ่มกิจกรรมบำบัดโดยใช้แนวคิดการบำบัดรู้คิดและ ปรับพฤติกรรม การจัดการกับความโกรธ และสติบำบัด องค์ประกอบของโปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรม รุนแรง 1. ผู้ร่วมกลุ่ม ได้แก่ ผู้บำบัด (ผู้ใช้โปรแกรม) และผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 2. ลักษณะของกิจกรรม เป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ร่วมกับการสนับสนุนช่วยเหลือซึ่ง กันและกัน โดยทำกิจกรรมผ่านการฝึกในสถานการณ์จริงและสถานการณ์สมมติ และการให้การบ้าน 3. เนื้อหาของกิจกรรม ประกอบด้วย การรู้จักอารมณ์ การฝึกการแยกแยะอารมณ์ รู้ถึง ผลกระทบที่เกิดจากอารมณ์โกรธ การู้จักสมธิและการฝึกสมาธิ การรู้จักสติและการฝึกสติ การปล่อย วางความคิด การฝึกทักษะการผ่อนคลาย การฝึกทักษะการสื่อสาร และการรู้จักให้อภัยตนเอง ผู้อื่น และสรรพชีวิตทั้งหลาย


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 5 4. โครงสร้างของโปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรม รุนแรง ประกอบด้วย 8 กิจกรรม (ดังตาราง) ในแต่ละกิจกรรม ประกอบด้วย ชื่อกิจกรรม ระยะเวลา วัตถุประสงค์ สาระสำคัญ สื่อ/อุปกรณ์ การประเมินผล และขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม 5. การประเมินผล ก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรม ผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง จะ ได้รับการประเมินด้วยแบบประเมินการแสดงความโกรธ


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 6 ตารางโปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง ดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ประกอบด้วย 8 กิจกรรม สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 1 กิจกรรม รวม 3 สัปดาห์ ดังนี้ วัน /เวลา กิจกรรม วัตถุประสงค์ จันทร์ สัปดาห์ที่ 1 เวลา 10.00-11.30 น. กิจกรรม ครั้งที่1 การจัดการความว้าวุ่นใจ 1. เพื่อเตรียมสมาชิกให้มีความพร้อมใน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 2. เพื่อให้สมาชิกสามารถแยกแยะอารมณ์ และความรู้สึกได้และตระหนักถึงผลของ อารมณ์โกรธและความว้าวุ่นใจ พุธ สัปดาห์ที่ 1 เวลา 10.00-11.30 น. กิจกรรม ครั้งที่ 2 เส้นทางความโกรธ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยรู้ว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้ แสดงอารมณ์โกรธและบอกสาเหตุที่ทำให้ โกรธได้อย่างสมเหตุสมผล 2. เพื่อให้ผู้ป่วยทราบถึงผลกระทบที่เกิด จากอารมณ์โกรธและแยกแยะได้ว่าผลของ ความโกรธที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ศุกร์ สัปดาห์ที่ 1 เวลา 10.00-11.30 น. กิจกรรม ครั้งที่ 3 รู้จัก…สมาธิ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการทำสมาธิ 2. เพื่อให้ผู้ป่วยสมามารถฝึกการทำสมาธิ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม จันทร์ สัปดาห์ที่ 2 เวลา 10.00-11.30 น. กิจกรรม ครั้งที่ 4 สติกับ…การดำเนินชีวิต 1. เพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการฝึกสติ 2. เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถฝึกการพัฒนาสติ ขั้นพื้นฐานได้


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 7 วัน /เวลา กิจกรรม วัตถุประสงค์ พุธ สัปดาห์ที่ 2 เวลา 10.00-11.30 น. กิจกรรม ครั้งที่ 5 การคิดเชิงบวก 1. เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถมีสติรู้ความรู้สึก บนร่างกาย และปล่อยวางได้ 2. เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถมีสติรู้อารมณ์/ ความรู้สึกทางใจ ที่แสดงออกเป็นความรู้สึก บนร่างกาย และปล่อยวางได้ 3. เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเชื่อมโยงการรู้ อารมณ์และปล่อยวาง เข้ากับการจัดการ กับอารมณ์ที่เป็นตัวกระตุ้นได้ ศุกร์ สัปดาห์ที่ 2 เวลา 10.00-11.30 น. กิจกรรม ครั้งที่ 6 สัมพันธภาพ…กับคนใกล้ชิด 1. เพื่อให้สมาชิกเชื่อมโยงสัมพันธภาพกับ ความรู้สึกที่รุนแรง และใช้สติใคร่ครวญ ปรับปรุงสัมพันธภาพ 2. เพื่อให้สมาชิกเข้าใจความคิดที่มีต่อ สัมพันธภาพและผลที่ตามมากับ สัมพันธภาพ 3. เพื่อให้สมาชิกสามารถปล่อยวาง ความคิดลบและมองเห็นสัมพันธภาพใน แง่มุมใหม่ 4. เพื่อให้สมาชิกสามารถปฏิบัติการฝึกการ สื่อสารเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่าง เหมาะสมในการจัดการความโกรธ จันทร์ สัปดาห์ที่ 3 เวลา 10.00-11.30 น. กิจกรรม ครั้งที่ 7 การสื่อสารด้วยสติ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยรับรู้และระบุถึงปัญหาใน การสื่อสารกับบุคคลที่ใกล้ชิดและผลที่ เกิดขึ้นเชื่อมโยงกับพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 8 วัน /เวลา กิจกรรม วัตถุประสงค์ 2. เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้สติในการสื่อสาร ได้ทั้งคำพูดและภาษาท่าทาง พุธ สัปดาห์ที่ 3 เวลา 10.00-11.30 น. กิจกรรม ครั้งที่ 8 รักตนเอง...รักผู้อื่น 1. เพื่อให้ผู้รับการบําบัดสามารถเชื่อมโยง สติกับการให้อภัยและเมตตาตนเองได้ 2. เพื่อให้ผู้รับการบําบัดสามารถเชื่อมโยง สติกับการอภัยและเมตตาผู้อื่นได้


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 9 กิจกรรมที่ 1 การจัดการความว้าวุ่นใจ เวลา 1 ชั่วโมง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อเตรียมสมาชิกให้มีความพร้อมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 2. เพื่อให้สมาชิกสามารถแยกแยะอารมณ์ และความรู้สึกได้และตระหนักถึงผลของอารมณ์ โกรธและความว้าวุ่นใจ สาระสำคัญ การสร้างสัมพันธภาพกับสมาชิก เพื่อให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้บำบัดกับสมาชิก ก่อให้เกิดความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรม และสมาชิกได้ทบทวน และวิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ที่ทำ ให้ตนองรู้สึกโกรธหรือว้าวุ่นใจ การแสดงออกถึงความคิดและพฤติกรรมขณะที่มีอารมณ์โกรธ การ รับรู้ถึงอาการหรือสัญญาณที่บ่งบอกถึงการมีอารมณ์โกรธ สื่อ/อุปกรณ์ 1. ใบความรู้ 1.1 2. ใบกิจกรรมที่ 1.1 3. ใบกิจกรรมที่ 1.2 4. ใบกิจกรรมที่ 1.3 การประเมินผล 1. ผู้นำกลุ่มสังเกตจากความตั้งใจและการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 2. ประเมินผลจากการสรุปประเด็นสำคัญของสมาชิกในกลุ่ม


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 10 ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม กิจกรรม สื่อ/อุปกรณ์ เวลาที่ใช้ 1. ผู้นำกลุ่มกล่าวทักทายสมาชิก พูดคุยเรื่องทั่วไป และให้สมาชิก แต่ละคนแนะนำตัวเกี่ยวกับชื่อ สกุล ผู้นำกลุ่มแนะนำตนเองและ อธิบายถึงวัตถุประสงค์ ขั้นตอนการดำเนินกลุ่ม และประโยชน์ที่ จะได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม 5 นาที 2. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกในกลุ่มเล่าถึงประสบการณ์ที่เกี่ยวกับ สถานการณ์ที่ทำให้ตนเองรู้สึกโกรธหรือว้าวุ่นใจ โดยผู้นำกลุ่มใช้ คำถามให้สมาชิกอภิปรายเพิ่มเติมในประเด็น “ขณะที่โกรธนั้นรู้สึก อย่างไรและเกิดอะไรขึ้นกับตนเองบ้าง” ตามใบกิจกรรมที่ 1.1 ใบกิจกรรมที่ 1.1 15 นาที 3. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกในกลุ่มเล่าถึงประสบการณ์ที่เกี่ยวกับ สถานการณ์ที่ทำให้ตนเองรู้สึกโกรธ/รู้สึกว้าวุ่นใจ เมื่อสมาชิกทุก คนเล่าจบ ผู้นำกลุ่มเปิดโอกาสให้สมาชิกได้ช่วยกันแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้น ขณะที่มีเหตุการณ์ ที่ทำให้รู้สึกโกรธและว้าวุ่นใจ 15 นาที 4. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกนำเสนอร่วมกันในประเด็น “ขณะที่โกรธเรา จะทราบได้อย่างไรว่าขณะนี้เรากำลังโกรธอยู่” และ “สามารถ แยกแยะระหว่างอารมณ์ปกติและอารมณ์โกรธได้หรือไม่อย่างไร บ้าง” ตามใบกิจกรรมที่ 1.2 ใบกิจกรรมที่ 1.2 15 นาที 5. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกแต่ละคนช่วยกันสรุปประเด็นที่ได้คุยกัน และผู้นำกลุ่มสรุปเพิ่มเติม ตามใบความรู้ 1.1 ใบความรู้ 1.1 5 นาที 6. ผู้นำกลุ่มมอบหมายการบ้านให้สมาชิกแต่ละคน ฝึกสำรวจ ตนเอง “ขณะที่เกิดอารมณ์โกรธนั้น มีอะไรเกิดขึ้นกับตนเองบ้าง” ตามใบกิจกรรมที่ 1.3 ใบกิจกรรมที่ 1.3


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 11 ใบความรู้ 1.1 ความโกรธ และอาการที่บ่งบอกถึงอารมณ์โกรธ ความโกรธ หมายถึง อารมณ์ทางลบ เมื่อเกิดความไม่พอใจ ไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการและ คาดหวัง เมื่อถูกขัดขวางความตั้งใจในการกระทําบางอย่าง จึงทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้าน ร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรงได้ พฤติกรรมก้าวร้าว/รุนแรง เป็นพฤติกรรมที่บุคคลแสดงออกมาทางด้าน ความคิด ความรู้สึก ด้วยคำพูด สีหน้าท่าทาง หรือการกระทำที่รุนแรง เพื่อขจัดหรือลดความกลัว ความโกรธ ความว้าวุ่น ใจของตนเองไปยังบุคคลอื่น สิ่งของ หรือแม้แต่ตนเอง โดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้ อาการที่บ่งบอกถึงการมีอารมณ์โกรธ มักจะแสดงออกมาใน 4 ลักษณะ คือ 1. การแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวทางคำพูด เช่น การส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย ด่าว่าคนที่ทำ ให้โกรธด้วยคำหยาบคาย พูดจารุนแรงแบบขวานผ่าซาก 2. การแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อร่างกายตนเอง เช่น ใช้ศีรษะโขกกับพื้นหรือผนัง ใช้มีด กรีดแขนตนเอง 3. การแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อร่างกายผู้อื่น เช่น ใช้ของมีคมหรืออาวุธทำร้ายผู้อื่น ชก ต่อยทุบตีผู้อื่น 4. การแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวด้วยการทำลายสิ่งของ เช่น ขว้างปาข้าวของภายในบ้าน ใช้ ก้อนหินขว้างปารถของผู้อื่น นอกจากนี้ยังมีอาการหรือสัญญาณเตือนทางร่างกายที่เกิดขึ้นจากอารมณ์โกรธหรือความ ว้าวุ่นใจ ได้แก่ ขาดความยับยั้งชั่งใจ ความดันโลหิตสูง หน้าแดง ปวดศีรษะ หัวใจเต้นแรงและถี่ขึ้น ใจสั่น รู้สึกแน่นในลำคอ หายใจแรงและเร็ว กำมือแน่น ตัวสั่น ใบหน้าบึ้งตึง เหงื่อออก ไม่มีสมาธิใน การทำอะไร ซึ่งเป็นอาการที่เปลี่ยนแปลงไปจากอารมณ์ปกติ


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 12 ใบกิจกรรมที่ 1.1 ประสบการณ์ความโกรธและว้าวุ่นใจ ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกในกลุ่มเล่าถึงประสบการณ์ที่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ทำให้ตนเองรู้สึกโกรธ หรือรู้สึกว้าวุ่นใจ คนละ 1 เหตุการณ์ และให้สมาชิกสำรวจตนเองในประเด็น “ขณะที่โกรธนั้นรู้สึก อย่างไรและเกิดอะไรขึ้นกับตนเองบ้าง” และผู้นำกลุ่มใช้คำถามให้สมาชิกได้อภิปรายในประเด็น ดังกล่าว 1. ขณะที่สมาชิกโกรธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สมาชิกรู้สึกอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เมื่อสมาชิกแสดงอารมณ์โกรธ เกิดอะไรขึ้นกับตนเองบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 13 ใบกิจกรรมที่ 1.2 การแยกแยะอารมณ์ ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน พูดคุย อภิปรายและนำเสนอร่วมกันใน ประเด็น “ขณะที่โกรธเราจะทราบได้อย่างไรว่าขณะนี้เรากำลังโกรธอยู่” และ “สามารถแยกแยะ ระหว่างอารมณ์ปกติและอารมณ์โกรธได้หรือไม่ อย่างไรบ้าง” 1. ขณะที่โกรธเราจะทราบได้อย่างไรว่าขณะนี้เรากำลังโกรธอยู่ ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. เราสามารถแยกแยะระหว่างอารมณ์ปกติและอารมณ์โกรธได้หรือไม่ อย่างไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 14 ใบกิจกรรมที่ 1.3 การบ้าน....การฝึกแยกแยะอารมณ์โกรธ ให้สมาชิกแต่ละคน ได้นึกถึงสถานการณ์หรือประสบการณ์ที่ทำให้ตนเองรู้สึกโกรธหรือรู้สึก ว้าวุ่นใจ คนละ 1 เหตุการณ์ และให้สำรวจตนเองว่า ขณะที่เกิดอารมณ์โกรธนั้น มีอะไรเกิดขึ้นกับ ตนเองบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 15 กิจกรรมที่ 2 เส้นทางความโกรธ เวลา 1 ชั่วโมง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยรู้ว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้แสดงอารมณ์โกรธและบอกสาเหตุที่ทำให้โกรธได้ อย่างสมเหตุสมผล 2. เพื่อให้ผู้ป่วยทราบถึงผลกระทบที่เกิดจากอารมณ์โกรธและแยกแยะได้ว่าผลของความ โกรธที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร สาระสำคัญ สมาชิกได้คิดทบทวนและเข้าใจสาเหตุของความโกรธและรับรู้ถึงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ โกรธและแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกไป และเรียนรู้ถึงผลกระทบของการแสดงออก/พฤติกรรมที่เกิด จากความโกรธ เพื่อช่วยให้สมาชิกเกิดการยอมรับความโกรธของตนเอง และยอมรับถึงการควบคุม และการจัดการความโกรธให้ได้ สื่อ/อุปกรณ์ 1. ใบความรู้ 2.1 2. ใบความรู้ 2.2 3. ใบกิจกรรมที่ 1.3 4. ใบกิจกรรมที่ 2.1 5. ใบกิจกรรมที่ 2.2 6. ใบกิจกรรมที่ 2.3 การประเมินผล 1. ผู้นำกลุ่มสังเกตจากความตั้งใจและการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 2. ประเมินผลจากการสรุปประเด็นสำคัญของสมาชิกในกลุ่ม 3. ประเมินจากการแสดงความคิดเห็น ตามการบ้านที่ได้มอบหมาย


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 16 ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม กิจกรรม สื่อ/อุปกรณ์ เวลาที่ใช้ 1. ผู้นำกลุ่มกล่าวทักทายสมาชิกและให้สมาชิกทบทวนเรื่องที่ได้ เรียนรู้ร่วมกันในครั้งที่ผ่านมา เกี่ยวกับการรู้จักอารมณ์ของ ตนเองและการแสดงออกเมื่อเกิดอารมณ์โกรธ 5 นาที 2. ผู้นำกลุ่มทบทวนการบ้านร่วมกับสมาชิก โดยให้สมาชิกแต่ ละคนได้นำเสนอประสบการณ์ในการฝึกแยกแยะอารมณ์โกรธ และมีการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ของแต่ละคน ใบกิจกรรมที่ 1.3 10 นาที 3. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกในกลุ่มแต่ละคนได้เล่าประสบการณ์ของ ตนเองเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกโกรธ คนละ 1 เหตุการณ์ และผู้นำกลุ่มสะท้อนความรู้สึกสมาชิกว่า “คุณรู้สึกอย่างไร ขณะที่เล่าเหตุการณ์นั้น” 10 นาที 4. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกแต่ละคนได้ทบทวนสถานการณ์ที่ทำให้ โกรธของแต่ละคน และให้เขียนสาเหตุของความโกรธ และอะไร เป็นสิ่งกระตุ้นให้แสดงอารมณ์โกรธ ใบกิจกรรมที่ 2.1 15 นาที 5. ผู้นำกลุ่มสรุปสิ่งที่สมาชิกบอกตามประเด็นในใบกิจกรรม และอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุและสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิด อารมณ์โกรธ ตามใบความรู้ 2.1 ใบความรู้ 2.1 6. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกแบ่งกลุ่ม 2 กลุ่ม พูดคุยแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นร่วมกันถึงผลกระทบของความโกรธ ตามใบกิจกรรมที่ 2.2 ใบกิจกรรมที่ 2.2 15 นาที 7. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกช่วยกันสรุปประเด็นที่อภิปรายและผู้นำ กลุ่มสรุปเพิ่มเติมตามใบความรู้ 2.2 ใบความรู้ 2.2 5 นาที 8. ผู้นำกลุ่มมอบหมายการบ้านให้สมาชิกแต่ละคน ได้ฝึกสังเกต สถานการณ์/เหตุการณ์ที่เกิดจากอารมณ์โกรธ ไม่พอใจ และ วิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตามใบกิจกรรมที่ 2.3 ใบกิจกรรมที่ 2.3


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 17 ใบความรู้ 2.1 สาเหตุของการเกิดความโกรธ ความโกรธ เกิดจากการรับรู้ต่อสถานการณ์ที่มากระตุ้นในทางลบ เช่น การดูถูก ไม่ให้ เกียรติ ด้วยคำพูดที่หยาบคาย หรือเกิดจากการตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับรูปแบบ การตอบสนองที่เคยใช้ในอดีต ซึ่งอาจจะมีการแสดงออกที่เหมาะสม หรืออาจจะแสดงออกอย่าง รุนแรงต่อสถานการณ์นั้นๆ สาเหตุของการเกิดความโกรธที่เกิดจากภายในตัวบุคคล 1. เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง ความผิดปกติของฮอร์โมนเพศชาย 2. เกิดจากการรับรู้สถานการณ์ที่ทำให้ไม่พอใจ หรือผิดหวังในสิ่งที่ต้องการ เช่น การดูถูก การถูกปฏิเสธ 3. เกิดจากกระบวนการเรียนรู้วิธีการเผชิญความโกรธหรือการจัดการความโกรธที่ไม่ เหมาะสม 4. เกิดจากความคับข้องใจ บุคคลจะเกิดความโกรธเมื่อเชื่อว่า คนอื่นจงใจทำพฤติกรรม บางอย่างกับตน เช่น คุณอาจจะโกรธเมื่อมีคนขับรถปาดหน้ารถของคุณ แต่คุณจะไม่โกรธถ้าเขาขับ รถล้มแล้วมาปาดหน้ารถของคุณ เป็นต้น 5. เกิดจากความผิดหวังหรือไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการหรือคาดหวังไว้ 6. เกิดจากความรู้สึกทนไม่ได้ต่อเหตุการณ์ไม่พึงปรารถนา 7. เกิดจากความรู้สึกไม่สะดวกสบายในการดำเนินชีวิต 8. เกิดจากความรู้สึกเสียใจ ความกลัวที่แปรเปลี่ยนไปเป็นความโกรธ 9. เกิดจากการถูกรบกวนความเป็นส่วนตัว รู้สึกตนเองไม่ได้รับอิสระหรือได้รับการจำกัด อิสรภาพ 10.เกิดจากความรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม 11.เกิดจากการที่ตนไม่ได้รับการยอมรับ สาเหตุของการเกิดความโกรธที่เกิดจากภายนอกตัวบุคคล 1. เกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อม สภาพสังคม เศรษฐกิจ เช่น การอยู่ในท่ามกลางผู้คน พลุกพล่าน มีเสียงดัง หรือในบรรยากาศที่มีการทะเลาะเบาะแว้งกันไม่มีใครฟังใคร เป็นต้น


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 18 2. เกิดจากการถูกคุกคาม ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม 3. เกิดจากการที่คนอื่นมารบกวน หรือถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ตนไม่อยากทำ เช่น ถูกใช้ให้ ทำในสิ่งที่ตนเองไม่อยากทำตลอดเวลา 4. เกิดจากการถูกขัดใจ หรือถูกรังแกจากผู้อื่น


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 19 ใบความรู้ 2.2 ผลกระทบของความโกรธ เมื่อบุคคลเกิดความโกรธ มักจะแสดงความโกรธออกมาในรูปแบบของพฤติกรรมต่างๆ ซึ่ง ส่วนใหญ่จะแสดงออกมาในรูปแบบของพฤติกรรมก้าวร้าว ทั้งทางคำพูดและท่าทาง ทั้งนี้การแสดง ความโกรธจะก่อให้เกิดผลกระทบในหลายๆ ด้าน ได้แก่ ผลกระทบต่อตนเอง 1. อาจทำให้ได้รับอันตราย จากพฤติกรรมการทำร้ายตนเอง การพยายามฆ่าตัวตาย หรือ อาจถูกผู้อื่นทำร้าย หรืออาจบาดเจ็บจากอาวุธ ของมีคม/ไม่มีคมต่างๆ 2. ทำให้สัมพันธภาพกับผู้อื่นลดลงหรือเสียไป 3. ทำให้การรับรู้ตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อมลดลง เช่น ไม่สนใจว่ามีใครที่เราเคารพหรือ นับถือได้รับผลกระทบจากการแสดงความโกรธหรืออยู่ในสถานการณ์นั้นๆด้วย 4. อาจทำให้ความรู้สึกในคุณค่าของตนเองลดลง เกิดความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ 5. ทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น ความดันโลหิตสูง หน้าแดง กล้ามเนื้อเกร็ง อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ 6. อาจทำให้มีการไปใช้สารเสพติดเพื่อใช้ในการจัดการความเครียดที่เกิดขึ้น 7. อาจทำให้เกิดปัญหา ความผิดพลาดในการทำงาน การเรียน 8. อาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ ผลกระทบต่อครอบครัว 1. ทำให้คนในครอบครัวเกิดความเครียดจากการที่บุคคลนั้นแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว 2. ทำให้คนในครอบครัวเกิดความกลัว ไม่มั่นใจต่อความปลอดภัย กลัวจะถูกทำร้ายหรือ สูญเสียทรัพย์สินจากการแสดงความโกรธของบุคคล 3. อาจทำให้คนในครอบครัวได้รับบาดเจ็บ ต้องเสียเวลา ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล 4. อาจทำให้คนในสังคม ชุมชนเกิดความเบื่อหน่าย รำคาญ กลัวและไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับ ครอบครัวของผู้ที่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 20 ผลกระทบต่อชุมชน 1. ทำให้คนในชุมชน สังคมเกิดความกลัว หวาดระแวง และมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้แสดง พฤติกรรมก้าวร้าว 2. ทำให้คนในชุมชน สังคมเกิดความเครียด ความไม่พอใจ 3. อาจทำให้คนในชุมชน สังคมได้รับความเดือดร้อน ได้รับบาดเจ็บ หรือทรัพย์สินเสียหาย 4. อาจทำให้เกิดอาชญากรรม หรือการตายขึ้นในชุมชน สังคม


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 21 ใบกิจกรรมที่ 2.1 สิ่งกระตุ้นอารมณ์โกรธ ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกแต่ละคนนึกถึงสถานการณ์/เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดอารมณ์โกรธ และแสดง พฤติกรรมก้าวร้าวออกมา และวิเคราะห์สาเหตุของความโกรธจากสถานการณ์/เหตุการณ์นั้นๆ จากนั้นให้สมาชิกได้ทบทวนว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้โกรธ และอะไรเป็นสิ่งกระตุ้นให้แสดงอารมณ์ โกรธ 1. สาเหตุที่ทำให้ท่านเกิดความรู้สึกโกรธ ได้แก่ ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. อะไรเป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ท่านรู้สึกโกรธ ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 22 ใบกิจกรรมที่ 2.2 ผลกระทบของความโกรธ ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกแบ่งกลุ่ม 2 กลุ่ม กลุ่มละ4-5 คน แสดงความคิดเห็นและวิเคราะห์ถึง ผลกระทบของความโกรธ ในสถานการณ์/เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (ตามใบกิจกรรมที่ 2.1) 1. ผลกระทบต่อตนเองทั้งร่างกาย จิตใจ และความมีคุณค่า ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ผลกระทบต่อครอบครัว ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ผลกระทบต่อชุมชน/สังคม ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 23 ใบกิจกรรมที่ 2.3 การบ้าน....การฝึกวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดจากอารมณ์โกรธ ให้สมาชิกแต่ละคนได้สังเกตและทบทวนสถานการณ์/เหตุการณ์ที่ทำให้ตนเองรู้สึกโกรธหรือมี การแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา คนละ 1 เหตุการณ์ และวิเคราะห์ตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1. สถานการณ์/เหตุการณ์ ที่ทำให้ท่านรู้สึกโกรธ หรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. สาเหตุที่ทำให้ท่านเกิดความรู้สึกโกรธต่อสถานการณ์/เหตุการณ์นั้น ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. อะไรเป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ท่านรู้สึกโกรธ ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ผลกระทบที่เกิดขึ้น ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… - ผลกระทบต่อตนเอง ทั้งร่างกาย จิตใจ และความมีคุณค่า ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… - ผลกระทบต่อครอบครัว ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… - ผลกระทบต่อชุมชน/สังคม ………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 24 กิจกรรมที่ 3 รู้จัก…สมาธิ เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการทำสมาธิ 2. เพื่อให้ผู้ป่วยสมามารถฝึกการทำสมาธิได้อย่างถูกต้องเหมาะสม สาระสำคัญ ความรู้สึกโกรธและความเครียดจะบดบังสิ่งที่ดีงามของชีวิต เช่น ความรัก การให้อภัย สมาธิจะช่วยให้เกิดความผ่อนคลายจากอารมณ์โกรธและความเครียด ช่วยลดอารมณ์และความคิด ต่างๆที่สะสมไว้ การฝึกสมาธิอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จะช่วยให้เกิดความผ่อนคลายจากอารมณ์และ ความเครียด สามารถรับมือกับความเครียดต่างๆได้ดีขึ้น ช่วยให้ผู้ป่วยมีสติดีขึ้นในการดำเนินชีวิต สื่อ/อุปกรณ์ 1. ใบความรู้ 3.1 2. ใบกิจกรรมที่ 3.1 3. ใบกิจกรรมที่ 3.2 4. ใบกิจกรรมที่ 2.3 การประเมินผล 1. ผู้นำกลุ่มสังเกตจากความตั้งใจและการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 2. ประเมินผลจากการสรุปประเด็นสำคัญของสมาชิกในกลุ่ม 3. ประเมินจากใบกิจกรรมที่ 3.2 แบบบันทึกประสบการณ์การฝึก


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 25 ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม กิจกรรม สื่อ/อุปกรณ์ เวลาที่ใช้ 1. ผู้นำกลุ่มกล่าวทักทายสมาชิกและให้สมาชิกทบทวนเรื่องที่ได้เรียนรู้ ร่วมกันในครั้งที่ผ่านมา เกี่ยวกับสาเหตุและะสิ่งที่กระตุ้นให้แสดง อารมณ์โกรธ 5 นาที 2. ผู้นำกลุ่มทบทวนการบ้านร่วมกับสมาชิก โดยให้สมาชิกแต่ละคน ได้นำเสนอการฝึกวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดจากอารมณ์โกรธ และมี การอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ใบกิจกรรมที่ 2.3 10 นาที 3. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกอยู่ในความเงียบ หายใจเข้าออกยาวๆ 3-4 ครั้ง และระลึกถึงบุคคลที่ตนเองรัก เคารพและผูกพัน มา 1 คนแล้วบันทึก ลงในใบกิจกรรมที่ 3.1 “บุคคลในดวงใจ” ใบกิจกรรมที่ 3.1 10 นาที 4. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกบอกเล่าถึง “บุคคลในดวงใจ” ตามใบกิจกรรมที่ 3.1 และเชื่อมโยงให้สมาชิกรู้ว่าการที่สมาชิกจะรับรู้คุณลักษณะที่ดี งามของบุคคลที่ตนเองรักได้มากน้อยขึ้นอยู่กับสภาวะอารมณ์ ความเครียด ความโกรธ และความว้าวุ่นใจ ทำให้สมาชิกแสดงออกถึง ความรู้คุณค่าเหล่านี้ออกมาไม่ได้ การเรียนรู้ในการฝึกสมาธิเป็นวิธีการ ลดความโกรธและความว้าวุ่นใจ ซึ่งจะทำให้คุณลักษณะที่ดีที่มีอยู่ ภายในตนเองแสดงออกมาได้ ใบกิจกรรมที่ 3.1 10 นาที 5. ผู้นำกลุ่มอธิบายเรื่อง สมาธิเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิผลสูงในการ ผ่อนคลายจากอารมณ์โกรธและความเครียด และนำให้สมาชิกได้ เรียนรู้วิธีการฝึกสมาธิ ตามใบความรู้ 3.1 “การฝึกสมาธิ” ใบความรู้ 3.1 25 นาที 6. ผู้นำกลุ่มสุ่มถามสมาชิก ถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในการฝึกสมาธิ 10 นาที 7. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกอภิปรายแลกเปลี่ยนถึงประโยชน์ของสมาธิ และ การนำสมาธิไปใช้ในชีวิตประจำวัน 10 นาที 8. ผู้นำกลุ่มให้การบ้านสมาชิกได้ฝึกสมาธิทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที และบันทึกผลของการฝึกในใบกิจกรรม ที่ 3.2 ใบกิจกรรมที่ 3.2 10 นาที


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 26 ใบความรู้ 3.1 การฝึกสมาธิ การฝึกสมาธิ(ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์, 2559) สมาธิ คือ ภาวะที่จิตตั้งมั่น โดยว่างจากความคิด จัดว่าเป็นวิธีการคลายความเครียดที่มี ประสิทธิภาพ กระบวนการฝึกสมาธิด้วยการรู้สัมผัสของลมหายใจที่ผ่านเข้าออก จะทำให้ความคิด หยุดเมื่อรู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่อง จิตที่ว่างจากความคิดก็จะเกิดความสงบ ซึ่งจะนำไปสู่ความผ่อน คลายทั้งร่างกายและจิตใจ กระบวนการของสมาธิ ตามรู้ลมหายใจ ทำให้ความคิดหยุด รู้ลมหายใจต่อเนื่องทำให้จิตสงบ เกิดความผ่อนคลายทั้งร่างกาย และจิตใจ ขั้นตอนการฝึกสมาธิ 1. ฝึกหยุดความคิดโดยรู้ลมหายใจ 2. ฝึกการรู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่องจนจิตสงบ ด้วยการจัดการความคิดอัตโนมัติ 3. ฝึกการรู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่องจนเกิดความผ่อนคลายของร่างกายและจิตใจ โดยการ จัดการกับความคิดและความง่วง วิธีการฝึกสมาธิ ขั้นตอนที่ 1 ฝึกหยุดความคิด การฝึกหยุดความคิดโดยตามรู้ลมหายใจ โดยการรับรู้สัมผัสที่เกิดจากลมหายใจ ผ่านเข้า ออกที่ปลายจมูก ให้สมาชิกนั่งในท่าที่สบาย ผ่อนคลาย วางมือบนเท้าทั้ง 2 ข้าง หรือข้างลำตัวก็แล้วแต่ความ ถนัดและสบายที่สุด การฝึกสมาธิสามารถทำโดยหลับตาหรือลืมตาก็ได้ ถ้าลืมตา ให้มองเพ่งไปที่จุด


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 27 ใดจุดหนึ่งที่อยู่ในระดับสายตา โดยไม่ต้องเกร็งตาหรือคอ เช่น ผนังห้อง ต้นไม้ ดอกไม้ พระพุทธรูป หลังจากนั้นหายใจเข้าออกยาวๆ สัก 5-6 ครั้ง มุ่งความสนใจไปรับรู้ลมหายใจที่บริเวณปลายจมูก หากเจอแล้วให้สังเกตว่า ความรู้สึกที่ช่องจมูกข้างไหนชัดว่า แล้วให้สังเกตลมหายใจข้างที่ชัดกว่านั้น เพียงข้างเดียว ตรงตำแหน่งที่รู้สึกชัดที่สุด เมื่อ 1 นาทีผ่านไป ถ้ายังไม่มั่นใจ ให้เริ่มต้นทำใหม่อีกสัก 1 นาที ก็จะรู้สัมผัสเบาๆ ของลม หายใจที่ผ่านเข้าออกบริเวณปลายจมูกได้โดยไม่ยาก เมื่อครบ 2 นาที ให้ทุกคนขยับร่างกายได้ ขั้นตอนที่ 2 ฝึกจัดการกับความคิด ในการฝึกการรู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่องจนจิตสงบ จะต้องจัดการกับอุปสรรคสำคัญ คือ ความคิดอัตโนมัติที่ผุดขึ้นมาระหว่างนั่ง ทำให้ไม่สามารถหยุดความคิดอย่างต่อเนื่องได้ เมื่อเริ่มรับรู้ ลมหายใจเข้าออกที่บริเวณจมูกขณะลืมตาได้แล้ว ให้สมาชิกนั่งให้หลังตรง ศีรษะตรง หลับตาเบาๆ หรือลืมตาแล้วเพ่งมองไปยังจุดใดจุดหนึ่ง ในระดับสายตา เริ่มต้นด้วยการหายใจเข้าออกยาวสัก 5-6 ครั้ง สังเกตสัมผัสเล็กๆ ของลมหายใจที่ ปลายจมูกข้างที่ชัดกว่า ตำแหน่งที่ชัดที่สุด ดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติ หากมีความคิดใดๆ เกิดขึ้นก็ขอให้เพียงแต่รู้ตัวแต่ไม่คิดตาม เตือนตนเองให้กลับไปรับรู้ลม หายใจใหม่ ด้วยการหายใจเข้าออกยาวๆ สัก 1-2 ครั้ง แล้วดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติ ต้อง ระวังอย่าไปสั่งให้ตัวเองหยุดคิด หรือว้าวุ่นใจกับความคิด เพราะการทำทั้ง 2 แบบนี้ จะยิ่งทำให้จิต ไม่สงบ (2 นาที) ทุกครั้งที่ความคิดเกิดขึ้นอีก ขอให้รู้ตัวไม่คิดตาม เตือนตนเองให้กลับมารู้ลมหายใจใหม่ด้วย การหายใจเข้าออกยาวๆสัก 1-2 ครั้ง ดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติ (2 นาที) เมื่อครบ 4 นาทีให้สมาชิกทุกคนขยับร่างกายได้ ขั้นตอนที่ 3 ฝึกจัดการกับความง่วง ฝึกการรู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่องจนจิตสงบและผ่อนคลาย เมื่อสามารถรับรู้ลมหายใจได้ ต่อเนื่องแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการรักษาความต่อเนื่องในการนั่งสมาธิสัก 5 นาที


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 28 ให้สมาชิกนั่งในท่าที่สบาย ผ่อนคลาย วางมือบนเท้าทั้ง 2 ข้าง หรือข้างลำตัวก็แล้วแต่ความ ถนัดและสบายที่สุด ให้หลับตาเบาๆ หรือลืมตาแล้วมองเพ่งไปที่จุดใดจุดหนึ่งที่อยู่ในระดับสายตา โดยไม่ต้องเกร็งตาหรือคอ เริ่มต้นด้วยการหายใจเข้าออกยาวๆ สัก 4-5 ครั้ง สังเกตลมหายใจที่ปลาย จมูกข้างที่ชัดกว่าตรงตำแหน่งที่ชัดที่สุด ทุกครั้งที่มีความคิดก็ให้รู้ตัว ไม่คิดตาม เตือนตนเองให้กลับมารู้ลมหายใจใหม่ ด้วยการ หายใจเข้าออกยาวๆ สัก 1-2 ครั้ง แล้วกลับมารับรู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่อง (ฝึกต่อไปสัก 4 นาที หรือ เมื่อสังเกตว่ามีคนสัปหงก) เมื่อครบ 4 นาที ในระหว่างฝึก อาจรู้สึกง่วง อาจเผลอวูบไปบ้าง เมื่อรู้สึกตัวก็ให้พยายามยืด ตัวให้ตรง เพื่อให้ร่างกายตื่นตัว หรือหายใจเข้าออกยาวๆ สัก 5-6 ครั้ง ลมหายใจจะนำออกซิเจนไป เลี้ยงสมองมากขึ้น จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้น หรือจินตนาการเป็นแสงไฟที่สว่างจ้ามากๆ เมื่อหายง่วง แล้ว ก็กลับมารับรู้ลมหายใจใหม่ ดูไปให้ต่อเนื่อง (2 นาที) ขอให้สมาชิกรับรู้ลมหายใจเข้าออกอย่างต่อเนื่อง จัดการกับความคิดด้วยการรู้ตัวไม่คิดตาม และจัดการกับความง่วง ด้วยการยืดตัวให้ตรง หายใจเข้าออกลึกๆ หรือจินตนาการเป็นแสงไฟที่สว่าง มากๆ แล้วกลับมามีสมาธิอยู่กับลมหายใจใหม่ ดูไปให้ต่อเนื่อง (2 นาที) ให้สมาชิกทุกคนลืมตาได้ และมีสมาธิจดจ่ออยู่กับลมหายใจต่อไปอีกสัก 1 นาที ประโยชน์ของสมาธิ ในการฝึกสมาธิต้องไม่กังวลกับความคิดต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะเราควบคุมความคิดเหล่านั้น ไม่ได้ แต่เมื่อเราไม่คิดตาม ก็จะสามารถปลดปล่อยความคิดนั้นไป จะเป็นการลดความว้าวุ่นใจ และจิตก็จะค่อยๆสงบมากขึ้น ความเครียดลดลง ร่างกายจะลดการเผาผลาญพลังงานลง คลื่นสมอง ช้าแต่สม่ำเสมอ ชีพจรและความดันลดลง จิตจะสงบ เพราะว่างจากความคิด/ความรู้สึก ไม่ว่าจะ เป็นความอยาก ขุ่นเคืองใจ ความโกรธ วิตกกังวล หรือฟุ้งซ่าน ควรมีการฝึกทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที โดยเลือกเวลาที่สะดวก ช่วงเวลาที่ดี ที่สุดคือ เข้าตรู่และก่อนนอน เพราะจะเป็นช่วงที่สงบ


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 29 ใบกิจกรรมที่ 3.1 บุคคลในดวงใจ ผู้นำกลุ่มให้สมาชิก นั่งในท่าที่สบาย หลับตาเบาๆ หายใจเข้าออกยาวๆ สัก 3-4 ครั้ง แล้ว ระลึกถึงความทรงจำในอดีต โดยให้นึกถึงบุคคลที่ท่านรัก เคารพและผูกพัน 1 คน รวมถึง ประสบการณ์ดีๆที่ท่านมีกับบุคคลผู้นั้น และบันทึกตามประเด็นต่อไปนี้ 1. คนที่ท่านรัก เคารพและผูกพัน คือ…………………………………………………………………………… 2. เรื่องราวความดีงามที่เกี่ยวกับคนที่ท่านรัก เคารพและผูกพัน ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. คุณลักษณะที่ดีงามของคนที่ท่านรัก เคารพและผูกพัน ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 30 ใบกิจกรรมที่ 3.2 แบบบันทึกประสบการณ์การฝึก ให้สมาชิกทำเครื่องหมาย “/” ในช่องที่ตรงกับประสบการณ์ของสมาชิก ประสบการณ์การฝึกสมาธิ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สามารถรู้ลมหายใจที่ปลายจมูกข้างที่รู้สึกชัด เมื่อมีความคิดเกิดขึ้น สามารถรู้ทันและกลับมารู้ลมหายใจ สามารถจัดการกับความง่วง ด้วยการยืดตัวตรง/หายใจยาว/ จินตนาการแสงสว่าง มีความสงบเกิดขึ้นจากการรู้ลมหายใจได้ต่อเนื่องระยะหนึ่ง สามารถทำสมาธิลืมตาโดยรู้ลมหายใจ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังการฝึกเป็นอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 31 กิจกรรมที่ 4 สติกับ…การดำเนินชีวิต เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการฝึกสติ 2. เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถฝึกการพัฒนาสติขั้นพื้นฐานได้ สาระสำคัญ ทุกคนสามารถฝึกสติให้พัฒนาดีขึ้นได้ โดยใช้วิธีการรู้ลมหายใจที่เป็นปัจจุบันไว้เล็กน้อยและ รู้ในกิจต่างๆที่กำลังทำในปัจจุบันไปด้วย สติที่ได้รับการฝึกจะทำให้ดำเนินชีวิตได้ได้โดยไม่ถูกอารมณ์ โกรธและความเครียดครอบงำ และสามารถพัฒนาไปสู่การปล่อยวางได้ สื่อ/อุปกรณ์ 1. ใบความรู้ 4.1 2. ใบความรู้ 4.2 3. ใบกิจกรรมที่ 4.1 4. ใบกิจกรรมที่ 4.2 5. ใบกิจกรรมที่ 3.2 6. CD /VDO ละคร การประเมินผล 1. ผู้นำกลุ่มสังเกตจากความตั้งใจและการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 2. ประเมินผลจากการสรุปประเด็นสำคัญของสมาชิกในกลุ่ม


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 32 ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม กิจกรรม สื่อ/อุปกรณ์ เวลาที่ใช้ 1. ผู้นำกลุ่มกล่าวทักทายสมาชิก และเริ่มต้นด้วยการทำสมาธิ ร่วมกัน 5 นาที ตามใบความรู้4.1 “การทบทวนการฝึกสมาธิ” ใบความรู้ 4.1 5 นาที 2. ผู้น ำกลุ่มให้ สมาชิกท บ ทวน การบ้ าน ของแต่ละคน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และตอบข้อซักถาม ใบกิจกรรมที่ 3.2 10 นาที 3. ผู้นำกลุ่มทบทวนเรื่องสมาธิ และเชื่อมโยงกับวิธีการฝึกสติ ตามใบความรู้4.2 “การฝึกสติ” และให้สมาชิกได้ฝึกสติขั้น พื้นฐาน ตามบทพูดในการฝึกสติ ในใบความรู้4.2 “การฝึกสติ” ใบความรู้ 4.2 30 นาที 4. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามใบ กิจกรรมที่ 4.1 หลังจากนั้นผู้นำกลุ่มสรุปอีกครั้ง ใบกิจกรรมที่ 4.1 10 นาที 5. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกได้ฝึกสติตามการใช้งานภายนอกและ ภายใน ตามใบความรู้ 4.2 “การฝึกสติ” ใบความรู้ 4.2 10 นาที 6. ผู้นำกลุ่มสุ่มถามถึงประสบการณ์ในการฝึก และเชื่อมโยงเข้า กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน 10 นาที 7. ผู้นำกลุ่มให้การบ้านสมาชิกในการฝึกสมาธิและสติ แล้ว บันทึกลงในแบบบันทึก ใบกิจกรรมที่ 4.2 ใบกิจกรรมที่ 4.2 5 นาที


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 33 ใบความรู้ 4.1 ทบทวนการฝึก...สมาธิ ให้สมาชิกทบทวนการฝึกสมาธิที่ได้เรียนรู้ในครั้งที่ผ่านมา โดย วิธีการฝึกสมาธิ ขั้นตอนที่ 1 ฝึกหยุดความคิด การฝึกหยุดความคิดโดยตามรู้ลมหายใจ โดยการรับรู้สัมผัสที่เกิดจากลมหายใจ ผ่านเข้า ออกที่ปลายจมูก ให้สมาชิกนั่งในท่าที่สบาย ผ่อนคลาย วางมือบนเท้าทั้ง 2 ข้าง หรือข้างลำตัวก็แล้วแต่ความ ถนัดและสบายที่สุด การฝึกสมาธิสามารถทำโดยหลับตาหรือลืมตาก็ได้ ถ้าลืมตา ให้มองเพ่งไปที่จุด ใดจุดหนึ่งที่อยู่ในระดับสายตา โดยไม่ต้องเกร็งตาหรือคอ เช่น ผนังห้อง ต้นไม้ ดอกไม้ พระพุทธรูป หลังจากนั้นหายใจเข้าออกยาวๆ สัก 5-6 ครั้ง มุ่งความสนใจไปรับรู้ลมหายใจที่บริเวณปลายจมูก หากเจอแล้วให้สังเกตว่า ความรู้สึกที่ช่องจมูกข้างไหนชัดว่า แล้วให้สังเกตลมหายใจข้างที่ชัดกว่านั้น เพียงข้างเดียว ตรงตำแหน่งที่รู้สึกชัดที่สุด เมื่อครบ 2 นาที ให้ทุกคนค่อยๆขยับร่างกาย ขั้นตอนที่ 2 ฝึกจัดการกับความคิด ให้สมาชิกนั่งให้หลังตรง ศีรษะตรง หลับตาหรือลืมตาก็ได้ ถ้าลืมตา ให้มองเพ่งไปที่จุดใด จุดหนึ่งที่อยู่ในระดับสายตา โดยไม่ต้องเกร็งตาหรือคอ เริ่มต้นด้วยการหายใจเข้าออกยาวสัก 5-6 ครั้ง สังเกตสัมผัสเล็กๆ ของลมหายใจที่ปลายจมูกข้างที่ชัดกว่า ตำแหน่งที่ชัดที่สุด ดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลม หายใจปกติ หากมีความคิดใดๆ เกิดขึ้นก็ขอให้เพียงแต่รู้ตัวแต่ไม่คิดตาม เตือนตนเองให้กลับไปรับรู้ลม หายใจใหม่ ด้วยการหายใจเข้าออกยาวๆ สัก 1-2 ครั้ง แล้วดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติ ต้อง ระวังอย่าไปสั่งให้ตัวเองหยุดคิด หรือว้าวุ่นใจกับความคิด เพราะการทำทั้ง 2 แบบนี้ จะยิ่งทำให้จิตไม่ สงบ (2 นาที) ทุกครั้งที่ความคิดเกิดขึ้นอีก ขอให้รู้ตัวไม่คิดตาม เตือนตนเองให้กลับมารู้ลมหายใจใหม่ด้วย การหายใจเข้าออกยาวๆสัก 1-2 ครั้ง ดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติ (2 นาที) เมื่อครบ 4 นาทีให้สมาชิกทุกคนค่อยๆขยับร่างกาย


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 34 ขั้นตอนที่ 3 ฝึกจัดการกับความง่วง ให้สมาชิกนั่งหลังตรง ศีรษะตรง หลับตาหรือลืมตาก็ได้ ถ้าลืมตาให้มองเพ่งไปที่จุดใดจุดหนึ่ง ที่อยู่ในระดับสายตา โดยไม่ต้องเกร็งตาหรือคอ ให้มองเพ่งไปที่จุดใดจุดหนึ่งที่อยู่ในระดับสายตา โดย ไม่ต้องเกร็งตาหรือคอ ให้มองเพ่งไปที่จุดใดจุดหนึ่งที่อยู่ในระดับสายตา โดยไม่ต้องเกร็งตาหรือคอ เริ่มต้นด้วยการหายใจเข้าออกยาวๆ สัก 4-5 ครั้ง สังเกตลมหายใจที่ปลายจมูกข้างที่ชัดกว่าตรง ตำแหน่งที่ชัดที่สุด ทุกครั้งที่มีความคิดก็ให้รู้ตัว ไม่คิดตามเตือนตนเองให้กลับมารู้ลมหายใจใหม่ ด้วยการหายใจ เข้าออกยาวๆ สัก 1-2 ครั้ง แล้วกลับมารับรู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่อง (ฝึกต่อไปสัก 4 นาที หรือเมื่อ สังเกตว่ามีคนสัปหงก) เมื่อครบ 4 นาที ในระหว่างฝึก อาจรู้สึกง่วง อาจเผลอวูบไปบ้าง เมื่อรู้สึกตัวก็ให้พยายามยืด ตัวให้ตรง เพื่อให้ร่างกายตื่นตัว หรือหายใจเข้าออกยาวๆ สัก 5-6 ครั้ง ลมหายใจจะนำออกซิเจนไป เลี้ยงสมองมากขึ้น จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้น หรือจินตนาการเป็นแสงไฟที่สว่างจ้ามากๆ เมื่อหายง่วง แล้ว ก็กลับมารับรู้ลมหายใจใหม่ ฝึกต่อเนื่อง (2 นาที) ให้สมาชิกมีสมาธิจดจ่ออยู่กับลมหายใจต่อไปอีกสัก 1 นาที โดยไม่ต้องหลับตา วางสายตา ผ่านปลายจมูกไปที่พื้น ไม่ต้องสนใจสิ่งที่เห็น เพื่อให้จิตคุ้นกับการรู้สัมผัสของลมหายใจในขณะลืมตา


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 35 ใบความรู้ 4.2 การฝึก...สติ สติ คือการรู้ในสิ่งที่ทำ หรือการอยู่กับปัจจุบัน ปกติเราก็มีสติอยู่แล้ว ยกเว้น คนเสียสติและ คนเมา การจะทำงานสิ่งใดต้องใช้สติ จึงจะทำให้งานลุล่วงอย่างถูกต้อง แต่สติของคนเรามีจุดอ่อน 2 ประการคือ 1. วอกแวกง่าย เช่น ขณะทำกลุ่ม หรือพูดคุยกับพยาบาลอยู่ แต่หันไปสนใจสิ่งอื่นหลายครั้ง 2. ถูกสอดแทรกด้วยอารมณ์ได้ง่าย เช่น ในระหว่างขับรถ มีผู้มาตัดหน้ารถก็ทำให้เกิดความ โกรธ เพื่อนมาชวนไปดื่มสุราก็รู้สึกอยากสนุก เป็นต้น การฝึกสติ จะทำให้เราไม่วอกแวก และไม่ถูกสอดแทรกด้วยอารมณ์ ควบคุมความคิดและ อารมณ์ได้ดีขึ้น จิตในขณะที่มีสติจะทำงานโดยไม่วอกแวกและควบคุมอารมณ์และความคิดได้ ส่วน จิตในขณะที่มีสมาธิจะหยุดคิด ส่วนวิธีการที่ใช้ฝึกสมาธิ คือ รู้ลมหายใจทั้งหมดเพื่อให้ความคิดหยุด ส่วนสติใช้การรู้ลมหายใจบางส่วน และรู้ในกิจที่ทำ จิตและสมาธิจะมีความสัมพันธ์กัน กระบวนการฝึกสติ วิธีการฝึกสติ มี 2 ระดับ คือ 1. ฝึกสติขั้นพื้นฐาน 2. ฝึกแบ่งสติตามการใช้งาน วิธีการฝึก 1. ฝึกสติขั้นพื้นฐาน ฝึกโดยอาศัยการรู้ลมหายใจที่เป็นปัจจุบันควบคู่ไปกับการทำกิจกรรม ต่างๆ โดยทำเป็นลำดับขั้น คือ ทำสมาธิลืมตา 1-2 นาที แล้วค่อยฝึกสติด้วยการรู้หายใจเข้าออก รู้ใน กิจที่ทำ การฝึก ทำได้โดย - นั่งในท่าที่สบาย หลังตรง หายใจเข้าออกเป็นปกติ - เริ่มจากการทำสมาธิสัก 1 นาที ด้วยการหายใจเข้าออกยาวๆสัก 5-6 ครั้ง รับรู้ลมหายใจ เข้าออกที่บริเวณปลายจมูกข้างที่ชัดกว่าตรงตำแหน่งที่ชัดที่สุด ดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติ


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 36 ถ้ามีความคิดเกิดขึ้น ก็รู้ตัวไม่คิดตาม เตือนตัวเองให้กลับมารู้ลมหายใจใหม่ด้วยการหายใจเข้าออก ยาวๆสัก 1-2 ครั้ง แล้วดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติ - เมื่อครบ 1 นาที เปลี่ยนเป็นการมีสติด้วยการรู้ลมหายใจเล็กน้อย รู้ในกิจกรรมที่กำลังทำ อยู่ไปด้วย - เริ่มจากการสัมผัสก้อนหิน (ผู้บำบัดแจกจ่ายก้อนหิน/หรือวัตถุอื่นๆ ให้สมาชิกในกลุ่ม ได้ สัมผัสด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5) สุ่มถามความรู้สึกต่อการสัมผัสก้อนหินนั้น - ให้สมาชิกเริ่มใหม่โดยการรู้ลมหายใจเล็กน้อย แล้วใช้สัมผัสทั้ง 5 อย่างมีสติมากขึ้น สัมผัส ก้อนหินนั้นอีกครั้งหนึ่ง (ผู้นำกลุ่มสุ่มถามและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ประมาณ 2-3 นาทีแล้วสรุปให้ สมาชิกได้เข้าใจว่า เวลาที่เรามีสติ จิตเราไม่วอกแวก ไม่ถูกสอดแทรกด้วยอารมณ์ เราจะเก็บ รายละเอียดได้มากขึ้น - ต่อไปให้สมาชิกทุกคนลุกขึ้นยืน ยืนอย่างมีสติ ด้วยการรู้ลมหายใจเล็กน้อย รู้สัมผัสของเท้า ที่พื้น ลองสังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้น พร้อมๆกับรับรู้ลมหายใจที่บริเวณปลายจมูกไปด้วย จะพบว่าเรา สามารถยืนได้นิ่งมากกว่าที่เคย และยืนได้นานโดยไม่รู้สึกเบื่อ (ใช้เวลาประมาณ 2 นาที) - จากนั้นให้ทุกคนลองเดินไปรอบๆห้อง สัก 2-3 รอบ เดินตามปกติ อย่าเดินช้า โดยให้รู้ลม หายใจเล็กน้อย และรู้สัมผัสของเท้าข้างที่สัมผัสกับพื้นไปด้วย จะพบว่าเราเดินได้อย่างมีสติ ไม่ วอกแวกและไม่สอดแทรกด้วยอารมณ์ต่างๆเหมือนอย่างเคย (ใช้เวลาประมาณ 2 นาที) - ผู้นำกลุ่มสุ่มถามและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ประมาณ 2-3 นาทีแล้วสรุป - ต่อไปขอให้ทุกคนลองฟังละคร (ผู้นำกลุ่มเปิด CD ละครที่กำหนดความยาวประมาณ 1 นาทีครึ่ง) - ผู้นำกลุ่มสุ่มถาม และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ประมาณ 1 นาทีให้เห็นถึงสภาวะอารมณ์ ที่เกิดขึ้นตามเหตุการณ์ในละคร - คราวนี้ให้ทุกคนฟังอย่างมีสติรู้ลมหายใจให้มากในขณะฟัง การฟังที่ทำให้เกิดอารมณ์ต้อง ทำจิตใจให้อยู่กับลมหายใจให้มากขึ้น จิตก็จะรู้สึกอยู่ได้ด้วยความสงบมากขึ้นไม่เกิดความรู้สึกที่รุนแรง - ผู้นำกลุ่มเปิด CD ละครที่กำหนดต่อ ความยาวประมาณ 1 นาทีครึ่ง - ผู้นำกลุ่มสุ่มถามและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ประมาณ 2-3 นาทีแล้วสรุป - ให้สมาชิกทำใบกิจกรรมที่ 4.1 ดำเนินชีวิตด้วยความสงบ - ผู้นำกลุ่มสรุปอีกครั้ง และเชื่อมโยงเข้ากับการฝึกสติตามการใช้งานภายนอก


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 37 2. ฝึกแบ่งสติตามการใช้งาน การใช้ลมหายใจเป็นพื้นฐานและรู้ในกิจที่ทำ เป็นสิ่งที่สามารถฝึกได้ สติตามการใช้งาน มี 2 ลักษณะ คือ กิจภายนอกหรือกิจกรรมภายนอก และกิจภายในหรือสภาวะจิตต่างๆ 2.1 กิจภายนอก ขึ้นกับสถานการณ์ที่ตองให้ความสนใจกับงานที่ทำมากหรือน้อย คนที่ตั้งใจ ทำงานสามารถจดจ่อกับงานที่ทำได้ จะมีสติอยู่กับลมหายใจเพียงเล็กน้อยเพื่อเป็นเครื่องผูกสติไม่ให้ วอกแวก แต่ถ้าไม่มีความตั้งใจในการทำงานนั้น คนก็สามารถรู้ลมหายใจได้มากขึ้นควบคู่ไปกับการรู้ ในกิจที่ทำ 2.2 กิจภายใน ขึ้นกับสถานการณ์ที่ต้องควบคุมความคิดและอารมณ์มากน้อยต่างกัน บางครั้งอาจจะมีสถานการณ์หรือสิ่งเร้าที่เกิดขึ้นในขณะทำงาน ทำให้เกิดความคิดทางลบ ท่าน สามารถฝึกควบคุมความคิดและอารมณ์ให้สงบลงได้ โดยหันกลับมารับรู้ลมหายใจให้มากขึ้น การนำสติมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน จะช่วยให้ทำงานโดยไม่วอกแวก ไม่ถูก สอดแทรกด้วยอารมณ์การทำงานจะดีขึ้น มีปัญหา การใช้ชีวิตอย่างมีสติยังช่วยให้ทำงานอย่างจดจ่อ จึงควรวางแผนเลือกกิจกรรมที่จะฝึกสม่ำเสมอ โดยอาจเป็นกิจกรรมใดๆ ก็ได้ดังต่อไปนี้ - กิจกรรมตามกิจวัตร : อาบน้ำ แปรงฟัน ขับรถ ฯลฯ - กิจกรรมงานบ้าน : ล้างจาน กวาดบ้าน ฯลฯ - กิจกรรมออกกำลังกาย : เดิน วิ่ง โยคะ ฯลฯ


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 38 ใบกิจกรรมที่ 4.1 ดำเนินชีวิตด้วยความสงบ ภายหลังจากการฝึกสติแล้ว โปรดประเมินประสบการณ์ของคุณตามหัวข้อต่อไปนี้โดยทำ เครื่องหมาย “√” ในช่องที่ตรงกับประสบการณ์ของคุณมากที่สุด ประสบการณ์การฝึกสติ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สติในการสัมผัส(ก้อนหิน) สติในการยืน สติในการเดิน สติในการฟัง (เรื่องเล่า/เพลง)


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 39 ใบกิจกรรมที่ 4.2 การบ้าน การฝึกสมาธิและสติ การฝึกสมาธิและสติในชีวิตประจำวัน ควรฝึกสมาธิวันละ 2 ครั้งๆ ละ 10 นาทีร่วมไปกับการ ฝึกมีสติในกิจที่ทำในแต่ละวัน แล้วบันทึกลงในแบบบันทึกนี้โดยบันทึกการทำสมาธิหลังทำทุกครั้งและ บันทึกเรื่องสติหลังการทำสมาธิเวลาค่ำ ประสบการณ์การฝึกสมาธิ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สามารถรู้ลมหายใจที่ปลายจมูกข้างที่รู้สึกชัด เมื่อมีความคิดเกิดขึ้น สามารถรู้ทันและกลับมารู้ลมหายใจ สามารถจัดการกับความง่วง ด้วยการยืดตัวตรง/หายใจยาว/ จินตนาการแสงสว่าง มีความสงบเกิดขึ้นจากการรู้ลมหายใจได้ต่อเนื่องระยะหนึ่ง สามารถทำสมาธิลืมตาโดยรู้ลมหายใจ ประสบการณ์การฝึกสติ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สติในการสัมผัส(ก้อนหิน) สติในการยืน สติในการเดิน สติในการฟัง (เรื่องเล่า/เพลง) สติในการกินอาหาร/กินยา สติในการอาบน้ำ


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 40 กิจกรรมที่5 การคิดเชิงบวก เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถมีสติรู้ความรู้สึกบนร่างกาย และปล่อยวางได้ 2. เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถมีสติรู้อารมณ์/ความรู้สึกทางใจ ที่แสดงออกเป็นความรู้สึกบน ร่างกาย และปล่อยวางได้ 3. เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเชื่อมโยงการรู้อารมณ์และปล่อยวาง เข้ากับการจัดการกับอารมณ์ที่ เป็นตัวกระตุ้นได้ สาระสำคัญ เมื่อเกิดอารมณ์ที่รุนแรง เช่น อารมณ์โกรธ จะมีการเปลี่ยนแปลงสมดุลของระบบประสาท อัตโนมัติ และปรากฏเป็นความรู้สึกบนร่างกาย เมื่อมีสติในการสังเกตจะเห็นการเกิดขึ้นและ เปลี่ยนแปลงไปโดยไม่ต้องไปยึดติดกับความรู้สึกนั้น คือ การปล่อยวาง เมื่อมีอารมณ์/ความรู้สึก เรา จะสามารถใช้สติดูความรู้สึกได้ ถ้าเรามีความรู้สึกตัวที่ดีขึ้นด้วยการฝึกดูความรู้สึกบนร่างกายที่ สะท้อนความรู้สึกทางใจ และถ้าพบกับความรู้สึกที่รุนแรงก็ให้เฝ้าสังเกตการเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลง ไปด้วยจิตที่ปล่อยวางได้ ด้วยการฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ(Muscle Relaxation) หากฝึกเป็นประจํา จะช่วยให้มีความรู้สึกตัวดีขึ้นและปล่อยวางความรู้สึกได้ การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อจะช่วยลดความ ตึงเครียดที่เกิดจากอารมณ์ด้านลบ ควรฝึกร่วมไปกับสมาธิที่ช่วยในการลดความเครียดด้วย สื่อ/อุปกรณ์ 1. ใบความรู้ 5.1 2. ใบความรู้ 5.2 3. ใบกิจกรรมที่ 4.2 4. ใบกิจกรรมที่ 5.1 5. ใบกิจกรรมที่ 5.2 6. ใบกิจกรรมที่ 5.3


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 41 7. CD เพลง การประเมินผล 1. ผู้นำกลุ่มสังเกตจากความตั้งใจและการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 2. ประเมินผลจากการสรุปประเด็นสำคัญของสมาชิกในกลุ่ม 3. ประเมินจากการแลกเปลียนเรียนรู้จากการบ้านที่มอบหมายให้ในครั้งที่ผ่านมา


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 42 ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม กิจกรรม สื่อ/อุปกรณ์ เวลาที่ใช้ 1. ผู้นำกลุ่มกล่าวทักทายสมาชิก และเริ่มต้นด้วยการทำสมาธิ ร่วมกัน 5 นาที ตามใบความรู้ 5.1“การทบทวนการฝึกสมาธิ และสติ” ใบความรู้ 5.1 CD เพลง 20 นาที 2. ผู้น ำกลุ่มให้ สมาชิกท บ ท วนการบ้ าน ของแต่ละคน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และตอบข้อซักถาม ใบกิจกรรมที่ 4.2 10 นาที 3. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกใช้การสังเกตความรู้สึกที่รุนแรง เช่น ความเหนื่อย โดยการออกกําลังกายอยู่กับที่จนเหนื่อย (Up and Down 20 ครั้ง) แล้วสังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้นบนร่างกาย อภิปรายและตอบข้อซักถาม ใบกิจกรรมที่ 5.1 10 นาที 4. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิก ฝึกการสังเกตความรู้สึกบนร่างกาย ใบกิจกรรมที่ 5.2 10 นาที 5. ผู้นำกลุ่มพูดเชื่อมโยง “ความสัมพันธ์ระหว่างความคิด ความรู้สึกทางลบกับการแสดงพฤติกรรม พร้อมกับการฝึกผ่อน คลายกล้ามเนื้อตามใบความรู้5.2 “ความคิดทางลบและการ ปล่อยวางด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ” และให้สมาชิกได้ฝึก ปฏิบัติ ใบความรู้ 5.2 15 นาที 6. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกทำสมาธิ เป็นเวลา 3 นาที แล้วให้ จินตนาการเหตุการณ์ที่ทำให้เครียดคนละ 1 เหตุการณ์ แล้วให้ ใคร่ครวญดูความคิดและความรู้สึกที่เกิดขึ้น และให้ฝึกตามใบ ความรู้ 5.2“ความคิดทางลบและการปล่อยวางด้วยการผ่อน คลายกล้ามเนื้อ” ใบความรู้ 5.2 20 นาที 7. ผู้นำกลุ่มให้การบ้านสมาชิกในการฝึกสมาธิและสติใน ชีวิตประจำวัน แล้วบันทึกลงในแบบบันทึก ใบกิจกรรมที่ 5.5 ใบกิจกรรมที่ 5.3 5 นาที


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 43 ใบความรู้5.1 การทบทวนการฝึกสมาธิและสติ ขอให้ทุกคนนั่งหลังตรง ศีรษะตรง แยกขาห่างกันเล็กน้อย วางเท้าราบกับพื้น วางมือตาม สบายบนขาทั้งสองข้าง ให้สมาชิกนั่งในท่าที่สบาย ผ่อนคลาย วางมือบนเท้าทั้ง 2 ข้าง หรือข้างลำตัวก็แล้วแต่ความ ถนัดและสบายที่สุด การฝึกสมาธิสามารถทำโดยหลับตาหรือลืมตาก็ได้ ถ้าลืมตา ให้มองเพ่งไปที่จุด ใดจุดหนึ่งที่อยู่ในระดับสายตา โดยไม่ต้องเกร็งตาหรือคอ เช่น ผนังห้อง ต้นไม้ ดอกไม้ พระพุทธรูป หายใจเข้าออกยาวๆ สัก 5-6 ครั้ง สังเกตลมหายใจที่ปลายจมูกข้างไหนที่ชัดกว่า ดูไปให้ต่อเนื่องด้วย การหายใจตามปกติ ในช่วงเวลาที่เฝ้าสังเกตลมหายใจ อาจมีความคิดเกิดขึ้น ให้รู้ตัว ไม่คิดตาม เตือนตัวเองให้ กลับมารับรู้ลมหายใจใหม่ ด้วยการหายใจเข้าออกยาวๆ สัก 1-2 ครั้ง แล้วดูไปให้ต่อเนื่องกับลม หายใจปกติ ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่มีความคิดเกิดขึ้นก็ให้รู้ตัว ไม่คิดตาม เตือนตัวเองให้กลับมารับรู้ลม หายใจใหม่ ด้วยการหายใจ เข้าออกยาวๆสัก 1-2 ครั้ง และดูไปให้ต่อเนื่องกับลมหายใจปกติ ถ้าเกิดความรู้สึกง่วง ให้พยายามยืดตัวตรง หายใจเข้าออกยาวๆ สัก 5-6 ครั้ง แล้วกลับมา รับรู้ลมหายใจใหม่ ดูไปให้ต่อเนื่อง การทบทวนการฝึกสติในการยืน เดิน ฟัง สติในการยืน ต่อไปเราจะทบทวนการฝึกสติในการยืน ขอให้ทุกคนยืนขึ้น รับรู้ลมหายใจเข้าออกตาม ธรรมชาติที่ปลายจมูกข้างที่รู้สึกชัดกว่า พร้อมๆกับรับรู้สัมผัสที่เท้ากับพื้น ยืนนิ่งๆสักครู่ จะรู้สึกว่า เรายืนได้อย่างมั่นคง สงบนิ่งมากกว่าปกติ สติในการเดิน จากนั้นให้หาบใจเข้าออกยาวๆ สัก 1-2 ครั้ง พร้อมกับก้าวเดินตามปกติ รู้สัมผัสที่เท้ากับกับ พื้นไปด้วยในขณะก้าวเดิน มีสติในการเดิน เพื่อไม่ให้ชนกับสิ่งกีดขวาง หรือชนกับคนอื่นๆ จะรู้สึกว่า เราเดินได้อย่างมั่นคง ด้วยจิตใจที่สงบ ไม่มีความคิดอื่นรบกวน


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 44 สติในการฟัง ต่อไปเราจะทบทวนสติในการฟัง ให้รับรู้ลมหายใจเข้าออกตามธรรมชาติไปด้วย และฟังไป ด้วย โดยผู้นำกลุ่มจะเปิดเพลงและให้สมาชิก ตั้งใจฟังพร้อมกับรับรู้ลมหายใจไปด้วย


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 45 ใบความรู้ 5.2 ความคิดลบและการปล่อยวางด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การจัดการกับอารมณ์โดยการปล่อยวางด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ผู้นำกลุ่ม อ่านสถานการณ์ เพื่อให้สมาชิกได้เห็นว่า ความคิดมีผลต่ออารมณ์ทางลบและการ แสดงออกถึงความก้าวร้าว สถานการณ์ตัวอย่าง บอลเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ เนื่องจาก บอลขอมารดาซื้อรถ มอเตอร์ไซค์เพื่อจะใช้ขับไปเที่ยวบ้านเพื่อน ทั้งๆที่บอลไม่ได้ทำงานอะไรเลย แต่มารดาไม่ซื้อให้ โดย ให้เหตุผลว่า กลัวว่าบอลจะไปเที่ยวบ้านเพื่อนแล้วจะไปใช้สารเสพติดอีก และกลัวว่าบอลจะเกิด อันตรายจากการขับรถเร็ว บอลไม่พอใจ ต่อว่ามารดาด้วยคำหยาบคาย และคิดว่ามารดาไม่รักตนเอง รักแต่ลูกคนอื่น ทำให้บอลรู้สึกโมโหที่ถูกขัดใจ จึงทำร้ายมารดาโดยชกหน้ามารดา ทำให้มารดามี เลือดออกในลูกตา ต้องเข้ารับการรักษาทางกาย จากสถานการณ์เมื่อศึกษากระบวนการของจิตลงไปในรายละเอียดจะพบว่า เมื่อมีเหตุการณ์ หนึ่งๆ เกิดขึ้น ก่อนที่เราจะโต้ตอบหรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกไป ภายในจิตของเราจะเกิด ความคิด ในกรณีที่เป็นความคิดลบก็จะนำไปสู่อารมณ์ลบ ซึ่งในกรณีของบอล เมื่อมีความคิดว่าแม่ไม่ รัก จึงเกิดความรู้สึกโมโห นำไปสู่พฤติกรรมการทำร้ายมารดา การจัดการกับความคิดด้วยการรู้ทัน ความคิดและปล่อยวาง จึงเป็นส่วนสำคัญของการจัดการกับอารมณ์ ความรู้สึกที่เป็นตัวกระตุ้นภายใน ความคิดเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในขณะที่เราตื่น ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ โดยรู้ตัวหรือไม่ รู้ตัว ความคิดที่เกิดขึ้นนำไปสู่อารมณ์และพฤติกรรมของคนเรา กระบวนการนี้เกิดขึ้นเร็วมากเหมือน เป็นอัตโนมัติกว่าจะรู้อีกทีเราก็เกิดอารมณ์และแสดงการตอบโต้ไปแล้ว เช่น เมื่อเรามีความคิดเกิดขึ้น ว่า “ฉันไม่มีอะไรดีเลย” เราจะรู้สึกเบื่อหน่าย ท้อแท้และแสดงออกด้วยสีหน้า น้ำเสียง คำพูดหรือการ กระทำที่แสดงความรู้สึกน้อยใจ จะเห็นได้ว่าความคิดที่เกิดขึ้นจะเป็นไปอย่างเร็วมากจนเราแทบไม่ ทันได้ฉุกคิด ว่าเป็นความคิดลบที่เกิดขึ้น และเราก็มักจะรู้สึกว่ามันเป็นความจริงเกี่ยวกับตัวเราหรือ คนอื่น ทั้งๆ ที่มันเป็นเพียงความคิดลบที่เกิดขึ้นเวลาเราเครียด วิตกกังวลหรือซึมเศร้า เมื่อเราฝึกสติ เราสามารถใช้สตินี้มาพิจารณาความคิดได้ทำให้เราตระหนักรู้ว่ามันเป็นเพียงความคิดลบหรือเป็น เพียงความเครียด ความกังวลหรือความซึมเศร้า ซึ่งจะช่วยให้เราถอยออกจากความคิดลบได้โดยไม่ ต้องไปยึดติดกับมัน หรือไปให้ความสำคัญกับมัน ความคิดลบเหล่านั้นก็จะลดหรือหมดอิทธิพลต่อ


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 46 อารมณ์และพฤติกรรมของเรา เทคนิคที่ใช้คือ “การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ” เพราะกายกับจิตเป็นสิ่งที่ แยกกันไม่ได้เมื่อกล้ามเนื้อกายผ่อนคลายก็มีผลทำให้จิตใจและอารมณ์ผ่อนคลายตามไปด้วย จิตก็จะ ปล่อยวาง ไม่กลายเป็นอารมณ์ที่รุนแรงต่อไป การฝึกปฏิบัติ เราจะเริ่มต้นการฝึกปฏิบัติด้วยการทำสมาธิสัก 3 นาที ให้ทุกคนนั่งหลังตรง ศีรษะตรง วาง เท้าราบกับพื้น มือวางบนตัก หรือบนขาทั้งสองข้าง หายใจเข้าออกยาวๆ สัก 5 – 6 ครั้ง สังเกตลม หายใจที่ผ่านเข้าออกบริเวณปลายจมูกข้างที่รู้สึกชัดกว่าตรงตำแหน่งที่ชัดที่สุด ดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลม หายใจปกติ การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เป็นการฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อทีละส่วนทั่วร่างกายเพื่อลดความ ตึงเครียดของร่างกายและจิตใจ โดยการเกร็งให้เต็มที่ก่อนแล้วคลายออกเพื่อให้รู้สึกถึงความแตกต่าง ระหว่างความตึงเครียดกับการผ่อนคลาย เมื่อกล้ามเนื้อเกิดความตึงเครียดขึ้น จะสามารถรู้ตัวเองได้ ทันทีและจะสามารถรู้จักผ่อนคลายความตึงเครียดได้ ควรนั่งในท่าทีสบายและเริ่มต้นการฝึก ตามลำดับดังนี้ 1. หลับตาลงและเริ่มต้นด้วยวิธีฝึกสมาธิ 2. ให้มุ่งความสนใจไปที่มือขวา ค่อยๆกำมือขวาให้แน่น เกร็งไว้ โดยทำซ้ำๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น ในแต่ละครั้งที่หายใจเข้าจะรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นที่มือขวาและค่อย ๆ แผ่ขยายไปที่ แขนช่วงล่าง ให้เปรียบเทียบความตึงเครียดที่มือขวากับมือซ้ายที่ผ่อนคลายและส่วนอื่นๆของร่างกาย 3. ให้ผ่อนคลายมือขวาและความรู้สึกตึงเครียดให้หายออกไปจากมือขวา เมื่อคลายมือออก สังเกตความตึงเครียดที่หายไปจากมือและนิ้วมือ รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น พยายามแยกให้ได้ถึงความ แตกต่างระหว่างความตึงเครียดกับการผ่อนคลาย 4. ให้ทำซ้ำโดยเปลี่ยนเป็นมือซ้าย ค่อยๆ กำมือซ้ายให้แน่น เกร็วไว้ โดยทำซ้ำๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น ในแต่ละครั้งที่หายใจเข้าจะรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นที่มือซ้ายและค่อย ๆ แผ่ขยายไปที่ แขนช่วงล่าง ให้เปรียบเทียบความตึงเครียดที่มือซ้ายกับมือขวาที่ผ่อนคลายและส่วนอื่นๆของร่างกาย 5. ให้เคลื่อนไปที่หน้าผาก โดยเลิกคิ้วสูง ทำซ้ำๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น แล้วผ่อนคลาย ต่อไป เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว ทำซ้ำๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น แล้วผ่อนคลาย 6. เคลื่อนไปที่ ตา แก้ม จมูก โดยหลับตาให้แน่น และย่นจมูก ทำซ้ำๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนรู้สึกตึงเครียด แล้วผ่อนคลาย 7. เคลื่อนไปที่ ขากรรไกร ลิ้น ริมฝีปาก โดยกัดฟัน ใช้ลิ้นดันเพดานปาก ทำซ้ำๆ และ


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 47 ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนรู้สึกตึงเครียด แล้วผ่อนคลาย ต่อไปเม้มปากให้แน่น ทำซ้ำๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น แล้วผ่อนคลาย 8. จากนั้นให้ก้มหน้าจนคางจรดคอ ทำซ้ำๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น แล้วผ่อนคลาย ต่อจากนั้น ให้เงยหน้าจนสุด ทำซ้ำๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น แล้วผ่อนคลาย 9. ต่อไปเกร็งและผ่อนคลาย อก ไหล่ และหลัง โดยหายใจเข้าลึกๆ กลั้นไว้ แล้วผ่อน คลาย ยกไหล่สูง ทำซ้ำๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น แล้วผ่อนคลาย 10. เลื่อนไปที่ หน้าท้อง และก้น โดยแขม่วท้อง ทำซ้ำๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น แล้วผ่อน คลาย ขมิบก้น ทำซ้ำๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้น แล้วผ่อนคลาย 11. ต่อไปให้เกร็งขาขวาโดยกระดกให้นิ้วเท้าชี้ตรงเข้าหาตัว ทำช้าๆ และค่อยๆ เพิ่มขึ้นใน แต่ละครั้งที่หายใจเข้า คุณจะรู้สึกถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นที่เท้าขวาและแผ่กระจายไปถึงข้อเท้า น่อง เข่าและขาอ่อน ให้เปรียบเทียบความตึงเครียดที่ขาขวากับขาซ้ายที่ผ่อนคลายและส่วนอื่นๆของ ร่างกาย แล้วค่อยๆผ่อนคลายขาขวา จะรู้สึกถึงความตึงเครียดได้หายออกไปจากขาขวา สังเกตความ ตึงเครียดที่หายไปจากเท้าขวา รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น 12. ต่อไปให้เปลี่ยนเป็นเท้าซ้ายโดยทำเช่นเดียวกับเท้าขวา (ข้อ 11) การฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายเกิดการผ่อนคลาย จิตใจก็ จะสงบลงทำให้สมองส่วนคิดสามารถควบคุมความคิดและอารมณ์ได้ดีขึ้น จึงป้องกันไม่ให้เกิดอารมณ์ รุนแรง หยุด (ความคิด) ดู(ความรู้สึกบนร่างกาย รู้(การเปลี่ยนแปลง) วาง (ยอมรับและล่อยวาง)


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 48 ใบกิจกรรมที่ 5.1 ความรู้สึกที่รุนแรง ให้สมาชิกฝึกสังเกตความรู้สึกที่รุนแรง โดยลองฝึกจากความรู้สึกที่ชัดเจน คือ ความเหนื่อย 1. ให้สมาชิกออกกําลังกายอยู่กับที่ ด้วยการย่อ-ลุก ประมาณ 20-30 ครั้ง 2. เมื่อเสร็จจากการออกกําลังกายแล้ว ให้ยืนนิ่งๆ สัก 1 นาที สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่ เกิดความรู้สึกบนร่างกายว่ามีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นบ้าง เช่น รู้สึกหัวใจเต้นแรง รู้สึกร้อน รู้สึก กล้ามเนื้อขาตึงเครียด เป็นต้น โดยตอบคำถามต่อไปนี้ 1. สมาชิกรู้สึกเหนื่อยจากการออกกำลังกายหรือไม่................................................................ 2. สมาชิกรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายอย่างไรบ้าง..................................................... ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 49 ใบกิจกรรมที่ 5.2 การฝึกดูการเปลี่ยนแปลงและการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 1. ให้สมาชิก คิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ในช่วงที่ผ่านมา ที่ทําให้เกิดความรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ ที่ รุนแรงมาสักเหตุการณ์หนึ่ง แล้วพยายามทบทวนรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น ให้ได้ มากที่สุดเหมือนกับกลับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น เช่น เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่ไหน มีใครอยู่ใน เหตุการณ์บ้าง บุคคลนั้นทําอะไร พูดอะไร แสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างไรบ้าง เป็นต้น ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. 2. ให้สมาชิกสํารวจความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ว่ามีความรู้สึกเช่นไร เช่น รู้สึกร้อนที่ใบหน้า ปากแห้ง แน่นหน้าอก หัวใจเต้นแรง ฝ่ามือมีเหงื่อออก กล้ามเนื้อตึงเครียด เป็นต้น ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 50 ใบกิจกรรมที่ 5.3 การบ้าน การฝึกจิตและการมีสติในชีวิตประจำวัน ให้สมาชิกฝึกสมาธิและสติในชีวิตประจำวัน ควรฝึกสมาธิวันละ 2 ครั้งๆ ละ 10 นาทีร่วมไป กับการฝึกมีสติในกิจที่ทำในแต่ละวัน และฝึกการจัดการกับความคิดด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ แล้วบันทึกลงในแบบบันทึกนี้ ประสบการณ์การฝึกสมาธิ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สามารถรู้ลม หายใจที่ปลายจมูกข้างที่รู้สึกชัด เมื่อมีความคิดเกิดขึ้น สามารถรู้ทันและกลับมารู้ลมหายใจ สามารถจัดการกับความง่วง ด้วยการยืดตัวตรง/หายใจยาว/ จินตนาการแสงสว่าง มีความสงบเกิดขึ้นจากการรู้ลมหายใจได้ต่อเนื่องระยะหนึ่ง สามารถทำสมาธิลืมตาโดยรู้ลมหายใจ ประสบการณ์การฝึกสติ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สติในการสัมผัส(ก้อนหิน) สติในการยืน สติในการเดิน สติในการฟัง (เรื่องเล่า/เพลง) สติในการกินอาหาร/กินยา สติในการอาบน้ำ ประสบการณ์ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สามารถรับรู้ความรู้สึกที่เกิดชึ้นหลังจากการฝึกผ่อนคลาย กล้ามเนื้อ สามารถจัดการกับอาร,ณ์ที่เกิดขึ้นและปล่อยวางความคิด ได้


Click to View FlipBook Version