The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง

โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง

โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 51 กิจกรรมที่6 สัมพันธภาพ…กับคนใกล้ชิด เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้สมาชิกเชื่อมโยงสัมพันธภาพกับความรู้สึกที่รุนแรง และใช้สติใคร่ครวญปรับปรุง สัมพันธภาพ 2. เพื่อให้สมาชิกเข้าใจความคิดที่มีต่อสัมพันธภาพและผลที่ตามมากับสัมพันธภาพ 3. เพื่อให้สมาชิกสามารถปล่อยวางความคิดลบและมองเห็นสัมพันธภาพในแง่มุมใหม่ 4. เพื่อให้สมาชิกสามารถปฏิบัติการฝึกการสื่อสารเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่างเหมาะสมใน การจัดการความโกรธ สาระสำคัญ บุคคลใกล้ชิดแม้จะมีความรักและผูกพัน แต่ก็เป็นบุคคลที่มีความคาดหวังต่อกันและ กลายเป็นแหล่งกำเนิดความรู้สึกที่รุนแรงขึ้น การมองและมีสัมพันธภาพทางบวกจึงสำคัญสำหรับการ จัดการความโกรธ สัมพันธภาพอย่างยาวนานกับบุคคลที่ใกล้ชิด จะทำให้สะสมความคิดอัตโนมัติที่ เป็นความคิดลบไว้มากและยิ่งมีผลทำให้สัมพันธภาพแย่ลง การมีสติในการดูและปล่อยวางความคิด ลบ จะช่วยให้ใคร่ครวญสัมพันธภาพในแง่มุมใหม่ และนำไปสู่การปรับตัวที่ดีขึ้น การฝึกทักษะการ สื่อสารเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่างเหมาะสมก็เป็นการจัดการความโกรธได้ สื่อ/อุปกรณ์ 1. ใบความรู้ 5.1 2. ใบกิจกรรมที่ 5.3 3. ใบความรู้ 6.1 4. ใบความรู้ 6.2 5. ใบความรู้ 6.3 6. ใบกิจกรรมที่ 6.1


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 52 7. ใบกิจกรรมที่ 6.2 8. ใบกิจกรรมที่ 6.3 9. ใบกิจกรรมที่ 6.4 การประเมินผล 1. ผู้นำกลุ่มสังเกตจากความตั้งใจและการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 2. ประเมินผลจากการสรุปประเด็นสำคัญของสมาชิกในกลุ่ม 3. ประเมินจากการแลกเปลียนเรียนรู้จากการบ้านที่มอบหมายให้ในครั้งที่ผ่านมา 4. ประเมินจากการฝึกทักษะต่างๆ ในระหว่างการดำเนินกิจกรรม


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 53 ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม กิจกรรม สื่อ/อุปกรณ์ เวลาที่ใช้ 1. ผู้นำกลุ่มกล่าวทักทายสมาชิก และเริ่มต้นด้วยการทำสมาธิ ร่วมกัน 5 นาที ตามใบความรู้ 5.1“การทบทวนการฝึกสมาธิ และสติ” ใบความรู้ 5.1 20 นาที 2. ผู้น ำกลุ่มให้ สมาชิกท บ ท วนการบ้ าน ของแต่ละคน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และตอบข้อซักถาม ใบกิจกรรมที่ 5.3 10 นาที 3. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกนึกถึงคนใกล้ชิดที่มีปัญหากับสมาชิกมาก ที่สุด และให้สำรวจความคิดที่มีต่อบุคคลคนนั้น ตาม ใบ กิจกรรมที่ 6.1 “การสำรวจความคิดที่มีต่อคนใกล้ชิด” และ ผลกระทบที่เกิดขึ้น แล้วให้อภิปรายร่วมกัน ผู้นำกลุ่มสรุป เรื่อง การเกิดความคิดทางลบ จะมีผลต่ออารมณ์และการแสดง พฤติกรรมทางลบ ใบกิจกรรมที่ 6.1 15 นาที 4. ผู้นำกลุ่มอธิบายเรื่อง การปล่อยวางความคิดลบ และการ มองสัมพันธภาพในมุมมองใหม่ ตามใบความรู้6.1 “ความคิด และความรู้สึกกับคนใกล้ชิด” ใบความรู้ 6.1 10 นาที 5. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกทำสมาธิ 3 นาที และให้ทบทวน สัมพันธภาพใหม่ ตามใบกิจกรรม ที่ 6.2 “การทบทวน สัมพันธภาพใหม่” แล้วให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผู้นำกลุ่ม สรุปตามใบความรู้ 6.2 ใบกิจกรรมที่ 6.2 ใบความรู้ 6.2 15 นาที 6. ผู้นำกลุ่มอธิบาย การฝึกการสื่อสารโดยการพูดเพื่อแสดง ความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม เป็นเทคนิคการสื่อสารที่สามารถ จัดการความโกรธได้ ตามใบความรู้ 6.3 ใบความรู้ 6.3 5 นาที 7. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกฝึกทักษะ “การพูดเพื่อแสดงความรู้สึกได้ อย่างเหมาะสม” ตามใบกิจกรรมที่ 6.3 และแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นร่วมกันจากการฝึกปฏิบัติ ใบกิจกรรมที่ 6.3 10 นาที


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 54 8. ผู้นำกลุ่มมอบหมายการบ้านโดยให้สมาชิก ฝึกจิตและการมี สติในชีวิตประจำวัน และการฝึกพูดเพื่อแสดงความรู้สึกได้ อย่างเหมาะสม ใบกิจกรรมที่ 6.4 5 นาที


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 55 ใบความรู้ 6.1 ความคิดและความรู้สึกกับคนใกล้ชิด การมีสติกับสัมพันธภาพ บุคคลใกล้ชิดแม้จะมีความรักและผูกพันกันมาก แต่ก็เป็นบุคคลที่มีความคาดหวังต่อกันเมื่อ ผิดหวังจึงกลายเป็น แหล่งกำเนิดความรู้สึกที่รุนแรงขึ้น จนเปลี่ยนเป็นพฟติกรรมที่ก้าวร้าวรุนแรง การ มองและมีสัมพันธภาพทางบวกจึงสำคัญสำหรับการป้องกันความรู้สึกที่รุนแรง ความคิดและความรู้สึกกับคนใกล้ชิด พวกเราได้เรียนรู้เรื่องสติในชีวิตประจำวัน สติกับความรู้สึกและสติกับความคิด ซึ่งทั้ง 2 อย่าง หลังช่วยให้เราสามารถปล่อยวางได้ดีขึ้น ในการฝึกสติกับความคิดได้ขอให้สมาชิกระลึกเหตุการณ์ ยุ่งยากใจที่มีกับคนใกล้ชิด เพื่อให้เรียนรู้ในการปล่อยวางกับคนใกล้ชิดซึ่งปล่อยวางได้ยากกว่าเพราะ เรามีความผูกพันด้วยมาก แต่เมื่อลองฝึกบ่อยๆ ก็จะทำได้มากขึ้นตามลำดับ วันนี้เราจะลองสำรวจดูสิ่ง ที่เป็นแหล่งของอารมณ์ความคิด ความไม่สบายใจหรือความทุกข์ใจของทุกคน ก็คือความทุกข์กับคน ใกล้ชิด มีคำพูดว่า“ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” “ยิ่งรักมาก ยิ่งทุกข์มาก” คำพูดเหล่านี้เป็นจริงหรือไม่ (ให้ สมาชิกทำใบกิจกรรมที่ 6.1 และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น) หลังจากนั้นสรุปให้สมาชิกฟังต่อ... จะเห็นได้ว่าความคิดทำให้เป็นทุกข์จริงๆ เพราะด้วยความคาดหวังกับคนที่เรารัก ทำให้เรามี โอกาสผิดหวังและมีความคิดทางลบและอารมณ์ที่ไม่ดีต่างๆ เกิดขึ้นตามมา การที่เราได้เรียนรู้ที่จะ ปล่อยวางความยุ่งยากใจที่มีกับคนใกล้ชิดมาแล้ว เมื่อตอนฝึกทบทวนจะช่วยให้เราใคร่ครวญและ มองเห็นสัมพันธภาพตามความเป็นจริงหรือมองเห็นด้านบวกของความสัมพันธ์และโอกาสพัฒนา ความสัมพันธ์ต่อไปเราจะลองมาทบทวนสัมพันธภาพกันดูใหม่โดยมีสติให้มากขึ้น มองความคิดลบที่ เกิดขึ้นว่าเป็นเพียงความคิดไม่ใช่ความจริงความคิดเหล่านี้ถ้าเราไม่ไปยึดเกาะกับมัน มันก็จะเกิดขึ้น และดับไป ขณะเดียวกันสติก็จะเปิดโอกาสให้เรา มองเห็นความจริงอีกด้านหนึ่ง เป็นด้านบวกที่เรามัก มองข้ามไปหรือไม่เห็นความสำคัญ


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 56 ใบความรู้ 6.2 ความคิดเปลี่ยน ความรู้สึกเปลี่ยน ผู้นำกลุ่มเน้นย้ำให้สมาชิกเข้าใจว่าสติจะช่วยให้มองเห็นความเป็นจริงที่รอบด้านมากขึ้น แทนที่จะเห็นแต่ด้านลบ จิตใจกลับเปิดกว้างมองเห็นด้านบวกของเขาจากการใคร่ครวญ “สิ่งดีๆ ของ เขาแม้เพียงเล็กน้อยที่เราอาจมองข้าม” และเห็นความทุกข์ที่เขามีร่วมกับเรา รวมทั้งโอกาสในการ ปรับเปลี่ยนตัวของเราจากการใคร่ครวญ “สิ่งแย่ๆ ที่เราทำกับเขาแม้ไม่ตั้งใจ” เมื่อความคิดเปลี่ยน ความรู้สึกก็เปลี่ยน จากเดิมที่เคยหงุดหงิด โกรธ เบื่อหน่าย ท้อแท้น้อยใจ ฯลฯ ก็จะกลายเป็นจิตที่ ระลึกถึงความดีของเขาและเห็นใจในความทุกข์ร่วมกันที่เกิดขึ้น โดยส่วนหนึ่งก็มาจากตัวเราเอง เมื่อ ปล่อยวางได้และเห็นสัมพันธภาพตามความเป็นจริงจะมีผลต่อสัมพันธภาพของกันและกันไปในทางที่ ยอมรับ อดทนและให้อภัยให้มากขึ้น สติในการมองสัมพันธภาพจะช่วยให้ลดความคาดหวังและความ ขัดแย้งกับคนที่เป็นคนสำคัญและใกล้ชิด ช่วยรักษาความสัมพันธ์ให้มั่นคง ซึ่งช่วยป้องกันความรู้สึกที่ รุนแรงที่นำไปสู่การมีพฤติกรรมก้าวร้างรุนแรง


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 57 ใบความรู้ 6.3 การฝึกการสื่อสารโดยการพูดเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม การพูดเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม สามารถทำให้บุคคลบรรลุความต้องการได้โดย ไม่ต้องใช้ความรุนแรง หรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว โดยการยอมรับความต้องการและความรู้สึกของ ผู้อื่น การพูดเพื่อแสดงความรู้สึกอย่างมีเหตุมีผล การแสดงความคิด ความรู้สึกและความพึงพอใจของ ตนเองได้โดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้สมาชิกมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น หรือคนใกล้ชิดได้ การฝึกพูดเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม เป็นการฝึกทักษะในการระบายความโกรธ ออกมาอย่างเหมาะสม ประกอบด้วย การพูดและการแสดงท่าทางอย่างตรงไปตรงมาตามความรู้สึก และความต้องการที่แท้จริงของตนเอง การใช้ประโยค “ฉัน ผม ลูก น้อง พี่” ในการระบาย ความรู้สึก เช่น ผมรู้สึกโกรธนะที่พี่มาพูดว่าผมไปใช้ยาบ้าทั้งๆที่ผมไม่ได้ใช้จริงๆ เป็นต้น การกล้า ปฏิเสธสิ่งที่เราไม่อยากทำอย่างสมเหตุสมผล การบอกปัญหา ความไม่สบายใจ หรือการไม่เห็นด้วย ให้ผู้อื่นรู้ การแสดงความชื่นชมและยอมรับผู้อื่นด้วยความเหมาะสม


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 58 ใบกิจกรรม 6.1 การสำรวจความคิดที่มีต่อสัมพันธภาพกับคนใกล้ชิด ให้สมาชิกนึกถึงคนใกล้ชิดที่มักมีเรื่องไม่สบายใจเกิดขึ้นกับคุณมากที่สุดคือ (ระบุ) .................. และลองนึกถึงเหตุการณ์และความคิดที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ต่อบุคคลดังกล่าว โดยแยกเป็น 2 ด้าน คือ สิ่งแย่ๆ ที่เขาทำกับเรา สิ่งดีๆ ที่เราพยายามทำให้เขาแต่กลับไม่เป็นผล ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………… การที่มีความคิดดังกล่าวมีผลต่อความรู้สึกอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ความคิดดังกล่าวมีผลกระทบต่อคุณอย่างไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 59 ใบกิจกรรมที่ 6.2 การทบทวนสัมพันธภาพใหม่ ให้รู้ลมหายใจ แล้วค่อยๆ ทบทวนสัมพันธภาพระหว่างกันว่า สิ่งดีๆของเขาแม้เพียงเล็กน้อยที่ เราอาจมองข้าม และสิ่งแย่ๆ ที่เราทำกับเขาแม้ไม่ได้ตั้งใจ แล้วให้เขียนลงในใบกิจกรรม โดยทำ ด้านซ้ายก่อนแล้วจึงทำด้านขวา และพยายามทบทวนให้ได้มากที่สุด สิ่งดีๆของเขาแม้เพียงเล็กน้อยที่เราอาจมองข้าม สิ่งแย่ๆ ที่เราทำกับเขาแม้ไม่ได้ตั้งใจ …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทบทวนดังกล่าว ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสัมพันธภาพรวมทั้งความรู้สึกที่รุนแรง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 60 ใบกิจกรรมที่ 6.3 การฝึกการสื่อสารโดยการพูดเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม ให้สมาชิกฝึกปฏิบัติ โดยให้สมาชิกแบ่งกลุ่มย่อย กลุ่มละ 3-4 คน คิดคำพูดเพื่อแสดง ความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม ทดแทนคำพูดที่กระตุ้นอารมณ์โกรธที่ให้มาในประเด็นดังต่อไปนี้ คำพูดที่กระตุ้นอารมณ์โกรธ คำพูดเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม ฉันไม่กินยา พูดไม่รู้เรื่องหรือไง แกขี้เกียจตัวเป็นขน ทำงานไม่ได้สักอย่าง อย่ามายุ่งกับฉัน ออกไปให้พ้นๆ เลย เธอมันตัวปัญหา ชอบสร้างความเดือดร้อนให้กับ คนอื่น ฉันไม่ได้ใช้ยาบ้า พูดไม่รู้เรื่องหรือไง หลังจากปรับเปลี่ยนคำพูดเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่างเหมาะสมแล้ว ให้สมาชิกจับคู่ โดยให้ คนที่ 1 พูดคำพูดที่กระตุ้นอารมณ์โกรธ และให้คนที่ 2 พูดคำพูดเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่าง เหมาะสม หลังจากนั้นให้สมาชิกแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงความรู้สึกและอารมณ์ที่เกิดขึ้น จากการ พูดทั้ง 2 รูปแบบ


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 61 ใบกิจกรรมที่ 6.4 การบ้าน ฝึกจิตและการมีสติในชีวิตประจำวัน และการฝึกพูดเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่าง เหมาะสม ให้สมาชิกฝึกสมาธิและสติในชีวิตประจำวัน ควรฝึกสมาธิวันละ 2 ครั้งๆ ละ 10 นาทีร่วมไป กับการฝึกมีสติในกิจที่ทำในแต่ละวัน และฝึกการจัดการกับความคิดด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยระลึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เครียดในชีวิตประจำวันมา 1 เหตุการณ์แล้วฝึกสติสังเกตความคิด ตนเองทั้งก่อนและหลังการระลึกถึงเหตุการณ์นั้นด้วยการผ่อนคลายกล่ามเนื้อ แล้วบันทึกลงในแบบ บันทึกนี้ ประสบการณ์การฝึกสมาธิ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สามารถรู้ลม หายใจที่ปลายจมูกข้างที่รู้สึกชัด เมื่อมีความคิดเกิดขึ้น สามารถรู้ทันและกลับมารู้ลมหายใจ สามารถจัดการกับความง่วง ด้วยการยืดตัวตรง/หายใจยาว/ จินตนาการแสงสว่าง มีความสงบเกิดขึ้นจากการรู้ลมหายใจได้ต่อเนื่องระยะหนึ่ง สามารถทำสมาธิลืมตาโดยรู้ลมหายใจ ประสบการณ์การฝึกสติ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สติในการสัมผัส(ก้อนหิน) สติในการยืน สติในการเดิน สติในการฟัง (เรื่องเล่า/เพลง) ประสบการณ์การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สามารถรับรู้ความคิดที่เกิดขึ้นหลังระลึกถึงเหตุการณ์ที่ไม่ สบายใจ สามารถสังเกตความคิดที่เกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงและหมดไป ของความคิด สามารถแยกความคิดกับความเป็นจริงและปล่อยวางได้โดยไม่ ไปยึดติดกับความคิดนั้น


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 62 หลังจากนั้นให้สมาชิกลองนึกถึงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่ทำให้เราเกิดอารมณ์โกรธ ในขณะที่เรารับรู้ว่าเรารู้สึกโกรธหรือตึงเครียดให้สมาชิกลองฝึกทักษะการพูดเพื่อแสดงความรู้สึกได้ อย่างเหมาะสม โดยเขียนคำพูดจองตนเองในช่องข้อความ คำพูดที่กระตุ้นอารมณ์โกรธในสถานการณ์ที่นึกถึง คำพูดของสมาชิกเพื่อแสดงความรู้สึกได้อย่าง เหมาะสม


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 63 กิจกรรมที่7 การสื่อสารด้วยสติ เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้ป่วยรับรู้และระบุถึงปัญหาในการสื่อสารกับบุคคลที่ใกล้ชิดและผลที่เกิดขึ้น เชื่อมโยงกับพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง 2. เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้สติในการสื่อสารได้ทั้งคำพูดและภาษาท่าทาง สาระสำคัญ การสื่อสารด้วยคำพูดและภาษาท่าทางที่เป็นลบ มักเกิดขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัวเหมือนเป็น อัตโนมัติและทำให้มีอารมณ์ทางลบ เช่น ความรู้สึกโกรธ และทำให้เกิดปัญหาสัมพันธภาพทางลบ กับคนใกล้ชิด และเปลี่ยนเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงได้ สติในการสื่อสาร จะช่วยให้การสื่อสารทั้ง คำพูดและภาษาท่าทางได้รับการยอมรับเกิดความเข้าใจ และลดพฤติกรรมก้าวร้าวได้ สื่อ/อุปกรณ์ 1. ใบความรู้ 5.1 2. ใบกิจกรรมที่ 6.4 3. ใบความรู้ 7.1 4. ใบความรู้ 7.2 5. ใบกิจกรรมที่ 7.1 6. ใบกิจกรรมที่ 7.2 7. ใบกิจกรรมที่ 7.3 การประเมินผล 1. ผู้นำกลุ่มสังเกตจากความตั้งใจและการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 2. ประเมินผลจากการสรุปประเด็นสำคัญของสมาชิกในกลุ่ม 3. ประเมินจากการแลกเปลียนเรียนรู้จากการบ้านที่มอบหมายให้ในครั้งที่ผ่านมา 4. ประเมินจากการฝึกทักษะต่างๆ ในระหว่างการดำเนินกิจกรรม


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 64 ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม กิจกรรม สื่อ/อุปกรณ์ เวลาที่ใช้ 1. ผู้นำกลุ่มกล่าวทักทายสมาชิก และเริ่มต้นด้วยการทำสมาธิ ร่วมกัน 5 นาที ตามใบความรู้ 5.1“การทบทวนการฝึกสมาธิ และสติ” ใบความรู้ 5.1 20 นาที 2. ผู้น ำกลุ่มให้ สมาชิกท บ ท วนการบ้ าน ของแต่ละคน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และตอบข้อซักถาม ใบกิจกรรมที่ 6.4 10 นาที 2. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกทำกิจกรรมตามใบกิจกรรมที่ 7.1 “การ สื่อสารอย่างมีสติ” ผู้นำกลุ่มสุ่มถามความรู้สึกและความคิดเห็น ในการทำกิจกรรม ใบกิจกรรมที่ 7.1 15 นาที 3. ผู้นำกลุ่มสรุป และอธิบายเชื่อมโยงกับการสื่อสารทางบวก ตามใบความรู้7.1 “สัมพันธภาพกับการสื่อสารอย่างมีสติ” ใบความรู้7.1 15 นาที 4. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกนึกถึงเหตุการณ์ 1เหตุการณ์ และการ สื่อสารในเหตุการณ์นั้น รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ตามใบ กิจกรรมที่ 7.1 ส่วนที่ 1 “ปรับการสื่อสารให้ดีขึ้น” ใบกิจกรรมที่ 7.2 5 นาที 5. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกฝึกสติในการสื่อสาร ตามใบความรู้ 7.2 “บทพูดเรื่องการสื่อสารอย่างมีสติ” ใบความรู้ 7.2 15 นาที 6. ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกทำสมาธิอีก 3 นาที และทำกิจกรรมใน ส่วนที่ 2 ตามใบกิจกรรม “ปรับการสื่อสารให้ดีขึ้น” ผู้นำกลุ่ม ให้สมาชิกแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และสรุป ใบกิจกรรมที่ 7.2 5 นาที 7. ผู้นำกลุ่มมอบหมายการบ้านโดยให้สมาชิก ฝึกจิตและการมี สติในชีวิตประจำวัน และระลึกถึงเหตุการณ์ยุ่งยากใจของวันที่ ผ่านมา 1 เหตุการณ์โดยเฉพาะกับคนใกล้ชิด) ร่วมไปกับฝึกการ มีสติในชีวิตประจำวัน บันทึกลงใบกิจกรรมที่ 7.3 เพื่อติดตาม การเปลี่ยนแปลง ใบกิจกรรมที่ 7.3 5 นาที


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 65 ใบความรู้7.1 สัมพันธภาพกับการสื่อสารอย่างมีสติ ในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เราจะเน้นการสื่อสารซึ่งกันและกัน ขณะที่ฝ่ายหนึ่งพูด แม้อีก ฝ่ายหนึ่งยังไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็จะสื่อสารด้วยสีหน้า ท่าทางต่างๆ การสื่อสารจึงมีทั้งที่เป็นคำพูด และที่เป็นภาษาท่าทาง ที่แสดงออกทั้งสายตา สีหน้า น้ำเสียง ภาษากาย ระยะห่างและสัมผัส สิ่ง เหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนเป็นอัตโนมัติจนแทบไม่ได้สังเกต คราวนี้เราจะลองมาสำรวจการ สื่อสารกันคนละเหตุการณ์ ขอให้ทุกคนลองย้อนกลับไปนึกถึงตอนที่ฝึกสติกับความคิด โดยให้นึกถึงเรื่องยุ่งยากใจที่มีกับ คนใกล้ชิดมา 1 เหตุการณ์ลองนึกเหตุการณ์ให้ได้ว่าเกิดขึ้นที่ไหน เวลาอะไร มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้ว บันทึกลงในใบกิจกรรมที่ 6.1 ส่วนที่ 1 “การสำรวจการสื่อสารเดิม” โดยใช้เวลาสัก 5 นาทีสุ่มถาม ประสบการณ์3 – 4 คน แล้วอธิบายถึงการสื่อสารทางลบ ซึ่งมีผลซึ่งกันและกัน และการวิเคราะห์ภาษาท่าทาง ซึ่ง มักจะเป็นไปในทางลบ เช่น แววตา น้ำเสียง สีหน้าและคำพูดที่ใช้ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็น “ภาษาแก” ที่เป็นเหมือนการตำหนิต่อว่า สั่งสอน ฯลฯ การสื่อสารเหล่านี้มักจะเป็นอัตโนมัติคือ เกิดขึ้นโดยไม่ทัน ตั้งสติ เชื่อมโยงเข้าสู่การสื่อสารทางบวก หากเรามีสติมากขึ้น สตินอกจากจะช่วยให้เรารู้ทันความคิดและความรู้สึก ช่วยให้ปล่อยวาง หรือไม่ตอบโต้อย่างรุนแรงดังที่เราได้ฝึกปล่อยวางมาแล้ว สติยังจะช่วยให้เราสื่อสารได้เข้าใจกันมาก ขึ้น โดยเฉพาะการแสดงออกทางภาษาท่าทาง ไม่ว่าจะเป็น สายตา สีหน้า น้ำเสียง ภาษากาย ระยะห่างและสัมผัส ที่แสดงถึงจิตใจที่เปิดกว้าง อดทนและให้อภัย ยิ่งกว่านั้น ถ้าเราลองเทียบกับที่เรา เพิ่งทบทวนการสื่อสารไป จะเห็นว่าการพูดในเวลาที่เรามีอารมณ์รุนแรง เรามักจะใช้“ภาษาแก” ซึ่ง เป็นการกล่าวถึงพฤติกรรมของอีกฝ่าย ซึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตนเองถูกตำหนิต่อว่า สั่งสอน ซึ่ง แน่นอนว่าผลสะท้อนกลับก็จะออกมาในลักษณะ “ภาษาแก” เช่นกัน จะโดยชัดเจนหรือไม่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขาได้เก็บกดไว้ในใจ


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 66 ต่อจากนี้ไป เราจะลองทบทวนการสื่อสารกันใหม่ เมื่อเรามีสติเราจะสามารถมีการแสดงออก ทางภาษาท่าทางที่ดีขึ้น ยกตัวอย่าง เรื่องการเรียกลูกกินข้าว ถ้าแม่เรียกลูกให้กินข้าวจากในครัว ขณะที่เขากำลังดูโทรทัศน์ เขาอาจไม่ได้ยินเพราะไม่ได้ใส่ใจหรือกำลังเพลิดเพลินกับรายการใน ขณะนั้น ซึ่งจะทำให้แม่อารมณ์เสีย เมื่อมีสติแม่จึงควรเดินไปหาลูก แตะที่ไหล่เพื่อให้ลูกหันหน้ามา สบตา แล้วจึงพูดว่า “ไปกินข้าวกันเถอะ กับข้าวเสร็จแล้ว” เป็นต้น ขณะเดียวกันแม่ก็สามารถใช้ “ภาษาฉัน” บอกความรู้สึกนึกคิดที่มีอยู่ในใจออกมาได้ด้วย เช่น “แม่เป็นห่วง อยากให้ลูกทำอะไร เป็นเวลา มากินข้าวกันเถอะ” การสื่อสารแบบนี้จะต้องอาศัยสติเป็นสำคัญ ความรู้สึกของคนเรานั้นซับซ้อน เวลาเราหงุดหงิดจากการที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ทำตามที่ใจเรา หวัง หากความรู้สึกนี้ดำเนินต่อไปก็จะกลายเป็นความโกรธที่รุนแรงขึ้น ความหงุดหงิดนี้ถ้ามองลึกลง ไป มันเกิดจากความเป็นห่วง ความปรารถนาดีที่มีอยู่ในใจ การมีสติจะช่วยให้เรารู้สึกถึงความรู้สึกดีๆ เหล่านี้และใช้“ภาษาฉัน” สื่อสารความรู้สึกเหล่านั้นออกไป ยกตัวอย่างเรื่อง สามีกลับบ้านดึกโดยไม่ โทรศัพท์มาแจ้งล่วงหน้า แทนที่จะพูดว่า “ทำไมกลับดึก” ภรรยาที่มีสติก็อาจพูดว่า “ฉันเป็นห่วงที่พี่ กลับดึก ฉันทำกับข้าวรอไว้นานแล้ว รอจนรู้สึกโมโห วันหลังถ้าพี่จะกลับดึกช่วยโทรมาบอกด้วย นะฉันจะได้ไม่ห่วง” เป็นต้น ในเมื่อเราได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวางแล้ว รวมทั้งเรียนรู้ที่จะมีสติในการพูด และฟัง เราลองมาฝึกการสื่อสารกันใหม่


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 67 ใบความรู้ 7.2 บทพูดเรื่องการสื่อสารอย่างมีสติ ให้ทุกคนนั่งตัวตรง หลังตรง ศีรษะตรง หายใจเข้าออกยาวๆ สัก 5 ลมหายใจ รับรู้ลมหายใจ ที่ผ่านเข้าออกบริเวณปลายจมูกข้างใดข้างหนึ่งที่รู้สึกชัดกว่าตรงตำแหน่งที่ชัดที่สุด ดูไปให้ต่อเนื่องด้วย ลมหายใจปกติ ถ้ามีความคิดเกิดขึ้น ก็ให้รู้ตัวไม่คิดตามเตือนตนเองให้กลับมารู้ลมหายใจใหม่ด้วยการหายใจ เข้าออกยาวๆ สัก 1–2 ครั้ง ดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติทำอย่างนี้ทุกครั้งที่เกิดความคิดขึ้น ทำสมาธิต่อสัก 3 นาที ต่อไปนี้เราจะมีสติในการใคร่ครวญการสื่อสารกับคนสำคัญของเรา ให้รู้ลมหายใจไว้เล็กน้อย แล้วกลับมาใคร่ครวญการสื่อสารใหม่ ลองระลึกว่าในสถานการณ์เดิมที่คุณมักมีปัญหาความไม่เข้าใจ กับคนใกล้ชิด ถ้าคุณมีสติมากขึ้นโดยการรู้ลมหายใจ เช่น การฟังและรู้ในการพูดหรือถ้ามีความคิด ความรู้สึกที่รุนแรงก็ให้รู้ความคิด รู้ความรู้สึกของตัวเองไปด้วย คุณจะปล่อยวางได้และสามารถสื่อสาร ใหม่ด้วยภาษาท่าทางใหม่ และการพูดโดยใช้“ภาษาฉัน” ได้อย่างไรและผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ค่อยๆ คิดใคร่ครวญดูใหม่ ให้เวลา 5 นาที เมื่อครบ 5 นาทีแล้ว เมื่อคิดใคร่ครวญใหม่ได้แล้ว ให้คุณบันทึกลงในใบกิจกรรม 7.2 ส่วนที่ 2 การทบทวนการสื่อสารใหม่ ผู้นำกลุ่มสุ่มถาม แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสรุปให้เห็นถึง ความสัมพันธ์ระหว่างการมีสติในความคิดและความรู้สึก ทำให้เราปล่อยวางหรือควบคุมอารมณ์ได้ดี ขึ้น กับการมีสติในการสื่อสารช่วยทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย สื่อสารกันได้อย่างเข้าใจกันมากขึ้น


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 68 ใบกิจกรรมที่ 7.1 การสื่อสารอย่างมีสติ ให้สมาชิกทุกคนนึกถึงเรื่องที่ยุ่งยากใจมา 1 เรื่อง เพื่อนำมาฝึกทบทวน จับคู่แล้วเลือกว่าใคร จะเป็น A และใครจะเป็น B รอบแรกให้A เป็นผู้เล่า คนที่เป็น B ให้ตั้งใจฟัง (สบตา/พยักหน้า) และ ฟังให้ได้ทั้งความคิด (จากคำพูด) และความรู้สึก (จากภาษาท่าทาง) ใช้เวลาเล่า 3 นาที เมื่อครบ 3 นาทีให้กลับเข้ากลุ่มใหญ่ ผู้นำกลุ่มสุ่มถามความรู้สึกของคนที่เป็น A และ B สิ่งที่ เกิดขึ้น คือ A จะเล่าอย่างมีอารมณ์ทางลบ และอาจเล่าอย่างสับสน ไม่ได้เรียงลำดับเหตุการณ์ส่วน B เมื่อฟังแล้ว จะพลอยมีอารมณ์ทางลบร่วม ผู้นำกลุ่มให้สมาชิกทุกคนฝึกสติในการพูดผ่านการร้องเพลง ดังดอกไม้บาน โดยให้สังเกต จังหวะการหายใจ ซึ่งจะเห็นได้ว่า เวลาร้องเพลงจะเป็นลมหายใจออก เมื่อหมดลมหายใจออกจะต้อง หายใจเข้า ซึ่งจะมีสัมผัสเล็กๆ ของลมหายใจที่สังเกตได้และจะช่วยให้เรามีสติอยู่กับการร้องเพลงได้ผู้ บำบัดให้ร้องเพลง ดังดอกไม้บาน อีก 1 รอบ เพื่อสังเกตลมหายใจเข้าออกให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง เพลงดั่งดอกไม้บาน “ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดั่งดอกไม้บาน ภูผาใหญ่กว้าง ดั่งสายน้ำฉ่ำเย็น ดั่งนภากาศ อันบางเบา คราวนี้ให้A เล่าเรื่องเดิม โดยให้รู้ลมหายใจเข้าและออกไปด้วย ส่วน B ก็ฟังโดยรู้ลมหายใจ เข้าออกไปด้วยเช่นกัน ให้เวลา 3 นาที เมื่อผ่านไป 3 นาทีให้กลับเข้ากลุ่มใหญ่ ผู้นำกลุ่มสุ่มถามความรู้สึกของคนที่เป็น A และ B (สิ่งที่เกิดขึ้น คือ A จะเล่าเรื่องเดิมอย่างสงบมากขึ้น ลำดับความคิดได้ดีขึ้นไม่มีอารมณ์ทางลบรุนแรง เหมือนในรอบแรก และ B ก็จะฟังอย่างเข้าใจและด้วยใจที่เป็นกลาง มากขึ้นเช่นกัน) จากนั้นให้สลับบทบาท โดยให้B เป็นผู้เล่า A เป็นผู้ฟัง แต่ครั้งนี้ให้สื่อสารรอบเดียว โดยใช้ สติทั้งในการพูดและฟัง โดยใช้เวลา 3 นาทีเช่นกัน


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 69 ใบกิจกรรมที่ 7.2 ปรับการสื่อสารให้ดีขึ้น ส่วนที่1: การสำรวจการสื่อสารเดิม ลองสำรวจเหตุการณ์การสื่อสารกับผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด (ระบุว่าเป็นใคร)........................ ที่มักเกิดปัญหาความไม่เข้าใจกันบ่อยๆ เหตุการณ์ คำพูดที่ใช้ต่อกัน ภาษาท่าทางระหว่างกัน ผลที่ตามมา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 70 ส่วนที่2 : การทบทวนการสื่อสารใหม่ หลังจากทำสมาธิแล้ว ลองใคร่ครวญอย่างมีสติด้วยการรู้ลมหายใจเล็กน้อย พร้อมไปกับการ ทบทวนการสื่อสารใหม่และคิดว่าในเหตุการณ์นั้นเราจะเปลี่ยนการสื่อสารเป็นอย่างไร เหตุการณ์ คำพูดที่ใช้ต่อกัน ภาษาท่าทางระหว่างกัน ผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 71 ใบกิจกรรมที่ 7.3 การบ้าน ฝึกจิตและการมีสติในชีวิตประจำวัน และการสื่อสารอย่างมีสติ ให้สมาชิกฝึกสมาธิและสติในชีวิตประจำวัน ควรฝึกสมาธิวันละ 2 ครั้งๆ ละ 10 นาทีร่วมไป กับการฝึกมีสติในกิจที่ทำในแต่ละวัน และระลึกถึงเหตุการณ์ยุ่งยากใจของวันที่ผ่านมา 1 เหตุการณ์ โดยเฉพาะกับคนใกล้ชิด) ร่วมไปกับฝึกการมีสติในชีวิตประจำวัน บันทึกลงทุกวันเพื่อติดตามการ เปลี่ยนแปลงแล้วบันทึกลงในแบบบันทึกนี้ ประสบการณ์การฝึกสมาธิ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สามารถรู้ลมหายใจที่ปลายจมูกข้างที่รู้สึกชัด เมื่อมีความคิดเกิดขึ้น สามารถรู้ทันและกลับมารู้ลมหายใจ สามารถจัดการกับความง่วง ด้วยการยืดตัวตรง/หายใจยาว/ จินตนาการแสงสว่าง มีความสงบเกิดขึ้นจากการรู้ลมหายใจได้ต่อเนื่องระยะหนึ่ง สามารถทำสมาธิลืมตาโดยรู้ลมหายใจ ประสบการณ์การฝึกสติ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สติในการสัมผัส(ก้อนหิน) สติในการยืน สติในการเดิน สติในการฟัง (เรื่องเล่า/เพลง) ผลต่อชีวิตประจำวันทั่วไปโดยใช้สมาธิและสติ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลต่ออารมณ์และความคิดเมื่อเจอเหตุการณ์ยุ่งยากใจโดยเฉพาะกับคนใกล้ชิด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 72 ทบทวนเหตุการณ์ในแต่ละวันที่เกิดความคิดหรือความรู้สึกลบ และการมีสติในการติดป้าย ความคิด หรือดูความรู้สึกบนร่างกาย 1 นาที(หยุด ดูรู้วาง) และผลที่เกิดขึ้น โดยเน้นความคิดและ การสื่อสารที่มีต่อสัมพันธภาพ ซึ่งการปล่อยวางจะช่วยทำให้มองสัมพันธภาพและการสื่อสารดีขึ้น เหตุการณ์ที่ทำให้เกิด ความคิดหรือความรู้สึกลบ ความคิดที่ติดป้าย (หยุด ดูรู้วาง) ผลที่เกิดขึ้น (โดยเฉพาะความคิดหรือการ สื่อสารที่มีต่อสัมพันธภาพ)


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 73 กิจกรรมที่8 รักตนเอง...รักผู้อื่น เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้รับการบําบัดสามารถเชื่อมโยงสติกับการให้อภัยและเมตตาตนเองได้ 2. เพื่อให้ผู้รับการบําบัดสามารถเชื่อมโยงสติกับการอภัยและเมตตาผู้อื่นได้ สาระสำคัญ การให้อภัยและเมตตา โดยเริ่มจากตนเองจะเป็นสภาวะจิตที่ต่อยอดสติ ทําให้เกิดความ มั่นคงและยอมรับตนเองได้ดีขึ้น จิตที่มีสติจะสามารถยอมรับ ให้อภัยและเมตตาคนอื่นและสรรพสิ่ง ทั่วไป จะช่วยขจัดความขุ่นเคืองในใจและทําให้มีจิตใจที่เปิดกว้าง ช่วยลดความโกรธ ซึ่งเป็นอารมณ์ รุนแรงสําคัญที่ทำให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง สื่อ/อุปกรณ์ 1. ใบความรู้ 5.1 2. ใบความรู้ 5.2 3. ใบกิจกรรมที่ 7.3 4. ใบความรู้ 8.1 5. ใบกิจกรรมที่ 8.1 การประเมินผล 1. ผู้นำกลุ่มสังเกตจากความตั้งใจและการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 2. ประเมินผลจากการสรุปประเด็นสำคัญของสมาชิกในกลุ่ม 3. ประเมินจากการแลกเปลียนเรียนรู้จากการบ้านที่มอบหมายให้ในครั้งที่ผ่านมา 4. ประเมินจากการฝึกทักษะต่างๆ ในระหว่างการดำเนินกิจกรรม


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 74 ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม กิจกรรม สื่อ/อุปกรณ์ เวลาที่ใช้ 1. ผู้นำกลุ่มกล่าวทักทายสมาชิก และเริ่มต้นด้วยการทบทวน การนั่งสมาธิและฝึกสติ และการปล่อยวางด้วยการผ่อนคลาย กล้ามเนื้อ ใบความรู้ 5.1 ใบความรู้ 5.2 20 นาที 2. ผู้น ำกลุ่มให้ สมาชิกท บ ทวน การบ้ าน ของแต่ละคน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และตอบข้อซักถาม ใบกิจกรรมที่ 7.3 10 นาที 3. ผู้นำกลุ่มอธิบายความแตกต่างและความสัมพันธ์ระหว่างสติ กับความเมตตาโดยเริ่มจากฝึกส่งความเมตตาให้ตนเอง (ตามใบ ความรู้8.1 แล้วบันทึกประสบการณ์ลงในใบกิจกรรม 8.1 ส่วน ที่ 1 การเมตตาตนเอง ใบความรู้ 8.1 ใบกิจกรรมที่ 8.1 20 นาที 4. สุ่มถามประสบการณ์ และเชื่อมโยงเข้ากับความรู้สึกที่เกิด ขึ้นกับตนเอง ใบกิจกรรมที่ 8.1 10 นาที 5. ให้ทุกคนทําสมาธิ 3 นาที และเรียนรู้การเมตตา ให้อภัยผู้ที่มี ปัญหากับเรา การส่งความเมตตาให้ผู้อื่นและสรรพชีวิต (ตาม ใบความรู้8.1 ในส่วนการเมตตาและให้อภัย และในส่วนการ เมตตาให้ผู้อื่นและสรรพชีวิต) แล้วบันทึกประสบการณ์ในใบ กิจกรรม 8.1 ส่วนที่ 2 การให้อภัยผู้อื่นและการแผ่เมตตาให้ สรรพชีวิต ใบกิจกรรมที่ 8.1 20 นาที 6. สุ่มถามประสบการณ์ และเชื่อมโยงเข้ากับความรู้สึกที่เกิด ขึ้นกับตนเอง และวางแผนการนําสมาธิและสติไปใช้ในการฝึก จิตทุกวัน และการใช้ในชีวิตประจําวัน และให้สมาชิกนำเสนอ ใบกิจกรรมที่ 8.2 10 นาที


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 75 ใบความรู้ 8.1 การเมตตาตนเอง การให้อภัยผู้อื่นและการส่งความเมตตาให้สรรพชีวิต การเมตตาตนเอง ผู้ที่เคยทำให้คนที่ตนเองรัก เคารพได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บจากการแสดงพฤติกรรม ก้าวร้าวรุนแรงของตนเอง อาจจะทำให้มีความรู้สึกผิดหรือละอายใจ เครียด เศร้า หรือวิตกกังวลได้ ความรู้สึกเหล่านี้ก่อให้เกิดความทุกข์ และเป็นความคิดที่มักจะทำร้ายเราโดยไม่รู้ตัว การรู้สึกเมตตา และให้อภัยตนเองจึงเป็นเรื่องสําคัญเช่นเดียวกับการให้อภัยผู้อื่น หากเรามีความทุกข์ ความไม่สบายใจ สติจะช่วยทําให้เราเห็นความรู้สึกนั้น และดูการ เกิดขึ้น และดับไป ทําให้ใจปล่อยวาง ในภาวะจิตเช่นนี้เราสามารถต่อยอดความเมตตาเริ่มต้นจาก ตัวเอง ด้วยการบอกให้ เมตตาตนเองในท่ามกลางความทุกข์ จิตใจก็จะพัฒนาความมั่นคงและ ยอมรับในตนเองได้มากขึ้น โดยใช้คําพูดต่างๆ เช่น ขอให้เป็นสุข ขอให้มีความสงบ ขอให้เป็นอิสระ จากความทุกข์ การฝึกปฏิบัติ ให้สมาชิกเริ่มต้นด้วยการทำสมาธิ นั่งในท่าที่สบาย ผ่อนคลาย วางมือบนเท้าทั้ง 2 ข้าง หรือ ข้างลำตัวก็แล้วแต่ความถนัดและสบายที่สุด ให้มองเพ่งไปที่จุดใดจุดหนึ่งที่อยู่ในระดับสายตา โดยไม่ ต้องเกร็งตาหรือคอ เริ่มต้นด้วยการหายใจเข้าออกยาวๆ สัก 4-5 ครั้ง สังเกตลมหายใจที่ปลายจมูก ข้างที่ชัดกว่าตรงตำแหน่งที่ชัดที่สุด ดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติ หากมีความคิดใดๆ เกิดขึ้นก็ ขอให้เพียงแต่รู้ตัวแต่ไม่คิดตาม เตือนตนเองให้กลับไปรับรู้ลมหายใจใหม่ ด้วยการหายใจเข้าออก ยาวๆ สัก 1-2 ครั้ง แล้วดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติ ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่มีความคิดเกิดขึ้น ค่อยๆ ยกแขนและวางฝ่ามือ ทั้ง 2 ข้างลงบริเวณหัวใจที่หน้าอกด้านซ้าย เพื่อช่วย เตือนให้มี ความเมตตาต่อตนเอง ให้รู้สึกถึงสัมผัสอันอบอุ่นของฝ่ามือที่บริเวณหัวใจ ใช้เวลาประมาณ 5 ลม หายใจ แล้วค่อยๆ วางแขนลงข้างลําตัวเหมือนเดิม หลับตาต่อไป เราจะมาดูความรู้สึกบนร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ขณะที่ดูความรู้สึก ในแต่ละส่วน หากมีความรู้สึกไม่สบายหรือรุนแรงใดๆ ให้ใช้ เวลาสัก 1 นาทีดูการเกิดขึ้นเปลี่ยนแปลง ที่บริเวณนั้น แล้วไม่ว่าจะมีความรู้สึกรุนแรงหรือไม่ก็ตาม


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 76 ในตอนท้ายของการสํารวจนั้นให้พูดกับ ตนเอง ขอบคุณที่ร่างกายส่วนนั้นๆ ได้ทําประโยชน์ให้กับเรา แล้วเลื่อนไปสู่ส่วนอื่นๆ ในทํานองเดียวกัน ในแต่ละส่วนที่เคลื่อนความสนใจไป ขอให้ตระหนักรู้ความรู้สึกที่บริเวณนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น ความรู้สึกชนิดใด ก็ขอให้มั่นใจว่าเราได้นําความรู้สึกขอบคุณและเมตตาไปยังส่วนต่างๆ เช่น ขอบคุณศีรษะที่ปกป้องสมองของเรา ขอบคุณดวงตาและหูที่ช่วยนําทางและรับส่งข้อมูลให้เรา ขอบคุณลําคอที่รองรับศีรษะให้ตั้งตรง ขอบคุณแขนและมือที่ทํางานทั้งวัน ขอบคุณหัวใจที่ทํางาน โดยไม่หยุดมาตลอดชีวิต ขอบคุณปอดที่ฟอกเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ขอบคุณทางเดินอาหารที่ต้อง ย่อยอาหารให้เป็นพลังงานชีวิต ขอบคุณเท้าที่พาเราไปทุกหนแห่ง ถ้ามีความรู้สึกรุนแรงที่ส่วนใด ลองหยุดสัก 1 นาที สังเกตดูการเกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงหรือหมดไปของความรู้สึกนั้น ตระหนักว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นจะด้วยเหตุใดก็ตาม เราสามารถปล่อยวางได้ แล้วค่อยๆ ยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นมา กอดตนเองอย่างนุ่มนวล เพื่อเตือนให้มีความรัก ความเมตตาต่อตนเอง ให้รู้สึกถึงสัมผัสของอ้อม กอดนี้สักครู่หนึ่ง แล้วพูดกับตนเองในใจว่า “ขอให้ฉัน เป็นสุข ขอให้ฉันมีความสงบ ขอให้ฉันมีมิตร ไมตรี ขอให้ฉันเป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งปวง” ถ้ามีจิตวอกแวก มีความคิดเรื่องอื่น ก็ให้กลับมารู้ ลมหายใจ ลองกล่าวคําดังกล่าวอีก ครั้งหนึ่งด้วยตนเอง (เว้นระยะสัก 30 นาที) แล้วค่อยๆ วางแขน ไว้ข้างลําตัวตามเดิม และค่อยๆ ลืมตาขึ้นและทําสมาธิลืมตาสัก 1 นาที แล้วจึงบันทึก ประสบการณ์ลงใน ใบกิจกรรมที่ 8.1 ส่วนที่ 1 การเมตตาตนเอง


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 77 การเมตตาและให้อภัยผู้อื่น ต่อไปขอให้มาเรียนรู้ที่จะมีความเมตตาและให้อภัยบุคคลที่เกิดปัญหากับเราทั้งโดยตั้งใจหรือ มิได้ตั้งใจ ด้วยจิตที่สงบและปล่อยวาง เราสามารถต่อยอดจิตใจที่เมตตาและให้อภัยกับบุคคล เหล่านั้นได้โดยเริ่มจาก จินตนาการถึงเหตุการณ์ยุ่งยากใจที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ปล่อยวางแล้วจึง ส่งความเมตตาและให้อภัย ถ้าเราฝึกเมตตาและให้อภัยจากการจินตนาการเรื่องที่เคยเกิดขึ้นแล้ว จะทําให้วงจรการเรียนรู้ของ ความเมตตาและให้อภัยก็จะค่อยๆ งอกงามในจิตใจของเรา เมื่อเราไป พบสถานการณ์จริงที่คล้ายคลึงกัน เราก็จะสามารถมีสติ เมตตาและให้อภัยได้ไม่ยาก การฝึกปฏิบัติ เริ่มต้นจากการทําสมาธิ 3 นาที ทุกคนนั่งตัวตรง ศีรษะตรง มองตรงไปที่จุดใดจุดหนึ่งโดย ไม่อกแวก เริ่มต้นด้วยการหายใจเข้าออกยาวๆ สัก 5 ครั้ง ให้จิตจดจ่อไปกับความรู้สึกของลมหายใจ ที่ผ่านเข้าออกบริเวณปลายจมูกข้างที่รู้สึกชัดกว่า ดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติ หากมีความคิด เกิดขึ้นก็เพียงแต่รู้ตัวไม่คิดตาม เตือนตัวเองให้กลับมารู้ลมหายใจใหม่ด้วยการหายใจเข้าออก ยาวๆ สัก 1-2 ครั้ง แล้วดูไปให้ต่อเนื่องด้วยลมหายใจปกติ ทําอย่างนี้ทุกครั้งที่มีความคิดเกิดขึ้น (ทําสมาธิ 3 นาที) ออกจากสมาธิขอให้มีสติรู้ลมหายใจ จากนั้นให้ลองหลับตา ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ยุ่งยากใจ สังเกตการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกบน ร่างกายหรือความคิดด้วยจิตที่สงบและปล่อยวาง อันที่จริงทั้งเราและบุคคลในเหตุการณ์ก็ล้วนแต่มี ความทุกข์ทั้งสิ้น เราน่าจะให้อภัย และเมตตาแก่กันและกัน ด้วยจิตที่รู้ลมหายใจ สงบ และปล่อยวาง ขอให้ลองกล่าวว่า ขอให้เธอและฉัน จงให้อภัยแก่กัน ขอให้เธอและฉัน เป็นสุข ขอให้เธอและฉัน มีความสงบ ขอให้เธอและฉัน มีมิตรไมตรี ขอให้เธอและฉัน เป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งปวง


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 78 สติเมตตาให้ผู้อื่นและสรรพชีวิต ต่อไป เรามาเรียนรู้การส่งความเมตตาที่สําคัญอีกแบบหนึ่ง คือ การส่งความเมตตาให้ผู้อื่น ใน โลกนี้ล้วนมีบุคคล สรรพชีวิต ทั้งที่ได้รับผลกระทบกับเราโดยตรงและมีความทุกข์ร่วมกับเรา ไม่ว่า จะโดยเรามีส่วนหรือเขามีส่วนหรือมีส่วนซึ่งกันและกัน ยังรวมไปถึงบุคคลและอื่นๆ ที่ล้วนแต่มีความ ทุกข์เกิดขึ้น ในขณะที่จิตมีสติและปล่อยวาง เราสามารถแสดงความเมตตาต่อผู้อื่นและสรรพสิ่ง ทั้งหลายด้วยคําพูดต่างๆ เช่น ขอให้เป็นสุข ขอให้มีความสงบ ขอให้มีมิตรไมตรี ขอให้เป็นอิสระ จาก ความทุกข์ทั้งปวง การฝึกปฏิบัติ ค่อยๆ ยกแขนขึ้นมา และวางฝ่ามือทั้ง 2 ข้างลงที่บริเวณหัวใจที่หน้าอกด้านซ้าย เพื่อช่วย เตือนให้มีความเมตตาต่อตนเอง ให้รู้สึกกับสัมผัสของฝ่ามือสัก 5 ลมหายใจ ค่อยๆวางแขนไว้ข้าง ลําตัวเหมือนเดิม ตอนนี้ ให้นึกถึงบุคคลที่รักและผูกพันและประสบการณ์ที่มีกับคนนั้น ปล่อยให้ตัวคุณ รู้สึกถึงความสงบสุขที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น ตอนนี้ให้ใคร่ครวญว่า บุคคลที่คุณรักนั้นก็ล้วนแต่มีความ ทุกข์ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับตัวคุณเอง ที่จะต้องพบกับความทุกข์ต่างๆ ได้แก่ ความเจ็บป่วย ความแก่ และ ความตาย บุคคลนั้นก็ปรารถนาที่จะมีความสุข และเป็นอิสระจากความทุกข์เช่นเดียวกับคุณ ขอให้พูด กับตัวเองในใจอย่างอ่อนโยน และรู้สึกถึงความหมายของคําพูดนั้น ดังนี้ “ขอให้เธอและฉัน เป็นสุข ขอให้เธอและฉัน มีความสงบ ขอให้เธอและฉัน มีมิตรไมตรี ขอให้เธอและฉัน เป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งปวง” เมื่อคุณสังเกตเห็นว่าจิตของคุณเริ่มวอกแวก ให้กลับมารู้ลมหายใจและตั้งใจอยู่กับคําพูด เหล่านั้น และจินตนาการถึงภาพคนหรือสิ่งมีชีวิตที่คุณรักขึ้นในใจ ดื่มด่ำกับความรู้สึกอบอุ่นที่เกิดขึ้น ทําต่อไปอย่างช้าๆ จากนั้นขอให้แผ่เมตตาแก่สรรพชีวิตทั้งปวง ซึ่งก็มีความทุกข์เช่นเดียวกัน ด้วยจิตที่ มีสติ รู้ลมหายใจแล้วพูดเบาๆว่า


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 79 “ขอให้สรรพชีวิตทั้งหลาย เป็นสุข ขอให้สรรพชีวิตทั้งหลาย มีความสงบ ขอให้สรรพชีวิตทั้งหลาย มีมิตรไมตรี ขอให้สรรพชีวิตทั้งหลาย เป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งปวง” ตอนนี้ หายใจเข้าออกสัก 2 – 3 ครั้ง ผ่อนคลายอิริยาบท ดื่มด่ำกับความปรารถนาดี และ ความเมตตาที่หลั่งรินออกมาจากหัวใจของคุณอย่างเป็นธรรมชาติ คุณสามารถจะกลับมาใช้คําพูด เหล่านี้ได้อีกเมื่อใดก็ได้ที่คุณต้องการ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเบาๆ และบันทึกประสบการณ์ลงในใบ กิจกรรมที่ 8.1 ส่วนที่ 2 การให้อภัยผู้อื่นและการส่งความเมตตาให้สรรพชีวิต


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 80 ใบกิจกรรม 8.1 สติเมตตาและให้อภัย ส่วนที่ 1: การเมตตาตนเอง หลังจากที่ได้ทํากิจกรรมเมตตาตนเองแล้ว ลองสํารวจประสบการณ์ต่อไปนี้ ประสบการณ์ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สามารถมีสมาธิ และสติรู้ความรู้สึกที่มือสัมผัสกับบริเวณหัวใจ สามารถนําความรู้สึกขอบคุณและเมตตาไปยังร่างกายส่วนต่างๆ ปล่อยวางความรู้สึกที่ไม่สบายและส่งความปรารถนาดีให้กับตนเอง ด้วยคําพูดต่างๆ สัมผัสถึงอ้อมกอดที่สื่อความรู้สึกเมตตาตนเอง บันทึกประสบการณ์ทีเกิดขึ้น………………………………………………………………………………………………….... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 81 ส่วนที่ 2: การให้อภัยผู้อื่นและการส่งความเมตตาให้สรรพชีวิต หลังจากได้ทํากิจกรรมให้อภัยผู้อื่นและส่งความเมตตาให้สรรพชีวิตแล้ว ลองสํารวจ ประสบการณ์ต่อไปนี้ ประสบการณ์ ไม่ได้ ได้บ้าง ได้มาก ได้มากที่สุด สามารถมีสมาธิและสติรู้ความรู้สึกที่มือสัมผัสกับบริเวณหัวใจ สามารถระลึกถึงเหตุการณ์ยุ่งยากกับใครบางคน มีจิตที่ปล่อยวางแล้ว ส่งคําให้อภัยและเมตตาด้วยคําพูดต่างๆ สามารถนึกถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่เรารักและส่งความปรารถนาดี ด้วยคําพูดต่างๆ ด้วยจิตที่สงบ สามารถส่งความปรารถนาดีให้กับตนเองและผู้อื่น สามารถส่งความปรารถนาดีด้วยคําพูดต่างๆ ไปยังสรรพชีวิตทั้งหลาย บันทึกประสบการณ์ที่เกิดขึ้น…………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 82 ใบกิจกรรมที่ 8.2 การวางแผนการฝึกจิตและสติในชีวิตประจำวัน ส่วนที่1: เหตุการณ์และ ความเครียด/วิตกกังวล ความโกรธ และการแก้ไข ท่านลองคาดการณ์ว่าความโกรธ (รวมทั้งความเครียด ถ้ามี) ที่ท่านจะประสบ คือ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… พฤติกรรมที่อาจเกิดซ้ำ คือ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… สิ่งที่เราเรียนรู้มาตลอดการทำกลุ่มนั้น จะใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ส่วนที่2: การวางแผนฝึกจิตและสติในชีวิตประจำวัน โปรดเติมกิจกรรมการฝึกจิต ได้แก่การฝึกสมาธิการฝึกสติกับความคิด การฝึกการสื่อสาร ร่วมไปกับการมีสติในชีวิตประจำวัน ลงในตารางเวลาของแต่ละวันเพื่อที่จะได้ฝึกอย่างเป็นประจำ สม่ำเสมอทุกวัน วัน เช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 83 เอกสารอ้างอิง ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์. (2559). คู่มือสติบำบัด Mindfulness-Based Therapy and Counseling (MBCT) Manual. เอกสารประกอบการอบรม โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ ปีงบประมาณ 2559, สุราษฎร์ธานี. Bobbie Lieberma. (2560). How to Get Started With Meditation. สืบค้นเมื่อ 24 สิงหาคม 2560 จาก https://health.howstuffworks.com/wellness/stressmanagement/how-to-get-started-with-meditation.htm Patcharee Bonkham. (2560). ฝึกการหายใจ ผ่อนคลายความเครียด. สืบค้นเมื่อ 24 สิงหาคม 2560 จาก http://www.thaihealth.or.th/Content/38329-


โปรแกรมจัดการความโกรธด้วยสติบำบัดสำหรับผู้ป่วยจิตเภทที่มีพฤติกรรมรุนแรง 84


Click to View FlipBook Version