สารบญั
คานา
ลทั ธิคูคลกั ซ์แคลน
นิกายลูเทอแรน
ลทั ธิ The Church of Euthanasia
ลทั ธิเต๋า หรือ ศาสนาเต๋า
โปรเตรสแตนท์
ลทั ธิประเทศยะฮ์เวห์
ลทั ธิขงจื๊อ หรือ ศาสนาขงจื๊อ
ลทั ธิคาลวนิ
ชินโต
ลทั ธิไซแอนโทโลยี
นิกายเพรสไบทีเรียน
นิกายโรมนั คาทอลกิ
ศาสนาคริสต์
ศาสนายูดาห์
ศาสนาอสิ ลาม
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ศาสนาซิกข์
ศาสนาบาไฮ
ศาสนาเชน
ไญยนิยม
อเทวนิยม
เทวสั นิยม
ศาสนาบาไฮ
ลทั ธิพน่ี ้องผองผดี ูดเลือด
ลทั ธิขบวนการสร้างสรรค์
ลทั ธิมอร์มอนใหม่
ลทั ธิกงิ่ ก้านแห่งดาวเิ ดยี น
ลทั ธิโบสถ์แห่งมวลมนุษย์
Scientology
NeoNazi
Ku Klux มาจาก Kyklos
The Church of Euthanasia
คาถาม
คานา
หนงั สือศาสนาสากลเล่มน้ีเรียบเรียงข้ึนเพอื่ สาหรับใชป้ ระกอบการเรียนการสอนเสริมสาระท่ี 2 ศาสนา
ศีลธรรมจริยธรรม ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรมซ่ึงเน้ือหาสาระจะละเอียดเพม่ิ
มากข้ึนกวา่ หนงั สือเรียนสาระพ้นื ฐานโดยเนื่องในสาระพ้นื ฐานจะกล่าวเป็นภาพรวมมีลงรายละเอียดในแต่
ละศาสนา
ท้งั น้ีเน้ือหาจะกล่าวถึงศาสนาสากลต่างๆอนั เป็นศาสนาท่ีมีจานวนผนู้ บั ถือมากและเป็นศาสนาที่มีบทบาท
สาคญั ของโลกและเพ่อื สะดวกแก่การทาความเขา้ ใจ
การจดั กลุ่มศาสนา
จะแบ่งไปตามภูมิภาคซ่ึงเป็นแหล่งกาเนิดของศาสนาน้นั โดยจะกล่าวถึงประวตั ิความเป็นมาศาสนานิกาย
พธิ ีกรรมรวมท้งั อธิบายหลกั ธรรมสาคญั ท่ีควรศึกษาเรียนรู้เพือ่ การทาความเขา้ ใจหรืออาจนาไปประยกุ ตใ์ ช้
ในการดารงชีวิตไดอ้ ยา่ งไรกต็ ามผรู้ ับประโยชน์อยา่ งสมบูรณ์ต่อการเรียนการสอนควรศึกษาคน้ ควา้ เพิม่ เติม
จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆประกอบดว้ ยหรือหากมีโอกาสควรเขา้ ไปเรียนรู้วิถีชีวติ และการปฏิบตั ิศาสนกิจของผู้
นบั ถือศาสนาอื่นตามความเหมาะสมกบั กาลเทศะดว้ ยกจ็ ะเป็นประโยชน์อยา่ งยงิ่
นอกจากสาระท่ีเป็นองคค์ วามรู้แลว้ ในเล่มยงั มีผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั เพ่ือใหท้ ราบวตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้
คาถามประจาหน่วยการเรียนรู้เพ่ือใหผ้ อู้ ่านมีทกั ษะการคิดวิเคราะห์ใหด้ ีมากข้ึน
หวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ หนงั สือเล่มน้ีจะช่วยอานวยประโยชนใ์ นการใหท้ ้งั ความรู้และอานวยความสะดวกใน
การศึกษาหาความรู้ไดอ้ ยา่ งดีรวมท้งั ทาใหผ้ อู้ ่านตระหนกั ในความสาคญั และเห็นคุณคา่ ของศาสนาต่างๆที่
เป็นเคร่ืองมือนาทางใหผ้ นู้ บั ถือไดพ้ บกบั ความสุขท่ีแทจ้ ริงของชีวิต
ลทั ธิคูคลกั ซ์แคลน
คือกลุ่มคนที่กลมเกลียวสามคั คีกนั เพื่อกาจดั คนผวิ สี ซ่ึงองคก์ รลบั ที่มีแนวคิดเหยยี ดผวิ สุดโต่ง โดย
มีจุดประสงคส์ าคญั คือ การกาจดั คนผวิ สี ,คนชาวยวิ หรือแมแ้ ต่ชาวคริสตใ์ นนิกายโรมนั คาทอลิกใหห้ มดสิ้น
ไปจากอเมริกา องคก์ รน้ีก่อต้งั ข้ึนเม่ือวนั ที่ 24 ธนั วาคม1865 ท่ีเมืองพลั ลาสกี รัฐเทนเนสซี่ โดยผกู้ ่อต้งั และ
ผนู้ าคนแรกของ คูคลกั ซ์แคลน คือ นาธาน เบด ฟอเรสต์ (Nathan Bed Forrest) ซ่ึงเป็นอดีตนายพลของ
กองทพั ฝ่ ายใต้ ในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกาในช่วงปี 1867 คู คลกั ซ์ แคลน สามารถระดมสมาชิกไดเ้ ป็น
จานวนมากซ่ึงในช่วงน้ีสมาชิกของ คูคลกั ซ์แคลน ไดเ้ ริ่มออกปฏิบตั ิการเพอื่ กาจดั คนผวิ สีในอเมริกาโดย
สมาชิกของ คูคลกั ซ์แคลน จะสวมใส่เคร่ืองแต่งกาย ท่ีมีลกั ษณะเป็นชุดคลุมสีขาวตลอดท้งั ตวั เพอ่ื ใหเ้ กิด
ความน่ากลวั ตอ่ ผทู้ ่ีพบเห็น โดยสมาชิกเหล่าน้ี จะออกเดินทางไปยงั ท่ีต่าง ๆ ในช่วงยามค่าคืน เพ่ือทาการ
ขม่ ข่คู นผวิ สี รวมไปถึงคนอเมริกนั ผวิ ขาว ท่ีสนบั สนุนสิทธิเสรีภาพของคนผวิ สีซ่ึงการแต่งกายในลกั ษณะ
เช่นน้ียงั สามารถปกปิ ดหนา้ ตา และอาพรางตนไดเ้ ป็นอยา่ งเพราะ สมาชิกบางคนของ คูคลกั ซแ์ คลน เป็นคน
ที่มีช่ือเสียงเท่ีนบั หนา้ ถือตาและเป็นคนท่ีมีอิทธิพลในทอ้ งถ่ินอีกดว้ ย
ต่อมาการเคลื่อนไหวขององคก์ ร คูคลกั ซ์แคลน เร่ิมมีความรุนแรงและโหดเห้ียมเป็นอยา่ งมาก มีท้งั
การรุมทาร้าย เผาบา้ น ปลน้ จ้ี ข่มขืน รวมไปถึงนาคนผวิ สี และคนผวิ ขาวที่สนบั สนุนคนผวิ สี มาแขวนคอ
อยา่ งป่ าเถื่อน โดยไม่เกรงกลวั ต่อกฎหมายบา้ นเมือง ในสมยั ของประธานาธิบดียลู ิสซิส เอส. แกรนต์
(Ulysses S. Grant) ไดม้ ีการประกาศวา่ คูคลกั ซ์แคลน เป็นกลุ่มก่อการร้ายท่ีเป็นภยั ร้ายแรงต่อสหรัฐอเมริกา
ดว้ ยเหตนุ ้ีประธานาธิบดีแกรนต์ จึงสง่ั การใหก้ วาดลา้ ง คูคลกั ซ์แคลน อยา่ งเดด็ ขาดในช่วงปี 1868 จนถึง
1870 ในทา้ ยที่สุดในช่วงปี 1871 คูคลกั ซ์แคลน กถ็ ูกกวาดลา้ งจนราบคาบแต่วา่ ในเวลาต่อมา องคก์ รได้
เหยยี ดผวิ สุดโต่งน้ี จะยงั คงปรากฏอยใู่ นสงั คมของอเมริกาเรื่อยมา คูคลกั ซ์แคลน ยงั คงฝังรากลึกอยภู่ ายใน
จิตใจชาวอเมริกนั บางส่วน ท่ีพวกเขายงั ความสุดโต่ง เหยยี ดสีผวิ และดูถูกความเป็นคนอยู่ จนถึงปัจจุบนั น้ี
นิกายลูเทอแรน
มีหลกั ความเช่ือดงั น้ี
1. ผชู้ อบธรรมจะตอ้ งดารงชีวิตดว้ ยความเชื่อเท่าน้นั (The Just shall live by Faith alone) คือยนื ยนั วา่ ชีวติ นิ
รันดร์และความรอด เป็นรางวลั ที่พระเจา้ ประทานใหแ้ ก่ผทู้ ี่มีความเช่ือในพระองค์ และการไถ่บาปไดม้ าจาก
พระคุณของพระเจา้ เท่าน้นั ซ่ึงเป็นการต่อตา้ นความเชื่อของสถาบนั สนั ตะปาปา เก่ียวกบั ความจาเป็นของ
พธิ ีกรรมทางศาสนาเพือ่ ความรอดและการไถ่บาป
2. ผทู้ ี่เช่ือทุกคนคือผรู้ ับใชพ้ ระเจา้ (Priesthood of all Believers) คือการยกเลิกนกั บวชในศาสนาวา่ เป็นผกู้ มุ
กรรมสิทธ์ิในการติดต่อกบั พระเจา้ ตามการกล่าวอา้ งของศาสนจกั ร แต่เนน้ สิทธิของแต่ละบุคคลท่ีจะ
สามารถมีความสมั พนั ธโ์ ดยตรงกบั พระเจา้ ได้
3. เชื่อในคาตรัสของพระเยซูในการรับประทานอาหารค่าม้ือสุดทา้ ย (The Last Supper) ซ่ึงเป็นพธิ ีกรรมท่ีถือ
วา่ มีความหมายยงิ่ ของศาสนาเพราะเป็นการสื่อสมั พนั ธร์ ะหวา่ งพระเยซูและมนุษย์
4. สิทธิอานาจสูงสุดมีสิ่งเดียวคือ ”พระวจนะของพระเจา้ ” (Word of God) นนั่ คือพระวจนะท่ีอยใู่ นพระ
คมั ภีร์ไบเบิล, พระวจนะท่ีไดย้ นิ จากคาเทศนบ์ นธรรมมาสน์ และพระวจนะที่อยใู่ นพธิ ีบพั ติสมาและศีลมหา
สนิท ดงั น้นั จึงเป็นการยกเลิกการยอมรับตามสถาบนั สนั ตะปาปาที่วา่ ที่มาแห่งสิทธิอานาจในศาสนา
ประกอบดว้ ยพระคมั ภีร์ พิธีกรรม และศาสนจกั รคือเป็นการประกาศยกเลิกอานาจของสนั ตะปาปานนั่ เอง
5. เชื่อในพระประสงคแ์ ละน้าพระทยั ของพระเจา้ ท่ีมนุษยไ์ ม่สามารถเขา้ ใจพระองค์ ทาใหม้ นุษยไ์ ร้
ความหมายที่จะกระทาส่ิงใดดว้ ยใจอิสระของตนเองเพ่ือเปล่ียนแปลงพระประสงค์ และน้าพระทยั ของพระ
เจา้ ได้
โดยขอ้ คิดท้งั หมดน้ีถือเป็นหลกั ของ ”กลุ่มคริสตจกั รปฏิรูป” (Reformed Church) ซ่ึงประกาศเป็นทางการใน
ปี ค.ศ. 1530 ณ การประชุมท่ีเอากส์ บูร์ก (The Diet of Augsburg) ที่แบง่ แยกผตู้ ิดตามลูเทอร์เป็นนิกายใหม่
แยกจากคริสตจกั รท่ีโรม เอกสารรวมความเช่ือน้ีเรียกวา่ เอกสาร ”การสารภาพแห่งเมืองเอากส์ บูร์ก” (The
Confession of Augsburg) ซ่ึงเรียกรวมขบวนการปฏิรูปศาสนาท่ีแยกตวั จากโรมน้ีเรียกวา่ พวกโปรเตสแตนต์
(The Protestants)
หลงั จากการประทว้ งดงั กล่าวไดท้ าใหเ้ กิดคลื่นกระแสการปฏิรูปศาสนาในยโุ รปขยายออกไป เริ่มจากใน
เยอรมนีโดยลูเทอร์ ไปสวสิ เซอร์แลนดโ์ ดยฮุลดริช ซวิงลี (Huldrych Zwingli ค.ศ. 1484-1531), ในฝรั่งเศส
โดยจอห์น คาลวนิ (John Calvin ค.ศ. 1509-1564) และกลายเป็นลทั ธิคาลวนิ (Calvinism) ซ่ึงแพร่หลายอยา่ ง
รวดเร็วไปยงั เนเธอร์แลนด์ เบลเยยี ม ฮงั การี สกอตแลนด์ และโปแลนด์ ในประเทศองั กฤษ พระเจา้ เฮนรีที่ 8
(ค.ศ. 1509-1547) ซ่ึงประสงคจ์ ะหยา่ จากพระมเหสีเพ่อื จะอภิเษกสมรสกบั คนใหม่ เพราะคนเดิมไม่สามารถ
มีพระโอรสเพื่อสืบราชบลั ลงั ก์ แต่พระสนั ตะปาปาไม่อนุญาตใหห้ ยา่ องั กฤษจึงแยกจากโรมนบั แตน่ ้นั โดย
ต้งั องคก์ ารข้ึนมาใหม่เรียกวา่ ”คริสตจกั รแห่งองั กฤษ” (Church of England) ซ่ึงพระองคท์ รงดารงตาแหน่ง
ประมุขเสียเอง ซ่ึงนิกายแองกลิคนั น้ียงั คงรักษาหลกั สาคญั บางประการของคาทอลิกไวเ้ พยี งแต่ไม่ยอมรับ
อานาจการปกครองของสนั ตะปาปาเท่าน้นั
ลทั ธิ The Church of Euthanasia
ก่อต้งั โดย Chris Korda เริ่มตน้ จากการสร้างเวบ็ ไซตไ์ ม่หวงั ผลกาไร แตห่ ลกั คาสอนของลทั ธิน้ีกลบั ส่งเสริม
ใหค้ นฆ่าตวั ตาย หรือมีเซ็กซ์แบบพิสดาร ยงิ่ ไปกวา่ น้นั ยงั มีการกินซากศพของคนท่ีตายไปแลว้ อีกดว้ ย! ทวา่
หลกั คาสอนของลทั ธิน้ีกม็ ีขอ้ แมอ้ ยบู่ า้ ง เช่น การฆาตกรรม หรือการมีเซ็กซ์น้นั ตอ้ งกระทาดว้ ยความสมคั รใจ
ในเวบ็ ไซตข์ องลทั ธิน้ีถึงข้นั มีการแนะนาวธิ ีฆ่าตวั ตาย จนส่งผลใหส้ ตรีคนหน่ึงฆ่าตวั ตายดว้ ยวธิ ีการน้ีข้ึนมา
จริงๆ ลทั ธิดงั กล่าวจึงกลายเป็นส่ิงผดิ กฎหมายไปในท่ีสุด
ลทั ธิเต๋า หรือ ศาสนาเต๋า
เป็นปรัชญาและศาสนาท่ีมีตน้ กาเนิดในประเทศจีน เนน้ การใชช้ ีวติ กลมกลืนกบั เต๋า ซ่ึงเป็นแนวคิดหลกั ใน
สานกั ปรัชญาจีนส่วนใหญ่ แต่ในศาสนาเต๋า เต๋าหมายถึงตน้ กาเนิด แบบแผน และสารัตถะของสรรพสิ่ง
[1][2] ไม่เนน้ เร่ืองพิธีกรรมซบั ซอ้ นและระเบียบสงั คมอยา่ งลทั ธิขงจื๊อ[1] แมล้ ทั ธิเต๋าในแต่ละนิกายจะมีคา
สอนดา้ นจริยธรรมแตกต่างกนั แต่โดยทว่ั ไปเนน้ หลกั การเดียวกนั คือ "อู๋เวย่ " หรือ ความไร้เจตนา ความเป็น
ธรรมชาติ และความเรียบง่าย กบั สมบตั ิสามประการ ไดแ้ ก่ 慈 ความเมตตา 儉 ความมธั ยสั ถ์ และ 不敢
為天下先 ความอ่อนนอ้ มถ่อมตน
สัญลกั ษณ์ หยนิ -หยาง
ศาสนาเต๋ากาเนิดข้ึนราวศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตศ์ กั ราช[3] โดยรับแนวคดิ ทางจกั รวาลวิทยาจากสานกั ยนิ ห
ยาง และแนวปฏิบตั ิตนใหส้ อดคลอ้ งกบั วฏั จกั รของธรรมชาติตามคมั ภีร์อ้ีจิง ต่อมาใชเ้ ตา้ เต๋อจิงของเล่าจ๊ือ
และคมั ภีร์จวงจ๊ือเป็นคมั ภีร์หลกั ประจาศาสนา ถึงสมยั ราชวงศฮ์ นั่ ลทั ธิเต๋าในจก๊ ก๊กเร่ิมมีองคก์ รและ
พิธีกรรมเป็นระบบ[4] จนถึงปัจจุบนั ศาสนาเต๋าแบ่งเป็น 2 นิกายหลกั คือ สานกั ฉวนเจินและสานกั เจิ้งอี หลงั
สมยั ของเล่าจ๊ือและจวงจื๊อ มีการจดั สารบบวรรณกรรมศาสนาเต๋าต่าง ๆ จนไดเ้ ป็นคมั ภีร์เตา้ จ้งั และพิมพ์
เผยแพร่ตามรับสง่ั ของจกั รพรรดิจีน และเป็นศาสนาประจาชาติจีนมาตลอดจนหลงั คริสตศ์ ตวรรษที่ 17 จึง
ไม่ไดอ้ ยใู่ นอุปถมั ภข์ องราชสานกั
ปัจจุบนั ศาสนาเต๋าเป็นหน่ึงในหา้ ศาสนาที่ไดร้ ับการรับรองอยา่ งเป็นทางการในประเทศจีนและประเทศ
ไตห้ วนั แมศ้ าสนาน้ีจะไม่แพร่หลายนอกประเทศจีนนกั [5] แต่กพ็ บวา่ มีศาสนิกชนจานวนหน่ึงในฮ่องกง มา
เก๊า และเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้
โปรเตรสแตนท์
นิกายโปรเตสแตนตม์ ีกาเนิดมาจากความคดิ เห็นที่แตกแยกกนั ในเร่ืองความเช่ือและการใชช้ ีวิตของคริสตชน
โดยคาวา่ "โปรเตสแตนต"์ (Protestant) แปลวา่ "ผปู้ ระทว้ ง" หรือ "ผคู้ ดั คา้ น" แยกตวั ออกมาจากคริสตจกั ร
โรมนั คาทอลิกในปี ค.ศ. 1529 โดย มาร์ติน ลูเทอร์ และผสู้ นบั สนุน ในช่วงท่ีคริสตจกั รคาทอลิกเกิดปัญหา
ข้ึนมากมาย
มาร์ติน ลูเทอร์ (10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1483-1546) เกิดที่เมืองไอสเลเบน รัฐซคั เซิน ประเทศเยอรมนี บิดา
มารดาเป็นคนยากจนและไมไ่ ดร้ ับศึกษา เม่ือเติบโตข้ึนกไ็ ม่มีเงินจะใหล้ ูเทอร์เขา้ โรงเรียน ลูเทอร์ตอ้ งเท่ียว
ร้องเพลงขอทานตามบา้ นต่าง ๆ เพอื่ หาเงินมาจ่ายคา่ เล่าเรียนในโรงเรียน เผอิญมีหญิงมง่ั คงั่ คนหน่ึงเกิดความ
เมตตาไดช้ ่วยเหลือใหเ้ ขา้ มหาวทิ ยาลยั เม่ือ ค.ศ. 1500
ลูเทอร์ไดศ้ ึกษาเทววิทยา วรรณคดี ดนตรี และที่เอาใจใส่มากท่ีสุดคือกฎหมาย บิดาของลูเทอร์กป็ รารถนา
ใหล้ ูเทอร์เป็นนกั กฎหมาย แต่เม่ืออายุ 22 ปี เกิดเหตุการณ์หน่ึงคือเพอื่ นของลูเทอร์ถูกฆ่าตายในระหวา่ งดวล
ต่อสูก้ บั บุคคลหน่ึง ทาใหล้ ูเทอร์กลายเป็นคนกลวั ผี ข้ีขลาด ต่อมาอีก 2-3 วนั ลูเทอร์จะเขา้ ประตูมหาวิทยาลยั
กเ็ กิดฝนตกฟ้าร้อง ฟ้าผา่ มาใกล้ ๆ ลูเทอร์ไดอ้ ธิษฐานวา่ ถา้ รอดพน้ ไปไดจ้ ะบวชเป็นพระ
ต่อมาในไม่ชา้ ในวนั ท่ี 17 มกราคม ค.ศ. 1505 ลูเทอร์กเ็ ขา้ ไปอยใู่ นอารามคณะออกสั ติเนียนในมหาวทิ ยาลยั วิ
ทเทนแบร์ก ต้งั หนา้ ศึกษาคมั ภีร์ไบเบิลอยา่ งเอาใจใส่ เป็นคนเฉลียวฉลาด พดู เก่ง จนในท่ีสุดกไ็ ดเ้ ป็นอาจารย์
ในมหาวทิ ยาลยั น้นั
ในปี ค.ศ. 1511 ขณะที่ใชช้ ีวติ อยใู่ นอาราม ลูเทอร์ไดม้ ีโอกาสไปแสวงบุญที่โรม และไดพ้ บเห็นชีวติ ของ
พระสนั ตะปาปาโอ่โถงหรูหราจนเกือบไมม่ ีกษตั ริยอ์ งคใ์ ดสูไ้ ด้ และเห็นวา่ นกั บวชไม่ควรดาเนินชีวิตอยา่ ง
น้นั
จนในปี ค.ศ. 1515 สมเดจ็ พระสนั ตะปาปาลีโอท่ี 10 อยากจะสร้างโบสถใ์ หง้ ดงามสมตาแหน่งจึงไดต้ ้งั
บญั ญตั ิใหม่วา่ ถึงแมจ้ ะทาความผดิ เป็นอุกฉกรรจม์ หนั ตโทษเพยี งไร กส็ ามารถลา้ งบาปไดโ้ ดยซ้ือใบยกโทษ
บาป และบรรดานายธนาคารท้งั หลายในประเทศต่าง ๆ กต็ กลงเป็นเอเยนตร์ ับฝากเงินที่คนท้งั หลายจะชาระ
ลา้ งบาปโดยไม่ตอ้ งส่งไปกรุงโรม ลูเทอร์ไดเ้ ริ่มวิพากษว์ จิ ารณ์ และเรียกประชุมผรู้ ู้ท้งั หลายมาปรึกษา
โตเ้ ถียงกบั บญั ญตั ิใหม่
จนเดือนตุลาคม ค.ศ. 1517 ลูเทอร์ไดน้ าประกาศที่เรียกวา่ ”ญตั ติ 95 เรื่อง” (The 95 Theses) ไปปิ ดไวท้ ี่ประตู้
หนา้ โบสถเ์ มืองวทิ เทนแบร์ก ซ่ึงมีเน้ือหาประณามการขายใบไถ่บาปของสมเดจ็ พระสนั ตะปาปา และการ
กระทาท่ีเหลวแหลกอื่น ๆ ความคิดของลูเทอร์ไดร้ ับการสนบั สนุนจากมหาชนเยอรมนั เป็นจานวนมาก แลว้
แพร่หลายออกไปทว่ั ทวีปยโุ รป
การเคล่ือนไหวดงั กล่าวทาใหส้ มเดจ็ พระสนั ตะปาปาและฝ่ ายมุขนายกไม่พอใจ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1520
ลูเทอร์ไดร้ ับหมายขบั ออกจากศาสนจกั ร (Excommunication) ทาใหล้ ูเทอร์ตอ้ งออกจากเขตปกครองของ
จกั รพรรดิ ไปหลบท่ีวอร์มส์พร้อมกบั ผตู้ ิดตามอีกจานวนหน่ึง ท่ีนนั่ ท่านไดแ้ ปลพนั ธสญั ญาใหม่เป็น
ภาษาเยอรมนั และไดเ้ ขียนงานเกี่ยวกบั พธิ ีกรรมต่าง ๆ ซ่ึงมีท้งั มิสซาและพิธีศกั ด์ิสิทธ์ิ (Sacraments) ซ่ึงลู
เทอร์ต้งั ใจท่ีจะใหช้ าวบา้ นซ่ึงไม่เขา้ ใจภาษาละติน สามารถเขา้ ถึงหลกั คาสอนและมีส่วนร่วมในพธิ ีกรรมต่าง
ๆ ได้
เป็นนิกายหน่ึงในศาสนาคริสต์ ใชห้ มายถึงคริสตศ์ าสนิกชนใด ๆ ท่ีไม่ใช่โรมนั คาทอลิกและออร์ทอดอกซ์
โปรเตสแตนตเ์ ป็นขบวนการศาสนาท่ีมีจุดเร่ิมตน้ ที่ประเทศเยอรมนีช่วงตน้ คริสตศ์ ตวรรษที่ 16 เพอื่ คดั คา้ น
หลกั ความเชื่อและการปฏิบตั ิแบบโรมนั คาทอลิก โดยเฉพาะในประเดน็ ที่เก่ียวกบั ความรอด การทาใหช้ อบ
ธรรม และคริสตจกั รวทิ ยา โปรเตสแตนตแ์ บ่งออกเป็นหลายคริสตจกั รยอ่ ย ซ่ึงยดึ หลกั ความเชื่อแตกต่างกนั
ไป แต่โดยทวั่ ไปจะยอมรับหลกั การเหมือนกนั วา่ มนุษยจ์ ะเป็นคนชอบธรรมไดก้ โ็ ดยอาศยั พระคุณจากพระ
เจา้ ผา่ นทางความเชื่อเท่าน้นั (เรียกวา่ หลกั โซลากราเซียและโซลาฟี เด) เชื่อวา่ ผเู้ ช่ือทุกคนเป็นปุโรหิต และ
คมั ภีร์ไบเบิลมีอานาจสูงสุดในการกาหนดหลกั ความเช่ือและศีลธรรม (เรียกวา่ หลกั โซลาสกริปตูรา)
ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 16 ศิษยข์ องมาร์ติน ลูเทอร์ ไดต้ ้งั คริสตจกั รอิแวนเจลิคลั แห่งเยอรมนีและสแกนดิเนเวยี
ข้ึน ส่วนคริสตจกั รปฏิรูปในประเทศฮงั การี สวติ เซอร์แลนด์ สกอตแลนด์ และฝรั่งเศส ต้งั ข้ึนโดยฌอ็ ง กาล
แวง็ และนกั ปฏิรูปศาสนาคนอ่ืน ๆ เช่น ฮุลดริช ซวิงลี นอกจากน้ียงั มีจอห์น น็อกซ์ ที่ต้งั คริสตจกั รปฏิรูปใน
ฮงั การีข้ึน ในประเทศองั กฤษการปฏิรูปศาสนานาโดยคริสตจกั รแห่งองั กฤษ และยงั มีขบวนการปฏิรูป
ศาสนาอีกหลายกลุ่มเกิดข้ึนทว่ั ยโุ รปภาคพ้นื ทวีป เช่น การปฏิรูปแบบรุนแรง ซ่ึงเป็นตน้ กาเนิดของกลุ่มอ
นาแบบ๊ ติสต์ โมราเวียน และขวนการไพเอทิสตอ์ ื่น ๆ
ลทั ธิประเทศยะฮ์เวห์
เป็นกลุ่มลทั ธิที่ก่อต้งั ในปี 1979 ในไมอามี่ โดยยะเวห์ เบน ยะฮเ์ วห์(Yahweh Ben Yahweh) แตกหน่อจาก
แบลค็ ฮิบรูของอิสราเอล เป้าหมายคือกาหราบชนผวิ ขาว และกล่าววา่ คนผวิ ดา “คือชาวยวิ ที่แทจ้ ริง คนผวิ
ขาวคือ “ปี ศาจสีขาว” และอา้ งวา่ พระเจา้ และศาสนดาทุกศาสนามีผวิ ดาและคนดาสามารถเรียนรู้
ประวตั ิศาสตร์ผา่ นเขา และจงรักภกั ดีต่อตนเองที่เป็นบุตรองพระเจา้ ยะฮเ์ วห์ โดยลทั ธิน้ีไดส้ ร้างชุมชนของ
ชาวผวิ ดาในไมอาม่ี เขาไดเ้ ป็นท่ีเคารพในชุมชนถึงข้นั ประกาศวนั ท่ี 7 ตุลาคม 1990 เป็นวนั ยะฮเ์ วห์ เบน
ยะฮเ์ วห์เดย์ แต่กระน้นั ลทั ธิน้ีถูกต่อตา้ นจากหลายฝ่ าย เนื่องจากใชค้ วามยากจนของผลเพือ่ ผลประโยชน์ และ
แบ่งแยกเช้ือชาติ ในช่วงปี 1990 เขาถูกตอ้ งขอ้ หาสมรู้ร่วมคิดคดีฆาตกรรม แมว้ า่ จะรอดพน้ กฎหมายแต่เขา
ถูกสงั่ หา้ มไม่ใหต้ ิดต่อกบั ชุมชนและหา้ มสื่อสารกบั สงั คมภายนอกใดๆ ท้งั สิ้น จนกระท้งั เขาไดเ้ ม่ือวนั ที่ 7
พฤษภาคม 2007 ทาใหก้ ลุ่มน้ีแตกแยกและกระจดั กระจายไปทว่ั อเมริกาในที่สุด
ลทั ธิขงจื๊อ หรือ ศาสนาขงจ๊ือ
เป็นระบบดา้ นจริยธรรมและปรัชญาของจีน ซ่ึงพฒั นาจากการสอนของขงจื๊อ (551 - 479 ปี ก่อน ค.ศ.) นกั
ปรัชญาชาวจีน ลทั ธิขงจ๊ือถือกาเนิดข้ึนเป็น "งานสอนดา้ นจริยธรรม-สงั คมการเมือง" ในยคุ ชุนชิว แต่
ภายหลงั พฒั นาส่วนที่เป็นอภิปรัชญาและจกั รวาลวิทยาในสมยั ราชวงศฮ์ นั่ [2] หลงั การละทิ้งลทั ธิฟาเฉียใน
ประเทศจีนหลงั ราชวงศฉ์ ิน ลทั ธิขงจ๊ือไดก้ ลายมาเป็นอุดมการณ์แห่งรัฐอยา่ งเป็นทางการของจีน กระทงั่ ถูก
แทนที่ดว้ ย "หลกั 3 ประการแห่งประชาชน" ของนายแพทย์ ซุนจงซาน เมื่อมีการสถาปนาสาธารณรัฐจีน
ตามดว้ ยคอมมิวนิสตล์ ทั ธิเหมาหลงั สาธารณรัฐจีนถูกแทนท่ีดว้ ยสาธารณรัฐประชาชนจีนในจีนแผน่ ดินใหญ่
หอตา้ เฉิง (Dàchéng) อาคารหลกั ของวดั ขงจื๊อในชูฟ่ ู
มนุษยนิยมเป็นแก่นของลทั ธิขงจ๊ือ[3] ซ่ึงเป็นความเช่ือที่วา่ มนุษยส์ ามารถสอน พฒั นาและทาใหส้ มบูรณ์ได้
ผา่ นความพยายามส่วนตนและร่วมกบั สงั คม โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การฝึกตนและการเกิดข้ึนเอง (self-creation)
ลทั ธิขงจื๊อมุ่งเนน้ การพฒั นาคุณธรรมและการธารงรักษาจริยธรรม โดยมีหลกั พ้นื ฐานท่ีสุด คือ เหริน (rén) ย่ี
(yì) และหล่ี (lǐ)[4] เหรินเป็นขอ้ ผกู มดั ปรัตถนิยมและความมีมนุษยธรรมแก่ปัจเจกบุคคลอื่นภายในชุมชน ยี่
เป็นการค้าจุนความชอบธรรมและอุปนิสยั ทางศีลธรรมในการทาดี และหล่ีเป็นระบบจารีตและความ
เหมาะสมซ่ึงตดั สินวา่ บุคคลควรปฏิบตั ิตนอยา่ งไรใหเ้ หมาะสมภายในชุมชน[4] ลทั ธิขงจื๊อถือวา่ บุคคลควร
ยอมถวายชีวิตให้ หากจาเป็น เพือ่ อุทิศแก่การค้าจุนคา่ นิยมทางศีลธรรมหลกั เหรินและย[่ี 5] ผนู้ บั ถือลทั ธิ
ขงจ๊ืออาจเป็นผเู้ ชื่อในศาสนาพ้ืนบา้ นของจีนดว้ ยกไ็ ด้ เพราะลทั ธิขงจ๊ือเป็นอุดมการณ์มนุษยนิยมและอเทวนิ
ยม และไม่ขอ้ งเกี่ยวกบั ความเช่ือในส่ิงเหนือธรรมชาติหรือในพระเจา้ ที่มีตวั ตน[6]
หลายวฒั นธรรมและประเทศไดร้ ับอิทธิพลอยา่ งมากจากลทั ธิขงจ๊ือ รวมท้งั จีนแผน่ ดินใหญ่ ไตห้ วนั เกาหลี
ญ่ีป่ ุน และเวยี ดนาม เช่นเดียวกบั อีกหลายดินแดนท่ีชาวจีนเขา้ ไปต้งั รกรากจานวนมาก เช่น สิงคโปร์ แม้
แนวคดิ ลทั ธิขงจื๊อจะแพร่หลายในพ้นื ที่เหล่าน้ี มีคนส่วนนอ้ ยนอกแวดวงวิชาการท่ีระบุวา่ ตนเองเป็นผนู้ บั ถือ
ลทั ธิขงจ๊ือ[7][8] และกลบั เห็นวา่ จริยศาสตร์ขงจ๊ือเป็นแนวปฏิบตั ิเติมเตม็ สาหรับอุดมการณ์และความเชื่ออ่ืน
มากกวา่ ซ่ึงมีท้งั ประชาธิปไตย มากซิสต์ ทุนนิยม ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาพทุ ธ
ลทั ธิคาลวนิ
ขนบปฏิรูป (Reformed tradition) หรือ เทววิทยาปฏิรูป เป็นเทววิทยาศาสนาคริสตน์ ิกายโปรเตสแตนต์ ท่ีถือ
แนวคาสอนและการปฏิบตั ิตามการตีความของฌอ็ ง กาลแวง็ และนกั เทววิทยาอื่น ๆ ช่วงการปฏิรูปศาสนา
ลทั ธิคาลวินแตกหกั กบั คริสตจกั รโรมนั คาทอลิก จึงนบั เป็นฝ่ ายโปรเตสแตนต์ แต่กต็ ่างจากโปรเตสแตนต์
สายอื่น ๆ เช่น ลูเทอแรน ในประเดน็ ต่าง ๆ เช่น พระเยซูในพิธีมหาสนิทศกั ด์ิสิทธ์ิ หลกั บงั คบั ในการ
นมสั การ การบงั คบั ใชก้ ฎของพระเจา้ กบั คริสตชน[1][2] การเรียกเทววิทยาสายน้ีวา่ "ลทั ธิคาลวิน" ค่อนขา้ ง
คลาดเคล่ือน เพราะในความเป็นจริง เป็นเทววิทยาท่ีมีแนวคิดหลากหลาย ไม่ไดจ้ ากดั เฉพาะกบั ฌอ็ ง กาลแวง็
ผกู้ ่อต้งั เพยี งคนเดียว นกั เทววิทยากลุ่มน้ีถูกฝ่ ายลูเทอแรนเรียกวา่ "ลทั ธิคาลวนิ " แต่ในภายในสายมกั ใชค้ าวา่
คณะปฏิรูป มากกวา่ [3] นบั แต่มีการโตแ้ ยง้ อาร์มิเนียน ฝ่ ายปฏิรูปกแ็ บ่งออกเป็นสองสาย คือ สายคาลวนิ
และ สายอาร์มิเนียน แต่ปัจจุบนั มกั ใชค้ าวา่ คณะปฏิรูป ในเชิงไวพจนก์ บั ลทั ธิคาลวินมากกวา่ [4][5]
นกั เทววิทยาสายปฏิรูปท่ีมีบทบาทสาคญั ในยคุ ตน้ ๆ ไดแ้ ก่ ฌอ็ ง กาลแวง็ มาร์ทิน บูเคอร์ ไฮน์ริช บุลลิงเงอร์
และปี เอโตร มาร์ตีเร แวร์มิกลี จุดเด่นของลทั ธิคาลวนิ มีอยู่ 5 ประเดน็ ที่เป็นที่รู้จกั ที่สุดคือความเชื่อเรื่องเทว
ลิขิตและมนุษยเ์ สื่อมทรามโดยสิ้นเชิง
ประเดน็ 5 ขอ้ ของลทั ธิคาลวิน (5 Points of Calvinism; TULIP) ไดแ้ ก่
ความเสื่อมทรามโดยสิ้นเชิง (Total Depravity) - เช่ือในหลกั เรื่องบาปกาเนิด วา่ มนุษยโ์ ดยธรรมชาติเป็นคน
ชวั่ ร้ายหมด จึงไม่มีใครจะถึงความรอดไดเ้ อง
การทรงเลือกโดยปราศจากเงื่อนไข (Unconditional Election) - พระเจา้ ไดเ้ ลือกผทู้ ่ีจะไดอ้ ยบู่ นสวรรคแ์ ละอยู่
ในนรกไวแ้ ลว้ ความเชื่อ การกระทาใด ๆ กต็ าม ไม่มีผลต่อความรอด ดว้ ยเหตุผลตามขอ้ แรก
การไถ่บาปอยา่ งจากดั (Limited Atonement) - พระทรมานของพระเยซูเป็นไปเพอ่ื ผทู้ ี่ถูกเลือกใหอ้ ยบู่ น
สวรรคแ์ ลว้ เท่าน้นั ไม่รวมถึงผทู้ ี่ไม่ไดท้ รงเลือก
พระคุณที่ไม่อาจขดั ขวางได้ (Irresistable Grace) - การท่ีผเู้ ช่ือเริ่มเชื่อในพระเจา้ ไมไ่ ดเ้ ป็นเพราะผนู้ ้นั แต่เป็น
เพราะพระเจา้
การทรงพิทกั ษร์ ักษาวสิ ุทธิชน (Perseverance of the Saints) - เมื่อเป็นธรรมิกชนไดร้ ับความรอดแลว้ กจ็ ะ
ไดร้ ับความรอดตลอดไป ไมม่ ีเสื่อม
ชินโต
เป็นลทั ธิตามความเช่ือเดิมของชาวญ่ีป่ ุน คาวา่ ชินโต มาจากตวั อกั ษรจีน หรือคนั จิ 2 ตวั รวมกนั คือ ชิน
(ญี่ป่ ุน: 神 โรมาจิ: shin, kami) หมายถึงเทพเจา้ (ภาษาจีน: 神, พินอิน: shén, เสิน) และ โต (ญี่ป่ นุ : 道 โร
มาจิ: tō, do) หมายถึงวถิ ีทางหรือศาสตร์วชิ า (ภาษาจีน: 道, พินอิน: dào, เตา้ ) หรือ เต๋า ในลทั ธิเต๋านน่ั เอง
เมื่อรวมกนั แลว้ จะหมายถึงศาสตร์แห่งเทพเจา้ หรือวิถีแห่งเทพเจา้ (ญ่ีป่ ุน: かみのみち โรมาจิ: kami
no michi) ชินโตของญี่ป่ ุนมีตานานความเชื่อวา่ เทพเจา้ มีมากมายนบั ไม่ถว้ น ท้งั ในป่ า บนภูเขา ทะเล แม่น้า
ลาธาร ในสายลม แมแ้ ต่ในบา้ นเรือนและเรือกสวนไร่นาในธรรมชาติที่ที่มีความบริสุทธ์ิลว้ นเป็นท่ีสถิตของ
เทพเจา้ ไดท้ ้งั สิ้น จึงมีคาที่วา่ "เทพแปดลา้ นองค"์ (ญ่ีป่ ุน: 八百万神 (やおよろずのかみ) โร
มาจิ: Yaoyorozu no Kami) เป็นการรวมคาเพอื่ แสดงวา่ มีทวยเทพอยมู่ ากมาย[1]
โทะริอิ ท่ี ศาลเจา้ อิสึกชุ ิมะ สญั ลกั ษณ์ที่สาคญั ของชินโต
ปัจจุบนั น้ี ลทั ธิชินโตถือใหเ้ ป็นลทั ธิความเชื่อพ้นื เมืองประจาประเทศญ่ีป่ ุน พิธีกรรมของลทั ธิชินโตน้ีมาจาก
วฒั นธรรมทอ้ งถ่ินและธรรมเนียมปฏิบตั ิต่าง ๆ ในยคุ ก่อนประวตั ิศาสตร์ แต่กไ็ มไ่ ดถ้ ือเป็นพิธีกรรมอยา่ ง
เป็นทางการ จนกระทง่ั ศาสนาพทุ ธและลทั ธิขงจ๊ือกบั ลทั ธิเต๋า รวมท้งั ภายหลงั ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม
ไดเ้ ริ่มใหเ้ ขา้ มาในประเทศญี่ป่ ุน ต้งั แต่ศตวรรษที่ 6 พิธีกรรมของลทั ธิชินโตไดถ้ ูกบนั ทึกและบญั ญตั ิเป็นคร้ัง
แรกในคมั ภีร์โคะจิคิ (ญี่ป่ ุน: 古事記 โรมาจิ: Kojiki) และจดหมายเหตุนิฮงโชะกิ (ญี่ป่ ุน: 日本書紀
โรมาจิ: Nihon Shoki) ในศตวรรษท่ี 8 เพอ่ื ตอบโตศ้ าสนาที่มีระดบั ความพฒั นามากกวา่ จากแผน่ ดินใหญ่
อยา่ งไรกต็ าม งานเขียนในยคุ แรกๆกย็ งั มิไดบ้ ่งบอกวา่ เป็น ลทั ธิชินโต แต่งานเขยี นในสมยั ต่อมากไ็ ดบ้ ่งช้ี
อยา่ งชดั เจน พร้อมขนบธรรมเนียบของสงั คมเกษตรกรรมและเทศกาลประจาปี เขา้ ไปดว้ ย รวมไปถึงความ
เชื่อเร่ืองเทพปกรณมั และการกาเนิดโลกตา่ ง ๆ ซ่ึงเล่าถึงตน้ กาเนิดของชนชาติญ่ีป่ ุน ส่วนใหญ่จะหมายถึงเช้ือ
สายยะมะโตะ (ญี่ป่ ุน: 大和民族 โรมาจิ: Yamato-minzoku) และอิสึโมะ (ญ่ีป่ ุน: 出雲 โรมาจิ:
Izumo) ในสมยั น้นั พทุ ธศาสนาไดแ้ พร่จากจีนเขา้ สู่ญี่ป่ ุน และมีผสมผสานความเชื่อด้งั เดิม อยา่ งเช่น ความ
เชื่อเรื่องเทพเจา้ ในลทั ธิชินโตและความเชื่อเร่ืองพระโพธิสัตวใ์ นศาสนาพทุ ธในประเทศญี่ป่ ุน เป็นตน้
ปัจจุบนั น้ี ลทั ธิชินโตถูกจดั ใหเ้ ป็นลทั ธิบชู าเทพเจา้ หลายองค์ หรือ พหุเทวนิยม และลทั ธิบูชาภูตผวี ิญญาณ ท่ี
เนน้ ความบริสุทธ์ิของพิธีกรรมเป็นอยา่ งมาก รวมถึงยกยอ่ งเกียรติและความมีตวั ตนของเทพเจา้ (ญ่ีป่ ุน: 神
โรมาจิ: kami) ซ่ึงมีท้งั เทพเจา้ ที่มีมาจากการยกบุคคลใหเ้ ป็นเทพ หรือการบูชาธรรมชาติ และเทพเจา้ ยงั
สามารถมีลูกไดด้ ว้ ย ลทั ธิชินโตเป็นลทั ธิที่ใหค้ วามสาคญั กบั พธิ ีกรรมทางศาสนาเป็นอนั ดบั หน่ึง เนื่องจาก
เป็นวธิ ีท่ีจะทาใหศ้ าสนิกชนเขา้ ถึงและเป็นหน่ึงเดียวกบั เทพเจา้ ไดม้ ากท่ีสุด ลทั ธิชินโตยคุ ใหม่ไม่มีสถาบนั ที่
ที่ยกตวั เป็นผคู้ วบคุมส่วนกลาง มีเพยี งแต่กลุ่มคนท่ีพยายามรักษาวิถีปฏิบตั ิของลทั ธิชินโตมาต้งั แตส่ มยั
บรรพกาลจนถึงปัจจุบนั
ภายหลงั จากสงครามโลกคร้ังท่ีสอง ชินโตไดถ้ ูกยกเลิกจากการเป็นศาสนาประจาชาติ ซ่ึงในปัจจุบนั ชินโต
เร่ิมลดหายไปจากวฒั นธรรมญ่ีป่ ุน โดยท่ียงั เห็นไดใ้ นปัจจุบนั ไดแ้ ก่ โอมิคุจิ (ญี่ป่ ุน: おみくじ โรมาจิ:
Omikuji) (การดึงฉลากเส่ียงโชคในศาลเจา้ ชินโต) และการเฉลิมฉลอง งานปี ใหม่ญี่ป่ ุน (ญี่ป่ ุน: 初詣 โร
มาจิ: Hatsumōde) ที่มีจดั ข้ึนตามศาลเจา้ ชินโต
ลทั ธิไซแอนโทโลยี
ในปี 1949(พศ.2492)นาย รอน แอล ฮบั บาร์ด เร่ิมเขียนบทความเร่ือง Dianetics (ไดอาเนทิค) ข้ึนมา ฮบั บาร์ด
เป็นนกั อ่านตวั ยง เขาสร้าง ไดอาเนทิค ข้ึนมาจากแนวคดิ ของ ซิกมนั ด์ ฟรอยด์ โดยเน้ือหาเก่ียวกบั วธิ ีการ
รักษาทางจิตใจ และวิธีการทา Auditing ท่ีเป็นการใหค้ นพดู คุยเจาะลึกลงในจิตใจของคนเพื่อกา้ วขา้ ม
ขีดจากดั ทางกายภาพที่มนุษยถ์ ูกโปรแกรมไว้ บทความ Dianetics น้ีไดล้ งในวารสาร Astounding Science
Fiction ซ่ึงเป็นหนงั สือเก่ียวกบั นิยายไซไฟ และมีความพยายามจะเอาไปลงยงั วารสาร American Medical
Association และ the American Journal of Psychiatry แต่ไม่ผา่ นการพจิ ารณา แต่หนงั สือ ไดอาเนทิค กย็ งั
สามารถขายไดถ้ ึง 150,000 เล่ม ภายในปี แรก
โดยท่ีหนงั สือเป็นการเขียนเกี่ยวกบั ทฤษฏีสุขภาพจิตท่ีแต่งข้ึนมาโดยตวั ฮบั บาร์ดเอง โดยไม่ได้
รับการยอมรับจากกลุ่มวิชาชีพหรือวิชาการใดๆ มนั เป็นหนงั สือวิทยาศาสตร์เทียมท่ีซ่อนอยภู่ ายใตห้ นา้ ปก
เลียนแบบนิยายวทิ ยาศาสตร์
ฮบั บาร์ดกย็ งั ไมห่ ยดุ แค่น้นั เขาไดส้ ร้างศาสนา ไซแอนโทโลยี โดยอา้ งอิงโครงจากหนงั สือ ได
อาเนทิค ที่เขาเขียน หลกั การใหญ่ๆของลทั ธิน้ีเป็นการสร้างการสานึกถึงกลศาสตร์ท้งั 8 คือการให้
ความสาคญั กบั
1. ตวั เอง
2. ความคิดสร้างสรรค์
3. การอยรู่ อดของสงั คม
4. การอยรู่ อดของเผา่ พนั ธุ์
5. การอยรู่ อดในฐานนะส่ิงมีชีวิต
6. การคงอยขู่ องจกั รวาลท่ีเป็นรูปธรรม
7. การคงอยขู่ องจิต
8. การเขา้ สู่สภาวะอนนั ต์ เทียบไดป้ ระมาณนิพพานหรือ Being one with the Force
ฮบั บาร์ดอา้ งวา่ เขารับรู้ผา่ นกระบวนการ Auditing ซ่ึงเขารับรู้ไดเ้ พราะเขาเคลียร์โปรแกรมท่ีถูก
ฝังไวก้ บั ตวั เขา แลว้ จึงนามนั มาเขียนเป็นคอร์สการเคลียร์โปรแกรมขายในลทั ธิไซแอนโทโลยี การผา่ น
ระดบั สูงสุด ของการ Audit เพือ่ บาบดั Engram น้นั รอน ฮบั บาร์ด ไดอ้ ธิบายไวว้ า่
"A thetan who is completely rehabilitated and can do everything a thetan should do, such as move MEST
and control others from a distance, or create his own universe."
แปลไดป้ ระมาณวา่ "พลงั จิต(thetan)ของใครผา่ นกระบวนการจนสมบรู ณ์แลว้ จะสามารถทาไดท้ ุกส่ิง
อยา่ งเช่น เคล่ือนยา้ ย(MEST)สิ่งของดว้ ยจิตหรือสามารถใชจ้ ิตสื่อสารกบั จกั รวาลได"้
ตรงน้ีเอาเขา้ จริงมนั กเ็ ป็นการอา้ งตวั เอง เหมือนกบั พวกวทิ ยาศาสตร์ทางจิต พวกหมอผี หรือ
กาฝากศาสนาบา้ นเราที่อา้ งอิทธฤทธ์ิปาฏิหารยห์ รือญาณวิเศษที่ถูกเอามาทาใหด้ ูคลา้ ยจะเป็นกระบวนการ
ทางวทิ ยาศาสตร์ ขอ้ กล่าวอา้ งของฮบั บาร์ดที่วา่ มนุษยเ์ ราสามารถเคลียร์โปรแกรมท่ีปลูกฝังปิ ดก้นั ขดี จากดั
พลงั จิต ของเราแลว้ มนุษยเ์ รามีความสามารถจะควบคุม สะสาร ไดโ้ ดยอิสระ กระบวนการ Audit ของไซ
แอนโทโลยี ไม่แตกต่างอะไรกบั กระบวนการสะกดจิต เพราะมนั ตอ้ งดาเนินตามแนวทางท่ี ฮบั บาร์ด เพอ้
โดยไม่มีหลกั ฐานอะไรเป็นวตั ถุ เอามาเขียนเป็นคอร์ส แลว้ ตอ้ งเพอ้ ใหต้ รงตามน้นั ดว้ ย กระบวนการ Audit
เพ่อื เคลียร์แตล่ ะคร้ังใชค้ า่ ใชจ้ ่ายไมน่ อ้ ย ในระดบั เริ่มตน้ มกั จะใชใ้ นรูปของการต้งั บูธบอกเป็นการวดั
ความเครียดฟรี แต่คอร์สท่ีตามๆมา อยา่ งนอ้ ยที่สุดที่มีอา้ งอิงในวกิ ิพีเดียจะมีค่าใชจ้ ่ายต่อคอร์สต้งั แต่ 2,000 –
30,000 เหรียญสหรัฐ เพราะคา่ ใชจ้ ่ายคดิ เป็นรายชวั่ โมง จึงมีความลกั ลนั่ ของการสูบเลือดสูบเน้ือของคอร์
สดงั กล่าว ประมาณการคา่ ใชจ้ ่ายจนถึงระดบั 8 อยทู่ ี่ 300,000 เหรียญสหรัฐ และมนั ยงั มีถึง 15 ระดบั
นิกายเพรสไบทีเรียน
เป็นหน่ึงในนิกายในศาสนาคริสตฝ์ ่ ายโปรเตสแตนตท์ ี่มีตน้ กาเนิดท่ีสกอตแลนด์ ยดึ ถือแนวคิดทางเทววิทยา
แบบลทั ธิคาลวนิ และมีการจดั ระเบียบองคก์ ารแบบเพรสไบทีเรียน หลกั เทววิทยาแบบเพรสไบทีเรียนเนน้
เรื่องอานาจอธิปไตยของพระเจา้ สิทธิอานาจของคมั ภีร์ไบเบิล และการรับพระคุณจากพระเจา้ ไดโ้ ดยการ
ศรัทธาในพระเยซูเท่าน้นั ในสกอตแลนดว์ ธิ ีการปกครองคริสตจกั รของเพรสไบทีเรียนไดร้ ับการรับประกนั
ตามพระราชบญั ญตั ิสหภาพ ค.ศ. 1707[2]
ฌอ็ ง กาลแวง็
นิกายเพรสไบทีเรียนสมยั ใหม่สืบเคา้ ไปไดถ้ ึงการปฏิรูปศาสนาในสกอตแลนด์ คริสตจกั รทอ้ งถิ่นแต่ละแห่ง
ปกครองโดยคณะธรรมกิจซ่ึงมาจากตวั แทนของคริสตจกั รน้นั ในทางทฤษฎีนิกายน้ีไม่มีการแต่งต้งั บิชอป
แต่มีการสถาปนาโดยการเลือกต้งั คณะผปู้ กครองข้ึนเพอ่ื ทาหนา้ ท่ีอภิบาลคริสตศ์ าสนิกชนหรือสมาชิก
คริสตจกั ร รวมไปถึงการตดั สินใจต่าง ๆ ในคริสตจกั ร มีมคั นายกทาหนา้ ที่ดูแลสมาชิกและครอบครัวและ
ส่วนมากดูแลเร่ืองการเงินของคริสตจกั ร ผปู้ กครองและมคั นายกจะมีวาระการประจาการ วาระละ 2-3 ปี
แลว้ แต่คริสตจกั รน้นั ๆ จะกาหนด ตาแหน่งผปู้ กครองเมื่อไดร้ ับการสถาปนาแลว้ จะอยใู่ นศาสนศกั ด์ิน้นั
ตลอดชีพ
นิกายเพรสไบทีเรียนมีตน้ กาเนิดมาจากการปฏิรูปศาสนาในยโุ รปช่วงคริสตศ์ ตวรรษท่ี 16 ซ่ึงมีฌอ็ ง กาลแวง็
เป็นหน่ึงในนกั ปฏิรูปคนสาคญั คริสตจกั รปฏิรูปส่วนมากสืบมีวิธีการปกครองที่สามารถสืบยอ้ นไปไดท้ ้งั
แบบเพรสไบทีเรียนและคองกรีเกชนั แนล ในคริสตศ์ ตวรรษที่ 20 คริสตจกั รเพรสไบทีเรียนหลายแห่งเริ่มมี
บทบาทในขบวนการคริสตศ์ าสนสมั พนั ธ์ เช่น การต้งั สภาคริสตจกั รสากล บางคริสตจกั รในนิกายน้ียงั เริ่ม
หนั มาทางานร่วมกบั คริสตจกั รปฏิรูปกลุ่มอ่ืน ๆ บา้ งกเ็ ขา้ ร่วมกลุ่มกบั นิกายอื่นเลย เช่น คริสตจกั รคองกรีเก
ชนั แนล ลูเทอแรน แองกลิคนั และเมทอดิสต์
ในประเทศไทย
สภาคริสตจกั รในประเทศไทย
นิกายเพรสไบทีเรียนไม่ใช่โปรเตสแตนตก์ ลุ่มแรกที่เขา้ มาในประเทศไทย แต่สามารถทาพนั ธกิจได้
เจริญรุ่งเรืองเป็นปึ กแผน่ คณะเพรสไบทีเรียนจึงผลกั ดนั ใหค้ ริสตศ์ าสนิกชนนิกายโปรเตสแตนตใ์ นไทย
รวมกลุ่มกนั ต้งั คริสตจกั รของตนเองข้ึนเป็นอิสระ จนปี พ.ศ. 2477 จึงต้งั คริสตจกั รในสยาม ต่อมาเปลี่ยนชื่อ
เป็นสภาคริสตจกั รในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2500 คณะเพรสไบทีเรียนจึงถ่ายโอนงานและทรัพยส์ ินของ
คณะใหแ้ ก่สภาคริสตจกั ร จากน้นั คริสตจกั รอื่น ๆ เช่น คริสเตียนเชิร์ช (ดิสไซเปิ ลส์ออฟไครสต)์ กเ็ ร่ิมเขา้
ร่วมตาม นิกายเพรสไบทีเรียนในประเทศไทยปัจจุบนั จึงสงั กดั สภาคริสตจกั รในประเทศไทย
นิกายโรมนั คาทอลิก
ชื่อ "โรมนั คาทอลิก" (Roman Catholic) มาจากประเพณีท่ีถือเอากรุงโรมเป็นศูนยก์ ลางของคริสต์
ศาสนา เป็นสานกั ของสนั ตะปาปา (Pope) ซ่ึงเป็นสังฆราชของกรุงโรมและเป็นหวั หนา้ ของบรรดาสงั ฆราช
ทว่ั โลก จึงเป็นหวั หนา้ ของคริสตศ์ าสนนิกชน (โรมนั คาทอลิก) ทว่ั โลกดว้ ย
คาวา่ "คาทอลิก" แปลวา่ "สากล" (Universal) หมายถึง ศาสนาที่เป็นของสากลโลกสาหรับชน ทุกชาติ
ทุกภาษา และทุกช้นั ในสงั คม คริสตศ์ าสนนิกชนนิกายโรมนั คาทอลิก ไม่ถือวา่ ตนเองเป็นนิกายหน่ึงของ
คริสตศ์ าสนา แต่ถือเป็นคริสตศ์ าสนาที่เท่ียงแทแ้ ละสากลสืบเนื่องมาจากอคั รสาวก เม่ือไม่ถือวา่ เป็น "นิกาย"
หน่ึง แต่ถือวา่ เป็นศาสนจกั รของพระเยซูท่ีเที่ยงแท้ จึงถือวา่ คริสตศ์ าสนนิกชนท่ีไม่ใช่โรมนั คาทอลิก คือผทู้ ่ี
ไดแ้ ยกตวั ออกไปเพราะความเขา้ ใจต่างกนั
การปกครองศาสนจกั รคาทอลิก
นิกายโรมนั คาทอลิกวางระเบียบการบริหารการปกครองของศาสนจกั รและวนิ ยั สงฆ์ ท่ีเขม้ งวด ในการ
บริหารมีผนู้ าในตาแหน่งสูงสุด คือ สนั ตะปาปา (Pope) แห่งโรม รองลงมา คือ คาร์ดินลั (Cardinals) ซ่ึงเป็น
ผชู้ ่วยสนั ตะปาปา คดั เลือกมาจากประเทศต่างๆ เพ่อื มาทาหนา้ ที่บริหารดดยตรงท่ีนครวาติกนั (Vatican)
สาหรับการปกครองในแต่ละประเทศแบ่งออกเป็นอคั รสงั ฆมณฑลซ่ึงมีอคั รสงั ฆราช (Archbishop) ปกครอง
และสงั ฆมณฑล ซ่ึงมีสงั ฆราช (Bishop) เป็นผดู้ ูแลรับผดิ ชอบ สงั ฆมณฑลแบ่งเป็นวดั มีเจา้ อาวาสปกครอง
และมีปลดั เจา้ อาวาสเป็นผชู้ ่วย พระสงฆ์ (บาทหลวง) ทกุ รูปตอ้ งอยใู่ ตส้ ถาบนั การปกครองของศาสนจกั รน้ี
การปกครองศาสนาคริสตน์ ิกายโรมนั คาทอลิกในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 2 อคั รสงั ฆมณฑล และ 8
สงั ฆมณฑล มีอคั รสงั ฆราช และสงั ฆราช (คาทอลิก) อยู่ 10 องคร์ วมกนั เป็นสภาพระสงั ฆราชแห่งประเทศ
ไทย ข้ึนตรงต่อพระสนั ตะปาปา สานกั วาติกนั ท่ีกรุงโรม
ในปี พ.ศ. 2526 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอลท่ี 2 ทรงแต่งต้งั พระคาร์ตินลั อนั หมายถึงพระราชา
คณะในศาสนาคริสตน์ ิกายโรมนั คาทอลิก ซ่ึงเป็นผมู้ ีบทบาทสาคญั ในการประชุมเลือกพระสนั ตะปาปา ใน
จานวนท่ีทรงแต่งต้งั ใหม่น้ีมีอาร์คบิชอบ หรืออคั รสงั ฆราชของคริสตจกั รในประเทศไทยไดร้ ับแต่งต้งั ดว้ ย
คืออาร์คบิชอบ ไมเคิล มีชยั กิจบุญชู ซ่ึงเป็นพระราชาคณะคริสตศ์ าสนาในไทยมาต้งั แต่ปี พ.ศ. 2514 ไดร้ ับ
แต่งต้งั ใหเ้ ป็นพระคาร์ดินลั (Cardinal) รูปแรกจากประเทศไทย
ผทู้ ี่นบั ถือศาสนาคริสตน์ ิกายโรมนั คาทอลิก เรียกตนเองวา่ คริสตงั นิกายโปรเตสแตนท์ เรียกตนเองวา่
คริสเตียน
หลกั ความเช่ือของคริสตศ์ าสนา
หลกั ความเชื่อด้งั เดิมที่พวกอคั รสาวกไดว้ างไว้ เพ่ือใหศ้ าสนนิกชนท่อง เมื่อนมสั การพระเจา้ หรือเม่ือ
ทาพิธีรับศีล เรียกในภาษาละตินวา่ เครโด (Credo) และยงั คงใชอ้ ยใู่ นศาสนจกั รคาทอลิก มี 6 ประการ ดงั น้ี
1. ขา้ พเจา้ เชื่อในพระเป็นเจา้ องคเ์ ดียว พระบิดาผทู้ รงสรรพานุภาพ เนรมิตฟ้าดินท้งั ส่ิงท่ีเห็นได้ และสิ่ง
ที่เห็นไม่ได้
2. เชื่อในพระเยซูคริสตเ์ จา้ พระบุตรแต่องคเ์ ดียวของพระเป็นเจา้ ทรงบงั เกิดจากพระบิดาก่อนกปั ป์
ก่อนกลั ป์ เป็นพระเป็นเจา้ จากพระเป็นเจา้ เป็นองคค์ วามสวา่ งจากองคค์ วามสวา่ งเป็นพระเป็นเจา้ แท้ จาก
พระเป็นเจา้ แทม้ ิไดถ้ ูกสร้าง แต่ทรงบงั เกิดร่วมพระธรรมชาติเดียวกบั พระบิดา องคพ์ ระบุตรน้ีไดท้ รงเนรมิต
ทุกส่ิงข้ึนมา เพราะเห็นแก่เรามนุษย์ เพื่อช่วยเราใหร้ อด พระองคจ์ ึงเสดจ็ จากสวรรค์
เดชะพระจิต พระองคท์ รงรับเอากายจากพรหมจารีมารีอามาเป็นมนุษย์ พระองคย์ งั ทรงถูกตรึงกางเขน
เพื่อเรา ทรงรับทรมานและถูกฝังไว้ สมยั ปอนติอุสปิ ลาส ทรงคืนชีพในวนั ท่ีสามตามที่กล่าวไวใ้ นพระคมั ภีร์
เสดจ็ สู่สวรรคป์ ระทบั เบ้ืองขวาพระบิดา พระองคจ์ ะเสดจ็ มาอีกดว้ ยราศีรุ่งโรจนเ์ พ่ือพิพากษาผเู้ ป็นและผตู้ าย
รัชสมยั ของพระองคจ์ ะไม่มีสิ้นสุด
3. ขา้ พเจา้ เช่ือในพระเจิดจา้ ผปู้ ระทานชีวิต ทรงเน่ืองมาจากพระบิดาและพระบุตร พระองคด์ ารัสทางผู้
ประกาศศาสนา
4. ขา้ พเจา้ เชื่อในพระศาสนจกั ร หน่ึงเดียว ศกั ด์ิสิทธ์ิ สากล และสืบเนื่องมาจากอคั รสาวก
5. ขา้ พเจา้ เช่ือในการยกบาป ยอมรับวา่ พิธีลา้ งที่ยกบาปมีแต่พิธีเดียว
6. ขา้ พเจา้ เช่ือในการคนื ชีพของร่างกาย ขา้ พเจา้ รอวนั ที่ผตู้ ายจะคืนชีพ และเชื่อชีวติ ของภพหนา้
หลกั ความเช่ือของนิกายโรมนั คาทอลิก
นิกายโรมนั คาทอลิกยดึ ถือหลกั ความเช่ือด้งั เดิม 6 ประการ ดงั กล่าวและเนน้ ในขอ้ เพ่มิ เติมต่อไปน้ี
1. พระผเู้ ป็นเจา้ มีแต่เพยี งพระเป็นเจา้ เดียว มีธรรมชาติเป็นแต่เพียงหน่ึงเดียว แตใ่ นพระเป็นเจา้ เดียวน้นั มี
สามพระบุคคล คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต และสามพระบุคคลน้ีรวมกนั เรียกวา่ ตรีเอกานุภาพ
(Trinity) บางท่านแปลวา่ ตรีเอกภาพตรี แปลวา่ สาม เอก แปลวา่ หน่ึง จึงแปลรวมกนั วา่ สามพระบุคคลใน
พระเจา้ เดียวกนั
2. พระเยซูคริสตท์ รงมี 2 สภาวะ คือ ทรงเป็นพระเจา้ แท้ และเป็นมนุษยแ์ ท้ พระเยซูไดเ้ สดจ็ ลงมาจาก
สวรรคม์ ารับเอาธรรมชาติมนุษย์ เพื่อทรงไถ่บาปแทนมนุษยด์ ว้ ยการยอมรับการทรมาน และสิ้นพระชนม์
บนไมก้ างเขน สามวนั หลงั จากที่พระองคส์ ิ้นพระชนม์ พระองคไ์ ดฟ้ ้ื นข้ึนและประทบั อยกู่ บั สาวกเป็นเวลา
40 วนั เม่ือครบ 40 วนั แลว้ พระองคก์ ไ็ ดเ้ สดจ็ ข้ึนสวรรค์
3. ยกยอ่ งพระนางมารีย์ (หรือมาเรียหรือมารีอา) เป็นพระมารดาของพระเจา้ เรียกโดยทว่ั ไปวา่ แม่พระ
และถือวา่ ก่อนที่พระเยซูจะเสดจ็ ข้ึนสวรรคไ์ ดท้ รงสถาปนาพระนาง ใหเ้ ป็นแม่พระของคริสตศ์ าสนิกชนทกุ
คน พระนางไดถ้ ูกยกข้ึนสวรรคท์ ้งั ร่างไปรับมงกฎุ เป็นพระราชินีแห่งเทพเทวาและนกั บุญท้งั หลายใน
สวรรค์ ทรงเป็นคนกลางระหวา่ งพระเจา้ กบั คริสตศ์ าสนิกชน ชาวคาทอลิกเชื่อวา่ การสวดขอพรต่อแม่พระ
ใหพ้ ระนางช่วยเสนอขอพระพรจากพระเป็นเจา้ จะไดร้ ับผล
4. ยกยอ่ งโยเซฟ (บิดาเล้ียงของพระเยซู) เป็นนกั บุญ และยกยอ่ งนบั ถือสหพนั ธ์นกั บุญ (Communion of
Saints) คาวา่ นกั บุญ (Saint หรือ St.) เป็นคาใชใ้ นคริสตศ์ าสนา สาหรับบุคคลท่ีกระทาความดีพเิ ศษใน
ศาสนา เช่น ไดเ้ สียสละชีวติ ใหแ้ ก่ศาสนา เสียสละความสุขช่วยเหลือคนจานวนมาก บุคคลที่จะไดร้ ับการยก
ยอ่ งวา่ เป็นนกั บุญ จะตอ้ งเป็นผทู้ ่ีคณะสงฆท์ ่ีโรมประกาศวา่ เป็นเซนต์ และกวา่ จะไดร้ ับการประกาศยกยอ่ ง
เช่นน้นั กม็ กั จะเป็นเวลาล่วงไปหลายสิบปี หรือถึงร้อยปี หลงั จากบุคคลน้นั สิ้นชีวิตไปแลว้ ชาวคาทอลิกเชื่อ
วา่ นกั บุญเป็นท่ีรักของพระเยซูเจา้ เม่ือเราไปสวดภาวนาขอต่อนกั บุญกเ็ ท่ากบั เราไปขอใหท้ ่านช่วยเสนอต่อ
พระเป็นเจา้ อีกทีหน่ึง ใหป้ ระทานพระคุณแก่เรา แทนที่เราจะสวดขอต่อพระเป็นเจา้ โดยตรง
5. เช่ือในเรื่องแดนชาระ คาทอลิกเชื่อวา่ เมื่อคนตาย ขณะท่ีสิ้นชีวิต วิญญาณจะถูกพิพากษาเป็น
รายบุคคลไป ผทู้ ่ีทาบาปหนกั วญิ ญาณกไ็ ปนรก ผทู้ ่ีบริสุทธ์ิหรือไดใ้ ชบ้ าปหมดแลว้ กไ็ ปสวรรค์ ส่วน
วญิ ญาณของผทู้ ่ีไม่มีบาปหนกั แต่กไ็ ม่บริสุทธ์ิ จะไปสู่สถานท่ีสาหรับชาระวิญญาณเรียกวา่ "แดนชาระ"
ก่อน คือยงั ไมไ่ ปสู่นรกหรือสวรรค์ วิญญาณจะไปสู่สถานท่ีน้ีเป็นการชว่ั คราวจนกวา่ จะชดใชโ้ ทษบาป
หมดแลว้ จึงจะไดร้ ับอนุญาตใหเ้ ขา้ สวรรคไ์ ด้
6. ชาวคาทอลิกถือวา่ พระสนั ตะปาปา ผดู้ ารงตาแหน่งประมุขของคริสตศ์ าสนิกชนประจาอยทู่ ี่กรุงโรม
เป็นผรู้ ับทายาทสืบต่อจากเซนตป์ ี เตอร์ (เปโตร) อคั รสาวกของพระเยซู เพ่ือปกครองคริสตช์ นในมนุษยโ์ ลก
แทนองคพ์ ระเยซู เพราะพระเยซูประทานอานาจน้ีไวแ้ ก่อคั รสาวกเปโตร อานาจน้ีสืบทอดกนั มาทางสาย
พระสงั ฆราชแห่งโรม ดงั น้นั จึงถือวา่ พระสนั ตะปาปาเป็นประมุขของพระศาสนจกั รคาทอลิก พระองคไ์ ม่
รู้จกั ผดิ พล้งั (infalliable) หมายความวา่ คาสงั่ สอนของพระสนั ตะปาปาในตาแหน่งหนา้ ท่ีประมุขของศาสนา
จะผดิ พล้งั ไม่ได้ เฉพาะเรื่องท่ีเนน้ การใชอ้ านาจน้ีเป็นคร้ังๆ ไป
7. พธิ ีกรรมทางศาสนาท่ีสาคญั เรียกวา่ พธิ ีศีลศกั ด์ิสิทธ์ิ 7 ประการ (Sacraments) ซ่ึงนิกาย
โรมนั คาทอลิกปฏิบตั ิอยู่ คือ
1. ศีลลา้ งบาป
2. ศีลกาลงั
3. ศีลมหาสนิท
4. ศีลแกบ้ าป
5. ศีลเจิมคนไข้
6. ศีลบรรพชา
7. ศีลกล่าว
คาวา่ ศีล ในท่ีน้ีไม่ตรงกบั คาวา่ ศีลในทางพระพทุ ธศาสนา เพราะศีลในทางพระพทุ ธศาสนา หมายถึง ขอ้
หา้ มที่จะตอ้ งสมาทาน (รับศีล) และปฏิบตั ิตลอดกาล แต่ศีลในพิธีกรรมของคริสตศ์ าสนาหลายอยา่ งทาเพยี ง
คร้ังเดียวเท่าน้นั จึงจะใชค้ าวา่ พิธีศีลหรือพิธีแทนคาวา่ ศีลโดยอนุโลม
พิธีศีลศกั ด์ิสิทธ์ิ 7 ประการน้ี คริสตจ์ กั รที่สงั กดั ในสภา คริสตจ์ กั รในประเทศไทย (นิกายโปรเตสแตนท)์
มีพิธีศีล 2 อยา่ งเท่าน้นั คือ
1. ศีลบพั ติศมา หรือพธิ ีรับพนั ธสญั ญา
2. ศีลมหาสนิท หรือพิธีฟ้ื นพนั ธสญั ญา
นอกน้นั ถือวา่ เป็นพธิ ีไม่ใช่ศีลศกั ด์ิสิทธ์ิ เช่น พิธีสมรส พิธีศพ พธิ ีถวายบุตร
พธิ ีศีล 7 ประการ
พธิ ีศีล 7 ประการ มีคาอธิบายดงั น้ี
1. พิธีศีลลา้ งบาป (Baptism)
พธิ ีศีลน้ีนิกายคาทอลิก เรียกวา่ พิธีศีลลา้ งบาป นิกายโปรเตสแตนท์ เรียกวา่ พิธีบพั ติศมา ตามรากศพั ท์
ภาษาละตินวา่ baptisma ซ่ึงแปลวา่ การชาระลา้ งบาป
พธิ ีศีลลา้ งบาป เป็นพิธีศาสนาท่ีมีการจุ่มตวั ลงในน้าหรือประพรมดว้ ยน้า เป็นการชาระลา้ งบาปทาง
จิตใจ ผทู้ ี่ไดร้ ับศีลลา้ งบาปแลว้ เป็นผบู้ ริสุทธ์ิจากบาปกาเนิดอนั สืบทอดมาจากบาปของอาดมั และเอวา บรรพ
บุรุษคูแ่ รกของมนุษย์
พิธีศีลลา้ งบาปน้ีมีมาต้งั แต่สมยั คริสตก์ าล ก่อนท่ีพระเยซู จะออกประกาศศาสนา ทรงรับศีลลา้ งบาปจาก
ยอห์น ผใู้ หศ้ ีลจุ่มท่ีแม่น้าจอร์แดน การลา้ งบาปดว้ ยวธิ ีน้ีถือวา่ เป็นส่ิงสาคญั เพราะผทู้ ี่ลา้ งบาปบริสุทธ์ิแลว้
เท่าน้นั จึงคู่ควรแก่อาณาจกั รของพระเจา้ มีคาสอนของพระเยซู ตอนหน่ึงวา่ "เราบอกความจริงแก่ท่านวา่ ถา้
ผใู้ ดไม่ไดบ้ งั เกิดใหม่จากน้าและพระวญิ ญาณ ผนู้ ้นั จะเขา้ ในแผน่ ดินของพระเจา้ ไม่ได"้
พธิ ีรับศีลลา้ งบาปของนิกายโรมนั คาทอลิกปัจจุบนั ไม่จุ่มตวั ในน้า ใชน้ ้าศกั ด์ิสิทธ์ิเทบนศีรษะ เพือ่ เป็น
สญั ลกั ษณ์ของการลา้ งบาป บาทหลวงเป็นผโู้ ปรดศีลโดยเทน้าบนศีรษะของผรู้ ับ พลางกล่าวในขณะเทน้า
น้นั วา่ "ฉนั ลา้ งเจา้ , เดชะพระนามพระบิดา พระบุตรและพระจิต"
พิธีรับศีลบพั ติศมาของนิกายโปรเตสแตนท์ ใชแ้ บบพธิ ีเจิมศีรษะดว้ ยน้า หรือ ประกอบพิธีในน้า โดยให้
ผรู้ ับศีลลงไปในบ่อสาหรับประกอบพธิ ี แลว้ จุ่มตวั ลงในน้าจนมิดศีรษะ ผปู้ ระกอบพธิ ีกล่าววา่ "ขา้ พเจา้ ให้
ท่านรับบพั ติศมาในพระนามของพระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธ์ิ ท่านไดเ้ ขา้ ส่วนในพนั ธสญั ญาของ
พระเจา้ แลว้ อาเมน"
ศีลลา้ งบาป เป็นศีลที่สาคญั ท่ีสุด คนหน่ึงคนใดจะเขา้ อยใู่ นพระศาสนจกั รไดก้ โ็ ดยอาศยั ศีลลา้ งบาป
เมืองรับศีลลา้ งบาปแลว้ จึงจะมีสิทธ์ิรับศีลอ่ืนๆ ต่อไปไดแ้ ละเป็นสมาชิกของพระศาสนจกั รอยา่ งสมบูรณ์ ศีล
ลา้ งบาปเพียงหนเดียว ไม่ตอ้ งมีการรับซ้าอีก
2. พธิ ีศีลกาลงั (Confirmation)
พธิ ีศีลกาลงั เป็นพิธีกระทาอีกคร้ังหน่ึงหลงั จากที่ไดร้ ับศีลลา้ งบาปแลว้ เพ่อื เป็นการยนื ยนั (Confirm) วา่
ตนยอมรับนบั ถือคริสตศ์ าสนาจริงๆ เมื่อไดร้ ับศีลลา้ งบาปแลว้ จะรับศีลกาลงั เมื่อไรกไ็ ด้ แต่ธรรมดามกั จะ
รับกนั เม่ือมีอายตุ ้งั แต่ 7 ขวบข้ึนไป ผทู้ ี่จะโปรดศีลกาลงั ไดจ้ อ้ งเป็นพระที่มียศเป็น บิชอบ (Bishop) ใน
ประเทศไทยเรียกกนั วา่ สงั ฆราช
3. พธิ ีศีลมหาสนิท (Communion)
พิธีศีลมหาสนิท ภาษาองั กฤษเรียกวา่ Communion หรือ Holy Communion แปลวา่ การอยรู่ ่วมกนั
หมายถึง การอยรู่ ่วมกนั กบั พระเจา้ พิธีน้ีมีความหมายเพอ่ื ที่จะใหเ้ ลือดเน้ือของเราท้งั หลายกบั เลือดเน้ือของ
พระเยซูไดเ้ ป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั
พิธีศีลมหาสนิทคร้ังแรก เกิดข้ึนเม่ือพระเยซูและอคั รสาวกรับประทานอาหารร่วมกนั เป็นคร้ังสุดทา้ ย
ก่อนที่พระเยซูจะถูกจบั กมุ ระหวา่ งท่ีทุกคนกาลงั รับประทานอาหารอยนู่ ้นั พระเยซูทรงหยบิ ขนมปังมากอ้ น
หน่ึง ทรงอธิษฐานขอพรจากพระเจา้ แลว้ บิออกเป็นชิ้นๆ ส่งใหส้ าวกทุกๆ คน พลางตรัสวา่ "จงกินเสียเถิด น่ี
คือร่างกายของเรา" คร้ันแลว้ พระอ
ลทั ธิประตูสวรรค์
เฮฟเวน'สเกต (Heaven’s Gate) ก่อต้งั เม่ือปี ค.ศ.1974 โดยมาร์แชล แอปเปิ ลไวต์ (Marshall Applewhite)
ร่วมกบั ภรรยาชื่อบอนนี่ เน็ตเติลส์ (Bonnie Nettles) โดยกลุ่มน้ีมีฐานใหญ่ต้งั อยใู่ นเมืองซานดิเอโก รัฐ
แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จุดเร่ิมตน้ คือแอปเปิ ลไวตไ์ ดฟ้ ้ื นตวั จากอาการหวั ใจวายซ่ึงเขาอา้ งวา่ เขาไดพ้ บ
มนุษยต์ ่างดาว จากน้นั เขากไ็ ดเ้ ขียนหนงั สือถึงประสบการณ์เรื่องมนุษยต์ ่างดาว จนสามารถทาใหผ้ คู้ นจาก
ทว่ั ประเทศสหรัฐอเมริกาเดินทางมาหาเขา และเขาเร่ิมก่อต้งั ลทั ธิเฮฟเวน'สเกตหรือเรียกวา่ ประตูสวรรคข์ ้ึน
ค.ศ. 1970 แอปเปิ ลไวต์ ผนู้ าลทั ธิเฮฟเวน'สเกต เร่ิมอ่านคาพยากรณ์ในพระคมั ภีร์ไบเบิล (Bible prophecy)
เขาศึกษาพนั ธสญั ญาใหม่โดยมุ่งเนน้ ท่ีคาสอนเก่ียวกบั ศาสนาคริสต์
ค.ศ. 1972 แอปเปิ ลไวตเ์ ริ่มอ่านศาสนาเทววิทยา (Theosophy Blavatskian) เขาเร่ิมมีความสนใจในคา
พยากรณ์ของศาสนาต่างๆ ทวั่ โลก ท้งั ศาสนาฮินดูและศาสนาพทุ ธ เขาเร่ิมมีความสนใจเรื่องการบาเพญ็ ตบะ
(Asceticism) และวนั โลกาวนิ าศ (Doomsday)
ค.ศ. 1974 แอปเปิ ลไวตเ์ ขาเริ่มอ่านนวนิยายวิทยาศาสตร์ไซไฟเรื่องเกี่ยวกบั มนุษยต์ ่างดาว ผลงานของโร
เบิร์ต เอ. ไฮนไ์ ลน์ (Robert A. Heinlein ) เเละอาร์เธอร์ ซี. คลาร์ก (Arthur C. Clarke) ท่ีเขาช่ืนชอบ
เม่ือเดือนมิถุนายน 1974 แอปเปิ ลไวตม์ ีความเช่ือวา่ ตวั เองไดก้ ลายเป็นมนุษยต์ ่างดาว เขาสรุปวา่ เขาไดร้ ับการ
คดั เลือกเพื่อตอบสนองคาทานายในพระคมั ภีร์ไบเบิล เขาเขียนหนงั สือหลายเล่ม เพ่ือบรรยายเรื่องการกลบั
ชาติมาเกิดของพระเยซู นอกจากน้ีเขาเชื่อวา่ ตวั เองเสียชีวิตแลว้ จะคนื ชีพ เพ่ือพสิ ูจนก์ ารกล่าวอา้ ง เขาเร่ิม
สร้างลทั ธิข้ึนช่ือวา่ เฮฟเวน'สเกต
ค.ศ. 1975 แอปเปิ ลไวตจ์ ดั การนดั ประชุมกลุ่มลทั ธิมีสมาชิกมากกวา่ 80,000 คน ท่ีสตูดิโอซิต้ี ลอสแอนเจลิส
(Studio City, Los Angeles) เขาไดค้ ิดคน้ การสรรหาบุคลากรหลากหลายรูปแบบท่ีเขาเช่ือวา่ บุคคลเหล่าน้ี
เก่ียวขอ้ งโดยตรงกบั พระเยซู เขาเชื่อวา่ บุคคลในกลุ่มตอ้ งมีวิวฒั นาการระดบั เหนือมนุษย์ ตวั เลขสมาชิกกลุ่ม
เขาเพม่ิ มากข้ึน โดยรับสมคั รสมาชิกจากเวบ็ ไซต์ มีผคู้ นที่สนใจเรื่องมนุษยต์ ่างดาวอยา่ งมากในสหรัฐใน
ช่วงเวลาน้นั คนท่ีเขา้ ลทั ธิเฮฟเวน'สเกตมีความเช่ือเรื่องยเู อฟโอ และพร้อมที่จะทาตามลทั ธิสงั่ ทุกอยา่ งโดย
ไม่สงสยั อะไรเลย
ค.ศ. 1985 แอปเปิ ลไวตเ์ ขาไดป้ ระกาศหลกั คาสอนท่ีชื่อเสียงที่สุดที่เรียกวา่ ไซเบอร์เคา้ เจอร์ (Cyberculture)
คือรูปแบบของการปฏิรูปความคิดทางศาสนา โดยช่วงกลางยคุ 90 ลทั ธิเขาไดก้ ลายเป็นธุรกิจลึกลบั ท่ีสูงมาก
ข้ึน และเขาไดป้ ระกาศการสรรหาบุคลากรผา่ นอินเทอร์เน็ตที่อปั โหลด ขา่ วเริ่มกระจายไปทว่ั โลก เขาส่งสาร
ผา่ นอินเตอร์เน็ตชกั ชวนสาวกยเู อฟโอทว่ั อเมริกา ในปี ต่อๆ มา เขาประกาศวา่ ดาวหางเฮล-บอ็ ปป์ (Comet
Hale-Bopp) เป็นความลบั สาหรับความอยรู่ อด และการข้ึนสู่อาณาจกั รแห่งสวรรค์ ขา่ วเหล่าน้ียงั คงดาเนิน
ต่อไปผา่ นการอปั โหลดต่างๆ บนโลกอินเตอร์เน็ต
ค.ศ. 1997 แอปเปิ ลไวต์ เเละสมาชิกของลทั ธิ ไดป้ ระชุมในสถานท่ีใหม่ในบา้ นพกั คฤหาสน์ พวกเขาเรียกวา่
เทวสถาน ในเมืองแรนโชซานตาเฟใกลก้ บั ซานดิเอโก, แคลิฟอร์เนีย (Rancho Santa Fe, California) บา้ น
หลงั น้ีเป็นสถานที่รวบรวมสาหรับกลุ่มสุดทา้ ย เพ่ือปิ ดไปประตูสวรรค์
เม่ือวนั ท่ี 19-20 มีนาคม 1994 แอปเปิ ลไวต์ กล่าววา่ "ใกลถ้ ึงเวลาเเลว้ นี่เป็นหนทางเดียวในการอพยพออก
จากโลกใบน้ี" เขาชกั ชวนใหส้ าวก 38 คน ฆ่าตวั ตายเพื่อใหว้ ิญญาณสามารถข้ึนยานอวกาศได้ เขาเชื่อวา่
หลงั จากการเสียชีวิต ยานอวกาศจะนาวญิ ญาณของพวกเขาไปสู่ระดบั การดารงอยเู่ หนือมนุษย์ ซ่ึงเขากล่าววา่
ท้งั กาย และจิตวญิ ญาณ และความเช่ืออื่นๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ยเู อฟโอจดั ข้ึนโดยมนุษยต์ ่างดาว
เม่ือวนั ท่ี 26 มีนาคม 1997 ท่ีบา้ นพกั คฤหาสน์ เมืองซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา ในช่วงดาวหางเฮล-บอ็ ปป์ เดิน
ทางผา่ นโลก เร่ิมมีขา่ ลือการเสียชีวติ เจา้ หนา้ ท่ีตารวจจึงบุกเขา้ ไปภายในบา้ นพบร่างผเู้ สียชีวิตฆ่าตวั ตายถึง
39 คน ศพชาย 18 คน และหญิง 21 คน รวมไปถึงนายมาแชล แอปเปิ้ ลไวท์ อายุ 66 ปี รวมอยดู่ ว้ ย ท้งั หมด
ตายดว้ ยการดื่มวอดกา้ ผสมยาพิษชนิดร้ายแรง แลว้ นอนเสียชีวิตอยา่ งสงบบนเตียงของแต่ละคน หลงั จาก
เหตุการณ์ฆ่าตวั ตายของลทั ธิประตูสวรรคน์ ้ีส่งผลใหค้ าสอนของลทั ธิน้ีเผยแพร่ไปอยา่ งรวดเร็วในสื่อต่างๆ
ทวั่ โลก จนทาใหม้ ีหลายลทั ธิไดน้ าเรื่องมนุษยต์ ่างดาวมารวมตวั กนั เพอื่ สร้างเป็นกลุ่มยเู อฟโอทว่ั โลก พวก
เขาเหล่าน้ีคือ นกั วจิ ยั ยเู อฟโอนนั่ เอง
สมาชิกของกลุ่มมีความเช่ือท่ีวา่ โลกใบน้ีใกลถ้ ึงเวลาท่ีจะหมุนเวยี นนากลบั มาใชใ้ หม่อีกคร้ัง โดยจะตอ้ งออก
จากโลกใบน้ีทนั ที โดยพวกเขาน้นั มองวา่ ร่างกายเป็นเพยี งพาหนะนาสู่การกา้ วต่อไป โดยจะตอ้ งละทิ้งทุกสิ่ง
ทุกอยา่ งที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์ เช่น ครอบครัว เพอื่ น เรื่องเพศ หนา้ ท่ีการงาน ทรัพยส์ ินเงินทอง และสิ่ง
ที่ตนเองครอบครองท้งั หมด เพ่อื กา้ วสู่โลกใบใหม่ และน่ีกเ็ ป็นเรื่องราวของคนกลุ่มหน่ึงท่ีมีความเชื่อในเรื่อง
ของมนุษยต์ ่างดาว มีนกั วจิ ยั ยเู อฟโอหลายกลุ่มวิเคราห์วดี ีของแอปเปิ ลไวตท์ ่ีหลงเหลืออยพู่ บวา่ เหมือนมีบาง
ส่ิงอยใู่ นร่างของเขา บา้ งกว็ า่ เขาอาจเป็นมนุษยต์ ่างดาวเรปทิเลียน ท่ีน่าสนใจคือ ปัจจุบนั น้ีทางกลุ่มลทั ธิกย็ งั
มีเวบ็ ไซตเ์ ปิ ดใหบ้ ริกาอยู่
ศาสนาพทุ ธ
เป็นศาสนาอเทวนิยม ปฏิเสธการมีอยขู่ องพระเป็นเจา้ หรือพระผสู้ ร้าง และเช่ือในศกั ยภาพของมนุษย์ วา่
ทุกคนสามารถพฒั นาจิตใจ ไปสู่ความเป็นมนุษยท์ ่ีสมบูรณ์ได้ ดว้ ยความเพยี รของตน กล่าวคือ ศาสนาพทุ ธ
สอนใหม้ นุษยบ์ นั ดาลชีวิตของตนเอง ดว้ ยผลแห่งการกระทาของตน ตาม กฎแห่งกรรม มิไดม้ าจากการออ้ น
วอนขอจากพระเป็นเจา้ และสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ินอกกาย คือ ใหพ้ ่ึงตนเอง เพอื่ พาตวั เองออกจากกอง ทุกข์ มี
จุดมุ่งหมายคือการสอนใหม้ นุษยห์ ลุดพน้ จากความทุกขท์ ้งั ปวงในโลกดว้ ยวิธีการสร้าง ปัญญา ในการอยกู่ บั
ความทุกขอ์ ยา่ งรู้เท่าทนั ตามความเป็นจริง วตั ถุประสงคส์ ูงสุดของศาสนาคือการหลุดพน้ จากความทุกขท์ ้งั
ปวงและวฏั จกั รการเวียนวา่ ยตายเกิดเช่นเดียวกบั ท่ีพระศาสดาทรงหลุดพน้ ไดด้ ว้ ยกาลงั สติปัญญาและความ
เพียรของพระองคเ์ อง ในฐานะท่ีพระองคก์ ท็ รงเป็นมนุษย์ มิใช่เทพเจา้ หรือทูตของพระเจา้ องคใ์ ด
สิ่งเคารพสูงสุด
พระรัตนตรัย คือ สรณะที่พ่งึ อนั ประเสริฐในศาสนาพทุ ธ สรณะ หมายถึง ส่ิงที่ใหศ้ าสนิกชนถือเอาเป็น
แบบอยา่ ง หรือใหเ้ อาเป็นตวั อยา่ ง แต่มิไดห้ มายความวา่ เมื่อเคารพแลว้ จะดลบนั ดาลส่ิงต่าง ๆ ตามตอ้ งการ
ได้ พระรัตนตรัยน้นั ประกอบดว้ ยองคส์ าม (ไตรสรณะ) ไดแ้ ก่
-พระพทุ ธเจา้ เป็นผทู้ ่ีบาเพญ็ สงั่ สมบารมีมาหลายภพชาติ[14] จนชาติสุดทา้ ยเกิดเป็นมนุษยแ์ ลว้ อาศยั ความ
เพียรพยายามและสติปัญญาปฏิบตั ิจนไดบ้ รรลุสิ่งที่ตอ้ งการคือธรรมอนั เป็นเครื่องออกจากทุกข์ แลว้ จึงทรง
ช้ีแนะหรือช้ีทางใหค้ นอื่นทาตาม
-พระธรรม คือ คาสอนวา่ ดว้ ยธรรมชาติที่พระพทุ ธเจา้ ทรงคน้ พบแลว้ วา่ ทาใหพ้ น้ จากทุกข์
-พระสงฆ์ คือหมู่ชนหรือชุมชนของพระสาวก ไม่วา่ มนุษยห์ รือเทวดา ที่ทาตามคาแนะนาของพระพทุ ธเจา้
แลว้ ประสบผลสาเร็จพน้ ทุกขต์ ามพระพทุ ธเจา้
คมั ภีร์
พระวนิ ยั ปิ ฎก วา่ ดว้ ยวนิ ยั หรือศีลของภิกษุ ภิกษุณี
พระสุตตนั ตปิ ฎก วา่ ดว้ ยพระธรรมทว่ั ไป และเร่ืองราวต่าง ๆ
พระอภิธรรมปิ ฎก วา่ ดว้ ยธรรมะท่ีเป็นปรมตั ถธ์ รรม หรือธรรมะท่ีแสดงถึงสภาวะลว้ น ๆ ไม่มีการสมมุติ
ผสู้ ืบทอด
ผสู้ ืบทอดในทางศาสนาพทุ ธ ไดแ้ ก่ พทุ ธบริษทั 4 อนั หมายถึง พทุ ธศาสนิกชน พทุ ธมามกะ พทุ ธสาวก อนั
เป็นกลุ่มผรู้ ่วมกนั นบั ถือ ร่วมกนั ศึกษา และร่วมกนั รักษาพทุ ธศาสนาไว้
หลกั ธรรมสาคญั ของพทุ ธศาสนา
-วฏั สงสาร
-กฎแห่งกรรม
-อริยสจั ๔ เป็นหลกั คาสอนหน่ึงของพระโคตมพทุ ธเจา้ แปลวา่ ความจริงอนั ประเสริฐ
-ปฏิจจสมุปบาท/อิทปั ปัจจยตา
-ไตรลกั ษณ์
-ความหลุดพน้
หลกั ปฏิบตั ิ
ศาสนาพทุ ธมุ่งเนน้ เรื่องการพน้ ทุกข์ และสอนใหร้ ู้จกั ทกุ ขแ์ ละวธิ ีการดบั ทุกข์ ใหพ้ น้ จากความไม่รู้ความจริง
ในธรรมชาติ อนั เป็นเหตุใหเ้ กิดทุกขจ์ ากกิเลสท้งั ปวงคือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง รวมท้งั เนน้
การศึกษาทาความเขา้ ใจ การโยนิโสมนสิการดว้ ยปัญญา และพิสูจน์ทราบขอ้ เทจ็ จริง เห็นเหตุผลวา่ ส่ิงน้ีมีสิ่ง
น้ีจึงมี จนเห็นตามความเป็นจริงวา่ สรรพส่ิงในธรรมชาติเป็นไปตามกฎพระไตรลกั ษณ์ และสตั วโ์ ลกที่
เป็นไปตามกฎแห่งกรรม แลว้ เลือกใชห้ ลกั ธรรมในพทุ ธศาสนาที่เหมาะกบั ผลที่จะไดส้ ิ่งที่ปรารถนาอยา่ ง
ถูกตอ้ ง ดว้ ยความไม่ประมาทในชีวิตใหม้ ีความสุขในท้งั ชาติน้ีและชาติต่อ ๆ ไป ตลอดจนปรารถนาในพระ
นิพพานของผมู้ ีปัญญา
นิกาย
ศาสนาพทุ ธ แบ่งออกเป็นนิกายใหญ่ได้ 2 นิกายคือ เถรวาทและมหายาน นอกจากน้ีแลว้ ยงั มีการแบ่งท่ี
แตกต่างออกไปแบ่งเป็น 3 นิกาย เน่ืองจากวชั รยานถือวา่ ตนเป็นยานพเิ ศษโดยเฉพาะ ต่างจากมหายาน
ศาสนาคริสต์
เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนิยม ที่มีพ้ืนฐานมาจากชีวติ และการสอนของพระเยซูตามที่ปรากฏในพระวรสาร
ในสารบบ (canonical gospel) และงานเขียนพนั ธสญั ญาใหม่อื่น ๆ ผนู้ บั ถือศาสนาคริสตเ์ รียกวา่
คริสตศ์ าสนิกชนหรือคริสตชน
คริสตชนเชื่อวา่ พระเยซูเป็นพระบุตรพระเป็นเจา้ และเป็นพระเจา้ ผมู้ าบงั เกิดเป็นมนุษยแ์ ละเป็นพระผชู้ ่วย
ใหร้ อด ดว้ ยเหตุน้ี คริสตชนจึงมกั เรียกพระเยซูวา่ "พระคริสต"์ หรือ "พระเมสสิยาห์" ศาสนาคริสตป์ ัจจุบนั
แบ่งเป็นสามนิกายใหญ่ คือ โรมนั คาทอลิก อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ และโปรเตสแตนต์ ซ่ึงยงั แบ่งนิกายยอ่ ย
ไดอ้ ีกหลายนิกาย เขตอคั รบิดรโรมนั คาทอลิกและออร์ทอดอกซ์แยกออกจากกนั ในช่วงศาสนเภทตะวนั ออก-
ตะวนั ตก (East–West Schism) ใน ค.ศ. 1054 และนิกายโปรแตสแตนตเ์ กิดข้ึนหลงั การปฏิรูปศาสนาใน
คริสตศ์ ตวรรษที่ 16 ซ่ึงแยกตวั ออกจากคริสตจกั รโรมนั คาทอลิก
ศาสนาคริสตใ์ นช่วงแรกถือเป็นนิกายหน่ึงของศาสนายดู าห์เม่ือกลางคริสตศ์ ตวรรษท่ี 1 โดยถือกาเนิดข้ึน
ในชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวนั ออกของตะวนั ออกกลาง (ปัจจุบนั คือ อิสราเอลและปาเลสไตน)์
ไม่นานกแ็ ผข่ ยายไปยงั ซีเรีย เมโสโปเตเมีย เอเชียไมเนอร์ และอียปิ ต์ ศาสนาคริสตม์ ีขนาดและอิทธิพล
เพมิ่ ข้ึนอยา่ งมากในช่วงไมก่ ี่ทศวรรษ และจนถึงคริสตศ์ ตวรรษที่ 4 ไดก้ ลายมาเป็นศาสนาประจาชาติ
จกั รวรรดิโรมั ระหวา่ งสมยั กลางดินแดนยโุ รปท่ีเหลือส่วนมากรับศาสนาคริสตแ์ ลว้ แต่บางภูมิภาค เช่น
ตะวนั ออกกลาง แอฟริกาเหนือ เอธิโอเปี ย และบางส่วนของอินเดีย คริสตชนยงั ถือเป็นศาสนิกชนกลุม่ นอ้ ย
หลงั ยคุ สารวจ ศาสนาคริสตไ์ ดแ้ ผข่ ยายไปยงั ทวีปอเมริกา ออสตราเลเซีย แอฟริกาซบั สะฮารา และส่วนที่
เหลือของโลกผา่ นงานมิชชนั นารีและการล่าอาณานิคม
คริสตศ์ าสนิกชนเช่ือวา่ พระเยซูคือพระเมสสิยาห์ท่ีพยากรณ์ไวใ้ นคมั ภีร์ฮีบรู ซ่ึงในศาสนาคริสตเ์ รียก "พนั ธ
สญั ญาเดิม" พ้ืนฐานเทววทิ ยาศาสนาคริสตน์ ้นั แสดงออกมาในหลกั ขอ้ เชื่อสากล (ecumenical creed) ที่มีมา
ต้งั แต่ศาสนาคริสตย์ คุ แรก และเป็นที่ยอมรับอยา่ งกวา้ งขวางในบรรดาคริสตศ์ าสนิกชน การประกาศความ
เช่ือน้ีมีอยวู่ า่ พระเยซูทรงรับพระทรมาน สิ้นพระชนม์ และถูกฝังไว้ ก่อนจะคืนพระชนมเ์ พ่ือใหช้ ีวิตนิรันดร์
แก่ผทู้ ี่เชื่อในพระองคแ์ ละไวว้ างใจวา่ พระองคเ์ ป็นผไู้ ถ่บาป พวกเขายงั เช่ืออีกวา่ พระเยซูเสดจ็ ข้ึนสู่สวรรค์ ท่ี
ซ่ึงพระองคท์ รงควบคุมและปกครองรวมกบั พระเจา้ พระบิดา นิกายส่วนใหญ่สอนวา่ พระเยซูจะกลบั มา
พิพากษามนุษยท์ ุกคน ท้งั คนเป็นและคนตาย และใหช้ ีวิตนิรันดร์แก่สาวกของพระองค[์ 11] พระองคท์ รงถูก
มองวา่ เป็นแบบอยา่ งของชีวติ อนั ดีงาม และเป็นท้งั ผเู้ ผยพระวจนะและเป็นพระเจา้ ลงมารับสภาพมนุษย์
นิกาย
-โรมนั คาทอลิก แปลวา่ สากล เป็นนิกายด้งั เดิมที่ยดึ มนั่ ในหลกั คาสอนของพระเยซูคริสตเ์ คารพพระนางมา
รียแ์ ละนกั บุญต่าง ๆ ภายในโบสถข์ องนิกายน้ีจะมีรูปเคารพพระเยซูคริสต์ พระแม่มารีย์ และนกั บุญต่าง ๆ มี
ศูนยก์ ลางการปกครองอยทู่ ี่สนั ตะสานกั มีพระสนั ตะปาปาเป็นประมุข โดยสืบทอดมาต้งั แต่สมยั อคั รทูต
กลุ่มแรก โดยถือวา่ นกั บุญซีโมนเปโตรคือพระสนั ตะปาปาพระองคแ์ รก ซ่ึงไดร้ ับการยนิ ยอมจากพระเจา้ ให้
ปกครองศาสนจกั รท้งั มวลและสืบทอดมาถึงสมเดจ็ พระสนั ตะปาปาฟรานซิส องคป์ ัจจุบนั เป็นองคท์ ่ี 266
คาทอลิกมีนกั บวชเรียกวา่ บาทหลวง และสมาชิกคณะนกั บวชคาทอลิกถา้ เป็นชายเรียกวา่ ภราดา (brother)
หญิงเรียกวา่ ภคินี (sister) ชาวไทยจะเรียกผนู้ บั ถือนิกายน้ีวา่ "คริสตงั " ตามเสียงอ่านภาษาโปรตุเกส มีผนู้ บั
ถือนิกายน้ีประมาณ 1200 ลา้ นคน นิกายน้ีถือวา่ บาทหลวงเป็นสื่อกลางระหวา่ งพระเจา้ และมนุษย์ (ตวั แทน
พระเจา้ ในโลกน้ี)
-โปรเตสแตนต์ แปลวา่ คดั คา้ น แยกตวั มาจากนิกายโรมนั คาทอลิกในช่วงคริสตศ์ ตวรรษที่ 16 เป็นนิกายที่ถือ
วา่ ศรัทธาของแต่ละคนท่ีมีตอ่ พระเจา้ สาคญั กวา่ พธิ ีกรรม ซ่ึงยงั แตกยอ่ ยออกเป็นหลายร้อยคณะ เน่ืองจากมี
ความเห็นแตกต่างเกี่ยวกบั คมั ภีร์ไบเบิล และการปฏิบตั ิในพธิ ีกรรม นิกายน้ีไม่มีนกั บวชเช่ือวา่ ทกุ คนสามารถ
เขา้ ถึงพระเจา้ ไดโ้ ดยมิตอ้ งอาศยั บาทหลวง มีเพียงศิษยาภิบาล ท่ีคอยใหค้ าปรึกษากบั ผเู้ ช่ือ และถือวา่ พระเยซู
ไดท้ รงไถ่บาปแก่ศาสนิกทุกคนไปเมื่อถูกตรึงกางเขนแลว้ นิกายน้ีมีเพยี งไมก้ างเขนเป็นเครื่องหมายแห่ง
ศาสนาเท่าน้นั ชาวไทยจะเรียกผนู้ บั ถือนิกายน้ีวา่ "คริสเตียน" ตามเสียงอ่านภาษาองั กฤษ มีผนู้ บั ถือรวมกนั
ทุกนิกายยอ่ ยประมาณ 850 ลา้ นคน นิกายน้ีถือวา่ พระคมั ภีร์เป็นสื่อกลางระหวา่ งพระเจา้ และมนุษย์
-อีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ แปลวา่ ถูกตอ้ ง นบั ถือในประเทศทางฝั่งยโุ รปตะวนั ออก เช่น กรีซ รัสเซีย โดย
แยกตวั ออกไปจากศาสนาคริสตต์ ะวนั ตก เพราะไม่อยากอยภู่ ายใตอ้ านาจของสนั ตะปาปาซ่ึงมีอานาจมากสูง
กวา่ กษตั ริย์ (คือมีอานาจแต่งต้งั และถอดถอนกษตั ริยไ์ ด)้ ในสมยั น้นั โดยที่มิไดเ้ ปลี่ยนแปลงขอ้ ความเช่ือ
ขอ้ ความเชื่อของนิกายออทอดอกซเ์ หมือนกบั ขอ้ ความเชื่อของนิกายโรมนั คาทอลิก แต่ละประเทศมีอคั รบิดร
เป็นประมุขของคริสตจกั ร นิกายออทอดอกซ์ยงั มีชื่อเรียกอีกชื่อหน่ึงวา่ ศาสนาคริสตต์ ะวนั ออก มีศาสนิกชน
รวมกนั ประมาณ 350 ลา้ นคน นิกายน้ีถือวา่ อคั รบิดรเป็นสื่อกลางระหวา่ งพระเจา้ และมนุษย์
พธิ ีกรรมสาคญั ในศาสนาคริสต์
พิธีกรรมสาคญั ในศาสนาน้ีเรียกวา่ "พธิ ีศกั ด์ิสิทธ์ิ" มีดงั น้ี
-พธิ ีบพั ติศมา หรือศีลลา้ งบาป เป็นพธิ ีกรรมแรกท่ีรับเขา้ เป็นคริสตศ์ าสนิกชน
-พธิ ีมหาสนิทศกั ด์ิสิทธ์ิหรือศีลมหาสนิท เป็นพธิ ีกรรมท่ีแสดงถึงการร่วมสนิทกบั พระเยซู
-ศีลอภยั บาป เป็นการสารภาพบาปกบั พระเจา้ โดยผา่ นบาทหลวง
-ศีลกาลงั เป็นพิธีรับศีลโดยการเจิมหนา้ ผาก เพื่อยนื ยนั ความเชื่อวา่ จะนบั ถือศาสนาคริสตต์ ลอดไปและไดร้ ับ
พระพรของพระจิต ทาใหเ้ ขม้ แขง็ ในความเช่ือมากข้ึน
-ศีลสมรส เป็นพธิ ีประกอบการแต่งงาน โดยบาทหลวงเป็นพยาน เป็นการแสดงความสมั พนั ธว์ า่ จะรักกนั
จนกวา่ ชีวิตจะหาไม่
-ศีลอนุกรม เป็นพิธีสาหรับการบวชเป็นนกั บวช ไดแ้ ก่ มุขนายก บาทหลวง และพนั ธบริกร
-ศีลเจิมคนไข้ เป็นพธิ ีเจิมคนไขโ้ ดยบาทหลวงจะเจิมน้ามนั ลงบนหนา้ ผากและมือท้งั สองขา้ งของผปู้ ่ วย ให้
ระลึกวา่ พระเจา้ จะอยกู่ บั ตนและใหพ้ ลงั บรรเทาอาการเจบ็ ป่ วย
สาหรับนิกายโรมนั คาทอลิกและนิกายออร์ทอดอกซ์ จะมีพิธีกรรมท้งั 7 พิธี แต่สาหรับนิกายโปรเตสแตนต์
จะมีเพยี ง 2 พิธี คือ พธิ ีบพั ติศมาและพิธีมหาสนิทศกั ด์ิสิทธ์ิ
ศาสนายดู าห์
ประวตั ิความเป็นมา
ศาสนายดู าห์เป็นศาสนาของชนชาติยวิ ซ่ึงสืบเช้ือสายมาจากพวกเสมิติก ที่แตกแยกมาจากภาคเหนือ
ของทวีปเอเชีย และไดแ้ พร่เขา้ มาต้งั ถิ่นฐานอยใู่ นประเทศปาเลสไตน์ ต่อมาพวกฮีบรู บางพวกไดต้ กเป็ยเชลย
ถูกกวาดตอ้ นไปอยใู่ นประเทศอียปิ ตแ์ ต่ทนการกดข่ีขม่ เหงของพวกอียปิ ตไ์ ม่ไหว จึงพากนั หลบหนีขา้ มทะเล
แดงไปรวมกนั อยใู่ นประเทศปาเลสไตนอ์ ีก ดินแดนแห่งน้ีมีชนชาติคานาอนั หรือคานาไนตอ์ าศยั อยู่ พวกคา
นาอนั เรียกพวกที่เขา้ มาใหมว่ า่ "ฮีบรู" แตเ่ พราะพวกยวิ แสดงตวั วา่ เป็นผมู้ าดี พวกคานาอนั จึงไม่รังเกียจ พวก
ฮีบรูมีหวั หนา้ คนหน่ึงช่ือวา่ "ยาคอบ" แต่เวลาทาพิธีทางศาสนาจะเรียกตวั เองวา่ "อิสราเอล"
พวกยวิ สืบเช้ือสายทางศาสนามาจากพวกคานาอนั ซ่ึงนบั ถือพระเจา้ องคเ์ ดียว คือ "พระยะโฮวา" พวกยวิ
กน็ บั ถือพระยะโฮวาดว้ ย และต่อมายงั ไดน้ บั ถือพระเจา้ ของคานาอนั อีกองคห์ น่ึงดว้ ย คือ "พระเจา้ อาฮีรา" แต่
ในที่สุดกเ็ ลิกนบั ถือพระเจา้ อาฮีรา คงเหลือแต่พระยะโฮวาองคเ์ ดียวแต่พวกยวิ ยงั ถูกขม่ เหงรังแกจากพวก
อียปิ ตอ์ ีก คร้ังน้ีเกือบทาใหช้ าวยวิ เลิกนบั ถือพระยะโฮวาแต่ไดอ้ าศยั โมเสสซ่ึงเป็นตน้ กาเนิดศาสนายดู าห์
(ยวิ ) ไดช้ ้ีแจงจูงใจ และหวา่ นลอ้ มใหช้ นชาวยวิ นบั ถือพระยะโฮวาอยา่ งมน่ั คงเหมือนเดิมหลงั จากท่ีไดเ้ ขา้ ไป
อาศยั อยใู่ นดินแดนปาเลสไตน์
ศาสดา
โมเสส เป็นศาสดาของศาสนายดู าห์ บิดาชื่อ อมั ราม มารดาช่ือ โยเคเบด บิดามารดาของโมเสสสงั กดั อยู่
ในเผา่ เลวขี องอิสราเอล
คมั ภีร์ของศาสนายดู าห์มี 3 คมั ภีร์ ดงั น้ี
1. คมั ภีร์เก่า (Old Testament) กล่าวถึงการแกแ้ คน้ และการส่องสวา่ งของพระยะโฮวา และกล่าววา่ พระยะ
โฮวาเป็นผพู้ ิพากษาโลก นอกน้นั ยงั บรรจุคาสรรเสริญพระเจา้ พร้อมดว้ ยสุภาษิตอนั เป็นคาสอน เช่น สอน
ไม่ใหก้ ีดกนั ความดีจากคนท่ีควรแก่ความดี
2. คมั ภีร์โทราห์ (Torah) มีความหมายกวา้ งขวางมาก แบ่งออกเป็น 2 สาย ดงั น้ี
1. บทบญั ญตั ิท่ีเขียนไวเ้ ป็นลายลกั ษณ์อกั ษร
2. บทบญั ญตั ิท่ีท่องจากนั มาดว้ ยปากเปล่า และคมั ภีร์โทราห์น้ีหมายรวมเอาคมั ภีร์เก่าดว้ ย
3. คมั ภีร์ทาลมุด (Talmud) ไดแ้ ต่งข้ึนประมาณปี ค.ศ. 390 - 420 เป็นคมั ภีร์ที่กล่าวโจมตีพระเยซูรุนแรงมาก
หรืออีกนยั หน่ึงคมั ภีร์ทาลมุดเป็นงของศาสนายดู าห์ในการเป็นปฏิปักษก์ บั พระเยซู
หลกั ธรรม
กฎบญั ญตั ิสูงสุดในศาสนายดู าห์ คือ บญั ญตั ิ 10 ประการ ขอ้ ความในพระบญั ญตั ิน้นั ครอบคลุมไปท้งั
ดา้ นศาสนา การเมือง เศรษฐกิจ และสงั คม เป็นรากฐานของกฎหมาย ระเบียบ ขอ้ บงั คบั วนิ ยั และศีล มีดงั น้ี
1. อยา่ ไดม้ ีพระเจา้ อ่ืนต่อหนา้ เราเลย
2. อยา่ ทารูปป้ันสาหรับตน
3. อยา่ ออกพระนามของพระยะโฮวาพระเจา้ ของเจา้ เปล่าๆ
4. จงระลึกถึงวนั ซะบาโตถือเป็นวนั ศกั ด์ิสิทธ์ิ
5. จงนบั ถือบิดามารดาของเจา้
6. อยา่ ฆ่าคน
7. อยา่ ล่วงประเวณีผวั เมียเขา
8. อยา่ ลกั ทรัพย์
9. อยา่ เป็นพยานเทจ็ ต่อเพื่อนบา้ น
10. อยา่ โลภเรือนของเพือ่ นบา้ น อยา่ โลภภริยาของเพอ่ื นบา้ น หรือทาสาทาสีของเขา หรือส่ิงใดๆท่ีเป็นของ
เพื่อนบา้ น
นิกาย
ศาสนายดู าห์ แบ่งเป็นนิกายใหญ่ๆ 2 นิกาย ดงั น้ี
1. นิกายออร์ทอดอกซ์ เป็นนิการท่ีมีความเคร่งครัด ถือปฏิบตั ิตามคมั ภีร์โทราห์ เชื่อในบทบญั ญตั ิของโมเสส
และของแรบไบ (Rabbi) คืออาจารยห์ รือพระในศาสนายดู าห์
2. นิกายโปรเกรสสีฟ เป็นนิกายท่ีไม่เคร่งครัดนกั คือเป็นนิกายท่ีมีหวั กา้ วหนา้ นบั ถือกนั ในหมู่ปัญญาชนคน
สมยั ใหม่
พธิ ีกรรม
1. วนั ซะบาโต(Sabbath) คือวนั ท่ีเจด็ ของสปั ดาห์ ถือเป็นวนั บริสุทธ์ิ หา้ มทากิจกรรมใดๆทุกประการ ใช้
เวลาท้งั หมดเป็นวนั พกั ผอ่ น สวดมนตอ์ ธิษฐานภาวนา การอ่านคมั ภีร์นมสั การและของคุณพระเจา้
2. พิธีปัสคา(Pesach) เป็นพธิ ีกรรมสาคญั เกิดในสมยั ของโมเสส เม่ือคืนวนั ก่อนท่ีชาวยวิ จะอพยพออกจาก
อียปิ ต์ พระเจา้ ไดส้ ง่ั ใหช้ าวยวิ ฆ่าแกะและทาอาหารรับประทานกบั ขนมปังไม่มีเช้ือและใหร้ ับประทานให้
หมดในวนั เดียว แลว้ ใหท้ ุบหมอ้ ไห และเครื่องครัวท้งั หมด แลว้ ใหเ้ อาเลือดแกะป้ายไวท้ ่ีหนา้ ประตเู พราะใน
เวลากลางคืน พระเจา้ จะส่งทูตมรณะมาฆา่ ทุกคนที่ไม่ใช่ชาวยวิ ถา้ ประตูบา้ นของใครมีเลือดแกะทาอยทู่ ูต
มรณะจะขา้ มไป จึงเรียกวา่ ปัสคา แปลวา่ ขา้ มไป ชาวยวิ ฉลองวนั น้ีดว้ ยการเล้ียงใหญ่ และอธิษฐานของคุณ
พระเจา้ พิธีน้ีใชเ้ วลา 8 วนั ในวนั สุดทา้ ยมีการฉลองใหญ่และทุกคนกร็ ้องข้ึนพร้อมกนั วา่ "ปี หนา้ พบกนั ที่
เยรูซาเลม็ "
3. พธิ ีฉลองปี ใหม่ที่เรียกวา่ ร็อช ฮชั ชานาร์ (Rosh Hashanah)
ศาสนาอิสลาม
อิสลาม เป็นคาภาษาอาหรับ แปลวา่ การสวามิภกั ด์ิ ซ่ึงหมายถึงการสวามิภกั ด์ิอยา่ ง บริบูรณ์แด่อลั ลอฮฺ พระผู้
เป็นเจา้ ดว้ ยการปฏิบตั ิตามคาบญั ชาของพระองค์ ศาสนา อิสลาม เป็นศาสนามนุษยชาติตลอดกาล ต้งั แต่
แรกเริ่มของการกาเนิดของมนุษยจ์ นถึง ปัจจุบนั และอนาคต บรรดาศาสนทูตในอดีตลว้ นแต่ไดร้ ับมอบหมาย
ใหส้ อนศาสนาอิสลาม แก่มนุษย ชาติ ศาสนทูตท่านสุดทา้ ยคือมุฮมั มดั บุตรของอบั ดุลลอหฺ แห่งอารเบีย
ไดร้ ับ มอบหมายใหเ้ ผยแผ่ สาร์นของอลั ลอหฺในช่วงปี ค.ศ. 610 - 632 เฉกเช่นบรรพ ศาสดาในอดีต โดยมี
มะลกั ญิบรีล เป็นสื่อระหวา่ งอลั ลอหฺพระผเู้ ป็นเจา้ และมุฮมั มดั พระโองการแห่งพระผเู้ ป็นเจา้ ที่ทะยอยลงมา
ในเวลา 23 ปี จนั ทรคติ ไดร้ ับการรวบรวม ข้ึนเป็นเล่มมีชื่อวา่ อลั กรุ อาน ซ่ึงเป็นธรรมนูญแห่งชีวติ มนุษย์
เพื่อที่จะไดค้ รองตน บนโลกน้ีอยา่ งถูกตอ้ งก่อนกลบั คืนสู่พระผเู้ ป็นเจา้
สาร์นแห่งอิสลามท่ีถูกส่งมาใหแ้ ก่มนุษยท์ ้งั มวลมีจุดประสงคห์ ลกั 3 ประการคือ:
1. เป็นอุดมการณ์ที่สอนมนุษยใ์ หศ้ รัทธาในอลั ลอหฺ พระผเู้ ป็นเจา้ เพยี งพระองคเ์ ดียว ที่สมควรแก่การเคารพ
บูชาและภกั ดี ศรัทธาในความยตุ ิธรรมของพระองค์ ศรัทธาในพระโองการแห่งพระองค์ ศรัทธาในวนั
ปรโลก วนั ซ่ึงมนุษยฟ์ ้ื นคืนชีพอีกคร้ังเพ่ือรับการพิพากษา และรับผลตอบแทนของความดีความชวั่ ที่ตนได้
ปฏิบตั ิไปในโลกน้ี มน่ั ใจและไวว้ างใจต่อพระองค์ เพราะพระองคค์ ือท่ีพ่งึ พาของทุกสรรพส่ิง มนุษยจ์ ะตอ้ ง
ไม่สิ้นหวงั ในความเมตตาของพระองค์ และพระองคค์ ือปฐมเหตุแห่งคุณงามความดีท้งั ปวง
2. เป็นธรรมนูญสาหรับมนุษย์ เพอ่ื ใหเ้ กิดความสงบสุขในชีวติ ส่วนตวั และสงั คม เป็นธรรมนูญที่ครอบคลุม
ทุกดา้ น ไมว่ า่ ในดา้ นการปกครอง เศรษฐกิจ หรือนิติศาสตร์ อิสลามสงั่ สอนใหม้ นุษยอ์ ยกู่ นั ดว้ ยความเป็น
มิตร ละเวน้ การรบราฆ่าฟัน การทะเลาะเบาะแวง้ การละเมิดและรุกรานสิทธิของผอู้ ่ืน ไม่ลกั ขโมย ฉอ้ ฉล
หลอกลวง ไม่ผดิ ประเวณี หรือทาอนาจาร ไม่ด่ืมของมึนเมาหรือรับประทานสิ่งท่ีเป็นโทษต่อร่างกายและ
จิตใจ ไม่บ่อนทาลายสงั คมแมว้ า่ ในรูปแบบใดกต็ าม
3. เป็นจริยธรรมอนั สูงส่งเพอ่ื การครองตนอยา่ งมีเกียรติ เนน้ ความอดกล้นั ความซ่ือสตั ย์ ความเอ้ือเฟ้ื อเผอ่ื แผ่
ความเมตตากรุณา ความกตญั ญูกตเวที ความสะอาดของกายและใจ ความกลา้ หาญ การใหอ้ ภยั ความเท่า
เทียมและความเสมอภาคระหวา่ งมนุษย์ การเคารพสิทธิของผอู้ ื่น สง่ั สอนใหล้ ะเวน้ ความตระหนี่ถี่เหนียว
ความอิจฉาริษยา การติฉินนินทา ความเขลาและความขลาดกลวั การทรยศและอกตญั ญู การล่วงละเมิดสิทธิ
ของผอู้ ื่น
นิกาย
๑) นิกายซุนนีหรือซุนนะห์ เคร่งครัดการปฏิบตั ิตาม คมั ภีร์อลั -กรุ อาน และซุนนะห์เท่าน้นั และยอมรับผนู้ า
๔ คนแรก ซ่ึงเป็นผใู้ กลช้ ิดทา่ นศาสดา มุสลิมส่วนใหญ่ในโลกรวมท้งั ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย
นบั ถือนิกายน้ี
๒) นิกายชีอะห์ ชีอะห์ แปลวา่ พรรคพวก หมายถึง พรรคพวกท่านอาลีนน่ั เอง นิกายน้ีถือวา่ ท่านอาลี บุตร
เขยของศาสดามูฮมั มดั คนเดียวเท่าน้นั เป็นผทู้ ี่ถูกตอ้ ง ผถู้ ือนิกายน้ีส่วนใหญ่อยใู่ นประเทศอิหร่าน อิรัก เยเมน
อินเดีย และประเทศในทวีปแอฟริกาดา้ นตะวนั ออก
หลกั คาสอนพ้นื ฐาน
๑ ) หลกั ศรัทธา ๖ ประการ ไดแ้ ก่
( ๑ ) ศรัทธาต่อพระอลั ลอฮ์ มุสลิม เช่ือวา่ มีพระเจา้ องคเ์ ดียวเป็นผสู้ ร้างสรรพสิ่ง ผเู้ ป็น มุสลิม จะตอ้ ง
ศรัทธาต่อพระอลั ลอฮเ์ พียงพระองคเ์ ดียว
( ๒ ) ศรัทธาต่อเทพบริวารของพระอลั ลอฮ์ (เทวทูต) คือ ผรู้ ับใชพ้ ระเจา้ ซ่ึงมีจานวนมากมีหนา้ ท่ีต่างๆ กนั
เทวทูตเป็นคนกลางทาหนา้ ท่ีสื่อสาร ระหวา่ งท่านนบีมุฮมั มดั กบั พระเจา้ กล่าวคือ ท่านนบีมูฮมั มดั ไดร้ ับ
โองการจากพระเจา้ โดยทางเทวทูต ซ่ึงเรียกวา่ “ มลาอีกะฮ์ ” เป็นวญิ ญาณท่ีมองไม่เห็น แต่สามารถแปลงร่าง
เป็นมนุษยไ์ ดต้ ามบญั ชาของพระอลั ลอฮ์
(๓ ) ศรัทธาในพระคมั ภีร์ท้งั หลาย คือ คมั ภีร์ที่พระเจา้ ไดป้ ระทานมาก่อนหนา้ น้ี 104 คมั ภีร์ ซ่ึงรวมท้งั
คมั ภีร์ของศาสนายดู าย และศาสนาคริสต์ แต่ใหถ้ ือวา่ คมั ภีร์อลั -กรุ อาน เป็นคมั ภีร์สุดทา้ ย และสมบูรณ์ที่สุด
ท่ีพระเจา้ ไดป้ ระทานพรลงมาใหแ้ ก่มนุษยชาติ โดยผา่ นทางศาสดามุฮมั มดั
( ๔ ) ศรัทธาต่อบรรดาศาสนทูต ศาสนทตู เป็นมนุษยธ์ รรมดา แต่พระเจา้ ไดเ้ ลือกสรรวา่ เป็นคนดี เหมาะแก่
การท่ีจะเป็นผปู้ ระกาศศาสนา ซ่ึงท่านนบีมฮุ มั มดั เป็นศาสนทูตองคส์ ุดทา้ ย
( ๕ ) ศรัทธาในวนั พิพากษา คือ วนั สุดทา้ ยของโลก ชาว มุสลิม เชื่อวา่ โลกมีวนั แตกดบั เมื่อถึงวนั น้นั
มนุษยท์ ุกคนตอ้ งตาย และจะถูกทาใหฟ้ ้ื นข้ึนมา เพือ่ พจิ ารณาโทษ ดว้ ยการสอบสวนพพิ ากษาตามความดี
ความชว่ั ท่ีตนไดก้ ระทาไว้
( ๖ ) ศรัทธาในการกาหนดสภาวะของโลก และชีวิต วา่ เป็นไปตามเจตจานงของพระอลั ลอฮ์
หลกั ปฏิบตั ิ ๕ ประการ
( ๑ ) การปฏิญาณตน มุสลิม ตอ้ งกล่าวปฏิญาณวา่ “ ขา้ พเจา้ ขอปฏิญาณวา่ ไม่มีพระเจา้ อื่นใดนอกจาก
อลั ลอฮ์ และแทจ้ ริงมุฮมั มดั เป็นศาสนทูต ( รอซูล ) ของอลั ลอฮ์ “ การปฏิญาณน้ีเปรียบเสมือนหวั ใจของ
ศาสนาอิสลาม ตอ้ งทาดว้ ยความบริสุทธ์ิใจ และมิใช่ทาคร้ังเดียว แต่ตอ้ งทาเสมอเม่ือนมสั การพระเจา้
(ละหมาด)
( ๒ ) การละหมาด คือ การนมสั การ หรือ การแสดงความเคารพต่อพระเจา้ ท้งั ทางร่างกาย และจิตใจ ชาว
มุสลิม ทุกคนจะตอ้ งปฏิบตั ิละหมาดวนั ละ ๕ เวลา คือ ยา่ รุ่ง กลางวนั เยน็ พลบค่า และกลางคืน ซ่ึงก่อนทา
ละหมาดจะตอ้ งชาระร่างกายใหส้ ะอาด และสารวมจิตใจใหส้ งบ
( ๓ ) การถือศีลอด หมายถึง การละเวน้ จากการบริโภคอาหาร เคร่ืองดื่ม การร่วมสงั วาส ต้งั แต่พระอาทิตย์
ข้ึน จนกระทง่ั พระอาทิตยต์ กดิน มุสลิม จะตอ้ งถือศีลอดปี ละ ๑ เดือน คือ ในเดือนรอมาฎอนตามปฏิทินของ
อิสลาม ผทู้ ี่ไดร้ ับการผอ่ นผนั ไม่ตอ้ งถือศีลอด ไดแ้ ก่ คนชรา หญิงมีครรภ์ แม่ลูกอ่อน คนที่ตอ้ งทางานหนกั
คนเดินทางไกล หญิงขณะมีรอบเดือนหรือหลงั คลอด คนป่ วย การถือศีลอดเป็นการแสดงถึงความศรัทธาใน
พระเจา้ ฝึกความอดทน และความมีน้าใจเอ้ือเฟ้ื อเผอื่ แผ่
( ๔ ) การบริจาคซะกาต หมายถึง การบริจาคทานใหแ้ ก่คนที่เหมาะสม ตามท่ีศาสนากาหนด เช่น คนอนาถา
เดก็ กาพร้า คนขดั สน ผเู้ ผยแผศ่ าสนา การบริจาคซะกาต เป็นขอ้ บงั คบั ที่ตอ้ งปฏิบตั ิ ชาว มุสลิม หรือวา่ เป็น
หนา้ ที่ท่ีจะตอ้ งสละทรัพยข์ องตนในอตั ราร้อยละ ๒.๕ เพ่ือแบ่งปันใหแ้ ก่ผอู้ ื่น เป็นการกล่อมเกลาจิตใจให้
เป็นคนเอ้ือเฟ้ื อเผอ่ื แผ่ ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั
( ๕ ) การประกอบพธิ ีฮจั ญ์ หมายถึง การไปประกอบศาสนกิจ ณ ศาสนสถานบยั ตุลลอฮ์ เมืองมกั กะฮ์
ประเทศซาอุดีอาระเบีย การประกอบพิธีฮจั ญไ์ ม่ไดบ้ งั คบั ใหช้ าว มุสลิม ตอ้ งกระทา แต่ใหถ้ ือเป็นหลกั ปฏิบตั ิ
สาหรับผทู้ ่ีพร้อม และมีความสามารถ คือ บรรลุนิติภาวะ มีสุขภาพดี มีทุนทรัพยเ์ พียงพอ และมีความรู้ความ
เขา้ ใจเกี่ยวกบั การประกอบพิธีฮจั ญเ์ ป็นอยา่ งดี
ศาสดา
อิสลามเช่ือวา่ อลั ลอหฺ คือ พระนามของพระผเู้ ป็นเจา้ ผสู้ ร้างมนุษย์ ส่ิงมีชีวิต ส่ิงไม่มีชีวติ และทกุ สรรพสิ่ง
ในจกั รวาล พระองคท์ รงมีโดยไร้จุดเร่ิมตน้ และทรงมีอยนู่ ิรันดร์โดยไม่มีจุดจบ พระองคแ์ ตกต่างกบั ทุก
สรรพส่ิงอยา่ งสิ้นเชิง ทรงดารงดว้ ยพระองคเ์ อง มิตอ้ งทรงพ่ึงพาส่ิงใด พระองคเ์ ป็นพระผเู้ ป็นเจา้ เอกองค์
เดียว ไม่มีพระผเู้ ป็นเจา้ อื่นใดอีกนอกเหนือจากพระองค์
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ประวตั ิความเป็นมา
แบ่งววิ ฒั นาการออกเป็น 2 ช่วง คือ
1. สมยั พระเวท เป็นสมยั ท่ีมีความเช่ือในเร่ืองเทพเจา้ มากมายหลายพระองค์ (ซ่ึงยา้ ยมาประเทศไทยเกือบ
ทุกพระองค)์ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ เทพบนพ้นื โลก เทพบนอากาศ และเทพบนสวรรค์ ซ่ึงมีเทพเจา้ ท่ีมี
ความสาคญั และถูกยกใหย้ งิ่ ใหญ่ กวา่ เทพเจา้ องคอ์ ื่น ๆ คือ พระอินทร์ พระวรุณ และพระพฤหสั บดี ฯลฯ
2. สมยั พราหมณ์ ความเชื่อของมนุษยใ์ นสมยั น้ี กา้ วไกลออกไปถึงการหาเทพ ผยู้ ง่ิ ใหญ่ ผสู้ ร้างโลก
(เนรมิต) และสร้างสรรพสิ่ง (ลิขิต) เทพเจา้ อง๕ืืใหม่น้ี เรียกวา่ "พระพรหม" โดยพระองค์ เป็นผสู้ ร้างทุก
สรรพส่ิง และทุกสรรพส่ิง กเ็ กิดจาก พระองค์ เมื่อตายแลว้ กต็ อ้ งกลบั คืนสู่พระพรหม นอกจากน้ี ยงั มีเทพ
เจา้ ผยู้ ง่ิ ใหญ่ อีก 2 องค์ คือ พระวษิ ณุ (พระนารายณ์) และ พระศิวะ (พระอิศวร) เทพเจา้ ท้งั 2 องค์ น้ี ไดร้ ับ
การนบั ถือเทียบเท่ากบั พระพรหม ทาใหเ้ รียกเทพเจา้ ท้งั 3 พระองคว์ า่ "ตรีมูรติ" ซ่ึงแปลวา่ "รูปสาม" ดงั กล่ว
แลว้ คือ
พระพรหม เทพผสู้ ร้าง
พระวษิ ณุหรือพระนารายณ์ เทพผรู้ ักษา
พระศิวะหรือพระอิศวร เทพผทู้ าลาย
จากความเชื่อเร่ืองตรีมูรติ ทาใหเ้ กิดความเชื่อในเรื่องของการเกิดยคุ ซ่ึงเรียกวา่ "กลั ป์ " ซ่ึงเป็นช่วงเวลา
ต้งั แต่พระพรหมสร้างโลก พระนารายณ์รักษาโลก ใหพ้ น้ อานาจของคนชวั่ จนกระทงั่ พระศิวะตอ้ งทา
หนา้ ที่มาลา้ งและทาลายโลก ดงั น้นั 1 กลั ป์ จึงมีช่วงเวลาต้งั แต่โลกถูกสร้างข้ึนมา จนถึงโลกถูกทาลายไป
แบ่งออกเป็น 4 ยคุ คือ กฤตยคุ หมายถึง ยคุ ที่มนุษยม์ ีความดีอยา่ งเตม็ เป่ี ยม
ไตรดายคุ หมายถึง ยคุ ท่ีความชว่ั เริ่มเขา้ มาในสงั คม ประมาณ 1 ใน 4 แต่ความดียงั มากกวา่
ทวาปรยคุ หมายถึง ยคุ ที่มีความชวั่ เขา้ มาในสงั คมคร่ึงหน่ึง มีความดี และความชว่ั เท่าเทียมกนั
กลียคุ หมายถึง ยคุ ที่มีความชว่ั เขา้ มา 3 ส่วน ความดีเหลืออยู่ เพยี งส่วนเดียว ทาใหส้ งั คมมีความชวั่
มากกวา่ ความดี สงั คมวนุ่ วาย
หลกั คาสอน
หลกั ธรรม 4 ประการ
1. ธฤติ ไดแ้ ก่ ความมนั่ คง ความกลา้ ความสุข คือ ความพากเพยี รจนสาเร็จ และพอใจในสิ่งท่ีตนมี
2. กษมา ไดแ้ ก่ความอดกล้นั ความอดทน
3. ทมะ ไดแ้ ก่ การระงบั จิตใจ การขม่ ใจ
4. อสั เตยะ ไดแ้ ก่ การไม่ลกั ขโมย
5. เศาจะ ไดแ้ ก่ การทาตนใหบ้ ริสุทธ์ิ ท้งั กายและใจ
6. อินทรียนิครหะ ไดแ้ ก่ การระงบั อินทรียท์ ้งั 10 คือ ประสาทความรู้ 5 ประการ ไดแ้ ก่ หู ตา จมกู ลิ้น
และผวิ หนงั ประสาทความรู้สึก ทางการกระทา ไดแ้ ก่ มือ เทา้ ทวารหนกั ทวารเบา และลาคอ
7. ธี ไดแ้ ก่ ปัญญา สติ
8. วทิ ยา ไดแ้ ก่ ความรู้ทางปรัชญา
9. สตั ยะ ไดแ้ ก่ ความจริง ความสุจริต ความซื่อสตั ย์
10. อโกธะ ไดแ้ ก่ ความไม่โกรธ
หลกั ธรรม 10 ประการ มีจุดประสงค์ เพอ่ื ใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิ รู้จกั ควบคุมตนเอง ไม่ใหห้ ลงมวั เมาในสิ่งผดิ
2. หลกั อาศรม 4
หลกั อาศรม 4 หมายถึง ข้นั ตอนของชีวิต หรือ ทางปฏิบตั ิเพื่อยกระดบั ชีวิตใหส้ ูงข้ึน มี 4 ประการ คือ
• พรหมจารี เป็นข้นั ตอนของเดก็ ชายตระกลู พราหมณ์ทกุ คน จะตอ้ งรับการคลอ้ งดา้ ย ศกั ด์ิสิทธ์ิ จาก
อาจารย์ พธิ ีคลอ้ งดา้ ยศกั ด์ิสิทธ์ิ เรียกวา่ "ยชั โญปวีต" เม่ือไดร้ ับการคลอ้ งแลว้ เท่ากบั ประกาศตนเป็น
พรหมจารี ถือวา่ เป็น พราหมณ์ โดยสมบรู ณ์ จากน้นั จะตอ้ งศึกษา อยใู่ นสานกั ของอาจารยจ์ นสาเร็จ
การศึกษา
• คฤหสั ถ์ หรือผคู้ รองเรือน เม่ือสาเร็จการศึกษา แลว้ จะกลบั บา้ นเรือนของตน เพ่ือแต่งงาน และมี
บุตร
• วานปรัสถ์ เป็นช่วงเวลาที่พพราหมณ์ ปฏิบตั ิตน เพอื่ สงั คมและประเทศ เม่ือครอบครัวเป็นปึ กแผน่
และบุตรไดอ้ อกเรือนเป็นที่เรียบร้อยแลว้ พราหมณ์ผเู้ ป็นหวั หนา้ ครอบครัวจะออกป่ า เพอ่ื แสวงหาความ
วเิ วกและฝึกจิตของตน ซ่ึงอาจ กระทาเป็นคร้ังคราวแลว้ กลบั สู่เรือนกไ็ ด้ ซ่ึงคลา้ ยกบั ชาวไทยในพทุ ธศาสนา
ซ่ึงเมื่อแก่เฒ่าลง กจ็ ะหนั หนา้ เขา้ หาวดั
• สันยาสี เป็นระยะเวลาท่ีพราหมณ์ ทาเพ่ือมนุษย- ชาติท้งั ปวง เป็นการสละชีวติ คฤหสั ถ์ ของผคู้ รอง
เรือน เพ่ือเขา้ ป่ าออกบวช และเพ่อื จุดหมายสูงสุดของชีวติ คือ โมกษะ
3 หลกั ปุรุษารถะ หรือจุดมุ่งหมายของชีวิต
• ธรรม หมายถึง หลกั ศีลธรรมในสงั คม เพอื่ ใหส้ งั คมอยอู่ ยา่ งสนั ติสุข
• กาม เป็นการหาความสุขทางโลก โดยใหด้ าเนิน ไปตามแนวของธรรม ซ่ึงมีผลใหต้ นเอง มี
ความสุข ขณะท่ีสงั คมกม็ ีความสุขดว้ ย
• อรรถ เป็นการแสวงหาทรัพย์ หรือการสร้างฐานะ ทางเศรษฐกิจ โดยยดึ แนวทางธรรมเป็นหลกั
• โมกษะ เป็นอิสรภาพแห่งวญิ ญาณ หลุดพน้ จากการเวยี นวา่ ยตายเกิด หรือหลุดพน้ จากสงั สารวฏั
เป็นอุดมคติและคุณค่าสูงสุด ของชีวิต ถือเป็นความสุขอนั เป็นนิรันตดร์ (ขอ้ น้ี น่าจะเลียนแบบพทุ ธ
เนื่องจากพราหมณ์ มีหลกั การ คือ ตอ้ งเขา้ สู่ปรมาตมนั คือ พระพรหม ไม่ใช่หลุดพน้ จากการเวียนวา่ ยตาย
เกิด)
4. หลกั ปรมาตมนั และโมกษะ
• ปรมาตมนั เป็นดวงวิญญาณท่ียง่ิ ใหญ่ เป็นส่ิงท่ี เกิดข้ึนเอง เป็นตน้ เหตุของสรรพส่ิง (คลา้ ยกบั พระ
เจา้ (GOD) ในคริสตศ์ าสนา) หรือสรรพส่ิง เกิดจากปรมาตมนั ปรมาตมนั เป็นอมตะ ไม่มีเบ้ืองตน้ และไมีมีท่ี
สิ้นสุด ไม่ทีเพศ เป็นสนั ติสุขในตวั เอง เป็นปฐมวิญญาณ ของสิ่งท้งั ปวง และเป็นบ่อเกิดของอาตมนั
• อาตมนั เป็นดวงวญิ ญาณของปรมาตมนั คือ ที่เกิดเป็นสตั วต์ ่าง ๆ เช่น มนุษย์ เทพเจา้ เดรัจฉาน
ฯลฯ
• โมกษะ การที่ดวงวญิ ญาณยอ่ ยหรือาตมนั รวมเป็นหน่ึงเดียวกบั ปรมาตมนั ไดน้ ้นั จะตอ้ งเขา้ ถึง
จุดหมายของชีวติ ใหไ้ ด้ ซ่ึงกค็ ือ โมกษะ หรือการหลุดพน้ จากสงั สารวฏั ส่วนวิธี ท่ีจะหลุดพน้ จากสงั สารวฏั
คือ มรรคส่ี ไดแ้ ก่
-กรรมมรรค คือการละกรรม ที่เป็นตน้ เหตุ ใหเ้ กิดการเวียนวา่ ยตายเกิด พึงกระทากรรมที่เป็นเหตใุ หเ้ ขา้ ถึง
การหลุดพน้
-ชญานมรรค คือ วิถีแห่งการหลุดพน้ ดว้ ยการรู้แจง้ ในบรมสัตย์
-ภกั ติมรรค คือ วิถีแห่งการหลุดพน้ ดว้ ยการภกั ดีในองคพ์ ระเป็นเจา้
-ราชมรรค คือ วิถีแห่งการหลุดพน้ ดว้ ยการฝึกฝนทางจิต
5. หลกั ทรรศนะ 6
หลกั ทรรศนะ 6 เป็นหลกั ธรรม และการปฏิบตั ิ ท่ีเป็นการเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง ที่ทาใหค้ วามเป็ น
พราหมณ์กลายมาเป็นความเป็น ฮินดูในปัจจุบนั หลกั ทรรศนะ 6 ไดแ้ ก่ ลทั ธิสงั ขยา ลทั ธิโยคะ (เนน้ การ
บริกรรม คาวา่ "โอม" เป็นคาศกั ด์ิสิทธ์ิ ท่ีใชใ้ นการภาวนา) ลทั ธินยายะ ลทั ธิไวเศษิกะ ลทั ธิมีมางสา หรือ
ปูรวมีมางสา และลทั ธิเวทานตะ
6. คมั ภีร์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ฤคเวท เป็นคมั ภีร์แห่งความรอบรู้ในบทสวด สรรเสริญพระเจา้
ยชุรเวท เป็นคมั ภีร์รวบรวมบทร้อยกรอง ใชใ้ นพิธีการบูชายญั ในศาสนา
สามเวท เป็นคมั ภีร์รวบรวมบทสวดมนต์ สาหรับ ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ของประชาชน โดยทวั่ ไป
รวม 3 อยา่ งน้ี เรียกวา่ "ไตรเพท" ต่อมาเพมิ่ เขา้ มาอีกคมั ภีร์หน่ึง คือ อาถรรพนเวท เป็นคมั ภีร์เวทมนต์ คาถา
ท่ีเรียกวา่ พระเวท มนตร์ขลงั
ส่วนคมั ภีร์รุ่นหลงั ที่สาคญั คือ คมั ภีร์ภควทั คีตา เป็นคมั ภีร์ซ่ึงถือวา่ เป็ฯยอดวรรณคดี และเป็นหวั ใจ
ปรัชญาของฮินดู หลกั ธรรมของคมั ภีร์น้ี มีอิทธิพล อยา่ งแรงกลา้ เหนือจิตใจชาวฮินดูตลอดเวลา 1,600 ปี ท่ี
ป่ านมา ถอ้ ยคา และสานวนในคมั ภีร์ มีควมไพเราะ อยา่ งยงิ่
ศาสนาซิกข์
เป็นศาสนาสาคญั หน่ึงของโลก โดยคาวา่ สิขมาจากภาษาสนั สกฤต Sikh แปลวา่ แนวทางหรือแบบแผน
ศาสนาซิกขเ์ ป็นศาสนาอินเดียที่มีตน้ กาเนิดในแควน้ ปัญจาบ ทางตอนเหนือของอนุทวีปอินเดียในราว
คริสตศ์ ตวรรษท่ี 15 โดยคุรุศาสดาพระองคแ์ รก คุรุนานกั และถูกนิยามวา่ เป็นท้งั ศาสนาเอกเทวนิยม และ
พหุเทวนิยม
ศาสดา
มี 10 ท่าน ต่อจากน้นั ศาสดาองคท์ ี่ 10 (คุรุโควนิ ทส์ ิงห์) ไดป้ ระกาศใหถ้ ือพระคมั ภีร์ (คุรุกรันตสาหิบ)
เป็นศาสดาตลอดกาลแทน และไม่มีการแต่งต้งั ศาสดาต่อไปอีก ยกเวน้ นิกายนามธารีท่ีมีการนบั คุรุศาสดาต่อ
รายนามของคุรุศาสดาท่ีเป็นท่ีนบั ถือท้งั 10 ท่าน ไดแ้ ก่
1. คุรุนานกั
2. คุรุองั คตั หรือ คุรุองั กตั , คุรุองั คทั , คุรุองั ขตั , คุรุองั ฆตั
3. คุรุอมรทาส หรือ คุรุอามรั ดาส
4. คุรุรามทาส หรือ คุรุรามดาส
5. คุรุอรชุน หรือ คุรุอรยนั , คุรุอาร์จนั
6. คุรุหรโคพนิ ท์ หรือ คุรุฮรั โควินท์
7. คุรุหรราย หรือ คุรุฮรั ราย, คุรุหาร์ไร
8. คุรุหรกิศนั หรือ คุรุฮรั กฤษณ
9. คุรุเตฆบ์ ะฮาดุร หรือ คุรุเตค บฮาดรั
10. คุรุโควนิ ทสิงห์ หรือ คุรุโควนิ ทส์ ิงห์
11. คุรุครันถสาหิพ หรือ คุรุครันถซ์ าฮิบ
คมั ภีร์
สาหรับชาวซิกขแ์ ลว้ มีคมั ภีร์หลกั สาคญั เพยี งหน่ึงเดียวเท่าน้นั คือ คุรุกรันตสาหิบ หรือ คุรุครันถซ์ าฮิบ
บางคร้ังกเ็ รียกอีกชื่อวา่ อาทิกรันตะ หรือ อาทิ ครันถ์ ตามกาลภาพจริง ๆ แลว้ “อาทิกรันตะ” (แปลตรงตวั วา่
ฉบบั แรก) หมายถึงคมั ภีร์ชิ้นแรกที่เขียนข้ึนโดยคุรุอรชุน เม่ือ ค.ศ. 1604 ส่วนคุรุกรันตสาหิบหมายถึงคมั ภีร์
รุ่นสุดทา้ ยท่ีเพม่ิ เติมและรวบรวมจนสมบูรณ์โดยคุรุโควนิ ทสิงห์ คุรุกรันตสาหิบน้นั ยกยอ่ งใหเ้ ป็นคมั ภีร์ที่
เช่ือส่าจริงเสมอตลอดกาล (อกาล) และไม่สามารถโตแ้ ยง้ ได้ อยา่ งไรกต็ ามศาสนาซิกขก์ ม็ ีคมั ภีร์อีกเล่มที่ยก
ยอ่ งใหว้ า่ สาคญั เป็นอนั ดบั สอง คือ “ทสัมกรันตะ” หรือ ทาซาม ครันถ์
นิกาย
นิกายนิลิมเล แปลวา่ นกั พรตผปู้ ราศจากมลทิน
นิกายอุทาสี หมายความวา่ ผวู้ างเฉยต่อโลก
นิกายอกาลี คือ ผบู้ ูชาพระผเู้ ป็นเจา้ นิรันดร
นิกายสุธเร คือ นกั พรตผบู้ ริสุทธ์ิ
นิกายทิวเนสาธุ หมายถึง นกั บุญผเู้ มา (ในพระเจา้ )
นิกายริมเลสาธุ หมายถึง นกั บุญผไู้ ม่มีมลทิน
นิกายนามธารี แปลวา่ ผทู้ รงไว้ หรือผเู้ ทิดทูลพระนามของพระเจา้
ศาสนาบาไฮ
เป็นศาสนาก่อต้งั ใน ค.ศ. 1844 ในอาณาจกั รเปอร์เซีย(ปัจจุบนั อยใู่ นอาณาเขตของประเทศอิหร่าน มีศาสดา
ชื่อ พระบาฮาอุลลาห์ ศูนยก์ ลางบาไฮโลกอยทู่ ่ีเมืองไฮฟา มีสถานที่ศกั ด์ิสิทธ์ิท่ีสุด 2 แห่ง คือ พระสถูปของ
พระบาฮาอุลลาห์อยทู่ ี่เมืองอคั คา และ พระสถูปของพระบอ๊ บอยทู่ ่ีเมืองไฮฟา ในประเทศอิสราเอล ปัจจุบนั
เผยแผไ่ ปกวา่ 190 ประเทศ เป็นศาสนาท่ีเผยแผก่ วา้ งไกลเป็นอนั ดบั สองรองจากศาสนาคริสต์
หลกั คาสอน
• มีพระผเู้ ป็นเจา้ เพียงองคเ์ ดียว
• ทุกศาสนาของโลกคือศาสนาหน่ึงเดียวที่ไมเ่ ปล่ียนแปลงและคงอยนู่ ิรันดร์
• ความเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ของมนุษยชาติ มนุษยชาติท้งั มวลเป็นชนชาติเดียวกนั ควรอยรู่ ่วมกนั
อยา่ งสนั ติและสามคั คีปรองดอง
• ความเสมอภาคระหวา่ งสตรีและบุรุษ
• การแกไ้ ขปัญหาเศรษฐกิจดว้ ยวิธีทางศีลธรรม
• การศึกษาสาหรับทุกคน
• ศาสนาตอ้ งสอดคลอ้ งกบั วิทยาศาสตร์และหลกั เหตุผล
• การมีภาษาช่วยที่ใชส้ ื่อสารกนั ไดท้ ว่ั โลก
• การขจดั อคติทุกรูปแบบ
• การคน้ ควา้ หาความจริงโดยอิสระ
• การสถาปนาสหพนั ธรัฐของโลก เพ่อื รักษาสนั ติภาพดว้ ยการธารงไวซ้ ่ึงความปลอดภยั ร่วมกนั
• จุดมุ่งหมายของชีวิตในโลกน้ีคือการพฒั นาทางจิตวญิ ญาณ เพ่ือเตรียมตวั สาหรับการดารงอยใู่ นภพ
ต่อไป
บาไฮศาสนิกชน
• กาลงั ทางานเพอื่ สร้างอารยธรรมท่ีกา้ วหนา้ และยง่ั ยนื
• พยายามรักษาระดบั ศีลธรรมอนั สูงส่งในทุกการกระทาของพวกเขา โดยพระบาฮาอุลลาห์ทรงเนน้
ความสาคญั ในเรื่องความซื่อสตั ย์ ความไวว้ างใจได้ ความบริสุทธ์ิ การรับใชต้ ่อผอู้ ่ืน ความเอ้ือเฟ้ื อ การ
กระทาสาคญั กวา่ คาพดู ความสามคั คี การทางานเป็นรูปแบบหน่ึงของการบูชา
• ถูกหา้ มมิใหก้ ระทาการฆาตกรรม ลกั ขโมย พดู ปด ประพฤติผดิ ประเวณี เล่นการพนนั เสพ
แอลกอฮอลแ์ ละสารเสพติด และซุบซิบนินทา