The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

(ล่าสุด)หลักสูตรสถานศึกษา (ปฐมวัย) โรงเรียนบ้านคลองกุ่ม 2563

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kanjanaporn Chomthin, 2022-09-14 05:59:20

หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย

(ล่าสุด)หลักสูตรสถานศึกษา (ปฐมวัย) โรงเรียนบ้านคลองกุ่ม 2563

74

ดา้ นสติปญั ญา ประกอบด้วย การประเมนิ ความสามารถในการสนทนาโต้ตอบและเล่าเรื่องให้
ผอู้ ่ืนเขา้ ใจ ความสามารถในการอา่ น เขียนภาพและสญั ลักษณ์ ความสามารถในการคิดแกป้ ญั หา คดิ เชิง
เหตผุ ล คิดรวบยอด การเลน่ /การทางานศิลปะ/การแสดงท่าทาง/เคล่ือนไหวตามจนิ ตนาการและความคดิ
สรา้ งสรรค์ของตนเอง การมีเจตคตทิ ด่ี ีต่อการเรียนรู้และความสามารถในการแสวงหาความรู้

๒.๒ วธิ กี ารและเคร่ืองมอื ท่ใี ช้ในการประเมนิ พฒั นาการ
การประเมนิ พฒั นาการเดก็ แต่ละครงั้ ควรใช้วิธกี ารประเมินอยา่ งหลากหลายเพ่ือให้ได้ข้อมูลที่

สมบูรณ์ที่สดุ วธิ กี ารท่ีเหมาะสมและนยิ มใช้ในการประเมนิ เดก็ ปฐมวยั มีดว้ ยกนั หลายวธิ ี ดังตอ่ ไปน้ี
๑. การสังเกตและการบนั ทึก การสงั เกตมีอยู่ ๒ แบบคอื การสงั เกตอย่างมีระบบ ได้แก่ การ

สงั เกตอย่างมจดุ มุ่งหมายท่ีแน่นอนตามแผนทวี่ างไว้ และอีกแบบหนึ่งคือ การสังเกตแบบไมเ่ ป็นทางการ
เปน็ การสังเกตในขณะทเ่ี ด็กทากจิ กรรมประจาวนั และเกดิ พฤติกรรมท่ไี ม่คาดคิดว่าจะเกิดขึน้ และผู้สอนจด
บันทกึ ไว้การสงั เกตเป็นวธิ กี ารทผ่ี สู้ อนใชใ้ นการศึกษาพัฒนาการของเดก็ เมอื่ มกี ารสังเกตก็ต้องมีการ
บนั ทกึ ผ้สู อนควรทราบว่าจะบนั ทกึ อะไรการบันทึกพฤติกรรมมคี วามสาคัญอย่างยิง่ ท่ตี อ้ งทาอย่าง
สม่าเสมอ เน่ืองจากเดก็ เจริญเติบโตและเปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเรว็ จงึ ตอ้ งนามาบนั ทึกเปน็ หลกั ฐานไว้
อย่างชัดเจน การสงั เกตและการบนั ทึกพัฒนาการเด็กสามารถใช้แบบงา่ ยๆคอื

๑.๑ แบบบนั ทึกพฤติกรรม ใชบ้ นั ทึกเหตุการณเ์ ฉพาะอยา่ งโดยบรรยายพฤติกรรมเด็ก ผู้
บนั ทกึ ต้องบนั ทึกวัน เดือน ปเี กดิ ของเดก็ และวัน เดอื น ปี ทที่ าการบันทึกแตล่ ะคร้ัง

๑.๒ การบนั ทึกรายวัน เปน็ การบนั ทกึ เหตุการณ์หรอื ประสบการณห์ รือประสบการณท์ ี่
เกดิ ขนึ้ ในชัน้ เรยี นทุกวัน ถา้ หากบันทึกในรูปแบบของการบรรยายก็มักจะเน้นเฉพาะเดก็ รายท่ีต้องการ
ศึกษา ขอ้ ดีของการบันทกึ รายวันคือ การชีใ้ ห้เห็นความสามารถเฉพาะอยา่ งของเดก็ จะชว่ ยกระตนุ้ ให้
ผสู้ อนไดพ้ ิจารณาปญั หาของเดก็ เป็นรายบคุ คลช่วยให้ผู้เชียวชาญมีขอ้ มูลมากขึน้ สาหรบั วนิ จิ ฉยั เด็กว่า
สมควรจะไดร้ บั คาปรกึ ษาเพอ่ื ลดปญั หาและส่งเสริมพฒั นาการของเด็กได้อยา่ งถูกต้อง นอกจากน้นั ยังชว่ ย
ชใ้ี ห้เห็นข้อเสยี ของการจดั กิจกรรมและประสบการณ์ไกเ้ ป็นอย่างดี

๑.๓ แบบสารวจรายการ ช่วยให้สามารถวิเคราะหเ์ ด็กแต่ละคนได้ค่อนขา้ งละเอยี ด
๒. การสนทนา สามารถใช้การสนทนาไดท้ ั้งเป็นกลุม่ หรือรายบคุ คล เพ่อื ประเมินความสามารถ
ในการแสดงความคดิ เหน็ และพัฒนาการด้านภาษาของเด็กและบันทกึ ผลการสนทนาลงในแบบบันทึก
พฤติกรรมหรือบนั ทกึ รายวัน
๓. การสมั ภาษณ์ ด้วยวิธพี ูดคยุ กบั เด็กเปน็ รายบคุ คลและควรจดั ในสภาวะแวดล้อมเหมาะสม
เพื่อไม่ใหเ้ กิดความเครยี ดและวติ กกงั วล ผสู้ อนควรใชค้ าถามท่ีเหมาะสมเปดิ โอกาสให้เด็กได้คิดและตอบ
อยา่ งอิสระจะทาใหผ้ ู้สอนสามารถประเมินความสามารถทางสติปัญญาของเด็กแต่ละคนและค้นพบ
ศกั ยภาพในตวั เดก็ ได้โดยบันทึกขอ้ มลู ลงในแบบสมั ภาษณ์
การเตรยี มการก่อนการสัมภาษณ์ ผสู้ อนควรปฏิบัติ ดังน้ี
- กาหนดวตั ถุประสงค์ของการสมั ภาษณ์
- กาหนดคาพดู /คาถามท่ีจะพดู กับเดก็ ควรเป็นคาถามทเี่ ด็กสามารถตอบโต้หลากหลาย ไม่

ผดิ /ถกู
การปฏบิ ตั ขิ ณะสัมภาษณ์
- ผ้สู อนควรสร้างความค้นุ เคยเปน็ กันเอง
- ผู้สอนควรสรา้ งสภาพแวดลอ้ มที่อบอนุ่ ไม่เคร่งเครยี ด

75

- ผู้สอนควรเปิดโอกาสเวลาให้เด็กมีโอกาสคดิ และตอบคาถามอยา่ งอิสระ
- ระยะเวลาสัมภาษณไ์ ม่ควรเกิน ๑๐-๒๐ นาที
๔. การรวบรวมผลงานท่ีแสดงออกถงึ ความกา้ วหนา้ แต่ละด้านของเด็กเปน็ รายบุคคล โดย
จัดเก็บรวบรวมไวใ้ นแฟ้มผลงาน (portfolio) ซงึ่ เปน็ วธิ รี วบรวมและจดั ระบบข้อมูลต่างๆท่เี ก่ียวกับตวั เด็ก
โดยใชเ้ ครือ่ งมือต่างๆรวบรวมเอาไว้อยา่ งมีจดุ มงุ่ หมายท่ีชัดเจน แสดงการเปลี่ยนแปลงของพัฒนาการแต่
ละด้าน นอกจากนี้ยงั รวมเครื่องมืออ่นื ๆ เช่น แบบสอบถามผ้ปู กครอง แบบสังเกตพฤติกรรม แบบบันทกึ
สขุ ภาพอนามยั ฯลฯ เอาไว้ในแฟ้มผลงาน เพื่อผู้สอนจะไดข้ ้อมูลเกี่ยวกบั ตัวเดก็ อย่างชัดเจนและถกู ตอ้ ง
การเกบ็ ผลงานของเด็กจะไม่ถือว่าเปน็ การประเมินผลถา้ งานแต่ละช้ินถกู รวบรวมไว้โดยไมไ่ ดร้ ับการ
ประเมินจากผู้สอนและไม่มีการนาผลมาปรับปรงุ พฒั นาเด็กหรือปรบั ปรุงการสอนของผูส้ อน ดงั น้นั จึงเปน็
แตก่ ารสะสมผลงานเทา่ นั้น เช่นแฟม้ ผลงานขีดเขียน งานศิลปะ จะเปน็ เพียงแค่แฟ้มผลงานท่ีไม่มกี าร
ประเมนิ แฟม้ ผลงานนีจ้ ะเปน็ เคร่ืองมอื การประเมนิ ต่อเนื่องเมอื่ งานท่สี ะสมแต่ละชิน้ ถูกใช้ในการบง่ บอก
ความก้าวหน้า ความต้องการของเด็ก และเปน็ การเก็บสะสมอยา่ งต่อเน่ืองทีส่ ร้างสรรค์โดยผู้สอนและเด็ก
ผู้สอนสามารถใชแ้ ฟ้มผลงานอยา่ งมีคณุ ค่าสือ่ สารกับผู้ปกครองเพราะการเกบ็ ผลงานเด็กอย่าง
ต่อเน่อื งและสม่าเสมอในแฟม้ ผลงานเป็นขอ้ มูลใหผ้ ู้ปกครองสามารถเปรยี บเทยี บความก้าวหนา้ ทีล่ ูกของ
ตนมีเพ่มิ ขนึ้ จากผลงานชิ้นแรกกบั ชิน้ ตอ่ ๆมาข้อมลู ในแฟ้มผลงานประกอบด้วย ตวั อย่างผลงานการเขียด
เขยี น การอ่าน และข้อมลู บางประการของเด็กท่ีผสู้ อนเปน็ ผู้บนั ทึก เชน่ จานวนเลม่ ของหนังสอื ท่เี ด็กอ่าน
ความถข่ี องการเลือกอา่ นท่ีมุมหนังสอื ในชว่ งเวลาเลือกเสรี การเปลยี่ นแปลงอารมณ์ ทัศนคติ เปน็ ตน้
ขอ้ มลู เหลา่ นีจ้ ะสะท้อนภาพของความงอกงามในเด็กแตล่ ะคนได้ชดั เจนกว่าการประเมินโดยการใหเ้ กรด
ผสู้ อนจะตอ้ งชแี้ จงใหผ้ ้ปู กครองทราบถึงที่มาของการเลอื กชน้ิ งานแตล่ ะชน้ิ งานท่ีสะสมในแฟม้ ผลงาน เช่น
เปน็ ช้นิ งานทดี่ ที ่สี ดุ ในช่วงระยะเวลาที่เลือกชน้ิ งานนนั้ เป็นช้ินงานท่ีแสดงความต่อเน่ืองของงานโครงการ
ฯลฯ ผู้สอนควรเชิญผปู้ กครองมามสี ่วนร่วมในการคัดสรรชนิ้ งานท่ีบรรจุลงในแฟม้ ผลงานของเด็ก
๕. การประเมนิ การเจรญิ เตบิ โตของเด็ก ตัวชขี้ องการเจริญเติบโตในเด็กท่ีใชท้ ่ัวๆไป ได้แก่
นา้ หนัก ส่วนสงู เสน้ รอบศรี ษะ ฟนั และการเจริญเติบโตของกระดูก แนวทางประเมินการเจรญิ เตบิ โต มี
ดังน้ี
๕.๑ การประเมินการเจรญิ เติบโต โดยการชั่งนา้ หนกั และวัดส่วนสูงเดก็ แล้วนาไปเปรียบเทียบกบั
เกณฑ์ปกติในกราฟแสดงน้าหนกั ตามเกณฑ์อายุกระทรวงสาธารณสุข ซึง่ ใชส้ าหรับตดิ ตามการเจรญิ เตบิ โต
โดยรวม วธิ กี ารใชก้ ราฟมขี ั้นตอน ดังน้ี

เมอ่ื ชง่ั น้าหนักเด็กแลว้ นานา้ หนกั มาจุดเคร่ืองหมายกากบาทลงบนกราฟ และอ่านการ
เจริญเติบโตของเดก็ โดยดูเครื่องหมายกากบาทวา่ อยู่ในแถบสใี ด อา่ นข้อความบนแถบสีน้ัน ซึ่งแบ่งภาวะ
โภชนาการเป็น ๓ กลุ่มคือ น้าหนกั ท่อี ยู่ในเกณฑ์ปกติ นา้ หนักมากเกนเกณฑ์ นา้ หนักน้อยกวา่ เกณฑ์ ข้อ
ควรระวงั สาหรบั ผู้ปกครองและผ้สู อนคือ ควรดแู ลนา้ หนักเด็กอยา่ งใหแ้ บง่ เบนออกจากเสน้ ประเมนิ มิ
เชน่ น้นั เดก็ มีโอกาสนา้ หนกั มากเกินเกณฑ์หรือน้าหนกั น้อยกว่าเกณฑ์ได้

ขอ้ ควรคานึงในการประเมินการเจรญิ เตบิ โตของเด็ก
-เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกนั ในด้านการเจริญเตบิ โต บางคนรปู รา่ งอ้วน บางคนชว่ ง

ครึง่ หลงั ของขวบปีแรก น้าหนกั เด็กจะขึน้ ชา้ เนื่องจากหว่ งเลน่ มากขึ้นและความอยากอาหารลดลง
ร่างใหญ่ บางคนร่างเล็ก

-ภาวะโภชนาการเป็นตัวสาคญั ทเี่ กย่ี วข้องกบั ขนาดของรปู รา่ ง แตไ่ ม่ใชส่ าเหตุเดียว

76

-กรรมพนั ธ์ุ เด็กอาจมรี ูปร่างเหมือนพ่อแมค่ นใดคนหน่งึ ถ้าพ่อหรือแม่เตย้ี ลูกอาจเต้ยี
และพวกน้ีอาจมีน้าหนกั ตา่ กวา่ เกณฑ์เฉลี่ยได้และมักจะเป็นเดก็ ทีท่ านอาหารได้น้อย

๕.๒ การตรวจสุขภาพอนามัย เป็นตวั ชว้ี ดั คุณภาพของเด็ก โดยพิจารณาความสะอาดสง่ิ ปกตขิ อ
รา่ งกายท่ีจะสง่ ผลต่อการดาเนนิ ชวี ติ และการเจริญเตบิ โตของเด็ก ซ่ึงจะประเมนิ สุขภาพอนามยั ๙
รายการคือ ผมและศรี ษะ หูและใบหู มอื และเล็บมือ เท้าและเล็บเท้า ปาก ล้นิ และฟัน จมูก ตา ผวิ หนงั
และใบหนา้ และเส้ือผ้า

๒.๓ เกณฑ์การประเมนิ พฒั นาการ
การสร้างเกณฑ์หรือพฒั นาเกณฑ์หรือกาหนดเกณฑ์การประเมนิ พฒั นาการของเดก็ ปฐมวัย ผู้สอน

ควรให้ความสนใจในสว่ นท่ีเก่ียวขอ้ ง ดังน้ี
๑. การวางแผนการสงั เกตพฤตกิ รรมของเด็กอยา่ งเป็นระบบ เช่น จะสงั เกตเดก็ คนใดบา้ งในแต่

ละวนั กาหนดพฤติกรรมท่ีสงั เกตใหช้ ัดเจน จดั ทาตารางกาหนดการสงั เกตเด็กเป็นรายบุคคล รายกลุ่ม
ผสู้ อนตอ้ งเลือกสรรพฤตกิ รรมท่ีตรงกบั ระดับพัฒนาการของเด็กคนนน้ั จรงิ ๆ

๒. ในกรณีท่ีหอ้ งเรยี นมนี กั เรียนจานวนมาก ผสู้ อนอาจเลือกสังเกตเฉพาะเด็กทที่ าได้ดแี ล้วและ
เดก็ ทย่ี งั ทาไมไ่ ด้ ส่วนเด็กปานกลางใหถ้ ือว่าทาได้ไปตามกิจกรรม

๓. ผสู้ อนตอ้ งสังเกตจากพฤติกรรม คาพดู การปฏิบตั ติ ามขั้นตอนในระหว่างทางาน/กจิ กรรม
และคณุ ภาพของผลงาน/ชน้ิ งาน รอ่ งรอยท่นี ามาใช้พิจารณาตดั สินผลของการทางานหรือการปฏิบตั ิ
ตัวอยา่ งเช่น

๑) เวลาท่ใี ชใ้ นการทากจิ กรรม/ทางาน ถ้าเดก็ ไม่ชอบ ไม่ชานาญจะใช้เวลามาก มที า่ ทาง
อิดออด ไม่กลา้ ไมเ่ ตม็ ใจทางาน

๒) ความตอ่ เนื่อง ถ้าเด็กยงั มีการหยดุ ชะงัก ลังเล ทางานไมต่ อ่ เนื่อง แสดงว่าเด็กยงั ไม่
ชานาญหรอื ยังไม่พร้อม

๓) ความสมั พันธ์ ถา้ การทางาน/ปฏบิ ัตินัน้ ๆมคี วามสมั พนั ธ์ตอ่ เนอ่ื ง ไมร่ าบรื่น ท่าทาง
มอื และเท้าไมส่ มั พันธก์ นั แสดงว่าเด็กยังไมช่ านาญหรือยังไม่พรอ้ ม ท่าที่แสดงออกจงึ ไม่สง่างาม

๔) ความภมู ิใจ ถา้ เด็กยงั ไมช่ ื่นชม กจ็ ะทางานเพยี งใหแ้ ลว้ เสรจ็ อย่างรวดเร็ว ไมม่ คี วาม
ภูมใิ จในการทางาน ผลงานจงึ ไมป่ ระณีต

๒.๓.๑ ระดบั คณุ ภาพผลการประเมินพัฒนาการเด็ก
การให้ระดบั คณุ ภาพผลการประเมนิ พัฒนาการของเด็กท้ังในระดับชัน้ เรียนและระดับสถานศึกษา
ควรกาหนดในทิศทางหรือรปู แบบเดยี วกนั สถานศึกษาสามารถใหร้ ะดบั คุณภาพผลการประเมนิ
พัฒนาการของเด็กทีส่ ะท้อนมาตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ ตัวบง่ ช้ี สภาพท่พี งึ ประสงค์ หรือ
พฤติกรรมทจ่ี ะประเมิน เปน็ ระบบตัวเลข เชน่ ๑ หรือ ๒ หรอื ๓ หรือเปน็ ระบบทใ่ี ชค้ าสาคญั เช่น ดี
พอดี หรือ ควรส่งเสรมิ ตามท่สี ถานศึกษากาหนด ตัวอย่างเช่น

ระบบตวั เลข ระบบท่ใี ช้คาสาคญั
๓ ดี

๑ พอใช้
ควรสง่ เสรมิ

77

สถานศกึ ษาอาจกาหนดระดับคุณภาพของการแสดงออกในพฤติกรรม เปน็ ๓ ระดบั ดังน้ี

ระดับคุณภาพ ระบบท่ใี ช้คาสาคญั

๑ หรอื ควรส่งเสรมิ เดก็ มคี วามลงั เล ไม่แน่ใจ ไม่ยอมปฏิบัตกิ จิ กรรม ทั้งนี้ เน่ืองจากเด็กยงั ไม่

พร้อม ยังมั่นใจ และกลัวไม่ปลอดภยั ผู้สอนตอ้ งยวั่ ยุหรือแสดงให้เห็นเปน็

ตวั อยา่ งหรอื ต้องคอยอยู่ใกล้ๆ ค่อยๆใหเ้ ด็กทาทลี ะข้ันตอน พรอ้ มต้องให้

กาลงั ใจ

๒ หรือ พอใช้ เดก็ แสดงได้เอง แต่ยงั ไม่คล่อง เด็กกลา้ ทามากข้นึ ผู้สอนกระตุ้นนอ้ ยลง

ผู้สอนต้องคอยแก้ไขในบางครั้ง หรือคอยใหก้ าลังใจใหเ้ ด็กฝึกปฏบิ ตั มิ ากขนึ้

๓ หรอื ดี เดก็ แสดงไดอ้ ย่างชานาญ คล่องแคลว่ และภูมิใจ เด็กจะแสดงได้เองโดยไม่

ต้องกระตุ้น มีความสัมพนั ธ์ที่ดี

ตัวอยา่ งคาอธิบายคุณภาพ

พฒั นาการด้านร่างกาย : สขุ ภาพอนามยั พฒั นาการดา้ นรา่ งกาย : กระโดดเทา้ เดยี ว

ระดบั คณุ ภาพ คาอธิบายคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ คาอธบิ ายคุณภาพ

๑หรือ ควรสง่ เสรมิ สง่ เสริมความสะอาด ๑หรือ ควร ทาได้แต่ไม่ถูกต้อง

สง่ เสริม

๒ หรอื พอใช้ สะอาดพอใช้ ๒ หรอื พอใช้ ทาได้ถูกต้อง แต่ไม่

คล่องแคล่ว

๓ หรอื ดี สะอาด ๓ หรอื ดี ทาได้ถกู ต้อง และคลอ่ งแคลว่

พฒั นาการด้านอารมณ์ : ประหยัด

ระดับคุณภาพ คาอธิบายคณุ ภาพ

๑หรอื ควรส่งเสริม ใชส้ งิ่ ของเคร่ืองใชเ้ กนิ ความจาเปน็

๒ หรือ พอใช้ ใชส้ ง่ิ ของเครอื่ งใชอ้ ยา่ งประหยดั เปน็ บางครง้ั

๓ หรือ ดี ใช้สิง่ ของเครื่องใช้อย่างประหยดั ตามความจาเป็นทกุ ครั้ง

พัฒนาการด้านสังคม : ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง

ระดับคุณภาพ คาอธิบายคุณภาพ

๑หรอื ควรสง่ เสริม ไม่ปฏิบัตติ ามขอ้ ตกลง

๒ หรอื พอใช้ ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง โดยมีผูช้ ี้นาหรอื กระตุน้

๓ หรอื ดี ปฏิบตั ิตามข้อตกลงได้ดว้ ยตนเอง

พัฒนาการดา้ นสติปญั ญา : เขียนชือ่ ตนเองตามแบบ

ระดบั คุณภาพ คาอธิบายคุณภาพ

๑หรือ ควรส่งเสริม เขยี นชื่อตนเองไม่ได้ หรือเขียนเปน็ สญั ลกั ษณ์ที่ไม่เปน็ ตวั อักษร

๒ หรอื พอใช้ เขียนช่อื ตนเองได้ มอี ักษรบางตวั กลบั หัว กลับดา้ นหรือสลบั ที่

๓ หรือ ดี เขียนช่ือเองได้ ตวั อักษรไม่กลบั หัว ไมก่ ลับดา้ นไม่สลบั ท่ี

78

๒.๓.๒ การสรุปผลการประเมนิ พฒั นาการเด็ก
หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช... กาหนดเวลาเรยี นสาหรบั เด็กปฐมวัยตอ่ ปีการศกึ ษาไม่
นอ้ ยกวา่ ๑๘๐ วัน สถานศกึ ษาจึงควรบริหารจดั การเวลาทีไ่ ด้รับนใ้ี ห้เกิดประโยชน์สูงสดุ ต่อการพัฒนาเด็ก
อยา่ งรอบดา้ นและสมดลุ ผสู้ อนควรมเี วลาในการพัฒนาเดก็ และเติมเต็มศักยภาพของแด็ก เพ่ือให้การจดั
ประสบการณ์การเรียนรมู้ ปี ระสิทธภิ าพ ผสู้ อนต้องตรวจสอบพฤติกรรมที่แสดงพัฒนาการของเด็กต่อเน่อื ง
มกี ารประเมินซ้าพฤติกรรมน้ันๆอย่างน้อย ๑ ครงั้ ต่อภาคเรยี น เพื่อยนื ยันความเชื่อมัน่ ของผลการประเมนิ
พฤติกรรมนนั้ ๆ และนาผลไปเปน็ ขอ้ มลู ในการสรปุ การประเมนิ สภาพทีพ่ ึงประสงคข์ องเด็กในแตล่ ะสภาพ
ทีพ่ ึงประสงค์ นาไปสรุปการประเมินตัวบง่ ชี้และมาตรฐานคุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ตามลาดบั
อนง่ึ การสรุประดับคุณภาพของการประเมนิ พฒั นาการเดก็ วิธกี ารทางสถติ ทิ ีเ่ หมาะสมและ
สะดวกไมย่ ่งุ ยากสาหรับผู้สอน คือการใชฐ้ านนยิ ม (Mode) ในบางคร้งั พฤตกิ รรม หรอื สภาพทพ่ี ึง
ประสงคห์ รอื ตวั บง่ ช้นี ยิ มมากวา่ ๑ ฐานนิยม ให้อยใู่ นดุลยพินจิ ของสถานศกึ ษา กลา่ วคือ เม่ือมีระดบั
คุณภาพซ้ามากกว่า ๑ ระดบั สถานศึกษาอาจตัดสินสรุปผลการประเมนิ พฒั นาการบนพนื้ ฐาน หลกั
พฒั นาการและการเตรียมความพร้อม หากเป็นภาคเรียนที่ ๑ สถานศึกษาควรเลอื กตัดสินใจใช้ฐานนยิ มที่
มรี ะดบั คุณภาพต่ากว่าเพอ่ื ใชเ้ ปน็ ข้อมูลในการพฒั นาเด็กให้พร้อมมากขึ้น หากเปน็ ภาคเรียนท่ี ๒
สถานศกึ ษาควรเลือกตัดสนิ ใจใชฐ้ านนิยมที่มรี ะดบั คุณภาพสูงกวา่ เพ่ือตดั สินและการส่งต่อเด็กในระดับชั้น
ที่สูงขน้ึ
๒.๓.๓ การเลอื่ นช้นั อนุบาลและเกณฑ์การจบการศกึ ษาระดบั ปฐมวัย
เมื่อส้นิ ปกี ารศกึ ษา เด็กจะได้รับการเล่ือนช้นั โดยเด็กต้องไดร้ ับการประเมนิ มาตรฐานคุณลักษณะ
ท่ีพงึ ประสงค์ท้ัง ๑๒ ข้อ ตามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั เพื่อเป็นข้อมูลในการส่งตอ่ ยอดการพัฒนาใหก้ ับ
เด็กในระดบั สูงขึ้นต่อไป และเน่อื งจากการศึกษาระดบั อนุบาลเป็นการจดั การศกึ ษาขัน้ พื้นฐานทีไ่ ม่นับเปน็
การศึกษาภาคบงั คบั จึงไมม่ ีการกาหนดเกณฑ์การจบช้นั อนุบาล การเทยี บโนการเรยี น และเกณฑก์ าร
เรยี นซา้ ช้นั และหากเด็กมีแนวโน้มวา่ จะมปี ัญหาต่อการเรยี นร้ใู นระดับทีส่ ูงข้ึน สถานศึกษาอาจต้ัง
คณะกรรมการเพ่ือพจิ ารณาปัญหา และประสานกบั หน่วยงานทเี่ กีย่ วข้องในการใหค้ วามชว่ ยเหลอื เช่น
เจา้ หนา้ ทส่ี าธารณสุขส่งเสรมิ ตาบล นกั จิตวิทยา ฯลฯ เข้าร่วมดาเนนิ งานแก้ปัญหาได้
อยา่ งไรกต็ าม ทักษะท่ีนาไปสู่ความพร้อมในการเรยี นรูท้ ่สี ามารถใชเ้ ปน็ รอยเช่ือมต่อระหว่างชั้น
อนุบาลกบั ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ท่ีควรพิจารณามีทกั ษะดังน้ี
๑. ทกั ษะการชว่ ยเหลอื ตนเอง ได้แก่ ใช้ห้องนา้ หอ้ งสว้ มได้ดว้ ยตนเอง แตง่ กายไดเ้ อง เก็บของ
เขา้ ท่ีเม่ือเล่นเสรจ็ และชว่ ยทาความสะอาด รจู้ ักร้องขอให้ช่วยเม่อื จาเปน็
๒. ทกั ษะการใชก้ ลา้ มเนื้อใหญ่ ได้แก่ ว่ิงได้อย่างราบรนื่ วงิ่ กา้ วกระโดดได้ กระด้วยสองขาพ้น
จากพนื้ ถือจบั ขว้าง กระดอนลกู บอลได้
๓. ทกั ษะการใชก้ ลา้ มเน้ือเล็ก ได้แก่ ใช้มือหยิบจับอุปกรณว์ าดภาพและเขยี น วาดภาพคนมแี ขน
ขา และสว่ นต่างๆของรา่ งกาย ตดั ตามรอยเสน้ และรปู ตา่ งๆ เขยี นตามแบบอยา่ งได้
๔. ทักษะภาษาการร้หู นงั สอื ไดแ้ ก่ พูดให้ผ้อู ่นื เข้าใจได้ ฟงั และปฏบิ ัติตามคาช้แี จงงง่ายๆ ฟัง
เรอ่ื งราวและคาคล้องจองต่างๆอย่างสนใจ เข้าร่วมฟงั สนทนาอภปิ รายในเรื่องตา่ งๆ รจู้ ักผลดั กันพดู
โตต้ อบ เลา่ เรอ่ื งและทบทวนเร่อื งราวหรอื ประสบการณ์ตา่ งๆ ตามลาดับเหตุการณ์เล่าเรือ่ งจากหนังสือ
ภาพอย่างเป็นเหตเุ ปน็ ผล อ่านหรือจดจาคาบางคาที่มคี วามหมายตอ่ ตนเอง เขียนชื่อตนเองได้ เขียนคาที่มี
ความหมายต่อตนเอง

79

๕. ทักษะการคิด ได้แก่ แลกเปลยี่ นความคดิ และให้เหตผุ ลได้ จดจาภาพและวัสดุทีเ่ หมือนและ
ต่างกันได้ ใช้คาใหม่ๆในการแสดงความคดิ ความรู้สึก ถามและตอบคาถามเกีย่ วกับเรื่องที่ฟงั เปรียบเทยี บ
จานวนของวัตถุ ๒ กลุ่ม โดยใชค้ า “มากกวา่ ” “น้อยกวา่ ” “เทา่ กัน” อธิบายเหตุการณ/์ เวลา ตามลาดับ
อย่างถูกต้อง รู้จกั เช่อื มโยงเวลากับกิจวตั รประจาวนั

๖. ทกั ษะทางสงั คมและอารมณ์ ไดแ้ ก่ ปรบั ตวั ตามสภาพการณ์ ใช้คาพูดเพื่อแก้ไขข้อขดั แยง้ นงั่
ได้นาน ๕-๑๐ นาที เพ่ือฟังเร่ืองราวหรือทากจิ กรรม ทางานจนสาเร็จ รว่ มมือกบั คนอน่ื และรู้จกั ผลัดกนั
เลน่ ควบคุมอารมณ์ตนเองไดเ้ มื่อกังวลหรอื ตนื่ เต้น หยดุ เลน่ และทาในสงิ่ ทผ่ี ใู้ หญ่ต้องการใหท้ าได้ ภมู ิใจใน
ความสาเรจ็ ของตนเอง

๓. การายงานผลการประเมินพัฒนาการ
การรายงานผลการประเมนิ พัฒนาการเปน็ การสื่อสารให้พ่อแม่ ผ้ปู กครองได้รบั ทราบ

ความกา้ วหนา้ ในการเรยี นรูข้ องเด็ก ซึ่งสถานศึกษาตอ้ งสรุปผลการประเมนิ พัฒนาการ และจัดทา
เอกสารรายงานใหผ้ ู้ปกครองทราบเปน็ ระยะๆ หรอื อยา่ งน้อยภาคเรยี นละ ๑ คร้งั

การรายงานผลการประเมินพัฒนาการสามารถรายงานเปน็ ระดบั คุณภาพท่ีแตกตา่ งไปตาม
พฤติกรรมที่แสดงออกถึงพัฒนาการแตล่ ะด้าน ทส่ี ะท้อนมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงคท์ ้งั ๑๒ ขอ้
ตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั

๓.๑ จดุ มุ่งหมายการรายงานผลการประเมินพัฒนาการ
๑) เพอ่ื ให้ผู้เกยี่ วข้อง พ่อ แม่ และผปู้ กครองใช้เปน็ ขอ้ มูลในการปรบั ปรุงแก้ไข สง่ เสริม

และพัฒนาการเรียนรขู้ องเด็ก
๒) เพ่อื ใหผ้ ู้สอนใชเ้ ป็นข้อมลู ในการวางแผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้
๓) เพือ่ เปน็ ข้อมูลสาหรับสถานศึกษา เขตพื้นที่การศกึ ษา และหนว่ ยงานตน้ สงั กดั ใช้

ประกอบในการกาหนดนโยบายวางแผนในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
๓.๒ ข้อมูลในการรายงานผลการประเมินพฒั นาการ
๓.๒.๑ ขอ้ มูลระดับช้ันเรียน ประกอบดว้ ย เวลาเรียนแบบบนั ทึกการประเมิน

พัฒนาการตามหน่วยการจดั ประสบการณ์ สมุดบนั ทกึ ผลการประเมนิ พัฒนาการประจาชั้น และสมดุ
รายงานประจาตัวนักเรยี น และสารนิทัศน์ที่สะท้อนการเรยี นรู้ของเด็ก เปน็ ข้อมูลสาหรับรายงานให้ผูม้ ี
สว่ นเกีย่ วข้อง ได้แก่ ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ผสู้ อน และผูป้ กครอง ไดร้ ับทราบความกา้ วหน้า ความสาเรจ็ ใน
การเรยี นรูข้ องเดก็ เพื่อนาไปในการวางแผนกาหนดเป้าหมายและวิธีการในการพัฒนาเด็ก

๓.๒.๒ ข้อมลู ระดับสถานศกึ ษา ประกอบดว้ ย ผลการประเมินมาตรฐานคุณลักษณะท่ี
พงึ ประสงค์ท้ัง ๑๒ ข้อตามหลักสตู ร เพ่ือใชเ้ ปน็ ข้อมูลและสารสนเทศในการพฒั นาการจัดประสบการณ์
การเรยี นการสอนและคุณภาพของเด็ก ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์และแจ้งให้
ผปู้ กครอง และผเู้ กยี่ วข้องได้รับทราบข้อมลู โดยผมู้ หี น้าทร่ี ับผิดชอบแตล่ ะฝา่ ยนาไปปรับปรงุ แก้ไขและ
พฒั นาเดก็ ให้เกดิ พัฒนาการอย่างถกู ต้อง เหมาะสม รวมทง้ั นาไปจัดทาเอกสารหลักฐานแสดงพัฒนาการ
ของผูเ้ รียน

๓.๒.๓ ข้อมลู ระดับเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษา ได้แก่ ผลการประเมินมาตรฐานคุณลกั ษณะที่
พงึ ประสงคท์ ั้ง ๑๒ ข้อ ตามหลกั สตู รเปน็ รายสถานศึกษา เพือ่ เป็นข้อมลู ทศ่ี ึกษานิเทศก์/ผู้เกย่ี วข้องใช้
วางแผนและดาเนินการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาปฐมวยั ของสถานศกึ ษาในเขตพืน้ ที่การศึกษา เพ่ือใหเ้ กดิ
การยกระดบั คุณภาพเด็กและมาตรฐานการศึกษา

80

๓.๓ ลกั ษณะข้อมลู สาหรับการรายงานผลการประเมนิ พัฒนาการ

การรายงานผลการประเมินพัฒนาการ สถานศึกษาสามารถเลอื กลักษณะข้อมูลสาหรบั การ

รายงานไดห้ ลายรปู แบบให้เหมาะสมกบั วิธกี ารรายงานและสอดคลอ้ งกบั การใหร้ ะดับผลการประเมนิ

พฒั นาการโดยคานึงถึงประสิทธภิ าพของการรายงานและการนาขอ้ มลู ไปใช้ประโยชน์ของผรู้ ายงานแต่ละ

ฝ่ายลกั ษณะข้อมูลมรี ปู แบบ ดังน้ี

๓.๓.๑ รายงานเป็นตวั เลข หรอื คาท่ีเปน็ ตวั แทนระดับคุณภาพพฒั นาการของเด็กที่เกดิ

จากการประมวลผล สรปุ ตัดสินขอ้ มลู ผลการประเมนิ พฒั นาการของเดก็ ไดแ้ ก่

- ระดับผลการประเมนิ พฒั นาการมี ๓ ระดบั คือ ๓ ๒ ๑

- ผลการประเมนิ คุณภาพ “ดี” “พอใช้” และ “ควรสง่ เสริม”

๓.๓.๒ รายงานโดยใช้สถติ ิ เปน็ รายงานจากข้อมลู ท่ีเปน็ ตวั เลข หรอื ขอ้ ความใหเ้ ป็นภาพ

แผนภมู ิหรอื เสน้ พัฒนาการ ซึ่งจะแสดงใหเ้ หน็ พัฒนาการความกา้ วหน้าของเด็กว่าดีข้นึ หรอื ควรได้รับการ

พัฒนาอยา่ งไร เมื่อเวลาเปลย่ี นแปลงไป

๓.๓.๓ รายงานเปน็ ข้อความ เปน็ การบรรยายพฤตกิ รรมหรอื คุณภาพทผ่ี สู้ อนสงั เกตพบ

เพือ่ รายงานให้ทราบว่าผเู้ กย่ี วข้อง พอ่ แม่ และผปู้ กครองทราบวา่ เด็กมคี วามสามารถ มีพฤติกรรมตาม

คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ตามหลกั สูตรอย่างไร เชน่

- เด็กรบั ลูกบอลท่ีกระดอนจากพืน้ ด้วยมือทั้ง ๒ ขา้ งได้โดยไมใ่ ชล้ าตัวชว่ ยและลกู บอลไม่

ตกพ้ืน

- เดก็ แสดงสีหน้า ท่าทางสนใจ และมีความสุขขณะทางานทุกชว่ งกจิ กรรม

- เด็กเล่นและทางานคนเดียวเปน็ สว่ นใหญ่

- เดก็ จับหนงั สอื ไม่กลบั หัว เปิด และทาท่าทางอา่ นหนังสือและเล่าเรื่องได้

๓.๔ เป้าหมายของการรายงาน

การดาเนินการจดั การศึกษาปฐมวัย ประกอบด้วย บุคลากรหลายฝ่ายร่วมมอื

ประสานงานกันพฒั นาเด็กทางตรงและทางอ้อม ให้มพี ฒั นาการ ทกั ษะ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม

ค่านิยมและคณุ ลักษณะที่พึงประสงค์โดยผู้มีสว่ นรว่ มเก่ยี วข้องควรไดร้ ับการายงานผลการประเมิน

พฒั นาการของเดก็ เพื่อใช้เปน็ ข้อมลู ในการดาเนินงาน ดงั นี้

กลุ่มเปา้ หมาย การใช้ข้อมูล

ผ้สู อน -วางแผนและดาเนนิ การปรบั ปรุงแก้ไขและพฒั นาเด็ก

-ปรับปรุงแกไ้ ขและพัฒนาการจัดการเรียนรู้

ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา -ส่งเสรมิ พัฒนากระบวนการจัดการเรยี นรรู้ ะดบั ปฐมวยั ของสถานศกึ ษา

พอ่ แม่ และผู้ปกครอง -รบั ทราบผลการประเมนิ พัฒนาการของเด็ก

-ปรบั ปรุงแก้ไขและพัฒนาการเรียนรขู้ องเด็ก รวมท้ังการดูแลสุขภาพอนามัย

ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และพฤติกรรมต่างๆของเด็ก

คณะกรรมการ -พฒั นาแนวทางการจัดการศึกษาปฐมวัยสถานศึกษา

สถานศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน

สานักงานเขตพ้ืนที่ -ยกระดบั และพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาปฐมวัยของสถานศึกษาในเขตพ้ืนท่ี

การศกึ ษา/หนว่ ยงานตน้ การศกึ ษา นิเทศ กากับ ติดตาม ประเมนิ ผลและให้ความชว่ ยเหลอื การพัฒนา

สังกดั คณุ ภาพการศึกษาปฐมวยั ของสถานศึกษาในสงั กัด

81

๓.๕ วิธกี ารรายงานผลการประเมินพฒั นาการ
การรายงานผลการประเมนิ พัฒนาการให้ผู้เก่ียวข้องรับทราบ สามารถดาเนินการ ได้ดังน้ี
๓.๕.๑ การรายงานผลการประเมนิ พฒั นาการในดอกสารหลักฐานการศึกษา ข้อมลู

จากแบบรายงาน สามารถใช้อ้างองิ ตรวจสอบ และรบั รองผลพฒั นาการของเด็ก เช่น
- แบบบนั ทกึ ผลการประเมนิ พฒั นาการประจาชน้ั
- แฟม้ สะสมงานของเด็กรายบคุ คล
-สมดุ รายงานประจาตัวนักเรยี น
-สมุดบันทึกสุขภาพเดก็
ฯลฯ
๓.๕.๒ การรายงานคุณภาพการศกึ ษาปฐมวัยใหผ้ ู้เก่ยี วข้องทราบ สามารถรายงานได้

หลายวิธี เช่น
- รายงานคุณภาพการศึกษาปฐมวัยประจาปี
- วารสาร/จุลสารของสถานศึกษา
-จดหมายส่วนตัว
-การให้คาปรึกษา
-การใหพ้ บครูที่ปรกึ ษาหรอื การประชมุ เครือขา่ ยผู้ปกครอง
- การให้ข้อมลู ทางอนิ เตอรเ์ น็ตผ่านเวป็ ไซต์ของสถานศกึ ษา

ภารกจิ ของผู้สอนในการประเมนิ พัฒนาการ
การประเมนิ พฒั นาการตามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั ท่ีมีคุณภาพและประสิทธภิ าพน้ัน เกดิ ขนึ้

ในหอ้ งเรียนและระหว่างการจัดกจิ กรรมประจาวันและกจิ วตั รประจาวนั ผู้สอนต้องไม่แยกการประเมนิ
พัฒนาการออกจากการจัดประสบการณต์ ามตารางประจาวัน ควรมลี กั ษณะการประเมินพัฒนาการใน
ชั้นเรยี น (Classroom Assessment) ซง่ึ หมายถึง กระบวนการและการสังเกต การบนั ทึกและรวบรวม
ข้อมูลจากการปฏบิ ตั ิกิจวัตรประจาวนั /กจิ กรรมประจาวนั ตามสภาพจรงิ (Authentic Assessment)
ผูส้ อนควรจดั ทาข้อมูลหลกั ฐานหรือเอกสารอย่างเปน็ ระบบ เพอ่ื เป็นหลักฐานแสดงใหเ้ ห็นร่องรอยของการ
เจรญิ เตบิ โตพัฒนาการและการเรยี นรขู้ องเด็กปฐมวยั แลว้ นามาวเิ คราะห์ ตีความ บนั ทึกขอ้ มลู ท่ีไดจ้ าก
การประเมินพฒั นาการว่าเดก็ รู้อะไร สามารถทาอะไรได้ และจะทาต่อไปอยา่ งไร ด้วยวธิ กี ารและเคร่ืองมือ
ทีห่ ลากหลายทง้ั ท่ีเป็นทางการและไม่เปน็ ทางการ ทัง้ นนั้ การดาเนินการดงั กลา่ วเกดิ ข้ึนตลอดระยะเวลา
ของการปฏิบตั กิ จิ วัตรประจาวนั /กจิ กรรมประจาวนั และการจดั ประสบการณ์เรยี นรู้

ดังนั้น ข้อมลู ทเ่ี กิดจากการประเมนิ ท่ีมคี ุณภาพเท่าน้นั จึงสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ ตรงตาม
เปา้ หมาย ผสู้ อนจาเปน็ ต้องมีความร้คู วามเข้าใจอย่างถ่องแทใ้ นหลักการ แนวคิด วิธีดาเนนิ งานในส่วน
ต่างๆท่เี กย่ี วข้องกับหลกั สตู รการจดั ประสบการเรียนรู้ เพ่ือสามารถนาไปใชใ้ นการวางแผนและออกแบบ
การประเมินพัฒนาการได้อย่างมีประสทิ ธิภาพบนพน้ื ฐานการประเมินพฒั นาการในช้ันเรียนทมี่ คี วาม
ถูกต้อง ยตุ ธิ รรม เชอ่ื ถือได้ มีความสมบรู ณ์ ครอบคลุมตามจุดหมายของหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย
สะทอ้ นผลและสภาพความสาเร็จเม่ือเปรยี บเทียบกบั เป้าหมายของการดาเนนิ การจัดการศกึ ษาปฐมวัย ท้ัง
ในระดบั นโยบาย ระดับปฏบิ ัติการ และผมู้ ีสว่ นเกยี่ วข้องต่อไป

82

๑. ขน้ั ตอนการประเมินพฒั นาการเดก็ ปฐมวัย
การประเมินพัฒนาการเดก็ ของผสู้ อนระดับปฐมวยั จะมขี ้ันตอนสาคญั ๆคลา้ ยคลึงกบั การประเมนิ

การศึกษาทวั่ ไป ข้ันตอนต่างๆอาจปรบั ลด หรอื เพ่มิ ไดต้ ามความเหมาะสมกับบริบทของสถานศกึ ษาและ
สอดคลอ้ งกับการจดั ประสบการณ์ หรอื อาจสลับลาดบั ก่อนหลังได้บา้ ง ข้ันการประเมินพัฒนาการเดก็
ปฐมวยั โดยสรปุ ควรมี ๖ ขัน้ ตอน ดังนี้

ขัน้ ตอนท่ี ๑ การวเิ คราะห์มาตรฐานคณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ ตวั บง่ ช้ี และสภาพที่พงึ ประสงค์
ตัวบง่ ช้ี และสภาพทพ่ี ึงประสงคท์ ่สี มั พันธก์ บั หน่วยการจัดประสบการณ์ตา่ งๆ อันจะเป็นประโยชนใ์ นการ
ดาเนนิ งานการประเมนิ พัฒนาการอยา่ งเป็นระบบและครอบคลมุ ท่วั ถงึ

ขน้ั ตอนที่ ๒ การกาหนดส่งิ ท่ีจะประเมนิ และวธิ ีการประเมิน ในขนั้ ตอนนส้ี ง่ิ ทผ่ี ้สู อนต้องทาคอื
การกาหนดการประเด็นการประเมนิ ได้แก่ สภาพท่ีพึงประสงคใ์ นแต่ละวัยของเดก็ ทเ่ี กิดจากกาจดั
ประสบการณ์ในแต่ การจดั ประสบการณ์ มากาหนดเปน็ จุดประสงค์การเรยี นรูข้ องหนว่ ยการเรยี นรู้
จดุ ประสงค์ย่อยของกจิ กรรมตามตารางประจาวนั ๖กิจกรรมหลกั หรอื ตามรปู แบบการจดั ประสบการณท์ ่ี
กาหนด ผู้สอนตอ้ งวางแผนและออกแบบวิธีการประเมินให้เหมาะสมกบั กจิ กรรม บางคร้ังอาจใชก้ าร
สงั เกตพฤติกรรม การประเมินผลงาน/ชน้ิ งาน การพูดคยุ หรือสัมภาษณ์เด็ก เปน็ ต้น ทั้งน้วี ิธีการทผ่ี ้สู อน
เลือกใชต้ ้องมีความหมายหลากหลาย หรือมากวา่ ๒ วิธีการ

ขั้นตอนท่ี ๓ การสรา้ งเคร่ืองมือและเกณฑก์ ารประเมนิ ในขั้นตอนนี้ ผู้สอนจะต้องกาหนดเกณฑ์
การ ประเมนิ พฒั นาการใหส้ อดคลอ้ งกบั พฤติกรรมท่จี ะประเมินในขัน้ ตอนที่ ๒ อาจใช้แนวทางการกาหนด
เกณฑ์ท่ี กลา่ วมาแล้วขา้ งต้นในส่วนที่ ๒ เป็นเกณฑ์การประเมินแยกสว่ นของแตล่ ะพฤตกิ รรมและเกณฑ์
สรุปผลการ ประเมิน พร้อมกับจดั ทาแบบบันทึกผลการสงั เกตพฤติกรรมตามสภาพทีพ่ งึ ประสงค์ของแตล่ ะ
หนว่ ยการจดั ประสบการณ์นน้ั ๆ

ขั้นตอนท่ี ๔ การดาเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมลู เปน็ ขัน้ ตอนท่ีผูส้ อนออกแบบ/วางแผนและทา
การสงั เกต พฤติกรรมของเด็กเป็นรายบคุ คล รายกล่มุ การพดู คยุ หรือการสมั ภาษณ์เด็ก หรอื การ
ประเมินผลงาน/ชน้ิ งานของเด็ก อย่างเปน็ ระบบ เพื่อรวบรวมขอ้ มูลพฒั นาการของเดก็ ให้ท่วั ถงึ ครบทุก
คน สอดคล้องและตรงประเด็นการประเมินท่ีวางแผนไว้ในขั้นตอนท่ี ๔ บนั ทึกลงในเคร่ืองมอื ท่ผี ูส้ อน
พัฒนาหรอื จดั เตรยี มไว้

การบนั ทึกผลการประเมนิ พัฒนาการตามสภาพทพี่ ึงประสงคข์ องแต่ละหน่วยการจดั
ประสบการณ์นนั้ ผสู้ อนเปน็ ผู้ประเมินเด็กเป็นรายบุคคลหรอื รายกล่มุ อาจใหร้ ะดับคณุ ภาพ ๓ หรือ ๒
หรือ ๑ หรือให้คาสาคญั
ทีเ่ ปน็ คณุ ภาพ เชน่ ดี พอใช้ ควรสง่ เสริม กไ็ ด้ ท้งั นี้ควรเป็นระบบเดียวกันเพอ่ื สะดวกในการวเิ คราะห์
ข้อมลู และแปลผลการประเมินพฒั นาการเด็ก ในระยะตน้ ควรเปน็ การประเมินเพื่อความกา้ วหนา้ ไม่ควร
เปน็ การประเมินเพื่อตดั สิน้ พัฒนาการเด็ก หากผลการประเมินพบวา่ เด็กอยู่ในระดับ ๑ พฤติกรรมหน่ึง
พฤติกรรมใดผูส้ อนตอ้ งทาความเข้าใจว่าเด็กคนนนั้ มีพฒั นาการเร็วหรอื ชา้ ผสู้ อนจะต้องจัดประสบการณ์
สง่ เสริมในหน่วยการจัดประสบการณ์ต่อไปอยา่ งไร ดงั นน้ั การเกบ็ รวบรวมข้อมูลผลการประเมนิ
พัฒนาการในแตล่ ะหน่วยการจัดประสบการณ์ของผู้สอน จึงเป็น การสะสมหรือรวบรวมขอ้ มูลผลการ
ประเมินพฒั นาการของเดก็ รายบคุ คล หรอื รายกลมุ่ นัน่ เอง เมือ่ ผ้สู อนจดั ประสบการณค์ รบทกุ หน่วยการ
จดั ประสบการณ์ตามทีว่ ิเคราะห์สาระการเรยี นรรู้ ายปขี องแต่ละภาคเรียน

ข้ันตอนที่ ๕ การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและแปลผล ในขั้นตอนน้ี ผูส้ อนทีเ่ ป็นผ้ปู ระเมนิ ควรดาเนนิ ดาร
ดงั น้ี

83

๑) การวิเคราะห์และแปลผลการประเมนิ พฒั นาการเมื่อสิ้นสดุ หนว่ ยการจัด
ประสบการณ์ ผสู้ อนจะบันทึกผลการประเมินพฒั นาการของเดก็ ลงในแบบบันทึกผลการสงั เกตพฤติกรรม
ตามสภาพท่ีพึงประสงค์ของหนว่ ยการจดั ประสบการณ์หนว่ ยที ๑ จนถึงหน่วยสดุ ท้ายของภาคเรยี น

๒) การวเิ คราะห์และแปลผลการประเมินประจาภาคเรียนหรือภาคเรยี นที่ ๒ เมื่อสนิ้ ปี
การศึกษา ผสู้ อนจะนาผลการประเมนิ พัฒนาการสะสมทีร่ วบรวมไว้จากทุกหน่วยการเรียนรูส้ รปุ ลงในสมุด
บนั ทึกผลประเมินพฒั นาการประจาชน้ั และสรปุ ผลพฒั นาการรายด้านท้ังชน้ั เรยี น

ขนั้ ตอนท่ี ๖ การสรุปรายงานผลและการนาข้อมูลไปใช้ เป็นข้ันตอนทผ่ี สู้ อนซง่ึ เป็นครปู ระจาช้นั
จะสรปุ ผลเพอื่ ตัดสนิ พฒั นาการของเด็กปฐมวัยเป็นรายตัวบ่งชรี้ ายมาตรฐานและพฒั นาการทง้ั ๔ ดา้ น
เพ่ือนาเสนอผูบ้ ริหารสถานศึกษาอนุมัตกิ ารตดั สิน และแจ้งคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พื้นฐาน พร้อม
กบั ครูประจาชัน้ จะจดั ทารายงานผลการประเมนิ ประจาตวั นักเรียน นาขอ้ มลู ไปใช้สรุปผลการประเมิน
คุณภาพเด็ก ของระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาเมื่อสิ้นภาคเรยี นที่ ๒ หรอื เม่ือสนิ้ ปี
การศกึ ษา

ขั้นตอนการประเมนิ พัฒนาการเด็ก สรุปได้ตามแผน 84
แผนภาพ ขนั้ ตอนการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวยั การประเมินพฒั นาการ

หลกั สูตรสถานศึกษาปฐมวยั การจดั ประสบการณ์สาคญั

มาตรฐาน หน่วยการเรียนรู้ ๑.การวิเคราะหม์ าตรฐานตวั
คุณลกั ษณะทีพึงประสงค์ บ่งช้ี และสภาพที่พึงประสงค์

ตวั บ่งช้ี แผนการจดั ๒.กาหนดสิ่งที่จะประเมิน
สภาพท่ีพึงประสงค์ ประสบการณ์ และวธิ ีการประเมิน

ประสบการณ์สาคญั - วัตถุประสงค์ ๓.สร้างเครื่องมือและเกณฑ์
- กิจกรรม การประเมิน
วสั ดุ
- การวัดและประเมนิ - สอื่
- บนั ทกึ การจดั กิจกรรม/
การประเมินพฒั นาการ ๔.ดาเนินการเกบ็ รวบรวม
ขอ้ มลู

๕.การวิเคราะหข์ อ้ มูลและ
แปลผล

๖.การสรุปรายงานผลและ
การนาขอ้ มลู ไปใช้

85

รายละเอยี ดการดาเนนิ งานแต่ละขั้นตอน มดี งั นี้
ขน้ั ตอนท่ี ๑ การวเิ คราะห์มาตรฐาน ตวั บง่ ชี้ และสภาพทพี่ ึงประสงค์ตามหลกั สูตรสถานศกึ ษา

โดยนาขอ้ มลู จากการวเิ คราะหก์ ารเรยี นรู้รายปีในหลักสตู รสถานศึกษาปฐมวัยมาตรวจสอบความถข่ี องตวั
บ่งช้ี และสภาพท่ีพึงประสงค์ว่าเกิดข้ึนกบั เดก็ ตามหนว่ ยการจัดประสบการณ์เรยี นรใู้ ดบา้ ง

ขน้ั ตอนท่ี ๑.๑ การวเิ คราะห์สาระการเรยี นรรู้ ายปีของโรงเรยี น
ขัน้ ตอนที่ ๑.๒ ตรวจสอบความถเ่ี พ่ือตรวจสอบจานวนครง้ั ของตวั บง่ ช้ี สภาพที่พึง
ประสงคว์ ่าวางแผนใหเ้ กิดพฒั นาการในหนว่ ยการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ใดบ้างจากหลกั สตู ร
สถานศกึ ษา
ขน้ั ตอนที่ ๒ กาหนดสง่ิ ท่ปี ระเมนิ และวิธีการประเมนิ โดยกาหนดสภาพท่ีพึงประสงคท์ ี่วิเคราะห์
ไวใ้ นข้นั ตอนท่ี ๑.๒ มากาหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ใน ๖ กิจกรรมหลกั
๒.๑ การเขียนหรือกาหนดจุดประสงคก์ ารเรียนของหนว่ ยการจัดประสบการณ์
๒.๒ การวางแผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู
ขน้ั ตอนท่ี ๓ การสรา้ งเคร่ืองมือและเกณฑ์การประเมนิ ผู้สอนจะต้องกาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ
พฒั นาการเด็กใหส้ อดคลอ้ งกับพฤติกรรมที่จะประเมินตามแผนการจัดกจิ กรรม พร้อมทาเกณฑ์การ
ประเมนิ และสรุปผลการประเมนิ พรอ้ มจัดทาแบบบนั ทึกผลหลังสอนประจาหนว่ ยการจัดประสบการณ์
ขั้นตอนท่ี ๔ การดาเนินการเปน็ การรวบรวมขอ้ มูล ขนั้ ตอนนี้ ผู้สอนทที่ าหน้าทเี่ ปน็ ผู้ประเมินโดย
การสังเกตพฤติกรรมของเด็กรายบุคคล รายกลมุ่ การพูดคุยหรอื สมั ภาษณเ์ ด็ก หรอื การประเมนิ ผลงาน
ชิน้ งานของเด็กอย่างเป็นระบบ ไปพร้อมๆกับกจิ กรรมใหเ้ ด็ก เพื่อรวบรวมขอ้ มูลพัฒนาการของเด็กทุกคน
และบนั ทึกลงแบบบนั ทึกผลหลงั สอนประจาหน่วยการจดั ประสบการณ์ ท่ีจัดเตรียมไว้
ขัน้ ตอนท่ี ๕ การวิเคราะห์ข้อมูลและแปลผลเมื่อสน้ิ สุดหนว่ ยการจัดประสบการณ์ ผู้สอนจะ
ตรวจสอบความครบถ้วน สมบรู ณข์ องผลการประเมินในแบบบันทึกผลการประเมินพัฒนาการของเด็กหลัง
การจดั ประสบการณล์ งในแบบบนั ทกึ ผลหลังการจดั ประสบการณป์ ระจาหน่วยการจัดประสบการณ์ และ
เก็บสะสมเพอื่ นาไดส้ รปุ ผลในการตัดสินพัฒนาการเด็กในภาพรวมเม่ือสิน้ ปกี ารศึกษา โดยผสู้ อนจะนาผล
การประเมนิ พฒั นาสะสมที่รวบรวมไว้ทกุ หน่วยการเรยี นรู้ มาสรุปลงในสมดุ บันทึกผลการประเมนิ
พัฒนาการประจาชนั้ และสรปุ ผลพฒั นาการรายด้านทง้ั ชน้ั เรยี น ทัง้ น้ีการสรุปผลการประเมินพฒั นาการ
ผ้สู อนควรใช้ ฐานนยิ ม (Mode) จึงเหมาะสมและสอดคล้องกับการประเมนิ มากทสี่ ุด ตามทกี่ ลา่ ว
มาแล้วขา้ งตน้
ข้ันตอนที่ ๖ การสรปุ รายงานผลและการนาข้อมลู ไปใช้ ครูประจาชนั้ จะสรุปผลเพื่อพัฒนาการ
ของเด็กปฐมวัยเปน็ รายตวั บง่ ชี้ รายมาตรฐานและพัฒนาการท้ัง๔ ดา้ น และรายงานต่อผู้บรหิ าร
สถานศกึ ษาอนุมตั ิผลการตดั สินและแจ้งคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พรอ้ มกับครปู ระจาชั้นจะ
จัดทารายงานผลการประเมนิ พฒั นาการของเดก็ รายบุคคล รายภาค และรายปีต่อผปู้ กครองในสมดุ
รายงานประจาตัวเด็กนักเรยี น

86

การบรหิ ารจดั การหลักสตู ร

การนาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสู่การปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพตามจุดหมายของ หลักสูตร
ผู้เก่ียวข้องกับการบริหารจัดการหลักสูตรในระบบสถานศึกษา ได้แก่ ผู้บริหาร ผู้สอน พ่อแม่ หรือ
ผู้ปกครอง และชุมชน มีบทบาทสาคญั ยง่ิ ต่อการพฒั นาคณุ ภาพของเด็ก

๑. บทบาทผู้บริหารสถานศกึ ษาปฐมวัย
การจัดการศึกษาแกเ่ ด็กปฐมวัยในระบบสถานศึกษาให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดผู้บริหารสถานศึกษา
ควรมีบทบาท ดังน้ี

๑.๑ ศึกษาทาความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยและมีวิสัยทัศน์ด้านการจั ด
การศกึ ษาปฐมวัย

๑.๒ คัดเลือกบุคลากรที่ทางานกับเด็ก เช่น ผู้สอน พี่เล้ียง อย่างเหมาะสม โดยคานึงถึง
คณุ สมบตั ิหลักของบคุ ลากร ดังนี้

๑.๒.๑ มีวุฒิทางการศึกษาด้านการอนุบาลศึกษา การศึกษาปฐมวัย หรือผ่านการ
อบรมเกยี่ วกบั การจัดการศกึ ษาปฐมวยั

๑.๒.๒ มคี วามรกั เด็ก จิตใจดี มีอารมณ์ขันและใจเย็น ให้ ความเป็นกันเองกับเด็ก
อย่างเสมอภาค

๑.๒.๓ มีบคุ ลกิ ของความเป็นผู้สอน เข้าใจและยอมรบั ธรรมชาติของเดก็ ตามวยั
๑.๒.๔ พูดจาสภุ าพเรียบร้อย ชัดเจนเป็นแบบอยา่ งได้
๑.๒.๕ มคี วามเป็นระเบยี บ สะอาด และรูจ้ ักประหยัด
๑.๒.๖ มีความอดทน ขยัน ซ่ือสัตย์ในการปฏิบัติงานในหน้าที่และการปฏิบัติต่อเด็ก
๑.๒.๗ มีอารมณ์ร่วมกับเด็ก รู้จักรับฟัง พิจารณาเรื่องราวปัญหาต่างๆ ของเด็กและ
ตัดสนิ ปญั หาต่างๆอย่างมเี หตผุ ลด้วยความ เป็นธรรม
๑.๒.๘ มีสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ สมบูรณ์
๑.๓ ส่งเสริมการจัดบริการทางการศึกษาให้เด็กได้เข้าเรียนอย่างท่ัวถึง และเสมอภาค
และปฏบิ ัติการรบั เด็กตามเกณฑท์ ่ีกาหนด
๑.๔ สง่ เสรมิ ใหผ้ ้สู อนและผ้ทู ่ปี ฏิบตั งิ านกบั เดก็ พฒั นาตนเองมคี วามรู้กา้ วหนา้ อยู่เสมอ
๑.๕ เป็นผู้นาในการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาโดยร่วมให้ความเห็นชอบ กาหนด
วสิ ยั ทัศน์ และคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงคข์ องเด็กทุกชว่ งอายุ
๑.๖ สร้างความร่วมมือและประสานกับบุคลากรทุกฝ่ายในการจัดทาหลักสูตร
สถานศกึ ษา
๑.๗ จดั ให้มขี ้อมลู สารสนเทศเกี่ยวกับตัวเดก็ งานวิชาการหลักสตู ร อยา่ งเป็นระบบและ
มกี ารประชาสัมพนั ธ์หลักสูตรสถานศึกษา
๑.๘ สนับสนุนการจดั สภาพแวดล้อมตลอดจนสอื่ วสั ดุ อุปกรณ์ทเ่ี อือ้ อานวยตอ่
การเรียนรู้
๑.๙ นิเทศ กากบั ตดิ ตามการใชห้ ลักสตู ร โดยจดั ให้มีระบบนเิ ทศภายในอยา่ งมรี ะบบ
๑.๑๐ กากับติดตามให้มีการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาและนาผลจากการ
ประเมนิ ไปใชใ้ นการพฒั นาคุณภาพเดก็

87

๑.๑๑ กากับ ติดตาม ให้มีการประเมินการนาหลักสูตรไปใช้ เพื่อนาผลจากการ
ประเมินมาปรับปรุงและพัฒนาสาระของหลักสูตรของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็ก
บริบทสังคมและให้มีความทนั สมยั

๒. บทบาทผู้สอนปฐมวัย
การพัฒนาคุณภาพเด็กโดยถือว่าเด็กมีความสาคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาต้อง

ส่งเสริมให้เด็กสามารถพัฒนาตนตามธรรมชาติ สอดคล้องกับพัฒนาการและเต็มตามศักยภาพ ดังน้ัน
ผู้สอนจึงมีบทบาทสาคัญยิ่งที่จะทาให้กระบวนการจัดการเรียนรู้ดังกล่าวบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ
ผ้สู อนจึงควรมบี ทบาท / หนา้ ท่ี ดังนี้

๒.๑ บทบาทในฐานะผเู้ สรมิ สร้างการเรยี นรู้
๒.๑.๑ จัดประสบการณ์การเรียนรู้สาหรับเด็กท่ีเด็กกาหนดขึ้นด้วยตัวเด็กเอง

และผสู้ อนกับเด็กรว่ มกนั กาหนด โดยเสรมิ สรา้ งพัฒนาการเด็กให้ครอบคลมุ ทกุ ด้าน
๒.๑.๒ ส่งเสริมให้เด็กใช้ข้อมูลแวดล้อม ศักยภาพของตัวเด็ก และหลักทาง

วิชาการในการผลติ กระทา หรอื หาคาตอบในสง่ิ ทเ่ี ด็กเรียนร้อู ยา่ งมเี หตุผล
๒.๑.๓ กระตุ้นให้เด็กร่วมคิด แก้ปัญหา ค้นคว้าหาคาตอบด้วยตนเองด้วยวิธี

การศกึ ษาท่นี าไปสู่การใฝ่รู้ และพัฒนาตนเอง
๒.๑.๔ จัดสภาพแวดล้อมและสร้างบรรยากาศการเรียนท่ีสร้างเสริมให้เด็กทา

กจิ กรรมได้เต็มศักยภาพและความแตกต่างของเด็กแตล่ ะบุคคล
๒.๑.๕ สอดแทรกการอบรมด้านจริยธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ในการ

จัดการเรยี นรู้ และกิจกรรมตา่ งๆอย่างสมา่ เสมอ
๒.๑.๖ ใช้กิจกรรมการเล่นเป็นส่ือการเรียนรู้สาหรับเด็กให้เป็นไปอย่างมี

ประสทิ ธิภาพ
๒.๑.๗ ใช้ปฏิสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างผู้สอนและเด็กในการดาเนินกิจกรรมการเรียน

การสอนอยา่ งสม่าเสมอ
๒.๑.๘ จัดการประเมินผลการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับสภาพจริงและนาผลการ

ประเมนิ มาปรับปรุงพัฒนาคุณภาพเด็กเตม็ ศักยภาพ
๒.๒ บทบาทในฐานะผูด้ ูแลเด็ก
๒.๒.๑ สังเกตและส่งเสริมพัฒนาการเด็กทุกด้านท้ังทางด้านร่างกาย อารมณ์

จติ ใจ สังคม และ สตปิ ัญญา
๒.๒.๒ ฝกึ ให้เดก็ ช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจาวนั
๒.๒.๓ ฝกึ ให้เดก็ มีความเชอ่ื มนั่ มคี วามภมู ใิ จในตนเองและกล้าแสดงออก
๒.๒.๔ ฝกึ การเรียนรูห้ น้าที่ ความมีวนิ ัย และการมีนิสยั ทด่ี ี
๒.๒.๕ จาแนกพฤติกรรมเด็กและสร้างเสริมลักษณะนิสัยและแก้ปัญหาเฉพาะ

บคุ คล
๒.๒.๖ ประสานความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา บ้าน และชุมชน เพื่อให้เด็ก

ได้พฒั นาเตม็ ตามศกั ยภาพและมีมาตรฐานคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์
๒.๓ บทบาทในฐานะนักพฒั นาเทคโนโลยีการสอน
๒.๓.๑ นานวัตกรรม เทคโนโลยีทางการสอนมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับ

สภาพบริบทสังคม ชมุ ชน และทอ้ งถิ่น

88

๒.๓.๒ ใชเ้ ทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ในชุมชนในการเสรมิ สร้างการเรยี นร้ใู หแ้ ก่
เด็ก

๒.๓.๓ จัดทาวิจัยในช้ันเรียน เพื่อนาไปปรับปรุงพัฒนาหลักสูตร /
กระบวนการเรียนรู้ และพฒั นาสื่อการเรยี นรู้

๒.๓.๔ พัฒนาตนเองให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ มีคุณลักษณะของผู้ใฝ่รู้มี
วิสยั ทัศน์และทันสมยั ทนั เหตกุ ารณ์ในยุคของข้อมลู ขา่ วสาร

๒.๔ บทบาทในฐานะผู้บรหิ ารหลกั สตู ร
๒.๔.๑ ทาหน้าท่ีวางแผนกาหนดหลักสูตร หน่วยการเรียนรู้ การจัดกิจกรรม

การเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้
๒.๔.๒ จัดทาแผนการจัดประสบการณ์ท่ีเน้นเด็กเป็นสาคัญ ให้เด็กมีอิสระใน

การเรียนรูท้ งั้ กายและใจ เปดิ โอกาสให้เดก็ เลน่ /ทางาน และเรียนรู้ทง้ั รายบคุ คลและเปน็ กลุ่ม
๒.๔.๓ ประเมินผลการใช้หลักสูตร เพื่อนาผลการประเมินมาปรับปรุงพัฒนา

หลกั สตู รให้ทนั สมยั สอดคลอ้ งกับความต้องการของ ผ้เู รียน ชุมชน และท้องถ่ิน
๓. บทบาทของพ่อแม่หรือผู้ปกครองเดก็ ปฐมวัย
การศึกษาระดับปฐมวัยเป็นการศึกษาที่จัดให้แก่เด็กท่ีผู้สอนและพ่อแม่หรือผู้ปกครอง

ต้องส่ือสารกันตลอดเวลา เพื่อความเข้าใจตรงกันและพร้อมร่วมมือกันในการจัดการศึกษาให้กับเด็ก
ดังนั้น พอ่ แมห่ รือผู้ปกครองควรมบี ทบาทหน้าที่ ดงั นี้

๓.๑ มีส่วนร่วมในการกาหนดแผนพัฒนาสถานศึกษาและให้ความเห็นชอบ กาหนด
แผนการเรยี นรขู้ องเด็กรว่ มกับผสู้ อนและเดก็

๓.๒ ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมของสถานศึกษา และกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็ก
ตามศักยภาพ

๓.๓ เป็นเครือข่ายการเรยี นรู้ จัดบรรยากาศภายในบา้ นใหเ้ อ้ือตอ่ การเรียนรู้
๓.๔ สนับสนนุ ทรัพยากรเพื่อการศึกษาตามความเหมาะสมและจาเป็น
๓.๕ อบรมเลี้ยงดู เอาใจใส่ให้ความรัก ความอบอุ่น ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาการ
ดา้ นตา่ ง ๆ ของเด็ก
๓.๖ ป้องกันและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมท่ีไม่พึงประสงค์ตลอดจนส่งเสริมคุณลักษณะที่
พงึ ประสงค์ โดยประสานความรว่ มมอื กับผู้สอน ผเู้ ก่ยี วขอ้ ง
๓.๗ เป็นแบบอย่างที่ดีท้ังในด้านการปฏิบัติตนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ และมี
คณุ ธรรมนาไปสกู่ ารพฒั นาใหเ้ ปน็ สถาบันแห่งการเรียนรู้
๓.๘ มีส่วนร่วมในการประเมินผลการเรียนรู้ของเด็กและในการประเมินการจัด
การศกึ ษาของสถานศึกษา
๔. บทบาทของชมุ ชน
การปฏิรปู การศึกษา ตามพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้กาหนดใหช้ ุมชนมี
บทบาทในการมีส่วนร่วมในการจัดการศกึ ษา โดยใหม้ ีการประสานความร่วมมอื เพอื่ ร่วมกนั พฒั นาผเู้ รียน
ตามศักยภาพ ดงั นัน้ ชุมชนจงึ มีบทบาทในการจัดการศกึ ษาปฐมวัย ดงั นี้
๔.๑ มีส่วนร่วมในการบริหารสถานศึกษา ในบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา
สมาคม / ชมรมผู้ปกครอง

89

๔.๒ มีส่วนร่วมในการจัดทาแผนพัฒนาสถานศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการดาเนินการ
ของสถานศึกษา

๔.๓ เปน็ ศนู ย์การเรียนรู้ เครือข่ายการเรียนรู้ ให้เด็กได้เรยี นรู้และมีประสบการณ์จาก
สถานการณจ์ ริง

๔.๔ ใหก้ ารสนับสนนุ การจัดกิจกรรมการเรียนรขู้ องสถานศกึ ษา
๔.๕ สง่ เสรมิ ให้มีการระดมทรัพยากรเพอื่ การศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอก และภูมิ
ปัญญาท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กทุกด้าน รวมทั้งสืบสานจารีตประเพณี ศิลปวัฒนธรรม
ของท้องถิ่นและของชาติ
๔.๖ ประสานงานกับองค์กรท้ังภาครัฐและเอกชน เพื่อให้สถานศึกษาเป็นแหล่ง
วิทยาการของชมุ ชน และมีส่วนในการพัฒนาชุมชนและท้องถ่ิน
๔.๗ มสี ว่ นร่วมในการตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา
ทาหน้าทเี่ สนอแนะในการพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา

การจัดการศกึ ษาระดบั ปฐมวัย ( เด็กอายุ ๓ – ๖ ปี )
สาหรับกลุ่มเปา้ หมายเฉพาะ

การจดั การศกึ ษาสาหรับกลุ่มเปา้ หมายเฉพาะสามารถนาหลักสตู รการศึกษาปฐมวัยไปปรับใช้ได้
ท้ังในสว่ นของโคตรสรา้ งหลักสูตร สาระการเรยี นรู้ การจัดประสบการณ์ และการประเมินพฒั นาการให้
เหมาะสมกับสภาพ บริบท ความตอ้ งการ และศักยภาพของเด็กแต่ละประเภทเพื่อพัฒนาให้เดก็ มีคุณภาพ
ตามมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ทีห่ ลกั สตู รการศึกษาปฐมวัยกาหนดโดยดาเนินการดังนี้

๑. เป้าหมายคุณภาพเด็ก หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้กาหนดมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึง
ประสงค์ และสาระการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เก่ียวข้องใช้ในการพัฒนา
เด็ก สถานศึกษาหรือผู้จัดการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ สามารถเลือกหรือปรับใช้ ตัวบ่งชี้และ
สภาพท่ีพึงประสงค์ในการพัฒนาเด็ก เพ่ือนาไปทาแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลแต่ยังคงไว้ซึ่ง
คุณภาพพัฒนาการของเด็กทัง้ ด้านรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปญั ญา

๒. การประเมินพฒั นาการ จะต้องคานึงถึงปัจจัยความแตกต่างของเดก็ อาทิ เด็กท่ีพิการอาจตอ้ ง
มีการปรับการประเมินพัฒนาการที่เอ้ือต่อสภาพเด็ก ทั้งวิธีการเคร่ืองมือที่ใช้ หรือกลุ่มเด็กที่มีจุดเน้น
เฉพาะดา้ น

ภาคเรยี นที่ ตารางกาหนดเวลาเรียน หมายเหตุ
1 -
2 ชนั้ อนุบาลปที ี่ 1-3 -
รวม เวลาเรียน (วัน) -

100
100
200

กิจกรรม 90

1.กจิ กรรมเคลือ่ นไหวและจงั หวะ เวลาเรยี น (นาท/ี วนั )
20
2.กจิ กรรมสร้างสรรค์ 30
30
3.กจิ กรรมเสรี 45
15
4.กิจกรรมกลางแจ้ง 20

5.กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ 10
6.เกมการศึกษา 10
50
7.ทกั ษะพ้ืนฐานในชีวติ ประจาวนั 120
- ตรวจสขุ ภาพ ไปหอ้ งน้า 10
- ลา้ งมอื รวม 6 ชว่ั โมง/วนั
- รับประทานอาหาร
- นอนพกั ผ่อน
- เกบ็ ท่นี อน ลา้ งหนา้ แปรงฟัน

เวลา ตารางกิจกรรมประจาวนั ช้ันอนุบาลปีที่ 1-3
07.30 – 08.00 กิจกรรม
08.00 - 08.20
08.20 – 08.30 รับเด็ก
08.30 – 08.50 กิจกรรมหน้าเสาธง
08.50 – 09.15 ตรวจสขุ ภาพ ไปหอ้ งน้า
09.15 – 09.40 กิจกรรมเคลอ่ื นไหวและจังหวะ
09.40 – 10.05 กจิ กรรมสรา้ งสรรค์
10.05 – 10.30 กจิ กรรมเสรี/เลน่ ตามมุม
10.30 – 10.40 กิจกรรมเสริมประสบการณ์
10.40 – 11.30 กจิ กรรมกลางแจ้ง
11.30 - 14.20 ล้างมือ ลา้ งเท้า
14.20 – 14.30 รับประทานอาหารกลางวนั /แปรงฟนั
14.30 – 14.40 นอนพักผ่อน
14.40 – 15.10 เก็บที่นอน ล้างหนา้
15.10 – 15.30 ด่ืมนม
กิจกรรมเกมการศึกษา
กลบั บ้าน

91

การเช่อื มต่อของการศึกษาระดบั ปฐมวัยกับระดบั ประถมศึกษาปีท่ี ๑
การเชื่อมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกบั ระดับประถมศึกษาปีที่ ๑ มีความสาคัญอย่างย่ิง

บคุ ลากรทุกฝา่ ยจะต้องให้ความสนใจต่อการชว่ ยลดชอ่ งวา่ งของความไมเ่ ข้าใจในการจดั การศึกษาทั้งสอง
ระดับ ซงึ่ จะส่งผลตอ่ การจัดการเรยี นการสอน ตัวเด็ก ครู พ่อแม่ ผูป้ กครอง และบคุ ลากรทางการศกึ ษา
อน่ื ๆท้ังระบบ การเชอ่ื มต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกบั ระดับประถมศกึ ษาปีที่ ๑ จะประสบผลสาเรจ็ ได้
ตอ้ งดาเนนิ การดงั ต่อไปนี้

๑. ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา
ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นบุคคลสาคัญที่มีบทบาทเป็นผู้นาในการเช่ือมต่อโดยเฉพาะระหว่าง
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยในช่วงอายุ ๓ – ๖ ปี กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานในช้ัน
ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ โดยตอ้ งศึกษาหลักสตู รทั้งสองระดบั เพื่อทาความเข้าใจ จัดระบบการบรหิ ารงานด้าน
วชิ าการท่ีจะเอ้ือต่อการเช่ือมโยงการศึกษาโดยการจัดกิจกรรมเพ่ือเชอื่ มต่อการศกึ ษา ดงั ตัวอยา่ งกิจกรรม
ต่อไปนี้

๑.๑ จัดประชมครูระดับปฐมวัยและครูระดับประถมศึกษาร่วมกันสร้างรอยเช่ือมต่อของ
หลักสูตรท้ังสองระดับให้เป็นแนวปฏิบัติของสถานศึกษาเพ่ือครูท้ังสองระดับจะได้เตรียมการสอนให้
สอดคล้องกบั เด็กวัยนี้

๑.๒ จัดหารเอกสารด้านหลักสูตรและเอกสารทางวิชาการของทั้งสองระดับมาไว้ให้ครูและ
บุคลากรอืน่ ๆไดศ้ ึกษาทาความเข้าใจ อยา่ งสะดวกและเพยี งพอ

๑.๓ จัดกิจกรรมให้ครูทั้งสองระดับมีโอกาสแลกเปล่ียนเผยแพร่ความรู้ใหม่ๆ ที่ได้รับจาก
การอบรม ดงู าน ซง่ึ ไมค่ วรจดั ใหเ้ ฉพาะครใู นระดบั เดยี วกนั เทา่ น้ัน

๑.๔ จัดเอกสารเผยแพร่ตลอดจนกิจกรรมสัมพันธ์ในรปู แบบต่างๆ ระหว่างสถานศึกษา พ่อ
แม่ ผู้ปกครองและบุคลากรทางการศกึ ษาอย่างสม่าเสมอ

๑.๕ จดั ให้มีการพบปะ หรอื การทากิจกรรมรว่ มกับพอ่ แม่ ผู้ปกครองอย่างสม่าเสมอต่อเนือ่ ง
ในระหว่างท่ีเด็กอยู่ในระดับปฐมวัย เพ่ือพ่อแม่ ผู้ปกครอง จะได้สร้างความเข้าใจและสนับสนุนการเรียน
การสอนของบุตรหลานตนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

๑.๖ จัดกิจกรรมให้ครทู ั้งสองระดบั ได้ทากิจกรรมร่วมกันกับพ่อแม่ ผู้ปกครองและเด็กในบาง
โอกาส

๑.๗ จัดกิจกรรมปฐมนิเทศพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างน้อย ๒ ครั้ง คือ ก่อนเด็กเข้าเรียนระดับ
ปฐมวัยศึกษาและกอ่ นเด็กจะเล่ือนขนึ้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเข้าใจ การศึกษาทั้ง
สองระดบั และใหค้ วามรว่ มมอื ในการช่วยเด็กใหส้ ามารถปรับตัวเขา้ กบั สภาพแวดล้อมใหม่ได้ดี

๒. ครรู ะดบั ปฐมวัย
ครูระดบั ปฐมวยั นอกจากจะต้องศกึ ษาทาความเขา้ ใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั และจดั กิจกรรม
พัฒนาเด็กของตนแล้ว ควรศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน การจัดการเรียนการสอนในชั้น
ประถมศึกษาปีท่ี ๑ และสร้างความเข้าใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครองและบุคลากรอ่ืนๆ รวมทั้งช่วยเหลือเด็ก
ในการปรบั ตวั ก่อนเล่ือนขน้ึ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยครูอาจจดั กจิ กรรมดังตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้

๒.๑ เก็บรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับตัวเด็กเป็นรายบุคคลเพื่อส่งต่อครูช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ ซ่ึง
จะทาใหค้ รรู ะดบั ประถมศึกษาสามารถใชข้ ้อมลู น้นั ชว่ ยเหลือเดก็ ในการปรบั ตวั เข้ากบั การเรียนรูใ้ หมต่ ่อไป

๒.๒ พูดคุยกับเด็กถึงประสบการณ์ท่ดี ีๆ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรูใ้ นระดับชัน้ ประถมศึกษาปี
ท่ี ๑ เพือ่ ใหเ้ ดก็ เกิดเจตคตทิ ีด่ ีตอ่ การเรียนรู้

92

๒.๓ จัดให้เด็กได้มีโอกาสทาความรู้จักกับครูตลอดจนสภาพแวดล้อม บรรยากาศของ
ห้องเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ทงั้ ท่อี ย่ใู นสถานศกึ ษาเดยี วกันหรอื สถานศึกษาอ่ืน

๓. ครูระดบั ประถมศกึ ษา
ครูระดับประถมศึกษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจในพัฒนาการเด็กปฐมวัยและมีเจตคติท่ีดีต่อการ
จัดประสบการณต์ ามหลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัยเพอ่ื นามาเปน็ ข้อมลู ในการพัฒนาจดั การเรยี นรู้ในระดับชั้น
ประถมศึกษาปีท่ี ๑ ของตนให้ต่อเนอ่ื งกบั การพัฒนาเดก็ ในระดบั ปฐมวัย ดังตวั อย่าง ตอ่ ไปนี้

๓.๑ จัดกจิ กรรมให้เด็ก พ่อแม่ และผปู้ กครอง มีโอกาสไดท้ าความรจู้ ักคนุ้ เคยกับครูและ
หอ้ งเรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ กอ่ นเปิดภาคเรียน

๓.๒ จดั สภาพหอ้ งเรยี นให้ใกลเ้ คยี งกบั ห้องเรียนระดับปฐมวัย โดยจัดใหม้ ีมุมประสบการณ์
ภายในห้องเพ่ือใหเ้ ด็กได้มโี อกาสทากิจกรรมได้อย่างอิสระเช่น มุมหนงั สือ มมุ ของเล่น มมุ เกมการศึกษา
เพ่อื ชว่ ยให้เดก็ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ ไดป้ รบั ตวั และเรยี นรจู้ ากการปฏิบัตจิ รงิ

๓.๓ จัดกิจกรรมรว่ มกันกับเด็กในการสรา้ งข้อตกลงเก่ียวกับการปฏบิ ตั ิตน
๓.๔ เผยแพร่ข่าวสารดา้ นการเรยี นรแู้ ละสรา้ งความสัมพันธท์ ดี่ ีกบั เด็ก พอ่ แม่ ผูป้ กครอง
และชมุ ชน
๔. พอ่ แม่ ผู้ปกครองและบคุ ลากรทางการศกึ ษา
พ่อแม่ ผปู้ กครอง และบุคลากรทางการศึกษาต้องทาความเขา้ ใจหลักสตู รของการศึกษาทง้ั สอง
ระดบั และเข้าใจว่าถึงแม้เดก็ จะอยู่ในระดับประถมศึกษาแล้วแตเ่ ดก็ ยังตอ้ งการความรักความเอาใจใส่
การดูแลและการปฏสิ ัมพนั ธ์ที่ไม่ได้แตกต่างไปจากระดบั ปฐมวยั และควรให้ความรว่ มมือกบั ครูและ
สถานศึกษาในการช่วยเตรยี มตัวเดก็ เพื่อให้เดก็ สามารถปรับตัวไดเ้ รว็ ย่งิ ขน้ึ

การกากบั ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงาน
การจัดสถานศึกษาปฐมวัยมีลักการสาคัญในการให้สังคม ชุมชน มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา

และกระจายอานาจการศึกษาลงไปยังท้องถิ่นโดยตรง โดยเฉพาะสถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
ซึ่งเป็นผู้จัดการศึกษาในระดับนี้ ดังน้ัน เพื่อให้ผลผลิตทางการศึกษาปฐมวัยมีคุณภาพตามมาตรฐาน
คุณลักษณะที่พึงประสงค์และสอดคล้องกับความต้องการของชุมชนและสังคมจาเป็นต้องมีระบบการ
กากับ ติดตาม ประเมินและรายงานท่ีมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกกลุ่มทุกฝา่ ยที่มีสว่ นร่วมรับผิดชอบในการ
จัดการศึกษา เห็นความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค ตลอดจนการให้ความร่วมมือช่วยเหลือ ส่งเสริม
สนับสนนุ การวางแผน และดาเนนิ งานการจดั การศกึ ษาปฐมวัยใหม้ ีคณุ ภาพอยา่ งแท้จริง

การกากับ ติดตาม ประเมินและรายงานผลการจัดการศึกษาปฐมวัยเป็นส่วนหนึ่งของ
กระบวนการบริหารการศึกษาและระบบการประกันคุณภาพที่ต้องดาเนินการอย่างต่อเนื่อง เพ่ือนาไปสู่
การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาปฐมวัย สร้างความม่ันใจให้ผู้เกี่ยวข้อง โดยต้องมีการ
ดาเนินการท่เี ป็นระบบเครือขา่ ยครอบคลุมท้ังหน่วยงานภายในและภายนอกต้งั แต่ระดับชาติ เขตพื้นที่ทุก
ระดับละทุกอาชีพ การกากับดูแลประเมินผลต้องมีการรายงานผลจากทุกระดับให้ทุกฝ่ายรวมท้ัง
ประชาชนท่ัวไปทราบ เพื่อนาข้อมูลจากรายงานผลมาจดั ทาแผนพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษา
หรอื สถานพัฒนาเด็กปฐมวยั ต่อไป

93

ภาคผนวก

94

คณะผู้จัดทา

คณะทป่ี รกึ ษา ผอู้ านวยการสถานศึกษา ประธานกรรมการ
1. นางสาวสายใหม ภารประดบั ครู กรรมการ
2. นายต่อศักดิ์ โพธิ์มะฮาด ครู กรรมการ
3. นางสาวกาญจนาพร ชมถน่ิ ครู กรรมการ
4. นางชนรดี เจรญิ รุง่ วณชิ ครู กรรมการและเลขานุการ
5. นางสาวสชุ ญา หนองประทุม

คณะผู้จดั ทาหลกั สูตรสถานศึกษา พทุ ธศักราช 2560 (ฉบับปรับปรงุ )

1. นางสาวสายใหม ภารประดบั ผู้อานวยการสถานศกึ ษา ประธานกรรมการ

2. นายต่อศักดิ์ โพธิ์มะฮาด ครู กรรมการ

3. นางสาวกาญจนาพร ชมถน่ิ ครู กรรมการ

4. นางชนรดี เจริญรุ่งวณิช ครู กรรมการ

5. นางสาวสุชญา หนองประทมุ ครู กรรมการและเลขานุการ

95

เสนอเพื่อโปรดพิจารณาอนุมัตใิ หใ้ ช้หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านคลองกมุ่

(นางสาวสชุ ญา หนองประทุม)
ฝ่ายวิชาการโรงเรยี น

อนมุ ตั ิให้ใช้หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านคลองกุ่มได้ ตั้งแต่ปกี ารศกึ ษา256๑เปน็ ต้นไป

(นางสาวสายใหม ภารประดับ)
ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นคลองกุ่ม

คณะกรรมการสถานศึกษา ได้พจิ ารณาหลกั สูตรสถานศึกษาของโรงเรียนบ้านคลองกมุ่ แล้วเหน็ ชอบให้
ใชไ้ ด้ ต้ังแตป่ ีการศกึ ษา 2563 เปน็ ตน้ ไป

(นายดารงศักด์ิ เฉลมิ สุข)
ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน

โรงเรียนบา้ นคลองกุ่ม


Click to View FlipBook Version