1. กาํ ลงั ลอยและการทรงตัวของเรอื
1.1 นยิ าม
1.1.1 แรง (Forces) คอื กําลงั ผลกั หรือดงึ ซ่ึงสามารถชักจงู ใหเ กดิ การเคลือ่ นไหวหรอื
เปลีย่ นแปลงการเคล่ือนไหวได
1.1.2 แรงของกาํ ลงั ลอย (Force of Buoyancy) คอื แรงดนั ขึ้น หรอื แรงยกทีม่ ี
ขนาดเทา กับนาํ้ หนกั ของของเหลวที่ถกู แทนท่ี โดยกระทาํ ผานจดุ ๆ หนึง่ เรียกวา “ศูนยก ลางกําลังลอย
(Center of Buoyancy) ซ่ึงอยูท่จี ดุ ศูนยก ลางเรขาคณติ (Geometric Center) ของ
ปรมิ าตรสว นทน่ี า้ํ ถูกแทนที่ (Displaced Volume) ซงึ่ ตอไปจะเรียกวา เปน “ปริมาตรระวางขับ
นํ้า”
1.1.3 แรงศนู ยถ ว ง (Force of Gravity) คอื แรงดงึ ดูดสศู ูนยก ลางโลก อันเนื่องจาก
การทโี่ ลกหมุนรอบตัวเอง แรงน้ีมักเรียกตามหนวยนา้ํ หนัก เชน ออนซ, ปอนด และตนั โดยจะกระทํา
ตรงจดุ ศูนยถว งของวตั ถุ (จดุ ศนู ยก ลางของนา้ํ หนกั ตา ง ๆ ทปี่ ระกอบเปนวตั ถุน้ัน ๆ) (g =
9.80665 m/s2)
1.1.4 ระวางขับนาํ้ (Displacement) คอื นาํ้ หนกั ของปริมาตรนาํ้ ท่ีถกู เรอื แทนท่ี
1.1.5 ปริมาตรกาํ ลงั ลอยสํารอง (Reserve Buoyant Volume) คอื ปริมาตรของ
เรอื สว นท่ผี นกึ น้ําได (Water-tight) เหนอื แนวนา้ํ ซึ่งถอื วาเปน แฟกเตอรเผอ่ื สาํ หรบั ความ
ปลอดภยั (Safety Factor) ปริมาตรกําลังสาํ รองจะเปนสดั สว นโดยตรงกบั แรงลอยตัวสาํ รอง เรอื
ท่ีมปี ริมาตรกาํ ลังสาํ รองมากยอ มมแี รงลอยตวั สาํ รอง (Reserve Buoyancy) มากดว ย
1.1.6 กําลงั ลอยสาํ รอง (Reserve Buoyancy) คือ แรงลอยทเี่ รอื ยงั สามารถมีได
ถึงแมจ ะบรรทกุ น้ําหนักเพ่ิมจากปจจุบนั หรอื อีกนยั หนงึ่ คือ ความสามารถในการบรรทุกเพิม่ ขน้ึ ของเรือ
เรอื ท่มี ปี ริมาตรกาํ ลังสาํ รองมากยอมมแี รงลอยตวั สํารองมากดวย
1.1.7 Freeboard เปน มาตรวดั กําลงั ลอยสาํ รองอยางคราว ๆ Freeboard คือ
ระยะวดั จากแนวนํา้ บรรทกุ เตม็ ที่ (Loaded Displacement) ถงึ ดาดฟาชั้น Freeboard
Deck หรือ ดาดฟา ผนกึ น้ําไดช ั้นทีส่ มบูรณที่สุด หรอื ตามท่ีแตละสมาคมจดั ชนั้ เรือกาํ หนด เรอื ที่มี
ระยะ Freeboard มากยอ มมกี าํ ลังลอยสํารองมาก
1.2 แรงลอยตัว (Buoyancy Force)
เรือจะลอยถา แรงของกําลงั ลอย (Force Buoyancy) มขี นาดอยา งนอ ยเทา กับนา้ํ หนกั
ของเรอื หรอื หมายถงึ จะตองมปี รมิ าตรกาํ ลงั ลอยมากพอซ่งึ อาจกาํ หนดไดจ ากขนาดพนื้ ทีแ่ นวนาํ้
(Waterplane Area) และความสามารถในการผนึกน้ํา (Watertight) ที่ดี ถาเรือมปี ริมาตร
กําลังลอยสาํ รองมาก (มี Freeboard มาก) ก็จะมีความสามารถในการลอยมาก ซ่งึ
เกยี่ วของโดยตรงกับประสิทธิภาพในการ ทรงตัวโดยรวมของเรือ
1
1.3 การทรงตวั อยางปลอดภัย (Intact Stability)
คือ สถานะการทรงตวั สถติ ยของเรอื ในน้ํานิ่ง (Static Condition in Clam
Water) อยาง ปลอดภยั พิจารณาไดจากขนาดโมเมนตแรงคคู วบระหวางแรงลอยตวั (ทศิ ทางข้ึน
ขา งบน)กบั นาํ้ หนักเรอื (ทศิ ทางกระทาํ ลงลา ง) หรอื ทเ่ี รยี กวา เปน “โมเมนตต้ังตรง” (Righting
Moment) ระยะระหวา งแรง ลอยตวั กับแรงเนอื่ งจากนา้ํ หนกั คือ แขนของโมเมนตต ง้ั ตรง
(Righting Arm) ซึง่ โมเมนตตงั้ ตรงและแขนของโมเมนตตงั้ ตรงจะเปน ตัวแปรสาํ คญั ในการ
พจิ ารณาการทรงตวั ของเรือตอ ไป ทงั้ นขี้ น้ึ อยกู ับตาํ แหนง การกระทาํ ของแรงลอยตวั และแรงเนอ่ื งจาก
นํา้ หนกั เรอื ตราบใดทตี่ าํ แหนง ทง้ั สองกอใหเกิดโมเมนตชว ยพยงุ เรือกลับตง้ั ตรง เรือจะยังคงสามารถ
ทรงตัวไดอยา งปลอดภัย
1.3.1 นยิ ามทีเ่ กย่ี วของกบั การพิจารณาการทรงตัว
1.3.1.1 โมเมนตตง้ั ตรง (Righting Moment; RM) เมอื่ เรอื ลอยตง้ั ตรง
แรงลอยตวั ของเรอื จะกระทําในทิศพงุ ขึน้ ขา งบน ผานจุดศูนยก ลางการลอย (Center of
Buoyancy จดุ B) สวนทางพอดีกบั แรงเน่อื งจากน้ําหนกั ทกี่ ระทาํ ตรงจุด G (จดุ B และ G อยู
ในแนวเดยี วกนั ) (ดรู ปู ท่ี 1) เม่อื เรือเอียง (โดยไมม ีนา้ํ หนกั ใดเคลอ่ื นยา ยไป) M แขนโมเมนตต งั้ ตรง
GG
B B
K K
รปู ท่ี 1 โมเมนตตั้งตรง
รปู ที่ 2
แรงเนอื่ งจากนาํ้ หนกั จะยงั คงกระทาํ ทจ่ี ุด G เชนเดิม ในขณะทีป่ ริมาตรระวางขับนํ้ายอมตองเปลย่ี นไป
ตามลกั ษณะการเอียงทาํ ใหต ําแหนงจดุ ศูนยก ลางการลอย (B) เคลอื่ นท่ีไปยงั ดา นท่ีเอยี ง ดังนน้ั จดุ
B และ G จะไมอยูในแนวเดียวอีกตอ ไป ทาํ ใหเ กดิ โมเมนตแ รงคคู วบระหวา งแรงลอยตัวและแรง
เนอ่ื งจากนา้ํ หนัก (ดรู ูปท่ี 2) ในทศิ ทางตานการเอียงหรอื กลาวไดว า เปน โมเมนตต ัง้ ตรงเรอื ขนาดของ
โมเมนตต ง้ั ตรงใชว ัดความสามารถในการทรงตวั ที่แตล ะมมุ เอียงของเรอื
1.3.1.2 แขนโมเมนตต ้งั ตรง (Righting Arm; RA) แขนของโมเมนตแรง
คูควบในรปู ท่ี 2 (ระยะ GZ) เรยี กวา เปน “แขนโมเมนตตัง้ ตรง” การคาํ นวณขนาดของโมเมนตต งั้
ตรงจะนาํ ขนาดของแขนโมเมนตน คี้ ณู กบั น้าํ หนกั เรอื ดังนี้
2
โมเมนตต ง้ั ตรง = แขนโมเมนตต ัง้ ตรง x นา้ํ หนกั เรอื
(1)
(Righting Moment) = (Righting Arm x Displacement)
(RM) = (R.A. x ∆)
ถานาํ้ หนกั เรือไมเปลยี่ นแปลงอาจใชแ ขนโมเมนตต ้ังตรงเปน ตัววัดความสามารถในการทรงตัว
ที่แตล ะมมุ เอยี งของเรอื ได
1.3.1.3 จุดเปลยี่ นศูนยเสถียร (Metacenter) คือ จดุ M ในรูปที่ 2 ซ่งึ เปน
จุดตัดของเสนตอ แนวแรงกาํ ลงั ลอยกบั เสน ตอของแนวเสน กงึ่ กลางทางขวาง (Center Line) ของ
เรอื ท่ี เรยี กวาเปน จุดเปลย่ี นศูนยเสถยี รเพราะวาถา จดุ น้ีอยูตา่ํ กวา จุด G โมเมนตจ ะเปลยี่ นเปน
โมเมนตคว่าํ เรอื (Heeling Moment) ดงั นนั้ ตําแหนง ของจดุ M (เทียบกับจดุ G) จะเปน
ตวั กําหนดชนดิ ของโมเมนตแ รงคูค วบที่ เกดิ ข้นึ (ดูรูปที่ 3)
โมเมนตค ูค วบ
Z’ G
M
B
K
รูปท่ี 3
1.3.1.4 ความสงู จดุ เปลยี่ นศนู ยเ สถยี ร (Metacentric Height) คือ ระยะ
วัดในแนวเสน ก่งึ กลางทางขวางจากจุด G ถึงจดุ M (ระยะ GM ในรปู ที่ 2) ถาจุด M อยสู ูงกวา
จุด G ระยะ GM จะเปนบวก กอ ใหเ กดิ โมเมนตตัง้ ตรง (Righting Moment) เรยี กวา เปน
โมเมนตบ วก (Positive Moment) ในทางกลบั กนั ถา จุด M อยตู ํา่ กวา จุด G ระยะ
GM จะเปน ลบ กอ ใหเกิดโมเมนตค วาํ่ เรอื (Heeling Moment) หรอื โมเมนตล บ
(Negative Moment) ระยะ GM จงึ ใชว ัดคา ความสามารถในการทรงตวั ของเรอื แทนโมเมนต
ต้งั ตรงและแขนโมเมนตตงั้ ตรงได
1.3.1.5 รัศมเี ปลย่ี นศนู ยเ สถียรทางขวาง (Metacentric Radius, BM)
คอื ระยะในแนวเสน กงึ่ กลางทางขวางจากจุด B ถงึ จุด M
3
M
BM G
B
รปู ทK่4ี
ถา K เปน จดุ อางอิงตรงแนวกระดกู งู
ดงั นน้ั ระยะ BM = KM – KB (2)
= KB + BG (3)
หรอื คาํ นวณไดจ ากความสมั พันธ
BM = IT (4)
∇
โดย IT = โมเมนตอ ินเนอเชยี ทางขวาง (Transverse Moment of Inertia)
ของ
พน้ื ทแี่ นวน้าํ (Waterplane Area) ขณะนัน้ ของเรอื
∇ = ปรมิ าตรระวางขับนํ้า (Volume of Displacement)
ตัวอยา ง เรอื ลาํ หนึ่งมขี นาดโมเมนตอนิ เนอเชียทางขวางเทา กับ 1.5978 x 106 m4 และมี
ปริมาตรระวางขบั น้ําเทา กบั 7.2535 x 105 m3 จะคํานวณขนาดรัศมีเปลี่ยนศูนยเสถยี รทางขวาง
(BM) ไดดังน้ี
BM = 1.5978× 106 = 2.203 m
1.3.1.6 7.253× 105
เสน โคงการทรงตัว (Stability Curve) คอื เสนโคงแสดง
ความสามารถในการทรงตัวของเรือท่มี กั แสดงใน 4 ลกั ษณะดังน้ี
1.3.1.6.1 เสน โคง โมเมนตต ้ังตรง – มมุ เอียง คอื เสนโคงการทรงตวั ที่
อธบิ าย ความสามารถในการทรงตัวของเรอื ในรูปของโมเมนตต งั้ ตรงทม่ี ุมเอียงเรอื ตาง ๆ (ดูรูปที่ 5)
Righting Moment
มมุ เอยี ง
รปู ท่ี 5
4
1.3.1.6.2 เสน โคง แขนโมเมนตตัง้ ตรง – มุมเอียง คอื เสน โคงการทรงตวั ที่อธิบายความสามารถในRighting Arm
การทรงตวั ของเรือในรูปของขนาดแขนโมเมนตตั้งตรงทม่ี มุ เอยี งเรือตา ง ๆ (ดูรูปที่ 6)
Righting Moment
มุมเอยี ง
รปู ท่ี6
เสน โคง การทรงตวั ในรปู ท่ี 5 และ 6 จะมรี ปู รางเหมอื นกนั จะตา งกันก็ตรงหนวยและขนาดของตวั แปรท่ี
ปรากฏบนแกน Ordinate (แกนตัง้ )เทา นั้น
การนาํ เสนอเสน โคงการทรงตัว ดังในรปู ที่ 5 มกั จะตอ งบอกคาระวางขับนา้ํ กาํ กบั ไวดว ยเสมอ
ทั้งนเี้ พราะถา ระวางขบั นา้ํ เปลีย่ นขนาดโมเมนตต ั้งตรงยอ มเปลยี่ นแปลงดวย (R.M. = GZ x ∆)
1.3.1.6.3 เสน โคง การทรงตัวแบบ “Cross Curve” หรือ Cross Curve of
Stability คอื เสนโคงการทรงตวั แบบในหวั ขอ 1.3.1.6.1 หรอื 1.3.1.6.2 ที่ขนาดระวางขบั
น้าํ ตาง ๆ ของเรือ
Displacement
รปู ที่ 7
5
รปู ท่ี 7 เปน ตวั อยาง Cross Curve of Stability แบบ 2 มติ ิ ทพ่ี ลอ ตแสดง
ความสมั พันธร ะหวา งแขนโมเมนตต้ังตรงมมุ เอยี ง และระวางขบั นํ้าตา ง ๆ สว นรปู ท่ี 8 เปน ตัวอยาง
Cross Curve of Stability แบบ 3 มิติ แสดงความสัมพนั ธระหวา งโมเมนตต ง้ั ตรงมุมเอียง
และระวางขบั น้าํ ตา ง ๆเชน กัน
1.3.1.6.4 ขอมูลการทรงตัวที่นาํ เสนอในแบบตารางตัวเลข คอื การ
นําเสนอขอ มูลการทรงตวั ดงั เชน ในหัวขอ 1.3รูป.1ท.่ี 68 ในรปู แบบตารางตวั เลข ซ่งึ สามารถนาํ ไป พลอต
เปน เสน โคงการทรงตวั ไดเชนเดยี วกนั (ดูรปู ท่ี 1.9) วธิ กี ารเชน นี้ ใหความสะดวกในการอานคา จาก
ตารางขอ มูล แตขาดความตอ เนือ่ ง (Continuous) ไมเหมอื นการนาํ เสนอขอ มลู การทรงตัวแบบ
กราฟทใี่ หขอ มูลการทรงตัวแบบตอ เนือ่ ง
ระวางขับน0้ํา มุมเอียง 0 10 20 30 40 50 60 70 80 90
500 (ขนาดแขนโมเมนต หรือ โมเมนตต ั้งตรง)
1000
1500
2000
2500
รปู ที่ 9
6
2. คณุ ลกั ษณะการทรงตวั
2.1 สถานะการทรงตวั แบบตา ง ๆ
2.1.1 Equilibrium คือ การลอยแบบสมดลุ ในลกั ษณะที่แรงลอยตัวมขี นาดเทา กบั
แรงเนอื่ งจากน้าํ หนกั พอดีและกระทาํ สวนทางกนั ในแนวเสน ศนู ยก ลางเรอื ทางขวาง (ดรู ูปที่ 10)
M แรงเนือ่ งจากนํ้าหนกั
G
B แรงเนอื่ งจากแรงลอยตัว
รปู ท่ี 10
เรอื ทีท่ รงตวั ในลักษณะนี้มกั จะไมเ อยี งเพราะความสมมาตรกนั ของเรอื ดงั นน้ั ถา เพิ่มนา้ํ หนกั
หรือเอานาํ้ หนกั ออกจากเรือในแนวเสน ศนู ยก ลางเรอื แลว เรอื จะจมลงหรอื ลอยขึ้นแบบขนาน
(Parallel Sinkage)
2.1.2 Stable Equilibrium คือ การทรงตัวในชวงทเ่ี ม่ือเรือเอียงไปแลว จะสามารถ
กลับมาตงั้ ตรงในสถานะแบบ Equilibrium ไดเหมือนเดิม การเอียงในชว งสถานะเชน นถ้ี อื วาเรือมี
การทรงตวั เปน บวก (Positive Stability) เพราะโมเมนตแรงคูควบระหวา งแรงลอยตวั และแรง
เนื่องจากน้ําหนัก มคี า เปนบวก หรือเปนโมเมนWตต ้ังตรMง (Righting Moment)
θ RM
GZ
B B1
K
∆
การทรงตวั ในสถานะน้ี (ดูรปู ท่ี รปู 1ที่11)1 เกดิ ขน้ึ เนือ่ งจากเม่ือเรือเอยี งจดุ ศูนยกลางการลอย
(Center of Buoyancy) จะเลื่อนไปตามการเคล่ือนทขี่ องจดุ ศูนยถ ว งของปริมาตรระวางขบั น้าํ
(ไปทางดานปรมิ าตรสว นใหญ) จากจุด B ไปยงั จุด B1 ดังนนั้ แรงลัพธของแรงลอยตวั จะกระทําผา น
จดุ B1 ไปตดั กบั เสนตอ ของแนวเสน กงึ่ กลางทางขวาง (ตรงจดุ M) ถา นาํ้ หนกั เรอื ยงั คงทแ่ี ละไมมี
สว นใดเคล่ือนยา ยแรงจากนาํ้ หนักจะยงั คงกระทาํ ผา นจดุ G เกดิ เปนแรงคูควบท่ีมแี ขนยาวเทา กับ
GZ และมีทศิ ทางตา นการเอียงของเรือ เขยี นเปน ความสัมพันธไดดังน้ี
โมเมนตตง้ั ตรง = ระวางขับน้ํา x แขนโมเมนตต ั้งตรง
7
(Righting Moment ; R.M.) = (∆ x GZ)
(5)
โดย ∆ = ระวางขบั นํา้ หรือนํ้าหนักเรือ
GZ = แขนโมเมนตต ั้งตรง (Righting Arm)
= GM sin θ (GM = ความสงู จดุ เปลยี่ นศนู ยเ สถียร)
(6)
ดงั นนั้ R.M. = ∆ x GZ = ∆ x GM sin θ
(7)
2.1.3 Neutral Equilibrium คือ การทรงตัวทเี่ มือ่ เรอื เอียงไปแลว จะไมกลบั มาต้งั
ตรงไดเองแตจะเอยี งอยถู าวรในลักษณะสมดุล คลา ยกบั การทรงตัวแบบ Equilibrium
M
GG
BB
รูปท่ี 12 ก รปู ที่ 12
ข
Equilibrium แตเปนสมดุลแบบเรือเอียง ถาจดุ G ยงั คงอยใู นแนวเสน ศนู ยกลางทางขวาง จุด
M จะทับกับจุด G พอดี (รูปท่ี 12 ก) แตถาจดุ G เลอ่ื นตามการเอยี งของเรอื ดังในรปู 12 ข จุด
M จะอยสู ูงกวา จุด G ทงั้ 2 กรณแี ขนโมเมนตต ้ังตรงจะมีคาเปน ศนู ย (GZ = 0) ตอไปถามแี รง
จากภายนอกมากระทําเรืออาจกลับไปมสี ถานะการทรงตวั แบบ Stable Equilibrium หรืออาจ
เอยี งตอไปจนลม กเ็ ปนได
2.1.4Unstable Equilibrium เปนการทรงตัวในลักษณะกลบั กับสถานะ Stable
Equilibrium คอื เมื่อเรือเอียงไปแลวจะไมกลับไปตัง้ ตรงไดอ กี แตจ ะเอียงตอ ไปเร่ือย ๆ ดว ย
โมเมนตค ว่าํ เรอื (Heeling Moment) ท่ีมที ิศทางเสริมการเอยี งของเรือ ในลักษณะน้จี ะถือวา
โมเมนตเปน ลบ (Negative Moment) และความสงู จดุ เปลย่ี นศูนยเสถยี ร (GM) มีคาเปน
ลบ กรณีนเี้ กดิ ข้ึนเมอื่ จุด G อยูส งู กวา จดุ M (ดูรูปท่ี 13)
8
ZG GM เปน ลบ
M
B B1
รูปท่ี 13
2.2 คุณลกั ษณะและคุณสมบตั ขิ องเสน โคง การทรงตัว
เสนโคงการทรงตวั มีคุณสมบัตทิ ่ีอาจหาไดร วม 5 ประการ ท่เี รยี กรวมวา ความทรงตัว
โดยรวม (Overall Stability) คือ
2.2.1 ใหคา Initial Stability
เม่ือเรือเอยี งเลก็ นอ ย (ประมาณไมเ กนิ 100) ตาํ แหนง จุดเปล่ียนศนู ยเ สถียร (M)
จะยังคงไมเ ปลี่ยน ซึง่ จะใชความสงู จดุ เปลย่ี นศูนยเสถยี ร (GM ) ในชว งนี้เปนตวั วัด
ความสามารถในการทรงตวั แรกเรมิ่ ของเรือ หรอื เรียกวา เปน “Initial Stability” ของเรอื
ที่สถานะบรรทุกขณะนน้ั (ระยะ AB ในรปู 14 ข) ดังน้นั เมอื่ เรอื เอยี งไปอีกเลก็ นอ ย (มุม
เลก็ ๆ) ความสมั พนั ธระหวา งแขนโมเมนตต ั้งตรง
M GZ
B
GZ GM Initial
B B1
K รปู ที่ 14 ขA θ
รูปท่ี 14 ก
กบั มุมเอียง คอื GZ = GM sinθ ≈ GM θ (มุม θ เล็ก)
(8) GZ = GM sinθ (มุม θ มากกวาประมาณ 100)
และ
(9) GM = GZ
θ
จากสมการท่ี (8) พบวา (10)
หมายถงึ เมื่อมมุ θ เลก็ จะสามารถคํานวณหา GM ไดจ ากความชนั ของเสน โคงความสัมพันธ
ระหวา งแขนโมเมนตตง้ั ตรง (GZ) และมมุ เอยี ง (θ ) การหาคา Initial Stability หรือ
9
Initial GM ดวยวธิ ี กราฟฟก นิยมกาํ หนดใหมมุ เอยี งมคี า เทา กับ 1 radian (57.30) ดงั นนั้ จงึ
สามารถหาคา Initial GM ไดโ ดยลากเสน สมั ผสั กบั เสน โคงการทรงตวั ในชวงมุมเอยี งไมเกนิ
ประมาณ 100 ตอ เสน สมั ผัสนี้ ออกไปจนกระทงั่ ตัดกับเสนทางดงิ่ ทต่ี รงมมุ เอยี ง 1 radian
(57.30) คอื ตรงจดุ A ในรูปที่ 14 ข ความยาวของเสน AB ทีอ่ า นไดบนสเกล GZ คือ
Initial GM ของเรือทสี่ ถานะการบรรทุกขณะนนั้
2.2.2 ใหขนาดมากทสี่ ุดของแขนโมเมนตต งั้ ตรง หรือขนาดสูงสดุ ของโมเมนตต งั้ ตรง
(Maximum Righting Arm or Maximum Righting Moment)
GZ RM
θθ
Anglรeูปoทf่ีm1a5x GกZ Aรูปnทgl่ี e1o5f mขax RM
ซ่ึงก็คอื จุดสูงสดุ ของเสน โคงการทรงตวั ในรูปท่ี 15 ก และ 15 ข ตามลําดับ
2.2.3 ใหคา มมุ เอียงทเี่ กิดแขนโมเมนตต้ังตรงหรือมมุ เอยี งทเี่ กดิ โมเมนตตง้ั ตรงสงู สดุ
(Angle of Maximum Righting Arm or Angle of Maximum Righting
Moment) ซง่ึ กค็ อื มมุ ตรงจดุ สงู สุดของเสนโคง การทรงตัวดังในรปู ที่ 15 ก และ 15 ข ตามลาํ ดับ
2.2.4 บอกคา ชว งการทรงตวั (Range of Stability) หมายถงึ ชวงมมุ เอยี งท่เี รอื มี
สถานะการทรงตวั แบบ Stable Equilibrium (โมเมนตตั้งตรง และระยะ GM เปนบวก)
นอกเหนอื ชว งมมุ เอยี งนเ้ี รอื จะมีการทรงตวั ไมเ สถยี ร (โมเมนตควาํ่ เรอื และคา GM เปนลบ)
RM หรือ GZ
มมุ เอยี ง
Range of Stability
รูปที่ 16
10
2.2.5 เปน ขอมูลสําหรบั คํานวณหา Dynamic Stability ถึงมมุ เอยี งทกี่ าํ หนด
Dynamic Stability คือ งาน (work) ทตี่ อ งใชเ พ่ือเอยี งเรอื ไปถงึ มมุ ทกี่ ําหนด หรือในทาง
กลับกันคืองานท่ีตองการใชใ นการเอยี งเรอื จากมุมทีก่ าํ หนดใหก ลบั ไปตง้ั ตรงดงั เดมิ
พน้ื ทค่ี าํ นวณ Dynamic Stability
RM ถงึ มุมเอียง 30O
มมุ เอียง
30
ซ่ึงมีคา เทา กับขนาดพนื้ ทภี่ ายใตเ สน โครงูปกทาี่ รท1ร7งตวั ถึงมมุ ที่กาํ หนดคณู กบั ขนาดระวางขบั นาํ ขณะนน้ั
คือ
Dynamic Stability θ +∆θ
= ∆ ⋅ ∫GZ ⋅dθ
θ
(11)
θ
= ∆ ⋅ ∫ GZ ⋅dθ
0
(12)
หนว ยของ Dynamic Stability คอื โมเมนต – มมุ (radian) คอื
(13) Moment × Radian
หรือ
Moment × Degree × π (14)
180
ตวั อยา ง เรอื ขนาด 10,000 tonnes มขี อ มลู Stability ตามมมุ เอียงตาง ๆ ดังใน
ตาราง จงคํานวณหา Dynamic Stability ของเรอื ลํานี้ เมอ่ื เรือเอยี งเปน มมุ 600
มมุ เอยี ง GZ S.M. f
(MGZ
)
0 0 1 0 ใช Simpson’s 1st Rule คํานวณ
15 0.275 4 1.10 Dynamic Stability ในชวงมุมเอยี ง 0
30 0.515 2 1.03
45 0.495 4 1.98 ถงึ
60 0.33 1 0.33 600 ไดดังน้ี
75 0.12 - - Dynamic = ∆ × h × ∑ f ( MGZ )
90 -0.1 - - 3
15π
Stability = 10 4 × × 180 × 4.44
3
11
∑f (MGZ ) = 3874.63 tonnes –
m-radian
4.44
2.2.6 Dynamic Stability ทง้ั หมด (Total Dynamic Stability)
คืองานทง้ั หมดท่ีใชใ นการเอยี งหรือตานการเอยี งของเรอื ในชวงการทรงตวั ตามขอ
2.2.4
2.3 Overall Stability คอื คณุ สมบตั ิการทรงตวั ของเรอื ท้ัง 5 ประการในขอ 2.2.1 ถงึ
2.2.5 ซง่ึ อธบิ ายความสามารถในการทรงตัวของเรือโดยรวม ซง่ึ ประกอบดวย
- Initial Stability
- ขนาดมากทสี่ ดุ ของแขนโมเมนตต ง้ั ตรง หรือ โมเมนตต ง้ั ตรง
- มุมเอยี งท่เี กิดแขนโมเมนตต ้ังตรง (หรอื โมเมนตตัง้ ตรง) สงู สดุ
- ชวงการทรงตวั เปน บวก
- Dynamic Stability ถงึ มมุ เอียงทก่ี าํ หนด
2.4 กรณมี มุ เอยี งมาก (Large Angle Stability)
เมอ่ื เรอื เอียงมาก (ประมาณ 100 ข้นึ ไป) ความสมั พนั ธร ะหวาง GM และ GZ จะ
ไมเปน ไปตามสมการท่ี (8) หรอื (9) ทงั้ นีม้ ีสาเหตุหลกั มาจากการทเี่ สนแนวนาํ้ ใหมต ดั กบั เสนแนวน้ํา
ที่เดิมอยูในทางระดับไมตรงเสนกงึ่ กลางทางขวางพอดี ท่ีเปน เชน น้เี พราะรปู รา งของปรมิ าตรสว นที่จม
อยูใ นนาํ้ ทง้ั แนวกราบซา ยและขวาไมส มมาตรกนั (ดานท่ีเรอื เอยี งมกั มปี รมิ าตรมากกวา ) ทาํ ใหจุด
ศนู ยกลางการลอยอยูสูงกวา ในกรณีเม่ือเทยี บกับเม่อื เรือเรือเอียงเปน มมุ นอยๆ (ดรู ูปที่ 18)
M
θ Z θ Mθ
WL1 G B2
θG
WL1 B2 B B1
B B1
รูปท่ี 18
ในกรณที ี่รปู รางดา นขา งเรือทง้ั 2 ขางสว นทเ่ี ปล่ยี นแปลงการจมมีลกั ษณะเปน แนวตรง
(เปรียบเสมอื นผนงั ตรง ๆ) จะคาํ นวณหาขนาดแขนโมเมนตตง้ั ตรง ไดจ ากสูตร “Wall – sided
Formular” ดงั น้ี
12
GZ = sin θ GM + BM tan 2 θ (15)
2
เห็นไดว า ถามุม θ เลก็ เทอม tan2 θ จะยง่ิ มีคา นอ ย ทาํ ใหสมการที่ (15) มคี า ประมาณเทากบั
สมการที่ (9) สอดคลองกบั กบั กรณเี ม่อื เรอื เอียงเปนมมุ เลก็
2.5 การเคลอ่ื นยา ยนาํ้ หนักทางดง่ิ และผลตอ Overall Stability
การเคลื่อนยา ยน้ําหนักในทางดงิ่ แบง เปน 2 กรณใี หญ ๆ คือ
- นํ้าหนกั รวมของเรอื ไมเปลยี่ น
- น้าํ หนกั รวมของเรือเปลย่ี น
w
G1
Gh
w∆
จากรูป 19 นํ้าหนกั w ถกู เคล่อื นยายทางด่งิรเูปปทน ่ี ร1ะ9ยะทาง h (วดั จากจดุ ศนู ยก ลางมวลของนาํ้ หนัก)
จากทอ งเรือสดู าดฟาโดยนาํ้ หนกั ของเรือยงั คงทยี่ อ มเกดิ การเปล่ียนแปลงตอตําแหนง จุดศนู ยถ ว งเรือ
โดยจะเล่อื นไปอยูท ี่จุด G1 เปน ระยะ GG1 คือ
GG1 = w × h
∆
(16)
โดย GG1 = การเคลือ่ นที่ของจดุ ศูนยถ วงเรอื
w = นาํ้ หนกั ทถ่ี ูกเคลอื่ นยา ย
h = ระยะทเ่ี คลอ่ื นยา ย
∆ = นํา้ หนกั รวมของเรอื
ถาเคลอ่ื นยา ยน้ําหนกั หลายชนิ้
GG 1 = ∑(wi × hi ) (17)
โดย wi ∆
= น้าํ หนกั แตล ะชน้ิ
hi = ระยะเคลือ่ นยา ยของนา้ํ หนกั แตละ
∑ (wi × hi ) = ผลรวมของโมเมนตนาํ้ หนกั (Weight Moment)
ถา เปน การเคล่ือนยา ยทท่ี ําใหน า้ํ หนกั รวมของเรอื เปลี่ยน จะคาํ นวณไดดังนี้
13
GG 1 = ∑(wi × hi )
(∆ ± ∑wi )
(18)
โดย ∑wi = ผลรวมของการเปลย่ี นแปลงนํา้ หนกั ในทางด่งิ
ตัวอยา งของการเคล่อื นยา ยนา้ํ หนกั ทางดงิ่ โดยทีน่ า้ํ หนกั เรอื ไมเ ปล่ียนแปลง เชน ยา ยน้าํ หนกั ขนาด
500 ตนั จากจดุ CG. ของเรอื ขนาด 10,000 ตันข้ึนวางบนดาดฟา เปน ระยะ 16.4 m ตามรูป
ที่ 20 จดุ CG. จะเลอื่ นขน้ึ ไปอยูท่ีจุด G1 คาํ นวณระยะการเคล่อื นที่ไดด งั น้ี
500 ตัน
G1 GG1 = w×h
G 16.4 m ∆
500 × 16.4
∆= 10,000 ตนั = 10,000 =
0.82 m.
รูปที่ 20
2.4.1 ผลของการเคล่อื นยายนํ้าหนกั ทางดงิ่ ตอ ขนาดแขนโมเมนตต้ังตรง
เมื่อจุดศนู ยถ ว งของเรือเลอื่ นไป ดงั นน้ั ตอไปหากเรือเอียงสมรรถนะการทรงตัวเรอื ยอม
เปล่ียนแปลงไปหมายถงึ Overall Stability ของเรือตอ งเปล่ยี นแปลง เม่อื มองในเทอมของแขน
โมเมนตต งั้ ตรง (Righting Arm) ในรปู ที่ 21 พบวา ถาจุดศนู ยถ ว งเลอื่ นขน้ึ มาอยูที่จุด G1 แขน
โมเมนตคคู วบท่ีเดมิ ยาว GZ ไดล ดความยาวลงเปน G1Z1 ระยะทล่ี ดไปน้ีเรยี กวา “การสูญเสยี ความ
ยาวแขนโมเมนตตัง้ ตรง (Loss of Righting Arm)” ซง่ึ ตามรูปคอื ระยะ GR คาํ นวณไดด ังนี้
GR = GG1Sinθ (19)
โดย GG1 = ระยะการเคล่ือนท่ตี ามแนวดงิ่ เดิมของจุด G
θ = มมุ เอียงของเรอื M
เม่ือพลอ ตระยะ Loss of Righting Arm G1 θ
ท่ีเกิดขน้ึ แตล ะมุมเอยี ง จะไดเ สน โคงท่ีเรยี กวา G Z1
“เสน โคง ความสูญเสียแขนโมเมนตตงั้ ตรง (Loss BR Z
of Righting Arm Curve)” รูปท่ี 22 B1
เปนตัวอยา งเสนโคงดงั กลา ว
รปู ที่ 21
14
GR
GG1Sin θ
รปู ที่ 22
ความเปลยี่ นแปลงตอ Overall Stability หาไดโดยพลอ ตเสนโคงความสูญเสียแขน
โมเมนตตงั้ ตรงลงบนเสน โคง การทรงตวั แลวหาผลรวมทางพชี คณิตของแขนโมเมนตต ัง้ ตรงทีเ่ หลอื ดังนี้
(ดูรปู ท่ี 23)
ถา Loss of Righting Arm ลดคา Righting Arm ลง ให นาํ ไปลบกนั
ถา Loss of Righting Arm เพิม่ คา Righting Arm ข้ึน ให นาํ ไปบวก
เขา
หมายเหตุ ขอใหส งั เกตวา ไมวา จะเปน การเพม่ิ ขนาดหรอื ลดขนาดของแขนโมเมนตต้งั ตรง จะ
ยังคงเรยี กวา เปน “Loss of Righting Arm” เสมอ เพียงแตกรณแี รกเรอื สูญเสยี การทรงตัว
ในขณะท่ีกรณหี ลงั เรอื มกี ารทรงตัวเพ่ิมขน้ึ
GZ
New Max AC = AD − AB
D GG1 Sin θ = GZ − GG1 sinθ
C
B GG1
ANew Range of Stability
รปู ที่ 23
2.4.2 การนําผลของการเคล่ือนยา ยนาํ้ หนกั ทางดง่ิ ไปประกอบการอา น Cross Curve
Cross Curve of Stability มกั ถูกสรา งขนึ้ โดยสมมติความสงู ของจุด G ไว
ท่ีหน่งึ เพอื่ ใชเปน เกณฑอา งองิ ในการคํานวณขนาดแขนโมเมนตตงั้ เรือ ความสงู ของจุด G ดงั กลา วถอื
วาเปน ระยะ “KG อา งอิง (Reference KG )”
15
เม่อื สรางเรือเสร็จจดุ G ทแี่ ทจ ริงมักอยูทร่ี ะยะความสูงอื่นอาจต่าํ กวาหรือสงู กวาจุด
G อางอิงก็ได ประกอบกบั เมอื่ บรรทุกนาํ้ หนักลงเรือในลักษณะตา ง ๆ ตําแหนงจดุ G ทีแ่ ทจ ริงยอ ม
เปลีย่ นไป เม่อื เปน เชน น้ี เสนโคงการทรงตวั ทม่ี ปี ระจาํ อยบู นเรอื จงึ เปน เพยี ง Cross Curve ท่ี
พลอ ตเทยี บกบั จุด G สมมติเทานน้ั มใิ ชจดุ G ท่ีแทจ รงิ ขณะน้ัน จึงจําเปน ตอ งปรบั แกผ ลการอา น
ระยะแขนโมเมนตต งั้ ตรง
จาก Cross Curve ใหเปน ขนาดแขนโมเมนตต ั้งตรงทส่ี อดคลอ งกับความสูงจดุ G ทแ่ี ทจ ริง
M ตอ ไปจากรูปท่ี 24 สมมตวิ า A เปน จดุ อา งองิ ในการคาํ นวณสรา ง
G1 θ Cross Curve of Stability ระยะ KG สมมตใิ นทน่ี ้คี อื
Z1 KA ดังนน้ั AZ จงึ เปนขนาดแขนโมเมนตตงั้ ตรง ท่ีอานไดทนั ที
A R จาก Cross Curve แตถ า จดุ G ของเรืออยสู ูงกวาจดุ G
R2 Z สมมติ เชน อยูทีจ่ ุด G1 จะทาํ ใหขนาดแขนโมเมนตต งั้ ตรงทอ่ี า นได
BG2 Z2 จาก CrossCurve ยาวกวา ความเปน จรงิ อยเู ปนระยะเทา กบั
รปู ที่ 24 AR ในทางกลบั กนั ถา จุด G อยูต ่ํากวา จุด G สมมตเิ ชน อยทู ีจ่ ดุ
G2 คาทอ่ี า นไดจ ะสั้นกวา ความเปน จริงอยูเปนระยะG2R 2 เหน็ ได
วา AR หรือ G2R2 เปนคาแก (Correction) ท่ี
จะตอ งนาํ ไปประกอบการคาํ นวณเมอ่ื อา นขนาดแขนโมเมนตต ัง้ ตรงจากCross Curveทม่ี อี ยูใ นเรือ
เสมอ
โดยที่ ระยะการสญู เสยี แขนโมเมนต AR = AG1 sin θ
(20)
และ ระยะการเพ่ิมแขนโมเมนต G2R2 = AG2 sinθ (21)
การปรับแกขนาดแขนโมเมนตต ้ังตรงดงั ในสมการท่ี (20) และ (21) คอื วิธกี ารเชนเดียวกับ
การดําเนนิ การในกรณีของการเคลอื่ นยา ยนํา้ หนกั ทางดงิ่ ดังนนั้ การพลอ ตเสนโคง การทรงตวั ทป่ี รับแก
แลว (พรอ มนาํ ไปใช) จึงมีลกั ษณะดงั นี้ (กรณี จดุ G อยสู งู กวา จดุ อา งอิง A)
GZ เสนโคง การทรงตวั พลอตจาก Cross Curve
เสน โคงการทรงตวั ที่ปรบั แกความสงู
จรงิ ของจดุ G แลว
เม่อื รวมผลของการเคลอ่ื นยา ยAนGาํ้ 1หsนinกั θทางดCงิ่ oทrอ่ีreาcจtiเoกnิดcขuน้ึ rvภeายหลังเขา กบั ผลกAาGรแ1กด ังกลา ว (สมมติวา
ยา ยนํ้าหนักจนจดุ G เล่อื นสูงขน้ึ อีก) จะรพปู ลทอ ่ี ต2เ5สน โคงการทรงตัวสดุ ทายไดดังน้ี
GZ เสนโคง การทรงตวั จาก Cross Curve
เสนโคง การทรงตัวทป่ี รับแกค วามสงู จดุ G
16 แลว
เสน โคงการทรงตวั เมอ่ื รวมผลการเคลื่อน
นํา้ หนกั ทางด่งิ แลว
รปู ท่ี 26
2.6 การเคลอ่ื นยา ยนาํ้ หนักทางขวางและผลตอ Overall Stability
การเคลือ่ นยา ยนํ้าหนักทางขวาง แบง เปน 2 กรณีใหญ ๆ คอื
- น้าํ หนกั รวมของเรือไมเ ปลย่ี น
- นาํ้ หนกั รวมของเรอื เปล่ยี น
M
θ
G G1
wd
ถา นาํ้ หนกั w ในรูปที่ 27 ถกู เคลอื่ รนปู ยทา ี่ ย2ท7างขวางเรือเปน ระยะ d โดยนา้ํ หนกั โดยรวมของ
เรือคงที่ จุดศนู ยถ ว งเรอื จะเคลือ่ นไปไปอยูท จ่ี ุด G1 เปน ระยะ GG1 คอื
w ×d
GG1 = ∆
(22)
โดย GG1 = ระยะการเคล่อื นทข่ี องจุด CG.
w = นํา้ หนกั ทถี่ ูกเคล่อื นยา ย
d = ระยะท่ีเคลือ่ นยาย (วดั ระหวางจดุ ศนู ยก ลางมวล)
∆ = นํา้ หนกั รวมของเรือ
ถา เคล่อื นยา ยนํา้ หนกั ทางขวางหลายชนิ้
GG 1 = ∑(wi ×di )
(23) ∆
โดย w i = นาํ้ หนกั แตละชนิ้
di = ระยะเคลอื่ นยา ยของนา้ํ หนกั แตล ะชนิ้
17
∑ (w i × di ) = ผลรวมของโมเมนตนา้ํ หนกั (Weight Moment)
ถา เปน การเคลอื่ นยา ยทที่ าํ ใหน า้ํ หนักรวมของเรอื เปล่ียน จะคํานวณไดดังนี้
GG1 = ∑(wi ×di ) (24)
(∆ ± ∑wi )
โดย ∑wi = ผลรวมของการเปล่ยี นแปลงนํ้าหนกั ในทางขวาง
2.6.1 ผลของการเคลอ่ื นยา ยน้าํ หนกั ทางขวางตอ ขนาดแขนโมเมนตต ัง้ ตรง
การเคลอ่ื นยา ยนาํ้ หนักทางขวางสง ผลกระทบตอ Overall Stability ของเรอื ใน
ลกั ษณะเชน เดียวกับการเคลื่อนยายนาํ้ หนักทางดิ่ง พจิ ารณาไดจ ากรปู ท่ี 28
M
θ
GTZ
Z1
B G1 B1
w w
K
d
เมือ่ นาํ้ หนัก w ถูกเคลือ่ นยายในทางขวาง รปูททําใ่ี ห2จ 8ดุ G ของเรอื เลื่อนมาอยูท่ีจดุ G1 ทําใหแขน
โมเมนตต ง้ั ตรงทเ่ี ดิมยาวเทา กับ GZ มคี วามยาวลดลงเปน G1Z1 คอื ลดลงเปนปริมาณเทากบั GT
ดังนน้ั ในแตล ะมมุ เอยี งแขนโมเมนตตงั้ ตรงจะลดลงเปนปรมิ าณเทา กบั
GT = GG1 cos θ (25)
โดย GG1 = ระยะการเคล่อื นท่ขี องจดุ G
θ = มมุ เอียงของเรอื
18
เมื่อพลอตระยะ Loss of Righting Arm ทเ่ี กดิ ข้นึ แตล ะมมุ เอียงจะใตเสน โคง “ความสญู เสีย
แขนโมเมนตต ้ังตรง (Loss of Righting Arm Curve)” คลายกับทีเ่ กดิ ในกรณเี คลอื่ นยาย
นํ้าหนกั ทางดง่ิ (ดรู ปู ที่ 29) เชน กัน ดงั นี้
ถา Loss of Righting Arm ลดคา Righting Arm ลง ใหน าํ ไปลบกนั
ถา Loss of Righting Arm เพม่ิ คา Righting Arm ขึน้ ใหนาํ ไปบวกเขา
GG1 cos θ
GG1
ความเปลยี่ นแปลงทีม่ ีตอ Overall Stรaูปbทi่ี l2it9y หาไดโดยพลอ ตเสน โคง ความสูญเสียแขน
โมเมนตต ง้ั ตรงอนั เน่อื งจากการเคลอ่ื นยา ยนํ้าหนักทางขวางลงบนเสน โคงการทรงตวั เดิม (อาจเปน
ภายหลงั จากการแกเ สน โคง การทรงตวั ในหวั ขอ ท่ี 2.4.2แลว )
GZ
AB = AD − AC
= GZ − GG1COSθ
DC
GG1 B GG1 COS θ
A
New Range of Stability
จากรูปท่ี 30 พบวาเสน โรคูปง กทาี่ 3รท0รงตวั ใหมม ขี นาดแขนโมเมนตต ้ังตรงเปนลบจนถงึ มุมเอยี งคา
หนง่ึ หมายความวา ถา เลอ่ื นนาํ้ หนัก w ดงั ในรปู ท่ี 28 เรือจะเอยี งตามการเคลื่อนยา ยนาํ้ หนกั ไป
19
จนกระท่งั หยดุ เอียงทม่ี มุ เอยี งหนง่ึ คอื มกี ารทรงตวั เปนแบบ Neutral Equilibrium อยูช วงหนงึ่
มุมเอียงนีจ้ ะเรยี กวา เปน “มุมเอยี งถาวร (Permanent List)” ตอ ไปหากมีแรงภายนอกมากระทาํ
เรือจะทรงตวั ตอไปแบบ Stable Equilibrium ไดภ ายในขอบเขตของ Range of
Stability ในรปู ท่ี 30
2.7 การเคลอื่ นยายนา้ํ หนกั ทางเฉยี งและผลตอ Overall Stability
การเคลื่อนยา ยนํา้ หนักทางเฉยี งเปน กรณผี สมผสานของการเคล่อื นยา ยนาํ้ หนกั ทางดง่ิ และทาง
ขวางเขา ดว ยกนั มีขอ แนะนําสาํ คัญท่ชี ว ยใหสามารถพจิ ารณาการเคลือ่ นที่ของจดุ ตาง ๆ ไดงา ย คือ ให
พจิ ารณาการเคลอ่ื นยายนาํ้ หนกั ทางดงิ่ กอ นแลว จึงพิจารณาการเคลอ่ื นยา ยนา้ํ หนกั ทางขวางตาม
เหตผุ ลนมี้ กั สอดคลอ งกับขัน้ ตอนการเคลอื่ นยายนาํ้ หนกั ในเรอื เสมอ คอื มกั จะยกน้ําหนกั ทต่ี อ งการ
ขนึ้ ตรง ๆ กอน แลวจึงหนั ไปวางดา นขา งตามตอ งการ
GZ เสนโคงการทรงตัวกอนปฏบิ ัติการ
h G1 (1) เสน โคง การทรงตัวเมื่อยก
G
(2) นา้ํ หนกั ข้นึ สงู h
w GG1 sin θ
θ
d GZ (1) เสน โคง การทรงตัวเมอ่ื ยาย
(2) นา้ํ หนกั ทางขวางระยะ d
h G1 G2 (3) GG1SIN θ
G
wθ
Permanent List G1G2COS θ
เรมะ่ือยพะ3ทิจ1าากงร.ดณงิ่ ารhปู ทแ่ีล3ะ1ทากงข)วซา่งึงนdา้ํ หดนงัักนwน้ัรปู เทรถี่มิ่ กู 3แเค1รกลจื่อดุนยCา ยGทางจดึงเ่งิ ลจื่อา3นก1ขดนึ้ขา.ดเปฟน า รใะตยร ะะเวทาา งกขบัึ้นGสดูGา1ดฟ=า บwน×เปhน
∆
เปนผลใหตอ งสญู เสียความยาวแขนโมเมนตต ัง้ ตรงท่ีแตล ะมุมเอียงไปเทากับGG1 sin θ เม่อื พลอ ต
ความสูญเสียดังกลาวกับเสน โคง การทรงตวั เดมิ (เสนโคงหมายเลข 1) จะไดเ สนโคง การทรงตัวใหม
เปนเสน โคงหมายเลข 2 ตอไปใหพ ิจารณายายนา้ํ หนกั ทางขวาง ดังนน้ั จดุ CG จึงเคลื่อนทต่ี อไปอยู
20
ที่จดุ G2 เปน ระยะ G1G 2 = w × d ทําใหส ูญเสยี ความยาวแขนโมเมนตต ัง้ ตรงแตล ะมุมเอยี งอีก
∆
G1G2 cos θ เมอ่ื พลอตความสูญเสยี นก้ี บั เสน โคง การทรงตวั ลา สดุ (เสนโคง หมายเลข 2) จะได
เสนโคง การทรงตัว สุดทายทรี่ วมผลของการเคล่อื นยา ยนาํ้ หนกั ทางดง่ิ และทางขวางเขาดว ยกนั เปน เสน
โคงการทรงตวั หมายเลข 3 เกดิ Permanent List และมี Overall Stability เปลยี่ นไป
จากเดิม
3. การเกิดผวิ หนา อสิ ระ (Free Surface Effects)
กอ นหนา นีไ้ ดอ ธิบายเกี่ยวกบั ผลของการเคลอื่ นยา ยนา้ํ หนกั ทม่ี ีตอ Overall Stability
ของเรือไปแลว ในหลายลกั ษณะ ตอ ไปจะขออธิบายเกย่ี วกับผลของการเคลื่อนยายนาํ้ หนักในลักษณะที่
เกิดผลจากผวิ หนา อิสระ (Free Surface Effects) ซ่ึงผลกระทบดังกลา วมลี กั ษณะเชน เดียวกับ
ผลของการเคล่อื นยา ยนา้ํ หนักบนเรือ แตน ํา้ หนกั ท่ีถกู เคล่อื นยายในลกั ษณะนเี้ กิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
โดยมไิ ดตง้ั ใจ น้าํ หนกั ดงั กลา วคือบรรดาน้ําหนกั ทีม่ รี ปู รา งของผิวหนา ไมคงทีแ่ ละเปล่ยี นแปลงตาม
ลักษณะการเอยี งของเรือหรอื ภาชนะที่บรรจุอยู เชน นา้ํ ในถงั อับเฉา นา้ํ มนั เชื้อเพลงิ ของเหลวตา ง ๆ
สินคา ประเภทกองเทได เชน ปนู ซเี มนต ผงเคมี นา้ํ ตาลทราย … ฯลฯ เหน็ ไดวาน้ําหนกั เหลา น้ีเปน
น้าํ หนกั ทม่ี ลี กั ษณะผวิ หนา เปน อสิ ระ (Free Surface) ซ่งึ ผลกระทบน้จี ะเกิดขนึ้ เม่ือบรรจนุ าํ้ หนกั
ดังกลาวไมเ ตม็ ภาชนะ ดงั นั้น เม่ือเรือเอยี งแรงโนมถว งของโลกจะพยายามรักษาระดบั ของผวิ หนา อสิ ระ
ไว ผลจากความเฉ่อื ย (Inertia) ของการเคล่ือนที่และจดุ ศนู ยถว งของมวลนาํ้ หนักทเ่ี กิดผวิ หนาอสิ ระ
เปลย่ี นไปจะทาํ ใหต ําแหนง จดุ ศูนยถว งรวมของเรือเปล่ยี นไป ดังนนั้ ยอ มเกดิ การเปล่ยี นแปลงตอ
Overall Stability ของเรือดว ย อิทธิพลทม่ี ผี ลตอ ความสามารถในการทรงตวั ของเรอื นจี้ งึ เรียกวา
M
เปน “ผลจากผวิ หนาอสิ ระ”
WG L
B
g ρ
K
∆
รปู ที่ 32 ตวั อยา งการบรรทุกนํ้าหนกั ท่ีมีผวิ หนา อิสระในเรอื
21
รูปที่ 32 เปนตวั อยา งแสดงลกั ษณะการบรรทุกของเหลวหนกั ∆ ซึ่งมีความหนาแนน มวลเทา กบั ρ
ในถังบนเรอื ลาํ หนึง่ ถาจดุ ศูนยถว งของของเหลวอยทู ี่ g และในสถานะปกติเรือยังไมเ อียง จุดศูนยกลาง
การลอยและจดุ ศนู ยถว งรวมของระบบจะอยูท่ี B และ G ตามลําดบั (ในแนวเสนกง่ึ กลางลําเรอื
พอด)ี ตอไปถาสมมตใิ หเ รือเอียงเลก็ นอยดังในรูปที่ 33 เปนมุม φ เนื่องจากถงั บรรจขุ องเหลวไมเ ต็ม
ดงั นนั้ เม่อื เรือเอียงผวิ หนา ของเหลวจงึ อสิ ระทจี่ ะไมเอยี งตาม โดยจะยังคงรักษาแนวระดบั ตามแรงโนม
ถวงของโลกทาํ ใหป ริมาตรของเหลวในถงั เปล่ียนรูปรา งไป ผลท่ตี ามมาคอื จดุ ศูนยถ ว งมวลของของเหลว
เปล่ียนไปอยทู จี่ ดุ g1 ขนานกบั ทิศทางการเคลือ่ นท่ขี องจดุ ศูนยถ ว งของปรมิ าตรลิ่ม ถา ไมมผี ลจาก
ผวิ หนาอิสระเมือ่ เรอื เอยี งเปน มุม φ แขนโมเมนตต ง้ั ตรง (Righting Arm) จะมีขนาดเทา กับ
GZ และมคี วามสงู จดุ เปลย่ี นศนู ยเสถยี ร (Metacentric Height) เทา กบั GM แตเนอื่ งจาก
ผลของผวิ หนา อสิ ระ จดุ CG รวมของเรอื จะเคลอ่ื นทจ่ี าก G ไปยงั G1 ซง่ึ เปนทศิ ทางลพั ธก าร
เคล่อื นที่ของ gg1 (GG1 ขนานกบั gg1) วิเคราะMหไ ดดังน้ี
W GV
W1 GZ L1
g b/2 Z1
B G1 B1
ρ L
g1
b
K ρf 2 tanφ
1 ⋅ b tanφ
3 2
กาํ หนดใหถ ังกวารูปง ทbี่ 3ย3าวกาlรเคคลวื่อานมทห่ีขนอางแจนดุ นCมวGลขอเนงนอ่ื งาํ้ จในากถผงั แิวลหะนทา่ีเอรสิือรละอยอยมู คี า เทา กับ ρf และ
และ ρ มนี า้ํ หนกั จําเพาะเปน w และ W ตามลําดับ จากรปู ท่ี 34 ถา กําหนดให gg1T เปน ระยะ
การเคลอ่ื นทใ่ี นแนวระดบั ของจุดศูนยถ วงล่ิม ดังน้นั เมอื่ เรอื เอยี ง φ
gg1T = 2 b (26)
3
b
g1 b tan φ
2
gg1V
g 1 ⋅ b tanφ
3 2
gg1T
รูปท่ี 34 การเคลอ่ื นที่ของจดุ ศูนยถ2ว2งลิม่ ของเพลาในรปู ท่ี
2
และให gg1V เปน ระยะการเคลอ่ื นทีใ่ นแนวดง่ิ ของจุดศนู ยถ ว งลิม่ ดังนน้ั เมอื่ เรอื เอยี ง φ
2 b b
gg1V = 3 2 tan φ = 3 tan φ (27)
จากสมการที่ (26) ดงั นนั้ gg1V = 1 gg1T tan φ
2
(28)
1 b b
โดยล่มิ มนี ้าํ หนกั เปน w = ρf g 2 2 2 tanφ ⋅ l (29)
หรอื w = ρ f g b2 l tan φ (30)
8
ดังนนั้ โมเมนตข องแรงเนอ่ื งจากล่มิ หนกั w เคลือ่ นทจ่ี ึงทาํ ใหจดุ CG. รวมของเรอื เคลอื่ นทดี่ ังนี้
การเคลื่อนที่ในทางระดับ (GG1T)
pf g b2 l tan φ 2
8 3
GG1T = w × gg1T =
∆ ρ ⋅g⋅∇
= ρf b3l tanφ (31)
ρ 12 ∇
= γ f i tanφ
γ∇
(32)
b3l
โดย i = 12 = Transverse Moment of Inertia ของถงั
การเคลอ่ื นทใ่ี นทางดงิ่ (GG1V)
ρf g b2 l tan φ b tan φ
8 3
GG1V = w × gg1V =
∆ ρ ⋅g⋅∇
= ρf b 3l tan2 φ (33)
ρ 12 2∇
= γ f i tan2 φ
γ∇ 2 (34)
จากสมการที่ (32) และ (34) ดังน้ัน GG1V = GG1T tanφ (35)
2
23
นาํ ผลการวิเคราะหด งั ในสมการที่ (32) และ (34) มาพิจารณาการเปลีย่ นแปลงขนาด Righting
Arm ของเรือ ไดดงั ในรูปท่ี 35
GG1T COS θ M
G G1 Z
Z1
φ
B GG1T
GG1V B1
GG1V Sin θ
โดยรปูRทigี่ 3h5tiกnาgรGเปA1ลZrี่ย1mนแปให=ลมงขมนขี GานดZาขด−อลงดGลRGงiเ1หgTลhcอื otเisทnφา gกบั−AGGrGm1Z1V1เนsดiอ่ืnงังφนจา้ี กผลของผิวหนา
(36)
tan 2
=GM sinφ − γf i tan φ cos φ − γf i 2 φ sin φ
γ ∇ γ ∇
= sinφ GM −γf i 1 + tan 2 φ (37)
γ ∇ 2
เทอมทางขวาของสมการท่ี (37) แสดงการเปลย่ี นแปลงความสูงศูนยเ สถยี ร (Metacentric
Height) อันเนือ่ งจากผลของผิวหนา อิสระทีม่ ุมเอยี งตา งๆ แตอ ยางไรก็ตามการแทนคา GZ =
GM sin φ ในสมการท่ี (36) ใชไดจาํ กดั เฉพาะเมอื่ เรือเอยี งเปน มมุ นอ ย ๆ ไมเกนิ กวา ประมาณ
70 ถงึ 100 (ขนึ้ อยกู ับรปู รา งของเรอื ) ดงั นน้ั ดวยมุมเอยี งขนาดนย้ี อ มทาํ ใหเทอม tan2 φ ในสมการ
2
ท่ี (37) มีคานอยมาก การคํานวณขนาด Righting Arm ของเรือท่ีไดร ับผลกระทบจากผวิ หนา
อสิ ระแตเอียงเปนมุมเลก็ ๆ จงึ สามารถลดรูปสมการไดเปน
G1Z1 = GM − γf i sinφ
γ ∇
(38)
24
เทอม γ f i จงึ เปรยี บเสมอื นระยะความสงู ศูนยเ สถยี ร (GM) ทีล่ ดลงเน่ืองจากผลของผวิ หนา
γ∇
อสิ ระ หากมองในลักษณะจดุ M คงที่ (มุมเอียงนอย ๆเทานั้น) บางครง้ั จึงเรยี กการสญู เสยี ความสูง
ศูนยเสถยี รนว้ี า เปน “Virtual Rise ของจุดศนู ยถ ว งเรอื อันเกดิ จากผวิ หนา อสิ ระ” เขียนเปน สมการ
ไดด ังน้ี
GGVirtual = γ f i = ρf i = FSC (39)
γ ∇ ρ∇
ดงั นนั้ ในการคํานวณเก่ยี วกบั ผลจากผวิ หนาอสิ ระจะใชส มการที่ (39) เปน “คาแกผิวหนา อิสระ
(Free Surface Correction; FSC)” ในเทอมของการลดขนาดความสงู ศนู ยเ สถียรโดยท่ี
สามารถใชไดก ับถังรปู รางหนาตดั ทกุ ชนิด ดงั นั้นระยะความสงู ศนู ยเ สถยี รประสทิ ธผิ ลท่ีรวมผลของการ
เกดิ ผิวหนา อสิ ระเขา ไวด ว ยจะมีคา เปน
(40) GMEff = KM − KG − FSC
3.1 Virtual Rise of G
ระยะ GGV ในรปู ท่ี 33 เรยี กวา เปน “Virtual Rise of G” สามารถคาํ นวณไดจากสตู ร
GGV = ι (A)
∇
โดย ι = โมเมนตอ นิ เนอเชียของผิวหนาอิสระรอบแกนทางยาว
∇ = ปริมาตรระวางขับนา้ํ เรือ
ในกรณีของถงั หนา ตัดสเ่ี หลย่ี มจะคํานวณโมเมนตอ นิ เนอเชียของผวิ หนา อิสระได
ι = b3l (B)
12
โดย b = ความกวา งของผิวหนา อสิ ระ (ทางขวางเรือ)
bl l = ความยาวของผิวหนาอิสระ (ตามยาวเรือ)
รปู ที่ 363.2 ผลจากผวิ หนา อสิ ระในถงั ท่ีแบง เปน สว นตามยาว (Effect of Longitudinal
Subdivision)
bbbb b b
nnnn n 25
ในกรณีทถ่ี งั บรรจขุ องเหลวถูกแบง ออกเปน สว น ๆ ตามความยาว (Longitudinal
Subdivision) จาํ นวน n สวนดงั ในรปู ที่ 37 ถา ถงั นก้ี วา ง b ถงั แตล ะสว นจงึ มคี วามกวา งเทา กบั
b ดงั นน้ั จากสมการที่ (39) FSC ของแตละสว นจะมคี าเทา กบั FSC = ρf i
n ρ∇
(C) 3
แทนคา i = 1 b l เพราะฉะน้นั คา แกผ ิวหนา อิสระของถงั ท่แี บงตามยาว n สว นเทา ๆ กัน จะมี
12 n
ρf 1 b3l 1
คา FSCของแตล ะสวนเทา กับ FSC = ρ 12 ∇ n3
= ρf i 1 (41)
ρ ∇ n3
γf i1
= γ ∇ n3 (42)
ดงั นนั้ จะคาํ นวณความสงู ศนู ยเ สถียรทีส่ ญู เสยี ไปเนอื่ งจากผวิ หนาอสิ ระ (Virtual Loss of
Metacentric Height) ของถงั ยอ ยทงั้ หมด จาํ นวน n ถัง ไดดงั นี้
FSCn = n× ρf i 1 (43)
ρ ∇ n3 (44)
ρf i 1
= ρ ∇ n2
โดย n คอื จํานวนถงั ยอย เม่ือเปรยี บเทียบสมการ (C) กับสมการท่ี (44) พบวา การแบง ถงั เปน
สวนๆตามยาวจะชว ยลดผลจากผิวหนา อสิ ระไดเ ปน ทวีคูณ
3.3 ผลของผวิ หนาอิสระตอ Overall Stability
ผวิ หนาอิสระทาํ ใหเกิด Virtual Rise of G เปนผลให จุด CG ของเรือเคลือ่ นทีส่ งู ขนึ้
กวาทีค่ วรเปน ดังนนั้ ขนาดแขนโมเมนตตง้ั ตรงจงึ ส้ันลงผลกระทบน้สี ามารถพจิ ารณาไดด วยวธิ กี าร
เชนเดยี วกบั การเคล่อื นยา ยนา้ํ หนกั ทางดง่ิ โดยทที่ ุกๆมมุ เอียงเรอื จะสญู เสยี แขนโมเมนตต งั้ ตรงไปเปน
ขนาด GGV sin θ (ดูรูปทM่ี 38) หรอื
Gv θ GA = GGV sinθ (D)
Zv 26
θ
G AZ
หรอื GA = ι sinθ
∇
(E)
ดังนนั้ แขนโมเมนตต ัง้ ตรงจงึ ลดขนาดลงเปน
แขนโมเมนตต้งั ตรงจากการเกดิ Virtual Rise of G
GV ZV = GZ − GA (F)
= GZ − GiGsVinsθinθ (G)
= GZ − ∇ (H)
เมื่อพลอตการสูญเสียขนาดแขนโมเมนตตง้ั ตรง(เทอมท่ี 2 ทางขวาของสมการ (G))ลงบนเสนโคง
การทรงตวั และรวมคาทางพีชคณติ เทากบั เสน โคง การทรงตวั เชน ดงั ในวิธกี ารเคล่อื นยายนา้ํ หนกั ทางดิ่ง
จะไดเ สน โคงการทรงตวั ใหมด งั ในรูป 39 (เสนที่ 2)
GZ
1 i Sinθ
2 ∇
θ
3.4 การพจิ ารณาลดผลจากผวิ หนา อิสรูประที่ 39
ในทนี่ ้ีจะพิจารณาลดผลจากผิวหนา อสิ ระที่เกิดขน้ึ ในเรอื ในลกั ษณะของการสญู เสยี แรงลอยตวั
ของเรือไปบางสวน ทง้ั นีเ้ นอื่ งจากจะครอบคลมุ ทั้งในกรณขี องการเกิดผิวหนา อสิ ระในถงั ตา งๆ และกรณี
ของเรอื ทะลนุ าํ้ ทว มหองทาํ ใหห อ งทนี่ ํา้ ทว มเปดสูผวิ หนา อิสระภายนอก(Free
Communication)เกิดผวิ หนา อสิ ระเชนเดยี วกบั ผวิ หนาน้ํานอกเรือ ซงึ่ กอนอ่ืนจะตอ งทาํ ความ
เขา ใจและคุนเคยกับนยิ ามสาํ คัญดงั ตอไปน้ี
27
3.4.1 LOOSE WATER คือ ของเหลวที่บรรจอุ ยูภ ายในถังหรอื ในหองเพยี งบางสวน ทาํ ให
เกดิ ผวิ หนา อิสระ มีผลกระทบ 2 ประการหลกั คอื 1. เกิดFree Surface Effect และ 2) เกิด
Free Communication Effect
3.4.2 FREE SURFACE คือ ผิวหนา ของหองทบี่ รรจุของเหลวเพียงบางสว น และของเหลว
นนั้ ไหลไปมาไดโ ดยอสิ ระ เพราะวา ผวิ หนา ของของเหลวพยายามท่ีจะรกั ษาระดบั ขนานกบั แนวระดับ
เสมอ หองทีเ่ กิด Free Surface จะเรียกวา”เปน หองทมี่ ผี ิวหนาของเหลวเปนอิสระ” กรณีน้ีกค็ อื
กรณีเดียวกบั ท่ไี ดอ ธิบายในหวั ขอ ท3่ี .1และ3.3องคป ระกอบทไ่ี ดรบั ผลกระทบจากการเกิดFree
Surfaceคือ:การทรงตวั ของเรือ(Stability)
3.4.3 POCKETING คอื ของเหลวทบ่ี รรจเุ กอื บเตม็ หรือใชเกอื บหมด
- ลกั ษณะของผิวหนา อสิ ระดังรูปรูป4ท0ี่ 40เราเรยี กวา ผวิ หนา นาํ้ อิสระเปน POCKETED
ผลกระทบลักษณะนี้จะทาํ ใหความกวาง (b) ของ F.S. ลดลงบางสว นและชว ยใหจดุ G เสมือน
ลดลงจงึ ทาํ ใหจ ุด G รวมของเรือลดตํา่ กวา เม่ือเทยี บกบั ไมเกดิ Pocketingทาํ ใหเ สนโคงการทรงตวั ท่ี
เหลือดีขน้ึ บางดังรปู 41
- ไมมกี ารประเมินคา ในทางตวั เลขกับผลกระทบของ F.S. ในลกั ษณะ Pocketing ซึ่งมี
คา คอนขางนอ ย เพียงแตแสดงใหเ ห็นวา การเกดิ Pocketing จะชว ยลดการสญู เสีย Over-all
Stability
- ในทางปฏบิ ัตกิ ค็ อื ควรบรรจขุ องเหลวลงในถงั หรือไมก ป็ ลอยใหถ งั วา งเปลา
Righting Arm, feet With loose Correction
water frozen
Correction cut down by
Curve with freesurface
28 Not pocketed
3.4.5 Surface Permeability คอื ความสามารถในการดดู ซบั บนพนื้ ผิว – เปนลักษณะของ
หองที่มีสวนประกอบหรืออปุ กรณใ ด ๆ ติดต้งั อยู เชน หองเก็บสินคา หอ งเคร่อื งจักรตาง ๆ เปน ตน
ดังนน้ั ถาเกดิ ความเสยี หาย เชน นา้ํ ทว มบางสวน ผวิ ของผิวหนา อิสระจึงเกดิ ข้ึนไมเตม็ พ้นื ท่ี
ผลกระทบตอ การทรงตวั จงึ ลดลง การหาคาผลกระทบจากผวิ หนา อสิ ระในกรณที ี่ผิวหนา ไมอสิ ระเต็ม
พนื้ ท่นี นั้ คอนขา งยงุ ยาก บางครง้ั อาจไมต อ งคาํ นงึ ถงึ โดยอาจกระทําในลักษณะลดคา ผลกระทบเปน
สัดสว นลงมาจากกรณี ผวิ หนา อสิ ระเตม็ พื้นท่ี แตอ ยา งไรกต็ ามการละเลยไมค ดิ ถึงผลกระทบเชน นี้
อาจทาํ ใหผลการคาํ นวณการทรงตวั ผดิ พลาดไดบาง
3.4.5 Free Communication Effect คือ ผลกระทบที่เกิดจากน้าํ ทว มหองนอกศนู ยกลาง
(Off Center Flood) อกี ทงั้ ขา งเรือเปดติดตอกบั ทะเล (Shell Open to Sea) ดงั รูปที่
42 M
G5 Z5
WL G3
ρ G Z4
ρ B G2G4 B1
K
- เม่อื เรือไดรับความเสียหายในลรกั ูปษทณี่ 4ะ2 Free Communication จุดศนู ยก ลาง
น้ําหนกั เดิมอยูที่ G1 จะเคลือ่ นไปที่ G2 ในขณะนาํ้ ไหลเขาหองจะเกดิ Free Surface แตเ มอ่ื เรอื
เอียงตอไปอกี ทาํ ใหนา้ํ จํานวนหน่งึ ไหลเขา มาอกี ทาํ ใหศ ูนยกลางน้ําหนักเลอ่ื นจาก G2 ไปยงั G4 อกี
คร้ังหนง่ึ ในทาํ นองเดยี วกนั เม่อื เรือเอยี งไปในทิศตรงขาม (หองทีน่ าํ้ ทว มยกตัวสงู ข้ึน) จะเกดิ ผวิ หนา
อสิ ระจาํ นวนหน่ึงและนํ้าจาํ นวนหนงึ่ ไหลออกจงึ เขาลกั ษณะการถอดถอนนาํ้ หนกั นอกเสนศนู ยกลางลํา
ทางขวาง การเคลอื่ นของจุด G จึงเคลือ่ นจาก G1 → G2 → G4 ตามลําดบั
- จากเหตุนส้ี ามารถท่ีจะหา การเปลี่ยนแปลงของจดุ G ไดโ ดยอาศยั หลกั การเดยี วกับการ
คาํ นวณผลกระทบจากผิวหนา อิสระ โดยลากเสน แนวดงิ่ จาก G4 ตัดแกนเสน ศนู ยกลางลําทางขวางท่ี
29
G5 และลากเสน G5 ขนานกบั แนวระนาบตัดเสนตอแนวแรงลอยตวั (Buoyancy Force) ท่จี ดุ
Z5 ทาํ ใหร ะยะ G5Z5 = G4Z4 เปนแขนโมเมนตต ้ังตรงเม่ือเรอื เสียหายในลกั ษณะนี้
- ผลกระทบตอ Initial Stability คอื เกิดการสญู เสียความสงู ศูนยเ สถยี รเพ่ิมขึ้นกวา การ
เกิด ผวิ หนาอิสระตามปกติ เพราะจดุ G เพมิ่ ขึ้นอีกดงั น้ี
G3G5 = a⋅y2
∇
โดย a = พ้ืนทข่ี องหอ งท่เี กิด F.C. = b x l (A2)
y = ระยะจากศนู ยกลางหอ งท่ีเกดิ FC เทียบกับแนว CL ของ
เรือ (ft.)
∇ = ปรมิ าตรระวางขบั น้าํ ปจจุบนั
- ผลกระทบตอ Over-all Stability คือจะเกดิ การสูญเสยี แขนโมเมนตต ง้ั ตรงใน 2
ลกั ษณะ คอื (ดูรปู ท่ี 43)
3.4.5.1 การเกดิ ผิวหนา อิสระ ทําใหจ ดุ G เคลอื่ นท่จี าก G1 ไปยัง G3 จึงสญู เสยี แขน
โมเมนต
ต้งั ตรงในแตละมุมเอียง ดังน้ี
ความสูญเสยี แขนโมเมนตต ัง้ ตรงจากผวิ หนา อสิ ระ = G1G3 Sin θ
= i sinθ
∇
3.4.5.2 ผลกระทบของ Free Communication ทาํ ใหจ ดุ G เลอ่ื นจาก G3 ตอไปยัง
G5 จงึ
สญู เสียแขนโมเมนตต ้งั ตรงในแตละมมุ เอยี ง อีกดงั น้ี
ความสูญเสยี แขนโมเมนตต ั้งตรงจากผลของ Free Communication = G3G5
sin G
= ay 2 sin G
∇
GZ เสนโคงการทรงตัวเมื่อเรือเกดิ Free Communication
เสน โคง G1G3 sinθ = i sinθ
∇
เสน โคง i + a ⋅ y 2 sinθ
30 ∇ ∇
a⋅y2
2
4. ทริม (TRIM)
4.1 กลาวโดยทั่วไป
จากที่ทราบแลววาการเอยี งในทางขวางของเรอื (List)เกิดขึน้ เนอ่ื งจากแรงจากนา้ํ หนกั
(Weight) กระทําในทศิ ตรงขามและเยื้องศนู ยกับแรงลอยตวั (Buoyancy) ทาํ ใหเ กิดโมเมนตคู
ควบเอยี งเรือไปกราบใดกราบหนง่ึ กระบวนการนจ้ี ะสัมพนั ธก ับตาํ แหนง จดุ ศูนยก ลางการลอยในทาง
ขวางของเรอื (Vertical Center of Buoyancy, VCB หรือระยะ KB) ในหวั ขอนี้จะ
อธบิ ายเก่ียวกบั ความเอยี งในทางยาวของเรือ (Longitudinal Inclination) หรือทเี่ รียกวา
“ทรมิ (Trim)” การเอยี งในทางยาวจะมีลักษณะคลา ยกบั การเอยี งในทางขวางคอื เกดิ จากโมเมนต
ของแรงเยอื้ งศนู ย โมเมนตน ้มี ีชือ่ เรยี กเฉพาะวา “Trimming Moment” ซง่ึ จะสมั พนั ธกับ
ตาํ แหนง จดุ ศนู ยกลางการลอยทางยาวของเรือ (Longitudinal Center of Flotation
,LCF) การเอยี งในทางยาวสามารถแสดงไดท ้ังในลกั ษณะมุมเอยี งท่เี ทยี บกบั แนวเสน ฐานอา งอิง
(Baseline) หรือเทยี บกบั ระนาบพื้นทแี่ นวนา้ํ หรือในลกั ษณะความแตกตา งระหวา งระดับกนิ นา้ํ ลกึ
หัวเรอื และทา ยเรอื การพิจารณาทรมิ เรือมีประโยชนใ นการควบคมุ เรือใหม ีประสิทธิภาพในการขับ
เคล่อื นท่ดี ี มีความทนทะเล การหันเลีย้ ว ความเรว็ และระยะจมของใบจักรหรือ Bulbous Bow
ที่เหมาะสม รวมทงั้ ใหม ีการกระจายการบรรทกุ ท่ีเออ้ื อาํ นวยกบั สิ่งตา ง ๆ ที่กลา วมา ดังนนั้ ผูปฏิบตั งิ าน
ในเรือควรใหค วามสาํ คัญตอการควบคุมและปรบั แตงทรมิ ของเรือเปน อยา งมาก
M
θ F
GZ
B1
รูปที่ 44 การเอยี งทางขวางและทางยาวของเรือ
31
4.1.1 จุดศูนยก ลางการลอยในทางยาวของเรอื (Center of Flotation, LCF)
จุดศูนยกลางการลอยทางยาวเปน จดุ ศูนยก ลางการหมนุ ของพ้นื ทแี่ นวน้าํ ในขณะทเี่ รอื เอยี ง
ในทางยาว นยิ มเขยี นดว ยสญั ญลกั ษณ “F” ซึ่งจุด F เปนจดุ เดยี วกับ Centroid ของพน้ื ทแ่ี นวนํา้
ขณะนน้ั ดว ย เมอื่ เปนเชน นี้ในกรณีท่ีเกดิ ทริมโดยไมมกี ารเปลีย่ นแปลงนา้ํ หนกั ภายในเรือ (เชน
เคล่ือนยา ยนา้ํ หนกั ในแนวทางยาวของเรอื ) จดุ F จะยังคงอยทู ี่ระดบั กนิ นาํ้ ลึกเทาเดิม และถา เพิ่ม
น้าํ หนกั หรือเอานาํ้ หนักออกจากจุด F ของเรอื พอดีจะไมม ีการเปลยี่ นแปลงทรมิ เกดิ ขึน้ เพราะเปน การ
ทําใหเรอื ลอยขน้ึ หรือจมลงขนานกับแนวระดบั นาํ้ เดมิ (Parallel Sinkage) แตอยางไรกต็ ามถา
น้ําหนกั ทเ่ี พิม่ หรอื เอาออก ดงั กลา วมปี รมิ าณมากเมื่อเทยี บกับระวางขับนาํ้ ของเรอื (ประมาณ 5%
ขึน้ ไป) จะทาํ ใหระดับกนิ นาํ้ ลกึ และพน้ื ทแี่ นวนา้ํ ของเรอื เปล่ียนแปลงไปมากสงผลใหท ง้ั จุด F ซงึ่ เปน
Centroid ของพนื้ ที่แนวนํ้าและจดุ ศูนยเ สถียรทางยาว (Longitudinal
Metacenter,ML) ของเรอื เลอ่ื นไป ตาํ แหนง ของจุด F ที่ระดบั กินนาํ้ ลกึ ตา ง ๆ ของเรอื สามารถ
ดูไดจ ากเสน โคง Hydrostatic ซ่ึงมักเปน ขอมลู ท่เี ทียบกับแนวอา งอิงใดๆ เชน แนว
Amidships ของเรอื
4.1.2 โมเมนตทที่ ําใหท รมิ เรอื เปลีย่ น (Moment to Change Trim, M.T.)
เม่อื มีการเคลอ่ื นยา ยนา้ํ หนกั ไปตามทางยาวของเรือจะทาํ ใหจ ุดศูนยถ วงในทางยาว
(Longitudinal Center of Gravity, LCG) ของเรอื เคล่ือนท่ีไป และเรอื จะเอยี งตามทางยาวทาํ ใหร ะดับ
กนิ นา้ํ ลึกทหี่ ัวเรอื และทา ยเรอื เปล่ียนแปลงไป ผลตา งของระดับกนิ นาํ้ ลกึ ดังกลา วเรยี กวา “ทริม (Trim)”
ถา ระดบั กนิ นาํ้ ลกึ ทีด่ า นใดมากกวาจะเรยี กวา เกิดทริมทดี่ า นนนั้ หากกินนํา้ ลกึ ทหี่ วั เรอื และทา ยเรือ
เทา กนั จะถือวา ขณะนนั้ เรอื ไมเ กิดทริม ดงั นัน้ เรือท่กี ระดกู งูขนานกับเสน แนวนาํ้ จะเรยี ก สถานะการกิน
น้าํ ลกึ ขณะนนั้ วา เปน “On an Even Keel” ดังที่กลา วแลว วา การทเ่ี รือเอียงในทางยาวไดกเ็ พราะเกดิ
โมเมนตป รมิ าณหนงึ่ กระทํารอบจดุ ศูนยก ลางการลอยทางยาวของเรอื จึงเรยี กโมเมนตชนดิ น้วี า เปน
โมเมนตท ท่ี ําใหทริมเรือเปลยี่ น ซึ่งนิยมวัดตอ หนงึ่ หนว ยระยะทรมิ ทเี่ ปลีย่ น เชน 1 cm. ดังนนั้ จงึ เรยี กวา
เปน “Moment to Change Trim 1 cm.;M.C.T.1cm.)” หรือวัดระยะเปลี่ยนเปน นวิ้ ท่ีเรียกวา “Moment
to Change Trim 1 inch ;M.C.T.1inch)”
ML
WD l d wA L1
W1 tL
θ θ y
C TF
G G1 x TA
Fθ B
B B1
32
รปู ท่ี 45 โมเมนตทาํ ใหเ กดิ Trim และการเคลอื่ นท่ขี องจุด G,
จากรปู ท่ี 45 เมอื่ น้ําหนกั w ถูกเคล่ือนยา ยจากทา ยเรือไปยังหวั เรอื เปน ระยะ d โมเมนตรอบจุด F
(ขนาดw × d ) จะทาํ ใหหวั เรอื จมนํา้ เพ่มิ ขนึ้ จนกระท่งั สมดลุ ทรี่ ะดบั เสน แนวนา้ํ W1L1 ทาํ ให
จุดศูนยถ ว งเรอื และจุดศนู ยก ลางการลอยของปรมิ าตรสว นทอี่ ยใู ตนา้ํ ของเรอื เคลอ่ื นทไี่ ปอยู ที่ G1 และ
B1 ตามลาํ ดับ ถา เรอื เอยี งทางยาวเลก็ นอย(θ นอย ๆ) จุดตดั ระหวา งเสน ตงั้ ฉากท่ลี ากผานจุด
ศนู ยก ลางการลอยเดมิ กับจดุ ศูนยก ลางการลอยแหงใหมคือตําแหนง ของจดุ ศูนยเ สถยี รทางยาว
(Longitudinal Metacenter) ซึง่ นิยมใชสัญญลกั ษณ ML ในขณะที่ ระยะ GML คอื
ความสงู ศนู ยเ สถียรทางยาว(Longitudinal Metacentric Height) และ BML คือรศั มี
ศูนยเ สถยี รทางยาว (Longitudinal Metacentric Radius) ซ่ึงสามารถคาํ นวณไดด ว ย
ความสมั พนั ธเ ชน เดยี วกับรัศมศี ูนยเ สถยี รทางขวางของเรือ(BMT) คอื
IL
BML = ∇ (45)
โดย IL = โมเมนตอ นิ เนอเชยี ทางยาว (Longitudinal Moment of
Inertia)
ข้ึนอยูกบั รูปรา งของพ้ืนท่ีแนวน้ําขณะนน้ั มีหนว ยเปน (หนว ย)4
∇ = ปริมาตรสว นแทนทีน่ าํ้ ขณะนน้ั ของเรือ มีหนวยเปน (หนว ย)3
เน่อื งจากเรือมอี ัตราสวนความยาวตอกินนาํ้ ลกึ (TL ) คอนขางสงู ดังนน้ั ระยะ BG จงึ สน้ั มากเม่อื
เทียบกับระยะ BML ทาํ ให BML ≈ GML ซ่งึ ความสัมพนั ธน ้เี ปน เอกลกั ษณท่สี าํ คญั ประการ
หนง่ึ ในการพจิ ารณาการทรงตวั ทางยาวของเรอื จากความสมั พนั ธของดา นในสามเหล่ยี มคลา ย
MLGG1 และ ABC ดงั นนั้
GG1 = AB (46)
GML BC
ถาใหเ รือเปลยี่ นทรมิ เพยี ง 1 cm. (AB = 1 cm.) โดยทเี่ รอื ยาว (100xL) cm. (L มีหนว ย
เปน m.)
ดังนนั้ GG1 = GML AB
BC
33
= GML 1
100L
w × d
โดย GG1 = ∆ ดังนนั้ โมเมนตขนาด (w × d ) ท่ที าํ ใหท รมิ เรือเปล่ยี น 1 cm.
(M.C.T.1cm.)
มคี าเทา กบั M.C.T.1cm. = ∆ ⋅GML (47)
100L
และเชน เดียวกนั ถา กาํ หนดใหเรือยาว (12xL) นวิ้ (L มหี นว ยเปน ft.) จะคํานวณโมเมนตท ท่ี ํา
ใหท ริมเรอื เปลย่ี น 1inch ไดจ ากสมการ
M.C.T.1 inch = ∆ ⋅GML (48)
12L
โมเมนตท ที่ าํ ใหเ กดิ การเปลยี่ นแปลงเกี่ยวกบั ทรมิ จะเรียกวา เปน “Trimming Moment” ซ่งึ ถา
ทราบขนาดของทริมและ M.C.T. ดงั ในสมการท่ี (47) หรอื (48) จะสามารถคํานวณปริมาณ
โมเมนตท ท่ี าํ ใหเกดิ การเปลย่ี นแปลงนีไ้ ด ดงั น้ี
Trimming Moment = M.C.T.× t
(49)
โดย M.C.T. = Moment to Change Trim ตอ 1 cm. หรอื 1 inch
t = ระยะทรมิ เปลี่ยนในหนว ยทส่ี อดคลอ งกบั M.C.T.
4.2 การคาํ นวณเกีย่ วกบั ทริม
4.2.1 การคาํ นวณระดบั กนิ นาํ้ ลึกเมือ่ ทรมิ เปลี่ยน
เม่ือเกิดการเปลย่ี นแปลงทรมิ เรอื ระดับกินน้าํ ลกึ ทหี่ วั เรอื และทายเรอื ยอ มเปลี่ยนไป
โดยเรอื จะกนิ น้าํ ลกึ เพิ่มขนึ้ ดานหนงึ่ ในขณะที่อีกดานจะกนิ นา้ํ ลกึ นอยลง ระยะกินนํา้ ลกึ ทเ่ี ปล่ียนไป
ดงั กลาวคํานวณไดโดยพจิ ารณาเรือท่กี าํ ลงั เกดิ ทรมิ ดังในรูปท่ี 45 ซ่ึงนาํ้ หนกั w ถกู เคลอ่ื นมาจากทา ย
เรอื เปน ระยะ d ทาํ ใหร ะดับกนิ นาํ้ ลกึ ท่ีทา ยเรอื และหัวเรอื เปลย่ี นไปเปน ระยะ x และ y ตามลาํ ดับ
ถา กาํ หนดใหจ ุดศูนยก ลางการลอยทางยาว(จุด F) อยหู า งจากทายเรือเปนระยะ l ดงั นนั้ จาก
ความสัมพันธข องดานในสามเหลี่ยมคลาย DCF และ ABC พบวา
x = t (50)
l L
โดย x = การเปลยี่ นแปลงระยะกนิ นํา้ ลึกทท่ี ายเรือ
34
l = ระยะจดุ ศูนยก ลางการลอยทางยาว (จากทายเรือ)
t = ระยะทรมิ ทเี่ ปล่ียนไป
L = ความยาวทพี่ น้ื ทีแ่ นวนาํ้ ของเรอื
4.2.2 การคาํ นวณเก่ยี วกบั ทรมิ เมื่อตอ งการรกั ษาระดบั กินนํา้ ลกึ ทา ยเรอื ไว
เม่ือมกี ารเปลย่ี นแปลงตาํ แหนง ของน้ําหนกั บนเรอื อาจมีการเปลย่ี นแปลงระดบั กนิ นํ้า
ลึกของเรือเกิดขึน้ ซึ่งในบางโอกาสมคี วามจาํ เปนท่จี ะตองรักษาระดบั กนิ น้ําลกึ ของทา ยเรือไวเ ทา เดมิ
เชน ตองการใหเ รอื เกิดทรมิ ทางทา ยเพอื่ ประสทิ ธิภาพการขบั เคลอื่ นตามทไี่ ดออกแบบเอาไว หรอื เพื่อ
การเลน ในรอ งนาํ้ จาํ กัดไดอยา งปลดภยั ในการนอ้ี าจใชป ระโยชนจ ากการปฏบิ ตั ิการเกย่ี วกบั น้ําหนกั
ตรงตาํ แหนง ทเี่ หมาะสมเพือ่ ชว ยรักษาระดบั กนิ นํา้ ลกึ ของทา ยเรอื เอาไว ถา กาํ หนดใหวางนาํ้ หนกั หรือ
เอานา้ํ หนกั ออกหา งจากจุด F ไปทางหวั เรือเปนระยะ d ดังนน้ั จากความสัมพนั ธข องระยะดงั ในรปู ที่
45 พบวา ระยะกนิ นาํ้ ลึกทายเรอื จะเปลย่ี นแปลงดว ยความสมั พนั ธ x = (l / L) ⋅ t ถาสมมตุ ใิ ห
นํา้ หนกั ดงั กลา วมีปรมิ าณเทา กบั w นาํ้ หนกั น้ถี า กระทาํ ตรงจุด F จะทําใหเ รือลอยหรือจมแบบขนาน
เปน ระยะเทา กับ w / T.P.C. cm. ดงั นน้ั การคํานวณในลักษณะนจี้ งึ ตองกาํ หนดใหท า ยเรอื
เปล่ยี นแปลงในทางตรงกนั ขา มเทา กับระยะดงั กลาว
ดงั นนั้ การเปลย่ี นแปลงระยะกนิ นา้ํ ลกึ ของเรือ ( x ) = Parallel Sinkage(เปน การลอยหรือจม
แบบขนาน)
หรอื x = l × t = w
L T.P.C.
แต t = Trimming Moment = w ×d
M.C.T.1 cm. M.C.T.1cm.
ทาํ ให L l ×w ×d = w
× M.C.T.1cm. T.P.C.
ดังนน้ั d = L × M.C.T.1cm. (51)
l × T.P.C.
โดย d = ระยะจากจุด F ไปถงึ จุดท่ีทาํ การวางนาํ้ หนกั (วดั ไปทางหวั เรือ)
L = ความยาวทแ่ี นวนา้ํ ของเรือ
l = ระยะจากทายเรือถงึ จดุ Center of Flotation (F)
w = นํ้าหนกั ที่กระทํา
ตวั อยาง ถา อมภณั ฑ จํานวน 50 ตนั บนเรือขนาดยาว 528 ฟตุ ดงั ในรูป ถูกเคลือ่ นยายไป
35
ทางทา ยเรือเปน ระยะ 300 ฟตุ จ=งคาํ นวณ1ห1า,ส8ถ0า0นภาตพันการกินน้าํ ลกึ ใหมของเรือ300 ft
กําหนดให ∆
TF = 19 ฟตุ 9 นว้ิ 528 ft
TA = 20 ฟตุ 3 นว้ิ
BML ≈ GML = 1150 ฟตุ (อานจากเสน โคง
Hydrostatic
ของเรอื ที่ระวางขบั น้ํา 11,800
ตัน)
LCF อยทู ก่ี งึ่ กลางลํา
วธิ ีทาํ จาก MCT 1 inch = ∆ ⋅GML
12L
ดงั นน้ั โมเมนตเปล่ยี นทรมิ ทา ย 1 น้ิว มคี า เทา กับ 11800 ×1150 = 1,940 ¿Øµ- µÑ¹
¹ÔéÇ
12 × 528
และโมเมนตท เ่ี กิดจากการเคลื่อนยายนาํ้ หนักมปี รมิ าณ = 50 x 300 = 15,000
ฟุต-ตนั
เพราะฉะนน้ั เรือเปล่ยี นทรมิ ไป t = 15000 = 8 นว้ิ
1940
x t L 528
จาก l = L โดยท่ี l = 2 = 2 = 264 ฟตุ
∴ ทรมิ ทายเปลี่ยน x= t ⋅l = 8 × 264 = 4 นว้ิ
L 12 528
ดังนนั้ ทริมหวั เปลย่ี น = t – x = 8 – 4 = 4 นิ้ว
กนิ นา้ํ ลึกหวั กินนา้ํ ลึกทา ย
สภาพเดมิ 19/ 20/ 3"
9”
เปลีย่ นทริม - + 4”
4”
สภาพใหม 19/ 20/ 7”
5”
4.3 ปฏิบัติการเกยี่ วกบั ทรมิ
4.3.1 คาํ แนะนําโดยทว่ั ไป
36
เรอื สว นใหญออกแบบใหม ีระดับกนิ นา้ํ ลกึ หัว – ทา ยเทากนั (ทรมิ เปน ศูนย) การพยายาม
รักษาระดับกนิ นา้ํ ลึกของเรอื ใหใ กลเ คียงกบั แนวนาํ้ ออกแบบ (Designed Waterline) มาก
ทสี่ ดุ ยอมเปน หลกั ประกนั ถงึ ประสิทธิภาพการขบั เคลอื่ นและบังคบั หนั เลย้ี วดีที่สดุ ตามขอบเขตที่
ผูออกแบบกําหนดไว
เรอื บางลาํ ถูกออกแบบใหม รี ะดับกนิ นาํ้ ลกึ ทา ยเรือมากกวาหวั เรือ เลก็ นอย (ทริมทา ย) ทัง้ น้ี
เพื่อประโยชนใ นการบงั คับเรือในนานนาํ้ จาํ กดั แตอยา งไรก็ตามเม่อื ตอ งนาํ เรือเขารอ งนา้ํ ทต่ี อ ง
ระมัดระวงั เร่อื งความลกึ ของระดบั นาํ้ ควรพยายามแตงเรอื ใหเกดิ ทรมิ นอ ยท่สี ดุ
เรือขนาดเลก็ บางลาํ ถูกออกแบบใหม รี ะดับกินนาํ้ ลกึ ทา ยเรือมากกวา หวั เรืออยา งเหน็ ไดช ัด
ลักษณะนบี้ างทเี รยี กวา “Drag” การวัดระยะทรมิ ทเี่ ปลยี่ นไปของเรอื ในลักษณะ Drag เพ่อื นาํ ไป
เปนประโยชนใ นการคาํ นวณใหวัดจากความแตกตางของระดบั กนิ นํ้าลึกหวั ทา ยทเ่ี ปล่ยี นไปจากสภาพ
Drag
4.3.2 คาํ แนะนําเม่ือทริมมปี ริมาณมาก
การเกิดทรมิ มากไมวา จะเปน ทริมทา ยหรือทริมหวั ยอ มลดทอนประสทิ ธภิ าพการปฏิบตั งิ านของเรอื
เมอื่ เรือกินนํา้ ลึกแตกตางไปจากแนวนา้ํ ออกแบบ ยอมทาํ ใหความสามารถในการทาํ ความเร็วสูงสุด
ลดลง ในการรักษาความเรว็ ที่ตอ งการตา ง ๆ ยอ มตอ งส้ินเปลอื งเชื้อเพลิงมากขนึ้
การเกดิ ทริมหวั มาก ๆ ยอ มทาํ ใหใบจกั รทายเรอื จมนา้ํ นอยลง เปน ผลใหป ระสิทธภิ าพใบจักร
ลดลง และอาจสรา งความสน่ั สะเทือนทท่ี า ยเรอื อยางมาก นอกจากนน้ั ยงั ทาํ ใหส ว นหวั เรือเปย กนา้ํ
เพิ่มขนึ้ ซง่ึ เปน ปจ จัยหนง่ึ ของการพจิ ารณาผลกระทบจากพลศาสตรก ารเคลอื่ นทขี่ องเรือตอไป
…………………………………..
37
4.4 ผลกระทบดานพลศาสตรการเคล่ือนทีข่ องเรือ
ในการเตรยี มเรือเขา อูแหง (Dry Docking) ตามขอ แนะนําของ NAVSEA S 9086-CN-S1M-
010/CH-079 Volume 1 ระบวุ า การทเ่ี รอื เกิดทรมิ ในสดั สวน 1 ฟุตตอความยาวเรอื 100 ฟตุ อาจเปน
อนั ตรายตอการปฏิบัตกิ ารได นายทหารการอูหรอื เจา หนาท่ีรับผดิ ชอบจําตอ งพยายามลดทริมใหไดมาก
ท่ีสดุ เพือ่ หลีกเลีย่ งอันตรายดงั กลาว
เรือสินคาและเรอื ใชส อยหลายลาํ ประสบอบุ ตั เิ หตจุ มลงจากการเกดิ นาํ้ ทว มทห่ี วั เรอื เนอ่ื งจาก
หองหัวเรอื ของเรือประเภทดงั กลา วมีขนาดใหญ เมอ่ื เรือเกิดทริมหวั มาก ๆ น้าํ อาจเขาทว มหอ งเหลา นั้น
เกิดโมเมนตก ดหัวเรอื มากกวาโมเมนตต ง้ั ตรงเรือทางยาว (Longituninal Righting Moment) ทําใหห วั เรอื
จมดิ่ง (Plunging) ในท่สี ุด ปญ หาชนดิ เดียวกนั นเ้ี คยเกดิ ขน้ึ กบั เรอื พิฆาต (Destroyer) บางลาํ มาแลว
การเกดิ ผวิ หนา อสิ ระในเรือสง ผลกระทบตอความสามารถในการทรงตัวทางยาว (Longitudinal
Stability) นอยกวา การทรงตวั ทางขวาง (Transverse Stability) เพราะการสญู เสียระยะสงู ศูนยเ สถียร
ทางยาว (GML) และการสูญเสยี แขนโมเมนตท างยาวมนี อ ยกวา
4.5 ผลของทริมทม่ี ตี อการทรงตวั ทางขวาง
เสน โคงทีแ่ สดงคุณสมบัติทาง Hydrostatic ของเรอื (Hydrostatic Curve) จะถูกสรางขน้ึ มา
สอดคลองกบั ขอ กําหนดในการออกแบบเรือ เชน ไมเ กิดทริม ในการนําไปใชงานโดยทว่ั ไป ถาสภาพ
ปจ จบุ นั ของเรอื ไมเกดิ ทริมมากเกนิ ไป (ไมเ กิน 1% ของความยาวเรือ) ไมจาํ เปน ตองปรบั แกคาํ ใด ๆ แต
อยางไรก็ตาม ทรมิ ท่ีเกดิ ขึน้ ยงั มผี ลตอ การทรงตวั ทางขวางไดใ นกรณเี ฉพาะดงั นี้
บรรดาเรือชว ยรบและเรอื คุม กนั เรือบรรทกุ เครอื่ งบนิ น้ัน ถงึ แมจะปฏบิ ตั ิการอยูในลกั ษณะไม
เกิดทริมแตก ารเปล่ยี นแปลงที่มตี อระยะ KM ยงั จะตอ งใหค วามสนใจอยูเ ปนพเิ ศษ โดยสวนใหญแ ลว ถา
เรือจาํ พวกนี้เกดิ ทรมิ ทางทายระยะ KM จะเพิม่ ขน้ึ แตในทางกลับกนั ถา เกิดทริมหวั ระยะ KM มกั ลดลง
ทําใหบางครั้งจะแสดงเสนโคง สําหรับใชปรบั แกคา ระยะ KM ใหไ วใ น Hydrostatic Curve ดว ย
เรือรบความเร็วสูงที่มีรูปรา งทา ยเรือเหมอื นเรอื พฆิ าตทว่ั ไป (Destroyer Type Stern) จะเกดิ ผล
กระทบเพยี งเล็กนอ ยตอระยะ KM เมอื่ เกิดทรมิ ทาย แตหากเปนกรณที รมิ หวั โดยเฉพาะทําใหท ายเรือ
เกือบโผลพ น นํ้าจนหมดจะทาํ ใหระยะ KM ลดลงอยา งมาก
ทริมจะเกดิ มากควบคไู ปกบั การเอยี งมาก ๆ ของเรอื ซึง่ จะทาํ ใหด าดฟา บนจมนาํ้ มากขนึ้ เสย่ี งตอ
ความเสียหายดา นการทรงตวั ของเรอื และความทนทะเล ซงึ่ ถาดาดฟาบนจมน้าํ ไปมาก ๆ ยอมลดทอน
พน้ื ที่แนวนํา้ โดยรวมของเรอื ลง มกั สงผลใหจ ดุ เปล่ียนศนู ยเ สถยี รทางขวาง (จุด M) ลดตํ่าลง (ตรวจสอบ
ไดจากเสนโคง Hydrostatic ของเรอื ทว่ั ไปทีร่ ะวางขับน้าํ มาก ๆ ถา Cwp หรือ Awp นอยลง ระยะ KM
มักจะนอ ยลงดว ย)
38
5. การทดลองเอียงเรอื (Inclining Experiment)
จากความรูเก่ียวกบั สมรรถนะในการทรงตวั ของเรอื ทําใหทราบวาตาํ แหนงจดุ ศูนยถว งและจุด
ศนู ยกลางการลอยของเรอื มีความสัมพนั ธก ับความสามารถในการทรงตัวของเรอื โดยตรง โดยพิจารณา
ไดจากระยะความสงู ศูนยเ สถียร(Metacentric Height;GM ) และรศั มีศูนยเ สถยี รการลอยของเรือ
(Metacentric Radius;BM ) เห็นไดว า ระยะทัง้ สองสมั พนั ธก ับตาํ แหนง จุดศนู ยเ สถียรของเรือ
(Metacenter; M) โดยตรง การออกแบบเรอื ในยุคแรก ๆ จะประมาณตาํ แหนงจดุ ศนู ยถว งของเรอื จากเรือ
ท่มี ีรูปรางคลา ยกันทพี่ อทราบตําแหนง จุดศนู ยถวงโดยประมาณบา งแลว และเมอ่ื คาํ นวณอยา งละเอยี ด
อกี ทจี ะทราบตาํ แหนงจุดศนู ยถว งจากความสมั พันธร ะหวา งโมเมนตร วมของบรรดานํ้าหนกั ทั้งหลายกับ
ปริมาณนํา้ หนกั รวมท้ังหมด วธิ ีการหลงั นอกจากจะทําใหท ราบตําแหนงจดุ ศนู ยถ วงแลว ในระหวาง
ออกแบบยงั สามารถควบคมุ การกระจายปริมาณนํ้าหนกั รวมของเรอื ใหเ หมาะสมไมเ กนิ กวา คาท่ีกาํ หนด
ไดเ ปนอยางดี พงึ ระลกึ เสมอวาคณุ ลกั ษณะตามธรรมชาติของตาํ แหนงศนู ยถ ว งเรือจะแตกตางจาก
ตาํ แหนงศนู ยเ สถียร (M) และศนู ยก ลางของลอย (B) ของเรือ กลาวคอื จุดศนู ยถว งเรือเปนตัวแปรทไี่ ม
ข้นึ อยูก บั รปู รา งปริมาตรสวนแทนทนี่ ้ําของเรือ(Volume of Displacement)โดยตรง แตข ้นึ อยกู บั ลักษณะ
การกระจายนา้ํ หนักภายในเรือ ดงั นั้นจงึ เปนการยากท่จี ะคาํ นวณหาตําแหนง จุดศูนยถ ว งทีร่ ะดับกนิ น้าํ ลกึ
ตาง ๆ ของเรือไวล ว งหนา เพราะการบรรทุกจนถงึ ระดบั กนิ นาํ้ ลกึ หนง่ึ ๆ นน้ั สามารถจดั วางนา้ํ หนกั ลงใน
เรือไดหลายวธิ ี
วิธกี ารหาตาํ แหนง จดุ ศนู ยถ ว งของเรือในขั้นตอนการเตรียมการสรางกระทาํ ไดค ราวๆโดย แบง
สถานะการบรรทกุ ของเรอื ออกเปน 2 สวนใหญ ๆ คือ ระวางขบั นาํ้ บรรทกุ เบา (Light Ship
Displacement) และ สว นทเี่ ปน ความสามารถในการบรรทุก ซ่ึงปริมาณสวนหลงั นมี้ ีช่ือเรยี กเฉพาะวาเปน
“Dead Weight” เห็นไดวา การแบงในลักษณะน้ีจะแยกนา้ํ หนกั ของเรอื ออกมาสว นหนึง่ และเผ่อื อีกสวน
หนึ่งใหเปน ความสามารถในการบรรทกุ โดยนํา้ หนักสว นแรกจะคิดเฉพาะสว นทเี่ ปนนาํ้ หนักประจําหลัก
ๆ เชน ตัวเรือ (Hull), เครอ่ื งจักร, สวนประกอบ (Outfits), อุปกรณ (Equipments), นา้ํ ในหมอ น้ําถงึ ระดับ
ใชการ(ถาม)ี , ของไหลในเคร่อื งจักรและระบบทอทาง แตมักไมร วมส่งิ ตอไปน้ีคือ ของเหลวทบ่ี รรจุอยู
ในถงั (Tank), ลกู เรอื , สมั ภาระ, สินคา อาวธุ ยทุ โธปกรณ ซ่งึ โดยปกตแิ ลวนกั ออกแบบจะกาํ หนดให
ระดบั กนิ นาํ้ ลกึ ในสถานะบรรทกุ เบานี้เปน “แนวนํา้ ออกแบบ (Designed Waterline;DWL)” เรียก
สถานะการบรรทุกเชน นว้ี าเปน “สถานะบรรทุกเบา(Light Ship Displacement)” สวนความสามารถใน
การบรรทุกนิยมวัดเปน “Tonnage” ซงึ่ เปนปริมาตรของระวางบรรทุก (1 Tonnage เทากับประมาณ 100
ft3 หรอื 2.83 m3) หรืออกี นยั หนง่ึ คอื ความสามารถในการบรรทกุ ทม่ี ีหนว ยเปนปรมิ าตร โดยปกติแลวเม่อื
บรรทกุ จนเต็มพิกดั (ปริมาตร)ดงั กลาวเรอื จะมีระดับกินนาํ้ ลึกอยูท่ี เสนแนวนํา้ ฤดรู อ น (Summer Draft)
พอดี และเรยี กสถานะบรรทกุ เชน นว้ี าเปน “ระวางขับน้าํ บรรทกุ (Loaded Displacement)”
39
ดังน้ัน Dead Weight คอื ผลตา งระหวาง Loaded Displacement กบั Light Ship Displacement และมักจะ
คาํ นวณตาํ แหนงจดุ ศูนยถว งของเรือท้งั สองสถานะน้ไี วลว งหนา แตอ ยา งไรกต็ ามเปน การยากทีจ่ ะทราบ
ขอมลู เก่ยี วกบั นาํ้ หนกั ในเรอื ไดอ ยางละเอียด ตาํ แหนง จุดศูนยถ ว งทไี่ ดจากการคํานวณจึงเปน คา
โดยประมาณเทาน้นั การหาตาํ แหนงจดุ ศูนยถวงทแี่ ทจ รงิ จะทาํ ไดดว ยการทดลองเอียงเรือ (Inclining
Experiment) ซง่ึ เปน ขั้นตอนท่ีมีความสําคัญมาก โดยเฉพาะกับเรือทต่ี อ ข้นึ ใหมแ ละเรอื ทีม่ ีการ
เปลย่ี นแปลงรายการนํ้าหนกั เปน ปริมาณมาก ๆ
การทดลองเอียงเรอื อาศยั หลกั การสมดลุ ในการลอยของเรือผนวกกับความรเู กยี่ วกับการ
เคล่ือนยายนาํ้ หนกั ภายในเรอื ดงั ทไี่ ดอ ธิบายไปกอ นหนา นี้ กอนทาํ การทดลองเอยี งเรือจะตอ งประมาณ
จาํ นวนนํ้าหนกั (w) และระยะเคลือ่ น(d) ของน้าํ หนกั ท่จี ะใชท ดลอง นา้ํ หนกั ทใี่ ชควรเปน ปริมาณทที่ ําให
เรือเอยี งเพยี งเลก็ นอ ยกพ็ อ กําหนดลว งหนา ไดด วยการคํานวณยอนกลับโดยอาศัยคาความสงู ศนู ยเสถียร
โดยประมาณของเรือและระยะทค่ี าดวาจะเคล่ือนยา ยนาํ้ หนักดงั กลา ว การประมาณความสูงศนู ยเสถียร
นัน้ อาจนาํ มาจากเรือทมี่ ลี กั ษณะคลา ยกนั หรอื ดัดแปลงจากขอ มูลทดลองเอียงเรือครงั้ ลา สดุ สวนระยะท่ี
จะเคลือ่ นยายน้ําหนกั ใหด ูตามความเหมาะสมของสถานทีแ่ ละใหส อดคลอ งกับมมุ เอยี งทีค่ าดไว ซึ่งโดย
ปกตแิ ลวจะตอ งเตรยี มนํา้ หนกั ไวห ลายชดุ และจดั ใหม กี ารเคล่ือนยายทั้งในทางขวางและทางตามยาวของ
เรอื ทัง้ นเ้ี พื่อความถกู ตอ งของการทดลองและเปน การกระจายนํ้าหนกั มิใหก ดทับทีใ่ ดท่หี นงึ่ เปน ปรมิ าณ
มากๆ เมอ่ื กาํ หนดขนาดและตําแหนง ทว่ี างเรยี บรอยแลว ใหท ําเคร่ืองหมายขนาดของน้าํ หนกั แตล ะกอ น
พรอมทัง้ ตาํ แหนง จดุ ศูนยถ ว งของนา้ํ หนกั แตละกอ นไวใ หชดั เจน วิธกี ารเคล่ือนยา ยอาจใชรางเล่ือนหรือ
เครอื่ งมอื ชวยยกในเรอื เปนตัวเคล่ือนยา ย ซงึ่ เมอื่ เคลือ่ นยายนา้ํ หนกั ไปตรงระยะทีก่ ําหนดไวแ ลวจะตอ ง
ยดึ น้าํ หนกั น้นั ๆ ไวใหอ ยูกับที่
การทดลองเอียงเรือมใิ ชว าจะกระทาํ เพยี งครงั้ เดยี วแลว ขอ มูลท่ไี ดจ ะใชไดต ลอดไป หากมกี าร
เปลี่ยนแปลงเก่ียวกับตาํ แหนง การวางนํา้ หนกั ในเรอื หรอื กระทําการใด ๆ ท่ีมผี ลตอ น้ําหนกั รวมของเรอื ก็
ควรที่จะตอ งทดลองเอยี งเรอื เพอ่ื หาความสงู ศูนยเสถยี รของเรือ(GM) เสมอ
5.1 การเตรียมการและการปฏบิ ัติในการทดลองเอียงเรือ สรปุ ไดด ังนี้
5.1.1 ขนั้ เตรยี มการ
กอ นท่จี ะทําการทดลองเอยี งเรอื จะตอ งมีการเตรยี มการลว งหนาอยางถูกตอง คําแนะนําสาํ หรบั
การเตรยี มการทสี่ ําคัญมดี ังน้ี
5.1.1.1 ควรทดลองเอยี งเรอื ในนํา้ น่งิ ในขณะทก่ี ระแสลมมีกาํ ลงั ออ นเพ่ือหลกี เลย่ี งอิทธิพลของ
ลมและคลื่นทอี่ าจมตี อการทดลอง ทาํ ใหผ ลการทดลองคลาดเคลื่อนและเสยี เวลามาก หากหลกี เล่ียงไมได
ใหหนั หวั เรอื หรอื ทายเรอื สลู มไวต ลอดเวลา สถานท่ีซ่ึงนบั วาเหมาะสมกับการทดลองเอยี งเรอื มากท่สี ุด
คือภายในอา งของอูเรือ
40
5.1.1.2 ในขณะทดลองควรปลอ ยใหเ รอื ลอยไดอยางอิสระไมมีสิ่งใดขัดขวางการลอยของเรอื
เชอื กทผ่ี ูกเรอื ตอ งคลายหรอื ปลดออกทั้งหมดและตองพรอมท่จี ะเขา ควบคุมเรือไดทกุ ขณะ นอกจากนนั้
ตอ งแนใ จวาระดบั นํา้ ขณะทดลองสงู พอท่ที องเรือจะไมแ ตะกบั พนื้ หรือโดนกับวตั ถขุ า งเรอื หรอื วตั ถุใต
นา้ํ ใด ๆ ในระหวา งทําการทดลอง
5.1.1.3 ผกู มัดและจดั เกบ็ สง่ิ ของตา ง ๆ บนเรอื มิใหเ คลอ่ื นทีไ่ ด ตรวจสอบบรรดานํ้าหนักทแี่ ขวน
อยู (Swinging Weight) เชน เรอื ชว ยชวี ติ ลอกขนาดใหญ สิ่งของในทีล่ ับตา ...ฯลฯ โดยยดึ ไวใ หม น่ั มใิ ห
แกวง ในขณะทดลอง เพราะการแกวง ไปมาของนาํ้ หนกั ตา ง ๆ ในเรือจะสงผลกับความละเอยี ดในการ
ทดลองและระยะเวลาในการทดลอง
5.1.1.4 ไมค วรใหม ีผลของผวิ หนาอิสระ (Free Surface Effects) เกดิ ขนึ้ ขณะทดลองโดยพยายาม
บรรจขุ องเหลวในถงั (Tank) ตาง ๆ ใหเ ต็มหรือมิฉะนนั้ กป็ ลอยใหว า ง หากหลกี เล่ียงไมไดใหว ดั ปรมิ าตร
ของเหลวทีเ่ กดิ ผวิ หนา อิสระทัง้ หมดใหละเอียดท่สี ดุ เพอื่ เปนขอมลู ในการคาํ นวณคาแกเนอื่ งจากผวิ หนา
อสิ ระ (Free Surface Correction; FSC) ดงั กลา ว สว นของเหลวตามทอ ทางตาง ๆ เชน ระบบระบายความ
รอ น ระบบปรบั อากาศ ฯลฯ ใหบรรจไุ วใ กลเคียงกับสภาพใชก ารจริง
5.1.1.5 ในขณะทําการทดลองผทู ่ีไมเ ก่ียวขอ งทั้งหมดไมค วรท่จี ะอยบู นเรอื และควรจัดผู
ปฏบิ ัติการในเรือใหมจี าํ นวนและอยใู นตําแหนง ทีม่ ีสภาพใกลเคยี งกับการใชงานจรงิ ของเรือ
5.1.1.6 กอ นเรมิ่ ทําการทดลองควรปรบั แตง เรอื ใหต ง้ั ตรงมากท่ีสุด ในกรณที ่เี รอื ไมส ามารถลอย
ตง้ั ตรงไดใหบนั ทึกมุมเอียงแรกเรม่ิ กอ นทําการทดลองซึ่งเรียกวา “Residual List” และถา เปนไปไดไ ม
ควรใหเรอื เกดิ ทริม (Trim) ถาเรือยงั มีทรมิ ตอ งแกใ หถูกตอ ง
5.1.1.7 ตอ งทราบความหนาแนน (Density) ของนํา้ ในขณะทําการทดลอง โดยใช Hydrometer
วดั คา ความถว งจําเพาะของนา้ํ ที่บรเิ วณใกล ๆ กับทีท่ ําการทดลองสกั 2-3 แหง ทงั้ นเี้ พ่อื ท่ีจะสามารถ
คาํ นวณขนาดระวางขบั นาํ้ ของเรอื ไดอยางถกู ตอ ง (ตองปรับแกข นาดระวางขบั นํา้ ตามความหนาแนนของ
นา้ํ ) ในกรณีทไ่ี มม ี Hydrometer ใหว ดั อณุ หภูมขิ องนํ้าแลวหาความหนาแนน จากตารางคณุ สมบตั ิของนํา้
นั้น(คําแนะนํานไี้ มเ ขม งวดเทา ใดในการทดลองเรอื ในเขตโซนรอนเพราะอณุ หภูมิของน้ําไมแตกตา งกัน
มากในชว งเวลาทดลอง)
5.1.1.8 เตรียมน้ําหนกั ท่ที ราบขนาดและตาํ แหนง ศนู ยถ วงทีแ่ นน อน(ประมาณ 0.5% ของระวาง
ขับนํา้ ) หากตอ งการความละเอยี ดและมพี น้ื ทใี่ นการทดลองมากอาจเตรยี มไวห ลายขนาดและควรทํา
แผนการเคลอ่ื นยายน้ําหนกั ไวลว งหนา นาํ นาํ้ หนักทเ่ี ตรียมไวต ิดต้ังบนเรือในแนวเสนก่ึงกลางลําเรือ
(Centerline) หรือเหนอื จดุ ศนู ยถ ว งของเรอื พรอ มทัง้ ทําเคร่อื งหมายขนาดนํา้ หนกั จุดทว่ี างและ
จดุ ศนู ยถว งของนา้ํ หนกั ไวใ หช ดั เจน ตาํ แหนงจดุ ศนู ยถ วงของน้ําหนกั จะมปี ระโยชนในการคํานวณหา
ตําแหนง จุดศนู ยถ วงรวมของเรือทั้งในทางขวาง (KGT) และทางยาว (LCG) โดยเฉพาะเมอื่ มไิ ดต ิดต้งั
น้าํ หนกั เหลานนั้ ไวเ หนอื จดุ ศูนยถ ว งเดมิ ของเรือพอดี
41
5.1.1.9 ติดตงั้ ลูกดงิ่ (ทาํ ดว ยโลหะนาํ้ หนกั ประมาณ 5 – 10 ปอนด) และสายดง่ิ ท่ีทราบระยะ
แนนอนและสามารถวดั ความเบีย่ งเบนได (ควรมี 2 ชุด หรือมากกวา เพ่อื เปรยี บเทยี บกัน) โดยไม
จําเปน ตองตดิ ตัง้ ในแนวเสนกึง่ กลางลาํ เรอื แตต องระวงั มใิ หถกู รบกวนโดยลม หากมีสายดิ่งหลายชุดให
ติดตั้งไวต ามสถานท่ตี าง ๆ เชน ที่ หัวเรอื ทายเรอื และกลางลํา
5.1.1.10 ควรที่จะทราบคา ประมาณของความสูงศูนยเ สถียร (GM) ในปจจุบนั ของเรอื ถา เปน เรือ
ที่ตอ ใหมแ ละทดลองเปน ครั้งแรกคา นจี้ ะไดจ ากการคํานวณหรอื ประมาณจากเรอื ท่ีมีขนาดและรูปรา ง
ใกลเ คยี งกนั หากเปน การทดลองหลงั จากดดั แปลงนาํ้ หนักตาง ๆ ในเรือใหประมาณจากเสน โคง
Hydrostatic หรอื จากผลการทดลองครง้ั ลาสุด เหตุผลทจี่ ําเปนตอ งทราบระยะโดยประมาณดังกลาวกอน
ทาํ การทดลองก็เพอ่ื ทีจ่ ะสามารถเตรียมนาํ้ หนักและระยะเคลอื่ นยายทเี่ หมาะสม ทง้ั นีต้ องคาํ นึงถึงความ
ปลอดภยั และการคาดหวังผลการคาํ นวณทถี่ กู ตองเช่ือถือได นอกจากนั้นยังชว ยใหทราบระวางขบั น้ํา
ในขณะทดลองอีกดว ย (นาํ้ หนกั เรือ+น้าํ หนกั ทใ่ี ชเ คลอื่ นยา ย) โดยดจู ากเสน โคง Hydrostatic หรอื คํานวณ
โดยตรง
5.1.2 การปฏบิ ตั ใิ นขณะทดลอง
หลงั จากเตรียมการลว งหนา อยางถกู ตอ งตอ ไปใหดาํ เนินการดังน้ี
5.1.2.1 คลายเชือกใหเ รือลอยอยางอสิ ระ
- บนั ทึกอณุ หภมู ิและความถว งจาํ เพาะของนา้ํ ขณะน้นั
- บนั ทึกระดบั กินน้ําลกึ ของหัวเรอื และทา ยเรอื เพือ่ คํานวณทริม (Trim)
- บนั ทกึ มุมเอยี งแรกเริ่มกอ นทําการทดลองเอยี งเรือ (Residual List) (ถา มี)
5.1.2.2 เคลอ่ื นนํ้าหนกั ตามแผนท่เี ตรยี มไวซ ง่ึ อาจใชล อเลื่อนหรืออปุ กรณช วยยกในเรอื เมื่อเลอื่ น
ยายเสรจ็ ใหผูกมัดน้ําหนกั ไวใ หแนน
- บันทึกปรมิ าณนา้ํ หนกั ทีเ่ คลื่อนยา ยในแตล ะคร้งั
- บนั ทึกความสงู ของจุดศนู ยถ ว งของนา้ํ หนกั ท่ีเคลอ่ื นยา ยสงู ข้ึนหรอื ตา่ํ กวา แนวท่ีวาง
- บันทกึ ระยะท่เี คลื่อนยาย (d)
5.1.2.3 การเคล่ือนยายนา้ํ หนักแตละครัง้ จะทําใหเ รือเอยี งเปนมุมเล็ก ๆ ในเบ้อื งตนเรือจะโคลง
ไปมา ซึง่ จะตองรอใหเ รือและสายดง่ิ น่งิ แลว จึงจดระยะทสี่ ายดง่ิ เบย่ี งเบนไป พรอ มทัง้ มมุ เอยี งท่เี กดิ ขนึ้
(ถา วดั ได) (ระยะ BC และ มมุ θ ในรูปที่ 46)
5.1.2.4 ทาํ ซ้ําขอ 1 ถึง 3 ดวยการใชน ้ําหนักและระยะเคลอื่ นยา ยอนื่ ตามแผนท่เี ตรียมไว (ถา ม)ี
5.1.2.5 นาํ มุมเอียง ขนาดนา้ํ หนัก และระยะการเคล่ือนยา ยทีบ่ ันทกึ ไปคาํ นวณหาคา เฉลีย่ ที่เปน
ความสูงศูนยเ สถยี ร (GM) ของเรอื ตอไป
42
w d
ชุดสายดงิ่ M
w
Aθ
BC
G G1
รปู ที่ 46
5.1.3 การปฏบิ ตั ิการเคลอื่ นยา ยน้ําหนกั วเิ คราะหไดดงั น้ี
เมื่อน้ําหนกั ปริมาณ w ถูกเคลื่อนเปน ระยะ d ดงั ในรูปท่ี 46 จะทําใหจ ดุ ศนู ยถ วงของเรือเคลอื่ นท่ี
จากจุด G ไปยงั จดุ G1 ในทศิ ทางขนาน(โดยประมาณ)กับทางเดินของนา้ํ หนักทถ่ี กู เคล่อื นยาย ซง่ึ สามารถ
คํานวณหาความสูงศูนยเ สถยี รไดจากการวเิ คราะห สามเหลี่ยมคลา ย ABC และ MGG1 ไดดงั น้ี
AB BC
จากสามเหล่ียม ABC cotθ = BC หรอื tanθ = AB (51)
โดย AB = ความยาวสายด่งิ
BC = ระยะทส่ี ายดิ่งเบย่ี งเบน
และจากสามเหลย่ี ม MGG1 cotθ = GM หรอื tanθ = GG1 (52)
GG1 GM
โดย GM = ความสูงศนู ยเ สถยี รท่ีตอ งการหา
GG1 = ระยะการเคลือ่ นที่ของจุดศูนยถว งเรือเนอ่ื งจากการเล่ือนนํา้ หนกั w
จากความสมั พนั ธข องสามเหลีย่ มคลา ย ABC และ MGG1
GM = AB (53)
GG1 BC
โดยที่ระยะ GG1 เกิดจากการกระทําของโมเมนตปรมิ าณ w x d ในระบบที่มรี ะวางขับนา้ํ เทา กบั ∆
w ×d
ดงั นนั้ แทนคา GG1 = ∆ ลงในสมการที่ (52) จะคํานวณความสูงศนู ยเ สถยี รไดด งั นี้
GM = AB × w × d (54)
BC ∆
43
จากสมการที่ (54) ถา ทราบระยะ AB, BC, d, ปรมิ าณของนา้ํ หนกั w และระวางขับนา้ํ รวมของเรอื (∆) จะ
สามารถคาํ นวณระยะ GM ของเรือท่รี ะวางขับนา้ํ เทากับ ∆ นน้ั ได
หมายเหตุ การทดลองเอียงเรอื ไมจาํ เปน ตองใหเรือเอยี งมากเพราะจะทําใหต ําแหนง ศนู ยเ สถยี รของเรือ
(Metacenter) เล่อื นไป เปน ผลใหก ารคาํ นวณผดิ พลาด มมุ เอียงทใี่ ชจงึ ไมค วรเกิน 2-3 องศา
ตัวอยาง หลงั จากไดม กี ารเตรยี มการทท่ี ดลองเอยี งเรอื ลําหน่งึ อยางถูกตอ งพบวา ในสภาพกอ นการทดลอง
เรือมรี ะวางขบั นํ้า 8,000 ตนั และมรี ะยะ KM = 7 m. อุปกรณท่ีเตรียมไวคอื สายดงิ่ พรอมลูกตมุ ยาว 4 m.
นาํ้ หนกั จํานวน 25 ตนั สาํ หรับเคลอื่ นยา ยทางขวางจากกราบซายไปยงั กราบขวาเปน ระยะ 15 m. ผลจาก
การเลือ่ นนํ้าหนักดงั กลาว ทาํ ใหส ายด่ิงเบ่ยี งออกจากแนวเดิมเปน ระยะ 20 cm.
จงคํานวณหา ความสูงศูนยเสถียรและตาํ แหนง จดุ ศูนยถ วงลาสดุ ของเรือลําน(้ี สมมตุ วิ า จุดศนู ยเ สถียรอยู
คงทีต่ ลอดการทดลอง)
วิธีทํา จากสามเหลย่ี มคลาย ABC และ MGG1
GM = AB
GG1 BC
แทนคา w = 25 tons, d = 15 m., AB = 4 m., และ BC = 0.2 m.
ดงั น้ัน GM = GG1 × AB = w ×d × AB = 25 × 15 × 4 = 0.9346 m.
BC ∆ BC ( 8,000 + 25) 0.2
เมอ่ื ระยะ KM คงทต่ี ลอดการทดลอง ดงั นน้ั
KG = KM - GM = 7.0 - 0.9346 = 6.0654 m.
ดังทีไ่ ดก ลา วแลว วาหากตอ งการผลการคาํ นวณทล่ี ะเอยี ดไมค วรใชน ้าํ หนักเพยี งชดุ เดยี ว ซง่ึ โดยทวั่ ไปมัก
เตรยี มน้าํ หนักไวหลายชุดและจัดใหม กี ารเลอ่ื นทง้ั 2 กราบของเรอื เพอื่ เปน หลักประกันถึงความถกู ตอ ง
ของการทดลอง ทงั้ นีเ้ นอื่ งจากตามทฤษฎแี ลว ไมว า จะเลอ่ื นนาํ้ หนกั ปรมิ าณเทา ใดไปทศิ ทางใดกต็ ามคา
ความลาดเอียง (Slope) ทเ่ี ปน อตั ราสวนระหวางโมเมนตเ อียงเรือกบั Tangent ของมุมเอียง (tanθ ) จะมี
คา คงทเี่ สมอ (เฉพาะมุมเอียงไมมาก)
44
5.2 การทดลองเอยี งเรือโดยวิธโี คลงเรอื (Sallying Ship)
การทดลองเอียงเรอื โดยวิธีการโคลงเรือ คือ การหาคาระยะความสงู ศนู ยเสถยี รโดยคํานวณจาก
ขอมูลคาบเวลาของการโคลง (period of roll) ของเรอื การทดลองเอยี งเรอื โดยวธิ ีนอ้ี าจทําขึน้ เนอ่ื งจาก
ไมพ รอมท่ีจะเคล่อื นยา ยนํ้าหนักดังวธิ ีการกอ นหนา นห้ี รอื สภาพพ้นื ทใี่ นเรอื จํากัด ปฏิบตั ไิ ดดังนี้
ก. จัดใหค นประจาํ เรอื จาํ นวนหน่งึ เคลอ่ื นทจ่ี ากกราบเรือดานหนึง่ ไปยงั อีกกราบหน่งึ
เพอ่ื ทําใหเ รอื โคลง(จาํ นวนคนใหพอเพียงกบั การเอยี ง 50 – 100 องศาและตองสามารถจบั เวลาการโคลง
เปน คาบไดละเอยี ดแตอยา งไรกต็ ามข้ึนอยูกบั รปู รา งและขนาดของเรอื แตล ะลํา)
ข. ใหสญั ญาณกอนทเี่ รอื จะโคลงไปสุดประมาณ 1 – 2 วนิ าที เพอ่ื สงั่ ใหพลประจาํ เรอื
ยา ยมาอยูกลางลํา แลวปลอยใหเ รือโคลงไปอยา งอิสระ
ค. จับเวลาของการโคลงครบ 1 รอบสมบูรณ( อาจเฉลย่ี จากคาบการโคลงตดิ ตอ กนั )
ง. ทาํ ซํา้ ในขอ ก.ถงึ ค. เพ่อื ใหผลคํานวณถกู ตอ งแนน อน (อยางนอ ยประมาณ 3 ครงั้ )
จ. คํานวณระยะสงู ศนู ยเสถียรจากสมการ
GM = ( 0.44 × B )2
T
โดย B = ความกวา งทแี่ นวนาํ้ ของเรือเปน ฟตุ
T = คาบเวลาการโคลงเปนวนิ าที
หมายเหตุ ระยะ GM ทคี่ ํานวณไดด วยวธิ ีการนเี้ ปนคาโดยประมาณเทาน้ัน
45
5.3 เกณฑในการพจิ ารณาการทรงตวั ของเรอื (Stability’s Criteria)
5.3.1 ภายใตข อ กาํ หนด Load Line Rules, 1968, Part I (Ships in General), Paragraph 2 ซ่งึ ตรา
ข้นึ โดย International Maritime Organization (I.M.O.) ไดกาํ หนดเกณฑต ่ําสดุ ของคณุ สมบัติการทรงตัวที่
เรอื แตล ะลําตอ งมี โดยสรปุ ไดดังนี้ (ดรู ปู ที่ 1 ประกอบ)
ปรมิ าณ เกณฑต่ําสดุ
(a) พื้นที่ภายใตเ สนโคง การทรงตวั 0.055 m. radian
(Area Under Stability Curve) 0.09 m. radian
(i) จนถึงมุมเอยี ง 30 ํ
(ii) จนถึงมุมเอียง 40 ํ หรือมุมทีข่ อบ 0.03 m. radian
ลางของชอ งเปด(Opening) ท่ีตวั เรือ
(Super structure, Deckhouse) ซ่ึง 0.20 m.
ผนึกนํา้ ไมไ ดเรมิ่ แตก บั นาํ้ ควรเกดิ ทม่ี มุ เอยี งไมนอ ยกวา 30 ํ
(iii) พื้นทีร่ ะหวางมุมเอยี ง 30 ํ ถงึ 40 ํ 0.15 m.
[หรอื ตามขอ (ii)] 0.05 m. (เมื่อรวมนาํ้ หนักบรรทุกเมอ่ื บรรทกุ ซงุ )
(b) ระยะ Righting Lever (GZ) ที่มมุ เอียง
30 ํ
(c) ระยะ Righting Lever มากท่สี ุด
(Max.GZ)
(d) ระยะ Initial GM (คาเรมิ่ ตน ทเ่ี ปน ความ
สงู
ศูนยเสถียร) ท่ีมุม 57.3 ํ
46
d
c (iii) (d)
b
(i)
มุมเอียง
0 10 20 30 40 50 60 70 80 90
c 57.3O
รปู ท่ี 1.47
ตัวอยา ง เรอื ฟรเิ กตลําหนึง่ มขี นาดระวางขับนํ้าปจ จุบนั เทา กบั 2500 ตนั มีขอมลู แขนโมเมนตตัง้
ตรงจาก Cross Curve ดังน้ี
มมุ เอยี ง 0 5 10 15 20 25 30 35 40
GZ (m.) 0 0.52 1.59 2.504 4.118 5.958 7.858 9.94 12.0
มุมเอียง 45 50 55 60 65 70 75 80 85
GZ (m.) 13.25 14.0 13.95 13.18 11.05 7.55 3.73 1.66 0.4
วธิ ีทํา ใช Simpson’s First Rule ชวยในการคาํ นวณหาพนื้ ท่ีภายใตเสนโคงการทรงตัวเพื่อประเมินกบั
เกณฑของ IMO ดังน้ี
มุมเอียง GZ S.M. f(A1) S.M. f(A2) S.M. f(A3)
0 0 1010- -
5 0.52 4 2.08 4 2.08 - -
10 1.59 2 3.18 2 3.18 - -
15 2.504 4 10.016 4 10.016 - -
20 4.118 2 8.236 2 8.236 - -
25 5.958 4 23.832 4 23.832 - -
30 7.858 2 15.716 1 7.858 1
15.716
47
35 9.94 4 39.76 55.202 4 39.76
Σf(A2) 1 12
40 12.0 1 12 59.618
f(A3)
114.82
Σf(A1)
เกณฑพ น้ื ทภ่ี ายใตเสน โคงจนถึงมุมเอยี ง 40 องศา ตอ งมากกวา 0.095 m. radian
1
A0 − 40 = 3 × h × ∑ f ( A1 ) ; h = 5 องศา
= 1 × 5π × 114 .82 = 3.34 m .radian (ผา น)
3 180 (ผาน)
เกณฑพ น้ื ทภี่ ายใตเ สน โคงจนถงึ มมุ เอยี ง 30 องศา ตอ งมากกวา 0.055 m.radian
∑A0 −30 = 1 ×h × f (A2 ) ; h = 5 ͧÈÒ
3
1 5π
= 3 × 180 × 55.202 = 1.61 m.radian
เกณฑพื้นทภี่ ายใตเสน โคง ในระหวา งมมุ เอียง 30 องศา ถึง 40 องศา ตองมากกวา 0.03 m.radian
1
A30 − 40 = 3 × h × ∑f ( A3 ) ; h = 5 องศา
= 1.73 m.radian
= 1 × 5π × 59.618 (ผา น)
3 180
เกณฑร ะยะ Righting Lever ทีม่ มุ เอียง 30 องศา ตอ งมากกวา 0.20 m (ผาน)
จากขอ มูล Cross Curve มีคา เทากบั 7.858
เกณฑ Righting Lever มากทส่ี ดุ ตอ งเกดิ ท่ีมมุ เอยี งมากกวา 30 องศา (ผาน)
จากขอ มูล Cross Curve เกดิ ทมี่ ุมประมาณ 50 – 55 องศา
เกณฑ Initial GM คิดท่มี ุมเอยี ง 57.3 องศา ตอ งมากกวา 0.15 m
จากขอมลู Cross Curve คา ดังกลา วมากกวา 0.15 m แนน อน (ผาน)
5.3.2 กองทัพเรอื สหรัฐ กําหนดเกณฑพ ิจารณาความสามารถในการทรงตัวของเรอื โดพิจารณา
ความสัมพนั ธข องเสน โคงการทรงตวั ในเทอมของแขนการคนื ตัว (Righting Arm) กับแขนโมเมนตเ อียง
เรือ(Heeling Arm) ดังนี้
48
5.3.2.1 ขนาดแขนโมเมนตเอยี งเรือตรงจุดตัดกับแขนโมเมนตตั้งตรงเรอื (ตรงจดุ C) ตอ งมีคา ไม
เกิน 60 % ของแขนโมเมนตต ้ังตรงสูงสดุ (Maximum Righting Arm)
5.3.2.2 ขนาดพ้นื ที่ A1 ในรปู ที่ 48 ตองไมน อยกวา 1.4 เทา ของขนาดพน้ื ท่ี A2โดยท่ี A2 คือ พนื้ ท่ี
ปด ลอ มโดยแขนโมเมนตทั้ง 2 ชนิด กอ นถงึ จดุ C 25 องศา หรอื Φr (มมุ โคลง)
A2 A1
25O หรือ θr รูปที่ 48
…………………………………….
49
5.3.2.3 เกณฑในท่ี 5.3.2.1 และ 5.3.2.2 พจิ ารณาความสามารถในการทรงตวั อยาง
ปลอดภยั ในนา้ํ นง่ิ ยังมีปจจยั อนื่ ทีค่ งทาํ ใหเรอื เอียงมากขึ้นอกี ซงึ่ ทร.อม.แยกปจ จยั ดังกลา วไวอ ีก 3
กรณี ซ่ึงจะตอ งนาํ ไปรวมกับแขนโมเมนตเ อยี งเรือทําใหสัดสว นของพ้ืนทีแ่ ขนโมเมนตต ้ังตรงกับแขน
โมเมนตเอยี งเรือลดลงอีกดงั น้ี
ก. การยกของหนักไปดานกราบเรอื (Lifting of Heavy Weights over the
side) ทําใหเกิดผลกระทบเชน เดยี วกบั การเคล่อื นยา ยนํา้ หนักของเรือ โดยจะเพมิ่ แขนโมเมนตเ อียง
เรือข้ใึ นแตล ะมุมเอยี งอกี
Heeling Arm = w1xd1 ⋅ cosθ
∆
(55)
โดย w1 = นํา้ หนกั ท่ีถกู ยา ย
d1 = ระยะทางขวางจากกง่ึ กลางลาํ ถึงศนู ยก ลางนาํ้ หนกั
∆ =ระวางขับนํ้า(รวมนา้ํ หนกั ดวย)
θ =มมุ เอียง
ข. กรณที ลี่ กู เรืออยรู วมกนั เปน จํานวนมากกราบใดกราบหนง่ึ (Crowding of
Personal to One Side) เกิดผลกระทบเชน เดยี วกบั กรณี 5.2.3.1 โดยทาํ ใหแ ขนโมเมนต
เอยี งเรือเพมิ่ ขน้ึ อกี
Heeling Arm = w2xd2 ⋅cosθ (56)
∆
โดย w2 = น้ําหนกั ทีถ่ กู ยา ย
d2 = ระยะทางขวางจากกงึ่ กลางลําถึงศนู ยก ลางนาํ้ หนกั
∆ =ระวางขบั นํา้ (รวมนา้ํ หนกั ดวย)
θ =มมุ เอยี ง
ค. ความเอยี งเม่อื เรือหนั เลย้ี วดวยความเรว็ สูง(High Speed Turning)ทําใหเ กดิ แรง
หนศี นู ยกลาง(Centrifugal Force)เสรมิ การเอยี งของเรอื ยง่ิ ขึ้น ทาํ ใหแ ขนโมเมนตเอยี งเรอื
เพิ่มขึน้ อกี Heeling Arm = V 2a cosθ
โดย g ⋅R
a = ระยะจากจุดศูนยถ ว งเรือถึงจุดกึ่งกลางระหวา งทอ งเรอื กบั แนวนาํ้ (คร่ึงหนงึ่ ของ
ขนาดกนิ นา้ํ ลกึ )เมื่อเรอื ตัง้ ตรง
θ =มุมเอียงทเี่ กดิ ขนึ้
50