g =อัตราเรง สศู ูนยก ลางโลก
R =รัศมีวงหนั เรือ
V = ความเรว็ สมั ผัสในขณะเรอื หัน
ง. เกณฑส าํ หรบั ขดี ความสามารถในการทรงตวั จากผลของการเอยี งในขอ ก ถึง ข คือ
1. จดุ C ตองเกดิ ไมเกนิ มมุ เอียง 15O
2. เกณฑเ ชน เดยี วกบั ขอ 5.3.2.1
3. พ้ืนท่แี รเงาในรูปที่ 49 ตอ งนอยกวา 40% ของพนื้ ทภี่ ายใตเสน โคง การทรงตัว
ทง้ั
หมด
C
6. การสูญเสยี การทรงตัว รูปที่ 49
6.1 นยิ าม
6.1.1 นํ้าทวมเรือ (Flooding) คอื ปญหาของการทนี่ า้ํ ทว มในเรือภายหลงั จากตวั เรอื
ไดรบั จากความเสียหายเชน ถกู โจมต,ี ไฟไหม, ชนวัตถุใตแ นวนาํ้ หรอื อาจมาจากสาเหตุจงใจเชนนํา้ หยาด
ดับไฟในหอง สูบน้าํ ทว มหอ งหนึ่งๆเพื่อ แกการทรงตัวหรอื หรอื ชวยใหเ รือหลุดการเกยตน้ื ผลท่ตี ามมา
คอื เกิดผลกระทบจากผิวหนา อิสระ (Free Surface Effect) และผลจากการท่ีตวั เรือเปด ตดิ ตอ
กบั ผิวหนา นา้ํ ภายนอกเรอื (Free Communication)ผลกระทบทง้ั สองพิจารณาไดใ นลักษณะ
ของการเพ่ิม/ลด
51
6.2 นา้ํ ทว มเตม็ หอ ง (Solid Flooding) หมายถงึ น้ําท่ที ว มเต็มหองและไมม ีผิวหนา
อิสระ มลี ักษณะดงั น้ี
6.2.1 ทุกสวนของหอ งเต็มไปดว ยนา้ํ ในการนีก้ อนอื่นอากาศทอี่ ยภู ายในหองน้นั จะตองถกู
ระบายออก (มิฉะนน้ั นา้ํ จะเขามาแทนที่ไมไ ด) ทางชองระบายอากาศหรือรอยแยกท่ีอยูดานบน
6.2.2 ปญ หาน้ําทวมเต็มหองเปรยี บเสมอื นนํานาํ้ หนกั ทีเ่ ปน ของแข็งซึง่ หนกั เทากบั นาํ้ เต็ม
หอ งดงั กลา วมาใสในเรือ จุดศนู ยก ลางปริมาตรนาํ้ ทวมหอ งก็คือจุดศนู ยกลางของนา้ํ หนักทใี่ สลงในเรอื
ดงั กลา ว
6.2.3 นํ้าทว มหองจนเตม็ อยา งสมบูรณ มกั เกิดขน้ึ กบั หองที่อยใู นบรเิ วณต่าํ กวาแนวนํ้า ซ่ึง
โดยทว่ั ไปแลวจดุ ศูนยถ ว งเรอื (G) มกั อยเู หนอื กวาแนวนาํ้ เลก็ นอย ดังนน้ั การที่นา้ํ ทว มเต็มหอ งใตแ นว
น้าํ ในแนวกึง่ กลางลาํ พอดี จงึ ทาํ ใหจ ดุ ศนู ยถ ว งโดยรวมแหง ใหมข องเรอื เลื่อนตํา่ ลงเปน ผลให
ความสามารถในการทรงตัวโดยรวม (Overall Stability) ของเรอื ดขี น้ึ ถาเปน การทวมเตม็ หอง
นอกแนวศนู ยก ลางเรอื จะไมส งผลดดี ังกลา ว แตจ ะทาํ ใหเ รือเอียงถาวร (Permanent List)
6.2.4 การคาํ นวณหาความสูงศูนยเสถียร (GM) และความสามารถในการทรงตวั ที่เหลือ
กระทาํ ไดเชนเดียวกับปญ หาการเพิ่มน้ําหนักและเคลื่อนยายนา้ํ หนกั ภายในเรือ
6.3 นาํ้ ทว มไมเตม็ หอ ง (Partial Flooding) คอื ปญ หาของการท่ีนา้ํ ทว มบางสว นของ
หอ งโดยเฉพาะหอ งท่ียงั คงมขี ีดความสามารถในการผนกึ นาํ้ อยู (จดั อยูในประเภทหอง”Intact
Compartment”) เมอื่ เปนเชน นนี้ ํา้ จะไมถ า ยเทออกจากหอ งนี้ ซงึ่ อาจเปน การทว มจากความตัง้ ใจ
เชน นํ้าดับไฟ นํา้ จากระบบน้ําหยาด ทอ ทางในหอ งนน้ั ร่วั หรอื เรอื ทะลุแตผนึกนาํ้ เรียบรอยแลว ผลที่
เกดิ ข้นึ อยา งเห็นไดชดั คอื การเพ่มิ นาํ้ หนกั ลงในหองนั้นและผลของผิวหนา อสิ ระ การพจิ ารณา
ความสามารถในการทรงตัวทเ่ี หลือก็กระทาํ เชน เดียวกับกรณีของการเคลื่อนยา ยนาํ้ หนกั ทางดง่ิ -ทาง
ขวาง และแกผ ลกระทบจากผิวหนา อิสระ สงิ่ ทจ่ี ะลดทอนผลจากผิวหนาอิสระลงไดบางคอื การทเ่ี รือ
เอียงแลวผวิ หนา อิสระลดลงเนือ่ งจากผวิ หนาอสิ ระทวมถึงดาดฟาเหนอื หอง(Pocketing) และการท่ี
หองไมไ ดถ ูกนา้ํ ทว มจนเต็มปริมาตรอยางแทจ รงิ เพราะมวี ตั ถจุ ับจองพน้ื ท่ีบางสวนอยู( Surface
Permeability)
6.4 ผลกระทบจากนา้ํ ทว มหอง (Flooding Effect)
ผลกระทบทเ่ี กดิ จากนาํ้ ทวมหอ งในลกั ษณะตา งๆทก่ี ลาวมาอธิบายไดดังในรปู ท่ี 50 ดังนี้
52
W1 G L1 GZ GZ GZ GZ ระวางขับนา้ํ เดมิ (WL)
WL -AG GG1 AG 1 หลังจาก3น้าํ ทวมเต็มหอ ง(W1L1)
AG1 2 พน้ื ทอ่ี ธิบายการทรงตัวท่ีเหลอื
50ก) สมมุตวิ านํ้าทว มทบั หองตรงจุดศูนยถ วง
90
W1 GG1 L1
สูญเสยี เนื่องจากยา ย
หองนํา้ ทว มไปอยูที่จริง
2
43
50ข) ยายนาํ้ ทว มหอ งกลางลาํ ท่คี วามสูงเดยี วกับหอ งท่นี า้ํ ทว มจรงิ 90
สูญเสียเน่อื งจากนํ้าทวมหอ งไม 1
W1 G GGv1 L1 2 เต็มเกดิ ผวิ หนา อิสระ v
5 4
AG1+ 1
v
50ค) นํา้ ทว มหองเชน เดียวกบั ขนั้ ตอนที่ 1ข) แตเกดิ ผวิ หนา อิสระ 90
AG1
สูญเสยี เน่อื งจากน้ําทวม
นอกแนวศนู ยก ลางเรือ
W1 GGG1V G2 L1 2 5
6 AG1+ 1
v
GVG2
50ง) นํ้าทวมหอ งเชน เดียวกบั กรณี 1ค)แตย ายไปอยทู ี่กราบเรอื 90
รปู ที่ 50
53
6.4.1 กรณีน้าํ ทว มในรูป 50 ก) เริ่มจากเมื่อเกิดน้าํ ทวมแบบไมเต็มหองดงั ในรปู 50ง)
กอ นอนื่ ตองสมมติ วานา้ํ ปรมิ าณดังกลา ว ทว มเต็มหอ ง ทบั จุด CG ของเรือพอดี ดังนน้ั จึงพิจารณา
ผลกระทบตอความสามารถในการทรงตวั ในลักษณะของการเพม่ิ น้ําหนักลงในเรอื ตามเสน โคงหมายเลข
3 เรือ จงึ เหลือความสามารถในการทรงตวั ซง่ึ อธบิ ายไดโ ดยเสนโคง หมายเลข 2 พ้ืนทีแ่ รเงาแสดง
ความสามารถในการทรงตวั จึงลดลง
6.4.2 ตอจากนนั้ ในรูป 50ข) ใหเลอ่ื นปริมาณนํา้ ดังกลา วทางด่งิ ไปยงั จดุ ทีส่ ูงเทา กับความ
สูงทนี่ ํ้าทว มจรงิ (สูงเทา กบั ในรปู 50ง) เทา กบั เปนการเคล่ือนยา ยนา้ํ หนกั ทางดงิ่ จนทาํ ใหจ ุดศนู ยถ วง
เลือ่ นจาก G ไป G1 เรอื จงึ สญู เสียความสามารถในการทรงตวั ตามเสน โคงหมายเลข 4 สังเกตวา
พ้นื ท่อี ธบิ ายความสามารถในการทรงตัวลดลงอีก
6.4.3 ขนั้ ตอนตอไปในรปู 50ค) ใหป รับสภาพนาํ้ ทว มเตม็ หอ งเปนนา้ํ ทว มบางสว น
(ปรมิ าณนาํ้ เทากบั ขอ 6.4.1 และ 6.4.2 ดังนนั้ จึงเกดิ ผวิ หนา อิสระทาํ ใหจ ดุ ศูนยถว งเรอื เล่อื นขน้ึ
ไปอยทู ่ี GV เรอื สญู เสียความสามารถในการทรงตัวไปอกี ตามเสน โคง หมายเลข 5 ลดพ้นื ทอี่ ธบิ าย
ความสามารถในการทรงตัวลงอีกเชน กนั
6.4.4 ตอไป ในรูป 50 ง) ใหย า ยตาํ แหนง ทนี่ ํา้ ทวมที่เดิมสมมตวิ า อยูในแนวกลางลําใหไ ป
อยนู อกแนวตรงทน่ี ํ้าทว มจรงิ จึงเปน กรณขี องการยา ยนํา้ หนักทางขวาง จุดศนู ยถวงเรือจึงเลอ่ื นจาก
GVไป G2 เรือสญู เสียความสามารถในการทรงตวั ไปอีกตามเสน โคง หมายเลข 6 พนื้ ทอ่ี ธิบาย
ความสามารถในการทรงตัวของเรอื จึงลดลงอีก และปรากฏมุมเอยี งถาวร (Permanent List) ใน
ทีส่ ดุ
6.5 นํา้ ทว มเรือในลักษณะหองทท่ี ว มเปดติดตอ กบั ผิวหนาน้ํานอกเรืออยา งอิสระ (Free
Communication with the sea) คอื ผลกระทบท่เี กดิ จากน้าํ ทว มหอ งในลักษณะทผ่ี วิ หนา
นํา้ ในหอง ดังกลาวสอดคลองกับระดบั ผวิ หนา น้าํ นอกเรอื ตลอดเวลา อธบิ ายไดด ังในรปู ที่ 51 ดังนี้
ระวางขับนา้ํ เดิม (WL)
ระวางขบั นาํ้ ใหม (W1L1)
3
GZ
AG
1
W1 G L1 2
WL
51ก) สมมุติวา น้ําทวมหองตรงจุดศูนย ถวงของเรือพอดี
54
GZ GZ GZ G ไดร ับความสามารถในการทรงตวั เพม่ิ ขนึ้
W1 G L1 2 GG1
G1 3
51ข) ยายหอ งทีน่ ํา้ ทวมจริงลงไปอยูทีค่ วามลึกเชน เดียวกบั นํา้ ทวมจรงิ 4 AG
90
AG1
W1 G GV L1 1
G1 v
2
5 AG1+ 1
4 v
90
53ค) ปรับสภาพน้ําทว มหอ งในข้ันตอน 2ข)ใหเ ปนหองเกดิ ผวิ หนา อิสระ
AG1
W1 G G2 L1 2
GV 5
G1
6
AG1+ 1
GVG2 v
90
51ง) ยายตาํ แหนงหอ งนาํ้ ทว มไปนอกแนวศนู ยกลางไปอยบู ริเวณนา้ํ ทว มจรงิ (เรือยังไมทะลุ)
G G2 aY 2
GV
W1 L1 1 1 ∇
G1 1
AG1+ i + aY 2
∇ ∇
51จ) น้ําทว มเชน เดียวกบั ขน้ั ตอน 2ง) แตเ กดิ เรอื ทะลุเกิด Free Communication AG1+ 1
รปู ที่ 51 ∇
55
6.5.1 กรณนี าํ้ ทวมไมเ ต็มหองและเกิด Free Communication เร่มิ พจิ ารณาจากรปู
ท่ี 51 ก) คอื สมมตวิ า นา้ํ ปริมาณดงั กลาว ทว มเต็มหองทับจดุ G ของเรอื พอดี จงึ คาํ นวณ
ผลกระทบการทรงตวั ในลักษณะการเพ่มิ นาํ้ หนักลงในเรอื ตามเสน โคง หมายเลข 3 เหลอื ความสามารถ
ในการทรงตัวซง่ึ อธิบายไดโดยพืน้ ทแี่ ลเงาทบึ ในรปู (เสน โคงหมายเลข 2)
6.5.2 ในรปู 53ข) เลอื่ นปรมิ าณนา้ํ หนกั ดงั กลา วทางด่งิ ลงไปอยรู ะดบั เดยี วกบั เมื่อเกดิ
Free Communication จรงิ (สงู เทา กับรูป 51จ) ทําใหจ ุดศนู ยถว งเรือเลอื่ นจาก G ลงไปยัง
G1 เรือจงึ มีความสามารถในการทรงตัวดขี ึ้น ตามเสนโคง หมายเลข 4
6.5.3 ขนั้ ตอไปในรูป 51ค) ปรบั สภาพการทว มใหเ ปนหอ งที่เกิดผวิ หนา อสิ ระ (ปรมิ าณนาํ้
เทา กบั ในขอ 6.5.1 – 6.5.3) จดุ ศูนยถว งเรอื จงึ เลอ่ื นขน้ึ จากผลดงั กลาวมาอยทู ่ี GV เสยี
ความสามารถในการทรงตวั ไปอกี ตามเสน โคง หมายเลข 5
6.5.4 ในรูป 51ง) ยายหอ งนา้ํ ทว มไปนอกแนวกลางลําใหต รงตาํ แหนง ทีเ่ กดิ ปญ หาจรงิ แต
ยังไมใ หเ รือทะลุ เทา กับเปน การยา ยนา้ํ หนักทางขวาง จดุ ศนู ยถ ว งของเรือจึงยา ยไปยงั จุด G2 เรอื
สูญเสียความสามารถในการทรงตวั ไปตามเสน โคง หมายเลข 6 พนื้ ทอี่ ธบิ ายความสามารถในการทรง
ตัวจึงลดลงและปรากฏมมุ เอยี งถาวร (Permanent List)
6.5.5 ปรับสถานะในขนั้ ตอน 6.5.4 ใหเรอื ทะลเุ ปดสูผิวหนา นํา้ ภายนอกอยางอสิ ระจงึ
สูญเสยี ความสามารถในการทรงตวั ไปจากผลของ Free Communication ที่เกิดขน้ึ อกี คือ
ay2/∇ (ตามเสน โคง หมายเลข 7) จึงเหลือพนื้ ท่แี สดงความสามารถในการทรงตวั เพียงเลก็ นอ ย ดงั
ในรูป 51 จ)
6.6 การพิจารณาปญ หาผลกระทบจากผวิ หนาอสิ ระดว ย Monograph หรือ
Alignment Chart
Monograph หรือ Alignment Chart เปน กราฟทส่ี รางข้ึนมาเพอ่ื อาํ นวยความ
สะดวกในการคํานวณแกป ญ หาผลกระทบจากผวิ หนา อสิ ระ โดยวธิ กี ราฟฟก ซง่ึ สะดวกรวดเรว็ แตม ี
ขดี จํากดั คอื เร่ืองความละเอยี ดถกู ตอ งและการใชย งั สอดคลอ งกับคาคงท่ซี ง่ึ กาํ หนดไวล ว งหนา บางคา
เพื่อสรา งกราฟดังกลา ว เชน คา ความหนาแนน มวลของน้ํา ดงั นั้น การนําไปใชงานจงึ จาํ เปนตอง
ปรบั แกผ ลตา งของคา ดงั กลา วอกี ทหี นงึ่ รปู ที่ 52 เปน ตัวอยา งของ Monograph หรือ
Alignment Chart
56
2
3
15
4
รปู ที่ 52 ตวั อยา ง
วิธีใช Monograph หรือ Alignment Chart ในรปู ท่ี 52 คือ
6.6.1 นําขนาดทางขวางของหอ งที่เกดิ นํ้าทวม (ไมเกดิ Free Communication)
มาพลอตลงตรงตําแหนงหมายเลข 1 ในกราฟ
6.6.2 นาํ ขนาดทางยาวของหอ งในขอ 6.6.1 พลอตลงตรงตําแหนง หมายเลข 2 แลว
ลากเสน ตรงเชอื่ มระหวา งจุด 1 และ 2 ไดจุดตัดเสน Pivot ทีต่ าํ แหนงหมายเลข 3
6.6.3 ลากเสน ตรงจากจดุ หมายเลข 3 ไปยงั เสน ขนาดระวางขับนํ้าตรงตําแหนง ระวางขบั นา้ํ
ปจ จุบนั (รวมนา้ํ ทว มแลว) หมายเลข 4 ตดั เสนบอกการลดคาระยะ GM ทตี่ ําแหนง หมายเลข 5
ในรูปท่ี 52
6.6.4 นาํ ระยะ GM ท่ลี ดลงไปหกั ลบจากระยะ GM กอนเกิดนํ้าทว ม โดยมีขอ แม
เพิม่ เตมิ ดงั น้ี
6.6.4.1 ถาคา ความหนาแนน นาํ้ ตางจากท่รี ะบใุ นกราฟ ใหนาํ คา ความถว งจําเพาะ
(คํานวณเปรยี บเทียบระหวา งความหนาแนน น้ําทป่ี รากฏในกราฟกบั ความหนาแนน นาํ้ ปจ จบุ นั ) ไปหาร
ออกจากคา ในสเกลของกราฟทกุ เสน และดําเนนิ การเชน เดียวกับขอท่ี 6.6.1 ถึง 6.6.3 ตอไป
6.6.4.2 ถา ผิวหนา อิสระทเ่ี กิดขน้ึ ไมเตม็ พ้นื ท่ี (มี Permeability Factor)
ใหนาํ Permeability Factor คูณเขา กบั สเกลของกราฟทุกเสน และดําเนนิ การเชน เดยี วกบั ขอ ที่
6.6.1 ถึง 6.6.3 ตอไป
7. การเกยตนื้ (Stranding)
57
7.1 ปญหาท่ีเกิดจากการเกยตื้น (Problems Involved)
ไมเพียงแตเ รือจะเกยตนื้ อยา งไมตงั้ ใจเทา นนั้ การเสยี ความสามารถในทรงตัวของเรอื หรอื
ความเสยี หายตอความแขง็ แรงของโครงสรา งอาจเปน สาเหตใุ หเ รอื ตอ งเกยตนื้ ในที่สดุ ได ดงั นนั้ ใน
บางคร้งั เม่อื ผบ.เรืออาจจาํ ตอ งพจิ ารณาหาชายหาดทสี่ ามารถจะนาํ เรือเขา ไปเกย ทัง้ น้จี ะตอ งคาํ นงึ ถงึ
ความสะดวกในการกเู รือออกในภายหลงั ดว ย พน้ื ทีด่ งั กลา วเชน บริเวณสนั ทราย พืน้ เรยี บออน ซง่ึ
จะตอ งพยายามหลกี เลย่ี งบรเิ วณท่ีเปน โขดหนิ ,ยอดเขาใตน ้ํา,และตอ งคํานงึ ถึงลกั ษณะการขวาง
กระแสน้ําและการตองปะทะกับคลืน่ อยา ใหรนุ แรงดวย ไมวาจะเปน การเกยตนื้ โดยตั้งใจหรือไมก็ตาม
ปญหาท่ีตามมาคอื
7.1.1 ความสามารถทีจ่ ะออกจากการเกยต้นื ได
7.1.2 ความแข็งแรงของโครงสรางเรือทจ่ี ะรองรบั เหตกุ ารณตางๆตามมาได
7.1.3 ความสามารถในการทรงตวั ของเรอื ในแตละสถานะ
7.2 ความสามารถทจ่ี ะออกจากการเกยตน้ื (Ability to get off again)
7.2.1 ถา เรือเกยต้ืนโดยมิไดต งั้ ใจเรือมักใชเ ครอ่ื งจักรทมี่ อี ยูพยายามนาํ เรอื ออกจากทตี่ ้ืน แตใ บ
จักรมกั มปี ระสิทธิภาพนอ ยโดยเฉพาะในบริเวณนาํ้ ตนื้ ทําใหอาจเปน อนั ตรายตอ เรอื มากขึน้ เพราะใบ
จกั รอาจจมลงในทราย นอกจากนั้นลมและภาวะน้ําขนึ้ – ลงอาจสง ผลใหเ รือเกยตนื้ มากขน้ึ การจะให
เรือหลุดออกจากตนื้ ย่ิงลาํ บากมากขึ้น ในภาวะที่ใบจกั รและระบบกลบั จักรมีแนวโนมวา ไมส ามารถชว ย
ใหเรอื หลุดออกไดจงึ ไมค วรใชเ ครือ่ งจักรปฏิบตั กิ ารดังกลา ว พึงระลกึ เสมอวา การถว งเรอื มคี วามสาํ คญั
เปนอยา งย่ิงเพราะเรอื อาจกระแทกข้นึ ลงอยางรนุ แรงเมอ่ื เรือถูกคล่นื ซดั บางคร้ังอาจจาํ เปน ตองใช
ระเบดิ ขนาดเลก็ เปดตัวเรอื ดานตาํ่ ๆใหน าํ้ เขา มาถว งเรอื มากข้นึ เพราะการตรึงเรอื ใหอ ยูน ง่ิ ๆในตนื้ จะให
ความปลอดภยั มากกวา
7.2.2 ภายหลังการถว งเรอื เรียบรอ ยแลว ตรวจสอบถงั ภายในท้งั หมดวานาํ้ มนั รวั่ หรอื ไม ตรวจ
ภายในตัวเรอื โดยตลอดวามโี ครงสรา งใดเสยี หาย ตรวจระดับของเหลวในถงั เพือ่ ทราบความเอยี งของ
เรือ ควรใชเรอื เล็กรวมตรวจบรเิ วณเกยตน้ื และทิศท่จี ะนาํ เรือออก โดยเฉพาะตําแหนง หนิ , ปะการงั หรือ
อุปสรรคกดี ขวางใตน าํ้ และทิศทางกระแสนํา้ เพราะทนั ทีทเ่ี รอื หลดุ จากตนื้ กระแสน้ําอาจพาเรอื ไป
กระทบสง่ิ ตา งๆดังกลาว
7.2.3 ควรทอดสมออะไหลในทิศทางตรงขามกบั การเกยต้ืน เพ่อื ชวยในการดงึ เรือออก โดย
ใชเรือเลก็ นําสมอไปทง้ิ ในเรือสนิ คา อาจใชอ ุปกรณชว ยยกทม่ี ีอยยู กสมอไปทง้ิ หลงั จากนนั้ ใชเครื่อง
กวานสมอคอ ย ๆดึงเรอื เขา หาสมอ นอกจากน้นั อาจใชเรือลากจูงชว ยดงึ เรอื ซงึ่ เปน การสะดวกกวา
เพราะเขา ลากเรอื ไดในทุกทศิ ทีเ่ หมาะสม
58
7.2.4 เมื่อเรอื ออกจากจดุ เกยตนื้ และอยทู รี่ ะดับนํา้ ปลอดภยั อยาพยายามใชเครือ่ งจกั รของเรือ
เพื่อหนั เรือออกทนั ที เพราะจะทาํ ใหสง่ิ สกปรก, โคลน, ทราย เขา ไปอดุ ในระบบระบายความรอ น ถา มี
เรอื ลากจูง ควรใหเ รอื ลากจงู ไปสกั พกั หลกี เลย่ี งการใชใบจกั รทีช่ าํ รดุ , หลงั จากนนั้ ควรแตงทรมิ เรอื , สบู
นาํ้ ทีท่ ว ม และกาํ จดั สิ่งสกปรกที่อาจกออันตรายกับระบบตา งๆออกจากเรอื โดยเร็ว
7.3 ความแขง็ แรงของโครงสรา ง (Hull Strength)
ขณะเกยตนื้ ตรงจุดทีเ่ รอื เกยจะถกู แรงทางดงิ่ กระทาํ กับตัวเรอื เปน ปริมาณมาก แรงนย้ี อ มมี
ขนาดเทา กบั คา ของนาํ้ หนักของเรอื ขณะนนั้ โดยไมมแี รงลอยตวั จากนาํ้ เขามาเกย่ี วขอ ง ผลกระทบคอื จะ
เกดิ ความเคน ทีบ่ รเิ วณน้ันอยางมากถาเรือเกยตน้ื ทปี่ ลายดานหนง่ึ ของเรอื จะเกิดความเคน โกง เรอื ทาํ ให
เรือมีลักษณะตกทองชา ง (Sagging) เพมิ่ มากขึ้น ดงั นน้ั ควรเพมิ่ นน. ท่ปี ลายอกี ขา งโดยใช นน.
จากสวนบริเวณกลางลาํ มาชวย ถา เรือเกยตน้ื กลางลาํ จะเกดิ ความเคนทาํ ใหเรือดงุ กลาง
(Hogging) เพิม่ ขนึ้ ดงั นน้ั ควรเพิ่ม นน.ทีก่ ลางลําโดยใช นน.จากสว นหวั – ทา ยเรอื มาชว ย สง่ิ ที่
ตอ งคํานงึ อน่ื ๆคือ หิน, ปะการัง ท่ีมสี ว นคมทาํ ใหเ กดิ แรงรวมกระทาํ ทจี่ ดุ เดยี วซง่ึ อาจทาํ ใหเ ปลอื กเรือ
แตกออกและเสียหายมากขนึ้ เม่อื เรือมกี ารขยับตัว
7.4 ความสามารถในการทรงตวั ของเรอื ขณะเกยตน้ื (Stability)
เม่ือเรอื เกยตนื้ ยอมสญู เสียความสามารถในการทรงตวั ของเรอื เนือ่ งจากแรงปฏิกิรยิ าจากจุดที่
เกยซงึ่ มคี วามสัมพนั ธก บั สงิ่ ตางๆเหลา นี้
7.4.1 ขนาดของแรงลอยตัวหรือจํานวนตันของระวางขบั น้าํ ลดลงเนอื่ งจากการเกยต้นื หาได
จากความแตกตา งของระวางขับนา้ํ เมอื่ เรอื ลอยอิสระกบั ระวางขับนาํ้ (กนิ นาํ้ ลกึ เฉลยี่ )เมอ่ื เรอื เกยตน้ื
และเพือ่ ใหถ ูกตอ งมากทสี่ ุดตอ งนาํ คา ทริมและการเอียงมาคิดดวย ถา จุดสัมผัสคือกระดกู งู ผลกระทบ
จากการเกยจะคลา ยกบั การนํานาํ้ หนกั ออกจากเรอื และระยะ GG.ของเรอื เลอ่ื นขน้ึ ดงั นี้
GG1 = P(KG ) หรอื KG1 = W(KG )
W −P W −P
โดย P = จํานวนตนั การเกยตืน้ (วดั จากระยะกนิ นา้ํ ลกึ เฉล่ยี ขณะเกยตน้ื ) หรือ
แรงปฏิกิริยาตรงจุดเกยตน้ื หรือแรงลอยตวั ท่ีสญู เสยี ไป
Kg = คา เม่ือเรือลอยอสิ ระ
W – P = ระวางขับนา้ํ ทสี่ อดคลองกับระยะกนิ นาํ้ ลึกเฉลี่ยขณะเกยตนื้
หมายเหตุ ในกรณีเขาอูแ หง P คือแรงปฏกิ ิรยิ าตรงจดุ หมอนรองเรือ
7.4.2 การเลอ่ื นของจดุ เปล่ียนศูนยเสถยี ร(MM1)หาไดจ ากความแตกตางของระยะ KM
ใน Hydrostatic Curve เมอื่ เรือลอยอิสระ กบั ระยะ KM เมอื่ เรือเกยตืน้ โดย
59
G1M1 = GM ± MM1 – GG1
7.4.3 ถาจดุ สัมผัสอยทู ป่ี ลายดานหนง่ึ เรอื จะเกดิ ทรมิ เทียบเทา กับการยา ยนา้ํ หนกั ออกจาก
ปลายดา นนนั้ และถา จุดสัมผัสอยูนอกแนวศูนยก ลางเรอื จะเอียงเปนมุมทสี่ อดคลอ งกบั การยายนา้ํ หนัก
ทางขวางออกนอกเรือ (ดว ย G1M1) ถาคา GM เปนลบตองระวงั เรือ่ งการเอียงโดยเฉพาะเรือที่
แคบเพราะจะพลิกควาํ่ ไดงาย สว นเรอื ทีเ่ กยตน้ื ตลอดความยาวเรอื และไมเ อียงจะไมล มควํา่ ดแมน า้ํ จะ
ลดลงสุดกต็ าม P Section at grounding
RG Z
7.4.4 ตรวจสวนหนา ตัดของเรือบรเิ วณจุดท่ี
สัมผัสและลากเสนสมั ผัสรอบผิวตวั เรือ จากนน้ั ลากเสน จาก
จดุ สมั ผัสในแนวตงั้ ตัด CL แลวพิจารณาถาพบวา เสนที่ Midship section
ลากผานเหนอื จุด G ขนึ้ ไป(เมอ่ื เรือลอยอิสระ) เรือจะไม B
ลมควํ่า แตถ า ผา นตรงกบั จดุ G พอดีหรอื ใตจ ุด G ลงมา
เรอื อาจพลิกคว่ําได ทั้งนขี้ นึ้ กับจาํ นวนการสูญเสยี งการทรง
ตวั เนื่องจากมแี รงตง้ั ข้ึนจากการเกยตน้ื เขา มาเกยี่ วของ รูปที่ 53
L
W
t
)O( P
7.4.5 จากรปู 53 แสดงแรง P ร(ปู จทา่ีก5ก4ารเกย) บริเวณหัวเรือ ถา โมเมนตร ะหวา งแรง P
เทียบกับ G เทา กบั แรงจากความลอย(Buoyancy Force) เรอื จะยังคงเอยี งอยูตามเดมิ ถา
โมเมนตแรง P มากกวา โมเมนตต ง้ั ตรงเรอื จะเอียงตอไป ถาผลรวมโมเมนตต้ังตรงไมเ ปน (+) ขณะท่ี
มมุ เอยี งมากขน้ึ เรอื จะพลกิ ควํา่
7.4.6 โมเมนต (W – P) GZ ตองมากกวา D(GR) ณ มมุ เอยี งหนงึ่ เพอ่ื ใหคา
โมเมนตคนื ตัวเปน (+) ขนาดของ RA สอดคลอ งกบั ระวางขบั นาํ้ ท่ี Dm ตํา่ สดุ อาจหาไดจ ากเสน
โคงการคนื ตวั RA ตองเปน คาแกไ ขความถกู ตอ งแลว (จากเรือลอยอิสระ) เพอ่ื หา Gz และระยะ
GR หาจากการวาดรูปภาคตดั ขวาง
60
7.4.7 แรง P จะแตกตา งระหวา งระวางขับนา้ํ เรอื ลอยอิสระ และการเกยตน้ื , แรง P ทมี่ าก
สดุ เกดิ ข้นึ เมอื่ เรือเกยต้นื ขณะน้ําขนึ้ เตม็ ที่จนถงึ นาํ้ ลงตา่ํ สดุ ขณะนาํ้ ลงต่าํ สุด แรงลอยตวั กน็ อยลง ขณะ
แรง P มากขนึ้ เปน สดั สว นกนั
7.4.8 แรง P สามารถหาไดจากความสมั พนั ธ
P + Pt 2 = Inches full of tide หรอื
TPI (MTI )L
Inches full of tide
P = t2
1 (MTI )L
TPI +
โดย t = ระยะจากจุดเกยต้ืนถงึ กลางลาํ (ft)
L = ความยาวเรือ (Lwl) (A)
TPI = ตันตอ นวิ้ (เม่ือเรือลอยอิสระ, Dm ขณะเกย)
MTI = โมเมนตท ที่ ําใหเ รอื ทริมเทา กบั 1 น้ิว
(เม่ือเรือลอยอสิ ระ, Dm ขณะเกย)
7.5 การแกไ ขการทรงตวั ของเรือ เมอ่ื เรอื ใกลจ ะลม คว่ํา คาแกไ ขและวิธกี ารดจู ากขอ 6. เพอ่ื แกไข
ผลท่กี ระทบกบั ความแข็งแรงของตัวเรอื และความสามารถทจี่ ะลอยลาํ ตอ ไปได
61
8. การเตรียมการเพื่อตอตา นความเสยี หาย
8.1 วตั ถุประสงค
อาจกลา วไดวา 90% ของการปอ งกนั ความเสียหายเรือกระทาํ กอ นทเี่ รือจะเสยี หาย การ
เตรยี มการที่ดีอยางถกู ตอ งสามารถบรรเทาความเสียหายท่เี กิดขึ้นกบั เรือไดเปนอยา งมาก ส่ิงที่ตอ ง
เตรียมการกอนการเกดิ ความเสียหายประกอบดว ย
8.1.1 ออกแบบระบบการปองกนั ความเสียหาย
8.1.2 ศึกษาชนดิ ประเภทความเสยี หายรวมทงั้ การแกไ ขปญ หาทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั เรืออื่น ๆ เพอ่ื เปน
แนวทางในการประมาณความเสียหายของเรือ และมาตรการแกไ ขเมอ่ื เกิดความเสยี หายในกรณี
คลา ยๆกัน ซงึ่ จะชว ยใหเ จา หนาทป่ี องกันความเสยี หายมปี ระสบการณค วามชาํ นาญรวมทงั้ เขา ใจถอง
แทถงึ ระบบหอ งกัน้ นา้ํ และการทรงตวั ของเรือทต่ี นเองปฏิบัตงิ านอยไู ดเ ปน อยางดี เนื่องจากเมือ่ เกิด
ความเสยี หายขึน้ กบั เรอื จรงิ ๆ แลวจะไมม ีเวลามากนกั โดยเฉพาะการคํานวณท่ตี อ งอาศยั ทกั ษะความ
ชาํ นาญจะไมส ามารถทาํ ไดถ กู ตอ งภายในชวงเวลาจาํ กดั
8.2 การปอ งกนั นํา้ ทวมกอนเรือเสยี หาย
ความรวดเรว็ และถกู ตองแมน ยาํ เปนหวั ใจของการปองกนั นาํ้ ทว ม เจา หนา ที่ประจาํ หนว ย
ปองกนั ความเสยี หายและผทู ่เี กยี่ วขอ งทกุ นายจะตอ งมคี วามคนุ เคยกบั อปุ กรณท่ีจัดเตรียมไวสําหรบั
แกป ญหาการสูญเสยี การทรงตวั เนอ่ื งจากการเอยี งทางขวาง (List) และการเอียงทางยาว (Trim)
ทง้ั นเ้ี รอื ควรจะตอ งจัดทาํ คมู อื ประกอบดังตอไปน้ี
8.2.1 คมู อื การระบายนา้ํ ทที่ ว มขงั ตามทีต่ าง ๆ (Drainage Bill) เน่ืองจาก
อุปกรณช ว ยสบู ถา ยระบายนา้ํ เชน เครอ่ื งสบู นา้ํ แบบเคล่ือนท่ีและแบบประจําท่หี รอื เคร่ืองมอื สูบถา ย
ของเหลวอยา งอน่ื มีความสําคัญเปน อยางยิ่งโดยเฉพาะในเรอื่ งของการลดผลจากผิวหนาอสิ ระจาก
ปญหานํ้าทว ม ผูเ ก่ียวของกับการปอ งกนั ความเสียหายควรทราบขน้ั ตอนและวธิ กี ารใชท ี่ถกู ตอง เชน
การสบู นาํ้ จากกราบทเี่ อยี งไปยงั กราบตรงขามจะแกป ญหาการเอยี งของเรือไดเ ปนอยางดแี ตว ธิ ีการนี้
กลับเปนอนั ตรายหากใชไ มถ กู ตอ งกับเรอื ท่มี รี ะยะ GM เปน ลบ หรอื ไมไ ดผ ลมากนกั กบั เรอื ทน่ี า้ํ ทวม
เสมอกนั ทง้ั 2 กราบหรือไมไ ดผ ลเลยกับเรอื ทีน่ า้ํ ทว มถงึ กันไดทงั้ 2 กราบ
8.2.2 คูมือปลดถายนํ้าหนกั (Jettison Ship Bill) การปลดถา ยนา้ํ หนักบน
ดาดฟาหรือในสวนทอี่ ยสู งู จะตองคาํ นงึ ถงึ เวลาในการปฏิบตั ิและความชาํ นาญของผูใ ชเ คร่อื งมือชวยยก
และท่ีสําคัญทสี่ ุดคือการสูญเสียอํานาจการรบท่ตี ามมา คูมอื ท่กี าํ หนดแนวทางและขั้นตอนการปลด
ถายนํา้ หนักควรจะตอ งประกอบดวยลําดบั ขัน้ ตอนของการกาํ หนดชนดิ นา้ํ หนักทเี่ คล่อื นยา ยไดง า ยและ
มีอนั ตรายตอ ความสามารถในการทรงตวั ของเรือนอยทส่ี ุด ซ่ึงจะตองระบรุ ะยะ GM ท่ีสญู เสียหรอื
เพ่ิมขน้ึ ในระหวา งการเคล่ือนยา ยจนกระทัง่ นําน้ําหนักแตละชิ้นออกจากเรอื จนเสร็จ นอกจากนนั้
62
นํ้าหนกั ทกี่ าํ หนดควรจะเปน ปรมิ าณท่เี ม่ือปฏิบตั ิการแลวมปี ระสิทธภิ าพชว ยรักษาหรอื แกไ ขความ
เสียหายใหก บั เรอื ไดเปนอยางมากดว ย
8.2.3 คมู ือสูบถายนํ้ามันเช้อื เพลงิ (Fuel Oil Transfer Bill) คมู อื น้คี วรจัดทํา
ใหสอดคลองกบั ปฏิบัตกิ ารเก่ยี วกับการสบู ถายน้าํ มันของถังตา ง ๆ และระบบการใชน้ําอับเฉาถวงเรือ
เพราะการปฏบิ ตั ิท่ีไมถกู ตองอาจสรา งโมเมนตท างขวางทีเ่ ปนอนั ตรายตอการทรงตัวของเรอื คูม ือนคี้ วร
ระบจุ ํานวนของนา้ํ มนั และนาํ้ อับเฉพาะทค่ี วรสูบถายเพอื่ ชว ยปอ งกันความเสยี หายในลกั ษณะตา งๆ
นอกจากนน้ั ควรระบุอตั ราการสบู ถายในกรณที ต่ี องการเพมิ่ โมเมนตท างขวางอยา งรวดเรว็ และควรแสดง
หลักนยิ มในการปด ประตลู ้นิ กน้ั นาํ้ ตามชอ งทางตาง ๆ
8.2.4 คมู อื ตานน้าํ ทวม เรือทตี่ ิดตัง้ ระบบปอ งกนั ตอรป โ ดและเรอื บรรทุกเครือ่ งบนิ มักมี
ระบบทชี่ ว ยถว งใหเ รือเอยี งไปยังดานตรงขา มทเ่ี สียหายไดอยา งรวดเรว็ เพือ่ ชวยเอยี งเรือกลับเมอื่ ถูกยงิ
ดวยตอรป โ ดปอ งกนั มใิ หน ้ําทวมลกุ ลามรวดเร็วเกนิ ไปจนทาํ ความเสียหายใหก บั เครือ่ งจกั ร อปุ กรณ
และเครอ่ื งบนิ ท่ีจอดอยูใตด าดฟา เรอื ทงั้ สองประเภทดงั กลาวและเรอื อืน่ ทมี่ คี วามพรอ ม ควรจดั ทาํ หลกั
นยิ มการปด/เปด ลน้ิ ถวงนาํ้ ดังกลา วไวดวย
8.2.5 คมู อื ความเสยี หายจากนํ้าทว ม (Flooding Effect Bill) เปนคมู อื ทร่ี ะบุ
ผลของผวิ หนา อิสระอันเกิดจากน้าํ ทว มตามท่ีตา ง ๆ ในลักษณะตารางแสดง Free Surface
Effect ตาง ๆ ทมี่ ีผลตอ ระยะ GM ของเรอื และอาจรวมถงึ ขอ มูลการเปลี่ยนแปลงระยะ GM
เมอื่ มีการเคลอื่ นยาย, เพิม่ หรือลดน้ําหนกั ตามทีต่ าง ๆ
8.3 การเตรยี มการขององควัตถุ ประกอบดวย
8.3.1 ตรวจตราความพรอมของประตูและฝากน้ั นา้ํ
8.3.2 ตดิ ตง้ั อุปกรณท่ไี ดม าตรฐาน
8.3.3 เตรียมอปุ กรณปองกันความเสยี หายใหม ีจํานวนมากพอ และตรวจสอบใหอยใู น
สภาพพรอมใชง านเสมอ
8.4 การควบคุมนา้ํ หนกั
เรอื รบถูกออกแบบใหม รี ะยะ Freeboard และแรงลอยตวั สํารอง (Reserve
Buoyancy) เหมาะสมและมากพอสอดคลองกับสมรรถนะตามภารกจิ หลักของเรอื ทง้ั นรี้ วมถงึ
ความสามารถในการรบั นา้ํ ทเี่ พม่ิ เขา มาในเรือเนื่องจากเรอื ทะลุ ความสามารถดงั กลา วคาํ นวณจาก
รายการนาํ้ หนกั ประจาํ ท่แี ละไมประจําท่ใี นสวนทจ่ี าํ เปนกบั เรอื และสอดคลอ งกบั ขอมลู การออกแบบเรอื
เม่ือใชงานเรือไปสกั ระยะเรอื มกั จะมนี ํา้ หนกั เพ่มิ ขน้ึ เร่อื ยๆทีละนิด ท้ังนี้เนอื่ งจากเปน ธรรมดาที่
ผปู ฏิบตั งิ านในเรือทุกคนจะทยอยนาํ สมั ภาระทไี่ มจ าํ เปน ขน้ึ เรอื ซึง่ เปน การลดระยะ Freeboard ของ
63
เรอื โดยรูเทา ไมถงึ การณ สงิ่ น้สี ามารถใชเ ปนเหตุผลในการหา มมิใหนาํ สิง่ ของขนึ้ เรอื โดยมิไดร บั อนญุ าต
ซึง่ เปนหลกั ถอื ปฏิบตั ขิ องเรือโดยทวั่ ไป ผลของการทเี่ รอื บรรทุกนา้ํ หนกั เกนิ กาํ หนด สรุปไดดงั นี้
8.4.1 ความตานทานระหวา งเรือกับน้ําเพมิ่ ข้ึนตามขนาดระวางขับนา้ํ ทเี่ พ่มิ ข้ึน ความเร็ว
เรอื จงึ ลดลง
8.4.2 วงหนั เรอื ลดลงเมื่อระวางขบั นา้ํ เพมิ่ ขน้ึ
8.4.3 ระยะ GM ของเรอื มักเพม่ิ ขึ้นเปน ผลใหส มรรถนะการทรงตวั ลดลง
8.4.4 ความเคนในทางยาว (Longitudinal Stress) เพิ่มขนึ้
8.4.5 ความทนทะเลลดลง เพราระยะ Freeboard ลดลง เปน ผลให
8.4.5.1 กําลังลอย (Reserve Buoyancy) ลดลง
8.4.5.2 ชวงการทรงตัวเปน บวก (Range of Stability) ลดลง
8.4.5.3 โอกาสท่ีดาดฟา เปยกเพ่มิ ข้นึ เมอ่ื เรือแลนในคลนื่
9. มาตรการการแกไ ขความเสยี หายของเรือ
มาตรการในการแกไขความเสยี หายสามารถแบง ออกไดเ ปน 2 กลมุ คอื
ก มาตรการการปฏบิ ตั ิ ณ ท่ีเกดิ เหตุ (Immediate Local Measure) คือ การ
ปฏิบัตโิ ดยหนว ยปองกนั ความเสยี หาย ณ ท่ี เกิดเหตใุ นการดับไฟ. การผนึกนา้ํ หรอื การซอมทาํ ฉุกเฉิน
ข มาตรการการรกั ษาสถานภาพของเรือโดยรวม (Overall Ship Survival Measures) คอื
มาตรการตาง ๆ ทก่ี ระทาํ โดยนายทหารชางกล โดยคาํ แนะนําจากศนู ยปอ งกนั ความเสียหาย ในการ
ควบคุมการเอยี งของเรือ (List),การรักษาระดบั การกนิ นาํ้ ลกึ หวั ทา ย (Trim), การรกั ษาการลอยตวั
(Buoyancy), การรักษาความสามารถในการทรงตวั (Stability), การรักษาความแขง็ แรงของโครงสรา ง
ของเรอื (Hull Strength)
9.1 มาตรการการปฏิบตั ิ ณ ท่เี กดิ เหตุ (Immediate Local Measure)
มาตรการการปฏิบัติ ณ ทเ่ี กดิ ประกอบดว ยความพยายามตาง ๆ ในการสาํ รวจความเสยี หาย
ณ ท่ีเกิดเหตุ รายงานขอบเขตของความเสยี หายไปยงั ศนู ยป องกนั ความเสยี หาย ซง่ึ ในการปฏบิ ตั จิ ะตอง
คํานงึ ถงึ สง่ิ ตา ง ๆ เหลา นี้
9.1.1 กําหนดขอบเขตของการเกิดนาํ้ ทว ม โดยกาํ หนดตําแหนง ของผนงั เรอื ดาดฟาเรือชน้ั
แรก
9.1.2 ควบคมุ และกาํ จดั ตน เหตขุ องไฟ
9.1.3 กาํ หนดขอบเขตการปอ งกนั น้ําทว มชัน้ ท่ีสอง เพอื่ ใชใ นการควบคุมนํา้ ทวมในกรณที ี่
64
ขอบเขตการปองกนั ชั้นแรกลม เหลว
9.1.4 การเขา ไปยังหองทเี่ กิดนํ้าทว มเพอื่ ทําการ อุด, ปะ, คํา้ จนุ และสบู น้าํ ออกจากหอง
9.1.5 จาํ แนกความเสยี หายทเี่ กดิ จากระบบทอทาง และ ระบบไฟฟา
9.1.6 ซอมทาํ ระบบทอทางใหส ามารถใชง านไดต ามปกติ
9.1.7 ซอมทําระบบไฟฟา กาํ ลงั
9.1.8 ซอ มทาํ ระบบสื่อสารฉุกเฉิน และ ระบบไฟฟา แสงสวาง
9.1.9 ชว ยเหลือผปู ระสบบาดเจบ็
9.1.10 เคล่ือนยา ยโครงสรางทเี่ กดิ การเสยี หาย, ขยะ, น้าํ มนั และ ทาํ ความสะอาด
9.1.11 ควบคมุ และจํากดั ขอบเขตพนื้ ที่อนั ตราย
9.1.12 ระบายอากาศและแกสพษิ ออกจากหอ ง
9.1.13 ตรวจสอบสารเคมตี กคาง
มาตรการการปฏบิ ตั ิ ณ ที่เกิดเหตเุ ปน สิ่งสาํ คญั เปน อยา งยง่ิ การตัดสินใจในการปฏบิ ัติ ไมได
เปนการตดั สินใจจากศนู ยป อ งกนั ความเสยี หาย แตเ ปน การตดั สนิ ใจจากผูควบคมุ ณ ทเ่ี กิดเหตุ ซง่ึ ตอง
ไมกอ ใหเ กิดความผิดพลาดจนความเสียหายทเี่ พิ่มขนึ้ ดงั นั้นหนว ยปอ งกนั ความเสียหายจะตองไดร ับ
การฝกฝนใหสามารถปฏบิ ัตติ อ ความเสยี หายทเ่ี กดิ ขึน้ ดวยความถูกตองและรวดเร็ว อยา งไรกต็ ามศูนย
ควบคุมความเสียหายตองใหค าํ แนะนําที่ถกู ตอ งแกหนว ยปอ งกนั ความเสยี หายอยา งตอ เนื่อง เพอ่ื ให
หนว ยปอ งกนั ความเสยี หายทท่ี าํ งานแยกจากกนั สามารถประสานงานในการทาํ งานรวมกนั ไดอ ยา งมี
ประสทิ ธิภาพ รวมไปถงึ คาํ แนะนาํ ตาง ๆ เพอ่ื ประกอบการตัดสนิ ใจในการปฏบิ ัตกิ ับความเสียหายแก
หนว ยปองกนั ความเสยี หาย
9.2 มาตรการการรักษาสถานภาพของเรอื โดยรวม (Over-All Ship-Survival
Measures)
ขอมลู โดยทั่วไปที่เกย่ี วขอ งกบั มาตรการการรักษาสถานภาพของเรือโดยรวมประกอบดวย
9.2.1 การปฏบิ ัตใิ นการสํารวจความเสยี หายโดยรวมมวี ตั ถุประสงคดังน้ี
9.2.1.1 เพอื่ ปรบั ปรงุ ระยะ GM และความสามารถในการทรงตัวโดยรวม
9.2.1.2 เพอ่ื แกไ ขปญ หานาํ้ หนกั นอกแนวศนู ยก ลางเรอื
9.2.1.3 เพอื่ ปรบั ปรงุ แกไขแรงลอยตัว
9.2.1.4 เพอื่ ปรับปรงุ แกไขปญหาการเอยี งของเรือ
9.2.1.5 เพอ่ื ลดคาความเคนของเรือท่เี สยี หาย
65
9.2.2 ผลกระทบเน่อื งจากวตั ถุประสงคตามมาตรการดงั กลา วยอ มสงผลกระทบกบั สถานภาพของเรอื
โดยรวมในทางอนื่ ๆ มาตรการการปฏบิ ตั เิ พ่ือใหบรรลวุ ัตถุประสงคอ าจเกีย่ วขอ งกบั การเคล่อื นยาย
น้ําหนกั การซอ มทาํ หอ งตา ง ๆ การปฏิบัตเิ พ่ือบรรลวุ ัตถปุ ระสงคขอ ใดขอหนงึ่ อาจมผี ลกระทบอยา งมาก
ตอวตั ถปุ ระสงค ขออ่ืน ๆ ดงั นนั้ การตดั สินใจเลอื กมาตรการในการแกไ ข อาจหมายถึงการดาํ รงอยู หรอื
ทาํ ใหเ กดิ การสูญเสยี เรอื ได ดงั นนั้ การตดั สินใจเพื่อเลอื กมาตรการการแกไ ขของนายทหารชา งกลจงึ ตอ ง
ข้นึ อยกู ับ
9.2.2.1 ความรูความเขาใจในการทรงตวั ของเรอื และคุณลกั ษณะของหองตา ง ๆ
9.2.2.2 ความรูความเขาใจในลกั ษณะโดยธรรมชาตแิ ละขอบเขตของความเสียหาย
9.2.2.3 ผลกระทบตอ การแกไ ขตามวัตถปุ ระสงคห นง่ึ กบั วัตถุประสงคอ น่ื ๆ
9.2.3 การแกไขเนอื่ งจากการยายนา้ํ หนกั หรอื การเพม่ิ – ลดน้ําหนกั มผี ลกกระทบตอ ทรมิ ของเรือ
และเชน เดียวกนั การยา ยนาํ้ หนกั หรอื การเพม่ิ – ลดนํา้ หนกั ในทางแนวยาวของเรอื มีผลตอ ความเคนใน
โครงสรา งของเรือ
9.3 มาตรการในการปรบั ปรงุ คา GM และการทรงตวโดยรวมของเรอื
การปรบั ปรุงการทรงตัวของเรอื สามารถกระทําได โดยการกาํ จัดผลของผวิ หนา อิสระ, การ
กําจัดนา้ํ หนักทีอ่ ยูใ นทสี่ งู , การเพ่มิ นํ้าหนกั ในตํา่ , การซอ มทาํ รอยเปดสูทะเล, การกรู ะยะฟรีบอรด ที่
สญู เสียไป โดยมีมาตรการดงั น้ี
9.3.1 กาํ จดั ผลของผิวหนา อสิ ระ
9.3.2 การร้ือถอนนา้ํ หนกั ที่อยใู นที่สงู
9.3.3 การถว งเรือ
9.3.4 การถา ยนาํ้ หนกั ลงสทู ตี่ ่าํ
9.3.5 การซอ มทําผนังหองตาง ๆ
9.4 การกาํ จดั ผลของผิวหนาอสิ ระโดยการสบู นํา้ ออก
การสบู นา้ํ ออกจากเรอื เพื่อลดผลของผวิ หนา อสิ ระสามารถกระทาํ ไดโ ดยการใช ระบบสบู น้าํ
ทอ งเรอื , เครือ่ งสบู นา้ํ เคลอื่ นท่ี หรือ การใชถ งั ตกั การสบู นํา้ ออกจากเรอื สามารถกระทําไดโ ดยตรง หรือ
การถา ยนา้ํ ลงไปยงั หองทอ่ี ยใู นระดบั ตาํ่ กวา กอ นทจ่ี ะทาํ การถายนา้ํ ลงไปยังหองทอี่ ยใู นระดบั ต่าํ กวา
กอนท่ีจะทําการสบู ถายออกนอกเรือ ผลของความคงทนทะเลของเรอื จากการแกไขโดยการสบู นาํ้ ออก
จากเรอื คือ
9.4.1 เปน การปรับปรงุ คา GM ผลการทรงตวั ของเรอื โดยรวม โดยการกาํ จดั ผลของผิวหนา อิสระ
ยิง่ ไปกวา นัน้ ถา นา้ํ ทท่ี วมอยูในระดับสงู การสูบน้าํ ออกจงึ เปนการเคลื่อนยา ยนา้ํ หนกั ในทีส่ งู การยาย
66
นาํ้ หนกั จะเปน ผลทาํ ใหร ะยะฟรีบอรดเพมิ่ มากข้ึน การเพม่ิ ข้นึ ของระยะฟรบี อรดมผี ล ใหค า GM มาก
ข้ึน ซึ่งสงผลใหการทรงตวั ของเรือดขี ึ้น
9.4.2 เปนการปรับปรงุ การทรงตัวของเรือโดยรวม โดยการยา ยนาํ้ หนกั ท่ีไมไดอ ยูในแนวศูนยกลาง
ออกไป ในกรณที ่ีหองท่ีเกดิ นํา้ ทวมไมไดอ ยใู นแนวศูนยก ลางลาํ เรือ
9.4.3 ปรับแกแรงสํารองในการลอยตวั
9.5 การกาํ จดั ผลของผวิ หนา อสิ ระโดยการสูบนา้ํ เขา จากทะเล
9.5.1 ขอ ดีของการสบู น้าํ เขา หองท่เี กิดการเสยี หาย คือ ในกรณีทก่ี ารเพม่ิ นา้ํ หนกั ของนา้ํ ทะเลทีส่ ูบเขา ไป
ทําใหคาจดุ ศนู ยกลางของนา้ํ หนักมคี า ต่ําลงจนไมเกดิ การสญู เสียการทรงตวั แตน า้ํ ทีส่ ูบเขาไปจะมีผล
ทําใหคาฟรีบอรดมคี า ลดลง สว นในกรณอี ่นื ๆ การสบู น้าํ ออกจะใหผ ลที่ดกี วา
9.5.2 ในกรณีที่อากาศทถี่ ูกกักอยใู นหองทาํ ใหเกดิ ผลของผิวหนา อสิ ระเมอ่ื ไดท ําการเตมิ นาํ้ เขาไป
ดงั นนั้ ผอู อกแบบเรอื ตองออกแบบเรอื ใหม ที อ ระบายสาํ หรบั หอ งที่อยใู ตแนวนาํ้ เพื่อใหส ามารถเติมนาํ้
เขา ไปไดจ นเต็ม หรือเพ่อื ใหส ามารถควบคมุ กาํ ลงั ดันภายในหองเพอื่ ใชควบคุมปริมาณน้าํ ท่เี ขา เรือเพ่ือ
ปอ งกนั การเสยี ระยะฟรีบอรด การแกไ ขโดยการรักษากาํ ลงั ดนั ภายในหอ ง จะเปน การดกี วา การสูบน้าํ
เขาไป เนอื่ งจากการสูบนา้ํ เขาไปจะทาํ ใหเ กดิ การเพิ่มนา้ํ หนักนอกแนวศนู ยก ลาง
9.5.3 ผลของความทนทานของเรือจากการแกไ ขโดยการสบู นา้ํ เขาเรือ คือ
9.5.3.1 เปน การปรบั ปรุงคา GM และการทรงตวั ของเรอื โดยรวม โดยการกําจัดผลของ
ผิวหนา อสิ ระ แตถ าหองนีไ้ มไ ดอยตู ํ่ากวา แนวนา้ํ การแกไ ขจะไมบงั เกดิ ผล เพราะจะเปน การเพ่ิม
น้ําหนกั ในทางสงู ซึง่ จะทําใหเ กิดการสูญเสียระยะฟรีบอรด
9.5.3.2 ถาหอ งที่ถกู นา้ํ ทว มอยูนอกแนวศูนยกลางลาํ เรือ การเพ่ิมนาํ้ หนกั เขาไปจะทําใหเ กิดผล
เสียตอการทรงตัวของเรือ
9.5.3.3 มีผลทําใหแรงสาํ รองในการลอยตัวลดลง
9.6 การกาํ จัดผลของผิวหนาอิสระโดยวิธกี ารสูบถา ยของเหลวภายในเรือ
วธิ กี ารและผลของกําลงั ผลของผวิ หนา อสิ ระโดยการสบู ถา ยของเหลวภายในเรือ มีดังน้ี
9.6.1 ถามถี งั นํ้าท่ีไมไ ดถ กู เตมิ จนเตม็ มากกวา 1 ถัง เราสามารถลดผลของผิวหนาอิสระได โดยการ
สบู ถายของเหลวจากถงั อน่ื มาใสจ นเตม็ ตวั อยางเชน การถายนา้ํ จากถังปก (Wing Tank) ทอี่ ยู
ในระดับสงู ลงสูถ ังทอ งเรือ (Bottom Tank) แตถาถงั ปกมลี กั ษณะแคบ คือมีความกวา งนอ ยกวา
ครึ่งหนง่ึ ของความกวา งของเรือ จะไมเ กิดผลของผิวหนา อิสระ
9.6.2 ผลของความทนทานทะเลของเรือจากการแกไขโดยการสูบถา ยของเหลวภายในเรือ มีดงั นี้
67
9.6.2.1 เปน การปรบั ปรงุ คา GM และการทรงตัวของเรือโดยรวม เน่อื งจากการกาํ จัดผล
ของผวิ หนา อสิ ระ ซึ่งอาจจะเปน ผลมาจากการถา ยเทนาํ้ หนกั ลงสูท ี่ตา่ํ
9.6.2.2 ไมมกี ารเปล่ียนแปลงของน้าํ หนกั ในแนวกลางลาํ ถาเปนการถา ยเทนํา้ หนักอยา งสมดลุ ย
9.6.2.3 ไมม ผี ลตอ แรงสาํ รองในการลอยตัว
9.7 การแกไ ขการทรงตวั ของเรือโดยการถวงเรอื
การถว งเรอื เปน วธิ กี ารในการปรบั ปรุงคา GM และการทรงตวั ของเรอื โดยรวมโดยการเพิม่
น้าํ หนกั ในท่ีตา่ํ โดยมวี ธิ กี ารและการปฏบิ ัตดิ ังตอ ไปนี้
9.7.1 การถา งเรือ คือ วิธกี ารในการเตมิ นา้ํ เขา ไปในหอ งท่ีอยูต่ํากวาเสน แนวนาํ้ เพื่อเปน การปรบั ปรงุ
การทรงตวั ของเรอื การถวงเรอื โดยปกติจะกระทาํ กอนทจี่ ะเกิดความเสยี หายขนึ้ กับเรือ การเพม่ิ นํา้ หนกั
ใหแกเ รือภายหลังจากไดร ับความเสยี หาย อาจเปน การปรับปรุงคา GM ใหด ีข้นึ ถา หากวาคา ฟรี
บอรด และคา สาํ รองของการลอยตัว สามารถรองรับนา้ํ หนักทเ่ี พม่ิ ข้นึ ได เรอื เปลาทไ่ี ดรับความเสยี หาย
อาจมีการทรงตัวทด่ี ขี ้ึนเม่อื ไดร ับการถวงเรอื
9.7.2 การถว งเรอื สามารถกระทาํ ไดโดย
9.7.2.1 การเตมิ นํา้ , นํ้ามนั เชื้อเพลิง ลงถงั นาํ้ อบั เฉา
9.7.2.2 การสบู นํา้ ออกจากถงั นาํ้ อับเฉาโดยระบบสบู นํ้าทอ งเรอื
9.7.2.3 การเติมนา้ํ ลงในถังควรเปนการเตมิ โดยเตมิ ลงถงั โดยตรง เน่อื งจากการเติมนา้ํ ลงถงั ใด
ถงั หนง่ึ มากเกนิ ไปจากระบบสบู น้ําภายในเรือ จะทําใหความสมดุลยเสยี ไป การถว งเรอื ภายหลงั จากที่
เรือไดร บั ความเสียหาย ควรกระทาํ กบั หอ งหรือถงั ที่อยใู นแนวกลางลาํ หรอื กบั หอ งที่มลี กั ษณะสมดลุ ย
กนั แตอยูคนละกราบถงั ที่ใชในการถว งเรือ ไมควรจะมที อทางเชอื่ มตอกันเนอ่ื งจากอาจจะทาํ ใหก ารเตมิ
นา้ํ ในการถว งเรือไมเทา กนั และการเตมิ นํ้าในการถว งเรอื ควรมีการตรวจวัดอยูตลอดเวลาเพือ่ ใหท ราบ
ถงึ ปริมาณนา้ํ ทใ่ี ชใ นการถวงเรือ
9.7.3 ในระหวา งการถวงเรือจะเกิดผลของผวิ หนา อสิ ระชว่ั คราวขึน้ ผลของผวิ หนา อิสระช่ัวคราว ไมก อ ใหเ กดิ
อันตรายถา ความกวา งของถงั ทใ่ี ชม คี า นอยกวา คร่ึงหนง่ึ ของความกวางเรือ และ ถา หองไดถูกเติมนา้ํ จนเต็ม
ผลของความคงทนทะเลในการเพม่ิ ประสิทธภิ าพการทรงตวั โดยการถว งเรอื ประกอบดว ย
9.7.3.1 เปนการปรบั ปรงุ คา GM และการทรงตวั ของเรือโดยรวม เนือ่ งมาจากการเพ่มิ
น้ําหนกั ในที่ตา่ํ ซึง่ เปน การลดคา G ลงมามากกวา การลดคา ฟรีบอรด ลดคา M
9.7.3.2 ไมมีการเปลย่ี นแปลงนา้ํ หนักนอกแนวศูนยก ลางลาํ เรอื เวน เสยี แตว าการถวงเรือ
กระทาํ โดยไมส มดลุ
9.7.3.3 เปนการลดคาแรงสํารองการลอยตัว
9.8 การแกไ ขการทรงตวั ของเรอื โดยการเคล่ือนยา ยน้าํ หนกั ของของเหลวลงสทู ่ีต่ํา
68
9.8.1 การปรับปรุงการทรงตัวของเรอื สามารถกระทาํ ไดโ ดยการเคลื่อนยา ยนา้ํ หนกั ของของเหลวลง
สูทตี่ ่าํ ซงึ่ สามารถกระทําได 2 วิธคี อื
9.8.1.1 ระบายนา้ํ ทเ่ี กดิ จากความเสยี หายลงสหู อ งทอี่ ยตู ่ํากวา ภายหลังจากทไี่ ดทาํ การอุดรอย
ร่วั เรยี บรอ ยแลว
9.8.1.2 การสบู ถายของเหลวไปลงถงั ทองเรอื ผลของผวิ หนาอิสระท่เี กิดข้ึนในระหวาง
ปฏบิ ตั ิการจะไมมคี วามสําคัญ ถาความกวา งของถงั ท่ีใชมคี านอ ยกวาครึ่งหน่งึ ของความกวา งเรือ
มาตรการนค้ี วรจะหลกี เลยี่ งถาเปนการระบายนาํ้ จากกราบหน่งึ ไปยังอกี กราบหนง่ึ หรอื ถา เปน กรณที ําให
เกดิ แรงนอกศนู ยก ลางขึน้
9.8.2 ผลของความคงทนทะเลเนือ่ งจากการถา ยน้าํ หนักลงสทู ต่ี ่าํ คอื
9.8.2.1 เปน การปรับปรงุ คา GM และการทรงตวั ของเรอื โดยรวมเนอื่ งมาจากการยา ย
น้าํ หนกั ของของเหลวลงสทู ต่ี ่าํ เพ่ือพยายามลดผลของผวิ หนาอสิ ระ
9.8.2.2 ไมมีการเปลย่ี นแปลงน้ําหนักในแนวศนู ยก ลาง เวน เสยี แตวา ของเหลวไดม ีการสบู
ถายของเหลวขวางลาํ มากกวา เปน สบู ถา ยลงสทู ี่ตํ่า
9.8.2.3 ไมม กี ารเปล่ียนแปลงในแรงสาํ รองการลอยตวั
69