The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

saranukrom

saranukrom

สารานุกรมพืชในประเทศไทย บหุ รง

รูปไข่กลบั ปลายรูปคุม่ ยาวประมาณ 3 ซม. มปี นื้ สแี ดงช่วงปลาย และจุดสแี ดง บหุ งาสา่ หรี
2 จดุ ทโี่ คน มถี ้วยรองอบั เรณู แผน่ เกสรเพศผทู้ ่ีเปน็ หมันด้านข้างรปู ไข่กลบั กวา้ ง
ยาวประมาณ 1.3 ซม. โคนมจี ดุ สแี ดง 2 จุด เกสรเพศผู้ยาว 0.8-1 ซม. อบั เรณมู ี Citharexylum spinosum L.
ขนตอ่ ม ปลายอบั เรณูไมม่ ีสนั ยอด (ดูข้อมลู เพม่ิ เติมท่ี กระชาย, สกลุ ) วงศ์ Verbenaceae

พบทอ่ี นิ เดยี พมา่ ลาว และภาคเหนอื ของไทยทแ่ี มฮ่ อ่ งสอน เชยี งใหม่ ลำ� ปาง ชอื่ พ้อง Citharexylum fruticosum L.
นา่ น ตาก ข้นึ ตามปา่ ดิบเขา ความสงู มากกวา่ 1000 เมตร
ไมพ้ ุ่มหรือไมต้ ้น สงู ได้ถงึ 15 ม. แยกเพศต่างต้น กง่ิ เปน็ 4 เหลย่ี ม ใบเรยี ง
เอกสารอ้างองิ ตรงขา้ มสลบั ต้ังฉาก รปู รี รูปขอบขนาน หรือแกมรปู ไข่กลบั ยาว 3-20 ซม. โคน
Baker, J.G. (1890). Scitamineae (Gastrochilus). In Flora of British India Vol. 6: 217. เรยี วแคบจรดก้านใบ แผน่ ใบเกลย้ี งหรอื มขี นประปรายดา้ นลา่ ง เสน้ แขนงใบขา้ งละ
Sabu, M. (2006). Zingiberaceae and Costaceae of South India (pro. part). Kerala, 3-6 เส้น กา้ นใบสสี ้มอมแดง ยาว 1-2.5 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจะออกท่ปี ลาย
India. Indian Association for Angiosperm Taxonomy, Calicut University. ก่งิ หรอื ซอกใบ ยาวไดถ้ งึ 40 ซม. ห้อยลง กลบี เลี้ยงรปู ถ้วย ยาว 3-4 มม. ปลายจัก
ตน้ื ๆ 5 แฉก หรือเกอื บเรยี บ ตดิ ทน ดอกรูปดอกเข็ม หลอดกลีบดอกยาว 3-6 มม.
บุษบง: ล�ำตน้ สูง ใบเกอื บไร้กา้ น ช่อดอกออกตามซอกกาบท่ยี อด กลบี ปากเปน็ ถงุ รปู ไขก่ ลบั ปลายรูปค่มุ มีป้นื สแี ดง มี 5 กลบี รปู ขอบขนานยาวเทา่ ๆ หลอดกลีบดอก ปากหลอดกลีบมขี นส้นั นุ่ม
ชว่ งปลาย (ภาพซ้ายและภาพขวาล่าง: แม่ฮอ่ งสอน, ภาพขวาบน: ลาว; - JM) เกสรเพศผู้อันส้นั 2 อัน อันยาว 2 อนั ตดิ ประมาณกึง่ กลางหลอดกลีบ ไม่ยนื่ พ้น
ปากหลอดกลีบ ยอดเกสรเพศเมียแยก 2 พู ผลผนังช้นั ในแขง็ สุกสีดำ� อมมว่ ง
บหุ งาเซงิ
มถี น่ิ กำ� เนดิ ทฟ่ี ลอรดิ า้ สหรฐั อเมรกิ า หมเู่ กาะอนิ ดสี ตะวนั ตก และอเมรกิ ากลาง
Friesodielsia desmoides (Craib) Steenis เปน็ ไมป้ ระดบั ทวั่ ไปในเขตรอ้ น ดอกมกี ลนิ่ หอมแรงโดยเฉพาะเวลากลางคนื ชอื่ ชนดิ
วงศ์ Annonaceae ต้ังตามตัวอย่างใบอ่อนที่ขอบใบมหี นาม

ชอื่ พอ้ ง Goniothalamus desmoides Craib สกุล Citharexylum Mill. ex L. อยู่ภายใตว้ งศ์ย่อย Citharexyleae มีประมาณ
130 ชนิด พบในอเมริกาเขตรอ้ น ในไทยพบเป็นไม้ประดับชนดิ เดยี ว ชอื่ สกุลมาจาก
ไม้พมุ่ รอเล้ือย ก่ิงออ่ นมขี นสน้ั นุ่มหนาแนน่ ใบเรยี งเวียน รปู ขอบขนานหรอื ภาษากรีก “kithra” ชอ่ื เคร่อื งดนตรีกรีกโบราณ คล้ายพณิ และ “xylon” ไม้
รปู ใบหอกกลบั ยาวได้ถงึ 17 ซม. โคนใบเวา้ ตน้ื แผ่นใบดา้ นลา่ งบางคร้งั มนี วล หมายถงึ ไมท้ ใ่ี ช้ท�ำ เครอ่ื งดนตรี
ก้านใบยาว 0.5-1 ซม. ดอกออกเดยี่ ว ๆ ตรงข้ามใบหรือซอกใบ สเี หลอื งออ่ น เอกสารอา้ งอิง
มีกล่ินหอม หอ้ ยลง ก้านดอกสัน้ กลบี เลี้ยง 3 กลบี รูปไข่ ยาวประมาณ 6 มม. Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
กลบี ดอก 6 กลบี เรยี ง 2 วง วงนอกรปู ขอบขนาน ยาว 2.5-4 ซม. วงในรปู สามเหลยี่ ม
ยาว 0.8-1 ซม. เกสรเพศผ้จู �ำนวนมาก อับเรณยู าวประมาณ 1 มม. คารเ์ พลจ�ำนวนมาก Press, Honolulu, Hawai`i.
ยาวประมาณ 1 มม. มขี นส้นั นมุ่ ผลกล่มุ ผลย่อยรปู ทรงกระบอก ยาว 1.5-2 ซม.
มีขนสนั้ น่มุ กา้ นผลยาวประมาณ 1 ซม. ผลแก่สแี ดง มี 1-2 เมลด็ บุหงาส่าหรี: ใบเรยี งตรงข้ามสลบั ตั้งฉาก กา้ นใบสีส้มอมแดง ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบ ดอกรปู ดอกเข็ม
ปากหลอดกลบี มีขนส้ันหนานมุ่ (ภาพ: cultivated - RP)
พบที่กัมพูชา ในไทยกระจายห่าง ๆ ทุกภาค ขึ้นใต้ร่มเงาหรือริมล�ำธารใน
ป่าดิบแล้ง และป่าดิบช้นื ความสงู ไมเ่ กนิ 350 เมตร บุหรง, สกุล

สกุล Friesodielsia Steenis มี 50-60 ชนดิ ลกั ษณะท่วั ไปคลา้ ยกบั พชื ในสกลุ Dasymaschalon (Hook. f. & Thomson) Dalla Torre & Harms
Goniothalamus พบเฉพาะในแอฟริกาและเอเชีย ในไทยมี 6-7 ชนิด ชอ่ื สกลุ วงศ์ Annonaceae
ต้งั ตาม Elias Magnus Fries (1794-1878) นกั พฤกษศาสตร์ชาวสวเี ดน และ
Friedrich Ludwig Emil Diels (1874-1945) นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมนั ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ พบนอ้ ยทร่ี อเลอื้ ย ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว แผน่ ใบดา้ นลา่ ง
เอกสารอ้างอิง มกั มนี วล ดอกออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบทป่ี ลายกง่ิ กลบี เลย้ี ง 3 กลบี กลบี ดอก 3 กลบี
Craib, W.G. (1922). Contributions to the Flora of Siam. Bulletin of Miscellaneous แผน่ กลบี หนา เรยี งวงเดยี วจรดกนั เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก ปลายแกนอบั เรณมู รี ยางค์
แหลม ตัด หรอื กลม คาร์เพลจำ� นวนมาก รังไข่มขี นสั้นนุ่ม ผลกลมุ่ ผลยอ่ ยมี 3-50 ผล
Information Kew 1922: 167-168. สุกสีเหลอื งหรอื แดง แต่ละผลย่อยมี 1-7 เมลด็ คอดตามเมลด็ เมล็ดมีขัว้

บุหงาเซงิ : ก่ิงออ่ นมีขนสน้ั นุ่มหนาแนน่ โคนใบเว้าต้ืน ดอกออกเดี่ยว ๆ ตรงขา้ มใบหรอื ซอกใบ กลีบดอกวงในสัน้ กว่า สกุล Dasymaschalon เคยอยู่ภายใตส้ กุล Desmos Lour. sect. Dasymaschalon
วงนอก (ภาพ: เขาสอยดาว จันทบรุ ี - SSi) มีประมาณ 30 ชนิด สว่ นมากพบในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะ
คาบสมุทรมลายูและไทย ในไทยมี 12 ชนดิ สว่ นสกลุ Desmos กลีบดอกมี 6 กลีบ
เรยี ง 2 วง ปลายกลีบไมเ่ ชือ่ มติดกนั ช่ือสกุลมาจากภาษากรีก “dasys” ขนหนา
และ “maschale” ซอกหรือรกู ลวง หมายถึงกลบี ดอกเชื่อมติดกนั มีช่องกลวง
มขี นประปรายหรอื หนาแน่น

บุหรง

Dasymaschalon dasymaschalum (Blume) I. M. Turner

ช่อื พ้อง Dasymaschalon blumei Finet & Gagnep., D. dasymaschalum (Blume)
I. M. Turner var. blumei Hook. f. & Thomson

ไมพ้ มุ่ หรือไมต้ น้ สงู ไดถ้ ึง 10 ม. มขี นประปรายตามกิง่ อ่อน กลีบเลย้ี งและ
กลบี ดอกดา้ นนอก ใบรปู ขอบขนาน รปู ใบหอก หรอื แกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 9-25 ซม.

231

บุหรงก้านขน สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

โคนเวา้ ตนื้ ๆ กา้ นใบยาว 2-7 มม. กา้ นดอกยาว 1-7 ซม. กลบี เลย้ี งหนา รปู สามเหลย่ี ม บุหรง: แผ่นใบด้านลา่ งมีนวล กลบี ดอกเรียงติดกนั บดิ เวยี นเลก็ นอ้ ย คอดเว้าทโ่ี คน ผลย่อยรปู ทรงกระบอก คอด
ยาว 1.5-4 มม. ดอกสเี หลืองครีมหรือสชี มพู กลบี รูปใบหอกแกมรูปไข่ ยาว 3-8 ซม. ตามเมลด็ (ภาพ: น้ำ� ตกหม่อมจยุ้ พัทลงุ - PK)
บดิ เวยี น ปลายเรียวแหลม โคนคอดเวา้ เกสรเพศผ้ยู าว 2-3.5 มม. ผลยอ่ ยมี 7-24 ผล
มขี นประปราย กา้ นชอ่ ผลยาว 1-7 ซม. ผลยอ่ ยรปู ทรงกระบอก ยาว 1.5-4.5 ซม. บุหรงก้านขน: กิ่งและก้านใบมีขนสน้ั นุม่ แผน่ ใบด้านล่างมีนวล กลบี ดอกบิดเวียน (ภาพซ้าย: ยะลา - MP);
ก้านผลยอ่ ยยาว 0.4-1.8 ซม. มี 1-6 เมล็ด บุหรงดอกแหลม: กลีบดอกเรยี งตดิ กัน คอดเวา้ ประมาณก่งึ หนึง่ (ภาพขวา: เขาใหญ่ ปราจีนบุรี - SSi)

พบทีห่ มู่เกาะอนั ดามันของอนิ เดีย พม่า คาบสมุทรมลายู สุมาตรา และชวา ในไทย บุหรงภหู ลวง: ปลายใบแหลมหรือมน โคนเว้าตื้น แผน่ ใบเกลยี้ ง ดอกสชี มพูอมแดง กลีบไม่บิดเวียน คอดเว้าประมาณ
พบทางภาคตะวนั ออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ข้นึ ตามป่าดบิ ชน้ื ความสงู ถึงประมาณ กง่ึ หนง่ึ (ภาพ: ภูววั บงึ กาฬ; ภาพซา้ ย - SSa, ภาพขวา - NS)
300 เมตร
บหุ รัน
บุหรงก้านขน
Merremia umbellata (L.) Hallier f.
Dasymaschalon wallichii (Hook. f. & Thomson) Jing Wang & R. M. K. วงศ์ Convolvulaceae
Saunders
ชือ่ พอ้ ง Convolvulus umbellatus L.
ชอื่ พ้อง Dasymaschalon dasymaschalum (Blume) I. M. Turner var. wallichii
(Hook. f. & Thomson) I. M. Turner ไม้เถาล้มลุก ใบรูปไขห่ รือแกมรูปขอบขนาน ยาว 3.5-14.5 ซม. ปลายใบเวา้ ตืน้
โคนใบรูปหัวใจหรือคล้ายเง่ียงลูกศร แผ่นใบมีขนละเอียดโดยเฉพาะด้านล่าง
ไม้พุ่มหรือไม้ตน้ สงู ไดถ้ ึง 10 ม. มีขนสั้นนมุ่ หนาแนน่ ตามกิง่ ออ่ น เสน้ กลางใบ กา้ นใบยาว 1-6 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะคลา้ ยชอ่ ซรี่ ม่ กา้ นชอ่ ยาว 0.5-12 ซม.
ดา้ นล่าง และกา้ นใบ ใบรปู ขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 12-23 ซม. โคนเว้าตน้ื กา้ นดอกยาว 1-3 ซม. มขี นละเอยี ด ใบประดบั ขนาดเลก็ รว่ งเรว็ กลบี เลย้ี งคนู่ อก
กา้ นใบยาว 3-7 มม. ก้านดอกยาว 1.5-9 ซม. มีขนประปราย กลีบเลี้ยงคอ่ นข้างหนา รปู ไขก่ ลบั ยาว 5-8 มม. ดา้ นนอกมขี นสนั้ นมุ่ 3 กลบี ในเรยี วแคบและยาวกวา่ เลก็ นอ้ ย
รูปสามเหล่ยี ม ยาว 1.5-4 มม. ด้านนอกมขี นประปราย ดอกสีเหลอื งครีมหรืออม ขอบบาง ดอกรูปแตร สเี หลอื งหรือขาวครมี ยาว 2.5-4 ซม. มีแถบขนดา้ นนอก
ชมพู กลบี รปู ใบหอกแกมรปู ไข่ ยาว 4-9.5 ซม. บิดเวียน ปลายเรียวแหลม คอดเว้า ช่วงปลายกลีบ อับเรณูไม่บิดเวียน รังไข่เกล้ียงหรือปลายมีขน ผลรูปไข่ ยาว
ชว่ งโคนกลบี ดา้ นนอกมขี นประปราย เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 3 มม. ผลย่อยมี 0.9-1.2 ซม. ปลายเปน็ ตง่ิ แหลม เมลด็ รปู ไข่ ยาว 4-5 มม. มขี นยาวหนาแนน่ (ดขู อ้ มลู
5-22 ผล กา้ นช่อผลยาว 1-8 ซม. ผลยอ่ ยรูปทรงกระบอก ยาว 1.5-4.5 ซม. มี เพิ่มเตมิ ที่ จงิ จอ้ เหลอื ง, สกุล)
ขนประปราย กา้ นยาว 4-7 มม. มี 1-5 เมล็ด
พบทอี่ เมรกิ าเขตรอ้ น แอฟรกิ า เอเชยี ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทย
พบที่คาบสมุทรมลายู และภาคใต้ตอนล่างของไทยท่ียะลา และนราธิวาส ขึ้น พบทุกภาค ข้นึ ตามท่ีโลง่ ชายปา่ ความสูงถึงประมาณ 1200 เมตร ใบใช้ประคบ
ตามปา่ ดบิ ชื้น ความสงู ไม่เกิน 300 เมตร คล้ายกบั บหุ รง D. dasymaschalum แผลไฟไหม้ ลดการเจบ็ ปวด
(Blume) I. M. Turner ทกี่ ง่ิ กา้ นใบ และเสน้ กลางใบดา้ นลา่ งเกลยี้ งหรอื มขี นประปราย
เอกสารอา้ งอิง
บหุ รงดอกแหลม Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 444-445.

Dasymaschalon acuminatum Jing Wang & R. M. K. Saunders
ไม้พุ่ม สงู ได้ถงึ 5 ม. มีขนประปรายตามแผ่นใบด้านล่าง ก้านใบ ก้านดอก

กลบี เลี้ยงดา้ นนอก ใบรูปขอบขนานหรือรปู ใบหอก ยาว 10.5-16 ซม. โคนเว้าตน้ื
ก้านใบยาว 4-8 มม. กา้ นดอกยาวไดถ้ ึง 1.5 ซม. กลีบเล้ยี งรูปสามเหล่ยี มกวา้ ง
ยาว 1.5-2 มม. ดอกสีเหลอื ง กลบี รปู ไขป่ ลายเรียวแหลม ยาวไดถ้ งึ 3 ซม. คอดเวา้
ประมาณกงึ่ หนงึ่ เกสรเพศผยู้ าว 1-4.5 มม. รยางคท์ ปี่ ลายอบั เรณเู กลย้ี งหรอื มตี มุ่ ขน
ประปราย ผลย่อยมี 5-12 ผล กา้ นช่อผลยาว 1.5-4 ซม. ผลยอ่ ยรูปทรงกระบอก
ยาวไดถ้ งึ 3.5 ซม. มีขนประปราย ก้านยาว 0.8-1.5 ซม. มี 1-4 เมล็ด

พบที่เวียดนาม และกัมพูชา ในไทยพบทางภาคกลาง ภาคตะวันออก และ
ภาคตะวันออกเฉยี งใต้ ข้ึนตามป่าดบิ แล้ง ความสงู 350-900 เมตร

บหุ รงภหู ลวง

Dasymaschalon echinatum Jing Wang & R. M. K. Saunders
ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 3 ม. มขี นประปรายตามกง่ิ ออ่ น กา้ นใบ กา้ นดอก กลบี เลย้ี ง

และกลบี ดอกด้านนอก ใบรูปรหี รอื รปู ไขก่ ลับ ยาว 8-19 ซม. ปลายแหลมหรือมน
โคนเวา้ ตื้น แผน่ ใบเกลี้ยง กา้ นใบยาว 0.4-1 ซม. กา้ นดอกยาวได้ถงึ 1.5 ซม. กลบี เลย้ี ง
รูปสามเหลี่ยมกวา้ ง ยาวประมาณ 2.5 มม. ดอกสชี มพอู มแดง กลีบรูปใบหอก
ยาวไดถ้ ึง 4 ซม. ไม่บิดเวียน คอดเวา้ ประมาณกึ่งหนง่ึ เกสรเพศผยู้ าวประมาณ
2.5 มม. รยางคท์ ่ปี ลายอับเรณูตัด เกลี้ยง ผลยอ่ ยมไี ด้ถงึ 11 ผล กา้ นช่อผลยาว
1-2 ซม. ผลยอ่ ยรปู ทรงกระบอก ยาว 2-3 ซม. เกลย้ี งหรอื มขี นประปราย กา้ นยาว
4-5 มม. มี 2-6 เมล็ด

พืชถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ที่ภูหลวง จงั หวดั เลย
และภวู วั จงั หวดั บงึ กาฬ ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ เขา ความสงู 200-1500 เมตร
คลา้ ยกบั บหุ รง D. dasymaschalum (Blume) I. M. Turner ทก่ี ลบี ดอกบดิ เวยี น
พบทางภาคใต้ และภาคตะวนั ออกเฉียงใต้

เอกสารอ้างองิ
Wang, J., P. Chalermglin and R.M.K. Sauders. (2009). The genus Dasymaschalon
(Annonaceae) in Thailand. Systematic Botany 34(2): 252-265.

232

สารานุกรมพืชในประเทศไทย บุหรพ่ี ระราม

บหุ รัน: โคนใบรปู หัวใจหรือคลา้ ยเง่ียงลูกศร ช่อดอกแบบชอ่ กระจะคล้ายชอ่ ซร่ี ่ม ผลรูปไข่ ปลายเป็นต่งิ แหลม หรือแกมรูปขอบขนาน ปลายใบแหลมหรอื มน ปลายมตี ่ิงแหลม ยาว 1-2 มม.
เมลด็ มขี นยาวหนาแนน่ (ภาพดอกและผล: โพธทิ์ อง ร้อยเอด็ , ภาพผลแตก: สกโุ ณทยาน พษิ ณุโลก; - PK) กา้ นใบย่อยยาว 0.4-2 ซม. ช่อดอกเพศผูย้ าว 10-30 ซม. แยกแขนง กา้ นชอ่ ยาว
1.5-4 ซม. ใบประดบั ใบลา่ งจกั เปน็ พู ขนาดใหญก่ วา่ ชว่ งปลายชอ่ แตล่ ะใบประดบั
บุหรี่พระราม, สกลุ มไี ด้ถงึ 5 ดอก ก้านดอกยาว 0.5-1 ซม. กลีบเล้ียงรูปไข่ ยาวประมาณ 2 มม. กลบี ดอก
รปู ไข่ ยาวประมาณ 3 มม. ก้านชอู ับเรณแู ยกกัน ชอ่ ดอกเพศเมยี ยาว 2-10 ซม.
Neoalsomitra Hutch. มไี ดถ้ งึ 10 ดอก กา้ นดอกยาวประมาณ 1 ซม. ยอดเกสรเพศเมยี รปู พระจนั ทรเ์ สย้ี ว
วงศ์ Cucurbitaceae มหี นง่ึ หรอื หลายผล ยาว 4-8 ซม. ก้านยาว 1-2 ซม. เมลด็ ยาว 0.6-1 ซม. ขอบจกั
5-7 แฉก คลา้ ยรปู ดาว ผิวมตี ุม่ ละเอยี ด ปีกยาว 1.4-2.7 ซม.
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ แยกเพศตา่ งตน้ มอื จบั ปลายแยก 2 แฉก ใบเดยี่ วหรอื ใบประกอบ
มใี บยอ่ ย 3-5 ใบ ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ กระจะแยกแขนง ใบประดบั ขนาดเลก็ สว่ นมาก พบทอี่ นิ เดยี บงั กลาเทศ ภฏู าน พมา่ จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู
รปู แถบ รว่ งเรว็ ชอ่ ดอกเพศผดู้ อกจำ� นวนมาก ดอกเพศผแู้ ละดอกเพศเมยี คลา้ ยกนั สมุ าตรา ฟลิ ปิ ปินส์ ออสเตรเลีย และหมูเ่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทกุ ภาค ขึ้นตาม
ฐานรองดอกต้ืน กลีบเลีย้ ง 5 กลบี แยกจรดโคน กลบี ดอก 5 กลบี โคนเชอื่ มติดกัน ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแลง้ หรอื เขาหินปนู ความสูงถึงประมาณ 1000 เมตร
เกสรเพศผู้ 5 อัน กา้ นชูอบั เรณแู ยกหรอื เช่ือมตดิ กัน อบั เรณมู รี อยเชือ่ มแนวเดยี ว
(1-thecous) เป็นหมันในดอกเพศเมยี รังไข่มี 3 ช่อง กา้ นเกสรเพศเมีย 3 อนั สนั้ บหุ รีพ่ ระราม
ยอดเกสรเพศเมยี จกั เปน็ พหู รอื รปู พระจนั ทรเ์ สยี้ ว ผลแหง้ แตก รปู กระบองปลายตดั
แตกเป็น 3 ซกี เมล็ดจ�ำนวนมาก ปลายมปี ีกบาง ๆ Neoalsomitra plena (Craib) Hutch.

สกุล Neoalsomitra มี 11 ชนิด พบในเอเชียและออสเตรเลีย ในไทยมี 5 ชนิด ชอื่ พอ้ ง Alsomitra plena Craib
ชื่อสกลุ หมายถงึ สกลุ ใหมท่ ีค่ ล้ายกับสกลุ Alsomitra
ไม้เถาล้มลกุ ยาวไดถ้ งึ 5 ม. มขี นกระจายตามกงิ่ แผ่นใบ ชอ่ ดอก และก้านดอก
บหุ รพ่ี ระราม ใบเดยี่ ว รปู ไข่ จัก 3-5 พู หรอื ใบประกอบมีใบย่อย 3-5 ใบ เส้นผ่านศูนย์กลาง
2-13 ซม. ก้านใบยาว 0.5-3 ซม. ก้านใบยอ่ ยยาว 0.3-1 ซม. ชอ่ ดอกเพศผู้ยาว
Neoalsomitra angustipetala (Craib) Hutch. 5-15 ซม. แยกแขนงแคบ ๆ ก้านช่อส้นั แต่ละใบประดับมี 1-2 ดอก กา้ นดอกยาว
0.5-1.2 ซม. กลบี เล้ียงรูปสามเหลยี่ มแคบ ยาว 1.5-2 มม. กลีบดอกรปู ไขห่ รือ
ชอ่ื พ้อง Gynostemma angustipetala Craib รูปขอบขนาน ยาว 2.5-4 มม. โคนเสน้ กลางกลบี เปน็ สนั นูน กา้ นชูอบั เรณแู ยกกนั
โค้ง ดอกเพศเมียมหี นงึ่ หรือหลายดอก ก้านดอกยาว 3-7 มม. มี 1-3 ผลยาว 2.5-4 ซม.
ไมเ้ ถาลม้ ลุก ยาวไดถ้ ึง 4 ม. มหี วั ใต้ดนิ ใบประกอบมี 5 ใบยอ่ ย ใบตามชอ่ ดอก กา้ นยาว 0.5-1 ซม. มี 15-20 เมล็ด สนี �้ำตาลออ่ นหรือดำ� รูปรี ยาว 4-5 มม. ปีกขยาย
มกั มี 3 ใบ เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 4-10 ซม. ก้านใบประกอบยาว 1-2.5 ซม. ใบย่อย กวา้ งดา้ นเดยี ว
รปู รี รปู ขอบขนาน หรอื รปู ใบหอกกลบั ปลายแหลมมน กา้ นใบยอ่ ยยาวประมาณ
1 ซม. ชอ่ ดอกเพศผูย้ าว 5-15 ซม. มีขนตอ่ มละเอยี ด ก้านช่อสนั้ แตล่ ะใบประดบั มี พืชถน่ิ เดียวของไทย พบกระจายหา่ งทุกภาค ภาคใต้ถงึ สรุ าษฎรธ์ านี ขึ้นตาม
1-3 ดอก กา้ นดอกยาว 3-6 มม. ดอกบานเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 6-8 มม. กลบี เลีย้ งและ ป่าละเมาะบนเขาหินปนู ความสงู ถึงประมาณ 600 เมตร
กลีบดอกคล้าย ๆ กัน มี 10-14 กลีบ รปู ใบหอก ยาว 3-4 มม. ก้านชอู บั เรณู
เช่ือมติดกันที่โคน ช่อดอกเพศเมยี ยาวไดถ้ งึ 5 ซม. ยอดเกสรเพศเมียจักเปน็ พู มี เอกสารอ้างองิ
1-10 ผล ผลยาว 4-6.5 ซม. กา้ นยาว 0.4-1 ซม. เมล็ดรปู ลูกแพร์ ยาว 6-7.5 มม. de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of
ผิวมตี มุ่ ละเอียด ปกี ยาว 0.8-1.3 ซม. Thailand Vol. 9(4): 484-492.

พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ออก ภาคกลาง บุหรีพ่ ระราม: N. angustipetala ใบประกอบมี 5 ใบยอ่ ย ชอ่ ดอกเพศผู้ยาว กลบี เลีย้ งและกลบี ดอกคล้ายกนั มีขนตอ่ ม
และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขน้ึ ตามปา่ เตง็ รงั ปา่ เบญจพรรณ และปา่ ดบิ แลง้ หรอื ละเอยี ด ผลแหง้ แตก รปู กระบองปลายตดั (ภาพดอก: มุกดาหาร - PK; ภาพผล: เขานางพันธรุ ตั เพชรบุรี - RP)
เขาหินปนู ความสูงถงึ ประมาณ 700 เมตร
บหุ ร่พี ระราม: N. clavigera ใบประกอบมี 3 ใบ ดอกเพศผูม้ ีเกสรเพศผู้ 5 อัน แยกกนั ผลแหง้ แตก รูปกระบอง
บหุ ร่พี ระราม ปลายตดั (ภาพดอก: เขาใหญ่ ปราจนี บุร,ี ภาพผล: ดอยภคู า นา่ น; - BD)

Neoalsomitra clavigera (Wall.) Hutch.

ช่ือพอ้ ง Zanonia clavigera Wall., Alsomitra pubigera Prain

ไม้เถาล้มลกุ ยาวไดถ้ งึ 12 ม. ใบประกอบส่วนมากมี 3 ใบ ใบคู่ขา้ งมกั จกั เปน็ พู
เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 5-20 ซม. ก้านใบประกอบยาว 0.5-5 ซม. ใบยอ่ ยรูปรี รูปไข่

233

เบบี้ซันโรส สารานุกรมพืชในประเทศไทย

บหุ รี่พระราม: N. plena มีขนกระจายตามกง่ิ แผ่นใบ ช่อดอก และก้านดอก ดอกเพศเมยี มีหนึ่งหรอื หลายดอก เบยี้ ไม:้ ใบเรียง 2 แถว ใบไมส่ รา้ งสปอร์รปู รหี รือกลม มขี นกระจกุ หนาแนน่ ดา้ นล่าง ไมเ่ ห็นเสน้ แขนงใบ
ก้านเกสรเพศเมยี 3 อัน ยอดเกสรจกั เป็นพู บางครัง้ มผี ลเดยี ว (ภาพ: กาญจนบุรี - BD) ใบสร้างสปอร์รปู ใบหอก กล่มุ อบั สปอร์ตดิ ดา้ นลา่ งทวั่ แผน่ ใบ มขี นกระจกุ หนาแนน่ (ภาพ: นำ�้ ตกหมอ่ มจุย้ พทั ลงุ - TP)

เบบซ้ี นั โรส เบอ้ื แดง

Mesembryanthemum cordifolium L. f. Euphorbia parviflora L.
วงศ์ Aizoaceae วงศ์ Euphorbiaceae

ชือ่ พอ้ ง Aptenia cordifolia (L. f.) Schwantes ไมล้ ม้ ลกุ ทอดเลอื้ ย สงู ไดถ้ งึ 65 ซม. ลำ� ตน้ สเี ขยี วอมแดงหรอื นำ้� ตาล มขี นประปราย
หูใบขนาดเล็ก ใบเรียงตรงข้ามหา่ ง ๆ รปู รีหรอื รปู ไข่ ยาว 1-2.8 ซม. ปลายกลมหรอื
ไม้ล้มลกุ อวบนำ้� ล�ำตน้ เป็นเหลย่ี ม ทอดเลอ้ื ย ใบเรยี งตรงขา้ มสลับตง้ั ฉาก มตี ่งิ แหลม โคนเบี้ยวขา้ งหนึ่งรปู หัวใจ ขอบใบเรยี บหรอื จกั ฟนั เลอ่ื ย แผน่ ใบมีขน
รูปไข่หรอื รูปหัวใจ ยาว 1.5-6 ซม. เส้นแขนงใบข้างละ 2-3 เสน้ กา้ นใบหนาเป็น กระจายดา้ นลา่ ง เสน้ โคนใบขา้ งละ 1 เสน้ กา้ นใบยาว 1.5-2 มม. ชอ่ ดอกเรยี งอดั แนน่
รอ่ งลกึ ยาว 1-1.5 ซม. ดอกออกเดยี่ ว ๆ กา้ นดอกส้ัน หนา ดอกสีชมพูอมม่วงหรอื แดง แบบชอ่ กระจกุ ซอ้ น กา้ นชอ่ สน้ั ใบประดบั รปู แถบ ยาว 1-1.5 มม. มี 5-30 ชอ่ ยอ่ ย
กลบี เลี้ยง 4 กลบี ขนาดเลก็ ไมเ่ ทา่ กนั กลบี ดอกจ�ำนวนมากเช่ือมตดิ กนั ทีโ่ คน วงใบประดับรูปถ้วยสูงประมาณ 1 มม. ตอ่ มสชี มพู มรี ยางคเ์ ปน็ แผ่นรปู รี รงั ไข่
ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5-2.5 ซม. เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก สเี หลอื ง วงนอก มขี น ยอดเกสรยาวประมาณ 0.4 มม. ผลจกั 2-3 พู ยาว 1-1.5 มม. มขี นประปราย
เปน็ หมัน รงั ไข่ใต้วงกลบี เกสรเพศเมียไรก้ า้ น ยอดเกสรแยก 4 แฉก ผลแห้งแตกเป็น กา้ นผลสั้น เมลด็ สีนำ้� ตาลอมเหลือง ยาวประมาณ 1 มม. มีร้วิ ตน้ื ๆ 3 ริ้ว (ดขู อ้ มลู
4 ซีก มเี มล็ดเดียวในแตล่ ะซีก กลม ๆ แบน มีป่มุ กระจาย เพ่มิ เติมท่ี น้�ำนมราชสีห์, สกลุ )

มีถ่นิ กำ� เนดิ ท่ีแอฟรกิ าใต้ เป็นไมป้ ระดับคลุมดินทวั่ ไปในเขตรอ้ น พบท่ีศรีลงั กา อนิ เดีย เนปาล พม่า และภูมภิ าคอินโดจนี ในไทยพบขนึ้ เปน็
วชั พืช ความสูงถงึ ประมาณ 500 เมตร เคยเขา้ ใจว่าเปน็ E. hypericifolia L. ซึ่ง
สกุล Mesembryanthemum L. อยภู่ ายใต้วงศย์ ่อย Aizooideae มีกว่า 100 ชนิด ส่วนตา่ ง ๆ เกลยี้ ง พบเฉพาะในอเมรกิ าเขตรอ้ น
พบมากในแอฟรกิ าใต้ คล้ายกับสกุล Aptenia ทผี่ ลไม่มีปีก ช่ือสกลุ มาจากภาษา
กรกี “mesembria” กลางวัน และ “anthemon” ดอก หมายถงึ ดอกบานชว่ งกลางวัน เบอื้ นุม่
เอกสารอา้ งองิ
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum Euphorbia reniformis Blume
ไมล้ ม้ ลกุ ทอดเลอ้ื ย สว่ นตา่ ง ๆ มขี นยาว ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว
Press, Honolulu, Hawai`i.
1-1.5 ซม. ปลายใบกลม โคนเบ้ียว เส้นโคนใบ 3-5 เส้น ก้านใบยาว 1.5-2.5 มม.
เบบี้ซันโรส: ไมล้ ม้ ลุกอวบนำ้� ลำ� ตน้ เปน็ เหลยี่ ม ใบเรยี งตรงขา้ มสลบั ตงั้ ฉาก กา้ นใบหนาเปน็ รอ่ ง ดอกออกเดย่ี ว ๆ ช่อเรียงอัดกันแน่นแบบช่อกระจุกซ้อน ช่อปลายกิ่งก้านช่อสั้น ช่อตามซอกใบ
กลีบดอกจำ� นวนมากเชือ่ มตดิ กันที่โคน เกสรเพศผวู้ งนอกเป็นหมนั (ภาพ: cultivated - RP) กา้ นชอ่ ยาว มี 5-15 ช่อ ใบประดบั รูปแถบ ยาวประมาณ 1 มม. วงใบประดบั รปู ถว้ ย
สงู ประมาณ 0.7 มม. มี 4 ตอ่ ม สชี มพหู รอื มว่ ง ตอ่ มมรี ยางคเ์ ปน็ แผน่ รปู รสี ขี าว
เบ้ียไม้ ขนาดเล็ก รงั ไขม่ ีขนยาวหนาแน่น ยอดเกสรยาวประมาณ 0.4 มม. ผลจัก 2-3 พู
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1.5 มม. มขี นยาวหนาแนน่ กา้ นผลสน้ั เมลด็ สนี ำ�้ ตาล
Pyrrosia nummulariifolia (Sw.) Ching ผิวเรียบ ยาวประมาณ 1 มม. (ดูขอ้ มลู เพม่ิ เติมท่ี น้�ำนมราชสีห์, สกลุ )
วงศ์ Polypodiaceae
พบทภี่ มู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยขนึ้ เปน็ วชั พชื ความสงู ถงึ ประมาณ
ช่อื พอ้ ง Acrostichum nummulariifolium Sw. 750 เมตร

เฟินเกาะองิ อาศยั เหงา้ ทอดเลอ้ื ย เกล็ดสนี ้�ำตาลหนาแน่น รูปแถบ ยาว 3-6 มม. เอกสารอา้ งองิ
ขอบเกลด็ มีขน ใบเรียง 2 แถว หนาแนน่ ใบไมส่ รา้ งสปอร์รปู รหี รือกลม ส่วนมาก Esser, H.-J. (2005). Euphorbiaceae (Euphorbia). In Flora of Thailand Vol. 8(1):
ยาว 1-2.5 ซม. ปลายกลม แผน่ ใบหนา มขี นกระจกุ ประปรายดา้ นบน ขนหนาแนน่ 279-280, 282-283.
ดา้ นล่าง ไมเ่ หน็ เสน้ แขนงใบ กา้ นใบสนั้ มาก หรือยาวได้ถึง 3 มม. โคนมเี กล็ด
ใบสรา้ งสปอร์รปู ใบหอก ยาวไดถ้ ึง 7 ซม. ปลายมนหรือกลม โคนเรยี วแคบ กา้ นใบ เบือ้ แดง: ล�ำตน้ มสี เี ขียวอมแดงหรือนำ�้ ตาล โคนใบเบ้ียว ชอ่ ดอกเรียงอดั กนั แนน่ แบบช่อกระจกุ ซอ้ น (ภาพซา้ ย:
ยาว 1-1.5 ซม. กลมุ่ อบั สปอรม์ กี า้ น ตดิ ดา้ นลา่ งทวั่ แผน่ ใบ มขี นกระจกุ หนาแนน่ ทุง่ ใหญน่ เรศวร ตาก - PK); เบ้อื นมุ่ : ใบเรียงตรงข้าม ปลายใบกลม โคนเบยี้ ว ช่อปลายกิง่ ก้านชอ่ ส้นั ชอ่ ตามซอกใบ
(ดขู ้อมูลเพ่มิ เตมิ ท่ี กบี ม้าลม, สกุล) กา้ นชอ่ ยาว ผลจกั 2-3 พู มขี นยาวหนาแนน่ (ภาพขวา: พระพทุ ธบาท สระบรุ ี - RP)

พบทีอ่ ินเดีย ภูฏาน พมา่ จีนตอนใต้ ภูมภิ าคมาเลเซยี และฟลิ ิปปินส์ ในไทย
พบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ กี่ าญจนบรุ ี และพบกระจายทางภาคใต้ ขน้ึ ตามคบไม้
หรอื ก้อนหินในป่าดิบชน้ื ความสงู ระดบั ต่�ำ ๆ

เอกสารอ้างอิง
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/

234

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ใบตา่ งเหรียญ

ใบต่อก้าน, สกลุ ใบต่างดอก

Evolvulus L. Euphorbia cyathophora Murray
วงศ์ Convolvulaceae วงศ์ Euphorbiaceae

ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ ใบเรยี งเวยี น ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ มดี อกเดยี ว ชอ่ เชงิ ลด ไมล้ ม้ ลกุ สูง 50-60 ซม. ลำ� ต้นกลวง หใู บคลา้ ยเกลด็ ขนาดเล็ก ใบเรียงเวียน รูปรี
หรอื ชอ่ กระจกุ แนน่ มีหลายดอก ใบประดบั ขนาดเล็ก กลบี เลย้ี ง 5 กลบี แยกจรดโคน หรือรูปขอบขนาน จกั 1-2 พู ยาว 4-9 ซม. ขอบจักตืน้ ๆ แผ่นใบดา้ นลา่ งมขี น กา้ นใบ
ขนาดเทา่ ๆ กัน ดอกรูปกงล้อ รูปแตร หรอื รปู ดอกเขม็ ปลายจัก 5 กลบี ตน้ื ๆ มี ยาว 0.5-1 ซม. ชอ่ ดอกออกท่ปี ลายกิ่ง แยก 3-6 แขนง วงใบประดับใบลา่ งคล้ายใบ
แถบขนด้านนอก เกสรเพศผู้ 5 อนั อบั เรณูย่น ไมม่ ีหนาม จานฐานดอกรูปถว้ ย โคนสแี ดง ใบบนขนาดเลก็ เรยี บ สแี ดงทงั้ ใบ กา้ นชอ่ ยาวประมาณ 2.5 มม. ใบประดบั
หรือไมม่ ี รังไขม่ ี 2 ชอ่ ง มอี อวลุ 4 เม็ด กา้ นเกสรเพศเมีย 2 อัน แยกหรือเชอ่ื มตดิ กนั รปู ถว้ ย สงู ประมาณ 3 มม. จกั 5 พู มตี อ่ มเดยี ว สเี หลอื ง เปดิ ออกรปู รี ยาวประมาณ
ทโ่ี คน แตล่ ะอนั แยก 2 แฉก ยอดเกสรเพศเมยี รปู เสน้ ดา้ ยหรอื เปน็ ตมุ่ ผลแหง้ แตก 2 มม. ไม่มรี ยางค์ เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 4 มม. รงั ไขเ่ กล้ยี ง ก้านเกสรเพศเมีย
มี 1-4 เมล็ด ยาวประมาณ 2 มม. ผลจัก 2-3 พู เส้นผ่านศนู ยก์ ลางประมาณ 5 มม. กา้ นยาว
ประมาณ 3 มม. เมล็ดรูปไข่ ผิวขรขุ ระ (ดขู อ้ มลู เพ่มิ เตมิ ที่ น�้ำนมราชสีห์, สกุล)
สกุล Evolvulus มปี ระมาณ 100 ชนดิ พบเฉพาะในอเมรกิ า ในไทยขนึ้ เปน็ วัชพืช
2 ชนิด และพบเป็นไมป้ ระดบั 1 ชนิด คือ ฟ้าประดษิ ฐ์ E. glomeratus Nees & มถี ่นิ ก�ำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ในไทยพบเป็นไม้ประดบั หรอื ขน้ึ
Mart. subsp. grandiflorus (Parodi) Ooststr. เป็นไมพ้ มุ่ เตย้ี แผ่นใบมีขนสเี งนิ เป็นวัชพืช โดยเฉพาะตามชายหาดทางภาคใต้
หนาแนน่ ใบประดบั คล้ายใบ ดอกบานเส้นผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 2.5 ซม. ชอ่ื
สกลุ มาจากภาษาละติน “evolvu” ไม่มว้ นงอ หมายถึงไมเ่ ปน็ ไมเ้ ถา เอกสารอ้างอิง
Esser, H.-J. (2005). Euphorbiaceae (Euphorbia). In Flora of Thailand Vol. 8(1): 273.
ใบตอ่ ก้าน
ใบตา่ งดอก: ใบจกั เป็นพู ใบประดบั คล้ายใบ โคนหรอื ทงั้ ใบมสี ีแดง ใบบนเรยี บ ช่อดอกติดเปน็ ช่อกระจกุ ซอ้ น
Evolvulus alsinoides (L.) L. แตล่ ะชอ่ มีต่อมสีเหลืองต่อมเดยี ว ผลมกี ้านยาว (ภาพ: บางสะพาน ประจวบครี ขี ันธ์ - RP)

ชื่อพอ้ ง Evolvulus decumbens R. Br. ใบต่างเหรยี ญ

ไม้ล้มลกุ สว่ นมากแผ่ราบ ใบรปู ใบหอกหรือรูปแถบ ยาว 0.7-2.5 ซม. ไรก้ ้าน Evolvulus nummularius (L.) L.
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออกตามซอกใบ สว่ นมากมดี อกเดยี ว กา้ นชอ่ ยาว 2.5-3.5 ซม. วงศ์ Convolvulaceae
กลบี เล้ียงรปู ใบหอก ยาว 3-4 มม. ติดทน มขี นยาวหนาแนน่ ดอกรูปกงลอ้ สีขาว
หรอื สนี ำ้� เงนิ ออ่ น ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 0.7-1 ซม. รงั ไขเ่ กลยี้ ง ผลกลมสนี ำ�้ ตาล ชือ่ พ้อง Convolvulus nummularius L.
สั้นกวา่ กลบี เล้ียง มปี ระมาณ 4 เมลด็ สีดำ� ผิวเรยี บ
ไมล้ ม้ ลกุ ทอดนอน มรี ากตามขอ้ มขี นยาวตามกงิ่ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง กา้ นดอก และ
เป็นวัชพืชในเขตร้อน ในไทยพบแทบทุกภาค ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงใต้ กลบี เลี้ยง ใบเรยี งสลับระนาบเดยี ว รปู เกอื บกลม ยาว 1.3-1.7 ซม. ปลายใบกลม
ข้ึนตามเขาหินปูน หรือที่แห้งแล้งในป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ความสูงถึง หรือเวา้ ตืน้ โคนรปู หวั ใจหรือกลม แผน่ ใบดา้ นล่างมีจุดสีดำ� กระจาย เสน้ แขนงใบ
ประมาณ 900 เมตร มคี วามผันแปรสงู แยกเปน็ หลาย varieties ในไทยมี var. ขา้ งละ 2-3 เส้น ก้านใบยาว 2-4 มม. ช่อดอกมี 1-2 ดอก ก้านชอ่ สน้ั ก้านดอก
decumbens (R. Br.) Ooststr. ใบเรียวแคบ ปลายแหลมยาว และ var. hirsutus ยาวประมาณ 3 มม. กลีบเล้ยี งรูปขอบขนาน ยาว 3-4 มม. ติดทน ขอบมีขนครยุ
(Lam.) Ooststr. ลำ� ตน้ ทอดเลอ้ื ยมรี ากตามขอ้ ใบเรยี งตรงขา้ มระนาบเดยี ว สว่ นมาก ดอกรปู ถ้วย สขี าว กลบี แฉกลกึ ดอกบานเส้นผา่ นศนู ย์กลาง 7-8 มม. เกสรเพศผู้
พบตามชายหาดทางภาคใต้ ส่วน var. alsinoides ใบกว้างกวา่ ปลายใบมนหรือ ตดิ ประมาณจดุ กงึ่ กลางหลอดกลบี ดอก กา้ นเกสรเพศเมยี รปู เสน้ ดา้ ย ยาวประมาณ
เว้าตนื้ และกา้ นช่อดอกสว่ นมากสนั้ กวา่ ใบ 3 มม. ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ ผลเกอื บกลม สนี ำ้� ตาล เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3-4 มม. กลบี เลย้ี ง
สน้ั กว่าผล มี 2-4 เมล็ด ผวิ มตี ุ่มกระจาย (ดขู อ้ มลู เพ่ิมเติมที่ ใบตอ่ ก้าน, สกลุ )
เอกสารอ้างอิง
Fang, R. and G. Staples. (1995). Convolvulaceae. In Flora of China Vol. 16: พบในอเมรกิ า แอฟริกา อินเดยี จนี ตอนใต้ พมา่ ภูมิภาคอินโดจนี มาเลเซีย
275-276. ในไทยขึ้นเปน็ วัชพืชความสูงถงึ ประมาณ 700 เมตร
Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 395-400.
เอกสารอ้างองิ
ใบตอ่ ก้าน: var. decumbens ลำ� ตน้ แผร่ าบกวา้ งตามที่โล่ง ใบรูปแถบ ปลายแหลมยาว กลบี เลี้ยงมีขนยาวหนาแน่น Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 399-400.
ดอกรูปกงลอ้ ผลสน้ั กวา่ กลีบเลีย้ ง (ภาพดอก: บ้านตาก ตาก - RP; ภาพผล: ดอยหวั หมด ตาก - PK)

ฟา้ ประดษิ ฐ:์ เปน็ ไม้พ่มุ เตี้ย แผน่ ใบมีขนสีเงนิ หนาแน่น ใบประดับคลา้ ยใบ ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางขนาดใหญ่ (ภาพ: ใบตา่ งเหรียญ: ล�ำตน้ ทอดนอน มรี ากตามข้อ ลำ� ต้นมขี นยาว โคนใบรูปหัวใจ ดอกรปู ถว้ ย กลบี แฉกลึก เกสรเพศผู้
cultivated - RP) 5 อัน เกสรเพศเมีย 2 อัน แต่ละอันแแฉกลกึ 2 แฉก กลีบเล้ยี งสั้นกว่าผล (ภาพ: กรงุ เทพฯ - PK)

235

ใบระบาด สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ใบระบาด ยาว 22-30 ซม. มีขนส้นั นุ่มหนาแนน่ แผน่ ใบรูปกลม ๆ ยาว 10-18 ซม. ขอบจักลกึ
ซ่หี วีถ่ี ยาว 2.5-7.5 ซม. ปลายเปน็ หนามยาว 3.5-7.5 ซม. ออวลุ มี 2-4 เม็ด เมล็ดยาว
Argyreia nervosa (Burm. f.) Bojer 4.2-4.5 ซม. ผนงั ด้านในมีช้นั เสน้ ใย
วงศ์ Convolvulaceae
พบทเ่ี นปาล อินเดยี บังกลาเทศ ภูฏาน จีนตอนใต้ พมา่ ลาว และเวยี ดนาม
ชือ่ พอ้ ง Convolvulus nervosus Burm. f. ในไทยพบทางภาคเหนอื และภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ขน้ึ ตามป่าเบญจพรรณ
ปา่ ดบิ แล้ง และป่าดิบเขา ความสูง 600-1300 เมตร
ไม้เถาล้มลุก ยอดอ่อนมีขนส้ันนุ่มหนาแน่น ใบรูปหัวใจ ยาว 15-28 ซม.
แผ่นใบดา้ นลา่ งมีขนยาวหนาแน่น ก้านใบยาว ก้านชอ่ ดอกยาวกว่าก้านใบ มี ปรงญี่ปุ่น
ใบประดบั หุ้ม ติดทน กลบี เล้ยี งรูปไข่ ยาว 1.5-2 ซม. มขี นก�ำมะหยี่หนาแนน่ ดา้ นนอก
ดอกรปู แตร สมี ่วงอ่อน ด้านในสมี ่วงเข้ม ยาว 4.5-6.5 ซม. ขอบเกือบเรยี บ ด้านนอก Cycas revoluta Thunb.
ชว่ งหลอดกลบี มขี นสนั้ นมุ่ มแี ถบขนกลางกลบี เกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมยี ไมย่ น่ื ปรงล�ำตน้ สงู 3-7 ม. ใบยาวได้ถงึ 1.5 ม. หนาเปน็ สัน ก้านใบยาว 6-10 ซม.
พน้ ปากหลอดกลบี ดอก ผลแขง็ รปู กลม ๆ เมลด็ รปู สามเหลย่ี มมน เกลยี้ ง (ดขู อ้ มลู
เพิม่ เติมท่ี เครอื พงุ หม,ู สกุล) ใบยอ่ ยช่วงกลางยาว 0.8-1.8 ม. ปลายเปน็ หนามแหลม ขอบม้วนงอ โคนเพศผู้
รปู กระสวย ยาว 30-60 ซม. ใบสรา้ งอับไมโครสปอร์เรียวแคบ ยาว 2.3-2.8 ซม.
มถี ิ่นกำ� เนิดในอนิ เดีย เปน็ ไมป้ ระดับท่วั ใปในเขตร้อน ปลายมนหรอื ตดั ปลายเปน็ ตงิ่ พบั งอกลบั ยาว 4-8 มม. ใบสรา้ งอบั เมกะสปอร์
ยาว 12-20 ซม. มีขนสนั้ นุม่ หนาแนน่ แผน่ ใบรปู ไขห่ รือกลม ยาว 5-12 ซม. ขอบและ
เอกสารอ้างอิง ปลายจักลึกถคี่ ลา้ ยซ่ีหวี ยาว 2-2.8 ซม. ออวลุ มี 2-6 เม็ด มขี นส้นั นุ่มหนาแนน่
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Honolulu, Hawai’i: เมลด็ ยาวประมาณ 2.5 ซม. เย่อื ห้มุ สีแดง มนี วลเล็กน้อย
Bishop Museum Press. Honolulu, Hawai‘i.
มถี นิ่ กำ� เนดิ ทจ่ี นี ตอนใตแ้ ถบมณฑลฝเู จย้ี น และญปี่ นุ่ ทางตอนใต้ เปน็ พชื ใกล้
ใบระบาด: ช่อดอกออกตามซอกใบ กา้ นช่อดอกยาวกว่าก้านใบ ใบประดบั ติดทน ดอกรูปแตร ขอบเกือบเรยี บ สญู พันธใุ์ นธรรมชาติ เป็นไมป้ ระดับทั่วไปในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้
มีสีมว่ งเข้มด้านใน (ภาพ: cultivated - NP)
ปรงตากฟา้
ปรง, สกลุ
Cycas nongnoochiae K. D. Hill
Cycas L. ปรงล�ำต้นสงู 2-5 ม. เปลือกแตกเป็นรอ่ งลึก ใบยาว 0.8-1.6 ม. แบน กา้ นใบ
วงศ์ Cycadaceae
ยาว 23-35 ซม. ใบยอ่ ยชว่ งกลางยาว 1.2-2.3 ม. ปลายใบแหลม ก้านใบสั้น โคนเพศผู้
ไม้พุม่ ล�ำตน้ เหนอื พ้ืนดินคล้ายตน้ ปาล์ม แยกเพศตา่ งต้น ใบประกอบแบบ รูปไขแ่ กมรูปขอบขนาน ยาว 15-28 ซม. ใบสร้างอับไมโครสปอร์รปู รี ยาว 22-30 ซม.
ขนนก เรยี งเวยี นหนาแนน่ ชว่ งปลายกง่ิ ใบยอ่ ยจำ� นวนมากรปู แถบ หนา เรยี งสลบั ปลายแหลมเปน็ หนาม ยาว 7-9 มม. ใบสร้างอับเมกะสปอรย์ าว 16-19 ซม. มขี น
หรอื เกอื บตรงขา้ ม ใบยอ่ ยดา้ นลา่ งมกั ลดรปู เปน็ หนาม เสน้ กลางใบนนู เดน่ ชดั ไมม่ ี สนั้ นมุ่ แผน่ ใบรปู ไขก่ วา้ ง ยาว 8.5-10 ซม. ขอบจกั ลกึ คลา้ ยซหี่ วถี ี่ ยาว 2-2.4 ซม.
เสน้ แขนงใบยอ่ ย กา้ นใบมหี นาม เกลด็ หมุ้ ยอด (cataphylls) เรยี วแหลม สว่ นมาก ปลายเปน็ หนามยาว 1.5-2.5 ซม. ออวุลมี 2-4 เม็ด เมลด็ ยาวประมาณ 3.5 ซม.
มขี นหนาแนน่ ใบสรา้ งอบั ไมโครสปอร์ (microsporophylls) รปู ลมิ่ ปลายแหลม เย่อื หมุ้ สเี หลือง
คลา้ ยหนาม เรยี งเวยี นเปน็ รปู โคน (male cone หรอื pollen cone) ใบสรา้ ง
อบั เมกะสปอร์ (megasporophylls) เรยี งเปน็ กลมุ่ คลา้ ยกระจกุ แบบกหุ ลาบซอ้ น พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคกลางทต่ี ากฟา้ จงั หวดั ลพบรุ ี ขนึ้ ตามทล่ี าดชนั
มกี า้ น ปลายกา้ นเปน็ แฉกแบบขนนกรองรบั ออวลุ ออวลุ มี 1-5 เมด็ เมลด็ คลา้ ย บนเขาหินแกรนิต ความสูงไม่เกนิ 200 เมตร อาจเปน็ ลูกผสมระหวา่ งปรงเหลี่ยม
ผลแบบผนังชั้นในแข็ง รูปรีกวา้ งหรอื กลม C. siamensis Miq. และปรงผา C. clivicola K. D. Hill เปลอื กแตกเป็นร่องลึก
คลา้ ยปรงเหล่ยี ม โคนเพศผู้และเพศเมยี คล้ายปรงผา
สกลุ Cycas เปน็ พชื เมลด็ เปลือย อยภู่ ายใตอ้ นั ดบั Cycadales มปี ระมาณ 90
ชนดิ พบในแอฟรกิ า มาดากสั การ์ เอเชยี ออสเตรเลีย และหมู่เกาะแปซฟิ ิก ปรงทะเล
ในไทยมปี ระมาณ 12 ชนดิ ท่ีเปน็ ไม้ประดับคือ ปรงญปี่ ุ่น C. revoluta Thunb.
และอีกหลายชนิดในสกุล Zamia วงศ์ Zamiaceae ลกั ษณะท่ใี ช้ในการจำ�แนก Cycas edentata de Laub.
ชนดิ ปรง คือ ความยาวก้านใบที่เปน็ หนาม ใบสร้างอับเมกะสปอร์ หนามท่ี
ปลายแผ่นใบของใบสรา้ งอับเมกะสปอร์ และเมลด็ ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี ช่ือพอ้ ง Cycas litoralis K. D. Hill
“kykas” หรอื “koikas” หมายถงึ พชื ท่ีคล้ายต้นปาล์ม
ปรงลำ� ต้นสงู ไดถ้ ึง 10 ม. ใบยาว 1.5-2.5 ม. กา้ นใบยาว 50-90 ซม. มีหนาม
ปรงเขา รอ้ ยละ 5-60 ของความยาว ใบย่อยช่วงกลางยาว 26-37 ซม. ปลายแหลม ไมแ่ ขง็
เปน็ หนาม ใบช่วงโคนไมล่ ดรูปเปน็ หนาม โคนเพศผู้รปู ไข่แคบ ยาว 25-60 ซม.
Cycas pectinata Buch.-Ham. ใบสรา้ งอบั ไมโครสปอร์รปู รี ยาวไดถ้ ึง 3.8 ซม. ปลายมีหนามยาวประมาณ 2 ซม.
ปรงลำ� ตน้ สงู ได้ถึง 12 ม. บางครัง้ แตกกิง่ ใบยาวไดก้ ว่า 2 ม. กา้ นใบยาว ใบสรา้ งอับเมกะสปอรย์ าว 30-50 ซม. มขี นส้ันน่มุ แผ่นใบรปู ใบหอก ขอบจักต้นื ๆ
ปลายมหี นามยาว 2.5-4 ซม. ออวลุ มี 2-8 เม็ด เมล็ดรปู ไขก่ ว้าง ยาว 5-6.5 ซม.
30-80 ซม. ใบโค้งเลก็ น้อย ใบยอ่ ยช่วงกลางยาว 2-3 ม. กา้ นใบเรยี วสอบ โคนเพศผู้
รปู ไข่ ยาว 30-55 ซม. ใบสรา้ งอับไมโครสปอรเ์ รียวแคบ ยาว 4-6 ซม. มีขนสนั้ นุ่ม พบทพ่ี ม่าและเวยี ดนามตอนใต้ คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และภาคใต้
หนาแนน่ ปลายเปน็ หนามยาว 1.7-3.2 ซม. ใบสรา้ งอบั เมกะสปอรเ์ รยี งเปน็ กลมุ่ ของไทย หายากในธรรมชาติ มักพบปลูกตามบ้านเรือน เดิมเข้าใจว่าเป็นชนิด
C. rumphii Miq. ทใ่ี บสรา้ งอบั ไมโครสปอรม์ หี นามหนาและแหลมกวา่ พบเฉพาะ
แถบหมู่เกาะโมลคั คสั ซลู าเวซี นวิ กินี โซโลมอน มาร์แชล คารโ์ ลวไ์ ลน์ และเกาะ
คริสมาสต์ทางตอนใต้ของเกาะชวา บางครั้งยังพบใช้ชื่อคลาดเคล่ือนเป็นชนิด
C. circinalis L. ซึ่งพบเฉพาะในอินเดยี

เอกสารอ้างอิง
Chen, J. and D.W. Stevenson. (1999). Cycadaceae. In Flora of China Vol. 4: 4.
de Laubenfels, D.J. and F. Adema. (1998). A taxonomic revision of the genera
Cycas and Epicycas gen. nov. (Cycadaceae). Blumea 43: 351-400.
Hill, K.D. and D.W. Stevenson. (1998-2006). The Cycad pages. http://plantnet.
rbgsyd.nsw.gov.au/PlantNet/cycad/
Hill, K.D. and S.-L. Yang. (1999). The genus Cycas (Cycadaceae) in Thailand.
Brittonia 51: 48-73.
Smitinand, T. (1972). Cycadaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(2): 185-192.

236

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ปรงผา

ปรงเขา: ลำ� ต้นแตกกิ่ง โคนเพศผรู้ ูปไข่ ใบสรา้ งอับเมกะสปอร์มีขนส้ันนมุ่ หนาแน่น ขอบจักลึกซหี่ วถี ่ี ปลายเป็นหนามยาว ขนาดเล็กกว่าใบช่วงล่าง กลุ่มอับสปอร์กระจายท่ัวแผ่นใบด้านล่าง มีต่อม
(ภาพซา้ ย: เชยี งใหม่ - SSi; ภาพขวาบน โคนเพศผ้:ู เชยี งใหม่ - RP; ภาพขวาลา่ ง ใบสรา้ งอบั เมกะสปอร:์ เพชรบูรณ์ - PK) (paraphyses) เป็นต่มุ ปลายจักเปน็ พู

พบในเขตรอ้ น ในไทยพบแถบพนื้ ทที่ นี่ ำ�้ ทะเลทว่ มถงึ และชายปา่ โกงกาง ใบออ่ น
กนิ เป็นผักสด รากมสี รรพคุณเปน็ ยาปฏิชีวนะ

สกลุ Acrostichum L. มี 3 ชนดิ พบในเขตร้อน ข้นึ ตามพ้ืนท่นี ้ำ�ทะเลทว่ มถึง ในไทย
มี 2 ชนดิ อีกชนิดคือ A. speciosum Willd. ตน้ เลก็ กวา่ เกล็ดที่เหงา้ ขนาดใหญก่ ว่า
ปลายใบแหลมยาว โคนเรยี วแคบ ช่ือสกลุ มาจากภาษากรกี “akros” ปลายหรอื ยอด
และ “stichos” แถว หมายถึงใบช่วงปลายใบประกอบทส่ี ร้างสปอร์

เอกสารอา้ งอิง
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/

ปรงญี่ป่นุ : ใบเรยี งหนาแน่น หนาเป็นสนั เกลด็ หมุ้ ยอดปลายเรียวแหลม มขี นสน้ั นุ่มหนาแน่น (ภาพ: cultivated - RP) ปรงทะเล: ใบประกอบปลายคี่ ใบช่วงปลายล�ำตน้ ทีส่ ร้างสปอร์ กลมุ่ สปอรเ์ รยี งกระจายทวั่ แผ่นใบดา้ นล่าง
(ภาพ: สมทุ รสงคราม - RP)
ปรงตากฟ้า: เปลอื กแตกเปน็ รอ่ งลึก ใบสรา้ งอับเมกะสปอรม์ ีขนส้ันน่มุ หนาแน่น ขอบจักลึกซห่ี วถี ี่ ปลายเป็นหนาม
ยาวเท่า ๆ ซีห่ วี (ภาพ: ตากฟ้า ลพบรุ ี - RP) ปรงเทา้ ชา้ ง

ปรงทะเล: ใบเรียงหนาแน่น ปลายใบไม่เปน็ หนามแหลม โคนเพศผ้รู ูปไขแ่ คบ ใบสร้างอบั ไมโครสปอร์รูปรี ปลายมีหนาม Cycas elephantipes A. Lindstr. & K. D. Hill
ใบสรา้ งอบั เมกะสปอร์รปู ใบหอก ขอบจกั ตืน้ ๆ มี 2-8 เมลด็ (ภาพ: cultivated - RP) วงศ์ Cycadaceae

ปรงทะเล ปรงล�ำต้นสูงไดถ้ งึ 3 ม. โคนตน้ แบนหนา เปลือกแตกเป็นคอร์กและร่องลึก
ใบยาว 1-1.6 ม. กา้ นใบยาว 20-45 ซม. มหี นามประมาณไมเ่ กนิ กง่ึ หนง่ึ ของความยาว
Acrostichum aureum L. กา้ นใบ ใบย่อยชว่ งกลางยาว 1.5-2.5 ม. ปลายแหลมเปน็ หนาม โคนเพศผู้รูปไขแ่ คบ
วงศ์ Pteridaceae ยาว 30-55 ซม. ใบสร้างอบั ไมโครสปอร์ยาว 4-5 ซม. ปลายเป็นหนามยาว 1.5-3 ซม.
ใบสรา้ งอบั เมกะสปอร์ยาวไดถ้ ึง 20 ซม. มีขนสนั้ นมุ่ แผน่ ใบรปู ไข่กว้าง ยาวไดถ้ ึง
เฟนิ ขนึ้ บนดนิ เหงา้ หนา เกลด็ รปู รสี นี ำ้� ตาลดำ� ขอบบาง ยาวประมาณ 4 ซม. 12 ซม. ขอบจักซ่ีหวี ยาวประมาณ 4.5 ซม. ปลายเปน็ หนามแหลม ยาวประมาณ
ใบประกอบปลายค่ี รูปขอบขนาน ยาวไดถ้ ึง 4 ม. รวมกา้ นใบที่ยาวไดถ้ งึ 1 ม. ใบย่อย 5.5 ซม. ออวุลมี 2-4 เม็ด เมล็ดยาวประมาณ 3.5 ซม. ผนังด้านในมีชั้นใย
ชว่ งโคนมกั ลดรปู คลา้ ยหนาม ใบยอ่ ยรปู แถบ ยาว 30-50 ซม. ปลายกลมหรอื มน (ดูขอ้ มลู เพม่ิ เติมที่ ปรง, สกุล)
ปลายมีติ่งแหลม โคนเรียวสอบถงึ กลม กา้ นใบส้นั หรือยาวได้ถงึ 2.5 ซม. เสน้ กลางใบ
มีริว้ ช่องร่างแหเรียงเป็นระเบียบ ยอดออ่ นสแี ดง ใบทม่ี สี ปอรอ์ ยู่ช่วงปลายต้น พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ออกทช่ี ยั ภมู ิ ขนึ้ ตามสนั เขาทเ่ี ปน็ ทงุ่ หญา้
ในป่าเต็งรงั คลา้ ย C. pachypoda K. D. Hill ใบและโคนเพศผ้ใู หญก่ ว่า ใบสร้าง
อับไมโครสปอรย์ าวกว่า

ปรงปราณบุรี

Cycas pranburiensis S. L. Yang, W. Tang, K. D. Hill & P. Vatcharakorn
ปรงล�ำต้นสงู 1-3 ม. เปลอื กค่อนขา้ งเรยี บ ใบยาว 0.65-1.2 ม. ก้านใบยาว

8-30 ซม. ไรห้ นามหรอื มหี นามประปราย ใบยอ่ ยชว่ งกลางยาว 1.4-2.4 ม. ปลายแหลม
ไม่แข็งเป็นหนาม โคนเพศผู้รูปไข่ ยาว 20-25 ซม. ใบสรา้ งอับไมโครสปอรย์ าว
3-4 ซม. ปลายเป็นหนามแหลม ยาว 0.5-1.5 ซม. ใบสร้างอับเมกะสปอร์ยาว
17-24 ซม. มีขนส้ันนุ่มสีเทา แผน่ ใบรูปใบหอก ยาว 6-9 ซม. ขอบจักชายครุยต้นื ๆ
คลา้ ยหนาม ยาว 2-4 มม. ปลายเป็นหนามยาว 2.4-4 ซม. ออวลุ มี 2-4 เมด็ เมลด็ ยาว
3.5-4 ซม. ผนังดา้ นในมีชน้ั ใย (ดขู ้อมลู เพิ่มเติมที่ ปรง, สกลุ )

พืชถิ่นเดียวของไทย พบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ท่ีสามร้อยยอด จังหวัด
ประจวบคีรขี นั ธ์ ขึน้ บนเขาหินปนู ความสูงไม่เกิน 100 เมตร คล้าย C. circinalis L.
ของอนิ เดยี อยภู่ ายใตก้ ลมุ่ ปรงเขา C. pectinata Buch.-Ham. เคยเปน็ ชอื่ พอ้ งของ
C. silvestris K. D. Hill ซงึ่ พบทีเ่ วยี ดนาม ชวา ฟลิ ปิ ปินส์ และออสเตรเลยี

ปรงผา

Cycas clivicola K. D. Hill
ปรงลำ� ตน้ สงู ไดถ้ งึ 8 ม. เปลอื กคอ่ นขา้ งเรยี บ ใบยาว 0.7-1.65 ม. กา้ นใบยาว

15-55 ซม. ใบย่อยช่วงกลางยาว 0.9-2.6 ม. ปลายเปน็ หนามแหลม โคนเพศผู้

237

ปรงหนู สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

รปู ไขแ่ คบ ยาว 25-60 ซม. ใบสรา้ งอบั ไมโครสปอรย์ าว 2-3.5 ซม. หนา ปลาย ปรงเท้าช้าง: โคนล�ำตน้ แบน เปลือกหนาเปน็ คอรก์ แผ่นใบสร้างอบั เมกะสปอร์รปู ไข่กว้าง ขอบจกั ซ่หี วี ปลายเปน็ หนาม
เป็นหนาม ยาว 0.5-1.5 ซม. ใบสรา้ งอบั เมกะสปอรย์ าว 12-22 ซม. มขี นส้ันนุ่ม (ภาพ: หนองบวั ระเหว ชยั ภมู ิ - OP)
หนาแน่น แผ่นใบรปู กลม ๆ ยาว 7-14 ซม. ขอบจกั ซีห่ วี ยาว 2.5-4 ซม. ปลาย
เปน็ หนามยาว 2-7.5 ซม. ออวุลมี 2-4 เม็ด เมลด็ ยาว 3.5-4 ซม. ผนงั ดา้ นใน ปรงปราณบุร:ี ลำ� ต้นเรยี บ แผน่ ใบสร้างอบั เมกะสปอรร์ ปู ใบหอก ขอบจกั ชายครยุ ตื้น ๆ (ภาพ: ประจวบคีรขี ันธ์ - RP)
มีช้นั ใย (ดูขอ้ มลู เพ่ิมเตมิ ท่ี ปรง, สกุล) ปรงผา: โคนเพศผูร้ ูปไข่แคบ ใบสรา้ งอบั เมกะสปอรป์ ลายเป็นหนามยาว (ภาพ: เบตง ยะลา - VC)
ปรงหน:ู ล�ำต้นใต้ดิน โคนเพศผรู้ ปู กระสวยแคบ ใบสร้างอับไมโครสปอร์ปลายไมม่ ีหนาม (ภาพ: เชยี งใหม่ - RP)
พบทคี่ าบสมุทรมลายตู อนบน ในไทยพบหนาแนน่ ตามเขาหนิ ปูนทางภาคใต้ ปรงหนิ : กา้ นใบไมม่ หี นามหรอื มีไม่เกินกง่ึ หน่งึ ของความยาว ใบสรา้ งอบั เมกะสปอร์รูปไข่หรือเกือบกลม (ภาพ: เลย - NT)
เคยแยกเปน็ subsp. lutea K. D. Hill ใบสร้างอับไมโครสปอร์ส่วนมากยาวกว่า
2.5 ซม. พบทก่ี มั พชู า เวยี ดนาม และภาคตะวนั ออกเฉยี งใตข้ องไทย ขนึ้ ตามเขาหนิ ปนู ปรงเหลี่ยม: ลำ� ตน้ สั้น เกลด็ หมุ้ ยอดมีขนหนาแน่น ใบชว่ งลา่ งลดรปู ใบสรา้ งอับเมกะสปอร์มขี นสน้ั นุ่มหนาแนน่
ลำ� ตน้ ออกสเี หลืองตามช่อื ชนิดยอ่ ย ขอบจักซีห่ วี (ภาพต้นและภาพเกล็ดหุ้มยอด: บา้ นตาก ตาก - RP; ภาพใบสรา้ งอับเมกะสปอร:์ สะแกราช นครราชสีมา - TP)

ปรงหนู

Cycas simplicipinna (Smitinand) K. D. Hill

ช่อื พ้อง Cycas micholitzii Dyer var. simplicipinna Smitinand

ปรงมีลำ� ตน้ ใต้ดนิ หรือโผล่เหนือพ้นื ดินส้ัน ๆ มี 2-5 ใบ ใบยาว 0.9-1.5 ม.
ก้านใบยาว 3.5-14 ซม. มีหนามเกินกึ่งหนึ่งถึงตลอดก้านใบ ใบช่วงกลางยาว
20-60 ซม. กา้ นใบสน้ั ปลายใบแหลมยาวไมเ่ ปน็ หนาม โคนเพศผรู้ ปู กระสวยแคบ
ยาว 15-20 ซม. ใบสรา้ งอบั ไมโครสปอรย์ าว 1.2-1.4 ซม. ไมแ่ ขง็ ปลายไมม่ หี นาม
ใบสร้างอับเมกะสปอร์ยาว 7-12 ซม. มขี นสนั้ นุ่ม แผ่นใบรูปไข่ ขอบจักซีห่ วี 10-14 ซี่
ยาว 1.5-2.5 ซม. ปลายเป็นหนามยาวเท่า ๆ ซ่หี วี ออวุลมี 2 เมด็ เมลด็ ยาว 2-2.5 ซม.
(ดูขอ้ มลู เพ่มิ เติมท่ี ปรง, สกุล)

พบทพ่ี มา่ ลาว และเวยี ดนามตอนบน ในไทยสว่ นมากพบทางภาคเหนอื และ
ทภี่ ูกระดงึ จงั หวัดเลย ขน้ึ กระจายหา่ ง ๆ ในป่าดบิ แลง้ และปา่ ดิบเขา คลา้ ยกบั
C. micholitzii Dyer ท่ลี �ำต้นอยูใ่ ต้ดิน แต่ใบเป็นแบบขนนก 2 ชัน้ พบในจีนตอน
ใต้และเวียดนาม

ปรงหิน

Cycas petrae A. Lindstr. & K. D. Hill
ปรงลำ� ตน้ สูงได้ประมาณ 6 ม. เปลือกคอ่ นข้างเรยี บ ใบยาว 1.4-2.3 ม. ก้านใบ

ยาว 25-40 ซม. ไม่มีหนามหรือมไี ม่เกินกึง่ หน่งึ ของความยาว ใบยอ่ ยช่วงกลาง
ยาว 2.3-2.9 ม. ปลายใบแหลมไม่เป็นหนาม โคนเพศผรู้ ูปไขแ่ คบ ยาว 30-40 ซม.
ใบสรา้ งอบั ไมโครสปอร์ยาว 4-5 ซม. ปลายเป็นหนามยาว 1.2-2 ซม. ใบสร้าง
อับเมกะสปอรย์ าว 18-22 ซม. มขี นสัน้ น่มุ แผ่นใบรูปไข่หรือเกอื บกลม ยาว 10-17 ซม.
ขอบจกั ซีห่ วี ยาว 2-4 ซม. ปลายเปน็ หนามยาว 5.5-8.5 ซม. ออวลุ มี 2-6 เมด็
เมลด็ ผนังชน้ั ในมีเส้นใย (ดขู ้อมูลเพ่มิ เตมิ ที่ ปรง, สกุล)

พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทเี่ ลย ขนึ้ บนเขาหนิ ปนู
เตีย้ ๆ คล้ายกบั ปรงผา C. clivicola K. D. Hill ท่ลี �ำต้นค่อนขา้ งเรียบ แตใ่ บและ
โคนเพศผขู้ นาดใหญ่กว่า ใบสรา้ งอบั ไมโครสปอร์และหนามท่ีปลายยาวกว่า

ปรงเหลีย่ ม

Cycas siamensis Miq.
ปรงลำ� ต้นส้ัน สงู 1.5-2 ม. หัวใตด้ ินแบนแผ่ออก ใบยาว 0.6-1.2 ม. ก้านใบยาว

10-30 ซม. สว่ นมากมีหนามเกือบตลอดความยาวกา้ นใบ ใบย่อยช่วงกลางยาว
0.8-1.45 ม. ปลายแหลมเปน็ หนาม แผน่ ใบมขี นสนั้ นมุ่ หนาแนน่ ใบยอ่ ยชว่ งลา่ ง
ลดรปู เปน็ หนาม โคนเพศผรู้ ปู ขอบขนาน ยาว 10-24 ซม. ใบสรา้ งอบั ไมโครสปอร์
ยาว 2-3 ซม. ปลายเปน็ หนามยาว 0.7-1.4 ซม. ใบสรา้ งอบั เมกะสปอรย์ าว 6-11 ซม.
มีขนสั้นนุ่มหนาแน่น แผ่นใบรูปรกี ว้างหรอื เกือบกลม ยาว 6-11 ซม. ขอบจกั ซ่หี วี ยาว
0.8-3.5 ซม. ปลายเปน็ หนามยาว 2.3-4.5 ซม. ออวลุ มี 2 เมด็ เมลด็ ยาว 3-3.7 ซม.
ผนังด้านในมีชั้นใย (ดขู ้อมลู เพม่ิ เติมท่ี ปรง, สกุล)

พบทพี่ มา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบแทบทกุ ภาคยกเวน้ ภาคใต้ ขน้ึ หนาแนน่
ในปา่ เบญจพรรณ และปา่ เต็งรงั ท่ีมไี ฟไหม้เป็นประจ�ำ

เอกสารอ้างอิง
Hill, K.D. and D.W. Stevenson. (1998-2006). The Cycad Pages. http://plantnet.
rbgsyd.nsw.gov.au/PlantNet/cycad/
Hill, K.D. and S.-L. Yang. (1999). The genus Cycas (Cycadaceae) in Thailand.
Brittonia 51: 48-73.
Smitinand, T. (1972). Cycadaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(2): 185-192.

238

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ประกายแสด

ประกายฉัตร, สกลุ ประกายฉัตรหน:ู ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกดา้ นเดยี ว ใบประดบั คล้ายใบ หลอดกลีบดอกกวา้ ง กลีบดอก 4 กลบี
ใบประดบั และกลบี เลี้ยงตดิ ทน (ภาพ: ดอยหวั หมด ตาก - PK)
Phyllocyclus Kurz
วงศ์ Gentianaceae ประกายพรรณ

ไมล้ ม้ ลุก ใบทีโ่ คนเปน็ กระจุก ใบบนตน้ เรยี งรอบข้อ ช่อดอกแบบชอ่ กระจุก Argyreia mastersii (Prain) Raizada
ดา้ นเดยี ว (monochasium) หรอื ชอ่ กระจกุ ซอ้ น (dichasium) ใบประดบั ตดิ วงศ์ Convolvulaceae
รอบขอ้ ติดทน ดอกส่วนมากไรก้ า้ น ไมม่ ใี บประดับย่อย กลีบเลีย้ งและกลบี ดอก
จ�ำนวนอย่างละ 4-5 กลบี กลบี เลีย้ งเปน็ หลอดหรือรปู คนโท ไม่มีปีก ติดทน ดอกรปู ช่อื พ้อง Lettsomia mastersii Prain
คนโทหรอื รปู แตร เกสรเพศผู้ 4-5 อัน ติดประมาณกึง่ กลางหรือเหนอื กึง่ กลาง
หลอดกลีบในระดบั เดียวกนั กา้ นชูอบั เรณแู ผ่กว้างที่โคน บางครั้งยาวไม่เทา่ กนั ไมเ้ ถาลม้ ลกุ มขี นยาวตามกง่ิ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง กา้ นใบ ใบประดบั กลบี เลย้ี งและ
รงั ไขเ่ หนอื วงกลบี มี 2 คารเ์ พล พลาเซนตาตามแนวตะเขบ็ เกสรเพศเมยี รปู เสน้ ดา้ ย กลีบดอกดา้ นนอก ใบรูปไข่กว้างหรือเกือบกลม ยาว 7-17 ซม. ก้านใบยาว 5-16 ซม.
ยอดเกสรจกั 2 พู ผลแห้งแตกตามแนวประสาน เมลด็ ขนาดเล็ก จำ� นวนมาก ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ กา้ นช่อยาว 3-8 ซม. ใบประดับรูปสามเหลย่ี มแคบคล้ายลน้ิ
ยาว 2-2.4 ซม. ตดิ ทน มกี า้ นส้ัน ๆ ก้านดอกสน้ั กลีบเลย้ี ง 3 กลบี นอก รูปใบหอก
สกุล Phyllocyclus มี 5 ชนดิ รวมบางชนดิ ท่ีเคยอย่ภู ายใตส้ กลุ Canscora ซึ่งมี ยาวประมาณ 9 มม. ปลายแหลม กลบี คูใ่ นรูปไข่กลบั ยาวประมาณ 6 มม.
เกสรเพศผู้หน่งึ อนั ติดสงู กวา่ อันอน่ื กลีบเลยี้ งและกลีบดอกจ�ำ นวนอย่างละ 4 กลีบ ปลายมน ดอกรูปแตร สีชมพูอมม่วง แถบและปากหลอดดา้ นในสเี ขม้ ยาว 3.5-4 ซม.
พบท่จี นี พมา่ และลาว ในไทยอาจมี 3 ชนิด อีกชนิด อาจเป็น P. petelotii (Merr.) เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 1.7 ซม. โคนมตี อ่ มขน จานฐานดอกรปู วงแหวน รงั ไขเ่ กลยี้ ง
Thiv หรือ P. minutiflorus Thiv ท่ีมชี ่อดอกแบบชอ่ กระจุกซ้อน ชือ่ สกุลมาจากภาษา ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 2.4 ซม. ผลเสน้ ผา่ นศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. มี
กรีก “phyllon” ใบ และ “kuklos” กลม หมายถงึ ใบรปู วงกลม กลบี เลี้ยงทีข่ ยายหมุ้ (ดขู ้อมูลเพม่ิ เตมิ ที่ เครือพุงหมู, สกุล)

ประกายฉัตร พบท่ีอนิ เดีย จนี ตอนใต้ พมา่ และภาคเหนอื ของไทยที่ตาก ขน้ึ ตามปา่ ดิบเขา
ความสงู ประมาณ 1000 เมตร เป็นพชื พบใหม่ของไทย
Phyllocyclus parishii (Hook. f.) Kurz
เอกสารอ้างอิง
ชื่อพอ้ ง Canscora parishii Hook. f. Fang, R. and G. Staples. (1995). Convolvulaceae. In Flora of China Vol. 16: 319.

ไมล้ ม้ ลกุ สงู 10-40 ซม. ใบทโี่ คนแยกหรอื ตดิ รอบขอ้ รว่ งเรว็ ใบบนกงิ่ รปู รกี วา้ ง ประกายพรรณ: มีขนยาวทัว่ ไป ช่อดอกแบบช่อกระจุก ใบประดบั รปู สามเหล่ียมแคบคลา้ ยล้นิ ติดทน ดอกรปู แตร
หรือกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5-6 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกด้านเดียวยาว สีชมพอู มมว่ ง แถบและปากหลอดด้านในสเี ข้ม (ภาพ: ตาก - RP)
5-10 ซม. มี 4-10 ดอก ใบประดับคล้ายใบ ก้านดอกยาว 1-2 มม. กลีบเลย้ี งรปู
คนโท ยาว 6-8 มม. มี 5 กลีบ รูปสามเหลย่ี ม ยาวประมาณ 3 มม. ดอกสขี าวปนสม้ ประกายแสด
โคนสีเขม้ มีวงคล้ายตอ่ มสีขาวทั้งสองข้าง หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 1 ซม.
มี 5 กลบี รปู ใบพาย ยาว 0.5-1 ซม. กา้ นชูอับเรณยู าวไม่เทา่ กัน ยาว 2-7 มม. Mallotus kongkandae Welzen & Phattar.
กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 7 มม. ผลรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 6 มม. วงศ์ Euphorbiaceae

พบทีพ่ มา่ และภาคเหนอื ตอนลา่ งของไทยทตี่ าก ใกลช้ ายแดนพมา่ ขน้ึ ตาม ไมต้ น้ สงู ไดถ้ ึง 15 ม. ส่วนตา่ ง ๆ มขี นรูปดาวและขนต่อมกระจาย ใบรูปไข่
ทีโ่ ล่งท่ีเป็นหนิ ปูน ที่ช้ืนแฉะหรอื รมิ ลำ� ธาร ความสูงประมาณ 200 เมตร หรอื รปู ขอบขนาน ยาว 8-18 ซม. โคนใบมตี อ่ มสดี ำ� 1 คู่ แผน่ ใบดา้ นลา่ งมีตอ่ ม
เป็นสะเกด็ หนาแน่น เส้นโคนใบขา้ งละ 1 เส้น ก้านใบยาว 1.5-5 ซม. ชอ่ ดอกออก
ประกายฉตั รหนู เปน็ กระจกุ ทปี่ ลายกง่ิ มี 1-10 ชอ่ ยาว 3.5-16 ซม. ดอกเพศเมยี กา้ นยาวประมาณ
1 มม. กลบี เลย้ี งยาวประมาณ 2 มม. แฉกลกึ ประมาณกง่ึ หนงึ่ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว
Phyllocyclus helferianus Kurz ประมาณ 3 มม. มีป่มุ หนาแนน่ ตดิ ทน ผลจกั เป็นพู มีขนตอ่ มสีส้มเปล่ยี นเปน็
สเี ขียวหนาแน่น ผนังหนา ก้านผลยาวประมาณ 3 มม. แกนยาวประมาณ 6 มม.
ชอื่ พอ้ ง Canscora helferiana (Kurz) Wall. ex C. B. Clarke รว่ งเรว็ เมล็ดรปู ไข่ แบน ยาวประมาณ 5 มม. (ดูข้อมูลเพ่ิมเตมิ ที่ ตองเตา้ , สกลุ )

ไมล้ ้มลุก สงู ได้ถงึ 60 ซม. ใบทโ่ี คนรปู ไข่ ยาว 1-2.5 ซม. ใบบนตน้ กลม ชอ่ ดอก พบทจ่ี นี ตอนใต้ ในไทยพบทางภาคเหนอื ทแ่ี มว่ งก์ จงั หวดั กำ� แพงเพชร และดอยตงุ
แบบชอ่ กระจกุ ดา้ นเดยี ว มไี ดถ้ งึ 15 ดอก ใบประดบั คลา้ ยใบ หลอดกลบี เลย้ี งยาว จังหวัดเชยี งราย ขน้ึ ตามปา่ ดบิ เขา ความสงู 1300-1400 เมตร คำ� ระบุชนิดตัง้ ตามชอ่ื
ประมาณ 7 มม. มี 4 กลบี รูปสามเหลย่ี ม ยาว 1-1.5 มม. ดอกสีขาวหรือครมี ดร.ก่องกานดา ชยามฤต หัวหน้าโครงการศึกษาพืชวงศ์ Euphorbiaceae ของไทย
หลอดกลบี ดอกกว้าง ยาว 7-9 มม. มี 4 กลีบ รูปใบพาย ยาว 2-3 มม. กา้ นชอู ับเรณู
ยาวเทา่ ๆ กนั ยาวประมาณ 2 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 3-5 มม. ผลรปู ขอบขนาน เอกสารอา้ งองิ
ยาวประมาณ 5 มม. van Welzen, P.C. and K. Phattarahirankanok. (2001). Mallotus kongkandae
(Euphorbiaceae), a new species from Thailand. Blumea 46: 67-69.
พบทพี่ มา่ ในไทยพบทางภาคเหนอื และภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ รี่ าชบรุ ี กาญจนบรุ ี
ขน้ึ ตามเขาหนิ ปนู ความสงู 100-1200 เมตร

เอกสารอ้างองิ
Thiv, M. (2003). A taxonomic revison of Canscora, Cracosna, Duplipetala,
Hoppea, Microrphium, Phyllocyclus and Schinziella (Gentianaceae-Canscorinae).
Blumea 48: 1-46.
Ubolcholaket, A. (1987). Gentianaceae. In Flora of Thailand. Vol. 5(1): 72-92.

ประกายฉัตร: ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ ด้านเดียว ใบประดับตดิ รอบขอ้ ดอกสีขาวปนสม้ โคนสีเขม้ มีวงคลา้ ยต่อมสี
ขาวทง้ั สองข้าง (ภาพ: ท่าสองยาง ตาก - RP)

239

ประค�ำไก่ สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ประกายแสด: ชอ่ ดอกออกทป่ี ลายกง่ิ มีหลายช่อ ผลจกั เปน็ พู มขี นตอ่ มสีสม้ แลว้ เปล่ียนเปน็ สเี ขยี ว (ภาพดอก: ดอยตงุ สกุล Argostemma อยภู่ ายใตว้ งศ์ยอ่ ย Rubioideae มปี ระมาณ 100 ชนดิ สว่ นมาก
เชยี งราย - MB; ภาพผล: แม่วงก์ กำ� แพงเพชร - TB) พบในเอเชยี มีในแอฟรกิ า 2 ชนดิ ในไทยมีประมาณ 30 ชนิด ชอ่ื สกุลมาจาก
ภาษากรีก “argos” สขี าว และ “stemma” พวงดอกไม้ หมายถงึ ช่อดอกไมส้ ขี าว
ประค�ำ ไก่
ประดับหนิ
Putranjiva roxburghii Wall.
วงศ์ Putranjivaceae Argostemma rotundicalyx Sridith
ไมล้ ้มลกุ สูง 5-12 ซม. ใบมี 2-3 คู่ รูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 2.4-9 ซม.
ชอื่ พอ้ ง Drypetes roxburghii (Wall.) Hurus.
แผน่ ใบมขี นดา้ นบนและเสน้ แขนงใบดา้ นลา่ ง ไรก้ า้ นหรอื มกี า้ นยาวไดถ้ งึ 2 มม.
ไมต้ น้ สงู ได้ถึง 15 ม. แยกเพศตา่ งต้น หใู บ 2 อนั ขนาดเลก็ ใบเรียงสลับ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกปลายมว้ น มี 2-4 ดอก กา้ นช่อยาว 3-5 ซม. ใบประดบั
ระนาบเดยี ว รปู รหี รือรปู ขอบขนาน ยาว 4-14 ซม. โคนเบ้ยี ว ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ย มี 1 คู่ รปู รี ยาวประมาณ 2.5 มม. ก้านดอกยาว 0.5-1.2 ซม. กลีบเลี้ยงจกั ตน้ื ๆ
กา้ นใบยาว 0.5-1 ซม. ดอกออกเปน็ กระจกุ สีเขยี วอมเหลอื ง กลีบเล้ยี งขนาดไม่ ดอกรปู ดาว มี 5 กลบี รปู สามเหลยี่ มแคบ ยาว 1-1.2 ซม. อบั เรณตู ดิ กนั เปน็ รปู กรวย
เทา่ กนั เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-2 มม. ไมม่ กี ลบี ดอก ชอ่ ดอกเพศผไู้ รก้ า้ นหรอื กา้ นชอ่ แตกตามยาว ยาว 4-5 มม. ปลายมรี ยางคย์ าว ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 0.8-1 ซม.
ยาว 1-3 ซม. ก้านดอกสัน้ กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ ขอบมขี นครยุ เกสรเพศผู้ 3-4 อนั ย่นื เลยอบั เรณู ผลเกลีย้ ง
ก้านชูอับเรณูสั้น ไม่มีจานฐานดอก ดอกเพศเมียออกเป็นกระจุก 1-4 ดอก
กา้ นดอกยาว 0.5-1.5 ซม. กลีบเล้ยี ง 5 กลบี รังไขม่ ขี นหนาแน่น มี 2 ชอ่ ง แต่ละชอ่ ง พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคใตท้ ส่ี รุ าษฎรธ์ านี กระบ่ี พงั งา ขน้ึ บนหนิ ปนู
มอี อวลุ 2 เมด็ เกสรเพศเมยี แยก 2-3 แฉก โคง้ งอกลบั ตดิ ทน มปี มุ่ เลก็ ๆ กระจาย ในปา่ ดิบชนื้ ความสงู 100-250 เมตร
ผลผนังช้นั ในแข็ง รปู รกี วา้ ง ยาว 1.5-2.7 ซม. มเี มล็ดเดียว
ประดับหินกลบี พบั
พบท่อี ินเดยี ปากสี ถาน บงั กลาเทศ เนปาล ศรลี ังกา ลาว กัมพชู า ชวา นิวกนิ ี
หมู่เกาะซุนดาน้อยและโมลุกกะ ในไทยพบแทบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ข้ึนตามป่า Argostemma lobulatum Craib var. variabile Sridith
เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แล้ง บนเขาหินปูน ความสงู ถงึ ประมาณ 600 เมตร ใบและผล ไมล้ ้มลุก สูงไดถ้ งึ 25 ซม. ใบมี 1-6 คู่ เรียงชิดกัน ใบตรงขา้ มขนาดตา่ งกนั มาก
มีสรรพคณุ รักษาโรคปวดตามขอ้ แก้ไขแ้ ละแกห้ วัด
รปู ไข่ รปู ขอบขนาน รปู ใบหอก หรอื รูปใบหอกกลับ ยาว 3-20 ซม. ใบขนาดเลก็
สกุล Putranjiva Wall. เคยอยภู่ ายใตส้ กลุ Drypetes ภายใต้วงศ์ Euphorbiaceae ยาวประมาณ 3 มม. เกลย้ี งหรอื มขี นดา้ นบน ไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง
พบเฉพาะในเอเชยี มี 4 ชนดิ ในไทยมีชนิดเดียว ช่อื สกลุ มาจากภาษาสันสกฤต หรอื คล้ายช่อซ่รี ม่ มีไดถ้ ึง 16 ดอก ใบประดับส่วนมากมี 5 ใบ รปู ไข่หรือแกม
“putra” บุตรชาย และ “juvi” รุ่งเรอื ง หมายถงึ ไทรยอ้ ย Ficus benjamina L. รปู สามเหลย่ี ม ยาวไดถ้ งึ 6 มม. โคนเชอ่ื มตดิ กนั กา้ นดอกสน้ั หรอื ยาวไดถ้ งึ 1.5 ซม.
อาจหมายถงึ มลี ูกดกเหมอื นไทรยอ้ ย กลบี เลย้ี งจกั ตนื้ ๆ ดอกรปู ระฆงั หลอดกลบี ดอกยาว 2-3 มม. มี 5 กลบี รปู สามเหลย่ี ม
เอกสารอา้ งอิง ยาว 2-5 มม. พบั งอกลบั อับเรณตู ิดกนั คล้ายโคน ยาวประมาณ 2 มม. แตกตามยาว
Phuphathanaphong, L. and K. Chayamarit. (2005). Euphorbiaceae (Drypetes). กา้ นเกสรเพศเมียยาวประมาณ 5 มม. ผลเกลีย้ งหรือมขี นประปราย

In Flora of Thailand Vol. 8(1): 249-252. พืชถิ่นเดียวของไทย พบทางภาคใตท้ ีป่ ระจวบคีรีขันธ์ ระนอง สุราษฎรธ์ านี
กระบี่ ตรงั ขนึ้ บนหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร สว่ น var. lobulatum
ประค�ำไก่: ใบเรียงสลับระนาบเดยี ว โคนเบ้ยี ว ขอบจกั ฟนั เลื่อย ดอกออกเปน็ กระจกุ สีเขยี วอมเหลอื ง ผลรูปรกี วา้ ง ชอ่ ดอก กา้ นดอก และกลบี เลยี้ งมขี นสนั้ นมุ่ พบทเี่ ขาหลวง จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์
เกสรเพศเมียติดทน (ภาพ: ชะอ�ำ เพชรบุรี - SR)
ประดบั หินกาบหอย
ประดบั หนิ , สกลุ
Argostemma pictum Wall.
Argostemma Wall. ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 12 ซม. ลำ� ตน้ มขี น ใบเรยี งตรงขา้ มชดิ กนั 2-3 คู่ รปู ไขก่ วา้ ง
วงศ์ Rubiaceae
บางครงั้ ขนาดไมเ่ ทา่ กนั ยาว 1.3-9.5 ซม. แผน่ ใบดา้ นบนมปี น้ื ขาวตามเสน้ กลาง
ไมล้ ม้ ลกุ มเี หงา้ หรอื หวั ใตด้ นิ ใบเรยี งตรงขา้ ม มกั เรยี งชดิ กนั คลา้ ยเรยี งรอบขอ้ ใบและเสน้ แขนงใบ แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี น ไรก้ า้ น ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ ซรี่ ม่ มี 4-20 ดอก
บางคร้งั ใบตรงข้ามขนาดไมเ่ ท่ากัน หูใบร่วมตดิ ทนหรอื ร่วงเร็ว ปลายส่วนมาก ก้านช่อยาว 5-10 ซม. เกลย้ี ง ใบประดับ 4-5 ใบ รูปใบหอก ยาว 2.5-5 มม.
แยกเป็นแฉก ชอ่ ดอกออกทป่ี ลายกิ่งแบบช่อกระจุก ปลายมว้ น หรอื คล้ายช่อซี่ร่ม ขอบมขี น โคนเชอื่ มตดิ กนั กา้ นดอกเกลยี้ ง ยาว 0.5-1 ซม. กลบี เลยี้ งยาวประมาณ
บางครง้ั มดี อกเดยี ว ใบประดบั บางครง้ั เชอ่ื มตดิ กนั หลอดกลบี เลยี้ งสนั้ มี 4-5 กลบี 1 มม. ดอกรปู ดาว มี 5 กลบี รูปสามเหลย่ี มแคบ ยาว 4-5 มม. ม้วนงอกลับ
ติดทน ดอกรูปดาวหรือรปู ระฆัง สขี าว หลอดกลบี ดอกสัน้ มี 4-5 กลีบ เรยี งจรดกนั อับเรณูติดกนั รูปกรวย ยาว 2.5-3.5 มม. แตกตามยาว กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว
บดิ เวยี นในตาดอก เกสรเพศผเู้ ทา่ จำ� นวนกลบี ดอก ตดิ ใกลโ้ คนหลอดกลบี สว่ นมาก 5-6 มม. ผลเกลีย้ ง
ยนื่ พน้ ปากหลอด กา้ นชอู บั เรณแู ยกหรอื เชอื่ มตดิ กนั ทโี่ คน อบั เรณแู ยกหรอื ตดิ กนั
รูปกรวย แตกตามยาวหรอื มีรูเปิดทป่ี ลาย รงั ไข่ 2 ชอ่ ง ออวุลจ�ำนวนมาก พลาเซนตา พบทพี่ มา่ ตอนลา่ ง และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทางภาคใต้ ขน้ึ ตามโขดหนิ
รอบแกนร่วม ยอดเกสรเพศเมียเป็นต่มุ รปู โลห่ รอื จัก 2 พู ผลแห้งแตก กลม ๆ ในปา่ ดบิ ชืน้ ความสูง 100-400 เมตร คล้ายกบั จอกหนิ A. neurocalyx Miq. ท่ี
มีฝาเปิด เมลด็ ขนาดเลก็ จำ� นวนมาก ผวิ เปน็ ร่างแห ใบมักมีปื้นขาวตามเสน้ ใบ แตจ่ อกหนิ ดอกรปู ระฆงั

ประดับหนิ ช่อพวง

Argostemma neurosepalum Bakh. f.
ไม้ลม้ ลกุ สูงได้ถึง 20 ซม. หใู บรปู ไข่ ยาวไดถ้ งึ 1 ซม. ใบมี 2-4 คู่ รปู ขอบขนาน

ถึงรปู ใบหอก ยาว 2.5-10 ซม. แผน่ ใบมีขนทง้ั สองดา้ น กา้ นใบยาว 0.3-2 ซม.
ชอ่ ดอกวงแถวคคู่ ลา้ ยชอ่ ซ่รี ่ม ก้านช่อยาว 1-12 ซม. มขี นสัน้ น่มุ มี 6-16 ดอก
ก้านดอกส้นั หรอื ยาวไดถ้ งึ 1 ซม. กลีบเล้ยี งมีขน กลีบยาวประมาณ 1.5 มม. ดอกรูป
ระฆัง หลอดกลบี กวา้ ง ยาวประมาณ 2 มม. กลบี ดอก 4 กลบี ปลายกลีบพับงอกลับ
ยาวประมาณ 1.5 มม. อับเรณูแยกกนั ยาวประมาณ 2 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว
1-1.5 มม. ผลมขี นสัน้ นมุ่

พบทคี่ าบสมทุ รมลายู ในไทยพบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขนึ้ บน
กอ้ นหินทชี่ ้ืน ความสงู 100-300 เมตร

240

สารานุกรมพืชในประเทศไทย ประดับหินมว่ ง

ประดบั หินใบขน ประดับหนิ : ใบมี 2-3 คู่ แผน่ ใบมขี นด้านบนและเสน้ แขนงใบด้านลา่ ง ช่อดอกมี 2-4 ดอก อับเรณูเชื่อมตดิ กันรูปกรวย
(ภาพ: ถ�้ำเขาเต่า กระบ่ี - RP)
Argostemma dispar Craib
ไมล้ ม้ ลกุ สงู 10-20 ซม. มขี นยาวตามล�ำตน้ หใู บ แผน่ ใบ กลบี เลยี้ งและกลบี ดอก ประดับหินกลบี พบั : ใบเรียงชดิ กัน ใบตรงขา้ มขนาดต่างกนั มาก กา้ นดอกเกลี้ยง ดอกรูประฆัง มี 5 กลีบ พบั งอกลบั
(ภาพ: หาดในยาง ตรงั - RP)
ดา้ นนอก หใู บรปู ไข่ ยาว 4-8 มม. ใบเรียงตรงขา้ มตามล�ำต้น ขนาดไมเ่ ท่ากนั
ดคู ลา้ ยเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว ใบใหญร่ ปู ใบหอกกลบั ยาวไดถ้ งึ 10 ซม. ใบเลก็ ยาว ประดบั หนิ กาบหอย: แผ่นใบดา้ นบนมีป้นื ขาวตามเส้นกลางใบและเสน้ แขนงใบ ใบไร้ก้าน ช่อดอกคล้ายช่อซี่รม่
0.3-1 ซม. กา้ นใบยาวประมาณ 1.5 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจุก มี 2-5 ดอก กา้ นชอ่ ดอกรปู ดาว มี 5 กลบี มว้ นงอกลบั อบั เรณูตดิ กันรูปกรวย (ภาพ: เบตง ยะลา - RP)
ยาวไดถ้ ึง 2 ซม. ใบประดบั ยาว 3-5 มม. กา้ นดอกยาว 0.5-1.2 ซม. กลบี เล้ียง
รูปสามเหล่ยี มแคบ ๆ ยาวประมาณ 3.5 มม. ดอกรูปดาว มี 5 กลบี กลีบรูปใบหอก ประดับหนิ ช่อพวง: ใบมี 2-4 คู่ แผ่นใบมขี นทัง้ สองดา้ น ช่อดอกวงแถวคู่คล้ายช่อซี่รม่ ดอกรปู ระฆัง หลอดกลีบดอก
ยาว 0.8-1 ซม. อบั เรณตู ิดกันเปน็ รปู กรวย ยาว 0.8-1 ซม. มรี ูเปดิ ทป่ี ลาย กา้ น กว้าง มี 4 กลีบ ปลายกลีบพับงอกลบั อบั เรณูแยกกัน (ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบ่ี - RP)
เกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1 ซม. ผลมีขนหนาแน่น
ประดบั หนิ ใบขน: มขี นยาวตามลำ� ต้น หใู บ แผ่นใบ กลบี เลีย้ งและกลบี ดอกดา้ นนอก ใบเรียงตรงขา้ มตามลำ� ต้น
พชื ถ่นิ เดยี วของไทย พบทางภาคใตท้ กี่ ระบ่ี ตรงั ปัตตานี ยะลา ข้ึนบนโขดหิน ขนาดไม่เทา่ กัน ดคู ล้ายเรียงสลบั ระนาบเดียว ชอ่ ดอกมี 2-5 ดอก ดอกรูปดาว มี 5 กลีบ อับเรณตู ิดกันเป็นรูปกรวย
ริมล�ำธารในปา่ ดิบชนื้ ความสูง 700-1300 เมตร (ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบ่ี - RP)

ประดับหนิ ใบเข็ม

Argostemma lobbii Hook. f.
ไม้ล้มลุก สงู ไดถ้ งึ 8 ซม. หูใบคล้ายใบ แยกจรดโคน ใบตรงข้ามขนาดไมเ่ ท่ากนั

หูใบและใบดูคล้ายเรยี งรอบขอ้ รปู แถบหรอื รปู ใบหอก ใบใหญย่ าว 1.5-5 ซม.
ใบเลก็ ยาว 4-9 มม. ปลายสว่ นมากมน กา้ นใบยาว 1-3 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ
มี 1-5 ดอก กา้ นชอ่ ยาวได้ถึง 1 ซม. ก้านดอกยาวประมาณ 5 มม. ใบประดบั ติดเปน็ คู่
ขนาดเล็ก กลบี เลยี้ งขนาดเลก็ ดอกรปู ดาว มี 5 กลบี รูปขอบขนาน ยาว 2-3 มม.
โคนกา้ นชอู บั เรณเู ชอื่ มตดิ กนั อบั เรณแู ยกกนั ยาวเทา่ ๆ กลบี ดอก มรี เู ปดิ ทป่ี ลาย
ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 4 มม. ผลเกลีย้ ง

พบทีพ่ ม่า ในไทยพบทางภาคเหนอื และภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ ขึ้นบนหนิ ปูน
ใกล้ลำ� ธาร ความสงู 100-300 เมตร

ประดับหนิ ใบเดย่ี ว

Argostemma siamense Puff

ชือ่ พอ้ ง Argostemma monophyllum Sridith

ไม้ล้มลุก สงู ไดถ้ งึ 10 ซม. หูใบขนาดเลก็ ใบมี 1-2 คู่ มีใบใหญใ่ บเดยี ว รูปรี
หรอื รูปไข่ ยาว 6.5-14 ซม. ใบขนาดเลก็ ยาว 0.2-2 ซม. ไร้ก้าน ชอ่ ดอกคล้าย
ชอ่ ซ่ีร่มหรอื ช่อกระจกุ มี 2-10 ดอก ก้านช่อยาว 2-5 ซม. ใบประดับ 2-4 ใบ ยาว
3.5-4 มม. กา้ นดอกยาว 0.5-1 ซม. กลบี เลีย้ งยาวประมาณ 1 มม. ดอกรปู ดาว มี 5 กลบี
รปู สามเหลยี่ มแคบ ยาว 4-4.5 มม. อบั เรณตู ดิ กนั เปน็ รปู กรวย ยาวประมาณ 5 มม.
ปลายมีรยางคส์ ้ัน ๆ กา้ นเกสรเพศเมียยาวประมาณ 6 มม. ผลเกลยี้ งหรือมขี น

พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ภาคตะวนั ออก ภาคกลาง
และภาคตะวันออกเฉียงใต้ ข้ึนบนก้อนหินใกล้ล�ำธารในป่าดิบแล้ง ความสูงถึง
ประมาณ 850 เมตร

ประดบั หินมว่ ง

Argostemma diversifolium Ridl.
ไม้ลม้ ลุก สูงได้ถึง 20 ซม. หูใบรปู ไข่ ยาวไดถ้ งึ 7 มม. ใบมี 1-4 คู่ รปู ไขห่ รอื แกม

รปู ขอบขนาน ยาว 6.5-18 ซม. แผ่นใบเกล้ยี ง กา้ นใบยาว 3-7 มม. ชอ่ ดอกแบบ
ช่อกระจกุ กา้ นช่อยาว 10-35 ซม. มี 20-30 ดอก ใบประดบั รูปรี ยาว 3-5 มม.
กา้ นดอกยาว 7-9 มม. มขี นหนาแนน่ กลบี เลย้ี งรปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ
5 มม. หรอื ยาวกว่าเลก็ น้อย ดอกรปู ดาว มี 5 กลบี รปู สามเหลย่ี มแคบ ยาว 0.8-1 ซม.
ก้านชอู ับเรณแู ยกกนั ยาวประมาณ 1.5 มม. อบั เรณโู ค้ง สนี ำ�้ เงิน ยาวประมาณ
6 มม. มรี ูเปิดทป่ี ลาย ก้านเกสรเพศเมียโคง้ ยาวประมาณ 9 มม.

พบท่ีพมา่ ตอนล่าง และคาบสมุทรมลายู ในไทยพบทางภาคตะวันตกเฉยี งใต้
และภาคใต้ ขนึ้ ตามโขดหนิ รมิ ลำ� ธารหรอื ในปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ 1100 เมตร

เอกสารอ้างอิง
Puff, C. (2009). Argostemma siamense Puff, a new name for A. monophyllum
Sridith (Rubiaceae). Thai Forest Bulletin (Botany) 37: 139.
Sridith, K. (1999). Four new species, a new variety, and a status change in
Argostemma (Rubiaceae) from Thailand. Nordic Journal of Botany 19(2):
171-178.
________. (1999). A synopsis of the genus Argostemma Wall. (Rubiaceae) in
Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 27: 125, 132.

241

ประดู่ สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

เอกสารอา้ งองิ
Niyomdham, C., P.H. Hô., P. dy Phon and J.E. Vidal. (1997). Leguminosae-
Papilionoideae, Dalbergieae. Flore du Cambodge, Laos et du Vietnam 29:
154-160.

ประดบั หนิ ใบเข็ม: หใู บและใบดูคลา้ ยเรียงรอบข้อ ใบตรงขา้ มขนาดไมเ่ ทา่ กัน ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ มี 1-5 ดอก
ดอกรปู ดาว มี 5 กลีบ (ภาพ: น�้ำตกพาเจริญ ตาก - RP)

ประดู:่ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะมกั แยกแขนง สว่ นมากออกตามซอกใบ ใบเรียงสลับระนาบเดียว รปู ขอบขนานหรือ
แกมรปู ไข่ ผลแหง้ ไม่แตกมีปีกรอบ (ภาพ: มวกเหลก็ สระบรุ ี - PT)

ประดับหินใบเดย่ี ว: ใบมี 1-2 คู่ มใี บใหญ่ใบเดียว ช่อดอกคลา้ ยช่อกระจกุ หรอื ชอ่ ซร่ี ่ม ดอกรปู ดาว มี 5 กลีบ อับเรณู
ติดกนั เป็นรูปกรวย ปลายมรี ยางคส์ ้ัน ๆ (ภาพ: เขาใหญ่ นครนายก - RP)

ประด่บู า้ น: ใบรปู รีหรือรปู ไข่ ผลแห้งไมแ่ ตกมีปีกรอบขนาดเลก็ (ภาพ: cultivated - PT)

ประดบั หนิ ม่วง: แผน่ ใบเกลยี้ ง ช่อดอกแบบช่อกระจกุ ก้านดอกมขี นหนาแน่น ดอกรปู ดาว มี 5 กลีบ อบั เรณูโค้ง รักตจนั ทน์: ปลายใบเว้า (ภาพ: cultivated - PT)
สีนำ�้ เงิน (ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบ่ี - RP)
ประด่แู ดง
ประดู่
Barnebydendron riedelii (Tul.) J. H. Kirkbr.
Pterocarpus macrocarpus Kurz วงศ์ Fabaceae
วงศ์ Fabaceae
ชื่อพ้อง Phyllocarpus riedelii Tul., P. septentrionalis Donn. Sm.
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 35 ม. มขี นสน้ั นมุ่ ตามกง่ิ และใบออ่ น ชอ่ ดอก กา้ นดอก กลบี เลย้ี ง
และรังไข่ หูใบขนาดเล็ก ร่วงเรว็ ใบประกอบเรียงเวียน ยาว 8-25 ซม. ใบย่อยมี ไมต้ น้ อาจสงู ได้ถงึ 30 ม. หูใบรูปเคยี ว ยาว 1-2.5 ซม. รว่ งเร็ว ใบประกอบ
5-13 ใบ เรียงสลบั ระนาบเดยี ว รูปขอบขนานหรอื แกมรปู ไข่ ยาว 2.5-11 ซม. ยาว 6-23 ซม. มขี นละเอียด กา้ นยาว 1-2 ซม. ใบยอ่ ยมี 3-6 คู่ รูปไขห่ รือแกม
ปลายแหลมยาว ก้านใบยอ่ ยยาว 3-8 มม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจะมักแยกแขนง รปู ขอบขนาน ยาวไดถ้ งึ 6 ซม. เบย้ี ว กา้ นใบยอ่ ยยาว 1-2 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ
สว่ นมากออกตามซอกใบ ยาวได้ถงึ 15 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยรปู ลิ่มแคบ ตดิ ท่ีโคน ออกเป็นกระจกุ สน้ั ๆ 3-5 ช่อ หนาแน่นตามกิง่ หรอื ยาวไดถ้ งึ 17 ซม. สว่ นตา่ ง ๆ
กลีบเลยี้ ง ก้านดอกยาว 0.8-1.5 ซม. มขี อ้ หลอดกลบี เลยี้ งยาว 4-6 มม. ปลายจักตื้น ๆ ของดอกสีแดง ใบประดับและใบประดับย่อยรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ร่วงเร็ว
5 แฉก คลา้ ยรปู ปากเปดิ คบู่ นเชื่อมติดกนั ดอกรูปดอกถ่วั สีเหลอื ง ยาว 0.7-1.5 ซม. ก้านดอกยาว 0.5-1.4 ซม. กลีบเลยี้ ง 4 กลบี รูปเรอื ยาวไม่เทา่ กัน ยาว 2-8 มม.
รวมกา้ นกลบี กลบี กลางรปู ไขก่ วา้ ง ปลายเวา้ ตนื้ กลบี ปกี และกลบี คขู่ า้ งรปู ขอบขนาน เรยี งซอ้ นเหลือ่ ม กลีบดอก 3 กลบี รปู เรือ ปลายมน ยาว 0.6-1 ซม. มกี ้าน กลบี
เกสรเพศผู้ 10 อัน เช่อื มตดิ กนั กล่มุ เดยี วหรือสองกลมุ่ อับเรณตู ิดไหวได้ รังไขม่ ี ลดรปู 2 กลีบ ยาว 1-2 มม. เกสรเพศผู้ 10 อนั โคนเช่อื มตดิ กัน 0.2-1 ซม. อบั เรณู
2-6 ช่อง มกี า้ น กา้ นเกสรเพศเมียยาว 6-9 มม. ยอดเกสรเปน็ ตุ่ม ผลแหง้ ไมแ่ ตก ตดิ ไหวได้ กา้ นชอู บั เรณยู าวไมเ่ ทา่ กนั ยาว 1.5-2 ซม. รงั ไขเ่ กลยี้ ง กา้ นเกสรเพศเมยี
มปี ีกรอบ เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 5-9 ซม. ก้านผลยาว 1-1.5 ซม. มเี มลด็ เดยี ว รปู คลา้ ยไต ยาว 1.2-2.5 ซม. ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ ฝกั รปู ขอบขนาน ยาว 15-17 ซม. มี 1-3 เมลด็
ยาว 6-9 มม. ข้วั เมลด็ ขนาดเลก็ รปู ไข่ แบน ๆ ยาว 2.5-4 ซม.

พบทพ่ี มา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคใต้ ขน้ึ ตาม มถี ิน่ ก�ำเนดิ ในอเมรกิ ากลางและอเมริกาใต้ เปน็ ไม้ประดับท่วั ไปในเขตรอ้ น
ป่าเตง็ รัง ปา่ เบญจพรรณ และป่าดิบแลง้ ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร
สกลุ Barnebydendron J. H. Kirkbr. อยูภ่ ายใตว้ งศ์ย่อย Caesalpinioideae เผา่
สกุล Pterocarpus Jacq. อยภู่ ายใต้วงศ์ย่อย Faboideae เผ่า Dalbergieae มี Detarieae เดมิ ใช้ชื่อสกลุ Phyllocarpus Riedel ex Tul. ซ่งึ ไปซ้ำ�กับ Phyllocarpus
35-40 ชนิด พบในอเมรกิ าเขตร้อน แอฟริกา และเอเชยี แต่สว่ นมากพบใน Riedel ex Endl. มีเพียงชนดิ เดยี ว ชื่อสกุลต้ังตามนักพฤกษศาสตร์ชาวบริตชิ
แอฟรกิ า ในไทย มี 2 ชนิด อกี ชนิดคอื ประด่บู า้ นหรอื อังสนา P. indicus Willd. Rupert C. Barneby (1911-2000) ทำ�งานท่ีสวนพฤกษศาสตร์นวิ ยอร์ก
ใบรปู รีหรือรปู ไข่ แผ่นใบเกอื บเกลย้ี ง ผลเสน้ ผ่านศูนย์กลางส้ันกว่าประดู่ สว่ นมาก
พบเป็นไม้สองข้างถนน และมีชนดิ ที่นำ�เข้ามาปลูกที่มวกเหลก็ จังหวดั สระบุรี เอกสารอ้างองิ
อีกชนดิ คอื รกั ตจันทน์ P. santalinus L. f. ปลายใบเว้า พืชถ่นิ เดยี วของอินเดยี Kirkbride, J.H., Jr. (1999). Barnebydendron, a new generic name (Fabaceae,
เป็นพชื ในบญั ชีท่ี 2 ของ CITES มสี รรพคุณดา้ นสมุนไพรหลายอย่าง ชือ่ สกุลมาจาก Caesalpinioideae, Detarieae, Brownea Group). Sida 18(3): 815-818.
ภาษากรีก “pteron” ปกี และ “carpos” ผล ตามลกั ษณะผลมปี กี รอบ Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 129.
Warwick, M.C., G.P. Lewis and H.C. de Lima. (2008). A reappraisal of Barneby-
dendron (Leguminosae: Caesalpinioideae: Detarieae). Kew Bulletin 63(1):
143-149.

242

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ประทัดแดง

ประทัดดอย: A. megacarpa ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชิงหลัน่ หรือชอ่ กระจะคล้ายรูปซี่รม่ ปลายกา้ นดอกหนาคล้ายฐานดอก
หลอดกลบี เลี้ยงรูปถว้ ยสีแดง ติดทน หลอดอับเรณยู าว (ภาพ: ดอยตงุ เชียงราย - RP)

ประดแู่ ดง: ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามก่งิ ส่วนตา่ ง ๆ ของดอกสแี ดง ฝกั รปู ขอบขนาน (ภาพ: cultivated - PT) ประทัดดอย: A. parishii ใบเรียงเวียนรอบข้อ ชอ่ ดอกแบบช่อเชิงหล่ันสนั้ ๆ ออกตามซอกใบหรือกงิ่ กลีบเล้ียงรปู ถว้ ย
ปลายแฉกส้ัน ๆ (ภาพ: cultivated - RP)
ประทัดดอย, สกุล
ประทัดแดง, สกุล
Agapetes D. Don ex G. Don
วงศ์ Ericaceae Macrosolen Blume
วงศ์ Loranthaceae
ไมพ้ มุ่ ขน้ึ บนพน้ื ดนิ หรอื องิ อาศยั มกั มรี ากคลา้ ยหวั ใบเรยี งเวยี น เรยี งรอบขอ้
หรอื เกอื บตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ชอ่ เชงิ หลน่ั ชอ่ กระจกุ หรอื มดี อกเดยี ว กาฝากไมพ้ มุ่ ใบสว่ นมากเรยี งตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะหรอื ชอ่ เชงิ ลด
กา้ นดอกมกั มขี อ้ ปลายหนาคลา้ ยฐานดอก ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ ชอ่ ย่อยแบบช่อซ่รี ่มมี 2 ดอก เรียงตรงข้ามสลับตงั้ ฉาก ออกตามซอกใบหรอื ที่
กลบี เลย้ี ง 5 กลบี ตดิ ทน กลบี ดอกเชอื่ มตดิ กนั เปน็ หลอดหรอื รปู ระฆงั ปลายแยก โคนตดิ กับพชื ให้อาศยั แต่ละดอกมใี บประดบั 3 ใบ กลบี เลี้ยงเป็นแผน่ บาง ๆ
5 แฉกสน้ั ๆ เกสรเพศผู้ 10 อนั โคนอบั เรณมู เี ดอื ยหรอื ไมม่ ี ปลายมหี ลอด 2 หลอด ตดิ ทย่ี อดรงั ไข่ กลบี ดอกเชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด เปน็ 6 สนั หรอื คลา้ ยปกี กลบี ดอก
มรี เู ปดิ ทปี่ ลายหรอื เปดิ ตามยาว จานฐานดอกรปู วงแหวน รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี คลา้ ยมี มี 6 กลีบ ไม่สมมาตรเล็กนอ้ ย แฉกลึกไม่เกนิ กง่ึ กลางหลอดกลีบ เกสรเพศผู้ 6 อนั
10 ชอ่ ง ออวลุ จำ� นวนมาก กา้ นเกสรเพศเมยี ยนื่ เลยอบั เรณเู ลก็ นอ้ ย ยอดเกสรเพศเมยี ตดิ ตรงขา้ มเหนอื กลบี ดอก กา้ นชูอับเรณูทีแ่ ยกกันสนั้ กว่าหรอื ยาวเทา่ ๆ อับเรณู
ขนาดเล็ก ผลแบบผลสดหรือแหง้ มหี ลายเมลด็ เมล็ดขนาดเลก็ ผวิ เป็นร่างแห อับเรณูตดิ ท่ฐี าน รงั ไข่ใต้วงกลบี ยอดเกสรเพศเมยี คลา้ ยลูกบิด ผลคลา้ ยผลสดมี
หลายเมลด็ รูปรหี รอื กลม
สกุล Agapetes อยูภ่ ายใต้วงศย์ ่อย Vaccinioideae มมี ากกว่า 80 ชนิด พบ
เฉพาะในเอเชีย ในไทยมี 12 ชนิด ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี “agapetos” ชนื่ ชม สกุล Macrosolen มปี ระมาณ 30 ชนดิ พบเฉพาะในเอเชยี ในไทยมี 5 ชนดิ
หรอื รัก หมายถงึ พชื ทม่ี ดี อกสวยงาม ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรกี “makros” ยาว และ “solen” ช่องหรอื ร่อง หมายถึง
หลอดกลีบดอกเปน็ รอ่ งยาว
ประทดั ดอย
ประทดั แดง
Agapetes megacarpa W. W. Sm.
ไม้พุ่มอิงอาศัย สูง 1-5 ม. ใบเรยี งเวียนรอบข้อ รปู ขอบขนานหรือรูปใบหอก Macrosolen brandisianus (Kurz) Tiegh.
ชอ่ื พ้อง Loranthus brandisianus Kurz
ยาว 7-17 ซม. โคนมนหรอื เวา้ ตนื้ กา้ นใบสนั้ ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ หลนั่ หรอื ชอ่ กระจะ กาฝากไมพ้ ุ่ม กงิ่ มีชอ่ งอากาศ ใบรูปขอบขนานหรอื รูปใบหอก ยาว 8-18 ซม.
คลา้ ยรปู ซี่ร่ม ชอ่ ดอกยาว 7-8 ซม. มี 3-9 ดอก กา้ นยาวได้ถึง 4.5 ซม. ก้านดอก
ยาว 2-4 ซม. ฐานดอกกวา้ ง 5-6 มม. หลอดกลบี เลยี้ งรปู ถว้ ยสแี ดง ยาวประมาณ แผ่นใบหนา กา้ นใบยาว 0.7-1.7 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะส้ัน ๆ ออกตามข้อ
3 มม. กลีบรูปลม่ิ แคบ ยาว 0.7-1 ซม. ดอกสชี มพอู มแดง มีลายเส้นกลบี หลอด 1-3 ช่อ หรอื ออกตามซอกใบ มชี อ่ ยอ่ ย 2-3 คู่ หรือถงึ 7 คู่ ดอกย่อยออกเป็นคู่
กลบี ดอกยาว 4-5.5 ซม. กลีบรปู สามเหลีย่ มแคบ ยาว 0.7-1.2 ซม. พบั งอกลบั ส่วนมากมี 2-3 คู่ ตดิ แบบช่อซร่ี ม่ ใบประดับ 1-2 ใบ รปู สามเหลยี่ มขนาดเล็ก
กา้ นชอู บั เรณสู นั้ โคนอบั เรณมู เี ดอื ย 2 อนั ขนาดเลก็ หลอดอบั เรณยู าวประมาณ 4 ซม. กา้ นดอกหนา ยาว 3-5 มม. ตาดอกยาว 2.2-3 ซม. หลอดกลบี ดอกสีแดง คอคอด
เปิดตามยาว ผลกลม เสน้ ผ่านศูนย์กลาง 1-1.2 ซม. สีม่วงเข้ม ปลายเรยี วแคบคลา้ ยกระบอง กลบี ยาว 5-6 มม. พบั งอกลบั อบั เรณู
ยาวเท่า ๆ ก้านชอู ับเรณูที่แยกกัน ยาว 3-4 มม.
พบทจี่ นี ตอนใต้ และภาคเหนอื ของไทยทเ่ี ชยี งใหม่ เชยี งราย และนา่ น ขน้ึ บน
เขาหนิ ปูนหรอื บนคบไม้ ในป่าดบิ เขา ความสูง 1000-2000 เมตร พบทพี่ มา่ ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
และภาคใต้ ข้นึ เบียนต้นไม้ในป่าดบิ เขา ความสงู 1000-1500 เมตร
ประทดั ดอย
ประทดั แดง
Agapetes parishii C. B. Clarke
ไม้พุม่ องิ อาศัย อาจสงู ได้ถึง 2 ม. ใบเรยี งเวียนรอบขอ้ รูปใบหอก ยาว 10-15 ซม. Macrosolen melintangensis (Korth.) Miq.

ปลายแหลม โคนรปู ล่ิม กา้ นใบยาว 0.4-1.2 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ เชงิ หล่นั ออกสั้น ๆ ชื่อพ้อง Loranthus melintangensis Korth.
ตามซอกใบหรอื ก่งิ ดอกจำ� นวนมาก ก้านชอ่ ยาว 4-8 มม. ก้านดอกยาว 2-2.5 ซม.
ดอกสแี ดงสด หลอดกลบี เล้ียงรปู ถว้ ย กลบี รปู สามเหล่ียมแคบ ยาว 3-4 มม. กาฝากไมพ้ ุ่ม เกลีย้ ง ใบรูปรหี รอื รูปไขก่ วา้ ง ยาว 5-18 ซม. โคนใบบางครง้ั
หลอดกลีบดอกยาวประมาณ 3 ซม. กลีบรปู สามเหลย่ี ม ยาว 3-4 มม. โคง้ บานออก คลา้ ยรูปหัวใจ ก้านใบยาว 0.3-1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะส้นั ๆ คล้ายช่อซรี่ ม่
ก้านชูอบั เรณสู ้นั โคนอบั เรณูไม่มเี ดอื ย หลอดอับเรณูยาวประมาณ 2 ซม. ผลกลม ออกตามข้อ มีชอ่ ย่อย 2-4 คู่ ดอกยอ่ ยออกเปน็ ค่ตู ดิ แบบช่อซีร่ ่ม ใบประดับขนาดเล็ก
เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 7 มม.

พบทอ่ี ินเดยี อัสสมั และพมา่ ในไทยพบทางภาคเหนอื ภาคตะวันตกเฉยี งใต้
ขึ้นตามคบไมใ้ นปา่ ดิบเขา ความสูง 1000-1600 เมตร

เอกสารอา้ งองิ
Fang, R. and P.F. Stevens. (2005). Ericaceae (Agapetes). In Flora of China Vol.
14: 504, 507.
Watthana, S. (2015). Ericaceae. In Flora of Thailand Vol. 13(1): 102-113.

243

ประทดั นวล สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

กา้ นดอกยาว 1-4 มม. ตาดอกยาว 2-3.5 ซม. หลอดกลบี ดอกสชี มพูอมแดงหรือสม้ ประทัดฝร่ัง
คอคอดสเี หลอื งอมเขยี ว ปลายเรยี วแคบคลา้ ยกระบองสเี ขยี ว กลบี ยาว 0.8-1.5 ซม.
ปลายกลบี พบั งอกลบั ประมาณ 2-3 มม. อบั เรณยู าว 1.5-3 มม. สนั้ กวา่ กา้ นชอู บั เรณู Russelia equisetiformis Schltdl. & Cham.
ทแ่ี ยกกนั เลก็ นอ้ ย ผลกลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1 ซม. สขี าว มจี ดุ แดงกระจาย วงศ์ Scrophulariaceae

พบทก่ี มั พชู า คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา ชวา บอรเ์ นยี ว ซลู าเวซี และฟลิ ปิ ปนิ ส์ ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 3 ม. แตกกง่ิ จำ� นวนมากรอบขอ้ ใกลโ้ คนหรอื เรยี งตรงขา้ มชว่ ง
ไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และพบมากทาง ปลายกง่ิ ห้อยลง ใบรปู รี รูปไข่ หรือรูปขอบขนาน ยาว 1-3 ซม. ร่วงเรว็ เหมือน
ภาคใต้ ขึ้นเบยี นตน้ ไมใ้ นปา่ สน ปา่ เสมด็ ปา่ พรุ หรอื สวนยางพารา ความสงู ถงึ ไรใ้ บ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออกตามซอกใบชว่ งปลายกง่ิ กลบี เลยี้ งรปู ถว้ ย ปลายแยก
ประมาณ 1600 เมตร 5 แฉกต้ืน ๆ ติดทน ดอกสีแดงอมสม้ หรือเหลอื ง หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ
2.5 ซม. ปลายแยก 5 แฉก คลา้ ยรูปปากเปิดต้นื ๆ กลีบบน 2 กลีบ กลีบลา่ ง 3 กลีบ
ประทดั นวล เกสรเพศผู้ 4 อนั ยาวไมเ่ ทา่ กนั ยน่ื พน้ ปากหลอดกลบี เลก็ นอ้ ย เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั
1 อัน รังไขม่ ี 2 ช่อง ก้านเกสรเพศเมยี ติดทน ผลแหง้ แตก กลม ดา้ นในมขี น เมล็ด
Macrosolen cochinchinensis (Lour.) Tiegh. ขนาดเลก็ จำ� นวนมาก ผวิ มขี นเส้นคล้ายรังนก

ชอื่ พ้อง Loranthus cochinchinensis Lour. มีถนิ่ กำ� เนิดในเมก็ ซิโก เป็นไมป้ ระดบั ทว่ั ไปในเขตรอ้ น ทนแลง้

กาฝากไม้พุ่ม เกล้ยี ง ใบรปู รีหรอื รปู ไข่ ยาว 4-16 ซม. กา้ นใบยาว 0.1-1 ซม. สกลุ Russelia Jacq. มีประมาณ 50 ชนดิ พบในอเมริกากลางและเวสตอ์ ินดสี
ช่อดอกแบบชอ่ กระจะสัน้ ๆ คลา้ ยช่อซร่ี ่ม ออกตามข้อ มีชอ่ ยอ่ ย 2-7 คู่ ดอกย่อย ในไทยพบเป็นไมป้ ระดบั ชนดิ เดยี ว ชื่อสกุลตั้งตามนักพฤกษศาสตร์ชาวสกอตแลนด์
ออกเปน็ คตู่ ิด ใบประดบั 1-2 ใบ รปู สามเหลีย่ มขนาดเล็กเช่อื มตดิ กัน ไรก้ ้านหรอื Alexander Russel (1715-1768)
มกี า้ นยาวไดถ้ งึ 6 มม. ตาดอกยาว 0.8-1.8 ซม. หลอดกลบี ดอกสเี หลอื งอมเขยี ว
หรือมีสชี มพชู ่วงปลาย ปลายเรียวแคบคลา้ ยกระบอง กลีบยาว 0.3-1ซม. พบั งอกลับ เอกสารอา้ งองิ
อบั เรณูยาว 0.5-2 มม. ส้นั กว่าก้านชอู ับเรณทู แ่ี ยกกนั ประมาณกึง่ หน่ึง ผลกลม ๆ Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
ขนาดเล็ก Press, Honolulu, Hawai`i.

พบทอี่ นิ เดยี ภฏู าน เนปาล จนี ตอนใต้ พมา่ เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี และนวิ กนิ ี
ในไทยพบกระจายทกุ ภาค ขน้ึ เบยี นตน้ ไมห้ ลายชนดิ ในปา่ หลายประเภท ความสงู
ถึงประมาณ 2200 เมตร สว่ นต่าง ๆ มีสรรพคณุ ช่วยฟอกโลหิต แก้ปวดหัว

เอกสารอา้ งอิง
Barlow, B. (2002). Loranthaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(4): 689-695.
Qiu, H. and M.G. Gilbert. (2003). Loranthaceae. In Flora of China Vol. 5: 221.

ประทดั แดง: M. brandisianus ใบเรียงตรงข้าม ช่อดอกแบบชอ่ กระจะสนั้ ๆ ออกตามข้อ 1-3 ชอ่ หรอื ออกตาม ประทดั ฝร่ัง: แตกก่งิ จำ� นวนมาก หอ้ ยลง ช่อดอกแบบช่อกระจุก ออกตามซอกใบช่วงปลายกง่ิ หลอดกลีบดอกยาว
ซอกใบ ช่อดอกย่อยแบบชอ่ ซร่ี ม่ คอคอดหลอดกลบี ดอกสมี ว่ ง ปลายเรียวแคบคลา้ ยกระบอง (ภาพ: ภหู ลวง เลย - SSi) กลบี รปู ปากเปิดตื้น ๆ เกสรเพศผูย้ ่ืนพ้นปากหลอดกลบี เลก็ น้อย (ภาพ: กรงุ เทพฯ - RP)

ประทัดแดง: M. melintangensis ช่อดอกแบบช่อกระจะสัน้ ๆ คลา้ ยช่อซรี่ ่ม ตาดอกเรียวยาว หลอดกลบี ดอกคอคอด ประทัดเมืองกาญจน์
สีเหลืองอมเขยี ว ปลายเรยี วคล้ายกระบองสเี ขียว ผลสดกลม ๆ สขี าว มจี ุดแดงกระจาย (ภาพ: นครศรธี รรมราช - RP)
Agapetes loranthiflora D. Don ex G. Don
วงศ์ Ericaceae

ไมพ้ มุ่ องิ อาศยั มขี นสนั้ นมุ่ ตามกา้ นดอก กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกดา้ นนอก หรอื
เกลยี้ ง ใบเรยี งเวียนรอบข้อ 3 ใบ รูปขอบขนานหรอื รูปใบหอก ยาวไดถ้ งึ 15 ซม.
โคนมนหรอื เวา้ ตื้น ขอบจกั เลก็ น้อย กา้ นใบสั้นมากเกอื บไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแบบช่อ
เชงิ หลัน่ เรียงชดิ กัน ออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง ก้านช่อสนั้ มไี ด้ถงึ 10 ดอก
ก้านดอกยาว 1.5-2.5 ซม. หลอดกลีบเลยี้ งรูปถว้ ยต้นื ๆ กลีบรูปสามเหลี่ยม ยาว
ประมาณ 5 มม. หลอดกลีบดอกยาว 3.5-4.5 ซม. สชี มพูอ่อน มลี ายเส้นสีเข้ม
ปลายแฉกสเี ขยี วออ่ น รปู สามเหลย่ี มแคบ บานออก ยาว 0.5-1 ซม. กา้ นชอู บั เรณู
ยาวประมาณ 4 ซม. อบั เรณยู าวไดถ้ ึง 1 ซม. เปิดตามยาว โคนมเี ดอื ย 2 อัน
ขนาดเล็ก ผลกลมขนาดเลก็ มีขน (ดขู ้อมลู เพมิ่ เตมิ ท่ี ประทดั ดอย, สกลุ )

พบที่พม่า ในไทยพบทางภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวนั ตกเฉียงใต้ และภาคใต้
ข้นึ ตามคบไม้ในป่าดบิ เขา ความสงู 700-1000 เมตร แยกเปน็ var. glabrata C. B.
Clarke ชอ่ ดอก กา้ นดอก กลีบเลี้ยง และกลีบดอกด้านนอกไม่มขี น

เอกสารอ้างอิง
Clarke, C.B. (1881). Vacciniaceae. In Flora of British India Vol. 3: 446.
Watthana, S. (2015). Ericaceae. In Flora of Thailand Vol. 13(1): 107-108.

ประทดั นวล: ส่วนต่าง ๆ เกลย้ี ง ช่อดอกแบบช่อกระจะส้นั ๆ คลา้ ยช่อซร่ี ่ม ออกตามข้อ หลอดกลบี ดอกสเี หลอื ง ประทดั เมอื งกาญจน:์ มขี นสน้ั นุม่ ตามช่อดอก กา้ นดอก กลบี เลย้ี งและกลีบดอกด้านนอก ช่อดอกแบบช่อเชงิ หล่ัน
อมเขยี ว มีสชี มพูช่วงปลาย ผลกลม ๆ (ภาพ: หนองทุ่งทอง สรุ าษฎรธ์ านี - RP) เรียงชดิ กัน (ภาพ: ทองผาภูมิ กาญจนบรุ ;ี ภาพซ้าย - SSi, ภาพขวา - PK)

244

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ปลายสาน

ประทดั เหลือง ประยงค์: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ดอกเพศผ้กู ้านดอกเรียวยาว เกสรเพศผู้ไมย่ ่ืนพน้ ปากหลอดกลีบดอก
(ภาพ: cultivated - RP)
Macrosolen platyphyllus (King) Danser
วงศ์ Loranthaceae ปรู๋

ชือ่ พ้อง Loranthus platyphyllus King Alangium salviifolium (L. f.) Wangerin subsp. hexapetalum (Lam.)
Wangerin
กาฝากไมพ้ มุ่ ลำ� ตน้ เหน็ เปน็ ขอ้ ปลอ้ งชดั เจน กงิ่ ออ่ นเปน็ สเี่ หลยี่ ม ใบรปู ไขก่ วา้ ง
หรือเกือบกลม ยาว 7-19 ซม. ปลายมน โคนตัดหรอื รูปหวั ใจ แผน่ ใบหนา ก้านใบ วงศ์ Cornaceae
ยาว 1-3 มม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ออกส้นั ๆ ตามขอ้ ดอกย่อยออกเปน็ คู่ มี
1-5 คู่ แกนชอ่ ยาว 0.5-1.5 ซม. ดอกเกอื บไร้กา้ น ใบประดบั ยาว 2-2.5 มม. ช่อื พ้อง Alangium hexapetalum Lam.
หลอดกลบี ดอกยาว 7-15 ซม. สแี ดงหรอื เหลอื ง คอหลอดเปน็ ปกี สเี หลอื ง ปลาย
หลอดกลีบรปู กระบอง สีแดงหรอื เขยี ว กลบี ยาว 0.5-1 ซม. พบั บิดงอ อับเรณูยาว ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 20 ม. ผลดั ใบ บางครง้ั มหี นาม ไมม่ หี ใู บ ใบเรยี งเวยี น
3-8 มม. ยาวเท่า ๆ กา้ นชอู ับเรณทู ่แี ยกกัน (ดขู อ้ มูลเพิ่มเติมท่ี ประทดั แดง, สกลุ ) รปู รี รปู ขอบขนาน หรอื แกมรูปไข่ ยาว 3-18 ซม. โคนเบยี้ วเลก็ นอ้ ย กา้ นใบยาว
0.5-1.5 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุก ไรก้ า้ นช่อ แตล่ ะกระจุกมี 1-8 ดอก มขี นส้นั นมุ่
พบที่คาบสมุทรมลายู และบอร์เนียว ในไทยพบทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ กา้ นดอกยาว 2-8 มม. กลบี เลยี้ งรปู ถว้ ย ปลายจกั ตนื้ ๆ 5-10 กลบี รปู สามเหลย่ี ม
และภาคใต้ ขึ้นเบียนบนต้นพลบั พลา Microcos tomentosa Sm. สะตอ และ ยาวประมาณ 3 มม. ดอกสีครีม มี 4-6 กลบี หรือถงึ 10 กลบี รปู แถบ ปลายมน
ยางพารา ความสงู ถึงประมาณ 300 เมตร ยาว 1.2-3 ซม. ด้านนอกมขี นสั้นนมุ่ เกสรเพศผู้ 10-30 อัน ติดบนจานฐานดอก
ก้านชอู บั เรณยู าว 0.4-1.2 ซม. ปลายเป็นข้องอ มขี นเครา จานฐานดอกจกั เป็นพู
เอกสารอา้ งอิง รังไข่ใต้วงกลบี มี 1-2 ช่อง เกล้ียง กา้ นเกสรเพศเมียยาว 0.8-2.4 ซม. ยอดเกสร
Barlow, B.A. (2002). Loranthaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(4): 694-695. เป็นตุ่ม ผลผนงั ชนั้ ในแข็ง สกุ สีแดง รปู รหี รอื เกือบกลม ยาว 1-2.4 ซม. มี 1-2 เมล็ด
กลบี เลยี้ งและจานฐานดอกติดทน
ประทัดเหลอื ง: ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกสั้น ๆ ตามข้อ ดอกยอ่ ยออกเป็นคู่ เกือบไรก้ า้ น หลอดกลีบดอกสเี หลือง
ปลายหลอดกลบี รปู กระบอง สีเขยี ว กลบี พบั บดิ งอ (ภาพ: นราธิวาส - MP) พบทแี่ อฟริกา อินเดีย เนปาล ศรลี ังกา พม่า จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอินโดจีนและ
มาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้
ประยงค์ ข้นึ ตามปา่ เบญจพรรณ เขาหินปูนทแ่ี ห้งแล้ง ความสูงถงึ ประมาณ 500 เมตร มี
สรรพคณุ บำ� รงุ กำ� ลงั และแกร้ ิดสดี วงทวาร มฤี ทธิฆ์ า่ เชอื้ แบคทีเรีย ส่วน subsp.
Aglaia odorata Lour. salviifolium พบทีแ่ อฟรกิ า
วงศ์ Meliaceae
สกลุ Alangium Lam. เคยอยภู่ ายใตว้ งศ์ Alangiaceae มี 21 ชนิด พบในแอฟริกา
ไม้พุ่มหรือไม้ต้น อาจสูงได้ถึง 20 ม. แยกเพศต่างต้น แตกก่ิงจ�ำนวนมาก เอเชยี ออสเตรเลีย และฟจิ ิ ในไทยมี 5-6 ชนดิ ช่ือสกุลมาจากภาษามาลายาลัม
ปลายกงิ่ ออ่ นมกั มีขนกระจกุ หรอื เกล็ดรงั แค ใบประกอบปลายคี่ เรยี งเวยี น ยาว ในอนิ เดยี “Alangi” ท่ีใชเ้ รยี กพชื ชนิดนี้
5-12 ซม. ก้านใบและแกนกลางเป็นสันคลา้ ยปกี มใี บยอ่ ย 1-3 คู่ รปู รหี รือรปู ไขก่ ลับ เอกสารอ้างองิ
ยาว 1-10 ซม. ใบชว่ งปลายขนาดใหญก่ วา่ กา้ นใบสนั้ หรอื ยาวไดถ้ งึ 1 ซม. ชอ่ ดอก Qin, H. and C. Phengklai. (2007). Alangiaceae. In Flora of China Vol. 13: 307.
แบบช่อกระจุกแยกแขนง ยาว 5-15 ซม. ดอกมีกลิ่นหอม ก้านดอกเพศผู้ยาวได้ถงึ
3 มม. ก้านดอกเพศเมยี สนั้ หนา กลบี เลยี้ งเชอ่ื มตดิ กนั ปลายแยกเป็น 5 แฉกต้ืน ๆ ปร:ู๋ ไม้ต้นผลดั ใบ ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ ไรก้ า้ นชอ่ มขี นสน้ั นุ่ม กลีบดอกมี 4-6 กลบี หรอื ถึง 10 กลีบ รปู แถบ
กลม ขนาดเล็ก กลบี ดอก 5 กลีบ รปู รกี วา้ งเกือบกลม ยาว 1.5-2 มม. เกสรเพศผู้ ผลสุกสีแดง (ภาพต้นและดอก: นครสวรรค์, ภาพผล: อุทัยธานี; - SR)
เชอื่ มตดิ กนั สนั้ กวา่ กลบี ดอกเลก็ นอ้ ย อบั เรณู 5 อนั ไมย่ นื่ พน้ ปากหลอดกลบี ดอก
ไม่มจี านฐานดอก รังไข่มขี นหนาแน่น ผลแหง้ ไม่แตก รูปไข่ ยาว 1-1.2 ซม. สกุ สแี ดง ปลายสาน, สกุล
สว่ นมากมีเมล็ดเดียว
Eurya Thunb.
พบท่ีอินเดีย จีน ภูมิภาคอินโดจีน เป็นไม้ประดับทั่วไปในเอเชียตะวันออก วงศ์ Pentaphylacaceae
เฉียงใต้ ในไทยพบทุกภาค ข้ึนตามปา่ ดิบแลง้ และป่าดบิ ชนื้ ความสงู ถึงประมาณ
1000 เมตร รากและใบมสี รรพคณุ ลดไข้ ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ แยกเพศตา่ งตน้ ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว ขอบใบมกั จกั ฟนั เลอ่ื ย
ดอกขนาดเล็กออกเป็นกระจกุ ตามซอกใบหรือก่ิง ใบประดบั ขนาดเล็ก 2 ใบ ตดิ ทน
สกลุ Aglaia Lour. มปี ระมาณ 120 ชนิด พบในเอเชียเขตร้อนและก่งึ เขตร้อน กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 5 กลบี กลบี เลย้ี งเรยี งซอ้ นเหลอ่ื ม ตดิ ทน
ออสเตรเลีย และหมเู่ กาะแปซฟิ ิก ในไทยมีประมาณ 32 ชนดิ ชอ่ื สกุลมาจาก เกสรเพศผู้ 5-35 อัน เรยี งเป็นวงเดียว อับเรณูตดิ ที่ฐาน รงั ไข่มี 2-5 ช่อง ออวุล
หนง่ึ ในเทพธดิ าพนี่ อ้ งสามองคผ์ ปู้ ระสาทความงามในตำ�นานกรีก หลายชนดิ จ�ำนวนมาก ก้านเกสรเพศเมีย 2-5 อัน ติดทน ผลสดมหี ลายเมลด็
มีสาร cyclopenta[b]tetrahydro benzofuran skeleton มสี รรพคุณต้านเซลล์
มะเรง็ และมีคณุ สมบัตกิ าํ จัดศัตรพู ชื
เอกสารอ้างองิ
Peng, H. and C.M. Pannell. (2008). Meliaceae. In Flora of China Vol. 11: 124.
Wongprasert, T., C. Phengklai and T. Boonthavikoon. (2011). A synoptic account

of the Meliaceae of Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 39: 211-226.

245

ปลายสาน สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

สกุล Eurya เดมิ อยภู่ ายใต้วงศ์ Theaceae วงศย์ ่อย Ternstroemioideae ปลาไหลเผอื ก, สกลุ
ปัจจุบนั อยภู่ ายใต้เผ่า Freziereae ร่วมกบั สกุล Adinandra มีประมาณ 130 ชนิด
พบในเอเชยี โดยเฉพาะในจีน ในไทยมี 2 ชนดิ ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรกี “eurys” Eurycoma Jack
กวา้ งหรอื ใหญ่ อาจหมายถึงใบท่แี ผ่กว้าง วงศ์ Simaroubaceae

ปลายสาน ไมพ้ มุ่ เตย้ี หรอื ไมต้ น้ ขนาดเลก็ แยกเพศรว่ มตน้ หรอื ตา่ งตน้ ไมม่ หี ใู บ ใบประกอบ
ปลายคี่ ใบยอ่ ยเรยี งตรงขา้ มหรอื เกอื บตรงขา้ ม เสน้ แขนงใบไมช่ ดั เจน เรยี งจรดกนั
Eurya cerasifolia (D. Don) Kobuski เปน็ เสน้ ขอบใน ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ออกตามซอกใบ ใบประดบั ขนาดเลก็
รว่ งเรว็ ดอกมเี พศเดยี วหรอื สมบรู ณเ์ พศ กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ
ชอ่ื พอ้ ง Diospyros cerasifolia D. Don, Eurya acuminata DC., E. acuminata 5-6 กลบี เกสรเพศผเู้ ทา่ จ�ำนวนกลีบดอก เกสรเพศผูท้ ่ีเปน็ หมนั ติดระหวา่ งโคน
DC. var. wallichiana Dyer กา้ นชูอบั เรณู มี 5-6 คาร์เพล แยกกนั แตล่ ะคาร์เพลมีออวุล 1 เม็ด กา้ นเกสรเพศเมีย
ติดกนั ตอนปลาย ยอดเกสรรปู โล่ จกั 5-6 พู ผลผนงั ชน้ั ในแข็ง มี 1-5 ผลยอ่ ย
ไมพ้ ุม่ หรือไม้ตน้ สูงได้ถึง 15 ม. ตาทย่ี อดมขี นยาว มขี นสัน้ นุม่ ตามกา้ นใบ
แผ่นใบด้านล่าง กา้ นดอก และกลีบเลย้ี งด้านนอก ใบรปู ขอบขนาน รปู ใบหอก สกุล Eurycoma มี 3 ชนิด พบเฉพาะในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ในไทยมี
หรือแกมรูปไข่ ยาว 4.5-9 ซม. ปลายแหลมยาวหรอื ยาวคล้ายหาง กา้ นใบยาว 2 ชนดิ ชอ่ื สกุล มาจากภาษากรกี “eurys” กว้างหรือใหญ่ และ “kome” ขน
1-6 มม. ดอกออกเปน็ กระจกุ 1-3 ดอก กา้ นดอกยาว 2-3 มม. กลบี ดอกรปู รกี วา้ ง หมายถึงดอกที่ออกเปน็ ชอ่ ขนาดใหญแ่ น่นเปน็ กระจุก
ยาว 1-2 มม. กลีบดอกรปู ไขก่ ลับ ยาว 2.5-4 มม. เกสรเพศผูม้ ี 15-20 อัน รงั ไข่มี
3 ชอ่ ง เกลย้ี ง กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 2-3 มม. แยก 3 แฉก ผลกลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง ปลาไหลเผอื ก
4-5 มม.
Eurycoma longifolia Jack
พบทอี่ นิ เดยี ภฏู าน เนปาล ศรลี งั กา พมา่ จนี ตอนใต้ เวยี ดนาม คาบสมทุ รมลายู ไม้ต้น สงู ได้ถงึ 10 ม. ใบประกอบยาวไดก้ ว่า 1 ม. เรียงหนาแนน่ ชว่ งปลายก่งิ
สมุ าตรา และชวา ในไทยพบทกุ ภาค ข้นึ ตามป่าดบิ แลง้ และป่าดิบเขา ความสงู ถึง
ประมาณ 2100 เมตร ใบเค้ยี วบรรเทาอาการไอ แก้ปวดทอ้ ง ทอ้ งเสีย และบดิ ใบยอ่ ยจำ� นวนมาก รปู ใบหอก รปู ขอบขนาน หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 5-20 ซม. โคนเบย้ี ว
ก้านสน้ั มากหรือไรก้ ้าน ช่อดอกขนาดใหญ่ มขี นละเอียดและขนต่อมกระจาย
ปลายสาน ดอกสแี ดง กา้ นดอกหนา ยาวประมาณ 7 มม. กลบี เลย้ี งรปู สามเหลยี่ ม ยาวประมาณ
1 มม. กลบี ดอกรปู ใบหอก รปู ขอบขนาน หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 4-5 มม. มขี นละเอยี ด
Eurya nitida Korth. เกสรเพศผยู้ าว 1.5-2.5 มม. เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั ยาวไดถ้ งึ 2 มม. ในดอกเพศเมยี
ไม้พุ่มหรือไม้ตน้ สูงได้ถงึ 10 ม. ตาทีย่ อดเกล้ยี ง ก่งิ เป็นเหล่ียม ใบรูปรี รปู สนั้ มาก กา้ นเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ตดิ เหนอื รงั ไขป่ ระมาณ 1 มม. ยาวประมาณ
2 มม. ผลย่อยรปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว 1-2 ซม. ก้านผลยาวประมาณ 3 มม.
ขอบขนาน หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 3-13 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว ขอบจักหรือ
เกอื บเรียบ แผน่ ใบเกลย้ี ง ก้านใบยาว 2-5 มม. ดอกออกเป็นกระจุก 1-4 ดอก พบทพ่ี มา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมาเลเซยี สมุ าตรา และบอรเ์ นยี ว ในไทย
กา้ นดอกยาว 2-3 มม. กลีบดอกรปู ไข่กวา้ ง ยาว 1-2 มม. กลีบดอกรูปไข่ ยาว 2-4 มม. พบทกุ ภาค ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ
เกสรเพศผ้มู ี 12-20 อัน รังไข่มี 3 ชอ่ ง เกลยี้ ง กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 1.5-3 มม. 700 เมตร มีสรรพคุณช่วยเพ่ิมสมรรถภาพทางเพศ แยกเป็น subsp. eglandulosa
แยกเป็น 2-3 แฉก ผลรูปรีกวา้ ง ยาวประมาณ 3.5 มม. (Merr.) Noot. พบในฟลิ ปิ ปนิ ส์ ดอกและชอ่ ดอกไมม่ ขี นตอ่ ม กลบี ดอกขนาดใหญก่ วา่

พบทอี่ นิ เดยี ศรลี งั กา จนี ตอนใต้ ไหห่ นาน พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี สมุ าตรา ชวา ปลาไหลเผือกเล็ก
บอร์เนยี ว ฟลิ ปิ ปินส์ ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามป่าดิบแล้ง ปา่ ดิบชน้ื และปา่ ดบิ เขา
ความสูงถงึ ประมาณ 2100 เมตร แยกเป็น var. siamensis (Craib) H. Keng Eurycoma harmandiana Pierre
ใบขนาดใหญ่กว่า น้ำ� ค้นั จากใบใชป้ ระคบแกบ้ วม ปวดแสบปวดรอ้ น ไมพ้ มุ่ เตย้ี สูงได้ถงึ 30 ซม. ใบประกอบยาว 8-18 ซม. มใี บย่อย 2-5 คู่ รูปแถบ

เอกสารอา้ งองิ ยาว 3-7 ซม. โคนเบย้ี ว ไร้ก้าน ช่อดอกยาวไดถ้ ึง 15 ซม. มีขนส้นั นุม่ ไม่มขี นต่อม
Keng, H. (1972). Theaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(2): 155-157. ดอกสีแดง ก้านดอกยาวประมาณ 5 มม. กลีบเล้ยี งรูปสามเหล่ยี ม ยาว 1-1.5 มม.
Min, T. and B. Bartholomew. (2007). Theaceae. In Flora of China Vol. 13: 447, กลบี ดอกรปู ขอบขนาน ยาว 3-3.5 มม. มขี นสนั้ นมุ่ เกสรเพศผู้ 5 อนั ยาวประมาณ
464, 467. 2 มม. มขี นสน้ั น่มุ ก้านเกสรเพศเมียเรยี วยาว ยอดเกสรรูปโล่ มี 1-5 ผลย่อย รปู รีแคบ
ยาวประมาณ 1 ซม. ก้านผลสั้น

พบทลี่ าว และกมั พชู า ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนบนทภี่ วู วั
จังหวัดบึงกาฬ และภาคตะวนั ออกท่อี ุบลราชธานี ขน้ึ ตามป่าเตง็ รัง ความสงู ถึง
ประมาณ 300 เมตร

เอกสารอา้ งอิง
Nooteboom, H.P. (1962). Simaroubaceae. In Flora Malesiana Vol. 6: 205-207.
________. (1981). Simaroubaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(4): 443-445.

ปลายสาน: E. cerasifolia ตาทีย่ อดมีขนยาว ปลายใบแหลมยาวหรอื ยาวคลา้ ยหาง ดอกออกเป็นกระจกุ 1-3 ดอก
ก้านเกสรเพศเมยี แยก 3 แฉก ตดิ ทน (ภาพดอก: แม่เมย ตาก - RP; ภาพผลและภาพใบ: เขาใหญ่ ปราจนี บรุ ี - SR)

ปลายสาน: E. nitida ตาที่ยอดและแผ่นใบเกลยี้ ง (ภาพ: เขาใหญ่ ปราจีนบุรี - SR) ปลาไหลเผือก: ชอ่ ดอกขนาดใหญ่ ดอดสีแดง มี 1-5 ผลย่อย รปู รหี รือรูปไข่ กา้ นผลยาว (ภาพซ้าย: cultivated - RP;
ภาพขวา: ระนอง - NP; ภาพขวาล่าง : เชยี งใหม่ - SSi)
246

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ปอขนนุ

ปลาไหลเผือกเลก็ : ไม้พุ่มเตยี้ ใบย่อยรูปแถบ ช่อดอกออกตามซอกใบ มขี นแตไ่ มม่ ีขนต่อม ผลยอ่ ยรูปรแี คบ กา้ นผลส้ัน สะแล: ใบเรยี งสลับระนาบเดยี ว ช่อดอกเพศเมียแบบชอ่ กระจุกแนน่ ออกเด่ยี ว ๆ ตามก่ิงท่ไี ม่มีใบ ยอดเกสรเพศเมยี
(ภาพ: ภูวัว บงึ กาฬ; ภาพซ้ายและภาพขวาบน - SSi; ภาพขวาลา่ ง - SSa) รูปเสน้ ดา้ ย (ภาพ: cultivated - RP)

ปอกระสา ปอแกว้

Broussonetia papyrifera (L.) L’Hér. ex Vent. Abelmoschus manihot (L.) Medik. var. pungens (Roxb.) Hochr.
วงศ์ Moraceae วงศ์ Malvaceae

ชอื่ พ้อง Morus papyrifera L., Papyrius papyrifera (L.) Kuntze ช่ือพ้อง Hibiscus pungens Roxb.

ไมต้ ้น สงู 10-20 ม. หรอื อาจสงู ได้ถึง 35 ม. น�้ำยางสีขาว แยกเพศตา่ งตน้ ไม้ลม้ ลุก สูง 1-2 ม. สว่ นต่าง ๆ และผล มีขนหยาบยาวหนาแนน่ หใู บรปู แถบ
มีขนสั้นนมุ่ ตามกง่ิ แผ่นใบดา้ นลา่ งตามเส้นแขนงใบ ก้านใบ และใบประดบั หใู บรปู ไข่ หรอื รปู เส้นดา้ ย ยาว 1-1.5 ซม. บางครั้งมขี า้ งละ 2 อนั ใบรูปฝ่ามือ มี 5-9 พู
ยาว 0.5-1.5 ซม. ร่วงเรว็ ใบเรียงเวียน รปู ไข่ รปู รี หรอื คลา้ ยรูปหวั ใจ ยาว 5-20 ซม. หรอื แฉกแบบขนนก เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 15-30 ซม. พรู ปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก
เรยี บหรอื จกั 3-5 พู ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย แผน่ ใบดา้ นบนมขี นสาก เสน้ แขนงใบยอ่ ย โคนรปู หวั ใจ ขอบจักฟนั เลือ่ ยหา่ ง ๆ กา้ นใบยาว 6-18 ซม. ดอกมกั ออกหนาแนน่
แบบขนั้ บนั ได ก้านใบยาว 1-15 ซม. ช่อดอกเพศผแู้ บบช่อเชงิ ลด ยาว 3-10 ซม. ตามปลายกง่ิ คลา้ ยแบบชอ่ กระจะ ซง่ึ ใบลดรปู กา้ นดอกยาว 1.5-4 ซม. รว้ิ ประดบั
ก้านชอ่ ยาว 1-2.5 ซม. กลบี รวมรปู ไข่ ยาว 1.5-2 มม. เกสรเพศผู้ยาว 3-3.5 มม. 5 อัน รูปไข่แกมรปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว 1.5-2.5 ซม. กลบี เลีย้ งยาว
ใบประดบั รปู ลมิ่ แคบ ชอ่ ดอกเพศเมยี แบบชอ่ กระจกุ แนน่ ออกเดยี่ ว ๆ กา้ นชอ่ สน้ั 2-3 ซม. ดา้ นนอกมขี นละเอยี ด ดอกสเี หลอื งนวล โคนกลบี ดา้ นในสมี ว่ งเขม้ ดอกบาน
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1-1.2 ซม. วงกลบี รวมยาวประมาณ 1 มม. ปลายแยกเปน็ 4 แฉก เส้นผ่านศูนย์กลาง 10-12 ซม. กลีบรูปไขก่ ลบั เสา้ เกสรยาว 1.5-2.5 ซม. อบั เรณู
ตน้ื ๆ เช่อื มตดิ ก้านเกสรเพศเมยี ยอดเกสรเพศเมยี 2 อนั รปู แถบ ยาว 0.7-1 ซม. เกือบไรก้ ้าน รงั ไขม่ ีขนหนาแนน่ ผลรูปไข่ ยาว 4-5 ซม. มี 5 สัน เมล็ดสีน้�ำตาลดำ�
ลดรปู 1 อนั มขี นสนั้ นมุ่ ใบประดบั รปู กระบองยาว 1-1.5 มม. ชอ่ ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง รปู คลา้ ยไต มขี นเป็นแนวหนาแนน่ (ดูข้อมูลเพม่ิ เติมที่ กระเจ๊ียบมอญ, สกุล)
2-3 ซม. มขี นสัน้ นุ่มและขนเครา ผลย่อยฉ�่ำ ยาว 2-2.5 มม. สุกสสี ม้ อมแดง
พบทอี่ นิ เดยี เนปาล จนี และพมา่ ในไทยพบทางภาคเหนอื ขนึ้ ตามทโี่ ลง่ และ
พบท่อี นิ เดีย พม่า จีน ญ่ีปุ่น และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทกุ ภาค บางคร้งั ชายป่าเบญจพรรณ ความสูง 300-500 เมตร สว่ น var. manihot ล�ำตน้ ไมม่ ีขน
เปน็ วชั พชื เปน็ ไมเ้ ศรษฐกจิ ในหลายประเทศ เปลอื กใหเ้ สน้ ใยใชท้ ำ� เชอื ก กระดาษ
และทอผ้า สว่ นตา่ ง ๆ มีสรรพคุณดา้ นสมนุ ไพรหลายอย่าง เอกสารอา้ งอิง
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae. In Flora of China Vol.
สกลุ Broussonetia L’Hér. ex Vent. มี 8 ชนดิ พบในเอเชียเขตร้อน มชี นดิ 12: 284.
เดยี วในมาดากัสการ์ ในไทยมี 2 ชนดิ อกี ชนิดคอื สะแล B. kurzii (Hook. f.)
Corner เป็นไม้พ่มุ รอเลื้อยหรือไมเ้ ถาเนื้อแขง็ ใบเรยี งสลบั ระนาบเดียว แผน่ ใบ ปอแกว้ : มขี นหยาบยาวกระจายหนาแน่น ดอกออกตามปลายกิง่ หนาแน่นคล้ายช่อกระจะ ร้วิ ประดับ 5 อัน
ไมส่ าก ยอดเกสรเพศเมยี รูปเสน้ ด้าย ชอ่ ดอกใชป้ รงุ เป็นอาหาร ช่ือสกุลตัง้ ตาม ดอกสเี หลอื งนวล โคนกลีบดา้ นในสมี ว่ งเข้ม ผลมี 5 สนั (ภาพ: ท่าสองยาง ตาก - RP)
นายแพทยแ์ ละนกั พฤกษศาสตรช์ าวฝรง่ั เศส Pierre Marie Auguste Broussonet
(1761-1807) ปอขนนุ , สกุล
เอกสารอ้างองิ
Berg, C.C., N. Pattharahirantricin and B. Chantarasuwan. (2011). Moraceae. Sterculia L.
วงศ์ Malvaceae
In Flora of Thailand Vol. 10(4): 495-499.
Wu, Z., Z.K. Zhou and M.G. Gilbert. (2003). Moraceae. In Flora of China Vol. ไม้พุ่มหรือไมต้ ้น มีขนกระจุกกระจาย หใู บรว่ งเร็ว ใบเด่ียว เรยี บหรือแฉกเปน็ พู
หรอื ใบประกอบรปู ฝ่ามอื เรียงเวยี น ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ดอกมเี พศเดียว
5: 26. กลบี เล้ียง 5 กลบี ไมม่ ีกลีบดอก เกสรเพศผู้ 10-15 อัน ติดบนก้านชูเกสรร่วม
หมุ้ รงั ไขท่ เี่ ปน็ หมนั ในดอกเพศเมยี เกสรเพศผเู้ ปน็ หมนั ตดิ เปน็ วงรอบ หมุ้ รงั ไข่
ปอกระสา: แผน่ ใบด้านบนมขี นสาก ชอ่ ดอกเพศผู้แบบช่อเชิงลด ช่อดอกเพศเมยี แบบชอ่ กระจกุ แนน่ ออกเด่ยี ว ๆ บนก้านชเู กสรร่วม มี 5 คารเ์ พลแยกกัน ก้านเกสรเพศเมียแยกหรอื เช่อื มตดิ กนั
ก้านช่อส้ัน ผลยอ่ ยฉ่�ำ สสี ม้ อมแดง (ภาพช่อดอกเพศผู้: อุบลราชธานี - PK; ภาพชอ่ ดอกแพศเมยี : พบพระ ตาก - RP) ที่โคน ยอดเกสร 5 อนั แยกกนั ผลแตกแนวเดยี ว มี 3-5 ผล เปลอื กหนา แหง้ แตก
มีหนึ่งหรอื หลายเมลด็ ไมม่ ปี ีก

สกลุ Sterculia เดมิ อยภู่ ายใตว้ งศ์ Sterculiaceae ปัจจบุ นั อยู่วงศ์ยอ่ ย Sterculioi-
deae มปี ระมาณ 150 ชนดิ พบในเขตรอ้ นและกึง่ เขตรอ้ น ในไทยเปน็ ไมพ้ ้นื เมือง
12 ชนดิ และไม้ประดับ 1 ชนดิ คือ เกาลดั S. monosperma Vent. ช่ือสกลุ มา
จากภาษาละติน “stercus” มลู สตั ว์ หมายถงึ ใบและดอกบางชนิดมีกลิน่ เหมน็

247

ปอขนุน สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

ปอขนุน ปอขนนุ : S. parviflora ชอ่ ดอกตงั้ ขนึ้ หลอดกลบี เลี้ยงรปู คนโท แฉกรูปใบหอกหรือรปู แถบ ยาวเทา่ ๆ หลอดกลบี เลย้ี ง
ปลายเช่ือมติดกัน มี 1-5 ผลยอ่ ย มขี นสนั้ น่มุ แก่สแี ดง มี 3-4 เมลด็ (ภาพ: หนองทุง่ ทอง สุราษฎรธ์ านี - RP)
Sterculia balanghas L.
ไมต้ น้ ผลดั ใบ สงู 5-20 ม. กง่ิ ออ่ นมขี นสนี ำ�้ ตาลแดงหนาแนน่ หใู บคลา้ ยรยางค์ ปอขาว: ไม้ต้นผลัดใบ ใบรปู ฝา่ มือ มี 3-5 ผลยอ่ ย รูปไต เปลือกหนา มขี นหนาแน่น (ภาพ: นครสวรรค์ - MP)

ใบรปู รี รูปขอบขนาน หรอื แกมรูปไข่ ยาว 10-30 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลม สำ� โรง: ใบประกอบรปู ฝ่ามือ กลีบเลี้ยงบานออก ใบแกแ่ ละผลเกล้ียง (ภาพ: cultivated - SSi)
ยาว แผน่ ใบมขี นหนาแนน่ เสน้ แขนงใบเรยี งจรดกนั ใกลข้ อบใบ กา้ นใบยาว 1-3 ซม.
ชอ่ ดอกโค้งลง ยาว 10-20 ซม. กา้ นดอกยาว 0.5-1.5 ซม. กลบี เลยี้ งรูปถว้ ย ยาว ปอข้ีอ้น
0.7-1 ซม. แฉกลกึ เกินก่งึ หน่ึง ปลายเชอ่ื มติดกันด้วยขน เกสรเพศผู้ 10 อัน อับเรณู
ไรก้ ้าน กา้ นเกสรเพศเมยี เชอื่ มตดิ กนั มีขนหนาแนน่ มี 2-5 ผลยอ่ ย รูปขอบขนาน Helicteres viscida Blume
ยาว 5-9 ซม. มีขนส้ันสนี ำ�้ ตาลดำ� หนาแน่น มี 3-6 เมล็ด รปู รี ยาว 1-1.5 ซม. สีด�ำ วงศ์ Malvaceae

พบทอ่ี ินเดีย เนปาล ศรลี งั กา พมา่ คาบสมุทรมลายู และสมุ าตรา ในไทยพบ ไมพ้ ุ่ม สูง 1-3 ม. ใบรปู ไข่ ยาว 7-15 ซม. ปลายจกั เปน็ ติง่ แหลม โคนเวา้ ตืน้
ทกุ ภาค โดยเฉพาะบนเขาหินปนู ความสงู ถึงประมาณ 1600 เมตร ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ยซอ้ น เสน้ โคนใบขา้ งละ 2-3 เสน้ กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 1 ซม. หลอด
กลบี เลยี้ งยาวไดถ้ งึ 2 ซม. มขี นกระจกุ รปู ดาวหนาแนน่ ดา้ นนอก ดอกสขี าว มสี เี หลอื ง
ปอขนนุ แตม้ ท่ีโคน กลีบรูปใบพาย แยกกัน ขนาดไมเ่ ทา่ กัน ยาว 2.5-3 ซม. ทีโ่ คนก้าน
กลบี มรี ยางคเ์ ปน็ ตงิ่ 1 คู่ รังไข่มตี ุ่มและขนหนาแนน่ ล้อมรอบด้วยวงเกสรเพศผู้
Sterculia parviflora Roxb. ex G. Don กา้ นเกสรเพศเมียแยกเป็น 5 แฉก รปู เส้นด้าย ผลรปู ทรงกระบอก ยาว 3-4 ซม. มี
ไมต้ น้ สูงได้ถึง 30 ม. กิง่ ออ่ นมขี นสนี �ำ้ ตาลแดง หใู บรูปใบหอก ใบรปู รีหรอื 5 สนั ปลายเปน็ จะงอย มขี นกระจกุ รปู ดาวหนาแนน่ เมลด็ รปู รกี วา้ ง ยาวประมาณ
2 มม. (ดูข้อมูลเพม่ิ เติมท่ี ข้ีอน้ , สกุล)
รูปขอบขนาน ยาว 10-22 ซม. แผ่นใบมขี นประปราย เส้นแขนงใบเรยี งจรดกัน
ใกล้ขอบใบ เสน้ โคนใบข้างละ 1 เส้น ก้านใบยาว 2.5-10 ซม. ช่อดอกตัง้ ข้นึ ยาวได้ถึง พบทจ่ี นี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา ชวา และบอรเ์ นยี ว
15 ซม. แยกแขนงส้นั ๆ กา้ นดอกยาว 1-5 มม. หลอดกลีบเล้ียงรปู คนโท ยาว ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามชายปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู ถงึ ประมาณ 350 เมตร
2-3 มม. ปลายแยกเปน็ แฉกรูปใบหอกหรอื รปู แถบ ยาวเท่า ๆ หลอดกลบี เลย้ี ง
ปลายเชื่อมติดกัน เกสรเพศผู้ 10 อนั อบั เรณูไร้ก้าน ก้านเกสรเพศเมียเชือ่ มตดิ กนั เอกสารอา้ งอิง
มี 1-5 ผลย่อย รูปรีหรือรปู ขอบขนาน ยาวไดถ้ งึ 7 ซม. มขี นส้ันนมุ่ ผลแกส่ แี ดง Phengklai, C. (2001). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 573.
มี 3-4 เมล็ด รปู รี ยาว 1.5-2 ซม. สีดำ� Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China
Vol. 12: 319.
พบทอ่ี ินเดีย พมา่ เวียดนาม คาบสมุทรมลายู บอรเ์ นยี ว ในไทยพบทางภาคใต้
ขน้ึ ตามปา่ ดิบชืน้ ความสูงถึงประมาณ 350 เมตร

ปอขาว

Sterculia pexa Pierre
ไมต้ น้ ผลดั ใบ สงู ไดถ้ งึ 20 ม. มขี นหนาแนน่ ตามกง่ิ ออ่ น แผน่ ใบดา้ นลา่ ง ชอ่ ดอก

และผล หูใบรูปใบหอก ใบรปู ฝา่ มอื ก้านใบยาว 10-30 ซม. ใบยอ่ ยมี 6-9 ใบ รูป
ใบหอกแกมรปู ไข่กลบั ยาว 8-25 ซม. ก้านใบยอ่ ยยาว 1-2 มม. ช่อดอกออกท่ี
ปลายกิ่ง ยาว 20-30 ซม. กา้ นดอกส้นั มาก หลอดกลีบเลีย้ งรูประฆงั ยาว 4-5 มม.
กลีบยาวเทา่ ๆ หลอดกลบี เลย้ี ง ปลายเช่ือมตดิ กันด้วยขน เกสรเพศผู้ 15 อัน
ไร้ก้านเกสรเพศเมยี ยอดเกสรจัก 5 พู มี 3-5 ผลยอ่ ย รปู คลา้ ยไต เปลอื กหนา
ยาว 4-5 ซม. แก่สีแดง มีประมาณ 20 เมล็ด

พบทลี่ าว และเวยี ดนาม ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้
และภาคใต้ ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ และปา่ ดบิ แลง้ ความสงู 100-900 เมตร คลา้ ย
สำ� โรง S. foetida L. ทใ่ี บเปน็ ใบประกอบรปู ฝา่ มอื แตใ่ บแกแ่ ละผลเกลยี้ ง กลบี เลย้ี ง
บานออก เมล็ดให้นำ�้ มันใช้ปรงุ อาหารและจุดไฟ

เอกสารอา้ งองิ
Phengklai, C. (2001). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 623-649.
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China
Vol. 12: 303.

ปอขนนุ : S. balanghas กง่ิ ออ่ นมีขนสนี ำ�้ ตาลแดงหนาแนน่ กลบี เล้ยี งแฉกลึกเกนิ กึ่งหนึ่ง ปลายเชื่อมตดิ กันด้วยขน ปอข้ีอน้ : ขอบใบจกั ฟนั เลือ่ ยสองช้ัน เส้นโคนใบข้างละ 2-3 เส้น หลอดกลีบเล้ยี งและผลมขี นกระจกุ รปู ดาวหนาแนน่
ผลย่อยรูปขอบขนาน เมล็ดรูปรี (ภาพซ้ายและขวาบน: เขานางพันธุรตั เพชรบรุ ี, ภาพขวาลา่ ง: สระบรุ ี; - RP) กลบี รูปใบพาย แยกกนั ขนาดไมเ่ ทา่ กนั (ภาพดอก: ตาก - PK; ภาพผล: กาญจนบรุ ี - RP)

248

สารานุกรมพืชในประเทศไทย ปอต่อม

ปอคนั ปอเจีย๋ น: ตาดอกรปู ขอบขนาน กลบี ดอกรปู ใบพาย กา้ นกลบี ยาวกว่าแผน่ กลบี เกสรเพศผทู้ ีส่ มบูรณม์ ี 2-3 อนั
ลดรปู มี 6-7 อัน จานฐานดอกเป็นท่อยน่ื ออก รังไข่มีขนสั้นนุ่มคลา้ ยกำ� มะหยี่ (ภาพ: ชมุ พร - RP)
Malachra capitata (L.) L.
วงศ์ Malvaceae ปอตลบั

ช่อื พอ้ ง Sida capitata L. Trichospermum javanicum Blume
วงศ์ Malvaceae
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 2 ม. มขี นรปู ดาวและขนสากกระจาย หใู บขา้ งละประมาณ
3 เส้น รูปแถบ ยาว 0.5-1.5 ซม. ใบรปู ไข่กวา้ งหรอื เกือบกลม จกั เป็นพูต้ืน ๆ ไมต้ น้ สงู 8-20 ม. ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว รปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว
หรือรปู ฝา่ มอื 3, 5 หรือ 7 พู เส้นผ่านศูนย์กลาง 5-15 ซม. โคนเวา้ ลกึ ขอบจัก กา้ นใบ 10-18 ซม. โคนใบตัดหรอื เวา้ ต้นื ๆ ขอบจกั ฟันเลือ่ ยถี่ เสน้ โคนใบขา้ งละ 1 เส้น
ยาวได้ถึง 10 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ แน่น ออกสน้ั ๆ ตามซอกใบ ใบประดบั เสน้ แขนงใบยอ่ ยแบบขัน้ บันได กา้ นใบยาว 1-1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ
รปู ไข่ ยาว 1-2 ซม. ขอบเรยี บหรอื จกั ซฟ่ี นั พบั ไปมา ไมม่ รี วิ้ ประดบั ใบประดบั ยอ่ ย ออกตามซอกใบ ยาว 5-10 ซม. ตาดอกรูปไข่ กลบี เลย้ี งขนาดเลก็ มี 5 กลบี แยก
มี 1 คู่ รูปเส้นดา้ ย ตดิ ทน กลีบเลี้ยงรปู ระฆงั ยาว 4-8 มม. มี 5 แฉก ลึกประมาณ จรดโคน มขี นทง้ั สองดา้ น กลีบดอก 5 กลีบ รูปใบพาย ยาวประมาณ 1 ซม. โคนกลีบ
กึง่ หนึ่ง ดอกสีเหลอื ง มี 5 กลบี รปู ไข่กลับ ยาว 1-1.5 ซม. ก้านชูอบั เรณูเชื่อมตดิ กนั มตี อ่ ม เกสรเพศผู้ 5 อัน แยกกัน รังไขม่ ี 2 ช่อง มขี น กา้ นเกสรเพศเมียแยก 2 แฉก
เปน็ เสา้ เกสร ปลายแยกเปน็ 5 แฉก มี 5 คารเ์ พล กา้ นเกสรเพศเมยี แยก 10 แฉก ผลแห้งแตก แบน ๆ รูปคลา้ ยไต ยาว 2-2.5 ซม. ปลายมีต่งิ แหลม เมล็ดมีขนยาว
ผลแห้งแตก แตล่ ะซีกยาว 3-3.5 มม. เมลด็ รปู ไขก่ ลับ ยาวประมาณ 2.5 มม.
พบทคี่ าบสมทุ รมลายู ชวา และสมุ าตรา ในไทยพบทางภาคใตต้ อนลา่ ง ขนึ้ ตาม
มีถิ่นก�ำเนิดในอเมริกาใต้ ข้ึนเป็นวัชพืชทั่วไปในเขตร้อน เปลือกใช้ท�ำเชือก ป่าดิบชนื้ และชายป่า ความสงู ระดับต่ำ� ๆ
สารสกดั จากรากและใบใชอ้ าบทำ� ใหผ้ วิ ชมุ่ ชนื้
สกุล Trichospermum Blume เดิมอยูภ่ ายใต้วงศ์ Tiliaceae ปัจจุบนั อยู่วงศ์ย่อย
สกุล Malachra L. มปี ระมาณ 12 ชนิด สว่ นมากพบในอเมริกา ในไทยขึน้ เป็น Grewioideae มปี ระมาณ 20 ชนดิ พบเฉพาะในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ในไทยมี
วัชพชื ชนิดเดียว ช่ือสกุลมาจากภาษากรีก “malache” หมายถงึ ตน้ ชบาชนดิ หน่งึ ชนดิ เดียว ชอื่ สกลุ มาจากภาษากรีก “thrix” หรอื “trichos” ขน และ “sperma”
ใบมกั เป็นแฉก เมล็ด ตามลกั ษณะของเมล็ดมีขน
เอกสารอา้ งอิง เอกสารอา้ งองิ
Masters, M.T. (1874). Malvaceae. In Flora of British India Vol 1: 329. Phengklai, C. (1993). Tiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 40-41.
van Borssum Waalkes, J. (1996). Malesian Malvaceae revised. Blumea 14: 146.
ปอตลบั : ใบเรียงสลบั ระนาบเดียว ขอบจักฟนั เล่ือยถ่ี เสน้ โคนใบขา้ งละ 1 เสน้ ผลรปู ไต ปลายมีต่งิ แหลม
ปอคัน: ขอบใบจักเป็นพูต้ืน ๆ หใู บรูปแถบ ใบประดับรปู ไข่กว้าง ขอบจักพบั ไปมา ใบประดับยอ่ ยรูปเส้นด้าย ติดทน (ภาพ: บันนงั สตา ยะลา - MT)
เส้าเกสรปลายแยกเป็น 5 แฉก ผลแห้งแตก (ภาพ: กรงุ เทพฯ - RP)
ปอตอ่ ม
ปอเจย๋ี น
Hibiscus glanduliferus Craib
Phanera bracteata Benth. วงศ์ Malvaceae
วงศ์ Fabaceae
ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 3 ม. มขี นสนั้ นมุ่ และขนรปู ดาวตามกงิ่ กา้ นใบ และกา้ นดอก
ช่ือพ้อง Bauhinia bracteata (Benth.) Baker หใู บรูปขอบขนาน ยาวได้ถงึ 1.5 ซม. ใบรปู รหี รอื รปู ไข่กวา้ งเกือบกลม ไม่จักเป็นพู
ยาวได้ถึง 15 ซม. โคนเว้าลึก ขอบจกั ฟันเลอ่ื ยซ้อน โคนเส้นกลางใบมีตอ่ มรูปไข่
ไมเ้ ถาเนอ้ื แขง็ มขี นสนั้ นมุ่ ตามกงิ่ ออ่ น เสน้ แขนงใบดา้ นลา่ ง กา้ นชอ่ ดอก และ เส้นโคนใบขา้ งละ 2-3 เส้น กา้ นใบยาว 1-5 ซม. ดอกออกเด่ียว ๆ ตามซอกใบ
ตาดอก หูใบเป็นติง่ คลา้ ยเคียว ยาวไดถ้ ึง 1 ซม. ใบรปู ไข่กวา้ งหรอื กลม ยาว 3-15 ซม. หรอื เรียงชดิ กันช่วงปลายก่ิง กา้ นดอกยาว 1-2 ซม. รวิ้ ประดบั 10 อนั เชือ่ มติดกนั
แฉกลกึ ไมถ่ ึงกงึ่ หน่ึง ปลายมน โคนเวา้ เสน้ โคนใบขา้ งละ 4-5 เสน้ ก้านใบยาวไดถ้ งึ
7 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ใบประดบั รปู ใบหอกหรอื รปู ไข่ กา้ นดอกยาว 4-7 ซม.
ใบประดับยอ่ ยตดิ ประมาณกึง่ กลางก้านดอก ตาดอกรปู ขอบขนาน ฐานดอกสนั้
กลีบเลยี้ ง 5 กลบี พบั งอ ยาวเกือบ 1 ซม. ดอกสเี ขียวออ่ นอมเหลอื ง กลบี รูปใบพาย
ยาว 0.5-1.3 ซม. ขอบจักมน กา้ นกลบี ยาวกวา่ แผ่นกลบี เกสรเพศผทู้ ่สี มบูรณ์ มี
2-3 อนั กา้ นชูอับเรณูยาวไดถ้ งึ 3.5 ซม. เกสรเพศผู้ท่ลี ดรูปมี 6-7 อนั อนั ยาวหน่งึ อัน
ตดิ ระหวา่ งเกสรเพศผทู้ ส่ี มบรู ณ์ จานฐานดอกเปน็ ทอ่ ยน่ื ออก ยาว 2-4 มม. รงั ไข่
มขี นสนั้ คลา้ ยกำ� มะหย่ี ฝกั รปู ขอบขนาน มขี นกำ� มะหยสี่ นี ำ�้ ตาลหนาแนน่ ยาวไดถ้ งึ
17 ซม. มี 2-8 เมล็ด (ดขู อ้ มลู เพ่มิ เตมิ ท่ี แสลงพนั , สกลุ )

พบในพมา่ และภูมิภาคอินโดจนี ในไทยพบทกุ ภาค ภาคใตถ้ ึงชมุ พร ข้นึ ตาม
ชายป่าเบญจพรรณ ปา่ ดิบแล้ง หรอื เขาหนิ ปูน ความสูงถึงประมาณ 500 เมตร

เอกสารอ้างอิง
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 31.

249

ปอเตา่ ไห้ สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

4-6 มม. รว้ิ ประดับรปู ใบหอก ยาวประมาณ 1 ซม. หลอดกลีบเลยี้ งยาวประมาณ ปอเตา่ ไห:้ ไม้พมุ่ รอเลื้อย แตกกิง่ จำ� นวนมาก กลบี ดอกรปู ลน้ิ เกสรเพศผู้ 10 อนั เรียง 2 วง ผลรปู รี มีกลีบเลีย้ งท่ี
1 ซม. กลีบรูปใบหอก ยาว 1.5-3 ซม. ดอกรปู ระฆังควำ�่ สเี หลอื ง โคนกลบี ด้านใน ฉกี ขาดหมุ้ ใบประดบั เรยี งตรงขา้ ม ตดิ ทน (ภาพ: บุรีรัมย์ - RP)
สนี �ำ้ ตาลแดง กลีบรปู ไข่กลบั ยาว 6-10 ซม. เสา้ เกสรเพศผู้ยาวประมาณ 2 ซม.
อบั เรณตู ดิ ตลอดความยาว ผลยาวประมาณ 2 ซม. ดา้ นนอกมขี นหยาบยาวหนาแนน่ ปอเต่าไห้
(ดขู อ้ มูลเพิ่มเติมท่ี ชบา, สกลุ และปอทะเล, สกลุ )
Helicteres hirsuta Lour.
พบเฉพาะในภูมิภาคอินโดจีน ในไทยส่วนมากพบทางภาคเหนือ และภาค วงศ์ Malvaceae
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ข้นึ ตามปา่ เบญจพรรณหรือป่าเต็งรงั ที่แหง้ แลง้ ความสูงถึง
ประมาณ 600 เมตร จากลักษณะทางสัณฐานท่ีหใู บมขี นาดใหญ่ ผลมีขนหนาแนน่ ไมพ้ ุ่ม สงู 1-5 ม. มขี นรูปดาวหนาแน่นตามกิ่ง และแผ่นใบท้ังสองดา้ น ใบรปู รี
ซงึ่ จะตอ้ งถูกจัดอยู่สกุลปอทะเล Talipariti รปู ไข่ หรือรปู ขอบขนาน ยาว 5-20 ซม. โคนเบีย้ ว ขอบใบจกั ฟนั เลือ่ ย เสน้ โคนใบ
ขา้ งละ 1-2 เสน้ กา้ นใบยาว 0.5-2.5 ซม. มขี นสนั้ นมุ่ หนาแนน่ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ
เอกสารอ้างอิง คล้ายช่อเชงิ ลด ออกตามซอกใบ ยาวได้ถึง 3 ซม. กา้ นดอกมีขอ้ กลบี เล้ยี งยาว 1-1.5 ซม.
Craib, W.G. (1910). Craib. Bulletin of Miscellaneous Information Kew 1910: ดา้ นนอกมขี นละเอยี ด ดอกสีมว่ งอมแดง กลีบรูปใบหอก ยาว 2-2.5 ซม. รงั ไขเ่ ป็นสัน
275-276. มขี นเปน็ ตมุ่ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวเทา่ ๆ รงั ไข่ ยอดเกสรจกั 5 พู ผลรปู ขอบขนาน
Phuphathanaphong, L., P. Siriruksa and G. Nuvongsri. (1989). The genus ยาว 3.5-4 ซม. มี 5 สัน ปลายเปน็ จะงอย มขี นยาวและตมุ่ หนาแนน่ เมลด็ ขนาดเล็ก
Hibiscus in Thailand. Thai Forest Bullettin (Botany) 18: 54-56. จ�ำนวนมาก (ดขู ้อมลู เพ่มิ เติมที่ ข้อี น้ , สกุล)

ปอต่อม: ใบไม่จักเปน็ พู ขอบจกั ฟันเลื่อยซ้อน ดอกออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบ ริว้ ประดบั 10 อนั โคนกลีบดอกดา้ นใน พบท่อี นิ เดีย จนี ตอนใต้ พมา่ ภูมภิ าคอนิ โดจีนและมาเลเซีย ถงึ ฟิลิปปินส์ ใน
มีสนี ้ำ� ตาลแดง ผลแหง้ แตกเปน็ 5 ซีก ดา้ นนอกมขี นหยาบยาวหนาแน่น (ภาพ: บา้ นตาก ตาก - RP) ไทยพบทุกภาค ขึ้นตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ เตง็ รงั ป่าดิบแลง้ และป่าดบิ ชื้น ความสูง
ถึงประมาณ 1000 เมตร
ปอเตา่ ไห้
เอกสารอา้ งองิ
Enkleia malaccensis Griff. Phengklai. C. (2001). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 566.
วงศ์ Thymelaeaceae Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China
Vol. 12: 320.
ชอ่ื พอ้ ง Enkleia siamensis (Kurz) Nevling
ปอเต่าไห:้ ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ คลา้ ยชอ่ เชิงลด ดอกสีม่วงอมแดง ผลรปู ขอบขนาน ปลายเป็นจะงอยแหลมยาว
ไม้พมุ่ รอเลอื้ ยหรอื ไมเ้ ถา ใบเรียงตรงขา้ มหรอื เรียงสลบั รปู รีหรือรปู ไข่ ยาว มขี นยาวและตุ่มหนาแนน่ กลีบเล้ียงติดทน (ภาพ: เขาสามหล่ัน สระบรุ ี - RP)
4-12 ซม. แผน่ ใบดา้ นบนมขี นตามเสน้ กลางใบ ดา้ นลา่ งมขี นสนี ำ�้ ตาลแดงประปราย
หนาแนน่ หรอื เกลย้ี ง เสน้ แขนงใบ 18-25 คู่ กา้ นใบยาว 5-8 มม. ช่อดอกแบบ ปอทะเล, สกลุ
ชอ่ แยกแขนง ชอ่ ย่อยแบบช่อซ่ีร่ม ก้านยาว 2-5 ซม. ใบประดับ 2 อนั ตดิ ตรงขา้ มกัน
รปู รหี รอื รปู ขอบขนาน มขี นสน้ั นมุ่ ทงั้ สองดา้ น ขยายในผล ยาว 2-8 ซม. ดอกสเี ขยี ว Talipariti Fryxell
อมเหลือง หลอดกลบี เลี้ยงยาว 5-8 มม. กลบี เลย้ี ง 5 กลบี ยาว 2-4 มม. ตดิ ทน วงศ์ Malvaceae
กลีบดอกรูปลิ้น โคนเว้า ยาวประมาณ 2.5 มม. เกสรเพศผู้ 10 อัน เรียง 2 วง
กา้ นชอู บั เรณยู าว 0.5-1.5 มม. รงั ไขม่ ขี นหนาแนน่ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ ไม้พ่มุ หรือไม้ต้น หใู บขนาดใหญห่ ุ้มตา รว่ งเร็ว ท้งิ รอยชดั เจน ใบเรียงเวียน
2 มม. ยอดเกสรรปู โล่ ผลผนังชั้นในแขง็ รูปรี ยาว 1-1.5 ซม. มกี ลีบเล้ียงทฉ่ี ีกขาดหมุ้ เสน้ แขนงใบรปู ฝา่ มอื มตี อ่ มตามซอกใบ ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ มดี อกเดยี วหรอื
เมลด็ รูปรี ยาว 6-8 มม. หลายดอก ริว้ ประดับจักตืน้ ๆ หรือเรยี วยาว สว่ นมากมี 5-10 อัน กลีบเลีย้ งรูปถ้วย
มี 5 กลบี ดอกรปู ระฆงั โคนกลบี ดา้ นในมกั มสี เี ขม้ เกสรเพศผเู้ ชอ่ื มตดิ กนั เปน็ เสา้ เกสร
พบทหี่ มเู่ กาะอนั ดามนั พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา และ สน้ั กวา่ กลบี ดอก ปลายแยกเปน็ 5 แฉกต้นื ๆ กา้ นเกสรเพศเมียยาวเลยเสา้ เกสร
บอร์เนยี ว ในไทยพบทุกภาค ข้ึนตามปา่ เต็งรงั ปา่ เบญจพรรณ และชายปา่ ดบิ ชน้ื ยอดเกสรจัก 5 พู เปน็ ตุม่ ผลแห้งแตกเปน็ 5 ซีก ดคู ลา้ ยมี 10 ชอ่ ง ดา้ นนอกมขี น
ความสงู ถึงประมาณ 500 เมตร รากมสี รรพคณุ แก้ไข้ โรคฝีดาษหรือไขท้ รพิษ และงกู ัด เมล็ดจ�ำนวนมาก รปู คลา้ ยไต
เปลือกเหนียวใช้ทำ� เชือก
สกลุ Talipariti แยกมาจากสกุล Hibiscus จากลกั ษณะของหูใบ ผลแห้งแตก
สกลุ Enkleia Griff. อยูภ่ ายใตว้ งศ์ย่อย Thymelaeoideae มี 3 ชนดิ พบใน เปน็ 5 ซีก ดคู ลา้ ยมี 10 ช่อง และโครโมโซมจำ�นวนมาก มี 22-23 ชนิด ส่วนมาก
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมูเ่ กาะอันดามนั ในไทยมี 2 ชนิด อีกชนิด คือ พบในอเมริกาเขตร้อน แอฟริกา เอเชียรวมถงึ ญีป่ นุ่ และเกาหลี ออสเตรเลีย
E. thorelii (Lecomte) Nevling พืชถิน่ เดียวทางภาคตะวนั ออกของไทย เปน็ ไมพ้ ุม่
ใบขนาดเลก็ และช่อดอกยอ่ ยแบบชอ่ แยกแขนง ส่วน E. paniculata (Merr.)
Hallier. f. พบทีฟ่ ลิ ิปปินส์ และนวิ กินี แผ่นใบบาง หลอดกลบี เลย้ี งบดิ เปน็ เกลยี ว
ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรกี “enkleio” ห้มุ ตามลักษณะผลทมี่ ีกลบี เล้ยี งท่ฉี ีกขาดหุ้ม
เอกสารอา้ งอิง
Hou, D. (1972). Thymelaeaceae. In Flora Malesiana Vol. 6: 23-26.
Peterson, B. (1997). Thymelaeaceae (Enkleia siamensis). In Flora of Thailand

Vol. 6(3): 233.

250

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ปอผ่าสาม

และหมเู่ กาะแปซิฟิก โดยเฉพาะตามชายฝ่ังทะเล ในไทยมี 4 ชนดิ ซง่ึ ย้ายมาจาก ปอบดิ
สกลุ Hibiscus ช่อื สกลุ หมายถึงพชื หลายชนดิ ในสกุล Talipariti เคยอยภู่ ายใต้
สกลุ Pariti หรอื Paritium Helicteres isora L.
วงศ์ Malvaceae
ปอทะเล
ไม้พมุ่ สงู 1-5 ม. มขี นรูปดาวละเอียดหรอื ขนส้นั น่มุ ตามก่ิง หใู บ แผ่นใบด้านล่าง
Talipariti tiliaceum (L.) Fryxell กลบี เลยี้ งดา้ นนอก และผล หใู บรปู เสน้ ดา้ ย ยาวไดถ้ งึ 1 ซม. ใบรปู รหี รอื รปู ไขก่ วา้ ง
ยาว 8-20 ซม. ปลายจกั เป็นแฉก ปลายแฉกแหลมยาวคลา้ ยหาง โคนกลมหรอื
ช่อื พอ้ ง Hibiscus tiliaceus L. รูปหัวใจ ขอบใบจักฟันเลอ่ื ยสองช้ัน เส้นโคนใบ 5-7 เสน้ กา้ นใบยาว 1-3 ซม.
ชอ่ ดอกออกสนั้ ๆ 2-3 ชอ่ เรยี งชดิ กนั ตามซอกใบ โคง้ ดา้ นเดยี ว หลอดกลบี เลย้ี งยาว
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู 3-10 ม. มขี นรปู ดาวละเอยี ดตามหใู บ โคนใบ รว้ิ ประดบั 1.5-2 ซม. ดอกสสี ม้ หรืออมแดง โคนด้านในมีจดุ ดำ� ละเอียด กลบี บน 2 กลีบ
กลบี เลยี้ ง และโคนกลบี ดอก หใู บคลา้ ยใบ รปู ขอบขนาน ยาว 1-3 ซม. ใบรปู ไขก่ วา้ ง ขนาดใหญ่ รปู ใบหอกกลับ ยาว 2.5-3 ซม. กลบี พับงอกลบั ยาว 1.2-1.5 ซม.
เกือบกลม ยาว 6-15 ซม. ปลายแหลมส้ัน โคนรปู หวั ใจ เสน้ โคนใบ 7 หรือ 9 เสน้ รังไข่บดิ เวยี น มตี ุ่มเปน็ ขน ปลายกา้ นเกสรเพศเมยี มีจดุ สดี �ำละเอยี ด ยอดเกสร
ดอกสว่ นมากออกเดย่ี วหรอื ออกชดิ กนั ทปี่ ลายกง่ิ ซง่ึ ใบมกั ลดรปู ดคู ลา้ ยเปน็ ชอ่ แฉกตน้ื ๆ 5 แฉก ผลรูปทรงกระบอก บิดเปน็ เกลยี ว ปลายแหลม ผลแกส่ ดี �ำ
กา้ นดอกยาว 1-3 ซม. ใบประดบั คลา้ ยหใู บ มี 1 คู่ กา้ นดอกยาว 1-3 ซม. รว้ิ ประดบั (ดขู ้อมูลเพมิ่ เติมท่ี ขอ้ี ้น, สกุล)
สว่ นมากมี 8-12 อนั เชื่อมตดิ กนั เกินกง่ึ หนงึ่ รูปสามเหล่ยี ม ส่วนมากยาว 1-6 มม.
กลบี เลย้ี งรปู ใบหอก ยาว 1.5-2 ซม. เชอื่ มตดิ กนั ประมาณหนง่ึ ในสาม ดอกรปู ระฆงั พบทอ่ี นิ เดยี จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยพบทกุ ภาค
สีเหลือง โคนด้านในมีปืน้ สีมว่ งเข้ม กลีบรูปไขก่ ลบั ยาว 4-6 ซม. หลอดเกสรเพศผู้ ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรงั ป่าดบิ แลง้ ชายป่าดิบชน้ื สองข้างทาง ความสงู
ยาวประมาณ 3 ซม. กา้ นชอู บั เรณสู นั้ กา้ นเกสรเพศเมยี มขี นตอ่ มทวั่ ไป ผลรปู รกี วา้ ง 100-400 เมตร เปลอื ก ราก และผลมสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง โดยเฉพาะ
เกือบกลม ยาว 1.5-2 ซม. มขี นหยาบแข็งยาวหนาแน่น แกท้ อ้ งเสียและบดิ ผสมกบั สมุนไพรชนิดอื่น ๆ เป็นยาหลายขนาน

พบทีอ่ นิ เดยี จีน เอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ และออสเตรเลยี ในไทยพบทาง เอกสารอ้างอิง
ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขนึ้ ตามชายปา่ ดบิ ชน้ื ปา่ ดบิ เขา ปา่ โกงกาง และ Phengklai, C. (2001). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 568.
ชายฝง่ั ทะเล ความสงู ถงึ ประมาณ 1400 เมตร มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China
และนิยมเปน็ ไม้ประดบั ใบและดอกมักมีขนาดเล็กกวา่ ต้นในธรรมชาติ สว่ น var. Vol. 12: 318.
pernambucense (Arruda) Fryxell ปจั จบุ นั มสี ถานภาพเปน็ T. pernambucense
(Arruda) Bovini โคนดอกดา้ นในไมม่ สี เี ขม้ หใู บและกลบี เลยี้ งมขี นประปราย พบ
ในอเมรกิ าเขตรอ้ น

เอกสารอา้ งอิง
Fryxell, P.A. (2001). Talipariti (Malvaceae), a segregate from Hibiscus. Contributions
from the University of Michigan Herbarium. Vol. 23: 225-270.
Phuphathanaphong, L., P. Siriruksa and G. Nuvongsri. (1989). The genus
Hibiscus in Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 18: 43-79.
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007) Malvaceae. In Flora of China Vol.
12: 288.

ปอทะเล: ริว้ ประดับเชอื่ มติดกนั เกนิ กึง่ หนึง่ ดอกรูประฆงั โคนดา้ นในสเี ขม้ ผลแตกเป็น 5 ซีก ตน้ ที่เปน็ ไมป้ ระดับ ปอบิด: หใู บรูปเสน้ ด้าย ปลายจกั เป็นแฉก ขอบจักฟนั เลอ่ื ยซอ้ น ชอ่ ดอกออกเปน็ กระจกุ ส้นั ๆ ตามซอกใบ ดอกโคง้
ดอกและใบขนาดเล็ก ปลายใบแหลมสัน้ ๆ ร้ิวประดับจกั ต้นื ๆ (ภาพบนซา้ ย: ตะรเุ ตา สตลู - PK; ภาพบนขวา: ด้านเดียว สสี ม้ อมแดง กลบี บน 2 กลบี ขนาดใหญ่ พับงอกลับ ผลรปู ทรงกระบอก บดิ เปน็ เกลยี ว ปลายแหลม ผลแก่สดี �ำ
เกาะสรุ นิ ทร์ พังงา - SSi; ภาพลา่ ง: ต้นที่เป็นไม้ประดบั cultivated - RP) (ภาพ: ตาก - RP)

ปอผา่ สาม

Sterculia lanceolata Cav.
วงศ์ Malvaceae

ไม้พุม่ หรือไม้ต้น สูง 1-5 ม. ก่ิงออ่ นมขี น กิง่ แก่มีช่องอากาศ หใู บรูปใบหอก
ขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ใบรปู รถี งึ รปู ใบหอก ยาว 8-22 ซม. ปลายแหลม แหลมยาว หรอื
ยาวคลา้ ยหาง แผน่ ใบเกลยี้ ง เสน้ แขนงใบเรยี งจรดกนั ใกลข้ อบใบ ไมม่ เี สน้ โคนใบ
ก้านใบยาว 1-5 ซม. ชอ่ ดอกหอ้ ยลง แยกแขนง ยาว 4-10 ซม. ก้านดอกยาว 1-2 ซม.
กลบี เลย้ี งสชี มพหู รอื อมแดง แฉกลกึ เกอื บจรดโคน กลบี รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก
ยาว 4-8 มม. มขี นรูปดาวกระจาย ขอบมขี นครยุ เกสรเพศผู้ 10 อัน อับเรณไู ร้ก้าน
โคนเช่ือมติดกัน กา้ นเกสรเพศเมยี เช่ือมติดกัน มีขนหนาแนน่ ยอดเกสรจกั 5 พู
พับงอกลบั มี 2-5 ผลย่อย รปู ขอบขนาน โค้ง ยาว 4-8 ซม. ปลายเป็นจะงอย ผลแก่
สีแดงอมส้ม มีขนส้นั นุ่ม มี 3-5 เมล็ด รูปรี ยาว 1-1.5 ซม. แก่สดี ำ� (ดขู ้อมูลเพิ่มเตมิ ที่
ปอขนุน, สกลุ )

พบทจ่ี นี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบกระจายทกุ ภาค
ขนึ้ ใต้ร่มเงาในปา่ ดบิ แลง้ ป่าดบิ เขา ป่าดิบชื้น และป่าดบิ เขา ความสงู ถงึ ประมาณ
1600 เมตร เปลอื กเหนยี วใชท้ �ำเชือกและกระดาษ

เอกสารอ้างอิง
Phengklai, C. (2001). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 635.
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China
Vol. 12: 309.

251

ปอผี สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

ปอผา่ สาม: แผน่ ใบเกลีย้ ง กลบี เลยี้ งแฉกลึก มขี นรูปดาวกระจาย ผลแก่สแี ดงอมส้ม มี 3-5 เมล็ดในแต่ละซีก แก่สีดำ� รปู ดาวละเอยี ดสสี ม้ อมแดงหนาแนน่ กา้ นดอกยาว 4-5 มม. ใบประดบั คลา้ ยเกลด็
(ภาพซา้ ย: ดอยตุง เชยี งราย, ภาพขวา: เบตง ยะลา; - RP) ดอกมเี พศเดยี วหรอื มดี อกสมบรู ณเ์ พศรว่ มตน้ กลบี เลยี้ งเปน็ หลอด ยาว 1.2-2 ซม.
ปลายแยก 5 แฉกต้นื ๆ ยาว 3-5 มม. ไมม่ กี ลีบดอก เกสรเพศผู้ 15 อัน เช่อื มตดิ กนั
ปอผี 5 มดั ตดิ ทปี่ ลายกา้ นชเู กสรรว่ ม ทย่ี าว 1-3 ซม. มขี นรปู ดาวละเอยี ดประปราย รงั ไข่
เกือบเกล้ยี ง ก้านเกสรเพศเมยี ส้ันมาก ยอดเกสรโค้ง ผลแตกเปน็ 5 ส่วน หอ้ ยลง
Hydrolea zeylanica (L.) Vahl รูปขอบขนาน ยาว 5-7 ซม. เปลือกบาง มี 2-4 เมล็ด
วงศ์ Hydrophyllaceae
พบทศี่ รลี งั กา อนิ เดยี และหมเู่ กาะอนั ดามนั จนี ตอนใต้ ภฏู าน คาบสมทุ รมลายู
ชอื่ พ้อง Nama zeylanica L. สุมาตรา ในไทยพบทุกภาค ขน้ึ ตามเขาหินปนู ความสูง 100-1400 เมตร นยิ มทำ�
เปน็ ไมแ้ คระ เปลือกมีสรรพคณุ แกโ้ รคดีซ่าน
ไมล้ ้มลุก สงู ไดถ้ ึง 60 ซม. มักมรี ากตามข้อ ปลายลำ� ตน้ มขี นตอ่ ม ไม่มีหใู บ
ใบเรยี งเวยี น รปู ใบหอกหรอื รปู แถบ ยาว 5-9 ซม. ปลายและโคนแหลม ก้านใบสัน้ สกุล Firmiana Marsili เดิมอยภู่ ายใตว้ งศ์ Sterculiaceae ปัจจุบันอย่วู งศ์ย่อย
ชอ่ ดอกแบบชอ่ วงแถวเดยี่ ว ออกสนั้ ๆ มีตอ่ มขนหนาแนน่ กา้ นดอกยาว 2-3 มม. Sterculioideae มีประมาณ 15 ชนดิ พบเฉพาะในเอเชยี ในไทยมี 3 ชนดิ ชือ่ สกุล
ใบประดับและใบประดบั ยอ่ ยคล้ายใบ ขนาดเลก็ กวา่ กลบี เลีย้ ง 5 กลีบ แยกจรดโคน ตัง้ ตามชาวออสเตรีย Karl Josef von Firmian (1717-1782) ผใู้ ห้การสนับสนนุ
ติดทน มีขนต่อมหนาแนน่ กลีบรูปใบหอก ยาว 4-8 มม. ดอกรูประฆงั สีฟ้าอมมว่ ง สวนพฤกษศาสตร์ Padua ในอติ าลี
หรอื นำ้� เงนิ หลอดกลบี ดอกส้นั มี 5 กลบี รูปรีกวา้ งเกอื บกลม ยาว 5-10 มม. เอกสารอ้างองิ
เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดบนหลอดกลีบระหวา่ งกลีบดอก โคนหนา สนั้ กว่ากลีบดอก Phengklai. C. (2001). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 555-562.
เลก็ นอ้ ย อบั เรณมู ี 4 พู สเี ทา รงั ไขช่ ว่ งบนมขี นสน้ั หนานมุ่ กา้ นเกสรเพศเมยี แยก Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China
2 แฉก กางออก ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ ผลแหง้ แตก รปู ไข่ สัน้ กว่ากลบี เล้ยี ง เมล็ด
จ�ำนวนมากขนาดเล็ก มสี นั ตามยาวและลายรา่ งแห Vol. 12: 310, 312.

พบทแ่ี อฟรกิ า เอเชยี และออสเตรเลยี ในไทยขนึ้ เปน็ วชั พชื ตามทงุ่ นา ทช่ี น้ื แฉะ ปอฝา้ ย: ปลายใบยาวคล้ายหาง ช่อดอกออกเหนือรอยแผลใบทป่ี ลายกิ่ง กลบี เล้ยี งเชอื่ มตดิ กนั เป็นหลอด ผลแตก 5 สว่ น
หรือรมิ ลำ� ธาร ดอกบานเฉพาะชว่ งเช้า ใบมสี รรพคุณเป็นยาฆ่าเชื้อในบาดแผล หอ้ ยลง เปลือกบาง (ภาพซ้ายบน: เลย - PK; ภาพซ้ายล่าง: cultivated - RP; ภาพขวาบนและลา่ ง: นครสวรรค์ - RP)

สกุล Hydrolea L. บางคร้ังอยภู่ ายใตว้ งศ์ Boraginaceae มปี ระมาณ 20 ชนิด ปอพราน
ในไทยมชี นดิ เดยี ว ชอ่ื สกุลมาจากภาษากรกี “hydor” น้ำ� และ “elaia” มะกอก
ตามถ่นิ ที่อยู่และใบคลา้ ยใบมะกอก Colona auriculata (Desf.) Craib
เอกสารอา้ งองิ วงศ์ Malvaceae
Fang, R. and C. Lincoln. (1995). Hydrophyllaceae. In Flora of China Vol. 16: 328.
Larsen, K. (2000). Hydrophyllaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(2): 262-264. ช่อื พ้อง Diplophractum auriculatum Desf.

ปอผี: กลีบเล้ียงมีขนตอ่ มหนาแนน่ เกสรเพศผู้ 5 อนั ติดบนหลอดกลีบระหว่างกลีบดอก โคนหนา สั้นกว่ากลบี ดอก ไมพ้ ่มุ สงู ไดป้ ระมาณ 2 ม. มีขนส้นั นุ่มหนาแน่นตามแผ่นใบด้านลา่ ง กา้ นใบ
เล็กนอ้ ย (ภาพ: บรุ รี ัมย์ - RP) กา้ นดอก กลบี เลยี้ งดา้ นนอก และผล หใู บรปู รี ตดิ ทน ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว
รปู ขอบขนาน รปู ใบหอก หรือแกมรูปไขก่ ลบั ยาว 7-20 ซม. ปลายแหลมหรือ
ปอฝ้าย แหลมยาว โคนเบี้ยว เว้าเปน็ ติ่ง ขอบจกั ฟันเล่อื ยซอ้ น เส้นโคนใบข้างละ 1 เส้น
กา้ นใบยาว 2-3 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจกุ แยกแขนงส้นั ๆ ตามซอกใบ ยาว 2-3 ซม.
Firmiana colorata (Roxb.) R. Br. แตล่ ะช่อกระจุกมี 1-4 ดอก กา้ นดอกยาวได้ถึง 1 ซม. ในผล กลบี เล้ียง 5 กลบี
วงศ์ Malvaceae รปู ขอบขนานหรอื รูปใบหอก ปลายแหลม ยาวกว่ากลีบดอกเลก็ นอ้ ย ดอกสเี หลืองสด
มีจดุ สแี ดงแต้มทว่ั ไป มี 5 กลีบ รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 5 มม. โคนมีตอ่ ม
ช่อื พ้อง Sterculia colorata Roxb. เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก แยกกนั รงั ไขม่ ขี นหนาแนน่ ผลแหง้ แตก รปู รกี วา้ งเกอื บกลม
มี 5 สันเป็นครีบ ยาว 2-2.5 ซม.
ไมต้ น้ ผลดั ใบ สูงได้ถึง 25 ม. ใบเรยี งเวียน รปู รกี วา้ ง หรอื รปู หัวใจ ยาว 8-25 ซม.
จัก 3 หรือ 5 พู ปลายพแู หลมยาวหรือยาวคลา้ ยหาง มขี นรูปดาวประปรายตาม พบทภ่ี ูมภิ าคอนิ โดจนี และชวา ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามที่โลง่ ชายป่า ความสงู
เสน้ แขนงใบดา้ นลา่ ง เสน้ โคนใบ 5 หรอื 7 เสน้ กา้ นใบยาว 5-20 ซม. ชอ่ ดอกแบบ ถึงประมาณ 200 เมตร
ชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกทปี่ ลายกงิ่ เหนอื รอยแผลใบ ยาว 5-15 ซม. มขี นกระจกุ
สกุล Colona Cav. เคยอยู่ภายใตว้ งศ์ Tiliaceae ปัจจบุ นั อยูว่ งศ์ย่อย Grewioideae
มีประมาณ 30 ชนดิ ในไทยมี 7 ชนิด ช่อื สกลุ ตัง้ ตามนกั สำ�รวจชาวอิตาลี
Christopher Columbus (1446-1506) หรือ Cristóbal Colón ในภาษาสเปน
เอกสารอา้ งองิ
Phengklai, C. (1993). Tiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 67-68.

252

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ปอเส็ง

ปอพราน: ใบเรียงสลบั ระนาบเดียว หใู บติดทน โคนเบ้ยี ว เวา้ เปน็ ต่ิง ช่อดอกออกสั้น ๆ ตามซอกใบ กลบี เลีย้ งยาวกว่า แผ่นใบมีขนรูปดาวละเอียดประปรายด้านบน ด้านล่างหนาแน่น ก้านใบยาว
กลบี ดอก เกสรเพศผ้จู �ำนวนมาก แยกกนั ผลรูปรกี ว้างเกอื บกลม มี 5 ครบี มขี นสนั้ นุ่มหนาแนน่ (ภาพ: บุรรี ัมย์ - PK) 3-12 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ยาวได้ถงึ 20 ซม. ร้ิวประดับมี 3-5 อัน จักชายครุย
คล้ายขนนก ยาว 1.3-3 ซม. มขี นหนาแน่น กลีบเลยี้ ง 5 กลีบ รปู ใบหอก ยาว
ปอลมปม 1.5-2.5 ซม. ด้านนอกมีขนหนาแน่น ดอกสีครมี เหลอื ง มี 5 กลบี รปู ขอบขนาน ยาว
1.5-2.5 ซม. โคนเรยี วแคบเปน็ กา้ นกลบี หนา โคง้ งอกลบั กา้ นเกสรเพศผเู้ ชอ่ื มตดิ
Thespesia lampas (Cav.) Dalzell & A. Gibson กลมุ่ เดยี วเปน็ หลอด เกสรเพศผู้จ�ำนวนมาก ห้มุ เกสรเพศเมีย กา้ นเกสรเพศเมีย
วงศ์ Malvaceae ยาว 1.5-2.5 ซม. ชว่ งลา่ งมขี น ยอดเกสรแยกเปน็ 7-10 แฉก บดิ พบั งอ ผลแหง้ แตก
เปน็ 7-10 ส่วน ปลายแหลม ยาว 4-6 ซม. กา้ นหนา ยาว 1-3 ซม. เมล็ดจ�ำนวนมาก
ช่อื พ้อง Hibiscus lampas Cav. ปลายมปี ีก ยาว 1-2 ซม. รวมปีก

ไมพ้ มุ่ สงู 1-3 ม. มขี นรปู ดาวละเอยี ดตามกงิ่ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง กา้ นใบ กา้ นดอก พบทอี่ นิ เดยี ภฏู าน จนี ตอนใต้ พมา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบแทบทกุ ภาค
กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกดา้ นนอก และผล หใู บรปู แถบ ยาว 5-8 มม. ใบรปู ไขก่ วา้ ง ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ขึ้นตามชายป่า ความสูงถึงประมาณ
จัก 3 พู ยาว 8-20 ซม. โคนกลมหรือรูปหวั ใจตืน้ ๆ เสน้ โคนใบ 5-7 เส้น ก้านใบ 1200 เมตร
ยาวได้ถึง 7 ซม. ดอกออกเด่ียว ๆ หรือเป็นช่อกระจุกตามซอกใบใกล้ปลายก่ิง
ก้านดอกยาว 0.5-1 ซม. ริว้ ประดับ 5 อนั รูปลม่ิ แคบ ยาว 2-5 มม. รว่ งเร็ว สกลุ Eriolaena DC. เคยอย่ภู ายใตว้ งศ์ Sterculiaceae ปจั จุบันอยวู่ งศย์ อ่ ย
กลบี เลย้ี งรูปถว้ ย ปลายแฉกรปู ลม่ิ แคบ ยาวได้ถึง 8 มม. ดอกรูประฆงั สีเหลือง Dombeyoideae มีประมาณ 17 ชนิด พบเฉพาะในเอเชยี ในไทยมี 1-2 ชนดิ
โคนกลีบด้านในมีสีม่วงอมแดง กลีบรูปไข่กลับ ยาว 6-8 ซม. เส้าเกสรยาว อาจมีชนดิ E. glabrescens DC. ทใ่ี บคอ่ นขา้ งเกลี้ยง ชื่อสกุลมาจากภาษากรกี
ประมาณ 1.5 ซม. กา้ นชอู บั เรณยู าว 2-4 มม. อับเรณูรปู เกอื กมา้ กา้ นเกสรเพศเมีย “erion” ขนแบบขนแกะ และ “chlaena” หรือ “laina” สิง่ ปกคลมุ หมายถงึ กลบี เลย้ี ง
ยาวประมาณ 1.5 ซม. ยอดเกสรรปู กระบอง ยาว 5-8 มม. ผลรปู รกี วา้ งหรอื เกอื บกลม มีปกคลุมขนหนาแน่น
ยาว 2-3 ซม. ผนังหนาเป็นเหลีย่ ม แตกตามยาว เมล็ดรูปไข่กลับ ยาวประมาณ เอกสารอา้ งองิ
5 มม. มขี นเป็นวงใกล้ขว้ั เมล็ด (ดขู อ้ มลู เพิ่มเตมิ ท่ี โพทะเล, สกลุ ) Phengklai, C. (2001). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 552-555.
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China
พบทแี่ อฟรกิ า อนิ เดยี เนปาล พมา่ จนี ตอนใต้ ลาว เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี
ฟิลิปปินส์ และนิวกินี ในไทยพบทุกภาค ข้ึนตามชายป่า ความสูงถึงประมาณ Vol. 12: 322-325.
1300 เมตร เปลอื กในใช้ทำ� เชือก เสน้ ใยจากเมลด็ ใช้ทอเป็นผ้า
ปอเลยี งฝ้าย: ใบรูปไข่กวา้ งหรือรปู หวั ใจ กลบี ดอกโคนเรียวแคบเป็นกา้ นกลบี หนา โคง้ งอกลบั กา้ นเกสรเพศผู้
เอกสารอา้ งอิง เชอื่ มตดิ กลมุ่ เดยี ว ริ้วประดบั จักชายครยุ ยอดเกสรเพศเมยี แยกแฉก บิดพับงอ (ภาพ: แมส่ ะนาม เชียงใหม่ - RP)
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae. In Flora of China Vol.
12: 295-296. ปอเสง็

ปอลมปม: ใบรปู ไขก่ วา้ ง จกั 3 พู กลีบเลย้ี งจกั ตืน้ ๆ ปลายแฉกรปู ลิ่มแคบ ดอกรปู ระฆงั โคนดา้ นในมีสีม่วงอมแดง Pentapetes phoenicea L.
เกสรเพศผู้ติดตลอดความยาวหลอดเกสร ยอดเกสรเพศเมียรูปกระบอง (ภาพ: ตาก - RP) วงศ์ Malvaceae

ปอเลียงฝา้ ย ไม้ลม้ ลกุ หรอื ไมพ้ ุ่ม สงู 1-1.5 ม. แตกกงิ่ ส้ัน ๆ ใบเรียงเวยี น รูปใบหอกแคบ
จกั เปน็ พตู น้ื ๆ หรอื รปู หวั ลกู ศร ยาว 3-14 ซม. แผน่ ใบมขี นประปรายทง้ั สองดา้ น
Eriolaena candollei Wall. ขอบใบจกั ฟนั เลอื่ ยคอ่ นขา้ งลกึ เกอื บไรก้ า้ นหรอื มกี า้ นยาวไดถ้ งึ 1 ซม. ชอ่ ดอกแบบ
วงศ์ Malvaceae ช่อกระจุกสั้น ๆ มี 1-2 ดอก ก้านชอ่ สน้ั กา้ นดอกยาว 1-2 มม. กลีบเล้ียง 5 กลบี
ตดิ ทน โคนเช่อื มติดกนั กลีบรปู สามเหล่ยี มแคบ ยาว 5-7 มม. ปลายแหลมคลา้ ย
ไม้ตน้ สงู ไดถ้ งึ 20 ม. หใู บรปู แถบขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ใบเรยี งเวยี น รปู ไขก่ วา้ ง หนามหรอื ตะขอ มขี นหยาบ ดอกรปู ถว้ ยกวา้ ง สชี มพหู รอื แดง โคนดา้ นในมสี ขี าว
หรือรูปหัวใจ ยาว 6-16 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว ขอบจักฟันเลือ่ ยหรือจกั มน มี 5 กลบี เรยี งซ้อนเหล่ือม กลบี รปู ไข่กลับ ปลายกลม ยาว 1-2 ซม. เกสรเพศผู้
15 อัน ติดกันเปน็ 5 กลุม่ สัน้ ๆ เกสรเพศผ้ทู ่ีเป็นหมันมี 5 อัน ตดิ ระหว่างกลุ่ม
รูปแถบ สน้ั กว่าหรือยาวเทา่ ๆ กบั กลบี ดอก รังไข่มขี น ก้านเกสรเพศเมยี ยาวเท่า ๆ
หรอื ยาวกวา่ แผน่ เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั เลก็ นอ้ ย ตดิ ทน ผลแหง้ แตกตามยาว กลม
จัก 5 พู เสน้ ผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 1.2 ซม. มขี นหยาบกระจาย มปี ระมาณ 10 เมลด็

พบในเอเชยี เขตรอ้ นถงึ ตอนบนของออสเตรเลยี ขน้ึ เปน็ วชั พชื ในหลายประเทศ
ในไทยพบทุกภาคตามนาขา้ ว ที่โลง่ ท่ชี ื้นแฉะ ความสงู ไม่เกนิ 100 เมตร หรอื เป็น
ไมป้ ระดับ รากแก้ปวดท้อง เปลือกเหนียวใช้ทำ� เชอื ก

สกุล Pentapetes L. เคยอยภู่ ายใต้วงศ์ Sterculiaceae ปัจจุบันอย่วู งศ์ยอ่ ย
Dombeyoideae เปน็ สกุลทม่ี ชี นดิ เดียว ชอ่ื สกุลเปน็ ภาษากรีก หมายถึงดอกไม้
ที่มี 5 กลีบ
เอกสารอ้างองิ
Phengklai, C. (2001). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 595-597.
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Sterculiaceae. In Flora of China

Vol. 12: 326.

253

ปอหยุมยู่ สารานุกรมพืชในประเทศไทย

ปอเสง็ : ข้ึนเปน็ วชั พืชตามทโ่ี ล่งทีช่ ื้นแฉะ ช่อดอกมี 1-2 ดอก ดอกรูปถว้ ยกวา้ ง เกสรเพศผ้ทู เี่ ป็นหมนั 5 อัน รปู แถบ ปอหู
ผลรปู กลม จกั 5 พู มีขนหยาบกระจาย กลบี เลย้ี งตดิ ทน (ภาพ: ระโนด สงขลา - RP)
Talipariti macrophyllum (Roxb. ex Hornem.) Fryxell
ปอหยุมยู่ วงศ์ Malvaceae

Triumfetta pilosa Roth ช่ือพ้อง Hibiscus macrophyllus Roxb. ex Hornem.
วงศ์ Malvaceae
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. มขี นกระจกุ ยาวหนาแนน่ ตามกงิ่ หใู บ แผน่ ใบ รวิ้ ประดบั
ไมพ้ มุ่ สงู 1-2 ม. มขี นรปู ดาวและขนยาวสนี �้ำตาลตามกงิ่ แผน่ ใบทงั้ สองดา้ น ชอ่ ดอก และกลีบเลยี้ ง ขนยาวไดถ้ งึ 8 มม. หใู บรปู ขอบขนาน ยาว 6-10 ซม.
และช่อดอก ใบเรียงเวียน รูปไข่แกมรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ไม่จักเป็นพู รว่ งเรว็ ใบรปู ไข่กว้างหรอื เกอื บกลม เส้นผ่านศูนยก์ ลาง 20-36 ซม. ปลายเปน็ ตง่ิ
ยาว 3-14 ซม. ขอบจกั ฟันเล่อื ย เส้นโคนใบขา้ งละ 1 เสน้ เส้นข้างโค้งเรียวยาวเลย แหลมยาว โคนรปู หัวใจ เสน้ โคนใบ 7 หรือ 9 เสน้ มตี อ่ มตามเสน้ แขนงใบ ก้านใบ
กงึ่ กลางใบ ก้านใบยาวไดถ้ งึ 5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกสน้ั ๆ ออกตามซอกใบ ยาว 15-30 ซม. ช่อดอกออกทปี่ ลายก่งิ ยาวไดถ้ ึง 30 ซม. ก้านดอกยาว 2.5-3 ซม.
กา้ นชอ่ ยาว 5-8 มม. กา้ นดอกยาว 3-5 มม. ใบประดบั ขนาดเลก็ กลบี เลย้ี ง 5 กลบี ใบประดบั คล้ายหใู บ มี 1 คู่ โคนเชือ่ มติดกัน ร้ิวประดบั มี 10-12 อนั โคนเชอ่ื ม
รปู ใบหอก ยาว 0.6-1.2 ซม. ปลายรปู คมุ่ มีรยางคย์ าวประมาณ 1 มม. กลบี ดอกสน้ั ติดกนั รปู ใบหอก ยาวได้ถงึ 3 ซม. กลีบเลี้ยงรูปใบหอก ยาวเทา่ ๆ ริ้วประดบั
หรือยาวเท่า ๆ กลีบเล้ียง โคนด้านในมีต่อม ก้านชูเกสรร่วมส้ัน เกสรเพศผู้มี ดอกรปู ระฆงั สเี หลอื ง โคนดา้ นในมปี น้ื สนี ำ�้ ตาลอมมว่ ง ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
ประมาณ 10 อัน กา้ นชูอับเรณูยาวเทา่ ๆ กลีบดอก รงั ไขม่ ีขน กา้ นเกสรเพศเมีย ประมาณ 6 ซม. กลีบรปู ไขก่ ลบั ยาว 4.5-6 ซม. หลอดเกสรเพศผ้ยู าวประมาณ 3 ซม.
สน้ั กวา่ เกสรเพศผู้ ผลแหง้ แตก รปู กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 5 มม. มขี นหนาม กา้ นชอู บั เรณสู นั้ กา้ นเกสรเพศเมยี มขี นหนาแนน่ ผลรปู ขอบขนาน ยาว 2.5-3 ซม.
ยาว 6-8 มม. ปลายเปน็ ตะขอ มขี นยาวกระจาย มขี นหยาบแขง็ ยาวหนาแนน่ (ดูขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ ที่ ปอทะเล, สกุล)

พบในแอฟริกา อนิ เดีย ศรลี ังกา ภูฏาน เนปาล จีนตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอินโดจีน พบที่อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ จีนตอนใต้ พม่า ภูมิภาคอินโดจีน
และมาเลเซยี ถงึ ออสเตรเลยี ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามปา่ เสอื่ มโทรม ชายป่า ทโ่ี ลง่ คาบสมทุ รมลายู ชวา บอรฺ์เนียว และฟิลิปปินส์ (ปาละวนั ) ในไทยพบแทบทกุ ภาค
ความสูงถงึ ประมาณ 1500 เมตร ส่วนมากพบทางภาคใต้ ข้นึ ตามป่าดบิ แลง้ ปา่ ดบิ ชน้ื และป่าดิบเขา หรอื ชายป่า
ความสงู ถึงประมาณ 1400 เมตร มสี รรพคณุ เป็นยาสมาน เปลือกใชท้ �ำเชือกและ
สกุล Triumfetta L. เคยอยูภ่ ายใต้วงศ์ Tiliaceae ปัจจุบนั อยูว่ งศย์ อ่ ย Grewioideae กระดาษ บางคร้ังเรียกทางการค้าในการปลูกสวนป่าว่า พญาคชราช เน่ืองจาก
มปี ระมาณ 150 ชนิด พบในอเมรกิ าเขตร้อน แอฟริกา เอเชยี และออสเตรเลีย เน้ือไมม้ ีลายคล้ายไมส้ กั แต่ไม่ทนทาน
ในไทยมี 5-6 ชนดิ ชนิด T. annua L. หนามท่ีผลไม่มขี น ส่วนอกี 3 ชนดิ ใบจัก
เปน็ พู และอาจมชี นิด T. cana Blume กา้ นดอกสน้ั ผลมีหนามปลายไม่เป็นตะขอ เอกสารอา้ งองิ
ชอื่ สกลุ ตง้ั ตามนกั พฤกษศาสตรช์ าวอิตาลี Giovanni Battista Trionfétti (1656-1708) Phuphathanaphong, L., P. Siriruksa and G. Nuvongsri. (1989). The genus
เอกสารอ้างอิง Hibiscus in Thailand. Thai Forest Bullettin (Botany) 18: 56-61.
Phengklai, C. (1993). Tiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 46. Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae (Hibiscus macrophyllus).
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Tiliaceae. In Flora of China Vol. In Flora of China Vol. 12: 287.

12: 259. ปอห:ู ใบรปู ไข่กวา้ งหรอื เกอื บกลม มีขนกระจุกยาวหนาแนน่ โคนรปู หวั ใจ มตี อ่ มตามเสน้ แขนงใบ ช่อดอกออกท่ี
ปลายกิง่ ดอกรูประฆงั สเี หลอื ง โคนดา้ นในมีป้ืนสีนำ�้ ตาลอมมว่ ง (ภาพ: น้�ำตกทรายขาว ยะลา - RP)
ปอหยมุ ยู:่ T. pilosa ผลมขี นหนาม ปลายเป็นตะขอ มีขนยาวกระจาย (ภาพบน: ภหู นิ ร่องกล้า เพชรบูรณ์ - PK);
ปอหยมุ ย่:ู T. annua หนามทผ่ี ลไม่มีขน (ภาพลา่ งซ้าย: ขนุ พะวอ ตาก - RP); ปอหยุมยู่: cf. T. cana ปลายหนามทผี่ ล ปออิน, สกุล
ไมเ่ ป็นตะขอ ก้านดอกส้ัน (ภาพล่างขวา: อุ้มผาง ตาก - PK)
Wikstroemia Endl.
วงศ์ Thymelaeaceae

ไมพ้ มุ่ ใบสว่ นมากเรยี งตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด ชอ่ กระจะ หรอื แบบ
ชอ่ ซรี่ ม่ ออกตามปลายกง่ิ หรอื ซอกใบ กลบี เลย้ี ง 4-5 กลบี เชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด
ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผจู้ �ำนวนสองเท่าของกลีบเล้ยี ง เรยี ง 2 วง กา้ นชอู ับเรณสู ั้น
จานฐานดอก (hypogynal disc) เปน็ เกลด็ รปู เสน้ ดา้ ย สว่ นมากมี 2 หรอื 4 เกลด็
รงั ไขม่ ชี อ่ งเดยี ว ออวลุ มเี มด็ เดยี ว กา้ นเกสรเพศเมยี สน้ั ยอดเกสรเพศเมยี กลม ผลสด
หรอื แห้งมีเมลด็ เดยี ว

สกุล Wikstroemia มปี ระมาณ 70 ชนิด พบในเอเชยี ออสเตรเลยี และหมู่เกาะ
แปซฟิ กิ ลกั ษณะทั่วไปคลา้ ยกบั สกลุ Daphne ทีจ่ านฐานดอกเป็นวงรปู ถว้ ย
ใบสว่ นใหญ่เรยี งเวยี น ในไทยมี 4-5 ชนิด อาจมปี อพรหม ชนดิ W. nutans
Champ. ex Benth. ซึง่ คล้ายกับชนิด W. polyantha Merr. แตก่ ้านช่อยาว พบท่จี นี
ไตห้ วัน และเวยี ดนาม ในไทยพบทภ่ี จู องนายอย จงั หวัดอบุ ลราชธานี หลายชนดิ
เปลอื กเปน็ เสน้ ใย ใช้ท�ำ เชือก ชอื่ สกลุ ต้ังตามนักพฤกษศาสตรช์ าวสวเี ดน Johan
Emanuel Wikström (1789-1856)

254

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ปัตตาเวยี

ปออนิ ปดั นำ้� : ใบแบบกน้ ปิด มรี ยางค์เปน็ ตอ่ มขน ชอ่ ดอกแบบวงแถวเด่ียว กลีบเลี้ยงมีตอ่ มเหนียวกระจาย ติดทน กลบี ดอก
รปู ไข่กลับ (ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชยี งใหม่ - RP)
Wikstroemia indica (L.) C. A. Mey.
ปตั ตาเวีย
ชอ่ื พ้อง Daphne indica L.
Jatropha integerrima Jacq.
ไม้พุม่ สงู ได้ถึง 3 ม. ใบรปู ใบหอก รปู ขอบขนาน หรือรปู ไขก่ ลบั ยาว 1.5-7 ซม. วงศ์ Euphorbiaceae
ปลายสว่ นมากมน กลมหรือแหลม ด้านบนสีเขียวเป็นมนั เงา ดา้ นล่างสเี ขยี วซดี
ใบแหง้ สแี ดง กา้ นใบยาว 1-2 มม. ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ เชงิ ลดสนั้ ๆ ออกทป่ี ลายกงิ่ หรอื ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 6 ม. แยกเพศรว่ มตน้ หใู บรปู เสน้ ดา้ ยขนาดเลก็ ใบเรยี งเวยี น
ตามซอกใบ ดอกเกอื บไรก้ า้ นหรอื ยาว 1-3 มม. กลบี เลย้ี งสเี ขยี วอมเหลอื ง หลอดกลบี หนาแน่นตามปลายกิง่ รูปไขก่ ลับหรอื รปู คลา้ ยไวโอลิน ยาว 6-13 ซม. โคนจักซ่ีฟนั
ยาว 0.5-1.2 ซม. มขี นประปราย มี 4 แฉก ยาว 2-3 มม. เกสรเพศผู้ 8 อัน อบั เรณู ตนื้ ๆ เสน้ โคนใบ 3-5 เสน้ ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ เชงิ หลน่ั ยาวไดถ้ งึ 15 ซม. ใบประดบั
ยาวประมาณ 1 มม. จานฐานดอก 2 อนั รงั ไขม่ ขี นประปรายหรอื เกล้ียง ผลสด รูปใบหอก ยาวได้ถงึ 4 มม. ดอกเพศผอู้ ยู่ด้านข้าง กา้ นดอกยาวประมาณ 7 มม.
มหี ลายเมล็ด รปู รี ยาว 7-8 มม. สุกสีแดง เมล็ดรปู รี ยาวประมาณ 5 มม. กลบี เลย้ี ง 5 กลบี ยาวประมาณ 2.5 มม. แฉกลกึ ประมาณกงึ่ หนง่ึ ดอกสชี มพหู รอื
อมแดง กลบี รูปไข่กลับ ยาว 1-1.3 ซม. โคนมขี นสีขาว เกสรเพศผู้ 10 อัน เรยี ง
พบทอ่ี นิ เดยี ศรลี งั กา จนี ไตห้ วนั ภมู ภิ าคมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ออสเตรเลยี และ 2 วง ยาวประมาณกง่ึ หนง่ึ ของกลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณเู ชอ่ื มตดิ กนั จานฐานดอกจกั
ภาคใตข้ องไทย ขน้ึ กระจายห่าง ๆ ตามทโี่ ลง่ บนเขาหินปนู ความสูง 100-1600 เมตร 5 พู ดอกเพศเมยี มดี อกเดยี วทป่ี ลายชอ่ บานกอ่ นดอกเพศผู้ กา้ นเกสรเพศเมยี 3 อนั
ส่วนตา่ ง ๆ มีพิษ มีสรรพคุณเป็นยาระบาย เปลือกและใบเคีย้ วเพื่อปอ้ งกนั ฟันผุ ยอดเกสรแฉกลึก 2 แฉก ผลแหง้ แตก เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 1 ซม. เมล็ดรูปรี
เปลอื กใชเ้ บอ่ื ปลา ยาว 8-9 มม. จุกขวั้ แยกเปน็ 2 แฉก

เอกสารอา้ งองิ ถิ่นก�ำเนิดในแถบหมู่เกาะอินดีสตะวันตก โดยเฉพาะคิวบา เป็นไม้ประดับ
Peterson, B. (1997). Thymelaeaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(3): 28-35. ทวั่ ไปในเขตร้อน ยางมพี ิษ
Wang, Y. and M.G. Gilbert. (2007). Thymelaeaceae. In Flora of China Vol. 13:
215, 220. สกุล Jatropha L. อยูภ่ ายใตว้ งศย์ ่อย Crotonoideae เผา่ Jatropheae มีประมาณ
175 ชนดิ พบในอเมรกิ าเขตรอ้ น แอฟรกิ า และเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ในไทย
ปออนิ : ใบเรยี งตรงขา้ ม ปลายใบมนหรือแหลม ช่อดอกคล้ายชอ่ เชิงลดส้ัน ๆ ออกทีป่ ลายกงิ่ ผลสด สุกสแี ดง มี 5 ชนิด เปน็ ไม้ประดับ วชั พืช หรอื ปลกู เพอื่ สกดั นำ้�มนั จากเมลด็ อกี 4 ชนิด
(ภาพ: ถ้�ำเสือ กระบ่ี - RP) คือ ฝ่นิ ตน้ J. multifida L. สบู่ดำ� J. curcas L. สบแู่ ดง J. gossypiifolia L. และ
หนมุ านน่ังแท่น J. podagrica Hook. ชื่อสกลุ มาจากภาษากรกี “jatros” หมอ
และ “trophe” อาหาร หมายถงึ พืชเปน็ อาหารและสมุนไพร

เอกสารอา้ งองิ
Chantharaprasong, J. and P.C. van Welzen. (2007). Euphorbiaceae (Jatropha).
In Flora of Thailand Vol. 8(2): 347.

ปอพรหม: cf. W. nutans ก้านชอ่ ยาว (ภาพซา้ ย: ภูจองนายอย อุบลราชธานี - RP); ปอพรหม: W. polyantha ปตั ตาเวีย: ใบรูปไขก่ ลบั หรอื รปู คล้ายไวโอลิน ดอกเพศเมยี ออกท่ปี ลายชอ่ บานก่อนดอกเพศผู้ (ภาพ: cultivated - RP)
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ (ภาพขวา: ดอยอนิ ทนนท์ เชยี งใหม่ - RP) ฝิ่นตน้ : ใบแฉกลึก (ภาพซ้ายบน: cultivated - RP); สบู่ดำ� : ใบไมจ่ ักเปน็ พู (ภาพขวาบน: cultivated - RP); สบู่แดง:
มขี นตอ่ มเหนียว (ภาพซา้ ยล่าง: cultivated - RP); หนุมานนั่งแท่น: ใบแบบกน้ ปดิ (ภาพขวาล่าง: cultivated - RP)
ปดั น้ำ�

Drosera peltata Thunb.
วงศ์ Droseraceae

พืชล้มลุกกินแมลง สูงไดถ้ ึง 35 ซม. ลำ� ต้นแตกแขนง มีหัวใต้ดนิ ไมม่ หี ใู บ
ใบแบบกน้ ปดิ รปู สามเหลย่ี มกวา้ งเกอื บกลม สเี หลอื งอมเขยี ว เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
4-8 มม. บางส่วนลดรปู คล้ายรปู แถบขนาดเล็ก ยาวไมเ่ กนิ 2 มม. กา้ นใบยาว
2-8 มม. ใบทโ่ี คนเรยี งเปน็ กระจกุ รอบขอ้ ขนาดใหญก่ วา่ ใบบนลำ� ตน้ ทเ่ี รยี งเวยี น
มีขนต่อมเหนียว ชอ่ ดอกแบบวงแถวเด่ียว ออกตามปลายกิ่ง ไมแ่ ตกแยกแขนง
ยาว 2-6 ซม. ก้านดอกยาว 0.6-2 ซม. ใบประดับขนาดเลก็ รูปล่ิมแคบ กลีบเล้ียง
5-7 กลบี รปู ไข่ ยาว 2-4 มม. เกลย้ี งหรอื มตี อ่ มเหนยี ว ติดทน ดอกสีขาว ชมพู หรือ
แดง กลีบดอก 5-7 กลบี รูปไข่กลบั ยาว 4-6 มม. เกสรเพศผู้ติดระหวา่ งกลีบเลยี้ ง
ยาว 2-4 มม. เกสรเพศเมยี 3 อนั แฉกตืน้ ๆ 2-5 แฉก ผลแตกเป็น 3 ซีก รปู รกี ว้าง
เกอื บกลม เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 2-4 มม. (ดูข้อมลู เพิม่ เติมที่ หญ้านำ�้ คา้ ง, สกลุ )

พบในเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ ศรลี งั กา จีน ญปี่ ุ่น และออสเตรเลยี ขึ้นตาม
ทช่ี ืน้ แฉะ ทโ่ี ล่ง โดยเฉพาะตามป่าสนเขา ความสูง 700-2100 เมตร มสี รรพคณุ
ฆา่ เชอื้ ในกามโรค

เอกสารอา้ งอิง
Larsen, K. (1987). Droseraceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 67-69.
Lu, L. and K. Kondo. (2001). Droseraceae. In Flora of China Vol. 8: 201.

255

ปนั แถ สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ปนั แถ, สกลุ ออกทีป่ ลายกงิ่ ด้านข้าง มี 1-3 ดอก ใบประดบั รปู แถบขนาดเลก็ หลอดกลบี เลย้ี งสัน้
กลบี รปู ลมิ่ แคบ ยาว 0.6-1 ซม. ตดิ ทน กลบี ดอกสขี าว ไมม่ กี ลนิ่ หอม หลอดกลบี
Albizia Durazz. ยาว 2.5-3.5 ซม. มี 7-9 กลบี รปู ขอบขนาน ยาวเท่า ๆ หลอดกลีบดอก ผลตดิ เปน็ คู่
วงศ์ Fabaceae รูปรี ยาวประมาณ 1.2 ซม. (ดูข้อมลู เพิ่มเติมที่ มะล,ิ สกุล)

ไมเ้ ถา ไมพ้ มุ่ รอเลอื้ ย หรอื ไมต้ น้ หใู บรว่ งเรว็ ใบประกอบ 2 ชน้ั บนแกนระหวา่ ง พบทก่ี มั พชู า และภาคตะวนั ออกเฉยี งใตข้ องไทยทจ่ี นั ทบรุ ี และตราด ขน้ึ ตาม
ใบประกอบยอ่ ยมตี อ่ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ หรอื ชอ่ เชงิ หลนั่ ออกเดย่ี ว ๆ ปา่ ดบิ ชนื้ และปา่ ดบิ เขา ความสงู ถงึ ประมาณ 2000 เมตร พบครง้ั แรกโดยหมอ่ มราชวงศ์
หรอื แยกแขนง ดอกมกี ้านหรือไรก้ า้ น กลีบเลีย้ งเชื่อมติดกนั ปลายแยกเปน็ แฉก สวุ พนั ธ์ุ สนิทวงศ์ และเป็นผ้สู ง่ ตวั อยา่ งไปให้นกั วจิ ยั ทสี่ วนพฤกษศาสตร์ควิ บาง
รูปสามเหล่ียมขนาดเล็ก 5 แฉก กลีบดอกเช่อื มติดกันเปน็ หลอด มี 5 กลีบ เกสรเพศผู้ ครง้ั เรยี กวา่ มะลิ ร. 5 เขา้ ใจวา่ พบในสมยั รชั กาลท่ี 5 และทรงพระราชทานนาม ปนั หยี
จ�ำนวนมาก ก้านชูอบั เรณเู ชอ่ื มตดิ กนั ทโ่ี คน รังไขม่ ชี ่องเดียว ก้านเกสรเพศเมยี ส่วน subsp. nobile พบเฉพาะในพม่า ดอกเลก็ กว่า และชอ่ ดอกมี 3-7 ดอก
รปู เส้นดา้ ย ฝักแห้งแตกหรือไม่แตก เมลด็ มรี อยรูปตวั ยู
เอกสารอา้ งองิ
สกลุ Albizia อยู่ภายใตว้ งศย์ อ่ ย Mimosoideae เผา่ Ingeae มีประมาณ 150 ชนดิ Dunn, S.T. (1921). Jasminum rex. Bulletin of Miscellaneous Information Kew
ในไทยมี 12 ชนดิ รวมไม้ต่างถ่ิน 1 ชนดิ คือ จามจุรี Albizia saman (Jacq.) Merr. 1921: 219.
แตไ่ มร่ วมมะขามแขก Cathormion umbellatum (Vahl) Kosterm. ชื่อสกุลตง้ั ตาม Green, P.S. (2000). Oleaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(2): 335-337.
นกั ธรรมชาตวิ ทิ ยาชาวอิตาลี Filippo degli Albizzi ในช่วงครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 18
ปนั หย:ี ชอ่ ดอกมี 1-3 ดอก กลีบดอก 7 กลบี ใบเรยี งตรงข้าม เส้นแขนงใบ 2 เส้นใกล้โคนโค้งเป็นเส้นขอบใน
ปันแถ เสน้ แขนงใบไม่ชัดเจน ผลตดิ เปน็ คู่ (ภาพซา้ ย: cultivated - RP; ภาพขวา: เขาคชิ ฌกฏู จนั ทบุรี - PK)

Albizia lucidior (Steud.) I. C. Nielsen ปากกา, สกลุ

ช่ือพ้อง Inga lucidior Steud. Adenia Forssk.
วงศ์ Passifloraceae
ไม้ต้น สงู ไดถ้ ึง 40 ม. ใบประกอบยาวได้ถงึ 12 ซม. ใบประกอบย่อย 1-3 คู่
ยาว 2-13 ซม. มตี ่อมบนแกนใบประกอบและใบประกอบยอ่ ย ใบย่อย 2-7 คู่ ไมเ้ ถาหรอื ไม้ลม้ ลุก มกั มหี วั ใตด้ ิน แยกเพศตา่ งตน้ หรือร่วมตน้ มีมอื จบั หใู บ
รปู ไข่หรือรปู ไข่กลับ หรอื แกมรปู ขอบขนาน เบ้ยี ว ยาว 3.5-15 ซม. กา้ นใบยอ่ ยยาว ขนาดเลก็ ใบเรยี งเวยี น มี 1-2 ตอ่ มทโ่ี คนใบหรอื ปลายกา้ นใบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ
ประมาณ 3 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ แยกแขนง แตล่ ะชอ่ กระจกุ มี 10-15 ดอก ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ กา้ นดอกมกี า้ นตอ่ กลบี เลย้ี งและกลบี ดอก
ดอกวงนอกขนาดเลก็ กวา่ วงใน กา้ นดอกยาวประมาณ 2 มม. กลบี เลยี้ งและกลบี ดอก จ�ำนวนอยา่ งละ 5 กลบี ฐานดอกรปู ถว้ ย มกี ะบังหรือไมม่ ี เกสรเพศผู้ 5 อัน ตดิ ใกล้
มขี นละเอยี ด หลอดกลบี เลยี้ งยาว 1.5-5 มม. หลอดกลบี ดอกยาว 4.5-8 มม. โคนหรือเช่ือมตดิ ฐานดอก จานฐานดอกจัก 5 พู รูปกระบอง โค้งออก รังไขเ่ กลี้ยง
กลบี รปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว 1.5-4 มม. กา้ นชอู บั เรณเู ชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด มกี า้ นชเู กสรเกสรเพศเมยี (gynophore) กา้ นเกสรเพศเมยี 3 อนั แยกหรอื เชอ่ื ม
ยาวเท่า ๆ หลอดกลบี เลย้ี ง รงั ไข่เกล้ยี ง มีกา้ นส้ัน ๆ ฝกั รปู แถบ แบน ยาว 10-30 ซม. ตดิ กนั ที่โคน ผลแห้งแตก มี 3 ซีก ผนงั หนา เมลด็ มีกา้ น
แหง้ แตก มไี ด้ถึง 10 เมล็ด เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 8-9 มม.
สกุล Adenia อยู่ภายใตว้ งศ์ย่อย Passifloroideae มีประมาณ 100 ชนดิ ส่วนมาก
พบทอ่ี นิ เดยี ภฏู าน เนปาล จนี ตอนใต้ พมา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบแทบ พบในแอฟริกาและมาดากสั การ์ ในไทยมี 6 ชนิด ต้นอ่อนและตน้ แกค่ ่อนขา้ ง
ทกุ ภาค ยกเว้นภาคใต้ ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าดบิ แลง้ และป่าดิบเขา ความสูงถึง แตกตา่ งกันโดยเฉพาะรูปรา่ งใบ และตำ�แหนง่ ของตอ่ มท่ีโคนใบหรือบนกา้ นใบ
ประมาณ 1200 เมตร ช่ือสกลุ มาจากภาษาอาหรบั “aden” ท่ีใช้เรยี กพืชชนดิ หนึ่งในสกุลนี้

เอกสารอา้ งองิ ปากกา
Nielsen, I.C. (1985). Leguminosae-Mimosoideae. In Flora of Thailand Vol. 4(2):
189-191. Adenia penangiana (Wall. ex G. Don) W. J. de Wilde
Wu, D. and I.C. Nielsen. (2010). Fabaceae (Tribe Ingeae). In Flora of China Vol.
10: 62-63. ชื่อพอ้ ง Passiflora penangiana Wall. ex G. Don

ปันแถ: ใบประกอบ 2 ชัน้ ช่อดอกแบบช่อกระจกุ แน่น แยกแขนง เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก ฝกั รูปแถบ แบน ไมเ้ ถา ใบรปู ไข่ หรอื รปู รถี งึ รปู แถบ ยาว 2-16 ซม. โคนมนหรอื กลม ตดิ คลา้ ย
(ภาพ: เขาสอยดาว จันทบรุ ี - SR) กน้ ปดิ มตี อ่ ม 2 ต่อม มือจบั ออกเดยี่ ว ๆ หรือแยก 3 แฉก ยาวไดถ้ ึง 10 ซม. ชอ่ ดอก
สนั้ หรอื ยาวได้กวา่ 10 ซม. มือจับ 1-3 อนั หรอื ไมม่ ี ชอ่ ดอกเพศผ้มู หี ลายดอก ชอ่
ปันหยี ดอกเพศเมียมี 1-3 ดอก ก้านดอกยาว 0.3-5 มม. ดอกรูประฆัง ยาว 0.8-1.7 ซม.
รวมกา้ นตอ่ (stipe) กลบี เลยี้ งแยกหรอื เชอ่ื มตดิ กนั ทโี่ คน รปู แถบ ยาว 0.5-1.5 ซม.
Jasminum nobile C. B. Clarke subsp. rex (Dunn) P. S. Green ติดทน กลีบดอกรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 0.4-1 ซม. ขอบจัก มกี ้านกลีบ
วงศ์ Oleaceae เกสรเพศผยู้ าว 2.5-3.5 มม. เชอื่ มตดิ กนั ทโ่ี คน ปลายอบั เรณเู ปน็ ตงิ่ แหลม กะบงั
แยกเปน็ แฉก จานฐานดอกเปน็ ตอ่ ม ยาว 0.5-1 มม. กา้ นชเู กสรเพศเมยี สนั้ หรอื
ชื่อพ้อง Jasminum rex Dunn ขยายในผลยาวได้ถึง 2.5 ซม. กา้ นเกสรเพศเมยี เชอ่ื มติดกนั ทีโ่ คน ส่วนแยกยาว
1-2 มม. ยอดเกสรเป็นตุม่ มีปมุ่ ละเอียด ผลรปู รีหรือรูปขอบขนาน ยาว 2-7 ซม.
ไมเ้ ถา เกลย้ี ง ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู รี รปู ขอบขนาน หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 5-14 ซม. สกุ สแี ดง มี 5-15 เมลด็
ปลายแหลมหรอื แหลมยาว เสน้ แขนงใบออกใกลโ้ คนขา้ งละ 1 เสน้ โคง้ เปน็ เสน้
ขอบใน เส้นแขนงใบไมช่ ดั เจน มี 2-3 เส้นในแตล่ ะขา้ ง ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุก

256

สารานุกรมพืชในประเทศไทย ปาหนนั ชา้ ง

พบที่หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ คาบสมุทรมลายู สุมาตรา และภาคใต้ ปาล์มบังสรู ย์
ของไทย ขนึ้ ตามทโี่ ลง่ หรอื บนเขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ 1200 เมตร แยกเปน็
var. parvifolia (Pierre ex Gagnep.) W. J. de Wilde ฐานดอกแคบกวา่ ปลาย Johannesteijsmannia altifrons (Rchb. f. & Zoll.) H. E. Moore
แกนอับเรณสู ้ันกว่า กา้ นชเู กสรเพศเมียในผลสน้ั มาก เมลด็ ขนาดเลก็ กว่า วงศ์ Arecaceae

เอกสารอ้างองิ ช่อื พ้อง Teysmannia altifrons Rchb. f. & Zoll.
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2010). Passifloraceae. In Flora of
Thailand Vol. 10(2): 238-241. ปาล์มล�ำตน้ สน้ั ไม่แตกกอ ใบติดรอบลำ� ต้น รูปส่เี หลี่ยมข้าวหลามตดั ยาวไดถ้ ึง
3.5 ม. พับจีบมีไดก้ ว่า 20 จบี ในแตล่ ะขา้ ง ขอบจกั ฟันเลื่อยคลา้ ยหนาม ก้านใบ
ปากกา: ใบรูปรีหรือรปู แถบ ดอกเพศผ้รู ูประฆัง ผลแห้งแตก สุกสีแดง กลบี เล้ยี งและกา้ นชูเกสรเพศเมยี ติดทน ยาวไดถ้ งึ 2.5 ม. มหี นามขนาดเล็ก กาบเปน็ หลอด ขอบมีเสน้ ใย ช่อดอกออกระหวา่ งใบ
(ภาพดอกและภาพผลสกุ ใบรูปร:ี ชุมพร, ภาพผลอ่อน ใบรูปแถบ: สรุ าษฎรธ์ านี; - RP) มหี ลายชอ่ ตงั้ ขน้ึ โคง้ ลง ยาว 50-100 ซม. กาบรปู หลอด สคี รมี เปลย่ี นเปน็ สนี ำ�้ ตาล
กา้ นชอ่ อวบหนา ยาว 30-50 ซม. แยกแขนง 2-3 ครงั้ แตกแขนงยอ่ ยจำ� นวนมาก
ปาลม์ เจา้ เมอื งตรงั ยาว 5-20 ซม. มีขนสั้นหนาน่มุ ดอกออกเปน็ กระจุก 2-4 ดอก สีครีม ยาว 4-5 มม.
กลบี เลีย้ งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 3 กลบี กลีบดอกเชื่อมติดกันทีโ่ คน เกสรเพศผู้
Licuala peltata Roxb. ex Buch.-Ham. var. sumawongii Saw 6 อนั โคนเชอ่ื มตดิ กนั ผลกลม สนี ำ้� ตาล เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 4-5 ซม. ผนงั หนาเปน็ คอรก์
วงศ์ Arecaceae ผวิ เปน็ ป่มุ จำ� นวนมาก

ปาลม์ ตน้ เดยี่ ว สงู ไดถ้ งึ 6 ม. ใบรปู ใบพดั พบั จบี ไมแ่ ยกเปน็ สว่ น เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง พบทคี่ าบสมทุ รมลายู สมุ าตรา บอรเ์ นยี ว และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทยี่ ะลา
1-1.8 ม. ปลายแฉกตื้น ๆ แผน่ ใบเป็นมนั วาวทง้ั สองด้าน กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 2.7 ม. และนราธิวาส ขึ้นตามสนั เขาในป่าดบิ ชื้น ความสูงถึงประมาณ 800 เมตร
มหี นามตลอดความยาว ปลายหนามสดี �ำ กาบใบยาว 50-60 ซม. ช่อดอกออก
ระหวา่ งใบ มี 2-3 ช่อ โคง้ ลง ยาวไดถ้ ึง 3.5 ม. มีขนสีนำ้� ตาลแดง กา้ นช่อยาว สกลุ Johannesteijsmannia H. E. Moore อยภู่ ายใต้วงศ์ยอ่ ย Coryphoideae
0.8-1.2 ม. ใบทลี่ ดรูปคลา้ ยใบประดบั (prophyll) ยาว 35-40 ซม. ช่อดอกยอ่ ยแบบ เผ่า Corypheae มี 4 ชนดิ พบทค่ี าบสมุทรมลายู บอร์เนียว และสมุ าตรา ในไทย
ชอ่ เชงิ ลด มี 3-7 ชอ่ หอ้ ยลง ใบประดบั เปน็ หลอด ยาว 33-36 ซม. แฉกไมเ่ ปน็ ระเบยี บ มีชนดิ เดียว ช่ือสกุลตั้งตามนกั พฤกษศาสตร์ชาวดตั ช์ Johannes Elias Teijsmann
ขอบมีเส้นใย ช่อย่อยยาว 35-55 ซม. ช่วงโคนยาวได้ถงึ 15 ซม. ดอกจำ� นวนมาก (1809-1882)
ออกเด่ียว ๆ ใบประดับย่อยขนาดเล็ก กา้ นดอกยาวประมาณ 2 มม. กลีบเล้ียง เอกสารอ้างอิง
รูประฆงั ยาว 6-7 มม. ปลายจกั ต้นื ๆ 3 แฉก กลบี ดอก 3 กลีบ ยาว 1-1.2 ซม. Barfod, A.S. and J. Dransfield. (2013). Arecaceae. In Flora of Thailand Vol. 11(3):
มีขนหนาแนน่ เกสรเพศผู้ 6 อัน ตดิ ที่โคนกลบี ดอก ยาว 8-9 มม. รงั ไข่เกลย้ี ง
ก้านเกสรเพศเมียรูปเส้นด้าย ยาว 7-8 มม. ผลรปู รี ยาว 1.2-2 ซม. สุกสแี ดงอมส้ม 420-422.

พชื ถิน่ เดยี วของไทย พบเฉพาะทางภาคใต้ทต่ี รงั พบน้อยมากในป่าธรรมชาติ ปาล์มบงั สูรย์: ล�ำต้นเดีย่ วข้นึ เปน็ กล่มุ ใหญ่ตามสันเขา ใบรูปส่ีเหล่ียมข้าวหลามตดั ตดิ รอบลำ� ตน้ ชอ่ ผลทโ่ี คนต้น
ลกั ษณะคลา้ ยกบั var. peltata แตใ่ บไมแ่ ยกเปน็ สว่ น ดอกขนาดเลก็ กวา่ เคยรจู้ กั ผลกลม สีน้�ำตาล ผนังหนาเป็นคอร์ก ผวิ มีปุ่มจำ� นวนมาก (ภาพ: เขาฉลองชยั ยะลา - RP)
ในชื่อ L. elegans Blume ซงึ่ เป็นชื่อพ้องของ L. pumila Blume ท่ีพบในชวา
และสุมาตรา คำ� ระบุ var. ต้งั ตามนายวัฒนา สมุ าวงศ์ ผู้นำ� ไปปลูกไว้ที่สวนสว่ นตัว ปาหนัน, สกุล
และเก็บตวั อย่างใหก้ ับสวนพฤกษศาสตรค์ วิ
Goniothalamus (Blume) Hook. f. & Thomson
สกุล Licuala Wurmb อยู่ภายใตว้ งศ์ยอ่ ย Coryphoideae เผ่า Corypheae มี วงศ์ Annonaceae
ประมาณ 135 ชนิด พบในเอเชียและหมู่เกาะแปซฟิ ิก ในไทยมี 13 ชนิด ชือ่ สกุล
มาจากภาษาพน้ื เมืองหมู่เกาะโมลุกกะ ของมาเลเซยี “leko wala” ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ ใบเรยี งเวยี นหรอื เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ
เอกสารอ้างองิ มดี อกเดยี วหรอื หลายดอกตามซอกใบ กงิ่ หรอื ลำ� ตน้ ใบประดบั ขนาดเลก็ กลบี เลย้ี ง
Barfod, A.S. and J. Dransfield. (2013). Arecaceae. In Flora of Thailand Vol. 3 กลีบ กลบี ดอก 6 กลีบ เรยี ง 2 วง เรียงจรดกนั วงนอกหนา วงในขนาดเลก็
มกี า้ นสนั้ ๆ ปลายมกั ตดิ กนั รปู กรวย เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก อบั เรณรู ปู ขอบขนาน
11(3): 437-439. หรือรปู แถบ หันออก ปลายมีรยางค์ มหี ลายคารเ์ พล แยกกนั แตล่ ะคาร์เพลมอี อวุล
1-10 เมด็ ยอดเกสรเพศเมยี เรยี บหรอื จกั 2 พู ผลกลมุ่ ผลยอ่ ยรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน
ปาลม์ เจา้ เมืองตรัง: ใบรปู ใบพดั พับจีบ ไมแ่ ยกเปน็ ส่วน ๆ ปลายแฉกต้ืน ๆ ชอ่ ดอกย่อยแบบช่อเชิงลด ห้อยลง ไรก้ า้ นหรือมีกา้ นสน้ั ๆ
(ภาพ: cultivated - PK)
สกุล Goniothalamus เดิมอยภู่ ายใต้สกลุ Polyalthia sect. Goniothalamus
Blume มี 130-140 ชนิด พบเฉพาะในเอเชยี เขตร้อน ในไทยมีประมาณ 25 ชนดิ
และสว่ นใหญพ่ บทางภาคใต้ ชื่อสกุลมาจากภาษากรกี “gonia” เหลย่ี มหรอื มมุ
และ “thalamos” โคนดอก หมายถึงโคนดอกหรอื ฐานดอกมกั เป็นเหล่ียม

ปาหนันช้าง

Goniothalamus giganteus Hook. f. & Thomson
ไมต้ น้ สงู 10-20 ม. ใบเรยี งเวียน รปู ขอบขนานหรอื รูปใบหอก ยาว 15-25 ซม.

แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างเขียวนวล ก้านใบยาว 0.5-1.5 ซม.
ดอกออกเด่ยี ว ๆ ตามกง่ิ ที่ซอกใบทร่ี ว่ ง ก้านดอกยาว 2.5-4.5 ซม. กลบี เลี้ยง
รปู ไขแ่ กมสามเหลยี่ มยาวไดถ้ งึ 1 ซม. ดา้ นนอกมขี น กลบี ดอกหนาสเี ขยี วอมเหลอื ง
วงนอกรปู ไข่หรือแกมขอบขนาน ยาว 8-15 ซม. วงในรปู สามเหลย่ี มยาว 1.5-2 ซม.

257

ปาหนนั ยนู นาน สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ดา้ นนอกมขี นสนั้ สนี ำ�้ ตาลหนาแนน่ เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 3 มม. รปู แถบ รยางค์ หรอื แหลมยาว แผ่นใบดา้ นล่างมีตอ่ มรูปโล่ใกล้โคน ก้านใบยาวได้ถึง 20 ซม.
แบนหรอื โค้ง คารเ์ พลรูปทรงกระบอก ยาว 6-7 มม. มีขนสนี ้ำ� ตาลแดงหนาแน่น ชอ่ กระจกุ แยกแขนงแบบชอ่ เชงิ หลน่ั กา้ นชอ่ ยาวไดถ้ งึ 10 ซม. ใบประดบั รปู ใบหอก
กา้ นเกสรเพศเมยี รปู แถบ ยอดเกสรรปู กรวยแคบ ๆ ผลยอ่ ยรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 1.5 ซม. รว่ งเร็ว กลีบเลยี้ งยาว 3-5 มม. มตี อ่ มกระจาย ปลายแยกเปน็
ยาว 3-4.5 ซม. ผิวมีตุ่ม ก้านผลยาวไดถ้ ึง 1 ซม. มี 1-2 เมลด็ แฉกรปู สามเหลยี่ ม ขยายในผล ดอกสขี าวหรอื ชมพู หลอดกลบี ดอกยาว 1-2.5 ซม.
ไม่มตี อ่ ม กลบี ขอบขนาน ยาว 3-6 มม. เกสรเพศผู้และก้านเกสรเพศเมียยื่นพน้
พบท่ีคาบสมุทรมลายู สุมาตรา บอร์เนียว และภาคใต้ตอนล่างของไทยท่ียะลา หลอดกลีบดอกเท่า ๆ ความยาวหลอดกลีบ ผลกลม เสน้ ผา่ นศูนย์กลางประมาณ
นราธวิ าส ขึ้นตามปา่ พรุหรอื ป่าดิบช้ืน ความสงู ถึงประมาณ 900 เมตร มสี ารกลุม่ 1 ซม. สกุ สีดำ� (ดขู ้อมลู เพม่ิ เตมิ ที่ นางแย้ม, สกุล)
acetogenins มีสรรพคุณใช้ฆ่าแมลง
พบทอ่ี ินเดีย เนปาล ภฏู าน บงั กลาเทศ จีนตอนใต้ พมา่ ภูมิภาคอนิ โดจีน
ปาหนนั ยนู นาน คาบสมุทรมลายู ชวา และสมุ าตรา ในไทยพบทุกภาค ข้นึ ตามชายปา่ ความสงู ถงึ
ประมาณ 1800 เมตร ราก ใบ และเปลอื กแกไ้ ข้มาลาเรีย
Goniothalamus cheliensis Hu
ไม้ตน้ สงู 5-7 ม. กิ่งมีขนยาว มีขนสีน�้ำตาลแดงหนาแนน่ ตามเสน้ กลางใบ เอกสารอ้างองิ
Chen, S.L. and M.G. Gilbert. (1994). Verbenaceae (Clerodendrum). In Flora of
กา้ นใบ กลบี เลย้ี ง และกลบี ดอก ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว รปู ไขก่ ลบั แกมรปู ขอบขนาน China Vol. 17: 40.
ยาว 50-75 ซม. ปลายยาวคลา้ ยหาง ยาวไดถ้ งึ 5 ซม. เส้นแขนงใบข้างละ Leeratiwong, C., P. Chantaranothai and A. Paton. (2011). A synopsis of the
25-30 เสน้ กา้ นใบยาว 1.7-3 ซม. ดอกออกเปน็ กระจกุ ตามกง่ิ หรอื ลำ� ตน้ กลบี เลยี้ ง genus Clerodendrum L. (Lamiaceae) in Thailand. Tropical Natural History
รปู รี ยาว 3-4 ซม. ปลายแหลมยาว กลบี ดอกรปู รี ปลายกลบี แหลมยาว วงนอกหนา 11(2): 184-185.
ยาว 6-8 ซม. วงในยาวประมาณ 3.5 ซม. เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก ผลย่อยรปู รี
หรอื รปู ขอบขนาน ยาว 6-9 ซม. ปลายเรียวแหลม มีขนหยาบสนี ำ�้ ตาลแดง ปิง้ ขาว: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงแบบช่อเชิงหล่นั ดอกหนาแน่น กลบี เล้ียงมตี อ่ มกระจาย ขยายในผล
หนาแนน่ กา้ นส้ัน มี 4 เมล็ด รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 2.5 ซม. ผลกลม (ภาพ: แก่งกระจาน เพชรบุรี - PK)

พบทจ่ี นี ตอนใตแ้ ละภาคเหนอื ของไทยทด่ี อยภคู า จงั หวดั นา่ น ขน้ึ ตามปา่ ดบิ เขา ปน่ิ สินชัย
ความสงู 1300-1400 เมตร
Leucosceptrum canum Sm.
เอกสารอา้ งอิง วงศ์ Lamiaceae
Li, B. and M.G. Gilbert. (2011). Annonaceae (Goniothalamus). In Flora of China
Vol. 19: 684-685. ไม้พ่มุ หรือไมต้ ้น สูงได้ถึง 7 ม. มขี นรูปดาวสเี ทาอมเหลอื งสั้นหนานุ่มตามกิ่ง
Saunders, R.M.K. and P. Chalermglin. (2008). A synopsis of Goniothalamus และใบออ่ น ช่อดอก กลีบเลี้ยง และกลีบดอก ใบเรียงตรงข้ามสลบั ตั้งฉาก รปู รี
species (Annonaceae) in Thailand, with descriptions of three new species. ถงึ รูปใบหอก ยาว 10-23 ซม. ปลายแหลมยาว ขอบจกั ฟนั เลือ่ ย ใบออ่ นมีขนปุย
Botanical Journal of the Linnean Society 156: 355-384. ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลดรปู ทรงกระบอก ยาว 10-13 ซม. ใบประดบั เรยี งซอ้ นเหลอื่ ม
ใบประดบั ยอ่ ยรปู เสน้ ดา้ ยขนาดเลก็ ดอกเรยี งแนน่ กา้ นดอกยาวประมาณ 1 มม.
ปาหนันชา้ ง: ดอกออกเด่ียว ๆ ตามกง่ิ ทซ่ี อกใบทร่ี ่วง กลีบดอก 6 กลีบ เรียง 2 วง สเี ขยี วอมสเี หลอื ง ผลแบบผลกลมุ่ กลบี เลย้ี งรปู ระฆงั ยาว 6-8 มม. ปลายแยกเปน็ กลบี สน้ั ๆ รปู สามเหลย่ี ม 5-7 กลบี
จ�ำนวนมาก ผวิ มตี ุ่ม (ภาพ: เบตง ยะลา - RP) ยาวประมาณ 1 มม. ดอกสีขาว กลีบรูปปากเปดิ ยาว 0.8-1 ซม. กลีบดา้ นลา่ ง
3 กลบี กลีบกลางใหญก่ ว่ากลีบขา้ ง เกสรเพศผสู้ ั้น 2 อัน ยาว 2 อัน โคนเชือ่ มติดกัน
ตดิ กลางหลอดกลบี ยน่ื พน้ หลอดกลบี ดอก อบั เรณตู ดิ ทฐ่ี าน มพี เู ดยี ว จานฐานดอก
จัก 4 พู กา้ นเกสรเพศเมียเรยี วยาว ปลายแยกเป็น 2 แฉก รปู ลิ่มแคบ ผลเปลอื กแขง็
เมลด็ เดยี ว รูปสามเหลี่ยมเรียว ปลายตัด

พบท่ภี ูฏาน อินเดยี เนปาล จนี ตอนใต้ พมา่ ลาว เวยี ดนาม และภาคเหนือ
ของไทยที่ดอยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ ข้นึ ตามท่งุ หญา้ ท่ีโลง่ บนเขาหินปนู ความสูง
1600-2000 เมตร

สกลุ Leucosceptrum Sm. มีเพียงชนดิ เดยี ว ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรกี “leukos”
สขี าว และ “skeptron” คทา ตามลกั ษณะของช่อดอก
เอกสารอ้างอิง
Li, X.W. and I.C. Hedge. (1994). Lamiaceae. In Flora of China Vol. 17: 245.

ปาหนนั ยูนนาน: ใบรปู ไข่กลับแกมรูปขอบขนาน ดอกออกตามลำ� ตน้ กลีบเลี้ยงและกลบี ดอกมีขนสน้ั หนานุม่ ผลยอ่ ย ปิ่นสินชัย: ใบเรียงตรงขา้ มสลับต้งั ฉาก ช่อดอกแบบช่อเชิงลดรูปทรงกระบอก ดอกจ�ำนวนมาก เรียงแนน่ เกสรเพศผู้
จำ� นวนมาก มีขนหยาบสีนำ�้ ตาลแดงหนาแนน่ (ภาพ: ดอยภคู า น่าน; ภาพใบและผล - AM, ภาพดอก - RP) ยนื่ พน้ หลอดกลีบดอก (ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชยี งใหม่ - MT)

ปิง้ ขาว

Clerodendrum colebrookianum Walp.
วงศ์ Lamiaceae

ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 6 ม. มขี นสนั้ นมุ่ ละเอยี ดตามกงิ่ ออ่ น แผน่ ใบดา้ นลา่ ง
และกลบี เลย้ี งด้านนอก ใบรูปไขก่ ว้างหรอื รปู หวั ใจ ยาว 7-20 ซม. ปลายแหลม

258

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ปดุ ชมพู

ปีบ ปบี ฝรั่ง

Millingtonia hortensis L. f. Hippobroma longiflora (L.) G. Don
วงศ์ Bignoniaceae วงศ์ Campanulaceae

ไม้ต้น สงู ได้ถึง 25 ม. เปลอื กเปน็ คอรก์ ใบประกอบ 2-3 ชน้ั ยาวได้ถึง 1 ม. ช่อื พ้อง Lobelia longiflora L., Laurentia longiflora (L.) Peterm.
ใบประกอบย่อยมี 3-5 คู่ ใบย่อยรูปรี รูปขอบขนาน หรือแกมรปู ไข่ ยาว 2-7 ซม.
โคนมนหรือกลม เบย้ี ว ก้านใบสนั้ ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนงแผ่กวา้ ง ยาว ไมล้ ม้ ลกุ สงู 10-50 ซม. มขี นสนั้ นมุ่ ตามแผน่ ใบทง้ั สองขา้ ง กา้ นดอก กลบี เลยี้ ง
10-35 ซม. ดอกสขี าวมกี ลน่ิ หอม กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 1 ซม. กลบี เลย้ี งรปู ถว้ ย ยาว และกลบี ดอกดา้ นนอก รงั ไข่ และผล ใบเรยี งเวยี น รปู ใบหอกแกมรปู ไขก่ ลบั ยาว
2-4 มม. ปลายแยก 5 แฉกต้ืน ๆ พับงอกลบั ดอกรปู ดอกเขม็ หลอดกลีบดอก 3-17 ซม. โคนเรยี วเปน็ สนั หรอื ปีกจรดลำ� ตน้ แผน่ ใบบางคร้งเกล้ียง ขอบใบแฉกลกึ
เรียวแคบ ยาว 3-7 ซม. ปากกว้าง 3-5 ซม. คลา้ ยรูปปากเปดิ กลีบบน 2 กลีบ หรอื จักฟันเล่อื ย ดอกสขี าว ออกเด่ียว ๆ ตามซอกใบ มีกล่นิ หอม ก้านดอกยาว
กลบี ลา่ ง 3 กลบี รปู ใบหอกแกมรูปไข่ ยาว 1-2 ซม. ดา้ นในมีขน เกสรเพศผู้ 2 คู่ 0.3-1 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยรปู เส้นด้าย ยาวประมาณ 5 มม. กลีบเลยี้ ง 5 กลบี รูปแถบ
ยาวไม่เท่ากัน ติดเหนือกึ่งกลางหลอดกลีบ อับเรณูสมบูรณ์หนึ่งอัน เป็นหมัน ยาว 0.8-2 ซม. ขอบจกั ซี่ฟัน ติดทน ดอกรูปดอกเขม็ หลอดกลบี ดอกยาว 5-9 ซม.
หนงึ่ อันคลา้ ยเดือย จานรองดอกรูปถว้ ย รังไขเ่ กลี้ยง ผลแหง้ แตก รูปแถบ แบน ปลายแยกเป็น 5 แฉก รูปใบหอก ยาว 1.8-2.5 ซม. เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ เหนือ
ยาว 28-36 ซม. เมลด็ รปู รีหรอื ขอบขนาน ยาว 1.5-3.5 ซม. รวมปกี บางใส กงึ่ กลางหลอดกลบี ดอก เชื่อมติดกนั 4-7 มม. ปลายมีขน เกสรเพศเมียยาวเทา่ ๆ
อับเรณู ยอดเกสรจกั 2 พู แบน ๆ ผลแห้งแตก เปิดด้านบน บดิ งอ รูปรี ยาว 1-1.5 ซม.
พบที่จีนตอนใต้ พมา่ ภมู ิภาคอินโดจนี และแทบทุกภาคของไทย ยกเว้นภาคใต้ เมล็ดขนาดเล็ก จำ� นวนมาก
เป็นไม้ประดับสองขา้ งถนน ขนึ้ กระจายห่าง ๆ ในป่าเบญจพรรณและป่าดบิ แล้ง
ความสูงถงึ ประมาณ 1000 เมตร รากต้มดมื่ แกไ้ ข้มาลาเรยี ถน่ิ กำ� เนดิ ในอเมรกิ ากลาง ขน้ึ เปน็ วชั พชื ตามทช่ี มุ่ ชน้ื นำ้� ยางสขี าวมพี ษิ ทำ� ให้
ระคายเคอื ง
สกลุ Millingtonia L. f. มีชนิดเดียว ช่อื สกุลตัง้ ตามนายแพทย์และนักธรรมชาติ
วิทยาชาวอังกฤษ Sir Thomas Millington (1628-1704) ผู้ค้นพบลักษณะเพศของพชื สกลุ Hippobroma G. Don มชี นิดเดยี ว เคยอยภู่ ายใต้สกุล Laurentia ขอ้ มลู
ปัจจุบนั ถูกเสนอให้อยภู่ ายใตส้ กลุ Lobelia ชื่อสกุลมาจากภาษากรกี “hippo”
เอกสารอ้างองิ มา้ และ “broma” มพี ิษ หมายถงึ พชื มพี ิษโดยเฉพาะกับสตั ว์เล้ยี งพวกม้า
Santisuk, T. (1987). Bignoniaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 35-36.
Zhang, Z.Y. and T. Santisuk. (1998). Bignoniaceae. In Flora of China Vol. 18: 214. เอกสารอ้างองิ
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2014). Campanulaceae. In Flora of
Thailand Vol. 11(4): 515.

ปีบ: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงท่ปี ลายกิ่ง แผก่ ว้าง ดอกรูปดอกเข็ม หลอดกลบี เรียวแคบ กลีบคล้ายรูปปากเปิด ปีบฝรง่ั : ใบเรียงเวียน โคนเรียวสอบ ขอบใบแฉกลกึ หรือจกั ฟันเลอื่ ย ดอกออกเดีย่ ว ๆ ตามซอกใบ หลอดกลบี ดอกยาว
ผลเป็นฝักแบน (ภาพ: กาญจนบรุ ี - RP) ผลบดิ งอ (ภาพ: เบตง ยะลา - RP)

ปบี ทอง ปุดชมพู

Radermachera hainanensis Merr. Etlingera triorgyalis (Baker) R. M. Sm.
วงศ์ Bignoniaceae วงศ์ Zingiberaceae

ไมต้ ้น สูงไดถ้ ึง 25 ม. ใบประกอบ 2-3 ช้นั ยาว 20-40 ซม. ใบย่อยรปู รี ช่ือพ้อง Amomum triorgyale Baker
รูปขอบขนาน หรือแกมรูปไขก่ ลับ ยาว 4-10 ซม. บางครัง้ เบย้ี ว แผน่ ใบด้านลา่ ง
บางครง้ั มตี อ่ มประปรายใกลโ้ คน ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ กระจะ ออกสนั้ ๆ ตามกงิ่ หรอื ไมล้ ม้ ลุก สูงไดถ้ ึง 6 ม. โคนหนา ใบมขี า้ งละประมาณ 15 ใบ ใบชว่ งกลางรปู ใบหอก
ปลายกง่ิ ยาว 1-4 ซม. กลบี เลย้ี งเช่ือมตดิ กนั เปน็ หลอด ยาว 0.8-1.8 ซม. ดอกรูประฆงั ยาว 0.8-1 ม. ใบชว่ งปลายและโคนขนาดเลก็ แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นสน้ั กา้ นใบสน้ั
สีเหลอื งอมส้ม ยาว 3.5-5 ซม. ปากกวา้ งประมาณ 1.5 ซม. โคนก้านชอู บั เรณูมี ชอ่ วงใบประดบั สงู 10-14 ซม. เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 6 ซม. ใบประดบั สชี มพู
ตอ่ มขน ผลรปู แถบ ยาว 25-40 ซม. ไมม่ ชี อ่ งอากาศ เมลด็ รปู แถบ ยาวประมาณ เรียงซ้อนเหลือ่ ม ก้านชอ่ ยาว 5-15 ซม. ฐานดอกสัน้ ดอกบานมี 8-17 ดอก ต้งั แต่โคน
1.2 ซม. รวมปีกใส (ดูขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ ที่ กาซะลองคำ� , สกุล) จรดปลายกลบี ปากยาวไดถ้ งึ 13.5 ซม. ใบประดบั ทไี่ มม่ ดี อกมปี ระมาณ 7 ใบ ยาว
9-11 ซม. ปลายพบั งอกลบั ใบประดบั ทม่ี ดี อกคลา้ ยทไี่ มม่ ดี อก ยาวประมาณ 10 ซม.
พบทจี่ นี ตอนใต้ ลาว กมั พชู า ในไทยพบแทบทกุ ภาค ภาคใตจ้ นถงึ สรุ าษฎรธ์ านี วงในขนาดเลก็ กวา่ เล็กน้อย ใบประดับยอ่ ยเรยี วแคบ ยาวประมาณ 8 ซม. ปลายจัก
ขึ้นตามรมิ ล�ำธารในปา่ ดิบแล้ง ความสูง 100-600 เมตร 2 พู หลอดกลีบเล้ียงยาวเทา่ ๆ ใบประดบั ย่อย หลอดกลีบดอกยาวประมาณ 6 ซม.
ปากหลอดมขี นยาว กลีบปากปลายบานออก ช่วงทแ่ี ยก ยาว 5-6 ซม. ปลายเวา้ ตืน้
เอกสารอ้างอิง ชอ่ ผลกลมกวา้ ง เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 10 ซม. ผลยอ่ ยรปู ไขก่ ลบั มสี นั ตามยาว
Santisuk, T. (1987). Bignoniaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 41. มีขนส้นั นุม่ ยาวประมาณ 3 ซม. (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ท่ี กาหลา, สกลุ )
Zhang, Z.Y. and T. Santisuk. (1998). Bignoniaceae. In Flora of China Vol. 18: 219.
พบทค่ี าบสมทุ รมลายู สมุ าตรา บอรเ์ นยี ว และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทส่ี งขลา
ปีบทอง: ใบประกอบ 2-3 ชัน้ ช่อดอกแบบช่อกระจุกสั้น ๆ คลา้ ยชอ่ กระจะ ดอกรูประฆัง สเี หลอื งอมสม้ ปากกว้าง ยะลา นราธิวาส ขึน้ ตามป่าดบิ ช้นื ความสงู ระดับตำ�่ ๆ
(ภาพ: เขาใหญ่ นครราชสีมา - RP)
เอกสารอ้างอิง
Khaw, S.H. (2001). The genus Etlingera (Zingiberaceae) in peninsular Malaysia
including a new species. Gardens’ Bulletin Singapore 53(1-2): 233-234.

259

ปดุ ดนิ สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ปดุ ชมพู: โคนลำ� ตน้ หนา ช่อวงใบประดับสูง กา้ นชอ่ ส้ัน ใบประดับสชี มพู เรียงซอ้ นเหล่อื ม กลบี ปากบานออก ปุดเดอื น
ปลายเวา้ ตื้น (ภาพ: ยะลา - RP)
Hedychium longicornutum Griff. ex Baker
ปุดดิน, สกุล วงศ์ Zingiberaceae

Orchidantha N. E. Br. ไมล้ ม้ ลกุ ขน้ึ บนพน้ื ดนิ หรอื องิ อาศยั ลำ� ตน้ สงู 30-60 ซม. ใบรปู ขอบขนานหรอื
วงศ์ Lowiaceae รปู ใบหอก ยาวไดถ้ งึ 30 ซม. ปลายเรยี วแหลม โคนเรยี วสอบจรดล�ำตน้ ชอ่ ดอกแบบ
ชอ่ เชงิ ลด ออกทย่ี อด กา้ นชอ่ ยาว 4-5 ซม. ใบประดบั เรยี งซอ้ นเหลอ่ื มอดั กนั แนน่
ไมล้ ม้ ลกุ มเี หงา้ ใตด้ นิ ทอดเลอื้ ย รากหนา ลำ� ตน้ สน้ั ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว ยาวประมาณ 2.5 ซม. ดา้ นนอกมขี นหนาแนน่ แตล่ ะใบประดบั มดี อกเดยี ว กลบี เลยี้ ง
โคนมกี าบ เสน้ ใบเรียวยาวตามแผน่ ใบ มเี ส้นใบย่อยบางๆ ตามขวางตลอดท้ัง ยาวกว่าใบประดับ ยาว 1-1.5 ซม. กลีบดอกรปู แถบ ยาว 3-5 ซม. เกสรเพศผู้ที่
แผน่ ใบ ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกสน้ั ๆ ออกจากเหงา้ หรอื ซอกใบใกล้ยอด ดอกติด เปน็ หมนั รปู ใบหอกกลบั ยาว 1.5-2.5 ซม. กลบี ปากสน้ั กวา่ เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั
บนใบประดบั กลบี เล้ียง 3 กลีบ เช่ือมติดกันที่โคนเป็นหลอดหุ้มรงั ไข่ กลบี ดอก เล็กนอ้ ย เรียวแคบ ม้วนงอ ปลายกลบี เปน็ แฉกลกึ ก้านชอู บั เรณูยาว 3-5 ซม.
กลบี ข้าง 2 กลบี กลบี ปากขนาดใหญ่ 1 กลบี เกสรเพศผู้ 5 อนั กา้ นชอู ับเรณสู ้ัน อบั เรณรู ปู แถบ ยาว 4-5 มม. (ดขู อ้ มูลเพิม่ เติมท่ี ตาเหิน, สกลุ )
อับเรณแู ตกตามยาว รังไข่ใตว้ งกลบี มี 3 ช่อง ออวลุ จ�ำนวนมาก พลาเซนตารอบ
แกนร่วม เกสรเพศเมยี 1 อัน ยอดเกสรเพศเมียจกั 3 พู ผลแห้งแตกเปน็ 3 ส่วน พบทคี่ าบสมทุ รมลายู และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทย่ี ะลา นราธวิ าส ขน้ึ ตาม
เมลด็ กลม มีหลายเมลด็ มีขน เยอ่ื หมุ้ เมลด็ ขาดว่นิ ปลายมีฝาเปดิ พ้ืนดินหรือบนคบไมใ้ นป่าดบิ ช้นื ความสูงระดบั ตำ่� ๆ

สกลุ Orchidantha เป็นพืชใบเล้ยี งเดย่ี ว สกุลเดยี วของวงศ์ Lowiaceae มี 21 ชนดิ เอกสารอ้างองิ
พบในจีน ภมู ิภาคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยมี 3 ชนิด อีก 2 ชนดิ คือ ปุดนกกระทุง Baker, J.G. (1894). Hedychium. In Flora of British India Vol. 6: 228.
O. foetida Jenjitt. & K. Larsen และ O. fimbriata Holttum แผน่ กลบี ปากยาว
10-12 ซม. พบทางภาคใตต้ อนล่างและคาบสมทุ รมลายู ชื่อสกุลหมายถงึ พชื ท่ีดอก ปุดเดอื น: ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ ลด กลีบปากม้วนงอ ก้านชูอบั เรณยู าว (ภาพ: ยะลา - RP)
เหมือนกลว้ ยไม้ ดอกส่วนใหญม่ กี ลน่ิ เหม็น
ปดุ นกกระทุง
ปุดดิน
Orchidantha foetida Jenjitt. & K. Larsen
Orchidantha siamensis K. Larsen ไมล้ ม้ ลุก สงู 30-50 ซม. ใบรูปใบหอก ยาว 20-40 ซม. กา้ นใบยาว 7-12 ซม.
ไมล้ ม้ ลกุ ใบรูปขอบขนาน กว้าง 6-7 ซม. ยาวไดถ้ งึ 30 ซม. ก้านยาวไดถ้ ึง 30 ซม.
ใบประดบั รปู ใบหอก ยาวไดถ้ ึง 7 ซม. หลอดกลีบเล้ยี งยาว 10-11 ซม. กลีบรูปเรอื
หลอดกลบี เลย้ี งยาว 10-14 ซม. กลบี สีม่วงเข้ม รูปแถบ ยาว 6.5-8 ซม. กลีบดอก ปลายมตี งิ่ แหลม สีม่วงอมนำ�้ ตาล ยาว 6-6.5 ซม. กลบี ดอกคู่ข้างรูปขอบขนาน
คูข่ า้ งรูปแถบหรอื รูปเสน้ ดา้ ย ยาว 1.5-2 ซม. กลีบปากสขี าว ยาวประมาณ 6 ซม. ยาว 3-3.2 ซม. กลีบปากสีมว่ ง แนบติดกลีบเลย้ี งคู่ข้าง ยาวเทา่ ๆ กนั กา้ นชูอบั เรณู
ชว่ งลา่ งเรยี วแคบคลา้ ยกา้ นกลบี ยาวประมาณ 3 ซม. ปลายกวา้ ง เวา้ ตน้ื อบั เรณู ยาว 8-9 มม. อบั เรณูรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 9 มม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาว
รปู แถบ ยาว 5-6 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 1-1.5 ซม. ยอดเกสรทจ่ี กั ยาวประมาณ ประมาณ 1.7 ซม. ยอดเกสรพกู ลางยาวประมาณ 1 ซม. ปลายจกั ชายครุย พูข้างยาว
1.5 ซม. ปลายเปน็ ชายครยุ ยาวไดถ้ ึง 6 มม. ผลรูปรี ยาว 2-3 ซม. เมลด็ กลม ประมาณ 7 มม. ปลายแยก 2 แฉก จักชายครุย ผลรปู รกี ว้าง ยาวประมาณ 5 ซม.
เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 7 มม. (ดขู ้อมลู เพ่ิมเติมท่ี ปุดดิน, สกลุ )

พชื ถน่ิ เดียวของไทย พบทางภาคใตท้ พี่ ัทลุง นราธิวาส ขน้ึ ตามปา่ ดิบชนื้ ความสงู พบทลี่ าว และภาคตะวนั ออกของไทยทอี่ บุ ลราชธานี ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ ระดบั ต่�ำ ๆ
ระดับต่�ำ ๆ
เอกสารอา้ งองิ
เอกสารอ้างอิง Jenjittikul, T. and K. Larsen. (2002). Orchidantha foetida (Lowiaceae), a new
Larsen, K. (1972). Lowiaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(2): 170-171. species from Thailand. Nordic Journal of Botany 22(4): 405-407.
Wu, D. and W.J. Kress. (2000). Lowiaceae. In Flora of China Vol. 24: 319.

ปดุ ดนิ : กา้ นใบยาว แผน่ ใบรปู ขอบขนาน ช่อดอกออกใกลย้ อด กลีบเลี้ยงสีม่วงเขม้ รปู แถบ กลีบปากขนาดใหญส่ ขี าว ปุดนกกระทงุ : ดอกออกจากเหง้า กลบี เลีย้ งรปู เรือ กลีบปากสนั้ ผลแห้งแตกเปน็ 3 ส่วน (ภาพ: อบุ ลราชธานี - RP)
ปลายกลีบเวา้ ต้ืน ยอดเกสรเพศเมยี จกั ชายครุย (ภาพ: นราธิวาส - CP)

260

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย เป้งทะเล

ปดุ ยูนนาน สกุล Gyrocarpus Jacq. มี 3 ชนิด พบในอเมริกาเขตร้อน แอฟริกา มาดากัสการ์
เอเชยี และออสเตรเลยี ในไทยมชี นดิ เดยี ว มคี วามผนั แปรสงู แยกเปน็ หลายชนดิ ยอ่ ย
Etlingera yunnanensis (T. L. Wu & S. J. Chen) R. M. Sm. ช่อื สกุลมาจากภาษากรีก “gyros” เปน็ วงหรือหมุน และ “carpos” ผล หมายถึง ผลมี
วงศ์ Zingiberaceae ปกี รว่ งแล้วหมนุ คล้ายใบพดั เฮลิคอปเตอร์

ชอ่ื พ้อง Achasma yunnanense T. L. Wu & S. J. Chen เอกสารอ้างอิง
Duyfjes, B.E.E. (2010). Hernandiaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(2): 200.
ไม้ลม้ ลุกแตกกอห่าง ๆ สูง 2-3 ม. มีขนส้นั ประปรายตามกาบใบ กา้ นใบ และ
แผน่ ใบดา้ นลา่ ง ชว่ งปลายกาบและกา้ นใบสเี ขยี วอมมว่ ง ใบรปู ใบหอก ยาว 50-60 ซม. ปเู ล: ผลรปู ไข่ เปน็ สันต้นื ๆ มปี ีกยาว 2 ปกี ผลแหง้ สนี ำ้� ตาล (ภาพซา้ ย: แก่งกระจาน เพชรบรุ ี - RP; ภาพขวา:
กา้ นใบสน้ั ชอ่ วงใบประดบั สงู ไดก้ วา่ 10 ซม. กา้ นชอ่ สนั้ อยใู่ ตด้ นิ ใบประดบั สแี ดง ถ้�ำเพชรถำ�้ ทอง นครสวรรค์ - PK)
เรยี งซอ้ นเหลอ่ื ม รูปไข่ ยาว 2.5-3 ซม. ดอกทบ่ี านมี 6-10 ดอก ใบประดับยอ่ ยเรียวแคบ
เปน็ หลอด ยาวประมาณ 2.7 ซม. หลอดกลบี เลย้ี งยาว 3.5-4 ซม. หลอดกลบี ดอก เปง้ , สกุล
สน้ั กวา่ กลบี เลยี้ ง กลบี ปากยนื่ เลยกลบี ดอก ปลายบานออก ชว่ งทแ่ี ยกยาว 2.5-3 ซม.
ปลายจกั ตนื้ ๆ กลางแผน่ สมี ว่ ง ขอบสเี หลอื งสด กา้ นชอู บั เรณชู ว่ งแยกยาวประมาณ Phoenix L.
5 มม. ชอ่ ผลกลมกวา้ ง เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 10 ซม. ผลยอ่ ยรปู ลกู ขา่ ง ยาว วงศ์ Arecaceae
2.5-3 ซม. มีขนส้ันนุม่ หนาแน่น (ดขู อ้ มลู เพ่ิมเตมิ ที่ กาหลา, สกุล)
ปาลม์ ลำ� ตน้ เดย่ี วหรอื แตกกอ แยกเพศตา่ งตน้ ใบประกอบแบบขนนกชนั้ เดยี ว
พบทจ่ี นี ตอนใต้ ลาว และภาคเหนือของไทยท่ีเพชรบรู ณ์ ข้ึนตามปา่ ดิบแล้ง เรยี งเวยี นรอบลำ� ตน้ กาบเปน็ เสน้ ใย ใบยอ่ ยแผใ่ นระนาบเดยี ว เรยี งเดย่ี ว ๆ หรอื
ความสงู ประมาณ 900 เมตร เปน็ กลมุ่ ปลายแหลม โคนกา้ นรปู ตวั วี ใบชว่ งลา่ งเปลยี่ นรปู เปน็ หนาม ใบประดบั
ลดรปู ชอ่ ดอกออกระหวา่ งใบ แยกแขนงครงั้ เดยี ว แขนงยอ่ ยจำ� นวนมากตดิ เปน็ กลมุ่
เอกสารอ้างอิง ตามแกนชอ่ ดอกออกเดย่ี ว ๆ เรียงเวยี นบนแกนชอ่ กลีบเลีย้ ง 3 กลบี เชื่อมตดิ กัน
Wu, D. and K. Larsen. (2000). Zingiberaceae. In Flora of China Vol. 24: 356. รปู ถว้ ย กลบี ดอก 3 กลบี แยกกนั เกสรเพศผูส้ ่วนมากมี 6 อัน ก้านชอู ับเรณสู ้ัน
ดอกเพศเมยี สน้ั กวา่ ดอกเพศผูป้ ระมาณกึ่งหน่ึง มี 3 คาร์เพล แยกกนั มอี อวลุ
ปุดยูนนาน: ช่วงปลายกาบและก้านใบสเี ขียวอมม่วง ใบประดบั สีแดง ดอกทบี่ านมี 6-10 ดอก กลบี ปากยนื่ เลย เมด็ เดยี ว ยอดเกสรเพศเมยี โคง้ ผลเจรญิ เพยี งผลเดยี ว เปลอื กเรยี บ ผนงั ชนั้ กลางสด
กลบี ดอก ปลายจักตน้ื ๆ กลางแผ่นสมี ่วง ขอบสีเหลืองสด (ภาพ: นำ้� หนาว เพชรบูรณ์ - JM) ช้นั ในบาง เมล็ดเป็นเนื้อเดยี วกบั เอนโดสเปริ ม์

ปเู ล สกลุ Phoenix อยูภ่ ายใต้วงศย์ ่อย Coryphoideae เผา่ Phoeniceae มี 14 ชนดิ
พบในแอฟริกาและเอเชยี ในไทยมี 3 ชนดิ อกี ชนดิ คือ ปาลม์ สบิ สองปันนา
Gyrocarpus americanus Jacq. P. roebelenii O’Brien ขึ้นหนาแน่นตามแกง่ ในแม่นำ้�โขง ทเ่ี ปน็ ไมป้ ระดับ
วงศ์ Hernandiaceae สว่ นมากลำ�ตน้ เดีย่ ว ในธรรมชาตมิ กั แตกกอหนาแน่น ใบย่อยแผ่ระนาบเดียว
นอกจากน้ยี ังมที ี่เป็นไมป้ ระดบั หรอื ปลูกเป็นไม้ผล 2-3 ชนดิ ชือ่ สกลุ เปน็ ภาษา
ชื่อพ้อง Gyrocarpus asiaticus Willd. กรกี โบราณ “phoinix” หรือ “phoinikos” ท่ีใชเ้ รียกต้นอินทผลัม

ไม้ตน้ สูง 6-25 ม. เปลือกสีเทาอมขาว มียางสเี หลือง ใบเรยี งเวยี น รปู หัวใจ เปง้
หรอื รูปไข่ ยาว 7-24 ซม. หรือจัก 3-5 พู ในต้นเลก็ ปลายแหลมยาว แผ่นใบมีขนหรือ
เกลย้ี งดา้ นบน เส้นแขนงใบแบบฝา่ มือ 3-5 เสน้ เสน้ แขนงใบยอ่ ยแบบขน้ั บนั ได Phoenix loureiroi Kunth
ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชิงหลัน่ แยกแขนง ยาว 5-17 ซม. กา้ นชอ่ ยาว 3-6 ซม. ดอกเรยี ง ปาล์มส่วนมากเป็นลำ� ตน้ เดยี่ ว สูงได้ถึง 5 ม. โคนใบแหง้ ติดทน ใบยาวไดถ้ ึง 2 ม.
หนาแนน่ สคี รมี อมเขียว ขนาดเลก็ ดอกสมบรู ณเ์ พศหรอื มเี พศเดยี ว กลบี รวม
6-8 กลบี 4 กลีบตดิ กันเปน็ คู่ กลบี ขา้ ง 2 กลบี ขยายเปน็ ปีกในผล เกสรเพศผู้ 4 อนั ใบยอ่ ยข้างละ 80-130 ใบ เรยี งเป็นกลุ่ม 3-4 ใบ แผก่ ระจายหลายทาง ด้านล่าง
ยาวประมาณ 2.5 มม. ในดอกเพศผู้ สนั้ มากในดอกสมบรู ณเ์ พศ มตี ่อมระหวา่ ง มกั มสี เี ขยี วอมน�้ำเงนิ ใบทเี่ ปลย่ี นรปู เปน็ หนามบนกา้ นใบมขี า้ งละ 14-16 อนั เรยี งยาว
เกสรเพศผู้ ยาว 0.5-1 มม. เกสรเพศผู้ทีเ่ ป็นหมนั รปู กระบอง รงั ไขใ่ ต้วงกลบี มี ได้ถึง 20 ซม. ช่อดอกตงั้ ตรง ช่อดอกเพศผู้ ก้านชอ่ ยาว 10-15 ซม. มีชอ่ ยอ่ ย
ชอ่ งเดียว ออวุล 1 เม็ด กา้ นเกสรเพศเมียคลา้ ยตวั เอส ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ ผลรปู ไข่ 25-30 ช่อ ยาว 8-12 ซม. ดอกเพศผูย้ าว 5-8 มม. ชอ่ ดอกเพศเมยี ก้านช่อยาว
ยาว 1.5-2 ซม. มีสนั ตน้ื ๆ 8 สัน ผนังผลแขง็ หนา มขี น ปกี 2 ปีก ยาว 6.5-9 ซม. 1-1.5 ม. มชี ่อยอ่ ย 30-40 ช่อ ยาว 30-40 ซม. ดอกเพศเมียยาว 3-4 มม. ช่อผลยาว
โคนปีกแคบ 2-3 มม. ช่วงกว้าง กวา้ ง 0.8-1.1 ซม. แห้งสีน้�ำตาล เมล็ดมีเนอ้ื ยุ่ยหุ้ม 1.4-1.6 ม. โคง้ ลง ผลรูปรี ยาว 1-1.8 ซม. หน้าตัดกลม

พบในอเมรกิ าเขตรอ้ น แอฟรกิ า เอเชยี ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทย พบทจ่ี นี ตอนใต้ ไต้หวนั พม่า ภมู ภิ าคอนิ โดจีน และมาเลเซีย ในไทยพบแทบ
พบทางภาคเหนอื ตอนลา่ งทน่ี ครสวรรค์ ภาคตะวนั ออกทเี่ ขาใหญ่ จงั หวดั ปราจนี บรุ ี ทกุ ภาคยกเว้นภาคใต้ ข้ึนตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และปา่ เต็งรัง หรอื บน
ภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ก่ี าญจนบรุ ี เพชรบรุ ี ประจวบครี ขี นั ธ์ และกระจายหา่ ง ๆ ทาง เขาหินปูน ความสูงถึงประมาณ 1500 เมตร
ภาคใต้ ขน้ึ ตามชายป่าดิบแล้ง ป่าดบิ ชนื้ ใกล้ชายฝ่งั ทะเล ความสูงถงึ ประมาณ 400
เมตร มีความผนั แปรสงู บางคร้งั แยกเปน็ หลายชนดิ ยอ่ ย เปง้ ทะเล

Phoenix paludosa Roxb.
ปาลม์ แตกกอ สูงได้ถงึ 5 ม. โคนใบแหง้ ติดทน ใบยาว 2-3 ม. ใบยอ่ ยขา้ งละ

30-60 ใบ เรียงเปน็ กลมุ่ 3-4 ใบ แผ่กระจายหลายทาง ดา้ นลา่ งมักมสี ีเทา ใบที่
เปล่ียนรปู เปน็ หนามบนกา้ นใบมขี ้างละ 11-19 อัน เรยี งยาวได้ถงึ 8 ซม. ชอ่ ดอกตั้งตรง
ช่อดอกเพศผู้ กา้ นชอ่ ยาว 20-30 ซม. มีชอ่ ยอ่ ย 30-50 ชอ่ ยาว 5-10 ซม. ดอกเพศผู้

261

เปราะทองราศี สารานุกรมพืชในประเทศไทย

ยาว 7-9 มม. ชอ่ ดอกเพศเมยี กา้ นช่อยาว 20-30 ซม. มีช่อยอ่ ย 20-40 ชอ่ ยาว สกลุ Cornukaempferia Mood & K. Larsen อยูภ่ ายใต้วงศ์ย่อย Hedychioideae
9-30 ซม. ดอกเพศเมยี ยาว 3-5 มม. ช่อผลยาว 1-1.5 ม. ต้ังตรง ผลรูปรี ยาว 1-1.2 ซม. สกุลพชื ถน่ิ เดียวของไทย แยกจากสกลุ Kaempferia ทกี่ ลีบปากเรียบ และจากสกลุ
หน้าตดั แบน Boesenbergia ทแ่ี กนอบั เรณยู นื่ ยาวเป็นสนั และดอกออกทย่ี อด มี 3 ชนดิ อกี
2 ชนดิ คือ C. longipetiolata Mood & K. Larsen ล�ำ ตน้ ต้ังข้ึน กา้ นใบยาวกวา่ แผ่นใบ
พบทอี่ นิ เดยี รวมหมเู่ กาะอันดามนั และนโิ คบาร์ บงั กลาเทศ พม่า เวยี ดนาม มีป้นื ด่างเล็กนอ้ ย พบทางภาคเหนอื และ C. larsenii P. Saensouk ก้านใบสน้ั
คาบสมุทรมลายู และสุมาตรา ในไทยพบทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ และภาคใต้ แผ่นใบดา้ นลา่ งไม่มีสีม่วง พบทางภาคเหนอื ที่พิษณโุ ลก และภาคตะวันออกเฉียงเหนอื
ขนึ้ ตามชายป่าโกงกางหรอื ท่ีโล่งนำ�้ ทะเลท่วมถึง ที่เลย ช่ือสกุลมาจากภาษาละตนิ “cornu” เขา และสกลุ Kaempferia ตามลกั ษณะ
สันเกสรเพศผยู้ าวคลา้ ยเขาทคี่ ลา้ ยกับสกลุ Kaempferia
เอกสารอ้างองิ เอกสารอา้ งอิง
Barfod, A.S. and J. Dransfield. (2013). Arecaceae. In Flora of Thailand Vol. 11(3): Mood, J. and K. Larsen. (1997). Cornukaempferia, a new genus of Zingiberaceae
461-465.
from Thailand. Natural History Bulletin of the Siam Society 45: 217-221.
________. (1999). New to cultivation: the genus Cornukaempferia in Thailand

with description of a second species. New Plantsman 6: 196-205.
Saensouk, P., P. Theeraulpisut and P. Chantaranothai. (2007). Cornukaempferia

larsenii sp. nov. (Zingiberaceae): A new species from Thailand. Natural
History Journal of Chulalongkorn University 7(2): 115-119.

เปง้ : ปาลม์ ลำ� ต้นเดยี่ ว ใบแหง้ ตดิ ทน ใบยอ่ ยเรียงเป็นกลุ่ม 3-4 ใบ แผก่ ระจายหลายทาง ช่อผลโค้งเลก็ นอ้ ย (ภาพ:
แม่สะนาม เชยี งใหม่ - RP)

เปราะทองราศ:ี C. aurantiflora ใบเรียงสลับระนาบเดียว รูปไข่กว้าง แผน่ ใบด้านบนมปี น้ื ดา่ งสเี งินระหว่างเส้นใบ
กลบี ปากสีสม้ โคนมีลายสีแดง รูปสามเหล่ียมกว้างคล้ายถงุ แกนอับเรณยู ่ืนยาวเป็นสนั คลา้ ยเขา (ภาพ: พษิ ณโุ ลก - JM)

เปง้ ทะเล: ปาลม์ แตกกอ ขึน้ หนาแน่นตามชายปา่ โกงกาง โคนใบแหง้ ติดทน (ภาพ: สมุทรสงคราม - PK)

เปราะทองราศ:ี C. larsenii แผ่นใบด้านบนไมม่ ปี น้ื ด่าง กา้ นใบส้ัน กลีบปากเรยี วแคบกวา่ (ภาพ: พษิ ณุโลก - JM)

ปาลม์ สิบสองปนั นา: ปาลม์ แตกกอ ใบย่อยแผ่ระนาบเดียว (ภาพ: cultivated - RP) เปราะทองราศี: C. longipetiolata ลำ� ตน้ ตง้ั ขึน้ ก้านใบยาว แผ่นใบมีป้นื ด่างเลก็ น้อย กลบี เล้ียงรปู ใบหอก
(ภาพ: น�้ำหนาว เพชรบรู ณ์ - JM)
เปราะทองราศี
เปราะใบแคบ
Cornukaempferia aurantiflora Mood & K. Larsen
วงศ์ Zingiberaceae Kaempferia filifolia K. Larsen
วงศ์ Zingiberaceae
ไมล้ ้มลกุ มเี หงา้ รากอวบหนา ยาวได้ถงึ 8 ซม. มี 2-3 ใบ เรียงสลับระนาบเดียว
รปู ไขก่ วา้ ง ยาว 20-25 ซม. แผน่ ใบดา้ นบนมปี น้ื ดา่ งสเี งนิ ระหวา่ งเสน้ ใบ ดา้ นลา่ ง ไม้ลม้ ลุก สงู ได้ถงึ 20 ซม. ใบมี 2-10 ใบ รูปแถบ ยาว 6-15 ซม. ปลายมีตง่ิ แหลม
สมี ว่ ง มีขนยาวสขี าว กา้ นใบส่วนมากยาว 5-6 ซม. กาบใบยาว 3-10 ซม. ลน้ิ กาบสน้ั คล้ายตะขอ โคนแผก่ ว้างเปน็ กาบใบ ไรก้ า้ นหรือก้านยาว 1-2 ซม. กาบใบยาว
ปลายเวา้ ตืน้ ชอ่ ดอกออกท่ยี อด ใบประดบั เรียงเวียน รูปใบหอก ใบลา่ งยาวได้ถงึ ได้ถงึ 4 ซม. ชอ่ ดอกออกระหวา่ งกาบใบดา้ นใน ไรก้ ้าน กาบดอกยาว 3.5-7 ซม.
5 ซม. เลก็ ลงสปู่ ลายชอ่ สเี ขยี ว ปลายสชี มพู แตล่ ะใบมดี อกเดยี ว หลอดกลบี เลย้ี ง มหี รอื ไมม่ ลี นิ้ ใบ ใบประดบั รปู แถบ ยาว 3-10 ซม. มขี นครยุ ใบประดบั ยอ่ ยรปู แถบ
ยาวประมาณ 1.3 ซม. ปลายแยก 3 แฉกรปู สามเหลีย่ มแคบ ยาว 7-9 มม. ดอกสีแดง ยาว 1.5-2 ซม. ดอกสขี าว หลอดกลีบเลีย้ งยาว 3-7 ซม. หลอดกลีบดอกยาว
อมสม้ หลอดกลบี ดอกยาว 2.5-3 ซม. กลบี รปู ใบหอก กลบี ขา้ งยาวประมาณ 4 ซม. 5.5-14 ซม. กลบี รปู แถบ ยาว 1.5-3 ซม. ปลายมตี ง่ิ แหลม แผน่ เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั
กลบี หลงั ยาวประมาณ 5 ซม. ปลายรปู คมุ่ โคนเรยี วแคบ แผน่ เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั รปู ขอบขนานแกมรูปไขก่ ลบั ยาว 1.4-2 ซม. โคนเรียวแคบเปน็ กา้ นกลีบสั้น ๆ
ด้านข้างสีสม้ รปู ใบหอกกลับ ยาวประมาณ 3 ซม. กลีบปากสีส้ม โคนมลี ายสีแดง กลบี ปากแฉกลึก กลบี รูปขอบขนานแกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 1.7-2 ซม. อับเรณูยาว
รปู สามเหลย่ี มกวา้ งคลา้ ยถงุ ยาวกวา่ แผน่ เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั กา้ นชอู บั เรณสู นั้ 3-4 มม. ปลายแกนอบั เรณเู ปน็ สนั คลา้ ยรปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ ยาว 2.5-3 มม. เมลด็ สขี าว
อับเรณูยาว 1.5-2.2 ซม. แกนอับเรณูย่นื ยาวเปน็ สันคล้ายเขา ยาว 1-1.3 ซม. (ดูขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ ท่ี เปราะหอม, สกลุ )
ผลแห้งแตกเป็น 3 ซีก รปู รี ยาว 1.2-1.5 ซม. มขี นสั้นน่มุ เมล็ดมีเย่อื หุ้มบาง ๆ

พืชถ่นิ เดียวของไทย พบทางภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือทเ่ี ลย
ข้ึนตามปา่ ดบิ แล้ง และป่าดิบเขา ความสูงถึงประมาณ 1500 เมตร

262

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย เปราะราศี

พบทล่ี าว ในไทยพบทางภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ขน้ึ ตาม เปราะภเู ขาใหญ่
ทุ่งหญา้ ทเี่ ปน็ ดินทรายหรอื ท่ีช้นื แฉะในปา่ เตง็ รังหรือป่าดบิ แลง้ โปรง่ ๆ ความสูง
ไม่เกิน 200 เมตร อนึง่ K. fallax Gagnep. และ K. fissa Gagnep. นา่ จะเป็น Monolophus saxicola (K. Larsen) Veldkamp & Mood
ชนดิ เดยี วกบั เปราะใบแคบ (pers. com. - John Mood) วงศ์ Zingiberaceae

เอกสารอ้างองิ ช่อื พอ้ ง Caulokaempferia saxicola K. Larsen
Sirirugsa, P. (1992). Taxonomy of the genus Kaempferia (Zingiberaceae) in
Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 19: 5. ไม้ล้มลกุ สูงไดป้ ระมาณ 30 ซม. ใบเรียงเวียน มี 5-7 ใบ รูปใบหอก ยาว 6-13 ซม.
ปลายแหลมยาว ขอบใบบาง ไร้ก้าน ใบด้านล่างขนาดเล็ก ล้นิ ใบบาง ยาว 2-3 มม.
เปราะใบแคบ: ใบรูปแถบ หลอดกลีบดอกเรยี วแคบ กลบี ดอกสขี าว กลีบปากแฉกลกึ (ภาพ: อบุ ลราชธานี - JM) ช่อดอกออกท่ีปลายล�ำต้น ใบประดับมี 5-10 ใบ เรียงตรงข้าม 2 แถว ยาว
ประมาณ 3 ซม. ดอกสเี หลอื ง สว่ นมากมดี อกเดยี วในแตล่ ะใบประดบั กลบี เลยี้ ง
เปราะภู เชือ่ มตดิ กันเปน็ หลอด ยาว 7-9 มม. มีขนสัน้ นุม่ ด้านนอก ปลายจัก 3 แฉกรูป
สามเหลย่ี ม ยาว 2-3 มม. หลอดกลบี ดอกยาว 2-2.5 ซม. กลบี ดอกกลบี ขา้ งขนาด
Boesenbergia alba (K. Larsen & R. M. Sm.) Mood & L. M. Prince เท่าๆ กัน รูปสามเหลี่ยม ยาว 0.7-1 ซม. กลบี กลางกว้างและยาวกวา่ เล็กนอ้ ย
วงศ์ Zingiberaceae เกสรเพศผทู้ เ่ี ป็นหมันเป็นแผน่ รูปไข่ ยาวเทา่ ๆ กลีบดอก กลีบปากคลา้ ยรปู ลน้ิ
กวา้ ง 12-22 ซม. ยาว 1.7-2.7 ซม. ก้านชอู ับเรณูสนั้ มาก อบั เรณยู าวประมาณ
ชื่อพ้อง Caulokaempferia alba K. Larsen & R. M. Sm., C. thailandica K. Larsen, 5 มม. ผลแห้งแตก ยาวประมาณ 2.2 ซม. เมลด็ ขนาดเลก็ จำ� นวนมาก มเี ยือ่ หมุ้ สขี าว
C. violacea K. Larsen & Triboun, Boesenbergia thailandica (K. Larsen)
Mood & L. M. Prince, B. violacea (K. Larsen & Triboun) Mood & L. M. Prince, พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ออกทเี่ ขาใหญ่ จงั หวดั นครนายก และ
Jirawongsea alba (K. Larsen & R. M. Sm.) Picheans. ปราจนี บรุ ี โดยเฉพาะบริเวณเขาเขียว ข้ึนเปน็ กลุ่มตามโขดหินท่ีมีมอสหนาแน่น
ใต้รม่ เงาในป่าดบิ เขา ความสงู 900-1100 เมตร
ไม้ลม้ ลกุ แตกกอ สูงได้ถงึ 60 ซม. รากอวบหนายาว 1-3 ซม. มี 4-6 ใบ กาบยาว
ไดถ้ ึง 30 ซม. ใบรปู ใบหอกหรอื รปู แถบ ยาวได้ถึง 24 ซม. ปลายแหลมยาว โคนกลม สกลุ Monolophus Wall. ไดร้ วมเอาพชื สกุล Caulokaempferia และ Jirawongsea
หรอื ตดั กา้ นใบยาว 1-3 ซม. ชอ่ ดอกออกระหวา่ งกาบ ยาวไดถ้ งึ 8 ซม. ใบประดบั บางชนิด และบางชนิดย้ายไปอยูภ่ ายใตส้ กลุ Boesenbergia ท�ำ ให้จ�ำ นวนชนิด
รปู ดาบ ยาว 3-5 ซม. มี 4-6 ดอก ดอกสีขาว อมมว่ งหรือชมพู หลอดกลีบดอก ในสกลุ Monolophus มีประมาณ 25 ชนดิ แตม่ หี ลายชนิดทอ่ี าจถูกรวมใหเ้ ป็น
ยาว 5-6 ซม. กลบี รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 2.5 ซม. มแี ต้มสเี หลอื งทโี่ คน ชนิดเดยี วกนั โดยเฉพาะชนดิ ทม่ี ีดอกสีเหลอื งทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของไทย
ไมม่ ถี ว้ ยรองเกสรเพศผู้ กลบี ปากเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3-4 ซม. ปลายเวา้ ตน้ื โคนเรยี ว ชอ่ื สกลุ หมายถึงสนั อับเรณูเปน็ แผ่นเดยี วและไรก้ ้านหรือมกี ้านสั้นมาก
แคบเปน็ รอ่ ง ยาวประมาณ 1.5 ซม. แผน่ เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั รปู ไขก่ ลบั ยาวประมาณ เอกสารอ้างอิง
3.5 ซม. เกสรเพศผยู้ าว 1.2 ซม. สเี หลอื ง มขี นตอ่ มกระจาย อบั เรณยู าวประมาณ Larsen, K. (1964). Studies in Zingiberaceae IV. Botanisk Tidsskrift Vol. 60(3):
3 มม. ปลายมสี นั พบั ลง สีเหลอื ง เรณมู เี มอื ก (ดขู อ้ มลู เพิม่ เติมที่ กระชาย, สกุล)
171-175.
พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบกระจายหนาแนน่ ทางภาคเหนอื ทอ่ี ตุ รดติ ถ์ พษิ ณโุ ลก Mood, J.D., J.F. Veldkamp, S. Dey and L.M. Prince. (2014). Nomenclatural
และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทเ่ี ลย เพชรบรู ณ์ ขนึ้ ตามทงุ่ หญา้ บนลานหนิ ความสงู
1000-1500 เมตร changes in Zingiberaceae: Caulokaempferia is a superfluous name for
Monolophus and Jirawongsea is reduced to Boesenbergia. Gardens’ Bulletin
เอกสารอ้างอิง Singapore 66(2): 215-231.
Larsen, K. and R.M. Smith. (1972). Notes on Caulokaempferia. Notes from the Picheansoonthon, C., A. Chaiyoot and S. Sukrong. (2008). Jirawongsea, a
Royal Botanic Garden Edinburgh 31(2): 288-291. new genus of family Zingiberaceae. Folia Malaysiana 9: 1-16.
Mood, J.D., J.F. Veldkamp, S. Dey and L.M. Prince. (2014). Nomenclatural
changes in Zingiberaceae: Caulokaempferia is a superfluous name for เปราะภเู ขาใหญ่: ขนึ้ เปน็ กลมุ่ หนาแน่น เกสรเพศผทู้ เ่ี ป็นหมันเป็นแผน่ รปู ไข่ ยาวเทา่ ๆ กลบี ดอก กลีบปากคล้าย
Monolophus and Jirawongsea is reduced to Boesenbergia. Gardens’ Bulletin รูปล้นิ ขนาดใหญ่ (ภาพ: เขาใหญ่ ปราจนี บุรี - SSi)
Singapore 66(2): 215-231.
เปราะราศี
เปราะภ:ู ไม้ลม้ ลุกแตกกอ ใบเรียงเวียน กาบใบยาว ดอกสีขาว อมม่วงหรือชมพู ปลายกลบี ปากเวา้ ต้นื โคนเรยี วแคบ
เป็นรอ่ ง (ภาพ: ภูหลวง เลย; ภาพดอกสีชมพู - PK, ภาพดอกสขี าวและภาพดอกสีมว่ ง - JM) Kaempferia larsenii Sirirugsa
ไม้ล้มลุก สงู 7-15 ซม. มี 2-4 ใบ เรียงสลบั ระนาบเดียว รูปใบหอกหรือรปู แถบ

ยาว 6-10 ซม. ปลายแหลมคล้ายตะขอ โคนรปู ลิ่ม แผ่นใบเกลี้ยง มกั มปี ้นื สีม่วง
ด้านบน กา้ นใบยาวไดถ้ ึง 1 ซม. กาบใบยาว 3-4 ซม. ลนิ้ ใบขนาดเลก็ ช่อดอกออก
กลางกลมุ่ ใบ ไรก้ า้ น มกี าบประดบั หมุ้ ใบประดบั รปู แถบ ยาวประมาณ 3 ซม. มปี ระมาณ
8 ดอก บานทลี ะดอก ใบประดบั ยอ่ ยรปู แถบ ยาวประมาณ 1.5 ซม. หลอดกลบี เลยี้ ง
ยาวประมาณ 3 ซม. ปลายแยกเปน็ 2 แฉก กลบี ดอกสขี าว รปู แถบ ยาวประมาณ
1.4 ซม. หลอดกลบี ยาวประมาณ 5.5 ซม. แผน่ เกสรเพศผู้ทเี่ ป็นหมันด้านขา้ ง
รปู ไขก่ ลบั สมี ว่ ง ยาวประมาณ 1.5 ซม. กลบี ปากสมี ว่ ง แยกจรดโคน รปู ไขก่ ลบั
ยาว 1.5-1.7 ซม. โคนมสี ีขาว อบั เรณยู าวประมาณ 2 มม. ปลายแกนอับเรณูเปน็ สัน
รปู ไข่กลบั ยาวประมาณ 3.5 มม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 2.5 มม.

พืชถนิ่ เดยี วของไทย พบเฉพาะทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือทีอ่ ุบลราชธานี
มุกดาหาร ขึ้นตามพ้ืนท่ีโลง่ ตามพ้ืนทรายในป่าเต็งรัง ความสงู 150-250 เมตร

263

เปราะหอม สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

เปราะหอม, สกลุ เปราะราศ:ี ใบมี 2-4 ใบ เรยี งสลับระนาบเดยี ว ช่อดอกออกกลางกลุ่มใบ กลบี ดอกสีขาว รูปแถบ แผน่ เกสรเพศผู้ท่ี
เปน็ หมนั รูปไข่กลับ สมี ่วง กลีบปากสีม่วง แยกจรดโคน โคนมสี ีขาว (ภาพ: อบุ ลราชธานี - PK)
Kaempferia L.
วงศ์ Zingiberaceae เปราะหอม: ใบแบนราบ ขอบบาง ช่อดอกออกระหวา่ งกาบใบ ไรก้ ้านชอ่ กลีบปากแยกจรดโคน สีขาวมีปน้ื สมี ว่ ง
ช่วงโคน (ภาพซ้ายบนและภาพขวา: cultivated - JM); เปราะปา่ : ขอบใบมีสีมว่ งอมนำ้� ตาล (ภาพซ้ายล่าง: ตาก - RP)
ไม้ล้มลกุ มีเหงา้ ส้นั ๆ รากอวบหนาเปน็ หวั ขนาดเลก็ ใบออกจากเหง้า กาบใบ
มสี นั ลนิ้ ใบขนาดเลก็ หรอื ไมม่ ี ชอ่ ดอกสว่ นมากออกระหวา่ งกาบใบหรอื กาบทไ่ี รใ้ บ เปราะใหญ่: ช่อดอกออกระหว่างกาบใบ ก้านดอกส้นั หรือยาว แผน่ เกสรเพศผทู้ ่เี ป็นหมนั สีมว่ งอมชมพู โคนสีขาว
ใบประดับเรียงเวยี นสั้น ๆ ใบประดับแต่ละใบมีดอกเดยี ว ใบประดบั ยอ่ ย 2 ใบ กลีบปากแยกจรดโคน (ภาพ: ตาก - RP)
กลบี เลยี้ งเชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด แยกดา้ นเดยี ว ปลายจกั ตน้ื ๆ 2-3 จกั กลบี ดอก
เช่ือมตดิ กนั เป็นหลอด หลอดกลบี เรยี วยาว กลีบดอก 3 กลีบ ขนาดเทา่ ๆ กนั เปลา้ , สกุล
เกสรเพศผู้ที่เปน็ หมันเปน็ แผ่น กลีบปากแฉกลึกหรือเวา้ ตนื้ กา้ นชอู ับเรณสู ั้นมาก
ปลายแกนอบั เรณูยนื่ เลยหลอดกลบี ดอก รังไขม่ ี 3 ชอ่ ง ผลแห้งแตก รูปกลม ๆ Croton L.
เมล็ดมีเยอื่ หุ้มจกั เปน็ ครุย วงศ์ Euphorbiaceae

สกุล Kaempferia อยู่ภายใตว้ งศย์ อ่ ย Zingiberoideae เผา่ Zingibereae มมี ากกว่า ไมล้ ม้ ลุก ไมพ้ มุ่ ไมต้ ้น หรอื ไม้เถา แยกเพศร่วมตน้ ส่งิ ปกคลมุ เปน็ ขนส้นั นมุ่
60 ชนิด พบเฉพาะในเอเชีย ในไทยมีมากกว่า 25 ชนิด ชื่อสกลุ ตั้งตามนายแพทย์ รปู ดาวและเกลด็ รงั แค หใู บสว่ นมากขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวยี นหรอื เรยี งหนาแนน่
ชาวเยอรมนั Engelbert Kaempfer (1651-1716) ท่ีปลายก่ิง มตี อ่ มหน่ึงคทู่ ี่โคนใบหรือกา้ นใบ ใบมักมีสสี ้มกอ่ นรว่ ง ช่อดอกแบบ
ชอ่ กระจกุ แยกแขนงสนั้ ๆ ดอกเพศผจู้ ำ� นวนมากอยชู่ ว่ งปลายชอ่ แตล่ ะใบประดบั
เปราะหอม มี 1-5 ดอก ดอกเพศเมยี อยชู่ ว่ งลา่ ง แตล่ ะใบประดบั มดี อกเดยี ว กลบี เลย้ี ง 5 กลบี
เช่ือมติดกันที่โคน มีขนสั้นนุ่ม กลีบดอก 5 กลีบ ในดอกเพศเมียส่วนมากไม่มี
Kaempferia galanga L. กลีบดอก จานฐานดอกจักเปน็ พู เกสรเพศผู้ 10-20 อนั อับเรณูมี 2 ช่อง ติดท่ฐี าน
ไม้ลม้ ลกุ สว่ นมากมี 2-3 ใบ แบนราบ รปู รีกวา้ งเกือบกลม ยาว 6-14 ซม. ในดอกเพศเมยี ไมม่ เี กสรเพศผู้ท่เี ปน็ หมัน รงั ไข่ 3 ชอ่ ง มีขน ออวลุ มี 1 เมด็ ใน
แตล่ ะชอ่ ง กา้ นเกสรเพศเมยี 3 อนั แยกหรอื เชอ่ื มตดิ กนั ทโี่ คน ปลายสว่ นมากแยก
ปลายเปน็ ตง่ิ แหลม โคนกลมหรอื รปู หวั ใจ ขอบบาง แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นสน้ั นมุ่ 2 แฉก ตดิ ทน ในดอกเพศผู้ไม่มีวงเกสรเพศเมียทีเ่ ป็นหมัน ผลแหง้ แตก กลม ๆ
ไรก้ ้าน กาบใบหนารูปใบหอก ยาวประมาณ 5 ซม. ลิ้นใบบาง มีขน ชอ่ ดอกไร้ก้าน หรือจัก 3 พู มี 3 เมลด็ แบนรี
มหี ลายดอก ใบประดบั รปู ใบหอก ยาว 2-3 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยรปู แถบ ยาว 2-3 ซม.
ม้วนงอตามเสน้ กลางใบ หลอดกลีบเลี้ยง ยาว 2-2.5 ซม. ปลายแยก 2 แฉก ตน้ื ๆ สกลุ Croton อยู่ภายใตว้ งศ์ยอ่ ย Crotonoideae เผา่ Crotoneae มปี ระมาณ
หลอดกลีบดอกยาว 3-4 ซม. กลีบดอกสีขาว รูปใบหอก ยาว 1.5-2 ซม. กลีบหลัง 800 ชนดิ พบในเขตรอ้ นโดยเฉพาะในอเมรกิ ากลาง ในเอเชยี มเี กือบ 100 ชนดิ
ปลายแหลม กลบี ข้างปลายทู่ แผ่นเกสรเพศผูท้ เ่ี ป็นหมันสีขาว รปู ไขก่ ลับหรือ ในไทยมี 32 ชนิด ชือ่ สกุลมาจากภาษากรีก “kroton” เห็บ ตามลักษณะของเมลด็
แกมรูปใบหอก ยาว 1.5-2 ซม. กลีบปากแยกจรดโคน สขี าวมีป้ืนสมี ว่ งช่วงโคน หลายชนดิ มีสรรพคณุ ดา้ นสมุนไพร
กลบี รูปไขก่ ลับ ยาว 1.8-2.2 ซม. อบั เรณยู าว 3-4 มม. ปลายแกนอับเรณูเปน็ สัน
รปู รี ยาว 4-5 มม. จกั ลึก 2 พู กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 4-6 มม.

พบทอ่ี นิ เดยี จนี ตอนใต้ ไตห้ วนั พมา่ คาบสมทุ รมลายู ชวา ในไทยพบทกุ ภาค
ข้นึ ตามป่าเบญจพรรณ ปา่ ดิบแลง้ และปา่ ดิบช้นื ความสงู ถงึ ประมาณ 400 เมตร มี
ความผันแปรสงู อนึ่ง เปราะปา่ K. marginata Carey ex Roscoe ที่ขอบใบสีมว่ ง
อมนำ�้ ตาล และปน้ื สมี ว่ งบนกลบี ปากอยปู่ ระมาณชว่ งกลางกลบี อาจจะเปน็ ชอ่ื พอ้ ง
ของเปราะหอม (pers. com. John Mood) สว่ นต่าง ๆ มสี ารทีก่ อ่ ใหเ้ กิดอาการ
ประสาทหลอน มสี รรพคุณดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง

เปราะใหญ่

Kaempferia elegans (Wall.) Baker

ชอื่ พอ้ ง Monolophus elegans Wall.

ไม้ล้มลกุ สงู 10-20 ซม. มี 2-4 ใบ รปู รีหรือรปู ขอบขนาน ยาว 13-15 ซม.
ปลายแหลม โคนรปู ลม่ิ หรอื เวา้ ตน้ื แผน่ ใบดา้ นลา่ งสเี ขยี วออ่ นหรอื อมมว่ ง ดา้ นบน
บางครั้งมลี ายเป็นป้นื กา้ นใบยาวได้ถงึ 10 ซม. กาบที่ไร้ใบยาว 3-10 ซม. ดา้ นนอก
มขี น ลนิ้ ใบขนาดเลก็ กา้ นชอ่ ยาว 3-20 ซม. ดอกบานครงั้ ละ 1-2 ดอก ใบประดบั
รูปใบหอก ยาว 2.5-6 ซม. ใบประดับย่อยยาวไม่เท่ากัน ยาว 1.5-2 ซม.
หลอดกลบี เล้ยี งยาว 2-3 ซม. ปลายแยก 2 แฉก มขี นครยุ หลอดกลบี ดอกยาว
5-7 ซม. กลบี ดอกสขี าว รปู ใบหอก ยาว 1.7-2 ซม. แผ่นเกสรเพศผ้ทู ี่เปน็ หมัน
สีม่วงอมชมพู โคนสีขาว หรือมีสีขาวท้ังแผ่นกลีบ รูปไข่กลับกว้างเกือบกลม
ยาว 1.2-2 ซม. กลีบปากแยกจรดโคน กลบี รปู ไข่กลบั ยาว 2-2.8 ซม. อบั เรณู
ยาวประมาณ 3 มม. ปลายแกนอับเรณูเป็นสนั เกอื บกลม ยาวประมาณ 6 มม.

พบท่ีอนิ เดยี จนี ตอนใต้ พม่า คาบสมทุ รมลายู และฟิลิปปนิ ส์ ในไทยพบทาง
ภาคเหนือ ภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ข้ึนตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดิบแล้ง
และปา่ ดิบชืน้ ความสงู ไม่เกนิ 1000 เมตร

เอกสารอา้ งองิ
Sirirugsa, P. (1989). The genus Kaempferia (Zingiberaceae) in Thailand. Nordic
Journal of Botany 9: 257-259.
________. (1992). Taxonomy of the genus Kaempferia (Zingiberaceae) in Thailand.
Thai Forest Bulletin (Botany) 19: 1-15.
Wu, D. and K. Larsen. (2000). Zingiberaceae. In Flora of China Vol. 24: 368-370.

264

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย เปล้าน้อย

เปล้า เปลา้ ดิน: ไม้พุ่มเตีย้ ดอกเพศผู้อยู่ด้านบน ดอกเพศเมียอยู่ด้านลา่ ง ออกเดย่ี ว ๆ ก้านเกสรเพศเมยี เช่ือมตดิ กนั ทีโ่ คน
ปลายแยก 2 แฉก ตดิ ทน ผลปลายตัด (ภาพ: วานรนิวาส สกลนคร - RP)
Croton argyratus Blume
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. สง่ิ ปกคลมุ หนาแนน่ ตามกงิ่ ออ่ น แผน่ ใบดา้ นลา่ ง กลบี เลย้ี ง เปล้าท่งุ

และผล หูใบยาว 2.5-5 มม. ใบรปู รหี รือรูปขอบขนาน ยาว 14-20 ซม. แผน่ ใบด้านล่าง Croton bonplandianus Baill.
มีขนสน้ั สเี งินหนาแนน่ ต่อมติดทโี่ คนใบ ช่อดอกยาว 12-25 ซม. ดอกเพศเมียมี วงศ์ Euphorbiaceae
7-12 ดอก ใบประดบั ยาว 1-2 มม. รว่ งเรว็ กา้ นดอกยาว 5-6 มม. กลีบเลย้ี งยาว
ประมาณ 3 มม. กลบี ดอกรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 3.5 มม เกสรเพศผู้ 10-12 อัน ไมล้ ้มลุกหรือไมพ้ ุ่มเตีย้ อาจสงู ไดถ้ ึง 1 ม. มีขนสีขาวดูคล้ายเป็นจดุ ตาม
ดอกเพศเมยี กา้ นดอกขยายในผล กลบี เลยี้ งรปู ขอบขนาน ยาว 4-5 มม. ไมม่ กี ลบี ดอก กงิ่ ออ่ นและผล หใู บรปู เสน้ ดา้ ยขนาดเลก็ ใบเรยี งเวยี น ชว่ งปลายคลา้ ยเวยี นรอบขอ้
หรอื ลดรปู เปน็ เกลด็ กา้ นเกสรเพศเมยี แยกจรดโคน ยอดเกสรเพศเมยี ยาว 3-4 มม. รปู รถี ึงรปู ใบหอก หรือแกมรปู ไข่ ยาว 3-5.5 ซม. ขอบจักฟนั เลือ่ ย แผน่ ใบมีขนหรือ
ผลเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 1.2-1.5 ซม. เกล้ยี ง ตอ่ มตดิ ที่โคนเส้นกลางใบ มีเสน้ ใบออกจากโคนข้างละ 1 เสน้ ก้านใบยาว
0.5-1.2 ซม. ช่อดอกยาว 4-12 ซม. ดอกเพศเมียมี 2-7 ดอก ใบประดับยาว
พบในภมู ภิ าคมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และภาคใตข้ องไทย ตง้ั แตน่ ครศรธี รรมราช ประมาณ 1 มม. มตี ่อมหนึง่ คู่ ดอกเพศผู้กา้ นดอกสน้ั กลบี เลีย้ งยาวประมาณ 1 มม.
ลงไป ขนึ้ ตามชายปา่ ดบิ ชน้ื ทโี่ ลง่ รมิ ลำ� ธาร หรอื สวนยางพารา ความสงู ถงึ ประมาณ กลบี ดอกยาวประมาณ 1.5 มม. เกสรเพศผู้ 13-16 อัน ดอกเพศเมยี เกือบไรก้ ้าน
400 เมตร กลบี เลย้ี งยาวประมาณ 1 มม. ไมม่ กี ลบี ดอก รงั ไขม่ ขี นหนาแนน่ กา้ นเกสรเพศเมยี
แยกกนั ยอดเกสรยาวประมาณ 2 มม. ผลรปู รี ยาว 6-7 มม. เมลด็ ผวิ มตี มุ่ ละเอยี ด
เอกสารอ้างองิ
Esser, H.-J. and P.C. van Welzen. (2005). Euphorbiaceae (Croton). In Flora of มถี น่ิ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าใต้ ขน้ึ เปน็ วชั พชื ทว่ั ไปในเขตรอ้ น ในไทยพบแทบทกุ ภาค
Thailand Vol. 8(1): 189-190, 193-195. แต่ยังไม่รายงานทางภาคเหนือ ขึ้นตามทโ่ี ล่ง ความสงู ระดบั ตำ่� ๆ

เปล้า: แผ่นใบดา้ นลา่ งมีขนสั้นสเี งินหนาแน่น ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงสัน้ กา้ นดอกเพศเมียขยายในผล เปลา้ นอ้ ย
(ภาพ: นราธวิ าส; ภาพชอ่ ดอก - MP, ภาพผล - RP)
Croton decalvatus Esser
เปล้าดนิ ไม้พุ่ม สงู ได้ถงึ 3 ม. ก่งิ ออ่ นมขี นสัน้ นมุ่ หูใบยาว 2-4 มม. ใบรูปขอบขนาน

Colobocarpos nanus (Gagnep.) Esser & Welzen ถงึ รปู ใบหอก ยาว 12-30 ซม. โคนแหลมมน คลา้ ยรปู หวั ใจตน้ื ๆ ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ย
วงศ์ Euphorbiaceae ตน้ื ๆ ตอ่ มตดิ ทโี่ คนขา้ งเสน้ กลางใบดา้ นลา่ ง กา้ นใบยาว 0.4-1.6 ซม. ชอ่ ดอกยาว
ได้ถึง 12 ซม. กา้ นดอกยาว 2-3.5 มม. ดอกเพศเมียจ�ำนวนมาก ใบประดับยาว
ช่อื พอ้ ง Croton nanus Gagnep., C. colobocarpus Airy Shaw 3-5 มม. ดอกเพศผกู้ ลบี เลยี้ งและกลบี ดอกยาวประมาณ 2.5 มม. เกสรเพศผมู้ ปี ระมาณ
12 อัน ดอกเพศเมียกลบี เลีย้ งยาวประมาณ 4 มม. ไม่มีกลบี ดอก ก้านเกสรเพศเมยี
ไมพ้ มุ่ เตีย้ สูงได้ถงึ 20 ซม. แยกเพศร่วมต้น หใู บรปู สามเหลีย่ มขนาดเล็ก แยกกัน ยาวประมาณ 4 มม. ยอดเกสรแยก 2 แฉกใกล้โคน ผลรูปรี โค้งเลก็ น้อย
ใบเรยี งเวียน รูปไขก่ ลับ รูปขอบขนาน หรือรปู ใบหอก ยาว 2-6.5 ซม. ชว่ งปลาย ยาว 7-9 มม.
จกั ฟนั เลื่อย ตอ่ มตดิ ใกล้โคนใบ 1 คู่ เสน้ โคนใบข้างละ 1 เสน้ เส้นแขนงใบข้างละ
2-3 เสน้ โค้งจรดกนั ก้านใบยาว 2-3 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจกุ แยกแขนงสัน้ ๆ พืชถ่ินเดียวของไทย พบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ภาคตะวันออก และ
ออกที่ปลายกง่ิ ยาว 2-2.5 ซม. ใบประดบั รูปสามเหล่ียมขนาดเลก็ ดอกเพศเมีย ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ เบญจพรรณ ความสงู 100-500 เมตร
ออกเดยี่ ว ๆ ทโ่ี คนชอ่ ดอกเพศผมู้ ไี ดถ้ งึ 10 ดอก กลบี เลยี้ ง 5 กลบี รปู รี ยาวประมาณ
2 มม. กลีบดอก 5 กลบี ยาวเท่า ๆ กลบี เลย้ี ง ขอบมขี นครุย เกสรเพศผู้ 10-20 อนั เปลา้ นอ้ ย
โคนมขี นยาว โคง้ งอในตาดอก ไมม่ วี งเกสรเพศเมยี ทเี่ ปน็ หมนั ดอกเพศเมยี กลบี เลยี้ ง
รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 5 มม. ไม่มีกลบี ดอก กา้ นเกสรเพศเมีย 3 อนั ยาว Croton stellatopilosus H. Ohba
1-2 มม. เชือ่ มติดกนั ท่ีโคน ปลายแยก 2 แฉก ตดิ ทน ไมม่ ีเกสรเพศผทู้ ี่เปน็ หมนั ไม้พ่มุ อาจสงู ไดถ้ งึ 6 ม. แตกกิง่ ต่�ำ มขี นส้ันนุ่มตามกง่ิ ออ่ น หูใบ ดอก ใบอ่อน
ผลแหง้ แตก รูปรี ปลายตัด ยาว 6-7 มม. มี 3 เมล็ด รปู สามเหลยี่ มมน ๆ ยาว
ประมาณ 3 มม. ขว้ั เมลด็ ขนาดเล็ก หูใบยาว 3-4 มม. ใบเรียงเวียนหนาแนน่ ทปี่ ลายกิง่ รูปรีถงึ รูปใบหอก ยาว 6-18 ซม.
โคนเรียวสอบมน ขอบใบจักฟนั เลอ่ื ยหา่ ง ๆ ตอ่ มติดทโี่ คนใกลก้ ้านใบ ก้านใบยาว
พบทลี่ าว และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนบนของไทยทหี่ นองคาย และสกลนคร 0.5-2.5 ซม. ชอ่ ดอกยาว 7-10 ซม. ดอกเพศเมยี มี 4-10 ดอก มกั บานก่อนหรอื
ข้นึ ตามทีโ่ ล่งชายป่าเตง็ รงั ความสูงประมาณ 200 เมตร ตดิ เป็นผลชว่ งดอกเพศผ้บู าน ใบประดับยาว 1.5-2 มม. ไม่มตี ่อม ดอกเพศผู้
กา้ นดอกยาว 2-6 มม. กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกรปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 2.5 มม.
สกุล Colobocarpos Esser & Welzen อย่ใู นวงศ์ยอ่ ย Crotonoideae มีชนดิ เดียว เกสรเพศผู้ 10 อนั ดอกเพศเมยี กา้ นดอกยาว 4-6 มม. กลีบเลยี้ งยาวประมาณ
แยกออกมาจากสกลุ Croton ทีก่ ลีบเลี้ยงในดอกเพศเมยี มีขนาดใหญก่ ว่าใน 3 มม. ไมม่ ีกลบี ดอก ก้านเกสรเพศเมียแยกกนั ยอดเกสรยาวประมาณ 3 มม.
ดอกเพศผู้ ไมม่ ขี นรูปดาว เกสรเพศผ้ตู ั้งตรงในตาดอก และผลปลายตดั ชอ่ื สกุล ผลรูปรกี วา้ ง กวา้ งประมาณ 6 มม. ยาวประมาณ 5 มม.
มาจากภาษากรีก “colobos” ปลายตัด และ “carpos” ผล หมายถึงผลปลายตดั
เอกสารอา้ งอิง พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้
Esser, H.-J. and P.C. van Welzen. (2001). Colobocarpos, a new genus of ข้นึ ตามป่าดบิ แลง้ ความสูงถึงประมาณ 500 เมตร ใบมีสารเปลาโนทอล มฤี ทธิ์
สมานแผลในกระเพาะอาหารและลำ� ไส้ ไดร้ บั การผลติ เปน็ ยาภายใตช้ อ่ื ‘Kelnac’
South-East Asian Euphorbiaceae. Kew Bulletin 56: 657-659. เคยเขา้ ใจว่าช่อื วทิ ยาศาสตร์คอื C. sublyratus Kurz ซ่ึงพบเฉพาะในเอเชียใต้
________. (2005). Euphorbiaceae (Colobocarpos). In Flora of Thailand Vol. 8(1):
265
188-189.

เปล้าน�้ำ สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

เปลา้ น�ำ้ พบในภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบแทบทุกภาค ยกเว้นภาคตะวันตกเฉียงใต้
และภาคใต้ ขน้ึ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ เขา ความสงู ถงึ ประมาณ
Croton fluviatilis Esser 1800 เมตร
ไมพ้ ุม่ ทนน�้ำทว่ ม อาจสูงไดถ้ ึง 5 ม. ก่งิ อ่อน ยอดมีขนสัน้ นมุ่ หใู บยาว 3-5 มม.
เอกสารอ้างองิ
ใบรูปใบหอกหรือรูปแถบ ยาว 10-17 ซม. โคนแหลมมน ขอบจักไม่ชัดเจน ตอ่ มตดิ Esser, H.-J. (2002). Croton poomae (Euphorbiaceae), a new species from
ที่โคนตดิ ก้านใบ ก้านใบยาว 1-3.5 ซม. ชอ่ ดอกยาว 7-19 ซม. ดอกเพศเมียมี Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 30: 1.
4-12 ดอก ใบประดบั ยาว 2-3.5 มม. ดอกเพศผกู้ า้ นดอกยาว 4-5 มม. กลบี เลยี้ ง ________. (2005). Euphorbiaceae (Croton). In Flora of Thailand Vol. 8(1): 189-226.
และกลบี ดอกยาวประมาณ 2.5 มม เกสรเพศผู้ 10-12 อัน ดอกเพศเมียกา้ นดอก Esser, H.-J. and K. Chayamarit. (2001). Two new species and a new name in
ยาวประมาณ 2 มม. ในผลยาว 4-8 มม. กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกขยายในผลเลก็ นอ้ ย Thai Croton (Euphorbiaceae). Thai Forest Bulletin (Botany) 29: 55-56.
ปลายมตี งิ่ แหลม บางครงั้ ไมม่ กี ลบี ดอก กา้ นเกสรเพศเมยี แยกกนั ยอดเกสรยาว
3-5 มม. แฉกลกึ ผลรปู รกี วา้ ง จัก 3 พู กว้างประมาณ 8 มม. มขี นประปราย เปล้าทุ่ง: ไมพ้ ุ่มเตยี้ มีขนสีขาวดูคลา้ ยเป็นจดุ ตามกงิ่ อ่อนและผล ขอบใบจกั ฟันเลอ่ื ย (ภาพ: ตากใบ นราธิวาส - RP)
เปล้านอ้ ย: C. decalvatus ใบรูปใบหอก ใบมีสสี ้มก่อนร่วง ขอบจกั ฟนั เล่ือยต้นื ๆ ดอกเพศเมียจำ� นวนมาก
พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวนั ออกทอ่ี บุ ลราชธานี สรุ นิ ทร์ ขน้ึ รมิ ลำ� ธาร (ภาพ: เขาใหญ่ ปราจีนบรุ ี - MP)
ในปา่ ดบิ แลง้ ทเี่ ปน็ ดนิ ทราย ความสงู 100-250 เมตร เปน็ ชนดิ เดยี วในสกลุ Croton เปลา้ นอ้ ย: C. stellatopilosus ใบเรียงเวียนหนาแนน่ ทีป่ ลายก่ิง ขอบจกั ฟันเลอื่ ยห่าง ๆ ดอกเพศเมียมักบานกอ่ น
ของไทยท่เี ป็นพืชทนน้ำ� ทว่ ม (rheophyte) หรือติดเปน็ ผลชว่ งดอกเพศผ้บู าน ผลรปู รกี วา้ ง (ภาพ: cultivated - RP)

เปลา้ ภูววั เปล้าน้�ำ: ใบรูปใบหอกหรือรปู แถบ ขอบจกั ไม่ชัดเจน กา้ นดอกเพศผยู้ าวกวา่ กา้ นดอกเพศเมีย กา้ นเกสรเพศเมยี
แยกกนั ยอดเกสรเพศเมยี แฉกลกึ ผลจกั 3 พู (ภาพ: cultivated - RP)
Croton poomae Esser
ไม้ตน้ สงู ได้ถึง 10 ม. สิง่ ปกคลุมหนาแนน่ ตามกงิ่ อ่อน หูใบ แผน่ ใบด้านล่าง เปล้าภวู ัว: โคนมนคลา้ ยรูปหวั ใจแคบ ๆ ขอบเรียบ สิ่งปกคลุมสีนำ้� ตาลแดงกระจาย ชอ่ ดอกมหี ลายชอ่ ดอกเพศเมีย
ไม่มีกลีบดอก (ภาพ: ภวู ัว บงึ กาฬ - RP)
ชอ่ ดอก ดอก และผล หูใบยาว 0.8-1.2 ซม. ใบรูปขอบขนานแกมรปู ไข่ ยาว
15-28 ซม. โคนมนคลา้ ยรปู หวั ใจแคบ ๆ ขอบเรยี บ แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นสนั้ สเี งนิ
หนาแนน่ และมขี นสนี ำ้� ตาลแดงกระจาย ตอ่ มตดิ ดา้ นโคนขา้ งเสน้ กลางใบ ชอ่ ดอก
มหี ลายชอ่ ยาวไดถ้ ึง 20 ซม. ดอกเพศเมยี มี 2-7 ดอก ใบประดับยาว 1-1.5 มม.
ไม่มีต่อม ดอกเพศผู้ก้านดอกยาวประมาณ 1 มม. กลีบเล้ียงและกลีบดอกยาว
ประมาณ 3 มม. กลีบดอกขอบมีขนครยุ เกสรเพศผ้มู ปี ระมาณ 10 อนั ดอกเพศเมยี
ก้านดอกส้ันมาก กลีบเล้ียงรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 5 มม. ไม่มีกลีบดอก
กา้ นเกสรเพศเมียแยกกนั ยอดเกสรยาว 2-3 มม. ผลรูปรีกว้าง ยาว 1.5-1.7 ซม.

พชื ถิ่นเดยี วของไทย พบทางภาคตะวันออกเฉยี งเหนือตอนบนทภี่ ูวัว จงั หวดั
บึงกาฬ ขนึ้ ตามชายปา่ หรอื ในปา่ ดบิ แล้ง ความสูง 200-300 เมตร คำ� ระบุชนิด
ตัง้ ตามชื่อ ดร.ราชันย์ ภู่มา ผ้เู ก็บตัวอยา่ งพรรณไมต้ น้ แบบ

เปลา้ หลวง

Croton roxburghii N. P. Balakr.
ไมต้ น้ สงู ได้ถึง 15 ม. สง่ิ ปกคลมุ หนาแน่นตามก่งิ ออ่ นและกา้ นดอก หูใบ

ยาวประมาณ 2 มม. ใบรปู ขอบขนาน ยาว 10-32 ซม. ขอบจกั ฟันเลอ่ื ย ตอ่ มติดที่
โคนเสน้ กลางใบด้านลา่ ง ก้านใบยาว 1-5 ซม. ช่อดอกมหี ลายชอ่ ยาว 10-35 ซม.
ดอกเพศเมยี มี 10-23 ดอก ใบประดบั ยาว 1-3 มม. โคนมตี อ่ มคู่ ดอกเพศผกู้ า้ นดอก
ยาว 2.5-5 มม. กลบี เล้ยี งรูปรี ยาว 2.5-3 มม. กลีบดอกรปู ขอบขนาน ยาวเท่า ๆ
กลีบเล้ียง เกสรเพศผู้ 10-12 อัน ดอกเพศเมียกา้ นดอกยาว 2-4 มม. ในผลยาว
3-5 มม. กลีบเลย้ี งรปู รี ยาว 2.5-3 มม. มขี นหนาแน่น ไม่มีกลีบดอกหรือลดรปู
ก้านเกสรเพศเมยี แยกกัน ยอดเกสรยาว 3-4 มม. ผลกลม เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 6-8 มม.
มขี นสั้นนุ่มประปราย

พบทีอ่ นิ เดยี เนปาล ภฏู าน บงั กลาเทศ พมา่ และภูมภิ าคอนิ โดจีน ในไทย
กระจายพบแทบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และ
ปา่ ดิบแล้ง ความสูงถงึ ประมาณ 1000 เมตร

เปลา้ ใหญ่

Croton poilanei Gagnep.
ไมพ้ ุ่มหรอื ไม้ต้น สงู ได้ถงึ 10 ม. สง่ิ ปกคลุมหนาแน่นตามก่ิงอ่อน หใู บ ก้านใบ

ชอ่ ดอก ก้านดอก กลีบเลี้ยง และผล หใู บยาว 2-4 มม. ใบรูปขอบขนานหรือรูป
ใบหอก ยาว 15-37 ซม. ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ยหา่ ง ๆ ตอ่ มตดิ ทโี่ คนเสน้ กลางใบดา้ นลา่ ง
ก้านใบยาว 1.5-7 ซม. ช่อดอกยาว 12-40 ซม. ดอกเพศเมียมี 7-20 ดอก บานก่อน
ดอกเพศผู้ ใบประดบั รปู ขอบขนาน ยาว 3-5 มม. ดอกเพศผกู้ า้ นดอกยาว 2-3 มม.
กลบี เลย้ี งรปู รี ยาวประมาณ 2.5 มม. กลบี ดอกรปู ขอบขนาน ยาวเทา่ ๆ กลบี เลย้ี ง
เกสรเพศผูม้ ีประมาณ 10 อนั ดอกเพศเมียกา้ นดอกหนา ยาว 1-3 มม. โคนกา้ น
มีตอ่ มคู่ กลีบเล้ยี งหนา รปู ขอบขนาน ยาว 5-7 มม. พบั งอ โคนมีขน กลบี ดอกยาว
2-3 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี เชอ่ื มตดิ กนั ทโี่ คน ยอดเกสรยาว 3-4 มม. ผลรปู รกี วา้ ง
ยาวประมาณ 1 ซม.

266

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย เปอ๋ื ยพระราหู

เปลา้ หลวง: ขอบใบจกั ฟนั เล่ือย ใบมสี ีสม้ กอ่ นรว่ ง ชอ่ ดอกมีหลายชอ่ ผลรูปกลม (ภาพซ้ายบน: วังน�้ำเขยี ว เปอื๋ ย
นครราชสีมา - SR; ภาพซา้ ยลา่ ง: ไทยประจัน ราชบรุ ี - SSi; ภาพขวา: ประจวบคีรีขันธ์ - RP)
Terminalia pierrei Gagnep.
วงศ์ Combretaceae

ไม้ตน้ ผลัดใบ สูง 4-15 ม. เปลือกเรียบหรือเป็นแอง่ ตน้ื มขี นสัน้ น่มุ สีนำ�้ ตาล
หนาแนน่ ตามกง่ิ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง กา้ นใบ ชอ่ ดอก ใบประดบั และผล กง่ิ มชี อ่ งอากาศ
ตน้ เล็กมกี ง่ิ ลดรปู คลา้ ยหนาม ใบเรยี งตรงข้ามหรอื เกือบตรงขา้ ม รปู ไข่หรือแกม
รปู ขอบขนาน ยาว 2.5-10 ซม. มตี อ่ มหน่งึ คู่ที่ขอบใบใกลโ้ คน กา้ นใบยาว 0.3-1 ซม.
ดอกออกพรอ้ มผลใิ บใหม่ ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด ยาว 4-10 ซม. ใบประดบั รปู ไขก่ ลบั
ยาวประมาณ 1.5 มม. ร่วงเร็ว หลอดกลบี เล้ียงยาว 1-2 มม. ปลายแยก 5 แฉก
รูปสามเหลีย่ ม ยาว 0.5-1 มม. มีขนทง้ั 2 ด้าน ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้ 10 อัน
ยาว 4-8 มม. จานฐานดอกจกั มน มขี นหนาแนน่ รังไข่มีขนหนาแน่น กา้ นเกสรเพศเมีย
ยาว 2.5-5 มม. ผลมี 5 ปกี รูปไข่กว้าง ยาว 0.9-1.2 ซม. ปีกกวา้ ง 3-4 มม. ปลายผล
เป็นต่งิ ยาว 1-2 มม. มีเมลด็ เดยี ว (ดูข้อมูลเพิ่มเติมท่ี สมอ, สกุล)

พบทลี่ าว กมั พชู า เวยี ดนามตอนใต้ ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ
และป่าดิบแล้ง ความสูงถึงประมาณ 1000 เมตร

เอกสารอ้างอิง
Nanakorn, W. (1985). The genus Terminalia (Combretaceae) in Thailand. Thai
Forest Bulletin (Botany) 15: 94-96.

เปล้าใหญ:่ ขอบใบจักฟันเลอ่ื ยหา่ ง ๆ ดอกเพศเมียบานก่อนดอกเพศผู้ ก้านดอกและกลบี เลีย้ งหนา กลีบเล้ยี งพบั งอ เปือ๋ ย: มีขนสนั้ นมุ่ สีน้�ำตาลหนาแน่นทวั่ ไป ก่ิงมชี อ่ งอากาศ ช่อดอกแบบชอ่ เชิงลด ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้ 10 อัน
โคนมขี น (ภาพ: บรุ รี มั ย;์ ภาพซ้าย - PK, ภาพขวา - RP) ผลมี 5 ปกี (ภาพช่อดอก: ภวู ัว บงึ กาฬ - SSi; ภาพช่อผล: ภูสระดอกบวั มุกดาหาร - PK)

เปลือกขา้ ว เป๋อื ยพระราหู

Aporosa arborea (Blume) Müll. Arg. Homalium peninsulare Sleumer
วงศ์ Phyllanthaceae วงศ์ Salicaceae

ช่อื พอ้ ง Leiocarpus arboreus Blume ไม้ต้น สงู ไดถ้ ึง 10 ม. มีขนสั้นนุ่มตามกง่ิ อ่อน แผ่นใบด้านลา่ ง และช่อดอก
ใบรปู ไขห่ รือแกมรปู ขอบขนาน ยาว 7-12 ซม. ปลายแหลมยาว โคนมนหรือกลม
ไม้พุม่ หรอื ไมต้ ้น สูงไดถ้ งึ 25 ม. มีขนละเอียดหรอื ขนสน้ั นมุ่ ประปรายตาม ขอบจักฟันเล่ือย ก้านใบยาว 7-8 มม. ช่อดอกแบบแยกแขนง ห้อยลง ยาว
กง่ิ ออ่ น เส้นแขนงใบด้านล่าง และช่อดอก หใู บรว่ งเร็ว ใบรูปขอบขนานหรือ 15-20 ซม. ก้านชอ่ ยาว 3-54 ซม. ช่อแขนงยาว 1-5 ซม. ดอกออกเป็นกระจกุ
แกมรปู ไขก่ ลับ ยาว 13-35 ซม. กา้ นใบยาว 1.5-5.5 ซม. ชอ่ ดอกออกใตใ้ บ ตามก่งิ เรียงเวียนแน่นบนแกนช่อ ก้านดอกส้ัน หลอดกลีบเลี้ยงยาวประมาณ 2.5 มม.
และล�ำต้น ใบประดับขนาดเล็ก ช่อดอกเพศผู้ออกเป็นกระจุก มีได้ถึง 10 ช่อ กลีบเล้ียงและกลีบดอกคลา้ ยกัน จำ� นวนอย่างละ 9-10 กลบี รปู ขอบขนานแคบ ๆ
ยาว 1.5-5.5 ซม. ดอกขนาดเล็ก สีเหลือง ก้านดอกส้ันมาก กลบี เล้ยี ง 4-5 กลีบ ยาวประมาณ 2 มม. มีขนครุยละเอยี ดหนาแนน่ เกสรเพศผู้ 5-6 อนั ติดหนา้ กลบี ดอก
เกสรเพศผู้ 2 อัน ยาว 0.3-0.4 มม. ช่อดอกเพศเมยี ออกเป็นกระจกุ 1-6 ชอ่ ยาว ก้านชอู บั เรณูส้ัน โคนมขี น รังไขก่ ่งึ ใตว้ งกลีบ มีขนหนาแน่น กา้ นเกสรเพศเมยี 3 อนั
1-3.5 ซม. ดอกออกเดี่ยว ๆ มีไดถ้ งึ 11 ดอก กา้ นดอกยาว 1.5-3 มม. ดอกยาว ยาวเท่า ๆ กา้ นชอู บั เรณู (ดขู ้อมลู เพม่ิ เตมิ ที่ ขานาง, สกลุ )
2-5 มม. กลบี เล้ยี ง 5 กลีบ ยาวประมาณ 1 มม. รังไขม่ ขี นละเอียด ยอดเกสรยาว
ประมาณ 1.5 มม. แฉกลกึ ประมาณกึ่งหน่งึ ผลรปู รี ยาว 1.3-1.7 ซม. เกลยี้ ง พืชถ่ินเดียวของไทย พบเฉพาะทางภาคใต้ที่สุราษฎร์ธานี ข้ึนบนเขาหินปูน
เมลด็ ยาวประมาณ 1 ซม. มเี ยอ่ื หมุ้ บางสแี ดง (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ท่ี เหมอื ดขน, สกลุ ) ความสงู 100-300 เมตร

พบที่คาบสมุทรมลายู บอร์เนยี ว สมุ าตรา ชวา และภาคใต้ตอนล่างของไทย เอกสารอา้ งอิง
ท่ีปตั ตานี ยะลา นราธวิ าส ข้ึนตามปา่ ดิบชื้น ความสูงถงึ ประมาณ 1000 เมตร Harwood, B. (2015). Salicaceae. In Flora of Thailand Vol. 13(1): 45-47.
Sleumer, H. (1985). The Flacourtiaceae of Thailand. Blumea 30: 221.
เอกสารอา้ งองิ
Schot, A.M. and P.C. van Welzen. (2005). Euphorbiaceae (Aporosa). In Flora
of Thailand Vol. 8(1): 84.

เปลอื กขา้ ว: ช่อดอกออกเป็นกระจกุ ดอกเพศผู้ออกเปน็ กระจุก ดอกเพศเมียออกเด่ยี ว ๆ ผลเกลี้ยง (ภาพ: นราธวิ าส - MP) เปื๋อยพระราห:ู ช่อดอกออกตามซอกใบใกล้ปลายก่ิง ดอกออกเป็นกระจุกเรยี งเวียนแนน่ บนแกนช่อ กลบี ดอกและ
กลีบเลยี้ งคล้ายกนั มีขนครยุ หนาแน่น (ภาพ: เขาสก สรุ าษฎรธ์ านี - PK)

267

แปง้ สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

แป้ง แปรงลา้ งขวด: C. citrinus ปลายแหลมคล้ายหนาม ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชิงลด (ภาพซ้ายบน: cultivated - RP);
แปรงลา้ งขวด: C. viminalis (ภาพขวา: cultivated - RP); แปรงลา้ งขวด: C. citrinus ‘Little John’ พันธแ์ุ คระ
Chorisandrachne diplosperma Airy Shaw ใบมีขนหนาแนน่ (ภาพซา้ ยล่าง: cultivated - RP)
วงศ์ Phyllanthaceae
แปร้น้ำ�เงิน
ชอื่ พ้อง Leptopus diplospermus (Airy Shaw) G. L. Webster
Sonerila maculata Roxb.
ไมพ้ ุ่มหรอื ไม้ต้น สงู ไดถ้ ึง 10 ม. แยกเพศร่วมตน้ หูใบรูปสามเหลย่ี มขนาดเลก็ วงศ์ Melastomataceae
ใบเรยี งสลับระนาบเดยี วกัน รูปรีหรอื รปู ขอบขนาน ยาว 1-2.5 ซม. ปลายแหลม
หรือกลม ปลายมกั มีต่งิ แผน่ ใบด้านล่างมนี วล ก้านใบยาว 1-1.5 มม. ช่อดอก ไม้ล้มลกุ สงู 20-60 ซม. มีขนยาวประปราย ใบตรงข้ามขนาดเทา่ ๆ กัน รปู รี
ออกเปน็ กระจกุ ตามซอกใบ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 4 มม. กา้ นดอกยาว 5-6 มม. ถงึ รปู ใบหอก ยาว 3-11 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว โคนบางครง้ั เบย้ี วเลก็ นอ้ ย
กลีบเลีย้ ง 5 กลบี รปู ไข่กลบั ยาวประมาณ 1.5 มม. กลบี ดอก 5 กลบี รปู ไข่กลบั ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย แผน่ ใบเกลย้ี งหรอื มขี นตามเสน้ แขนงใบ มกั มจี ดุ สขี าวกระจาย
ยาวประมาณ 2 มม. จานฐานดอกเป็นวง เกสรเพศผู้ 5 อนั กา้ นชอู บั เรณูยาว เส้นแขนงข้างละ 2-4 เส้น คู่ล่างออกเหนือโคนใบ 1-2.5 ซม. กา้ นใบยาว 1-9 ซม.
ประมาณ 2 มม. รังไขม่ ี 3 ชอ่ ง แต่ละช่องมอี อวลุ 2 เม็ด ก้านเกสรเพศเมียส้นั ก้านชอ่ ดอกยาว 3-9 ซม. มไี ด้ถงึ 15 ดอก กา้ นดอกยาว 3-4 มม. ฐานดอกยาว
แยก 3 แฉกจรดโคน ผลแหง้ แตก จกั 3 พู เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1 ซม. เกลย้ี ง 4-7 มม. มตี อ่ มกระจาย กลบี ดอกสชี มพู รปู ขอบขนาน หรอื แกมรูปไข่ ยาว 0.8-1 ซม.
กา้ นผลยาวไดถ้ งึ 2.5 ซม. เมลด็ แบนขา้ งหนง่ึ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 5 มม. อับเรณยู าว 0.5-1 ซม. ผลรูปกรวย ยาว 4-7 มม. มี 6 สนั ตื้น ๆ ก้านผลยาว 3-4 มม.
(ดูขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ ที่ สาวสนม, สกลุ )
พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคตะวันตกเฉียงใตท้ ี่เพชรบรุ ี ประจวบครี ีขันธ์
และภาคใตท้ เี่ ขาหลวง จังหวดั นครศรธี รรมราช ข้ึนตามป่าดบิ แลง้ และป่าดิบชืน้ พบทอ่ี นิ เดยี ภูฏาน เนปาล พม่า จนี ภูมภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยพบ
ท่เี ปน็ หนิ ปูน ความสูงไม่เกนิ 300 เมตร ทุกภาค ขึน้ ตามป่าดบิ ช้นื และปา่ ดิบเขา ความสูงถงึ ประมาณ 2400 เมตร

สกลุ Chorisandrachne Airy Shaw เคยถูกยุบอยู่ภายใตส้ กุล Leptopus มีชนิดเดียว เอกสารอ้างอิง
สว่ นสกุล Leptopus มปี ระมาณ 10 ชนดิ ในไทยพบชนิดเดียว คือ L. australis Renner, S.S., G. Clausing, N. Cellinese and K. Meyer. (2001). Melastomataceae.
(Zoll. & Moritzi) Pojark. ทั้งสองสกุลเดิมอยู่ภายใตว้ งศ์ Euphorbiaceae ชื่อสกลุ In Flora of Thailand Vol. 7(3): 489-490.
มาจากภาษากรกี “choris” แยก และสกลุ Andrachne หมายถึงสกลุ ทแี่ ยกมา
จากสกลุ Andrachne

เอกสารอ้างองิ
van Welzen, P.C. (2007). Euphorbiaceae (Leptopus). In Flora of Thailand Vol.
8(2): 352-355.
________. (2009). Recent changes in Thai Euphorbiaceae sensu lato. Thai Forest
Bulletin (Botany), Special Issue: 212-218.

แปง้ : ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว แผน่ ใบดา้ นล่างมีนวล ผลแหง้ แตก มี 3 พู กา้ นผลยาว (ภาพ: ประจวบครี ีขันธ์ - RP) แปรน้ ้�ำเงิน: ปลายใบแหลมยาว แผน่ ใบมจี ดุ ขาวกระจาย ชอ่ ดอกแบบชอ่ วงแถวคู่ (ภาพ: ภหู ินร่องกล้า เพชรบรู ณ์ - PK)

แปรงลา้ งขวด โปง

Callistemon citrinus (Curtis) Skeels Brownlowia peltata Benth.
วงศ์ Myrtaceae วงศ์ Malvaceae

ชอื่ พอ้ ง Metrosideros citrina Curtis ไม้ตน้ สงู ไดถ้ งึ 30 ม. ใบรูปรกี วา้ งหรอื เกอื บกลม กวา้ ง 12-30 ซม. ยาว
18-50 ซม. โคนใบแบบกน้ ปดิ เสน้ โคนใบ 7-9 เสน้ เสน้ แขนงใบยอ่ ยแบบขนั้ บนั ได
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ ้น สงู ไดถ้ งึ 10 ม. ใบเรยี งเวียน รปู ใบหอกหรอื รูปแถบ ยาว กา้ นใบยาว 4-20 ซม. มขี นประปราย ชอ่ ดอกออกทป่ี ลายกิ่ง ยาว 10-40 ซม.
4-11 ซม. ปลายแหลมคล้ายหนาม โคนเรยี วสอบจรดกิ่ง เสน้ แขนงใบออกจาก ตาดอกกลม กลบี เลย้ี งรปู สามเหลยี่ ม ยาวไดถ้ งึ 4 มม. กลบี ดอกรปู ใบพาย ยาว 5-7 มม.
โคนขา้ งละเสน้ โคง้ คลา้ ยเปน็ เสน้ ขอบใน เหน็ ไมช่ ดั เจน ใบออ่ นมขี นคลา้ ยไหม เกสรเพศผเู้ กล้ยี ง รงั ไข่มขี นส้ันน่มุ ผลแหง้ ไม่แตก จกั เป็นพตู ้นื ๆ 2 พู รปู รกี วา้ ง
ช่อดอกแบบชอ่ เชงิ ลดยาวคล้ายแปรงล้างขวด ดอกออกเด่ยี ว ๆ บนแกน ไมม่ ี ยาว 2-3 ซม. สนี ้�ำตาล (ดูขอ้ มูลเพ่มิ เติมที่ นำ�้ นอง, สกลุ )
ใบประดับ กลบี เลี้ยงเชือ่ มติดกัน ยาว 5-6 มม. มี 5 กลบี กลม ๆ ยาว 1-2 มม.
ดอกสีขาวอมเขียว มี 5 กลบี กลม ๆ ยาว 3-4 มม. มตี ่มุ เปน็ ต่อมกระจาย เกสรเพศผู้ พบทีพ่ ม่า บอร์เนยี ว ในไทยส่วนใหญพ่ บทางภาคใต้ ข้นึ ตามป่าดิบชนื้ ความสงู ถงึ
จ�ำนวนมาก กา้ นชอู บั เรณสู แี ดง ยาว 1-3 ซม. รังไขใ่ ต้วงกลบี กา้ นเกสรเพศเมยี ประมาณ 600 เมตร อย่างไรกต็ าม บางขอ้ มูลระบุว่าเปน็ ชื่อพอ้ งของ B. emarginata
ยาวเทา่ ๆ เกสรเพศผู้ ยอดเกสรเป็นต่มุ ผลแหง้ แตก สีนำ้� ตาล Pierre นอกจากโปงชนิดน้ีแล้ว ยังพบชนิดท่ีคล้ายโปง ซึ่งอาจจะเป็นชนิด
B. helferiana Pierre พบท่พี มา่ ตอนล่าง คาบสมุทรมลายู และภาคใตข้ องไทย
มีถน่ิ กำ� เนดิ ในออสเตรเลยี เป็นไมป้ ระดบั ทว่ั ไป ใบแบบกน้ ปดิ เชน่ เดยี วกนั และทางภาคใตต้ อนลา่ งยงั พบชนดิ B. kleinhovioidea
King ใบแบบกน้ ปดิ รูปหัวใจ
สกุล Callistemon R. Br. มปี ระมาณ 40 ชนิด พบในออสเตรเลีย ในไทยพบเป็น
ไมป้ ระดับ มชี นิดช่อดอกห้อย C. viminalis (Sol. ex Gaertn.) G. Don และพันธุ์แคระ
ซง่ึ อาจเป็นลกู ผสม C. citrinus ‘Little John’ ใบมีขนหนาแน่น ช่อื สกุลมาจาก
ภาษากรีก “kali” สวย และ “stemon” เกสรเพศผู้ ตามลักษณะก้านชูอับเรณู

เอกสารอา้ งอิง
Parnell, J. and P. Chantaranothai. (2002). Myrtaceae. In Flora of Thailand Vol.
7(4): 784.

268

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย โปร่งกิ่ว

เอกสารอ้างอิง โป๊ยก๊ักป่า
Kosyermans, A.J.G.H. (1962). Miscellaneous botanical notes 4. Reinwardtia
6(3): 297. Illicium tenuifolium (Ridl.) A. C. Sm.
Phengklai, C. (1993). Tiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 14. วงศ์ Schisandraceae

โปง: B. peltata ใบรปู ก้นปิด ผลแห้งไม่แตก จกั เป็นพูตน้ื ๆ สีนำ�้ ตาล (ภาพ: นำ�้ ตกโคคลาน ตรงั - RP) ชอ่ื พ้อง Illicium cambodianum Hance var. tenuifolium Ridl.

โปง: cf. B. helferiana ไม้ต้นขนาดเล็ก ใบรปู ก้นปิด (ภาพ: คลองนาคา ระนอง - RP) ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. ไม่มีหใู บ ใบเรยี งเวยี นรอบข้อ 3-6 ใบ รปู รี รปู ไขก่ ลับ
หรือรปู ใบหอก ยาว 7-18 ซม. ปลายเแหลมยาวหรือเป็นติง่ แหลม โคนเรียวสอบ
โปง่ มดงา่ ม กา้ นใบยาว 0.5-1.5 ซม. ดอกออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบหรือล�ำต้น ก้านดอกยาว
1-5 ซม. ดอกสขี าวหรอื อมชมพู กลบี รวม 11-18 กลบี เรยี ง 1-2 ช้นั กลีบวงนอก
Stemona burkillii Prain รูปไข่หรอื กลม กลีบวงในรปู ขอบขนาน ยาว 3-5 มม. เรยี งซ้อนเหลอ่ื ม เกสรเพศผู้
วงศ์ Stemonaceae มี 11-16 อัน เรยี ง 1-2 วง มี 5-8 คาร์เพล เรียงเป็นวง ก้านเกสรเพศเมียส้ัน ผลมี
5-8 ซีก แตกด้านบนตามรอยประสาน แต่ละซกี ยาว 1-1.2 ซม. มีเมลด็ เดยี ว
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ยาวไดถ้ งึ 1 ม. ใบเรยี งเวยี น รปู ไขก่ วา้ ง ยาว 9-17 ซม. โคนรปู หวั ใจ
เสน้ แขนงใบออกจากโคน 11-19 เส้น ก้านใบยาว 4-17 ซม. ชอ่ ดอกออกตาม พบทค่ี าบสมทุ รมลายู และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทย่ี ะลา นราธวิ าส ขนึ้ ตามสนั เขา
ซอกใบ ก้านช่อยาว 1.5-4.5 ซม. มี 1-4 ดอก ใบประดับยาว 2-6 มม. ในปา่ ดบิ ชืน้ ความสงู 700-1500 เมตร
ดอกสนี ำ้� ตาลอมแดง กา้ นดอกยาว 1-2.5 ซม. กลบี รวมรปู ใบหอก ปลายแหลม กวา้ ง
3-5 มม. ยาว 1.5-2.2 ซม. พบั งอกลับ เกสรเพศผ้ยู าว 1.8-2 ซม. รวมปลายแกน สกลุ Illicium L. เดิมอยูภ่ ายใต้วงศ์ Illiciaceae มปี ระมาณ 40 ชนิด ในไทยมี
อบั เรณรู ปู ลมิ่ แคบ บางครงั้ มรี ยางคค์ ลา้ ยเดอื ยขนาดเลก็ ผลรปู รี ยาว 2.5-3.5 ซม. 2-3 ชนดิ ชนิด Illicium peninsulare A. C. Sm. ผลมี 13-14 ซีก พบเพยี งครั้งเดียว
มี 3-5 เมลด็ สีชมพูเข้ม เรยี ว ยาว 1-1.2 ซม. (ดูขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ ท่ี เครอื ปุง, สกลุ ) ทีพ่ งั งา คล้ายกับ I. cambodianum Hance ซ่ึงอาจพบทางภาคตะวันออกของไทย
แถบชายแดนกัมพชู า อนงึ่ โปย๊ กก๊ั จีนหรือจนั ทนแ์ ปดกลบี I. verum Hook. f.
พบทพี่ มา่ ในไทยพบมากทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทเี่ พชรบรู ณ์ หรือ Star Anise พบเฉพาะในจนี และเวยี ดนามทางตอนบน เปน็ พืชเศรษฐกจิ
ภาคกลางท่ีสระบุรี ภาคตะวันตกเฉียงใต้ท่ีกาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ขึ้นตาม ปลกู มากในมณฑลกวางซีของจีน ใหน้ ้ำ�มนั หอมระเหย และใช้เปน็ เคร่อื งเทศ
ปา่ เบญจพรรณ และเขาหินปูน ความสูงถงึ ประมาณ 1000 เมตร เมลด็ มสี าร shikimic acid เปน็ ส่วนผสมส�ำ คัญของยา Tamiflu ทใี่ ช้รกั ษาโรค
ไขห้ วัดนก ช่ือสกุลหมายถงึ กลน่ิ นำ้�มันหอมระเหยทด่ี ึงดูดใจ
เอกสารอา้ งอิง เอกสารอา้ งองิ
Duyfjes, B.E.E. and P. Inthachub. (2011). Stemonaceae. In Flora of Thailand Keng, H. (1972). Illiciaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(2): 115-116.
Vol. 11(1): 77-80. Liu, Y., N. Xia and R.M.K. Saunders. (2008). Illiciaceae. In Flora of China Vol. 7: 32.

โปง่ มดงา่ ม: ใบเรียงเวียน โคนรปู หัวใจ เส้นแขนงใบออกจากโคน 11-19 เส้น ดอกสนี ำ้� ตาลอมแดง กลบี พับงอกลับ โปย๊ ก๊กั ป่า: ดอกออกเด่ียว ๆ ตามลำ� ต้น กลีบรวมเรยี งซ้อนเหลื่อม เกสรเพศผเู้ รียง 1-2 วง ผลออกตามลำ� ต้นหรอื
ปลายแกนอับเรณรู ปู ลิม่ แคบ กลีบรวมติดทนในผล (ภาพ: ดอยหวั หมด ตาก; ภาพใบ - RP, ภาพดอกและผล - PK) ซอกใบใกลป้ ลายกิง่ มปี ระมาณ 8 ซกี (ภาพ: ฮาลา-บาลา ยะลา - RP)

โปรง่ กวิ่

Dasymaschalon lomentaceum Finet & Gagnep.
วงศ์ Annonaceae

ไม้พมุ่ หรอื ไม้ตน้ สูงได้ถงึ 5 ม. มขี นสนั้ นมุ่ ตามก่ิงออ่ น แผน่ ใบดา้ นลา่ ง ก้านใบ
ก้านดอก กลีบเล้ียง และกลบี ดอกดา้ นนอก ใบรูปขอบขนาน ยาว 5-14 ซม.
ปลายแหลมยาว โคนเวา้ ตน้ื ๆ แผน่ ใบดา้ นลา่ งมีนวล กา้ นใบยาว 2.5-5 มม.
ดอกสคี รีมอมเหลอื ง กา้ นดอกยาว 0.5-1.3 ซม. กลีบเล้ียง 3 กลบี รูปรีกว้างแกม
รปู สามเหลยี่ ม ยาว 1.5-3 มม. กลบี ดอกหนา ตดิ กนั รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก
แกมรปู ไข่ 1.5-2 ซม. ไม่บดิ เปน็ เกลยี ว เกสรเพศผู้ยาว 1.5-2.5 มม. ปลายมี
รยางค์ส้ัน ๆ มน มี 9-11 คารเ์ พล มขี นสนั้ นุม่ หนาแนน่ ปลายยอดเกสรเพศเมียมีขน
ก้านชอ่ ผลยาว 3-8 มม. ผลย่อยมี 4-9 ผล ยาว 1.5-1.8 ซม. ปลายมตี งิ่ แหลม
กา้ นยาวประมาณ 2 มม. มี 2-5 เมล็ด เรียงชิดกัน รูปรเี กอื บกลม ยาวประมาณ 4 มม.

พบทกี่ มั พชู า ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ตอนลา่ ง ภาคตะวนั ออก
ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ ความสงู ระดบั ต�่ำ ๆ

เอกสารอ้างอิง
Wang, J., P. Chalermglin and R.M.K. Sauders. (2009). The genus Dasymaschalon
(Annonaceae) in Thailand. Systematic Botany 34(2): 261-262.

269

โปรงขาว สารานุกรมพืชในประเทศไทย

โปร่งกว่ิ : มีขนสั้นนุม่ กระจาย แผ่นใบด้านล่างมนี วล โคนเวา้ ตื้น ๆ กลบี ดอกหนา เกสรเพศผปู้ ลายมรี ยางคส์ ้นั ๆ ก้านชูอับเรณยู าว 3-5 มม. กา้ นเกสรเพศเมียสัน้ โคนหนา ผลรูปไข่ ยาว 1.5-2.5 ซม.
ผลยอ่ ยมี 4-9 ผล ยาว 1.5-1.8 ซม. ปลายมตี ิง่ แหลม (ภาพ: cultivated - RP) ตน้ ออ่ นใตใ้ บเลยี้ งยาว 15-35 ซม. เรยี บหรอื มสี นั คมตามยาว หอ้ ยลง โคนสคี รมี

โปรงขาว, สกุล พบทแี่ อฟรกิ า มาดากสั การ์ อนิ เดยี ศรลี งั กา พมา่ กมั พชู า เวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี
ฟลิ ิปปนิ ส์ นิวกินี และออสเตรเลีย ในไทยทางภาคตะวันออกเฉยี งใต้ และภาคใต้
Ceriops Arn. เน้ือไม้มีความทนทานมากที่สุดในบรรดาไม้ในป่าโกงกาง ใช้ท�ำฟืนและถ่าน
วงศ์ Rhizophoraceae คณุ ภาพดี เปลือกใช้ทำ� สยี อ้ มให้สดี ำ� ค�ำระบุชนดิ มาจากคำ� วา่ “tagalog” ท่ใี ช้
เรียกชนเผา่ ในฟลิ ปิ ปนิ ส์
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ ขนาดเลก็ มรี ากหายใจรปู หวั เขา่ และรากคำ้� ยนั หใู บรปู ใบหอก
รว่ งเรว็ โคนดา้ นในมตี อ่ มจำ� นวนมาก ใบเรยี งตรงขา้ มสลบั ตงั้ ฉากหนาแนน่ ชว่ ง โปรงหมู
ปลายก่ิง แผ่นใบหนา เส้นใบไม่ชดั เจน ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแนน่ ออกสัน้ ๆ
ตามซอกใบ ใบประดบั ยอ่ ย 2 ใบเชอื่ มตดิ กนั ทโี่ คน กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจำ� นวน Ceriops zippeliana Blume
อย่างละ 5-6 กลีบ กลีบเลีย้ งแฉกลึก หนา ตดิ ทน กลบี ดอกเช่อื มตดิ กันท่โี คน ไมพ้ ุม่ หรือไม้ตน้ สงู ได้ถงึ 12 ม. เปลือกสีนำ้� ตาลแตกเปน็ สะเก็ด หใู บยาว
หุ้มเกสรเพศผู้ ขอบกลีบมีขนรูปตะขอ จานฐานดอกจักเป็นพูต้ืน ๆ เกสรเพศผู้
10-12 อัน อับเรณตู ิดด้านหลงั รังไข่กง่ึ ใตว้ งกลบี มี 3 ชอ่ ง แตล่ ะชอ่ งมอี อวุล 2 เม็ด 2.5-3.6 ซม. โคนด้านในมี 280-310 ต่อม เรียง 18-20 ช้นั ใบรูปไข่ ยาว 5.5-11 ซม.
ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเรียบหรือจักตื้น ๆ ผลสดส่วนมากมีเมล็ดเดียว ปลายมนกลม กา้ นใบยาว 1.5-2.6 ซม. ชอ่ ดอกมี 3-7 ดอก ใบประดบั ยอ่ ยแยก
ต้นอ่อนใต้ใบเลีย้ ง (hypocotyl) รูปกระบอง มรี ิว้ หรอื เปน็ สัน 2 แฉก ยาวประมาณ 2.5 มม. มีตอ่ มดา้ นใน 2-8 ตอ่ ม กลบี เลย้ี งรูปไข่ ยาว 2-3 มม.
ดอกสขี าวเปลี่ยนเป็นสีนำ�้ ตาล กลบี รปู สามเหลยี่ มแคบ ยาว 3-3.5 มม. ขอบกลีบมขี น
สกุล Ceriops มี 5 ชนิด เป็นไม้ในปา่ โกงกาง พบทีแ่ อฟรกิ า เอเชีย และออสเตรเลยี ชว่ งบน รยางคจ์ กั เปน็ พู่ อบั เรณปู ลายมรี ยางค์ 1 อนั กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ
ในไทยมี 3 ชนิด ช่ือสกลุ มาจากภาษากรกี ‘ceras-opsis’ เขา หมายถึงส่วนทีง่ อก 2 มม. ผลรูปไข่ ยาวประมาณ 1.5 ซม. ผวิ เปน็ รา่ งแห ตน้ อ่อนใตใ้ บเล้ยี งยาว 9-17 ซม.
ของตน้ ออ่ นใต้ใบเลย้ี งคล้ายเขา ลักษณะทีใ่ ชจ้ �ำ แนกชนดิ คือ จำ�นวนแถวและต่อม โค้งงอ มีสันตามยาว ชข้ี ้ึนหรอื ลง เรยี วยาวไม่เท่ากนั ปลายแหลม โคนสีแดง
ท่ีโคนหใู บด้านใน รยางค์ทปี่ ลายกลีบดอก จ�ำ นวนดอก และต้นอ่อนใต้ใบเลีย้ ง
พบท่ีเวยี ดนาม ภมู ภิ าคมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้
โปรงขาว และภาคใต้ โดยเฉพาะฝัง่ อา่ วไทย ค�ำระบุชนดิ ต้ังตามนกั พฤกษศาสตรช์ าวดัตช์
Alexander Zippelius (1797-1828)
Ceriops decandra (Griff.) Ding Hou
เอกสารอา้ งองิ
ช่ือพ้อง Bruguiera decandra Griff. Hou, D. (1970). Rhizophoraceae. In Flora of Thailand Vol. 2(1): 10-12.
Hughes, R.H. and S. Sukardjo. (1992). Ceriops decandra (Griff.) Ding Hou. In
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู 2-10 ม. เปลอื กสเี ทาลอกเปน็ แผน่ หใู บยาว 1.2-2.5 ซม. Plant Resources of South-East Asia. No. 3: Dye and tannin-producing
โคนด้านในมี 50-70 ตอ่ ม เรยี ง 7-8 ชน้ั ใบรปู ไข่หรือรูปไขก่ ลบั ยาว 4-9 ซม. plants. Prosea Foundation, Bogor, Indonesia. pp. 65-67.
ก้านใบยาว 1.2-2.5 ซม. ช่อดอกมี 4-12 ดอก ใบประดบั ย่อยแยก 2 แฉก ยาว Sheue, C.R., H.Y. Liu, C.C. Tsai, S.M.A. Rashid, J.W.H. Yong, and Y.P. Yang.
1-2 มม. มีต่อมดา้ นใน 1-3 ตอ่ ม กลบี เล้ียงรูปไข่ ยาวประมาณ 4 มม. ดอกสขี าว (2009). On the morphology and molecular basis of segregation of two
เปลี่ยนเปน็ สีนำ้� ตาล กลีบรปู สามเหลีย่ มแคบ ยาวเท่า ๆ กลีบเล้ยี ง ขอบมขี นครุย species Ceriops zippeliana Blume and C. decandra (Griff.) Ding Hou
รยางค์จักเปน็ พู่ ปลายอับเรณมู รี ยางค์ 1 อัน ก้านเกสรเพศเมียยาว 2.5-3 มม. (Rhizophoraceae) from southeastern Asia. Blumea 54: 220-227.
ผลรูปไข่ ยาวประมาณ 8 มม. ตน้ อ่อนใตใ้ บเลี้ยงยาว 8-13 ซม. โคง้ งอ มีสัน
ตามยาว ชี้ขึน้ หรือลงเลก็ นอ้ ย ปลายแหลมมน โคนสีนำ�้ ตาล โปรงขาว: หูใบยาว ชอ่ ดอกคล้ายแบบช่อกระจุกสั้น ๆ ตามซอกใบ กลีบเลี้ยงตดิ ทน (ภาพ: กระบี่ - NP)

พบทแ่ี อฟรกิ า อนิ เดยี ศรลี งั กา บงั กลาเทศ พมา่ คาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทาง โปรงแดง: ดอกเปลี่ยนเปน็ สนี �้ำตาล ต้นอ่อนใตใ้ บเลีย้ งหอ้ ยลง เรยี บ โคนสคี รมี (ภาพช่อดอก: ประจวบคีรีขันธ,์
ภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ส่วนมากพบทางฝ่งั ทะเลอันดามัน เปลอื กใช้ ภาพผล: ตรงั ; - NP)
ยอ้ มผา้ บาตกิ สารสกดั จากใบมีคุณสมบัติลดนำ้� ตาลในเลือดของหนทู ดลอง
โปรงหมู: ใบเรียงตรงข้ามสลบั ต้งั ฉาก ปลายใบมนกลม ต้นอ่อนใตใ้ บเล้ียงยาว ชีข้ ้นึ (ภาพ: บ้านแหลม เพชรบรุ ี - NP)
โปรงแดง

Ceriops tagal (Perr.) C. B. Rob.

ชือ่ พอ้ ง Rhizophora tagal Perr.

ไมพ้ ุ่มหรือไม้ต้น สว่ นมากสงู 2-10 ม. หรืออาจสงู ไดถ้ ึง 30-40 ม. เปลือกสีเทา
หรือน�้ำตาลแดง แตกเป็นสะเกด็ หรือรอ่ งตามยาว หใู บยาว 1-2.5 ซม. โคนด้านใน
มี 165-205 ต่อม เรยี ง 24-26 ชน้ั ใบรูปไข่ รูปไข่กลับ หรือรูปขอบขนาน ยาว
4-12 ซม. กา้ นใบยาว 1-3.5 ซม. ช่อดอกมี 4-10 ดอก ใบประดบั ย่อยรปู ถว้ ย
ยาวประมาณ 2.5 มม. กลบี เล้ียงรปู ไขแ่ กมรูปสามเหลย่ี ม ยาวประมาณ 5 มม.
บานออกในผล ดอกสขี าวหรอื ครมี เปลยี่ นเปน็ สีน�้ำตาล กลีบรูปไข่กลบั หรอื แกม
รปู ขอบขนาน ยาว 3.5-4 มม. ปลายตัด รยางคร์ ปู กระบอง 3 อัน มตี อ่ มกระจาย

270

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ผกั กระเฉด

ผกากรองปา่ ผักกระจับ

Lantana trifolia L. Philydrum lanuginosum Banks & Sol. ex Gaertn.
วงศ์ Verbenaceae วงศ์ Philydraceae

ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 2 ม. ลำ� ตน้ เปน็ เหลย่ี มมน ไมม่ หี นาม ใบเรยี งรอบขอ้ 3 ใบ หรอื ไมล้ ม้ ลกุ แตกกอ มเี หงา้ ใตด้ นิ รากหนาแนน่ ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว รปู แถบ
เรยี งตรงขา้ ม รปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว 4-10 ซม. ขอบจกั มน แผน่ ใบดา้ นลา่ ง ยาว 40-70 ซม. กาบใบยาว 5-20 ซม. ใบบนกา้ นชอ่ ดอกขนาดเลก็ ใบประดบั
มขี นหนาแนน่ และตอ่ มกระจาย ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ คลา้ ยชอ่ เชงิ ลด ออก คลา้ ยใบ ปลายเรียวแหลม พับงอในระยะออกดอก ช่อดอกแบบช่อกระจะ มขี น
ช่อเดี่ยว ๆ หรือเปน็ คู่ ยาวไดถ้ ึง 6 ซม. ในผล กา้ นชอ่ สน้ั หรอื ยาวกว่าช่อดอก คล้ายขนแกะ ก้านช่อยาว 30-150 ซม. ดอกสีเหลือง กลีบรวม 4 กลบี คู่นอกยาว
ใบประดับมีขนสน้ั นุ่ม ชว่ งโคนชอ่ รปู ไข่ ยาว 0.7-1 ซม. ช่วงปลายช่อเรยี วแคบ 1.2-1.5 ซม. ปลายเรยี วยาว ขอบจกั มนถ่ี กลีบดา้ นล่างปลายแยก 2 แฉก คใู่ น
และสน้ั กวา่ ดอกไรก้ า้ น กลบี เลย้ี งเชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด ปลายจกั ไมช่ ดั เจน ดอกสมี ว่ ง ขนาดเลก็ กวา่ รูปใบพาย ยาว 4-7 มม. เกสรเพศผู้มีอันเดียว ติดบนกลบี ด้านใน
หรอื ชมพู สมมาตรด้านข้าง ปากหลอดกลบี สีเหลอื ง ดา้ นนอกและปากหลอดมี หรอื ดา้ นนอกกลบี ลา่ ง กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ 5 มม. อบั เรณมู ี 2 พู บดิ โค้งงอ
ขนสนั้ นุม่ หลอดกลีบโคง้ ยาว 6-8 มม. มี 4 กลีบ รูปกลม สั้นกว่าหลอดกลบี กลีบล่าง รงั ไข่มขี นคลา้ ยขนแกะหนาแนน่ มี 3 คาร์เพล กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 3-4 มม.
ยาวกว่ากลีบอ่นื เล็กนอ้ ย เกสรเพศผสู้ ั้น 2 อัน ยาว 2 อัน ตดิ ใต้จดุ ก่ึงกลางหลอดกลีบ ยอดเกสรเป็นตมุ่ คล้ายสามเหลย่ี ม ผลแห้งแตก รูปขอบขนานแกมรูปสามเหลีย่ ม
กา้ นชูอบั เรณูสัน้ กา้ นเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1 มม. ยอดเกสรเป็นตมุ่ เบีย้ ว ยาวประมาณ 1 ซม. เมล็ดขนาดเล็ก จ�ำนวนมาก
ชอ่ ผลย่ืนยาว ผลสดผนังชั้นในแข็ง แก่สมี ่วง เส้นผ่านศูนยก์ ลางประมาณ 3 มม.
มี 2 ไพรีน แต่ละไพรนี มีเมลด็ เดียว พบทห่ี มเู่ กาะอนั ดามนั ของอนิ เดยี พมา่ เวยี ดนาม ไตห้ วนั ฮอ่ งกง คาบสมทุ รมลายู
นวิ กนิ ี ออสเตรเลยี และภาคใตข้ องไทย ขึ้นตามที่ชนื้ แฉะท่ีโลง่ นาขา้ ว ความสงู
มถี นิ่ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าเขตรอ้ น ขน้ึ เปน็ วชั พชื ทวั่ ไปในแอฟรกิ า และเอเชยี ในไทย ไมเ่ กิน 50 เมตร
สว่ นมากพบตามปา่ เบญจพรรณ และเขาหนิ ปนู ทางภาคเหนอื ความสงู ถงึ ประมาณ
1000 เมตร สกุล Philydrum Banks ex Gaertn. เปน็ สกลุ ที่มีชนดิ เดียว ชือ่ สกลุ มาจากภาษา
กรกี “phileo” เพอื่ น และ “hydro” นำ้� หมายถงึ พชื ชอบน้ำ� ตามลกั ษณะถน่ิ ท่ีอยู่
สกุล Lantana L. มปี ระมาณ 55 ชนิด สว่ นใหญพ่ บในอเมรกิ า และแอฟริกา
ในไทยมี 3 ชนดิ ท่ีพบทว่ั ไปคือ ผกากรอง L. camara L. ล�ำ ต้นมหี นาม แผ่นใบสาก เอกสารอา้ งองิ
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกแนน่ มีหลากสี มถี ิน่ กำ�เนิดในแถบหมูเ่ กาะแคริบเบยี น Larsen, K. (1987). Philydraceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 104-105.
ส่วนผกากรองเลื้อย L. montevidensis (Spreng.) Briq. มีถนิ่ ก�ำ เนิดในอเมรกิ าใต้
เปน็ ไมเ้ ถา ไมม่ หี นาม ดอกส่วนมากมสี ีม่วงอมฟ้า

เอกสารอ้างอิง
Atkins, S. (2010). Verbenaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(2): 252-261.
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
Press, Honolulu, Hawai`i.

ผกากรองปา่ : ขอบใบจักมน ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ เชงิ ลด ใบประดบั มีขนสั้นนุ่ม กลีบดอกสมมาตรดา้ นขา้ ง ปากหลอด ผักกระจบั : ถ่ินท่ีอยูต่ ามท่ีโล่งช้นื แฉะ ช่อดอกมขี นคล้ายขนแกะปกคลมุ ทั่วไป ดอกสเี หลือง (ภาพ: ชมุ พร - PK)
กลบี ดอกสเี หลอื ง ช่อผลย่ืนยาว ผลแกส่ ีมว่ ง (ภาพ: ดอยหัวหมด ตาก; ภาพชอ่ ดอก - RP, ภาพผลชอ่ ผล - PK)
ผกั กระเฉด, สกุล
ผกากรอง: ตน้ ที่ขึ้นเป็นวชั พืชดอกสว่ นมากสีส้ม ปากหลอดกลีบไม่มสี แี หลืองแต้ม ต้นท่ีเป็นไม้ประดบั มหี ลากสแี ละ
ปากหลอดกลบี ดอกมีสเี หลืองแต้ม (ภาพดอกสสี ้ม: เขางู ราชบรุ ี, ภาพดอกหลากส:ี cultivated; - RP) Neptunia Lour.
วงศ์ Fabaceae
ผกากรองเลอื้ ย: ไม้เถา ใบเรยี งตรงขา้ ม ขอบจกั มน ดอกสมี ่วงอมฟา้ (ภาพ: cultivated - RP)
ไม้ลม้ ลุก ข้ึนบนดนิ หรือลอยในนำ้� หูใบไม่เป็นหนาม ใบประกอบ 2 ช้ัน ไวตอ่
การสัมผัส ใบย่อยเรียงตรงข้าม ดอกออกเป็นช่อกระจุกแน่น ทรงกลมหรือรี
ดอกสมบรู ณเ์ พศเฉพาะดอกดา้ นบน กลบี เลย้ี งเชอื่ มตดิ กนั ปลายแยกเปน็ 5 แฉก
กลบี ดอก 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 10 อัน ผลติดกันเป็นกระจุก ฝกั แบน เมลด็ รปู รี
แบน ๆ สนี ำ�้ ตาล

สกลุ Neptunia อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Mimosoideae มปี ระมาณ 13 ชนดิ พบใน
เขตรอ้ น ในไทยพบเปน็ วัชพชื 3 ชนิด ช่ือสกุลมาจาก Neptunus เทพเจ้าแหง่ น�้ำ
ของชาวโรมนั

ผกั กระเฉด

Neptunia oleracea Lour.
ไมล้ ม้ ลกุ ล�ำต้นมีนวมสีขาว หใู บรปู หวั ใจเบี้ยว ยาว 4-8 มม. ใบประกอบมี

2-4 ใบประกอบย่อย แกนกลางใบประกอบยาว 3.5-8 ซม. กา้ นใบประกอบยาว
2-4 ซม. ไม่มีต่อม ใบย่อยมไี ม่เกิน 20 คู่ รูปขอบขนาน เบ้ยี ว ยาว 0.4-1 ซม.
ปลายมตี ง่ิ โคนตดั กา้ นชอ่ ยาว 12-30 ซม. มี 30-50 ดอก ดอกทเ่ี ปน็ หมนั กลบี เลย้ี ง
ยาว 0.1-1.5 มม. กลีบดอกยาว 2-3.5 มม. เกสรเพศผู้เปน็ หมนั รปู เส้นดา้ ย ยาว
0.7-1.5 ซม. ดอกสมบูรณเ์ พศ กลบี เลยี้ งยาว 2-3 มม. กลีบดอกยาว 3-4.5 มม.
เกสรเพศผูย้ าว 6-9 มม. รังไขเ่ กลี้ยง มกี ้าน ฝักรปู ขอบขนาน ยาว 2-4 ซม. มี
4-20 เมลด็ รูปไข่ ยาว 4-5 มม.

มีถ่ินก�ำเนิดในอเมริกาใต้ คล้ายกับผกั กระฉดู N. plena (L.) Benth. ใบยอ่ ย
มมี ากกวา่ 20 คู่ ยอดอ่อนกนิ ได้แตเ่ หนียวกว่าผกั กระเฉด ข้นึ เป็นวัชพืชทั่วไป

271

ผกั กระเฉดโคก สารานุกรมพืชในประเทศไทย

ผกั กระเฉดโคก ผักกระสัง: ล�ำต้นอวบนำ้� ใบเรียงเวยี น โคนรูปหวั ใจ ช่อดอกแบบชอ่ เชิงลด ออกตามปลายก่ิงหรอื ซอกใบ ดอกขนาดเล็ก
ไรก้ า้ น ฝงั บนแกนชอ่ ผลมีปุม่ กระจาย (ภาพ: กรุงเทพฯ - RP)
Neptunia javanica Miq.
ไม้ล้มลกุ ทอดเลื้อย ยาวได้ถงึ 1 ม. หใู บรูปหัวใจ ยาว 2-3 มม. ใบประกอบมี ผกั กาดกบ

1-3 ใบประกอบยอ่ ย แกนกลางใบประกอบยาว 1-3 ซม. ตอ่ มไมช่ ดั เจน ก้านใบ Gynura pseudochina (L.) DC.
ยาว 0.5-1.5 ซม. ใบยอ่ ยมี 7-20 คู่ รปู ขอบขนาน เบ้ยี ว ยาว 0.2-0.8 ซม. ปลาย วงศ์ Asteraceae
มตี ิง่ โคนตดั กา้ นชอ่ ยาว 3-7 ซม. มี 13-15 ดอก ดอกทเี่ ปน็ หมันกลบี เลี้ยงยาว
0.8-1.3 มม. กลบี ดอกรูปรีหรอื รูปใบหอก ยาว 1.8-2.3 มม. เกสรเพศผู้เปน็ หมัน ชื่อพอ้ ง Senecio pseudochina L.
รูปเสน้ ด้าย ยาว 5-8 มม. ดอกสมบูรณ์เพศกลบี เลี้ยงยาว 1.8-2.5 มม. กลบี ดอก
รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว 3-4 มม. เกสรเพศผยู้ าว 4-5.5 มม. รงั ไขเ่ กลยี้ ง ไมล้ ้มลกุ ล�ำตน้ สน้ั อวบ รากอวบหนา ใบเรยี งเวยี นเปน็ กระจกุ ทีโ่ คน รูปรี
ไรก้ ้าน ฝกั แบน โค้ง ยาว 3-5 ซม. มี 7-11 เมล็ด รูปรี ยาว 3-4 มม. รปู ไขก่ ลบั หรอื รูปใบพาย เรยี บหรือแฉกลึก ยาว 5-18 ซม. มีขนส้ันนุ่มประปราย
ดา้ นลา่ งมกั มสี มี ว่ งแซม กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 3 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ บน
พบทพี่ ม่า ภมู ิภาคอินโดจนี ชวา และตมิ อร์ ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามท่ีโล่ง ชอ่ เชงิ หลัน่ กา้ นชอ่ โดดยาว 20-80 ซม. มี 1-5 ช่อ เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 1-1.5 ซม.
แหง้ แล้งหรอื ชนื้ แฉะ ความสงู ไม่เกิน 200 เมตร กา้ นช่อยาว 0.5-4 ซม. ใบประดับรูปแถบ มีขนสั้นนุ่ม วงใบประดับรปู ถว้ ย ยาว
1-1.2 ซม. รวิ้ ประดบั 8-9 อัน รูปแถบ ขนาดไมเ่ ท่ากัน วงใบประดับยอ่ ยเรียง
เอกสารอ้างอิง แถวเดยี ว มปี ระมาณ 13 อนั รปู ใบหอก ยาว 0.7-1.2 ซม. มขี นสน้ั นมุ่ ดอกสเี หลอื ง
Nielsen, I.C. (1985). Leguminosae-Mimosoideae. In Flora of Thailand Vol. 4(2): หรือส้มอมแดง มี 5 กลีบ ยาว 1-1.3 ซม. หลอดกลบี เรียวยาว กลีบรูปสามเหลีย่ ม
146-149. ขนาดเล็กปลายมน เกสรเพศผู้ 5 อัน ก้านเกสรเพศเมยี แตกแขนง ผลแหง้ เมลด็ ล่อน
สนี ้�ำตาลแดง รปู ทรงกระบอก ยาว 3-4 มม. มี 10 ร้ิว แพปพสั จำ� นวนมาก สขี าว
ผกั กระเฉด: ใบประกอบมี 2-4 ใบประกอบย่อย ใบย่อยมีไมเ่ กิน 20 คู่ รูปขอบขนาน เบ้ียว (ภาพซา้ ยบน: cultivated ยาว 1-1.2 ซม. มีขนคลา้ ยไหม ร่วงง่าย
- MP); ผักกระฉูด: ใบย่อยส่วนมากมมี ากกว่า 20 คู่ ผลตดิ กันเป็นกระจุก (ภาพซา้ ยล่างและภาพขวา: กรงุ เทพฯ - RP)
พบท่ีแอฟริกา ภฏู าน อนิ เดีย เนปาล จีนตอนใต้ ไหห่ นาน และพมา่ ในไทย
พบแทบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ขึน้ ตามทโ่ี ลง่ ทเี่ ป็นหนิ ปูนหรอื ในปา่ สน ความสงู
500-1500 เมตร มสี รรพคุณลดไข้ แกแ้ ผลอกั เสบ แก้ไข้ แก้เจบ็ คอ

สกลุ Gynura Cass. อยูภ่ ายใตเ้ ผ่า Senecioneae มีประมาณ 40 ชนิด พบใน
แอฟรกิ า เอเชยี และออสเตรเลีย ในไทยมปี ระมาณ 12 ชนดิ ชื่อสกุลมาจาก
ภาษากรีก “gyne” เพศเมีย และ “oura” หาง ตามลักษณะยอดเกสรเพศเมียท่ี
มีรยางคเ์ รยี วยาว

เอกสารอ้างองิ
Chen, Y. and B. Nordenstam. (2011). Asteraceae (Gynura). In Flora of China
Vol. 20-21: 539.

ผักกระเฉดโคก: ใบประกอบมี 1-3 ใบประกอบย่อย ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแน่น ทรงกลม (ภาพ: ประจวบคีรขี ันธ์ - RP) ผกั กาดกบ: ใบเรียงเวียนเปน็ กระจกุ ทโ่ี คน เรยี บหรือแฉกลกึ ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ ดอกสีเหลอื งหรือส้มอมแดง
กา้ นเกสรเพศเมยี แตกแขนง เรียวยาว (ภาพ: น้�ำตกธารารักษ์ ตาก - RP)
ผกั กระสงั
ผักกาดหิน
Peperomia pellucida (L.) Kunth
วงศ์ Piperaceae Paraboea pubicorolla Z. R. Xu & B. L. Burtt
วงศ์ Gesneriaceae
ชื่อพอ้ ง Piper pellucidum L.
ไมล้ ม้ ลุก มีเหงา้ หรอื ล�ำตน้ สัน้ ๆ ใบเรยี งตรงข้าม รูปรีหรอื รปู ไข่ ยาว 4-13 ซม.
ไม้ล้มลุก ทอดนอนหรอื ตั้งตรง อาจสงู ได้ถงึ 40 ซม. มีรากตามขอ้ ลำ� ตน้ อวบน�้ำ ปลายแหลมหรอื มน โคนสอบเรยี วจรดกา้ นใบทเี่ ปน็ ปกี แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นละเอยี ด
ไมม่ ีหูใบ ใบเรียงเวียน แผ่นใบหนา รปู ไข่กว้างหรอื แกมรูปสามเหลีย่ ม ยาว 1-3.5 ซม. สเี ทาคลา้ ยขนแกะ กา้ นใบยาว 1-5.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง 1-3 ชอ่
โคนตดั หรอื รูปหัวใจ ก้านใบยาว 1-2 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชิงลด ออกเดีย่ ว ๆ ที่ ยาว 25-35 ซม. ดอกจ�ำนวนมาก ใบประดบั รปู ไขห่ รอื รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ
ปลายกง่ิ หรอื ตามซอกใบ ยาว 2-6 ซม. ดอกขนาดเลก็ ไรก้ า้ น ใบประดบั รปู รกี วา้ ง 5 มม. ก้านดอกยาวประมาณ 5 มม. หลอดกลบี เลย้ี งยาว 2-3 ซม. ปลายแยก 5 กลบี
กว้างประมาณ 0.5 มม. ติดทน มีดอกเดียว ไมม่ กี ลีบเลี้ยงและกลีบดอก เกสรเพศผู้ รูปใบหอก ยาวประมาณ 2 มม. ดอกรปู แตร หลอดกลีบยาวประมาณ 7 มม. กลบี บน
2 อนั กา้ นชอู บั เรณสู น้ั มาก โคนอบั เรณรู ปู กลม รงั ไขม่ ชี อ่ งเดยี ว มีออวลุ เมด็ เดยี ว แยก 2 แฉก รปู รกี ว้าง ยาว 4-5 มม. กลบี ลา่ ง 3 กลีบ กลีบคู่ขา้ งยาวประมาณ 3 มม.
ไรก้ า้ นเกสรเพศเมยี ยอดเกสรเพศเมยี มอี นั เดยี ว สนั้ ตดิ ทน ผลแบบผลยอ่ ยเปลอื กแขง็ กลบี กลางยาวประมาณ 4 มม. เกสรเพศผู้ 2 อนั กา้ นชอู บั เรณบู ดิ งอ ยาวประมาณ
เมล็ดล่อน กลม เส้นผา่ นศูนย์กลางประมาณ 0.5 มม. เหนียว มปี มุ่ กระจาย 4 มม. เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั 2 อนั ผลแหง้ แตก รปู แถบ ยาว 2.5-3 ซม. บดิ เปน็ เกลยี ว
(ดูขอ้ มูลเพ่ิมเติมที่ ชาฤๅษี, สกุล)
มถี ่ินกำ� เนดิ ในอเมริกา ขนึ้ เปน็ วชั พชื ท่ัวไป ทั้งตน้ กนิ เปน็ ผกั สดหรอื ปรงุ สกุ มี
สรรพคณุ ต้านเช้ือแบคทเี รยี แก้ไข้ เจ็บคอ แกท้ ้องเสยี

สกลุ Peperomia Ruiz & Pav. มีกว่า 1600 ชนดิ ในไทยมมี ากกวา่ 20 ชนิด ชื่อสกุล
มาจากภาษากรีก “peperi” พรกิ ไทย และ “homios” เหมือน ตามลักษณะชอ่ ดอก

เอกสารอ้างอิง
Tseng, Y.C., N. Xia and M.G. Gilbert. (1999). Piperaceae. In Flora of China
Vol. 4: 130.

272

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ผกั กดู ดำ�

พชื ถ่นิ เดียวของไทย พบทางภาคตะวนั ออกท่เี ขาพระวิหาร จังหวัดศรสี ะเกษ กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ 5 มม. ติดทน รงั ไข่มีขนสนั้ นุ่ม มกี า้ น ก้านเกสรเพศเมีย
ข้ึนบนกอ้ นหนิ ในป่าดิบแลง้ ความสูงประมาณ 500 เมตร ยาวประมาณ 2 มม. ติดทน ยอดเกสรจกั 3 พู ผลสดมหี ลายเมล็ด รูปรี ยาว 5-7 มม.

เอกสารอ้างองิ พบที่ลาว ในไทยพบทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือท่ีเลย ภาคตะวันออกที่
Zhaoran, Xu and B.L. Burtt. (1991). Towards a revision of Paraboea (Gesneriaceae): อบุ ลราชธานี และภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ก่ี าญจนบรุ ี ประจวบครี ขี นั ธ์ ขน้ึ กระจาย
I. Edinburgh Journal of Botany Vol. 48(1): 10-11. ห่าง ๆ ตามป่าเบญจพรรณ และปา่ ดิบแล้ง ความสูง 100-200 เมตร

สกลุ Neothorelia เดมิ อยภู่ ายใตว้ งศ์ Capparaceae ปัจจบุ ันอยภู่ ายใต้วงศ์เดียว
กับสกลุ Cleome มชี นดิ เดียว ช่อื สกลุ ต้ังตามนกั พฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส
Clovis Thorel (1833-1911)

เอกสารอ้างองิ
Williams, K. and K. Chayamarit. (2005). A revised generic key to the Capparaceae
of Thailand with a description of Neothorelia laotica Gagnep. Thai Forest
Bulletin (Botany) 33: 228-230.

ผักกาดหิน: ใบเรียงตรงขา้ ม โคนสอบเรยี วจรดก้านใบทเ่ี ปน็ ปีก ช่อดอกแบบช่อกระจกุ แยกแขนง ดอกรูปแตร ผกั กมุ่ เครอื : ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะแยกแขนง เกสรเพศผู้เรียง 3 วง ขนาดไมเ่ ท่ากัน
(ภาพ: เขาพระวิหาร ศรสี ะเกษ - RP) ติดทนในผล (ภาพช่อดอก: เลย - PK; ภาพผล: กยุ บุรี ประจวบครี ขี นั ธ์ - SSi)

ผักกาดหนิ คลองลาน ผกั กดู ด�ำ

Damrongia cyanantha Triboun Asplenium longissimum Blume
วงศ์ Gesneriaceae วงศ์ Aspleniaceae

ไม้ลม้ ลุก เกาะบนโขดหิน ลำ� ตน้ ส้ัน ใบเรียงเป็นกระจุก รูปรหี รอื รปู ไข่ ยาว เฟนิ ขนึ้ บนพนื้ ดนิ หรอื องิ อาศยั ลำ� ตน้ เปน็ เหงา้ สนั้ ๆ ตงั้ ขนึ้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
9-17 ซม. โคนเบยี้ ว ขอบใบจกั ฟนั เลอ่ื ยหรอื จกั มน แผน่ ใบมขี นละเอยี ดประปราย ประมาณ 5 มม. ยอดออ่ นมเี กลด็ สนี ำ�้ ตาลดำ� หนาแนน่ ใบประกอบ มกั หอ้ ยลง ยาว
กา้ นใบยาว 5-17 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ ซรี่ ม่ มี 2-5 ช่อ กา้ นชอ่ ยาว 10-22 ซม. 1-2 ม. กา้ นใบสีม่วงคล้ำ� เปน็ รอ่ ง ยาวไดถ้ งึ 20 ซม. ใบยอ่ ยสว่ นมากมี 30-50 คู่
ใบประดับ 2 หรือ 3 อนั รปู หัวใจกว้าง กว้างไดถ้ ึง 1.8 ซม. ใบประดับยอ่ ยยาว ใบคลู่ า่ งอยู่ใกล้เหง้า หา่ งไมเ่ กิน 3 ซม. ยาว 8-10 ซม. กวา้ ง 1.5-2 ซม. ปลาย
2-8 มม. แต่ละชอ่ มไี ดถ้ ึง 10 ดอก บานทลี ะ 1-3 ดอก ก้านดอกสน้ั กวา่ กลบี เล้ยี ง เรียวแหลม โคนเบีย้ ว เว้าเป็นตง่ิ ขอบจกั ซี่ฟันตื้น ๆ แผ่นใบด้านลา่ งมีเกล็ดสดี ำ�
ขยายในผล หลอดกลบี เลยี้ งยาว 1.2-1.4 ซม. 3 กลบี บนเชอื่ มตดิ กนั ยาวประมาณ รปู 3 แฉกกระจาย กา้ นสน้ั หรอื ไรก้ า้ น กลุ่มอับสปอร์สีน�้ำตาลเรียงตัวเป็นแนว
1 ซม. ปลายแยกเปน็ แฉกต้นื ๆ 3 แฉก กลีบลา่ ง 2 กลีบ รปู รกี วา้ ง กวา้ งประมาณ ใกล้เส้นแขนงใบ ยาวประมาณ 1 ซม. มีเย่อื คลุม
7 มม. ดอกรปู แตร สมี ว่ ง หลอดกลบี ดอกยาว 3.5-4 ซม. กลบี รปู รกี วา้ ง กวา้ งประมาณ
1 ซม. เกสรเพศผู้ 2 อัน กา้ นชูอับเรณยู าว 1.2-1.4 ซม. เกสรเพศผ้ทู ีเ่ ปน็ หมนั ยาว พบทก่ี ัมพูชา เวียดนาม คาบสมทุ รมลายู บอร์เนียว ชวา สมุ าตรา และภาคใต้
2-3 มม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 2 ซม. ผลรูปแถบ ยาวเท่า ๆ หรือส้ันกว่า ของไทยทนี่ ครศรธี รรมราช ยะลา นราธวิ าส ขนึ้ ตามปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู ระดบั ตำ�่ ๆ
กา้ นผล (ดขู ้อมลู เพม่ิ เติมท่ี เศวตฉตั ร, สกุล)
สกุล Asplenium L. มมี ากกวา่ 700 ชนิด ในไทยมเี กือบ 40 ชนิด หลายชนิดมี
พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ตอนลา่ งทคี่ ลองลาน จงั หวดั กำ� แพงเพชร สรรพคณุ ด้านสมนุ ไพร ช่อื สกุลมาจากภาษากรกี “asplenon” เฟินทมี่ ีสรรพคุณ
ขึน้ บนโขดหนิ รมิ ล�ำธารในปา่ ดบิ แลง้ ความสงู ประมาณ 300 เมตร ด้านสมุนไพร
เอกสารอ้างอิง
เอกสารอ้างอิง Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
Triboun, P. and D.J. Middleton. (2010). A new species of Damrongia (Gesneriaceae)
from Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 38: 108-110. Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1985). Aspleniaceae. In Flora of Thailand 3(2):
ผกั กาดหนิ คลองลาน: ใบเรียงเปน็ กระจกุ โคนเบย้ี ว ช่อดอกแบบชอ่ ซีร่ ม่ ใบประดับรปู หัวใจกวา้ ง กลบี เล้ียงกลบี บน
เชอื่ มตดิ กนั ปลายแยกเป็นแฉกต้นื ๆ 3 แฉก กลีบลา่ ง 2 กลีบ ดอกรปู แตร (ภาพ: คลองลาน ก�ำแพงเพชร - SSi) 281-282.

ผักกุ่มเครือ ผักกดู ดำ� : ใบหอ้ ยลง คู่ล่างอยู่ใกล้เหง้า กา้ นใบสมี ่วงคลำ�้ กลุ่มอับสปอรเ์ รียงตามเสน้ แขนงใบ (ภาพ: นราธิวาส - PC)

Neothorelia laotica Gagnep.
วงศ์ Cleomaceae

ไมเ้ ถา ยาวได้ถึง 5 ม. ไมม่ หี ใู บ ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย เรียงเวยี น กา้ นใบยาว
4-10 ซม. ใบยอ่ ยรปู ขอบขนานหรอื แกมรปู ไข่ ยาว 6-13 ซม. ปลายและโคนแหลม
แผน่ ใบมตี มุ่ กระจาย กา้ นใบยอ่ ยยาว 3-7 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะแยกแขนง
ยาว 6-30 ซม. ดอกจ�ำนวนมาก กา้ นดอกยาว 1-3 มม. ใบประดับรปู แถบขนาดเลก็
กลบี เลย้ี ง 6 กลีบ เรียง 2 วง เรียงซ้อนเหลื่อม รูปใบหอกกลับ ยาว 3-4.5 มม.
ตดิ ทน มขี นสนั้ น่มุ ดอกสเี ขียว มี 6 กลีบ รปู รี ยาวประมาณ 3 มม. รวมกา้ นกลีบ มี
ขนยาว เกสรเพศผู้ 15-20 อนั เรยี ง 3 วง ขนาดไมเ่ ทา่ กัน วงนอกส้ันกวา่ 2 วงใน

273

ผักกดู ปา่ สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

ผกั กดู ป่า, สกลุ ผักกดู หม่อน: ขนึ้ ตามทีโ่ ลง่ ท่ชี น้ื แฉะ ใบย่อยเรียงห่างกัน ไรก้ ้าน ขอบจักเป็นพู กลุ่มอบั สปอรเ์ รียงตามขอบจัก
เรยี งชิดกันเป็นแถว (ภาพ: ทองผาภูมิ กาญจนบรุ ี - PK)
Cyclosorus Link
วงศ์ Thelypteridaceae ผักขมหิน, สกุล

เฟนิ ขน้ึ บนพนื้ ดนิ เหงา้ ทอดเลอ้ื ยหรอื ตงั้ ตรง มเี กลด็ หนาแนน่ ใบประกอบชนั้ เดยี ว Boerhavia L.
หรอื คลา้ ยแบบ 2 ชัน้ แผ่นใบสว่ นมากมีขนตามเสน้ ใบทง้ั สองด้าน เส้นแขนงใบ วงศ์ Nyctaginaceae
เรยี งเดยี่ ว ๆ หรอื แตกเปน็ งา่ ม เสน้ ใบชว่ งโคนเรยี งจรดขอบจกั กลมุ่ อบั สปอรก์ ลม
ติดประมาณช่วงกลางเส้นใบยอ่ ย เย่ือคลุมรูปคล้ายไต อับสปอรม์ ีขนหรือตอ่ ม ไมล้ ม้ ลกุ ทอดนอนหรอื ทอดเลอื้ ย ใบเรยี งตรงขา้ ม ขนาดมกั ไมเ่ ทา่ กนั ชอ่ ดอก
สปอร์มสี นั เป็นปกี หรือหนามทู่ ๆ แบบชอ่ กระจกุ คลา้ ยชอ่ ซร่ี ม่ แยกแขนงหา่ ง ๆ ใบประดบั ขนาดเลก็ ดอกรปู ระฆงั
วงกลีบรวมคอดเว้าเหนือรงั ไข่ มี 5 กลีบ ปลายตดั หรอื พบั จีบ เกสรเพศผู้ 1-5 อัน
สกุล Cyclosorus มปี ระมาณ 250 ชนิด พบในเขตรอ้ นทง้ั ในอเมริกา แอฟริกา ไมย่ น่ื พน้ หลอดกลบี หรอื ยน่ื เพยี งเลก็ นอ้ ย กา้ นชอู บั เรณเู ชอื่ มตดิ กนั ทโี่ คน รงั ไขเ่ บย้ี ว
และเอเชีย ในไทยมี 44 ชนดิ ชอ่ื สกุลมาจากภาษากรกี “kyklos” วงกลม และ มีก้าน ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุม่ ผลคลา้ ยผลแหง้ เมลด็ ลอ่ น รูปกรวยกลับหรอื
“soros” ทหี่ ุม้ สปอร์ ตามลกั ษณะเยอื่ คลุมกลมุ่ อบั สปอร์ คล้ายกระบอง เปน็ สัน 5 สัน มกั มีขนต่อมเหนยี ว มีเมลด็ เดยี ว

ผักกูดป่า สกลุ Boerhavia มีประมาณ 50 ชนดิ พบในเขตร้อนและก่ึงเขตร้อน ในไทยมี
2 ชนดิ และอาจมี B. repens L. และ B. coccinea Mill. ซึง่ มกั สบั สนและคลา้ ย
Cyclosorus dentatus (Forssk.) Ching กบั B. diffusa L. มาก ลำ�ต้นไมท่ อดเล้ือย มขี นทว่ั ไป ช่อดอกออกตามซอกใบ
หรอื ปลายก่งิ ไมช่ ดั เจน ส่วนชนดิ B. chinensis (L.) Asch. & Schweinf. ในที่นี้
ชื่อพอ้ ง Polypodium dentatum Forssk. ให้เป็นชอ่ื พ้องของขีอ้ ้นเครอื Commicarpus chinensis (L.) Heimerl ซึ่งชอ่ ดอก
แบบช่อซ่ีรม่ ดอกรูปแตร เกสรเพศผู้และเพศเมยี ย่นื เลยปากหลอดกลบี ผลมี
เฟินขึ้นบนดิน เหงา้ สั้น มขี นหนาแนน่ เกล็ดสีนำ�้ ตาลเรียวแคบ ยาวประมาณ ตุม่ นูนขน้ึ ชัดเจน ช่ือสกุลตงั้ ตามนายแพทย์และนักพฤกษศาสตรช์ าวดัตช์ Herman
8 มม. ขอบมขี นประปราย ใบประกอบยาว 30-90 ซม. ก้านใบแขง็ ยาว 15-60 ซม. Boerhaave (1668-1739)
เปน็ ร่องลึกมีเกล็ดทโ่ี คน ใบยอ่ ย 12-25 คู่ เรียงห่าง ๆ รูปแถบ ยาว 4-15 ซม.
ปลายเรยี วแหลม โคนตดั หรอื เวา้ เปน็ ตง่ิ กา้ นใบสนั้ มากหรอื ไรก้ า้ น ขอบจกั เปน็ พลู กึ ผักขมหิน
โคง้ รูปขอบขนาน เบย้ี ว ปลายมน แผน่ ใบมีขนทง้ั สองด้าน กลุ่มอบั สปอร์กลม
เรียงขนานกบั เสน้ ใบ เยอื่ คลุมมีขนหนาแน่น Boerhavia diffusa L.
ไมล้ ม้ ลกุ ลำ� ตน้ ทอดเลอื้ ยยาวไดถ้ งึ 1-2 ม. รากหนา ใบรปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน
พบในเขตรอ้ น ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามทแี่ หง้ แลง้ หรอื ทลี่ มุ่ นำ้� ขงั และปา่ พรุ
ความสูงถงึ ประมาณ 2000 เมตร หรือรปู ใบหอก ยาว 1-5 ซม. ปลายแหลมหรอื มน โคนกลมหรอื ตัด ขอบใบมีต่อมขน
สแี ดง กา้ นชอ่ ดอกยาว ใบประดบั รปู สามเหลย่ี มขนาดเลก็ ปลายเรยี วแหลม ตดิ ทน
ผักกดู หมอ่ น แตล่ ะชอ่ กระจกุ ย่อยสว่ นมากมี 2-5 ดอก ดอกสีชมพู แดง หรอื ขาว ก้านดอกสน้ั
หรือไร้ก้าน กลีบรวม 1.5-2 มม. ปลายจกั ตื้น ๆ เกสรเพศผู้ส่วนมากมี 2-3 อนั
Cyclosorus interruptus (Willd.) H. Ito ย่ืนพน้ หลอดกลีบเลก็ น้อย ผลรูปคลา้ ยกระบอง ปลายมนกลม มี 5 สัน ยาว 2-3.5 มม.
มตี อ่ มเหนียวกระจายและขนประปราย
ช่ือพอ้ ง Pteris interrupta Willd., Thelypteris interrupta (Willd.) K. Iwats.
เปน็ วชั พชื ทว่ั ไปในเขตรอ้ น กนิ เปน็ ผกั สด มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง
เฟินข้ึนบนดิน เหงา้ เกาะเลื้อย เสน้ ผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 มม. เกล็ดรูป ในออสเตรเลยี ถือว่าเปน็ วชั พืชช้ันดี ใช้เลีย้ งแกะและวัว
สามเหล่ียมสีนำ�้ ตาล ยาวประมาณ 2.5 มม. รว่ งเร็ว ใบประกอบยาว 22-60 ซม.
กา้ นใบยาว 22-70 ซม. ใบยอ่ ย 14-25 คู่ รปู แถบ ยาว 6-15 ซม. หรือยาวไดถ้ งึ ผักขมหนิ
20 ซม. เรยี งหา่ งกัน ปลายเรยี วแหลม โคนกลม ไรก้ ้านหรือมีกา้ นสัน้ ๆ ขอบจกั
เปน็ พลู กึ ไมเ่ กนิ กงึ่ หนงึ่ รปู ขอบขนาน ปลายมน มตี งิ่ แหลม เสน้ กลางใบสว่ นมาก Boerhavia erecta L.
มีขนและเกล็ดประปราย แผ่นใบมีขนหรือต่อมตามเส้นใบ กลุ่มของอับสปอร์ ไมล้ ้มลกุ สูงได้ถึง 1 ม. ลำ� ตน้ ตงั้ ตรงหรือทอดเล้ือย ใบส่วนมากอย่ชู ่วงล่าง
เกิดบริเวณขอบใบย่อย เรียงชดิ กนั เปน็ แถว
ของลำ� ตน้ ใบรปู ไขห่ รอื คลา้ ยสเี่ หลยี่ มขา้ วหลามตดั แกมรปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก
พบในเขตรอ้ น ในไทยพบทกุ ภาค โดยเฉพาะภาคใต้ ข้ึนรวมกนั เปน็ กล่มุ ใหญ่ ยาว 2-8 ซม. ปลายแหลม โคนกลมหรอื ตดั ขอบบางคร้งั เวา้ เป็นคล่ืน แผ่นใบมี
ตามทโี่ ลง่ ท่ีนำ�้ ทว่ มขงั และขอบป่าพรุ ความสูงระดบั ตำ่� ๆ ขนละเอยี ดและจดุ โปร่งใสกระจาย กา้ นใบยาว 0.5-5.5 ซม. ช่อดอกแยกแขนง
หลายครงั้ แผก่ ระจาย ช่อดอกย่อยสว่ นมากมี 1-5 ดอก ไรก้ า้ นหรอื กา้ นยาวได้ถึง
เอกสารอา้ งอิง 5 มม. ดอกสว่ นมากสขี าว หรอื มปี น้ื ชมพหู รอื มว่ ง กลบี รวมยาวประมาณ 2 มม.
Lin, Y., L. Zhongyang and K. Iwatsuki. (2013). Thelypteridaceae (Cyclosorus). เกสรเพศผู้ 1-4 อนั ยื่นพ้นปากหลอดกลีบเลก็ น้อย ผลรปู กรวยกลบั ปลายตดั
In Flora of China Vol. 2-3: 372, 374, 377. มี 5 สัน ปลายสันมักแหลม เกล้ียง ยาว 2-4 มม.
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/ เปน็ วชั พชื ทว่ั ไปในเขตรอ้ น มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง โดยเฉพาะราก
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1988). Thelypteridaceae (Thelypteris). In Flora of
Thailand 3(2): 400, 427. เอกสารอา้ งอิง
Larsen, K. (1991). Nyctaginaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(3): 371-374.
ผกั กดู ป่า: ใบย่อยเรียงห่าง ๆ ขอบจกั เปน็ พู กลุ่มอบั สปอรก์ ลม เรียงขนานเสน้ ใบ เยือ่ คลมุ มขี นหนาแน่น Lu, D. and M.G. Gilbert. (2003). Nyctaginaceae. In Flora of China Vol. 5:
(ภาพ: เขาบรรทัด ตรงั - TP) 433-434.

274

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ผกั คาวทอง

ผกั ขมหนิ : B. diffusa ใบเรียงตรงข้ามขนาดไมเ่ ท่ากัน ขอบมตี อ่ มขนสแี ดง ช่อดอกแบบช่อกระจุกคลา้ ยช่อซรี่ ม่ ผักค้างคาว
แยกแขนง ดอกรปู ระฆัง ผลรูปคล้ายกระบอง มีต่อมเหนียว (ภาพใบ: สระบุรี - RP; ภาพช่อดอก: กรงุ เทพฯ - SSu)
Hedyotis ovatifolia Cav.
ผักขมหนิ : B. erecta ใบมขี น ชอ่ ดอกแยกแขนง 4-6 ครงั้ แผ่กระจาย ดอกไร้ก้านหรอื มีก้าน ส่วนมากสีขาว วงศ์ Rubiaceae
ผลรปู กรวยกลบั ปลายตดั มีสนั แหลม เกลย้ี ง (ภาพ: สระบรุ ี - RP)
ไม้ล้มลุก สูง 10-20 ซม. ล�ำตน้ เปน็ เหลย่ี ม มีขนสั้นนุ่มตามล�ำต้น แผน่ ใบดา้ นล่าง
ผักขาเขียด และก้านใบ หใู บร่วมรปู รกี วา้ ง ยาว 1-2.5 มม. จกั 1-3 พู ใบเรยี งตรงขา้ มสลบั
ตั้งฉาก สว่ นมากมี 2 คู่ รปู รีหรือรูปไข่ ยาว 1-6 ซม. ปลายแหลมหรอื กลม โคนกลม
Ceratopteris thalictroides (L.) Brongn. หรือตัด ก้านใบส้ันหรือยาวประมาณ 5 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง
วงศ์ Pteridaceae ออกทยี่ อด 1-7 ช่อ ยาว 3-10 ซม. ก้านชอ่ ยาว 1.5-4 ซม. ใบประดับขนาดเลก็
กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ 1.2 ซม. กลบี เลย้ี ง 4 กลบี รปู สามเหลย่ี มขนาดเลก็ ดอกรปู ระฆงั
ช่อื พอ้ ง Acrostichum thalictroides L. หลอดกลบี ดอกยาว 1-1.5 มม. ปากหลอดมขี นเครายาว มี 4 กลบี รปู ขอบขนาน
ยาวกวา่ หลอดกลบี เลก็ น้อย ปลายเป็นตง่ิ แหลม เกสรเพศผู้ 4 อนั เกสรเพศเมยี
เฟนิ ขนึ้ บนดนิ ทช่ี น้ื แฉะหรอื ลอยนำ้� เหงา้ สนั้ ตงั้ ขนึ้ มเี กลด็ สนี ำ�้ ตาลเขม้ ใบประกอบ สน้ั กว่าเกสรเพศผู้ ยน่ื พ้นปากหลอดกลบี ดอก ผลแหง้ แตก รปู รีกวา้ ง ปลายตดั
2-3 ชั้น เรียงเวียนชดิ กนั ก้านใบยาว 10-40 ซม. แกนกลางใบประกอบเปน็ ร่อง เส้นผา่ นศูนย์กลาง 2-3 มม. เมล็ดจำ� นวนมากขนาดเล็ก เปน็ เหลี่ยม
ดา้ นบน แผน่ ใบรปู สามเหลยี่ มหรอื รปู ขอบขนาน ใบยอ่ ยแฉกลกึ ขอบเรยี บ เกลยี้ ง
มี 2 แบบ ใบไม่สร้างสปอรย์ าวไมเ่ กิน 10 ซม. หรอื ยาวไดถ้ ึง 35 ซม. ใบสร้างสปอร์ พบทปี่ ากีสถาน อนิ เดีย เนปาล ศรีลังกา จีนตอนใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปนิ ส์ ในไทย
สว่ นมากขนาดใหญแ่ ละยาวกวา่ ยาว 20-60 ซม. แฉกลกึ รปู แถบ กวา้ งประมาณ สว่ นมากพบทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ ขนึ้ ใตร้ ม่ เงา
2 มม. ยาว 1.5-5 ซม. ปลายแหลม ขอบบางโปร่งแสง ม้วนลง กลุ่มอบั สปอร์ ในป่าเบญจพรรณและป่าดบิ แล้ง ความสงู 100-1300 เมตร
ออกเดยี่ ว ๆ เรียงแนน่ บนเสน้ ใบ มีก้านสัน้ ๆ
สกลุ Hedyotis L. อย่ภู ายใต้วงศ์ยอ่ ย Rubioideae เผ่า Spermacoceae คล้ายกับ
พบท่วั ไปในเขตรอ้ นทั้งในอเมรกิ า แอฟรกิ า มาดากสั การ์ เอเชยี ออสเตรเลยี สกุล Oldenlandia และอาจถกู แยกออกเปน็ หลายสกลุ รวมถึงชนิดนี้ เดิมมีประมาณ
และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ สว่ นมากขนึ้ ในทมี่ นี ำ�้ ทว่ มขงั หรอื ทงุ่ นา ใบกนิ เปน็ ผกั สด ทงั้ ตน้ 200 ชนิด พบในเอเชียและหมเู่ กาะแปซิฟกิ ในไทยมีประมาณ 25 ชนดิ ชือ่ สกลุ
ใชป้ ระคบแผลสดเพ่อื ให้เลอื ดหยุดไหล คัน้ นำ้� ดมื่ เปน็ ยาบำ� รงุ ขบั เสมหะ มาจากภาษากรีก “hedys” หอม และ “otos” หู ตามลกั ษณะดอกและมกี ลิน่ หอม
เอกสารอา้ งองิ
สกุล Ceratopteris Brongn. อยู่ภายใต้วงศย์ อ่ ย Parkerioideae มี 5-7 ชนิด ในไทย Chen, T., and C.M. Taylor. (2011). Rubiaceae (Hedyotis). In Flora of China Vol.
มีชนดิ เดยี ว ช่อื สกุลมาจากภาษากรกี “keratos” เขา และ “pteris” เฟิน ตาม
ลักษณะการแตกของใบ 19: 167.
เอกสารอา้ งองิ Wangwasit, K. and P. Chantaranothai. (2015). Notes on Hedyotis L. (Rubiaceae)
Lin, Y. and S. Masuyama. (2013). Pteridaceae (Ceratopteris). In Flora of China
from Thailand. Phytotaxa 206(1): 47-52.
Vol. 2-3: 180.
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and ผักคา้ งคาว: ใบเรียงตรงขา้ มสลับต้งั ฉาก มีประมาณ 2 คู่ ชอ่ ดอกออกปน็ กระจกุ ท่ยี อด ปากหลอดกลบี ดอกด้านใน
มีขนเครายาว ผลแหง้ แตก รปู รีกว้าง ปลายตดั (ภาพ: นำ้� ตกหว้ ยตาด ตาก - RP)
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1989). Parkeriaceae. In Flora of Thailand Vol. ผักคาวทอง

3(2): 184-185. Houttuynia cordata Thunb.
วงศ์ Saururaceae
ผักขาเขยี ด: ใบประกอบ 2-3 ช้นั เรียงเวียนชิดกนั ใบสร้างสปอร์ แฉกลกึ รูปแถบ กลุ่มอบั สปอร์เรียงแนน่ บนเส้นใบ
(ภาพ: cultivated - SSa) ไม้ลม้ ลุก สูงได้ถงึ 50 ซม. เหง้าทอดเล้ือย ส่วนต่าง ๆ มกี ล่ิน มรี ากตามขอ้ หูใบ
คลา้ ยกาบ รปู ใบหอก ยาวไดถ้ งึ 2 ซม. โคนโอบรอบลำ� ตน้ ขอบมีขนครุย ใบเรียงเวยี น
รปู ไข่กว้างคล้ายรูปหวั ใจ ยาว 2-10 ซม. เสน้ โคนใบ 5-7 เสน้ ก้านใบยาว 1.5-4 ซม.
ใบประดับคลา้ ยกลีบดอก 4 ใบ รปู ขอบขนาน ยาว 1-1.5 ซม. หรือมอี กี 2-4 กลีบ
คล้ายรูปแถบ ช่อดอกแบบชอ่ เชงิ ลด ดูคลา้ ยเปน็ ดอกเด่ยี ว ยาว 0.5-2.5 ซม.
กา้ นชอ่ ยาว 1.5-3 ซม. ดอกยอ่ ยไมม่ กี ลบี เลย้ี งและกลบี ดอก ใบประดบั ยอ่ ยรปู แถบ
ขนาดเล็ก เกสรเพศผู้ 3 อนั ติดท่ีโคนรงั ไข่ ก้านชูอับเรณยู าวประมาณ 6 มม.
รังไข่กึ่งใตว้ งใบประดบั ก้านเกสรเพศเมีย 3 อนั กางออก ตดิ ทน ผลแหง้ แตก
ท่ปี ลาย รปู คนโท ยาว 2-3 มม. เมลด็ รปู ไข่ ยาวประมาณ 1 มม.

พบทีเ่ นปาล ภฏู าน อนิ เดยี พมา่ จนี ญี่ปุน่ เกาหลี และเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้
ในไทยส่วนมากพบทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ขนึ้ ตามทโี่ ลง่ ท่ี
ชน้ื แฉะ ความสงู ถึงประมาณ 1000 เมตร ใบและรากมกี ลน่ิ คาว กินเปน็ ผักสด มี
สรรพคุณแกอ้ ักเสบตา่ ง ๆ แกไ้ ข้ ทอ้ งเสีย ลดความดัน ในญ่ปี ุ่นท�ำเป็นเคร่อื งด่มื
คล้ายชา เรยี กว่า ‘dokudami cha’

สกุล Houttuynia Thunb. มีชนดิ เดยี ว ทงั้ วงศ์ Saururaceae มี 5 สกลุ 6 ชนดิ
พบในเอเชยี และอเมรกิ าเหนือ ในไทยพบสกุลเดียว ช่ือสกุลตั้งตามนักพฤกษศาสตร์
ชาวดัตช์ Maarten Houttuyn (1720-1798)
เอกสารอ้างอิง
Larsen, K. (2000). Saururaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(2): 344-346.
Xia, N. and A.R. Brach. (1999). Saururaceae. In Flora of China Vol. 4: 108-109.

275

ผกั ตบชวา สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

ผักคาวทอง: หูใบคล้ายกาบ ใบรปู ไข่กวา้ งคล้ายรปู หัวใจ ใบประดบั คลา้ ยแผน่ กลบี ดอก มี 4 ใบ ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ ลด บิดม้วนงอในผล เกสรเพศผู้ 6 อนั ติดที่โคนกลบี รวม อันใหญ่ 1 อัน กา้ นชูอับเรณู
ดคู ลา้ ยดอกเด่ยี ว ๆ ดอกยอ่ ยไมม่ ีกลีบเล้ียงและกลีบดอก (ภาพ: เชียงแสน เชียงราย - RP) หนา ยาวกว่าอนั เล็ก อบั เรณยู าว 5-6 มม. สีมว่ ง อันเล็ก 5 อัน อับเรณยู าว 3-4 มม.
สเี หลอื ง รงั ไขม่ ี 3 ชอ่ ง เกลยี้ ง กา้ นเกสรเพศเมยี รปู เสน้ ดา้ ย ปลายมขี นสน้ั ผลแหง้ แตก
ผกั ตบชวา เปน็ 3 ซีก รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 1 ซม. เมล็ดขนาดเล็กมปี ีก

Eichhornia crassipes (Mart.) Solms พบทอ่ี นิ เดยี เนปาล ศรลี งั กา จนี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และภมู ภิ าคมาเลเซยี
วงศ์ Pontederiaceae ขนึ้ ตามทช่ี นื้ แฉะ หนองนำ�้ ทะเลสาบ และทอ้ งนา แยกเปน็ โพลง var. elata (Ridl.)
Backer ช่อดอกยาวกว่ากา้ นใบ มสี รรพคณุ เปน็ ยาเย็น ชว่ ยควบคมุ อารมณ์ และ
ชื่อพ้อง Pontederia crassipes Mart. ลดความคล่งั น้�ำสกดั จากดอกดื่มแกไ้ ขม้ าลาเรีย

ไม้น�้ำล้มลกุ รากจำ� นวนมาก ยาวไดถ้ ึง 1 ม. ลำ� ต้นส้ัน มไี หลยาว ใบออกเปน็ สกลุ Monochoria C. Presl มี 8 ชนิด พบในแอฟริกา เอเชีย และออสเตรเลยี
กระจกุ รปู ไขก่ วา้ ง รปู สเ่ี หลยี่ มขา้ วหลามตดั หรอื กลม ยาว 4.5-14.5 ซม. โคนรปู หวั ใจ ในไทยมี 2 ชนิด อกี ชนดิ คือ ขาเขียด M. vaginalis (Burm. f.) C. Presl. ex
แผ่นใบหนา เสน้ แขนงใบจำ� นวนมาก กา้ นใบอวบ ยาว 10-40 ซม. ด้านในเปน็ Kunth ลำ�ตน้ สั้น ใบเรียวแคบ โคนใบไมเ่ ปน็ รูปลกู ศร ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี
ฟองนำ�้ ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด กา้ นยาว 35-45 ซม. มี 7-15 ดอก เรยี งเวยี น ใบประดบั “monos” อนั เดียว และ “choris” แยก ตามลักษณะของเกสรเพศผู้ทม่ี อี นั ใหญ่
ขนาดเลก็ ดอกสมมาตรดา้ นขา้ ง ไรก้ ้าน กลบี รวมสมี ่วง 6 กลบี รูปรหี รือรปู ไข่ แยกออกมาอันเดียว
กลีบบนกลางกลบี มสี ีเหลืองแตม้ ขนาดใหญก่ ว่ากลีบลา่ ง เกสรเพศผ้มู ี 6 อัน เอกสารอ้างอิง
ยาว 3 อนั ส้นั 3 อัน ตดิ ท่ีโคนกลบี รวม ก้านชอู บั เรณมู ีขนต่อม รังไข่ 3 ช่อง ออวุล Chayamarit, K. (2005). Pontederiaceae. In Flora of Thailand Vol. 9(1): 53-57.
จำ� นวนมาก เกสรเพศเมยี ตา่ งสณั ฐาน ยอดเกสรจกั เปน็ พตู นื้ มขี นตอ่ ม ผลแหง้ แตก Wu, G. and C.N. Horn. (2000). Pontederiaceae. In Flora of China Vol. 24: 40-41.
รูปไข่ มีหลอดกลบี รวมแห้งหุม้ เมลด็ ขนาดเลก็ จำ� นวนมาก มีปกี ตามยาว
ผักตบไทย: ช่อดอกออกเปน็ กระจุกคลา้ ยช่อซ่ีรม่ ดอกจ�ำนวนมาก กลบี รวมบิดมว้ นงอในผล (ภาพซา้ ย: กรงุ เทพฯ - RP);
มีถ่ินก�ำเนิดในบราซิล ขึ้นเป็นวัชพืชตามแหล่งน้�ำในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ขาเขียด: ล�ำตน้ สัน้ โคนใบไม่เปน็ รปู เง่ียงใบหอก (ภาพขวา: อบุ ลราชธานี - RP)
ทง้ั ต้นเป็นอาหารสัตว์ ใบออ่ นกนิ เปน็ ผกั สด
ผกั ตำ�ลึง
สกลุ Eichhornia Kunth มี 7 ชนดิ 6 ชนดิ พบในอเมรกิ าเขตร้อน หนง่ึ ชนดิ พบ
ในแอฟริกา ในไทยขึน้ เป็นวชั พชื ชนิดเดียว ชอื่ สกลุ ตั้งตามรฐั บรุ ุษของเยอรมนั Coccinia grandis (L.) Voigt
Johann Eichhorn (1779-1856) วงศ์ Cucurbitaceae
เอกสารอา้ งองิ
Chayamarit, K. (2005). Pontederiaceae. In Flora of Thailand Vol. 9(1): 54. ชอ่ื พอ้ ง Bryonia grandis L.
Wu, G. and C.N. Horn. (2000). Pontederiaceae. In Flora of China Vol. 24: 40-41.
ไม้เถาล้มลุก แยกเพศตา่ งตน้ เกลด็ ประดบั ยาว 2-3 มม. มอื จบั ออกตามซอกใบ
ผกั ตบชวา: ไมน้ ำ�้ ล้มลุก ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด ดอกสมมาตรดา้ นขา้ ง กลีบบนกลางกลีบมสี เี หลอื งแต้ม ขนาดใหญ่ ไม่แยกแขนง ใบเรียงเวยี น รูปไขก่ ว้าง จักต้ืน ๆ หรือแฉกลกึ 3-5 แฉก ยาว 5-10 ซม.
กว่ากลีบลา่ ง (ภาพ: กรงุ เทพฯ - RP) โคนรปู หัวใจ ขอบจกั ฟันเลอื่ ย ปลายจกั มตี งิ่ แผ่นใบสากดา้ นล่าง โคนมีตอ่ มขนาดเลก็
ก้านใบยาว 1-2.5 ซม. ดอกออกเดีย่ ว ๆ หรือออกเปน็ แบบชอ่ กระจะสน้ั ๆ มี
ผกั ตบไทย 2-3 ดอก กา้ นดอกยาว 2-5 ซม. ฐานดอกรปู ถ้วย ยาว 6-8 มม. กลบี เล้ียง 5 กลีบ
รปู ลิ่มแคบ ยาวประมาณ 3 มม. ดอกรูประฆงั กวา้ ง สขี าว ยาว 1.5-3 ซม. มขี นสน้ั นมุ่
Monochoria hastata (L.) Solms ปลายแยกเปน็ 5 แฉก รปู สามเหลี่ยม เกสรเพศผู้ 3 อัน ตดิ บนปากฐานดอก ทีจ่ ุดติด
วงศ์ Pontederiaceae มขี นหนาแนน่ อบั เรณชู ดิ กนั เปน็ กอ้ น เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 5 มม. เปน็ หมนั
ในดอกเพศเมยี จานฐานดอกรปู ถว้ ย รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 3-5 มม.
ช่ือพอ้ ง Pontederia hastata L. ยอดเกสรแยก 3 แฉก ยาว 5-7 มม. ปลายจกั 2 พู ผลสดมหี ลายเมลด็ รูปขอบขนาน
ยาว 2.5-6 ซม. สกุ สีแดงสด เมล็ดรปู แบน ยาว 6-7 มม.
ไม้น�้ำล้มลุก สูงได้ถึง 2 ม. เหงา้ ยาว มีกาบใบแก่ห้มุ ใบรูปสามเหล่ยี ม ยาว 5-25 ซม.
โคนรปู เงยี่ งใบหอก กา้ นใบยาว 30-90 ซม. ชอ่ มกี าบหมุ้ ออกตามซอกกาบ ก้านใบ พบในแอฟรกิ า เอเชยี และออสเตรเลยี ขน้ึ เปน็ วชั พชื ในหลายประเทศในเขตรอ้ น
ช่วงทีม่ ีชอ่ ดอกยาว 7-10 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ คล้ายช่อซ่รี ่ม ยาว 2-6 ซม. สว่ นมากพบถงึ ความสงู ประมาณ 400 เมตร ยอดอ่อนและผลอ่อนใชป้ รงุ อาหาร
กา้ นชอ่ สน้ั ดอกจำ� นวนมาก กา้ นดอกยาว 1-3 ซม. กลบี รวมสมี ว่ งออ่ น มี 6 กลบี ส่วนตา่ ง ๆ มสี รรพคุณดา้ นสมนุ ไพรหลายอย่าง
แยกจรดโคน วงนอก 3 กลบี วงใน 3 กลีบ รปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ยาว 1-1.6 ซม.
สกลุ Coccinia Wight & Arn. อยู่ภายใตว้ งศย์ อ่ ย Cucurbitoideae มปี ระมาณ
30 ชนิด ส่วนมากพบในแอฟริกา ในไทยมชี นดิ เดยี ว ช่อื สกลุ มาจากภาษากรกี
“kokkinos” สีแดง ตามลกั ษณะผลสุกสแี ดง
เอกสารอ้างอิง
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of

Thailand Vol. 9(4): 423-425.
Lu, A. and C. Jeffrey. (2011). Cucurbitaceae. In Flora of China Vol. 19: 52.

276

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ผกั นมหิน

ผักต�ำลึง: ใบจกั ต้ืน ๆ หรอื แฉกลกึ 3-5 แฉก ดอกรูประฆงั กวา้ ง ดอกเพศผู้อับเรณูชิดกนั เป็นกอ้ น ดอกเพศเมีย ยอดเกสร 8-25 ซม. ก้านชอ่ ดอกยาว 4-5 ซม. หรอื ยาวไดถ้ ึง 20 ซม. ห้อยลง กา้ นดอกสน้ั
แยก 3 แฉก ผลสุกสีแดงสด (ภาพ: กรุงเทพฯ; ภาพซ้ายบน ดอกเพศผู้ - RP, ภาพซ้ายล่าง ดอกเพศเมยี และภาพผล - BD) กลบี เลยี้ งสมี ว่ ง หลอดกลบี ยาว 1.3-1.5 ซม. กลบี รปู สามเหลย่ี มยาวประมาณ 3 มม.
ดอกสขี าวครมี ปากหลอดกลบี ดา้ นลา่ งมจี ดุ สมี ว่ งแดง หลอดกลบี ยาวประมาณ
ผักตีนกวาง 4 ซม. 2 กลบี บนรูปกลม เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 7-8 มม. 3 กลบี ลา่ งขนาดเลก็ กว่าเล็กนอ้ ย
กา้ นชอู ับเรณูยาวประมาณ 1 ซม. เกสรที่เปน็ หมนั ยาว 2-3 มม. เกสรเพศเมยี ยาว
Helminthostachys zeylanica (L.) Hook. 2.5-4 ซม. รงั ไขเ่ กลย้ี ง ก้านเกสรเพศเมยี มขี นสัน้ ผลรปู ทรงกระบอก ยาว 1.5-3 ซม.
วงศ์ Ophioglossaceae (ดูขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ ที่ กล้วยกระแต, สกลุ )

ชื่อพอ้ ง Osmunda zeylanica L. พบท่คี าบสมุทรมลายู สุมาตรา ชวา และภาคใต้ของไทย ข้นึ ริมล�ำธารในปา่ ดบิ ชน้ื
ความสงู ถึงประมาณ 700 เมตร
เฟนิ ขนึ้ บนพน้ื ดนิ เหงา้ ทอดเลอ้ื ย ใบโผลข่ น้ึ มาปลี ะหนง่ึ ใบ มใี บประกอบยอ่ ย
3 ใบ กา้ นใบ (phyllomophore) ยาว 15-55 ซม. ใบประกอบยอ่ ย (trophophyll) เอกสารอา้ งอิง
มีก้านส้ัน ๆ แต่ละใบมใี บย่อยท่ีปลายและด้านขา้ ง 1-2 คู่ แกนกลางมคี รีบคลา้ ยปกี Bramley, G.L.C., A. Weber and Q.C.B. Cronk. (2004). The genus Cyrtandra
แผน่ ใบและกา้ นใบสเี ขยี วถงึ มว่ ง ยาว 20-40 ซม. ใบยอ่ ยรปู ขอบขนานถงึ รปู ใบหอก (Gesneriaceae) in Peninsular Malaysia and Singapore. Edinburgh Journal
ยาว 10-20 ซม. ปลายแหลมหรือมน โคนเรยี วสอบเปน็ ครีบ ไรก้ ้าน ขอบเรยี บจกั เว้า of Botany 60(3): 347-349.
แผ่นใบฉ่�ำน้�ำ ใบสรา้ งสปอร์คลา้ ยช่อเชงิ ลด ยาว 10-20 ซม. กา้ นยาว 4-15 ซม.
กล่มุ อบั สปอรอ์ อกเปน็ กระจุกแยกแขนงสั้น ๆ อับสปอรไ์ รก้ า้ น ผักนมหิน: ใบคล้ายเรียงเวียน กา้ นใบยาว ช่อดอกห้อยลง กลีบดอกคล้ายรปู ปากเปดิ ปากหลอดกลบี ดอกดา้ นล่าง
มีจดุ สีมว่ งแดง ผลรูปทรงกระบอก เกสรเพศเมียติดทน (ภาพ: ฮาลา-บาลา นราธิวาส - MP)
พบที่อนิ เดีย ศรลี งั กา จีน ไหห่ นาน ไตห้ วนั ญป่ี ุน่ พมา่ ภูมิภาคอนิ โดจนี และ
มาเลเซยี ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบมากทางภาคใต้ ขน้ึ ตามทโ่ี ลง่ ผักนมหิน
ทงุ่ หญ้า ชายป่า ความสงู ระดบั ตำ�่ ๆ หรอื พบเป็นไมป้ ระดับ ใบอ่อนน�ำมาลวกหรือ
ต้มกับกะทกิ นิ กบั นำ้� พริก รากมสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอย่าง Cyrtandromoea grandiflora C. B. Clarke
วงศ์ Gesneriaceae
สกุล Helminthostachys Kaulf. มเี พียงชนิดเดียว ต่างจากสกลุ อ่นื ในวงศท์ ใี่ บ
สรา้ งสปอร์คล้ายช่อเชิงลด ช่อื สกุลมาจากภาษากรกี “helminthos” หนอน และ ไมล้ ม้ ลกุ อายหุ ลายปี สงู 1-2 ม. มขี นละเอยี ดตามลำ� ตน้ ชอ่ ดอก กา้ นดอก และ
“stachys” ช่อดอกเชิงลด ตามลกั ษณะใบสร้างสปอร์ กลบี เลย้ี ง ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู ขอบขนานหรอื แกมรปู ใบหอก ยาว 8-22 ซม. ปลาย
เอกสารอ้างองิ แหลมยาว โคนแหลมหรอื เรยี วสอบ ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย แผน่ ใบดา้ นบนมขี นยาวกระจาย
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and ดา้ นลา่ งขนหนาแนน่ ตามเสน้ แขนงใบ กา้ นใบยาว 1-4 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ
ออกตามซอกใบ ยาว 4-7 ซม. มี 2-6 ดอก ใบประดับขนาดเล็ก บาง หลอดกลบี เลยี้ ง
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/ ยาว 0.8-2.5 ซม. ขยายยาวได้ถึง 3 ซม. ในผล ปลายแยก 5 แฉก รปู ปากเปดิ
Tagawa, M., and K. Iwatsuki. (1979). Ophioglossaceae. In Flora of Thailand 3(1): 38. ปลายกลีบแหลมยาว ดอกสีขาวหรือม่วงอ่อน รูปแตรแคบ ๆ หลอดกลีบยาว
Xianchun, Z., Q. Liu and N. Sahashi. (2013). Ophioglossaceae. In Flora of 3-5.5 ซม. กลีบปากบนแยกเปน็ 2 กลีบ กลบี ลา่ ง 3 กลบี กลม ๆ ด้านนอกมีขนต่อม
ประปราย เกสรเพศผู้ 2 คู่ยาวไม่เท่ากัน ติดท่ีโคนหลอดกลีบ อับเรณูกางออก
China Vol. 2-3: 77. รงั ไขร่ ปู กรวยหรอื รปู ทรงกระบอก กา้ นเกสรเพศเมยี รปู เสน้ ดา้ ย ยอดเกสรมี 2 ครบี
ผลแหง้ แตก มีกลีบเล้ยี งหุ้ม ยาวประมาณ 1.5 ซม. เมลด็ ขนาดเลก็ จ�ำนวนมาก
ผักตนี กวาง: เฟนิ มใี บประกอบยอ่ ย 3 ใบ แต่ละใบมใี บยอ่ ยทป่ี ลายและด้านขา้ ง 1-2 คู่ ใบสรา้ งสปอร์คล้ายชอ่ เชงิ ลด
(ภาพ: นราธวิ าส - PC) พบทพี่ มา่ และสมุ าตรา ในไทยพบทางภาคเหนอื ทเี่ ชยี งใหม่ แมฮ่ อ่ งสอน ตาก
ขนึ้ ใตร้ ม่ เงาในป่าดบิ เขา ระดับความสูง 1200-1700 เมตร
ผกั นมหนิ
สกลุ Cyrtandromoea Zoll. เคยถกู แยกออกจากวงศ์ Gesneriaceae ใหอ้ ยูภ่ ายใต้
Cyrtandra pendula Blume วงศ์ Scrophulariaceae ข้อมูลปัจจบุ ันกลับมาอยูว่ งศเ์ ดิม มปี ระมาณ 12 ชนดิ
วงศ์ Gesneriaceae พบท่ีพม่า จนี ตอนใต้ และภูมิภาคมาเลเซยี ในไทยมี 3 ชนิด อกี 2 ชนิด คือ
ผกั นมหนิ C. subsessilis (Miq.) B. L. Burtt ลำ�ต้น ใบ ก้านดอก และกลีบเลย้ี งมี
ชอื่ พ้อง Cyrtandra rotundifolia Ridl. ขนส้ันน่มุ ชอ่ ดอกมี 1-2 ดอก พบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใตแ้ ละภาคใต้ และ
ชา้ สามแกว้ C. grandis Ridl. ลำ�ต้นและใบเกลี้ยง กลีบเลย้ี งมกั มสี แี ดง ช่อดอก
ไมล้ ม้ ลกุ มขี นสีน�้ำตาลแดงตามยอดอ่อน เสน้ แขนงใบดา้ นลา่ ง กลบี เล้ยี ง ออกใกลโ้ คนตน้ พบทางภาคใตต้ อนลา่ ง ชื่อสกุลหมายถึงคลา้ ยกบั สกุล Cyrtandra
และหลอดกลบี ดอกดา้ นนอก ใบตรงขา้ มลดรปู เปน็ เกลด็ คลา้ ยเรยี งเวยี น รปู ไข่ เอกสารอ้างอิง
หรอื รปู รกี วา้ ง ยาว 8-23 ซม. โคนเวา้ รปู หวั ใจหรอื กลม ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย กา้ นใบยาว Hong, D., H. Yang, C.L. Jin, M.A. Fischer, N.H. Holmgren and R.R. Mill.

(1998). Scrophulariaceae. In Flora of China Vol. 18: 41.
Smith, J.F., K.D. Brown, C.L. Carroll and D.S. Denton. (1997). Familial placement

of Cyrtandromoea, Titanotrichum and Sanango: three problematic genera of
the Lamiales. Taxon 46: 65–74.
Yamazaki, T. (1990). Scrophulariaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(2): 154-157.

277

ผักบุ้ง สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

ผกั นมหิน: C. grandiflora ช่อดอกแบบช่อกระจกุ มีหลายดอก หลอดกลบี เลีย้ งยาว ตดิ ทนหุม้ ผล ดอกรปู แตรแคบ ๆ 1.5-2.5 ซม. กลบี เลย้ี งรปู รีหรอื รูปขอบขนาน ยาวไมเ่ ทา่ กนั ปลายมน เกลยี้ ง
ดา้ นนอกมีขนตอ่ มประปราย (ภาพดอก: อ้มุ ผาง ตาก - TB; ภาพผล: ดอยอินทนนท์ เชยี งใหม่ - RP) กลบี คนู่ อกยาว 5-6 มม. 3 กลบี ในยาว 8-9 มม. ดอกรปู แตร สมี ่วงอมแดง ยาว
5-6 ซม. รังไขเ่ กลย้ี ง ผลกลม เส้นผา่ นศูนย์กลางประมาณ 1.5 ซม. เมล็ดเกลี้ยง
ผกั นมหนิ : C. subsessilis ลำ� ต้น ใบ กา้ นดอก และกลบี เล้ียงมขี นสัน้ น่มุ ช่อดอกมี 1-2 ดอก (ภาพซา้ ย: เขาแหลม
กาญจนบรุ ี - PK); ช้าสามแก้ว: ช่อดอกออกใกล้โคนตน้ (ภาพขวา: ยะลา - RP) พบในอเมรกิ าเขตรอ้ น แอฟรกิ า อนิ เดยี เวยี ดนาม และภมู ภิ าคมาเลเซยี ในไทย
พบทางภาคตะวนั ออก ภาคตะวันออกเฉยี งใต้ ภาคตะวนั ตกเฉียงใต้ และภาคใต้
ผกั บ้งุ , สกลุ ขนึ้ ตามทโี่ ลง่ ความสูงระดบั ตำ่� ๆ ทั้งตน้ มีพษิ ต่อสัตว์เล้ยี ง

Ipomoea L. ผกั บงุ้ คาย
วงศ์ Convolvulaceae
Ipomoea rubens Choisy
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ ใบเรยี งเวยี น เรยี บหรอื จกั เปน็ พู ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ไมเ้ ถาล้มลุก ยาวได้ถึง 4 ม. ส่วนต่าง ๆ มีขนยาวสขี าว ใบรูปไขก่ ว้างเกือบกลม
ส่วนมากออกตามซอกใบ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ติดทน ดอกรูปแตรหรือรูประฆัง
ปลายจกั ตน้ื ๆ 5 กลีบ หรือเกือบเรียบ มแี ถบกลางกลีบชดั เจน เกสรเพศผู้ 5 อนั ยาว 5-15 ซม. ปลายแหลมยาว โคนรปู หวั ใจกว้าง กา้ นใบยาว 3-12 ซม. ก้านชอ่
สว่ นมากขนาดไมเ่ ทา่ กนั จดุ ตดิ กา้ นชอู บั เรณกู บั หลอดกลบี มขี นหรอื ตอ่ ม อบั เรณู ยาว 2-14 ซม. ก้านดอกยาว 0.7-1.5 ซม. กลีบเลยี้ งยาวเท่า ๆ กนั ยาว 0.7-1 ซม.
ไม่บดิ เวยี น เรณูเป็นหนามละเอยี ด จานฐานดอกรูปวงแหวน รงั ไขม่ ี 2-4 ช่อง คนู่ อกรปู ขอบขนานปลายแหลม กลบี ใน 3 กลบี กวา้ งกวา่ เลก็ นอ้ ย ปลายแหลมมน
กา้ นเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยอดเกสรจกั 2 พู เปน็ ตมุ่ เกสรเพศผแู้ ละเพศเมยี สว่ นมาก ดอกรปู แตร สีชมพู โคนดา้ นในมสี เี ข้ม ยาว 4-5 ซม. แถบกลางกลบี ด้านนอก
ไม่ย่นื พน้ ปากหลอดกลีบ ผลแหง้ แตก ส่วนมากมี 4 หรอื 6 ซกี แต่ละซกี มีเมลด็ เดยี ว มขี นคลา้ ยไหม รงั ไขเ่ กลย้ี ง ผลรปู กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1.2 ซม. เมลด็
รูปสามเหลีย่ มหรอื คล้ายครึง่ วงกลม ยาวประมาณ 6 มม. มขี นยาวสขี าว

สกุล Ipomoea อยภู่ ายใต้วงศ์ย่อย Convolvuloideae มมี ากกวา่ 500 ชนิด ส่วนมาก พบในอเมริกาเขตร้อน แอฟรกิ า มาดากสั การ์ บงั กลาเทศ อินเดยี เวียดนาม
พบในอเมริกาเขตร้อน ในไทยมปี ระมาณ 30 ชนิด รวมที่เปน็ ไมป้ ระดบั หลายชนดิ อนิ โดนเี ซยี และฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคใต้ ขน้ึ ตามทโ่ี ลง่ ใกล้
มีสรรพคณุ ดา้ นสมุนไพร ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรกี “ipos” หนอน หมายถึงเป็น แหลง่ นำ�้ ความสงู ระดบั ต�่ำ ๆ
พืชท่มี ลี �ำ ต้นเลอ้ื ยเหมอื นหนอน
ผักบ้งุ ทะเล
ผกั บุง้
Ipomoea pes-caprae (L.) R. Br.
Ipomoea aquatica Forssk.
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ขนึ้ ในนำ�้ หรอื พนื้ ดนิ มรี ากตามขอ้ ลำ� ตน้ กลวง ใบรปู ไข่ รปู ขอบขนาน ช่ือพ้อง Convolvulus pes-caprae L.

หรอื รปู ใบหอก ยาว 3.5-17 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว โคนตดั รปู หวั ใจหรอื ไม้ลม้ ลุก ทอดเล้อื ยยาวได้ถึง 30 ม. มรี ากตามขอ้ ใบรปู รี รูปไข่ รปู คลา้ ยไต
เงย่ี งลกู ศร กา้ นใบยาว 3-14 ซม. ชอ่ ดอกมี 1-5 ดอก กา้ นชอ่ ยาว 1.5-9 ซม. ใบประดบั รปู หวั ใจ หรอื รูปขอบขนาน ยาว 3.5-9 ซม. ปลายกลม เว้าตืน้ หรือแฉกลึก
เป็นแผ่นเกล็ดขนาด 1-2 มม. กา้ นดอกยาว 1.5-5 ซม. กลบี เลยี้ งเกลย้ี ง คูน่ อกรูปไข่ โคนรปู ล่ิมกว้าง ตดั หรอื เว้าตนื้ แผน่ ใบหนา ดา้ นล่างมตี อ่ ม 2 ตอ่ ม กา้ นใบยาว
แกมรปู ขอบขนาน ยาว 7-8 มม. ปลายมนมตี ง่ิ แหลม 3 กลบี ในรปู ไข่ ยาวประมาณ 2-10 ซม. กา้ นชอ่ ดอกยาว 4-14 ซม. ใบประดบั รปู สามเหลยี่ ม ยาวประมาณ 3 มม.
8 มม. ดอกรูปแตร สชี มพู มว่ งอ่อน โคนด้านในมักมสี เี ขม้ หรอื ดอกสีขาวล้วน ยาว ร่วงเร็ว กา้ นดอกยาว 2-2.5 ซม. กลบี เลยี้ งกลบี คนู่ อกรปู รีหรอื รปู ไข่ ยาว 5-8 มม.
3.5-5 ซม. รงั ไข่เกลีย้ ง ผลรปู ไข่กว้าง เสน้ ผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 1 ซม. เมล็ดมขี นสน้ั กลบี ใน 3 กลบี เกอื บกลม เว้า ยาว 0.7-1 ซม. ดอกรูปแตร สมี ว่ ง แถบและโคน
ด้านในมีสีเข้ม ยาว 4-5 ซม. รังไข่เกล้ียง ผลกลม เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 1-1.7 ซม.
พบทว่ั ไปในเขตรอ้ นทง้ั ในอเมรกิ าใต้ แอฟรกิ า เอเชยี และออสเตรเลยี ขนึ้ ตาม เมล็ดเสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 7-8 มม. สีดำ� มีขนสีนำ้� ตาลหนาแน่น
ทโ่ี ลง่ ทงุ่ นา แหลง่ นำ�้ ความสงู ถงึ ประมาณ 400 เมตร มคี วามผนั แปรสงู ทงั้ สลี ำ� ตน้
ใบ และดอก มีชอื่ เรยี กตา่ งกนั ไป เช่น ผกั บ้งุ แดง ผักบุ้งหนอง ผกั บงุ้ นา ผกั บงุ้ ไทย พบตามชายทะเลทว่ั ไปในเขตรอ้ น ขนึ้ ตามชายหาดและเนนิ ทราย มสี รรพคณุ
และผกั บุง้ จีนซงึ่ มีดอกสีขาว ดา้ นสมุนไพรหลายอย่าง

ผกั บงุ้ ขนั ผกั บุ้งทะเลขาว

Ipomoea asarifolia (Desr.) Roem. & Schult. Ipomoea imperati (Vahl) Griseb.

ชือ่ พ้อง Convolvulus asarifolius Desr. ช่ือพ้อง Convolvulus imperati Vahl

ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ทอดเลอ้ื ย ใบรปู กลมหรอื รปู คลา้ ยไต ยาว 3.5-8 ซม. ปลายกลม ไม้ล้มลุก ทอดเลือ้ ยยาวไดถ้ ึง 5 ม. มีรากตามขอ้ ใบรปู ไข่ รูปขอบขนาน
หรือเวา้ ต้ืน ๆ โคนเวา้ ลึกเปน็ พู ปลายพกู ลมหรอื เว้าตน้ื ๆ ปลายมักมตี ิ่งแหลม หรอื รูปใบหอก บางครงั้ มี 3-5 แฉก ยาว 1.5-3 ซม. ปลายมน เว้าต้นื หรือแฉกลกึ
กา้ นใบหนา ยาว 3-9 ซม. ชอ่ ดอกมหี นึ่งหรอื หลายดอก มกั มใี บตดิ ท่โี คนช่อ ก้านชอ่ โคนตัดหรอื เวา้ ตื้น ๆ แผ่นใบหนา กา้ นใบยาวได้ถงึ 4 ซม. ช่อดอกมี 1-3 ดอก
ส่วนมากยาว 2-5.5 ซม. หรืออาจยาวได้ถงึ 10 ซม. ใบประดบั ขนาดเลก็ กา้ นดอกยาว ก้านชอ่ ยาวได้ถึง 2 ซม. ใบประดบั รูปสามเหลย่ี ม ยาวประมาณ 2 มม. กา้ นดอกยาว
ได้ถงึ 1.5 ซม. กลีบเลี้ยงรปู ขอบขนาน คู่นอกยาว 0.7-1 ซม. กลบี ใน 3 กลบี ยาว
ประมาณ 1.5 ซม. ดอกรปู แตร สีขาว หลอดกลบี สีเหลอื งออ่ น หรือมีสีแดงเขม้
ทป่ี ากหลอด รังไข่เกล้ียง ผลกลม เสน้ ผา่ นศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. เมล็ดขนาด
ประมาณ 8 มม. มีขนสนั้ นุ่ม ขอบมขี นยาว

พบตามชายทะเลท่ัวไปในเขตร้อน ขึ้นตามชายหาดและเนินทราย ความสูง
ถงึ ประมาณ 100 เมตร แต่จ�ำนวนประชากรไมห่ นาแนน่ เหมอื นผักบุ้งทะเล

ผกั บุ้งฝร่ัง

Ipomoea carnea Jacq. subsp. fistulosa (Mart. ex Choisy) D. F. Austin

ช่ือพ้อง Ipomoea fistulosa Mart. ex Choisy

ไมพ้ มุ่ สงู 2-5 ม. กง่ิ มีชอ่ งอากาศ มขี นละเอยี ดตามกง่ิ อ่อน แผ่นใบ ก้านใบ และ
กลีบเล้ียงด้านนอก ใบรูปไข่กว้างหรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 6-25 ซม.
ปลายแหลมยาว มีติง่ เรยี วแหลม โคนรูปหัวใจหรือตดั กา้ นใบยาว 2.5-15 ซม.
ดอกจ�ำนวนมาก กา้ นช่อยาว 5-10 ซม. ใบประดับรปู ไขข่ นาดเล็ก ร่วงเร็ว กา้ นดอก
ยาว 1-1.5 ซม. กลีบเลยี้ งรปู ไขก่ วา้ ง ยาวเท่า ๆ กัน หรอื 3 กลบี ในยาวกว่าเล็กนอ้ ย

278

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย ผกั บ้งุ รวั้

ยาว 5-6 มม. ดอกรปู แตร สชี มพหู รอื อมมว่ งออ่ น โคนดา้ นในมสี เี ขม้ ยาว 7-9 ซม. ผักบงุ้ ขัน: ไมเ้ ถาล้มลุกทอดเลื้อย ใบรูปกลมหรือรปู คล้ายไต ปลายกลมหรอื เวา้ ต้นื ๆ โคนเว้าลึกเปน็ พู กลีบเลีย้ งยาว
หลอดกลบี ดอกดา้ นนอกและแถบกลางกลบี มนี วลแปง้ รงั ไขม่ ขี นละเอยี ด ผลรปู ไข่ ไมเ่ ท่ากัน ติดทน ผลรปู กลม ๆ (ภาพ: ร้อยเอ็ด - PK)
ยาว 1.5-2 ซม. ปลายเปน็ ติ่งแหลม เมล็ดขนาดประมาณ 1 ซม. มขี นยาวคลา้ ยไหม
สีน้�ำตาลหนาแนน่ ผักบุ้งคาย: ส่วนต่าง ๆ มีขนยาวสขี าว ใบรปู ไข่กว้างเกือบกลม โคนรปู หัวใจกวา้ ง ดอกรปู แตร สีชมพู โคนดา้ นในมี
สีเขม้ (ภาพ: พัทลงุ - RP)
มถี น่ิ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าเขตรอ้ น เปน็ ไมป้ ระดบั ทวั่ ไปในเขตรอ้ น รากและนำ้� ยาง
เป็นยาระบาย แต่อาจเป็นพษิ โดยเฉพาะตอ่ สตั ว์เลี้ยง ผักบุง้ ทะเล: แผ่นใบหนา ปลายใบเวา้ ช่อดอกแบบช่อกระจุก แถบและโคนกลบี ด้านในมสี ีเข้ม ผลแหง้ แตกเป็น 4 ซกี
เมล็ดมีขนสนี ำ้� ตาลหนาแนน่ (ภาพ: บางสะพาน ประจวบคีรีขนั ธ์ - RP)
ผกั บงุ้ ระย้า

Ipomoea wangii C. Y. Wu
ไมเ้ ถาล้มลกุ ยาวไดถ้ งึ 10 ม. ส่วนต่าง ๆ เกล้ียง ใบรปู ไข่กว้างเกอื บกลม

ยาว 6-14 ซม. ปลายแหลมยาว มตี งิ่ แหลม โคนรปู หวั ใจ แผน่ ใบบาง กา้ นใบสมี ว่ ง
ยาว 4.5-9 ซม. ชอ่ ดอกมี 1-3 ดอก กา้ นดอกยาว 1-6 ซม. ปลายกา้ นหนา กลีบเลีย้ ง
ขอบบาง กลบี คู่นอกรูปรีหรือรปู ไข่ ปลายมน ยาว 1.5-2 ซม. กลบี ใน 3 กลบี รปู รี
ปลายแหลม ยาว 1.7-2.6 ซม. ดอกรปู แตร สชี มพอู มมว่ ง โคนดา้ นในมสี เี ขม้ ยาว
6-7.7 ซม. รังไข่เกล้ยี ง ผลรูปไข่ ยาวประมาณ 2 ซม. เมล็ดยาว 7-8 มม. ด้านขา้ ง
มขี นกำ� มะหยี่สีนำ�้ ตาล สนั มขี นสีเหลืองยาวประมาณ 1 ซม.

พบทจ่ี นี ตอนใต้ และพมา่ ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนอื ทพี่ ษิ ณโุ ลก และ
ภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ก่ี าญจนบรุ ี เพชรบรุ ี ขนึ้ ตามชายปา่ ความสงู 600-1250 เมตร

ผักบ้งุ รว้ั

Ipomoea cairica (L.) Sweet

ชอ่ื พอ้ ง Convolvulus cairicus L.

ไม้เถาล้มลุก ยาวได้ถงึ 5 ม. มเี หง้า หูใบคลา้ ยใบ ใบรปู ฝา่ มอื แฉกลึกถึงโคน
5 แฉก รูปรี รูปไข่ หรือแกมรูปใบหอก ยาว 2.5-5 ซม. แฉกกลางขนาดใหญก่ ว่า
แฉกข้าง กา้ นใบยาว 2-8 ซม. ก้านชอ่ ดอกยาว 2-8 ซม. ก้านดอกยาว 0.5-2 ซม.
กลบี เลย้ี งขยายในผล ขนาดไมเ่ ทา่ กนั ยาว 4-9 มม. ดอกรปู ลำ� โพง สมี ว่ งอมชมพู
หรือม่วงแดง โคนด้านในมักมีสีเข้ม ยาว 2.5-7 ซม. รังไข่เกลี้ยง ผลกลม ๆ
เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. เมลด็ ขนาดประมาณ 5 มม. สีดำ� มขี นสั้นนมุ่
หนาแนน่ ขอบมขี นยาว

พบในอเมรกิ าใต้ แอฟรกิ า เอเชยี และหมูเ่ กาะแปซิฟิก ขน้ึ เปน็ วชั พืช ความสงู
ถงึ ประมาณ 1000 เมตร

ผกั บุง้ รว้ั

Ipomoea mauritiana Jacq.
ไมเ้ ถาลม้ ลุก ยาวไดถ้ ึง 10 ม. มีหัวใต้ดิน ใบรปู ฝ่ามือ กวา้ ง 7-22 ซม. ยาว

7-18 ซม. มี 5-7 แฉก แฉกลึกประมาณกึง่ หนง่ึ รปู รีหรอื รปู ใบหอก กา้ นใบยาว
3-10 ซม. กา้ นช่อดอกยาว 2-20 ซม. ก้านดอกหนา ยาว 1-1.2 ซม. กลบี เลยี้ งรูปรี
ปลายมน ขนาดเทา่ ๆ กนั หรอื คนู่ อกสน้ั กวา่ เลก็ นอ้ ย ยาว 0.7-1.2 ซม. ดอกรปู ลำ� โพง
สชี มพหู รอื มว่ งแดง ยาว 5-6 ซม. รงั ไขเ่ กลยี้ ง ผลรปู ไข่ ยาว 1.2-1.4 ซม. เมลด็ ขนาด
ประมาณ 6 มม. สนี ำ้� ตาลเขม้ ขนนมุ่ คล้ายไหมและขนยาว

พบท่ีศรีลังกา จีน พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี นิวกนิ ี และหม่เู กาะ
แปซิฟกิ ในไทยพบทุกภาค ขน้ึ ตามท่โี ล่ง ชายป่า ความสงู ถงึ ประมาณ 400 เมตร
มสี รรพคณุ ด้านสมนุ ไพรหลายอยา่ ง ดอกหนาใช้ปรุงอาหารในจีน และอนิ เดยี

เอกสารอ้างอิง
Fang, R. and G. Staples. (1995). Convolvulaceae. In Flora of China Vol. 16:
308-380.
Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 403-427.

ผักบุ้ง: ใบรูปใบหอก ปลายแหลมหรอื แหลมยาว โคนตดั รปู หวั ใจหรอื เงย่ี งลูกศร ดอกสีม่วงอ่อน โคนดา้ นในมีสเี ข้ม ผักบุ้งทะเลขาว: ปลายใบมน เวา้ ตน้ื โคนตัดหรือเวา้ ตื้น ๆ ดอกรปู แตร สขี าว (ภาพ: บางเบิด ชุมพร - RP)
หรือดอกสขี าวล้วน (ภาพ: ระโนด สงขลา - RP)
279

ผักเบย้ี สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ผักบงุ้ ฝรัง่ : ใบรูปไข่กวา้ ง ปลายแหลมยาว มตี ่ิงเรยี วแหลม โคนตัด ดอกจำ� นวนมาก (ภาพ: cultivated - RP) ผักเบี้ย

ผกั บุ้งระยา้ : ปลายใบมตี งิ่ แหลม แผน่ ใบบาง ก้านใบสมี ว่ ง ชอ่ ดอกมี 1-3 ดอก (ภาพ: แก่งกระจาน เพชรบรุ ี - PK) Galium asperifolium Wall.
ผักบงุ้ ร้ัว: I. cairica ใบรูปฝา่ มือมี 5 แฉก แฉกลึกถงึ โคน แฉกกลางขนาดใหญก่ วา่ แฉกขา้ ง โคนกลีบดอกดา้ นในสเี ข้ม ไมเ้ ถาลม้ ลกุ แตกกง่ิ จ�ำนวนมาก เกลยี้ งหรอื มขี นยาว ใบเรยี งรอบขอ้ 2-6 ใบ
(ภาพ: สระบุรี - PK)
รปู ใบหอก รปู แถบ หรอื แกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 0.5-2.5 ซม. ปลายเปน็ ตง่ิ แหลม โคน
เรยี วสอบ แผน่ ใบมขี นคายตามขอบใบและเสน้ กลางใบ ดา้ นลา่ งมขี นหนาแนน่ หรอื
เกลี้ยง มีเสน้ กลางใบ 1 เสน้ ไร้ก้าน ช่อดอกยาวได้ถึง 18 ซม. ใบประดบั คลา้ ยใบ
ยาว 1-4 มม. กา้ นดอกยาวประมาณ 2 มม. ขยายในผล ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
2-3 มม. กลบี แฉกลึกเกินกึง่ หน่ึง รังไขเ่ กล้ียง ผลเกล้ยี ง มักฝอ่ หนงึ่ พู รูปกลม ๆ
เส้นผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 1 มม.

พบท่อี ัฟกานสิ ถาน เนปาล อนิ เดีย ภฏู าน ศรลี งั กา บงั กลาเทศ จีนตอนใต้ พมา่
และภมู ภิ าคมาเลเซยี ในไทยพบทดี่ อยอนิ ทนนทแ์ ละดอยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่
ข้นึ ตามชายปา่ ดิบเขาหรือทโ่ี ลง่ บนเขาหินปนู ความสงู 2100-2550 เมตร

ผกั เบ้ียขน

Galium elegans Wall. ex Roxb.
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ยาวไดถ้ งึ 1 ม. ลำ� ตน้ มขี นสขี าวหนาแนน่ ใบเรยี งเปน็ วงรอบขอ้

4 ใบ รูปไข่ หรอื รปู ขอบขนานแกมรปู ไข่กลับ ยาว 0.8-3 ซม. ปลายมนหรอื กลม
โคนแหลมหรือมน แผน่ ใบมีขนยาวสีขาวท้ังสองด้าน เสน้ โคนใบ 3 เส้น กา้ นใบ
สนั้ มากหรือยาว 4-5 มม. ช่อดอกยาวได้ถงึ 10 ซม. ดอกจำ� นวนมาก ก้านดอกยาว
0.5-2.5 มม. ใบประดบั เรยี วแคบ ยาว 1-3 มม. ดอกสีเหลืองอมขาว ดอกบาน
เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 2-2.5 มม. รังไขม่ ขี น ผลรปู กลม ๆ หรอื รูปคล้ายไต จัก 2 พู
เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 1-1.5 ซม. มขี นยาวสขี าวหนาแน่น

พบทปี่ ากีสถาน อนิ เดีย บังกลาเทศ จีน ไต้หวนั พม่า ชวา ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบ
ทดี่ อยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ และดอยภคู า จงั หวดั นา่ น ขนึ้ ตามปา่ ดบิ เขาหรอื
บนทโี่ ล่งเขาหนิ ปูน ความสูง 1000-2200 เมตร

เอกสารอา้ งองิ
Chen, T. and F. Ehrendorfer. (2011). Rubiaceae (Galium). In Flora of China Vol.
19: 104, 113, 122.

ผกั บ้งุ รัว้ : I. mauritiana ใบรปู ฝ่ามือ มี 5 แฉก แฉกลึกประมาณกง่ึ หน่งึ หลอดกลบี ดอกเรยี วแคบ กลีบเล้ยี งขนาด ผกั เบ้ีย: ใบเรียงเวียนรอบขอ้ 2-6 ใบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง กลบี ดอก 4 กลีบ อบั เรณูยนื่ พน้ ปากหลอด
เท่าๆ กนั ปลายกลบี มน (ภาพ: นครศรธี รรมราช - RP) กลีบดอก ผลเกล้ียง มกั ฝอ่ หน่งึ พู รปู กลม ๆ (ภาพ: ดอยอนิ ทนนท์ เชยี งใหม่ - RP)

ผักเบ้ีย, สกุล ผักเบีย้ ขน: ใบเรียงเป็นวงรอบข้อ 4 ใบ เสน้ โคนใบ 3 เส้น ผลมีขนยาวหนาแนน่ (ภาพ: ดอยเชียงดาว เชียงใหม่ - SSa)

Galium L.
วงศ์ Rubiaceae

ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ลำ� ตน้ มกั เปน็ สเ่ี หลยี่ ม ใบและหใู บเรยี งรอบขอ้ 4-10 ใบ สว่ นมาก
มเี สน้ กลางใบเสน้ เดยี ว หรอื เสน้ โคนใบ 3 เสน้ กา้ นสนั้ มากหรอื ไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแบบ
ชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกตามซอกใบหรอื ปลายกง่ิ กลบี เลยี้ งมกั ฝอ่ ดอกรปู กงลอ้
สีเขียวอมขาวหรอื เหลอื ง มี 4 กลบี รูปสามเหล่ียมขนาดเล็ก เกสรเพศผู้ 4 อนั
อบั เรณยู นื่ พน้ ปากหลอดกลบี ดอก จานฐานดอกแยก 2 พู ตดิ ดา้ นบนรงั ไข่ รงั ไข่
ใต้วงกลีบ มี 2 ช่อง แตล่ ะชอ่ งมีออวลุ เมด็ เดยี ว กา้ นเกสรเพศเมียแยก 2 แฉก
ยอดเกสรเปน็ ตุ่ม ผลแหง้ แยกเป็น 2 พู บางครงั้ ฝ่อหน่ึงพู

สกุล Galium อยภู่ ายใต้วงศ์ย่อย Rubioideae คล้ายกบั สกลุ Rubia ท่มี ีผลสด มี
กวา่ 400 ชนดิ พบในเขตร้อนและเขตอบอุน่ ในไทยมี 2 ชนดิ มคี วามผันแปรสูง
ช่ือสกลุ มาจากภาษากรกี “galion” ทีใ่ ช้เรยี กพชื ในสกลุ นชี้ นดิ G. verum L.

280


Click to View FlipBook Version