The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

saranukrom

saranukrom

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ชนั หอย

ชะมดต้น ชะมวงกวาง: ใบเกือบไร้ก้าน ใบประดบั เรยี งตรงขา้ มสลับตัง้ ฉาก ตดิ ทน ดอกสขี าวอมชมพู กา้ นชูอบั เรณเู ชือ่ มตดิ กัน
เป็น 5 มัด ตดิ ตรงขา้ มกลบี ดอก ก้านเกสรเพศเมีย 5 อนั ติดทน ผลแตกอา้ จรดโคน มี 5 ซีก (ภาพ: ตรัง - RP)
Abelmoschus moschatus Medik.
วงศ์ Malvaceae ชะลดู ชา้ ง

ชือ่ พ้อง Hibiscus abelmoschus L. Marsdenia floribunda (Brongn.) Schltr.
วงศ์ Apocynaceae
ไมล้ ้มลุก สูงไดถ้ งึ 2 ม. สว่ นต่างๆ มีขนหยาบกระจาย หใู บรูปเส้นด้าย ยาว
7-8 มม. ใบสว่ นมากรปู ฝา่ มอื 3-7 พู เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 6-15 ซม. ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย ช่อื พอ้ ง Stephanotis floribunda Brongn., S. jasminoides hort.
ก้านใบยาว 7-15 ซม. ดอกออกเดี่ยว ๆ ก้านดอกยาว 2-3 ซม. รว้ิ ประดบั 6-12 อัน
รูปแถบ ยาว 0.8-1.3 ซม. โค้งเขา้ กลบี เลย้ี งยาว 2-3 ซม. ดอกสเี หลอื งนวล โคนกลบี ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ยาวไดถ้ งึ 5 ม. นำ้� ยางสขี าว ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู ไขห่ รอื รปู ขอบขนาน
ด้านในสีม่วงอมน้�ำตาลทั้งด้านนอกและด้านใน ดอกบานเส้นผ่านศูนย์กลาง ยาว 5-15 ซม. แผน่ ใบหนา ก้านใบยาว 0.8-2.5 ซม. โคนดา้ นบนมีตอ่ ม 1 คู่ ช่อดอก
7-12 ซม. เส้าเกสรยาวประมาณ 2.5 ซม. รังไข่มีขนหนาแนน่ ผลรูปไข่หรอื แกม แบบชอ่ กระจกุ คล้ายชอ่ ซ่รี ม่ กา้ นช่อยาว 0.5-1.8 ซม. กา้ นดอกยาวกวา่ กา้ นช่อ
รูปขอบขนาน ยาว 5-6 ซม. ปลายแหลม เมลด็ สีนำ้� ตาลด�ำ รปู คล้ายไต มีปุม่ เล็ก ๆ เลก็ น้อย กลบี เลี้ยง 5 กลีบ รปู ไขข่ นาดเลก็ ดอกสขี าว หลอดกลบี ดอกเรียวแคบ ยาว
เป็นรา่ งแหกระจาย (ดขู อ้ มูลเพม่ิ เติมท่ี กระเจ๊ียบมอญ, สกลุ ) 2.5-3 ซม. ปากหลอดมขี น ปลายแยกเป็น 5 กลีบ รูปรีกว้าง ยาวเท่า ๆ หลอดกลีบ
เกสรเพศผู้ 5 อนั เชอ่ื มติดกันเปน็ หลอด ติดท่โี คนหลอดกลีบดอก ปลายอบั เรณู
พบท่ีอนิ เดีย จนี พมา่ และภมู ภิ าคอินโดจีน ในไทยพบทุกภาค ขน้ึ ตามทโ่ี ลง่ มรี ยางค์ ไม่ย่นื พ้นปากหลอดกลบี ดอก กะบังเปน็ เกล็ด มี 5 อัน ผลแตกแนวเดยี ว
รมิ ลำ� ธาร ชายปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู 200-1000 เมตร รปู ขอบขนานแกมรปู ไข่ ยาว 10-15 ซม. ผนังหนา มนี วล เมล็ดจำ� นวนมาก แบน
แยกเปน็ subsp. biakensis (Hochr.) Borss. Waalk. พบทน่ี ิวกินี สว่ น subsp. มปี ีกแคบ ๆ
tuberosus (Span.) Borss. Waalk. เป็นช่อื พอ้ งของโสมชบา A. sagittifolius
(Kurz) Merr. โคนกลบี ดอกไมม่ สี เี ขม้ เมลด็ มกี ลน่ิ แรง ใชใ้ นอตุ สาหกรรมการผลติ มถี ่ินกำ� เนดิ ทม่ี าดากสั การ์ เป็นไมป้ ระดบั ดอกมีกลิ่นหอมแรงตอนกลางคืน
นำ้� หอม มสี รรพคณุ ขบั ปสั สาวะ แกไ้ ข้ ลดการอกั เสบ และควบคมุ ฮอรโ์ มนเพศหญงิ
สกลุ Marsdenia R. Br. เคยอย่ภู ายใตว้ งศ์ Asclepiadaceae ปัจจุบันอย่วู งศ์ย่อย
เอกสารอ้างองิ Asclepiadoideae มปี ระมาณ 100 ชนดิ พบในอเมริกา แอฟรกิ า และเอเชีย ในไทย
Tang, Y., M.G. Gilbert and L.J. Dorr. (2007). Malvaceae. In Flora of China Vol. มพี ชื พืน้ เมืองเกอื บ 10 ชนิด เปน็ ไมป้ ระดบั ชนิดเดยี ว ชื่อสกลุ ต้ังตามนกั พฤกษศาสตร์
12: 285. ชาวไอริช Willium Marsden (1754-1836)
เอกสารอ้างอิง
ชะมดตน้ : ริว้ ประดับรูปแถบ มีขนหยาบ ดอกสเี หลืองนวล โคนกลีบด้านในสีมว่ งอมนำ�้ ตาลเข้ม กลีบเล้ยี งคลา้ ยกาบ Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
แยกดา้ นเดียว ยาวกวา่ ร้วิ ประดบั (ภาพ: คลองลาน กำ� แพงเพชร - RP)
Press, Honolulu, Hawai`i.
ชะมวงกวาง
ชะลูดชา้ ง: ช่อดอกแบบช่อกระจุกคล้ายช่อซ่ีรม่ หลอดกลีบดอกเรียวแคบ ปากหลอดมขี น เกสรเพศผู้และเพศเมีย
Ploiarium alternifolium (Vahl) Melch. ไม่ยน่ื พน้ ปากหลอดกลบี ดอก (ภาพ: cultivated - RP)
วงศ์ Bonnetiaceae
ชนั หอย
ช่ือพอ้ ง Hypericum alternifolium Vahl
Shorea macroptera Dyer
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สว่ นมากสงู ไมเ่ กนิ 10 ม. ใบเรยี งเวยี น รปู ขอบขนาน รปู ใบหอก วงศ์ Dipterocarpaceae
หรือแกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 7-10 ซม. โคนตดั จรดก่งิ กา้ นใบสัน้ มากเกือบไร้ก้าน
แผน่ ใบดา้ นบนเปน็ มนั วาว ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ยมอี ยา่ งละ ไมต้ ้น สงู ได้ถงึ 40 ม. พูพอนเตยี้ ชันสีขาว มีขนสนั้ น่มุ ตามก่ิงออ่ น หใู บ แผ่นใบ
2 ใบ เรยี งตรงขา้ มสลบั ตงั้ ฉาก ตดิ ทน ดอกออกเดย่ี ว ๆ ตามซอกใบ ตาดอกบดิ เวยี น ดา้ นลา่ ง กา้ นใบ และชอ่ ดอก หใู บรปู ใบหอก ยาว 5-6 มม. ใบรปู ขอบขนาน รปู ใบหอก
กลีบเล้ยี ง 5 กลบี เรียงซอ้ นเหลื่อม รูปไขก่ วา้ ง ขนาดไม่เทา่ กัน ยาว 5-7 มม. หรอื รปู ใบหอกกลับ ยาว 8-15 ซม. ปลายแหลมเปน็ ตง่ิ ส้นั ๆ เสน้ แขนงใบข้างละ
ดอกมีกลิ่นหอม สขี าวอมชมพู มี 5 กลีบ รปู ไขก่ ลับ ยาว 1.5-2 ซม. มีก้านกลบี สน้ั ๆ 12-14 เสน้ กา้ นใบยาว 1-1.5 ซม. ชอ่ ดอกยาวไดถ้ ึง 12 ซม. กา้ นดอกยาว 2-3 มม.
เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก ยาวเทา่ ๆ กลีบดอก ก้านชอู บั เรณูเช่อื มตดิ กนั เป็น 5 มัด กลีบเลย้ี งกวา้ งยาวประมาณ 2 มม. ดอกสีครมี หรอื ชมพู กลบี รูปใบหอก ปลายมน
ตดิ ตรงขา้ มกลบี ดอก ระหวา่ งมดั มตี อ่ ม รงั ไขม่ ี 5 ชอ่ ง รปู ไข่ ยาว 1-1.2 ซม. เกลย้ี ง ยาว 7-8 มม. ด้านนอกมขี นคล้ายไหม เกสรเพศผู้ 15 อัน เรยี ง 3 วง แกนอับเรณู
กา้ นเกสรเพศเมยี 5 อนั ยาว 5-7 มม. ตดิ ทน ผลแหง้ แตก รปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน เป็นต่งิ ฐานกา้ นเกสรเพศเมยี รปู รี มขี นส้นั หนาแนน่ ผลรปู ไขก่ ว้าง ยาว 0.8-1.5 ซม.
ยาวประมาณ 2 ซม. แตกอา้ ออกจรดโคน มี 5 ซีก เมล็ดจำ� นวนมาก รูปแถบ มีขนสั้นนุ่ม ปีกยาว 3 ปกี ยาว 6-12 ซม. ปกี ส้นั 2 ปีก ยาว 2-6 ซม. โคนเปน็ ตง่ิ
ยาวประมาณ 3.5 มม. แผเ่ ปน็ แผน่ คลา้ ยเกลด็ ก้านผลส้นั มาก (ดขู อ้ มลู เพ่มิ เติมที่ พะยอม, สกุล)

พบทกี่ มั พูชา คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา บอรเ์ นียว และทางภาคใต้ของไทย
ตงั้ แตร่ ะนองลงไป ขน้ึ ตามปา่ เสมด็ ปา่ พรุ และชายปา่ ดบิ ชน้ื สว่ นมากพบทคี่ วามสงู
ระดับต�่ำ ๆ ภาษามาเลยเ์ รยี กวา่ Riang Riang หรอื Reriang แปลว่า จักจัน่
ตามชอ่ื สามญั Cicada tree บางครง้ั พบเปน็ ไมป้ ระดบั เนอ้ื ไมม้ คี วามแขง็ แรง และ
ทนทานสงู

สกลุ Ploiarium Korth. เคยอยู่ภายใตว้ งศ์ Theaceae และ Clusiaceae มี 3 ชนดิ
ในไทยมีชนิดเดยี ว ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรีก “ploiarion ” เรอื ตามลกั ษณะของซกี ผล
ท่ีรปู ร่างคลา้ ยเรอื

เอกสารอา้ งอิง
Hassan, I. (2010). Bonnetiaceae. In Flora of Peninsular Malaysia. Vol. 1: 83-86.
Keng, H. (1972). Bonnetiaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(2): 159-160.

131

ช้างน้าว สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

พบทค่ี าบสมทุ รมลายู สมุ าตรา และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทเ่ี บตง จงั หวดั ยะลา ชา้ งไห้
ขึ้นตามสันเขาในปา่ ดบิ ชืน้ ความสูงประมาณ 600 เมตร
Borassodendron machadonis (Ridl.) Becc.
เอกสารอ้างองิ วงศ์ Arecaceae
Ashton, P.S. (1982). Dipterocarpaceae. In Flora Malesiana Vol. 9: 532.
ช่อื พอ้ ง Borassus machadonis Ridl.
ชันหอย: กลบี เลีย้ งขยายเปน็ ปกี ยาว 3 ปกี โคนเป็นติง่ แผเ่ ปน็ แผ่นคลา้ ยเกลด็ (ภาพ: เบตง ยะลา - MP)
ปาล์มล�ำตน้ เดี่ยว แยกเพศต่างต้น สงู ไดถ้ ึง 20 ม. เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 20-30 ซม.
ช้างนา้ ว ใบรปู พดั หอ่ ลูล่ ง (costapalmate) เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 3-3.5 ม. แยกเปน็ แฉกลกึ
70-80 แฉก ยาว 1.4-1.7 ม. หอ่ ลลู่ ง แฉกย่อยแฉกเกินหรอื ประมาณก่ึงหนงึ่ ก้านใบ
Gomphia serrata (Gaertn.) Kanis ยาว 3-4 ม. ดา้ นบนเป็นรอ่ ง ลกึ ขอบเรยี บ คมคล้ายมดี โคนแยกเปน็ สามเหลี่ยม
วงศ์ Ochnaceae กาบแยกจรดโคน มีเส้นใยตามขอบ ช่อดอกคล้ายช่อเชิงลด ออกตามซอกกาบ
กาบประดับร่วงเรว็ ใบประดับเรียงซอ้ นเหลื่อมหนาแนน่ ชอ่ ดอกเพศผแู้ ตกแขนง
ชือ่ พ้อง Meesia serrata Gaertn. 5-9 ครง้ั แกนช่อยาว 1-1.5 ม. กา้ นช่อยาว 20-40 ซม. ชอ่ ดอกแขนงมี 3-4 ชอ่ ยาว
30-40 ซม. ดอกออกเปน็ กระจกุ 2-6 ดอก ดอกยาว 1.7-2 ซม. กลบี เลยี้ งและกลบี ดอก
ไมพ้ ่มุ หรือไม้ต้น อาจสงู ได้ถึง 25 ม. หูใบขนาดเล็ก ร่วงเรว็ ใบเรยี งเวยี น รปู จำ� นวนอย่างละ 3 กลบี เกสรเพศผู้ 6-15 อนั ชอ่ ดอกเพศเมยี แกนช่อยาว 40-60 ซม.
ใบหอกแกมรูปไข่หรอื รูปไข่กลับ ยาว 6-20 ซม. ขอบใบจักฟันเลอ่ื ยถ่ี ๆ แผ่นใบ กา้ นช่อยาว 30-50 ซม. บางครง้ั แตกแขนง 1-3 คร้ัง ดอกออกเด่ียว ๆ คล้าย
ด้านบนเป็นมันวาว เส้นแขนงใบจ�ำนวนมากเรียงขนานกัน ปลายโค้งจรดกัน ดอกเพศผู้ ยาว 2.8-3.2 ซม. รงั ไข่มี 3 ชอ่ ง ยอดเกสรเพศเมยี ไร้กา้ น ตดิ ทน ผล
เปน็ เส้นขอบใน กา้ นใบยาว 2-6 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ยาวได้ถงึ รูปไข่กวา้ ง ยาว 8-16 ซม. ผลแก่สีดำ� ผวิ เรียบ ผนงั ผลช้ันกลางหนาเป็นเสน้ ใย
35 ซม. ก้านดอกยาว 5-8 มม. ฐานดอกนนู กว้าง สงู 0.7-1 มม. ขยายในผล กลบี เลยี้ ง ผนงั ชนั้ ในแข็งมีรว้ิ มี 3 เมล็ด
5 กลีบ รูปรหี รอื รปู ไขก่ ลบั ยาว 4-7 มม. ขยายในผล ดอกสเี หลือง มี 5 กลีบ รูปไขก่ ลับ
หรือรปู ใบพาย ยาว 4.5-8 มม. ปลายมนกลม เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชอู บั เรณู พบทพี่ มา่ และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ แ่ี กง่ กระจาน
สน้ั มาก อบั เรณเู รยี วยาว 2.5-6 มม. ปลายมรี ูเปิด 2 รู มี 5 คาร์เพล แตล่ ะคาร์เพล จงั หวดั เพชรบรุ ี และภาคใต้ ขน้ึ ตามปา่ ดบิ ชนื้ หรอื เขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ
มชี อ่ งเดยี ว กา้ นเกสรเพศเมียยาว 3-5 มม. ขยายในผล ผลผนังช้นั ในแข็ง มี 1-5 ผล 700 เมตร นยิ มปลูกเปน็ ไมป้ ระดับ
ติดบนฐานรองดอกท่ีขยาย รูปรี ยาว 0.8-1 มม. สเี ทาเขยี ว สกุ สีเทาอมนำ้� เงนิ
หรอื เกือบดำ� มีเมลด็ เดยี ว สกลุ Borassodendron Becc. อยู่ภายใตว้ งศ์ย่อย Coryphoideae มี 2 ชนดิ
อกี ชนิด คอื B. borneense J. Dransf. พบเฉพาะที่บอร์เนยี ว ชอื่ สกลุ มาจาก
พบทอี่ นิ เดยี ศรีลังกา ภูมิภาคอินโดจนี และมาเลเซยี ในไทยสว่ นมากพบทาง สกุล Borassus และ “dendron” ตน้ ไม้
ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขึน้ ตามปา่ ดิบแล้ง เอกสารอ้างองิ
และชายป่าดิบชนื้ ความสงู ถึงประมาณ 1200 เมตร Barfod, A.S. and J. Dransfield. (2013). Arecaceae. In Flora of Thailand Vol.

สกลุ ช้างน้าว Gomphia Schreb. อยภู่ ายใตว้ งศ์ยอ่ ย Ochnoideae มีประมาณ 11(3): 337-339.
30 ชนิด ส่วนมากพบในแอฟริกา ในไทยมีเพียงชนดิ เดียว ชือ่ สกลุ มาจากภาษา
กรีก “gomphos” เขม็ หมดุ ตามลักษณะของผลย่อย ชา้ งไห้: ช่อดอกคลา้ ยชอ่ เชิงลด ออกตามซอกกาบ ชอ่ ดอกเพศผูแ้ ตกแขนง ผลขนาดใหญ่ รูปไขก่ วา้ ง แก่สีดำ� ผวิ เรยี บ
เอกสารอา้ งองิ (ภาพ: cultivated - PK)
Kanis, A. (1970). Ochnaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(1): 28-29.
ชา้ แป้น
ช้างน้าว: เส้นแขนงใบจำ� นวนมากเรียงขนานกนั ปลายโคง้ จรดกนั เป็นเสน้ ขอบใน ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง
ผลผนังชน้ั ในแขง็ มี 1-5 ผล ตดิ บนฐานรองดอกท่ขี ยาย สกุ สเี ทาอมน�้ำเงนิ หรอื เกือบดำ� (ภาพ: มุกดาหาร - PK) Callicarpa arborea Roxb.
วงศ์ Lamiaceae

ไม้ตน้ สูงไดถ้ ึง 15 ม. กง่ิ มีขนรปู ดาวสน้ั นมุ่ หนาแนน่ ตามก่ิง แผ่นใบด้านล่าง
เสน้ กลางใบดา้ นบน กา้ นใบ ชอ่ ดอก กลบี เลยี้ งดา้ นนอก และรงั ไข่ ใบเรยี งตรงขา้ ม
สลับต้ังฉาก รปู รี รูปขอบขนาน หรอื แกมรูปไข่ ยาว 10-35 ซม. ปลายแหลม โคน
รูปลมิ่ หรอื กลม แผน่ ใบหนา มตี ่อมกระจาย ก้านใบยาว ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุก
แยกแขนง ออกตามซอกใบใกลป้ ลายกง่ิ แผ่กว้าง เส้นผ่านศูนย์กลาง 6-12 ซม.
ก้านช่อยาวกว่าก้านใบ เปน็ เหล่ียมเล็กน้อย ใบประดบั รูปแถบขนาดเล็ก รว่ งเร็ว
กา้ นดอกยาวประมาณ 1.5 มม. กลบี เลย้ี งรปู ถว้ ย ขอบตดั ดอกสมี ว่ ง หลอดกลบี ดอก
ยาวประมาณ 3 มม. ปลายแยกเปน็ 4 แฉกรูปสามเหลีย่ ม ยาวประมาณ 1 มม.
ดา้ นนอกเกล้ยี งหรือมีขนประปราย เกสรเพศผู้ 4 อัน ตดิ ภายในหลอดกลบี ดอก
ยาวกวา่ กลบี ดอก อับเรณูแตกตามยาว รังไขม่ ี 2 ชอ่ ง แต่ละชอ่ งมีออวุล 2 เม็ด
กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวกวา่ เกสรเพศผเู้ ลก็ นอ้ ย ยอดเกสรแผก่ วา้ ง ผลสด ผนงั ชน้ั ในแขง็
เสน้ ผ่านศนู ย์กลางประมาณ 2 มม. สกุ สมี ว่ งอมชมพู

132

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ชาฤๅษี

พบท่อี นิ เดยี ศรีลังกา ภฏู าน เนปาล บังกลาเทศ จนี ตอนใต้ พมา่ ภูมภิ าคอนิ โดจนี เอกสารอ้างองิ
คาบสมุทรมลายู สุมาตรา ฟลิ ปิ ปินส์ และนิวกินี ในไทยพบทกุ ภาค ข้นึ ตามป่า Ashton, P.S. (1982). Dipterocarpaceae. In Flora Malesiana Vol. 9: 335.
เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ เขา ปา่ ดบิ ชนื้ และปา่ ชายหาด ความสงู ถงึ ประมาณ Pooma, R. and M. Newman. (2001). Checklist of Dipterocarpaceae in Thailand.
1800 เมตร เปลอื กมสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอย่าง Thai Forest Bulletin (Botany) 29: 115.

สกลุ Callicarpa L. มปี ระมาณ 140 ชนดิ พบในอเมริกาเขตร้อน แอฟริกา และ ชา้ มว่ ง: แผน่ ใบเกลีย้ ง ปกี ยาว 2 ปกี ปกี สน้ั 3 ปีก (ภาพ: ยะลา; ภาพซา้ ย - MP, ภาพขวา - RP)
เอเชีย ในไทยมีพชื พ้ืนเมอื งประมาณ 12 ชนิด สว่ นมากมีเกสรเพศผู้ 4 อนั และ
กลบี ดอก 4 กลีบ ยกเว้น ปอนน C. pentandra Roxb. มอี ยา่ งละ 5 ในไทยพบทาง ช้าเรอื ด
ภาคใตต้ อนล่าง และมีไม้ประดับอกี หนง่ึ ชนิด คอื ราชาไข่มุก C. americana L.
หรือ American beautyberry มีถิน่ ก�ำ เนิดในสหรฐั อเมรกิ า เป็นไมพ้ ุม่ ใบขยี้ใชก้ ันยุง Caesalpinia mimosoides Lam.
ชื่อสกลุ มาจากภาษากรีก “kalli” สวย และ “karpos” ผล ตามลักษณะผล วงศ์ Fabaceae
เอกสารอ้างอิง
Chen, S.L. and M.G. Gilbert. (1994). Verbenaceae. In Flora of China Vol. 17: 4, 6. ไมพ้ มุ่ หรอื กง่ึ เลอื้ ย มหี นามและขนสากกระจายตามล�ำตน้ ชอ่ ดอก และกา้ นดอก
Leeratiwong, C., P. Chantaranothai and A.J. Paton. (2009). A synopsis of the หใู บรูปล่มิ แคบ ยาว 0.7-1.5 ซม. รว่ งเร็ว ใบประกอบมีใบประกอบย่อย 10-30 ใบ
แกนกลางยาว 25-40 ซม. ใบยอ่ ยมี 10-20 คู่ รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 1 ซม.
genus Callicarpa L. (Lamiaceae) in Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) ปลายกลมมตี งิ่ หนามสนั้ ๆ โคนเบย้ี ว เกอื บไรก้ า้ น ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตาม
37: 36-58. ปลายกง่ิ ยาวได้ถงึ 30 ซม. ใบประดับรปู ล่ิมแคบ ยาวประมาณ 4 มม. มีขนยาว
ก้านดอกยาว 2-3 ซม. ปลายกา้ นมรี อยต่อ กลบี เลย้ี งมีขนยาวและต่อมกระจาย
ช้าแป้น: ใบเรยี งตรงขา้ มสลบั ตง้ั ฉาก ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนง ดอกสีมว่ ง มี 4 กลบี เกสรเพศผู้ 4 อัน ยาว กลบี ลา่ งโค้ง ดอกสเี หลืองยาว 1.5-2 ซม. กลบี กลางรูปไขก่ ลับ ขนาดเลก็ มเี สน้
กว่ากลีบดอก ก้านเกสรเพศเมยี ยาวกวา่ เกสรเพศผูเ้ ล็กน้อย (ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบ่ี - RP) กลีบสีแดง ก้านชูอับเรณูมีขนหนาแน่น รังไข่มีขนส้ันนุ่ม ฝักพอง รูปขอบขนาน
ปลายโคง้ โคนแคบ ยาว 5-5.5 ซม. ปลายมจี ะงอย มี 2 เมลด็ รปู รี แบน ยาวประมาณ
1 ซม. (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เติมท่ี หนามขแี้ รด, สกุล)

พบที่อนิ เดีย พม่า จีนตอนใต้ และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบทุกภาค ภาคใต้
ถงึ ชมุ พร ขน้ึ ตามชายปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ สองขา้ งถนน ความสงู ถงึ ประมาณ
500 เมตร ยอดออ่ นกนิ เป็นผักสด ช่อดอกอ่อนใชป้ รุงอาหาร

เอกสารอ้างอิง
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 67-69.

ปอนน: กลีบดอก 5 กลบี เกสรเพศผู้ 5 อัน (ภาพซ้าย: ยะลา - RP); ราชาไข่มุก: ผลสีม่วง (ภาพขวา: cultivated - RP) ชา้ เรอื ด: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจะ กลบี กลางรปู ไข่กลับ ขนาดเลก็ มเี ส้นกลีบสแี ดง ฝักพอง ปลายโค้ง โคนแคบ
ปลายมจี ะงอย (ภาพดอก: สอยดาว จนั ทบรุ ี - PK; ภาพผล: ป่าละอู ประจวบครี ขี นั ธ์ - RP)
ช้าม่วง
ชาฤาษี, สกุล
Anisoptera scaphula (Roxb.) Kurz
วงศ์ Dipterocarpaceae Paraboea (C. B. Clarke) Ridl.
วงศ์ Gesneriaceae
ช่อื พ้อง Hopea scaphula Roxb.
ไม้ลม้ ลกุ โคนต้นมักมเี นื้อไม้ ใบเรียงตรงขา้ ม เปน็ วงรอบขอ้ หรอื เรียงเวยี น
ไม้ต้น สูงได้ถึง 50 ม. พูพอนสงู ไดถ้ งึ 3 ม. ชันสีขาวขนุ่ มขี นสน้ั นมุ่ ตามกิง่ อ่อน ช่อดอกแบบช่อกระจุก กลบี เล้ยี ง 5 กลีบ แฉกลกึ เกอื บจรดโคน ดอกรูประฆงั มี
หใู บดา้ นใน ชอ่ ดอก กลบี เลย้ี ง และกลบี ดอกดา้ นนอก หใู บรปู ใบหอกหรอื รปู แถบ ยาว 5 กลีบ คล้ายรปู ปากเปดิ เกสรเพศผู้ 2 อนั ตดิ บนหลอดกลีบดอก ก้านชูอับเรณู
5-8 มม. ใบรูปขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว 8-20 ซม. แผ่นใบเกลยี้ ง เสน้ แขนงใบ ทีไ่ ม่แนบติดหลอดกลีบหนา สน้ั อับเรณูขนาดใหญส่ ีหลอื ง บางคร้ังมเี กสรเพศผู้
ขา้ งละ 12-20 เส้น เรียงจรดกนั ใกลข้ อบใบไมช่ ัดเจน กา้ นใบยาว 1.5-3 ซม. ทเี่ ปน็ หมนั รงั ไขร่ ปู ทรงกระบอก ยอดเกสรสว่ นมากเปน็ ตมุ่ ขนาดเลก็ ผลแหง้ แตก
ชอ่ ดอกยาวได้ถึง 20 ซม. ก้านดอกยาว 1-2 มม. กลบี เลยี้ งยาวประมาณ 3 มม. ตามยาว บางครง้ั บดิ เป็นเกลยี ว เมล็ดขนาดเลก็ จ�ำนวนมาก
กลบี ดอกรปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ปลายกลบี มน ยาว 7-8 มม. เกสรเพศผู้ 15 อนั
อบั เรณู ยาว 1-2 มม. ปลายมีรยางค์สั้น ๆ เป็นต่ิงแหลม ฐานก้านเกสรเพศเมยี
ไม่ชัดเจน ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1 มม. ยอดเกสรจกั 3 พู ไมช่ ัดเจน
หลอดกลบี เลีย้ งมขี นประปราย ปีกยาว 2 ปกี ยาว 10-15 ซม. ปีกสั้น 3 ปกี ยาว
1-3 ซม. ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1 ซม. (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ที่ กระบาก, สกลุ )

พบทีอ่ ินเดีย บงั กลาเทศ พมา่ ตอนลา่ ง และคาบสมทุ รมลายูตอนบน ในไทย
พบกระจายห่าง ๆ ทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ท่ีกาญจนบรุ ี และภาคใต้ ข้ึน
ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู 300-700 เมตร เปน็ ไมว้ งศย์ างทมี่ ขี นาดใหญ่
ทส่ี ุดของไทย พบทีอ่ ุทยานแหง่ ชาตติ ากสินมหาราช (ตน้ กระบากใหญ)่ จังหวัดตาก
มีเส้นรอบวงถงึ 16 เมตร สงู ประมาณ 50 เมตร ชื่อ ช้ามว่ ง เป็นชอ่ื ทเ่ี รียกทางภาคใต้
หมายถึงคลา้ ยมะม่วง ตามลกั ษณะใบอ่อนท่ีมีสมี ่วง

133

ชาฤๅษี สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

สกุล Paraboea เดิมอยู่ภายใต้สกุล Didymocarpus ปัจจุบันไดร้ วมเอาสกุล เส้นผ่านศูนยก์ ลางประมาณ 8 มม. กลีบบน 2 กลีบ ขนาดเลก็ กว่ากลบี ล่าง 3 กลบี
Trisepalum และ Phylloboea ไวด้ ว้ ย ท�ำ ใหม้ ีจ�ำ นวนมากกวา่ 130 ชนดิ ในไทย เลก็ นอ้ ย กา้ นชอู ับเรณยู าวกวา่ อับเรณู อับเรณูยาวประมาณ 2 มม. ปลายเชอื่ มตดิ กนั
อาจมไี ดถ้ งึ 80 ชนิด ชอื่ สกลุ หมายถงึ สกุลทคี่ ลา้ ยกับสกลุ Boea เกสรเพศผ้ทู ่เี ปน็ หมนั มี 3 อัน ขนาดเล็ก รงั ไข่เกลี้ยง ผลรปู แถบ ยาวประมาณ
4 ซม. บดิ เปน็ เกลียว
ชาฤาษี
พชื ถิ่นเดียวของไทย พบทางภาคเหนอื ท่แี มฮ่ ่องสอน และเชียงใหม่ ขน้ึ ตาม
Paraboea burttii Z. R. Xu เขาหนิ ปนู ในป่าเบญจพรรณ และปา่ ดบิ แล้ง ความสูง 700-1000 เมตร
ไมล้ ้มลกุ ล�ำต้นสนั้ หรอื สงู ไดถ้ ึง 15 ซม. มีขนสานเป็นพืดสีนำ�้ ตาลตามแผน่ ใบ
เอกสารอ้างองิ
ด้านล่าง ช่อดอก และกลีบเล้ียงด้านนอก ใบเรียงตรงข้ามชิดกัน รูปไข่ ยาว Puglisi, C., D.J. Middleton, P. Triboun and M. Möller. (2011). New insights into the
7-14 ซม. ปลายมน โคนรูปล่มิ หรอื เวา้ ตน้ื ๆ ขอบจักซ่ีฟนั เลก็ นอ้ ย แผ่นใบดา้ นบน relationships between Paraboea, Trisepalum and Phylloboea (Gesneriaceae)
มีขนสั้นนุม่ หนาแนน่ ก้านใบยาว 4-10 ซม. ช่อดอกคล้ายช่อซรี่ ม่ ออกตามซอกใบ and their taxonomic consequences. Taxon 60: 1693-1702.
กา้ นช่อยาวเทา่ ๆ กา้ นใบ ใบประดบั รปู กลม ๆ ยาวประมาณ 1.2 ซม. ดอกจ�ำนวนมาก Xu, Z., B.L. Burtt, L.E. Skog and D.J. Middleton. (2008). A revision of Paraboea
กา้ นดอกยาว 1-1.5 ซม. กลบี เลยี้ งมี 5 กลีบ รูปไข่ ยาวประมาณ 6 มม. ดอกสีขาว (Gesneriaceae). Edinburgh Journal of Botany 65: 161-347.
อมม่วง หลอดกลีบยาวประมาณ 4 มม. ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ
1.6 ซม. กลีบบน 2 กลีบ รูปไขก่ วา้ ง ยาวประมาณ 6 มม. กลบี ลา่ ง 3 กลีบ รปู ไข่ ชาฤๅษี: P. burttii ชอ่ ดอกคล้ายชอ่ ซ่ีร่ม ออกตามซอกใบ ก้านช่อยาว ดอกสีขาวอมมว่ ง ผลรูปแถบ ไม่บิดเป็นเกลยี ว
กลบี คขู่ า้ งกวา้ งและยาวกวา่ กลบี กลางเลก็ นอ้ ย ยาว ประมาณ 8 มม. อบั เรณรู ปู รกี วา้ ง (ภาพ: เขาหลวง นครศรธี รรมราช - DM)
ยาวประมาณ 2.5 มม. เชอ่ื มตดิ กนั รงั ไขเ่ กลย้ี ง กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 7 มม.
ผลรูปแถบ ยาว 3-4 ซม. ไมบ่ ิดเป็นเกลียว ชาฤๅษี: P. multiflora ใบเรยี งเป็นกระจุกใกล้โคน ดอกรูประฆัง มี 5 กลบี คล้ายรปู ปากเปิด เกสรเพศผู้ 2 อัน
ก้านชูอับเรณูสั้นกว่าหรอื ยาวกวา่ อบั เรณู (ภาพ: ดอยอินทนนท์ เชยี งใหม่ - PK)
พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคใตท้ น่ี ครศรธี รรมราช ตรงั และพทั ลงุ ขน้ึ ตาม
เขาหินปูนในปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู ถึงประมาณ 400 เมตร ชาฤๅษเี คราขาว: มีขนคลา้ ยใยแมงมุมหนาแน่นตามสว่ นต่าง ๆ ใบเรยี งเวยี นท่โี คน โคนสอบเรยี วจรดกา้ นใบเปน็ ครบี
กลีบบน 2 กลีบ ขนาดเท่า ๆ กลีบล่าง 3 กลบี (ภาพดอก: ทงุ่ สง นครศรธี รรมราช - PK)
ชาฤาษี
ชาฤๅษโี ลหะโมล:ี มีขนสานเป็นพืดสนี �้ำตาลอ่อนตามแผ่นใบดา้ นลา่ ง ก้านใบ และกา้ นชอ่ ดอกออ่ น ก้านช่อดอกยาว
Paraboea multiflora (R. Br.) B. L. Burtt ใบประดบั 2 ใบ ผลบิดเปน็ เกลียว (ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชียงใหม่ - PK)

ช่ือพอ้ ง Boea multiflora R. Br.

ไมล้ ม้ ลุก บางครั้งมเี หง้า มขี นสน้ั น่มุ สนี �ำ้ ตาลแดงตามแผ่นใบดา้ นล่าง และ
ช่อดอก ใบเรยี งเป็นกระจุกใกล้โคน รปู รี เบีย้ ว ยาว 4-22 ซม. ขอบจักมน ก้านใบ
ยาวได้ถึง 12 ซม. ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ กา้ นช่อยาว 3.5-22 ซม. กา้ นดอกยาว
2-7 มม. กลีบเล้ียงมี 5 กลีบ รูปไข่ ยาว 1-2.5 มม. ด้านนอกมขี น ดอกสีขาว
หลอดกลบี ดอกสน้ั มาก ดอกบานเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 8 มม. กลบี บน 2 กลบี
ขนาดเลก็ กวา่ กลีบลา่ ง 3 กลีบ เล็กน้อย กา้ นชอู บั เรณูสน้ั กวา่ หรือยาวกวา่ อบั เรณู
เล็กน้อย อับเรณูยาวประมาณ 2 มม. รังไข่มีนวลแป้ง ก้านเกสรเพศเมียยาว
ประมาณ 3 มม. ผลรปู ทรงกระบอก ยาวไดถ้ ึง 1.2 ซม. บดิ เป็นเกลียว มีนวลแป้ง

พบท่ีอนิ เดยี พมา่ จีนตอนใต้ และลาว ในไทยพบทางภาคเหนอื ที่เชยี งใหม่
ลำ� ปาง และภาคกลางทเ่ี ขาใหญ่ จงั หวดั นครนายก ขน้ึ ตามรมิ ลำ� ธารในปา่ ดบิ แลง้
และปา่ เบญจพรรณ ความสูงถึงประมาณ 600 เมตร

ชาฤาษเี คราขาว

Paraboea amplifolia Z. R. Xu & B. L. Burtt
ไมล้ ม้ ลกุ มขี นคลา้ ยใยแมงมมุ หนาแนน่ ตามสว่ นตา่ ง ๆ ใบเรยี งเวยี นทโี่ คน

รปู รี รปู ขอบขนาน หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 5-28 ซม. ปลายแหลม โคนสอบเรยี วจรด
กา้ นใบเปน็ ครบี ขอบเรยี บหรอื จกั ซฟ่ี นั เลก็ นอ้ ย แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นสนั้ นมุ่ กา้ นใบ
ยาว 2-10 ซม. ชอ่ ดอกแยกประมาณ 2-3 แขนง ออกตามซอกใบ กา้ นช่อยาว
5-12 ซม. กา้ นดอกยาวประมาณ 8 มม. กลบี เลยี้ งมี 5 กลบี รปู แถบ ยาวประมาณ
5 มม. มีขนส้ันนมุ่ ดอกสขี าว หลอดกลบี ดอกสน้ั ดอกบานเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง
ประมาณ 1 ซม. กลีบบน 2 กลีบ ขนาดเท่า ๆ กลบี ลา่ ง 3 กลีบ รปู ไข่กวา้ ง ยาว
4-5 มม. อับเรณูยาวประมาณ 3.5 มม. เช่ือมตดิ กัน รังไข่เกล้ียง ก้านเกสรเพศเมยี
ยาวกว่าเกสรเพศผู้ ผลรปู ไขแ่ คบ ยาวประมาณ 5 มม. ไมบ่ ิดเป็นเกลยี ว

พืชถนิ่ เดียวของไทย พบทางภาคใตท้ ี่ทุ่งสง จงั หวดั นครศรธี รรมราช ขน้ึ ตาม
หน้าถำ้� ท่เี ปน็ หนิ ปูน ความสงู ประมาณ 150 เมตร

ชาฤาษโี ลหะโมลี

Paraboea glabrisepala B. L. Burtt
ไมล้ ม้ ลกุ มขี นสานเปน็ แถบสนี ำ�้ ตาลออ่ นตามแผน่ ใบดา้ นลา่ ง กา้ นใบ และ

กา้ นชอ่ ดอกออ่ น ใบเรยี งเปน็ กระจกุ ทโ่ี คน รปู รี ยาว 10-21 ซม. ปลายมนหรอื กลม
โคนรูปล่มิ ถงึ เวา้ ต้ืน ขอบจักมน ก้านใบยาว 10-19 ซม. ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ
ก้านชอ่ ยาว 20-40 ซม. ใบประดับ 2 ใบ รปู ไข่กว้าง กวา้ งประมาณ 2 ซม. ยาว
ประมาณ 1.5 ซม. ช่อแขนงยอ่ ยยาว 1-4 ซม. ใบประดบั ขนาดเล็กกวา่ ดอกจำ� นวนมาก
กา้ นดอกยาวประมาณ 5 มม. กลบี เลยี้ งมี 5 กลบี ขนาดเลก็ รปู กลม ๆ ยาวประมาณ
1 มม. เกล้ียง ดอกสีม่วงออ่ น หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 5 มม. ดอกบาน

134

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย ช�ำมะนาด

ชา้ ส้าน, สกลุ ช้าสามแก้ว: ช่อดอกออกเป็นกระจกุ บนก่งิ กลีบดอกเรยี งซ้อนเหลอ่ื ม รปู ระฆงั กวา้ ง เกสรเพศเมยี 3-4 อัน ติดทน
(ภาพ: นำ้� ตกรามญั ยะลา - SSi)
Saurauia Willd.
วงศ์ Actinidiaceae ชาหอม

ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ กงิ่ มกั กลวง ใบเรยี งเวยี น ขอบเรยี บหรอื จกั ฟนั เลอื่ ย ดอกออก Osyris lanceolata Hochst. & Steud.
เป็นกระจุก ออกเด่ยี ว ๆ หรอื เป็นชอ่ แบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกตามปลายก่งิ วงศ์ Santalaceae
ซอกใบ บนกงิ่ หรือตามล�ำตน้ สมบรู ณเ์ พศหรือคลา้ ยมเี พศเดยี ว ใบประดบั ย่อยมี
2 ใบ กลบี เลย้ี งและกลีบดอกจำ� นวนอยา่ งละ 5 กลีบ เรยี งซ้อนเหลื่อม กลีบเล้ียงติดทน ไมพ้ มุ่ สงู 1-2 ม. แยกเพศตา่ งตน้ กง่ิ ออ่ นเปน็ เหลยี่ มหรอื มคี รบี ใบเรยี งเวยี น
เกสรเพศผู้ 15 อนั หรอื มจี ำ� นวนมาก ตดิ ทโี่ คนหลอดกลบี ดอก อบั เรณปู ลายมรี เู ปดิ รปู รถี งึ แกมรปู ขอบขนาน ยาว 1-4 ซม. ปลายมตี ง่ิ หนามสนั้ ๆ แผน่ ใบบางครง้ั มนี วล
รงั ไข่ส่วนมากมี 3-5 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียส่วนมากมี 3 หรอื 5 อัน โคนเช่อื มตดิ กัน ชอ่ ดอกออกตามซอกใบ ดอกเพศผอู้ อกเปน็ ชอ่ กระจกุ สนั้ ๆ แยกแขนง มี 8-10 ดอก
ผลสด หรอื คลา้ ยเป็นหนงั หนาแหง้ แตกออกดา้ นบน เมล็ดจำ� นวนมาก ขนาดเลก็ มักแยกเป็นกลุม่ ละ 3 ดอก ก้านชอ่ เปน็ เหลย่ี ม ยาวประมาณ 1 ซม. ใบประดบั
รูปใบหอก ยาวประมาณ 1 มม. ดอกสเี ขียว กลบี รวม 3 กลบี รปู ไข่กวา้ ง ยาว 1-2 มม.
สกุล Saurauia เดิมอยภู่ ายใต้วงศ์ Saurauiaceae มปี ระมาณ 300 ชนิด ส่วนใหญ่ มีเสน้ กลางกลบี เกสรเพศผู้ 3 อนั ติดทโ่ี คนกลบี กา้ นชอู บั เรณสู นั้ มาก เป็นหมันใน
พบในอเมริกาและเอเชยี เขตร้อน ในไทยมี 5-6 ชนิด ช่ือสกุลตั้งตามผ้สู นับสนนุ ดอกเพศเมยี ดอกเพศเมียออกเปน็ ช่อเดี่ยว ๆ มีดอกเดียว ก้านชอ่ สนั้ กว่าชอ่ เพศผู้
ดา้ นศลิ ปะและวทิ ยาศาสตรช์ าวออสเตรยี Friedrich von Saurau เพอ่ื นของ เลก็ น้อย ก้านดอกยาว 3-4 มม. ใบประดับมี 3 อนั ยาวประมาณกึ่งหนึ่งของกลบี รวม
Carl Ludwig Willdenow นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน บดิ ไปมา กลบี รวมยาวเท่า ๆ กับของดอกเพศผู้ ปลายมีตง่ิ ด้านใน ก้านเกสรเพศเมีย
สนั้ มาก ยอดเกสรมี 3 แฉก มีต่อมนำ�้ ตอ้ ย รังไข่ใต้วงกลีบ ผลผนังชน้ั ในแข็ง รปู รี
ชา้ สา้ น ยาว 5-6 มม. สุกสีแดงอมส้ม

Saurauia napaulensis DC. พบทางตอนใตข้ องยโุ รป แอฟรกิ า อินเดยี จีน พม่า และเวียดนาม ในไทยพบ
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ได้ถงึ 10 ม. มขี ุย เกลด็ และขนสีน้�ำตาลแดงตามกง่ิ ออ่ น ทางภาคเหนอื ทดี่ อยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ และดอยหวั หมด จงั หวดั ตาก ขนึ้ ตาม
ทีโ่ ล่งบนเขาหนิ ปูน ความสงู 1000-2000 เมตร ใบใชช้ งแทนใบชาได้
กา้ นใบ ชอ่ ดอก และใบประดบั ใบรูปรี รปู ขอบขนาน หรอื แกมรปู ไขก่ ลับ ยาว
15-35 ซม. แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นสน้ั นมุ่ สนี ำ�้ ตาล เสน้ แขนงใบจำ� นวนมาก กา้ นใบยาว สกุล Osyris L. มีเพียง 2 ชนิด อกี ชนดิ คอื O. speciosa (A. W. Hill) J. C. Manning
2-5 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกตามซอกใบ ชอ่ ยาว 15-35 ซม. & Goldblatt เปน็ พชื ถิน่ เดียวของแอฟริกาใต้ ช่ือสกุลอาจมาจากภาษากรีก “ozos”
ใบประดับยาว 3-5 มม. ก้านดอกยาว 1-2.5 ซม. กลีบเล้ยี งรปู ไขก่ ว้าง ยาว 3-5 มม. กิง่ ตามลกั ษณะวสิ ัยท่แี ตกกงิ่ จ�ำ นวนมาก
ดอกสชี มพู ยาว 6-8 มม. หลอดกลบี ดอกยาว 3-4 มม. ปลายกลบี พับงอกลับ เอกสารอา้ งองิ
เกสรเพศผ้จู �ำนวนมาก กา้ นชอู ับเรณยู าวประมาณ 3 มม. รงั ไข่เกล้ยี ง กา้ นเกสรเพศเมยี Macklin, J. and J. Parnell. (2005). Santalaceae (Osyris). In Flora of Thailand
มี 3-5 อัน ตดิ ทน ผลกลม เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 1.5 ซม.
Vol. 9(1): 68-72.
พบทอี่ นิ เดยี เนปาล พมา่ จนี ตอนใต้ และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบกระจาย
แทบทุกภาค แตส่ ว่ นมากพบมากทางภาคเหนือ ขน้ึ ตามชายปา่ ดิบชืน้ และป่าดิบเขา ชาหอม: ช่อดอกเพศผู้แบบช่อกระจุกสน้ั ๆ แยกแขนง มักแยกเปน็ กลุม่ ละ 3 ดอก กา้ นชอ่ เป็นเหลีย่ ม ดอกเพศเมยี
ความสูง 700-2200 เมตร รากมสี รรพคณุ แกป้ วดท้อง ขับพษิ ออกเปน็ ช่อเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบ มดี อกเดยี ว ผลสุกสแี ดงอมส้ม (ภาพ: ดอยหัวหมด ตาก - PK)

ชา้ สามแกว้ ช�ำ มะนาด, สกุล

Saurauia pentapetala (Jack) Hoogland Vallaris Burm. f.
วงศ์ Apocynaceae
ชื่อพอ้ ง Ternstroemia pentapetala Jack
ไมเ้ ถา นำ�้ ยางขาว กง่ิ มชี อ่ งอากาศ ใบเรยี งตรงขา้ ม มตี อ่ มตามซอกใบ ชอ่ ดอก
ไม้พุ่มหรือไม้ต้น สงู ได้ถึง 12 ม. มขี นสีนำ�้ ตาล ปมุ่ เล็ก ๆ ตามก่งิ อ่อน ก้านใบ แบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกตามซอกใบ กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ
แผน่ ใบดา้ นลา่ ง กา้ นดอก และกลบี เลยี้ งดา้ นนอก ใบรปู ไขก่ ลบั หรอื รปู ขอบขนาน 5 กลีบ ดอกรูปกรวย กลบี เรยี งซ้อนทบั กันด้านขวาในตาดอก เกสรเพศผู้ 5 อนั
ยาว 7-30 ซม. ขอบใบจกั ฟันเลอ่ื ย มีขนแขง็ ก้านใบยาว 1-4 ซม. ดอกออกเปน็ แนบติดปลายเกสรเพศเมีย จุดติดบนหลอดกลีบมีขน ย่ืนพ้นปากหลอดกลีบ
ชอ่ กระจกุ ตามซอกใบ ตามปมุ่ บนกง่ิ แตล่ ะชอ่ มี 1-10 ดอก กา้ นดอกยาว 1-2 ซม. กา้ นชอู บั เรณสู น้ั ปลายกา้ นเปน็ กระเปาะกลม อบั เรณรู ปู หวั ลกู ศร จานฐานดอกจกั
กลบี เลย้ี งรปู ไขก่ ลบั ยาว 0.3-1 ซม. ดอกรปู ระฆงั กวา้ ง สขี าวหรอื สชี มพอู อ่ น ยาว 5 พู มี 2 คาร์เพลแยกกนั ปลายเช่ือมตดิ กนั เรียวจรดก้านเกสรเพศเมยี มีขนสนั้ นมุ่
0.6-1 ซม. กลบี รปู ไข่ ปลายพับงอ กา้ นชูอับเรณยู าวประมาณ 3 มม. รังไขเ่ กลย้ี ง ผลแตกแนวเดยี วออกเปน็ คู่ มกั ลดรปู มผี ลเดยี ว เมลด็ จำ� นวนมาก ปลายมจี กุ ขน
กา้ นเกสรเพศเมยี มี 3-4 อนั ติดทน ผลรูปรกี ว้าง กว้าง 6-8 มม. ยาว 5-6 มม.

พบที่คาบสมุทรมลายู ในไทยพบทางภาคตะวันออกที่เขาใหญ่ จังหวัด
ปราจนี บรุ ี และภาคใต้ ขน้ึ ตามปา่ ดบิ ชน้ื รมิ ลำ� ธารหรอื ทลี่ าดชนั ความสงู ถงึ ประมาณ
800 เมตร ในหนงั สอื พรรณพฤกษชาตขิ องประเทศไทยระบวุ า่ เปน็ S. tristyla DC.

เอกสารอา้ งอิง
Keng, H. (1972). Saurauiaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(2): 109-111.
Li, J., X. Li and D. Doel Soejarto. (2007). Actinidiaceae. In Flora of China Vol.
12: 356, 358.
Rafidah, A.R. (2013). Actinidiaceae. In Flora of Peninsular Malaysia. Vol. 4: 5-24.

ช้าส้าน: แผน่ ใบด้านลา่ งมขี นสนี �ำ้ ตาล ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกตามซอกใบ (ภาพ: เชียงใหม่ - RP)

135

ชำ� มะนาด สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

สกลุ Vallaris มี 3 ชนดิ ในไทยพบเป็นพืชพืน้ เมืองชนิดเดียว และเปน็ ไมป้ ระดับ หรอื ซอกใบ ยาวไดถ้ งึ 75 ซม. กา้ นดอกยาวไดถ้ งึ ประมาณ 1 ซม. กลบี เลยี้ ง 4 กลบี
อีก 1 ชนดิ ช่ือสกลุ มาจากภาษาละตนิ “vallum” กำ�แพง ตามลักษณะวสิ ัยท่เี ป็น รปู รีกว้าง ยาว 2-4 มม. ดอกสมี ว่ งอมแดงหรือขาว มี 4 กลบี รปู ไขห่ รอื รูปไขก่ ลับ
ไมเ้ ถาเลอ้ื ยปกคลมุ คลา้ ยเปน็ กำ�แพง ยาว 1.5-3 มม. ขอบมีขนครยุ เกสรเพศผมู้ ี 5-8 อัน ก้านชูอับเรณสู ้ันมาก ผลรูปรี
หรือรปู ไข่ ยาว 1-3 ซม. สกุ สมี ว่ งดำ� มี 2 เมล็ด ยาว 1-2 ซม. มีข้ัว (ดขู ้อมลู เพ่มิ เติมที่
ชำ�มะนาด มะหวด, สกลุ )

Vallaris glabra (L.) Kuntze พบทพ่ี มา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้
และภาคใต้ ขน้ึ ตามชายปา่ รมิ ลำ� ธาร หรอื ปา่ ชายหาด ความสงู จนถงึ 1400 เมตร
ชอื่ พอ้ ง Pergularia glabra L. มักพบปลูกเป็นไม้ผล เนื้อไม้แข็งและทนทาน ยอดอ่อนกนิ เปน็ ผกั สดหรือใช้ปรุง
อาหาร รากบดเปน็ ยาพอกแกค้ นั
ไม้เถา ใบรูปรี ยาว 10-17 ซม. ปลายมีตงิ่ แหลม ก้านใบยาว 0.5-3 ซม.
ช่อดอกยาวไดถ้ งึ 10 ซม. แผ่กว้าง กา้ นชอ่ สั้น กลีบเล้ียงบานออกหรอื พับงอกลับ เอกสารอา้ งอิง
รปู สามเหลย่ี มแคบ ๆ ยาว 4-5.5 มม. ดอกสขี าวอมเหลืองหรอื เขียวออ่ น หลอด van Welzen, P.C. (1999). Sapindaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 213-214.
กลบี ดอกยาว 7-9 มม. กลบี รปู ไข่ ปลายแหลม ยาวประมาณ 1 ซม. ด้านนอกมี
ขนสัน้ นมุ่ กา้ นชอู บั เรณูยาว 2-4 มม. ตดิ ด้านประมาณจดุ ก่ึงกลางหลอดกลีบดอก ช�ำมะเลียง: หใู บเทยี มคล้ายใบตดิ เป็นคู่ทโี่ คนก้านใบ ชอ่ ดอกออกตามกงิ่ ดอกสีมว่ งอมแดง มี 4 กลีบ ผลสกุ สี
อบั เรณยู าวประมาณ 5 มม. จานฐานดอกมีขนตามปลายจกั ก้านเกสรเพศเมยี มว่ งดำ� (ภาพ: cultivated; ภาพหูใบ - RP, ภาพช่อดอกและผล - SSi)
รวมยอดเกสรยาวประมาณ 6 มม. มขี นสั้นนมุ่
ชงิ ช่ี, สกลุ
มถี นิ่ ก�ำเนดิ ในชวา เปน็ ไมป้ ระดบั ทว่ั ไปในเขตรอ้ น ดอกมกี ลนิ่ หอม มกั ไมต่ ดิ ผล
Capparis L.
ชำ�มะนาดเลก็ วงศ์ Capparaceae

Vallaris solanacea (Roth) Kuntze ไม้พ่มุ ไมต้ ้น หรอื ไมเ้ ถา บางครง้ั มเี กลด็ หุ้มติดทโ่ี คนยอด ใบเรยี งเวียนหรอื
เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว มักมีหูใบเป็นหนาม หนามตรงหรือโค้ง ดอกออกเด่ยี ว ๆ
ช่ือพ้อง Peltanthera solanacea Roth เปน็ กระจกุ หรือเป็นชอ่ แบบชอ่ กระจะหรือช่อซ่ีร่ม ตามซอกใบเปน็ แถวดา้ นบน
หรือปลายกง่ิ กลีบเลยี้ ง 4 กลบี เรยี ง 2 วง แยกจรดโคน กลีบดอก 4 กลีบ เรยี ง
ไม้เถา ใบรูปรถี งึ รูปใบหอก ยาว 2-15 ซม. ปลายแหลมยาว กา้ นใบยาว 0.3-2 ซม. ซอ้ นเหล่ือม แยกเปน็ 2 คู่ ระหวา่ งกลบี เล้ียง เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก อับเรณูติด
ช่อดอกยาว 3-10 ซม. กา้ นชอ่ ยาวประมาณ 3.5 ซม. กลีบเลีย้ งรปู สามเหลี่ยม ตั้งตรง ทฐี่ าน หนั เขา้ แตกตามยาว มีก้านชเู กสรเพศเมยี ยาวเท่า ๆ เกสรเพศผู้ รังไข่มี 1 ช่อง
ยาว 3-7 มม. ดอกสขี าวอมเหลืองหรือเขยี ว หลอดกลบี ดอกยาว 0.6-1 ซม. กลีบรปู ไข่ ออวุลจำ� นวนมาก พลาเซนตาตามแนวตะเข็บ ยอดเกสรเพศเมียเปน็ ตุ่ม ไรก้ ้าน
ปลายกลม ยาว 0.5-1 ซม. ด้านนอกมีขนส้ันนมุ่ กา้ นชอู ับเรณูยาวประมาณ 2 มม. ผลคล้ายผลสดมหี ลายเมลด็ มเี นือ้ เปน็ ปยุ
ตดิ ประมาณใตจ้ ดุ กง่ึ กลางหลอดกลบี ดอก อบั เรณยู าวประมาณ 3 มม. โคนเปน็ เงยี่ ง
จานฐานดอกเกลยี้ งหรอื มขี นประปราย กา้ นเกสรเพศเมยี รวมยอดเกสรยาวประมาณ สกลุ Capparis มีประมาณ 250 ชนิด พบทว่ั ไปในเขตร้อน กงึ่ เขตรอ้ น และพบ
6 มม. มขี นสน้ั นมุ่ ผลเปน็ ฝักคู่ ยาว 8-14 ซม. กวา้ ง 1.5-3.5 ซม. เมลด็ รปู รี แบน ๆ ประปรายในเขตอบอ่นุ ในไทยมกี ว่า 30 ชนิด ช่อื สกลุ มาจากภาษากรีก “kapparis”
ยาวประมาณ 1 ซม. กระจุกขนยาว 3-4 ซม. ท่ใี ชเ้ รียก C. spinosa L.

พบทป่ี ากสี ถาน อนิ เดยี พมา่ จนี และเวยี ดนาม ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ชิงช่ี
ภาคใต้ ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ ความสงู ถงึ ประมาณ 350 เมตร เปน็ ไมป้ ระดบั ในอนิ เดยี
เถาใช้สานตะกร้า Capparis micracantha DC.
ไม้พ่มุ หรอื รอเลอ้ื ย มหี นามตรง ยาว 2-4 มม. ใบรปู ขอบขนาน รูปใบหอก
เอกสารอ้างอิง
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 94-96. หรือแกมรูปไข่ ยาว 10-30 ซม. โคนมนหรือกลม แผน่ ใบหนา กา้ นใบยาว 1-2 ซม.
ชอ่ ดอกออกสน้ั ๆ ตามซอกใบด้านบน มี 2-7 ดอก มีหนาม 1-4 อนั ระหวา่ ง
ชำ� มะนาด: ใบเรียงตรงข้าม ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง กลบี ดอกปลายแหลม ปลายก้านชูอบั เรณเู ป็นกระเปาะ ก้านดอกและก้านใบ ก้านดอกยาว 0.6-2 ซม. มขี นส้นั นมุ่ กลบี เลย้ี งรปู ไข่แกมรูป
(ภาพซ้ายและขวาบน: cultivated - RP); ช�ำมะนาดเล็ก: กลีบดอกปลายกลม (ภาพขวาล่าง: cultivated - RP) ขอบขนาน ยาว 0.6-1 ซม. ขอบมขี นครยุ ดอกสขี าว กลีบค่บู นมีสีเหลอื งหรือมี
สมี ว่ งแซม รูปขอบขนานหรอื รูปใบหอก ยาว 1-2 ซม. ปลายกลบี กลม โคนเรยี วแคบ
ชำ�มะเลยี ง ก้านชูอับเรณูยาว 1.5-2.5 ซม. รังไข่เกล้ียง ก้านชูเกสรเพศเมียยาว 1.5-3 ซม.
เกลยี้ ง ผลรปู กลมหรอื รี ยาว 3-7 ซม. ผนังหนาสีสม้ แดง มีริว้ ตื้น ๆ หรือเรยี บ
Lepisanthes fruticosa (Roxb.) Leenh. กา้ นผลยาว 3.5-4 ซม. เมลด็ จ�ำนวนมาก รูปไต ยาวประมาณ 7 มม. สีแดงเข้ม
วงศ์ Sapindaceae
พบทอ่ี นิ เดยี พมา่ จนี ตอนใต้ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทย
ชอื่ พ้อง Sapindus fruticosus Roxb. พบทกุ ภาค ขึน้ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ เต็งรงั ปา่ ดิบแลง้ และชายป่าดบิ ช้นื ความสูง
100-500 เมตร น�้ำสกดั จากรากแกป้ วดท้อง ขบั ปสั สาวะ ลดไข้
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ อาจสงู ไดถ้ งึ 15 ม. กงิ่ บางครง้ั มชี อ่ งอากาศ หใู บเทยี มคลา้ ย
ใบตดิ เปน็ คทู่ โ่ี คนกา้ นใบ รปู รกี วา้ งหรอื กลม ยาว 2-4 ซม. มกี า้ นสนั้ ๆ ใบประกอบ
ปลายค่ี เรยี งเวยี น ใบยอ่ ยมี 5-7 คู่ เรยี งสลบั หรอื ตรงขา้ ม รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก
ยาว 9-40 ซม. ใบปลายส่วนมากลดรปู ก้านใบยาว 3-5 มม. ชอ่ ดอกออกตามก่ิง

136

สารานุกรมพืชในประเทศไทย ชุมเห็ดไทย

ชงิ ช่ีเขา ขอบมตี ่อม แผ่นใบด้านลา่ งมีขนบดิ เวยี นคลา้ ยใยแมงมุม กา้ นใบยาว 4-7 มม.
ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ยาวไดถ้ งึ 40 ซม. ใบประดบั ชว่ งโคนชอ่ คลา้ ยใบ มตี อ่ ม
Capparis viburnifolia Gagnep. ตามขอบ ดอกสีขาว กลีบเลี้ยง 5 กลบี รูปไข่ ยาวประมาณ 2.5 มม. กลบี ดอก 5 กลบี
ไมพ้ มุ่ รอเลอ้ื ย ยาวไดถ้ งึ 6 ม. มขี นสนั้ นมุ่ สนี ำ�้ ตาลเขม้ ตามกง่ิ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง แยกกัน ขนาดไมเ่ ท่ากนั กลีบลา่ งโคนคลา้ ยถงุ ยาวประมาณ 4 มม. พับงอกลับ
ประมาณกงึ่ หนง่ึ กลบี ขา้ งรปู ใบพาย ยาว 3.5-5 มม. โคนเรยี วแคบคลา้ ยเปน็ กา้ นกลบี
ช่อดอก ก้านดอก กลีบเล้ียงและกลีบดอกด้านนอก กิ่งเป็นเหลี่ยม หนามโค้ง เกสรเพศผู้ 6 อัน เชอ่ื มตดิ กลุ่มเดยี ว เช่อื มติดกันประมาณ 1 มม. รงั ไขม่ ี 3 ช่อง
ยาว 2-6 มม. ใบรปู ไข่หรือรปู ขอบขนาน ยาว 7-9 ซม. ช่อดอกแบบช่อเชงิ หลั่น มีขนส้ันนมุ่ แต่ละชอ่ งมอี อวุล 2 เมด็ ผลแยกแล้วแตกเป็น 3 ส่วน มีปกี ยาว 2 ปีก
ออกตามปลายก่งิ ด้านข้างสนั้ ๆ กา้ นดอกยาว 2-3 ซม. กลบี เลีย้ งกลม คู่นอก ยาว 2-3.5 ซม. ปกี สนั้ 1 ปีก ยาว 1-1.5 ซม. เมลด็ มีขน
คล้ายรปู เรือ ยาวประมาณ 0.6 มม. คู่ในแบนเรียบ ยาวประมาณ 1 ซม. ดอกสมี ่วง
อมชมพู หรอื ขาว กลบี ดอกคใู่ นเชอื่ มตดิ กนั ทโี่ คน กลบี รปู ไขก่ ลบั ยาว 1.2-2 ซม. พบท่ีคาบสมุทรมลายู สุมาตรา บอร์เนียว และภาคใต้ตอนล่างของไทยที่
ก้านชเู กสรเพศเมียยาวประมาณ 3.5 ซม. รงั ไข่เกลยี้ ง ผลรปู รี นราธวิ าส ขึ้นตามปา่ ดบิ ช้ืน ความสูงระดับต�่ำๆ

พบที่จีนตอนใต้ เวยี ดนาม ในไทยพบทางภาคเหนือทีต่ าก นา่ น ขน้ึ ตามชายปา่ สกลุ Trigoniastrum Miq. เคยอยภู่ ายใต้วงศ์ Polygalaceae มีชนิดเดียว ชอ่ื สกุล
และทโี่ ล่งในป่าดบิ เขา ความสงู 700-1300 เมตร หมายถงึ คลา้ ยสกุล Trigonia ทีพ่ บในอเมริกาเขตร้อน
เอกสารอางอิง
ชิงชีใ่ บแหลม van Steenis, C.G.G.J. (1949). Trigoniaceae. In Flora Malesiana Vol. 4: 59-60.

Capparis acutifolia Sweet ชมุ แสงใต:้ ใบเรยี งเวยี น ปลายแหลมยาว ผลมีปีกยาว 2 ปกี ปีกสนั้ 1 ปีก (ภาพ: นราธิวาส - PPu)
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ ้น สูงไดถ้ ึง 4 ม. กิ่งออ่ นมขี นสัน้ นมุ่ สีนำ้� ตาล ก่ิงและใบเรียง
ชมุ เหด็ เทศ
สลบั ระนาบเดียว หนามตรง ยาว 2-3 มม. ใบรปู รีหรอื รปู ไข่ ยาว 4.5-9 ซม.
ปลายยาวคลา้ ยหาง ดอกออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบดา้ นบนเรยี งเปน็ แถว กา้ นดอก Senna alata (L.) Roxb.
ยาว 1.3-2 ซม. กลีบเลี้ยงยาว 4-5 มม. คนู่ อกคล้ายเรอื เกล้ียง คู่ในแบน รปู รหี รือ วงศ์ Fabaceae
รปู ขอบขนาน มีขนสั้นนมุ่ กลบี ดอกรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 7 มม. คูใ่ นตดิ กนั
มีขนสน้ั หนานุม่ และขนครยุ ก้านชูเกสรเพศเมยี ยาวไดถ้ งึ 2.2 ซม. รังไขเ่ กลี้ยง ชอ่ื พ้อง Cassia alata L.
ผลรูปกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.5 ซม. เปลือกบาง เรยี บ ก้านยาว 3-4 ซม.
ไมพ้ ุม่ สงู ได้ถึง 5 ม. หใู บรปู ตงิ่ หู ยาว 6-8 มม. ตดิ ทน ใบประกอบมใี บย่อย
พบท่ีอินเดีย จีนตอนใต้ และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบทางภาคเหนือที่ 8-20 คู่ แกนใบประกอบยาว 30-60 ซม. ก้านส้นั ใบย่อยรูปรถี ึงรปู ขอบขนาน
เชยี งราย เชยี งใหม่ ตาก และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทเ่ี ลย ขน้ึ ตามปา่ เบญจพรรณ ยาว 5-15 ซม. ปลายและโคนกลม กา้ นใบยาว 2-3 มม. ชอ่ ดอกแคบ ยาว 20-50 ซม.
และป่าดบิ เขาทีเ่ ปน็ หนิ ปูน ความสูงถงึ ประมาณ 2000 เมตร ใบประดับรปู รี ยาว 2-3 ซม. กา้ นดอกยาว 2-4 มม. กลีบเลย้ี งรูปขอบขนาน ยาว
ไมเ่ ทา่ กนั ยาว 1-2 ซม. กลบี ดอกรูปใบพาย ยาวประมาณ 2 ซม. เกสรเพศผู้อันยาว
เอกสารอ้างอิง 2 อนั กา้ นชอู ับเรณูยาวประมาณ 4 มม. อับเรณูมชี อ่ งเปดิ ทป่ี ลาย อนั สน้ั 4 อัน ยาว
Chayamarit, K. (1991). Capparaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(3): 241-259. ประมาณ 2 มม. ลดรปู 4 อนั รังไข่เกล้ยี ง ฝักรูปแถบ ยาว 10-15 ซม. มีปีกกวา้ ง
Zhang, M. and G.C. Tucker. (2008). Capparaceae. In Flora of China Vol. 7: 440. ประมาณ 5 มม. เมลด็ จำ� นวนมาก คลา้ ยรปู สเี่ หลยี่ ม (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ที่ ขเ้ี หลก็ , สกลุ )

ชิงช่:ี ช่อดอกออกส้ัน ๆ ตามซอกใบด้านบน ดอกสขี าว กลีบคู่บนมสี ีเหลอื งหรือมว่ งแซม ผลรูปกลมหรือรี ผนงั หนา มถี นิ่ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าใต้ บางครง้ั เปน็ วชั พชื ใบสดใชร้ กั ษากลากเกลอื้ น ใบและ
สีสม้ แดง (ภาพดอก: ป่าละอู ประจวบครี ขี นั ธ,์ ภาพผล: หล่มสัก เพชรบูรณ์; - RP) ดอกมีสารกลุ่มแอนทราควิโนน เป็นยาระบาย แตอ่ าจท�ำให้ล�ำไส้ท�ำงานไม่ปกติ

ชงิ ช่เี ขา: ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ หลนั่ ออกตามปลายกิ่งดา้ นขา้ ง ดอกสมี ว่ ง อมชมพู หรือขาว (ภาพซา้ ยและขวาบน: ชุมเห็ดไทย
ดอยภูคา นา่ น - RP); ชิงช่ใี บแหลม: ปลายใบยาวคล้ายหาง ผลกลม ก้านยาว (ภาพขวาล่าง: ดอยตงุ เชียงราย - RP)
Senna tora (L.) Roxb.
ชมุ แสงใต้
ชื่อพอ้ ง Cassia tora L.
Trigoniastrum hypoleucum Miq.
วงศ์ Trigoniaceae ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. หใู บเปน็ ขนแขง็ ยาว 1-1.5 ซม. ใบประกอบ
มีใบย่อย 3 คู่ แกนใบประกอบยาว 2-3 ซม. กา้ นยาว 1-4 ซม. มตี อ่ มระหว่าง
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 30 ม. บางครง้ั มพี พู อน มยี างเหนยี วสเี หลอื งเปลย่ี นเปน็ สแี ดง ใบคลู่ ่าง ใบยอ่ ยรูปไขก่ ลับ ใบช่วงปลายขนาดใหญ่ ยาว 2-5 ซม. ปลายกลม มี
หูใบขนาดเล็ก ใบเรียงเวียน รูปขอบขนาน ยาว 8-18 ซม. ปลายแหลมยาว โคนรูปลม่ิ ติ่งแหลม โคนมนแคบ กา้ นใบสนั้ ช่อดอกสั้น มี 1-3 ดอก ใบประดับรปู แถบขนาดเลก็
ก้านดอกยาว 0.4-1 ซม. กลีบเล้ยี งรูปไข่ ยาวประมาณ 5 มม. กลบี ดอกรปู ไข่กลบั
ขนาดไม่เทา่ กัน ยาวไดถ้ งึ 1 ซม. เกสรเพศผู้ 7 อัน ยาวเทา่ ๆ กัน กา้ นชูอับเรณู
ยาว 1.5-2 มม. อบั เรณูยาวกวา่ กา้ น มีชอ่ งเปิดทปี่ ลาย ไม่มีเกสรเพศผ้ทู ่ลี ดรปู
รังไข่มขี นส้นั น่มุ ฝักรูปแถบ โคง้ เล็กนอ้ ย ยาว 10-15 ซม. เมลด็ รปู ส่ีเหล่ยี มคางหมู
(ดูข้อมูลเพิม่ เตมิ ที่ ขี้เหลก็ , สกลุ )

มีถ่ินกำ� เนดิ ในอเมริกาใต้ เป็นวัชพชื ในเขตร้อน มีสรรพคณุ คล้ายชมุ เห็ดเล็ก

137

ชมุ เหด็ เล็ก สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

ชุมเหด็ เล็ก ชุมเห็ดเล: โคนใบเรยี วสอบเปน็ ก้านใบ ผลแหง้ แตก รปู หัวใจกลับ มปี กี (ภาพ: ชุมพร - PK)

Senna occidentalis (L.) Link โชน

ชอ่ื พอ้ ง Cassia occidentalis L. Dicranopteris curranii Copel.
วงศ์ Gleicheniaceae
ไมล้ ม้ ลกุ หรอื ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 2.5 ม. หใู บเปน็ ขนแขง็ ยาว 1-2 ซม. ใบประกอบ
มีใบย่อย 3-5 คู่ แกนใบประกอบยาว 8-12 ซม. กา้ นยาว 3-4 ซม. มีตอ่ มรูปไข่ เฟนิ ขึน้ บนพื้นดิน เหง้าทอดนอนแยกสองแฉก เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 3-5 มม.
ใกลโ้ คนใบ ใบยอ่ ยรปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนาน เบย้ี ว ยาว 4-10 ซม. ปลายแหลมยาว ปลายเหงา้ มเี กลด็ รปู โล่ ยอดออ่ นมขี นสนี ำ�้ ตาลแดงหนาแนน่ ใบแตกออกจากลำ� ตน้
โคนกลม ก้านใบยาวประมาณ 2 มม. ช่อดอกสั้น มี 2-4 ดอก ใบประดับรูปแถบ หา่ ง ๆ กนั กา้ นใบสว่ นมากยาวมากกวา่ 1 ม. ส่วนโคนอวบอว้ น แยกเป็นใบยอ่ ย
ขนาดเล็ก ก้านดอกยาว 0.5-1 ซม. กลีบเลีย้ งกลีบนอกกลม ยาวประมาณ 6 มม. 2-3 คร้งั เท่า ๆ กัน ระหวา่ งง่ามมีตา ก้านส้ันหรอื ไร้กา้ น แผน่ ใบรูปขอบขนาน
กลีบในรูปไข่ ใหญก่ วา่ เล็กนอ้ ย กลีบดอกรปู ไข่ กลบี ค่นู อกยาว 1-2 ซม. เกสรเพศผู้ กว้าง 8-20 ซม. ยาว 20-50 ซม. ปลายเรียวแหลม โคนเรียวแคบ จกั ลึกเปน็ พูรูปแถบ
อันยาว 2 อนั ก้านชูอับเรณยู าว 5-6 มม. อับเรณยู าว 5-7 มม. อันส้นั 4 อนั ปลายมน กลม หรือเว้าต้นื กวา้ งประมาณ 5 มม. ยาวได้ถึง 7 ซม. ขอบเรียบ
ก้านชูอบั เรณูยาว 2-3 มม. อบั เรณูยาว 5-6 มม. ลดรูป 3-4 อนั รังไข่มขี นส้นั นุม่ เสน้ ใบแตกเปน็ งา่ ม กลมุ่ อบั สปอรก์ ลม เรยี งเปน็ แถวระหวา่ งเสน้ ใบขา้ งละแถว
ฝักรปู แถบ ยาว 10-12 ซม. เมลด็ แบน ยาว 3-4 มม. (ดูขอ้ มลู เพิม่ เตมิ ท่ี ขเี้ หล็ก, สกลุ )
พบทภี่ ูมิภาคมาเลเซีย และฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทีเ่ ขาใหญ่ จงั หวัดนครนายก
มถี น่ิ กำ� เนดิ ในอเมรกิ าใต้ เปน็ วชั พชื ในเขตรอ้ น มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง ภาคตะวันตกเฉียงใต้ท่ีแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และภาคใต้ ข้ึนตามป่าพรุ
เมล็ดใช้ชงแทนใบชา จึงมชี ื่อสามญั ว่า Coffea senna หรือ Coffee weed หรอื ชายปา่ ดิบช้นื และทีโ่ ล่งขา้ งถนน ทำ� ใหม้ ีชอ่ื สามัญวา่ Roadside fern

เอกสารอ้างองิ สกลุ Dicranopteris Bernh. มมี ากกวา่ 10 ชนดิ พบในเขตร้อนและก่งึ เขตร้อน
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae. ในไทยมี 4 ชนดิ ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี “dikranos” แยกสองง่าม และ
(Cassia). In Flora of Thailand Vol. 4(1): 108-110, 113-115, 117-119. “pteris” เฟนิ ตามลักษณะใบ

ชมุ เห็ดเทศ: หใู บรูปติง่ หู ชอ่ ดอกแคบ กลบี ดอกรูปช้อน ฝกั รูปแถบ มปี กี กว้าง (ภาพ: cultivated - RP) เอกสารอา้ งองิ
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and

Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1979). Gleicheniaceae. In Flora of Thailand 3(1): 54-56.

ชุมเหด็ ไทย: ปลายใบกลม มีตง่ิ แหลม กลีบดอกขนาดไม่เท่ากนั เกสรเพศผู้ 7 อนั ยาวเท่า ๆ กนั (ภาพซ้าย: โชน: ใบแยก 2-3 คร้ัง กลมุ่ อบั สปอรก์ ลม เรยี งเปน็ แถวระหวา่ งเส้นใบข้างละแถว (ภาพ: พรโุ ต๊ะแดง นราธิวาส - PC)
สรุ าษฎร์ธานี - RP); ชมุ เห็ดเลก็ : ปลายใบแหลมยาว เกสรเพศผ้อู ันยาว 2 อนั (ภาพขวา: ระโนด สงขลา - RP)
ซ้อ, สกุล
ชุมเห็ดเล
Gmelina L.
Dodonaea viscosa Jacq. วงศ์ Lamiaceae
วงศ์ Sapindaceae
ไมต้ น้ ไมพ้ มุ่ หรอื ไมเ้ ลอื้ ย กง่ิ มขี นสนั้ นมุ่ หรอื มหี นาม ใบเรยี งตรงขา้ มสลบั ตงั้ ฉาก
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 8 ม. กง่ิ เกลย้ี ง มตี อ่ มเหนยี วกระจาย ใบเดย่ี ว เรยี งเวยี น เรยี บหรอื จกั เปน็ พู มกั มตี อ่ มทโ่ี คนใบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ หรอื ชอ่ แยกแขนง ชอ่
รปู รี รปู ขอบขนาน หรือแกมรูปไขก่ ลบั ยาว 5-15 ซม. ปลายกลมหรอื แหลมสัน้ ๆ แยกแขนงสลับตั้งฉาก ใบประดับคล้ายใบ ร่วงเรว็ หรือตดิ ทน กลบี เล้ียงรูปถว้ ย แยก
โคนเรยี วสอบเป็นก้านใบ ชอ่ ดอกคล้ายช่อกระจกุ แยกแขนงส้นั ๆ ออกตามซอกใบ 4-5 แฉก หรอื จกั ตนื้ ๆ มกั ขยายในผล สว่ นมากมตี อ่ ม ดอกรปู แตร กลบี ดอกไมส่ มมาตร
ยาวไดถ้ ึง 3.5 ซม. กลีบเลีย้ ง 5-7 กลีบ แยกจรดโคน รปู รี ยาวประมาณ 3 มม. ไม่มี หลอดกลบี โปง่ ข้างเดยี ว กลบี ปากบน 2 กลีบหรอื เรียบ กลบี ปากลา่ ง 3 กลีบ
กลบี ดอก หลังร่วงเห็นรอยชดั เจนในผล เกสรเพศผู้เทา่ จ�ำนวนกลีบเลย้ี ง ก้านชูอบั เรณู กลีบกลางขนาดใหญ่กว่ากลีบข้าง เกสรเพศผู้ส้ัน 2 อัน ยาว 2 อัน ตดิ ใกลโ้ คน
ส้นั มาก อับเรณยู าวประมาณ 1.8 มม. รังไข่มี 2-3 ช่อง มีตอ่ มเหนยี วหนาแนน่ หลอดกลบี อบั เรณกู างออก แตกตามยาว รงั ไขม่ ี 2-4 ชอ่ ง กา้ นเกสรเพศเมยี สว่ นมาก
แต่ละช่องมีออวุล 2 เมด็ กา้ นเกสรเพศเมียยาวประมาณ 6 มม. ยอดเกสรจัก 2-3 พู แยก 2 แฉก ไมเ่ ท่ากนั ผลสดมผี นังชน้ั ในแข็ง สว่ นมากมี 1-4 เมล็ด บางเมลด็ ฝอ่
ผลแห้งแตก รูปหัวใจกลบั ยาว 1.5-2 ซม. มปี กี กว้าง 1-4 มม. แตล่ ะชอ่ งมี 1-2 เมล็ด
รปู คลา้ ยเลนส์ สดี ำ� ขนาดประมาณ 3 มม. สกุล Gmelina เคยอย่ภู ายใต้วงศ์ Verbenaceae มปี ระมาณ 35 ชนิด สว่ นมากพบ
ในเอเชีย และออสเตรเลีย ในไทยมี 7-8 ชนิด และพบเปน็ ไมป้ ระดับ 1 ชนดิ คอื
พบในเขตรอ้ นและกงึ่ เขตร้อน ในไทยพบทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ซอ้ งแมว G. philippensis Cham. มถี ิ่นกำ�เนดิ ในฟิลิปปนิ ส์ ช่อดอกห้อยลง ช่อื สกลุ
ข้ึนตามชายฝงั่ ทะเล หรือบนเขาหินปนู ความสงู ไมเ่ กนิ 100 เมตร สว่ นต่าง ๆ มี ต้ังตามนักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมนั Johann Georg Gmelin (1709-1755)
สรรพคุณดา้ นสมุนไพรหลายอย่าง

สกุล Dodonaea Mill. อยูภ่ ายใตว้ งศย์ อ่ ย Dodonaeoideae มปี ระมาณ 65 ชนดิ
สว่ นมากพบในออสเตรเลยี ในไทยมีชนิดเดยี ว ช่ือสกุลต้ังตามแพทยช์ าว Flemish
ทีอ่ ยู่ในเบลเยียมในปัจจบุ นั Rembert Dodoens (1517/1518-1585)
เอกสารอ้างอิง
van Welzen, P.C.. (1999). Sapindaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 195-197.
Xia, N. and P.A. Gadek. (2007). Sapindaceae. In Flora of China Vol. 12: 7.

138

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย เซียนทอ้

ซ้อ ซ้องแมว: ช่อดอกหอ้ ยลง ดอกตดิ ตรงขา้ มสลบั ตงั้ ฉาก ใบประดับตดิ ทน (ภาพ: cultivated - RP)

Gmelina arborea Roxb. ซมุ้ กระต่าย
ไม้ต้น สูงไดถ้ ึง 30 ม. ใบรูปไขก่ ว้าง ยาว 7-25 ซม. แผ่นใบดา้ นลา่ งมนี วลและ
Blinkworthia lycioides Choisy
ขนสน้ั นุ่ม เส้นใบออกจากโคนข้างละ 1 เส้น ก้านใบยาว 3-10 ซม. ช่อดอกออกที่ วงศ์ Convolvulaceae
ปลายก่ิง ยาว 7-20 ซม. ช่อกระจุกย่อยมี 1-3 ดอก ใบประดับรปู แถบ ยาว 7-8 มม.
กลีบเลย้ี งยาว 3-5 มม. ปลายจกั รปู สามเหล่ียม 5 จกั ตนื้ ๆ ดา้ นนอกมีขน ดอกยาว ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 3 ม. แตกกงิ่ จำ� นวนมาก มขี นกระจาย ใบเรยี งเวยี น รปู ขอบขนาน
2-4 ซม. ดา้ นนอกสนี ำ�้ ตาลแดง ดา้ นในสคี รมี ออ่ น กลบี ปากลา่ งกลบี กลางดา้ น หรือรูปใบหอก ยาว 1-4 ซม. ปลายมน เวา้ ตืน้ ๆ หรือมีต่ิง แผน่ ใบดา้ นบนมีขน
ในมสี ีเหลืองแซม มีขนสนั้ น่มุ ด้านนอก เกสรเพศผู้ย่ืนไมพ่ น้ ปากหลอดกลีบดอก ประปราย ขนหนาแนน่ ดา้ นลา่ ง เสน้ แขนงใบไมช่ ดั เจน กา้ นใบยาว 3-6 มม. ดอกออก
กา้ นชอู บั เรณตู ดิ ใตก้ งึ่ กลางหลอดกลบี ดอก รงั ไขเ่ กลยี้ ง มตี อ่ มกระจาย ผลสกุ สเี หลอื ง เดีย่ ว ๆ ตามซอกใบ ห้อยลง กา้ นดอกยาว 3-8 มม. ใบประดับ 3-4 อัน ติดเป็นวง
รปู ไข่ ยาว 1.5-2.5 ซม. ใต้กลีบเล้ยี ง รูปรี ยาว 3-5 มม. ติดทน กลบี เลย้ี ง 5 กลบี รปู รกี วา้ ง ยาว 7-8 มม.
ตดิ ทน ขยายหมุ้ ผล ดอกรปู ระฆงั กวา้ ง ควำ�่ ลง สเี ขยี วออ่ น มจี ดุ เลก็ ๆ สชี มพอู มแดง
พบท่ีอนิ เดีย ศรลี ังกา เนปาล บังกลาเทศ ภฏู าน พม่า จนี ตอนใต้ ภูมภิ าคอินโดจนี กระจายดา้ นใน หลอดกลบี ยาว 2-2.5 ซม. เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.5-2 ซม. ปลายกลบี
และมาเลเซยี ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ เขา และ จกั ตน้ื ๆ 5 กลบี พับงอกลับ เกสรเพศผู้ 5 อัน ยาว 0.8-1 ซม. มขี นครยุ ทีโ่ คน
ปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ 1500 เมตร นยิ มปลกู เปน็ ไมส้ วนปา่ ในหลายประเทศ เรณมู หี นามละเอยี ด จานฐานดอกเปน็ ทอ่ หมุ้ รงั ไข่ กา้ นเกสรเพศเมยี รปู เสน้ ดา้ ย
ใชท้ ำ� กระดาษ ใบมสี รรพคณุ แกไ้ อ ชว่ ยขบั ลม ขบั ปสั สาวะ เปน็ ยาระบาย ลดการอกั เสบ ยาวประมาณ 1.2 ซม. ยอดเกสรแยก 2 พู ผลรปู รีกว้าง ยาว 1-1.2 ซม. ปลายมีติ่ง
แกห้ นองใน และใชเ้ ลีย้ งสตั ว์ มี 2-4 เมลด็ รปู รี ยาวประมาณ 5 มม. ขว้ั เมล็ดตดิ ดา้ นข้าง

ซ้อหนิ พบทพี่ มา่ ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ แทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
และภาคใต้ตอนลา่ ง ข้นึ ตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ชายปา่ ดิบแลง้ และป่าดิบช้นื
Gmelina racemosa (Lour.) Merr. หรอื บนเขาหนิ ปนู ความสูง 100-850 เมตร

ชอื่ พ้อง Lantana racemosa Lour., Gmelina lecomtei Dop สกุล Blinkworthia Choisy แยกมาจากสกุล Argyreia จากลกั ษณะท่ีเปน็ ไม้พ่มุ
และดอกออกเด่ียว ๆ รูประฆังควำ่� มี 2 ชนิด อีกชนดิ B. convolvuloides Prain
ไม้ต้น สูงไดถ้ ึง 25 ม. ใบรูปไข่ ยาว 9-20 ซม. ปลายแหลมหรอื แหลมยาว พบในพม่า และจีน ชอื่ สกุลต้งั ตาม Richard Blinkworth ผู้เกบ็ พรรณไม้ใหก้ บั
แผน่ ใบดา้ นลา่ งมีนวลและขนสนั้ นมุ่ เสน้ ใบออกจากโคนข้างละ 1 เส้น กา้ นใบยาว หอพรรณไมก้ ัลกตั ตา ของอนิ เดีย
3-7 ซม ช่อดอกออกท่ปี ลายก่ิง ยาวไดถ้ งึ 15 ซม. ใบประดับรปู แถบ ยาว 4-7 มม.
ร่วงเร็ว กลีบเล้ยี งยาว 0.8-1 ซม. ปลายตดั หรอื จกั ตื้น ๆ ไมช่ ดั เจน ด้านนอกมขี น เอกสารอ้างอิง
ดอกยาว 3-5 ซม. ดา้ นนอกสีขาวอมมว่ ง ด้านในสีม่วง มีขนสัน้ นุ่มทง้ั สองด้าน Fang, R. and G. Staples. (1995). Convolvulaceae. In Flora of China Vol. 16: 313.
กลบี ปากมสี เี หลอื งเขม้ ดา้ นใน เกสรเพศผยู้ น่ื พน้ ปากหลอดกลบี เลก็ นอ้ ย รงั ไขม่ ี Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(3): 373.
ขนสน้ั นุม่ ผลสกุ สีเหลอื ง รูปไข่ ยาว 2.5-4 ซม.

พบท่จี นี ตอนใต้ ลาว เวยี ดนาม และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือตอนบนของไทย
ทภ่ี วู วั จงั หวดั บงึ กาฬ ขนึ้ กระจายหา่ ง ๆ ในปา่ ดบิ แลง้ ความสงู ประมาณ 200 เมตร

เอกสารอ้างองิ
Cheng, S.L. and M.G. Gilbert. (1994). Verbenaceae (Gmelina arborea and
G. lecomtei). In Flora of China Vol. 17: 32-33.

ซอ้ : ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงส้นั ๆ ดอกรูปแตร กลีบเลย้ี งปลายจักรปู สามเหล่ียม กลีบดอกไมส่ มมาตร ผลรูปไข่
(ภาพดอก: ไทยประจัน ราชบรุ ี - SSi; ภาพผล: กุยบรุ ี ประจวบครี ีขนั ธ์ - RP)

ซอ้ หนิ : ใบเรยี งตรงขา้ มสลบั ต้งั ฉาก มีนวลด้านล่าง กลบี เลี้ยงปลายตดั หรือจักไมช่ ดั เจน หลอดกลีบดอกโป่งขา้ งเดียว ซุ้มกระตา่ ย: ไม้พุ่ม แตกกงิ่ จ�ำนวนมาก ดอกรูประฆงั กวา้ ง คว�่ำลง ออกเด่ียว ๆ ตามซอกใบ ใบประดับขนาดเล็กตดิ ใต้
(ภาพ: ภวู วั บงึ กาฬ - RP) กลีบเล้ียง ปลายกลบี จกั ตน้ื ๆ 5 กลบี พับงอกลับ (ภาพ: ห้วยขาแขง้ อุทยั ธานี - PK)

เซียนท้อ

Pouteria campechiana (Kunth) Baehni
วงศ์ Sapotaceae

ช่ือพ้อง Lucuma campechiana Kunth

ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. นำ�้ ยางสขี าว ใบเรยี งเวยี นหนาแนน่ ทปี่ ลายกง่ิ รปู รี รปู ใบหอก
หรือแกมรูปไข่กลบั ยาว 8-33 ซม. ปลายมน แหลม หรือแหลมยาว ช่อดอกแบบ

139

แซะ สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ชอ่ กระจกุ ออกสน้ั ๆ ตามซอกใบ กา้ นดอกยาว 0.6-1.2 ซม. มขี นสน้ั นมุ่ กลบี เลย้ี ง แซะ: ช่อดอกแบบช่อแยกแขนงออกท่ปี ลายกง่ิ ก้านชอ่ ดอกหนา ดอกสีม่วงเข้ม ผลเป็นฝักอวบหนา แบนเล็กนอ้ ย
มี 5-6 กลบี เรียงซอ้ นเหล่อื ม มขี นด้านนอก รูปไขก่ ลบั กว้าง ยาว 0.4-1 ซม. (ภาพดอก: บนั นังสตา ยะลา - RP; ภาพผล: มกุ ดาหาร - PK)
ดอกรปู ระฆัง มี 5-7 กลบี สีเขยี ว ยาว 0.8-1.2 ซม. หลอดกลบี ยาว 5-8 มม. มขี น
กระจายด้านนอก เกสรเพศผู้ 5-7 อนั แผน่ เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมันมเี ท่าจ�ำนวน ดรุณี
เกสรเพศผู้ เรยี งระหว่างเกสรเพศผู้ ยาว 2-4 มม. สว่ นมากมี 5-7 คารเ์ พล มีขน
ผลสดมีหลายเมลด็ รูปรกี วา้ ง ยาว 3-7 ซม. ปลายมักมีจะงอยสน้ั ๆ สกุ สเี หลือง Sonerila moluccana Roxb.
ก้านหนา มี 1-10 เมลด็ สีนำ�้ ตาล เรยี ว แบน ๆ ยาว 2-4 ซม. วงศ์ Melastomataceae

มถี ่นิ ก�ำเนิดในอเมรกิ ากลางแถบประเทศเมก็ ซโิ ก กัวเตมาลา เอลซลั วาดอร์ ไมล้ ม้ ลกุ สูงไดถ้ ึง 20 ซม. มขี นยาวหนาแนน่ ตามกิง่ กา้ นใบ ขอบใบและ
และปานามา ปลกู เป็นไมผ้ ลในเขตรอ้ น ใช้ทำ� คสั ตารด์ แยม พาย ผสมเคร่อื งดืม่ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง และกา้ นชอ่ ดอก มขี นคายและตมุ่ กระจายบนฐานดอก และผล
หรอื เปน็ ของหวาน คำ� ระบชุ นิดมาจากชอ่ื เมอื ง Campeche ในประเทศเม็กซโิ ก ใบเรยี งหนาแนน่ ทีย่ อด ใบตรงข้ามขนาดไมเ่ ทา่ กนั ใบรปู ไข่หรอื รูปขอบขนาน
ซึง่ อาจเขา้ ใจผดิ วา่ เปน็ กมั พูชา บางครง้ั จึงเรยี กชอ่ื ไทยเป็นละมุดเขมร ยาว 6-14 ซม. โคนรูปหัวใจเบ้ยี ว ขอบจกั ฟนั เล่ือย มีขนครุย เสน้ โคนใบข้างละ
2-3 เสน้ ก้านใบยาว 1.5-4 ซม. ช่อดอกยาวได้ถงึ 10 ซม. กา้ นช่อยาวไดถ้ งึ 6 ซม.
เอกสารอา้ งองิ ก้านดอกยาว 1-4 มม. ฐานดอกยาว 3-4 มม. ดอกสขี าวหรือชมพู มี 3 กลบี รูปไข่
Wunderlin, R.P. and R.D. Whetstone. (2009). Sapotaceae (Pouteria). In Flora of ยาว 6-7 มม. เกสรเพศผู้ 3 อัน อบั เรณสู ีเหลือง ยาวประมาณ 3 มม. ผลรปู ไข่
North America Vol. 8: 244-245. http://www.efloras.org หรอื รปู ระฆัง ยาว 4-6 มม. (ดขู ้อมลู เพม่ิ เตมิ ท่ี สาวสนม, สกลุ )

เซยี นท้อ: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ ออกส้ัน ๆ ตามซอกใบ ดอกรูประฆงั มี 5-7 กลบี สเี ขียว ผลสด สุกสีเหลือง กา้ นผลหนา พบท่คี าบสมทุ รมลายู สมุ าตรา ชวา และบอรเ์ นยี ว ในไทยพบเฉพาะทางภาคใต้
(ภาพ: cultivated - RP) ที่นครศรีธรรมราช สงขลา ยะลา และนราธิวาส ขึน้ ใตร้ ม่ เงารมิ ล�ำธารในป่าดิบชน้ื
ความสงู 50-1200 เมตร
แซะ
เอกสารอ้างองิ
Callerya atropurpurea (Wall.) Schot Renner, S.S., G. Clausing, N. Cellinese and K. Meyer. (2001). Melastomataceae.
วงศ์ Fabaceae In Flora of Thailand Vol. 7(3): 490-492.

ชือ่ พอ้ ง Millettia atropurpurea (Wall.) Benth. ดรณุ :ี ชอ่ ดอกแบบช่อวงแถวเดยี่ ว ดอกเรียงสองแถว มที ั้งดอกสขี าวและสชี มพู มขี นยาวหนาแนน่ (ภาพซา้ ย:
เขา 1490 ยะลา, ภาพขวา: บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 7 ยะลา; - RP)
ไม้ตน้ สูงได้ถึง 25 ม. ใบประกอบปลายคี่ เรยี งเวยี น แกนใบประกอบยาว
10-22 ซม. โคนก้านพอง ใบยอ่ ยมี 3-5 คู่ รปู รหี รอื รูปไข่ เบีย้ วเล็กนอ้ ย เส้นกลางใบ ดอกกระดิ่ง, สกลุ
นูนทั้งสองดา้ น ก้านใบยอ่ ยยาวประมาณ 1 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ แยกแขนง ออกที่
ปลายก่ิง ยาว 10-20 ซม. กา้ นชอ่ หนา ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ Didymocarpus Wall.
ใบประดับย่อยตดิ ทน กลบี เล้ียงรูประฆงั เบ้ยี ว ยาวประมาณ 5 มม. ปลายแยกเปน็ วงศ์ Gesneriaceae
แฉกขนาดเลก็ ไม่เท่ากัน มขี นเป็นมันวาวทัง้ สองดา้ น ดอกสีชมพูถงึ มว่ งเขม้ ยาว
ประมาณ 2 ซม. กลบี กลางรปู รกี วา้ ง ยาว 1-1.5 ซม. โคง้ ออก มแี ถบสเี หลอื งตรงกลาง ไม้ล้มลกุ ขึ้นบนพ้นื ดิน หิน หรอื อิงอาศัย มกั อวบนำ�้ ไมม่ หี ูใบ ใบส่วนมาก
ดา้ นใน กลบี คู่ลา่ งยาวเท่า ๆ กลีบคขู่ ้าง ปลายกลีบเช่ือมติดกัน รูปไข่กลับ ยาว เรยี งตรงขา้ มหรอื เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว ใบตรงขา้ มมกั มขี นาดไมเ่ ทา่ กนั ขอบใบ
1-1.4 ซม. เกสรเพศผ้เู ชอื่ มติดกัน 2 กลมุ่ กลุ่มหนึง่ มี 9 อนั อีกกลุ่มหน่ึงมี 1 อนั จกั ฟนั เลอื่ ยหรอื จกั ซฟ่ี นั ใบสว่ นมากมขี นหลายเซลลป์ ระปรายทงั้ สองดา้ น ชอ่ ดอก
ยาวไมเ่ ทา่ กนั ยาว 0.7-1.2 ซม. กา้ นเกสรเพศเมยี โคง้ ผลรปู รหี รอื รปู ไขก่ ลบั แบน แบบช่อกระจกุ ใบประดับออกเปน็ คู่ ร่วงเร็วหรือตดิ ทน กลีบเลีย้ งเชอ่ื มติดกันหรือ
ยาว 7.5-15 ซม. ผนงั ผลหนา มี 1-2 เมลด็ แบน ๆ ยาว 3-4 ซม. แยกจรดโคน มี 5 กลบี ดอกรปู แตรหรอื รปู ดอกเขม็ กลบี รปู ปากเปดิ กลบี บน 2 กลบี
กลีบลา่ ง 3 กลบี เกสรเพศผ้ทู ่ีสมบรู ณ์ 2 อัน ตดิ ดา้ นลา่ ง อบั เรณูเชือ่ มตดิ กนั
พบในพมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู และสมุ าตรา ในไทยพบทกุ ภาค แตกตามยาว เกสรเพศผู้ท่ีเป็นหมันมี 2-3 อัน ติดด้านบนระหว่างกลีบดอก
ขนึ้ ตามปา่ ดบิ เขา ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ 1200 เมตร ราก จานฐานดอกจักเปน็ พู รังไขร่ ปู ทรงกระบอก มีก้าน มี 2 ช่อง ออวุลจำ� นวนมาก
ใช้เบือ่ ปลา พลาเซนตาตามแนวตะเขบ็ กา้ นเกสรเพศเมียเรียวยาว ยอดเกสรเปน็ ตุ่มหรอื เวา้
ผลแห้งแตกเปน็ 2 ซกี เมล็ดจำ� นวนมาก ผวิ เปน็ รา่ งแห
สกุล Callerya Endl. ในปจั จุบนั ได้รวมเอาสกลุ Adinobotrys, Padbruggea,
Whitfordiodendron และบาง section ของสกุล Millettia เขา้ ไวด้ ว้ ย ตามลักษณะ
ช่อดอกทเ่ี ปน็ แบบชอ่ แยกแขนงก้านช่อหนา กา้ นชอู บั เรณูเชื่อมตดิ กัน 2 กลมุ่ มี
ใบประดบั ชัดเจน กลบี เลย้ี งสมมาตรด้านขา้ ง มปี ระมาณ 19 ชนดิ ส่วนมากเปน็
ไมเ้ ถา พบในประเทศแถบเทอื กเขาหมิ าลัย จนี ภมู ิภาคอินโดจนี และมาเลเซยี
ถึงออสเตรเลยี ในไทยมปี ระมาณ 5 ชนดิ ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี “kallaion”
แผงคอไก่ ตามลกั ษณะชอ่ ดอก
เอกสารอา้ งอิง
Schot, A.M. (1994). A revision of Callerya Endl. (including Padbruggea and

Whitfordiodendron) (Papilionaceae: Millettieae). Blumea 39: 1-40.

140

สารานุกรมพืชในประเทศไทย ดอกแตรวง

สกุล Didymocarpus มปี ระมาณ 70 ชนดิ พบทอ่ี ินเดีย จีนตอนใต้ และเอเชีย ประมาณ 1 ซม. กลบี บานออก ขอบจกั ซฟ่ี นั ไมเ่ ปน็ ระเบยี บ เกสรเพศผตู้ ดิ ทเ่ี หนอื จดุ
ตะวนั ออกเฉียงใต้ ในไทยมปี ระมาณ 18 ชนิด ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “didymous” กง่ึ กลางหลอดกลบี มขี นเปน็ กระจกุ ทโ่ี คน กา้ นชอู บั เรณเู กลย้ี ง กา้ นเกสรเพศเมยี โคง้
สองเท่า และ “karpos” ผล ตามลักษณะผลแห้งแตกเป็น 2 ซกี ยาวประมาณ 2 ซม. ผลรูปรี ยาวประมาณ 2 ซม.

ดอกกระด่ิง พบทอ่ี นิ เดยี จนี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตาม
ปา่ เบญจพรรณ ป่าดบิ แล้ง หรอื เขาหินปนู ความสงู ถงึ ประมาณ 1100 เมตร
Didymocarpus aureoglandulosus C. B. Clarke
ไมล้ ้มลุก ขน้ึ บนหนิ หรือองิ อาศัย มีเหง้า ล�ำต้นสน้ั มีขนหยาบหนาแนน่ ตาม ดอกดินแดง

ลำ� ตน้ แผ่นใบทั้งสองด้าน ก้านใบ ช่อดอก ใบประดับ กา้ นดอก และกลบี เลย้ี ง Aeginetia indica L.
ดา้ นนอก ใบออกทโ่ี คนตน้ รปู ไข่ หรอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว 9-23 ซม. โคนเบยี้ ว พชื เบียนล้มลกุ สูงไดถ้ งึ 40 ซม. ส่วนตา่ ง ๆ สีนำ้� ตาลออ่ นหรือน้�ำตาลแดง
กา้ นยาว 2-9 ซม. ใบในฤดูแล้งขนาดเลก็ กา้ นสั้น ชอ่ ดอกออกระหวา่ งใบ ก้านชอ่
ยาว 10-16 ซม. ใบประดับรูปใบหอก ยาว 3-5 มม. กา้ นดอกยาว 0.5-1.8 ซม. มกั มีริว้ สเี ข้ม ดอกออกเดย่ี ว ๆ กลบี เล้ียงยาว 2.5-3 ซม. ปลายแหลม ดอกยาว 2-4 ซม.
กลบี เลย้ี งแฉกลกึ จรดโคน รปู ใบหอก ยาวประมาณ 1 ซม. ดอกรปู แตร สมี ว่ งออ่ น หลอดกลบี ดอกสขี าว มว่ งออ่ น หรอื มว่ งเขม้ แผน่ กลบี เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 2-3 มม.
ดา้ นในมปี น้ื สนี ำ้� ตาลแดง หลอดกลบี ยาวประมาณ 2.5 ซม. กลบี บนขนาดเลก็ กวา่ บานออกเลก็ นอ้ ย ขอบกลบี เรยี บ ภายในหลอดกลบี สเี ดยี วกบั ดา้ นนอกหรอื เขม้ กวา่
กลบี ล่างรูปกลม ยาวประมาณ 6 มม. เกสรเพศผตู้ ดิ เหนอื จดุ กึง่ กลางหลอดกลีบ เกสรเพศผตู้ ดิ ทป่ี ระมาณจดุ ทหี่ ลอดกลบี งอ กา้ นชอู บั เรณเู กลยี้ ง กา้ นเกสรเพศเมยี โคง้
กา้ นชอู บั เรณูยาว 3-5 มม. ชว่ งบนมขี นต่อม อับเรณเู กลี้ยง จานฐานดอกรปู ทรง ยาว 1-1.5 ซม. ผลรูปกรวย ยาวประมาณ 2.5 ซม.
กระบอก ยาวประมาณ 3 มม. รังไขม่ ขี นสัน้ ผลรปู แถบ ยาวประมาณ 4.5 ซม.
พบท่ีอนิ เดยี ศรีลงั กา จีน ญ่ีปนุ่ พมา่ ภูมิภาคอินโดจนี และภมู ิภาคมาเลเซยี
พบทอี่ นิ เดีย พม่า และภาคเหนือของไทยทเ่ี ชียงใหม่ และน่าน ขึน้ ตามคบไม้ นวิ กนิ ี ในไทยพบทกุ ภาค มกั ขนึ้ เปน็ กลมุ่ หนาแนน่ ความสงู ถงึ ประมาณ 1600 เมตร
ในปา่ ดิบเขา ความสงู 1500-1700 เมตร มคี วามผนั แปรสูง ท้ังรูปรา่ ง ขนาด และสีของดอก ท้งั ตน้ ลวกกนิ กับนำ้� พรกิ ค้นั นำ�้
ใหส้ มี ว่ งดำ� ใชท้ ำ� ขนมหรอื ผสมขา้ วเหนยี วเปน็ ขา้ วกำ�่ มสี รรพคณุ ขบั พษิ แกอ้ กั เสบ
เอกสารอ้างองิ
Nangngam, P. and J.F. Maxwell. (2013). Didymocarpus (Gesneriaceae) in เอกสารอ้างองิ
Thailand. Gardens’ Bulletin Singapore 65(2): 185-225. Parnell, J. (2008). Orobanchaceae. In Flora of Thailand Vol. 9(2): 143-147.
Zhang, Z.Y. and N.N. Tzvelev. (1998). Orobanchaceae. In Flora of China Vol.
18: 229, 240-242,

ดอกกระด่งิ : ใบออกท่ีโคนตน้ มีขนหยาบหนาแนน่ ทัว่ ไป ดอกรูปแตร กลบี เล้ียงแฉกลึกจรดโคน ดอกสมี ว่ งออ่ น ดอกดนิ : ล�ำตน้ สีนำ�้ ตาลแดง ดอกออกตามลำ� ตน้ คล้ายเปน็ ช่อ 1-3 ดอก หลอดกลีบดอกสีเหลอื งอ่อน ด้านในสีเหลืองเขม้
ดา้ นในมปี ื้นสีนำ้� ตาลแดง (ภาพ: แม่ออน เชียงใหม่ - RP) กลบี สมี ว่ งเขม้ ขนาดเท่า ๆ กนั บานออก ขอบจกั ซ่ฟี ันไมเ่ ป็นระเบยี บ (ภาพ: อุม้ ผาง ตาก - PK)

ดอกดิน, สกลุ ดอกดนิ แดง: ดอกออกเด่ียว ๆ หลอดกลีบดอกสีขาวหรือม่วงออ่ น ขอบกลบี เรยี บ ผลรูปกรวย (ภาพซา้ ยและภาพขวา:
ภผู าเทบิ มุกดาหาร - PK; ภาพกลาง: แมร่ มิ เชยี งใหม่ - RP)
Aeginetia L.
วงศ์ Orobanchaceae ดอกแตรวง, สกุล

พชื เบยี นลม้ ลกุ ใบขนาดเล็กสเี ดยี วกับลำ� ตน้ ดอกออกเป็นช่อเดีย่ ว ๆ แบบ Lilium L.
ชอ่ กระจะ หรอื เปน็ กระจกุ 2-3 ดอก กลบี เลย้ี งจกั ไมช่ ดั เจน แฉกขา้ งเดยี วรปู ใบพาย วงศ์ Liliaceae
กลีบดอกเชอ่ื มตดิ เปน็ หลอด กลีบรปู ปากเปดิ คอดเหนือรังไข่ กลีบบน 2 กลบี
กลีบล่าง 3 กลบี เกสรเพศผู้ 4 อนั ไมย่ น่ื พ้นปากหลอดกลบี ดอก ก้านชูอบั เรณโู ปง่ ไมล้ ม้ ลกุ หวั ใตด้ นิ มเี กลด็ หนาเรยี งซอ้ นเหลอื่ ม ใบสว่ นมากเรยี งเวยี น ไรก้ า้ น
อันทตี่ ิดกลบี บนมีเดือย อบั เรณูมีรเู ปิดดา้ นบน มี 2 คาร์เพล กา้ นเกสรเพศเมีย หรือเกือบไร้ก้าน ดอกออกเดี่ยวหรือเปน็ ช่อกระจะตามปลายกิง่ ใบประดบั คลา้ ยใบ
ตดิ ทน ยอดเกสรเพศเมียรูปโล่ ผลแห้งแตก เมล็ดขนาดเล็กจำ� นวนมาก ดอกส่วนมากรูปแตร ห้อยลง กลบี รวม 6 กลีบ แยกกนั ปลายกลีบมักงอกลบั
โคนกลบี มตี อ่ มนำ้� ตอ้ ย เกสรเพศผู้ 6 อัน อบั เรณูติดดา้ นหลัง ไหวได้ รงั ไขม่ ี 3 ชอ่ ง
สกุล Aeginetia เป็นพชื เบยี นแบบ hemiparasite มี 4-5 ชนิด พบที่อินเดีย จีน พม่า ออวลุ จำ� นวนมาก กา้ นเกสรเพศเมยี เรยี วยาว ยอดเกสรบวม จกั ตน้ื ๆ 3 พู ผลแหง้
ภูมิภาคอินโดจนี และภมู ภิ าคมาเลเซีย ในไทยมี 2 ชนิด คลา้ ยกบั สกลุ ว่านดอกสามสี แตกตามยาว เมล็ดจำ� นวนมาก เรยี งตงั้ คลา้ ยเหรียญ แบน มีปกี โดยรอบ
Christisonia ที่กลีบเลยี้ งแยกเปน็ 3-5 แฉก ชือ่ สกลุ ตง้ั ตามนายแพทยช์ าวอยี ิปต์
Paulus Aegineta ในชว่ งศตวรรษท่ี 7 141

ดอกดิน

Aeginetia pedunculata Wall.

ชอื่ พ้อง Aeginetia acaulis (Roxb.) Walp.

พชื เบยี นลม้ ลกุ ลำ� ตน้ เดย่ี วสนี ำ้� ตาลแดง สงู ไดถ้ งึ 15 ซม. ดอกออกตามลำ� ตน้
คล้ายเปน็ ชอ่ 1-3 ดอก กา้ นดอกหนา ยาว 2-4 ซม. กลบี เล้ยี งยาวได้ถึง 4 ซม.
สนี ำ�้ ตาลอมเหลอื ง ปลายมตี ง่ิ แหลม ดอกยาว 5-7 ซม. หลอดกลบี ดอกสเี หลอื งออ่ น
ด้านในสีเหลอื งเข้ม กลบี สีมว่ งเขม้ รูปกลม ขนาดเทา่ ๆ กัน เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง

ดอกแตรวง สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

สกลุ Lilium มปี ระมาณ 115 ชนิด สว่ นใหญพ่ บในเขตอบอนุ่ และอลั ไพน์ โดย ดอกใตต้ น้
เฉพาะในเอเชียตะวันออก มีหลายชนดิ เปน็ ไมป้ ระดบั มหี ลากสายพนั ธุ์ แยกเปน็
หลายกลุม่ ตามถิ่นกำ�เนิด ในไทยมี 2 ชนิด ช่อื สกลุ มาจากภาษากรกี “lirion” ท่ี Breynia poomae (Welzen & Chayam.) Welzen & Pruesapan
ใช้เรียกดอก Lily วงศ์ Phyllanthaceae

ดอกแตรวง ช่อื พ้อง Sauropus poomae Welzen & Chayam.

Lilium primulinum Baker var. burmanicum (W. W. Sm.) Stearn ไม้พมุ่ ทอดเล้อื ยห้อยลง ยาวไดถ้ ึง 50 ซม. ล�ำตน้ มีรอยแผลหใู บและกิ่ง หูใบ
ยาว 2-3.5 มม. โคนเปน็ ตง่ิ ใบรปู ไขห่ รอื รปู สามเหลยี่ ม ยาว 3.5-7.5 ซม. ปลายแหลม
ช่อื พ้อง Lilium nepalense D. Don var. burmanicum W. W. Sm. หรือมีติง่ ส้ัน ๆ โคนตัด กา้ นใบยาว 2-3 มม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจะ ออกเปน็ กลุม่
หรอื ชอ่ เดยี่ วตามกง่ิ ยาวไดถ้ งึ 12 ซม. ดอกออกรอบขอ้ กลบี เลย้ี งเชอื่ มเปน็ แผน่
ไม้ลม้ ลกุ สูงได้ถึง 2 ม. หัวใตด้ นิ ยาว 5-6 ซม. เน้อื ในสีขาวอมเหลอื ง ใบรปู ใบหอก ดอกเพศผู้สนี ำ้� ตาลแดง เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 1.6-2.3 มม. มเี กลด็ ขนาดเล็ก ตดิ ทน
ยาว 5.5-12 ซม. เสน้ โคนใบ 3 เส้น เรียงขนานกนั ชอ่ ดอกมี 4-9 ดอก สีเหลอื ง กา้ นดอกยาว 5.5-6 มม. ดอกเพศเมยี มดี อกเดยี ว สมี ว่ งคลำ้� กลบี เลย้ี งรปู ไขก่ วา้ ง
หรอื อมเขยี ว มปี น้ื สมี ว่ งอมนำ้� ตาลแซม กลบี รปู ขอบขนานหรอื แกมรปู ใบหอกกลบั เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3-4 มม. กา้ นดอกยาว 0.8-1 มม. ยอดเกสรเพศเมยี ปลายแยก
ยาว 6.5-9 ซม. กลบี ในกว้างกว่าเล็กนอ้ ย กา้ นชอู ับเรณูยาว 4.5-5.5 ซม. อับเรณู เปน็ แฉกแนวนอน ติดทน ผลจกั ตื้น ๆ 6 พู เสน้ ผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 มม.
ยาวประมาณ 1 ซม. รงั ไข่รปู แถบ ยาวประมาณ 1.5 ซม. กา้ นเกสรเพศเมียยาว ผนงั ผลบาง (ดูข้อมูลเพมิ่ เติมท่ี ครามน�้ำ, สกุล)
4.5-5.5 ซม. ฝกั รปู ขอบขนาน ยาว 4-7 ซม. มสี ันตามยาว
พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ทดี่ อยตงุ จงั หวดั เชยี งราย ขน้ึ ตามซอกหนิ ปนู
พบท่ีจนี ตอนใต้ พมา่ และภาคเหนือของไทยท่ดี อยสเุ ทพ และดอยเชยี งดาว ใตร้ ม่ เงาในปา่ ดบิ เขา ความสงู 1200-1300 เมตร คำ� ระบุชนิดต้งั ตามดร.ราชันย์ ภมู่ า
จงั หวดั เชยี งใหม่ ขนึ้ ตามปา่ ดบิ เขา ปา่ สน ทโี่ ลง่ บนเขาหนิ ปนู ความสงู 800-1500 นกั พฤกษศาสตรห์ อพรรณไม้ กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั วป์ า่ และพนั ธพ์ุ ชื ผเู้ กบ็ ตวั อยา่ ง
เมตร แยกเป็น var. ochraceum (Franch.) Stearn พบทจี่ นี หวั ใตด้ นิ ขนาดเล็ก พรรณไมต้ น้ แบบ
ใบและกลีบรวมส้นั สว่ น var. primulinum พบทพ่ี มา่ กลีบดอกไมม่ ีปื้น
เอกสารอา้ งองิ
ดอกแตรวงขาว van Welzen, P.C. (2007). Euphorbiaceae (Sauropus poomae). In Flora of
Thailand Vol. 8(2): 541-543.
Lilium bakerianum Collett & Hemsl.
ไม้ล้มลกุ สูงไดถ้ งึ 1 ม. หัวใตด้ ินเส้นผา่ นศูนย์กลาง 1-2.5 ซม. เนื้อในสีขาว ดอกใตต้ น้ : ไม้พมุ่ เกาะตามซอกหินปูน ทอดเล้ือยหอ้ ยลง ลำ� ต้นมีรอยแผลหูใบและก่ิง ดอกเพศผูส้ ีน�้ำตาลแดง
ผลจักต้นื ๆ 6 พู (ภาพ: ดอยตุง เชยี งราย - PK)
รูปไข่หรอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว 2-2.2 ซม. ล�ำต้นมีขนสีขาว มปี ่มุ เลก็ ๆ ตาม
ลำ� ตน้ ขอบใบ และเสน้ กลางใบดา้ นลา่ ง ใบรปู ใบหอกหรอื รปู แถบ ยาว 4-9 ซม. ดอกบลั ลูน
ช่อดอก มี 1-3 ดอก กา้ นดอกยาวประมาณ 2.5 ซม. ดอกสีขาว ดา้ นในมีจุดสี
แดงอมมว่ งหนาแนน่ กลบี รปู ขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 6.5-8.5 ซม. กลีบใน Platycodon grandiflorus (Jacq.) A. DC.
กวา้ งกว่าเลก็ นอ้ ย กา้ นชูอับเรณูยาว 3-3.5 ซม. อับเรณยู าว 0.8-1.5 ซม. รงั ไข่รูปแถบ วงศ์ Campanulaceae
ยาว 1.5-2.5 ซม. ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 2.2-2.6 ซม. ยาวประมาณ 3.5 ซม. ฝกั
รปู ขอบขนาน มสี ันตามยาว ชือ่ พอ้ ง Campanula grandiflora Jacq.

พบทจ่ี นี ตอนใต้ พมา่ และภาคเหนอื ของไทยทดี่ อยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ ไมล้ ้มลุก รากอวบหนา ใบออกเปน็ วงรอบข้อ เรยี งตรงขา้ ม หรือเรยี งเวียน
ขน้ึ ตามเขาหนิ ปนู ทเี่ ปดิ โลง่ ปา่ สนเขา ความสงู 1500-1800 เมตร สง่ิ ปกคลมุ และ รูปรีถงึ รูปใบหอก หรือแกมรูปไข่ ยาว 2-7 ซม. ขอบจักฟนั เลอ่ื ย แผ่นใบด้านล่าง
ดอกมีความผนั แปรสงู โดยเฉพาะสีของกลบี รวม แยกเปน็ หลาย varieties พบ มนี วล ก้านใบเกอื บไรก้ ้าน ดอกออกเด่ียว ๆ ตามปลายกิ่ง ฐานดอกรปู กรวยกลับ
เฉพาะในจนี และพม่า กลบี เลยี้ งมี 4 กลบี สน้ั กวา่ ฐานดอก ดอกรปู ถว้ ยหรอื รปู ระฆงั กวา้ ง สมี ว่ ง ชมพอู อ่ น
หรอื ขาว ยาว 1.5-4.5 ซม. ปลายแยกเปน็ 5 แฉก เกสรเพศผู้ 5 อัน โคนกา้ นชอู ับเรณู
เอกสารอ้างองิ รปู สามเหลยี่ ม อบั เรณยู าวกวา่ กา้ นชอู บั เรณู รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี ยอดเกสรเพศเมยี แยก
Liang, S.Y. and M.N. Tamura. (2000). Liliaceae (Lilium). In Flora of China Vol. 5 แฉก ผลแหง้ แตกทปี่ ลาย มี 5 ซีก รูปกรวยกลบั ยาว 1-2.5 ซม. เมล็ดขนาดเล็ก
24: 135, 142. จ�ำนวนมาก

ดอกแตรวง: ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามปลายกิ่ง ดอกรปู แตร ห้อยลง ดอกสีเหลืองหรืออมเขียว มีปื้นสีมว่ งอม มถี ิน่ กำ� เนดิ ในจีน รสั เซีย เกาหลี และญปี่ ุ่น เป็นไมป้ ระดบั กระถางแขวน มี
น�ำ้ ตาลแซม ฝกั รูปขอบขนาน มีสันตามยาว (ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชียงใหม่ - SSi) หลากสายพันธ์ุ

ดอกแตรวงขาว: ใบเรียงเวียน ไรก้ ้าน ช่อดอก มี 1-3 ดอก ก้านดอกยาวประมาณ 2.5 ซม. ดอกสีขาว ด้านในมจี ดุ สกุล Platycodon A. DC. มีเพียงชนดิ เดยี ว ชือ่ สกลุ มาจากภาษากรกี “platys”
สีแดงอมม่วงหนาแนน่ : ดอยเชยี งดาว เชยี งใหม่ - MS) กวา้ ง และ “kodon” ระฆัง หมายถงึ ลกั ษณะดอกรูประฆงั กว้าง
เอกสารอ้างอิง
Hong, D., L.L. Klein and T.G. Lammers. (2011). Campanulaceae. In Flora of

China Vol. 19: 528-529.
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum

Press, Honolulu, Hawai`i.

142

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย ดอกไม้จีน

ดอกบัลลูน: ใบออกเปน็ วงรอบขอ้ ขอบจกั ฟนั เลือ่ ย ดอกรปู ถ้วยหรอื รูประฆังกว้าง สีมว่ ง ยอดเกสรเพศเมียแยก 5 แฉก พบทค่ี าบสมทุ รมลายู สมุ าตรา และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทนี่ ราธวิ าส ขน้ึ ตาม
ผลรูปกรวยกลับ (ภาพ: cultivated; ภาพดอก - RP, ภาพผล - SSi) ป่าดิบช้ืน ความสูงถึงประมาณ 450 เมตร เบียนราก Tetrastigma pedunculare
(Wall. ex M. A. Lawson) Planch. และ T. papillosum Planch. ค�ำระบุชนิด
ดอกผักบงุ้ หมายถงึ การตายของตัวออ่ นของแมลงหลงั ผสมเกสร

Ipomoea purpurea (L.) Roth สกุล Rhizanthes Dumort. มี 4 ชนิด พบท่ีคาบสมทุ รมลายู ชวา สุมาตรา และ
วงศ์ Convolvulaceae บอร์เนยี ว ในไทยมชี นิดเดียว ส่วน บวั ครัง่ R. zippelii (Blume) Spach ทเ่ี คยระบุ
วา่ พบในไทยด้วยเปน็ พืชถนิ่ เดียวของชวา ชื่อสกลุ มาจากภาษากรีก “rhiza” ราก
ชื่อพอ้ ง Convolvulus purpureus L. และ “anthos” ดอก หมายถึงพืชทด่ี อกออกจากราก
เอกสารอา้ งอิง
ไมเ้ ถาลม้ ลกุ ยาว 2-3 ม. มขี นหยาบกระจายตามกง่ิ แผน่ ใบ ใบประดบั และ Bänziger, H. and B. Hansen. (2000). A new taxonomic revision of a deceptive
กลีบเล้ียง ใบเรยี งเวยี น รูปไขก่ วา้ ง เรียบหรอื จัก 3 พู ยาว 4-18 ซม. โคนรปู หัวใจ
กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 12 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ มี 1-5 ดอก กา้ นช่อยาว 4-12 ซม. flower, Rhizanthes Dumortier (Rafflesiaceae). Natural History Bulletin of
ใบประดับรปู แถบ ยาว 6-7 มม. ก้านดอกยาว 1.2-1.5 ซม. กลบี เลีย้ งยาว 1-1.5 ซม. Siam Society 48: 117-143.
3 กลบี นอกรปู ขอบขนาน กลบี คูใ่ นรปู ใบหอก ดอกรูปแตร สีม่วงอมแดง ยาว
4-6 ซม. หลอดกลีบดอกสีขาว เกสรเพศผู้ยาวไม่เท่ากัน อันยาวจรดประมาณ ดอกแมงกระพรนุ : ถิ่นทอ่ี ยู่ในปา่ ดบิ ช้นื ดอกรปู ระฆงั หงาย กลีบรวม 16 กลีบ รปู สามเหล่ยี มแคบ มขี นหนาแน่น
กึง่ กลางหลอดกลีบดอก โคนก้านชอู ับเรณูมขี น รงั ไขเ่ กล้ียง ยอดเกสรจัก 3 พู ปลายกลบี มรี ยางคแ์ ขง็ ยาวคลา้ ยหาง ดอกแกบ่ านออก (ภาพ: นราธิวาส - HB)
ผลแห้งแตก เส้นผา่ นศนู ยป์ ระมาณ 1 ซม. มี 3 ซกี เมลด็ ขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยมมน
ดอกไมจ้ ีน
มถี นิ่ ก�ำเนดิ ในอเมริกากลางและอเมริกาเหนือ เปน็ ไมป้ ระดับหรอื เปน็ วัชพชื
Hemerocallis lilioasphodelus L.
เอกสารอา้ งองิ วงศ์ Xanthorrhoeaceae
Fang, R. and G. Staples. (1995). Convolvulaceae. In Flora of China Vol. 16: 305.
ไมล้ ้มลุก สงู ได้ถึง 80 ซม. มเี หง้าส้นั ยบุ ในหนา้ หนาว ใบออกที่โคน เรยี งสลบั
ดอกผกั บุ้ง: ใบจกั เป็นพู กลบี เล้ยี งมขี นหยาบ ดอกรูปแตร สีมว่ งอมแดง หลอดกลบี สีขาว (ภาพ: cultivated - RP) ระนาบเดียว รูปแถบ ยาว 20-70 ซม. ไร้กา้ น ก้านชอ่ ส่วนมากส้ันกว่าใบ ช่อดอก
แบบช่อกระจกุ วงแถวเดยี วแยกแขนง มี 2-5 ดอก ใบประดบั รูปใบหอก ยาว
ดอกแมงกระพรุน 2-8 ซม. กา้ นดอกยาว 1-2 ซม. ดอกรปู ลำ� โพงสเี หลอื ง ดอกบานชว่ งบา่ ยมกี ลนิ่ หอม
หลอดกลบี ดอกยาว 1.5-2.5 ซม. ปลายแยกเปน็ 6 กลบี รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก
Rhizanthes infanticida Bänziger & B. Hansen ยาว 5-7 ซม. กลบี วงในกวา้ งกวา่ วงนอก เกสรเพศผู้ 6 อนั ตดิ บนหลอดกลบี ดอก
วงศ์ Rafflesiaceae ก้านชอู บั เรณูยาว 5-5.5 ซม. อบั เรณูสเี หลืองหรือมสี ีม่วงดำ� ด้านบน ยาวประมาณ
8 มม. ก้านเกสรเพศเมียยาวเทา่ ๆ เกสรเพศผู้ ยอดเกสรเป็นตมุ่ ผลแห้งแตกเป็น
พชื เบยี น ไมม่ คี ลอโรฟลิ ล์ อาศยั ตามรากของพชื อาศยั ดอกและลำ� ตน้ ออก 3 ซกี รปู รี ยาวประมาณ 2.5 ซม. เมลด็ เรยี ง 2 แถวในแตล่ ะชอ่ ง
จากหัวใต้ดิน ดอกมีเพศเดียว มีกลิ่นเหม็น กาบรูปถ้วย โคนมีเกล็ดรูปไข่เรียง
3-4 วง แต่ละวงมี 5 เกล็ด ดอกตมู รูปขอบขนานแกมรปู ไข่ เส้นผา่ นศูนย์กลาง มถี น่ิ กำ� เนดิ ในจนี เกาหลี มองโกเลีย และรัสเซีย เปน็ ไมป้ ระดับ ดอกอ่อนน�ำ
4.7-6.5 ซม. ดอกรปู ระฆงั หงาย หลอดกลีบส้นั กลีบสีเหลืองซีด ปลายสเี ข้มถงึ ไปนึง่ อบแหง้ ใช้ปรงุ อาหาร
สนี ำ�้ ตาล กลีบรวม 16 กลีบ รปู สามเหล่ยี มแคบ ยาว 5-10 ซม. เรยี งจรดกัน
ปลายกลบี มรี ยางคแ์ ขง็ ยาวคลา้ ยหาง ยาว 2.5-5 ซม. ในดอกเพศเมยี สน้ั กวา่ เลก็ นอ้ ย สกุล Hemerocallis L. เดิมอยภู่ ายใตว้ งศ์ Liliaceae มปี ระมาณ 15 ชนิด ส่วนมาก
มรี ิว้ ตามแนวรศั มี มขี นและแผน่ เกล็ดบางแตกแขนง (ramenta) สนี ำ้� ตาลเขม้ พบในเอเชียตะวันออก มีหลายชนิดนิยมปลูกเปน็ ไม้ประดบั ช่ือสกุลมาจาก
หนาแน่น ขนยาว 0.6-1 ซม. ปลายเป็นตะขอแยกแขนง แผน่ เกล็ดยาว 0.5-2 มม. ภาษากรีก “hemera” วนั และ “kallos” สวย หมายถงึ ดอกบานวันเดียว
กระเปาะเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.3-1.7 ซม. ในดอกเพศผู้ ในดอกเพศเมยี ขนาดใหญ่ เอกสารอา้ งอิง
กวา่ เลก็ น้อย ดา้ นนอกมขี นยาว 3-6 มม. เกล้ยี งหรอื มีขนประปราย เสา้ เกสรยาว Chen, X. and J. Noguchi. (2000). Liliaceae (Hemerocallis). In Flora of China
1.2-2.2 ซม. กลางเสา้ เกสรกลม ยอดเปน็ กระเปาะสนี ำ้� ตาลแกมชมพู มชี อ่ งเปดิ
มขี น อบั เรณจู ำ� นวนมาก เรยี งเปน็ วงแหวน มี 2 ชอ่ ง ซอ้ นกัน ลดรูปในดอกเพศเมยี Vol. 24: 161-162.
ตดิ เปน็ แถวเลก็ ๆ กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 4.5-7 มม. ยอดเกสรเพศเมยี คลา้ ยพงั ผดื
กวา้ ง 6.5-9.5 มม. ดอกไม้จีน: ก้านช่อส่วนมากสั้นกว่าใบ ช่อดอกแบบช่อกระจุกวงแถวเดียวแยกแขนง กลีบวงในกวา้ งกว่าวงนอก
เกสรเพศผู้ 6 อนั ติดบนหลอดกลีบดอก (ภาพ: cultivated - RP)

143

ดอกหรีด สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ดอกหรดี , สกลุ ดอกหรดี เชยี งดาว: กลีบดอกแฉกลกึ ไม่เทา่ กัน กลีบพับจบี จกั ชายครยุ (ภาพ: ดอยเชียงดาว เชียงใหม่ - SSi)

Gentiana L. ดองดงึ
วงศ์ Gentianaceae
Gloriosa superba L.
ไมล้ ม้ ลกุ ใบเรยี งตรงขา้ ม เรยี งเปน็ กระจกุ เวยี นรอบขอ้ หรอื เปน็ กระจกุ ทโ่ี คน วงศ์ Colchicaceae
ไรก้ า้ น มเี สน้ ใบเสน้ เดยี ว ดอกออกเปน็ ชอ่ กระจกุ ทป่ี ลายกง่ิ หรอื ซอกใบ บางครง้ั
มดี อกเดยี ว กลบี เลยี้ งเชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด สว่ นมากมี 5 กลบี เสน้ กลางกลบี หนา ไมเ้ ถาล้มลกุ ยาวได้ถงึ 5 ม. มีเหง้า ใบเรียงเวยี น เรยี งตรงข้าม หรอื รอบขอ้
กลบี ดอกเชอื่ มตดิ กนั เปน็ หลอดหรอื รปู ระฆงั สว่ นมากมี 5 กลบี พบั จบี ระหวา่ งกลบี 1-3 ใบ รูปขอบขนานถึงรปู ใบหอก หรือแกมรปู ไข่ ยาวไดถ้ งึ 20 ซม. ปลายยาว
เกสรเพศผเู้ ทา่ จำ� นวนกลบี ดอก ตดิ ใตจ้ ดุ กง่ึ กลางหลอดกลบี ดอก โคนกา้ นชอู บั เรณู คลา้ ยหาง ม้วนงอเป็นมอื เกาะ กา้ นใบสั้นมากหรอื ไรก้ ้าน ดอกออกเด่ยี ว ๆ ตามขอ้
ขยาย แบน รงั ไขม่ กี า้ น มชี อ่ งเดยี ว ยอดเกสรเพศเมยี แยก 2 แฉก ผลแหง้ แตก เมลด็ ก้านดอกยาว 4-20 ซม. กลีบรวม 6 กลบี แยกกัน ดา้ นบนและขอบสแี ดง ด้านล่าง
ขนาดเล็ก จำ� นวนมาก มปี ีกแคบ ๆ สเี หลอื ง หรอื มสี เี หลอื งอมเขยี วหรอื สแี ดงทง้ั ดอก กลบี รปู ใบหอก รปู แถบ หรอื แกม
รปู ไข่กลับ ยาว 5-10 ซม. ขอบเป็นคลืน่ มกี า้ น ตดิ ทน เกสรเพศผู้ 6 อนั ติดตรงขา้ ม
สกลุ Gentiana มปี ระมาณ 360 ชนดิ พบในแอฟรกิ า อเมรกิ า เอเชีย ยโุ รป กลีบรวม ก้านชูอบั เรณูยาว 2-5 ซม. อับเรณตู ดิ ไหวได้ ยาวประมาณ 1 ซม. รงั ไข่
และออสเตรเลยี พบมากในประเทศจีน ในไทยมีประมาณ 10 ชนิด ชือ่ สกุลเปน็ มี 3 ช่อง ออวุลจ�ำนวนมาก ก้านเกสรเพศเมียยาวเท่าเกสรเพศผู้ โคนก้านบิด
ภาษาละตนิ ท่ใี ช้เรยี กพชื ทช่ี อบขึน้ ตามทสี่ ูง ปลายจัก 3 พู ยาว 6-7 มม. ผลแหง้ แตกตามรอยประสาน รูปขอบขนาน ยาว 4-6 ซม.
เมล็ดรูปไข่ สแี ดงอมส้ม เสน้ ผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 5 มม.
ดอกหรีด
พบในแอฟริกา มาดากัสการ์ อนิ เดีย เนปาล ศรีลังกา จีนตอนใต้ และเอเชยี
Gentiana nudicaulis Kurz subsp. lakshnakarae (Kerr) Halda ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขน้ึ เปน็ วชั พชื ในอเมรกิ าและออสเตรเลยี เปน็ ไมป้ ระดบั เหงา้ มสี าร
โคลชิซนี (colchicines) มีพษิ มสี รรพคณุ ในการรกั ษาโรคเกาตแ์ ละมะเรง็
ชอ่ื พ้อง Gentiana lakshnakarae Kerr, G. hesseliana Hosseus var. lakshnakarae
(Kerr) Toyok. สกุล Gloriosa L. เดิมอย่ภู ายใต้วงศ์ Convallariaceae มี 5 ชนดิ พบในแอฟริกา
และเอเชีย ในไทยพบขึน้ เปน็ วชั พืชชนดิ เดียว ช่อื สกุลมาจากภาษาละติน
ไมล้ ้มลุก ลำ� ต้นสน้ั ทอดนอนหรอื ตงั้ ตรง แตกกิ่ง ใบเรยี งรอบขอ้ ชดิ กันใกล้ “gloriosus” สง่างาม ตามรปู ร่างของดอก
ปลายกงิ่ รปู ไข่ ยาว 1-6 ซม. ขอบบาง โคนตดั โอบลำ� ตน้ ดอกออกเปน็ กระจกุ แนน่ เอกสารอ้างองิ
ทปี่ ลายกง่ิ หลอดกลบี เลย้ี งยาว 4-8 มม. ปลายแยกเปน็ แฉกรปู แถบหรอื รปู ใบหอก Chen, X. and M.N. Tamura. (2000). Liliaceae (Gloriosa). In Flora of China Vol.
ยาวเทา่ ๆ หลอดกลีบเล้ียง ปลายแหลม ดอกสมี ่วงอมนำ�้ เงนิ หลอดกลีบดอกยาว
ประมาณ 1.3 ซม. กลีบรปู สามเหล่ียม ยาวประมาณ 2 มม. กา้ นชูอบั เรณยู าว 24: 158.
3-5 มม. ก้านเกสรเพศเมยี ส้ันมาก ผลรปู ไข่ ยาว 0.6-1.1 ซม. ปลายมีปกี กา้ นยาว
ประมาณ 3.5 มม. ดองดงึ : ปลายใบยาวคลา้ ยหาง มว้ นงอเป็นมอื เกาะ กา้ นใบสนั้ มากหรอื ไรก้ า้ น กลีบรวม 6 กลีบ แยกกัน ตดิ ทน
ผลแห้งแตกตามรอยประสาน ใบรูปขอบขนาน (ภาพ: อุม้ ผาง ตาก - PK)
พืชถ่นิ เดียวของไทย พบทภ่ี กู ระดึง และภหู ลวง จังหวัดเลย ข้นึ ตามทุ่งหญ้า
หรอื ทโี่ ลง่ ในปา่ สนเขา ความสงู ประมาณ 1200 เมตร แยกเปน็ subsp. ting-nung-hoae ดอนย่าควีนสิรกิ ติ ิ์
(Halda) T. N. Ho พบท่ีกมั พชู า สว่ น subsp. nudicaulis พบที่อินเดีย พม่า และ
คาบสมุทรมลายู Mussaenda philippica ‘Queen Sirikit’
วงศ์ Rubiaceae
ดอกหรีดเชยี งดาว
ไมพ้ มุ่ อาจสงู ไดถ้ งึ 7 ม. มขี นสน้ั นมุ่ ตามกง่ิ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง ชอ่ ดอก กลบี เลยี้ ง
Gentiana leptoclada Balf. f. & Forrest subsp. australis (Craib) Halda ประดบั และกลบี ดอก หใู บปลายแยกเป็น 2 แฉก ใบเรียงตรงข้าม รปู ไข่ ยาวได้
ถงึ 15 ซม. ปลายแหลม ชอ่ ดอกออกทปี่ ลายกงิ่ ใบประดบั ขนาดเลก็ รว่ งเรว็ กลบี เลยี้ ง
ชอ่ื พ้อง Gentiana australis Craib 5 กลบี ขยายเป็นแผ่นคลา้ ยกลบี ดอก สีชมพู ยาว 1.2-5 ซม. ดอกรูปดอกเขม็
หลอดกลบี ดอกยาวประมาณ 2 ซม. ปลายแยกเปน็ 5 กลบี สเี หลือง รปู รีกวา้ ง
ไม้ลม้ ลกุ ลำ� ต้นเป็นเหลยี่ ม มปี กี แคบ ๆ ใบรปู ไข่ ใบตามก่ิงขนาดเลก็ กวา่ ใบ ส้ันกวา่ หลอดกลบี ดอก กลางกลบี เป็นสัน ปลายมตี ิ่งแหลม เกสรเพศผู้ 5 อนั
ตามลำ� ตน้ ยาวไดถ้ งึ 1.3 ซม. โคนตดั โอบรอบลำ� ตน้ ขอบใบจกั ฟนั เลอื่ ย หลอดกลบี เลย้ี ง ไมย่ น่ื พ้นปากหลอดกลีบดอก
ยาว 4-7 มม. มีสนั เปน็ ปกี ตามยาว ปกี จกั ชายครุยสั้น ๆ กลีบรปู ใบหอก ยาว
2-5 มม. ปลายมตี ่ิงแหลม ดอกสีม่วงอมน�้ำเงิน หลอดกลบี ดอกยาว 1-2.5 ซม.
กลบี รปู สามเหลยี่ ม ยาว 4-5 มม. แฉกลกึ ไมเ่ ทา่ กนั แฉกสนั้ กลบี พบั จบี จกั ชายครยุ
กา้ นชอู บั เรณยู าว 5-7.5 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 7 มม. ผลรปู ขอบขนาน
ยาว 1.5-2 ซม. ก้านยาวประมาณ 8 มม.

พชื ถ่นิ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ทด่ี อยเชยี งดาว จงั หวดั เชียงใหม่ ขน้ึ
ตามที่โลง่ บนเขาหินปูน ความสูง 1600-1800 เมตร ส่วน subsp. leptoclada
พบทีจ่ ีนทางตอนใต้ เกสรเพศผยู้ าวไม่เท่ากนั กา้ นผลยาวได้ถงึ 2 ซม.

เอกสารอา้ งองิ
Ho, T.N. and J.S. Pringle. (1995). Gentianaceae. In Flora of China Vol. 16: 15.
Ubolcholaket, A. (1987). Gentianaceae. In Flora of Thailand. Vol. 5(1): 82-89.

ดอกหรดี : ลำ� ต้นส้นั ทอดนอนหรือต้ังตรง แตกกง่ิ ใบเรียงรอบขอ้ ชดิ กนั ใกล้ปลายกง่ิ กลบี เล้ียงรปู แถบหรือรปู ใบหอก
ยาวเทา่ ๆ หลอดกลีบ กลีบดอกพบั จบี จักชายครุย (ภาพ: ภูหลวง เลย - SSi)

144

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ดาดล�ำอ้อย

เปน็ ลกู ผสมระหวา่ งดอนยา่ แดงสายพนั ธ์ุ M. erythrophylla ‘Dona Trining’ ดนั หม:ี กา้ นใบสีเหลืองอมส้ม ช่อดอกเพศผแู้ บบชอ่ เชิงลด ออกสั้น ๆ ตามซอกใบ หลอดกลีบดอกยาว ผลมีรวิ้
ลกู ผสมจากสายพนั ธุ์แอฟรกิ า กลบี เลย้ี งสีแดง มีกลบี เดียวที่ขยายเป็นแผน่ และ สุกสดี ำ� อมม่วง (ภาพ: อุบลราชธานี - PK)
ดอนยา่ ขาวสายพันธ์ฺุ M. philippica ‘Aurorae’ ลูกผสมสายพันธุ์ของฟิลปิ ปินส์
กลีบเลีย้ งสีขาว ทัง้ 5 กลีบขยายเป็นแผ่น ส�ำเร็จเม่อื ปี ค.ศ. 1948 ท่ีมหาวทิ ยาลยั ดาดชมพู
แหง่ ชาตฟิ ลิ ปิ ปนิ ส์ และไดร้ บั ตงั้ ชอื่ เปน็ สายพนั ธ์ุ ‘Queen Sirikit’ เพอ่ื เทดิ พระเกยี รติ
สมเด็จพระนางเจา้ สิริกิติ์ ทเ่ี สด็จเยอื นฟิลิปปินสค์ รง้ั แรกเม่อื ปี ค.ศ. 1970 Begonia hymenophylla Gagnep.
วงศ์ Begoniaceae
สกลุ Mussaenda L. อย่ภู ายใต้วงศย์ ่อย Ixoroideae เผ่า Mussaendeae มีประมาณ
160 ชนดิ พบในแอฟรกิ า เอเชยี และออสเตรเลีย ในไทยมีพชื พ้ืนเมอื งประมาณ ไม้ลม้ ลุก สูงได้ถึง 10 ซม. ล�ำต้นส้นั หใู บรูปใบหอกขนาดเล็ก ตดิ ทน ใบกลม
15 ชนดิ เปน็ ไมป้ ระดับหลาย ชนิด เชน่ ดอนยา่ แดง M. erythrophylla Schumach. หรือรูปหัวใจ เส้นผ่านศูนย์กลาง 1-3 ซม. โคนเวา้ ตืน้ หรอื คล้ายก้นปดิ แผน่ ใบหนา
& Thonn. ดอนย่าขาว M. philippica A. Rich. ซง่ึ มีลูกผสมหลายสายพันธ์ุ และยงั ขอบจกั ซีฟ่ ันหา่ ง ๆ เส้นโคนใบ 5 เสน้ กา้ นใบยาว 0.5-3 ซม. กา้ นชอ่ ดอกยาว
มีสายพันธอ์ุ นื่ ๆ และลูกผสมอีกหลายพนั ธุ์ ชอ่ื สกลุ เปน็ ชอ่ื พื้นเมอื งในศรีลังกาท่ี 4-7 ซม. ใบประดบั คล้ายหูใบ ตดิ ทน ดอกสีชมพสู ดอมม่วง ก้านดอกยาว 3-6 มม.
ใช้เรยี ก M. frondosa L. ดอกเพศผู้ กลีบรวม 4 กลีบ ยาวเทา่ ๆ กนั กลีบค่นู อกรปู รีกว้าง ยาว 3-5 มม.
เอกสารอา้ งองิ กลีบคู่ในรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ปลายเว้า เกสรเพศผู้ยาวประมาณ 1 มม.
Chantaranothai, P. (2015). A synopsis of Mussaenda L. (Rubiaceae) in Thailand. กา้ นชอู บั เรณเู ชอื่ มตดิ กนั ทโี่ คน อบั เรณสู เี หลอื ง รปู สามเหลย่ี มปลายตดั ดอกเพศเมยี
มี 5 กลีบ กลีบนอก 3 กลบี กลีบใน 2 กลบี ก้านเกสรเพศเมีย 3 อนั ยอดเกสรมีปมุ่
Thai Forest Bulletin (Botany) 43: 51-65. กระจาย ผลหอ้ ยลง ยาวประมาณ 1 ซม. รวมปกี (ดูขอ้ มลู เพ่ิมเติมท่ี สม้ กงุ้ , สกุล)
Puff, C., K. Chayamarit and V. Chamchumroon. (2005). Rubiaceae of Thailand.
พบที่ ลาว กมั พชู า และภาคตะวนั ออกของไทยทอ่ี บุ ลราชธานี และศรสี ะเกษ
Forest Herbarium. Bangkok. ข้ึนบนกอ้ นหนิ ในลำ� ธารในป่าดบิ แล้ง ความสงู 200-300 เมตร
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
ดาดนภา
Press, Honolulu, Hawai`i.
Begonia soluta Craib
ดอนยา่ ควีนสิริกติ ์ิ: กลีบเลี้ยงขยายเป็นแผ่นท้งั 5 แผ่น สชี มพู (ภาพซา้ ย: cultivated - RP); ดอนย่าแดง: ไม้ล้มลุก เหง้าขนาดเล็ก ไม่มีล�ำต้น มีขนสากหนาแน่นตามแผ่นใบด้านล่าง
M. erythrophylla ‘Dona Trining’ กลบี เลยี้ งขยายเป็นแผน่ กลีบเดยี ว (ภาพขวาบน: cultivated - RP); ดอนยา่ ขาว:
M. philippica ‘Aurorae’ กลีบเลยี้ งทง้ั 5 กลบี ขยายเป็นแผ่น (ภาพขวาล่าง: cultivated - RP) ก้านใบ และกา้ นดอก ใบกลม เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 2-5 ซม. โคนรปู หวั ใจ ใบอวบหนา
ขอบจักซ่ฟี ัน เสน้ โคนใบมีประมาณ 9 เสน้ กา้ นใบยาว 2.5-8 ซม. ช่อยาวไดถ้ งึ
ดนั หมี 20 ซม. ดอกสขี าวอมชมพู กา้ นดอกยาว 1-2.5 ซม. ใบประดบั ยาวประมาณ 5 มม.
ขอบจกั ชายครยุ ดอกเพศผู้ กลีบรวม 4 กลีบ กลีบคนู่ อกรปู ไขก่ ลบั กวา้ ง 1-1.5 ซม.
Gonocaryum lobbianum (Miers) Kurz ยาว 1-1.2 ซม. ปลายมน กลีบคู่ในรูปแถบหรอื รปู ใบหอกกลบั ยาว 0.7-1.2 ซม.
วงศ์ Icacinaceae ปลายอับเรณมู แี กนสั้น ๆ ปลายตดั ดอกเพศเมียมี 4 กลีบ กา้ นเกสรเพศเมีย 3 อนั
ยอดเกสรเปน็ สันนูน ผลหอ้ ยลง กว้างประมาณ 6 มม. ยาวประมาณ 5 มม. ปีกขา้ ง
ช่อื พ้อง Platea lobbiana Miers ยาวได้ถึง 6 มม. (ดูข้อมูลเพมิ่ เตมิ ที่ สม้ กุ้ง, สกุล)

ไม้พุ่มหรือไมต้ น้ สงู ได้ถงึ 15 ม. แยกเพศตา่ งต้นแกมดอกสมบูรณเ์ พศหรือ พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ทด่ี อยหวั หมด จงั หวดั ตาก ขนึ้ หนาแนน่
มีเฉพาะดอกสมบรู ณ์เพศ ใบเรยี งเวียน รูปรี รูปขอบขนาน หรือแกมรปู ไข่กลบั บนเขาหินปนู ท่ีเปิดโลง่ ความสงู ประมาณ 1000 เมตร
ยาว 8-25 ซม. แผน่ ใบหนา เส้นแขนงใบเรียงจรดกันใกล้ขอบใบ ก้านใบสเี หลอื งอมส้ม
ยาว 1-2 ซม. ชอ่ ดอกเพศผูแ้ บบชอ่ เชิงลด ออกส้นั ๆ ตามซอกใบ กา้ นดอกสน้ั ดาดลำ�ออ้ ย
กลีบเลี้ยง 5 กลีบ เรยี งซอ้ นเหลื่อม รปู รี ยาวประมาณ 2 มม. ขอบมีขนครุย ดอกสขี าว
หลอดกลีบดอกยาว 5-6 มม. ปลายแยก 5 กลบี รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก เกสรเพศผู้ Begonia wrayi Hemsl.
5 อัน ตดิ ภายในหลอดกลบี ตรงข้ามกลีบดอก ก้านชูอับเรณูยาว 3-4 มม. อบั เรณตู ดิ ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. หใู บรปู ใบหอก ยาวไดถ้ งึ 2 ซม. ตดิ ทน ใบรปู ขอบขนาน
ดา้ นหลงั ดอกเพศเมยี หรอื ดอกสมบรู ณเ์ พศออกเปน็ ชอ่ กระจะสนั้ ๆ ดอกขนาด
เล็กกว่าดอกเพศผู้ รังไขเ่ กลีย้ ง กา้ นเกสรเพศเมียสั้น มีขน ยอดเกสรจกั ตื้น ๆ 3 พู แกมรูปไข่ ยาว 8-18 ซม. ปลายแหลมยาว โคนเวา้ ตนื้ เบีย้ ว ขอบจักซ่ฟี ัน เสน้ โคนใบ
ผลผนังชน้ั ในแขง็ รปู รีหรอื รูปขอบขนาน ยาว 3-5 ซม. มีรว้ิ สุกสดี ำ� อมม่วง ผนงั ผลหนา 6-8 เส้น ก้านใบ 1-2 ซม. ชอ่ ยาวได้ถึง 10 ซม. ดอกสขี าวอมเขียว กา้ นดอกยาว
3-4 มม. คลา้ ยฟองนำ�้ มเี สน้ ใย ผนังชน้ั ในแข็ง หนา 1-1.5 มม. 4-9 มม. ขยายในผล ใบประดบั รปู รี ยาว 5-6 มม. รว่ งเร็ว ดอกเพศผกู้ ลบี รวม 2 กลบี
รูปไข่ ยาว 5-7 ซม. ปลายกลม ปลายอบั เรณมู ีแกนส้นั ดอกเพศเมียมี 4-6 กลบี
พบทจ่ี นี ตอนใต้ และไหห่ นาน พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมาเลเซยี และ รปู ไข่กลบั ขนาดไม่เทา่ กัน ยาวได้ถึง 1.5 ซม. ปลายมน ขอบจักซ่ฟี นั ก้านเกสรเพศเมยี
บอร์เนยี ว เมล็ดใหน้ �้ำมัน ในประเทศจนี ใชผ้ สมในการทำ� สบแู่ ละนำ�้ มันหลอ่ ลืน่ 3 อนั แยก 2 แฉก ยอดเกสรบดิ เวียน ผลรูปรี ห้อยลง ยาวประมาณ 2 ซม. ปีกขนาด
เทา่ ๆ กนั กว้าง 2-7 มม. (ดขู อ้ มูลเพมิ่ เตมิ ที่ ส้มกงุ้ , สกลุ )
สกลุ Gonocaryum Miq. มี 9 ชนดิ พบในเอเชยี โดยเฉพาะในภมู ภิ าคมาเลเซีย
ในไทยมีชนิดเดยี ว ช่ือสกลุ มาจากภาษากรีก “gonia” มุม และ “karyon” เมล็ด พบท่คี าบสมุทรมลายู และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทีส่ งขลา ยะลา สตูล และ
เปลือกแข็ง ตามลกั ษณะเมล็ด นราธิวาส ข้นึ หนาแน่นตามปา่ ดิบชืน้ ความสงู ระดบั ตำ�่ ๆ
เอกสารอา้ งอิง
Peng, H. and R.A. Howard. (2008). Icacinaceae. In Flora of China Vol. 11: 507. เอกสารอา้ งองิ
Sleumer, H. (1970). Icacinaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(1): 80-81. Craib, W.G. (1930). Contributions to the Flora of Siam. Bulletin of Miscellaneous
Information Kew 1930: 414-415, 418.
Kiew, R. (2005). Begonias of peninsular Malaysia. Natural History Publications.

145

ดาวกระจาย สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

ดาดชมพ:ู ดอกเพศผ้มู ี 4 กลบี ดอกเพศเมียมี 5 กลบี ใบประดบั คลา้ ยหูใบขนาดเล็ก ติดทน ผลแบบแคปซูล หอ้ ยลง ดาวกระจาย
มปี กี 3 ปีก (ภาพ: เขาพระวหิ าร ศรีสะเกษ - RP)
Cosmos caudatus Kunth
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 2 ม. ใบประกอบ 2-3 ช้นั ยาว 4-20 ซม. กว้าง 2-8 ซม.

ก้านใบยาว 2-5 ซม. กา้ นดอกยาว 5-30 ซม. รว้ิ ประดบั รปู เส้นดา้ ย ยาว 0.6-1 ซม.
วงใบประดบั เส้นผา่ นศูนย์กลาง 0.5-1.5 ซม. วงนอกรูปใบหอกหรอื รูปแถบ ยาว
0.7-1 ซม. ขอบมขี นครยุ วงในรูปใบหอก ยาว 1-1.3 ซม. ดอกวงนอกสชี มพหู รือ
อมม่วง กลบี รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอกกลับ ยาว 0.5-1.5 ซม. ปลายจกั ตน้ื ๆ 3 พู
ดอกวงในรูปขอบขนาน ยาว 5-7 มม. ผลรูปกระสวย ยาว 1-3 ซม. มกั มีขนสากช่วงโคน
และขนแขง็ ชว่ งปลายผล แพปพสั มี 2-3 อนั ยาว 3-5 มม.

มถี ิ่นก�ำเนดิ ในอเมรกิ ากลางและอเมริกาใต้ เป็นไมป้ ระดับ กินเป็นผักสลดั มี
สรรพคณุ ต้านอนุมลู อิสระ บางครง้ั เรียกว่าดาวเรืองพมา่

เอกสารอา้ งอิง
Kiger, R.W. (2006). Asteraceae (Cosmos). In Flora of North America. Vol. 21: 204.
http://www.efloras.org
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum
Press, Honolulu, Hawai`i.

ดาดนภา: ถิ่นทีอ่ ยู่ตามหนิ ปูน ชอ่ ดอกต้งั ตรง ดอกเพศผู้และดอกเพศเมยี กลบี รวมมี 4 กลีบ ผลมี 3 ปีก (ภาพ:
ดอยหัวหมด ตาก - RP)

ดาวกระจาย: C. caudatus ใบประกอบ 2-3 ชน้ั ปลายผลมีขนแขง็ (ภาพ: cultivated - RP)

ดาดล�ำอ้อย: โคนใบเบีย้ ว ขอบจกั ซีฟ่ นั ดอกสีขาวอมเขียว ดอกเพศผกู้ ลบี รวม 2 กลีบ ปลายกลม ดอกเพศเมียมี ดาวกระจาย: C. bipinnatus ใบประกอบ 2 ชั้น กลีบดอกวงนอกสีขาว ชมพู (ภาพซา้ ย: cultivated- PI);
4-6 กลบี ปลายมน ขอบจกั ซี่ฟัน ปีกในผลขนาดเท่า ๆ กนั (ภาพ: ทะเลบัน สตลู - TP) ดาวกระจาย: C. sulphureus ใบประกอบ 2-3 ช้นั กลีบดอกวงนอกสีเหลอื งเขม้ หรอื สม้ อมแดง (ภาพขวา: cultivated - RP)

ดาวกระจาย, สกลุ ดาวกระจายไตห้ วัน

Cosmos Cav. Bidens pilosa L.
วงศ์ Asteraceae วงศ์ Asteraceae

ไมล้ ้มลุก ใบประกอบ 1-3 ชนั้ ส่วนมากตดิ ตามลำ� ตน้ เรยี งตรงขา้ ม โคนมกั ชือ่ พ้อง Bidens alba (L.) DC.
เรียวสอบเป็นครีบ ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่นแผ่ตามรัศมี ออกเดี่ยว ๆ หรือ
แบบชอ่ เชงิ หลนั่ วงใบประดับ 2 วง ใบประดับเชอื่ มตดิ กันท่ีโคน ติดทน ฐานดอกแบน ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 2.5 ม. ใบเรยี งตรงข้าม รปู ไข่ รูปขอบขนาน หรือรปู ใบหอก
ดอกวงนอก หรอื ray florets เรยี งชน้ั เดยี ว เปน็ หมนั ดอกวงใน หรอื disc florets ยาว 3-12 ซม. เรยี บหรือแยกแขนง 1-3 ชั้น ขอบเรียบหรอื จกั ฟนั เลอ่ื ย มขี นครุย
สมบูรณเ์ พศ ปลายจกั 5 พูตื้น ๆ เกสรเพศผู้ 5 อนั รงั ไขใ่ ตว้ งกลีบ มี 1 ช่อง มอี อวุล แผ่นใบส่วนมากมีขนยาว ก้านใบยาว 1-7 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแน่น
1 เมด็ กา้ นเกสรเพศเมยี แยกเปน็ แฉกรปู เสน้ ดา้ ย ปลายมรี ยางคค์ ลา้ ยขน ผลแหง้ ออกเดย่ี ว ๆ หรอื แยกแขนงแบบชอ่ เชงิ หลนั่ กา้ นชอ่ ยาว 1-9 ซม. รวิ้ ประดบั สว่ นมาก
เมลด็ ลอ่ น ปลายเป็นจะงอย แพปพสั มักมขี นเครา ติดทน มี 7-9 อนั รูปแถบ ยาว 3-5 มม. มีขนยาว วงใบประดบั เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 6-8 มม.
สว่ นมากมี 8-9 ใบ รปู ใบหอก ยาว 4-6 มม. ดอกวงนอกสขี าวหรืออมชมพู มี
สกุล Cosmos มี 26 ชนดิ พบในอเมริกาเขตร้อน โดยเฉพาะเม็กซิโก เป็นไม้ประดับ 3-8 กลีบ สว่ นมากยาว 0.7-1.5 ซม. ดอกวงในจำ� นวนมาก สีเหลือง ยาว 2-5 มม.
ทั่วไปในเขตรอ้ น ในไทยมี 3 ชนดิ อกี 2 ชนดิ คือ C. bipinnatus Cav. ใบประกอบ ผลแห้งเมล็ดล่อน เปน็ สเี่ หล่ียม มขี นยาว วงนอกสีน้�ำตาลแดง ยาว 3-5 มม. วงในสดี �ำ
2 ช้ัน ดอกวงนอกสขี าว ชมพู หรือม่วง และ C. sulphureus Cav. ทกุ สว่ นขยี้ ยาวกว่าประมาณ 2 เทา่ แพปพสั มี 3-4 อนั ปลายมีขนเครา
แล้วมกี ล่นิ ฉุน ใบประกอบ 2-3 ชน้ั กลบี ดอกวงนอกสเี หลืองเขม้ หรอื ส้มอมแดง
ชื่อสกลุ มาจากภาษากรกี “kosmos” การประดับ ตกแตง่ หรืออาจหมายถึงการเรียง มถี นิ่ กำ� เนดิ ทเ่ี มก็ ซโิ ก อเมรกิ าเหนอื และอเมรกิ ากลาง ขนึ้ เปน็ วชั พชื ทวั่ ไปใน
ของดอกอยา่ งเปน็ ระเบยี บคล้ายการเรียงตวั ของจกั รวาล เขตร้อนและเขตอบอุน่ มีสรรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง

สกลุ Bidens L. อยภู่ ายใตว้ งศ์ยอ่ ย Asteroideae เผา่ Heliantheae มปี ระมาณ
230 ชนดิ พบในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ในไทยพบเป็นวัชพชื 3 ชนดิ ช่อื สกลุ
เป็นภาษาละตินหมายถงึ 2 เทา่ ตามลักษณะผลจกั เป็นสี่เหลยี่ ม

เอกสารอา้ งองิ
Strother, J.L. and R.R. Weedon. (2006). Asteraceae (Bidens). In Flora of North
America. Vol. 21: 205-218. http://www.efloras.org

146

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ดาวเรืองป่า

ดาวกระจายไตห้ วัน: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ แนน่ แยกแขนงแบบช่อเชงิ หลัน่ กลบี ดอกวงนอกสขี าว วงในสีเหลือง สกลุ Clarkella Hook. f. อยวู่ งศ์ยอ่ ย Rubioideae แต่ยงั ไมส่ ามารถจดั จ�ำ แนกใน
ผลแหง้ เมล็ดล่อน มีขนยาว (ภาพ: แกง่ กระจาน เพชรบรุ ี - MP) เผ่าใด ต้นคลา้ ยสกลุ Ophiorrhiza ชอ่ ดอกคล้ายสกุล Argostemma มีเพียงชนิดเดียว
ชอื่ สกุลตั้งตามนกั พฤกษศาสตร์ชาวบรติ ิช Charles Baron Clarke (1832-1906)
ดาวเงนิ ไทยทอง เอกสารอ้างอิง
Chen, T. and C.M. Taylor. (2011). Rubiaceae (Clarkella). In Flora of China Vol.
Argostemma thaithongiae Sridith
วงศ์ Rubiaceae 19: 89.
Puff, C. and K. Chayamarit. (2008). Additional to “Rubiaceae of Thailand. A
ไมล้ ้มลุก สูง 10-20 ซม. ล�ำต้นอวบน้�ำ หใู บรปู ไข่ ยาวได้ถึง 4 มม. ปลายแยก
2 แฉก ใบเรยี งตรงขา้ ม 2-3 คู่ ใกล้ยอด แผน่ ใบรูปรี ยาว 2-10 ซม. ชอ่ ดอกแบบ pictorial guide to indigenous and cultivated genera”. Thai Forest Bulletin
ชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกทยี่ อด กา้ นชอ่ ยาวไดถ้ งึ 2.5 ซม. ใบประดบั รปู สามเหลยี่ ม (Botany) 36: 70-73.
มี 1-2 คู่ ยาว 1.5-2 มม. เชอื่ มตดิ กันทีโ่ คน กา้ นดอกยาว 0.5-1.5 ซม. กลีบเล้ยี ง
รูปสามเหลย่ี ม ยาวประมาณ 1 มม. ดอกรปู ระฆัง หลอดกลบี ยาว 3-4 มม. มี 5 กลีบ ดาวน้อย: ใบช่วงโคนขนาดใหญ่ คลา้ ยออกเด่ียว ๆ ใบทีป่ ลายกิ่งขนาดเล็ก ใบตรงข้ามลดรูป ดอกรปู ดอกเขม็ สขี าว
รปู สามเหลยี่ ม ยาว 3-4 มม. บานออก เกสรเพศผแู้ ยกกนั อบั เรณมู รี เู ปดิ ทป่ี ลาย กลบี เลยี้ งแฉกลึกประมาณกง่ึ หนง่ึ ตดิ ทน (ภาพดอก: ถ้�ำสะเกิน น่าน - PK; ภาพผล: ดอยหัวหมด ตาก - SSi)
รงั ไขเ่ กล้ียง ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 4 มม. ยอดเกสรเปน็ ตุ่ม ผลกลม
เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 1.5-2 มม. (ดูข้อมูลเพ่ิมเตมิ ที่ ประดับหนิ , สกุล) ดาวเรอื งปา่

พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ทด่ี อยเชยี งดาวและดอยอา่ งขาง จงั หวดั Anisopappus chinensis (L.) Hook. & Arn.
เชียงใหม่ ขนึ้ บนเขาหนิ ปนู ความสงู 600-2000 เมตร วงศ์ Asteraceae

เอกสารอ้างอิง ช่อื พ้อง Verbesina chinensis L.
Sridith, K. (1999). Four new species, a new variety, and a status change in
Argostemma (Rubiaceae) from Thailand. Nordic Journal of Botany 19(2): ไมล้ ้มลกุ สูงไดถ้ งึ 1 ม. เหงา้ เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 0.5-1.2 ซม. มขี นส้ันน่มุ ตามก่งิ
174, as ‘thaithongae’. แผ่นใบทงั้ สองดา้ น กา้ นชอ่ ดอก และใบประดบั ใบรปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนานหรือ
รปู ใบหอก ยาว 3-10 ซม. ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ย กา้ นใบยาวประมาณ 1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบ
ดาวเงินไทยทอง: ใบเรยี งตรงขา้ ม มี 2-3 คู่ ใกลย้ อด ช่อดอกแบบช่อกระจุก ออกสน้ั ๆ ที่ยอด ดอกรปู ระฆงั เกสรเพศผู้ ชอ่ กระจกุ แนน่ มกั แยกแขนงคลา้ ยชอ่ เชงิ หลนั่ กา้ นชอ่ ยาวมากกวา่ 1 ซม. วงใบประดบั
แยกกนั อบั เรณูมีรเู ปิดทีป่ ลาย (ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชยี งใหม่ - RP) รูปครงึ่ วงกลม ใบประดับเรียง 3-4 วง รปู ใบหอก ยาว 3-5 มม. ดอกสีเหลอื ง
วงนอกเพศเมีย รูปรแี กมสามเหลย่ี มมน ยาว 6-8 มม. ปลายจักตื้น ๆ 3-4 จัก
ดาวนอ้ ย ดอกวงในสมบูรณเ์ พศ กลบี เชื่อมติดกนั เปน็ หลอด ยาวประมาณ 3 มม. ปลายจกั
ตนื้ ๆ 5 จกั ผลแหง้ เมลด็ ลอ่ นเปน็ แทง่ มี 4 สนั ยาวประมาณ 2.5 มม. มขี นกระจาย
Clarkella nana (Edgew.) Hook. f. แพปพสั 4-5 อนั คล้ายเกลด็ ยาว 0.5-1 มม.
วงศ์ Rubiaceae
พบท่ีแอฟรกิ า มาดากัสการ์ อนิ เดยี พมา่ จีนตอนใต้ และกมั พชู า ในไทยพบ
ชื่อพอ้ ง Ophiorrhiza nana Edgew., Clarkella siamensis Craib ทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ออก และภาคตะวันออกเฉยี งเหนือตอนบน ข้นึ กระจายหา่ ง ๆ
ในป่าสน ท่ีโล่งชายป่า ความสูงถึงประมาณ 1300 เมตร ใบใช้รักษาเน้ืองอกใน
ไมล้ ม้ ลกุ ขนาดเลก็ อาจสงู ไดถ้ งึ 15 ซม. หใู บขนาดเลก็ ใบชว่ งโคนขนาดใหญ่ โพรงจมูก
คลา้ ยออกเด่ียว ๆ รปู ไข่กว้าง ยาวไดถ้ งึ 10 ซม. แผน่ ใบเกลยี้ งหรือมีขน กา้ นใบ
ยาวได้ถึง 5 ซม. ใบทป่ี ลายกิ่งขนาดเล็ก ใบตรงข้ามลดรปู กา้ นใบสัน้ ชอ่ ดอก สกลุ Anisopappus Hook. & Arn. อยูภ่ ายใต้เผา่ Athroismeae มปี ระมาณ 40 ชนิด
แบบชอ่ กระจุก ออกท่ีปลายกงิ่ ก้านชอ่ ส้ัน ก้านดอกยาว 1-3.5 มม. ใบประดับ สว่ นใหญ่พบในแอฟริกา ในไทยมชี นดิ เดียว ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “aniso”
ขนาดเล็ก กลบี เล้ยี ง 5 กลีบ มีขนสน้ั นมุ่ แฉกลึกประมาณก่งึ หนงึ่ ขนาดไม่เทา่ กัน ไมเ่ ท่ากนั และ “pappos” ปยุ หรอื รยางค์ ตามลกั ษณะแพปพัสทีย่ าวไมเ่ ทา่ กนั
รปู สามเหลยี่ ม ยาว 1.5-3.5 มม. ตดิ ทน ดอกรูปดอกเข็ม สีขาว หลอดกลบี ดอก เอกสารอา้ งองิ
ยาวไดถ้ ึง 1.4 ซม. ด้านนอกมีขน กลีบรปู ไข่ ยาว 2-5 มม. เกสรเพศผู้ติดทโี่ คน Chen, Y. and A.A. Anderberg. (2011). Asteraceae (Athroismeae). In Flora of
หลอดกลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณสู นั้ อบั เรณรู ปู แถบ ยาวประมาณ 1.5 มม. รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี
มี 2 ช่อง มขี นประปราย ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 2 มม. ยอดเกสรตืน้ China Vol. 20-21: 851.
ผลแหง้ ไมแ่ ตก รูปกรวย ยาว 4-8 มม. เมลด็ ขนาดเล็ก จำ� นวนมาก
ดาวเรอื งป่า: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแนน่ แยกแขนงคลา้ ยชอ่ เชงิ หล่ัน ดอกด้านนอกเพศเมยี รูปรแี กมสามเหลย่ี มมน
พบที่อินเดีย จีนตอนใต้ และพม่า ในไทยพบทางภาคเหนือที่แม่ฮ่องสอน ปลายจักตื้น ๆ 3-4 จัก (ภาพ: เลย - NT)
เชียงใหม่ นา่ น ล�ำปาง ตาก และภาคใตท้ ่ีนครศรธี รรมราช ขนึ้ ตามเขาหินปนู ความสงู
450-1100 เมตร

147

ดำ� ตะโก สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

ดำ�ตะโก ดุสิตา

Diospyros wallichii King & Gamble Utricularia delphinioides Thorel ex Pellegr.
วงศ์ Ebenaceae วงศ์ Lentibulariaceae

ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 30 ม. มขี นสน้ั นมุ่ สนี ำ�้ ตาลแดงตามกง่ิ ออ่ น และแผน่ ใบดา้ นลา่ ง ไม้ลม้ ลกุ กนิ แมลง ไหลเปน็ เส้นรูปเสน้ ด้าย ใบออกจากไหล รูปแถบ ยาวได้
ใบรูปขอบขนานหรือรูปใบหอก ยาว 12-40 ซม. ปลายแหลมหรือมีต่ิงแหลม ถงึ 2.5 ซม. กบั ดกั แมลงตดิ บนไหลและใบรปู กระเปาะกลม ๆ ยาว 1-2 มม. ชอ่ ดอก
โคนรปู ลิ่มกวา้ ง หรือเวา้ ต้ืน เสน้ แขนงใบขา้ งละ 12-30 เส้น กา้ นใบยาวได้ถึง 1.5 ซม. แบบช่อกระจะ ออกเดีย่ ว ๆ ตั้งตรง เกล้ียง สูงไดถ้ งึ 53 ซม. ใบประดบั ตดิ ที่โคน
ดอกเพศผูอ้ อกเป็นชอ่ กระจกุ สน้ั ๆ ก้านดอกยาว 1.5-3 มม. กลีบเลย้ี งรปู ระฆัง มี 1-15 ดอก ก้านดอกยาวได้ถงึ 1.2 ซม. มปี กี แคบ ๆ กลบี เล้ียงแฉกลกึ รปู ไข่แคบ
ยาว 3-4 มม. สว่ นมากมี 4 กลบี แฉกตนื้ ๆ ดา้ นนอกมขี นสนั้ นมุ่ ดา้ นในมขี นละเอยี ด ยาว 6-8 มม. ดอกสมี ว่ งเขม้ ยาวประมาณ 1 ซม. กลบี ล่างมีเดือยรปู ลมิ่ ยาว 5-7 มม.
ดอกรูปดอกเข็ม ยาว 0.8-1.2 ซม. ส่วนมากมี 4 กลบี เกสรเพศผมู้ ี 14-18 อัน กา้ นชอู บั เรณูยาวประมาณ 2 มม. ผลรปู รี ยาว 3-4 มม. เมลด็ ผวิ เรียบ (ดูข้อมลู
รงั ไขท่ ไ่ี มเ่ จรญิ มขี นยาว ดอกเพศเมยี ออกเปน็ กระจกุ 1-3 ดอก ผลรปู รกี วา้ ง ยาว เพ่ิมเตมิ ที่ สรอ้ ยสวุ รรณา, สกลุ )
2-3 ซม. กา้ นผลหนา ยาว 0.5-1 ซม. กลบี เลย้ี งหนา จกั ตนื้ ๆ พบั จบี มขี นกำ� มะหย่ี
หนาแนน่ เอนโดสเปิรม์ เรยี บ (ดขู อ้ มูลเพิ่มเตมิ ท่ี มะเกลอื , สกุล) พบทภี่ มู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทางภาคเหนอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และ
ภาคตะวันออก ข้ึนตามที่โล่งที่ชื้นแฉะบนลานหินทราย ในป่าสน และป่าเต็งรัง
พบทพ่ี ม่า คาบสมทุ รมลายู สุมาตรา บอร์เนียว ภาคตะวันตกเฉยี งใตแ้ ละภาคใต้ ความสงู ถึงประมาณ 1300 เมตร แยกเปน็ var. minor Pellegr. พชื ถิ่นเดยี วของไทย
ของไทย ขึ้นตามป่าดบิ ชืน้ ความสูงถงึ ประมาณ 700 เมตร ผลใช้เบอ่ื ปลา พบทเ่ี ลย และตราด ตน้ เตยี้ กวา่ ดอกเรยี งหนาแนน่ ทปี่ ลายชอ่ และมเี ดอื ยสนั้ กวา่

เอกสารอา้ งอิง เอกสารอา้ งอิง
Phengklai, C. (1981). Ebenaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(4): 383. Parnell, J. (2011). Lentibulariaceae. In Flora of Thailand Vol. 10(1): 25-26.
Slik, J.W.F. (2009 onwards). Plants of Southeast Asia. http://www.asianplant.
net/Ebenaceae/Diospyros_wallichii.htm

ดำ� ตะโก: ใบรปู ขอบขนานหรือรปู ใบหอก ดอกเพศผู้ออกเปน็ ชอ่ กระจกุ สั้น ๆ กลีบเลยี้ งด้านนอกมีขนสั้นนมุ่ ดุสิตา: ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกเด่ยี วๆ ดอกสีมว่ ง กลีบรูปปากเปิด กลีบลา่ งมีเดือยรปู ลม่ิ มักขนึ้ ปะปนกับ
ก้านผลและกลีบเลยี้ งหนา มีขนกำ� มะหยีห่ นาแน่น (ภาพดอก: เกาะสรุ ินทร์ พงั งา - SSi; ภาพผล: แวง้ นราธิวาส - MP) สร้อยสุวรรณาที่ดอกสีเหลอื ง (ภาพ: ผาแตม้ อบุ ลราชธานี - PK)

ดหี มี ดูกไก่

Cleidion javanicum Blume Prismatomeris griffithii Ridl.
วงศ์ Euphorbiaceae วงศ์ Rubiaceae

ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 20 ม. แยกเพศตา่ งตน้ หใู บรปู สามเหลยี่ มขนาดเลก็ ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 3 ม. หใู บรปู สามเหลย่ี มแคบ ขนาดเลก็ ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู รหี รอื
รว่ งเร็ว ใบเรยี งเวยี น รูปรีถงึ รูปขอบขนาน ยาว 8-27 ซม. ขอบจักฟนั เลื่อย กา้ นใบยาว รปู ไขก่ ลบั ยาว 5-20 ซม. ปลายแหลมหรือแหลมยาว โคนรปู ล่มิ แผน่ ใบเกลยี้ ง
2-8 ซม. ไม่มกี ลบี ดอก ชอ่ ดอกเพศผ้แู บบช่อกระจะ ยาวได้ถงึ 25 ซม. ก้านดอกยาว ก้านใบยาวได้ถงึ 2 ซม. ช่อดอกคลา้ ยช่อซ่รี ม่ ออกสั้น ๆ ท่ีปลายกง่ิ มี 1-4 ดอก
1-4 มม. กลีบเลย้ี ง 3 กลีบ รูปไข่ ยาว 2-3 มม. เกสรเพศผจู้ �ำนวนมาก ก้านชูอบั เรณู ไร้ก้าน หรอื มกี ้านสัน้ ๆ ดอกมีกลน่ิ หอม กลีบเลย้ี งเช่ือมตดิ กันเปน็ หลอด ยาว
แบน สั้น อบั เรณูเบ้ียว ชอ่ ดอกเพศเมียมดี อกเดยี ว ก้านดอกยาว 3-9 ซม. ปลายก้าน 2-4 มม. ปลายแยกเปน็ 4-5 แฉก รูปสามเหลีย่ มขนาดเลก็ ตดิ ทน ดอกรูปดอกเขม็
หนา กลบี เล้ยี ง 5 กลีบ รูปไข่ ยาว 1.6-1.8 มม. ขอบจักชายครุย ยอดเกสรเพศเมีย สขี าว หนา หลอดกลบี ยาว 1.5-3 ซม. เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง 1.5-2 มม. ปลายแยก
แยก 2 แฉก ตดิ ทน ยาว 0.8-1.5 ซม. ผลแหง้ แตก จัก 2 พู ถ้ามี 2 เมลด็ หรือกลม เปน็ 4-5 กลบี เรยี วแคบ ยาว 1-2 ซม. โค้งบานออก เกสรเพศผู้ 4-5 อัน ตดิ เหนือ
ถา้ มเี มลด็ เดียว เกลี้ยง เมลด็ รปู รีกวา้ ง ยาว 1.2-1.3 ซม. จดุ กึ่งกลางหลอดกลบี กา้ นชูอับเรณสู ้ัน อบั เรณูยาว 3-4 มม. รังไข่ใตว้ งกลีบ มี 2 ช่อง
แตล่ ะชอ่ งมอี อวลุ เมด็ เดยี ว เกลยี้ งหรอื มปี มุ่ กระจาย กา้ นเกสรเพศเมยี แบบสน้ั ยาว
พบทอี่ นิ เดยี จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี หมเู่ กาะโซโลมอน 0.5-1 ซม. แบบยาว ยาว 1.3-2.5 ซม. ผลผนังชั้นในแข็ง สกุ สดี ำ�
ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู ถงึ ประมาณ 1100 เมตร
พบทพ่ี มา่ ตอนลา่ ง คาบสมทุ รมลายตู อนบน ในไทยพบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้
สกลุ Cleidion Blume มีประมาณ 25 ชนดิ ส่วนใหญ่พบในอเมรกิ าใต้ ในไทยมี 2 ทก่ี าญจนบรุ ี และภาคใต้ ขน้ึ ตามปา่ ดบิ ชนื้ หรอื บนเขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ
ชนิด ชนดิ C. brevipetiolatum Pax & K. Hoffm. พบบนเขาหนิ ปูนทางภาคเหนือ 600 เมตร
รังไขม่ ี 3 ช่อง กลีบเลย้ี งขยายในผล และผลมขี นยาว ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก
“kleidion” กุญแจ ตามลกั ษณะของเกสรเพศผู้หรอื ก้านดอกเพศเมีย สกุล Prismatomeris Thwaites อยภู่ ายใต้วงศ์ย่อย Rubioideae เผ่า Morindeae
เอกสารอา้ งอิง มปี ระมาณ 15 ชนดิ พบท่อี นิ เดีย ศรลี ังกา จีนตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี
van Welzen, P.C. and K. Kulju. (2005). Euphorbiaceae (Cleidion). In Flora of และมาเลเซีย ในไทยมี 7 ชนิด ชื่อสกลุ มาจากภาษากรีก “prismatos” รปู ปรซิ ึม
และ “meris” สว่ น ตามลกั ษณะปลายกลบี ดอกทแี่ หลม
Thailand Vol. 8(1): 164-167.
เอกสารอ้างองิ
ดีหมี: ขอบใบจักฟันเล่ือย ก้านใบยาว ผลเกลยี้ ง มี 1-2 พู เกสรเพศเมยี ตดิ ทน ปลายก้านผลหนา (ภาพ: พะวอ ตาก - PK) Craib, W.G. (1934). Rubiaceae. In Florae Siamensis Enumeratio 2(2): 182.
Puff, C., K. Chayamarit and V. Chamchumroon. (2005). Rubiaceae of Thailand.
Forest Herbarium. Bangkok.

148

สารานุกรมพืชในประเทศไทย เดื่อน้ำ�

ดกู ไก่: ชอ่ ดอกคล้ายชอ่ ซรี่ ่ม ออกส้ัน ๆ ที่ปลายกิง่ ดอกไรก้ า้ น กลีบเลยี้ งแยกเป็น 4-5 แฉกขนาดเล็ก ดอกรูปดอกเข็ม ยาว 3.5-14 ซม. ใบประดับขนาดเล็ก กา้ นดอกยาวประมาณ 1 ซม. กลีบเล้ยี ง 5 กลีบ
มี 4-5 กลีบ หนา โค้งบานออก (ภาพ: บนั นังสตา ยะลา - RP) รูปไข่ ยาว 1-3 มม. มตี อ่ มเรียงเป็นแถวที่โคน ดอกรูปดอกเข็ม สีขาว มี 5 กลีบ
เรยี งซอ้ นทับกันดา้ นขวาในตาดอก หลอดกลบี ยาว 0.7-1.2 ซม. กลบี รูปไขก่ ลับ
ดหู่ ิน ยาว 5-8 มม. ปากหลอดกลบี มขี นสน้ั นมุ่ เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ ใกลป้ ากหลอดกลบี
เกอื บไรก้ า้ น อบั เรณมู ีขนเปน็ แนว 5 แนว ยื่นพ้นปากหลอดกลบี ดอกเล็กน้อย
Dimorphocalyx muricatus (Hook. f.) Airy Shaw จานฐานดอกแยกเปน็ 5 พู รังไข่เกล้ยี ง คาร์เพลแยกกนั ปลายติดกนั เรียวยาว
วงศ์ Euphorbiaceae เปน็ ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 8-9 มม. ผลเป็นฝักค่แู ยกกนั รปู แถบ ยาว 10-27 ซม.
เมล็ดรปู แถบ แบน ยาว 1.8-3.5 ซม. ปลายมีขนกระจุกยาว 2-3.6 ซม.
ชอื่ พ้อง Ostodes muricatus Hook. f.
พบท่ีอินเดีย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น พมา่ และภมู ิภาคอนิ โดจีน ในไทยพบกระจาย
ไมต้ น้ สูงได้ถึง 10 ม. แยกเพศตา่ งตน้ หใู บรูปสามเหลย่ี ม ยาวประมาณ 4 มม. แทบทุกภาค ยกเวน้ ภาคใต้ ข้ึนตามป่าเบญจพรรณ ปา่ เต็งรงั และป่าดิบแลง้ ความสูง
ใบเรียงเวยี น รปู รีถงึ รปู ขอบขนาน ยาว 15-24 ซม. ขอบใบจกั ฟนั เลอ่ื ยหา่ ง ๆ มี 200-1000 เมตร
ตอ่ มระหวา่ งจกั กา้ นใบยาว 2.5-3.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ หลน่ั กลบี เลย้ี งและ
กลีบดอกจำ� นวนอย่างละ 5 กลบี ช่อดอกเพศผูย้ าวได้ถึง 10 ซม. กา้ นดอกยาว สกุล Trachelospermum Lem. มปี ระมาณ 10 ชนิด พบในเอเชยี เขตร้อน ในไทย
0.8-1 ซม. กลบี เลี้ยงรปู ถว้ ย ยาวประมาณ 1 ซม. มีขน กลีบดอกรปู ขอบขนาน มี 2 ชนดิ T. lucidum (D. Don) K. Schum. ในไทยพบท่เี ชยี งใหม่ เกสรเพศผู้
ยาวประมาณ 8 มม. เกสรเพศผู้ 14-22 อัน เรียง 2 วง ก้านชูอบั เรณยู าว 2-5 มม. ไม่ยื่นพน้ ปากหลอดกลีบดอก อับเรณมู ขี นไม่เปน็ แนว ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก
ช่อดอกเพศเมยี สั้น ก้านดอกยาว 0.7-1 ซม. กลบี เล้ยี งรปู รี ยาวประมาณ 3 มม. ติดทน “trachelos” คอ และ “sperma” เมล็ด ตามลกั ษณะของเมลด็ บางชนดิ
ไมข่ ยายในผล กลบี ดอกรปู รี ยาวประมาณ 4 มม. รงั ไขม่ ตี มุ่ กา้ นเกสรเพศเมยี หนา เอกสารอา้ งอิง
ยาวประมาณ 3 มม. ยอดเกสรสั้น ๆ 3 อนั ปลายแยกเปน็ 2 แฉก ติดทน ผลแห้งแตก Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 111.
กลม เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางยาว 2.5-2.8 ซม. ผิวเป็นตมุ่ มีประมาณ 3 เมลด็ รปู ไขก่ ลบั
ยาวประมาณ 8 มม. เดือ่ ดิน: กลบี ดอกเรียงซ้อนทบั ด้านขวาในตาดอก ปากหลอดมขี นสน้ั นุ่ม เกสรเพศผู้ย่ืนพน้ ปากหลอดกลีบดอกเล็กนอ้ ย
(ภาพ: ดอยสุเทพ เชียงใหม่ - RP)
พบที่คาบสมุทรมลายู บอรเ์ นยี ว และสมุ าตรา ในไทยพบทางภาคใตต้ อนลา่ ง
ที่นราธวิ าส ขนึ้ ตามสนั เขาในป่าดิบชืน้ ความสูงประมาณ 500 เมตร เดือ่ เถา

สกุล Dimorphocalyx Thwaites มปี ระมาณ 12 ชนิด พบทอี่ นิ เดยี ศรลี งั กา ไหห่ นาน Ficus punctata Thunb.
ภมู ภิ าคมาเลเซีย และออสเตรเลีย ในไทยมี 2 ชนดิ อกี ชนดิ คอื D. malayanus วงศ์ Moraceae
Hook. f. หรือเข็มใหญ่ พบเฉพาะทางภาคใต้เช่นกนั ขอบใบเรยี บ ผลเรียบ และ
กลีบเล้ียงขยายในผล ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี “dis” สองเทา่ “morphe” รปู รา่ ง ไทรมรี ากเปน็ เถาขนาดใหญ่ หใู บยาวไดถ้ งึ 1.5 ซม. ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว
และ “kalyx” กลบี เลย้ี ง ตามลักษณะกลบี เลี้ยงท่ีมที ง้ั ขยายและไม่ขยายในผล รปู รีกวา้ ง รูปขอบขนาน หรอื แกมรูปไขก่ ลบั ยาวไดถ้ ึง 12 ซม. แผ่นใบดา้ นลา่ งมี
เอกสารอ้างองิ ผลกึ ซสิ โทลิท มีต่อมไข 1-2 ตอ่ ม ตามงา่ มเสน้ แขนงใบ กา้ นใบยาว 0.5-2 ซม.
Phattarahirankanok, K. and K. Chayamarit. (2005). Euphorbiaceae (Dimorphocalyx). ดอกอยภู่ ายในฐานดอกทขี่ ยายออกเดยี่ ว ๆ ตามเถาหรอื กงิ่ รปู รกี วา้ ง รปู ลกู แพร์
หรอื เกอื บกลม เส้นผา่ นศนู ยก์ ลางสว่ นมากยาว 4-8 ซม. บางครง้ั อาจยาวไดถ้ ึง
In Flora of Thailand Vol. 8(1): 229-231. 15 ซม. สสี ม้ หรอื สเี หลอื งอมชมพู สกุ สดี ำ� ชอ่ งเปดิ กวา้ ง 3-5 มม. ใบประดบั คลา้ ย
ขนแข็ง 3-5 อนั ก้านสนั้ ๆ หรอื ยาวไดถ้ ึง 2 ซม. ใบประดบั ทโี่ คน ยาว 2-5 มม.
ด่หู ิน: ผลรปู กลม ผวิ เปน็ ตุ่ม กลีบเลย้ี งและเกสรเพศเมียติดทน กลีบเลีย้ งไม่ขยายในผล (ภาพ: แว้ง นราธวิ าส - RP) ติดทน ดอกด้านในสแี ดง (ดูข้อมลู เพมิ่ เติมที่ ไทร, สกลุ )

เดอื่ ดิน พบทห่ี มเู่ กาะนโิ คบารข์ องอนิ เดยี พมา่ กมั พชู า เวยี ดนาม ไตห้ วนั ภมู ภิ าคมาเลเซยี
และฟลิ ิปปินส์ ในไทยสว่ นมากพบทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ขึ้นตาม
Trachelospermum asiaticum (Siebold & Zucc.) Nakai ป่าดิบชืน้ ความสงู ถงึ ประมาณ 750 เมตร อยู่ภายใต้สกุลย่อย Synoecia
วงศ์ Apocynaceae
เด่ือนำ้�
ชอ่ื พอ้ ง Malouetia asiatica Siebold & Zucc.
Ficus ischnopoda Miq.
ไมเ้ ถา กง่ิ แกม่ ชี อ่ งอากาศ ใตข้ อ้ มตี อ่ มเรยี งเปน็ แถว นำ�้ ยางสขี าว ใบเรยี งตรงขา้ ม ไม้พุม่ ทนนำ้� ทว่ ม สูง 3-6 ม. หใู บยาว 0.5-1 ซม. ร่วงเร็ว ใบเรยี งเวียนหรือ
รูปรีหรือรูปไข่กลบั ยาว 3-13 ซม. กา้ นใบยาว 0.5-1.4 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุก
เรยี งตรงขา้ มหนาแนน่ ชว่ งปลายกงิ่ รปู ไขก่ ลบั หรอื รปู ใบหอกกลบั ยาว 3-20 ซม.
ขอบใบเรยี บ มกั มว้ นใกลโ้ คนใบ กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 2.5 ซม. ดอกอยภู่ ายในฐานดอก
ทขี่ ยายออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบ รปู รกี วา้ งหรอื รปู ไข่ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 2-3 ซม.
สกุ สีชมพู แดง หรอื ดำ� กา้ นยาวไดถ้ ึง 3 ซม. ชอ่ งเปดิ กว้าง 2-3 มม. บุม๋ เล็กน้อย
ดา้ นในมีขนสั้นประปราย (ดขู ้อมลู เพม่ิ เติมท่ี ไทร, สกุล)

พบที่อินเดีย ภูฏาน บังกลาเทศ จีนตอนใต้ พม่า ภูมิภาคอินโดจีน และ
คาบสมทุ รมาเลเซยี ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามโขดหนิ รมิ ล�ำธาร ในปา่ เบญจพรรณ
ปา่ ดิบแล้ง ปา่ ดิบชืน้ และป่าดิบเขา ความสงู ถึงประมาณ 1600 เมตร อย่ภู ายใต้
สกลุ ย่อย Ficus

149

เดอ่ื ปลอ้ ง สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

เดือ่ ปล้อง แดง

Ficus hispida L. f. Syzygium campanulatum Korth.
ไม้พมุ่ หรือไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 15 ม. ปล้องกลวง ก่งิ มขี นสาก หูใบยาวได้ถงึ 2.5 ซม. วงศ์ Myrtaceae

ร่วงเรว็ ใบเรียงเวยี นหรอื เรียงเกือบตรงขา้ ม รปู รี รูปขอบขนาน หรือรปู ไขก่ ลบั ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. กงิ่ มกั เปน็ เหลย่ี ม ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู ขอบขนาน
ยาว 5-35 ซม. แผน่ ใบมขี นสากทัง้ สองดา้ น ด้านลา่ งมีผลึกซสิ โทลิท กา้ นใบยาว หรอื รปู ใบหอก ยาว 5-8 ซม. เสน้ แขนงใบจ�ำนวนมาก มเี สน้ ขอบใน 1 เสน้ ชอ่ ดอก
1-10 ซม. ดอกอยภู่ ายในฐานดอกทข่ี ยายออกเดี่ยว ๆ หรอื เป็นคู่ ตามซอกใบ แบบชอ่ แยกแขนง ออกตามซอกใบและปลายกิง่ ยาวได้ถงึ 10 ซม. แกนช่อมกั
หรอื ตามกงิ่ เปน็ ชอ่ แยกแขนงทอี่ อกจากลำ� ตน้ เปน็ กระจกุ กลมหรอื แบนเลก็ นอ้ ย เปน็ เหลย่ี ม ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ ดอกออกเปน็ กระจกุ ประมาณ
เส้นผา่ นศูนย์กลาง 1.5-3.5 ซม. ไร้ก้านหรือมกี า้ นสัน้ ๆ ชอ่ งเปดิ กวา้ ง 2-4 มม. 3 ดอก ไรก้ ้าน ฐานดอกรูปกรวย ยาว 3-4 มม. กา้ นดอกเทียมยาวประมาณ 1.5 มม.
ไมม่ ขี น ใบประดบั 5-6 ใบ (ดูข้อมูลเพิ่มเตมิ ท่ี ไทร, สกุล) กลีบเล้ยี ง 4 กลีบ รปู สามเหลย่ี มขนาดเล็ก กลบี ดอก 4 กลบี รปู กลม ยาว 2.5-3 มม.
มีตอ่ มกระจาย เกสรเพศผจู้ �ำนวนมาก ก้านชูอบั เรณวู งนอกยาวประมาณ 5 มม.
พบทป่ี ากสี ถาน อนิ เดยี ศรลี งั กา พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ รงั ไข่ 2 ชอ่ ง กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวเทา่ ๆ เกสรเพศผู้ ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3-5 มม.
นวิ กนิ ี และออสเตรเลยี ในไทยพบทุกภาค ขึน้ ทัง้ ในปา่ ผลัดใบ และป่าไม่ผลัดใบ ปลายผลบุม๋ สุกสีดำ� (ดูขอ้ มูลเพ่ิมเติมที่ หว้า, สกลุ )
ป่าเสื่อมโทรม และทรี่ กร้าง ความสูงถงึ ประมาณ 1600 เมตร อยูภ่ ายใตส้ กุลยอ่ ย
Sycomorus พบท่อี ินเดีย พมา่ และภมู ิภาคมาเลเซีย ไทยพบทางภาคใต้ตอนล่าง ข้นึ ตาม
ป่าดบิ ชื้น ความสูงถงึ ประมาณ 700 เมตร นยิ มปลกู เป็นไมป้ ระดบั มชี ่อื ทางการค้าว่า
เดื่อปล้องหนิ ครสิ ติน่า ใบอ่อนสีนำ�้ ตาลแดง แยกเปน็ var. longistylum Chantar. & J. Parn.
ใบขนาดใหญก่ วา่ กง่ิ และแกนชอ่ ไมเ่ ปน็ เหลยี่ ม กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวกวา่ เปน็ พชื
Ficus semicordata Buch.-Ham. ex Sm. ถนิ่ เดียวของไทย พบท่ีกะเปอร์ จงั หวดั ระนอง
ไมต้ น้ สูงได้ถงึ 15 ม. หใู บยาว 1-3.5 ซม. โอบหมุ้ กิ่ง ร่วงเร็ว ใบเรยี งสลบั
เอกสารอา้ งอิง
ระนาบเดยี ว รปู รถี งึ รปู ใบหอก หรอื แกมรปู ไขก่ ลบั สว่ นมากยาว 10-25 ซม. หรอื Parnell, J. and P. Chantaranothai. (2002). Myrtaceae. In Flora of Thailand Vol.
ยาวไดถ้ งึ 45 ซม. โคนเบ้ียว ด้านหน่งึ รปู หัวใจกว้าง คลุมก้านใบ ขอบใบจกั ซฟ่ี นั 7(4): 840.
แผน่ ใบมขี นสากและขนสนั้ นมุ่ สนี ำ้� ตาลหนาแนน่ ดา้ นลา่ ง และมผี ลกึ ซสิ โทลทิ กา้ นใบ
ยาว 0.5-2 ซม. ดอกอยภู่ ายในฐานดอกทขี่ ยายออกตามกง่ิ ทไี่ มม่ ใี บหรอื ออกจาก
ไหลท่โี คนต้น รปู กลม เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 2-2.5 ซม. ไร้ก้านหรือยาวได้ถงึ 5 มม.
มใี บประดบั 3 ใบ ช่องเปดิ เสน้ ผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 3 มม. มขี นหนาแนน่ มีใบ
ประดับ 5 ใบ ผลสุกภายในสขี าว (ดูข้อมูลเพม่ิ เตมิ ที่ ไทร, สกลุ )

พบท่ีปากีสถาน อินเดีย เนปาล ภูฏาน จีนตอนใต้ พม่า ภูมิภาคอินโดจีน
คาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามชายปา่ รมิ ลำ� ธาร ความสงู ถงึ ประมาณ
1600 เมตร อยภู่ ายใตส้ กุลย่อย Sycomorus

เอกสารอา้ งองิ
Berg, C.C., N. Pattharahirantricin and B. Chantarasuwan. (2011). Moraceae. In
Flora of Thailand Vol. 10(4): 522-523, 566-567, 574-575, 588-589.

เดือ่ เถา: ไทรมรี ากเปน็ เถาขนาดใหญ่ fig ออกตามเถา (ภาพซา้ ย: เขาช่อง ตรงั - RP); เดอ่ื นำ้� : fig ออกเด่ียว ๆ แดง: ก่งิ มักเปน็ เหลย่ี ม ใบเรียงตรงขา้ ม ใบออ่ นสีนำ้� ตาลแดง ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ผลสุกสดี ำ� ปลายผลบุม๋
ตามซอกใบ กา้ นยาว (ภาพขวา: ทา่ สองยาง ตาก - RP) (ภาพ: cultivated - RP)

เด่อื ปลอ้ ง: ใบเรยี งเวียนหรือเกือบตรงขา้ ม figs ออกตามกิง่ เปน็ ช่อแยกแขนงท่อี อกจากลำ� ต้นเป็นกระจกุ แดง
(ภาพ: กรุงเทพฯ - RP)
Xylia xylocarpa (Roxb.) W. Theob. var. kerrii (Craib & Hutch.) I. C.
เดื่อปล้องหิน: ใบเรียงสลับระนาบเดยี ว โคนเบยี้ ว ดา้ นหน่ึงรูปหัวใจกว้าง คลมุ กา้ นใบ ขอบจักซฟี่ ัน figs ออกจากไหล Nielsen
ท่โี คนต้น (ภาพ: เขาสก สุราษฎร์ธานี - BC)
วงศ์ Fabaceae

ชือ่ พ้อง Xylia kerrii Craib & Hutch.

ไมต้ ้น ผลดั ใบ สงู ไดถ้ งึ 30 ม. มีขนตามก่ิงอ่อน แผ่นใบด้านลา่ ง และก้านชอ่ ดอก
หใู บรปู เส้นด้าย ยาวประมาณ 3 มม. ใบประกอบ 2 ช้นั แกนกลางยาว 3-7 ซม.
ใบประกอบยอ่ ยมี 1 คู่ ยาว 10-30 ซม. มตี อ่ มระหว่างใบประกอบยอ่ ย ใบยอ่ ยมี
3-6 คู่ รูปรี รปู ไข่ หรือแกมรปู ขอบขนาน ยาว 4-14 ซม. กา้ นใบย่อยยาว 2-3 มม.
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ ออกเดยี่ ว ๆ หรอื เปน็ กระจกุ คลา้ ยชอ่ กระจะสน้ั ๆ
กา้ นชอ่ โดดยาวไดถ้ ึง 9 ซม. ใบประดบั รปู ช้อน ยาว 2-3 มม. ดอกสมบูรณเ์ พศหรอื
ดอกเพศผู้ มขี นสน้ั หนานมุ่ หลอดกลบี เล้ยี งยาว 3-4 มม. ปลายแยกเปน็ 5 กลบี
รปู สามเหลีย่ มขนาดเลก็ กลีบดอก 5 กลีบ รูปขอบขนาน ยาว 3.5-4.5 มม. เกสรเพศผู้
10 อนั แยกกนั ยาว 0.5-1.2 ซม. อบั เรณไู มม่ ตี อ่ ม รงั ไขม่ ขี น ผลเปน็ ฝกั โคง้ คลา้ ย
บูมเมอแรง ยาว 12-17 ซม. กว้าง 3.5-6 ซม. แหง้ แตกอา้ ออก มี 7-10 เมลด็ รปู รี
แบน ๆ ยาวประมาณ 1 ซม.

พบทพ่ี มา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทกุ ภาค ภาคใตถ้ งึ สรุ าษฎรธ์ านี ขนึ้ ตาม
ป่าเตง็ รัง ปา่ เบญจพรรณ หรอื ป่าดิบแล้ง ความสูงถึงประมาณ 850 เมตร เปลอื ก
มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพรหลายอยา่ ง ทางภาคเหนอื ใชเ้ คย้ี วกบั หมาก หรอื ขดู ใสล่ าบ
ช่วยใหเ้ น้อื แนน่ ส่วน var. xylocarpa พบทีอ่ นิ เดยี และพม่า ใบเกลย้ี งกว่า และ
อับเรณมู ีต่อม

150

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย แดงสะแง

สกลุ Xylia Benth. อยภู่ ายใต้วงศย์ ่อย Mimosoideae มี 12 ชนิด สว่ นใหญ่พบใน แดงประดับผา
แอฟรกิ า และมาดากสั การ์ ในไทยมีชนดิ เดียว ช่อื สกลุ มาจากภาษากรีก “xylon”
เนื้อไม้ ตามลักษณะเนือ้ ไมท้ ่แี ขง็ Rhododendron longiflorum Lindl.
เอกสารอ้างองิ วงศ์ Ericaceae
Nielsen, I.C. (1985). Leguminosae-Mimosoideae. In Flora of Thailand Vol. 4(2):
ไม้พุ่ม อิงอาศัยหรือขึ้นบนดิน สูงได้ถึง 3 ม. ใบรูปไข่กลับหรือรูปรี ยาว
149-150. 3.5-11 ซม. ใบอ่อนมเี กลด็ หนาแนน่ กา้ นใบมักแบน ยาว 3-15 ซม. ชอ่ ดอก
คล้ายช่อซร่ี ม่ มี 5-10 ดอก ใบประดบั ย่อยรปู แถบ ยาวประมาณ 1.5 ซม. ชอ่ ดอกตมู
แดง: ชอ่ ดอกแบบช่อกระจกุ แนน่ ออกเดยี่ ว ๆ หรือเปน็ กระจกุ คลา้ ยช่อกระจะสั้น ๆ ก้านชอ่ โดดยาว ฝกั โคง้ คล้าย มเี กลด็ หุม้ ซ้อนหลายช้ัน กา้ นดอกย่อย ยาว 1-3 ซม. กลบี เล้ยี งปลายแยกแฉกสัน้ ๆ
บูมเมอแรง (ภาพดอก: ห้วยขาแข้ง อทุ ัยธานี, ภาพผล: บ้านตาก ตาก; - SSi) ดอกรูปแตร สีแดงอมสม้ ยาว 4-6 ซม. ด้านนอกมีเกลด็ ประปราย ด้านในมีขนสน้ั นุ่ม
เกสรเพศผู้ 10 อัน ยนื่ พน้ ปากหลอดกลีบดอกเล็กน้อย จานฐานดอกมขี นครึ่งบน
แดงน�้ำ รงั ไข่มีขนและเกล็ดหนาแน่น กา้ นเกสรเพศเมียยาว 3.5-5 ซม. ผลรูปกรวยกลับ
ยาว 3-4 ซม. มี 5 สนั ผิวมีขนและเกลด็ เมล็ดมีรยางคเ์ ป็นขนท่ีปลายทง้ั 2 ด้าน
Pometia pinnata J. R. Forst. & G. Forst. ยาวประมาณ 4 มม. (ดขู ้อมูลเพม่ิ เตมิ ที่ กุหลาบพนั ป,ี สกุล)
วงศ์ Sapindaceae
พบทค่ี าบสมทุ รมลายู สมุ าตรา และบอรเ์ นยี ว ในไทยพบทางภาคใตต้ อนลา่ งทย่ี ะลา
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 50 ม. แยกเพศรว่ มตน้ สว่ นตา่ ง ๆ มขี นประปราย ใบประกอบ และนราธวิ าส ขน้ึ ตามทโ่ี ลง่ บนยอดเขา ความสงู ถงึ ประมาณ 1500 เมตร แยกเปน็ var.
แบบขนนกปลายคู่ ใบยอ่ ยมี 4-13 คู่ เรยี งเกอื บตรงขา้ ม คลู่ า่ งคลา้ ยหใู บ ใบยอ่ ย bancanum Sleumer ดอกขนาดเล็กกว่า แตก่ ้านใบยาวกว่า พบท่สี ุมาตรา
รปู ไขห่ รอื รปู ไขก่ ลบั เบยี้ วเลก็ นอ้ ย ยาว 0.6-4 ซม. ขอบใบจกั ซฟ่ี นั แผน่ ใบดา้ นลา่ ง
มตี ่อม เสน้ แขนงใบเรยี งจรดขอบใบ ช่อดอกคลา้ ยช่อกระจุกแยกแขนง ออกที่ เอกสารอ้างอิง
ปลายกิ่ง ยาวไดถ้ งึ 70 ซม. ดอกขนาดเลก็ สีครมี กา้ นดอกยาวประมาณ 6 มม. Sleumer, H. (1966). Ericaceae. In Flora Malesiana Vol. 6: 640-641.
กลีบเล้ียง 5 กลบี เชอ่ื มติดกนั บางส่วน ยาวประมาณ 1 มม. กลีบดอกสน้ั หรอื ยาวกว่า Watthana, S. (2015). Ericaceae. In Flora of Thailand Vol. 13(1): 128.
กลบี เลี้ยงเล็กนอ้ ย คลา้ ยรูปสี่เหลย่ี มดา้ นไมเ่ ทา่ เกสรเพศผู้ 5 อนั กา้ นชอู บั เรณู
ยาว 2-6 มม. รังไข่มีขน กา้ นเกสรเพศเมยี รูปเสน้ ดา้ ย ผลผนังชน้ั ในแขง็ มี 2 พู แดงประดับผา: ช่อดอกคลา้ ยชอ่ ซ่ีร่ม ดอกรูปแตร สีแดงอมสม้ เกสรเพศผูย้ ่ืนพน้ ปากหลอดกลีบดอกเลก็ น้อย
ส่วนมากเจริญพูเดียว รปู รี ยาว 1.5-5 ซม. ปลายหนา ก้านสน้ั เมล็ดรูปไข่เบ้ยี ว (ภาพ: แวง้ นราธวิ าส - MP)
ยาวประมาณ 2.5 ซม. มเี ยื่อหุ้มบาง ๆ มขี ั้วเมลด็ กลม ขนาดประมาณ 5 มม.
แดงสะแง, สกุล
พบทศี่ รลี งั กา อนิ เดีย พม่า จนี ตอนใต้ ไตห้ วัน ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี
ถงึ หมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ ชนื้ และปา่ ดบิ เขา Schoutenia Korth.
โดยเฉพาะรมิ ล�ำธาร ความสงู ถงึ ประมาณ 1700 เมตร ผลรบั ประทานได้ นำ�้ คัน้ วงศ์ Malvaceae
จากเปลอื กใชร้ กั ษาแผลสด แผลไฟไหม้ แกไ้ ข้ เปน็ ไมเ้ ศรษฐกจิ ทสี่ ำ� คญั โดยเฉพาะ
ในนิวกนิ ี และซามัว ไมต้ น้ หใู บขนาดเลก็ ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว เสน้ โคนใบขา้ งละ 1 เสน้ ชอ่ ดอก
แบบชอ่ กระจกุ กลบี เล้ยี ง 5 กลบี เช่ือมติดกันที่โคน ขยายในผล ไม่มกี ลบี ดอก
สกุล Pometia J. R. Forst. & G. Forst. อยภู่ ายใต้วงศย์ ่อย Sapindoideae เผา่ เกสรเพศผูจ้ ำ� นวนมาก แยกกัน อับเรณูตดิ ท่ฐี าน รงั ไขม่ ี 2-5 ชอ่ ง แต่ละชอ่ งมีออวลุ
Nepheliea มี 2 ชนดิ อีกชนิดคอื P. ridleyi King ex Radlk. พบท่ีคาบสมุทรมลายู 2 เม็ด ก้านเกสรเพศเมยี แยกเป็น 3-5 แฉก ผลแหง้ ไมแ่ ตก เมลด็ ไมม่ ีปกี
สุมาตรา บอร์เนียว และภาคใตข้ องไทย ส่วนตา่ ง ๆ เกลยี้ ง ขอบใบไม่จกั
เสน้ แขนงใบไมจ่ รดขอบใบ ชอ่ื สกลุ ต้ังตามนักพฤกษศาสตรช์ าวฝรัง่ เศส Pierre สกลุ Schoutenia เดมิ อยูภ่ ายใต้วงศ์ Tiliaceae ปัจจบุ นั อยู่วงศ์ย่อย Dombeyoi-
Pomet (1658-1699) deae มี 8 ชนดิ พบในเอเชียใตแ้ ละเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ในไทยมี 5 ชนดิ อนง่ึ
เอกสารอ้างอิง รวงผึ้ง S. glomerata King subsp. peregrina (Craib) Roekm. & Hartono เปน็
van Welzen, P.C. (1999). Sapindaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 236-238. ไมป้ ระดับ และขนึ้ ตามท่รี าบลุม่ ทางภาคกลาง และกัมพชู า ใบขนาดเลก็ กวา่
Wiart, C. (2006). Medicinal plants of Asia and the Pacific. Boca Raton: CRC/ subsp. glomerata ที่พบในคาบสมทุ รมลายู และบอร์เนียว ชอ่ื สกุลตัง้ ตามนกั
ส�ำ รวจชาวดตั ช์ Willem Corneliszoon Schouten (1567-1625)
Taylor & Francis.
Xia, N. and P.A. Gadek. (2007). Sapindaceae. In Flora of China Vol. 12: 17. แดงสะแง

แดงน้�ำ: ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยคูล่ า่ งคล้ายหูใบ ขอบใบจกั ซ่ีฟนั เส้นแขนงใบเรยี งจรดขอบใบ ผลมี 2 พู Schoutenia ovata Korth.
ส่วนมากเจริญพเู ดียว (ภาพ: ธารโต ยะลา - RP) ไม้ต้น สูงไดถ้ ึง 20 ม. หใู บรปู ลมิ่ แคบ ใบรูปไข่หรือรูปขอบขนาน ยาว 4-17 ซม.

ปลายแหลมหรอื แหลมยาว โคนมน เบ้ียว แผน่ ใบด้านลา่ งมีนวล เส้นแขนงใบ
ขา้ งละ 4-6 เส้น เส้นแขนงใบย่อยแบบขน้ั บนั ได ก้านใบยาว 0.4-1 ซม. มีขนสัน้ นุ่ม
ชอ่ ดอกออกตามซอกใบหรอื ปลายกง่ิ ยาว 2-5 ซม. ตาดอกกลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
ประมาณ 5 มม. กลีบเลย้ี งรปู รี มีขนด้านนอก ไมม่ ีกลีบดอก เกสรเพศผเู้ กลี้ยง
รงั ไข่มีขน ผลกลม เส้นผ่านศนู ยก์ ลาง 5-7 มม. มขี นหนาแนน่ กลบี เล้ียงทข่ี ยาย
บานออก แฉกลกึ เกนิ กงึ่ หนง่ึ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 2-2.5 ซม. กลบี รปู ไข่ ปลายแหลม
กว้างประมาณ 5 มม. ยาวประมาณ 1 ซม.

151

โดไ่ ม่รลู้ ้ม สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

พบทกี่ มั พูชา เวียดนาม ชวา และออสเตรเลยี ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ หรือรปู ใบหอก ยาว 5-11 ซม. ขอบจักฟนั เล่อื ยคลา้ ยหนาม กา้ นใบยาว 1-5 ซม.
ภาคใต้ ข้นึ ตามชายป่าเบญจพรรณ และปา่ ดิบแลง้ ความสงู 100-200 เมตร ชอ่ ดอกแบบชอ่ ซร่ี ม่ ตดิ บนเสน้ กลางใบใตจ้ ดุ กงึ่ กลาง ชอ่ ดอกเพศผมู้ ี 7-10 ดอก
ใบประดบั คลา้ ยหใู บ กา้ นดอกยาว 1-2 มม. ดอกเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3-5 มม. กลบี เลย้ี ง
เอกสารอา้ งอิง และกลีบดอกจ�ำนวนอย่างละ 3-5 กลีบ สีม่วงอมเขียว เกสรเพศผู้ติดระหว่าง
Hartono, R. (1965). A monograph of the genus Schoutenia Korth. (Tiliaceae). กลีบดอก ยาวประมาณ 1 มม. จานฐานดอกรปู เบาะ ชอ่ ดอกเพศเมยี มี 1-5 ดอก
Reinwardtia Vol. 7(2): 91-138. ก้านดอกส้นั ดอกเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 5-8 มม. กลีบเลีย้ งและกลีบดอกจำ� นวนอยา่ งละ
Phengklai, C. (1993). Tiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 73-80. 4 กลีบ รงั ไข่ใตว้ งกลีบ เกสรเพศเมียแยก 3-5 แฉก ติดทน ผลผนังช้นั ในแข็ง รปู รี
ยาว 7-8 มม. จักเปน็ พู ก้านผลยาว 1-6 มม. มี 2-4 เมล็ด
แดงสะแง: แผน่ ใบด้านลา่ งมนี วล เส้นโคนใบข้างละ 1 เส้น กลีบเล้ยี งขยายบานออกในผล แฉกลกึ เกนิ กง่ึ หน่ึง
ปลายแหลม ผลแห้งไม่แตก มีขนหนาแน่น (ภาพซา้ ย: บุรีรมั ย์ - RP); รวงผึง้ : (ภาพขวา: นครสวรรค์ - MP) พบท่ี อนิ เดีย ภูฏาน เนปาล จนี ตอนใต้ พมา่ และเวียดนามตอนบน ในไทย
พบทางภาคเหนือที่ดอยภูคา จังหวัดน่าน ข้ึนตามท่ีลาดชันใต้ร่มเงาในป่าดิบเขา
โด่ไม่รู้ล้ม ความสูงประมาณ 1100 เมตร

Elephantopus scaber L. สกุล Helwingia Willd. เคยอยภู่ ายใตว้ งศ์ Apiaceae, Araliaceae หรอื Cornaceae
วงศ์ Asteraceae เปน็ สกลุ เดียวของวงศ์ พบเฉพาะประเทศในแถบเทอื กเขาหิมาลัย และเอเชยี
ตะวนั ออกที่จีน ญปี่ นุ่ และเกาหลี มี 4 ชนิด ในไทยมชี นดิ เดียว ใน Flora of China
ไม้ล้มลกุ สงู ไดถ้ ึง 60 ซม. มีเหงา้ ล�ำตน้ แยกแขนง มขี นหยาบและตอ่ มตาม ระบุวา่ พบ H. chinensis Batalin ซ่งึ อาจวิเคราะห์ช่อื ผดิ ช่อดอกทอ่ี อกกลางเส้นใบ
ลำ� ตน้ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง ชอ่ ดอก ใบประดบั และวงใบประดบั ใบเรยี งเป็นกระจุก (epiphyllous flowers) เกดิ จากกา้ นช่อดอกแนบตดิ กับกา้ นใบและเสน้ กลางใบ
ที่โคน รูปใบหอกกลบั ยาว 5-18 ซม. ปลายกลม โคนเรยี วสอบ ขอบจกั ฟนั เลือ่ ย เป็นเน้อื เดยี วกนั จนไมส่ ามารถแยกได้ ชอ่ื สกุลตง้ั ตามนกั พฤกษศาสตรช์ าวเยอรมนั
กา้ นใบสน้ั ใบตามลำ� ตน้ ขนาดเลก็ ปลายแหลม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ เปน็ Georg Andreas Helwing (1668-1748)
กระจกุ หลายชอ่ ใบประดบั คลา้ ยใบ รปู ไข่ ยาว 1-1.5 ซม. วงใบประดบั เรยี วแคบ เอกสารอา้ งอิง
ยาวประมาณ 1 ซม. ใบประดับ 8 อัน เรยี งตรงขา้ มตง้ั ฉากกัน สเี ขยี วหรอื แดง Pooma, R. (2011). Helwingiaceae. In Flora of Thailand Vol. 11(1): 14-15.
อมมว่ ง รปู ใบหอก ปลายแหลม วงในยาวกวา่ วงนอกประมาณ 2 เทา่ ยาวประมาณ Xiang, J.Q. and E. Boufford. (2005). Helwingiaceae. In Flora of China Vol. 14:
1 ซม. ดอกย่อยมี 4 ดอก สชี มพูหรือมว่ ง กลีบยาว 7-9 มม. เช่ือมติดกัน 4-5 มม.
เกสรเพศผู้ 5 อัน ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นแฉก ผลแหง้ เมล็ดล่อน รปู แถบ ยาว 227-228.
ประมาณ 4 มม. เปน็ เหลีย่ ม มีขนละเอียด แพปพัส 5-6 อนั ยาว 4-5 มม.
ต้นใบหูด: ชอ่ ดอกแบบชอ่ ซี่รม่ ออกจากเส้นกลางใบ ดอกเพศผกู้ ้านดอกยาว ขอบใบจักฟนั เลื่อยคลา้ ยหนาม ผลรูปรี
พบในอเมริกาเขตร้อน แอฟรกิ า และเอเชยี ขึ้นเปน็ วชั พืช ความสูงถงึ ประมาณ จักเป็นพจู �ำนวนตามเมลด็ (ภาพ: ดอยภคู า นา่ น - RP)
1500 เมตร มสี รรพคณุ ขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน�ำ้ แก้การอกั เสบตา่ ง ๆ
ตรึงบาดาล
สกุล Elephantopus L. อยูภ่ ายใต้วงศย์ ่อย Cichorioideae เผ่า Vernonieae มี
ประมาณ 30 ชนิด ส่วนมากพบในอเมริกาใต้ ในไทยมี 2 ชนิด อีกชนิดคอื E. Senna sulfurea (DC. ex Collad.) H. S. Irwin & Barneby
mollis Kunth ใบเรียงบนตน้ ดอกสีขาว ช่ือสกุลมาจากภาษากรกี “elephantos” วงศ์ Fabaceae
ชา้ ง และ “pous” เทา้ ตามลกั ษณะของเหง้าหรอื ใบกระจุกท่โี คนตน้
เอกสารอา้ งองิ ชื่อพ้อง Cassia sulfurea DC. ex Collad., C. surattensis Burm. f. subsp.
Chen, Y. and M.G. Gilbert. (2011). Asteraceae (Vernonieae). In Flora of China glauca (Lam.) K. Larsen & S. S. Larsen

Vol. 20-21: 368-369. ไม้พ่มุ หรอื ไมต้ น้ สงู ได้ถึง 15 ม. ก่ิงออ่ นมีขนยาว หูใบรูปแถบ ยาว 0.5-1 ซม.
ใบประกอบยาว 15-30 ซม. กา้ นยาว 3.5-6.5 ซม. มีใบย่อย 4-6 คู่ มตี ่อมรูป
โด่ไมร่ ู้ลม้ : มีขนหยาบและต่อมทัว่ ไป ใบเรียงเป็นกระจกุ ท่โี คน ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกแนน่ (ภาพ: นครสวรรค์ - MP) กระบองระหวา่ งกา้ นใบยอ่ ย 2 คลู่ า่ ง ใบยอ่ ยรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 5-10 ซม.
ปลายแหลมมน หรอื เวา้ ตนื้ โคนรปู ลมิ่ กวา้ งถงึ กลม แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นสน้ั นมุ่
ต้นใบหูด กา้ นใบสน้ั ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะตามซอกใบใกลป้ ลายกงิ่ ยาวไดถ้ งึ 15 ซม. ใบประดบั
รปู ไข่ ยาว 4-8 มม. พบั งอกลบั รว่ งเร็ว กา้ นดอกยาว 1-3 ซม. กลบี เล้ยี งคู่นอกกลม
Helwingia himalaica Hook. f. & Thomson ex C. B. Clarke ขนาดประมาณ 3 มม. 3 กลบี ในรูปไข่กลับ ยาว 6-9 มม. กลบี ดอกรูปไข่ ยาว
วงศ์ Helwingiaceae 1.5-2.5 ซม. อับเรณยู าวเทา่ ๆ กัน ยาว 5-7 มม. ก้านชอู บั เรณูอนั ยาว 1 อัน ยาว
3-4 มม. อนั สนั้ 9 อนั ยาว 1-2 มม. รงั ไขม่ ขี นประปราย กา้ นเกสรเพศเมยี โคง้ เกลย้ี ง
ไมพ้ ่มุ แตกกอ สูง 2-3 ม. แยกเพศตา่ งตน้ ล�ำต้นกลวงเป็นฟองนำ�้ สีขาว หูใบ ฝักรปู แถบ แบน ยาว 10-20 ซม. เป็นมันวาว ปลายมจี ะงอย มี 20-30 เมล็ด
รปู เสน้ ดา้ ย ยาว 1-2 มม. รว่ งเรว็ บางครงั้ แยก 2-3 แฉก ใบเรยี งเวยี น รปู ขอบขนาน (ดขู ้อมลู เพ่มิ เติมที่ ขเ้ี หลก็ , สกุล)

มถี น่ิ กำ� เนดิ ในเอเชยี ใต้ และเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ในไทยพบเฉพาะเปน็ ไมป้ ระดบั
คลา้ ยกับทรงบาดาล S. surattensis (Burm. f.) H. S. Irwin & Barneby ทมี่ ีใบย่อย
6-9 คู่ ใบขนาดเลก็ กว่า ปลายใบกลม ฝกั ส้นั กว่า

เอกสารอ้างอิง
Chen, D., D. Zhang and K. Larsen. (2010). Fabaceae (Cassieae). In Flora of
China Vol. 10: 31-32.
Larsen, K., S.S. Larsen and J.E. Vidal. (1984). Leguminosae-Caesalpinioideae.
In Flora of Thailand Vol. 4(1): 119-120.

152

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ตองแข้ง

ตรงึ บาดาล: ช่อดอกแบบช่อกระจะ ก้านชอู ับเรณูยาว 1 อนั อนั สน้ั 9 อนั อบั เรณยู าวเท่า ๆ กนั (ภาพ: cultivated - RP) พบทีบ่ ังกลาเทศ ภูฏาน อนิ เดีย จนี ตอนใต้ ไตห้ วนั พม่า ภูมิภาคอินโดจนี
และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ และนวิ กนิ ี ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ เขา
ตองกง และปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู ถงึ ประมาณ 2000 เมตร น้�ำคนั้ จากเหงา้ แกต้ าอกั เสบ หา้ มเลอื ด
และแกป้ วดทอ้ ง
Thysanolaena latifolia (Roxb. ex Hornem.) Honda
วงศ์ Poaceae สกลุ Molineria Colla ซึง่ ดอกออกเปน็ กระจุกแน่นตา่ งจากสกลุ Curculigo ท่ีมี
ช่อดอกแบบชอ่ ซร่ี ่ม และตา่ งจากสกุล Hypoxis ทมี่ ีผลแห้งแตก จำ�นวนชนิดยัง
ชอ่ื พ้อง Melica latifolia Roxb. ex Hornem. ไม่แน่นอน พบในเอเชยี เขตร้อน และแอฟริกา ในไทยมี 3-4 ชนิด ชื่อสกุลต้ัง
ตามนักพฤกษศาสตรช์ าวอิตาลี Ignazio Bernardo Molineri (1741-1818)
หญ้าล้มลุก สงู ได้ถึง 3 ม. ใบรูปแถบ ยาว 16-50 ซม. โคนรูปหวั ใจ กาบใบ เอกสารอ้างอิง
สนั้ กว่าปล้อง ลิ้นกาบบาง ปลายตัด ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนง ยาว 30-65 ซม. Ji, Z. and A.W. Meerow. (2000). Amaryllidaceae (Curculigo). In Flora of China
แกนช่อเปน็ เหลยี่ ม ชอ่ ดอกยอ่ ยออกเดี่ยว ๆ เรยี งเวียน ก้านช่อแบน รว่ งพรอ้ มช่อ
ยาวประมาณ 2 มม. กาบช่อย่อยลา่ งรูปไข่ ยาวประมาณ 0.6 มม. ปลายมน ขอบมีขน Vol. 24: 271.
เสน้ กาบ 1 เสน้ กาบชอ่ ย่อยบนรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 0.8 มม. ปลายแหลม
เส้นกาบ 1 เสน้ มีดอกยอ่ ย 2 ดอก ดอกลา่ งลดรูป ดอกบนสมบรู ณ์เพศ กาบ ตองกาย: ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แน่นออกตามซอกใบ ก้านชอ่ ยาว มขี นหนาแนน่ กลบี รวม 6 กลีบ กา้ นชอู บั เรณูสั้น
รูปใบหอก กาบล่างยาวประมาณ 1.5 มม. มขี นยาว เสน้ กาบ 3 เสน้ กาบบนยาว (ภาพ: เขาพนมเบญจา กระบ่ี - RP)
ประมาณ 1 มม. ปลายมีรยางคย์ าวประมาณ 1 มม. เสน้ กาบ 1 เส้น เกสรเพศผู้
3 อัน ยอดเกสรเพศเมยี แยก 2 แฉก ผลแหง้ เมลด็ ตดิ เรียว ยาว 0.5-1 มม. ตองแขง้

พบที่อินเดีย จีน พม่า และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นไม้ประดับหรือพืช Chondrostylis kunstleri (King ex Hook. f.) Airy Shaw
เล้ยี งสัตว์ ในอเมริกา แอฟรกิ า และยโุ รป ในไทยพบทุกภาค ขึ้นเป็นวชั พืช ความสงู วงศ์ Euphorbiaceae
ถงึ ประมาณ 1800 เมตร ท้งั ตน้ ใชแ้ ก้ความดันโลหิตตำ่� และสภาวะกลา้ มเน้ือเกรง็
ใบใช้หอ่ ข้าวเหนียว ใชเ้ ลยี้ งสัตว์ ช่อดอกใช้ทำ� ไมก้ วาด ช่อื พ้อง Mallotus kunstleri King ex Hook. f.

สกลุ Thysanolaena Nees อย่ใู นเผา่ Thysanolaeneae มชี นิดเดียว ชอ่ื สกุลมาจาก ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ ้น สูงได้ถงึ 15 ม. แยกเพศตา่ งตน้ หใู บรปู แถบ ยาว 0.7-1 ซม.
ภาษากรีก “thysanos” พู่ และ “chlaena” เส้ือคลมุ ตามลักษณะกาบลา่ งทีม่ ีขนยาว ใบเรยี งเวยี น รปู รถี งึ รปู ใบหอก ยาว 7-45 ซม. ปลายแหลมยาวหรอื ยาวคลา้ ยหาง
เอกสารอา้ งอิง กา้ นใบยาว 2-10 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ออกตามซอกใบ ยาวไดถ้ งึ 25 ซม.
Gilliland, H.B., R.E. Holttum and N.L. Bor. (1971). A revised Flora of Malaya. ไมม่ ีกลบี ดอก ดอกเพศผ้ยู าว 2-3 มม. ก้านดอกยาวประมาณ 1 มม. กลบี เลยี้ งมี
3-4 กลบี รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 2.5 มม. เกสรเพศผูม้ ปี ระมาณ 30 อนั
Vol. 3. Grasses. Botanic Gardens, Government Printing Office, Singapore. ก้านชูอบั เรณูยาว 2-3 มม. ดอกเพศเมยี กลีบเล้ยี งคล้ายใบประดบั มี 5 กลบี รูปรี
Liu, L. and S.M. Phillips. (2006). Poaceae (Thysanolaena). In Flora of China ยาวประมาณ 1.5 มม. จานฐานดอกขอบจัก มขี น เกสรเพศเมยี 3 อัน ยอดเกสรเพศเมีย
ยาวประมาณ 2 มม. ปลายแยกเป็นแฉก ผลแห้งแตก มี 3 พู รูปรกี วา้ ง ยาว 0.5-1.5 ซม.
Vol. 22: 446. เมล็ดรปู ไขก่ ลับ มจี กุ ขว้ั ยาว 0.5-1.2 ซม.

ตองกง: ถ่นิ ทอี่ ยูต่ ามที่โลง่ ขา้ งทางหรือชายปา่ ใบค่อนข้างใหญ่ คล้ายใบไผ่ ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ชอ่ ดอกยอ่ ย พบทคี่ าบสมทุ รมลายู สมุ าตรา และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทย่ี ะลา นราธวิ าส
ออกเด่ียว ๆ เรยี งเวยี น (ภาพ: ฝาง เชียงใหม่ - SSi) ขน้ึ ตามปา่ ดบิ ชื้น ความสงู 50-1500 เมตร

ตองกาย สกุล Chondrostylis Boerl. มี 2 ชนิด พบในภมู ภิ าคมาเลเซยี ในไทยมชี นิดเดียว
ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรกี “chondros” กระดกู อ่อน และ “stylos” ก้านเกสรเพศเมีย
Molineria capitulata (Lour.) Herb. เอกสารอ้างอิง
วงศ์ Hypoxidaceae van Welzen, P.C. and S. Sevilla. (2005). Euphorbiaceae (Chondrostylis). In

ช่อื พ้อง Leucojum capitulatum Lour., Curculigo capitulata (Lour.) Kuntze Flora of Thailand Vol. 8(1): 155-156.

ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. มเี หงา้ ไหลเรยี วยาว สว่ นมากมี 4-7 ใบ แผน่ รปู ขอบขนาน ตองแขง้ : ชอ่ ผลแบบชอ่ แยกแขนง ออกตามซอกใบ ผลแหง้ แตก มี 3 พู รปู รีกวา้ ง (ภาพ: เบตง ยะลา - RP)
หรือรปู ใบหอก ยาว 40-90 ซม. ใบพบั จีบ กา้ นใบยาว 30-80 ซม. ช่อดอกแบบ
ชอ่ กระจกุ แนน่ ออกตามซอกใบ กา้ นชอ่ ยาว 10-30 ซม. มขี นยาวสนี ำ�้ ตาลหนาแนน่
ช่อรูปรกี ว้าง กวา้ งยาว 2.5-5 ซม. ใบประดบั รปู ใบหอกแกมรปู ไข่ ยาว 1.5-2.5 ซม.
มขี นส้ันนุ่ม ก้านดอกสน้ั ดอกสเี หลือง กลบี รวมมี 6 กลบี เรยี ง 2 วง รูปไขแ่ คบ ยาว
ประมาณ 8 มม. ปลายกลบี มน กลบี วงนอกมขี นดา้ นนอก กลบี วงในมขี นทโี่ คนหรอื
บนเส้นกลางกลีบ เกสรเพศผู้ 6 อัน ตดิ ที่โคนกลบี รวม ยาว 5-6 มม. กา้ นชอู บั เรณูยาว
ประมาณ 1 มม. อบั เรณรู ปู แถบ ยาวประมาณ 5 มม. รังไขม่ ีขน กา้ นเกสรเพศเมีย
ยาวกวา่ เกสรเพศผเู้ ล็กน้อย ยอดเกสรเปน็ ตุ่ม ผลสด สขี าว เส้นผ่านศูนย์กลาง
4-5 มม. มหี ลายเมลด็ ขนาดเลก็ สดี ำ� มรี ว้ิ

153

ตองงุม สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

ตองงุม ตองเต่า: ช่อดอกแบบชอ่ กระจุก มีดอกเดยี ว กลีบเลี้ยงรปู ใบหอก ขอบใบเรียบ โคนเปน็ ต่ิง เบ้ียว ผลแบบผลแห้งแตก
ไมม่ ีสัน กา้ นผลยาว (ภาพดอก: เขาชอ่ ง ตรัง - AS; ภาพผล: เขาพระวหิ าร ศรีสะเกษ - RP)
Pothos chinensis (Raf.) Merr.
วงศ์ Araceae ตองเต้า, สกุล

ชอื่ พอ้ ง Tapanava chinensis Raf. Mallotus Lour.
วงศ์ Euphorbiaceae
ไม้เถา ยาวได้ถงึ 10 ม. กิ่งท่มี ีดอกมกั แตกแขนง ใบเรียงสลบั ระนาบเดียว รปู รี
ถงึ รูปใบหอก หรือแกมรูปไข่ ยาว 3-21 ซม. กา้ นใบยาว 3-14 ซม. มปี ีกกวา้ ง ช่อดอก ไม้พุ่มหรือไมต้ ้น พบน้อยที่เป็นไม้เถา แยกเพศตา่ งต้น หูใบรปู ล่มิ แคบ ร่วงเรว็
ออกเดย่ี ว ๆ ตามซอกใบ 1-2 ชอ่ โคนชอ่ มีใบประดับยอ่ ยขนาดเลก็ มเี กล็ดหมุ้ ใบเรียงเวียนหรือเรียงตรงข้ามขนาดไม่เท่ากัน แผ่นใบด้านล่างมักมีเกล็ดต่อม
ยอดยาว 0.3-1.5 ซม. ก้านชอ่ ยาวได้ถงึ 2.5 ซม. กาบสีเขยี ว รปู ไข่ เว้า พับงอกลับ และตมุ่ ใบ โคนใบสว่ นมากมตี อ่ ม 2 ตอ่ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะคลา้ ยชอ่ กระจกุ
ยาว 0.4-1.2 ซม. โคนรูปหัวใจหุม้ ก้านช่อดอก ปลายแหลมมีตงิ่ ติดทน กา้ นชอ่ ดอก บางครง้ั แยกแขนง ดอกเพศผอู้ อกเปน็ กระจกุ ดอกเพศเมยี มี 1-2 ดอก กลบี เลย้ี ง
ยาว 0.5-1 ซม. ชอ่ รปู ไขห่ รอื กลม ยาว 0.4-1.3 ซม. สเี หลอื งออ่ น ดอกเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง แยก 3-6 แฉก ไมม่ ีกลีบดอกและจานฐานดอก เกสรเพศผู้มี 15 อนั ถงึ จ�ำนวนมาก
1-2 มม. เกสรเพศผู้ 4 อนั รังไข่รูปรี แบนเปน็ เหล่ยี ม มีผลยอ่ ย 1-5 ผล รูปรีหรอื รปู ไข่ แยกกนั อบั เรณมู ี 2 ชอ่ ง แกนอบั เรณกู วา้ ง ในดอกเพศผไู้ มม่ รี งั ไขท่ เ่ี ปน็ หมนั รงั ไข่
ยาว 1-1.8 ซม. สกุ สแี ดงเขม้ สว่ นมากมเี มลด็ เดยี ว (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ท่ี เถาพนั ดง, สกลุ ) ส่วนมากมี 3 ชอ่ ง แตล่ ะชอ่ งมอี อวลุ เมด็ เดยี ว กา้ นเกสรเพศเมยี 3 อัน ยอดเกสร
ไมแ่ ยกแขนง มีขนหรือปมุ่ ยาว ตดิ ทน ผลแห้งแตก มกั มขี นหนาม เมลด็ เรียบ
พบท่อี ินเดยี เนปาล ภฏู าน บงั กลาเทศ พม่า จีนตอนใต้ ฮอ่ งกง ไตห้ วัน และ บางครงั้ มีเยอ่ื หมุ้
ภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทกุ ภาค พบนอ้ ยทางภาคใต้ เกาะตามตน้ ไมห้ รอื กอ้ นหนิ
ในป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้น หรือเขาหินปูน ความสูง 100-2000 เมตร คล้าย สกลุ Mallotus อยภู่ ายใตว้ งศย์ ่อย Acalyphoideae เผา่ Acalypheae มปี ระมาณ
ตะเข็บ P. scandens L. ทกี่ าบมสี มี ่วง ดอกหนาแนน่ กว่า ชอ่ ดอกหกั งอ กา้ นใบ 150 ชนิด พบในแอฟรกิ า มาดากัสการ์ เอเชีย ออสเตรเลยี และหมูเ่ กาะแปซฟิ ิก
สนั้ กวา่ ใบเกนิ กง่ึ หนงึ่ พบหนาแนน่ ทางภาคใต้ ทงั้ ตน้ มสี รรพคณุ ระงบั ปวดตามขอ้ ในไทยมี 42 ชนดิ ชอื่ สกลุ มาจากภาษากรกี “mallotos” ขนแบบขนแกะ ตาม
กระดูก รักษาแผลสด แกไ้ อ และโรคขาดสารอาหารในเด็กท่เี กดิ จากพยาธิ ลกั ษณะผลท่มี กั มีขนแบบขนแกะ

เอกสารอ้างอิง ตองเตา้
Boyce, P.C. (2012). Araceae (Pothos). In Flora of Thailand Vol. 11(2): 255-256.
Li, H. and P.C. Boyce. (2010). Araceae (Pothos). In Flora of China Vol. 23: 7. Mallotus barbatus Müll. Arg.
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สูงได้ถึง 10 ม. หูใบยาว 0.6-1 ซม. ใบรปู ไข่ หรอื จักเปน็ พู
ตองงุม: ใบเรยี งสลบั ระนาบเดียว ก้านใบมปี กี กวา้ ง ช่อดอกแบบชอ่ เชิงลดมีกาบ ออกเดี่ยว ๆ ตามซอกใบ กาบสเี ขยี ว
เวา้ พับงอกลบั โคนรูปหัวใจหมุ้ กา้ นช่อดอก ปลายแหลมมตี ่ิง (ภาพ: เขาใหญ่ ปราจีนบรุ ี - MP) ยาว 18-60 ซม. โคนแบบกน้ ปดิ มีต่อมน้�ำตอ้ ยสดี �ำทโ่ี คนประมาณ 4 ตอ่ ม ขอบจัก
ซี่ฟัน กา้ นใบยาวไดถ้ งึ 20 ซม. ชอ่ ดอกเพศผู้ยาวไดถ้ งึ 30 ซม. ดอกเพศผูอ้ อกเป็นกลมุ่
ตะเข็บ: กาบมสี มี ว่ ง ชอ่ ดอกหักงอ กา้ นใบสน้ั กว่าใบเกินกง่ึ หนึง่ (ภาพ: เขาชอ่ ง ตรงั - SSi) 3 ดอก ใบประดับรูปสามเหล่ียม ยาวประมาณ 4 มม. ก้านดอกยาว 3.5-6.5 มม.
กลบี เลย้ี งสคี รมี ยาว 3.5-5 มม. ชอ่ ดอกเพศเมยี ยาวไดถ้ งึ 40 ซม. หอ้ ยลง ใบประดบั
ตองเต่า ยาวไดถ้ งึ 1 ซม. กา้ นดอกยาว 2-4 มม. ขยายในผล กลบี เลยี้ งสเี หลอื งอมแดง ยาว
3.5-5 มม. ยอดเกสรเพศเมยี ยาว 4.5-6 มม. ผลกลม จกั 3 พู ตนื้ ๆ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
Pterospermum cinnamomeum Kurz 1.8-2 ซม. ขนหนามยาวประมาณ 5 มม. ผลมขี นรปู ดาวหนาแน่น เมลด็ รูปไข่กลบั
วงศ์ Malvaceae ยาวประมาณ 5 มม.

ไมต้ ้น สูงได้ถึง 10 ม. ใบรูปไข่หรือแกมรูปขอบขนาน โคนมกั เป็นตงิ่ เบ้ียว พบทอ่ี ินเดยี พม่า จีนตอนใต้ ภมู ิภาคอินโดจนี คาบสมทุ รมลายู ในไทยพบ
ขอบใบเรยี บ เสน้ แขนงใบยอ่ ยแบบขน้ั บนั ได ชอ่ ดอกมดี อกเดยี ว ตาดอกรปู ขอบขนาน ทกุ ภาค เปน็ ไมเ้ บิกนำ� ขึ้นตามชายป่า ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร ใบตำ� กับ
ร้ิวประดบั 3 อนั ร่วงเร็ว ก้านดอกยาวประมาณ 3 ซม. กลบี เล้ียงรูปใบหอก ยาว พรกิ ไทยดำ� และขิงใชพ้ อกทอ้ งแกท้ อ้ งอืดทอ้ งเฟ้อ
3.5-4 ซม. มขี นท้งั สองดา้ น กลบี ดอกรูปใบหอกกลบั ยาว 3-3.5 ซม. เกสรเพศผู้
15 อนั มี 5 มัด เกสรเพศผู้ที่เปน็ หมันมี 5 อนั รูปเส้นด้าย ยาวกว่าเกสรเพศผู้ เอกสารอา้ งองิ
ที่สมบรู ณ์ กา้ นชอู ับเรณูมตี อ่ ม รังไข่มีขน เกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 2 ซม. ปลายจกั Qiu, H. and M.G. Gilbert. (2008). Euphorbiaceae (Mallotus). In Flora of China
5 พู บดิ เปน็ เกลยี ว ผลแหง้ แตกเปน็ 5 ซกี รปู ไขแ่ กมรปู ขอบขนานหรอื รปู กระสวย Vol. 11: 225, 229.
ไมม่ ีสนั ยาว 4.5-5 ซม. เมล็ดจ�ำนวนมาก รปู ไข่ ยาวประมาณ 2 ซม. รวมปีกบาง ๆ van Welzen, P.C., S.E.C. Sierra, J.W.F. Silk and S. Bollendroff. (2007). Euphor-
(ดูขอ้ มูลเพิ่มเตมิ ที่ ลำ� ป้าง, สกุล) biaceae (Mallotus). In Flora of Thailand Vol. 8(2): 384-437.

พบทพี่ มา่ ในไทยพบทางภาคเหนือทเี่ ชียงใหม่ ลำ� ปาง และภาคตะวันออกท่ี ตองเต้า: โคนใบแบบกน้ ปิด ช่อดอกออกที่ปลายกงิ่ ดอกเพศผู้ออกเป็นกล่มุ 3 ดอก ไม่มีกลีบดอก ชอ่ ผลห้อยลง
นครราชสมี า ชยั ภมู ิ ศรีสะเกษ ขนึ้ ตามปา่ ดิบแลง้ และปา่ เบญจพรรณ โดยเฉพาะ ผลมขี นหนาแน่น เกสรเพศเมียตดิ ทน (ภาพดอก: เขาใหญ่ ปราจีนบุรี - SR; ภาพผล: แกง่ กระจาน เพชรบรุ ี - SSi)
เขาหินปูน ความสงู 100-300 เมตร

เอกสารอา้ งองิ
Phengklai, C. (2001). Sterculiaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 602-604.

154

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ตองผา้

ตองแตก, สกุล ตองแตกเล็ก: ช่อดอกเพศผ้ดู อกจำ� นวนมาก ช่อดอกเพศเมยี ส้นั ผลตัง้ ขน้ึ กลีบเล้ียงและเกสรเพศเมียตดิ ทน
(ภาพ: ดอยภูคา นา่ น - RP)
Baliospermum Blume
วงศ์ Euphorbiaceae ตองแตบ

ไมพ้ มุ่ แยกเพศรว่ มตน้ หรอื ตา่ งตน้ หใู บขนาดเลก็ ใบเรยี งเวยี น มตี อ่ ม 2 ตอ่ ม Macaranga denticulata (Blume) Müll. Arg.
ทโี่ คน ขอบใบจกั ฟนั เลอื่ ยหรอื จกั มน มตี อ่ มทรี่ อยจกั ดา้ นลา่ ง เสน้ โคนใบ 3-5 เสน้ วงศ์ Euphorbiaceae
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะหรอื แยกแขนง ชอ่ ดอกเพศผมู้ ดี อกจ�ำนวนมาก ไมม่ กี ลบี ดอก
กลบี เล้ยี งส่วนมากมี 5 กลีบ บาง ดอกเพศเมียขนาดใหญ่กวา่ ดอกเพศผู้เลก็ น้อย ช่อื พ้อง Mappa denticulata Blume
จานฐานดอกรปู วงแหวนหรอื จกั เปน็ ตอ่ ม รงั ไขม่ ี 3 ชอ่ ง แตล่ ะชอ่ งมอี อวลุ เมด็ เดยี ว
ยอดเกสรเพศเมยี 3 อนั แผก่ ว้างเปน็ ปกี ปลายแยกเป็น 2 แฉก ติดทน ผลแห้งแตก ไม้ต้น สูงไดถ้ ึง 15 ม. แยกเพศตา่ งต้น กิ่งเป็นเหลี่ยม มขี นเปน็ ขยุ หนาแนน่
มี 3 พู แกนกลางติดทน เมล็ดกลม มีปื้น มจี กุ ขั้ว ตามก่งิ หูใบ แผน่ ใบดา้ นล่าง และใบประดบั ร่วงเร็ว หูใบรปู ขอบขนาน ยาว
0.3-1 ซม. ใบเรยี งเวยี น รปู ไขก่ วา้ งหรอื แกมรปู สามเหลยี่ ม ยาว 10-24 ซม. โคนแบบ
สกุล Baliospermum อยู่ในวงศ์ยอ่ ย Crotonoideae เผา่ Codiaeae มี 5 ชนิด กน้ ปดิ เสน้ แขนงใบยอ่ ยเรยี งขนานกนั กา้ นใบยาว 5-11 ซม. มตี อ่ มนำ้� ตอ้ ยขนาดเลก็
พบในประเทศแถบเทือกเขาหมิ าลัย จีนตอนใต้ พมา่ ภูมิภาคอินโดจีนและ กระจายใกลโ้ คน ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ยขนาดเลก็ ตดิ ทน ขอบมตี อ่ ม ไมม่ ี
มาเลเซยี ในไทยมี 2 ชนดิ ชือ่ สกุลมาจากภาษากรกี “balios” จดุ หรือปนื้ และ กลีบดอก ช่อดอกเพศผแู้ บบแยกแขนง ยาวไดถ้ ึง 10 ซม. ดอกออกเป็นกระจุก
“sperma” เมลด็ ตามลกั ษณะของเมลด็ ทม่ี ปี ื้น 3-7 ดอก กลบี เลีย้ ง 2-3 กลีบ ยาวประมาณ 1 มม. เกสรเพศผูม้ ปี ระมาณ 15 อัน
อับเรณูมี 4 ช่อง ชอ่ ดอกเพศเมยี แบบชอ่ กระจะ ยาวไดถ้ ึง 7 ซม. ดอกออกเปน็
ตองแตก กระจุก 1-3 ดอก กลบี เลีย้ ง 2 กลบี ยาวประมาณ 1.5 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี
2-3 อนั ยาวประมาณ 1 มม. ผลแหง้ แตก จัก 2 พู กว้างประมาณ 5 มม. ผิวมี
Baliospermum solanifolium (Burm.) Suresh เกล็ดต่อมขนาดเล็กหนาแน่น ก้านยาวประมาณ 1 ซม. แตล่ ะช่องมีเมลด็ เดียว

ชอื่ พอ้ ง Croton solanifolius Burm. พบทอี่ นิ เดยี เนปาล ภฏู าน ศรลี งั กา จนี ตอนใต้ ลาว คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา
และชวา ในไทยพบทกุ ภาค ขึน้ ตามที่โลง่ ในป่าเส่อื มโทรม ความสูงถงึ ประมาณ
ไมพ้ ่มุ สูงได้ถึง 2 ม. ใบรูปไข่หรือรูปขอบขนาน บางครง้ั จัก 3-5 พูตน้ื ๆ ยาว 1200 เมตร น้�ำคั้นจากใบใช้ลา้ งแผลสด
8-20 ซม. โคนมักกลม ช่อดอกเพศผยู้ าวไดถ้ ึง 15 ซม. ช่อดอกเพศเมียสนั้ ยาวไม่เกนิ
1 ซม. ดอกเพศผกู้ า้ นดอกยาวไดถ้ งึ 1.2 ซม. กลบี เลย้ี งรูปไข่ ยาวประมาณ 1.5 มม. สกุล Macaranga Thouars อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Acalyphoideae เผ่า Acalypheae
จานฐานดอกรูปถ้วยคล้ายวงแหวน เกสรเพศผู้ 10-12 อัน ก้านชูอับเรณูยาว มีประมาณ 300 ชนดิ พบในแอฟริกา มาดากสั การ์ เอเชยี ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะ
ประมาณ 1 มม. ดอกเพศเมยี กา้ นดอกยาว 0.2-1 ซม. กลบี เลย้ี งรปู ไขส่ ามเหลยี่ ม ยาว แปซฟิ ิก ในไทยมี 21 ชนดิ ชือ่ สกุลเป็นภาษาพน้ื เมืองของมาดากสั การ์
1-2 มม. มขี นดา้ นนอก รังไขม่ ขี น กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 1.5-3 มม. ผลห้อยลง กลม
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 0.8-1.3 ซม. กลบี เลยี้ งตดิ ทน ยาว 3-5 มม. เมลด็ ขนาดประมาณ เอกสารอา้ งอิง
3 มม. สนี ำ�้ ตาล Whitmore, T.C. and S.J. Davies. (2007). Euphorbiaceae (Macaranga). In Flora
of Thailand Vol. 8(2): 364-365.
พบท่อี นิ เดยี ภฏู าน เนปาล ศรีลงั กา บังกลาเทศ พม่า ภมู ภิ าคอินโดจนี และ
มาเลเซยี ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามชายปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชน้ื
ความสูงถึงประมาณ 900 เมตร เมล็ดมีสรรพคุณบ�ำรุงร่างกาย ใช้แทนสลอด
Croton tiglium L. น�ำ้ มนั จากเมล็ดทำ� ใหร้ ะคายเคือง

ตองแตกเลก็

Baliospermum calycinum Müll. Arg.
ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 3 ม. ใบรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 10-20 ซม. ขอบใบจกั ฟนั เลอ่ื ย

หรอื จกั มน แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นเอน ชอ่ ดอกเพศผยู้ าวไดถ้ งึ 16 ซม. ชอ่ ดอกเพศเมยี
ยาว 2-3 ซม. ดอกเพศผู้ก้านดอกยาว 1-3 มม. กลบี เล้ียงรปู ไข่กวา้ ง ยาว 1-2.5 มม.
จานฐานดอกแยกเปน็ ต่อม 5 ตอ่ ม เรยี งเปน็ วง เกสรเพศผู้ 9-21 อนั ก้านชูอับเรณู
ยาว 1-2 มม. ดอกเพศเมยี ก้านดอกยาว 1-2 มม. กลบี เลย้ี งรปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว
3-8 มม. เกลย้ี งหรือมีขน รังไข่เกล้ียงหรือมีขนประปราย กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว
1-3 มม. ผลต้ังข้ึน รปู รกี วา้ งเกอื บกลม ยาว 1-1.2 ซม. กลีบเลี้ยงตดิ ทน ยาว 5-8 มม.
เมลด็ ขนาดประมาณ 4 มม. สีน้ำ� ตาลเขม้

พบทอ่ี นิ เดยี บงั กลาเทศ เนปาล จนี ตอนใต้ และพมา่ ในไทยพบทางภาคเหนอื
แทบทกุ จงั หวดั ขนึ้ ใตร้ ม่ เงาในปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ เขา ความสงู 650-2500 เมตร

เอกสารอา้ งอิง
Phattarahirankanok, K. and K. Chayamarit. (2005). Euphorbiaceae (Baliospermum).
In Flora of Thailand Vol. 8(1): 120-123.

ตองแตก: ใบรูปไข่หรอื รูปขอบขนาน จัก 3-5 พตู ้นื ๆ ผลห้อยลง กลม มี 3 พู กลีบเล้ียงและเกสรเพศเมยี ตดิ ทน ตองแตบ: ใบรปู ไขก่ วา้ งแกมรปู สามเหลย่ี ม โคนใบแบบกน้ ปดิ เส้นแขนงใบย่อยเรยี งขนานกนั ดอกเพศผอู้ อกเป็นกระจุก
(ภาพ: cultivated - RP) ผลจัก 2 พู ผิวมเี กล็ดต่อมหนาแนน่ (ภาพ: นราธิวาส - MP)

ตองผา้

Sumbaviopsis albicans (Blume) J. J. Sm.
วงศ์ Euphorbiaceae

ชื่อพอ้ ง Adisca albicans Blume

ไมต้ น้ สว่ นมากสงู ไมเ่ กนิ 10 ม. แยกเพศรว่ มตน้ ใบเรยี งเวยี น รปู ไขห่ รอื แกม
รปู ขอบขนาน ยาว 7-35 ซม. โคนแบบกน้ ปดิ แผน่ ใบดา้ นลา่ งมขี นสขี าวหนาแนน่

155

ตองหนาม สารานุกรมพืชในประเทศไทย

ก้านใบยาว 1.5-11 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงหรือคล้ายช่อกระจะ ตองหนาม: ปาล์มแตกกอ ใบแบบขนนก ก้านและกาบยาว มีหนามเป็นกระจกุ หนาแนน่ ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ เชิงลด
ออกทีป่ ลายกงิ่ มีขนสัน้ นุ่ม ช่อดอกเพศผู้ยาวไดถ้ ึง 16 ซม. ชอ่ ดอกเพศเมียยาว (ภาพ: แม่ฮ่องสอน - MP)
กวา่ 2 เทา่ ใบประดบั รูปไข่ ยาวประมาณ 3 มม. ก้านดอกยาว 2-5 มม. ดอกเพศผู้
ออกเปน็ กระจกุ 3 ดอก กลบี เลยี้ ง 3-5 กลบี รปู ไข่ ยาวประมาณ 5 มม. มขี นกระจกุ ตองอาน
สั้นนุ่ม กลีบดอกสน้ั กว่ากลีบเลี้ยง เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก ดอกเพศเมยี ออกเด่ียว ๆ
กลบี เลี้ยง 5 กลบี รูปไขแ่ กมรปู ขอบขนาน ยาว 3-4 มม. มีขนกระจุกสน้ั นุ่ม ไม่มี Phytocrene bracteata Wall.
กลบี ดอก รังไข่มีขน ก้านเกสรเพศเมยี 3 อนั ยาวประมาณ 3 มม. ปลายแยก 2 แฉก วงศ์ Icacinaceae
ผลแห้งแตก มี 3 พู เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 2-3.5 ซม. มีขนสนั้ นมุ่ สีเหลืองอมนำ้� ตาล
หนาแนน่ มี 2-3 เมล็ด รูปรี ยาวประมาณ 2 ซม. ไมเ้ ถาเนอื้ แขง็ แยกเพศต่างต้น เถามีตมุ่ คล้ายหนามขนาดเล็กประปราย มี
ขนตามกิง่ อ่อน และแผน่ ใบด้านล่าง ใบเรยี งเวยี นหา่ ง ๆ รปู ไข่กว้าง หรอื จกั 3 พู
พบทีอ่ นิ เดยี พมา่ จนี ตอนใต้ ลาว เวยี ดนาม คาบสมุทรมลายู สุมาตรา ชวา ยาว 10-20 ซม. ปลายแหลม โคนเว้าตืน้ เสน้ โคนใบข้างละ 1-3 เส้น ก้านใบยาว
บอรเ์ นยี ว และฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และ 3-7 ซม. ชอ่ ดอกเพศผคู้ ล้ายชอ่ เชงิ ลดแยกแขนง ยาว 10-20 ซม. ออกตามซอกใบ
ป่าดบิ ชืน้ โดยเฉพาะท่ีเป็นหินปูน ความสูงถึงประมาณ 800 เมตร เมล็ดกนิ ได้ หรือล�ำต้น มีขนส้ันนุ่ม ช่อยอ่ ยแบบชอ่ กระจุกแน่น มี 12-15 ดอก ใบประดับรูป
เสน้ ด้าย ยาวได้ถงึ 1 ซม. ติดทน ดอกขนาดเลก็ กลีบเล้ียงมี 3-5 กลบี กลีบดอก
สกุล Sumbaviopsis J. J. Sm. อยภู่ ายใต้วงศ์ยอ่ ย Acalyphoideae เผ่า Chro- 3-4 กลบี เกสรเพศผูส้ ่วนมากมี 3-4 อนั เชื่อมติดกันสัน้ ๆ รงั ไข่เป็นหมันมขี นยาว
zophoreae และเผ่าย่อย Doryxylinae มีเพียงชนดิ เดยี ว ชอื่ สกลุ หมายถึงคลา้ ย ช่อดอกเพศเมียแบบช่อกระจุกแน่น ก้านช่อหนา ออกตามซอกใบ 1-3 ช่อ
กบั สกลุ Sumbavia ซึ่งเป็นชอื่ เกาะในอินโดนเี ซีย ดอกคล้ายดอกเพศผู้ ก้านเกสรเพศเมยี หนา ยอดเกสรจกั 2 พู ผลกลมุ่ ผลยอ่ ย
เอกสารอ้างอิง ผนงั ชนั้ ในแขง็ เรยี งหนาแนน่ เปน็ กระจกุ กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางยาวไดถ้ งึ 20 ซม.
van Welzen, P.C. (2007). Euphorbiaceae (Sumbaviopsis). In Flora of Thailand ผลยอ่ ยรปู ขอบขนานแกมรปู ไข่ ยาว 4.5-8 ซม. มขี นหนาแนน่ ผนงั ชน้ั ในแขง็ มรี พู รนุ

Vol. 8(2): 562-564. พบทพี่ มา่ ภมู ภิ าคมาเลเซยี และฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้
ทปี่ า่ ละอู จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ และภาคใตท้ ชี่ มุ พร สรุ าษฎรธ์ านี นครศรธี รรมราช
ตองผา้ : โคนใบแบบก้นปิด แผ่นใบด้านล่างมีขนสขี าวหนาแนน่ ผลแห้งแตก มี 3 พู มขี นสั้นนุ่มสีเหลืองอมนำ�้ ตาล ขนึ้ ตามป่าดิบชน้ื ทม่ี ีหินปนู ความสูงถึงประมาณ 450 เมตร
หนาแนน่ (ภาพ: แมส่ อด ตาก - RP)
สกลุ Phytocrene Wall. มี 11 ชนดิ พบเฉพาะในเอเชีย โดยเฉพาะภูมิภาคมาเลเซีย
ตองหนาม ในไทยมี 3 ชนดิ อกี 2 ชนิด พบเฉพาะทางภาคใตต้ อนล่าง ช่ือสกลุ มาจากภาษา
กรีก “phyto” พชื และ “crene” นำ้�พุ หมายถงึ เถามีน�ำ้ จำ�นวนมาก
Salacca griffithii A. J. Hend. เอกสารอ้างองิ
วงศ์ Arecaceae Sleumer, H. (1970). Icacinaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(1): 85-87.

ปาล์มแตกกอ ลำ� ต้นสั้นอย่ใู ต้ดนิ แยกเพศต่างต้น ใบแบบขนนก เรียงเวยี น ตองอาน: ใบเรียงเวยี นหา่ ง ๆ ช่อดอกเพศผูค้ ลา้ ยชอ่ เชิงลดแยกแขนง ออกตามลำ� ตน้ ใบประดบั รปู เส้นด้าย ติดทน
มี 10-15 ใบ กา้ นและกาบยาวไดถ้ งึ 3 ม. มหี นามเป็นกระจุก 2-10 อัน หนาแนน่ ผลยอ่ ยเรยี งหนาแน่นเป็นกระจุกกลม (ภาพดอก: ปา่ ละอู ประจวบคีรีขนั ธ,์ ภาพผลและใบ: สรุ าษฎรธ์ านี; - RP)
แกนกลางใบยาวไดถ้ งึ 4.5 ม. ใบยอ่ ยขา้ งละ 35-42 ใบ เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว รปู แถบ
ยาว 0.8-1.25 ซม. ไรก้ ้าน มหี นามกระจายตามเส้นใบ ใบปลายมกั เชอื่ มติดกัน ตอ้ ยติง่
ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ เชงิ ลด มหี ลายชอ่ ออกชดิ กนั ทยี่ อด โคนชอ่ มใี บลดรปู ใบประดบั
เรยี งซอ้ นกนั ใบประดบั ยอ่ ยดา้ นลา่ งมขี นสนั้ นมุ่ หนาแนน่ ชอ่ ดอกเพศผยู้ าวไดถ้ งึ 1 ม. Ruellia tuberosa L.
ชอ่ ยอ่ ยยาว 13-24 ซม. ดอกเพศผอู้ อกเปน็ กระจกุ จากในหลมุ กลบี เลย้ี งเปน็ หลอด วงศ์ Acanthaceae
ปลายแยก 3 แฉก เกสรเพศผู้ 6 อัน ตดิ บนปากหลอดกลีบดอก ชอ่ ดอกเพศเมียยาว
30-40 ซม. ชอ่ ยอ่ ยยาว 8-12 ซม. ดอกเพศเมียออกเดีย่ ว ๆ หรอื ออกเปน็ คู่กบั ไมล้ ้มลกุ สูงไดถ้ งึ 50 ซม. มีรากสะสมอาหาร ตามขอ้ บวม ใบเรยี งตรงขา้ ม รปู รี
ดอกเพศผู้ทเี่ ปน็ หมัน รงั ไข่มี 3 ชอ่ ง ยอดเกสรเพศเมีย 3 อนั ผลรปู ไข่กลับ กวา้ ง รูปไข่กลับ หรอื แกมรูปขอบขนาน ยาว 4-8 ซม. แผน่ ใบมักมีขนสนั้ แข็งกระจายทง้ั
6-8 ซม. ยาว 5-6 ซม. มเี กล็ดเป็นหนามสแี ดงหุม้ หนาแน่น มี 1-3 เมล็ด ผนงั หนา 2 ดา้ น กา้ นใบยาวได้ถงึ 8 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ หรือออกเดย่ี ว ๆ ตามซอกใบ
ใกลป้ ลายกิง่ กา้ นชอ่ ยาวไดถ้ ึง 2.5 ซม. ใบประดบั เรียงตรงข้าม รูปใบหอก ยาว
พบทจี่ นี ตอนใต้ พมา่ และภาคเหนอื ของไทยทแ่ี มฮ่ อ่ งสอน ขนึ้ ตามทโี่ ลง่ มนี ำ้� ขงั 3-9 มม. กา้ นดอกยาว 0.6-1 ซม. หลอดกลีบเลย้ี งยาวประมาณ 6 มม. ปลายแยกเปน็
หรือรมิ ลำ� ธารในป่าเบญจพรรณ ความสูงถงึ ประมาณ 700 เมตร

สกุล Salacca Reinw. อยภู่ ายใต้วงศ์ยอ่ ย Calamoideae เผา่ Calameae มี 20 ชนดิ
พบท่ีอนิ เดยี จีนตอนใต้ พม่า เวยี ดนาม และภูมภิ าคมาเลเซยี ในไทยมี 4 ชนิด
รวมถึงระกำ� S. wallichiana Mart. ที่เป็นไม้ผล ส่วนสละ S. zalacca (Gaertn.)
Voss มีถิ่นก�ำ เนิดในอินโดนีเซีย ชือ่ สกลุ มาจากชือ่ พ้ืนเมอื ง “Salak” ท่ใี ช้เรียกสละ
เอกสารอา้ งอิง
Pongsattayapipat, R. (2013). Arecaceae (Salacca). In Flora of Thailand Vol.

11(3): 484-490.

156

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ตะเกรานำ้�

5 แฉก รปู ใบหอก ยาว 1-2 มม. ตดิ ทน ดา้ นนอกมีขน ดอกรปู แตร สมี ่วง ยาว สกลุ Allophylus L. อยู่ภายใต้วงศ์ยอ่ ย Sapindoideae เผ่า Thoinieae มชี นิดเดียว
2.2-5.5 ซม. ด้านนอกมีขน มี 5 กลบี รูปรี กวา้ งประมาณ 1.5 ซม. เกสรเพศผู้ 2 คู่ ชือ่ สกุลมาจากภาษากรีก “allos” แตกตา่ ง และ “phyton” เผ่าพันธุ์ ตามลักษณะ
ยาวไมเ่ ทา่ กนั ยาวประมาณ 4 มม. และ 8 มม. บางคร้งั มีเกสรเพศผู้ท่เี ป็นหมัน ทผ่ี ันแปรของรปู รา่ ง ขนาดของใบ และชอ่ ดอก
1 อนั อบั เรณูมขี น รังไขม่ ี 2 ชอ่ ง ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 2 ซม. มีขนสาก เอกสารอา้ งอิง
ยอดเกสรจัก 2 พู เปน็ แผน่ บาง ๆ ผลแหง้ แตก รูปแถบ ยาว 1.8-2.5 ซม. ผนงั ก้ัน van Welzen, P.C. (1999). Sapindaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 176-183.
มตี อ่ มเปน็ ตะขอ กา้ นยาวไดถ้ งึ 2 ซม. มหี ลายเมลด็ ขนาดเลก็ มขี นไวตอ่ ความชนื้
ต่อไส้: ใบประกอบ มีใบยอ่ ย 3-5 ใบ ใบย่อยมีหลายรูปแบบและขนาด ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงสนั้ ๆ
มีถิ่นก�ำเนิดในอเมริกากลาง ขึ้นเป็นวัชพืชทั่วไปในเขตร้อน ส่วนต่าง ๆ มี ผลสกุ สีส้มหรอื สแี ดง (ภาพซา้ ยบน: หนองคาย, ภาพขวาบน: ตรัง, ภาพซ้ายลา่ ง: บรุ ีรมั ย์, ภาพขวาล่าง: ชมุ พร; - RP)
สรรพคุณลดกรดในกระเพาะอาหาร
ตะเกรานำ้�
สกลุ Ruellia L. มีประมาณ 250 ชนดิ พบในเขตร้อนและเขตอบอนุ่ ในไทยมีพืช
พน้ื เมืองไมก่ ่ชี นดิ แตม่ หี ลายชนิดท่นี ำ�เขา้ มาปลูกเป็นไม้ประดับ เชน่ ตอ้ ยติ่งเทศ Eriobotrya bengalensis (Roxb.) Hook. f.
R. simplex C. Wright แดงซีลอน R. brevifolia (Pohl) C. Ezcurra และแดงอเมซอน วงศ์ Rosaceae
R. chartacea (T. Anderson) Wassh. เปน็ ตน้ ชอ่ื สกลุ ตัง้ ตามนกั พฤกษศาสตร์
ชาวฝร่ังเศส Jean Ruel (1474-1537) ช่อื พ้อง Mespilus bengalensis Roxb.
เอกสารอ้างองิ
Cramer, L.H. (1998). Acanthaceae. In Flora of Ceylon Vol. 12: 1-140. ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. มขี นสน้ั นมุ่ ตามชอ่ ดอก ใบประดบั ฐานดอก กลบี เลยี้ งและ
Hu, J.Q. and T.F. Daniel. (2011). Acanthaceae. In Flora of China Vol. 19: 435. โคนกลบี ดอกดา้ นนอก ใบเรยี งเวยี น รปู รถี งึ รปู ใบหอก ยาว 7-20 ซม. ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย
Staples, G.W. and D.R. Herbst. (2005). A tropical garden flora. Bishop Museum เรยี บชว่ งโคนใบ เสน้ แขนงใบเรยี งจรดขอบใบ กา้ นใบยาว 2-4 ซม. ชอ่ ดอกแบบ
ช่อแยกแขนง ออกทป่ี ลายกิ่ง ยาว 8-12 ซม. กา้ นชอ่ สั้น ใบประดับรูปใบหอก
Press, Honolulu, Hawai`i. กา้ นดอกยาว 3-5 มม. ฐานดอกยาว 2-3 มม. กลบี เลยี้ ง 5 กลบี รปู ไข่ ยาวประมาณ
1 มม. ติดทน ดอกสขี าว มี 5 กลบี รูปไข่กลบั กวา้ งเกอื บกลม ยาว 4-5 มม. เกสรเพศผู้
ตอ้ ยตง่ิ : ล�ำตน้ และใบมขี น ใบเรยี งตรงข้าม ช่อดอกบางคร้งั มดี อกเดยี ว เกสรเพศผู้และเพศเมยี ไมย่ น่ื พน้ หลอดกลีบดอก 20 อนั มี 2-5 คารเ์ พล เช่อื มตดิ กนั อยู่กึ่งใต้วงกลีบ ก้านเกสรเพศเมยี 2-3 อัน
กลีบเลยี้ งติดทน ผลรปู แถบ (ภาพ: กรุงเทพฯ - RP) เชอื่ มตดิ กันทีโ่ คน มขี นส้นั นมุ่ ฐานดอกขยายเปน็ ผล (pome) รปู ไข่ ยาว 1-1.5 ซม.
มี 1-2 เมลด็
ตอ้ ยต่งิ เทศ: ใบรูปใบหอกหรอื รปู แถบ เกลย้ี ง ดอกออกเป็นช่อกระจุก มแี บบพนั ธ์ุเตี้ย ดอกสชี มพอู มม่วง
(ภาพ: cultivated - RP) พบทป่ี ากสี ถาน อนิ เดยี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา และ
บอร์เนียว ในไทยพบทุกภาค ขึน้ ตามป่าดิบแลง้ ปา่ ดบิ ชืน้ และป่าดบิ เขา ความสูงถึง
ตอ่ ไส้ ประมาณ 1500 เมตร

Allophylus cobbe (L.) Raeusch. สกุล Eriobotrya Lindl. มีประมาณ 30 ชนดิ ในไทยมี 1-2 ชนดิ ซง่ึ E. stipularis
วงศ์ Sapindaceae Craib ถูกระบุวา่ อาจเปน็ เพยี งลกั ษณะ form ของตะเกราน�้ำ และมที ่นี �ำ เขา้ มา
ปลกู เปน็ ไม้ผล 1 ชนดิ คือ E. japonica (Thunb.) Lindl. หรือ loquat ช่อื สกลุ มาจาก
ชือ่ พ้อง Rhus cobbe L. ภาษากรกี “erion” ขนคล้ายขนแกะ และ “botrys” เป็นกระจกุ ตามลกั ษณะช่อดอก
เอกสารอา้ งอิง
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ อาจสงู ไดถ้ ึง 10 ม. แยกเพศต่างต้นหรือร่วมต้น ใบประกอบ มี Vidal, J.E. (1970). Rosaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(1): 42-44.
ใบยอ่ ย 3-5 ใบ เรยี งเวยี น ใบยอ่ ยมหี ลายรปู แบบและขนาด รปู รถี งึ รปู แถบ ยาว
2.5-3.5 ซม. ขอบเรยี บหรอื จกั ซฟี่ นั แผน่ ใบเกลย้ี งหรอื มขี นดา้ นลา่ ง มกั มตี มุ่ ใบเปน็ ขน ตะเกราน้�ำ: ใบเรียงเวยี น ขอบจกั ฟนั เลื่อย ชอ่ ผลออกที่ปลายก่ิง กลบี เลย้ี งติดทน (ภาพ: ขุนวาง เชียงใหม่ - RP)
ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงสน้ั ๆ หรือยาวได้ถึง 40 ซม. บางครง้ั แตกแขนง
ดอกออกเดยี่ ว ๆ หรอื ออกเปน็ กระจกุ บนแกนชอ่ กลบี เลย้ี ง 4 กลบี รปู ไขห่ รอื รปู ไขก่ ลบั
ยาว 1-2.5 มม. ดอกไมส่ มมาตร สขี าว มี 4 กลบี รปู เล็บมอื ถึงรปู ใบพาย ยาว
1-2.2 มม. มกี า้ นกลีบ ท่โี คนมีสันนูนเปน็ เกลด็ เลก็ ๆ 2 อัน เกสรเพศผู้ 8 อนั
กา้ นชอู บั เรณูมขี น จานฐานดอกจกั เปน็ พู รังไข่มขี น ยอดเกสรเพศเมียจัก 2 พู
ผลคลา้ ยผลผนงั ชนั้ ในแขง็ รปู กลมหรอื รปู ไข่ ยาว 4.5-12.5 มม. สกุ สสี ม้ หรอื สแี ดง
เมล็ดไม่มีเยอ่ื หุ้ม

พบในอเมรกิ าใต้ แอฟรกิ า มาดากสั การ์ เอเชยี เขตรอ้ น ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้
หลากหลายถ่ินทอ่ี ยู่ ความสูงถงึ ประมาณ 1900 เมตร มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพร
หลายอยา่ ง มคี วามผนั แปรสงู ทง้ั รปู รา่ งและขนาดของใบ และชอ่ ดอก เคยถกู จำ� แนก
ออกเปน็ กวา่ 200 ชนดิ ในหนงั สอื พรรณพฤกษชาตขิ องประเทศไทยระบวุ า่ มชี นดิ เดยี ว
และจำ� แนกเปน็ 10 กลมุ่ ยอ่ ย

157

ตะโกนา สารานุกรมพืชในประเทศไทย

ตะโกนา ตะขบป่า: ใบรปู รหี รือรูปไข่ ขอบจัก ผลสกุ สีแดง (ภาพซ้าย: ตาก - RP); ตะขบควาย: กา้ นเกสรเพศเมยี เชอ่ื มตดิ กนั
ผลสกุ สีแดงด้าน ๆ (ภาพขวา: จันทบรุ ี - SSi)
Diospyros rhodocalyx Kurz
วงศ์ Ebenaceae ตะขบฝรัง่

ไม้ตน้ สูงได้ถึง 15 ม. ใบรปู ไขห่ รือรปู ไขก่ ลับ ยาว 3-12 ซม. แผ่นใบดา้ นลา่ ง Muntingia calabura L.
มขี นส้นั น่มุ เส้นแขนงใบขา้ งละ 5-8 เสน้ กา้ นใบยาว 2-7 มม. ดอกเพศผู้ออกเป็น วงศ์ Muntingiaceae
ช่อกระจุกส้นั ๆ ตามซอกใบ กา้ นดอกยาว 1-2 มม. กลีบเล้ียงรูประฆงั ยาว 3-4 มม.
มี 4 กลบี แฉกตน้ื ๆ ดา้ นนอกมขี นสนั้ นมุ่ มขี นหยาบดา้ นใน ตดิ ทน ดอกรปู คนโท ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. มขี นกระจกุ สน้ั นมุ่ ตามกงิ่ แผน่ ใบ กา้ นใบ และ
ยาว 0.8-1.2 ซม. มี 4 กลีบ แฉกต้นื ๆ เกสรเพศผู้ 14-16 อนั รังไข่ท่ไี มเ่ จริญมขี น กลบี เลย้ี ง หใู บรว่ มขนาดเลก็ ยาวไมเ่ ทา่ กนั ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว รปู ขอบขนาน
ดอกเพศเมียออกเดี่ยว ๆ กา้ นดอกยาว 2-3 มม. รงั ไขม่ ี 4 ชอ่ ง มีขนคลา้ ยขนแกะ หรือรูปใบหอก ยาว 5-10 ซม. ปลายแหลม โคนเบีย้ ว ขอบใบจักฟันเล่ือย ก้านใบยาว
กา้ นเกสรเพศเมยี มขี นหยาบ เกสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั มี 8-10 อนั ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 2-5 มม. ดอกออกตามซอกใบเปน็ กระจุก 1-3 ดอก กา้ นดอกยาว 1.5-3 ซม. กลีบเลี้ยง
1.5-2.5 ซม. มขี นกำ� มะหยหี่ นาแนน่ ผลแกเ่ กลย้ี ง แหง้ เปราะ กา้ นผลยาว 2-5 มม. 5 กลบี รูปใบหอก พบั งอกลบั กลีบดอกมี 5-7 กลบี รปู รี ยาวประมาณ 1 ซม.
กลบี เลยี้ งแฉกลกึ เกนิ กง่ึ หนงึ่ ไมพ่ บั งอกลบั เอนโดสเปริ ม์ มลี าย (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ มกี า้ นกลบี สนั้ ๆ เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก เกลยี้ ง จานฐานดอกรปู วงแหวน รงั ไขเ่ กลยี้ ง
ท่ีมะเกลือ, สกุล) กา้ นเกสรเพศเมยี สัน้ ยอดเกสรมี 5-7 พู ผลสด เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 1 ซม.
เปลอื กบาง สกุ สแี ดง ก้านยาว 2-3 ซม. เมล็ดขนาดเล็ก จ�ำนวนมาก
พบทพี่ มา่ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคใต้ ขน้ึ ตาม
ปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แล้ง และทอ้ งไรท่ ้องนา ความสงู ไม่เกิน 300 เมตร ผลสกุ มถี นิ่ กำ� เนดิ ในอเมรกิ ากลาง และอเมรกิ าใต้ เปน็ ไมป้ ระดบั หรอื ไมผ้ ลทวั่ ไปใน
กินไดค้ ล้ายมะพลบั เขตรอ้ น หรือขน้ึ เป็นวัชพืช ผลกินได้ มสี รรพคุณช่วยใหผ้ ่อนคลาย

เอกสารอ้างอิง สกลุ Muntingia L. เดมิ อยู่ภายใต้วงศ์ Elaeocarpaceae, Tiliaceae หรอื
Phengklai, C. (1981). Ebenaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(4): 334-337. Flacourtiaceae มเี พยี งชนิดเดยี ว ชอ่ื สกุลต้ังตามนักพฤกษศาสตร์ชาวดัตช์
Abraham Munting (1626-1683)
ตะโกนา: ดอกเพศเมียออกเด่ยี ว ๆ ผลเกือบกลม มขี นก�ำมะหยห่ี นาแน่น ผลแก่เกลีย้ ง กลบี เลย้ี งแฉกลกึ ประมาณ เอกสารอา้ งองิ
สองในสามสว่ น (ภาพดอก: สระบรุ ี - PT; ภาพผล: หลม่ สัก เพชรบูรณ์ - RP) Phengklai, C. (1993). Tiliaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(1): 42-44.

ตะขบป่า ตะขบฝร่ัง: กลบี ดอก 6 กลบี เกสรเพศผู้จำ� นวนมาก ยอดเกสรมี 5-7 พู ผลสุกสแี ดง (ภาพ: พบพระ ตาก - RP)

Flacourtia indica (Burm. f.) Merr. ตะครอ้
วงศ์ Salicaceae
Schleichera oleosa (Lour.) Oken
ชอ่ื พอ้ ง Gmelina indica Burm. f. วงศ์ Sapindaceae

ไม้ตน้ สูงไดถ้ ึง 20 ม. แยกเพศตา่ งต้น ลำ� ตน้ มีหนามหรือไมม่ ี มีขนสน้ั นุ่ม ชอ่ื พ้อง Pistacia oleosa Lour., Schleichera trijuga Willd.
ตามกง่ิ ช่อดอก ก้านดอก กลบี เลยี้ งดา้ นใน หใู บขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ใบเรียงเวยี น
รปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว 4-12 ซม. แผ่นใบมักมขี นตามเสน้ แขนงใบด้านล่าง ขอบจัก ไมต้ ้น สงู ไดถ้ งึ 40 ม. ปลายยอดเปน็ ตง่ิ คลา้ ยหใู บ ใบประกอบปลายคู่ มีใบยอ่ ย
ฟนั เลอ่ื ย ปลายจักมตี อ่ ม กา้ นใบยาว 0.3-1 ซม. ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ยาว 2-4 คู่ กา้ นยาว 2-6 ซม. ใบยอ่ ยรูปรหี รือรปู ไข่กลบั ยาว 4.5-25 ซม. โคนเบี้ยว
1-2 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ใบประดบั คลา้ ยใบ ก้านดอกยาว 3-8 มม. กลบี เลีย้ ง 3-7 กลบี แผ่นใบด้านล่างมีขน ก้านใบยาว 1-3 มม. บวม ใบออ่ นสีนำ้� ตาลแดงหรอื อมมว่ ง
เรยี งซอ้ นเหลื่อม รปู ไข่ ยาว 1.5-2 มม. ขอบมีขนครุย ไมม่ กี ลบี ดอก เกสรเพศผู้ ช่อดอกคลา้ ยช่อกระจุกไมแ่ ยกแขนง ออกเดยี่ ว ๆ หรอื เป็นกระจกุ เหนือรอยแผลใบ
จ�ำนวนมาก ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3 มม. ไม่มีที่เป็นหมันในดอกเพศเมีย ยาว 6-15 ซม. ดอกมเี พศเดยี ว กลีบเลีย้ ง 4-6 กลบี ไมม่ ีกลีบดอก จานฐานดอก
จานฐานดอกเป็นวงหรือจักตนื้ ๆ รงั ไข่มี 5-7 ช่อง แตล่ ะชอ่ งมอี อวุล 2 เม็ด ไมม่ ี รูปวงแหวน ช่อดอกเพศผู้แตกแขนง ก้านดอกยาวประมาณ 5 มม. กลบี เลีย้ งเชอ่ื มติดกัน
ทเ่ี ปน็ หมนั ในดอกเพศผู้ กา้ นเกสรเพศเมยี 5-6 อนั แยกกนั หรอื เชอ่ื มตดิ กนั ทโ่ี คน ทโี่ คน กลบี รูปไข่ ยาวประมาณ 1.5 มม. มขี นหรอื ต่อมกระจาย เกสรเพศผู้ 5-9 อนั
ยาว 2-2.5 มม. ตดิ ทน ยอดเกสรคลา้ ยรปู เกอื กมา้ ผลผนงั ชนั้ ในแขง็ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ 2 มม. มขี น ลดรปู ในดอกเพศเมยี ชอ่ ดอกเพศเมยี สว่ นมาก
0.8-2.5 ซม. สกุ สีแดง ส่วนมากมี 10-14 ไพรีน ไม่แตกแขนง รังไขม่ ีขนยาว กา้ นเกสรเพศเมียหนา ยาวประมาณ 1.5 มม. ผลรูปรี
เกอื บกลม ยาว 1.5-2.5 ซม. ปลายมตี งิ่ แหลม มี 1-2 เมลด็ กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
พบท่แี อฟริกา มาดากสั การ์ เอเชยี และหมูเ่ กาะแปซฟิ ิก ในไทยพบทกุ ภาค ประมาณ 1 ซม. มเี ยือ่ ห้มุ สดสีเหลืองอมนำ�้ ตาล
ขนึ้ ตามปา่ ผลดั ใบและไม่ผลดั ใบ ความสงู ถึงประมาณ 1500 เมตร ปลกู เป็นไม้ผล
พบท่ีอินเดีย ศรีลังกา พม่า และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบแทบทุกภาค
สกลุ Flacourtia Comm. ex L’Hér. เคยอยู่ภายใตว้ งศ์ Flacourtiaceae มปี ระมาณ ยกเวน้ ภาคใต้ ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ เตง็ รงั ความสงู ถงึ ประมาณ
15 ชนิด พบในแอฟรกิ า เอเชยี ออสเตรเลีย และหมูเ่ กาะแปซฟิ ิก ในไทยมี 4 ชนดิ 900 เมตร ไม้ใช้ท�ำฟืนและถา่ นคณุ ภาพดี ผลรสเปร้ียว ใบออ่ นเป็นผักสด
ตะขบควาย F. jangomas (Lour.) Raeusch. เป็นไมต้ า่ งถิ่น ไมท่ ราบถ่นิ ก�ำ เนิด
ท่ีแนช่ ัด ตะขบไทย F. rukam Zoll. & Moritzi และตะขบ F. ramontchi L’Hér.
ซึง่ ทั้ง 4 ชนดิ มีความแตกต่างกันน้อยมาก ชอ่ื สกุลต้ังตามนักส�ำ รวจชาวฝรง่ั เศส
Étienne de Flacourt (1607-1660)
เอกสารอา้ งองิ
Harwood, B. and B. Webber. (2015). Achariaceae. In Flora of Thailand Vol.

13(1): 27-35.
Yang, Q. and S. Zmarzty. (2007). Flacourtiaceae. In Flora of China Vol. 13:

118-120.

158

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ตะคล้อยย่าน

สกุล Schleichera Willd. มีเพยี งชนิดเดียว ชื่อสกลุ ตัง้ ตามนักพฤกษศาสตร์ กลีบดอกรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 3 มม. ก้านชูอับเรณูเกลี้ยงหรือมีขนยาว
ชาวเยอรมนั Johann Christoph Schleicher (1768-1834) อันตรงขา้ มกลบี ดอกยาว 1.5-2 มม. อนั ตรงข้ามกลบี เลยี้ งยาวกว่าเล็กนอ้ ย รังไขม่ ขี น
เอกสารอ้างองิ ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 1.5-2 มม. มีขนยาว ผลรปู กลม เบ้ยี ว เส้นผ่านศูนย์กลาง
Iwasa, S. (1997). Schleichera oleosa (Lour.) Oken. In Plant Resources of 0.5-1 ซม. เกสรเพศเมียตดิ ทน มักตดิ เบี้ยวด้านขา้ ง ส่วนมากมี 1-2 ไพรนี

South-East Asia 11. Auxiliary plants. Backhuys Publishers, Leiden, The พบทีอ่ นิ เดยี บังกลาเทศ จีนตอนใต้ พมา่ ในไทยพบทางภาคเหนือตอนลา่ ง
Netherlands. ภาคกลาง และภาคใต้ ข้ึนตามเขาหนิ ปนู ความสูงถงึ ประมาณ 300 เมตร ส่วน
van Welzen, P.C. (1999). Sapindaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 241. var. floribunda มีหใู บย่อยชดั เจน พบท่ีภูมิภาคมาเลเซีย ออสเตรเลีย และทาง
ภาคใต้ของไทย

เอกสารอา้ งอิง
Leenhouts, P.W. (1956). Burseraceae. In Flora Malesiana Vol. 5: 215-218.
Peng, H. and M. Thulin. (2008). Burseraceae (Garuga). In Flora of China Vol.
11: 107-108.
Pooma, R. (1999). A preliminary account of Burseraceae in Thailand. Thai Forest
Bulletin (Botany) 27: 57-58.

ตะครอ้ : ใบประกอบปลายคู่ มีใบย่อย 2-4 คู่ โคนใบเบี้ยว ใบออ่ นสนี ำ้� ตาลแดง ชอ่ ดอกคลา้ ยชอ่ กระจกุ ไม่แยกแขนง ตะคร�้ำ: ใบประกอบ เรียงเวียน ชอ่ ดอกแบบชอ่ แยกแขนง ออกตามปลายก่งิ เป็นกระจกุ (ภาพ: ถำ้� เพชรถ้�ำทอง
ไม่มีกลบี ดอก ผลสด รปู รีเกอื บกลม ปลายมีตงิ่ แหลม (ภาพ: หว้ ยขาแข้ง อุทยั ธานี; ภาพช่อดอก - SSi, ภาพช่อผล - PK) นครสวรรค;์ ภาพช่อดอก - PK, ภาพช่อผล - RP)

ตะคร�ำ้ , สกลุ ตะครำ�้ หนิ : ช่อดอกออกตามปลายกง่ิ เป็นกระจกุ ผลขนาดเล็ก เบ้ยี ว เกสรเพศเมยี ตดิ ทน มักตดิ เบย้ี วด้านข้าง
(ภาพ: ถ�ำ้ เพชรถำ�้ ทอง นครสวรรค์; ภาพช่อดอกและดอก - PK, ภาพใบและผล - NT)
Garuga Roxb.
วงศ์ Burseraceae ตะคลอ้ ยยา่ น

ไม้ต้น มชี นั ใส ส่วนมากมหี ูใบและหูใบย่อย ใบประกอบ เรยี งเวยี น ใบย่อย Aganosma wallichii G. Don
เรียงตรงขา้ ม ใบย่อยคลู่ ่างมกั ลดรูป ขอบใบจกั ฟันเลือ่ ยหรือจักมน เส้นแขนงใบ วงศ์ Apocynaceae
เรียงจรดกนั กา้ นใบยอ่ ยสน้ั ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามปลายกง่ิ เป็นกระจุก
ออกก่อนหรือพร้อมผลิใบใหม่ ใบประดับขนาดเล็ก ร่วงเร็ว ดอกสมบูรณ์เพศ ไมเ้ ถา น้�ำยางสขี าว กิ่งแกม่ ชี ่องอากาศ มีขนส้นั นุ่มตามกง่ิ ช่อดอก กลีบเลย้ี ง
กลบี เลยี้ งและกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 5 กลบี ดอกสเี หลอื งครมี เกสรเพศผู้ 10 อนั และปลายกลีบดอกดา้ นนอก ใบเรียงตรงขา้ ม รูปรี ยาว 6-14.5 ซม. ก้านใบยาว
ตดิ บนจานฐานดอกทจ่ี กั เปน็ พู 10 พู รงั ไขม่ กี า้ นสนั้ เกสรเพศเมยี รปู ทรงกระบอก 0.8-1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนงสน้ั ๆ ออกทป่ี ลายกง่ิ ยาว 5.5-19.5 ซม.
ยอดเกสรเพศเมยี จกั 5 พู ผลผนังช้นั ในแข็ง มี 1-5 ไพรนี ไพรนี มเี มลด็ เดยี ว ก้านดอกยาว 0.8-1.7 ซม. กลีบเลีย้ ง 5 กลบี รปู ใบหอก ยาว 1.4-2.3 ซม. ปลาย
แหลมยาว มตี ่อมประปรายท่ีโคนหรอื ไมม่ ี ดอกรูปดอกเขม็ กลบี เรียงซ้อนทับ
สกุล Garuga มีประมาณ 90 ชนิด ในไทยมปี ระมาณ 3 ชนิด ช่อื สกุลมาจาก ดา้ นขวาในตาดอก หลอดกลบี ยาว 0.8-1.4 ซม. ปากหลอดกลบี เกลยี้ ง ปลายแยก
ภาษาพ้นื เมอื งเตลกู ูในอินเดีย “garugu” ที่ใชเ้ รียกตะคร�้ำ เปน็ 5 กลีบ รูปไขก่ ลบั ยาวเท่า ๆ หลอดกลีบ ปลายตัด ไม่มกี ะบัง เกสรเพศผตู้ ดิ
ใกลโ้ คนหลอดกลบี ดอกดา้ นใน จานฐานดอกยาวกวา่ รงั ไข่ ยาว 2-3 มม. ปลายเรยี ว
ตะคร�้ำ แคบ จักต้นื ๆ 5 แฉก มี 2 คาร์เพล เช่อื มติดกันตอนปลายจรดกา้ นเกสรเพศเมีย
มขี นส้ันนมุ่ เกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 5 มม.
Garuga pinnata Roxb.
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 30 ม. มขี นสนั้ นมุ่ ตามหใู บดา้ นนอก แกนใบประกอบ ใบประดบั

ช่อดอก กา้ นดอก กลบี เล้ียง และกลีบดอก หใู บรปู ใบหอกยาว 0.5-1 ซม. บางครัง้
มีหใู บยอ่ ย รูปรี ยาว 2-5 ซม. ใบยอ่ ยมี 5-10 คู่ ก้านใบประกอบยาวไดถ้ ึง 10 ซม.
ใบย่อยรปู รีถงึ รูปใบหอก เบีย้ ว ยาว 5-13 ซม. ยาวได้ถึง 20 ซม. กา้ นดอกยาว
1-3 มม. ดอกยาว 0.7-1 ซม. กลีบเล้ยี งรปู ไข่ ยาวประมาณ 3 มม. กลีบดอก
รปู ใบหอกกลบั ยาว 5-5.5 มม. โคนก้านชูอับเรณยู าว ยาว 2-4 มม. อนั ตรงข้าม
กลบี เลย้ี งยาวกวา่ อนั ตรงขา้ มกลบี ดอก โคนมขี นยาว รงั ไขม่ ขี น กา้ นเกสรเพศเมยี
ยาว 3-5 มม. มีขนยาว ผลเบ้ยี ว เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 1-2 ซม. มี 1-5 ไพรนี

พบทอี่ ินเดยี เนปาล ภูฏาน จนี ตอนใต้ พมา่ และภูมิภาคอนิ โดจนี ในไทยพบ
กระจายหนาแน่นแทบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ข้ึนตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง
ป่าดิบแลง้ และป่าดบิ เขา ความสูงถึงประมาณ 1500 เมตร เปลือกมสี รรพคณุ ลด
น้�ำตาลในเลอื ด ผลใชเ้ บ่อื ปลา

ตะคร�้ำ หิน

Garuga floribunda Decne. var. gamblei (King ex W. W. Sm.) Kalkman

ชือ่ พ้อง Garuga gamblei King ex W. W. Sm.

ไมต้ ้น สว่ นมากสูงไมเ่ กิน 10 ม. มขี นสน้ั นมุ่ ตามช่อดอก กลบี เลี้ยง และกลบี ดอก
หูใบรปู ใบหอก ยาว 2-3 มม. รว่ งเร็ว ก้านใบประกอบยาวไดถ้ ึง 6 ซม. มีใบย่อย
5-8 คู่ รปู รีหรอื รูปขอบขนาน เบี้ยวเล็กนอ้ ย ยาว 2-9 ซม. ชอ่ ดอกยาว 20-35 ซม.
กา้ นดอกยาว 1-3 มม. ดอกยาว 4-6 มม. กลบี เลี้ยงรปู สามเหล่ียมขนาดเล็ก

159

ตะเคียนแกว้ สารานุกรมพืชในประเทศไทย

พบที่พม่า คาบสมุทรมลายู และภาคใต้ของไทย ข้นึ ตามชายป่าดบิ ชืน้ ความสูง กวา้ งประมาณ 1.5 มม. ขอบมขี นครยุ ดอกสแี ดงเขม้ กลบี รปู ใบหอก ยาวประมาณ
ถงึ ประมาณ 400 เมตร 4 มม. ด้านนอกและขอบกลีบมีขน เกสรเพศผู้ 15 อัน แกนอบั เรณูมีรยางคย์ าว
2-3 เทา่ ของอบั เรณู รงั ไขแ่ ละฐานกา้ นเกสรเพศเมยี รปู พรี ะมดิ ยาวประมาณ 1 มม.
สกุล Aganosma (Blume) G. Don มี 8 ชนิด ในไทยมี 6 ชนดิ ช่อื สกลุ มาจาก กา้ นเกสรเพศเมยี เปน็ แทง่ สน้ั กลบี เลยี้ งขยายเปน็ ปกี สแี ดง ปกี ยาว ยาว 3-5 ซม.
ภาษากรกี “aganos” หลงใหล และ “osme” กลิน่ หอม หมายถงึ ดอกมกี ล่นิ หอม ปกี สนั้ ยาว 5-8 มม. ผลรปู ไข่ ยาว 0.5-1 ซม. (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ที่ ตะเคยี นทอง, สกลุ )
เอกสารอ้างองิ
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 108-110. พบทพ่ี มา่ คาบสมทุ รมลายู บอรเ์ นยี ว และภาคใตข้ องไทยทน่ี ครศรธี รรมราช
พงั งา ตรงั สตูล ข้นึ ตามปา่ ดิบชื้นตามสันเขา ความสูงระดบั ต�่ำ ๆ

เอกสารอา้ งอิง
Ashton, P.S. (1982). Dipterocarpaceae. In Flora Malesiana Vol. 9: 391-436.
Pooma, R. and M. Newman. (2001). Checklist of Dipterocarpaceae in Thailand.
Thai Forest Bulletin (Botany) 29: 144, 150.

ตะคล้อยยา่ น: กลบี เลีย้ ง 5 กลีบ รปู ใบหอก ปลายแหลมยาว ดอกรปู ดอกเขม็ ปากหลอดกลบี เกลี้ยง กลบี รปู ไขก่ ลับ ตะเคียนแก้ว: โคนต้นมพี ูพอน เสน้ แขนงใบยอ่ ยกงึ่ ขัน้ บันได กลบี เลี้ยงขยายเปน็ ปีกสีเหลอื งอมเขยี ว (ภาพ: แว้ง
ยาวเทา่ ๆ หลอดกลบี ปลายตดั ไมม่ ีกะบัง (ภาพ: เขาปเู่ ขาย่า พัทลงุ - RP) นราธวิ าส - MP)

ตะเคยี นแก้ว ตะเคยี นขาว: เส้นแขนงใบกงึ่ เสน้ ใบแซม ดอกสแี ดงเข้ม กลบี บดิ เวียน กลบี เล้ยี งขยายเปน็ ปกี สนี ำ�้ ตาล (ภาพ: ธารโต
ยะลา - MP)
Hopea sangal Korth.
วงศ์ Dipterocarpaceae ตะเคียนเขา: มีรากค�้ำยัน เสน้ แขนงใบแบบเสน้ ใบแซม กลบี เล้ียงขยายเป็นปีกสีแดง (ภาพต้น: ศรพี งั งา พงั งา - RP;
ภาพผล: โตนปรวิ รรต พังงา - SG)
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 40 ม. โคนตน้ มพี พู อน มขี นสนั้ นมุ่ ตามกง่ิ ออ่ น หใู บ ชอ่ ดอก และ
กลบี เลยี้ ง หใู บรปู ใบหอก ใบรปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว 4-11 ซม. ปลายแหลมยาว โคนเบยี้ ว ตะเคียนชนั ตาแมว
แผ่นใบด้านล่างมักมีนวล เสน้ แขนงใบแบบขนนก เสน้ ใบยอ่ ยกง่ึ ขน้ั บนั ได มักมี
ต่มุ ใบเปน็ ขนช่วงโคนใบ กา้ นใบยาว 0.5-1 ซม. ช่อดอกยาว 2-5 ซม. กลีบเลยี้ งรูป Neobalanocarpus heimii (King) P. S. Ashton
ไขก่ วา้ ง ยาว 1-1.5 มม. ดอกสีครีม กลีบรปู ขอบขนาน ยาว 2.5-3.5 มม. เกสรเพศผู้ วงศ์ Dipterocarpaceae
10 อนั รยางค์ยาวเท่า ๆ อบั เรณู รงั ไขแ่ ละฐานกา้ นเกสรเพศเมียรูปไข่ ปลายตัด
ยาวประมาณ 1.2 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี เป็นแทง่ สั้น ๆ กลบี เลี้ยงขยายเปน็ ปีก ชื่อพ้อง Balanocarpus heimii King
สเี หลืองอมเขียว ปกี ยาว ยาว 4-7 ซม. ปกี ส้นั ยาวประมาณ 7 มม. ผลรปู ไขก่ วา้ ง
เสน้ ผา่ นศนู ย์กลาง 4-6 มม. เกลย้ี ง (ดูข้อมูลเพิม่ เตมิ ที่ ตะเคียนทอง, สกลุ ) ไม้ต้น สูงได้ถึง 40 ม. โคนมีพูพอน เปลือกแตกตามยาวล่อนเป็นสะเก็ด
เปลอื กในสเี หลอื งแกมเขยี ว ชนั สขี าวใส หใู บรปู แถบยาวประมาณ 1 ซม. ใบเรยี งเวยี น
พบทค่ี าบสมทุ รมลายู บอรเ์ นยี ว สมุ าตรา และชวา ในไทยพบทางภาคใต้ตง้ั แต่ รปู ขอบขนานหรอื รปู ใบหอก ยาว 6-15 ซม. ปลายแหลมยาว โคนเบย้ี ว เส้นแขนงใบ
สุราษฎรธ์ านลี งไป ขึ้นตามป่าดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ 600 เมตร เรยี งจรดขอบใบ เสน้ แขนงใบยอ่ ยแบบขนั้ บนั ได กา้ นใบยาว 0.5-1 ซม. ชอ่ ดอกแบบ
ชอ่ แยกแขนง ยาว 6-8 ซม. แตล่ ะชอ่ แขนงมี 5-7 ดอก ตาดอกกลม มขี นหนาแนน่
ตะเคียนขาว เกอื บไรก้ า้ น กลบี เลยี้ ง 5 กลบี เรยี งซอ้ นเหลอ่ื ม รปู ไขก่ วา้ ง ยาวประมาณ 2.5 มม.
ดอกสีครมี อมเหลอื ง มี 5 กลีบ รปู ขอบขนาน ยาว 5-6 มม. ดา้ นนอกมขี นหนาแนน่
Hopea sublanceolata Symington เกสรเพศผู้ 15 อัน กา้ นชูอับเรณูยาวประมาณ 2 มม. โคนแผ่กว้าง อับเรณมู ี 4 พู
ไมต้ น้ สงู ได้ถึง 45 ม. มขี นส้ันนมุ่ และเกล็ดรูปโลต่ ามกิ่งอ่อน หูใบ ช่อดอก แกนอบั เรณปู ลายเปน็ ตง่ิ แหลม รงั ไขเ่ กลย้ี ง เรยี วเปน็ ฐานกา้ นเกสรเพศเมยี ยาว
2-3 มม. ยอดเกสรเพศเมียเปน็ ต่มุ ผลแบบเปลือกแข็งเมลด็ เดยี ว รปู ขอบขนาน
และกลบี เลยี้ งดา้ นนอก หใู บรปู ไข่ ใบรปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว 7.5-15 ซม. โคง้ เล็กน้อย ยาว 4-5 ซม. ปลายมตี ่ิงแหลม แตกเป็น 3 ซกี กลบี เล้ยี งรูปไข่
ปลายแหลมยาว เส้นแขนงใบกงึ่ เส้นใบแซม ขา้ งละ 12-17 เสน้ ไมม่ ตี ุ่มใบ กา้ นใบ ส้นั กว่าผล โคนหนา ยาวประมาณ 1.5 ซม. กา้ นผลยาว 1-5 มม.
ยาวประมาณ 1.5 ซม. ชอ่ ดอกยาว 2.5-7 ซม. ใบประดบั ยอ่ ยตดิ ทน กลบี เล้ียงรูปไข่
กว้าง 1.3-1.5 มม. ดอกสีแดงเข้ม กลบี รูปขอบขนาน โคง้ ยาวประมาณ 3.5 มม.
มขี นส้นั น่มุ ด้านนอก เกสรเพศผู้ 15 อนั รยางค์ยาว 2.5-3 เทา่ ของอับเรณู รังไข่และ
ฐานก้านเกสรเพศเมียรปู ทรงกระบอก ปลายตัด คอดกลาง ยาวประมาณ 1 มม.
กา้ นเกสรเพศเมยี เปน็ แทง่ สนั้ กลบี เลยี้ งขยายเปน็ ปกี สนี �้ำตาล ปกี ยาว ยาว 8-9.5 ซม.
ปีกสนั้ ยาวประมาณก่งึ หนงึ่ ของผล ผลรูปไข่ ยาวประมาณ 1.5 ซม. (ดูข้อมูลเพมิ่ เตมิ ท่ี
ตะเคียนทอง, สกุล)

พบทค่ี าบสมทุ รมลายู และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทย่ี ะลา นราธวิ าส ขน้ึ ตาม
ป่าดบิ ชืน้ ความสงู ไม่เกิน 200 เมตร

ตะเคียนเขา

Hopea griffithii Kurz
ไมต้ น้ สงู 15-30 ม. มรี ากค�้ำยนั หใู บรปู แถบขนาดเลก็ ใบรปู ไขถ่ งึ แกมรปู ใบหอก

ยาว 5-9 ซม. ปลายยาวคลา้ ยหาง เสน้ แขนงใบแบบเสน้ ใบแซม ขา้ งละ 9-10 เสน้
ไมม่ ตี ุม่ ใบ ก้านใบยาว 0.8-1.5 ซม. ช่อดอกยาวประมาณ 3 ซม. กลีบเลย้ี งรปู ไข่

160

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ตะเคยี นทอง

พบทค่ี าบสมทุ รมลายู ในไทยพบทสี่ รุ าษฎรธ์ านี ตรงั สงขลา ปตั ตานี และนราธวิ าส ตะเคียนเฒ่า
ขึ้นตามท่ีลาดชันในป่าดิบชื้น ความสูง 300-500 เมตร เนื้อไม้มีความแข็งและ
คงทนมากท่ีสดุ ในมาเลเซีย Fagraea racemosa Jack ex Wall.
วงศ์ Gentianaceae
สกุล Neobalanocarpus P. S. Ashton อยู่ภายใต้เผ่า Shoreae ที่โคนกลีบเลย้ี ง
ในผลเรียงซอ้ นเหล่ือม มีชนดิ เดยี ว ช่อื สกุลหมายถงึ สกลุ ใหม่ทแ่ี ยกมาจากสกุล ไมต้ ้น สงู ได้ถงึ 10 ม. หใู บเช่ือมติดกันเป็นปลอกรอบกิง่ ยาว 1-2 มม. ใบรปู รี
Balanocarpus ซง่ึ หลายชนดิ ถูกยุบรวมกบั สกุล Hopea รูปขอบขนาน หรอื รปู ใบหอกกลบั ยาว 11-25 ซม. ก้านใบยาว 0.8-2.5 ซม. ชอ่ ดอก
เอกสารอ้างองิ แบบช่อกระจกุ ออกตามปลายกง่ิ ยาวไดถ้ ึง 16 ซม. ก้านช่อหนา ยาว 2-8.8 ซม.
Ashton, P.S. (1982). Dipterocarpaceae. In Flora Malesiana Vol. 9: 388-389. ดอกรูปกรวย เรียงแนน่ ก้านดอกหนา ยาว 2-5 มม. กลบี เลย้ี งรปู ระฆัง ยาว 5-7 มม.
Pooma, R. and M. Newman. (2001). Checklist of Dipterocarpaceae in Thailand. ปลายแยกเป็น 5 แฉก ยาว 3-5 มม. ขยายในผล ดอกหนา สขี าวครีมถงึ สม้ ออ่ น
หลอดกลบี ดอกยาว 1.5-2 ซม. กลบี กลม เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 0.5-1 ซม. เกสรเพศผู้
Thai Forest Bulletin (Botany) 29: 152. ตดิ เหนอื กงึ่ กลางหลอดกลบี ดอก กา้ นชอู บั เรณยู าว 1.4-1.8 ซม. อบั เรณรู ปู ขอบขนาน
ยาว 3-4 มม. รงั ไขแ่ ละก้านเกสรเพศเมยี ยาว 2-3.2 ซม. ยอดเกสรรูปโล่ จัก 2 พู
ไมช่ ดั เจน ผลเส้นผ่านศนู ย์กลาง 1-1.8 ซม. เมลด็ ยาวประมาณ 1.5 มม. (ดูข้อมูล
เพ่มิ เตมิ ท่ี กนั เกรา, สกลุ )

พบที่พมา่ ลาว กัมพูชา ภมู ิภาคมาเลเซีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะแปซฟิ ิก
ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ ขน้ึ รมิ ลำ� ธารในปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู
ระดับตำ�่ ๆ หรอื ในปา่ พรุ เปลอื กและดอกใชแ้ กพ้ ิษงู นำ�้ คัน้ จากใบแก้ไข้ ปวดข้อ
โรคบวมนำ�้

เอกสารอา้ งองิ
Griffin, O. and J. Parnell. (1997). Loganiaceae. In Flora of Thailand Vol. 6(3):
199-201.

ตะเคียนชนั ตาแมว: เปลอื กแตกตามยาวลอ่ นเป็นสะเก็ด ดอกสคี รมี อมเหลอื ง ผลรูปขอบขนาน โค้งเล็กนอ้ ย ตะเคียนเฒา่ : ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ออกตามปลายกงิ่ ดอกรูปกรวย เรียงแน่น กลีบหนา ยอดเกสรรปู โล่
ปลายมีต่ิงแหลม กลบี เลยี้ งสน้ั กวา่ ผล โคนหนา (ภาพ: ยะลา - MP) (ภาพ: น�้ำตกโตนเพชร พงั งา - RP)

ตะเคยี นชันตาหนู ตะเคยี นทอง, สกุล

Hopea bracteata Burck Hopea Roxb.
วงศ์ Dipterocarpaceae วงศ์ Dipterocarpaceae

ไม้ต้น สงู 10-25 ม. มีรากค�้ำยัน หใู บรูปไข่ ใบรปู รีหรือรูปไข่ ยาว 4.5-8.5 ซม. ไม้ตน้ มกั มพี ูพอนหรือรากค�้ำยัน เปลอื กเรยี บหรอื แตกเป็นแผน่ สีน�้ำตาลดำ�
ปลายยาวคลา้ ยหาง โคนรปู ลม่ิ เสน้ แขนงใบกง่ึ เสน้ ใบแซม แตล่ ะขา้ งมี 8-13 เสน้ ชนั ใสหรือขนุ่ หูใบขนาดเล็ก รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวยี น เสน้ แขนงใบแบบขนนกหรือ
ชว่ งโคนใบมตี มุ่ ใบเปน็ ขน เสน้ แขนงใบยอ่ ยแบบกงึ่ ขนั้ บนั ได กา้ นใบยาว 3-5 มม. เสน้ ใบแซม เส้นแขนงใบยอ่ ยสว่ นมากแบบขัน้ บันได มกั มีตุ่มใบ ชอ่ ดอกแบบ
ชอ่ ดอกยาว 2-3.5 ซม. กลีบเลย้ี งรูปกลม ๆ เส้นผา่ นศูนย์กลางประมาณ 1 มม. ชอ่ แยกแขนง ดอกเรยี งสลบั ดา้ นเดยี ว กา้ นดอกสนั้ กลบี เลย้ี ง 5 กลบี เรยี งซอ้ นเหลอื่ ม
มขี นยาวประปรายดา้ นนอก ดอกสแี ดงเขม้ กลบี รปู ใบหอก โคง้ ยาวประมาณ 4 มม. กลบี คนู่ อกยาวกวา่ สามกลบี ในเลก็ นอ้ ย ดอกสขี าว ครมี อมเหลอื ง หรอื แดง มี 5 กลบี
เกสรเพศผู้ 15 อัน รยางค์ยาวกว่า 2 เท่าของอับเรณู รงั ไข่และฐานกา้ นเกสรเพศเมยี ร่วงติดกนั บดิ เวียน เกสรเพศผู้ 10-15 อัน เรยี ง 1-2 วง อับเรณูมี 4 ช่อง รปู กลม ๆ
รูปทรงกระบอก ปลายตดั เกล้ยี ง ยาวประมาณ 0.8 มม. กา้ นเกสรเพศเมียส้นั คใู่ นมักส้ันกวา่ ค่นู อก กา้ นชอู บั เรณูส้ัน แกนอบั เรณูมรี ยางค์ยาว กา้ นชูอบั เรณู
กลบี เลย้ี งไมข่ ยายเปน็ ปกี ยาวเทา่ ๆ กนั รปู รกี วา้ ง หมุ้ ผล ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง แผ่กว้างช่วงโคน ส่วนมากฐานเกสรเพศเมียไม่ชัดเจน ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่ม
ประมาณ 5 มม. เกลย้ี ง (ดูขอ้ มูลเพม่ิ เติมท่ี ตะเคียนทอง, สกุล) หรอื จกั 3 พู ไมช่ ดั เจน ผลแบบเปลอื กแขง็ เมลด็ เดยี ว โคนกลบี เลยี้ งหนา กลบี เลยี้ ง
ขยายเป็นปกี ยาว 2 ปีก รปู ใบพาย ปกี สั้น 3 ปีก รปู รถี งึ รูปใบหอก หรอื ไมข่ ยาย
พบทค่ี าบสมทุ รมลายู บอรเ์ นยี ว และภาคใตต้ อนลา่ งของไทยทส่ี คุ ริ นิ จงั หวดั เปน็ ปีกท้ัง 5 กลีบ ปลายผลมีต่งิ แหลม
นราธวิ าส ขนึ้ ตามป่าดิบชื้น ความสงู 200-300 เมตร
สกุล Hopea อย่ภู ายใต้เผา่ Shoreae ท่ีโคนกลีบเลยี้ งในผลเรยี งซอ้ นเหล่อื ม แยกเป็น
เอกสารอา้ งอิง sect. Dryobalanoides เส้นแขนงใบแบบกึ่งหรือเส้นใบแซม ฐานก้านเกสรเพศเมยี
Ashton, P.S. (1982). Dipterocarpaceae. In Flora Malesiana Vol. 9: 414. ไม่คอดเว้า และ sect. Hopea เส้นแขนงใบแบบขนนก เส้นใบย่อยแบบขนั้ บนั ได
ฐานกา้ นเกสรเพศเมยี คอดเว้าหรือไมค่ อด มปี ระมาณ 100 ชนิด พบท่อี นิ เดีย
ตะเคยี นชนั ตาหนู: ปลายใบยาวคลา้ ยหาง เสน้ แขนงใบก่ึงเส้นใบแซม กลบี เลี้ยงไม่ขยายเปน็ ปีก ยาวเทา่ ๆ กนั ศรลี ังกา พมา่ จีนตอนใต้ ภมู ิภาคอนิ โดจีนและมาเลเซีย ในไทยมปี ระมาณ
รูปรกี ว้างเกอื บกลม หมุ้ ผล (ภาพ: สุคริ นิ นราธิวาส - MP) 20 ชนดิ ชื่อสกลุ ตั้งตามนกั พฤกษศาสตรช์ าวเยอรมัน David Heinrich Hoppe
(1760-1846)

161

ตะเคียนทอง สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ตะเคยี นทอง ตะเคยี นน�้ำ: พชื ทนนำ�้ ทว่ ม ขึ้นตามเกาะในแม่นำ�้ โขง กง่ิ มีขนสั้นนุม่ ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแน่น ก้านชอ่ ยาว
ผลแห้งไม่แตก ปลายเปน็ จะงอย (ภาพ: โขงเจยี ม อุบลราชธาน;ี ภาพต้นและดอก - NN, ภาพผล - MT)
Hopea odorata Roxb.
ไม้ตน้ สูงไดถ้ ึง 40 ม. มีขนส้ันนุ่มตามกง่ิ อ่อน หใู บ ชอ่ ดอก และกลีบเล้ยี ง ใบรูป ตะเคียนใบใหญ่

ขอบขนานหรอื รปู ใบหอกแกมรปู ไขก่ ลบั หรอื โคง้ เลก็ นอ้ ย ยาว 5-14 ซม. โคนเบยี้ ว Hopea thorelii Pierre
เสน้ แขนงใบขา้ งละ 8-12 เสน้ มักมีตมุ่ ใบเปน็ รู เกลีย้ ง กา้ นใบยาว 1-1.5 ซม. วงศ์ Dipterocarpaceae
ช่อดอกยาว 3-10 ซม. ช่อย่อยมี 4-10 ดอก กลบี เล้ียงรปู ไข่ ยาว 1-3 มม. ดอกสีครมี
อมเหลือง กลีบรูปรีหรือรปู ขอบขนาน ยาว 2-3 มม. ขอบเป็นชายครยุ เกสรเพศผู้ ไมต้ ้น สูง 10-15 ม. แตกกอ เปลือกเรียบสีเทาเขม้ มขี นกระจุกสน้ั นุ่มและ
15 อนั รยางคย์ าวเทา่ ๆ อบั เรณู รงั ไขแ่ ละฐานกา้ นเกสรเพศเมยี รปู ไข่ ยาวประมาณ ขนแขง็ ตามกง่ิ อ่อน หูใบ ตา ก้านใบ และช่อดอก ก่งิ มีชอ่ งอากาศ หูใบรูปไข่ ใบรปู
2 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี สน้ั กลบี เลย้ี งขยายเปน็ ปกี มขี นสน้ั นมุ่ ประปราย ปกี ยาว ใบหอกหรอื แกมรปู ไข่ เบย้ี วเลก็ นอ้ ย ยาว 8-17 ซม. เสน้ แขนงใบยอ่ ยแบบกง่ึ ขนั้ บนั ได
ยาว 3-6 ซม. ปีกส้นั ยาว 5-7 มม. ผลรูปไขก่ วา้ ง เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 6-8 มม. มีขยุ เกลด็ กา้ นใบยาว 0.7-2 ซม. ช่อดอกยาว 3-15 ซม. ชอ่ ย่อย มี 2-8 ดอก กลีบเลี้ยงเกือบกลม
ยาวประมาณ 2.5 มม. ปลายกลบี เปน็ ชายครุย ดอกสขี าวอมชมพู กลบี รปู ไข่ ยาว
พบทอี่ นิ เดยี บงั กลาเทศ พมา่ อนิ โดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทกุ ภาค ประมาณ 6 มม. ขอบมขี นครุย ด้านนอกมขี นกระจาย เกสรเพศผู้ 15 อัน รยางค์ยาว
ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ ชนื้ หรอื รมิ ล�ำธารในปา่ เบญจพรรณ ความสงู ถงึ ประมาณ 2-3 เทา่ ของอบั เรณู รงั ไขแ่ ละฐานกา้ นเกสรเพศเมยี คอดเลก็ นอ้ ย ยาวประมาณ
900 เมตร เนื้อไมม้ ีสเี ขม้ เมอ่ื โดนอากาศ นยิ มใชข้ ุดเรือ เปลอื กเคี้ยวแก้ปวดฟนั 1.2 มม. กา้ นเกสรเพศเมียสั้น กลีบเล้ียงไม่ขยายเป็นปีก รูปรีกว้างเกือบกลม
ยาว 7-8 มม. ผลรปู ไข่ เกลย้ี ง ยาว 2-2.5 ซม. (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ท่ี ตะเคยี นทอง, สกลุ )
เอกสารอ้างองิ
Ashton, P.S. (1982). Dipterocarpaceae. In Flora Malesiana Vol. 9: 391-436. พบทล่ี าว และกมั พชู า ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกทอี่ บุ ลราชธานี อำ� นาจเจรญิ
Pooma, R. and M. Newman. (2001). Checklist of Dipterocarpaceae in Thailand. ขึ้นกระจายห่าง ๆ ในป่าดิบแลง้ ความสูง 100-300 เมตร
Thai Forest Bulletin (Botany) 29: 140-152.
Smitinand, T., J.E. Vidal and P.H. Hô. (1990). Dipterocarpaceae. Flore du ตะเคียนราก
Cambodge, du Laos et du Vietnam. 25: 62-84.
Hopea pierrei Hance
ตะเคยี นทอง: ช่อดอกแบบชอ่ แยกแขนง ดอกเรยี งสลับด้านเดียว กลีบดอกบิดเวียน กลีบเล้ยี งขยายเปน็ ปีกยาว 2 ปกี ไมต้ น้ สงู 10-20 ม. โคนตน้ มกั มพี พู อนหรอื รากคำ้� ยนั เปลอื กมกั แตกเปน็ สะเกด็
ปกี สั้น 3 ปีก (ภาพ: cultivated - RP)
ตามยาว กงิ่ ออ่ นมขี นสนั้ ใบรปู ไขห่ รอื รปู รี ยาว 4-8 ซม. ปลายยาวคลา้ ยหาง ยาว
ตะเคียนนำ�้ 0.7-1 ซม. เสน้ แขนงใบแบบเสน้ ใบแซม มี 12-15 เสน้ ในแตล่ ะขา้ ง มกั มเี สน้ ใบยอ่ ย
1-2 เสน้ แซม สว่ นมากมตี อ่ มใบเปน็ กระจกุ ขนชว่ งโคน เสน้ กลางใบดา้ นบนเปน็ รอ่ ง
Anogeissus rivularis (Gagnep.) O. Lecompte ก้านใบยาว 0.5-1 ซม. ชอ่ ดอกยาว 1-2.5 ซม. กลีบเล้ยี งรปู ไข่กว้าง ดอกสคี รมี
วงศ์ Combretaceae กลบี รปู ขอบขนานแกมรปู ไข่ ยาว 2 มม. มขี นสน้ั ดา้ นนอก ขอบกลบี เปน็ ชายครยุ
เกสรเพศผู้ 15 อัน รงั ไขแ่ ละฐานก้านเกสรเพศเมียรูปนาฬกิ าทราย ยาว 3 มม.
ช่อื พอ้ ง Finetia rivularis Gagnep. เกลย้ี ง กลีบเลยี้ งขยายเปน็ ปกี ในผลอ่อนสนี ำ�้ ตาลแดง ปกี ยาว ยาว 2.5-3 ซม.
ปกี สน้ั ยาว 3-4 มม. ผลรูปไข่ ยาว 6 มม. เกล้ยี ง (ดูข้อมูลเพม่ิ เติมที่ ตะเคยี นทอง, สกุล)
ไมพ้ มุ่ หรอื ไม้ต้นทนนำ้� ท่วม สงู ได้ถงึ 15 ม. มีขนสน้ั นมุ่ ตามกง่ิ อ่อน กา้ นใบ
ใบประดบั กา้ นดอก และหลอดกลบี เลย้ี งดา้ นนอก ใบเรยี งตรงขา้ มหรอื เกอื บตรงขา้ ม พบในภูมภิ าคอนิ โดจนี คาบสมุทรมาเลเซีย และฟิลิปปนิ ส์ ในไทยพบท่ตี ราด
รูปรี กวา้ ง 0.7-1.5 ซม. ยาว 1.5-4 ซม. ปลายแหลมเปน็ ต่งิ ส้นั ๆ ใบอ่อนมีขน หนองคาย และภาคใต้ ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู ถงึ ประมาณ 700 เมตร
คล้ายไหม ใบแก่มีขนด้านล่างกระจาย เสน้ แขนงใบส่วนมากมขี ้างละ 3-5 เสน้
กา้ นใบยาว 2-4 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แนน่ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางประมาณ 1 ซม. เอกสารอา้ งองิ
กา้ นช่อยาว 0.7-1.2 ซม. มขี นยาวสนี ำ้� ตาลแดง ใบประดับ 3-4 คู่ รูปใบหอก ยาว Smitinand, T., J.E. Vidal and P.H. Hô. (1990). Dipterocarpaceae. Flore du
1-2 มม. ร่วงเรว็ ดอกจ�ำนวนมาก ก้านดอกยาว 3-4 มม. หลอดกลีบเลยี้ งยาว Cambodge, du Laos et du Vietnam. 25: 76-77, 82-83.
ประมาณ 1 มม. เป็นสนั นนู ปลายแยกเปน็ 5 แฉกตืน้ ๆ ติดทน ไมม่ กี ลีบดอก
รงั ไข่เกลีย้ ง ผลเป็นกระจุกแนน่ รปู โคน ผลย่อยรปู รี ยาว 3-3.5 มม. มี 4 สนั แหง้ ตะเคยี นใบใหญ่: ดอกสีขาวอมชมพู กลีบรปู ไข่ ขอบมีขนครยุ ผลรูปไข่ เกล้ยี ง ปลายมีติ่งแหลม กลีบเลย้ี งไมข่ ยาย
ไมแ่ ตก ปลายเปน็ จะงอย ยาวประมาณ 2 มม. (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ท่ี ตะเคยี นหน,ู สกลุ ) เปน็ ปกี (ภาพดอก: อุบลราชธานี - MP; ภาพผล: อำ� นาจเจรญิ - SSi)

พบทล่ี าว ในไทยสว่ นมากพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และภาคตะวนั ออก
ขน้ึ กระจายหนาแนน่ ในแมน่ ำ้� โขงทเ่ี ปน็ เกาะในหนา้ แลง้ และยงั พบในทล่ี มุ่ นำ�้ ทว่ มถงึ
ทางภาคเหนือที่สุโขทัย และพจิ ติ ร ซง่ึ เรยี กวา่ คร่อเทยี น หรอื ขล้อเทยี น

เอกสารอ้างองิ
Puff, C. and K. Chayamarit. (2011). Living under water for up to four months
of the year: observations on the rheophytes of the Mekong river in the
Pha Taem national park area (Thailand/Laos border). Thai Forest Bulletin
(Botany) 39: 185.
Scott, A.J. (1979). A revision of Anogeissus (Combretaceae). Kew Bulletin 33:
555-566.

162

สารานุกรมพืชในประเทศไทย ตะไคร้หางสงิ ห์

ตะเคียนราก: โคนตน้ มีพูพอน เปลอื กแตกเปน็ สะเก็ดตามยาว เส้นแขนงใบแบบเสน้ ใบแซม กลีบเลยี้ งขยายเป็นปีก ตะเคียนหนิ
ผลออ่ นปกี มีสนี ำ�้ ตาลแดง (ภาพ: ตราด - MP)
Hopea ferrea Laness.
ตะเคยี นหน,ู สกลุ วงศ์ Dipterocarpaceae

Anogeissus (DC.) Wall. ex Guill., Perr. & A. Rich. ไมต้ น้ สงู 10-30 ม. โคนตน้ มพี พู อน เปลอื กสว่ นมากแตกเปน็ สะเกด็ ตามยาว
วงศ์ Combretaceae ใบรปู ไขห่ รอื แกมรปู ขอบขนาน ยาว 4-10 ซม. บางครง้ั เบยี้ ว ปลายยาวคลา้ ยหาง
เส้นแขนงใบย่อยแบบข้นั บนั ไดถี่ มกั มีตอ่ มใบเป็นจดุ นูน ก้านใบยาว 1-1.3 ซม.
ไมต้ น้ หรอื ไมพ้ มุ่ ใบเรยี งตรงขา้ มหรอื เกอื บตรงขา้ ม ชอ่ ดอกออกเปน็ กระจกุ แนน่ ใบอ่อนสีน�้ำตาลแดง ช่อดอกยาว 3.5-8 ซม. กลีบเลี้ยงรูปไข่กว้าง ดอกสีขาวครีม
ทรงกลม ออกตามซอกใบ กลบี เลย้ี งรปู ถว้ ย สว่ นมากเปน็ สนั หรอื มปี กี ปลายแยก กลบี รูปรี ยาว 2-3 มม. ขอบกลบี เป็นชายครยุ เกสรเพศผู้ 15 อัน รงั ไขแ่ ละฐาน
เป็น 5 กลีบ รปู สามเหล่ียมขนาดเล็ก ไม่มีกลีบดอก เกสรเพศผู้ 10 อัน เรียง 2 วง กา้ นเกสรเพศเมียรปู ลกู แพร์ ยาว 2 มม. เกล้ยี ง กลบี เลีย้ งขยายเป็นปีก ปีกยาว ยาว
วงในตดิ ตรงขา้ มกลีบเล้ียง วงนอกตดิ บนกลีบเลย้ี ง รังไข่ใตว้ งกลีบ มี 1 ช่อง แตล่ ะช่อง 3-4 ซม. ปีกสน้ั ยาว 2.5-4 มม. ผลรูปกระสวย ยาว 1-1.3 ซม. (ดูขอ้ มลู เพิม่ เติมที่
มอี อวุล 2 เมด็ ผลกลุ่ม ผลยอ่ ยแห้ง มีสนั หรอื เปน็ ปีก ปลายมีกลบี เลีย้ งตดิ ทน ตะเคียนทอง, สกุล)
คล้ายเป็นจะงอย
พบในภมู ภิ าคอนิ โดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ กระจายตาม
สกลุ Anogeissus เดมิ อยูภ่ ายใต้สกลุ Conocarpus section Anogeissus DC. ปา่ ดบิ แล้ง ทางภาคใต้ข้ึนตามเขาหินปนู ความสูงถงึ ประมาณ 800 เมตร
มีประมาณ 10 ชนิด พบในแอฟรกิ า และเอเชียเขตรอ้ น ในไทยมี 2 ชนิด อีกชนิด
คือ ตะเคยี นน�ำ้ A. rivularis (Gagnep.) O. Lecompte ชือ่ สกุลมาจากภาษากรีก เอกสารอ้างอิง
“ano” ตัง้ ขึน้ และ “geisson” กระเบ้อื ง ตามลกั ษณะยอดผลทม่ี สี ันคล้ายกระเบื้อง Smitinand, T., J.E. Vidal and P.H. Hô. (1990). Dipterocarpaceae. Flore du
Cambodge, du Laos et du Vietnam. 25: 72-73.
ตะเคียนหนู
ตะเคียนหนิ : โคนตน้ มพี พู อน ใบอ่อนสนี ำ�้ ตาลแดง ผลรูปกระสวย (ภาพตน้ และใบ: บึงกาฬ, ภาพผล: กระบ่ี; - RP)
Anogeissus acuminata (Roxb. ex DC.) Wall. ex Guill., Perr. &
A. Rich. ตะไคร้หางสิงห์

ช่อื พอ้ ง Conocarpus acuminatus Roxb. ex DC. Phyllanthus taxodiifolius Beille
วงศ์ Phyllanthaceae
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 20 ม. มีขนสีนำ�้ ตาลแดงหนาแน่นตามกง่ิ ออ่ น ใบออ่ น ก้านดอก
และผล ใบรูปขอบขนานหรือรปู ใบหอก ยาว 3.5-8 ซม. แผ่นใบดา้ นล่างมีขนยาว ไมพ้ มุ่ สงู 0.5-2 ม. แยกเพศรว่ มต้น กิง่ เป็นเหล่ียม หใู บรปู ใบหอก ยาว 1-2 มม.
เส้นแขนงใบข้างละ 5-7 เส้น กา้ นใบยาว 2-6 มม. ชอ่ ดอกเส้นผา่ นศนู ย์กลาง ใบเรยี งสลบั ระนาบเดียว รปู ใบหอกหรอื รปู แถบ เบ้ยี ว ยาว 3-5 มม. ปลายมี
1-1.7 ซม. กา้ นชอ่ ยาว 0.6-2 ซม. ใบประดับมี 1-2 คู่ รปู ใบหอกหรือรูปแถบ ยาว ต่ิงแหลม เสน้ แขนงใบข้างละ 3-4 เส้น กา้ นใบส้ันมาก ดอกออกเป็นกลมุ่ ตามซอกใบ
3-5 มม. กา้ นดอกยาว 4-6 มม. ใบประดับย่อยรูปรีหรอื รูปไข่ ยาว 1-2 มม. หลอดกลบี ไมม่ ีกลบี ดอก ก้านดอกยาว 2-3 มม. ดอกเพศผู้ กลีบเลี้ยง 4 กลบี รปู ไข่ ยาว
ยาวประมาณ 1 มม. โคนมขี น ปลายแยกเปน็ แฉกรปู สามเหลี่ยมตนื้ ๆ ก้านชอู บั เรณู ประมาณ 0.5 มม. จานฐานดอกเปน็ แผน่ ตอ่ ม 4 อนั กา้ นชอู บั เรณเู ชอื่ มตดิ กนั ทโ่ี คน
ยาว 3-4 มม. รังไขม่ ขี น กา้ นเกสรเพศเมียยาวเท่า ๆ เกสรเพศผู้ ผลย่อยกว้าง ดอกเพศเมยี กลบี เลย้ี ง 6 กลบี รูปรีหรือรปู ไข่ ยาวประมาณ 1.5 มม. จานฐานดอก
4-7 มม. ยาว 4 มม. กลีบเล้ียงยาวประมาณ 6 มม. รวมจะงอย รูปถ้วย จกั มน รังไขเ่ กลีย้ ง กา้ นเกสรเพศเมียปลายแยกเปน็ 3 แฉก ยาว 0.2-0.3 มม.
ผลแหง้ แตก รปู กลม เสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 4-7 มม. มี 6 ร้วิ แตกเป็น 3 ซกี ก้านผล
พบท่อี นิ เดยี พม่า จีนตอนใต้ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยาวประมาณ 3 มม. มี 2 เมล็ดในแต่ละซีก รปู สามเหล่ยี ม ยาวประมาณ 2.5 มม.
ยกเวน้ ภาคใต้ ขน้ึ ตามปา่ เบญจพรรณและปา่ ดบิ แลง้ มกั ขน้ึ บนเขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ มเี สน้ ใยฝอย (ดูขอ้ มลู เพิม่ เตมิ ท่ี ผักหวานดง, สกลุ )
ประมาณ 750 เมตร ส่วนตา่ ง ๆ มสี รรพคุณตา้ นอนุมูลอสิ ระ และเชือ้ แบคทีเรยี
พบทจ่ี นี ตอนใต้ และภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
เอกสารอ้างองิ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ข้ึนตามทโ่ี ลง่ ใกลแ้ หลง่ นำ้� ความสูง 50-700 เมตร
Chen, J. and N.J. Turland. (2007). Combretaceae. In Flora of China Vol. 13: 314.
Scott, A.J. (1979). A revision of Anogeissus (Combretaceae). Kew Bulletin 33: เอกสารอ้างอิง
555-566. Chantaranothai, P. (2007). Euphorbiaceae (Phyllanthus). In Flora of Thailand
Vol. 8(2): 503-504.

ตะเคียนหน:ู ช่อดอกทรงกลม ออกตามซอกใบ ก้านดอกมขี นหนาแนน่ เกสรเพศผู้ 10 อนั เรยี ง 2 วง (ภาพ: เชียงใหม่ - SSi) ตะไครห้ างสงิ ห์: กิ่งเป็นเหลย่ี ม ใบออกหนาแนน่ เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว ดอกเพศผอู้ อกเป็นกล่มุ ตามซอกใบ กา้ นดอก
รูปเส้นด้าย กลบี เลยี้ ง 4 กลบี ผลมี 6 รว้ิ (ภาพ: ปากแมน่ ้�ำสงคราม นครพนม - PK)

163

ตะแบก สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ตะแบก, สกลุ ประมาณ 4 มม. เกสรเพศผวู้ งนอก 9-11 อนั ชอ้ี อกระหว่างชอ่ งวา่ งกลบี ดอก
ดา้ นเดยี ว รังไขม่ ขี นหนาแน่น ผลรปู รกี วา้ ง ยาวประมาณ 1 ซม. มีขนชว่ งปลายผล
Lagerstroemia L.
วงศ์ Lythraceae พบทก่ี มั พชู า และลาว ในไทยพบทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ภาคตะวนั ออก
และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขนึ้ ตามปา่ เตง็ รงั ทเี่ ปน็ หนิ ทราย ความสงู 200-350 เมตร
ไม้พุ่มหรอื ไม้ต้น กงิ่ ออ่ นมักเปน็ สี่เหลี่ยม ใบเรียงตรงขา้ มหรือเกอื บตรงขา้ ม ในหนงั สอื พรรณพฤกษชาตขิ องประเทศไทยระบวุ า่ อาจเปน็ ลกั ษณะทเี่ ปน็ ตน้ เตย้ี
ไม่มีหูใบ ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนง ชอ่ ย่อยแบบช่อกระจุก ใบประดบั ขนาดเลก็ ของตะแบกเกรียบ L. cochinchinensis Pierre
รว่ งเรว็ ปลายดอกตมู มกั มตี มุ่ กลบี เลย้ี งและกลบี ดอกสว่ นมากจ�ำนวนอยา่ งละ 6 กลบี
กลบี เลยี้ งเชอ่ื มตดิ กนั เปน็ หลอด ผวิ เรยี บหรอื เปน็ สนั ตดิ ทน บางครง้ั มรี ว้ิ ประดบั ตะแบกนา
เป็นรยางค์ ดอกสขี าว ชมพู หรือมว่ ง มกี ้านกลีบ เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก ตดิ บน
หลอดกลบี ดอก ส่วนมากวงนอกมี 6-12 อัน ก้านชูอบั เรณูหนาและอับเรณใู หญ่ Lagerstroemia floribunda Jack
กวา่ อันใน รงั ไข่ 3-6 ชอ่ ง ก้านเกสรเพศเมยี ยาว ยอดเกสรขนาดเลก็ ผลแหง้ แตกเป็น ไม้พุ่มหรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ ึง 25 ม. เปลอื กบาง ใบเรียงตรงข้าม ส่วนมากรูปรี
4-6 ซกี เมลด็ จำ� นวนมาก แบน มีปกี ติดทีส่ ันข้ัวเมลด็
หรือรปู ขอบขนาน ยาว 6-20 ซม. แผ่นใบค่อนข้างเกลี้ยง กา้ นใบยาว 2-7 มม.
สกุล Lagerstroemia มปี ระมาณ 55 ชนดิ พบในเอเชียเขตร้อนและออสเตรเลีย ช่อดอกยาว 20-50 ซม. มขี นกระจุกสน้ั น่มุ หนาแนน่ กา้ นดอกเทียมยาว 2-4 มม.
ในไทยมี 18 ชนิด และเป็นไมป้ ระดบั 1 ชนิด คอื ยี่เข่ง L. indica L. ชื่อสกลุ ตง้ั ตาม หลอดกลบี เลยี้ งยาว 5-6 มม. มี 10-12 สนั หรอื ไมช่ ดั เจน มขี นกระจกุ สนี ำ�้ ตาล
พ่อค้าชาวสวีเดน Magnus von Lagerström (1696-1759) ผูเ้ กบ็ ตัวอยา่ งพรรณไม้ หนาแนน่ ปลายแยกเป็น 6 กลบี รูปสามเหลย่ี ม ยาว 3-4 มม. มหี รอื ไม่มีตง่ิ
และเป็นเพือ่ นของ Carl Linnaeus อน่งึ ลกั ษณะเปลอื กของสกุลตะแบกแบง่ ได้ ระหว่างกลีบ ดอกสชี มพูหรือมว่ ง สีขาวซีดในดอกแก่ มี 6 กลีบ รูปขอบขนาน
กวา้ ง ๆ 3 แบบ คอื เปลอื กแบบตะแบก บางลอกเป็นแผน่ เรยี บหรือเปน็ หลุมตืน้ ๆ ยาว 0.8-1.5 ซม. ก้านกลีบยาว 2-3 มม. เกสรเพศผู้วงนอก 6-7 อัน รงั ไข่มีขน
เปลือกแบบเสลา หนา แตกเปน็ รอ่ งตามยาว และเปลือกแบบอนิ ทนลิ มลี ักษณะ สั้นน่มุ หนาแนน่ ผลรูปรี ยาว 1.2-1.8 ซม. มขี นประปราย หนาแน่นชว่ งปลายผล
กึ่งทง้ั สองแบบ
พบท่ีพม่า ภูมิภาคอินโดจีน และคาบสมุทรมลายู ในไทยพบแทบทุกภาค
ตะแบกเกรยี บ ยกเว้นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ตอนบน ขึน้ ตามป่าเบญจพรรณ ปา่ ดิบแล้ง และ
ชายปา่ ดบิ ชน้ื ความสูงถงึ ประมาณ 850 เมตร นยิ มปลูกเปน็ ไมป้ ระดบั ตามสวน
Lagerstroemia cochinchinensis Pierre สาธารณะ และสองขา้ งถนน

ชอ่ื พ้อง Lagerstroemia collinsae Craib ตะแบกเปลือกบาง

ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 25 ม. เปลอื กบาง มขี นสนั้ นมุ่ สนี ้�ำตาลแดงตามใบออ่ น Lagerstroemia duperreana Pierre ex Gagnep.
เส้นแขนงใบด้านล่าง ช่อดอก และหลอดกลีบเลี้ยงด้านนอก กิ่งด้านข้างมัก ไม้พุ่มหรือไมต้ ้น สูงไดถ้ งึ 25 ม. เปลอื กบาง ใบรูปรหี รอื รูปขอบขนาน ยาว
เปล่ียนรูปเป็นหนาม ใบรปู รีถึงรูปใบหอก หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 4-15 ซม. ก้านใบยาว
0.2-1 ซม. ช่อดอกออกที่ปลายกง่ิ ยาวได้ถงึ 30 ซม. กา้ นดอกเทยี มยาวประมาณ 8-15 ซม. แผน่ ใบเกลย้ี ง เสน้ แขนงใบย่อยแบบรา่ งแห กา้ นใบยาว 3-5 มม. ช่อดอก
2 มม. ขยายในผลเลก็ นอ้ ย หลอดกลบี เลยี้ งเรยี บ ยาวประมาณ 8 มม. กลบี รปู สามเหลย่ี ม ยาว 10-20 ซม. เกลย้ี ง กา้ นดอกเทียมยาว 0.6-1.2 ซม. หลอดกลีบเลี้ยงมีขน
ยาว 3-4 มม. ดา้ นในปลายกลบี มขี น ดอกสชี มพู มว่ ง หรอื อมขาว กลบี รปู รกี วา้ ง กระจกุ รปู ดาวสั้นนมุ่ มี 12 สัน ไม่ชดั เจน ยาว 5-6 มม. มีติง่ ขนาดเล็กระหวา่ ง
เกอื บกลม ยาว 1.5-3 ซม. รวมกา้ นกลบี ทย่ี าวประมาณ 5 มม. เกสรเพศผวู้ งนอก กลบี เล้ยี ง กลีบรปู สามเหลีย่ ม ยาวประมาณ 3 มม. ด้านในปลายกลีบมขี น ดอกสีมว่ ง
6 อัน รงั ไข่มขี นสีขาว ผลรปู รีเกือบกลม ยาว 1.4-1.7 ซม. เกลี้ยงหรือมขี นช่วง กลีบดอกรูปรีกว้างเกือบกลม ยาว 1-1.5 ซม. ก้านกลีบยาวประมาณ 5 มม.
ปลายผล เกสรเพศผู้วงนอกมี 6-7 อนั รังไขเ่ กลยี้ ง ผลรปู รีกว้าง ยาว 1.2-1.7 ซม. เกล้ยี ง
หรอื มีขนชว่ งปลายผล
พบท่ีภมู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบแทบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ขนึ้ ตามปา่ เต็งรัง
ปา่ เบญจพรรณ และป่าดบิ แล้ง ความสูงถงึ ประมาณ 1000 เมตร พบทภ่ี มู ภิ าคอนิ โดจนี ในไทยพบทางภาคตะวนั ออก ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขน้ึ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ เตง็ รงั ทเี่ ปน็ หนิ ทราย ความสงู
ตะแบกดอกขาว 100-400 เมตร แยกเป็น var. saxatilis W. J. de Wilde & Duyfjes ต้นขนาดเลก็
ช่อผลมีจ�ำนวนนอ้ ย ดอกขนาดใหญก่ ว่า พบเฉพาะทีอ่ ุบลราชธานี
Lagerstroemia huamotensis W. J. de Wilde & Duyfjes
ไมพ้ ่มุ หรอื ไมต้ ้น สว่ นมากสงู 4-5 ม. ลำ� ต้นแคระแกร็น หรอื อาจสูงได้ถงึ 15 ม. เอกสารอา้ งองิ
de Wilde, W.J.J.O., B.E.E. Duyfjes and P. Phonsena. (2014). Lythraceae. In
เปลอื กคอ่ นขา้ งหนา ลอกเปน็ แผน่ คลา้ ยเปลอื กแบบตะแบก ใบรปู ไขห่ รอื รปู ไขก่ ลบั Flora of Thailand Vol. 11(4): 553-580.
ยาว 4-10 ซม. แผน่ ใบเกลย้ี ง กา้ นใบยาว 2-4 มม. ชอ่ ดอกออกตามปลายกง่ิ ยาว Furtado, C.X. (1969). A revision of Lagerstroemia L. (Lythraceae). Gardens’
2-5 ซม. ก้านดอกเทยี มยาว 0.8-1 ซม. หลอดกลบี เลี้ยงเรียบ กลีบรปู สามเหล่ยี ม Bulletin Singapore 24: 185-335.
ยาวประมาณ 5 มม. เกลีย้ ง ดอกสขี าว กลีบรูปรเี กอื บกลม ยาว 1.2-1.5 ซม. ก้านกลบี Qin, H., S.A. Graham and M.G. Gilbert. (2007). Lythraceae (Lagerstroemia). In
ยาว 0.8-1 ซม. เกสรเพศผวู้ งนอก 10-12 อนั กา้ นชอู บั เรณสู มี ว่ ง อบั เรณสู ดี ำ� วงใน Flora of China Vol. 13: 277-281.
สเี ขยี วอมขาว อบั เรณสู เี หลอื ง รงั ไขเ่ กลย้ี ง ผลรปู รี ยาว 2-2.5 ซม. หลอดกลบี เลยี้ ง
รูปรีกวา้ ง กว้าง 1-1.5 ซม. ยาวประมาณ 1 ซม. กลีบยาว 5-7 มม. ลักษณะเปลอื ก: เปลือกแบบตะแบกของ L. floribunda Jack (ภาพซ้าย: cultivated - RP); เปลอื กแบบเสลาของ
L. loudonii Teijsm. & Binn. (ภาพขวา: cultivated - RP)
พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคเหนอื ตอนลา่ งทด่ี อยหวั หมด จงั หวดั ตาก และ
ภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ ก่ี าญจนบรุ ี ขน้ึ บนเขาหนิ ปนู ทเ่ี ปดิ โลง่ ความสงู 750-1000 เมตร

ตะแบกเตยี้

Lagerstroemia noei Craib
ไมพ้ ุ่มหรอื ไมต้ ้น สูงไดถ้ ึง 8 ม. เปลอื กบาง ใบรูปรี รปู ขอบขนาน หรอื แกมรปู ไข่

ยาว 3-8.5 ซม. แผ่นใบดา้ นล่างมขี นกระจุกรูปดาวหนาแนน่ ก้านใบยาว 3-5 มม.
ชอ่ ดอกออกตามปลายกงิ่ ยาว 7-27 ซม. มขี นสัน้ นุ่มและขนกระจุกสนี ำ้� ตาลแดง
กา้ นดอกเทียมยาวประมาณ 2 มม. ขยายในผลเล็กนอ้ ย หลอดกลบี เล้ยี งเรียบ
ยาว 5-7 มม. ดา้ นนอกมขี นสนั้ นมุ่ กลบี รปู สามเหลย่ี ม ยาวประมาณ 5 มม. ปลายกลบี
ด้านในมขี น ดอกสชี มพูอมม่วง กลบี รูปไขก่ วา้ ง ยาว 0.8-1.2 ซม. ก้านกลบี ยาว

164

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ตะลมุ พกุ

ตะแบกเกรียบ: มีขนสน้ั นมุ่ สีนำ�้ ตาลแดงตามชอ่ ดอก หลอดกลีบเล้ยี งดา้ นนอก ปลายกลีบด้านใน และปลายผล ตะแบกเลอื ด
หลอดกลีบเล้ยี งเรียบ (ภาพ: แม่เลา-แม่แสะ เชียงใหม่ - SSi)
Terminalia mucronata Craib & Hutch.
ตะแบกดอกขาว: ดอกสีขาว หลอดกลบี เลี้ยงเรียบ กลบี เลี้ยงเกลยี้ ง กา้ นชอู บั เรณูวงนอกสมี ่วง อบั เรณสู ดี ำ� วงในสี วงศ์ Combretaceae
เขียวอมขาว อับเรณูสีเหลือง (ภาพ: ดอยหัวหมด ตาก; ภาพดอก - SR, ภาพผล - PK)
ไม้ต้นผลัดใบ สูงได้ถึง 20 ม. เปลือกเรียบลอกเป็นแผ่น เป็นแอ่งตื้น ๆ
เปลอื กในสนี ำ้� ตาลแดง มขี นสนั้ นมุ่ ตามกง่ิ ออ่ น ใบออ่ น กา้ นใบ แผน่ ใบดา้ นลา่ ง
ชอ่ ดอก และผล ใบเรียงเกือบตรงข้าม รูปรถี งึ รูปขอบขนาน หรอื แกมรปู ไข่ ยาว
8-25 ซม. ปลายมนหรือเว้าตืน้ ๆ เสน้ แขนงใบโคง้ จรดกนั ใกล้ขอบใบ เส้นใบย่อย
แบบข้นั บันได ใบแก่สแี ดง กา้ นใบยาว 1-3 ซม. มีตอ่ มนูนหนึง่ คู่ที่ดา้ นข้างก้านใบ
ใกลโ้ คน ชอ่ ดอกยาว 9-15 ซม. ออกพร้อมผลิใบใหม่ ดอกสีครมี หลอดกลบี เล้ียง
ยาว 0.5-1 มม. ปลายแยกเปน็ 5 แฉก ขนาดเลก็ จักมน เกสรเพศผู้ 10 อนั ยาว
3-4 มม. จานฐานดอกมขี นหนาแน่น กา้ นยอดเกสรเพศเมียยาว 2-3 มม. ผลมี 2 ปกี
กว้าง 5-8 มม. ยาว 1.5-3 ซม. โคนและปลายเปน็ สันคม ปีกกวา้ ง 1.5-4 ซม.
(ดขู ้อมูลเพ่ิมเตมิ ที่ สมอ, สกลุ )

พบที่พมา่ และกัมพูชา ในไทยพบทกุ ภาค ข้นึ ตามป่าเบญจพรรณ และป่าเตง็ รัง
ความสูงถงึ ประมาณ 700 เมตร

เอกสารอ้างอิง
Nanakorn, W. (1985). The genus Terminalia (Combretaceae) in Thailand. Thai
Forest Bulletin (Botany) 15: 77-79.

ตะแบกเตยี้ : ชอ่ ดอกและกลีบเลี้ยงมขี นสั้นนุ่มและขนกระจกุ สีนำ้� ตาลแดง เกสรเพศผู้วงนอก 9-11 อนั ช้ีออกระหวา่ ง ตะแบกเลอื ด: ใบเรียงเกือบตรงขา้ ม มตี อ่ มนนู กลมหนึ่งค่ทู ีด่ า้ นขา้ งของกา้ นใบใกลโ้ คนใบ ชอ่ ดอกแบบช่อเชงิ ลด
ชอ่ งวา่ งกลีบดอกดา้ นเดียว (ภาพ: โขงเจียม อบุ ลราชธาน;ี ภาพช่อดอก - PK, ภาพช่อผล - RP) ออกตามซอกใบ ผลมี 2 ปีก โคนและปลายผลเป็นสันคม (ภาพดอก: ภกู ระดึง เลย - SR; ภาพผล: มกุ ดาหาร - PK)

ตะแบกนา: ดอกสชี มพหู รอื มว่ ง สขี าวซดี ในดอกแก่ หลอดกลีบเล้ยี ง มี 10-12 สนั (ภาพ: cultivated - RP) ตะลมุ พกุ
ตะแบกเปลือกบาง: หลอดกลบี เลี้ยงมีขนกระจกุ สนั้ นุ่ม มี 12 สนั เหน็ ไมช่ ัดเจน เกสรเพศผ้วู งนอก 6-7 อนั ผลรปู รีกวา้ ง
เกลีย้ ง (ภาพดอก: ภวู วั บึงกาฬ - PK; ภาพผล: ผาแตม้ อุบลราชธานี - BD) Tamilnadia uliginosa (Retz.) Tirveng. & Sastre
วงศ์ Rubiaceae

ชื่อพอ้ ง Gardenia uliginosa Retz., Randia uliginosa (Retz.) Poir.

ไมพ้ ุ่มหรือไมต้ น้ ผลัดใบ สูงไดถ้ ึง 10 ม. กงิ่ เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ปลายกง่ิ
เป็นกระจกุ มหี นาม 2-4 อนั หนามยาว 0.5-1.5 ซม. หูใบรว่ มรปู สามเหลี่ยมขนาดเลก็
ใบเรยี งตรงขา้ มเปน็ กระจกุ สนั้ ๆ สว่ นมากรปู ไขก่ ลบั ยาว 3-22 ซม. โคนเรยี วสอบ
จรดกา้ นใบ กา้ นใบยาวได้ถึง 2 ซม. ชอ่ ดอกตามซอกใบ ลดรูปมีดอกเดียว ดอก
สมบรู ณเ์ พศหรอื ดอกเพศเมยี ขนาดใหญ่ เกอื บไรก้ า้ น ดอกเพศผขู้ นาดเลก็ กา้ นยาว
ได้ถงึ 2 ซม. ดอกสขี าวเปลีย่ นเปน็ สเี หลอื ง ดอกบานเสน้ ผ่านศนู ย์กลาง 3-5 ซม.
กลบี เลยี้ งเปน็ หลอดสน้ั ปลายแยก 5-8 แฉก กลม ๆ ขนาดเลก็ ตดิ ทน ดอกบดิ เวยี น
รปู วงลอ้ หลอดกลบี ดอกสนั้ มาก ปากหลอดเกลย้ี งหรอื มขี นหนาแนน่ มี 5-8 กลบี
เกสรเพศผู้ติดที่ปากหลอดกลีบระหว่างกลีบดอก อับเรณูไร้ก้านกางออก ยาว
0.8-1 ซม. รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี กา้ นเกสรเพศเมยี สน้ั หนา ยอดเกสรเพศเมยี รปู กระบอง
แยก 2 แฉก ยาว 0.8 -1 ซม. ผลรปู ไขห่ รือรูปไขก่ ลับ ยาว 5-9 ซม. ผนังผลหนา
เนื้อนุม่ เมลด็ จ�ำนวนมาก ผลของดอกเลก็ มขี นาดประมาณกึง่ หน่งึ เมลด็ มักฝ่อ

พบทีอ่ ินเดยี ศรีลังกา พม่า ภูมภิ าคอินโดจนี ในไทยพบแทบทุกภาค ยกเวน้
ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ กระจายหา่ ง ๆ ในปา่ เตง็ รงั และปา่ เบญจพรรณ
ความสงู 100-500 เมตร ในอนิ เดยี ผลออ่ นตม้ หรอื เผากนิ เปน็ ผกั นำ้� คนั้ จากใบแก้
หลอดลมอกั เสบ ผลสุกแกบ้ ดิ เปลอื กและผลดบิ ใช้เบ่ือปลา

สกลุ Tamilnadia Tirveng. & Sastre มเี พยี งชนิดเดียว ชอื่ สกลุ ต้ังตามชื่อรฐั
Tamil Nadu ในอินเดยี

เอกสารอ้างองิ
Brandis, D. 2nd reprint. (1978). Indian Tree. Bishen Singh Mahendra Pal Singh,
Dehra Dun.
Puff, C., K. Chayamarit and V. Chamchumroon. (2005). Rubiaceae of Thailand.
Forest Herbarium. Bangkok.

165

ตงั ตาบอด สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย

ย่ืนพ้นปากหลอดกลีบเลก็ นอ้ ย ยอดเกสรจกั 2 พู ยน่ ผลเปน็ กระเปาะรูปกรวย
ยาว 0.6-1 ซม. เปลือกบาง หุม้ ด้วยกลีบเล้ียง ปกี ยาว 3.5-4 ซม. มเี มลด็ เดียว
สีน้�ำตาลดำ� รปู รี ยาว 4-5 มม.

พบทเี่ วียดนามตอนใต้ ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคตะวนั ออกเฉียงใต้
และภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ ขึ้นตามชายป่า ทโี่ ล่งแห้งแล้ง ความสงู ระดับต�ำ่ ๆ

สกุล Tridynamia Gagnep. มี 4 ชนดิ พบเฉพาะในเอเชยี ในไทยมี 3 ชนิด อกี
2 ชนิด ดอกขนาดใหญ่กว่าเลก็ น้อย กลบี เลยี้ งขยายเป็น 3 ปีก ชื่อสกลุ มาจาก
ภาษากรีก “tridynamos” สามพลัง หมายถึงกลบี เลี้ยงทข่ี ยายเป็นปกี 3 ปกี

เอกสารอ้างองิ
Staples, G. (2010). Convolvulaceae. In Flora of Thaialnd Vol. 10(3): 463.

ตะลุมพุก: ใบเรียงตรงข้ามเปน็ กระจกุ สัน้ ๆ ชอ่ ดอกลดรูปมีดอกเดยี ว ดอกขนาดเล็กมกี า้ น ดอกขนาดใหญเ่ กอื บไรก้ า้ น ตับเตา่ : ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนง ดอกรูปแตร มี 5 กลบี ต้ืน ๆ ปลายเวา้ ตื้น ขอบจักไมเ่ ปน็ ระเบียบ ผลมี
(ภาพซ้ายดอกขนาดเล็ก: หนองคาย - RP; ภาพขวาดอกขนาดใหญ่: ตาก - RP; ภาพผล: ตาก - SSi) กลีบเลี้ยงหุ้ม ขยายเปน็ ปกี ยาว 2 ปีก (ภาพดอก: แกง่ กระจาน เพชรบุรี - PK; ภาพผล: หว้ ยยาง ประจวบครี ขี นั ธ์ - RP)

ตังตาบอด ตบั เตา่ ตน้

Excoecaria oppositifolia Griff. Diospyros ehretioides Wall. ex G. Don
วงศ์ Euphorbiaceae วงศ์ Ebenaceae

ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 15 ม. แยกเพศตา่ งตน้ หใู บรปู รี ยาวประมาณ 5 มม. ไม้ตน้ สูงไดถ้ งึ 15 ม. ใบรปู รีหรอื รปู ไขก่ ว้าง ยาว 10-28 ซม. ปลายมน โคนกลม
ใบเรยี งตรงข้าม รปู รถี ึงรปู ใบหอก ยาว 9-30 ซม. แผน่ ใบหนา ขอบจกั ฟันเล่ือย หรอื เว้าตื้น เสน้ ใบยอ่ ยแบบรา่ งแหชดั เจน กา้ นใบยาวประมาณ 1 ซม. กลบี เล้ยี ง
ช่อดอกเพศผ้ยู าวไดถ้ ึง 25 ซม. ก้านดอกสน้ั ไม่มกี ลบี ดอก กลีบเลย้ี ง 3 กลบี รปู ไข่ และกลบี ดอกจำ� นวนอย่างละ 4 กลบี ดอกเพศผอู้ อกเป็นช่อกระจุกสั้นๆ กา้ นดอก
ยาวประมาณ 1 มม. เกสรเพศผู้ 3 อัน กา้ นชอู ับเรณูยาว 1-1.5 มม. ช่อดอกเพศเมีย ยาวประมาณ 3 มม. กลบี เลี้ยงรูประฆงั ยาว 2-3 มม. แฉกลึกประมาณหนึ่งส่วนสาม
มีดอกเดยี ว ก้านดอกยาว ยาว 1.2-1.7 ซม. ในผล ใบประดบั และกลบี เล้ียงยาวกวา่ มขี นด้านนอก ดอกรูปคนโท ยาว 3-5 มม. แฉกลึก เกสรเพศผูม้ ี 20-30 อนั รังไข่
ในดอกเพศผูเ้ ล็กน้อย กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 2 มม. ยอดเกสรยาวกวา่ ท่ีไม่เจรญิ มขี นยาว ดอกเพศเมียออกเดี่ยว ๆ หรือเป็นช่อกระจุกสน้ั ๆ กลบี เลย้ี ง
กา้ นเลก็ นอ้ ย ตดิ ทน ผลรปู กลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 4-6 ซม. จกั เปน็ พตู นื้ ๆ เมลด็ แฉกลกึ ดา้ นนอกมขี น รงั ไขม่ ขี นคลา้ ยขนแกะ มี 6 ชอ่ ง ไมม่ เี กสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั
รูปไขก่ วา้ ง ยาวประมาณ 1 ซม. (ดูขอ้ มูลเพิ่มเตมิ ท่ี ตาตุ่มทะเล, สกุล) ผลเกอื บกลม เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 1.5-2.5 ซม. กลบี เลี้ยงรูปรี แฉกลึก พับงอกลับ
กา้ นผลยาวประมาณ 1 ซม. เอนโดสเปริ ม์ มลี าย (ดขู อ้ มลู เพม่ิ เตมิ ที่ มะเกลอื , สกลุ )
พบทีพ่ มา่ ภมู ภิ าคอินโดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตาม
ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา และป่าดิบช้ืน โดยเฉพาะริมล�ำธาร ความสูงถึงประมาณ พบทีพ่ มา่ ลาว และกมั พูชา ในไทยพบกระจายแทบทกุ ภาค ยกเว้นภาคใต้
1500 เมตร น้�ำยางทำ� ให้ระคายเคอื งผวิ หนงั เขา้ ตาทำ� ให้ตาพร่ามวั ขึน้ ตามป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรงั ความสงู 100-500 เมตร

เอกสารอ้างอิง เอกสารอ้างองิ
van Welzen, P.C. and H.-J. Esser. (2005). Euphorbiaceae (Excoecaria). In Flora Phengklai, C. (1981). Ebenaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(4): 319.
of Thailand Vol. 8(1): 298.

ตังตาบอด: ใบเรยี งตรงข้าม ขอบจกั ฟันเลอื่ ย ผลจกั เปน็ พูตืน้ ๆ เกสรเพศเมียติดทน (ภาพ: เขาใหญ่ ปราจนี บุรี - SSi) ตบั เต่าตน้ : ใบรปู รีหรอื รปู ไข่กว้าง ปลายมน กลีบเล้ยี งแฉกลึก พับงอกลบั (ภาพ: หว้ ยขาแขง้ อทุ ยั ธานี - PK)

ตบั เต่า ตา่ งไก,่ สกุล

Tridynamia bialata (Kerr) Staples Polygala L.
วงศ์ Convolvulaceae วงศ์ Polygalaceae

ชอ่ื พอ้ ง Porana bialata Kerr ไม้ล้มลกุ ไม้พุม่ หรือไม้เถาเนอ้ื แข็ง ใบเรียงเวียน ช่อดอกแบบช่อกระจะ ห้อยลง
หรอื ตง้ั ขน้ึ ใบประดบั สว่ นมากมี 3 ใบ สว่ นมากรว่ งเรว็ ไมม่ ใี บประดบั ยอ่ ย กลบี เลยี้ ง
ไมเ้ ถา ลำ� ตน้ มขี นละเอยี ด ใบเรยี งเวยี น รปู ไขก่ วา้ งหรอื รปู หวั ใจ ยาว 5.5-10 ซม. 5 กลบี กลบี นอก 3 กลบี ขนาดเลก็ กวา่ กลบี คใู่ นทคี่ ลา้ ยกลบี ดอก (alae) กลบี ดอก
กา้ นใบยาว 1.5-4.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนง ใบประดบั ทโี่ คนคลา้ ยใบ 3 กลบี กลีบบน 2 กลบี เชอื่ มตดิ กัน กลีบล่าง (keel) รปู เรอื ห้มุ อบั เรณูและ
รปู ไข่หรือรปู ใบหอก ยาว 2.5-3.5 ซม. ใบประดบั และใบประดบั ย่อยขนาดเลก็ ยอดเกสรเพศเมีย ปลายกลีบจกั 2 พู มรี ยางคค์ ล้ายแปรง เกสรเพศผู้ 8 อัน
ก้านดอกยาว 4-8 มม. กลบี เล้ยี งค่นู อกรูปขอบขนาน ยาว 3-4 มม. ขยายเปน็ เชอื่ มตดิ กนั เปน็ แผน่ เชอื่ มตดิ กลบี ดอก รงั ไขม่ ี 2 ชอ่ ง กา้ นเกสรเพศเมยี เรยี วยาว
ปีกในผล 3 กลบี ในขนาดเล็ก ดอกรูปแตร สขี าวอมเหลอื งออ่ น ๆ โคนสเี ข้ม ยาว ปลายโค้ง ยอดเกสรจกั เป็นพู ผลแห้งแตก แบน ขอบเป็นปีก มี 2 เมลด็ สว่ นมากสีด�ำ
0.8-1.5 ซม. มี 5 กลบี ต้นื ๆ ปลายเว้าตื้น ขอบจกั ไมเ่ ป็นระเบียบ เกสรเพศผู้ 5 อัน มีเยือ่ หมุ้ ปลายบางครัง้ มีรยางค์กลวง (strophiole)
ตดิ ภายในหลอดกลบี ยาวไม่เทา่ กัน ยาว 3-6 มม. อับเรณเู ป็นเงี่ยง ก้านเกสรเพศเมยี

166

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ตา่ งไก่ปา่

สกลุ Polygala มปี ระมาณ 500 ชนิด สว่ นมากพบในอเมริกาใต้ อเมริกาเหนอื พบที่ศรีลังกา เนปาล อนิ เดยี จีนตอนใต้ พมา่ และภูมภิ าคอนิ โดจีน ในไทยพบ
และแอฟรกิ าทางตอนใต้ ในไทยมี 17 ชนิด ชื่อสกลุ มาจากภาษากรกี “polys” แทบทุกภาค ยกเวน้ ภาคตะวนั ตกเฉียงใต้ และภาคใต้ ขึน้ หนาแนน่ ในปา่ ดบิ เขา
มาก และ “gala” น�ำ้ นม หมายถงึ พชื พวก milkwort ที่เพม่ิ น�้ำ นมใหส้ ัตวเ์ ลย้ี ง ความสูง 900-2300 เมตร มคี วามผนั แปรสงู รากมสี รรพคุณแก้ไข้ ลดการอักเสบ

ต่างไก่เตยี้ เอกสารอ้างอิง
Chen, S.K., H. Ma and J.A.N. Parnell. (2008). Polygalaceae. In Flora of China
Polygala chinensis L. Vol. 11: 141, 145, 147.
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 60 ซม. มขี นหนาแนน่ ตามกงิ่ ใบ และชอ่ ดอก ใบรปู ขอบขนาน Pendry, C.A. (2001). Polygalaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 499-520.

ถงึ รปู แถบ แกมรปู ไขห่ รอื รปู ไขก่ ลบั ยาว 1-7 ซม. กา้ นใบยาว 1-2 มม. ชอ่ ดอกออก ต่างไก่เต้ยี : ชอ่ ดอกออกสัน้ ๆ ดอกสีขาวอมเขียว กลบี ลา่ งปลายมรี ยางคค์ ลา้ ยแปรง (ภาพบน: อบุ ลราชธานี - PK);
สัน้ ๆ ตามซอกใบ ใบประดบั รปู ไข่ ยาวประมาณ 0.5 มม. ก้านดอกยาว 0.5-1.5 มม. ตา่ งไกแ่ จ้: ดอกสนี ำ้� เงนิ (ภาพล่าง: ภูวัว บงึ กาฬ - PK)
กลีบเลยี้ ง 3 กลีบนอกรูปไข่ คลู่ ่างยาว 1.5-2 มม. กลีบบนยาว 2-2.8 มม. คู่ใน
รปู ขอบขนาน เบย้ี ว ยาว 4.2-7 มม. ขอบมขี นครยุ ดอกสขี าวอมเขยี วหรืออม ตา่ งไกใ่ ต:้ ช่อดอกห้อยลง ดอกเรียงหนาแน่น แกนกลางช่อบวม กา้ นดอกยาว หักงอขน้ึ ผลปลายเว้าต้ืน ผวิ มีร้วิ เป็นสนั
ชมพู ยาว 3.5-4.5 มม. กลีบคูบ่ นรูปใบพาย ยาว 3.2-5 มม. กลีบล่างยาวกวา่ คบู่ น (ภาพ: ยะลา - RP)
เลก็ นอ้ ย รยางคย์ าว 2-2.5 มม. แผน่ เกสรเพศผูย้ าวเทา่ ๆ กลบี ดอก ก้านเกสรเพศเมีย
ยาว 3.5-5.5 มม. ปลายโคง้ ผลรปู กลมกวา้ ง ปลายเวา้ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 3.5-4.5 มม. ตา่ งไก่เถื่อน: ใบรูปขอบขนาน กลีบเล้ยี งกลีบบนรปู เรอื ดอกสขี าวอมเหลอื ง หรอื มว่ ง กลบี ลา่ งปลายมรี ยางค์ 4-8 พู
มขี นประปราย เยือ่ ห้มุ เมล็ดจกั 3 พู ผลผิวเรียบ (ภาพ: ดอยตุง เชยี งราย - PK)

พบทอ่ี นิ เดีย จนี ตอนใต้ ภูมภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซีย ฟิลปิ ปินส์ และนิวกนิ ี ต่างไก่ป่า: มีความผันแปรสงู ทัง้ ลกั ษณะช่อดอกและสีดอก ผลผิวมรี ิว้ เปน็ สนั (ภาพซ้ายบนและภาพขวาล่าง: ภหู ลวง
ในไทยพบทุกภาค ขนึ้ ตามทีโ่ ลง่ ความสูงถึงประมาณ 2000 เมตร มคี วามผันแปรสงู เลย - PK; ภาพขวาบน: ดอยอินทนนท์ เชยี งใหม่ - RP; ภาพซา้ ยล่าง: เขาใหญ่ ปราจีนบรุ ี - SSi)
คล้ายกบั ตา่ งไกแ่ จ้ P. polifolia C. Presl ดอกสีน้�ำเงิน เกสรเพศผู้ยาวไม่เทา่ กนั
เชื่อมตดิ กนั 3 มัด ใบมสี รรพคุณลดการอกั เสบ รากแกภ้ มู แิ พ้

ต่างไก่ใต้

Polygala venenosa Juss. ex Poir.
ไม้พุ่ม สูงไดถ้ งึ 3 ม. ใบรูปรหี รือรปู ไขก่ ลับ ยาว 15-34 ซม. กา้ นใบยาว 1.5-2 ซม.

ชอ่ ดอกหอ้ ยลง ยาว 5-15 ซม. ใบประดบั ยาวประมาณ 2.5 มม. ดอกเรยี งหนาแนน่
แกนกลางช่อบวม กา้ นดอกยาวประมาณ 1 ซม. หกั งอขึน้ กลีบเลี้ยงนอกคลู่ ่าง
รูปไขก่ วา้ ง ยาว 3-3.5 มม. กลบี บนเป็นถุง ยาวประมาณ 8.5 มม. คู่ในรูปคมุ่ ยาว
1.2-1.7 ซม. ขอบมขี นครยุ ดอกสขี าวมสี มี ว่ งชมพแู ซม ยาว 1-1.5 ซม. กลีบค่บู น
ยาว 1.1-1.4 ซม. กลบี ลา่ งยาวเทา่ ๆ คบู่ น ปลายจกั 2 พู หนา รยางคย์ าวประมาณ
4 มม. แผ่นเกสรเพศผยู้ าวเทา่ ๆ กลีบดอก ก้านเกสรเพศเมียยาว 1-1.2 ซม. ปลายโคง้
ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 1.1-1.3 ซม. ปลายเวา้ ตน้ื ผวิ มรี วิ้ เปน็ สนั เยอ่ื หมุ้ เมลด็ ประมาณ
กึ่งหน่งึ สีสม้

พบทคี่ าบสมทุ รมลายู ชวา บอร์เนยี ว ฟลิ ิปปินส์ และภาคใต้ของไทยทพ่ี ังงา
สตูล พทั ลุง ยะลา ขึน้ ตามทีล่ าดชันในปา่ ดบิ ช้ืน ความสูง 400-900 เมตร

ตา่ งไก่เถอื่ น

Polygala karensium Kurz
ไมพ้ ่มุ สงู ไดถ้ งึ 2 ม. ใบรูปขอบขนาน ยาว 2-13 ซม. แผ่นใบด้านลา่ งมกั มีนวล

กา้ นใบยาว 0.7-1.5 ซม. ชอ่ ดอกหอ้ ยลง ออกเดี่ยว ๆ หรือเปน็ กระจุก ยาว 2-14 ซม.
ใบประดบั ยาว 0.3-1 ซม. กา้ นดอกยาว 2.5-4.5 มม. กลบี เลยี้ งนอกคลู่ า่ งรปู ขอบขนาน
ยาว 2.5-3 มม. กลบี บนรปู เรอื ยาว 4-6 มม. คใู่ นรปู ไขก่ ลบั แกมรปู คมุ่ ยาวประมาณ
1.5 ซม. ดอกสีขาวอมเหลือง หรือมว่ ง ยาว 1.5-2 ซม. กลบี คู่บนยาว 1.4-2 ซม.
กลีบล่างยาวเทา่ ๆ คบู่ น รยางค์มี 4-8 พู ยาวประมาณ 2 มม. แผน่ เกสรเพศผู้
ยาวเทา่ ๆ กลบี ดอก กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 1.7-2 ซม. ผลเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 8-9 มม.
เวา้ ต้ืน ผิวเรียบ เยื่อหุ้มเมลด็ จักเปน็ พู

พบทภ่ี ฏู าน จนี ตอนใต้ พมา่ และเวยี ดนาม ในไทยพบทางภาคเหนอื ทเี่ ชยี งใหม่
เชียงราย ภาคตะวันตกเฉียงใต้ที่กาญจนบุรี และภาคใต้ท่ีระนอง สุราษฎร์ธานี
นครศรธี รรมราช พงั งา ข้ึนตามป่าดบิ เขา ความสูง 900-2300 เมตร

ต่างไกป่ า่

Polygala arillata Buch.-Ham. ex D. Don
ไมพ้ มุ่ สงู ได้ถงึ 5 ม. ใบรูปรี รูปไข่ หรือรูปไข่กลบั ยาว 5-18 ซม. กา้ นใบยาว

0.5-1 ซม. ชอ่ ตง้ั ขึ้นหรอื หอ้ ยลง ยาวไดถ้ งึ 20 ซม. ใบประดับยาวไดถ้ ึง 2.8 มม.
ก้านดอกยาว 4-5 มม. กลีบเลีย้ งนอกคลู่ า่ งรูปขอบขนาน ยาว 3.5-4.5 มม. กลีบบน
เปน็ ถุง ยาว 6-8 มม. คใู่ นรปู คมุ่ แกมรูปไขก่ ลับ ยาว 1.1-1.4 ซม. ขอบมขี นครุย
ดอกสีเหลอื ง ยาว 1.5-2 ซม. กลบี คบู่ นยาว 1.1-1.4 ซม. กลีบล่างยาว 1.2-1.6 ซม.
ปลายจกั 2 พู รยางคแ์ ยกเป็นแฉก ๆ ยาวประมาณ 2 มม. แผน่ เกสรเพศผู้ยาวเท่า ๆ
กลบี ดอก ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1 ซม. ผลเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 1-1.5 ซม.
มสี ันรว้ิ ปกี กวา้ งประมาณ 4 มม. เยอ่ื หุ้มเมลด็ ประมาณก่ึงหน่ึง สีสม้

167

ตา่ งหูโนรา สารานุกรมพืชในประเทศไทย

ต่างหูโนรา พบทอี่ นิ เดยี พมา่ จนี ตอนใต้ ไตห้ วนั ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รลายู สมุ าตรา
บอร์เนยี ว ฟิลปิ ปนิ ส์ และซูลาเวซี ในไทยพบกระจายห่าง ๆ ทกุ ภาค สว่ นมากขน้ึ
Brachylophon anastomosans Craib ตามชายป่า ความสงู ถึงประมาณ 1000 เมตร
วงศ์ Malpighiaceae
สกลุ Triadica Lour. เดิมอย่ภู ายใต้สกุล Sapium sect. Triadica หรอื สกุล
ไม้พมุ่ สูงกวา่ 1 ม. ก่งิ ออ่ นเปน็ เหลี่ยม มขี นสีน้�ำตาลตามข้อ หูใบ 2 อนั รูปเข็ม Excoecaria sect. Triadica มี 3-4 ชนิด สว่ นมากพบในเอเชียตะวันออกและ
ยาวประมาณ 3 มม. ใบเรียงตรงข้าม แผ่นใบบาง รูปรถี งึ รูปแถบ ยาว 10-15 ซม. ภมู ภิ าคอินโดจีน ในไทยมีชนดิ เดียว ช่อื สกุลมาจากภาษากรีก “tria” สาม ตาม
ปลายแหลมยาว โคนรปู ลมิ่ เสน้ แขนงใบเรยี งจรดกนั หา่ งจากขอบใบ 0.5-1.2 ซม. จ�ำ นวนกลบี เลย้ี งในดอกเพศเมีย และรงั ไข่มี 3 ชอ่ ง
กา้ นใบยาว 2-7 มม. เปน็ รอ่ งชดั เจน ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบหรอื เอกสารอ้างองิ
ปลายก่งิ ยาวได้ถึง 12 ซม. กา้ นดอกยาว 3-7 มม. มตี ิ่งใกลโ้ คน ใบประดบั 1 อนั Esser, H.-J. and P.C. van Welzen. (2007). Euphorbiaceae (Triadica). In Flora of
ใบประดับย่อย 2 อนั ขนาดเล็ก ตดิ ทน ขอบมีขนครุย กลีบเลย้ี ง 5 กลบี รูปรี ปลายมน
ยาว 2-3 มม. ดอกสเี หลอื ง มี 5 กลบี รูปรี ยาว 0.8-1.2 ซม. เกสรเพศผู้ 10 อนั เรยี ง Thailand Vol. 8(2): 571-573.
2 วง วงนอกโค้งเข้าหากัน ยาวกว่าวงใน กา้ นชูอับเรณยู าว 5-7 มม. อบั เรณูยาว
3-5 มม. มรี ูเปดิ ท่ีปลาย รงั ไขม่ ี 3 ชอ่ ง แต่ละชอ่ งมีออวุลเม็ดเดียว ก้านเกสรเพศเมีย ตาตมุ่ ตร:ี โคนใบด้านบนมตี อ่ ม 2 ตอ่ ม ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยกแขนงส้ัน ๆ คลา้ ยช่อเชงิ ลด ออกทปี่ ลายก่งิ
3 อนั ยาวประมาณ 1 ซม. ตดิ ทน ผลแยกแลว้ แตก 3 ซีก พัฒนาเพยี ง 1-2 ซีก ดอกเพศเมยี อยู่โคนช่อ (ภาพชอ่ ดอก: เขาใหญ่ ปราจนี บุรี - SSi; ภาพชอ่ ผล: บงึ โขงหลง บึงกาฬ - RP)
ยาว 1-1.5 ซม. ปลายมสี นั คลา้ ยปีก ผวิ เป็นรา่ งแห เกลยี้ ง
ตาตุ่มทะเล, สกุล
พชื ถนิ่ เดยี วของไทย พบทางภาคใตต้ อนลา่ งทบี่ นั นงั สตา จงั หวดั ยะลา ขน้ึ ตาม
ป่าดิบช้นื ความสูงประมาณ 50 เมตร รูปร่างใบมคี วามผันแปรสงู Excoecaria L.
วงศ์ Euphorbiaceae
สกลุ Brachylophon Oliv. มี 2-3 ชนิด พบในภมู ภิ าคมาเลเซยี และภาคใต้ของไทย
ส่วนโนราตน้ B. curtisii Oliv. ดอกสเี หลอื ง ใบขนาดใหญก่ วา่ ก้านดอกยาว 2-3 ซม. ไม้พมุ่ หรอื ไมต้ ้น แยกเพศตา่ งต้นหรอื รว่ มตน้ น้�ำยางขาว หูใบจักชายครุย
พบท่คี าบสมุทรมลายู บอรเ์ นยี ว สมุ าตรา และภาคใต้ของไทย นอกจากน้ี ในไทยยัง รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวยี น เรยี งสลบั ระนาบเดยี ว หรอื ตรงขา้ ม ขอบจกั ฟนั เลอ่ื ยหรอื จกั มน
มีชนดิ ท่ีดอกสีขาว (Brachylophon sp.) ช่อดอกและก้านดอกหนา ส้นั ชอื่ สกุล ปลายจกั มตี ่อม เสน้ ใบเรียงจรดกันใกลข้ อบใบ ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง
มาจากภาษากรกี “brachys” สั้น และ “lophon” สัน ตามลกั ษณะปลายผล สนั้ ๆ คลา้ ยช่อกระจะ ออกที่ปลายกงิ่ ใบประดบั และใบประดับยอ่ ยมตี อ่ ม 2 ตอ่ ม
เอกสารอา้ งองิ กลบี เลย้ี ง 3 กลบี ไมม่ ีกลีบดอกและจานฐานดอก เกสรเพศผู้ 3 อนั แยกกนั รังไข่ มี
Sirirugsa, P. 1991. Malpighiaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(3): 295-299. 3 ชอ่ ง แต่ละช่องมีออวลุ 1 เมด็ กา้ นเกสรเพศเมยี ส้ัน ยอดเกสรแยกเปน็ 3 แฉก ติดทน
ไมม่ เี กสรเพศเมยี ที่เปน็ หมนั ในดอกเพศผู้ ผลแหง้ แตก จกุ ขัว้ เมล็ดติดบนแกน
ต่างหโู นรา: B. anastomosans ใบเรยี งตรงขา้ ม เสน้ แขนงใบเรียงจรดกนั ช่อดอกแบบช่อกระจะ ดอกสเี หลอื ง
เกสรเพศผู้ 10 อนั เรียง 2 วง วงนอกโค้งเขา้ หากนั ยาวกว่าวงใน (ภาพ: นราธิวาส - MP) สกลุ Excoecaria มี 35-40 ชนิด ส่วนใหญ่พบในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ในไทย
มี 5 ชนดิ ชอ่ื สกลุ มาจากภาษาละติน “excaeco” ทำ�ให้ตาบอด เน่ืองจากนำ้�ยาง
ตา่ งหโู นรา: Brachylophon sp. ดอกสีขาว ชอ่ ดอกและก้านดอกหนา สั้น (ภาพ: ตรัง - RP) ของพชื หลายชนิดมีพษิ รุนแรงถงึ ท�ำ ใหต้ าบอด

ตาตุ่มตรี ตาต่มุ ทะเล

Triadica cochinchinensis Lour. Excoecaria agallocha L.
วงศ์ Euphorbiaceae ไมพ้ มุ่ หรือไมต้ น้ สงู ได้ถงึ 15 ม. แยกเพศตา่ งต้น กง่ิ มชี ่องอากาศ หูใบยาว

ช่อื พ้อง Sapium cochinchinense (Lour.) Pax & K. Hoffm., Shirakia cochinchi- ประมาณ 2 มม. ใบเรียงเวียน รปู รหี รือรปู ขอบขนาน ยาว 3.5-11 ซม. มีต่อม 2 ตอ่ ม
nensis (Lour.) Hurus. บนขอบใบใกลโ้ คน ขอบจกั มนไมช่ ดั เจน ชอ่ ดอกเพศผยู้ าวไดถ้ งึ 13 ซม. กา้ นดอกสน้ั
กลบี เลย้ี งรปู สามเหลยี่ ม ยาวประมาณ 1 มม. โคนมกั มตี ง่ิ กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ
ไมต้ น้ ผลัดใบ แยกเพศร่วมตน้ สูงไดถ้ งึ 25 ม. หใู บขนาดเลก็ ใบเรียงเวียน 1.7 มม. ช่อดอกเพศเมียแบบชอ่ กระจะ ยาวได้ถึง 5 ซม. กา้ นดอกยาว 1-5 มม.
หนาแนน่ ทปี่ ลายก่ิง รปู รหี รอื รปู ไข่ ยาว 3.5-7 ซม. โคนมตี อ่ ม 2 ต่อม เสน้ แขนงใบ กลบี เลยี้ งรปู ไข่ ยาว 1.5-2 มม. กา้ นเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1 มม. ยอดเกสรยาว
ออกใกลโ้ คน 1 คู่ กา้ นใบยาว 1-3 ซม. ใบออ่ นสนี �้ำตาลอมแดง ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ 3-3.5 มม. ผลจักเป็นพู กวา้ งประมาณ 1 ซม. ยาว 5-7 มม. สกุ สีแดง เมล็ดกลม
แยกแขนงสั้น ๆ คลา้ ยช่อเชิงลด ออกท่ปี ลายก่งิ ชว่ งดอกเพศผยู้ าว 25-70 ซม. เสน้ ผ่านศนู ย์กลางประมาณ 4 มม.
ดอกออกเปน็ กระจุก 5-8 ดอก โคนใบประดบั มตี ่อม 2 ต่อม กา้ นดอกยาว 2-3 มม.
ไมม่ กี ลบี ดอก กลบี เลย้ี ง 3-6 กลบี ยาวประมาณ 1 มม. กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ พบทอี่ นิ เดยี ศรลี งั กา พมา่ จนี ตอนใต้ ไตห้ วนั ญปี่ นุ่ กมั พชู า เวยี ดนาม ภมู ภิ าค
1 มม. ดอกเพศเมยี อยูโ่ คนชอ่ มไี ด้ถึง 13 ดอกในแต่ละช่อกระจกุ ก้านดอกยาว มาเลเซยี ฟลิ ปิ ปินส์ นวิ กนิ ี ออสเตรเลีย และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยข้ึนตามชายป่า
2-4 มม. กลบี เลีย้ ง 3 กลบี ยาว 1-2 มม. กา้ นเกสรเพศเมีย 3 อัน ยอดเกสรเพศเมยี โกงกางตามชายฝั่งทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและอนั ดามัน
ยาว 2-3 มม. ผลแห้งแตก เส้นผา่ นศนู ย์กลาง 7-9 มม. มี 3 เมล็ด ตดิ บนกลางแกน
กลม ขนาด 3.5-5 มม. ตาตมุ่ นก

Excoecaria cochinchinensis Lour. var. viridis (Pax & K. Hoffm.) Merr.
ไมพ้ มุ่ สงู ไดถ้ งึ 2 ม. แยกเพศรว่ มตน้ หใู บยาวประมาณ 2 มม. ใบเรยี งตรงขา้ ม

หรือเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว รูปรีถึงรปู ใบหอก ยาว 4-14 ซม. ก้านใบยาว 0.4-1 ซม.
ช่อดอกส้นั หรอื ยาวได้ถงึ 5 ซม. ดอกเพศเมยี อยูท่ ่ีโคน ดอกเพศผู้ ก้านดอกสัน้
กลีบเล้ียงรูปสามเหล่ียม ยาว 0.6-1 มม. ขอบจักชายครุย ก้านชูอับเรณูยาว
ประมาณ 1 มม. ดอกเพศเมยี กา้ นดอกขยายในผล ยาวไดถ้ งึ 3 มม. กลบี เล้ียงรูปไข่

168

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ตานดำ�

ยาวประมาณ 1.5 มม. กา้ นเกสรเพศเมียส้ัน ยอดเกสรยาว 2-2.5 มม. ผลจักเปน็ พู ตานซ่าน
เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง 5-7 มม. เมล็ดกลม เส้นผา่ นศูนย์กลางประมาณ 2.5 มม.
Schizaea dichotoma (L.) Sm.
พบทีพ่ มา่ จนี ตอนใต้ ไตห้ วนั ภูมภิ าคอนิ โดจนี และคาบสมทุ รมลายู ในไทย วงศ์ Schizaeaceae
พบทกุ ภาค ขน้ึ รมิ ลำ� ธารในปา่ ดบิ แลง้ ปา่ ดบิ เขา และปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู ถงึ ประมาณ
1500 เมตร สว่ น var. cochinchinensis หรือ ล้ินกระบือ มถี ่ินกำ� เนิดในภมู ภิ าค ชือ่ พ้อง Acrostichum dichotomum L.
อนิ โดจนี ท้องใบสีแดง เปน็ ไม้ประดบั ท่ัวไปในเขตร้อน
เฟนิ ขึน้ บนพ้ืนดนิ มีเหงา้ สนั้ ๆ ทอดเล้ือย เสน้ ใยมีผนงั ก้นั มขี นสนี ้�ำตาลเปน็
เอกสารอ้างอิง มันวาวปกคลุม ใบแตกกง่ิ เปน็ คู่ 2-6 ครัง้ แผเ่ ปน็ รปู พดั ยาว 7-25 ซม. กง่ิ แรก
Li, B. and H.-J. Esser. (2008). Euphorbiaceae (Excoecaria). In Flora of China คล้ายกา้ นใบ กงิ่ บนแผ่นใบกว้าง 3-4 มม. กา้ นใบยาว 10-45 ซม. มคี รีบคล้ายปีก
Vol. 11: 280-281. ชว่ งบน เหนียว ต้งั ตรง ผิวเรยี บเปน็ มนั มีรอ่ งด้านบน เส้นแขนงใบแยก 2 แฉก
van Welzen, P.C. and H.-J. Esser. (2005). Euphorbiaceae (Excoecaria). In อบั สปอรแ์ ยกเปน็ แฉกรปู รา่ งคลา้ ยพดั ขนาดเลก็ 5-10 คู่ แตล่ ะแฉกยาว 2-5 มม.
Flora of Thailand Vol. 8(1): 292-298. อบั สปอร์เรียงสองแถว ไมม่ ีเยือ่ คลมุ

ตาตุ่มทะเล: ใบเรยี งเวยี น ชอ่ ดอกเพศผแู้ บบชอ่ กระจกุ แยกแขนงสน้ั ๆ คลา้ ยชอ่ กระจะ ออกที่ปลายกิง่ ผลจักเปน็ พู พบในแอฟรกิ า เอเชีย ออสเตรเลยี นิวซแี ลนด์ และหมู่เกาะแปซิฟกิ ในไทย
เกสรเพศเมียติดทน (ภาพ: อ่าวพังงา พังงา - SSi) สว่ นมากพบทางภาคใต้ และภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ ขน้ึ ตามทโ่ี ลง่ ชายปา่ ความสงู
ระดบั ต่ำ� ๆ เหง้ามีสรรพคุณบรรเทาอาการไอและเจบ็ คอ

สกลุ Schizaea Sm. คล้ายกับสกลุ ตานทราย Actinostachys ที่ใบออกเด่ยี ว ๆ
คลา้ ยหญา้ มี 20-21 ชนิด ในไทยมีชนดิ เดยี ว ชือ่ สกลุ มาจากภาษากรกี “schizae”
แยก ตามลกั ษณะใบทแ่ี ตกกิ่ง

เอกสารอา้ งองิ
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1979). Schizaeaceae. In Flora of Thailand Vol.
3(1): 57-58.
Xianchun, Z. and J.T. Mickel. (2013). Schizaeaceae. In Flora of China Vol. 2-3: 122.

ตาตุ่มนก: ใบเรยี งตรงขา้ ม แยกเพศร่วมต้น ชอ่ ดอกสั้น ดอกเพศเมยี อยทู่ โ่ี คน ผลจกั เปน็ พู (ภาพซา้ ย: ปา่ ละอู ตานซา่ น: เฟินขึน้ บนดนิ ใบแตกกิ่งเปน็ คหู่ ลายคร้งั แผเ่ ปน็ รปู พดั อับสปอรแ์ ยกเป็นแฉกรูปรา่ งคลา้ ยพดั ขนาดเล็ก
ประจวบคีรขี ันธ์ - SSi); ลิ้นกระบือ: ทอ้ งใบสแี ดง เป็นไมป้ ระดบั (ภาพขวา: cultivated - RP) อบั สปอรเ์ รียงสองแถว (ภาพซ้ายและภาพขวาบน: พรุโตะ๊ แดง นราธวิ าส - PC; ภาพขวาล่าง: เกาะช้าง ตราด - PK)

ตานงนั เขา ตานดำ�

Breynia villosa (Blanco) Welzen & Pruesapan Diospyros montana Roxb.
วงศ์ Phyllanthaceae วงศ์ Ebenaceae

ชือ่ พอ้ ง Kirganelia villosa Blanco, Sauropus villosus (Blanco) Merr. ไมต้ น้ สงู ได้ถงึ 15 ม. ก่ิงมหี นาม ใบรูปรี รูปขอบขนาน รูปไข่ หรือรปู ไข่กลบั
ยาว 2-12 ซม. แผน่ ใบมีขนสั้นนมุ่ ทัง้ สองดา้ น เสน้ แขนงใบขา้ งละ 3-7 เสน้ ก้านใบ
ไมพ้ ่มุ สงู ไดถ้ งึ 2 ม. มขี นหยาบยาวหนาแน่นตามก่งิ หใู บ แผ่นใบ กา้ นใบ ยาว 0.2-1 ซม. ดอกเพศผู้ ก้านดอกยาวประมาณ 2 มม. กลีบเลยี้ งรูประฆงั ยาว
ก้านดอก และกลีบเล้ยี งดา้ นนอก หูใบยาว 2-4 มม. ใบรปู ไข่ แกมรูปขอบขนาน 1-2 มม. มี 4 กลบี แฉกลกึ เกอื บจรดโคน มขี นประปรายทัง้ สองด้าน ดอกรปู คนโท
หรอื รปู ใบหอก ยาว 1.2-6.5 ซม. ปลายแหลม มตี ง่ิ กา้ นใบยาว 1-2 มม. ดอกสเี หลอื ง ยาว 0.8-1 ซม. มี 4 กลีบ แฉกลกึ เกนิ ก่ึงหนึง่ เกสรเพศผ้มู ี 14-20 อนั รังไข่ท่ไี ม่เจรญิ
อมเขียว เส้นผ่านศูนย์กลาง 2-3 มม. ดอกเพศผู้ กา้ นดอกยาว 3-4 มม. กลบี เล้ียงยาว มขี นยาว ดอกเพศเมยี ออกเดยี่ ว ๆ กา้ นดอกยาวประมาณ 5 มม. รงั ไขม่ ี 8 ชอ่ ง เกลยี้ ง
ประมาณ 1.2 มม. โคนมเี กลด็ ดอกเพศเมยี กา้ นดอกยาวประมาณ 1 มม. กา้ นดอก กา้ นเกสรเพศเมยี 4 อนั เกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมนั 4-12 อนั ผลกลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
และกลบี เล้ยี งขยายในผลเลก็ น้อย ยอดเกสรเพศเมยี ยาว 0.5-0.7 มม. แผร่ าบ ผลรปู รี 1-3 ซม. กลบี เลยี้ งบานออกหรอื พบั งอกลบั กา้ นผลยาว 5-7 มม. เอนโดสเปริ ม์ เรยี บ
ยาว 8-9 มม. สเี หลอื งอมสม้ เมลด็ รปู สามเหลยี่ ม (ดขู อ้ มลู เพมิ่ เตมิ ที่ ครามนำ้� , สกลุ ) (ดขู ้อมูลเพ่มิ เตมิ ที่ มะเกลือ, สกุล)

พบท่ีเวยี ดนาม คาบสมทุ รมลายตู อนบน สุมาตรา ฟลิ ปิ ปินส์ ในไทยพบทาง พบทอี่ นิ เดยี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซยี ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทกุ ภาค
ภาคตะวนั ออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ มกั ขนึ้ ตามทโ่ี ลง่ ความสงู ไมเ่ กนิ 50 เมตร บางครง้ั ขึ้นตามป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และตามเขาหินปูนในป่าดิบชื้น ความสูงถึง
พบเปน็ ไมป้ ระดบั โดยมีชอ่ื ทางการค้าวา่ มะยมทอง ประมาณ 600 เมตร ผลมพี ิษใช้เบอ่ื ปลา มสี รรพคุณเปน็ ยาสมาน ลดไข้ เปลือก
แก้ปวดท้อง โรคบดิ
เอกสารอ้างอิง
van Welzen, P.C. (2007). Euphorbiaceae (Sauropus). In Flora of Thailand Vol. เอกสารอ้างองิ
8(2): 552-554. Phengklai, C. (1981). Ebenaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(4): 309-310.

ตานงนั เขา: มขี นหยาบยาวหนาแน่น ดอกเพศเมยี ก้านดอกสั้น ผลสุกสเี หลืองอมสม้ (ภาพ: สวี ชมุ พร - RP)

169

ตานทราย สารานุกรมพชื ในประเทศไทย

พบทอี่ นิ เดยี เนปาล พมา่ และภาคเหนอื ของไทยทเี่ ชยี งใหม่ ล�ำปาง และตาก
ข้ึนใต้ร่มเงาหรือชายปา่ เตง็ รัง และป่าเบญจพรรณ ความสูง 100-400 เมตร

เอกสารอา้ งองิ
Staples, G. and P. Traiperm. (2010). Convolvulaceae (Argyreia). In Flora of
Thailand Vol. 10(3): 364-365.

ตานด�ำ: แผ่นใบมขี นสนั้ นมุ่ ท้งั สองด้าน ดอกเพศเมยี ออกเดี่ยว ๆ กลีบเล้ยี งแฉกลึกเกือบจรดโคน พบั งอกลบั ในผล ตานฟกั : มีขนยาวสเี งินตามแผน่ ใบดา้ นล่าง ชอ่ ดอกแบบช่อกระจุกแยก 2 แขนง ดอกรูปแตร สีชมพหู รือม่วงอ่อน
(ภาพดอกเพศเมยี : สระบรุ ี - PT; ภาพผล: เพชรบุรี - RP) ด้านในมีสเี ข้ม กลีบเลย้ี งติดทน พบั งอกลับ (ภาพดอก: ห้วยขาแข้ง อทุ ยั ธานี - PK; ภาพผล: บา้ นตาก ตาก - RP)

ตานทราย ตานโมย

Actinostachys digitata (L.) Wall. ex C. F. Reed Apostasia nuda R. Br.
วงศ์ Schizaeaceae วงศ์ Orchidaceae

ชอ่ื พ้อง Acrostichum digitatum L., Schizaea digitata (L.) Sw. กล้วยไมด้ ิน สงู ได้ถงึ 70 ซม. เหง้ามีเกลด็ ปกคลมุ ใบเรียงเวียน รูปแถบ ยาว
13-45 ซม. ปลายเรยี วแหลมเปน็ หลอดรปู เสน้ ดา้ ย ยาวไดถ้ งึ 1 ซม. โคนเรยี วสอบ
เฟินขึ้นบนพน้ื ดิน มเี หง้าส้ัน ทอดเล้อื ย ใบออกเป็นกระจุกทีป่ ลายเหง้า 4-10 ใบ เปน็ กาบ เสน้ ใบจ�ำนวนมาก ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจะโคง้ ลง ใบประดบั ชว่ งโคนไมม่ ดี อก
ตงั้ ขึน้ คลา้ ยหญา้ แผน่ ใบแบนคลา้ ยมีปกี เรยี วยาว ยาว 15-45 ซม. กวา้ ง 2-5 มม. เรยี งหนาแนน่ แต่ละชอ่ มีได้ถึง 12 อนั รูปใบหอกปลายแหลม ยาวไดถ้ งึ 2 ซม.
ปลายแหลม ขอบใบเรียบ เส้นกลางใบชดั เสน้ แขนงใบไม่ชัด แผ่นแขง็ เปน็ มนั วาว ใบประดบั ขนาดเลก็ กวา่ ใบประดบั ทโ่ี คน ตดิ ทน ดอกสคี รมี หรอื เหลอื ง กลบี เลยี้ ง
บดิ เปน็ เกลยี วเลก็ นอ้ ย ดา้ นลา่ งมตี อ่ มขนกระจาย กา้ นใบสน้ั หรอื ไมช่ ดั เจน อบั สปอร์ และกลีบดอกจ�ำนวนอย่างละ 3 กลีบ คล้ายรูปเรือ ยาวเท่า ๆ กัน ยาว 3.3-4.5 มม.
เกดิ ท่ีปลายใบทแ่ี ยกเป็น 5-20 แฉก ยาว 2-5 ซม. กลมุ่ อับสปอร์เกดิ ดา้ นใน เส้าเกสรโค้งงอ ยาว 0.5-1 มม. เกสรเพศผู้ 2 อนั ยาว 3-4 มม. กา้ นชอู ับเรณูสั้น
ตลอดความยาวแฉก เชอื่ มตดิ โคนกา้ นเกสรเพศเมยี อบั เรณตู ดิ ทีฐ่ าน หมุ้ เกสรเพศเมีย โคนเป็นเงี่ยง
ปลายแกนอับเรณมู ีรยางคส์ ัน้ ๆ ไม่มเี กสรเพศผทู้ เ่ี ปน็ หมนั ยอดเกสรเพศเมียเป็นตุ่ม
พบท่มี าดากสั การ์ อนิ เดยี จนี ไต้หวัน ญ่ปี ุ่น พม่า เวียดนาม ภมู ิภาคมาเลเซีย ผลแห้งแตก เรยี วแคบ ยาว 1.2-1.5 ซม. มีสันต้นื ๆ 3 สนั เมล็ดขนาดเล็ก จำ� นวนมาก
และหมู่เกาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทางภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉยี งใต้ ขึ้นตาม รงั ไข่รวมกา้ นดอกยาว 0.8-1.2 ซม.
ชายปา่ ดบิ ช้ืนใกล้ชายฝัง่ ทะเล หรอื ปา่ พรุ ความสงู ระดบั ตำ่� ๆ
พบทีพ่ ม่า กัมพชู า เวียดนาม คาบสมทุ รมลายู ชวา สมุ าตรา และบอรเ์ นยี ว
สกุล Actinostachys Wall. ลักษณะคลา้ ยสกลุ Schizaea ที่ใบแยกแขนง มีมากกวา่ ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคกลาง ภาคตะวนั ออกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉียงใต้
10 ชนิด ในไทยมี 2 ชนิด อีกชนิดคือ A. wagneri (Selling) C. F. Reed พบทพี่ งั งา และพบมากทางภาคใต้ ขนึ้ ตามปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชน้ื ความสงู 100-500 เมตร
ชอ่ื สกลุ มาจากภาษากรกี “actinos” แฉกรัศมี และ “stachys” ช่อเชงิ ลด ตาม
ลักษณะอบั สปอร์เกิดทป่ี ลายใบที่แยกเป็นแฉก สกลุ Apostasia Blume เคยอยภู่ ายใตว้ งศ์ Apostasiaceae รว่ มกบั สกุล Neuwiedia
เอกสารอ้างอิง ปจั จบุ ันอยู่วงศ์ยอ่ ย Apostasioideae ซง่ึ ต่างจากกลว้ ยไม้ทั่ว ๆ ไปทอ่ี บั เรณูอนั เดยี ว
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and และก้านชอู ับเรณเู ชอ่ื มตดิ ก้านเกสรเพศเมียเป็นเสา้ เกสร (gynostemium)
มี 8 ชนดิ พบในเอเชีย และออสเตรเลยี ในไทยมี 3 ชนิด ช่ือสกุลมาจากภาษากรกี
Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/ “apostasia” แยกออกจาก หมายถึงสกุลท่แี ยกออกมาจากพืชพวกกล้วยไม้
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1979). Schizaeaceae (Schizaea digitata). In Flora เอกสารอา้ งอิง
Chen, X., S.W. Gale and P.J. Cribb. (2009). Orchidaceae (Apostasia). In Flora
of Thailand Vol. 3(1): 58.
Xianchun, Z. and J.T. Mickel. (2013). Schizaeaceae (Schizaea digitata). In Flora of China Vol. 25: 20.
Larsen, K. and E.F. de Vogel. (1972). Apostasiaceae. In Flora of Thailand Vol.
of China Vol. 2-3: 122.
2(2): 134-137.
ตานทราย: ใบออกเป็นกระจุกคลา้ ยหญ้า อับสปอร์เกดิ ที่ปลายใบท่ีแยกเปน็ 5-20 แฉก กลมุ่ อบั สปอร์เกดิ ดา้ นใน
ตลอดความยาวใบท่แี ยกเป็นแฉก (ภาพ: พรุโตะ๊ แดง นราธวิ าส - PC) ตานโมย: ใบเรยี งเวยี น รปู แถบ ช่อดอกแบบชอ่ กระจะโคง้ ลง ใบประดับช่วงโคนไมม่ ดี อก เรยี งหนาแนน่
(ภาพ: เขาคิชฌกฏู จันทบรุ ี - TP)
ตานฟกั

Argyreia roxburghii (Sweet) Choisy
วงศ์ Convolvulaceae

ชือ่ พ้อง Ipomoea roxburghii Sweet

ไม้เถาล้มลุก ยาวได้ถงึ 4 ม. ล�ำต้นมีขนขาวกระจาย มีขนยาวสเี งินตามแผ่นใบ
ด้านล่าง ใบประดบั และกลีบเลยี้ งดา้ นนอก ใบรปู ไข่กว้างหรือเกือบกลม ยาว
7-19 ซม. กา้ นใบยาว 3-9 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกแยก 2 แขนง ก้านช่อสั้น
หรือยาวได้ถงึ 10 ซม. ใบประดบั ชว่ งโคนคลา้ ยใบ รปู ไข่กว้าง ยาว 4-7 ซม. ตดิ ทน
ใบประดบั และใบประดับยอ่ ยรูปขอบขนาน ยาว 1.2-2 ซม. ร่วงเร็ว ก้านดอกส้นั
กลบี เลย้ี งกลีบนอก 3 กลีบ รปู รี ยาว 1-1.2 ซม. กลบี คู่ในรปู ไข่ขนาดเลก็ กวา่
ขยายพบั และงอกลบั ในผล ดอกรปู แตร สชี มพหู รอื มว่ งออ่ น ปากหลอดสเี ขม้ ยาว
5-6.5 ซม. เกสรเพศผยู้ าวไม่เท่ากนั ยาว 1.6-2.4 ซม. ที่จุดตดิ บนหลอดกลีบมี
ต่อมขน จานฐานดอกรูปวงแหวน รังไขเ่ กล้ียง ผลเส้นผา่ นศูนย์กลาง 1.3-1.5 ซม.
สกุ สเี หลอื งหรอื ด�ำ (ดูข้อมูลเพิม่ เติมท่ี เครือพุงหม,ู สกุล)

170

สารานุกรมพชื ในประเทศไทย ตาลเหลอื ง

ตาลปตั รฤาษี ตาลมังกร: เฟินอิงอาศยั เหง้าอวบหนา ใบเรียงสลับ 2 แถว หา่ ง ๆ มชี ว่ งตอ่ โคนก้านใบสั้น ๆ กลุ่มอับสปอรก์ ลม
เรยี งเปน็ แถวระหว่างเส้นกลางใบและขอบใบ เว้าเป็นแอ่งด้านลา่ ง นนู ด้านบน (ภาพ: พรโุ ต๊ะแดง นราธวิ าส - PC)
Limnocharis flava (L.) Buchenau
วงศ์ Alismataceae ตาลเหลอื ง

ชื่อพอ้ ง Alisma flavum L. Ochna integerrima (Lour.) Merr.
วงศ์ Ochnaceae
ไมน้ ำ�้ ลม้ ลกุ กา้ นใบ กา้ นชอ่ ดอก และก้านดอกรปู สามเหลยี่ ม ใบยน่ื พ้นนำ�้
รปู ไข่ ยาว 6.5-28 ซม. ปลายกลมหรอื มีติ่ง ก้านใบยาว 12-85 ซม. โคนมกี าบ ชอื่ พ้อง Elaeocarpus integerrimus Lour.
ยาวไดถ้ งึ 20 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ ซรี่ ม่ ออกทยี่ อด ตดิ บนวงใบประดบั มี 3-12 ดอก
กา้ นชอ่ ยาว 10-60 ซม. ใบประดับรปู ไขห่ รือรูปใบหอก ยาว 1.5-2.5 ซม. ปลายกลม ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 12 ม. หใู บขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ใบเรยี งเวยี น รปู ขอบขนาน
หรือมีต่ิง ก้านดอกยาว 4-8 ซม. กลบี เลี้ยง 3 กลีบ รปู ไข่ ยาว 1.6-1.7 ซม. ตดิ ทน ถึงรปู ใบหอก หรอื แกมรปู ไขก่ ลบั ยาว 6-25 ซม. ขอบจกั ฟันเล่ือย กา้ นใบยาว
ดอกสเี หลอื ง มี 3 กลีบ รูปไข่กวา้ งเกือบกลม ยาว 2-2.5 ซม. เกสรเพศผูจ้ ำ� นวนมาก 1-5 มม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจุกแยกแขนงส้นั ๆ ยาวไดถ้ งึ 4 ซม. กา้ นดอกยาว
วงนอกสว่ นมากเป็นหมัน กา้ นชูอับเรณแู บน ยาวประมาณ 4.5 มม. มี 5-20 คารเ์ พล 2-4 ซม. ฐานดอกขยายในผล กลบี เลี้ยง 4 กลบี รูปไข่แกมรปู ขอบขนาน ยาว
ตดิ กนั ทโ่ี คน ไรก้ า้ นเกสรเพศเมยี ยอดเกสรเพศเมยี รปู เสน้ ดา้ ย ผลแตกแนวเดยี ว 1-1.6 ซม. ขยายในผล ดอกสีเหลอื ง มี 5-7 กลีบ รูปไขก่ ลับ ยาว 1.5-2.5 ซม.
จากด้านใน รปู ครึง่ วงกลม ผลย่อยยาว 1-1.6 ซม. เมลด็ จำ� นวนมากรูปตัวยู มกี า้ นกลบี เกสรเพศผจู้ �ำนวนมาก เรยี ง 2-3 วง กา้ นชอู บั เรณยู าว 3-7 มม. วงนอก
ยาวกวา่ วงใน ตดิ ทน มสี แี ดงในผล อบั เรณรู ปู แถบยาว 4-6 ซม. มชี อ่ งเปดิ ทป่ี ลาย
มีถิ่นก�ำเนิดในอเมริกาเขตร้อน ขึ้นเป็นวัชพืชตามท่ีช้ืนแฉะและแหล่งน้�ำใน มี 6-15 คาร์เพล กา้ นเกสรเพศเมียยาว 1-1.5 ซม. มีโคนก้าน ยอดเกสรจักเป็นพตู ื้น ๆ
แอฟรกิ า เอเชีย ออสเตรเลยี และหม่เู กาะแปซฟิ ิก หรือพบเปน็ ไมป้ ระดบั ใบอ่อน ผลยอ่ ยแบบผนงั ชนั้ ในแขง็ มี 3-15 ผล ตดิ บนฐานดอกใกลโ้ คน รปู รี ยาวประมาณ
กา้ นใบออ่ น และชอ่ ดอก กนิ เป็นผกั สด ทงั้ ตน้ ใชเ้ ลี้ยงสตั ว์ 1 ซม. สกุ สดี ำ� กลบี เล้ยี งติดทน สแี ดง พับงอกลับ ยาวประมาณ 2 ซม.

สกุล Limnocharis Bonpl. มี 2 ชนดิ มถี ิน่ ก�ำ เนิดในอเมริกาเขตรอ้ น ชื่อสกุลมาจาก พบทอี่ นิ เดยี ปากสี ถาน พม่า ภมู ภิ าคอนิ โดจีน และคาบสมทุ รมลายู ในไทย
ภาษากรีก “limne” บอ่ น�้ำ และ “charis” ความงาม หมายถึงพืชน�ำ้ ท่มี ีความสวยงาม พบทุกภาค ข้ึนตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรงั ป่าดิบแล้ง และชายฝง่ั ทะเล ความสูง
เอกสารอา้ งองิ ถึงประมาณ 1200 เมตร เปลือกและผลแก้โรคบิดถ่ายมมี ูกเลอื ด
Haynes, R.R. (2001). Limnocharitaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 384-385.
Wang, Q., R.R. Haynes and C.B. Hellquist. (2010). Alismataceae. In Florta of สกลุ Ochna L. มี 85 ชนิด ส่วนใหญ่พบในแอฟรกิ า ในเอเชยี มี 4 ชนิด ในไทยมี
พืชพื้นเมืองชนดิ เดียว และเป็นไมป้ ระดบั อกี 1 ชนดิ คอื มกิ กี้เมา้ ส์ O. thomasiana
China Vol. 23: 89. Engl. & Gilg ซึง่ มกั เขา้ ใจผิดวา่ เป็น O. kirkii Oliv. มีถ่ินกำ�เนดิ ในแอฟริกา
กลบี เลีย้ งและกลีบดอกจ�ำ นวนอย่างละ 5 กลีบ ก้านชอู ับเรณูยาวประมาณก่งึ หนงึ่
ตาลปัตรฤๅษี: กา้ นใบ กา้ นช่อ และก้านดอกรูปสามเหลีย่ ม ชอ่ ดอกแบบชอ่ ซร่ี ม่ ติดบนวงใบประดบั ของอบั เรณู ช่อื สกลุ มาจากภาษากรกี “ochne” แพร์ปา่ ท่ใี ช้เรียกพืชสกุลน้ี
(ภาพ: กรุงเทพฯ; ภาพซ้าย - MP, ภาพขวา - RP) เอกสารอ้างองิ
Kanis, A. (1970). Ochnaceae. In Flora of Thailand Vol. 2(1): 25-26.
ตาลมงั กร
ตาลเหลือง: ดอกออกเป็นชอ่ แบบชอ่ กระจุกแยกแขนงสน้ั ๆ เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก ผลย่อยตดิ บนฐานดอกที่ขยาย
Lecanopteris sinuosa (Wall. ex Hook.) Copel. เกสรเพศผูต้ ดิ ทน สีแดง (ภาพดอก: แม่สะนาม เชียงใหม่, ภาพผล: เขาหลกั พังงา; - RP)
วงศ์ Polypodiaceae
มิกกเ้ี ม้าส:์ กลบี ดอก 5 กลบี กา้ นชูอับเรณูยาวประมาณก่งึ หนึ่งของอับเรณู (ภาพ: cultivated - RP)
ชือ่ พ้อง Polypodium sinuosum Wall. ex Hook., Myrmecophila sinuosa (Wall.
ex Hook.) Nakai ex H. Ito 171

เฟินอิงอาศยั เหงา้ อวบหนา เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลาง 1-2 ซม. กลวงเปน็ ทีอ่ ยูข่ องมด
มีเกลด็ สีน้�ำตาลดำ� หนาแน่น ขนาดประมาณ 3 มม. ใบเรยี งสลับ 2 แถว หา่ ง ๆ
1.5-2 ซม. ช่วงต่อโคนก้านใบ (phyllopodia) ยาวประมาณ 5 มม. กา้ นใบยาว
3-8 ซม. ชว่ งบนเปน็ ปกี แคบ ใบรปู ใบหอกหรอื รปู แถบ ยาว 15-38 ซม. ใบไมส่ รา้ ง
สปอร์กวา้ งประมาณ 3.5 ซม. ใบสรา้ งสปอรเ์ รยี วแคบ ขอบใบเรยี บหรือเป็นคลน่ื
เสน้ กลางใบนนู สองดา้ น เสน้ แขนงใบแบบรา่ งแห กลมุ่ อบั สปอรก์ ลม เรยี งเปน็ แถว
ระหวา่ งเสน้ กลางใบและขอบใบ เวา้ เปน็ แอง่ ดา้ นลา่ ง นนู ชดั เจนดา้ นบนแผน่ ใบ
เส้นผ่านศนู ยก์ ลางประมาณ 3.5 มม.

พบทก่ี มั พชู า เวยี ดนาม คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา และหมเู่ กาะโซโลมอน ในไทย
พบแทบทุกภาค ยกเวน้ ภาคเหนอื และภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เกาะบนตน้ ไม้
ในปา่ ดิบแล้ง ปา่ ดบิ ชื้น หรอื ชายป่าพรุ ความสงู ระดบั ตำ�่ ๆ

สกุล Lecanopteris Reinw. เปน็ กล่มุ เฟนิ รงั มด มีประมาณ 13 ชนิด พบใน
เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ และนิวกนิ ี ในไทยมี 3 ชนิด ชอ่ื สกุลมาจากภาษากรีก
“lekane” จาน และ “pteris” เฟิน ตามรปู รา่ งกลมุ่ อบั สปอร์
เอกสารอา้ งอิง
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and

Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1989). Polypodiaceae (Myrmecophila sinuosa). In

Flora of Thailand Vol. 3(4): 535.

ตาเหนิ สารานุกรมพืชในประเทศไทย

ตาเหิน, สกุล ตาเหินไหว: ดอกเรียงหนาแน่น ใบประดับส้นั กา้ นชอู ับเรณยู าวกว่ากลีบปาก (ภาพซ้าย: ภหู ลวง เลย - MP);
มหาหงส:์ ใบประดบั เรยี งซอ้ นเหล่ือม ก้านชูอับเรณูสัน้ กวา่ กลีบปาก (ภาพขวา: cultivated - RP)
Hedychium J. Koenig
วงศ์ Zingiberaceae ตาเหนิ : ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ออกที่ยอด ตัง้ ขน้ึ แต่ละใบประดบั มดี อกเดียว ก้านชอู บั เรณูสัน้ กว่ากลีบปาก
(ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชียงใหม่ - PR)
ไมล้ ม้ ลกุ บางครั้งขน้ึ บนหนิ หรืออิงอาศยั มเี หงา้ ลิน้ กาบชัดเจน ใบเรยี งสลับ
ระนาบเดยี ว ชอ่ ดอกแบบชอ่ เชงิ ลด ออกทยี่ อด ตงั้ ขน้ึ ใบประดบั เรยี งซอ้ นเหลอื่ ม ตาเหินเชียงดาว: หลอดกลีบเลย้ี ง ใบประดับ และใบประดับย่อยมีขน กลีบปากแฉกลกึ กา้ นชูอับเรณูยาวกว่ากลีบปาก
มหี นง่ึ หรอื หลายดอก ใบประดบั ยอ่ ยเปน็ หลอด กลบี เลย้ี งเชอื่ มตดิ กนั เปน็ หลอด อับเรณูส้นั (ภาพ: ดอยเชยี งดาว เชยี งใหม่ - VC)
แยกจรดโคนดา้ นเดยี ว ปลายจกั 3 พู กลบี ดอกเชอื่ มตดิ กนั เปน็ หลอดยาว มี 3 กลบี
กลบี ขา้ งรปู แถบ พบั งอกลบั กลบี ปากเปน็ แผน่ กวา้ ง ปลายแยก 2 แฉก มกี า้ นกลบี ตำ�แยเครือ
แผ่นเกสรเพศผู้ที่เป็นหมันด้านข้างใหญ่กว่ากลีบดอก ก้านชูอับเรณูเรียวยาว
อับเรณูตดิ ด้านหลัง โคนกางออก ปลายแกนอับเรณไู ม่มีรยางค์ รงั ไข่มี 3 ช่อง Cnesmone javanica Blume
พลาเซนตารอบแกนรว่ ม ก้านเกสรเพศเมียรปู เสน้ ด้าย ผลแห้งแตกเปน็ 3 ซีก วงศ์ Euphorbiaceae
เมล็ดจำ� นวนมาก มีเยื่อหุ้ม ขอบวน่ิ
ไม้เถา แยกเพศรว่ มตน้ มขี นแสบคนั ทวั่ ไป หใู บรปู สามเหลย่ี ม ยาว 5-8 มม.
สกลุ Hedychium อยภู่ ายใต้วงศ์ย่อย Zingiberoideae มีประมาณ 50 ชนิด พบ ติดทน ใบเรียงเวยี น รปู ไข่หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 6-17 ซม. ปลายแหลมยาว
ในมาดากัสการ์ เอเชียเขตร้อนและกงึ่ เขตรอ้ น ในไทยมี 28-30 ชนิด หลายชนิด หรอื ยาวคลา้ ยหาง โคนรปู หวั ใจ ขอบจกั ฟนั เลอื่ ย เสน้ โคนใบขา้ งละ 1-2 เสน้ ชอ่ ดอก
พบเป็นไม้ประดบั เช่น ข่าดง H. coccineum Buch.-Ham. ex Sm. ตาเหินไหว แบบชอ่ กระจะ ออกตรงขา้ มใบหรอื ปลายกง่ิ ยาว 3-9 ซม. ไมม่ กี ลบี ดอกและจาน
H. ellipticum Buch.-Ham. ex Sm. และมหาหงส์ H. coronarium J. Koenig ฐานดอก ดอกเพศผจู้ ำ� นวนมากอยปู่ ลายชอ่ กา้ นดอกยาวกวา่ ในดอกเพศเมยี กลบี เลย้ี ง
เป็นต้น ชอื่ สกุลมาจากภาษากรกี “hedys” หอมหวาน และ “chion” หมิ ะ ตาม รูปสามเหลย่ี ม ยาวประมาณ 5 มม. ติดทน ขยายในผลเลก็ น้อย เกสรเพศผู้ 3 อัน
ลกั ษณะดอกสขี าวในบางชนดิ และมีกลนิ่ หอม แยกกัน กา้ นเกสรหนา อบั เรณูปลายมรี ยางคส์ นั้ ๆ ไม่มีเกสรเพศเมยี ทีเ่ ปน็ หมนั
ดอกเพศเมียมี 1-2 ดอก อยู่ด้านล่าง ก้านดอกสั้นมาก กลีบเล้ียงรูปไข่ ยาว
ตาเหนิ 0.7-1 ซม. รงั ไข่มขี นหนาแน่น เกสรเพศเมียแยก 3 แฉก ยอดเกสรจกั ชายครุย ตดิ ทน
ผลแห้งแตก จกั 3 พู รูปรี ยาวประมาณ 1.5 ซม. คอลิวเมลลาตดิ ทน กวา้ งด้านบน
Hedychium spicatum Sm. กา้ นผลยาวประมาณ 3 มม. มี 3 เมล็ด กลม ๆ
ไมล้ ม้ ลุก สงู ได้ถึง 1 ม. ล้นิ กาบยาว 1.5-2.5 ซม. มีขน ใบรปู ใบหอก ยาว
พบทอ่ี นิ เดยี ภฏู าน บงั กลาเทศ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา
10-40 ซม. แผน่ ใบด้านลา่ งมีขนยาวประปรายตามเส้นกลางใบ ไร้ก้านหรอื มกี า้ นสั้น บอรเ์ นยี ว และชวา ในไทยพบทกุ ภาค สว่ นมากขนึ้ ตามเขาหนิ ปนู ความสงู ถงึ ประมาณ
ชอ่ ดอกยาวได้ถึง 20 ซม. แต่ละใบประดบั มีดอกเดียว มขี นสัน้ นมุ่ ใบประดบั รปู 300 เมตร แยกเปน็ var. glabriuscula N. P. Balakr. & N. G. Nair พบทหี่ มูเ่ กาะ
ขอบขนาน ยาว 2-3 ซม. ใบประดับย่อยยาว 1-2 ซม. หลอดกลบี เลย้ี งยาว 2.5-3.5 ซม. อนั ดามันและนิโคบารข์ องอินเดยี
ดอกสขี าวหรอื อมเหลอื ง หลอดกลบี ดอกยาว 6-8 ซม. มกั มปี น้ื สมี ว่ งอมแดง กลบี
รูปแถบ ยาว 2.5-3.5 ซม. ปลายแยก 2 แฉก กลบี ปากยาวเทา่ ๆ กลบี ดอก หรือ
ยาวกว่าเล็กน้อย แผ่นเกสรเพศผู้ที่เป็นหมันรูปแถบ ส้ันกว่ากลีบปากเล็กน้อย
กา้ นชอู บั เรณสู น้ั กวา่ กลบี ปาก อบั เรณยู าวประมาณ 1.2 ซม. ผลกลม เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
1.5-2.5 ซม. เยอื่ หุม้ เมล็ดสขี าว

พบทอี่ นิ เดยี ภฏู าน เนปาล จนี ตอนใต้ พมา่ และภาคเหนอื ของไทยทด่ี อยสเุ ทพ
และดอยเชยี งดาว จงั หวัดเชยี งใหม่ ความสงู 1500-2000 เมตร บางคร้ังแยกเป็น
var. acuminatum (Roscoe) Wall. ทีด่ อกไม่หนาแนน่

ตาเหนิ เชยี งดาว

Hedychium tomentosum Sirirugsa & K. Larsen
ไมล้ ม้ ลกุ สงู ประมาณ 60 ซม. ลนิ้ กาบยาวประมาณ 1.5 ซม. มขี น ใบรปู ขอบขนาน

ยาว 15-25 ซม. แผ่นใบดา้ นลา่ งมขี นสั้นนุม่ ไรก้ า้ นหรือมีกา้ นสัน้ ๆ ก้านชอ่ ดอก
ยาวประมาณ 7 ซม. แต่ละใบประดบั มดี อกเดยี ว ใบประดบั และใบประดบั ยอ่ ย
มขี นสน้ั นมุ่ หนาแนน่ ใบประดบั รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 2.5 ซม. ใบประดบั ยอ่ ย
รูปใบหอก ยาวประมาณ 1 ซม. หลอดกลบี เลยี้ งยาวประมาณ 3 ซม. มขี นยาว
ดอกสคี รมี อมเหลอื ง หลอดกลบี ดอกยาว 7-8 ซม. กลบี รปู แถบ ยาวประมาณ 2.5 ซม.
กลีบปากยาวเท่า ๆ กลบี ดอก แฉกลึก แผ่นเกสรเพศผู้ท่ีเปน็ หมนั รูปแถบ ยาวเทา่ ๆ
กลบี ปาก กา้ นชอู บั เรณยู าวกวา่ กลบี ปาก ยาวประมาณ 2.8 ซม. อบั เรณยู าวประมาณ
5 มม. รังไขม่ ขี นหนาแน่น

พืชถิ่นเดียวของไทย พบที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ข้ึนตามที่โล่งบน
เขาหนิ ปูน ความสูงประมาณ 2000 เมตร คลา้ ยกบั ชนดิ H. griffithianum Wall.
ทีแ่ ผ่นใบมีแถบต่อม และแผน่ ใบด้านลา่ งไม่มีขนสัน้ นมุ่ และอับเรณูยาวกวา่

เอกสารอา้ งอิง
Larsen, K. and S.S. Larsen. (2006). Gingers of Thailand. Queen Sirikit Botanic
Garden. Chiang Mai.
Sabu, M. (2006). Zingiberaceae and Costaceae of South India. Kerala, India.
Indian Association for Angiosperm Taxonomy, Calicut University.
Sirirugsa, P. (1995). The genus Hedychium (Zingiberaceae) in Thailand. Nordic
Journal of Botany 15(3): 301-304.
Wu, D. and K. Larsen. (2000). Zingiberaceae. In Flora of China Vol. 24: 370-373.

172

สารานกุ รมพชื ในประเทศไทย ต�ำลงึ ตัวผู้

สกุล Cnesmone Blume มี 12 ชนดิ พบเฉพาะในเอเชีย ในไทยมี 3 ชนดิ อีก
2 ชนดิ คือ ต�ำ แยราหู C. laevis (Ridl.) Airy Shaw โคนใบตัด กลีบเลี้ยงในดอกเพศเมยี
รปู ลม่ิ แคบ พบทางภาคใต้ และหานสลิด C. laotica (Gagnep.) Croizat โคนใบ
เวา้ แคบกว่า ผลและกลีบเลีย้ งขนาดเล็กกว่า ไมพ่ บทางภาคใต้ ชื่อสกลุ มาจาก
ภาษากรกี “knesmos” แสบคนั หมายถงึ พชื ท่มี ีขนแสบคัน
เอกสารอ้างองิ
Phuphathanaphong, L. (2005). Euphorbiaceae (Cnesmone). In Flora of Thailand

Vol. 8(1): 182-186.

ต�ำแยแมว: ก้านใบยาว แผน่ ใบบาง ชอ่ ดอกคล้ายช่อเชิงลด ดอกเพศเมียอยู่ชว่ งล่าง ใบประดับรูปถว้ ย (ภาพซา้ ย:
กรงุ เทพฯ - RP); ชาขอ่ ย: ก้านใบสั้น แผ่นใบหนา ผลมีหนาม (ภาพขวา: กรงุ เทพฯ - RP)

ต�ำแยเครอื : ส่วนตา่ ง ๆ มีขนแสบคนั ดอกเพศผู้จำ� นวนมากอยปู่ ลายช่อ มีก้านดอกยาวกว่าในดอกเพศเมียท่อี ยู่ Acalypha spp.: หางกระรอกเล้อื ย (ภาพซา้ ย: cultivated - RP); หางกระรอกแดง (ภาพกลาง: cultivateds - RP);
ดา้ นลา่ ง 1-2 ดอก ผลจัก 3 พู กลีบเลี้ยงและเกสรเพศเมียตดิ ทน (ภาพ: น�้ำตกกรุงชิง นครศรีธรรมราช - RP) โพเงนิ (ภาพขวา: cultivated - RP)

หานสลดิ : โคนใบเวา้ แคบกวา่ ผลและกลีบเล้ียงขนาดเล็กกว่า (ภาพ: แมพ่ รกิ ลำ� ปาง - RP) ตำ�ลงึ ตัวผู้

ตำ�แยแมว Neoachmandra wallichii (C. B. Clarke) W. J. de Wilde & Duyfjes
วงศ์ Cucurbitaceae
Acalypha indica L.
วงศ์ Euphorbiaceae ชอื่ พ้อง Melothria wallichii C. B. Clarke, Zehneria wallichii (C. B. Clarke) C. Jeffrey

ไมล้ ม้ ลกุ สงู ไดถ้ งึ 1 ม. แยกเพศรว่ มตน้ มขี นสน้ั นมุ่ ตามแผน่ ใบดา้ นลา่ ง ใบประดบั ไมเ้ ถา ยาวได้ถึง 4 ม. แยกเพศร่วมต้น มอื จับไม่แยกแขนง กิ่งอ่อนมีขนสั้นนุ่ม
กลบี เลย้ี งดา้ นนอก และรงั ไข่ หใู บรปู สามเหลยี่ มแคบ ยาว 1-2 มม. ขอบมขี นตอ่ ม ใบเรียงเวียน รูปสามเหลี่ยม ยาว 4-11 ซม. ขอบจกั ตื้น ๆ ก้านใบยาว 1-6 ซม.
ใบเรียงเวยี น รูปคลา้ ยสเ่ี หลีย่ มขา้ วหลามตัด ยาว 3-7 ซม. แผ่นใบบาง ขอบจกั ดอกเพศผู้ออกเด่ียว ๆ ก้านดอกยาว หรอื ออกเปน็ คู่กับดอกเพศเมีย หรอื ออก
ฟนั เลอื่ ย เสน้ โคนใบขา้ งละ 1-2 เส้น ก้านใบยาว 2-6 ซม. ช่อดอกคล้ายช่อเชงิ ลด เปน็ ชอ่ ตามซอกใบหรอื ตามขอ้ กา้ นดอกสนั้ กวา่ กา้ นดอกยาว 1-2 ซม. มขี นประปราย
แยกแขนงเปน็ ชอ่ กระจุกสน้ั ๆ ออกตามซอกใบ 1-2 ชอ่ ยาวได้ถึง 10 ซม. ไมม่ ี ฐานดอกรูปถ้วย ยาวประมาณ 2.5 มม. ด้านในมขี น กลีบเลีย้ ง 5 กลีบ ขนาดเล็ก
กลีบดอก ดอกเพศผอู้ ยู่ชว่ งบน ออกเปน็ กระจกุ 6-10 ดอก ใบประดับขนาดเล็ก ดอกสีขาว มี 5 กลีบ รปู รี ยาว 3-3.5 มม. ด้านในมีต่อมขนกระจาย เกสรเพศผู้
ก้านดอกสัน้ กลีบเลย้ี งขนาดเลก็ 4 กลบี เกสรเพศผู้ 7-9 อัน ดอกเพศเมยี ออกเปน็ 3 อนั กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ 1 มม. อบั เรณยู าวกวา่ กา้ นเลก็ นอ้ ย แกนอบั เรณกู วา้ ง
กระจกุ 1-4 ดอก ใบประดับรูปถว้ ย ขยายในผล กวา้ งได้ถงึ 1 ซม. ขอบจัก 8-12 ซี่ เปน็ หมนั ในดอกเพศเมีย จานฐานดอกเปน็ วง สูงประมาณ 1 มม. ดอกเพศเมยี มี
กลบี เล้ียง 3 กลีบ เรียงซอ้ นเหลือ่ ม รปู ไข่ ยาวประมาณ 1 มม. รังไขม่ ี 3 ชอ่ ง 1-2 ดอก คล้ายดอกเพศผู้ กา้ นดอกส้ันกวา่ รงั ไข่ใต้วงกลบี ก้านเกสรเพศเมยี
เกสรเพศเมยี 3 อนั ยอดเกสรแฉกลึกรูปเสน้ ด้าย ผลแห้งแตก จกั 3 พู รปู กลม ๆ ยาวประมาณ 3 มม. ยอดเกสรเพศเมียมี 3 แฉก มปี มุ่ กระจาย ผลสด รูปกระสวย
เส้นผ่านศูนยก์ ลางประมาณ 3 มม. มีขนสน้ั นุม่ และขนตอ่ ม แต่ละซีกมีเมล็ดเดยี ว ยาว 4-6 ซม. ปลายแหลมเปน็ จะงอย มหี ลายเมล็ด

พบในแอฟรกิ าและเอเชียเขตร้อน ขนึ้ เป็นวัชพชื ทั่วไป ท้ังต้นมีสาร cyanogenic พบทจี่ นี ตอนใต้ พมา่ ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ ทางภาคเหนอื ภาคกลาง และ
glycosides อาจมีพษิ รา้ ยแรง มสี รรพคณุ ดา้ นสมุนไพรหลายอย่าง ภาคตะวนั ตกเฉยี งใต้ ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ เขา หรอื บนเขา
หินปูน ความสงู 100-1500 เมตร
สกลุ Acalypha L. อยู่ภายใตว้ งศย์ ่อย Acalyphoideae เผา่ Acalypeae มปี ระมาณ
450 ชนดิ พบในเขตร้อนและก่งึ เขตรอ้ น ในไทยมีพชื พื้นเมือง 8 ชนิด และเปน็ สกลุ Neoachmandra W. J. de Wilde & Duyfjes มปี ระมาณ 30 ชนดิ พบใน
ไม้ประดับ 3 ชนดิ ได้แก่ หางกระรอกแดง A. hispida Burm. f. หางกระรอกเลื้อย แอฟรกิ า มาดากสั การ์ เอเชยี ออสเตรเลยี และหมู่เกาะแปซฟิ ิก ในไทยมี 6 ชนดิ
A. chamaedrifolia (Lam.) Müll. Arg. และโพเงนิ A. wilkesiana Müll. Arg. ชื่อสกลุ ตงั้ มาจากสกลุ Achmandra หรือ Aechmandra
นอกจากนี้ไมพ้ ื้นเมอื งของไทยยังพบปลกู เป็นไม้ประดับด้วย คือ ชาขอ่ ย เอกสารอ้างองิ
A. siamensis Oliv. ex Gage ชื่อสกลุ มาจากภาษากรกี “akalephe” หมายถงึ de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of
ใบมีขนสาก
เอกสารอา้ งองิ Thailand Vol. 9(4): 476-484.
Ngernsaengsaruay, C. and K. Chayamarit. (2005). Euphorbiaceae (Acalypha).
ตำ� ลงึ ตัวผู้: มอื จับไม่แยกแขนง ดอกเพศผู้ออกเดีย่ ว ๆ กา้ นดอกยาว ผลรูปกระสวย ปลายแหลมเปน็ จะงอย
In Flora of Thailand Vol. 8(1): 26. (ภาพ: แมฮ่ ่องสอน - BD)

173

ตำ� ลึงตัวผู้ สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

ต�ำ ลงึ ตัวผู้ ต�ำลงึ หน:ู ไมเ้ ถามมี ือจับ ขอบใบจัก 3-5 เหลี่ยม ชอ่ ดอกเพศผูแ้ บบชอ่ กระจะ ดอกเพศเมียตดิ กับชอ่ ดอกเพศผู้
(ภาพ: ดอยตงุ เชียงราย - RP)
Solena heterophylla Lour.
วงศ์ Cucurbitaceae ตำ�หนงั ดอกใหญ่

ไม้เถา แยกเพศตา่ งต้น มีหวั ใตด้ นิ มอื จับไม่แยกแขนง ใบเรียงเวยี น รปู ไข่ Monoon membranifolium (J. Sinclair) B. Xue & R. M. K. Saunders
ถงึ รปู หวั ลูกศร หรือมี 3-5 แฉก ยาว 4-10 ซม. กา้ นใบยาว 0.5-1 ซม. ช่อดอกเพศผู้ วงศ์ Annonaceae
คลา้ ยชอ่ ซร่ี ่ม ใบประดบั ทโ่ี คนช่อดอก (probract) รูปแถบ ยาว 1-5 มม. มี
10-20 ดอก กา้ นดอกยาว 2-8 มม. หลอดกลีบเลย้ี งยาวประมาณ 5 มม. ปลายแยก ชือ่ พอ้ ง Enicosanthum membranifolium J. Sinclair
5 แฉก รปู สามเหลยี่ มขนาดเลก็ ดอกสขี าว หลอดกลบี ดอกยาวเทา่ ๆ หลอดกลบี เลย้ี ง
มี 5 กลบี รูปสามเหล่ยี ม ยาว 1-2 มม. มีขนสนั้ เกสรเพศผู้ 3 อัน ก้านชูอับเรณยู าว ไม้ตน้ สูงไดถ้ ึง 15 ม. ใบเรียงเวียน รปู ขอบขนาน ยาว 15-25 ซม. เส้นแขนงใบ
2-3 มม. แกนอับเรณูกว้าง เว้าดา้ นบน ดอกเพศเมียออกเด่ียว ๆ หรือเป็นช่อสัน้ ๆ มี เรียงจรดกนั ก้านใบยาวประมาณ 5 มม. ดอกออกเปน็ กระจกุ 1-3 ดอกตามซอกใบ
2-3 ดอก คล้ายดอกเพศผู้ ก้านดอกยาวกวา่ รังไข่ใตว้ งกลีบ ยอดเกสรเพศเมียจัก มขี นสน้ั หนานมุ่ ก้านดอกยาว 2.5-4 ซม. กลบี เล้ียง 3 กลบี เรียงซ้อนเหลื่อม
3 พู ผลสด รปู รีหรือรูปขอบขนาน ยาว 2-6 ซม. สุกสแี ดง มีหลายเมลด็ รปู สามเหลย่ี ม ยาว 0.8-1 ซม. ดา้ นในเกลย้ี ง ดอกสคี รมี มี 6 กลบี เรยี ง 2 วง วงนอก
รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 3.5 ซม. ปลายแหลม วงในเล็กและแคบกว่า ปลายพับงอ
พบทอ่ี นิ เดยี อฟั กานสิ ถาน จนี พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู และชวา เกสรเพศผจู้ �ำนวนมาก ยาวประมาณ 3 มม. ปลายมีรยางคท์ ู่ ๆ มี 2 คารเ์ พล มีขน
ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามทแ่ี หง้ แลง้ หรอื บนเขาหนิ ปนู นำ้� คนั้ จากตน้ แกป้ วดทอ้ ง สั้นนมุ่ ผลรูปรี ยาว 2-3 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ร่วงเร็ว ก้านผลยาวประมาณ 2 ซม.

สกลุ Solena Lour. มี 3 ชนดิ พบเฉพาะในเอเชยี ในไทยมีชนิดเดยี ว ชอ่ื สกลุ มาจาก พบทค่ี าบสมทุ รมลายู ในไทยพบทางภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ กี่ าญจนบรุ ี และภาคใต้
ภาษากรกี “solen” หลอด ตามลกั ษณะดอก ท่ีพังงา ตรงั นครศรีธรรมราช ยะลา ขึ้นตามป่าดิบชื้น ความสูงระดับต่�ำ ๆ
เอกสารอ้างอิง
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of สกลุ Monoon Miq. เคยถูกยุบรวมกับสกลุ Polyalthia ปจั จบุ ันไดร้ วมเอาสกลุ
Enicosanthum ไว้ดว้ ย ทำ�ให้มีกว่า 74 ชนดิ ในไทยมี 13 ชนิด ชื่อสกุลมาจาก
Thailand Vol. 9(4): 504-505. ภาษากรกี “monos” อันเดยี ว และ “oon” ไข่ หมายถงึ แตล่ ะคาร์เพลมีออวุลเม็ดเดยี ว
เอกสารอ้างองิ
ตำ� ลึงตัวผู้: ใบมหี ลายรูปแบบ บางครงั้ รปู หวั ลกู ศร ชอ่ ดอกเพศผูค้ ล้ายชอ่ ซร่ี ่ม (ภาพใบและช่อดอก: พระพุทธบาท Sinclair, J. (1955). A revision of the Malayan Annonaceae. Gardens’ Bulletin
สระบรุ ,ี ภาพผล: ดอยหวั หมด ตาก; - RP)
Singapore 14: 191-192.
ตำ�ลึงหนู Xue, B., Y.C.F. Su, D.C. Thomas and R.M.K. Saunders. (2011). Pruning the

Zehneria tenuispica W. J. de Wilde & Duyfjes polyphyletic genus Polyalthia (Annonaceae) and resurrecting the genus
วงศ์ Cucurbitaceae Monoon. Taxon 61(5): 1021-1039.

ไมเ้ ถา ยาวได้ถงึ 1 ม. แยกเพศร่วมต้น มือจบั ไม่แยกแขนง ใบเรียงเวยี น ตำ� หนังดอกใหญ่: ดอกออกเปน็ กระจกุ 1-3 ดอกตามซอกใบ ดอกสคี รีม กลีบดอกวงนอกปลายแหลม วงในเลก็ และ
รูปไข่กลบั ยาว 3-9 ซม. จกั ตนื้ ๆ 3-5 เหล่ยี ม แผน่ ใบสาก ก้านใบยาว 1.5-3.5 ซม. แคบกวา่ (ภาพ: เข่อื นบางลาง ยะลา - RP)
ชอ่ ดอกเพศผแู้ บบชอ่ กระจะ ออกตามซอกใบ ใบประดบั ทโ่ี คนขนาดเลก็ กา้ นชอ่ ยาว
1.4-5 ซม. มีได้ถึง 15 ดอก ก้านดอกยาว 2-4 มม. ฐานดอกรูปถว้ ย ยาวประมาณ ต่ิงตั่ง
2 มม. กลบี เลี้ยง 5 กลีบ รูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก ดอกสีขาว มี 5 กลีบ รูปไข่ ยาว
ประมาณ 1 มม. ปลายกลบี มปี มุ่ เลก็ ๆ เกสรเพศผู้ 3 อนั กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ Getonia floribunda Roxb.
1.5 มม. ปลายอบั เรณูมรี ยางคเ์ ป็นขน จานฐานดอกกลม ดอกเพศเมยี ออกเด่ียว ๆ วงศ์ Combretaceae
ตดิ ช่อดอกเพศผู้ คลา้ ยดอกเพศผู้ กา้ นดอกยาว 1.2-1.5 ซม. จานฐานดอกรปู
วงแหวน จัก 3 พู รงั ไขเ่ กล้ียง ก้านเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1 มม. ยอดเกสรจัก ชื่อพอ้ ง Calycopteris floribunda (Roxb.) Lam. ex Poir.
3 พู ผลเส้นผ่านศนู ย์กลางประมาณ 6 มม. กา้ นผลยาว 1.5-2.5 ซม. มหี ลายเมลด็
ไม้เถาเนอ้ื แขง็ ยาวได้กว่า 10 ม. มีขนยาวหนาแน่นตามก่งิ แผ่นใบด้านลา่ ง
พบท่ีอินเดีย และพม่า ในไทยพบทางภาคเหนือที่ดอยตุง จังหวัดเชียงราย ชอ่ ดอก ใบประดับ และกลบี เล้ยี งดา้ นนอก ใบเรียงตรงข้าม รูปรี รูปขอบขนาน
และภาคตะวนั ตกเฉยี งใตท้ กี่ าญจนบรุ ี ขนึ้ ตามเขาหนิ ปนู ความสงู 400-1300 เมตร หรอื แกมรปู ไข่ ยาว 5-15 ซม. ก้านใบยาว 0.8-1.2 ซม. ช่อดอกแบบชอ่ เชงิ ลด
มกั แยกแขนงหนาแนน่ ออกตามซอกใบหรอื ปลายกง่ิ ชอ่ ปลายกง่ิ ยาวไดถ้ งึ 30 ซม.
สกลุ Zehneria Endl. มปี ระมาณ 25 ชนิด พบในแอฟริกา มาดากัสการ์ เอเชยี ใบประดบั ยาว 2-3 มม. หลอดกลบี เลย้ี งยาว 0.7-1 ซม. โคนมี 5 สนั ตนื้ ๆ ปลาย
และออสเตรเลีย ในไทยมี 2 ชนิด อกี ชนดิ คอื แตงกลม Z. bodinieri (H. Lév.)
W. J. de Wilde & Duyfjes ชอ่ ดอกเพศผ้แู ละก้านดอกเพศเมยี สัน้ กว่า ชอ่ื สกุล
ตั้งตามนักวาดภาพทางพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรยี Joseph Zehner
เอกสารอ้างอิง
de Wilde, W.J.J.O. and B.E.E. Duyfjes. (2008). Cucurbitaceae. In Flora of

Thailand Vol. 9(4): 545-546.

174

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย ต้วิ ขาว

แยกเป็น 5 กลบี รปู สามเหล่ียมแคบ ยาว 2-4 มม. ขยายเป็นปกี ในผล มีเส้นกลบี กา้ นใบยาว 2-7 มม. ปลายมนหรอื แหลม โคนรปู ลมิ่ กวา้ ง ใบออ่ นสนี �้ำตาลแดง ชอ่ ดอก
3 เส้น ไม่มกี ลีบดอก เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูยาว 2-3 มม. รังไขใ่ ต้วงกลบี มี 1-8 ดอก ออกสัน้ ๆ ตามซอกใบที่หลุดรว่ ง กา้ นดอกยาว 0.3-1 ซม. กลีบเลี้ยง
ผลคล้ายผลเทยี ม แห้ง มี 5 สนั รูปไข่ ยาว 1.8-2.3 ซม. รวมกลีบเลย้ี งคลา้ ยปกี ท่ี รปู ขอบขนาน ยาว 5-7 มม. ปลายมน มตี ่อมเปน็ ริ้วกระจาย ดอกสีขาวอมชมพู
ยาว 1-1.4 ซม. ผิวเปน็ รา่ งแห มีเกลด็ และขนยาว กลีบรปู ไขก่ ลับ ยาว 1-1.5 ซม. มีกา้ นสั้น ๆ ปลายกลีบมีตอ่ มกระจาย ขอบมขี นครยุ
ปลายกลม มเี กลด็ ขนาดเลก็ มดั เกสรเพศผยู้ าวประมาณ 1 ซม. ระหวา่ งมดั มเี กลด็
พบทอ่ี นิ เดยี บงั กลาเทศ จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และคาบสมทุ รมลายู รูปลิ้นขนาดเล็ก ก้านชูอับเรณูยาวเท่า ๆ มัดเกสรเพศผู้ แกนอับเรณูไม่มีต่อม
ในไทยพบทกุ ภาค กระจายหา่ ง ๆ ตามที่โล่ง และชายปา่ ความสงู ถงึ ประมาณ รงั ไข่เกลย้ี ง ก้านเกสรเพศเมยี ยาว 3-8 มม. ผลรปู ขอบขนาน ยาว 0.6-1.5 ซม.
600 เมตร มีสรรพคุณดา้ นสมุนไพรหลายอย่าง กลีบเลี้ยงหุ้มประมาณก่ึงหนึง่ เมล็ดยาว 6-7 มม. รวมปกี

สกุล Getonia Roxb. มเี พยี งชนิดเดียว ชือ่ สกุลไม่พบอ้างองิ ทมี่ าของช่ือ พบทจี่ นี ตอนใต้ ไหห่ นาน พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี และมาเลเซีย ฟิลิปปนิ ส์ ในไทย
พบแทบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ขึ้นในปาเต็งรัง ปาเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง
เอกสารอ้างอิง ความสงู ถงึ ประมาณ 1000 เมตร แยกเป็น ตว้ิ ขน subsp. pruniflorum (Kurz)
Cheng, J. and N.J. Turland. (2007). Combretaceae. In Flora of China Vol. 13: 315. Gogelein มขี นสนั้ นมุ่ ตามกง่ิ ออ่ น แผน่ ใบทงั้ สองดา้ น กา้ นใบ กา นดอก และกลบี เลยี้ ง
กลบี ดอกมตี อ มโปรง แสง แกนอบั เรณมู ตี อ่ ม เปลอื กแกท้ อ้ งรว่ งในสตั วเ์ ลยี้ ง ใบออ่ น
ชงแทนใบชาคลา้ ยตวิ้ เกลี้ยง

เอกสารอ้างอิง
Li, X.W., J. Li and P. Stevens. (2007). Clusiaceae (Cratoxylum). In Flora of
China Vol. 13: 36
Robson, N.K. (1974). Hypericaceae. In Flora Malesiana Vol. 8: 4-14.

ติง่ ตั่ง: ช่อดอกแบบชอ่ เชงิ ลดแยกแขนง ไมม่ กี ลบี ดอก เกสรเพศผู้ 10 อนั (ภาพ: นำ้� ตกสกุโณทยาน พิษณุโลก - RP) ติ้วเกล้ยี ง: ลำ� ตน้ และกงิ่ เรียบ เกล้ยี ง ช่อดอกมี 1-5 ดอก ออกสน้ั ๆ ตามซอกใบหรือปลายก่ิง ระหวา่ งมดั เกสรเพศผู้
มเี กลด็ หนารูปลน้ิ สเี หลือง กลบี เลย้ี งหมุ้ ผลเกินก่ึงหนงึ่ (ภาพ: หว้ ยขาแขง้ อุทัยธานี - MP)
ติว้ , สกลุ
ติว้ ขาว: ตน้ อ่อนมหี นาม ก่งิ และแผ่นใบเกล้ยี ง ใบออ่ นสนี ำ้� ตาลแดง กลบี เลยี้ งหุม้ ผลประมาณกึ่งหนงึ่ (ภาพต้น: ภูพาน
Cratoxylum Blume สกลนคร, ภาพใบอ่อน: ห้วยขาแข้ง อุทยั ธาน,ี ภาพผล: นครสวรรค;์ - MP)
วงศ์ Hypericaceae
ติว้ ขน: เปลอื กแตกเปน็ สะเกด็ หนา สีนำ้� ตาลด�ำ มีขนสน้ั น่มุ ตามกง่ิ อ่อน แผน่ ใบทงั้ สองดา้ น กา้ นใบ กา นดอก และ
ไมพ้ ุ่มหรอื ไม้ตน้ ส่วนมากผลัดใบ ใบเรยี งตรงข้าม แผน่ ใบดา้ นลา่ งมักมีจุด กลบี เลี้ยง (ภาพ: นครสวรรค์ - MP)
โปรง่ แสง ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ หรอื แยกแขนง ใบประดบั ขนาดเลก็ รว่ งเรว็ กลบี เลยี้ ง
และกลบี ดอกจำ� นวนอยา่ งละ 5 กลบี กลบี เลยี้ งขยายในผล เกสรเพศผจู้ ำ� นวนมาก
แยกเปน็ 3-5 มัด ระหวา่ งมัดมีเกสรเพศผทู้ เี่ ปน็ หมันคลา้ ยเกล็ด ก้านชูอบั เรณู
เชือ่ มตดิ กันเกินก่งึ หน่งึ อับเรณูตดิ ด้านหลัง รังไข่มี 3 ชอ่ ง ก้านเกสรเพศเมีย 3 อัน
กางออก ยอดเกสรเปน็ ตมุ่ ผลแหง้ แตกตามยาว เมลด็ มปี กี ขา้ งเดยี ว ยาวกวา่ เมลด็
หรอื ปีกรอบเมล็ด

สกลุ Cratoxylum เดิมอยูภ่ ายใตว้ งศ์ Clusiaceae (Guttiferae) มี 6 ชนดิ พบใน
เอเชยี ในไทยมี 5 ชนดิ ชอื่ สกุลมาจากภาษากรีก “kratos” แข็ง และ “xylon” เนอ้ื ไม้

ตว้ิ เกลย้ี ง

Cratoxylum cochinchinense (Lour.) Blume

ช่อื พอ้ ง Hypericum cochinchinense Lour.

ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ ผลดั ใบ สงู ไดถ้ งึ 25 ม. ลำ� ตน้ และกงิ่ เรยี บ เกลย้ี ง มกั มหี นาม
ใบรปู รหี รือรปู ขอบขนาน ยาว 3-12 ซม. แผน่ ใบเกล้ียงทง้ั สองดา้ น กา้ นใบยาว 2-5 มม.
ปลายมน แหลม หรือแหลมยาว โคนรูปลิ่ม ช่อดอกมี 1-5 ดอก ออกสัน้ ๆ ตามซอกใบ
หรือปลายกิ่ง กา้ นดอกยาว 1-3 มม. กลีบเลีย้ งรูปไข่ ยาว 5-7 มม. ปลายมน มตี อ่ ม
เปน็ รว้ิ กระจาย ดอกสชี มพอู มแดงหรอื สม้ กลบี รปู ไขก่ ลบั ยาว 0.5-1 ซม. มตี อ่ ม
กระจาย ปลายกลม ไมม่ เี กลด็ มดั เกสรเพศผยู้ าว 4-8 มม. ระหวา่ งมดั มเี กลด็ หนา
รูปล้ินสีเหลอื ง ยาวประมาณ 3 มม. ก้านชอู ับเรณสู น้ั รังไขเ่ กลย้ี ง กา้ นเกสรเพศเมีย
ยาวประมาณ 2 มม. ผลรูปรี ยาว 0.8-1.2 ซม. กลบี เลย้ี งหมุ้ เกนิ ก่ึงหน่ึง เมล็ดยาว
6-8 มม. รวมปกี

พบทจ่ี นี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอนิ โดจนี คาบสมทุ รมลายู สมุ าตรา และฟล ปิ ปนิ ส์
ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ในปา ผลดั ใบและไมผ่ ลดั ใบ ความสงู ถงึ ประมาณ 1200 เมตร
ผลออ่ นเปน็ เครอ่ื งเทศใช้ปรงุ อาหาร รากและก่งิ มสี รรพคณุ แกไ้ อ ทอ้ งเสยี ใบออ่ นใช้
ชงแทนใบชา

ตว้ิ ขาว

Cratoxylum formosum (Jack) Benth. & Hook. f. ex Dyer

ชื่อพอ้ ง Elodes formosa Jack

ไม้พุ่มหรือไม้ต้น ผลัดใบ อาจสงู ไดถ้ งึ 20 ม. ต้นอ่อนมหี นาม เปลือกแตกเป็น
สะเกด็ หนา สนี ำ�้ ตาลดำ� กง่ิ เกลยี้ ง ใบรปู รหี รอื รปู ขอบขนาน ยาว 3-10 ซม. แผน่ ใบเกลยี้ ง

175

ตีนตกุ๊ แก สารานุกรมพืชในประเทศไทย

ตีนตุ๊กแก กา้ นใบย่อยสัน้ ช่อดอกออกที่ปลายกง่ิ ยาวได้ถึง 20 ซม. กา้ นชอ่ ยาว 2-7 ซม.
ดอกหนาแนน่ ไร้กา้ นหรือมกี า้ นสนั้ มาก หลอดกลีบเลยี้ งยาว 4-6 มม. ปลายจักตน้ื ๆ
Ficus pumila L. ดอกสมี ว่ งออ่ น หลอดกลบี ดอกยาว 2-3 มม. กลบี ปากบนแฉกกลม ขนาด 1-1.5 มม.
วงศ์ Moraceae กลบี ปากลา่ งยาว 3-3.5 มม. กา้ นชอู บั เรณยู าวประมาณ 1.5 ซม. อนั สนั้ ยาวประมาณ
1 ซม. โคนกา้ นมีขน ผลกลม เสน้ ผา่ นศูนย์กลาง 0.8-1.5 ซม. สกุ สดี �ำ
ไมเ้ ลอื้ ย มรี ากตามขอ้ ลำ� ตน้ มขี นสนี ำ้� ตาลหนาแนน่ ใบเรยี งสลบั ระนาบเดยี ว
มสี องขนาด รปู ไข่ถึงรปู รี หรือรูปกลมถงึ รปู หัวใจ ยาว 1-6 ซม. โคนกลมหรือเวา้ ต้ืน พบที่อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ พม่า ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย
แผน่ ใบคอ่ นข้างหนา ด้านบนมีขนตามเสน้ แขนงใบ ด้านลา่ งมขี นสัน้ นุม่ เสน้ แขนงใบ ฟลิ ปิ ปนิ ส์ ในไทยพบทกุ ภาค ขน้ึ ตามปา่ ผลดั ใบและไมผ่ ลดั ใบ ความสงู ถงึ ประมาณ
ขา้ งละ 4-6 เสน้ มีต่อมไขตามซอกเส้นแขนงใบด้านลา่ ง ใบขนาดใหญ่กา้ นใบยาว 400 เมตร เปลอื กและใบมสี รรพคณุ ตา้ นเช้อื แบคทเี รีย แกไ้ ข้ แกป้ วดท้อง
ไดถ้ งึ 2.5 ซม. ใบออ่ นสนี ำ้� ตาลแดง ใบประดบั ทโี่ คนยาว 4-7 มม. ดอกอยภู่ ายใน
ฐานดอกท่ีขยายออกเดยี่ ว ๆ ตามซอกใบหรือใต้ใบ อันทีเ่ ป็นหมนั เปน็ ปมรูปกลม ๆ ตนี นกเขา
อนั ทีส่ มบรู ณร์ ปู ลกู แพร์ถึงรปู ไขก่ ลับ ยาว 3-7 ซม. มขี นสั้นนุ่มกระจาย สกุ สดี �ำ
รูเปิดเสน้ ผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 มม. มขี นหนาแน่น กา้ นผลยาว 0.4-2 ซม. Vitex vestita Wall. ex Walp.
(ดขู ้อมลู เพิม่ เตมิ ท่ี ไทร, สกลุ ) ไมพ้ มุ่ อาจสงู ไดถ้ งึ 8 ม. มขี นสน้ั นมุ่ หนาแนน่ ตามกงิ่ ออ่ น ชอ่ ดอก และใบประดบั

มถี น่ิ กำ� เนดิ ในจนี เกาหลี ญปี่ นุ่ ไตห้ วนั และเวยี ดนาม เปน็ ไมป้ ระดบั เกาะเลอ้ื ย ใบประกอบมี 3-5 ใบย่อย ก้านใบยาว 1-6 ซม. ใบรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาว 5-15 ซม.
หรอื แพรก่ ระจายในธรรมชาติ ความสงู ถงึ ประมาณ 1400 เมตร มสี รรพคณุ ดา้ นสมนุ ไพร ปลายแหลมยาว แผน่ ใบมขี นและตอ่ มประปรายทงั้ สองดา้ น กา้ นใบสน้ั ใบปลาย
หลายอยา่ ง เนื้อผลค้นั ท�ำเจลลี่ปรุงอาหารได้ ก้านยาวไดถ้ งึ 1.5 ซม. ช่อดอกออกสน้ั ๆ ตามซอกใบ ยาว 2.5-7 ซม. แตก 2-3 แขนง
ก้านดอกยาว 1-2 มม. หลอดกลีบเลยี้ งยาวประมาณ 3 มม. ปลายจกั ตน้ื ๆ หรือเรยี บ
เอกสารอา้ งองิ ดา้ นนอกมขี นและตอ่ มหนาแนน่ ดอกสขี าวอมเหลอื งหรอื ชมพู หลอดกลบี ดอก
Berg, C.C., N. Pattharahirantricin and B. Chantarasuwan. (2011). Moraceae in ยาว 4-7 มม. ดา้ นนอกมีต่อมกระจาย กลบี ปากบนแฉกรปู สามเหล่ยี มกวา้ ง ยาว
Flora of Thailand Vol. 10(4): 587-588. 1-1.5 มม. กลีบปากล่างยาว 3-3.5 มม. ก้านชอู บั เรณยู าวประมาณ 4 มม. อนั สน้ั ยาว
Wee, Y.C. and H. Keng. (1990). An illustrated dictionary of Chinese medicinal 2-3 มม. ทีจ่ ดุ ตดิ บนหลอดกลีบมขี น ปลายรงั ไข่มตี อ่ มหนาแน่น ก้านเกสรเพศเมยี
herbs. Times Edition Pte Ltd., Time Centre, Singapore. ยาว 2.5-3 มม. ผลรปู ไข่ ยาว 5-9 มม. สกุ สมี ่วงดำ�

พบทีอ่ นิ เดีย จนี ตอนใต้ พม่า เวยี ดนาม และภมู ภิ าคมาเลเซยี ในไทยพบทุกภาค
ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดิบแลง้ ชายปา่ ดบิ ชน้ื หรือบนเขาหนิ ปนู ความสูงถึง
ประมาณ 1500 เมตร

เอกสารอา้ งอิง
Chantaranothai, P. (2011). A revision of the genus Vitex (Lamiaceae) in Thailand.
Tropical Natural History 11(2): 91-118.
Chen, S.L. and M.G. Gilbert. (1994). Verbenaceae. In Flora of China Vol. 17: 28, 31.

ตีนตุ๊กแก: ไมเ้ ลื้อยเกาะตามก�ำแพง ใบมสี องขนาด ดอกจำ� นวนมากอยู่ภายในฐานดอกทขี่ ยาย (fig) รูปลูกแพร์ ตนี นก: ใบประกอบมี 3-5 ใบย่อย ช่อดอกออกท่ปี ลายกงิ่ กลบี เล้ียงขยายในผล ผลสุกสีดำ� (ภาพ: ขนอม
มีใบประดบั ทโี่ คน รเู ปิดมีขนหนาแนน่ (ภาพ: cultivated - RP) นครศรธี รรมราช - RP)

ตนี นก, สกลุ ตีนนกเขา: ชอ่ ดอกออกสน้ั ๆ ตามซอกใบ แตก 2-3 แขนง หลอดกลบี เล้ียงปลายจกั ตื้น ๆ หรือเรียบ ขยายในผล
ด้านนอกมขี นและตอ่ มหนาแน่น ดอกสขี าวอมเหลอื งหรอื ชมพู หลอดกลีบดอกยาว (ภาพ: ดอยหวั หมด ตาก - PK)
Vitex L.
วงศ์ Lamiaceae

ไมพ้ ุ่มหรอื ไมต้ ้น ก่งิ อ่อนมักเป็นเหล่ยี ม ใบประกอบเรียงตรงขา้ ม รูปฝ่ามือ
มีใบยอ่ ย 1-8 ใบ ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกซอ้ น แยกแขนง ใบประดบั ขนาดเล็ก
รว่ งเรว็ กลบี เลย้ี งรปู ระฆงั หรอื เปน็ หลอด ปลายจกั 5 แฉก รปู ปากเปดิ หรอื เรยี บ
ขยายในผล กลีบดอกรูปปากเปดิ หลอดกลีบส้ัน กลบี ล่าง 3 กลบี กลบี กลาง
ยาวกวา่ กลบี คขู่ า้ ง กลบี บน 2 กลบี เกสรเพศผู้ 2 คู่ ไมเ่ ทา่ กนั ตดิ ประมาณกงึ่ กลาง
หลอดกลบี อบั เรณกู างออก สว่ นมากยน่ื พน้ ปากหลอด รงั ไขม่ ี 2-4 ชอ่ ง แตล่ ะชอ่ ง
มีออวุล 1-2 เม็ด ก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว ยอดเกสรจัก 2 พู ผลผนงั ชนั้ ในแข็ง
ส่วนมากมี 4 ไพรีน

สกลุ Vitex เคยอย่ภู ายใตว้ งศ์ Verbenaceae ปัจจบุ ันอยวู่ งศย์ อ่ ย Viticoideae มี
ประมาณ 250 ชนิด ส่วนมากพบในเขตร้อน ในไทยมี 16 ชนดิ ชื่อสกุลเป็นภาษา
ละตินทใ่ี ช้เรยี ก V. agnus-castus L.

ตนี นก

Vitex pinnata L.
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 15 ม. มขี นประปรายตามกง่ิ ออ่ น แผน่ ใบ ชอ่ ดอก กลบี เลย้ี งและ

กลบี ดอกด้านนอก ใบประกอบมี 3-5 ใบยอ่ ย ก้านใบยาว 3-10 ซม. กา้ นใบอ่อน
มปี กี ใบยอ่ ยรปู รี รปู ขอบขนาน หรอื แกมรูปไขก่ ลบั ยาว 8-15 ซม. ปลายแหลมยาว

176

สารานุกรมพืชในประเทศไทย ตีนเปด็ ดอย

ตีนเป็ด, สกุล ตนี เป็ดแคระ: ใบเด่ียวเรียงเป็นวงรอบ แต่ละวงมี 3-4 ใบ ช่อดอกแบบช่อกระจกุ แยกแขนงเรยี งเปน็ วง ดอกรปู ดอกเข็ม
กลีบเรยี งซ้อนทบั ด้านซ้ายในตาดอก (ภาพซา้ ย: เขาสก สุราษฎรธ์ านี - PK; ภาพขวา: ถ�้ำเสือ กระบี่ - RP)
Alstonia R. Br.
วงศ์ Apocynaceae ตนี เป็ดชายฝ่ัง

ไม้พมุ่ หรอื ไม้ต้น นำ้� ยางขาว ใบเรยี งรอบขอ้ หรอื เรียงตรงขา้ ม ชอ่ ดอกแบบ Ochrosia oppositifolia (Lam.) K. Schum.
ชอ่ กระจกุ แยกแขนงเรยี งเปน็ วง หรอื คลา้ ยชอ่ ซรี่ ม่ กลบี เลย้ี ง 5 กลบี ไมม่ ตี อ่ มทโี่ คน วงศ์ Apocynaceae
ดอกรูปดอกเข็ม สีขาว มี 5 กลบี เรียงซอ้ นทบั ด้านซา้ ยหรอื ดา้ นขวาในตาดอก
ปากหลอดกลีบมขี นสัน้ นมุ่ เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดบนหลอดกลีบดอก ไม่ยื่นพ้น ชอื่ พอ้ ง Cerbera oppositifolia Lam.
ปากหลอดกลบี จานฐานดอกเป็นตอ่ มแยกกัน ตดิ ระหวา่ งคารเ์ พลหรือเปน็ วง
คารเ์ พลเชอื่ มตดิ กนั หรอื เชอ่ื มตดิ กนั ตอนปลายจรดกา้ นเกสรเพศเมยี ออวลุ จำ� นวนมาก ไม้พุ่มหรือไมต้ น้ สูงได้ถงึ 10 ม. ใบเรยี งเปน็ วงรอบ 3 ใบหรือเรยี งตรงข้าม
ผลเปน็ ฝักคู่หรือฝักเดี่ยว เมลด็ รปู ขอบขนาน แบน ขอบมขี นครยุ รปู ใบพาย ยาว 5.5-27 ซม. เส้นแขนงใบเรียงขนานกัน มตี ่อมตามซอกเสน้ ใบ
ก้านใบยาว 1.5-5 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกซอ้ น ยาว 3.5-13 ซม. ก้านดอก
สกลุ Alstonia มปี ระมาณ 40 ชนิด พบในอเมรกิ าเขตรอ้ น แอฟรกิ า เอเชีย และ ยาว 2-5 มม. กลีบเลยี้ ง 5 กลบี รปู ไข่ ยาวประมาณ 2 มม. โคนไมม่ ตี ่อม ดอกรูป
ออสเตรเลีย ในไทยมี 7 ชนดิ ชอ่ื สกลุ ตัง้ ตามนกั พฤกษศาสตรช์ าวสกอตแลนด์ ดอกเข็ม สีขาว กลีบเรียงซ้อนทับกันด้านขวาในตาดอก ด้านในมีขนสั้นนุ่ม
Charles Alston (1685-1760) หลอดกลบี ยาว 4-5 มม. กลีบ 5 กลบี รูปขอบขนาน ยาว 4-7 มม. เกสรเพศผู้ 5 อนั
ตดิ เหนอื กึง่ กลางหลอดกลีบ ไม่ยนื่ เลยปากหลอดกลีบ จานฐานดอกจกั 2 พู มี
ตีนเปด็ 2 คารเ์ พล ปลายเช่ือมตดิ กัน เกสรเพศเมียยาว 1-2.5 มม. ผลผนงั ชั้นในแขง็
ออกเปน็ คหู่ รอื เจรญิ ผลเดยี ว รปู ไข่ ยาว 6-7 ซม. ผนงั ผลชนั้ กลางเปน็ เสน้ ใยหนา
Alstonia scholaris (L.) R. Br. มี 2-4 เมลด็ รูปรี ยาวประมาณ 3.5 ซม.

ชื่อพอ้ ง Echites scholaris L. พบตามหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก และตามชายฝั่งทะเลใน
เอเชียเขตร้อน ในไทยพบทางภาคตะวันออกเฉยี งใต้ และภาคใต้ รากมีสรรพคณุ
ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 40 ม. กงิ่ มชี อ่ งอากาศ หใู บคลา้ ยเปน็ ตง่ิ ทซี่ อกกา้ นใบ ใบเรยี ง ใชบ้ รรเทาพิษจากปลาหรอื สัตว์ทะเล
เปน็ วง 4-10 ใบ รปู รี รปู ไขก่ ลบั หรือรูปใบพาย ยาว 4-32 ซม. ปลายแหลมหรอื กลม
โคนรปู ลม่ิ หรอื เปน็ ครบี เสน้ ใบตรงจำ� นวนมาก กา้ นใบยาว 0.7-1.5 ซม. ชอ่ ดอกแนน่ สกลุ Ochrosia Juss. มีประมาณ 30 ชนิด พบตามหมเู่ กาะในมหาสมทุ รอนิ เดยี
เป็นกระจกุ ยาว 3-8.5 ซม. ก้านดอกสั้น กลีบเลี้ยงรปู ไข่ ยาว 1-2 มม. มีขนสนั้ นุ่ม และแปซิฟิก ถงึ ออสเตรเลยี ในไทยมชี นดิ เดียว ชอ่ื สกุลมาจากภาษากรกี “ochros”
และขนครยุ กลบี ดอกเรยี งซอ้ นทบั ดา้ นซา้ ยในตาดอก หลอดกลบี ยาว 0.5-1 ซม. สีเหลืองออ่ น ตามลักษณะสีของเน้ือไม้
กลบี รปู รี ยาว 2-5 มม. เกสรเพศผตู้ ดิ เหนอื กงึ่ กลางหลอดกลบี จานฐานดอกเปน็ ตอ่ ม เอกสารอา้ งองิ
แยกกนั คาร์เพลมขี น เกสรเพศเมียยาว 3-5 มม. ผลออกเปน็ ฝกั คู่ รูปแถบ ยาว Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 64-65.
20-55 ซม. เมล็ดรปู ขอบขนาน ยาว 4-8 มม. ขนครุยยาว 1-2 มม.
ตนี เป็ดชายฝั่ง: ใบเรยี งเปน็ วงรอบหรอื เรียงตรงข้าม รปู ใบพาย ช่อดอกแบบชอ่ กระจกุ ซ้อน กลบี ดอกรูปขอบขนาน
พบท่ีอนิ เดีย ศรีลังกา จนี ตอนใต้ พมา่ ภมู ภิ าคอินโดจนี และภมู ิภาคมาเลเซีย ผลออกเปน็ คู่ ผนงั ผลช้ันกลางเปน็ เสน้ ใยหนา (ภาพดอก: cultivated - RP; ภาพผล: เกาะสรุ นิ ทร์ พังงา - SSi)
ออสเตรเลยี และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทกุ ภาค ขนึ้ ตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แลง้
และปา่ ดบิ ชนื้ ความสงู 100-1200 เมตร เปลอื กและใบแกป้ วดหวั แกไ้ ข้ หลอดลม ตนี เป็ดดอย
และปอดอกั เสบ
Alstonia rupestris Kerr
ตีนเปด็ แคระ วงศ์ Apocynaceae

Alstonia curtisii King & Gamble ไม้พ่มุ สูงไดถ้ งึ 4 ม. กิ่งมชี อ่ งอากาศหนาแนน่ เกลย้ี ง ใบเรียงเปน็ วงรอบ
ไม้พมุ่ สูง 1-2 ม. ใบเรียงเปน็ วงรอบ 3-4 ใบ ชดิ กัน รูปรีถึงรูปใบหอกกลบั 3-5 ใบ รูปขอบขนานหรอื รูปใบหอก ยาว 2.5-13 ซม. ปลายแหลมยาว โคนสอบเรยี ว
จรดกา้ นใบ ไรก้ า้ น เสน้ แขนงใบจำ� นวนมาก มตี อ่ มตามซอกเสน้ ใบ ชอ่ ดอกแบบ
ยาว 5-12 ซม. ปลายแหลม โคนรปู ลิ่ม เส้นใบจ�ำนวนมาก มตี อ่ มตามซอกเส้นใบ ชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกตามปลายกงิ่ ยาว 2-5 ซม. กา้ นดอกยาว 3-4 มม. กลบี เลย้ี ง
กา้ นใบยาว 0.5-2 ซม. ชอ่ ดอกเรยี งเปน็ วง ยาว 4.5-6 ซม. กลบี เลยี้ งรปู ไข่ ยาวประมาณ รูปไข่ ยาวประมาณ 2 มม. มีขนครยุ กลบี ดอกเรียงซอ้ นทบั ดา้ นซ้ายในตาดอก
2 มม. กลบี ดอกเรียงซอ้ นทบั ด้านซา้ ยในตาดอก หลอดกลีบยาวประมาณ 2.5 ซม. หลอดกลบี ยาว 7-8 มม. กลีบรปู ขอบขนาน ปลายกลม ยาว 2.5-3 มม. ดา้ นในมขี น
มขี นด้านในและรอบเกสรเพศผู้ กลบี รปู รี ยาว 1-1.5 ซม. เกสรเพศผตู้ ดิ ประมาณ เกสรเพศผู้ติดใกล้ปากหลอดกลีบดอก จานฐานดอกจัก 2 พู คาร์เพลเกล้ียง
ก่งึ กลางหลอดกลีบ จานฐานดอกเปน็ ต่อมแยกกนั คารเ์ พลเกล้ยี ง เกสรเพศเมยี
ยาวประมาณ 1 ซม. ผลออกเปน็ ฝกั คู่ รปู แถบ ยาวไดถ้ งึ 9 ซม. เมลด็ รปู ขอบขนาน
ยาวประมาณ 1 ซม. รอยบ๋มุ ท่ัวไป ขนครยุ ยาวประมาณ 2.5 มม.

พชื ถน่ิ เดยี วของไทย พบทางภาคใตท้ สี่ รุ าษฎรธ์ านี พงั งา ภเู กต็ กระบ่ี ขนึ้ ตาม
เกาะหรือเขาหินปนู เต้ีย ๆ ความสูงไมเ่ กนิ 100 เมตร

เอกสารอ้างองิ
Li, B., A.J.M. Leeuwenberg and D.J. Middleton. (1995). Apocynaceae. In Flora
of China Vol. 16: 154-156.
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 41-48.

ตีนเป็ด: หใู บคลา้ ยเปน็ ตง่ิ ท่ีซอกก้านใบ ใบเรยี งเป็นวง โคนรูปลมิ่ หรอื เป็นครีบ ชอ่ ดอกแนน่ เปน็ กระจุก
(ภาพ: cultivated - RP)

177

ตีนเปด็ แดง สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

เกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 4 มม. ผลออกเป็นฝักคู่ รปู แถบ ยาว 6-10 ซม. เมล็ด ตนี เป็ดทราย
รปู ขอบขนาน ยาวประมาณ 8.5 มม. ปลายมนกลม ขนครยุ ยาวประมาณ 5 มม.
(ดขู อ้ มลู เพิม่ เติมท่ี ตนี เปด็ , สกุล) Cerbera manghas L.
ไมพ้ มุ่ หรอื ไมต้ น้ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. ใบรปู รหี รอื รปู ไขก่ ลบั ยาว 5.5-24 ซม. ปลาย
พบทจ่ี นี ตอนใต้ และภาคเหนอื ของไทยทดี่ อยเชยี งดาว จงั หวดั เชยี งใหม่ ขน้ึ ตาม
เขาหนิ ปนู ทีเ่ ปิดโลง่ ความสูง 1700-1800 เมตร แหลมสนั้ เสน้ แขนงใบเชอ่ื มตดิ กนั เปน็ เสน้ ขอบใน กา้ นใบยาว 1-4 ซม. ชอ่ ดอกยาว
7-30 ซม. ก้านดอกยาว 0.6-2.2 ซม. กลบี เล้ียงรูปใบหอก ยาว 1-1.7 ซม. ดอกสขี าว
เอกสารอ้างอิง มีแตม้ สีแดงรอบปากหลอด หลอดกลีบดอกยาว 2.5-4 ซม. กลีบรูปขอบขนาน ยาว
Li, B., A.J.M. Leeuwenberg and D.J. Middleton. (1995). Apocynaceae. In Flora 1.5-3 ซม. ดา้ นในมขี นสน้ั นมุ่ เกสรเพศผตู้ ดิ ใตป้ ากหลอดกลบี ดอก กา้ นเกสรเพศเมยี
of China Vol. 16: 156. ยาว 2-4 มม. ผลรปู รหี รือรูปขอบขนาน ยาว 6.5-10 ซม. สกุ สแี ดง
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 45.
พบทหี่ มเู่ กาะเซเชลส์ เอเชยี ตะวนั ออกและตะวนั ออกเฉยี งใต้ หมเู่ กาะแปซฟิ กิ
ตนี เป็ดดอย: ใบเรียงเป็นวง ไรก้ ้าน ดอกออกเป็นชอ่ กระจกุ แยกแขนง ออกตามปลายก่ิง (ภาพ: ดอยเชยี งดาว และออสเตรเลียตอนบน ในไทยพบทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ข้ึน
เชียงใหม;่ ภาพใบ - SSi, ภาพดอก - NK) ตามชายฝง่ั ทะเล ป่าชายหาดหรอื ชายป่าดิบช้ืนความสูงระดบั ตำ่� ๆ

ตีนเปด็ แดง ตนี เปด็ ทะเล, สกลุ

Dyera costulata (Miq.) Hook. f. Cerbera L.
วงศ์ Apocynaceae วงศ์ Apocynaceae

ชอ่ื พอ้ ง Alstonia costulata Miq. ไม้พมุ่ หรือไม้ต้น นำ�้ ยางขาว ใบเรยี งเวียน มีตอ่ มตามซอกใบ ชอ่ ดอกแบบ
ช่อแยกแขนง ออกตามปลายกิ่ง กลีบดอกและกลบี เลี้ยงจำ� นวนอย่างละ 5 กลบี
ไมต้ น้ สงู ได้ถึง 60 ม. กงิ่ เป็นเหล่ียม ใบเรยี งเป็นวงรอบ รปู รีหรือรปู ไขก่ ลบั โคนกลีบเล้ยี งไม่มีตอ่ ม ดอกรปู แตร กลีบเรียงซ้อนทับด้านซ้ายในตาดอก กะบงั เปน็ พู
ยาว 8-20 ซม. ปลายแหลมสน้ั ๆ หรอื กลม เส้นแขนงใบตรง จ�ำนวนมาก ชอ่ ดอก ส้นั ๆ เกสรเพศผู้ 5 อนั ไร้ก้าน อบั เรณูปลายมีรยางคต์ ิดกัน ไม่ยน่ื พน้ ปากหลอดกลบี
แบบชอ่ กระจกุ แยกแขนง ชอ่ ยอ่ ยแบบชอ่ ซร่ี ม่ ออกตามปลายกงิ่ ยาว 8.5-10.5 ซม. ไมม่ จี านฐานดอก มี 2 คารเ์ พล ปลายเชอ่ื มตดิ กนั กา้ นเกสรเพศเมยี สน้ั รปู เสน้ ดา้ ย
กา้ นดอกยาว 2-3 มม. กลบี เลี้ยง 5 กลบี รูปไข่ ยาวประมาณ 1 มม. โคนไม่มีต่อม ผลผนังด้านนอกสด ชัน้ กลางเปน็ เสน้ ใย ชน้ั ในแขง็ เปน็ ไม้ ส่วนมากติดเปน็ คู่ มี
ดอกรูปกงลอ้ สขี าว มี 5 กลีบ เรยี งซ้อนทับดา้ นซ้ายในตาดอก หลอดกลบี ดอก เมล็ดเดียว แบน รปู รี
ยาวประมาณ 2 มม. กลบี รูปขอบขนาน ยาวประมาณ 4 มม. มขี นดา้ นในและ
รอบเกสรเพศผู้ เกสรเพศผู้ 5 อนั ตดิ ประมาณกง่ึ กลางหลอดกลบี ไมย่ นื่ พน้ ปากหลอด สกุล Cerbera มี 7 ชนดิ พบท่มี าดากสั การ์ เอเชยี ออสเตรเลีย และหม่เู กาะ
จานฐานดอกรูปวงแหวน มี 2 คารเ์ พล เชอ่ื มติดกนั มีขน ก้านเกสรเพศเมยี ยาว แปซฟิ กิ ในไทยมี 2 ชนดิ ช่อื สกลุ ตั้งตามชอ่ื สนุ ัขสามหวั Kerberos ทเ่ี ฝา้ ทางเข้า
ประมาณ 0.5 มม. ผลออกเปน็ ฝักคู่ โคง้ กางออก ยาว 14-35 ซม. กวา้ ง 2-3 ซม. Hades เมืองนรกในต�ำ นานกรกี และโรมัน เนอ่ื งจากนำ้�ยางมีพิษร้ายแรง
เมล็ดรูปรี ยาวประมาณ 5 ซม. รวมปกี บาง ๆ
ตีนเปด็ ทะเล
พบที่คาบสมุทรมลายู ชวา สุมาตรา และภาคใต้ตอนล่างของไทยที่สตูล
ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ขนึ้ ตามป่าดบิ ชื้นความสงู ระดับตำ่� ๆ นำ้� ยางทำ� ให้ Cerbera odollam Gaertn.
ระคายเคอื ง เรยี กว่า ยางเยลูตง เคยเป็นวตั ถดุ บิ ที่สำ� คัญในการผลติ หมากฝรัง่ ไม้พมุ่ หรือไม้ต้น สูงไดถ้ ึง 12 ม. ใบรปู ไข่กลบั ยาว 9-30 ซม. ปลายแหลม

สกุล Dyera Hook. f. มี 2 ชนิด พบในเอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ อีกชนดิ คือ เส้นแขนงใบเรียงจรดกันเป็นเส้นขอบใน ก้านใบยาว 1.5-4 ซม. ช่อดอกยาว
D. polyphylla (Miq.) Steenis พบทสี่ มุ าตราและบอร์เนียว ช่อื สกุลตงั้ ตาม 8-35 ซม. กา้ นดอกยาว 1-4 ซม. กลีบเล้ยี งรูปแถบ ยาว 0.8-2.5 ซม. ดอกสขี าว
นกั พฤกษศาสตรช์ าวบรติ ชิ William Turner Triselton-Dyer (1843-1928) มแี ตม้ สีเหลืองรอบปากหลอด หลอดกลีบดอกยาว 1-2 ซม. กลบี ยาว 1.2-3.8 ซม.
เอกสารอา้ งองิ มขี นสน้ั นมุ่ ดา้ นในหลอดกลบี ครง่ึ บน เกสรเพศผตู้ ดิ ประมาณกงึ่ กลางหลอดกลบี ดอก
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 36-37. ก้านเกสรเพศเมยี ยาวประมาณ 1 มม. ผลกลมหรอื รูปไข่ ยาว 4.5-7.7 ซม. สกุ สีเขยี ว

พบทศ่ี รลี ังกา เอเชยี ตะวันออกเฉยี งใต้ และหมเู่ กาะแปซฟิ กิ ในไทยพบทาง
ภาคใต้ ขึน้ ตามปา่ ชายเลน ป่าพรุ หรอื ปา่ ชายหาด และเป็นไมป้ ระดบั

เอกสารอ้างองิ
Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 65-69.

ตีนเป็ดทราย: ดอกสขี าว มีแต้มสีแดงรอบปากหลอด ผลติดกนั เปน็ คู่ (ภาพ: บางเบิด ชุมพร - RP)

ตีนเป็ดแดง: ไมต้ น้ ขนาดใหญ่ ดอกออกเป็นช่อกระจกุ ชอ่ ย่อยแบบช่อซี่รม่ ออกตามปลายก่งิ ดอกรูปกงล้อ ตนี เป็ดทะเล: ชอ่ ดอกแบบช่อแยกแขนง ดอกสีขาว มแี ตม้ สเี หลอื งรอบปากหลอด ผลติดเปน็ คู่ (ภาพ: พทั ลงุ - RP)
ผลเปน็ ฝักคู่ กางออก (ภาพ: แวง้ นราธวิ าส - MP)

178

สารานกุ รมพืชในประเทศไทย ตนี มอื นกเขา

ตีนเปด็ ฝร่ัง เกสรเพศเมยี ยาว 5-6 มม. ผลออกเป็นฝกั คู่ ยาว 10-24 ซม. เมล็ดยาวประมาณ 5 มม.
ขนครุยยาวประมาณ 1 ซม. (ดขู อ้ มูลเพิ่มเตมิ ที่ ตีนเปด็ , สกลุ )
Crescentia alata Kunth
วงศ์ Bignoniaceae พบทภี่ มู ภิ าคมาเลเซยี เวยี ดนามตอนใต้ และภาคใตข้ องไทย ขน้ึ ตามขอบปา่ พรุ
ความสงู ระดบั ตำ่� ๆ นำ�้ ยางขาวใชท้ าแกโ้ รคผวิ หนงั แกป้ วดฟนั นำ�้ สกดั จากเปลอื ก
ไมต้ น้ แตกกงิ่ ตำ�่ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. ใบประกอบมี 3 ใบยอ่ ย มกั ออกตามกงิ่ หรอื ลำ� ตน้ มีสรรพคุณลดนำ้� ตาลในเลือด
ก้านเปน็ ปกี ยาว 2.5-5 ซม. ใบยอ่ ยรปู ใบพาย ใบปลายยาวได้ถึง 10 ซม. ใบขา้ งส้นั กว่า
เลก็ นอ้ ย ปลายเวา้ ตน้ื ดอกออกเดยี่ ว ๆ หรอื เปน็ คู่ ตามลำ� ตน้ และกงิ่ กา้ นดอกยาว เอกสารอ้างองิ
5-8 มม. กลีบเลี้ยงแยก 2 แฉกเกือบจรดโคน ยาวประมาณ 1.5 ซม. ดอกรปู แตร Middleton, D.J. (1999). Apocynaceae. In Flora of Thailand Vol. 7(1): 46-48.
ปอ่ งกลาง สเี ขยี วอมมว่ งและนำ�้ ตาลแดง หลอดกลบี ยาว 4-6 ซม. ดา้ นนอกมตี อ่ ม
กระจาย กลบี บน 2 กลบี กลีบล่าง 3 กลีบ รูปสามเหลยี่ มกวา้ ง แฉกลึกประมาณ ตนี เป็ดพรุ: ใบเรยี งเปน็ วงรอบ รปู ชอ้ น ช่อดอกแบบชอ่ กระจุกเรียงเป็นวงแยกแขนง ผลเปน็ ฝักคู่ เมลด็ มขี นครยุ
1.5 ซม. ขอบจักชายครุย เกสรเพศผู้ 2 คู่ ยาวไม่เทา่ กัน ตดิ เหนอื โคนหลอดกลีบดอก (ภาพดอก: cultivated - RP; ภาพฝัก: พรุโต๊ะแดง นราธวิ าส, ภาพฝกั สด - RP, ภาพฝักแห้ง - NP)
ยาว 3-4 ซม. เกสรเพศผู้ที่เปน็ หมนั ตดิ ระหวา่ งเกสรเพศผูอ้ นั ยาว ยาว 5-7 มม.
อบั เรณกู างออก จานฐานดอกเป็นวง รังไขม่ ี 2 ช่อง เกลี้ยง ก้านเกสรเพศเมยี ยาว ตีนมือนกเขา
ประมาณ 6.5 ซม. ยอดเกสรจกั 2 พู ยาวประมาณ 4 มม. ผลรปู รี เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลาง
7-10 ซม. เปลอื กแข็ง เน้อื เปน็ ปยุ สขี าว เมล็ดขนาดเลก็ แบน คล้ายรปู หัวใจ Ophioglossum pendulum L.
วงศ์ Ophioglossaceae
มถี นิ่ กำ� เนดิ ในอเมรกิ ากลางแถบประเทศเมก็ ซโิ กจนถงึ คอสตารกิ า เปน็ ไมป้ ระดบั
ทั่วไปในเขตรอ้ น ดอกบานเต็มท่ีตอนกลางคนื มีกล่ินแรง เฟนิ องิ อาศยั เหงา้ ทอดนอน ยาวไดถ้ งึ 3 ซม. กา้ นใบ (phyllomophore) คลา้ ย
แผน่ ใบ (trophophyll) ยาวได้ถึง 20 ซม. ใบรปู แถบ คล้ายริบบน้ิ ยาว 50-100 ซม.
สกุล Crescentia L. มปี ระมาณ 6 ชนดิ พบในอเมรกิ าเขตรอ้ น และแถบทะเล รวมก้าน กวา้ ง 2-4 ซม. บางครั้งแตกแขนงเป็นคูห่ รือหลายคู่ ปลายแหลมหรอื มน
แครบิ เบียน ในไทยเปน็ ไม้ประดับ 2 ชนดิ อกี ชนิดคอื น้ำ�เตา้ ต้น C. cujete L. ขอบมักเป็นคลื่น แผ่นใบอวบหนา ใบแห้งบาง เส้นใบแบบร่างแห กลุ่มอับสปอร์
ใบเปน็ ใบเด่ียว ออกเปน็ กระจกุ ทง้ั 2 ชนิด เปลอื ก ใบ และผล แก้ท้องเสีย แกไ้ ข้ ออกประมาณกึ่งกลางใบ ส่วนมากออกเดี่ยว ๆ มีก้านยาวไดถ้ งึ 7 ซม. แกนช่อยาว
เปลอื กผลแขง็ สามารถใชท้ �ำ ภาชนะ เนือ้ ปยุ และเมล็ดกนิ ได้ แตข่ องน�ำ้ เต้าต้นมีพษิ ได้ถึง 30 ซม. กลุ่มสปอร์รูปสามเหล่ียมมน เสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางประมาณ 3 มม.
ชอ่ื สกลุ ต้งั ตามพระชาวอิตาลี Pietro Crescenti (1230-1321) ผวิ เปน็ ร่างแหละเอยี ด
เอกสารอ้างอิง
Santisuk, T. (1987). Bignoniaceae. In Flora of Thailand Vol. 5(1): 62. พบทแ่ี อฟรกิ าและเอเชยี เขตรอ้ น ในไทยพบกระจายหา่ ง ๆ แทบทกุ ภาค โดยเฉพาะ
ภาคใต้ ขนึ้ บนคาคบไมใ้ นปา่ ดบิ แลง้ และปา่ ดบิ ชนื้ มกั พบขน้ึ กบั เฟนิ สกลุ Platycerium
ตนี เปด็ ฝรง่ั : ใบประกอบมี 3 ใบย่อย ใบและดอกออกตามล�ำต้นและกงิ่ ดอกบานตอนกลางคนื ปลายกลบี จักชายครยุ
เกสรเพศผู้ 2 คู่ ยาวไมเ่ ทา่ กนั ยอดเกสรเพศเมยี จัก 2 พู ผลรูปรี (ภาพ: cultivated - RP) สกลุ Ophioglossum L. มีประมาณ 28 ชนิด พบในเขตรอ้ นและกึ่งเขตร้อน ในไทย
มี 4 ชนิด ชื่อสกุลมาจากภาษากรกี “ophis” งู และ “glossa” ลน้ิ ตามลักษณะใบ
เอกสารอา้ งอิง
Lindsay, S. and D.J. Middleton. (2012 onwards). Ferns of Thailand, Laos and

Cambodia. http://rbg-web2.rbge.org.uk/thaiferns/
Liu, Q. and N. Sahashi. (2013). Ophioglossaceae. In Flora of China Vol. 21-23:

77-78.
Tagawa, M. and K. Iwatsuki. (1979). Ophioglossaceae. In Flora of Thailand

Vol. 3(1): 37.

น้�ำเตา้ ตน้ : ใบเดยี่ วออกเป็นกระจุก ดอกรปู แตรป่องกลาง ดา้ นนอกมีตอ่ มกระจาย (ภาพ: cultivated - RP) ตีนมอื นกเขา: แผ่นใบรวมกา้ นรปู แถบ คลา้ ยรบิ บนิ้ กลุ่มอบั สปอร์แกส่ ีเหลอื ง (ภาพ: พรโุ ต๊ะแดง นราธวิ าส - PC)

ตนี เปด็ พรุ

Alstonia spatulata Blume
วงศ์ Apocynaceae

ไม้ตน้ สงู 5-10 ม. โคนมกั เป็นร่องหรือมพี พู อน ใบเรยี งเปน็ วงรอบ 3-5 ใบ
รปู ชอ้ น ยาว 2.5-11 ซม. ปลายมนหรอื กลม โคนเรยี วเปน็ ครบี เสน้ ใบจำ� นวนมาก
มีต่อมตามซอกเสน้ ใบ กา้ นใบยาวประมาณ 5 มม. ช่อดอกแบบช่อกระจกุ เรยี ง
เป็นวงแยกแขนง ออกตามปลายกงิ่ ยาว 6-9 ซม. กา้ นดอกยาว 0.3-1 ซม. กลบี เลี้ยง
รูปไข่ ยาวประมาณ 2 มม. มีขนครุย กลบี ดอกเรยี งซ้อนทบั ดา้ นซ้ายในตาดอก หลอด
กลีบดอกยาว 6-9 มม. ด้านในมขี นหนาแนน่ กลีบรูปขอบขนาน ยาวไดถ้ งึ 9 มม.
เกสรเพศผตู้ ดิ เหนอื กงึ่ กลางหลอดกลบี ดอก จานฐานดอกขนาดเลก็ คารเ์ พลเกลย้ี ง

179

ตนี ฮ้งุ ดอย สารานกุ รมพืชในประเทศไทย

ตีนฮงุ้ ดอย เอกสารอา้ งอิง
Puff, C., K. Chayamarit and V. Chamchumroon. (2005). Rubiaceae of Thailand.
Paris polyphylla Sm. var. chinensis (Franch.) H. Hara Forest Herbarium. Bangkok.
วงศ์ Melanthiaceae Wong, K.M. (1988). The Antirheoideae (Rubiaceae) of the Malay Peninsula.
Kew Bulletin 43: 491-518.
ช่ือพ้อง Paris chinensis Franch.
ตุ้มหูทอง: ช่อดอกเพศผูแ้ บบชอ่ กระจุกปลายม้วน ดอกจำ� นวนมาก ไร้กา้ น กลีบดอก 4 กลีบ (ภาพซ้าย: แวง้
ไม้ล้มลุก สงู ได้ถึง 1.3 ม. มีเหงา้ ใตด้ ิน ใบเดีย่ วเรียงเป็นวงรอบขอ้ 5-11 ใบ นราธิวาส - MT); ตมุ้ หูทอง: var. penangianus ชอ่ ดอกเพศเมยี มี 1-5 ดอก ผลกลม (ภาพขวา: เบตง ยะลา - RP)
รูปขอบขนานหรอื รูปใบหอก ยาว 6-30 ซม. ก้านใบยาว 1-6 ซม. ดอกออกเดยี่ ว ๆ
ที่ปลายยอด ก้านดอกยาว 5-65 ซม. ใบประดับคล้ายใบ 3-7 ใบ ติดทน กลบี รวม เตง็
ลดรปู เป็นเสน้ เรียวยาว 3-7 อัน เรยี ง 2 วง วงในสั้นกว่าวงนอกเล็กนอ้ ย ยาว
6-12 ซม. ติดทน เกสรเพศผู้สว่ นมากจ�ำนวนเป็น 2 เท่าของกลีบรวม ก้านชอู ับเรณู Shorea obtusa Wall. ex Blume
แบน ยาว 5-6 มม. อบั เรณูยาว 1-1.2 ซม. ปลายมีรยางค์ยาว 1-2 มม. รังไข่มรี ิว้ วงศ์ Dipterocarpaceae
มีช่องเดยี ว พลาเซนตาตามแนวตะเข็บ ก้านเกสรเพศเมียสนั้ โคนแผก่ ว้าง สมี ่วง
ยอดเกสรมี 4-5 พู ผลสดมีหลายเมลด็ มีเย่อื หุ้มอวบนำ�้ สีแดง ไม้ตน้ สูงได้ถึง 30 ม. ชนั สีขาวขนุ่ มขี นสน้ั นมุ่ ตามก่งิ หใู บ ก้านใบ แผน่ ใบ
ดา้ นลา่ ง ชอ่ ดอก กลบี ดอกและกลบี เลยี้ งดา้ นนอก หใู บรปู ขอบขนาน ยาว 5-6 มม.
พบทจ่ี ีนตอนใต้ ไตห้ วัน พม่า ลาว และเวยี ดนาม ในไทยพบทางภาคเหนือ ใบรปู ขอบขนาน ยาว 5-15 ซม. ปลายมนหรือกลม มีตมุ่ ใบเปน็ ขน เส้นแขนงใบย่อย
ข้ึนตามปา่ ดบิ เขา ความสูง 900-2000 เมตร มคี วามผันแปรสงู จ�ำแนกเป็นหลาย แบบขนั้ บนั ได กา้ นใบยาว 1-1.5 ซม. ชอ่ ดอกยาว 4-10 ซม. กลบี เลยี้ งยาวประมาณ
varieties สว่ นใหญพ่ บในจนี เหงา้ ใชบ้ รรเทาโรคหอบหดื รากมสี รรพคณุ หลายอยา่ ง 2 มม. ดอกสขี าวครีม กลีบรปู แถบ ยาว 1-1.2 ซม. เกสรเพศผูม้ ปี ระมาณ 30 อนั
กา้ นชูอบั เรณูยาวประมาณ 6 มม. แกนอับเรณูรปู เส้นด้าย มขี น 2-4 เส้น รงั ไข่
สกลุ Paris L. เคยอยูภ่ ายใต้วงศ์ Liliaceae และ Trilliaceae ปจั จบุ ันอยู่วงศ์ย่อย และฐานกา้ นยอดเกสรเพศเมยี รปู ไข่ มขี นสน้ั นมุ่ คอดเลก็ นอ้ ย ยาวประมาณ 2 มม.
Melanthieae รว่ มกบั สกุล Veratrum และสกลุ Daisawa มปี ระมาณ 24 ชนิด พบ ผลรูปไข่ ยาว 0.8-1 ซม. ปลายมีต่ิงแหลม ปกี ยาว 3 ปกี ยาว 4.5-5 ซม. ปกี สน้ั 2 ปีก
ในเอเชยี และยโุ รป ในไทยมีชนดิ เดียว ชื่อสกุลเปน็ ภาษาละตนิ หมายถงึ เทา่ ๆ กัน ยาว 3-3.5 ซม. (ดขู ้อมูลเพิม่ เติมที่ พะยอม, สกลุ )
ตามการเรยี งตัวของส่วนตา่ ง ๆ ของพืชทส่ี มมาตรตามรัศมี
พบทพี่ มา่ และคาบสมทุ รอนิ โดจนี ในไทยพบแทบทกุ ภาค ยกเวน้ ภาคใต้ ขนึ้ ตาม
เอกสารอา้ งองิ ปา่ เตง็ รัง และป่าเตง็ รังผสมสน ความสูงถงึ ประมาณ 1300 เมตร
Liang, S.Y. and V.G. Soukup. (2000). Liliaceae (Paris). In Flora of China Vol.
24: 90. เอกสารอ้างอิง
Pooma, R. and M. Newman. (2001). Checklist of Dipterocarpaceae in Thailand.
Thai Forest Bulletin (Botany) 29: 167-169.
Smitinand, T., J.E. Vidal and P.H. Hô. (1990). Dipterocarpaceae. Flore du
Cambodge, du Laos et du Vietnam. 25: 86-87.

ตนี ฮ้งุ ดอย: ใบประดบั คลา้ ยใบ ติดทน กลีบรวมลดรูปเป็นเส้นเรียวยาว ผลสดมีหลายเมล็ด มีเย่ือหุ้มอวบนำ้� สีแดง เตง็ : ดอกสขี าวครมี กลบี รูปแถบ กลีบเลยี้ งขยายเป็นปกี ยาว 3 ปีก ปีกส้ัน 2 ปกี ปลายผลมตี ิง่ แหลม (ภาพดอก:
(ภาพ: ดอยเชียงดาว เชียงใหม่; ภาพดอก - NS, ภาพผล - SSi) พบิ ูลมังสาหาร อบุ ลราชธานี - MP; ภาพผล: สวนผง้ึ ราชบุรี - PK)

ตมุ้ หูทอง เตยชะงด

Timonius corneri K. M. Wong Freycinetia javanica Blume
วงศ์ Rubiaceae วงศ์ Pandanaceae

ไม้ต้น สูงไดถ้ ึง 18 ม. แยกเพศตา่ งต้น หูใบรปู สามเหลี่ยมขนาดเลก็ รว่ งเรว็ ไมพ้ มุ่ เกาะหรอื พาดเลอื้ ย ยาวไดถ้ งึ 20 ม. มรี ากอากาศ ลำ� ตน้ เกลยี้ ง ใบเรยี งเวยี น
ใบเรียงตรงข้าม รูปรหี รือรูปขอบขนาน ยาว 7-16 ซม. แผ่นใบด้านลา่ งมขี นสี หนาแนน่ ทปี่ ลายยอด รปู ขอบขนานถงึ รปู แถบ ยาว 5-25 ซม. ใบตดิ ชอ่ ดอกขนาดเลก็
นำ้� ตาลแดง กา้ นใบยาว 0.5-1.5 ซม. ชอ่ ดอกแบบชอ่ กระจกุ ปลายมว้ น กา้ นชอ่ ยาว และส้ันกวา่ ก้านใบสั้นโอบรอบล�ำต้น โคนมีตง่ิ กาบบาง ๆ ขอบจักฟนั เลื่อยห่าง ๆ
0.5-2 ซม. กลีบดอกและกลีบเล้ยี งจำ� นวนอยา่ งละ 4 กลบี ในดอกเพศเมยี อาจมี ชว่ งปลายใบ เสน้ ใบจำ� นวนมาก ชอ่ ดอกออกสน้ั ๆ ทป่ี ลายยอด สว่ นมากมเี พศเดยี ว
ได้ถงึ 8 กลบี กลบี เล้ยี งรปู ถว้ ย ปลายแฉกตื้น ๆ ตดิ ทน ดอกรูปดอกเข็ม สเี หลอื ง ชอ่ ดอกยอ่ ยแบบช่อเชิงลดมกี าบหรอื ใบประดบั มี 2-5 ช่อ เรยี งแบบช่อซรี่ ่ม
หรอื สีครีม หลอดกลบี ยาว 5-6 มม. กลีบยาวประมาณ 3 มม. เกสรเพศผู้ 4 อนั ยาว 4-5 ซม. ก้านชอ่ หนา ยาวประมาณ 1 ซม. กาบมี 3 วง สีสม้ หรอื อมเหลอื ง
ติดใตป้ ากหลอดกลีบ อบั เรณยู าวประมาณ 3 มม. ยื่นพ้นหลอดกลบี ในดอกเพศผู้ รปู ใบหอก ยาว 5-7 ซม. ปลายจกั ฟนั เลอ่ื ย ไมม่ วี งกลบี รวม เกสรเพศผเู้ รยี งอดั แนน่
รงั ไขใ่ ตว้ งกลบี กา้ นเกสรเพศเมยี ยาว 5-6 มม. ยอดเกสรมี 4 พู รปู แถบ ยาวประมาณ บนแกน รงั ไข่มีชอ่ งเดยี ว เรยี งหนาแน่น มีเกสรเพศผูท้ เ่ี ปน็ หมนั ล้อมรอบ ผล
1.5 มม. ผลผนงั ชั้นในแขง็ รูปรีกวา้ งหรอื กลม ยาว 5-7 มม. ไพรีนจำ� นวนมาก คลา้ ยผลสดมีหลายเมล็ด

พบท่ีคาบสมุทรมลายู ในไทยพบเฉพาะทางภาคตะวนั ออกเฉียงใตแ้ ละภาคใต้
ขึ้นกระจายห่าง ๆ ในป่าดิบชื้น ความสงู ถงึ ประมาณ 1200 เมตร มีความผันแปรสงู
แยกเป็น var. penangianus (Ridl.) K. M. Wong ชอ่ ดอกเพศเมียมี 1-5 ดอก

สกุล Timonius DC. มี 160-200 ชนดิ ส่วนใหญ่อยู่ในภูมภิ าคมาเลเซยี ในไทยมี
2 ชนิด อกี ชนิด คอื T. flavescens (Jacq.) Baker พบในปา่ พรุ จังหวดั นราธิวาส
ใบเลก็ กว่า แผ่นใบเกลยี้ ง กา้ นดอกยาว

180


Click to View FlipBook Version