The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร
แหล่งอ้างอิง กรมทางหลวง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ai_aon3639, 2022-02-13 15:56:16

คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร

คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร
แหล่งอ้างอิง กรมทางหลวง

บทที่ 1 บททั่วไป

แบบที่ 3 ไม่มเี ส้นขอบป้าย
เป็นป้ายจราจรท่ีไม่มีเส้นขอบป้าย (รูปท่ี 1-9) ตัวอย่างเช่น ป้ายสุดเขต
บังคับ (บ.55) ป้ายเตือนแนวทาง (ต.64 ต.67 และ ต.69) และป้ายเตือน
สิง่ กีดขวาง (ต.71-ต.73) เป็นตน้

รปู ที่ 1-9 ตวั อยา่ งลกั ษณะขอบปา้ ยแบบท่ี 3: ไม่มีเส้นขอบป้าย

1.21 รหัสปา้ ยจราจร

รหัสป้ายจราจรตั้งข้ึนมาเพื่อความสะดวกในการอ้างอิงป้ายจราจรประเภทต่าง ๆ
โดยใช้ตัวอักษรย่อระบุประเภทของป้าย (1 ชุด) ตัวเลขระบุลาดับของป้าย
ในแต่ละประเภท (1 ชุด) และอาจมีตวั เลขระบสุ ว่ นท่ีแคบท่สี ุดของป้าย (1 ชุด)
โดยมีรายละเอยี ด ดังนี้
1) ปา้ ยบงั คับ ใชร้ หสั นาหน้าด้วยอักษรย่อ “บ.” และตามด้วยหมายเลขป้าย

(1 ถึง 55)

2) ป้ายเตือน ใช้รหัสนาหน้าด้วยอักษรย่อ “ต.” และตามด้วยหมายเลขป้าย
(1 ถงึ 74)

3) ป้ายแนะนา ใช้รหัสนาหน้าด้วยอักษรย่อ “น.” และตามด้วยหมายเลข
ป้าย (1 ถึงลาดับสุดทา้ ย)

4) ป้ายเสรมิ ทใ่ี ชร้ ่วมกับปา้ ยประเภทตา่ ง ๆ ใช้อกั ษรย่อ “ส.” ตอ่ ทา้ ยจาก
รหัสอักษรย่อของป้ายแต่ละประเภท เช่น ป้ายเตือนเสริมใช้ “ตส.”
และป้ายแนะนาเสริมใช้ “นส.” และตามด้วยหมายเลขป้าย เริ่มต้น
จากหมายเลข 1 ไปจนถึงหมายเลขป้ายสุดท้ายของแต่ละประเภทของ
ปา้ ยเสรมิ

บ.55 ต.71 ต.72 ต.73 เล่มท่ี 1 คู่มอื มาตรฐานปา้ ยจราจร
1-30

บทที่ 1 บทท่ัวไป

นอกจากนี้อาจใช้จุดทศนิยมหลังหมายเลขป้าย เพ่ือระบุรูปแบบย่อยของ
ป้ายน้ัน ๆ เช่น ป้ายแนะนาโรงพยาบาล (น.7.1-น.7.5) ดังแสดงในรูปท่ี 1-9
ซงึ่ มี 5 รูปแบบย่อย ประกอบด้วย
• ป้าย น.7.1 ใช้ตดิ ตงั้ หน้าโรงพยาบาลแบบไมร่ ะบุช่ือโรงพยาบาล
• ป้าย น.7.2 ใชต้ ิดต้งั หน้าโรงพยาบาลแบบระบชุ ่อื โรงพยาบาล
• ปา้ ย น.7.3 ใช้ติดต้ังบริเวณทางแยกแบบไม่ระบชุ ื่อโรงพยาบาล
• ป้าย น.7.4 ใช้ติดตง้ั บริเวณทางแยกแบบระบชุ ื่อโรงพยาบาล
• ปา้ ย น.7.5 ใชต้ ิดตั้งกอ่ นถึงทางแยกแบบไมร่ ะบชุ ือ่ โรงพยาบาล

น.7.1 น.7.2 น.7.3 น.7.4 น.7.5

รปู ที่ 1-10 ตัวอย่างรหัสปา้ ยที่ใช้จุดทศนิยมหลังหมายเลขป้าย น.2

เลขชุดสุดท้าย (ถ้าใช้) หมายถึง ส่วนที่แคบที่สุดของป้ายจราจรแต่ละป้าย
(ซม.) แต่ถ้าไม่มีตัวเลขกากับอยู่ จะหมายถึงป้ายจราจรขนาดหน่ึงขนาดใด
กไ็ ด้ เช่น

1) บ.3 หมายถงึ ปา้ ยบงั คบั ลาดบั ที่ 3 “ใหร้ ถสวนทางมาก่อน” ขนาดใด ๆ
2) บ.3-60 หมายถึง ป้ายบงั คับ ลาดับที่ 3 “ใหร้ ถสวนทางมากอ่ น” ขนาด

เส้นผา่ ศูนย์กลาง 60 ซม.
3) ต.22-75 หมายถึง ป้ายเตือน ลาดับท่ี 22 “ทางแคบลง” ขนาดกว้าง

75 ซม.
4) น.2-75 หมายถึง ป้ายแนะนา ลาดับที่ 2 “บอกจุดหมายปลายทาง”

ขนาดกว้าง 75 ซม.

บ.3 ต.22

เลม่ ที่ 1 คู่มือมาตรฐานปา้ ยจราจร 1-31

บทท่ี 2

ป้ายบังคบั

บทท่ี 2 2-1

ป้ายบงั คบั

2.1 วตั ถปุ ระสงค์ของปา้ ยบงั คับ

ป้ายบังคับมีวัตถุประสงค์เพ่ือแจ้งให้ผู้ใช้ทางปฏิบัติตามข้อบังคับท่ีได้แสดง
ไว้ตามข้อความ เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนแผ่นป้าย
อย่างเคร่งครัด หากผู้ใดฝ่าฝืนย่อมมีความผิดตามกฎหมาย ดังนั้นการติดต้ัง
ป้ายบังคับนี้จึงจาเปน็ ตอ้ งพจิ ารณาอย่างรอบคอบ และติดตง้ั เฉพาะทจ่ี าเป็น
เท่าน้ัน

2.2 ลักษณะของป้ายบังคับ

โดยทั่วไป ป้ายบังคับมีรูปร่างเป็นแผ่นกลม มีเครื่องหมาย สัญลักษณ์
ตัวเลข ตัวอักษรสีดาอยู่บนพื้นป้ายสีขาว เส้นขอบป้าย และเส้นขีดกลาง
เป็นสีแดง ยกเว้นป้ายดงั ตอ่ ไปนี้
1) ป้ายหยุด (Stop Sign) เป็นรูปแปดเหลี่ยมด้านเท่า ตัวอักษรสีขาวบน

พ้นื ป้ายสีแดง เส้นขอบปา้ ยสีขาว
2) ป้ายให้ทาง (Give Way Sign) เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า มุมชี้ลง

ตวั อกั ษรสดี า เสน้ ขอบป้ายสีแดง พ้ืนปา้ ยสขี าว
3) ปา้ ยห้ามจอดรถหรอื ป้ายหา้ มหยุดรถ เปน็ รปู แผ่นกลม พน้ื ปา้ ยสนี ้าเงิน

เส้นขอบป้ายและเสน้ ขีดกลางสีแดง
4) ป้ายบังคับประเภทคาสั่ง (Mandatory Signs) เป็นป้ายรูปแผ่นกลม

พ้นื ป้ายสีน้าเงิน เครอื่ งหมาย สัญลกั ษณ์ ตัวเลข และเส้นขอบปา้ ยสีขาว
5) ป้ายสุดเขตบังคับ เป็นรูปแผ่นกลม พื้นป้ายสีขาว ไม่มีเส้นขอบป้าย

แตม่ เี สน้ ขีดสดี าทแยงจากขวาด้านบนลงซา้ ยดา้ นล่าง
6) ป้ายบังคับข้อความ เป็นรูปส่ีเหลี่ยม พื้นป้ายสีขาว เส้นขอบป้ายสีแดง

ตวั เลข ตัวอกั ษร และสัญลักษณส์ ีดาหรือสีแดง
7) ป้ายประกอบ เป็นรูปสเี่ หลี่ยม พนื้ สขี าว เสน้ ขอบปา้ ย ตัวเลข ตวั อกั ษร

และสัญลกั ษณ์สดี า
ป้ายบงั คับจะต้องเปน็ ป้ายสะท้อนแสง หรอื มีไฟส่องสว่างที่ป้ายเพื่อให้สามารถ
เหน็ รูปร่าง ข้อความ เครอ่ื งหมาย และสญั ลักษณ์ได้ทง้ั ในเวลากลางวันและ
กลางคืน

เล่มที่ 1 คู่มอื มาตรฐานป้ายจราจร

บทท่ี 2 ปา้ ยบังคบั

2.3 ปา้ ยบังคบั ประเภทกาหนดสทิ ธิ์ (Priority Regulating Signs)

มจี านวน 3 ปา้ ย คอื บ.1 – บ.3

บ.1 บ.2 บ.3
บ.1
2.3.1 ป้ายหยดุ (บ.1)

มีความหมายว่า ให้ผู้ขับขี่หยุดรถก่อนถึงทางที่ขวางข้างหน้า หรือเส้นหยุด
รอให้รถและคนเดินเท้าบนทางขวางข้างหน้าผ่านไปก่อน เมื่อเห็นว่า
ปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรท่ีบริเวณทางแยกนั้นแล้ว
จึงเคลอ่ื นรถตอ่ ไปได้

ป้ายหยุด (บ.1) มีลักษณะเป็นป้ายรูปแปดเหล่ียมด้านเท่า พื้นป้ายสีแดง
เส้นขอบป้ายสีขาว มีตัวอักษรคาว่า “หยุด” สีขาว สูงประมาณ 1/3 เท่า
ของความสงู ของป้ายอยูภ่ ายใน

2.3.1.1 เหตอุ ันควรในการตดิ ตงั้ ปา้ ยหยุด

เนื่องจากป้ายหยุดทาให้เกิดความไม่สะดวกต่อผู้ขับรถ ดังน้ันจึงควรใช้
ป้ายน้ีเฉพาะที่จาเป็นและมีเหตุอันควรเท่านั้น โดยเหตุอันควร (Warrants)
ในการพจิ ารณาติดตง้ั มดี ังน้ี
1) ทางแยกซ่ึงถ้าไม่ติดตั้งป้ายหยุดที่ด้านหน่ึง เม่ือปล่อยให้การจราจรผ่าน

ทางแยกตามสิทธิผ่านทางแยกก่อนหลัง มักจะเกิดอันตรายจาก
อุบัตเิ หตุอยเู่ สมอ
2) ถนนท่ีเข้ามาบรรจบกับทางหลวงสายหลักที่มีรถวิ่งผ่านตลอด (Through
Highways)
3) ทางแยกซึง่ อยใู่ นบรเิ วณทม่ี ีการควบคมุ การจราจรด้วยสญั ญาณไฟ แตไ่ ม่ได้
มีการติดตัง้ สญั ญาณไฟทที่ างแยกนนั้
4) ทางแยกที่มีลักษณะสภาพของทางและการจราจรประกอบกัน ดังนี้คือ
ยวดยานส่วนมากใช้ความเร็วสูง ระยะการมองเห็นจากัด และมีสถิติ
การเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง ต้องติดตั้งป้ายหยุดเพื่อควบคุมการจราจรท่ี
ดา้ นหนึง่

2-2 เล่มที่ 1 คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร

บทที่ 2 ป้ายบังคบั 2-3

การติดตั้งโดยท่ัวไป ให้ติดต้ังป้ายหยุดบนทางหลวงที่มีปริมาณการจราจร
น้อยกว่า นอกจากในกรณีท่ีเป็นสามแยก ให้ติดตั้งป้ายหยุดบนทางหลวง
ด้านท่ีเข้าบรรจบ ไม่ว่าจานวนยวดยานบนทางหลวงนั้นจะมากกว่าหรือ
น้อยกว่าก็ตาม ท้ังน้ีเพื่อความปลอดภัยห้ามติดต้ังป้ายอ่ืนใด ณ ท่ีแห่ง
เดยี วกนั กบั ปา้ ยหยุด
ห้ามติดตั้งป้ายหยุดบนทางหลวงพิเศษหรือตามทางแยกต่างระดับ
(Interchanges) ท้ังนี้ เน่ืองจากบนทางหลวงเหล่านั้นต้องการให้ยวดยาน
ไหลไปโดยสะดวก ไม่สมควรที่จะติดต้ังป้ายหยุดบนทางเช่ือมโยงเข้า
(Entrance Ramps) นอกจากน้ันบนทางเชื่อมโยงออก (Exit Ramps)
ซึ่งอาจจาเป็นต้องติดต้ังป้ายหยุดก่อนถึงจุดตัดกับทางข้างหน้า ซึ่งไม่ใช่
ทางหลวงพเิ ศษ
ห้ามติดตั้งป้ายหยุดตรงทางแยก ซ่ึงควบคุมการจราจรด้วยสัญญาณไฟจราจร
เพราะจะทาให้เกิดความสับสนต่อผู้ขับรถ ในกรณีที่หยุดใช้สัญญาณไฟ
ควบคุมการจราจรในบริเวณทางแยก ก็ให้ใช้ไฟกะพริบสีเหลืองหรือ
สีแดงแทน โดยใช้ไฟกะพริบสีเหลืองในด้านทางหลวงทม่ี ีปรมิ าณการจราจร
สูงกว่า และใช้ไฟกะพริบสีแดงในด้านทางหลวงท่ีต้องการให้ยวดยานหยุด
ท่ีทางแยกกอ่ นที่จะผา่ นเลยทางแยกน้ันออกไป
ในกรณีที่ทางหลวงตัดกับทางรถไฟในระดับเดียวกัน ถ้าไม่มีไฟสัญญาณ
จราจรหรือเคร่ืองก้ัน ให้ติดต้ังป้ายหยุดทางด้านซ้ายของทางหลวงที่
ตาแหนง่ ของแนวเส้นหยุด (Stop Line)
2.3.1.2 หลักเกณฑ์การตดิ ตง้ั ป้ายหยดุ
1) ป้ายหยุดต้องติดต้ังใกล้แนวที่จะให้รถหยุด และควรใช้เส้นหยุด

(Stop Line) ร่วมด้วย โดยจะมีหรือไม่มีข้อความ “หยุด” อยู่บน
ผิวจราจรกไ็ ด้
2) ตรงบริเวณทางแยกที่ต้องการจะติดต้ังป้ายหยุด ให้ติดห่างจากขอบ
ผวิ จราจรทีข่ วางหน้าไม่น้อยกวา่ 1.20 ม. แต่ต้องไม่เกิน 10 ม. ในกรณี
ทางแยกมีเสน้ ทางข้ามรว่ มด้วย ให้ติดตั้งป้ายหยดุ ก่อนถึงขอบเส้นทางข้าม
1.20 ม.
3) ระยะการติดต้ังป้ายตามแนวด่ิงและแนวขวางเป็นไปตามหัวข้อ 1.9
ในบทที่ 1

เล่มที่ 1 คูม่ ือมาตรฐานปา้ ยจราจร

บทท่ี 2 ปา้ ยบังคับ บ.2

4) โดยทั่วไปให้ทาการติดต้ังป้ายหยุดด้านซ้ายของขอบทาง สาหรับ
ทางแยกซึ่งมีรศั มีกว้าง (Wide Throat Intersections) ผู้ขบั ขีอ่ าจมอง
ไม่เห็นป้ายหยุดที่ติดตั้งทางด้านซ้าย จึงควรใช้เส้นหยุดร่วมกับคาว่า
“หยุด” บนผิวจราจร และอาจติดตั้งปา้ ยหยุดเสริมทีด่ ้านขวาของทางก็ได้

5) ตรงทางแยกซ่ึงมีเกาะแบ่งช่องจราจร (Channelizing Islands) ให้ติดต้ัง
ปา้ ยหยุดบนเกาะแบง่ ชอ่ งจราจร

6) ต้องระวงั เรอื่ งมมุ การตดิ ตงั้ ป้าย อยา่ ใหค้ นขบั รถในทิศทางที่ไม่ตอ้ งการ
จะให้หยุดรถมองเห็นป้ายหยุดได้ชัดเจน เพราะจะทาให้เกิด
ความสับสนได้

7) ในกรณีท่ีตาแหน่งของป้ายหยุดอาจมองเห็นได้ไม่ชัด เนื่องจากถูก
สิ่งอ่ืนบดบัง หรือเป็นทางโค้ง หรือรถที่ว่ิงเข้าสู่ทางแยกใช้ความเร็วสูง
จนผู้ขับข่ีไม่สามารถหยุดรถตรงแนวที่ต้องการจะให้หยุดได้ ให้ติดตั้ง
ปา้ ยเตอื น “หยดุ ขา้ งหน้า” (ต.54) กอ่ นทจ่ี ะถึงปา้ ยหยุด

2.3.2 ป้ายใหท้ าง (บ.2)

มีความหมายวา่ ให้ผู้ขับข่ีให้ทางแก่รถหรือคนเดินเท้าบนทางขวางข้างหนา้
ผ่านไปก่อน เม่ือเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรที่
บริเวณทางแยกนน้ั แลว้ จึงเคลอื่ นรถต่อไปได้

ป้ายให้ทาง (บ.2) มีลักษณะเป็นรูปสามเหล่ียมด้านเท่า มุมแหลมอยู่ล่าง
พื้นปา้ ยสีขาว เสน้ ขอบป้ายสแี ดง มตี ัวอักษรคาว่า “ใหท้ าง” สีดา อยภู่ ายใน

ป้ายให้ทาง ใช้ตดิ ต้ังเชน่ เดยี วกบั ป้ายหยดุ คือ ใหค้ วามสาคัญของทางข้างหน้า
แตกต่างจากป้ายหยุดตรงท่ีรถไม่ต้องหยุดเม่ือมาถึงทางแยก นอกจาก
จะเปน็ การกดี ขวางทางรถขา้ งหน้า

เพ่ือให้ผู้ใช้ทางเข้าใจความหมายของป้ายดีขึ้น ควรติดตั้งป้ายประกอบ
พื้นปา้ ยสขี าว เส้นขอบป้าย และข้อความสดี า “ให้รถทางขวาไปก่อน” หรอื
“ให้รถในวงเวยี นไปก่อน”

ต.54

2-4 เลม่ ที่ 1 คมู่ อื มาตรฐานป้ายจราจร

บทที่ 2 ปา้ ยบงั คบั บ.3

2.3.2.1 เหตุอันควรในการติดตั้งปา้ ยใหท้ าง

1) บนทางโทท่ีรถสามารถเข้าสู่ทางหลวงด้วยความเร็วเกิน 20 กม./ชม.
ได้อย่างปลอดภยั และการเขา้ สูท่ างหลวงไม่จาเป็นต้องให้รถหยุดทุกครั้ง

2) ท่ีทางเช่ือมโยงเข้าสู่ทางหลวงพิเศษ ซ่ึงไม่มีช่องจราจรเร่งความเร็วที่
เพยี งพอ

3) ช่องจราจรซึ่งมีเกาะแบ่งสาหรับรถเลี้ยวซ้ายบรรจบกับทางขวางข้างหน้า
และไมม่ ชี อ่ งจราจรเรง่ ความเรว็ ที่เพียงพอ

2.3.2.2 หลักเกณฑ์การติดตง้ั ปา้ ยให้ทาง

ให้พิจารณาเช่นเดียวกับหลักเกณฑ์การติดตั้งป้ายหยุด โดยใช้ร่วมกับ
เสน้ ให้ทาง เครอื่ งหมายให้ทาง และป้ายเตือนใหท้ างข้างหน้า (ต.55)

2.3.3 ปา้ ยให้รถสวนทางมากอ่ น (บ.3)

มีความหมายว่า ให้ผู้ขับขี่หยุดรถ และรอให้รถท่ีกาลังสวนทางมา
ผ่านไปก่อน หากมีรถข้างหน้าหยุดรออยู่ก่อน ก็ให้หยุดรอถัดต่อกันมา
ตามลาดบั เม่ือรถทแ่ี ล่นสวนทางไดผ้ า่ นไปหมดแลว้ จึงเคลื่อนรถตอ่ ไปได้
1) ป้ายให้รถสวนทางมาก่อน (บ.3) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้ายสีขาว

เส้นขอบป้ายสีแดง ภายในป้ายมีเคร่ืองหมายลูกศรสีแดงชี้ข้ึนอยู่
ทางด้านซ้าย และเคร่ืองหมายลูกศรสีดาช้ีลงอยู่ทางด้านขวาของ
ศนู ย์กลางของป้าย
2) ป้ายให้รถสวนทางมาก่อน กาหนดให้รถทุกชนิดต้องหยุดชิดขอบ
ทางตรงตาแหน่งที่ติดตั้งป้าย เพ่ือให้รถสวนทางมาก่อน ให้ใช้ป้ายน้ี
เม่อื สภาพทางหลวงแคบ รถแล่นสวนกันไม่ได้ เช่น สะพานแคบ ทางแคบ
สะพานเบยี่ งช่องจราจรเดียว
3) การติดตั้งป้ายให้รถสวนทางมาก่อน ต้องคานึงถึงความเร็วของรถ
ที่เข้าสู่บริเวณน้ีด้วย ดังน้ันควรติดตั้งป้ายเตือนหรือป้ายบังคับอื่น
เพือ่ ใหผ้ ู้ขับขี่ยวดยานทราบล่วงหน้า
4) ข้อควรระวังในการติดต้ังป้าย ห้ามหมุนป้าย 180 องศา ซ่ึงจะทาให้
ลูกศรสีแดงและลูกศรสีดาสลับทิศทางกัน และส่ือความหมายตรงกันข้าม
กับวตั ถปุ ระสงคข์ องปา้ ย

ต.55 2-5

เล่มที่ 1 คู่มอื มาตรฐานปา้ ยจราจร

บทที่ 2 ป้ายบงั คับ

2.4 ปา้ ยหา้ มหรอื จากดั สิทธิ์ (Prohibitory or Restrictive Signs)

มีจานวน 33 ป้าย คอื บ.4 – บ.36
บ.4 บ.5 บ.6 บ.7 บ.8 บ.9
บ.10 บ.11 บ.12 บ.13 บ.14 บ.15
บ.16 บ.17 บ.18 บ.19 บ.20 บ.21
บ.22 บ.23 บ.24 บ.25 บ.26 บ.27
บ.28 บ.29 บ.30 บ.31 บ.32 บ.33
บ.34 บ.35 บ.36

2-6 เล่มที่ 1 คู่มือมาตรฐานปา้ ยจราจร

บทท่ี 2 ปา้ ยบังคบั บ.4

2.4.1 ปา้ ยห้ามแซง (บ.4) บ.5
มคี วามหมายว่า ห้ามผู้ขบั ขีข่ ับรถแซงรถคนั อนื่ ในทางที่ติดต้ังป้าย
1) ป้ายห้ามแซง (บ.4) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้ายสีขาว เส้นขอบป้ายสีแดง 2-7
ภายในบรรจุเคร่อื งหมายลูกศรสดี าช้ีข้ึน 2 อัน ในลักษณะแสดงการวิง่
ข้ึนหน้ากัน และมีขีดสีแดงทามุม 45 องศา กับแนวระดับพาดกับ
เคร่ืองหมายลูกศรอันซึ่งอยู่ทางด้านขวา โดยเริ่มจากทางซ้ายด้านบน
ของปา้ ยลงไปสทู่ างขวาดา้ นล่างของป้าย
2) ป้ายห้ามแซง ใช้ติดต้ังท่ีบริเวณห้ามแซง เน่ืองจากทางหลวงหรือถนน
มีข้อจากัดทางกายภาพ มีระยะการมองเห็นไม่เพียงพอ เพราะถูกบดบัง
ดว้ ยส่ิงกดี ขวาง
3) ให้ติดตั้งตรงจุดเริ่มต้นของบริเวณห้ามแซง (No-passing Zones)
ในที่ซง่ึ ไมส่ ามารถตสี เี สน้ เหลอื งทึบห้ามแซงบนผวิ จราจรได้ หรืออาจใช้
ประกอบเส้นทึบห้ามแซงในกรณีที่ผู้ขับขี่อาจมองเห็นเส้นทึบห้ามแซง
ไม่ชดั เจน และในกรณีทีก่ ารตดิ ตั้งป้ายบังคับห้ามแซงแล้วยังไมส่ ามารถ
ทาให้ผู้ขับรถปฏิบัติตามได้ ควรติดตั้งป้ายเตือนห้ามแซง (ต.61)
ทางด้านขวามือของทางหลวงก่อนถงึ ปา้ ยบังคับหา้ มแซงด้วย
4) ป้ายห้ามแซงไม่จาเป็นสาหรับทางคู่ (Divided Highways) นอกจาก
ในกรณีท่ีความกว้างของช่องจราจรลดลงเนื่องจากการก่อสร้างหรือ
การบูรณะทางหลวง

2.4.2 ป้ายห้ามเข้า (บ.5)
มคี วามหมายวา่ หา้ มผู้ขับขข่ี ับรถเข้าไปในทางทต่ี ดิ ตั้งป้าย
1) ป้ายห้ามเข้า (บ.5) มีลักษณะเป็นรูปกลม พื้นป้ายสีแดง เส้นขอบป้ายสีขาว
ภายในบรรจุเครือ่ งหมายขดี สขี าว
2) ป้ายห้ามเข้า ใช้ติดต้ังเพ่ือห้ามมิให้ยวดยานทุกชนิดผ่านเข้าไปใน
ทางหลวงตอนนั้น เพราะทางหลวงตอนนั้นอาจจะใช้เพ่ือการจราจร
ทางเดยี วหรอื อาจปิดการจราจรอยู่ก็ได้
3) การติดต้งั ใหต้ ดิ ตง้ั ตรงจดุ เร่มิ ตน้ ของเขตหา้ มเข้านน้ั ๆ
4) หา้ มใช้ปา้ ยห้ามเข้าในกรณีท่เี ปน็ การปดิ ชอ่ งจราจรเพยี งบางชอ่ งเท่านนั้

ต.61

เลม่ ที่ 1 คมู่ ือมาตรฐานป้ายจราจร

บทท่ี 2 ปา้ ยบังคับ บ.6
บ.7
2.4.3 ป้ายห้ามกลบั รถ (บ.6-บ.7)
บ.8
มีความหมายว่า หา้ มผูข้ บั ขก่ี ลับรถไปทางขวา (บ.6) หรอื ห้ามผู้ขับขีก่ ลับรถ บ.9
ไปทางซ้าย (บ.7)

1) ป้ายห้ามกลับรถไปทางขวา (บ.6) และป้ายห้ามกลับรถไปทางซ้าย
(บ.7) มีลักษณะเป็นรูปกลม พื้นป้ายสีขาว เส้นขอบป้ายสีแดง ภายในบรรจุ
เครื่องหมายลูกศรสีดาชี้ขึ้น โค้งกลับ และมีขีดสีแดงทามุม 45 องศา
กับแนวระดับพาดทับเคร่ืองหมายลูกศรจากทางขวาด้านบนลงมา
ทางซ้ายด้านล่างของป้าย (บ.6) หรือจากทางซ้ายด้านบนของป้าย
ลงมาทางขวาดา้ นล่างของปา้ ย (บ.7)

2) ป้ายห้ามกลับรถ ใชต้ ดิ ตั้งเพอ่ื มใิ หผ้ ู้ใดกลับรถ ไมว่ า่ ด้วยวิธใี ด ๆ ในเขตทาง
ทตี่ ดิ ตง้ั ปา้ ย

3) ให้ติดต้ังป้ายตรงจุดท่ีห้ามกลับรถ ในกรณีท่ีต้องการห้ามกลับรถเป็น
ทางระยะยาว ให้ติดตั้งป้ายห้ามกลับรถนี้เป็นช่วง ๆ ตลอดระยะทาง
ที่หา้ มกลบั รถนนั้

2.4.4 ปา้ ยห้ามเลีย้ ว (บ.8-บ.9)

มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับข่ีเล้ียวรถไปทางซ้าย (บ.8) หรือห้ามผู้ขับข่ีเล้ียวรถ
ไปทางขวา (บ.9)

1) ป้ายห้ามเล้ียวซ้าย (บ.8) และป้ายห้ามเล้ียวขวา (บ.9) มีลักษณะเป็น
รูปกลม พื้นป้ายสีขาว เส้นขอบป้ายสีแดง ภายในบรรจุเครื่องหมาย
ลูกศรสีดาหักเป็นมุมฉากชี้ไปทางซ้ายหรือทางขวา มีขีดสีแดงทามุม
45 องศา กับแนวระดับพาดทับเครื่องหมายลูกศรจากทางขวาด้านบน
ของป้ายไปสู่ทางซ้ายด้านล่างของป้าย (บ.8) หรือจากทางซ้ายด้านบน
ของป้ายไปสทู่ างขวาด้านล่างของป้าย (บ.9)

2) ป้ายห้ามเล้ียวใช้ติดตั้งเพ่ือมิให้ยวดยานทุกชนิดเล้ียวไปในทิศทางท่ี
ตอ้ งการห้ามน้นั ๆ

3) ให้ติดตั้งป้ายห้ามเล้ียว (บ.8 หรือ บ.9) ในท่ีซ่ึงผู้ขับข่ีสามารถมองเห็น
ได้ง่าย และตรงจุดที่อยู่ใกล้มุมทางแยกด้านใกล้ไม่น้อยกว่า 3 ม. และ
ไม่มากกว่า 5 ม. สาหรบั การติดต้ังป้ายห้ามเลี้ยวขวา (บ.9) ให้พจิ ารณา
ตดิ ทีม่ มุ ทางแยกด้านไกลดว้ ย

2-8 เล่มท่ี 1 คูม่ อื มาตรฐานปา้ ยจราจร

บทที่ 2 ปา้ ยบังคับ บ.10
บ.11
4) สาหรับทางแยกรูปตัวที (T) ท่ีมีทางเดินรถด้านเดียว (ไปทางซ้ายหรือ

ทางขวา) ขวางหน้า ให้ติดตั้งป้ายรถเดินทางเดียวไปทางซ้าย
(บ.38) หรือป้ายรถเดินทางเดียวไปทางขวา (บ.39) ท่ีขอบทางเดินรถ
ดา้ นไกล โดยให้หันปา้ ยเข้าสู่ทางเดินรถทเี่ ข้าส่ทู างแยก

2.4.5 ป้ายห้ามเปล่ยี นชอ่ งเดินรถ (บ.10-บ.11)

มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับข่ีเปล่ียนช่องเดินรถไปทางซ้าย (บ.10) หรือ
ห้ามผูข้ ับขเี่ ปลยี่ นชอ่ งเดินรถไปทางขวา (บ.11)

1) ป้ายห้ามเปล่ียนช่องเดินรถไปทางซ้าย (บ.10) และป้ายห้ามเปลี่ยน
ช่องเดินรถไปทางขวา (บ.11) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้ายสีขาว
เส้นขอบป้ายสีแดง ภายในบรรจุเคร่ืองหมายลูกศรสีดาหักเป็นตัวเอส
(S) ชไ้ี ปทางซา้ ยหรอื ทางขวา มขี ีดสแี ดงทามมุ 45 องศา กบั แนวระดับ
พาดทับเครื่องหมายลูกศรจากทางขวาด้านบนของป้ายลงไปสู่ทางซ้าย
ด้านล่างของป้าย (บ.10) หรือจากทางซ้ายด้านบนของป้ายไปสู่ทางขวา
ด้านล่างของป้าย (บ.11)

2) ให้ใช้ป้ายห้ามเปล่ียนช่องเดินรถที่บริเวณทางแยกบนทางหลวง
หรือถนนท่ีมีเกาะแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกัน (แยกเป็นทางหลัก
หรือทางขนานหรือทางบริการ) เพ่ือห้ามมิให้รถเปลี่ยนช่องจราจร
จากด้านหนึ่งของเกาะ แบ่งช่องเดินรถไปยังอกี ด้านหนึง่ (หรือเพ่ือห้าม
การจราจรในทิศทางเดียวกันบนทางหลักเปล่ียนไปว่ิงบนทางขนาน
หรอื ทางบริการ หรอื จากทางขนานหรือทางบริการไปทางหลักเมื่อผ่าน
ทางแยก)

3) ให้ติดตั้งป้ายห้ามเปลี่ยนช่องเดินรถตรงตาแหน่งก่อนสิ้นสุดหัวเกาะ
แบง่ ชอ่ งเดนิ รถ (หวั เกาะทางขนาน) ด้านใกล้ในระยะ 3-5 ม. และท่ีหวั เกาะ
ด้านไกล ถ้าบริเวณหัวเกาะมีเสาไฟสัญญาณจราจรให้ติดตั้งที่เสานั้น
กรณที แ่ี ยกเสาตดิ ต้ัง ใหร้ ะมัดระวงั การบดบงั ซึง่ กนั และกนั

บ.38 บ.39

เลม่ ที่ 1 คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร 2-9

บทที่ 2 ป้ายบงั คบั บ.12
บ.13
2.4.6 ป้ายหา้ มเลย้ี วหรือกลับรถ (บ.12-บ.13)

มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับข่ีเลี้ยวรถไปทางขวาหรือกลับรถ (บ.12) หรือ
ห้ามผู้ขบั ขี่เล้ยี วรถไปทางซ้ายหรือกลบั รถ (บ.13)

1) ป้ายห้ามเลี้ยวขวาหรือกลับรถ (บ.12) และป้ายห้ามเลี้ยวซ้ายหรือ
กลับรถ (บ.13) มีลักษณะเป็นรูปกลม พื้นป้ายสีขาว เส้นขอบป้ายสีแดง
ภายในบรรจุเคร่ืองหมายลูกศรสีดาหักเป็นฉาก และลูกศรโค้งกลับไป
ทางขวาหรือไปทางซ้าย มีขีดสีแดงทามุม 45 องศา กับแนวระดับ
พาดทับเคร่ืองหมายลูกศรจากทางซ้ายด้านบนของป้ายไปสู่ทางขวา
ด้านล่างของป้าย (บ.12) หรือจากทางขวาด้านบนของป้ายลงไปสู่
ทางซา้ ยด้านล่างของปา้ ย (บ.13)

2) การใช้และการติดต้ังเหมือนกับป้ายห้ามกลับรถไปทางขวา (บ.6)

ป้ายห้ามกลับรถไปทางซ้าย (บ.7) ป้ายห้ามเล้ียวซ้าย (บ.8) ป้ายห้าม
เลีย้ วขวา (บ.9)

บ.6 บ.7 บ.8 บ.9 เล่มท่ี 1 คูม่ ือมาตรฐานป้ายจราจร
2-10

บทท่ี 2 ปา้ ยบังคบั บ.14

2.4.7 ป้ายหา้ มยวดยานประเภทตา่ ง ๆ (บ.14-บ.26) บ.15
ประกอบด้วย ป้ายหา้ มยวดยาน 17 ประเภท ดงั น้ี บ.16
• ป้ายหา้ มรถยนต์ (บ.14) บ.17
มคี วามหมายว่า ห้ามผขู้ บั ขข่ี ับรถยนตเ์ ขา้ ไปในทางท่ีตดิ ตง้ั ป้าย บ.18
• ปา้ ยหา้ มรถบรรทุก (บ.15) บ.19
มคี วามหมายวา่ หา้ มผขู้ ับขี่ขับรถบรรทกุ เขา้ ไปในทางทต่ี ิดตง้ั ป้าย
• ปา้ ยหา้ มรถจกั รยานยนต์ (บ.16)
มคี วามหมายว่า ห้ามผ้ขู บั ขี่ขบั ขรี่ ถจักรยานยนต์เข้าไปในทางทีต่ ิดตั้งปา้ ย
• ป้ายห้ามรถพ่วง (บ.17)
ความหมายว่า ห้ามผู้ขับข่ีขับรถลากจูงที่ลากจูงรถพ่วงหรือรถกึ่งพ่วง
เขา้ ไปในทางที่ตดิ ตง้ั ป้าย
• ป้ายห้ามรถยนต์สามลอ้ (บ.18)
มคี วามหมายว่า หา้ มผู้ขับขขี่ ับรถยนต์สามลอ้ เขา้ ไปในทางท่ีตดิ ตั้งปา้ ย
• ปา้ ยหา้ มรถสามลอ้ (บ.19)
มคี วามหมายว่า ห้ามผู้ขบั ขข่ี ับรถสามล้อเขา้ ไปในทางทีต่ ดิ ตั้งป้าย
• ปา้ ยหา้ มรถจกั รยาน (บ.20)
มคี วามหมายว่า หา้ มผ้ขู บั ข่ีขบั ขรี่ ถจักรยานเขา้ ไปในทางทต่ี ดิ ตั้งปา้ ย
• ปา้ ยหา้ มล้อเล่อื นลากเขน็ (บ.21)
มีความหมายว่า ห้ามบุคคลใดลากหรือเข็นล้อเล่ือนเข้าไปในทางที่
ติดตง้ั ปา้ ย

บ.20

เลม่ ท่ี 1 คมู่ ือมาตรฐานปา้ ยจราจร บ.21
2-11

บทท่ี 2 ปา้ ยบงั คบั

• ปา้ ยหา้ มรถยนตท์ ใี่ ชใ้ นการเกษตร (บ.22) บ.22
บ.23
มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับข่ีขับรถยนต์ท่ีใช้ในการเกษตรเข้าไปในทางที่ บ.24
ติดตัง้ ปา้ ย บ.25
บ.26
• ป้ายหา้ มเกวยี น (บ.23)

มคี วามหมายว่า หา้ มบคุ คลใดข่ีเกวยี นเข้าไปในทางท่ีตดิ ต้ังป้าย

• ปา้ ยห้ามรถจกั รยานยนต์และรถยนต์ (บ.24)

มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับขี่ขับรถจักรยานยนต์ หรือรถยนต์เข้าไป
ในทางทีต่ ิดตง้ั ปา้ ย

• ปา้ ยห้ามรถจกั รยาน รถสามล้อ และรถจักรยานยนต์ (บ.25)

มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับขี่ขับขี่รถจักรยาน รถสามล้อ หรือ
รถจกั รยานยนตเ์ ขา้ ไปในทางที่ตดิ ต้ังปา้ ย

• ป้ายหา้ มรถจักรยานยนต์ และรถยนต์สามลอ้ (บ.26)

มคี วามหมายว่า หา้ มผู้ขับขี่ขับขรี่ ถจกั รยานยนตห์ รอื รถยนตส์ ามล้อเข้า
ไปในทางทตี่ ิดตงั้ ป้าย

1) ป้ายห้ามยวดยานประเภทต่าง ๆ (บ.14-บ.26) มีลักษณะเป็นรูปกลม
พื้นป้ายสีขาว เส้นขอบป้ายสีแดง ภายในบรรจุสัญลักษณ์สีดาเป็น
รปู ยวดยานต่าง ๆ ท่ีตอ้ งการหา้ มน้ัน ๆ และมีขดี สแี ดงทามุม 45 องศา
กับแนวระดบั พาดสญั ลกั ษณน์ นั้ ๆ จากทางซา้ ยด้านบนของปา้ ยลงไปสู่
ทางขวาดา้ นล่างของปา้ ย

2) ป้ายห้ามยวดยานประเภทต่าง ๆ ใช้ติดตั้งเพื่อห้ามมิให้ยวดยานท่ี
ปรากฏบนแผ่นป้าย ผ่านเข้าไปในเขตท่ีต้องการจะห้ามน้ัน ๆ กรณีท่ี
ต้องการยกเว้นรถบางประเภท เช่น รถประจาทาง ต้องติดตั้งป้าย
บังคับประกอบที่แสดงด้วยข้อความ "ยกเว้นรถประจาทาง” ควบคู่กับ
ป้ายบงั คบั ท่ีใช้ด้วย

3) เมื่อมีประกาศผู้อานวยการทางหลวงพิเศษ ห้ามยานพาหนะบางชนิด
หรือคนเดินเท้าใช้ทางหลวงพิเศษสายใดทั้งสายหรือเพียงบางส่วน
ตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109 ตอนที่ 52 ลงวันที่ 18 เมษายน 2535
ก็ให้พิจารณาติดตัง้ ปา้ ยหา้ มยวดยานด้วย

4) ใหต้ ิดตั้งบริเวณจุดเร่ิมตน้ เขตทต่ี อ้ งการห้ามนนั้

2-12 เลม่ ท่ี 1 คมู่ ือมาตรฐานป้ายจราจร

บทท่ี 2 ปา้ ยบังคับ บ.27
บ.28
2.4.8 ปา้ ยห้ามใช้เสียง (บ.27)

มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับข่ีใช้เสียงสัญญาณหรือทาให้เกิดเสียงใด ๆ
ท่ีเปน็ การรบกวนในทางท่ีติดตงั้ ปา้ ย

1) ป้ายห้ามใช้เสียง (บ.27) มีลักษณะเป็นรูปกลม พื้นป้ายสีขาว เส้นขอบ
ป้ายสีแดง ภายในบรรจุสัญลักษณ์รูปแตรสีดา และมีขีดสีแดงทามุม
45 องศา กับแนวระดับพาดทับสัญลักษณ์จากทางซ้ายด้านบนลง
ไปสู่ทางขวาดา้ นลา่ งของป้าย

2) ใช้เพื่อห้ามมิให้ผู้ขับขี่ใช้เสียงในบริเวณที่ต้องการความสงบ เช่น
เขตพระราชฐาน เขตโรงพยาบาล เขตวัด

3) การติดต้ัง ให้ติดตั้งก่อนถึงเขตห้ามใช้เสียงสัญญาณ 30-50 ม. และ
ควรติดตั้งป้ายสุดเขตบังคับ (บ.55) เม่ือพ้นจากเขตห้ามใช้เสียงไป
30-50 ม. ด้วย

2.4.9 ปา้ ยห้ามคนผ่าน (บ.28)

มีความหมายว่า หา้ มคนเดินเทา้ เข้าไปในทางที่ตดิ ต้ังปา้ ย

1) ปา้ ยห้ามคน (บ.28) มลี ักษณะเปน็ รปู กลม พ้นื ป้ายสขี าว เสน้ ขอบป้าย
สีแดง ภายในบรรจุสัญลักษณ์สีดาเป็นรูปคน และมีขีดสีแดงทามุม
45 องศา กับแนวระดับพาดทบั สัญลักษณ์จากทางซา้ ยด้านบนของป้าย
ลงไปสู่ทางขวาด้านลา่ งของป้าย

2) ใช้เพื่อห้ามคนเดินเท้าไม่ให้เข้าไปในเขตทางหลวงหรือถนนที่ออกแบบ
ให้รถใช้ความเร็วสงู อย่างต่อเน่ือง เช่น ทางหลวงพเิ ศษ หรอื บรเิ วณที่มี
อันตรายตอ่ คนเดินเท้าท่ีจะข้ามทาง

3) การติดต้ัง ให้ติดตั้งป้ายท่ีบริเวณต้นทางของทางหลวงหรือถนนที่
ตอ้ งการห้าม โดยตดิ ต้ังให้คนขา้ มทางมองเห็น และควรตดิ ตั้งป้ายเสริม
มขี อ้ ความแนะนาหรอื ลูกศรชี้ใหไ้ ปท่เี สน้ ทางขา้ ม

บ.55 2-13

เล่มที่ 1 คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร

บทท่ี 2 ป้ายบังคับ บ.29
บ.30
2.4.10 ป้ายหา้ มจอดหรือหยดุ (บ.29-บ.30)

มคี วามหมายวา่ หา้ มผ้ขู บั ขจี่ อดรถในทางที่ตดิ ตัง้ ปา้ ย เวน้ แตก่ ารหยดุ รับส่ง
คนหรือสิ่งของช่ัวขณะ ซ่ึงต้องกระทาโดยมิชักช้า (บ.29) หรือห้ามผู้ขับขี่
หยุดรถ หรือจอดรถในทางทีต่ ิดตั้งป้าย (บ.30)

1) ป้ายห้ามจอดรถ (บ.29) มีลักษณะเป็นรูปวงกลม พ้ืนป้ายสีน้าเงิน
เส้นขอบป้ายสีแดง มีขีดสีแดงทามุม 45 องศา จากทางซ้ายด้านบน
ของป้ายลงมาทางขวาด้านลา่ งของป้าย ในกรณีป้ายห้ามหยุดรถ (บ.30)
จะเพิ่มขีดสีแดงทามุม 45 องศา จากทางขวาด้านบนของป้ายลงมา
ทางซา้ ยด้านลา่ งของป้าย

2) ป้ายห้ามจอดรถ (บ.29) ใช้ติดต้ังเพ่ือห้ามมิให้รถทุกชนิดจอดบน
ทางหลวงในเขตที่ติดตั้งป้ายนี้ เว้นแต่การหยุดรับส่งคนหรือส่ิงของ
ชั่วขณะ ซึง่ จะต้องกระทาโดยมิชกั ชา้

3) ป้ายห้ามหยุดรถ (บ.30) ใช้ติดตั้งเพื่อห้ามมิให้ผู้ใดหยุดหรือจอดรถ
เพื่อรบั หรอื ส่งคนหรือสิ่งของหรือทาธุรกจิ ใด ๆ ในเขตทีต่ ิดตง้ั ปา้ ยน้ี

4) การตดิ ต้งั ให้ติดต้งั ปา้ ยตรงจดุ เรม่ิ ต้นและจดุ ส้นิ สุดของเขตห้ามจอดรถ
หรือเขตห้ามหยุดรถทั้งสองด้าน หันหน้าป้ายเข้าสู่ทิศทางการจราจร
ในกรณีที่เขตห้ามจอดรถหรือห้ามหยุดรถมีระยะทางยาว ควรติดตั้ง
ป้ายเพ่ิม โดยวางห่างกันเป็นระยะทางพอสมควรตลอดแนวห้ามจอด
รถนั้น และใหใ้ ช้ปา้ ยร่วมชดุ ระบทุ ศิ ทาง (นส.5 นส.6 นส.10) ตดิ ตัง้ ใต้ป้าย
ห้ามจอดรถหรือป้ายห้ามหยุดรถ ขนานไปกับทิศทางของทางหลวง
เพ่ือแสดงทิศทางของเขตห้ามน้ัน ๆ กรณีจากัดเป็นช่วงเวลาให้ใสเ่ วลา
กากบั ไวใ้ ตป้ า้ ยร่วมชดุ ระบทุ ศิ ทางดว้ ย

5) การติดต้ังป้ายห้ามจอดรถหรือป้ายห้ามหยุดรถจะต้องออกประกาศ
ของผู้อานวยการทางหลวงตามมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.ทางหลวง
พ.ศ. 2535

นส.5 นส.6 นส.10 เลม่ ท่ี 1 คมู่ อื มาตรฐานปา้ ยจราจร
2-14

บทที่ 2 ป้ายบงั คับ บ.31

2.4.11 ปา้ ยหยดุ ตรวจ (บ.31)

มีความหมายว่า ให้ผู้ขับขี่หยุดรถที่ป้ายนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจ และ
ใหเ้ คลือ่ นรถต่อไปไดเ้ ม่ือไดร้ บั อนุญาตจากเจ้าหนา้ ที่ผู้ตรวจแล้วเท่าน้นั

1) ป้ายหยุดตรวจ (บ.31) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้ายสีขาว เส้นขอบ
ป้ายสีแดง ภายในมีเส้นขีดสีดาในแนวนอนตรงกลางป้าย และ
มีขอ้ ความสีดา “หยดุ ” อย่ดู า้ นบนและ “ตรวจ” อยูด่ ้านลา่ ง

2) ใช้ติดต้ังขณะท่ีต้องการให้ยวดยานพาหนะหยุดเพ่ือทาการตรวจสอบ
โดยเจ้าหน้าที่ เช่น เจ้าหน้าท่ีขนส่งทางบก ศุลกากร และตารวจ
การใช้ป้ายหยุดตรวจเป็นการช่ัวคราว เม่ือเสร็จสิ้นภารกิจแล้วต้อง
รื้อถอนออกไปทันที และไม่สมควรติดต้ังป้ายนี้ท้ิงไว้เม่ือไม่มีเจ้าหน้าที่
ปฏบิ ัติงาน

3) การติดต้ัง ให้ติดตั้งป้ายน้ีตรงจุดท่ีต้องการจะตรวจสอบ เพ่ือความ
ปลอดภัยของผู้ใช้ทาง จุดดังกล่าวควรอยู่บนทางตรงและไม่มี
ความลาดชัน รวมถึงมีระยะการมองเห็นท่ีรถสามารถหยุดได้ทัน ท้ังน้ี
ใหต้ ดิ ต้ังป้ายเตือนมขี ้อความ “ดา่ นตรวจขา้ งหนา้ ” ป้ายจากัดความเร็ว
(บ.32) และป้ายหา้ มแซง (บ.4) ไวล้ ่วงหนา้ ดว้ ย

บ.4 บ.32

เล่มท่ี 1 คมู่ อื มาตรฐานป้ายจราจร 2-15

บทท่ี 2 ป้ายบงั คบั

2.4.12 ป้ายจากัดความเรว็ (บ.32)

มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับขี่ใช้ความเร็วเกินกว่าตัวเลขที่กาหนดในป้ายเปน็
“กิโลเมตรต่อชัว่ โมง” เข้าไปในทางทต่ี ดิ ตัง้ ป้าย

1) ป้ายจากัดความเร็ว (บ.32) มีลักษณะเป็นรูปกลม พื้นป้ายสีขาว บ.32

เส้นขอบป้ายสีแดง บรรจุตัวเลขสีดาแสดงความเร็วเป็น กม./ชม. ไว้ (กรณีจากัดความเร็ว 60 กม./ชม.)

ภายใน

2) ใช้ติดตั้งเพื่อจากัดมิให้ยวดยานต่าง ๆ ว่ิงเกินความเร็วที่เหมาะสม

ซึ่งจะติดต้ังในกรณีที่ต้องการจากัดความเร็วต่ากว่าท่ีกฎหมายกาหนด
เท่านั้น ตัวเลขแสดงจานวน กม./ชม.อาจเปล่ียนแปลงได้
ตามความเหมาะสม ทง้ั น้ีตอ้ งคานงึ ถึงสว่ นประกอบทางดา้ นวศิ วกรรม

3) หลกั เกณฑ์การกาหนดตัวเลขความเรว็ ป้าย ให้พจิ ารณาตามปัจจยั ต่าง ๆ
ดงั นี้คอื

3.1) ลักษณะทางกายภาพของทาง เช่น สภาพผิวจราจร ไหล่ทาง (กรณีจากัดความเร็ว
ความลาดชัน แนวทาง และระยะการมองเหน็ ตามประเภทยานพาหนะ)

3.2) ความเรว็ สาคัญของรถทผี่ า่ นบริเวณนัน้

3.3) ลักษณะการใช้ท่ีดิน อาคาร และกิจกรรม ของบริเวณพื้นที่สอง
ข้างทาง

3.4) ความเร็วปลอดภยั ที่ทางโคง้ หรอื ตาแหน่งทอี่ นั ตราย

3.5) การจอดรถและการขา้ มทาง

3.6) รายงานอบุ ัตเิ หตุในระยะ 12 เดอื น

4) ให้ติดตั้งป้ายจากัดความเร็วก่อนถึงจุดที่ต้องจากัดความเร็วนั้น ๆ
ตามระยะทางที่ระบุในตารางท่ี 1-1 การใช้ป้ายจากัดความเร็วร่วมกบั
ป้ายห้ามแซง (บ.4) ควรพิจารณาการใช้เสน้ หา้ มแซงประกอบดว้ ย

5) เมื่อสิ้นสุดเขตจากัดความเร็ว ให้ติดตั้งป้ายสุดเขตบังคับ (บ.55) หรือ
ตดิ ตง้ั ป้ายจากัดความเร็วอันใหมต่ ามท่กี ฎหมายจากดั ความเรว็ สูงสดุ ไว้

บ.4 บ.55 เล่มที่ 1 คูม่ อื มาตรฐานปา้ ยจราจร
2-16

บทที่ 2 ป้ายบังคับ

2.4.13 ป้ายจากัดนา้ หนกั (บ.33) บ.33
บ.34
มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับข่ีขับรถที่มีน้าหนัก หรือเมื่อรวมน้าหนักรถกับ
น้าหนักบรรทุกเกินกว่าตัวเลขท่ีกาหนดในป้ายเป็น “ตัน” เข้าไปในทางที่
ตดิ ตงั้ ปา้ ย

1) ป้ายจากัดน้าหนัก (บ.33) มีลักษณะเป็นรูปกลม พื้นป้ายสีขาว
เส้นขอบป้ายสีแดง บรรจุตัวเลขและอักษรสีดา แสดงน้าหนักเป็น
“ตนั ” อยู่ภายใน

2) ใช้ติดต้ังเพื่อจากัดมิให้ยวดยานต่าง ๆ ท่ีมีน้าหนักหรือเมื่อรวมกับ
น้าหนักรถกับน้าหนักบรรทุกเกินกว่าที่กาหนดไว้ในป้ายผ่านเข้าไปใน
เขตทางหรือสะพานที่ติดตั้งปา้ ย ท้ังนี้จะต้องดาเนินการตามมาตรา 25
แหง่ พระราชบญั ญตั ทิ างหลวง (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2549

3) ให้ติดต้ังป้ายจากัดน้าหนักตรงจุดเริ่มต้นท่ีต้องการจากัดน้าหนักนั้น ๆ
และควรพิจารณาติดต้ังป้ายแนะนาที่จุดก่อนเข้าสู่เส้นทางนั้น เพ่ือให้
รถบรรทกุ ท่ีมีนา้ หนักเกินกว่าที่กาหนดสามารถเลือกใชเ้ สน้ ทางอน่ื ได้

2.4.14 ปา้ ยจากัดความกวา้ ง (บ.34)

มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับข่ีขับรถท่ีมีความกว้าง หรือเมื่อรวมความกว้าง
ของรถกบั ของทีบ่ รรทุกเกินกว่าตัวเลขที่กาหนดในป้ายเป็น “เมตร” เข้าไป
ในทางทีต่ ดิ ตง้ั ปา้ ย

1) ป้ายจากัดความกว้าง (บ.34) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้ายสีขาว
เส้นขอบสีแดง บรรจุเคร่ืองหมาย ตัวเลข และตัวอักษรสีดาแสดง
ความกว้างเป็น “เมตร” ไว้ภายใน

2) ให้ใช้เฉพาะทางหลวงหรือถนนที่มีความกว้าง 3.00 ม. หรือน้อยกว่า
เท่านั้น เพ่ือจากัดมิให้ยวดยานต่าง ๆ ท่ีมีความกว้างรวมส่ิงของท่ี
บรรทุกเกินกว่าตัวเลขที่กาหนดไว้ในป้าย เข้าไปในเขตทางสะพาน
หรือช่องลอดท่ีต้องการจากัดนั้น ๆ ตัวเลขทแี่ สดงในปา้ ยอาจเปลี่ยนได้
ตามแต่จะกาหนด และให้แสดงรายละเอียดจนถึงทศนิยมตาแหน่งทห่ี นึ่ง

3) ให้ตดิ ตง้ั ป้ายจากัดความกวา้ งตรงจุดเริ่มตน้ หรือใกลเ้ คียงกบั ตาแหน่งท่ี
ต้องการจากัดความกว้างนั้น ๆ และควรพิจารณาติดต้ังป้ายเตือน
ทางแคบ (ต.31) ควบคู่กับป้ายเตือนเสริมบอกระยะทางล่วงหน้าก่อน
เข้าสูบ่ รเิ วณดงั กลา่ ว

ต.31 2-17

เล่มท่ี 1 คู่มอื มาตรฐานป้ายจราจร

บทที่ 2 ปา้ ยบังคบั

2.4.15 ปา้ ยจากดั ความสูง (บ.35) บ.35
บ.36
มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับขี่ขับรถท่ีมีความสูงหรือเม่ือรวมความสูงของรถ
กับของที่บรรทุกเกินกว่าตัวเลขที่กาหนดในป้ายเป็น “เมตร” เข้าไปในทาง
ทีต่ ิดตัง้ ป้าย

1) ป้ายจากัดความสูง (บ.35) มีลักษณะเป็นรูปกลม พื้นป้ายสีขาว
เส้นขอบป้ายสีแดง บรรจุเครื่องหมายตัวเลข และตัวอักษรสีดาแสดง
ความสงู เป็น “เมตร” ไว้ภายใน

2) ให้ใชเ้ ฉพาะบริเวณทางหลวงทม่ี ีความสูงของชอ่ งลอดน้อยกว่า 5.00 ม.
ลงมา เพ่ือจากัดมิให้ยวดยานต่าง ๆ รวมท้ังส่ิงของท่ีบรรทุก ซึ่งสูงเกิน
กว่าตัวเลขที่กาหนดไว้ในป้ายเดินทางเข้าสู่ช่องลอดน้ัน ตัวเลขที่แสดงใน
ป้าย เช่น “2.5 ม.” สามารถเปล่ียนแปลงได้ตามความต้องการใช้งาน
โดยจะตอ้ งแสดงรายละเอยี ดจนถึงทศนิยมตาแหนง่ ท่หี นึ่ง

3) ให้ติดต้ังป้ายจากัดความสูง ณ. ตาแหน่งที่ต้องการจะจากัดความสูง
น้ัน ๆ และควรพิจารณาติดตั้งป้ายเตือนช่องลอดต่า (ต.32) ล่วงหน้า
ก่อนถึงตาแหน่งท่ีจากัดความสูง หรือที่จุดเริ่มต้นเส้นทางเพ่ือให้ผู้ใช้
ทางสามารถเลือกใช้ทางอนื่ ได้

2.4.16 ป้ายจากัดความยาว (บ.36)

มีความหมายว่า ห้ามผู้ขับขี่ขับรถที่มีความยาว หรือเม่ือรวมความยาวของ
รถกับของที่บรรทุกเกินกว่าตัวเลขท่ีกาหนดในป้ายเป็น “เมตร” เข้าไป
ในทางท่ีตดิ ตัง้ ป้าย

1) ป้ายจากัดความยาว (บ.36) มีลักษณะเป็นรูปกลม พื้นป้ายสีขาว
เส้นขอบป้ายสีแดง บรรจุสัญลักษณ์รูปรถบรรทุก เคร่ืองหมาย ตัวเลข
และตวั อักษรสีดาแสดงความยาวเปน็ “เมตร” ไวภ้ ายใน

2) ใช้ติดต้ังเพื่อจากัดมิให้ยวดยานต่าง ๆ ท่ีมีความยาวรถรวมกับส่ิงของท่ี
บรรทุกเกินกว่าตัวเลขท่ีกาหนดไว้ในป้ายเข้าไปในเขตทางดังกล่าว
ถึงแม้ความยาวนั้นจะไม่เกินกว่าความยาวท่ีกฎหมายกาหนด แต่อาจ
เป็นการกดี ขวางการจราจร หรอื เปน็ อนั ตรายตอ่ ผใู้ ชท้ างอนื่ ๆ ได้

3) ให้ติดตั้งป้ายที่บริเวณที่ต้องการห้าม หรือที่จุดเร่ิมต้นของทางหลวง
ซ่ึงมีช่องจราจรท่ีรถยาวเกินกาหนดผ่านไม่ได้ เพื่อให้รถที่ยาวเกินกาหนด
เลือกใชเ้ ส้นทางอืน่

ต.32

2-18 เล่มท่ี 1 ค่มู อื มาตรฐานปา้ ยจราจร

บทที่ 2 ปา้ ยบงั คับ

2.5 ปา้ ยบงั คับประเภทคาส่ัง (Mandatory Signs)

มีจานวน 18 ป้าย คอื บ.37 – บ.54

บ.37 บ.38 บ.39 บ.40 บ.41 บ.42

บ.43 บ.44 บ.45 บ.46 บ.47 บ.48

บ.49 บ.50 บ.51 บ.52 บ.53 บ.54
บ.37
2.5.1 ป้ายเดินรถทางเดยี ว (บ.37–บ.39)

2.5.1.1 ป้ายใหเ้ ดินรถทางเดียว (บ.37)

มีความหมายว่า ทางข้างหน้าเป็นทางเดินรถทางเดียว ห้ามผู้ขับขี่ขับรถ
สวนทางกัน

1) ป้ายให้รถเดินทางเดียว (บ.37) มีลักษณะเป็นรูปกลม พื้นป้ายสีน้าเงิน
เสน้ ขอบปา้ ยสขี าว บรรจุเคร่อื งหมายลกู ศรสีขาวช้ขี ึ้น

2) ใช้ติดตั้งเพ่ือให้ผู้ขับขี่เดินรถตรงไปตามลูกศรในป้ายบนทางหลวง
ทีก่ าหนดให้รถเดนิ ทางเดียว

3) ใหต้ ิดต้ังป้ายใหร้ ถเดินทางเดยี วท่จี ดุ เร่ิมต้นทุก ๆ ทางแยกของทางท่ีให้
รถเดินทางเดียว ในกรณีที่ทางเดินรถทางเดียวกว้างต้ังแต่ 3 ช่องจราจร
ขึ้นไป ควรติดตั้งป้ายน้ที ั้งทางดา้ นซา้ ยและด้านขวาของทางด้วย

เล่มที่ 1 ค่มู ือมาตรฐานปา้ ยจราจร 2-19

บทที่ 2 ป้ายบงั คับ บ.38
บ.39
2.5.1.2 ป้ายรถเดินทางเดียวไปทางซ้าย (บ.38) และป้ายรถเดินทางเดียวไป
ทางขวา (บ.39)

มีความหมายว่า ทางข้างหน้าเป็นทางเดินรถทางเดียว ให้ผู้ขับข่ีขับรถไป
ทางด้านซ้ายเท่านั้น (บ.38) หรือทางข้างหน้าเป็นทางเดินรถทางเดียว
ให้ผ้ขู ับขข่ี ับรถไปทางดา้ นขวาเทา่ น้ัน (บ.39)

1) ป้ายรถเดินทางเดียวไปทางซ้าย (บ.38) หรือป้ายรถเดินทางเดียวไป
ทางขวา (บ.39) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้ายสีน้าเงิน เส้นขอบป้าย
สีขาว บรรจุเครื่องหมายลูกศรสีขาว ชี้ไปทางซ้าย (บ.38) หรือช้ีไป
ทางขวา (บ.39)

2) ให้ใช้เฉพาะกรณีท่ีเป็นทางสามแยกที่เกิดจากถนนมาบรรจบกับทางท่ี
จัดให้รถเดินทางเดียว โดยให้ติดตั้งป้ายที่ขอบทางเดินรถด้านไกล
โดยให้หันป้ายเขา้ สู่ทางเดินรถทจ่ี ะเขา้ มาบรรจบ

3) การใช้ป้ายรถเดินทางเดียวไปทางซ้าย (บ.38) หรือป้ายรถเดิน
ทางเดียวไปทางขวา (บ.39) ให้พิจารณาติดต้ังป้ายให้เล้ียวซ้าย (บ.43)
หรือป้ายให้เลี้ยวขวา (บ.44) หรือป้ายห้ามเลี้ยวซ้าย (บ.8) หรือ
ป้ายห้ามเลี้ยวขวา (บ.9) ตรงบริเวณหัวมุมทางแยกด้านใกล้ แล้วแต่
กรณีและความเหมาะสม แต่ไม่ควรติดป้ายให้และป้ายห้าม ณ
ตาแหน่งเดียวกัน (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) ในกรณีท่ีต้องการห้ามรถ
เล้ียวขวาเข้าถนนที่เดินรถ 2 ทิศทาง เพ่ือป้องกันการติดขัดบริเวณ
ทางเข้าออก ให้พิจารณาใช้ป้ายห้ามเลี้ยวขวา (บ.9) ท่ีมุมแยกด้านใกล้
ฝ่ังซ้ายและมุมแยกด้านไกลฝั่งขวา ถ้ามีการติดตั้งป้ายหยุดท่ีมุมทาง
แยกด้านใกล้ ให้เล่ือนการติดตั้งป้าย บ.43 หรือ บ.44 หรือ บ.8 หรือ
บ.9 ออกไปประมาณ 50 ม. จากป้ายหยุด ท้ังน้ีอาจปรับระยะได้ตาม
ความเหมาะสมแต่ต้องไม่มีทางแยกอื่นอยู่ในระหว่างตาแหน่งติดตั้ง
ปา้ ยและทางแยกท่ีตอ้ งการบงั คบั ให้รถเลยี้ ว

4) ตวั อยา่ งการตดิ ตง้ั ป้ายบรเิ วณทางแยกรปู ตวั ทไี ดแ้ สดงไวใ้ นรปู ที่ 2-1

บ.8 บ.9 บ.43 บ.44 เลม่ ท่ี 1 คูม่ ือมาตรฐานปา้ ยจราจร
2-20

บทที่ 2 ป้ายบังคับ

(กรณีถนนทต่ี ดั เดินรถทางเดยี ว)

(กรณีถนนท่ีตดั เดินรถสองทิศทาง) 2-21
รูปที่ 2-1 ตวั อยา่ งการติดตั้งปา้ ยบริเวณทางแยกรูปตัวที

เล่มท่ี 1 คู่มอื มาตรฐานป้ายจราจร

บทที่ 2 ป้ายบังคับ บ.40
บ.41
2.5.2 ปา้ ยให้ชิดซา้ ยหรอื ขวา (บ.40-บ.42)

2.5.2.1 ป้ายใหช้ ดิ ซา้ ย (บ.40) และปา้ ยให้ชิดขวา (บ.41)

มีความหมายว่า ให้ผู้ขับข่ีขับรถไปทางด้านซ้ายของป้าย (บ.40) หรือ
ใหผ้ ้ขู ับขข่ี ับรถไปทางดา้ นขวาของปา้ ย (บ.41)

1) ปา้ ยให้ชิดซา้ ย (บ.40) มลี กั ษณะเปน็ รูปกลม พื้นปา้ ยสีน้าเงนิ เสน้ ขอบ
ป้ายสีขาว บรรจเุ ครื่องหมายลกู ศรสขี าวทามุม 45 องศา กบั แนวระดับ
ช้ีลงทางด้านซ้ายของป้าย ส่วนป้ายให้ชิดขวา (บ.41) มีลักษณะ
เช่นเดยี วกับปา้ ยให้ชิดซา้ ย แต่เครื่องหมายลกู ศรชล้ี งทางดา้ นขวาของปา้ ย

2) ใช้เพ่ือกาหนดให้ยวดยานต่าง ๆ ชิดทางด้านซ้ายหรือทางด้านขวาของ
ตาแหนง่ อปุ สรรคในทศิ ทางการจราจร

3) ป้ายให้ชิดซ้าย (บ.40) ให้ติดต้ังบนฉนวนกลาง หรือเกาะกลางถนน
หรือสิ่งกดี ขวางอ่ืน เพ่อื บงั คับให้ยวดยานไปทางซ้ายของส่ิงกีดขวางนน้ั ๆ
โดยท่ัวไปให้ติดต้ังป้ายนี้ที่บริเวณจุดเริ่มต้นของทางคู่ และช่องเปิด
(Median Opening) ทุก ๆ แห่ง หันหน้าป้ายเข้าหาทิศทางการจราจร
โดยให้ขอบป้ายอยู่ห่างจากสันขอบทาง (Curbs) ไม่น้อยกว่า 30 ซม.
หรือห่างจากขอบผิวจราจรไม่น้อยกว่า 2.0 ม. ยกเว้นเฉพาะในบางกรณี
ที่ไม่สามารถติดต้ังได้ตามกาหนดข้างต้นนี้ ก็ให้พิจารณาติดตั้งตาม
ความเหมาะสม และควรใช้คู่กับป้ายเตือนสิ่งกีดขวาง (ต.72 หรือ ต.73)
เป็นป้ายเสริมติดอยู่ท่ีด้านล่างของป้ายให้ชิดซ้าย (บ.40) หรือป้ายให้
ชดิ ขวา (บ.41)

4) ป้ายให้ชิดขวา (บ.41) โดยทั่วไปใช้เฉพาะในงานก่อสร้างหรือบูรณะทาง
เม่ือตอ้ งการให้ยวดยานไปทางขวาของส่งิ กดี ขวางนั้น ๆ

ต.72 ต.73 เลม่ ที่ 1 คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร
2-22

บทที่ 2 ปา้ ยบังคบั บ.42

2.5.2.2 ปา้ ยให้ชดิ ซ้ายหรอื ชิดขวา (บ.42)

มีความหมายวา่ ใหผ้ ู้ขบั ขี่ขบั รถไปทางดา้ นซา้ ย หรือทางด้านขวาของป้ายก็ได้

1) ป้ายให้ชิดซ้ายหรือชิดขวา (บ.42) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้าย
สีน้าเงิน เส้นขอบป้ายสีขาว บรรจุเครื่องหมายลูกศรคู่สีขาว ช้ีเฉียงลง
ทั้งสองข้าง

2) ใช้ติดต้ังเพื่อให้ผู้ขับขี่ทราบตาแหน่งของเกาะ (Islands) หรือ
ส่ิงกีดขวางอื่น ๆ (Objects) โดยผู้ขับข่ีสามารถเดินรถไปทางซ้ายหรือ
ทางขวาของตาแหน่งอุปสรรคที่ขวางทางเดินรถ โดยการจราจรที่แยก
จากกันดว้ ยป้ายนี้จะกลับมาพบกนั อกี ครัง้ ท่จี ุดหมายปลายทางเดียวกัน
และห้ามใช้ป้ายน้ี ถ้าเป็นการแยกที่นาไปจุดหมายปลายทางท่ีต่างกัน
ในกรณนี ้ี ให้ใช้ปา้ ยเตอื นแนวทาง (เครอ่ื งหมายลกู ศรคู่ ต.62)

3) ควรใช้ป้ายเตือนแนวทาง (ต.71) เป็นป้ายเสริมติดอยู่ด้านล่างของป้าย
ให้ชิดซ้ายหรือชิดขวา ห้ามมิให้ใช้ป้ายนี้ท่ีจุดแยกเส้นทางการจราจร
เชน่ เกาะแบง่ ชอ่ งรถเลย้ี วซา้ ย

หมายเหตุ ไมแ่ นะนำใหใ้ ชป้ ำ้ ย บ.42 นีใ้ นทำงหลวง เนอื่ งจำกจะทำให้เกิด
ควำมสับสน ใหใ้ ชป้ ้ำย ต.62 ในทกุ กรณี

ต.62 ต.71

เล่มท่ี 1 ค่มู ือมาตรฐานปา้ ยจราจร 2-23

บทที่ 2 ป้ายบงั คบั บ.43
บ.44
2.5.3 ป้ายใหเ้ ลยี้ ว (บ.43-บ.44)

มีความหมายว่า ให้ผู้ขับข่ีเลี้ยวรถไปทางซ้ายเท่าน้ัน ห้ามผู้ขับข่ีเลี้ยวขวา
หรือตรงไป (บ.43) หรือให้ผู้ขับขีเ่ ล้ยี วรถไปทางขวาเท่านนั้ หา้ มผขู้ บั ข่เี ลย้ี ว
ซ้ายหรือตรงไป (บ.44)

1) ป้ายให้เลี้ยวซ้าย (บ.43) และป้ายให้เล้ียวขวา (บ.44) มีลักษณะเป็น
รูปกลม พ้ืนป้ายสีน้าเงิน เส้นขอบป้ายสีขาว บรรจุเคร่ืองหมายลูกศร
หกั เปน็ มมุ ฉากสขี าวช้ไี ปทางซ้ายหรือทางขวา

2) ใช้บังคับให้ผู้ขับข่ียวดยานต่าง ๆ เล้ียวไปทางซ้ายหรือไปทางขวาที่
ทางแยกขา้ งหนา้ ตามทิศของหัวลกู ศร

3) ให้ติดตั้งป้ายนี้ก่อนถึงทางแยกด้านใกล้ในระยะไม่มากกว่า 50 ม.
ท้ังนี้อาจปรับระยะได้ตามความเหมาะสม แต่ต้องไม่มีทางแยกอ่ืนอยู่
ระหวา่ งตาแหนง่ ตดิ ตั้งปา้ ยและทางแยกทีต่ ้องการจะให้รถเล้ยี ว

4) อาจใช้ปา้ ยให้เลีย้ วซา้ ย (บ.43) หรอื ใหเ้ ล้ียวขวา (บ.44) ร่วมกบั ปา้ ยรถ
เดินทางเดียวไปทางซ้าย (บ.38) หรือไปทางขวา (บ.39) สาหรับกรณี
ทางสามแยกท่ีเกิดจากถนนมาบรรจบกับทางที่จัดให้รถเดินทางเดียว
(ดงั แสดงไว้ในรปู ท่ี 2-1)

บ.38 บ.39 เล่มท่ี 1 คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร
2-24

บทที่ 2 ปา้ ยบังคบั บ.45
บ.46
2.5.4 ป้ายใหเ้ ดนิ รถไปตามทศิ ทางทกี่ าหนด (บ.45-บ.47) บ.47

มีความหมายว่า ให้ผู้ขับข่ีเล้ียวรถไปทางซ้ายหรือไปทางขวาเท่านน้ั (บ.45)
หรือให้ผู้ขับขี่ขับรถตรงไปหรือเลี้ยวรถไปทางซ้ายเท่าน้ัน (บ.46) หรือให้
ผู้ขับขี่ขับรถตรงไปหรอื เลี้ยวรถไปทางขวาเท่าน้นั (บ.47)

1) ป้ายใหเ้ ลีย้ วซา้ ยหรือเลี้ยวขวา (บ.45) หรอื ปา้ ยให้ตรงไปหรือเลี้ยวซ้าย
(บ.46) หรือป้ายให้ตรงไปหรือเล้ียวขวา (บ.47) มีลักษณะเป็นรูปกลม
พื้นป้ายสีน้าเงิน เส้นขอบป้ายสีขาว บรรจุเครื่องหมายลูกศรสีขาวชี้ไป
ตามทศิ ทางทีก่ าหนด

2) ให้ติดตั้งป้ายประเภทน้ีท่ีบริเวณทางแยกของทางหลวงตั้งแต่ 4
ช่องจราจรข้ึนไป เพ่ือให้ผู้ขับขี่เดินรถไปตามทิศทางท่ีกาหนด ให้เลี้ยว
ซ้ายหรอื เล้ียวขวาเท่านนั้ (บ.45) ใหเ้ ล้ียวซา้ ยหรือตรงไปเท่านน้ั (บ.46)
และให้ตรงไปหรือเลี้ยวขวาเท่าน้ัน (บ.47) ห้ามใช้ป้ายประเภทนี้ที่
สามแยก ซ่ึงการจราจรจะต้องเดินตามทิศทางที่จากัดด้วยลักษณะ
ทางกายภาพอย่แู ลว้

3) ให้ติดตั้งป้ายประเภทน้ีก่อนถึงจุดเริ่มต้นของทางเล้ียวด้านใกล้ของ
ทางแยกในระยะไม่เกิน 50 ม. โดยระยะอาจปรับได้ตามความเหมาะสม
แต่ต้องไม่มีทางแยกอ่ืนอยู่ระหว่างทางแยกและป้ายนั้น ๆ กรณีท่ีเป็น
ทางเดินรถทางเดียวหรือเป็นทางคู่ให้ติดตั้งป้ายทางด้านขวาหรือท่ี
เกาะกลางด้วย

เลม่ ที่ 1 คมู่ ือมาตรฐานปา้ ยจราจร 2-25

บทท่ี 2 ปา้ ยบังคับ บ.48

2.5.5 ปา้ ยวงเวียน (บ.48)

มีความหมายว่า ให้ผู้ขับข่ีขับรถวนไปทางซ้ายของวงเวียน และผู้ขับข่ีท่ี
เร่ิมจะเข้าสู่ทางรอบวงเวียนต้องหยุดให้สิทธ์ิแก่รถที่แล่นอยู่ในทางรอบ
วงเวยี นผา่ นไปกอ่ น และหา้ มขบั รถแทรกหรือตดั หน้าหรอื หยุดกดี ขวางรถท่ี
แลน่ อยูใ่ นทางรอบวงเวียน

1) ป้ายวงเวียน (บ.48) มีลักษณะเป็นรูปกลม พื้นป้ายสีน้าเงิน เส้นขอบ
ปา้ ยสีขาว บรรจเุ ครอื่ งหมายลกู ศรสีขาว 3 อัน วนตามเข็มนาฬกิ า

2) ให้ใช้ป้ายน้ีบนทางหลวงท่ีมีวงเวียนอยู่ตรงกลางทางแยก ผู้ขับข่ี
ยวดยานจะผา่ นทางแยก โดยการขับรถอ้อมวงเวยี นไปทางซา้ ย

3) ให้ติดต้ังป้ายน้ี โดยหันหน้าป้ายเข้าหารถที่มุ่งเข้าสู่วงเวียน โดยจะติดตั้ง
ท่ีด้านใกล้ก่อนเข้าวงเวียน หรือด้านไกลตามแนวขอบวงเวียน หรือ
ท้ังสองแห่งก็ได้ เพื่อกาหนดให้รถทุกคันต้องหยุดให้สิทธิ์กับรถท่ีแล่น
อยู่ในวงเวียนผ่านไปก่อน จึงจะสามารถเคลื่อนที่เข้าสู่วงเวียน และ
เลี้ยวไปทางซ้ายได้ นอกจากนี้ควรติดต้ังป้ายเตือนวงเวียนข้างหน้า
(ต.21) เพื่อเตือนผู้ขับขีใ่ หท้ ราบวา่ มีวงเวยี นอยู่ข้างหน้าด้วย

4) อาจพิจารณาติดตั้งป้ายให้ทาง (บ.2) ดังรูปท่ี 2-2 ท้ังน้ี เพื่อให้ผู้ใช้ทาง
เข้าใจความหมายของป้ายดีข้ึน ควรติดตั้งป้ายประกอบ พื้นป้ายสีขาว
เส้นขอบป้าย และข้อความสีดา “ให้รถในวงเวียนไปก่อน” ในกรณี
ทางหลวงหลายช่องจราจรอาจติดตั้งป้ายเตือนแนวทาง (ต.67)
เพิ่มเติมได้

บ.2 ต.21 ต.67 เลม่ ท่ี 1 คู่มอื มาตรฐานป้ายจราจร
2-26

บทที่ 2 ป้ายบงั คับ

(กรณีถนนขนาด 1 ชอ่ งจราจรตอ่ ทิศทาง)

(กรณีถนนหลายช่องจราจร) 2-27
รูปท่ี 2-2 ตัวอยา่ งการติดตั้งปา้ ยวงเวียน

เล่มที่ 1 คมู่ ือมาตรฐานปา้ ยจราจร

บทท่ี 2 ปา้ ยบังคับ

2.5.6 ป้ายช่องเดินรถประจาทาง (บ.49) บ.49

มีความหมายวา่ ช่องเดินรถท่ีกาหนดไวส้ าหรบั รถโดยสารประจาทาง

1) ป้ายช่องเดินรถประจาทาง (บ.49) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้าย
สนี ้าเงนิ เส้นขอบปา้ ยสขี าว บรรจุสัญลกั ษณ์สีขาวรปู รถประจาทาง

2) ให้ติดตั้งป้ายบนทางหลวงท่ีเจ้าพนักงานจราจรได้ประกาศให้ช่องเดิน
รถช่องใดช่องหนึ่งเป็นช่องเดินรถประจาทางตามมาตรา 65 พ.ร.บ.
การจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และกรณีที่ได้กาหนดเวลาการใช้ช่อง
เดินรถประจาทาง ให้ใช้ป้ายเสริมหรือป้ายประกอบส่ีเหล่ียมผืนผ้า
พื้นป้ายสีขาว เส้นขอบป้าย ตัวเลข ตัวอักษร และสัญลักษณ์สีดา
ตดิ ต้ังควบคู่ด้วย

3) ให้ติดต้ังป้ายบังคับช่องเดินรถประจาทาง (บ.49) รวมทั้งป้ายประกอบ
(ถ้ามี) ท่ีจุดเริ่มต้นของการบังคับใช้ช่องเดินรถประจาทาง ควบคู่กับ
การจัดทาเคร่ืองหมายจราจรบนพ้ืนทาง (พบ.7 หรือ พบ.8) เพื่อแสดง
ช่องเดินรถประจาทาง โดยให้ติดตงั้ ข้อความ “BUS” และลูกศรตรงไป
สีเหลือง บนช่องเดินรถประจาทางท่ีตาแหน่งเลยทางแยกเล็กน้อย
เพือ่ ใหร้ ถทเ่ี ลีย้ วออกมาจากถนนท่ีเชอื่ มต่อกับทางหลัก (Major Road)
ที่มีช่องเดินรถประจาทาง ทราบถึงการบังคับใช้ช่องทางดังกล่าวและ
เบี่ยงออกเพอ่ื เขา้ ใช้ชอ่ งจราจรปกติ

4) ในกรณีที่มีถนนเดินรถทางเดียว (One Way) หรือเดินรถสองทิศทาง
(Two Ways) ที่รถวิ่งเข้าสู่ทางหลัก ควรติดตั้งป้ายแนะนาช่องเดินรถ
ประจาทาง (น.15) กากับไว้ข้างทางบนทางหลัก ที่ตาแหน่งเลยทาง
แยกเล็กน้อย เพื่อให้ผู้ขับขี่ที่เล้ียวออกมาทราบว่าเป็นช่องเดิน
รถประจาทาง แต่ถ้าถนนเดนิ รถทางเดยี ว (One way) มีทศิ ทางวิ่งออก
จากทางหลกั ให้ยกเวน้ การตดิ ต้งั ป้ายแนะนาดังกล่าว

5) เพ่ือให้การบังคับใช้ช่องเดินรถประจาทางสัมฤทธิ์ผล ควรติดตั้งป้าย
แนะนาเริ่มช่องเดินรถประจาทาง (น.14) ประมาณ 30-45 ม.
ก่อนถึงจุดเร่ิมผายของเส้นแบ่งช่องเดินรถประจาทาง และติดต้ังป้าย
แนะนาสิ้นสุดช่องเดินรถประจาทาง (น.17) เม่ือส้ินสุดการบังคับใช้
ช่องทางดังกล่าว โดยตัวอย่างการติดต้ังป้ายสาหรับการเดินรถประจา
ทางได้แสดงไว้ในรปู ท่ี 2-3

น.14 น.15 น.17 พบ.7 พบ.8
2-28
เลม่ ท่ี 1 คมู่ อื มาตรฐานปา้ ยจราจร

บทที่ 2 ป้ายบังคับ

รูปท่ี 2-3 ตัวอยา่ งการติดตงั้ ปา้ ยสาหรบั รถประจาทาง 2-29

เล่มที่ 1 คู่มอื มาตรฐานปา้ ยจราจร

บทที่ 2 ปา้ ยบงั คับ บ.50

2.5.7 ปา้ ยช่องเดินรถมวลชน (บ.50)

มีความหมายว่า ช่องเดินรถท่ีกาหนดไว้สาหรับรถมวลชน ท่ีมีจานวนคน
โดยสารบนรถไม่น้อยกว่าตวั เลขท่กี าหนดในป้าย

1) ป้ายช่องเดินรถมวลชน (บ.50) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้ายสีน้าเงิน
เส้นขอบป้ายสีขาว มีส่ีเหลี่ยมรูปข้าวหลามตัดสีขาว บรรจุตัวเลข 3
สีขาวภายใน

2) ใช้ติดตั้งป้ายนี้บนทางหลวงท่ีเจ้าพนักงานจราจรได้ประกาศให้
ช่องเดินรถช่องใดช่องหน่ึงเป็นช่องเดินรถมวลชน ตามมาตรา 139
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซ่ึงให้รถยนต์ท่ีมีผู้โดยสารรวมท้ัง
คนขบั ไม่น้อยกวา่ ตวั เลขทร่ี ะบุไวบ้ นปา้ ยสามารถใชช้ อ่ งเดนิ รถมวลชนได้

3) ให้ติดต้ังป้ายนี้ที่จุดเร่ิมต้นการบังคับใช้ช่องเดินรถมวลชน และ
ถ้าช่องเดินรถมวลชนมีความยาวมาก ให้ติดตั้งป้ายนี้เป็นระยะ ๆ
ตามความเหมาะสม

4) การแสดงตาแหน่งจุดเร่ิมต้นหรือจดุ สิ้นสุดของช่องเดินรถมวลชน หรือ
การกาหนดเวลาการใช้ช่องเดินรถมวลชน ให้ใช้ป้ายประกอบ
สี่เหลี่ยมผืนผ้า พ้ืนสีขาว เส้นขอบป้าย ข้อความ และสัญลักษณ์สีดา
ติดตง้ั ควบคูก่ ับป้ายช่องเดนิ รถมวลชนได้

5) ในกรณีช่องเดินรถมวลชนและช่องเดินรถประจาทางใช้ร่วมกัน
ให้ตดิ ตงั้ ป้ายทัง้ สองควบคกู่ ัน

6) เพ่ือให้การบังคับใช้ช่องเดินรถมวลชนสัมฤทธิ์ผล ต้องจัดทา
เครื่องหมายจราจรบนพ้ืนทางแสดงช่องเดินรถมวลชน (พบ.19) กากับ
ด้วย ในกรณีช่องเดินรถมวลชนและช่องเดินรถประจาทางใช้ร่วมกัน
ให้จัดทาเคร่ืองหมายจราจรบนพื้นทางแสดงช่องเดินรถประจาทาง
(พบ.7 หรือ พบ.8) ควบคกู่ ัน

พบ.7 พบ.8 พบ.19
2-30
(มมุ แหลมอย่ใู นทศิ ทางการจราจร)

เลม่ ที่ 1 คู่มือมาตรฐานปา้ ยจราจร

บทที่ 2 ป้ายบังคับ บ.51
บ.52
2.5.8 ป้ายช่องเดนิ รถจักรยานยนต์ (บ.51)

มคี วามหมายวา่ ชอ่ งเดนิ รถท่ีกาหนดไว้สาหรับรถจกั รยานยนต์

1) ป้ายช่องเดินรถจักรยานยนต์ (บ.51) มีลักษณะเป็นรูปกลม พื้นป้าย
สีน้าเงิน เส้นขอบป้ายสีขาวบรรจุสัญลักษณ์สีขาวรูปรถจักรยานยนต์
พรอ้ มผู้ขบั ข่ไี ว้ภายใน

2) ใช้ติดตั้งบนทางหลวงหรือถนนท่ีได้มีกฎหมายกาหนดให้มีช่องสาหรับ
เดนิ รถจักรยานยนต์โดยเฉพาะเท่าน้ัน

3) ให้ติดตั้งป้ายนี้ที่จุดเร่ิมต้นช่องเดินรถจักรยานยนต์ และติดตั้ง
เป็นระยะ ๆ ตามความเหมาะสม ในกรณีที่ต้องการแสดงจุดเร่ิมต้น
และจุดส้ินสุดของช่องเดินรถจักรยานยนต์ ให้ใช้ป้ายเสริมหรือป้าย
ประกอบส่ีเหล่ียมผืนผ้า พื้นสีขาว เส้นขอบ ตัวอักษร สัญลักษณ์ สีดา
ติดต้ังควบค่กู บั ปา้ ยช่องเดนิ รถจกั รยานยนต์

4) ควรพิจารณาจัดทาเคร่ืองหมายจราจรบนพื้นทาง เช่น ข้อความ
บนพื้นทาง “เฉพาะ จยย.” หรอื สัญลกั ษณร์ ูป “จักรยานยนต์” ดว้ ย

2.5.9 ป้ายช่องเดินรถจกั รยาน (บ.52)

มคี วามหมายวา่ ช่องเดนิ รถท่ีกาหนดไวส้ าหรบั รถจักรยาน

1) ป้ายช่องเดินรถจักรยาน (บ.52) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้าย
สีน้าเงนิ เสน้ ขอบปา้ ยสีขาว บรรจุสญั ลักษณส์ ขี าวรปู รถจักรยาน

2) ป้ายช่องเดินรถจักรยาน (บ.52) ใช้ติดตั้งบนทางหลวงหรือถนนท่ีได้มี
กฎหมายกาหนดใหม้ ชี ่องสาหรบั รถจกั รยานโดยเฉพาะเทา่ นนั้

3) ให้ติดตั้งป้ายท่ีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของช่องเดินรถจักรยาน และ
ติดต้ังเป็นระยะ ๆ ทุกหัวและท้ายช่องทางจักรยานระหว่างทางหลวง
หรือถนนที่ตัดผ่าน และควรทาเครื่องหมายจราจรบนพ้ืนทางเป็น
สญั ลกั ษณ์รูปรถจักรยาน ควบคไู่ ปด้วย

เล่มท่ี 1 คมู่ อื มาตรฐานปา้ ยจราจร 2-31

บทที่ 2 ป้ายบงั คบั บ.53
บ.54
2.5.10 ป้ายคนเดินเทา้ (บ.53)

มคี วามหมายวา่ บริเวณท่ใี ห้ใช้ไดเ้ ฉพาะคนเดินเท้า

1) ป้ายคนเดินเท้า (บ.53) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้ายสีน้าเงิน
เสน้ ขอบปา้ ยสีขาว บรรจุสัญลักษณส์ ีขาวรูปคนเดิน

2) ใช้ติดต้ังบนทางเท้าหรือทางเดินที่อาจจะมีรถจักรยานหรือล้อเล่ือน
มาใช้ร่วมกับคนเดินเท้า เพ่ือป้องกันมิให้รถจักรยาน หรือล้อเล่ือนใช้
ทางเทา้ ดังกลา่ ว แต่ยกเว้นกรณีเปน็ รถเขน็ สาหรับคนพิการ

3) ใหต้ ิดต้งั ปา้ ยท่จี ุดเร่มิ ต้นของทางทก่ี าหนดเฉพาะคนเดินเทา้

2.5.11 ปา้ ยความเร็วขนั้ ตา่ (บ.54)

มีความหมายว่า ให้ผู้ขับข่ีขับรถด้วยความเร็วไม่ต่ากว่าตัวเลขท่ีกาหนด
ในป้ายเป็น “กิโลเมตรต่อชั่วโมง”

1) ป้ายความเร็วข้ันต่า (บ.54) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้ายสีน้าเงิน
เส้นขอบปา้ ยสีขาว บรรจตุ ัวเลขสีขาวตามความเรว็ ที่กาหนด

2) ใช้ติดตั้งเฉพาะบนทางหลวงที่ป้องกันมิให้รถว่ิงช้ากีดขวางการจราจร
อาจบังคบั ใช้เป็นบางช่องหรอื ใช้กับทุกชอ่ งเดินรถก็ได้

3) ให้ติดตั้งที่จุดเร่ิมต้นของการบังคับใช้ ในกรณีที่ต้องการกาหนด
ความเร็วขั้นต่าเฉพาะช่องเดินรถ ให้ใช้ป้ายแนะนาสี่เหล่ียมผืนผ้า
พื้นป้ายสีขาว เส้นขอบป้ายสีดา มีสัญลักษณ์ลูกศรแสดงช่องเดินรถ
ของทางหลวงสายนั้น และมีรูปป้ายความเร็วข้ันต่า (บ.54) วางบน
ลูกศรที่เปน็ ช่องเดินรถท่ตี อ้ งการจะกาหนด

2-32 เล่มท่ี 1 คมู่ ือมาตรฐานปา้ ยจราจร

บทที่ 2 ป้ายบงั คบั บ.55

2.6 ปา้ ยอ่ืน ๆ

2.6.1 ปา้ ยสดุ เขตบังคับ (บ.55)

มีความหมายว่า หมดเขตบังคับตามความหมายของป้ายท่ีได้ติดต้ังไว้ก่อนท่ี
จะถงึ ปา้ ยน้ี

1) ป้ายสุดเขตบังคับ (บ.55) มีลักษณะเป็นรูปกลม พ้ืนป้ายสีขาว ไม่มี
เส้นขอบป้าย แต่มีขีดสีดาจานวน 7 ขีด ทามุม 45 องศากับแนวระดับ
จากทางขวาด้านบนของป้ายลงมาทางซา้ ยด้านล่างของป้าย

2) ให้ติดตั้งป้ายสุดเขตบังคับท่ีจุดส้ินสุดของการบังคับใช้ป้ายบังคับที่
ติดตั้งมาก่อนหน้า เช่น ติดตั้งป้ายสุดเขตบังคับหลังจากติดตั้ง
ป้ายจากัดความเร็ว (บ.32) เพ่ือให้ผู้ขับข่ีทราบว่าเขตของการจากัด
ความเรว็ ไดส้ ิน้ สุดลงตรงตาแหนง่ ของปา้ ยสดุ เขตบังคบั

2.6.2 ป้ายบังคับที่แสดงด้วยข้อความ และ/หรือสัญลักษณ์

1) ประเภทติดต้งั ประกอบป้ายบังคับทแ่ี สดงความหมายตามรูปแบบและ
ลักษณะท่กี าหนด
จะใช้บังคับเฉพาะบางช่วงเวลา หรือบางเขต บางตอน หรือมีข้อจากัด
ยกเวน้ บางประการ มลี กั ษณะเป็นป้ายสี่เหลยี่ มพนื้ สีขาว เส้นขอบป้าย
ข้อความและสัญลกั ษณ์สีดา

2) ประเภทตดิ ต้งั เด่ียว
มีลักษณะเป็นป้ายสี่เหล่ียม พื้นสีขาว เส้นขอบป้ายสีแดง ข้อความ
และสัญลกั ษณส์ ีแดงหรือดา

บ.32 2-33

เลม่ ท่ี 1 คู่มอื มาตรฐานป้ายจราจร

บทท่ี 3

ป้ายเตือน

บทท่ี 3

ป้ายเตือน

3.1 วตั ถปุ ระสงคข์ องปา้ ยเตอื น

ป้ายเตือนมีวัตถุประสงค์เพ่ือเตือนให้ผู้ขับข่ีทราบล่วงหน้าถึงสภาพทางว่า
จะมีการเปล่ียนแปลง หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายได้ หรือจะมีการบังคับใช้
อุปกรณ์ควบคุมการจราจรบางประเภท ทาให้ผู้ขับขี่ต้องเพ่ิมความ
ระมดั ระวงั และหรอื ต้องลดความเร็วในการเคลือ่ นทผ่ี ่านบรเิ วณนั้น

3.2 การใชป้ า้ ยเตอื น

การใช้ป้ายเตือนอย่างถูกต้องและเพียงพอจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุบน
ทางหลวงได้เป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามควรใช้เท่าท่ีจาเป็นเท่าน้ัน
ท้ังนี้เน่ืองจากการใช้ป้ายเตือนพร่าเพรื่อ จะทาให้ผู้ใช้ทางขาดความสนใจ
ป้ายเตือนบางประเภทที่มีความจาเป็นในการใช้งานช่ัวคราวหรือใช้เฉพาะ
ฤดูกาล จาเป็นต้องรื้อถอนหรือปิดไว้ไม่ให้เห็นเมื่อหมดความจาเป็นในการ
ใช้งานแล้ว บรเิ วณท่ีซงึ่ จะใช้ป้ายเตือนมีดงั ตอ่ ไปนี้
1) ทางโค้ง
2) ทางแยก
3) สญั ญาณไฟจราจรหรอื อปุ กรณท์ ใี่ ช้ควบคุมการจราจร
4) บริเวณทีจ่ านวนชอ่ งจราจรลดลง
5) บรเิ วณทผ่ี วิ จราจรแคบลง
6) ทางลาดชนั
7) สภาพผิวทางไม่ปกติ
8) โรงเรียนและทางข้ามตา่ ง ๆ
9) ทางรถไฟตดั ผา่ น
10) ส่งิ กีดขวาง
11) อน่ื ๆ

เล่มที่ 1 คูม่ อื มาตรฐานป้ายจราจร 3-1

บทที่ 3 ปา้ ยเตือน

3.3 ลกั ษณะของป้ายเตอื น

โดยทั่วไปป้ายเตือนเป็นรูปสี่เหล่ียมจัตุรัสต้ังมุมขึ้น ยกเว้นป้ายเตือน
บางแบบทีใ่ ชข้ ้อความ หรอื เครอ่ื งหมายนอกเหนือจากที่ไดก้ าหนดไว้
ป้ายเตือนทกุ แบบใชพ้ ้นื ปา้ ยสเี หลือง เส้นขอบปา้ ย เครื่องหมาย สญั ลักษณ์
ตัวเลข ตัวอักษรสีดา ยกเว้นป้ายเตือนท่ีเก่ียวข้องกับงานก่อสร้างและงาน
บารุงทาง ซ่ึงจะใช้พ้ืนป้ายสีส้ม (Orange) เส้นขอบป้าย เครื่องหมาย
สัญลกั ษณ์ ตวั เลข และตวั อักษรสดี า
ป้ายเตือนที่ต้องการให้ใช้ได้ผลในเวลาท่ีมีแสงสว่างน้อย จะต้องเป็นป้าย
สะทอ้ นแสงหรือใชไ้ ฟส่องสว่างทปี่ า้ ยเพ่ือใหเ้ ห็นไดช้ ัด

3.4 ระยะติดต้งั ปา้ ยเตอื น

ปา้ ยเตือนต้องติดต้ังล่วงหนา้ ก่อนถึงจุดอนั ตรายหรือจดุ ทตี่ ้องการเตือนเป็น
ระยะทางตามท่ไี ด้กาหนดไวใ้ นเรอ่ื งป้ายเตือนแตล่ ะแบบ
ระยะเตือนล่วงหน้าอาจจะหาได้จากปัจจัยท่ีสาคัญ 2 ประการ คือ ความเร็ว
สาคัญและสภาพที่ต้องการจะเตือน ซึ่งทาให้ทราบเวลาท่ีเพียงพอสาหรับ
ผู้ขับข่ีท่จี ะทาความเขา้ ใจและปฏิบัติตามความหมายบนป้ายเตือนนั้น ๆ

3.5 ปา้ ยเตอื นท่ีเก่ียวขอ้ งกบั งานกอ่ สร้างและบารุงทาง

การใชป้ า้ ยเตอื นในงานกอ่ สรา้ งและงานบารงุ ทาง สาหรบั ทางหลวงแผ่นดนิ
ได้เขียนไว้โดยเฉพาะในคู่มือการใช้อุปกรณ์ควบคุมการจราจรบริเวณพ้ืนที่
ก่อสร้าง และแยกเขยี นไว้โดยเฉพาะสาหรบั ทางหลวงพิเศษ

3.6 ปา้ ยเตือนทางโคง้ ต่าง ๆ (ต.1–ต.10)

มคี วามหมายว่า ทางขา้ งหน้าเป็นทางโค้งตามลกั ษณะเครือ่ งหมายลูกศรในปา้ ย

ต.1 ต.2 ต.3 ต.4 ต.5

ต.6 ต.7 ต.8 ต.9 ต.10
3-2
เลม่ ท่ี 1 คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร

บทท่ี 3 ป้ายเตือน ต.1
ต.2
3.6.1 ป้ายเตอื นทางโคง้ (ต.1-ต.2)
1) ป้ายเตือนทางโค้ง (ซ้ายหรือขวา) มีลักษณะเป็นรูปส่ีเหล่ียมจัตุรัส ต.3
ต้งั มมุ ขน้ึ พ้ืนป้ายสเี หลอื ง เสน้ ขอบปา้ ยสีดา ภายในบรรจเุ คร่ืองหมาย ต.4
ลูกศรสีดาโค้งด้านซา้ ย (ต.1) และโค้งดา้ นขวา (ต.2)
2) ป้ายเตือนทางโค้ง (ซ้ายหรือขวา) ใช้สาหรับทางโค้งเดี่ยว และติดต้ัง 3-3
เม่ือผลการตรวจสอบสภาพและลักษณะทางวิศวกรรมเห็นวา่ ความเร็ว
ที่เหมาะสมบนทางโค้งอยู่ระหว่าง 50 ถึง 90 กม./ชม. (โดยท่ัวไปรัศมี
โคง้ อยรู่ ะหวา่ ง 100-320 ม.)
3) ระยะติดต้ังป้าย ให้ติดต้ังก่อนถึงจุดเร่ิมโค้งแรกไม่น้อยกว่า 200 ม.
และไมม่ ากกวา่ 250 ม.
4) ในกรณีท่ีความเร็วที่เหมาะสมบนทางโค้งน้อยกว่าความเร็วสาคัญบน
ทางตรงเกิน 30 กม./ชม. ให้ติดตั้งป้ายเตือนเสริมแนะนาความเร็ว
ควบคู่ไปด้วย

3.6.2 ปา้ ยเตอื นทางโคง้ รศั มีแคบ (ต.3-ต.4)
1) ป้ายเตือนทางโค้งรัศมีแคบ (เลี้ยวซ้ายหรือเล้ียวขวา) มีลักษณะเป็น
รูปส่ีเหล่ียมจัตุรัสต้ังมุมขึ้น พื้นป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา ภายใน
บรรจุเคร่ืองหมายลูกศรสดี าหักเป็นมุมฉากซ้าย (ต.3) และมมุ ฉากขวา (ต.4)
2) ป้ายเตือนทางโค้งรัศมีแคบ (เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา) ใช้สาหรับทาง
โค้งเด่ียว และติดตั้งเม่ือผลการตรวจสอบสภาพและลักษณะทาง
วิศวกรรมเห็นว่าความเร็วท่ีเหมาะสมบนทางโค้งไม่เกิน 50 กม./ชม.
(โดยท่ัวไปรศั มีโค้งไมเ่ กนิ 100 ม.)
3) ระยะติดตั้งป้าย ให้ติดต้ังก่อนถึงจุดเร่ิมโค้งไม่น้อยกว่า 200 ม. และ
ไมม่ ากกวา่ 250 ม.
4) เม่ือจะติดต้ังป้ายเตือนทางโค้งรัศมีแคบ ให้ติดต้ังป้ายเตือนเสริมแนะนา
ความเร็ว (ตส.16) ควบคู่ไปด้วย
5) ในกรณีท่ีต้องการเพิ่มความปลอดภัยบนทางโค้งน้ัน ควรติดต้ังป้าย
เตอื นแนวทางตา่ ง ๆ คอื ป้ายเครื่องหมายลูกศรขนาดใหญ่ (ต.65 หรอื
ต.68) หรือป้ายเตือนแนวทางโคง้ (ต.63 หรือ ต.66) ทางด้านนอกของ
โคง้ น้ันดว้ ย

ต.63 ต.65 ต.66 ต.68

เลม่ ที่ 1 คมู่ ือมาตรฐานปา้ ยจราจร

บทที่ 3 ป้ายเตือน ต.5
ต.6
3.6.3 ป้ายเตือนทางโค้งกลับ (ต.5-ต.6)
ต.7
1) ป้ายเตือนทางโค้งกลับ (เร่ิมซ้ายหรือเริ่มขวา) มีลักษณะเป็น ต.8
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งมุมขึ้น พ้ืนป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา
ภายในบรรจุเคร่ืองหมายลูกศรสีดาโค้งสองครั้งกลับทิศทางกัน
โค้งแรกมที ิศทางเริ่มไปทางซ้าย (ต.5) หรือเริม่ ไปทางขวา (ต.6)

2) ป้ายเตือนทางโค้งกลับ ใช้สาหรับทางโค้งกลับ (Reverse Curves)
ซ่ึงประกอบดว้ ย 2 โค้งตดิ ตอ่ กนั เล้ียวไปคนละทางโดยมีระยะทางตรง
เชื่อมระหว่างโค้งท้ังสองนอ้ ยกวา่ 200 ม. และโค้งทั้งสองนน้ั ได้รับการ
ตรวจสอบสภาพและลักษณะทางวิศวกรรมแล้วเห็นว่าความเร็วท่ี
เหมาะสมบนทางโค้งทั้งสองนั้นอยู่ระหว่าง 50 ถึง 90 กม./ชม.
(โดยท่วั ไปรัศมีโค้งอยรู่ ะหว่าง 100 - 320 ม.)

3) ถ้าโค้งแรกมที ิศทางไปทางซ้ายใหใ้ ช้ปา้ ยเตือน (ต.5) และถ้าโค้งแรกไป
ทางขวาให้ใชป้ า้ ยเตอื น (ต.6)

4) ระยะติดต้ังป้าย ให้ติดต้ังก่อนถึงจุดเริ่มโค้งแรกไม่น้อยกว่า 200 ม.
และไมม่ ากกวา่ 250 ม.

5) ในกรณีท่ีความเร็วที่เหมาะสมบนทางโค้งน้อยกว่าความเร็วสาคัญบน
ทางตรงเกิน 30 กม./ชม. ให้ติดตั้งป้ายเตือนเสริมแนะนาความเร็ว
ควบคไู่ ปด้วย

3.6.4 ป้ายเตอื นทางโคง้ กลับรศั มแี คบ (ต.7-ต.8)

1) ป้ายเตือนทางโค้งกลับรัศมีแคบ (เริ่มซ้ายหรือเริ่มขวา) มีลักษณะเป็น
รูปสี่เหล่ียมจัตุรัสต้ังมุมขึ้น พ้ืนป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา ภายใน
บรรจุเคร่ืองหมายลูกศรสีดาหักเป็นมุมฉากสองคร้ังกลับทิศทางกัน
เร่ิมหกั ด้านซา้ ย (ต.7) และเริม่ หกั ดา้ นขวา (ต.8)

2) ป้ายเตือนทางโค้งกลับรัศมีแคบใช้สาหรับทางโค้งกลับรัศมีแคบ
ซึ่งประกอบด้วย 2 โค้งติดตอ่ กนั เล้ียวไปคนละทาง โดยมรี ะยะทางตรง
เชื่อมระหว่างโค้งทั้งสองนอ้ ยกวา่ 200 ม. และโค้งท้ังสองนัน้ ได้รับการ
ตรวจสอบสภาพและลักษณะทางวิศวกรรมแล้วเห็นว่าความเร็วที่
เหมาะสมบนทางโค้งใดโค้งหน่ึงไม่เกิน 50 กม./ชม. (รัศมีโค้งไม่เกิน
100 ม.) และอกี โค้งหนึ่งไมเ่ กิน 90 กม./ชม. (รัศมีโคง้ ไมเ่ กิน 320 ม.)

3-4 เล่มที่ 1 คูม่ ือมาตรฐานป้ายจราจร

บทที่ 3 ป้ายเตือน ต.9
ต.10
3) ถ้าโค้งแรกมีทิศไปทางซ้าย ให้ใช้ป้ายเตือน (ต.7) และถ้าไปทางขวาให้
ใชป้ ้ายเตือน (ต.8)

4) ระยะติดตั้งป้าย ให้ติดตั้งก่อนถึงจุดเร่ิมโค้งแรกไม่น้อยกว่า 200 ม.
และไม่มากกวา่ 250 ม.

5) เม่ือจะติดตั้งป้ายเตือนทางโค้งกลับรัศมีแคบ ให้ติดป้ายเตือนเสริม
แนะนาความเรว็ ควบคู่ไปดว้ ย

6) ในกรณีที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัย ควรติดต้ังป้ายเตือน
แนวทางต่าง ๆ เช่น ป้ายเครื่องหมายลูกศรขนาดใหญ่ (ต.65 หรือ
ต.68) หรอื ปา้ ยเตอื นแนวทางโคง้ (ต.63 หรือ ต.66) ทางดา้ นนอกของ
โคง้ นน้ั ด้วย

3.6.5 ปา้ ยเตือนทางคดเคีย้ ว (ต.9-ต.10)

1) ป้ายเตือนทางคดเคี้ยว (เร่ิมซ้ายหรือเริ่มขวา) มีลักษณะเป็นรูป
สี่เหล่ียมจัตุรัสต้ังมุมขึ้น พื้นป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา ภายใน
บรรจุเคร่ืองหมายลกู ศรสีดาคดไปคดมากลับทิศทางกัน 4 ครั้ง เร่ิมคด
ดา้ นซา้ ย (ต.9) และเร่มิ คดดา้ นขวา (ต.10)

2) ป้ายเตือนทางคดเคี้ยว ใชส้ าหรบั ทางโค้งตอ่ เนือ่ งกนั ตั้งแต่ 3 โค้งขนึ้ ไป
ซ่ึงมีทิศทางสลับกัน โดยมีระยะทางตรงต่อระหว่างแต่ละโค้งไม่เกิน
200 ม.

3) ถ้าโค้งแรกมีทศิ ทางไปทางซ้ายใหใ้ ช้ป้ายเตือน (ต.9) และถ้าไปทางขวา
ให้ใช้ปา้ ยเตือน (ต.10)

4) ระยะติดตั้งป้าย ให้ติดต้ังก่อนถึงจุดเริ่มโค้งแรกไม่น้อยกว่า 200 ม.
และไมม่ ากกว่า 250 ม.

5) ในกรณีที่ความเร็วท่ีเหมาะสมบนทางโค้งน้อยกว่าความเร็วสาคัญบน
ทางตรงเกิน 30 กม./ชม. ให้ติดต้ังป้ายเตือนเสริมแนะนาความเร็ว
ควบค่ไู ปดว้ ย

6) ถ้าพิจารณาเห็นว่าโค้งใดโค้งหน่ึงมีความอันตรายเป็นพิเศษ ควรติดต้ัง
ป้ายเตอื นแนวทางตา่ ง ๆ เชน่ ป้ายเคร่ืองหมายลูกศรขนาดใหญ่ (ต.65
หรือ ต.68) หรือป้ายเตือนแนวทางโค้ง (ต.63 หรือ ต.66) ทางด้าน
นอกของโคง้ นั้นด้วย

ต.7 ต.8 ต.63 ต.65 ต.66 ต.68 3-5

เล่มที่ 1 คมู่ ือมาตรฐานปา้ ยจราจร

บทที่ 3 ป้ายเตือน

3.7 ป้ายเตอื นทางแยกต่าง ๆ (ต.11-ต.20)

มีความหมายวา่ ทางข้างหนา้ เปน็ ทางแยกตามลักษณะเคร่ืองหมายในป้าย

ต.11 ต.12 ต.13 ต.14 ต.15

ต.16 ต.17 ต.18 ต.19 ต.20

1) ป้ายเตือนทางแยกรูปแบบต่าง ๆ (ต.11-ต.20) มีลักษณะเป็น
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสต้ังมุมข้ึน พื้นป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา ภายใน
บรรจเุ ครื่องหมายสัญลกั ษณ์สดี าเป็นลักษณะทางแยกต่าง ๆ

2) ใช้เตือนผู้ขับขี่ให้ทราบว่าทางข้างหน้าเป็นทางแยก ตามรูปแบบที่
แสดงบนแผน่ ป้าย

3) ในกรณีที่มีสามแยก 2 แห่งอยู่เย้ืองกัน โดยมีระยะห่างกันน้อยกว่า
250 ม. และทางแยกทั้งสองแห่งมีเหตุอันควร (Warrants) เพียงพอ
สาหรับการติดตั้งป้ายเตือน ให้ใช้ป้ายเตือนทางแยก (ต.15) หรือป้าย
เตอื นทางแยก (ต.16) เพยี งป้ายเดยี วก่อนถึงทางแยกแหง่ แรก

4) ใหต้ ดิ ต้งั ก่อนถงึ จุดเรม่ิ เลยี้ วโค้งของทางแยกไมน่ ้อยกว่า 200 ม.

5) สาหรับทางในเมือง ระยะติดตั้งอาจลดลงได้ หรือไม่จาเป็นต้องติดต้ัง
เลยก็ได้ เพราะการจราจรส่วนใหญ่ใช้ความเร็วต่า ทางแยกอยู่ไม่ไกล
กนั ผู้ขบั ขมี่ คี วามระมัดระวงั และสามารถมองเห็นทางแยกได้ล่วงหนา้

6) สามารถหมุนป้ายเตือนทางแยก (ต.13 หรือ ต.14) ทวนหรือตามเข็ม
นาฬกิ า 90 องศา เพื่อใช้เตือนทางแยกรูปตัวที (T) ท่รี ถวิ่งจากทางตรง
(ขาของตวั ท)ี ตดั กบั ทางที่ขวาง (หวั ของตวั ที) ขา้ งหนา้ ได้

3-6 เล่มที่ 1 คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร

บทท่ี 3 ปา้ ยเตอื น ต.21
ต.22
3.8 ปา้ ยเตือนวงเวยี นขา้ งหน้า (ต.21)

มีความหมายว่า ทางขา้ งหนา้ เป็นวงเวยี น

1) ป้ายเตือนวงเวียนข้างหน้า มีลักษณะเป็นรูปสี่เหล่ียมจัตุรัสต้ังมุมขึ้น
พน้ื ป้ายสเี หลือง เส้นขอบปา้ ยสดี า ภายในบรรจเุ คร่ืองหมายลูกศรสีดา
สามอันวนโคง้ ไปตามเขม็ นาฬกิ า

2) ใช้เตอื นให้ผขู้ บั ขี่ทราบวา่ ทางข้างหน้าเป็นวงเวียน และจะผา่ นทางแยกได้
โดยการขับรถอ้อมวงเวยี นไปทางซา้ ย

3) ให้ติดต้ังก่อนถึงวงเวียนประมาณ 200 ม. แต่ต้องอยู่ก่อนถึงป้าย
แนะนาบอกจุดหมายปลายทาง (ถ้ามีประมาณ 100 ม.) บนทาง
ในเมือง ซึ่งรถใช้ความเร็วต่า ระยะติดต้ังป้ายอาจลดลงได้ตาม
ความเหมาะสม

4) ให้ติดตง้ั ป้าย (บ.48) ท่บี รเิ วณวงเวียนควบคู่ไปดว้ ย

3.9 ป้ายเตอื นทางแคบต่าง ๆ (ต.22-ต.24)

3.9.1 ป้ายเตือนทางแคบลง (ต.22)

มีความหมายว่า ทางข้างหน้าแคบลงกวา่ ทางที่กาลงั ผ่านทั้งสองดา้ น

1) ป้ายเตือนทางแคบลง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งมุมข้ึน
พื้นป้ายสเี หลอื ง เสน้ ขอบป้ายสดี า ภายในบรรจุสัญลักษณส์ ดี าเป็นเส้น
แสดงลกั ษณะทางกายภาพของทางทแี่ คบลงทั้งสองด้าน

2) ให้ติดตั้งป้ายน้ีบนทางหลวง 2 ช่องจราจร (ขับรถสวนทางกัน)
ซ่งึ ความกว้างของผวิ จราจรข้างหนา้ แคบลง ไม่พอทจี่ ะให้ยวดยานที่ใช้
ความเรว็ เท่าเดมิ สวนทางกนั ไดอ้ ย่างปลอดภัย

3) ให้ติดต้ังห่างจากจุดที่ทางจะแคบลงไม่น้อยกว่า 125 ม. และ
ไม่มากกวา่ 250 ม.

4) หา้ มใชป้ า้ ยเตอื นนี้ในกรณีช่องจราจรลดลงหรอื บริเวณทางแยก

บ.48 3-7

เล่มท่ี 1 ค่มู ือมาตรฐานป้ายจราจร

บทที่ 3 ปา้ ยเตอื น ต.23
ต.24
3.9.2 ป้ายเตอื นทางแคบ (ต.23-ต.24)
ต.25
มีความหมายว่า ทางข้างหน้าด้านซ้ายแคบลงกว่าทางที่กาลังผ่าน (ต.23)
หรือทางข้างหนา้ ด้านขวาแคบลงกว่าทางทก่ี าลงั ผ่าน (ต.24)
1) ป้ายเตือนทางแคบด้านซ้าย (ต.23) และป้ายเตือนทางแคบด้านขวา

(ต.24) มีลักษณะเป็นรูปส่ีเหล่ียมจัตุรัสตั้งมุมขึ้น พื้นป้ายสีเหลือง
เส้นขอบป้ายสีดา ภายในบรรจุสัญลักษณ์เส้นสีดาแสดงทางที่แคบ
ดา้ นซา้ ย (ต.23) และดา้ นขวา (ต.24)
2) ใช้ติดตั้งล่วงหน้าก่อนถึงจุดซึ่งจานวนช่องจราจรจะลดลง ไม่น้อยกว่า
200 ม. และไม่มากกวา่ 250 ม.
3) ห้ามใช้ป้ายเตือนน้ีก่อนถึงจุดส้ินสุดของช่องจราจรเร่งความเร็ว
(Acceleration Lanes) หรือบรเิ วณทางแยก
4) ในกรณีมีฉนวนกลาง (Median) กว้าง ให้ติดตั้งป้ายเตือนน้ีเพ่ิมทาง
ดา้ นขวาด้วย

3.9.3 ปา้ ยเตอื นสะพานแคบ (ต.25)

มคี วามหมายว่า ทางขา้ งหนา้ มสี ะพานแคบ รถสวนกันไมส่ ะดวก
1) ป้ายเตือนสะพานแคบ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสต้ังมุมขึ้น

พ้ืนป้ายสีเหลือง เสน้ ขอบป้ายสดี า ภายในบรรจุสัญลักษณส์ ดี าเป็นเส้น
แสดงลักษณะทางกายภาพของสะพานที่แคบลงท้ังสองด้านขณะผ่าน
สะพาน
2) ใช้เตือนว่าสะพานข้างหน้าแคบกว่าช่องจราจรก่อนจะเข้าสู่สะพาน
หรือสะพานมคี วามกว้างผวิ จราจรน้อยกว่า 5.50 ม.
3) ให้ติดต้ังห่างจากปลายสะพานด้านที่จะถึงก่อน ไม่น้อยกว่า 125 ม.
และไมม่ ากกว่า 250 ม.

3-8 เล่มท่ี 1 คมู่ อื มาตรฐานป้ายจราจร

บทที่ 3 ปา้ ยเตือน ต.26
ต.27
3.10 ป้ายเตอื นชอ่ งจราจรปิด (ต.26–ต.27)

มีความหมายว่า ทางข้างหน้ามีการปิดการจราจรด้านซ้ายผู้ขับข่ีควร
เปลี่ยนไปใช้ช่องเดินรถทเ่ี หลือ (ต.26) หรอื ทางข้างหนา้ มกี ารปิดการจราจร
ดา้ นขวาผู้ขับขีค่ วรเปลยี่ นไปใชช้ ่องเดนิ รถที่เหลอื (ต.27)

1) ป้ายเตือนช่องจราจรปิดด้านซ้าย (ต.26) มีลักษณะเป็นรูปส่ีเหล่ียม
จัตุรัสตั้งมุมข้ึน พ้ืนป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา ภายในบรรจุ
เครื่องหมายลูกศรสีดาอยู่ด้านขวา มีเคร่ืองหมายขีดสีแดงขวางบน
เสน้ สีดาท่ีขนานกบั ลกู ศรอยูด่ า้ นซ้าย

2) ป้ายเตอื นช่องจราจรปิดด้านขวา (ต.27) ลกั ษณะเปน็ รปู สีเ่ หล่ยี มจัตุรัส
ต้ังมมุ ขนึ้ พืน้ ป้ายสีเหลือง เสน้ ขอบปา้ ยสีดา ภายในบรรจเุ ครื่องหมาย
ลูกศรสีดาอยู่ด้านซ้าย มีเคร่ืองหมายขีดสีแดงขวางบนเส้นสีดาที่ขนาน
กับลกู ศรอย่ดู ้านขวา

3) ใชเ้ ตอื นผขู้ บั ข่บี นทางหลวงหลายช่องจราจรทีเ่ ดนิ รถทางเดียวให้ทราบ
ว่า ช่องจราจรด้านซ้ายหรือด้านขวาที่อยู่ข้างหน้าจะปิดลง ผู้ขับขี่
จะต้องเปลี่ยนช่องจราจรก่อนถึงบริเวณดังกล่าว ซึ่งอาจพบในบริเวณ
ที่มีการก่อสร้างในทางเดินรถ หรือทางหลวงท่ีได้ออกแบบช่องจราจร
สาหรับเลี้ยวกลับรถ แต่ต่อมาได้ยกเลิกหรือปิดช่องกลับรถดังกล่าว
ทาใหท้ างหลวงเสมือนถกู ปิดช่องจราจรทางด้านขวา

4) ให้ติดต้ังห่างจากจุดที่ช่องจราจรจะปิดลง ไม่น้อยกว่า 125 ม. และ
ไมม่ ากกวา่ 250 ม.

5) บนทางหลวงหลายช่องจราจรที่มีเกาะกลาง ให้ติดต้ังป้ายทั้งทางด้านซ้าย
และด้านขวาที่เกาะกลางถนน

เล่มที่ 1 คู่มอื มาตรฐานป้ายจราจร 3-9

บทท่ี 3 ป้ายเตือน ต.28
ต.29
3.11 ป้ายเตอื นทางข้ามทางรถไฟ (ต.28-ต.30)

3.11.1 ปา้ ยเตอื นทางข้ามทางรถไฟมีหรือไม่มเี คร่ืองกนั้ ทาง (ต.28-ต.29)

มีความหมายวา่ ทางขา้ งหน้ามีทางรถไฟตดั ผ่าน และไม่มีเครื่องก้นั ทาง (ต.28)
หรือทางข้างหนา้ มีทางรถไฟตัดผ่าน และมรี ว้ั หรือมเี คร่ืองก้ันทาง (ต.29)
1) ป้ายเตือนทางข้ามทางรถไฟไม่มีเคร่ืองก้ันทาง (ต.28) มีลักษณะเป็น

รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสต้ังมุมขึ้น พื้นป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา ภายใน
บรรจุสญั ลกั ษณ์สดี ารปู รถไฟ
2) ป้ายเตือนทางข้ามทางรถไฟมีเคร่ืองก้ันทาง (ต.29) มีลักษณะเป็น
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตั้งมุมขึ้น พื้นป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา ภายใน
บรรจุสญั ลกั ษณ์สีดารปู รว้ั กั้นทางรถไฟ
3) ปา้ ยเตอื นทางข้ามทางรถไฟ ใชต้ ิดต้ังลว่ งหน้าก่อนถงึ ทางรถไฟตัดผ่าน
โดยที่
3.1) ป้ายเตือนทางข้ามทางรถไฟไม่มีเคร่ืองกั้นทาง (ต.28) ใช้เมื่อ

มีทางรถไฟตัดผ่านทางหลวงในระดับเดียวกัน โดยไม่มี
เคร่ืองก้ันทาง
3.2) ป้ายเตอื นทางขา้ มทางรถไฟมีเคร่ืองกั้นทาง (ต.29) ใชเ้ มอ่ื มีทาง
รถไฟตัดผ่านทางหลวงในระดบั เดยี วกนั โดยมีเคร่อื งกัน้ ทาง
4) บนทางคู่ (Divided Highways) ควรติดต้ังป้ายเตือนนี้เสริมทาง
ด้านขวาบนเกาะกลางด้วย สาหรับระยะทางที่เหมาะสมสาหรับติดต้ัง
ป้ายเตือนทางข้ามทางรถไฟให้ปฏิบัติตามตารางท่ี 1-1 ของบทที่ 1
โดยระยะติดตัง้ ในยา่ นชุมชนอาจลดลงไดอ้ กี

3-10 เล่มที่ 1 คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร

บทที่ 3 ป้ายเตือน ต.30

3.11.2 ปา้ ยเตือนทางข้ามทางรถไฟติดทางแยก (ต.30)

มีความหมายว่า ทางข้างหนา้ มีทางขา้ มทางรถไฟอยตู่ ิดทางแยก

1) ป้ายเตือนทางข้ามทางรถไฟติดทางแยก (ต.30) มีลักษณะเป็น
รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสต้ังมุมข้ึน พ้ืนป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา ภายใน
บรรจุสญั ลักษณ์สดี ารูปทางรถไฟตัดผ่านดา้ นซ้ายของทางแยกรูปตัวที

2) ใช้ติดตั้งบนทางหลวงท่ีว่ิงเข้าสู่ทางแยกด้านท่ีไม่มีทางรถไฟตัดผ่าน
แทนป้ายเตือนทางแยกปกติ เพ่ือเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบว่า ถ้าเลี้ยวออก
จากทางแยกไปไม่เกิน 50 ม. จะมีทางรถไฟตัดผ่านในระดับเดียวกัน
และไม่จาเป็นต้องติดต้ังป้ายเตือนทางข้ามทางรถไฟ (ต.28–ต.29)
อีกครั้งเม่ือเลี้ยวออกจากทางแยก ถ้าทางรถไฟผ่านทางด้านขวาของ
ทางแยกรปู ตัวที ให้หมนุ ปา้ ยทวนเขม็ นาฬกิ า 180 องศา ในการติดตั้ง

3) นอกจากนีอ้ าจทาการหมุนป้ายทวนเข็มนาฬิกา 90 องศา เพอ่ื ใช้เตือน
ทางแยกท่ีมีทางรถไฟในระดับเดียวอยู่ก่อนถึงทางแยกรูปตัวที ซึ่งผู้ขับข่ี
ตอ้ งเตรียมเลีย้ วซ้ายหรือขวาเมอื่ ขบั ผ่านทางรถไฟไปแล้ว

4) ระยะที่เหมาะสมสาหรับการติดตั้งป้ายเตือน ให้ปฏิบัติตามตารางท่ี 1-1
ของบทท่ี 1 โดยระยะติดต้ังในยา่ นชุมชนอาจลดลงได้อีก

ต.28 ต.29

เล่มที่ 1 คู่มอื มาตรฐานป้ายจราจร 3-11

บทท่ี 3 ปา้ ยเตอื น ต.31
ต.32
3.12 ปา้ ยเตือนความสงู หรือความกว้าง (ต.31-ต.32)

3.12.1 ปา้ ยเตือนทางแคบ (ต.31)

มีความหมายวา่ ทางขา้ งหน้าแคบลงกวา่ ทางที่กาลงั ผ่านท้งั สองดา้ น ใหร้ ถที่
มคี วามกวา้ งไม่เกินตัวเลขที่กาหนดในป้ายเปน็ “เมตร” ผา่ นไปได้
1) ป้ายเตือนทางแคบ (ต.31) มีลักษณะเป็นรูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัส ต้ังมุมข้ึน

พื้นป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา ภายในบรรจุเคร่ืองหมาย ตัวเลข
และตวั อักษรสดี า แสดงจานวน “เมตร” ไวภ้ ายใน
2) ใช้เตือนทางแคบข้างหน้า โดยมีความกว้างของทางหลวงหรือถนน
ตามท่ีระบไุ ว้บนปา้ ย
3) ให้ติดต้ังห่างจากจุดท่ีทางเริ่มแคบไม่น้อยกว่า 125 ม. และไม่มากกว่า
250 ม.

3.12.2 ปา้ ยเตอื นช่องลอดต่า (ต.32)

มีความหมายว่า ทางข้างหน้ามีช่องลอดต่า มีความสูงตามตัวเลขท่ีกาหนด
ในป้ายเป็น “เมตร” ใหร้ ถทีม่ ีความสูงหรอื เมื่อรวมความสูงของรถกับของที่
บรรทกุ ไมเ่ กินตัวเลขท่ีกาหนดในป้ายผ่านไปได้

1) ป้ายเตอื นช่องลอดต่า (ต.32) มลี กั ษณะเป็นรูปสเ่ี หลี่ยมจัตุรัสตั้งมุมขึ้น
พื้นป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา ภายในบรรจุเครื่องหมาย ตัวเลข
และตัวอกั ษรสีดา แสดงจานวน “เมตร” ไว้ภายใน

2) ใช้เตือนความสูงของทางลอดข้างหน้า ที่มีความสูง 5.00 ม. หรือ
น้อยกว่า โดยมีตัวเลขระบุความสูงเป็นเมตรด้วยทศนิยม 1 ตาแหน่ง
และให้ทาสีหรือติดวัสดุสะท้อนแสดงท่ีตาแหน่งอุปสรรคของช่องลอด
เพอื่ ใหผ้ ู้ขับข่ีมองเห็นได้อย่างชดั เจน

3-12 เล่มที่ 1 คู่มือมาตรฐานป้ายจราจร

บทท่ี 3 ป้ายเตอื น ต.33

3.13 ป้ายเตอื นทางลาดชนั (ต.33–ต.34)

3.13.1 ป้ายเตอื นทางข้นึ ลาดชนั (ต.33)

มคี วามหมายว่า ทางขา้ งหน้าเปน็ ทางลาดชนั ข้นึ ทส่ี ูง โดยมีความลาดชนั ตาม
ตัวเลขท่ีกาหนดในป้ายเป็น “ร้อยละ” ใหผ้ ู้ขบั ขขี่ ับรถใหช้ า้ ลง และชดิ ขอบ
ทางดา้ นซา้ ย

1) ป้ายเตือนทางข้ึนลาดชัน (ต.33) มีลักษณะเป็นรูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัส
ตั้งมุมข้ึน พ้ืนป้ายสีเหลือง เส้นขอบป้ายสีดา ภายในบรรจุสัญลักษณ์
สดี ารูปรถบรรทุกขน้ึ ทางลาดชนั ทเี่ ขยี นในรปู ร้อยละ (%)

2) ใช้เตือนผู้ขับข่ีให้ทราบว่า ทางข้างหน้าเป็นทางข้ึนลาดชันตั้งแต่
ร้อยละ 15 ข้ึนไป หรือเป็นทางลาดชันเกินร้อยละ 10 ท่ีมีระยะทาง
ไม่น้อยกวา่ 1 กม.

3) ให้ติดตั้งห่างจากจุดเริ่มของทางลาดชันไม่น้อยกว่า 200 ม. และ
ไมม่ ากกว่า 250 ม.

4) ท่ีตาแหน่งจุดเรมิ่ โค้ง (PVC) ควรตดิ ปา้ ย “ขนึ้ เขายาว --- กม.” (ตส.2)
เพิม่ ด้วย โดยพิจารณาระยะทางตามความเหมาะสมของพืน้ ท่ี

ตส.2 3-13

(กรณปี า้ ยขนึ้ เขายาว 1 กม.)

เลม่ ที่ 1 ค่มู อื มาตรฐานป้ายจราจร


Click to View FlipBook Version