6.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน (Motivation) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูซักถามเกี่ยวกับเงานซ่อมบำรุงระบบปรับอากาศ รถยนต์ที่นักเรียนรู้จักและใช้ในชีวิตประจำวัน 1. แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับงานซ่อมบำรุง ระบบปรับอากาศรถยนต์ 2. เปิดสื่อ รูปภาพ วิดีโอ เรื่องการตรวจหารอยรั่ว 2. ศึกษาสื่อ รูปภาพ วิดีโอ เกี่ยวกับเรื่องการ ตรวจหารอยรั่ว 3. ถามเกี่ยวกับความรู้เดิมพื้นฐาน นำเข้าสู่บทเรียน และ แจ้งวัตถุประสงค์การเรียน 3. นักเรียนตอบคำถาม 6.2 ขั้นเรียนรู้หรือขั้นศึกษาข้อมูล (Information) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับความหมาย เรื่องการตรวจหารอยรั่ว 1. นักเรียนถาม – ตอบ เกี่ยวกับเรื่องการตรวจหา รอยรั่ว 2. ครูอธิบายเกี่ยวกับการใช้การตรวจหารอยรั่ว 2. นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการ ตรวจหารอยรั่ว 6.3 ขั้นทำกิจกรรมหรือขั้นพยายาม (Application) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูมอบหมายให้ทำแบบฝึกหัดท้ายบท และฝึกปฏิบัติ 1. นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทและฝึกปฏิบัติ 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการตรวจหา รอยรั่ว 2. นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องการตรวจหารอย รั่ว 6.4 ขั้นสรุปหรือขั้นสำเร็จผล (Progress) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องการตรวจหารอยรั่ว 1. นักเรียนตอบคำถาม 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 2. นักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 3. ครูสรุปเรื่องการตรวจหารอยรั่ว 3. ถอดบทเรียนที่ได้
7. สื่อการเรียนหรือแหล่งเรียนรู้ [✔] หนังสือเรียน [ ] เอกสารประกอบการเรียนการสอน [✔] สื่อ Power Point [✔] สื่อของจริง [✔] แผ่นภาพ [ ] วีดีโอ/ภาพเคลื่อนไหว [ ] แบบจำลอง (Model) [ ] สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง [ ] อื่น ๆ (ระบุ) ……..……… 8. การบูรณาการความสัมพันธ์กับวิชาอื่น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. การวัดผลและประเมินผล [ ] แบบทดสอบก่อนเรียน [ ] แบบฝึกหัด [✔] ใบงาน/ใบสั่งงาน [ ] ใบมอบหมายงาน [✔] ใบกิจกรรม [✔] แบบทดสอบหลังเรียน [ ] ผลการเรียนของผู้เรียน [✔] แบบสังเกตการณ์ [ ] อื่น ๆ (ระบุ) ……..……… 10. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 11. งานที่มอบหมาย (ถ้ามี) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
ใบความรู้ หน่วยที่ 8 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 52 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่13 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 13 ชื่อหน่วย การตรวจหารอยรั่วในระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 1. การตรวจหารอยรั่ว โดยใช้ฟองสบู่ 1.1 การตรวจรอยรั่วโดยใช้ฟองสบู่ หลังจากบรรจุสารทำความเย็น (R-12, R-134a) เข้าในระบบ ดังกล่าวแล้วให้ใช้ฟองสบู่ตรวจรอยรั่วตามข้อต่อต่าง ๆ ของท่อทางเดินสารทำความเย็น หากมีการรั่วฟองสบู่จะโป่ง ออกจนแตกสำหรับระบบที่ทำงานอยู่แล้วถ้าเกิดรอยรั่วที่จุดใด ๆ จะสังเกตเห็นคราบน้ำมันจับอยู่รอบ ๆ ทั้งนี้เพราะ ขณะที่สารทำความเย็นรั่วออกมา จะพาเอามันหล่อลื่นในระบบติดออกมาด้วยแล้วสารทำความเย็นจะระเหยตัวไป ส่วนน้ำมันจะจับเป็นคราบติดอยู่ รูปที่ 1 แสดงการตรวจรอยรั่วด้วยฟองสบู่ 2. การตรวจรอยรั่ว โดยใช้ตะเกียงตรวจสอบรอยรั่ว การตรวจรั่วโดยตะเกียงตรวจรั่ว การตรวจรั่วโดยวิธีนี้อาศัยหลักคุณสมบัติของสารทำความเย็น (R12) นั่นคือเมื่อถูกเผาไหม้จะเปลี่ยนสีเปลวไฟ จากสีเหลืองส้มเป็นสีเขียวตองอ่อน การตรวจรั่วโดยวิธีนี้ควรปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้คือ 1. เปิดวาล์วให้แก๊สในท่อออกมา 2. จุดไฟที่หัวติดไฟ (burner)
3. นำปลายสายยางสำหรับดูดอากาศเข้าไปจ่อตามจุดข้อต่อต่าง ๆ ของท่อทางเดินสารทำความเย็นที่ สงสัยว่าจะรั่ว 4. สังเกตสีเปลวไฟ หากจุดใดของระบบเกิดรั่ว สารทำความเย็น (R-12) จะถูกดูดเข้าไป ผสมกับแก๊สจุดไฟ เปลี่ยนสีของเปลวไฟเป็นสีเขียวตองอ่อน ตะเกียงตรวจรั่วนั้นนอกจากจะใช้แก๊สสำหรับจุดไฟแล้ว บางครั้งก็พบว่าใช้แอลกอฮอล์ เป็นเชื้อเพลิงในการจุดเปลวไฟแทนได้ด้วย รูปที่ 2 ตะเกียงตรวจรอยรั่ว 3. การตรวจรั่ว โดยใช้เครื่องตรวจรอยรั่วอิเล็กทรอนิกส์ การตรวจรั่วโดยใช้เครื่องตรวจรั่วอิเล็กทรอนิกส์ การตรวจรั่วโดยวิธีนี้ใช้ตรวจระบบที่ใช้ สารทำความเย็น (R-12 , R-134a) เท่านั้นเช่นเดียวกับตะเกียงตรวจรั่ว เครื่องตรวจรั่วนี้อาจมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ทุกแบบมีหลักการทำงานเช่นเดียวกันคือจะมีปลายรับ สัมผัสแก๊สที่ไวมาก ซึ่งถ้าพบว่าสารทำความเย็นรั่วจะทำให้เกิดเสียงดังเป็นสัญญาณให้รู้
รูปที่ 5.8 เครื่องตรวจรั่วอิเล็กทรอนิกส์ ข้อแนะนำในการตรวจรั่ว ควรจะกระทำดังนี้คือ 1. ตรวจดูด้วยสายตาว่าตามจุดต่อต่าง ๆ ของระบบปรับอากาศมีคราบน้ำมันจับอยู่ที่ใดบ้าง 2. ต่อชุดแมนิโฟลด์เกจเข้ากับระบบที่วาล์วบริการ 3. ถ้าอ่านค่าความดันในระบบได้ถึง 60-80 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ให้ตรวจหาจุดรั่วด้วยเครื่องตรวจรั่ว ต่อไป 4. ถ้าเกจแสดงให้เห็นว่าไม่มีความดันในระบบหรืออ่านค่าได้ต่ำมาก ให้เติม สารทำความเย็น (R-12, R134a) เข้าอีก 1/2 กิโลกรัม ในขณะที่หยุดระบบ โดยทำตามลำดับขั้นดังนี้ 4.1 ต่อสายบรรจุสารทำความเย็นจากถังสารทำความเย็น (R-12, R-134a) เข้ากับรูกลางของแม นิโฟลด์เกจ 4.2 เปิดวาล์วด้านเกจวัดความดันทางสูงและวาล์วของถังทำความเย็น (R-12, R134a) 4.3 สังเกตดูว่าสารทำความเย็นไหลเข้าในระบบ เกจจะแสดงว่าความดันที่เพิ่มขึ้น 4.4 ถ้าจำเป็นควรวางถังสารทำความเย็น(R-12,R-134a) ลงในน้ำอุ่นเพื่อช่วยให้น้ำยา ไหลเข้าในระบบได้เร็วขึ้น 4.6 ปิดวาล์วด้านเกจวัดความดันทางสูง และวาล์วของถังสารทำความเย็น (R-12,R-134a) 5. ใช้เครื่องตรวจรั่วตรวจตามจุดต่อต่าง ๆ ของท่อทางเดินสารทำความเย็นในระบบทุกจุด และที่ คอนเดนเซอร์ คอมเพรสเซอร์ รีซีฟเวอร์ดรายเออร์ และอีวาพอเรเตอร์ 6. ในการตรวจอีวาพอเรเตอร์ให้เดินพัดลมด้วยความเร็วที่ต่ำที่สุด และสังเกตที่ความเย็นของช่องลมเย็น ออก ถ้าเย็นน้อยก็อาจยืนยันได้ว่าสารทำความเย็นในระบบรั่ว
7. ถ้าพบว่าจุดต่อต่าง ๆ รั่ว ให้ขันให้แน่น 8. เมื่อจำเป็นต้องซ่อมชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่าง ๆ ของระบบปรับอากาศ ต้องปล่อยสารทำความเย็นในระบบ ทิ้งก่อนที่จะถอดชิ้นส่วนอุปกรณ์นั้น ๆ ออกซ่อม 9. ถ้าพบว่าจุดรั่วของระบบพาเอาน้ำมันของระบบออกมามาก จำเป็นต้องตรวจระดับน้ำมัน คอมเพรสเซอร์ หากน้อยเกินเกณฑ์ให้เติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์เข้าไปให้พอดี
ใบงาน หน่วยที่ 8 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 52 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่12-13 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 12-13 ชื่อหน่วย การตรวจหารอยรั่วในระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 จุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียน สามารถตรวจสอบรอยรั่ว โดยใช้ฟองสบู่ได้อย่างถูกต้อง รายการเครื่องอุปกรณ์ 1. รถยนต์ที่ต้องการตรวจสอบรอยรั่วของสารทำความเย็น 2. แปรงทาสี หรือผ้าสำหรับชุบน้ำสบู่ 3. สบู่ยี่ห้ออะไรก็ได้ 4. น้ำ 5. แว่นตานิรภัย คำสั่ง ให้นักเรียนตรวจสอบรอยรั่วของระบบปรับอากาศรถยนต์ ตามข้อต่อ หรือสายทุกจุดของ ระบบปรับอากาศรถยนต์ ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 1. เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ 2. นำรถยนต์ที่ตรวจเข้าในที่ร่ม 3. ติดเครื่องยนต์ ให้ระบบปรับอากาศทำงาน 4. ใช้ฟองสบู่ละลายน้ำพอประมาณ 5. ใช้แปรงทาสีทาบริเวณข้อต่อ หรือสายส่งสารทำความเย็น 6. สังเกตว่า หากเกิดรอยรั่ว ความดันจะดันสบู่ให้เป็นฟอง 7. ทำเครื่องหมายตรวจรอยรั่ว แล้วทำการปรับปรุงแก้ไข 8. เก็บทำความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ์ และบริเวณปฏิบัติงาน ข้อควรระวัง ผู้ตรวจสอบต้องสวมแว่นตานิรภัย เพื่อป้องกันสารทำความเย็นกระเด็นเข้าตาได้
แบบตรวจใบงาน หน่วยที่ 8 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 52 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่ 12-13 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 12-13 ชื่อหน่วย การตรวจหารอยรั่วในระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 เกณฑ์การให้คะแนน 5 ดีมาก 4 ดี 3 ปานกลาง 2 พอใช้ 1 ต้องปรับปรุง ที่ รายการที่ตรวจ น้ำหนักการให้คะแนน รวม หมายเหตุ 5 4 3 2 1 1. 2. 3. 4. 5. 6. การเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ การใช้ฟองสบู่ตรวจหารอยรั่ว สังเกตลำดับขั้นการปฏิบัติงาน การซักถามขณะปฏิบัติงาน ความสนใจการปฏิบัติงาน ความเรียบร้อยการปฏิบัติงาน ผู้ตรวจ………………………… ( ………………………)
ใบงาน หน่วยที่ 8 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 52 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่ 12-13 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 12-13 ชื่อหน่วย การตรวจหารอยรั่วในระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 จุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียน สามารถตรวจสอบรอยรั่วโดยใช้ตะเกียงตรวจสอบรอยรั่วได้อย่างถูกต้อง รายการเครื่องมืออุปกรณ์ 1. ระบบปรับอากาศรถยนต์ที่ต้องการตรวจหารอยรั่ว 2. ตะเกียงตรวจสอบหารอยรั่ว 3. แว่นตานิรภัย 4. ไม้ขีดไฟ คำสั่ง ให้นักเรียน ฝึกตรวจสอบรอยรั่วด้วยตะเกียงตรวจรอยรั่ว ตามขั้นตอนที่กำหนดแล้วสังเกต เปลวไฟที่พบพร้อมกับจดบันทึก การตรวจสอบอย่างละเอียด ลำดับขั้นการปฏิบัติงาน 1. เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ 2. ตรวจสอบความเรียบร้อยของตะเกียงตรวจรอยรั่ว 3. เปิดแก๊สตะเกียงตรวจรอยรั่ว พร้อมจุดไฟ 4. นำท่อยางไปจี้ลงจุดที่ คาดว่าเกิดรอยรั่ว (สายดูดอากาศ) 5. สังเกตเปลวไฟ หากเกิดรอยรั่วเปลวไฟจะเป็นสีเขียวตองอ่อน 6. จดบันทึกการตรวจสอบ 7. ทำความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ์ และบริเวณปฏิบัติงาน
รูปที่ 5.9 แสดงการตรวจรอยรั่วด้วยตะเกียง ข้อควรระวัง ขณะที่ทำการตรวจสอบบริเวณให้ชัดเจนว่า มีสิ่งที่ทำให้ติดไฟง่ายหรือไม่ เพราะอาจจะทำให้ไฟไหม้ เครื่องยนต์ได้ ฉะนั้นการตรวจสอบแบบนี้ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
แบบตรวจใบงาน หน่วยที่ 8 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 52 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่12-13 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 12-13 ชื่อหน่วย การตรวจหารอยรั่วในระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 เกณฑ์การให้คะแนน 5 ดีมาก 4 ดี 3 ปานกลาง 2 พอใช้ 1 ต้องปรับปรุง ที่ รายการที่ตรวจ น้ำหนักการให้คะแนน รวม หมายเหตุ 5 4 3 2 1 1. 2. 3. 4. 5. การตรวจสอบความเรียบร้อยของ ตะเกียงตรวจสอบรอยรั่ว การปฏิบัติตามขั้นตอนถูกต้อง ความเรียบร้อยในการตรวจสอบ ความสนใจการปฏิบัติงาน การจดบันทึกการตรวจสอบ ผู้ตรวจ………………………… ( ………………………)
ใบงาน หน่วยที่ 8 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 52 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่ 12-13 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 12-13 ชื่อหน่วย การตรวจหารอยรั่วในระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 จุดประสงค์การเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียน สามารถตรวจรอยรั่วด้วยเครื่องตรวจรอยรั่วอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างถูกต้อง รายการเครื่องมืออุปกรณ์ 1. รถยนต์ที่ต้องการตรวจรอยรั่วของระบบปรับอากาศรถยนต์ 2. เครื่องตรวจรอยรั่วอิเล็กทรอนิกส์ คำสั่ง ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติ การใช้งานของเครื่องตรวจรอยรั่วอิเล็กทรอนิกส์ให้เข้าใจวิธีการใช้ก่อน แล้ว นำเครื่องตรวจรอยรั่ว ตามขั้นตอนที่กำหนดให้ พร้อมจดบันทึกการตรวจอย่างละเอียดทุกขั้นตอน พร้อมสรุปผล การทดลอง ลำดับขั้นตอนการปฏิบัติ 1. เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ 2. ศึกษาเครื่องตรวจรอยรั่วอิเล็กทรอนิกส์อย่างละเอียด 3. ดับเครื่องยนต์ก่อนตรวจรอยรั่ว 4. นำสายตรวจไปจี้ตามจุดต่าง ๆ ที่คาดว่าเกิดรอยรั่วได้ 5. ถ้าส่วนใดเกิดรอยรั่วเครื่องตรวจรอยรั่วจะเกิดเสียงดัง 6. จดบันทึกการตรวจสอบอย่างละเอียด 7. สรุปผลการตรวจสอบ 8. ทำความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ์และบริเวณปฏิบัติงาน
รูปที่ 5.10 แสดงการตรวจรอยรั่วด้วยเครื่องตรวจรอยรั่วอิเล็กทรอนิกส์ ข้อควรระวัง ก่อนตรวจสอบ นักศึกษาจะต้องดับเครื่องยนต์ก่อนทุกครั้ง และก่อนใช้เครื่องมือชนิดนี้ ควรศึกษาคู่มือ การใช้งานอย่างละเอียด
แบบตรวจใบงาน หน่วยที่ 8 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 52 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่ 12-13 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 12-13 ชื่อหน่วย การตรวจหารอยรั่วในระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 เกณฑ์การให้คะแนน 5 ดีมาก 4 ดี 3 ปานกลาง 2 พอใช้ 1 ต้องปรับปรุง ที่ รายการที่ตรวจ น้ำหนักการให้คะแนน รวม หมายเหตุ 5 4 3 2 1 1. 2. 3. 4. 5. การเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ถูกต้อง การใช้เครื่องตรวจรอยรั่วถูกต้อง การปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่กำหนด ความสนใจในการปฏิบัติงาน บันทึกการปฏิบัติงาน ผู้ตรวจ………………………… ( ………………………)
แผนการจัดการเรียนรู้มุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยที่ 9 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศยายนต์ ชั่วโมงรวม 60 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่14-15 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 14-15 ชื่อหน่วย งานติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 1. หัวข้อเรื่อง งานติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ 2. สาระสำคัญ การติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ มีขั้นตอนที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก และต้องการความละเอียดพิถีพิถัน เพราะพื้นที่ที่ติดตั้งคือรถยนต์ การเกิดข้อผิดพลาดจึงไม่ควรเกิดขึ้นเลย เพราะฉะนั้นช่างที่ทำการติดตั้งระบบปรับ อากาศรถยนต์ ต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญ มีความรู้ระบบปรับอากาศรถยนต์อย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้จักระบบ ต่างๆ ภายในรถยนต์ด้วย ความรู้ เข้าใจในการติดตั้งอุปกรณ์ปรับอากาศคือสิ่งสำคัญ รถยนต์แต่ละยี่ห้อมีตำแหน่ง ติดตั้งอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน มีขนาดต่างกัน การฝึกฝนติดตั้งอุปกรณ์ เช่น คอมเพรสเซอร์ คอนเดนเซอร์ อีวาพอเรเตอร์ รีซีฟเวอร์ดรายเออร์ และการเดินท่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ ตลอดจนขั้นตอน ทำสุญญากาศ ตรวจรอยรั่ว บรรจุสารทำความเย็น คือสิ่งที่นักศึกษาจะได้ปฏิบัติในแผนการสอนนี้ เพื่อให้เกิดความชำนาญ และเป็นช่างที่ดีในอนาคต 3. สมรรถนะประจำหน่วย 3.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับงานติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 จุดประสงค์ทั่วไป 4.1.1 เพื่อให้นักเรียนสามารถติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ 4.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ (ด้านพุทธิพิสัย) 4.2.1 อธิบายงานติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ ด้านทักษะ (ด้านทักษะพิสัย) 4.2.2 สามารถติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ ด้านเจตคติ(ด้านจิตพิสัย) 4.2.3 เอาใจใส่ในการเรียน 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 การติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์
6. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (ออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ MAIP) (กิจกรรมการเรียนรู้ให้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ) 6.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน (Motivation) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูซักถามเกี่ยวกับเงานซ่อมบำรุงระบบปรับอากาศ รถยนต์ที่นักเรียนรู้จักและใช้ในชีวิตประจำวัน 1. แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับงานซ่อมบำรุง ระบบปรับอากาศรถยนต์ 2. เปิดสื่อ รูปภาพ วิดีโอ เรื่องการตรวจหารอยรั่ว 2. ศึกษาสื่อ รูปภาพ วิดีโอ เกี่ยวกับเรื่องการ ตรวจหารอยรั่ว 3. ถามเกี่ยวกับความรู้เดิมพื้นฐาน นำเข้าสู่บทเรียน และ แจ้งวัตถุประสงค์การเรียน 3. นักเรียนตอบคำถาม 6.2 ขั้นเรียนรู้หรือขั้นศึกษาข้อมูล (Information) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับความหมาย เรื่องการตรวจหารอยรั่ว 1. นักเรียนถาม – ตอบ เกี่ยวกับเรื่องการตรวจหา รอยรั่ว 2. ครูอธิบายเกี่ยวกับการใช้การตรวจหารอยรั่ว 2. นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการ ตรวจหารอยรั่ว 6.3 ขั้นทำกิจกรรมหรือขั้นพยายาม (Application) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูมอบหมายให้ทำแบบฝึกหัดท้ายบท และฝึกปฏิบัติ 1. นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทและฝึกปฏิบัติ 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการตรวจหา รอยรั่ว 2. นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องการตรวจหารอย รั่ว 6.4 ขั้นสรุปหรือขั้นสำเร็จผล (Progress) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องการตรวจหารอยรั่ว 1. นักเรียนตอบคำถาม 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 2. นักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 3. ครูสรุปเรื่องการตรวจหารอยรั่ว 3. ถอดบทเรียนที่ได้
7. สื่อการเรียนหรือแหล่งเรียนรู้ [✔] หนังสือเรียน [ ] เอกสารประกอบการเรียนการสอน [✔] สื่อ Power Point [✔] สื่อของจริง [✔] แผ่นภาพ [ ] วีดีโอ/ภาพเคลื่อนไหว [ ] แบบจำลอง (Model) [ ] สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง [ ] อื่น ๆ (ระบุ) ……..……… 8. การบูรณาการความสัมพันธ์กับวิชาอื่น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. การวัดผลและประเมินผล [ ] แบบทดสอบก่อนเรียน [ ] แบบฝึกหัด [✔] ใบงาน/ใบสั่งงาน [ ] ใบมอบหมายงาน [✔] ใบกิจกรรม [ ] แบบทดสอบหลังเรียน [ ] ผลการเรียนของผู้เรียน [ ] แบบสังเกตการณ์ [ ] อื่น ๆ (ระบุ) ……..……… 10. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 11. งานที่มอบหมาย (ถ้ามี) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
ใบความรู้ หน่วยที่ 9 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 60 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่14-15 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 14-15 ชื่อหน่วย งานติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 การติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ การติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ตามลำดับการทำงาน เพื่อให้การทำงานของอุปกรณ์มี การสัมพันธ์กัน ประกอบด้วยคอมเพรสเซอร์ที่ใช้เครื่องยนต์ฉุดด้วยสายพาน การติดตั้งรอก (Pulley) สายพาน คอนเดนเซอร์ระบายความร้อนติดตั้งหน้าหม้อน้ำรถยนต์ อีวาพอเรเตอร์ติดตั้งในช่องด้านล่างคอนโซนรถยนต์ และรีซีฟ เวอร์ดรายเออร์ติดตั้งบริเวณห้องเครื่องยนต์ ที่มีการระบายความร้อนได้ดี รูปที่ 6.1 แสดงตำแหน่งการติดตั้งอุปกรณ์ระบบปรับอากาศรถยนต์ ลำดับการเตรียมการก่อนติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ 1. ต้องเปลี่ยนรอก(pulley) เพลาข้อเหวี่ยงเป็นแบบ 2 ร่อง (มักมีขายเฉพาะยี่ห้อรถแต่ละรุ่น) 2. ต้องซื้อแท่นยึดคอมเพรสเซอร์ซึ่งมักมีขาย ทำไว้เฉพาะยี่ห้อรถ และใช้กับ คอมเพรสเซอร์ยี่ห้อใด (สามารถดัดแปลงทำเองได้โดยเฉพาะกรณีซื้อคอมเพรสเซอร์เก่ามาดัดแปลงใช้งาน) 3. ต้องติดฟิล์มกรองแสง (เปอร์เซนต์สูงจะทึบมาก) 4. ควรปูสักหลาดพื้นรถใหม่ 5. ต้องเลือกใช้สายพานชั้นดี เพื่อความคงทนถาวร เพราะจะเกิดการสึกหรอเร็วมาก โดยเฉพาะถ้าติดตั้งคอมเพรสเซอร์เยื้องศูนย์ 6. ต้องอุดช่องที่รั่วทุกแห่งของตัวรถ แต่ให้คำนึงการระบายอากาศในตัวรถด้วย คอมเพรสเซอร์ รีซีฟเวอร์ดรายเออร์ อีวาพอเรเตอร์ คอนเดนเซอร์ รีเอกซแ์พนช่ันวาลว์
7. ต้องเจาะรูปล่อยน้ำทิ้งออกจากชุดอีวาพอเรเตอร์(ตู้แอร์) ลงใต้พื้นรถ และระวังอย่าให้ น้ำทิ้งโดนชิ้นส่วนโลหะหรืออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เช่น ท่อน้ำมันเบรก 8. ต้องซื้อท่อสารทำความเย็นชั้นดี1 ชุด ควรระบุให้ผู้จำหน่ายทราบว่า จะนำไปใช้กับคอมเพรสเซอร์ และชุดอีวาพอเรเตอร์ ยี่ห้อใด เครื่องยนต์กี่สูบ (ท่อสารทำความเย็น 1 ชุด จะมี4 เส้น และมักเป็นท่อโลหะเพียง 1 เส้น) 9. ต้องซื้ออุปกรณ์และชิ้นส่วนระบบปรับอากาศให้ครบ โดยเฉพาะคอมเพรสเซอร์ต้องเลือก พอดีกับขนาดความจุของเครื่องยนต์(ซี.ซี.) และจำนวนผู้โดยสารในรถ ขั้นตอนการติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ 2.1 การติดตั้งคอมเพรสเซอร์ คอมเพรสเซอร์คืออุปกรณ์หลักของระบบปรับอากาศ สำหรับ การติดตั้งคอมเพรสเซอร์ระบบปรับอากาศรถยนต์มีลำดับขั้นตอน ดังนี้ 1. ต้องถอดอุปกรณ์บางอย่างของรถยนต์ออกบ้าง เพื่อความสะดวกในการติดตั้ง 2. รอก (pulley) ตัวขับมีร่องสายพานเดี่ยวให้เปลี่ยนใหม่ เพื่อเพิ่มร่องของรอก (pulley) ให้กับสายพานของคลัตช์แม่เหล็ก (Magnetic clutch) 3. ต้องตัดแผ่นเหล็กยึดระหว่างคอมเพรสเซอร์กับตัวเครื่องยนต์ ( อาจหาซื้อเป็นชุดหรือ ใช้กระดาษแข็งตัดเป็นแบบก่อน ) 4. การติดตั้งคอมเพรสเซอร์ควรทำด้วยความระมัดระวังตัวถังรถยนต์ด้วย 5. ความตึงของสายพานฉุดคอมเพรสเซอร์ต้องให้ตึงพอประมาณ ไม่ตึงเกินไปเพราะ เป็นสาเหตุของลูกปืนคลัตช์ซึ่งอาจแตกได้นอกนั้นเราตั้งสายพานโดยการบิดสายพานบริเวณกึ่งกลางของด้านที่ยาว ที่สุด ถ้าบิดได้ ¼ ถึง ½ รอบ แสดงว่าความตึงของสายพานใช้ได้ 6. การตั้งร่องรอก (pulley) ให้ตรงจะเป็นการยืดอายุการใช้งานของสายพานตัวฉุด คอมเพรสเซอร์ 7. ก่อนที่เราจะใส่คลัตช์แม่เหล็ก เข้าปลายเพลาของตัวคอมเพรสเซอร์เราต้องตรวจ ปลายแกนข้อเหวี่ยง หรือปลายเพลาเสียก่อนสิ่งที่ดีควรทาด้วยน้ำมันหรือจาระบีเสียก่อน 8. การขันน็อตปลายเพลาเพื่อยึดตัวคลัตช์แม่เหล็ก ต้องขันให้แน่นจนแน่ใจก่อน ทำการติดตั้งถาวร 2.2 การติดตั้งคอนเดนเซอร์ โดยปกติจะติดตั้งบริเวณด้านหน้าหม้อน้ำ และจะมีพัดลมเพื่อช่วย ระบายความร้อน ลำดับขั้นการติดตั้งคอนเดนเซอร์มีขั้นตอนดังนี้ 1. อาจจะต้องถอดตะแกรงหรือหม้อน้ำรถยนต์ออกก่อน เพื่อความสะดวก
2. อย่าวางชิดหม้อน้ำเกินไป จะทำให้การระบายความร้อนทั้งของคอนเดนเซอร์ และหม้อน้ำไม่ดีเครื่องยนต์จะร้อน ควรวางห่างกันประมาณ ½ - 1 ½ นิ้ว 3. ในการติดตั้งคอนเดนเซอร์ในรถยนต์เกือบทุกยี่ห้อจะต้องเปลี่ยนใบพัดลมให้มีขนาดโตและจำนวน ใบเพิ่มขึ้น(ขนาดโตไม่เกินความสูงของหม้อน้ำหรือไม่โตจนอาจไปตีท่อยางของหม้อน้ำ) 4. การติดตั้งให้ตำแหน่งท่อทางสารทำความเย็นออกอยู่ด้านล่างเสมอและอยู่ในตำแหน่ง ที่สามารถต่อ ท่อไปยังถังพักสารทำความเย็นได้โดยง่าย 5. การเจาะสกรูเพื่อติดตั้งแผงคอนเดนเซอร์จะต้องไม่อยู่ในตำแหน่งของหม้อน้ำ เพราะเวลาขันสกรู ยึดแผงคอนเดนเซอร์จะทำให้สกรูนั้นอาจเจาะทะลุหม้อน้ำ หรืออาจทำให้หม้อน้ำบุบเสียหายได้ 6. ท่อสารทำความเย็นทางออกของแผงคอนเดนเซอร์ส่วนใหญ่อาจเป็นท่อยางหรือท่ออลูมิเนียมหนา และอ่อน ท่อนี้บางครั้งต้องทำการติดตั้งท่อทางออกเสียก่อนเพื่อความสะดวก 7. ตำแหน่งที่ตั้งควรจะอยู่ตรงกลางใบพัดลมรถยนต์ 2.3 การติดตั้งอีวาพอเรเตอร์การติดตั้งชุดอีวาพอเรเตอร์ไม่สู้มีปัญหามาก พอสรุปเป็นหัวข้อสำคัญได้ ดังนี้ 1. เลือกตำแหน่งชุดอีวาพอเรเตอร์อยู่ระหว่างกลาง ระหว่างคนขับกับคนนั่งด้านหน้าเพื่อให้ลมเย็น สามารถส่งออกไปทั่วได้ภายในรถ 2. ท่อระบายน้ำทิ้งต้องเจาะอย่างระมัดระวัง อย่าให้เกะกะบริเวณที่วางเท้า 3. ต้องต่อท่อทางเดินสารทำความเย็นโดยถาวร ก่อนทำการยึดติดตั้งช่องให้ความเย็น ถ้าเราทำการ ติดตั้งช่องให้ความเย็นก่อนต่อท่อทางเดินสารทำความเย็น จะลำบากหรือ ไม่อาจต่อท่อทางเดินสารทำความเย็นได้ เลย 2.4 การติดตั้งรีซีฟเวอร์ดรายเออร์ และการเดินท่อสารทำความเย็น ตัวรีซีฟเวอร์ดรายเออร์ หาที่ติดภายในกระโปรงรถ ทางออกหันไปทางหลังรถ เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้ว ต่อท่อต่าง ๆ ดังนี้ 1. ท่อทางอัดของคอมเพรสเซอร์(D) ต่อเข้าทางคอนเดนเซอร์ (ด้านบน) 2. ท่อทางออกของคอนเดนเซอร์(ด้านลง) ต่อเข้าทางเข้าของรีซีฟเวอร์ดรายเออร์ 3. ท่อทางออกของรีซีฟเวอร์ดรายเออร์ต่อเข้าทางเข้าของ เอ็กซ์แพนชั่นวาล์ว (อยู่ที่แผงอีวาพอเร เตอร์ภายในรถยนต์) 4. ท่อทางออกของอีวาพอเรเตอร์ต่อเข้าท่อทางดูดของคอมเพรสเซอร์(S) เมื่อทำการต่อท่อทางเดิน ของสารทำความเย็นเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการตรวจท่อสารทำความเย็นสองเส้นที่ลอดผ่านตัวถังรถเข้ามานั้น ว่ามี การป้องกันการเสียดสีหรือเปล่า จากนั้นให้ใช้ฉนวนประเภทกันความชื้นและกันไม่ให้อากาศและฝุ่นจากภายนอก
เข้ามาได้ปิดสนิท ก่อนทำการปิดควรทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวเสียก่อน เพื่อทำให้แผ่นฉนวนมีการยึดจับ บริเวณนั้นได้ดียิ่งขึ้น 2.5 การเดินวงจรไฟฟ้า ภายหลังจากการดำเนินการติดตั้ง อุปกรณ์วงจรทางกลแล้ว ให้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ทางไฟฟ้า ประกอบด้วย เทอร์โมสตัต สวิตช์พัดลม สวิตช์ควบคุมแรงดันตลอดจนเดินสายวงจรไฟฟ้าตามแบบและรุ่นของ ระบบปรับอากาศ พร้อมตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อย และทดสอบให้สมบูรณ์ เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาดทำให้ เสียเวลา รูปที่ 6.2 ตัวอย่างวงจรไฟฟ้าระบบปรับอากาศรถยนต์ นิปปอนเดนโซ่ การตรวจรอยรั่ว การทำสุญญากาศและการบรรจุสารทำความเย็น หลังจากดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ระบบปรับอากาศแล้ว การบรรจุสารทำความเย็น ควรปฏิบัติตามขั้นตอน ให้ครบถ้วน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง การปฏิบัติตามขั้นตอน ตรวจรอยรั่ว ทำสุญญากาศ ต้องปฏิบัติด้วย ความละเอียด 3.1 การทำสุญญากาศ ภายหลังจากตรวจสอบหารอยรั่วเรียบร้อยการทำสุญญากาศ คือ ขั้นตอนการดูดอากาศ ความชื้น และฝุ่นละอองต่าง ๆออกจากระบบเพื่อทำให้ระบบสะอาดพร้อมจะบรรจุสารทำ ความเย็น การทำสุญญากาศจะต้องดำเนินการให้รัดกุม เพื่อไม่ให้มีความชื้นหลงเหลืออยู่ในระบบ ซึ่งจะก่อให้เกิด ปัญหาขึ้นมาภายหลัง 3.2 การบรรจุสารทำความเย็น ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า สารทำความเย็นที่จะใช้เป็น R – 12 หรือ R-134 a และปฏิบัติตามขั้นตอนการเติมสารทำความเย็นให้ครบถ้วนและสมบูรณ์ บรรจุสารทำความเย็นใน ปริมาณที่เหมาะสมตามเกณฑ์ที่กำหนด ควรระมัดระวังเรื่องการใช้สารทำความเย็น ห้ามใช้สารทำความเย็น Rสวิตช์กุญแจ ฟิวส์ เมนรีเลย์ 20A ฟิวส์ 15A แบตเตอรี่ มอเตอร์พัดลม รีซีสเตอร์ สวิตช์พัดลม สวิตช์ควบคุมความดัน สวิตช์ปรับความเย็น เทอร์มี สเตอร์ คอยล์จุดระเบิด วงจรถ่ายทอด RPN วงจรถ่ายทอด อุณหภูมิ ทราน ซิสเตอร์ คลัตช์แม่เหล็ก แอมพลิฟาย
134a ปนหรือแทนสารทำความเย็น R-12 เพราะจะทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เสียหายได้ โดยเฉพาะโอริงและท่อยาง ต่าง ๆ 3.3 การตรวจรอยรั่ว สามารถดำเนินการได้หลายวิธีตามความเหมาะสมแต่ไม่แนะนำให้ ใช้การตรวจหารอยรั่วด้วยการใช้ตะเกียงตรวจรั่ว เพราะอาจเกิดการลุกไหม้ได้ หากจำเป็นต้องใช้ก็ควรใช้ด้วยความ ระมัดระวัง
ใบงาน หน่วยที่ 9 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 60 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่14-15 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 14-15 ชื่อหน่วย งานติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 จุดประสงค์การเรียน เพื่อให้นักเรียนสามารถติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ รายการเครื่องมืออุปกรณ์ 1. ประแจปากตาย เบอร์ 14,16,17,19,20,22,24,26 2. คอมเพรสเซอร์ 1 ตัว 3. คอนเดนเซอร์ 1 แผง 4. อีวาพอเรเตอร์ 1 ชุด 5. รีซีฟเวอร์ดรายเออร์ 1 ตัว 6. ท่อวงจรระบบปรับอากาศ 1 ชุด 7. อุปกรณ์วงจรไฟฟ้า 1 ชุด 8. ไขควง 1 ชุด 9. คีม 1 ชุด 10. เครื่องยนต์สาธิต หรือ รถยนต์สาธิต 1 ชุด 11. มัลติมิเตอร์ 1 เครื่อง 12. แมนิโฟลด์เกจ 1 ชุด 13. ปั๊มสุญญากาศ 1 ตัว 14. สารทำความเย็น 2 กิโลกรัม (kg) คำสั่ง ให้นักเรียน แบ่งกลุ่ม ๆ ละ 5 – 6 คน ปฏิบัติการติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ ให้เสร็จสมบูรณ์ในเวลาที่กำหนด
งานติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ รายการปฏิบัติงาน ผลการปฏิบัติงาน หมายเหตุ ผ่าน ไม่ผ่าน 1. การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ติดตั้ง 2. คอมเพรสเซอร์ - มีความแข็งแรงดี - ตรงแนวรอก(pulley)ของเครื่องยนต์ 3. ติดตั้งคอนเดนเซอร์มีความแข็งแรงดี 4. ติดตั้งอีวาพอเรเตอร์ - มีความแข็งแรงดี - ต่อท่อปล่อยน้ำทิ้ง 5. ติดตั้งรีซีฟเวอร์ดรายเออร์ - มีความแข็งแรงดี - มองเห็นได้ง่าย - ตั้งตรง 90 องศา 6. ต่อท่อวงจรทุกจุด 7. ต่อท่อเข้ารีซีฟเวอร์ดรายเออร์เป็นตัว สุดท้าย 8. ตรวจสอบรอยรั่วของระบบ 9. การทำสุญญากาศ 10. การบรรจุสารทำความเย็น - การไล่อากาศ - ปริมาณเหมาะสม ความเรียบร้อยของงาน ทำความสะอาดบริเวณปฏิบัติงาน 2 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 2 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน รวมคะแนน
แบบตรวจใบงาน หน่วยที่ 9 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 60 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่14-15 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 14-15 ชื่อหน่วย งานติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 เกณฑ์การให้คะแนน 5 ดีมาก 4 ดี 3 ปานกลาง 2 พอใช้ 1 ต้องปรับปรุง รายการที่ตรวจ ที่ น้ำหนักการให้คะแนน รวม 5 4 3 2 1 1. 2. 3. 4. 5. การจัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ ความเข้าใจในขั้นตอนปฏิบัติงาน การประสานงานและสัมพันธ์งานในกลุ่ม ผลงานมีความถูกต้อง สมบูรณ์และเรียบร้อย ความสนใจการปฏิบัติงาน และปฏิบัติงาน ทันกำหนดเวลา รวม ผู้ตรวจ………………………. (………………………)
แผนการจัดการเรียนรู้มุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยที่ 10 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศยายนต์ ชั่วโมงรวม 68 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่16-17 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 16-17 ชื่อหน่วย การหาประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 1. หัวข้อเรื่อง การหาประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ 2. สาระสำคัญ ระบบปรับอากาศรถยนต์เมื่อติดตั้งเสร็จสิ้นสมบูรณ์หรือเมื่อมีการบรรจุสารทำความเย็น เสร็จสิ้นควรมีการ ทดสอบประสิทธิภาพของระบบด้วย ซึ่งถ้าประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ก็เป็นสิ่งที่ดีในการนำไปใช้งาน ต่อไป ถ้าประสิทธิภาพด้อยกว่ามาตรฐาน ซึ่งก็คือ ระบบปรับอากาศรถยนต์ ไม่ค่อยเย็นนั่นเองและถ้าประสิทธิภาพ สูงกว่ามาตรฐาน ซึ่งก็คือระบบปรับอากาศรถยนต์ จะเย็นเกินไป เกินความจำเป็นอันอาจจะก่อให้เกิดผลเสีย ตามมา เช่น มีเกล็ดน้ำแข็งเกาะที่ครีบ อีวาพอเรเตอร์ ลมเย็นไม่ค่อยออกมีน้ำกระเด็นออกมาจากหน้ากากชุดอีวา พอเรเตอร์ ขดท่อ อีวาพอเรเตอร์ผุกร่อนง่ายและรั่ว การทดสอบประสิทธิภาพจะบอกให้เราทราบว่าระบบปรับอากาศ รถยนต์ที่ใช้อยู่มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับใด เพื่อที่จะได้ปรับปรุงแก้ไขต่อไปกรณีที่ไม่เข้ามาตรฐาน 3. สมรรถนะประจำหน่วย 3.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับการหาประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 จุดประสงค์ทั่วไป 4.1.1 เพื่อให้นักเรียนหาค่าประสิทธิภาพในระบบปรับอากาศในรถยนต์ 4.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ (ด้านพุทธิพิสัย) 4.2.1 สามารถทดสอบหาความชื้นในระบบปรับอากาศรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง 4.2.2 สามารถทดสอบหาอุณหภูมิในระบบปรับอากาศรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง 4.2.3 สามรถอ่านค่าตารางความชื้นสัมพัทธ์ได้อย่างถูกต้อง ด้านทักษะ (ด้านทักษะพิสัย) 4.2.2 สามารถตรวจเช็คระบบความชื้นสัมพัทธ์ได้ ด้านเจตคติ(ด้านจิตพิสัย) 4.2.3 เอาใจใส่ในการเรียน
5. สาระการเรียนรู้ 5.1 ความชื้นในอากาศ 5.2 อุณหภูมิที่เหมาะสมกับร่างกายมนุษย์ 5.3 การอ่านค่าตารางความชื้นสัมพัทธ์ 6. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (ออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ MAIP) (กิจกรรมการเรียนรู้ให้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ) 6.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน (Motivation) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูซักถามเกี่ยวกับการหาประสิทธิภาพระบบปรับ อากาศรถยนต์ 1. แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการหา ประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ 2. เปิดสื่อ รูปภาพ วิดีโอ เรื่องการหาประสิทธิภาพระบบ ปรับอากาศรถยนต์ 2. ศึกษาสื่อ รูปภาพ วิดีโอ เกี่ยวกับเรื่องการหา ประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ 3. ถามเกี่ยวกับความรู้เดิมพื้นฐาน นำเข้าสู่บทเรียน และ แจ้งวัตถุประสงค์การเรียน 3. นักเรียนตอบคำถาม 6.2 ขั้นเรียนรู้หรือขั้นศึกษาข้อมูล (Information) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับความหมาย เรื่องการหา ประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ 1. นักเรียนถาม – ตอบ เกี่ยวกับเรื่องการหา ประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ 2. ครูอธิบายเกี่ยวกับการใช้การหาประสิทธิภาพระบบ ปรับอากาศรถยนต์ 2. นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการหา ประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ 6.3 ขั้นทำกิจกรรมหรือขั้นพยายาม (Application) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูมอบหมายให้ทำแบบฝึกหัดท้ายบท และฝึกปฏิบัติ 1. นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทและฝึกปฏิบัติ 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการหา ประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ 2. นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องการหา ประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์
6.4 ขั้นสรุปหรือขั้นสำเร็จผล (Progress) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องการหาประสิทธิภาพระบบ ปรับอากาศรถยนต์ 1. นักเรียนตอบคำถาม 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 2. นักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 3. ครูสรุปเรื่องการหาประสิทธิภาพระบบปรับอากาศ รถยนต์ 3. ถอดบทเรียนที่ได้ 7. สื่อการเรียนหรือแหล่งเรียนรู้ [✔] หนังสือเรียน [ ] เอกสารประกอบการเรียนการสอน [✔] สื่อ Power Point [✔] สื่อของจริง [✔] แผ่นภาพ [ ] วีดีโอ/ภาพเคลื่อนไหว [ ] แบบจำลอง (Model) [ ] สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง [ ] อื่น ๆ (ระบุ) ……..……… 8. การบูรณาการความสัมพันธ์กับวิชาอื่น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. การวัดผลและประเมินผล [ ] แบบทดสอบก่อนเรียน [ ] แบบฝึกหัด [✔] ใบงาน/ใบสั่งงาน [ ] ใบมอบหมายงาน [✔] ใบกิจกรรม [ ] แบบทดสอบหลังเรียน [ ] ผลการเรียนของผู้เรียน [ ] แบบสังเกตการณ์ [ ] อื่น ๆ (ระบุ) ……..……… 10. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… 11. งานที่มอบหมาย (ถ้ามี) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
ใบความรู้ หน่วยที่ 10 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 68 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่16-17 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 16-17 ชื่อหน่วย การหาประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 ความชื้นในอากาศ และอุณหภูมิที่เหมาะสมกับมนุษย์ หลังจากทำการบรรจุสารความเย็นแล้ว ควรทำการทดสอบหาประสิทธิภาพของระบบ ปรับอากาศ รถยนต์ ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้หรือไม่ โดยคำนึงถึงหลัก 2 ประการนี้คือ 1. ความชื้นในอากาศ ถ้าอากาศร้อนมักจะมีความชื้นมากกว่าอากาศเย็น ขณะที่อากาศชื้นจะป้องกัน ขัดขวางไม่ให้เกิดการระเหย จะทำให้รู้สึกร้อน ความชื้นมากทำให้รู้สึกอึดอัด หรือถ้าความชื้นน้อยทำให้ผิวแห้ง ดังนั้นปริมาณความชื้นที่ทำให้เรารู้สึกสบายคือ 50-55% 2. อุณหภูมิต้องปรับให้เหมาะสมกับร่างกายมนุษย์ อุณหภูมิที่กำลังสบายควรอยู่ระหว่าง 23-25 ซ ดังนั้น เราจึงต้องนำเอาปัจจัยสองอย่างนี้มา เพื่อหาประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศรถยนต์ ขั้นตอนการหาประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศรถยนต์ 1. เตรียมเครื่องมือและวัสดุ อุปกรณ์ 2. นำรถเข้าในที่ร่มและเปิดประตูรถทุกบาน 3. ใช้ผ้าคลุมบังโคลนรถ ผ้าคลุมเบาะรถ 4. ตรวจดูวาล์วของแมนิโฟลด์เกจ ต้องอยู่ในตำแหน่งปิดทั้งคู่ แมนิโฟลด์เกจ เมื่อเลิกใช้งานแล้ว ต้องปิดวาล์วทั้งคู่เสมอ 5. เปิดฝาครอบลิ้นบริการทั้งสองด้านที่คอมเพรสเซอร์ 6. ต่อสายเกจเข้ากับลิ้นบริการที่คอมเพรสเซอร์ 6.1 เกจด้านความดันต่ำ ให้ต่อสายเข้าที่ลิ้นบริการของคอมเพรสเซอร์ด้านดูด 6.2 เกจด้านความดันสูง ให้ต่อสายเข้าที่ลิ้นบริการของคอมเพรสเซอร์ด้านอัด 7. ติดเครื่องยนต์และอุ่นเครื่องยนต์ประมาณ 5-10 นาที 8. ตั้งความเร็วรอบเครื่องยนต์ให้อยู่ประมาณ 1,200-1,5000 rpm 9. เปิดสวิตช์ควบคุมความเร็วพัดลมอีวาพอเรเตอร์ให้อยู่ในตำแหน่ง เร็วสูงสุด 10. เปิดสวิตช์เทอร์โมสตัตให้อยู่ในตำแหน่ง เย็นสูงสุดขณะนี้ วาล์วทั้งคู่ของแมนิโฟลด์เกจยังอยู่ในตำแหน่ง ปิด 11. อ่านค่าความดันที่แมนิโฟลด์เกจ ทั้งสองด้าน ค่าความดันควรอยู่ในเกณฑ์ต่อไปนี้
11.1 ความดันด้านต่ำ 30-40 psi 11.2 ความดันด้านสูง 200-250 psi รูปที่ 7.1 แสดงการวัดอุณหภูมิ 12. นำเทอร์โมมิเตอร์แบบกระเปาะเปียก กระเปาะแห้ง ติดไว้ที่ด้านช่องดูดอากาศเข้าของ อีวาพอเร เตอร์ (ไม่ใช่ทางลมเย็นออก) 13. นำเทอร์โมมิเตอร์เฉพาะแบบกระเปาะแห้ง ติดไว้ท่อด้านหน้าของชุดอีวาพอเรเตอร์(ทางลมเย็นออก) โดยพยายามให้ส่วนที่เป็นกระเปาะของเทอร์โมมิเตอร์ปะทะกับลมเย็นมากที่สุด (สอดเข้าให้ลึกที่สุดแต่อย่าให้ชน กับครีบหรือขดท่อของอีวาพอเรเตอร์) นิยมใช้เทอร์โมมิเตอร์ แบบหน้าปัดกลมหรือแบบแท่งแก้วยาว ประมาณ 1 ฟุต 14. ให้อ่านค่าเทอร์โมมิเตอร์ดังนี้ 14.1 ค่าอุณหภูมิจากเทอร์โมมิเตอร์กระเปาะแห้งและกระเปาะเปียก (ทางอากาศเข้า) ตัวอย่าง อ่านเทอร์โมมิเตอร์กระเปาะแห้งได้ค่า 25 ซ และอ่านเทอร์โมมิเตอร์กระเปาะเปียกได้ 20 ซ 14.2 ค่าอุณหภูมิจากเทอร์โมมิเตอร์กระเปาะแห้ง (ทางลมเย็นออก) ตัวอย่าง อ่านเทอร์โมมิเตอร์ได้ 8 ซ 15. นำค่าอุณหภูมิจากข้อ 14.1 มาหาค่าความชื้นสัมพัทธ์จากกราฟ ตัวอย่าง จะได้ความชื้นสัมพัทธ์ เท่ากับ 60 เปอร์เซ็นต์
รูปที่ 7.2 แสดงการหาค่าความชื้นสัมพัทธ์จากกราฟ 15. หาค่าผลต่างของอุณหภูมิกระเปาะแห้งระหว่างทางอากาศเข้ากับทางลมเย็นออก โดยนำค่า อุณหภูมิกระเปาะแห้งของทางอากาศเข้าลบด้วยค่าอุณหภูมิกระเปาะแห้งของทางลมเย็นออก ตัวอย่าง อุณหภูมิกระเปาะแห้งทางอากาศเข้าเท่ากับ 25 ซ และอุณหภูมิกระเปาะแห้งทางลมเย็นออกเท่ากับ 8 ซ ซึ่งผลต่างเท่ากับ 17 ซ 16. นำค่าความชื้นสัมพัทธ์จากข้อ 15 และค่าผลต่างอุณหภูมิกระเปาะแห้งจาก ขั้นตอนที่ 16 มาหาจุดร่วมบนกราฟประสิทธิภาพมาตรฐานของระบบปรับอากาศรถยนต์ 17.1 ถ้าจุดร่วมอยู่ในแนวเส้นทึบ แสดงว่า ประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน 17.2 ถ้าจุดร่วมอยู่เหนือเส้นทึบ แสดงว่า ระบบปรับอากาศจะให้ความเย็นจัดเกินซึ่งอาจ ก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบปรับอากาศได้ เช่น เกิดเกล็ดน้ำแข็งอุดตันครีบอีวาพอเรเตอร์ ขดท่อ อีวาพอเรเตอร์ รั่วได้ง่าย แต่มีข้อดีอยู่บ้างในกรณีที่เปิดระบบปรับอากาศใช้งานสามารถเปิดสวิตช์พัดลมและสวิตช์เทอร์โมสตัตให้ อยู่ในตำแหน่งต่ำหรือปานกลาง ซึ่งเป็นการยืดอายุการใช้งานของระบบปรับอากาศได้ทางหนึ่ง 17.3 ถ้าจุดร่วมอยู่ต่ำกว่าเส้นทึบ แสดงว่า ระบบปรับอากาศไม่ค่อยเย็น
รูปที่ 7.3 กราฟประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ จากตัวอย่าง ผลต่างอุณหภูมิกระเปาะแห้ง ของอากาศเข้า – ลมเย็นออก = 17 ซ และค่าความชื้นสัมพัทธ์ = 60 % นำมาหาจุดร่วมบนกราฟ ปรากฏว่าจุดร่วมอยู่ในแนวเส้นทึบ แสดงว่าประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน 18. หลังจากทดสอบประสิทธิภาพแล้ว ให้ปิดสวิตช์พัดลมและสวิตช์เทอร์โมสตัต ก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ 19. อ่านค่าความดันบนเกจทั้งสองด้าน เมื่อค่าความดันเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน (แตกต่างกันไม่เกิน 10 ปอนด์/ตร.นิ้ว) จึงถอดสายเกจออกจากลิ้นบริการของคอมเพรสเซอร์ทั้งสองด้านโดยพยายามให้สารทำความเย็น รั่วไหลได้น้อยที่สุด 19.1 ควรสวมแว่นตานิรภัยขณะถอดสายเกจ 19.2 การถอดสายเกจออก ให้กดสายเกจเข้าไปในลิ้นบริการแล้วรีบคลายน็อตล็อกสายเกจออกให้ เร็วที่สุด จะช่วยให้สารทำความเย็นรั่วไหลได้น้อย 20. ปิดฝาครอบลิ้นบริการคอมเพรสเซอร์ 21. ทบทวนขั้นตอน การทดสอบประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ 22. ทำความสะอาดและจัดเก็บเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ และบริเวณปฏิบัติงาน ข้อควรจำ ในขณะทดสอบ 1. ความชื้นสัมพัทธ์ ควรอยู่ระหว่าง 50-70 % 2. ค่าผลต่างอุณหภูมิกระเปาะแห้งระหว่างทางอากาศเข้ากับทางลมเย็นออก ควรมีค่าผลต่างอยู่ระหว่าง 10-22 ซ หรือ 50-70 ฟ 3. อุณหภูมิบรรยากาศภายนอก ควรอยู่ระหว่าง 86-95 ฟ หรือ 30-35 ซ 4. ค่าความดันบนเกจด้านความดันต่ำ ควรอยู่ระหว่าง 30-40 ปอนด์ / ตารางนิ้ว
5. ค่าความดันบนเกจด้านความดันสูง ควรอยู่ระหว่าง 200-250 ปอนด์ / ตารางนิ้ว 6. ถ้าค่าในขณะทดสอบแตกต่างจากดังกล่าว 5 ข้อข้างต้น ข้อใดข้อหนึ่งควรเลื่อนการทดสอบออกไป เพราะผลการทดสอบจะคลาดเคลื่อนจากสภาพความเป็นจริง 7. หลักการอย่างง่ายๆ อีกกรณีหนึ่งคือ การพิจารณาอุณหภูมิแตกต่างระหว่าง ในห้องโดยสารซึ่งควร ต่างกันไม่ต่ำกว่า 18 ฟ หรือ 10 ซ ขึ้นไป จึงจะจัดได้ว่าระบบปรับอากาศ มีประสิทธิภาพดี
ใบงาน หน่วยที่ 10 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 68 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่16-17 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 16-17 ชื่อหน่วย การหาประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 คำสั่ง ให้นักเรียนทำเครื่องหมาย ทับข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว (ข้อละ 1 คะแนน) 1. ในการทดสอบหาประสิทธิภาพเครื่องปรับอากาศ ควรติดเครื่องยนต์ไว้อย่างน้อยประมาณกี่นาที ก. 30 - 35 นาที ข . 25 - 30 นาที ค. 15 - 20 นาที ง. 5 - 10 นาที 2. ในสภาวะอากาศร้อนมาก ค่าความชื้นสัมพัทธ์จะเป็นอย่างไร ? ก. มีมาก ข . มีปานกลาง ค. มีน้อย ง. มีค่าเป็นศูนย์ 3. เทอร์โมมิเตอร์ที่ใช้หาประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศรถยนต์คือ ? ก. แบบกระเปาะแห้ง ข. แบบกระเปาะเปียก ค. แบบความดันสูง ง. ข้อ ก และ ข ถูก 4. ถ้าอ่านค่าเทอร์โมมิเตอร์กระเปาะแห้งได้ค่า 80 ฟ และอ่านค่าเทอร์โมมิเตอร์กระเปาะเปียก ได้ค่า 65 ฟ ค่าความชื้นสัมพัทธ์จากกราฟจะมีค่าเท่าไร ? ก. 45 % ข. 50 % ค. 55 % ง. 60 % 5. ข้อใดกล่าวผิด ? ก. การทดสอบประสิทธิภาพเครื่องปรับอากาศต้องใช้แผนภาพมาตรฐานและ ไซโครเมตริกชาร์ต ข. อุณหภูมิกระเปาะแห้งและกระเปาะเปียก นำมาใช้หาความชื้นสัมพัทธ์ ค. การหาความชื้นสัมพัทธ์ต้องหาจากแผนภาพประสิทธิภาพมาตรฐาน ง. การหาความชื้นสัมพัทธ์ต้องหาจากไซโครเมตริกชาร์ต
6. อัตราส่วนระหว่างน้ำหนักไอน้ำในอากาศที่วัดได้จริงกับน้ำหนักไอน้ำที่ระเหยได้เต็มที่ ที่อุณหภูมิเดียวกัน เรียกว่าอะไร ? ก. ความชื้นสัมพัทธ์ ข. ความแห้งอากาศ ค. น้ำหนักไอน้ำสัมบูรณ์ ง. ไอน้ำอากาศสัมพัทธ์ 7. ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ควรเป็นเท่าไร ในการหาประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์? ก. 1000 รอบ/นาที ข. 2000 รอบ/นาที ค. 3000 รอบ/นาที ง. 4000 รอบ/นาที 8. ร่างกายของคนต้องการอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ ? ก. 15 - 18 ซ ข. 18 - 24 ซ ค. 23 - 25 ซ ง. 27 - 32 ซ 9. ข้อใดกล่าวถูกต้อง ? ก. โดยปกติอุณหภูมิกระเปาะแห้งจะต่ำกว่าอุณหภูมิกระเปาะเปียก ข. โดยปกติอุณหภูมิกระเปาะแห้งและอุณหภูมิกระเปาะเปียกจะเท่ากัน ค. เทอร์โมมิเตอร์ที่หุ้มกระเปาะด้วยผ้าชุบน้ำใช้วัดอุณหภูมิกระเปาะแห้ง ง. เทอร์โมมิเตอร์ที่หุ้มกระเปาะด้วยผ้าชุบน้ำใช้วัดอุณหภูมิกระเปาะเปียก 10. ในขณะทำการวัดอุณหภูมิด้วยเทอร์โมมิเตอร์กระเปาะเปียกและแห้ง สวิตช์ควบคุมพัดลม อีวาพอเรเตอร์ควรอยู่ในตำแหน่งใด ? ก. ปิด ข. ต่ำสุด ค. ปานกลาง ง. เร็วสุด
เฉลยใบงาน หน่วยที่ 10 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 68 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่16-17 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 16-17 ชื่อหน่วย การหาประสิทธิภาพระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 เฉลยแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 1. ง 2. ก 3. ง 4. ก 5. ค 6. ก 7. ข 8. ข 9. ง 10. ง
แผนการจัดการเรียนรู้มุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยที่ 11 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศยายนต์ ชั่วโมงรวม 72 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่ 18 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 18 ชื่อหน่วย การคิดราคางานปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 1. หัวข้อเรื่อง การคิดราคางานปรับอากาศรถยนต์ 2. สาระสำคัญ การคิดราคาค่าบริการงานปรับอากาศรถยนต์นั้น ผู้ประกอบการหรือช่างผู้ให้บริการจะต้องคิดออกมาเพื่อ คิดราคากับลูกค้าหรือผู้เข้ารับบริการ การประมาณราคา ก็คือ แยกงานเป็นงานย่อย ๆ จากนั้นจะนำเอางานย่อย ๆ นั้น มาคิดแยกเป็นค่าแรง ค่าวัสดุอุปกรณ์และกำไรที่ต้องการ ก็จะได้ประมาณราคาในงานนั้นเพื่อแจ้งแก่ลูกค้า 3. สมรรถนะประจำหน่วย 3.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับการคิดราคางานปรับอากาศรถยนต์ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 จุดประสงค์ทั่วไป 4.1.1 เพื่อให้นักเรียนมีหลักการคิดราคาในการบริการงานปรับอากาศรถยนต์ในลักษณะต่าง ๆ 4.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ด้านความรู้ (ด้านพุทธิพิสัย) 1.2.1 อธิบายการประมาณราคาค่าบริการงานปรับอากาศรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง 1.2.2 คำนวณหาราคาค่าแรงได้อย่างถูกต้อง 1.2.3 คำนวณการหาราคาทุนได้อย่างถูกต้อง 1.2.4 คำนวณราคาค่าบริการได้อย่างถูกต้อง ด้านทักษะ (ด้านทักษะพิสัย) 4.2.2 สามารถคำนวณราคาค่าบริการได้ ด้านเจตคติ(ด้านจิตพิสัย) 4.2.3 เอาใจใส่ในการเรียน 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 การประมาณราคาค่าบริการงานปรับอากาศรถยนต์ 5.2 การหาราคาค่าแรง
5.3 การหาราคาทุน 5.4 การหาค่าบริการ 6. กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (ออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ MAIP) (กิจกรรมการเรียนรู้ให้เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ) 6.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน (Motivation) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูซักถามเกี่ยวกับการคิดราคางานปรับอากาศรถยนต์ 1. แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการคิดราคา งานปรับอากาศรถยนต์ 2. เปิดสื่อ รูปภาพ วิดีโอ เรื่องการคิดราคางานปรับ อากาศรถยนต์ 2. ศึกษาสื่อ รูปภาพ วิดีโอ เกี่ยวกับเรื่องการคิด ราคางานปรับอากาศรถยนต์ 3. ถามเกี่ยวกับความรู้เดิมพื้นฐาน นำเข้าสู่บทเรียน และ แจ้งวัตถุประสงค์การเรียน 3. นักเรียนตอบคำถาม 6.2 ขั้นเรียนรู้หรือขั้นศึกษาข้อมูล (Information) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูอธิบายเกี่ยวกับความหมาย เรื่องการคิดราคางาน ปรับอากาศรถยนต์ 1. นักเรียนถาม – ตอบ เกี่ยวกับเรื่องการคิดราคา งานปรับอากาศรถยนต์ 2. ครูอธิบายเกี่ยวกับการใช้การคิดราคางานปรับอากาศ รถยนต์ 2. นักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการคิด ราคางานปรับอากาศรถยนต์ 6.3 ขั้นทำกิจกรรมหรือขั้นพยายาม (Application) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูมอบหมายให้ทำแบบฝึกหัดท้ายบท และฝึกปฏิบัติ 1. นักเรียนทำแบบฝึกหัดท้ายบทและฝึกปฏิบัติ 2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการคิดราคา งานปรับอากาศรถยนต์ 2. นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องการคิดราคางาน ปรับอากาศรถยนต์ต์ 6.4 ขั้นสรุปหรือขั้นสำเร็จผล (Progress) กิจกรรมผู้สอน กิจกรรมผู้เรียน 1. ครูถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องการคิดราคางานปรับ อากาศรถยนต์ 1. นักเรียนตอบคำถาม 2. ครูและนักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 2. นักเรียนร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท 3. ครูสรุปเรื่องการคิดราคางานปรับอากาศรถยนต์ 3. ถอดบทเรียนที่ได้
7. สื่อการเรียนหรือแหล่งเรียนรู้ [✔] หนังสือเรียน [ ] เอกสารประกอบการเรียนการสอน [✔] สื่อ Power Point [✔] สื่อของจริง [✔] แผ่นภาพ [ ] วีดีโอ/ภาพเคลื่อนไหว [ ] แบบจำลอง (Model) [ ] สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง [ ] อื่น ๆ (ระบุ) ……..……… 8. การบูรณาการความสัมพันธ์กับวิชาอื่น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. การวัดผลและประเมินผล [ ] แบบทดสอบก่อนเรียน [ ] แบบฝึกหัด [✔] ใบงาน/ใบสั่งงาน [ ] ใบมอบหมายงาน [✔] ใบกิจกรรม [ ] แบบทดสอบหลังเรียน [ ] ผลการเรียนของผู้เรียน [ ] แบบสังเกตการณ์ [ ] อื่น ๆ (ระบุ) ……..……… 10. กิจกรรมเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… 11. งานที่มอบหมาย (ถ้ามี) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………
ใบความรู้ หน่วยที่ 11 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศรถยนต์ ชั่วโมงรวม 72 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่ 18 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 18 ชื่อหน่วย งานบรรจุสารทำความเย็นในระบบปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 การประมาณราคาค่าบริการ การประมาณราคา คือ การรวมค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดจากการทำงานในแต่ละงาน เช่นค่าแรงในการ ทำงาน ค่าวัสดุ ค่าอะไหล่ ระยะเวลาในการทำงาน และต้องรวมค่ากำไรด้วย การคิดราคาในการให้บริการ ในงานปรับอากาศรถยนต์หรืองานซ่อมทั่วไปของรถยนต์นั้นมีหลักการคิดง่าย ๆ คือ คิดราคาทุนทั้งหมดแล้วบวก กำไรที่ต้องการ เขียนเป็นสูตรได้ดังนี้ สูตร ราคาค่าบริการ = ราคาทุน + ราคากำไร ราคากำไร คือ ผลตอบแทนจาการลงทุนหรือจากการทำงานโดยทั่วไป ราคากำไรคิดเป็นค่าเปอร์เซ็นต์ (%) จากราคาทุนในงานนั้น ๆ เช่น ในการทำงานมีค่าใช้จ่ายไปทั้งหมด 100 บาท ถ้าต้องการกำไร 15 % จึง คิดเป็นเงินที่เพิ่มจากราคาทุน 100 บาท อีก 15 บาท ดังนั้นราคาค่าบริการเป็นเงิน 115 บาท ราคาทุน คือ การคิดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการทำงานนั้นทั้งหมดประกอบด้วย ค่าแรงของช่าง ค่าวัสดุ หรือ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าน้ำมันล้างชิ้นส่วน ค่าสื่อสาร และค่าพาหนะในการไปซื้ออะไหล่จากร้านขายอะไหล่ เป็นต้น และค่าอะไหล่ถ้ามีการเปลี่ยน เขียนเป็นสูตรได้ดังนี้ สูตร ราคาทุน = ราคาค่าแรง + ราคาค่าวัสดุ + ราคาอะไหล่ ราคาค่าแรง คือ ค่าจ้างของช่างที่ทำงาน ในงานนั้น ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจนแล้วเสร็จ สถาน ประกอบการบางแห่ง อาจคิดค่าแรงจากการประเมินค่าการทำงานเป็นงาน ๆ เช่น ค่าแรงในการเติม สารทำความเย็นเป็นเงิน 100 บาท หรือค่าแรงในการถอดตู้อีวาพอเรเตอร์ มาล้างทำความสะอาดเป็นเงิน 300 บาท แต่สถานประกอบการบางแห่งได้นำเอาชั่วโมงมาตรฐานมาใช้ในการคิดค่าแรง คู่มือชั่วโมงมาตรฐาน คือ คู่มือที่ใช้สำหรับการประมาณระยะเวลาที่ใช้ในการคิดค่าซ่อมหรือให้บริการ รถยนต์ โดยประเมินจากเวลาการทำงานของช่างระดับมาตรฐานที่จะสามารถทำเสร็จได้ภายในระยะเวลาที่ กำหนดไว้ ซึ่งส่วนใหญ่มักนิยมกำหนดเวลาเป็นเลขทศนิยม เช่น 0.1 ชั่วโมง เท่ากับ 6 นาที 0.5 ชั่วโมง เท่ากับ 30 นาที 1.0 ชั่วโมง เท่ากับ 1 ชั่วโมง
ถ้าในการจ้างช่างที่มีมาตรฐานทำงานจ่ายค่าแรงคนละคิดเป็นชั่วโมง เป็นเงิน 100 บาท ทำงานอย่างหนึ่งเสร็จ ภายใน 1 ชั่วโมง สามารถคิดค่าแรงได้ดังนี้ สูตร ราคาค่าแรง = เวลาทำงาน x ค่าแรงช่างทำงาน = 1.0 x 100 เป็นราคา ค่าแรง = 100 บาท ตัวอย่างที่ 8.1 มีรถยนต์มาติดตั้งพัดลมไฟฟ้าระบายความร้อนแผงคอนเดนเซอร์ 1 อัน โดยนำพัดลมมาเอง ให้คิดราคาค่าบริการกับลูกค้า ในการทำงานติดตั้งพัดลมระบายความร้อน จะต้องมีการซื้อวัสดุเพื่อนำมาใช้ในการติดตั้ง เช่น เหล็กแผ่นเจาะรู , สายไฟ , เทปพันสายไฟ , ฟิวส์ตัดวงจร คิดเป็นเงิน 150 บาท ในการทำงานครั้งนี้จะคิดราคากำไร 20 % (เวลาทำงานไว้ตารางที่ 8.2) ขั้นตอนที่ 1 หาค่าราคาค่าแรง (โดยใช้คู่มือชั่วโมงมาตรฐาน) สูตร ราคาค่าแรง = เวลาทำงาน x ค่าแรงช่าง = 1.0 x 100 บาท คิดเป็นค่าแรง = 100 บาท ขั้นตอนที่ 2 หาค่าราคาทุน สูตร ราคาทุน = ราคาค่าแรง+ราคาวัสดุ+ราคาอะไหล่ = 100+150 บาท คิดเป็นราคาทุน = 250 บาท ขั้นตอนที่ 3 หาราคาค่าบริการ สูตร ราคากำไร = 20% ของราคาทุน = 250 100 20 คิดเป็นราคากำไร = 50 บาท สูตร ราคาค่าบริการ = ราคาทุน+ราคากำไร = 250+50 เป็นราคาค่าบริการ = 300 บาท ตอบ
ตารางที่ 8.1 ราคาค่าแรงงานบริการระบบปรับอากาศรถยนต์ จากข้อมูลของร้านให้บริการงานปรับอากาศรถยนต์ทั่วไป ลำดับ รายการ จำนวนเงิน (บาท) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 เปลี่ยนซีลคอมเพรสเซอร์ เปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ เปลี่ยนชุดคลัชท์คอมเพรสเซอร์ เปลี่ยนท่อทางระบบปรับอากาศรถยนต์ เปลี่ยนรีซีฟเวอร์ดรายเออร์ เปลี่ยนแผงคอนเดนเซอร์ เปลี่ยนเพรสเซอร์สวิตช์ เปลี่ยน Expantion Valve เปลี่ยนแผงอีวาพอเรเตอร์ เติมสารทำความเย็น ทำสุญญากาศ+เติมสารทำความเย็น เติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์ เปลี่ยนสายพานคอมเพรสเซอร์ เปลี่ยนสวิตช์ควบคุมพัดลม เปลี่ยนเทอร์โมสเตท ติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ ติดตั้งพัดลมไฟฟ้าระบายความร้อนแผงคอนเดนเซอร์ ล้างตู้อีวาพอเรเตอร์ 600 200 200 100 100 200 100 200 400 100 300 300 200 100 200 1200 200 300
ตารางที่ 8.2 กำหนดเวลาตรวจซ่อมระบบปรับอากาศรถยนต์ จากข้อมูลของร้านให้บริการงานปรับอากาศรถยนต์ทั่วไป ลำดับ รายการ เวลา 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 เปลี่ยนซีลคอมเพรสเซอร์ เปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ เปลี่ยนชุดคลัชท์คอมเพรสเซอร์ เปลี่ยนท่อทางระบบปรับอากาศรถยนต์ เปลี่ยนรีซีฟเวอร์ดรายเออร์ เปลี่ยนแผงคอนเดนเซอร์ เปลี่ยนเพรสเซอร์สวิตช์ เปลี่ยน Expantion Valve เปลี่ยนแผงอีวาพอเรเตอร์ เติมสารทำความเย็น ทำสุญญากาศ+เติมสารทำความเย็น เติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์ เปลี่ยนสายพานคอมเพรสเซอร์ เปลี่ยนสวิตช์ควบคุมพัดลม เปลี่ยนเทอร์โมสตัต ติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์ ติดตั้งพัดลมไฟฟ้าระบายความร้อนแผง คอนเดนเซอร์ ล้างตู้อีวาพอเรเตอร์ 1 ชม. 1 ชม. 1 ชม. 30 นาที 30 นาที 30 นาที 30 นาที 1 ชม. 1.30 นาที 1.30 นาที 30 นาที 30 นาที 40 นาที 30 นาที 40 นาที 7 ชม. 1 ชม. 1.30 นาที สรุป ในการประมาณราคาค่าบริการงานปรับอากาศรถยนต์นั้น คิดจากการเอาค่าแรง+ ค่าวัสดุ+ ค่า อะไหล่ และบวกค่ากำไรเข้าไป แต่ค่ากำไรนั้น สถานประกอบการแต่ละแห่งอาจคิดไม่เท่ากัน แล้วแต่สถาน ประกอบการนั้นต้องการกำไรมากหรือน้อย แต่สถานประกอบการก็ควรมีคุณธรรมและความซื่อสัตย์กับลูกค้าที่ เข้ามารับบริการ เพื่อจะได้เป็นสิ่งดึงดูดลูกค้าในโอกาสต่อไป
ใบงาน หน่วยที่ 11 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศยายนต์ ชั่วโมงรวม 72 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่ 18 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 18 ชื่อหน่วย การคิดราคางานปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 จุดประสงค์การเรียน เพื่อให้นักเรียนมีหลักการคิดราคาในการบริการงานปรับอากาศรถยนต์ในลักษณะต่าง ๆ คำสั่ง ให้นักเรียน หาราคาค่าบริการ 1. โดยวิธีใช้ชั่วโมงมาตรฐานมาคิดค่าแรง คิดราคาค่าบริการโดยใช้ตารางคิดราคาค่าแรงงานบริการระบบปรับอากาศรถยนต์จากข้อมูลต่อไปนี้ มีรถยนต์มาติดตั้งระบบปรับอากาศใหม่โดยร้านที่รับติดตั้งมีรายละเอียดดังนี้ ค่าอะไหล่ทั้งหมดเป็นเงิน 13,450 บาท ค่าวัสดุ 300 ต้องการกำไร 20 % ของราคาทุน ใช้ช่างทำงาน 2 คน โดยคิดค่าแรงของช่าง ชั่วโมงละ 100 บาทต่อคน ใช้เวลาทำงาน 6 ชม.
เฉลยใบงาน หน่วยที่ 11 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศยายนต์ ชั่วโมงรวม 72 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่ 18 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 18 ชื่อหน่วย การคิดราคางานปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 วิธีที่ 1 คิดราคาค่าบริการโดยใช้ชั่วโมงมาตรฐานมาคิดค่าแรง สูตรค่าแรง = เวลาทำงาน ค่าแรงช่าง = 1.0 100 6 2 บาท ค่าแรงงาน 2 คน = 1,200 บาท สูตร ราคาทุน = ค่าแรง + ค่าวัสดุ + ค่าอะไหล่ = 1,200 + 300 + 13,450 บาท คิดเป็นราคาทุน = 14,950 บาท ต้องการกำไร 20% ของราคาทุน ราคากำไร = 14,950 100 20 บาท = 2,990 บาท สูตร ค่าบริการ = ราคาทุน + กำไร = 14,950 + 2,990 บาท คิดเป็นราคาค่าบริการทั้งหมด = 17,940 บาท
วิธีที่ 2 คิดราคาค่าบริการโดยใช้ตารางค่าแรงงานบริการระบบปรับอากาศรถยนต์ จากตารางที่ 8.1 ค่าติดตั้งระบบปรับอากาศรถยนต์เป็นเงิน 1,200 บาท เป็นการคิดงานเหมา จึงไม่ต้องคิดจำนวนช่างที่มาทำ ค่าแรง = 1,200 บาท สูตร ราคาทุน = ค่าแรง + ค่าวัสดุ + ค่าอะไหล่ = 1,200 + 300 + 13,450 บาท คิดเป็นราคาทุน = 14,950 บาท ต้องการกำไร 20% ของราคาทุน ราคากำไร = 14,950 100 20 บาท = 2,990 บาท สูตร ค่าบริการ = ราคาทุน + กำไร = 14,950 + 2,990 บาท คิดเป็นราคาค่าบริการทั้งหมด = 17,940 บาท ตอบ
เฉลยใบงาน หน่วยที่ 11 รหัสวิชา 20101 – 2105 ชื่อวิชา งานปรับอากาศยายนต์ ชั่วโมงรวม 72 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2566 สัปดาห์ที่ 18 สาขาวิชา ช่างยนต์ สาขางาน ยานยนต์ สอนครั้งที่ 18 ชื่อหน่วย การคิดราคางานปรับอากาศรถยนต์ จำนวนชั่วโมง 4 คำสั่ง ให้นักเรียนทำเครื่องหมาย ทับข้อที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว (ข้อละ 1 คะแนน) 1. ข้อใดคือความหมายของการประมาณราคาค่าบริการ ? ก. ราคาอะไหล่บวกราคาทุน ข . ราคาค่าแรงบวกราคาทุน ค. ราคาทุนบวกราคากำไร ง. ราคาค่าแรงบวกราคากำไร 2. ในการคิดชั่วโมงมาตรฐาน ถ้ากำหนด 1.0 มีค่าเท่ากับ 2 ชั่วโมง ถ้าเวลา 30 นาทีจะมีค่าเท่าไร ? ก. 0.25 ข . 0.5 ค. 0.75 ง. 1.0 3. ข้อใดคือความหมายของราคากำไร ? ก. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการทำงาน ข. ค่าแรงทั้งหมดในการทำงาน ค. ค่าแรงและค่าใช้จ่ายทั้งหมด ง. ราคาที่คิดบวกเพิ่มจากค่าใช้จ่ายทั้งหมด 4. ลงทุนไปทั้งหมด 300 บาท ต้องการกำไร 5% ของราคาทุน คิดเป็นกำไรกี่บาท ? ก. 20 บาท ข. 15 บาท ค. 10 บาท ง. 5 บาท 5. ในการประมาณราคาค่าบริการต้องคิดจากค่าอะไรบ้าง ? ก. ค่าวัสดุ ข. ค่าแรง ค. ค่าอะไหล่ ง. ถูกทุกข้อ
6. ค่าแรงบวกราคาวัสดุบวกราคาอะไหล่ คือคิดราคาอะไร ? ก. ราคาค่าบริการ ข. ราคาทุน ค. ราคาค่าแรง ง. ราคากำไร จากข้อมูลต่อไปนี้ ใช้ตอบคำถามข้อ 7 - 10 รถยนต์ต้องการเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ปรับอากาศตัวใหม่ ราคา 14,000 บาท ในการทำงานมีค่าใช้จ่ายเป็นค่า วัสดุ 800 บาท ใช้คนทำงานเพียงคนเดียว คิดในราคาเหมาค่าแรงเป็นเงิน 600 บาท และทางร้านต้องการ กำไร 20 % ของราคาทุน 7. งานเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ปรับอากาศ คิดเป็นราคาทุนเท่าใด ? ก. 800 บาท ข. 2,800 บาท ค. 14,000 บาท ง. 15,400 บาท 8. งานเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ปรับอากาศ คิดเป็นราคากำไรเท่าไร ? ก. 3,080 บาท ข. 280 บาท ค. 800 บาท ง. 15,400 บาท 9. งานเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ปรับอากาศ คิดเป็นค่าบริการเท่าไร ? ก. 2,800 บาท ข. 3,080 บาท ค. 15,400 บาท ง. 18,480 บาท 10. ถ้าร้านคิดราคาโดยที่ไม่คิดกำไรกับลูกค้า จะเป็นเงินเท่าไร ? ก. 15,400 บาท ข. 14,000 บาท ค. 2,800 บาท ง. 800 บาท