The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 2 เทคโนโลยีดิจิทัล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sumaisodsong, 2022-09-10 22:53:51

หน่วยที่ 2 เทคโนโลยีดิจิทัล

หน่วยที่ 2 เทคโนโลยีดิจิทัล

Keywords: ดิจิทัล,technology,digital

หน่วยท่ี 2

เทคโนโลยีดิจทิ ลั

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. สามารถอธบิ ายวิวฒั นาการของเทคโนโลยดี ิจทิ ัลกบั การศกึ ษาในแตล่ ะยคุ
ไดถ้ กู ตอ้ ง
2. สามารถอธิบายความสาคญั ของเทคโนโลยดี จิ ิทลั เพอื่ การศกึ ษาได้
3. สามารถบอกทกั ษะดจิ ทิ ลั ทสี่ าคญั สาหรบั พลเมอื งในศตวรรษท่ี 21 ได้
4. สามารถอธิบายทักษะสาหรบั ครยู ุคดิจิทลั ไดถ้ ูกต้อง

เนื้อหา

ความหมายของเทคโนโลยดี ิจทิ ัล
ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยีดิจทิ ลั
เทคโนโลยดี ิจทิ ลั กบั การศกึ ษาในแต่ละยคุ
การจัดการศกึ ษายุคดิจิทัล
ทักษะทางเทคโนโลยดี ิจทิ ลั สาหรับครู

เมื่อกลา่ วถึงเทคโนโลยดี จิ ิทลั ตอ้ งรู้จกั ความหมายของเทคโนโลยี และความเป็นมาของเทคโนโลยี
ก่อนจะถงึ ยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล ดังน้ี

เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง การประยุกตค์ วามรู้ในศาสตร์ใด ๆ มาใชเ้ พอ่ื เพิ่ม
ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผลของงานซึ่งอยูใ่ นรปู ส่งิ ประดษิ ฐ์ และ/หรือวธิ กี าร และ/หรือ
กระบวนการที่ตอบสนองการทางานด้านต่าง ๆ ของมนษุ ยใ์ หม้ ีความสะดวกรวดเร็วและประหยัด
มากข้ึน

ตัวอยา่ งเทคโนโลยี

ความหมาย Digital มาจากคาว่า digit และ digitus ในภาษาละติน

เทคโนโลยดี ิจิทัล แปลวา่ “น้ิว” เน่ืองจากนวิ้ มือมกั จะใช้สาหรบั การนับท่ีไม่
ตอ่ เนือ่ ง ศัพท์บัญญัตใิ ชค้ าว่า “เชิงเลข”

เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นระบบการประมวลสัญญาณที่ใช้ตัวเลข
(digit) แทนขนาดของสัญญาณ (กระแส) โดยใช้เลขฐานสอง (0
กับ 1) ซึ่งเป็นตัวเลขท่ีคอมพิวเตอร์เข้าใจได้ ดงั นั้นระบบจึงต้อง
มีตัวเปลี่ยนสัญญาณอนาลอกเป็นตัวเลขฐานสองเพิ่มขึ้นมา
เรียกว่า Analog to Digital converter หรือ A/D เพื่อให้
คอมพวิ เตอร์ทาการประมวลผลทางตัวเลข (digital) ได้ (น่ันคือ
ที่มาของคาว่า Digital system) และเม่ือประมวลผลทางเลข
เสรจ็ สัญญาณน้ีจะถูกเปล่ียนกลับเป็นสัญญาณอนาล็อกอีกคร้ัง
เพ่ือให้สู่โลกแห่งความเป็นจริงด้วยตัวเปลี่ยนเป็นอนาล็อก คือ
Digital to Analog converter หรือ D/A

ลักษณะของ สัญญาณดจิ ทิ ัลสามารถส่งไดท้ ้ังข้อมูลทต่ี อ่ เนื่อง
สญั ญาณ
เช่น ตัวเลข หรือ ตัวหนังสือ และขอ้ มลู ทต่ี ่อเนื่อง เช่น
เสียง ภาพ และการวดั อน่ื ๆ ซง่ึ สัญญาณดจิ ิทลั มีขนาด
ของสญั ญาณคงทีท่ าใหเ้ กดิ ความผิดพลาดนอ้ ยมาก
และลดความเสีย่ งจากการรบกวนระหวา่ งสง่ สญั ญาณ

https://www.scimath.org/article/item/4819-analog-digital

ลักษณะของ ขอ้ ดีของสญั ญาณดจิ ิทัล
สญั ญาณ
คือ “สัญญาณรบกวนทีน่ ้อยกวา่ ความผิดพลาดในการ
แปลง สญั ญาณมีนอ้ ย ความคมชัดมีมากกว่า การเข้าถึง
ขอ้ มูลทร่ี วดเรว็ กวา่ การเก็บรักษาที่สามารถอยู่ได้เป็นรอ้ ยปี
การรกั ษาความปลอดภัยข้อมลู ท่ียากตอ่ การถอดรหสั และ
การออกแบบและพัฒนาระบบทที่ าได้งา่ ยและรวดเร็วดว้ ย
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น MATLAB และท่ีสาคญั ผลิตภัณฑ์
สามารถผลิตคราวละจ้านวนมากๆ โดยมีคุณภาพเหมือนกัน
ทกุ ประการทาใหส้ ินคา้ มรี าคาถกู

ววิ ัฒนาการของเทคโนโลยีดจิ ทิ ัล

เมื่อมีการประดิษฐค์ อมพวิ เตอร์ขน้ึ พร้อมทั้งมกี ารนาเทคโนโลยีดา้ นการสอ่ื สารมาใชใ้ นการ
เชอื่ มโยงกนั ของเครอื่ งคอมพวิ เตอรแ์ ต่ละเครือ่ งเปน็ ระบบเครือข่าย(network system) ด้วยการ
พฒั นาเทคโนโลยคี อมพวิ เตอรแ์ ละการสอ่ื สารเปน็ ไปอย่างรวดเรว็ สามารถเชอ่ื มโยงตดิ ตอ่ สอ่ื สาร
กนั ได้ ท่ัวโลกด้วยความรวดเร็วดว้ ยระบบเครือข่ายอินเตอรเ์ นต็ ทาใหส้ ามารถสง่ ต่อข้อมูลได้ใน
เครอื ข่ายทว่ั โลกอย่างรวดเร็ว ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลและความร้ตู า่ ง ๆ ไดเ้ กือบทุกพน้ื ที่ท่วั
โลกไดต้ ลอดเวลา ตามที่ตอ้ งการ โดยไดน้ ามาใชป้ ระโยชน์ทง้ั ทางดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม ความ
มน่ั คง อย่างกว้างขวาง มอี งคค์ วามรใู้ หม่เกดิ ขึ้นและมีการเปล่ยี นแปลงทัง้ ทางด้านเกษตรกรรม
อตุ สาหกรรม การศกึ ษา การสาธารณูปโภค การบริการและความบนั เทงิ

วิวัฒนาการของเทคโนโลยีดิจิทัล

จากความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยีคอมพิวเตอรแ์ ละการส่อื สารกอ่ ใหเ้ กิดสารสนเทศขนึ้ มากมาย
บนโลกไซเบอร์ การเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยีอ่ืน ๆ จงึ เกิดขนึ้ ตามมา ก่อนเกิดยคุ ดิจิทลั จงึ มียคุ
ท่ีเรยี กวา่ ยคุ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร ซง่ึ ปัจจบุ นั เทคโนโลยีนีย้ งั คงอยแู่ ตแ่ ค่
เปล่ยี นไปใชค้ าวา่ ดจิ ิทลั ท่ีดคู รอบคลมุ กวา่ มาก เม่ือกลา่ วถงึ เทคโนโลยีสารสนเทศตอ้ งทาความ
เขา้ ใจกบั สองคานีก้ ่อน คือ สารสนเทศ และขอ้ มลู

สารสนเทศ (Information) หมายถงึ ข้อมูลที่ผ่าน

กระบวนการจัดเกบ็ วเิ คราะห์ ประมวลผลและเผยแพรเ่ พ่อื นาไปใช้
ประกอบการตดั สนิ ใจในการทางานให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ ไป

ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อเท็จจริงทัว่ ๆ ไปท่ีมีอย่ซู งึ่ ทาการเกบ็

รวบรวมมาได้ โดยข้อเท็จจริงนเ้ี ป็นบุคคล วัตถุ สง่ิ ของ เหตุการณ์ หรอื
สถานที่และขอ้ มูลดังกลา่ วอาจอยูใ่ นรปู แบบที่เปน็ ตัวเลข ตัวหนังสือ หรือ
สถานท่ี รูปภาพหรือเสยี งก็ได้

เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร

เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology)

หมายถึง เทคโนโลยที นี่ ามาใชใ้ นการจัดเกบ็ วเิ คราะห์
ประมวลผลและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร (สารสนเทศ) ใน
รูปแบบต่าง ๆ ด้วยวธิ กี ารทางอิเลก็ ทรอนิกส์และดิจทิ ัล

เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบดว้ ย

เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์

เทคโนโลยโี ทรคมนาคม

เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร

เทคโนโลยคี อมพิวเตอร์ หมายถงึ เครือ่ งอเิ ลก็ ทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทาหน้าที่

เสมอื นสมองกลใชส้ าหรับแกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ท้งั ที่ง่ายและซบั ซ้อน โดยวธิ กี ารทาง
คณติ ศาสตร์ (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑติ ยสถาน, 2542)

Hardware

เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร

Software

เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร

องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ

ระบบสารสนเทศประกอบด้วย บุคลากร (People ware) ข้อมูล (Data) ข้นั ตอนการปฏบิ ัตงิ าน
(Work Process) ฮาร์ดแวร์ (Hardware) และ ซอฟท์แวร์ (Software)

เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร

เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunications)

เปน็ เทคโนโลยที ี่ใชใ้ นการติดต่อสือ่ สาร รบั -สง่ ขอ้ มูลจากที่ไกล ๆ เปน็ การส่งขอ้ มลู ระหวา่ งเครอื่ ง
คอมพิวเตอร์และ/อปุ กรณ์อ่ืน ๆ ท่อี ยู่หา่ งไกลกัน ซ่ึงชว่ ยใหก้ ารเผยแพรข่ อ้ มูลหรอื สารสนเทศไป
ยังผใู้ ช้ในแหล่งตา่ ง ๆ เป็นไปอยา่ งสะดวก รวดเรว็ ถกู ตอ้ ง ครบถ้วน และทันการณ์ โดยรปู แบบ
ของข้อมลู หรือสารสนเทศทร่ี บั -สง่ อาจเปน็ ตวั เลข ตวั อักษร ภาพ หรือเสยี ง หรอื ทุกอยา่ งรวมกนั

เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร

วิวฒั นาการของเทคโนโลยดี จิ ิทลั

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการส่อื สารทาใหก้ ารส่งตอ่ ขอ้ มลู ในระบบเครอื ขา่ ยนยิ มใช้
สัญญาณดจิ ิทลั มากกวา่ เน่ืองจากต้องการความรวดเร็ว ความแม่นยาในการประมวลผลและ
การอา่ นคา่ ข้อมูลจากต้นทางถงึ ปลายทางที่ไมน่ าสญั ญาณรบกวนมาประมวลผลด้วย

เดิมคาว่า “เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร” เป็นคาทเ่ี ป็นความหมายรวมกันของ

คาวา่ เทคโนโลยี (Technology) คาวา่ สารสนเทศ (Information) และการสือ่ สาร
(Communication) ซึง่ หมายถึง การผสานเขา้ กันของการความกา้ วหน้าและพัฒนาการของ
โทรศพั ทแ์ ละระบบส่อื สารไรส้ าย คอมพิวเตอร์ ท้ังซอฟตแ์ วร์ โปรแกรม หนว่ ยเกบ็ ขอ้ มลู
อุปกรณฮ์ ารด์ แวร์ และ อนื่ ๆ ที่สามารถช่วยให้เข้าถึง/เกบ็ /ส่ง และการจดั การขอ้ มลู สารสนเทศ
ไดโ้ ดยครอบคลมุ ไปถึงเร่อื งของการสอ่ื สารและเครือข่ายดว้ ยซง่ึ เป็นคาทไ่ี ม่ครอบคลุมเทคโนโลยี
ท่ีเปล่ียนไป โดยเฉพาะเมื่ออปุ กรณ์สมาร์ทโฟนมีประสทิ ธภิ าพมากข้นึ และสามารถทางานได้
ครอบคลุมกวา่ คอมพิวเตอร์ อีกทัง้ มรี าคาถกู กวา่ และคล่องตัวในการใชง้ านมากกว่า

ววิ ัฒนาการของเทคโนโลยีดจิ ทิ ัล

ใหม่ เม่ือการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของอุปกรณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ถูกบรรจุลงใน

เคร่ืองมือส่ือสารอย่างโทรศัพท์มือถือซงึ่ เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก รวมถึงกระจายตัวออกไปใน
วงกว้างในสังคม รวมทั้งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสารเช่ือมต่อกันระหว่างคนท่ัวไปก็เกิด
การปฏิวัติอย่างรุนแรง น่ันคือ เร่ืองของโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Social Network) เมื่อ 2 อย่างมา
รวมกันในช่วงเวลาท่ีเหมาะสม จึงทาให้สื่อสังคมออนไลน์อย่างโซเชียลมีเดีย (Social media)
ไดร้ บั ความนยิ มมาก ๆ และควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์ของอุปกรณส์ มาร์ทโฟน

ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยดี จิ ิทลั

เทคโนโลยีดิจิทัลทาให้การใช้ชีวิตของมนุษย์มีความรวดเร็วข้ึน มีประสิทธิภาพในการ

ทางานมากข้ึน และสะดวกสบาย มากข้ึนมีค่าใช้จ่ายลดลงทั้งในด้านการบริหารจัดการ การ
ผลติ การลงทนุ การค้า และการบรกิ ารทั้งภาครัฐและเอกชน ซง่ึ สามารถจาแนกวิวัฒนาการของ
เทคโนโลยีดจิ ิทัลได้เปน็ 4 ยคุ ดังนี้

ววิ ัฒนาการของเทคโนโลยีดจิ ิทลั

Digital 1.0 ยุค Internet

เป็นยุคเริ่มต้นของการนา Internet มาใช้งานการดาเนินชีวิตของคนในสังคมเริ่ม
เปลี่ยนจากออฟไลน์ (offline) เป็นออนไลน์ (online) มากขึ้น มีการจัดทาเว็บไซต์ (Website)
ของหนว่ ยงานและองคก์ รตา่ ง ๆ เพ่ือใชใ้ นการเผยแพร่ข้อมูลสารต่าง ๆ สู่สาธารณะ มีการส่ง
จดหมายทางอีเมล์ E-mail แทนการส่งจดหมายทางไปรษณีย์ สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
บนโลก Internet ได้ง่ายสะดวกรวดเร็วได้ท่ัวโลกในเวลาอันส้ันตลอด 24 ชั่วโมง ส่งผล
กระทบอย่างกว้างขวางต่อการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะการสื่อสารและการดาเนิน
ธรุ กิจทั้งภาครัฐและเอกชนให้มีความสะดวกรวดเร็วมากข้ึน จึงต้องเร่ิมปรับตัวรับกระแสการ
นาเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลมาใชป้ ระโยชน์ในการทาธรุ กรรมตา่ ง ๆ มากขึ้น

วิวัฒนาการของเทคโนโลยดี ิจทิ ัล

Digital 2.0 ยคุ Social Media

เปน็ ยุคที่มีการพัฒนาแอพพลิเคช่ันต่าง ๆ มาใช้บนเคร่ืองคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ
ให้สามารถติดต่อส่ือสารบนโลกออนไลน์ เป็นเครือข่ายสังคม Social Network เร่ิมจากการคุย
หรอื แชทกับเพ่ือนท้ังเป็นบุคคลและเป็นกลุ่ม จากนั้นพฒั นาไปสู่การดาเนินธรุ กิจโดยใช้ Social
Media ในการสร้างเครือข่ายในการทาธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการ ผู้บริโภคและ
ผู้รับบริการได้อย่างกว้างขวางสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการ
นามาใช้ในการประชาสัมพันธ์และพัฒนาส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรออกไปสังคมโลกอย่างไร้
ขดี จากดั ภายในเวลาอันสั้น

ววิ ัฒนาการของเทคโนโลยีดจิ ิทลั

Digital 3.0 ยุค Data

เป็นยุคของการใช้ข้อมูลหรือ Dataโดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ประมวลผลข้อมูลหรือ
สารสนเทศท่ีถูกนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data เพ่ือ
นามาใช้ประโยชน์ในการดาเนินกิจการต่าง ๆได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ระบบคลาวด์ (Cloud
Computing) มาช่วยอานวยความสะดวก จัดเก็บข้อมูล ทาให้สามารถพัฒนาแอพลิเคชัน
(Application) จานวนมากมาใช้ประโยชน์ในการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ผ่าน Social Media
ทาให้เกิดการขยายตัวใน การทาธุรกรรมขององค์กรไดอ้ ย่างสะดวกรวดเร็วมากย่ิงขึ้น มีการ
สร้าง Platform ต่าง ๆ เพื่อให้บริษัท หรือบุคคลภายนอกนาสินค้าหรือบริการมาไว้บน
Platform สร้างข้ึนเพ่ือให้คนท่ัวไปมาใช้ซ้ือขายสินค้า และบริการ เช่น Facebook, Uber,
Airbnb, Alibaba, Youtube ในยุคนเ้ี ป็นยุคท่ี “ใครมีขอ้ มลู มากก็มีอานาจมาก”

วิวฒั นาการของเทคโนโลยดี จิ ิทัล

Digital 4.0 ยุค Machine to Machine

เป็นยุคที่การพัฒนาเทคโนโลยีทาให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ต่าง ๆ มีความ
ฉลาดสามารถติดต่อส่ือสารและสั่งการให้ทางานเองได้อย่างอัตโนมัติ สามารถ
เปิด-ปิด หรือสั่งงานผ่านแอพลิเคชันได้โดยไม่ต้องกดสวิตช์ที่ตัวอุปกรณ์การ
สง่ั งานด้วยคาพูดในโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนให้ถ่ายภาพหรือเขียนข้อความโดย
อัตโนมตั ใิ นยุคน้ีเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Mobile Platform, AI หรือปัญญาประดิษฐ์,
3D Printing, Internet of Things, Fintech จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้
ชีวิตประจาวันของคนในสังคมอย่างหลีกเลีย่ งไม่ได้มากข้นึ เร่ือย ๆ องค์กร ต่าง ๆ
จึงต้องปรับตัวให้ทันกับการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ บนโลกดิจิทัล เพื่อนามา
พัฒนาปรับปรุงการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรและผู้ที่
เกย่ี วข้องโดยไมใ่ หเ้ กดิ ผลกระทบและสร้างความเสยี หายอยา่ งรนุ แรงตอ่ ไป

Digital 1.0 กับการศกึ ษา 1.0

การใชเ้ ทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษาในยคุ นี้สอดคลอ้ งกับการศกึ ษา 1.0 ทม่ี ีการจดั การศกึ ษาและการ
เรียนรขู้ องผู้เรยี น 3 ลักษณะ คอื 1. การรอรบั ความร้โู ดยการฟงั จากครูผสู้ อน 2. การตอบสนองต่อการ
เรียนโดยการจดบนั ทึก การอ่านจากหนังสือ และการทาแบบฝึกหดั และ 3. การวดั ผลการเรยี นรโู้ ดยการ
ประเมินพฤตกิ รรมบางอย่างที่ผู้เรยี นแสดงออกมา

บทบาทผเู้ รยี น: เปน็ ผู้รับความรแู้ ละการฝึกทกั ษะจากครู

บทบาทครู: เปน็ ผ้ถู ่ายทอดเนื้อหาความรแู้ ละการฝกึ ปฏบิ ัติให้แก่ผเู้ รยี น

เทคโนโลยี ใชเ้ พอื่ ตอบสนองตอ่ การเผยแพร่ความรู้ทางเดยี วจากผพู้ ฒั นาเนอ้ื หาและบทเรยี นไปยงั
ผ้เู รยี น เช่น การสร้างบทเรยี นบนเว็บที่เป็นการนาเสนอความรู้ วดิ ีทศั น์ ภาพประกอบ โดยครูเปน็ ผ้สู ร้าง
และจดั ทรพั ยากรการเรียนรูผ้ ่านเทคโนโลยี ผเู้ รียนเปน็ ผรู้ อรบั ความรผู้ ่านการอา่ น การรับชม การฟัง
และศึกษาความรจู้ ากบทเรียนทคี่ รจู ดั เตรยี มหรอื สรา้ งขึ้น

Digital 1.0 กบั การศกึ ษา 1.0 (ต่อ)

เทคโนโลยี ใช้เพ่อื ตอบสนองต่อการเผยแพรค่ วามรู้ทางเดยี วจากผูพ้ ฒั นาเนื้อหาและบทเรียนไปยงั ผู้เรียน

เชน่ การสร้างบทเรยี นบนเวบ็ ท่ีเป็นการนาเสนอความรู้ วิดที ัศน์ ภาพประกอบ โดยครเู ปน็ ผ้สู ร้างและจัด
ทรัพยากรการเรยี นรู้ผา่ นเทคโนโลยี ผเู้ รยี นเป็นผู้รอรับความรผู้ า่ นการอ่าน การรบั ชม การฟัง และศกึ ษา
ความร้จู ากบทเรียนทีค่ รูจัดเตรียมหรือสร้างขนึ้

สง่ิ แวดลอ้ มทางการเรียนรู้ มกี ารบรู ณาการเทคโนโลยีเขา้ ไปสนบั สนุนในลักษณะของ

การจดั การเรียนการสอนรปู แบบต่าง ๆ เช่น การเขา้ ถงึ สารสนเทศ/ความรู้ผ่านทางหนังสอื
อเิ ลก็ ทรอนิกส์และเวบ็ ไซต์แตข่ าดสว่ นสนบั สนนุ การมปี ฏิสมั พนั ธ์และคณุ สมบัตทิ ่ใี หผ้ เู้ รยี นสามารถเขียนแสดง
ความคิดเหน็ หรือแบง่ ปันสารสนเทศน้นั ๆ การใชเ้ ทคโนโลยีหรอื โปรแกรมประยกุ ตบ์ นพ้นื ฐานของการฝึกหัด
หรอื ตอบคาถามปลายปิดชนดิ ท่ีมีคาตอบเจาะจง การฝกึ ปฏิบตั ิตามคู่มอื หรือแบบฝึกที่เนน้ การจดจาความรู้

Digital 2.0 กบั การศกึ ษา 2.0

การใชเ้ ทคโนโลยเี พอื่ การศกึ ษาในยุคนีส้ อดคลอ้ งกบั การศึกษา 2.0 ทอี่ ยู่บนปรัชญาสร้างสรรคค์ วามรู้

(Constructivism) ซง่ึ เชื่อว่า “ความร้เู ป็นส่ิงทสี่ รา้ งขึน้ มาจากผู้เรยี นผ่านการมีปฏิสัมพันธก์ บั บคุ คลอืน่ สังคม

และบริบทจรงิ ” โดยลกั ษณะสาคัญของการศกึ ษา 2.0 คอื 1) การสรา้ งความรู้ 2) การส่อื สาร 3) การเช่ือมโยง

และ 4) การรว่ มมือ

บทบาทผเู้ รียน: เป็นผู้สร้างความรผู้ ่านการมี บทบาทครู: เป็นโค้ชและผูร้ ่วมเรียนรู้ และ

ปฏสิ มั พันธก์ ับบรบิ ทจริง การแลกเปล่ยี นประสบการณ์ คอยอานวยความสะดวกให้แก่ผูเ้ รยี นในการจดั
กบั ผอู้ นื่ เพอื่ ขยายแนวคิดให้กวา้ งขวางขน้ึ เปล่ยี นจาก สภาพแวดล้อมการเรยี นรูท้ ีต่ อบสนองการสร้าง
ผรู้ บั เปน็ ผตู้ ื่นตัวในการเรยี นรแู้ ละถ่ายโยงความรู้ไปสู่ ความรู้ของผู้เรียน ความรจู้ ะไมอ่ ยู่ท่ีตัวครหู รือ
การแก้ปญั หาในบรบิ ทอ่ืน ตาราเทา่ น้ัน แตจ่ ะอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างทผ่ี ้เู รียน
เผชญิ และลงมือกระทาสร้างเป็นความรู้ความ

เขา้ ใจของตนเอง

Digital 2.0 กบั การศกึ ษา 2.0 (ต่อ)

เทคโนโลยี 2.0 ทใี่ ช้ในการจดั การเรียนการสอนยุคนี้ เป็นเทคโนโลยีที่อนุญาตให้ผู้เรียน
สามารถปฏิสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาและผู้ใช้อ่ืน ๆ รวมท้ังอนุญาตให้เป็นผู้สร้างเนื้อหา
โดยผเู้ รียนสามารถเข้าสู่สารสนเทศและเนื้อหาโดยการปฏิสมั พันธ์โดยตรงกับเน้ือหาผ่าน
การแสดงความคิดเห็นการปรับเปลี่ยนและการแลกเปลี่ยน การใช้งานร่วมกันผ่าน
ส่ือสังคม (Social media)

ส่ือสังคมเป็นเครื่องมือสาคัญในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการจัดการศึกษาและการ
เรียนรู้ของผู้เรียนได้ทั้งแบบประสานเวลาและไม่ประสานเวลา การตอบกลับแบบ
ทนั ทที นั ใดของเทคโนโลยสี ือ่ สารทาให้ลดช่องว่างระหว่างครู ผู้เรียนและผู้เช่ียวชาญ และ
ทาให้ครู ผู้เรียนมีการเรียนรู้ร่วมกัน การปฏิสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ช่ัวโมง
ทาให้เกิดความสมั พันธ์ท่ีดีระหว่างครูกับผู้เรียน และระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ทาให้ผู้เรียน
กลา้ แสดงความคดิ เหน็ ได้มากกว่าการเรยี นรใู้ นชัน้ เรียนหรือแบบเห็นหนา้

Digital 3.0 กับการศกึ ษา 3.0

เทคโนโลยี 3.0 ท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอนยุคนี้ เป็นเทคโนโลยีท่ีอยู่บนพ้ืนฐาน

แนวคดิ การเรยี นรู้สาหรบั ศตวรรษท่ี 21 โดยมีลกั ษณะเด่น คือ การเปิดโอกาสทางการศึกษา
ที่ให้ความสาคัญกับบทบาทของผู้เรียนในฐานะที่เป็นผู้สร้างและประดิษฐ์ความรู้ที่ใช้ร่วมกับ
เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน์และประโยชนท์ างสังคม มีบทบาทต่อการเรียนรู้ โดยเฉพาะการสร้าง
ปฏิสัมพันธ์เช่ือมโยงกับระหว่างความรู้จากแหล่งทรัพยากรท่ีหลากหลายในลักษณะของ
เครือข่ายความรู้ (knowledge network) ลักษณะสาคญั ของการศกึ ษา 3.0 คือ

 1) นักเชอื่ มต่อ (Connector) “กระบวนการเรียนการสอนและการปฏบิ ัติถูก
 2. นักสรา้ งสรรค์ (Creator) กาหนดจากผ้เู รียนมากกว่าการลงมอื ทาตาม
 3. นักสรา้ งสรรค์ความรู้ (Constructivist)
บทเรยี นทวี่ างไว้ หรอื ออกแบบไว้”

Digital 3.0 กับการศกึ ษา 3.0 (ตอ่ )

บทบาทผ้เู รยี น: บทบาทคร:ู เปน็ ผูจ้ ัดกระบวนการเรียนรู้

เป็นผู้กาหนดความรทู้ ีต่ อ้ งการเป็นผู้เขียนความรู้ของ อานวยความสะดวก (Facilitator) และให้
ตน เป็นผู้ขับเคลื่อนกิจกรรมการเรียน (Active คาแนะนาอย่างใกลช้ ิดร่วมกบั ผู้เรียนขณะเรียน
Learner) และเป็นผู้ประเมินเก่ียวกับประสบการณ์
และผลลัพธ์การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการ
ของตนเองทัง้ ปริมาณและคุณภาพ

การเรียนรเู้ กดิ ข้นึ จากความตอ้ งการของแต่ละบคุ คล ผเู้ รียนเปน็ ผูจ้ ัดการ วางแผน
ควบคุมการเรียนรดู้ ว้ ยตนเองในลักษณะทเ่ี ปน็ สง่ิ แวดล้อมการเรียนรสู้ ว่ นบคุ คล ชว่ ยให้
ผเู้ รียนพฒั นาตนเองไดต้ ามศกั ยภาพและความตอ้ งการเสรมิ ทไ่ี ม่จากดั

Digital 3.0 กับการศกึ ษา 3.0 (ตอ่ )

เทคโนโลยีที่ใช้ในยุค 3.0 เป็นเทคโนโลยีท่ีตอบสนองการจัดการเนื้อหาที่

มุ่งสร้างความเก่ียวข้อง การมีปฏิสัมพันธ์ และเครือข่ายให้ผู้เรียนมีอิสระ เป็น
ระบบท่ีง่ายพร้อมใช้และอยู่บนฐานของความสนใจแต่ละบุคคล เว็บ 3.0 ทาให้
ผู้เรียนมีประสบการณ์ท่ีดีมากขึ้นผ่านการสร้างความเช่ือมโยงความรู้จาก
เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต เกิดการเรียนรู้แบบเปิด และแหล่งทรัพยากรการศึกษา
แบบเปิด เช่น MOOC, Coursera, Khan Academy, Edx เปน็ ตน้

เทคโนโลยีและอปุ กรณเ์ คล่อื นท่ี อย่างสมาร์ทโฟน มคี วามสาคญั
อยา่ งมากสาหรับการเรยี นรู้ในยุค 3.0 เนอ่ื งจากสนับสนุนการเข้าถงึ
ความรู้ การแลกเปลยี่ น และการสร้างความเช่ือมโยงทเี่ กิดขึน้ ได้อยา่ ง
รวดเร็ว ทุกที่ ทกุ เวลา

Digital 3.0 กับการศกึ ษา 3.0 (ตอ่ )

ส่ิงแวดล้อมทางการเรียนรู้ท่ีบูรณาการเทคโนโลยีเข้าไป
สนับสนุนการศึกษา 3.0 มลี ักษณะดงั นี้

 กาหนดวัตถุประสงคก์ ารเรียนรู้จากสง่ิ ท่ีผู้เรียนตอ้ งเรียนรู้และพัฒนา ซงึ่ เป็นส่งิ ทีม่ า
จากตวั ผู้เรยี นบนพน้ื ฐานความหลากหลายของผลลพั ธ์การเรียนรูใ้ นรายวชิ า

 ใชส้ ือ่ และเครือข่ายสงั คมเปน็ เครื่องมือท่สี าคญั เพ่อื การพัฒนาการเรยี นรแู้ บบ
แกป้ ญั หาทตี่ อบสนองตอ่ สถานการณ์โลกปัจจุบนั

 ใชเ้ ทคโนโลยเี ป็นเครอื่ งมอื ในการสรา้ งความเชอ่ื มโยงระหว่างโหนดของความรจู้ าก
แหล่งทรพั ยากรตา่ ง ๆ เชน่ ผูเ้ ชี่ยวชาญ ครู เพอื่ น เปน็ ตน้

 มงุ่ เน้นกจิ กรรมการเรยี นรูแ้ บบรว่ มมือกันสรา้ งความรู้และการเรยี นร้สู ว่ นบุคคล

Digital 4.0 กบั การศึกษา 4.0

ยคุ 4.0 เปน็ ยคุ ท่มี กี ารเปลีย่ นผ่านสาคัญของสงั คมโลกจากระบบเศรษฐกิจอตุ สาหกรรม มาสู่
ระบบเศรษฐกิจที่ใชค้ วามรเู้ ป็นฐานและเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ การพัฒนาประเทศและเศรษฐกจิ ซ่งึ
ขับเคลื่อนด้วยพ้นื ฐานของการใช้ความรู้ การศึกษา การสร้างสรรคง์ าน และการใช้ทรัพยส์ ินทาง
ปัญญา การส่ังสมความรู้ของสังคมและเทคโนโลยี/นวตั กรรมสมยั ใหม่ แทนทกี่ ารใชแ้ รงงานมาสู่
การใชส้ มองและปฏสิ มั พันธ์ และการใช้เทคโนโลยที กั ษะขัน้ สูงเพือ่ ช่วยในการเพิม่ ผลผลติ ให้มาก
ขนึ้ และสร้างสรรค์มากขน้ึ

ระบบเศรษฐกิจอตุ สาหกรรม ระบบเศรษฐกจิ สร้างสรรค์

Digital 4.0 กับการศึกษา 4.0

การจดั การเรียนการสอนยุคการศกึ ษา 4.0 เป็นการจดั การเรียนการสอนทีเ่ น้นใหผ้ ้เู รียน
สามารถนาความร้ทู ีม่ ีอยทู่ ุกหนทกุ แห่งบนโลกน้ีมาบรู ณาการเชงิ สร้างสรรค์เพื่อพัฒนา
นวัตกรรมต่าง ๆ ทต่ี อบสนองความต้องการของสังคม

เป้าหมายของการจดั การเรียนการสอนยุค 4.0

ผู้เรียน 4.0 “เน้นใหผ้ เู้ รียนสามารถนาความรู้ทมี่ ีอยทู่ ุกหน
ทกุ แหง่ บนโลกนี้มาบรู ณาการเชิงสรา้ งสรรค์
เพอื่ พฒั นานวัตกรรมต่าง ๆ มาตอบสนองความ

ต้องการของสงั คม”

เป็นผแู้ สวงหาความรูด้ ว้ ยตนเองโดยใชว้ ิธีการเรยี นรูท้ ่เี หมาะและสอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพของตนเอง สามารถประยกุ ตอ์ งค์
ความรูแ้ ละทกั ษะท่ตี นเองถนดั มาตอ่ ยอดโดยการสรา้ งเป็นผลงานของตนเองท่สี รา้ งสรรคแ์ ละแปลกใหม่ สามารถแกป้ ัญหา
ระหวา่ งการสรา้ งสรรคผ์ ลงานไดด้ ว้ ยตนเอง และเผยแพรผ่ ลงานของตนเองผ่านชอ่ งทางและแพลตฟอรม์ ต่าง ๆ ไดอ้ ย่าง

เหมาะสม

ผู้เรียน 4.0

การพัฒนาการศึกษาในยุคดจิ ิทัลนั้นครผู ้สู อนและบคุ ลากรทางการศึกษาตอ้ งร่วมกันพัฒนาผเู้ รียน
ใน 3 ดา้ นสาคญั ไดแ้ ก่

1. ด้านความรู้ 2. ดา้ นทกั ษะ

ต้องพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรอบรู้สิ่งรอบตัว ทักษะท่ีต้องพัฒนาในยุคดิจิทัล ได้แก่ ทักษะด้านเทคโนโลยี
ท่ีพร้อมสาหรับการเปลี่ยนแปลงของโลกใน ทักษะการทางาน ทักษะการคิดจินตนาการ ทักษะการแสวงหา
อนาคต ความรู้ ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการคิดวิเคราะห์ การจัดการ
บุคคล การประเมิน การตัดสินใจ และความยืดหยุ่นใน
3. ดา้ นคุณลกั ษณะ สถานการณ์ท่ีเหมาะสม ทักษะการบริการ ทักษะการส่ือสาร
ทักษะการบูรณาเชิงสร้างสรรค์ท่างวัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ
การเมือง และทักษะการเรยี นรตู้ ลอดชีวิต

คณุ ลักษณะทค่ี รตู ้องพัฒนาให้แกผ่ เู้ รียน ได้แก่ ความอดทน กล้าคดิ กลา้ ทา ทางานร่วมกบั ผูอ้ น่ื ได้ มีความฉลาดทาง
อารมณ์ มีคุณธรรม มเี มตตา มรี ะเบยี บวนิ ัย มคี วามมุ่งมน่ั สรรคส์ รา้ งส่งิ ใหม่ ๆ หรอื นวัตกรรมจนสาเร็จ ยอมรบั ในกฎ
กติกาของสังคมและการดาเนินชวี ิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

การปรับเปลยี่ นบทบาทของครูในการจัดการเรียนการสอนและพัฒนา
การศึกษาต้องมกี ารปรบั ทักษะและปรับกระบวนการทางานของครใู ห้
สอดคล้องกบั ความเปลยี่ นแปลงอย่างเหมาะสมและร้เู ท่าทัน

ครู 4.0

เป็นครูมืออาชพี มคี วามรใู้ นสาขาวิชาที่สอนเปน็ อยา่ งดี มีความรใู้ นศาสตร์การสอน สามารถ
ปฏบิ ตั กิ ารสอน มศี ลิ ปะในการสอนและจดั ประสบการณ์การเรียนรใู้ หแ้ กผ่ เู้ รียนโดยบรู ณาการ
เทคโนโลยีเขา้ ส่รู ะบบการเรยี นการสอนในลักษณะการผสมผสานระหวา่ งหอ้ งเรียนปกติกบั ห้องเรียน
ออนไลน์ หรอื การผสมผสานการใชเ้ ทคโนโลยีในชน้ั เรยี นเพ่อื ให้ผูเ้ รียนคน้ พบวิธกี ารเรยี นรขู้ องตนเอง
และเปน็ ผู้เรยี นรู้อยา่ งต่อเน่ืองตลอดชวี ิต

ส่งิ ที่ครยู ุคดิจทิ ัล 4.0 ต้องทา ไดแ้ ก่

 การออกแบบระบบการเรยี นให้รองรบั อปุ กรณใ์ ชง้ านไดห้ ลากหลาย ท้งั บนคอมพวิ เตอร์
และสมาร์ทโฟน

 การใชร้ ะบบ Data และ Tracking ผู้เรียนรายบุคคลเพ่ือตดิ ตามวา่ ผเู้ รียนมีความ
เข้าใจในเรอื่ งที่เรียนมากนอ้ ยแค่ไหน รวมถึงการดึงเอาข้อมูลเหลา่ น้มี าใช้ในการ

วางแผนเพอ่ื ปรับปรงุ ระบบการสอนให้ดียิ่งขึน้

 การเปดิ ชอ่ งทางใหผ้ เู้ รยี นสามารถถามคาถามท่สี งสัยเก่ียวกับเนอ้ื หา

 การมชี ่องทางใหแ้ จง้ เจ้าหนา้ ที่เมอ่ื พบปัญหาการใชง้ านระบบการเรยี น

แนวทางการจดั การจดั การศึกษาในยุคดจิ ทิ ัลทม่ี เี ทคโนโลยีเป็นฐานสาคญั จึงจาเป็นย่ิงที่
การศึกษายุคดจิ ทิ ลั สถานศึกษาต้องปรบั ตวั และปรบั เปลี่ยนกระบวนการบริหารและการจดั การให้
สอดคล้องกบั การเปลยี่ นแปลง ดงั นี้

 1. ดา้ นหลักสตู ร เน้อื หาสาระองค์ความรู้ไมแ่ ยกส่วนจากกัน ครอบคลุมท้งั ดา้ นความรู้ ทกั ษะ และ
คุณลกั ษณะ มีความยืดหย่นุ ตามบรบิ ท เช่ือมโยงและสอดแทรกขอบข่ายสหวิทยาการสาหรบั

ศตวรรษท่ี 21

 2. ด้านกระบวนการเรียนรู้เน้นวิธีการเรยี นรเู้ ชิงนวตั กรรมทบี่ รู ณาการเทคโนโลยีสบื คน้ และ ใช้เน้อื หา
เป็นฐานสอนในบริบททีเ่ ปน็ จริง สร้างทกั ษะการคดิ ในขนั้ ท่ีสงู และซับซ้อนขึน้

3. ดา้ นการวดั ผลประเมินผลปฏริ ูปแนวการวดั และประเมนิ ผลการศกึ ษา เปน็ การประเมนิ ในรูปแบบ

 ใหมท่ ่เี น้นทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 วธิ กี ารวัดผลประเมนิ ผลที่หลากหลาย เนน้ การสะทอ้ นผล

การ ปฏิบัติของผ้เู รยี นเพอ่ื การเรียนรู้ประจาวัน

แนแนวทวทางากงากราจรดัจัด การจดั การศกึ ษาในยคุ ดิจทิ ลั ทมี่ เี ทคโนโลยเี ป็นฐานสาคญั จึงจาเป็นยง่ิ ที่
กากราศรกึศษึกษายาุคยดุคจิดทิจทลิั ลั สถานศึกษาตอ้ งปรับตวั และปรับเปลีย่ นกระบวนการบรหิ ารและการจดั การให้
สอดคลอ้ งกับการเปลีย่ นแปลง ดังนี้

 4. ดา้ นการพฒั นาสื่อ สร้างความรู้ในการใชส้ ื่อ สารสนเทศ และเทคโนโลยหี ลากหลาย ส่อื จาก ICT

ระบบ Internet ในการสบื คน้ ขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มลู ขนาดใหญ่ “โลกคอื ห้องเรยี น”

 5. ด้านบุคลากร ม่งุ สูเ่ ปา้ หมาย และมลี ักษณะได้แก่ 1) มวี ิสัยทศั นด์ ้าน ICT 2) จัดโครงสร้าง พ้นื ฐาน
Hardware, Software, Network 3) พฒั นาสมรรถนะของผเู้ รียน 4) พฒั นาสือ่ และกจิ กรรมทีเ่ น้น

การ เรียนรู้ดว้ ยตนเองของผเู้ รียน 5) เน้นใหผ้ ูเ้ รยี นให้สามารถประเมนิ ความก้าวหน้าของตนเอง 6)

จดั หาส่ือเทคโนโลยที ่เี อ้ือต่อการเรียนรู้7) พัฒนาทักษะพ้นื ฐานและคณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี น 8) วจิ ัย

พัฒนาต่อยอดความรู้สามารถ ปรบั ตวั (Adapting) มีวสิ ยั ทัศน์ (Being Visionary) ถึงความต้องการ

ของนกั เรียน ครเู ป็นผู้เรยี นรู้ (Learner) ในชุมชนการเรยี นรทู้ างวิชาชพี (Professional Learning

Community, PLC)

ทกั ษะผ้เู รยี นและทกั ษะครูยคุ ดจิ ทิ ลั 4.0

ทกั ษะสาคญั สาหรับผูเ้ รียนและครใู นยคุ ดจิ ิทลั สามารถสรุปได้ 6 ทักษะหลกั ดังน้ี

1 ทักษะการคิด 2 ทกั ษะการสอ่ื สาร

4 ทักษะการทางานเป็นทมี 3 ทักษะการเรียนรเู้ ชิงรกุ

5 ทักษะการแกป้ ัญหาทซ่ี ับซ้อน 6 ทกั ษะการรดู้ จิ ทิ ลั

ทกั ษะการคดิ ทส่ี าคญั สาหรบั ผู้เรยี นยคุ ดิจิทลั ได้แก่

ทักษะการคิดวเิ คราะหแ์ ละนวตั กรรม
(Analytical Thinking and Innovation Skill)

เป็นการคดิ ในการแยกข้อมลู ท้งั ทเ่ี ปน็ ขอ้ เทจ็ จริงและความคดิ เหน็ ออกเป็นสว่ นย่อย ๆ และมีการ
เชอ่ื มโยงความสัมพันธ์ เชิงเหตุผลของขอ้ มูล ช่างสังเกต ชา่ งสงสัย ชา่ งถาม จับประเดน็ แยกแยะและ
เชอื่ มโยง นาไปสู่การคิดสรา้ งสรรคง์ านใหม่ ๆ ท่ีเปน็ ประโยชนต์ อ่ สว่ นรวมได้

ทักษะการคิดวิจารณญาณ
(Critical Thinking)

เป็นการคดิ ทีใ่ ห้ระบุประเดน็ ปัญหา ประมวลข้อมูลท่ีเก่ียวขอ้ งจากการคิดแนวกว้าง แนวลึก คิดละเอียด
คิดระยะไกล สามารถวิเคราะห์ข้อมลู พจิ ารณาทางเลือกโดยพิจารณาข้อมูลโดยใช้หลักเหตุผลและระบุ
ทางเลอื กทห่ี ลากหลายลงความเหน็ ตัดสินใจ ทานายอนาคต ดว้ ยการประเมนิ ทางเลือกและให้เหตผุ ล

ทักษะการคิดที่สาคัญสาหรับผ้เู รยี นยุคดจิ ิทัล ไดแ้ ก่

ทักษะการคดิ สร้างสรรค์
(Creative Thinking)

เป็นความสามารถทางสมองของบุคคลในการสร้างภาพท่ีเกิดขึ้นในสมองให้ออกมาเป็น
ผลิตภาพที่เป็นรูปธรรม เป็นความคิดแตกต่างไม่ซ้าใคร (คิดนอกกรอบ) มีความคิดริเริ่ม
และกล้าที่จะทาส่ิงใหม่ ๆ มีองค์ประกอบสาคัญ ได้แก่ การคิดคล่อง การคิดยืดหยุ่น
การคดิ ละเอียดลออ การคิดต้นแบบ และการคดิ ผลิตภาพ

เป็นความสามารถทางสมองของบคุ คลในการสร้างภาพที่เกิดข้นึ ในสมองใหอ้ อกมาเปน็ ผลิตภาพที่
เปน็ รปู ธรรม เปน็ ความคดิ แตกต่างไม่ซ้าใคร (คดิ นอกกรอบ) มีความคดิ รเิ ริ่มและกลา้ ทจ่ี ะทาในสงิ่ ใหม่
มอี งค์ประกอบสาคญั ได้แก่ การคดิ คล่อง การคิดยดื หยุน่ การคิดละเอยี ดลออ การคดิ ต้นแบบ และ
การคดิ ผลิตภาพ

เป็นความสามารถในการเรียนรู้การเรียนรูจ้ ากการลงมือทาดว้ ยตัวเอง ฝกึ คิดวิเคราะห์ แลกเปลี่ยน
ประสบการณ์กลมุ่ พรอ้ มรว่ มกนั แกป้ ญั หา ผา่ นกิจกรรมการเรยี นการสอนรปู แบบใหมท่ ี่ม่งุ เน้นให้
ผู้เรียนมสี ว่ นร่วม

Collaborative Skill คอื ทกั ษะทีห่ มายรวมทง้ั ทกั ษะทางการคิดวิเคราะห์
ไตร่ตรอง ทักษะการเขา้ สังคม เช่น มารยาทในการสนทนา เคารพความ
คดิ เห็นผู้อ่นื และ ทกั ษะทางอารมณ์ (emotional skill) เป็นต้น

Teamwork and Collaborative Skill

 ร้จู ักบทบาทหนา้ ทท่ี ่ีมีรว่ มกันเพอ่ื ทางานจนสาเร็จโดยตอ้ งรับผดิ ชอบหน้าท่อี ยา่ งเขม้ แข็ง

 สามารถทางานไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและเคารพซ่ึงกนั และกันไดก้ บั หลากหลายทมี

 สามารถคดิ หรอื ปฏบิ ตั ิงานอยา่ งยดื หยนุ่ ไมย่ ดึ ตดิ รปู แบบใดรปู แบบหนง่ึ
 รู้จกั ประนีประนอมเพือ่ บรรลุเป้าหมายของทมี

 สามารถรบั ฟงั และใหค้ ุณคา่ กบั ไอเดียความคดิ และการปฏิบัตขิ องทุกคนในทีม

สามารถรับฟังและให้คุณค่ากบั ไอเดียความคดิ และการปฏิบัตขิ องทุกคนในทีม

 มีคณุ ธรรมในการทางานรว่ มกนั เพอ่ื ความสขุ ในการทางานรว่ มกบั ผอู้ ื่นและหลกี เล่ยี งไม่ให้
เกิดความขัดแย้ง

Complex Problem-Solving Skill

เป็นคนทมี่ ีทกั ษะในการจดั การกบั ปญั หาทมี่ ีความสลบั ซบั ซ้อน มีกระบวนการคิดอย่างเปน็
ระบบ สามารถวเิ คราะหค์ วามเช่ือมโยงของปจั จัยทเ่ี กี่ยวขอ้ ง และหาแนวทางการแก้ไขที่
ต้นตอของปญั หา

ทักษะการแก้ปญั หาทีซ่ บั ซอ้ น จาเปน็ ต้องอาศยั ทกั ษะ

หลาย ๆ อย่างประกอบกนั เช่น ความสามารถในการคดิ เชงิ
วเิ คราะห์เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจถงึ รากของปญั หา การตงั้ คาถาม การหา
เหตผุ ล ประเมนิ ทางเลือกและตดั สินใจ นักแกป้ ญั หาท่ีดไี มเ่ พยี งแต่
หาทางแกป้ ัญหาที่เกิดขน้ึ ในปัจจบุ นั เท่านน้ั แตย่ ังคาดการถงึ ปัญหา
ที่จะเกดิ ข้นึ ในอนาคตและหาทางปอ้ งกนั ไว้ล่วงหนา้ อกี ดว้ ย

Digital Literacy

การรดู้ จิ ทิ ลั เปน็ ความสามารถในการทาความเข้าใจ การใชส้ ารสนเทศในรูปแบบ

และจากแหล่งท่หี ลากหลายท่ีนาเสนอผ่านคอมพิวเตอรค์ รอบคลมุ ถงึ ความเข้าใจของบคุ คลใน
การทางานกับทรพั ยากรสารสนเทศดจิ ิทัลเช่นเดยี วกบั ความรู้ความเขา้ ใจในการใชท้ รพั ยากร
สารสนเทศหรือวรรณกรรมท่ีเป็นสง่ิ พิมพ์ การร้ดู ิจทิ ัลยงั เปน็ แนวคดิ และวิธีการคดิ หรอื ความเชอ่ื
ท่ีส่งผลตอ่ พฤตกิ รรม (Idea and mindset) โดยมกี ารใชท้ ักษะเฉพาะ หรือสมรรถนะในการ
ทางานรว่ มกบั สารสนเทศดิจทิ ัล

ทกั ษะการรดู้ ิจิทัลสาหรบั พลเมอื งในศตวรรษที่ 21

ทกั ษะเหลา่ นีเ้ ป็นทกั ษะท่ผี เู้ รยี นและครูผสู้ อนตอ้ งมี เน่ืองจากตอ้ งใชใ้ นการจัดการเรยี นการสอนและ
การเรยี นรู้ ซง่ึ ผสู้ อนตอ้ งพฒั นาตนเองใหก้ า้ วทนั กบั การเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยดี ิจิทลั เพ่อื ให้
สามารถใชเ้ พ่อื การจดั การเรยี นการสอนใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ ประสิทธิผลเพ่มิ มากขนึ้

ทักษะดิจิทัล
เพื่อการทำงาน

9 ด้าน

ทักษะสำหรบั ครยู คุ ดจิ ทิ ลั

ทกั ษะจาเปน็ สาหรับครยู คุ ดจิ ทิ ัล ซึ่งดารง ชลสุข (2563) ไดส้ รปุ ไวท้ ้งั สิ้น 20 ทกั ษะ ไดแ้ ก่

1. Enthusiasm: ครทู ่ยี ิง่ ใหญ่ คอื ครูท่มี ีความ 3. Organization: หมายถึง การจดั การอยา่ งมีระบบ
กระตอื รือร้นในงานท่ีทา และในบทเรยี นทีส่ อน ครูตอ้ งตดั สนิ วา่ งานใดทม่ี ีความสาคัญก่อนหลัง การ
ท้ังนี้ครตู ้องส่งเสรมิ ใหน้ กั เรยี นมอี ารมณ์รว่ มในการ บันทกึ การสอนควรระบกุ จิ กรรมอะไรบ้าง และมีการ
เรยี น ประการสุดทา้ ยครคู วรรน่ื เริง และสนุกสนาน สอบให้คะแนนอยา่ งไร นอกจากน้ัน ครูยังต้องทางาน
อ่นื ๆ ใหเ้ กดิ ความสมบรู ณ์ในหนา้ ท่ี และเสรจ็ ตามเวลา
2. Leadership: ครทู ่มี ีประสทิ ธภิ าพ ตอ้ งมี ทก่ี าหนด
ความสามารถนาและแนะแนวทางแก่นกั เรียนใน
ห้องเรยี น บริหารจดั การนักเรยี นที่มีความแตกต่าง 4. Respectful: ครทู ี่ดีตอ้ งเป็นผทู้ ่ีเคารพนับถือของ
ทางบุคลกิ ภาพ ตลอดจนชว่ ยควบคมุ นักเรียน ทม่ี ี เด็ก ทาใหเ้ ด็กร้สู ึกปลอดภัยเม่ือพวกเขาแสดงความ
ความบกพร่องดา้ นคณุ ธรรม และครคู วรนาทาง คิดเห็นในชั้นเรยี น และครูควรสอนให้เด็กเป็นผ้ฟู ังท่ีดี
นกั เรียนใหป้ ระพฤติไปในแนวทางท่ีดี และสดุ ท้ายครู เคารพความคิดเห็นของผู้อน่ื อยา่ งไรก็ตาม นกั
ตอ้ งประพฤตติ นเป็นแบบอยา่ งที่ดีแกน่ ักเรียน การศกึ ษาเหน็ ว่าครูตอ้ งสร้างสรรคส์ ่ิงแวดล้อมทดี่ ใี ห้
เดก็ อีกดว้ ย

ทกั ษะสำหรบั ครยู ุคดจิ ทิ ลั

ทกั ษะจาเป็นสาหรับครูยุคดจิ ทิ ัล ซึ่งดารง ชลสุข (2563) ได้สรุปไว้ทง้ั สิน้ 20 ทักษะ ไดแ้ ก่

5. Multitasking: ครไู ม่เพยี งแต่สอนตาม 6. Teamwork: ครูทีม่ คี วามสามารถต้องทางาน
หลักสตู ร หรอื เปน็ ผ้สู อบใหค้ ะแนนเท่าน้นั แต่ครูตอ้ ง เปน็ ทีม และทาให้นกั เรยี นรสู้ ึกวา่ พวกเขาเป็นสว่ น
ทางานใหไ้ ดห้ ลายด้าน (Multitasking) ครูที่ดตี ้องมตี า หนงึ่ ของทมี สง่ เสริมใหน้ กั เรียนไดป้ ระสบการณ์จาก
รอบตวั คือตรวจตราพฤตกิ รรมของเดก็ และให้ความ การทางานเปน็ ทมี และครูควรสอนนกั เรยี น
สนใจเด็กขณะทีส่ อนในห้องเรยี น เมอื่ การสอนคร้งั ๆ แกป้ ัญหาเปน็ และครูต้องสร้างสรรคแ์ ผนงานตา่ งๆ
หน่ึงเสรจ็ ลงแลว้ ครูต้องเตรยี มการสอนลว่ งหนา้ ทกุ ในการสอนให้เกดิ ขนึ้
สปั ดาห์ ในขณะเดยี วกนั ตอ้ งออกข้อสอบ และให้
คะแนน ตลอดจนมอบหมายการบ้านให้นักเรียนทา 8. Communication: ครูต้องมคี วามสามารถในการ
ตดิ ต่อส่ือสารอยา่ งโดดเด่น (Remarkable) สามารถ
7. Ability to Teach: มคี วามสามารถ และทกั ษะ ตดิ ตอ่ ปะทะสัมพนั ธก์ ับประชาชนทุกอายุ รวมถงึ ยงั
ในการสอน มแี บบการสอนของตนเอง และสาธิตการ ตอ้ งติดต่อสอ่ื สารกบั เพื่อนรว่ มงาน นกั เรยี น และ
สอนให้เด็กเหน็ ใหด้ ูของจรงิ การสอนตอ้ งอธบิ ายให้ ผบู้ รหิ ารอ่ืนๆ
ชดั เจนจนกระท่ังผู้เรยี นเขา้ ใจ

ทกั ษะสำหรบั ครยู ุคดจิ ทิ ลั

ทกั ษะจาเปน็ สาหรับครยู ุคดจิ ิทัล ซง่ึ ดารง ชลสขุ (2563) ไดส้ รุปไวท้ ัง้ สน้ิ 20 ทกั ษะ
ไดแ้ ก่

9. Adaptability: การปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากับสถานการณ์ 10. Interpersonal Skills: ครทู ี่เป็นมติ รกับ
ท่ี ไม่เคยเกดิ ขึน้ เป็นกุญแจสาคัญของครู กล่าวคือครู นกั เรียน จะต้องมีบุคลิกภาพท่ีน่ารักมคี วามคิด
ไม่อาจรวู้ า่ จะมีสถานการณใ์ ดเกิดขึ้นบา้ งในชั้นเรยี น ริเริ่มสร้างสรรค์ เอาใจใส่ และเหน็ อกเห็นใจ
เช่น นกั เรียนเจ็บป่วย หรือไดร้ บั บาดเจบ็ อยา่ ง นักเรยี น ทส่ี าคญั ควรดแู ลใสใ่ จเป็นพเิ ศษแก่
กะทนั หัน ครูต้องรีบแกป้ ญั หาดงั กล่าวอยา่ งรวดเรว็ นกั เรยี นท่พี กิ าร และด้อยความสามารถ
เชน่ แจ้งไปยงั หน่วยกภู้ ัย หรือครูพาเด็กไปสง่ ที่
โรงพยาบาล เป็นตน้

11. Creativity: ครตู ้องสรา้ งสรรคใ์ ห้นักเรียนสนใจ และพวั พัน (engaged) กบั นักเรียน โดยเฉพาะ
ชั้นประถมศึกษา หาทางหลายด้านเพ่อื รักษาไวซ้ ึ่งความสนใจของนกั เรยี นในขณะทอี่ ยู่ในช้ันเรียน ครูมี
วธิ ีการสอนหลากหลายวธิ ี เชน่ บทบาทสมมุติ (roleplay) หรอื กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ท่ี าให้เกิดความ
สนกุ สนาน (fun)

ทกั ษะสำหรบั ครยู คุ ดจิ ทิ ลั

ทกั ษะจาเปน็ สาหรบั ครยู ุคดจิ ทิ ลั ซึ่งดารง ชลสขุ (2563) ไดส้ รุปไวท้ ัง้ สนิ้ 20 ทักษะ

ไดแ้ ก่

12. Self-Evaluation: เพ่อื เป็นการพัฒนาวิชาชพี ของ 13. Patience: ความอดทน เป็นกุญแจดอกสาคัญใน
ตนเอง และเพอื่ ส่งเสรมิ คณุ ภาพของการศกึ ษา ครู การทางานร่วมกับเด็กและวัยร่นุ การที่จะให้ เดก็ และ
จะตอ้ งประเมินตนเอง และสรา้ งตนเองให้เปน็ คนใหม่ วยั รุ่นหมดทกุ คนมีความประพฤติ หรอื พฤติกรรมที่ดี
ทนั สมยั และควรจาไว้ว่าสงิ่ ใดท่ีทาผิดพลาดมาในอดีต นน้ั เป็นไปไม่ได้ ครูจึงควรเขา้ ใจพฤติกรรมท่พี วก
ต้องนามาปรับปรงุ ตนเอง และประเมินตนเอง ทสี่ าคญั นักเรยี นแสดงออก และอดทนเฝา้ ดพู ฤตกิ รรมเหลา่ นน้ั
ต้องปรับปรงุ ชั้นเรียน ที่ตนสอนอยอู่ ยา่ งสม่าเสมอ ถ้าหากนกั เรียนยังไม่เขา้ ใจในส่ิงทค่ี รูสอน ครตู ้อง
หาทางหลาย ๆ ดา้ นมาอธิบายในสิง่ น้ันๆ ให้นักเรยี น

ไดเ้ ข้าใจ

14. Emotional Intelligence: ครทู ด่ี ีตอ้ งมคี วามฉลาดทางอารมณ์ สามารถควบคุมความโกรธ (angry) และ
อารมณเ์ สยี (upset) ของตนเองให้ไดใ้ นทุกขณะทุกโอกาส แต่ถา้ หากครูไม่สามารถควบคมุ ความโกรธ และ
อารมณ์ไดแ้ ลว้ ครูกต็ อ้ งประสบกบั ความเสยี หายในตนเอง

ทกั ษะสำหรบั ครยู คุ ดจิ ทิ ลั

ทักษะจาเป็นสาหรบั ครยู ุคดิจิทลั ซง่ึ ดารง ชลสขุ (2563) ได้สรุปไวท้ ้ังสน้ิ 20 ทกั ษะ ได้แก่

15. Empathy: ถ้าครูเป็นผู้ที่เหน็ อกเห็นใจนกั เรยี นแลว้ นกั เรียนก็จะเรียนรู้ในการควบคมุ อารมณ์ด้วย และใน
ทีส่ ุดนักเรยี นจะต้องมคี วามสงสารผอู้ ืน่ และอกี อยา่ งหนง่ึ ครูต้องสร้างสุขอนามยั ดา้ นทักษะอารมณท์ างสังคม
(healthy social – emotional skill) ของนักเรียนอกี ดว้ ย การเรยี นในชั้นเรยี นไม่สามารถทาหนา้ ทไี่ ด้ดี หาก
ไม่ได้รบั ความสนบั สนนุ จากการเรียนรูแ้ บบชมุ ชนหอ้ งเรยี น (classroom community) การเรียนรู้แบบชมุ ชน
หอ้ งเรยี น (classroom community) คอื หอ้ งเรียนท่จี ัดสภาพแวดล้อมแบบเฉพาะตัว (Unique) สาหรบั เด็กให้
ได้รบั ประสบการณ์ จากความสมั พนั ธ์ระหว่างเพื่อนนักเรียนดว้ ยกันเอง นกั เรียนสร้างสรรค์ชุมชนแห่งการเรยี นรู้
ของตนเองให้เกดิ ข้ึน ชมุ ชนหอ้ งเรยี นท่ีแขง็ แรงนั้น ประกอบดว้ ย การเรยี นท่ีนกั เรยี นได้รบั มอบอานาจจากครู
นักเรยี นกาหนดค่านยิ มรว่ มกนั และท้ายที่สดุ นกั เรียนจะมีความเจริญเตบิ โตในทกุ ๆ ด้าน

16. Critical Thinking: ครูตอ้ งเปน็ ผแู้ ก้ปัญหาท่ีหลากหลายได้ ปญั หาทม่ี กั เกดิ กบั นักเรยี นบ่อย ๆ ได้แก่
ปัญหาความขดั แย้ง ครู้ต้องตอบปัญหาทเ่ี ปน็ จุดดา่ งพรอ้ ยของนกั เรียนใหไ้ ด้ ท่สี าคญั ครตู ้องสรา้ งบทเรยี นใหม่ ๆ
ใหแ้ กน่ ักเรยี น สอนการเล่นเกมส์ และตอ้ งสามารถจัดการกับปญั หาที่เกิดกับนักเรียนกบั เพอ่ื นๆ


Click to View FlipBook Version