มยผ.1303 สาหรับอาคารทั่วไป และควรอยู่ภายในเกณฑ์ท่ียอมให้สาหรับระดับสมรรถนะปลอดภัยต่อชีวิต
(LS) สาหรับอาคารทม่ี ีความสาคญั ตอ่ ความเปน็ อยู่ของสาธารณชน ดังตารางที่ 1.5-1
4.4.6 การตรวจสอบการออกแบบโดยผู้ดาเนนิ การตรวจสอบงานออกแบบ
ในกรณีที่ต้องมีการตรวจสอบงานออกแบบและคานวณโดยผู้ดาเนินการตรวจสอบ ควรจะมีการ
ตรวจสอบการออกแบบระบบโครงสร้างต้านแรงด้านข้าง และการวิเคราะห์โครงสร้าง โดยการตรวจสอบ
เกย่ี วกับหัวข้อดังต่อไปนี้เป็นอยา่ งน้อย
(1) ตรวจสอบเกณฑ์การเลือกแผ่นดินไหวที่พิจารณาในการออกแบบสาหรับบริเวณที่ตั้งอาคาร
โดยเฉพาะ รวมถึงการสร้างสเปกตรัมการตอบสนองสาหรับพื้นท่ีน้ันโดยเฉพาะ และการ
เลอื กใชข้ ้อมลู การส่ันไหวของพื้นดิน
(2) ตรวจสอบเกณฑ์การยอมรับซ่ึงใช้ในการตัดสินว่าช้ินส่วนย่อยของโครงสร้างและโครงสร้างท้ัง
ระบบสามารถทนต่อแรงและการโก่งตัวที่คานวณได้หรือไม่ เช่น กาลังต้านทานแรงและ
การโก่งตัวท่ียอมให้ รวมถึงการตรวจสอบผลการทดสอบและข้อมูลอื่น ๆ ที่ใช้สนับสนุนการ
กาหนดเกณฑก์ ารยอมรับเหลา่ นี้
(3) ตรวจสอบการออกแบบเบ้ืองต้น (Preliminary Design) รวมถึงการเลือกระบบโครงสร้างต้าน
แรงดา้ นขา้ ง และการจัดวางตาแหน่งและรูปร่างขององคป์ ระกอบต่าง ๆ ของโครงสร้าง
(4) ตรวจสอบผลการออกแบบขน้ั สุดท้ายของระบบโครงสร้างท้ังหมด และตรวจสอบการวิเคราะห์
ท่ีใช้ประกอบการออกแบบทง้ั หมด
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสนั่ สะเทือนของแผ่นดินไหว หน้าท่ี 87
ฉบบั ปรบั ปรงุ ครั้งที่ 1
_________________________________________________________________________
หน้าท่ี 88 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการส่นั สะเทอื นของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบับปรบั ปรุงครั้งท่ี 1
บทท่ี 5
รายละเอียดโครงสรา้ ง
5.1 โครงสร้างเหลก็
โครงสร้างอาคารรวมท้ังฐานรากที่ก่อสร้างด้วยเหล็กจะต้องได้รับการออกแบบให้เป็นไปตาม
ข้อกาหนดในมาตรฐานน้ีและในมาตรฐานอา้ งองิ ตลอดจนข้อกาหนดเพ่ิมเติมท่ีกาหนดในบทน้ี
5.1.1 มาตรฐานสาหรบั การออกแบบ
การออกแบบ การก่อสร้าง และ คุณภาพขององค์อาคารเหล็กต้านทานแผ่นดินไหวจะต้องเป็นไป
ตามขอ้ กาหนดท่ีเกีย่ วข้องของมาตรฐานท่ีอ้างถึงในหวั ขอ้ 1.1.3
5.1.2 ข้อกาหนดเกี่ยวกับระบบโครงสร้าง
(ก) ในการออกแบบอาคารที่ใช้เหล็กรูปพรรณสาหรับประเภทการออกแบบต้านทานแผ่นดินไหว
แบบ ข หรือ แบบ ค สามารถใช้ระบบโครงสร้างและค่าตัวประกอบปรับผลตอบสนอง
ที่กาหนดในตารางท่ี 2.3-1 ทั้งนี้ในการออกแบบจะต้องพิจารณาถึง ข้อกาหนดในการ
วิเคราะห์ ข้อกาหนดขององค์อาคาร ข้อกาหนดของจุดต่อ ข้อกาหนดเฉพาะของระบบ
โครงสร้างแต่ละรูปแบบ และการจัดทารายละเอียด (Detailing) ตามมาตรฐานการออกแบบ
อาคารเหลก็ โครงสร้างรูปพรรณเพื่อต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว มยผ. 1304-61
หรอื มาตรฐาน ANSI/AISC341 สาหรับโครงสร้างเหล็กรูปพรรณขึ้นรูปเย็น การออกแบบและ
จัดทารายละเอยี ดต้องเป็นไปตามขอ้ กาหนดของมาตรฐาน AISI-Lateral
(ข) ในการออกแบบอาคารโครงสร้างเหล็กเหล็กรูปพรรณสาหรับประเภทการออกแบบต้านทาน
แผ่นดินไหวแบบ ข หรือ แบบ ค กรณีท่ีมิได้ออกแบบและจัดทารายละเอียดตามข้อกาหนด
มยผ. 1304-61 ANSI/AISC341 หรือ ANSI/AISI-Lateral จะต้องใช้ค่าตัวประกอบปรับ
ผลตอบสนองของ “ระบบโครงสร้างเหล็กรูปพรรณที่ไม่มีการให้รายละเอียดสาหรับรับแรง
แผ่นดินไหว” ในตารางท่ี 2.3-1 ในการออกแบบ
(ค) ในการออกแบบอาคารท่ีมีประเภทการออกแบบต้านทานแผ่นดินไหวแบบ ง จะต้องพิจารณา
ถึง ข้อกาหนดในการวิเคราะห์ ข้อกาหนดขององค์อาคาร ข้อกาหนดของจุดต่อ ข้อกาหนด
เฉพาะของระบบโครงสร้างแต่ละรูปแบบ และการจัดทารายละเอียด (Detailing) ตาม
มาตรฐาน มยผ. 1304-61 หรือ ANSI/AISC341 สาหรับโครงสร้างเหล็กรูปพรรณ และ
ANSI/AISI-Lateral สาหรับโครงสร้างเหล็กรูปพรรณข้ึนรูปเย็น และไม่อนุญาตให้ใช้ “ระบบ
โครงสร้างเหล็กรูปพรรณที่ไม่มีการให้รายละเอียดสาหรับรับแรงแผ่นดินไหว” ในตารางท่ี
2.3-1 ในการออกแบบ
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทือนของแผ่นดินไหว หน้าท่ี 89
ฉบบั ปรับปรงุ คร้ังที่ 1
5.1.3 ข้อกาหนดเก่ียวกับเสาเข็มเหล็กสาหรับอาคารที่มีประเภทการออกแบบต้านทานแผ่นดินไหว
แบบ ง
การออกแบบและจัดทารายละเอยี ดเสาเขม็ เหลก็ หนา้ ตดั H จะต้องเป็นไปตามข้อกาหนดของ AISC
341 และ รอยต่อระหว่างแท่นหัวเข็ม (Pile Cap) และ เสาเข็มเหล็ก หรือ เข็มท่อเหล็กท่ีไม่ได้บรรจุ
คอนกรตี จะตอ้ งออกแบบให้รับแรงดึงไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 10 ของกาลังรับแรงอดั ของหนา้ ตดั เสาเข็ม
5.2 โครงสรา้ งคอนกรตี เสริมเหล็ก
โครงสร้างอาคารรวมทง้ั ฐานรากท่ีก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กเพ่ือต้านทานแผ่นดินไหวจะต้อง
ได้รับการออกแบบและจัดทารายละเอียดการเสริมเหล็กให้เป็นไปตามข้อกาหนดในมาตรฐานน้ี และใน
มาตรฐานอา้ งองิ ตลอดจนข้อกาหนดเพม่ิ เตมิ ทกี่ าหนดในบทนี้
ข้อกาหนดในบทนี้ไม่ครอบคลุมถึงระบบโครงสร้างที่ใช้ช้ินส่วนสาเร็จรูป และ ระบบโครงสร้าง
คอมโพสิต ยกเวน้ เสาเขม็ คอนกรีตหลอ่ สาเร็จ
5.2.1 มาตรฐานอ่ืนท่ีเกี่ยวข้อง
การให้รายละเอียดการเสริมเหล็ก ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานน้ี ในส่วนใดที่มาตรฐานนี้ไม่ได้ระบุ
ให้อ้างอิงจากมาตรฐาน ACI 318 (Building Code Requirements for Structural Concrete) และ
รวมถึงมาตรฐานอื่น ๆ ทไ่ี ดร้ ับการยอมรบั
5.2.2 ขอ้ กาหนดเกย่ี วกับระบบโครงสร้างตา้ นทานแผน่ ดินไหว
(ก) ในการออกแบบอาคารท่ีมีประเภทการออกแบบต้านทานแผ่นดินไหว ข อนุญาตให้ใช้ระบบ
โครงสรา้ งธรรมดา หรือ โครงสร้างท่ีมีความเหนียวปานกลาง หรือ โครงสร้างที่มีความเหนียว
พิเศษในการต้านทานการส่ันสะเทือนของแผ่นดินไหว ท้ังน้ีจะต้องคานวณแรงและจัดทา
รายละเอียดการเสริมเหล็กสาหรับโครงสร้างชนิดน้ัน ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานการออกแบบ
ท่เี ก่ียวขอ้ ง
(ข) ในการออกแบบอาคารที่มีประเภทการออกแบบต้านทานแผ่นดินไหว ค อนุญาตให้ใช้โครง
ต้านแรงดัดท่ีมีความเหนียวปานกลาง หรือ โครงต้านแรงดัดท่ีมีความเหนียวพิเศษ หรือ
กาแพงโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กแบบธรรมดาหรือ แบบท่ีมีความเหนียวปานกลาง หรือ
แบบที่มีความเหนียวพิเศษ ในการต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ท้ังนี้จะต้อง
คานวณแรงและจัดทารายละเอียดการเสริมเหล็กสาหรับโครงสร้างชนิดน้ัน ๆ ให้เป็นไปตาม
มาตรฐานการออกแบบท่ีเกยี่ วข้อง
(ค) ในการออกแบบอาคารท่ีมีประเภทการออกแบบต้านทานแผ่นดินไหว ง ให้ใช้โครงต้านแรงดัด
ทม่ี คี วามเหนียวพิเศษ หรือ กาแพงโครงสร้างแบบที่มีการให้รายละเอียดพิเศษ หรือให้เป็นไป
ตามหัวข้อ 2.3.1.2 รวมท้ังแผ่นไดอะแฟรม โครงถัก และ ฐานรากที่ได้รับการออกแบบและ
จดั ทารายละเอียดการเสริมเหล็กให้สามารถต้านทานแผ่นดินไหว สาหรับองค์อาคารหรือส่วน
_________________________________________________________________________
หนา้ ที่ 90 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการส่นั สะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบบั ปรับปรุงครงั้ ท่ี 1
ของโครงสร้างที่ไม่ได้ออกแบบให้ต้านทานแผ่นดินไหว ให้ออกแบบองค์อาคารหรือส่วนของ
โครงสร้างเหล่าน้ันภายใต้แรงแนวดิ่งร่วมกับผลของแรงที่เกิดจากการเคล่ือนที่ด้านข้าง
ออกแบบของโครงสร้าง
(ง) ข้อกาหนดการเสริมเหล็กของโครงต้านแรงดัดท่ีมีความเหนียวปานกลางในบริเวณหรือพ้ืนที่
ที่ต้องเฝ้าระวัง เน่ืองจากมีความเป็นไปได้ว่าอาคารอาจได้รับผลกระทบทางด้านความมั่นคง
แข็งแรงและเสถียรภาพเม่ือมีแรงส่ันสะเทือนของแผ่นดินไหว อย่างน้อยให้ปฏิบัติตามข้อ
5.2.7.4 และหากองค์อาคารเป็นแผ่นพ้ืนสองทางแบบไร้คานจะต้องปฏิบัติตามข้อ 5.2.12
ตามมาตรฐานนี้ด้วย
5.2.3 ข้อกาหนดเก่ียวกับรายละเอียดการเสริมเหล็กสาหรับเสาเข็มคอนกรีตของอาคารท่ีมีประเภท
การออกแบบตา้ นทานแผ่นดนิ ไหวแบบ ค
(ก) เสาเข็มคอนกรีตและเสาเข็มท่อท่ีบรรจุคอนกรีต (Concrete Filled Pipe Pile) จะต้องยึดกับ
แท่นเสาเข็ม (Pile Cap) ด้วยการฝังเหล็กของเสาเข็มเข้าไปในแท่นหัวเข็มเป็นระยะไม่น้อย
กว่าระยะฝัง หรือ ใช้เหล็กเดือย (Dowels) ฝังเข้าไปในเสาเข็ม โดยระยะฝังต้องยาวพอท่ีจะ
พัฒนากาลังได้จนถึงจุดคราก ในบริเวณปลายบนเสาเข็มวัดจากผิวล่างของแท่นหัวเข็มลงมา
ต้องใส่เหล็กปลอกโอบรัดให้เพียงพอตามที่กาหนดในมาตรฐานน้ี หากต้องตัดหัวเสาเข็มใน
ขนั้ ตอนการก่อสรา้ ง จะตอ้ งไม่ทาใหร้ ะยะเสรมิ เหลก็ โอบรดั สัน้ กว่าทก่ี าหนด
(ข) การเสริมเหล็กในเสาเข็มคอนกรีตท่ีไม่มีปลอกโลหะ (Uncased Concrete Piles) จะต้องทา
ให้เสาเข็มสามารถต้านทานแรงภายในท่ีเกิดจากแผ่นดินไหวได้ และเหล็กเสริมตามยาวต้องมี
อย่างน้อย 4 เส้นโดยมีอัตราส่วนเหล็กเสริม (พื้นท่ีหน้าตัดเหล็กเสริมต่อพ้ืนที่หน้าตัดเสาเข็ม)
ไม่น้อยกว่า 0.0025 และต้องเสริมเหล็กตามขวางตลอดระยะเสริมเหล็กขั้นต่าซ่ึงวัดจากผิว
ล่างของแท่นหัวเขม็ ลงมา (ดูนิยามของระยะเสรมิ เหล็กขัน้ ต่าในย่อหน้าข้างล่าง)
เหล็กเสริมตามยาวข้างต้นจะต้องวางเลยจากตาแหน่งระยะเสริมเหล็กขั้นต่าต่อไปอีกเท่ากับระยะ
ฝงั รบั แรงดงึ
ภายในระยะ 3 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของเสาเข็มวัดจากผิวล่างของแท่นหัวเข็มลงมา ให้เสริม
เหล็กปลอกวงปิด หรือ เหล็กปลอกเกลียวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 9 มม. มีระยะเรียงไม่เกิน
150 มม. หรือ 8 เท่าของเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของเหลก็ ตามยาว
ในระยะที่เหลือของระยะเสริมเหล็กข้ันต่า ให้เสริมเหล็กเหล็กปลอกตามขวางท่ีมีระยะเรียงไม่เกิน
16 เทา่ ของขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของเหล็กตามยาว
ความยาวของระยะเสริมเหล็กขน้ั ต่าที่วดั จากผิวลา่ งของแทน่ หัวเข็มลงมาให้ใชค้ ่ามากระหวา่ ง
(1) 1 ใน 3 ของความยาวเสาเขม็
(2) 3 เมตร
(3) สามเท่าของขนาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางของเสาเข็ม
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว หน้าท่ี 91
ฉบับปรบั ปรุงครงั้ ท่ี 1
(4) ความยาวเชิงดัดของเสาเข็ม ซ่ึงหมายถึงความยาววัดจากผิวล่างของแท่นหัวเข็มถึงตาแหน่งท่ี
ค่าโมเมนต์แตกร้าวของหน้าตัดคอนกรีตเม่ือคูณด้วย 0.4 แล้วมีค่าเกินกว่าโมเมนต์ปรับค่าที่
เกิดจากการรวมแรงแผ่นดินไหวกับน้าหนักบรรทุกแนวดิ่งตามวิธีรวมผลของแรงสาหรับการ
ออกแบบด้วยวิธกี าลงั ท่ีกาหนดใน 2.5
(ค) การเสริมเหลก็ ในเสาเข็มคอนกรีตที่มีปลอกโลหะ (Metal-Cased Concrete Piles) ให้เป็นไป
ตาม 5.2.3 (ข) แต่อนุญาตให้พจิ ารณาปลอกโลหะท่ีมีความหนาไม่ต่ากว่า 2.0 มิลลิเมตร แทน
เหล็กปลอกโอบรัดได้บางส่วนหรือทั้งหมดขึ้นอยู่กับปริมาณเหล็กปลอกที่ต้ องการจากการ
วเิ คราะห์ และปลอกโลหะนนั้ จะต้องได้รบั การปกป้องมิให้เกิดความเสียหาย เส่ือมสภาพ หรือ
ผกุ ร่อน จากสารเคมใี นดิน จากการเปล่ียนแปลงระดบั นา้ หรอื จากปจั จัยอืน่ ๆ
(ง) การเสริมเหล็กในเสาเข็มท่อท่ีบรรจุคอนกรีต (Concrete Filled Pipe Pile) ต้องเสริมเหล็ก
ตามยาวท่ีมีอัตราส่วนเหล็กเสริมไม่น้อยกว่า 0.01 ท่ีปลายด้านบนของเสาเข็ม และให้มีความ
ยาววัดจากผวิ ลา่ งของแท่นหัวเข็มลงมาไม่น้อยกว่าสองเท่าของระยะฝังเหล็กเข้าไปในแท่นหัว
เขม็
(จ) การเสริมเหล็กในเสาเข็มคอนกรีตหล่อสาเร็จชนิดไม่อัดแรง (Precast Nonprestressed
Concrete Piles) จะต้องเสริมเหล็กตามยาวที่มีอัตราส่วนเหล็กเสริมไม่น้อยกว่า 0.01 และ
จะต้องเสริมเหล็กปลอกวงปดิ หรือ เหล็กปลอกเกลียวที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า
10 มม. ระยะเรียงไม่เกิน 8 เท่าของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กตามยาวเส้นเล็กสุด
และ ไมเ่ กนิ 150 มม. ภายในระยะสามเท่าของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเสาเข็มวัดจากผิว
ล่างของแท่นหัวเข็ม การจัดเหล็กปลอกนอกระยะดังกล่าวให้ใช้เหล็กปลอกวงปิด หรือ เหล็ก
ปลอกเกลียวมีระยะเรียงไม่เกิน 16 เท่าของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กเสริมตามยาว
แตไ่ ม่เกนิ 200 มม. การเสรมิ เหลก็ ให้กระทาตลอดความยาวของเสาเข็ม
(ฉ) การเสริมเหล็กในเสาเข็มคอนกรีตหล่อสาเร็จชนิดอัดแรง (Precast Prestressed Piles)
ภายในระยะ 6 เมตรวัดจากผิวล่างของแท่นหัวเข็มลงมา ต้องเสริมเหล็กปลอกเกลียวท่ีมี
อัตราสว่ นเชงิ ปรมิ าตรไมน่ อ้ ยกวา่ 0.007 หรอื ปรมิ าณทกี่ าหนดโดย
s 0.12 fc' (5.2-1)
f yh
โดยที่ s คอื อัตราส่วนเชิงปริมาตร (ปริมาตรเหล็กปลอกเกลียว/ปริมาตรแกนคอนกรีตวัดจากขอบ
ด้านนอกของเหล็กปลอกเกลียว)
fc' คอื กาลังรบั แรงอดั ของคอนกรตี (เมกาปาสกาล)
fyh คอื กาลงั ครากของเหล็กปลอกเกลยี ว (เมกาปาสกาล) ให้ใชไ้ ม่เกิน 586 เมกาปาสกาล
_________________________________________________________________________
หน้าท่ี 92 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทอื นของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบับปรับปรงุ ครัง้ ที่ 1
ในชว่ งความยาวที่เหลือของเสาเข็ม ให้เสริมเหล็กปลอกเกลียวท่ีมีอัตราส่วนเชิงปริมาตรอย่างน้อย
คร่งึ หนึ่งของคา่ ทกี่ าหนดในสมการ 5.2-1
5.2.4 ข้อกาหนดรายละเอียดการเสริมเหล็กสาหรับเสาเข็มคอนกรีตของอาคารท่ีมีประเภทการ
ออกแบบต้านทานแผ่นดินไหว ง
(ก) เม่ือใช้เสาเข็มคอนกรีตในชั้นดินประเภท E หรือ F ให้ออกแบบและจัดทารายละเอียดการ
เสริมเหล็กให้เสาเข็มมีความเหนียวเป็นไปตามหัวข้อ 5.2.9.4 ตลอดระยะไม่น้อยกว่า 7 เท่า
ของเสน้ ผ่านศูนยก์ ลางของเสาเข็มท่บี รเิ วณปลายดา้ นบนของเสาเข็มวัดจากผิวลา่ งของแท่นหัว
เข็มลงมา และ ที่รอยต่อระหว่างช้ันดินท่ีแข็งกับช้ันดินที่มีโอกาสเกิด Liquefaction หรือ
ที่รอยต่อระหว่างชั้นดินที่แข็งกับ ชั้นดินที่เป็นดินเหนียวอ่อนจนถึงดินเหนียวแข็งปานกลาง
โดยบริเวณท่ีต้องจัดรายละเอียดให้มีความเหนียวนี้ให้วัดจากรอยต่อข้ึนไปเป็นระยะ 7 เท่า
ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเสาเข็ม และ วัดจากรอยต่อลงมาเป็นระยะ 7 เท่าของเส้นผ่าน
ศูนยก์ ลางของเสาเขม็
(ข) การเสริมเหล็กในเสาเข็มคอนกรีตท่ีไม่มีปลอกโลหะ (Uncased Concrete Piles) จะต้อง
เสริมเหล็กให้เสาเข็มมีกาลังต้านทานแรงภายในที่เกิดจากแผ่นดินไหวตามที่วิเคราะห์ได้ และ
เหล็กเสริมตามยาวจะต้องมีอย่างน้อย 4 เส้นโดยมีอัตราส่วนเหล็กเสริมไม่น้อยกว่า 0.005
และตอ้ งเสริมเหลก็ ตามขวางใหม้ ีความเหนียวตามหัวข้อ 5.2.9.4 ตลอดระยะเสริมเหล็กขั้นต่า
ทีว่ ดั จากผวิ ล่างของแท่นหัวเขม็ ลงมา เหล็กเสริมตามยาวจะต้องวางเลยจากระยะเสริมเหล็ก
ขัน้ ตา่ ตอ่ ไปอกี เท่ากบั ระยะฝังเหล็กรบั แรงดึง
ความยาวของระยะเสรมิ เหลก็ ขั้นตา่ ใหใ้ ช้ค่ามากระหวา่ ง
(1) คร่ึงหนึ่งของความยาวเสาเขม็
(2) 3 เมตร
(3) สามเทา่ ของขนาดเส้นผ่านศนู ยก์ ลางของเสาเข็ม
(4) ความยาวเชิงดัดของเสาเข็ม ซึ่งหมายถึงความยาววัดจากผิวล่างของแท่นหัวเข็มถึง
ตาแหน่งท่ี ค่าโมเมนต์แตกร้าวของหน้าตัดคอนกรีตเม่ือคูณด้วย 0.4 แล้วมีค่าเกินกว่า
โมเมนต์ปรับคา่ ทีเ่ กดิ จากการรวมแรงแผน่ ดินไหวกับนา้ หนกั บรรทุกแนวดิง่ ตามวิธีรวมผล
ของแรงสาหรบั การออกแบบด้วยวธิ กี าลงั ทก่ี าหนดในหวั ข้อที่ 2.5
สาหรับเสาเข็มในดินประเภท E หรือ F ให้เสริมเหล็กตามยาวและเหล็กโอบรัดตามขวางข้างต้น
ตลอดความยาวเสาเข็ม เหล็กปลอกจะตอ้ งมีขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 10 มม. สาหรับเสาเข็มที่มี
เส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 500 มม. และ ไม่น้อยกว่า 12 มม. สาหรับเสาเข็มที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
มากกวา่ 500 มม.
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสนั่ สะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว หน้าท่ี 93
ฉบับปรบั ปรุงครัง้ ที่ 1
ในดินประเภท A ถึง D ให้เสริมเหล็กตามยาวและเหล็กปลอกข้างต้นเป็นระยะอย่างน้อย 7 เท่า
ของขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลางของเสาเข็มท่ีด้านบนและด้านล่างนับจากรอยต่อระหว่างดินเหนียวอ่อนถึงแข็ง
ปานกลางกับชน้ั ดนิ ท่ีเกิด Liquefaction ได้ แต่มีข้อยกเว้นสาหรับเหล็กปลอกท่ีอยู่นอกระยะเสริมเหล็กขั้น
ต่า ซ่ึงอนุญาตให้ใช้เหล็กปลอกเกลียวท่ีมีอัตราส่วนเชิงปริมาตรไม่น้อยกว่า 0.06 fc' / fyh และระยะเรียง
ของเหล็กปลอกที่ไม่อยู่ในระยะเสริมเหล็กขั้นต่าต้องไม่เกินกว่าค่าท่ีน้อยที่สุดระหว่าง 12 เท่าของเส้นผ่าน
ศนู ย์กลางเหลก็ ตามยาว ครงึ่ หนึ่งของเส้นผ่านศูนย์กลางของเสาเข็ม และ 300 มม.
(ค) การเสรมิ เหลก็ ในเสาเขม็ คอนกรีตท่ีมีปลอกโลหะ (Metal Cased Concrete Piles) ให้เป็นไป
ตาม 5.2.4 (ข) แต่อนุญาตให้พิจารณาปลอกโลหะท่ีมีความหนาไม่ต่ากว่า 2.0 มิลลิเมตร
ทาหน้าที่แทนเหล็กปลอกโอบรัดได้บางส่วนหรือท้ังหมดข้ึนอยู่กับปริมาณความต้องการเหล็ก
ปลอกที่ได้จากการวิเคราะห์ ถ้าหากว่าปลอกโลหะนั้นได้รับการปกป้องมิให้เกิดการเสียหาย
เสอื่ มสภาพ หรอื ผกุ รอ่ น จากสารในดิน จากการเปลี่ยนแปลงระดับน้า หรือ จากปัจจัยอ่ืน ๆ
ทบี่ ่งชจ้ี ากการเจาะสารวจดิน ณ สถานทีก่ อ่ สร้าง
(ง) การเสริมเหล็กในเสาเข็มคอนกรีตหล่อสาเร็จชนิดไม่อัดแรง (Precast Concrete Piles) ให้
เสริมเหล็กปลอกโอบรัดที่เป็นเหล็กปลอกเดี่ยวหรือเหล็กปลอกเกลียวตามหัวข้อ 5.2.9.4
ภายในระยะ 3 เท่าของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเสาเข็มวัดจากผิวล่างของแท่นหัวเข็มลง
มา และ อนญุ าติให้ใชเ้ หลก็ เสรมิ ตามขวางทม่ี ีอตั ราส่วนเชิงปริมาตรไม่น้อยกว่า 0.06 fc' / fyh
ในบริเวณความยาวทีเ่ หลือ
(จ) การเสรมิ เหล็กในเสาเข็มคอนกรตี หล่อสาเรจ็ ชนิดอดั แรง (Precast Prestressed Piles)
การเสรมิ เหล็กปลอกโอบรัดใหป้ ฏบิ ตั ิตามข้อ 5.2.3 และขอ้ กาหนดเพ่มิ เตมิ ดงั น้ี
(1) เม่ือความยาวเสาเข็มท่ีฝังในดินน้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 เมตร ให้ถือว่าตลอดความยาว
ของเสาเข็มทัง้ หมดตอ้ งได้รบั การจัดรายละเอยี ดใหม้ คี วามเหนียว เม่ือเสาเข็มมีความยาว
มากกว่า 10 เมตร ให้ถือเอาค่ามากระหว่าง 10 เมตร และระยะจากผิวล่างของแท่นหัว
เข็มถึงจุดท่ีการดัดเป็นศูนย์บวกสามเท่าของมิติด้านน้อยของเสาเข็มเป็นช่วงความยาว
เข็มท่ตี ้องไดร้ ับการจดั รายละเอียดให้มีความเหนยี ว
(2) ในช่วงความยาวของเข็มท่ีต้องมีความเหนียว ระยะจากศูนย์ถึงศูนย์ของเหล็กปลอก
เกลียวหรือเหล็กปลอกโอบรัดจะต้องไม่เกินค่าที่น้อยที่สุดระหว่าง หนึ่งในห้าของมิติที่
น้อยท่ีสุดของเสาเข็ม 6 เท่าของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลวดเกลียวอัดแรง และ
200 มม.
(3) เหล็กปลอกเกลียวจะต้องทาบต่อด้วยระยะทาบหนึ่งรอบเต็มด้วยการเชื่อมหรือตัวยึด
เชิงกล เม่ือใช้การทาบเหล็กปลอกเกลียว ปลายของเหล็กปลอกเกลียวตรงบริเวณท่ีทา
การทาบเหล็กจะต้องทาของอตา้ นทานแผ่นดินไหว
_________________________________________________________________________
หน้าที่ 94 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสั่นสะเทอื นของแผน่ ดินไหว
ฉบบั ปรับปรงุ ครง้ั ที่ 1
(4) เมื่อใช้เหล็กปลอกเกลียวหรือเหล็กปลอกวงปิดรูปวงกลมเป็นเหล็กตามขวาง อัตราส่วน
เชงิ ปรมิ าตรในบริเวณท่ีต้องทาใหเ้ หนียวจะตอ้ งมีค่าตามสมการ
s fc' Ag 1.0 0.5 1.4P (5.2-2)
0.25 f yh Ach fc' Ag
แตต่ ้องไมน่ อ้ ยกวา่
s fc' 0.5 1.4P (5.2-3)
0.12 f yh fc' Ag
โดย s ไม่จาเปน็ ต้องมีค่าเกิน 0.021
โดยท่ี s คือ อตั ราสว่ นเชิงปริมาตร (ปริมาตรเหล็กปลอกเกลียว/ปริมาตรแกนคอนกรีตวัดจากขอบ
ดา้ นนอกของเหล็กปลอกเกลยี ว)
fc' คอื กาลังรบั แรงอดั ของคอนกรีต (เมกาปาสกาล) แต่ใช้ไมเ่ กนิ 41.4 เมกาปาสกาล
fyh คอื กาลงั ครากของเหลก็ ปลอกเกลยี ว (เมกาปาสกาล) แต่ใชไ้ มเ่ กนิ 586 เมกาปาสกาล
Ag คือ เน้ือท่หี น้าตดั ของเสาเขม็ (ตารางมิลลเิ มตร)
Ach คือ เน้ือท่ีของแกนหน้าตัดของเสาเข็มท่ีล้อมด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางด้านนอกของเหล็ก
ปลอกเกลยี ว (ตารางมิลลเิ มตร)
P คือ แรงตามแนวแกนบนเสาเข็มจากชดุ การรวมน้าหนัก 1.2D 0.5L 1.0E (นิวตัน)
ปรมิ าณของเหล็กปลอกเกลยี วตามสมการขา้ งต้นอนุญาตให้ใชไ้ ด้ทัง้ เหล็กปลอกเกลียววงใน และ วงนอก
(5) เม่ือใช้เหล็กวงรอบปิดสี่เหลี่ยมผืนผ้าร่วมกับเหล็กยึดขวาง (Cross Ties) เป็นเหล็กตาม
ขวางในบริเวณที่ต้องได้รับการจัดรายละเอียดให้มีความเหนียว พ้ืนท่ีหน้าตัดของเหล็ก
ตามขวางในทิศทางท่ีต้ังฉากกับมิติ hc ของเสาเข็ม (ดูความหมายของ hc จากนิยาม
ขา้ งลา่ ง) ตอ่ ระยะเรยี ง s ต้องเปน็ ไปตามสมการ
0.3shc fc' Ag 1.4P (5.2-4)
Ash f yh Ach 1.0 0.5 fc' Ag
แต่ต้องไมน่ อ้ ยกวา่
Ash 0.12shc fc' 1.4P (5.2-5)
f yh 0.5 fc' Ag
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทอื นของแผ่นดนิ ไหว หน้าที่ 95
ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1
โดยท่ี Ash คอื เน้อื ทห่ี น้าตัดท้ังหมดของเหล็กเสรมิ ตามขวาง (รวมเหลก็ ยดึ ขวาง) ภายในระยะเรียง s
(ตารางมิลลเิ มตร)
s คือ ระยะเรยี งของเหล็กตามขวาง (มิลลิเมตร)
hc คอื มิติของหนา้ ตดั แกนคอนกรีตของเสาเข็มวัดจากศูนย์กลางถึงศูนย์กลางของเหล็กปลอก
วงปิด (มลิ ลเิ มตร)
fyh คอื กาลงั ครากของเหล็กปลอกเกลียว (เมกาปาสกาล) ให้ใชไ้ ม่เกิน 483 เมกาปาสกาล
เหล็กปลอกวงปิด และ เหล็กยึดขวาง (Cross Ties) จะต้องเป็นเหล็กท่ีเทียบได้กับเหล็กข้ออ้อย
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 10 มม. ปลายของเหล็กปลอกวงปิดรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้าจะต้องหยุดท่ีมุม
และทาของอตา้ นทานแผ่นดนิ ไหวท่ีปลาย
(6) นอกบริเวณท่ีต้องได้รับการจัดรายละเอียดให้มีความเหนียว จะต้องเสริมเหล็กปลอก
เกลียวหรือเหล็กปลอกวงปิดท่ีมีอัตราส่วนเชิงปริมาตรไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของข้อ (4)
หรือ ข้อ (5) แลว้ แต่กรณี
5.2.5 ข้อกาหนดเกี่ยวกับกาแพงอิฐกอ่ หรอื กาแพงอิฐบล๊อก (Infilled Masonry Walls)
5.2.5.1 การใหร้ ายละเอียดเสาทีต่ ดิ กับผนงั อิฐ
ในกรณีที่ไม่ได้พิจารณาถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างโครงอาคารและผนังอิฐก่อในการคานวณออกแบบ
ตามข้อ 5.2.5.2 หรือไม่ได้พิจารณาถึงรูปแบบการวิบัติท่ีเป็นอันตรายที่อาจเกิดจากการใช้ผนังอิฐก่อ
สามารถใชร้ ายละเอียดตอ่ ไปน้สี าหรับเสาทอี่ ย่ตู ดิ กับผนังหรือกาแพงอิฐก่อ
(ก) เมื่อความสูงของกาแพงอิฐก่อหรือกาแพงอิฐบล๊อกน้อยกว่าความสูงช่องว่างของเสา
(Clear Height) ตามรูป 5.2-1(ก)
(1) ให้ถือว่าตลอดความยาวเสาเป็นบริเวณท่ีต้องเสริมเหล็กปลอกโอบรัดตามข้อ 5.2.7.4.1
สาหรับโครงต้านแรงดัดที่มีความเหนียวปานกลาง หรือข้อกาหนดในหัวข้อที่ 5.2.9.4.1
ถึง 5.2.9.4.3 สาหรับโครงตา้ นแรงดดั ทม่ี คี วามเหนยี วพิเศษ
(2) ให้คานวณแรงเฉอื นโดยพิจารณาผลของการลดลงของช่วงการเฉือนของเสา และ จะต้อง
เสริมเหล็กปลอกต้านทานแรงเฉือนดังกล่าวนี้ให้กับบริเวณของเสาท่ีไม่ได้สัมผัสกับ
กาแพง รวมกับบริเวณทเ่ี ลยลงไปอีกเปน็ ระยะเท่ากบั มิตดิ า้ นยาวของหน้าตัดเสา
(ข) เมื่อกาแพงอิฐก่อหรือกาแพงอิฐบล๊อกสัมผัสกับเสาตลอดความสูงเสาเพียงด้านเดียวตามรูป
5.2-1(ข) ให้เสริมด้วยเหล็กปลอกโอบรัดตามข้อ 5.2.7.4 สาหรับโครงต้านแรงดัดท่ีมีความ
เหนียวปานกลาง หรือข้อกาหนดในหัวข้อท่ี 5.2.9.4 สาหรับโครงต้านแรงดัดท่ีมีความเหนียว
พเิ ศษ ทัง้ นกี้ ารเสริมเหลก็ ปลอกท่อี ยูน่ อกระยะ l0 จะต้องมีระยะห่างไม่เกินระยะที่กาหนดใน
หัวข้อ 5.2.7.4.5 สาหรับโครงต้านแรงดัดท่ีมีความเหนียวปานกลาง และ 5.2.9.4.6 สาหรับ
_________________________________________________________________________
หนา้ ท่ี 96 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสั่นสะเทอื นของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบบั ปรบั ปรงุ ครัง้ ที่ 1
โครงต้านแรงดัดท่ีมีความเหนียวพิเศษ แต่ท้ังนี้ต้องมีระยะห่างไม่เกินครึ่งหน่ึงของความลึก
ประสิทธิผล
สาหรับกรณีที่เสาไม่ได้อยู่ติดกับผนังหรือกาแพงอิฐก่อตามรูป 5.2-1(ค) ให้ใช้รายละเอียดตามข้อ
5.2.7.4 สาหรบั โครงตา้ นแรงดัดที่มคี วามเหนยี วปานกลาง หรือข้อกาหนด 5.2.9.4 สาหรับโครงต้านแรงดัดที่
มคี วามเหนยี วพิเศษ
(ก) ความสงู กาแพงอิฐก่อน้อยกว่าความสูงเสา (ข) กาแพงอฐิ กอ่ สัมผัสเสา (ค) กรณไี มม่ กี าแพงอิฐกอ่
เพยี งดา้ นเดยี ว
รปู ที่ 5.2-1 การให้รายละเอยี ดเสาท่ตี ดิ กบั ผนงั อฐิ ก่อ
5.2.5.2 โครงต้านแรงดัดทีม่ ีผนังอิฐกอ่
การวเิ คราะหแ์ ละออกแบบอาคารท่ีใช้โครงต้านแรงดัดคอนกรีตที่มีผนังอิฐก่อ เป็นระบบโครงสร้าง
หลักในการต้านทานแรงด้านข้าง ควรพิจารณาถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างโครงอาคารและผนังก่อ โดยเฉพาะ
ผลกระทบต่อความไม่สม่าเสมอของโครงสร้างที่เกิดจากผนังอิฐก่อ และต้องพิจารณารูปแบบการวิบัติที่
เป็นไปได้จากการรับแรงแบบต่าง ๆ เช่น แรงดัด แรงเฉือน การยึดเหนี่ยวและการฝังของเหล็กเสริม หรือ
การวิบัติจากการถูกอัด (Crushing) ของผนัง รวมถึงแรงปฏิสัมพันธ์ (Interactive Force) ระหว่างโครง
อาคารและผนัง
ในกรณีท่ีมีความจาเป็นต้องพิจารณาปฏิสัมพันธ์ระหว่างโครงอาคารและผนังก่อ สาหรับโครงต้าน
แรงดัดคอนกรีตท่ีมีผนังท่ีอาจเกิดการแตกร้าว เมื่อได้รับแรงกระทาทางด้านข้างท่ีใช้ออกแบบ สามารถใช้
แบบจาลองค้ายันรับแรงอัดเทียบเท่า (Equivalent Compression Strut) ซ่ึงมีส่วนของเสาทาหน้าท่ีเป็น
ช้ินส่วนแนวตั้ง ส่วนของคานทาหน้าที่เป็นชิ้นส่วนแนวนอน และส่วนของผนังหล่อท่ีจาลองเป็นค้ายันรับ
แรงอัดเทียบเท่า ข้อกาหนดสาหรับวิธีการจาลองด้วยค้ายันรับแรงอัดเทียบเท่า ให้เป็นไปตามภาคผนวก ง
หรือตามท่มี รี ะบุในมาตรฐาน มยผ.1303
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทอื นของแผ่นดินไหว หนา้ ที่ 97
ฉบับปรับปรุงครง้ั ท่ี 1
5.2.6 ข้อกาหนดเกี่ยวกับการเสริมเหลก็ ในโครงต้านทานแรงดัดธรรมดา
(ก) ในการออกแบบอาคารท่มี ีประเภทการออกแบบต้านทานแผน่ ดินไหว ข คานของโครงต้านแรง
ดัดแบบธรรมดา จะต้องจัดให้มีเหล็กเสริมหลักต้านทานโมเมนต์ดัดอย่างน้อย 2 เส้นทั้งเหล็ก
บนและเหลก็ ล่างตลอดความยาวคานโดยต้องมีระยะฝังยึดเหล็กเพียงพอที่จะทาให้เหล็กเสริม
สามารถรบั แรงดึงจนถึงจุดครากได้
(ข) ในการออกแบบอาคารทม่ี ีประเภทการออกแบบต้านทานแผ่นดินไหว ข เสาของโครงต้านแรง
ดัดแบบธรรมดาท่ีมีอัตราส่วนระหว่างความสูงช่องว่าง (Clear Height) ต่อมิติด้านยาวของ
หนา้ ตัดเสาน้อยกวา่ หรือเทา่ กบั 5 จะต้องออกแบบรับแรงเฉอื นตามข้อ 5.2.7.2
5.2.7 รายละเอียดการเสริมเหล็กโครงต้านแรงดัดที่มีความเหนียวปานกลางสาหรับโครงสร้าง
คอนกรตี เสรมิ เหลก็
5.2.7.1 คานและเสา คานหมายถึง องค์อาคารของโครงต้านแรงดัดที่มีแรงตามแนวแกนปรับค่า
(Factored Axial Load) ไม่มากกว่า 0.10 Ag f ' และเสาหมายถึงองค์อาคารของโครงต้านแรงดัดที่มีแรง
c
ตามแนวแกนปรบั คา่ มากกวา่ คา่ ดงั กลา่ ว
5.2.7.2 กาลังตา้ นแรงเฉือน กาลังตา้ นแรงเฉอื นที่ใชอ้ อกแบบ คาน เสา และแผ่นพื้นสองทางแบบ
ไร้คาน สาหรับต้านแรงส่ันสะเทือนจากแผ่นดินไหวจะต้องไม่น้อยกว่าค่าแรงเฉือนในข้อ 5.2.7.2.1 หรือข้อ
5.2.7.2.2 ข้อใดขอ้ หนง่ึ
5.2.7.2.1 แรงเฉือนท่ีเกิดข้ึนเมื่อแรงดัดท่ีปลายขององค์อาคารท้ังสองถึงค่าโมเมนต์กาลังระบุ
รวมกบั แรงเฉือนจากน้าหนักบรรทุกเน่อื งจากแรงโน้มถ่วง (ถา้ มี) (รูปท่ี 5.2-2)
5.2.7.2.2 แรงเฉือนสูงสุดท่ีได้จากการรวมน้าหนักบรรทุกออกแบบ (Design Load
Combinations) ท่ีพิจารณาแรงแผ่นดินไหวเป็น 2 เท่าของแรงท่ีกาหนดใน
ก ฎ ห ม า ย ค ว บ คุ ม อ า ค า ร ว่ า ด้ ว ย ก า ร ก่ อ ส ร้ า ง อ า ค า ร ใ น เ ข ต ท่ี อ า จ ไ ด้ รั บ
แรงสั่นสะเทือนจากแผน่ ดินไหว
5.2.7.3 การเสริมเหลก็ ในคาน ขอ้ กาหนดการเสรมิ เหล็กในคานของโครงตา้ นแรงดัดมีรายละเอียด
ดังน้ี (รูปท่ี 5.2-3)
5.2.7.3.1 กาลังต้านโมเมนต์บวกที่ขอบของข้อต่อจะต้องไม่น้อยกว่าหน่ึงในสามของกาลัง
ต้านโมเมนต์ลบท่ีขอบของข้อต่อเดียวกัน นอกจากนี้กาลังต้านโมเมนต์บวกและ
โมเมนต์ลบท่ีหน้าตัดใด ๆ ตลอดความยาวคานจะต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของ
กาลงั ตา้ นโมเมนต์สงู สดุ ท่ขี อบของขอ้ ต่อทปี่ ลายท้งั สองของคาน
_________________________________________________________________________
หนา้ ท่ี 98 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสนั่ สะเทือนของแผน่ ดินไหว
ฉบับปรับปรุงครงั้ ท่ี 1
5.2.7.3.2 ภายในบริเวณปลายคานท่ีห่างจากขอบของจุดรองรับเป็นระยะ 2 เท่าของความ
ลกึ คานจะตอ้ งเสริมเหล็กปลอกที่มีระยะเรียงของเหล็กปลอกไม่มากกว่าค่าที่น้อย
ทส่ี ดุ ของคา่ ดังตอ่ ไปน้ี
(1) 1 ใน 4 ของความลึกประสิทธิผล
(2) 8 เท่าของขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลางของเหลก็ เสริมตามยาวที่มีขนาดเล็กสุด
(3) 24 เท่าของขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลางของเหลก็ ปลอก
(4) 300 มลิ ลเิ มตร
และเหลก็ ปลอกแรกจะอย่หู า่ งจากขอบของจุดรองรับเปน็ ระยะไม่มากกว่า 50 มิลลิเมตร
5.2.7.3.3 ระยะเรียงของเหล็กปลอกในบริเวณอ่ืนท่ีนอกเหนือจากข้อ 5.2.7.3.2 จะต้องไม่
มากกว่าคร่งึ หนง่ึ ของความลึกประสทิ ธิผล
5.2.7.3.4 ควรหลีกเลี่ยงการทาบเหล็กเสริมตามยาวท้ังบนและล่างภายในระยะ 2 เท่าของ
ความลึกคาน เมื่อวดั จากขอบของจุดรองรับ
5.2.7.4 การเสริมเหลก็ ในเสา ข้อกาหนดการเสริมเหล็กในเสาของโครงต้านแรงดัดมีรายละเอียด
ดังนี้ (รปู ที่ 5.2-4)
5.2.7.4.1 ในกรณเี หลก็ ปลอกเด่ียว จะตอ้ งเสริมเหล็กปลอกเด่ียวที่มีระยะไม่มากกว่าระยะ s0
ตลอดความยาว l0 ท่ีวัดจากขอบของข้อต่อเสา โดยท่ีระยะ s0 จะต้องไม่มากกว่า
ค่าที่นอ้ ยที่สดุ ของค่าดังต่อไปนี้
(1) 8 เท่าของขนาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางของเหลก็ เสริมตามยาวทม่ี ีขนาดเล็กสดุ
(2) 24 เท่าของขนาดเสน้ ผ่านศูนย์กลางของเหลก็ ปลอก
(3) ครึง่ หนง่ึ ของมติ ทิ เี่ ล็กท่สี ุดของหนา้ ตดั เสา
(4) 300 มลิ ลเิ มตร
และเหล็กปลอกแรกจะตอ้ งอยหู่ า่ งจากขอบของข้อตอ่ เป็นระยะไม่มากกว่า 0.5s0
5.2.7.4.2 สาหรับความยาว l0 ในข้อ 5.2.7.4.1 จะต้องไม่น้อยกว่าค่าที่มากที่สุดของค่า
ดังตอ่ ไปนี้
(1) 1 ใน 6 ของความสงู จากขอบถึงขอบของเสา
(2) มติ ทิ ีม่ ากทสี่ ดุ ของหน้าตัดเสา
(3) 500 มิลลิเมตร
5.2.7.4.3 ในกรณีเหล็กปลอกเกลียว การเสริมเหล็กให้เป็นไปตามข้อกาหนดสาหรับการ
เสริมเหล็กองค์อาคารรับแรงอัดในมาตรฐานสาหรับอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
โดยวธิ กี าลงั ของสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทอื นของแผ่นดินไหว หนา้ ที่ 99
ฉบบั ปรับปรงุ ครั้งที่ 1
5.2.7.4.4 ข้อต่อระหว่างเสาและคานหรือระหว่างเสาและแผ่นพื้นในกรณีแผ่นพื้นไร้คาน
จะต้องมีการเสรมิ เหลก็ ปลอกเปน็ ปริมาณไม่นอ้ ยกวา่
Av 1 c1s (5.2-6)
3 fy
(หรอื ไมน่ ้อยกวา่ Av 3.5 c1s สาหรบั หน่วยเมตริก)
fy
โดยท่เี หลก็ เสริมนจ้ี ะตอ้ งเสรมิ ภายในเสาเปน็ ความลกึ ไม่นอ้ ยกว่าความลึกของคานท่ลี กึ ทส่ี ดุ ท่ีข้อต่อนัน้
ข้อยกเวน้ ข้อต่อระหว่างเสาและคานหรือระหว่างเสาและแผ่นพื้นไร้คาน ที่ไม่ได้เป็นส่วนหลักของระบบ
รบั แรงต้านแรงส่นั สะเทือนจากแผ่นดินไหว และมกี ารยึดโคนเสาท้ัง 4 ด้านด้วยคานหรือแผ่นพ้ืนที่
มคี วามลกึ เทา่ กนั โดยประมาณ
5.2.7.4.5 ระยะเรียงของเหล็กปลอกเด่ียวในส่วนท่ีนอกเหนือจากข้อ 5.2.7.4.1 จะต้องไม่
มากกว่า 2 เท่าของระยะ s0
5.2.7.4.6 พ้ืนที่หน้าตัดเหล็กเสริมตามยาวของเสาจะต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 และไม่ควร
มากกว่าร้อยละ 6 ของพื้นที่หนา้ ตัดทั้งหมด
5.2.7.4.7 การต่อเหลก็ เสริมในเสาควรต่อบริเวณชว่ งกลางความสูงเสา โดยวิธีการต่อเหล็กให้
เป็นไปตามมาตรฐานสาหรับอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กโดยวิธีกาลังของสมาคม
วิศวกรรมสถานแหง่ ประเทศไทยฯ
5.2.7.4.8 รอยต่อของเหล็กเสริมแต่ละเส้นที่อยู่ข้างเคียง ต้องไม่อยู่ในแนวเดียวกัน และควร
เหล่อื มกันประมาณ 1.00 เมตร หากไม่จาเปน็ ไม่ควรต่อเหล็กเสริม
_________________________________________________________________________
หนา้ ท่ี 100 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสั่นสะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบบั ปรบั ปรุงคร้งั ท่ี 1
แรงเฉือนในเสา หมายเห ุต น้าหนักบรรทุกปรับค่า และ ให้คานวณ
จากชุดน้าหนักบรร ุทกรวมระหว่างน้าหนักบรร ุทกคงที่
น้าหนักบรรทุกจร และแรงส่ันสะเ ืทอนจากแผ่นดินไหว
แรงเ ืฉอนในคาน
เสา
คาน
รูปที่ 5.2-2 ตวั อย่างการคานวณกาลังตา้ นแรงเฉอื นตามข้อ 5.2.7.2.1
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทอื นของแผ่นดนิ ไหว หนา้ ท่ี 101
ฉบบั ปรบั ปรงุ ครง้ั ท่ี 1
รปู ที่ 5.2-3 รายละเอยี ดการเสรมิ เหลก็ ในคาน
_________________________________________________________________________
หน้าที่ 102 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสั่นสะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบบั ปรับปรุงคร้ังที่ 1
รูปท่ี 5.2-4 รายละเอยี ดการเสริมเหล็กในเสา (ใช้ในกรณไี ม่มผี นงั อิฐก่อ)
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทือนของแผ่นดนิ ไหว หน้าท่ี 103
ฉบบั ปรับปรงุ ครง้ั ท่ี 1
5.2.7.5 การออกแบบขอ้ ตอ่ ระหวา่ งคานและเสา
ขอ้ ต่อระหว่างคานและเสาต้องมีขนาดใหญ่เพียงพอเพ่อื มิให้แรงภายในข้อต่อมีค่าเกินกว่ากาลังของ
ข้อตอ่ ดังรายละเอยี ดต่อไปน้ี
5.2.7.5.1 แรงเฉือนในแนวนอนสูงสุดที่กระทาต่อข้อต่อ Vj จะต้องไม่มากกว่ากาลัง
ตา้ นทานแรงเฉือนออกแบบ Vn หรือ
Vj Vn (5.2-7)
โดยท่ตี ัวคูณลดกาลงั ของข้อตอ่ ให้ใช้เทา่ กับ 0.85
5.2.7.5.2 แรงเฉือนในแนวนอนสูงสุดที่กระทาต่อข้อต่อเป็นแรงเฉือนท่ีเกิดข้ึนเมื่อหน้าตัด
คานท่ีปลายคานทั้งสองด้านของข้อต่อมีกาลังต้านทานโมเมนต์ดัดระบุในทิศทาง
เดียวกันดงั แสดงในรปู ที่ 5.2-5
รูปที่ 5.2-5 การคานวณแรงเฉือนในแนวนอนสูงสุดท่กี ระทาตอ่ ข้อต่อ
5.2.7.5.3 กาลงั ต้านแรงเฉือนระบุ Vn ของข้อต่อมีค่าดังต่อไปนี้
(1) ขอ้ ต่อท่ีได้รับการยดึ รัดจากคานท้ัง 4 ด้าน [(รปู ท่ี 5.2-6 (ก)]
Vn 1.7 fc' Aj (5.2-8)
(หรือ Vn 5.4 f Aj ในหน่วยเมตรกิ )
c
_________________________________________________________________________
หนา้ ท่ี 104 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการส่ันสะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบับปรับปรุงครัง้ ที่ 1
(2) ข้อต่อท่ีได้รบั การยดึ รัดจากคาน 3 ดา้ น หรอื คาน 2 ด้านทอ่ี ยูต่ รงขา้ มกนั
[รปู ท่ี 5.2-6 (ข)]
Vn 1.25 fc' Aj (5.2-9)
(หรือ Vn 4.0 f ' Aj ในหนว่ ยเมตริก)
c
(3) ข้อต่ออ่ืน ๆ [รูปที่ 5.2-6 (ค)]
Vn 1.0 fc Aj (5.2-10)
(หรอื Vn 3.2 fc' Aj ในหน่วยเมตรกิ )
โดยท่ี Aj เป็นพ้ืนที่ต้านแรงเฉือนในแนวนอนประสิทธิผลของข้อต่อ ดังแสดงในรูปท่ี 5.2-7 และจะถือว่า
ขอ้ ตอ่ ได้รบั การยึดรดั จากคานกต็ ่อเมอื่ คานทีเ่ ข้ามายึดรัดน้นั มคี วามกว้างไมน่ ้อยกว่าสามในส่ีของความกว้าง
เสาด้านท่ีคานเข้ามาบรรจบ และมีความลึกไม่น้อยกว่าสามในส่ีของความลึกคานตัวที่ลึกที่สุดที่เข้ามา
บรรจบกนั ทีข่ ้อตอ่
รปู ที่ 5.2-6 ขอ้ ต่อประเภทต่าง ๆ สาหรบั การคานวณกาลงั ต้านแรงเฉือนระบุ Vn
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทือนของแผ่นดนิ ไหว หนา้ ท่ี 105
ฉบับปรับปรุงคร้งั ที่ 1
รปู ที่ 5.2-7 พ้ืนท่ตี ้านแรงเฉือนประสิทธผิ ลของขอ้ ต่อระหว่างคานและเสา
_________________________________________________________________________
หน้าที่ 106 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทอื นของแผน่ ดินไหว
ฉบบั ปรบั ปรงุ ครัง้ ท่ี 1
5.2.7.6 ของอสาหรบั โครงสรา้ งรบั แรงสัน่ สะเทือนของแผ่นดนิ ไหว
ของอของเหล็กปลอกลูกตั้ง (Stirrup) และเหล็กปลอกรัดรอบ (Hoop) โดยท่ัวไปอาจดัดเป็นมุม
90 องศา และมีส่วนปลายยื่นต่อไปอีกไม่น้อยกว่า 6 เท่าของขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กปลอก
(รูปท่ี 5.2-8) สาหรับอาคารสาธารณะ เช่น โรงมหรสพ หอประชุม โรงแรม โรงพยาบาล สถานศึกษา เป็น
ตน้ หรืออาคารทอี่ อกแบบใหม้ ีความเหนยี ว ของอดังกลา่ วควรมีการดัดเป็นมุม 135 องศา หรือในกรณีที่ทา
เป็นของอ 90 องศา ควรยึดด้วยคลิปของอ (Hook -Clip) เพื่อรัดขาของอ 90 องศา ในบริเวณใกล้ข้อต่อ
(ระยะ 2h ในรปู ที่ 5.2-3 หรอื l0 ในรูปท่ี 5.2-4)
( 75 มม.) ( 75 มม.)
D D
(ก) ของอ 90 องศา (ข) ของอ 135 องศา
(สาหรบั อาคารท่ัวไป) (สาหรบั อาคารสาธารณะ)
รูปที่ 5.2-8 รายละเอียดของอสาหรบั โครงสร้างรับแรงสนั่ สะเทอื นของแผ่นดนิ ไหวสาหรับโครงตา้ นแรงดดั
ทม่ี คี วามเหนยี วปานกลาง
5.2.8 ข้อกาหนดเก่ยี วกับคานในโครงตา้ นแรงดดั ทม่ี ีความเหนียวพเิ ศษ
5.2.8.1 ขอบข่าย (Scope)
ข้อกาหนด 5.2.8 เป็นข้อกาหนดเพ่ิมเติมจากข้อ 5.2.7 โดยให้ใช้ข้อกาหนดที่เข้มงวดกว่าในทั้ง
2 หวั ข้อ
คานในโครงตา้ นแรงดัดทีม่ ีความเหนยี วพเิ ศษเป็นไปตามข้อ 5.2.8.1.1 จนถึง 5.2.8.1.4 ดงั น้ี
5.2.8.1.1 แรงอดั ตามแนวแกนปรับคา่ ท่กี ระทาต่อชิ้นสว่ น Pu จะต้องไม่เกนิ Ag fc' /10
5.2.8.1.2 ความยาวชว่ งวา่ งของชน้ิ ส่วน ln จะต้องไม่น้อยกวา่ 4 เทา่ ของความลกึ ประสิทธผิ ล
5.2.8.1.3 ความกว้างของชิ้นส่วน, bw ต้องไม่น้อยกว่าค่าที่น้อยกว่าระหว่าง 0.3h และ
250 มลิ ลเิ มตร
5.2.8.1.4 ระยะของหน้าตัดคานที่ย่ืนเลยจากขอบเสาในแต่ละด้านจะต้องไม่เกินค่าท่ีน้อยกว่า
ระหวา่ งความกว้างของเสา หรือ สามในสข่ี องความลึกของเสา
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทอื นของแผ่นดินไหว หนา้ ที่ 107
ฉบับปรับปรุงครงั้ ท่ี 1
5.2.8.2 เหล็กเสริมตามยาว
5.2.8.2.1 ท่ีหน้าตัดใด ๆ ของคาน ต้องเสริมเหล็กตามแนวยาวทั้งเหล็กบนและเหล็กล่างตาม
หลักเกณฑ์ของการเสริมเหล็กรับแรงดัดตามมาตรฐานที่เป็นยอมรับ โดยท่ีปริมาณ
เหล็กเสริมจะต้องไม่น้อยกว่า 1.4bwd / fy (หรือ 14bwd / fy ในหน่วยเมตริก)
ยกเว้นว่าได้เสริมเหล็กไว้เกิน 1/3 ของปริมาณที่ได้จากการคานวณ และอัตราส่วน
เหล็กเสริม, จะต้องไม่เกิน 0.025 และจะต้องมีเหล็กตามแนวยาวอย่างน้อย
2 เสน้ วางต่อเนื่องทงั้ ดา้ นบนและดา้ นล่างของหนา้ ตดั
5.2.8.2.2 กาลังต้านโมเมนต์บวกที่หน้าข้อต่อต้องไม่น้อยกว่าคร่ึงหนึ่งของกาลังต้านโมเมนต์
ลบที่หน้าข้อต่อนั้น และกาลังต้านโมเมนต์บวกและลบที่หน้าตัดใด ๆ ตลอดความ
ยาวช้นิ ส่วน ต้องไม่น้อยกวา่ หนง่ึ ในสีข่ องกาลงั ตา้ นโมเมนตส์ ูงสดุ ท่หี นา้ ขอ้ ตอ่
5.2.8.2.3 การทาบเหล็กเสริมรับแรงดัด จะยอมให้ทาได้เฉพาะในกรณีท่ีมีเหล็กปลอกรัดรอบ
หรือเหล็กปลอกเกลียวตลอดการทาบเหล็กน้ัน ระยะเรียงของเหล็กปลอกดังกล่าว
ต้องไม่เกินค่าที่น้อยกว่าระหว่าง 1 ใน 4 ของความลึกประสิทธิผล และ
100 มลิ ลเิ มตร การทาบเหล็กจะไม่ยอมใหใ้ ช้ในบรเิ วณ
(1) ภายในขอ้ ต่อ
(2) ภายในระยะสองเท่าของความลกึ ของชนิ้ ส่วนวดั จากหนา้ ขอ้ ต่อและ
(3) ในบรเิ วณทผี่ ลการวิเคราะห์ช้ีวา่ เกิดการครากของหน้าตัดเนื่องจากการเคล่ือนท่ี
ดา้ นขา้ งแบบไม่ยดื หยุ่นของโครง
5.2.8.3 เหล็กเสริมทางขวาง
5.2.8.3.1 เหล็กปลอกรัดรอบ (Hoop) จะตอ้ งเสรมิ ในบรเิ วณต่อไปนขี้ องคาน
(1) ตลอดระยะเทา่ กับสองเท่าของความลึกคานวดั จากผิวของฐานรองไปสู่กลางช่วง
คานทปี่ ลายคานท้ังสองด้าน
(2) ตลอดความยาวเทา่ กบั สองเทา่ ของความลึกคาน วัดออกไปท้ังสองด้านของหน้า
ตัดที่คาดว่าจะเกิดครากเม่อื โครงสร้างเกดิ การเคล่ือนทีด่ า้ นข้างแบบไมย่ ืดหย่นุ
5.2.8.3.2 เหล็กปลอกรัดรอบตาแหน่งแรกต้องอยู่ไม่เกิน 50 มิลลิเมตร จากขอบของฐานรอง
ระยะเรยี งของเหล็กปลอกรดั รอบตอ้ งไมเ่ กินค่าท่นี ้อยทีส่ ดุ ของค่าดงั ตอ่ ไปน้ี
(1) 1 ใน 4 ของความลึกประสทิ ธิผล
(2) 8 เทา่ ของเส้นผา่ นศนู ย์กลางของเหลก็ เสรมิ ตามยาวที่เล็กทส่ี ุด
(3) 24 เท่าของขนาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลางของเหล็กปลอกรัดรอบ
(4) 300 มิลลเิ มตร
_________________________________________________________________________
หน้าที่ 108 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทอื นของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบบั ปรับปรงุ ครั้งท่ี 1
5.2.8.3.3 ในบริเวณทม่ี กี ารใส่เหล็กปลอกรัดรอบ เหล็กเสริมตามยาวท่ีอยู่บริเวณโดยรอบของ
เหล็กปลอกรัดรอบนั้น ต้องได้รับการรองรับทางข้างตามมาตรฐานการออกแบบ
โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหลก็ ท่ีเป็นที่ยอมรับ
5.2.8.3.4 ในบริเวณท่ีไม่ต้องการเหล็กปลอกรัดรอบ ให้ใส่เหล็กลูกตั้งที่ทาของอต้าน
แผ่นดินไหวท่ีปลายทั้งสองด้านด้วยระยะเรียงที่ไม่เกินครึ่งหนึ่งของความลึก
ประสิทธิผลของคาน
5.2.8.3.5 เหล็กลูกตั้งหรือเหล็กปลอก (Stirrups or Ties) ท่ีใช้ในการต้านแรงเฉือนจะต้อง
เป็นเหล็กรัดรอบตลอดความยาวของชิ้นส่วน ในข้อ 5.2.8.3, 5.2.9.4 และ
5.2.10.2
5.2.8.3.6 เหล็กปลอกรัดรอบ (Hoop) ในคาน อนุญาตให้ทาจากเหล็กลูกตั้งที่มีของอต้าน
แผ่นดินไหวท่ีปลายท้ังสองและปิดด้วยเหล็กยึดขวาง (Cross Tie) เหล็กยึดขวางท่ี
วางตอ่ เน่อื งกันจะต้องทาของอ 90 องศาที่ปลายด้านตรงกันข้ามของคาน ในกรณีท่ี
เหลก็ เสรมิ นอนท่ยี ดึ ด้วยเหลก็ ปลอกขวางได้รับการยดึ รง้ั จากแผ่นพ้ืนเพียงด้านเดียว
ของคานนั้น ของอ 90 องศาของปลอกขวางจะตอ้ งวางอยู่ที่ดา้ นน้นั
5.2.8.4 ขอ้ กาหนดกาลังตา้ นแรงเฉอื น
5.2.8.4.1 แรงเฉือนทีใ่ ช้ในการออกแบบ
แรงเฉือนท่ีใชใ้ นการออกแบบ Ve ให้คานวณจากแรงท่ีกระทาบนส่วนของคานท่ีอยู่
ระหว่างผิวหน้าของรอยต่อ โดยให้สมมุติว่าท่ีหน้ารอยต่อทั้งสองมีโมเมนต์ท่ีมีค่าเท่ากับกาลัง
ต้านโมเมนต์ดัดท่ีเป็นไปได้ M pr กระทาในทิศตรงกันข้าม และช้ินส่วนคานนั้นถูกกระทา
โดยแรงแนวด่ิงท่ีเกิดจากน้าหนักบรรทุกประลัยกระทาร่วมด้วย (ดังรูป 5.2-2, ให้แทน Mu
ดว้ ย )M pr
ค่ากาลังต้านโมเมนต์ดัดที่เป็นไปได้ M pr ให้คานวณจากค่ากาลังรับแรงดึงของ
เหล็กเสรมิ เทา่ กบั 1.25 fy
5.2.8.4.2 เหลก็ เสรมิ ตามขวาง
เหล็กเสริมตามขวางตลอดความยาวท่ีระบุในหัวข้อ 5.2.8.3.1 จะต้องออกแบบให้
ต้านแรงเฉอื นโดยใหส้ มมตุ ิว่า Vc 0 เมอื่
(1) แรงเฉือนส่วนที่เกิดจากแผ่นดินไหวซ่ึงคานวณตามข้อ 5.2.8.4.1 มีค่าเกินกว่า
หรือ เท่ากับกาลังต้านแรงเฉือนสูงสุดท่ีต้องการภายในช่วงความยาวของ
ชิ้นส่วน และ
(2) แรงอดั ตามแกนเพม่ิ ค่า, Pu ซึง่ รวมผลจากแผน่ ดินไหวมคี ่าน้อยกว่า Ag fc' / 20
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทือนของแผน่ ดินไหว หนา้ ท่ี 109
ฉบับปรับปรุงครงั้ ที่ 1
5.2.9 ข้อกาหนดเก่ียวกับเสาในโครงตา้ นแรงดดั ที่มคี วามเหนียวพิเศษ
5.2.9.1 ขอบเขต (Scope)
ข้อกาหนด 5.2.9 เป็นข้อกาหนดเพิ่มเติมจากข้อ 5.2.7 โดยให้ใช้ข้อกาหนดที่เข้มงวดกว่าในทั้ง
2 หวั ข้อ
ข้อกาหนดนีใ้ ชก้ บั เสาในโครงต้านแรงดัดท่ี (1) ต้านแรงแผ่นดินไหว (2) มีค่าแรงตามแนวแกนปรับ
ค่าเกนิ Ag fc' /10 ซง่ึ ขนาดและสัดส่วนของหน้าตัดเสาจะต้องเปน็ ไปตามข้อ (ก) และ (ข) ดงั นี้
(ก) มิติของหน้าตัดเสาท่ีสั้นที่สุด ซ่ึงวัดจากเส้นตรงที่ลากผ่านจุดศูนย์กลางของหน้าตัด ต้อง
ไมต่ ่ากวา่ 300 มลิ ลิเมตร
(ข) อตั ราส่วนของมติ ทิ ส่ี ั้นทสี่ ดุ ของเสาตอ่ มิตทิ ตี่ ั้งฉากกนั ตอ้ งไมน่ อ้ ยกวา่ 0.4
5.2.9.2 กาลังตา้ นโมเมนต์ดดั ขัน้ ต่าของเสา
5.2.9.2.1 กาลังต้านโมเมนต์ดัดของเสาต้องเป็นไปตามข้อ 5.2.9.2.2 หรือ 5.2.9.2.3 สาหรับ
เสาท่ีไม่เป็นไปตาม 5.2.9.2.2 ไม่ต้องนามาพิจารณาในการคานวณกาลังและสติฟ
เนสเพอื่ การตา้ นแรงดา้ นข้างของโครงสร้าง แต่ให้ถือว่าเป็นชิ้นส่วนของโครงสร้างที่
ไมไ่ ด้เปน็ สว่ นหน่งึ ของระบบตา้ นแรงแผ่นดินไหว
5.2.9.2.2 กาลังตา้ นโมเมนต์ดดั ระบขุ องเสา ตอ้ งเป็นไปตามสมการ 5.2-11
Mnc 6 / 5 Mnb (5.2-11)
โดยที่ M nc คือ ผลรวมของกาลังต้านโมเมนต์ดัดระบุของเสา ณ จุดต่อนั้น โดยให้คานวณที่ขอบของ
จุดต่อ การคานวณกาลังต้านโมเมนต์ดัดระบุของเสานั้น ให้คานึงถึงค่าแรงอัดตาม
แนวแกนทก่ี ระทาต่อเสาในลกั ษณะที่ทาใหม้ ีค่ากาลังต้านโมเมนต์ดัดตา่ ทส่ี ุด
Mnb คือ ผลรวมของกาลังต้านโมเมนต์ดัดของคาน ณ จุดต่อน้ัน คานวณที่ขอบของจุดต่อ ใน
กรณีท่ีคานมีหน้าตัดตัวที ซ่ึงพื้นที่เป็นปีกคานทาหน้าที่รับแรงดึง ให้พิจารณาเหล็ก
เสริมในช่วงความกว้างประสิทธิผลของพ้ืนในการคานวณกาลังต้านทานโมเมนต์ดัด
ของคานดว้ ย
การรวมค่าโมเมนตด์ ดั ระบุขา้ งตน้ ใหม้ ีสมมุตฐานว่า โมเมนต์ในเสากระทาในทิศตรงขา้ มกับโมเมนต์ในคาน
5.2.9.2.3 หากไมส่ ามารถเป็นไปตาม 5.2.9.2.2 แลว้ ใหเ้ สรมิ เหล็กปลอกในเสาท่ีรองรับข้อต่อ
ดังกล่าว ด้วยเหล็กเสริมตามขวางตามข้อ 5.2.9.4.1 จนถึง 5.2.9.4.3 ตลอดความ
สูงเสา
5.2.9.3 เหลก็ เสริมตามยาว
5.2.9.3.1 พ้ืนท่ีหน้าตัดเหล็กเสริมตามยาว Ast ต้องไม่ต่ากว่า 0.01Ag แต่ไม่มากกว่า
0.06 Ag
_________________________________________________________________________
หน้าท่ี 110 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการส่นั สะเทือนของแผน่ ดินไหว
ฉบับปรับปรุงคร้ังท่ี 1
5.2.9.3.2 การต่อเหล็กด้วยวิธีทางกลและการเช่ือมให้เป็นไปตามมาตรฐานท่ีกาหนด
การต่อทาบเหล็กให้กระทาเฉพาะในบริเวณช่วงกลางของเสา โดยให้พิจารณาเป็น
การทาบชนิดรบั แรงดึง และใส่เหลก็ เสรมิ ตามขวางตาม 5.2.9.4.2 ถึง 5.2.9.4.3
5.2.9.4 เหลก็ เสรมิ ตามขวาง (Transverse Reinforcement)
5.2.9.4.1 ให้ใสเ่ หลก็ เสรมิ ตามขวางในเสาตามข้อ (1)– (5) ยกเว้นหากมีความต้องการเหล็ก
เสรมิ ตามขวางที่มากกวา่ ตาม 5.2.9.5
(1) อตั ราสว่ นเชิงปรมิ าตรของเหลก็ ปลอกเกลยี ว s ตอ้ งไม่น้อยกว่าค่าในสมการ
5.2-12 และ 5.2-13
s 0.12 fc' / f yh (5.2-12)
(5.2-13)
s 0.45 Ag / Ach 1 fc' / fyh
(2) พื้นที่หน้าตัดเหล็กปลอกรัดรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า Ash ต้องไม่น้อยกว่าค่าที่
กาหนดในสมการ 5.2-14 และ 5.2-15
Ash 0.3 sbc fc' / fyh Ag / Ach 1 (5.2-14)
(5.2-15)
Ash 0.09sbc fc' / f yh
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสนั่ สะเทือนของแผ่นดินไหว หนา้ ที่ 111
ฉบบั ปรบั ปรุงครัง้ ท่ี 1
: พนื้ ท่หี น้าตัดของเหลก็ ตาม (พนื้ ทีแ่ รเงา)
ขวางในทิศทางของแรงแผ่นดินไหว
ทศิ ทางของแรง
แผ่นดนิ ไหว
: ขนาดของแกนเสาวัด : พื้นทีภ่ ายในเส้นรอบวงของเหลก็
ระหว่างจุดศูนย์กลางของเหล็ก ปลอกวดั จากผวิ นอกของเหล็กปลอก
ปลอก
รปู ท่ี 5.2-9 นิยามของตวั แปรตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องตามสตู ร
(3) เหล็กเสริมตามขวาง อาจใช้เป็น เหล็กปลอกรัดรอบแบบเสน้ เดยี ว หรือ หลาย
เส้นซ้อนกัน และอนุญาตให้ใช้ เหล็กยึดขวาง (Cross Tie) ซึ่งมีขนาดและ
ระยะเรยี งเทา่ กบั เหล็กปลอกรัดรอบได้ โดยปลายแต่ละดา้ นของเหล็กยึดขวาง
จะต้องยึดกับเหล็กเสริมตามยาว เหล็กยึดขวางที่วางเรียงกันไป ควรจะสลับ
ทิศทางปลายยดึ เหล็กตามยาว
75 มม. (7.5 ซม.) เหล็กยึดขวาง (Cross Tie) ที่ยึด
เหล็กตามยาวเส้นเดียวกันให้สลับ
Extension ตาแหน่งท่ีของอ 90 องศา
Extension
hsx hsx hsx
โดยท่ี 350 มม. (35 ซม.)
= ค่าสงู สุดของค่า ทุก ๆ ดา้ น
รปู ท่ี 5.2-10 ตัวอยา่ งเหล็กเสริมหลักและเหลก็ ปลอกในเสา
_________________________________________________________________________
หน้าที่ 112 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบับปรบั ปรงุ ครง้ั ท่ี 1
75 มม. (7.5 ซม.) Detail B Extension
Extension Detail C
เหล็กยึดขวาง (Cross Tie)
Detail A
เหล็กยึดขวาง (Cross Tie) ท่ียึด
เหล็กตามยาวเส้นเดียวกันให้สลับ
ตาแหน่งทขี่ องอ 90 องศา
Detail – รายละเอยี ด
Extension - ระยะยน่ื
รปู ที่ 5.2-11 ตัวอย่างเหล็กปลอกรัดรอบทีว่ างซ้อนกัน
(4) หากคา่ กาลงั ออกแบบทีค่ านวณจากแกนเสา สามารถต้านทานน้าหนักบรรทุก
ทีร่ วมผลของแผน่ ดนิ ไหวออกแบบได้ ไม่จาเปน็ ตอ้ งใช้สมการ 5.2-15
(5) หากระยะหุ้มของคอนกรีตนอกเหล็กปลอกโอบรัดมีความหนาเกิน 100 มม.
ให้ใส่เหล็กเสริมตามขวางเพิ่มเติม ที่มีระยะเรียงไม่เกิน 300 มม. และระยะ
หุม้ เหล็กปลอกขวางเพมิ่ เติมนจี้ ะตอ้ งไมเ่ กิน 100 มม.
5.2.9.4.2 ระยะเรียงของเหล็กเสริมตามขวาง ตอ้ งไมเ่ กินค่าท่ีน้อยท่สี ดุ ระหว่างคา่ ดังต่อไปนี้
(1) 1 ใน 4 ของขนาดหน้าตดั เสาดา้ นที่เลก็ ทีส่ ดุ
(2) 6 เท่า ของขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลางเหล็กเสริมตามยาว
(3) ระยะ S0 (มิลลเิ มตร) คานวณจากสมการ (5.2-16)
S0 100 350 xi (5.2-16)
3
(หรอื S0 10 35 xi ในหน่วยเมตรกิ )
3
ระยะ S0 ต้องไม่ต่ากวา่ 100 มม. และไมม่ ากกวา่ 150 มม.
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทือนของแผน่ ดินไหว หน้าท่ี 113
ฉบับปรับปรงุ คร้งั ท่ี 1
5.2.9.4.3 ระยะตามแนวนอนของเหล็กยึดขวางหรือขาของเหล็กปลอกรัดรอบที่วางซ้อนกัน
ต้องไม่เกนิ 350 มม. วดั จากศูนย์กลางถึงศนู ยก์ ลาง
5.2.9.4.4 เหล็กเสริมตามขวางตามท่ีกาหนดใน 5.2.9.4.1 ถึง 5.2.9.4.3 ให้วางภายในระยะ
l0 จากขอบของข้อต่อท้ังสองดา้ น และจากหน้าตดั ท่ีคาดว่าจะมีการครากของเหล็ก
ตามแนวยาวเกดิ ข้ึน โดยระยะ l0 ตอ้ งไม่นอ้ ยกว่าค่าท่มี ากท่ีสดุ ระหวา่ ง
(1) มิตทิ ีม่ ากทีส่ ุดของหน้าตัดเสา
(2) 1 ใน 6 เท่าของความสูงจากขอบถงึ ขอบของเสา
(3) 500 มม.
5.2.9.4.5 เสาที่รองรับแรงจากช้ินส่วนเกร็งที่ไม่ต่อเนื่องเช่น จาก กาแพง จะต้องเสริมเหล็ก
ตามขวางตามข้อกาหนด 5.2.9.4.1 จนถึง 5.2.9.4.3 ตลอดความสูงเสาใต้ระดับที่
เกดิ ความไม่ต่อเนอ่ื ง เมอื่ แรงอดั ตามแนวแกนปรับค่าภายใต้แรงท่ีรวมแผ่นดินไหวมี
คา่ เกิน
เหลก็ เสรมิ ตามขวางตามท่รี ะบุใน 5.2.9.4.1 จนถึง 5.2.9.4.3 จะต้องเสริมให้เลยลง
ไปในชิ้นส่วนที่ไม่ต่อเน่ืองอีกเป็นระยะอย่างน้อยเท่ากับระยะฝังภายใต้แรงดึง
คานวณโดยใชเ้ ส้นผา่ นศูนย์กลางเหลก็ ตามยาวในเสาทมี่ ีขนาดใหญท่ ่สี ุด
เม่อื ปลายล่างของเสาต้ังอยู่บนกาแพง เหล็กเสริมตามขวางตามท่ีระบุใน 5.2.9.4.1
จนถึง 5.2.9.4.3 จะต้องเสริมเลยลงไปในกาแพงเป็นระยะไม่น้อยกว่า ld ซ่ึง
คานวณจากเหลก็ เสริมยาวขนาดใหญท่ ส่ี ุด
เม่ือเสาตั้งอยู่บนฐานราก เหล็กเสริมตามขวางตามที่ระบุใน 5.2.9.4.1 จนถึง
5.2.9.4.3 จะตอ้ งเสริมเลยลงไปในฐานรากเป็นระยะไม่น้อยกวา่ 300 มม.
5.2.9.4.6 ในบริเวณอืน่ ของเสาทีไ่ มไ่ ด้เสรมิ เหลก็ ปลอกขวางตามทรี่ ะบุใน ข้อ 5.2.9.4.1 จนถึง
5.2.9.4.3 ตลอดความสูงเสา ให้เสริมเหล็กปลอกเกลียวหรือปลอกรัดรอบท่ีมีระยะ
เรียงจากศูนย์กลางถึงศูนย์กลางไม่เกินค่าที่น้อยกว่าระหว่าง 6 เท่าของเส้นผ่าน
ศูนยก์ ลางของเหล็กตามแนวยาวและ 150 มม.
_________________________________________________________________________
หน้าท่ี 114 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการส่นั สะเทือนของแผน่ ดินไหว
ฉบับปรับปรุงครงั้ ที่ 1
5.2.9.5 ข้อกาหนดกาลงั ต้านแรงเฉือน
5.2.9.5.1 แรงเฉือนออกแบบ Ve ให้คานวณโดยพิจารณาจากแรงสูงสุดท่ีกระทาท่ีปลายของ
เสาท้ังสองด้าน โดยแรงสูงสุดน้ีหมายถึง กาลังต้านโมเมนต์สูงสุดที่เป็นไปได้ M pr
และค่าแรงอัดตามแนวแกนปรับค่า Pu ที่กระทาร่วมกัน โดยท่ีค่าแรงเฉือน
ออกแบบ Ve ท่ีคานวณได้น้ีจะต้องไม่น้อยกว่าแรงเฉือนปรับค่าที่ได้จากการ
วเิ คราะหโ์ ครงสร้าง
5.2.9.5.2 ค่ากาลังต้านโมเมนต์ดัดที่เป็นไปได้ M pr ให้คานวณจากค่ากาลังรับแรงดึงของ
เหล็กเสรมิ เทา่ กับ 1.25 fy
5.2.9.5.3 เหลก็ เสรมิ ตามขวางตลอดระยะ l0 ที่ระบุในหัว 5.2.9.4.4 จะต้องออกแบบให้ต้าน
แรงเฉอื นโดยไม่คดิ กาลงั ตา้ นแรงเฉือนของคอนกรีต Vc 0 เม่ือ
(1) แรงเฉือนที่เกิดจากแผ่นดินไหว ท่ีคานวณตามข้อ 5.2.9.5.1 มีค่ามากกว่าหรือ
เท่ากับครง่ึ หนง่ึ ของแรงเฉอื นปรบั คา่ สูงสุด และ
(2) แรงอัดตามแนวแกนปรับค่า Pu ที่รวมผลของแผ่นดินไหวแล้ว น้อยกว่า
Ag fc' / 20
5.2.10 ขอ้ ต่อระหวา่ งคานและเสาในโครงตา้ นแรงดดั ที่มีความเหนยี วพเิ ศษ
5.2.10.1 ขอ้ กาหนดทวั่ ไป
ข้อกาหนด 5.2.10 เป็นข้อกาหนดเพ่ิมเติมจากข้อ 5.2.7 โดยให้ใช้ข้อกาหนดท่ีเข้มงวดกว่าในทั้ง
2 หัวขอ้
5.2.10.1.1 แรงในเหล็กเสรมิ ตามยาวในคานท่ีข้อต่อให้คานวณโดยใช้ค่าหน่วยแรงดึงในเหล็ก
เสรมิ เทา่ กับ 1.25 fy
5.2.10.1.2 กาลังของข้อต่อให้คานวณโดยใช้ตวั คูณลดกาลงั เท่ากบั 0.85
5.2.10.1.3 เหล็กเสริมตามยาวในคานควรจะวางเลยออกไปจนถึงขอบด้านนอกของแกนเสา
และใหท้ าการฝังยดึ กบั แถบเสา โดยหากเปน็ กรณรี บั แรงดงึ ให้ทาตามข้อ 5.2.10.4
และหากเป็นกรณีรับแรงอัดใหท้ าตามข้อกาหนดเรื่องเสาในมาตรฐานทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง
5.2.10.1.4 สาหรับเหล็กเสริมตามยาวในคานที่วางทะลุผ่านข้อต่อ มิติของเสาที่ขนานกับ
เหลก็ เสริมในคานจะต้องไมน่ ้อยกวา่ 20 เท่าของเสน้ ผา่ นศูนย์กลางของเหล็กเสริม
ตามยาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรณีที่เป็นคอนกรีตน้าหนักปกติ สาหรับคอนกรีต
น้าหนักเบา มิติของเสาจะต้องไม่น้อยกว่า 26 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของ
เหลก็ เสริมตามยาว
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสนั่ สะเทอื นของแผน่ ดนิ ไหว หนา้ ที่ 115
ฉบบั ปรับปรุงครัง้ ท่ี 1
5.2.10.2 เหล็กเสรมิ ตามขวาง
5.2.10.2.1 ให้เสริมเหล็กปลอกรัดรอบตามข้อ 5.2.9.4 ในข้อต่อ ถ้าหากว่าข้อต่อนั้นไม่ได้ถูก
ยดึ รัดโดยคานตามขอ้ 5.2.10.2.2
5.2.10.2.2 เม่ือข้อต่อมีคานเข้ามาชนท้ัง 4 ด้าน และความกว้างของคานอย่างน้อยเท่ากับ
สามในส่ีของความกว้างเสา ให้ใส่เหล็กเสริมตามขวางเป็นปริมาณอย่างน้อย
เท่ากับคร่ึงหนึ่งของท่ีระบุใน 5.2.9.4.1 ภายในระยะความสูง h ของคานท่ีมี
ความลึกท่ีน้อยที่สุดที่เข้ามาชนกับจุดต่อ และระยะเรียงตามที่ระบุใน 5.2.9.4.2
สามารถปรับเพิ่มข้ึนเป็น 150 มม. ได้
5.2.10.2.3 ในกรณีท่ีไม่มีคานเข้ามาชนกับข้อต่อ ให้เสริมเหล็กเสริมตามขวางตามท่ีระบุใน
5.2.9.4 ภายในข้อต่อเพื่อที่จะให้เกิดการโอบรัด (Confinement) ให้แก่เหล็ก
ตามยาวในคาน
5.2.10.3 กาลงั ต้านแรงเฉือน (Shear Strength)
กาลังต้านแรงเฉอื น Vn ของขอ้ ตอ่ ใหค้ านวณจากสตู รสาหรับคอนกรีตน้าหนักปกติตาม
5.2.7.5.3 สาหรบั คอนกรตี น้าหนักเบาให้ใช้คา่ กาลังตา้ นแรงเฉอื นของข้อต่อไมเ่ กนิ 3 ใน 4 ของค่าทก่ี าหนด
5.2.10.4 ระยะฝงั ของเหล็กเสรมิ รบั แรงดึง
5.2.10.4.1 ระยะฝังของเหล็กเสริม ldh ที่ทาของอมาตรฐาน 90 องศาจะต้องไม่น้อยกว่าค่าท่ี
มากที่สุดระหว่าง 8 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลาง และ 150 มม. และความยาวท่ี
กาหนดตามสมการ
ldh fydb / 5.3 fc' (5.2-17)
(หรือ ldh fydb / 17 fc' ในหนว่ ยเมตรกิ )
สาหรับเหล็กที่มเี ส้นผ่านศูนยก์ ลางระหวา่ ง 9 – 32 มม.
สาหรับคอนกรตี นา้ หนกั เบา ระยะฝัง ldh จะต้องไม่น้อยกว่าค่าท่ีมากที่สุดระหว่าง 10 เท่าของเส้น
ผา่ นศนู ย์กลาง และ 200 มม. และ 1.25 เท่าของคา่ ท่ีคานวณจากสมการขา้ งตน้
ของอ 90 องศาจะต้องอยู่ภายในแกนเสาที่ถูกยึดรัดหรือภายในช้ินส่วนขอบเขต (Boundary
Element)
_________________________________________________________________________
หน้าท่ี 116 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสน่ั สะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบบั ปรับปรงุ คร้ังที่ 1
รูปท่ี 5.2-12 ตวั อย่างการทาของอเหลก็ ที่ข้อต่อ
5.2.10.4.2 สาหรับเหล็กท่ีมีเส้นผ่านศูนย์กลางต้ังแต่ 9 ถึง 32 มม. ระยะฝังสาหรับเหล็กตรง
ต้องไม่น้อยกวา่ คา่ ทมี่ ากกวา่ ระหวา่ ง (1) และ (2)
(1) 2.5 เท่าของระยะในข้อ 5.2.10.4.1 ถ้าความลึกของคอนกรีตท่ีเทครั้งเดียวใต้
เหลก็ ไม่เกนิ 250 มม.
(2) 3.25 เท่าของระยะในข้อ 5.2.10.4.1 ถ้าความลึกของคอนกรีตที่เทคร้ังเดียว
ใต้เหล็กเกิน 250 มม.
5.2.10.4.3 เหล็กเสริมตรงที่หยุดท่ีข้อต่อ ให้วางทะลุผ่านแกนของเสาที่ได้รับการโอบรัด หรือ
ของชิ้นส่วนขอบเขต ส่วนใดของระยะฝัง ld ที่ไม่ได้อยู่ภายในแกนที่ถูกโอบรัดให้
เพ่ิมความยาวขึ้นอีก 1.6 เท่า
5.2.10.4.4 ในกรณีท่ีใช้เหล็กเคลือบผิวอีพ๊อกซี ให้เพ่ิมระยะฝังตามท่ีคานวณในข้อ
5.2.10.4.1 ถึง 5.2.10.4.3 ด้วยตัวคูณที่เหมาะสมตามมาตรฐานการออกแบบท่ี
ได้รบั การยอมรบั
5.2.11 กาแพงคอนกรตี ทม่ี ีความเหนยี วพเิ ศษและคานยึดควบ
5.2.11.1 ขอบเขต
ข้อกาหนดน้ีใช้กับกาแพงคอนกรีตเสริมเหล็กท่ีมีความเหนียวพิเศษและคานยึดควบ (Coupling
Beam) ในระบบตา้ นแรงแผน่ ดินไหว
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสนั่ สะเทือนของแผน่ ดินไหว หน้าที่ 117
ฉบับปรบั ปรุงคร้ังที่ 1
5.2.11.2 เหล็กเสรมิ
5.2.11.2.1 อัตราส่วนเหล็กเสริมในส่วนอกกาแพง l และ t จะต้องไม่น้อยกว่า 0.0025
ยกเว้นเมื่อแรงเฉือนปรับค่า Vu มีค่าไม่เกิน 0.083Acv f ' (หน่วย SI) [หรือ
c
0.265Acv fc' (หน่วย เมตริก)] อนุญาตให้ลด l และ t ลงได้ตามท่ีกาหนด
ในมาตรฐานที่เกย่ี วขอ้ ง
ระยะเรียงของเหล็กเสริมในแต่ละทิศทางต้องไม่เกิน 450 มม. เหล็กเสริมที่นามา
คานวณกาลังต้านทานแรงเฉือน Vn จะต้องวางกระจายอย่างต่อเน่ืองตลอด
ระนาบเฉอื น
5.2.11.2.2 หากค่าแรงเฉือนปรับค่า Vu มีค่าเกิน 0.166Acv fc' (หน่วย SI) [หรือ
0.53Acv f ' (หน่วย เมตริก)] จะต้องเสริมเหล็กปลอกในกาแพงอย่างน้อย
c
2 ช้ันที่ผวิ กาแพง
5.2.11.3 แรงท่ีใชอ้ อกแบบ
แรงเฉือนทใ่ี ชใ้ นการออกแบบ (Ve ) สาหรับออกแบบกาแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก ให้คานวณดังนี้
Ve = Ω ω Vu ≤ 3Vu (5.2-18ก)
v v
โดยท่ี Vu คอื แรงเฉือนที่ได้จากการวิเคราะห์แรงด้านข้างดว้ ยชุดตัวคูณน้าหนักบรรทุกท่ีเหมาะสม (นิวตนั )
Ω คอื ค่าตัวประกอบกาลงั สว่ นเกินท่หี น้าตดั วกิ ฤติ ตามขอ้ 5.2.11.3.1
v
ω คือ คา่ ตวั ประกอบขยายค่าแรงเฉอื นพลศาสตร์ ตามข้อ 5.2.11.3.2
v
5.2.11.3.1 คา่ Ω สามารถคานวณหาคา่ ได้ ดังน้ี
v
เง่ือนไข เลือกค่าทม่ี ากกวา่ Ω
h /l ˃ 1.5 v
M pr / M u [1]
wcs w 1.5[2]
h /l ≤ 1.5 1.0
wcs w
[1] สาหรบั วิธีการรวมผลของน้าหนกั บรรทุก (Load Combination) ท่ใี ห้คา่ Ω สงู สุด โดยที่v
M pr และ Mu พจิ ารณาทห่ี น้าตดั วิกฤตของกาแพง
[2] เว้นแต่การวิเคราะห์อย่างละเอียดจะแสดงว่าสามารถใชค้ ่าน้อยกว่าได้ แต่ทง้ั นตี้ ้องไม่น้อยกวา่ 1.0
โดยท่ี h คอื ความสูงของกาแพงเหนือหน้าตดั วิกฤตสาหรับแรงดัดและแรงตามแนวแกน (เมตร)
wcs
l คอื ความยาวของกาแพงทพี่ ิจารณาในทิศทางของแรงเฉือน (เมตร)
w
_________________________________________________________________________
หนา้ ที่ 118 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสน่ั สะเทือนของแผน่ ดินไหว
ฉบับปรับปรงุ คร้ังท่ี 1
5.2.11.3.2 ค่า ω สามารถคานวณหาค่าได้ ดงั นี้
v
กรณที ่ี 1: สาหรับกาแพงมีค่า h /l < 2.0 ค่า ω ใหก้ าหนดเทา่ กับ 1.0
wcs w v
กรณที ่ี 2: สาหรบั กาแพงมคี า่ h /l ≥ 2.0 ให้คานวณ ω ตามเงอ่ื นไขดงั น้ี
wcs w v
1) ns ≤ 6; ω = 0.9 + n
v s
10
2) ns > 6; ω = 1.3 + n ≤ 1.8
v s
30
โดยท่ี ns คือ จานวนชน้ั ของอาคารเหนือหนา้ ตัดวิกฤต ทัง้ นี้ ns จะต้องไมน่ ้อยกวา่ 0.276 h
wcs
5.2.11.4 กาลงั ตา้ นแรงเฉอื น
5.2.11.4.1 กาลังตา้ นแรงเฉอื นระบุของกาแพง Vn มคี ่าไมเ่ กนิ
Vn Acv c fc' t fy (5.2-18)
โดยที่ค่าสัมประสิทธิ์ c เท่ากับ 0.249 (หน่วย SI) [หรือ 0.795 (หน่วยเมตริก)] เม่ือ hw / lw 1.5 และ
เท่ากบั 0.166 (หน่วย SI) [หรือ 0.53 (หน่วยเมตริก)] เม่ือ hw / lw 2.0 และแปรผันเชิงเส้น เม่ือ hw / lw
อยรู่ ะหว่าง 1.5 และ 2.0
5.2.11.4.2 ในการคานวณตามข้อ 5.2.11.4.1 อัตราส่วน hw / lw ท่ีใช้ในการหาค่า Vn
สาหรับแต่ละชิ้นส่วนของกาแพง (Wall Segments) ให้ใช้ค่าท่ีมากกว่าระหว่าง
อตั ราสว่ นของกาแพงทง้ั ผืนและของเฉพาะชิน้ ส่วนกาแพงท่ีพิจารณา
5.2.11.4.3 เหล็กเสริมในกาแพงท่ีต้านแรงเฉือนต้องเป็นเหล็กเสริมกระจายในสองทิศทาง
ที่ตั้งฉากกันในระนาบของกาแพง ในกรณีท่ีอัตราส่วน hw / lw ไม่เกิน 2.0
อตั ราส่วนเหลก็ เสริม l ต้องไม่นอ้ ยกวา่ อัตราส่วนเหล็กเสริม t
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทือนของแผ่นดินไหว หนา้ ที่ 119
ฉบบั ปรบั ปรงุ คร้ังที่ 1
5.2.11.4.4 กาลังต้านทานแรงเฉือนระบุ Vn รวมของกาแพงเฉือนจะต้องไม่เกิน
0.68Acv fc' (หน่วย SI) [หรือ 2.12Acv fc' (หน่วยเมตริก)] เมื่อ Acv คือ
พื้นท่ีหน้าตัดรวมของกาแพง แต่สาหรับช้ินส่วนกาแพงแต่ละแผง กาลังต้านทาน
แรงเฉือนระบุ Vn จะต้องไม่เกิน 0.85Acw fc' (หน่วย SI) [หรือ 2.65Acw fc'
(หนว่ ยเมตรกิ )] เมอื่ Acw คือพื้นทห่ี น้าตัดของช้นิ ส่วนกาแพงเฉพาะแผงน้นั
5.2.11.4.5 สาหรบั ส่วนของกาแพงในแนวนอน และ คานยึดควบ ค่ากาลังต้านแรงเฉือนระบุ
Vn จะต้องไม่มากกว่า 0.85Acw fc' (หน่วย SI) [หรือ 2.65Acw fc' (หน่วย
เมตริก)] โดยที่ Acw คือพื้นท่ีของชิ้นส่วนของกาแพงแนวนอนหรือของ
คานยดึ ควบ
5.2.11.5 การออกแบบต้านแรงดดั และแรงตามแนวแกน
5.2.11.5.1 การออกแบบกาแพงให้คานึงถึงแรงดัดและแรงตามแนวแกนปรับค่าที่กระทา
ร่วมกับแรงเฉือนปรับค่า โดยให้พิจารณาหน้าตัดที่ประกอบด้วยคอนกรีตและ
เหล็กเสริมที่อยู่ภายในบริเวณความกว้างประสิทธิผลของปีก ชิ้นส่วนขอบเขต
และบริเวณอกกาแพง และใหค้ านงึ ช่องเปิดในกาแพงเฉือนด้วย
5.2.11.5.2 ในกรณี่ที่ไม่ได้ทาการวิเคราะห์ละเอียด ให้ถือว่าความกว้างประสิทธิผลของหน้า
ตัดท่ีมีลักษณะเป็นปีก มีระยะยื่นออกจากส่วนอกกาแพงเท่ากับค่าที่น้อยกว่า
ระหว่างคร่ึงหนึ่งของระยะไปถึงอกกาแพงข้างเคียง และ หน่ึงในส่ีของความสูง
กาแพงท้งั หมด
5.2.11.6 ชน้ิ ส่วนขอบเขตของกาแพงทมี่ คี วามเหนียวพเิ ศษ
5.2.11.6.1 ให้พิจารณาว่ามีความจาเป็นที่จะต้องเสริมช้ินส่วนขอบเขต ที่ปลายของกาแพง
หรือไม่ ตาม 5.2.11.6.2 หรือ 5.2.11.6.3 และให้ปฏิบัติตาม 5.2.11.6.4 และ
5.2.11.6.5 ด้วย
5.2.11.6.2 ข้อกาหนดในส่วนนใี้ ห้ใช้กับกาแพงหรือช้ินส่วนกาแพง ท่ีมีความต่อเน่ืองจากฐาน
รากจนถึงส่วนบนสุดของกาแพงและมีหน้าตัดวิกฤติในการต้านแรงดัดและแรง
ตามแนวแกนที่ตาแหน่งเดียว สาหรับกาแพงท่ีไม่เป็นไปตามนี้ ให้ทาตาม
5.2.11.6.3
(1) บริเวณปลายกาแพงที่รบั แรงอดั ควรเสรมิ ชิ้นสว่ นขอบเขตเมอ่ื
c lw / 600u / hw (5.2-19)
_________________________________________________________________________
หน้าที่ 120 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสน่ั สะเทือนของแผน่ ดินไหว
ฉบับปรบั ปรุงครง้ั ท่ี 1
ค่า c ในสมการ (5.2-19) เป็นค่าความลึกของแกนสะเทินที่มากท่ีสุดคานวณภายใต้แรงตาม
แนวแกนปรับค่าร่วมกับกับกาลังต้านโมเมนต์ระบุที่สอดคล้องกับการเคลื่อนตัวด้านข้างออกแบบ u
อัตราสว่ น u / hw ในสมการ (5.2-19) จะต้องไม่นอ้ ยกวา่ 0.007
(2) เม่ือต้องมีการเสริมช้ินส่วนขอบเขตตามข้อ 5.2.11.6.2 (1) เหล็กเสริมใน
ช้ินส่วนขอบเขตต้องมีความยาวในแนวดิ่งวัดออกจากหน้าตัดวิกฤติเป็นระยะ
ไม่น้อยกวา่ คา่ ที่มากกว่าระหว่าง lw และ Mu / 4Vu
5.2.11.6.3 สาหรับกาแพงโครงสร้างที่ไม่ได้ออกแบบตามข้อ 5.2.11.6.2 ให้เสริมช้ินส่วน
ขอบเขตท่ีปลายกาแพงและขอบรอบช่องเปิดเมื่อหน่วยแรงอัดสูงสุดภายใต้แรง
แผน่ ดินไหวปรบั ค่ามคี ่าเกนิ 0.2 fc' และสามารถหยุดการเสริมชิ้นส่วนขอบเขตได้
ในตาแหน่งท่ีค่าหน่วยแรงอัดน้อยกว่า 0.15 fc' การคานวณหน่วยแรงอัดให้
คานวณตามทฤษฎียืดหยุ่นเชิงเส้นและใช้คุณสมบัติของหน้าตัดรวม สาหรับ
กาแพงทีม่ ปี ีก ใหค้ านวณความกว้างประสทิ ธผิ ลตามขอ้ 5.2.11.5.2
5.2.11.6.4 เม่ือจาเป็นต้องเสริมช้ินส่วนขอบเขตตามข้อ 5.2.11.6.2 หรือ 5.2.11.6.3 ให้ทา
ตามขอ้ (1) ถึง (5) ตอ่ ไปนี้
(1) ช้ินส่วนขอบเขตควรจะมีความยาววัดจากผิวที่รับแรงอัดไม่น้อยกว่าค่าท่ี
มากกว่าระหวา่ ง c 0.1lw และ c / 2 เมื่อ c คือความลึกแกนสะเทินที่มาก
ท่สี ดุ ท่ีคานวณภายใตแ้ รงตามแนวแกนปรับค่าและค่ากาลังต้านโมเมนต์ระบุท่ี
สอดคล้องกับ u
(2) สาหรับหน้าตัดกาแพงที่มีลักษณะเป็นปีก ช้ินส่วนขอบเขตให้นับรวมส่วน
ความกว้างประสิทธิผลด้วยและต้องมีความลึกอย่างน้อย 300 มม. เข้าไปใน
ส่วนอกกาแพง
(3) เหล็กเสริมตามขวางในชิ้นส่วนขอบเขตให้เป็นไปตามข้อ 5.2.9.4.1 ถึง
5.2.9.4.3 ยกเวน้ สมการ 5.2-13
(4) ให้เสริมเหล็กเสริมตามขวางในช้ินส่วนขอบเขตที่ฐานกาแพงลงไปใน
ฐานรองรับเป็นระยะอย่างน้อยเท่ากับระยะฝังของเหล็กเสริมตามยาวที่มี
ขนาดเส้นผ่านศนู ย์กลางมากทีส่ ุด ในกรณีท่ชี น้ิ ส่วนขอบเขตต้ังบนฐานราก ให้
เสรมิ เหล็กเหล็กเสริมตามขวางลึกลงไปในฐานรากอยา่ งน้อย 300 มม.
(5) สาหรับเหล็กเสริมแนวราบที่อยู่ในอกกาแพง ให้ทาการเสริมเหล็กดังกล่าวใน
แกนของชิ้นสว่ นขอบเขตเพอ่ื ให้สามารถรบั แรงดึงได้ถึงจดุ คราก
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสนั่ สะเทอื นของแผ่นดนิ ไหว หนา้ ที่ 121
ฉบบั ปรับปรงุ ครง้ั ท่ี 1
5.2.11.6.5 ในบรเิ วณท่ตี อ้ งการเสรมิ ชนิ้ ส่วนขอบเขตตามข้อ 5.2.11.6.2 หรือ 5.2.11.6.3 ให้
ทาตามข้อ (1) และ (2) น้ี
(1) ถ้าอัตราส่วนเหล็กเสริมตามยาวท่ีปลายกาแพง มีค่ามากกว่า 2.8 / fy
(ในหน่วยเมตริก: 28 / fy ) เหล็กเสริมทางขวางจะต้องเป็นไปตามข้อ
5.2.9.4.1(3), 5.2.9.4.3 และ 5.2.11.6.4 (1) โดยท่ีระยะเรียงของเหล็กเสริม
ทางขวางในบริเวณดงั กล่าวต้องไม่เกนิ 200 มม.
(2) หากแรงเฉือนปรับค่า Vu มีค่าเกิน 0.083Acv fc' (หน่วย SI) [หรือ
0.265Acv fc' (หน่วยเมตริก)] เหล็กเสริมนอนท่ีหยุดที่ปลายกาแพงท่ีไม่มี
ชนิ้ สว่ นขอบเขต ให้ทาของอมาตรฐานทีป่ ลายหรือให้ทาเหล็กปลอกเป็นรูปตัว
ยูยึดกับเหล็กเสริมตามแนวแกนในกาแพงโดยให้มีขนาดและระยะเรียง
เช่นเดียวกับเหล็กแนวนอนน้ัน และให้ทาบเหล็กตัวยูกับเหล็กแนวนอนน้ัน
ดว้ ย
5.2.11.7 คานยดึ ควบ
5.2.11.7.1 คานยึดควบที่มีอัตราส่วน ln / h 4 ให้ออกแบบตาม 5.2.8 โดยอาจไม่ต้อง
พิจารณา 5.2.8.1.3 และ 5.2.8.1.4 ก็ได้ ถ้าผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าคาน
ดงั กล่าวมีเสถียรภาพทางดา้ นขา้ งเพียงพอ
5.2.11.7.2 สาหรับคานยึดควบท่ีมีอัตราส่วน ln / h 4 อนุญาตให้เสริมเหล็กทแยงมุมวาง
ตดั กนั และสมมาตรรอบจุดกงึ่ กลางคาน
5.2.11.7.3 คานยึดควบที่มีอัตราส่วน ln / h 2 และมีค่าแรงเฉือนปรับค่า
Vu 0.34 f ' Acw (หน่วย SI) [หรือ Vu 1.06 fc' Acw (หน่วยเมตริก)] ให้
c
เสริมด้วยเหล็กวางทแยงมุมตัดกนั ใหส้ มมาตรรอบจดุ ก่ึงกลางคาน เว้นแต่จะแสดง
ให้เห็นว่าการสูญเสียสติฟเนสและกาลังของคานยึดควบจะไม่กระทบต่อกาลังรับ
น้าหนักโครงสร้าง การอพยพออกจากโครงสร้าง ความมีเสถียรภาพของส่วนท่ี
ไมใ่ ช่โครงสรา้ งและรอยตอ่ ที่ยึดกบั โครงสรา้ ง
5.2.11.7.4 คานยดึ ควบท่ีเสริมดว้ ยเหล็กทแยงมุมวางตัดกันและสมมาตรรอบจุดกึ่งกลางคาน
ตอ้ งปฏิบัติตามขอ้ (1) (2) (3) (4) (5) และ (6)
(1) เหล็กแยงมุมต้องมีอย่างน้อย 4 เส้นในแต่ละทิศทาง ประกอบกันเป็นหน้าตัด
ท่ีมีขนาดวัดจากขอบนอกของเหล็กเสริมตามขวางไม่น้อยกว่า bw / 2
ในทิศทางตั้งฉากกับระนาบคาน และ bw / 5 ในระนาบของคานที่ตั้งฉากกับ
เหลก็ ทแยงมมุ
(2) กาลังต้านแรงเฉอื นระบุ Vn คานวณได้จาก
_________________________________________________________________________
หน้าที่ 122 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสน่ั สะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบบั ปรับปรงุ ครง้ั ท่ี 1
Vn 2Avd f y sin 0.85 fc' Acw (5.2-20)
(Vn 2Avd f y sin 2.65 f ' Acw ในหนว่ ยเมตริก)
c
โดยที่ คือ มุมระหวา่ งเหล็กเสริมทแยงมุมกับแกนตามยาวของคานยึดควบ
(3) เหล็กเสริมตามขวางที่เสริมรอบเหล็กทแยงมุม ต้องทาตามข้อ 5.2.9.4.1 ถึง
5.2.9.4.3
(4) เหลก็ เสริมทแยงมมุ ตอ้ งฝงั ยึดใหร้ ับแรงดึงถงึ จุดคราก
(5) พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริมทแยงมุมให้นามาคานวณกาลังต้านโมเมนต์ระบุ Mn
ของคานยึดควบ
(6) ให้เสริมเหล็กเสริมตามยาวและเหล็กเสริมตามขวางในคานยึดควบ โดยใช้
เหลก็ เสริมขั้นต่าตามข้อกาหนดคานลกึ
พ้นื ทีห่ นา้ ตัดรวมของเหลก็ เสรมิ
ทแยงในแตล่ ะกลมุ่ ,
หน้าตัด A-A
รปู ด้าน
รปู ท่ี 5.2-13 ตวั อย่างการวางเหล็กเสริมทแยงมมุ ในคานยึดควบ
5.2.11.8 รอยต่อกอ่ สร้าง
ผิวของรอยตอ่ กอ่ สร้างในกาแพงเฉือน จะต้องทาให้เกดิ ความหยาบตามท่มี าตรฐานกาหนด
5.2.11.9 กาแพงที่ขาดความต่อเนอื่ ง
เสาท่ีรองรับกาแพงท่ไี ม่ต่อเน่ือง ให้เสรมิ เหลก็ ตาม 5.2.9.4.5
5.2.12 การเสรมิ เหล็กในแผ่นพน้ื สองทางคอนกรีตเสริมเหล็กแบบไร้คาน
การเสริมเหล็กในแผ่นพื้นสองทางคอนกรีตเสริมเหล็กแบบไร้คานท่ีพิจารณาว่าเป็นส่วนของโครง
ตา้ นแรงดดั รบั แรงส่ันสะเทือนจากแผน่ ดินไหว ใหเ้ สรมิ เหลก็ ตามรายละเอียดดังน้ี (รูปท่ี 5.2-14)
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทอื นของแผ่นดนิ ไหว หนา้ ที่ 123
ฉบับปรบั ปรงุ ครัง้ ที่ 1
(1) ปริมาณเหล็กเสริมที่คานวณได้สาหรับรับส่วนของโมเมนต์ดัดในแผ่นพ้ืนที่ถ่ายให้จุดรองรับ
Ms จะต้องวางอยใู่ นแถบเสาทัง้ หมด
(2) ปริมาณเหล็กเสริมสาหรับต้านทานสัดส่วนโมเมนต์ f Ms จะต้องอยู่ภายในความกว้าง
ประสิทธผิ ล
(3) ปริมาณเหล็กเสริมไม่น้อยกว่าคร่ึงหนึ่งของเหล็กเสริมในแถบเสาบริเวณจุดรองรับจะต้องวาง
อยู่ภายในความกวา้ งประสิทธิผลของแผ่นพน้ื
(4) ปริมาณเหล็กเสริมไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของเหล็กเสริมบนในแถบเสาบริเวณจุดรองรับจะต้อง
ต่อเนื่องตลอดความยาวช่วง และจะต้องมีเหล็กเสริมบนไม่น้อยกว่า 2 เส้นวางผ่านแนวเสาใน
แตล่ ะทศิ ทาง
(5) เหล็กเสริมล่างในแถบเสาท่ีมีความต่อเนื่องจะต้องมีปริมาณไม่น้อยกว่าหน่ึงในสามของเหล็ก
เสรมิ บนในแถบเสาบริเวณจุดรองรับ
(6) ปริมาณเหล็กเสริมไม่น้อยกว่าคร่ึงหนึ่งของเหล็กเสริมล่างท่ีก่ึงกลางช่วงจะต้องต่อเนื่องและ
สามารถพฒั นาให้เกดิ กาลงั ครากที่ขอบของจุดรองรบั ได้
(7) ที่ขอบของแผ่นพื้นทีไ่ มต่ อ่ เนือ่ ง เหล็กเสรมิ บนและล่างท่ีจุดรองรับจะต้องสามารถพัฒนากาลัง
ครากที่ขอบของจุดรองรบั ได้
ความกวา้ งประสทิ ธผิ ล แผ่นพ้นื ความหนา
เสา
ความกว้างประสิท ิธผล
(ก) ความกวา้ งประสิทธิผล
รปู ท่ี 5.2-14 รายละเอียดการเสริมเหลก็ ในแผ่นพ้ืนสองทางแบบไร้คาน
_________________________________________________________________________
หน้าที่ 124 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสน่ั สะเทอื นของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบบั ปรับปรุงครง้ั ที่ 1
ปริมาณเหล็กเสรมิ (ต่อเน่ืองตลอดช่วง)
เสา เสา
เหลก็ บนและล่างมีระยะพอเพียงทจี่ ะพัฒนากาลงั ได้ถึงจุด
ปครราิมกาณเหลก็ เสริม (ตอ่ เนื่องตลอดช่วง)
(ข) รายละเอียดการเสริมเหล็กในแถบเสา
เสา ปริมาณเหลก็ เสริม เสา
เหลก็ บนและล่างมรี ะยะฝงั พอเพยี งท่ีจะพฒั นากาลังได้ถงึ จุด
คปรรามิ กาณเหล็กเสรมิ (ตอ่ เน่ืองตลอดชว่ ง)
(ค) รายละเอยี ดการเสริมเหล็กในแถบกลาง
รูปท่ี 5.2-14 รายละเอยี ดการเสรมิ เหลก็ ในแผ่นพืน้ สองทางแบบไร้คาน (ตอ่ )
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสนั่ สะเทอื นของแผ่นดนิ ไหว หนา้ ท่ี 125
ฉบบั ปรับปรุงครงั้ ที่ 1
5.2.12.1 แรงเฉือนเจาะทะลุในแผ่นพ้นื สองทางแบบไร้คาน
5.2.12.1.1 หน่วยแรงเฉือนเจาะทะลุบนหน้าตัดวิกฤติรอบเสาที่เกิดจากน้าหนักบรรทุก
แนวด่ิงร่วมกับหนว่ ยแรงเฉอื นท่เี กิดจากโมเมนต์ไม่สมดุลท่ีส่งถ่ายระหว่างเสาและ
พื้นจะต้องไม่เกินกาลังต้านแรงเฉือนที่กาหนดไว้ในมาตรฐานสาหรับอาคาร
คอนกรตี เสริมเหลก็ โดยวิธีกาลังของสมาคมวศิ วกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ
5.2.12.1.2 ค่าอัตราส่วนแรงเฉือน Vu /Vc ท่ีคานวณได้จะต้องไม่เกิน 0.4 โดยที่ Vu เป็น
แรงเฉือนปรับค่าบนหน้าตัดวิกฤตรอบเสาที่เกิดจากน้าหนักบรรทุกแนวด่ิงขนาด
เท่ากับ 1.2D 1.0L ซึ่งตัวคูณน้าหนักบรรทุกในส่วนของหน่วยน้าหนักบรรทุก
จร L สามารถลดจาก 1.0 เป็น 0.5 ได้ หากหน่วยน้าหนักจรมีค่าน้อยกว่า
4.9 กิโลนวิ ตนั ตอ่ ตารางเมตร (500 กโิ ลกรมั แรงต่อตารางเมตร) เว้นแต่อาคารนั้น
เป็นท่ีอาคารจอดรถ หรือพื้นที่ท่ีใช้เป็นส่วนของการชุมนุมคน ตัวคูณลดกาลัง
ในท่นี ีใ้ ห้ใช้เท่ากับ 0.75 และ Vc ใหค้ านวณตามรายละเอยี ดดงั ต่อไปนี้
(1) สาหรับแผ่นพ้ืนไร้คานคอนกรีตเสริมเหล็ก Vc ให้ใช้ค่าท่ีน้อยที่สุดของค่า
ดงั ต่อไปนี้
(ก) Vc 1 2 fc' b0d (5.2-21)
c 6
(หรอื Vc 0.27 4 fc'b0d ในหนว่ ยเมตริก)
2 c
(ข) Vc bs0d fc' b0d (5.2-22)
2 12
(หรอื Vc 0.27 bs0d fc'b0d ในหน่วยเมตรกิ )
2
โดยที่ s ใหใ้ ชเ้ ทา่ กบั 40 สาหรบั เสาภายใน เท่ากบั 30 สาหรับเสาขอบ และเทา่ กบั 20 สาหรับเสามุม
(ค) Vc 1 fc' b0d (5.2-23)
3
(หรอื Vc 1.06 fc'b0d ในหน่วยเมตรกิ )
_________________________________________________________________________
หน้าที่ 126 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบับปรับปรุงครัง้ ท่ี 1
(2) สาหรบั แผน่ พ้นื ไร้คานคอนกรีตอัดแรง Vc ใหใ้ ช้คา่ ดงั ต่อไปน้ี
Vc p fc' 0.3 f pe b0d Vp (5.2-24)
(หรือ Vc 0.27p fc' 0.3 f pe b0d Vp ในหน่วยเมตริก)
โดยท่ี p เป็นค่าท่ีน้อยกว่าระหว่าง 0.29 และ bs0d / 12 (หรือค่าที่น้อยกว่าระหว่าง 3.5 หรือ
1.5
sd ในหน่วยเมตริก) และ s ให้ใช้เท่ากับ 40 สาหรับเสาภายใน เท่ากับ 30 สาหรับเสาขอบ
b0 1.5
และเทา่ กับ 20 สาหรับเสามุม
5.2.12.1.3 ข้อกาหนดในขอ้ 5.2.12.1.2 ไม่จาเปน็ ตอ้ งนามาพิจารณาหากหน่วยแรงเฉือนปรับ
ค่าแบบสองทาง (Factored Two-Way Shear Stress) ณ ตาแหน่งที่ให้ค่าสูงสุด
มีค่าไม่เกินคร่ึงหนึ่งของหน่วยแรงเฉือน vn โดยหน่วยแรงเฉือนปรับค่าดังกล่าว
เป็นส่วนของหน่วยแรงเฉือนท่ีเกิดจากแรงแผ่นดินไหวและส่งถ่าย โดยการเยื้อง
ศูนย์ของแรงเฉอื น (Eccentricity of Shear) และ vn ใหค้ านวณดงั ต่อไปน้ี
(1) สาหรับองค์อาคารทไ่ี มเ่ สรมิ เหล็กรับแรงเฉือน
vn Vc (5.2-25)
b0d
(2) สาหรับองค์อาคารทีเ่ สรมิ เหล็กรับแรงเฉือนนอกเหนือจากเหลก็ หมวกรบั แรง
เฉือน (Shearhead)
vn Vc Vs (5.2-26)
b0d
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทือนของแผน่ ดินไหว หนา้ ที่ 127
ฉบับปรับปรงุ ครง้ั ที่ 1
5.2.12.1.4 สาหรบั ข้อตอ่ พื้นเสาในระบบแผ่นพื้นสองทางแบบไร้คานที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ
ระบบรับแรงด้านข้าง จะต้องจัดให้มีเหล็กเสริมต้านแรงเฉือนในแผ่นพ้ืนโดยที่
กาลังต้านแรงเฉือนของเหล็กเสริม Vs จะต้องไม่น้อยกว่า 0.3 f ' b0d
c
(หรือไม่น้อยกว่า 0.93 fc'b0d ในหนว่ ยเมตริก) และต้องวางเหล็กเสริมดังกล่าว
ออกไปจากขอบของที่รองรับเป็นระยะไม่น้อยกว่า 4 เท่าของความหนาแผ่นพ้ืน
แต่ข้อกาหนดข้างต้นอาจยกเว้นได้ หากการออกแบบเป็นไปตามข้อ (1) หรือข้อ
(2) เพียงขอ้ หน่งึ ข้อใด
(1) หน่วยแรงเฉอื นเจาะทะลุบนหนา้ ตดั วิกฤตรอบเสาท่ีเกิดจากแรงเฉือนปรับค่า
Vu ร่วมกับหน่วยแรงเฉือนท่ีเกิดจากโมเมนต์ไม่สมดุลที่ส่งถ่ายระหว่างเสา
และพ้ืนภายใต้การเคล่ือนตัวด้านข้างออกแบบจะต้องไม่เกินกาลังต้านแรง
เฉือนทก่ี าหนดไว้ในมาตรฐานสาหรับอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กโดยวิธีกาลัง
ของสมาคมวศิ วกรรมสถานแห่งประเทศไทย
(2) ค่าการเคลื่อนตัวสัมพัทธ์ด้านข้างระหว่างช้ันออกแบบ (Design Story Drift)
จะต้องไม่เกินกวา่ ค่าท่ีมากกว่าระหว่าง 0.005 ของความสูงระหว่างชั้น และ
0.035 0.05Vu / Vc
กรณีท่ีใช้การคานวณแรงส่ันสะเทือนของแผ่นดินไหวตามกฎกระทรวง ค่าการเคล่ือนตัวด้านข้าง
ออกแบบใหค้ านวณจากการเคล่ือนตัวในระบบรับแรงด้านข้างภายใต้แรงดังกล่าวคูณด้วยอัตราส่วน 3 / K
เมื่อ K เปน็ คา่ สมั ประสิทธ์ขิ องโครงสรา้ งอาคารท่ีรบั แรงในแนวราบตามที่กาหนดในกฎกระทรวง ส่วนกรณี
ที่ใช้การคานวณแรงสั่นสะเทือนในสถานะจากัดด้านกาลัง (Strength Limit State) และใช้การวิเคราะห์
แบบยืดหยุ่น (Elastic Analysis) ค่าการเคล่ือนตัวด้านข้างออกแบบให้คานวณจากการเคลื่อนตัวในระบบ
รับแรงดา้ นขา้ งภายใต้แรงดังกลา่ วคณู ด้วยตัวประกอบขยายค่าการโกง่ ตวั ที่เหมาะสม
การคานวณคา่ Vu และ Vc ใหเ้ ปน็ ไปตามข้อ 5.2.12.1.2
5.2.12.2 การปอ้ งกันการวิบตั อิ ย่างต่อเน่อื ง (Progressive Collapse)
สาหรับแผ่นพื้นไร้คานจุดรองรับภายในจะต้องมีเหล็กเสริมล่างวางผ่านหรือฝังเข้าไปในแกนเสาใน
แต่ละทศิ ทางเป็นปริมาณไม่น้อยกว่า
Asm 0.5wu L1L2 (5.2-27)
0.9 f y
โดยที่ wu เป็นน้าหนักบรรทุกปรับค่ากระจายอย่างสม่าเสมอ แต่ทั้งน้ีจะต้องไม่น้อยกว่า 2 เท่า
ของน้าหนักบรรทุกคงท่ีใช้งาน (Service Dead Load) สาหรับจุดรองรับท่ีขอบและท่ีมุม เหล็กเสริมล่างที่
จัดวางผ่านหรือฝังเข้าไปในแกนเสาจะต้องมีปริมาณไม่น้อยกว่าสองในสามและหน่ึงในสองของปริมาณ
_________________________________________________________________________
หนา้ ที่ 128 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการส่ันสะเทอื นของแผน่ ดินไหว
ฉบับปรบั ปรงุ ครงั้ ที่ 1
ท่ีกาหนดไว้ในสมการข้างต้นตามลาดับ โดยท่ีเหล็กเสริมดังกล่าวจะต้องวางผ่านหรือฝังเข้าไปในเสา ทั้งน้ี
เหลก็ เสรมิ ในข้อ 5.2.12 (5) สามารถนามาใชเ้ ปน็ ส่วนหน่งึ ของพนื้ ที่หน้าตดั เหล็กเสริม Asm ได้
5.2.13 ฐานรากอาคาร
ในการออกแบบฐานรากอาคาร ผู้ออกแบบและคานวณจะต้องคานึงถึงการส่งถ่ายแรงแผ่นดินไหว
จากโครงสร้างอาคารส่วนบนเข้าสู่ฐานรากนอกเหนือจากแรงหรือน้าหนักบรรทุกประเภทอ่ืนด้วย ในกรณีท่ี
ฐานรากใช้ระบบเสาเข็มจะต้องคานึงถึงการส่งถ่ายแรงแผ่นดินไหวจากฐานรากเข้าสู่เสาเข็มด้วย เช่น การ
กาหนดปริมาณเหล็กเสริมในเสาเข็มที่ฝังอยู่ในฐานราก การพิจารณาความสามารถในการรับแรงด้านข้าง
ของเสาเข็มแต่ละต้น
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทอื นของแผน่ ดนิ ไหว หน้าท่ี 129
ฉบับปรบั ปรงุ ครั้งที่ 1
_________________________________________________________________________
หน้าท่ี 130 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการส่ันสะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบบั ปรบั ปรงุ ครง้ั ท่ี 1
บรรณานุกรม
[1] กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย, “มาตรฐานการทดสอบเพื่อหาค่าแรงอัดแกนเดียว
มยผ. 1242”.
[2] กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย, “มาตรฐานการทดสอบเพ่ือหาค่าแรงอัดสามแกน
มยผ. 1243”.
[3] กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย, “มาตรฐานการทดสอบเพ่ือหาค่าขีดพลาสติก
มยผ. 1246”.
[4] กรมโยธาธกิ ารและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย, “มาตรฐานการเจาะสารวจดิน มยผ. 1249”
[5] กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย, “มาตรฐานการประเมินและการเสริมความม่ันคง
แข็งแรงของโครงสรา้ งอาคารในเขตท่ีอาจไดร้ บั แรงสน่ั สะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว มยผ. 1303”, 2557.
[6] กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย, “มาตรฐานการออกแบบอาคารเหล็กโครงสร้าง
รูปพรรณเพ่อื ต้านทานการสัน่ สะเทือนของแผ่นดนิ ไหว มยผ.1304-61”, 2561.
[7] สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์, “มาตรฐานสาหรับอาคารคอนกรีต
เสรมิ เหล็ก โดย วธิ กี าลัง EIT1008”, 2558.
[8] American Concrete Insitute. Building Code Requirements for Structural Concrete and
Commentary (ACI 318), 2014.
[9] American Institute of Steel Construction. Specification for Structural Steel Buildings
(ANSI/AISC360), 2005.
[10] American Institute of Steel Construction. Specification for Structural Steel Buildings
(ANSI/AISC360), 2016.
[11] American Institute of Steel Construction. Seismic Provisions for Structural Steel
Buildings (ANSI/AISC 341), 2005.
[12] American Institute of Steel Construction. Seismic Provisions for Structural Steel
Buildings (ANSI/AISC 341), 2016.
[13] American Iron and Steel Institute. Standard for the Design of Cold Formed Steel
Framing, Lateral Design (ANSI/AISI Lateral), 2004.
[14] American Society of Civil Engineers. Minimum Design Loads for Buildings and Other
Structures (ASCE7-05), 2005.
[15] American Society of Civil Engineers. Minimum Design Loads for Buildings and Other
Structures (ASCE7-10), 2010.
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสนั่ สะเทอื นของแผน่ ดนิ ไหว หน้าที่ 131
ฉบบั ปรับปรุงครง้ั ท่ี 1
[16] K. Khy, C. Chintanapakdee, P. Warnitchai, A.C. Wijeyewickrema. Modified Response
Spectrum Analysis to Compute Shear Force in Tall RC Shear Wall Buildings.
(Engineering Structures 180 (2019) 295-309.
[17] K. Khy, C. Chintanapakdee. A Modified Response Spectrum Analysis Procedure for
Design of Tall RC Shear Wall and RC Moment Frame Buildings. The 7th Asia
Conference on Earthquake Engineering, 22-25 November 2018, Bangkok, Thailand.
[18] National Building Code of Canada. Canadian Commission on Building and Fire Codes.
National Research Council of Canada (NBCC 2010), 2010.
[19] Pacific Earthquake Engineering Research Center. Tall Building Initiative Guidelines for
Performance-Based Seismic Design of Tall Buildings. Report no. 2017/06, Berkeley, CA,
2017.
_________________________________________________________________________
หน้าท่ี 132 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการส่นั สะเทอื นของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบับปรบั ปรุงครง้ั ท่ี 1
ภาคผนวก ก
การจาแนกประเภทช้นั ดนิ ทต่ี ้ังอาคารสาหรับการออกแบบรับแรงแผ่นดนิ ไหว
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสน่ั สะเทือนของแผ่นดนิ ไหว หน้าท่ี 133
ฉบบั ปรบั ปรุงครัง้ ที่ 1
ก.1 การจาแนกประเภทชัน้ ดนิ ทีต่ ้งั อาคาร
การจาแนกประเภทของช้ันดินท่ีตั้งอาคาร จะพิจารณาจากคุณสมบัติของชั้นดิน ตั้งแต่ผิวดินลงไป
จนถงึ ความลึก 30 เมตร หากไม่มขี อ้ มูลดนิ ท่ชี ัดเจนเพียงพอท่ีจะนามาใช้จาแนกประเภท และไม่สามารถทา
การสารวจดิน ให้สมมุติว่าประเภทของชั้นดิน เป็นประเภท D เว้นแต่กรณีท่ีมี ผู้เช่ียวชาญ หรือ หน่วยงาน
ของรัฐที่เก่ียวข้อง กาหนดว่าชั้นดิน ณ ตาแหน่งนั้นเป็นประเภท E หรือ F นอกจากน้ี ในกรณีที่มีชั้นดินที่
หนามากกว่า 3 เมตร อยรู่ ะหว่างฐานรากกบั ช้ันหนิ จะต้องไมก่ าหนดให้ช้นั ดินเปน็ ประเภท A หรือ B
ก.2 การวเิ คราะห์การตอบสนองของชั้นดนิ
ในกรณที ีอ่ าคารตั้งอยบู่ นชั้นดนิ ประเภท F จะต้องทาการวิเคราะหก์ ารตอบสนองของช้ันดินต่อคล่ืน
การส่ันสะเทือนของแผ่นดินไหว (Site Response Analysis) เพ่ือนาผลการวิเคราะห์ไปใช้ในการออกแบบ
อาคาร
ก.3 การกาหนดประเภทชนั้ ดิน
ประเภทชนั้ ดนิ จะถูกจาแนกตามเกณฑ์ที่แสดงในตารางที่ ก-1 และมีรายละเอียดเพ่ิมเติมดังแสดง
ดา้ นล่างนี้
ก.3.1 ช้นั ดินประเภท F
ช้ันดินที่มีลักษณะต่อไปนี้ ให้จัดเป็นช้ันดินประเภท F และต้องทาการวิเคราะห์การตอบสนองของ
ชั้นดนิ ตอ่ คลนื่ การสน่ั สะเทอื นของแผน่ ดินไหว
(1) ช้ันดินมีโอกาสวิบัติภายใต้แผ่นดินไหว เช่นดินที่สามารถเกิดการเหลวตัว (Liquefaction)
หรือ ดินเหนียวท่ีออ่ นมาก เป็นต้น
(2) ชัน้ ดินเหนียวทว่ี ตั ถอุ นิ ทรียอ์ ยู่มาก และมคี วามหนากวา่ 3 เมตร
(3) ชน้ั ดินที่มีความเปน็ พลาสตกิ สูง (มีความหนามากกวา่ 7.6 เมตรและมีค่า PI มากกวา่ 75)
(4) ชั้นดินเหนียวอ่อนถึงปานกลางที่หนามาก (มีความหนามากกว่า 37 เมตรและมีกาลังรับแรง
เฉอื นแบบไมร่ ะบายนา้ su นอ้ ยกว่า 50 กิโลปาสกาล)
ก.3.2 ชั้นดนิ ประเภท E
ในกรณีท่ีช้ันดินมิใช่ประเภท F และมีชั้นดินเหนียวหนากว่า 3 เมตรซ่ึงมีกาลังรับแรงเฉือนแบบไม่
ระบายน้า su น้อยกว่า 25 กิโลปาสกาล และมีปริมาณน้าในดิน w มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 40
และมี ขีดพลาสตกิ PI มากกวา่ 20 ให้จัดเปน็ ช้ันดินประเภท E
ก.3.3 ชน้ั ดนิ ประเภท C, D, และ E
การจาแนกประเภทดนิ เป็นประเภท C, D, และ E สามารถทาได้โดยพิจารณาจากค่าตอ่ ไปนี้
(1) ค่าความเรว็ คลื่นเฉอื นเฉลย่ี vs ในชว่ งความลึก 30 เมตรแรก (เรียกวา่ วิธี vs )
_________________________________________________________________________
หนา้ ท่ี 134 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสัน่ สะเทือนของแผน่ ดนิ ไหว
ฉบบั ปรับปรุงครง้ั ท่ี 1
(2) ค่าการทดสอบฝังจมมาตรฐานเฉล่ีย (Average Field Standard Penetration Resistance,
N )ในชว่ งความลกึ 30 เมตรแรก (เรยี กว่าวิธี N )
(3) ค่าการทดสอบฝังจมมาตรฐานเฉล่ียสาหรับช้ันทราย PI 20 (Average Standard
Penetration Resistance for Cohesionless Soil Layer, Nch ) ในช่วงความลึก 30 เมตร
แรก และค่ากาลังรับแรงเฉือนแบบไม่ระบายน้าเฉล่ีย su สาหรับดินเหนียว PI 20
ในช่วงความลึก 30 เมตรแรก หากเกณฑ์ของ Nch และ su แตกต่างกัน ให้เลือกประเภทช้ัน
ดนิ ที่อ่อนกว่า
ก.3.4 ความเร็วคลน่ื เฉอื นของดินประเภท B
การหาความเรว็ คลืน่ เฉอื นของหิน (ชั้นดินประเภท B) จะต้องทาการตรวจวัดในสถานท่ีจริงหรือทา
การประมาณโดยวศิ วกรทางธรณีเทคนิค นักธรณีวิทยา หรือผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว ในกรณีที่ชั้นหินมี
ลักษณะค่อนข้างอ่อน หรือมีการแตกร้าวผุพังมาก จะต้องทาการตรวจวัดความเร็วคลื่นเฉือนในสถานท่ีจริง
หรือ มฉิ ะนน้ั ก็ให้จัดประเภทของช้นั ดินเปน็ แบบ C
ก.3.5 ความเร็วคลนื่ เฉือนของดนิ ประเภท A
การประเมินว่าเป็นหินแข็งต้องใช้การตรวจวัดความเร็วคล่ืนเฉือนในสถานที่จริงหรือสถานที่ซ่ึงมี
สภาพหินคล้ายคลึงกนั (หนิ แบบเดียวกนั มรี ะดบั การแตกร้าวผพุ งั เหมือนกัน)
ตารางที่ ก-1 การจาแนกประเภทชัน้ ดนิ
ประเภทช้ันดิน vs N หรอื Nch su
A -
>1500 เมตร/วินาที -
-
B 750 - 1500 เมตร/วนิ าที - > 100 กโิ ลปาสกาล
50 – 100 กโิ ลปาสกาล
C 360 – 750 เมตร/วนิ าที >50 < 50 กโิ ลปาสกาล
D 180 – 360 เมตร/วนิ าที 15 – 50
E < 180 เมตร/วินาที < 15
มีชนั้ ดินท่ีมีความหนามากกวา่ 3 เมตร ที่มคี ณุ สมบตั ดิ งั น้ี
Plasticity Index PI > 20
Moisture Content w > 40%
Su < 25 กโิ ลปาสกาล
F เกณฑต์ ามท่ีกาหนดในหวั ขอ้ ก.3.1
_________________________________________________________________________
มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารตา้ นทานการสนั่ สะเทอื นของแผ่นดนิ ไหว หน้าที่ 135
ฉบบั ปรบั ปรุงครั้งที่ 1
ก.4 นิยามของพารามิเตอรท์ ใี่ ช้จาแนกประเภทของชัน้ ดนิ
ก.4.1 ความเรว็ คล่ืนเฉอื นเฉลีย่
ค่าความเรว็ คลื่นเฉือนเฉลย่ี vs ของช้นั ดนิ สามารถคานวณได้จาก
n
di
i 1 (ก.4-1)
vs
n di
vi1 si
โดยท่ี di คอื เป็นความหนาของชัน้ i ใด ๆ ในชว่ งความลึก 30 เมตรแรก
คอื เปน็ ความเร็วคล่ืนเฉือนในชัน้ i ใด ๆ (เมตร/วินาที)
vsi คอื จานวนชนั้ ดิน ในชว่ งความลกึ 30 เมตรแรก
n
ก.4.2 คา่ การทดสอบฝังจมมาตรฐานเฉลี่ยและของการทดสอบฝังจมมาตรฐานเฉลี่ยสาหรับชนั้ ทราย
ค่าของการทดสอบฝังจมมาตรฐานเฉล่ีย N ในช่วงความลึก 30 เมตรแรก สามารถคานวณได้
จาก
n
di
i 1 (ก.4-2)
N
n di
Ni1 i
โดยที่ Ni คือ ค่าการทดสอบฝังจมมาตรฐาน สาหรับชน้ั ดินทราย ดนิ เหนยี ว และหิน ช้นั ดินท่ี i
di คอื ความหนา สาหรบั ชน้ั ดินทราย ดนิ เหนียว และหิน ชนั้ ดนิ ที่ i
n คอื จานวนชั้นดิน ในช่วงความลึก 30 เมตรแรก
ค่าของการทดสอบฝังจมมาตรฐานเฉล่ียสาหรับชั้นทราย Nch ในช่วงความลึก 30 เมตรแรก
สามารถคานวณได้จาก
Nch ds (ก.4-3)
m di
Ni1 i
โดยที่ Ni คือ คา่ ค่าการทดสอบฝังจมมาตรฐานสาหรับช้นั ดินทรายที่ i
di คอื ความหนาสาหรับชั้นดนิ ทรายชั้นดินที่ i
ds คือ ความหนาของช้ันดินทรายทั้งหมดในช่วง 30 เมตรแรก ( m ds โดย m เป็น
di
i
จานวนชั้นดนิ ทราย)
_________________________________________________________________________
หน้าท่ี 136 มยผ. 1301/1302-61 มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการส่นั สะเทือนของแผน่ ดินไหว
ฉบบั ปรบั ปรุงคร้งั ท่ี 1