The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

8.ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นายประชุม ปุ่มแก้ว, 2020-07-01 02:29:28

8.ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.2

8.ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.2

เกม

ปดตาเดินทาง
วิธีเลน

1.ลกู เสือเขา แถวตอนนายหมอู ยูหวั แถว รองนายหมอู ยูถดั จากนายหมู นําเชอื กผกู
เอวนายหมแู ละลกู หมูท กุ คนไมใหห ลุดจากกัน

2.นาํ ผาปด ตานายหมู และรองนายหมู
3.เมอื่ ไดยนิ สญั ญาณเริ่มเลน ใหล ูกเสือพากันเดนิ โดยมีนายหมนู ําหนา และใหลูกหมู
จบั เอวตอๆ กนั ไปและหา มลกู หมบู อกเสน ทางนายหมโู ดยการพดู แตใหใชส ญั ญาณอยา งอน่ื แทน
4.หากหมูใดผิดกติกาใหอ อกจากการแขง ขันหรอื มาเร่มิ เดนิ ใหม หมใู ดถึงเสน ชยั กอ น
เปน หมูชนะ ใหห มอู น่ื กลา วคําชมเชย (เยล) ให

เรอ่ื งเลา ที่เปนประโยชน

เดก็ โลภ
เด็กชายคนหนึ่งอยากกินลูกเกาลัดมาก จึงลวงมือลงไปในโถ เเลวกอบเอาลูกเกาลัดจนเต็ม
กํามือเเละไมสามารถเอามือออกจาก ปากโถเเคบๆ ไดเด็กชายจึงรองไหอยูอยางนั้นเพราะไมยอม
ปลอยลูกเกาลดั ออกจากมอื เมือ่ ผูใ หญคนหน่งึ เดินผา นมาเหน็ เขาจงึ วา"ทาํ ไมไมปลอยลกู เกาลดั ในมือ
เสียกอน ถาลวงหยิบเกาลัด ทีละลูกเดียว ก็สามารถหยิบกินไดจนอิ่มเหมือนกัน มือก็ไมติด ปากโถ
ดว ย"

เรอ่ื งนส้ี อนใหรวู า ไดท ีละนอ ย ก็สามารถเก็บใหเ ปนมากได

ตัก๊ เเตนผูหิวโหย
ตั๊กเเตนตัวหน่ึงไมไดกินอาหารมาหลายวันเเลวมันเดินโซเซเพราะไรเเรงกระโดดมาจนถึง
ลานดิน ใตตนโอกใหญทามกลางลมฤดูหนาวพวกมดกําลังขนเมล็ดขาวโพดออกจากรังมาตากให
เเหงตั๊กเเตนจึงเดินไปขอกินเมล็ดขาวโพดสัก 2-3 เม็ดเพื่อประทังชีวิต เเตมดกลับถามวา ทําไมตอน
ฤดูรอน ไมหาเสบียงอาหารกักตุนไวตั๊กเเตนก็ตอบวาตนรองเพลงเท่ียวเลนไปตลอดฤดูรอน
"ถาเชนนั้น เจาก็ควรจะเตนรําไปตลอดฤดูหนาว" มดตอบ เเลวก็ขนเมล็ดขาวโพดกลับเขารังไปให
พวกของตนกิน

46 คูมอื การจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 2

เร่อื งนส้ี อนใหรูวา ควรขยนั ทาํ มาหากนิ เพื่อใหม ีพอเพยี งในยามยาก

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสอื สามัญรุน ใหญ (เครือ่ งหมายลกู เสือชน้ั พิเศษ) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2

หนวยที่ 2 หนาท่พี ลเมอื ง

แผนการจดั กิจกรรมที่ 8 คิดอยา งไรไมเ ปน ทกุ ข เวลา 1 ชวั่ โมง

1.จุดประสงค

สามารถคดิ เชงิ บวกในสถานการณต า ง ๆ ท่ีเกิดข้ึนในชวี ติ ประจาํ วัน
2. เนื้อหา

การคิดเชงิ บวกเปนการวเิ คราะหห าส่งิ ดีๆท่มี อี ยใู นสถานการณต า งๆที่เกิดข้ึนในชวี ิตประจาํ วนั การ
ฝก คิดเชงิ บวกจะชว ยใหม องโลกในแงด ี มคี วามหวัง และหาทางออกจากปญ หาไดงา ยข้ึน
3. สือ่ การเรยี นรู

3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 กระดาษปรฟู ปากกาหัวสักหลาด
3.3 กรณศี กึ ษาเร่ือง นางฟา กับซาตาน
3.4 ใบความรู เรอื่ ง ความคดิ 2 ประเภท
3.5 เร่อื งเลาทีเ่ ปน ประโยชน
4. กิจกรรม

4.1 พธิ เี ปด ประชมุ กอง (ชักธง สวดมนต สงบน่งิ ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรือเกม
4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงคการเรียนรู

1) ผูกํากบั ลกู เสือขออาสาสมัครลูกเสอื อานกรณีศกึ ษา เร่ือง “นางฟากับซาตาน”
2) ผกู ํากบั ลกู เสอื ตั้งคําถามในกองลูกเสอื ใหลูกเสอื รว มกนั แสดงความเหน็ และสรุปดงั น้ี

- คิดวาพมิ จะรูสกึ อยางไร
- ความรูสกึ เชน นมี้ าจากความคดิ อยา งไร
3) ใหหมูล กู เสอื รว มกันคิดวา ในสถานการณเ ชนน้ี พิมควรจะคดิ อยางไร จงึ จะไมเปน
ทุกข แตล ะหมู ระดมสมองใหไ ดม ากทส่ี ุดในเวลา 5 นาที แลวเขยี นลงกระดาษปรฟู
4) นายหมนู ําความคดิ ทุกขอ มาโหวต วา ความคิดขอ ใดจะทําใหเกิดอารมณท างบวก
มากกวา กนั โดยใหส มาชกิ เลือกไดค นละ 2 ขอ แลว รวมคะแนนเรยี งลาํ ดับคะแนนมากสุดและ
รองลงมา
5) สงตัวแทนรายงานในกองลกู เสอื ทีละหมู จนครบ
6) ผกู ํากบั ลูกเสือนาํ อภิปราย สรุป และเพม่ิ เตมิ เรือ่ ง ความคิด 2 ประเภท ตามใบความรู
7) ผูก าํ กบั ลกู เสือถามขอคดิ ทไี่ ดแ ละการนาํ ไปใชใ นชวี ติ ประจําวัน
4.4 ผกู าํ กบั ลกู เสอื เลา เรอ่ื งทเ่ี ปนประโยชน
4.5 พิธปี ด ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธง เลกิ )

คูมือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชีวิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 2 47

5. การประเมนิ ผล
สงั เกตพฤติกรรมการคดิ วิเคราะหก ารใชเ หตผุ ล ความคิดความรสู กึ ในการปรับเปลีย่ นมุมมอง

6. องคประกอบทักษะชวี ติ สาํ คญั ทเี่ กดิ จากกิจกรรม
คอื ความคดิ วเิ คราะห เขาใจตนเอง เขาใจผอู ่นื

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี8

เพลง

หากวา เรากาํ ลงั สบาย

หากวาเรากาํ ลงั สบายจงตบมือพลัน(ซา้ํ )
หากวาเรากาํ ลงั มสี ุขหมดเรอ่ื งทุกขใดๆ ทุกส่งิ

มัวประวิงอะไรกันเลา จงตบมอื พลนั
(ผงกหวั พลนั – กระทบื เทา – จงสงเสียงดงั – จงออกทา ทาง)

กรณีศึกษา

นางฟา กบั ซาตาน

พมิ เปน คนผวิ คลํ้า เกศเปน คนผิวขาวและสวย มกั มีคําลอเลยี นเสมอวา ใครอยากขาวใหไป
อยูใกลพมิ แลว จะขาวทนั ตาเห็น พิมนอ ยใจและแอบไปรอ งใหอ ยเู สมอ

ใบความรู

ความคิด 2 ประเภท

ลักษณะความคดิ ของคนเรามี 2 ประเภท คอื
คดิ ทางลบ เปนประเภททค่ี ิดแลว นาํ ความทุกขมาสตู นเอง ไดแก

1) การตัง้ ความหวังไวสงู เกนิ ไป ท้ังตอตนเองและผูอ ื่น
2) การคาดการณราย คิดถึงแตส ง่ิ ไมด ีท่อี าจจะเกิดหรือไมเ กิดข้ึนกไ็ ด
3) การตําหนติ นเอง หรือมองตนเองวาไรความสามารถ เปรียบเทยี บตนเองกบั ผอู ืน่ มองวา
ตนเองมีปมดอย หว่ันไหวตามคาํ พูดคนอ่ืน
4) การไมอ ยกู ับปจ จบุ นั วติ กกงั วลกบั อนาคตทยี่ งั มาไมถ งึ หรอื หมกหมุนอยูกบั อดตี ทีผ่ า น
ไปแลว และอยากแกไ ขอดีตซึ่งเปนไปไมไ ด
คดิ ทางบวก เปน ประเภทท่ีคิดแลว นําความสุขมาสูตนเอง ไดแ ก
1) ตัง้ ความหวงั และคาดการณตา ง ๆ อยา งสอดคลอ งกบั สภาพความเปนจรงิ ท้ังของตนเอง
และผอู น่ื ไมค าดหวงั จนเกนิ ความสามารถทีจ่ ะทาํ ใหสําเรจ็ ได

48 คูม อื การจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชวี ติ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2

2) ยอมรบั จดุ ดี และจดุ ท่ีตอ งแกไขของตนเอง อยา งทเ่ี ปน ไมต ําหนหิ รือเปรียบเทยี บกบั คน
อื่น เนน การพฒั นาคุณคาภายในทีส่ ามารถสรางใหมีมากขนึ้ ไดเรอื่ ย ๆ เชน ความสามารถทาง
สตปิ ญ ญา ความมนี ํา้ ใจชวยเหลอื ผูอ่ืน ความสามารถในการส่อื สารและมสี มั พนั ธภาพทดี่ กี บั ผอู ืน่
ฯลฯ มากกวา การแกไ ขรปู ลกั ษณภ ายนอก ซึ่งเปนธรรมชาติที่มมี าของแตล ะบคุ คล

3) มสี ติอยูก ับปจ จบุ นั รูวาตนเองทาํ อะไร เพอื่ อะไร คนอน่ื ไมร ู ไมเขา ใจ ไมเ ปน ไร ใหอ ภัย
เพราะเขาไมร ู แตเราตอ งรจู กั ตนเอง ทาํ ความเขาใจตนเอง มีแผนสาํ หรับอนาคต และทําปจจบุ ันใหดี
ทส่ี ดุ เพื่อเปนรากฐานท่ีดีสําหรบั อนาคต และไมต องกงั วลกบั การอยากแกไขอดตี ซ่ึงเปนไปไมได

4) มองปญ หาวา มีทางแกไขเสมอ มองหาวา “อะไรผิด” ที่ตองแก แทนการมองหาวา “ใคร
ผิด” เพือ่ กลาวโทษ

5) มองสงิ่ ท่ีเหลอื อยมู ากกวา สง่ิ ท่ขี าดหายไป หรอื หาสิ่งตอบแทนจากการสญู เสยี เชน มอง
ความผดิ พลาดเปน ครูสอนไมใหผดิ ซ้าํ มองการเยา แหยจ ากเพอ่ื นเปนการสรา งสมั พันธภาพทสี่ นทิ
สนมตอกันมากขนึ้

6) มอี ารมณขันเชน มองการลอของเพอ่ื นเปน เร่ืองเลนกนั สนุก ๆ ไมใสใ จเอามาเปน อารมณ

เร่ืองเลาทเ่ี ปน ประโยชน

ตดั เทาไหรถงึ จะพอ

นายชุมชื่นอาศัยอยูในหมูบานเล็กๆแหงหนึ่งใกลเชิงเขา ทุกวันเขาจะเก็บก่ิงไมแหงจากเชิง
เขาเพื่อนําไปขายใหชาวบานใชทําฟนสําหรับหุงตม ฟนของนายชุมชื่นขายดิบขายดีมากเพราะเน้ือ
ไมแหงสนิทจุดงายติดงาย เมื่อไดเงินกลับบานเขาก็แบงใหภรรยาไวใชสอยประจําวัน

วันหน่งึ ภรรยานายชมุ ช่นื พูดกับสามีวา“เดินเก็บก่ิงไมแหงไปขายเมื่อไหรจะร่ํารวยสักทีฉันวา
นะ แทนท่จี ะเกบ็ กิ่งไม เปลย่ี นเปน ไปตัดตนไมน าจะดีกวา”

รุงเชา นายชมุ ชน่ื จงึ ออกตัดตน ไมท่ีข้ึนรอบๆเชิงเขาขณะท่ีนายชุมชื่นกําลังตัดตนไมตนหน่ึงก็
มีแมนกกางเขนตัวหน่ึงบินมาขอรองไมใหตัดตนไมตนน้ัน..แตนายชุมช่ืนไมสนใจ คงตัดตนไมตอไป
จนไดไมก องใหญ เมอื่ นําไปขายก็ไดเงินมากขน้ึ กวาเดมิ

ดวยความโลภคราวนน้ี ายชมุ ชนื่ จงึ เกณฑญ าติพ่นี อ งมาชว ยกันตดั ตน ไม แตม ีสตั วปา ฝูงหนง่ึ
มาขอรองใหเลิกเพราะจะทําลายที่อยูอาศัยและแหลงอาหารของสัตวเหลาน้ัน นายชุมชื่นไมสนใจ
ยงั คงตัดตน ไมตอไป

..โคน โคน โคน ตดั ตดั ตดั ไมใหญ ไมเ ลก็ เรามาตดั กัน!!!
และแลวก็ถึงวันท่ีธรรมชาติลงโทษเมื่อปาไมเหลือแตตอไมมีตนไมคอยโอบอุมซับน้ําฝน เมื่อ
พายุใหญมา ลม และฝนโหมกระหนํ่า นํ้าปาจึงไหลบาพัดพาเอาทอนซุงที่กองไวมาทับถมหมูบานจน
พังพินาศท้ังหมูบานจมอยูใตนํ้า ตัวนายชุมชื่นและภรรยาตองไปอาศัยอยูบนหลังคาบาน จึงเพ่ิงจะ
สํานึกไดถึงความผดิ พลาดของตนเอง

เร่ืองน้สี อนใหร ูวา การเบยี ดเบียนและทําลายธรรมชาติ โดยไมคดิ ถึงผลกระทบตอ สวนรวม จะถูก
ธรรมชาตลิ งโทษ

คมู ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทักษะชีวิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 2 49

แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รนุ ใหญ (เครอื่ งหมายลกู เสอื ชัน้ พิเศษ) ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 2

หนว ยที่ 3 การเดนิ ทางสาํ รวจ เวลา 2 ชวั่ โมง
แผนการจดั กิจกรรมที่ 9 การเตรียมตัวกอ นสาํ รวจ

1.จุดประสงคก ารเรียนรู

1.1 สามารถวางแผนการเดนิ ทางสํารวจอยา งเปนขน้ั ตอน
1.2 สามารถเตรียมความพรอ มเพอ่ื ใชใ นการเดนิ ทางสาํ รวจได
2. เนื้อหา

การเตรียมตวั กอ นสาํ รวจเปน การเตรียมความพรอ มเพือ่ ใหการเดินทางสํารวจน้ันสาํ เรจ็ บรรลุ
วตั ถปุ ระสงค ในการเตรียมตวั กอนสํารวจนัน้ มหี ลายสงิ่ ที่ตองจดั เตรยี มใหพรอ มไดแกเ รือ่ งของการปฐม
พยาบาล ความปลอดภัย แผนที่และเข็มทศิ เสน ทาง
3. สอ่ื การเรียนรู

3.1 แผนภูมิเพลง
3.2 ใบความรเู รอ่ื ง การเตรียมตวั กอนสํารวจ (การปฐมพยาบาล ความปลอดภัย แผนทแ่ี ละ
เข็มทศิ เสน ทาง )
3.3 แผนท่ี แสดงเสนทางการเดนิ ทางสํารวจ
3.4 เรือ่ งท่ีเปนประโยชน
4. กิจกรรม

4.1 กจิ กรรมครง้ั ที่ 1

1) พธิ ีเปดประชุมกอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู

(1) ผกู าํ กบั ลกู เสือใหหมลู ูกเสอื รว มกันอภปิ รายกลมุ เก่ียวกับการเตรียมตัวกอน
สํารวจในเร่ืองของการปฐมพยาบาล ความปลอดภัย แผนท่ีและเขม็ ทิศเสน ทางในการเดนิ ทาง
สํารวจ

(2) ผกู าํ กับลกู เสือใหลกู เสอื แตละหมูนาํ เสนอเกีย่ วกับการเตรียมตวั กอนสํารวจใน
เรื่องของการปฐมพยาบาล ความปลอดภยั แผนทีแ่ ละเข็มทศิ เสนทางในการเดินทางสํารวจ ในที่
ประชุมใหญ

(3) ผูกาํ กับลกู เสอื ใหค าํ แนะนาํ เพ่ิมเตมิ จนครบทกุ หมู
4) ผูกาํ กบั ลูกเสอื เลาเรอื่ งทเ่ี ปนประโยชน
5) พธิ ปี ด ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธง เลิก)
4.2 กิจกรรมคร้งั ท2ี่

1) พิธีเปดประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบนิง่ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม

50 คมู ือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 2

3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู
(1) ผูกํากับลูกเสือใหหมูลูกเสือรวมกันอภิปรายกลุมเก่ียวกับการเตรียมตัวกอน

สํารวจในเร่ืองของ วิชาชาวคายรวมทั้งเรื่องอาหารและอุปกรณ ทักษะท่ีจําเปนตองใชในการเดินทาง
สาํ รวจ

(2) ผูกํากับลูกเสือใหลูกเสือแตละหมูนําเสนอผลการอภิปรายเกี่ยวกับการเตรียมตัว
กอนสํารวจในเรื่องของวิชาชาวคาย รวมทั้งเรื่องอาหารและอุปกรณ ทักษะท่ีจําเปนตองใชในการ
เดนิ ทางสาํ รวจ ในทปี่ ระชมุ ใหญ

(3) ผูกํากับลกู เสอื ใหค ําแนะนาํ เพิม่ เตมิ จนครบทุกหมู
4) ผูก าํ กับลกู เสอื เลาเร่ืองทเี่ ปนประโยชน
5) พธิ ีปดประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชักธง เลกิ )
5. การประเมนิ ผล
ลกู เสือสามารถวางแผนการเดนิ ทางและสามารถเขยี นรายงานการสาํ รวจได

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 9

เพลง

ยก ยาง ยก

ยก ยา งยก ยก ยา ง ยก เขาปา forest ไปกบั ฝูง mad dog หมู animal พากันแตกตื่น
ตี๊ดตะลิว bird บนิ สู sky butterfly ดอ มดม flower ดอ มดม flower แขนก็บอกวา แขนขาก็บอก
วา ขา ดอกไมปาจะมา beautiful

รองเทาสึก
หน่งึ กโิ ลเมตรเดนิ มา รองเทา สึก (ซ้ํา) รองเทา ทะลเุ ปน รู (ซํา้ )
1, 2 สองกิโลเมตร เดินมา รองเทา สึก (ซ้ํา) รองเทา ทะลเุ ปนรู (ซํ้า)
1, 2, 3 สามกโิ ลเมตร เดินมา รองเทาสกึ (ซาํ้ ) รองเทาทะลุเปนรู (ซํ้า)
1, 2, 3, 4 สกี่ โิ ลเมตร เดินมา รองเทา สึก (ซ้าํ ) รองเทา ทะลเุ ปน รู (ซ้ํา)
1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 สิบกิโลเมตร เดินมา รองเทาสึก (ซํา้ ) รองเทา ทะลเุ ปนรู (ซํ้า)

คมู อื การจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชีวิต ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 2 51

ใบความรู

การเตรยี มตวั กอนสํารวจ

ในการเดินทางสํารวจน้ัน ควรเตรียมตัวกอนการสํารวจใหเปนอยางดีสิ่งท่ีควรคํานึงถึงเปน
อันดับแรกคอื เร่อื งของความปลอดภัย คณะเดินทางสํารวจจะตองจัดเตรียมเวชภัณฑยาท่ีจําเปนตาง
ๆ เพ่ือไวใชในการปฐมพยาบาลหากมีผูรวมเดินสํารวจปวย เกิดอุบัติเหตุ หรือพบผูคนทั่วไปท่ี
ตองการความชวยเหลือ คณะผูเดินทางสํารวจทุกคนตองมีความรูสามารถทําการปฐมพยาบาล
เบ้ืองตนได และใหศึกษาเสนทางท่ีจะเดินสํารวจน้ันเปนอยางดี พรอมท้ังมีความรู ความชํานาญใน
การใชแผนที่และเขม็ ทิศ ไดพ อสมควรนอกจากน้ันคณะเดินทางสํารวจจะตองมีความรูในเรื่องของวิชา
ชาวคาย รวมทั้งจัดเตรียมเรื่องอาหารและอุปกรณ ในการประกอบอาหาร ใหพรอมคณะผูเดินทาง
สํารวจทุกคนตองมีทักษะท่ีจําเปนตองใชในการเดินทางสํารวจ เชนการสังเกต การจํา การสะกดรอย
เงอ่ื น เปน ตน

เรื่องเลาท่ีเปน ประโยชน

คนตัดไมก ับสนุ ัขจิง้ จอก

คนตัดไมพ าสนุ ขั จง้ิ จอกเขา ไปซอ นทขี่ างกระทอ ม เมื่อถูกขอความชวยเหลอื พวกลาสตั ว
จงู หมาลาเนอ้ื มาถึงก็ถามคนตดั ไมวา เหน็ สุนขั จงิ้ จอกหรอื ไม "ไมเ ห็นเลยเพือ่ นเอย "คนตดั ไมป ฏเิ สธ
แตก ็ชน้ี ว้ิ ไปทางขา งกระทอมพวกลาสตั วไ มเขาใจสญั ญาณบอกใบน ั้นจึงพากันกลบั ไปสุนขั จงิ้ จอกรอ
อยูอีกสกั ครกู ็ออกมาจากท่ีซอ นแลว วง่ิ ผา นหนา คนตดั ไมไ ป คนตัดไมจึงรอ งขึ้นวา "ขาชว ยชวี ิตเจา ไว
เจาไมขอบคณุ เขาเลยหรอื ""ลิน้ ของเจา ไมต รงเหมอื นน้ิวของเจา เลยนะจะใหขอบใจไดอยางไร"สุนขั
จง้ิ จอกกลาวแลว กว็ ่ิงเขาปาไป

เรื่องน้สี อนใหร ูว า คนไมซื่อ ยอ มไมมผี ูใดนบั ถอื

สุนัขจง้ิ จอกกับลา

วันหน่ึง สุนัขจ้ิงจอกเดินไปพบสิงโตท่ีกลางปา มันรูวาสิงโต จะตองจับมันกินเปนอาหารแนๆ สุนัข
จ้ิงจอกจึงรีบกลาวกับ สิงโตวา "ขารูจักลาตัวอวนตัวหน่ึง ขาจะไปหลอกมันมาใหทาน"หลังจากนั้น
สุนขั จิ้งจอกกร็ บี ไปหลอกพาลามาทก่ี ลางปา ลายอมตามมาเพราะไดเคยตกลงทําสัญญาเปนเพ่ือนตาย
ตอ กันมานานแลว เม่ือลาเดินเขา ไปตดิ กับท่ีสิงโตวางไว สงิ โตกห็ ันไปตะปบสนุ ัขจง้ิ จอกกอน
เพราะคดิ วา ลาน้ันเกบ็ ไวกนิ ทีหลังสนุ ขั จงิ้ จอกก็ได
เรอื่ งนส้ี อนใหร ูว า คนไมซ ่ือกับมติ รสหายยอ มไมม ใี ครอยากคบหา

52 คูม ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชวี ติ ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี 2

แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสอื สามัญรุนใหญ (เครือ่ งหมายลูกเสอื ชนั้ พิเศษ) ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 2

หนวยท่ี 3 การเดนิ ทางสํารวจ เวลา 1 ช่ัวโมง
แผนการจดั กิจกรรมท่ี 10 กิจกรรมระหวางเดินทางสํารวจ

1.จดุ ประสงคก ารเรยี นรู

สามารถปฏิบตั กิ ิจกรรมระหวางการเดินทางสาํ รวจได
2. เนือ้ หา

การปฏิบตั กิ ิจกรรมระหวา งการเดินทางสาํ รวจ
3. สื่อการเรียนรู

3.1แผนภมู ิเพลง
3.2 ใบความรู เรือ่ งกจิ กรรมระหวา งเดินทางสาํ รวจ
3.3เรอื่ งเลาท่เี ปน ประโยชน
4. กิจกรรม

4.1 พธิ ีเปดประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรือเกม
4.3 กิจกรรมตามจุดประสงคการเรียนรู

1) ผกู าํ กบั ลูกเสือและลูกเสอื รวมกนั สนทนาถึงประสบการณในการเดนิ ทางไปยงั สถานท่ี
ตาง ๆ ของลกู เสือเชน การไปทอ งเทยี่ ว ทศั นศกึ ษา การปฏิบตั ิกจิ กรรมหวางเดินทาง
เปนตน

2) ผูกาํ กบั ลกู เสอื ชแ้ี จงเกย่ี วกบั การปฏบิ ตั ิกิจกรรมระหวา งเดินทางสาํ รวจ
3) ผูกาํ กบั ลกู เสอื แบงหมูล กู เสอื ใหออกเดินทางสํารวจ พรอ มแจกใบงานใหลกู เสือได
ปฏบิ ัติกิจกรรมระหวา งเดนิ ทางสํารวจ (สเกต็ ภาพสถานทส่ี าํ คญั ระหวา งทาง สเก็ตภาพภูมิ
ประเทศ สํารวจอาชีพของประชาชน สะกดรอย คาดคะเน ฯลฯ)
4) ผูกํากบั ลกู เสอื ใหล ูกเสือนาํ เสนอผลงานตอทป่ี ระชมุ ใหญ
5) ผูกาํ กับลูกเสอื และลูกเสอื รว มกนั สรปุ ถึงผลที่ไดจ ากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
4.4 ผูก ํากบั ลกู เสอื เลาเรื่องทีเ่ ปนประโยชน
4.5 พิธปี ด ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธง เลิก)

5. การประเมนิ ผล
ลูกเสือสามารถปฏบิ ตั กิ ิจกรรมระหวางการเดนิ ทางสาํ รวจได

คมู อื การจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวิต ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 2 53

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 10

เพลง

เดนิ ทางสํารวจ

มา มา เถิดพวกเรา จบั มือกนั กาวเดนิ ไป
บานเราแสนสขุ ใจ ธรรมชาตมิ ากมายวดั วาก็มี
ภมู ิปญ ญาทองถ่นิ แหลงทอ งเทย่ี วทําเราสขุ ี
สํารวจใหดี ชุมชนเรานี้มีอะไร

อยา เกยี จครา น

อยาเกยี จครา นการทาํ งานนะพวกเรา งานหนกั งานเบาเหนือ่ ยแลว เราพักผอนก็หาย
ไมท ํางานหลบหลีกงานดว ยเกยี จครา นเอาแตสบาย แกจ นตายขอทํานายวา ไมเจริญ

ใบความรู

กจิ กรรมระหวางเดินทางสํารวจ

ในการเดินทางสํารวจน้ัน ระหวางทางคณะเดินทางสํารวจจะตองปฏิบัติกิจกรรมใหสําเร็จ
บรรลุวัตถุประสงคและปลอดภัย เชน สเก็ตภาพสถานท่ีสําคัญระหวางทาง สเก็ตภาพภูมิประเทศ
สาํ รวจอาชพี ของประชาชน สะกดรอย คาดคะเน เปนตน

เรือ่ งทเ่ี ปนประโยชน

สนุ ัขจิ้งจอกกับฝงู เหลอื บ

เมนตวั หนึ่งเดนิ ผา นมาเหน็ สนุ ขั จิ้งจอกบาดเจบ็ ติดอยใู นซอกหนิ รมิ ลาํ ธารมีเหลอื บฝงู ใหญ
ตอมดดู เลอื ดของมัน เมนเวทนาจึงเอย วา "ขา จะไลพ วกเหลือบเหลา นัน้ ใหดีไหม” สุนขั จ้ิงจอกสา ย
หนาแลว วา"ขอบใจเพือ่ นเอยถาทานไลเ หลือบฝูงนี้ไปฝงู ใหมท ห่ี วิ โซกจ็ ะมาตอมดดู เลือดขาอีก แตฝ ูง
นม้ี ันอมิ่ แลว มนั ก็อยเู ฉยๆขา จงึ ไมเ จบ็ ปวดมากนัก"

เรื่องนีส้ อนใหร ูวา เมอื่ สิน้ คนที่ไดผลประโยชนจากเรา ก็อาจมีคนใหมๆ ทหี่ วงั ผล ประโยชนจ ากเรา
เขามาในชวี ิตอกี จนได

54 คูมือการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 2

แผนการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญ(เครื่องหมายลกู เสอื ชัน้ พเิ ศษ) ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 2

หนวยที่ 3 การเดินทางสาํ รวจ เวลา 2 ชว่ั โมง
แผนการจดั กิจกรรมท่ี 11 การรวบรวมขอมลู และการรายงาน

1.จุดประสงคการเรยี นรู

สามารถรวบรวมขอ มูลระหวางการเดนิ ทางสาํ รวจและเขียนรายงานการเดินทางสาํ รวจได
2. เนื้อหา

การรวบรวมขอ มูลระหวางการเดินทางสํารวจและการรายงานการเดินทางสาํ รวจ
3. ส่อื การเรียนรู

3.1แผนภมู เิ พลง
3.2ใบความรู
3.3เรอ่ื งท่เี ปน ประโยชน
4. กิจกรรม

4.1 กจิ กรรมครัง้ ที่ 1

1) พธิ ีเปดประชมุ กอง (ชักธง สวดมนต สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคการเรียนรู

(1) ผกู ํากับลกู เสือและลูกเสือรว มกันสนทนาถงึ การเดินทางสํารวจ โดยใหล กู เสือได
แลกเปลย่ี นประสบการณท ผี่ า นมา

(2) ผูก าํ กบั ลกู เสือแนะนาํ ใหล กู เสอื รจู ักวธิ ีการเก็บรวบรวมขอ มลู ตาง ๆ ทพ่ี บเห็นใน
ระหวา งการเดนิ ทางสํารวจ

(3) ผกู าํ กับลกู เสือแบง หมลู กู เสอื เพอื่ วางแผนกาํ หนดรปู แบบสมุดบนั ทกึ ไวสําหรบั
เกบ็ ขอมูลในการเดินทางสํารวจ

(4)ผูกาํ กับลูกเสือใหห มลู กู เสือนาํ เสนอรูปแบบสมดุ บันทึก โดยผกู ํากบั ลกู เสอื ให
คาํ แนะนาํ เพม่ิ เตมิ จนครบทุกหมหู มลู ูกเสือปรับปรุงสมุดบนั ทึกของตนเองตามความ
เหมาะสม

4) ผกู าํ กับลกู เสอื เลา เรอื่ งทเี่ ปน ประโยชน
5) พิธีปด ประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชักธง เลิก)
4.2 กิจกรรมครงั้ ที่ 2

1) พธิ ีเปดประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบนง่ิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคก ารเรยี นรู

คูม อื การจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชีวิต ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 2 55

(1) ผกู าํ กับลกู เสือและลกู เสอื รว มกันทบทวนถึงเรื่องการออกแบบสมุดบนั ทกึ
ขอ มูลในการประชมุ กองครั้งท่ีผานมา

(2) ผูกํากบั ลกู เสืออธบิ ายถงึ การเก็บรวบรวมขอ มูลและนําไปสูก ารเขียนรายงาน
การเดินทางสํารวจ

(3) ผกู ํากบั ลกู เสือมอบหมายใหห มลู กู เสอื วางแผนกําหนดรูปแบบวธิ กี ารเขียน
รายงาน หลังการเดนิ ทางสาํ รวจ

(4) ผูกํากบั ลกู เสอื ใหห มลู กู เสอื นําเสนอรปู แบบวิธกี ารเขียนรายงาน โดยผกู าํ กับ
ลกู เสอื ใหค ําแนะนาํ เพ่ิมเตมิ จนครบทุกหมู หมูลกู เสือปรับปรุงแบบแสดงรายงานการเดนิ ทางสํารวจ
ตามความเหมาะสม

4) ผกู ํากบั ลูกเสอื เลาเรื่องทเ่ี ปน ประโยชน
5) พิธีปด ประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธง เลกิ )

5. การประเมนิ ผล
ลกู เสือสามารถเก็บรวบรวมขอ มลู ระหวา งการเดินทางและเขยี นรายงานการสาํ รวจได

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 11

เพลง

สามัคครี วมใจ
สามัคคีรว มใจ เร็วไวชว ยกนั ทําการงานดว ยความสําราญเริงใจ
มาชว ยกนั ซเิ รว็ ไว จะไดเ สร็จทันใดใครๆก็พากนั ยกยอ ง

เงาะหรือแงะ
เงาะหรอื แงะมันแปลกดีแฮะนีแ่ งะหรอื เงาะ
กลม ๆ แลว มีขนดวย (ซา้ํ ) โอแมค นสวยนเี่ งาะหรือแงะ

56 คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชวี ิต ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 2

ใบความรู

การรวบรวมขอมลู และการรายงาน

ในการเดนิ ทางสาํ รวจนัน้ คณะเดินทางสาํ รวจควรมสี มดุ บนั ทึกในการเดนิ ทางสาํ รวจ เพอื่ เก็บ
ไวเปนหลักฐานในการสอบวิชาการเดินทางสํารวจตอไป และเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลที่ไดจากการ
เดินทางสํารวจมาศึกษาหาความรู และจัดทาํ รายงาน

การทําแบบรายงานการสํารวจ

ลูกเสอื ควรจะมีการบันทกึ สง่ิ ตาง ๆ ลงในสมุดบนั ทกึ เหมอื น ๆ กนั ดว ยการกระทําดังนี้คอื
1. แบบฟอรมรายงานจะตองบอกใหทราบถึง วัน เดือน ป ท่ีกําลังกระทํากิจกรรมเดินทาง
สาํ รวจ
2. เวลา แสดงรายละเอยี ดวา เวลาเทาไหรข องวนั นั้น ๆ ใชบ อกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง
3. รายงานอยางละเอียดโดยเฉพาะอยางยงิ่ รายการทสี่ าํ คัญๆ
4. บอกระยะทางเปนกิโลเมตร บอกตําแหนงท่ีต้ังของสถานที่ตาง ๆ หรือจะบอกระยะหาง
จากจุดหนง่ึ ไปยงั อกี จดุ หนง่ึ กไ็ ด
5. ตอ งมแี ผนทส่ี งั เขป ทาํ อยา งประณตี และสะอาดเรยี บรอย ซ่งึ ลูกเสือจะตองเขียนสัญลักษณ
แทนส่งิ ตาง ๆ ใหถูกตอง เชน ถนน ทางรถไฟ แมนํา้ สะพาน เปนตน

แบบแสดงรายงาการเดนิ ทางสํารวจ

วัน เดือน ป เวลา รายการ ระยะทาง

คมู ือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวติ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2 57

เรื่องเลาท่เี ปนประโยชน

กวางปา กบั พวงองุน
กวางปาวิ่งไปในเพิงองุนเพื่อซอนตัวจากการตามลาของนายพราน “ขอใหขาซอนตัวดวยเถิด
นะองุน"กวางปากลาวอยางนอบนอม องุนก็อนุญาตเม่ือพรานตามมาถึงบริเวณน้ันแตไมพบกวางปา
ก็จึง ว่ิงไปอีกทางหน่ึงกวางปาเห็นวาปลอดภัยแลวจึงกัดพวงองุนอยางเอร็ดอรอย"เจากินขาทําไม
เพอ่ื นเอย "ตัวองนุ ถามอยางนอยใจ กวางปาจึงวา" ถาขาไมกินเจา ก็มีคนอื่นมากินเจาอยูดีนั่นแหละ"
ขณะที่กัดกินพวงองุนเอง พรานอีกคนหน่ึงผานมาเห็นวามีบางส่ิงเคล่ือนไหวอยูใตเพิงองุนจึงเล็งธนูยิง
ใสก วางปาทันที
เรอื่ งน้สี อนใหรูวา คนไมร บู ญุ คณุ คนมักประสบความหายนะ

สนุ ัขจ้งิ จอกในดงหนาม
สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งชอบไปขโมยลูกไกและแมไก ของชาวบานมากินเปนประจําวันหน่ึงพวก
ชาวบานใหพรานดักซุมรอเลนงานสุนัขจ้ิงจอก แตสุนัขจิ้งจอกเห็นเขากอนจึงรีบวิ่งหนี ออกจาก
หมูบานโดยเร็วพรานยังคงไลลาตามมาติดๆ สุนัขจิ้งจอกจึงกระโดด เขาไปซอนตัวในดงหนามที่ชาย
ปาหนามอันแหลมคมทิ่มตําสุนัขจ้ิงจอกจนเจ็บปวดไปทั้งตัว มันตัดพอดงหนามวา "ทําไมตองทําราย
เราดวย ในเมื่อเราไมเคยทํารายเจา"ดงหนามจึงตอบวา ลูกไกและแมไกก็ไมเคยทํารายสุนัขจ้ิงจอก
เชน กันและการท่กี ระโดดเขา มากท็ าํ ใหก่งิ กา นของดงหนามหักรานไปไมน อย
เรอื่ งนีส้ อนใหรวู า กอนจะตําหนิวาใคร ควรยอนดตู นเสียกอ นวา เคยทาํ ผิด เชนนัน้ มากอ นหรือไม

58 คูมือการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชีวิต ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 2

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญ(เครอื่ งหมายลูกเสอื ช้นั พเิ ศษ) ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 2

หนว ยท่ี 4 การแสดงออกทางศลิ ปะ เวลา 3 ช่วั โมง
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 12 การแสดงออกทางศลิ ปะ

1. จดุ ประสงคการเรียนรู

1.1 เพ่อื ใหล ูกเสอื มีการพัฒนา ในเร่ืองการรูจกั คณุ คา ของศลิ ปะ
1.2 เพอื่ ใหล กู เสอื มีสว นรว ม ในงานศลิ ปะประเภทตา งๆ
2. เนอื้ หา

การแสดงออกทางดานศลิ ปะ
3. สื่อการเรียนรู

3.1 แผนภูมเิ พลง
3.2 อปุ กรณประกอบการแสดงออกทางดานศลิ ปะ
3.3 ใบความรู
3.4 เรื่องที่เปนประโยชน
4. กจิ กรรม

4.1 กจิ กรรมคร้งั ท่ี 1

1) พิธีเปด ประชมุ กอง (ชักธง สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจุดประสงคก ารเรียนรู

(1) ผกู ํากับลกู เสือและลกู เสอื สนทนารวมกนั เกีย่ วกับงานศิลปะ และแลกเปลย่ี น
ประสบการณใ นการทาํ งานดานศลิ ปะ

(2) ผกู าํ กับลกู เสอื ใหข อ มูลเกีย่ วกบั งานศลิ ปะตามขอบขายที่การลกู เสอื กาํ หนด
(3) ผูกํากบั ลกู เสอื และลูกเสอื รว มกัน แสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกบั โอกาสที่ลูกเสอื จะ
ไดแ สดงออกทางดานศิลปะที่เหมาะสมหรือ การเขารวมกจิ กรรมศลิ ปะดานตางๆ
(4) ผูกาํ กบั ลกู เสอื และลกู เสอื รว มกนั สรปุ ถงึ องคความรูทไ่ี ดร ับจากการศกึ ษาเรอ่ื ง
ศิลปะ
4) ผกู าํ กับลกู เสอื เลา เรอ่ื งที่เปนประโยชน
5) พธิ ีปดประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธง เลิก)
4.2 กิจกรรมครง้ั ท่ี 2

1) พธิ เี ปด ประชมุ กอง (ชักธง สวดมนต สงบน่ิงตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจุดประสงคก ารเรยี นรู

(1) ผูกาํ กบั ลูกเสอื และลูกเสอื รว มกนั สนทนา และทบทวนเกี่ยวกบั เรอื่ งศลิ ปะในสปั ดาห
ท่ผี า นมา

คูมอื การจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2 59

(2) ผกู ํากับลกู เสือมอบหมายลูกเสอื รวมกนั วเิ คราะห ความสนใจทางดานศิลปะ ของ
ตนเอง และหมลู ูกเสือ แลว เลือกแสดงออกดานศิลปะทตี่ นเอง และหมูลูกเสือสนใจหรอื ถนดั

(3) ลกู เสือนําเสนอแนวทางการแสดงออกของตนเอง และของหมู ใหกองลูกเสอื
ไดร บั ทราบ และใหขอ เสนอแนะ

(4) ผูก าํ กบั ลกู เสือมอบหมายใหลกู เสอื วางแผนฝก ซอม เพื่อจดั การแสดงในช่วั โมง
สัปดาหต อไปโอกาสทเ่ี หมาะสม

4) ผูก ํากับลกู เสือเลา เรื่องท่เี ปนประโยชน
5) พธิ ปี ดประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธง เลิก)
4.3 กจิ กรรมครั้งที่ 3
1) พธิ ีเปด ประชุมกอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนิง่ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคก ารเรยี นรู

(1) ผูก ํากบั ลกู เสอื ใหล ูกเสอื นาํ เสนองานการแสดงออกดา นศลิ ปะทไ่ี ดน ัดหมายไวใ น
สัปดาหทผ่ี า นมา ใหก องลูกเสือไดร ับชม

(2) ผูกาํ กบั ลกู เสอื และลกู เสอื รว มกนั แสดงความชน่ื ชมถงึ การแสดงออกดา นศลิ ปะ
ของลูกเสอื แตล ะคนและของหมลู กู เสือแตล ะหมู

(3) ผกู ํากบั ลูกเสอื มอบหมายใหล กู เสอื วางแผนฝก ซอ ม และพฒั นาใหดียง่ิ ข้นึ เพื่อ
จดั การแสดงตอ ไปโอกาสที่เหมาะสม

4) ผูก ํากับลกู เสอื เลาเรือ่ งท่เี ปน ประโยชน
5) พิธีปด ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธง เลิก)

ขอเสนอแนะ
โอกาสการจดั การแสดงทางดา นศลิ ปะทเี่ หมาะสมไดแก วนั สาํ คัญตา งๆ เชน วันเดก็ วนั สาํ คัญ

ทางดา นศาสนา ชาติ พระมหากษัตริย วันสําคญั ทางลกู เสือ และการอยูคายพกั แรม

5. การประเมนิ ผล
5.1 ลกู เสือสามารถแสดงออกทางศลิ ปะไดอยา งนอ ยคนละ 1 อยาง
5.2สามารถบอกคุณคา ของทางศิลปะตอ ตนเอง ชมุ ชน และนําไปใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั ได

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 12
เพลง

มารองเพลงกัน

60 คมู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทักษะชวี ติ ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 2

มารอ งเพลงกันเถิดนะจะ มาเรามารองรําทําเพลง
ฟงเสียงเพลงแลว ช่นื ใจ ฟงเสยี งเพลงแลว ชืน่ ใจ

เกียรติศกั ดลิ์ ูกเสอื ไทย

ลูกเสือ ลกู เสือ ไวศกั ด์ิซลิ ูกผชู าย ลูกเสอื ลกู เสอื ไวลายซิลูกเสอื ไทย
รกั เกยี รตวิ นิ ยั แข็งแรงและอดทน เราจะบาํ เพญ็ ตนใหเ ปนประโยชนตอผอู ื่น

ชางโชคดี

ชา งโชคดวี นั น้มี าพบเธอ (ซ้าํ ) ฉนั ดีใจจริงนะเออมาพบเธอฉันสุขใจ

เธอน้นั อยสู บายดหี รือไร (ซํา้ ) มารองราํ เพลนิ ฤทยั ใหห วั ใจสุขสําราญ

ตบมือไปกนั ใหพรอ มเพรยี ง (ซา้ํ ) ยกมือไว สา ยหวั เอยี ง ใหพ รอ มเพรยี งตามกัน

แลว หมุนกลบั ปรบั ตวั เสียใหท นั (ซา้ํ ) มือเทา เอวซอยเทา พลนั ใหพ รอมกันเถดิ เอย

เกม

กระรอกแยงรงั

วิธเี ลน

1. แบงลูกเสือออกเปนหมู หมูละ 3 คน แตละหมูให 2 คนจับมือกัน (รัง) อีกคนหน่ึงเขาไปยืน
ระหวา งกลาง (ใหเ ปนกระรอก)

2. จัดใหแตละหมูหางกันประมาณ 2 –3 เมตร วางใหเปนรูปวงกลม ใหกระรอกตัวท่ีไมมีรังมา
ยืนตรงกลาง

3. ผูกํากบั ลกู เสอื ใหสัญญาณเร่มิ เลน โดยการเปานกหวีด เมื่อไดยินสัญญาณใหก ระรอกในแตล ะ
รังวง่ิ เปลยี่ นรงั กัน ตัวท่ีไมม ีรังตองคอยวิ่งแยง รงั ตัวอน่ื ถาแยง ไดใ หเขาไปอยูแทน ตัวที่เขารังไมไดก็คอย
แยงรังของตัวอน่ื ตอไป

กระซิบขา ว

วิธีเลน

1. ใหลูกเสือเขาแถวเปน 2 แถว หรอื มากกวานั้น แตล ะคนหางกนั 2 หลา
2. การเร่ิมเลน ใหค นแรก(คนทา ยสุด)กระซบิ คนที่อยขู างหนา แลว ตอไปเรอื่ ยๆ

จนถงึ คนหัวแถว
3. เม่อื แถวใดทําเสร็จกอน และรายงานขาวไดถกู ตองทสี่ ดุ เปน “ผูช นะ”

การกระซิบหา มตะโกนดงั ๆ

จบั คูต ามสงั่

คูม อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชีวติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 2 61

วิธเี ลน

1. ใหล กู เสอื เขา แถวเปนวงกลม
2. สัง่ ใหล กู เสือเดินเปนวงกลม ตบมือพรอมเทา เม่อื ไดยนิ คําส่งั ใหจับ “3” ใหทุกคนวิง่ เขา
หากนั จบั เปน กลมุ ๆ ละ 3 คน คนใดจับไมไดหรือจบั ชาใหค ดั ออกมานอกวง การสัง่ จะส่งั เทาไรกไ็ ด
เชน 4, 5, 2 ฯลฯ เมอื่ เห็นวา ลูกเสอื สนุกสนานพอสมควรกย็ ุติการเลนได

ใบความรู

การแสดงออกทางศลิ ปะ

เพ่ือใหมกี ารพฒั นาในเรอื่ งการรูจกั คุณคา ของศลิ ปะ โดยมสี วนรวมอยางจรงิ จงั ในงานศลิ ปะ
ประเภทตา งๆ ทลี่ กู เสอื สนใจเปน พิเศษ

คาํ วา “ศลิ ปะ” (The Arts) มคี วามหมายกวา งมาก และอาจคลุมถึงกจิ กรรมทางวัฒนธรรม
(Cultural activity) แทบทกุ อยาง

ศลิ ปะอาจแบง ออกเปน 5 กลุมคือ
1. ศลิ ปทางการแสดง เชน ดนตรี ละคร การฟอนรํา วพิ ธิ ทัศนา หุนกระบอก การแสดงกล
การพูดในท่สี าธารณะ การโตว าที ฯลฯ
2. ทัศนศลิ ป (Visual Arts) เชน การวาดภาพลายเสน (Drawing) การวาดภาพระบายสี
(Painting) การปนและการทาํ แบบจาํ ลอง (Sculpture & Modelling) การออกแบบแฟชั่น (Fashion
Design) ฯลฯ
3. การชาง (Crafts) เชน การพมิ พภ าพดวยวิธสี กรีน (Screen Printing) เครื่องปน ดนิ เผา
การลงยา การทําเคร่อื งเขนิ การทาํ เคร่ืองถม การแกะสลักไม การชา งหนงั การทอ การชางโลหะ
การจกั สาน การเขา เลมหนงั สอื ฯลฯ
4. ศลิ ปะทางอักษรศาสตร (Literary Arts) เชน นวนิยาย บทรอ ยกรอง การหนังสือพมิ พ
ชีวประวตั ิ ความเรียง ฯลฯ
5. ศลิ ปะการวจิ ารณ (Criticism) เชน ดนตรี ละคร ภาพยนตร โทรทัศน นทิ รรศการศลิ ปะ
สถาปต ยกรรม ฯลฯ

มาตรฐานเครอ่ื งหมายลูกเสอื ชั้นพิเศษ

แสดงความกาวหนาในการปฏิบัตงิ านทางศลิ ปะ โดยกระทาํ เรือ่ งหนึ่งเร่อื งใดตอไปนี้ใหเปน
ผลสําเรจ็

1. เสนอผลงาน 3 ชิ้น ซ่งึ แสดงความกา วหนา (เชน ภาพวาดระบายสี การปน งานเขยี น
การถายภาพ ฯลฯ)
2. แสดงหรอื มสี วนในการแสดงทางศิลปะ ภายในของลูกเสอื หรือช้นั เรยี น 3 ครัง้ (เชน
ดนตรี ละคร การพดู ในท่ีประชุม ฯลฯ)

62 คมู อื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ติ ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 2

3. ไปดกู ารแสดงหรือนิทรรศการอยางนอย 3 คร้ัง หรืออานหนงั สอื ในทางศลิ ปะอยา ง
นอ ย 3 เลม ตามคําแนะนําของกรรมการสอบ และตอมากรรมการสอบผไู ดทาํ การ
สัมภาษณเ ห็นวามีความรูในทางศิลปะกวางขวางยิง่ ขนึ้ พอสมควร

หมายเหตุ ลกู เสอื สามญั รุนใหญที่มีความสามารถในทางศิลปะอยเู ดิม ควรพยายามผา นการทดสอบ
ตามขอ 1 หรือขอ 2

เรื่องเลา ทีเ่ ปนประโยชน

คุณคาของ “ลมหายใจ”

ทุกวันน้เี รามชี วี ติ อยไู ดกเ็ พราะอาศยั ลมหายใจแตล มหายใจยังมีคุณคาอ่นื ท่เี รามักมองขามก็
คอื ลมหายใจน้นั เปน เพอื่ นเตือนใจเราได

เวลาโกรธใครสกั คน ลองหายใจเขา ลึก ๆแลวผอนออกมาชา ๆ สกั 5 เที่ยวความอดั อัน้ เกบ็
กดอยากระบายโทสะจะลดลงไปมากสตทิ เี่ กอื บจะหลุดไปกลับคนื มาอยางรวดเร็ว ลมหายใจจงึ เปนยา
สลายความโกรธชั้นดี หรอื จะใชส ลายความกลวั ก็ได สลายความเครียดก็ย่งิ ดีเขา ไปใหญ

รางกายกับจิตใจน้นั มคี วามสัมพนั ธกนั อยา งใกลชดิ เวลาเกดิ โทสะหัวใจจะเตน เรว็ ลมหายใจ
ถีก่ ระช้ันเรยี กวาใจมผี ลตอกาย ขณะเดียวกนั กายก็มีผลตอ ใจดว ยลองหายใจเร็ว ๆ ส้นั ๆ สกั พกั จะ
รสู ึกเครียดคนทีห่ ายใจตืน้ และถีจ่ ะเปน คนหงดุ หงดิ งา ย ตรงกนั ขามการหายใจเขาลกึ ๆ และหายใจ
ออกยาว ๆ ใจจะเบาคลาย

ถา เรารตู วั จับความรูสึกของตัวเองทันรบี เอาลมหายใจมาใชใ หเ ปนประโยชนด ว ยการกําหนด
ลมหายใจเขา ออกลกึ ๆความรูสึกโปรง โลงจะเขามาแทนทค่ี วามเรา รอ นวนุ วายใจ

นอกจากน้ียงั พบอกี วาในลมหายใจน้ันมที รพั ยล ํา้ คา ทใี่ ชเทา ไรกไ็ มม วี นั หมด คือความสุขสงบ
การหายใจเขา ออกชา ๆเปนบันไดเบ้ืองตน สูความสงบถาจะใหไดผ ลดยี ่ิงข้ึนก็เอาใจไปจดจออยูท่ลี ม
หายใจดวยยิ่งจิตใจแนบชิดสนิทกับลมหายใจมากเทาไร ก็ย่งิ ดีมากเทา นน้ั หรือจะนบั ดว ยกไ็ ด เชน
หายใจเขา นบั 1 หายใจออกนบั 1จากนนั้ หายใจเขานบั 2 หายใจออกนบั 2 เรยี งไปจนถงึ 5 หรือ
ตอ ไปถงึ 10 ก็ได

เรอ่ื งนีส้ อนใหรวู า คนเรามักแสวงหาความสุขนอกตวั หารไู มว าในลมหายใจน้นั มีท้ังสติทัง้ ความ
ผอ นคลายและความสขุ สงบขอสาํ คัญคอื เราตองใสใจกบั ลมหายใจของเราใหม ากกวา นี้ แทนที่
จะละเลยจนลมื ตัวบอย ๆ วา เรากําลงั หายใจอย.ู

กบกับสงิ โต

กบตัวหน่ึงกระโดดเลนนํ้าฝน และหาเหย่ืออยูที่เชิงเขาแหงหน่ึงดวยความสุขใจ ในขณะน้ันก็
มีสิงโตตัวหนึ่งเดินมาพบเขาพรอมกับไลกบใหไปอยูท่ีอ่ืน มิฉะนั้น จะฆาเสียใหตาย ฝายกบนั้นตกใจ
มากไดออ นวอนขอใหสิงโตอนุญาตใหตนอยใู นถิ่นน้ตี อไปเถิด เพราะที่นต้ี นไดอยูต ัง้ แตเ กดิ แลว และก็

คมู ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ติ ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 2 63

มีอาหารอุดมสมบูรณดวย แตสิงโตไมยอม เมื่อกบเห็นวาจะพูดอยางไรสิงโตก็ไมยอมฟงท้ังน้ัน จึง
บอกกับสิงโตวา “เอาละ เมื่อทานไมยอมใหอยูก็ไมเปนไร แตกอนจะจากไปขอชมความงามรอบภูเขา
นี้สกั หนง่ึ รอบเถดิ ” สงิ โตกอ็ นุญาต แลวกบก็พดู ตอ ไปวา

“เอาอยางนี้ดไี หม เรามาว่งิ แขง ขันกนั ในวนั พรงุ นีใ้ หร อบภูเขานี้ หากใครชนะผูนั้นก็จะไดอยูที่
ภเู ขานีต้ อไป หากใครแพผนู ั้นตอ งจากภเู ขานี้ไป”

สิงโตไดยินกบพูดดังน้ันก็หัวเราะ พรอมกับพูดวา “ไดซิ อยามาทาแขงใหเสียเวลาเลย
อยางไรเสยี ทา นก็ตอ งแพแนๆ ”

ฝายกบเมื่อไดตกลงนัดหมายเวลาและสถานที่กับสิงโตเรียบรอยแลว ก็กลับไปเรียกประชุม
กบทัง้ หลาย วางแผนท่ีจะเอาชนะสิงโตใหได

วันรงุ ขึ้นกบกบั สงิ โตกไ็ ปยังท่ีนดั หมาย สงิ โตพดู ขน้ึ กอนวา “กบโวย เร่ิมแขงขันแลว หรอื ยงั ”
แลวสงิ โตกไ็ ดย ินเสยี งกบตอบวา “เริ่มแขง ขันไดเ ลย เดยี๋ วนี้แหละ”

เมื่อสงิ โตวิ่งไปไดส ักครูกเ็ หน่อื ย กค็ ิดวาจะหยุดนอนหลับซกั พกั หนงึ่ กว็ งิ่ ไปทันกบ ถมเถไป
วา แลว สงิ โตกน็ อนหลับไปพกั ใหญๆ พอตนื่ ข้นึ มากร็ ีบว่ิงไปอยา งรวดเรว็ ทนั ที พอวิง่ ไปไดสกั ครหู นง่ึ
สงิ โตตะโกนวา “กบโวย ขา ชนะแลว ”

พอสน้ิ เสยี งของสงิ โต กไ็ ดยนิ เสยี งกบรอ งตะโกนอยูขางหนา วา “ขาอยูท ่ีนี่ ทา นยังตามขาไม
ทันหรอก”

สงิ โตพอไดย ินดงั นั้นกต็ กใจว่ิงอยางสดุ แรงเกิดเพอื่ เอาชนะกบใหไ ด พอสงิ โตวิ่งไปไดส ักครู
ใหญๆ กค็ ดิ วา ตนตอ งวิง่ เลยกบมามาแลว จึงตะโกนออกไปวา “กบโวย ฉนั ชนะแลว”

แตแลว กไ็ ดยนิ เสียงกบตอบทางหนาสิงโตอีกวา “ทา นจะชนะขาไดอ ยา งไร เม่ือทานยังว่ิงอยู
ขา งหลงั ขา ”

สิงโตพอไดยนิ ดังนนั้ ก็ตกใจสุดขีด รีบกระโดดออกว่งิ ไปอยางรวดเรว็ อกี ครั้ง ว่ิงไปไดส ักพกั
หน่ึงกต็ ะโกนออกไปใหมวา “กบโวย ขาชนะเจาแนๆ คราวน”้ี

แลว สิงโตกไ็ ดย ินเสียงกบตอบอยูขางหนาวา “ทานยงั วงิ่ อยขู า งหลังขา ทานจะชนะได
อยา งไร”

สิงโตหมดแรงวิ่งตอ ไปแลว คดิ วาเราแพก บแลว ถาขืนอยตู อไปเราตอ งไดร บั ความอับอาย
จากบรรดาสรรพสตั วท ้งั หลายแนๆ วา วง่ิ แขงขนั แพกบแลว สิงโตกไ็ ปแอบเสยี ทใี่ นปาตรงเชิงภเู ขา
น่นั เอง และแลว สงิ โตกไ็ ดย นิ เสยี งกบพดู ข้นึ วา

“ทานแพข าแลว แตข า จะไมไลทา นจากภเู ขาน้หี รอก ขอใหท า นทาํ ใจใหส บาย และจงอยูต อ
ทน่ี ตี่ อ ไปเถดิ ”

สิงโตพอไดยนิ เสียงกบพดู ดังนั้นย่ิงใหรูสกึ อบั อายมาก จงึ รบี ว่ิงหนีออกจากภเู ขาแหงนัน้ ไป
และไมกลบั มาที่ภูเขานัน้ อีกเลย

เรอ่ื งนส้ี อนใหรูว า เมื่อเปน ใหญเปนโตแลวอยาเที่ยววางอํานาจ และอยาเที่ยวไปทาทายแขงขันกับ
ผูที่มีกําลังนอยกวาถาชนะก็ไมเปนส่ิงท่ีนาภาคภูมิใจ แตเมื่อแพจะไดรับความอับอายการแขงขันนั้น

64 คูม ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทกั ษะชีวติ ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 2

อยานึกวาตนมีอะไรหลายอยางเหนือกวาคูตอสูมากจะชนะเสมอไปอาจจะพายแพดวยความ
รูเทา ไมถ งึ การณก ็เปนได

ความมรี ะเบยี บวินยั
คณุ แมข องชัยยทุ ธเลาวา การจัดดอกไมเ ขาแจกันนน้ั จะทาํ ใหด อกไมท ่อี ยูในแจกันดสู วยงาม
เหมาะสมท่จี ะนาํ มาบชู าพระ เปน ของขวญั กํานัลอนั มคี ุณคา ตรงขา มกบั ดอกไมป ระเภทเดียวกนั
แตเหลือท้งิ จากการจดั เขาแจกนั ก็หาคามิได และจะถูกกวาดลงถังขยะไปในที่สดุ คุณแมจ งึ ถามชัย
ยุทธวา “ลกู คิดจะเลอื กทาํ ตนแบบไหน เปน แบบดอกไมใ นแจกัน หรือนอกแจกัน” ชยั ยทุ ธตอบวา
“ผมอยากเปนดอกไมในแจกนั ครบั เพราะผมอยากเปน คนท่ีมีคณุ คา”คณุ แมจงึ ชน่ื ชมชยั ยุทธท่ีรจู กั คดิ
อยางมีเหตุผล
เรื่องนส้ี อนใหร ูวา เราควรทําตัวใหม คี ุณคาเหมือนดอกไมในแจกัน เพราะจะไดรับการยกยอ ง
วา เปนคนดี

คูมอื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ติ ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 2 65

แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ ใหญ(เครอ่ื งหมายลกู เสือชั้นพิเศษ) ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 2

หนวยท่ี 5 สมรรถภาพทางกาย เวลา 2 ชวั่ โมง
แผนการจดั กจิ กรรมที่ 13 ลูกเสอื ไทยกายสมารท

1.จดุ ประสงคการเรียนรู
ตระหนกั รถู งึ สถานการณสุขภาพของตนเองในเรือ่ งความอวน โดยใชด ัชนีมวลกายเปน

ตวั ช้ีวดั และมแี นวทางในการดแู ลตนเอง

2. เน้ือหา
ความตระหนักถึงสถานการณสขุ ภาพของตนเองในเรอื่ งความอว น และการปฏบิ ัตติ นใหมี

ดชั นีมวลกายตามเกณฑส ขุ ภาพ จะชว ยใหมสี ุขภาพดีแข็งแรง

3. สอ่ื การเรียนรู
3.1 เกม
3.2 ใบความรเู รอ่ื ง อยา งไรเรยี กวาอว น, เร่อื ง พลงั งานทไี่ ดจ ากอาหาร และพลงั งานทใ่ี ชใน

กจิ กรรมตา ง ๆ
3.3 เรอ่ื งเลาท่เี ปน ประโยชน

4. กิจกรรม
4.1 กิจกรรมครงั้ ท่ี 1
1) พิธีเปดประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู
(1) ผูกํากบั ลกู เสอื นาํ สนทนาดว ยคาํ ถาม “ลกู เสือคดิ วา ตนเองอว นหรือไม เพราะ
อะไร” สมุ ใหลกู เสอื ตอบ 2 – 3 คนแลว นาํ เขาสกู ิจกรรม
(2) ลูกเสือช่ังน้าํ หนักวัดสวนสงู คํานวณหาคา ดัชนีมวลกาย โดยศกึ ษาจากใบความรู
เรอ่ื งอยา งไรเรยี กวาอวน
(3) หมลู ูกเสอื นัง่ ลอ มวง สมาชิกแตล ะคนผลัดกันพูดคยุ แลกเปลีย่ นในประเด็น
- คาดชั นีมวลกายที่ไดข องตนเองตรงกับที่คิดไวต อนแรกหรือไม เพราะอะไร
- ทบทวนการปฏิบัตติ นแลวมีปจจยั อะไรที่ทาํ ใหคาดัชนีมวลกายออกมาเชนนี้
(ต่าํ กวา เกณฑ อยูใ นเกณฑ สงู กวาเกณฑ)
- ตัง้ ใจจะปรบั พฤติกรรม หรอื ปฏบิ ตั ติ น อยางไรบาง
(4) รวมกอง ผูกาํ กบั ลูกเสอื เพม่ิ เตมิ เร่อื งการรับประทานอาหาร และการออกกาํ ลัง
กาย เพอื่ ควบคุมดชั นีมวลกายใหอยใู นคา ปกติ และนัดแนะการติดตามผลการปฏบิ ตั ติ น ใน
อีก 3 เดือน

66 คมู อื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ติ ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 2

4) ผูกํากบั ลกู เสอื เลาเรอื่ งทเี่ ปน ประโยชน
5) พิธปี ดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชักธง เลิก)

4.2 กจิ กรรมคร้ังท่ี 2 ( 3 เดือน หลังกจิ กรรมคร้ังท่ี 1)
1) พิธีเปดประชมุ กอง(ชกั ธง สวดมนต สงบนิง่ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคการเรยี นรู
(1) ผูก ํากับลกู เสือใหล กู เสอื ช่งั นํ้าหนกั วดั สว นสูง คํานวณหาคา ดัชนมี วลกาย เทียบ

กับเกณฑ และคา เดิมในครง้ั กอ น
(2) หมูลกู เสือนงั่ ลอมวง ใหส มาชิกแตละคนผลดั กนั พดู คยุ แลกเปลยี่ นในประเดน็
- คา ดชั นมี วลกายเปน ไปตามทค่ี าดไวห รอื ไม
- ทบทวนการปฏิบตั ติ นแลว มปี จจยั อะไรท่ีทําใหค า ดชั นีมวลกายออกมาเชน น้ี

(เปนหรือไมเ ปนตามท่ีคาดไว)
- การปรบั พฤติกรรม หรอื ปฏบิ ตั ติ น ใน 3 เดือนทผี่ า นมามผี ลตอสขุ ภาพ
อยางไรบา ง

(3) รวมกอง ผกู ํากบั ลูกเสอื นาํ อภปิ ราย และสรปุ ในประเดน็ “ไดข อคิดอะไรจาก
กิจกรรม และจะนําไปปฏบิ ตั ใิ นชวี ติ ประจาํ วนั อยา งไร”

4) ผกู ํากับลกู เสอื เลา เร่ืองท่ีเปนประโยชน
5) พธิ ีปด ประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชักธง เลิก)
5. การประเมินผล
5.1 ลกู เสือมีพฤติกรรมการใฝรใู สใ จปฏบิ ัตติ ามคาํ สงั่ ผูกํากบั ลกู เสอื รับฟง ความคดิ เหน็
เสนอความคดิ เห็น การเปนผนู าํ ผูตามทดี่ ี
5.2 ลกู เสือประเมนิ สขุ ภาพตัวเองโดยใชดัชนีมวลกายเปนตวั ชว้ี ัด และปรบั ปรุงตนเองเพ่ือ
การพฒั นาสุขภาพใหไดม าตรฐานสภาวะโภชนาการ

6. องคป ระกอบทักษะชวี ติ สําคญั ทเ่ี กิดจากกิจกรรม
คอื ความคดิ วเิ คราะห ความคิดสรางสรรค และความตระหนกั ถงึ สถานการสุขภาพของ

ตนเองในเร่ืองความอว นและมแี นวทางในการดูแลตนเอง

คมู ือการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ิต ชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ 2 67

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 13
เกม

เกมแขง ขันยนื กระโดดไกล

ผูกํากับลูกเสือใหลูกเสือแตละหมูแขงขันยืนกระโดดไกล โดยใหลูกเสือแตละหมูยืนอยูที่เสน
เริ่มตน เม่ือไดสัญญาณจากผูกํากับลูกเสือใหลูกเสือทุกคนในหมูกระโดดไปขางหนาใหไดระยะไกล
ที่สุด และเมื่อเทาถึงพื้นใหยืนอยูกับท่ี ผูกํากับลูกเสือมอบหมายใหลูกเสือหน่ึงนายวัดระยะกระโดด
ของลกู เสอื แตหมู แลวรวมระยะกระโดดของหมู วาไดร ะยะเทา ใด หมูใ ดไดร ะยะมากที่สุด เปนหมชู นะ

เกมแขงขันมา โรมัน

ผูกํากับลูกเสือใหหมูลูกเสือเลือกสมาชิกที่ตัวใหญแข็งแรง 3 คน ยืนเรียงกันคนกลางเปนมา
อีกสองคนยืนดานขางเปนรถ คนกลางใชมือสองขางโอบเอวของคนดานขางท้ังสองไว สองคน
ดา นขางประสานมอื ตนเองไวข า งหลัง และเลือกสมาชิกตัวเล็กสุดเปนคนบังคับ โดยขึ้นไปยืนบนมือที่
ประสานกันไวข องคนท่ยี ืนท้งั สองขา ง ใชม ือเกาะบา คนกลางไวใหแนน

เมื่อไดยินสัญญาณใหท้ัง 3 คน ออกว่ิงพรอมกันจากจุดเร่ิมตน ไปใหถึงเสนชัย หมูใดไปถึง
กอ นเปน ผูชนะ

ใบความรู

อยา งไรเรยี กวาอว น

ความอวน คอื ภาวะทีร่ า งกายมนี ้าํ หนกั เกนิ ปกติ และมีการสะสมไขมันมากเกนิ ความ

ตอ งการของรา งกาย

เราจะรูไดอ ยา งไรวา เปน โรคอวน

วิธีทีน่ ยิ มใช คอื การคาํ นวณหาคา ดชั นีมวลกาย โดยมสี ตู รดงั น้ี

ดชั นมี วลกาย= นา้ํ หนกั ตวั เปน กโิ ลกรัม หารดว ย (สว นสงู เปน เมตร ยกกาํ ลงั สอง)

การแปลผล

< 20 นน. นอ ยกวา ปกติ

20 – 24.9 นน. ปกติ

25 – 29.9 นน. มากกวาปกติ

30 – 39.9 โรคอวน

> 40 โรคอว นข้นั รนุ แรง

ตัวอยา ง นายหมู หนัก 60 กิโลกรัม สงู 1 เมตร 50 เซนติเมตร

ดัชนมี วลกาย = 60 = 26.66 กิโลกรัมตอ ตารางเมตร
(1.5)2

แสดงวา นายหมูเรม่ิ มนี าํ้ หนักมากกวาปกตแิ ลว

68 คูมอื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวิต ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 2

คาที่นอยกวา 20 กิโลกรัมตอตารางเมตร ถือวาผอมไป ควรตองปรับปรุงภาวะโภชนาการให
สมดุลย และเพียงพอตอการเจริญเติบโตของรางกาย เพราะลูกเสือสามัญรุนใหญอยูในวัยที่รางกาย
กําลงั เติบโตและสูงข้นึ อยา งรวดเรว็ การกินอาหารท่ีสมดุลยครบ 5 หมู และเพียงพอตอความตองการ
จึงเปนเรื่องทส่ี าํ คัญตอ สขุ ภาพในระยะยาว

ความอวนเปน ปญ หาตอ สขุ ภาพอยางไร
- เด็กอวนมีโอกาสเปนโรคเชนเดียวกับผูใหญอวน เพราะความอวนมีผลตอการทํางานของ
ฮอรโมนหลายชนิด เชนอินซูลิน ซึ่งทําใหเกิดโรคเบาหวาน และยังทําใหเสี่ยงตอโรคอื่นๆ เชน
โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสงู กรดยรู ิกในเลือดสงู เปน ตน
- เดก็ อว นจะเปน หนุม เปน สาวเร็วข้ึน แตห ยุดเติบโตเรว็ เชน กัน ในระยะแรกจงึ ดูวา โตเร็วกวา
เดก็ อนื่ แตระยะทา ยกลบั ตวั เตย้ี กวา เดก็ ทไ่ี มอ ว น นอกจากน้กี ารรับน้ําหนกั ทมี่ ากเกินไป มผี ลทาํ ให
โครงสรางของกระดูกและขอ ผดิ ปกตโิ ดยเฉพาะกระดกู ขาซ่งึ ทําหนา ที่รับน้าํ หนัก เชน ปวดขอสะโพก
ปวดเขา ขาโกง ฯลฯ
- ปญ หาทางระบบหายใจ เนอ่ื งจากผนงั ลาํ ตวั หนาทาํ ใหปอดขยายตวั ไดน อย และชอ งทาง
เดนิ หายใจแคบลงจากความอวน ทําใหม อี าการหายใจติดขดั ในชว งนอนหลับ กรนเสียงดงั
- ผิวหนงั ของเดก็ อว นบรเิ วณรอยพับ เชน ซอกคอ หลังคอ รักแร ใตร าวนมและขอพบั จะ
มสี ีคล้ํา ซงึ่ ลักษณะทผี่ วิ หนงั นี้จะดขี ้ึนเมอ่ื มกี ารลดนํ้าหนกั ลง
- ปญ หาจิตใจ เดก็ อว นมักขาดความมนั่ ใจ ในรูปรางและบุคลิกภาพของตนเอง ถูกเพอ่ื นลอ
อายจนไมก ลา ไปไหน และอาจเกดิ ปญหาการเขา กลุมกบั เพอ่ื นตามมา

เรมิ่ อว นแลวจะทาํ อยา งไร
1. กินอาหารใหครบ 5 หมู และครบ 3 ม้ือ โดยมีสูตรวา ผักครึ่งหนึ่งและอยางอ่ืนครึ่งหน่ึง
ไมควรอดอาหาร เพราะเมื่อเกิดความหิวจะทําใหกินมากขึ้น ลดอาหารประเภท แปง นํ้าตาล และ
ไขมัน ที่สําคัญคือกินอาหารเปนเวลา ไมกินจุบจิบ งดเคร่ืองด่ืมที่มีน้ําตาลผสมอยู ควรดื่มน้ําสะอาด
แทน ปริมาณอาหารที่กินตอวันเมื่อคํานวณพลังงานท่ีไดควรอยูระหวาง 1,200 – 1,500 แคลอร่ี ไมควร
เกนิ กวา น้ี โดยสามารถคาํ นวณปรมิ าณพลงั งานที่ไดจากอาหาร จากตารางพลังงานจากอาหาร
2. ออกกําลังกายใหสม่ําเสมอ เชน เดิน ว่ิง ข่ีจักรยาน กระโดดเชือก วายนํ้า เปนตน เพ่ือ
เผาผลาญพลงั งานและดงึ ไขมันทีส่ ะสมอยูในรางกายออกโดยสามารถคํานวณพลังงานท่ีใชไปได จาก
ตารางพลงั งานทใ่ี ชในการออกกําลังกายซง่ึ ทางการแพทย คําวา แคลอรี มักใชใ นความหมายถึง "กิโล
แคลอรี"
ผอู อกกาํ ลังกายควรมีหลักปฏบิ ัตเิ พ่ือความพอเหมาะพอดี คือ
- ความหนักของการออกกําลังกาย ผูออกกําลังกายมีความจําเปนจะตองทราบวาควรออก
กาํ ลังกายเทาใด จึงจะไมเ ปนอนั ตราย ตอรางกายและไดผลดีท่ีสุดโดยปกติเราจะใชอัตราการเตนของ
หวั ใจเปนตัววัดความหนักของงานถาเปนการออกกําลังกายเพ่ือสุขภาพอัตราการเตนของหัวใจของผู
ออกกําลังกายควรอยูในอัตรา 70–80 % ของอัตราการเตนของหัวใจสูงสุด โดยอัตราการเตนของ

คมู อื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทักษะชีวิต ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2 69

หัวใจสูงสุดมีสูตรในการคํานวณดังตอไปน้ีชีพจรสูงสุด = (220 – อายุป) X (0.7 - 0.8) ตัวอยาง “ตาย
อายุ 30 ป อัตราการเตนของหวั ใจสูงสดุ ในการออกกําลงั กาย คือ133 – 152 ครัง้ / นาท”ี

- ความนานของการออกกําลังกาย ในการออกกําลังกายเพื่อสุขภาพแตละครั้ง โดยทั่วๆ ไป
ควรใชเวลาอยางนอย 20 –30 นาที โดยใหอัตราการเตนของหัวใจคงที่ (ตามการคํานวณ) ไป
ตลอดเวลานัน้

- ความบอ ยของการออกกําลงั กาย ความเหมาะสมในการออกกําลังกายในหนงึ่ สัปดาหน นั้
ควรออกกาํ ลงั กายไมน อยกวา 3 วนั และไมเกิน 6 วนั และควรมีวันพกั ผอนสัปดาหล ะไมน อยกวา 1 วัน

3. สรางแรงจูงใจ เชน ชื่นชมและใหกําลังใจตนเองทุกวนั ท่ปี ฏบิ ัตติ นไดต ามเทต่ี ้งั ใจไว หา
เพื่อนออกกาํ ลงั กายรว มกนั แขวนชุดสวยๆ หลอๆ ที่เคยใสไ ดเพ่อื กระตนุ ใหเ กิดความพยายามมากขนึ้

พลงั งานที่ไดจ ากอาหาร และพลงั งานทีใ่ ชในกจิ กรรมตา ง ๆ
พลงั งานท่ีไดจ ากอาหาร

อาหาร แคลอร่ี อาหาร แคลอรี่

สม 1 ผล 40 ขาวตมมดั 1 คู 320
ตม ยํากงุ 50 ถวั่ ดําตม นํา้ ตาล 1 ถวย 340
ผัดผักบงุ จนี ครึ่งถวย 75 ขา วสวย 1 จาน 350
แกงจืดผกั กาดขาว 1 ถว ย 110 แกงกระหรไ่ี ก 1 ถว ย 365
สม ตาํ 1 จาน 120 กวยจับ๊ 1 ชาม 400
ไขล กู เขย 1 ฟอง 160 ผดั ซีอว้ิ ไสไ ข 440
นมจืด 1 กลอง 160 ขาวขาหมู 450
กลว ยไขเ ช่ือม 2 ลูก 180 ขา วหมูแดง 500
ขาวสวย 1 ถว ย 230 ขาวมนั ไก 600
ขา วตมทรงเครอื่ ง 1 ถวย 230 หอยทอดใสไ ข 650
ลอดชอ งน้ํากระทิ 1 ถวย 290 ผดั ไทย 1 จาน 800

70 คมู ือการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชีวิต ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2

พลงั งานทใี่ ชใ นกิจกรรมตางๆ

กจิ กรรมในเวลา 1 ชวั่ โมง แคลอร่ีทใ่ี ช กิจกรรมในเวลา 1 ชวั่ โมง แคลอรที่ ใ่ี ช
350
นอนหลับ 75 วอลเลย บอล, เลนเพ่อื สนกุ 415
450
ลงนอน (ไมหลับ) 85 ข่จี ักรยานดว ยความเรว็ 14.4 515
กม./ชม. 600
นัง่ ดูโทรทัศน 600
นั่งทํางานใชส มอง 107 เทนนสิ , เลนเพอื่ สนุก 600
เย็บผา
รีดผา 110 เล่อื ยไม 640
เดินบนทางราบดว ยความเรว็ 660
3.2 กม./ชม. 115 วายนํ้าดวยความเรว็ 2.00 กม./ชม. 660

เดินลงบันได 150 วอลเลย บอล, แขงขัน 660

ซักผาดวยมอื 180 เทนนสิ , แขง ขนั 700
ข่ีจักรยานดวยความเรว็ 8.8
กม./ชม. 214 เดินขนึ้ บนั ไดด วยความเรว็ 825
3.2 กม./ชม.
ทําสวน 850
240 วิ่งบนทางราบดว ยความเร็ว 8.8 กม./ชม.
เดินบนทางราบดวยความเรว็ 970
4.8 กม./ชม. 240 ข่จี กั รยานดวยความเรว็ 20.0
เดนิ บนทางราบดว ยความเรว็ กม./ชม. 1,390
5.6 กม./ชม.
วา ยน้าํ ดว ยความเร็ว 250 กรรเชยี งเรอื ดวยความเร็ว 5.6
1.12 กม./ชม. กม./ชม.
กรรเชยี งเรือดวยความเรว็ 4.0
กม./ชม. 260 วายนํ้าดวยความเร็ว 2.56
เดินบนทางราบดว ยความเรว็ กม./ชม.
6.4 กม./ชม.
300 วิ่งบนทางราบดวยความเรว็
12.8 กม./ชม.

300 วายน้ําดวยความเร็ว 3.00 กม./
ชม.

300 กรรเชยี งเรอื ดว ยความเร็ว
17.6 กม./ชม.

350 วง่ิ บนทางราบดวยความเรว็
18.2 กม./ชม.

คูมือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ิต ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 2 71

เรื่องเลา ทเี่ ปนประโยชน

นายพลกบั เด็ก
คร้ังหนึ่งมีนายพลทหารมาตองการที่จะขามแมน้ําเขาไมแนใจวาแมน้ําน้ันลึกขนาดไหนและ
ไมแนใจวามาของเขาจะขามจะสามารถขามแมนํ้านี้ไปไดเขาจึงมองไปรอบๆเพ่ือขอความชวยเหลือ
มีเด็กชายตัวเล็กๆคนหน่ึงอยูในละแวกนั้น นายพลจึงพูดกับเด็กชายวา “ เจาคิดวามาของขา
จะสามารถพาขาขามแมนํ้าไปฝงโนนไดไหม?” เด็กชายมองมาของนายพลและก็คิดอยูครูหนึ่งแลว
พยักหนาบอกอยางเช่ือมั่นวา “ได”
นายพลจงึ กระตนุ มาใหขามแมนํ้าไปเมื่อไปถึงกลางแมนํ้าจึงพบวาแมน้ําน้ันลึกมากและทั้งตัว
เขาและมากําลังจะจมนา้ํ เขาโกรธเดก็ มากจงึ ตะโกนบอกวาเดก็ จะตองถูกลงโทษ
เด็กชายตกใจจึงตอบกลับมาดวยความไรเดียงสาวา “ก็ผมเคยเห็นเปดขามแมนํ้าอยูทุกวัน
ในเมือ่ มา มขี ายาวกวาเปด ต้งั เยอะ ผมจงึ คิดวาตอ งขามแมนํา้ ไดแน ๆ”

เร่ืองนส้ี อนใหร วู า ควรขอคาํ แนะนําจากผทู ี่รจู ริงในเร่อื งนั้นๆ

ความหมายของ HB และ 2B บนดินสอ
ดนิ สอดํา ทใ่ี ชโ ดยทั่วไปนนั้ ไสดนิ สอทําดว ยถานกราไฟต ผสมกบั ดนิ ชนดิ หน่ึงความแข็งหรือ
ออ นของไสน นั้ ขน้ึ อยูกับความมากนอยของดนิ ทใี่ ชผสมดินสอออนมากขนาด 6B จะมีดินผสมอยูเปน
สว นนอ ย แตถ าดินสอขนาด 6H จะมีดินผสมอยูมากท่ีสุดตัว B และ H มาจากคําวา Black และ Hard
ซงึ่ บง บอกถึงความแขง็ แรงของไสแ ละความเขม ของไส

ดนิ สอทใี่ ชใ นการวาดเขยี นมกั จะใชด ินสอทม่ี ีจํานวน B กาํ กบั ซึง่ อาจเรม่ิ ต้ังแต HB, 2B ไป
จนถึง 6B ดนิ สอท่ีมคี วามเขมนอ ย ๆ อาจใชในการรางภาพและใชด นิ สอทม่ี จี าํ นวน B มากในการแร
เงาแตโ ดยปกตผิ วู าดจะไดร บั การแนะนาํ ใหใ ชดนิ สอทม่ี ีจํานวน B มากท่สี ดุ คอื ดาํ ท่ีสุดเพยี งแทงเดยี ว
ใชท้ังรางภาพและแรเงาเหตผุ ลคอื ไมตองส้นิ เปลอื งและวุนวายอยูกบั การกะความเขมของดนิ สอแตจ ะ

สอนใหฝกควบคุมนา้ํ หนักมอื และกะระยะนํา้ หนกั เขมใหส ัมพันธก ับนา้ํ หนักมอื โดยใชดนิ สอดาํ
แทง เดยี ว

ท่ีมา 108 ซองคาํ ถาม

เรอ่ื งน้สี อนใหร วู า การเลือกใชสิ่งทีเ่ หมาะสมกบั งาน จะทําใหง านมคี ุณภาพและสน้ิ เปลืองนอย

72 คูมอื การจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทกั ษะชีวิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 2

แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ ใหญ(เคร่ืองหมายลกู เสือชั้นพเิ ศษ) ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2

หนว ยที่ 5 สมรรถภาพทางกาย เวลา 1 ชวั่ โมง
แผนการจดั กจิ กรรมที่ 14 ภยั สังคม

1.จุดประสงคการเรยี นรู
มแี นวทางในการแกป ญ หาเมื่อเผชิญภัยสังคมในรปู แบบตา ง ๆ

2. เนื้อหา

ภัยสังคมเกดิ ข้นึ ไดห ลากหลายรปู แบบ และไมท นั ต้ังตวั การไดฝ ก คดิ หาทางออกในเวลาปกติจะชว ย
ใหล ูกเสอื ไดนาํ ประสบการณการแกป ญหาไปใชได เมอื่ ตองเผชญิ เหตุการณต า ง ๆ

3. สือ่ การเรียนรู

3.1 เกม
3.2 บัตรคาํ
3.3 เรอื่ งทเ่ี ปนประโยชน
4. กิจกรรม

4.1 พธิ เี ปด ประชมุ กอง (ชักธง สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรอื เกม
4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงคการเรียนรู

1) ผูกาํ กับลูกเสือแจกบตั รคาํ ใหลูกเสอื หมูล ะ 1 ใบ ใหส มาชิกรวมกันอภิปรายแสดง
ความคิดเห็นเพอ่ื หาคาํ ตอบวา “หากลูกเสอื ตกอยูในสถานการณเ ชนนนั้ จะแกปญหาอยางไร” และ
นาํ เสนอในกองลกู เสอื ในรูปแบบบทบาทสมมตุ ิ

- ถกู จเี้ อาโทรศัพทมอื ถอื
- ถกู ถํ้ามองเวลาอาบน้าํ
- ถูกขมขรู ีดไถเงิน
- ถกู ลวนลามทางเพศ
2) รวมกอง นําเสนอผลการอภปิ รายทลี ะหมู ในรปู แบบบทบาทสมมุติ ผกู าํ กับลกู เสือนํา
อภปิ รายใหห มูอ ่ืน ๆ รว มแสดงความคิดเหน็
3) ผูก ํากบั ลกู เสอื นาํ อภปิ รายสรปุ แนวทางแกปญ หาเม่อื เผชิญภยั สังคมในรปู แบบตา งๆ
(1. อยาเก็บเรอ่ื งเปน ความลบั ตองแจงใหครู ผปู กครอง หรอื ผูใหญท่ีไวใ จทราบเพอ่ื ชว ยแกป ญหา
2.ไมทาํ ใหเกิดอันตรายตอตนเอง 3. ปอ งกันไวดกี วาตามแกไข)
4.4 ผกู ํากบั ลกู เสือเลาเรื่องท่เี ปน ประโยชน
4.5 พิธปี ดประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชักธง เลิก)

คมู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชีวติ ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 2 73

5. การประเมนิ ผล
สงั เกต การมสี วนรวมในการทํากจิ กรรม การแสดงออก และการใหค วามคดิ เหน็ ในหมูและใน

กองลกู เสอื

6.องคประกอบทักษะชวี ติ สาํ คญั ทเ่ี กดิ จากกจิ กรรม
คือ ความคิดวเิ คราะห ความคิดสรา งสรรค การตดั สินใจและแกไขปญ หา

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 14
เกม

แขง ก้งิ กอื

1. จัดลกู เสือนั่งเปนรปู แถวตอนหมู
2. ลูกเสอื ทน่ี ่งั อยขู า งหลงั ใชขาทงั้ สองขา งเก่ยี วเอวคนขางหนา (ตลอดทั้งแถว)
3. เมอ่ื ผกู ํากับลูกเสอื ใหสญั ญาณเร่มิ ใหท ง้ั หมดเคลือ่ นไปขางหนา โดยใชม ือยกตัวไปพรอ ม
ท้งั ใหจ งั หวะดงั ๆ
กตกิ า หมใู ดถึงเสนชยั กอนหมนู น้ั ชนะ (แถวไมข าดจากกนั )
ขอจํากัด ไมควรเลน บรเิ วณพืน้ ดนิ ลว น ๆ มีหนิ กรวด ทราย และควรถอดรองเทา

บัตรคาํ ถกู ถ้าํ มองเวลาอาบน้ํา
ถูกจี้เอาโทรศพั ทมือถือ

ถกู ลวนลามทางเพศ ถกู ขม ขรู ีดไถเงนิ

74 คมู ือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 2

เรอ่ื งเลาที่เปนประโยชน

คณุ จะเปน นกอินทรีหรือ ลกู ไก
แมนกอินทรีตัวหน่ึงมีลูกนอย 2 ตัว อาศัยอยูในรังบนหนาผาแหงหน่ึง มันเฝาฟูมฟกลูกทั้ง
สองอยางดีอยูมาวันหน่ึงมีพายุแรงมาก ไดพัดเอาลูกนกอินทรีตัวนองตกลงไปยังพื้นดินเบื้องลาง
เดชะบญุ ทตี่ รงน้ันมีกองฟางรองรับอยู
ในบริเวณนั้แมไกกับลูกฝูงหน่ึงอาศัยอยู แมไกไดฟูมฟกลูกนกอินทรีหมือนกับลูก ๆของ
ตัวเองจนเติบใหญสอนใหเดินแบบไก หากินแบบไกและก็รองแบบไกจนนกอินทรีผูนองเขาใจวา
ตนเองน้ันคอื ไกจ ริงๆ
สวนแมนกอินทรีก็หัดใหลูกนกผูพ่ีบินอยูบนฟานองที่อยูดานลางเห็นพี่บินอยูจึงวิ่งไปบอกแม
ไกวา “แมๆดูนกบนนั้นบินสิครับ ชางสงางามจริง ๆ ผมอยากบินไดแบบน้ันจัง” แมไกไดตอบนก
อินทรีผนู องวา “ลกู เอยเปนไปไมไดหลอกขางบนนั้นคือพญานก เปนนกอินทรีผูสงางามแตเราเปนไก
เราทาํ แบบเขาไมไดห รอกลูก” ลกู นกอนิ ทรผี นู อ งก็รบั คาํ และอยูก บั แมไกส บื ตอ ไป
เร่ืองน้ีสอนใหรูวา วันนี้เราอาจเปนลูกนกอินทรีท่ีอาศัยอยูกับฝูงไกก็ไดเม่ือเราทําอะไรบางส่ิง
บางอยา งที่ย่ิงใหญอาจมีเสยี งทักจากบุคคลรอบขา งวา “เปนไปไมไ ดทาํ ไมได” แตถ าเราไมตัดสินใจลง
มอื ทาํ และแสดงศักยภาพอยางเตม็ ท่ีแลวจะรอู ยา งไรวา เราไมใ ชพญานกอนิ ทรี

คูม อื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชวี ติ ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 2 75

แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รนุ ใหญ(เคร่ืองหมายลกู เสอื ช้นั พเิ ศษ) ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 2

หนวยท่ี 5 สมรรถภาพทางกาย เวลา 2 ชั่วโมง
แผนการจัดกิจกรรมที่ 15 เส่ยี ง ไมเ ส่ยี งรไู ดอ ยางไร

1. จุดประสงคการเรียนรู

สามารถประเมินความเส่ยี งทางเพศในสถานการณต า ง ๆ ได
2. เน้ือหา

สถานการณตา งๆในชวี ติ ประจําวันอาจนําไปสอู ันตรายทไ่ี มค าดคิด โดยเฉพาะภยั ทางเพศ
ความสามารถในการประเมนิ สถานการณเสยี่ งจะนําไปสกู ารรเู ทาทันและระมัดระวงั ตนเองมากขนึ้
3. สอื่ การเรียนรู

3.1 แผนภูมเิ พลง, เกม
3.2 กระดาษปรูฟ ปากกาหวั สกั หลาด
3.3 เรอ่ื งเลาท่มี ปี ระโยชน
4. กจิ กรรม

4.1 กจิ กรรมครง้ั ที่ 1

1) พธิ เี ปดประชมุ กอง(ชกั ธง สวดมนต สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจุดประสงคก ารเรียนรู

(1) หมลู กู เสือนง่ั ลอมวง วางกระดาษปรฟู ปากกาหัวสักหลาด ไวกลางวงแจกหิน
กอนเล็กๆ ใหค นละ 10 กอน

(2) ใหลกู เสอื ระดมสมองคดิ สถานการณท ีเ่ สี่ยงตอ ภัยทางเพศใหไ ดม ากทีส่ ุด ในเวลา
5 นาที เขียนลงกระดาษปรฟู เรยี งลําดบั บรรทดั ละ 1 ขอ

(3) นายหมูอานสถานการณทีละขอ ใหสมาชิกอภิปรายวาทําไมจึงเสี่ยง จนครบทุก
ขอ

(4) ลูกเสือแตละคนใหคะแนนความเสี่ยง โดยวางกอนหินของตนลงบนกระดาษตรง
หัวขอ ท่เี ลอื ก ใหน ํ้าหนักความเสยี่ งตามจํานวนกอ นหิน แตล ะคนวางไดแ ค 10 กอ น

(5) นายหมูนับจํานวนกอนหิน จัดลําดับสถานการณที่มีกอนหินมากสุดลงมานอยสุด
จาํ นวน 5 ขอ นาํ ผลท่ีไดร ายงานในกองลกู เสอื ทลี ะหมู

(6) ผูกํากับลูกเสือรวบรวมสถานการณท่ีทุกหมูรายงาน นําอภิปราย และเพ่ิมเติม
ดังน้ี

- รูไดอยางไรวาสถานการณใดเปนสถานการณเส่ียงทางเพศ (จากสถิติ
และจากการไดยินหรือรับรูมาวา มักจะเกิดเหตุการณที่เปนภัยทางเพศในสถานการณเหลานี้
บอ ย ๆ)

76 คูม ือการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ติ ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 2

- ผูก ํากบั ลกู เสืออธิบายวาส่ิงท่ีเรากําลังทําอยูน้ีเรียกวา“เกณฑประเมินความ
เส่ียงทางเพศ” ซ่ึงก็คือ สถานการณท่ีมักเกิดอันตรายหรือความเสี่ยงในเรื่องเพศ ซ่ึงแตละ
สถานการณยังมคี วามเส่ียงมากนอ ยตา งกัน เราจะมาดกู นั ในคร้งั ตอ ไป

4) ผูกาํ กับลกู เสือเลาเรื่องทเี่ ปน ประโยชน
5) พธิ ีปดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธง เลกิ )
4.2 กจิ กรรมครง้ั ท่ี 2
1) พิธเี ปดประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต สงบน่ิง ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู

(1) เขยี นสถานการณเ สยี่ งทางเพศท่รี วบรวมจากการรายงานในครง้ั กอน และเกณฑ
ประเมนิ ความเส่ยี งทมี่ ผี ทู ําไว 5 ขอ ลงกระดาษปรฟู ชดุ ละ 1 แผน

(2) ผกู ํากับลกู เสอื นาํ อภิปราย และเพิม่ เติม ดงั นี้
- ใหกองลกู เสือรวมกนั เปรยี บเทยี บสถานการณเสี่ยงทเ่ี ขยี นบนกระดาษ

ปรฟู กับเกณฑป ระเมินความเสี่ยงในเรื่องเพศทีเ่ คยมผี ูเ ชีย่ วชาญทําไว 5 ขอ วา เหมอื นหรอื
ตา งกันอยางไร (1.การอยดู วยกนั ลาํ พงั สองตอสองในท่ีลับตา 2. มกี ารสัมผสั ถูกเนอื้ ตองตวั
3. หญงิ แตง กายลอ แหลม 4. ดสู ่งิ ย่ัวยุ เชน หนงั สอื /วดิ โี อโป ฯลฯ 5.มกี ารใชส รุ าหรือยาเสพตดิ )
และลกู เสอื ตองการปรับลดหรือเพม่ิ เติมเกณฑขอใดบาง

- ผกู าํ กับลูกเสอื ดําเนนิ การปรับลด/เพมิ่ เติม ตามผลการอภปิ ราย และ
สรุปวา นค่ี ือเกณฑประเมินความเส่ยี งตามขอ สรุปของกองลูกเสือ

(3) ผกู าํ กบั ลกู เสืออธิบายขนั้ ตอนในการประเมินความเสี่ยง 3ข้นั ตอนคือ
- วเิ คราะหขอ มลู สถานการณท เี่ ปน อยูวา เปน อยางไร
- เทียบกบั เกณฑประเมินความเส่ยี ง
- ถา เทียบแลวเขา เกณฑวาเสี่ยงใหเอาตนเองออกจากสถานการณ โดยการ

ปฏิเสธ / ปลีกตัวหรือเดินหนีออกจากเหตุการณ หรือ ขอความชวยเหลือถาออกจากสถานการณ
ไมได(ยกตัวอยางเชน การมีเพศสัมพันธไมคาดคิด มักเกิดในสถานการณที่ชายหญิงอยูดวยกัน
ลําพังในท่ีลับตา โดยอาจมีการดื่มสุรา การสัมผัสถูกเนื้อตองตัว เปนปจจัยเสริมยั่วยุอารมณเพศ
ซ่ึงมักเปนเพศสัมพันธท่ีไมปลอดภัย ไมไดมีการปองกัน ทําใหเกิดปญหาตามมา เชนติดเช้ือเอดส
ต้ังครรภ ฯลฯ ดังนั้นเมื่อวิเคราะหไดวา การอยูดวยกันลําพังในที่ลับตา เขาเกณฑประเมินความ
เสย่ี ง จึงควรหลกี เลยี่ งนาํ ตัวออกจากเหตกุ ารณต้ังแตแรก เพอ่ื ปอ งกนั ปญ หาทอ่ี าจเกิดตามมา)

(4) ผกู าํ กับลูกเสือและลกู เสือรว มกนั ทบทวนข้นั ตอนการประเมนิ ความเสีย่ ง
(5) ผกู ํากับลกู เสือและลกู เสือรว มกนั สรุปขอ คิดที่ได และการนาํ ไปใชใ น
ชีวติ ประจาํ วนั
4) ผูก าํ กับลกู เสอื เลา เร่อื งทเี่ ปนประโยชน
5) พิธีปด ประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธง เลิก)

คูมือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทักษะชีวติ ชั้นมัธยมศึกษาปท ี่ 2 77

5. การประเมินผล

สังเกตการมสี ว นรว มในการทํากิจกรรม การแสดงออก และการใหความคดิ เหน็ ในหมู และใน
กองลูกเสือ
6. องคประกอบทักษะชวี ติ สําคญั ทเี่ กดิ จากกจิ กรรม

คือ ความคิดวเิ คราะห ความคดิ สรา งสรรค ตระหนักรถู งึ สถานการณเสย่ี งทางเพศทีอ่ าจ
เกิดข้นึ ไดในสถานการณต าง ๆ การตัดสนิ ใจและแกไขปญ หา

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 15

เพลง

ลูกเสอื คอื อะไร

ลูกเสอื นั้นคอื อะไร ลกู เสือมดี อี ยา งไร

มาพวกเราเรว็ ไว รบี เขา ไปใหเห็นดวยตา

กิจกรรมลูกเสอื ชวยเหลอื ผคู น ความอดทนนั้นตดิ ตามมา

ฝก การสงั เกตจดจาํ รวมทํารว มพฒั นา

เราแสนสขุ อรุ า เมอ่ื ไดม าเขา เปน ลูกเสือ

เกม

ชนไก

ลูกเสอื ทกุ คนเขาแถวเปน วงกลม แตล ะคนประสานมอื ของตัวเองแลว นั่งยองๆลงไป สอดแขน
ไวใตขอพับเขา หนีบแขนทั้งสองขางไว เมื่อไดรับสัญญาณจากผูกํากับลูกเสือใหลูกเสือแตละคนใช
บริเวณไหลกระแทกกับลูกเสือคนอื่นใหลมลง หากลูกเสือคนใดถูกกระแทกลมลงใหออกจากการเลน
เกม จนเหลอื ลูกเสือคนสดุ ทา ยถือเปน ผชู นะ

เรื่องทเี่ ปนประโยชน

หนนู ากบั หนูเมอื ง

ครั้งหน่ึงหนูนาชวนหนูเมืองมาเยี่ยมท่ีบาน มันเตรียมของกินมากมาย ไมวาจะเปนเนยแข็ง
ขาวโอต ผลไม และอ่ืน ๆ หลังจากท่ีกินอาหารกันเสร็จแลว หนูเมืองก็บอกวา “เพ่ือนรัก ขาอยากจะ
ถามสักหนอยวา ทําไมถึงยอมทนใชชีวิตลําบาก อด ๆ อยาก ๆ อยูอยางนี้ ท้ังที่เจาสามารถไปหากินใน
เมอื งกบั ขาไดอยางสะดวกสบาย” หนูนาจึงตดั สนิ ใจยา ยตามไปทนั ที

เม่ือไปถึง หนูเมืองพาเพื่อนไปที่หองเก็บอาหาร ท้ังสองยิ้มราและมุงหมายจะกินใหเอร็ดอรอย
แตทันใดนั้นเอง ประตูก็เปดออกและมีชายสองคนเดินเขามาพรอมกับหมาตัวโต พวกมันเห็นดังน้ันจึง

78 คูมือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ิต ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2

รีบวิ่งหนีไปซอนตัวดวยความกลัว หนูนาเอยข้ึนวา “นี่นะรึเพ่ือนเอย สภาพชีวิตสุขสบายท่ีวา แตถาเรา
ตองอยูดวยความหวาดกลัวอยางนี้ละก็ ขาขอกลับไปใชชีวิตอยูที่กระทอมโกโรโกโสท่ีบานนอกดีกวาอยู
ในเมอื งที่เต็มไปดว ยอนั ตรายและความวุนวายเชน นี้”
เร่ืองน้ีสอนใหรูวา การมีชีวิตที่สงบสุขแตยากจน ยังดีกวาท่ีจะมีชีวิตที่ร่ํารวยแตเต็มไปดวยความ
หวาดกลัว และเผชญิ ปญหาตา ง ๆ โดยไมม คี วามสขุ

เนกอนิ ทรกี บั อีกา
นกอินทรีตัวหน่ึงคอยจองตะปบลูกแกะอยูบนยอดผาสูง เมื่อไดโอกาสเหมาะ มันก็โฉบเอา
ลูกแกะขึ้นไปดวยองุ เลบ็ อันแข็งแกรง แลว บนิ กลับสรู ังบนยอดผาสงู
อีกาซึ่งอยูบริเวณน้ันเห็นการกระทําของนกอินทรีมาโดยตลอด ก็คิดจะเอาอยางบาง จึงบิน
ถลาตรงไปตะปบลกู แกะทกี่ ินหญา อยูเพ่อื จับตัวมนั บินขน้ึ แตองุ เลบ็ ของมันกลับจิกแนนเขา ไปในเนื้อ
ลูกแกะ ไมวาจะพยายามสลัดออกอยางไรก็ไมหลุด เม่ือคนเลี้ยงแกะเห็นเขา ก็รองทักวา “โอโห!
นี่มันนกอะไรกัน” ลูกชายผูซ่ึงเห็นเหตุการณโดยตลอดกลาวข้ึนวา “พอ ที่ขาเห็นอยูเม่ือครูนี้ มัน
แสดงทาทางราวกับเปน นกอนิ ทรี แตต อนนี้ขาวามันคงเขา ใจแลว ละ วาตนเองเปนเพียงอกี าเทาน้นั ”
เร่อื งน้ีสอนใหร วู า 1. คนโงเขลามักคดิ ทําในส่ิงท่ีเกินความสามารถของตน

2. คนฉลาดรูวา จะใชความสามารถทมี่ ีอยขู องตนใหเกดิ ประโยชน ไดอยา งไร

คมู อื การจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชวี ติ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 2 79

แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรนุ ใหญ(เคร่อื งหมายลูกเสอื ช้นั พิเศษ) ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 2

หนว ยท่ี 5 สมรรถภาพทางกาย เวลา 2 ชั่วโมง
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 16 อยา งน้ตี องปฏเิ สธ

1. จดุ ประสงคการเรียนรู

สามารถปฏิเสธการชวนของเพอ่ื น ทช่ี วนไปทาํ กจิ กรรมเสีย่ งตาง ๆ โดยเพอื่ นไมโกรธ
2. เน้อื หา

ทักษะปฏเิ สธ เปนการสื่อสารที่จาํ เปน สําหรบั ใชป ฏเิ สธเพ่อื นที่ชวนไปทาํ กิจกรรมท่ี เส่ยี ง
ตา งๆโดยเพือ่ นไมโกรธ เพราะการปฏิเสธไมสําเร็จมักเกดิ จากกลัวเพอ่ื นจะโกรธ
3. สอ่ื การเรยี นรู

3.1 แผนภูมเิ พลง, เกม
3.2 กระดาษแผน เลก็ กระดาษปรูฟ ปากกา ปากกาสักหลาด
3.3 ใบความรู เรอื่ ง ทกั ษะการปฏเิ สธ
3.4 เรื่องท่ีเปนประโยชน
4. กจิ กรรม

4.1 กจิ กรรมครง้ั ท่ี 1

1) พธิ เี ปด ประชุมกอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนง่ิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กิจกรรมตามจุดประสงคก ารเรียนรู

(1) หมูลูกเสอื น่งั ลอมวง ระดมสมองวา เคยถกู ชวนไปทาํ อะไรบาง ในชวี ติ ประจาํ วนั
ใหเขียนลงกระดาษแผนเลก็ แผน ละ 1 กจิ กรรม เขยี นใหไดมากท่ีสดุ ในเวลา 3 นาที

(2) นํากจิ กรรมทเ่ี ขยี นไวม าจดั แยกประเภทเปน 3 ประเภท คอื ทาํ ได ไมควรทาํ
และไมแ นใ จ ตามความเหน็ ของหมลู กู เสือ

(3) เลอื กกิจกรรมท่ีไมควรทํา หมลู ะ 1 อยา ง ใหแ ตละหมูเลนบทบาทสมมุติ ปฏิเสธ
การชวนโดยเพือ่ นไมโกรธ นาํ เสนอในกองลูกเสอื

(4) ลูกเสอื แตล ะหมูเ ลน บทบาทสมมตุ ิ เมอ่ื แตล ะหมเู ลน จบ ผูกาํ กบั ลูกเสือใหก อง
ลกู เสือโหวตวา ลูกเสอื หมูนจี้ ะ “ปฏเิ สธไดส ําเร็จหรือไม” จนครบทุกหมู

(5) ผูกาํ กับลกู เสอื แจกใบความรูเ รือ่ ง “ทักษะการปฏเิ สธ” ใหแตล ะหมูไปศกึ ษา
4) ผกู ํากบั ลกู เสือเลาเร่อื งทีม่ ปี ระโยชน
5) พิธปี ดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชักธง เลิก)

4.2 กจิ กรรมครัง้ ที่ 2

1) พธิ เี ปด ประชุมกอง (ชกั ธง สวดมนต สงบน่ิง ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม

80 คูมือการจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 2

3) กิจกรรมตามจุดประสงคการเรียนรู
(1) ผกู าํ กับลกู เสือใหลกู เสอื รวมกันทบทวนใบความรเู ร่ือง “ทักษะการปฏเิ สธ” โดยผู

กาํ กับลกู เสอื ชว ยเพิม่ เติม และอธิบายขอ สงสัย
(2) ผกู าํ กบั ลกู เสือมอบหมายใหแตละหมเู ลน บทบาทสมมติ ปฏิเสธการชวนใน

สถานการณเดิม แตใชข ้ันตอนการปฏเิ สธตามใบความรู แลวนาํ เสนอในกองลกู เสือ
(3) ลูกเสอื แตล ะหมเู ลนบทบาทสมมติ หลงั การนาํ เสนอของแตละหมู ผกู าํ กบั ลูกเสือ

ใหก องลกู เสอื รว มกนั ประเมนิ วา “ครบข้ันตอนทกั ษะการปฏิเสธหรอื ไม” ถาไมครบ ขาดข้นั ตอนใด
(4) ผกู ํากับลกู เสือและลูกเสอื รวมกนั สรุปขั้นตอน “ทกั ษะการปฏเิ สธ” และเพ่ิมเตมิ

เรื่องการหาทางออกเม่อื ถกู เซา ซ้ี
4) ผูกาํ กับลกู เสือเลาเรอื่ งทีม่ ีประโยชน
5) พิธีปด ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชักธง เลิก)

5. การประเมนิ ผล
สงั เกต การมสี ว นรวมในการทํากิจกรรม การแสดงออก การแสดงความคดิ เหน็ และประเมนิ

ความถูกตอ งของขั้นตอนการทาํ ทกั ษะปฏิเสธ
6. องคป ระกอบทักษะชวี ติ ท่ไี ดจากกิจกรรม

คือ ความคดิ วเิ คราะห ความคิดสรา งสรรคการตดั สนิ ใจ การสรา งสัมพนั ธภาพและการสื่อสาร

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมท่ี 16

เพลง
บริการ

บริการ บริการ งานท่ีพวกเราทํา เปนประจาํ เราทําไปไมเคยคดิ รวนเร
ปดกวาดเราทําทุกอยาง สะอาดทุกทางทีผ่ า น หนา ทท่ี กุ ๆ สถาน เราน้นั บริการทวั่ ไป

เกม

ทิศอะไร
วิธเี ลน
1) ใหแตล ะหมูเ ขา แถวตอนยืนหางกนั ประมาณ 1 ศอก ทุกคนเตรียมหนั ไปตามทศิ ที่ผูส่งั
2) เมือ่ ไดย ินผสู ง่ั เรยี กชอื่ ทศิ ใดทกุ คนตอ งหนั ไปทางทศิ นน้ั ๆ เชน “ทศิ เหนอื ” ทุกคนตองหนั ไป
ทางทศิ เหนอื ใครหนั ผิดตองออกจากการเลน ผูสั่งจะเรยี กชอื่ ทศิ ซ้ํากนั ก็ได หรือเปลย่ี นชอ่ื ทศิ ใดกไ็ ด
3) หลงั จากการเลิกเลนแลว หมูใดมคี นเหลอื มากกวาหมอู ่ืนเปนหมูชนะ ใหห มูอ ื่นกลาวคํา
ชมเชย (เยล) ให ผกู าํ กบั ลกู เสอื อธบิ ายถงึ ประโยชนของเกม

คูมือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ติ ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 2 81

ใบความรู

ทักษะการปฏิเสธ

การปฏเิ สธเปน สทิ ธสิ ว นบุคคลท่ที ุกคนควรเคารพและยอมรับการปฏิเสธจะสาํ เรจ็ ไดน น้ั
ผปู ฏิเสธตองมีความต้งั ใจชดั เจนทีจ่ ะปฏเิ สธ

ขน้ั ตอนการปฏเิ สธ

1) อางความรสู ึกประกอบเหตผุ ล เพราะความรูสึกโตแยง ไดย ากกวาการใชเหตุผล
2) ปฏเิ สธชัดเจน
3) ถามความเหน็ เปน การรักษาน้ําใจผชู วน ขน้ั ตอนนี้จะชวยใหเ พอื่ นมีความรสู กึ ท่ดี ี และไมโกรธ
4) ขอบคณุ เมอื่ เขายอมรับ
ถา ผูชวนต๊ือไมเลิก

โดยการ เซาซ้ี, สบประมาท, ยกเหตผุ ลหวานลอม, ปลอบหรอื รบั รองวาไมมปี ญหา หรอื
แมก ระทง่ั ขม ขู ฯลฯ ไมควรหวน่ั ไหว ควรหาทางออกดวยวธิ ีใดวธิ หี นงึ่ ตอไปนี้

1) ปฏิเสธซํ้า แลว รีบขอตวั ออกจากเหตกุ ารณไป
2) ผดั ผอน แลว รบี ขอตวั ออกจากเหตุการณไป
3) ตอรองหาทางเลือกอ่ืนท่ียอมรับไดทงั้ สองฝาย
จดุ ออนที่ทําใหม กั ปฏิเสธไมสําเรจ็

1) ปากบอกปฏิเสธ แตใ จไมป ฏเิ สธแทจ ริง เลยใจออ นปฏิเสธไมสาํ เร็จ
2) ใชเ หตผุ ลเปน ขอ อา ง ผชู วนเลยเอาเหตุผลอ่ืนมาหกั ลางทําใหป ฏเิ สธไมส ําเรจ็
3) ไมออกจากสถานการณ อยูใ หเขาตือ๊ ไปเรอ่ื ย ๆ กเ็ ลยปฏเิ สธไมสาํ เรจ็ จนได
4) เกรงใจโดยเฉพาะกบั ผอู าวุโสสงู กวา เลยทาํ ใหไ มรักษาสิทธใิ นการปฏเิ สธของตนเอง

ตวั อยางประโยคคาํ พูด

สถานการณ: เพ่ือนชวนลองสูบบหุ รี่

ขัน้ ตอน ตวั อยา งประโยคคาํ พดู

อา งความรสู ึกประกอบเหตผุ ล เราไมช อบ รสู กึ วามนั เปน สงิ่ ท่ไี มด ี

ปฏิเสธชัดเจน ขอไมล อง

ถามความเหน็ เปนการรกั ษานา้ํ ใจผชู วน นะเพอ่ื น

ขอบคณุ เมื่อเขายอมรบั ขอบคณุ ทเี่ ขา ใจเรา

ถาผชู วนตื๊อไมเ ลิก เลอื กวธิ ใี ดวธิ หี นง่ึ ตอไปน้ี

ปฏเิ สธซ้าํ แลว รบี ขอตวั ออกจากเหตุการณ ไมล ะ ขอตวั กอ นนะเพือ่ น (รบี เดนิ จากไป)

ผดั ผอ น แลวรบี ขอตวั ออกจากเหตุการณ เอาไวชวนเรอื่ งอื่นแลวกนั ขอตัวนะเพอ่ื น

(รบี เดนิ จากไป)

ตอ รองหาทางเลือกอืน่ ทยี่ อมรับไดท งั้ สองฝา ย เรามาหาอะไรทําอยา งอื่นกันดกี วา ไปกิน

ไอศครมี กนั ดไี หมเพ่อื น

82 คูมือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 2

เรื่องที่เปนประโยชน

พรานใหมผ ูก ลา หาญ

พรานใหมค นหนึ่งมกั จะเขา ไปถามพวกคนตัดไมวาเหน็ หมูปา บางไหม บริเวณใดมกี วางมี
เนอื้ บา งเเตพวกคนตดั ไมก ็ยังไมเ คยเห็นพรานใหมผูน ี้ลาสัตวใดไดสกั ตัว

วนั หนงึ่ พรานใหมเ ขาปา มาเเตเชา พลางถามคนตดั ไมว า "พช่ี าย เหน็ รอยเทา สิงโตที่ไหนบาง
ชว ยบอกดว ยเถดิ "คนตดั ไมก ็บอกวา เห็นอยไู มไกลนกั ตนยนิ ดจี ะพาไปลา ถึง หนาปากถ้าํ สงิ โตเลย
ทีเดยี วเม่อื ไดย ินเชนน้ันพรานใหมกถ็ ึงกบั สา ยหนา ปฏเิ สธเปน พลั วัน วาตนเพยี งอยากเห็นรอยเทา
สงิ โตเทา น้ัน มไิ ดอ ยากลาสิงโต

เรอื่ งนี้สอนใหรูวา พวกทขี่ ้ขี ลาด มกั เเสดงวากลาหาญเมอ่ื ภัยยังไมมาถึง

มากับหมาปา

หมาปา เดินมาพบมาท่ีกลางทางจึงเอยข้ึนวา"พี่มาเอย ขาเพ่ิงผานไรขาวโอตมาเมื่อครูนี้ เห็น
ขาวโอตออกรวงงาม นากินเปนยิ่งนัก เเตขาไมไดกินมันสักคําเพราะคิดจะเก็บไวใหทานกิน ทานมา
กับขาสิ ขา จะพาไป"มา ไดฟงดงั นั้นกห็ ัวเราะเบาๆ เเลววา"ขาขอบใจนะ ทเ่ี จาบอกเร่ืองไรขาวโอต เเต
ขา ไมไ ดขอบใจ ท่ีเจา ไมก ินขา วโอต เพราะขารูดวี า ขาวโอต ไมใ ชอ าหาร ของหมาปา อยางเจา "

เร่ืองนสี้ อนใหร วู า หากใหดว ยความไมจ ริงใจ ไมท ําใหผ ูรับเกดิ ความซาบซ้ึง

คมู ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวติ ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 2 83

แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญ(เคร่ืองหมายลูกเสอื ชัน้ พิเศษ) ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 2

หนวยท่ี 5 สมรรถภาพทางกาย เวลา 2 ชวั่ โมง
แผนการจดั กิจกรรมท่ี 17 ความรุนแรง

1. จุดประสงคก ารเรยี นรู

ตระหนักถงึ อทิ ธิพลของสอ่ื คา นยิ ม และพฤตกิ รรมตา ง ๆ ทีน่ ําไปสคู วามรนุ แรง
2. เนือ้ หา

เดก็ ทม่ี ีนสิ ยั ชอบใชหรอื นิยมความรนุ แรง เปนเพราะไดร บั ประสบการณใ นเรอ่ื งความรนุ แรง
บมเพาะและปลูกฝง เปน เวลายาวนาน จนชินชาเห็นความรุนแรงเปนเรือ่ งปกติ ไมรูส กึ วาเปน สง่ิ ผดิ
ไมยงั ยง้ั ช่ังใจ และกระทาํ ความรนุ แรงโดยเลียนแบบพฤติกรรมจากส่ือตา ง ๆ รวมทงั้ คานยิ มและ
พฤตกิ รรมที่มใี นกลุมเพือ่ น ลวนมอี ิทธิพลชักนาํ ไปสูค วามรนุ แรงได ความตระหนกั ในเร่ืองน้จี ะชว ย
ใหห ลกี เล่ียงการรับสอ่ื ตา ง ๆ รวมท้ังคานยิ มและพฤตกิ รรมทีไ่ มเ หมาะสม
3. สือ่ การเรียนรู

3.1 เกม
3.2 บัตรคํา สถานการณความรุนแรง 4 ชดุ
3.3 ใบความรู
3.4 เร่ืองท่เี ปนประโยชน
4. กิจกรรม

4.1 กิจกรรมครั้งที่ 1

1) พธิ ีเปดประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก ารเรยี นรู

(1) ผูกํากับลกู เสือนําสนทนาดวยคาํ ถาม “ในชีวิตประจําวันลกู เสือเคยพบพฤตกิ รรม
อะไรบา งท่คี ิดวาเปนความรนุ แรง” ใหลกู เสือเลาประสบการณ 1 – 2 คน แลวนําเขา สู
กจิ กรรม

(2) ผกู ํากับลกู เสือใหล ูกเสอื นั่งตามหมูของตนเอง แจกชุดบตั รคาํ ใหหมลู ะ 1 ชุด
(3) นายหมอู า นบัตรคําทลี ะใบพรอ มอภปิ รายและหาขอสรุปเพ่ือรายงานในกลมุ ใหญ
ในประเด็นตอ ไปน้ี และสง ตวั แทนรายงาน

- สถานการณในบตั รคาํ มแี นวโนมจะเกิดอะไรตามมาไดบ าง
- เรยี งลาํ ดับความรนุ แรงของสถานการณใ นบตั รคําตามความเห็นของหมู
จากรุนแรงมากทส่ี ุดไปหารนุ แรงนอ ยท่ีสุด
(4) ตวั แทนหมรู ายงานทีละหมจู นครบ

84 คมู อื การจัดกจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชวี ิต ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2

(5) ผูกํากบั ลกู เสอื ชว ยเพิม่ เตมิ “ความรนุ แรงมีไดหลายระดบั ตัง้ แตน อ ยทีส่ ดุ คือ
ความรุนแรงในจนิ ตนาการเชน เกม การตนู ความรุนแรงทางใจ เชน การนอกใจ ความรุนแรง
ทางคาํ พดู เชน ดุ ดา วา ความรุนแรงทางกายซง่ึ รุนแรงท่สี ดุ เชน การทํารายรางกาย”

(6) ผูก าํ กับลกู เสือนาํ อภิปรายในกอง และสรปุ ในประเด็น “สรุปความหมายของ
ความรุนแรงตามความเขา ใจของลกู เสือ” และ “ไดขอ คดิ อะไรบางจากกจิ กรรมน”้ี

4) ผกู ํากบั ลกู เสอื เลาเรอ่ื งที่เปน ประโยชน
5) พิธปี ดประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธง เลิก)
4.2 กจิ กรรมครงั้ ท่ี 2
1) พธิ เี ปดประชมุ กอง (ชักธง สวดมนต สงบนิง่ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู

(1) หมลู ูกเสือนง่ั ลอมวง ผูกาํ กับลูกเสอื แจกใบความรูเรอื่ ง “ความรนุ แรง” ใหรวมกนั
อภิปรายประเด็นตอไปน้ี และสงตวั แทนรายงานในกองลกู เสอื

หมูที่ 1 เหตุใดบางคนจงึ มนี สิ ัยชอบใชค วามรนุ แรง มีปจ จยั อะไรที่ทาํ ใหเปนเชน นน้ั
หมูท ่ี 2 จากคาํ ปฏญิ าณและกฎของลกู เสือ คิดวา ลูกเสือควรมที าทตี อการใชค วามรุนแรง
อยา งไร
หมทู ่ี 3 และ 4 ทานคดิ วา ในโรงเรยี นมปี ญ หาความรนุ แรงอะไรบา ง ในฐานะลกู เสอื
สามัญรนุ ใหญ จะลดปญ หาความรุนแรงในโรงเรยี นอยางไร

(2) ตวั แทนหมลู ูกเสือรายงานทลี ะประเดน็ ผูกาํ กับลกู เสอื นําอภิปราย เพิม่ เตมิ และ
สรปุ

(3) ผูกํากับลกู เสอื ขอใหก องลูกเสือรว มกนั หาแนวทางปฏบิ ัตเิ พอ่ื แกไ ขปญ หาความ
รุนแรงในโรงเรียนใหเปน รปู ธรรมในโอกาสตอไป

4) ผูก ํากบั ลกู เสอื เลา เร่ืองทเี่ ปนประโยชน
5) พิธปี ด ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธง เลกิ )

5. การประเมนิ ผล
สงั เกตการมสี ว นรว มการทาํ กิจกรรม การแสดงออก การแสดงความคดิ เหน็ อยางสรา งสรรค

เพ่ือลดปญ หาความรุนแรงในโรงเรียน

6. องคป ระกอบทักษะชวี ติ สาํ คัญทเี่ กดิ จากกิจกรรม
คือ ความคิดวเิ คราะห ความคิดสรา งสรรค ตระหนักถงึ สาเหตขุ องปญ หาความรุนแรงใน

โรงเรียน รวมทั้งตระหนกั วา ตนเองควรมสี ว นรวมในการปอ งกนั และแกไข

คมู ือการจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชวี ิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 2 85

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 17

เกม

กระซบิ ขา ว

1. แบง ลูกเสือออกเปน 4 แถวเทา ๆ กนั
2. ใหแตล ะแถวน่งั เปน แถวตอน คนหนาหา งจากจุดท่ีกาํ หนดไวประมาณ 1 เมตร
3.เมอ่ื ไดยนิ สัญญาณ คนแรกรบี ว่ิงไปอา นขอ ความในกระดานท่ผี ูกาํ กับลูกเสือเขยี นเตรียมไว
จนจําได แลววง่ิ กลับมากระซบิ คนทีส่ อง คนท่สี องกระซิบตอๆ ไปจนถึงคนสุดทา ยรีบวง่ิ มาเขยี น
หรือบอกกับผกู าํ กับลูกเสือ
4. แถวใดสง ขา วไดเรว็ และถูกตองทส่ี ดุ เปนผชู นะ

แขงเรอื

1. หมูล กู เสอื ยนื เขา แถวตอน หา งกันประมาณ 1 เมตร
2. คนแรกเอามือเทา สะเอว คนตอ ๆ ไป เอามอื จบั ทเี่ อวของคนขา งหนา แลวนั่งยอง ๆ
3. การเคล่ือนท่ีใหก าวไปทลี ะเทา หรือจะกระโดดไปพรอ ม ๆ กนั กไ็ ด แตม ือตองไมห ลดุ จากกัน
4. เมอื่ ไดย นิ สัญญาณใหแตล ะแถวเคลื่อนที่ไปขางหนายงั จดุ หมาย
5. แถวใดถึงจดุ หมายกอ นเปน ผูชนะ

บัตรคาํ

บัตรคาํ ...หมทู ่ี 1

นกเลา เรอื่ งสว นตวั ของตายใหจ มุ ฟง
โดยบอกใหเกบ็ เปนความลับ จมุ นาํ เร่ืองของตายไป

เลาตอ จนรกู นั ทง้ั หอ ง

มดปากแหวง และเพดานโหวแตก าํ เนดิ
แมจ ะผาตดั แกไขแลว แตก ย็ ังพดู ไมชัด

ถูกเพือ่ นลอเลยี นอยเู สมอ ๆ

วชิ ยั อยูกับลงุ ข้ีเหลา เวลาลุงเมาเหลา มักจะโมโหรา ย
ทบุ ตแี ละทาํ โทษวชิ ัยอยา งรุนแรง เปน ประจาํ

86 คมู อื การจัดกจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ิต ชัน้ มัธยมศึกษาปท ่ี 2

เอกชอบเลนเกมท่มี ีความรนุ แรงมากๆ
และตดิ เกมออนไลนอยา งมาก มกั หนีเรียน

ไปเลน เกมบอ ย ๆ

บัตรคาํ ...หมูที่ 2

หนง่ึ กับสองเปนฝาแฝดกัน ชอบดหู นงั และ
เลน เกมบูลางผลาญท้งั คู เขามปี นเดก็ เลน

คนละกระบอกเอาไวเ ลน ไลยงิ กนั

มะลิมีพอ แมท่ที ะเลาะตบตี
ทาํ รา ยรา งกายกนั ใหเห็นเปน ประจํา

หนุม พนนั กบั เพอ่ื นในกลุมวาจะหลอก
ใหน อยรักแลว หกั อกใหดู

ขาวดัง!!...พอแมชาวเกาหลคี หู น่งึ ถูกตํารวจจับขอหาละเลย
ลูกอายุ 3 เดือนจนขาดอาหารเสียชวี ติ เพราะทงั้ คูตดิ เกมจน

ไมส นใจลูก ปอ นนมใหแควันละครั้งเดียว

คูมอื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชวี ิต ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี 2 87

บตั รคํา...หมูที่ 3

โตขึ้นวฒุ ิอยากเปนหวั หนาแกง อันธพาล
เพราะเคยเห็นพอ ถูกซอ ม จะไดปกปองพอได

กองไมอ ยากมาโรงเรียน
เพราะถกู เด็กโตกวา ขม ขูรีดไถเงนิ

นารถี กู แซวอยูเ สมอเวลาเดินผา น
วินมอเตอรไซคปากซอยเขาบา น
เธอไดแตก ม หนา กมตารบี เดนิ ใหเร็วท่ีสดุ

อวนแอบขโมยมือถอื เพอื่ นไปขาย
เพอื่ เอาเงินไปเลน เกม

88 คมู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 2

บัตรคาํ ...หมทู ี่ 4

เสรีเลี้ยงปลากดั เขาชอบดเู วลามนั ตอ สูก นั
ถา ตวั ไหนแพ เขากจ็ ะปลอ ยใหมันตาย ไมเลย้ี งมนั อกี ตอไป

วาดอิจฉานาํ้ ทม่ี ีกระโปรงสวย ๆ ใส
จงึ แอบเอากรรไกรไปตดั ขาดเปน รวิ้ ๆ โดยนํ้าไมร ู

มนสั ชอบไปเขา กลุม กบั เด็กทโี่ ตกวา เขาหดั ดืม่ เหลา สบู บหุ ร่ี
ออกเทย่ี วกลางคนื และพูดจาหยาบคาย ตามคนในกลุม
เพราะมนั ทาํ ใหเขาดู “แมน” ขึน้
สมจับไดวาผูช ายทย่ี ืนขา งหลงั
แอบถา ยรูปใตกระโปรงเธอ ขณะขึน้ บนั ไดเลอื่ น

คมู อื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2 89

ใบความรู

ความรุนแรง

ความรุนแรง หมายถงึ การทาํ ใหเ กิดความเสียหายตอ ชีวติ และทรพั ยส นิ คาํ วา ชวี ิตน้ีหมาย
รวมถึงท้ังรา งกาย จติ ใจ และศกั ยภาพหรอื ความสามารถทมี่ อี ยู

ระดับของความรุนแรง มีไดห ลายระดบั ตั้งแตนอยที่สดุ คอื ความรนุ แรงในจนิ ตนาการเชน
เกม การตนู ภาพยนต ความรนุ แรงทางใจ เชน การนอกใจ การทาํ รา ยจติ ใจดวยคาํ พูดหรอื การ
กระทํา ความรุนแรงทางคําพดู เชน การดุ ดา วา การลอปมดอยใหอับอาย ความรนุ แรงทางกาย
ซง่ึ รุนแรงที่สดุ เชน การทาํ รา ยรา งกาย การทอดทิง้ เดก็ ท่ีชวยเหลือตนเองไมไ ด

ความขดั แยง กับความรนุ แรง
ความขัดแยง เปน เร่อื งธรรมชาติของคนทอี่ ยรู ว มกนั ในสงั คม ซึง่ มีความคดิ เหน็ ทีแ่ ตกตางกนั ได
การแลกเปลยี่ นและยอมรบั ความคิดเหน็ ท่แี ตกตาง จงึ เปนรากฐานสาํ คัญของการสรา งองคค วามรใู หมๆ
อยางตอ เนือ่ ง จัดเปน การแกไขความขัดแยงแบบสรางสรรค
ความรุนแรงไมใชเรื่องธรรมชาติ และไมใชความขัดแยง แตมีการใชความรุนแรงมาแกไข
ความขดั แยง ดว ยอารมณแ ละความคิดความเช่ือที่ไมถ กู ตอ ง ทาํ ใหเกดิ ความขัดแยงทีม่ ากขึน้ กวาเดมิ

พึงระลึกเสมอวา ความขดั แยงสามารถแกไ ขได โดยไมต อ งใชค วามรนุ แรง

ความรุนแรงในโรงเรยี น
เด็กยอมมีการแกลงและหยอกลอกันเปนเร่ืองธรรมดา แตตองมีขอบเขตระหวางความสนุก
และความทกุ ขข องผูอื่น และเรยี นรูท จ่ี ะควบคมุ ตนเองใหม พี ฤตกิ รรมทเี่ หมาะสมกบั เพ่อื น
การสาํ รวจปญ หาความรนุ แรงในโรงเรยี น โดยการสุมทั่วประเทศ กบั เด็กประถมศกึ ษาปท ่ี 4
ถึงมัธยมศึกษาปท่ี 3 จาํ นวน 3,047 คน ในป 2549 พบวา เดก็ 40% ถูกรงั แกถึงเดอื นละ 2-3 ครงั้
การรงั แกกนั เกดิ มากทสี่ ุดในช้นั ประถมศกึ ษาปท่ี 4 และลดลงตามระดบั ชั้นทสี่ งู ข้ึน พฤตกิ รรมทพ่ี บ
ไดแ ก การลอ เลียน ทาํ รายจิตใจดว ยวาจา เหยยี ดหยามเช้ือชาติ ผวิ พรรณ และการคกุ คามทางเพศ
บางแหงยงั พบวยั รุน อนั ธพาลหรือคนเมา รดี ไถเงนิ หรือใชวาจาทไี่ มเ หมาะสมกบั เด็กอีกดวย
การสํารวจนสี้ ะทอ นวา ความรนุ แรงในโรงเรยี นเปน เรอื่ งเรงดว นท่ีตอ งแกไ ข เพราะเดก็ ทีถ่ กู
กระทาํ ความรุนแรงตงั้ แตชว งตน ของชีวติ จะเติบโตดว ยความไมม นั่ คง เปนผใู หญทไ่ี มสมบูรณและสง่ิ
สําคัญที่สดุ คอื อาจทําใหเ ด็กคนนัน้ กลายเปน ผกู ระทําความรนุ แรงเสยี เอง

ทําไมเด็กบางคนจึงนิยมใชค วามรนุ แรง
เด็กทีไ่ ดร บั ประสบการณค วามรนุ แรง บม เพาะและปลกู ฝงเปนเวลายาวนานจนชินชา จนเห็น
ความรุนแรงเปนเร่ืองปกติ ไมรูสึกวาเปนสิ่งผิด ไมยับยั้งชั่งใจ ไมควบคุมตัวเอง ปลอยใหอารมณ
รุนแรงชักนําใหกระทําความรุนแรง โดยเลียนแบบพฤติกรรมตามประสบการณท่ีมี ตัวอยาง
ประสบการณค วามรนุ แรงในเดก็ ไดแก

90 คมู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2

 เด็กในครอบครัวแตกแยกทพ่ี อ แมทะเลาะทาํ รายรา งกายกันใหเด็กเหน็ เปน ประจํา
 เด็กทีถ่ กู ทอดท้งิ ไดรับการเลย้ี งดูไมเ หมาะสม ขาดแคลน ถกู ทํารา ยรา งกาย ทําโทษรนุ แรง
เปนประจาํ จะรูสึกวา ตนเองไมเ ปนทตี่ องการขาดความรัก รกั คนอ่นื ไมเปน ไมผ ูกพันกับใคร
 เด็กทีไ่ ดเห็น รับรู เร่อื งราวการใชค วามรนุ แรงจากตัวอยา งในสงั คม เกม การตูนและสื่อตา งๆ
อยูเปน ประจาํ เชน ภาพยนตร ละครโทรทัศน ขาวหนังสือพิมพ ขา วโทรทศั น เกมกด เกมวดิ โี อ
เกมออนไลน หนงั สือการต ูนญี่ปนุ
 เด็กท่ีมีพ้ืนฐานอารมณไมมั่นคง ออนไหวงาย อาจถูกชักจูง และเลียนแบบกลุมเพื่อนที่มี
พฤตกิ รรมรุนแรง เพ่ือตอ งการการยอมรับในกลมุ เพอ่ื น
 เด็กที่มีพ้ืนฐานอารมณรุนแรง ไดรับการเลี้ยงดูแบบปลอย ตามใจ ทําอะไรตามอารมณและ
สงิ่ เรา ทเ่ี ขา มา โดยไมเคยฝก การควบคุมตนเอง ไมยับยัง้ ช่งั ใจ อาจกอ ความรุนแรงโดยไมยงั้ คดิ ได
 การดื่มสุราและแสพสารเสพตดิ ทําใหข าดความยบั ยง้ั ชง่ั ใจ และนําไปสูก ารใชค วามรนุ แรงได
 เด็กท่ีถูกเพื่อนแกลง รังแก ลอเลียน เกิดความรูสึกโกรธ อับอายและเก็บกดเปนเวลานาน
อาจระเบิดอารมณโกรธแคนออกมา เปนการกระทําความรุนแรงตอคนอ่ืนไดหรือใชความรุนแรงเพ่ือ
ปกปองตนเอง
 การแอบถายคลปิ เรื่องสวนตวั ของผอู ืน่ แลว ไปเปดเผย ประจาน หรอื ใชข ม ขูเ พ่ือทรัพยส นิ
 การนินทา การใสร าย ทําใหผ ูอืน่ เส่ือมเสียช่อื เสียง

สอื่ กบั ความรนุ แรง
ครวั เรอื นไทยมีโทรทศั น รอ ยละ 96 โทรทศั นจึงเปนส่ือทีม่ ีอิทธิพลสูงมากในการชีน้ ําความคิด
ความเช่ือ และคา นยิ มของสงั คม ขา วสารทางโทรทศั นเ ปน "ขา วรา ย" ถึง รอ ยละ71 ในขณะทเี่ รอื่ งดๆี
ที่ชวนใหมคี วามหวัง มเี พยี งรอ ยละ 12 ทาํ นอง “ขา วรา ยฟรขี าวดตี องจา ง”
- เดก็ ไทยทอี่ ายตุ ํ่ากวา 5 ป ชมภาพความรนุ แรง เชน ตีกนั ฆา กนั ทัง้ จากขาวและละครหรือ
โฆษณาวันละ 501 ครัง้
- เด็กสว นใหญใ ชเวลาเรียนหนงั สอื ในโรงเรียนปล ะ 900 - 1, 000 ชั่วโมง แตใชเ วลาดู
โทรทศั น ปล ะ 1,000 - 1,200 ชวั่ โมง
ส่ือจึงเปนแหลงเรียนรูและสงเสริมความรุนแรงในเด็กและเยาวชนที่สําคัญท่ีสุด เพราะเด็ก
และเยาวชนยังขาดประสบการณ และวิจารณญาณในการเลือกรับส่ือ รวมท้ังความสามารถในการ
วิเคราะหแยกแยะเน้ือหาสาระที่สื่อนําเสนออยางมีเหตุผล นอกจากน้ียังไมมีความรูความเขาใจ
เกยี่ วกับความเปน มาและเบอ้ื งหลังของส่อื จงึ ยอมรับส่ิงที่ส่อื เสนอโดยไมมีขอสงสยั และคดิ เองวาส่ิงท่ี
ส่ือเสนอน้ันถูกตองเหมาะสมสื่อจึงมีผลตอความคิดและพฤติกรรมของผูท่ีไมรูเทาทัน ทําให
เกิดผลกระทบตอ สขุ ภาพ ทัง้ ดานรา งกาย จิตใจ สังคม และจิตวญิ ญาณ

คูมอื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชวี ติ ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี 2 91

การแกปญ หาความรุนแรงในโรงเรยี น
ครอบครวั เปน จดุ เรม่ิ ตน ของการแกปญหาตา ง ๆ เพราะอยใู กลชดิ กบั เด็กมากทส่ี ดุ
 พอ แมจําเปน ตอ งเรียนรู และเขา ใจความตอ งการของลกู ในแตล ะชวงวยั เพือ่ รบั รถู งึ อารมณ
และความเปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั ลูก
 ใหเวลาทํากิจกรรม ใชเวลาวางอยูกับลูก เชน ทําอาหารหรือเลนกีฬา เพ่ือชวยสราง
บรรยากาศของครอบครัวมีสุขแสดงออกถึงความรักความอบอุน ใหการอบรมและสรางวินัยใหกับลูก
อยางเหมาะสมเพอื่ ลกู จะไมตองพึ่งพาสิ่งเราภายนอก เชน เพ่ือน เกม หรือสื่ออ่ืนๆอันจะซึมซับให
เกิดความรุนแรงตามมา
 การกระทาํ ท่เี ปน ความรุนแรงมกั มจี ดุ เร่มิ ตนมาตงั้ แตว ยั เดก็ เล็ก การปลูกฝง ใหม จี ติ ใจ
ออนโยน มีเมตตาตอ สตั ว เปน วธิ หี น่ึงทชี่ ว ยลดปญ หาความรุนแรงลงได
 วางตวั เปน แบบอยา งที่ดีใหก ับลูกไมม่ัวสมุ สง่ิ เสพตดิ หรือหมกมนุ อบายมุข
 แกไขความขดั แยงในครอบครัวอยา งสนั ติ ไมท ะเลาะดาทอหรือตบตกี นั เพราะเม่อื ลูกรับรู
เปนประจําจนเห็นเปนเรื่องธรรมดาก็จะลอกเลยี นแบบพฤติกรรมรนุ แรงดงั กลาว
 ไมลงโทษหรอื ใชว ธิ ที ีร่ นุ แรงแบบไรเหตผุ ล ควรใชวธิ กี ารพดู คุย แลกเปล่ียนตงั้ กตกิ ารวมกนั
กับลกู แทน
 ไมต ามใจลกู มากเกนิ ไป จะทาํ ใหเ ด็กเปน คนเอาแตใจตนเอง ขน้ี อ ยใจ ทําใหปญหาเลก็ ๆ
กลายเปนเร่ืองใหญโต
 ใหค าํ ปรกึ ษา หรือเปดโอกาสใหลูกไดร ะบายความทกุ ขท อี่ ยใู นใจ ใหก ําลงั ใจกับลูกเมอ่ื ลกู
ทาํ ผิด เมอ่ื เกิดปญหาลกู จะไดกลาบอก เพือ่ ชว ยกนั หาทางออก
 สอนลกู เสมอวา ไมควรเอาปมดอ ยของเพอื่ นมาลอเลียน เพราะจะทาํ ใหเ พอื่ นเสยี ใจ
ตรงกันขามควรเหน็ ใจและเปนกําลงั ใจใหก ับเพือ่ น
โรงเรียน มบี ทบาทสําคญั ในการแกปญ หา โดยเฉพาะ “คร”ู ผูเ ปนพอ แมคนทีส่ อง ท่สี ําคญั
กค็ อื ครอบครวั ตองมสี วนรว มกบั โรงเรียน
 ตอ งใหความรกั ความเขา ใจตอเดก็ ๆ ทุกคน อยางเทาเทยี มกนั ไมเลอื กปฏบิ ตั ิ
 มคี วามรูค วามเขา ใจตอเดก็ ในแตละชว งวัยที่แตกตา งกัน
 รจู ักเดก็ เปน รายบคุ คล ใหความชว ยเหลือในเรื่องทจี่ ําเปน ประสานความรว มมือกบั ผปู กครอง
ในการปอ งกนั และแกปญหาความรุนแรงทเ่ี กดิ กบั เดก็
 เปดใจกวาง รบั ฟงความคดิ ของเดก็ ใหเ ด็กมสี ว นรว มในการแกไ ขปญ หา
 ไมใ ชค วามรนุ แรงตอ เด็กทงั้ ในประเด็น “วธิ กี าร” และ “สาเหต”ุ ของ การลงโทษ
 สอดสอ งดูแลเด็กภายในโรงเรียนตามจดุ ตา งๆ และเดินตรวจตราตามรอบโรงเรยี น เพื่อ
ปองกนั และลดปญ หาแด็กรังแกกัน

92 คมู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 2

นกั เรยี นเปนผมู ีบทบาทสูงสุดในการแกปญ หา เพราะทัง้ ครอบครวั และโรงเรยี นตอ งยึด
นกั เรียนเปน ศนู ยก ลาง ในการนาํ มาตรการทกุ อยา งมาใชต องเกิดประโยชนส งู สดุ แกน กั เรียน

 ตระหนกั ถงึ ผลเสยี ของการแกลง และหยอกลอ กนั จนเกนิ ขอบเขตและมวี ธิ กี ารสื่อสารเพอ่ื
แกไขปญ หา

 รจู กั เอาใจเขามาใสใ จเรา ไมทําในสง่ิ ทแี่ มตัวเราเองก็ไมช อบ เชนไมล อ จุดออนและปมดอ ย
ของเพ่อื น ไมแกลงเพ่อื น หรอื เลน จนเกนิ ขอบเขตของความสนกุ สนาน

 รูจ ักเลอื กรับสอ่ื ทเ่ี หมาะสม ไมก ระตุน ความรุนแรง
 รเู ทาทันและหลกี เล่ียงคา นยิ มและพฤตกิ รรมทีน่ าํ ไปสูความรนุ แรง

หากทกุ ฝา ยรว มมือกัน สรา งความเขาใจกับอารมณค วามตอ งการและการเปล่ียนแปลงของ
เดก็ ความรนุ แรงท่อี าจจะเกดิ ขึน้ กจ็ ะคอยๆ ลดลงและหายไปในทส่ี ดุ ...

เรื่องทีเ่ ปนประโยชน

ไกฟากับสุนขั จิง้ จอกเจา เลห

สุนัขจ้ิงจอกเจาเลห ต วั หนง่ึ เดินผานมาเหน็ ไกฟาเกาะอยูบนกิง่ ไม สูงขางทางมันอยากจะกิน
ไกฟ า เปนยิ่งนกั จึงคดิ หาอุบายเเลว เอยขน้ึ วา "ไกฟ า เอย ทา นชา งเปน สัตวท ง่ี ดงามนกั ปกของทา นมี
สสี ัน สดใสหลายสปี ากก็งดงามไมเหมือนใคร อยากรูจังวา ถาทาน หลบั ตาเเลว ยังจะงามอยหู รอื ไม"
ไกฟา ไดฟ ง คาํ ยกยอก็หลงเคลบิ เคลม้ิ รีบหลบั ตาอวดทนั ทสี นุ ขั จ้งิ จอกก็รบี ฉวยโอกาสนั้นกระโดดงบั
ตวั ไกฟ า ไวไดเ มอ่ื ไกฟา พลาดทา เเตก็ยังมีสติ จงึ เอยขนึ้ วา "จิง้ จอกเอย กอนตายขาอยากฟงเสยี งอัน
ไพเราะของทา น อกี คร้งั ไดไหม"สนุ ัขจ้งิ จอกไดฟ งคาํ ปอ ยอก็หลงกล รีบอา ปากเหาคาํ ราม ไกฟาจึงรีบ
บินหนีจากไปทนั ที

เรอ่ื งน้ีสอนใหร ูวาคํายกยอปอปน ทาํ ใหค นหลงเคลบิ เคลม้ิ จนไมร ะวงั ตนไดเสมอ

ลกู ชาวนากบั มรดก

เม่ือผูเปนพอตายเเลว ลูกชาวนาทั้งสองก็ชวนกันไปขุดหา สมบัติในสวนองุนเพราะพอไดส่ัง
เสียไวกอ นตายวา ทรัพยสมบตั ิ ของพออยใู นสวนองุน “นอ งไปขดุ ตรงนน้ั นะ พ่ีจะขุดตรงนี"้

ลูกชาวนาชวยกันขุดดินตามท่ีตางๆไปจนทั่วสวนก็ยังไมพบ สมบัติที่คิดวาพอจะฝงไวเเต
สวนองุนที่ถูกขุดถูกพรวนดินจนท่ัวน้ันก็กลับยิ่งเจริญงอกงาม ดีจนลูกชาวนาสองพี่นองสามารถขาย
องุนจนไดเงินทองมากมายท้ังสองจึงเพ่ิงตระหนักไดวาทรัพยสมบัติที่พอทิ้งไวใหเปนมรดก นั้นที่เเท
คอื สิ่งใด

เรื่องนส้ี อนใหร ูวา ความขยันพากเพยี รสามารถกอใหเ กดิ ทรพั ย

คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 2 93

แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสอื สามัญรุนใหญ(เครื่องหมายลูกเสอื ชัน้ พิเศษ) ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 2

หนวยท่ี 6 บริการ เวลา 2 ชั่วโมง
แผนการจดั กิจกรรมที่ 18 การปฐมพยาบาล

1. จดุ ประสงคก ารเรียนรู
สามารถบอกความหมายของการปฐมพยาบาลและการปฏบิ ตั ติ นเมอ่ื เกิดเหตุฉกุ เฉินได

2. เน้ือหา

2.1 ความหมายของคําวาปฐมพยาบาล
2.2 หลกั ทวั่ ไปของการปฐมพยาบาล
2.3 ขอควรระมัดระวงั ในการปฐมพยาบาล
2.4 วิธกี ารชว ยเหลือผูที่เกิดอาการชอค
2.5 วิธีการในการปฐมพยาบาลบาดแผลท่ัวไป
2.6 วิธีการปฏบิ ตั ติ นเมอ่ื เกดิ ภัยธรรมชาติตาง ๆ

3. สื่อการเรียนรู

3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 ใบงาน เรอ่ื ง หลักการปฐมพยาบาลเบ้ืองตน
3.3 ใบงาน เรอื่ ง การปฐมพยาบาลบาดแผลทว่ั ไปและอาการชอ ค
3.4 ใบงาน เรือ่ ง การปฏบิ ัตติ นเมื่อเกดิ ภยั ธรรมชาติ
3.5 ใบความรู เร่อื ง การปฐมพยาบาลและการปฏบิ ตั ติ นเมอ่ื เกดิ เหตฉุ ุกเฉนิ
3.6 เรื่องที่เปนประโยชน
4. กิจกรรม

4.1 กจิ กรรมคร้ังท่ี 1

1) พิธีเปดประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบน่ิง ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคก ารเรยี นรู

(1) ผกู ํากับลกู เสือและลกู เสอื สนทนา และแลกเปลย่ี นประสบการณใ นการปฐม
พยาบาลชว ยเหลอื ผอู ่ืน

(2) ผกู าํ กบั ลกู เสือแบง ลกู เสอื ออกเปน 3 กลุม โดยการรวมหมลู ูกเสอื พรอ มแจก
ใบงานใหก ลุมลกู เสือศึกษาคนควา ดังนี้

กลมุ ที่ 1 เร่อื ง ความหมายของคาํ วา ปฐมพยาบาล
กลมุ ที่ 2 เรือ่ ง หลกั ท่ัวไปของการปฐมพยาบาล
กลุม ที่ 3 เร่อื ง ขอ ควรระมดั ระวังในการปฐมพยาบาล

94 คูมือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวติ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 2

(3) ผูกํากบั ลกู เสือ ใหลกู เสอื แตละกลุมนาํ เสนอผลงานท่ีไดจ ากการศกึ ษาคนควา ใน
ทป่ี ระประชุมใหญ โดยผกู าํ กบั ลูกเสอื เพมิ่ เตมิ ในสวนท่ีไมส มบูรณ

(4) ผูก าํ กับลกู เสือและลกู เสือรวมกันสรุปถงึ องคค วามรทู ่ีไดร ับจากการศกึ ษาคน ควา
มา

4) ผูกาํ กบั ลกู เสอื เลา เรอื่ งท่ีเปน ประโยชน
5) พิธีปด ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชกั ธง เลกิ )
4.2 กจิ กรรมครง้ั ที่ 2
1) พธิ เี ปดประชุมกอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนิง่ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กิจกรรมตามจุดประสงคก ารเรียนรู

(1) ผกู ํากบั ลกู เสือช้แี จงขนั้ ตอนการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในแตล ะฐาน พรอมท้งั แบง
ลูกเสือ ออกเปน 3 กลมุ โดยการรวมหมูลูกเสือ

(2) จดั ฐานการเรยี น 3 ฐาน ดงั น้ี
ฐานที่ 1 เร่อื ง วิธกี ารชวยเหลอื ผทู ่เี กิดอาการชอ ค
ฐานท่ี 2 เรอ่ื ง วธิ ีการในการปฐมพยาบาลบาดแผลทว่ั ไป
ฐานที่ 3 เร่อื งวธิ กี ารปฏบิ ตั ติ นเมอ่ื เกดิ ภัยธรรมชาตติ า ง ๆ

(3) จดั ลูกเสอื เขา ประจําฐาน โดยมรี องผูกาํ กบั ลกู เสอื เปนผูสาธติ และใหล กู เสือฝก
ปฏบิ ัติ

(4) ใหลูกเสอื เวียนฐานกจิ กรรม จนครบทัง้ 3 ฐาน
(5) ผูกาํ กับลกู เสือและลูกเสือรว มกันสรุปความรูและทกั ษะทไี่ ดจากการฝกปฏบิ ตั ิ
4) ผกู ํากบั ลกู เสอื เลาเรอ่ื งท่เี ปน ประโยชน
5) พธิ ปี ด ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชกั ธง เลกิ )

5. การประเมนิ ผล
5.1 สงั เกตพฤตกิ รรมจากการทํางานกลมุ
5.2 ตรวจความสําเรจ็ จากใบงานท่มี อบหมาย
5.3 สงั เกตจากการมีสว นรว มในการอภปิ ราย

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 18
เพลง

ไกที่บานฉัน

คูมอื การจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ิต ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2 95


Click to View FlipBook Version