ไกท่ีบา นฉนั มนั ขนั ไดไพเราะดี โกง คอแลว ขันดังเสยี งล่ันธรณี
เอก เอก อี เอก โอก โอก อีโอก ..... หลา.....
ยามเดนิ เยอ้ื งยางมา สองตาวาวมองสาวคใู จ
เดินโดดเด่ยี วไป สุดเหงาใจจรงิ จะไกเอย
งูกนิ หาง
งูกนิ หาง เอย เอย เอย งูกินหาง
กินหัว กนิ ตัว กินกลาง (ซ้าํ )
กินหัว กนั หาง กนิ กลาง ตลอดตวั
ใหแ สดงทาทางประกอบ และใหแ ขง ขนั กัน เลอื กผูทาํ ไดด ีท่สี ดุ แลว ใหร างวลั
เกม
แขง มา
วธิ ีเลน
1. ใหลูกเสือเขาแถวตอนหมู
2. ใหลูกเสือ 2 คน เปนมา โดยใหคน 1 ยืนตรงเปนหัวมา คนที่ 2 กมหลังลงเอาศีรษะ
ดันหลงั คนยืน มือทง้ั สองขา งของคนท้งั สองจับกันแนน ใหค นที่ 3 หลังมา
3. เมอ่ื ไดย นิ สญั ญาณเรม่ิ ใหมาว่งิ พาคนขี่ไปสง ทเี่ สนชัย แลวว่ิงกลับไปรับคนในหมู ไป
สงใหม หมใู ดหมดกอนรีบนัง่ ลง หมใู ดเสร็จกอ นชนะ
มาและหัวมาจะเปลี่ยนคนข่ีไปแลวแทนกันก็ได เมื่อเห็นวามาเหน่ือย หรือจะเปล่ียน
ทุกเทย่ี ววง่ิ ก็ได
หา มเดนิ สามกา ว
วธิ ีเลน
ใหลูกเสือทุกคนยืนท่ัว ๆ สนาม หามเคล่ือนไหวจนกวาจะไดยินคําส่ัง เลือกผูเลนคนหนึ่ง
มาผูกตา ใหเคลื่อนไหวไปตามสนามพยายามจับผูเลน ถาผูเลนคนใดใกลจะถูกจับ หรือเห็นวาจะ
ถูกจับแนนอน มีสิทธิหนีได 3 กาว เม่ือกาวได 3 กาวแลว ไมมีสิทธิกาวตอไป ในกาวที่หนึ่งใหเอามือ
ซายแตะสะโพกตนเองเมื่อกาวท่ีสองใหเอามือขวาแตะ กาวท่ีสามเอามือกอดอกยืนนิ่ง และรอ
ความหวงั วา จะถกู จับเมื่อไหร ถา คนใดถูกจบั ใหค นนน้ั ผูกตาและเปน คนไลจบั คนอ่ืนตอไป
ใบความรู
การปฐมพยาบาล
96 คมู ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 2
การปฐมพยาบาล คือ การใหความชว ยเหลอื ผปู วยฉุกเฉนิ หรือผทู ่ีไดร บั บาดเจ็บใน
ข้ันแรก กอนสงโรงพยาบาล หรือกอนจะถงึ มอื แพทย ทุกคนควรมคี วามรใู นการปฐมพยาบาล
เพ่ือท่ีจะใชเ วลาทุกวินาทใี หเปนประโยชนท ่ีสุดเพ่อื ชวยเหลือตวั เองและผอู นื่
การปฐมพยาบาลน้ัน ตองทําดวยความรวดเรว็ และถูกตอง ข้ันแรกตองระงบั ความต่ืนเตน ตกใจ
ต้งั สตใิ หด ี ไมว าคนที่คุณตอ งชว ยเหลือจะเปน คนในครอบครัว เพอ่ื น คนรัก หรือแมแ ตค นแปลกหนา
พยายามอยาใหคนมุง เพอ่ื ใหค นเจ็บไดร บั อากาศบริสทุ ธิ์ ปลอดโปรง มแี สงสวางเพยี งพอ และ
สะดวกในการปฐมพยาบาล โทรเรยี กรถพยาบาลกอน แลวรบี ตรวจดูคนเจ็บและปฐมพยาบาล
เบอ้ื งตน
กรณที ค่ี นเจบ็ ยงั มีสติ ควรแนะนาํ ตวั เอง สอบถามชื่อนามสกุลของคนเจ็บ และสอบถามอาการ
กรณีท่ีคนเจ็บหมดสติ ใหต รวจดวู า ยังหายใจหรือไม
อาการช็อค
อาการเรมิ่ แรกจะเหมอื นกับเปน ลม คือ มีอาการหนา มดื ตาลาย วิงเวียน มอื เทา ออนแรง
ออนเพลยี ใจหวิวๆ หรอื กลามเนื้อเกร็ง เปน ตะคริว ตวั ซดี หรือเขียวจนถงึ เขยี วคลาํ้ เหง่อื ออก
กระสับกระสา ย กระหายน้ํา คล่นื ไส อาเจียน ชพี จรเตน เร็วแตเ บา ความดันเลอื ดตก หายใจหอบ
อาการขัน้ รนุ แรง คือ ตามตัวเปนรอยจํา้ สดี ํา มา นตาขยาย หากช็อคอยนู านสมองจะขาดเลือดมาก
ทําใหห มดสตไิ ด
ผปู ว ยอาจมอี าการไมครบทกุ อยา งดังที่กลาวมา แลว แตค วามรุนแรงของอาการ อยา งไรก็
ตาม แมว า ผูปว ยจะไมแสดงอาการอะไรใหเหน็ แตห ากผปู ว ยไดรับบาดเจบ็ และเสยี เลอื ดมาก ควร
สงั เกตอาการและดูแลอยา งใกลช ดิ
สาเหตุ
อาการช็อคเกิดไดจ ากหลายสาเหตุ สาเหตสุ ําคัญสว นใหญเกิดจากการเสียเลือดมาก ถกู ไฟ
ไหม นาํ้ รอนลวก อยใู นทีท่ อ่ี ากาศรอ นจดั นานเกนิ ไป อาเจียนหรอื ทองเสยี อยา งรุนแรง ไฟฟา ช็อต
โรคหัวใจกําเรบิ ไดรับยาเกนิ ขนาดหรอื แพยา การสัมผสั สารพิษ และการตดิ เชือ้ อยางรุนแรง เปน ตน
การปฐมพยาบาล
เมอื่ ผปู ว ยช็อค ใหรีบนาํ สงโรงพยาบาลโดยเรว็ ทส่ี ุด ระหวา งนั้นใหป ฐมพยาบาลเพ่ือใหการ
ไหลเวยี นเลอื ดดขี ึ้น ดังน้ี
-ใหผ ูปว ยนอนราบ ไมตอ งใชห มอนหนนุ ศีรษะ เพอื่ ใหเ ลือดไปเลย้ี งสมองไดอยางเพียงพอ
และทําใหหวั ใจทาํ งานนอยลงดวย ควรยกเทา ใหส ูงขน้ึ แตไ มควรใหน อนศีรษะต่าํ เพราะจะทาํ ให
อวัยวะในชองทองดนั กะบังลมเขามาเบียดทอ่ี ก ทาํ ใหหายใจไมส ะดวก
-คลายเส้อื ผาผปู ว ยใหหลวม
คูมือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชีวติ ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 2 97
-หามเลอื ดกรณที ่ีมเี ลอื ดออก
-หากผูป วยอาเจียน ใหนอนตะแคงขาง
-หม ผา ใหค วามอบอนุ กับรา งกายผูปวย
-หากผูปว ยกระหายนํ้ามาก ใหห ยดนา้ํ ทีร่ ิมฝปากในปรมิ าณเล็กนอ ย และหยุดใหน้ําหาก
ผปู ว ยอาเจยี น ยกเวน ผปู ว ยท่ีไดร บั บาดเจบ็ ที่ทอ ง ควรงดใหน าํ้
ขอ ควรระวงั
- หากผปู วยมีอาการบาดเจ็บท่กี ระดูกสันหลัง หา มเคล่อื นยา ยผปู วย ควรโทรเรยี ก
รถพยาบาล ระหวา งน้นั ใหผ ูปวยนอนราบ ยกขาสงู
- หากผูปวยไดรับบาดเจ็บท่ีศรี ษะ อยา ยกขาผปู ว ยข้นึ และอยาใหอวัยวะใดอยสู ูงเกนิ ศีรษะ
- หากผูปวยไดรับบาดเจ็บทีใ่ บหนา ใหผปู วยนอนตะแคงขาง เพือ่ ปอ งกันไมใ หเ ลอื ดไหลเขา
ปากและจมูก เพราะจะทาํ ใหห ายใจลําบากหรอื หายใจไมออก
- หากผูป ว ยถูกสตั วม ีพษิ กัดตอย ใหแผลนัน้ อยูตาํ่ กวา ระดับของหวั ใจ
การปฐมพยาบาลบาดแผลทั่วไป
บาดแผลจากอบุ ัตเิ หตุมตี ั้งแตบาดแผลเล็กๆ นอยๆ ไปจนถงึ บาดแผลขนาดใหญท อ่ี าจลึกลงไปถงึ
กลา มเนอื้ เสน เอน็ หรือเสน เลือด ซึง่ อาจทําใหเ สียเลอื ดมากจนหมดสติและเสียชวี ติ ได วธิ กี ารปฐม
พยาบาลบาดแผลชนดิ ตา งๆ
ประเภทของบาดแผล แบงไดเ ปน บาดแผลเปดและบาดแผลปด
1.บาดแผลเปด คือบาดแผลทผี่ วิ หนงั ฉีกขาดจนเห็นเนื้อขางใน เชน
- แผลถลอกท่เี กิดจากการขีดขว น จะเหน็ รอยขดี ขวนตามผิวหนงั เปน แนวยาว อาจมเี ลือดซึม
ออกมาเล็กนอ ย
- แผลทเ่ี กดิ จากการเจาะ การแทง การกระแทก บาดแผลชนิดน้ีจะไมใหญมาก อาจเหน็ รอย
เพียงนดิ เดียว แตบางกรณีอาจจะช้าํ ในเพราะถูกกระแทกอยางรนุ แรง ทําใหเน้อื เย่ือภายในบอบช้ํา
มากก็เปน ได
- แผลถกู ของมีคมบาด เชน มดี เศษแกว บาดแผลอาจไมใ หญ แตบ างครั้งอาจมเี ลือดออกมาก
- แผลฉกี ขาดเนอื่ งจากวัตถมุ คี ม บาดแผลชนดิ นจี้ ะรายแรงกวา การถูกของมคี มธรรมดามาก
แผลอาจลกึ ลงไปถึงเน้ือเย่อื เสนเอน็ ทาํ ใหเสียเลอื ดมาก
- แผลฉกี ขาดของอวยั วะ เชน แขนขาขาดจากอบุ ตั ิเหตทุ างรถยนต ถูกสตั วด รุ า ยกดั หรอื ถกู ยิง
บาดแผลเหลา นจ้ี ะเสียเลอื ดมากและอาจทําใหเ สยี ชวี ติ ได
98 คูม ือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชีวิต ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 2
2.บาดแผลปด คือบาดแผล
ทไี่ มม รี อยแผลใหเห็นบนผวิ หนัง
ภายนอก อาจเหน็ เพียงแครอย
เขียวชํา้ แตบางกรณเี นื้อเย่อื
ภายในอาจถูกกระแทกอยา งแรง
ทําใหเลือดตกใน บางคร้ังอวัยวะ
ภายในไดรบั ความเสียหายมาก
เชน มามแตก ตบั แตก หรือเลอื ด
คง่ั ในสมอง ระยะแรกอาจไมแ สดง
อาการใดๆ แตเ มอ่ื เวลาผานไป
คนเจ็บอาจอาเจยี น เลือดออกปาก
หรือจมกู หนาวสนั่ ตวั ซดี เจบ็ ปวดรุนแรง หมดสติ และอาจเสยี ชีวติ เนอื่ งจากเสียเลอื ดมาก
การหามเลอื ด
บาดแผลนั้นลกึ แคไหน ใหส ังเกตวา แผลนนั้ มเี ลอื ดออกมากนอ ยเพยี งใด หากเลอื ดออกไมหยุด
หลังจากไดหา มเลอื ดอยางถกู วธิ ีแลว ใหถ อื วา เปนแผลใหญ แมจ ะเห็นวาแผลมขี นาดเล็กก็ตาม หาก
ปากแผลกวา งมากจะหายชา ควรเยบ็ แผลเพ่อื ปองกนั การอักเสบจากการตดิ เช้ือ หากเปน บาดแผลท่ี
ลึกถงึ เสน เอ็น กระดกู เสน เลือด ควรปฐมพยาบาลแลว รบี นาํ สง แพทย
การปฐมพยาบาลเบอื้ งตนสาํ หรับบาดแผลท่ีมีเลอื ดออกกค็ อื การหา มเลือด โดยหลีกเลยี่ งการ
สัมผัสกบั เลอื ดของคนเจบ็ โดยตรง แตหากหลีกเลี่ยงไมไ ดใ หรบี ลา งมอื ดว ยสบู รวมท้ังบรเิ วณทีเ่ ปอน
เลือดใหเ ร็วทส่ี ดุ เทา ทีจ่ ะทําได ไมควรถอดหรอื เปลย่ี นเส้อื ผาของคนเจบ็ แมวา จะเปอ นเลือดจนชุม
แลว เพราะอาจยงิ่ ทําใหเ ลือดออกมาก
หากสามารถทาํ ได ควรทาํ ความสะอาดแผลกอ นเพอื่ ปองกนั การตดิ เช้อื โดยลา งแผลดว ยนํา้
สะอาด แลวใชผากอ ซหรือผาสะอาดกดไวต รงบาดแผล ยกเวน เมื่อเกดิ บาดแผลทีด่ วงตา เพราะอาจมี
สิ่งแปลกปลอมทําใหด วงตาไดรบั บาดเจ็บมากขึน้ แลวใชผ า สะอาดพนั ปดแผลไว อยา ใหแ นน จนชา
หากไมมผี าพันแผล สามารถดัดแปลงส่งิ ของใกลตวั มาใชไ ด เชน ผา เชด็ หนา ชายเสอื้ ชายกระโปรง
หรือเนคไท
แผลทแ่ี ขนหรอื ขาใหย กสงู จะชวยใหเลอื ดไหลชา ลง ปกตเิ ลอื ดจะหยุดไหลภายในเวลาประมาณ
15 นาที หากเลอื ดไหลไมหยุด ใหก ดเสน เลอื ดแดงใหญท ่ีไปเลยี้ งแขนขา โดยกดบรเิ วณเหนอื
บาดแผล ถาเลอื ดออกท่ีแขนใหก ดแขนดานใน ชว งระหวา งขอ ศอกและหัวไหล ถาเลือดออกท่ขี า ให
กดที่หนา ขาบริเวณขาหนบี
การหามเลือดโดยการกดเสน เลือดแดงใหญค วรทาํ กต็ อ เมอื่ ใชว ธิ ีการหา มเลอื ดโดยการกด
บาดแผลหรือใชผาพันแผลแลวไมไ ดผ ล เพราะจะทาํ ใหอวยั วะที่ตาํ่ กวาจุดกดขาดเลอื ดไปเลย้ี ง หาก
กดนานๆ กลา มเน้อื อาจตายได จึงไมค วรกดเสนเลือดแดงใหญเกนิ กวา ครงั้ ละ 15 นาที
สาํ หรบั บาดแผลทศี่ ีรษะ ไมค วรใชน าํ้ ลา งแผล เพราะจะทาํ ใหป ด ขวางทางออกของแรงดัน
คูมอื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชีวิต ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 2 99
ภายใน และสมองอาจติดเชื้อโรคท่ีอยูใ นนํา้ ได หากมีเลอื ดไหลออกจากปาก จมกู หรอื หู อยา
พยายามหา มเลอื ด เพราะจะปดกั้นทางออกของแรงดันในสมองเชนกนั
การทาํ ความสะอาดบาดแผลเลก็ นอย
วิธีการปฐมพยาบาลบาดแผลเล็กนอ ย ทาํ ไดโดยลางมอื ใหสะอาดทุกคร้ังกอ นท่จี ะทําแผล ใชนา้ํ
สะอาดลา งแผล ใชส บูออ นๆ ลางผิวหนงั ทีอ่ ยรู อบๆ บาดแผล แลว ลา งดว ยนาํ้ สะอาดอีกคร้งั
หลีกเล่ยี งการกระทบบาดแผลโดยตรง ใชผ า กอ ซหรอื ผาสะอาดซบั แผลใหแหง แลวใสย าสําหรบั แผล
สด เชน โพวโิ ดนไอโอดีน ซึ่งจะชวยลดการติดเช้อื ได จากน้นั ปดแผลดว ยผา พันแผล
การปฐมพยาบาลบาดแผลฟกชาํ้ ไมม ีเลอื ดออก
บาดแผลฟกช้ําจะไมมีเลือดออกมาภายนอก แตเกดิ อาการบวม ผวิ เปลีย่ นสี และมรี อยชํา้ ซึ่งเกดิ
จากเสนเลือดบรเิ วณนนั้ แตกแตผวิ หนังไมฉ กี ขาด จงึ ทาํ ใหเ ลอื ดซึมอยใู ตผวิ หนัง ระยะแรกจะมีสแี ดง
แลว เปล่ยี นเปน สีมว งคล้าํ ในเวลาตอ มา
คนสว นใหญมกั ไมใ สใจกับแผลฟกชา้ํ แตค วามจรงิ แลว แผลฟกชาํ้ กม็ ีวธิ กี ารดแู ลท่ีถูกตอ ง
เชน กนั กอ นอนื่ ใหตรวจดวู า ไมมีบาดแผล หรอื อาการอืน่ ๆ หรือกระดูกหกั รว มดว ย ใหค นเจ็บนงั่ ใน
ทาทีส่ บาย แลวประคบแผลดว ยถงุ นา้ํ แขง็ หรือถุงนา้ํ เย็นเพื่อลดอาการบวม หากเปน แผลที่แขนใหใช
ผาสามเหลยี่ มคลอ งแขนใหอ ยูก ับท่ี หากเปน แผลทข่ี าใหนอนหนุนขาใหสูง หากเปนทีล่ าํ ตวั ใหนอน
ตะแคงหนนุ หมอนทีศ่ รี ษะและไหล
การปฏบิ ัตติ นเมอื่ เกดิ ภยั ธรรมชาตติ าง ๆ
ภัยจากธรรมชาติ เชน เฮอรรเิ คน ทอรน าโด แผน ดนิ ไหว คลนื่ ยกั ษส นึ ามิ นํา้ ทว ม ไฟปา พายุหมิ ะ
หรอื โรคระบาด เปนสิง่ ทมี่ นุษยเ ราตอ งเผชิญอยา งหลีกเลยี่ งไมได รวมทัง้ ภยั คกุ ครามจาก
ผกู อการรา ย เชน ระเบิดพลชี ีพ ตกึ ถลม อาวธุ เคมี อาวุธเชือ้ โรค หรอื อาวธุ นวิ เคลยี ร อาจเกดิ ขึน้ ได
ทุกขณะ โดยไมเ ลือกวนั เวลา สถานที่ ซ่งึ เมื่อเกดิ ขึ้นในแตล ะครั้งยงั ผลเสียหายตอ ชวี ิตทรพั ยสนิ เปน
จาํ นวนมากมายมหาศาลไมอาจประเมินคา ได
อยา งไรกด็ ี มีส่งิ หนง่ึ ท่พี วกเราทําไดเพ่ือผอนหนักใหเปนเบา น่นั คอื การเตรยี มรับมือกบั ภัยพบิ ตั ิไว
ลว งหนา กอ นเหตุการณจ ะเกดิ ขึน้ โดยทัว่ ไปแลว การเตรียมการรบั มือภยั ธรรมชาตแิ ละภัยจาก
ผูกอการรายจะไมแ ตกตา งกนั นกั เริม่ จาก
1. วางแผนสงิ่ ท่คี วรปฏบิ ตั เิ มอ่ื เกิดเหตุการณในแตละประเภท
ศึกษาลักษณะ ขอควรปฏบิ ตั ิ และขอ หลีกเล่ยี ง ของภัยพิบตั แิ ตละประเภท ยกตัวอยางเชน เมื่อ
เกดิ ไฟปา ควรสวมหนากากกันควนั ไฟและอพยพไปในทิศเหนอื ลม หรอื เม่ือเกดิ ทอรนาโด ควร
อยหู างจากหนา ตางหรอื หนหี ลบลงไปหอ งใตด นิ เปนตน
ใหความรแู ก เพอ่ื น ญาตพิ น่ี อง ครอบครัว
100 คมู อื การจัดกจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชวี ติ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2
เตรยี มพรอมประเมินสถานการณ เพ่ือตัดสนิ ใจทจี่ ะอพยพหรืออยูหลบภัยในทพี่ กั
ในบางสถานการณ การอยูหลบภยั ในทพี่ ักจะปลอดภยั กวา เชน เมอื่ เกดิ ภายหุ ิมะหรอื อากาศ
ภายนอกเปนพิษ ใหพ ิจารณาเลอื กหอ งภายในตวั อาคารทมี่ นั่ คงแข็งแรง ปดมดิ ชิด มเี สบียง
เพยี งพอ
ในกรณที ีต่ อ งอพยพ ใหก าํ หนดจุดนัดพบไวหลายแหง ทัง้ ในระยะใกลทีส่ ามารถเดนิ ไปได จนถงึ
ระยะไกลขา มรฐั โดยกาํ หนดไวใ นทกุ ทศิ ทาง คอื เหนือ ใต ตะวันออก และตะวนั ตก อน่งึ
สาํ หรับคนทม่ี รี ถยนต ควรเตมิ นาํ้ มนั ใหเ หลืออยางนอ ยคร่ึงถังอยเู สมอ
วางแผนที่จะติดตอส่ือสารถงึ เพ่ือน ญาติพ่นี อง หรือครอบครัว เผอื่ ไวห ลายๆ รปู แบบ หาก
โทรศัพทบา นหรอื โทรศพั ทม ือถอื ใชก ารไมได กอ็ าจใชอเี มลแทน อน่งึ การติดตอขา มเมืองหรอื
รฐั อาจทําไดสะดวกกวาการติดตอ ในเมอื งที่พกั อยู เนอ่ื งจากเมอื งในตา งรัฐอาจไมไ ดรบั
ผลกระทบจากเหตกุ ารณ
ควรวางแผนเผื่อไว กรณเี กดิ เหตุการณขณะทีอ่ ยูที่สถานศกึ ษาหรือทท่ี าํ งาน
มน่ั ซกั ซอมและปรบั ปรุงแผนท่วี างไวอ ยูเสมอ
2. เตรยี มรวบรวมสงิ่ ของเคร่อื งใชท ่จี าํ เปน ในกรณีฉกุ เฉิน
เอกสารสาํ คญั ประจําตัว เชน หนังสอื เดนิ ทาง ใบขับขี่ บตั รประกนั สขุ ภาพ และอน่ื ๆ ควรเกบ็ ไว
ในถงุ พลาสตกิ หรือแฟมท่กี ันนํ้าได
อปุ กรณก รองอากาศ เชน หนา กากกนั แกส พษิ เชื้อโรค
นา้ํ สะอาดสาํ หรับใชด มื่ อยางนอย 3 วัน
อาหารแหง สําเรจ็ รูป เคร่อื งกระปอง ใหเพียงพอ อยางนอ ย 3 วัน
เครอื่ งนุง หม เส้อื กันฝน เสอ้ื กนั หนาว ถุงมือ ถุงนอน
ไฟฉายพรอ มถา นไฟฉายสาํ รอง
วิทยุทใี่ ชถ านไฟฉาย
เงนิ สด หรอื เชค็ เดนิ ทาง
First Aid Kit - ผา พันแผล ยาฆาเชอื้ โรค ยารักษาโรคท่ัวไป ยาประจําตัว
ไมข ีดไฟแบบกนั น้ํา
เขม็ ทิศ
นกหวีด สําหรับเปา เรียกความชว ยเหลอื
รองเทา ทคี่ งทนและสวมใสสบาย
กระดาษชําระ
ถงุ ขยะพลาสติก สาํ หรับใสส ่งิ ปฏกิ ลู
คมู ือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทักษะชวี ิต ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 2 101
3. ติดตามขา วสาร การเตอื นภยั หรอื การประกาศภาวะฉกุ เฉนิ ในเขตพ้นื ทที่ พี่ กั อาศยั อยูและ
ละแวกใกลเ คียง
ควรรับฟง ขาวสาร ประกาศเตือน จากทางสือ่ วทิ ยุ โทรทศั น อินเตอรเ น็ท เปนประจาํ ทุกวัน
พรอ มทจี่ ะปรบั ใชแผนทเี่ ตรยี มไว เขากบั สถานะการณท่เี กิดขน้ึ ไดอ ยา งเหมาะสม
เม่ือเกดิ เหตกุ ารณข ้ึน ควรปฏิบัตติ ามคําแนะนําของเจาหนา ทีท่ อ งถิ่นหรอื เจา หนาท่รี ัฐอยา ง
เครงครัด
และทสี่ าํ คญั ทสี่ ดุ มีสติ อดทน และตรกึ ตรองกอ น
เรื่องท่เี ปน ประโยชน
แมวกับสนุ ขั จง้ิ จอก
วันหนึ่งแมวไดพบกับสุนัขจ้ิงจอก ทั้งสองเปนเพื่อนกัน และแลกเปลี่ยนความเห็นในการ
ดํารงชีวิตอยางสันติ แมวบอกสุนัขจิ้งจอกวา "ฉันเบื่อหนายเหลือที่ตองคอยว่ิงหนีศัตรู" สุนัขจ้ิงจอก
ถามวา "ทําไมละ" แมวบอกวา "ถาฉันไมหนีพวกมันก็ฆาฉันตายนะซี" สุนัขจิ้งจอกก็บอกวา "ฉันไม
รสู กึ กังวลกับพวกมนั แมแ ตน อย ฉนั มีอบุ ายมากมายที่จะใชกับศัตรทู ีม่ าทํารา ยฉัน" ขณะท่ีมันเดินเขา
ไปในปาลึก มีนกหลายตัวอยูบนตนไม สงเสียงรองอยางมีความสุข สุนัขจิ้งจอกรองบอกแมววา "ฉัน
จะแสดงอุบายของฉันใหแกทานสักสองสามอยาง" แตกอนที่สุนัขจ้ิงจอกจะเริ่มแสดง เสือตัวหน่ึงเดิน
ผานมา แมวรีบว่ิงหนีขึ้นไปบนตนไม สุนัขจิ้งจอกไมรูจะใชอุบายอะไรในการหลบหนี ในท่ีสุดมันก็ถูก
เสอื จบั กนิ เปน อาหาร กอ นทีม่ ันจะใชอ ุบายทีม่ ีอยอู ยา งมากมาย
เรื่องน้สี อนใหรวู า รเู พียงอยา งเดียวแตขอใหร ูแ น
สงิ โตกับหนเู จาปญ ญา
ในปาใหญแหงหนึ่งมีสัตวหลายชนิดอาศัยอยูรวมกัน สัตวทั้งหลายตางอยูกันอยางมี
ความสุข วันหน่ึงสิงโตไดเขามาอยู มันมีนิสัยดุรายมาก ชอบจับสัตวอื่นกินเปนอาหาร มันชอบจับวัว
กวาง มาลาย กินเปนอาหารเมื่อเวลามันหิว สัตวทั้งหลายตางหวาดกลัวมาก เจาหมีซึ่งเปนตัวแทน
ของบรรดาสตั วไดรอ งตะโกนขอรองใหสิงโตไปอยูทอี่ น่ื สงิ โตโมโหมาก มันรอ งบอกวา
"ถาสัตวตัวใดสามารถเลานิทานที่ไมรูจบได ขาจะยอมไปอยูที่อ่ืน แตถาไมมีใครเลาได
ขากจ็ ะจับพวกเขากินไปเรื่อย ๆ ฮะ ฮะ…….."
สตั วท้งั หลายตา งจนปญ ญา และพากนั หวาดกลัววาจะถกู จบั กนิ ไมวนั ใดกว็ ันหน่ึง
ยังมีหนูตัวหนึ่งไดรับอาสาขึ้นวา "เอาละ ขามีวิธีแลว ขาจะไปเลานิทานไมรูจบใหสิงโต
ฟง " วาแลวมันก็ไปหาสิงโต สงิ โตคิดวาหนูคงเลา ไมไ ด แตห นูไดเริ่มเรอ่ื งวา
102 คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทักษะชีวิต ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 2
"กาลคร้ังหน่ึงมีตากับยายออกไปทอดแหหาปลาในแมน้ํา ขณะท่ีทอดแหออกไป แหไป
ติดหินที่ใตนํ้า แหขาดเปนรูใหญ ตาจึงดํานํ้าลงไปดู ตาเห็นปลาตัวหน่ึงวายนํ้าลอดรูแหไป….." สิงโต
จึงขัดข้นึ วา "เทาน้เี องหรือ……….จบแลว หรอื ……"
หนูตอบวา "ยัง" แลวก็เลาตอ "ตาก็เห็นปลาตัวที่สองลอดรูแหไปอีก" สิงโตถามวา "จบ
หรือยัง" หนูตอบวา "ยัง" แลวก็เลา "ตาก็เห็นปลาตัวท่ีสามวายนํ้าลอดรูแหไปอีก" สิงโตก็ถามอีกวา
"จบหรือยัง" หนูก็ตอบวา "ยัง" แลวก็เลาตอไปวาเห็นตัวท่ีส่ี หา หก………. พอสิงโตถามหนูก็ตอบ
เร่ือยจนไปถึงรอ ยท่รี อย…พนั สิงโตจึงบอกวา
"เอาละ เอาละ ขา ยอมแพนทิ านของเจา แลว เพราะถาใหเลาตอเจาคงมีปลาตัวท่ีหมื่น ตัว
ที่แสน นิทานของเจาไมรูจบจริง ๆ และขาก็ตกลงวาจะไปอยูที่อ่ืน" แลวสิงโตก็จากไป สัตวทั้งหลาย
ตางดใี จและชื่นชมในความฉลาดของหนูเจาปญหาเปนอยางมาก
เรอื่ งนส้ี อนใหรูวา จงแกปญหาดว ยปญญา และอยา ตีตนไปกอนไข
คูม อื การจัดกจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 2 103
แผนการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุน ใหญ(เครือ่ งหมายลูกเสือช้ันพเิ ศษ) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 2
หนวยที่ 6 บริการ เวลา 1 ช่ัวโมง
แผนการจัดกิจกรรมที่ 19 การรายงานการใหบริการ
1. จุดประสงคก ารเรียนรู
สามารถบอกความหมายของคาํ วา บรกิ าร ชุมชน พัฒนา และการพัฒนาชุมชนได
2. เน้อื หา
2.1 ความหมายของคาํ วา การบริการ ชุมชน พัฒนาและการพัฒนาชมุ ชน
2.2 ประโยชนท่ีลกู เสอื ไดรบั จากการใหบ รกิ าร
2.3 กิจกรรมทีล่ กู เสอื สามารถปฏบิ ตั ิไดใ นการใหบ รกิ ารชุมชน
2.4 กิจกรรมทีล่ กู เสอื สามารถปฏบิ ตั ิไดเ ก่ยี วกบั การพฒั นาชุมชน
2.5 กฎลกู เสอื ทเ่ี ก่ียวขอ งกับการใหบริการ
3. สื่อการเรียนรู
3.1 แผนภมู เิ พลง
3.2 ใบความรเู รอื่ ง การใหบรกิ าร
3.3 ใบงาน เรอื่ ง บรกิ าร
3.4 เร่ืองท่เี ปนประโยชน
4. กจิ กรรม
4.1 พธิ เี ปดประชมุ กอง (ชักธง สวดมนต สงบน่ิงตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรือเกม
4.3 กิจกรรมตามจุดประสงคก ารเรยี นรู
1) ผกู าํ กับลูกเสือและลกู เสอื สนทนา และแลกเปลย่ี นประสบการณใ นการบรกิ ารใหค วาม
ชวยเหลือผูอ ืน่
2) ผูกํากับลกู เสอื แบงลกู เสอื ออกเปน 3 กลุม โดยการรวมหมลู ูกเสอื พรอ มแจกใบ
ความรู และใบงานใหกลุม ลกู เสอื ศึกษาคนควา ดงั นี้
กลุม ท่ี 1 เร่ืองความหมายของคาํ วา การบริการ ชมุ ชน พัฒนาและการพฒั นาชุมชน
และประโยชนท ่ลี กู เสือไดร บั จากการใหบริการ
กลุมที่ 2 เรื่อง กจิ กรรมทล่ี ูกเสอื สามารถปฏบิ ตั ไิ ดในการใหบ รกิ ารชุมชน
กลุม ท่ี 3 เรื่อง กจิ กรรมท่ลี ูกเสือสามารถปฏบิ ัติไดเ กี่ยวกบั การพฒั นาชมุ ชน
3) ผกู าํ กบั ลกู เสอื ใหล กู เสอื แตล ะกลุมนาํ เสนอผลงานท่ไี ดจากการศึกษาคนควา ในท่ี
ประชมุ ใหญ โดยผูก ํากบั ลูกเสือเพิ่มเติมในสวนที่ไมส มบรู ณ
4) ผูกํากับลูกเสือและลูกเสือรวมกันสรุปถึงองคความรูท่ีไดรับจากการศึกษาคนความา
ซึ่งตรงกบั คาํ ปฏญิ าณของลูกเสือขอ 2 “ขาจะชว ยเหลือผอู ืน่ ทุกเมอ่ื ”
104 คมู ือการจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ิต ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 2
5) ผกู ํากบั ลกู เสอื แจกใบงานใหห มูลูกเสอื ไปจดั ทําโครงการ/กิจกรรมการใหบริการแก
ชุมชน และดาํ เนินการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม กาํ หนดเวลา ไมน อยกวา 10 ชั่วโมง ภายในเวลา 2 เดือน และ
เขยี นรายงานการใหบรกิ าร เพอ่ื นําเสนอตอไป
4.4 ผกู าํ กบั ลกู เสอื เลา เรอ่ื งท่ีเปนประโยชน
4.5 พธิ ปี ด ประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธง เลกิ )
5. การประเมินผล
5.1 สังเกตพฤตกิ รรมจากการทาํ งานกลมุ
5.2 ตรวจความสําเร็จจากใบงานทีม่ อบหมาย
5.3 สังเกตจากการมีสว นรวมในการอภิปราย
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมที่ 19
เพลง
กระตา ยนอย
ฉันเปน กระตา ยตัวนอยมหี างเดยี ว สองหยู าวสั่นกระดุก กระดกุ กระดกิ
กระโดดส่ีขาทําทากระตุก กระต๊ิก เพ่ือนที่รักของฉนั คอื เธอ
เกม
กระตา ย กระแต
วธิ เี ลน
1. แบงลูกเสือออกเปน 2 ฝาย จํานวนเทาๆ กัน ฝายหน่ึงเปนกระตาย อีกฝายหนึ่งเปน
กระแต ทั้งสองแถวยืนหา งกันประมาณ 2 เมตร
2. ใหท้ังสองฝายหันหนาเขาหากัน และทางดานหลังของแตละฝายจะมีเสนอีกเสนหน่ึงหาง
ออกไปประมาณ 6-10 เมตร เปนเสน ที่ปลอดภัย
3. ผูกํากับลูกเสือจะเปนคนขานช่ือ สมมติวา ขานวา “กระตาย” แถวท่ีเปนกระตายจะรีบวิ่ง
ไปแตะแถวกระแต ถาฝายหนไี ปถึงเสน ปลอดภัยกอน ฝา ยกระแตจะแตะไมได
4. ท้ังสองแถวกลับมาเขาแถวที่เดิม ผูกํากับลูกเสือจะเริ่มขานอีก สมมติวา ถาขานเปน
“กระแต” ฝายกระแตตองรบี วิ่งไปแตะฝายกระตา ยเชนเดียวกัน
5. ฝา ยใดเหลอื สมาชกิ มากกวาเปนฝา ย “ชนะ”
คูม ือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชวี ิต ชัน้ มัธยมศึกษาปท ่ี 2 105
ใบความรู
ลกู เสอื กับการบรกิ าร
ความหมายของการบริการ
- คาํ วา “บรกิ าร” หมายถงึ การชว ยเหลือหรือการบาํ เพ็ญประโยชนตอตนเองตอ ผูอ่นื และตอ
ชุมชนลกู เสือจะตองมคี วามเลอื่ มใสศรทั ธาในคาํ วา “บรกิ าร” และลงมือปฏิบตั ิเรือ่ งนีอ้ ยา งจริงจังดวย
ความเขา ใจและโดยมที กั ษะหรือความสามารถในการใหบริการนนั้ ดวยความช่ําชอง วอ งไว คอื ไวใจ
ไดห รอื เช่ือได
- ความเหน็ ของ บี.พ.ี เก่ยี วกับ “บริการ”
บ.ี พี. เห็นวา การศกึ ษาท่ีเดก็ ไดร บั จากทางบา น ทางโรงเรยี น ทางวัด และอื่น ๆ ยังมี
ชอ งโหวอยู 4 ประการ ซ่งึ การลกู เสอื มงุ หมายที่จะอดุ ชอ งโหวเหลา น้ันโดยเนนการฝกอบรมลกู เสือ
ในเร่ืองตอ ไปน้ี คือ
1) ลักษณะนสิ ยั และสตปิ ญญา
2) สขุ ภาพและทกั ษะ
3) การฝม อื และทกั ษะ
4) หนาทพี่ ลเมอื งและการบาํ เพญ็ ประโยชนตอ ผูอ นื่
การลกู เสอื มุงหมายทีจ่ ะฝกอบรมลูกเสือทง้ั ในทางรางกาย สติปญ ญา ศลี ธรรม จติ ใจและ
สงั คม เพ่อื ใหเปน พลเมอื งดี รจู ักหนาที่รับผิดชอบและบาํ เพญ็ ตนใหเปน ประโยชนแ กช ุมชน ตลอดจน
ประเทศชาติ
ตามคตขิ องลูกเสือพลเมืองดี คือบุคคลท่มี ีเกียรติเชื่อถือได มีระเบียบวนิ ยั สามารถบงั คับ
ใจตนเอง สามารถพง่ึ ตนเอง ทั้งเต็มใจและสามารถทีจ่ ะชวยเหลือชมุ ชนและบาํ เพญ็ ประโยชนต อ ผูอนื่
- ความมงุ หมายโดยเฉพาะของกิจการลูกเสอื
1) เพื่อใหลูกเสือไดเขารวมในขบวนการลูกเสือซึ่งมีผูใหญเปนผูช้ีแจง แนะนํา และทํา
หนาท่ีเปนที่ปรึกษา จะโดยใหลูกเสือในกองปกครองกันเอง ประกอบกิจกรรมตาง ๆและเรียนรูโดย
การกระทํา
2) เพ่อื ใหลูกเสอื ไดม ีโอกาสฝก ปฏิบัติการตามที่ตนถนดั
3) เพื่อใหลูกเสือไดฝกหัดรับผิดชอบตอตนเองและเพิ่มการฝกใหกวางขวางย่ิงข้ึน โดย
อาศยั ระบบหมู
4) เพื่อใหลูกเสือมีโอกาสแสดงสมรรถภาพของตนเองดว ยความพึงพอใจและความภาคภูมิใจ
โดยการใชร ะบบเครื่องหมายวิชาพเิ ศษ
5) เพ่ือใหล ูกเสอื รูจักอดทน นิยมชวี ิตกลางแจง และการบรกิ ารอยา งมชี วี ติ จติ ใจ โดยเฉพาะ
การบรกิ ารชุมชน
6) เพ่ือสง เสริมการแสวงหาอาชีพทีเ่ หมาะสม
- การบรกิ ารหรอื การบาํ เพญ็ ประโยชนของลกู เสอื ในเรอื่ งการบรกิ ารนมี้ ีจุดมุง หมายเพื่อให
106 คมู อื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทักษะชวี ติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 2
ลูกเสอื ทกุ คนไดเ ขาใจความหมาย รวู ธิ กี ารในการบรกิ าร รหู ลกั ในการจัดกิจกรรมดานบรกิ าร และมี
ความเขาใจ สามารถปฏิบตั ดิ ว ยตนเองได การลูกเสอื ตองการผูเสียสละ ผูมีจติ ใจเปนลกู เสอื อยาง
แทจ ริง (Scouting Spirit) ไมเปน คนเห็นแกตวั ไมทําอะไรโดยหวังผลสวนตนเปน ทตี่ งั้ อยตู ลอดเวลา
ในเวลาเดยี วกันการเสียสละประโยชนแ ละความสุขสวนตัว เพื่อบริการตามความหมายของการ
ลกู เสอื นก้ี ต็ อ งใหคาํ นึงถึงสภาวะแวดลอ ม และสถานภาพของตนเองอยเู สมอ ๆ เพ่ือจะไดตระหนัก
ถึงขดี ความสามารถของตนเอง จะไดไมกอใหเ กดิ ความเดือดรอ นแกต นเองและครอบครัว
ประเภทหรอื ข้ันตอนในการบรกิ าร
1) บริการแกต นเองกอ น เปน การเตรยี มตวั เองใหพ รอ มเสยี กอ น เพราะถาหากเรายงั ไมพรอ ม
เราก็ไมอ าจจะไปใหบริการแกผ ูอ่ืนได หรือไดก็ไมดีเทา ทคี่ วร การบรกิ ารแกต นเองกอนน้นั เปนการ
ฝก ในเรื่องการบรกิ ารไปดว ย เพราะคาํ วา การบริการแกต นเองนัน้ หมายถงึ ตัวเรา ครอบครัวของเรา
ผบู ังคบั บญั ชา ผูใตบ งั คบั บญั ชา เพอ่ื นรว มงาน ญาตสิ นิทมติ รสหาย กลาวโดยสรุปไดวากอนท่เี รา
จะออกไปใหบรกิ ารแกผอู ่นื น้นั จาํ เปน ตอ งสรางความพรอมใหแ กตวั เองเสียกอน เพราะตราบใดทเ่ี รา
ยงั ตอ งขอความอุปการะ ตอ งอยภู ายใตการโอบอมุ คาํ้ ชขู องผอู ืน่ ตอ งขอใหผูอ่นื ชว ยเหลือเรา แสดงวา
เรายงั ไมพรอ ม ฉะนน้ั ลกู เสอื วิสามัญตองเตรยี มตวั ใหพรอมในทกุ ๆ ดาน ไมวาการเงนิ สุขภาพ
เวลาวาง สตปิ ญ ญา ฯลฯ
2) บรกิ ารแกหมูคณะและขบวนการลกู เสอื เมอ่ื เราฝกบรกิ ารตนเองแลว ตอไปก็ขยายการ
ใหบริการแกห มูคณะของเรากอน เปน การหาประสบการณห รือความชํานาญ ดว ยการบริการเปน
รายบคุ คล บรกิ ารแกกองลกู เสือของเราในการงานตา งๆ อันเปน สวนรวมและรวมไปถึงการใหบริการ
แกกองลกู เสอื อืน่ ซ่งึ ถอื เปนขบวนการของเรา ลกู เสือวสิ ามญั ทุกคนควรไดรบั การสง เสริมให
ชว ยเหลือการดําเนินกิจการของกองลูกเสอื สามญั หรือกองลูกเสือสาํ รอง ในทุกวิถที าง ท้งั น้ี เพ่ือจะ
ไดม ีประสบการณภ าคปฏบิ ตั ิในการฝกอบรมลูกเสอื ซึ่งจะชวยใหเ ขาเหมาะสมทจี่ ะเปนผูก าํ กับลกู เสือ
และเปน หวั หนา ครอบครวั ในอนาคต ลกู เสอื ควรไดรับมอบหมายความรับผดิ ชอบในงานทมี่ ีกําหนด
แนน อนในการชว ยเหลอื ผกู ํากบั ลูกเสอื ประเทศชาตติ อ งการอาสาสมคั รเปน จํานวนมาก เพอื่ ชว ยเหลือใน
เรือ่ งการศึกษา มเี รอ่ื งอืน่ ๆอีกมากมายนอกเหนือไปจากการอาน การเขียน และการคิดเลข ซ่งึ เปน
สงิ่ จําเปนท่เี ด็กสมัยนี้จะตองเรียนรูเ พ่อื จะไดป ระสบความสาํ เรจ็ ในชวี ติ การที่เวลาเรยี นมรี ะยะสนั้ และ
ครูกม็ ีจาํ นวนจํากดั ยอมทาํ ใหเด็กไมมโี อกาสไดเ รยี นรสู ง่ิ ตาง ๆเหลา นีด้ งั นั้น ความชว ยเหลอื ของชาย
หนมุ รนุ พีท่ ีเ่ ปนอาสาสมัครจงึ เปนส่ิงที่ประเทศชาตติ อ งการอยางย่ิง
ลูกเสือสามญั ผซู ่ึงใหความชว ยเหลือในการฝก อบรมหรือในการดําเนนิ งานของกองลกู เสือ
สามัญ หรอื กองลูกเสือสาํ รอง และโดยเฉพาะในการอยูคายพกั แรม นับไดวาเปนผูใ หบ ริการทม่ี คี ณุ คา
อยา งย่ิง ในเวลาเดยี วกนั งานนย้ี อ มนําความพอใจมาใหลูกเสอื เอง เพราะการฝกอบรมเด็กนัน้ จะได
เห็นเขาสนุกสนาน มลี ักษณะนิสยั ที่ดขี ึ้น ยอ มทําใหลกู เสอื วสิ ามัญรสู กึ วา ไดทําอะไรบางอยางท่ีคุมคา
การฝกอบรมแกร ุนนอ งนัน้ ลกู เสือสามัญรุนใหญจ ะตองทําตนใหเ ปน ตัวอยา งทด่ี ีเพ่อื ใหรนุ นองทําตาม
ดว ยการปฏบิ ตั ติ นใหเ ปนคนสนุกสนาน รา เริง เปนมติ รกับคนทุกคน ซื่อสตั ยส ุจรติ มกี ริ ยิ าสภุ าพ และ
ใชว าจาสภุ าพไมห ยาบโลน
คูมอื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวิต ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 2 107
3) บรกิ ารแกช ุมชนเมือ่ ฝก บริการแกตนเอง แกข บวนการลูกเสอื แลว ก็สมควรท่ีจะไปบรกิ าร
แกชมุ ชนตามสติปญญา ประสบการณ และความสามารถ แนวคิดในการบริการแกชุมชน
คอื การชาํ ระหนแ้ี กชุมชนดว ยการรว มมอื กันเสียสละ รวมกนั เพอ่ื ดําเนนิ การจดั กิจกรรมอันเปน
สาธารณประโยชนเ ชน การพฒั นาอาคารสถานท่ี บานเมืองในชมุ ชนนนั้ การสรา งสาธารณสถานการ
จัดงานร่ืนเรงิ งานสงั คมเพ่อื ประโยชนข องสังคมนั้นๆ ซ่งึ จะทาํ ใหล กู เสือไดป ระสบการณจากชีวิตจรงิ
หลงั จากทเ่ี ขาพน วัยจากการเปน ลูกเสอื ตอไปเขาจะสามารถปรบั ตวั เขา กบั สังคมทเี่ ขาอาศัยอยไู ด
สามารถประกอบอาชพี ไดโ ดยปกตสิ ุข เพราะเขารจู กั เสยี สละเพ่ือบริการแกชมุ ชนทก่ี องลูกเสอื ต้ังอยู
เสียกอน แลวจงึ คอยๆ ขยายวงกวา งออกไปตามความสามารถการบริการแกชมุ ชนทาํ ไดดว ยการ
ใหบริการในเรอื่ งตา งๆ เชน ทาํ ความสะอาด ความชว ยเหลือผูประสบอุบัตเิ หตุ การควบคุมการจราจร
การดบั เพลิง เปนตน ท่สี าํ คญั อีกประการหนึ่งคอื การพฒั นาชมุ ชน
หลกั ของการใหบรกิ าร
1) เปน กจิ กรรมทจี่ าํ เปน เห็นความจาํ เปน ที่ตอ งใหบ รกิ ารคือตองดวู าจําเปน แกไ หนสาํ หรบั
เร่อื งนน้ั ที่จะตอ งไดร ับการบรหิ าร
2) ใหบ รกิ ารดว ยความสมคั รใจ เตม็ ใจท่จี ะใหบรกิ าร
3) ใหบ ริการอยา งมปี ระสิทธภิ าพ คือ มที ักษะในการบริการ เชน การปฐมพยาบาล เทคนคิ
ในการชวยชวี ติ ฯลฯ
4) ใหบ รกิ ารแกผ ูท ่ีตองการรับบรกิ าร เชน คนทก่ี าํ ลงั จมนํา้ หวงั จะไดค นชวย การพฒั นา
ชุมชน ใหบรกิ ารแกผทู ่ถี กู ทอดทิ้ง เชน คนชรา คนปวยและผูไมส ามารถชว ยตนเองได
5) บริการดวยความองอาจ ตงั้ ใจทาํ งานใหเ สรจ็ ดว ยความมัน่ ใจ ดวยความรับผดิ ชอบ โดย
ใชค วามรทู ม่ี ีอยใู หเกิดประโยชนอยางแทจริง อุทศิ เวลาใหแ กง านอยางจรงิ จังในขณะนั้นรจู ักแบง เวลา แบง
ลักษณะงาน มคี วามมมุ านะในการทาํ งานใหเ ปนผลสําเร็จตามเปาหมายทก่ี าํ หนดไวใหจ งได ยอมจะ
ไดร ับความสาํ เร็จเรียบรอยในการทํางาน จะทาํ ใหเรารสู ึกภูมิใจ
งานบรกิ าร ท่ลี กู เสือแตล ะคนหรือกองลกู เสือจะทําไดน นั้ มีหลายประการ เชน
- โครงการใชผ ักตบชวาทําปุยหมัก โครงการนีเ้ ปน โครงการที่ยิงนกสองตัวในเวลา
เดยี วกัน คือ เปนการกาํ จัดผกั ตบชวา และเปน การทาํ ปุย หมัก เพือ่ ใชประโยชนใ นการปลกู พืชผัก
ตา งๆ ใหไดผ ลดีย่ิงขึ้น โครงการนเ้ี สียคาใชจ ายนอ ย สอดคลองกับนโยบายของรฐั บาล และอยูใ นวสิ ัย
ทกี่ องลูกเสือวสิ ามัญจะทาํ ไดอ ยา งมีประสทิ ธภิ าพ
- โครงการใหบรกิ ารแกชมุ ชน เชน โครงการใหความปลอดภยั ในการจราจรหางานใหค น
พกิ ารทาํ จดั ทาํ สนามเด็กเลน สาํ หรบั เดก็ เยาวชน พิการ โครงการบริการแกผปู ระสบอบุ ตั เิ หตดุ ว ย
การพยายามศกึ ษาหาความรใู นเรื่องการปฐมพยาบาล เพอื่ จะไดชวยเหลือผปู ระสบอุบตั เิ หตุอยางมี
สมรรถภาพ การดบั เพลิงดวยการเขารบั การอบรมวชิ าบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ
- โครงการพัฒนาชุมชน โดยทาํ การสาํ รวจความตอ งการของทอ งถิน่ แลว วางแผนและลงมอื
ปฏิบตั ติ ามโครงการนัน้
108 คมู อื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทักษะชีวิต ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 2
- โครงการใหบรกิ ารแกกิจกรรมลกู เสอื เชน ปฏบิ ตั ิตามหนาทท่ี ไี่ ดรบั มอบหมายทาํ หนาที่
กรรมการของกองทําหนา ทพ่ี ่เี ลี้ยงชว ยดแู ลลกู เสอื และชวยเหลือในการฝกอบรมลูกเสอื ประเภท
อืน่ ๆ ในวชิ าทตี่ นถนดั เชน การผูกเง่อื นเชอื ก การปฐมพยาบาล แผนท่ีเขม็ ทศิ ระเบียบแถว เปนตน
การปฏบิ ตั ติ นตามคตพิ จนของลกู เสอื วสิ ามัญ
คติพจน “บริการ” น้ันเปนเสมือน “หวั ใจ” ของการลกู เสอื วิสามัญวา จะตอ งยดึ มั่นการ
เสยี สละดว ยการบริการ แตก ารบรกิ ารนีม้ ิไดห มายถงึ เปนผูรับใชหรือคนงานอยา งทีบ่ างทา น
เขาใจ การบริการในความหมายของการลูกเสอื วสิ ามัญน้ี เรามงุ ท่จี ะอบรมบม นิสยั และจิตใจใหไ ด
รจู ักเสยี สละ ไดร ูจ ักวิธหี าความรูและประสบการณ อนั จะเปนประโยชนต อไปในอนาคต และใน
ทีส่ ดุ ก็จะทาํ ใหส ามารถประกอบอาชพี โดยปกติสขุ ในสงั คม การบรกิ ารหมายถึงใหประกอบ
คณุ ประโยชนแ กมนษุ ยชาติ ดวยการถอื วาเปนเกียรตปิ ระวตั สิ งู สดุ แหง ชีวิตของเรา ในการที่รจู ัก
เสยี สละความสุขสวนตวั เพอ่ื บาํ เพ็ญประโยชนแกผ ูอนื่ ทั้งนี้ เพอื่ จุดมงุ หมายใหส ังคมสามารถดํารง
อยไู ดโดยปกติ เปน การสอนใหลูกเสือวสิ ามัญตง้ั ตนอยูในศลี ธรรมไมเ อารัดเอาเปรียบผทู ี่ยากจนหรือ
ดอยกวา นอกจากนนั้ การบริการแกผ ูอ ืน่ เปรียบเสมือนเปนการชําระหนี้ทีไ่ ดเกิดมาแลว อาศัยอยใู น
โลกน้ีกด็ วยความมงุ หวังจะใหทุกคนเขา ใจการใชชวี ติ อยูรว มกนั ในสงั คม มองเห็นความจําเปนของ
สงั คมวา ไมม ใี ครสามารถดํารงชวี ติ อยไู ดโดยลาํ พงั ทุกคนจําเปน ตองพงึ่ พาอาศยั กนั ไมวา ดา นอาหาร
การกิน ดา นเครื่องนงุ หม ท่ีอยอู าศยั ยารักษาโรค หรืออ่นื ๆ กต็ าม เราตางคนตางมีความถนดั
ในการงานอาชพี ของแตละคน แลว จงึ นําผลงานของตนไปแลกเปลี่ยนกัน ทงั้ นี้ เพ่ือความอยูรอด
ของทานและของสงั คม ฉะน้นั ทา นจงึ เปรียบเทียบการบริการหรอื การเสียสละนัน้ เสมอื นเปน การ
ชําระหน้ี ทีเ่ ราไดเ กิดมาและอาศยั อยใู นสงั คมน้ัน ๆ เพราะเราตอ งพึ่งผูอ่ืนอยูต ลอดเวลานบั แตเ ราเกิด
ลูกเสือเก่ียวขอ งกบั ชุมชนอยางไร
- กองลูกเสอื ตัง้ อยใู นชุมชน บุตรหลานของสมาชิกในชมุ ชนเปนลกู เสือในกองน้ัน
- กองลกู เสือเปน สวนหนึ่งของชมุ ชน เกยี่ วของกบั ชมุ ชนอยา งใกลช ดิ
- ถา กองลกู เสอื ทําประโยชนใ หแกช มุ ชนชุมชนน้ันจะยอมรบั นับถอื กองลกู เสือนนั้ และจะเขา
ชวยเหลือกิจการของกองลูกเสือนั้น
- กองลูกเสือมีความสัมพนั ธอันดกี บั หนวยงานที่มีอยูใ นชุมชนน้ัน ตลอดจนหนว ยงานอนื่ ที่
มิใชเปน หนว ยงานของรฐั โดยเฉพาะอยา งยิ่งจะตองมคี วามสัมพันธอ ันดีกับองคการเยาวชนอน่ื ดว ย
ความหมายของคําวา ชุมชน
ชมุ ชน หมายถงึ กลุมของประชาชนซ่ึงอาศยั อยรู วมกัน ภายในอาณาเขตอนั จาํ กัดมี
ขนบธรรมเนยี มประเพณี มคี วามเปนอยูคลายคลึงกนั และมีความสนใจรว มกันในการดํารงชวี ติ เรา
จึงเขาใจไดว า หมูบาน ตําบล อําเภอหรือจงั หวัดเปน ชุมชน ขอบเขตของหมูบา นหรอื ตาํ บลดงั กลาว
อาจถอื ไดว าเปนขอบเขตของชุมชนนั้น ๆ
นักวิชาการบางทานอาจกลาววา ชมุ ชน คือบุคคลทม่ี จี าํ นวนตงั้ แต 2 คนขึ้นไป ซ่ึงรวมอยู
ดวยกนั ในอาณาบริเวณแหง หนึ่ง บุคคลดังกลาวมีทงั้ หญิงและชาย มีหลายวยั และหลายอาชพี
คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชวี ิต ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 2 109
ประกอบดว ยบคุ คลทม่ี ฐี านะแตกตา งกัน เชน ร่ํารวย ปานกลางและยากจน บุคคลในชุมชนอาจ
แตกตา งกันในเรื่องของความรู ความประพฤติ ความขยนั หม่นั เพียรและการประกอบอาชีพ
ปญ หาของชมุ ชน
1. ปญ หาทางสงั คม การเปลย่ี นแปลงสงั คมทางดานวตั ถุ แนวความคดิ และสภาวะแวดลอม
เปลย่ี นไปตามกาลเวลา ซึ่งประชาชนสว นใหญป รบั ตัวตามไมทนั
2. ปญหาการบรหิ ารงานของทางราชการ ในรปู การบรหิ ารงานโดยกระทรวง ทบวง กรม
ตา ง ๆ ในสวนกลางเพื่อกระจายบริการของรัฐไปสูชนบท ยังขาดแคลนเจา หนา ท่ีซ่ึงจะไปรว ม
ปฏบิ ัตงิ านและเปนสื่อประสานกับประชาชน จงึ ทําใหบ ริการของรฐั ไมถ งึ มือประชาชนไดอ ยา ง
สะดวก และทั่วถึง และโดยบนั ทึกตามเจตนารมณ
3. ปญหาดา นประชาชน เราตองยอมรับวาประเทศไทยเปน ประเทศทกี่ าํ ลงั พัฒนา หรือยัง
ดอ ยพฒั นาจงึ มปี ญหาทีพ่ อจะกาํ หนดได 4 ประการ คอื
3.1 ปญหาความยากจน ซึ่งมีอยทู ่ัวไปทั้งในเมืองและชนบท หรืออาจคิดเปน 72.5%
ของประชากรทงั้ ประเทศ
3.2 ปญ หาความไมรู ขาดความรทู างการเกษตรแผนใหมเชน การใชปยุ บํารุงดนิ การ
ปลกู พืชหมุนเวยี น การใชพ ชื พนั ธุท่มี คี ณุ ภาพ ความไมรหู นงั สือ ตลอดจนความหลงใหลเชอื่ ถอื ใน
สง่ิ ทงี่ มงายไรเหตผุ ล ฯลฯ
3.3 ปญหาโรคภัยไขเ จบ็ เม่ือประชากรมีโรคภยั ไขเจบ็ เปน อุปสรรคตอการพัฒนา
ทุกดา น
3.4 ปญ หาความสงบเรยี บรอ ยประชากรท้งั ในเมอื งและชนบทยังขาดความอนุ ใจใน
ดา นความปลอดภยั ทัง้ ชวี ิตและทรัพยสนิ จึงเปน อปุ สรรคในการพฒั นาหนา ทีแ่ ละความรับผดิ ชอบของ
ลูกเสอื วสิ ามญั ท่ีมีตอชมุ ชน ทาํ ไดโ ดยการชว ยเหลือชมุ ชน บรกิ ารชุมชนและพฒั นาชมุ ชน
ลูกเสือมบี ทบาทในการชวยเหลอื ชุมชน
- ตามวตั ถุประสงคห รอื อุดมการณข องลูกเสอื ลูกเสอื จะชว ยสรา งสรรคสังคมชมุ ชนทตี่ นอยู
ใหดขี น้ึ และมีความสงบสขุ
- ลูกเสืออาจชว ยเหลือสงั คมหรือชมุ ชนเก่ียวกับเรือ่ งเด็กหรือคนพกิ าร
- ลูกเสอื อาจเขาไปเกยี่ วขอ งกับชุมชนโดยการ
- ใหบ รกิ ารชุมชน เชน ชวยในการรกั ษาความสะอาด ชวยควบคมุ การจราจร ชว ย
บรรเทา- สาธารณภัย ฯลฯ
- ชวยในการพัฒนาชุมชน เชน โครงการบํารงุ พนั ธปุ ลา ฯลฯ
การบรกิ ารชุมชน คอื การทีล่ ูกเสอื เขาไปชว ยเหลอื ชมุ ชนในโอกาสตา งๆ เปนครง้ั คราวเชน
การบาํ เพ็ญประโยชนดวยการทําความสะอาดถนนหนทาง วัดวาอาราม โรงพยาบาล ตลาดสด
110 คูม อื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 2
คูคลอง แมน้าํ ฯลฯ โดยชมุ ชนมิไดขอรองและเขา มารว มมอื ในการบริการแตเ ปน การปฏบิ ัตขิ อง
ลูกเสือดว ยความศรัทธา อาสาสมัครตามอุดมคติ และเพอื่ การโฆษณาเผยแพรก จิ การลกู เสอื เขาสู
ประชาชน
การพัฒนาชุมชน
คําวา พฒั นาชมุ ชนนั้น เปนคําสองคาํ ผสมกันอยู คือ “พัฒนา” และ “ชุมชน”
คําวา “พัฒนา” มผี ใู หความหมายไวว า “คือการเปล่ยี นแปลงใหด ีข้นึ ”หมายถึง สง่ิ ใดคนใดหรอื
กจิ กรรมใด ทีม่ กี ารเปลีย่ นแปลง และเปลย่ี นแปลงไปในทางทด่ี ีขน้ึ เชน เด็กเปลยี่ นจากคลานเปน
ยืนไดหรอื เดินได บานสกปรกเปลย่ี นเปน บานสะอาด ทางเดินเทาเปล่ียนเปน ถนน ดังนีเ้ ปนตน
คาํ วา “ชมุ ชน”ก็หมายถงึ “กลุมของประชาชนซง่ึ อาศัยอยรู วมกัน”
รวมทง้ั สองคาํ เขาดว ยกนั เปน “พฒั นาชมุ ชน” ก็หมายถงึ การเปลยี่ นแปลงชมุ ชนหรือหมูบาน
ตาํ บลใหด ขี ้นึ นน่ั คือ การเปลีย่ นแปลงคน สง่ิ แวดลอ มตวั คนเชน บา นถนนเสอ้ื ผาปจ จยั 4การทํามา
หากินความเปน อยู
จดุ มงุ หมายของงานพัฒนา
1. มุงท่ีจะแปรเปลี่ยนทศั นคติของประชาชนจากสภาวะ หรอื สถานการณเกา แกล า สมัยให
ทันสมยั มคี วามคดิ กาวหนา
2. มงุ ทีจ่ ะใหป ระชาชนมีความสาํ นกึ ในการท่ตี นเปน สมาชิกของชมุ ชน
3. มงุ ท่จี ะใหป ระชาชนมีความรบั ผดิ ชอบ
4. มงุ ที่จะใหป ระชาชนรจู ักชวยตนเองไดตลอดไป
หลักเกณฑก ารพัฒนาชมุ ชน
1. ปลูกฝงความเชอ่ื มนั่ ในการชวยเหลือตนเองและการทาํ งานรวมกัน
2. ยึดการมีสวนรว มของประชาชน
3. ใชท รพั ยากรในทองถิน่ ใหม ากที่สดุ
4. รฐั บาลใหค วามสนับสนนุ ทางดา นวิชาการและวสั ดุ
ลูกเสือกับการพัฒนาชมุ ชน
ในปจ จุบนั สาํ นักงานลูกเสอื โลก และสมาคมลูกเสอื ของประเทศตางๆ ไดใ หค วามสนใจ
สนบั สนุนสง เสริมในเร่อื งนีเ้ ปนพเิ ศษ เพราะไดคํานึงถงึ ความสาํ คญั ของกจิ การลกู เสือโดยเฉพาะตัว
ลกู เสอื ซ่ึงเปน สว นหนึ่งของชมุ ชน จะชว ยเหลอื ตอชมุ ชนซึง่ ตนอาศยั อยไู ดเ ปนอยางดียิง่ และในการ
ประชุมสมัชชาลูกเสอื โลก คร้ังที่ 28 ระหวา งวนั ท่ี 10-14 สิงหาคม 2524 ณ เมืองดาการ ประเทศ
เซเนกลั อาฟริกา ก็ไดเนน เรือ่ งน้ไี วเ ปน อยางมาก สําหรับประเทศไทยกไ็ ดด ําเนินการในเร่อื งน้ีอยู
แลวโดยไดแตง ต้ังคณะอนุกรรมการลูกเสอื พัฒนาชมุ ชนขึ้น และแตงต้ัง นายชลอ ธรรมศริ ิ ผูต รวจ
ราชการประจาํ สาํ นกั นายกรฐั มนตรี (ขณะนน้ั ) เปนผูตรวจการลูกเสือฝายพฒั นาชมุ ชน พรอ มทงั้ ได
จัดทาํ หลกั สตู รลกู เสือพฒั นาชมุ ชน เพ่ือทําการอบรมใหล กู เสือไดเรยี นรทู จ่ี ะดาํ เนนิ การเขา ชว ยเหลือ
ในการพฒั นาชุมชนตอ ไป
คูมอื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ิต ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 2 111
การอนรุ ักษ
การอนุรกั ษสง่ิ แวดลอม เปนบทบาทของลูกเสือวสิ ามญั ทุกคนอกี ประการหน่ึง
สิ่งแวดลอมทอ่ี ยูร อบตวั เรามคี ุณประโยชนตอการดํารงชวี ติ ในสังคมเปน อยา งดี ถา มนุษยไม
รจู กั ปรบั ปรุงอนรุ กั ษส ิ่งแวดลอ มทอี่ ยรู อบตวั เราใหอยใู นสภาพทดี่ ี หรอื ไมร ูจ กั ใชทรัพยากรและ
สง่ิ แวดลอ มใหถกู วธิ ีแลว จะกอ ใหเกดิ การเสยี หายตามมาภายหลังหลายประการ ไดแก ส่งิ แวดลอ ม
เปน พษิ ซ่ึงเปน การบอนทาํ ลายชีวติ มนษุ ย สัตว พชื เปน ตน
การอนรุ ักษดนิ
1. ไมควรปลกู พืชชนดิ เดยี วซํา้ ๆซาก ๆ ในท่เี ดมิ ยอมจะทาํ ใหดนิ เสอ่ื มคุณภาพไดผ ลผลติ
นอย
2. ใสป ุย หรอื ปลูกพชื สลบั และหมุนเวียน
3. ปลูกพืชคลุมดินหรือหญา เพือ่ ปอ งกันการกัดเซาะพังทลายใหน อ ยลง
4. ลดการทําลายหญา ท่ีปกคลมุ
5. ระงบั การระบายนํ้าออกและลดการใชน ้ําทดี่ ดู ซึมจากดนิ ฯลฯ
การอนรุ ักษนํา้
1. ใหก ารศกึ ษาแกป ระชาชนใหเขา ใจถึงประโยชนใ นการปองกนั รักษาแหลง นา้ํ ใหส ะอาด
และโทษท่ีเกดิ จากแหลงนํ้า
2. สนับสนนุ ใหมกี ารคนควาวิจัย หาสิง่ ใหมท ีเ่ หมาะสมในการคนควาหาสารเคมีทีจ่ ะมาแทน
สารพิษอนั ตรายตาง ๆ เชน ด.ี ดี.ที. หรือยาฆา แมลง
3. ไมท ง้ิ ขยะและปฏิกลู ลงในแมน ํา้ ลาํ คลอง
4. จัดระบบการกาํ จัดนาํ้ โสโครกจากครัวเรือนและโรงงานอุตสาหกรรมใหมีประสทิ ธภิ าพ
จึงปลอยลงสแู มนาํ้
5. รัฐบาลจะตอ งกาํ หนดนโยบายและวางแผนในการปอ งกัน และแกไขปญ หาน้าํ เนาให
แนนอนและมปี ระสิทธภิ าพ
การอนรุ กั ษสตั วปา
พระราชบญั ญตั ิสงวนและคมุ ครองสัตวป า พ.ศ. 2503 ไดใหคาํ นิยามศพั ทในพระราชบัญญตั ิ
ไวดังน้ี
สัตวป า ไมห มายรวมถงึ แมลงและไขของแมลง
สตั วสงวน หมายความถงึ สตั วท ่ีหายาก
สัตวป า คุม ครอง หมายความถงึ สตั วป า คมุ ครองประเภท 1 และสตั วป า คุมครองประเภท 2
สัตวป าคุมครองประเภทที่ 1 หมายความถึงสตั วป าซงึ่ โดยปกติไมใ ชเ นือ้ เปนอาหาร หรอื ไม
ลา เพอื่ การกฬี า หรือสัตวป า ทที่ ําลายศตั รพู ืช หรอื กําจัดสิ่งปฏิกูล หรือสตั วป า ทค่ี วรสงวนไวป ระดับ
ความงามตามธรรมชาติ หรอื สงวนไวม ิใหล ดจาํ นวนลง ทงั้ นตี้ ามทร่ี ะบใุ นกฎกระทรวง
112 คูมอื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชีวิต ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 2
สัตวป าคมุ ครองประเภทที่ 2 หมายความถึงสตั วซ ึ่งตามปกตคิ นใชเ น้อื เปน อาหาร หรือลา
เพือ่ การกีฬาตามท่ีระบไุ วในกฎกระทรวง
ลา หมายถึงยิง ดัก จบั หรือฆา สัตว หรอื ทาํ อนั ตรายดว ยประการใดแกส ตั ว และหมายความ
ตลอดถึงการไล การตอน การเรยี กและการลอ เพือ่ การกระทาํ ดงั กลาวแลวดว ย
เนอื้ หมายความถงึ เนื้อของสัตวไ มว าจะไดป ง ยา ง รมหรอื ตากแหง หรอื ทาํ อยา งอน่ื เพอื่
ไมใ หเนาเปอ ย และไมว า จะอยูในรางของสตั วน น้ั หรือชาํ แหละแลว
พระราชบญั ญตั ิน้ีไดก ําหนดขอ ความทล่ี กู เสอื ควรทราบมดี ังน้ี
1. นอกจากพนกั งานเจาหนาท่ี หรอื เจาพนักงานอื่นใดซึ่งตองเขาไปปฏบิ ตั ิการตามหนา ที่
หา มมิใหผ ใู ดเขา ไปในเขตรกั ษาพนั ธุส ตั วป า เวนแตจะไดรบั อนญุ าตจากพนักงานเจาหนา ที่
2. ในเขตรกั ษาพนั ธสุ ตั วป า หามมิใหผูใดเขา ไปครอบครองยึดถอื ที่ดิน หรือตดั โคน แผว
ถาง เผา ทําลายตน ไม หรอื พฤษชาตอิ น่ื หรือขดุ แร ดนิ หิน สัตว หรือเปลย่ี นแปลงทางนา้ํ หรอื
ทําใหแ มน ํ้าในลาํ นา้ํ ลาํ หว ย หนอง บึง ทวมทนหรือเหือดแหง หรอื เปนพษิ ตอสัตวป า
3. หามมิใหผใู ดลา สตั ว ไมวาจะเปนสตั วป า สงวน หรือสัตวปา คมุ ครอง หรือมีใชห รอื เกบ็
หรือทาํ อันตรายแกไ ขในรังของสตั วป า ซ่งึ หามมใิ หลา สัตวน ้ันในบริเวณวดั หรอื ในบรเิ วณสถานทซ่ี ่งึ
จดั ไวเพอ่ื ประชาชนใหเปน ท่ีประกอบพธิ กี รรมทางศาสนา
4. ผูใดซอนเรน ชว ยจําหนา ย ชว ยพาเอาไปเสยี ซ้อื รับจาํ นําหรอื รบั ไว ประการใด ซ้อื
สัตวป าหรอื เนอื้ ของสัตวปา อันไดม าโดยกระทาํ ความผิดตามพระราชบญั ญตั ินี้ ตอ งระวางโทษ
จาํ คุกไมเกนิ 1 เดือน
ความจําเปนในการอนุรกั ษธ รรมชาติ
ความสําคัญของธรรมชาติและส่งิ แวดลอมทอ่ี ยูรอบตวั เรา มีคณุ ประโยชนต อ การดํารงชวี ติ
ในสังคมอยา งยง่ิ ถา มนษุ ยไ มรูจกั ใชทรพั ยากรและสิ่งแวดลอ มใหถ กู วิธแี ลว จะกอ ใหเ กิดการเสยี หาย
ตามมาหลายประการ ไดแ ก สง่ิ แวดลอมเปน พิษ ซงึ่ เปน การบอ นทําลายชวี ติ ของมนุษย พชื และ
สตั วอ ่ืน ๆ ไดแก การขาดแคลนทรพั ยากรธรรมชาติ เชน ดิน นา้ํ ปา ไม แรธาตุ สัตวป า และ
แหลงเสริมสรา ง นนั ทนาการ
การอนุรกั ษสถานท่ีสําคญั ทางประวตั ิศาสตร
โบราณสถาน หมายความวา อสงั หาริมทรัพย ซง่ึ โดยอายหุ รือโดยลักษณะแหงการกอ สรา ง
หรอื โดยหลักฐาน เกี่ยวกบั ประวตั ิของอสังหาริมทรัพยน ้ันเปนประโยชนใ นทางศลิ ปะประวัตศิ าสตร
หรือโบราณคดี
โบราณวตั ถุ หมายความวา สงั หาริมทรัพยเ ปน ของโบราณ ไมวาจะเปนสง่ิ ประดษิ ฐหรอื
เปนส่งิ ท่ีเกดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติ หรอื เปนสวนหน่ึงสวนใดของโบราณสถาน ซากมนษุ ยหรือซากสัตว
ซ่ึงโดยอายุ หรอื โดยลักษณะการประดิษฐ หรือโดยหลักฐานเกยี่ วกบั ประวตั ขิ องสงั หารมิ ทรัพยน้ัน
เปนประโยชนใ นทางศิลปะ ประวตั ศิ าสตรห รอื โบราณคดี
ศลิ ปวัตถุ หมายความวา สง่ิ ท่ีทาํ ดวยฝมอื และเปนส่งิ ที่นิยมกันวา มคี ุณคา ในทางศลิ ปะ
พระราชบัญญตั นิ ี้ มีสาระสาํ คญั ดังนี้
คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 2 113
1. หา มมใิ หผ ใู ดทําการคาโบราณวัตถุ หรือศลิ ปวตั ถุ หรือแสดงโบราณวัตถุ หรือศลิ ปวตั ถใุ ห
บุคคลชม โดยเรยี กเก็บคา ชมเปน ปกตธิ รุ ะ เวน แตจ ะไดรบั ใบอนุญาตจากอธบิ ดี
2. ผไู ดร บั ใบอนุญาตใหทาํ การคาโบราณวัตถหุ รือศลิ ปวตั ถุ แสดงโบราณวัตถหุ รอื ศลิ ปวตั ถุ
ใหบุคคลชม ตอ งแสดงใบอนญุ าตน้ันไว ณ ทเ่ี ห็นไดงา ยในสถานการคา หรือสถานการแสดงของตน
และตอ งมีบัญชแี สดงรายการโบราณวัตถุ และศลิ ปวัตถทุ อ่ี ยใู นครอบครองของตนตามแบบทอี่ ธิบดี
กาํ หนดใหถ กู ตอ งตามความเปนจริง และรกั ษาบญั ชีนน้ั ไวใ นสถานการคา หรอื สถานแสดง
โบราณวัตถุหรือศิลปวตั ถุนนั้
3. หา มมิใหผใู ดสงหรอื นาํ โบราณวตั ถหุ รอื ศิลปวตั ถุ ไมวา โบราณวัตถุหรือศิลปวตั ถนุ ัน้ จะ
เปนโบราณวตั ถหุ รอื ศลิ ปวตั ถุท่ีไดข ึ้นทะเบยี นแลว หรอื ไม ออกนอกราชอาณาจกั ร เวนแตจ ะไดร บั
ใบอนญุ าตจากอธบิ ดี
4. โบราณวตั ถุหรือศลิ ปวตั ถุทซ่ี อน หรือฝง หรือทอดทิง้ อยู ณ ที่ใด โดยพฤติการณซ ึง่ ไมม ี
ผูใดสามารถอางเปน เจาของ ไมว า ทซ่ี อน หรือฝง หรือทอดทง้ิ ไว จะอยูใ นกรรมสิทธิ์หรอื ครอบครอง
ของบุคคลใดหรือไม ใหต กเปนทรัพยส ินของแผน ดิน ผเู ก็บไดตอ งสง มอบแกพนักงานเจาหนาท่ี หรอื
พนกั งานฝา ยปกครองหรอื ตํารวจ ตามประมวลวธิ พี จิ ารณาความอาญา แลว มสี ทิ ธไิ ดร ับรางวัลหนึ่ง
ในสามแหงคาของทรพั ยสนิ นั้น
5. ผใู ดเก็บไดโบราณวตั ถหุ รอื ศลิ ปวตั ถทุ ีซ่ อน หรือฝงไว หรอื ทอดท้ิงอยู ณ ที่ใด ๆ โดย
พฤติการณซง่ึ ไมมีผูใ ดสามารถอางวา เปนเจาของได และเบียดบงั เอาโบราณวัตถุหรือศลิ ปวัตถนุ ้ัน
เปนของตน หรอื ของผอู ่นื ตอ งโทษจําคกุ ไมเกินสองป หรือปรับไมเกินสพ่ี ันบาท หรือทัง้ จําทง้ั ปรับ
6. ผใู ดทาํ ใหเ สยี หาย ทําลาย หรือทาํ ใหเ ส่ือมคา หรอื ทําใหไรป ระโยชน ซง่ึ โบราณวัตถุ
ตองระวางโทษจาํ คกุ ไมเกนิ หนง่ึ ปหรอื ปรับไมเกินสองพนั บาท หรอื ทง้ั ปรับทงั้ จาํ
การอนุรักษศิลปะและวฒั นธรรมไทย
ศิลปวัฒนธรรมไทยเปนสญั ลกั ษณแสดงถึงความเปนไทย เปน หนาท่ีของคนไทยทกุ คนตอ ง
ชวยกันอนรุ ักษ เพราะเปนสง่ิ ที่จะกอใหเ กิดความภาคภมู ิใจในฐานะท่เี ปนชาติเกา แก มศี ิลปะ
วฒั นธรรมของเราซงึ่ แตกตา งจากชาตอิ ่ืน ๆ อันไดแ ก
- ดนตรีไทย เพลงไทย การละคร การฟอ นราํ ไทย
- งานศิลปกรรมไทย เชน ภาพปลายไทย งานปน การหาเคร่อื งเขิน เครอื่ งถมลงยา การ
แกะสลกั ไม การจกั สาน การทอ การชา งโลหะ เครอื่ งปน ดนิ เผา
- ศิลปะทางอกั ษรศาสตร
- สถาปตยกรรมไทย
- งานประเพณไี ทยของภาคตาง ๆ
ในฐานะทีเ่ ราเปน ชนรนุ หลัง มีหนา ท่ตี อ งรกั ษามรดกทางวฒั นธรรมไทยทีบ่ รรพชน
ไดสรางไว ใหค งอยูตลอดไป
114 คมู ือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ติ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 2
เร่อื งท่เี ปนประโยชน
กระตายปากบั กบ
กระตายปาฝูงหน่ึงไมอยากมีชีวิตอยู พวกมันคิดวาตัวเองเปนสัตวท่ีออนแอและข้ีขลาดซ่ึง
ไมรูจะทําอะไรนอกเหนือจากการวิ่งหนีเทานั้น พวกมันจึงตกลงใจจะไปกระโดดน้ําในที่มืดๆ ใหตาย
ไปเสยี
เม่ือกระตายฝูงน้ันเดินเขาไปใกลฝงแมนํ้า ฝูงกบตางพากันตกใจพากันกระโดดลงไปใน
โคลน เม่ือเปนเชนนี้ กระตายก็หยุดชะงัก และมีความกลาหาญพอท่ีจะพูดวา “พวกเราจงกลับกัน
เถอะ เราไมต อ งการตายกนั แลว เพราะยังมีสตั วชนดิ อ่ืนที่ออนแอกวา พวกเราอกี ”
เรื่องนสี้ อนใหรวู า จงอยา ออนแอ ยังมคี นทอี่ อ นแอกวา เรา
คมู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 2 115
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื สามัญรุน ใหญ(เครอ่ื งหมายลูกเสอื ชัน้ พเิ ศษ) ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 2
หนว ยที่ 6 บรกิ าร
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 20 บญั ชชี วี ติ เวลา 2 ช่ัวโมง
1. จุดประสงคก ารเรียนรู
มโี อกาสทบทวนการดาํ เนินชวี ติ ทีผ่ า นมา อนั จะนาํ ไปสกู ารปรับปรงุ และพฒั นาตนเองใหเปน
ประโยชนตอสังคม
2.เน้ือหา
การท่ีคนเราไดม โี อกาสวเิ คราะหแ ละทบทวนการดาํ เนนิ ชวี ติ ของตนเองในบรรยากาสที่
เหมาะสม จนทาํ ใหไ ดเ หน็ สงิ่ ที่ควรปรบั ปรุงและพัฒนาเพื่อประโยชนในการดําเนนิ ชวี ิตอยูในสงั คม
อยางมคี วามสขุ
3. สือ่ การเรียนรู
3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 ใบงาน
3.3 เรอื่ งทีเ่ ปน ประโยชน
4. กิจกรรม
4.1 กิจกรรมครงั้ ที่ 1
1) พธิ ีเปดประชุมกอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนง่ิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคการเรียนรู
(1) ผูกํากับลูกเสือสนทนาเก่ียวกับความสัมพันธในชุมชนวัยรุนมักชอบแยกตัวและมี
ความสัมพนั ธกบั คนในชุมชนนอยลง
(2) หมูลูกเสือนั่งลอมวง ผูกํากับลูกเสือใหแตละคนหลับตา นึกทบทวนการดําเนิน
ชวี ิตของตนเองใน 1 เดอื นที่ผานมา 2 เรื่อง ตอ ไปน้ี แลว เขียนลงในตารางที่ 1 ในใบงาน
- ส่งิ ดีๆ ทชี่ ุมชนหรือสงั คมทาํ ใหฉนั แมเ พยี งเล็กนอย
- สง่ิ แยๆ ท่ีฉนั ทํากบั ชุมชนและสงั คมโดยไมไดตง้ั ใจ
(3) ลกู เสอื แตละคนวิเคราะหส ิ่งทีต่ นเองเขียนลงในตาราง แลวประเมนิ ตนเองวา ควร
จะปรบั ปรงุ ตัวอยางไร เพ่อื ตอบแทนชมุ ชนสทอ่ี ยอู าศัย เขียนลงตารางที่ 2 ในใบงาน
(4) ลูกเสือแตละคนผลัดกันเลาผลการทบทวนท้ัง 2 เร่ือง คือการประเมินตนเองและ
คิดวา จะปรบั ปรุงตนเองอยา งไร แลกเปล่ยี นกับสมาชกิ ในหมู
(5) รวมกอง ผกู ํากับลูกเสอื นาํ อภปิ รายประเดน็ ตอ ไปน้ี
- ไดคนพบอะไรบางที่นําไปสูการปรับปรุง / เปล่ียนแปลงตนเองเพื่อชุมชน และให
หมลู ูกเสือเลอื กเร่ืองท่เี หมาะสมท่สี ุดเตรยี มจัดกิจกรรมในสัปดาหตอไป
116 คูมือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชีวติ ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 2
4) ผูก าํ กบั ลูกเสือเลาเร่อื งท่ีเปน ประโยชน
5) พิธปี ด ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจ ชักธง เลกิ )
4.2 กจิ กรรมครัง้ ที่ 2
1) พธิ ีเปดประชมุ กอง (ชักธง สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก ารเรยี นรู
(1) ผูก าํ กบั ลูกเสอื ทบทวนกับลูกเสอื วา แตล ะหมูเลือกเรอื่ งใดเพอื่ จัดกิจกรรมในคร้ังน้ี
(2) ใหลูกเสือนํากิจกรรม 1 กิจกรรมของเพ่ือนในหมูมาวางแผนรวมกันเพ่ือจะทํา
ประโยชนตอ ชุมชน เชน ลูกเสือบางคนอาจเห็นวาตนเองมีส่ิงแยๆ ตอชุมชน คือชอบท้ิงขยะ ลูกเสือก็
ชวยกันคิดกิจกรรรมที่จะชวยทําความสะอาดชุมชน หรือ กิจกรรมท่ีจะชวยใหชุมชนสะอาดอยาง
ยงั่ ยืน เปน ตน
(3) ลกู เสือแตล ะหมูนําเสนอผลง านของหมู
(4) ผกู าํ กับลกู เสอื และลูกเสอื รวมกนั สรปุ
4) ผูก าํ กบั ลูกเสือเลาเรอ่ื งทเี่ ปนประโยชน
5) พธิ ปี ด ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจ ชกั ธง เลิก)
5. การประเมินผล
สงั เกตการมสี วนรว มทํากิจกรรม การแสดงออก และการแลกเปลีย่ นในหมเู พอื่ น
6. องคประกอบทักษะชวี ติ จากกจิ กรรม
คือ ความคดิ วิเคราะห ความคิดสรางสรรค ความตระหนักรูในตนเองความรับผิดชอบตอ
ตนเองและสงั คม
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 10
เพลง
เพลงปรบมือ 5 คร้งั
ปรบมอื 5 ครัง้ (( 1 2 3 4 5 ) ปรบใหด งั ย่ิงกวาน้ี ( 1 2 3 4 5 )
กระโดดขางหนา 5 ที ( 1 2 3 4 5 ) แลว กลบั เขา ทเี่ หมอื นเดมิ ( 1 2 3 4 5 )
กระโดดไปทางซาย ( 1 2 3 4 5 ) แลวยา ยมาทางขวา ( 1 2 3 4 5 )
สา ยสะโพกไปมา ( 1 2 3 4 5 ) หัวเราะ ฮา ฮา ใหดัง ๆ ( 1 2 3 4 5 )
คูมอื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 2 117
ใบงาน
ตารางที่ 1
ส่งิ ดี ๆ ทช่ี มุ ชนหรือสงั คม ทาํ ใหฉนั สงิ่ แย ๆ ทีฉ่ นั ทํากับชมุ ชนหรือสังคม
แมเพยี งเล็กนอ ย แมโดยไมตง้ั ใจ
1. 1.
2. 2.
3. 3.
ตารางท่ี 2
สิ่งท่ีฉนั คดิ จะปรบั ปรุงตนเองเพ่อื ชุมชนหรอื สงั คม
1.
2.
3.
4.
118 คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวติ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 2
เรื่องท่เี ปน ประโยชน
คนหาปลากับพราน
วันหน่ึงคนหาปลาเดินสวนกับนายพรานเเละเห็นวานายพราน มีเน้ือสัตวมากมายจึงถามวา
"ทานพรานปา ขา ขอเอาปลาเเลกกบั เนือ้ สัตวบางไดห รือไม" นายพรานเห็นคนหาปลามีปลาหลายตัวก็
นึกอยากจะลองกนิ เน้อื ปลา
วันตอๆ มาคนหาปลากับพรานก็นัดพบเพื่อเเลกเปลี่ยนอาหารกัน ทุกวันจนกระทั่งวันหนึ่ง
คนหาปลาก็เอยขึ้นวา"ทานยังอยากจะเเลกเนื้อกับปลาอยูหรือไม"นายพรานก็ตอบวาตนเร่ิมเบ่ือปลา
เเละอยากกินเนอ้ื ดังเดิมเเลวทง้ั สองจงึ ตกลงเลิกเเลกเปล่ียนอาหารกันอีกตอ ไป
เรือ่ งนส้ี อนใหร วู า คนเรามักอยากลมิ้ ลองของใหม เเตไมน านกต็ องเหน็ คา ของ ของเกา
สุนัขชวั่
สุนัขตัวหนึ่งมีนิสัยชอบขโมยและกัดใครตอใครท่ีมันพบเห็นอยูเสมอ เพราะฉะน้ันเจาของจึง
เอากระดงิ่ แขวนไวท ีค่ อ เพอื่ เตอื นใหคนรวู า มันเขา ไปใกลผ ใู ด
แตสุนัขตัวนั้นกลับมีความนิยมชมชอบในกระด่ิงที่เจาของแขวนคอมัน มันเดินไปตามถนน
หนทางดวยความภาคภูมิใจในเสียงกระด่ิงท่ีคอของมัน จนกระทั่งสุนัขแกตัวเมียตัวหนึ่งพูดวา “เจา
หนุมซึ่งหาความดีอะไรไมได ทําไมเจาแสดงกิริยาทาทีเชนน้ัน กระด่ิงนั้นไมใชเครื่องงหมายแหงคุณ
งามความดีของเจาเลย แตเ ปนเครอ่ื งหมายของความเลวทรามของเจา ตา งหาก”
เรื่องน้สี อนใหรูว า คนช่วั ยอ มไมเ คยมองเหน็ ความผิดของตนเอง
คูม ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชีวติ ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 2 119
แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสอื สามญั รุน ใหญ(เครอ่ื งหมายลูกเสือชัน้ พเิ ศษ) ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 2
หนวยที่ 6 บริการ เวลา 2 ชว่ั โมง
แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 21 ปูมชวี ติ ปราชญชาวบาน
1. จดุ ประสงคก ารเรยี นรู
รแู ละเขา ใจปมู ชวี ิตของปราชญชาวบานท่คี ดิ คน บุกเบกิ ภูมปิ ญญาทอ งถน่ิ เปนตัวอยางที่ดี
และทาํ ประโยชนแกสว นรวม
2. เน้อื หา
การเรยี นรจู ากปูมชีวิตของปราชญชาวบา น
3. สื่อการเรยี นรู
3.1 แผนภูมเิ พลง, เกม
3.2 เรอ่ื งที่เปน ประโยชน
4. กิจกรรม
4.1 กิจกรรมคร้ังท่ี 1
1) พธิ ีเปดประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบน่ิง ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กิจกรรมตามจุดประสงคการเรียนรู
(1) ผูกํากับลูกเสือมอบหมายใหหมูลูกเสือศึกษา /คนควา ทําปูมชีวิตของปราชญ
ชาวบานท่คี ดิ คน บุกเบิก ภมู ิปญ ญาทอ งถน่ิ เปน ตวั อยางท่ีดี และทาํ ประโยชนแ กสวนรวม หมู
ละ 1 คน วามีวิถีชีวิตอยางไร คิดคน บุกเบิกในเร่ืองอะไร ตองผานความยากลําบากอะไรมา
บา ง ภมู ิปญญานน้ั เปน ประโยชนอ ยางไร แลว มานําเสนอในกองลูกเสอื ครง้ั ตอ ไป
(2) หมูลูกเสือวางแผน แบง งาน และกาํ หนดผูรับผิดชอบไปดาํ เนนิ การ
4) ผูกํากับลกู เสือเลา เร่ืองทเี่ ปนประโยชน
5) พธิ ปี ด ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจ ชกั ธงลง เลกิ )
4.2 กจิ กรรมครง้ั ท่ี 2
1) พธิ ีเปดประชุมกอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนง่ิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กิจกรรมตามจุดประสงคก ารเรียนรู
(1) ลกู เสือรายงานทีละหมจู นครบ
(2) ผูกาํ กบั ลกู เสือ นําอภปิ รายสรุป ขอ คดิ ทไ่ี ดแ ละส่ิงทไ่ี ดเ รยี นรจู ากปูมชีวิตของ
ปราชญช าวบา นทีละคนจนครบทกุ คน
4) ผูกาํ กับลกู เสือเลาเรอ่ื งท่ีเปน ประโยชน
5) พธิ ปี ด ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธง เลิก)
120 คูมอื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวิต ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2
5. การประเมินผล
สังเกต ความเอาใจใสตอการทาํ กจิ กรรม การรายงาน และการแสดงความคิดเห็นในหมแู ละ
กองลกู เสอื
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมที่ 21
เพลง
เรามาสนุกกนั
ชะชะชา …………. ประกอบทาทาง
มาเถิดเรามามารวมรองเพลงกันพวกเราทัง้ นั้นลุกขนึ้ พลันทนั ที
แลวเรามาหนั หนามาหากนั ยกมือไหวก นั แลว ตบมือสามที (เอา 1..2..3)
เสรจ็ พลันแลว กห็ ันกลับมาสนุกหนกั หนาแลวสา ยเอว 5 ที (เอา 1..2…3..4..5)
เกม
พรมวิเศษ
วธิ เี ลน
1. ลูกเสอื แตล ะหมมู ีจาํ นวนเทากนั ขึน้ ไปยนื บนผา ยางของแตละหมูท ่เี ตรียมไว ขนาด 2 x 2
เมตร ท่ีจดุ เรม่ิ ตน
2. เม่ือไดยินสัญญาณเรมิ่ เลน ใหแตล ะหมูเคลื่อนยา ยตัวเองและผา ยางทย่ี ืนเหยยี บไวไ ปยงั
จุดทกี่ าํ หนด โดยไมใ หต ัวออกจากผืนผา
3. หมูใ ดถงึ เสนชยั กอ นเปน ฝา ยชนะ
เรือ่ งท่เี ปน ประโยชน
การเปลย่ี นชอ่ื ประเทศจาก "สยาม" เปน "ไทย"
ป พ.ศ. 2482จอมพล ป. พบิ ลู สงครามเปน นายกรฐั มนตรี มีนโยบายสรางชาตโิ ดยอาศัยเชื้อ
ชาตไิ ทยเปนหลกั คดิ เปล่ียนนามประเทศจาก "สยาม" เปน "ไทย" โดยยดึ หลกั วา ประเทศสวนใหญ
มักต้งั ชอ่ื ประเทศตามเชื้อชาติของตนโดยเรม่ิ ประกาศใชเปน รฐั นยิ มกอน แลว จงึ ประกาศใช
รฐั ธรรมนูญแกไขเพิ่มเตมิ นามประเทศในภายหลัง โดยใหเ หตผุ ลความไมสะดวกในการใชค ําวา
"สยาม" ดงั นี้
(1) คนไทยมสี ัญชาตแิ ละบงั คับไมตรงกนั กลาวคือคนไทยทุกคนในเวลาน้มี ีสญั ชาตไิ ทยแตอ ยูใน
บังคับสยาม
(2) ชือ่ ภาษา ชื่อคน กับช่อื ประเทศไมตรงกนั กลา วคอื เปนประเทศสยาม แตค นพน้ื เมอื งพูด
ภาษาไทยเปน อาณาจกั รสยาม แตพลเมอื งเปน คนไทย
คมู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชีวิต ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 2 121
(3) การทเ่ี อาคาํ วา "สยาม" กลบั มาใชเ ปน นามประเทศน้นั เปน การฝนใจคนไทยโดยท่วั ไปดังนนั้ คํา
วาสยามจึงมแี ตในภาษาหนงั สือ แตใชพ ูดกนั วา "เมอื งไทย" เปน สว นมาก
การเปลีย่ นชื่อประเทศสยามเปน ประเทศไทยแลว จะมผี ลดังน้ี
(1) ไดชื่อประเทศทตี่ รงตามชอ่ื เชอ้ื ชาติของพลเมือง
(2) ชนชาติไทยจะมสี ัญชาตแิ ละอยใู นบังคบั อนั เดียวกัน
(3) ชอ่ื ประเทศ ชอ่ื ภาษาพนื้ เมอื ง ชอื่ รฐั บาลกบั ชื่อประชาชน จะเปน "ไทย" เหมอื นกันหมด
(4) ทําใหพ ลเมอื งรักประเทศเพมิ่ มากขน้ึ และมจี ติ ใจเขม แขง็ รสู ึกระลึกถงึ ความเปน ไทยมากข้ึน
(5) กอใหเ กดิ ความสามัคคแี ละเกี่ยวพนั อยางสนทิ สนม ระหวางชาวไทยท่ีอยูในประเทศไทย และชาว
ไทยท่กี ระจัดกระจายในประเทศอ่ืน ๆ มากยิ่งข้นึ จึงเปนอนั วา "ประเทศสยาม"กก็ ลายเปน เพียง
ตาํ นานนบั จากน้นั
เร่ืองนีส้ อนใหรวู า การเปลย่ี นแปลงอยา งมเี หตผุ ลสมควร ควรไดร ับการยอมรบั
สาํ นวนไทย ตัดหางปลอยวดั
“ตัดหางปลอยวัด”เปนสํานวนหมายถึง ตัดขาดไมเก่ียวของไมเอาเปนธุระอีกตอไปเชนเด็ก
คนน้ีถูกพอแมตัดหางปลอยวัดเพราะประพฤติตัวเกกมะเหรกเกเรไมเชื่อฟงคําส่ังสอนของผูใหญ
สํานวนน้ีมีท่ีมาจากการตัดหางไกแลวนําไปปลอยเพ่ือสะเดาะเคราะหหรือแกเคราะหในสมัย
โบราณมีหลักฐานในกฎมนเทียรบาลวา เม่ือเกิดส่ิงท่ีเปนอัปมงคลเชนมีวิวาทตบตีกันถึงเลือดตกใน
พระราชวังตองทําพิธีสะเดาะเคราะหโดยเอาไกไปปลอยนอกเมือง เพ่ือนําเสนียดจัญไรไปใหพน
ในสมัยรชั กาลที๔่ มปี ระกาศกลา วถงึ การนําไกไ ปปลอยท่ีวดั เพื่อสะเดาะเคราะหสันนิษฐานวา
ไกท ี่จะนาํ ไปปลอ ยทว่ี ัดจะตัดหางเพื่อเปนเคร่ืองหมายวา เปน ไกท ี่ปลอยเพ่อื การสะเดาะเคราะหดว ย
เร่อื งนสี้ อนใหรูวา การเชื่อส่ิงใด หากไมกอใหเ กิดความเสยี หายไมท าํ ใหใ ครเดอื นรอน แตจะทาํ ให
ผูเช่ือสบายใจก็สามารถทาํ ให
122 คมู อื การจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชวี ติ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 2
แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญ(เครอ่ื งหมายลูกเสอื ชน้ั พิเศษ) ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 2
หนวยที่ 6 บริการ เวลา 1 ชัว่ โมง
แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 22 เสยี หายเพราะอะไร
1. จุดประสงคการเรียนรู
มจี ิตสํานกึ ในการรกั และหวงแหนสาธารณสมบตั ิของชุมชนชาติ
2. เนื้อหา
การสํารวจสอดแนม ความเสียหายของสาธารณสมบัติวาเกิดจากสาเหตุใด เพื่อหาทาง
ปอ งกัน แกไข การแสดงออกถึงความรกั และหวงแหนสาธารณสมบัติของชุมชน ชาติ ลูกเสือสามารถ
ทาํ ไดโ ดยการรว มมือกนั รบั ผิดชอบ ดแู ล และสง เสรมิ การใชป ระโยชน
3. สื่อการเรยี นรู
3.1 แผนภูมิเพลง
3.2 เร่อื งเลาท่เี ปน ประโยชน
4. กจิ กรรม
4.1 พิธีเปดประชมุ กอง (ชักธง สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรือเกม
4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงคก ารเรยี นรู
1) ผูกํากบั ลูกเสอื สนทนาเรื่องสาธารณสมบัตใิ นชมุ ชนของลกู เสอื มีอะไรบา ง ปจ จบุ นั มี
สภาพอยา งไร
2) ลูกเสอื นําเสนอชอ่ื สถานท่ี สภาพของสาธารณสมบตั ใิ นชุมชนของตนเอง
3) ผกู ํากบั ลกู เสอื และลกู เสอื รว มกนั เลือกสาธารณสมบตั ิในแตล ะชุมชน หมูละ 1 แหง
เชน วัด หอกระจายขา ว ทอ่ี านหนงั สอื พิมพหมบู า น หองสมดุ สถานทท่ี อ งเท่ียว ประปา อนามัย
สวนสาธารณะ ฯลฯ เพ่อื วางแผนในการปฏบิ ตั งิ านในการชวยกนั ดแู ลรกั ษา
4) ผูก ํากบั ลูกเสือและลกู เสอื รว มกนั สรา งแบบสาํ รวจขอมลู สาธารณะสมบตั ติ ามทห่ี มลู กู เสือ
เลือกหัวขอ
- ชอื่ สถานที่ ทีต่ งั้
- สภาพทเ่ี ปน อยปู จจบุ ัน
- ผดู แู ล หนว ยงานที่รบั ผิดชอบ
- ขอ เสนอแนะในการดแู ล/ ปรบั ปรุง/การสง เสริมเพือ่ ใหเ กดิ การใชป ระโยชน
5) ผูกาํ กับลูกเสอื มอบหมายใหล กู เสือแตล ะหมูจ ัดทาํ แผนการจดั กจิ กรรมปฏิบัติงาน
ภายในระยะเวลา 1 เดอื นเพ่อื ทาํ กจิ กรรมตามรายการตอไปนี้
- รายการการดแู ล รกั ษา ปรบั ปรงุ สง เสรมิ การใชประโยชน
- การประสานงานกบั ผดู ูแล ผรู ับผดิ ชอบสถานท่ี
- กําหนดวันเวลาปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
คมู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทักษะชวี ติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 2 123
- ประชาสมั พนั ธก ารปฏิบตั กิ จิ กรรม
- ลงมือปฏิบตั งิ านตามแผน
- สรปุ ผลรายงาน
4.4 ผูก าํ กับลกู เสอื เลา เรอื่ งที่เปน ประโยชน
4.5 พิธปี ด ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธง เลกิ )
หมายเหตุ–ผูกาํ กับลกู เสือนดั หมายลกู เสอื ออกสาํ รวจขอมลู ตามแบบสาํ รวจและรายงานในชว่ั โมงตอ ไป
5. การประเมินผล
สงั เกตจากการปฏิบตั ิงานตามโครงการดูแลสาธารณสมบัติของโรงเรียน/ชุมชนอยางนอ ย 1
โครงการ
6. องคประกอบทกั ษะชวี ติ สาํ คัญทเ่ี กดิ จากกจิ กรรม
คอื ความคิดวเิ คราะห ความคิดสรา งสรรคและเกดิ ความตระหนกั ถึงความสําคญั ในการรกั
และหวงแหนสาธารณสมบตั ิของชมุ ชนและของชาติ ความรับผิดชอบตอสว นรวม
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 22
เพลง
อยุธยาเมืองเกา
อยุธยาเมอื งเกาของเราแตก อนจติ ใจอาวรณมาเลาสูกันฟง
อยุธยาแตกอ นนย้ี งั เปนดงั เมอื งทองของพีน่ อ งเผา พงศไทย
เดี๋ยวนี้ซิเปนเมืองเกาชาวไทยแสนเศรา ถกู ขา ศกึ รกุ ราน
ชาวไทยทุกคนหัวใจราวรานขา ศกึ เผาผลาญแหลกราญวอดวาย
เราชนช้นั หลงั มองแลวเศรา ใจอนสุ รณเ ตือนใหชาวไทยจงมน่ั
สมัครสานรวมใจสามัคคีคงจะไมมใี ครกลา ราวีชาตไิ ทย
ใตรม ธงไทย
ใตรมธงไทยรม เยน็ เหมือนด่ังอยูในรมโพธ์ริ มไทรทมี่ ีกง่ิ ใบแนนหนา
ชาตไิ ทยใหญห ลวงแตกกระจดั กระจายถูกแบงแยกยา ยไปอยูหลายสาขา
เชิญพวกพองพีน่ อ งมาพรอ มกันเชิญอยใู ตรม ธงไทย
เลอื ดเนื้อเผา ไทยนค้ี วรจะมสี มานฉนั ท
เหมอื นนองพ่ีเลอื ดเนือ้ เรามสี ายเดียวเกย่ี วพนั
ใตร มธงไทยรม เหมือนดงั โพธไ์ิ ทรใตรมธงไทยเย็นเหมอื นใตแสงจันทร
124 คูมอื การจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ิต ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2
เร่อื งท่เี ปน ประโยชน
ลกู สาวกบั พอ
พอ คนหนึ่งไปเย่ยี มลูกสาวคนโตที่เเตงงานกับชาวสวน "ลกู สบายดหี รือไม ตอ งการอะไรหรือ
เปลา"พอ ถามอยางหวงใย ลกู สาวคนโตจึงตอบวา "สบายดีจะพอ ลกู ไมเคยตอ งการอะไรอีกนอกจาก
อยาก ใหฝนตกมามากๆ พืชผลในสวนจะไดง อกงามดี"
เม่ือไปเยี่ยมลกู สาวคนเล็ก พอกถ็ ามเชนเดียวกันกบั ทถี่ ามลูกสาวคนโตลกู สาวคนเลก็ ซึง่ เปน
เมยี ชา งปน หมอ กต็ อบวา "ลูกสบายดจี ะ พอ เเตตองการอยา งเดียวคอื อยากใหฝ นไมตกเลย ถา มีเเดด
จา หมอดนิ ที่ตากไวก็จะเเหงเรว็ จะ พอ "
เร่ืองนี้สอนใหรูว า คนเรามกั ตองการเเตสิง่ ท่ีเปนผลประโยชนเเกต น
ไหวพรบิ
วันหนึ่งเบนจามินไปเลนเรือใบกับเพื่อน ซ่ึงเพ่ือนของเบนรูดีวาเบนมีความชํานาญในการถือ
ใบเรือไดดีกวาตน แตเพื่อนจะอวดเบนวาตัวก็เกง จึงไดถือใบเรือเสียเอง พอแลนเรือเลนกันไปได
สักครูใหญ เบนก็มองเห็นเมฆดําทะมึนอยูทางดานตะวันออกเฉียงใต เบนรูทันทีวานั่นหมายถึงอะไร
เบนรองบอกเพอื่ นซงึ่ แลน เรือใบไมถ ูกวา
“พายกุ าํ ลงั มา ดเู มฆนัน่ ซิ ! เราตองกลับแลว ”
เพื่อนของเบนมองดูกอนเมฆแลวพยายามกลับเรือ แตก็ทําไมสําเร็จ ลมพัดจัด ใบกินลมอู
เรือแลน ปราดไปบนพื้นนา้ํ แลน หา งออกไปจากฝง ทกุ ที
“ใหกันถอื ใบแทนแกเถอะเพือ่ น” เบนเอย
“ไมเ อา กันบังคับเรอื ลําน้ีได” เพ่อื นของเบนตอบ
เมฆดําทะมึนมากเขา ลมแรงเขา เรือย่ิงแลนเร็ว หันหัวออกมาสูมหาสมุทรท่ีกําลังเปนบา
ตอนนี้เบนก็รูวาควรจะทําอยางไร ไมมีประโยชนแลวท่ีจะมัวพูดกับเพ่ือนที่โงเขลา เพราะถาชาไปน่ัน
หมายถึงการจมนํ้าตาย เบนเดินไปหาเพ่ือนอยางเงียบๆ แลวใชกําปนท่ีแข็งแกรงชกพรวดเขาให
ยังผลใหเพื่อนของเขาลมฮวบลงบนพื้นเรือ และกวาจะลุกข้ึนไดเบนก็เอาเชือกผูกเทาเขาไว แลว
ตอจากน้ันเบนก็คอยระวังเรือไมใหลม ตองคอยหันดูใบเรือและหันหัวเรือใหถูกตองตามลมดวยความ
ชํานาญ ในท่ีสุดก็มองเห็นฝงและข้ึนฝงไดตามความปรารถนา พอถึงฝงเบนก็แกเชือกเพื่อน ฝาย
เพื่อนเม่ือเปนอิสระและเพ่ิงสํานึกผิด ก็ตรงเขาขอบใจเบนเปนการใหญท่ีไดชวยชีวิตเขาใหรอดพน
จากอันตรายมาไดอยา งหวดุ หวดิ
เรือ่ งนีส้ อนใหรวู า การไมร ูจักประมาณตนเอง อาจนําความเสยี หายมาสูต นและผูอืน่ ได
คมู อื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชีวติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 2 125
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รนุ ใหญ(เครอื่ งหมายลูกเสอื ชัน้ พิเศษ) ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 2
หนวยที่ 6 บรกิ าร เวลา 2 ชัว่ โมง
แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 23 โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาํ ริ
1. จุดประสงคการเรยี นรู
เกิดความสาํ นกึ ในพระมหากรณุ าธิคุณของพระบาทสมเดจ็ พระเจา อยูหวั ท่ีมตี อ
พสกนิกรชาวไทย ในโครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดําริ
2. เนอื้ หา
โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดําริ ท่ที รงมีพระวริ ยิ ะอุตสาหะ ตลอดการครองราชย
กวา 60 ป เพอื่ ปวงชนชาวไทย
3. สื่อการเรียนรู
3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 ใบความรู เรอ่ื ง “โครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดาํ ร”ิ
3.3 เร่ืองทเ่ี ปนประโยชน
4. กจิ กรรม
4.1 กจิ กรรมครงั้ ท่ี 1
1) พิธเี ปด ประชุมกอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กิจกรรมตามจุดประสงคก ารเรียนรู
(1) ผกู าํ กบั ลกู เสือนําสนทนาดวยคาํ ถาม
- โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาํ ริ คืออะไร
- ทราบไหมวา จาํ นวนโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดําริ ในปจจบุ ันมี
ประมาณกี่โครงการ
(2) ผูกํากับลูกเสือแจกใบความรูเรื่อง “โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ” และ
มอบหมายงานใหลูกเสือแตละหมู รวมกันสืบคนขอมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการอัน
เน่ืองมาจากพระราชดําริ ท่ีมีความสําคัญตอประชาชนหมูมาก และหมูลูกเสือมีความสนใจ
หมูละ 1 โครงการ (ไมซํ้ากัน) สงตัวแทนนําเสนอในกองลูกเสือคร้ังตอไป ใหเวลารายงานหมู
ละไมเกิน 8 นาที โดยจะมีการตัดสินวาหมูใดนําเสนอขอมูลท่ีเขาใจไดดี และใชส่ือได
นาสนใจทีส่ ดุ
(3) หมูล กู เสอื วางแผน แบง งาน และมอบหมายสมาชกิ ชวยกนั ดําเนนิ การ โดยตกลง
กับหมูอ ื่นไมใ หหัวขอซาํ้ กนั
4) ผูกํากับลกู เสอื เลาเร่ืองทเ่ี ปน ประโยชน
5) พธิ ปี ด ประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชกั ธง เลกิ )
126 คูมอื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ติ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 2
4.2 กจิ กรรมครัง้ ท่ี 2
1) พธิ เี ปดประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคการเรยี นรู
(1) ลกู เสอื แตล ะหมรู ายงาน ผูก ํากบั ลกู เสอื และลกู เสือหมอู ื่นรวมกนั ซักถาม เพ่ือ
ความเขาใจ จนครบทกุ หมู
(2) ผูกํากับลูกเสือนําอภิปราย และสรุป ในประเด็น “ ขอคิดท่ีไดจากกิจกรรม และ
การนําไปใชใ นชีวติ ประจาํ วนั ”
(3) ผูกํากับลูกเสือเพ่ิมเติมดังน้ี “ในหลวงทรงเปนองคพระประมุขของลูกเสือไทย
และพระนามของพระองคนั้นอยูในรายชื่อของลูกเสือท่ีเปนบุคคลสําคัญของโลก ทรงเปน
แบบอยางของการยึดมั่นในคําปฏิญาณและกฎของลูกเสือ ที่ลูกเสือควรจดจํา และนําเปน
แบบอยา งในการปฏิบตั ิตน”
4) ผกู าํ กับลูกเสอื เลาเร่ืองทีเ่ ปน ประโยชน
5) พิธีปด ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธง เลิก)
5. การประเมินผล
สงั เกตการมีสว นรว มในการทํากจิ กรรม การแสดงออก และการใหความคิดเหน็ ในหมู และใน
กองลูกเสือ
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 23
เพลง
สดดุ ีมหาราชา
ขอเดชะองคพ ระประมขุ ภมู พิ ล ม่ิงขวัญ ปวงชนประชาชาตไิ ทย
มหาราช ขตั ิยะ ภูวไนย ดุจรม โพธ์ริ ม ไทรของปวงประชา
ขอเดชะองคส มเด็จพระราชินี คูบ ุญ บารมี จักรีเกรกิ ฟา
องคส มเดจ็ พระเจาอยูหัวมหาราชา ขา พระพุทธเจา ขอสดุดี
อาองคพระสยมบรมราชนั ยขวัญหลา เปลง บญุ ญาสมสงา บารมี
ผองขา พระพทุ ธเจา นอมเกลาขออญั ชลุ ี สดุดีมหาราชา สดดุ มี หาราชินี
คมู อื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชีวิต ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 2 127
สยามานสุ ติ
หากสยามยังอยูยั้ง ยืนยง
เราก็เหมอื นอยูคง ชพี ดวย
หากสยามพนิ าศลง ไทยอยู ไดฤา
เราก็เหมือนมอดมวย หมดสิ้นสกุลไทย
แดนไทย
ใครรานใครรกุ ดาว ขาดดิ้น
ไทยรบจนสดุ ใจ ยอมสละ สิน้ แฮ
เสียเนอื้ เลือดหล่งั ไหล ชอ่ื กอ งเกียรตงิ าม
เสยี ชพี ไปเสยี ชอื่
ใบความรู
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ
ความเปน มา
ในระยะตนแหงการเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยสิริราชสมบัติน้ันกิจการดานการแพทยของไทยยังไม
เจริญกา วหนาเทา ท่คี วรและการบริการสาธารณสขุ ในชนบทยงั มไิ ดแ พรห ลายเชน ในปจจุบัน
พระราชกรณียกิจชวงแรกเริ่มตั้งแตป พ.ศ. 2493- 2505จึงเปนพระราชดําริดานการแพทย
และงานสังคมสงเคราะหเปนสวนใหญ และเปนการชวยเหลือบรรเทาปญหาเฉพาะหนาไมมีลักษณะ
เปน โครงการเตม็ รูปแบบอยา งปจจุบัน ตัวอยา ง เชน
ป พ.ศ. 2496 ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯพระราชทานพระราชทรัพย จํานวน 500,000 บาท
เพื่อใชสรางอาคาร “มหิดลวงศานุสรณ” ในบริเวณสถานเสาวภา สําหรับใชในกิจการทางดาน
วิทยาศาสตรและ ผลติ วัคซนี บี ซี จี ปอ งกนั วณั โรคซง่ึ เปน ปญ หารายแรงในเวลานนั้
ทรงริเร่ิมสรางภาพยนตร ท่รี ูจ ักกันในนามวา “ภาพยนตรสวนพระองค” จัดฉายเพ่ือหารายได
จากผูบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล นํามาชวยเหลือพสกนิกรดานตาง ๆเชน สรางตึกวชิราลงกรณ
สภากาชาดไทย อาคารทางการแพทยโ รงพยาบาลภมู ิพลอดลุ ยเดช เปน ตน
เม่ืออหิวาตกโรคระบาดอยางรุนแรงในเมืองไทย และตองใช “น้ําเกลือ” เปนจํานวนมาก
ในขณะนั้นการใหน้ําเกลือแกผูปวยมีคาใชจายสูงมากเพราะตองส่ังจากตางประเทศ และนํ้าเกลือที่
ผลิตไดในประเทศก็ยังขาดคุณภาพ จนกลาวกันวา “ใสใครไปก็ช็อค” จึงไดพระราชทานพระราชดําริ
ใหมีการศึกษาวิจัยและคนหาวิธีสรางเครื่องกล่ันน้ําเกลือใชเอง จนมีคุณภาพทัดเทียมกับตางประเทศ
และเปนทีย่ อมรับกนั จนถึงปจจุบนั นี้
โครงการแพทยหลวงพระราชทาน “เรือเวชพาหน” เปนหนวยแพทยเคล่ือนท่ีรักษาราษฎรที่ต้ัง
บา นเรอื นอยูตามลําน้าํ โดยพระราชทานพระราชทรพั ยสวนพระองคใ นการดาํ เนนิ การมาจนทกุ วันน้ี
พระราชจริยวัตรเชนนี้ไดขยายปรัชญาการสังคมสงเคราะหของประเทศไทยออกไปใน
วงกวาง และฝงลึกในจิตใจคนไทยในเรื่องการชวยเหลือซึ่งกันและกัน จะเห็นไดจากยามท่ีมีสาธารณ
ภยั เกิดขน้ึ คนไทยท้ังหลายจะชว ยเหลือกันบริจาคโดยมิตอ งรองขอแตอ ยางใด
128 คูมือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชวี ิต ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2
ดวยความหวงใยในทุกขสุขของอาณาประชาราษฎร พระองคไดเสด็จพระราชดําเนินไปเยี่ยม
เยียนประชาชนตามพื้นที่ตางๆ ท่ัวประเทศ โดยเฉพาะในพื้นท่ีชนบทยากจน เสด็จประทับอยูใน
ภูมิภาคตางๆ มากกวาในพระราชวังท่ีกรุงเทพฯ ท้ังนี้เพื่อทรงคนหาขอมูลท่ีแทจริงจากประชาชน
เจาหนาที่ของรัฐประจําพื้นท่ี และทรงสังเกตการณ สํารวจสภาพทางภูมิศาสตรไปพรอมๆกันดวย
ท้ังน้ีเพื่อทรงรวบรวมขอมูลไวเปนแนวทางท่ีจะพระราชทานพระราชดําริในการดําเนินงานโครงการ
อันเน่อื งมาจากพระราชดาํ ริตอ ไป
พระราชดําริอันเปนโครงการชวยเหลือประชาชนเร่ิมขึ้นตั้งแตป พ.ศ. 2494 ทรงพระกรุณา
โปรดเกลา ฯ ใหกรมประมงนําพนั ธปุ ลาหมอเทศจากปนัง ซึ่งไดม าจากผูเช่ยี วชาญดานการประมงของ
องคการอาหารและการเกษตรแหงสหประชาชาติ เขาไปเลี้ยงในสระนํ้าพระที่นั่งอัมพรสถาน จากน้ัน
ในวันท่ี 7 พฤศจิกายน 2496 จึงพระราชทานพันธุปลาหมอเทศนี้แกกํานันและผูใหญบานทั่วประเทศ
นําไปเผยแพรข ยายพันธแุ กราษฎรในหมบู านของตน เพ่อื จะไดม อี าหารโปรตนี เพม่ิ ขน้ึ
โครงการพระราชดํารทิ ี่นับวา เปนโครงการพฒั นาชนบทโครงการแรก เกิดขึ้นในป พ.ศ. 2495
โดยพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ พระราชทานรถบลูโดเซอร ใหหนวย
ตํารวจตระเวนชายแดนคายนเรศวร ไปสรางถนนเขาไปยังบานหวยมงคล ตําบลหินเหล็กไฟ
(ปจจุบันคือ ตําบลทับใต) อําเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคิรีขันธ เพ่ือใหราษฎรสามารถสัญจรไปมา
และนําผลผลิตออกมาจําหนายยังชุมชนภายนอกไดสะดวกขึ้น จากนั้นในป พ.ศ. 2496 ได
พระราชทานพระราชดําริใหสรางอางเก็บนํ้าเขาเตา อําเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคิรีขันธ เพื่อ
บรรเทาความแหงแลง เดือดรอนของราษฎรและสรางเสร็จใชประโยชนไดในป พ.ศ. 2506 นับเปน
โครงการพระราชดาํ ริทางดานชลประทานแหงแรกของพระองค
ประเภทและสาขา ของโครงการในพระราชดําริ
โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดําริมีอยูมากมายหลายสาขา หลายประเภท ในระยะแรก มี
ช่อื เรยี กแตกตา งกนั ไป ดงั นค้ี ือ
1. โครงการตามพระราชประสงค
โครงการซ่ึงทรงศึกษาทดลองปฏิบัติเปนการสวนพระองค ทรงศึกษาหารือกับผูเชี่ยวชาญ
ทรงแสวงหาวิธีการทดลองปฏิบัติ ทรงพัฒนาและสงเสริมแกไขดัดแปลงวิธีการเปนระยะเวลาหนึ่ง
เพื่อดูแลผลผลิตทั้งในพระราชฐานและนอกพระราชฐาน ซ่ึงตองทรงใชพระราชทรัพยสวนพระองคใน
การดําเนินการทดลองจนกวาจะเกิดผลดี ตอมาเม่ือทรงแนพระทัยวาโครงการน้ันๆ ไดผลดี เปน
ประโยชนแกป ระชาชนอยา งแทจรงิ จึงโปรดเกลา ฯใหรัฐบาลเขามารับงานตอภายหลัง
2. โครงการหลวง
พระองคทรงเจาะจงดําเนินการพัฒนาและบํารุงรักษาตนน้ําลําธารในบริเวณปาเขาใน
ภาคเหนอื เพ่อื บรรเทาอทุ กภยั ในท่ลี ุมภาคกลาง ดวยเหตผุ ลท่ีพื้นทเ่ี หลา นี้เปน เขตแดนชาวไทยภูเขา
จึงทรงมีโอกาสพัฒนาชาวเขาชาวดอยใหอยูดีกินดี ใหเลิกการปลูกฝน เลิกการตัดไมทําลายปา ทําไร
เล่ือยลอย และเลิกการคา ไมเถอื่ น ของเถอ่ื น อาวธุ ยทุ โธปกรณนอกกฎหมาย ทรงพัฒนาชวยเหลือให
ปลูกพืชหมุนเวียนที่มีคุณคาสูง ขนสงงาย ปลูกพืชไร และเล้ียงสัตวไวเพื่อบริโภค รวมคุณคาผลผลิต
คมู ือการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวติ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2 129
แลวใหไดคุณคาแทนการปลูกฝน ท้ังๆท่ีงานของโครงการนี้กินเวลายาวนานกวาจะเกิดผลได ตองใช
เวลานานนับสิบป การดําเนินงานจะยากลําบากสักเพียงใดมิไดทรงทอถอย การพัฒนาคอยๆไดผลดี
ขึ้นเรอื่ ย ๆ ชาวเขาชาวดอยจงึ มีความจงรักภักดี เรยี กพระองควา “พอหลวง” และเรียกสมเด็จพระนาง
เจาฯ พระบรมราชินีนาถวา “แมหลวง” โครงการของทั้งสองพระองคจึงเรียกวา “โครงการหลวง”
3. โครงการในพระบรมราชานุเคราะห
โครงการท่ีพระองคไดพระราชทานขอเสนอแนะและแนวทางพระราชดําริใหเอกชนไป
ดําเนินการ ดว ยกาํ ลังเงิน กําลังปญญา และกําลังแรงงาน พรอมทั้งการติดตามผลงานใหตอเน่ืองโดย
ภาคเอกชน เชน โครงการพฒั นาหมบู านสหกรณเนนิ ดนิ แดง อําเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคิรีขันธ
ซึ่งสโมสรโรตารีแหงประเทศไทยเปนผูจัดและดําเนินงานตามพระราชดําริ โครงการพจนานุกรม
โครงการสารานกุ รมไทยสาํ หรับเยาวชน เปนตน
4. โครงการตามพระราชดําริ
โครงการประเภทน้เี ปนโครงการท่ที รงวางแผนพฒั นา ทรงเสนอแนะใหร ัฐบาลรวมดาํ เนินการตาม
แนวพระราชดาํ ริ โดยพระองคเ สด็จฯ รว มทรงงานกับหนวยงานของรัฐบาล ซึ่งมที งั้ ฝายพลเรอื น ตํารวจ
ทหาร โครงการตามพระราชดําริน้ใี นปจ จุบนั เรียกวา “โครงการอันเนอ่ื งมาจากพระราชดาํ ร”ิ มกี ระจาย
อยทู ัว่ ทกุ ภมู ิภาคของประเทศไทย ปจจุบนั มีลกั ษณะทเี่ ปน โครงการพัฒนาดานตางๆ ทีด่ าํ เนินการเสร็จ
สนิ้ ภายในระยะเวลาสัน้ และระยะเวลายาวทม่ี ากกวา 5 ป ขณะเดียวกนั ก็มลี ักษณะทเ่ี ปนงานดานวชิ าการ
เชน โครงการเพื่อการศกึ ษาคนควา ทดลอง หรือโครงการทีม่ ีลักษณะเปน งานวิจยั เปน ตน
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริมีสวนสําคัญ ในการเสริมแผนงานโครงการตางๆ ตาม
นโยบายของรัฐบาล ผลของโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดํารินอกจากจะทําใหประชาชนมีความ
เปนอยูที่ดีขึ้นแลว ยังกอใหเกิดประโยชนตอประเทศชาติ ทั้งทางดานเศรษฐกิจและความม่ันคงเปน
สวนรวมดวย ดังน้ันเพื่อการดําเนินงานที่สอดคลองและสนับสนุนซึ่งกันและกัน และเปนประโยชน
สูงสุดบรรลุผลตามแนวพระราชดําริที่ไดพระราชทานไว รัฐบาลจึงไดต้ังหนวยงานช่ือวา “สํานักงาน
คณะกรรมการพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาํ ริ (กปร.) ” เปนสวนราชการ
มีฐานะเปนกรม อยูในสายการบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี สํานักงาน กปร. มีอํานาจหนาท่ี
ดงั ตอ ไปนี้
1) ตามเสด็จเพ่ือรับและประมวลพระราชดําริ สํารวจ ศึกษา วิเคราะห และจัดทําแผนงาน
หรือโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดําริ รวมท้ังพิจารณาและเสนอแนะเก่ียวกับการจัดสรรเงิน
งบประมาณเพ่อื ดําเนินงานตามโครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดําริ
2) ประสานงานกับสวนราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนทั้งในประเทศและตางประเทศ ท่ี
เกย่ี วของกบั การดาํ เนนิ งานตามโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาํ ริ
3) ติดตามและประเมินผลการดําเนนิ งานตามโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดาํ ริ
4) ปฏิบัติงานเลขานุการของคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจาก
พระราชดาํ ริ
130 คมู อื การจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 2
5) ปฏิบัติงานดานวิชาการ การจัดระบบสารสนเทศและการประชาสัมพันธเผยแพรที่
เกี่ยวขอ งกบั โครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชดําริ
6) ปฏิบัติหนาท่ีอื่นตามท่ีไดรับพระราชกระแส หรือตามท่ีคณะกรรมการพิเศษเพ่ือ
ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริมอบหมาย หรือตามท่ีระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
วาดว ยโครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดําริกําหนดใหเ ปนอาํ นาจหนาท่ีของสํานักงาน คณะกรรมการ
พเิ ศษเพ่ือประสานงานโครงการอนั เน่ืองมาจากพระราชดาํ ริ
7) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกําหนดใหเปนอํานาจหนาที่ของสํานักงานคณะกรรมการ
พิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ หรือตามที่นายกรัฐมนตรี หรือ
คณะรฐั มนตรมี อบหมาย
ปจจุบันโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดําริ แบงออกเปน 8 ประเภท โดยกระจายอยูทุก
ภูมภิ าคทว่ั ประเทศ โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดําริท่ีอยูในความรับผิดชอบของสํานักงาน กปร.
ต้ังแตปงบประมาณ 2525-2551 มีจํานวน 4,404 โครงการ /กิจกรรม แยกตามประเภท และรายภาค
ไดดังตารางตอ ไปนี้
ประเภทโครงการ จาํ นวนโครงการ / กจิ กรรม
1. การพัฒนาแหลงน้าํ 1,579 โครงการ / กิจกรรม
2. การเกษตร 536 โครงการ / กิจกรรม
3. สิง่ แวดลอม 1,039 โครงการ / กจิ กรรม
4. สงเสรมิ อาชีพ 343 โครงการ / กิจกรรม
5. สาธารณสขุ 49 โครงการ / กิจกรรม
6. คมนาคม 115 โครงการ / กจิ กรรม
7. สวสั ดิการสังคม 166 โครงการ / กจิ กรรม
8. โครงการสําคัญ และอนื่ ๆ 577 โครงการ / กิจกรรม
ภาค จาํ นวนโครงการ / กจิ กรรม
กลาง 1,024 โครงการ / กจิ กรรม
ตะวนั ออกเฉียงเหนอื 929 โครงการ / กจิ กรรม
เหนือ 1,221 โครงการ / กจิ กรรม
ใต 807 โครงการ / กิจกรรม
ไมร ะบภุ าค 343 โครงการ / กิจกรรม
งบบริหาร 80 โครงการ / กิจกรรม
รวม 4,404 โครงการ / กิจกรรม
ตัวอยา งโครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชดําริ
1.โครงการหลวง 2.โครงการเศษรฐกจิ ชชุ นบนพื้นทสี่ ูง
คูมอื การจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ติ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2 131
3.โครงการเกย่ี วกบั การปลกู ขา ว 4.โครงการศิลปาชีพพิเศษ
5.โครงการสรางบา นเลก็ ในปาใหญ 6.โครงการ สงเสรมิ การปลกู หมอ นเลี้ยงไหม
7.โครงการพืชสมนุ ไพร 8.โครงการปลูก พชื /ผลไม
9.โครงการสง เสรมิ การเล้ยี งสตั ว
10.โครงการสงเสริมการเกษตรเพ่อื อาหารกลางวนั
11.โครงการตามพระราชดํารหิ มูบานสหกรณ
12. ศูนยพ ฒั นาเดก็ เล็ก
13.โครงการการพฒั นาและรณรงคการใชห ญา แฝกอันเนื่องมาจากพระราชดาํ ริ
เรอ่ื งทีเ่ ปนประโยชน
ความหมายของคําวา สปร ติ
Derek Anthony Redmond เปนนักว่ิงเจาของสถิติในการว่ิง 400 เมตรของสหราชอาณาจักร
และไดเหรียญทองจากการแขงขัน 4x400 เมตรจากการแขงขัน World Championships, European
Championships และ Commonwealth Games จากสหราชอาณาจักรตอนนี้เขาแขวนรองเทาแลว
แตเหตุการณท่ีทําใหผูคนท้ังโลกจดจําเขาคือ Olympics Games ท่ี Barcelona ในป 1992
เขาคือหน่ึงในตัวเต็งในการแขงขันครั้งนี้หลังจากรอคอยมา 4 ป เหตุการณท่ีไมคาดคิดก็เกิดข้ึน
เอ็นรอยหวายของเขาเกิดมีปญหา เขาทรุดตัวลงและรองไหหลังจากนั้นไมก่ีวินาทีเขาตัดสินใจลุกขึ้น
และวิ่งตอเม่ือระยะทางเหลือประมาณ 100 เมตร คุณพอของเคาก็มาชวยประคองเขาเสนชัย
สี่ปแหงการรอคอย ความฝนของเคาจบลงดวยน้ําตาและความเสียใจแต spirit ที่ยิ่งใหญของ
เคาไดรับการปรบมือ หรือ Standing Ovation ของผูชมทั้งสนามและคนท้ังโลกก็ไดเขาใจความหมาย
ของคําวา spirit มากขน้ึ โลกไดจดจาํ เขาไปอกี นานแสนนานในฐานะ "ผูช นะ" ตวั จริง
เรอื่ งน้ีสอนใหรวู า ชยั ชนะ อาจนาํ มาทั้งความสขุ และความทุกข
เตา กับนกอนิ ทรี
นานมาแลวยงั มีเตาตวั หน่งึ ชอบแหงนหนามองดูนกนานาชนิดท่กี ําลงั บนิ ไปมาบนทองฟา
ดว ยความอิจฉา มันนึกอยากจะบนิ ไดเชน นั้นบาง ขณะทม่ี ันกําลงั เดนิ ครนุ คดิ หาวธิ ที ี่จะบินไดอ ยูน น้ั
มนั ก็เห็นนกอินทรตี วั หนึ่งบนิ มาเกาะท่ีกอนหินไมหางจากมันนกั เตารีบคลานเขา ไปหาทนั ที “ทา น
นกอนิ ทรีทานจะชวยใหข าบนิ ไดอยางทา นไดห รือไม” เตาถาม “ทานจะบนิ ไดอ ยางไร ในเม่ือทาน
ไมม ีปก” นกอินทรีบอก “แตถ า ทา นชว ยขา ขาตองบินไดอยา งแนนอน เพยี งแตท า นพาขาข้นึ ไป
บนทอ งฟา เทา น้นั แลวขา ก็จะบินของขา เอง” เตา พูด ในตอนแรกนกอนิ ทรปี ฏเิ สธ แตเตากเ็ ฝา
ออ นวอนจนนกอินทรีใจออน มนั จึงใชอุงเล็บทงั้ สองยกตัวเตา บินขนึ้ ไปบนทอ งฟา “พอขาปลอยทา น
ทา นก็บินเลยนะ” นกอนิ ทรีบอกแลวก็ปลอยตวั เตาลงมา แตแ ทนที่จะบิน รา งของเตา กลบั รวงหลน
ลงมาจากทอ งฟา ลงมากระแทกกับกอนหินเตม็ แรง ขาดใจตายทนั ที
เรอื่ งน้ีสอนใหร วู า จะทําอะไรควรรูจกั ประมาณตน
132 คมู ือการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 2
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสอื สามญั รนุ ใหญ (เครอ่ื งหมายลกู เสือชนั้ พเิ ศษ) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2
หนวยที่ 7 ประเมินผล เวลา 1 ชัว่ โมง
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 24 การประเมนิ ผล
1. จดุ ประสงคก ารเรยี นรู
1.1 เพอ่ื ใหล ูกเสือเขา ใจการประเมินผลเพอ่ื การตดั สินผลการผา น ไมผานกจิ กรรม
1.2 เพ่ือใหล กู เสือสามารถรับการประเมนิ พฤตกิ รรมทักษะชวี ิตท่ลี กู เสือไดรับการพฒั นา
1.3 เพือ่ เตรยี มความพรอ มรบั การประเมนิ ตามวธิ ีการของผูกํากับลกู เสอื กองลูกเสอื
2. เนื้อหา
2.1 เกณฑก ารตัดสนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเรยี นตามหลักสตู รการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551
2.2 การประเมินพฤติกรรมทักษะชวี ติ
3. ส่อื การเรียนรู
3.1 Flow Chart การประเมนิ เพือ่ ตัดสินผลการเลอื่ นชน้ั ของลูกเสอื และจบการศึกษา
3.2 การประเมินทักษะชวี ติ ของลกู เสอื รายบุคคลหรอื รายหมูลกู เสือ
3.3 ใบความรู
4. กิจกรรม
4.1 ผกู ํากับลกู เสืออธบิ ายหลักเกณฑ วธิ กี ารประเมนิ ผลการเรียนรตู ามทหี่ ลักสตู รแกนกลาง
การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 กําหนดเพื่อตัดสินการจบการศกึ ษา
4.2 ผกู าํ กับลกู เสืออธบิ ายถงึ พฤติกรรมของลูกเสือทไี่ ดรับการเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ติ ผาน
กิจกรรมลกู เสอื
4.3 ลกู เสือประเมนิ ความพรอ มของตนเองเพื่อรับการประเมนิ และวางแผนพฒั นาตนเองใน
สว นที่ไมม ัน่ ใจ
4.4 ผูกํากับลกู เสือและลกู เสือกําหนดขอ ตกลงรว มกันถึงชวงเวลาการประเมิน
4.5 ผกู าํ กบั ลกู เสือนัดหมายและดาํ เนินการประเมิน
5. การประเมินผล
5.1 สงั เกตจากผลการประเมินตนเองของลูกเสือ
5.2 สังเกตความมน่ั ใจและการยืนยันความพรอ มของลูกเสอื
คมู อื การจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 133
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 24
1. การประเมนิ ผลตามเกณฑข องหลกั สูตรการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551
Flow Chartกระบวนการประเมินผลลูกเสือ
ลกู เสือเรียนรจู ากกจิ กรรม เกณฑการประเมนิ
ลูกเสอื เสริมสรา งทักษะชวี ติ 1. เวลาเขา รวมกิจกรรม
2. การปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
ผกู ํากบั ประเมนิ ผลเรยี นของ 3. ผลงาน / ช้ินงาน
ลูกเสอื ท่ีรว มกิจกรรม 4. พฤตกิ รรม/คณุ ลกั ษณะ
ของลูกเสือ
ผลการประเมนิ
ผาน ไมผาน - ซอมเสริม
- พัฒนาซาํ้
ตดั สินผลการเรยี นรูผ า นเกณฑ
ผาน
รบั เคร่ืองหมายชนั้ ลูกเสือ
ตามประเภทลกู เสอื
134 คมู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชวี ติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 2
แบบประเมนิ ตนเองของลูกเสือ
ชอื่ ..........................................................ประเภทลกู เสือ...........................ช้นั ................................
เกณฑท ่ี การประเมนิ ตนเอง ขอคดิ เห็น
การพัฒนา
ที่ รายการทร่ี บั การประเมิน สถานศึกษา ครบ/ ไมครบ/
กาํ หนด ผาน ไมผา น
1 1. เขา รวมกจิ กรรมลูกเสอื ไมน อ ยกวา
1.1 รว มกิจกรรมการฝก อบรม 24ช่วั โมง/ ป
1.2 รว มกิจกรรมวนั สาํ คญั
- วันสถาปนาลกู เสือ 1 ครัง้ / ป
- วนั ถวายราชสดดุ ี 1 ครง้ั / ป
- วันพอ แหงชาติ 1 ครง้ั / ป
- วนั แมแหงชาติ 1 คร้งั / ป
- วนั ตา นยาเสพติด 1 คร้ัง/ ป
- กจิ กรรมบําเพ็ญประโยชนอ ื่นๆ 8คร้งั / ป
- กจิ กรรมวัฒนธรรม/ ประเพณี 4คร้งั / ป
1.3 เดินทางไกล/ อยูคา ยพกั แรม 1 ครงั้ / ป
2 2. มีผลงาน/ ชิน้ งานจากการเรยี นรู
กิจกรรมลูกเสอื ไมน อยกวา
2.1 ผลงานการบริการ 6รายการ/ ป
2.2 ชิ้นงาน/ งานท่ีคดิ สรางสรรค 2รายการ/ ป
2.3 อน่ื ๆ เชน รายงานฯ 2รายการ/ ป
3 3. มีความพรอ มเขา รับการทดสอบเพื่อ
เล่อื นชน้ั และรบั เครื่องหมายวิชาพเิ ศษ
ลูกเสอื วิสามญั
3.1.............................................
3.2.............................................
3.3.............................................
3.4.............................................
3.5.............................................
ผา นและพรอ ม
คูม ือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทักษะชีวิต ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2 135
สรุป ฉนั ม่ันใจวา ผา น ฉนั มีความพรอมใหป ระเมนิ ฉนั ยงั ไมพ รอม
สรุปผลการประเมินตนเอง
1. ดานทกั ษะลกู เสอื
มนั่ ใจมากวาจะ พรอ มแลว ไมแนใจ ตองขอความ งุนงง
ผา นการประเมิน ชวยเหลือจาก ไมเ ขาใจ
ผกู ํากับลูกเสอื
มั่นใจมาก พรอมรับการประเมนิ เคร่ืองหมายวชิ าพิเศษ
พรอมรบั การประเมนิ
ไมแ นใ จ
ยงั ตองพฒั นา/ ซอมเสรมิ บางเรอ่ื ง
ตองการความชวยเหลอื จากผูกาํ กบั ลกู เสอื
ลงชื่อ.......................................................ผูประเมนิ
136 คูม ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชีวติ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 2
แบบประเมนิ พฤตกิ รรมทักษะชวี ิตของลูกเสือสาํ หรับผกู าํ กบั ลูกเสอื
คําชีแ้ จง ใหผ ตู อบทําแบบประเมนิ ทุกขอ โดยแตละขอใหท ําเคร่อื งหมาย/ ลงในชองทตี่ รงกับความ
เปน จริง
2.1 พฤติกรรมลกู เสือสาํ รองทค่ี าดหวัง
รายการประเมนิ ใช ไมใ ช
1. ลูกเสอื มที กั ษะในการสังเกตและจดจาํ
2. ลูกเสอื สามารถพง่ึ ตนเองและดแู ลตนเองได
3. ลกู เสอื สาํ รองปฏบิ ตั ิกิจกรรมบาํ เพญ็ ประโยชนรักษาส่ิงแวดลอ ม
และอนุรกั ษท รัพยากรธรรมชาติ
4. ลูกเสอื ไมมปี ญ หาทนั ตสุขภาพและไมเ จบ็ ปว ยดว ยโรคติดตอ
ตามฤดูกาล
5. ลกู เสือรจู ักรกั ษาสขุ ภาพและปฏเิ สธส่ิงเสพตดิ
6. ลูกเสือรูจกั แกป ญหาเฉพาะหนา หรือใหการชว ยเหลอื / แจง เหตุเม่ือประสบเหตุ
วกิ ฤต
7. ลกู เสอื มีสว นสูงและนาํ้ หนกั ตามเกณฑม าตรฐาน
8. ลูกเสอื มที ักษะในการสอ่ื สารไดถกู กาลเทศะและไมก า วราวรนุ แรง
สรปุ แบบการประเมินตนเอง
ฉันมที ักษะชวี ติ ฉันจะมีทกั ษะชวี ติ ฉนั ตองพฒั นาตนเองอกี มาก
ถา แกไขปรับปรงุ พฤติกรรม
คูม อื การจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 2 137
2.2 พฤตกิ รรมลูกเสอื สามญั ท่ีคาดหวงั
รายการประเมนิ ใช ไมใช
1. ลูกเสอื มีทักษะในการปฏบิ ัติกิจกรรมกลางแจง
2. ลูกเสอื รว มกจิ กรรมบาํ เพ็ญประโยชน
3. ลูกเสอื ชวยตนเองและครอบครวั ได
4. ลกู เสือไมม ปี ญ หาทันตสขุ ภาพ ไมดื่มน้ําอดั ลมขนมกรบุ กรอบ
ไมรบั ประทานขนมหวานเปนประจาํ
5. ลูกเสอื รูจกั ใชเวลาวางใหเ ปน ประโยชนแ ละไมติดเกม
6. ลูกเสือประพฤตติ นเหมาะสมกบั เพศและวยั มที กั ษะการสรา ง
สัมพนั ธภาพและการสอื่ สารไมกาวรา วรุนแรง
7. ลกู เสอื แสดงออกถึงความซ่ือสัตย รูจกั แกปญหา หรือใหความ
ชวยเหลอื ผอู ่นื
8. ลูกเสอื มนี ้าํ หนักและสว นสูงตามเกณฑม าตรฐาน
สรปุ แบบการประเมินตนเอง
มีทักษะชวี ติ จะมีทักษะชวี ติ ตองพัฒนาตนเอง ไมแนใ จชีวิต
พรอ มเผชิญ แกไ ขปรบั ปรงุ อีกมาก (มีปญ หาแลว )
อยา งรอดปลอดภัย
พฤติกรรม (เสีย่ งนะเน่ีย)
เร่อื งท่ีฉันจะตองปรับปรุง
1)..................................................................................................................................................
2)..................................................................................................................................................
3)..................................................................................................................................................
4)..................................................................................................................................................
138 คูม ือการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชวี ิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 2
2.3 พฤตกิ รรมลูกเสือสามญั รุนใหญท คี่ าดหวัง
รายการประเมนิ 12
1. ลูกเสอื พฒั นาตนเองใหมีทกั ษะในการทาํ กิจกรรมลูกเสือ
ตามความสนใจและไดร บั เครื่องหมายวชิ าพิเศษ
2. ลูกเสอื ทาํ กิจกรรมบําเพญ็ ประโยชนตอ ครอบครัว
สถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม
3. ลูกเสอื ใชเ วลาวางท่ีเปนประโยชนทํากิจกรรม อนุรักษส งเสรมิ จารีตประเพณี
ศิลปวฒั นธรรมไทย
4. ลกู เสือรูเทา ทันสอ่ื โฆษณาและรจู ักใชป ระโยชนจ าก Internet
5. ลูกเสือเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมหรอื ปรบั ปรุงและพฒั นาตนเองได
เหมาะสมกบั เพศวัยไมก า วรา วรนุ แรง
6. ลกู เสอื ทํากจิ กรรมหรือโครงการประหยัดพลงั งาน/ทรพั ยากร
7. ลกู เสอื มีการออม หรือทําบัญชีรายรับ รายจายอยางตอ เน่ือง
8. ลกู เสอื ไมเ คยประสบอบุ ตั ิเหตุจากการใชย านพาหนะ
สรปุ แบบการประเมนิ ตนเอง
มีทกั ษะชวี ติ จะมีทักษะชวี ติ ตองพฒั นาตนเอง ไมแ นใจชวี ิต
พรอ มเผชิญ แกไขปรบั ปรงุ อกี มาก (มปี ญ หาแลว)
อยางรอดปลอดภยั
พฤติกรรม (เส่ยี งนะเนี่ย)
เรื่องที่ฉนั จะตองปรับปรุง
1)..................................................................................................................................................
2)..................................................................................................................................................
3)..................................................................................................................................................
4)..................................................................................................................................................
คูม อื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชวี ิต ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 139
2.4 ฤติกรรมลูกเสือวิสามญั ท่คี าดหวงั
รายการประเมิน ใช ไมใ ช
1. ลูกเสือทาํ กจิ กรรม/โครงการ ตามความถนดั และความสนใจ
2. ลูกเสอื บริการผอู ่นื ชว ยเหลือชุมชน สงั คม และประเทศชาติ
3. ลกู เสือรจู กั วิธปี อ งกันความเสีย่ งทางเพศ
4. ลกู เสอื ใชเวลากบั สอ่ื ไอทไี ดอ ยา งเหมาะสม
5. ลกู เสือตระหนักถงึ พิษภัยและหลีกเลี่ยงจากสง่ิ ยาเสพติด
6. ลูกเสอื มีคา นยิ มสขุ ภาพ ดา นอาหาร และความงามที่เหมาะสม
7. ลกู เสือทํางานหารายไดระหวา งเรยี น
8. ลูกเสอื ไมมพี ฤตกิ รรมกา วราวและไมกอ เหตุรนุ แรง
สรปุ แบบการประเมนิ ตนเอง
มที กั ษะชวี ติ จะมีทกั ษะชวี ติ ตอ งพฒั นาตนเอง ไมแนใ จชีวิต
พรอ มเผชญิ แกไ ขปรับปรงุ อกี มาก (มปี ญหาแลว)
อยางรอดปลอดภัย
พฤติกรรม (เส่ยี งนะเนยี่ )
เร่อื งท่ฉี นั จะตอ งปรับปรุง
1)..................................................................................................................................................
2)..................................................................................................................................................
3)..................................................................................................................................................
4)..................................................................................................................................................
140 คมู ือการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชวี ติ ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 2
ใบความรู
*การประเมินกิจกรรมลูกเสอื
1. การประเมนิ ผลการเรยี นรูตามแนวทางหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน 2551
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กําหนดใหกิจกรรมลูกเสือเปนกิจกรรมท่ีมุงปลูกฝง
ระเบียบวินัยและกฎเกณฑเพ่ือการอยูรวมกัน รูจักการเสียสละ บําเพ็ญประโยชนแกสังคมและ
ดําเนินวิถีชีวิตในระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนมีทักษะชีวิตเปนภูมิคุมกันปญหาสังคมตามชวงวัย
ของลูกเสือ
การจัดกิจกรรมลูกเสือยังตองเปนไปตามขอบังคับของสํานักงานลูกเสือแหงชาติและ
สอดคลองกบั หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐานอกี ดว ย
แนวทางการประเมินผลกจิ กรรมลกู เสอื
กิจกรรมลูกเสือเปนกิจกรรมนักเรียนที่ลูกเสือทุกคนตองเขารวมกิจกรรมลูกเสือ 40 ช่ัวโมง
ตอปก ารศึกษาในระดบั ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
การประเมินการจัดกิจกรรมลูกเสือตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมีประเด็น/ส่ิง
ที่ตอ งประเมินดงั น้ี
1. เวลาในการเขารวมกิจกรรม ผูเ รยี นตอ งมเี วลาเขา รวมกจิ กรรมตามทีส่ ถานศกึ ษากําหนด
2. การเรียนรูผานกิจกรรมหรือการปฏิบัติกิจกรรมอยางตอเนื่อง มุงเนนการพัฒนาศักยภาพ
ของตนและการทํางานกลมุ
3. ผลงาน / ชิ้นงาน / พฤติกรรม / คุณลักษณะของผูเรียน ท่ีปรากฏจากการเรียนรูหรือการ
เปล่ียนแปลงตนเอง
*การประเมนิ ผลอาจเขยี นแยกการประเมนิ ผลแตล ะกิจกรรม หรอื เขยี นรวมในภาพรวมของกิจกรรมลกู เสอื ก็ได
เอกสารอางองิ กระทรวงศกึ ษาธิการ. หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551.กรงุ เทพมหานคร :
โรงพิมพชมุ นมุ สหกรณการเกษตรแหง ประเทศไทย จาํ กดั . 2551
คูม ือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวิต ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 2 141
แนวทางการประเมนิ ผลการเรียนรกู จิ กรรมลกู เสอื
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือ
จัดกจิ กรรมลูกเสือ เกณฑก ารประเมิน
ตามคมู อื การจดั กิจการลูกเสือที่ 1. เวลาเขารว มกจิ กรรม
2. การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
เสรมิ สรา งทกั ษะชวี ติ 3. ผลงาน / ช้ินงาน
4. พฤติกรรม/คุณลักษณะ
ประเมินผลการเรียนรู ของลูกเสอื
ผลการประเมนิ ไมผ าน
ซอ มเสรมิ
ผาน
ผาน
สรุปผลการประเมิน/
ตัดสนิ ผลการเรียนรู
รายงาน / สารสนเทศ
จดั พธิ ีประดบั เคร่อื งหมายลูกเสอื
ตามประเภทลกู เสือ
การประเมินกจิ กรรมลูกเสือ มี 2 แนวทาง คือ
1. การประเมินกจิ กรรมลกู เสือรายกจิ กรรมมีแนวปฏิบตั ิดังนี้
1.1 ตรวจสอบเวลาเขารวมกิจกรรมของลูกเสือใหเปนไปตามเกณฑท่ีสถานศึกษา
กาํ หนด
1.2 ประเมินกิจกรรมการเรียนรูจากการปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน / ช้ินงาน /
คุณลักษณะของผูเรียนตามเกณฑท่ีสถานศึกษากําหนดดวยวิธีการที่หลากหลาย เนนการมีสวนรวม
ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
142 คูมือการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2
1.3 ลูกเสือท่ีมีเวลาการเขารวมกิจกรรม มีการปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน / ช้ินงาน /
คุณลักษณะตามเกณฑท่ีสถานศึกษากําหนดเปนผูผานการประเมินรายกิจกรรมและนําผลการ
ประเมินไปบันทึกในระเบียนแสดงผลการเรียน
1.4 ลูกเสือที่มีผลการประเมินไมผานในเกณฑเวลาการเขารวมกิจกรรม การปฏิบัติ
กิจกรรมและผลงาน / ชิ้นงาน / คุณลักษณะตามที่สถานศึกษากําหนด ผูกํากับลูกเสือตองดําเนินการ
ซอมเสริมและประเมินจนผาน ท้ังนี้ควรดําเนินการใหเสร็จส้ินในปการศึกษาน้ัน ๆ ยกเวนมีเหตุ
สดุ วสิ ยั ใหอยูใ นดุลพนิ ิจของสถานศกึ ษา
2. การประเมนิ กิจกรรมลูกเสอื เพอ่ื การตดั สนิ ใจ
การประเมินกิจกรรมลูกเสือเพ่ือตัดสินควรไดรับเคร่ืองหมายและเล่ือนระดับทาง
ลูกเสือและจบการศึกษาเปนการประเมินการผานกิจกรรมลูกเสือเปนรายป / รายภาค / เพ่ือสรุปผล
การผา นในแตละกิจกรรม สรุปผลรวมเพื่อสรปุ ผลการผา นในแตละกจิ กรรม สรปุ ผลรวมเพอ่ื เล่ือนชนั้
ระดับลูกเสือและประมวลผลรวมในปสุดทายเพ่ือการจบแตละระดับการศึกษา โดยการดําเนินการ
ดังกลาวมแี นวทางปฏบิ ัติ ดงั น้ี
2.1 กําหนดใหมีผูรับผิดชอบในการรวบรวมขอมูลเก่ียวกับการเขารวมกิจกรรม
ลูกเสือของลูกเสอื ทกุ คนตลอดระดับการศกึ ษา
2.2 ผูรับผิดชอบสรุปและตัดสินใจผลการรวมกิจกรรมลูกเสือของลูกเสือเปน
รายบุคคล รายหมู ตามเกณฑท ่ีสถานศึกษากาํ หนด
เกณฑก ารตดั สนิ
1. กําหนดเกณฑการประเมินตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกําหนดไว
2 ระดับ คือผาน และ ไมผ า น
2. เกณฑก ารตดั สินผลการประเมินรายกจิ กรรม
ผา น หมายถึง ลูกเสอื มีเวลาเขารว มกจิ กรรมครบตามเกณฑ ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงาน
/ ช้นิ งาน / คุณลกั ษณะตามเกณฑท ่ีสถานศึกษากําหนด
ไมผาน หมายถึง ลูกเสือมีเวลาเขารวมกิจกรรมไมครบตามเกณฑ ไมผานการปฏิบัติ
กิจกรรมหรอื มีผลงาน / ชนิ้ งาน / คณุ ลักษณะไมเ ปนไปตามเกณฑท ีส่ ถานศึกษากําหนด
3. เกณฑการตดั สนิ ผลการประเมินกจิ กรรมลูกเสือรายป / รายภาค
ผาน หมายถึง ลูกเสือมีผลการประเมินระดับ “ผาน” ในกิจกรรมสําคัญตามหลักสูตร
ลูกเสือแตล ะประเภทกาํ หนด รวมถึงหลกั สูตรลกู เสอื ทักษะชีวิต
ไมผาน หมายถึง ลูกเสือมีผลการประเมินระดับ “ไมผาน” ในกิจกรรมสําคัญท่ีหลักสูตร
ลกู เสือแตล ะประเภทกาํ หนดและลกู เสือทกั ษะชวี ิต
4. เกณฑการตดั สินผลการประเมินกิจกรรมลูกเสือเพื่อจบหลักสูตรลูกเสือแตละประเภทเปน
รายชน้ั ป
ผาน หมายถึง ลูกเสือมีผลการประเมินระดับ “ผาน” ทุกช้ันปในระดับการศึกษานั้น
ไมผ าน หมายถงึ ลกู เสือมผี ลการประเมินระดบั “ไมผ าน” บางชัน้ ปใ นระดบั การศึกษาน้นั
คูมอื การจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทักษะชีวติ ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 2 143
2. การประเมนิ พฤตกิ รรมทกั ษะชวี ิตและคุณลักษณะทางลูกเสอื
2.1 ความสามารถทคี่ าดหวังใหเ กดิ ข้นึ กบั ลูกเสือโดยรวม คือ
1) ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห
2) ความสามารถในการคิดสรา งสรรค
3) ความสามารถในการเหน็ ใจผูอืน่
4) เห็นคณุ คาตนเอง
5) รับผิดชอบตอสงั คม
6) ความสามารถในการสอื่ สารเพ่ือสรางสมั พันธภาพ
7) ความสามารถในการตดั สินใจ
8) ความสามารถในการจัดการแกไขปญหา
9) ความสามารถในการจดั การกบั อารมณ
10) ความสามารถในการจัดการกับความเครียด
2.2 พฤติกรรมที่คาดหวังใหเกดิ ข้นึ กบั ลกู เสือโดยรวม คอื
1) ลูกเสือสํารอง
(1) มีทักษะในการสังเกตและจดจาํ
(2) พ่ึงตนเอง ดูแลตนเองได
(3) รูจักรักษาสิ่งแวดลอ ม
(4) ไมเจ็บปว ยดวยโรคตดิ ตอตามฤดูกาล
(5) ปฏิเสธส่งิ เสพติดทกุ ชนดิ
(6) พดู จาส่อื สารเชงิ บวก ไมก าวรา วรนุ แรง
(7) แกปญหาเฉพาะหนา ได
(8) ใหค วามชว ยเหลอื เพ่อื นในภาวะวิกฤติ
2) ลูกเสือสามญั
(1) มีทักษะในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลางแจง
(2) รว มกิจกรรมบาํ เพญ็ ประโยชนด วยจติ อาสา
(3) พง่ึ ตนเองและชว ยเหลอื ครอบครัว
(4) ไมด ม่ื นํ้าอัดลม
(5) ไมร บั ประทานขนมหวานและขนมกรบุ กรอบ
(6) ใชเวลาวางใหเปน ประโยชน
(7) รูจกั พูดเชงิ บวก ไมพ ดู กาวราวรุนแรง
(8) มคี วามซือ่ สตั ย ไมโกหก
(9) รูจักแกปญหาดว ยสันตวิ ิธี
(10) มนี าํ้ หนกั สวนสูงตามเกณฑม าตรฐาน
144 คูมอื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 2
3) ลูกเสือสามัญรุนใหญ
(1) มีทักษะในการทาํ กจิ กรรมตามความสนใจ
(2) มจี ติ อาสาทําประโยชน/ ไมก อ ความเดือดรอน ใหก ับครอบครวั
สถานศกึ ษา ชุมชน สงั คม
(3) ใชเ วลาวา งใหเปน ประโยชน
(4) รวมกจิ กรรมสง เสรมิ อนรุ ักษป ระเพณี ศิลปวฒั นธรรมไทย
(5) มที กั ษะการคิดวเิ คราะห การยับยงั้ ไมเปนทาสของสอ่ื โฆษณา
(6) มที กั ษะการใชป ระโยชนจาก Internet
(7) มีผลงาน/ โครงการการประหยดั พลงั งาน/ ทรพั ยากร
(8) มีการออมหรอื ทาํ บญั ชีรายรับ รายจา ยของตนเองอยางตอเนื่อง
(9) มที กั ษะการหลกี เลยี่ ง ลอดพนและไมเ กิดอุบัติเหตุจากการใช
ยานพาหนะ
(10) ไมเก่ยี วของกับสิ่งเสพติดทกุ ประเภท
4) ลกู เสอื วิสามญั
(1) มผี ลงาน/ โครงการเฉพาะท่ีเปน ประโยชนตอ ตวั เอง/ สังคม
(2) มจี ติ อาสาและบริการ
(3) รวู ธิ ีปอ งกนั / และหลกี เลยี่ งความเส่ยี งทางเพศ
(4) ใชเ วลากบั ส่ือ IT อยางเหมาะสม ไมเ กิดความเสยี หายตอวิถชี วี ติ ปกติ
ของตนเอง
(5) ไมเก่ยี วขอ งกับส่ิงเสพตดิ
(6) มคี า นยิ มดานสุขภาพอยางเหมาะสม ไมเ กดิ ผลเสยี ตามมา
(7) มคี านิยมดานการรับประทานอาหารทเ่ี หมาะสม ไมเกดิ ผลเสยี หาย
ตามมา
(8) มคี า นยิ มดานความงามที่เหมาะสมไมเกดิ ผลเสยี หายตามมา
(9) ไมมพี ฤตกิ รรมกา วราวและกอ เหตุรุนแรง
อางอิงจากผลลัพธก ารจัดกจิ กรรมลูกเสอื คูม อื Bench Marking
คูมอื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชีวติ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 2 145