The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานOBECQAขนาดมอญพิทยาคมจริง66

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นายประชุม ปุ่มแก้ว, 2023-08-28 10:35:27

รายงานOBECQAขนาดมอญพิทยาคมจริง66

รายงานOBECQAขนาดมอญพิทยาคมจริง66

39 ทักษะและการบริการส าหรับการศึกษาและการเรียนรู้ ดังตารางที่ 3.2 ก(2) วิธีสนับสนุนการเรียนและผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย ภาพที่7.2 ก(1)-1 ภาพที่ 7.2 ก(1)-2 และภาพที่ 7.2 ก(2)-1 ตารางที่ 3.2 ก(1) การก าหนดหลักสูตรโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคมและการให้บริการ หลักสูตร หลักสูตรเสริม กิจกรรมเสริมทักษะ การบริการส่งเสริม การศึกษาและการ เรียนรู้ 1. หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น 2. หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย -แผนการเรียนวิทยาศาสตร์- คณิตศาสตร์ -แผนการเรียนภาษา-สังคม -แผนการเรียนทวิศึกษา - วิชา IS - ภาษาที่ 2 ภาษาเขมร ภาษาจีน - กิจกรรมพัฒนาทักษะผู้เรียนด้านการอ่าน, การเขียน, กิจกรรมชุมนุม, กิจกรรมวันส าคัญทาง ศาสนา, กิจกรรมพัฒนาความเป็ นเลิศทางวิชาการ/ ศิลปะ/ดนตรี/ นาฏศิลป์ / กีฬา/ กรีฑา/ คอมพิวเตอร์, กิจกรรมสภานักเรียน กิจกรรมเสริมทักษะวิชาการ, กิจกรรมแนะแนว, กิจกรรมสาธารณประโยชน์, กิจกรรมสอนเสริมพิเศษ, กิจกรรมบริษัทสร้างการดี, กิจกรรมห้องเรียนสีขาว, กิจกรรม Big Cleaning Day เป็ นต้น ห้องสมุด, ห้องปฏิบัติการ คอมพิวเตอร์/ ภาษา/ วิทยาศาสตร์ (ฟิ สิกส์/ เคมี/ ชีววิทยา), ดนตรี, ศิลปะ, นาฏศิลป์ สภา นักเรียน, สนาม/ ลู่วิ่ง, ห้องปฏิบัติการเสริม พิเศษ, คลินิกเสมารักษ์ กลุ่มงานบริหารวิชาการ มอบหมายให้กลุ่มสาระการเรียนรู้และครูจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้สื่อและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข่นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ(Active Learning) กระบวนการชุมชนแห่งการเรี ยนรู้ ทางวิชาชีพและการเปิ ดชั ้นเรี ยน (Professional Learning Community - Lesson study : PLC-LS) จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนให้สอดคล้องกับศักยภาพของนักเรียนอย่าง หลากหลาย เช่น ชุมนุมรักบี ้ ชุมนุมบริษัทสร้างการดี มีการก ากับติดตาม นิเทศทุกภาคเรียน สรุปรายงาน น าผลที่ ได้ไปพัฒนาปรับปรุงปี ต่อๆ ไป จึงท าให้นักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีความพึงพอใจต่อหลักสูตร โรงเรียนมี หลักสูตรที่หลากหลายและจึงเป็ นที่นิยมของนักเรียน ดังภาพที่ 7.2 ก(1)-1 และภาพที่ 7.2 ก(1)-2 (2) การสนับสนุนนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (STUDENT and Stakeholder Support) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม มีบริการส่งเสริมการเรียนรู้ และบริการทางการศึกษา ด าเนินการ ตามขั ้นตอนโดยการส ารวจความต้องการ แต่งตั ้งคณะกรรมการผู้รับผิดชอบ ประชุมคณะกรรมการด าเนินงาน ประเมินผลการด าเนินงาน สรุปผลการปฏิบัติงานและน าผลไปพัฒนาปรับปรุงให้พัฒนาขึ ้นในปี ต่อไป ดังตารางที่ 3.2 ก(2) ตารางที่ 3.2 ก(2) วิธีสนับสนุนการเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การสนับสนุนนักเรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กลุ่มเป้ าหมาย วิธีด าเนินการ ผลที่ได้รับ 1. การพัฒนาด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ - ครูและบุคลากร ทางการศึกษา - นักเรียน - ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย - งานเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) ส ารวจความต้องการ -จัดหาคอมพิวเตอร์และระบบ อินเตอร์เน็ต - ให้บริการ - ประเมินผล/รายงานผลการ - ได้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่เป็ น ประโยชน์แก่นักเรียนและผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย การได้รับความร่วมมือ และ การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ - นักเรียนมีทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และได้เข้าร่วมแข่งขัน


40 ตารางที่ 3.2 ก(2) วิธีสนับสนุนการเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ต่อ) การสนับสนุนนักเรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กลุ่มเป้ าหมาย วิธีด าเนินการ ผลที่ได้รับ 2. การส่งเสริมทักษะการอ่าน - นักเรียนที่อ่านไม่ คล่อง เขียนไม่คล่อง - กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ส ารวจนักเรียน -ออกแบบกิจกรรม -จัดกิจกรรม เช่น คลินิกภาษาไทย - ประเมินผล - รายงานผล - นักเรียนมีความสามารถในการอ่าน การ เขียน คิดวิเคราะห์ และประเมินค่าจากสิ่งที่ อ่าน 3. การส่งเสริมจิตอาสาและท า ความดี - นักเรียน - ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ประชาสัมพันธ์กิจกรรม - ร่วมกิจกรรมเด็ก ข.พ.ท าดี - ประเมินผล รายงานผล - นักเรียนมีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน และชุมชน - นักเรียนมีส่วนร่วมในการท าความดีเก็บ ของได้แล้วน าส่งคืน 4. การส่งเสริมด้านความเป็ น เลิศทางกีฬา/กรีฑา/ด้านตรี ศิลปะ นาฏศิลป์ สภานักเรียน - นักเรียน - ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย - กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ กลุ่ม สาระการเรียนรู้สุขศึกษา พลศึกษา และงานกิจการนักเรียน วางแผน ประขุม เตรียมการ -ออกแบบกิจกรรม -จัดกิจกรรม เช่น ชุมนุมดนตรี ชุมนุมรักบี ้ สภานักเรียน เป็ นต้น - ประเมินผล - สรุปผลและรายงานผล - นักเรียนเข้าร่วมแข่งขันกีฬา วอลเลย์บอล เซปักตะกร้อ ฟุตบอล รักบี ้ ฮ๊อกกี ้ กรีฑา -นักเรียนได้รับการพัฒนาทักษะทางด้าน ดนตรี ศิลปะ นาฎศิลป์ และสภานักเรียน - นักเรียนได้เข้าร่วมแข่งขันในระดับจังหวัด ภาค ชาติ และนานาชาติ - เกิดความผูกพันระหว่างนักเรียน ผู้มีส่วน ได้ส่วนเสีย ได้รับเงินสนับสนุน จากศิษย์ เก่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 5. ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน - นักเรียน - ครู - ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย - กลุ่มงานบริหารทั่วไป วางแผน ประชุม ก าหนดตารางกิจกรรม -จัดกิจกรรม เช่น เยี่ยมบ้านนักเรียน คัดกรองนักเรียน โครงการขนาด มอญพิท สร้างชีวิตใหม่ - ประเมินผล สรุปผล รายงานผล นิเทศ และก ากับติดตาม - นักเรียนได้รับการส่งเสริมพัฒนา การ ป้ องกันและการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที - ครูได้รู้จักนักเรียนในทุกๆ ด้าน - ได้ข้อมูลย้อนกลับ ท าให้ครู/ นักเรียน/ ผู้ปกครองมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน - โรงเรียนได้รับรางวัลระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียน 6. กิจกรรมเพื่อส่งเสริมนักเรียน ให้เตรียมความพร้อมในการ แข่งขันทักษะทางวิชาการ การยกระดบัผลสมัฤทธิ์ทางการ เรียน O-NET ม.3 และ ม.6 การสอบเข้าศึกษาต่อ - นักเรียน - ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย - กลุ่มงานบริหารวิชาการ วางแผน ออกแบบกิจกรรม -จัดกิจกรรม เช่นสอนเสริม - ประเมินผล - ก ากับติดตาม - สรุปและรายงานผล - นกัเรียนมีผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนที่ดขีึน้ - นักเรียนได้รับรางวัลจากการเข้าร่วมการ แข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน - โรงเรียนได้เผยแพร่ผลการแข่งขันผ่านเว็ป ไซต์โรงเรียน Facebook/ วารสาร -ประชาสัมพันธ์ ให้นักเรียน ผู้มีส่วนได้ส่วน เสียได้รับทราบ 7. กิจกรรมบริษัทสร้างการดี - นักเรียน - ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนประชุม วางแผน ออกแบบกิจกรรม -จัดกิจกรรม ได้แก่ การสานไม้ไผ่ท า กระเป๋ าจัดจ าหน่าย ประเมินผล - นิเทศก ากับติดตาม สรุปผลและ รายงานผล - นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมมีคุณธรรมหลัก 5 ประการของบริษัทสร้างการดี - นักเรียนที่เข้าร่วมแข่งขันได้รับรางวัลรอง ชนะเลิศระดับประเทศ


41 โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ได้ด าเนินการทบทวนช่องทางการเข้าถึงสารสนเทศของนักเรียนและ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสยให้มีความเหมาะสม มีการแจ้งอย่างเป็ นทางการวมถึงการติดประกาศ แจ้งช่องทางการค้นหา สารสนเทศให้นักเรียนและผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ ส่งผลต่อความส าเร็จในการด าเนินการเชื่อมโยงไปสู่ผลลัพธ์ ภาพ ที่ 7.2 ก(1)-3 และภาพที่ 7.2 ก(1)-4 ซึ่งแสดงถึงผลลัพธ์ความพึงพอใจของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการ สนับสนุนที่จัดให้มีความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจตาม 1.ก(2) การออกแบบหลักสูตรและกระบวนการ 6.1ก และเสียงของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามข้อ 3.1 (3) การจ าแนกนักเรียน (STUDENT Segmentation) กลุ่มบริหารวิชาการโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคมใช้สารสนเทศที่เกี่ยวกับนักเรียน ตลาด และ หลักสูตร ในการจ าแนกกลุ่มนักเรียน นักเรียนในอดีต นักเรียนในปัจจุบัน นักเรียนในอนาคต และผู้ปกครอง ซึ่ง กลุ่มนักเรียนปัจจุบันและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ นักเรียนชั ้นมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนชั ้นมัธยมศึกษาตอน ปลาย นักเรียนอดีต ได้แก่ นักเรียนที่จบการศึกษาชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3และชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 นักเรียนอนาคต ได้แก่ นักเรียนชั ้นประถมศึกษาปี ที่ 6 และชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 ในเขตพื ้นที่และนอกพื ้นที่ ที่สมัครเข้าศึกษาต่อ ระดับชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1และชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่4 โดยสามารถสรุปได้ตามตารางที่ 3.2 ก(3) ดังนี ้ ตารางที่ 3.2 ก(3) แสดงการจ าแนกนักเรียน ล าดับขั้นตอน นักเรียนปัจจุบัน นักเรียนอดีต นักเรียนอนาคต นักเรียนคู่เทียบ 1. ก าหนด กลุ่มเป้ าหมาย (P) นักเรียนชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่3 ชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่3 - โรงเรียนในเขตพื ้นที่และ นอกเขตพื ้นที่ - นักเรียนชั ้นประถมศึกษาปี ที่ 6 และชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 โรงเรียนสังขะ 2. ศึกษาความต้องการ ของตลาด (D) - ต้องการศึกษาชั ้น มัธยมศึกษาปี ที่ 4 และ ผู้ปกครอง สร้ างความผูกพันที่ดี - โรงเรียนได้รับการยอมรับ จากกลุ่มเป้ าหมาย ความต้องการ ทางการศึกษา 3. วิเคราะห์นักเรียนให้ สอดคล้องกับหลักสูตร (C) - ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน -แผนการเรียน - ความสามารถพิเศษ - ความประพฤติ - ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน -แผนการเรียน - ความสามารถพิเศษ - ความประพฤติ - 4. การสร้ างโอกาสใน การเติบโต (A) -จ านวนนักเรียนในแต่ละ ห้อง -แผนการเรียนตรงตามความ ต้องการของนักเรียน - -จ านวนนักเรียนแต่ละห้อง เพิ่มขึ ้น - เพิ่มแผนการเรียนตรงกับ ความต้องการของนักเรียน - อย่างไรก็ตามขั ้นตอนดังกล่าวข้างต้น คณะท างานกลุ่มบริหารวิชาการได้ประชุมปรึกษาหารือกับ ฝ่ ายบริหาร ครูที่ปรึกษา และครูแนะแนว เพื่อก าหนดกลุ่มเป้ าหมายและส่วนตลาด เพื่อสร้างโอกาสการเติบโต และ เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด


42 ข. การสร้างความสัมพันธ์กับนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Building STUDENT and Stakeholder Relationships) (1) การจัดการความสัมพันธ์(Relationship Management) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม จัดกิจกรรมที่เน้นการมีส่วนร่วมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ ความ รัก และความผูกพันของบุคลากรกับนักเรียนและชุมชน โดยเริ่มจากการส ารวจความต้องการของนักเรียน ผู้มีส่วน ได้ส่วนเสีย แต่งตั ้งคณะกรรมการด าเนินงาน จัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ดังนี ้ (1) กิจกรรมที่ส่งเสริมและสร้างความเข้าใจอันดีของโรงเรียนที่มีต่อนักเรียนใหม่ เช่น กิจกรรม ส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมปฐมนิเทศ อบรมคุณธรรม จริยธรรม ชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1และ 4 (2) กิจกรรมที่ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของนักเรียนในแต่ละช่วงเวลาตาม แผนปฏิบัติการ เช่น โครงการของกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (3) ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนมีคู่มือการปฏิบัติงานของครูที่ปรึกษา ก าหนด กิจกรรมการพัฒนานักเรียนระหว่างครูกับนักเรียนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ร่วมกันกับผู้ปกครอง หน่วยงาน องค์กร ชุมชน ตลอดจนผู้มีความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนส่งเสริมแก้ไขพัฒนานักเรียนอย่างเหมาะสม (4) กิจกรรมแนะแนวเชิงรุกที่ม่งุสู่อนาคตและผลสมัฤทธิ์ของนกัเรียน การแนะแนวการศึกษา ต่อการจัดสรรเงินทุนการศึกษาให้กับนักเรียน การเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนในการเข้าเรียนระดับอุดมศึกษา ได้แก่ การจัดการสอนเสริม จัดท าสถิติการสอบเข้าเรียนต่อเพิ่มขึ ้นอย่างต่อเนื่อง และการประกอบอาชีพ (5) กิจกรรมการสร้ างความสัมพันธ์กับนักเรียน ผู้ ปกครอง และชุมชน เช่นการประชุม ผู้ปกครองนักเรียน การเยี่ยมบ้านนักเรียน กิจกรรม Open House กิจกรรมสังฆทานร่วมใจ เทิดไท้องค์ราชัน สาน สัมพันธ์ตาตุม กิจกรรมของดีบ้านฉัน วัฒนธรรมบ้านเรา กระบวนการจัดการความสัมพันธ์ หลังจากที่มีการส ารวจ แต่งตั ้งคณะกรรมการด าเนินงาน หลังจากนั ้นมีการจัดกิจกรรมและเมื่อกิจกรรมเสร็จสิ ้นลงมีการประเมินความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรม เกิดเป็ น ผลลัพธ์ดังภาพที่ 7.2 ก(1)-5 และภาพที่ 7.2 ก(2)-2 (2) การจัดการกับข้อร้องเรียน (Complaint Management) โรงเรียนมีวิธีการจัดการกับข้อร้ องเรียนโดยคณะกรรมการประกันคุณภาพการจัดการศึกษาใช้ วิธีการและกระบวนการจัดการกับข้อร้องเรียน และข้อร้องเรียนได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพที่ จะท าให้ความเชื่อมั่นของนักเรียนกลับมา รวมทั ้งเกิดความพึงพอใจและความผูกพันของนักเรียนและหลีกเลี่ยง ไม่ให้ข้อร้องเรียนลักษณะเดียวกันเกิดซ ้าในอนาคตได้ ดังตารางที่ 3.2 ข(1)


43 ตารางที่ 3.2 ข(1) แสดงกระบวนการและวิธีการจัดการข้อร้องเรียนขนาดมอญพิทยาคม ขั้นตอน วิธีการ เป้ าหมาย 1. ก าหนดช่องทางรับ ข้อร้องเรียน การสัมภาษณ์ สอบถาม สื่อสารทางโทรศัพท์ โทรสาร กล่องรับฟัง ความคิดเห็น การประชาสัมพันธ์ วารสารประชาสัมพันธ์ของ โรงเรียน สื่อสังคมออนไลน์ การประชุมผู้ปกครอง นักเรียนปัจจุบัน, ผู้ปกครอง, ศิษย์เก่า, คณะกรรมการโรงเรียน, ผู้แทนชุมชน 2. วิเคราะห์ประเด็น ข้อร้องเรียน ประชุมกลุ่มสาระฯ/งาน/คณะกรรมการที่รับผิดชอบทุกเดือนเพื่อ วิเคราะห์ประเด็นการร้องเรียนทั ้งหมด คณะกรรมการกลุ่มสาระ และคณะท างาน 3.จัดล าดับประเภท ข้อร้องเรียน จัดล าดับความส าคัญว่าข้อร้องเรียนใดมีผลกระทบมากน้อย หรือ ปัญหาเร่งด่วน เพื่อวางแผนด าเนินการโดยด่วน ในกรณีที่เร่งด่วน โรงเรียนรายงานต่อผู้อ านวยการโรงเรียนเพื่อให้ ผู้อ านวยการโรงเรียนรับทราบและจัดการกับข้อร้องเรียนได้ ทันท่วงที ผู้ที่ได้รับการร้องเรียน 4. สืบค้นตรวจสอบข้อ ร้องเรียน ประเมินข้อเท็จจริงข้อร้องเรียนและส่งไปยังหัวหน้ากลุ่มงานที่ เกี่ยวข้องเพื่อด าเนินการตามข้อร้องเรียน โดยหากมีปัญหา ด าเนินการส่งต่อตามล าดับ คือคณะกรรมการด าเนินการ หัวหน้า กลุ่มงาน ผู้บริหารโรงเรียน และคณะกรรมการบริหารโรงเรียน คณะกรรมการกลุ่มสาระ และคณะท างาน 5. ติดตามผลการ ด าเนินการตามข้อ ร้องเรียน แจ้ง/ชี ้แจงข้อร้องเรียนต่อผู้ร้องเรียน /ข้อเสนอแนะ เจ้าหน้าที่และคณะท างาน 6. ปรับปรุงกระบวนการ จัดการข้อร้องเรียน ทบทวนข้อร้องเรียนและน าไปปรับปรุงกระบวนการท างานให้ดีขึ ้น คณะกรรมการด าเนินงาน


44 หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์และการจัดการความรู้ (Measurement, Analysis and Knowledge Management) 4.1 การวัด การวิเคราะห์ และการปรับปรุงผลการด าเนินการของโรงเรียน (Measurement, Analysis andImprovement of Organization Performance) ก. การวัดผลการด าเนินการ (PERFORMANCE MEASUREMENT) (1) ตัววัดผลการด าเนินการ (PERFORMANCE MEASURE) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคมมีวิธีการในการใช้ข้อมูลและสารสนเทศเพื่อตดตามการปฏิบัติงาน ประจ าวันและผลการด าเนินการโดยรวมของโรงเรียนเริ่มจากการศึกษากลยุทธ์เพื่อก าหนดเป้ าประสงค์และ วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธจากนั ้นก านดตัวชัดความส าเร็จและตัววัดผการด าเนินงานจากนั ้นมอบหมายงานให้แต่ละ ฝ่ ายที่รับผิดชอบไปด าเนินการ นอกจากนี ้ยังมีการติดตามตัววัดผลจากการด าเนินงานของแต่ละฝ่ าย หากพบว่า ผลการด าเนินงานไม่บรรลุตัววัตถุประสงค์จะมีการก าหนดระยะเวลาติดตามตัววัด ก าหนดค่าเป้ าหมาย และ ก าหนดเครื่องมอวัดผลขึ ้นใหม่และน าไปด าเนินการอีกครั ้ง แต่หากผลการด าเนินงานบรรลุตามวัตถุประสงค์ก็จะ รายงานผลการด าเนินงานให้ฝ่ ายบริหารทราบต่อไป ตามภาพที่ 4.1ก(1)-1 โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม มีแนวทางในการก าหนดตัววัดผลการด าเนินการของโรงเรียนตาม วงจรการบริหารงานด้วยระบบคุณภาพ MONPIT MODEL โดยการวิเคราะห์แผนกลยุทธ์ ปี 2560-2564 (แผน กลยุทธ์ 5 ปี) ร่วมกับคณะกรรมการบริหารโรงเรียน ได้คัดเลือกตัววัดผลการด าเนินการจากเป้ าประสงค์และตัวชี ้วัด ความส าเร็จ ได้ทั ้งหมด 15 ตัววัดส าคัญ คือ 1.โรงเรียนมีคุณภาพการศึกษาตามหลักสูตรมาตรฐานสากล, 2.พัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีศักยภาพเป็ นพลโลก, 3.นักเรียนมีความเป็ นเลิศทางด้านวิชาการและอัตลักษณ์ของ โรงเรียน, 4.พัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21, 5.ปลูกฝังนักเรียนให้มีคุณธรรมจริยธรรม ภาพที่ 4.1ก(1)-1 กระบวนการวัด วิเคราะห์ ทบทวน ปรับปรุงผลการ ด าเนินงาน เป้ าประสงค์ กลยุทธ์ ตัวชี ้วัด ตัวชี ้วัด การท างาน สื่อสาร ฝ่ าย/งานที่ รับผิดชอบ ติดตำมตัววัดผล วัตถุประสงค์ เชิงผลยุทธ์ ไม่บรรลุเป้ าหมาย บรรลุเป้ าหมาย รำยงำนผลกำร ด ำเนินงำน -ก าหนดระยะเวลาติดตาม ตัวชี ้วัด -ก าหนดค่าเป้ าหมาย -ก าหนดเครื่องมือวัด ผลกำรด ำเนินงำน


45 ส านึกในความเป็ นไทย, 6.ส่งเสริมนักเรียนและ บุคลากรน้อมน าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการ ด าเนินชีวิต, 7.ส่งเสริมให้นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร, 8. สร้ างความตระหนักเสริมสร้ าง ภูมิคุ้มกัน ให้นักเรียนห่างไกลสิ่งเสพติด และอบายมุข, 9,สร้างความตระหนักแก่ นักเรียนให้รู้คุณค่า ร่วมอนุรักษ์ และพัฒนาสิ่งแวดล้อม, 10.ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสุขภาวะที่ดีและมีสุนทรียภาพ, 11.โรงเรียนมีครูและบุคลากรที่ สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้อย่างมีคุณภาพ, 12.โรงเรียนมีการพัฒนาองค์กรด้านการบริหารจัดการอย่างมี ประสิทธิภาพ, 13. โรงเรียนมีอาคารสถานที่ ภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อมที่สวยงามมีบรรยากาศเหมาะสมและเอื ้อต่อ การเรียนรู้และการบริหารจัดการ, 14. โรงเรียนมีการจัดระบบสารสนเทศและการสื่อสารที่เอื ้อต่อการเรียนรู้และการ บริหารจัดการ, 15. โรงเรียนมีเครือข่ายพัฒนาการเรียนรู้และ ส่งเสริมความร่วมมือของผู้ปกครอง ชุมชนและองค์กร อื่น ๆใ นการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียน เพื่อให้มั่นใจว่าตัววัดส าคัญตรงต่อความต้องการ และความคาดหวัง ของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยตัววัดส าคัญทั ้งหมดจะถูกจัดล าดับความส าคัญผ่านการคัดกรองสู่การ คัดเลือกตัววัดส าคัญ จากนั ้นน าเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการตัววัดส าคัญ และข้อตกลงประเมินผล และขอ ความเห็นชอบก าหนดเป็ นตัวชี ้วัดระดับโรงเรียน โรงเรียนได้ท าบันทึกตกลงประเมินผลที่สอดคล้องไปในแนวทาง เดียวกัน 2 ระดับ คือ 1) บันทึกข้อตกลงกับคณะกรรมการบริหารโรงเรียน ร่วมกันพิจารณาตัวชี ้วัดระดับโรงเรียน และ 2) บันทึกข้อตกลงกับกลุ่มงานคณะกรรมการกลุ่มงานต่าง ๆ ทั ้ง 4 กลุ่มงาน ร่วมกันพิจารณาตัวชี ้วัด เมื่อได้ตัวชี ้วัดระดับโรงเรียน ระดับกลุ่มงาน และระดับปฏิบัติการแล้ว พิจารณามอบหมาย ผู้รับผิดชอบ พร้อมก าหนดค่าเป้ าหมาย และค่าเกณฑ์วัด ชี ้แจงเป็ นเอกสารสื่อสารให้ทุกกลุ่มงานเข้าใจตรงกัน งาน นโยบายและแผนงาน และงานประกันคุณภาพภายในจะนัดหมายผู้รับผิดชอบประชุมหารือเพื่อคัดเลือกข้อมูลที่ ส าคัญและก าหนดเป็ นความถี่ของการรวบรวม และรายงานข้อมูลตาม KPI ทั ้งระดับโรงเรียน กลุ่มงาน และระดับ ปฏิบัติการ การรายงานผลการด าเนินงานตามโครงการตามแผนปฏิบัติการสู่ระดับบริหารและคณะกรรมการงาน นโยบายและแผนงาน มีหน้าที่ตรวจทานข้อมูลก่อนสรุป เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโรงเรียน พร้อม รายงาน การวิเคราะห์ และการคาดการณ์แนวโน้มผลการด าเนินงาน หากผลการด าเนินการ ไม่เป็ นไปตาม เป้ าหมาย จะประสานงานกลุ่มงาน/งานที่รับผิดชอบ จัดท าข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข พร้ อมรายงาน ความก้าวหน้าให้กับที่ประชุมได้รับทราบในครั ้งต่อไป จากนั ้นงานนโยบายและแผนงาน มีการรายงานผลเป็ นรายปี งานนโยบายและแผนงานจะท าการทบทวนการติดตามผลการด าเนินงานในปี การศึกษา 2562- 2564 ได้ปรับปรุงรายงานตัวชี ้วัดระดับโรงเรียน เพื่อติดตามการปฏิบัติงานประจ าวันและผลการด าเนินงาน โดยรวมของโรงเรียนดังตาราง 4.1ก(1) ผลการวิเคราะห์ตัวชี ้วัดระดับโรงเรียน


46 ตาราง 4.1ก(1)-2 ผลการวิเคราะห์ตัวชี ้วัดระดับโรงเรียน การด าเนินการ การติดตามตัววัดและด าเนินการ ฝ่ าย/ รายวัน รายภาค รายปี ผู้รับผิดชอบ 1. โรงเรียนมีคุณภาพการศึกษาตามหลักสูตร มาตรฐานสากล วิชาการ/งาน หลักสูตร 2.พัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีศักยภาพเป็ นพลโลก วิชาการ/งาน พัฒนาผู้เรียน 3.นักเรียนมีความเป็ นเลิศทางด้านวิชาการและอัต ลักษณ์ของโรงเรียน วิชาการ/งาน หลักสูตร 4.พัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้ใน ศตวรรษที่ 21 วิชาการ/งาน หลักสูตร 5.ปลูกฝังนักเรียนให้มีคุณธรรมจริยธรรม ส านึกใน ความเป็ นไทย วิชาการ/งาน พัฒนาผู้เรียน 6.ส่งเสริมนักเรียนและ บุคลากรน้อมน าหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการด าเนินชีวิต วิชาการ/งาน พัฒนาผู้เรียน 7.ส่งเสริมให้นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตาม หลักสูตร วิชาการ/งาน พัฒนาผู้เรียน 8. สร้างความตระหนักเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ให้นักเรียน ห่างไกลสิ่งเสพติด และอบายมุข บริหารทั่วไป/ กิจการนักเรียน 9.สร้างความตระหนักแก่ นักเรียนให้รู้คุณค่า ร่วม อนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม บริหารทั่วไป/ กิจการนักเรียน 10.ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีสุขภาวะที่ดีและมีสุนทรียภาพ วิชาการ/งาน หลักสูตร 11.โรงเรียนมีครูและบุคลากรที่สามารถจัดกิจกรรม การเรียนรู้ได้อย่างมีคุณภาพ บุคคล 12.โรงเรียนมีการพัฒนาองค์กรด้านการบริหารจัดการ อย่างมีประสิทธิภาพ งบประมาณ/ งานแผนงาน 13. โรงเรียนมีอาคารสถานที่ ภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อม ที่สวยงามมีบรรยากาศเหมาะสมและเอื ้อต่อการเรียนรู้ และการบริหารจัดการ บริหารทั่วไป/ อาคารสถานที่ 14. โรงเรียนมีการจัดระบบสารสนเทศและการสื่อสาร ที่เอื ้อต่อการเรียนรู้และการบริหารจัดการ บริหารทั่วไป/ ประชาสัมพันธ์ 15. โรงเรียนมีเครือข่ายพัฒนาการเรียนรู้และ ส่งเสริม ความร่วมมือของผู้ปกครอง ชุมชนและองค์กรอื่น ๆใ นการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียน บุคคล/งาน ชุมชน


47 ตัวชี ้วัดทั ้ง 3 ด้าน จะถูกถ่ายทอดตามล าดับชั ้นลงไปถึงบุคลากรผู้ปฏิบัติการทุกคนตามระบบ บริหาร ผลการปฏิบัติงาน โดยตัววัดส าคัญระดับกลยุทธ์จะถูกถ่ายทอดลงสู่ระดับปฏิบัติการ โดยการประเมิน ประสิทธิภาพประสิทธิผลการปฏิบัติงาน ทั ้ง 3 ด้าน คือ ด้านผู้เรียน ด้านครู และด้านโรงเรียน ให้มีการปฏิบัติ สอดคล้ องไปในแนวทางเดียวกัน แล้ วเชื่อมโยงไปสู่กระบวนการพิจารณาเลื่อนขั ้นเงินเดือน และ กระบวนการพัฒนาขีดความสามารถ ซึ่งเป็ นกระบวนการประกันคุณภาพภายใน โดยบุคลากรทุกคนจะน าเสนอ ผลงานตามตัววัดส าคัญในการประเมินผล เพื่อให้การจัดการผลการปฏิบัติงานบรรลุผลส าเร็จ (2) ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Data) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคมก าหนดข้อมูลที่ใช้เปรียบเทียบด้วยข้อมูลย้อนหลัง 2 ปี สองปี และ เปรียบเทียบกับโรงเรียนคู่เทียบ ซึ่งโรงเรียนขนาดมอลพิทยาคม เป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีบริบทเป็ นสังคมชนบท จากการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ โรงเรียนได้เลือกคู่เทียบโดยใช้ผลการทดสอบทางการศึกษาขั ้นพื ้นฐานระดับชาติ (ONET) เลือกโรงเรียนังขะเป็ นโรงเรียนคู่เทียบ ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลายโดย มีขั ้นตอนดังนี ้ 1) ก าหนดเรื่องล าดับที่การเปรียบเทียบผลการด าเนินงานของโรงเรียนโดยน าผลลัพธ์มา เปรียบเทียบกับโรงเรียนที่เป็ นคู่เทียบในการแข่งขันภายในจังหวัด ในประเด็นที่เป็ นเป้ าหมายของการพัฒนาจะ เทียบเคียงคือผลการทดสอบการศึกษาขั ้นพื ้นฐานระดับชาติ2)น าผลการเปรียบเทียบมาสรุปวิเคราะห์หาวิธีการ พัฒนาสู่ความส าเร็จและน ามาปรับปรุงกระบวนการเพื่อเป็ นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของฝ่ ายบริหารและ หน่วยงานในโรงเรียนรวมทั ้งน าไปสร้ างนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้เกิดความส าเร็จของงานได้ 3)ทบทวนเพื่อหา ข้อบกพร่องโดยน าประเด็นที่จะน าไปสู่ความส าเร็จเก็บเป็ นข้อมูลไว้ในระบบสาระสนเทศ เช่น ผลสมัฤทธิ์ทางการ เรียนผลการทดสอบทางการศึกษาขั ้นพื ้นฐานระดับชาติ(ONET) ในระดับชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 และชั ้น มัธยมศึกษาปี ที่ 6 โดยน าผลมาวิเคราะห์ เปรียบเทียบกับสถานศึกษาอื่นที่เป็ นคู่เทียบในการแข่งขันผลที่ปรากฏ ต้องมีการย้อนกลับไปศึกษาถึงสาเหตุที่ท าให้เกิดผลอย่างนั ้นเพื่อแก้ไขพัฒนาหรือปรับปรุงต่อไป 4) การด าเนินการ จัดการท าแผนงานเพื่อปรับปรุงให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและพัฒนาแนวทางปฏิบัติให้ดีขึ ้น 5)สรุปผลการด าเนินงาน โรงเรียนได้มอบหมายให้กลุ่มบริหารวิชาการสร้างความเข้าใจกับคณะครูและบุคลากรเลือกข้อมูล สาระสนเทศเชิงเปรียบเทียบเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในระดับกลยุทธและระดับปฏิบัติการโรงเรียนใช้ข้อมูล เปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ก าหนดและใช้ข้อมูลย้อนหลังของโรงเรียนเบิร์ดพิทยาสรรค์ใช้เกณฑ์มาตรฐานของสอมอ สอได้แก่โรงเรียนมาตรฐานสากลมาเป็ นข้อมูลเชิงเปรียบเทียบโดยเลือกตัวชี ้วัดที่เป็ นไปตามเป้ าหมายมาพิจารณา ว่า สามารถหาแนวทางการพัฒนาและปฏิบัติอย่างจริงจังได้เป็ นไปตามเป้ าหมายคณะกรรมการบริหารโรงเรียนได้ นิเทศติดตามตรวจสอบผลการด าเนินงานในช่วงสิ ้นเดือนมีนาคมของทุกปี (3) ข้อมูลนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (STUDENT and STAKEHOLDER Data) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคมมอบหมายให้คณะกรรมการประกันคุณภาพภายในท าหน้าที่เก็บ ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างงานทั ้ง 4 กลุ่ม วิธีการเลือกและสร้างความมั่นใจโดยการวัดและประเมินภายในปี ละ 2 ครั ้ง


48 เพื่อให้ได้คนที่น่าเชื่อถือโดย 1) รวบรวมข้อมูลจากหมวด 3 นักเรียนและมู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย 2) จัดการข้อมูลเป็ น สารสนเทศเพื่อสะดวกต่อการใช้งาน เช่น การจัดเก็บระบบสารสนเทศผลการสอบ O-NET ของนักเรียนชั ้น มัธยมศึกษาปี ที่ 3 และนักเรียนชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ให้เป็ นระบบใน Google drive 3) จัดหมวดหมู่สารสนเทศ เช่น การจัดข้อมูลต่างๆของผู้เรียน การมาเรียน การร่วมกิจกรรม น ้าหนักส่วนสูง ฯลฯ 4) มอบหมายผู้รับผิดชอบ ตามหวมดหมู่สารสนเทศที่จ าแนกไว้ เช่น ข้อมูล การมาเรียนของนักเรียน กลุ่มงานบริหารทั่วไปก็จะน าเป็ นใช้ใน การติกตามนักเรียนราบบุคคลต่อไป 5) จัดล าดับความส าคัญของสารสนเทศในการด าเนินการเก็บข้อมูล 6) ผู้รับผิดชอบตามหมวดหมู่น าสารสารสนเทศไปใช้ 7) ประเมินผลการใช้งานสารสนเทศเพื่อพัฒนาต่อไป ดังภาพที่ 4.1 ก(3) (4) ความคล่องตัวของการวัดผล (Measurement Agility) มีความมั่นใจในระบบวัดผลการด าเนินงานของโรงเรียนสอดคล้องกับ 4.1 ก(1) 4.2 ข(1) คุณภาพของสารสนเทศที่สามารถตอบสนองความเปลี่ยนแปลงทั ้งภายใน และภายนอกโรงเรียนที่เกิดขึ ้นอย่าง รวดเร็วหรือที่ไม่ได้คาดคิดจาก 1) กระบวนการวัดผลอย่างต่อเนื่อง 2) วัดซ ้าในกรณีที่เกิดความไม่แน่ใจในข้อมูล ที่วัดเพียงครั ้งเดียว เช่น ความพึงพอใจ ความผูกพันของนักเรียนต่อหลักสูตรการเรียนการสอน การบริการทาง การศึกษา ซึ่งจะใช้การสุ่ม และวัดซ ้าอย่างน้อยปี ละ 2 ครั ้ง หรือภาคเรียนละครั ้ง ส าหรับข้อมูลผลการเรียนรู้ ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนจะมีการวดัอย่างน้อย 2 ครั ้งต่อหน่วยการเรียนรู้ วัดผลกลางภาค และวัดผลปลายภาค รวบรวมข้อมูล จัดหมวดหมู่ จัดล าดับความส าคัญ น าสารสนเทศไปใช้ จัดท าสารสนเทศ มอบหมายผู้รับผิดชอบ ประเมินผลการใช้งาน ภาพที่ 4.1 ก(3) กระบวนการใช้ข้อมูลสารสนเทศจากนักเรียนและผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย


49 เรียน 3) มีการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการจัดสอบ ทั ้งข้อสอบรายหน่วย การสอบก่อนเรียน หรือหลังเรียนโดย ระบบ และ4) สามารถแจ้งผลการวิเคราะห์ผู้สอบได้ทันที ครูทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ใช้วิธีวัดผลที่สามารถ ตอบสนองความเปลี่ยนแปลงทั ้งภายใน และภายนอกโรงเรียนที่เกิดขึ ้นอย่างรวดเร็วหรือที่ไม่ได้คาดคิด งานประกันคุณภาพภายใน ทบทวนปรับปรุงกระบวนการนิเทศภายในของโรงเรียน โดยก าหนด กรอบเวลาในการรายงานผลการด าเนินงานที่ชัดเจนตามตัววัดส าคัญ น าเสนอข้อมูลผลการด าเนินงานจริงตาม เป้ าหมายต่อคณะกรรมการบริหารโรงเรียน และคณะครู นอกจากนี ้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือนโยบายเร่งด่วน มีการแต่งตั ้งผู้รับผิดชอบในรูปแบบคณะท างานเพื่อควบคุม ก ากับดูแล และติดตามผลการด าเนินงานให้ทันต่อ การเปลี่ยนแปลงเชื่อมโยงกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ข. การวิเคราะห์และทบทวนผลการด าเนินการ (PERFORMANCE ANALYSIS and Review) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม มีกระบวนการทบทวนผลการด าเนินงานตามตาราง 4.1ข ด้วยการ ติดตามและรายงานผลการด าเนินงาน โดยผลการด าเนินการดังกล่าวจะถูกรวบรวมโดยงานประกันคุณภาพ การศึกษาที่ได้จากกลุ่มงานผู้รับผิดชอบ เพื่อประเมินความส าเร็จตามกลยุทธ์ และติดตามความก้าวหน้าของ แผนงาน และแผนปฏิบัติการประจ าปี รวมทั ้งปรับเปลี่ยนแผนงานเมื่อมีความจ าเป็ นโดยใช้ค่าเปรียบเทียบกับ เป้ าหมายและน าเสนอผ่านคณะกรรมการบริหารโรงเรียน และการประชุมคณะครูทั ้งโรงเรียน นอกจากนี ้ งาน ประกันคุณภาพภายใน ได้น าข้อมูลผลการด าเนินงาน ข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบตาม ข้อ 4.2 มา วิเคราะห์ และน าผลการวิเคราะห์เสนอต่อคณะกรรมการบริหารโรงเรียนเพื่อประกอบการทบทวนขีดความสามารถ ของโรงเรียนในกระบวนการวางแผนกลยุทธ์ ส าหรับการวิเคราะห์ข้อมูลสนับสนุนเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ผลการด าเนินงาน เป็ นไปตามตาราง 4.1ก (1) ทั ้งนี ้มีกระบวนการในการใช้ผลการทบทวนตรวจประเมินผลส าเร็จของโรงเรียน ผลการด าเนินการในเชิงแข่งขัน และความก้าวหน้าเทียบกับวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ และแผนปฏิบัติการ รวมถึงการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ต่อ ความต้องการของโรงเรียน และความท้าทายในสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงในกรณีที่การด าเนินการ ไม่เป็ นไป ตามเป้ าหมาย กลุ่มงานที่รับผิดชอบจะวิเคราะห์ข้อมูลที่รับผิดชอบที่ส าคัญ และหลากหลายเพื่อหาสาเหตุที่ เกี่ยวข้อง เช่น การก ากับดูแลนักเรียนเป็ นรายบุคคล การติด 0 ร มส. การจบการศึกษาภาคบังคับและการศึกษาขั ้น พื ้นฐาน เป็ นข้อมูลผลการด าเนินงานเปรียบเทียบกับเป้ าหมาย ข้อมูลผลการด าเนินงานเปรียบเทียบกับคู่เทียบ ความต้องการของนักเรียนกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และปัจจัยเสี่ยงที่มีต่อผลการด าเนินงาน พร้อมทั ้งเสนอแนวทาง ในการปรับปรุงแก้ไขการคาดการณ์ผลการด าเนินงานในอนาคต


50 ตาราง 4.1ข แสดงข้อมูลเพื่อสนับสนุนการทบทวนผลการด าเนินงานของโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม เรื่องที่ทบทวน ความถี่ ผู้รับผิดชอบ ข้อมูลในการวิเคราะห์ แผนปฏิบัติการประจ าปี ทบทวนทุก 6 เดือน งานวิชาการ ความก้าวหน้าผลการด าเนินงาน เปรียบเทียบเป้ าหมายและปัญหา อุปสรรค ตัวชี ้วัดระดับโรงเรียนและ บันทึกพันธะสัญญา รายภาค งานวิชาการ ความก้าวหน้าผลการด าเนินงาน เปรียบเทียบกับเป้ าหมายปัญหา อุปสรรคและคาดการณ์ผลกระทบ ผลการด าเนินงานสิ ้นปี การศึกษา ด้านหลักสูตรและการ จัดการเรียนการสอน รายภาค งานวิชาการ วิเคราะห์ผลการพัฒนาการใช้ หลักสูตรผลการจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนการคาดการณ์ ผลกระทบในแต่ละภาคเรียน ผลการด าเนินงานในด้าน ระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียน รายสัปดาห์ราย เดือนรายภาค งานบริหารทั่วไป วิเคราะห์ผลเฝ้ าระวังระบบดูแล ช่วยเหลือนักเรียนการจัดกิจกรรม โฮมโรม การบริหารความเสี่ยง รายภาค งานแผนงาน ประเมินผลกระทบปัจจัยเสี่ยง รวมทั ้งกระบวนการจัดการความ เสี่ยงเพื่อให้เป็ นแผนบริหารความ เสี่ยงรถควบคุมได้อย่างมี ประสิทธิภาพ บันทึกข้อมูลระดับ กลุ่มงาน รายภาค งานวิชาการ ความก้าวหน้าผลการด าเนินงาน เปรียบเทียบเป้ าหมายและปัญหา อุปสรรคและคาดการณ์ผลการ ด าเนินงานเช่นปี การศึกษา ในการทบทวนกระบวนการและขีดความสามารถของโรงเรียน จะแบ่งออกเป็ น 2 ส่วน คือ 1) ระดับโรงเรียน จากแผนกลยุทธ์ 4 ปี ของโรงเรียน จะถูกน ามาจัดท าเป็ นแผนปฏิบัติการงาน นโยบายและแผนงานท าบันทึกให้กลุ่มงานที่รับผิดชอบ จัดท ารายงานผลการด าเนินงานตามแผน โดยระบุ เป้ าหมายเป็ นทั ้งรายปี รายเดือน รายงานปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ สรุปน าเสนอฝ่ ายบริหารโรงเรียน 2) ระดับกลุ่มงาน จากกลยุทธ์ 4 ปี ของโรงเรียนน ามาท าแผนปฏิบัติการประจ าปี ที่สนองกลยุทธ์ เพื่อปรับปรุงการยกระดบัผลสมัฤทธิ์การพฒันาหลกัสตูรและการจดักิจกรรมการเรียนการสอน การเฝ้าระวงัระบบ


51 ดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยระบุผลการด าเนินงาน ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขในการด าเนินงาน เพื่อสรุป น าเสนอฝ่ ายบริหารต่อไป งานประกันคุณภาพภายในและงานนโยบายและแผนงาน ได้เพิ่มกระบวนการรายงานและขีด ความสามารถของโรงเรียน คือ 1) รายงานความก้าวหน้าตามกลยุทธ์ โดยให้กลุ่มงานที่เป็ นผู้รับผิดชอบหลักในเล่มแผนปฏิบัติ การประจ าปี รายงานในช่วงสิ ้นปี การศึกษา พร้ อมชี ้แจงเหตุผลปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไขกรณี ผลการ ด าเนินงานไม่เป็ นไปตามเป้ าหมาย 2) รายงานผลการด าเนินงานเปรียบเทียบเป้ าหมายตามข้อตกลงในบันทึกพันธสัญญา พร้ อม ชี ้แจงเหตุผล สาเหตุ ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขกรณีผลการด าเนินงานไม่เป็ นไปตามเป้ าหมาย งาน ประกันคุณภาพภายใน รวบรวมข้อมูลตามบันทึกข้อตกลงในพันธสัญญาเพื่อการประเมินผล น าสารสนเทศสื่อสาร ให้ทั่วทั ้งสถานศึกษาด้วยการสื่อสารสองทาง เพื่อความโปร่งใส และให้กลุ่มงานน าไปใช้เป็ นข้อมูลในการควบคุม ก ากับ และติดตามผลการด าเนินงาน น าไปสู่ระบบการจัดการความรู้ โดยมีกระบวนการจัดท าระบบฐานความรู้ เพื่อรวบรวมและถอดองค์ความรู้ที่ส าคัญของโรงเรียน ค. การปรับปรุงผลการด าเนินการ (PERFORMANCE Improvement) (1) การแลกเปล่ียนเรียนรู้และวิธีปฏิบัตทิ่ีเป็นเลิศ (Best Practice) กลุ่มบริหารงานบุคคล กลุ่มบริหารงานงบประมาณ งานประกันคุณภาพภายในน าผลการ ทบทวนผลการด าเนินงาน และผลการวิเคราะห์เสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโรงเรียนที่ด าเนินการประชุม ทุกวันพฤหัสบดีเพื่อร่วมกันก าหนดแนวทางการปรับปรุงผลการด าเนินงาน รวมถึงพิจารณาโอกาสในการสร้ าง นวัตกรรมเมื่อใช้แล้วเกิดผลดีน าไปสู่การเผยแพร่มีการน าไปปฏิบัติแล้วประสบความส าเร็จเช่นเดียวกับต้นแบบ มา รวบรวมเป็ น Best Practice ของบุคลากรในโรงเรียน และน ามารวบรวมไว้ ณ ห้องนิทรรศการของโรงเรียนเพื่อ แลกเปลี่ยนกับบุคลากรของโรงเรียน และโรงเรียนต่าง ๆ ที่มาศึกษาดูงาน ทุกกลุ่มงานที่รับผิดชอบด าเนินงานตาม หลักเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ และมีการรายงานผลการด าเนินงานเมื่อเสร็จสิ ้นภารกิจ และรวบรวมไว้รายงานใน SAR เมื่อสิ ้นปี การศึกษาได้มีการทบทวนหลักเกณฑ์การจัดท า Best Practice อย่างน้อยปี ละ 1 ครั ้ง กลุ่มงานที่ รับผิดชอบน าผลการวัด วิเคราะห์และประเมินผลการจัดท า Best Practice ไปไว้ ในกระบวนการจัดการ กระบวนการท างาน หมวด 6ข้อ 6.2 ก และกระบวนการปรับปรุงกระบวนการท างาน และน าผลการปรับปรุงอย่าง ก้าวกระโดดที่เป็ น Best Practice มาจัดเก็บเป็ นฐานการจัดการความรู้ KM (2) ผลการด าเนินการในอนาคต (Future PERFORMANCE) คณะกรรมการบริหารโรงเรียนได้ใช้ผลการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีปฏิบัติที่ดีข้ามกลุ่มสาระการเรียนรู้ 5 กลุ่มสาระ ด้วยผลคะแนน ONET 3 ปี ย้อนหลังของนักเรียนชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 และปี ที่ 6 มาเปรียบเทียบเพื่อ หาโอกาสปรับปรุง/พัฒนาการเรียนการสอนเตรียมยกระดับผลการด าเนินการในอนาคต


52 (3) การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและนวัตกรรม (Continuous Improvement and INNOVATION) งานนโยบายและแผนงานใช้ข้อมูลการติดตามประเมินผลการด าเนินงานของโรงเรียน ติดตาม ความก้าวหน้าของโครงการส าคัญที่ตอบสนองกลยุทธ์ของโรงเรียนที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรมโรงเรียนขนาดมอญ พิทยาคาแบบมีส่วนร่วม MONPIT Model น ามาทบทวนผลการด าเนินงานและขีดความสามารถ ตามตารางที่ 4.1ก(1) ผลที่ได้จากการทบทวนจะน ามาเป็ นข้อมูลน าเข้าไปในกระบวนการจัดท าแผนกลยุทธ์ และแผนปฏิบัติการ ในปี ถัดไปกับข้อมูลอื่น ๆ กลุ่มงานที่รับผิดชอบน าผลจากการทบทวนไปใช้ปรับปรุงกระบวนการที่ส าคัญตามเกณฑ์การ จัดล าดับผ่านการออกแบบกระบวนการในหมวด 6 โดยผู้รับผิดชอบและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะประชุมร่วมกันหารือ เพื่อหาข้อก าหนดที่ส าคัญในกระบวนการนั ้น วิเคราะห์กระบวนการท างาน ประเมินหาสาเหตุ และแนวทางในการ แก้ ไขปรับปรุงกระบวนการอย่างเป็นระบบ จากนั ้นน าเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโรงเรียนก าหนด หลักเกณฑ์การประเมินผลกลุ่มงานของโรงเรียน เพื่อพิจารณาทบทวนผลการด าเนินงานแนวทางปรับปรุง และ ก าหนดมาตรการในการด าเนินงานจากนั ้นจะสื่อสารผลการพิจารณาให้ทุกกลุ่มงานรับทราบเพื่อน าไปปฏิบัติผ่าน ช่องทางการสื่อสาร ได้แก่ บันทึกเวียน ค าชี ้แจง และคู่มือปฏิบัติงาน งานนโยบายและแผนงาน ได้ท าการติดตามและทบทวนผลการด าเนินงานของโรงเรียนเป็ นประจ า โดยมอบหมายให้กลุ่มงานที่รับผิดชอบในแต่ละตัววัดส าคัญ น าผลการด าเนินงานไปจัดล าดับความส าคัญของ กระบวนการที่ต้องปรับปรุงหลังจากนั ้นกลุ่มงานที่รับผิดชอบจะน าผลการทบทวนการด าเนินงานไปใช้ในการ ปรับปรุงกระบวนการที่ โดยผู้รับผิดชอบและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าวจะประชุมร่วมกันเพื่อก าหนด ข้อก าหนดที่ส าคัญของกระบวนการนั ้น รวมถึงร่วมกันวิเคราะห์และประเมินกระบวนการท างานเพื่อหาสาเหตุ และ ก าหนดแนวทางปรับปรุง เพื่อท าให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการที่ส าคัญอย่างเป็ นระบบ ทุกกลุ่มงานรับทราบแนวทางการทบทวนการด าเนินการของโรงเรียน น าไปใช้ในการประเมินผล ปรับปรุงกระบวนการส าคัญอย่างเป็ นระบบ และหากกลุ่มงานใดมีความจ าเป็ นต้องปรับปรุงกระบวนการท างานที่ ส าคัญจะด าเนินการตามกระบวนการข้างต้น งานนโยบายและแผนงาน และงานประกันคุณภาพภายใน ด าเนินการทบทวนกระบวนการวัด วิเคราะห์ผลการด าเนินงานและการจัดล าดับความส าคัญ ได้น ากระบวนการไปปรับปรุงกระบวนการท างานอย่าง เป็ นระบบ ไปเป็ นตัวชี ้วัดกลุ่มงานและก าหนดให้มีการติดตามเป็ นรายภาค งานนโยบายและแผนงาน ได้น าผล การทบทวนการด าเนินงานไปใช้ในกระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ กระบวนการจัดการกระบวนการท างาน และ การจัดการกระบวนการท างาน


53 4.2 การจัดการความรู้สารสนเทศ และเทคโนโลยีสารสนเทศ (Knowledge Management, Information and Information Technology) ก. ความรู้ขององค์กร (Organization Knowledge) (1) การจัดการความรู้(Knowledge Management) ระบบการจัดการความรู้ของโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ได้น าแนวคิดของคณะกรรมการพัฒนา ระบบราชการ (ก.พ.ร.) มาประยุกต์ใช้และสร้ างกรอบแนวคิดการจัดการความรู้ในโรงเรียน การขับเคลื่อนการ จัดการความรู้ของโรงเรียน มี 7 กิจกรรม คือ 1) การบ่งชี ้ความรู้ คือ การระบุประเด็นความรู้ รูปแบบ และผู้รู้ที่สอด รับกับนโยบาย ขอบเขตและเป้ าหมายขององค์กร 2) การสร้ างและแสวงหาความรู้ คือ การรวบรวมความรู้ ใหม่ รักษาความรู้เดิม และกรองความรู้ที่ไม่ใช้ออกจากแหล่งรวบรวม 3) การจัดความรู้ให้เป็ นระบบ คือ การวิเคราะห์ และคัดแยกความรู้เป็ นกลุ่มประเด็นให้ง่ายต่อการเข้าถึงอย่างมีขั ้นตอน 4) การประมวลและกลั่นกรองความรู้ คือ การปรับปรุงให้ความรู้มีรูปแบบมาตรฐาน ไม่ซ ้าซ้อน มีความ สมบูรณ์ มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ 5) การเข้าถึง ความรู้ คือ การสร้างแหล่งเผยแพร่ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา 6) การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ คือ การน า ความรู้เข้าสู่เวทีแลกเปลี่ยนที่มีฐานความรู้หรือฐานข้อมูลรองรับให้ง่ายต่อการเข้าถึงและสืบค้น 7) การเรียนรู้ คือ การใช้ความรู้เป็ นส่วนหนึ่งของงาน เป็ นวงจรความรู้ที่มีการเรียนรู้และพัฒนาให้เกิดประสบการณ์ใหม่อยู่เสมอ ดัง ภาพที่ 4.5 ซึ่งเป็ นการสังเคราะห์หรือหลอมรวมความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) กับความรู้ที่ฝังลึกในตน (Tacit Knowledge) เพื่อยกระดับความรู้ของโรงเรียน และน าไปใช้อย่างมีคุณค่าทั ้งการน าเข้าและการน าออกใช้ และท าให้เกิดคลังความรู้ (Knowledge Assets) ภาพที่ 4.2 ก(1) การจัดการความรู้ บ่งชี ้ความรู้ สร้างและแสวงหาความรู้ จัดการความรู้ให้เป็ นระบบ ประมำลและกลั่นกรองควำมรู้ เข้าถึงความรู้ การแบ่งชั ้นและแลกเปลี่ยน ควำมรู้ การเรียนรู้


54 (2) การเรียนรู้ระดับองค์กร (Organization LEARNING) ประกอบด้วยกระบวนการส าคัญ คือ การวิจัยและพัฒนาการจัดการความรู้ การสร้ างความรู้ ใหม่ การจัดท าฐานข้อมูลความรู้ และการสร้ าง เครือข่ายในแต่ละกระบวนการ ในการจัดการความรู้น าไปสู่การสร้างนวัตกรรมที่สามารถตอบสนองความต้องการ ความคาดหวังและภารกิจที่ส าคัญ ๆ ของโรงเรียนมุ่งสู่ความส าเร็จตามวิสัยทัศน์ของโรงเรียน ดังภาพที่ 4.2 ก(2) กลุ่มงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กลุ่มบริหารงานทั่วไป กลุ่มบริหารงานวิชาการ กลุ่มบริหารงบประมาณ และ กลุ่มบริหารบุคคล ได้สร้ างความเข้าใจกับบุคลากรอย่างทั่วถึง และระบุตัวบุคคลที่มีลักษณะ Tacit knowledge ให้บุคลากรใหม่ได้รับทราบและพร้อมที่จะไปเรียนรู้ ข. ข้อมูล สารสนเทศ และเทคโนโลยี(Data, Information and Information and Technology) (1) คุณภาพของข้อมูลและสารสนเทศ (Data, Information Quality) ภาพที่ 4.2 ก(2) การเรียนรู้ระดับองค์กร ภาพที่ 4.2 ข(1) -1 การบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ A1: การน าองค์กร A2: แหล่งข้อมูล A3: การน าเทคโนโลยีมาใช้ A4: มาตรฐาน การศึกษา A5: ข้อมูลสารสนเทศ A6: ตรวจสอบ กระบวนการสืบค้นจากผู้รู้/เชี่ยวชาญภายใน ภายนอกสถานศึกษาเพื่อตอบสนองพันธกิจ กระบวนการสืบค้นจากผู้รู้/เชี่ยวชาญภายใน ภายนอกสถานศึกษาเพื่อตอบสนองพันธกิจ วิสัยทัศน์ พันธกิจ


55 โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคมมีแนวทางการด าเนินการ การบริหารจัดการด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ เริ่มต้นที่สร้างความยั่งยืนและส าคัญที่สุด คือ (A1) การน าองค์กร ด้วยบริบทของสถานศึกษาบริหาร จัดการ ก าหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สร้ างระบบการ ก ากับดูแลที่ดี (A2)แหล่งข้อมูล ที่มีคุณภาพ แม่นย า ถูกต้องและเชื่อถือได้ ทันการ ปลอดภัยและเป็ นความลับ มี การก าหนดบุคลากรเพื่อปฏิบัติหน้าที่สอนและปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการศึกษา ประกอบด้วย บุคลากรทางการ ศึกษา ลูกจ้างประจ าและลูกจ้างชั่วคราว ครูอัตราจ้างสะท้อนถึงความหลากหลายของบุคลากรในด้านความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ การบริหารจัดการรวมถึงมุมมองในการพัฒนาวิธี คิดและทักษะการท างาน มีสมาคมศิษย์เก่า ผู้ปกครอง ครูและบุคลากรทางการศึกษา ส่งเสริมการบริหารจัด การศึกษาแต่งตั ้งผู้แทนของคณะผู้ปกครองที่คอย ก ากับติดตามการด าเนินงานของโรงเรียนให้บรรลุตามเป้ าหมาย และความความหวังของชุมชน อีกทั ้งระดมทรัพยากรสนับสนุนการบริหารจัดการศึกษามี กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มาตรฐาน จรรยาบรรณวิชาชีพประกอบกับมี (A3) การน าเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดเก็บข้อมูล ประมวลผลการวิเคราะห์ข้อมูลพัฒนาระบบสารสนเทศในโรงเรียนพร้อมใช้งานส าหรับบุคลากร ผู้ส่งมอบ พันธมิตร ผู้ ให้ความร่วมมือรวมทั ้งนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อีกทั ้งยังมีการ (A4) ตรวจสอบข้อมูลสารสนเทศของ โรงเรียน ที่เกิดจากการปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ความรับผิดชอบของครู บุคลากรในสถานศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้อง อันส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน ในการประเมินคุณภาพผู้เรียนเพื่อจัดท าข้อมูลสารสนเทศโรงเรียนโดยมีการประเมิน จากผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษา ผลการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการประจ าปี และผลการด าเนินงาน โครงการ/กิจกรรมตามนโยบายพิเศษจะได้ข้อมูลสารสนเทศที่สมบูรณ์ พร้อมน าไปใช้ในการเขียนรายงานและเป็ น ข้อมูลส าหรับวางแผนพัฒนาในปี ต่อไปก าหนดลักษณะหรือรูปแบบการจัดเก็บ (A5) ข้อมูลสารสนเทศเป็ นรายงาน ข้อมูลพื ้นฐานของสถานศึกษาข้อมูลสารสนเทศที่เกิดจากการจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตรสถานศึกษาข้ อมูล สารสนเทศที่เกิดจากการด าเนินงานตามแผนปฏิบัติการประจ าปี และจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศย้อนหลังอย่างน้อย 3 ปี เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา และเตรียมความพร้ อมในการรองรับการประเมินคุณภาพ ภายนอก ซึ่งจัดเก็บผลการด าเนินงานของสถานศึกษาให้ครอบคลุม (A6) มาตรฐานการศึกษา รายงานผลการ ประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษา (ผลจาก SAR ของสถานศึกษาย้อนหลัง)ผลการด าเนินงานตาม แผนปฏิบัติการประจ าปี ย้อนหลัง รายงานผลการจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตรสถานศึกษาย้อนหลัง มีตัววัด คือ ความถูกต้อง ความรวดเร็วของสารสนเทศการจัดการสารสนเทศ ความรู้ และเทคโนโลยีสารสนเทศให้บรรลุผล ได้ รวบรวมข้อมูล สอบถาม สัมภาษณ์ สังเกต จากผู้รู้ บันทึกการประชุม การรวบรวมจากแหล่งเอกสารต่าง ๆ อีกทั ้ง ยังมีการการถ่ายทอดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน ระหว่างโรงเรียนกับนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ส่งมอบ พันธมิตร และ ผู้ให้ความร่วมมือ ด้วยการใช้กลไกการสื่อสารด้วยช่องทางสื่อสารผ่านกลุ่มสังคมออนไลน์ พร้อมกัน นี ้มีการรวบรวมความรู้ และถ่ายทอดความรู้ ที่เกี่ยวข้องไปใช้ในกระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์สร้ างพันธมิตร ก ากับดูแล ส่งเสริม เฝ้ าระวัง ประสานงาน ระดมทรัพยากร สนับสนุน ส่งเสริม สร้างความร่วมมือ พัฒนาศักยภาพ สู่มาตรฐานสากล ดังภาพที่ 4.2 ข(1) – 2


56 จากการน าข้อมูลต่าง ๆ ที่เกิดจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบของครู บุคลากรใน สถานศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องด าเนินการดังนี ้ 1) จัดกระท า/ประมวลผลหรือวิเคราะห์ด้วยวิธีการ การจัดหมวดหมู่ การเรียงล าดับ การแจงนับ 2) จัดเก็บข้อมูล เช่น การจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผลงานและรางวัลต่างๆ จะมีการจัดเก็บ เป็ น drive เพื่อง่ายต่อการน าไปใช้งาน 3) ตรวจสอบความถูกต้อง ตลอดจนการใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ต่าง ๆ (ค านวณหาค่าร้ อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความแปรปรวน ฯลฯ) ผลที่ได้จากการจัดกระท าเป็ น สารสนเทศ 4) น าเสนอรายงานผลได้ในหลายรูปแบบ เช่น ตาราง แผนภาพ กราฟ หรือการบรรยายเป็ นความเรียง เพื่อสะดวกต่อการน าไปใช้ สนับสนุนการบริหารและการตัดสินใจทั ้งในระดับผู้ปฏิบัติและระดับผู้บริหาร มีตัววัดคือ ความถูกต้อง ความรวดเร็วของสารสนเทศ (2) ความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information Security) งาน ICT ได้วางกฎและขั ้นตอนการรักษาความปลอดภัยท าให้สามารถป้ องกันการใช้โดยไม่ได้ รับอนุญาต รวมถึงการป้ องกันการเกิดไวรัสในคอมพิวเตอร์ เพื่อเก็บรักษาข้อมูลลับต่าง ๆ บุคลากรที่ดูแลในส่วน การรักษาความปลอดภัยได้ใช้โปรแกรม Authentication ซึ่งเป็ นระบบแสดงตัวตนการใช้ Internet ภายใน โรงเรียนท าให้สามารถตรวจสอบได้เมื่อเกิดปัญหา เช่น การล่วงละเมิด หรือหมิ่นประมาททางเว็บไซต์ บล็อก เว็บไซต์ที่เหมาะสมส าหรับนักเรียน มี FIREWALL ของโรงเรียนที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัย มีการตรวจสอบ ผู้ใช้กับฐานข้อมูลผู้ใช้ภายในตัวอุปกรณ์ ค้นหาการฝ่ าฝื นกฎหมายการใช้คอมพิวเตอร์จากนักเรียน ครูและ บุคลากรในโรงเรียน และป้ องกันการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิดอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นความปลอดภัยในการใช้ โลกไซเบอร์ ผู้ใช้ต้องท าการ Log in ซึ่งจะมีการบันทึกข้อมูล ภาพที่ 4.2 ข(1) – 2 การน าสารสนเทศไปใช้ในกระบวนการของกลุ่ม 1) จัดกระท า/ประมวลผลหรือวิเคราะห์ 2)จัดเก็บข้อมูล 3) ตรวจสอบความถูกต้อง 4) น าเสนอรายงานผลได้ในหลากหลายรูปแบบ


57 (3) ความพร้อมใช้งานของข้อมูลและสารสนเทศ (Data and Information Availability) งานสารสนเทศ มีการเตรียมความพร้ อมของข้อมูลสารสนเทศของนักเรียน โดยมีขั ้นตอนการ ด าเนินการ ดังนี ้ 1) จัดเก็บและรวบรวมข้อมูลนักเรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการให้นักเรียนกรอกข้อมูล Online ในช่วงรับสมัคร และการมอบตัวนักเรียน ท าให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ส่งผลให้การจัดกระท าข้อมูลสารสนเทศ มีความถูกต้องและแม่นย า สามารถน าข้อมูลสารสนเทศไปประกอบการตัดสินใจการบริหารจัดการได้ 2) ข้อมูลด้านการวัดผลและประเมินผล มีข้อมูลที่เป็ นปัจจุบันพร้อมใช้จาก DMC, SGS ที่ครู ทุกคนสามารถเรียกใช้ข้อมูลไปพัฒนาการเรียนการสอนได้ในทันที 3) การจัดท าทะเบียนคุมฐานข้อมูลที่ใช้อ้างอิง การนับเป็ นผลงาน เพื่อใช้ในการตรวจสอบ ความถูกต้องและความเป็ นมาตรฐาน 4) การกลั่นกรองข้อมูล ข่าวสารที่จะท าการเผยแพร่บนเว็บไซต์ของโรงเรียน ให้มีความถูกต้อง น่าเชื่อถือ มีตัววัด คือ ความถูกต้อง ความรวดเร็วของสารสนเทศ และระบบเครือข่ายสารสนเทศที่ไม่สามารถใช้ งานได้เกินกว่า 48 ชั่วโมง (4) คุณลักษณะของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ (Hardware and Software Properties) โรงเรียนมีการมอบหมายงานผู้รับผิดชอบงาน ICT ของโรงเรียน ได้ก าหนดกระบวนการจัดการทั ้ง ด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์การก าหนดผู้รับผิดชอบชัดเจนเพื่อให้มั่นใจได้ว่าฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์มีความ เชื่อถือได้ปลอดภัยและใช้งานง่าย มีตัวชี ้วัดคือความพึงพอใจของผู้ใช้สารสนเทศ 7.1 ข(2) โดยมีขั ้นตอน ดังตาราง ที่ 4.2 ข(4) ตาราง 4.2 ข(4) แสดงความเชื่อถือได้ ความปลอดภัย และใช้งานง่ายของฮาร์ดแวร์ ความเชื่อถือได้ ปลอดภัย ใช้งานง่าย การประเมิน ด้านฮาร์ดแวร์ 1. ก าหนดคุณลักษณะฮาร์ดแวร์ตามระเบียบส านัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ 2. ผ่านการตรวจรับฮาร์ดแวร์ตามระเบียบส านัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ 3. มีการจัดท าข้อมูลประวัติของฮาร์ดแวร๋ 4. มีระบบในการเฝ้ าระวัง Monitor เพื่อให้มั่นใจว่า ฮาร์ดแวร์พร้ อมให้บริการ 5. มีการก าหนดตัวชี ้วัดด้านการให้บริการและติดตาม ตัวชี ้วัดทุกเดือน 6. มีการก าหนดแผนบ ารุงรักษาด าเนินการตามแผน และมีระบบการรายงานผลการบ ารุงรักษา 7. มีการกระจายเครือข่ายและเพิ่มฮาร์ดแวร์เข้ามาใน องค์เพื่อให้ เหมาะสมแก่การใช้งานภายในองค์กร 1. ตามข้อก าหนดของผู้ ว่าจ้าง (TOR) สพฐ. 2. มีการควบคุมการเข้า ออกห้องควบคุมแม่ข่าย (Server Room) 3). มีระบบส ารองไฟฟ้ า กรณีไฟฟ้ าดับเพื่อให้ ระบบท างานได้ 4) มีการก าหนดสิทธิ์ใน การในการเข้าถึง ฮาร์ดแวร์แต่ละตัว 1. มีวิธีการใช้งาน ณ จุดที่ มีอุปรกรณ์ติดตั ้งอยู่ 2. มีครูคอมพิวเตอร์ให้ ค าปรึกษา ให้ความรู้ การใช้ และการดูแลรักษา ตลอดเวลาท าการ 3. ก าหนดให้มีผู้ดูแล ระบบ 1.มีการประเมิน ความพึงพอใจในการ ใช้งานระบบโดยมี การสรุปผล ทุก 15 วัน และปรับปรุงตาม อเสนอแนะภายใน 7 วัน 2.จัดท ารายงาน เสนอต่อผู้บริการ เป็ นรายเดือน


58 ตาราง 4.2 ข(4) ต่อ ความเชื่อถือได้ ปลอดภัย ใช้งานง่าย การประเมิน ด้านซอฟต์แวร์ 1. มีการส ารวจความต้องการการใช้ซอฟต์แวร์ในแต่ละ กลุ่มงานและน าเข้าทบทวนในที่ประชุมคณะกรรมการ 2. มีคณะกรรมการก าหนดคุณลักษณะเฉพาะของ ชอฟแวร์ที่ใช้ 3. มีข้อก าหนดส าคัญต่อผู้ส่งมอบต้องได้รับเครื่องหมาย มาตรฐานการรับประกันชอฟแวร์ถึงเสถียรภาพของ ประสิทธิภาพที่ก าหนด ข้อส าคัญคือถูกต้องตาม ลิขสิทธิ์ของกฏหมาย 4. มีการประกันดูแลให้ค าปรึกษาในการใช้ซอฟแวร์ ตลอดอายุการใช้งาน 1. ก าหนดผู้รับผิดชอบ ดูแลรักษา 2. มีการก าหนดสิทธิ์ใน การเข้าใช้งาน 3. มีการส ารวจข้อมูล ทุกวันเก็บข้อมูลไว้ไม่ ต ่ากว่า 30 วันและ สามารถกู้คืนข้อมูลได้ ภายใน 1 วัน 1. มีคู่มือพร้ อมใช้งาน ณ จุดบริการ 2. มีช่องทางในการ ติดต่อสื่อสารระหว่าง ผู้รับผิดชอบกับนักเรียนและ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3. มีครูคอมพิวเตอร์ให้ ค าปรึกษา ให้ความรู้การ ใช้และการดูแลรักษา ตลอดเวลาท าการ 1. มีการประเมิน ความพึงพอใจในการ ใช้งานระบบโดยมี การสรุปผลทุก 15 วันและปรับปรุงตาม ข้อเสนอแนะภายใน 7 วัน (5) ความพร้อมใช้งานในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Availability) การเตรียมความพร้ อมในภาวะฉุกเฉินของระบบข้อมูลและสารสนเทศรวมทั ้งฮาร์ดแวร์และ ซอฟต์แวร์เพื่อให้มีความพร้ อมในการใช้งานอย่างต่อเนื่องงาน ICT ร่วมกับงานพัฒนาระบบและเครือข่าย สารสนเทศได้เตรียมความพร้อมโดยมีตัวชี ้วัดคือความเร็วของการใช้งานระบบสารสนเทศยามฉุกเฉินภายใน 1 วัน ดังตารางที่ 4.2 ข(5) ตารางที่ 4.2ข(5) แสดงวิธีการเตรียมพร้อมในสภาวะฉุกเฉิน ลักษณะภาวะฉุกเฉิน อุปกรณ์ที่ใช้ป้ องกัน วิธีการ 1. ด้านกระแสไฟฟ้ า เครื่องส ารองไฟ (Server UPS) 1. เมื่อไฟดับ เครื่องส ารองไฟแจ้งเตือนด้วยเสียง และส ารองไฟฟ่ าส าหรับเครื่องแม่ข่ายได้ ไม่ต ่ากว่า 50 นาที 2. ผู้ดูแลระบบติดต่อส านักงานไฟฟ้ าเพื่อแก้ปัญหาภายใน 3 ชั่วโมง 2. ผู้บุกรุกทางไซเบอร์ และไวรัส 1. ระบบการยืนยันตัวตน (Authentication) 2.แอนตี ้ไวรัส (Antivirus) 3. ระบบไฟล์วอลล์ (Firewall) 1. มีการก าหนดเข้าใช้ระบบด้วยการยืนยันตัวตน โดยมีระดับการเข้าถึง 5 ระดับ คือ 1) ผู้ดูแลระบบ 2) ผู้บริหาร 3) ครูและบุคลากรทางการศึกษา 4) นักเรียน 5) บุคคลทั่วไป 2. มีการจัดเก็บข้อมูลและการเข้าใช้ระบบ (Log File) ไว้ไม่น้อยกว่า 60 วัน 3. มีการอัพเดทข้อมูลแอนตี ้ไวรัสทุก 3 วัน 4. ตรวจสอบค าเตือนจากไฟล์วอลล์ 3. ระบบอินเทอร์เน็ต 1. ตรวจหาสาเหตุเบื ้องต้น 2.แจ้งให้ผู้บริการอินเตอร์เน็ต (Internet Provider) ตรวจสอบสัณญาณเพื่อแก้ปัญหา ด้านเทคนิคภายใน 3 ชั่วโมง และด้านอุปกรณ์ภายใน 1 วัน 4. เครื่องแม่ข่ายชุด เครื่องส ารองไฟ 1. มีการส ารองข้อมูลทุกสัปดาห์ 2. ตรวจหาสาเหตุเบื ้องต้นเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์และท าการแก้ไขภายใน 3 วัน 5. ความปลอดภัย 1. ถังดับเพลิง 2. เซฟ ที คัท 3. กล้องวงจรปิ ด 1. ตรวจสอบสภาพการใช้งาน ถังดับเพลิง เซฟ ทีคัท และกล้องวงจรปิ ด 2. ซักซ้อมการใช้ถังดับเพลิง


59 หมวด 5 (บุคลากร )Workforce 5.1 สภาพแวดล้อมของบุคลากร (Workforce Environment) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม มีการจัดระบบงานภายใน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการท างานให้เป็ น ทิศทางเดียวกนัเพื่อให้บรรลุผลสมัฤทธิ์ตามวิสยัทศัน์พนัธกิจและเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของโรงเรียน โดย การจัดโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในโรงเรียนอย่างเป็ นทางการ และก าหนดหน้าที่ความรับผิดชอบแต่ละ กลุ่มงาน ในค าสั่งแม่บทไว้อย่างชัดเจน มีการจัดโครงสร้างองค์กรอย่างเป็ นทางการ มีวิธีการตามแผนภูมิขั ้นตอน การจัดโครงสร้ างองค์กรการบริหารงานตามระบบงาน ผู้บริหารได้มอบอ านาจการบังคับบัญชาและอ านาจการ บริหารงานด้านต่าง ๆ ให้แก่ผู้บังคับบัญชาระดับรองผู้อ านวยการกลุ่มบริหารงานลงมาจนถึงหัวหน้างานและ หัวหน้ากลุ่มสาระฯ ในการปฏิบัติงาน ทั ้งด้านการบริหารงานบุคคล การบริหารวิชาการ การบริหารงบประมาณ และการบริหารทั่วไป ส่วนอ านาจในการอนุมัติ การอนุญาตในเรื่องต่างๆ เพื่อความสะดวกคล่องตัวในการ ให้บริการแก่ผู้รับบริการ ที่มีความต้องการความคิดและวัฒนธรรมที่แตกต่างหลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพ ก. ขีดความสามารถและอัตราก าลัง (Workforce Capability and Capacity) (1) ความสามารถและอัตราก าลัง (CAPABILITY and CAPACITY) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม มีการวางแผนประเมินความต้องการอัตราก าลังโดยการจัดท าข้อมูล สารสนเทศของบุคลากรในทุกภาคเรียน โดยแยกตาม เพศ วุฒิการศึกษา วิทยฐานะ และกลุ่มสาระการเรียนรู้ท าให้ ทราบภาพรวมของบุคลากรในรูปแบบต่าง ๆ โดยละเอียด โรงเรียนก าหนดให้ครูผู้สอนทุกคนได้สอนตรงกับวุฒิ การศึกษาของตนเองหรือความถนัด โดยใช้เกณฑ์อัตราก าลังครูต่อจ านวนนักเรียนที่หน่วยงานต้นสังกัดก าหนด ตามระเบียบราชการในสายปฏิบัติการสอน ได้ปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพ โรงเรียนมีการด าเนินการด้านขีด ความสามารถและอัตราก าลัง ดังนี ้ 1.ส ารวจความต้องการอัตราก าลังด้านขีดความสามารถ คือ ความรู้ และทักษะ/ (วิชาเอก/ ความถนัดความเชี่ยวชาญ ความสามารถ ประสบการณ์ของบุคลากร เพื่อพิจารณาให้โครงสร้ างการบริหารงาน ของโรงเรียนก าหนดภาระงานและอัตราก าลัง เพื่อให้บุคลากรได้ท างานในกลุ่มงานที่ตนเองถนัดซึ่งก่อให้เกิดความ ตั ้งใจในการท างานและส่งผลให้งานประสบความส าเร็จ 2. จัดท าแผนอัตราก าลัง โดยวิเคราะห์แนวโน้มการเคลื่อนไหว จากข้อมูลสารสนเทศบุคลากร แนวโน้มการขอย้าย การเกษียณอายุราชการแต่ละปี เพื่อก าหนดต าแหน่ง และจ านวนบุคลากรที่ต้องการตาม คุณสมบัติ ทักษะ สมรรถนะ โดยพิจารณาร่วมกัน 3. น าผลการส ารวจมาวิเคราะห์อัตราก าลัง เพื่อวางแผนการบริหารงาน ก าหนดให้ครูผู้สอนได้ สอนตรงกับวุฒิการศึกษา กลุ่มสนับสนุนการสอนพิจารณาจากภาระงานที่ตรงกับความสามารถของบุคลากรที่มี อยู่


60 ส ารวจความต้องการ วิเคราะห์ข้อมูล รายงานกลุ่มบริหาร 4. ก าหนดการประเมินขีดความสามารถทักษะสมรรถนะของบุคลากร โดยประเมิน ปี การศึกษาละ 2 ครั ้ง จัดระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากร โดยใช้แบบประเมินประสิทธิภาพ ประสิทธิผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและรายงานผลการประเมินตนเองเป็ นรายบุคคล 5. โรงเรียนมีการวิเคราะห์กรอบอัตราก าลัง ส ารวจความต้องการครูในแต่ละกลุ่มสาระการ เรียนรู้ คาบสอน จ านวนห้องเรียน นักเรียนและแผนการเรียนที่โรงเรียนเปิ ดสอน ให้เหมาะสมตามความจ าเป็ นและ เสนอจ านวนอัตราก าลังที่พึงมีในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมทั ้งภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยค านึงถึงการมี ประสิทธิภาพ การไม่ซ ้าซ้อน ความประหยัด และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขที่ ก.ค.ศ .ก าหนด เสนอ อัตราก าลังต่อโรงเรียนและหน่วยงานต้นสังกัดตามล าดับ ภาพที่ 5.1 ก(1)ขีดความสามารถและอัตราก าลัง ประเมินความจ าเป็ นด้านขีดความสามารถและอัตราก าลังบุคลากรในการน าข้อมูลภารกิจ กลยุทธ์ ความท้าทาย/ความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์แนวทางการด าเนินงานจากหมวด 2.1 การท าแผนกลยุทธ์ มาวิเคราะห์จัดท าแผนตาม 2.2 ก(4) กระบวนการจัดเตรียมแผนงานด้านทรัพยากรบุคคล เพื่อสนับสนุน ความส าเร็จของแผนปฏิบัติการ ตามข้อ 5.1 ก (2) และ (4) กระบวนการจัดการบุคคลากรไหนและกระบวนการ จัดการการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้บุคลากรเพียงพอและมีขีดความสามารถเพียงพอ ข้อ 5.1 ก(3) กระบวนการ จัดรูปแบบการท างาน และบริหารบุคลากรเพื่อให้งานบรรลุผลตามข้อ 2.1 ข(1) บรรลุตามกลยุทธ์ที่ส าคัญของ โรงเรียนให้บรรลุตามเป้ าหมายข้อ 7.3 ผลลัทธ์ด้านบุคลากร (2) บุคลากรใหม่ (New WORKFORCE Members) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม มีวิธีการสรรหาบุคลากรใหม่ ให้ทันและเพียงพอต่อความต้องการ มี วิธีการในการสรรหาบุคลากรใหม่ ดังนี ้


61 1) ส ารวจความต้องการด้านอัตราก าลังตามโครงสร้ างการ บริหารงานโรงเรียน หลักสูตร จ านวนคาบสอน ภาระงานที่มี ความจ าเป็ น อัตราก าลังใน กลุ่มสาระการเรียนรู้ และกลุ่ม งาน น ามาวิเคราะห์ ประเมินตามข้อ 5.1 ก(2) 2) ใช้ กระบวนการสรรหา ว่าจ้ างและบรรจุ ตามภาพที่ 5.1 ก(2) โดยการตรวจสอบอัตราว่าง ความต้องการส าคัญ และความจ าเป็ นแต่ละกลุ่มงาน ทบทวนรายละเอียด ลักษณะงาน คุณสมบัติ ขีดความสามารถเฉพาะต าแหน่ง ร่วมกับกลุ่มงาน แต่งตั ้งคณะท างาน ประกาศรับสมัคร แข่งขัน คัดเลือก ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ 3) มอบหมายภาระงานตามโครงสร้ างการบริหารโรงเรียน ปฐมนิเทศโดยฝ่ ายบริหาร หัวหน้างาน หัวหน้ากลุ่มสาระ เน้น ให้ความส าคัญในเรื่องค่านิยม วัฒนธรรมของโรงเรียน การ ปรับตัวให้เหมาะสม เข้าใจวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้ าประสงค์ ปรัชญา แผนกลยุทธ์และภารกิจ ความรับผิดชอบของครูผู้สอน ลูกจ้างตามภาระงาน ตลอดจนสิทธิหน้าที่ กฎระเบียบและข้อปฏิบัติของ โรงเรียน มีพี่เลี ้ยงคอยให้ความช่วยเหลือและให้ค าแนะน าติดตาม นิเทศการปฏิบัติงาน พร้อมทั ้งฝึ กอบรม พัฒนา ด้านความรู้การพัฒนาการเรียนการสอน การวิจัยเพื่อเรียนรู้ การส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน การพัฒนาวิชาชีพ จากแนวปฏิบัติดังกล่าว ท าให้บุคลากรได้มี/เลื่อนวิทยฐานะ มากขึ ้นตามผลลัพธ์ 7.3 ก(1)-1 (3) ความส าเร็จในงาน (Work Accomplishment) เพื่อให้การด าเนินงานของโรงเรียนบรรลุผลตามเป้ าหมาย และมีความคล่องตัวตอบสนองต่อการ เปลี่ยนแปลงมีการกระจายอ านาจหน้าที่ในการตัดสินใจและความรับผิดชอบที่ชัดเจนมีการปรับโครงสร้ างให้ สอดคล้องกับสถานการณ์ ความท้าทาย กลยุทธ์โรงเรียน และมีกระบวนการประเมินตามขีดความสามารถสามารถ อัตราก าลังตามข้อ 5.1 ก(1) การด ารงรักษาบุคลากรที่ดีในสถานศึกษาไว้ให้คงอยู่ด้วยกันสร้ างแรงจูงใจและ กระตุ้นครูให้เกิดพฤติกรรมตามค่านิยมขององค์กร เกิดพลังความร่วมมือ มีความสนใจที่จะเลือก และก าหนด ตัวเองให้มีพฤติกรรมน าไปสู่ความส าเร็จของเป้ าหมายที่โรงเรียนก าหนดไว้ รวมทั ้งการสร้างขวัญและก าลังใจ เช่น ส่งเสริมให้ท างานเต็มศักยภาพ การจัดบรรยากาศการท างานแบบร่วมแรงร่วมใจ จัดสรรทรัพยากรสนับสนุนให้ เหมาะสม การให้ความยุติธรรม การจัดสวัสดิการ การตอบแทนคุณประโยชน์และบริการแก่บุคลากร รวมทั ้งการให้ โอกาสตามเส้นทางความก้าวหน้าในวิชาชีพ ตามข้อ 2.2 ก (4) เพื่อบริหารและจัดบุคลากรให้สามารถเสริมสร้ าง มุ่งเน้นนักเรียน ประเมินความจ าเป็ นด้านบุคลากรที่ตอบสนองความต้องการนักเรียน ตามข้อ 3.1 ก(1) บรรจุ/ย้าย/สรรหา ภาพที่ 5.1ก (2) แสดงกระบวนการ จัดการบุคลากรใหม่ ส ารวจความต้องการอัตราก าลัง เพียงพอ พัฒนา/ใช้/รักษาไว้ รายงานความต้องการ ปฐมนิเทศ มอบหมายงาน เรียนรู้ พัฒนางาน แนะน า นิเทศ ติดตาม รายงานผลการปฎิบัติงาน ใช่ ไม่ใช่


62 โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ได้ด าเนินการบริหารและ จัดบุคลากรเน้นตอบสนองการเปลี่ยนแปลง การขยาย แผนการเรียน การให้ บริการนักเรี ยนเพื่อให้ ผลการ ด าเนินงานของโรงเรียนบรรลุตามเป้ าหมายและดีเกิน ความคาดหวังบุคลากรผูกพันตามข้อ 5.2 ข(3) สอดคล้อง กับการจัดท ากลยุทธ์ 2.1 ในการออกแบบกระบวนการ ท างานตามข้อ 6.1 ก (2) การจัดการความรู้ตามข้อ 4.2 ก (1) เพื่อเป็ นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาระบบ บริหารงานบุคคลให้ดีขึ ้นต่อไป มีผลต่อเงินเดือนที่สูงขึ ้น การส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลการที่มีผลงานดีเด่นเข้ารับ การประกวดแข่งขันให้ได้รับรางวัลในระดับต่างๆ จัดให้มี การประชุมและเปิ ดโอกาสให้บุคลากรได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ขยายผลความรู้ที่ได้รับจากการอบรมสัมมนา ทั ้ง ภายในโรงเรียน ชุมชุน และภาคีเครือข่าย เพื่อบุคลากรมี ความมั่นใจว่าบุคลากรสามารถสะท้อนความหลากหลายทางความคิด วัฒนธรรม และความคิดเห็นของชุมชนของ บุคลากรที่โรงเรียนจ้าง ชุมชนของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็ นอย่างดีส่งผลให้บรรลุเป้ าหมายตามข้อ 7.3 ก ผลลัพธ์ด้านบุคลากร (4) การจัดการการเปลี่ยนแปลงด้านบุคลากร (WORKFORCE Change Management) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม มีการบริหารจัดการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของบุคลากร โดยใช้ กระบวนการวางแผนอัตราก าลัง เพื่อเตรียมความพร้ อมต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราก าลังในอนาคต โดยการ วิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ แนวโน้มการโยกย้าย การเกษียณอายุราชการ เพื่อเตรียมการ สรรหาครูทดแทนในอัตราที่ว่าง และน ามาวางแผนอัตราก าลังให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อองค์กร ส่งผลให้บรรลุ เป้ าหมายตามข้อ 7.3 ก ผลลัพธ์ด้านบุคลากรดังนี ้ 1) ส ารวจ รวบรวม ข้อมูล และวางแผนกรอบอัตราก าลัง ตามทิศทางในอนาคต 3 ปี ข้างหน้า 2) สนับสนุนให้บุคลากรเข้ารับการอบรมในหลักสูตรความต้องการ (Training Need) ของ บุคลากร และที่จ าเป็ นตามต าแหน่งที่มีความส าคัญต่อภารกิจหลัก และส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง นิเทศติดตามและ ประเมินการปฏิบัติงาน เพื่อส่งเสริมการก้าวหน้าในหน้าที่การงานและวิชาชีพ พร้ อมทั ้งเกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลตามเป้ าหมายที่โรงเรียนก าหนด 3) วางแผนอัตราก าลังให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร โดยดึงสมรรถนะของบุคลากรออกมา ให้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน ส่งเสริมการท างานเป็ นทีมที่เข้มแข็ง เป็ นระบบ พันธกิจ กลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ ภาพที่ 5.1 ก(3) แสดงกระบวนการ จัดรูปแบบการท างานที่แสดงถึงความส าเร็จในงาน จัดคู่มือและแนวทางการปฏิบัติงาน สร้ างแรงจูงใจและปัจจัยต่อความผูกพัน จัดโครงสร้ างการบริหาร/ปฏิบัติงาน รายงานผล นิเทศ ติดตาม ประเมินผล ปฏิบัติตามแผนโครงการ จัดบุคลากรที่เหมาะสมกับภาระงาน


63 4) จัดให้บุคลากรมีการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากผู้รับผิดชอบสู่ทีมงาน บุคลากร เก่าสอนบุคลากรใหม่ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานในปัจจุบันให้ดีขึ ้นและแก้ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ ้นในปัจจุบันและ อนาคต ข. บรรยากาศการท างานของบุคลากร (WORKFORCE Climate) (1) สภาพแวดล้อมของการท างาน (Workplace Environment) ตารางที่ 5.1 ข(1)แสดงสภาพแวดล้อมของการท างาน สภาพแวดล้อมในการท างาน การด าเนินการ ตัวชี้วัด 1. ด้านความปลอดภัย - มีการแต่งตั ้งเวรยามรักษาความปลอดภัย โดย กลุ่มบริหารทั่วไปจะด าเนินการออกค าสั่งแต่งตั ้ง รวมทั ้งตรวจสอบ ติดตามผลการปฏิบัติงาน ครู ชายปฏิบัติหน้าที่เวรกลางคืน ครูสตรีปฏิบัติ หน้าที่เวรกลางวันในวันหยุดราชการ - ความพึงพอใจของบุคลากร ต่อระบบการรักษาความ ปลอดภัย 2. ด้านการป้ องกันภัยในสถานศึกษา - มีการติดตั ้งอุปกรณ์ดับเพลิง และ ติดตั ้งกล้องวงจรปิ ด ประจ าอาคารต่างๆ อย่าง ครบถ้วน - มีการจัดอบรมหลักสูตรขับขี่ปลอดภัย -จ านวนบุคลากรที่ผ่านการอบรม หลักสูตรขับขี่ปลอดภัย โรงเรี ยนขนาดมอญพิทยาคม มีขั ้นตอนในการสร้ าง สภาพแวดล้อมที่ดีในการท างานอย่างมีระบบและต่อเนื่อง ได้รับมาตรฐาน ตามข้อ 7.3 ก(2) ดังนี ้ 1) แต่งตั ้งผู้รับผิดชอบ มีบุคลากรรับผิดชอบส ารวจสภาพ อาคารต่างๆ ความปลอดภัย มีการแต่งตั ้งเวรยามรักษาการณ์ ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง จ านวน 2 คน 2) จัดบรรยากาศและสิ่งอ านวยความสะดวกและสวัสดิการ แก่บุคลากร มีการปรับภูมิทัศน์ให้สวยงามสร้างบรรยากาศที่ ร่มรื่น รวมทั ้งใช้เป็ นแหล่งเรียนรู้ นอกห้องเรียนและภายใน ห้องเรียน ค านึงถึงความสะอาด สะดวกสบาย ถูกสุขลักษณะ และเอื ้อต่อการปฏิบัติงาน 3) ก าหนดนโยบาย วางแผนป้ องกันภัยให้เป็ นมาตรฐานให้ สอดคล้องข้อก าหนดและระเบียบต่างๆ ประเมินความพึง พอใจต่อการจัดสภาพแวดล้อมและสะท้อนปัญหาร่วมกัน ผ่าน ไม่ผ่าน ปรับปรุง/แก้ไข ภาพที่ 5.1ข(1) แสดงกระบวนการ จัดการสภาพแวดล้อมในการท างาน ศึกษาวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในการท างาน บรรลุ ก าหนด/แต่งตั ้งผู้รับผิดชอบก าหนด สภาพแวดล้อมที่เอื ้อต่อการท างาน รายงานผลการปฏิบัติ ด าเนินการพัฒนาสภาพแวดล้อม วัดและประเมินผลการพัฒนา


64 สภาพแวดล้อมในการท างาน การด าเนินการ ตัวชี้วัด 3. ด้านการส่งเสริมสุขอนามัย - มีนักการภารโรง เพื่อดูแลรักษาความสะอาด ของอาคารสถานที่ - มีการแบ่งเขตรับผิดชอบให้นักเรียนแต่ละชั ้น ดูแลท าความสะอาดห้องเรียน ห้องน ้า บริเวณ โรงเรียน - มีโครงการให้ครูและบุคลากร ตรวจสุขภาพ ประจ าปี โดยงานอนามัยโรงเรียน เป็ น ผู้รับผิดชอบและประสานด าเนินการ - ความพึงพอใจของบุคลากร ต่อการปฏิบัติงานด้านการรักษา ความสะอาด -จ านวนบุคลากรที่เข้ารับการ ตรวจสุขภาพประจ าปี 4. ด้านบรรยากาศในการท างาน - มีการจัดกิจกรรมเสริมสร้างการท างาน มี กิจกรรม 5 ส โดยงานอาคารสถานที่ เป็ นผู้ ก าหนดแนวทางในการจัดกิจกรรม มีการติดตาม ผลการปฏิบัติงาน และน าผลที่ได้ไปปรับปรุงใน การจัดกิจกรรมให้ตรงตามความต้องการของ บุคลากรอย่างแท้จริง - ความพึงพอใจของบุคลากร ต่อกิจกรรมเสริมสร้างบรรยากาศ ในการท างาน 5. การจัดหาอุปกรณ์ที่จ าเป็ นส าหรับ การปฏิบัติงาน -มีการพัฒนาด้านระบบสารสนเทศ ระบบ เครือข่ายให้ทันสมัยและเพียงพอ เพื่อให้บุคลากร มีอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ทันสมัยไว้ใช้ในการปฏิบัติงาน โดยศูนย์สารสนเทศจะเป็ นหน่วยงานหลักในการ ก าหนดเกณฑ์และด าเนินการ -จ านวนเครื่องประมวลผล (คอมพิวเตอร์) - การขยายเครือข่าย Internet (2) นโยบาย และสิทธิประโยชน์(WORKFORCE Benefits and Policies) โรงเรียนมีนโยบายในการบริการและสิทธิประโยชน์ให้แก่บุคลากร แบ่งเป็ น 4 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านสิทธิประโยชน์ให้แก่บุคคล สิทธิในการรักษาพยาบาล การเบิกค่าศึกษาบุตร การขอรับ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ การประกันสังคม 2. ด้านการจัดบริการสิ่งอ านวยความสะดวกพื ้นฐาน เช่น อุปกรณ์ส านักงาน อินเทอร์เน็ต 3. ด้านสวัสดิการความปลอดภัย การตรวจสุขภาพประจ าปี ประกันอุบัติเหตุ การศึกษาดูงาน การศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ ้น 4. ด้านการสร้างขวัญและก าลังใจให้แก่บุคลากร การยกย่องเชิดชูเกียรติ “ครูไม่มีวันลา” การ จัดงานมุทิตาจิต การอวยพรวันเกิดผ่านช่องทาง ทางไลน์ เฟสบุ๊ค การร่วมแสดงความยินดีในโอกาสต่างๆ การ รับขวัญ การรับปริญญา การย้าย การเลื่อนต าแหน่งที่สูงขึ ้น โดยกลุ่มบริหารงานบุคคลด าเนินการทบทวน สวัสดิการ บริการ และสิทธิประโยชน์ให้เหมาะสมแก่บุคลากร ร่วมกับกลุ่มบริหารทั ้ง 4 กลุ่มงาน เป็ นประจ าทุกปี


65 โรงเรียนได้ตระหนักและเล็งเห็นความส าคัญของวัฒนธรรมของ โรงเรียนที่จะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน การอยู่ร่วมกันอย่างมี ความสุขของบุคลากร อันจะส่งผลดีต่อการเพิ่มประสิทธิภาพใน การท างานและก่อให้เกิดความผูกพันต่อโรงเรียน โรงเรียนมี วัฒนธรรมในการท างานและการอยู่ร่วมกันของบุคลากรที่ สามารถขับเคลื่อนและพัฒนาโรงเรียนให้มีความเจริญก้าวหน้า ซึ่งเกิดจากการประชุมคณะครูและบุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา เครือข่ายผู้ปกครอง ผู้มีส่วนได้ส่วน เสียสู่บุคลากร ผู้บริหารประกาศวัฒนธรรมองค์กร ประพฤติตน เป็ นตัวอย่าง ความรักสามัคคี จนเกิดความมุ่งมั่นพัฒนา โรงเรียน โดยก าหนดเป็ นวัฒนธรรมองค์กรและอบรมปลูกฝัง บุคลากรให้เกิดวิธีคิดตามค ากล่าวที่ว่า “รู้รักสามัคคี มีจิตอาสา ร่วมพัฒนาองค์กร” 5.2 ความผูกพันของบุคลากร (Workforce Environment) ก. ความผูกพันและผลการปฏิบัตงิานของบุคลากร (Workforce Engagement and Performance) (1) วัฒนธรรมองค์กร (Organization Culture) (2) ปัจจัยขับเคล่ือนความผูกพัน (Drivers of ENGAGEMENT) โรงเรียนขับเคลื่อนความผูกพันโดยเปิ ดโอกาสให้ บุคลากรทุกคนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น น าไป ก าหนดนโยบาย ก าหนดเขตความรับผิดชอบ ที่ชัดเจน แต่งตั ้ง คณะกรรมการด าเนินงาน รายงานความก้ าวหน้ าในการ ปฏิบัติงานให้ผู้บริหารทราบ เพื่อช่วยให้ค าแนะน า/แก้ ไข ปัญหาอย่างจริงจัง มีความต่อเนื่องและทั่วถึง พัฒนาความรู้ ความสามารถ การให้ค าปรึกษา ส่งเสริมสนับสนุนศักยภาพ บุคลากร การครองตน ครองคน ครองงาน จากรุ่นสู่รุ่นและมี การนิเทศภายในแบบกัลยาณมิตร การแสดงมุทิตาจิต ครูรุ่น ใหม่ แสดงความยินดีเมื่อผู้อื่นประสบความส าเร็จ แสดงความ ยินดีและแสดงความเสียใจ ตามวาระโอกาส เมื่อสิ ้นปี มีการ ประเมินความถึงพอใจและน ามาทบทวนปรับปรุงพัฒนาต่อไป ผ่าน ไม่ผ่าน ส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติในองค์กร ปรับปรุง/พัฒนา วัฒนธรรมองค์กร ภาพที่ 5.2ก(1) แสดงกระบวนการ สร้างวัฒนธรรมองค์กร วิเคราะห์ความเชื่อและ ค่านิยมขององค์กร ติดตาม/สอบถาม ประเมิน ประเมินผ ล รู้รักสามัคคี มีจิตอาสา ร่วมพัฒนาองค์กร ผ่าน ไม่ผ่าน ปรับปรุง/พัฒนา รายงานผลการประเมินตนเอง (SAR) ภาพที่ 5.2ก(2) แสดงกระบวนการ ก าหนดปัจจัยส าคัญที่ส่งผลต่อความผูกพัน ร่วมกันวางแผนในการขับเคลื่อน ความผูกพัน ประเมินผ ด าเนินกิจกรรม/ปรับปรุง/พัฒนา จัดกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่วางแผน แต่งตั ้งกรรมการด าเนินกิจกรรม ให้ความร่วมมือด าเนินการ/ออกค าสั่ง


66 (3) การประเมินความผูกพัน (Assessment of ENGAGEMENT) โรงเรียนประเมินความผูกพันของบุคลากร โดยมุ่งเน้นการ พิจารณาจากประสิทธิภาพการท างานและผลลัพธ์ ความส าเร็จและการด าเนินการของโรงเรียนเป็ นสิ่งที่ แสดงให้เห็นถึงระดับความผูกพันของบุคลากร โรงเรียนมี กระบวนการประเมินความผูกพันของบุคลากรโดยแต่งตั ้ง คณะกรรมการด าเนินงาน สร้ างเครื่องมือวัดทั ้งแบบ สังเกต แบบประเมินความพึงพอใจเพื่อน ามาขับเคลื่อน ในการปฏิบัติงาน ฟังเสียงสะท้อนจากกลุ่มสาระการ เรียนรู้ กลุ่มงาน จัดล าดับความพึงพอใจน าหัวข้อเรื่องที่ พึงพอใจในระดับน้อยมาทบทวน จัดกิจกรรมสานสัมพันธ์ ทั ้งในระดับกลุ่มงานย่อยถึงระดับโรงเรียน สนับสนุนให้ครู มีความมุ่งมั่น เอื ้ออ านวยความสะดวกให้ครู บุคลากร ท างาน อย่างมีความสุข มีความเป็ นธรรม และชื่นชม ตามผลลัพธ์ที่ 7.3 ก(3) (4) การจัดการผลการปฏิบัติงาน (PERFORMANCE Management) โรงเรียนมีระบบการจัดการผลการปฏิบัติงานของบุคลากร เพื่อให้การด าเนินงานบรรลุเป้ าประสงค์ของโรงเรียน โดยก าหนดเป้ าหมายการด าเนินงาน ตัวชี ้วัดต่างๆ จาก แผนกลยุทธ์ หลักเกณฑ์ระเบียบข้ อบังคับการปฏิบัติ ราชการ โรงเรียนแต่งตั ้งคณะกรรมการ ได้แก่ ผู้อ านวยการ หัวหน้าฝ่ ายงาน หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ออกแบบ เครื่องมือการประเมิน ก าหนดกฎเกณฑ์/สร้ างเครื่องมือ การประเมินผลการปฏิบัติงานแต่ละกลุ่มสาระ/ฝ่ าย/งาน ก าหนดเป็ นข้อตกลงอย่างชัดเจน เผยแพร่ให้ทราบผ่านทุก ช่องทางของโรงเรียน ประชุมชี ้แจงให้ บุคลากรทราบ เป้ าหมายการด าเนินงานที่ตรงกัน คณะกรรมการพิจารณา การเลื่อนขั ้นเงินเดือนตามกฏ ก.ค.ศ. การเพิ่มค่าจ้ าง ลูกจ้างประจ าและลูกจ้างชั่วคราว โดยใช้เงินงบประมาณ ใ ห้ ด า เ นิ น ก า ร ต า ม ห ลั ก เ ก ณ ฑ์ แ ล ะ วิ ธี ก า ร ที่ กระทรวงการคลัง หรือตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั ้นพื ้นฐานก าหนด ผ่าน ไม่ผ่าน ปรับปรุง ภาพที่ 5.2ก(3) แสดงกระบวนการ ประเมินระดับความผูกพันของบุคลากร วิเคราะห์ รวบรวมผลการประเมิน วิเคราะห์ผลการด าเนินการ บรรลุผลหรือไม่ แต่งตั ้งคณะกรรมการด าเนินการ สรุปผล/รายงานผล ด าเนินการตามแผน ผ่าน ไม่ผ่าน ปรับปรุง/แก้ไข สรุป รายงานผล ภาพที่ 5.2ก(4) แสดงกระบวนการ จัดการผลการปฏิบัติงาน วิเคราะห์และวางแผนจัดการผลการปฏิบัติงาน ตรวจสอบ ประเมินผลการปฏิบัติงาน ออกแบบเครื่องมือ ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ แต่งตั ้งกรรมการ


67 กรณีอื่นนอกเหนือจากโรงเรียน สามารถด าเนินการจ้างลูกจ้างประจ าและลูกจ้างชั่วคราว ของโรงเรียนได้โดยใช้ เงินรายได้ของโรงเรียนภายใต้หลักเกณฑ์และวิธีการที่ก าหนด โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม มีการวางระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากรโดยยึดหลักการมี ส่วนร่วมของบุคลากร ค านึงถึงความถูกต้อง ยุติธรรมโปร่งใส รอบคอบ โดยมีการแต่งตั ้งคณะกรรมการจากหลาย ฝ่ าย ซึ่งประเมินจากภาระงาน ความรับผิดชอบตามมาตรฐานต าแหน่ง บุคลากรทุกคนจะรับทราบหัวข้อและ เกณฑ์การประเมิน ซึ่งการประเมินจะแบ่งเป็ น 2 ลักษณะ คือ การประเมินแบบเป็ นทางการและการประเมินแบบ ไม่เป็ นทางการ นอกจากนี ้ยังมีวิธีการจัดการผลการปฏิบัติงานอื่นๆ ที่มุ่งเน้นให้เกิดผลการปฏิบัติงานที่ดี เพื่อเสริมสร้าง ความผูกพันของบุคลาการอย่างครบถ้วนและต่อเนื่องจนปรากฏผลการด าเนินงานที่ดีอย่างชัดเจน ตามผลลัพธ์ 7.3 ก (3) เช่นการให้รางวัลหรือสิ่งจูงใจแก่บุคลากร/ กลุ่มสาระการเรียนรู้/ กลุ่มงาน การให้ค ายกย่องชมเชยโดยจัด ให้เชื่อมโยงกับผลการปฏิบัติงาน ข. การพัฒนาบุคลากรและผู้น า (Workforce and Leader Development) (1) ระบบการเรียนรู้และการพัฒนา (Learning and Development System) โรงเรียนพัฒนาระบบการเรียนรู้ ส าหรับบุคลากร ในโรงเรียนให้สอดคล้องกับสมรรถนะหลักของโรงเรียน ก าหนดกลยุทธ์และแผนการพัฒนาบุคลากร โรงเรียน วิเคราะห์สมรรถนะหลัก ก าหนดกลยุทธ์แนวทางและ วางแผนในการพัฒนาระบบการเรียนรู้ ของบุคลากร ให้ บุคลากรจัดท าแผนพัฒนาตนเอง (ID Plan) ผู้รับผิดชอบ ด าเนินการส ารวจและรวบรวมความต้องการในการพัฒนา ตนเองของบุคลากร จัดท าแผนพัฒนาความรู้ความสามารถ ของบุคลากร ด าเนินการให้ บุคลากรเข้ ารับการพัฒนา ตนเองตามแผนที่วางไว้ ทั ้งการอบรม สัมมนา ศึกษาดูงาน และการถ่ายทอดความรู้ การเรียนรู้ระบบออนไลน์ (TEPE ONLINE) การจัดการเรียนรู้ ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) ส่งเสริมและสนับสนุนให้ บุคลากรจัดรวบรวม ความรู้ และน าความรู้ มาขยายผล น าความรู้ มาใช้ในการ ปฏิบัติหน้าที่ด าเนินการก ากับ นิเทศและติดตามผลการพัฒนาตนเองของบุคลากร หาแนวทางปรับปรุง และ พัฒนาวิธีการจัดระบบการเรียนรู้และการพัฒนาบุคลากร ส่งผลให้การพัฒนาบุคลากรของโรงเรียน มีชั่วโมงการ อบรมครบตามเกณฑ์และสามารถพัฒนาตนเอง มงุ่ผลสมัฤทธิ์ของงานสอู่งค์กรที่มีความเป็นเลิศและมีภาวะผ้นู า ผ่าน ไม่ผ่าน ปรับปรุง/พัฒนา สรุปผล/รายงานผล ภาพที่ 5.2 ข(1) แสดงกระบวนการ จัดการเรียนรู้และพัฒนาให้แก่บุคลากร วิเคราะห์ ส ารวจความต้องการ ประเมิน วิเคราะห์ผลการพัฒนาความต้องการ แต่งตั ้งกรรมการผู้รับผิดชอบ ด าเนินการตามความต้องการ รวบรวมความต้องการในการพัฒนา


68 (2) ประสิทธิผลของการเรียนรู้และการพัฒนา (LEARNING and Development EFFECTIVENESS) จากการที่โรงเรียนจัดประชุม/อบรม/สัมมนา ในแต่ละครั ้งได้จัดท าแบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูล และน ามาสรุปประเมินผลงานทุกภาคเรียน แล้วน าข้อมูลที่ได้ไปปรับใช้กับการวางแผนการจัดระบบการเรียนรู้และ พัฒนาในปี การศึกษาต่อไป รวมทั ้งมีการนิเทศ ติดตาม ผลการด าเนินงานหรือการน าความรู้ไปใช้ภายหลังการจัด ประชุม/อบรม/สัมมนา นอกจากนี ้ได้ประเมินประสิทธิผลของการเรียนรู้ และพัฒนาอื่นๆ ตามข้อ 2.2 ก(5) กลุ่ม บริหารงานบุคคลและงบประมาณได้ทบทวนกระบวนการพัฒนาและการเรียนรู้ ของบุคลากร 5.2 ข(1) และ กระบวนโครงการทั ้งหมดถูกน าเสนอในการประชุมคณะกรรมการริหารโรงเรียน กลุ่มบริหารงานบุคคลและ งบประมาณเพื่อทบทวนแนวทางการพัฒนาซึ่งจะใช้เป็ นข้อมูลในการจัดท าแผนพัฒนาบุคคลในปี ต่อไป (3) ความก้าวหน้าในวิชาชีพ (Career Progression) โรงเรียนส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรได้มี โอกาสก้าวหน้าในอาชีพการงานทั ้งการศึกษาต่อในระดับ ที่สูงขึ ้น การพัฒนาผลงานทางวิชาการ เพื่อเลื่อนวิทยฐานะโรงเรียนได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรได้ ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ ้น วางแผนและด าเนินการพัฒนา ครูและบุคลากร เพื่อเลื่อนวิทยฐานะโดยจัดให้เข้ารับการ อบรมพัฒนา จัดหาวิทยากรให้ความรู้ และน ามาขยายผล ให้บุคลากรอื่นๆ จัดตั ้งคณะกรรมการ เพื่อดูแลช่วยเหลือ ในการจัดท าผลงานทางวิชาการ ประกาศเกียรติคุณและ ยกย่องผู้ประสบผลส าเร็จในการพัฒนาตนเอง ส่งผลให้ บุคลากรประสบความส าเร็จ ในหน้าที่การงาน ได้รับเลื่อน วิทยฐานะให้สูงขึ ้นจ านวนมาก กระตุ้นและให้ก าลังใจผู้ที่ อยู่ระหว่างการพัฒนาตนเอง ให้มีการถ่ายทอดความรู้ ใน การปฏิบัติงานระหว่างหัวหน้างานและบุคลากรที่จะเข้า รับหน้าที่ใหม่ ท าให้การปฏิบัติงานมีความต่อเนื่องและองค์กรมีมาตรฐาน ท าให้ได้ผู้น าที่มีความรู้ ความสามารถ น าพาองค์กรสู่ความส าเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้ าหมายที่โรงเรียนก าหนด ผ่าน ไม่ผ่าน ปรับปรุง/พัฒนา ภาพที่ 5.2 ข(3) แสดงกระบวนการ จดัการความกา้วหนา้ในอาชีพ ส ารวจความต้องการพัฒนาความก้าวหน้า วัดและวิเคราะห์ผลการพัฒนา ประเมิน ประชุมและแต่งตั ้งคณะกรรมการด าเนินการ ด าเนินการส่งเสริมและพัฒนา สรุปผล / รายงานผล


69 การสร้างแรงจูงใจและการพัฒนาความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ด าเนินการสร้างแรงจูงใจ โดยก าหนดตัวชี ้วัดที่เกี่ยวข้องไว้ ดังนี ้ ตาราง 5.2 ข(3)แสดงการสร้างแรงจูงใจและการพัฒนาความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การสร้างแรงจูงใจและการพัฒนา ความก้าวหน้า ตัวชี้วัดผลความส าเร็จของการด าเนินงาน 1. การสนับสนุนให้ข้าราชการศึกษาต่อในระดับที่ สูงขึ ้น -จ านวนบุคลากรที่ส าเร็จการศึกษาในระดับที่ สูงขึ ้น 2. การอบรม/ประชุม/สัมมนา และศึกษาดูงานเพื่อ เพิ่มพูนความรู้ ทักษะในการปฏิบัติงาน -จ านวนข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาที่ เข้าร่วมการอบรม/ประชุม/สัมมนา และศึกษาดูงาน 3. การพัฒนาผ่านระบบออนไลน์ -จ านวนหลักสูตรการอบรมออนไลน์ -จ านวนบุคลากรที่เข้าร่วมอบรม 4. การสนับสนุนให้บุคลากรมี/เลื่อน วิทยฐานะ -จ านวนบุคลากรที่มี/เลื่อนวิทยฐานะสูงขึ ้น นอกจากการสร้ างแรงจูงใจดังกล่าว โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ยังให้ความส าคัญกับการ พัฒนาสมรรถนะของบุคลากร เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน โดยก าหนดให้หัวหน้ากลุ่มสาระการ เรียนรู้หัวหน้างาน มีการประเมินสมรรถนะของบุคลากรร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์หาช่องว่างของสมรรถนะ ให้ บุคลากรได้รับทราบและน าไปปรับปรุงตนเอง โดยจัดท าเป็ นแผนพัฒนารายบุคคล เป็ นแนวทางให้บุคลากรได้ ตระหนักถึงความจ าเป็ นในการพัฒนาตนเอง ซึ่งผู้บังคับบัญชาจะเป็ นผู้คอยให้ค าปรึกษา แนะน า รวมทั ้งติดตาม การปฏิบัติงานของบุคลากร


70 หมวด 6 การปฏิบัติการ (Operations) 6.1 กระบวนการท างาน (Work Process) ก. การออกแบบหลักสูตรและกระบวนการ (Product and PROCESS Design) (1) ข้อกา หนดของหลักสูตรและกระบวนการ (Product and PROCESS Requirement) โรงเรียนจัดการศึกษาโดยใช้หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม พุทธศักราช 2561 มีแผนการเรียนส าหรับระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1 แผนการเรียน คือ แผนการเรียนทั่วไป และระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย มี 3แผนการเรียน ได้แก่ 1) แผนการเรียนวิทยาศาสตร์–คณิตศาสตร์ 2) แผนการเรียนภาษา–สังคม และ 3) แผนการเรียนทวิศึกษา จัดท าข้อก าหนดของหลักสูตรและกระบวนการท างานของโรงเรียน โดยศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลพื ้นฐานต่างๆ ของชุมชนและโรงเรียน วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั ้นพื ้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ประชุมคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการ เพื่อจัดท าข้อก าหนดของ หลักสูตรและกระบวนการท างาน โดยยึดแนวทางจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั ้นพื ้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) แต่งตั ้งคณะกรรมการด าเนินงาน โดยให้แต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ ไปด าเนินการ จัดท า ข้อก าหนดของหลักสูตรและกระบวนการท างาน ให้ครบตามโครงสร้ างเวลาเรียนและโครงสร้ างหลักสูตร จัดท า ค าอธิบายรายวิชา ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ จัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ ให้ครบทุกรายวิชา เพื่อน าไปใช้ในการ จัดการเรียนรู้ ตามแนวทางโรงเรียนมาตรฐานสากล คณะกรรมการตรวจสอบความเหมาะสมโดยตัวแทนจากทุก กลุ่มสาระการเรียนรู้ ร่วมกันตรวจสอบให้ครบตามโครงสร้ างหลักสูตร ตัวชี ้วัด/ผลการเรียนรู้น าข้อบกพร่อง/ ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม มาปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ยิ่งขึ ้น จากนั ้นน าข้ อก าหนดของหลักสูตร ไปจัดท าแบบสอบถามคิดเห็นของนักเรียน ผู้ ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั ้นพื ้นฐานและคณะครู แล้วน ามาวิเคราะห์ข้อมูล ปรับปรุงการปฏิบัติงานเพื่อการปฏิบัติ ในการวางแผนกลยุทธ์ในปี ต่อไป ติดตามความต้องการและความคาดหวังของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลป้ อนกลับ แล้วน าไปก าหนดแนวทางการปฏิบัติให้แก่บุคลากร และน าไปพัฒนากลุ่มงาน ส่งผลให้โรงเรียนมีศักยภาพ ในการ จัด การเรียนการสอนยิ่งขึ ้น ดังตาราง 6.1ก(1)-1 ตาราง 6.1ก(1)-1 ข้อก าหนดของหลักสูตรโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม หลักสูตร จุดมุ่งหมายของหลักสูตร ข้อก าหนด ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น แผนการเรียนทั่วไป มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็ นคนดีมีปัญญามี ความสุขมีศักยภาพในการศึกษาต่อและ ประกอบอาชีพ 1.ผ้เูรียนมีผลสมัฤทธิ์ตามเกณฑ์ที่โรงเรียนก าหนด 2. ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์สมรรถนะตาม หลักสูตรก าหนด 3. ผู้เรียนมีคุณลักษณะตามเกณฑ์โรงเรียน มาตรฐานสากล 4. ผู้เรียนจบการศึกษาตามหลักสูตร ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนวิทย์-คณิต พัฒนาผู้เรียนให้เป็ นคนดีมีปัญญา มี ความรู้ได้เรียนตามศักยภาพความสามารถ พิเศษความถนัด ความสนใจของตนเอง 1. ผ้เูรียนมีผลสมัฤทธิ์ตามเกณฑ์ที่โรงเรียนก าหนด 2. ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์สมรรถนะตาม หลักสูตรก าหนด


71 ตาราง 6.1ก(1)-1 (ต่อ) หลักสูตร จุดมุ่งหมายของหลักสูตร ข้อก าหนด มีศักยภาพในการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ 3. ผู้เรียนมีคุณลักษณะตามเกณฑ์โรงเรียน มาตรฐานสากล 4. ผู้เรียนจบการศึกษาตามหลักสูตร 5. มีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์เพื่อ รองรับการเรียนในระดับอุดมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนภาษา - สังคม พัฒนาผู้เรียนให้เป็ นคนดีมีปัญญา มี ความรู้ ได้เรียนตามศักยภาพความสามารถ พิเศษความถนัด ความสนใจของตนเอง มี ศักยภาพในการศึกษาด้านภาษาและสังคม ศึกษา 1. ผ้เูรียนมีผลสมัฤทธิ์ตามเกณฑ์ที่โรงเรียนก าหนด 2. ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์สมรรถนะตาม หลักสูตรก าหนด 3. ผู้เรียนมีคุณลักษณะตามเกณฑ์โรงเรียน มาตรฐานสากล 4. ผู้เรียนจบการศึกษาตามหลักสูตร 5. มีความสามารถด้านภาษาเพื่อรองรับการเรียนใน ระดับอุดมศึกษาและการประกอบอาชีพ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนทวิศึกษา พัฒนาผู้เรียนให้เป็ นคนดีมีปัญญา มี ความรู้ ได้เรียนตามศักยภาพความสามารถ พิเศษความถนัด ความสนใจของตนเอง มี ศักยภาพในการศึกษาด้านอาชีพ 1. ผ้เูรียนมีผลสมัฤทธิ์ตามเกณฑ์ที่โรงเรียนก าหนด 2. ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์สมรรถนะตาม หลักสูตรก าหนด 3. ผู้เรียนมีคุณลักษณะตามเกณฑ์โรงเรียน มาตรฐานสากล 4. ผู้เรียนจบการศึกษาตามหลักสูตร 5. มีทักษะอาชีพอย่างน้อย 1อาชีพ ตาราง 6.1 ก(1)-2ข้อก าหนดของกระบวนการที่ส าคัญของโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม กระบวนการที่ส าคัญ ข้อก าหนดของกระบวนการ 1. กระบวนการพัฒนาหลักสูตร - การพัฒนาหลักสูตร - การจัดการเรียนการสอน - การวัดและประเมินผล - การวิจัยในชั ้นเรียน - การนิเทศติดตาม - การจัดการสื่อและเทคโนโลยี - การให้บริการทางการศึกษา 1. หลักสูตรมาตรฐานสากล 2. สร้ างทางเลือกให้กับผู้เรียนได้หลากหลาย 3. นักเรียนมีความสุขและความพึงพอใจ 2. กระบวนการจัดการเรียนการสอน - กิจกรรมในหลักสูตร - กิจกรรมแนะแนว - กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 1. สอนด้วยวิธีการหลากหลาย (เน้น Active Learning) 2. นักเรียนมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล 3. ขับเคลื่อนด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน 1. สารสนเทศนักเรียนเป็ นปัจจุบัน 2. เยี่ยมบ้านครบทุกคน ทุกปี การศึกษา โรงเรียนมอบหมายให้กลุ่มงานบริหารวิชาการ ศึกษา วิเคราะห์ ข้อก าหนดของหลักสูตรและกระบวนการที่ ส าคัญของโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม และสื่อสารให้บุคลากร นักเรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรับทราบถึง ข้อก าหนดของหลักสูตรและกระบวนการที่ส าคัญ เพื่อวางแผนในการท างานของทุกฝ่ ายงาน และจัดกิจกรรมการ


72 เรียนการสอน ออกแบบการวัดและประเมินผลอย่างครอบคลุม มีการก ากับติดตามผลการด าเนินงานให้เป็ นไป ตามข้อก าหนด พร้อมสรุปรายงานผลตามตัวชี ้วัด ดังผลลัพธ์ตามข้อ 7.1 (2) แนวคิดในการออกแบบ (Design Concepts) ภารกิจหลักของโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม คือ พัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อเน้นผู้เรียนเป็ น ส าคัญ โดยมุ่งกระบวนการปฏิบัติงานเน้น “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ต่อยอด” การปฏิบัติงานจนเป็ นแบบอย่างได้ตาม โครงสร้างการบริหารงาน โดยวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รับฟังความคิดเห็น ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย วิเคราะห์ผลการด าเนินงานที่ผ่านมาจากรายงานประจ าปี สภาพการแข่งขันและความเสี่ยง สภาวะสังคม นโยบายหน่วยงานต้นสังกัด กฎหมาย ระเบียบ วิเคราะห์ความท้าทายของการบริหารจัดการเชิง คุณภาพ และความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ขององค์กร ก าหนดสมรรถนะหลัก หรือความสามารถพิเศษขององค์กรเป็น ประจ าทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ และบรรยากาศการแข่งขัน โดยคณะกรรมการบริหารโรงเรียน มอบหมายให้งานนโยบายและแผนงานตรวจสอบรวบรวม จัดรูปแบบการท างานและบริหารบุคลากร เพื่อให้งาน บรรลุและมีประสิทธิผลของการปฏิบัติการ ดังภาพ 5.1ก(3) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ได้ออกแบบระบบการท างานโดยค านึงถึงวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้ าประสงค์ กลยุทธ์ โดยมีระบบงานหลัก คือระบบงานวิชาการ และระบบงานสนับสนุน ประกอบด้วย ระบบงาน บริหารทั่วไป ระบบงานบริหารบุคคล และระบบงานบริหารงบประมาณ ดังข้ อ 2.1 ก(4) ในการพิจารณา กระบวนการที่สามารถตอบสนองภารกิจหลักรวมทั ้งการจัดการความรู้เพื่อสร้ างศักยภาพที่ต่อเนื่องยั่งยืน มีการ ปรับปรุงกระบวนการทบทวนความสามารถพิเศษ และระบบงานเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการมีความเหมาะสมกับ ภารกิจหลักอยู่ตลอด ข. การจัดการกระบวนการ (PROCESS Management) สถานศึกษาได้น าการก าหนดทิศทาง ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และผลการด าเนินงานขององค์กรในหมวดการ น าองค์กร หมวดบริบท มาก าหนดความสามารถพิเศษขององค์กร ผลที่ได้น าไปสู่การออกแบบระบบงานและการ ออกแบบกระบวนการท างาน น าไปเป็ นปัจจัยในการวางแผนเชิงกลยุทธ์ตามกระบวนการวางแผนกลยุทธ์ (Strategy Planning PROCESS) เพื่อให้นักเรียนพึงพอใจและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (1) การน ากระบวนการไปปฏิบัติ โรงเรียนรวบรวมและจัดล าดับความส าคัญของข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ความต้องการความคาดหวัง และระบบงานของโรงเรียนมาก าหนดแนวทางในการปฏิบัติงาน เพื่อให้นักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีความพึง พอใจ


73 ภาพ 6.1ข(1) การน าระบบงานไปปฏิบัติ จากภาพโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ได้น าระบบงานไปปฏิบัติ ดังนี ้ 1) ส ารวจสารสนเทศที่ได้จากการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ผลการประเมินโครงการตามแผนกลยุทธ์ 2) ศึกษาคู่มือการปฏิบัติงานในระบบนั ้นๆ ทั ้งระบบหลักและระบบสนับสนุน 3) ลงมือปฏิบัติภาระงานในระบบ โดยมีการน าข้อบกพร่องหรือข้อเสนอแนะจากการด าเนินงาน ในระบบของปี ที่ผ่านมาใช้เป็ นแนวทางในการปฏิบัติงาน ในรอบการท างานใหม่ 4) นิเทศ/ก ากับติดตาม/ตรวจสอบ เพื่อช่วยเหลือแนะน าแก้ไขปัญหาต่างๆ ในระหว่างการท างาน และกระตุ้นให้งานเป็ นไปตามเงื่อนไขของระยะเวลา และงบประมาณ เพื่อให้ผลลัพธ์เป็ นไปตามเป้ าหมายที่ ก าหนด 5) วิเคราะห์ข้อมูลจัดท าสารสนเทศ น าข้อมูลจากเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมจากผู้มีส่วน เกี่ยวข้องกับระบบงานมาวิเคราะห์เปรียบเทียบพัฒนาการ หรือกับคู่เทียบการแข่งขันที่โรงเรียนก าหนดคือโรงเรียน สังขะ 6) รายงาน/เผยแพร่/น าสารสนเทศไปพัฒนา โดยการรายงานแบบเป็ นทางการ และไม่เป็ น ทางการผ่านช่องทางประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน เช่น Website ของโรงเรียน คือ www.monpit.ac.th และ Facebook โรงเรียน 7) ปรับปรุงคู่มือระบบเพื่อใช้ในปี ต่อไป มีการน าสารสนเทศที่ได้จากการประเมินและรายงานมา ปรับปรุงคู่มือปฏิบัติงาน เพื่อให้มีความสมบูรณ์และผู้ ที่จะด าเนินงานในปี ต่อไปสามารถศึกษาและลงมือ ปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง ผลการจัดกระบวนการ และการน ากระบวนการไปปฏิบัติ ส่งผลให้คุณภาพการจัดการศึกษาของ โรงเรียนสูงขึ ้น จากปี การศึกษา 2562-2564 นักเรียนชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3และชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 มีผลการสอบ ระดับชาติ (O-NET) มีการพัฒนาสูงขึ ้น และด้านครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้มีการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการ หลากหลาย (เน้น Active Learning) และมีการบูรณาการในหน่วยการเรียนรู้ ที่สอดแทรกหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงทุกรายวิชา ส่งผลดีต่อระบบการท างานเป็ นไปตามเป้ าหมายตามหมวด 7ข้อ 7.1 ก ผลลัพธ์ด้าน หลักสูตรและกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นนักเรียน ซึ่งแสดงถึงคุณภาพส าคัญของหลักสูตร และ ผลลัพธ์คุณภาพส าคัญของการให้บริการ ดังข้อ 7.1 ข (1) ประสิทธิผลและประสิทธิภาพของกระบวนการ ซึ่งแสดง ถึงผลลัพธ์ความส าเร็จตามข้อก าหนดของกระบวนการท างานหลัก ผลลัพธ์ด้านผลิตภาพที่ส าคัญ ผลลัพธ์ด้าน


74 ประสิทธิภาพที่ส าคญัและผลลพัธ์ด้านรอบเวลาที่ส าคญัและร้อยละของผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน IS ระดับดีขึ ้นไป ดังภาพ 7.1 ก(1)-3 และ 7.1 ก(1)-4 (2) กระบวนการสนับสนุน (Support Process) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ได้จัดกระบวนการสนับสนุนเพื่อร่วมพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในด้าน ต่าง ๆ โดย ศึกษา วิเคราะห์งานหรือกระบวนการที่สนบัสนุน ให้การพฒันาคณุภาพผู้เรียนสมัฤทธิ์ผล ก าหนด กระบวนการสนับสนุน จัดท าแนวปฏิบัติ ตรวจสอบแนวปฏิบัติของแต่ละกระบวนการ แก้ไขแนวปฏิบัติให้มีความ สมบูรณ์ จนได้กระบวนการสนับสนุน ดังภาพ 6.1 ข(2) ภาพ 6.1 ข(2) กระบวนการสนับสนุนของโรงเรียน 1.ด้านบุคลากร มีการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง สร้างความเข้าใจด้านการจัดการเรียนรู้ การ วัดประเมินผลโดยมีการนิเทศรายบุคคล มีการศึกษาดูงานของบุคลากร มีการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างมี คุณภาพ คือ ให้ครูสอนตรงตามความสามารถและความถนัด 2. ด้านงบประมาณ มีการจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอตามภาระงานและรายงานผลเมื่อสิ ้นสุด โครงการแต่ละภาคเรียน ตลอดปี การศึกษา 3. ด้านอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อม มีการจัดอาคารสถานที่และสภาพแวดล้อมให้เอื ้อต่อการ เรียนรู้ โดยนักเรียนสามารถใช้เป็ นแหล่งเรียนรู้และการพักผ่อนได้ 4. ด้านทุนการศึกษา มีการจัดมอบทุนการศึกษาส าหรับนักเรียนเรียนดี นักเรียนที่มีจิตอาสา และ นักเรียนที่สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนทุกปี การศึกษา รวมทั ้งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก ทั ้งภาครัฐ และเอกชน 5. ด้านภาคีเครือข่าย มีการให้ความร่วมมือช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติงานของโรงเรียน การ ร่วมกันก าหนดแผนงานใหม่ๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ก าหนดไว้ 6. ด้านการประกันคุณภาพ มีการประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพการด าเนินงาน ทุกปี การศึกษา และเผยแพร่ผลการประเมินคุณภาพการศึกษาให้บุคลากรของโรงเรียน ผู้ปกครอง นักเรียน และ ชุมชนได้รับทราบ ส่งผลให้บรรลุเป้ าหมายตามหมวด 7 ข้อ 7.1 ข(1) ประสิทธิผลและประสิทธิภาพของกระบวนการ ซึ่งแสดงถึงผลลัพธ์ประสิทธิผลส าคัญของกระบวนการสนับสนุน


75 (3) การปรับปรุงหลักสูตรและกระบวนการ (Product and PROCESS Improvement) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม มีการด าเนินการพัฒนาหลักสูตรและน าเสนอรายงาน โดยการ สรุปผลการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลจากการประเมินการใช้หลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนขนาดมอญ พิทยาคม ใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) กระบวนการสร้ างและพัฒนาหลักสูตร 2) กระบวนการน าหลักสูตรไปใช้ 3) ผลผลิตของหลักสูตร และเขียนรายงานการพัฒนาหลักสูตร จัดท าหลักสูตรสถานศึกษาฉบับสมบูรณ์ เพื่อ น าเสนอขออนุมัติหลักสูตรจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั ้นพื ้นฐาน โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ได้ปรับปรุงกระบวนการท างานของโรงเรียน โดยมีการตรวจสอบ ทบทวนผลการด าเนินงานทุกปี การศึกษาและเผยแพร่ผลการประเมินคุณภาพการศึกษาให้บุคลากรของโรงเรียน ผู้ปกครอง นักเรียน และชุมชนได้รับทราบ เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รับรู้ ความเคลื่อนไหว และผลการบริหารจัด การศึกษาของโรงเรียน ส าหรับผลการด าเนินงานที่ไม่เป็ นไปตามเป้ าหมายที่ก าหนด โรงเรียนมีวิธีการปรับปรุง กระบวนการท างานเพื่อบรรลุผลการด าเนินการให้ดีขึ ้นโดยกระบวนการดังนี ้ 1. ศึกษาผลที่เกิดจากการบริหารงานตามแนวทางการจัดการและปรับปรุงกระบวนการท างาน โดยใช้นวัตกรรม MONPIT Model ภายใต้วงจรคุณภาพ PDCA ในด้านผลลัพธ์ที่เกิดขึ ้นให้มีความเป็ นไปได้ ตามที่ก าหนดไว้ 2. บูรณาการร่วมกันเพื่อจัดการและปรับปรุงกระบวนการท างาน ในกรณีผลลัพธ์ประเด็นใดไม่ เป็ นไปตามความคาดหวัง ต้องร่วมกันพิจารณาถึงสาเหตุและแนวทางแก้ไข หาแนวทางหรือนวัตกรรมที่จะมาช่วย ให้ผลลัพธ์นั ้นพัฒนาและมีผลลัพธ์เป็ นไปตามความคาดหวัง 3.ประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดการและปรับปรุงกระบวนการท างาน ให้ ความส าคัญกับการประเมินโครงการ ที่ก าหนดในแผนกลยุทธ์ น าผลการประเมินโครงการมาพิจารณาใน รายละเอียดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็ นประโยชน์ในการปรับปรุง พัฒนา ลด หรือเพิ่ม ตามความเหมาะสมกับแต่ละ สถานการณ์ 4) ถ่ายทอด ประชาสัมพันธ์ให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องได้รับทราบกระบวนการท างานเพื่อน าไปปฏิบัติ 5) ท าการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการด าเนินงานในอนาคต คือ การน าเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการ ประเมินผลกระบวนการด าเนินงานในระบบต่างๆ โดยเฉพาะระบบหลักของโรงเรียน เพื่อให้มีการปรับปรุง กระบวนการท างานต่อไป ดังตัวชี ้วัดร้อยละของนักเรียนที่จบหลักสูตรในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น – มัธยมศึกษา ตอนปลาย ภาพที่ 7.1 ข(1)-1และ 7.1 ข(1)-2 ค. การจัดการนวัตกรรม (INNOVATION Management) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม มีการก าหนดโอกาสเชิงกลยุทธ์ โดยท าการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม ขององค์กร เพื่อค้นหาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค โดยการส ารวจจากสภาพแวดล้อม 2 ด้าน คือ สภาพแวดล้อมภายในและสภาพแวดล้อมภายนอก มีการส ารวจและประเมินสภาพปัญหาปัจจุบัน และส ารวจ ความคิดเห็นของ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในการจัดการศึกษาของโรงเรียน เพื่อน ามุมมองที่ได้มาเป็ นข้อมูลส าหรับการ


76 วิเคราะห์ความเชื่อมโยง จัดล าดับความส าคัญของประเด็นต่างๆ และคัดเลือกสภาพที่เป็ นปัญหาเร่งด่วน สภาพที่ มีการพัฒนาพร้ อมจะด าเนินการให้เกิดความยั่งยืน คณะกรรมการภาคี 4 ฝ่ าย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ประชุม ร่วมกันเพื่อจะพัฒนาโรงเรียนให้เป็ นโรงเรียนที่สามารถจัดการศึกษาได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ น าไปสู่ การก าหนด วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้ าประสงค์ และกลยุทธ์ร่วมกัน คณะกรรมการบริหารโรงเรียนได้ร่วมกันก าหนดระบบการปรับปรุงผลการด าเนินงาน โดยน า MONPIT Model ภายใต้วงจรคุณภาพ PDCA ใน 2.1 ก(2) มาใช้ขับเคลื่อนการปรับปรุง ให้เกิดความต่อเนื่อง และเทียบ กับตัวชี ้วัดและเป้ าประสงค์ของโรงเรียนมาตรฐานสากล เป็ นการประกันคุณภาพภายใน โดยมีกิจกรรมที่ใช้ ปรับปรุงผลการด าเนินงานที่ใช้ร่วมกัน ดังนี ้ 1) การทบทวนการด าเนินงาน 2) ท างานเป็ นทีมด้วย PLC 3) การ วัดและประเมินผล ด้วยเทคโนโลยี 4) น าผลการด าเนินงานเทียบเป้ าหมาย 5) รายงานผลการเรียนรู้ ในการ ปรับปรุง กระบวนการเพื่อให้เกิดการท างานที่ดีขึ ้น เป็ นไปตามระยะเวลา และความสามารถเพื่อให้การน า กระบวนการไปใช้ตามทิศทางและนโยบายของโรงเรียน ฝ่ าย/งาน เจ้าของกระบวนการได้ใช้ข้อมูลผู้ส่งมอบและ พันธมิตร ความท้าทาย ความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ระบบการปรับปรุงผลการด าเนินการแผนปฏิบัติการ ตามข้อ 2.2 ก(1) ความต้องการและความคาดหวังของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากหมวด 32 ไปจัดท าแผนปฏิบัติ การตามหมวด 2 ตามข้อ 2.2 ข และน าไปจัดการความรู้ข้อ 4.2 ก(1) และจัดกระบวนการท างานหมวด 6.2 ก ดัง ตัวชี ้วัดผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน ตามภาพที่ 7.1 ก(1)-1, 7.1 ก(1)-2 ,ตารางที่ 7.1 ก(1)-1 และตารางที่ 7.1 ก(1)-2 ซึ่งแสดงถึงผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพของการจัดการนวัตกรรม 6.2 ประสิทธิผลของการปฏิบัติการ (Operational Effectiveness) ก. ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการ (PROCESS Efficiency and EFFECTIVENESS) (1) การควบคุมต้นทุน โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ได้ศึกษา พิจารณารายงานผลการประเมินตนเองประจ าปี รายงาน การควบคุมต้นทุนผลลิตในปี ที่ผ่านมา เพื่อวางแผนด าเนินการควบคุมต้นทุนเพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดการใช้ทรัพยากร ซึ่งมีวิธีการควบคุมต้นทุนโดยรวมของระบบงาน โดยมอบหมายให้ 1) งานนโยบายและแผนงาน และงานควบคุมภายในด าเนินการจัดระบบบริหารความเสี่ยง เพื่อ ป้ องกันข้อบกพร่อง รวมถึงลดการท างานซ ้าซ้อน ท าให้ลดต้นทุนและลดการสูญเสียได้ดี ปลูกจิตส านึกการ ปฏิบัติงานให้ตระหนักถึงความสะดวก ประหยัด เกิดประโยชน์สูงสุด 2) ทุกกลุ่มงานต้องตรวจสอบทบทวนปัญหา/อุปสรรคของงาน/โครงการ/กิจกรรม ที่ด าเนินการใน แต่ละปี การศึกษา ให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามล าดับชั ้น 3) โรงเรียนแต่งตั ้งคณะกรรมการตรวจสอบภายใน ให้ ด าเนินการตรวจสอบการบริหาร งบประมาณ การเงิน พัสดุและสินทรัพย์ ตามกฎระเบียบข้อบังคับด้านการเงิน หากพบสิ่งผิดปกติจะด าเนินการสุ่ม สอบเพื่อความมั่นใจ และแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องด าเนินการแก้ไขทันที เพื่อป้ องกันความผิดพลาด ลดการสูญเสีย และ


77 ไม่ให้ข้อบกพร่องเกิดซ ้าอีก ทั ้งยังเป็ นช่องทางให้นักเรียนตลอดจนผู้เกี่ยวข้องได้เสนอแนะ หรือมีส่วนร่วมในการ แก้ไขข้อบกพร่องผ่านแบบสอบถาม หรือแจ้งผู้รับผิดชอบโดยตรง 4) งานควบคุมภายใน น าข้อบกพร่องทั ้งหมดเสนอฝ่ ายบริหาร และรายงานหน่วยงานต้นสังกัด รวมทั ้งประมวลเป็ นภาพรวม 5) หัวหน้างานที่เกี่ยวข้องน าไปแก้ไขปรับปรุง เพื่อประกันความเสียหาย ท าให้การด าเนินงานของ โรงเรียนประสบความส าเร็จ บรรลุเป้ าประสงค์ และความต้องการของนักเรียนอย่างยั่งยืน 6) งานติดตามและประเมินโครงการ งานควบคุมภายใน ได้น าแนวทางดังกล่าวไปด าเนินการโดย จัดท าเครื่องมือตรวจสอบไปสร้างความเข้าใจกับหัวหน้างานให้ด าเนินการตามแนวทางที่ก าหนด และรายงานผล ให้ คณะกรรมการบริหารโรงเรียนรับทราบ เพื่อสอบถามตามระบบแล้วน าสู่การปรับปรุงแก้ไขเพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ และความต้องการของนักเรียน 7) กลุ่มงานนโยบายและแผนงาน งานติดตามและประเมินโครงการ งานควบคุมภายใน ด าเนินการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลการด าเนินงานและรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย ข้อเสนอแนะ ข้อสังเกต ข้อเรียกร้อง ผลการด าเนินงาน ผลการตรวจสอบ ไปด าเนินการปรับปรุงแนวทางและวิธีการให้มีประสิทธิภาพมาก ยิ่งขึ ้น การท างานที่มีประสิทธิภาพและน ามาขยายผลเพื่อการเรียนรู้ กับผู้เกี่ยวข้องในการด าเนินงาน ควบคุมและลดต้นทุนโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบและป้ องกันไม่ให้เกิดสิ่งบกพร่อง ความผิดพลาดของ การให้บริการและการท างานซ ้าซ้อน งานติดตามและประเมินโครงการ และงานควบคุมภายใน ใช้ข้อมูลวิสัยทัศน์ ค่านิยม วัฒนธรรมองค์กร กลไกการส่งมอบ บริการเทคโนโลยี กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ จากความต้องการ ความคาดหวังของลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ ด้านทรัพยากรบุคคล ข้อร้องเรียน จากผู้ใช้บริการ หมวด 3.1ก(1), 3.2 ข(2) ผลการด าเนินงานและข้อเสนอแนะ ข้อสังเกตของส านักงานการตรวจเงิน แผ่นดิน น าไปก าหนดแนวทางและมาตรการในการลดต้นทุน การตรวจสอบและป้ องกันไม่ให้เกิดความบกพร่อง ผลที่น าไปใช้ในการออกแบบกระบวนการท างานในหมวด 6.1 ข และ 6.1 ค การจัดกระบวนการท างาน การ ปรับปรุงกระบวนการท างานในหมวด 6.2 ก และ 6.2 ข รวมทั ้งการพัฒนาบุคลากรในหมวด 5ข้อ 5.2 ก และ 5.2ข จากผลการจัดกระบวนการเรียนรู้ และกระบวนการสนับสนุน ท าให้เกิดผล ตามตารางที่ 7.1 ข(1)-1 และตารางที่ 7.1 ข(1)-2 ซึ่งแสดงถึงผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการ ข. การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply-Chain Management) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ได้ด าเนินการเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทาน โดยมีเป้ าหมายให้นักเรียนและผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียเชื่อมั่น ผู้ส่งมอบได้แก่ ครูอัตราจ้าง บริษัทบุรีรัมย์คอมพิวเตอร์จ ากัด ซึ่งเป็ นผู้บริการอินเทอร์เน็ต และ ร้านค้าหรือห้างร้านที่โรงเรียนจัดซื ้อวัสดุอุปกรณ์ ว่ามีคุณสมบัติและพร้ อมที่จะยกระดับคุณภาพการศึกษา และสร้างความพึงพอใจให้กับนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ดังนี ้ 1. ศึกษารวบรวมข้อมูลผู้ส่งมอบ จุดเด่นที่ส าคัญต่อคุณภาพผู้เรียนโดยกลุ่มบริหารงานของ โรงเรียน


78 2. คัดเลือกผู้ส่งมอบ ประสานงาน และท าข้อตกลงร่วมกัน ผู้ส่งมอบที่ถูกคัดเลือกโดยเน้น ความคุ้มค่า 3. ตรวจสอบความคุ้มค่าของผู้ส่งมอบทุกปี การศึกษา 4. สรุปผลการด าเนินงาน ยุติหรือต่อเนื่อง จากกระบวนการคัดเลือก โรงเรียนสามารถเลือกผู้ส่งมอบได้ดังนี ้ 1. ครูอัตราจ้าง ท าหน้าที่เป็ นผู้ส่งมอบการจัดการเรียนการสอน ในกรณีที่ครูไม่เพียงพอ เพื่อให้ มั่นใจว่า ผู้ส่งมอบกรณีครูอัตราจ้างมีคุณสมบัติที่ตอบสนองต่อความจ าเป็ นด้านการปฏิบัติการและพร้อมที่จะช่วย ยกระดับผลการด าเนินการของโรงเรียนและความพึงพอใจของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โรงเรียนด าเนินการ ดังนี ้ คือวิเคราะห์ความต้องการของผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่งตั ้งคณะกรรมการในการวางแผนคัดเลือก และทดสอบความรู้ ความสามารถให้มีคุณสมบัติเหมาะสมกับต าแหน่งตามระเบียบการรับบุคลากร ประเมินผู้ส่ง มอบ โดย ใช้กระบวนการนิเทศภายใน มีการวัดและประเมินผลการด าเนินการของผู้ส่งมอบ คือ การนิเทศการ สอน การเยี่ยมชั ้นเรียน ตรวจสอบแผนการจัดการเรียนรู้ โดยคณะกรรมการนิเทศภายในของโรงเรียนและประเมิน คณุภาพของผ้สูง่มอบจากผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนของผ้เูรียน วดัความพงึพอใจในการจดัหลกัสตูรและการจดัการ เรียนการสอนของผู้ส่งมอบจากนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและน าข้อมูลย้อนกลับให้แก่ผู้ส่งมอบได้รับทราบ เพื่อให้น าผลไปปรับปรุงและพัฒนาต่อไป ในกรณีผู้ส่งมอบไม่ผ่านการประเมิน จะมีกระบวนการพัฒนาผู้ส่งมอบ และก ากับติดตาม ตามนวัตกรรม MONPIT Model ภายใต้วงจรคุณภาพ PDCA ต่อไป 2. บริษัท บุรีรัมย์คอมพิวเตอร์ จ ากัด ท าหน้าที่ส่งมอบชุดอุปกรณ์ส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต บริษัท 3BB Broadband ท าหน้าที่ส่งมอบสัญญาณอินเตอร์เน็ตความเร็ว 500/500 Mbps โดยโรงเรียนด าเนินการ จัดท าสัญญาเช่าและข้อตกลงชัดเจนตามระเบียบการเงินและพัสดุ ในการประเมินจะใช้คณะกรรมการประเมินที่ มีความสามารถเฉพาะด้านตรวจสอบเป็ นระยะและจะประเมินความพึงพอใจในการให้บริการของผู้ส่งมอบ โดย นักเรียนกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียถ้าไม่ผ่านการประเมินจะไม่มีการต่อสัญญาจ้าง 3. ร้านค้าหรือห้างร้านที่โรงเรียนจัดซื ้อวัสดุอุปกรณ์โดยโรงเรียนได้วิเคราะห์คุณสมบัติเบื ้องต้น ของวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องการ ประกาศคุณสมบัติของวัสดุอุปกรณ์ ให้ร้านค้าหรือห้างร้ านรับทราบเพื่อประกอบการ ยื่นเสนอราคา โรงเรียนตั ้งกรรมการพิจารณาคุณสมบัติของวัสดุอุปกรณ์ที่ร้ านค้าหรือห้างร้ านเสนอว่าเป็ นไปตาม คุณสมบัติที่ก าหนดหรือไม่ ด าเนินการจัดซื ้อหรือจัดจ้างและข้อตกลงที่ชัดเจนตามระเบียบการเงินและพัสดุ ตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ที่จัดซื ้อ ประเมินความพึงพอใจในการให้บริการของผู้ส่งมอบ โรงเรียนได้น าผู้ส่งมอบทั ้ง 3 กลุ่ม มาบริหารจัดการกับระบบงานของโรงเรียนทั ้ง 4 กลุ่มงานเพื่อพัฒนา คุณภาพผู้เรียนให้มีคุณภาพ สามารถใช้บริการสืบค้นความรู้ มีทักษะในการใช้เทคโนโลยี เพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงาน สถานประกอบการ หรือการศึกษาต่อในระดับสูงขึ ้น จนได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้ารับบริการ เพิ่มขึ ้นต่อเนื่อง ดังภาพที่ 7.1 ค ซึ่งแสดงถึงผลลัพธ์ความส าเร็จตามข้อก าหนดส าคัญที่มอบหมายให้ผู้ส่งมอบ ด าเนินการ และผลลัพธ์ประสิทธิผลส าคัญของระบบการจัดการห่วงโซ่อุปทาน


79 ค. การเตรียมความพร้ อมด้านความปลอดภัยและภาวะฉุกเฉิน (Safety and Emergency Preparedness) โรงเรียนได้มอบหมายให้กลุ่มบริหารทั่วไป รวบรวมข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับความปลอดภัยและ ภาวะฉุกเฉินของโรงเรียนทุกกลุ่มงาน น าข้อมูลมาวิเคราะห์ร่วมกันโดยผ่านการประชุมคณะกรรมการบริหาร โรงเรียน โดยพิจารณาถึงความปลอดภัยและการเตรียมความพร้ อมต่อภาวะฉุกเฉิน การด าเนินการด้านความ ปลอดภัยในแต่ละด้าน โรงเรียนได้ด าเนินการ ดังภาพ 6.2 ค ดังนี ้ 1. ความปลอดภัย (Safety) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม การบริหารจัดการด้วยนวัตกรรม MONPIT Model ภายใต้ วงจร คุณภาพ PDCA ได้ด าเนินการเพื่อท าให้สภาพแวดล้อมเกิดความปลอดภัยภายในโรงเรียน โดยมีศึกษา วิเคราะห์ ผลการด าเนินงาน ปัญหา อุปสรรคในปี ที่ผ่านมา วางแผน จัดท าโครงการ แต่งตั ้งคณะกรรมการฯ และด าเนินงาน เรื่องความปลอดภัยภายในโรงเรียน มีการสรุปประเมินผลกิจกรรม โครงการ น าผลการประเมินมาแก้ไข ปรับปรุง และรายงานสภาวการณ์ของสภาพแวดล้อมการปฏิบัติการอย่างสม ่าเสมอ ต่อผู้บริหารโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้อง ผู้มี ส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งเป็ นแนวทางหนึ่งในการส่งเสริมให้เกิดสภาพแวดล้อมการปฏิบัติการที่ปลอดภัย ดังนี ้ 1) ด้านอาคารสถานที่ มีการตรวจสอบ ซ่อมแซมให้เกิดความปลอดภัย มีเวรยามรักษาการณ์ทั ้ง กลางวันและกลางคืน มีการติดตั ้งกล้องวงจรปิ ดไว้ตามอาคารและบริเวณรอบๆ โรงเรียนเพื่อป้ องกันและสามารถ ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นได้ 2) ด้านบุคลากร มีการจัดท าประกันอุบัติเหตุให้กับครูและนักเรียนทุกคน 3) ด้านการบริการ มีห้องพยาบาล สามารถรองรับการเจ็บป่ วยและการปฐมพยาบาลเบื ้องต้นได้ มีครูรับผิดชอบอยู่ประจ า 4) ด้านงบประมาณ โรงเรียนได้จัดเตรียมงบประมาณเพื่อใช้ในการเตรียมความพร้ อมต่อภาวะ ฉุกเฉิน เช่น การให้บริการค่ารักษาพยาบาลแบบเบ็ดเสร็จกับนักเรียน 5) การจัดระบบการจราจรประตูทางเข้าโรงเรียน ได้รับความความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ต ารวจมา ให้ความรู้ ด้านการขับขี่ปลอดภัย และก าหนดให้นักเรียนสวมหมวกนิรภัยทุกครั ้งเมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ ติดตั ้ง กล้องวงจรปิ ดตามจุดต่างๆ ภายในโรงเรียน ภำพที่ 6.2 ค- 1 กำรเตรียมควำมพร้อมด้ำนควำมปลอดภัยและภำวะฉุกเฉิน


80 ผลจากการด าเนินการท าให้โรงเรียนมีความพร้อมต่อการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน นักเรียน ผู้ปกครอง บุคลากร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเชื่อมั่นต่อผลการด าเนินการ มีความพึงพอใจด้านการสนับสนุนการจัดการเรียน การสอน ดังผลลัพธ์ใน ภาพที่ 7.1 ข(2) การเตรียมความพร้อมต่อภาวะฉุกเฉิน ซึ่งแสดงถึงผลลัพธ์ประสิทธิผลของ การจัดการด้านความปลอดภัย 2. การเตรียมความพร้อมต่อภาวะฉุกเฉิน (Emergency Preparedness) โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม มีการเตรียมความพร้ อมต่อภาวะฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ ้นอย่างเป็ นระบบ และวางระบบบริหารที่ครอบคลุม ซึ่งเป็ นภาวะเสี่ยงและเป็ นอุปสรรคต่อการจัดการศึกษาของโรงเรียนขนาดมอญ พิทยาคม โดยศึกษา ส ารวจ ตรวจสอบและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่อาจเกิดภัยพิบัติและภาวะฉุกเฉิน วางแผน และจัดท าโครงการ/กิจกรรมเกี่ยวกับความปลอดภัย ประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบ เกี่ยวกับโครงการและกิจกรรม ด าเนินการเกี่ยวกับความปลอดภัยตามโครงการ ประเมินผล ปรับปรุงและรายงาน ต่อคณะกรรมการสถานศึกษา นักเรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ดังภาพที่ 6.2 ค-2 ภำพที่ 6.2 ค- 2 แบบแผนเตรียมความพร้อมต่อภาวะฉุกเฉิน จากที่กล่าวมาข้างต้น แสดงให้เห็นถึงโรงเรียนมีวิธีการเตรียมความพร้ อมต่อภาวะฉุกเฉินและภัย พิบัติที่อาจเกิดขึ ้นไว้เป็ นอย่างดี ผลจากการด าเนินการท าให้โรงเรียนมีความพร้ อมต่อการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน นักเรียน ผู้ปกครอง บุคลากร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเชื่อมั่นต่อผลการด าเนินการ มีความพึงพอใจด้านการ สนับสนุนการจัดการเรียนการสอน ดังผลลัพธ์ในหมวด 7.1 ข(2) การเตรียมพร้ อมต่อภาวะฉุกเฉิน ซึ่งแสดงถึง ผลลัพธ์ประสิทธิผลของการเตรียมความพร้อมส าหรับภาวะฉุกเฉิน


81 หมวด 7 ผลลัพธ์(Results) 7.1 ผลลัพธ์ด้านหลักสูตรและกระบวนการ (Product and Process Results) ก. ผลลัพธ์ด้านหลักสูตรและกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นนักเรียน (Student Focused Product and Process Result) (1) ผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพของหลักสูตรโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ปี การศึกษา 2562-2564 1. นักเรียน มีผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย 2.5ขึ ้นไป จากภาพที่ 7.1 ก(1)–1 พบว่า ปี การศึกษา 2562-2564 นักเรียนชั ้นมัธยมศึกษาตอนต้ น โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ที่มีผลการเรียนเฉลี่ยในระดับ 2.5 ขึ ้นไป มีแนวโน้มเพิ่มขึ ้นในทุกปี โดยบรรลุค่า เป้ าหมายที่ตั ้งไว้คือ ร้อยละ 70 จากภาพที่ 7.1 ก(1)–2 พบว่าปี การศึกษา 2562-2564 นักเรียนชั ้นมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียน ขนาดมอญพิทยาคมมีการจัดการเรียนการสอนทั ้งหมด 3 แผนการเรียน คือ แผนวิทย์-คณิต แผนภาษา-สังคม และทวิศึกษา โดยนักเรียนที่มีผลการเรียนในระดับ 2.5 ขึ ้นไป ทุกแผนการจัดการศึกษาบรรลุค่าเป้ าหมายที่ตั ้งไว้ คือ ร้อยละ 70 ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 เกรด 2ขึ ้นไป 75 75.79 75.81 75 75.79 75.81 74.4 74.6 74.8 75 75.2 75.4 75.6 75.8 76ร้อยละ ปี เกรด 2ขึ ้นไป 74.64 75 100 77.3 75.792.1 75.43 74.16 100 0 50 100 150 แผนวิทย์-คณิต แผนภาษา-สังคม แผนทวิศึกษา ร้อยละ แผนการเรียน ร้อยละของนักเรียนที่ได้เกรด 2.5 ขึ ้นไป ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ภาพที่ 7.1 ก(1)–1ร้อยละของนักเรียนระดับชั ้นมัธยมศึกษาตอนต้น ที่มีผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย 2.5ขึ ้นไป ภาพที่ 7.1 ก(1)– 2 ร้อยละของนักเรียนระดับชั ้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่มีผลสมัฤทธิ์ทางการเรียน 2.5ขึ ้นไป


82 2.ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในกลุ่มวิชา IS ในรายวิชาการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ ความรู้IS1รายวิชาการสื่อสารและการน าเสนอ IS2 (ปี การศึกษา 2562 - 2564) จากภาพที่ 7.1 ก-3 พบว่าผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย รายวิชา IS1 ระดับชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 และระดับชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5 ปี การศึกษา 2562 – 2564 เมื่อเทียบกับค่าเป้ าหมายที่ก าหนดพบว่า นักเรียนที่มี ผลการเรียนรายวิชา IS1 ทั ้งสองระดับชั ้น มีผลการเรียนระดับ 2.5 ขึ ้นไป แสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่ดีขึ ้นบรรลุ ค่าเป้ าหมายที่ตั ้งไว้คือ ร้อยละ 70 ทั ้งสองระดับชั ้น จากภาพที่ 7.1 ก(1)– 4 ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย รายวิชา IS2 ระดับชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 และระดับชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 5 ปี การศึกษา 2562 – 2564 เมื่อเทียบกับค่าเป้ าหมายที่ก าหนดพบว่า นักเรียนที่มี ผลการเรียนรายวิชา IS2 ทั ้งสองระดับชั ้น มีผลการเรียนระดับ 2.5 ขึ ้นไป แสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่ดีขึ ้นบรรลุ ค่าเป้ าหมายที่ตั ้งไว้คือ ร้อยละ 70 ทั ้งสองระดับชั ้น ข. ผลลัพธ์ด้านประสิทธิผลของกระบวนการท างาน (Work Process Effectiveness Results) (1) ประสิทธิผลและประสิทธิภาพของกระบวนการ (Process EFECTIVENESS and Efficiency) จากผลการจัดกระบวนการเรียนรู้ และกระบวนการสนับสนุน ท าให้เกิดผลดังนี ้ 94.75 70.08 95.86 86.39 97.35 95.76 0 50 100 150 ม.2 ม.5 ร้อยละ ชั ้น นักเรียนที่มีผลการเรียนวิชาการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง(IS1) ตั ้งแต่ 2.5 ขึ ้นไป ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 95.91 70.33 97.52 88.28 97.89 96.75 0 50 100 150 ม.2 ม.5 ร้อยละ ชั ้น นักเรียนที่มีผลการเรียนวิชาการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง(IS2) ตั ้งแต่ 2.5 ขึ ้นไป ปี 2562 ปี 2563 ปี 2564 ภาพที่ 7.1 ก(1)– 3 ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย รายวิชา IS1 ภาพที่ 7.1 ก(1)– 4 ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ย รายวิชา IS2


83 1.จ านวนนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรตามกรอบเวลาที่ก าหนด จากภาพพบว่าร้ อยละของนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรชั ้นมัธยมศึกษาตอนต้นตามกรอบเวลาที่ ก าหนด ปี การศึกษา 2562 - 2564มีแนวโน้มมีการจบหลักสูตรสูงขึ ้น แสดงถึงคุณภาพการจัดการศึกษาของ โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม จากภาพพบว่าร้ อยละของนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรชั ้นมัธยมศึกษาตอนปลายตามกรอบเวลา ที่ก าหนด ปี การศึกษา 2562 – 2564 มีแนวโน้มมีการจบหลักสูตรสูงขึ ้น แสดงถึงคุณภาพการจัดการศึกษาของ โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม 2.ผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET) ผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนของผ้เูรียนระดบัชาตเิทียบเคียงกับ โรงเรียนคู่เทียบเพื่อพัฒนา (โรงเรียนสังขะ) ปี การศึกษา 2562 -2564 86 111 88 74 107 86.05 87 96.40 98.86 0 20 40 60 80 100 120 ปี การศึกษา 2562 ปี การศึกษา 2563 ปี การศึกษา 2564 ร้อยละ ปี แสดงค่าร้อยละของนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรชั ้นมัธยมศึกษาตอนต้น ทั ้งหมด จบหลักสูตร ร้อยละ 86 111 88 74 107 86.05 87 96.40 98.86 0 20 40 60 80 100 120 ปี การศึกษา 2562 ปี การศึกษา 2563 ปี การศึกษา 2564 ร้อยละ ปี แสดงค่าร้อยละของนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรชั ้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั ้งหมด จบหลักสูตร ร้อยละ ภาพที่ 7.1ข(1) - 1แสดงค่าร้อยละของนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรชั ้นมัธยมศึกษาตอนต้น ปี 2562- 2564 ภาพที่ 7.1ข(1) - 2แสดงค่าร้อยละของนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรชั ้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ปี 2562 - 2564


84 ตารางที่ 7.1 ข(1)-1 ตารางแสดงผลสมัฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนระดับชาติ(O-NET) ระดับชั ้นมัธยมศึกษา ปี ที่ 3 เทียบเคียงกับโรงเรียนคู่เทียบ ปี การศึกษา 2562 -2564 วิชา ผลการทดสอบระดับชาติม.3 ปี การศึกษา 2562 ปี การศึกษา 2563 ปี การศึกษา 2564 ขนาดมอญพิทยาคม สังขะ ขนาดมอญพิทยาคม สังขะ ขนาดมอญพิทยาคม สังขะ ภาษาไทย 52.78 57.32 75.63 59.80 56.85 58.48 คณิตศาสตร์ 23.57 24.95 44.00 23.80 24.75 23.89 วิทยาศาสตร์ 27.81 30.67 34.40 29.72 31.49 32.73 ภาษาต่างประเทศ 28.33 31.48 45.00 33.48 25.39 31.15 จากตาราง พบว่าผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET) ระดับชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 เทียบเคียงกับ โรงเรียน คู่เทียบพบว่าปี การศึกษา 2562 คะแนนเฉลี่ยทั ้ง 4 รายวิชา ต ่ากว่าโรงเรียนคู่เทียบ ปี การศึกษา 2563 คะแนนเฉลี่ยทั ้ง 4 รายวิชา สูงกว่าโรงเรียนคู่เทียบ และปี การศึกษา 2564 วิชาคณิตศาสตร์คะแนนเฉลี่ยสูงกว่า โรงเรียนคู่เทียบ 0.86 คะแนน และเมื่อเทียบกับโรงเรียนคู่เทียบเพื่อพัฒนาปี การศึกษา 2562 – 2564 พบว่า คะแนนเฉลี่ยการทดสอบระดับชาติ (O-NET) ชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 ของโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ในระยะ 3 ปี มีพัฒนาการใกล้เคียงกับโรงเรียนคู่เทียบ ตารางที่ 7.1 ข(1)-2 ตารางแสดงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนระดบัชาติ(O-NET) ระดับชั ้นมัธยมศึกษา ปี ที่ 6 เทียบเคียงกับโรงเรียนคู่เทียบ ปี การศึกษา 2562 -2564 วิชา ผลการทดสอบระดับชาติม.3 ปี การศึกษา 2562 ปี การศึกษา 2563 ปี การศึกษา 2564 ขนาดมอญพิทยาคม สังขะ ขนาดมอญพิทยาคม สังขะ ขนาดมอญพิทยาคม สังขะ ภาษาไทย 40.70 41.79 41.89 42.82 48.25 50.78 คณิตศาสตร์ 21.38 19.35 20.54 21.77 18.87 19.86 วิทยาศาสตร์ 27.69 26.63 30.31 31.26 27.15 30.08 สังคมศึกษา 34.42 35.31 34.92 35.81 35.28 39.80 ภาษาต่างประเทศ 23.17 24.30 21.35 25.16 19.27 24.93 จากตาราง พบว่าผลการทดสอบระดับชาติ (O-NET) ระดับชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 เทียบเคียงกับ โรงเรียน คู่เทียบ พบว่าปี การศึกษา 2562 คะแนนเฉลี่ย วิชาคณิตศาสตร์และ วิชาวิทยาศาสตร์ สูงกว่าโรงเรียนคู่ เทียบ ปี การศึกษา 2563-2564 คะแนนเฉลี่ยทั ้ง 5 รายวิชา ต ่ากว่าโรงเรียนคู่เทียบ และเมื่อเทียบกับโรงเรียนคู่ เทียบเพื่อพัฒนาปี การศึกษา 2562 – 2564 พบว่าคะแนนเฉลี่ยการทดสอบระดับชาติ ระดับชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6 ของโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคมในระยะ 3 ปี มีพัฒนาการใกล้เคียงกับโรงเรียนคู่เทียบ 3. ผลการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอน โรงเรียนมีการนิเทศติดตามการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้การศึกษาชั ้นเรียน (Lesson Study : LS) ผ่านกระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ ทาง วิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) อย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั ้ง โดยใช้การนิเทศแบบ กัลยาณมิตร เพื่อนช่วยเพื่อน และมีการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนทุกภาคเรียน โดยจ าแนก เป็ นกลุ่มสาระการเรียนรู้และน าเสนอภาพรวมของการด าเนินการในระดับดีขึ ้นไป


85 ตารางที่ 7.1ข(1)-3แสดงร้อยละผลการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนในระดับดีขึ ้นไปปี การศึกษา 2562 - 2564 ปี การศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาพรวม ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาฯ สุขศึกษาฯ ศิลปะ การงานอาชีพ ภาษาต่างประเทศ 2562 100.00 83.33 80.00 83.33 100.00 100.00 100.00 100.00 93.33 2563 100.00 85.71 81.82 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 95.94 2564 100.00 100.00 90.91 100.00 100.00 100.00 100.00 100.00 98.86 จากตารางผลการประเมินประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนในปี การศึกษา 2562 -2564 ใน ระดับดีขึ ้นไป ภาพรวมค่าร้อยละมีแนวโน้มเพิ่มขึ ้นอย่างต่อเนื่อง 4. ประสิทธิภาพกระบวนการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ได้ด าเนินการตามโครงการ ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในด้านต่างๆ เช่นการวิเคราะห์ข้อมูลนักเรียนรายบุคคล การออกเยี่ยมบ้าน การประชุมผู้ปกครอง ท าให้นักเรียนมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์เพิ่มขึ ้นอย่างต่อเนื่อง ตารางที่ 7.1ข(1)-4 แสดงร้อยละนักเรียนมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์ ปี การศึกษา 2562 - 2564 รายการ ปี การศึกษา 2562 2563 2564 พฤติกรรมอันพึงประสงค์ 88.64 89.79 93.36 จากตาราง ร้อยละของจ านวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมอันพึงประสงค์ ในระยะ 3 ปีเพิ่มขึ ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนดีขึ ้น 5.จ านวนนักเรียนที่สมัครเข้าศึกษาต่อ ระดับชั ้น ม.1และ ม.4 จากภาพพบว่านักเรียนที่สมัครเข้าศึกษาต่อ ระดับชั ้น ม.1 และ ม.4 ในโรงเรียนขนาดมอญพิทยาคม ปี การศึกษา 2562 – 2564 ชั ้น ม.1 มีแนวโน้มเพิ่มขึ ้นทุกปีส่วน ม.4 มีแนวโน้มเพิ่มขึ ้นในปี การศึกษา 2562 - 2563 135 110 137 124 155 101 0 20 40 60 80 100 120 140 160 180 ม.1 ม.4 จ านวน(คน) ชั ้น จ านวนนักเรียนที่สมัครเข้าศึกษาต่อ ระดับชั ้น ม.1 และ ม.4 2562 2563 2564 ภาพที่ 7.1ข(1) – 3แสดงนักเรียนที่สมัครเข้าศึกษาต่อ ระดับชั ้น ม.1และ ม.4 ปี การศึกษา 2562 - 2564


86 (2) การเตรียมความพร้อมต่อภาวะฉุกเฉิน (Emergency Preparedness) โรงเรียนมีการเตรียมความพร้อมด้านภาวะฉุกเฉินและภัยพิบัติที่ดี ท าให้การจัดกิจกรรมการเรียน การสอนไม่หยุดชะงัก ถือเป็ นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย ส่งผลให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดความพึง พอใจ ดังนี ้ จากภาพที่ 7.1 ข(2) พบว่าผลการประเมินความพึงพอใจในการเตรียมความพร้ อมต่อภาวะฉุกเฉิน ปี การศึกษา 2562 -2564 ทั ้ง 5 ด้าน มีแนวโน้มเพิ่มขึ ้นทุกปี ค. ผลลัพธ์ด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply-Chain Management RESULTS) โรงเรียนมีการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ดีและเป็ นระบบ ส่งผลให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดความพึงพอใจ ดังนี ้ 1. ความพึงพอใจต่อการใช้บริการอินเทอร์เน็ตของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 3.93 4.01 3.96 3.89 4.02 3.98 4.08 4.14 3.96 4.12 4.01 4.17 4.16 4.01 4.21 3.7 3.8 3.9 4 4.1 4.2 4.3 ด้านอาคารสถานที่ ด้านบุคลากร ด้านการบริการ ด้านงบประมาณ การจัดระบบจราจร ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ ด้าน 2562 2563 2564 2562 2563 2564 ความพึงพอใจในคุณภาพของสินค้าจากผู้ส่งมอบ 84.26 87.62 89.85 84.26 87.62 89.85 81 82 83 84 85 86 87 88 89 90 91 คน ปี การศึกษา ความพึงพอใจต่อการใช้บริการอินเทอร์เน็ต ปี 2562- 2564 ภาพที่ 7.1ข(2) แสดงค่าเฉลี่ยของความพึงพอใจในการเตรียมความพร้อมต่อภาวะฉุกเฉิน ปี การศึกษา 2562– 2564 ภาพที่ 7.1 ค – 1 แสดงค่าเฉลี่ยของควำมพึงพอใจต่อกำรใช้บริกำรอินเทอร์เน็ต ปี การศึกษา 2562– 2564


87 จากภาพที่ 7.1 ค – 1 พบว่าผลการประเมินความพึงพอใจต่อกำรใช้บริกำรอินเทอร์เน็ตของ นักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ปี การศึกษา 2562 – 2564 มีแนวโน้มเพิ่มขึ ้นทุกปี 2. ความพึงพอใจในคุณภาพของสินค้าจากผู้ส่งมอบ ของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จากภาพที่ 7.1 ค – 2 พบว่าผลการประเมินความพึงพอใจในคุณภำพของสินค้ำจำกผู้ส่งมอบ ของนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ปี การศึกษา 2562 – 2564 มีแนวโน้มเพิ่มขึ ้นทุกปี 7.2 ผลลัพธ์ด้านนักเรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (STUDENT and Stakeholder-Focused Results) ก. ผลลัพธ์ด้านการมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (STUDENT and StakeholderFocused Results) (1) ความพงึพอใจของผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (STUDENT Satisfaction) 1) ความพึงพอใจของนักเรียนขั ้นมัธยมศึกษาตอนต้นต่อหลักสูตรและบริการที่ส าคัญ ภาพที่ 7.2 ก(1)-1 ร้อยละความพึงพอใจของนักเรียนชั ้นมัธยมศึกษาตอนต้นต่อหลักสูตรและบริการที่ส าคัญ 2562 2563 2564 ความพึงพอใจในคุณภาพของสินค้าจากผู้ส่งมอบ 84.26 87.62 89.85 84.26 87.62 89.85 81 82 83 84 85 86 87 88 89 90 91คน ปี การศึกษา ความพึงพอใจในคุณภาพของสินค้าจากผู้ส่งมอบ ปี 2562-2564 85.24 87.72 89.36 80 85 90 ปี การศึกษา 2562 ปี การศึกษา 2563 ปี การศึกษา 2564 ร้อยละ ปี การศึกษา ร้อยละความพึงพอใจของนักเรียนขั ้นมัธยมศึกษาตอนต้น ต่อหลักสูตรและบริการที่ส าคัญ ภาพที่ 7.1 ค - 2แสดงค่าเฉลี่ยของควำมพึงพอใจในคุณภำพของสินค้ำจำกผู้ส่งมอบ ปี การศึกษา 2562– 2564


88 จากภาพที่ 7.2 ก(1)- 1 ผลลัพธ์หมวด 3.2 ก(1) พบว่า ร้อยละความพึงพอใจของนักเรียนชั ้นมัธยมศึกษา ตอนต้นต่อหลักสูตรและบริการที่ส าคัญ ปี 2562-2564 มีแนวโน้มสูงขึ ้นอย่างต่อเนื่องแสดงถึงความพึงพอใจต่อ หลักสูตรและบริการที่ส าคัญ 2) ความพึงพอใจของนักเรียนขั ้นมัธยมศึกษาตอนปลายและผู้ปกครองต่อหลักสูตรและบริการที่ ส าคัญ ภาพที่ 7.2 ก(1)-2 ร้อยละความพึงพอใจของนักเรียนชั ้นมัธยมศึกษาตอนปลายและผู้ปกครอง ต่อหลักสูตรและบริการที่ส าคัญ จากภาพที่ 7.2 ก(1)- 2 ผลลัพธ์หมวด 3.2 ก(1) พบว่า ร้อยละความพึงพอใจของนักเรียนชั ้นมัธยมศึกษา ตอนปลายทุกแผนการเรียนและผู้ปกครองต่อหลักสูตรและบริการที่ส าคัญ ปี 2562-2564 มีแนวโน้มสูงขึ ้นอย่าง ต่อเนื่องแสดงถึงความพึงพอใจต่อหลักสูตรและบริการที่ส าคัญ 3) ร้อยละความพึงพอใจของนักเรียนขั ้นมัธยมศึกษาตอนต้นและผู้ปกครองต่อการสนับสนุน ส าคัญที่จัดให้ ภาพที่ 7.2 ก(1)-3 ร้อยละความพึงพอใจของนักเรียนขั ้นมัธยมศึกษาตอนต้นและผู้ปกครอง ต่อการสนับสนุนส าคัญที่จัดให้ วิทย์-คณิต ภาษา-สังคม ทวิศึกษา ผู้ปกครอง ปี การศึกษา 2562 82.75 83.17 80.74 86.72 ปี การศึกษา 2563 87.24 86.5 88.29 89.28 ปี การศึกษา 2564 91.72 89.32 93.25 93.15 82.75 83.17 80.74 87.24 86.5 88.29 86.72 89.28 91.72 89.32 93.25 93.15 70 75 80 85 90 95 ร้อยละ แผนการเรียน-ผู้ปกครอง ร้อยละความพึงพอใจของนักเรียนขั ้นมัธยมศึกษาตอนปลายและผู้ปกครอง ต่อหลักสูตรและบริการที่ส าคัญ 86.74 87.45 91.72 88.96 95.86 90.25 80 85 90 95 100 ม.ต้น ผู้ปกครอง ร้อยละ ร้อยละความพึงพอใจของนักเรียนขั ้นมัธยมศึกษาตอนต้นและผู้ปกครอง ต่อการสนับสนุนส าคัญที่จัดให้ ปี การศึกษา 2562 ปี การศึกษา 2563 ปี การศึกษา 2564


Click to View FlipBook Version