การเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิท์ างการเรียนวรรณคดนี ิทานคากลอนเรื่อง พระอภยั มณี
ตอน พระอภยั มณหี นนี างผเี สอ้ื สมทุ ร ระหวา่ งการสอนเน้ือหาผา่ นการเขียนสรปุ ความ
กับการเขยี นแผนผังความคดิ ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3
นายกติ ติศกั ด์ิ แกว้ ตา
ตาแหนง่ ครู คศ.1
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย
โรงเรียนหนองมว่ งวทิ ยา จังหวดั ลพบรุ ี
สังกดั สานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 5
กิตตกิ รรมประกาศ
รายงานการวิจัยในชั้นเรียนเรื่อง : การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีนิทาน
คากลอนเร่อื ง พระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณหี นีนางผเี สื้อสมทุ ร ระหว่างการสอนเนื้อหาผ่านการเขียนสรุป
ความกับการเขยี นแผนผังความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรียนหนองม่วงวิทยา จังหวัดลพบุรี
ฉบับนี้ สาเรจ็ ลุลว่ งได้ ดว้ ยความกรณุ าจากคณุ ครวู ภิ าวดี รบิ ุญมี ครู วิทยฐานะครูชานาญการ หัวหน้ากลุ่ม
สาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนหนองม่วงวิทยา จังหวัดลพบุรี และคณะครูกลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทยทุกท่าน ที่ได้ให้คาปรึกษา แนะนา และตรวจทานความถูกต้อง ครบถ้วน ของรายงานวิจัยใน
ชน้ั เรียนเล่มนี้ จงึ ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
ขอบใจนกั เรียนระดับชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3/1 ทั้ง 26 ชีวิต ที่ให้ความร่วมมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
งานวจิ ัยในช้ันเรียน ประจาภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จนงานวจิ ยั สาเร็จลุล่วงไดด้ ้วยดี
ขอกราบแทบเท้าคุณบิดา มารดา ผู้ให้กาเนิด ให้ชีวิต ความรัก ความคิด กาลังใจ ตลอดจนให้
แนวทางในการดาเนินชีวติ ท่ีดเี สมอมา และคอยชื่นชมกบั ความสาเร็จนี้
ประโยชน์และคุณค่าอันพึงมีของวิจัยในช้ันเรียนฉบับนี้ ผู้วิจัยขอมอบเป็นเคร่ืองบูชาพระคุณบิดา
มารดา คณุ ครูอาจารย์ และผู้มพี ระคุณทุกท่าน ทที่ าให้ผ้วู จิ ัยสามารถทาการศึกษาจนสาเร็จลลุ ่วงด้วยดี
กติ ตศิ ักด์ิ แกว้ ตา
เรอื่ ง: การเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นวรรณคดีนิทานคากลอนเร่ือง พระอภัยมณี ตอน
พระอภยั มณหี นีนางผีเสือ้ สมทุ ร ระหว่างการสอนเนื้อหาผ่านการเขียนสรุปความ
กบั การเขยี นแผนผังความคิด ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 3
ผู้วิจัย: กิตติศักด์ิ แก้วตา ตาแหน่ง ครู อันดบั คศ.1 กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย
ประจา: ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563
คาสาคญั : การเปรียบเทียบ, ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน, วรรณคดี, นิทานคากลอน, พระอภัยมณี, การเขยี น
สรปุ ความ, การเขียนแผนผังความคิด
บทคัดย่อ
การวิจัยในชนั้ เรียนฉบับน้ี มีวัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวรรณคดี
นิทานคากลอนเร่อื งพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ระหว่างการสอนเนื้อหาผ่านการเขียน
สรุปความกับการเขียนแผนผังความคิด จากการทดสอบแบบปรนัย 2) เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเร่ืองพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ระหว่างการสอน
เน้อื หาผา่ นการเขยี นสรปุ ความกับการเขียนแผนผงั ความคดิ จากการทดสอบแบบอัตนัย โดยได้ต้ังสมมติฐาน
ไว้ คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือ
สมุทร โดยการสอนเนื้อหาผ่านการเขียนแผนผังความคิดสูงกว่าการสอนเนื้อหาผ่านการเขียนสรุปความ
ท้ังจากการทดสอบแบบปรนัยและแบบอัตนัย สาหรับกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ทดลอง คือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษา
ปีที่ 3/1 จานวน 26 คน ของภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนหนองม่วงวิทยา อาเภอหนองม่วง
จังหวดั ลพบรุ ี จานวน 80 คน
เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการวิจัยคือ การสอนเนื้อหาผ่านการเขียนสรุปความกับการเขียนแผนผังความคิด
จากวรรณคดีนิทานคากลอนเร่ืองพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร พร้อมแบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนแบบปรนัยและอัตนัย การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย (X)
และร้อยละ
ผลการศกึ ษาพบว่า
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3/1 ห้อง ข ซึ่งเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเร่ืองพระอภัยมณี ตอน
พระอภัยมณหี นนี างผีเสื้อสมุทร ผ่านการเขียนแผนผังความคิด มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนช้ัน
มัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ห้อง ก ซึ่งเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนาง
ผีเส้ือสมุทร ผ่านการเขียนสรุปความ ท้ังแบบปรนัยและอัตนัย โดยแบบปรนัยคะแนนเฉล่ียสูงกว่า 2.69
คะแนน (12.23 คะแนน กับ 9.54 คะแนน จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน) และแบบอัตนัยคะแนนเฉลี่ยสูง
กวา่ 3.47 คะแนน (26.78 คะแนน กับ 23.31 คะแนน จากคะแนนเตม็ 40 คะแนน)
สารบัญ
บทท่ี หนา้
กิตติกรรมประกาศ 1
บทคัดย่อ 1
สารบญั 4
1 บทนา ............................................................................................................................. 4
5
ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา................................................................... 6
วตั ถปุ ระสงค์ของการวจิ ยั ......................................................................................... 6
สมมตฐิ านของการวจิ ยั ............................................................................................. 7
ขอบเขตของการวิจยั ................................................................................................ 7
ขอ้ ตกลงเบ้อื งต้น......................................................................................................
นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ.....................................................................................................
กรอบแนวคิดในการวิจัย...........................................................................................
ประโยชนท์ ี่จะได้รบั จากการวิจัย ..............................................................................
2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเก่ียวข้อง..................................................................................... 8
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้................ 8
ภาษาไทย................................................................................................ ....................
การเปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น..................................................................... 9
การเขยี นสรปุ ความ ........................................................................................................... 12
การเขียนแผนผงั ความคิด................................................................................................. 13
พระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณหี นีนางผีเส้ือสมุทร.......................................................... 18
3 วิธีดาเนินการวจิ ยั ..................................................................................................................... 23
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง............................................................................................... 23
เคร่อื งมือที่ใช้ในการวจิ ยั ................................................................................................... 23
การสรา้ งเคร่ืองมอื ในการวิจยั ............................................................................................ 22 24
การเก็บรวบรวมข้อมลู ....................................................................................................... 26 26
การวเิ คราะห์ข้อมลู ............................................................................................................ 26 26
สารบญั (ตอ่ )
บทท่ี หนา้
4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ................................................................................................... 27
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรือ่ งพระอภัยมณี 27
ตอน พระอภยั มณีหนนี างผีเสอ้ื สมุทร ระหวา่ งการสอนเนือ้ หาผา่ นการเขยี นสรปุ
ความกับการเขียนแผนผังความคดิ จากการทดสอบแบบปรนัย.................................. 29
การเปรียบเทียบผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรอ่ื งพระอภัยมณี
ตอน พระอภยั มณีหนนี างผเี สือ้ สมทุ ร ระหวา่ งการสอนเนื้อหาผา่ นการเขยี นสรปุ
ความกบั การเขียนแผนผังความคดิ จากการทดสอบแบบอตั นัย..................................
5 บทสรปุ ……................................................................................................................................. 30
สรปุ ผลการวจิ ัย.................................................................................................................. 30
อภปิ รายผลการวิจัย .......................................................................................................... 31
ขอ้ เสนอแนะ ...................................................................................................................... 31
บรรณานุกรม……………………………………………………………………………………………...................... 335
ภาคผนวก....................................................................................................................................... 358
- แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบปรนยั และแบบอตั นัย (พรอ้ มเฉลย)
- เกณฑ์การประเมินผลการเขียนตอบแบบอัตนัย
- ค่า IOC แบบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น แบบปรนยั
- รายนามผ้เู ชีย่ วชาญ
ประวัตผิ ู้วจิ ัย.....................................................................................................................
สารบัญตาราง หนา้
27
ตาราง
29
1 แสดงการเปรียบเทียบผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนวรรณคดีนทิ านคากลอนเรื่อง
พระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณหี นีนางผีเส้ือสมุทร ระหว่างการสอนเนอื้ หา
ผ่านการเขยี นสรุปความกบั การเขียนแผนผังความคดิ จากการทดสอบแบบปรนยั
2 แสดงการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนวรรณคดีนทิ านคากลอนเรื่อง
พระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณีหนนี างผเี ส้ือสมุทร ระหว่างการสอนเนอื้ หา
ผา่ นการเขียนสรุปความกบั การเขยี นแผนผงั ความคดิ จากการทดสอบแบบอตั นัย
สารบัญภาพ
ภาพ หน้า
1 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั …………………………………………………………………………………. 7
2 ตัวอยา่ งการเขียนผงั ความคิดแบบขน้ั บันได ……………………………………………...………. 14
3 ตวั อยา่ งการเขยี นผงั ความคดิ แบบเปรยี บเทียบ …………………………………………………. 15
4 ตวั อยา่ งการเขียนแผนผังความคดิ แบบใยแมงมมุ ………………………………………………. 15
5 ตัวอยา่ งการเขยี นผังความคดิ แบบโครงสร้าง ……………………………………………………. 16
6 ตวั อย่างการเขียนผงั ความคดิ แบบกา้ งปลา ………………………………………………………. 16
7 ตัวอย่างการเขียนผงั ความคิดเพ่อื ตัดสินใจ…………………………………………………………. 17
1
บทท่ี 1
บทนำ
ควำมเป็นมำและควำมสำคัญของปญั หำ
วิชาภาษาไทยมีความสาคัญเป็นอย่างมาก เพราะภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติ เป็นสมบัติ
ทางวัฒนธรรมอันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ และเสริมสร้างบุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย
เป็นเคร่อื งมือในการติดต่อสื่อสารเพ่ือสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทาให้สามารถประกอบ
กิจธุระ การงาน และดารงชีวิตร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยได้อย่างสันติสุข และเป็นเครื่องมือในการ
แสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ เพ่ือพัฒนาความรู้ พัฒนากระบวนการคิด
วเิ คราะห์ วิจารณ์ และสรา้ งสรรค์ใหท้ ันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี ตลอดจนนาไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มีความม่ันคงทางเศรษฐกิจ นอกจากน้ียังเป็นสื่อแสดง
ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี และสุนทรียภาพ เป็นสมบัติล้าค่าควรแก่การเรียนรู้
อนุรักษ์ และสืบสานให้คงอยคู่ ู่ชาติไทยตลอดไป (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551, หนา้ 1)
การจัดการศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พ.ศ. 2551 จะต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับท่ี 2
พ.ศ. 2545 และแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 พ.ศ. 2553) ซ่ึงกาหนดไว้ว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า
นักเรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่านักเรียนมีความสาคัญที่สุด
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้นักเรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ต้อง
เนน้ ความสาคญั ทงั้ ความรู้ คณุ ธรรม กระบวนการเรียนรแู้ ละบรู ณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับ
การศกึ ษา การจดั กระบวนการเรียนรู้นั้นต้องจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจ และ
ความถนัดของนักเรียนโดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ
การเผชญิ สถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อปอ้ งกันและแก้ไขปัญหา จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้
เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทาได้ คิดเป็น ทาเป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่าง
ต่อเนื่อง จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน รวมท้ัง
ปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมท่ีดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา ให้ผู้สอนจัดบรรยากาศ
สภาพแวดล้อม สื่อการเรียน และอานวยความสะดวกเพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้
(กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2551, หน้า 11)
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ ได้แสดงให้เห็นถึงความสาคัญของวิชาภาษาไทยและเหตุผลของความจาเป็นในการ
เรยี นวิชาภาษาไทย ดังปรากฏในตัวชีว้ ัดและสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. 2551 (กรมวิชาการ, 2551, หน้า 7) มีมาตรฐานการเรียนรู้
ที่เป็นองค์ความรู้ ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 5 สาระ คือ สาระที่ 1 การอ่าน สาระท่ี 2 การเขียน
2
สาระที่ 3 การฟัง การดู และการพูด สาระท่ี 4 หลักการใช้ภาษาไทย และสาระท่ี 5 วรรณคดีและ
วรรณกรรม ซ่ึงนักเรียนในระดับชน้ั ประถมศึกษา และมัธยมศกึ ษา ต้องได้เรยี นครบทง้ั 5 สาระดงั กลา่ ว
ในสาระที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรม ได้ให้ความสาคัญของวรรณคดีไทยว่า เป็นสมบัติล้าค่า
ของแผน่ ดนิ ทกี่ วที ัง้ หลายได้รงั สรรค์ไว้ เพอ่ื ใหเ้ ปน็ เพชรลา้ คา่ คู่แผ่นดินไทยมาในทุกยุคทุกสมัย วรรณคดีจะ
สะท้อนภาพของสังคมไทย ตามทัศนะของกวีที่เฝ้ามองและจับตาดูสภาพสังคมในฐานะสมาชิกคนหน่ึง
ในสังคม แล้วนาเสนอภาพท่ีเห็นออกมาตามมุมมองของตนโดยใช้ตัวอักษรท่ีมีแง่งามในด้านวรรณศิลป์
เป็นเคร่ืองมือสาคัญในการถ่ายทอดสู่สายตาผู้อ่านจึงกล่าวได้ว่า วรรณคดีไทยคือสมบัติคู่บ้านคู่เมือง และ
มีส่วนสาคัญในการแสดงถึงความเป็นชาติมาช้านาน ปัจจุบันหลักสูตรการศึกษาทุกระดับได้มีการบรรจุ
วรรณคดไี ทยเอาไว้ในหลกั สตู รการเรียนการสอนวชิ าภาษาไทย ทั้งน้ีกเ็ พราะในหมวด 4 ของแนวการศึกษา
ที่กาหนดไว้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (สานักงานคณะกรรมการศึกษาแห่งชาติ,
2542, หน้า 12) ได้กล่าวถงึ การเน้นความสาคัญของความรู้ของผู้เรียนในข้อหนึ่งไว้ว่า ความรู้เร่ืองเกี่ยวกับ
ตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ชาติ และสังคมโลก รวมถึงความรู้
เกีย่ วกบั ประวตั ิศาสตรค์ วามเป็นมาของสังคมไทย และระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อนั มพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดงั นั้น การศึกษาวรรณคดีไทยจึงน่าจะเป็นเครื่องมือสาคัญอย่างหนึ่ง
ที่จะช่วยทาให้แนวการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ข้อที่กล่าวไว้
ข้างต้นน้ีบรรลจุ ุดมุ่งหมายได้เป็นอย่างดี เพราะวรรณคดีก็คือ ภาพสะท้อนสังคม หรือ กระจกเงาบานใหญ่
ของสภาพสงั คมไทยนน่ั เอง
การเรียนการสอนวรรณคดีไทยในโรงเรียน นอกจากจะมุ่งเน้นให้ผู้เรียน มองเห็นคุณค่า และ
ช่วยกันธารงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ไทยแล้ว การสอนวรรณคดีไทยยังช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้แนวคิด พฤติกรรม
ค่านิยมของผู้คนในยุคสมยั น้นั ๆ วา่ เปน็ อย่างไร ข้อคิดคาสอน ตลอดจนอุทาหรณ์สอนใจท่ีได้จากวรรณคดี
ลว้ นเป็นภูมปิ ัญญาอันลา้ ค่ายิง่ ทก่ี วีทั้งหลายได้ฝากไว้ ในกลวิธีการประพันธ์ที่สามารถสร้างแง่งามให้เกิดข้ึน
ได้อย่างกลมกลืน ในระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลักสูตรได้กาหนดให้นักเรียนเรียนวรรณคดีไทย จานวน
5 เรื่อง ได้แก่ 1) นิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร 2) อิศรญาณ
ภาษิต 3) พระบรมราโชวาท 4) บทพากยเ์ อราวัณ และ 5) บทละครพูดเรอ่ื ง เห็นแกล่ ูก
การจัดการศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
พ.ศ. 2551 ในการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร
ของพระสนุ ทรโวหาร (สนุ ทรภ)ู่ ในระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3 ของภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 พบว่า
นักเรียนมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนในเร่ืองดังกล่าวค่อนข้างต่า จากผลการทดสอบก่อนเรียนทั้งแบบปรนัย
และแบบอัตนัย กล่าวคือ นักเรียนเลือกคาตอบหรือเขียนตอบคาถามไม่ถูกต้อง ไม่ครอบคลุม และไม่ตรง
ประเดน็ ประกอบกับจากการประเมนิ ความสามารถในการอ่านและการเขียน ของสานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาขัน้ พนื้ ฐานประจาภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ที่ผ่านมา ซ่ึงการอ่านได้เน้นประเมินการอ่าน
เชิงคิดวเิ คราะห์ ตีความ สังเคราะห์ ประเมินค่าจากวรรณคดีและวรรณกรรมไทย โดยผลการประเมินของ
นักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ของโรงเรียนหนองม่วงวิทยาต่าหลายราย โดยเฉพาะนักเรียนช้ัน
3
มัธยมศึกษาปีที่ 3/1 จานวน 26 คน ท่ีมีค่าคะแนนเฉล่ียท้ังห้องเพียง 7.58 จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน
ซง่ึ อย่ใู นชว่ งระดับคณุ ภาพพอใช้เท่านนั้
คณาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2537) ได้เสนอแนะการเรียนการสอน
วรรณคดีในยุคปฏิรปู การศกึ ษา โดยสรุป 4 ประเด็น คือ
1. ครูผู้สอนวรรณคดีไทย พึงระลึกถึงลักษณะสาคัญของวรรณคดีเอาไว้อยู่เสมอว่า วรรณคดีคือ
ภาพสะท้อนสภาพสังคมแห่งยุคสมัย ผู้ประพันธ์หรือกวีจะสะท้อนแนวคิด มุมมองท่ีตนมีอยู่ผ่านลงไปใน
เน้ือเร่ืองท่ีผู้ประพันธ์ได้เรียงร้อยข้ึนมา ดังน้ันในการสอนครูผู้สอนจะต้องหาวิธีการท่ีจะทาให้ผู้เรียน
มองเห็นและวิเคราะห์ภาพ ตลอดจนแนวคิดที่กวีสะท้อนออกมาให้ได้ใกล้เคียงที่สุด การนาเหตุการณ์ทาง
ประวัติศาสตร์แหง่ ยคุ สมัยมากลา่ วถึงในการสอน จะเปน็ เพยี งฉากหลงั ทีจ่ ะชว่ ยส่งใหภ้ าพสะท้อนเด่นชัดข้ึน
เท่าน้ัน แต่ไม่ใชป่ ระเด็นหลัก ในการกล่าวถงึ มากมายแตอ่ ย่างใด
2. ครูผู้สอนวรรณคดีไทย ควรส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รู้จัก ใช้ความคิด รู้จักใคร่ครวญใช้สติปัญญา
ของตนในการแก้ปัญหาท่ีเกิดข้ึน การอ่านงานวรรณคดีจะทาให้มองเห็นแง่มุมเร่ืองราวชีวิตของผู้คน
ท่หี ลากหลายต่างยคุ ต่างสมัยพฤติกรรมของตวั ละครในวรรณคดเี ร่ืองตา่ ง ๆ จะทาให้มองเห็นแง่มุมเรื่องราว
ชีวิตของผู้คนท่ีหลากหลายต่างยุคต่างสมัย พฤติกรรมของตัวละครท่ีเกิดข้ึนและโลดแล่นอยู่ในเนื้อเร่ืองจะ
เป็นบทเรียนชีวิตจาลองที่ท้าทายให้ผู้เรียนได้รู้จักขบคิด และติดตาม ครูผู้สอนควรใช้สิ่งเหล่านี้ เป็นข้อมูล
ตวั อยา่ งในการฝกึ ฝนการใช้สตปิ ญั ญาในการขบคิดแก้ปัญหาของผู้เรียน สถานการณ์ต่าง ๆ และพฤติกรรม
ของตัวละครท่ีเกิดข้ึน น่าจะหยิบยกข้ึนมาเป็นแบบฝึกประสบการณ์ชีวิตของผู้เรียน ได้ทดลองใช้มุมมอง
และแนวความคิดของตนในการไตรต่ รอง ใครค่ รวญเพื่อเพ่มิ พนู ความเฉียบคมของสตปิ ัญญาให้เพิ่มมากข้ึน
3. ครูผู้สอนวรรณคดีไทยควรจะเน้นให้ผู้เรียนมองเห็นความงดงามและศิลปะของการใช้
ภาษาไทยในการรังสรรค์ และรจนาผลงานของกวี ผู้เรียนควรจะได้เสพถึงสุนทรียะ แห่งความซาบซ้ึง ใน
ด้านรสคา และรสความ ความเสนาะของเสียงจากการเลือกสรรถ้อยอักษรของกวีที่บรรจงนามาเรียงร้อย
อยา่ งตั้งใจ เพ่อื ก่อใหเ้ กดิ อารมณส์ ะเทอื นใจแก่ผู้อ่าน ครูผู้สอนควรใช้ความรู้ทางหลักไวยากรณ์ไทย ในด้าน
สัทศาสตร์ มาช่วยในการอธิบายถึงการเลือกสรรถ้อยคาและเสียงเสนาะของวรรณคดีช้ินนั้น ๆ เพื่อทาให้
ผู้เรียนมองเห็นความมหัศจรรย์ของกวี ความอลังการของการเลือกสรรภาษามาร้อยเรียงอย่างมีศิลปะจน
เกิดความงาม ตลอดจนอจั ฉรยิ ะลักษณข์ องภาษาไทยของเราใหไ้ ด้
4. ครูผูส้ อนวรรณคดีไทยควรใช้เนือ้ หา เหตุการณ์ของวรรณคดที ่ีกวีไดร้ งั สรรค์รจนาเอาไว้มาเป็น
แรงจูงใจสาคัญในการท่ีจะทาให้ผู้เรียนเป็นผู้ที่มีนิสัยรักการอ่าน และเป็นผู้ใฝ่รู้อย่างต่อเน่ืองกล่าวคือ
ครูผู้สอนจะต้องพยายามใช้งานวรรณคดีที่ผู้เรียนกาลังอ่านอยู่ในช้ันเรียนน้ันเป็นตัวกระตุ้นและย่ัวยุให้
ผู้เรียนเกิดความกระหายใฝ่รู้ อยากจะติดตามอ่านเน้ือหาสืบเน่ืองจากเรื่องท่ีกาลังอ่านอยู่เดิม หรือเห็น
ความสาคัญของการคน้ หาความรดู้ า้ นอนื่ ๆ มาประกอบ หรือขยายความให้งานวรรณคดีที่ตนกาลังอ่านอยู่
เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น ผู้เรียนอยากหาโอกาสในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนในช้ันเรียน
หรือคนอ่ืน ๆ ที่เคยได้มีโอกาสอ่านงานประพันธ์ช้ินเดียวกันมาแล้ว เพื่อเป็นการขยายโลกทัศน์ของตนให้
กวา้ งขวางออกไปยงิ่ ขน้ึ
4
ดังนั้น ข้าพเจ้าในฐานะครูผู้สอนในรายวิชาภาษาไทย 5 (ท23101) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา
2563 จึงได้คิดหาแนวทาง วิธีการเพ่ือแก้ปัญหาด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวรรณคดีนิทาน
คากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร เพ่ือยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
วรรณคดไี ทยให้สงู ยงิ่ ขึ้น และเพื่อเปน็ การเตรียมความพร้อมในการเรียนวรรณคดีเร่ืองอื่น ๆ หรือวรรณคดี
ในระดบั ชั้นท่สี ูงขึน้ ตอ่ ไป โดยจะศึกษาเชิงเปรียบเทียบระหว่างการสอนเนื้อหาผ่านการเขียนสรุปความกับ
การเขียนสรุปเน้ือหาแบบแผนผังความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3/1 ประกอบกับเน่ืองจาก
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงเรียนได้มีมาตรการการ
ปอ้ งกนั การแพรร่ ะบาดของโรคดังกลา่ ว โดยได้แบง่ กลุ่มนกั เรียนออกเปน็ 2 หอ้ ง คือ ห้อง ก กับ ห้อง ข ซึ่ง
ด้วยเหตุนี้ก็ง่ายและเอื้อต่อการศึกษาเชิงเปรียบเทียบข้างต้น ทั้งน้ีเพื่อจะได้นาผลจากการศึกษาไปช่วยแก้ไข
ปัญหาการเรียนการสอนในชั้นเรียนอื่น ๆ หรือระดับชั้นอ่ืน ๆ ต่อไป เพื่อให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนท่ี
สูงข้ึนกว่าเดิม เป็นการพัฒนาทักษะการอ่านและการคิดข้ันสูงจากการอ่านวรรณคดีได้อีกแนวทางหน่ึง
รวมไปถึงเป็นการสร้างทัศนคติท่ีดีต่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย โดยเฉพาะสาระวรรณคดีและ
วรรณกรรมไทย ตลอดจนนาผลการศึกษาค้นคว้าไปใช้ในการพัฒนา ปรับปรุง แก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ให้เหมาะกับนักเรียนและมี
ประสทิ ธภิ าพยิ่งข้ึนตอ่ ไป
วตั ถุประสงค์ของกำรวจิ ัย
1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน
พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ระหว่างการสอนเนื้อหาผ่านการเขียนสรุปความกับการเขียนแผนผัง
ความคดิ จากการทดสอบแบบปรนยั
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเร่ืองพระอภัยมณี ตอน
พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ระหว่างการสอนเนื้อหาผ่านการเขียนสรุปความกับการเขียนแผนผัง
ความคิด จากการทดสอบแบบอตั นยั
สมมติฐำนของกำรวิจัย
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเร่ืองพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนาง
ผีเส้ือสมุทร โดยการสอนเน้ือหาผ่านการเขียนแผนผังความคิดสูงกว่าการสอนเน้ือหาผ่านการเขียนสรุป
ความ ทัง้ จากการทดสอบแบบปรนยั และแบบอัตนัย
5
ขอบเขตของกำรวจิ ยั
การวิจัยในคร้งั นี้ ผูว้ จิ ยั กาหนดขอบเขตไวด้ งั นี้
1. ขอบเขตดำ้ นประชำกรและกลมุ่ ตวั อย่ำง
1.1 ประชากรทใี่ ช้ในการวิจยั ครั้งน้ีคอื นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองม่วงวิทยา
ตาบลหนองม่วง อาเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 6 ห้องเรียน
รวมนกั เรียนทัง้ สิน้ 180 คน
1.2 กลมุ่ ตวั อย่างในการวจิ ัยในครั้งน้ีคอื นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนหนองม่วงวิทยา
ตาบลหนองม่วง อาเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 26 คน ได้มา
โดยการเลอื กหอ้ งเรียนดว้ ยวธิ กี ารเลือกแบบเฉพาะเจาะจง
2. ขอบเขตดำ้ นตวั แปรท่ีศกึ ษำ
2.1 ตวั แปรตน้ ไดแ้ ก่
การจัดการเรียนรู้นิทานคากลอนเร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร
ระหว่างการสอนเนือ้ หาผา่ นการเขยี นสรุปความ (ห้อง ก) กบั การเขียนแผนผงั ความคิด (ห้อง ข)
2.2 ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนี
นางผเี สื้อสมุทร ทั้งแบบปรนัยและอัตนัย
2.3 ตวั แปรควบคุม ไดแ้ ก่
- ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา
- แบบทดสอบแบบปรนัย พร้อมเฉลย
- แบบทดสอบแบบอัตนยั พรอ้ มเฉลยและเกณฑ์การประเมนิ
3. ขอบเขตด้ำนเนอื้ หำ
การวิจยั ครั้งนี้ ใช้เน้อื หาตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่ม
สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
- สาระที่ 2 การเขียน มาตรฐานการเรียนรู้ ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียน เขียนส่ือสาร เขียน
เรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงาน
การศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ตัวช้ีวัด ม.3/4 อ่านเรื่องต่าง ๆ แล้วเขียน
กรอบแนวคดิ ผงั ความคดิ บันทกึ ยอ่ ความและรายงาน
- สาระท่ี 5 วรรณคดีและวรรณกรรมมาตรฐานการเรียนรู้ ท 5.1 เข้าใจและแสดงความ
คิดเห็นวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และนามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ตัวชี้วัด ม.3/1 สรุปเนื้อหาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมท้องถ่ินในระดับที่ยาก
ยิ่งข้นึ , ม.3/2 วิเคราะหว์ ถิ ีไทยและคุณคา่ จากวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน และ ม.3/3. สรุปความรู้และ
ขอ้ คิดจากการอ่าน เพอ่ื นาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง
6
- เน้ือหาวรรณคดีนิทานคากลอน เร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร
ของพระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) จากหนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย 3 เล่ม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของบริษทั สานักพมิ พ์เอมพันธ์ จากดั
4. ขอบเขตดำ้ นระยะเวลำ
ดาเนินการวิจัยในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ใช้เวลา 2 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 คาบ
เรยี น รวมทง้ั สนิ้ 6 คาบเรียน ทง้ั การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้และการทดสอบหลงั เรยี นแบบปรนยั -อัตนยั
ข้อตกลงเบอื้ งตน้
การวจิ ยั ในชั้นเรยี นครง้ั นี้ ผวู้ ิจยั จะเกบ็ ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3/1
จานวน 26 คน เท่านั้น เนื่องจากผู้วิจัยพบปัญหาการจัดการเรียนรู้เฉพาะห้องน้ี โดยจะเรียกกลุ่มตัวอย่าง
ดังกล่าววา่ นกั เรยี นระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3
นิยำมศัพท์เฉพำะ
1. กำรเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียน หมายถึง การเปรียบเทียบคะแนนจาก
แบบทดสอบหลังเรียนแบบปรนัยและแบบอัตนัย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ห้อง ก ซึ่งผ่านการ
เขียนสรุปความ กับหอ้ ง ข ซึ่งผา่ นการเขียนแผนผงั ความคดิ
2. กำรเขียนสรุปควำม หมายถึง คือการเขียนประเด็นที่สาคัญของเรื่องท่ีฟังหรืออ่านให้เด่นชัด
โดยใช้ ประโยคสั้นๆ แล้วเรียบเรียงให้เป็นระเบียบ เพ่ือการสื่อสารที่ตรงประเด็น ชัดเจน ต่อเน่ือง และ
สละสลวย ในท่ีน้ีคือเป็นการเขียนสรุปความเนื้อหาจากนิทานคากลอน เรื่อง พระอภัยมณี ตอน พระอภัย
มณหี นีนางผเี สื้อสมุทร ของพระสนุ ทรโวหาร (สุนทรภู่)
3. กำรเขยี นแผนผงั ควำมคิด หมายถึง การถ่ายทอดความคิดจากสมองลงบนกระดาษแผ่นเดียว
โดยให้เขียนประเด็นหลักไว้ตรงกลาง เขียนประเด็นรองล้อมรอบประเด็นหลัก ประเด็นย่อยล้อมรอบของ
ประเด็นรอง แยกออกมาโดยการใช้ภาพ สี เส้น และการโยงใย ให้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน แต่ละ
ประเดน็ จะเปน็ คาสาคัญส้นั ๆ ท่ีมคี วามหมายชัดเจนขนึ้ ในทีน่ ค้ี ือเป็นการเขียนแผนผังความคิดเน้ือหาจาก
นทิ านคากลอน เร่อื ง พระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผเี สือ้ สมุทร ของพระสุนทรโวหาร (สุนทรภ่)ู
4. นกั เรยี นระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 3 หมายถึง นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3/1จานวน 26 คน
โรงเรยี นหนองมว่ งวิทยา ตาบลหนองมว่ ง อาเภอหนองม่วง จังหวัดลพบรุ ี ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563
7
กรอบแนวคดิ ในกำรวิจัย
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่อง พระอภัยมณี ตอน
พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ระหว่างการสอนเน้ือหาผ่านการเขียนสรุปความกับการเขียนแผนผัง
ความคิด ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียนวรรณคดี
ระหวา่ งการสอนเน้ือหาวรรณคดีนิทาน นทิ านคากลอนเรื่อง พระอภัยมณีฯ
คากลอนเร่ือง พระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณี จากแบบทดสอบหลงั เรียนปรนยั
หนีนางผีเส้อื สมทุ ร ผา่ นการเขยี นสรปุ ความ
กบั การเขียนแผนผงั ความคิด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นวรรณคดี
นิทานคากลอนเรื่อง พระอภัยมณีฯ
จากแบบทดสอบหลังเรียนอัตนยั
ภาพที่ 1 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
ประโยชนท์ จ่ี ะได้รับจำกกำรวิจัย
1. เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดีในเรือ่ งอืน่ ๆ หรือระดบั ชัน้ อนื่ ๆ ตอ่ ไป
2. นกั เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดที สี่ ูงขนึ้
8
บทท่ี 2
เอกสำรและงำนวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง
ในการวิจัยในชั้นเรียน การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่อง
พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ระหว่างการสอนเนื้อหาผ่านการเขียนสรุปความกับ
การเขียนแผนผังความคิด ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าเอกสารและงานวิจัยที่
เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นพ้นื ฐานในการดาเนนิ การวจิ ยั โดยได้เสนอตามลาดับดังต่อไปนี้
1. หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย
2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น
3. การเขียนสรปุ ความ
4. การเขียนแผนผังความคดิ
5. พระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณหี นนี างผเี ส้อื สมุทร
1. หลกั สูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน พ.ศ. 2551 กลุ่มสำระกำรเรยี นรูภ้ ำษำไทย
1.1 สำระและมำตรฐำนกำรเรยี นรู้
สาระท่ี 1 การอ่าน
มาตรฐาน ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพ่ือนาไปใช้ตัดสินใจ
แกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชีวิต และมนี สิ ยั รกั การอ่าน
สาระที่ 2 การเขียน
มาตรฐาน ท 2.1 ใช้กระบวนการเขียน เขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความและเขียน
เรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี
ประสิทธิภาพ
สาระท่ี 3 การฟัง การดู และการพดู
มาตรฐาน ท 3.1 สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด
และความรูส้ กึ ในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
สาระท่ี 4 หลกั การใชภ้ าษาไทย
มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา
และพลงั ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษาและรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ
สาระท่ี 5 วรรณคดีและวรรณกรรม
มาตรฐาน ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเห็นวิจารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทยอย่าง
เห็นคุณค่า และนามาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ จริง
9
1.2 ตัวชี้วัดและสำระกำรเรียนร้แู กนกลำงชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ่ี 3
กรมวิชาการ (2551, หน้า 6–37) ได้กาหนดตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางไว้
สถานศึกษาสามารถกาหนดตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง สาหรับช่วงชั้นท่ี 1–3 และรายภาค
สาหรับช่วงช้ันท่ี 4 โดยวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น แล้วนามากาหนดเป็นตัวชี้วัดและสาระการ
เรียนรู้แกนกลางรายปี/ภาคให้เหมาะสม ท้ังนี้โดยคานึงถึงสัดส่วน เวลา ระดับ ความต้องการของนักเรียน
และความต้องการของท้องถิน่ และครอบคลุมคณุ ภาพทกุ ชว่ งช้นั ในรายปี/ภาค
การวิจัยในชัน้ เรียนครง้ั นี้ ม่งุ ศกึ ษากับนักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาระท่ี
2 การเขยี น มาตรฐานการเรยี นรู้ ท 2.1 ใช้กระบวนการเขยี น เขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และ
เขียนเรื่องราวในรูปแบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมี
ประสิทธิภาพ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตัวช้ีวัด ม.3/4 อ่านเร่ืองต่าง ๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด
บันทึก ย่อความและรายงาน และสาระที่ 5 วรรณคดีและวรรณกรรมมาตรฐานการเรียนรู้ ท 5.1 เข้าใจ
และแสดงความคิดเห็นวิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และนามาประยุกต์ใช้ในชีวิต
จริง ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ตัวช้ีวดั ม.3/1 สรุปเน้ือหาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรมท้องถ่ินในระดับ
ที่ยากย่ิงขึ้น, ม.3/2 วิเคราะห์วิถีไทยและคุณค่าจากวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน และ ม.3/3. สรุป
ความรแู้ ละขอ้ คิดจากการอา่ น เพ่ือนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ
2. กำรเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธิ์ทำงกำรเรยี น
2.1 ควำมหมำยกำรเปรียบเทียบผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียน
วรรณี โสมประยรู (2537, หน้า 262) ไดให้ความหมายผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวา หมายถึง
ความสามารถหรอื พฤตกิ รรมของนักเรียนที่เกิดจากการเรียนรู้ซึ่งพัฒนาขึ้นหลังจากไดรับการอบรมสั่งสอน
และฝกฝนโดยตรง
ภพ เลาหไพบลู ย , หน้า 295) ไดใหความหมายผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน คือพฤติกรรม
ทแี่ สดงออกถึงความสามารถในการกระทาสง่ิ หนงึ่ สงิ่ ใด จากท่ไี มเคยกระทาไดหรือกระทาไดนอยกอนท่ีจะมี
การเรียนรูซ่ึงเปนพฤตกิ รรมทส่ี ามารถวัดได้
จากความหมายดังกลาว สรุปได้ว่าผลสมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความรูหรือทักษะ
ซ่ึงเกิดจากการทางานท่ีประสานกัน และตองอาศัยความพยายามอยางมาก ท้ังองคประกอบทางดาน
สติปัญญาและองคประกอบที่ไมใชสติปญญา แสดงออกในรูปของความสาเร็จ สามารถวัดได้โดยการใช
แบบทดสอบ หรือคะแนนทีค่ รใู ห
2.2 ประเภทของแบบทดสอบกำรวดั ผลสัมฤทธท์ิ ำงกำรเรยี น
ประกิจ รตั นสุวรรณ (2525: 210) ไดแบงประเภทของแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ไวดังน้ี
10
1. แบบทดสอบทีค่ รสู รางขน้ึ ใช้เอง (Teacher – Made Test)
ครูผูสอนจัดสรางขึ้น เพื่อวัดความกาวหนาของนักเรียน ภายหลังจากไดมีการเรียน
การสอนไประยะหน่ึงแลวโดยปกติแบบทดสอบประเภทน้ี จะใชเฉพาะภายในกลุมนักเรียนที่ครูผูออก
ขอสอบเปนผูสอน จะไมนาไปใชกบั นักเรยี นกลุมอ่ืน ทั้งน้ี โดยมีจุดมุงหมายเพื่อตรวจสอบนักเรียน มีความ
รูความสามารถตามจุดมุงหมายของการเรียนรูมากนอยเพียงใด และจะนาผลการสอบนี้ไปใชท้ังปรับปรุง
ซอมเสริมการเรียนการสอน กับนาไปใชตัดสินผลการเรียนของนักเรียนดวยตัวอยางแบบทดสอบที่ครูใช้
ในการสอบปลายภาค หรือปลายปหรือเมอ่ื สนิ้ สดุ การเรยี นการสอนในแตละบทแตละตอนน่นั เอง
2. แบบทดสอบมาตรฐาน (Standardized Test)
เปนแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ เชนเดียวกับแบบทดสอบท่ีครูสรางขึ้นใชเอง แตมีจุด
มงุ หมายเพอ่ื เปรียบเทียบการเรยี นดานตาง ๆ ของนกั เรียนทตี่ างกลุมกัน
บุญชม ศรีสะอาด (2532, หน้า 8 – 9) ไดแบงลักษณะของแบบทดสอบออกเปน 2
ประเภท คอื
1. แบบทดสอบแบบอิงเกณฑ หมายถึง แบบทดสอบที่สรางข้ึนตามจุดประสงค์เชิง
พฤติกรรม มีคะแนนจุดตัดหรือคะแนนเกณฑท่ีใชสาหรับตัดสินวา ผูเรียนมีความรูตามเกณฑท่ีกาหนดไว
หรอื ไมการวัดเพอื่ ใหตรงตามจดุ ประสงคซ่ึงเปนหวั ใจของขอสอบในการทดสอบประเภทนี้
2. แบบทดสอบแบบอิงกลุม หมายถึง แบบทดสอบที่สรางเพ่ือวัดใหครอบคลุมหลักสูตร
สรางตามตารางวิเคราะหหลักสูตร สามารถจาแนกผูเรียนตามความเกงออนได การรายงานผลการสอบ
อาศัยคะแนนมาตรฐานซึ่งเป็นคะแนนท่ีสามารถวัดไดท่ีแสดงสถานภาพความสามารถของบุคคล เม่ือ
เปรยี บเทียบกบั บุคคลอื่นที่ใชเปนกลุมเปรยี บเทยี บ
ลวน สายยศ และอังคณา สายยศ (2536, หน้า 146 – 147) ไดแบงแบบทดสอบวัดผล
สมั ฤทธไ์ิ ดเปน 2 พวก คอื
1. แบบทดสอบของครู หมายถึง ชุดของคาถามท่ีครูเปนผูสรางข้ึน ซ่ึงเปนขอคาถาม
เกี่ยวกับความรูท่ีนักเรียนไดเรียนในหองเรียนวานักเรียนมีความรูมากแคไหน บกพรองตรงไหนจะไดสอน
ซอมเสริม หรือเปนการวดั ความพรอมทีจ่ ะไดเรียนในบทเรียนใหมขน้ึ อยูกบั ความตองการของครู
2. แบบทดสอบมาตรฐาน แบบทดสอบประเภทน้ีสร างขึ้นจากผูเช่ียวชาญในแตละ
สาขาวิชาหรือจากครูผูสอนวิชาน้ัน แตผานการทดลองคุณภาพหลายคร้ัง จนกระท่ังมีคุณภาพดี จึงสร้าง
เกณฑปกติของแบบทดสอบน้ัน สามารถใชเปนหลักเปรียบเทียบผลเพื่อประเมินคาของการเรียนการสอน
ในเร่ืองใด ๆ ก็ได แบบทดสอบมาตรฐานจะมีคูมือดาเนินการสอบ บอกวิธีสอนและยังมีมาตรฐานในดาน
การแปลคะแนนดวยทั้งแบบทดสอบที่ครูสร างขึ้นและแบบทดสอบมาตรฐาน มีวิธีสร้างข้อคาถาม
เหมอื นกัน เปนคาถามที่วัดเนื้อหาและพฤติกรรมท่ีสอนไปแลว จะเปนพฤติกรรมที่สามารถตั้งคาถามวัดได
ซ่งึ ควรวัดให้ครอบคลุมพฤตกิ รรมตาง ๆ ดงั น้ี
2.1 ความรคู วามจา
2.2 ความเขาใจ
2.3 การนาไปใช
11
2.4 การวเิ คราะห
2.5 การสงั เคราะห
2.6 การประเมนิ คา
จากท่ีกลาวมาพอสรุปประเภทของแบบทดสอบการวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นได คอื
1. เปนแบบทดสอบของครู หรือแบบทดสอบมาตรฐาน
2. เปนแบบทดสอบแบบอิงเกณฑ หรอื แบบทดสอบแบบองิ กลุม
3. เปนลกั ษณะการวัดดานปฏบิ ัติหรอื การวดั ดานเนื้อหา
2.3 ประโยชนของผลสมั ฤทธิ์ทำงกำรเรยี น
ประโยชนของผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นมี 5 ประการ ดังน้ี
1. เพอ่ื ดรู ะดับพฒั นาการ
2. ใชเปนประโยชนในการแนะแนวนักเรียน
3. เพ่ือประโยชนในดานการวางแผนสร้างหลักสตู รตอไป
4. เพอ่ื ใชในการสอบคดั เลอื กและเลื่อนขั้น
5. เพื่อใช เปรียบเทียบความสามารถในการสอนของครูในโรงเรียนเดียวกันหรือ
เปรียบเทยี บระหวางโรงเรยี น
สรุปไดวา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีประโยชน คือ ใชในการแนะแนวและดูพัฒนาการ
ของนักเรียน เพ่อื สรางหลกั สูตรตอไป
2.4 งำนวิจัยในประเทศทเ่ี กีย่ วของกบั ผลสัมฤทธ์ทิ ำงกำรเรียน
มณี เทพาชมภู (2536, บทคัดยอ) ไดทาการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิและทัศนคติตอการ
เขียนสะกดคาของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที่ 3 ระหวางการสอนโดยใชเกมกับการสอนแบบธรรมดา
ผลการวจิ ยั พบวา ผลสมั ฤทธิ์ในการเขียนสะกดคาของนักเรียนท่ีเรียนโดยใชเกมกับนักเรียนที่เรียนโดยการ
สอนแบบธรรมดาแตกตางกันอยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถิติทรี่ ะดับ .05
อัมพา อรุณพราหมณ , หน้า 76) ไดศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชา
ภาษาไทยและความรับผิดชอบของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 4 ท่ีไดรับการสอนโดยใชชุดการเรียน
การสอนกับการสอนตามคูมือครู ผลการศึกษา พบวา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทยที่ไดรับการ
สอน โดยใชชดุ การเรียนของกลุมทดลองและกลุมควบคุม แตกตางกนั อยางมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ .01
และความรับผิดชอบของนักเรียนต อหน าท่ีการงานในห องเรียนของกลุ มทดลองและกลุ มควบคุมไม
แตกต่างกัน
จากงานวิจัยที่กล าวข างต นสรุปได้ว่า การจัดการเรียนการสอนด วยรูปแบบการสอน
ทีห่ ลากหลาย รวมทง้ั การจัดกิจกรรมทเี่ นนใหนกั เรียนไดคิด ไดปฏิบัติด้วยตนเอง จะทาใหนักเรียนเกิดการ
เรยี นรูตามเน้ือหาอยางถองแทและสงใหผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นสูงขน้ึ ดวย
12
3. กำรเขียนสรุปควำม
3.1 ควำมหมำยของกำรเขียนสรุปควำม
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได้ให้ความหมายของ “สรุป เอาไว้ว่า
หมายถึงประเดน็ ย่อๆ ของเรื่อง ยอ่ เอาเฉพาะใจความสาคัญของเร่ืองเป็นประเด็นๆ ไป เช่น สรุปข่าว สรุป
เหตุการณ์
การสรุปความ คือการหยิบยกเอาความคิดหลักหรือประเด็นที่สาคัญของเร่ืองที่ได้ฟัง ได้ดู
ไดอ้ ่านมากลา่ วยา้ ใหเ้ ด่นชัด โดยใช้ประโยคสั้น ๆ แล้วเรยี บเรียงใหเ้ ปน็ ระเบยี บ
การเขียนสรุปความ คือการเขียนประเด็นท่ีสาคัญของเร่ืองท่ีฟังหรืออ่านให้เด่นชัด โดยใช้
ประโยคสั้นๆ แลว้ เรียบเรียงให้เปน็ ระเบียบ เพื่อการสอ่ื สารทต่ี รงประเด็น ชัดเจน ต่อเน่ือง และสละสลวย
3.2 ประเภทของกำรเขยี นสรุปควำม
การเขียนสรุปความแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ
1) การเขียนสรุปความจากการฟัง ไม่ว่าจะเป็นการฟังบรรยาย อภิปราย การประชุม
ตลอดจนข่าวสารประเภทต่างๆ ผู้เขียนต้องมีสมาธิในการฟัง เพ่ือจับใจความสาคัญของเร่ืองโดยสรุป
สาระสาคัญของเร่อื ง เป็นประเด็นย่อย เพ่ือความเขา้ ใจทีช่ ดั เจนและรวดเร็ว
2) การเขียนสรุปความจากการอ่าน ไมว่ ่าจะเป็นการอา่ นรอ้ ยแกว้ หรือร้อยกรอง ผู้เขียนต้อง
อ่าน เรื่องหรือสารนน้ั ๆ โดยละเอยี ด จับใจความสาคัญ ตลอดจน แนวทางความคิด ทัศนคติเพ่ือนามาเป็น
ข้อมลู ในการเขยี น
3.3 วิธกี ำรกำรเขียนสรปุ ควำม
การเขยี นสรปุ ความมีวธิ กี ารดังนี้
1) การเขยี นสรปุ ความเรื่องที่ฟงั หรืออ่าน หากเร่อื งท่ีฟังหรืออา่ นร้อยกรองให้ถอดเป็นร้อยแกว้
2) การเขยี นสรปุ ความเร่อื งท่ฟี ังหรอื อา่ นควรหาใจความสาคัญของเรื่องให้ได้ โดยที่ใจความ
สาคัญจะปรากฏอยใู่ นประโยคหนงึ่ หรือย่อหน้าใดยอ่ หน้าหน่ึง ส่วนข้อความอื่นๆ จะเป็นความรอง หรือพล
ความซึ่งเป็นส่วนท่ีขยายใจความสาคัญให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ประโยคท่ีเป็นใจความสาคัญ อาจจะอยู่ตอนต้น
ตอนกลาง หรือตอนทา้ ยของเรื่องก็ได้
3) การเขียนสรุปความเรื่องที่ฟังหรืออ่าน ผู้เขียนอาจจับใจความสาคัญของเร่ืองท่ีฟัง จด
บันทกึ สาระสาคัญท่ีไดจ้ ากการฟงั เป็นประเดน็ ยอ่ ย หากเป็นการจับใจความสาคัญจากเร่ืองที่อ่าน อาจแบ่ง
ที่ละย่อหนา้ หรือทีละตอน แลว้ บันทกึ ไวเ้ ปน็ ข้อ ๆ หรืออาจทาบนั ทึกย่อ เพอื่ นามาเรยี บเรยี งใหม่
4) การเขียนสรปุ ความจากเรื่องที่ฟังหรืออ่านควรใช้สานวนภาษาของผู้เขียนเอง เรียบเรียง
เน้ือหาให้มีความสมบูรณ์ สละสลวย เปลี่ยนคาสรรพนามบุรุษที่ 1 ให้เป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 ถ้ามีคา
ราชาศัพทใ์ หค้ งไว้ ช่อื บคุ คลที่เก่ียวข้องให้ใช้ชื่อโดยตรงไม่ใช้อักษรย่อ ถ้ามีบทสนทนาโต้ตอบของบุคคลให้
จบั ใจความสาคัญของเร่อื งที่สนทนา
13
5) เมื่อเขียนสรุปความจากเร่ืองที่ฟังหรืออ่านแล้วควรอ่านทบทวนเร่ืองท่ีเขียนอีกคร้ัง
เพอ่ื พิจารณาสานวนภาษาทใ่ี ช้เขียนยอ่ หน้า ตลอดจนเนอื้ เร่ืองใหส้ มั พนั ธก์ นั
3.4 รูปแบบกำรเขียนสรปุ ควำม
รูปแบบการเขียนสรุปความ ประกอบด้วยส่วนสาคัญ ได้แก่ สรุปความเรื่องอะไร ของใคร
จากแหลง่ ใด และเนอื้ เรื่องที่สรปุ ดงั ตัวอย่างการสรุปความงานเขยี น
4. กำรเขยี นแผนผงั ควำมคิด
4.1 ควำมหมำยของกำรเขียนแผนผงั ควำมคดิ (Mind Mapping)
การเขียนแผนผังภาพความคิด คือ การถ่ายทอดความคิดจากสมองลงบนกระดาษแผ่น
เดยี ว โดยให้เขยี นประเดน็ หลกั ไวต้ รงกลาง เขียนประเด็นรองล้อมรอบประเด็นหลัก ประเด็นย่อยล้อมรอบ
ของประเดน็ รอง แยกออกมาโดยการใช้ภาพ สี เส้น และการโยงใย ให้มีเน้ือหาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน แต่ละ
ประเดน็ จะเปน็ คาสาคัญ สั้น ๆ ท่ีมคี วามหมายชดั เจน
4.2 ข้ันตอนกำรสรำ้ งแผนผังควำมคดิ
1. เขยี นประเด็นหลักตรงกึ่งกลางหนา้ กระดาษ
2. เขยี นประเดน็ รองทีส่ ัมพนั ธ์ประเดน็ หลักไปรอบ ๆ
3. เขยี นประเด็นยอ่ ยท่สี มั พันธป์ ระเด็นรองแตกออกไปรอบ ๆ เร่ือย ๆ
4. มีการใช้เส้น สี ภาพหรือสัญลักษณ์ ประกอบตกแต่งเพ่ือส่ือความหมายเป็นตัวแทน
ความคิด ให้ชัดเจนมากยิง่ ข้นึ
5. เขียนคาสำคัญ (Key word) บนเส้นและเส้นต้องเช่ือมโยงกัน แตกความคิดของหัวเร่ือง
สาคญั แตล่ ะเรื่องในข้อ 3 ออกเปน็ ก่งิ ๆ หลายกิง่ โดยเขยี นคาหรือ วลีบนเสน้ ทแี่ ตกออกไป
6. ไม่มกี ารตีกรอบ ใหค้ ดิ ได้ตามอิสระมากทสี่ ุด
7. กระดาษท่ีใช้ไม่มีเส้น หรือมีลาย ตกแต่ง Mind Mapping ท่ีเขียนด้วยความสนุกสนาน
ตามใจชอบ
4.3 กฎกำรสรำ้ งแผนผงั ควำมคิด
1. เริม่ ด้วยภาพสีตรงกง่ึ กลางหน้ากระดาษ
2. ใช้ภาพให้มากท่ีสุดใน Mind Map ของคุณ ตรงไหนที่ใช้ภาพได้ให้ใช้ก่อนคา หรือรหัส
เปน็ การช่วยการทางานของสมอง ดงึ ดูดสายตา และช่วยความจา
3. ควรเขียนคาบรรจงตัวใหญ่ๆ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษให้ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ จะช่วยให้เรา
สามารถ ประหยัดเวลาได้ เม่ือยอ้ นกลบั ไปอา่ นอกี ครงั้
4. เขยี นคาเหนอื เสน้ ใต้ แตล่ ะเสน้ ต้องเชื่อมตอ่ กับเสน้ อ่ืนๆ เพื่อให้ Mind Map มีโครงสร้าง
พน้ื ฐานรองรับ
14
5. คาควรมลี ักษณะเป็น "หน่วย" เปิดทางให้ Mind Map คล่องตวั และยดื หย่นุ ไดม้ ากขนึ้
6. ใชส้ ีทัว่ Mind Map เพราะสชี ว่ ยยกระดบั ความคดิ เพลินตา กระตนุ้ สมองซกี ขวา
7. เพ่อื ใหเ้ กิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ควรปล่อยใหส้ มองคิดมีอสิ ระมากทสี่ ุดเท่าที่จะเป็นไปได้
4.4 วธิ กี ำรเขียนแผนผงั ควำมคดิ
1. เตรยี มกระดาษเปล่าทไ่ี มม่ เี ส้นบรรทัดและวางกระดาษภาพแนวนอน
2. วาดภาพสีหรือเขียนคาหรือข้อความท่ีส่ือหรือแสดงถึงเร่ืองจะทา Mind Map กลาง
หน้ากระดาษ โดยใช้สอี ย่างน้อย 3 สี และต้องไมต่ กี รอบดว้ ยรปู ทรงเรขาคณิต
3. คิดถงึ หัวเรื่องสาคัญที่เปน็ สว่ นประกอบของเร่ืองทท่ี า Mind Map โดยให้เขียนเป็นคาที่มี
ลักษณะเป็นหน่วย หรือเป็นคาสาคัญ (Key Word) ส้ัน ๆ ที่มีความหมาย บนเส้นซ่ึงเส้นแต่ละเส้นจะต้อง
แตกออกมาจากศนู ยก์ ลางไม่ควรเกิน 8 ก่งิ
4. แตกความคิดของหัวเร่ืองสาคัญแต่ละเร่ืองในข้อ 3 ออกเป็นกิ่ง ๆ หลายก่ิง โดยเขียนคา
หรอื วลีบนเสน้ ท่ีแตกออกไป ลักษณะของกิ่งควรเอนไม่เกนิ 60 องศา
5. แตกความคดิ รองลงไปทเี่ ป็นสว่ นประกอบของแต่ละกิ่ง ในข้อ 4 โดยเขียนคาหรือวลีเส้น
ทแี่ ตกออกไป ซึง่ สามารถแตกความคิดออกไปเรื่อย ๆ
6. การเขียนคา ควรเขียนด้วยคาที่เป็นคาสาคัญ (Key Word) หรือคาหลัก หรือเป็นวลีท่ีมี
ความหมายชดั เจน
7. คา วลี สัญลักษณ์ หรือรูปภาพใดที่ต้องการเน้น อาจใช้วิธีการทาให้เด่น เช่น การล้อม
กรอบหรอื ใส่กล่อง เป็นตน้
8. ตกแตง่ Mind Map ทีเ่ ขียนด้วยความสนุกสนานท้งั ภาพและแนวคิดท่เี ชือ่ มโยงต่อกัน
4.5 รปู แบบของแผนผงั ภำพควำมคดิ
1. ตัวอยา่ งการเขยี นผังความคดิ แบบขน้ั บันได (ภาพท่ี 2)
15
2. ตวั อย่างการเขียนผังความคดิ แบบเปรยี บเทียบ (ภาพที่ 3)
3. ตัวอย่างการเขยี นแผนผังความคิดแบบใยแมงมุม (ภาพที่ 4)
16
4. ตัวอย่างการเขียนผงั ความคดิ แบบโครงสรา้ ง (ภาพท่ี 5)
5. ตวั อย่างการเขียนผงั ความคดิ แบบก้างปลา (ภาพที่ 6)
17
6. ตวั อย่างการเขยี นผังความคิดเพ่ือตดั สนิ ใจ (ภาพที่ 7)
18
4.6 ประโยชนข์ องกำรเขียนแผนภำพควำมคิด Mind Mapping
- ใช้สรุปรายงานการประชมุ
- ใช้วางแผนโครงการ
- ใชใ้ นการอบรมและบรรยายท่ตี ่าง ๆ ใชร้ ะดมความคิดเหน็
- ใชเ้ กบ็ รวบรวมขอ้ มูล ความรู้ แนวคิด
- สรา้ งความเพลิดเพลินในการอ่าน และง่ายตอ่ การจดจา
- สร้างความสนกุ ไม่เบ่ือ สวยงาม
4.7 กำรนำไปใช้
- ใชร้ ะดมพลงั สมอง
- ใชน้ าเสนอขอ้ มลู
- ใช้จัดระบบความคดิ และช่วยความจา
- ใชว้ ิเคราะหเ์ นื้อหาหรืองานตา่ ง ๆ
- ใชส้ รุปหรอื สรา้ งองค์ความรู้
5. พระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณหี นนี ำงผเี สอ้ื สมุทร
การเขียนพระอภัยมณีสุนทรภู่ได้แต่งเร่ืองพระอภัยมณีน้ีถึง 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 : เร่ิมแต่งใน
สมยั รชั กาลท่ี 2 เพอื่ เล้ียงปากเลยี้ งทอ้ งขณะติดคกุ , ช่วงท่ี 2 : แต่งตอ่ ในสมยั รัชกาลที่ 3 เพ่ือถวายพระองค์
เจ้าลักขณานุคุณ, ช่วงท่ี 3 : ในสมัยรัชกาลที่ 3 สุนทรภู่แต่งต่ออีกคร้ังเพื่อขายเล้ียงปากเล้ียงท้องของตน
และบุตร 2 คน, ช่วงท่ี 4 : แต่งต่อในสมัยรัชกาลที่ 3 เพื่อถวายกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระอภัยมณีจึง
มคี วามยาวท้งั ส้นิ 94 เล่มสมดุ ไทย
5.1 ตัวละคร เร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนนี ำงผเี ส้ือสมุทร
พระอภัยมณี โอรสของท้าวสุทัศน์ กษัตริย์แห่งกรุงรัตนากับนางปทุมเกสร มีน้องชายชื่อ
ศรีสุวรรณ และไดไ้ ปเรยี นวิชาเป่าปจ่ี นเชี่ยวชาญ สามารถทาให้ผ้ทู ่ไี ดย้ ินเสียงป่เี คลิ้มหลับได้
นำงผีเสือ้ สมทุ ร ยักษ์ทอ่ี าศยั อยู่ในถา้ กลางทะเล สามารถแปลงรา่ งเปน็ หญิงสาวสวยได้ และเป็น
ผู้ลกั พาตัวพระอภัยมณีมาทีถ่ ้า
สินสมุทร เปน็ บตุ รของพระอภัยมณแี ละนางผเี ส้ือสมุทร มรี ปู ร่างลกั ษณะเหมือนกับพระอภัยมณี
ตาสีแดง มเี ข้ยี วเหมือนแม่ วา่ ยน้าไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ และได้เรียนร้วู ิชาเป่าปี่จากพระอภยั มณี
นำงเงือก ท่อนบนเป็นมนุษย์ ส่วนท่อนล่างมีหางอย่างปลา อาศัยอยู่กับพ่อและแม่ในทะเล
ซ่งึ ครอบครัวของนางเงอื กเปน็ ผ้ชู ว่ ยพาพระอภยั มณีหนี และนางเงือกยงั มีลูกกบั พระอภยั มณี ช่อื สดุ สาคร
พระโยคี นักบวชผู้อาศัยอยู่บนเกาะแก้วพิสดาร มีอายุพันปีเศษ กินผลไม้ เผือก และมัน
เป็นอาหารเช่ยี วชาญด้านเวทมนตร์ และเปน็ ผคู้ อยชว่ ยเหลือพระอภยั มณใี ห้รอดพน้ จากเหตุการณ์อันตราย
หลายเหตุการณ์
19
5.2 เน้อื เร่ือง ตอน พระอภยั มณหี นีนำงผเี ส้ือสมทุ ร
พระอภัยมณีอาศัยอยู่ในถ้ากับนางผีเส้ือสมุทร จนมีลูกชายนามว่า สินสมุทร เขามีดวงตาสีแดง
มีเข้ียวเหมือนแม่ และมีพละกาลังมหาศาล วันหน่ึงนางผีเส้ือสมุทรออกจากถ้าไปหาอาหาร ส่วนสินสมุทร
วง่ิ เล่นอยใู่ นถา้ ซึ่งเขาไดไ้ ปเจอแผน่ หินที่ปิดทางอยู่ จึงผลักแผ่นหินน้ันจนพังทลายออก มองเห็นหาดทราย
ป่าเขาและทะเลอันกว้างใหญ่ สินสมุทรจึงออกมาว่ายน้าเล่นในทะเลตลอดทั้งวัน เม่ือเขาเห็นฝูงเงือกอยู่
กลางทะเลก็คิดว่าเป็นคน แต่มีหางเหมือนปลา สินสมุทรจึงฉุดกระชากลากเงือกขึ้นมาที่หาด แล้วมองดู
ด้วยความประหลาดใจ กอ่ นจะพาไปให้พระอภยั มณีดูในถา้
เม่อื พระอภยั มณเี หน็ เงือกและไดท้ ราบความจริงท้ังหมดก็ตกใจมาก รีบเตือนสินสมุทรว่า ถ้าแม่รู้
คงโกรธมากเพราะกลัวว่าถ้าสินสมุทรแข็งแรงขนาดน้ี อาจจะพาพระอภัยมณีหนีไปได้ สินสมุทรจึงถามว่า
ทาไมแม่จึงตอ้ งทาเช่นนัน้ พระอภยั มณีจึงเลา่ ความจริงว่าแม่ของสนิ สมทุ รเปน็ ยักษแ์ ละลักพาตัวพ่อมา
เมอ่ื เงือกไดย้ นิ พระอภยั มณแี ละสินสมุทรคุยกัน ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นท้ังความเจ็บปวดและประนมมือ
ไหว้อ้อนวอนขอชีวิต อาสาจะหาทางพาพระอภัยมณีหนีออกจากถ้า แต่หากจะหนีด้วยกาลังก็คงจะไม่ไหว
เพราะระยะทางไกลมาก เงือกจึงบอกว่าตนรู้จักโยคีอายุพันกว่าปี มีความเชี่ยวชาญเรื่องเวทมนตร์คาถา
อาศยั อยทู่ ่เี กาะแกว้ พสิ ดาร ถา้ พระอภยั มณหี นไี ปถึงสานักของพระโยคีได้ก็คงรอดปลอดภัย
ตามกาลงั ของเงือกตอ้ งใชเ้ วลา 7 คนื จงึ จะถงึ ทหี่ มาย สว่ นนางยักษซ์ ่ึงมกี าลงั มากราวกับปลาวาฬ
นั้นใช้เวลาเพียง 3 วันก็คงจะตามทันแล้ว แต่ถ้าลวงให้นางยักษ์ออกไปค้างคืนในป่า ก็จะมีเวลาเดินทาง
ล่วงหน้า พระอภัยมณีจึงส่ังให้สินสมุทรยกหินเพ่ือเปิดทางและค่อย ๆ ช่วยกันพยุงเงือกลงน้า พร้อมปิด
ปากถ้าอย่างมิดชิด เมื่อนางผีเส้ือสมุทรกลับมา ก็แปลงกายเป็นมนุษย์ท่ีมีหน้าตาสวยงาม และนาผลไม้มา
ใหส้ ินสมุทรและพระอภัยมณที าน
ในคนื นั้น นางผเี ส้ือสมุทรฝนั วา่ มเี ทวดามาทาลายถ้า และเอาค้อนมาทุบตีนางแทบตาย อีกท้ังยัง
ควักลูกตาไปด้วย เมื่อตื่นขึ้นนางผีเส้ือสมุทรก็ตัวสั่นด้วยความกลัว นางจึงเล่าความฝันให้พระอภัยมณีช่วย
ทานายฝันว่าร้ายหรอื ดี พระอภัมณีจึงคดิ หาชอ่ งทางการหนโี ดยออกอุบายว่า เทวดาในฝนั คือมัจจุราชจะมา
เอาชีวิตนางไป แต่มีทางหน่ึงที่จะช่วยสะเดาะเคราะห์ได้ คือ การไปอยู่ท่ีตีนเขาในป่าคนเดียว และอดข้าว
อดน้า เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน เม่ือได้ยินดังนั้น นางผีเสื้อสมุทรก็เชื่อสนิทใจและออกจากถ้าไปตามที่พระ
อภยั มณีบอก
เม่ือนางผีเสื้อสมุทรออกจากถ้า พระอภัยมณีปลอบสินสมุทรและหยิบป่ีมาห่อด้วยผ้าและให้สิน
สมุทรผลกั หนิ เปดิ ปากถา้ เพือ่ ทจี่ ะออกไปหาดทราย ส่วนเงือกว่ายน้าในทะเลเพ่ือมารอรับพระอภัยมณีตาม
สญั ญา และชวนลกู สาวกับภรรยาเงอื กมาหาพระอภยั มณีด้วย โดยเฒ่าเงือกขอให้พระอภัยมณีข้ึนน่ังบนบ่า
ส่วนสินสมทุ รใหข้ ี่หลังภรรยาของตน
ฝ่ายนางผีเสื้อสมุทรนั่งอ่อนแรงอยู่ในป่าเพื่ออธิษฐานวอนขอชีวิต เมื่อครบ 3 วัน ร่างกายของ
นางอ่อนแรงและหัวใจของนางก็เฝ้าคิดถึงแต่พระอภัยมณี นางจึงรีบเดินทางกลับเข้าถ้า แต่ไม่พบใครและ
ไม่เหน็ แมแ้ ต่ป่ีของพระอภยั มณี ทาใหน้ างร้วู า่ พระอภัยมณแี ละลกู หนีไปแล้ว
นางผีเส้ือสมุทรตกใจแทบสิ้นชีวิต ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนพระอภัยมณีควักเอาหัวใจนางไปด้วย
นางผีเสือ้ สมทุ รจึงกระโดดลงน้าเพื่อตามหาพระอภัยมณี แต่ก็ไม่พบ ด้วยความโกรธ นางจึงรีบออกตามหา
20
ดว้ ยอย่างไมห่ ยดุ หยอ่ น เมือ่ เงือกได้ยนิ เสียงคล่นื ดงั สน่ันหว่ันไหวก็รู้แน่แล้วว่า นางผีเส้ือสมุทรกาลังตามมา
สินสมุทรจึงบอกให้พระอภัยมณีหนีไปก่อน ส่วนเขาจะคอยติดตามไปแบบห่าง ๆ จากน้ันสินสมุทรก็
กระโดดลงไปในทะเล ขวางนางผีเสื้อสมุทรกลางน้า และร้องถามว่า น่ีคือตัวอะไร เป็นสัตว์บกหรือสัตว์น้า
ทาไมตัวถึงมีสีดา และว่ายน้าตามมาเพราะสาเหตุใด เมื่อได้ฟังดังน้ัน นางผีเส้ือสมุทรบอกว่า ตนเองไม่ใช่
ยักษ์ท่ีร้ายกาจ เพียงแต่แปลงกายเพ่ือมาตามหาพระอภัยมณีกับสินสมุทร แล้วบอกให้สินสมุทรกลับไปอยู่
ถา้ กับแม่ พรอ้ มกับถามต่อวา่ พระอภัยมณีอยทู่ ไี่ หน
สนิ สมทุ รจึงถว่ งเวลา ด้วยการเสแสร้งว่าไม่เชื่อ พร้อมกับบอกว่า หากเป็นแม่ที่แท้จริงขอจงอย่า
ตามมา เพราะพ่อไม่ได้คิดหนี เพียงแต่คิดถึงญาติและบ้านเกิดเมืองนอน จึงจะกลับไปหา ฝ่ายนางผีเส้ือ
สมุทรไม่เชื่อคาที่สินสมุทรบอก จึงแกล้งทาเป็นหายโกรธ และพูดจาอ่อนหวานกับสินสมุทร แต่สินสมุทรก็
ไมย่ อมบอกวา่ พระอภัยมณีอยู่ที่ไหน
นางผีเส้อื สมทุ รแคน้ และตวาดสนิ สมทุ รดว้ ยความโกรธ จากนั้นจึงร่ายคาถาทาให้มองเห็นว่าพระ
อภัยมณีหนีไปไกลแล้ว นางผีเส้ือสมุทรจึงออกตามหาพระอภัยมณีต่อ เมื่อไล่ตามมาทัน ก็พบกับเฒ่าเงือก
และภรรยา นางจึงตะคอกถามด้วยความโมโหว่า พระอภัยมณีอยู่หนใดและเหตุใดจึงต้องพรากเขาไปจาก
นาง ส่วนเงือกเองก็เสแสร้งแกล้งบอกว่าพระอภัยมณีอยู่บนเขาที่เดินทางผ่านมา โดยจะอาสาพานางผีเสื้อ
สมุทรไปหาพระอภัยมณี
นางผีเส้อื สมทุ รเชอ่ื ตามคาบอกของเงือก แล้วออกเดินทางตามเงือกไปได้ครึ่งวัน แต่คาพูดหลอก
ล่อของเงือกน้ันไม่สาเร็จ ทาให้นางผีเสื้อสมุทรเร่ิมสงสัยและไม่เชื่อใจเงือกอีก นางจึงจับท้ังเฒ่าเงือกและ
ภรรยาหักขาและฉีกแขนเค้ียวกนิ กอ่ นจะออกเดินตามหาพระอภยั มณีต่อไป
ท่ีเกาะแกว้ พสิ ดารในยามบา่ ยเกิดเสยี งคลนื่ ดังสน่นั หว่นั ไหวมาจากหน้าเกาะ เมื่อดูลมก็เงียบสงัด
ดี พระโยคีจึงนั่งคานวณฤกษ์ยามตามตาราแล้วบอกกับลูกศิษย์ว่า วันน้ีจะมีผู้ชายที่สูงศักด์ิเข้ามา น่ันก็คือ
พระอภัยมณี และมีนางผีเสื้อสมุทรเดินทางตามมาเช่นกัน พระโยคีจึงฉวยไม้ท้าวเดินออกไปท่ีหาดทราย
ทนั ใดน้ัน พระโยคีกม็ องเหน็ มนษุ ยแ์ หวกวา่ ยกลางน้าอยู่ไกล ๆ และมีนางผีเสอื้ สมทุ รตามหลงั มา
พระอภัยมณีรีบว่ายน้าเข้าเกาะแก้วพิสดารและช่วยกันพาเงือกขึ้นมาบนฝ่ัง กราบกรานขอให้
พระโยคีช่วยเหลือ ด้วยความเมตตา พระโยคีจึงให้พระอภัยมณีพักอยู่ท่ีเกาะ ส่วนนางผีเสื้อสมุทรน้ันไม่
สามารถขนึ้ มาบนหาดได้เพราะหากสมั ผสั กับทราย นางจะรสู้ ึกทุรนทรุ าย เนอื่ งจากพระโยคีได้ลงคาถาคลุม
เกาะแก้วพิสดารดงั เขื่อนเพชร เพือ่ ไมใ่ ห้ภตู ผีปีศาจเข้ามาใกล้ได้
ฝ่ายนางผีเส้ือสมุทรเมื่อมาใกล้เกาะแก้วพิสดาร ก็ได้ตะโกนร้องเรียก อ้อนวอนพระอภัยมณีให้
ออกมาหา พระอภัยมณีบอกให้นางผีเส้ือสมุทรกลับไปอยู่ที่ถ้าตามเดิมและอย่าสร้างความเดือดร้อน
จงรักษาศีล อย่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และขออย่าให้เกิดความมัวหมองต่อกันอีกเลย ส่วนพระโยคีก็ได้สอนว่า
ขอจงตัดบ่วงความห่วงใยและอย่าจองล้างจองผลาญสินสมุทรกับพระอภัยมณีอีกเลย จะได้หมดเวรหมด
กรรมต่อกนั หากนางผีเสอ้ื สมุทรตายไป กจ็ ะไดไ้ ปอยูบ่ นสวรรคอ์ ยา่ งสขุ สบาย
นางผีเส้ือสมุทรโกรธมาก จึงตอบกลับไปว่า พระโยคีนั้นมาซ่องสุมกันท่ีเกาะแก้วพิสดารแล้วจะ
เกิดศีลได้อย่างไร อย่ามาทาเป็นฉลาดแกมโกง ที่มาอยู่ท่ีนี่เพราะต้องการหนีการถูกเกณฑ์เข้าทางานให้แก่
บ้านเมอื ง ขนาดพระโยคยี งั ไม่อยูใ่ นศลี และนางเงือกก็มาแยง่ สามขี องคนอน่ื เหตใุ ดตอ้ งมายงุ่ เรื่องของนาง
21
ฝา่ ยพระโยคีเม่อื ได้ยินดังน้นั กต็ ่อว่านางผีเสื้อสมุทร ทั้งรูปร่างที่อัปลักษณ์ ปากก็พูดไม่คิด นมท้ัง
สองข้างก็ห้อยโตงเตง จนพระอภัยมณีเบื่อหน่าย ต้องหนีมาอาศัยกับพระโยคี นางผีเสื้อสมุทรจะมาหาว่า
เป็นความผิดของพระโยคีได้อย่างไร จากนั้นพระโยคีจึงเสกทรายขว้างไปกลางทะเล ราวกับใช้ปืนยิงนาง
ผีเสอื้ สมทุ รให้ส้นิ ชีวติ นางผเี ส้อื สมุทรก็กลัวจนตวั ส่นั และตอ้ งหลบหนีไปอยูใ่ นทะเล
5.3 คุณค่ำดำ้ นวรรณศิลป์ : กำรใชโ้ วหำรภำพพจน์ในตอนพระอภัยมณีหนีนำงผีเสอ้ื สมทุ ร
- กำรใช้อปุ มำโวหำรเพ่ือเปรียบเทยี บ แต่ดวงเนตรแดงดดู งั สุรยิ ์ฉาย
ไมค่ ลาดเคล่ือนเหมอื นองค์พระทรงเดช มเี ขย้ี วคล้ำยชนนมี ีศกั ดา
ทรงกาลงั ดงั พระยาคชาพลาย
- กำรใช้อุปลักษณ์เพือ่ เปรียบเทียบ เข้าลองผลกั ด้วยกาลงั ก็พงั ผาง
หนักหรือเบาเยาวอ์ ยูไ่ ม่รู้จกั ทะเลกว้างขา้ งขวาล้นป่าดง
เหน็ หาดทรายพรายงามเป็นเงินราง
- กำรใชส้ ัทพจน์ (ถ้อยคำเลียนเสียงธรรมชำต)ิ เสียงโฮโฮดังกอ้ งหอ้ งคหู า
ลงกลิง้ เกลือกเสอื กกายรอ้ งไหโ้ ร่ ควรหรือมาทงิ้ ขวา้ งหมองหมางเมีย
พระรปู หล่อพอ่ คุณของเมยี อา
- การสรรทาเพอื่ ให้เกิดความรสู้ ึก ไมโ่ ปรดปรานอนกุ ลู เลยทูนหัว
ผีเสอื้ น้ำซ้ำวอนดว้ ยอ่อนหวำน ทงั้ จากผัวจากบตุ รสดุ อาลัย
ถา้ ท้ิงไว้ไหนน้องจะครองตวั
- กำรเลน่ สัมผสั สระ (ใชส้ ระเสียงเดยี วกัน) รปู ก็กำกปำกกเ็ ปราะไม่เหมาะเหมง็
อียกั ษาตาโตโมโหมาก
- กำรเลน่ สัมผสั พยญั ชนะ (พยญั ชนะเสยี งเดียวกัน)
เสียงครึกคร้นื คลื่นคลุม้ ขึ้นกลุ้มกาย ผีเสื้อร้ำยรีบรุดไมห่ ยดุ ยนื
- กำรเลน่ ซ้ำคำ (กำรใช้คำซำ้ โดยควำมหมำยไมเ่ ปลี่ยนแปลง)
เหลา่ ฉลำมล้วนฉลำมตามกนั มา ค่อยเคลอ่ื นคลาคล้ำยคล้ำยในสายชล
ฉนำกอยู่คฉู่ นำกไมจ่ ากคู่ ขึ้นฟองฟ่พู ่นฟองละอองฝน
22
ฝงู พมิ พำพำฝงู เข้าแฝงวน บำ้ งผดุ พ่นฟองนา้ บ้ำงดาจร
กระโหเ้ รียงเคยี งกระโห้ขนึ้ โบกหาง ลอยสลา้ งกลางกระแสแลสลอน
มังกรเก่ียวเล้ยี วลอดกอดมังกร ประชมุ ซ่อนแฝงชลขนึ้ วนเวยี น
จากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องข้างต้น ข้าพเจ้าในฐานะครูผู้สอน รายวิชาภาษาไทย 5
(ท23101) ใหก้ บั นกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3/1 โรงเรียนหนองม่วงวิทยา อาเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี
จึงมีความสนใจที่จะทาการวิจัยในช้ันเรียน เรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีนิทาน
คากลอนเรื่อง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ระหว่างการสอนเน้ือหาผ่านการเขียน
สรุปความกับการเขยี นแผนผงั ความคดิ ของนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 เพื่อให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ที่สูงขึ้นกว่าเดิม เป็นการพัฒนาทักษะการอ่านและการคิดข้ันสูงจากการอ่านวรรณคดีได้อีกแนวทางหนึ่ง
รวมไปถึงเป็นการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย โดยเฉพาะสาระวรรณคดีและ
วรรณกรรมไทย ตลอดจนนาผลการศึกษาค้นคว้าไปใช้ในการพัฒนา ปรับปรุง แก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ให้เหมาะกับนักเรียนและมี
ประสทิ ธิภาพยิ่งขึ้นตอ่ ไป
23
บทท่ี 3
วิธดี ำเนนิ กำรวจิ ัย
การศึกษาคร้ังนี้ เป็นการเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเร่ือง
พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ระหว่างการสอนเน้ือหาผ่านการเขียนสรุปความกับ
การเขยี นแผนผงั ความคิด ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ซึ่งมีวธิ ดี าเนินการวิจัยตามข้นั ตอน ดงั นี้
1. ประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง
2. เคร่อื งมอื ที่ใช้ในการวจิ ัย
3. การสร้างเครอื่ งมือในการวจิ ยั
4. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
5. การวิเคราะห์ข้อมูล
ประชำกรและกลุ่มตัวอยำ่ ง
1. ประชากรท่ีใช้ในการวิจัยคร้ังน้ีคือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองม่วงวิทยา
ตาบลหนองม่วง อาเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 6 ห้องเรียน
รวมนักเรยี นท้ังส้นิ 180 คน
2. กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยในครั้งน้ีคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3/1 จานวน 26 คน โรงเรียน
หนองม่วงวิทยา ตาบลหนองม่วง อาเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ได้มา
โดยการสุ่มห้องเรียนทีพ่ บปญั หาแบบเจาะจง
เคร่อื งมือทใ่ี ช้ในกำรวจิ ัย
เครอื่ งมือท่ีใช้ในการวิจยั คร้ังนป้ี ระกอบด้วย
1. วิธกี ารสอนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่อง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร
ของพระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) แบบการเขียนสรุปความ (ม.3/1 ห้อง ก) และแบบการเขียนแผนผัง
ความคิด (ม.3/1 ห้อง ข)
2. แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นหลงั เรยี น วรรณคดีนิทานคากลอน เรอ่ื ง พระอภัยมณี
ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ตอนที่ 1 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 20 ข้อ 20 คะแนน ตอนท่ี
2 แบบอัตนัย จานวน 4 ข้อใหญ่ รวม 40 คะแนน โดยข้อท่ี 1 เขียนตอบปลายเปิด ข้อ 2 – 4 เขียนตอบ
แบบปลายปดิ พร้อมเฉลยคาตอบและเกณฑ์การประเมนิ การเขียนตอบอตั นยั
24
กำรสรำ้ งเคร่ืองมือในกำรวิจัย
ผวู้ จิ ยั ดาเนนิ การตามข้ันตอนในการวจิ ยั ตา่ ง ๆ ดงั ต่อไปนี้
1. ขัน้ เตรียมกำร
ศึกษาคน้ คว้าตารา หนังสือ เอกสารและงานวิจัยที่เกย่ี วข้อง ตามลาดับดงั น้ี
1.1 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้
ภาษาไทย มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ช้วี ัด ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 (สาระที่ 2 และสาระท่ี 5)
1.2 การเขียนสรปุ ความ และวิธกี ารสอนการเขียนสรุปความ
1.3 การเขยี นแผนผังความคดิ และวิธกี ารสอนการเขยี นแผนผังความคดิ
1.4 การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นแบบปรนยั และแบบอัตนยั
1.5 นิทานคากลอนเร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ของพระสุนทร
โวหาร (สุนทรภ่)ู และวธิ ีการสอนวรรณคดี
2. ขน้ั สร้ำงและหำประสิทธภิ ำพของเคร่อื งมือ
2.1 สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียน วรรณคดีนิทานคากลอน เร่ือง
พระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ประกอบด้วย ตอนท่ี 1 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน
20 ข้อ 20 คะแนน ตอนที่ 2 แบบอัตนัย จานวน 4 ข้อใหญ่ รวม 40 คะแนน โดยข้อที่ 1 เขียนตอบ
ปลายเปิด ข้อ 2 – 4 เขียนตอบแบบปลายปิด มีขนั้ ตอนในการสรา้ งดังนี้
1) แบบทดสอบปรนยั
1.1) ศึกษาเอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 สาระท่ี 5
วรรณคดแี ละวรรณกรรม
1.2) ศึกษาเอกสาร ตารา และคู่มือ เก่ียวกับการสร้างแบบทดสอบและการ
วัดและประเมนิ ผลทางการศึกษา
1.3) ศกึ ษาเอกสาร ตารา และคมู่ อื เกี่ยวกบั นทิ านคากลอน เรื่อง พระอภัยมณี
ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร วิเคราะห์รายละเอียดของเนื้อหา เพ่ือกาหนดประเด็นการสร้าง
แบบทดสอบและจัดทาตารางวิเคราะห์เนื้อหาวรรณคดี
1.4) สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนฯ เป็นแบบทดสอบปรนัย
ชนิด 4 ตวั เลอื ก จานวน 20 ข้อ 20 คะแนน
1.5) นาแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนการฯ ตรวจสอบความถูกต้อง
ของเนือ้ หาและการใช้ภาษา การจัดเรยี งลาดบั ตวั เลอื ก การกระจายคาตอบ จากนั้นปรบั ปรงุ แก้ไข
1.6) นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนฯ เสนอให้ผู้เช่ียวชาญจานวน
3 ท่าน เป็นผู้เช่ียวชาญด้านการสอนภาษาไทย ตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมของแบบทดสอบในด้าน
ความตรงเชิงเน้ือหา (Content Validity) และความสอดคล้องของแบบทดสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้
กาหนดเกณฑ์ในการพิจารณาใหค้ ะแนนของผเู้ ชี่ยวชาญดังนี้
25
ใหค้ ะแนน +1 เมื่อแน่ใจวา่ แบบทดสอบน้นั มคี วามสอดคลอ้ ง
กบั จุดประสงค์การเรยี นรู้
ใหค้ ะแนน 0 เม่ือไม่แน่ใจวา่ แบบทดสอบน้นั มคี วามสอดคล้อง
กบั จุดประสงค์การเรียนรู้
ใหค้ ะแนน -1 เม่ือแน่ใจวา่ แบบทดสอบนั้นไม่มีความสอดคล้อง
กับจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.7) หาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence:
IOC) ของ เคอร์ลิงเจอร์ (Kerlinger, 2000, pp. 667 อ้างถึงใน ธีรศักดิ์ อุ่นอารมย์เลิศ, 2549, หน้า 65)
ระหวา่ งคุณลักษณะ และความสอดคลอ้ งของแบบทดสอบกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ทั้งนี้ เมื่อค่าดัชนีความ
สอดคล้องท่ีมีค่าต้ังแต่ 0.5 ขึ้นไป ถือว่าแบบทดสอบมีความสอดคล้องข้างต้นอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ โดย
สรุปผลการหาคา่ ดชั นีความสอดคลอ้ งได้คือ ค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อต่าสุดมีค่าเท่ากับ 0.67 ค่าดัชนี
ความสอดคล้องรายข้อสูงสุดมีค่าเท่ากับ 1.00 และค่าดัชนีความสอดคล้องรวมมีค่าเท่ากับ 0.85 ซึ่งถือว่า
อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้
1.8) นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนฯ ไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างใน
การทดสอบหลังเรยี นตอ่ ไป
2) แบบทดสอบอตั นยั
2.1) ศึกษาเอกสารหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 สาระที่ 5
วรรณคดแี ละวรรณกรรม
2.2) ศึกษาเอกสาร ตารา และคู่มือ เก่ียวกับการสร้างแบบทดสอบและการ
วดั และประเมนิ ผลทางการศกึ ษา
2.3) ศกึ ษาเอกสาร ตารา และคู่มอื เกย่ี วกับนทิ านคากลอน เร่ือง พระอภัยมณี
ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร วิเคราะห์รายละเอียดของเน้ือหา เพื่อกาหนดประเด็นการสร้าง
แบบทดสอบและจดั ทาตารางวิเคราะหเ์ นอื้ หาวรรณคดี
2.4) สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนฯ เป็นแบบทดสอบอัตนัย
จานวน 4 ข้อใหญ่ รวม 40 คะแนน โดยข้อท่ี 1 เขียนตอบปลายเปิด จานวน 12 คะแนน และข้อ 2 – 4
เขียนตอบแบบปลายปิด จานวน 8+10+10 รวม 38 คะแนน
2.5) นาแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นการฯ ตรวจสอบความถูกต้อง
ของเน้อื หาและการใช้ภาษา จากน้ันปรบั ปรงุ แก้ไข
2.6) นาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนฯ ไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างใน
การทดสอบหลังเรียนตอ่ ไป
26
กำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
การวิจยั ในชั้นเรยี นน้ี มขี ้ันตอนการเก็บรวบรวมข้อมลู ดังตอ่ ไปน้ี
1) ดาเนินการสอนวรรณคดีนิทานคากลอน เร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
สมุทร แก่นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3/1 จานวน 4 คาบเรียน เร่ิมตั้งแต่ประวัติ/ความเป็นมา ผู้แต่ง
ลักษณะคาประพันธ์ เรื่องย่อ เนื้อหาวรรณคดี การถอดความวรรณคดี การวิเคราะห์คุณค่าตากวรรณคดี
ดา้ นตา่ ง ๆ และการประเมนิ คา่ ซึ่งสอนเหมอื นกนั ทงั้ ห้อง ก และห้อง ข
2) ดาเนินการสอนโดยให้นักเรียนสรุปเนื้อหาจากการเรียนวรรณคดีเรื่องดังกล่าวตลอดคาบ
เรยี นที่ 1-4 รวมคาบเรียนท่ี 5 โดยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3/1 ห้อง ก เขียนสรุปความลงในสมุด ส่วน
นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3/1 ห้อง ข เขียนสรุปเน้ือหาแบบแผนผังความคิดลงในกระดาษเอสี่ เพื่อเป็น
การสรปุ ทบทวนเนือ้ หาการประเมนิ ผลหลังเรียน
3) ดาเนินการทดสอบหลังเรียนทั้งห้อง ก และห้อง ข โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรยี นหลังเรียน วรรณคดนี ทิ านคากลอน เรือ่ ง พระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณหี นีนางผีเสื้อสมุทร ตอนท่ี 1
แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 20 ข้อ 20 คะแนน ตอนที่ 2 แบบอัตนัย จานวน 4 ข้อใหญ่ รวม 40
คะแนน โดยข้อท่ี 1 เขียนตอบปลายเปิด ข้อ 2 – 4 เขียนตอบแบบปลายปิด ในคาบเรียนท่ี 6 ใช้เวลา 60
นาที ในการทาแบบทดสอบ รวมท้งั 2 ตอน 60 คะแนน
4) ตรวจให้คะแนน บันทึกผลการทดสอบหลังเรียน แล้วนาคะแนนที่ได้มาเปรียบเทียบความ
แตกต่างระหวา่ งหอ้ ง ก กับห้อง ข โดยแยกแบบปรนัยและอตั นัย
5) วิเคราะห์คา่ เฉล่ยี (X) ร้อยละ ของผลคะแนน และสรุปผลการศกึ ษา
กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มลู
การวิจยั ในครัง้ นี้ ผูว้ จิ ัยได้ทาการวิเคราะห์ข้อมลู ดังนี้
ผู้วิจัยนาขอ้ มูลท่ไี ดท้ ัง้ หมดมาวเิ คราะหท์ างสถิติโดยใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป Microsoft Excel 2010
เพ่ือทดสอบสมมตุ ิฐานและสรปุ ผลการทดลอง คือ การวิเคราะห์เปรยี บเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้
ค่าความถ่ี ค่าเฉล่ยี (X) และรอ้ ยละ พร้อมการพรรณนาเชงิ วิเคราะห์
27
บทที่ 4
ผลกำรวิเครำะห์ข้อมูล
การวิจัยเรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเร่ือง พระอภัยมณี
ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ระหว่างการสอนเน้ือหาผ่านการเขียนสรุปความกับการเขียนแผนผัง
ความคิด ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ระหว่างการสอน
เน้ือหาผ่านการเขียนสรุปความกับการเขียนแผนผังความคิด จากการทดสอบแบบปรนัย และ 2. เพ่ือ
เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเร่ืองพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนาง
ผเี สอ้ื สมทุ ร ระหวา่ งการสอนเน้ือหาผ่านการเขียนสรุปความกับการเขียนแผนผังความคิด จากการทดสอบ
แบบอัตนัย กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยคือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 จานวน 26 คน โรงเรียน
หนองม่วงวิทยา ตาบลหนองม่วง อาเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563
ระยะเวลาในการทดลองทง้ั สิ้น 2 สปั ดาห์
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยแบ่งเป็น 1. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวรรณคดี
นิทานคากลอนเร่ืองพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ระหว่างการสอนเน้ือหาผ่านการ
เขียนสรุปความกับการเขียนแผนผังความคิด จากการทดสอบแบบปรนัย และ 2. การเปรียบเทียบ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร
ระหว่างการสอนเนื้อหาผ่านการเขียนสรุปความกับการเขียนแผนผังความคิด จากการทดสอบแบบอัตนัย
ดังรายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปน้ี
1. กำรเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนวรรณคดีนิทำนคำกลอนเร่ืองพระอภัยมณี ตอน พระอภัย
มณีหนีนำงผีเสื้อสมุทร ระหว่ำงกำรสอนเนื้อหำผ่ำนกำรเขียนสรุปควำมกับกำรเขียนแผนผังควำมคิด
จำกกำรทดสอบแบบปรนัย
ผู้วิจัยนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนฯ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี
3 ไปใชท้ ดลองกับกลุม่ ตัวอยา่ ง ผลการวิจัยมีรายละเอียดดงั ตาราง
ตารางที่ 1 แสดงการเปรียบเทียบผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นวรรณคดีนทิ านคากลอนเรอ่ื ง พระอภยั มณี ตอน
พระอภยั มณหี นีนางผเี ส้ือสมุทร ระหวา่ งการสอนเน้อื หาผา่ นการเขียนสรุปความกับการเขยี น
แผนผงั ความคิด จากการทดสอบแบบปรนัย
28
สอนวรรณคดีฯ โดยกำรเขยี นสรุปควำม สอนวรรณคดฯี โดยกำรเขยี นแผนผังควำมคดิ
ท่ี หอ้ ง ช่ือ-สกลุ คะแนน (20) ที่ ห้อง ชื่อ-สกลุ คะแนน (20)
1 ก เด็กชายคมสัน โพธิ 9 1 ข เดก็ ชายชนสษิ ฏ์ พานทอง 11
2 ก เด็กชายณฐั พงศ์ โมมะเกลอื 8 2 ข เด็กชายธนภทั ร แสงทอง 14
3 ก เด็กชายธนภูมิ คาสวัสดิ์ 12 3 ข เด็กชายธนัชพงศ์ ถริ ะอนนั ต์ศรี 10
4 ก เด็กชายปภณิ วชิ สงั พาลี 8 4 ข เด็กชายพลาธิป อย่ยู ืน 10
5 ก เด็กชายพพี งศ์ รวยสนั เทยี ะ 10 5 ข เด็กชายพุตพิ งษ์ ครเอี่ยม 10
6 ก เดก็ ชายศจิษฐ์ศกั ด์ิ นพรัตน์ 9 6 ข เดก็ ชายกิจเกษม รณธรี ์ 10
7 ก เด็กชายแสนไกล กลดั ทอง 9 7 ข เด็กชายจักรภัทร วงขนั ท์ 12
8 ก เด็กชายฐติ ิพันธ์ ชุม่ มี 8 8 ข เด็กหญิงกรณกิ าร์ พุดซือ่ 14
9 ก เด็กหญงิ กัญญาภัค ปานเกษม 8 9 ข เดก็ หญงิ ชตุ ิกาญจน์ คาค้มุ 13
10 ก เดก็ หญิงธนพร รอดรัตน์ 12 10 ข เด็กหญิงธนัชพร มากมณี 15
11 ก เดก็ หญิงนพรัตน์ ภขู่ าว 10 11 ข เด็กหญิงนิตยา พิลาดษิ ฐ์ 11
12 ก เดก็ หญิงพรสนิ ี ปัญจรัตน์เลิศ 12 12 ข เด็กหญิงศานันธิณี เอยี่ มพงษ์ 14
13 ก เดก็ หญงิ อนญั ญา จังพนิ จิ กลุ 9 13 ข เด็กหญงิ อารียา เพ็งสมยา 15
รวม 124 รวม 159
เฉลย่ี 9.54 เฉลี่ย 12.23
จากตารางจะเหน็ ได้ว่า นักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3/1 หอ้ ง ก จานวน 13 คน ซ่ึงได้จัดกิจกรรม
การเรียนรู้วรรณคดีนิทานคากลอนเร่ืองพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ผ่านการเขียน
สรปุ ความ นกั เรยี นมคี ะแนนแบบทดสอบปรนัยรวมเฉลี่ย 9.54 คะแนน จาก 20 คะแนน ส่วนนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ห้อง ข จานวน 13 คน ซึ่งได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดีนิทานคากลอนเร่ือง
พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ผ่านการเขียนแผนผังความคิด นักเรียนมีคะแนน
แบบทดสอบปรนยั รวมเฉลีย่ 12.23 คะแนน จาก 20 คะแนน ซงึ่ ห้อง ข สูงกว่าหอ้ ง ก 2.69 คะแนน
2. กำรเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรียนวรรณคดีนิทำนคำกลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภัย
มณีหนีนำงผีเส้ือสมุทร ระหว่ำงกำรสอนเนื้อหำผ่ำนกำรเขียนสรุปควำมกับกำรเขียนแผนผังควำมคิด
จำกกำรทดสอบแบบอตั นัย
ผู้วิจัยนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียนฯ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 ไปใช้ทดลองกับกลมุ่ ตัวอย่าง ผลการวจิ ัยมีรายละเอยี ดดงั ตาราง
ตารางที่ 2 แสดงการเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่อง พระอภัยมณี ตอน
พระอภยั มณหี นีนางผีเส้อื สมทุ ร ระหวา่ งการสอนเนอ้ื หาผา่ นการเขียนสรุปความกบั การเขยี น
แผนผังความคดิ จากการทดสอบแบบอัตนยั
29
สอนวรรณคดีฯ โดยกำรเขยี นสรุปควำม สอนวรรณคดฯี โดยกำรเขยี นแผนผงั ควำมคิด
ท่ี ห้อง ชอ่ื -สกลุ คะแนน (40) ที่ ห้อง ช่ือ-สกลุ คะแนน (40)
1 ก เดก็ ชายคมสนั โพธิ 22 1 ข เดก็ ชายชนสิษฏ์ พานทอง 18
2 ก เดก็ ชายณัฐพงศ์ โมมะเกลือ 34 2 ข เดก็ ชายธนภทั ร แสงทอง 30
3 ก เด็กชายธนภมู ิ คาสวสั ดิ์ 30 3 ข เด็กชายธนัชพงศ์ ถริ ะอนันตศ์ รี 18
4 ก เดก็ ชายปภณิ วชิ สังพาลี 14 4 ข เดก็ ชายพลาธิป อยู่ยนื 22
5 ก เด็กชายพีพงศ์ รวยสันเทยี ะ 26 5 ข เด็กชายพตุ พิ งษ์ ครเอี่ยม 14
6 ก เดก็ ชายศจษิ ฐ์ศักด์ิ นพรตั น์ 8 6 ข เด็กชายกจิ เกษม รณธรี ์ 18
7 ก เดก็ ชายแสนไกล กลดั ทอง 14 7 ข เด็กชายจกั รภัทร วงขนั ท์ 22
8 ก เดก็ ชายฐิตพิ นั ธ์ ชุม่ มี 26 8 ข เด็กหญิงกรณกิ าร์ พดุ ซื่อ 34
9 ก เด็กหญงิ กญั ญาภคั ปานเกษม 14 9 ข เด็กหญิงชตุ กิ าญจน์ คาค้มุ 26
10 ก เด็กหญิงธนพร รอดรัตน์ 37 10 ข เด็กหญงิ ธนชั พร มากมณี 36
11 ก เด็กหญิงนพรัตน์ ภขู่ าว 18 11 ข เดก็ หญงิ นิตยา พลิ าดิษฐ์ 34
12 ก เด็กหญงิ พรสนิ ี ปญั จรตั น์เลิศ 34 12 ข เด็กหญิงศานันธิณี เอย่ี มพงษ์ 36
13 ก เดก็ หญงิ อนญั ญา จังพินิจกลุ 26 13 ข เดก็ หญงิ อารยี า เพ็งสมยา 40
รวม 303 รวม 348
เฉลย่ี 23.31 เฉลี่ย 26.78
จากตารางจะเหน็ ไดว้ ่า นักเรยี นชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 3/1 ห้อง ก จานวน 13 คน ซ่ึงได้จัดกิจกรรม
การเรียนรู้วรรณคดีนิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ผ่านการเขียน
สรุปความ นักเรียนมีคะแนนแบบทดสอบอัตนัยหลังเรียนรวมเฉล่ีย 23.31 คะแนน จาก 40 คะแนน ส่วน
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ห้อง ข จานวน 13 คน ซึ่งได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดีนิทาน
คากลอนเรื่อง พระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณีหนีนางผีเสอื้ สมุทร ผา่ นการเขียนแผนผังความคิด นักเรียนมี
คะแนนแบบทดสอบอัตนัยหลังเรียนรวมเฉล่ีย 26.78 คะแนน จาก 40 คะแนน ซ่ึงห้อง ข สูงกว่าห้อง ก
3.47 คะแนน
30
บทท่ี 5
บทสรปุ
การวิจัยในคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวรรณคดีนิทาน
คากลอนเร่ืองพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ระหว่างการสอนเน้ือหาผ่านการเขียน
สรุปความกับการเขียนแผนผังความคิด จากการทดสอบแบบปรนัย และ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิ
ทางการเรยี นวรรณคดนี ิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ระหว่างการ
สอนเน้ือหาผ่านการเขียนสรปุ ความกบั การเขยี นแผนผังความคิด จากการทดสอบแบบอัตนัย กลุ่มตัวอย่าง
ในการวิจัยคือ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3/1 จานวน 26 คน ของโรงเรียนหนองม่วงวิทยา ตาบล
หนองมว่ ง อาเภอหนองม่วง จังหวัดลพบุรี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ระยะเวลาในการทดลองทั้งส้ิน
2 สัปดาห์
เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ 1) วิธีการสอนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่อง พระอภัยมณี
ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ของพระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) แบบการเขียนสรุปความ (ม.3/1
ห้อง ก) และแบบการเขียนแผนผังความคิด (ม.3/1 ห้อง ข) 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
หลังเรียน วรรณคดีนิทานคากลอน เร่ือง พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร ตอนท่ี 1
แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จานวน 20 ข้อ 20 คะแนน ตอนที่ 2 แบบอัตนัย จานวน 4 ข้อใหญ่ รวม 40
คะแนน โดยขอ้ ท่ี 1 เขียนตอบปลายเปดิ ข้อ 2 – 4 เขยี นตอบแบบปลายปิด พร้อมเฉลยคาตอบและเกณฑ์
การประเมินการเขียนตอบอตั นัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) มีการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ 1)
การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียน ระหว่างห้อง ก กับห้อง ข โดยใช้
ค่าความถ่ี และคา่ เฉล่ีย (X)
สรุปผลกำรวิจยั
การวิจัยเรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่อง พระอภัยมณี
ตอน พระอภยั มณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ระหว่างการสอนเน้ือหาผ่านการเขียนสรุปความกับการเขียนแผนผัง
ความคดิ ของนกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สามารถสรุปผลการวิจัยไดด้ งั นี้
1. นกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3/1 ห้อง ก จานวน 13 คน ซ่ึงได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดี
นิทานคากลอนเรอื่ งพระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณีหนีนางผีเส้อื สมุทร ผ่านการเขียนสรุปความ นักเรียนมี
คะแนนแบบทดสอบปรนัยรวมเฉลี่ย 9.54 คะแนน จาก 20 คะแนน ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1
ห้อง ข จานวน 13 คน ซ่ึงได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดีนิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน
พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ผ่านการเขียนแผนผังความคิด นักเรียนมีคะแนนแบบทดสอบปรนัยรวม
เฉล่ยี 12.23 คะแนน จาก 20 คะแนน ซึง่ ห้อง ข สูงกว่าหอ้ ง ก 2.69 คะแนน
31
2. นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3/1 ห้อง ก จานวน 13 คน ซ่ึงได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดี
นทิ านคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณีหนีนางผีเสือ้ สมุทร ผ่านการเขียนสรุปความ นักเรียนมี
คะแนนแบบทดสอบอัตนัยหลังเรียนรวมเฉล่ีย 23.31 คะแนน จาก 40 คะแนน ส่วนนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี 3/1 ห้อง ข จานวน 13 คน ซึ่งได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้วรรณคดีนิทานคากลอนเรื่อง
พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเส้ือสมุทร ผ่านการเขียนแผนผังความคิด นักเรียนมีคะแนน
แบบทดสอบอัตนยั หลังเรียนรวมเฉลย่ี 26.78 คะแนน จาก 40 คะแนน ซึ่งหอ้ ง ข สงู กวา่ หอ้ ง ก 3.47 คะแนน
อภปิ รำยผลกำรวิจยั
จากการวิจัยจะเห็นว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่องพระอภัยมณี ตอน
พระอภัยมณหี นีนางผีเส้ือสมุทร ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3/1 โดยใช้แบบทดสอบหลังเรียนทั้งแบบ
ปรนัย และแบบอัตนัย (เขียนตอบปลายเปิด/เขียนตอบปลายปิด) นักเรียนห้อง ข ซึ่งเรียนเนื้อหาด้วย
วธิ กี ารสรุปเป็นแผนผังความคิด มีคะแนนรวมเฉล่ียท้ังห้องสูงกว่านักเรียนห้องเรียน ก ซึ่งเรียนเน้ือหาด้วย
การเขียนสรุปความธรรมดาลงสมุด อีกทั้งนักเรียนห้อง ข ยังมีคะแนนรายบุคคลและรายห้อง ผ่านเกณฑ์
การประเมินคร่ึงหน่ึง คือ ร้อยละ 50 ทุกคน น่ันแสดงว่าการจัดการเรียนรู้โดยให้นักเรียนสรุปเนื้อหาเป็น
แผนผงั ความคิด มีสว่ นช่วยใหน้ กั เรยี นเกดิ ความจาที่แมน่ ยา เกดิ ความเข้าใจในเน้ือหาท่ีเรียน เน่ืองจากการ
เขยี นแผนผังความคดิ น้ันจะต้องคดิ พิจารณาเลอื กประเด็นหวั ข้อใหญ่ หัวขอ้ ยอ่ ย การลาดับความสาคัญของ
เน้ือหา ประกอบกับมีการใช้เส้น ใช้สี มีการหยุดคิดทั้งในระหว่างการวางแผน การเขียน และการอ่าน
แผนผงั ความคดิ ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั นักวิชาการหลายท่านท่ีเสนอว่า สมองของมนุษย์จะรับข้อมูลและเก็บเป็น
ความจาระยะยาวในรูปแบบภาพแผนผังหรือคาสาคัญ Mind Mapping หรือการทาแผนท่ีความคิด เป็น
วิธีการจดท่ีรวมท้ัง Imagination (จินตนาการ) และ Association (การเชื่อมโยง) เข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วย
กระตุ้นระบบความจาของสมอง และช่วยให้สมองเรียกข้อมูลออกมาใช้ได้รวดเร็วมากขึ้น ดังนั้น การจัด
กิจกรรมการเรียนรู้โดยสรุปเน้ือในรูปแบบแผนผังความคิดจึงช่วยให้นักเรียนห้อง ข สามารถจดจา เข้าใจ
เน้ือหาได้ดีกว่านักเรียนห้อง ก ซ่ึงเขียนสรุปความแบบธรรมดา ส่งผลให้นักเรียนห้อง ข มีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรยี นจากการสอบหลงั เรียนวรรณคดีสงู กว่าห้อง ก ท้งั แบบปรนัยและแบบอัตนัย
ข้อเสนอแนะ
การวิจัยเร่ือง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวรรณคดีนิทานคากลอนเรื่อง พระอภัยมณี
ตอน พระอภยั มณหี นีนางผเี สื้อสมุทร ระหว่างการสอนเน้ือหาผ่านการเขียนสรุปความกับการเขียนแผนผัง
ความคดิ ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 มขี อ้ เสนอแนะในการวิจัยดังต่อไปนี้
ข้อเสนอแนะในกำรกำรนำผลกำรวจิ ยั ไปใช้
1. การจัดการเรียนการสอนวรรณคดีเร่ืองอ่ืน ๆ หรือระดับช้ันอื่น ๆ โดยให้นักเรียนสรุปเนื้อหา
โดยการเขยี นแผนผงั ความคดิ แทนการเขียนสรุปความธรรมดา
2. การจัดการเรียนการสอนเน้ือหาในรายวิชาอื่น ๆ ให้นักเรียนสรุปเนื้อหาโดยการเขียนแผนผัง
ความคดิ ในรปู แบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมกบั เนื้อหารายวชิ าน้นั
32
ข้อเสนอแนะในกำรวจิ ยั คร้ังตอ่ ไป
ควรมีการวิจัยท่ีเก่ียวกับการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทยในรูปแบบอื่น ๆ เช่น
การสอนโดยใช้ชุดการสอน บทเรียนโปรแกรมสาเรจ็ รปู ชดุ การสอนมัลตมิ ีเดีย บทเรยี นออนไลน์ เปน็ ตน้
33
บรรณำนกุ รม
34
บรรณำนกุ รม
กรมวิชาการ. (2551). หลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พนื้ ฐำน พุทธศักรำช 2551 (พมิ พ์ครัง้ ที่ 2).
กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์องคก์ ารรับส่งสนิ คา้ และพัสดภุ ัณฑ.์
กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2551). หลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน พุทธศกั รำช 2551.
กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพรา้ ว.
คณะศิลปศาสตร์ธรรมศาสตร์. (2537). กำรเรยี นกำรสอนวรรณคดีในยคุ ปฏริ ูปกำรศึกษำ. คน้ หาจาก
http://www4.eduzones.com/winny/3625. เมือ่ วนั ที่ 30 สงิ หาคม 2563.
บญุ ชม ศรีสะอาด. (2532). กำรวัดผลและประเมินผลกำรศึกษำ. กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลยั
ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ประสานมิตร .
ประกิจ รตั นสวุ รรณ. (2525). กำรวดั และประเมนิ ผลทำงกำรศึกษำ. กรงุ เทพฯ: คณะศึกษาศาสตร
มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ.
ผกาศรี เย็นบุตร. (2558). ภำษำไทย 3 เล่ม 1 ชัน้ มธั ยมศึกษำปที ี่ 3 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย.
นนทบรุ ี: สานักพมิ พ์เอมพันธ์ จากัด.
ภพ เลาหไพบลู ย 2537). กำรสอนวทิ ยำศำสตรในโรงเรียนมธั ยมศึกษำ. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พเชียงใหม
คอมเมอรเซยี ล.
มณี เทพาชมภ.ู (2536). กำรเปรยี บเทียบผลสัมฤทธิ์และทัศนคติตอกำรเขียนสะกดคำของ
นกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษำปที่ 3 ระหวำงกำรสอนโดยใชเกมกับกำรสอนแบบธรรมดำ.
วิทยานพิ นธ กศ.ม. (วิชาเอกภาษาไทย). พิษณุโลก: บัณฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั นเรศวร.
ถายเอกสาร.
ราชบัณฑติ ยสถาน. (2556). พจนำนกุ รมฉบบั รำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. 2554 (พิมพค์ ร้ังท่ี 2).
กรุงเทพฯ: ราชบณั ฑิตยสถาน.
ลวน สายยศ และองั คณา สายยศ. (2538). เทคนิคกำรวิจัยทำงกำรศึกษำ (พิมพคร้ังท่ี 4). กรุงเทพฯ:
สวุ รียาสาสน
วรรณี โสมประยรู . (2537). กำรวัดและกำรผลกำรเรียนรูของเดก็ ประถมศึกษำ. มปท.: ประมวลสาร
ชุดวชิ าสมั มนาการประถมศึกษา .
สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาแหง่ ชาติ. (2542). พระรำชบญั ญตั ิกำรศกึ ษำแห่งชำติ พ.ศ. 2542.
กรุงเทพฯ: สานักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.
อัมพา อรุณพราหมณ กำรเปรยี บเทียบผลสมั ฤทธท์ิ ำงกำรเรยี นวิชำภำษำไทยและควำม
รับผดิ ชอบของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษำปที่ 4 ท่ไี ดรบั กำรสอนโดยใชชุดกำรเรียนกำรสอนตำม
คูมอื ครู. ปรญญานิพนธ กศ.ม. (การมธั ยมศึกษา). กรงุ เทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัย
ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. ถายเอกสาร.
35
ภำคผนวก
- แบบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ ำงกำรเรียน แบบปรนยั และแบบอัตนยั พร้อมเฉลย
- เกณฑก์ ำรประเมินผลกำรเขียนตอบแบบอัตนัย
- ค่ำ IOC แบบวดั ผลสัมฤทธ์ิทำงกำรเรยี น แบบปรนยั
- รำยนำมผเู้ ช่ยี วชำญ
36
แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิ์ทำงกำรเรียนหลังเรียน
วรรณคดนี ิทำนคำกลอน เร่ือง พระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณีหนีนำงผเี สื้อสมุทร
คำชีแ้ จงกำรทำแบบทดสอบ :
1. แบบทดสอบฉบบั นีแ้ บ่งเปน็ 2 ตอน คะแนนรวมท้งั สิ้น 60 คะแนน คอื
ตอนท่ี 1 แบบทดสอบแบบปรนยั ชนิด 4 ตัวเลอื ก จานวน 20 ข้อ 20 คะแนน
ตอนท่ี 2 แบบทดสอบแบบอตั นัย จานวน 4 ขอ้ ใหญ่ รวม 40 คะแนน
2. ใชเ้ วลาในการทาแบบทดสอบทง้ั ส้ิน 60 นาที
3. ทาแบบทดสอบโดยตอบลงในกระดาษคาตอบทก่ี าหนดให้เท่านนั้
4. เขยี น ช่อื นามสกุล ชนั้ และเลขที่ ลงในตัวแบบทดสอบและกระดาษคาตอบให้ครบถ้วน
5. สามารถขดี เขียนลงในตัวแบบทดสอบฉบับนีไ้ ด้
6. ทาแบบทดสอบใหค้ รบถว้ นทั้งสองตอน มิฉะนัน้ จะไมต่ รวจให้คะแนนทัง้ ฉบับ
********************************************************
37
แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธิ์ทำงกำรเรียน : หลังเรยี น
วรรณคดีนทิ ำนคำกลอน เรอ่ื ง พระอภยั มณี ตอน พระอภยั มณีหนนี ำงผเี ส้อื สมทุ ร
ตอนท่ี 1 แบบทดสอบปรนยั จำนวน 20 ข้อ (20 คะแนน)
คำสั่ง : ให้นักเรียนพจิ ารณาเลือกคาตอบที่ถูกตอ้ งทส่ี ดุ เพียงข้อเดยี ว แล้วทาเครอ่ื งหมายกากบาท (X)
ลงในกระดาษคาตอบทก่ี าหนดให้
1. คำประพนั ธ์ในขอ้ ใดไมม่ กี ำรใชภ้ ำพพจน์อุปมำ
ก. ขนงเนตรเกศกรออ่ นสะอาด ดงั สุรางค์นางนาฏในวงั หลวง
ข. น้องรอ้ นรุ่มกลุ้มใจดังไฟเลีย ทูนหวั เมียชา่ งไม่ไว้อาลัยเลย
ค. มังกรเกี่ยวเล้ยี วลอดกอดมงั กร ประชุมซ่อนแฝงชลขน้ึ วนเวียน
ง. ร้องเรยี กลูกผวั เฟือนเหมอื นละเมอ ไมเ่ หน็ เธอทอดกายดงั วายปราณ
2. “เห็นละเมำะเกำะเขำเขียวชอุ่ม โขดตะค่มุ เคยี งเคียงเรยี งรกุ ขำ
จะเหลยี วซ้ำยสำยสมทุ รสุดสำยตำ จะแลขวำควนั คลมุ้ กลุม้ โพยม”
คำประพนั ธข์ ำ้ งตน้ มีกำรใช้คำท่ีทำให้เกดิ จนิ ตนำกำรดำ้ นใด
ก. จนิ ตนาการด้านเสยี ง ข. จนิ ตนาการดา้ นภาพ
ค. จินตนาการดา้ นสมั ผสั ง. จินตนาการดา้ นกลน่ิ และรส
3. เร่ืองพระอภัยมณี ตอน พระอภยั มณหี นนี ำงผเี สอื้ สมุทร แสดงใหเ้ ห็นควำมรกั ของใครกบั ใครมำก
ท่ีสดุ
ก. แมก่ ับลูก ข. สตั วก์ บั มนุษย์
ค. ภรรยากับสามี ง. นกั บวชกับสาวก
4. “ลงกลิ้งเกลอื กเสอื กกำยรอ้ งไห้โร่ เสียงโฮโฮดังก้องหอ้ งคูหำ”
จำกคำประพันธ์ข้ำงตน้ ปรำกฏรสในวรรณคดไี ทยใดเด่นชดั ท่สี ุด
ก. เสาวรจนี ข. นารีปราโมทย์ ค. พิโรธวาทัง ง. สัลลาปงั คพสิ ยั
5. คำประพันธ์ข้อใดสะทอ้ นกำรใช้ปญั ญำเพื่อแก้ปญั หำ
ก. พระบิตรุ งค์ทรงศกั ดกิ์ ็รกั ใคร่ ดว้ ยเนื้อไขมไิ ด้คดิ รษิ ยา
เฝ้าเลีย้ งลูกผกู เปลแลว้ เห่ช้า จนใหญ่กลา้ อายไุ ด้แปดปี
ข. พงศ์กษัตริยต์ รัสชวนสินสมุทร สอนให้บุตรขอสมาอัชฌาสัย
พระทรงบา่ เงอื กน้างามวไิ ล พระหนอ่ ไทขอสมาขน้ึ บ่านาง
38
ค. อสรุ ีมกี าลังดังปลาวาฬ ตามประมาณสามวนั จะทนั ตวั
ถ้าแก้ไขให้นางไปค้างปา่ ไดล้ ่วงหนา้ ไปเสียบ้างจะยังชัว่
จงึ ว่าทา่ นหนตี ายหมายมาหา
ง. พระโยคีมจี ิตคิดสงสาร แต่กจิ จาไมก่ ระจ่างยงั คลางแคลง
เราลงมาคอยชว่ ยด้วยเมตตา
6. ควำมเชอื่ ในเรอ่ื งใดมีอิทธิพลต่อนำงผีเสื้อมำกทส่ี ุด
ก. ความเช่อื เรือ่ งกฎแห่งกรรม ข. ความเชอ่ื เรื่องความฝัน
ค. ความเชื่อเรือ่ งลางสงั หรณ์ ง. ความเชื่อเร่ืองเวทมนตร์คาถา
7. ข้อใดเป็นคำส่งั สอนของพระอภัยมณีทจี่ ะให้สนิ สมุทรเป็นคนดีมีสมั มำคำรวะ
ก. แมน้ สินสมทุ รสุดสวาทพ่อคลาดแคล้ว ไมร่ อดแล้วบิตุรงค์กค็ งตาย
ข. จงึ บญั ชาวา่ เจา้ สนิ สมทุ ร ไม่ช่วยฉดุ ศลิ าใหญ่ขึน้ ให้เขา
ค. ขอสมาตาปู่อย่าดเู บา ช่วยอ้มุ เอาแกออกไปให้สบาย
ง. แลว้ วา่ แกส่ นิ สมทุ รสดุ ทร่ี กั แม้นนางยักษ์จะมารบั ลงกลบั หลัง
8. “ไม่คลำดเคลื่อนเหมอื นองค์พระทรงเดช แตด่ วงเนตรแดงดดู ังสุรยิ ์ฉำย
ทรงกำลังดังพระยำคชพลำย มเี ขยี้ วคลำ้ ยชนนมี ีศักดำ”
กลอนตอนน้พี รรณนำถึงผ้ใู ด
ก. พระอภยั มณี ข. ศรสี ุวรรณี ค. สนิ สมทุ ร ง. สดุ สาคร
9. “เสียนำ้ ใจในอำรมณไ์ มส่ มประดี สองมอื ตีอกตูมฟมู นำ้ ตำ
เสยี งโฮโฮดงั ก้องหอ้ งคูหำ”
ลงกลง้ิ เกลือกเสอื กกำยร้องไห้โร่
คำประพันธ์ตอนนใ้ี ชโ้ วหำรใด
ก. อุปมา ข. สทั พจน์ ค. บุคคลวัต ง. อปุ ลกั ษณ์
10. ข้อใดมีสัมผสั พยัญชนะต้นมำกทีส่ ุด มใิ ชจ่ ักลมื คุณกรณุ า
ก. ซ่งึ รกั ลกู ลกู ก็รู้อยู่วา่ รกั บา้ งผุดพน่ ฟองน้าบา้ งดาจร
ข. ฝูงพิมพาพาฝงู เขา้ แฝงวน ลอยสล้างกลางกระแสแลสลอน
ค. กระโห้เรยี งเคยี งกระโหข้ ึ้นโบกหาง ค่อยเคล่ือนคลาคล้ายคล้ายในสายชล
ง. เหลา่ ฉลามล้วนฉลามตามกันมา
11. เงือกเฒ่ำแนะนำพระอภัยมณีให้หนนี ำงผีเสอื้ ไปทีแ่ ห่งใด
ก. เกาะแก้วมงั กร ข. เกาะแกว้ พสิ ดาร ค. มหิงษะสงิ ขร ง. เมืองผลึก
39
12. ขอ้ ใดเปน็ คณุ ลกั ษณะพิเศษของเงอื ก
ก. ตาสวา่ งเห็นชดั ในเวลากลางคืน ข. มพี ละกาลงั มากในเวลากลางคืน
ค. มคี วามรอบรเู้ รื่องสงิ่ มีชวี ิตทีอ่ ย่ใู นทะเล ง. หย่ังรูเ้ หตุการณ์ทจ่ี ะเกดิ ขึน้ ไดล้ ว่ งหนา้
13. พระอภัยมณที ำนำยฝนั ให้นำงผีเสื้อสมทุ รสะเดำะเครำะห์ด้วยวิธใี ด
ก. ให้นางไปบาเพญ็ ตนและรักษาศลี อยู่เกาะแก้วพสิ ดาร
ข. ให้นางไปอยคู่ นเดยี วที่ตนี เขาแล้วอดข้าวอดปลาให้ครบ 3 วัน
ค. บูชาสิง่ ศักดสิ์ ิทธ์ิท้งั หลายไมว่ า่ จะเปน็ เทพตา่ ง ๆ ดว้ ยดอกไม้ พวงมาลัย
ง. บูชาพระพรหมเปน็ เทพศกั ดส์ิ ิทธิ์ด้วยวา่ ทา่ นเปน็ เทพแห่งความสาเรจ็ น่นั
14. ข้อใดคอื สิ่งแรกทสี่ ินสมุทรพบเมื่อออกจำกถำ้
ก. เหน็ หนิ ปิดเปิดประตูคูหากวา้ ง นมิ ิตอย่างมนษุ ยเ์ สน่หา
ข. เหน็ หาดทรายพรายงามเป็นเงนิ ราง ทะเลกวา้ งขา้ งขวาเปน็ ป่าดง
ค. เห็นฝงู เงอื กเกลือกกล้ิงมากลางชล คดิ วา่ คนมีหางเหมือนอย่างปลา
ง. เห็นละเมาะเกาะใหญ่ที่ไหนกว้าง หยุดเสยี บา้ งใหส้ บายจึงผายผัน
15. “ชำ่ งเฉโกโยคีหนีเข้ำใช้ ไมอ่ ยใู่ นศลี สัตย์มำตดั รอน
เขำว่ำกันผวั เมียแม่กบั ลูก ย่ืนจมูกเข้ำมำบำ้ งช่วยส่ังสอน"
คำพูดของนำงผีเสื้อสมุทรข้ำงต้นแสดงลกั ษณะนิสัยของนำงอย่ำงไร
ก. มคี วามผูกพนั กับลกู ผัว
ข. ฉลาดในการเจรจา โต้ตอบได้ทนั ที
ค. ยดึ มั่นในคาสัตย์ รงั เกียจพวกไมม่ ีศลี ธรรม
ง. ไมม่ สี ัมมาคารวะ พูดตามอารมณโ์ ดยไม่ยั้งคดิ
16. คำประพนั ธ์ในขอ้ ใดใหร้ สวรรณคดตี ่ำงจำกข้ออืน่
ก. น้องร้อนรุ่มกลุม้ ใจดั่งไฟเลีย ทนู หัวเมยี ช่างไม่ไว้อาลยั เลย
ข. ระกาอกหมกมนุ่ หุนพิโรธ กาลังโกรธกลบั แรงกาแหงหาญ
ค. ชา่ งวา่ กลา่ วราวกับกูไม่รู้เท่า มาพูดเอาเปรียบผู้ใหญ่ทาไพล่เผล
ง. อยี กั ษาตาโตโมโหมาก รูปก็กากปากก็เปราะไม่เหมาะเหม็ง
17. “ทำ่ นสง่ เรำทีเ่ กำะละเมำะนี้ แล้วรีบหนีไปในนำ้ แต่ลำพงั ” คำกลำ่ วน้แี สดงว่ำผู้พูดเปน็ คนอย่ำงไร
ก. ขข้ี ลาด ข. กลา้ หาญ ค. เสยี สละ ง. เหน็ แกต่ วั
40
18. คำประพันธใ์ นขอ้ ใด ให้ควำมรสู้ ึกอำ้ งว้ำงและหวำดหวั่นต่ออนั ตรำยทีจ่ ะเกดิ ข้นึ
ก. ถงึ ประตูคูหาเห็นเปิดอยู่ เอะ๊ อกกูเกิดเข็ญเป็นไฉน
ข. เขา้ ในห้องมองเขมน้ ไม่เห็นใคร ยงิ่ ตกใจเพียงจะด้ินสิ้นชีวา
ค. แลดูปีท่ ่ีเปา่ เล่ากห็ าย นางยักษ์รา้ ยรูว้ า่ พากนั หนี
ง. จะเหลยี วซา้ ยสายสมุทรสดุ สายตา จะแลขวาควันคลุ้มกลุ้มโพยม
19. คำประพันธ์ในขอ้ ใด แสดงวำ่ ผพู้ ูด พูดด้วยควำมโกรธ
ก. พระโยคชี ีห้ นา้ ว่าอเุ หม่ ยังโวเ้ วว้ นุ่ วายอีตายโหง
ข. เท่ยี วดาดน้ ค้นหามจั ฉาใหญ่ พอจับได้ปลาอินทรขี นึ้ ขหี่ ลัง
ค. ฉวยไม้เท้าก้าวย่างจากบัลลงั ก์ แขกฝรง่ั พร่ังพร้อมล้อมลีลา
ง. แลว้ ว่าแก่สนิ สมุทรสุดทร่ี ัก แมน้ างยกั ษ์จะมารับจงกลบั หลัง
20. ข้อใดเปน็ กำรวำงแผน ไดล้ ่วงหน้าเสียบ้างจะยังชั่ว
ก. ถา้ แก้ไขใหน้ างไปค้างปา่ ทัง้ เดนิ ทางเร่ยี วแรงแขง็ ขยัน
ข. อนั ตาข้าถ้าคา่ เห็นสวา่ ง หยุดเสียบา้ งใหส้ บายจึงผายผนั
ค. เห็นละเมาะเกาะใหญ่ท่ีไหนบ้าง กาลงั อยากยนื ขยอกจนกลอกหวั
ง. เห็นลกู ไม้ในป่าคว้าเข้าปาก
*********************************************
41
แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ ำงกำรเรียน : หลังเรียน
วรรณคดนี ิทำนคำกลอน เรื่อง พระอภยั มณี ตอน พระอภัยมณหี นนี ำงผีเสื้อสมทุ ร
ตอนท่ี 2 แบบทดสอบอัตนัย จำนวน 4 ข้อใหญ่ (40 คะแนน)
คำส่งั : ให้นักเรยี นเขียนตอบคาถามลงในแบบทดสอบใหถ้ กู ต้องเหมาะสม (4 ขอ้ ใหญ่ รวม 40 คะแนน)
1. ให้นักเรียนเขียนข้อมูล รำยละเอียด ลักษณะทำงกำยภำพ หรือวิเครำะห์ลักษณะนิสัย คุณธรรม
จริยธรรมของตัวละครในเร่ืองพระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนีนำงผีเสื้อสมุทร ตัวละครละ 4 ประเด็น
(12 คะแนน)
1) พระอภัยมณี (2 คะแนน) 2) นางผีเส้อื สมทุ ร (2 คะแนน) 3) สินสมทุ ร (2 คะแนน)
........................................................................... ........................................................................... ...........................................................................
........................................................................... ........................................................................... ...........................................................................
........................................................................... ........................................................................... ...........................................................................
........................................................................... ........................................................................... ...........................................................................
4) เงอื กเฒ่า (2 คะแนน) 5) นางเงือก (2 คะแนน) 6) พระโยคี (2 คะแนน)
........................................................................... ........................................................................... ...........................................................................
........................................................................... ........................................................................... ...........................................................................
........................................................................... ........................................................................... ...........................................................................
........................................................................... ........................................................................... ...........................................................................
2. ใหน้ กั เรยี นเลอื กประเด็นคุณค่ำด้ำนวรรณศลิ ป์ (รสในวรรณคดีไทย) ในกรอบ แล้วเขียนจับคู่ให้ตรง
กบั ควำมหมำยของคำประพนั ธท์ ่ีกำหนด (8 คะแนน)
เสาวรจนี นารปี ราโมทย์ พโิ รธวาทัง สลั ลาปงั คพสิ ัย
อสรุ ผี ีเส้อื เหลอื จะอด แคน้ โอรสราวกบั ไฟไหมม้ งั สา .......................................
เหลา่ ฉลามลว้ นฉลามตามกันมา คอ่ ยเคลื่อนคลาคล้ายคลา้ ยในสายชล....................................
แลว้ ชี้หนา้ ด่าอึงหึงนางเงือก ทาซบเสือกสอพลออตี อแหล
เหน็ ผัวรักยกั คอทาท้อแท้ พ่อกบั แม่มึงเข้าไปอยู่ในท้อง .......................................
พม่ี นษุ ยส์ ดุ สวาทเป็นชาติยักษ์ จงคดิ หกั ความสวาทให้ขาดสูญ
กลบั ไปอย่คู ูหาอยา่ อาดูร จงเพ่ิมพนู ภาวนารักษาธรรม์ .......................................
42
แล้วพศิ ดภู ผู าศิลาเล่อื ม ชะโงกเงอื้ มนา้ วนชลสาย
แลลบิ ลิบหลังคาศาลาราย มเี สาหงส์ธงปลายปลิวระยับ .......................................
สนิ สมุทรสุดแสนสงสารแม่ ชาเลืองแลดหู น้าน้าตาไหล .......................................
จึงกราบกรานมารดาแล้ววา่ ไป จะเข้าใกล้ทูลหวั ลกู กลัวนัก
ประไพพักตรลักษณ์ลา้ ล้วนขาคม ทั้งเนอื้ นมนวลเปล่งออกเต่งทรวง
ขนงเนตรเกศกรออ่ นสะอาด ดังสรุ างคน์ างนาฎในวงั หลวง .......................................
ลงกลงิ้ เกลอื กเสือกกายรอ้ งไห้โร่ เสียงโฮโฮดังกอ้ งห้องคูหา
พระรูปหลอ่ พอ่ คุณของเมยี อา ควรหรือมาทง้ิ ขว้างหมองหมางเมยี .......................................
3. ให้นกั เรยี นเลอื กประเดน็ คณุ คำ่ ดำ้ นวรรณศลิ ป์ (โวหำรภำพพจน์) และสัมผสั ใน ในกรอบ แล้วเขียน
จบั คู่ใหต้ รงกบั ควำมหมำยของคำประพนั ธท์ ่กี ำหนด โดยสังเกตจำกคำทข่ี ีดเส้นใต้ (10 คะแนน)
อปุ มา อปุ ลักษณ์ อตพิ จน์ สัมผัสสระ สมั ผสั พยญั ชนะ
จะโกรธเกร้ยี วเคีย้ วเล่นเป็นธุลี ไมพ่ อที่ชีวนั จะบรรลัย .......................................
ระลอกซดั พลัดเข้าในปากฉลาม
เหน็ หาดทรายพรายงามเป็นเงนิ ราง ลอดออกตามซกี เหงือกเสือกสลน .......................................
พลางราพึงถึงจะไปไมไ่ กลนัก
ไมเ่ ห็นผัวควา้ ไปได้แตป่ ลา ทะเลกว้างขา้ งขวาลว้ นปา่ ดง .......................................
อันเทวญั นน้ั คือมจั จรุ าช
นมสองขา้ งอย่างกระโปรงดูโตงเตง จะตามหักคอกินเหมอื นชนิ้ หมู .......................................
ดว้ ยหน่อนาถชาติเช้อื ผีเสอ้ื สมุทร
พระโยคีมีญาณวา่ หลานรกั ควักลกู ตาสบู เลือดด้วยเดือดดาล .......................................
ไมค่ ลาดเคลือ่ นเหมอื นองคพ์ ระทรงเดช
ทรงกาลงั ดงั พระยาคชาพราย จะหมายมาดเอาชวี ิตริษยา .......................................
ผังของเองเขาระอาไมน่ ่าชม .......................................
ดาไมผ่ ุดเลยท้งั วันก็กลนั้ ได้ .......................................
จงสานักอย่ใู ห้สมอารมณห์ มาย .......................................
แตด่ วงเนตรแดงดูดงั สรุ ยิ ฉ์ าย
มเี ข้ยี วคล้ายชนนมี ศี ักดา .......................................
43
4. ให้นกั เรยี นเลอื กประเด็นคุณคำ่ ด้ำนขอ้ คิด และด้ำนสังคม (ในกรอบ) แลว้ เขยี นจับคู่ใหต้ รงกบั ควำมหมำย
ของคำประพนั ธ์ท่ีกำหนด (10 คะแนน)
การใชป้ ัญญาเพื่อแก้ปัญหา ความมีเมตตากรุณา การมนี ้าใจและเสียสละ
ความเชอ่ื เร่ืองการสะเดาะเคราะห์ การรับฟังความคิดเห็นของผ้อู ืน่ ความเชอ่ื เรื่องโชคลางและความฝัน
ขอ้ คิดเร่ืองบุญ-กรรม ความมีสจั จะ การเลย้ี งดบู ตุ ร การเคารพผ้ใู หญ่
จะไปลอยคอยองค์ทรงสวัสดิ์ ให้สมนดั ซึง่ สัญญาเธอมาหนอ …………………………………………….
อสุรีมีกาลงั ดงั ปลาวาฬ ตามประมาณสามวันจะทันตวั
ถา้ แก้ไขใหน้ างไปค้างปา่ ได้ล่วงหนา้ ไปเสียบา้ งจะยงั ชวั่ …………………………………………….
ทง้ั น้ีเพราะเคราะห์กรรมทาใหว้ ุ่น จงึ สิน้ บุญวาสนาสกี าเอย๋
เห็นมิได้ไปอยู่เปน็ คเู่ ชย ดว้ ยสองเคยปลกู เล้ยี งกันเพยี งนี้ …………………………………………….
ฝา่ ยเงอื กนา้ กาลงั ก็ส้นิ สุด คร้ันจะหยดุ ยักษไ์ ลใ่ กล้หนกั หนา
เรยี กลกู สาวคราวนี้พ่อจะมรณา เจา้ ชว่ ยพาภวู ไนยไปใหพ้ ้น …………………………………………….
นึกจะใคร่สะเดาะหพ์ ระเคราะห์เจา้ พอบรรเทาโทษาทอ่ี าสญั …………………………………………….
เหมือนงอนง้อขอชีวติ แกเ่ ทวัญ กลวั แต่ขวญั เนตรพจี่ ะมิทา
พงศก์ ษัตริยต์ รสั ชวนสินสมทุ ร สอนให้บุตรขอสมาอัชฌาสยั
พระทรงบ่าเงอื กน้างามวไิ ล พระหน่อไทขอสมาขน้ึ บ่านาง …………………………………………….
ตาเงือกนา้ ซา้ สอนพระทรงศกั ดิ์ ยังใกลน้ ักอยา่ ประมาททาอาจหาญ
นางรู้ความตามมาไมช่ ้านาน จะพบพานพากันตายวายชีวนั …………………………………………….
พระบิตรุ งค์ทรงศกั ดิ์ก็รกั ใคร่ ดว้ ยเนือ้ ไขมไิ ด้คดิ ริษยา …………………………………………….
เฝ้าเลี้ยงลกู ผกู เปลแลว้ เหช่ า้ จนใหญ่กลา้ อายไุ ดแ้ ปดปี
จึงก้มกราบบาทบงสพ์ุ ระทรงศกั ดิ์ แล้วนางยกั ษเ์ ลา่ ตามเน้อื ความฝัน
ไม่เคยเห็นเปน็ วบิ ตั อิ ัศจรรย์ เชิญทรงธรรม์ช่วยทานายรา้ ยหรอื ดี …………………………………………….
พระโยคีมีจิตคดิ สงสาร จึงว่าท่านหนตี ายหมายมาหา
เราลงมาคอยชว่ ยดว้ ยเมตตา แต่กิจจาไมก่ ระจ่างยังคลางแคลง …………………………………………….
***********************************************