The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การศึกษาการจัดการความขัดแย้งในชุมชนผ่านพิธีกรรมการเหยาของกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by balllysa, 2022-06-23 23:08:55

การศึกษาการจัดการความขัดแย้งในชุมชนผ่านพิธีกรรมการเหยาของกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศไทย

การศึกษาการจัดการความขัดแย้งในชุมชนผ่านพิธีกรรมการเหยาของกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศไทย

๕๑

16 อรนุ โพนทอง 2 เครียด โรคผดิ ผ/ี ใหย้ ามาทานที่ จัดพิธกี รรมไหว้ สขุ ภาพ/เศรษฐกิจ /

เถยี งกับสามอี ยู่ บา้ น เจา้ โคตร/ เหยาปวั ความขัดแยง้ ของ
สมาชิก
ที่นา

17 นริ นั หนิ แฮ่ 1 ไมเกรน โรคผดิ ผ/ี ให้ยาคลาย จัดพิธีกรรมการไหวผ้ ี สุขภาพ/เศรษฐกิจ/
18 สดุ ตา หินแฮ่ 1 ปวดหู เถียงพอ่ ตาเรื่อง เครยี ด เจ้าโคตร / เหยาปัว ความขดั แย้งของ
19 ทพิ ย์ หนิ แห่ 2 ไขท้ บั ระดู มรดก เอายาแกป้ วด สมาชกิ
20 ขนุ หินแห่ 2 ความดนั โรคผดิ ผ/ี มาทานทบ่ี ้าน เหยาคมุ ผอี อก / สขุ ภาพ/
21 ดวง คาพอก 1 ผอมแห้ง ผบี รรพบุรุษ ฉดี ยา เหยาเอาขวญั สงั คม
22 เนียง คาพอก 1 วูบ อยากไดบ้ ังสุกุล
23 บัวไล คาพอก 2 ไข้หวัด โรคผดิ ผ/ี ทานยาคลาย เหยาคมุ ผีออก / สุขภาพ/
ทะเลาะกับ เครยี ด เหยาเอาขวญั สังคม /ความขดั แย้ง
24 วนั ดี คาพอก 2 เครียด เพื่อนบา้ น ทานยาบารงุ ของสมาชิก
โรคผดิ ผ/ี จดั พธิ ีกรรมสมมาผี สขุ ภาพ/เศรษฐกิจ/
25 ทองสี คาพอก 3 เบาหวาน / ด่าลกู ชายเรื่อง ทานยา/ เจา้ โคตร / เหยาเอา ความขดั แยง้ ของ
26 ทองดี คาพอก 3 เครียด ทรพั ยส์ นิ ฉดี ยา ขวัญ สมาชิก
27 ออ่ นตา คาพอก 4 โรคตบั อกั เสบ โรคผิดผ/ี ทานยา/ จัดพธิ ีกรรมขอสมมาผี สขุ ภาพ/เศรษฐกิจ/
ปวดหัว ไล่สามีออกจาก ฉีดยาแก้ไข้ เจา้ โคตรฝ่ายสามี / ความขดั แย้งของ
28 ทองคา คาพอก 4 บ้าน เหยาเอาขวัญ สมาชกิ
29 บุญมี คาพอก 5 เครยี ด โรคผิดผ/ี เถยี ง ทานยา/ จดั พธิ กี รรมขอสมมาผี สขุ ภาพ/เศรษฐกิจ/
30 สุวนั คาพอก 5 กลา้ มเน้ือออ่ น เจ้าโคตร ฉดี ยาบารุง เจา้ โคตร/ เหยาเอา ความขัดแย้งของ
แรง ขวัญ สมาชกิ
ปวดหวั โรคผิดผ/ี ทานยาจากรพ. จัดพธิ กี รรม สุขภาพ/
ทะเลาะกบั ทานยาจากรพ. สมมาเจ้าโคตร / สงั คม /ความขดั แยง้
พ่สี าวเร่ือง เหยาส่อง ของสมาชิก
ทรพั ยส์ นิ ทานยาคลาย
โรคผดิ ผ/ี เครยี ด จัดพธิ ีกรรมให้สามีขอ สขุ ภาพ/เศรษฐกจิ /
สามีแอบมเี มีย สมมาผีเจา้ โคตร / ความขดั แยง้ ของ
น้อย ทานยาจากรพ. เหยาสอ่ ง /เหยาเอา สมาชิก
ขวัญ
โรคผดิ ผ/ี ด่าทอ ทานยาจากรพ. จัดพิธกี รรมสมมาผี สุขภาพ/ความขดั แย้ง
สามี เจ้าโคตรฝา่ ยสามี ของสมาชกิ
โรคผิดผ/ี ทานยาแกป้ วด จัดพิธีกรรมสมมาผี สุขภาพ/เศรษฐกจิ /
ทะเลาะกบั ลูก เจ้าโคตร / เหยาเอา ความขัดแยง้ ของ
สาวเร่อื งที่ไร่ ขวญั สมาชิก
โรคผิดผ/ี จดั พธิ กี รรมสมมาผี สุขภาพ/
เผาไร่ออ้ ยแล้ว เจ้าโคตร / เหยาส่อง เศรษฐกจิ /ความขดั แยง้
ลามใสท่ ีน่ า ของสมาชกิ
น้องชาย จดั พธิ กี รรมสมมาผี
เสียหาย เจ้าโคตรและให้ สุขภาพ/
โรคผิดผ/ี ลูกเขยสมมา /ความขดั แยง้ ของ
โดนลูกเขยดา่ จัดพธิ ีกรรมสมมาผี สมาชิก
ทอ เจ้าโคตร / เหยาส่อง สุขภาพ/เศรษฐกิจ/
โรคผดิ ผ/ี ความขัดแยง้ ของ
แยง่ มรดก จดั พธิ กี รรมสมมาผี สมาชิก
น้องสาว เจา้ โคตร / เหยาส่อง สขุ ภาพ/เศรษฐกจิ /
โรคผิดผ/ี / เหยาเอาขวญั ความขดั แย้งของ
ด่าทอลกู สาว สมาชกิ
บนบา้ น

๕๒

31 เลก็ คาพอก 6 เครียด โรคผดิ ผ/ี ทานยาจากรพ. จัดพธิ ีกรรมใหพ้ ชี่ าย สขุ ภาพ/เศรษฐกิจ /
32 เขยี ว คาพอก 6 ปวดตา โดนพี่ชายโกง ทานยาจากรพ. สมมาผีเจ้าโคตร / ความขัดแย้งของ
ทรัพย์สิน เหยาส่อง สมาชกิ
33 ทองสา หนองโอ 1 ไข้เร้ือรัง โรคผดิ ผ/ี ทานยา เหยาสอ่ ง / เหยาปัว สขุ ภาพ/
เถยี งกันกบั ดอง / เหยาเอาขวัญ สงั คม
34 หนู หนองโอ 1 ประสาท ทานยา /ความขดั แยง้ ของ
โรคผิดผ/ี จัดพิธกี รรมสมมาผี สมาชิก
35 นาง หนองโอ 2 ปวดขา ดา่ ทอนอ้ งเขย ทานยาจากรพ เจา้ โคตร เหยาส่อง / สขุ ภาพ/เศรษฐกจิ /
เหยาปวั / เหยาเอา ความขัดแยง้ ของ
36 น้อย หนองโอ 2 ปวดหวั โรคผดิ ผ/ี ทานยาจากรพ. ขวญั สมาชกิ
ผเี จา้ โคตรมา ทานยาจากรพ จดั พธิ กี รรมสมมาผี
37 ภา หนองโอ 3 ปวดท้องไม่ ถามข่าว เจ้าโคตร เหยาสอ่ ง / สุขภาพ/เศรษฐกจิ /
ทราบสาเหตุ ทานยาคลาย เหยาปัว / เหยาเอา ความขดั แยง้ ของ
โรคผิดผ/ี แบ่ง เครยี ด ขวญั สมาชกิ
38 สิม หนองโอ 3 ความดนั มรดกให้ลูกไม่ ทานยาจากรพ. จดั พิธกี รรมสมมาเจา้
เท่านัน้ โคตรและสามี / เหยา สขุ ภาพ/
39 ยรู หนองโอ 4 ปวดเอว ทานยาจากรพ. ส่อง / เหยาปัว / สังคม /ความขดั แย้ง
โรคผิดผ/ี เหยาเอาขวญั ของสมาชกิ
40 นนั ทา หนองโอ 4 เครยี ด ดา่ หลาน จดั พิธีกรรมสมมาผี
เจ้าโคตร/ เหยาปวั / สขุ ภาพ/
โรคผิดผ/ี เหยาเอาขวญั ความขดั แย้งของ
ป้ันคันนาใหม่ จัดพิธกี รรมสมมาผี สมาชกิ
ขวางทางผเี ทยี ว เจา้ โคตร / เหยาสอ่ ง สขุ ภาพ/เศรษฐกิจ/
/ เหยาปวั / เหยาเอา ความขดั แยง้ ของ
โรคผดิ ผ/ี ขวัญ สมาชกิ
ไม่ยอมแบง่ เหยาส่อง / เหยาปัว
มรดกให้ลูกๆ / เหยาเอาขวัญ สขุ ภาพ/
โรคผดิ ผ/ี เศรษฐกิจ/ความขดั แยง้
ตดั ตน้ ไมใ้ หญค่ ู่ จัดพธิ ีกรรมสมมาผี ของสมาชิก
นามรดก เจ้าโคตร/ เหยาส่อง / สขุ ภาพ/
เหยาปัว / เหยาเอา สงั คม
โรคผดิ ผ/ี ขวัญ
ลูกสาวด่าทอ จดั พธิ ีกรรมสมมาผี สขุ ภาพ/เศรษฐกิจ/
สามใี ส่หน้า เจ้าโคตร/ เหยาปวั / ความขดั แยง้ ของ
เหยาเอาขวัญ สมาชิก

จากตารางที่ 3 ท่แี สดงรายละเอียดของคนป่วยที่เขา้ รับการศึกษาด้วยพิธีกรรมการเหยา พบว่าคน
ป่วยในพิธีกรรมจากการศึกษาในครั้งนี้ พบว่าเป็นเพศชาย 18 คน เพศหญิง 22 คน รวมทั้งหมด 40 คน
ดา้ นการวนิ ิจฉยั อาการของโรคจากแพทย์แผนปัจจุบนั พบว่าทัง้ 40 คนเคยผา่ นการวนิ ิจฉัยอาการเจบ็ ป่วยจาก

แพทย์แผนปัจจุบันมาก่อนตามลักษณะอาการของแต่ละคน ส่วนการวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยจากหมอเหยา
พบว่า หมอเหยาจะแจง้ แก่คนปว่ ยท้งั 40 คน ผ่านพิธีกรรมการเหยาว่า คนป่วยไม่สบายด้วยอาการของโรคที่
เรียกวา่ “โรคผิดผี” หรือโรคทเ่ี กิดจากการกระทาของผีหรือสง่ิ ศกั ดิ์สิทธ์ิ ด้านรปู แบบการรักษาโรคของแพทย์

แผนปัจจุบัน พบว่า แพทย์จะส่ังยาหรือฉีดยาให้กับคนป่วยและให้คนป่วยกลับมาพักรักษาตัวต่อที่บ้านของ
ตนเอง ทั้ง 40 คน รูปแบบการรกั ษาโรคของหมอเหยา พบว่า มีการจัดพิธีกรรมการเหยาข้ึนมาเพื่อทาการ
รกั ษาคนป่วยผ่านพธิ ีกรรมท้ัง 40 คน และหมอเหยาจะแจง้ วิธกี ารรกั ษาโรคภัยแก่คนปว่ ยและญาติของคนป่วย

ผ่านพิธีกรรมด้วย ส่วนประเภทของปัญหาระดับครอบครัวที่พบในการศึกษาครั้งน้ีน้ัน พบว่าสามารถแบ่ง

๕๓

ประเภทของปญั หาได้ 4 กลุ่มปัญหาใหญๆ่ คอื ปญั หาเชงิ สขุ ภาพ ปญั หาเชิงสังคม ปัญหาเชิงเศรษฐกจิ และ
ปัญหาเชงิ การขัดแย้งภายในครอบครัว

2. เครื่องคายบูชาในพิธีกรรม เครื่องคายในท่ีน้หี มายถึง เคร่อื งบวงสรวงในพิธกี รรมท่ีหมอเหยาใช้
เป็นเครือ่ งสกั การบูชาตอ่ ผพี ญาแถนทอี่ ยู่บนฟา้ เครอ่ื งคายบชู าในพิธีกรรมเปน็ องคป์ ระกอบทีส่ าคัญอย่างหนึง่
ในพิธกี ารเหยา ซึ่งจากการลงเก็บข้อมูลภาคสนามในพ้ืนท่ีวจิ ัยของผู้วจิ ัย พบว่ามีรายละเอียดของเคร่ืองคาย
บชู าสาหรับการประกอบพิธีกรรมตามข้ันตอนตา่ ง ๆ ทม่ี ีลักษณะร่วมกันทั้งสองพื้นท่วี ิจัยหรือคล้ายกันเกือบ
ทัง้ หมด ดังน้ี

ตารางท่ี 4 แสดงรายละเอียดของเครื่องคายบูชาในพิธีกรรมของครบู าแต่ละขว่ ง

ลาดบั ที่ 12345678911111111112

01234567890

พานสาหรบั วางเครื่อง / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

คาย

หมอนขติ รอง ////////////////////

ถว้ ย 1 ใบ /- //////////////////

ข้าวสาร 3 ถ้วย ////////////////////

ไขไ่ กด่ บิ 1 ใฟอง / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

เหลา้ ขาว 1 ขวด / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ดาบหรอื งา้ ว 1 เลม่ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ฝา้ ยขาว 2 ใจ ////////////////////

เงนิ ลาดหรอื เงินฮ้อย / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

1 อนั

เงนิ คา่ คาย 3 บาท / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

เทียนทาจากสผี ึ้งแท้ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

เทียนเล่มบาท ////////////////////

เทียนนอ้ ย ////////////////////

ดอกจาปา ////////////////////

คาหมาก ////////////////////

คาพลู / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ซวยใบตองกลว้ ย / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

เมีย่ ง / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

กระติบขา้ วใสข่ ้าวนง่ึ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ฝ้ายผูกแขน ////////////////////

ขนั นา้ ดืม่ ////////////////////

คายขันห้า ////////////////////

เคร่อื งดนตรี ////////////////////

จากตารางท่ี 4 ที่แสดงรายละเอียดของเคร่ืองคายบูชาในพิธีกรรมของหมอเหยาแต่ละข่วง พบว่า
เคร่ืองสักการะที่หมอเหยาใช้ประกอบพิธีอัญเชิญผีให้ลงมาปกปักรักษาผู้ป่วย เป็นเครื่องคายหลักของการ

ประกอบพิธีรักษา และเป็นธรรมเนียมอย่างหน่ึงของการเหยา ท่ีจะต้องมีการไหว้ครูก่อนที่จะเริ่มประกอบ
พิธีกรรม การจัดทาเคร่ืองคายนั้น หัวหน้าหมอเหยา ตลอดจนบริวารผู้ติดตามและคณะญาติของคนป่วยผู้
มาร่วมในงานจะเป็นผูจ้ ัดทา วสั ดุอุปกรณ์ส่วนใหญห่ าได้ในท้องถิน่ เช่น ใบกล้วย ดอกไม้ ขม้ิน ข้าว หมาก พลู

๕๔

ยาสบู ฯลฯ เคร่อื งคายตอ้ งจัดทาใหถ้ กู ต้องตามธรรมเนยี มของหมอเหยาแตล่ ะคน ถา้ ขาดส่ิงใดส่งิ หนึ่ง จะมีผล
ต่อการรักษา เช่น การขับลาเหยาไม่ราบรนื่ เหยาส่องหาสาเหตุไม่พบ หรือรักษา คนป่วยไม่หาย เปน็ ตน้ และ

นอกจากนี้ เครื่องคายรกั ษาของหมอเหยาแต่ละกลุ่มนั้น จะมีรายละเอยี ดปลีกย่อยบางส่วนแตกต่างกัน แต่
ภาพรวมโดยส่วนใหญเ่ หมอื นกนั

3. หิ้งบูชาครูบาอาจารย์ หิ้งบูชานี้เป็นสถานท่ีเคารพสักการะของหัวหน้าหมอเหยาและบริวาร
ตามปกติ ห้ิงบูชาน้ีมไี ด้เฉพาะผู้ท่ีเป็นหวั หน้าเท่านั้น ห้ิงบูชาน้ีเป็นเครื่องบ่งบอกถึงตาแหน่งการเป็นหัวหน้า

สามารถปกครองบรวิ าร และประกอบพธิ รี กั ษาผูป้ ่วยได้ จากการลงเกบ็ ข้อมูลภาคสนามในพ้นื ท่วี ิจยั ของผวู้ จิ ยั
พบวา่ มีรายละเอยี ดของเครอื่ งคายบูชาสาหรับการประกอบพิธกี รรมตามขัน้ ตอนตา่ ง ๆ ท่มี ลี ักษณะรว่ มกนั หรอื
คล้ายกนั เกือบท้งั หมด ดังน้ี

ตารางที่ 5 แสดงรายละเอยี ดของหิง้ บชู าครบู าอาจารยข์ องหมอเหยาแต่ละข่วง

ลาดบั ท่ี 12345678911111111112
01234567890
สผี ึง้ หลกั
เทยี นเลม่ บาท ////////////////////
เงิน 4 บาท ////////////////////
สผี ง้ึ แผ่น ////////////////////
ขนั ห้า ////////////////////
ขันแปด ////////////////////
ขันหมากเบ็ง ////////////////////
ขวดน้าหอม ////////////////////
ขนั นา้ หอม ////////////////////
คาหมาก ////////////////////
มวนยาสบู ////////////////////
พลพู ัน ////////////////////
ฝา้ ยพนั ////////////////////
จานฝ้ายผกู แขน ////////////////////
ขนั ห้าคนป่วย ////////////////////
////////////////////

จากตารางที่ 5 ที่แสดงรายละเอียดของหงิ้ บชู าครบู าอาจารยข์ องหมอเหยาแต่ละข่วง แสดงใหเ้ หน็ ว่า
โดยส่วนมากแล้วห้ิงบูชาครูบาอาจารย์ของครูบาหมอเหยาน้ัน มีองค์ประกอบหลักทคี่ ล้ายคลึงกัน โดยทั้ง 20

หิง้ ของครูบาหมอเหยา จะประกอบไปด้วย สผี ึง้ หลัก เทยี นเล่มบาท เงิน 4 บาท สีผึ้งแผน่ ขนั ห้า ขันแปด ขัน
หมากเบง็ ขวดน้าหอม ขันน้าหอม คาหมาก มวนยาสบู พลูพัน ฝ้ายพัน จานฝ้ายผูกแขน ขันหา้ คนปว่ ย และครู
บาทา่ นที่ 1-16 จะมชี ้าง ม้า ดาบ บนห้งิ บูชา วันปกตหิ มอเหยาจะนาดอกไม้และเทยี นขึ้นหิง้ เพือ่ บูชา และทุก

วนั พระจะต้องนาขัน 5 ขึ้นบูชากราบไหว้ และเปล่ียนขันน้าหอม บนบานบอกกล่าวให้ดวงวิญญาณของผีครู
บาอาจารย์ ได้ปกปกั รักษาใหน้ ้องนุ่ง (บริวาร) ให้มีความสุข ปราศจากโรคภยั ไข้เจ็บท่ัวหนา้ กัน เมือ่ บรวิ ารคน
ใดคนหน่งึ เจ็บปว่ ยหรือเดือดรอ้ น ไม่สบาย บริวารคนน้ันก็จะนาขัน 5 มายังบ้านของหมอเหยา เพอ่ื ให้หมอ

เหยาบอกกล่าวต่อหิ้งบูชาครูบาอาจารย์ถึงความเดอื ดร้อนทเี่ กดิ ข้ึน แล้วกน็ าฝา้ ยมาผูกแขน สาหรับขี้ผ้ึงหลัก
เมื่อถึงวันเทศกาลลงขว่ งเลี้ยงผี หมอเหยาต่างก็จะอญั เชิญลงสรงด้วยน้าหอม คล้ายกับชาวพุทธ เมื่อถึงวัน
สงกรานตก์ น็ ิมนต์พระพุทธรูปลงสรงน้า เพื่อให้ดวงวิญญาณครูบาอาจารย์เกิดความชุ่มเย็นและเพอื่ ความเป็น

๕๕

สิริมงคลแก่ตนเอง สถานที่เก็บห้ิงบูชาครูบาอาจารย์ เป็นห้องเฉพาะ ห้ามบุคคล ภายนอก เข้าไปยกเว้นจะ
ได้รับอนญุ าตเท่านนั้

4. ข้อปฏบิ ัตขิ องผนู้ ับถือหมอเหยา การปฏิบัตติ นเองของกลุ่มผูน้ ับถือหมอเหยาเป็นกฎเกณฑ์อย่าง

หน่ึง ซง่ึ เป็นหลกั ปฏิบัติตนที่ทุกคนต้องยดึ ถือ หากคนใดกระทาหรือ ประพฤตนิ อกธรรมเนียมกจ็ ะมีอันเป็นไป
ตามความเช่ือของกลุ่มคนผูน้ ับถือในพิธกี รรมการเหยา กลุ่มผู้นบั ถือหมอเหยาต้องทาหน้าท่ีตามบทบาทด้วย
กฎระเบียบต่างๆ ที่ถูกกาหนดไว้ซ่ึงได้รับการสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น และอาจมีการปรับเปล่ียนกฎเกณฑ์

บางอยา่ งในปัจจุบัน จากการลงพ้ืนท่ีภาคสนามเพ่ือดาเนินการเก็บข้อมูลในส่วนของข้อปฏิบัติของกลุ่มหมอ
เหยา พบว่ากลุ่มผู้นับถือหมอเหยามขี ้อปฏิบัติหรอื ขอ้ คะลาอยู่หลายประการ ซงึ่ เป็นข้อปฏบิ ัติทีส่ ะท้อนภาพ
ของรูปแบบความเช่ือแบบดั้งเดมิ ของประชากรกลุ่มชาติพันธ์ุไทลาว คือความเชื่อในส่งิ ศกั ด์สิ ิทธ์ิ อานาจเหนือ

ธรรมชาติ และความเชื่อในระบบหลักคาสอนในทางพระพุทธศาสนา และมกี ารผสมผสานกันของระบบความ
เช่ือทั้งสองรูปแบบอย่างลงตัวกลายเป็นรูปแบบลักษณะความเช่ือท่ีมีลักษณะเฉพาะกลุ่มของตนเองในท่ีสุด
โดยผู้วจิ ัยไดแ้ บ่งออกเป็นสองกลมุ่ คือ 1) ข้อปฏบิ ัติของกลุ่มหมอเหยา และ 2) ข้อปฏิบัติของคนป่วยท่เี ข้ารับ

การรักษาด้วยพิธีกรรมการเหยา

ตารางท่ี 6 แสดงรายละเอียดของข้อปฏิบตั ขิ องกลุ่มหมอเหยา

ลาดบั ท่ี 12345678911111111112
01234567890
ไม่เหยารักษาในบ้านที่มงี านศพ
ไม่เหยารกั ษาในวันพระ ////////////////////
ไม่ดา่ วา่ ใหร้ า้ ยคนอนื่ ////////////////////
ไม่ข้นึ คา่ คายรกั ษา ////////////////////
ไมเ่ อาผ้าซ่นิ ในคาย ////////////////////
ไม่กนิ ของในคายพธิ ี ////////////////////
ไมพ่ ดู โกหก ////////////////////
หา้ มรกั ษาคนทปี่ ่วยมาก ////////////////////
ห้ามแก่งแย่งชงิ ดกี บั ครบู าทา่ นอ่ืน ////////////////////
ถอื ศีล 5 อย่างเครง่ ครดั ////////////////////
หา้ มเอาของมาจากบา้ นคนป่วย ////////////////////
พดู จาไพเราะกบั ทกุ คน ////////////////////
ให้รับรกั ษาคนไข้ทุกคน ////////////////////
แบง่ ปันรายได้แกบ่ ริวารผู้ตดิ ตามอยา่ ง ////////////////////
เทา่ เทยี มกนั ////////////////////
ไม่กนิ มังสาหาร 10 อยา่ ง
ไมก่ ินของเหลือจากคนอื่น ////////////////////
ไมร่ บั ประทานอาหารทบี่ ้านงานศพ ////////////////////
ไมร่ บั ประทานอาหารที่บา้ นคนปว่ ย ////////////////////
ห้ามนงั่ บนบนั ไดบ้าน - - - - - - - /- - - - - - - - - //-
หา้ มหมอเหยาแตง่ คายลา --------/-----------
- - - - - - - - - - - - - - - - - //-

จากตารางที่ 6 แสดงรายละเอียดของขอ้ ปฏบิ ตั ิของกลมุ่ หมอเหยา พบวา่ กลมุ่ หมอเหยาทง้ั 20 กลุ่ม
มีข้อปฏิบัตทิ ยี่ ดึ ถอื เป็นแนวปฏิบตั ทิ ี่คลา้ ยคลงึ กนั ทัง้ หมดรวม 20 ประการ ดว้ ยกันได้แก่ ไม่เหยารักษาในบา้ น

๕๖

ทีม่ งี านศพ ไม่เหยารกั ษาในวนั พระ ไม่ด่าวา่ ให้รา้ ยคนอืน่ ไมข่ ้นึ คา่ คายรักษา ไมเ่ อาผ้าซน่ิ ในคาย ไม่กินของใน
คายพธิ ี ไมพ่ ูดโกหก หา้ มรักษาคนทป่ี ว่ ยมาก หา้ มแก่งแยง่ ชงิ ดกี ับครูบาท่านอนื่ ถือศีล 5 อยา่ งเคร่งครัด ห้าม
เอาของมาจากบา้ นคนป่วย พูดจาไพเราะกับทกุ คน ให้รับรักษาคนไข้ทกุ คน แบง่ ปันรายได้แก่บริวารผตู้ ดิ ตาม
อย่างเท่าเทยี มกนั ไม่กนิ มงั สาหาร 10 อย่าง ไมก่ ินของเหลอื จากคนอ่นื ไมร่ ับประทานอาหารทีบ่ า้ นงานศพ

5. ดนตรีในพธิ ีกรรม การเหยามีวตั ถปุ ระสงค์ เพื่อรักษาคนปว่ ยผา่ นพธิ ีกรรม โดยพีกรรมจะประกอบ
ไปดว้ ยการขบั ลาและการฟ้อนลาประกอบเครอ่ื งดนตรีในพิธีกรรม ได้แก่ แคน ป่ี พณิ กลอง และเคร่อื งดนตรี
ประกอบอื่นๆ อาจกล่าวได้วา่ เครอ่ื งดนตรีหลักท่ีกลา่ วมาเป็นเครอ่ื งดนตรีทีม่ ีบทบาททสี่ าคัญตอ่ พิธีกรรมการ
เหยา ท้ังนี้ เพราะแคนเป็นสง่ิ ทใ่ี ห้จงั หวะของ การลา และประกอบเสยี งการลาให้เกิดความไพเราะ หมอแคน
ตามภาษาท่ใี ช้ในพิธีกรรมการเหยา เรียกว่า “หมอม้า” โดยท่ัวไป อยู่ในวัยกลางคน ตอ้ งมคี วามชานาญและ
อดทน ทั้งนี้ เพราะการประกอบพิธกี ารเหยาในแตล่ ะครง้ั ต้องใชเ้ วลานานติดต่อกนั โดยตลอด นอกจากนี้ หมอ
แคนหรอื หมอมา้ ตอ้ งรักษาจังหวะการเป่าให้มีความสม่าเสมอตลอด และสอดคลอ้ งกับการลา ในแตล่ ะขัน้ ตอน
ของพิธีกรรม จากการลงพื้นท่ีภาคสนามเพ่ือเก็บข้อมูล พบรายละเอียดของการใช้ดนตรีประกอบในพิธี
กรรมการเหยาดงั ตาราง

ตารางที่ 7 แสดงรายละเอยี ดของเครือ่ งดนตรีในพิธกี รรม

ลาดบั ท่ี 12345678911111111112
01234567890
ใช้แคนเพื่อประกอบการเหยารกั ษา
ใช้กลองเพอ่ื ประกอบการเหยารกั ษา ////////////////////
ใชป้ เ่ี พ่ือประกอบการเหยารักษา ////////////////////
ใชพ้ ณิ เพื่อประกอบการเหยารกั ษา ////////////////////
ใชด้ นตรีอ่นื ๆ ประกอบการเหยา
////////////////////
/- /- //- - /- - - - - - - - - /-

จากตารางที่ 7 แสดงรายละเอยี ดของเครอ่ื งดนตรีในพธิ ีกรรมการลารกั ษา พบวา่ มีการใช้เคร่อื งดนตรี

หลักทั้ง 4 ชนิด คือ แคน พิณ ปี่ และกลอง เพ่ือประกอบการเหยารักษาคนป่วยในชุมชน และประเด็นที่
น่าสนใจคือ มีข่วงท่ี 1, 3, 5, 6, 9, และ 19 ที่ใช้แคนผสมซีดีเทปลายแคนหรือลายมโหรีอีสานเพ่ือ
ประกอบการเหยาปัวคนป่วย

6. บทกลอนขับลาและทานองขับลา บทกลอนลาของพิธกี รรมการเหยา เป็นลักษณะบทกลอนลาท่ี
มเี น้ือหาไมค่ งท่ี เปล่ียนแปลงไปตามเหตุการณ์หรือการเจ็บป่วย การขับลาจะดาเนินการไปตามข้ันตอนของ
พธิ กี รรม จากการสัมภาษณ์หัวหนา้ หมอเหยา กล่าววา่ กลอนลาทใ่ี ชข้ ับลานัน้ ไม่ไดท้ อ่ งจาเหมอื นดั่งกลอนของ

หมอลาทวั่ ๆ ไป เพราะกลอนทีใ่ ชล้ าเกิดขนึ้ เองในขณะนั้น ลักษณะการสัมผสั ของกลอนหมอเหยา มกี ารสัมผัส
คล้องจองกนั ภายในวรรคและระหว่าง วรรค ในแต่ละวรรคมีประมาณ 5 – 12 พยางค์ และยงั ใช้การสัมผัส
นอกและสัมผัสใน ทานอง ท่วงจังหวะการขับลาของหมอเหยา เป็นทานองเอื้อนเสียงยาว-ช้า การลาใน

ลักษณะเช่นนโ้ี ดยท่วั ไปเรยี กวา่ ลาผญา หรือลาพ้นื หรือลาอา่ นหนงั สือ ซ่ึงเปน็ ทานองการขบั ลาทพ่ี บได้เฉพาะ
ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยและประเทศลาว ซ่ึงบทกลอนขับลาเป็นองค์ประกอบหนึ่งในพิธี
กรรมการเหยาที่ยงั ประโยชน์ทางด้านเปน็ สื่อภาษา การตดิ ต่อ ระหวา่ งมนษุ ย์กบั ผี เพ่ือสร้างความเข้าใจเป็น

การยุติมิให้ผีมารังควานทาความเดือดร้อนต่อผู้ป่วยอีก นอกจากนี้ยังทาให้เกิดความไพเราะสนุกสนานใน

๕๗

ทานองกลอนลาทาให้คนป่วยคลายกังวล ลืมทุกขโ์ ศกทตี่ นเองไดร้ บั จากการลงพน้ื ท่ีภาคสนามเพ่ือเกบ็ ข้อมูล
ประกอบการศึกษาวิจัย พบว่า กลอนลาในพธิ ีกรรมการเหยา สามารถแบง่ ได้เป็น 8 ประเภทกลอนลา ได้แก่

1) กลอนลาเชิญผีลงมาชว่ ยบาบดั รักษาไข้ 2) กลอนลาอ้อนวอนให้ผีบอกสาเหตุแหง่ ความเจบ็ ไข้ 3) กลอน
ลาถามหาสาเหตุและกลอนบอกสาเหตุแห่งการป่วยไข้ 4) กลอนลาปลอบประโลมคนไข้ 5) กลอนลาเสี่ยงไข่
ขวัญคนป่วย 6) กลอนลาอวยพรและกลอนลาลงข่วง 7) กลอนลาเรียกขวัญคนป่วย และ 8) กลอนลาเลิก

พธิ ีกรรม ลาเชญิ ผีกลับ รายละเอียดตวั อย่างกลอนลาดังตารางต่อไปนี้

ตางรางที่ 8 แสดงรายละเอียดตวั อยา่ งบทกลอนขับลาในพิธกี รรมการเหยา

เวลา ประเภท รายละเอยี ดภาคปฏบิ ตั ิการ รายละเอยี ดของบทกลอนขบั ลา
กลอนลา
09.00 ในพธิ กี รรม ...เชญิ หมอโหลงเหอ้ มาลงเห้อเปน็ เจา้
กลอนลาเชญิ ผี เชญิ หมอเฒ่ากะเห้อให้เตม็ หนา้ เด้อไทเฮาเอย่
09.35 ลงมาช่วย หมอเหยาเร่ิมขับลาไหว้ครูบา
บาบดั รกั ษาไข้ ลงมาเด้อมาแปลงบา้ นเหอ้ มนั เฮิง
อาจารย์ ที่ล่วงลับไปแล้ว โดย แปลงเมิงเฮาเดอ้ มันฮุง่
กลอนลาอ้อน
วอนใหผ้ ีบอก คายพิธีวางอยู่ด้านทิศเหนือของ ลงมาเดอ้ กินขา้ วปุน้ น้าปัดไลล่ าด
สาเหตุแห่ง กนิ ข้าวปาดนนั้ น้าไลเลย
ความเจบ็ ไข้ ใต้ถุนบ้าน หมอเหยานัง่ หน้าคาย
ลงมาเดอ้ กินข้ามต้มน้ันเส้อน้าตาล
พธิ ี บริวารผู้ติดตามนั่งอยู่ลาดับ ขา้ วหวานนนั้ เสอ้ นา้ อ้อย

ถัดมา หมอแคนน่ังอยู่ด้านทิศ ลงมาเดอ้ เฮด็ ตามฮตี แมเ่ ฮาดู
ตามคูนนั้ แม่เฮากลา่ ว
เหนอื ของคายพิธี สว่ นคนปว่ ยน่ัง
ลงมาเดอ้ คั้นผูแ้ ก่น้นั เห้อออกกอ่ น
อยู่หลังหมอเหยา ราย ผู้ออ่ นนนั้ ย้อนนาหลัง เดอ้ ไทเฮาเอ่ย...
...อันแม่นไมส้ ทิ างได๋มาสีเด้ไทเฮาเอ่ย
รอบด้วยคณะญาติท่ีเป็นผู้หญิง แมผ่ สี ิทางได๋ผดั ม่เฮด็ น้อไทเฮาเอ่ย
ตาหลกั เซอ ฮาวนีผ้ ดั เย่มไสเด้อไทเฮาเอ่ย
ด้านหลังคนป่วยและญาติฝ่าย
ตาไสเซอฮาวนผี้ ัดเยม่ นอ้
หญิงคือญาติฝ่ายชายและสามี ผีด๋ งเซอ้ เพิ่นผี้ ดั มาว่าได้ไทเฮาเอย่
อนั ผีป่าซทิ างนั้นผัดมาเซย เดไ้ ทเฮาเอย่ ...
ของคนปว่ ย
...เอา้ ละเดอ้ คน้ั วา่ สาธเุ ด้อ
หมอเหยาเร่มิ ขับลาเส่ียงทายเพ่ือ พญาแถนเพน่ิ อยู่เทงิ ฟ้า

ส อ บ ถ า ม ห า ส า เ ห ตุ ข อ ง ก า ร ครูเพน่ิ อยู่ทางนอก
คั้นเดีย๋ วนเ้ี ชญิ เดอ้
เจ็บปว่ ย คนั ดูรูต้ ากันไว้ ปวั ไข้เบิ่งดู
คน้ั เดี๋ยวนี้ เชญิ เดอ้
09.45 กลอนลาถาม หมอเหยาขับลาเส่ียงทายเพ่ือ ตั้งแต่นงนางหล่าสุชาดาคนตา่ ง
หาสาเหตุและ ส อ บ ถ า ม ห า ส า เ ห ตุ ข อ ง ก า ร คน้ั เจ้ามาฮ่วมห้อง
ให้เจ้าฮ้องปวดกุ้มหู หลับตาหละ่ เอา้
กลอนบอก เจ็บป่วย ของ คนป่ว ย โด ย มี ตง้ั แตพ่ วกเพิ่นกลา้
สาเหตแุ หง่ การ สาระสาคัญของการสอบถามหา พวกหมกู่ ลา้ เพิน่ เคย
ลงมาเทยี มเฮาบาดน.ี้ ..
ป่วยไข้ และ สาเหตุว่ามีผีไร่ ผีนาหรือผีบรรพ …ตกตีนไปตา่ ง
ทราบสาเหตุ บุรุษมาทาให้เกิดการเจ็บป่วย ตกย่างไปไกล เดอ้ ไทเฮาเอ่ย
ไปนาขามานาแลง้
ของการ หรือไม่ คนป่วยจึงได้เกิดการ อย่าเหอ้ เป็นเหตุดอนกลาง
เจ็บปว่ ย เจ็บป่วยข้นึ มา เปน็ ลงตอนหน้า

10.00 กลอนลาปลอบ หมอเห ย า ขั บ ลา เพื่ อปลอ บ เหอ่ เลยี งลอด
ประโลมคนไข้ ประโลมใจคนไข้ และให้คาม่ัน

สั ญ ญ า กั บ ค น ไ ข้ ว่ า อ า ก า ร
เจ็บป่วยของคนไข้ต้องหายขาด

แน่นอน และจะไมท่ อดท้ิงคนไข้

๕๘

10.30 กลอนลาเสี่ยง หมอเหยาขับลาประกอบการ เหอ้ ปลอดความไข้ เดอ้ ไทเฮาเอ่ย...
ไข่ขวญั คนปว่ ย เสย่ี งทายอาการเจบ็ ปว่ ยของหาก ...สาธกุ าร สมภารเจา้ พาเว้า

สาเหตุของการเจ็บป่วยมาจาก สาธุแลว้ แมแ่ กว้ มาสง่ั เด้อไทเฮาเอ้ย
ก า ร ท ะ เ ล า ะ วิ ว า ท กั น ภ า ย ใ น เอด็ แนวเลอจ่ังสเิ จออ่นั นัน้
เฮ็ดอี่หลี่มนั จง่ั มดี ีอา้ ง
ครอบครัว หมอเหยาจะจัดพิธี
กรรมการสมมมาเจ้าโคตรแทรก เฮ็ดเหลิงหลา่ ง ฮา้ งเปล่าเสยี ดาย เด้ไทเฮาเอย้
ลงมาลนิ้ กินตามมะหงุ่ ป้งิ เดอ้ ไทเฮาเอย้
ขน้ึ มาเพม่ิ เติม ลงมาเย้อกินตบั เจอไก่โอก เดอ้ ไทเฮาเอย้
เอ็ดแนวเลอจ่งั สิเจออ่ันน้ัน
10.45 กลอนลาอวย หมอเหยาขับลาอวยพรให้คน
พร เฮ็ดเหลงิ หล่าง ฮา้ งเปล่าเสียดาย เดไ้ ทเฮาเอ้ย…
ป่วยหายป่วย พร้อมทาการขับ ...จบั หัวพาเว้า เด้อไทเฮาเอ่ย
ลาสั่งสอนคนป่วยและคณาญาติ จับเขา้ พาจา เดอ้ ไทเฮาเอย่
เทยี มแข้งอยา่ ลา้
ของคนป่วยผ่านพิธีกรรมว่าให้ เทยี มข้าอย่าเมย้ เด้อไทเฮาเอ้ย
ปฏิบัติตนเป็นคนดี ให้ช่วยเหลือ ศนู ย์จิตพาไป
ศูนย์ใจพาเวา้
เก้ือกูลกัน โดยยึดหลักความ ผดั พาพ่อล้าง
กตัญญูรู้คุณและหลักของศีลมา ผัดผางพ่อพัด เดอ้ ไทเฮาเอย่ …
…เก็บหมเู่ ฮาน้ใี ส่ข้อง
เป็นแนวทางหลักของการปฏิบัติ เก็บนอ้ งน้อยน้เี อาแขนแอว
ตน เอาของโหลงเมือฝะยะเมิง
ให้ไปอยูเ่ มงิ เจ๊กแขว้ ขาว
10.55 หมอเหยาขับลาเพ่ือเชิญชวนให้
ใหไ้ ปอยเู่ มิงลาวแขว้ ดา เด้อไทเฮาเอย้ ...
กลอนลาลง คนป่วยพร้อมบริวารและคณา
ข่วง ญาติของคนป่วยออกมาฟ้อนรา ...เฮาละลิ้นจมุ้ โหลงซาวแปด
รอบคายพธิ รี ว่ มกัน จุ้มแสดซาวสอง
เฮด็ ตามฮตี แมด่ ู
11.00 กลอนลาเรียก หมอเหยาขบั ลาเพือ่ เรยี กขวัญคน
ขวัญคนปว่ ย เฮ็ดตามคแู ม่กล่าว เดอ้ ไทเฮาเอ่ย...
ปว่ ยท่ีเชื่อวา่ หนีออกจากร่างกาย
คนป่วยไปหลบลี้อยู่ตามสถานท่ี ...ขนั เผิง้ เซอมือลมุ่ เพน่ิ เยอ
เลนขันเทนเพ่นิ หุม้ ยอไว เด้อไทเฮาเอ่ย
ตา่ งๆ ใหก้ ลับคนื มาเข้าสูร่ ่างกาย
คนปว่ ยเหมือนเดิม ตะกมุ เซอ้ เมิงลมุ้
ผัดมาหาได้พญาเมงิ เอย้ ...
11.30 กลอนลาเลิก หมอเหยาขับลาเพ่ืออัญเชิญผีท่ี
พิธกี รรมการ ล ง ม า ช่ ว ย ใ น ก า ร รั ก ษ า ใ น …สาวนางน้อยผู้ชมดอกงา
สาวสีดาผ้ชู มดอกอม้ เด้อไทเฮาเอ้ย...
เหยา พิธีกรรม กลับคืนยังสถานท่ีสิง ...สองหลบเจ๋อข้อยทผี่ ัดซังจงั่ เซ้อ เด้อไทเฮาเอย่
สถิตย์ของตนเอง และถือเป็น
สามเทอ้ เซ้อขอ้ ยนผ้ี ัดจัง่ เอาได้
เสรจ็ ส้ินพิธีกรรมการเหยา อนั ทอโผโกงหลังผดั เอางา้ ว ไดไ้ ทเฮาเอย้ ...

…เอาหลังเม้งจือห้ือเซอผัดหลงั ควาย
พาแลงวายจึงเสดหลงั ซา้ ง เด้อไทเฮาเอ่ย…

...หวันโหมใิ หย้ ายเส็งนาเด้อ
ใหด้ อกเฝ้าสิเจเจ้าสิเมอเฮินไดว้ นั นางเอย่ ...

...มันหากสมควรแลว้
เวลาลงโค้งอว่ ยแลว้ เดอ้
เหอ้ คมุ้ ครองลกู ซา้ งในเมิง เด้อไทเฮาเอย่

เห้อซีท้ างออก
เห้อบอกทางเมอ เดอ้ ไทเฮาเอ่ย...

๕๙

7. การฟ้อนราในพธิ ีกรรม การฟอ้ นราเป็นพฤติกรรมการแสดงออกทางวฒั นธรรมอย่างหน่งึ ซง่ึ แสดง

ให้เห็นถึงความสนกุ สนานรนื่ เริงในประเพณีหรือการละเล่นในท้องถ่ินนนั้ ๆ การฟอ้ นราท่ีสาคัญประการหนึ่งก็
คือ การฟ้อนราประกอบพิธีกรรมเป็นการแสดงออกถึงการเซ่นสรวงบัดพลี เคารพนับถือต่ออานาจเหนือ
ธรรมชาติ เพ่ือให้สิ่งเหล่านี้บนั ดาลให้สงั คมเกดิ ความสงบสุขตามความปรารถนาของตนเอง การฟ้อนราในพิธี

กรรมการเหยา เปน็ การแสดงออกถึงความเชอื่ ความศรัทธาตอ่ ผีทต่ี นเองเคารพนับถือ เพอ่ื ใหเ้ กดิ สนั ตสิ ขุ ในหมู่
ตน สะทอ้ นใหเ้ ห็นถงึ ความศรทั ธาเลือ่ มใส ประกอบกบั ความสนกุ สนาน ดงั ปรากฏในพธิ กี รรมการรักษาคนป่วย
และในพิธเี ล้ยี งผขี ่วงเดือนสาม ส่ี และห้า ลกั ษณะท่าฟ้อนราในการเหยาเลี้ยงผีไมม่ ีรปู แบบทต่ี ายตัว ทั้งนเ้ี พราะ

การฟ้อนราเกิดจากการเข้าทรงของผี การฟ้อนรายังมีความหมายทป่ี รากฏอยูใ่ นความสวยงามเชน่ กนั เป็นต้น
ว่า บทอ้อนวอนขอชวี ิต จงั หวะการฟอ้ นช้าเนิบนาบ บทที่ชักชวนคนป่วยลงเลน่ (ฟ้อน) จังหวะรวดเร็วและเร้า
ใจ ดงั นนั้ การฟ้อนราในพธิ กี รรมการเหยาจงึ เปน็ สว่ นหนึ่งทีท่ าให้พธิ ีมีความสนกุ และความศักดิ์สิทธใ์ิ นพธิ ีกรรม

8. ลาดับข้ันตอนในพิธกี รรม
พิธกี รรมการรักษาคนปว่ ยเป็นขั้นตอนหลักของพธิ ีกรรมการเหยา โดยการอญั เชิญวิญญาณผี

และผีต่างๆ ซึ่งเป็นวิญญาณบรรพบุรุษ ครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปอยู่บนสรวงสรรค์ให้ลงมาช่วยขจัดปัดเป่า
โรคภัย อนั เนือ่ งมาจากการกระทาของผีเรยี กวา่ ผิดผี เพราะเช่ือว่าสมัยยังมีชีวิตในโลกมนุษย์เป็นผู้สร้างคุณ
งามความดี และมคี ณุ ธรรมคอยช่วยเหลือมนษุ ย์ เม่ือตายไปจงึ ได้ข้นึ สู่สวรรค์และยังดูแลมนุษยบ์ นโลกเชน่ เดิม

เหตนุ ้ีเมือ่ หมอเหยาประกอบพิธีกรรมจึงอญั เชิญใหล้ งมาชว่ ยเหลือ เพ่อื ค้มุ ครองคนปว่ ยให้มีความปลอดภยั หาย
เจบ็ ป่วย ซึ่งขน้ั ตอนต่างๆ ของพธิ กี รรม มีรายละเอียดดังตารางตอ่ ไปน้ี

ตารางที่ 9 แสดงรายละเอยี ดของลาดบั ขน้ั ตอนในพิธีกรรม

ขั้นตอนการรักษา รายละเอยี ดของพธิ ีกรรม บุคคลทีม่ ีบทบาท
ในพิธีกรรม
1. การติดตอ่ เป็นข้ันตอนที่ญาติผู้ป่วยมาบอกกล่าวให้หมอเหยา ไปรักษาในท้องถิ่นทั้ง ญาตคิ นปว่ ย
หมอเหยา
2. การวนิ จิ ฉัย ใกล้และไกล ผู้ป่วยโดยส่วนใหญ่ที่ผ่านการรักษาจากที่อื่นไม่หาย หมอดู
เบื้องตน้ จาเปน็ ต้องหาวิธีการรักษาพน้ื บ้านโดยญาติผูป้ ่วยไปขอคาแนะนาจากหมอ
หมอเหยา
มอ (หมอดู) ทานายว่าจะรกั ษาด้วยวธิ ใี ดจงึ จะหาย ถา้ หมอมอเสี่ยงทายว่า บรวิ ารผูต้ ดิ ตาม
ต้องใช้ทางเทิง (ผีท่ีอยู่บนฟ้า) รักษาจงึ จะหายและผูร้ ักษาอยทู่ ิศใดทิศหน่ึง
คนป่วย
ญาตผิ ู้ป่วยก็จะตามไปจนกว่าจะพบแล้วนามารักษา การรักษาคนป่วยน้ัน ญาติคนปว่ ย
หมอเหยาจะไม่ปฏิเสธไม่ว่าคนป่วยจะอยู่ใกล้หรือไกลอาจจะเป็นเพราะ

หมอเหยาปฏิบัติตามจรรยาบรรณ และการปฏเิ สธเช่ือว่าจะทาให้ให้มีอัน
เป็นไป การเดินทางไปรักษาต้องนาขันห้า ขันน้าหอม ขา้ ว 4 คา และขัน

นิมนต์ บอกกล่าวอัญเชิญผีที่หิ้งบชู าของตนเองให้ไปรักษายังบ้านของคน
ปว่ ยและต้องนาขันนิมนต์ตดิ ตัวไปดว้ ย เมื่อประกอบพิธรี กั ษาเรียบรอ้ ยต้อง

อัญเชญิ กลบั

กอ่ นที่จะเร่ิมพธิ ีกรรมหมอเหยาต้องสอบถามถึงความเป็นอยู่ของคนป่วย

ซึ่งคนป่วยบางคนอาจจะเรียนคาถาอาคม ครูธรรม ตอ้ งให้ลาออกหรอื บ้าน
คนป่วยมีคาถาอาคมป้องกันผี เช่น ผ้ายันต์ ต้องนาออกไปเพราะ

คาถาอาคมหรือธรรมเป็นปฏิปักษ์ตอ่ กัน หวั หน้าหมอเหยาบางท่าน กล่าว
วา่ ธรรมกบั ผเี ป็นศตั รกู นั ตา่ งคนต่างไปไม่มคี วามสมั พันธ์กนั เลย นอกจากนี้
ยงั ถามถึงอาการของคนปว่ ยเพอื่ จะวนิ ิจฉัยโรคไปดว้ ย

๖๐

3. สถานท่ปี ระกอบ บรเิ วณดา้ นทิศตะวันออกของตวั เรือนเป็นสาคญั เพราะถือว่าเปน็ ทิศท่ีมีศิริ หมอเหยา
พธิ กี รรม มงคล บางกรณีกม็ กั จะจัดพิธีกรรมที่ใตถ้ ุนเรอื นของคนป่วย บรวิ ารผู้ตดิ ตาม

4. ข้ันจัดเตรียมพธิ ี เป็นการจัดเตรียมเครื่องคายพิธีกรรมหลักซ่ึงเป็นคายรักษา โดยเจ้าภาพ หมอเหยา
หรือญาติจะจัดเตรียมวัสดุซึ่งหาได้ในละแวกบ้าน เช่น ใบกล้วย ดอกไม้ บรวิ ารผตู้ ดิ ตาม
5. ข้นั ประกอบ ดอกมะละกอ ขมิน้ ไข่ ผา้ แพรวา ผ้าแพรมน ฯลฯ ส่วนสิ่งของทมี่ ีค่าหายาก ญาติคนปว่ ย
พิธกี รรม หมอเหยาจะนาติดตัวมาเอง เช่น เงนิ 1 สตางค์ กาไล กระจอนหู เปน็ ต้น
เมอื่ จัดเตรียมคายเรียบรอ้ ยจะนาไปตั้ง ณ ท่ีพธิ ดี ้านตะวันออก คายตอ้ งยก หมอเหยา
ให้สูงกว่าพ้ืนธรรมดา เช่น วางบนหมอนหรือฟูก ส่วนหมอเหยาก็จัดแจง บริวารผตู้ ิดตาม
แต่งเคร่ือง ทาแป้ง ใส่น้าหอม หวีผม ดอกไม้ทัดหู เรียบร้อย ก่อนเริ่ม
ประกอบพิธี คนป่วย
ญาตคิ นปว่ ย
เร่ิมพิธีด้วยหัวหน้าหมอเหยาจุดเทียนระหว่างนั้นเสียงดนตรีเริ่มขับ
บรรเลง หรือบางคณะจะมบี รวิ าร 2 คน น่งั ขา้ งซ้าย และข้างขวา เรียกว่า
วาดทา้ ย หวั หน้าหมอเหยากจ็ ะลาอัญเชิญ เหลา่ วิญญาณบูรพาจารยใ์ ห้มา
ชว่ ยรักษา และอญั เชิญผีเข้าเทียม (ทรง) ทาให้หมอเหยามีอาการส่ัน แล้ว
ลกุ ข้นึ ฟอ้ นรา

การลาช่วงแรกเป็นการลาตั้งคายเพื่อเป็นการกราบไหว้ถึงวิญญาณ
ของครูอาจารย์ท่ีเป็นรากเหง้าที่ประสิทธิประสาทความรู้การประกอบ
พธิ ีกรรม จนกระท่ังตนเองได้เป็นหัวหน้า ตลอดจนลาบอกลักษณะอาการ
ป่วยด้วย

การลาในชว่ งทสี่ อง เป็นขนั้ ตอนของการลาส่องเพื่อค้นหาสาเหตุของ
การเจ็บป่วย และการล่วงละเมดิ ตอ่ ผีท่ีคนป่วยได้กระทา ซ่ึงกว่าจะรูส้ าเหตุ
ของการผิดผีต้องใช้เวลานานพอสมควร ทั้งน้ีก็ขึ้นอยู่กับการลาเสี่ยงหาผี
ท่ีมากระทา เช่น ผีไร่ผีนา ผีบ้านผีเรือน ผีบรรพบุรุษ ผีปู่ตา ฯลฯ เม่ือรู้
สาเหตขุ องการละเมิดต่อผี อาทิ เช่น การก้ันทางน้าในไร่นากผ็ ิดผีนา การ
ตัดป่าละเมาะซึ่งเปน็ ท่ีอยู่ของผีก็จะผดิ ผีไร่ผีป่า หรอื บ๋า (สญั ญา) กับผปี ูต่ า
โดยไมไ่ ด้ไปแก้บนก็จะทาใหผ้ ปี ่ตู าไม่พอใจแลว้ ลงโทษให้เจ็บปว่ ย เปน็ ต้น

จากนน้ั หมอเหยาจะลาขอขมาลาโทษต่อผี ถ้าคนป่วยกระทาผดิ อยา่ ง
รนุ แรงผีจะโกรธมากถึงกับต้องเอาชวี ิตคนป่วยไปก็อาจเป็นได้ ขั้นน้ีญาติ
ผู้ปว่ ยเกดิ ความกังวลใจเพราะเป็นการตอ่ รองระหว่างผกี ับคน อยา่ งไรกต็ าม
หมอเหยาก็สามารถลาอ้อนวอนต่อผีจนผีเกิดความเห็นใจ สงสาร และ
ยนิ ยอมตามท่ีหมอลาร้องขอในบางครั้งผีอาจจะตอ้ งการสิ่งแลกเปลยี่ นโดย
พูดผ่านหมอเหยา เช่น ต้องการคู่ครองข้าทาสบรวิ าร เหล้าไหไก่ตัว แก้ว
แหวนเงนิ ทอง เปน็ ตน้ โดยผีแตล่ ะประเภทมีความต้องการแตกต่างกัน เช่น
ผไี ร่ผนี า ผตี าแฮก ต้องการพวกเหล้าไหไก่ตัว อาหารหวานคาว ปลูกหอโฮง
ผบี รรพบุรุษจาพวกเครอื ญาติตอ้ งการบงั สุกุล ทาบุญอุทิศหา เป็นต้น หมอ
เหยาจะแนะนาให้ญาตผิ ูป้ ่วยกระทาในส่งิ ท่ีผตี ้องการ

ในตอนท้ายลาเรียกขวัญผู้ป่วย หมอเหยามีความเช่ือว่าการ
เจ็บป่วยน่าจะเกิดมาจากการท่ีขวัญได้ออกจากร่างไปเที่ยวตามป่าเขา ทุ่ง
นา จงึ ต้องมีการเรียกให้ขวญั ของคนปว่ ยกลับมาเข้าร่างกาย และมีการเสี่ยง
ทานายอาการป่วยจากไข่ไก่สุกวา่ จะหายเรว็ หรอื ช้า แลว้ ผูกขอ้ มือแก่ผ้ปู ่วย
เพ่ือความเปน็ ศิรมิ งคล และเช่ือว่าอาการปว่ ยจะได้หายเรว็ ไว และถือเป็น
เสรจ็ พธิ ีกรรม

การลาเชิญให้ออกมาฟอ้ นมาลา เม่ือเสรจ็ พิธผี ูกแขนให้แก่คนไข้โดย
ญาติมิตร ครบู า บริวาร และผทู้ ่มี าร่วมพธิ กี รรมทง้ั มวลแล้ว คนไขแ้ ละญาติ
มติ รก็จะรู้สึกอ่ิมเอิบสบายใจ หมอม้าจะเรมิ่ เปล่ียนแปลงทานองเพลงและ
จังหวะเพลงให้เป็นลีลาสนกุ สนาน อาจเป็นลายสุดสะแนน หรือลายตุ้มพี่
ตมุ้ นอ้ งซ่ึงเปน็ ลายดนตรแี บบโบราณ ตอนน้ีหมอเหยาบาจะเริ่มออกไปฟ้อน
และลาเชิญให้ทุกคนออกมาร่วมฟ้อนมารารว่ มกับผีและบริวาร บริวารใน
กลุ่มก็จะออกมาลาโต้ตอบกับครูบา แล้วบุคคลอื่นๆ จะทยอยกันออก
มาร่วมวงฟ้อน และถ้าผ้ปู ่วยมีอาการท่ไี มห่ นักหนา ญาตพิ ี่นอ้ งก็จะพยุงให้

๖๑

เดินรอบคาย หรือร่วมฟ้อนราไปกบั คณะหมอลาด้วย แตถ่ ้าไม่สามารถลุก

ขึน้ เดินได้ กอ็ าจใหล้ ุกนัง่ และตบมือตามจงั หวะบ้าง
การลาเชญิ ผีกลับสู่สถานทีส่ ถติ เป็นพธิ ีที่บอกถงึ การจบพิธกี รรมหลัง

การร่วมกันฟอ้ นและลาจบลงแล้ว หมอเหยาจะกราบเครือ่ งบูชาในพิธกี รรม
3 คร้ัง แล้วลาอัญเชิญเทพท้ังปวงกลับสู่สถานทเ่ี คยสถิตด้วยบทกลอนอัน

อ่อนหวาน ท่สี าคัญย่ิงคอื ต้องเอ่ยนามเทพหรือผีท่ีเชิญมา ให้ครบทุกนาม
อย่าให้ตกหล่นเป็นอันขาด ถ้ามเี ทพหรือผีท่ีอัญเชิญมาตกหล่นในการเอ่ย

นาม หมอเหยามีความเช่อื ว่าผีหรือเทพตนนั้นอาจให้โทษแก่ตวั หมอเหยา
หรือแก่คนไข้ได้ ตัวหมอเหยาจะรู้สึกไดด้วยตนเองว่าผีได้กลับคืนไปแล้ว

ครบหรือยัง ถา้ กลับไปครบแลว้ กจ็ ะดับเทียนคู่ท่จี ดุ ใหส้ ว่างอยู่เสมอทต่ี ิดอยู่
กบั ขอบถาดใหญน่ ้นั ลง เป็นอันเสร็จพิธกี รรมการเหยา

9. การลงข่วงเลี้ยงผีหมอ ข่วง เป็นภาษาท้องถ่ินอีสาน หมายถงึ บริเวณบ้านหรือลานบ้าน การลง

ขว่ งผีฟา้ หมายถึง พิธีเลยี้ งผี ซึ่งกระทากันเป็นประจาทกุ ปใี นเดือนสาม และเดือนหา้ พิธกี รรมการลงขว่ งนนั้ จะ
จดั ข้ึนท้ังในตอนกลางวันละกลางคนื ซ่ึงโดยส่วนมากแลว้ แตล่ ะข่วงจะจดั ตอ่ เนื่องกันเป็นเวลาสามวันสามคืน
ครูบาหมอลาและบรวิ ารทกุ คนต้องมาร่วมในงานพิธกี รรมดงั กล่าว ซึ่งในพธิ ีกรรมการลงข่วงผีหมอน้นั จะมที ้ัง

การขับลา ฟ้อนรา และการละเล่นอย่างสนุกสนาน ซ่ึงจากการลงพ้ืนท่ีภาคสนามเพื่อเก็บข้อมูลประกอบ
การศกึ ษานัน้ ครูบาหมอลาและบรวิ ารผูต้ ิดตามหมอเหยา ต่างได้ให้ความหมายของพิธกี รรมการลงขว่ งท้ังใน
ความหมายทีเ่ หมอื นและแตกต่างกนั ออกไปในแต่ละข่วงรายละเอยี ดตามตาราง ต่อไปน้ี

ตารางท่ี 10 แสดงการใหค้ วามหมายของพธิ ีกรรมการฟอ้ นเลีย้ งข่วงผีหมอ

ลาดบั ที่ 12345678911111111112

01234567890

เพ่ือแสดงความกตัญญูต่อผีครูบา / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

อาจารย์ ผู้ซง่ึ มีพระคุณ ซึ่งเคยรักษา

ตนเองจนมีชวี ิตรอดมาได้

ฉลองสมโภชน์หิ้งคาย หิ้งของหมอ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

เ ห ย า ซึ่ ง มี เ ที ย น ห ลั ก อั น เ ป็ น วั ต ถุ

สัญลักษณ์ แล้วอัญเชิญลงสรงน้าใน

วันเล้ียงช่วง พร้อมกับอัญเชิญอ้ายพ่ี

ใหล้ งเล่นร่วมกับนอ้ งนุ่ง

เพอ่ื พบปะสงั สรรคใ์ นกล่มุ นบั ถอื หมอ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

เหยา เพราะการเลี้ยงข่วง บรรดา

บริวารทุกคนทั้ง บ้านใกล้และบ้าน

ไกลต่างก็มารว่ มชุมนมุ ร่วมสนกุ สนาน

โดยการขับลา ฟ้อนและมีการ ละเล่น

ตา่ งๆ

เพื่ออบรมกล่อมเกลาบรวิ ารให้มแี นว / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ปฏบิ ัติอย่ใู นกรอบของสงั คม

เพื่อ บูชาผีฟ้า และขอความเป็นศิริ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

มงคลแก่ตนและครอบครัวในการ

ดารงชวี ติ ในสงั คมต่อไป

เพื่อติดตามผลการรักษา ทั้งนเี้ พราะ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

บริวารหมอเหยาที่ผ่านการรักษามี

จานวนมาก และอยู่ห่างไกล หวั หน้า

๖๒

ไม่สามารถท่ีจะไปเยี่ยมเยอื นไดท้ ั่วถึง
ดงั น้ันการมาร่วมเลีย้ งข่วงเป็นโอกาส
ให้หัวหน้าถามถึงสารทุกข์ สุกดิบของ
บริวารได้

จากตารางที่ 10 แสดงการใหค้ วามหมายของพิธีกรรมฟอ้ นเลี้ยงขว่ งผหี มอ พบว่ากลุ่มหมอเหยา ทั้ง
20 กลุ่มตา่ งใหค้ วามหมายโดยรวมของพธิ ีกรรมการฟ้อนเลี้ยงข่วงผหี มอ ใน 6 ประเด็นรว่ มกันคอื เพ่ือแสดง
ความกตญั ญูตอ่ ผีครบู าอาจารย์ ผู้ซงึ่ มพี ระคุณ ซึง่ เคยรกั ษาตนเองจนมชี วี ิตรอดมาได้ เพื่อฉลองสมโภชน์หง้ิ คาย
หง้ิ ของหวั หน้าซง่ึ มีเทยี นหลักอันเปน็ วัตถุสญั ลักษณ์ แลว้ อญั เชิญลงสรงน้าในวนั เลย้ี งชว่ ง พรอ้ มกับอัญเชญิ อา้ ย
พ่ี ให้ลงเล่นร่วมกับน้องนุ่ง (บริวาร) เพื่อพบปะสังสรรค์ในกลุ่มนับถือผีหมอ เพราะการเลี้ยงข่วงผี บรรดา
บรวิ ารทุกคนทงั้ บา้ นใกล้และบ้านไกลต่างก็มาร่วมชมุ นมุ ร่วมสนกุ สนานโดยการขับลา ฟอ้ นและมีการ ละเล่น
ต่างๆ เพื่ออบรมกลอ่ มเกลาบรวิ ารใหม้ แี นวประพฤตปิ ฏิบัติอยูใ่ นกรอบของสังคม เพื่อ บชู าผีหมอและขอความ
เป็นศิริมงคลแก่ตนและครอบครัวในการดารงชีวิตในสังคมต่อไป และเพ่ือติดตามผลการรักษา ทั้งนี้เพราะ
บริวารที่ผา่ นการรักษามีจานวนมาก และอยหู่ ่างไกล หัวหนา้ ไมส่ ามารถท่ีจะไปเยี่ยมเยือนไดท้ ั่วถงึ ดังน้ันการ
มาร่วมเลยี้ งข่วงผีหมอเปน็ โอกาสใหห้ วั หน้าถามถงึ สารทุกข์สกุ ดบิ ของบรวิ ารได้

กล่าวโดยสรุปอาจกล่าวไดว้ ่า พิธกี รรมการเหยาในสองพื้นท่ีจังหวดั นครพนมและมุกดาหาร ซ่ึงเป็น
พน้ื ท่ีการศกึ ษาวิจัยในครง้ั น้ี โดยท่ัวไปเป็นพธิ ีกรรมการรักษาความเจ็บปว่ ยของหมอพื้นบ้านกลุ่มหนง่ึ ที่ทาการ
รกั ษาคนป่วยในชุมชนท้องถิ่นท่ีมมี าช้านาน โดยมีพืน้ ฐานความเช่ือจากคติเรื่องผีฟ้าพญาแถนซ่ึงเป็นผีบรรพ
บรุ ุษทพ่ี วกตนเคารพสักการะ ทีค่ อยให้ความชว่ ยเหลอื เม่ือยามที่คนในหมู่บ้านหรือชุมชนเกิดเจบ็ ป่วยหรอื เกิด
ภาวะความเดือดร้อน โดยการท่ีหมอพน้ื บา้ นกลุ่มนี้จะประกอบพิธีอัญเชญิ ให้ผีฟ้าพญาแถนลงมาช่วยขจดั ปัด
เป่าโรคภัย การประกอบพิธีกรรมนี้ จะประกอบไปด้วยองค์ประกอบที่สาคัญหลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
บุคคลในพิธีกรรม ได้แก่ หมอเหยา บริวารผู้ติดตาม คนป่วย ญาติของคนป่วย และชาวบ้านในหมู่บ้าน ใน
พิธีกรรมจะต้องจัดให้มเี ครื่องคายบูชาผี มีลกั ษณะข้ันตอนการประกอบพธิ ีกรรมที่มีลักษณะเฉพาะของหมอ
เหยาแต่ละกลุ่ม นอกจากน้ีกลุ่มผู้นับถือหมอเหยา ยังตอ้ งมีข้อปฏิบัติตนเองในชีวิตประจาวันอย่างเคร่งครัด
และประเด็นทสี่ าคัญของพิธีกรรมดงั กล่าวท่ีผู้วจิ ยั มุ่งหาความหมายและใหค้ วามสนใจในการศึกษาวจิ ยั ในคร้ังน้ี
คือ บทบาททางสงั คมในการเข้าจัดการปัญหาระดับครอบครัวในครอบครัวของคนปว่ ยทเ่ี ข้ารับการรักษาดว้ ย
พธิ ีกรรมการเหยาของกลุ่มหมอเหยาในฐานะท่เี ป็นหมอพื้นบ้านอีกกลมุ่ หนึ่งที่มีบทบาททางสังคมอย่างสงู ใน
สังคมชนบทในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบทบาทด้านการจัดการความขัดแย้งผ่านพิธีกรรม ที่
ปรากฏให้เหน็ อยา่ งชัดเจนในพธิ กี รรม

4.3 การจัดการความขดั แยง้ ผ่านพิธกี รรมเหยา

4.3.1 การจัดการความขดั แย้งผ่านคาสอนในพิธีกรรม
บทกลอนขับลาในพิธีกรรมการเหยา ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สาคัญในการ

ประกอบพิธีกรรมท่ีหมอเหยาใช้ขับลาในการรักษาคนป่วย กลอนลาและทานองลาในพ้ืนท่ีกรณีศึกษา เป็น
ลกั ษณะกลอนลาทม่ี ีเนือ้ หาไม่คงท่ี เปลีย่ นแปลงไปตามเหตกุ ารณ์หรือการเจบ็ ปว่ ย หมอเหยาซึง่ ในพธิ ีกรรมถือ
วา่ เป็นร่างทรงของผี และปฏิบัตติ นทุกอย่างในพิธีกรรมไปตามคาบัญชาของผี มีการขับลาและฟ้อนราไปตาม
ข้ันตอนของพิธีกรรม จากการสมั ภาษณ์หวั หน้าหมอเหยา กล่าวว่า กลอนลาที่ใช้ขับลาน้ัน ไมไ่ ดท้ อ่ งจาเหมอื น

๖๓

ดงั่ กลอนของหมอลาทวั่ ๆ ไป เพราะกลอนทใี่ ชล้ าเกดิ ขน้ึ เองในขณะนนั้ ซ่ึงอยูใ่ นอานาจของผีทล่ี งมาสิงร่างกาย
นอกจากน้ี หมอเหยายังสวมบทบาทของผีและสิ่งศักดิ์สิทธ์ิทีก่ ระทาให้เกิดการเจบ็ ป่วย แสดงความโกรธ ไม่
พอใจท่ีผู้ปว่ ยละเมิดต่อตนเอง และสวมบทบาทของผู้อ้อนวอนขอถ่ายถอนชีวิตของผู้ป่วยต่อผีด้วย และเม่ือ
หมอเหยาอยู่ในภาวะปกติ จะไม่สามารถลาเป็นกลอนลาได้ และท่วงทานองจังหวะการขับลาของหมอเหยา
เป็นทานองเอื้อนเสียงยาว ช้า การขับลาในลักษณะเช่นน้ีโดยท่ัวไปเรียกว่า ลาผญา หรือลาอ่านหนังสือ ดัง
รายละเอยี ดตอ่ ไปนี้

กลอนลาเชิญผีลงมาช่วยบาบดั รกั ษาไข้ หมอเหยาเร่ิมขบั ลาไหว้ครูบาอาจารย์ ทล่ี ่วงลับไปแลว้ โดย
คายพิธีวางอยดู่ ้านทิศเหนือของใตถ้ ุนบ้าน หมอเหยานัง่ หน้าคายพิธี บริวารผู้ติดตามนั่งอยู่ลาดับถัดมา หมอ
แคนน่ังอยู่ด้านทิศเหนือของคายพิธี ส่วนคนป่วยน่ังอยู่หลังหมอเหยา รายรอบด้วยคณะญาติท่ีเป็นผู้หญิง
ด้านหลงั คนป่วยและญาติฝ่ายหญิงคอื ญาตฝิ า่ ยชายและสามีของคนป่วย ดงั ตวั อย่างกลอนลา

...เชญิ หมอโหลงเห้อมาลงเหอ้ เป็นเจ้า
เชิญหมอเฒ่ากะเหอ้ ใหเ้ ตม็ หนา้
เด้อไทเฮาเอย่
ลงมาเดอ้ มาแปลงบา้ นเหอ้ มนั เฮงิ
แปลงเมงิ เฮาเด้อมันฮงุ่
ลงมาเดอ้ กนิ ขา้ วปุน้ นา้ ปัดไลล่ าด
กินข้าวปาดน้นั นา้ ไลเลย
ลงมาเดอ้ กนิ ข้ามตม้ นน้ั เส้อนา้ ตาล
ขา้ วหวานน้นั เสอ้ นา้ อ้อย
ลงมาเดอ้ เฮด็ ตามฮีตแมเ่ ฮาดู
ตามคูนน้ั แมเ่ ฮากล่าว
ลงมาเดอ้ คั้นผแู้ ก่นน้ั เหอ้ ออกกอ่ น
ผู้ออ่ นน้ันย้อนนาหลงั
เดอ้ ไทเฮาเอ่ย...

กลอนลาอ้อนวอนให้ผีบอกสาเหตุแห่งความเจ็บไข้ หมอเหยาเร่ิมขับลาเส่ียงทายเพ่ือสอบถามหา
สาเหตุของการเจ็บป่วย ดงั ตัวอย่างกลอนลา

...อนั แมน่ ไมส้ ทิ างไดม๋ าสี
เดไ้ ทเฮาเอย่

แม่ผีสทิ างไดผ๋ ดั มาเฮด็
นอ้ ไทเฮาเอ่ย

ตาหลักเซอ ฮาวน้ีผัดเยม่ ไส
เดอ้ ไทเฮาเอย่

ตาไสเซอฮาวนผี้ ดั เย่มนอ้
ผ๋ดี งเซอ้ เพน่ิ ้ผี ดั มาวา่
ไดไ้ ทเฮาเอย่

๖๔

อนั ผีปา่ ซทิ างน้นั ผดั มาเซย
เดไ้ ทเฮาเอ่ย...

กลอนลาถามหาสาเหตุและกลอนบอกสาเหตุแห่งการป่วยไข้ และทราบสาเหตุของการเจ็บป่วย
หมอเหยาขับลาเส่ียงทายเพื่อสอบถามหาสาเหตุของการเจ็บป่วยของคนป่วย โดยมีสาระสาคัญของการ
สอบถามหาสาเหตุว่ามีผีไร่ ผนี าหรือผีบรรพบุรษุ มาทาใหเ้ กิดการเจ็บปว่ ยหรือไม่ คนป่วยจึงได้เกดิ การเจบ็ ปว่ ย
ขน้ึ มา ดังตัวอย่างกลอนลา

..เอา้ ละเดอ้ คนั้ ว่าสาธเุ ดอ้
พญาแถนเพิน่ อยเู่ ทงิ ฟ้า

ครูเพ่ินอยทู่ างนอก
คน้ั เดีย๋ วนเ้ี ชิญเดอ้
คนั ดรู ู้ตากันไว้ ปัวไข้เบ่งิ ดู
คั้นเดย๋ี วน้ี เชิญเดอ้
ต้ังแตน่ งนางหลา่ สุชาดาคนต่าง
คั้นเจ้ามาฮ่วมห้อง
ให้เจ้าฮอ้ งปวดกมุ้ หู หลบั ตาหล่ะเอ้า
ตั้งแต่พวกเพิน่ กลา้
พวกหมู่กลา้ เพน่ิ เคย
ลงมาเทียมเฮาบาดนี.้ ..

กลอนลาปลอบประโลมคนไข้ หมอเหยาขบั ลาเพ่ือปลอบประโลมใจคนไข้ และให้คาม่นั สญั ญากบั
คนไขว้ ่าอาการเจ็บปว่ ยของคนไขต้ ้องหายขาดแน่นอน และจะไมท่ อดทง้ิ คนไข้ ดังตวั อยา่ งกลอนลา

…ตกตนี ไปต่าง
ตกย่างไปไกล เดอ้ ไทเฮาเอย่

ไปนาขามานาแลง้
อย่าเหอ้ เป็นเหตุดอนกลาง

เปน็ ลงตอนหนา้
เหอ่ เลียงลอด
เหอ้ ปลอดความไข้ เด้อไทเฮาเอย่ ...

กลอนลาเส่ียงไขข่ วญั คนปว่ ย หมอเหยาขบั ลาประกอบการเสีย่ งทายอาการเจ็บป่วยของหากสาเหตุ
ของการเจบ็ ป่วยมาจากการทะเลาะววิ าทกันภายในครอบครวั หมอเหยาจะจดั พธิ ีกรรมการสมมาเจ้าโคตร
แทรกข้ึนมาเพม่ิ เติม ดังตัวอย่างกลอนลา

...สาธุการ สมภารเจ้าพาเว้า
สาธุแล้วแมแ่ ก้วมาสง่ั เดอ้ ไทเฮาเอย้

เอด็ แนวเลอจัง่ สเิ จออ่นั น้ัน

๖๕

เฮ็ดอี่หลม่ี นั จั่งมดี ีอ้าง
เฮด็ เหลงิ หลา่ ง ฮา้ งเปลา่ เสยี ดาย เดไ้ ทเฮาเอ้ย

ลงมาลนิ้ กินตามมะหงุ่ ปง้ิ เดอ้ ไทเฮาเอ้ย
ลงมาเยอ้ กนิ ตบั เจอไก่โอก เด้อไทเฮาเอย้

เอ็ดแนวเลอจงั่ สเิ จออ่นั น้ัน
เฮด็ เหลงิ หลา่ ง ฮ้างเปลา่ เสยี ดาย เดไ้ ทเฮาเอย้ …

กลอนลาอวยพร หมอเหยาขับลาอวยพรใหค้ นปว่ ยหายปว่ ย พร้อมทาการขับลาสงั่ สอนคนปว่ ยและ
คณาญาตขิ องคนป่วยผ่านพิธกี รรมวา่ ใหป้ ฏบิ ัตติ นเป็นคนดี ใหช้ ว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู กัน โดยยดึ หลกั ความกตญั ญู
รู้คณุ และหลักของศีลมาเป็นแนวทางหลักของการปฏบิ ัติตน ดงั ตัวอย่างกลอนลา

...จบั หวั พาเวา้ เดอ้ ไทเฮาเอย่
จับเขา้ พาจา เด้อไทเฮาเอย่

เทียมแข้งอยา่ ลา้
เทียมข้าอยา่ เมย้ เดอ้ ไทเฮาเอ้ย

ศนู ย์จติ พาไป
ศนู ยใ์ จพาเว้า
ผดั พาพอ่ ลา้ ง
ผัดผางพ่อพดั เดอ้ ไทเฮาเอ่ย…
…เก็บหมเู่ ฮานใ้ี สข่ อ้ ง
เก็บนอ้ งน้อยนเ้ี อาแขนแอว
เอาของโหลงเมอื ฝะยะเมิง
ให้ไปอยเู่ มิงเจก๊ แข้วขาว
ให้ไปอยูเ่ มงิ ลาวแขว้ ดา เด้อไทเฮาเอย้ ...

กลอนลาลงข่วง หมอเหยาขับลาเพอื่ เชญิ ชวนใหค้ นป่วยพรอ้ มบริวารและคณาญาติของคนป่วย
ออกมาฟอ้ นรารอบคายพิธีร่วมกนั ดงั ตัวอยา่ งกลอนลา

...เฮาละลน้ิ จมุ้ โหลงซาวแปด
จุ้มแสดซาวสอง
เฮ็ดตามฮตี แม่ดู

เฮด็ ตามคูแมก่ ล่าว เด้อไทเฮาเอ่ย...

...ขนั เผง้ิ เซอมอื ลุม่ เพิ่นเยอ
เลนขันเทนเพน่ิ หุ้มยอไว เดอ้ ไทเฮาเอ่ย

ตะกมุ เซ้อเมิงลุ้ม
ผัดมาหาไดพ้ ญาเมงิ เอ้ย...

๖๖

…สาวนางนอ้ ยผูช้ มดอกงา
สาวสีดาผูช้ มดอกอ้ม เด้อไทเฮาเอ้ย...

กลอนลาเรยี กขวญั คนป่วย หมอเหยาขบั ลาเพ่ือเรยี กขวัญคนปว่ ยที่เชอื่ ว่าหนอี อกจากรา่ งกายคนป่วย
ไปหลบลอี้ ยตู่ ามสถานท่ตี ่างๆ ใหก้ ลบั คนื มาเขา้ สรู่ า่ งกายคนปว่ ยเหมอื นเดมิ ดงั ตัวอยา่ งกลอนลา

...สองหลบเจอ๋ ขอ้ ยทผี่ ดั ซังจงั่ เซอ้ เดอ้ ไทเฮาเอ่ย
สามเท้อเซอ้ ขอ้ ยนผ้ี ดั จงั่ เอาได้

อนั ทอโผโกงหลังผัดเอางา้ ว ไดไ้ ทเฮาเอ้ย...

…เอาหลังเมง้ จอื ห้ือเซอผัดหลังควาย
พาแลงวายจงึ เสดหลังซา้ ง เดอ้ ไทเฮาเอย่ …

...หวนั โหมใิ หย้ ายเสง็ นาเด้อ
ใหด้ อกเฝ้าสเิ จเจา้ สเิ มอเฮินไดว้ นั นางเอ่ย..

กลอนลาเลิกพธิ กี รรมการเหยา หมอเหยาขบั ลาเพื่ออญั เชญิ ผีทล่ี งมาช่วยในการรกั ษาในพิธกี รรม
กลับคืนยงั สถานทสี่ งิ สถติ ยข์ องตนเอง และถือเปน็ เสร็จสนิ้ พธิ ีกรรมการเหยา ดังตวั อยา่ งกลอนลา

...มนั หากสมควรแล้ว
เวลาลงโคง้ อ่วยแล้วเด้อ
เหอ้ คุม้ ครองลกู ซา้ งในเมงิ เดอ้ ไทเฮาเอ่ย

เหอ้ ซ้ที างออก
เหอ้ บอกทางเมอ เด้อไทเฮาเอ่ย...

กล่าวโดยสรุปแล้วจากการศึกษาพิธกี รรมการเหยา ในประเด็นการจดั การความขดั แย้งของกลมุ่ หมอ
เหยาในการจัดการปญั หาระดับครอบครัว โดยมองผา่ นบทกลอนขบั ลาในพธิ ีกรรมนน้ั ทาให้ผูว้ จิ ัยสามารถสรุป
ได้ว่าสังคมของประชากรในพ้ืนท่ียังคงยึดหลักการปกครองด้วยระบบจารีตแบบด้ังเดิมที่เรียกว่า ฮีตคลอง
สาหรบั การจัดการความขัดแย้ง ฮีตคลองนมี้ คี วาม หมายกวา้ งขวาง ลมุ่ ลึก เปน็ ระเบียบวิธีปฏิบัตทิ ่ีสง่ั สมมาจาก
ประสบการณ์ ถือเป็นภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ ผ่านการกล่ันกรองมาแล้วโดยยุคสมัยว่า ถ้าประพฤติปฏบิ ัติตาม จะ
สามารถทาให้สังคมมคี วามสงบสขุ ได้ ถ้าไม่ปฏิบัติตาม ก็จะทาให้สังคมเกดิ ปัญหาทันที ระบบฮีตคลองนี้ คือ
ธรรมเนยี ม ประเพณี และวิถปี ฏบิ ัติอันเกดิ จากระบบความเช่ือในเรื่องต่างๆ ผสมผสานกัน โดยทุกคนในสงั คม
ต้องได้รับการอบรมสง่ั สอน ไมจ่ ากัด เพศ วยั และสถานภาพทางสงั คม ตา่ งกต็ กอยู่ในกฎเกณฑ์เดียวกนั น้ี ถือ
วา่ เปน็ การใช้ศีลธรรมปกครองแทนกฎหมายและได้ผลเปน็ อย่างดี ฮตี คลองทีป่ รากฏในบทกลอนขบั ลาของหมอ
เหยานนั้ ในประเด็นจริยธรรมสาหรับชวี ิตและสงั คม จรยิ ธรรมทางการเมอื ง การปกครองที่ปรากฏในคาสอนใน
พิธีกรรมการเหยา นอกเหนอื จากหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาแล้ว ล้วนเป็นฮตี คลองของสังคมอีสานดั้งเดิม
ท้ังสิ้น เชน่ ความสามัคคี ความเอือ้ เฟ้ือเผอื่ แผ่ ความกตญั ญูกตเวที ความเจียมเนอื้ เจียมตวั เป็นต้น

๖๗

บทบาทของหมอเหยาในพธิ ีกรรม จะเป็นผสู้ ื่อสารหรอื ตวั สอ่ื ระหว่างโลกสองภพเข้าดว้ ยกัน ระหว่าง
โลกแหง่ ความเชอ่ื และวิญญาณส่ิงศักด์ิสทิ ธิก์ บั โลกทางสงั คม โดยผา่ นพิธีตา่ งๆ ในพิธกี รรมพธิ กี รรม จงึ เป็นการ
แสดงออกท่ีสาคัญในการสอ่ื สารทใ่ี หป้ รากฏเห็นอย่างชัดเจนถึงการดารงอยรู่ ะหว่างโลกสองโลก การแสดงใน
พิธีกรรมจึงไม่ได้เปน็ เพียงการแสดงใหร้ ับรู้เท่าน้ัน แตเ่ ป็นการสร้างการมีส่วนร่วมในพิธีกรรมด้วย ตลอดช่วง
ของพธิ ีกรรมการรกั ษา ญาติพนี่ ้องของผูป้ ว่ ยไดเ้ ขา้ มามีส่วนรว่ มต่อพิธีกรรมตลอดเวลา การรักษาโดยหมอเหยา
จงึ ไม่ไดเ้ ป็นเพยี งความ สมั พนั ธ์ ระหวา่ งหมอกบั คนไขด้ ังเชน่ การแพทยแ์ ผนปัจจบุ ัน แต่การรกั ษาโดยหมอเหยา
เปน็ การรักษาบนความสมั พนั ธร์ ะหว่างความเชอ่ื ต่อสิ่งศักดิส์ ิทธ์ิ หมอเหยา และผู้ป่วยรวมทง้ั บรรดาญาติพ่ีน้อง
ชว่ งเปล่ียนผ่านของชวี ิตสาหรบั ผู้ป่วยในพธิ กี รรมการรกั ษาโดยหมอเหยา เป็นกระบวนการ ทท่ี าใหผ้ ้ปู ่วยทอ่ี าจ
ละเมิดต่อกฎธรรมเนยี มประเพณี หรือไม่เคารพต่อบรรพบุรุษของครอบครัว ได้กลบั เข้ามาสู่ครอบครวั สู่สังคม
อีกครั้ง โดยหมอเหยาได้อาศยั องค์ประกอบหลายประการเข้ามามสี ่วนรว่ ม นอกเหนอื ไปจากการแสดงความ
เคารพบูชาต่อสิ่งศักด์ิสิทธิ์เหนือธรรมชาติ และการอยู่ร่วมแวดล้อมใกล้ชิดกับบรรดาญาติพ่ีน้องของคนป่วย
เสียงดนตรีจากหมอแคน การขับลารอ้ งและภาษาคาร้องของหมอเหยาตา่ งเป็นองค์ประกอบสาคญั ในพธิ กี รรม
ที่ทาให้ผู้ป่วยมีอารมณ์ความ รู้สึกร่วมต่อพิธีกรรม และประสบการณ์ร่วมต่อความเช่ือในสิ่งศักด์ิสิทธิ์
กระบวนการรักษาหมอพ้นื บ้านโดยหมอเหยา โดยพิธีกรรมต่างๆ ต้งั แต่การรักษาจนถงึ พิธีกรรมในชว่ งรอบปี
การแสดงออกในพิธีกรรมเป็นสิ่งท่ีสามารถสื่อให้เห็นถึงหน่วยทางวัฒนธรรม ที่สามารถสังเกตเห็นได้ และ
รวมทั้งทาให้ผู้คนท่ีเป็นลูกศิษย์และชาวบ้านได้เข้ามามีส่วนร่วมในพิธีกรรม การแสดงในพิธีกรรมน้ีจึงนา
ชาวบ้านไปสูโ่ ครงสรา้ งทางวฒั นธรรมหรอื ระบบคณุ คา่ ความเชือ่ ทีม่ คี วามสัมพนั ธ์ตอ่ โลกธรรมชาตแิ ละโลกทอ่ี ยู่
เหนอื ธรรมชาติ ย่ิงไปกวา่ น้ัน การแสดงในทางพิธีกรรมยงั เปน็ วิถีทางทางวฒั นธรรมท่ีทรงพลังและนาไปส่กู าร
เปลี่ยนรูป ท้ังประสบการณ์และความสัมพันธ์ทางสังคมของผู้คนที่มีส่วนร่วมในพิธีกรรม อันนาไปสู่การก่อ
ตวั ตนทางวัฒนธรรมข้นึ มาใหม่ของผูเ้ ข้าไปมสี ่วนรว่ มในพิธกี รรม

โดยสรุปแล้วกรณีกลอนลาที่หมอเหยาใช้ในการขับลาในพิธีกรรมการเหยาในแต่ละขั้นตอนนั้น
นอกจากจะสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถึงการสอ่ื ภาษา การตดิ ต่อ ระหว่างมนุษย์กบั ผี เพื่อสร้างความเข้าใจเปน็ การยุตมิ ิให้
ผีมารังควานทาความเดอื ดรอ้ นตอ่ ผู้ปว่ ยอีก นอกจากนี้ยังสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ บทบาทดา้ นการจดั การความขดั แยง้
ทางสงั คมทีพ่ บปรากฏในกลอนลาอยา่ งเดน่ ชัดอกี ดว้ ย หมอเหยาจะมีการขบั ลาใหค้ นป่วยประพฤติและปฏิบัติ
ตนให้อยู่ในศลี ธรรมอนั ดี ตามหลักทางพระพทุ ธศาสนาและฮีต คลองธรรมเนยี มของชาวอีสาน ได้แก่

1) หลักความกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณ ในบทกลอนขับลาได้กล่าวไว้ว่า เกิดมาเป็นคนต้องรู้จัก
กตัญญูร้คู ุณต่อบิดา มารดา ครู อาจารย์ และผู้มีพระคณุ ต่อตนเอง เม่ือมีเวลาและโอกาสตอ้ งทดแทนบญุ คุณ
ทา่ นเหล่าน้ัน ในกลอนลาได้เปรียบเทียบพระคุณของท่านเหล่าน้ันว่ายิ่งใหญ่เหมือนเขาพระสุเมร ไม่มสี ิ่งใด
เปรียบเทียบ ให้มคี วามสมัครสมานสามัคคีกันในวงศ์ตระกลู รกั ในศักด์ิศรีของตระกูลไม่ทะเลาะเบาะแวง้ กัน
ถ้าเป็นเพศชายควรบวชเรียนตามครรลองแห่งพระพุทธศาสนา ถ้าเป็นเพศหญิงก็ควรรักนวลสงวนตัว รู้จัก
สารวมระวังในอริ ิยาบถตา่ งๆ ประพฤตปิ ฏิบตั ติ นตามฮีตคองของหญงิ อย่างเครง่ ครัด

2) หลกั แห่งความออ่ นน้อมถ่อมตน ไมพ่ ูดโออ้ วด ทระนงตนเอง และรักษาสจั จะเทา่ ชีวติ ในบทกลอน
ขับลาได้กล่าวไว้วา่ เกิดมาเป็นคนต้องประพฤติปฏบิ ัติในสิ่งที่ดีงาม มีความออ่ นน้อมถ่อมตน ไม่เกียจคร้าน ไม่
เขา้ ไปยุง่ เกีย่ วกบั การพนันและอบายมขุ ไม่คบคนพาลหรือพวกนักเลงหัวไม้ ไมป่ ระพฤตติ นนอกธรรมเนยี ม ให้
ความเคารพรุ่นพ่ี ครูบาอาจารย์ และตอ้ งรักษาคาสัตย์หรอื คามั่นสัญญาท่ตี นเองไดพ้ ูดออกไป กับบุคคลอ่ืนๆ
โดยมีแนวทางของพระพทุ ธศาสนาเป็นวถิ ีการปฏิบัตติ น

๖๘

3) หลกั ของการทาบุญ ให้ทาน ในบทกลอนขับลาในพิธีกรรมการเหยา หมอเหยาจะมุ่งสอนให้คน
ปว่ ย ประพฤตปิ ฏบิ ัติตนให้ถูกต้องตามฮีตคอง ประเพณโี บราณ และร้จู ักให้ทาน รกั ษาศลี เพอื่ ผลบุญที่คน
ปว่ ยได้กระทาจะได้สง่ ผลใหค้ นปว่ ยหายขาดจากโรคภัยไขเ้ จ็บท่เี ผชิญอยู่

4) หลักของกฎแห่งกรรม บทกลอนขบั ลาในพธิ ีกรรมการเหยาท่ีนามาศึกษาวจิ ัยครั้งนี้ ส่วนหนึ่งได้
สะท้อนให้เหน็ แนวคดิ เร่ืองกฎแห่งกรรม ซ่ึงชาวอีสานอีสานมีความเชื่อในเรอ่ื งกฎแห่งกรรมในฐานะทส่ี ่งผลให้
มนษุ ย์ไปเกิดในภพภูมิตา่ งๆ และเจบ็ ไข้ไดป้ ่วยตามกรรมเก่าท่ีเคยได้กระทามา นอกจากน้แี นวคดิ ของหมอเหยา
เร่ืองเก่ียวกบั สาเหตุของการเจ็บป่วยของคนป่วยน้นั สาเหตุที่สาคัญอกี ประการหนึง่ ท่ีทาให้คนไข้เกิดอาการ
เจ็บป่วยไมส่ บายขึ้นมา เป็นผลมาจากกรรมเก่าท่ีมมี าแต่ชาติปางก่อน สาเหตหุ น่งึ ท่ีทาให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บของ
คนป่วยที่ สาคญั คอื เกดิ จากกรรมเก่าทมี่ มี าแต่ปางก่อน ซ่ึง เป็นแนวคิดท่ีมอี ิทธิพลต่อวิถีชีวิตชาวอีสานมาก
ท่ีสดุ ทาให้ชาวอสี านตอ้ งคิดอยา่ งรอบคอบเสมอกอ่ นจะทาอะไรตามเพราะกลัวจะเป็นบาปเวรติดตามตนเองไป
ในชาติหน้า และจะตอ้ งหมน่ั ทาบญุ ทาทานมใิ หข้ าด

4.3.2 การจดั การความขดั แย้งผา่ นการสรา้ งสัญลักษณใ์ นพิธีกรรม
จนิ ตนาการและสัญลกั ษณถ์ อื เป็นปรากฏการณ์ทซี่ ับซอ้ นของสังคมมนุษย์ เกดิ มขี ้ึนในทกุ

กลุ่มชนทุกชาติทุกภาษา ความเป็นมนุษย์มีแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ คือความพิเศษท่ีธรรมชาติให้มา
มนุษย์มีความจรงิ และความไมจ่ ริง มคี วามรแู้ ละความไมร่ ู้ มีส่ิงทส่ี ัมผสั ได้และสัมผสั ไม่ได้ มสี งิ่ ท่ีนา่ เชอ่ื และสิง่
ทีเ่ หลือเชอ่ื มีสง่ิ ทอ่ี ยูด่ ้านหน่งึ และส่ิงอยตู่ รงขา้ ม สลบั ทบั สลบั เสรมิ จนเกิดความกลมกลืนกันกลายเป็นบอ่ เกิด
วัฒนธรรมของกลุ่มชนไปในที่สุด มนุษย์ทุกกลุ่มชนในโลกมีความเช่ือโลกของจิตวิญญาณ เช่ือโลกของ
นามธรรมกนั ทั้งสน้ิ สง่ิ เหล่านเี้ ปน็ รากฐานของความนกึ คิดและจินตนาการ มนุษย์เชอื่ โลกของอดีตชาติ การ
เวียนว่ายในวัฏสงสาร เช่อื ในพระเจา้ เช่ือในแถน ผีฟ้า เทพยดา เชอ่ื ในวิญญาณของบรรพชน เช่ือใน พลานุ
ภาพของส่ิงศกั ดสิ์ ิทธ์ิ การที่มนุษยม์ คี วามเชอื่ เพราะมนุษย์มีความไว้ใจ เห็นคลอ้ ยตาม ศรทั ธา นับถือ แม้ว่าสิ่ง
นน้ั ยังคงไวใ้ นจติ ท่รี ูส้ กึ หรือนกึ คดิ กต็ าม การปรบั แปรสภาพจากความคดิ และจนิ ตนาการให้เปน็ สัญลักษณท์ าง
รปู ธรรมมีเกดิ ขน้ึ อยา่ งมากมาย การวาด การขีด การเขียนภาพตามผนงั ถา้ แกะสลักไม้ กอ้ นหนิ ไปจนการ
หลอมโลหะใหเ้ ป็นรูปสง่ิ เคารพ การอ่าน การสวดคมั ภีร์ สวดพระธรรมบท ก็จัดอยู่ในวิธีการตามความเชื่อ
วา่ สายเสียงทพี่ รงั่ พรจู ากการสวดบริกรรมน้นั สามารถตดิ ต่อเชอื่ มโยงไปสู่โลกของความเชื่อที่ตนมีอยูไ่ ด้ และ
การวจิ ัยในครง้ั นผ้ี ูว้ ิจยั จะม่งุ พิจารณาลักษณะการจดั กาคความขัดแยง้ ในสงั คมของกลมุ่ หมอเหยาผา่ นการสรา้ ง
สญั ลักษณ์ในพิธีกรรมในขั้นตอนต่างๆ ของพิธกี รรม ได้แก่ 1) ขั้นตอนการลาเส่ียงทายเพื่อหาสาเหตุของการ
เจ็บป่วยของคนป่วย 2)ข้ันตอนการสมมาเจ้าโคตรในพิธีกรรม 3) เคร่ืองบูชาในพิธีกรรมและหิ้งบูชาครูบา
อาจารย์ ซ่งึ จะสะท้อนให้เห็นภาพของลักษณะการจัดการความขัดแยง้ ในพิธีกรรมทปี่ รากฏให้เห็นอย่างชดั เจน

1) ขน้ั ตอนการลาเส่ียงทายเพอื่ หาสาเหตขุ องการเจ็บป่วยของคนป่วย
กรณกี ารสร้างสัญลักษณใ์ นพิธกี รรมในขนั้ ตอนการลาเสยี่ งทายเพื่อหาสาเหตขุ องการเจ็บปว่ ยของคน

ป่วยในพิธีกรรมเหยานัน้ ผู้วจิ ัยขอยกตวั อย่างพิธีกรรมการลาเส่ียงกรณี ข่วงนางคาพอก 4 (นามสมมติ) มา
เพื่อให้เหน็ ภาพของการสรา้ งสญั ลกั ษณ์ในพธิ กี รรมดังตารางต่อไปนี้

๖๙

ตารางท่ี 11 แสดงรายละเอียดของการเสยี่ งทายในพิธีกรรม

เวลา ขนั้ ตอน รายละเอียดภาคปฏบิ ตั ิการใน ลักษณะการเสยี่ งทายในพธิ ีกรรม
พิธกี รรม
09.00 เรมิ่ ประกอบ -
09.35 พธิ กี รรม หัวหน้าคณะหมอเหยา เข้าไปนั่งคุกเข่าหน้า
เริม่ ขั้นตอนการ เครื่องคาย กราบลง 3 ครั้ง บริวาร คนไข้ หมอเหยารินเหล้าจากขวดลงในแก้ว
09.45 เส่ียงทาย เจ้าของไข้ และคนอน่ื ๆ กราบตาม จานวนเล็กน้อยขณะนั้นก็ลาอัญเชิญเทพ
หมอเหยาเริ่มขบั ลาเส่ียงทายเพื่อสอบถามหา หรอื ผีช่ือตา่ งๆ ไปเรื่อยๆ และในเนื้อหาของ
การเสี่ยงทาย สาเหตุขอการเจบ็ ป่วยของคนปว่ ย กลอนลาก็จะถามว่า เครื่องบูชาท่ีจัดไว้ใน
อาการเจ็บป่วย พิธีกรรมนั้นถู กใจเท พต่า ง ๆ หรือยัง
หม อ เ ห ย า ขั บล า เ สี่ ย ง ท า ย เ พื่ อ ส อบ ถ า ม ห า ต่อจากนัน้ ครูบาหมอลาจะเทเหล้าจากแก้ว
สาเหตุขอการเจ็บป่วยของคนป่วย โดยมี ใส่มอื แล้วทาผมตนเอง แจกเหล้าแกว้ นั้นไป
สาระสาคัญของการสอบถามหาสาเหตวุ ่ามผี ไี ร่ ให้บริวารทาดว้ ย ขณะทล่ี าอัญเชญิ ไปเร่อื ยๆ
ผีนาหรือผีบรรพบุรษุ มาทาให้เกิดการเจบ็ ปว่ ย
หรือไม่ คนป่วยจงึ ได้เกิดการเจ็บป่วยขน้ึ มา หมอเหยาเร่ิมเสี่ยงทายจากไข่ โดย
หยิบไข่ออกมาต้งั บนเสอ่ื ที ละลูก ขณะน้ัน
ก็จะลาถามสาเหตุของการเจ็บป่วยของ
คนไข้ด้วย ถามกลับไปกลับมา จนกระทั่ง
สามารถต้ังไข่ไดท้ ั้งสองลูก โดยเอาดา้ นปา้ น
ตงั้ บนเสือ่ และเอาดา้ นแหลมช้ีขน้ึ

หมอเหยาเอามือตบเส่ือขณะท่ีลาไป
เร่ือยๆ มีเน้ือความว่าถ้าคนไข้จะหายก็ขอ
อย่าใหไ้ ขล่ ม้ ถา้ ไข่ทง้ั สองลูกลม้ ก็จะนามาตั้ง
ใหม่ ถ้าลมเพียงลูกเดียวกจ็ ะจบั ลูกท่ลี ้มนั้น
ใสฝ่ ่ามือแล้วลาอ้อนวอน และเสย่ี งทายใหม่
ว่าคนไข้จะหายป่วยให้ไข่ต้ังขึ้นในฝ่ามือ
แ ล้ ว ค่ อ ย ๆ พ ลิ ก ไ ข่ ใ ห้ ตั้ ง ดิ่ ง กั บ ฝ่ า มื อ ต น
ขณะน้ันก็เรียกขวัญของคนไข้กลับมา โดย
เรยี กคนไข้ว่า “น้อง” เรยี กตนเองว่า “เอ้ือย
พ่ี” คาท่ีเรียกล้วนแต่เป็นวาทะท่ีไพเราะ
นอบน้อมและยินยอมให้น้องทุกๆอย่าง
ขอให้กลบั คืนมาเท่านน้ั กพ็ อ

หมอเหยาขับลาประกอบการเสย่ี งทาย
อาการเจบ็ ป่วยของคนไข้ โดยพิจารณาจาก
การตั้งไข่ลงบนฝ่ามือแล้วบอกให้ไข่ลุกและ
นอน นอกจากน้ียังตั้งไข่ไว้บนเสื่อและ
ทานายอาการเจ็บป่วยของคนป่วยผ่าน
ลักษณะการล้มลุกของไข่ไก่ในพิธีกรรม
นอกจากนี้ยังมีการสอบถามว่าคนป่วยและ
ญาติจะ “อ่อนยอม” หรือไม่ และหาก
สาเหตุของการเจ็บป่วยมาจากการทะเลาะ
ววิ าทกันภายในครอบครัว หมอเหยาจะจัด
พิธีกรรมการสมมาเจ้าโคตรแทรกขึ้นมา
เพ่มิ เติม

๗๐

กล่าวโดยสรุปแล้วในขั้นตอนการลาเส่ียงทาย ผู้วิจัยพบสัญลักษณ์ท่ีสาคัญท่ีใช้ในการเสี่ยงทายใน
ขั้นตอนน้คี อื “ไข่ไก่” กล่าวคือ ไขไ่ กจ่ ะถูกนามาเป็นสญั ลักษณ์ท่ีสาคัญในกระบวนการเสี่ยงทายหาสาเหตุของ
การเจ็บปว่ ยคนคนไข้ในพิธกี รรมในหลายรปู แบบ หมอเหยาบางสว่ นสังเกตและทานายอาการเจ็บป่วยของคน
ป่วยผ่านการ “ตั้งไข่” ลงบนเส่อื กกหน้าเครื่องคายพิธี นอกจากนี้ผูว้ ิจัยยังพบว่าหมอเหยาบางส่วนยังทานาย
อาการเจ็บป่วยของคนป่วยในพิธีกรรมผ่านการ “ต้ังไข่” ลงบนฝ่ามือของตนเองขณะขับลาเพื่อสอบถามหา
สาเหตุของการเจ็บปว่ ยของคนป่วยในพิธกี รรม ซ่ึงสะทอ้ นให้เหน็ ความสาคญั ของ “ไขไ่ ก่” ในพิธกี รรมของกลมุ่
ชาติพันธุ์ผู้ไทยได้เป็นอย่างดี ไข่ไก่ตลอดจนไก่ถือเป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์ท่ีมีผลต่อกระบวนการ
ควบคุมทางสังคมของคนในพิธีกรรมเป็นอย่างย่ิง เพราะผลจากการเส่ียงไข่ในพิธีกรรมคือข้อสรุปของ การ
ทานายอาการเจ็บป่วยของคนป่วยทกี่ ลุม่ หมอเหยาใช้ในพธิ ีกรรม

ในการศึกษาคร้ังนี้ พิธีกรรมการเหยา มีหลักการที่สาคัญ คือ การรักษาพยาบาลผ่านพิธีกรรมที่ได้
สะท้อนภาพของการจดั การความขดั แย้งกรณกี ารเฝา้ ระวังและการกากบั วินัยทางสังคมขึน้ ตามหลกั การน้ีแล้ว
ในพิธกี รรมการรักษาพยาบาล บอกความมุ่งหมายอย่างเดียวกันคอื “ความต้องการให้คนปว่ ยหายขาด” จาก
โรคภัยไข้เจ็บท่ตี นเองได้รบั ซง่ึ นอกจากสัญลกั ษณใ์ นพธิ ีกรรม จะถูกหมอเหยานามาพจิ ารณาจากการเสีย่ งทาย
ไขไ่ ก่ในขั้นตอนการลาเส่ียงทายแลว้ ยงั มีสัญลกั ษณ์ในพธิ ีกรรมอื่นๆ ที่แสดงความหมายว่าคนปว่ ยจะหายขาด
จากโรคภยั หรือไม่หายขาด ไดแ้ ก่

ขน้ั ตอนการเส่ียงไข่ขวญั ในมือหมอเหยา ถา้ การเสีย่ งทายปรากฏว่าครบู าหมอเหยาสามารถบงั คบั
ให้ไข่ไก่ตั้งหรอื ลุกขึน้ บนฝา่ มอื ของตนเองได้ หรือสามารถบงั คับใหไ้ ขไ่ ก่ไหลไปตามอวยั วะต่างๆ ของร่างกายครู
บาหมอลาไดน้ ้ัน แสดงให้เห็นวา่ คนปว่ ยจะหายขาดจากอาการเจบ็ ปว่ ย

ขนั้ ตอนการเสยี่ งทายข้าวสาร ในบางข่วง ขน้ั ตอนของการเสีย่ งทายหาสาเหตขุ องการ เจ็บป่วยของคน
ปว่ ยในพิธีกรรม หมอเหยาจะใชข้ ้าวสารโรยลงบนไขไ่ ก่ และจะมีขา้ วสารจานวนหนงึ่ ตดิ อย่บู นไข่ไก่ หมอเหยา
จะขับลาพรอ้ มเคาะให้ข้าวสารตกลงบนพ้ืน ถ้าข้าวสารตกลงบนพื้นได้หมด แสดงวา่ คนป่วยจะหาย แต่ถา้
ข้าวสารบางส่วนยงั ตดิ อยบู่ นไขไ่ ก่ แสดงวา่ คนป่วยจะไม่หาย

ข้นั ตอนการดมดอกจาปา ในบางขว่ ง ขัน้ ตอนของการเสีย่ งทายหาสาเหตุของการเจ็บปว่ ยของคนป่วย
ในพธิ ีกรรม หมอเหยาจะใช้ลักษณะการดมดอกจาปาหรือดอกล่ันทม เพอ่ื เสย่ี งทายอาการเจบ็ ป่วยของคนปว่ ย
ในพิธีกรรมด้วย ทั้งนเี้ พราะดอกจาปา เป็นดอกไม้ท่ศี ักดส์ิ ิทธ์ิในพธิ ีกรรมการเหยา หมอเหยาและบริวารหมอ
เหยาส่วนมากมกั จะนยิ มปลูกตน้ จาปาไว้ในบ้านของตนเอง เพ่อื นาดอกของต้นจาปามาบชู าครบู าอาจารย์ ดอก
ของจาปาในพธิ ีกรรมสว่ นหนึ่งถูกหมอเหยาในบางกล่มุ นามาใช้ประกอบการขบั ลาเสีย่ งทายอาการเจบ็ ป่วยของ
คนปว่ ย โดยการดมดอกจาปา

สัญลักษณ์การเสี่ยงทายทป่ี รากฏในพิธีกรรมนั้น ถูกตระหนักว่า เปน็ สง่ิ ทีเ่ กี่ยวข้องกบั การเจบ็ ป่วยของ
ผู้ปว่ ย ซ่ึงผปู้ ว่ ยจะหายจากการเจ็บป่วยโดยพธิ ีกรรมการเหยาท่ีมีอานาจเหนือธรรมชาตจิ ะมาช่วย คนปว่ ยและ
ญาตขิ องคนป่วยส่วนมากจะตคี วามสัญลักษณท์ ุกสัญลักษณใ์ นพิธีกรรมไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าสัญลักษณเ์ หลา่ นนั้ จะถูก
นาไปทานายอาการเจ็บป่วยของคนป่วย องค์ความรู้ที่เก่ียวข้องกับสัญลักษณ์ต่างๆ เกิดมาจากวัฒนธรรม
ทอ้ งถิน่ ผทู้ ่ีอยู่ในกลุ่มวัฒนธรรมเดยี วกนั สามารถเข้าใจถึงความหมายของสญั ลกั ษณ์ในแง่เดียวกัน ระบบความ
เช่ือในเร่อื งหมอเหยานั้นคอื ระบบสัญลกั ษณ์ที่มีพลังท่ีสามารถสร้างศรัทธา เร้าอารมณค์ วามร้สู กึ ของคน ผีฟ้า
คือส่ิงที่เป็นนามธรรม ไรต้ ัวตน แต่จะปรากฏออกมาผ่านส่ือสัญลกั ษณต์ ่างๆ ในพิธีกรรมการรักษาท่ีเกิดขึ้นใน
ชุมชน ซ่ึงอาจกล่าวได้ว่า ระบบของสัญลักษณ์ถือเป็นส่ิงท่ีสาคัญในพิธีกรรมน้ี และสัญลักษณ์ที่เกิดข้ึนผ่าน

๗๑

พธิ กี รรม มักจะสื่อไปในทางทว่ี า่ ผูป้ ่วยจะต้องหายขาดจากโรคภัยที่ได้รับ ด้วยระบบสัญลกั ษณ์ท่แี สดงวา่ “คน
ปว่ ยจะหายดี” การรักษาพยาบาลด้วยระบบการสรา้ งสัญลักษณผ์ า่ นพิธีกรรมของกลมุ่ ของหมอเหยา จะสง่ ผล

ด้านความม่ันคงของจิตใจต่อคนป่วยและญาติของคนป่วยและคนอ่ืนๆ ที่อยู่รอบตัวคนป่วย และช่วยสร้าง
ศรัทธาที่ส่งผลตอ่ การจัดการความขดั แย้งใหเ้ กิดขึ้นมาในครอบครัวของคนปว่ ย ด้วยการสรา้ งสัญลกั ษณผ์ ่าน
พิธีกรรมในลักษณะต่างๆ ของกลุ่มหมอเหยา และอาจกล่าวได้ว่าสัญลักษณ์จะแสดงความหมายเดียวกันใน

สถานการณ์ใดสถานการณ์หน่ึงเท่าน้ัน แต่ในสถานการณ์ท่ีต่างกัน สัญลักษณ์ก็จะให้ความหมายอีกลักษณะ
หนงึ่ ที่แตกตา่ งกนั ออกไป ซง่ึ เป็นสง่ิ ทีบ่ ่งบอกความหมายไดห้ ลายอย่าง

2) ข้นั ตอนการสมมาเจ้าโคตรในพธิ ีกรรม
ขั้นตอนทส่ี าคัญอีกประการหนง่ึ ของการสรา้ งสญั ลักษณ์ในพิธกี รรมก็คือ “การสมมาเจา้ โคตร” การสม

มาเจา้ โคตร หมายถึงการขอสมาลาโทษระหว่างบุคคลหนึง่ ต่ออีกบุคคลหน่ึง เป็นจารตี ที่สาคญั ของคนในกลุ่ม
ชาติพันธุ์ไทลาววัฒนธรรมล้านช้าง ทีส่ บื ทอดมรดกพิธีกรรมนเ้ี อาไว้จากรนุ่ สู่รุ่น การสมมาเจ้าโคตร เกิดขึ้นได้
ในหลายเหตุการณ์ท้ังเหตุการณ์ในฮีต 12 ของคนกลุ่มชาติพันธ์ุไทลาว และเหตุการณพ์ ิเศษตามวาระต่างๆ

เช่น การบวช การแตง่ งาน การบายศรีสขู่ วัญคนปว่ ย และกรณีพธิ กี รรมการเหยาในพ้ืนทว่ี ิจัยในครั้งน้ี จากการ
ลงพื้นทภี่ าคสนามเพอื่ เกบ็ ข้อมูลประกอบการศกึ ษา ผ้วู ิจยั พบว่าในพิธกี รรมการเหยาน้ัน พบขน้ั ตอนการสมมา
เจ้าโคตรปรากฏให้เห็นอย่างเดน่ ชัดในพิธกี รรมน้ดี ้วย โดยสัญลกั ษณ์ท่ีสาคญั ของขั้นตอนนี้ก็คือ “ขันห้า” คือ

ขันน้าหรือจานประกอบไปด้วยดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ และฝา้ ยผูกข้อมือ บนขันหรือจานน้ัน การสมมาเจ้า
โคตรในพิธกี รรม
การเหยา

หมอเหยาทั้ง 20 กลุ่ม มกั จัดข้นั ตอนนี้ขึน้ มาภายหลังจากเสร็จสนิ้ ขนั้ ตอนการขับลาไหว้ครูเสรจ็ หรือ
ในบางข่วงหมอเหยาก็มักจะจัดขนั้ ตอนนีข้ ัน้ ภายหลังจากทีท่ ราบสาเหตุของการเจ็บป่วยของคนปว่ ยในพธิ กี รรม
ว่า มีสาเหตุเกิดข้ึนมาจากการล่วงละเมิด การทะเลาะวิวาท หรือการขัดแย้งกันภายในครอบครัว หรือวงศ์

ตระกลู หมอเหยาจะจัดใหม้ ีการสมมาเจ้าโคตรขน้ึ มาทันที เพ่ือเป็นการขอสมาลาโทษต่อผูอ้ าวโุ สในครอบครัว
หรอื ในตระกลู กับสง่ิ ทีค่ นปว่ ยหรอื คนในครอบครวั ของคนปว่ ยได้กระทาผิดพลาดพลัง้ ไป

ตารางท่ี 12 แสดงรายละเอียดของคนป่วยท่ีต้องจดั พิธกี รรมการสมมาเจา้ โคตร

ลาดบั ท่ี ชื่อสมมตุ คิ นปว่ ย การวนิ จิ ฉยั อาการของโรค รูปแบบการรกั ษาของหมอลาผฟี ้า
ของหมอลาผฟี ้า
1 จนั ทน์ เรณู 1 โรคผดิ ผ/ี ดา่ ลกู สาว จัดพิธีกรรม/ เหยาส่อง / เหยาเรยี กขวญั
2 บวั สี เรณู 1 โรคผดิ ผ/ี ถกู สามดี ุด่า จดั พิธกี รรม/ เหยาเรียกขวญั
3 แพงมา เรณู 2 โรคผิดผ/ี ทะเลาะกบั หลาน จดั พิธีกรรมเหยาปวั / ให้หลานสมมาเจ้าโคตร
4 สงกา เรณู 2 โรคผิดผ/ี ทะเลาะกบั ลูกสาว จัดพิธีกรรมเหยาปวั / ให้ลกู สาวสมมา
5 บตุ ดี เรณู 3 โรคผดิ ผ/ี ทารวั้ กินทางเดินเขา้ นาน้องสาว จดั พธิ ีกรรมสมมาเจ้าโคตร/ เหยาเรียกขวัญ
6 มาลยั เรณู 3 โรคผิดผี / ทะเลาะกับคู่สะใภ้เรอ่ื งท่ดี ิน จัดพธิ กี รรมสมมาเจา้ โคตร/ เหยาเรียกขวัญ
7 คาผุน ทา่ ลาด 1 โรคผดิ ผ/ี ไมล่ ้างหงิ้ พระ จดั พิธกี รรมสมมาผบี รรพบรุ ุษ/ เหยารบั ขวัญ
8 ทองขนั ทา่ ลาด 1 โรคผิดผ/ี โกงทดี่ ินน้องชาย จัดพิธีกรรมสมมาเจา้ โคตร /เหยาส่อง
9 คาพนั ท่าลาด 2 โรคผดิ ผ/ี ผบี รรพบุรษุ อยากได้บังสกลุ เหยาเรยี กขวัญ /ถวายบงั สกุลที่วัด
10 คาไพ ท่าลาด 2 โรคผดิ ผ/ี ถมบ่อนา้ ในท่ดี นิ มรดกแม่ จัดพิธีกรรมสมมาเจา้ โคตร / จดั พธิ ีไหวผ้ นี า /
เหยาเอาขวญั
11 ประสาร ท่าลาด 3 โรคผิดผ/ี เถียงเจ้าโคตร จดั พิธกี รรมไหว้เจา้ โคตร / เหยาส่อง

๗๒

12 บานเยน็ ท่าลาด 3 โรคผิดผ/ี เถียงแมเ่ รอ่ื งทนี่ า จัดพธิ ีกรรมไหว้เจ้าโคตร/ เหยาปวั

13 มะลิ โพนทอง 1 โรคผิดผ/ี ทะเลาะกับสามี เหยาส่อง /เหยาปัว

14 ทองยุ้น โพนทอง1 โรคผิดผ/ี แบง่ มรดกใหล้ กู ไม่เท่ากนั จดั พธิ ีกรรมไหวเ้ จา้ โคตร / เหยาสอ่ ง

15 ราไพ โพนทอง 2 โรคผดิ ผ/ี ด่าหลาน จดั พธิ ีกรรมไหวเ้ จ้าโคตร / เหยาสอ่ ง

16 อรุน โพนทอง 2 โรคผิดผ/ี เถยี งกับสามอี ยู่ท่นี า จัดพิธีกรรมไหวเ้ จ้าโคตร/ เหยาปัว

17 นริ นั หินแฮ่ 1 โรคผิดผ/ี เถียงพอ่ ตาเร่ืองมรดก จดั พธิ กี รรมการไหวผ้ เี จา้ โคตร / เหยาปัว

18 สุดตา หนิ แฮ่ 1 โรคผดิ ผ/ี ผบี รรพบุรุษอยากไดบ้ งั สกุ ุล เหยาคุมผอี อก / เหยาเอาขวัญ

19 ทิพย์ หินแห่ 2 โรคผิดผ/ี ทะเลาะกบั เพ่ือนบา้ น เหยาคุมผีออก / เหยาเอาขวัญ

20 ขนุ หนิ แห่ 2 โรคผิดผ/ี ดา่ ลูกชายเรื่องทรพั ยส์ ิน จดั พิธีกรรมสมมาผเี จา้ โคตร / เหยาเอาขวญั

21 ดวง คาพอก 1 โรคผดิ ผ/ี ไลส่ ามีออกจากบ้าน จดั พธิ ีกรรมขอสมมาผีเจา้ โคตรฝา่ ยสามี / เหยา

เอาขวญั

22 เนียง คาพอก 1 โรคผดิ ผ/ี เถียงเจา้ โคตร จดั พิธีกรรมขอสมมาผีเจา้ โคตร/ เหยาเอาขวญั

23 บวั ไล คาพอก 2 โรคผดิ ผ/ี ทะเลาะกับพี่สาวเรื่องทรพั ย์สนิ จดั พิธกี รรมสมมาเจา้ โคตร / เหยาสอ่ ง

24 วนั ดี คาพอก 2 โรคผดิ ผ/ี สามีแอบมเี มียนอ้ ย จัดพิธกี รรมให้สามีขอสมมาผีเจ้าโคตร /

เหยาส่อง /เหยาเอาขวญั

25 ทองสี คาพอก 3 โรคผดิ ผ/ี ดา่ ทอสามี จดั พธิ ีกรรมสมมาผีเจ้าโคตรฝา่ ยสามี

26 ทองดี คาพอก 3 โรคผดิ ผ/ี ทะเลาะกบั ลูกสาวเรอ่ื งทไ่ี ร่ จัดพธิ กี รรมสมมาผเี จา้ โคตร / เหยาเอาขวญั

27 ออ่ นตา คาพอก 4 โรคผิดผ/ี เผาไร่อ้อยแลว้ ลามใสท่ ่ีนา จดั พธิ ีกรรมสมมาผีเจ้าโคตร / เหยาส่อง

น้องชายเสียหาย

28 ทองคา คาพอก 4 โรคผิดผ/ี โดนลูกเขยดา่ ทอ จัดพิธีกรรมสมมาผเี จ้าโคตรและให้ลกู เขยสมมา

29 บุญมี คาพอก 5 โรคผดิ ผ/ี แย่งมรดกนอ้ งสาว จดั พิธีกรรมสมมาผีเจา้ โคตร / เหยาสอ่ ง

30 สุวัน คาพอก 5 โรคผิดผ/ี ดา่ ทอลูกสาวบนบา้ น จดั พิธกี รรมสมมาผเี จา้ โคตร / เหยาสอ่ ง /

เหยาเอาขวญั

31 เล็ก คาพอก 6 โรคผิดผ/ี โดนพีช่ ายโกงทรัพยส์ ิน จดั พิธกี รรมใหพ้ ่ีชายสมมาผีเจา้ โคตร / เหยา

สอ่ ง

32 เขียว คาพอก 6 โรคผิดผ/ี เถียงกนั กบั ดอง เหยาสอ่ ง / เหยาปัว / เหยาเอาขวัญ

33 ทองสา หนองโอ 1 โรคผิดผ/ี ด่าทอนอ้ งเขย จดั พธิ ีกรรมสมมาผเี จา้ โคตร เหยาส่อง /

เหยาปวั / เหยาเอาขวัญ

34 หนู หนองโอ 1 โรคผดิ ผ/ี ผีเจา้ โคตรมาถามขา่ ว จัดพิธกี รรมสมมาผีเจ้าโคตร เหยาสอ่ ง /

เหยาปวั / เหยาเอาขวญั

35 นาง หนองโอ 2 โรคผิดผ/ี แบง่ มรดกให้ลกู ไม่เท่าน้นั จัดพธิ ีกรรมสมมาเจา้ โคตรและสามี / เหยาส่อง

/ เหยาปวั / เหยาเอาขวญั

36 นอ้ ย หนองโอ 2 โรคผดิ ผ/ี ด่าหลาน จัดพิธีกรรมสมมาผเี จา้ โคตร/ เหยาปัว /

เหยาเอาขวญั

37 ภา หนองโอ 3 โรคผิดผ/ี ป้ันคนั นาใหม่ขวางทางผีเทียว จดั พธิ ีกรรมสมมาผเี จ้าโคตร / เหยาสอ่ ง /

เหยาปัว / เหยาเอาขวญั

38 สมิ หนองโอ 3 โรคผดิ ผ/ี ไมย่ อมแบง่ มรดกใหล้ ูกๆ เหยาส่อง / เหยาปวั / เหยาเอาขวญั

39 ยูร หนองโอ 4 โรคผดิ ผ/ี ตัดตน้ ไม้ใหญค่ นู่ ามรดก จดั พิธกี รรมสมมาผเี จา้ โคตร/ เหยาส่อง /

เหยาปวั / เหยาเอาขวญั

40 นนั ทา หนองโอ 4 โรคผิดผ/ี ลูกสาวดา่ ทอสามีใส่หน้า จัดพธิ ีกรรมสมมาผเี จา้ โคตร/ เหยาปัว /

เหยาเอาขวญั

จากตารางท่ี 12 แสดงรายละเอยี ดของคนปว่ ยที่ต้องจัดพิธกี รรมการสมมาเจ้าโคตร พบว่า จากคน

ปว่ ยจานวน 40 คน ทีเ่ ข้ารับการรกั ษาดว้ ยพิธกี รรมการเหยา ในจานวนน้ีทั้งหมดถูกหมอเหยาระบวุ า่ ป่วยเป็น
“โรคผิดผี” หรือโรคภัยท่ีเกิดจากอานาจส่ิงศักด์ิเหนอื ธรรมชาติมากระทาการให้เกิดการเจ็บป่วยข้ึนมา ด้วย
สาเหตุท่ีเหมือนและต่างกันรายละเอียดดังตารางด้านบน และในจานวนน้ี มีครอบครัวคนป่วย ท้ัง 40

ครอบครัว ที่ได้จัดพธิ ีกรรมการสมมาเจ้าโคตรข้นึ ในพธิ ีกรรมการเหยาในครอบครวั ของตนเอง โดยมีสาเหตมุ า
จากความขัดแยง้ ภายในครอบครวั จากสาเหตตุ ่างๆ ที่หมอเหยามีความเช่อื วา่ ความขดั แย้งเหล่านั้นได้สง่ ผลให้

๗๓

คนในครอบครัวเกดิ อาการโรคผดิ ผแี ละเจ็บป่วยตอ่ มาในทสี่ ุด และหนทางหรือวิธีการท่ีจะชว่ ยเยียวยารักษาให้
คนป่วยหายขาดจากโรคภัยนั้นได้ คือต้องจัดให้มีการสมมาเจ้าโคตร เพ่ือขออโหสิกรรมในสิ่งท่ีคนป่วยหรือ

สมาชิกบางคนในครอบครวั ไดป้ ระพฤตผิ ดิ ไป และขอใหค้ นปว่ ยหายขาดจากโรคภยั ทเี่ ผชญิ อยู่

3) เครื่องบชู าในพธิ กี รรมและห้ิงบชู าครบู าอาจารย์
เครอื่ งสกั การะทีห่ มอเหยาใช้ประกอบพิธอี ญั เชญิ ผีให้ลงมาปกปกั รกั ษาผปู้ ่วย เป็นเครอื่ งคายหลกั ของ

การประกอบพิธรี กั ษา และเปน็ ธรรมเนียมอยา่ งหนึง่ ของการเหยา ที่จะต้องมกี ารไหวค้ รกู ่อนทจ่ี ะเริม่ ประกอบ

พิธีกรรม การจัดทาเคร่ืองคายนั้น หัวหน้าหมอเหยา ตลอดจนบริวารผู้ติดตามและคณะญาติของคนป่วยผู้
มาร่วมในงานจะเป็นผจู้ ัดทา วัสดุอปุ กรณส์ ่วนใหญห่ าได้ในท้องถิน่ เช่น ใบกลว้ ย ดอกไม้ ขม้ิน ข้าว หมาก พลู
ยาสบู ฯลฯ เครอ่ื งคายต้องจดั ทาให้ถกู ต้องตามธรรมเนียมของครบู าแต่ละคน ถ้าขาดสง่ิ ใดส่งิ หน่งึ จะมีผลต่อ

การรักษา เช่น การขับลาไม่ราบรื่น เหยาส่องหาสาเหตุไม่พบ หรือรักษา คนป่วยไม่หาย เป็นต้น และ
นอกจากนี้ เคร่ืองคายรกั ษาของหมอเหยาแต่ละกลุ่มนั้น จะมีรายละเอยี ดปลีกย่อยบางส่วนแตกต่างกัน แต่
ภาพรวมโดยส่วนใหญ่เหมือนกัน จากการลงพื้นท่ีภาคสนามท้ังสองพื้นท่ีเพื่อเก็บข้อมูลในประเด็นนี้ ผู้วิจัย

พบว่า ในส่วนของเครอื่ งบูชาในพิธีกรรมแลว้ หง้ิ บูชาครูบาอาจารย์นัน้ พบวา่ มีองคป์ ระกอบร่วมกันของเคร่ือง
บชู าอยู่ 24 รายการ และมีการใหค้ วามหมายของเครื่องบชู าดังกล่าวในความหมายทคี่ ล้ายคลงึ กนั

ตารางที่ 13 แสดงรายละเอียดเครือ่ งบชู าในพิธกี รรม หิ้งบูชาครูบาอาจารย์ และการให้ความหมาย

ลาดบั ที่ การใหค้ วามหมายในพิธีกรรม

ดอกจาปา - ดอกไมข้ องกล่มุ หมอเหยา
- ดอกไม้ของชาวลา้ นช้างโบราณ
ไข่ไก่ - สขี าวแทนความบรสิ ทุ ธ์ิเพ่ือใหจ้ ิตใจของหมอเหยาและคนป่วยขาวบรสิ ุทธิ์เหมือนดอกจาปา

เหลา้ ขาว - อุปกรณห์ รือสิ่งที่ใชเ้ สี่ยงทายสอบถามหาสาเหตุของการเจบ็ ป่วยของคนปว่ ย
- สื่อกลางสาหรบั ใหข้ วญั ของคนปว่ ยมาสงิ เตรียมเตรยี มกลับเขา้ ส่รู า่ งกายของคนปว่ ย
ขา้ วสาร - พลังอานาจของหมอเหยาท่ีจะสามารถบงั คับให้ไข่ไก่ลุกหรอื น่ังได้ในพธิ กี รรมการรกั ษา

ขนั ห้า - เครื่องตอ้ นรบั ผฟี า้ พญาแถน เคร่ืองเซ่นสรวงบรรพบรุ ุษ
จานฝา้ ย - เปรียบเสมือนหญ้าให้หมอมา้ หรือหมอแคนดืม่ เพอื่ ให้เปา่ แคนได้สนกุ สนานมากยิ่งขนึ้
ผูกแขน - สญั ลกั ษณ์แทนความซ่อื สัตย์ ใหค้ นปว่ ยรกั ษาความซอื่ สตั ยเ์ หมอื นเหล้า เหลา้ ใครกนิ คนน้นั กเ็ มา มนั ทาหน้าท่ี
เทยี น ของมนั อย่างซ่ือสตั ย์ เพราะฤทธ์หิ รอื พลังของเหล้าจะสามารถทาให้คนตกอยู่ในสถานการณท์ ไ่ี ร้เวลา ไรส้ ถานท่ี
ผ้าขาว และไร้สถานการณ์
ผา้ ซ่นิ
- อปุ กรณห์ รือส่งิ ทใ่ี ช้เสย่ี งทายสอบถามหาสาเหตขุ องการเจ็บปว่ ยของคนป่วย
- ส่อื กลางสาหรบั ใหข้ วัญของคนปว่ ยมาสงิ เตรียมเตรียมกลับเข้าสรู่ ่างกายของคนปว่ ย
- ส่ือถึงความอุดมสมบรู ณข์ องครอบครัวนน้ั

- สาหรบั บูชาผีฟา้ พญาแถน ตลอดจนผคี รูบาอาจารยท์ ลี่ งมาช่วยครบู าหมอลาทาการรักษาคนปว่ ย
- สัญลกั ษณ์การสมมาในสงั คมล้านชา้ งสมยั โบราณ

- สัญลกั ษณก์ ารผูกข้อมอื เพื่อความเป็นศิรมิ งคลแกผ่ ไู้ ด้รับการผูก
- หมอเหยาจะผูกทง้ั ขอ้ มือและคอของคนป่วย เพ่ือบอกให้บรรดาผที ัง้ หลายทราบว่าคนปว่ ยคนนม้ี เี จา้ นายแลว้
ห้ามผีทงั้ หลายมาขอ้ งแวะคนป่วยอกี ต่อไป

- จุดบูชาผีฟ้า พญาแถน และผีเจ้านายครูบาอาจารย์
- เป็นเคร่ืองนาทางใหบ้ รรดาผเี จ้านาย ครบู าอาจารย์ เห็นทางเดนิ เวลาเดินทางมาช่วยครบู ารักษาคนป่วย

- สญั ลกั ษณ์ว่าคนป่วยคนนนั้ ยอมรบั เอาผีหมอเปน็ ทพ่ี ึง่ ของตนเอง โดยการมอบสว่ ยผ้าขาวเป็นของตอบแทนให้
- รอ่ งรอยของจารตี การเสยี สว่ ยผา้ ขาวใหผ้ ู้นาทางการเมืองทอ้ งถ่ินในสมัยลา้ นช้าง

- สัญลกั ษณแ์ ทนเพศหญิง
- สัญลกั ษณ์ว่าคนป่วยคนนน้ั ยอมรับเอาผีหมอเปน็ ที่พ่งึ ของตนเอง โดยการมอบสว่ ยผา้ ขาวเปน็ ของตอบแทนให้

๗๔

โสรง่ - รอ่ งรอยของจารีตการเสียส่วยผา้ ใหผ้ ู้นาทางการเมืองท้องถ่นิ ในสมัยล้านช้าง

ขันนา้ หอม - สัญลักษณ์แทนเพศชาย
- สญั ลักษณ์วา่ คนปว่ ยคนนนั้ ยอมรบั เอาผีหมอเป็นทพี่ ึ่งของตนเอง โดยการมอบสว่ ยผา้ ขาวเปน็ ของตอบแทนให้
ขนั น้าสะอาด - รอ่ งรอยของจารีตการเสียสว่ ยผ้าใหผ้ ูน้ าทางการเมอื งท้องถิน่ ในสมยั ลา้ นช้าง

คาหมาก - จัดไว้สาหรบั ล้างเท้าใหผ้ ีหมอ ตลอดจนผคี รบู าอาจารยท์ ่ลี งมาชว่ ยครบู าหมอลาทาการรักษาคนปว่ ย
มวนยาสูบ - จัดไวส้ าหรับสอ่ งหาสาเหตุของการเจ็บปว่ ยของคนปว่ ยในพธิ ีกรรม
พลพู ัน - จดั ไวส้ าหรบั ทาขนั นา้ มนต์ให้คนปว่ ยอาบ
กรวยใบตอง
ใส่ดอกจาปา - จัดไว้สาหรับล้างเทา้ ให้ผีหมอ ตลอดจนผีครบู าอาจารย์ที่ลงมาชว่ ยครูบาหมอลาทาการรกั ษาคนป่วย
แปง้ - จดั ไว้สาหรับส่องหาสาเหตุของการเจ็บป่วยของคนปว่ ยในพิธกี รรม
- จดั ไว้สาหรับทาขนั นา้ มนต์ใหค้ นปว่ ยอาบ
สีผง้ึ
หวี - สาหรับต้อนรบั ขับสู้ผีฟา้ พญาแถน จลอดจนผีครูบาอาจารยท์ ี่ลงมาช่วยหมอเหยาทาการรักษาคนป่วย
นา้ มันใสผ่ ม - สัญลักษณก์ ารตอ้ นรับแขกของชาวล้านชา้ งในสมัยโบราณ
กระจกเงา
- สาหรับต้อนรับขบั สูผ้ ีฟ้าพญาแถน ตลอดจนผคี รบู าอาจารย์ทีล่ งมาช่วยหมอเหยาทาการรกั ษาคนป่วย
เงินค่าคาย - สัญลกั ษณก์ ารต้อนรบั แขกของชาวลา้ นช้างในสมยั โบราณ
- 4 บาท
- 4 สตางค์ - สาหรับตอ้ นรบั ขับสู้ผีฟ้าพญาแถน ตลอดจนผีครูบาอาจารย์ทีล่ งมาชว่ ยหมอเหยาทาการรกั ษาคนป่วย
ขนั ขวญั - สญั ลักษณ์การต้อนรับแขกของชาวลา้ นช้างในสมัยโบราณ
ง้าวหรือดาบ
- ของไหว้ผีฟา้ พญาแถน ตลอดจนผีครูบาอาจารยท์ ล่ี งมาชว่ ยหมอเหยาทาการรกั ษาคนป่วย
- สัญลักษณ์การตอ้ นรับแขกของชาวล้านช้างในสมัยโบราณ

- ของไหว้ผฟี า้ พญาแถน ตลอดจนผคี รูบาอาจารยท์ ีล่ งมาช่วยหมอเหยาทาการรกั ษาคนปว่ ย
- เครอ่ื งแตง่ กายของเหล่าผีหมอ นางเทียมในพิธกี รรม
- สาหรบั ทาและลบู ไลไ้ ปตามรา่ งกายคนปว่ ย โดยเชือ่ วา่ กลนิ่ หอมของแปง้ จะช่วยให้คนปว่ ยหานจากโรคภยั

- ของไหวผ้ ฟี ้า พญาแถน ตลอดจนผคี รบู าอาจารยท์ ล่ี งมาชว่ ยหมอเหยาทาการรกั ษาคนป่วย
- เครอ่ื งแต่งกายของเหล่าผีหมอ นางเทยี มในพิธกี รรม

- ของไหวผ้ ีฟา้ พญาแถน ตลอดจนผีครูบาอาจารย์ที่ลงมาชว่ ยหมอเหยาลาทาการรักษาคนปว่ ย
- เครอื่ งแต่งกายของเหลา่ ผีหมอ นางเทียมในพิธกี รรม

- ของไหวผ้ ฟี า้ พญาแถน ตลอดจนผคี รบู าอาจารย์ท่ลี งมาชว่ ยหมอเหยาทาการรกั ษาคนปว่ ย
- เครื่องแต่งกายของเหล่าผฟี ้า นางเทียมในพธิ ีกรรม

- ของไหวผ้ ีฟา้ พญาแถน ตลอดจนผีครูบาอาจารย์ที่ลงมาช่วยหมอเหยาทาการรกั ษาคนปว่ ย
- เคร่ืองแตง่ กายของเหล่าผีหมอ นางเทยี มในพธิ ีกรรม
-อปุ กรณส์ าหรับส่องหาสาเหตขุ องการเจบ็ ป่วยของคนป่วย

- ของไหว้ผฟี ้า พญาแถน ตลอดจนผคี รบู าอาจารย์ท่ีลงมาช่วยหมอเหยาทาการรกั ษาคนป่วย
- สาหรับเป็นศีลจา้ งรางวัลท่ีผีหมอ ตลอดจนผคี รูบาอาจารยท์ ีล่ งมาชว่ ยหมอเหยาทาการรกั ษาคนปว่ ย
- เม่ือเสรจ็ พธิ กี รรมหมอเหยาจะเอา 2 บาท แบง่ คืนใหค้ นปว่ ย 2 บาท สื่อถงึ ความยุตธิ รรมของหมอเหยา

- อปุ กรณ์หรือสง่ิ ท่ใี ช้เสีย่ งทายสอบถามหาสาเหตุของการเจบ็ ปว่ ยของคนปว่ ย
- ส่อื กลางสาหรบั ให้ขวัญของคนป่วยมาสิงเตรียมเตรียมกลบั เข้าสู่ร่างกายของคนป่วย

- อปุ กรณ์หรือสิ่งที่ใช้เสี่ยงทายสอบถามหาสาเหตขุ องการเจบ็ ป่วยของคนปว่ ย
- การตัดเวรกรรมออกจากตัวของคนปว่ ย

จากตารางท่ี 13 แสดงรายละเอียดเคร่ืองบูชาในพิธีกรรม หิ้งบูชาครูบาอาจารย์ และการให้

ความหมาย พบว่ามีการใหค้ วามหมายเชงิ สัญลักษณ์ ผ่านเครอ่ื งบูชาในพธิ ีกรรมที่เปน็ องคป์ ระกอบร่วมกันใน
20 กลุ่มหมอเหยา เช่น กรณีของ ดอกจาปา ในพิธีกรรมจะให้ความหมายของดอกไม้ชนิดนีว้ ่าเป็นดอกไม้
ของกล่มุ หมอเหยา ดอกไมข้ องชาวลา้ นช้างโบราณ สขี าวของดอกไมจ้ ะเปน็ สง่ิ สือ่ แทนความบรสิ ทุ ธ์ิเพ่ือให้จิตใจ

ของหมอเหยาและคนปว่ ยขาวบรสิ ุทธเ์ิ หมอื นดอกจาปา กรณีของไขไ่ ก่ ในพิธีกรรมจะให้ความหมายของไข่ไกว่ า่
เป็นอุปกรณ์หรือสิง่ ท่ีใชเ้ สีย่ งทายสอบถามหาสาเหตุของการเจ็บป่วยของคนป่วย เป็นสือ่ กลางสาหรับให้ขวัญ
ของคนป่วยมาสงิ เตรียมเตรียมกลับเข้าสู่รา่ งกายของคนป่วย แสดงถงึ พลงั อานาจของหมอเหยาที่จะสามารถ

บังคบั ให้ไข่ไก่ลุกหรือนัง่ ได้ในพิธกี รรมการรกั ษา กรณเี หล้าขาว ในพิธีกรรมจะใหค้ วามหมายของเหล้าขาวว่า
เปน็ เคร่ืองบรรณาการต้อนรับผฟี ้า พญาแถน เครื่องเซน่ สรวงบรรพบุรษุ เปรยี บเสมือนหญ้าใหห้ มอมา้ หรอื หมอ

๗๕

แคนดื่มเพื่อให้เป่าแคนได้สนุกสนานมากยิ่งข้ึน สัญลักษณ์แทนความซ่ือสัตย์ ให้คนป่วยรักษาความซื่อสัตย์
เหมือนเหล้า เหล้าใครกินคนนั้นก็เมา มันทาหน้าท่ีของมันอย่างซื่อสัตย์ เพราะฤทธิ์หรือพลังของเหล้าจะ

สามารถทาให้คนตกอยู่ในสถานการณท์ ไ่ี รเ้ วลา ไรส้ ถานท่ี และไรส้ ถานการณ์ ฯลฯ การให้ความหมายเชิง
สัญลักษณ์ของเครื่องคายบชู าผ่านพธิ กี รรมของเครอ่ื งบูชาแตล่ ะชนดิ ท่ีแสดงรายละเอยี ดในตารางนั้น ช้ีให้เห็น
ถึงความสาคัญเชงิ สญั ลกั ษณข์ องการจดั การความขัดแย้งผ่านการใช้สัญลักษณใ์ นพิธกี รรมในขนั้ ตอนตา่ งๆ ของ

พธิ ีกรรมการเหยา สัญลักษณ์เหลา่ นี้จะสะท้อนให้เห็นถงึ การใชอ้ านาจการควบคุมทางสงั คมผ่านสง่ิ ของต่างๆ
ในพธิ กี รรมของหมอเหยาอยา่ งชดั เจน

4.3.3 การควบคุมผา่ นการประพฤติปฏิบตั ิหลังพิธกี รรม
หมอเหยาและบริวารผู้ติดตามคือผู้นาในการประกอบพิธีกรรมการเหยาเพ่ือรักษาคนป่วยผ่าน

พธิ ีกรรมชุดหนึ่ง ขณะเดียวกันระหว่างท่ีรับบทบาทการทาหน้าท่ีในการรกั ษาคนปว่ ยนั้น บุคคลกล่มุ น้ีก็ต้อง
ดาเนินชวี ิตในฐานะหมอดว้ ยกฎเกณฑ์ และกฎระเบยี บต่างๆ ท่ีถกู กาหนดไวซ้ ง่ึ ได้รับการถ่ายทอดลงมาจากครู
บาอาจารย์ที่ล่วงลบั ไปแลว้ และมีการปรับเปลย่ี นบางกฎเกณฑไ์ ปบ้างเพื่อใหเ้ หมาะสมกับยุคสมยั ทเ่ี ปล่ียนผา่ น

ไปในแต่ละยุค จากการลงพ้ืนท่ีภาคสนามเพื่อเกบ็ ข้อมูลประกอบการทาวิจัยในสองพื้นที่ในประเด็นนี้ ผู้วิจัย
พบว่ากลุ่มหมอเหยามขี อ้ ปฏิบัติตน ขอ้ ห้าม หรือทภ่ี าษาอีสานเรยี กว่า ขอ้ คะลา อยู่หลายประการ ซ่ึงกฎเกณฑ์
หรือขอ้ คะลาเหลา่ นี้ คอื สงิ่ ทที่ าให้หมอเหยามีความแตกตา่ งไปจากบคุ คลธรรมดาโดยท่ัวไป

ตารางที่ 14 การวิเคราะหข์ ้อคะลาท่สี าคัญที่พบในกล่มุ หมอเหยา

ประเภทของข้อคะลา การวิเคราะห์ให้ความหมาย

ไมล่ ารักษาในบา้ นที่มี ตามหลกั จารตี หมอเหยา ตามหลกั คาสอนของพระพทุ ธศาสนา
งานศพ
- ผิดจารตี ธรรมเนียมท่คี รบู าอาจารยส์ ่ังสอนมา -
ไม่ลารกั ษาในวันพระ
- ครูบาหมอลาเช่อื ว่าอาจจะมขี วญั หรอื วิญญาณ
ไมด่ า่ วา่ ให้รา้ ยคนอืน่
ของคนตายวนเวยี นอยู่ในหมบู่ า้ น ซึง่ อาจจะเข้ามา
ไมข่ นึ้ ค่าคายรกั ษา
ไมเ่ อาผา้ ซิ่นในคาย รบกวนในพิธีกรรมได้
ไม่กินของในคายพธิ ี
ไม่พดู โกหก - ให้หมอเหยาพรอ้ มบริวารเข้าวดั ฟงั ธรรม ก า ร รั ก ษ า ศี ล ท า บุ ญ ใ น ฐ า น ะ
ห้ า ม ค น เ ม า เ ข้ า ม า ใ น
พิธีกรรม - เป็นวันหยุดหรือวันพักของผีหมอ จะอัญเชิญลง พุทธศาสนิกชน

มาทาการรกั ษาคนป่วยไม่ได้

- ให้ผีหมอทุกคนแตง่ คายขน้ึ หิ้งบชู าครูบาอาจารย์

ของหมอเหยาแต่ละคน

- จารีตธรรมเนียมที่ครบู าอาจารย์สงั่ สอนมา - ผิดศลี ธรรมข้อพน้ื ฐาน

- จารตี หลักของการเป็นหมอเหยาคือตอ้ งพูดจากับ

ทกุ คนอย่างไพเราะ

- ผดิ จารีตธรรมเนียมที่ครบู าอาจารยส์ ั่งสอนมา - ผดิ ศีลธรรมขอ้ พื้นฐาน

- ถา้ ละเมดิ จะกลายเป็นผปี อบ

- ผดิ จารีตธรรมเนียมทีค่ รบู าอาจารย์สง่ั สอนมา - ผดิ ศีลธรรมขอ้ พื้นฐาน

- ถ้าละเมิดจะกลายเป็นผปี อบ

- ผดิ จารีตธรรมเนยี มที่ครูบาอาจารย์ส่ังสอนมา - ผดิ ศีลธรรมขอ้ พื้นฐาน

- ถ้าละเมิดจะกลายเป็นผปี อบ

- ผดิ จารีตธรรมเนียมที่ครบู าอาจารย์ส่ังสอนมา - ผดิ ศีลธรรมขอ้ พน้ื ฐาน

- ถ้าละเมิดจะกลายเป็นผปี อบ

- ผดิ จารตี ธรรมเนียมท่คี รูบาอาจารย์สง่ั สอนมา - ผดิ ศีลธรรมข้อพื้นฐาน

- ถา้ ละเมดิ พธิ ีกรรมจะไมศ่ ักดส์ิ ิทธ์ิ ผีฟ้าจะไมล่ งมา

ชว่ ยเหลอื

๗๖

ห้ามดมื่ เหล้า - ผิดจารีตธรรมเนียมทค่ี รบู าอาจารย์สง่ั สอนมา - ผดิ ศลี ธรรมข้อพ้นื ฐาน
- ถา้ ละเมดิ พิธีกรรมจะไม่ศกั ดสิ์ ิทธ์ิ ผีฟ้าจะไมล่ งมา
หา้ มรกั ษาคนท่ปี ว่ ยมาก ช่วยเหลอื - เป็นเรอ่ื งของบาปและกรรมของคนป่วย
- ศีลธรรมข้อพืน้ ฐาน
หา้ มแก่งแย่งชิงดีกับครูบา - ผดิ จารีตธรรมเนยี มทค่ี รูบาอาจารยส์ ่งั สอนมา - ศีลธรรมข้อพื้นฐาน
ท่านอืน่ - ถา้ ละเมดิ จะกลายเป็นการซ้าเติมคนปว่ ย - ศีลธรรมขอ้ พื้นฐาน
ถอื ศลี 5 อย่างเครง่ ครดั - ศลี ธรรมข้อพน้ื ฐาน
- ผิดจารตี ธรรมเนียมที่ครบู าอาจารย์ส่ังสอนมา - ศลี ธรรมขอ้ พน้ื ฐาน
ห้ามเอาของมาจากบา้ นคน - ถา้ ละเมิดจะกลายเปน็ ผปี อบ - ศลี ธรรมขอ้ พ้นื ฐาน
ปว่ ย - ศลี ธรรมข้อพน้ื ฐาน
พูดจาไพเราะกับทุกคน - จารีตธรรมเนียมหลกั ท่คี รอู าจารยส์ งั่ สอนมา
- เป็นแบบอยา่ งท่ีดใี ห้กับบรวิ าร -
ให้รับรกั ษาคนไข้ทกุ คน -
- จารตี ธรรมเนียมท่คี รบู าอาจารยส์ ั่งสอนมา -
แบ่งปันรายได้แก่บริวาร - ถา้ ละเมดิ จะกลายเป็นผปี อบ -
อย่างเท่าเทียมกนั
ไม่กนิ มังสาหาร 10 อย่าง -จารตี ธรรมเนียมที่ครบู าอาจารยส์ ั่งสอนมา
- ถ้าละเมดิ จะกลายเป็นผีปอบ
ไม่กินของเหลอื จากคนอนื่
- จารีตธรรมเนยี มทคี่ รูบาอาจารย์สง่ั สอนมา
ไ ม่ รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร ท่ี - ถา้ ละเมิดจะกลายเป็นผปี อบ
บ้านงานศพ
ไ ม่ รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร ที่ - จารีตธรรมเนยี มทคี่ รบู าอาจารยส์ ง่ั สอนมา
บ้านคนปว่ ย - ถา้ ละเมิดจะกลายเปน็ ผีปอบ
หา้ มนงั่ บนบันไดบ้าน
- จารตี ธรรมเนยี มท่คี รูบาอาจารย์สั่งสอนมา
- ถา้ ละเมดิ จะกลายเปน็ ผปี อบ

- จารีตธรรมเนยี มที่ครูบาอาจารยส์ ั่งสอนมา
- ถ้าละเมดิ จะทาให้เจ็บป่วยไมส่ บายขึน้ มา

- จารตี ธรรมเนยี มที่ครบู าอาจารย์สง่ั สอนมา
- ถา้ ละเมิดจะทาให้เจบ็ ป่วยไม่สบายขน้ึ มา

- จารีตธรรมเนียมทค่ี รูบาอาจารยส์ ่งั สอนมา
- ถา้ ละเมดิ จะทาใหเ้ จบ็ ปว่ ยไม่สบายขึน้ มา

- จารตี ธรรมเนียมท่คี รูบาอาจารยส์ ั่งสอนมา
- ถา้ ละเมิดจะทาใหเ้ จบ็ ป่วยไมส่ บายขึ้นมา

กล่าวโดยสรุป ข้อคะลาที่พบในกลุ่มหมอเหยา มีพื้นฐานมาจากกรอบแนวคิดเร่ืองการควบคุมทาง
สงั คมตามหลักฮีตคลองผีหมอหรอื หมอเหยาของชาวอสี านแบบด้ังเดิมและผสมผสานกับหลักพุทธจริยธรรม

แม้ว่าจะมีลักษณะการซ้อนทับของแนวคิดพุทธจริยธรรมหลายหลักการ และหลายระดับ และมีลักษณะ
เชน่ เดยี วกนั กับข้อคะลาของชาวอีสานโดยท่ัวไปและขอ้ คะลาทไ่ี ด้กล่าวถึงไปแล้วในข้างตน้ จะเห็นไดว้ า่ ข้อคะลา
เปน็ การบรู ณาการองคค์ วามรู้ทางจรยิ ธรรมมาเป็นวาทกรรมเชงิ ปฏิบัติการทางสังคมผ่านกระบวนการจดั การ

ความขัดแย้งอย่างกลมกลืนสามารถนามาใช้ในการอบรมส่ังสอนและย้าเตือนข้อห้ามปฏิบัตติ ่อผู้คนในสังคม
ช่วยให้สงั คมของชาวบ้านดารงอย่ไู ดอ้ ย่างสงบสุข

นอกจากข้อคะลาท่ีพบในกล่มุ หมอเหยาและบริวารผตู้ ิดตามแลว้ จากการศึกษาในครั้งนี้ยังพบว่า คน

ป่วยและครอบครัวของคนป่วยท่ีเข้ารับการรักษาด้วยพิธีกรรมการเหยาน้ัน จะต้องมีขอ้ คะลาหรือข้อปฏิบัติ
ภายหลงั เสร็จสนิ้ พธิ ีกรรม เพื่อเปน็ แนวทางสาหรับดาเนินชวี ิตของตนเองและครอบครัวด้วย ซงึ่ สะทอ้ นให้เห็น
ภาพของการเฝ้าระวงั และการกากบั วนิ ัยทางสงั คมทเ่ี กิดขนึ้ ภายหลงั เสร็จสิ้นพธิ กี รรมอย่างชดั เจน

ตารางท่ี 15 การวเิ คราะห์ขอ้ คะลาทส่ี าคัญทพ่ี บในกลมุ่ คนปว่ ยและญาติคนป่วย

ประเภทของข้อคะลา การวิเคราะห์ใหค้ วามหมาย

ตามหลกั จารตี หมอเหยา ตามหลกั คาสอนของพระพทุ ธศาสนา

๗๗

ตอ้ งเขา้ ร่วมพธิ ีกรรมการเลย้ี งผีใน - จารีตธรรมเนียมทค่ี รบู าอาจารย์ส่งั สอนมา -
ทุกปี - ถ้าละเมดิ จะเจ็บป่วยอีกครง้ั - ศีลธรรมขอ้ พน้ื ฐาน
ห้ามพดู จาไมด่ ีกบั คนอ่นื - ศีลธรรมขอ้ พ้นื ฐาน
หา้ มดา่ ทอ - จารตี ธรรมเนยี มทค่ี รบู าอาจารย์สง่ั สอนมา
หา้ มตลี กู หลาน - ถา้ ละเมิดจะเจ็บป่วยอกี คร้งั -
- ศีลธรรมข้อพ้นื ฐาน
หา้ มผูกแขนใหค้ นอื่น - จารตี ธรรมเนียมทค่ี รบู าอาจารยส์ ง่ั สอนมา
- ถา้ ละเมิดจะเจบ็ ป่วยอกี ครงั้ -
ให้ถือศีล 5 อย่างเคร่งครดั
- จารตี ธรรมเนยี มทค่ี รูบาอาจารย์สง่ั สอนมา
ห้ามนับถอื หมอเหยาซอ้ นกนั - ถา้ ละเมิดจะเจบ็ ปว่ ยอกี คร้ัง

- จารีตธรรมเนียมทคี่ รูบาอาจารย์สั่งสอนมา
- ถา้ ละเมดิ จะเจ็บป่วยอกี ครงั้

- จารตี ธรรมเนียมทค่ี รูบาอาจารยส์ ั่งสอนมา
- ถ้าละเมดิ จะเจบ็ ปว่ ยอกี ครง้ั

รูปแบบข้อประพฤติปฏิบัติภายหลังการเข้ารับการรักษาด้วยพิธีกรรม การเหยาของคนป่วยในพ้ืนที่
กรณศี กึ ษา ซ่งึ เรยี กว่าข้อคะลา ขอ้ คะลาของผู้นบั ถอื หมอเหยาเป็นกฎเกณฑ์อย่างหน่ึง ซงึ่ เป็นหลกั ปฏบิ ตั ิตนที่

ทุกคนต้องยึดถือ หากคนป่วยคนใดกระทาหรือประพฤตินอกธรรมเนียมก็จะมีอันเป็นไป ข้อห้ามประพฤติ
ปฏิบัติโดยส่วนใหญ่ ธรรมเนียมการปฏบิ ัติตนเองของกลุ่มผู้นับถือหมอเหยาเปน็ กฎเกณฑ์อย่างหนึง่ ซ่ึงเป็น
หลักปฏิบตั ิตนที่ทุกคนต้องยึดถือ หากบริวารคนใดกระทาหรือ ประพฤตินอกธรรมเนยี มก็จะมีอันเปน็ ไป เช่น

เกิดความเจ็บป่วย วิธีการแก้ไขดังกล่าว กระทาได้โดยบริวารคนนั้นต้องนาขัน 5 ไปยังบ้านของหัวหน้าหมอ
เหยา แล้วสารภาพการกระทาของตนต่อหนา้ ห้งิ บชู าครบู าอาจารย์ อาการเหลา่ นนั้ จะหายไป

กล่าวโดยสรุป คะลา คือข้อห้ามที่เป็นกฎกตกิ าหรอื การควบคุมทางสังคมของกลุ่มประชากรในภาค

ตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นการบญั ญัติข้อหา้ มมิให้บคุ คลประพฤติปฏิบัติ เพอื่ ใช้เปน็ แนวปฏิบัตขิ องบคุ คลในการ
อยรู่ ว่ มกันกับผูอ้ ่นื ในสงั คมดว้ ยความสงบเรียบร้อย ในดา้ นความสาคัญคะลานับเป็นมรดกทางสังคมอย่างหน่ึง
เป็นส่ิงที่มคี ณุ ค่าและบทบาทต่อการจดั การความขัดแย้ง ถือเป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมของบรรพชนที่มี

แนวคิดเชิงคติธรรมแฝงอยู่มาก โดยเฉพาะในเชิงพุทธจริยธรรม จากการลงพ้ืนทีภ่ าคสนามเพ่ือเก็บข้อมูลกับ
กลุ่มหมอเหยาในสองพื้นท่ีและคนป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยพิธีกรรมการเหยา อาจกล่าวได้ว่าข้อคะลามี
ความสาคัญต่อวิถีชีวิต ตลอดจนเป็นพื้นฐานที่ก่อให้เกิดวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มข้ึนมา เป็นกฎกติกาของการ

ควบคุมทางสังคมท่ีช่วยสร้างให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข โดยการใช้ยุทธศาสตรก์ ารป้องกันคือข้อ
ห้าม และข้อไม่ให้ปฏิบัติในส่ิงท่ีอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายและปัญหาในด้านต่างๆ ท้ังชีวิตและทรัพย์สิน
นอกจากน้ี ยังถือเป็นวาทกรรมทกี่ ล่มุ หมอเหยาใชส้ ง่ั สอนแกก่ ลุม่ คนปว่ ยและบรวิ ารว่าคะลาเปน็ บาปเปน็ กรรม

กลา่ วคือ ถ้าทาอะไรลงไปแล้วกลุ่มหมอเหยาแกท่ ักทว้ งวา่ คะลา ผูท้ าก็จะไมก่ ล้าทาตอ่ ไป เพราะคนปว่ ยในพิธี
กรรมการเหยาเชอื่ วา่ คะลาคานเ้ี ปน็ คาศักดิส์ ทิ ธิ์ ทาให้สังคมมคี วามร่มเยน็ เปน็ สขุ ในทีส่ ดุ

4.3.4 การสรา้ งการมสี ว่ นร่วมของกลมุ่
การเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้ที่เก่ียวข้องทุกคนในกลุ่มได้เข้ามามีส่วนร่วมกับหมอ เหยาในการ
รกั ษาคนปว่ ยในพิธกี รรมการเหยา หรืออาจกล่าวไดว้ ่าเป็นกจิ กรรมทางสังคมท่ีเก่ียวกับการสร้างปฏิสมั พันธ์

ภายในกลุ่ม จะเป็นเร่ืองของการใช้ภาษาและสัญลักษณ์ตา่ งๆ เพ่ือทาความเข้าใจในกจิ กรรม สร้างความรู้สึก
ร่วมหรอื ระดมความร่วมมือหรือการอยู่ร่วมกันระหว่างคนในกลมุ่ โดยเป้าหมายของการสร้างปฏิสัมพันธ์คือ
กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้คือเพื่อทาใหก้ ารควบคุมทางสังคมดาเนินไปด้วยความเรียบร้อย จากการศึกษาพบว่า

ลกั ษณะการควบคุมทางสังคมในประเด็นการสร้างการมีส่วนรว่ มของกลุ่มน้ัน พบได้อย่างชดั เจนในข้นั ตอนของ

๗๘

พิธีกรรมการรักษาคนป่วยในพื้นท่ี และพบได้อย่างชัดเจนอีกครั้งในงานพธิ ีกรรมการ “ลงขว่ ง” ประจาปีของ
กลมุ่ หมอเหยากลุม่ ต่างๆ ในพ้นื ที่ ดงั รายละเอียดตามตารางต่อไปนี้

ตารางที่ 16 แสดงรายละเอยี ดบคุ คลท่ีมบี ทบาทในแต่ละข้ันตอนในพธิ ีกรรมการเหยา

ข้นั ตอนการรกั ษา หมอเหยา บคุ คลทม่ี บี ทบาทในพธิ กี รรม ญาตคิ นป่วย
บริวารผตู้ ิดตาม คนปว่ ย
1. การตดิ ต่อ / /
2. การวินจิ ฉัยเบือ้ งตน้ / -- /
3. สถานทีป่ ระกอบพธิ กี รรม / // -
4. ขั้นจัดเตรียมพิธี / /- /
5. ขน้ั ประกอบพธิ ีกรรม / /- /
//

จากตารางที่ 16 แสดงรายละเอียดบคุ คลทีม่ ีบทบาทในแต่ละขัน้ ตอนในพธิ ีกรรมการเหยา พบวา่ ใน
ข้นั ตอนการรักษาท้ัง 5 ข้ันตอน มีบุคคลที่มีบทบาทอยู่ 4 กลุ่มด้วยกันในพิธีกรรม ได้แก่ หมอเหยา บริวาร
ผตู้ ิดตาม คนป่วย และญาตคิ นป่วย ซึง่ คนท้งั 4 กลมุ่ มบี ทบาทในแต่ละข้ันตอนดงั นี้

ขั้นการติดต่อ พบว่ากลุ่มคนท่ีมีบทบาทได้แก่ กลุ่มหมอเหยาและกลุ่มญาติของคนป่วย เพราะเป็น
ขัน้ ตอนทีญ่ าติผู้ป่วยมาบอกกล่าวให้หมอเหยา ไปรักษาให้กบั คนป่วยในท้องถิน่ ท้งั ใกล้และไกล ผู้ปว่ ยโดยส่วน
ใหญ่ทผ่ี ่านการรักษาจากท่ีอ่ืนไมห่ าย จาเปน็ ต้องหาวิธีการรกั ษาพน้ื บ้าน การรกั ษาคนปว่ ยนั้นหมอเหยา จะไม่

ปฏิเสธไม่ว่าคนป่วยจะอยใู่ กล้หรือไกลอาจจะเป็นเพราะหมอเหยาปฏบิ ตั ติ ามจรรยาบรรณ และการปฏเิ สธเช่ือ
วา่ จะทาให้ให้มีอันเป็นไป การเดินทางไปรักษาคนป่วยนั้นกลุ่มหมอเหยาต้องนาขันห้า ขนั นา้ หอม ข้าว 4 คา
และขันนมิ นต์ บอกกลา่ วอญั เชิญผีทหี่ ิ้งบูชาของตนเองให้ไปรักษายังบ้านของคนป่วยและต้องนาขันนิมนตต์ ิด

ตัวไปด้วย เม่อื ประกอบพิธีรกั ษาเรียบรอ้ ยตอ้ งอัญเชิญกลับ
ขน้ั การวินจิ ฉัยเบ้ืองตน้ พบวา่ กลุ่มคนท่ีมีบทบาทได้แก่ กลุ่มหมอเหยา กลุ่มบริวารผตู้ ิดตาม กลุ่มคน

ปว่ ย และกลุ่มญาติคนป่วย ข้ันตอนนี้กอ่ นท่ีจะเร่ิมพิธกี รรมหมอเหยาต้องสอบถามถึงลักษณะอาการเจบ็ ป่วย

ของคนป่วย ความเป็นอย่ขู องคนป่วย จากคนปว่ ยและญาตขิ องคนป่วยโดยมกี ลุ่มบริวารผ้ตู ิดตาม คอยซกั ถาม
ถึงอาการเจ็บปว่ ยของคนปว่ ยเพมิ่ เติม

สถานท่ปี ระกอบพธิ ีกรรม พบวา่ กล่มุ คนท่มี บี ทบาทได้แก่ กล่มุ หมอเหยา และกลมุ่ บริวารผ้ตู ิดตาม จะ

เปน็ คนพจิ ารณาถึงความเหมาะสมของสถานทใ่ี นการจดั พธิ กี รรมเอง ซ่งึ โดยส่วนมากแลว้ จะจดั ขึ้นทบ่ี รเิ วณดา้ น
ทศิ ตะวนั ออกของตัวเรือนเป็นสาคัญ เพราะถือวา่ เป็นทิศท่มี คี วามเป็นศริ มิ งคล บางกรณีก็มักจะจัดพธิ ีกรรมท่ี
ใตถ้ ุนเรือนของคนปว่ ย

ขนั้ จดั เตรียมพธิ ี พบว่ากล่มุ คนที่มีบทบาทไดแ้ ก่ กลมุ่ หมอเหยา กลุ่มบรวิ ารผูต้ ดิ ตามและกล่มุ ญาติคน
ป่วย ขั้นตอนนี้เปน็ การจดั เตรียมเคร่ืองคายพิธีกรรมหลกั ซึ่งเป็นคายรกั ษา โดยญาติคนป่วยจะจัดเตรียมวัสดุ
สาหรับประกอบพิธีกรรม ซึ่งไดร้ ับคาแนะนาการจัดหาจากครูบาหมอเหยาไว้แล้วก่อนหน้านี้ เช่น ใบกล้วย

ดอกไม้ ดอกมะละกอ ขมิ้น ไข่ ผ้าแพรวา ผ้าแพรมน ฯลฯ สว่ นสง่ิ ของที่มีค่าหายาก หมอเหยาจะนาติดตัวมา
เอง เช่น เงิน 1 สตางค์ กาไล กระจอนหู เป็นตน้ โดยกล่มุ บรวิ ารผู้ติดตามจะจดั แต่งเคร่ืองคายบชู าร่วมกนั กับ
ญาตขิ องคนปว่ ย หรือบางข่วงหมอเหยากจ็ ะมาร่วมการจดั เตรยี มเครอ่ื งคายบูชาดว้ ย เมื่อจัดเตรยี มเครอื่ งบชุ า

๗๙

เสรจ็ เรียบรอ้ ยแล้วก็จะนาไปตั้ง ณ สถานที่ที่จัดเตรียมการเอาไว้ เช่น วางบนหมอนหรือฟูก ส่วนหมอเหยาก็
จัดแจงแต่งเคร่อื ง ทาแป้ง ใส่นา้ หอม หวผี ม ดอกไมท้ ดั หู เรียบร้อย กอ่ นเรมิ่ ประกอบพธิ ี

ขั้นประกอบพิธกี รรม พบว่ากลุม่ คนทม่ี ีบทบาทไดแ้ ก่ กลุ่มหมอเหยา กลุ่มบรวิ ารผตู้ ิดตามกลมุ่ ญาติคน
ป่วยและกลุ่มคนป่วย โดยเรม่ิ พิธีด้วยหัวหน้าหมอเหยาจุดเทียนระหว่างนั้นเสยี งดนตรีเริ่มขับกลอ่ ม หรือบาง
คณะจะมีบรวิ าร 2 คน น่ังขา้ งซ้าย และข้างขวา เรียกว่า วาดท้าย หมอเหยาก็จะลาอัญเชิญ เหล่าวญิ ญาณ
บรู พาจารยใ์ ห้มาชว่ ยรกั ษา และอัญเชญิ ผเี ขา้ เทยี ม (ทรง) ทาใหห้ มอเหยามีอาการสัน่ แลว้ ลกุ ข้นึ ฟอ้ นรา การ
ลาช่วงแรกเป็นการลาต้ังคายเพื่อเป็นการกราบไหว้ถึงวิญญาณของครูอาจารย์ที่เป็นรากเหง้าที่ประสิทธิ
ประสาทความรู้การประกอบพธิ ีกรรม จนกระท่งั ตนเองได้เป็นหวั หนา้ ตลอดจนลาบอกลักษณะอาการป่วยดว้ ย
การลาในชว่ งท่ีสอง เป็นข้ันตอนของการลาสอ่ งเพ่ือค้นหาสาเหตขุ องการเจ็บปว่ ย และการล่วงละเมิดต่อผีท่ีคน
ปว่ ยไดก้ ระทาลงไป ซง่ึ กว่าจะรูส้ าเหตขุ องการผดิ ผีต้องใชเ้ วลานานพอสมควร จากน้นั หมอลาก็จะลาขอขมาลา
โทษต่อผี ถ้าคนป่วยกระทาผิดอย่างรุนแรงผีจะโกรธมากถงึ กับต้องเอาชีวิตคนป่วยไปก็อาจเป็นได้ ขั้นนี้ญาติ
ผปู้ ่วยเกิดความกังวลใจเพราะเปน็ การต่อรองระหวา่ งผีกบั คน อย่างไรก็ตามหมอเหยาก็สามารถลาอ้อนวอนตอ่
ผีจนผีเกิดความเห็นใจ สงสาร และยินยอมตามที่หมอเหยาร้องขอในบางคร้ังผีอาจจะตอ้ งการสิ่งแลกเปล่ียน
โดยพดู ผ่านหมอเหยา เชน่ ตอ้ งการคู่ครองข้าทาสบริวาร เหล้าไหไกต่ วั แก้วแหวนเงนิ ทอง เปน็ ต้น โดยผแี ต่ละ
ประเภทมคี วามต้องการแตกต่างกัน เช่น ผีไร่ผนี า ผีตาแฮก ตอ้ งการพวกเหล้าไหไกต่ วั อาหารหวานคาว ปลูก
หอโฮง ผบี รรพบรุ ุษจาพวกเครือญาติต้องการบงั สกุ ุล ทาบญุ อทุ ศิ หา เปน็ ตน้ หมอเหยาฟ้ากจ็ ะแนะนาใหญ้ าติ
ผปู้ ว่ ยกระทาในส่ิงทผ่ี ีตอ้ งการ ในตอนทา้ ยลาเรียกขวญั ผปู้ ่วย ครูบาหมอเหยามีความเชอ่ื ว่าการเจ็บป่วยนา่ จะ
เกดิ มาจากการทข่ี วัญไดอ้ อกจากร่างไปเทยี่ วตามป่าเขา ทงุ่ นา จึงตอ้ งมีการเรยี กให้ขวัญของคนป่วยกลบั มาเขา้
ร่างกาย และมีการเสีย่ งทานายอาการป่วยจากไขไ่ ก่สุกว่าจะหายเร็วหรือช้า แลว้ ผกู ขอ้ มอื แกผ่ ู้ป่วยเพือ่ ความ
เปน็ ศริ มิ งคล และเชือ่ วา่ อาการป่วยจะได้หายเรว็ ไว และถอื เป็นเสรจ็ พิธกี รรม การลาเชิญใหอ้ อกมาฟอ้ นมาลา
เม่อื เสรจ็ พธิ ีผกู แขนใหแ้ กค่ นไข้โดยญาติมิตร ครบู า บริวาร และผ้ทู มี่ าร่วมพธิ ีกรรมทงั้ มวลแล้ว คนไขแ้ ละญาติ
มติ รก็จะรู้สึกอ่มิ เอิบสบายใจ หมอม้าจะเริ่มเปลี่ยนแปลงทานองเพลงและจังหวะเพลงให้เป็นลีลาสนุกสนาน
อาจเปน็ ลายสุดสะแนน หรือลายตมุ้ พ่ีต้มุ นอ้ งซึง่ เปน็ ลายแคนแบบโบราณ ตอนนค้ี รบู าจะเร่ิมออกไปฟ้อนและ
ลาเชิญให้ทุกคนออกมารว่ มฟ้อนมาราร่วมกบั เทพและบรวิ าร บริวารในคณะหมอเหยาก็จะออกมาลาโตต้ อบกบั
ครูบา แลว้ บุคคลอนื่ ๆ จะทยอยกันออกมารว่ มวงฟ้อน และถา้ ผูป้ ว่ ยมอี าการท่ีไมห่ นกั หนา ญาติพี่นอ้ งก็จะพยงุ
ให้เดินรอบคาย หรอื ร่วมฟ้อนราไปกับคณะหมอเหยาด้วย แตถ่ ้าไมส่ ามารถลุกขน้ึ เดินได้ ก็อาจให้ลกุ นงั่ และ
ตบมอื ตามจังหวะภายหลังการร่วมกันฟ้อนและลาจบลงแลว้ หมอเหยาจะกราบเครื่องบูชาในพธิ ีกรรม 3 ครั้ง
แลว้ ลาอญั เชญิ เทพทั้งปวงกลับส่สู ถานท่ีเคยสถติ เป็นอันเสร็จพิธกี รรมการเหยา ซึง่ ในขน้ั ตอนสุดทา้ ยนแ้ี สดงให้
เหน็ อยา่ งชดั เจนถึงบทบาทของกลมุ่ บุคคลท้งั 4 กลมุ่ ในพิธีกรรม

กรณีการลงข่วงเล้ียงผหี มอ ข่วง เป็นภาษาท้องถ่นิ อสี าน หมายถึง บรเิ วณบา้ นหรือลานบ้าน การลง
ข่วงผีหมอ หมายถงึ พธิ เี ลยี้ งผี ซงึ่ กระทากนั เปน็ ประจาทุกปใี นเดอื นสาม และเดือนหา้ ตามปกติการลงขว่ ง ใน
เดอื นสาม เรียกวา่ วันเลี้ยงภาชน์ขา้ ว ไม่มีการฟอ้ นราหรอื การละเล่น นอกจากคณะบริวารมาร่วมประกอบพิธี
เลยี้ งผีแลว้ รบั ประทานอาหารร่วมกนั ส่วนการมาชมุ นุมกันในเดอื นหา้ เรยี กว่า การเลีย้ งข่วง บริวารทุกคนต้อง
มาร่วม มีท้งั การขับลา ฟ้อนรา และการละเล่นอย่างสนกุ สนาน ซึ่งจดุ มงุ่ หมายการเล้ยี งข่วง ก็เพื่อแสดงความ
กตญั ญูตอ่ ผีครูบาอาจารย์ ผซู้ ง่ึ มีพระคุณ ซึ่งเคยรักษาตนเองจนมีชวี ิตรอดมาได้ เพื่อฉลองสมโภชนห์ ้งิ คาย หิ้ง
ของหัวหน้าซึง่ มเี ทียนหลักอันเป็นวัตถุสัญลักษณ์ แล้วอญั เชญิ ลงสรงน้าในวนั เลยี้ งช่วง พรอ้ มกบั อญั เชญิ อา้ ยพ่ี
ให้ลงเล่นร่วมกับนอ้ งนุ่ง (บริวาร) เพื่อพบปะสงั สรรค์ในกลุ่มนับถอื ผีหมอ เพราะการเล้ียงข่วงผีหมอ บรรดา
บรวิ ารทุกคนทง้ั บา้ นใกล้และบ้านไกลต่างก็มาร่วมชมุ นุมรว่ มสนุกสนานโดยการขบั ลา ฟ้อนและมีการ ละเล่น

๘๐

ตา่ งๆ เพอื่ อบรมกล่อมเกลาบริวารใหม้ แี นวประพฤติปฏิบตั ิอยู่ในกรอบของสงั คม เพ่อื บูชาผีฟา้ พญาแถนและ
ขอความเปน็ ศิรมิ งคลแก่ตนในการดารงชวี ิตในสังคมต่อไป และเพื่อติดตามผลการรักษา ท้ังนเี้ พราะบริวารผี
หมอท่ีผ่านการรักษามีจานวนมาก และอยู่ห่างไกล หัวหน้าไม่สามารถท่ีจะไปเย่ียมเยือนได้ทั่วถงึ ดังนั้นการ
มาร่วมเล้ียงข่วงผีหมอเป็นโอกาสใหห้ วั หน้าถามถงึ สารทุกข์สุกดบิ ของบรวิ ารได้

สรปุ อาจกล่าวไดว้ ่าบทบาททางสังคมของของหมอเหยาในประเดน็ การจัดการความขัดแย้งผ่าน
พิธีกรรมการเหยา หมอพื้นบ้านกลุ่มน้ีจะทาหนา้ ที่เป็นผ้สู ื่อสารหรือส่ือกลางระหว่างโลกสองภพเข้าดว้ ยกัน
ระหว่างโลกแห่งความเช่ือและวิญญาณส่ิงศักดิ์สทิ ธก์ิ ับโลกทางสังคม โดยผ่านพิธีต่างๆ การแสดงในพิธีกรรม
ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงให้รับรู้เท่าน้ัน แต่เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมในพิธีกรรมด้วย ตลอดช่วงของพิธี
กรรมการรักษา ญาติพี่น้องของผู้ป่วยได้เข้ามามีส่วนร่วมต่อพิธีกรรมตลอดเวลา การรักษาโดยหมอเหยาจึง
ไม่ไดเ้ ปน็ เพยี งความ สัมพันธ์ ระหวา่ งหมอกบั คนไขด้ ังเช่นการแพทยแ์ ผนปัจจุบนั แต่การรักษาโดยหมอเหยา
เปน็ การรักษาบนความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความเช่ือตอ่ สง่ิ ศักดส์ิ ิทธ์ิ หมอเหยา และผู้ป่วยรวมทงั้ บรรดาญาติพี่นอ้ ง

ช่วงเปล่ียนผ่านของชีวิตสาหรบั ผู้ป่วยในพิธีกรรมการรักษาโดยหมอเหยา เป็นกระบวนการ ท่ีทาให้
ผู้ป่วยที่อาจละเมิดต่อกฎธรรมเนียมประเพณี หรือไม่เคารพต่อบรรพบุรุษของครอบครัว ได้กลับเข้ามาสู่
ครอบครัวสู่สังคมอีกครัง้ โดยหมอเหยาได้อาศัยองค์ประกอบหลายประการเข้ามามสี ่วนรว่ ม นอกเหนอื ไปจาก
การแสดงความเคารพบชู าต่อสง่ิ ศักดิ์สิทธิเ์ หนอื ธรรมชาติ และการอยรู่ ่วมแวดลอ้ มใกล้ชดิ กับบรรดาญาตพิ ี่น้อง
ของคนป่วย เสยี งดนตรีจากหมอแคน การขับลาร้องและภาษาคาร้องของหมอลาทรงต่างเป็นองค์ประกอบ
สาคัญในพิธีกรรม ทท่ี าให้ผู้ปว่ ยมีอารมณค์ วาม ร้สู ึกรว่ มต่อพธิ กี รรม และประสบการณร์ ่วมต่อความเชื่อในส่ิง
ศกั ด์สิ ทิ ธ์ิ กระบวนการรักษาหมอพนื้ บา้ นโดยหมอเหยา โดยพิธกี รรมต่างๆ การแสดงออกผ่านพิธีกรรมเปน็ สง่ิ ท่ี
สามารถส่ือให้เห็นถึงหน่วยทางวัฒนธรรม ที่สามารถสังเกตเห็นได้ และรวมท้ังทาให้ผู้คนที่เป็นลูกศิษย์และ
ชาวบา้ นไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในพธิ กี รรม การแสดงในพิธีกรรมนี้จึงนาชาวบ้านไปส่โู ครงสรา้ งทางวัฒนธรรมหรือ
ระบบคุณคา่ ความเชื่อทีม่ ีความสัมพันธต์ ่อโลกธรรมชาติและโลกที่อยู่เหนือธรรมชาติ ยิง่ ไปกว่าน้ัน การแสดง
ในทางพิธีกรรมยังเป็นวิถีทางทางวัฒนธรรมท่ีทรงพลังและนาไปสู่การเปล่ียนรูป ทั้งประสบการณ์และ
ความสัมพนั ธ์ทางสงั คมของผู้คนที่มสี ว่ นร่วมในพธิ กี รรม อันนาไปสู่การกอ่ ตัวตนทางวฒั นธรรมขึน้ มาของผเู้ ข้า
ไปมสี ่วนรว่ มในพธิ กี รรม

จากการศึกษาพิธีกรรมการเหยา ในพิธีกรรมสะท้อนให้เห็นถึงจริยธรรมสาหรับชีวิตและสังคม
จรยิ ธรรมทางการเมอื งการปกครองระดบั ท้องถ่ิน และแนวคดิ เร่ืองกฎแห่งกรรมสรุปไดว้ ่า สังคมของประชากร
ในพื้นท่ียังคงยึดหลักการปกครองด้วยระบบจารีตแบบด้ังเดิมท่ีเรียกว่า ฮีตคลอง ฮีตคลองนี้มีความ หมาย
กว้างขวาง ลุ่มลึก เป็นระเบียบวิธีปฏิบัติที่ส่ังสมมาจากประสบการณ์ ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถ่ินผ่านการ
กล่ันกรองมาแล้วโดยยุคสมัยว่า ถ้าประพฤติปฏิบตั ิตาม จะสามารถทาใหส้ ังคมมีความสงบสุขได้ ถา้ ไม่ปฏิบัติ
ตาม ก็จะทาให้สังคมเกิดปัญหาทันที ระบบฮีตคลองน้ี คือ ธรรมเนียม ประเพณี และวิถีปฏิบัติอันเกิดจาก
ระบบความเช่ือในเรอื่ งตา่ งๆ ผสมผสานกัน โดยทุกคนในสังคมตอ้ งได้รับการอบรมสั่งสอน ไม่จากัด เพศ วัย
และสถานภาพทางสังคม ต่างก็ตกอยู่ในกฎเกณฑ์เดียวกันน้ี ถือว่าเปน็ การใชศ้ ีลธรรมปกครองแทนกฎหมาย
และได้ผลเป็นอย่างดี ฮีตคลองท่ีปรากฏในคาส่ังสอนของหมอเหยาน้ัน ปรากฏในคาสอนในพิธกี รรมการเหยา
นอกเหนอื จากหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาแล้ว ล้วนเป็นฮีตคลองของสงั คมอีสานดง้ั เดมิ ทั้งส้ิน เชน่ ความ
สามัคคี ความเออ้ื เฟื้อเผ่อื แผ่ ความกตญั ญกู ตเวที ความเจยี มเนือ้ เจียมตัว

๘๑

บทที่ 5
ผลลพั ธข์ องการจดั การความขัดแยง้ และแนวทางสนบั สนนุ
ใหช้ มุ ชนเกดิ กระบวนการสร้างความทรงจารว่ มเกย่ี วกับพิธเี หยา

5.1 ความสามารถในจัดการปญั หาภายในครอบครัว
จากการลงพ้ืนท่ีภาคสนามเพ่ือดาเนินการจัดเก็บข้อมูลการวิจัยในประเด็น การจัดการปัญหาระดับ

ครอบครวั ของกลุม่ หมอเหยา โดยผูว้ ิจยั ได้ทาการคดั เลือกกลุ่มครอบครวั ของคนป่วยทเ่ี คยรบั การรักษาดว้ ยพธิ ี
กรรมการเหยาจากกลุ่มหมอเหยากลุ่มเปา้ หมายในพื้นท่ีจังหวัดนครพนมและจังหวัดมุกดาหาร ซึง่ ประกอบไป
ด้วยคนป่วยและสมาชิกในครอบครัวของของคนป่วยตามเกณฑ์การวิจัยเชิงคุณภาพท่ีผู้วิจัยได้กาหนดไว้ คือ

เป็นครอบครัวของประชากรที่เคยผา่ นการรกั ษาด้วยพิธีกรรมการเหยาจากกล่มุ หมอเหยากลุ่มเป้าหมาย ท้ัง
20 กลมุ่ มาแล้วไมเ่ กิน 10 ปี โดยเลือกครอบครวั ของประชากรทเี่ คยผา่ นการรกั ษาดว้ ยพธิ ีกรรมการเหยาจาก
กลุ่มหมอเหยากลุม่ เป้าหมาย 2 ครอบครัว ต่อกลุ่มหมอเหยากลุ่มเป้าหมาย 1 กลุ่ม จากพ้นื ที่วิจยั รวมเป็น

40 ครอบครัว ท่ีแสดงรายละเอียดของคนป่วยท่ีเข้ารับการศึกษาด้วยพิธีกรรมการเหยา พบว่าคนป่วยใน
พธิ ีกรรมจากการศกึ ษาในครั้งน้ี พบว่าเป็นเพศชาย 18 คน เพศหญงิ 22 คน รวมทั้งหมด 40 คน ด้านการ
วินจิ ฉยั อาการของโรคจากแพทยแ์ ผนปัจจุบนั พบว่าท้งั 40 คนเคยผ่านการวนิ ิจฉยั อาการเจบ็ ป่วยจากแพทย์

แผนปัจจุบันมาก่อนตามลักษณะอาการของแต่ละคน ส่วนการวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยจากหมอเหยา พบว่า
หมอเหยาจะแจ้งแก่คนปว่ ยท้ัง 40 คน ผา่ นพิธกี รรมการเหยาว่า คนปว่ ยไม่สบายด้วยอาการของโรคท่ีเรียกว่า
“โรคผิดผี” หรือโรคที่เกิดจากการกระทาของผีหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้านรูปแบบการรักษาโรคของแพทย์แผน

ปัจจุบัน พบว่า แพทย์จะสัง่ ยาหรือฉดี ยาให้กับคนป่วยและให้คนปว่ ยกลับมาพักรักษาตัวต่อท่ีบา้ นของตนเอง
ทง้ั 40 คน รูปแบบการรักษาโรคของหมอเหยา พบว่า มีการจัดพธิ ีกรรมการเหยาข้ึนมาเพอื่ ทาการรักษาคน
ปว่ ยผ่านพิธีกรรมทั้ง 40 คน และหมอเหยาจะแจ้งวิธีการรักษาโรคภัยแก่คนป่วยและญาติของคนป่วยผ่าน

พิธกี รรมด้วย ส่วนประเภทของปัญหาระดบั ครอบครัวทพ่ี บในการศกึ ษาคร้ังน้ีน้ัน พบวา่ สามารถแบ่งประเภท
ของปญั หาได้ 4 กลุ่มปญั หาใหญ่ๆ คือ ปญั หาเชงิ สุขภาพ ปญั หาเชิงสังคม ปัญหาเชิงเศรษฐกิจ และปญั หาเชิง
การขัดแย้งภายในครอบครัว ในส่วนของประเดน็ การจดั การปัญหาระดับครอบครวั ท่เี กิดข้ึนผ่านพธิ ีกรรมการ

เหยาในพื้นท่ีกรณีศึกษาในคร้ังนี้นั้น สามารถแจกแจงรายละเอียดของการจัดการปัญหาระดับครอบครัว
รายละเอยี ดดงั ตารางต่อไปนี้

ตารางท่ี 17 แสดงรายละเอียดของการจัดการปญั หาระดับครอบครวั ของกลุ่มหมอเหยา

ลาดบั ชือ่ สมมตุ ิ การวินจิ ฉัยอาการของโรค รูปแบบการรักษาของหมอ ประเภทของปญั หาระดับ การจัดการ
ครอบครัว ปญั หา
ท่ี คนป่วย ของหมอเหยา เหยา
สุขภาพ / สาเรจ็ ไม่
1 จันทน์ โรคผดิ ผี / ด่าลกู สาว จดั พธิ ีกรรมเหยาสอ่ ง / ความขัดแยง้ ของสมาชิก สาเร็จ
เรณู 1 โรคผิดผี / ถกู สามดี ดุ ่า เรยี กขวัญ สุขภาพ /
ความขดั แยง้ ของสมาชกิ /-
2 บวั สี จดั พธิ ีกรรมเหยาเรยี กขวัญ สขุ ภาพ / /-
เรณู 1 ความขัดแย้งของสมาชกิ
โรคผดิ ผี / ทะเลาะกับหลาน จัดพิธกี รรมเหยาปัว / /-
3 แพงมา ให้หลานสมมาเจ้าโคตร /-
เรณู 2
/-
/-

๘๒

4 สงกา โรคผิดผี / ทะเลาะกับลกู สาว จัดพธิ ีกรรมเหยาปัว / สุขภาพ / /-

เรณู 2 ให้ลกู สาวสมมา ความขดั แยง้ ของสมาชกิ / -

5 บุตดี โรคผิดผี / ทาร้วั กนิ ทางเดิน จดั พธิ กี รรมสมมาเจ้าโคตร / สุขภาพ / /-

เรณู 3 เข้านานอ้ งสาว เหยาเรียกขวัญ เศรษฐกิจ / /-

ความขัดแย้งของสมาชกิ / -

6 มาลยั โรคผดิ ผี / ทะเลาะกับคู่สะใภ้ จัดพธิ กี รรมสมมาเจ้าโคตร / สขุ ภาพ / /-

เรณู 3 เร่อื งท่ดี ิน เหยาเรียกขวญั เศรษฐกจิ / -/

ความขดั แย้งของสมาชกิ / -

7 คาผนุ โรคผดิ ผี / ไม่ลา้ งหงิ้ พระ จัดพธิ ีกรรมสมมาผบี รรพบรุ ษุ / สขุ ภาพ / /-

ทา่ ลาด 1 เหยารบั ขวญั สังคม /-

8 ทองขนั โรคผดิ ผี / โกงท่ีดนิ น้องชาย จดั พธิ กี รรมสมมาเจา้ โคตร / สุขภาพ / /-

ทา่ ลาด 1 เหยาสอ่ ง เศรษฐกจิ / /-

ความขดั แยง้ ของสมาชิก / -

9 คาพัน โรคผดิ ผี / ผีบรรพบรุ ษุ อยาก เหยาเรยี กขวญั / สุขภาพ / /-

ท่าลาด 2 ได้บังสกลุ ถวายบงั สกุลทวี่ ดั เศรษฐกิจ /-

10 คาไพ โรคผดิ ผี / ถมบอ่ น้าในทีด่ ิน จดั พธิ กี รรมสมมาเจา้ โคตร / สุขภาพ / /-

ท่าลาด 2 มรดกแม่ จัดพธิ ีไหวผ้ ีนา / เศรษฐกจิ / /-

เหยาเอาขวัญ ความขัดแยง้ ของสมาชิก / -

11 ประสาร โรคผิดผี / เถียงเจ้าโคตร จัดพิธกี รรมไหว้เจ้าโคตร / สุขภาพ / /-

ทา่ ลาด 3 เหยาสอ่ ง ความขดั แยง้ ของสมาชกิ / -

12 บานเยน็ โรคผิดผี / เถียงแมเ่ รอ่ื งท่ีนา จัดพิธกี รรมไหว้เจา้ โคตร/ สุขภาพ / /-

ทา่ ลาด 3 เหยาปัว ความขัดแย้งของสมาชกิ / -

13 มะลิ โรคผิดผี / ทะเลาะกบั สามี เหยาส่อง /เหยาปวั สขุ ภาพ / /-

โพนทอง 1 สงั คม / /-

ความขดั แยง้ ของสมาชกิ / -

14 ทองยนุ้ โรคผดิ ผี / แบ่งมรดกใหล้ ูกไม่ จัดพธิ ีกรรมไหว้เจ้าโคตร / สุขภาพ/ /-

โพนทอง 1 เท่ากัน เหยาส่อง สังคม / /-

ความขัดแย้งของสมาชกิ - /

15 ราไพ โรคผดิ ผี / ด่าหลาน จัดพิธีกรรมไหวเ้ จา้ โคตร / สุขภาพ/เศรษฐกิจ/ /-

โพนทอง 2 เหยาสอ่ ง ความขัดแยง้ ของสมาชิก / -

16 อรนุ โรคผิดผี / เถียงกบั สามอี ย่ทู ่ี จดั พิธกี รรมไหวเ้ จ้าโคตร/ สขุ ภาพ / /-

โพนทอง 2 นา เหยาปัว เศรษฐกจิ / /-

ความขัดแย้งของสมาชิก / -

17 นิรัน โรคผดิ ผี / เถยี งพ่อตาเรื่อง จัดพธิ กี รรมการไหวผ้ ีเจา้ โคตร / สุขภาพ / /-

หนิ แฮ่ 1 มรดก เหยาปวั เศรษฐกิจ / /-

ความขดั แย้งของสมาชกิ / -

18 สดุ ตา โรคผิดผี / ผีบรรพบุรุษอยาก เหยาคุมผอี อก / เหยาเอาขวญั สขุ ภาพ / /-

หนิ แฮ่ 1 ไดบ้ งั สุกลุ สงั คม / -

19 ทิพย์ โรคผดิ ผี / ทะเลาะกับเพื่อน เหยาคุมผีออก / เหยาเอาขวัญ สขุ ภาพ / /-

หินแห่ 2 บ้าน สงั คม / /-

ความขัดแย้งของสมาชิก / -

20 ขุน โรคผิดผี / ดา่ ลกู ชายเรือ่ ง จัดพิธกี รรมสมมาผเี จ้าโคตร / สุขภาพ / /-

หนิ แห่ 2 ทรัพยส์ ิน เหยาเอาขวญั เศรษฐกจิ / /-

ความขดั แย้งของสมาชกิ / -

21 ดวง โรคผิดผี / ไลส่ ามีออกจาก จัดพิธีกรรมขอสมมาผีเจ้าโคตร สขุ ภาพ / /-

คาพอก 1 บา้ น ฝา่ ยสามี / เหยาเอาขวญั เศรษฐกิจ / /-

ความขดั แยง้ ของสมาชิก / -

22 เนยี ง โรคผิดผี / เถียงเจา้ โคตร จดั พธิ กี รรมขอสมมาผีเจ้าโคตร สุขภาพ / /-

คาพอก 1 / เหยาเอาขวญั เศรษฐกิจ / /-

ความขัดแย้งของสมาชกิ / -

23 บัวไล โรคผดิ ผี / ทะเลาะกับพ่สี าว จดั พิธกี รรมสมมาเจา้ โคตร / สุขภาพ/ / ๘๓
/
คาพอก 2 เรือ่ งทรัพย์สนิ เหยาส่อง สงั คม / / -
-
ความขัดแย้งของสมาชกิ / -
/ -
24 วันดี โรคผดิ ผี / สามแี อบมเี มยี จัดพิธีกรรมใหส้ ามีขอสมมาผี สขุ ภาพ / / -
-
คาพอก 2 น้อย เจ้าโคตร / เหยาส่อง / เศรษฐกิจ / / -
/ -
เหยาเอาขวญั ความขดั แยง้ ของสมาชิก -
/ -
25 ทองสี โรคผิดผี / ดา่ ทอสามี จดั พธิ กี รรมสมมาผเี จา้ โคตร สุขภาพ / / -
/ -
คาพอก 3 ฝา่ ยสามี ความขดั แย้งของสมาชิก -
/ -
26 ทองดี โรคผิดผี / ทะเลาะกบั ลกู สาว จัดพิธีกรรมสมมาผเี จ้าโคตร / สุขภาพ / / -
/ -
คาพอก 3 เร่อื งท่ีไร่ เหยาเอาขวัญ เศรษฐกจิ / -
/ /
ความขัดแยง้ ของสมาชิก / -
-
27 อ่อนตา โรคผิดผี / เผาไร่อ้อยแล้ว จัดพิธีกรรมสมมาผีเจ้าโคตร / สุขภาพ/ / -
- -
คาพอก 4 ลามใสท่ นี่ าน้องชายเสียหาย เหยาส่อง เศรษฐกิจ / / -
-
ความขดั แย้งของสมาชกิ / -
/ -
28 ทองคา โรคผิดผี / โดนลกู เขยดา่ ทอ จดั พธิ กี รรมสมมาผีเจ้าโคตร สขุ ภาพ/ / -
-
คาพอก 4 และให้ลกู เขยสมมา /ความขดั แยง้ ของสมาชิก / -
/ -
29 บญุ มี โรคผดิ ผี / แย่งมรดก จัดพิธกี รรมสมมาผีเจา้ โคตร / สขุ ภาพ / / -
-
คาพอก 5 น้องสาว เหยาส่อง เศรษฐกิจ / / -
/ -
ความขัดแย้งของสมาชกิ / -
-
30 สวุ นั โรคผิดผี / ด่าทอลูกสาวบน จดั พธิ ีกรรมสมมาผเี จ้าโคตร / สขุ ภาพ / / -
/ -
คาพอก 5 บา้ น เหยาสอ่ ง / เหยาเอาขวญั เศรษฐกิจ / / -
-
ความขัดแยง้ ของสมาชิก / -
/ -
31 เลก็ โรคผดิ ผี / โดนพช่ี ายโกง จดั พธิ กี รรมให้พี่ชายสมมาผเี จ้า สุขภาพ / / -
-
คาพอก 6 ทรัพยส์ นิ โคตร / เหยาส่อง เศรษฐกิจ / / -
/ -
ความขัดแยง้ ของสมาชิก / -
-
32 เขยี ว โรคผดิ ผี / เถียงกนั กับดอง เหยาส่อง / เหยาปัว / สุขภาพ / / -
/ -
คาพอก 6 เหยาเอาขวัญ สังคม /
/
ความขัดแยง้ ของสมาชกิ /
/
33 ทองสา โรคผิดผี / ดา่ ทอน้องเขย จัดพิธกี รรมสมมาผีเจ้าโคตร สุขภาพ /
/
หนองโอ 1 เหยาสอ่ ง / เหยาปวั / เศรษฐกจิ / /
/
เหยาเอาขวัญ ความขดั แย้งของสมาชิก
/
34 หนู โรคผิดผี / ผเี จา้ โคตรมาถาม จัดพธิ กี รรมสมมาผีเจา้ โคตร สุขภาพ / /

หนองโอ 1 ขา่ ว เหยาสอ่ ง / เหยาปวั / เศรษฐกิจ / /
/
เหยาเอาขวญั ความขัดแยง้ ของสมาชิก /

35 นาง โรคผิดผี / แบ่งมรดกให้ลูกไม่ จัดพิธีกรรมสมมาเจ้าโคตรและ สุขภาพ /

หนองโอ 2 เท่านนั้ สามี / เหยาสอ่ ง / เหยาปวั / สังคม /

เหยาเอาขวญั ความขัดแยง้ ของสมาชกิ

36 น้อย โรคผิดผี / ดา่ หลาน จดั พิธกี รรมสมมาผเี จ้าโคตร/ สุขภาพ /

หนองโอ 2 เหยาปวั / เหยาเอาขวัญ ความขดั แย้งของสมาชกิ

37 ภา หนอง โรคผดิ ผี / ปัน้ คนั นาใหม่ จัดพิธกี รรมสมมาผีเจ้าโคตร / สขุ ภาพ /

โอ 3 ขวางทางผีเทยี ว เหยาส่อง / เหยาปวั / เศรษฐกิจ /

เหยาเอาขวญั ความขัดแยง้ ของสมาชิก

38 สมิ โรคผิดผี / ไมย่ อมแบ่งมรดก เหยาส่อง / เหยาปวั / สุขภาพ /

หนองโอ 3 ให้ลกู ๆ เหยาเอาขวญั เศรษฐกจิ /

ความขัดแย้งของสมาชกิ

39 ยรู โรคผดิ ผี / ตดั ตน้ ไม้ใหญ่คนู่ า จดั พิธีกรรมสมมาผีเจา้ โคตร/ สขุ ภาพ /

หนองโอ 4 มรดก เหยาปัว / เหยาเอาขวัญ สงั คม

40 นันทา โรคผิดผี / ลกู สาวดา่ ทอสามี จัดพิธีกรรมสมมาผีเจา้ โคตร/ สขุ ภาพ /

หนองโอ 4 ใสห่ นา้ เหยาปวั / เหยาเอาขวัญ เศรษฐกจิ /

ความขัดแยง้ ของสมาชกิ

๘๔

จากตารางท่ี 17 แสดงรายละเอียดของการจดั การปัญหาระดับครอบครวั ของกลุ่มหมอเหยา พบว่า
สามารถแบ่งประเภทของปัญหาได้ 4 กลุ่มปัญหาใหญ่ๆ คอื ปัญหาเชิงสุขภาพ ปัญหาเชิงสังคม ปัญหาเชิง
เศรษฐกิจ และปญั หาเชงิ การขดั แยง้ ภายในครอบครวั

ปญั หาเชงิ สุขภาพพบวา่ คนป่วยท้งั 40 คน มีปญั หาด้านสุขภาพมาก่อน กล่าวคือ คนป่วยเหลา่ นจี้ ะ
เคยผ่านการรบั การรักษาจากแพทย์แผนปจั จุบนั มากอ่ น และแพทยแ์ ผนปัจจุบนั วนิ ิจฉัยอาการเจ็บป่วยของโรค
ไปตามลักษณะอาการเจ็บปว่ ยของคนป่วย และทาการรกั ษาคนป่วยท้งั 40 คนตามลักษณะอาการของแต่ละ
โรค ทั้งในลักษณะของการใหค้ าปรึกษา ฉีดยา หรือการให้ยามารับประทานท่บี ้านของคนป่วย แตป่ รากฏว่า
อาการเจบ็ ป่วยของคนป่วยก็ไม่หายขาด คนป่วยจงึ ตัดสนิ ใจเปลยี่ นมารับการรกั ษาดว้ ยพิธกี รรมการเหยาจาก
กลมุ่ หมอเหยา ผลการรักษาพบวา่ ในจานวน 40 รายทผี่ ่านการรกั ษาด้วยพธิ ีกรรมการเหยา มคี นป่วยท่ีหาย
จากอาการเจ็บป่วย จานวน 37 คน และไมห่ ายขาดจากอาการเจ็บป่วยจานวน 3 คน จากการสัมภาษณ์คน
ป่วยทเ่ี คยผ่านการรกั ษาดว้ ยพิธีกรรมการเหยาบางคน กล่าวว่า

“...2 อาทติ ยท์ ่ีแลว้ บส่ บาย เถียงกันกับลกู สาวกก ย้อนวา่ ลกู สาวมายืมเงนิ ไปจ่ายค่าเทอเห้อหลานสาว
บอกแมว่ า่ จะนามาคืนแม่ภายใน 2 เดือน แล้วก็บ่นามาคนื พอแม่ไปถามลูกสาวเลยดา่ แม่วา่ ฮักลูกบ่สา่ กัน แม่
เลยด่าคืน กเ็ ถยี งกนั นานเกือบ 2 ช่ัวโมง แมเ่ ลยกลบั มาเฮอื น พอกลับมาเฮอื นก็หน้ามดื ถงึ ขนาดได้เอ้นิ รถโรง
บาลมาฮับ หมอเพนิ่ กะบอกแม่ว่าความดันแม่สูงหลาย ไปเฮด็ ผะเลอมา แม่กะบอกหมอว่า แม่ฮ่ายลูกสาวไป
หมอกะจัดยาความดันเห้อแมม่ ากินอยู่เฮือน กินยาไปสามม้ืออาการหน้ามืดกะไคข้ึน บัดนี้ญาติข้างบ้านเขา
แนะนาแม่ว่าเห้อไปหาหมอเหยามาเบิ่งว่าผิดผีหรือบ่ เลยไปหาหมอเหยา พอเอาหมอเหยามาแยงเบ่ิง
หมอเหยาเพ่นิ ว่าเปน็ ยอ้ นเจ้าไปฮ่ายกันกบั ลกู สาว ผีเจ้าโคตรเพ่ินเลยฮ่าย ต้องจัดพิธีสมมาลาโทษเจ้าโคตรเพ่ิน
แม่กะเลยจดั พิธตี ามท่ีหมอเหยาบอก อาการเจ็บป่วยกะเลยไคข้ึนมาถึงซมุ อื้ น้.ี ..”

(นางจนั ทน์ เรณู 1, บันทกึ ประวตั ชิ วี ิตบคุ คล, 2560)

ปัญหาเชิงสังคมในพิธีกรรมเหยา พบว่า มีคนป่วยที่มีสาเหตุของการเจ็บป่วยมาจากปัญหาระดับ
ครอบครัวที่เป็นปัญหาเชิงสังคมเช่น โรคผิดผี ด่าลูกสาว ถกู สามีดุด่า ทะเลาะกับหลาน ทะเลาะกับลูกสาว
ไม่ลา้ งหิ้งพระ ผบี รรพบุรุษอยากได้บังสกุล เถยี งเจ้าโคตร เถียงกับสามอี ยู่ทน่ี า เถียงพ่อตา ทะเลาะกับเพื่อน
บ้าน ไล่สามีออกจากบ้าน โดนลูกเขยด่าทอ เถียงกันกับดอง ฯลฯ และในพิธีกรรมการเหยา หมอเหยาได้
แนะนาให้คนป่วยและญาติในพิธีกรรมจัดพิธีกรรมต่างๆ ขึ้นมาโดยหวังว่าอาการเจ็บป่วยของคนป่วยจะ
หายขาด ผลการรักษาพบว่า ในจานวนคนป่วย จานวน 40 รายทจี่ ัดพิธกี รรมตามที่หมอเหยาแนะนา ปราก
กว่าสามารถแก้ไขปัญหาเชิงสังคมผ่านพธิ ีกรรมได้สาเร็จจานวนทั้ง 40 ราย จากการสัมภาษณ์คนป่วยที่เคย
ผา่ นการรกั ษาด้วยพธิ กี รรมการเหยาบางครอบครวั กลา่ ววา่

“...ลูกชายกับลกู ใภ้แม่ฮา่ ยกัน ย้อนว่าลูกชายแม่ลักเงินเมียไป บ่ฮวู้ ่าเอาไปเฮ็ดผะเลอ เงินบ่
หลายสามหมื่นกว่าบาท ขะเจ้ากะฮ่ายกันอยู่ 2 เช้า บัดน้ีแม่กะเลยไปถามว่าเป็นหยังคือได้ฮ่ายกัน เป็นตา
อยากอายพี่น้องบา้ นใกลเ้ ฮอื นเคยี งเฮา ลกู ใภผ้ ดั ซ้ีหนา้ ด่าแม่ว่าแมเ่ ลย้ี งลกู มาแนวเลอ ลกู ชายเจา้ คือไดเ้ ป็นโจร
ลักเงินคนในเฮือนในชาน แม่กะสนู คักเลยฮา่ ยลูกใภ้ไปวา่ กูกะเล้ยี งแบบท่ีแม่มึงเลี้ยงมึงห้นั หละ่ แมย่ ่ากับลกู ใภ้
กะเลยฮ่ายกนั ลกู ใภม้ ันกะหนกี ลับเมอื หาแมม่ นั บัดน้ีมันหลายมื้อกะบ่มาจักเทอื่ แมเ่ ลยไปเอ้นิ เอา น้อกะยอ้ น
ว่าเปน็ ลูกเป็นเต้าเฮาแลว้ กะบ่อยากใหฮ้ ้างให้ปะ่ กนั แหมอาจารย์ หล่ะพอไปฮอดเฮือนแมด่ อง เขาหละ่ มาดา่ แม่

๘๕

ว่าเขา้ ข้างลูกชายจะของเหอ้ ไปหาลักเอาเงนิ เมยี ไปเล่น แม่กะบ่ฮเู้ ร่ือง แม่กะเถียงคืนว่าแม่ผัดบไ่ ดถ้ ามต้นสาย
ปลายเหตุ นาลูกชาย อย่าสุฟา้ วว่าขอ้ ย เฒ่าดองกะฮ๋ายแมไ่ ปหลายความ คนมันกะสูนน้ออาจารย์ แม่กลับมา
ฮอดเฮือน กะปวดตา ปวดบ่เซาอยสู่ ามม้ือลูกชายกะเลยพาไปโรงบาลหนองสูง หมอกะเบิ่งอาการเหอ้ แล้วกะ
จัดยาเหอ้ มากนิ อยู่เฮอื น อาการกะบด่ ีขน้ึ ดอกอาจารย์ จนนอ้ งสาวเอาแม่หมอเพิน่ มาเหยาให้ เพ่นิ กะบอกแมว่ า่
ยอ้ นแมด่ ่าลกู ใภ้ใสเ่ ฮือน เจ้าโคตรเพ่ินสูนแฮง ต้องจัดขันสมมาเจา้ โคตร กะจดั ตามท่ีเพิ่นบอก เอาเพ่นิ มาเหยา
อาการกะไคข้ึน แต่เฮากะกินยาโรงบาลนาตลอดจนเซาปวดตาหล่ะอาจารย์ กะดีนาท้ังสองทางน้อค่ะน้อ
ปัวซ่อยกนั ทั้งสองทางคะ่ ...”

(นางเขยี ว คาพอก 6, สมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ , 2560)

ปัญหาเชงิ เศรษฐกิจในพธิ ีกรรมเหยา พบวา่ มีคนป่วยที่มสี าเหตขุ องการเจบ็ ป่วยมาจากปัญหาระดับ
ครอบครวั ท่ีเป็นปัญหาเชิงเศรษฐกิจ เช่นกรณี ทาร้ัวกินทางเดินเข้านานอ้ งสาว ทะเลาะกับคู่สะใภ้เรอื่ งที่ดิน
โกงท่ีดนิ นอ้ งชาย ถมบอ่ น้าในทด่ี ินมรดกแม่ เถยี งแมเ่ รอื่ งท่นี า แบง่ มรดกให้ลกู ไมเ่ ทา่ กนั เถยี งพอ่ ตาเรื่องมรดก
ด่าลูกชายเรือ่ งทรัพยส์ ิน ทะเลาะกบั พ่สี าวเรื่องทรพั ยส์ นิ ทะเลาะกบั ลกู สาวเรือ่ งท่ไี ร่ เผาไรอ่ อ้ ยแล้วลามใส่ทน่ี า
นอ้ งชายเสียหาย แย่งมรดกน้องสาว โดนพีช่ ายโกงทรพั ย์สิน แบง่ มรดกใหล้ กู ไม่เท่าน้ัน ปนั้ คันนาใหมข่ วางทาง
ผีเทียว ไมย่ อมแบ่งมรดกให้ลูกๆ ตัดตน้ ไม้ใหญ่คูน่ ามรดก ฯ และในพิธกี รรมหมอเหยาแนะนาให้คนป่วยและ
ญาติในพิธีกรรมจัดพิธีกรรมต่างๆ ขึ้นมาโดยหวังว่าอาการเจ็บปว่ ยของคนป่วยจะหายขาด ผลการรักษาพบว่า
ในจานวนคนป่วย จานวน 22 รายที่จดั พิธกี รรมตามท่ีครูบาหมอเหยาแนะนา ปรากกว่าสามารถแก้ไขปัญหา
เชิงเศรษฐกจิ ผ่านพิธกี รรมไดส้ าเรจ็ จานวน 21 ราย และไมส่ ามารถแก้ไขปญั หาเชิงเศรษฐกจิ ได้สาเรจ็ จานวน
1 ราย จากการสมั ภาษณค์ รอบครัวของคนป่วยทีเ่ คยผ่านการรักษาด้วยพิธีกรรมการเหยาบางครอบครัว กลา่ ว
ว่า

“...อ้ายเจา้ นี้เปน็ ลกู เขยกลางของเฮือนใหญ่ พี่กะออกเฮือนมาหลายดนปีแลว้ อาจารย์ จนได้ลูกนากัน
สองคน พ่อเพ่นิ หละ่ บ่ทนั ปนั มลู เหอ้ มีแต่ปันปากบ่ไดโ้ อนกรรมสิทธ์ิ ปีกลายผวั กับเมยี เวา้ กนั วา่ เขา้ ธกสแหมค่ะ
อาจารย์ กะเลยไปเว้าไปจากับอ่ีแม่อยู่เฮอื นใหญ่ วา่ อยากปันโฉนดออกจากของแม่ พอ่ พผี่ ดั ว่าพ่วี ่าย้านบ่ไดม้ ูล
ได้มังติ มาสิฟ้าวอยากแบง่ อยากปันโฉนดออกไปเฮ็ดผะเลอ ม้ือตอ่ มาอา้ ยเจา้ น่ีออกไปนา ไปพอ้ กนั กับพอ่ เฒ่า
อยู่นา่ พ่อเฒา่ หล่ะฮา่ ยลูกเขยว่าอยากแบ่งอยากปันแต่น้อยโพดโพ เขยแข็งหลายน้อหล่ะเพิ่นว่าหน่ะค่ะ อ้าย
เจา้ กะสิเคยี ดแนจักหนอ่ ยหนะ่ ค่ะ กะเลยฮ่ายกับพ่อเฒา่ ไปหลายความเตบิ อยู่ กะจกั วา่ ฮา่ ยหยังกนั แนนอ้ ค่ะน้อ
ไปหาพอ่ ลา่ มแม่ลา่ มเพ่ินกะมาเวา้ นาอ่ีพ่ออยู่ แต่เพ่ินกะพาไปโอนไปแบ่งโฉนดเด้ค่ะอาจารย์ เดอื นได้โฉนดมา
กะเป็นปวดหวั ยามแลง เปน็ ตอ่ กันสามมือ้ ส่ีม้ือคะ่ เฮด็ แนวเล๋อกะบ่หยดุ บ่เซา ไปหาหมอเพิน่ เอายาไมเกรนมา
เห้อกินกะมิหายแหมคา่ อาจารย์ จนอี่แมม่ าบอกว่ากะซ่ันกะเอาหมอเหยาเพ่ินมาปวั สาสิได้หายได้เซา ตอนแรก
กะบ่อพากนั ไปดอกค่ะ จนมันเหมิดทางพ้ีแหล่วค่า กะจั่งได้เอาแม่หมอเพิ่นมา พอแต่ตั้งคายอ้ายเจ้ากะรอ้ งไห้
ค่ะ แม่หมอกับซุมพี่น้องเพิน่ กะฮ้องเหอ้ จัดสมมาพ่อเฒ่าเจา้ โคตร พอแต่ไหว้กันแหมค่าอาจารย์ เซากับหม่อง
หั้นเลยค่าอาจารย์ พอ่ เฒ่ากะไหน้ าลูกเขย ลูกเขยกะไหวส้ มมาลาโทษพอ่ เฒ่า กะดีมาจนซมุ อ้ื นเ้ี ลยคะ่ แตน่ ้ันมา
บก่ ล้าฮ่ายพ่อฮ่ายแมอ่ ีกเลย เพนิ่ อยากเปน็ เขยแข็งแนจกั หนอ่ ยเด้ค่ะอาจารย์ ทางเพ่ินเปน็ คนฮ่งั มีกว่าทางเอื้อย
ค่ะ ปยู่ ่าเพิ่นปนั มูลมาหลาย...”

(ครอบครวั นายนริ ัน หินแฮ่ 1, สัมภาษณ์เชงิ ลึก, 2560)

๘๖

ปญั หาการเชงิ การขัดแยง้ ของสมาชิกภายในครอบครัวในพิธกี รรมการเหยา พบว่า มีคนป่วยทีม่ สี าเหตุ
ของการเจ็บป่วยมาจากปญั หาระดับครอบครัวท่ีเปน็ ปัญหาเชิงการขัดแย้งของสมาชิกภายในครอบครวั เช่น
กรณี ดา่ ลกู สาว ถูกสามดี ดุ า่ ทะเลาะกับหลาน ทะเลาะกบั ลกู สาว ทะเลาะกับสามี ดา่ หลาน เถยี งกบั สามีอยู่ที่
นา เถียงพ่อตาเรอ่ื งมรดก ดา่ ลกู ชายเรื่องทรัพยส์ นิ ไลส่ ามอี อกจากบ้าน เถียงเจ้าโคตร สามแี อบมีเมยี น้อย ดา่
ทอสามี ทะเลาะกบั ลูกสาวเรอื่ งทไ่ี ร่ โดนลกู เขยด่าทอ แย่งมรดกน้องสาว ดา่ ทอลกู สาวบนบ้าน โดนพี่ชายโกง
ทรัพยส์ ิน เถียงกันกบั ดอง ด่าทอนอ้ งเขย แบง่ มรดกให้ลกู ไมเ่ ท่านัน้ ด่าหลาน ไม่ยอมแบ่งมรดกใหล้ กู ๆ ลกู สาว
ดา่ ทอสามีใส่หน้าฯ และในพิธีกรรมหมอเหยาแนะนาให้คนป่วยและญาติในพิธีกรรมจดั พิธีกรรมตา่ งๆ ข้ึนมา
โดยหวังว่าอาการเจ็บป่วยของคนป่วยจะหายขาด ผลการรักษาพบวา่ ในจานวนคนป่วย จานวน 29 รายทจ่ี ัด
พธิ กี รรมตามทห่ี มอเหยาแนะนา ปรากกวา่ สามารถแกไ้ ขปญั หาเชิงการขัดแย้งของสมาชกิ ภายในครอบครวั ผา่ น
พธิ กี รรมไดส้ าเร็จจานวน 28 ราย และเปน็ ทนี่ ่าสงั เกตวา่ ปัญหาเชงิ เศรษฐกิจท่พี บในครอบครัว มักจะนามาสู่
ปัญหาเชิงการขดั แย้งของสมาชกิ ภายในครอบครัวในเวลาต่อมาด้วยจากการสัมภาษณ์ครอบครัวของคนป่วยท่ี
เคยผา่ นการรกั ษาด้วยพธิ กี รรมการเหยาบางครอบครวั กลา่ วว่า

“...เบะ๊ เพิ่นมีท่ีสวนอยู่บห่ ลายคะ่ อาจารย์ มีสามไร่กว่าๆ นิล่ะ เพนิ่ กะปันเห้อแมก่ ับพ่อลงุ คนละสอง
งาน พ่อไดป้ ลูกเฮอื นเห้อลูกเห้อเต้า เพิ่นวา่ หนะ่ ค่ะ แม่พี่หล่ะว่าลาวเป็นลูกสาวกก ได้น้อยโพดโพ บดั ยามไถ
สวนปลกู บักถ่ัวดิน แม่หล่ะไถปลกู เอาเกือบไร่คะ่ น้าสาวกะบไ่ ด้วา่ อ่ีหยังแมด่ อกคะ่ น้ากะเห้อปลูก พอกู้บกั ถ่ัว
ดินแลว้ แมก่ ะไถใหม่ ไถผัดไถเอาเกือบไรค่ ือเกา่ ค่ะ นา้ สาวเพ่ินเลยมาถามแม่ว่าจั่งได่คือไดไ้ ถเอาไรห่ น่ึงจัง่ เก่า
แม่กะเลยบอกนา้ วา่ กเู ปน็ ลูกกกกะด้อ ปนั เหอ้ กสู องงาน กูบ่เอา กสู ิปนั เอาไรห่ น่งึ มงึ ไปบอกอีแ่ ม่เลยวา่ กสู เิ อา
ไร่หน่ึงกูกะลูกคือกัน น้าสาวหล่ะไปบอเบ๊ะคือจั่งเพ่ินว่าค่ะอาจารย์ เบ๊ะเพ่ินหล่ะมาฮ้ายเห้อแม่ค่ะ ว่าข้ีตั๋ว
ละโมบโลภหลายบ่เซา นาท่งบา้ นแม่กะเหอ้ ได้ผุเดียว เบะ๊ บเ่ อานา ปะสาสวนส่าหม่องกระตา่ ยดิน้ ตายกะยาก
นาน้อง แม่กะเคยี ดอยู่หละ่ คา่ พอเอานายเพ่นิ ออกมาปัน เบ๊ะกะว่าคน้ั บ่เอาสองงานเบะสิเอานาบา้ นคนื ปันสาม
สว่ น แมก่ ะเลยยอมค่ะอาจารย์ ยามนาปนี ั้นเพ่ินหล่ะฮ้องว่าเจ้าของบ่สาบายค่ะ ถกขายา่ งยากค่ะอาจารย์ พา
ไปหาหมออยู่คลีนิคในเมือง หมอหล่ะว่าเพ่ินเป็นกล้ามเน้ืออ่อนแฮง พักผ่อนบ่เพียงพอค่ะ เป็นหนักคัก
จนได้พาไปปัวอยู่โรงบาลใหญ่ขอนแก่นค่ะ กะปัวกันจนเซา ในช่วงท่ีเทียวปัว เบ๊ะกะเอาหมอเหยามาส่อง
แมห่ มอเพิ่นหล่ะว่าผีเจ้าโคตรมาบบี ขาเอา ย้อนว่าแม่อยากไดม้ ูลของน้องเจ้าของ เจ้าโคตรเพ่ินเคียดหลายว่า
แม่แข็งใสแ่ ม่เจ้าของค่ะ กะสมมากันค่ะอาจารย์ กะปัวซ่อยกนั หลายแนวหลายทาง อาการกะไคขึ้นค่ะ ทีม่ ่อง
สองงานนั้นตอนนีแ้ ม่บไ่ ปจกั เทอ่ื เพิน่ ย้านเปน็ อีกคะ่ พี่เลยไถปลูกบกั แตงบักพริกตามยามคะ่ พอไดส้ ง่ ตลาดขาย
กบั ขายนาบา้ นอยูค่ ะ่ อาจารย์ กะเช่อื ปักคอจ่อลอ่ ค่ะ เพิ่นทว้ งแม่นคกั หลายคะ่ อาจารย.์ ..”

(ครอบครวั นางบญุ มีคาพอก 5, สัมภาษณ์เชิงลึก, 2560)

5.2 การธารงทนุ ทางวัฒนธรรมภายในชุมชนทอ้ งถิ่น
จากประเดน็ ความสาเรจ็ ของกลุม่ หมอเหยาในการจัดการปัญหาระดบั ครอบครัว ในครอบครวั ของคน

ป่วยในลกั ษณะต่างๆ ตามหัวห้อท่ีผ่านมาในข้างต้นนนั้ ส่วนหน่งึ ของพิธกี รรมการเหยารกั ษาคนปว่ ยของกลุ่ม
หมอเหยาในพืน้ ท่กี รณศี ึกษาในครัง้ นีห้ ากเราพิจารณาจากการวนิ จิ ฉยั อาการของโรคของหมอเหยา รปู แบบการ
รกั ษาของหมอเหยและลักษณะของการทาบุญในทางพระพุทธศาสนาแล้วพบวา่ ไดส้ ะท้อนภาพของการธารง
ทนุ ทางวัฒนธรรมในชมุ ชนเอาไว้ได้อยา่ งชัดเจน รายละเอียดดงั ตารางตอ่ ไปนี้

๘๗

ตารางท่ี 18 แสดงรปู แบบการรกั ษาโดยพิธีกรรมการเหยาทส่ี ะทอ้ นภาพการธารงทนุ ทางวฒั นธรรม

ลาดบั ชอื่ สมมตุ ิ การวนิ จิ ฉัยอาการของโรค รปู แบบการรกั ษาของ ลกั ษณะการทาบญุ ในทาง
หมอเหยา พทุ ธศาสนา
ท่ี คนป่วย ของหมอเหยา -
จัดพธิ ีกรรมเหยาส่อง /
1 จันทน์ โรคผดิ ผี / ด่าลูกสาว เรยี กขวัญ -
จดั พิธีกรรมเหยาเรยี กขวัญ
เรณู 1 ทาบญุ ถวายสังฆทานใหผ้ ี
จดั พิธีกรรมเหยาปัว / บรรพบรุ ษุ
2 บวั สี โรคผดิ ผี / ถูกสามดี ดุ า่ ใหห้ ลานสมมาเจา้ โคตร
จัดพธิ กี รรมเหยาปัว / -
เรณู 1 ใหล้ กู สาวสมมา
จดั พิธีกรรมสมมาเจ้าโคตร / ทาบุญถวายสงั ฆทานใหผ้ ี
3 แพงมา โรคผดิ ผี / ทะเลาะกับหลาน เหยาเรยี กขวัญ บรรพบุรุษ
จดั พิธกี รรมสมมาเจ้าโคตร / ทาบญุ ถวายสงั ฆทานใหผ้ ี
เรณู 2 เหยาเรียกขวัญ บรรพบุรุษ
จัดพธิ กี รรมสมมาผีบรรพบุรษุ / ทาบุญถวายสงั ฆทานให้ผี
4 สงกา โรคผิดผี / ทะเลาะกับลูกสาว เหยารับขวญั บรรพบรุ ุษ
จัดพิธกี รรมสมมาเจ้าโคตร / ทาบุญถวายสังฆทานให้ผี
เรณู 2 เหยาสอ่ ง บรรพบุรษุ
เหยาเรียกขวญั / ทาบญุ ถวายสังฆทานใหผ้ ี
5 บุตดี โรคผิดผี / ทารัว้ กินทางเดนิ เขา้ ถวายบงั สกุลทวี่ ดั บรรพบุรุษ
จัดพิธีกรรมสมมาเจ้าโคตร / ทาบญุ ถวายสงั ฆทานให้ผี
เรณู 3 นานอ้ งสาว จัดพิธไี หวผ้ นี า / เหยาเอาขวญั บรรพบรุ ุษ
จัดพธิ กี รรมไหว้เจา้ โคตร ทาบญุ ถวายสงั ฆทานใหผ้ ี
6 มาลยั โรคผิดผี / ทะเลาะกับคู่สะใภ้ / เหยาสอ่ ง บรรพบรุ ษุ
จัดพธิ ีกรรมไหว้เจ้าโคตร/ ทาบุญถวายสังฆทานให้ผี
เรณู 3 เร่ืองทีด่ นิ เหยาปวั บรรพบุรุษ
เหยาส่อง /เหยาปวั
7 คาผนุ โรคผดิ ผี / ไมล่ ้างหิ้งพระ -
จดั พธิ ีกรรมไหว้เจา้ โคตร /
ท่าลาด 1 เหยาสอ่ ง ทาบญุ ถวายสังฆทานใหผ้ ี
จัดพิธกี รรมไหวเ้ จ้าโคตร / บรรพบรุ ุษ
8 ทองขนั โรคผิดผี / โกงที่ดนิ น้องชาย เหยาสอ่ ง ทาบุญถวายสังฆทานใหผ้ ี
จดั พธิ ีกรรมไหวเ้ จา้ โคตร/ บรรพบรุ ุษ
ทา่ ลาด 1 เหยาปวั ทาบญุ ถวายสงั ฆทานใหผ้ ี
จดั พธิ ีกรรมการไหวผ้ ีเจา้ โคตร / บรรพบรุ ษุ
9 คาพนั โรคผดิ ผี / ผีบรรพบรุ ุษอยากได้ เหยาปัว ทาบุญถวายสงั ฆทานใหผ้ ี
เหยาคมุ ผอี อก / เหยาเอาขวญั บรรพบรุ ษุ
ทา่ ลาด 2 บงั สกลุ
เหยาคมุ ผีออก / เหยาเอาขวญั -
10 คาไพ โรคผดิ ผี / ถมบอ่ น้าในทด่ี ิน
จัดพิธีกรรมสมมาผีเจา้ โคตร / -
ทา่ ลาด 2 มรดกแม่ เหยาเอาขวัญ
จดั พธิ กี รรมขอสมมาผีเจ้าโคตร ทาบญุ ถวายสังฆทานใหผ้ ี
11 ประสาร โรคผิดผี / เถยี งเจา้ โคตร ฝา่ ยสามี / เหยาเอาขวัญ บรรพบุรษุ
จัดพิธกี รรมขอสมมาผีเจา้ โคตร /
ท่าลาด 3 เหยาเอาขวัญ -

12 บานเย็น โรคผดิ ผี / เถยี งแมเ่ รื่องท่นี า -

ทา่ ลาด 3

13 มะลิ โรคผิดผี / ทะเลาะกบั สามี

โพนทอง 1

14 ทองยุ้น โรคผดิ ผี / แบง่ มรดกใหล้ ูกไม่

โพนทอง 1 เท่ากนั

15 ราไพ โรคผดิ ผี / ด่าหลาน

โพนทอง 2

16 อรุน โรคผดิ ผี / เถียงกับสามีอยทู่ ่ีนา

โพนทอง 2

17 นริ นั โรคผิดผี / เถียงพอ่ ตาเรอื่ ง

หนิ แฮ่ 1 มรดก

18 สุดตา โรคผิดผี / ผบี รรพบรุ ษุ อยากได้

หินแฮ่ 1 บงั สกุ ลุ

19 ทิพย์ โรคผดิ ผี / ทะเลาะกบั เพอื่ น

หินแห่ 2 บ้าน

20 ขนุ โรคผดิ ผี / ดา่ ลกู ชายเร่อื ง

หนิ แห่ 2 ทรพั ย์สิน

21 ดวง โรคผิดผี / ไล่สามอี อกจากบา้ น

คาพอก 1

22 เนยี ง โรคผิดผี / เถยี งเจ้าโคตร

คาพอก 1

๘๘

23 บัวไล โรคผิดผี / ทะเลาะกับพี่สาว จัดพธิ ีกรรมสมมาเจ้าโคตร / ทาบุญถวายสงั ฆทานให้ผี

คาพอก 2 เรอ่ื งทรัพยส์ นิ เหยาสอ่ ง บรรพบรุ ษุ

24 วนั ดี โรคผิดผี / สามีแอบมีเมยี น้อย จดั พิธกี รรมใหส้ ามีขอสมมาผีเจา้ ทาบุญถวายสังฆทานใหผ้ ี

คาพอก 2 โคตร / เหยาส่อง / เหยาเอาขวัญ บรรพบรุ ษุ

25 ทองสี โรคผิดผี / ด่าทอสามี จัดพธิ ีกรรมสมมาผเี จา้ โคตรฝ่าย ทาบญุ ถวายสังฆทานให้ผี

คาพอก 3 สามี บรรพบรุ ษุ

26 ทองดี โรคผิดผี / ทะเลาะกับลกู สาว จัดพธิ กี รรมสมมาผเี จา้ โคตร / ทาบญุ ถวายสงั ฆทานใหผ้ ี

คาพอก 3 เรอื่ งท่ีไร่ เหยาเอาขวญั บรรพบุรุษ

27 อ่อนตา โรคผิดผี / เผาไรอ่ อ้ ยแล้วลาม จัดพธิ กี รรมสมมาผเี จา้ โคตร / ทาบุญถวายสังฆทานใหผ้ ี

คาพอก 4 ใสท่ ี่นาน้องชายเสยี หาย เหยาส่อง บรรพบรุ ุษ

28 ทองคา โรคผิดผี / โดนลกู เขยดา่ ทอ จดั พิธีกรรมสมมาผีเจา้ โคตรและ ทาบุญถวายสงั ฆทานใหผ้ ี

คาพอก 4 ใหล้ กู เขยสมมา บรรพบุรุษ

29 บุญมี โรคผิดผี / แย่งมรดกนอ้ งสาว จดั พิธกี รรมสมมาผเี จ้าโคตร / ทาบุญถวายสงั ฆทานให้ผี

คาพอก 5 เหยาส่อง บรรพบุรษุ

30 สวุ ัน โรคผดิ ผี / ด่าทอลกู สาวบนบา้ น จัดพิธีกรรมสมมาผเี จ้าโคตร / ทาบุญถวายสงั ฆทานใหผ้ ี

คาพอก 5 เหยาสอ่ ง / เหยาเอาขวัญ บรรพบรุ ุษ

31 เล็ก โรคผิดผี / โดนพช่ี ายโกง จัดพิธกี รรมใหพ้ ชี่ ายสมมาผีเจา้ ทาบญุ ถวายสังฆทานใหผ้ ี

คาพอก 6 ทรพั ย์สนิ โคตร / เหยาสอ่ ง บรรพบุรษุ

32 เขยี ว โรคผิดผี / เถียงกันกับดอง เหยาส่อง / เหยาปวั / -

คาพอก 6 เหยาเอาขวัญ

33 ทองสา โรคผดิ ผี / ด่าทอน้องเขย จดั พิธีกรรมสมมาผีเจา้ โคตร ทาบุญถวายสังฆทานใหผ้ ี

หนองโอ 1 เหยาสอ่ ง / เหยาปวั / บรรพบรุ ษุ

เหยาเอาขวญั

34 หนู โรคผดิ ผี / ผีเจ้าโคตรมาถาม จดั พธิ กี รรมสมมาผเี จา้ โคตร ทาบุญถวายสังฆทานให้ผี

หนองโอ 1 ข่าว เหยาส่อง / เหยาปวั / บรรพบรุ ุษ

เหยาเอาขวญั

35 นาง โรคผดิ ผี / แบง่ มรดกให้ลกู ไม่ จัดพิธีกรรมสมมาเจ้าโคตรและ ทาบุญถวายสังฆทานใหผ้ ี

หนองโอ 2 เท่าน้ัน สามี / เหยาสอ่ ง / เหยาปวั / บรรพบรุ ุษ

เหยาเอาขวัญ

36 นอ้ ย โรคผดิ ผี / ดา่ หลาน จดั พิธกี รรมสมมาผีเจ้าโคตร/ ทาบุญถวายสงั ฆทานใหผ้ ี

หนองโอ 2 เหยาปวั / เหยาเอาขวัญ บรรพบุรุษ

37 ภา หนอง โรคผิดผี / ปั้นคนั นาใหม่ จัดพิธีกรรมสมมาผีเจา้ โคตร / ทาบุญถวายสังฆทานใหผ้ ี

โอ 3 ขวางทางผีเทยี ว เหยาส่อง / เหยาปวั / บรรพบรุ ุษ

เหยาเอาขวญั

38 สมิ โรคผดิ ผี / ไมย่ อมแบง่ มรดกให้ เหยาสอ่ ง / เหยาปัว / -

หนองโอ 3 ลกู ๆ เหยาเอาขวญั

39 ยรู โรคผดิ ผี / ตัดต้นไม้ใหญ่คู่นา จัดพิธกี รรมสมมาผเี จา้ โคตร/ ทาบญุ ถวายสังฆทานให้ผี

หนองโอ 4 มรดก เหยาส่อง / เหยาปวั / บรรพบุรุษ

เหยาเอาขวัญ

40 นันทา โรคผิดผี / ลกู สาวดา่ ทอสามใี ส่ จดั พธิ ีกรรมสมมาผีเจ้าโคตร/ ทาบญุ ถวายสังฆทานใหผ้ ี

หนองโอ 4 หนา้ เหยาปัว / เหยาเอาขวญั บรรพบุรุษ

จากตารางท่ี 18 แสดงรูปแบบการรักษาโดยพิธีกรรมการเหยาที่สะท้อนภาพการธารงทุนทาง

วัฒนธรรม พบว่า จากจานวนครอบครวั ของคนปว่ ยท้ัง 40 ครอบครวั ท่สี มาชกิ ในครอบครวั เจบ็ ปว่ ย และตอ้ ง
เขา้ รบั การรักษาดว้ ยพิธกี รรมการเหยา และหมอเหยาไดแ้ นะนาถึงวิธีการรักษาเพือ่ ใหห้ ายจากโรคภัยท่สี มาชิก
ของครอบครัวไดร้ ับความทุกข์ทรมานจากโรคร้ายในลกั ษณะต่างๆ อยนู่ ั้น รปู แบบการรกั ษาของหมอเหยาใน

พื้นท่กี รณศี กึ ษาในครัง้ นี้ ส่วนหนง่ึ สะท้อนออกมาในรปู แบบของการจัดพธิ กี รรมการขอสมาลาโทษ ระหว่างคน
ปว่ ยกับสมาชกิ ภายในครอบครัว หรือระหว่างคนป่วยกบั คนในตระกลู หรือแม้แต่กระทั่งคนป่วยกับผีหรือสิ่ง

๘๙

ศกั ด์ิสทิ ธ์ิตา่ งๆ หรือที่เรยี กผา่ นพิธีกรรมในสองพื้นที่กรณศี กึ ษาในครั้งน้วี ่า “พธิ ีกรรมสมมาผเี จา้ โคตร” กรณี
การวินิจฉัยถึงสาเหตุของการเจ็บป่วยของหมอเหยานั้น ส่วนหนึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงภาพของปัญหาระดับ
ครอบครัวท้ัง 4 ประเภทอย่างชดั เจน ตามท่ไี ด้อธิบายมาแลว้ ในหัวขอ้ ทผ่ี ่านมา

กรณกี ารรักษาด้วยพธิ ีกรรมการเหยา กับครอบครวั ของคนป่วยทงั้ 40 ครอบครัว พบว่า รูปแบบการ
รักษาของหมอเหยา จะจัดพิธีกรรมในลักษณะต่างๆ ได้แก่ จัดพิธีกรรมเหยาส่องจานวน 19 ครอบครัว
จัดพิธีกรรมเหยาเอาขวญั จานวน ๑๘ ครอบครัว จัดพิธีกรรมเหยาปัวจานวน ๑๕ ครอบครัว จดั พิธีกรรมให้
หลานสมมาเจ้าโคตรจานวน ๑ ครอบครวั จัดพธิ กี รรมให้ลกู สาวสมมาจานวน ๑ ครอบครัว จัดพิธีกรรมสมมา
เจ้าโคตรจานวน ๒๖ ครอบครัว จัดพิธีกรรมเหยารับขวัญจานวน ๑ ครอบครัว จัดพธิ ีกรรมถวายบังสกุ ุลท่ีวัด
จานวน ๑ ครอบครวั จัดพิธไี หวผ้ ีนาจานวน ๑ ครอบครัว จัดพธิ ีกรรมเหยาคุมผีออกจานวน ๒ ครอบครวั จัด
พธิ ีกรรมขอสมมาผเี จ้าโคตรฝา่ ยสามีจานวน ๒ ครอบครัว ซึง่ การจดั พธิ ีกรรมท้ังในส่วนท่เี ปน็ รูปแบบการรักษา
ส่วนพิธีกรรมของหมอเหยาและลักษณะการทาบุญในทางพทุ ธศาสนาท่ีได้รบั คาแนะนาเพ่ิมเติมจากกลุ่มหมอ
เหยานัน้ สะทอ้ นใหเ้ ห็นถึงภาพของการธารงทนุ ทางวัฒนธรรมภายในชุมชนได้อย่างชดั เจน จากการสัมภาษณ์
หมอเหยาบางทา่ น กลา่ ววา่

“...แต่แม่เฮาพาเฮด็ มานอ้ คะ่ อาจารย์ เป็นมูลมังดง้ั เดิมแต่เกา่ แต่ก้ีของไทเมอื งเวรณู นู ครเฮา แมเ่ กิดมา
กะเห็นฮีตเค้าแนวนี้ ตกมาสมยั แม่กะพาพี่น้องเพิ่นสืบนาฮอยเอาไว้ ไทบ้านไทเมิงขะเจา้ ผิดหานมานม้างกัน
เฮากะไปซอ่ ยสะสางมา้ งเพแนวบด่ ีออกใหข้ ะเจ้าน้อค่ะ เปน็ มูลเค้าดั้งเดิมแต่เก่าแตก่ ้ีของไทเรณเู ฮาคะ่ กะอยาก
เห้อ ลูกเห้อหลานฮักษามูลมังดง้ั เดิมแต่เก่าแต่กีน้ ้ีเอาไว้ค่ะ ยามนี้กะเริม่ มีการสนใจประเพณีการเหยานห้ี ลาย
กว่าเกา่ คะ่ อาจารย์ หมู่นักศกึ ษาในมหาวิทยาลัยนครพนมนม่ี าสมั ภาษณ์ซปุ ีคะ่ กะดีใจท่ียงั มีนักเรียนนกั ศึกษา
สนในในฮีตบ้านฮีตเมอื งบา้ นเฮาคะ่ ...”

(นางทา่ ลาด 1, บันทกึ ประวัตชิ ีวิตบุคคล, 2560)

ขณะท่ีนางคาพอก 4 หมอเหยาในเขตจงั หวัดมุกดาหารอีกทา่ นหนึ่งไดก้ ลา่ วถงึ ความสาคัญของธรรม
เนียมการเหยาของชาวผู้ไทยเมืองมกุ ดาหารเอาไว้ว่า

“...ค้ันเว้าเถิงเมิงมุกดาหาร เมิงหนองสูงเฮานนั้ ฮีตคองการเหยาการน้แี ม่นฮีตเค้าด้ังเดิมแตเ่ ก่าแต่ก้ี
ของพ่นี ้องผู้ไทยเฮาน้อลูกเนาะ สมัยแตก่ ้ีแม่นเป็นผีหมอเหยาเกือบซหุ ลัง แต่เดี๋ยวนี้บา้ นเมิงเปลย่ี นไปหลาย
คนบ่ฮักษาไว้คือเก่า แตบ่ ้านเฮานี้กะยังฮักษาไวอ้ ยู่อยู่ เล้งปีเลง้ เดื่อน เล้งขึ้นเล้งลงกะยังคือเก่าอยู่ ยามดอก
จาปาบานเฮากะยังได้ฮ้อยมาล้ินชมเมิงคือเก่า มาล้ินคล้องซ้างคือเก่า ลูกหลานบ้านเฮากะสนใจหลาย
นายในเมิงเพิ่นพาเฮด็ พาสืบก่อเอาไว้ ฮตี เคา้ การเหยาการยาของเมิงมกุ เฮากะเลยบ่เสื่อมสูญไปไส ย้อนว่าบา้ น
เมงิ เพิน่ พาฮกั ษาเอาไวใ้ หค้ ู่บา้ นคูเ่ มืองมกุ ดาหารเฮา...”

(นางคาพอก 4, บันทึกประวัติชีวิตบุคคล, 2560)

5.3 การสรา้ งเครือข่ายของประชากรในกลมุ่
ผลลพั ธ์อกี ประการหนึ่งท่ีสาคญั ท่ีพบเห็นอยา่ งชัดเจนในการศกึ ษาในประเดน็ การจัดการปญั หาระดับ

ครอบครวั ของกล่มุ หมอเหยาในพ้ืนที่จังหวัดนครพนมและมุกดาหาร คือ พบว่ามีการสร้างเครือข่ายทางสังคม
คมของกลุ่มหมอเหยาและกลุ่มคนป่วยที่เคยผ่านการรักษาด้วยพิธีกรรมการเหยา จากรายละเอียดของ
เครือข่ายทางสังคมของกลุ่มหมอเหยาในเขตพื้นท่ีจังหวัดนครพนมและมุกดาหาร จากเงื่อนไขด้าน

๙๐

ประวตั ิศาสตร์ความทรงจา การมีบรรพบุรษุ มาจากกลุ่มเดียวกัน พบว่า กลุ่มหมอเหยาท้งั สองพ้นื ที่ต่างล้วนมี
บรรพบรุ ษุ กล่มุ เดียวกันท่อี พยพมาก่อต้ังชุมชนในเขตพน้ื ที่ทัง้ 2 จังหวดั ทาใหเ้ กดิ การสร้างเครือข่ายทางสังคม
ข้นึ มา โดยสามารถแยกเป็นรายละเอยี ดไดด้ ังน้ีคือ

กรณีเครือข่ายของกลุ่มหมอเหยาพื้นที่จังหวัดนครพนม กลุ่มน้ีจะประกอบไปด้วยกลุ่มหมอเหยา
จานวน 20 กลมุ่ ไดแ้ ก่ นางเรณู 1 (ญ) นางเรณู 2 (ญ) นางเรณู 3 (ญ) นายทา่ ลาด 1 (ช) นางทา่ ลาด 1 (ญ)
นางทา่ ลาด 2 (ญ) นางโพนทอง 1 (ญ) นางโพนทอง 2 (ญ) นางโคกหนิ แฮ่ 1 (ญ) และนางโคกหินแฮ่ 2 (ญ)
โดยในจานวน 10 กล่มุ นี้ พบวา่ มีการสรา้ งเครือขา่ ยทางสังคมภายในกลมุ่ หมอเหยาขึ้นมาในรูปแบบของการมี
ประวตั ิศาสตร์ความทรงจารว่ มกัน คือประวัติศาสตร์ท้องถ่ินกรณีเร่ืองราวความมั่งคง่ั ของอาณาจักรผู้ไทยใน
สมัยโบราณ โดยมกี ารสรปุ ความไดว้ ่า

...ผู้เฒ่าผู้แก่ชาวผไู้ ทยเมืองเรณูนครหลายท่านได้เล่าตานานประวัติของชนชาติผู้ไทยเมืองเรณนู ครให้
ฟงั ว่า เดิมบรรพบุรษุ ชาวผไู้ ทยเมอื งเรณูนครมีภมู ลิ าเนาอยทู่ ีเ่ มอื งนาน้อยออ้ ยหนูต่อมาบ้านเมืองเกิดการอัตคัต
อดยาก ไรน่ าไม่อดุ มสมบรู ณแ์ ละมพี วกฮอ่ รกุ ราน ท้าวก่าหัวหนา้ ชนชาติผไู้ ทยจงึ ได้อพยพลกู หลานชาวผูไ้ ทยลง
มาทางใต้ ซึ่งยังมีความอุดมสมบูรณก์ วา่ เขา้ มาอยูใ่ นเขตปกครองของเจ้าอนุรุธเจา้ เมอื งหลวงพระบางและเจ้า
อนุรุธได้ให้ชาวผู้ไทยไปอยู่ที่เมืองวังซึ่งเป็นเขตปกครองของพวกข่าชาวผไู้ ทยและพวกข่าเมื่ออยู่ด้วยกันก็เกิด
การแย่งชิงกนั เป็นใหญ่ จึงได้ตกลงสัญญาแข่งขนั การยิงธนขู ึ้นเพื่อตดั สนิ ว่าผู้ใดเก่งกว่าจะได้เป็นเจ้าปกครอง
โดยมขี อ้ แมว้ า่ ถา้ ลูกธนูของฝา่ ยใดสามารถยิงใสห่ น้าผาแลว้ ลูกธนูตดิ หน้าผาไมต่ กลงมาจะถอื วา่ ฝา่ ยน้ันเก่งกว่า
และชนะการแข่งขันชาวผู้ไทยมคี วามคิดดกี ว่าพวกข่าได้นาข้ีสูด(ชันมะโรง) ติดใส่ปลายลูกธนูแลว้ ยงิ ใสห่ น้าผา
ลูกธนูของชาวผู้ไทยจึงยึดติดหน้าผาทุกดอก พวกข่ายอมแพ้และได้ยอมตัวให้ชาวผู้ไทยเป็นใหญ่ได้ปกครอง
เมืองวงั หรอื ชาวผู้ไทยมกั เรยี กว่า เมอื งวังอา่ งคาเน่ืองจากเปน็ เมืองทม่ี ีความอุดมสมบูรณม์ าก ตง้ั แต่บดั นั้นเป็น
ตน้ มา…

และภายหลงั การอพยพโยกย้ายถนิ่ ฐานบา้ นเรือนมาก่องตั้งชุมชนเมืองเรณูนครขึ้นท่ีบริเวณดงหวาย
สายบอ่ แกนน้ั กม็ ีการปลูกหอโฮงมเหศักดหิ์ ลกั เมอื งข้ึน และชาวผูไ้ ทยในเขตเมอื งเรณูนครนี้นนั้ ต่างก็มีการนับ
ถอื ผมี เหศกั ดหิ์ ลักเมอื งร่วมกัน ไดแ้ ก่ การนับถอื ผปี ูถ่ ลา การนับผีมเหศกั ดกิ์ ารนบั ถือดวงวญิ ญาณของเจ้าเมอื ง
เรณูนครทกุ องค์ การนับถือผีหมอเหยา การนับถือผีแถน การนับถอื ผีด้าหรือผีบรรพบุรุษ ทั้งนี้เน่ืองมาจากว่า
บรรพบรุ ุษของกลมุ่ หมอเหยาทั้ง 10 กลุ่มน้ี มบี รรพบุรุษท่ีมีตน้ กาเนิดมาจากการอพยพโยกยา้ ยออกจากเมอื ง
วงั อ่างคา มาก่อตั้งชุมชนแห่งใหม่ขึ้น นอกจากน้ีภายในเครือข่ายยังพบความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ระหวา่ งกลุ่ม
หมอเหยาข้ึนมาด้วย กล่าวคือ ภายในกลุ่มหมอเหยาท้ัง 10 กลุ่มน้ี จะยกยอ่ งให้กลุ่มของนางเรณู 1 ซ่ึงอยู่ที่
หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตอาเภอเรณูนคร และข่วงของนางโคกหินแฮ่ 2 ที่อยู่ในเขตอาเภอเรณูนคร เป็นผู้นา
ภายในกลุม่ ทั้งน้ีเหตเุ พราะทัง้ นางเรณู 1 และนางโคกหนิ แฮ่ 2 ต่างกอ็ ้างว่า ขว่ งของตนเองน้ันสบื สายตรงลง
มาจาก กลุ่มหมอเหยาเมอื งเรณูนครโดยตรง ซึ่งในสมัยโบราณนนั้ กล่มุ ทที่ าหน้าท่ีเปน็ หมอเหยารักษาคนป่วย
ภายในเมอื งแต่ละเมอื งนน้ั คอื ชนชัน้ กลมุ่ ผปู้ กครองหรือทเี่ รียกกว่ากลุม่ อญั ญาเมอื งฝา่ ยสตรนี น่ั เอง

(นางเรณู 1, นางโคกหินแฮ่ 2, สมั ภาษณ์กลมุ่ , 2560)

“...แตเ่ หงิ มาแล้ว แม่เพิ่นเวา้ สูแ่ ม่นี่ฟงั ว่าเฮนิ เฮาน้ีแหล้ว เปน็ เฮินหลกั ของการเหยาการยา เหมิดท้ัง
เมงิ เวน้ตี อ้ งมาเห้อเฮินเฮาเหยายาเห้อเดล้ ูกหลา้ เมิงเวเฮานี้นับถอื ผีปูถ่ ลา เพนิ่ เป็นเค้าผ้ฮู กั ษาลุหลานชาวผุไทย
เฮา ให้อยู่ดีมีเฮง บ่ให้มีความเจ็บความไข้ หมอเหยาข่วงใด๋กะต้องมายกขันขอยอขับนบข่วงอีเบ๊ะเฮานี่ก่อน
แล้วคอ่ ยแยกข่วงออกไปต้มุ พต่ี มุ้ นอ้ งชาวเรณเู ฮา...

๙๑

...กะเป็นพเี่ ปน็ น้องกันทั้งเมงิ เวนหิ ละ่ หล้า ย้อนว่าซุมเฮานย้ี ้ายมาแตเ่ มิงอ้างคา เมงิ วัง คาอ้อ คาเขยี ว
เป็นพ่ีเปน็ น้องกันเหมิดไปจนผุไทนาแก๋ กะแตกลแุ ตกหลานไปแต่เมิงเวเฮา นับถอื ผีโตเดวกัน เป็นสายพี่สาย
นอ้ งกัน ไผใกลท้ างใด๋กะไปปัวนาทางน้นั บ่มผี ดิ มีพาลกนั ดอกหลา้ ลหุ ลานป่ถู ลาเฮาน.ิ ..”

(นางเรณู 1, บันทึกประวตั ชิ วี ติ บคุ คล, 2560)

กรณีเครือข่ายหมอเหยาท่ีเมืองมุกดาหาร จากการศึกษา พบว่า ในกลมุ่ น้ีมีทั้งหมด 10 กลุ่ม ไดแ้ ก่
นางคาพอก 1 (ญ) นางคาพอก 2 (ญ) นางคาพอก 3 (ญ) นางคาพอก 4 (ญ) นางคาพอก 5 (ญ) นางคาพอก
6 (ญ) นางหนองโอ 1 (ญ) นางหนองโอ 2 (ญ) นางหนองโอ 3 (ญ) และนางหนองโอ 4 (ญ) ตา่ งก็มีบรรพบรุ ุษ
กลุ่มเดยี วกันคอื เปน็ ผกู้ ่อตั้งชมุ ชนหัวเมืองหนองสูง ก่อนทจี่ ะแยกยา้ ยอพยพกนั ออกไปก่อสร้างชมุ ชนใหม่ตาม
ทอ้ งที่ต่างๆ ข้ึนในเขตจังหวัดมกุ ดาหาร ซึง่ ใน 10 ข่วงน้ี เกือบทัง้ หมดมีบรรพบรุ ุษทอี่ พยพโยกยา้ ยออกมาจาก
บ้านหนองโอใหญ่ อาเภอหนองสูง จงั หวัดนครพนม (ในขณะนั้น) เนื่องจากในอดตี บ้านหนองโอใหญ่ มีจานวน
ประชากรจานวนมาก มีพนื้ ท่ีทาการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตวน์ อ้ ย จงึ พากนั อพยพถ่ินฐานมาทามาหากนิ และต้ัง
บ้านเรือนอยบู่ ริเวณทางทิศใต้ของบ้านคาพอก ห่างจากหมู่บ้านคาพอกในปัจจุบนั ประมาณ 500 เมตร โดย
พื้นทบี่ ริเวณน้ันเป็นลานหนิ ดานขนาดกว้าง มีพื้นทท่ี าไร่ ทานา เล้ียงสัตว์รอบๆ พืน้ ทีต่ ้งั หม่บู า้ น โดยเฉพาะป่า
ทางทิศเหนือของหมู่บ้าน ได้พบเหน็ พ้ืนทีท่ ี่มคี วามอดุ มสมบรู ณ์ มีสัตว์น้อยใหญจ่ านวนมาก เป็นพืน้ ทีเ่ หมาะแก่
การต้งั บ้านเรือน ซง่ึ หมอเหยาทัง้ 10 กล่มุ นี้ ต่างก็นบั ถือผบี รรพบุรษุ เดยี วกัน และถูกร้อยรดั ไว้ด้วยชดุ ความคดิ
ของประวัติศาสตรค์ วามทรงจารว่ มกนั ในฐานะวงศ์วานว่านเครือชาวบา้ นหนองโอใหญ่ และปัจจุบันพบวา่ ยังมี
เครือข่ายของกลุ่มหมอเหยาในเขตตาบลโนยางที่มีความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์กันอย่างเหนียวแน่นในพื้นที่
ดงั กล่าว

(นางคาพอก 1, นางคาพอก 3, นางคาพอก 4, สมั ภาษณ์กลมุ่ , 2560 )

“...แตเ่ หิงมาน้นั ซมุ แซงเฮานยิ ้ายเฮินซานมาแต่หนองโอเหย่อ มีหมอเหยอ่ อยู่บ้านหนองโอ กะเป็นพ้ี
เป็นน้องก๋ันเด้ลูก ไทคาพอกบ่มีเฮงกะไปเอาหมอหนองโอมาเหยาเห้อกะมิเปนผะเหลอ ไทหนองดออยากได้
หมอเหยาทางคาพอกไปเหยอเห้อกะมเิ ปนผะเหลอคอื กัน นบั ถือผีโตเดวกัน๋ นบั ถอื ผีแถนผเู้ หย่อเทิงฟา้ มผี ีพอ่ ผี
แมเ่ ฮา มีเล้งข้ึนเลง้ ลงคือฮตี ผู้ไทยแตก่ กแต่เค้า เปน็ สายพสี่ ายนอ้ งกันมาแตเ่ หิงแตต่ ง้ั บา้ นคาพอกเฮานิหล่ะ...”

(นางคาพอก 3, บนั ทกึ ประวัตชิ วี ติ บุคคล, 2560)

“...กะเปน็ พน่ี ้องกันนอ้ ค่าอาจารย์ มแี นวเลอกะซอ้ ยเหลือกนั ข่วงหมอเหยาเฮากะมีการตดิ ตอ่ กันเป็น
ประจาค่า เลง้ ข้ึนเล้งลง เล้งเดนสามเดนหกกะไปซ้อยกันคา่ ยามดอกจาปาบานกะพากนั มาฟ้อนมาราถวยผีไท้
ผีเทงิ นากันคา่ อาจารย์ ยอ้ นว่าเปน็ ลหุ ลานไทหนองโอเหยอ้ แตพ่ อ้ แมแ่ มเ้ ฮาพ้นุ หล่ะค่า...”

(นางคาพอก 4, บนั ทึกประวตั ิชวี ิตบคุ คล, 2560)

๙๒

5.4 การอนุรกั ษ์ภมู ปิ ัญญาท้องถิน่
ผลลัพธ์อกี ประการหน่งึ ทสี่ าคญั ทพี่ บเหน็ อยา่ งชัดเจนในการศึกษาในประเด็นการจัดการปัญหาระดับ

ครอบครัวของกลุ่มหมอเหยาในพ้ืนท่ีจังหวัดนครพนมและจังหวัดมุกดาหาร คือ ด้านต่างๆ พบว่า เกิดการ
อนรุ กั ษภ์ ูมปิ ัญญาท้องถิน่ ขึน้ มา รายละเอยี ดดงั ตารางต่อไปนี้

ตารางที่ 19 แสดงรายละเอียดของการอนรุ ักษภ์ ูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ

หมอลาผฟี า้ กลุม่ ท่ี 12345678911111111112
01234567890

รายละเอยี ดเงื่อนไข

1. การยกตัวอย่างการขับลาประเภท / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ต่างๆ ในพิธีกรรม

2. การพูดผญาภาษิตของชาวผู้ไทย / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ผ่านพธิ กี รรม

3. การเป่าแคนและการเล่นดนตรีผู้ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ไทยในฐานะเครอื่ งดนตรีทอ้ งถิ่น

4.การนุ่งถือของกลุ่มหมอเหยาและคน / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ป่วยในพิธกี รรม

5. การจัดพธิ ีกรรมการสมมาเจา้ โคตร / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

6. การเล้ยี งผีไรผ่ นี าผบี ้านผเี รือน / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

7. การลงขว่ งผีหมอเหยาแบบโบราณ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

8. การประกอบอาหารพ้ืนเมืองในงาน / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ลงข่วง

9.วาดฟอ้ นแบบผู้ไทยโบราณอีสานใน / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

งานลงข่วง

จากตารางที่ 19 แสดงรายละเอียดของการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น พบว่า ในพิธีกรรมการเหยา

นอกจากจะสามารถจัดการปัญหาระดับครอบครัวให้ประสบความสาเร็จผ่านพีกรรมการ เหยาได้แล้ว ใน
พธิ ีกรรมยังสะท้อนภาพของการอนุรักษ์ภูมปิ ัญญาท้องถ่ินผ่านพิธีกรรมใน 9 ลักษณะด้วยกัน ได้แก่ 1. การ
ยกตัวอย่างการขับลาประเภทตา่ งๆ ในพิธีกรรม 2. การพดู ผญาภาษิตของชาวผู้ไทยผา่ นพธิ ีกรรม 3. การเป่า

แคนและการเล่นดนตรีผู้ไทยในฐานะเครื่องดนตรีท้องถ่ิน 4.การนุ่งถือของกลุ่มหมอเหยาและคนป่วยใน
พธิ ีกรรม 5. การจัดพิธกี รรมการสมมาเจ้าโคตร 6. การเล้ียงผีไร่ผนี าผีบ้านผีเรอื น 7. การลงขว่ งผีหมอเหยา
แบบโบราณ 8. การประกอบอาหารพน้ื เมืองในงานลงขว่ ง 9.วาดฟ้อนแบบผู้ไทยโบราณอีสานในงานลงข่วง

จากการสัมภาษณ์หมอเหยาบางทา่ น กลา่ ววา่

“...ฮตี มิเห้อหมอง คองมิเห้อเศร้า นาฮีตนาคองแต่พ้อแต่แม้เฮาน้ีไว้หล่ะลูกหล้า คั้นเฮามิเอ้ดพี่น้อง
เพ่นิ กะมิมีหม้องเพ้ิงพาอาศยั กะต้องได้พาพีน่ อ้ งเพน้ิ เอด้ ตามฮตี กดี ตามคองผูไ้ ทยเฮาไว.้ ..

...อันความจาเวา้ ในคายหน้ั แม้นมไิ ด้สอนกันดอกค่าอาจารย์ ต้ังคายลากลอนลาสิมาเอง มไิ ดส้ อนไดส้ ัง้

กนั แนวเลอ เอด้ ผะเหลอกะมิฮู้วา่ กลอนลามนั มาไดแ้ นวเลอค่า...”
(นางหนองโอ 3, สมั ภาษณเ์ ชิงลึก, 2560)

๙๓

“…เล้งขึ้นเล้งลงถือเปน็ งานเหย้อของบ้านเฮา พนี่ ้องเพนิ่ กะมาซอ่ ยกนั อยู่เฮนิ แม่เฮานหิ ละ่ แนวอยู่แนว
กิน ของเซ้อของสอยกะมอิ ดึ มอิ ยาก ไผผมุ แี นวเลอกะเอาอนั น้ันมาซ้อยกัน เป็นแนวอยแู่ นวกนิ ข้าวน้าส้ามปลา

กะเอามาซ้อยกนั ยามลงกะลงลิน้ นาม่วน โม้นนากันเหมิดบ้านเหมิดเมงิ เฮาคา่ ลหุ ลานเกิดใหมเ่ หย้อลุน ขะเจ้า
กะไดเ้ หนฮตี เคา้ คองหลัง แตพ่ อ้ แตแ้ มเ้ ฮา วา่ เอด้ ผะเหลอแด่ จั้งคอ้ ยสเิ ปน็ บ้านเป็นเมิงเฮามา สมัยนี้กะดหี ลาย
คา่ ลุหลานเห้อความสนเจอหลาย มักฟ้อนล้ินกะเข้ามาลิน้ นาพอ่ ตาแมย่ ายเฮาค่า ...”

(นางหนองโอ 2, สมั ภาษณเ์ ชงิ ลึก, 2560)

5.5 แนวทางสนบั สนนุ ให้ชุมชนเกดิ กระบวนการสรา้ งความทรงจาร่วมเกี่ยวกบั พิธเี หยา

จากการลงพน้ื ทีภ่ าคสนามในท้ังสองพ้ืนที่วิจัย ในเขตจังหวดั นครพนมและเขตจังหวัดมกุ ดาหารในครั้ง
น้ี สาระสาคัญอกี หน่ึงประการของกระบวนการดาเนินการวิจัยร่วมกับชุมชนทงั้ สองชุมชน คอื การจัดประชุม
ร่วมกับชุมชนเพื่อหาแนวทางสนับสนนุ ให้ชมุ ชนเกิดกระบวนการสรา้ งความทรงจารว่ มเกยี่ วกับพิธีเหยาของ

กลมุ่ หมอเหยาและชุมชนทั้ง 20 กลุ่ม โดยใชก้ ระบวนการกลุ่มในการระดมความคิดเหน็ เพือ่ หาแนวทางในการ
อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้ังเดิมของชาวผู้ไทยในสองพื้นท่ีเอาไว้อย่างยั่งยืน ซึ่งสามารถสรุปเป็นหัวข้อได้
ดังตอ่ ไปน้ี

ตารางท่ี 20 แสดงแนวทางสนบั สนุนใหช้ มุ ชนเกดิ กระบวนการสร้างความทรงจารว่ มเกยี่ วกบั พธิ ีเหยา

หมอลาผีฟา้ กลมุ่ ที่ 12345678911111111112
01234567890

แนวทางสนบั สนุนฯ

1. การนาเสนอหมอเหยาในพ้ืนท่ีวิจัย / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ใหเ้ ปน็ มรดกภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม

2. การจัดเวทีชาวบ้านเพื่อแลกเปลีย่ น / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

องค์ความรูใ้ นเครือขา่ ยหมอเหยาอสี าน

เหนอื

3. การจดั งานเกยี่ วกับชาตพิ ันธุผ์ ไู้ ทย / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

4. การจดั ตงั้ เครือขา่ ยหมอเหยาลุ่มน้า / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

โขง

5. การเผยแพร่องค์ความรู้พิธีกรรม / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

เหยาผา่ นสอื่ ออนไลนท์ ุกประเภท

6. การสนบั สนุนให้ชุมชนทอ้ งถิน่ มอี งค์ / / / / / / / / / / / / / / / / / / / /

ความรูเ้ ก่ยี วชาติชาติพนั ธ์ุของตนเอง

จากตารางที่ 20 แสดงแนวทางสนบั สนุนใหช้ ุมชนเกิดกระบวนการสรา้ งความทรงจาร่วมเกี่ยวกบั พิธี
เหยา พบว่าทั้ง 2 พื้นทม่ี ีการสังเคราะห์องคค์ วามรเู้ พื่อหาแนวทางในการอนุรกั ษ์ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ในพธิ กี รรม
เหยาร่วมกนั ใน 6 ประเด็น ได้แก่ 1. การนาเสนอหมอเหยาในพน้ื ทว่ี ิจัยใหเ้ ป็นมรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม

2. การจัดเวทีชาวบา้ นเพื่อแลกเปล่ียนองคค์ วามรู้ในเครือขา่ ยหมอเหยาอีสานเหนือ 3. การจัดงานเกี่ยวกับ
ชาติพันธุ์ผู้ไทย 4. การจัดตั้งเครือข่ายหมอเหยาลุ่มน้าโขง 5. การเผยแพร่องค์ความรู้พิธกี รรมเหยาผ่านส่ือ
ออนไลน์ทุกประเภท และ 6. การสนับสนนุ ให้ชุมชนท้องถิน่ มอี งค์ความรูเ้ กย่ี วชาติชาตพิ ันธุ์ของตนเอง

๙๔

ในประเด็นท่ี 1 การนาเสนอหมอเหยาในพ้ืนท่ีวิจยั ให้เปน็ มรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม หมอเหยา
บางทา่ นไดก้ ลา่ วว่า

“...แม้น้เี หนไทพ่ีน้องกะเลิงนาแก ครูอยโู่ รงเรียนนาแกศึกษา เพ้นิ หล่ะพาไทกะเลิงยกพิธกี ารเหยาของ
เพนิ้ หั้น เป็นมรดกภูมปิ ัญญาของจังหวัดนครพนมเฮา ทนี ้ีผู้ไทยเฮานิกะมีหมอเหยาคอื กัน กะได้เว้าจากันกับพ่ี
น้องข่วงเฮากับแม่เมิงหลายข่วงยามพ้อกัน ว่ากะอยากเห้อเอาเหยาของผู้ไทยเมิงเวเฮานี้ ข้ึนเป็นมรดกภูมิ
ปญั ญาคอื ทางกะเลงิ เพ้ินคือกนั สิมีแนวทางเลอน้อคะ่ อาจารย์ สิเวา้ กับนายเพ้ินวา่ แนวเลอจง่ั สิได้คือไทนาแก
เพน้ิ ...”

(นางทา่ ลาด 1, สมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ , 2560)

“...อันวา่ ฮีตเคา้ การเหยาการยา นแี้ มน่ เปน็ มลู มงั ค่าลา้ ของผู้ไทยเฮา กะอยากเห้อนายเพิ้นขนึ้ ทะเบียน
เป็นมูลเปน็ มังให้เมิงเวเรณูนครเฮาอยู่อาจารย์ ลุหลานเกิดใหม่เหย่อมาภายหลัง กะสิได้เหน็ ได้สบื ทอดเอาไว้
คน้ั วา่ เป็นผู้ไทย กะต้องมฮี ตี เคา้ การเหยาหารยา ตกไปไสกะเอาไปนา ยอ้ นวา่ เป็นมูลเซอื้ เก่าแกแ่ ตพ่ ้อแตแ่ มเ้ ฮา
มา...”

(นางโพนทอง 1, สมั ภาษณเ์ ชิงลกึ , 2560)

ในประเดน็ ที่ 2. การจัดเวทีชาวบ้านเพอ่ื แลกเปลย่ี นองค์ความร้ใู นเครือขา่ ยหมอเหยาอสี านเหนอื ใน
บางชุมชนไดส้ ะทอ้ นความต้องการของชมุ ชนจากการประชมุ ร่วมกนั ว่า

“...หล่ะกะอยากเหนการเหยาการยาของพี่น้องผู้ไทยบ้านอื่นเมิงอ่ืนนาอยู่ ค้ันว่าไปงานผู้ไทยโลก
ไปงานผู้ไทยนานาชาติ บ้านเมืองเพนิ้ จดั หั้น กะบ่ได้เวา้ จากันเหิงปานได๋ หล่ะมแี ต่พากันฟ้อนกนั ราเป็นหลาย
อยากให้นายเพ้ินพาจดั ประชุมหมอเหยาจักเท่อ สิได้มาแลกเปลยี่ นเรยี นรู้กัน วา่ เหยาทางใตเ้ ปน็ แนวเลอ เหยา
ทางเหน๋อเป็นแนวเลอ ถอื ผีโตเดวกันหรือบ.่ ..”

(นายทา่ ลาด 1, สมั ภาษณเ์ ชิงลกึ , 2560)

“...อยากเห้อมีงานสัมมนาเครอื ขา่ ยภูมปิ ัญญาหมอเหยาของผู้ไทยเฮา หล่ะปกี ้อนหัน้ ทางมกุ ดาหาร
เพนิ้ ได้ไปแสดงฮอดกรุงเทพฯ แสดงหมอเหยาหนั้ ดเี จอนาเพ้ินเฮง ทนี ้กี ะอยากเหอ้ เจ้านายในเมงิ ของบ้านเฮา
พาเฮ็ดการประซุมจกั เท่อ เลง้ หมอเหยานห้ี ละ่ อาจารย์ เหอ้ ลเุ หอ้ หลานได้เห็นได้เบง่ิ ไดอ้ นุรกั ษส์ ืบสานเอาไว.้ ..”

(นางโพนทอง 2, สมั ภาษณเ์ ชงิ ลึก, 2560)

ในประเด็นท่ี 5. การเผยแพร่องค์ความรพู้ ิธีกรรมเหยาผา่ นสื่อออนไลน์ทุกประเภท หมอเหยาบางท่าน
ไดใ้ ห้สมั ภาษณ์วา่

“...โลกไปไกลเฮงตอนน้คี ่ะอาจารย์ อยากเห้อมชี ่องทีวีโทรทศั น์เฉพาะของชาวผู้ไทยเฮา อยากเหอ้ เอา
วีดีหมอเหยานี้ลงในคอมแหมค่า เห้อลุเห้อหลานไดเ้ หน เห้อพี่นอ้ งต่างบ้านต่างเมิงได้เหน วา่ ฮีตเค้าการเหยา
การยาของผู้ไทเฮาน้ีเป็นแนวได๋ ในยูทูปหลานเปิดเห้อเบ้ิง แม้น้ีกะได้เหนเหยาทางอ่ืน ขะเจ้าเอ้ดดีหลาย
บต่ ่างกันกับบา้ นเฮา...”

(นางคาพอก 2, สมั ภาษณเ์ ชงิ ลึก, 2560)

๙๕

“...อยากเห้อลุหลานนักเรียนได้มาสืบสานฮีตเค้าการเหยาหารยา อยากเห้อมาเอ้ดคลิปวีดีโอการ
เหยาเฮาน้ีขนึ้ ชอ่ งยูทปู ให้พี่นอ้ งทางไกลได้เบิ่งการเหยาบ้านเฮา ให้ขะเจ้าได้มายามบ้านเฮา มาล้นิ ลงข่วงฟ้อน
นากันโมน่ โมน่ ...”

(นางคาพอก 4, สมั ภาษณ์เชิงลกึ , 2560)

5.6 สรุป
ผลลัพธข์ องการจดั การความขัดแยง้ และแนวทางสนบั สนุนให้ชมุ ชนเกดิ กระบวนการสรา้ งความทรงจา

รว่ มเก่ียวกับพิธีเหยา จากการลงพ้ืนที่ภาคสนามเพื่อดาเนนิ การจัดเก็บข้อมูลการวิจัยในประเด็นการจัดการ
ความขัดแยง้ ระดบั ครอบครวั ของกลมุ่ หมอเหยาลา พบว่า มีการจดั พิธีกรรมการเหยาขนึ้ มาเพ่อื ทาการรักษาคน
ป่วยผ่านพิธีกรรมและสามารถแบ่งประเภทของปัญหาได้ 4 กลุ่มปัญหาใหญ่ๆ ท่ีกลุ่มหมอเหยามีขีด
ความสามารถในการเข้าจัดการปัญหาผ่านพิธีกรรม คือ ปัญหาเชิงสุขภาพ ปัญหาเชิงสังคม ปัญหาเชิง
เศรษฐกิจ และปัญหาเชิงการขัดแยง้ ภายในครอบครัว กรณีการสร้างเครือข่ายทางสงั คม พบว่า หมอเหยาท้ัง
20 กลมุ่ มกี ารสร้างเครอื ข่ายทางสังคมเกดิ ขน้ึ ผ่านระบบเครอื ญาติและความสมั พนั ธ์เชิงอุปถัมภ์ รปู แบบการ
รักษาของหมอเหยา จะจัดพธิ ีกรรมในลักษณะต่างๆ ไดแ้ ก่ จัดพิธีกรรมเหยาสอ่ ง จัดพิธกี รรมเหยาเรยี กขวัญ
จดั พธิ ีกรรมเหยาปวั จัดพธิ ีกรรมสมมาเจ้าโคตร จดั พิธกี รรมสมมาผบี รรพบุรษุ พิธีเหยารบั ขวญั ถวายบังสกลุ ท่ี
วัด จัดพิธีไหว้ผีนา ฯลฯ กรณีลักษณะการทาบุญในทางพุทธศาสนาที่ได้รับคาแนะนาเพ่ิมเติมจากกลุ่มหมอ
เหยา พบว่าครอบครัวคนป่วยในพิธีกรรม มีการจัดพิธีกรรมในลักษณะการทาบุญในทางพุทธศาสนาท่ีได้รับ
คาแนะนาเพ่มิ เติมจากกลมุ่ หมอเหยา ซึง่ สะท้อนให้เห็นถึงภาพของการธารงค์ทนุ ทางวัฒนธรรมภายในชุมชนได้
อย่างชัดเจน ประเด็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น พบวา่ ในพิธกี รรมการเหยา นอกจากจะสามารถจดั การ
ปญั หาระดับครอบครัวใหป้ ระสบความสาเร็จผา่ นพกี รรมการเหยาได้แลว้ ในพธิ ีกรรมยงั สะท้อนภาพของการ
อนรุ ักษภ์ มู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ผา่ นพธิ ีกรรมใน 9 ลกั ษณะดว้ ยกนั ได้แก่ การยกตัวอยา่ งการขับลาประเภทต่างๆ ใน
พธิ ีกรรม การพูดผญาภาษิตของชาวผ้ไู ทยผ่านพิธีกรรม การเป่าแคนและการเล่นดนตรีผู้ไทยในฐานะเครื่อง
ดนตรีท้องถ่ิน การนุ่งถือของกลุ่มหมอเหยาและคนป่วยในพิธกี รรม การจดั พิธีกรรมการสมมาเจา้ โคตร การ
เลีย้ งผีไร่ผีนาผบี ้านผีเรอื น การลงข่วงผหี มอเหยาแบบโบราณ การประกอบอาหารพืน้ เมืองในงานลงขว่ ง และ
วาดฟ้อนแบบผูไ้ ทยโบราณอสี านในงานลงขว่ ง

ประเด็นแนวทางสนับสนนุ ใหช้ ุมชนเกิดกระบวนการสร้างความทรงจาร่วมเกีย่ วกบั พิธีเหยา พบว่าทั้ง
2 พืน้ ที่มกี ารสงั เคราะห์องคค์ วามรู้เพ่ือหาแนวทางในการอนรุ กั ษ์ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิ่นในพธิ กี รรมเหยาร่วมกนั ใน
6 ประเด็น ไดแ้ ก่ ความต้องการของชุมชนในการนาเสนอหมอเหยาในพ้ืนท่ีวิจัยให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทาง
วฒั นธรรม ชุมชนต้องการความต่อเนื่องของการจัดเวทีชาวบ้านเพ่ือแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในเครือข่ายหมอ
เหยาอีสานเหนือ การจัดงานเก่ียวกับชาติพันธุ์ผู้ไทยที่มีการสอดแทรกเรื่องราวของพิธีกรรมเหยาในงาน
การจัดตงั้ เครือข่ายหมอเหยาลุ่มน้าโขงเพ่ือแลกเปล่ียนองค์ความรู้และสืบสานจารีตอันงดงามของชาวผู้ไทย
การเผยแพร่องค์ความรู้พิธีกรรมเหยาผ่านสื่อออนไลน์ทุกประเภท เพราะชุมชนมีความเห็นว่าส่ือออนไลน์มี
บทบาทในสงั คมมากในปัจจบุ นั และการสนับสนุนใหช้ ุมชนท้องถิ่นมีองค์ความรู้เกยี่ วชาตชิ าตพิ ันธุ์ของตนเอง

๙๖

บทท่ี 6
สรปุ อภิปรายผล ขอ้ เสนอแนะ

การศึกษาการจัดการความขัดแย้งในชุมชนผ่านพิธีกรรมการเหยาของกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทยใน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศไทย ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ มุ่งศึกษาลักษณะการ จัดการความ
ขัดแยง้ ของกลุ่มหมอเหยาในการจดั การปัญหาระดับครอบครัว เงือ่ นไขเชงิ โครงสรา้ งทางสังคมท้งั ภายในและ
ภายนอกชุมชนที่มีผลต่อการจัดการความขัดแย้ง ผลลัพธข์ องการจัดการความขัดแย้งของกลุม่ หมอเหยา และ
แนวทางสนับสนนุ ให้ชุมชนเกิดกระบวนการสร้างความทรงจาร่วมเก่ียวกับพิธเี หยา โดยจะมุ่งวิเคราะห์ในมิติ
ของการจัดการความขัดแย้งผ่านพิธีกรรมการเหยา ซ่ึงในการวิจัยคร้ังนี้มีวัตถุประสงค์ ระเบียบวิธีวิจัย ผล
การศกึ ษา อภิปรายผล ตลอดจนข้อเสนอแนะดงั ตอ่ ไปนี้

1. วัตถุประสงคข์ องการวจิ ัย
๑. เพื่อรวบรวมและจัดเกบ็ ข้อมูลกลุ่มหมอเหยา ในพน้ื ท่ภี าคตะวันออกเฉียงเหนอื ประเทศไทย
๒. เพ่ือศึกษาการจัดการความขัดแย้งในชุมชนผ่านพิธีกรรมการเหยาของกลุ่มชาติพันธุ์ ผู้ไทยและ

หาแนวทางสนับสนุนให้ชุมชนเกิดกระบวนการสร้างความทรงจาร่วมเกี่ยวกับพิธีเหยา ในภาค
ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ประเทศไทย

2. ระเบยี บวธิ ีการวิจยั
2.1 ผ้ใู ห้ขอ้ มลู
ผู้วิจัยได้ทาการศึกษาจากผู้ให้ข้อมูล 2 กลุ่ม คือกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสาคัญและผู้ให้ข้อมูลที่เป็นบุคล

ภายนอก โดยผใู้ ห้ข้อมลู สาคญั ประกอบไปด้วย กลมุ่ หมอเหยาที่มปี ระสบการณ์การรกั ษาคนป่วยในชมุ ชน และ
กลมุ่ ครอบครวั ของประชากรที่เคยผ่านการรักษาด้วยพธิ กี รรมการเหยาจากกล่มุ หมอเหยากล่มุ เป้าหมาย ส่วน
ผู้ให้ข้อมลู ที่เป็นผู้รู้ ประกอบไปด้วย ชุมชน หรอื กลมุ่ องคก์ รต่างๆ ในสังคมทส่ี มาชิกในครอบครวั เคยเข้ารับ
การรักษาด้วยพธิ ีกรรมการเหยาจากกลุ่มหมอเหยากลุ่มเป้าหมาย และตัวแทนหน่วยงานราชการ เอกชนทั้ง
ภายในและภายนอกชมุ ชนที่เขา้ ไปเก่ียวขอ้ งกับปฏบิ ัติการการจดั การความขัดแยง้ ผ่านพิธีกรรมของกลุ่มหมอ
เหยากลุ่มเปา้ หมายในการจดั การปญั หาระดับครอบครวั ในสังคมภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ประเทศไทย

2.2 การเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัยครั้งนแ้ี บ่งเป็น 2 ขั้นตอนด้วยกัน คือ ข้ันตอนก่อนการเข้าไปเก็บ
ข้อมูลในพืน้ ที่ และขัน้ ตอนของการเกบ็ ขอ้ มลู ในพืน้ ที่

1. ขั้นตอนก่อนการเข้าไปเก็บข้อมูลในพ้ืนที่ ข้ันตอนน้ีเป็นขั้นตอนของการมองหา
ปรากฏการณ์ (Phenomena) ท่ีมีลักษณะเป็นความจริงทางสังคม (Social Fact) หรือที่เรียกรวมๆ ว่า ภว
วิทยา (Ontology) จากนั้นกท็ าการสารวจปรากฏการณ์ (Exportation of Phenomena) และทาการศึกษา
ทฤษฎีการควบคุมทางสังคมเข้ามาอธิบายปรากฏการณ์ท่ีเกิดข้ึน โดยผู้วิจัยได้ทาการทบทวนวรรณกรรมท่ี
เก่ียวขอ้ ง เพื่อสร้างกรอบแนวคิดในการวจิ ยั (Conceptual Framework) เพื่อเปน็ สมมติฐานคราวๆ เพือ่ ที่จะ
เปน็ แนวทางในการศกึ ษา เก็บขอ้ มลู วิเคราะห์ และสังเคราะห์ ขอ้ มูลตอ่ ไป

2. ข้ันตอนของการเก็บข้อมลู ในพนื้ ท่ี ผ้วู ิจัยดาเนินการสัมภาษณ์ด้วยตนเอง

๙๗

โดยใช้แนวทางการสัมภาษณ์ (Interview guide) ในการเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth
Interview) และสาหรบั การสมั ภาษณก์ ล่มุ (Group Interview) ดังรายละเอยี ดต่อไปน้ี

(1) เลือกกลมุ่ หมอเหยากลุ่มเป้าหมายตามเกณฑ์ทก่ี าหนดในการวจิ ัย คือ เปน็ กล่มุ หมอเหยา
ทม่ี ีประสบการณ์ การรกั ษาคนป่วยในชุมชน โดยเลือกศึกษากลุ่มหมอเหยาในชมุ ชนพน้ื ท่ีจังหวดั นครพนมและ
จงั หวัดมุกดาหาร เป็นกลุ่มเปา้ หมายจานวน 20 กลุ่ม ในประเด็นการจัดการความขัดแย้งผ่านพิธีกรรมการ
เหยาในการจัดการปญั หาระดับครอบครัว

(2) ตดิ ตามสมั ภาษณ์ครอบครวั ของประชากรที่เคยผา่ นการรกั ษาดว้ ยพธิ กี รรมการเหยาจาก
กลมุ่ หมอเหยากลมุ่ เป้าหมายในพน้ื ที่ กล่มุ นี้ ประกอบไปด้วย คนป่วยและสมาชิกในครอบครวั ของของคนปว่ ย
ตามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ คือเปน็ ครอบครวั ของประชากรทีเ่ คยผ่านการรกั ษาดว้ ยพิธีกรรมการเหยาจากกลมุ่ หมอ
เหยากลุ่มเป้าหมาย มาแล้วไม่เกิน 10 ปี โดยเลือกครอบครัวของประชากรท่ีเคยผ่านการรักษาด้วยพิธี
กรรมการเหยาจากกลุ่มหมอเหยากลมุ่ เป้าหมาย 2 ครอบครัว ต่อกลุ่มหมอเหยากลุ่มเป้าหมาย 1 กลุ่มจาก
พน้ื ทว่ี จิ ัยในประเด็นการจัดการความขัดแยง้ ผา่ นพิธกี รรมเหยาในการจดั การปญั หาระดับครอบครวั ในสังคม

(3) สัมภาษณ์กลมุ่ ผู้นาชุมชนในสงั คมทส่ี มาชิกในครอบครวั เคยเขา้ รบั การรกั ษา
ด้วยพิธีกรรมการเหยาจากกลุ่มหมอเหยากลุ่มเป้าหมายอาศัยอยู่ ในประเด็นการจัดการความขัดแย้งผ่าน
พธิ ีกรรมเหยาในการจัดการปญั หาระดบั ครอบครวั ในสังคม

สาหรบั ขั้นตอนน้ี เพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีครอบคลุมกบั วัตถปุ ระสงค์ในการวจิ ัยและกรอบแนวคิดการวิจัย
และในขัน้ ตอนน้ีจะมกี ารอปุ กรณ์การวิจัย อาทิ กล้องถา่ ยรปู เทปบนั ทึกเสยี ง เปน็ อุปกรณใ์ นการทาการวจิ ัยใน
คร้ังน้ี โดยในกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูลน้ันผู้วิจัยในฐานะเครอ่ื งมือการวิจัย ก็ทาหน้าท่ีในการวิเคราะห์
ขอ้ มูลจากสนามและตรวจสอบพร้อมกนั

ผูว้ จิ ัยใช้การสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง การสัมภาษณ์เชิงลึก การสงั เกตแบบมสี ่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม
ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล สาหรับการวเิ คราะหข์ อ้ มลู เชงิ คณุ ภาพ ผู้วิจัยไดน้ าข้อมูลทีไ่ ด้จากการสมั ภาษณ์และ
การสงั เกตมาแยกตามวัตถุประสงคท์ ี่ต้งั ไว้ จากนนั้ ได้ประมวลขอ้ มลู ท่ีไดเ้ ขา้ ด้วยกนั เป็นหมวดหมู่ และวเิ คราะห์
ความเช่ือมโยง โดยใช้แนวคิดทฤษฏีและวรรณกรรมที่เก่ียวข้องเป็นแนวทางในการอธิบายเพื่อตอบ
วตั ถุประสงค์ในการวิจยั คร้ังนี้

3. สรุปผลการวจิ ยั
จากการศึกษาการจัดการความขัดแย้งในชุมชนผ่านพธิ ีกรรมการเหยาของกลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุผู้ไทยในภาค

ตะวันออกเฉยี งเหนอื ประเทศไทย ภายใต้วตั ถุประสงคด์ งั กลา่ วมาข้างตน้ สามารถสรปุ ผลการศึกษาได้ดงั นี้
จากการลงพนื้ ทภ่ี าคสนามเพ่ือทาการเกบ็ ข้อมูลในพ้นื ทวี่ ิจัยท้ังสองจังหวดั ในประเด็นความเช่อื ในการ

ใชพ้ ธิ เี หยาเพ่ือรกั ษาโรคหรืออาการเจ็บป่วยเนอ่ื งจากโรคภยั ต่างๆหรือการเจบ็ ปว่ ยทไ่ี ม่ทราบสาเหตุ ชาวบา้ น
ในสองพื้นที่เชอ่ื วา่ เกดิ จากการกระทาของผี เพราะไปรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาไดเ้ น่อื งจาก
ไมท่ ราบสาเหตขุ องการเจ็บปว่ ยซงึ่ พ่อแม่หรอื ผอู้ าวุโสเคยรักษาดว้ ยวิธีการเหยามากอ่ นจงึ เชื่อวา่ การเจบ็ ปว่ ยใน
ลักษณะนี้จะต้องทาพิธีเหยาควบคู่กับการรักษากบั แพทย์แผนปัจจุบันจึงจะหาย ซึ่งบางรายสามารถหายจาก
โรคไดจ้ ริงบางรายยืดอายไุ ดอ้ กี หลายปี

ความเช่ือในการทาผดิ ผขี องชาวผู้ไทย สาเหตุหลักเกิดจากการเจ็บป่วยท่ีไม่ทราบสาเหตเุ น่ืองจากให้
แพทย์แผนปัจจุบันวินิจฉัยโรคกลับไม่พบสาเหตุเหล่านั้นซ่ึงบวกกับความเชื่อเรื่องผีเป็นท่ีต้ังจึงทาให้เช่ือว่า
อาการเจ็บป่วยเหล่านอ้ี าจจะเกิดจากการทีล่ กู หลานทาผดิ ผหี รอื กระทาการบางอยา่ งทีท่ าใหผ้ ลี งโทษ

๙๘

อาการเจบ็ ป่วยท่รี ักษาไมห่ าย จากทีก่ ล่าวมาข้างต้นอาการเจ็บป่วยที่รกั ษาไมห่ ายเนือ่ งจากมคี วามเชอื่
เร่อื งผีเป็นทต่ี ้ังเมอื่ รกั ษากบั แพทยแ์ ผนปัจจบุ นั ไมห่ ายกห็ าทางรักษาอกี วธิ โี ดยเปน็ วธิ ีการท่ี ปู่ ย่า ตา ยาย หรือ
บรรพบุรุษเคยใช้เปน็ วธิ รี ักษามาก่อนนน่ั คอื พธิ กี รรมเหยาเพ่อื รักษาโรค

กรณพี ้นื ที่บ้านเรณนู คร พิธกี รรมเหยาที่เกิดจากคตคิ วามเชื่อในชุมชน พธิ ีกรรมเหยาเกดิ จากความเชื่อ
ดง้ั เดิมของบรรพบุรุษสืบต่อกันมา ซึ่งมีที่มาจากความเช่ือในการนับถือผีบรรพบุรุษและยงั มีความเช่ือในเร่ือง
ของการทาผิดผีหรือการกระทาที่ผิดตอ่ ผีจึงทาให้ผีลงโทษ เมื่อเจ็บป่วยแล้วไปรักษากับแพทยแ์ ผนปัจจุบันไม่
หายและไม่ทราบสาเหตุของการป่วย จึงหันมาพง่ึ พิธีกรรมการเหยาเพราะมีผ้ปู ่วยหลายรายทีท่ าการรกั ษาโดย
พิธีกรรมเหยากลบั มีอาการดีขึน้ และทราบสาเหตทุ ีป่ ว่ ยซึ่งพธิ กี รรมเหยาคือเปน็ การให้ผีหมอเป็นตวั แทนคยุ กับ
ผที ี่ทาให้เจ็บป่วยเพ่ือขอขมาหรือเจรจาใหอ้ าการเจ็บป่วยทุเลาหรือหายเป็นปกติ ซ่ึงเป็นความเช่ือของบรรพ
บุรุษมาต้งั แต่ด้ังเดิมว่าผีสามารถช่วยให้หายจากโรคภัยหรอื ทุเลาลงได้และทาให้ผู้ป่วยมีกาลังใจดีขึ้นมีความ
ศรทั ธาว่าถ้าทาพิธีกรรมเหยาแล้วจะตอ้ งหาย และมผี ปู้ ว่ ยหลายรายท่หี ายจากโรคอนั เกดิ จากความเชื่อมนั่ ทาง
จิตวิญญาณ ทาให้เกิดความเชือ่ ว่าผีจะคมุ้ ครองให้แคล้วคลาดปลอดภยั ซ่ึงพธิ ีกรรมเหยาก็เป็นพิธีกรรมที่มีมา
แตอ่ ดีต ความเช่อื ในการใชพ้ ธิ ีเหยาเพ่อื รักษาอาการเจบ็ ป่วย คือ เชื่อว่า โรคภยั ตา่ งๆ เกิดจากการกระทาของผี
การไปรักษากับแพทย์แผนปจั จุบันไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ พอ่ แม่หรือผู้อาวุโสในครอบครัว เคยรักษา
ดว้ ยวธิ ีการเหยามาก่อน เชือ่ วา่ โรคที่เกิดขน้ึ ในลกั ษณะอย่างน้ีต้องทาพิธเี หยาเทา่ นัน้ จึงจะหาย

กรณีพืน้ ทบี่ า้ นคาพอก จากการสัมภาษณ์หมอเหยาในพืน้ ที่ ทาใหไ้ ดร้ บั ข้อมูลวา่ “การเหยา” ของกล่มุ

ชาติพันธุ์ชาวผู้ไทบ้านคาพอก อาเภอหนองสูงนี้ ถือเป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมตามหลกั การแพทย์แผน
ไทย ท่ีเชอ่ื มร้อยวิถชี ีวิตของชาวผ้ไู ทตงั้ แต่เกดิ จนตาย โดยการเหยาเป็นภมู ิปัญญาในการดแู ลรักษาสุขภาพท่มี า

จากรากฐานของความเชอื่ และความศรัทธาในสิ่งเรน้ ลบั เหนอื ธรรมชาติ หรอื ผี ความหมายของผีของชาวผูไ้ ท

เป็นส่ิงที่อยู่เหนืออานาจความรู้สึกนึกคิด เป็นสิ่งท่ีพ่ีน้องชาวผู้ไทถือว่ามีอิทธิฤทธ์ิ มีพลังท่ีจะดลบันดาลให้
เป็นไปในสิ่งต่างๆนานา ผที ช่ี าวผไู้ ทยเคารพนับถือเรียงจากลาดบั สูงลงไป คือ ผอี งค์ปเู่ ป็นผีบรรพบุรษุ ของเจ้า

เมอื งหรือกษัตรยิ ์ ผีฟ้าพญาแถน ผีปู่ตาเปน็ ผขี องชาวบ้าน ผีบรรพบุรษุ หรือผีบรรพชนจากปู่ย่าตายาย ผีไท้ ผี
น้า ผีมูล ผีตาแฮะ ผีซะโละซะลาน เป็นต้น และเชื่อว่าความเจ็บป่วยท้ังหลายมาจากผีกระทานั่นเอง “การ

เหยา” คือ พธิ ีกรรมรกั ษาและส่งเสรมิ สขุ ภาพผ้ปู ่วย โดยข้นั ตอนการรกั ษาจะมี หมอเหยาแมเ่ มอื ง ทาหน้าที่ใน

การส่ือสารกับผี ด้วยบทร้องที่อ่อนหวานเชิงออ้ นวอนและนยิ มใช้ในท่วงทานองของรอ้ ยกรองเพื่ออ้อนวอน ขอ
ความเมตตาจากผใี ห้ช่วยขจดั ปัดเป่าและค้มุ ครองภัยอันตรายต่างๆ โดยมีการตัง้ เครื่องคาย และเคร่ืองดนตรี

บรรเลง ซงึ่ จะใชพ้ ณิ และแคน เป็นเครือ่ งดนตรีประกอบ

กลุ่มหมอเหยาทใ่ี ช้ในการศึกษาในครง้ั นี้ ทัง้ หมด 20 กลุ่มจากพ้นื ที่สองอาเภอ ในเขตจังหวัดนครพนม
และมุกดาหาร พบวา่ ในจานวน 20 กล่มุ ดงั กลา่ ว มีกลุม่ ท่มี ีหัวหน้าคณะหมอเหยาเพศหญงิ จานวนถงึ 19 กลมุ่

และมีกลุ่มทม่ี ีหวั หน้าคณะหมอเหยาเพศชายจานวน 1 กล่มุ ประเด็นประสบการณก์ ารรักษาคนป่วยในชมุ ชน

พบว่ามีกลุ่มที่มีประสบการณ์การรักษาระหว่าง 10-19 ปี จานวน 6 กลุ่ม กลุ่มที่มีประสบการณ์การรักษา
ระหว่าง 20-29 ปี จานวน 8 กลมุ่ กลมุ่ ที่มีประสบการณ์การรกั ษาระหว่าง 30-39 ปี จานวน 4 กลุ่ม กลุม่

ท่มี ีประสบการณก์ ารรักษาระหว่าง 40-49 ปี จานวน 1 กลุ่ม และกลุ่มท่มี ีประสบการณ์การรักษาระหว่าง
50-70 ปี จานวน 1 กลุม่ เมอื่ พจิ ารณาเป็นรายอาเภอพบวา่ อยู่ในเขตอาเภอเรณนู ครจานวน 10 กล่มุ อาเภอ

หนองสูง จานวน 10 กลมุ่ ประเด็นจานวนบรวิ ารผู้ติดตามภายในกลุ่มหมอเหยา พบว่ากลุ่มหมอเหยาท่ใี ช้ใน

๙๙

การศึกษาในคร้ังนี้มีสมาชิกภายในกล่มุ ที่ทาหน้าท่ีรักษาคนป่วยในชุมชนต้งั แต่จานวน 3 - 6 คน และประเด็น
การก้าวข้ึนสู่ตาแหน่งหัวหน้าคณะหมอเหยาของหมอเหยาท้ัง 20 กล่มุ นั้นพบว่า หัวหนา้ หมอเหยาท่ไี ด้รับขัน
สบื ทอดตาแหน่งหมอเหยามาจากอาจารย์คนก่อนจานวน 9 กลุ่ม ได้รบั ขันสืบทอดตาแหนง่ หมอเหยามาจาก
คนในครอบครัวไดแ้ ก่ พ่อ แม่ แม่สามี สามี พ่ีสาว จานวน 11 กลุ่ม

บรวิ ารผู้ตดิ ตามหวั หน้าหมอเหยา ในพธิ กี รรมการเหยาของคณะบรวิ ารผู้ติดตามหัวหน้าหมอเหยานั้น
พบว่าท้ัง 20 กลุ่ม ใช้บริวารผตู้ ิดตามหมอเหยาเป็นผหู้ น้าที่แต่งเครื่องคายบูชาในพิธกี รรมดังกล่าว บทบาท
ด้านการขับลาชว่ ยครูบาหมอลารักษาคนป่วย พบวา่ มีกลุม่ บรวิ ารผ้ตู ิดตามท่มี บี ทบาทดา้ นการขับลาช่วยหมอ
เหยารกั ษาคนปว่ ย จานวน 17 กลุ่ม และไมม่ ีบทบาทด้านการขับลาชว่ ยครูบาหมอเหยารกั ษาคนป่วย จานวน
3 กลุ่ม บทบาทด้านการฟ้อนราในพิธกี รรมช่วยหมอเหยาฟ้อนลารักษาคนป่วยพบว่า มีกลุ่มบริวารผู้ติดตาม
หมอเหยาท่ีมีบทบาทด้านการฟ้อนราช่วยครูบาหมอลารักษาคนป่วยจานวน 20 กลุ่ม และประเด็นด้าน
บทบาทการเล่นดนตรีเพ่ือประกอบในพิธีกรรม พบว่าในการศึกษาครั้งนี้มีเคร่ืองดนตรีที่หมอเหยาใช้
ประกอบการขับลาและฟ้อนราเพื่อรักษาคนป่วยในชุมชนอยู่ส่ีประเภท คือ แคน กลองหาง ปี่ และพณิ จาก
การศึกษาพบท้ัง 20 กลุ่มมีบริวารผู้ติดตามท่ีมีบทบาทด้านการเล่นดนตรีประกอบในพิธีกรรม กรณีบริวาร
ผู้ตดิ ตามหวั หนา้ หมอเหยากลมุ่ นางคาพอก 1 ไดก้ ล่าวว่า ก่อนท่ีตนเองจะรบั มาเป็นบริวารผู้ตดิ ตามหมอเหยา
นั้น ตนเองเกดิ เจ็บป่วยไมส่ บายและต่อมาไดร้ ับการรักษาด้วยพธิ ีกรรมการเหยา จนอาการป่วยหายขาด จึงเกิด
ความศรัทธาต่อหมอเหยาและขอเป็นผตู้ ิดตามหัวหนา้ หมอเหยาออกไปประกอบพธิ กี รรมรักษาชาวบา้ น

คนป่วยที่เข้ารับการศึกษาด้วยพิธีกรรมการเหยา พบว่าคนป่วยในพิธีกรรมจากการศึกษาในครั้งน้ี
พบว่าเป็นเพศชาย 18 คน เพศหญิง 22 คน รวมทงั้ หมด 40 คน ด้านการวินิจฉยั อาการของโรคจากแพทย์
แผนปจั จุบนั พบว่าท้ัง 40 คนเคยผ่านการวินจิ ฉัยอาการเจ็บป่วยจากแพทย์แผนปัจจุบันมาก่อนตามลักษณะ
อาการของแต่ละคน ส่วนการวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยจากหมอเหยา พบวา่ หมอเหยาจะแจ้งแก่คนป่วยท้ัง 40
คน ผา่ นพิธีกรรมการเหยาว่า คนป่วยไม่สบายด้วยอาการของโรคท่เี รียกว่า “โรคผดิ ผ”ี หรือโรคที่เกดิ จากการ
กระทาของผีหรือส่งิ ศักด์ิสิทธ์ิ ดา้ นรูปแบบการรักษาโรคของแพทย์แผนปัจจุบัน พบวา่ แพทย์จะส่งั ยาหรือฉีด
ยาให้กบั คนป่วยและใหค้ นป่วยกลับมาพักรกั ษาตัวต่อทีบ่ า้ นของตนเอง ทั้ง 40 คน รปู แบบการรักษาโรคของ
หมอเหยา พบว่า มีการจัดพิธีกรรมการเหยาข้นึ มาเพอ่ื ทาการรักษาคนปว่ ยผ่านพิธีกรรมทั้ง 40 คน และหมอ
เหยาจะแจ้งวิธีการรักษาโรคภัยแก่คนป่วยและญาติของคนป่วยผ่านพิธีกรรมด้วย ส่วนประเภทของปัญหา
ระดบั ครอบครัวท่ีพบในการศึกษาครั้งน้ีน้ัน พบว่าสามารถแบ่งประเภทของปัญหาได้ 4 กลุ่มปัญหาใหญ่ๆ คือ
ปัญหาเชงิ สขุ ภาพ ปัญหาเชิงสงั คม ปัญหาเชิงเศรษฐกิจ และปัญหาเชงิ การขัดแยง้ ภายในครอบครัว

3.1 ลักษณะการจดั การความขดั แย้งผ่านพธิ ีกรรมเหยา
3.1.1 การจัดการความขัดแย้งผ่านคาสอนในพิธีกรรม สรุปได้ว่า กรณีกลอนลาที่หมอ

เหยาใชใ้ นการขับลาในพิธีกรรมการเหยาในแต่ละขั้นตอนนั้นสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทด้านการจัดการความ
ขัดแยง้ ที่พบปรากฏในกลอนลาอย่างเด่นชัดอีกด้วย ในพิธกี รรม หมอเหยาจะมกี ารขับลาให้คนป่วยประพฤติ
และปฏิบัติตนให้อยู่ในศีลธรรมอันดี ตามหลักทางพระพุทธศาสนาและฮีต คลองธรรมเนียมของชาวอีสาน

๑๐๐

ได้แก่ 1) หลักความกตัญญูรูค้ ณุ ตอ่ ผู้มีพระคณุ 2) หลักแห่งความอ่อนน้อมถอ่ มตน 3) หลักของการทาบุญให้
ทาน 4) หลักของกฎแห่งกรรม

3.1.2 การจัดการความขัดแย้งผ่านการสรา้ งสญั ลักษณ์ในพธิ ีกรรม ผวู้ ิจัยพบสญั ลักษณ์ที่
สาคัญที่ใช้ในการเสี่ยงทายในข้ันตอนนี้คือ “ไข่ไก่” กล่าวคือ ไข่ไก่จะถูกนามาเป็นสัญลักษณ์ท่ีสาคัญใน
กระบวนการเสี่ยงทายหาสาเหตขุ องการเจบ็ ปว่ ยคนคนไข้ในพิธกี รรมในหลายรูปแบบ หมอเหยาบางสว่ นสงั เกต
และทานายอาการเจ็บป่วยของคนป่วยผ่านการ “ตงั้ ไข่” ลงบนเสอ่ื กกหน้าเครื่องคายพธิ ี นอกจากน้ีผ้วู ิจยั ยัง
พบว่าหมอเหยาบางส่วนยังทานายอาการเจ็บป่วยของคนป่วยในพิธีกรรมผ่านการ “ตั้งไข่” ลงบนฝ่ามือของ
ตนเองขณะขับลาเพอื่ สอบถามหาสาเหตุของการเจ็บป่วยของคนปว่ ยในพิธกี รรม ผลจากการเสยี่ งไขใ่ นพธิ กี รรม
คือข้อสรปุ ของการทานายอาการเจ็บป่วยของคนป่วยท่ีกลุ่มหมอเหยาใชใ้ นพธิ กี รรม

นอกจากนี้ ข้ันตอนทสี่ าคญั อีกประการหน่ึงของการสร้างสญั ลักษณ์ในพิธีกรรมก็คือ “การสมมาเจ้า
โคตร” การสมมาเจ้าโคตร หมายถึงการขอสมาลาโทษระหวา่ งบคุ คลหน่ึงต่ออีกบุคคลหน่งึ เป็นจารีตที่สาคัญ
ของคนในกลุ่มชาติพันธ์ุผู้ไทย ท่ีสบื ทอดมรดกพธิ ีกรรมนี้เอาไว้จากรุน่ สู่ กรณีพิธีกรรมการเหยาในพน้ื ทวี่ จิ ัยใน
ครั้ง พบขั้นตอนการสมมาเจ้าโคตรปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดในพิธีกรรมนี้ด้วย โดยสัญลักษณ์ท่ีสาคัญของ
ขัน้ ตอนน้ีกค็ ือ “ขันห้า” คอื ขันน้าหรือจานประกอบไปด้วยดอกไม้ 5 คู่ เทยี น 5 คู่ และฝ้ายผกู ข้อมือ บนขัน
หรือจานนัน้ การสมมาเจ้าโคตรในพธิ กี รรมการเหยา

การใหค้ วามหมายเชิงสัญลักษณ์ ผา่ นเคร่ืองบูชาในพิธีกรรมที่เป็นองค์ประกอบร่วมกันใน 20 กลุ่ม
หมอเหยา การให้ความหมายเชิงสัญลักษณ์ของเคร่ืองคายบูชาผ่านพิธีกรรมของเคร่ืองบูชาแต่ละชนิดน้ัน
ชใี้ ห้เหน็ ถึงความสาคญั เชงิ สญั ลกั ษณ์ของการจดั การความขัดแยง้ ผ่านการใช้สัญลักษณ์ในพิธีกรรมในข้ันตอน
ตา่ งๆ ของพิธีกรรมการเหยา สัญลักษณ์เหล่าน้ีจะสะท้อนให้เห็นถึงการใช้อานาจการควบคมุ ทางสังคมผ่าน
สิ่งของตา่ งๆ ในพิธีกรรมของหมอเหยาอยา่ งชัดเจน

3.1.3 การควบคมุ ผา่ นการประพฤติปฏบิ ตั ิหลงั พิธีกรรม ข้อคะลาในกลุ่มผู้นบั ถือหมอเหยา
มคี วามสาคัญต่อวิถีชีวิต ตลอดจนเป็นพน้ื ฐานท่ีก่อให้เกิดวฒั นธรรมเฉพาะกลุ่มข้ึนมา เป็นกฎกติกาของการ
ควบคุมทางสังคมท่ีช่วยสร้างให้คนในสงั คมอยูร่ ่วมกนั อย่างปกติสุข โดยการใชก้ ารเฝา้ ระวังและการกากบั วนิ ัย
ทางสังคม คือ ข้อห้าม และข้อไม่ให้ปฏบิ ัติในส่ิงท่ีอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายและปญั หาในด้านต่างๆ ทั้งชีวิต
และทรัพยส์ ิน นอกจากน้ี ยงั ถือเป็นสิ่งท่ีกลุ่มหมอเหยาใช้สง่ั สอนแก่กลุ่มคนปว่ ยและบริวารว่าคะลาเป็นบาป
เป็นกรรม กล่าวคอื ถา้ ทาอะไรลงไปแล้วกลุ่มหมอเหยาทักท้วงว่า คะลา ผู้ทาก็จะไม่กล้าทาต่อไป เพราะคน
ปว่ ยในพธิ ีกรรมเหยาเชือ่ ว่าคะลาคานเี้ ปน็ ส่ิงศกั ด์สิ ิทธ์ิ

3.1.4 การจัดการความขดั แยง้ ผ่านการประพฤติปฏิบัติหลังพธิ ีกรรม รปู แบบข้อประพฤติ
ปฏบิ ัติภายหลังการเข้ารับการรักษาด้วยพิธีกรรมการเหยาของคนป่วยในพน้ื ท่กี รณีศกึ ษา ซงึ่ เรียกว่าข้อคะลา
ขอ้ คะลาของผู้นบั ถือหมอเหยาเปน็ กฎเกณฑอ์ ย่างหนง่ึ ซง่ึ เปน็ หลกั ปฏิบัติตนทท่ี กุ คนต้องยดึ ถือ หากคนปว่ ยคน
ใดกระทาหรือประพฤตินอกธรรมเนียมก็จะมีอนั เป็นไป ข้อห้ามประพฤตปิ ฏิบัติโดยส่วนใหญ่ ธรรมเนยี มการ
ปฏบิ ตั ติ นเองของกลุ่มผนู้ ับถอื หมอเหยาเป็นกฎเกณฑ์อยา่ งหน่ึง ซ่ึงเป็นหลักปฏบิ ัติตนทที่ กุ คนต้องยดึ ถือ หาก
บรวิ ารคนใดกระทาหรอื ประพฤตนิ อกธรรมเนยี มกจ็ ะมอี ันเปน็ ไป เชน่ เกดิ ความเจ็บป่วย วิธีการแกไ้ ขดงั กล่าว
กระทาได้โดยบรวิ ารคนน้ันต้องนาขัน 5 ไปยังบ้านของหัวหน้าหมอเหยา แล้วสารภาพการกระทาของตนต่อ
หน้าหง้ิ บชู าครูบาอาจารย์ อาการเหลา่ นัน้ จะหายไป

3.1.5 การสร้างการมีสว่ นร่วมของกลุ่ม บคุ คลท่ีมีบทบาทในแตล่ ะขน้ั ตอนในพิธีกรรมการ

เหยา พบวา่ ในข้ันตอนการรักษาทัง้ 5 ขั้นตอน มบี ุคคลทม่ี ีบทบาทอยู่ 4 กลุ่มดว้ ยกันในพธิ ีกรรม ได้แก่ หมอ

เหยา บริวารผูต้ ดิ ตาม คนป่วย และญาติคนป่วย


Click to View FlipBook Version