ทำ� เนียบนายกเทศมนตรเี มอื งชลบุรี
ลำ� ดบั ท่ี ชอ่ื – นามสกลุ ตำ� แหน่ง ระยะเวลาด�ำรงตำ� แหน่ง
นายกเทศมนตรี (เลอื กตง้ั ) 15 ก.ย. 2513 - 2 ม.ค. 2516
๑๗ ร.อ.อภริ ตั น์ ประเสรฐิ วิทย์ ร.น. นายกเทศมนตรี (เลือกตั้ง)
3 ม.ค. 2516 - 13 ม.ค. 2518
๑๘ นายแพทยร์ จุ ิ รจุ ริ ัตน์
๑๙ ร.อ.อภริ ัตน์ ประเสรฐิ วิทย์ ร.น. นายกเทศมนตรี (เลอื กตั้ง) 14 ม.ค. 2518 - 23 ก.พ. 2521
๒๐ ร.ต.สมพร กลุ วานชิ นายกเทศมนตรี (แต่งตง้ั ) 24 ก.พ. 2521 - 4 เม.ย. 2521
(ปลัดจงั หวัดชลบุรี)
๒๑ นายวริ ัตน์ เสตะกสิกร นายกเทศมนตรี (เลอื กตง้ั ) 5 เม.ย. 2521 - 11 ส.ค. 2531
๒๒ นายปยิ ะ วิวฒั นศร นายกเทศมนตรี (เลือกตงั้ ) 1๒ ส.ค. 2531 - ๙ ต.ค. 2533
๒๓ นายชชู าติ เกศยานนท์ นายกเทศมนตรี (เลอื กตง้ั ) 10 ต.ค. 2533 - 8 พ.ย. 2538
๒๔ พล.ต.ต.นิตย์ อินทอง นายกเทศมนตรี (เลอื กตง้ั ) 21 พ.ย. 2538 - 11 พ.ย. 2540
๒๕ นายสงคราม กอสทุ ธธิ รี กลุ นายกเทศมนตรี (แตง่ ตง้ั ) 12 พ.ย. 2540 - 29 ธ.ค. 2540
(รองผู้วา่ ราชการจงั หวดั ชลบรุ )ี
๒๖ นายชูชาติ เกศยานนท์ นายกเทศมนตรี (เลอื กตง้ั ) ๓๐ ธ.ค. 2540 - 5 ม.ค. 2543
๒๗ นายอุกฤษณ์ ตนั๊ สวสั ดิ์ นายกเทศมนตรี (เลอื กตั้ง) 6 ม.ค. 2543 - 22 ก.ย. 2546
๒๘ นายอาวุธ บุญสุวรรณ นายกเทศมนตรี (เลอื กตง้ั ) 23 ก.ย. 2546 - 24 ธ.ค. 2546
๒๙ นายอุกฤษณ์ ตน๊ั สวสั ด์ิ นายกเทศมนตรี (เลอื กตั้ง) 1 ก.พ. 2547 - 31 ม.ค. 2551
๓๐ นางสาวสุมนา มุทธากจิ นายกเทศมนตรี (เลอื กตั้ง) 9 ม.ี ค. 2551 - 16 ม.ิ ย. 2554
๓๑ นายเดโช คงชยาสขุ วฒั น์ นายกเทศมนตรี (เลอื กต้ัง) 14 ส.ค. 2554 - 11 มิ.ย. 2558
๓๒ นางสาวจฑุ ารัตน์ ปรญิ วชริ พฒั น์ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทนี่ ายกเทศมนตรี 12 มิ.ย. 2558 - ปจั จุบนั
(ปลดั เทศบาลเมอื งชลบรุ )ี
หนงั สอื ทีร่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี 49
ท�ำเนียบปลดั เทศบาลเมอื งชลบรุ ี
ลำ� ดบั ที่ ชอ่ื – นามสกลุ ระยะเวลาด�ำรงต�ำแหนง่
8 ม.ิ ย. 2480 - 2487
1 นายศริ ิ จติ ต์พรหม์ า - ส.ค. 2487 - 17 ธ.ค. 2490
1 มิ.ย. 2491 - 30 ก.ค. 2492
2 นายเจิม พยงุ พันธ์ุ 1 ต.ค. 2492 - 30 มิ.ย. 2504
1 ก.ค. 2504 - 30 ก.ย. 2509
3 นายโพธ์ิ ภมรพล 1 ต.ค. 2509 - 30 ก.ค. 2513
1 ส.ค. 2513 - 31 ต.ค. 2519
4 นายเชษฐ์ ฤทธารมย์ 1 พ.ย. 2519 - 31 พ.ค. 2521
1 มิ.ย. 2521 - 30 พ.ย. 2524
5 นายจ�ำลอง อมาตยกุล 1 ธ.ค. 2524 - 29 ก.ย. 2528
30 ก.ย. 2528 - 30 พ.ย. 2529
6 นายวิชิต บุณยะหตุ านนท์ 1 ธ.ค. 2529 - 10 ต.ค. 2531
11 ต.ค. 2531 - 17 มิ.ย. 2533
7 นายธรี ะ ธรี ะสานต์ 18 ม.ิ ย. 2533 - 17 พ.ค. 2536
18 พ.ค. 2536 - 30 ก.ย. 2538
8 นายยงยุทธ วิชยั ดษิ ฐ 1 ต.ค. 2538 - 8 ก.พ. 2541
9 ก.พ. 2541 - 1 ต.ค. 2542
9 นายบรรจง โสตถิธ�ำรง 7 ต.ค. 2542 - 30 ก.ย. 2550
7 ม.ค. 2551 - ปจั จบุ นั
10 นายสรุ วัฒน์ วภิ ษู ณะภทั ร์
11 นายรงั สติ ลอยอิม่
12 นางยุพยง พรหมพนั ธุ์
13 นายสวสั ดิ์ แผลงประพันธ์
๑๔ นายวสิ ุทธ์ิ อธปิ ญั ญา
๑๕ นายปราโมทย์ ดเี ลศิ
๑๖ นางบารนี เลศิ ไพศาล
๑๗ นางดารวัลย์ อาสภวริ ิยะ
๑๘ นางดารวัลย์ อาสภวิริยะ
๑๙ นางสาวจฑุ ารัตน์ ปรญิ วชิรพฒั น์
50 หนงั สือทร่ี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
หลวงบำ� รุงราชนยิ ม
นายกเทศมนตรคี นแรก ท่มี าจากการเลือกต้ัง
ท�ำเนียบนายกเทศมนตรีเมืองชลบุรี ท่ีปรากฏ 1. นายสนุ้ ชอ้ ง สิงคาลวณิช
แก่สายตาผู้ที่มาเยือนบริเวณหน้ามุขศาลาเทศบาลเมือง 2. นางเพ่ิม เตรยานนท์
ชลบุรี บ่งบอกถึงเวลาท่ีหมุนเวียนผ่านไปปีแล้วปีเล่า 3. นายแพทยป์ ระเทิง สงิ คาลวณิช
พรอ้ มๆ กับการเปล่ยี นแปลงผู้บรหิ ารเทศบาลเมอื งชลบุรี หลวงบ�ำรงุ ราชนิยม มบี ุตรธดิ า รวม 9 คน คือ
คนแลว้ คนเลา่ ตามแนวทางของการปกครองทอ้ งถน่ิ จาก 1. นายประสาน สงิ คาลวณิช
อดีตจนถึงปัจจุบัน รวม 29 ท่าน โดยมีผู้บริหารท่ีมา 2. นางวชิ ัย นิตนิ าท (เปรม วรรณประภา)
จากการแต่งตั้งและผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้ง และ 3. นางท�ำเนียบ สบื สงวน
นายกเทศมนตรีเมืองชลบุรีคนแรกท่ีมาจากการเลือกตั้ง 4. นายแพทย์ ร.อ.บำ� รงุ สิงคาลวณิช
คอื หลวงบ�ำรุงราชนยิ ม (พ.ศ. 2479 - 2483) 5. ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ท�ำนอง สิงคาลวณิช
หลวงบำ� รงุ ราชนยิ ม มีนามเดิมวา่ ซุ่นเบ็ง สงิ คาล- 6. นายบ�ำเรอ สิงคาลวณชิ
วณิช ต่อมาเปลี่ยนเป็น สูญ สิงคาลวณิช ตามนโยบาย 7. นางนยิ ม วมิ ุกตานนท์
รัฐนิยมในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายก 8. แพทยห์ ญิงพะยอม สงิ คาลวณิช
รัฐมนตรี หลวงบ�ำรุงราชนิยมเป็นบุตรคนเดียวของนายอู๋ 9. นางสาวสมลกั ษณ์ สงิ คาลวณชิ
กบั นางเอย้ี น (สบื สงวน) เกดิ เมอ่ื วนั องั คารที่ 1 พฤษภาคม หลวงบำ� รงุ ราชนยิ ม กำ� พรา้ มารดาเมอื่ อายไุ ด้ 10 ปี
พ.ศ.2426ตรงกบั ปมี ะแมเดอื น5แรม9คำ่� ทบี่ า้ นสะพานจนี จงึ อยใู่ นความอปุ การะของยาย (คณุ ยายจนั่ สบื สงวน) เรอ่ื ย
(สะพานส�ำราญราษฎร์ในปัจจุบัน) ต�ำบลบางปลาสร้อย มา ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนเอกชนในจังหวัดชลบุรี
อำ� เภอเมอื ง จงั หวัดชลบุรี มนี อ้ งตา่ งมารดา 3 คน คือ ต่อมาภายหลังได้ศึกษาเพิ่มด้วยตนเอง ขณะเดียวกันก็
หนงั สือที่ระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 51
ช่วยประกอบธุรกิจการค้าและดูแลผลประโยชน์ของยาย ราชการของจงั หวดั และงานสงั คมเมอื งชลบรุ อี ยา่ งเขม้ แขง็
ตลอดมา เมอ่ื อายคุ รบ 20 ปบี รบิ รู ณ์ จงึ ไดอ้ ปุ สมบท ณ วดั มาโดยตลอด ในราวปี พ.ศ. 2456 จึงไดร้ บั พระราชทาน
อรญั ญกิ าวาส (วดั ปา่ ) จงั หวดั ชลบรุ ี โดยมพี ระสาสนโสภณ บรรดาศักดิ์เป็นรองอ�ำมาตย์โทขุนบ�ำรุงราชนิยม และ
(อ่อน) เจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐ์เป็นพระอุปัชฌายะ ตอ่ มาไมน่ านกไ็ ดร้ บั พระมหากรณุ าธคิ ณุ เลอ่ื นบรรดาศกั ดิ์
และมีพระราชมุนี (เจริญ ญาณวร) ซึ่งต่อมาเป็นสมเด็จ เป็นรองอำ� มาตยเ์ อกหลวงบ�ำรงุ ราชนิยม
พระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส เป็น
พระกรรมวาจาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้ไป จ�ำพรรษา ผลงานด้านการเมือง
อยู่กับเจ้าคุณอาจารย์ (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์) การก้าวเข้าสู่วิถีชีวิตนักการเมืองท้องถ่ินของ
ณ วัดเทพศริ นิ ทราวาส ในกรงุ เทพฯ หลวงบ�ำรุงราชนิยม เร่ิมต้นจากท่านได้รับการแต่งต้ัง
เม่ือบวชครบพรรษาแล้วก็ลาสิกขาบทกลับมา เป็นกรรมการพิเศษเมืองชลบุรี และได้รับแต่งตั้งเป็น
ท�ำงานค้าขายส่วนตัว เน่ืองจากในการค้าขายนั้นต้อง กรรมการสุขาภิบาลเมืองชลบุรี ซ่ึงต่อมาได้ยกฐานะ
ติดต่อกับศาลากลางจังหวัดเป็นประจ�ำ ม.จ.ธ�ำรงศิริ ซึ่ง เป็นเทศบาลเมืองชลบุรีในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2478
ด�ำรงต�ำแหน่งเจ้าเมืองชลบุรีในขณะนั้นได้ทรงชักชวนให้ ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พุทธศักราช
สมัครเป็นสมาชิกเสือป่าในรัชกาลท่ี 6 ซ่ึงในสมัยน้ันผู้ท่ี 247๖ ซ่ึงท่านได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีเมือง
อยใู่ นสงั กดั กองเสือป่านับว่าเป็นเกียรตสิ ูง ชลบุรีแทนหลวงธ�ำรงค์ธุระราษฎร์ (ทองอยู่ กนะกาศัย)
เนอื่ งจากหลวงบำ� รงุ ราชนยิ มเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามซอื่ สตั ย์ นายกเทศมนตรคี นแรก หลวงบ�ำรุงราชนยิ มปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี
และส�ำนึกในหน้าท่ี หม่ันฝึกฝนตนเป็นประจ�ำและได้เคย ต่อมาจนครบวาระ 1 ปี จังหวัดจึงจัดให้มีการเลือกต้ัง
ไปซ้อมรบที่จังหวัดนครปฐม ไดร้ บั พระราชทานเข็มอัยรา สมาชิกสภาเทศบาลใหม่ หลวงบ�ำรุงราชนิยมได้รับการ
พรตเปน็ ทร่ี ะลกึ ภายหลงั จงึ ไดร้ บั พระราชทานสญั ญาบตั ร เลือกต้ังให้เป็นนายกเทศมนตรี นับเป็นนายกเทศมนตรี
เป็นนายหม่ตู รี และต่อมาได้รบั พระราชทานเลอื่ นยศเป็น เมืองชลบุรีคนแรกท่ีมาจากการเลือกต้ัง (พ.ศ. 247๖ -
นายเรือโทแห่งกองร้อยเสือป่าชลบุรี ซึ่งภายหลังเปลี่ยน 2483)
ช่อื เป็นเสือป่ากองสมทุ รเสนาชลบรุ ี ในสมัยท่ีหลวงบ�ำรุงราชนิยมด�ำรงต�ำแหน่งนายก
ในระหวา่ งรบั ราชการอยกู่ องรอ้ ยเสอื ปา่ นท้ี า่ นเคยได้ เทศมนตรีเมืองชลบุรี ได้สร้างสรรค์และบุกเบิกงานด้าน
รับเกยี รตใิ หเ้ ปน็ หวั หน้ากองโคมไฟรบั เสดจ็ พระมงกุฎเกลา้ การพัฒนาท้องถ่ินไว้เป็นจ�ำนวนมาก ผลงานส�ำคัญของ
เจ้าอยู่หัวถึง 2 คร้ัง คือ เม่ือครั้งเสด็จพระราชด�ำเนินมา ทา่ นในระหวา่ งทด่ี ำ� รงตำ� แหนง่ นายกเทศมนตรเี มอื งชลบรุ ี
ประทับแรมที่ต�ำหนกั น้�ำในปี พ.ศ. 2454 และครั้งที่ 2 คอื
เม่ือเสด็จประพาสและประทับแรมที่ต�ำหนักมหาราช 1. สร้างต่อเติมศาลาเทศบาลหลังเก่าให้มีพื้นที่
ต�ำบลอ่างศิลา ราวปี พ.ศ. 2456 การเป็นหัวหน้ากอง เพียงพอแกก่ ารปฏิบตั งิ านของเจ้าหน้าทแ่ี ผนกต่างๆ
โคมไฟน้ัน จะต้องจัดหาดวงโคมเป็นจ�ำนวนมาก รวมท้ัง 2. สร้างท่อรับน้�ำของถนนฝั่งบนตลอด (ถนนสาย
ท่ีในห้องบรรทมด้วย เน่ืองจากในสมัยน้ันไฟฟ้ายังไม่มี วชริ ปราการ)
หลวงบ�ำรุงราชนิยมปฏิบัติหน้าที่อย่างดียิ่งเป็นที่พอพระ 3. วางแนวและปรับทางเดินเท้า 2 ฟากถนนให้มี
ราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระมุงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ระเบยี บเหมือนกัน
จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทานตรา 4. ถมหิน และราดยางในถนนวชริ ปราการ
เบญจมาภรณม์ งกุฎไทยด้วยพระหตั ถข์ องพระองค์เอง 5. หาทแี่ ละจดั สรา้ งโรงเรยี นของเทศบาลทว่ี ดั ใหญ่
หลวงบ�ำรุงราชนิยมไม่นิยมรับราชการ ชอบแต่จะ อินทาราม โดยสร้างแทนท่ีศาลาหลังเก่าของวัดซึ่งทรุด
ปฏิบัติงานค้าขายเป็นอิสระ แต่โดยเหตุท่ีช่วยเหลืองาน โทรมมากจนใชก้ ารไม่ไดแ้ ลว้
52 หนงั สือท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี
6. ร่วมมือกบั นายแพทยส์ งา่ วิชพันธ์ ผอู้ ำ� นวยการ ไม้ที่สร้างยื่นไปในทะเลให้เป็นถนนคอนกรีตแทน และยัง
โรงพยาบาลชลบุรีในเวลานั้นด�ำเนินการย้ายโรงพยาบาล เปน็ ผรู้ เิ รม่ิ กอ่ สรา้ งบอ่ คอนกรตี เกบ็ กกั นำ�้ ฝนไวใ้ นทะเลดว้ ย
จากที่เดิมซ่ึงสร้างอยู่บริเวณป่าแสมในทะเลขึ้นมาอยู่ ณ
ท่ีต้ังปัจจุบัน ทั้งยังได้บริจาคท่ีดินบริเวณด้านหน้าของ ดา้ นศาสนาและการศกึ ษา
โรงพยาบาลเกือบทั้งหมด พร้อมทั้งบริจาคเงินสร้างบ้าน หลวงบำ� รงุ ราชนยิ มเปน็ ผมู้ จี ติ ใจเปน็ กศุ ล มศี รทั ธา
พักแพทย์อีก 1 หลัง ตลอดเวลาท่ีด�ำรงต�ำแหน่งนายก ในพทุ ธศาสนา ทา่ นมกั จะทำ� บญุ ดว้ ยการสรา้ งพระประธาน
เทศมนตรหี ลวงบำ� รงุ ราชนยิ มไดม้ อบเงนิ เดอื นของทา่ นให้ บูรณปฏิสังขรณ์สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในวัดตามก�ำลัง
แกเ่ ทศบาล เพอ่ื นำ� ไปใชส้ รา้ งสงิ่ อำ� นวยความสะดวกแก่ ความสามารถของทา่ นอยเู่ สมอมไิ ดข้ าด โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ
พนกั งานของเทศบาลและผมู้ าตดิ ตอ่ เชน่ หอ้ งนำ�้ หอ้ งสขุ า การสรา้ งบอ่ นำ้� ฝนคอนกรตี บรจิ าคใหว้ ดั โรงพยาบาล และ
และให้เป็นเงินสำ� รองในการใชจ้ า่ ยของเทศบาลตลอดมา โรงเรียน ด้านการศึกษาได้บริจาคที่ดินในท้องท่ีต�ำบล
บ้านสวน และด�ำเนินการก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียน
ดา้ นสงั คม จ่ันอนุสรณ์ และเม่ือสร้างเสร็จแล้วได้มอบให้เป็นสมบัติ
หลวงบ�ำรุงราชนิยมเป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและ ของทางราชการตลอดจนมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน
ส�ำนึกเชิงสังคม ดังจะพิจารณาได้จากการท่ีท่านได้ ยากจน ปีละหลายทุนอยา่ งสม่�ำเสมอ
จัดตง้ั สโมสรประชาชนขน้ึ ใชช้ ่ือวา่ สำ� ราญพานชิ สโมสร หลวงบ�ำรุงราชนิยมจึงเป็นผู้ที่สมควรได้รับการ
น้ีมีวัตถุประสงค์ที่จะรวมมิตรสหายในจังหวัดชลบุรีให้มี ยกย่องให้เป็นบุคคลส�ำคัญของจังหวัดชลบุรีในด้านการ
โอกาสพบปะสงั สรรค์ ปรกึ ษาหารอื และรว่ มมอื ชว่ ยเหลอื กนั พัฒนาท้องถิ่น เนื่องจากผลงานของท่านสะท้อนให้เห็น
ในการแก้ปัญหา พฒั นาอาชีพ และท้องถน่ิ วสิ ยั ทศั นอ์ นั กวา้ งไกล และสำ� นกึ เชงิ สงั คมทชี่ าวชลบรุ คี วร
นอกจากน้ี หลวงบ�ำรุงราชนิยมยังเป็นผู้จัดตั้ง ภาคภมู ใิ จและถอื เปน็ แบบอยา่ งในการครองตนอยใู่ นสงั คม
แตรวงวงแรกในจังหวัดชลบุรี เป็นผู้ริเร่ิมเปลี่ยนสะพาน อย่างมคี ณุ คา่
หนังสอื ทีร่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 53
เมอื งบางปลาสรอ้ ย หรือเมอื งชลบรุ ี
โดย...สบุ ิณ สบื สงวน
สถานที่ตั้งของเมืองชลบุรีในปัจจุบันนี้ แต่ก่อน
คนพื้นท่ีและคนต่างเมืองหรือแผนท่ีของทางราชการก็ดี
เรียกกันว่า “บางปลาสร้อย” คนจีนเรียก “มั่งก้ะส่วย”
มีถนนอยู่เพยี งสายเดยี ว ตอ่ มามีชอ่ื ว่า ถนนวชิรปราการ
ทางทิศเหนือเริ่มต้นต้ังแต่หน้าศาลเจ้าพ่อสาครและ
มีความยาวตรงมาทางทิศใต้ โดยผ่านหน้าศาลเจ้าเก๋ง
ผา่ นเชงิ สะพานหวั คา่ ย เชงิ สะพานแดง (คกู ำ� พล) และผา่ น
หน้าทีท่ �ำการไปรษณยี โ์ ทรเลข ไปจนถึงโบสถ์วัดสวนตาล
(เขา้ ใจวา่ เดิมเรียกวดั สมณโกฏ)ิ ตอ่ จากโบสถไ์ ปเป็นป่ารก
มที างเดินเลก็ ๆ คดไปคดมา สำ� หรบั คนเดนิ ผา่ นคลองบาง
ปลาสร้อยไปออกที่ว่างซึ่งจะไปยังต�ำบลห้วยกะปิหรือ
อา่ งศลิ า สองขา้ งทางมตี น้ หญา้ อกี รมิ (ใชม้ ดั ทำ� ไมก้ วาดได)้
และต้นหนามพงุ ดอขน้ึ อยเู่ ต็มสูงท่วมศรี ษะ
ถนนสายนี้มีห้องแถว 2 ข้างถนนติดต่อกันต้ังแต่
หน้าศาลเจ้าพ่อสาคร จนมาถึงเชิงสะพานแดง (คูก�ำพล) ถนนวชิรปราการ
มีตลาดขายปลาสดและปลาเค็มอยู่เพียงแห่งเดียวตั้ง ซอ้ื รบั ประทานได้ตามใจชอบ แม้เวลาต่อมารัฐบาลได้เลิก
อยู่บริเวณตรงข้ามกับตึกท่ีท�ำการธนาคารมณฑลเวลานี้ อากรบอ่ นเบย้ี แลว้ อาคารทเี่ ปน็ โรงบอ่ นกไ็ ดเ้ ปลย่ี นสภาพ
ส่วนผักสดวางขายกันบริเวณหน้าศาลเจ้าเก๋ง ซ่ึงเวลาน้ัน เปน็ วกิ ลเิ กอยหู่ ลายปี ภายหลงั ไดเ้ ปลย่ี นเปน็ รา้ นจำ� หนา่ ย
หนา้ ศาลเจา้ ยงั เปน็ ทวี่ า่ งไมม่ กี ำ� แพงกนั้ และยงั วางขายกนั ฝน่ิ แหง่ ใหญข่ องเมอื งชลฯ ฉะนนั้ ในบรเิ วณหนา้ ศาลเจา้ เกง๋
ตามหนา้ รา้ นสองขา้ งถนนของบรเิ วณนน้ั ดว้ ย การขายหมู จึงมีผู้คนไปประชุมกันหนาแน่นท้ังกลางวันและกลางคืน
นั้นนอกจากมีขายอยู่ในตลาดปลาแล้ว ยังตั้งเขียงขายได้ ตลอดมา
ตามหนา้ รา้ นทวั่ ๆ ไป ส่วนถนนตอนต่อจากปากซอยคูก�ำพลลงไป
ในสมัยที่รัฐบาลยังอนุญาตให้มีการผูกขาดต้ัง จนถึงท่ีท�ำการไปรษณีย์โทรเลขนั้น มีห้องแถวปลูกบ้าง
โรงบ่อนเบี้ยได้นั้น ได้มีโรงบ่อนต้ังอยู่ตรงหน้าศาลเจ้าเก๋ง เว้นเป็นที่ว่างบ้าง ห้องไม่ติดต่อกัน เนื่องจากสมัยก่อน
แตอ่ ยหู่ า่ งถนนลงไปทางดา้ นชายทะเลประมาณ ๑๐๐ เมตร ผู้คนไม่มากเหมือนสมัยนี้ การค้าในถนนตอนน้ีจึงมีเพียง
นายอากรบ่อนเบ้ียจะมีการละเล่น เช่น งิ้ว หรือลิเก ท่ี ประปราย และเป็นห้องมีผู้เช่าอยู่อาศัยเสียเป็นส่วนมาก
หน้าบ่อนทุกวันเพื่อให้คนดูฟรีเป็นการเรียกร้องให้คนมา และถนนตั้งแต่หน้าที่ท�ำการไปรษณีย์ไปจดโบสถ์วัดสวน
เท่ียวแล้วเลยเข้าเล่นการพนัน ในบริเวณตรงข้ามศาลเจ้า ตาลน้ันแต่ก่อนทางด้านตะวันตกของถนนเป็นที่ว่างเปล่า
เก๋งลงไป จงึ มรี า้ นขายอาหารคาวหวานตา่ งๆ ใหค้ นเลอื ก ซง่ึ พน้ื ทข่ี องทวี่ า่ งนม้ี รี ะดบั ตำ�่ มากลกั ษณะเปน็ ตะกาด คอื
54 หนงั สอื ท่ีระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
ทที่ เ่ี คยเปน็ นาเกลอื มาแลว้ มตี น้ ชะครามขน้ึ ประปราย ตอ่
จากทตี่ ะกาดลงไปทางทะเลเปน็ ปา่ แสม เมอ่ื ถงึ ฤดรู อ้ นเคย
มีพวกนักกีฬาว่าวได้ใช้ท่ีตะกาดน้ีเป็นสนามว่าวจุฬาและ
ว่าวปักเป้าขนาดใหญ่ คว้าพนันกันดังเช่นท่ีเป็นอยู่ใน
สนามหลวงของพระนครในฤดรู อ้ นจนตอ่ มาถงึ พ.ศ. ๒๔๕7
พระยาประชาไศรยสรเดช (สะอาด ณ ปอ้ มเพชร)์ มาเป็น
ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั จงึ ไดข้ อเงนิ งบประมาณจากกระทรวง
มหาดไทยมาจัดการถมที่ให้สูงแล้วปลูกบ้านพักส�ำหรับ
ผู้ว่าราชการจังหวัดข้ึนใหม่ลงในที่ตะกาดน้ีเป็นบ้านแรก
เวลาน้ีบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดหลังท่ีกล่าวถึงนี้ถูกรื้อ
ไปเสยี แลว้ ทง้ั นเี้ นอ่ื งจากเมอ่ื พ.ศ.๒๕๐๒บรรดาขา้ ราชการ
และพ่อค้าประชาชนได้ประชุมกัน และมีความเห็น
พอ้ งตอ้ งกนั วา่ ควรจะไดส้ รา้ งพระพทุ ธรปู หลอ่ ดว้ ยเนอ้ื เงนิ
บริสุทธิ์ขึ้นไว้ เพื่อเป็นม่ิงขวัญประจ�ำเมืองให้เป็นท่ี
เชิดหน้าชูตาและเคารพบูชาสักองค์หนึ่ง และควรสร้าง
เป็นพระพุทธรูปจ�ำลองแบบพระพุทธสิหิงค์ฯ ที่ประชุม
จงึ ไดล้ งมตใิ หเ้ ชญิ พลตรศี ริ ิ สริ โิ ยธนิ เปน็ ประธานกรรมการ
และนายแสวง รุจิรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดในเวลาน้ัน
เป็นรองประธานด�ำเนินงาน และจัดการโฆษณาในงาน หอพระพทุ ธสหิ ิงคฯ์
ประจำ� ปนี น้ั ซง่ึ พลตรศี ริ ิ สริ โิ ยธนิ กไ็ ดร้ บั ตดิ ตอ่ ดำ� เนนิ งาน สิหิงค์ฯ ท่ีได้หล่อไว้แล้วและมีความเห็นพ้องกันว่าท่ีที่จะ
เรอื่ ยมา ตอ่ มา พ.ศ. ๒๕๐๓ นายนารถ มนตเสวี ไดย้ า้ ยมา ใชส้ �ำหรับกอ่ สร้างวหิ ารใหเ้ หมาะสมท่สี ุดกค็ ือบริเวณบ้าน
เป็นผู้วา่ ราชการจังหวดั ชลบุรแี ทนนายแสวง รุจริ ตั น์ และ พักของผู้ว่าราชการจังหวัดน่ันเอง และที่ประชุมขอร้อง
ทา่ นไดย้ นิ ดเี ขา้ รว่ มงานดว้ ยความเตม็ ใจและความสามารถ ให้นายนารถ มนตเสวี ได้รับธุระไปเจรจากับกระทรวง
จนมพี ธิ เี ทโลหะเงนิ หลอ่ พระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ จำ� ลองขน้ึ ในงาน มหาดไทย เพื่อขออนุญาตร้ือบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด
สงกรานต์ ประจำ� ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เมือ่ วันท่ี 18 เมษายน ทม่ี อี ย่แู ล้ว โดยชาวเมอื งชลฯ ขอสัญญาจะหาเงนิ มาสรา้ ง
พ.ศ. ๒๕๐๓ เวลา ๑๕.๐๗ - 1๗.๐8 น. เมอ่ื หลอ่ แลว้ ตอ่ มา บ้านพักของผู้ว่าราชการจังหวัดให้ใหม่ในที่ที่อยู่ถัดจาก
กไ็ ดน้ ำ� ไปใหช้ า่ งขดั และจดั การอนื่ ๆ จนถงึ วนั ท่ี ๑ มนี าคม บา้ นเดมิ ออกไปทางดา้ นทศิ ตะวนั ตกเลก็ นอ้ ย โดยขอความ
พ.ศ. ๒๕๐๔ จงึ ไดน้ ำ� ไปไวท้ โี่ บสถว์ ดั เบญจมบพติ ร สมเดจ็ กรุณาให้กระทรวงมหาดไทยต้ังงบประมาณเพ่ิมเติมบ้าง
พระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ไดท้ รงท�ำพิธี ในที่สุดนายนารถ มนตเสวี ได้ใช้ความสามารถหาเหตุผล
ถวายพระนามพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ จำ� ลององคน์ ว้ี า่ “พระพทุ ธ เจรจากบั กระทรวงมหาดไทยจนเป็นผลส�ำเร็จด้วยดี และ
สิหิงค์ม่ิงมงคลสิรินารถ พุทธบริษัทราษฎร์กุศลสามัคคี ไดท้ ำ� การรอื้ บา้ นพกั ฯ ออกและไดจ้ ดั การสรา้ งบา้ นพกั หลงั
ชลบุรีปชู นียบพิตร” ใหม่ข้ึนเป็นตัวตึก 2 ชั้น รูปทรงทันสมัยดูสวยงาม แล้ว
เมอื่ เสรจ็ พธิ แี ลว้ ไดอ้ ญั เชญิ ขน้ึ สรู่ ถยนตเ์ ขา้ ขบวนแห่ เสรจ็ เมือ่ พ.ศ. 2๕๐๕ ดังทเ่ี หน็ ปรากฏอยใู่ นปจั จุบันนี้
มายงั เมอื งชลฯ และไดม้ พี ธิ ตี อ้ นรบั กนั อยา่ งเอกิ เกรกิ และ ได้บรรยายถึงลักษณะของด้านข้างถนนตั้งแต่
ในเวลาต่อมาได้มีการประชุมตกลงกันว่าควรจะได้สร้าง ท่ีท�ำการไปรษณีย์ทางด้านตะวันตกและเรื่องที่ติดต่อกัน
พระวิหารอย่างสวยงามข้ึนไว้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธ เสียยืดยาวแล้วขอย้อนกลับมาพูดเรื่องลักษณะเมืองชลฯ
หนังสอื ท่รี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี 55
ต่อไป ด้านตะวันออกของถนนต้ังแต่ที่ท�ำการไปรษณีย์ ซ่ึงอยู่ข้างถนนฝั่งตะวันตกได้ท�ำรั้วล้อมรอบท�ำเป็นสวน
มาทางใต้น้ันเป็นสถานท่ีท�ำงานของรัฐบาลได้ปลูกเรียง ปลูกต้นทับทิมเต็มเน้ือที่ ซ่ึงต่อมาราว พ.ศ. ๒๔๕๒ ทาง
รายกนั เปน็ ลำ� ดบั มา แตท่ ที่ ำ� การของรฐั บาลสมยั กอ่ นปลกู ราชการได้ใช้ท่ีดินซ่ึงเป็นสวนทับทิมน้ีปลูกสร้างสถานี
อยู่ไม่ห่างจากตัวถนนมากนัก (แนวด้านหน้าของเสาธง) ต�ำรวจข้ึนใหม่ดังทเี่ หน็ อย่ใู นปจั จบุ นั
เร่ิมด้วยท่ีท�ำการไปรษณีย์โทรเลข ต่อไปเป็นที่ว่าการ ต่อมารัฐบาลได้วางแผนผังสร้างที่ท�ำการของ
อ�ำเภอ ที่ว่าการคลัง และสรรพากรจังหวัด ศาลากลาง รฐั บาลขน้ึ ใหม่ โดยสรา้ งตกึ เปน็ ทที่ ำ� การศาลจงั หวดั ชลบรุ ี
จังหวัด ท่ีท�ำการสัสดี ศาลจังหวัด และสถานีต�ำรวจภูธร ขึน้ เปน็ แหง่ แรก แล้วเสรจ็ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ (ร.ศ. ๑๒๙)
เป็นแห่งสุดท้าย ซึ่งอยู่ตรงที่ว่างหน้าประตูเรือนจ�ำขณะ และไดส้ รา้ งตกึ ทำ� เปน็ ศาลากลางจงั หวดั ชลบรุ ขี น้ึ ใหมเ่ ปน็
นน้ั สถานทรี่ าชการเหลา่ นสี้ รา้ งเปน็ เรอื นไมห้ ลงั คามงุ ดว้ ย แหง่ ทีส่ อง แลว้ เสรจ็ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๕๔ (ร.ศ. ๑๓๐) ต่อมา
จาก ส่วนมากยกพื้นสงู จากดินเกือบ ๒ เมตร ใต้ถนุ ใชไ้ ม้ตี สถานทท่ี ำ� การของรฐั บาลแหง่ อน่ื ๆ กไ็ ดท้ ำ� การกอ่ สรา้ งขนึ้
เปน็ ตารางรปู สีเ่ หลีย่ มขา้ วหลามตัด ใหม่ทั้งหมด การสร้างสถานที่ท�ำการใหม่ท่ีกล่าวมานี้ได้
ต่อมาสมัยเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว. วางแนวขนึ้ ใหมด่ ว้ ย โดยสรา้ งถอยหลงั หา่ งออกไปจากเดมิ
หลาน กุญชร) เป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ มาก เหลือแต่ท่ีท�ำการไปรษณียโ์ ทรเลข คงอยู่ท่ีเดิมเพยี ง
ท่านได้ออกเดินส�ำรวจเพื่อหาที่สร้างหอทะเบียนที่ดิน ได้ แห่งเดียวดังทีเ่ หน็ อย่ใู นปัจจบุ ันนี้
พบทอ่ี ยตู่ อ่ จากโบสถว์ ดั สวนตาลไป จงึ ไดจ้ า้ งคนถางทท่ี เี่ ปน็ ได้กล่าวไว้ในตอนต้นว่าถนนวชิรปราการทางด้าน
ป่าหนามพุงดอและต้นหญ้าอีกริมออกหมด ได้เน้ือที่เป็น เหนอื เรมิ่ ตน้ แตเ่ พยี งแคห่ นา้ ศาลเจา้ พอ่ สาครซง่ึ ตงั้ อยปู่ าก
บริเวณกว้างใหญ่มาก จึงกันเขตเป็นถนนต่อจากของเดิม ซอยเสรมิ สนั ตเิ ทา่ นน้ั กเ็ พราะวา่ เวลานน้ั ทด่ี นิ บรเิ วณทเ่ี ปน็
โดยผ่านเนื้อท่ีท่ีได้ถางใหม่นี้ไปจนจดคลองบางปลาสร้อย ตลาดผกั ตลาดปลา รวมทงั้ ทดี่ นิ ซงึ่ อยรู่ อบตลาดซงึ่ ไดส้ รา้ ง
แล้วใช้ท่ีด้านข้างถนน ฝั่งตะวันออกตอนห่างจากโบสถ์ เป็นห้องแถวหรือตึก อันรวมเรียกว่า “ตลาดทรัพย์สิน”
วัดสวนตาลไปทางทิศใต้ประมาณ ๘0 เมตร สร้างหอ ในเวลานเี้ ปน็ สถานทต่ี ง้ั กองทหารเรอื เมอื่ แรกกอ่ สรา้ งนนั้
ทะเบียนที่ดิน (หลังแรก) ข้ึนหนึ่งหลัง และสร้างบ้านพัก ทางกองทหารได้สร้างสะพานไม้มีความยาวมากย่ืนลงไป
นายทะเบียนท่ีดิน และเจ้าหน้าที่อ่ืนๆ อีก ๒ - ๓ บ้าน ในทะเล เพอื่ ใชเ้ ปน็ ทจ่ี อดเรอื และเปน็ ทใี่ หท้ หารหดั วา่ ยนำ�้
แลว้ เสรจ็ ราว พ.ศ. ๒๔๔๖ และยงั มที เ่ี หลอื อยทู่ างทศิ ตะวนั และได้สร้างกระโจมไฟไว้ท่ีปลายสะพานด้วย ชาวบ้าน
ออกอีกมาก ซึ่งต่อมารัฐบาลได้ใช้เป็นท่ีปลูกบ้านพักให้ เรียกสะพานนี้ว่า “สะพานหลวง” ซึ่งปัจจุบันถูกเปลี่ยน
ขา้ ราชการในปจั จบุ นั แลดเู ปน็ หมบู่ า้ นกลมุ่ ใหญ่ สว่ นทดี่ นิ ช่อื เรยี กสะพานเสริมสนั ติ ต่อมากองทหารเรอื น้ีได้ยา้ ยไป
ตง้ั อยทู่ ชี่ ายหาดตำ� บลบางพระเปน็ เวลาหลายปี จงึ ไดย้ า้ ย
ไปอยทู่ ต่ี ำ� บลสตั หบี ดงั เปน็ ทที่ ราบกนั อยใู่ นปจั จบุ นั แมว้ า่
กองทหารจะได้ย้ายไปแล้วเป็นเวลานาน ก็ยังมีรั้วสังกะสี
ลอ้ มรอบบรเิ วณนี้ และยงั มบี า้ นผอู้ ยดู่ แู ลรกั ษา ๒ - ๓ หลงั
เปน็ เหตใุ หผ้ ทู้ ม่ี บี า้ นอยทู่ ต่ี ำ� บลบา้ นโขด บางทรายฯ อนั ตง้ั
อยู่ทางด้านเหนือของกองทหารนี้เดินทางไปมาติดต่อกับ
ตลาดใหญ่ได้รับความล�ำบาก เพราะต้องเดินมาตามทาง
เล็กๆ ริมร้ัวด้านทะเลของกองทหาร และเวลาที่น�้ำทะเล
ขนึ้ สงู มากนำ�้ จะทว่ มทางเดนิ ตอนนด้ี ว้ ยเพราะยงั เปน็ ทต่ี ำ�่
ต่อมาราว พ.ศ. ๒๔๕๔ กรมพระคลงั ขา้ งท่ีซึ่งเป็น
หอทะเบียนทดี่ นิ ผู้ปกครองท่ีดินที่เคยเป็นท่ีตั้งกองทหารเรือน้ี ได้ส่งช่าง
56 หนังสอื ที่ระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
ครนั้ ลถุ งึ วนั ที่21เมษายนพ.ศ.๒๔๕7ตรงกบั ปขี าล
เดอื น ๕ เวลา ๒๓.๐๐ น. มหนั ตภยั อันใหญย่ ิง่ กไ็ ด้เขา้ มา
เยี่ยมกรายชาวเมืองชลฯ กล่าวคือได้เกิดเพลิงไหม้ตลาด
ชลบุรีครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ ต้นเพลิงเกิดข้ึนท่ีห้อง
ของหญิงชราคนหน่ึงเรียกกนั วา่ ยายอ่อง อยดู่ า้ นตะวนั ตก
ของถนนวชริ ปราการ หลังหอ้ งนอ้ี ยตู่ ดิ กบั หลงั ศาลเจา้ พอ่
หลกั เมอื ง ขณะนน้ั เป็นฤดแู ล้งน�้ำท่จี ะใชอ้ าบซักฟอกหรือ
ใช้รับประทานหาได้ยาก เพลิงจงึ เกดิ ลุกลามอย่างรวดเร็ว
ช่ัวเวลาไม่นานนักเพลิงก็ได้ข้ามไปไหม้ห้องแถวของฝั่ง
ศาลากลางจงั หวดั ชลบุรี ตะวันออกข้ึนด้วย และเนื่องด้วยต้นเพลงิ น้อี ยู่ทางด้านใต้
ออกมาและท�ำการรื้อร้ัวออกหมด แล้วท�ำการตัดถนน ของถนนเป็นต้นทางลม เพลิงจึงได้ลุกลามไหม้ห้องแถว
ตามแนวเดิมของถนนวชิรปราการผ่านเน้ือท่ีรายน้ีไปทาง มาทางด้านเหนือซึ่งอยู่ใต้ลมพร้อมกันท้ังสองฟากถนน
ทศิ เหนอื บรรจบกบั ถนนตอนหนา้ วดั สมถะดงั ทเี่ หน็ อยทู่ กุ และไหมอ้ ยจู่ นเวลาใกลส้ วา่ งเพลงิ จงึ สงบ เนอื้ ทที่ เ่ี พลงิ ไหม้
วนั น้ี ท�ำใหป้ ระชาชนที่อยทู่ างต�ำบลบา้ นโขด บางทรายฯ นี้เป็นบริเวณกว้างและยาวมาก คือ ด้านใต้จดศาลา
ต่างพากันรู้สึกยินดีปรีดากันท่ัวหน้า เพราะได้รับความ ฟังธรรม ซึ่งอยู่ตามแนวถนนทางเข้าประตูวัดใหญ่ฯ ด้าน
สะดวกในการสญั จรไปมา ผดิ กวา่ แตก่ อ่ นมาก ฝา่ ยนายช่าง เหนือจดตลาดพระคลังขา้ งที่ โดยไหม้ทหี่ อ้ งแถวฝ่ังตะวนั
เมื่อได้วางแนวถนนเรียบร้อยแล้ว จึงก�ำหนดแผนผังให้ ตกของพระคลังหมดไป ๑ แถว ๒๐ ห้อง และไหมต้ ลาด
ผรู้ บั เหมาก่อสรา้ งตลาดผกั ข้นึ ๑ หลงั ตลาดปลา 1 หลงั ของสดทอี่ ยตู่ ดิ ถนนไปแถบหนง่ึ ทางดา้ นตะวนั ออกไหมไ้ ป
ทางด้านถนนฝั่งตะวันออก แล้วให้เอกชนเช่าที่ปลูกห้อง จดถนนซอยดา้ นหลงั สว่ นทางดา้ นตะวนั ตกซง่ึ เปน็ เขตทม่ี ี
แถว ๒ ชั้นด้วยไม้ขึ้นทางด้านทิศเหนือและใต้และด้าน บา้ นเรอื นหนาแนน่ นนั้ ยงั เคราะหด์ อี ยหู่ นอ่ ยทสี่ มยั นน้ั ผทู้ ม่ี ี
ตะวันออกของตัวตลาดผักและปลาครบท้ัง ๓ ด้าน ส่วน ทด่ี นิ อยตู่ ามเชงิ สะพาน ซง่ึ เปน็ เขตตดิ ตอ่ ระหวา่ งหลงั หอ้ ง
ที่ข้างถนนฝั่งตะวันตกนั้นพระคลังข้างท่ีได้จ้างเหมาให้ แถวกบั หมบู่ า้ นตามสะพานนน้ั ทเี่ ชงิ สะพานหลายแหง่ เขา
ก่อสร้างเป็นห้องแถวขึ้น ๒ แถวต่อเนื่องกัน แถวหนึ่ง เวน้ เปน็ ท่ีว่างไว้ แลว้ ปลูกกลว้ ยบ้าง ปลูกละมุดบ้าง หาได้
ประมาณ ๒๐ หอ้ ง การกอ่ สรา้ งตลาดและหอ้ งแถวทกี่ ลา่ ว สร้างเป็นห้องแถวติดต่อกันเป็นพืดไปดังปัจจุบันนี้ไม่
น้ีแล้วเสร็จเม่ือราว พ.ศ. ๒๔๕๕ ประชาชนเรียกกันว่า ดงั นนั้ ประชาชนจงึ สามารถชว่ ยปอ้ งกนั เพลงิ ไวไ้ มใ่ หข้ า้ มไป
“ตลาดพระคลังข้างที่” และทางการได้ขอร้องให้บรรดา ไหม้ยงั หม่บู า้ นซงึ่ อยใู่ นทะเลได้ พอร่งุ เชา้ ขนึ้ มองดแู ลเห็น
พอ่ คา้ แมค่ า้ ขายของสด ยา้ ยทข่ี ายจากตลาดเกา่ เขา้ ไปขาย ส่วนท่ีถูกเพลิงไหม้ได้ถนัด ดูเว้ิงว้างน่าอนาถใจ ถ้าเรายืน
ในตลาดพระคลังข้างที่ รวมท้ังให้บรรดาผู้ที่ตั้งเขียงขาย อยู่หน้าศาลาฟังธรรมในท่ีใกล้ต้นเพลิงจะมองเห็นประตู
หมตู ามหนา้ รา้ นตา่ งๆ ยา้ ยทเี่ ขา้ ไปขายอยใู่ นตลาดทส่ี รา้ ง วดั กำ� แพงและเห็นห้องแถวของพระคลงั ฯ ส่วนที่ยังเหลือ
ใหม่ด้วย เป็นอันว่าตลาดเก่าที่เคยตั้งอยู่ท่ีหน้าที่ท�ำการ อยไู่ ดถ้ นดั และยงั เหน็ ควนั ไฟทยี่ งั คกุ รนุ่ ไหมก้ องขา้ วเปลอื ก
ธนาคารมณฑลต้องล้มเลิกไปแต่นั้นเป็นตน้ มา และนำ้� ตาลทรายแดงหลายแห่งอยู่ ความเสยี หายครงั้ น้ัน
ต่อจากน้ันบ้านเมืองก็ได้วิวัฒนาการเรื่อยมาตั้งแต่ คิดเป็นเงินมากมายกว่าจะมีการสร้างห้องแถวขึ้นใหม่
ปากซอยคูก�ำพลถึงที่ท�ำการไปรษณีย์โทรเลข ซ่ึงแต่ก่อน ให้ติดต่อกันเหมือนเดิม ก็กินเวลาหลายปี ต่อมาราว
สองข้างถนนเคยเป็นที่ว่างอยู่ เจ้าของท่ีก็ได้จัดการปลูก พ.ศ. 2478 จึงมีตลาดขายของสดเพ่ิมขึ้นอีกแห่งหนึ่ง
ห้องแถวนี้ข้ึนติดต่อกันหมด ห้องท่ีคนอยู่อาศัยก็กลาย อยูท่ างดา้ นใต้ของปากซอยคูก�ำพล โดย หลวงบุรบี ริบาล
เป็นรา้ นคา้ ท่วั ไป (เสียง อุทัยชลานนท์) เจ้าของท่ีได้จัดสร้างขึ้นแล้วให้
หนังสือทรี่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 57
ชื่อวา่ “ตลาดบรุ บี รบิ าล” แต่ชาวบา้ นเรียกวา่ ตลาดล่าง อยใู่ นทำ� เลทเี่ กดิ ความอดุ มสมบรู ณโ์ ดยธรรมชาติ เนอื่ งจาก
และเรียกตลาดพระคลังวา่ ตลาดบน เน้ือท่ีต่อจากชายฝั่งออกไปเป็นท่ีดินโคลนเลน ตามปกติ
เมืองชลบุรีมีลักษณะแปลกแตกต่างจากหัวเมือง น�้ำทะเลข้ึนท่วมวันละ ๒ ครั้ง ขณะท่ีน�้ำข้ึนมีปลาเรียก
ชายทะเลอ่ืนๆ อยู่อย่างหนึ่งคือ เมืองอ่ืนน้ันบ้านเรือน ช่ือว่า ปลากระบอก ว่ายตามน้�ำเข้ามาหากินตามชายฝั่ง
สรา้ งอยบู่ นฝง่ั แทบทง้ั สนิ้ แตเ่ มอื งชลนบี้ า้ นเรอื นสว่ นใหญ่ ชกุ ชมุ มาก และขณะทนี่ ำ�้ ลงนนั้ ชายนำ�้ จะอยหู่ า่ งฝง่ั ออกไป
สร้างอยู่ในทะเล เม่ือก่อนที่ยังไม่มีทางหลวงสายสุขุมวิท บางฤดจู ะหา่ งออกไปไกลหลายกโิ ลเมตร ทด่ี นิ เลนนเี้ ปน็ ท่ี
ผ่านมาได้ลองค�ำนวณโดยคิดเอาบ้านเรือนท่ีอยู่ในเขตตัว เกิดหอยต่างๆ ชุกชุมเหมาะแก่การที่จะท�ำการประมง
เมอื งรวมกนั แล้วแบ่งเป็น ๗ สว่ น ปรากฏว่ามบี ้านเรอื นท่ี ทะเล เชน่ ท�ำโป๊ะ ท�ำอวน ทำ� การเล้ียงหอยแมลงภไู่ วข้ าย
อยู่ในทะเลถงึ ๕ ส่วน ปลกู อยบู่ นฝัง่ เพยี ง ๒ ส่วนเทา่ น้ัน รังเฝอื ก หรืออวน วางจั่นจบั ปูมา้ และปทู ะเล และอ่ืนๆ
ปัญหาท่ีว่าเหตุใดชาวเมืองชลบุรี จึงนิยมสร้างบ้านเรือน ประการท่ีสอง ในสมัยที่ยังไม่มีถนนหนทางติดต่อ
อยู่ในทะเลน้ัน เม่ือได้พิจารณาโดยละเอียดแล้วได้พบว่า กับต่างจังหวัดจ�ำเป็นต้องใช้เรือเดินทะเลขนาดใหญ่และ
มเี หตหุ ลายประการด้วยกนั เลก็ สำ� หรบั ตดิ ตอ่ การคา้ ขายกบั จงั หวดั ตา่ งๆ ทวั่ ไป แมก้ าร
ประการแรกทเี ดยี ว ถนนวชริ ปราการ ซงึ่ เปน็ ถนน ตดิ ตอ่ คา้ ขายในเขตจงั หวดั เดยี วกนั กต็ อ้ งใชเ้ รอื เปน็ พาหนะ
สายส�ำคัญและสายเดียวของเมืองชลฯ สร้างอยู่ตามแนว เชน่ ติดต่อกับต�ำบลอ่างศิลา บางแสน บางพระ ศรรี าชา
ฝั่งทะเล และเม่ือแรกสร้างน้ันอยู่ชิดฝั่งมากจนเวลา บางละมุง นาเกลือ สัตหีบ หรือบางปะกง เหล่าน้ีต้องใช้
นำ้� ทะเลขนึ้ สงู จะมรี ะดบั นำ้� ถงึ หลงั หอ้ งแถวดา้ นทะเลทเี ดยี ว เรือเป็นส่วนใหญ่ว่ิงใบไปมาถึงกันเป็นประจ�ำทุกวัน
ยังมีส่ิงพิสูจน์ว่าเป็นเช่นน้ันอยู่คือ ที่เชิงสะพานท่าเรือพลี (แตค่ รั้งกอ่ นบางปะกงเป็นเขตของจังหวดั ชลบุร)ี เมอ่ื เป็น
มีศาลเจ้าของชาวจีนอยู่ศาลหน่ึง (ศาลเดิม) ด้านหลัง ดังนี้จะเห็นได้ว่าเมื่อคิดรวมจ�ำนวนเรือต่างๆ ที่ใช้ส�ำหรับ
ของศาลน้ีอยู่ติดถนนด้านตะวันตก ด้านหน้าของศาลหัน การติดต่อค้าขายและรวมกับเรือที่ใช้ในการประมงชนิด
ออกทางทะเล ชาวพนื้ เมอื งเรยี กศาลนว้ี า่ “ศาลเจา้ ตนี ทะเล” ต่างๆ เข้าด้วยแล้วจะเป็นจ�ำนวนเรือมากมาย ถ้าคิดถึง
หลังจากเกิดเพลิงไหม้คร้ังใหญ่แล้ว ตัวศาลของเดิมน้ี คนประจำ� เรอื จะมจี ำ� นวนคนมากกวา่ เรอื อกี หลายเทา่ เมอ่ื
ได้ถูกเปล่ียนสภาพเป็นร้านค้าไป ๒ ห้อง อน่ึง ถนนน้ีต้ัง มเี รอื ไวส้ ำ� หรบั ใชม้ ากๆ เชน่ น้ี จงึ เกดิ ความจำ� เปน็ ตอ้ งสรา้ ง
สะพานย่ืนออกไปจากฝั่งให้เรือมีท่ีจอดได้สะดวกให้
เหมาะสมแก่กจิ การของคนแตล่ ะคน
ประการท่ีสาม แต่ก่อนท่ีชายทะเลเป็นที่ว่างเปล่า
ไม่มีผู้ใดหวงแหน ถ้าใครอยากจะปลูกบ้านอยู่ก็สร้าง
สะพานยนื่ ออกไปในเลนจะไดเ้ นอ้ื ทสี่ องขา้ งสะพานสำ� หรบั
ปลกู บา้ นเรอื นโดยมติ อ้ งจา่ ยเงนิ ซอื้ เมอื่ ปลกู บา้ นอยอู่ าศยั
แลว้ กม็ ที ขี่ า้ งบา้ นสำ� หรบั จอดเรอื ของตนดว้ ย ไมต่ อ้ งใชค้ น
มานอนเฝ้า และถ้ามีใครอยากจะสร้างบ้านต่อออกไปอีก
ผู้ท่ีสร้างสะพานขึ้นก่อนก็มีใจเอื้อเฟื้ออนุญาตให้สร้าง
สะพานต่อจากเดิมออกไปได้เสมอ ประกอบด้วยเวลานั้น
ปา่ ไม้อยูห่ า่ งไกลจากตัวเมืองมากนัก เสาและไมจ้ ึงมรี าคา
ถูกหาซ้ือได้ง่าย เม่ือน�ำเสาและไม้มาถึงฝั่งแล้วก็รอเวลา
นายวริ ัตน์ เสตะกสิกร นำ�้ ขน้ึ จงึ ผกู มดั ใหล้ อยนำ้� แลว้ นำ� ไปยงั ทตี่ อ้ งการใชเ้ ปน็ การ
นายกเทศมนตรเี มอื งชลบรุ ี สะดวก ตอ่ มากม็ เี รอื บรรทกุ เสาและไมก้ ระดานมาจำ� หนา่ ย
58 หนงั สือท่รี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
อยเู่ สมอ ดงั นน้ั ผทู้ เ่ี ปน็ นายทนุ กด็ ี ผทู้ ร่ี บั จา้ งกด็ ี ซง่ึ มอี าชพี
เกย่ี วกบั ดา้ นทะเล หรอื แมแ้ ตผ่ ทู้ มี่ อี าชพี อสิ ระกน็ ยิ มสรา้ ง
บ้านอยู่ในทะเล เพราะมีทางหากินได้กว้างขวาง เป็นต้น
ว่า สร้างบ้านเสร็จแล้วก็ซ้ืออวนมาท�ำยอข้ึนสักหนึ่งคัน
เวลานำ�้ ขน้ึ กย็ กยอไดป้ ลา พอรบั ประทานทกุ วนั เวลาน�้ำลง
ตวั เองซงึ่ เปน็ ชายหรอื หญงิ กต็ าม หรอื บตุ รหลานขนาดอายุ
๑๐ ขวบข้ึนไป ซึ่งมิได้ไปโรงเรียนก็ตามถ้าไม่ขี้เกียจเสีย
อยา่ งเดยี วกอ็ าจใชก้ ระดานถบี ลงไปในเลนชอ้ นกงุ้ ปลาตาม
หน้าเฝือกหรืออวนท่ีมีคนรังก้ันทางปลาไว้ หรืองมหอย
แครงมาขาย เมอื่ ถงึ ฤดมู ปี ชู กุ ชมุ กพ็ ายเรอื เลก็ ๆ ออกไปใน
ทะเล วางจน่ั จบั ปมู าขายไดเ้ งนิ วนั ละไมน่ อ้ ย ดว้ ยเหตนุ จ้ี งึ
มีการสร้างสะพานออกไปในทะเลเป็นจ�ำนวนหลายสิบ
สะพานและหลายสะพานมคี วามยาวกวา่ ๑ กโิ ลเมตร เชน่ บ่อคอนกรีตทห่ี ลวงบ�ำรุงราชนิยมสรา้ ง
สะพานท่าเรือพลี เป็นต้น และส่วนมากสองข้างสะพาน ปจั จุบันอย่ทู ี่บา้ นสะพานจีน (สะพานส�ำราญราษฎร์)
มีบ้านเรือนปลูกอาศัยอยู่ท้ังน้ัน การปลูกบ้านของคน ต่อมาราว พ.ศ. ๒๔๖๖ หลวงบ�ำรุงราชนิยม
โบราณเขามักเว้นช่องว่างไว้ให้ห่างระยะกันเป็นการ (สูญ สิงคาลวณิช) ได้สร้างบ่อคอนกรีตส�ำหรับขังน�้ำ
ป้องกันอัคคีภัยไม่ให้ลุกลาม แต่ปัจจุบันนี้สร้างติดต่อกัน ฝนขนึ้ ๑บอ่ ณทบี่ า้ นสะพานจนี (สะพานสำ� ราญราษฎร)์ เพอ่ื
หมดน่ากลัวอันตรายมาก เป็นการทดลองดูความทนทาน นับว่าเป็นบ่อคอนกรีต
การอยบู่ ้านสะพานนน้ั มคี วามลำ� บากอย่อู ยา่ งหนึ่ง บ่อแรกที่สร้างลงในพื้นทะเล และเป็นบ่อประวัติการณ์ซง่ึ
คือ เรอ่ื งนำ�้ กนิ และน้�ำสำ� หรบั ใช้อาบ ซกั ฟอกฯ ผ้มู ีทรัพย์ จะได้กลา่ วตอ่ ไป
และบา้ นเรอื นกวา้ งขวางจงึ หาซอ้ื ตมุ่ นำ้� ไวม้ ากๆ สำ� หรบั ใส่ แตเ่ ดมิ ชาวเมอื งชลฯ ยงั เขา้ ใจวา่ กำ� แพงทส่ี รา้ งดว้ ย
น้�ำฝนกิน ส่วนน�้ำส�ำหรับใช้อย่างอ่ืนนั้นต้องใช้ครุหรือปีบ ปูนซีเมนต์และทรายนั้น ถ้าถูกความเค็มอยู่เสมอไม่นาน
มาหาบเอาท่ีบนบกจากบ่อน้�ำสาธารณะ หรือจากบ่อน�้ำ เทา่ ไรกำ� แพงจะพรนุ หมด ฉะนนั้ จงึ ตา่ งพากนั มคี วามสนใจ
ตามหอ้ งแถว บา้ นหนง่ึ ๆ ตอ้ งหาบกนั วนั ละหลายหาบตาม คอยดูและฟังข่าวเรื่องบ่อคอนกรีตบ่อนี้ว่าเม่ือน้�ำเค็มขึ้น
จ�ำนวนคนอยู่และตามความตอ้ งการนำ้� ทจ่ี ะใช้ นับว่าเปน็ แชข่ า้ งบอ่ อยู่ทกุ วนั ข้างบ่อจะมีการเปลยี่ นแปลงประการ
ภาระใหญอ่ ย่างหนง่ึ ทเี ดยี ว เมื่อถงึ ฤดแู ลง้ น�้ำในบอ่ เหลา่ น้ี ใดบา้ ง คร้นั เวลาล่วงไป ๒ - ๓ ปี ก็รสู้ ึกวา่ ปนู ท่ีฉาบไวข้ า้ ง
แห้งหมดความเดือดร้อนยิ่งเพิ่มมากข้ึน ในราว พ.ศ. บอ่ ยงั คงดอี ยเู่ ปน็ ปกติ แตน่ นั้ มาผทู้ ม่ี บี า้ นเรอื นอยใู่ นทะเล
๒450 ทางราชการไดข้ ดุ คลองจากดา้ นทะเลเขา้ ไปจนตดิ ก็พากันสร้างบ่อคอนกรีตข้ึนเพ่ือใช้ขังน�้ำฝนมากแห่งด้วย
ถนนใหญ่ตรงหน้าศาลากลางจังหวัดแล้วขุดบ่อน้�ำข้ึนที่ กัน บรรดาโรงงานท�ำน้�ำปลาน้ันนอกจากจะสร้างบ่อเพ่ือ
ขา้ งถนน ๒ บอ่ บอ่ นตี้ านำ�้ ดไี หลแรงและมรี สไมก่ รอ่ ยมาก ใส่น�ำ้ แล้ว ยังทดลองใช้ดองปลาแทนถังไมอ้ ีกด้วย ตอ่ จาก
เหมือนท่ีบ่ออ่ืนๆ เม่ือประชาชนท่ีมีบ้านเรือนอยู่ในทะเล นั้นมาก็มีการต่อเหล็กจากหลังบ่อเปล่ียนสภาพเป็นการ
ได้ทราบ จึงเอาเรือเข้าไปในคลองจอดที่ใกล้บ่อแล้วหาบ สร้างตึก ๒ ชน้ั ๓ ชัน้ ขึ้นในทะเลดังทเ่ี หน็ ปรากฏอยู่ อนงึ่
น้�ำมาใส่ในเรือซ่ึงได้ล้างสะอาดแล้วน�ำมาใส่ตุ่ม ใช้สารส้ม เวลาน้ีบรรดาโรงงานท�ำน้�ำปลาจังหวัดอื่นๆ ก็ได้น�ำวิธี
กวนใหน้ ำ้� ใสเอาไวใ้ ชอ้ าบและซกั ฟอกฯ จงึ คอ่ ยผอ่ นคลาย ทำ� บอ่ คอนกรีตข้นึ ใช้ดองปลาอยู่ทั่วๆ ไป
ความล�ำบากลงเป็นอันมาก แต่คลองและบ่อน้�ำนี้ทาง ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่าชาวเมืองชลบุรี ได้สร้าง
ราชการได้กลบเสียหลังจากเรมิ่ มปี ระปาใช้แล้ว สะพานย่ืนลงไปในทะเลเป็นจ�ำนวนหลายสิบสะพาน แต่
หนังสือท่รี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี 59
ในปัจจุบันน้ีถ้าคนต่างเมืองมาเดินอยู่ในถนนวชิรปราการ จะใช้ในการท�ำปูนซีเมนต์บางอย่างส่งมาจากต่างประเทศ
นึกอยากจะเห็นว่าสะพานท่ีสร้างไว้น้ันมีลักษณะอย่างไร ไมส่ ะดวก จึงตอ้ งหยดุ การสรา้ งถนนไว้เพยี งนนั้ การสร้าง
จงึ ไปยนื อยตู่ ามปากซอยของถนนดา้ นตะวนั ตกอนั เปน็ ตน้ ถนนข้ึนแทนสะพานนี้นับว่าหลวงบ�ำรุงฯ ได้สร้างข้ึนที่
สะพานน้ันแล้วท่านผู้น้ันจะมองหาสะพานไม่พบและจะ สะพานสำ� ราญราษฎรเ์ ป็นสายแรก แต่ทว่าการสรา้ งถนน
เห็นแต่ถนนซอยสายเล็กๆ ทั้งส้ิน จึงควรเขียนเล่าไว้ให้ ในครัง้ น้ันมีความกวา้ งเพยี ง ๒.๒๐ เมตร โดยมุ่งประสงค์
อนุชนรุ่นหลังได้ทราบประวัติบ้างว่าสภาพของเมืองชลฯ ใหร้ ถลากหรอื รถสามล้อลงได้สะดวก และไดท้ �ำที่ใหก้ วา้ ง
ตอนน้ไี ดเ้ ปลย่ี นแปลงไปแต่เมอื่ ใดและด้วยวิธีการอย่างไร ส�ำหรับรถหลีกกันไว้เป็นระยะๆ นับว่าเป็นประโยชน์แก่
เม่ือราว พ.ศ. ๒๔๗๖ หลวงบ�ำรุงราชนิยม ชาวสะพานนั้นและบรรดาท่ีอยู่สะพานข้างเคียงเป็น
(สูญ สิงคาลวณิช) ได้พูดปรารภแก่บรรดาญาติและ อันมาก มีรถลาก รถไสบรรทุกสินค้าและคนข้ึนลงวันละ
ผู้ชอบพอกันว่าสะพานจีน (ส�ำราญราษฎร์) ซ่ึงคุณยาย มากเที่ยว แต่เมื่อบ้านเมืองได้เจริญย่ิงข้ึนๆ จนมีการใช้
(จั่น สืบสงวน) ได้ท�ำการซ่อมใหญ่ คือ เปลี่ยนเสาและ รถยนตก์ นั อยทู่ วั่ ไป ทงั้ เทศบาลกม็ รี ถดบั เพลงิ ขนาดเลก็ ไว้
กระดานใหมห่ มด เมอื่ ครง้ั สดุ ทา้ ยมาจนถงึ บดั นก้ี เ็ ปน็ เวลา สำ� หรบั ใชก้ ารตามสะพาน จงึ เหน็ วา่ ไดส้ รา้ งเขอ่ื นกนั้ ดนิ ไว้
นานจนกระดานกร่อนลงมาก เวลาน้ีไม้กระดานมีราคา มีระยะห่างกันน้อยเกินไปท�ำให้ถนนแคบ การขับรถยนต์
สูงกว่าแต่ก่อนมาก ส่วนราคาปูนซีเมนต์ที่ท�ำขึ้นได้เองใน ลงมาไมส่ ะดวกและไม่ปลอดภัย
ประเทศไทยราคาย่อมเยาลงแล้ว และเวลาน้ีเมืองชลฯ ขอเลา่ เรอื่ งทเ่ี กย่ี วกบั ซอยสำ� ราญราษฎรน์ ใี้ หต้ ดิ ตอ่
มีรถลาก (เรียกกันว่ารถเจ๊ก) รับจ้างอยู่ทั่วไป รถสามล้อ กัน เม่ือ พ.ศ. ๒๕๐๒ นายวิชัย นางเนื่อง อูนากูล ได้
(ชนดิ พว่ งขา้ ง) กม็ ี ดงั นน้ั ถา้ จะเอาเงนิ ทใ่ี ชซ้ อ่ มสะพานมา บริจาคเงินซ้ือหิน ปูนซีเมนต์ ทราย และดินมามอบให้
ท�ำเป็นถนนขึ้นแทนก็จะเพ่ิมความสะดวกสบายข้ึนอีก เทศบาลก่อเข่ือนกั้นดินขึ้นใหม่ท้ังสองข้างตลอดสาย
หลายประการ เป็นต้นว่า คนชราเดินไปมาก็ไม่กลัวตก เท่ากับท่ีหลวงบ�ำรุงฯ ได้ท�ำไว้แต่เดิม นอกจากนี้
สะพาน หรือเม่ือเดินไปไหนไกลไม่ไหวก็สามารถท่ีจะจ้าง นางเปรมวชิ ยั นติ นิ าถ นายสบุ ณิ สบื สงวน และนางเกอ้ื กลู
สามล้อหรือรถลากให้พาไปส่งยังที่ต้องการได้ และนับแต่ วานชิ วฒั นา ไดร้ ว่ มกนั บรจิ าคเงนิ ซอื้ หนิ ซเี มนต์ ทราย ดนิ
น้ันมาหลวงบ�ำรุงฯ ก็ได้บริจาคเงินส่วนตัวซ้ือทรายและ มอบใหเ้ ทศบาลทำ� ตอ่ จากของเดมิ ออกไปอกี ยาวราว ๑๐๐
ปูนซีเมนต์มากองไว้ และให้คนงานประจ�ำบ้านก่อหิน เมตร เม่ือสร้างเสร็จถมดินแล้วถนนมีความกว้างรวมกับ
เป็นรูปเขื่อนกันดินเป็นแนวไปสองข้างสะพาน เมื่อก่อไป ของเดมิ เปน็ ๓.๖๐ เมตร (เพราะทจ่ี ำ� กดั ) ทำ� ใหร้ ถสามลอ้
ได้ยาวพอควรก็ซื้อดินมาเตรียมไว้ แล้วจัดการรื้อสะพาน วิง่ หลีกกันไดอ้ ย่างสบายและรถยนต์ว่งิ ไปมาได้สะดวก
ออก น�ำดินมาถมลงแปลงรูปเป็นถนน แต่การสร้างถนน เมื่อหลวงบ�ำรุงฯ ได้สร้างถนนข้ึนมาแทนสะพาน
ดงั ท่ีกลา่ วมาน้นี ับวา่ เป็นงานส่วนตัวไมเ่ ร่งรอ้ น ถ้าคนงาน ตามทไ่ี ดก้ ลา่ วมาแลว้ ตอ่ มาราว พ.ศ. ๒๔๙๓ ทางเทศบาล
มีงานอน่ื ท่จี ะต้องท�ำกห็ ยุดไปทำ� งานอื่นเสยี เป็นเวลานาน ไดแ้ สดงความประสงคใ์ หป้ ระชาชนทราบวา่ ผทู้ อี่ ยสู่ ะพาน
บางทกี ห็ ยดุ ไปเปน็ จำ� นวนปี ตอ่ มาในภายหลงั ไดม้ ผี บู้ รจิ าค ต้องการสร้างถนนแทนสะพานของตนบ้างแล้ว ทาง
ทรัพยร์ ว่ มด้วย ดงั นน้ั เม่อื ล่วงมาถึง พ.ศ. ๒๔๘๓ จึงสร้าง เทศบาลก็ยินดีจะเป็นผู้ออกค่าแรงเป็นการร่วมมือกัน
ลงไปไดห้ ลายรอ้ ยเมตรจนถงึ สะพานเชอ่ื มระหวา่ งสะพาน ดังนั้น นายส�ำเภา นิมล ซ่ึงเป็นคนชราจึงได้บริจาคเงิน
ส�ำราญราษฎร์กับสะพานบ่ายพลน�ำ การผลิตปูนซีเมนต์ จ�ำนวนหน่ึงร่วมด้วยชาวบ้านท่ีอยู่ในสะพานน้ันมอบให้
ของไทยเกิดเส่ือมคุณภาพลงมาก ท้ังน้ีเป็นเพราะได้เกิด เทศบาลจดั การรอ้ื สะพานกลปอ้ มคา่ ยออก แลว้ ใชด้ นิ โคลน
มหาสงครามครั้งที่ ๒ ขึ้นทางทวีปยุโรปก่อน ต่อมา ทขี่ า้ งสะพานนน้ั ถมขา้ งลา่ ง เอาดนิ ลกู รงั ทบั ขา้ งบน นบั วา่
ประเทศไทยก็ได้เกิดกรณีพิพาทข้ึนกับประเทศฝร่ังเศส เปน็ การสรา้ งถนนขนึ้ แทนสะพาน ณ ทส่ี ะพานกลปอ้ มคา่ ย
เร่ืองเมืองพระตะบองและนครจ�ำปาศักด์ิ ท�ำให้วัตถุดิบท่ี เป็นสายที่สอง
60 หนงั สอื ทรี่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี
ขอแทรกเรือ่ งไวต้ รงนีส้ กั นิด คือ เม่ือการสร้างถนน เทพหัสดินเสร็จ และได้ท�ำพิธีเปิดเป็นทางการเม่ือวันท่ี
แทนสะพานไดผ้ า่ นพน้ บา้ นนายสำ� เภา นริ มล ทก่ี ลา่ วแลว้ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๔ แล้ว แต่นั้นมาเรือกลไฟ
ไดม้ ผี ชู้ อบพอกบั นายสำ� เภาไปเยยี่ มเยยี น นายสำ� เภาไดพ้ ดู เรอื ฉลอมทะเลและเรอื ทเ่ี ดนิ รบั สง่ คนตามตำ� บลกห็ ายหนา้
ปรารภใหฟ้ ังว่า “แกแ่ ล้วไปไหนไมไ่ หว แตเ่ มอ่ื ไดน้ ่ังเยยี่ ม เข้ากลีบเมฆไปหมด ไม่มีเหลือเลย และการสร้างบ้านใน
หนา้ ตา่ งมองดคู นเดนิ ผา่ นไปมาทถี่ นนหนา้ บา้ นอนั ตนไดม้ ี ทะเลก็หยุดชะงักลง หันกลับไปสร้างบ้านอยู่ทางด้าน
สว่ นชว่ ยสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ขนึ้ แลว้ ใหร้ สู้ กึ ปลม้ื ปตี ยิ นิ ดปี ระดจุ บนบกมากขึ้น เพราะเป็นสมัยใชร้ ถยนต์
ว่าได้ขึ้นสวรรค์ท้ังเป็น” ท้ังนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่ ต่อไปจะได้เล่าถึงสภาพของบ้านเรือนทางด้าน
ตั้งใจสร้างความดีย่อมได้รับผลเป็นความสุขใจเห็นปาน บนบกและการววิ ฒั นาการใหท้ ราบ ในระหวา่ งหอ้ งแถวฝง่ั
ฉะนี้ ตะวันออกของถนนวชิรปราการ มีทางเดินไปสู่ด้านหลัง
ตอ่ มาราว พ.ศ. 2495 นายเย เจรญิ ผล ไดบ้ รจิ าค เป็นระยะๆ ไปเรียกว่าตรอก มชี ือ่ ตา่ งๆ กนั ดังทเี่ หน็ อยูใ่ น
เงินส่วนใหญ่ร่วมกับบรรดาชาวบ้านที่อยู่สะพานศรีนิคม เวลานี้ เพราะในสมัยก่อนตรอกทุกๆ ตรอกมีความกว้าง
จดั การซอื้ หนิ ซเี มนต์ ทรายฯ มอบใหเ้ ทศบาลจดั การสรา้ ง เพียงเล็กน้อย ไม่มีตรอกใดมีความกว้างพอท่ีจะเรียกเป็น
ถนนขึ้นท่สี ะพานศรีนิคมบา้ ง นับวา่ เป็นถนนซอยที่ ๓ ถนนไดเ้ ลยสักแห่งเดียว แม้แต่ถนนอัคนิวาตซึง่ เราแลเห็น
ต่อจากน้ันมา บรรดาคหบดีซ่ึงมีบ้านเรือนอยู่ตาม เชื่อมติดกับถนนวชิรปราการซึ่งอยู่ระหว่างธนาคาร
สะพานตา่ งๆ กไ็ ดบ้ รจิ าคเงนิ รว่ มดว้ ยชาวสะพานนน้ั ๆ ซอ้ื ศรอี ยธุ ยากบั ธนาคารออมสนิ วา่ กวา้ งมากนนั้ แตเ่ ดมิ กเ็ ปน็
อฐิ ปูน ทราย ดิน ใหเ้ ทศบาลจดั การก่อเข่ือนกันดินข้นึ ที่ ของเอกชนมีต้นมะขามใหญ่หน่ึงต้น เจ้าของใช้เป็นท่า
สะพานของตนบา้ ง คอื ทสี่ ะพานเสรมิ สนั ติ สะพานคกู ำ� พล รับซื้อไม้ซุงไว้ขาย ต่อมาได้ปลูกเป็นห้องแถว ๓ ห้อง
สะพานทา่ เรือพลี เปน็ ล�ำดบั ไป ซ่งึ ตอ่ มาเม่อื พ.ศ. ๒๕๐๖ หันหน้าออกทางถนนวชิรปราการ คงเหลือทางเดินทาง
เทศบาลเมอื งชลฯ กไ็ ดเ้ ปลยี่ นเรยี กคำ� วา่ สะพานเปน็ คำ� วา่ ดา้ นธนาคารศรอี ยธุ ยาประมาณ ๔ เมตรเท่าน้นั
“ถนนซอย” แทน ในตรอกต่างๆ นี้มีบ้านเรือนปลูกอยู่ประปราย
ขอเลา่ ถงึ ความเปลยี่ นแปลงทางดา้ นทะเลใหต้ ดิ ตอ่ บ้านหน่ึงๆ มีเน้ือท่ีว่างเป็นบริเวณมาก ถ้าเดินเข้าตรอก
กันจนจบเรอ่ื งไปเสยี ตอนหน่งึ คือ สมัยท่ียังไมม่ ีการสร้าง ต้นจันทร์ทางด้านถนนวชิรปราการไปจนถึงถนนท่ีที่เป็น
ถนนสขุ มุ วทิ ตอ่ จากจงั หวดั สมทุ รปราการมาชลบรุ นี น้ั ไดม้ ี ถนนเจตน์จ�ำนงในเวลานี้ จะถึงขอบหนอง ด้านใต้ของ
เรอื กลไฟเดนิ รบั สง่ สนิ คา้ และรบั คนโดยสารระหวา่ งชลบรุ ี หนองต้นโพธิ์พอดี หนองนี้มีความยาวมาก ขอบหนอง
กับกรุงเทพฯ อยู่ถึง ๕ ล�ำ มีก�ำหนดออกจากชลบุรีมา ด้านเหนือจดถนนโพธิ์ทองตรงมุมวัดก�ำแพง ขอบของ
กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ - ชลบุรี สวนทางกันทุกๆ วัน หนองด้านนี้มีต้นโพธ์ิอยู่ต้นหนึ่ง ชาวบ้านจึงเรียกหนอง
และมีเรือฉลอมทะเลขนาดใหญ่ ส�ำหรับบรรทุกสินค้า นี้ว่าหนองต้นโพธิ์ ทิศตะวันออกของขอบหนองติดเขื่อน
น้�ำตาลทรายแดง ข้าว ปลา อื่นๆ ไปยังกรุงเทพฯ และ วดั นอก และโรงเจตลอดแนวมาจนถงึ ธนาคารเอเซยี จำ� กดั
จังหวัดอื่นๆ อีกมากมาย และมีเรือโดยสารเดินรับส่งคน ส่วนขอบหนองด้านตะวันตกติดท่ีของเอกชนและติดหลัง
ต่างต�ำบลก็มาก คร้ันเม่ือถนนสุขุมวิทตัดผ่านไปถึงชลบุรี โรงตม้ กลน่ั สรุ าดง้ั เดมิ ของรฐั บาล ตวั หนองจงึ มคี วามกวา้ ง
แล้ว แต่ยังไม่มีการสร้างสะพานเทพหัสดินข้ามแม่น้�ำ รวมทั้งขอบหนองราว ๔๐ เมตร จากขอบหนองต้นโพธิ์
บางปะกง บรรดาเรือกลไฟและเรือฉลอมทะเลก็เร่ิมลด ด้านเหนอื เม่ือขา้ มถนนโพธท์ิ องไปแลว้ เปน็ ทีว่ ่างเปล่า ซึ่ง
น้อยลงเป็นล�ำดับอย่างรวดเร็ว เพราะมีการส่งสินค้าเข้า อยรู่ ะหวา่ งแนวกำ� แพงของวดั กำ� แพงและวดั กลางดา้ นหนง่ึ
กรงุ เทพฯ กันทางรถยนตไ์ ด้มากขึ้น ส่วนคนท่ีมีธุระตดิ ต่อ และแนวเขื่อนของวัดเครือวัลย์ วัดราษฎร์บ�ำรุง อีกด้าน
กบั กรงุ เทพฯ หรอื ตดิ ตอ่ บางปะกงและทอ่ี นื่ ๆ กใ็ ชโ้ ดยสาร หนงึ่ มคี วามกวา้ งมาก แตเ่ ปน็ ทล่ี มุ่ ใชเ้ ปน็ ทางเกวยี นตรงไป
รถยนต์แทนนั่งเรือดังแต่ก่อน คร้ันเม่ือสร้างสะพาน ทางบ้านโขดทางหน่ึง และมีทางเกวียนแยกออกไปทาง
หนงั สอื ท่รี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 61
ตะวนั ออก ซง่ึ อยรู่ ะหวา่ งเขอ่ื นของวดั ราษฎรบ์ �ำรงุ กบั เขอื่ น นั้นใช้เดินตามหัวคันนาและทางเกวียนเป็นส่วนมาก ถ้า
ของวัดเครือวัลย์ ซ่ึงสมัยก่อนเข่ือนของทั้งสองวัดอยู่ห่าง สามารถติดต่อกันทางเรือเป็นการสะดวกก็ใช้เรือดังได้
กนั ทางเกวยี นเสน้ นจี้ ะตรงไปขา้ งเขานอ้ ย เมอ่ื พน้ จากแนว กล่าวมาแล้วแต่ตอนต้น มีถนนที่ใช้ติดต่อกับต�ำบลและ
ของหนองและที่ว่างท่ีกล่าวแล้ว ทางด้านตะวันออกก็จะ อ�ำเภอเป็นเส้นตรงท่ีข้ึนหน้าข้ึนตาเพียงสายเดียว คือ
เป็นแนวของวัดต่างๆ เกือบท้ังน้ัน จากด้านเหนือมาใต้ สายระหว่างชลบุรีกับพนัสนิคมถนนสายนี้ไม่ทราบว่าใคร
เรม่ิ ดว้ ยวดั ราษฎรบ์ ำ� รงุ - วดั เครอื วลั ย์ - วดั นอก - โรงเจ - ดำ� รสิ รา้ งไว้แต่คร้ังใด มีฐานกวา้ งราว ๒.๕ เมตร สว่ นบน
หมบู่ า้ นโรงนำ�้ มนั - วดั โรมนั คาทอลกิ - วดั ใหม่ - วดั ใหญฯ่ กวา้ ง ๒ เมตร แตบ่ างตอนกแ็ คบ และมีหลายแหง่ ทถี่ นน
- วัดต้นสน และวัดเนินฯ ตามลำ� ดับ เม่ือพ้นหลังวัดและ ถกู ตดั ขาดออกจากกนั เพอ่ื ใหน้ ำ�้ สองขา้ งทางไหลถงึ กนั ได้
หมบู่ า้ นทก่ี ลา่ วมาแลว้ จะเปน็ ทงุ่ นาตลอด ซงึ่ คนในตวั เมอื ง เมื่อสมัยท่ียังไม่มีรถยนต์เดินรับคนโดยสาร ได้มีพวก
ชลบรุ ไี ด้ใชเ้ ปน็ สถานที่พักผ่อน นงั่ รับลมเยน็ ๆ ในฤดูรอ้ น จีนต้ังกองคาราวานขึ้นราว ๔๐ คน โดยใช้เข่งใหญ่
และชมวา่ วจฬุ า - วา่ วปกั เปา้ ขนาดใหญค่ วา้ พนนั กนั ดงั เชน่ ปากกวา้ งขนาดผ่าศูนยก์ ลาง ๑ เมตร ใชเ้ ชือกผกู ปากเขง่
ทเ่ี หน็ ทส่ี นามหลวงในกรงุ เทพฯ ปจั จบุ นั นี้ เทา่ ทไ่ี ดบ้ รรยาย ๒ ใบ แล้วใช้ไม้คานหาบสินค้า เช่น ของป่า และผักจาก
ภาพมาแล้ว ท่านผู้อ่านคงจะเห็นได้ว่าด้านหลังของห้อง ตลาดพนสั นคิ มมาขายทต่ี ลาดชลบรุ ี แลว้ ซอ้ื ปลานงึ่ ปลาเคม็
แถวฝั่งตะวันออกของถนนวชิรปราการน้ันมีผู้คนและ และของอื่นที่ทางพนัสนิคมต้องการหาบกลับไปขาย
บ้านเรือนอยู่น้อยมาก เพราะเหตุว่าประชาชนส่วนใหญ่ แต่เนื่องด้วยระยะทางนี้ไกลกว่า ๒๔ กิโลเมตร ต้องเดิน
ไดพ้ ากันไปสรา้ งบา้ นเรือนอยู่ในทะเลดังทีไ่ ด้เล่าไว้แลว้ ใน ทางกันหลายช่ัวโมง จะเดินทางกลับในวันเดียวไม่ทัน
ตอนตน้ กองคาราวานนจ้ี งึ แบง่ ออกเปน็ ๒ พวก พวกละ ๒0 คน หาบ
ประโยชน์ของหนองต้นโพธิ์ในสมัยนั้นมีอยู่มาก สวนทางกันไปเป็นหมู่ทุกวัน และเมื่อทางท่ีว่าการอ�ำเภอ
เหมอื นกนั คอื เปน็ ทร่ี บั นำ้� ในฤดฝู นซงึ่ นำ�้ ไดไ้ หล จากทงุ่ นา พนัสนิคมจะน�ำเงินมาส่งคลัง (เงินเหรียญบาท) หรือ
ลงมาตามรอ่ งระหวา่ งเขอ่ื นของวดั นอกกบั เขอ่ื นของโรงเจ เบกิ เงนิ แบบฟอรม์ เครอื่ งเขยี นตา่ งๆ กไ็ ดอ้ าศยั จา้ งพวกน้ี
เมอื่ นำ้� ในหนองมรี ะดบั สงู ขนึ้ กจ็ ะไหลลอดใตถ้ นนโพธทิ์ อง หาบ สว่ นตวั เจา้ พนกั งาน และตำ� รวจนน้ั ไดข้ มี่ า้ ควบคมุ มา
ลงสู่ท่ีราบลุ่ม แล้วไหลตามทางเกวียนไปลงยังคลองบ้าน สินค้าส�ำคัญของเมืองชลบุรีในสมัยก่อนนอกจาก
โขด ประโยชน์ส�ำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ สมัยก่อนคนท่ีต้ัง ปลา หอย และขา้ ว แลว้ ยงั มนี ำ�้ ตาลทรายแดงอกี อยา่ งหนง่ึ
บา้ นเรอื นอยบู่ นบกนน้ั มคี วามลำ� บากในเรอ่ื งทรี่ บั ประทาน ซึ่งนับวา่ เปน็ สนิ ค้าหลกั ที่ทำ� เงนิ ให้มาก เมื่อถึงฤดูหบี ออ้ ย
อมิ่ แลว้ เกดิ ความทกุ ขข์ น้ึ หาทเ่ี ปลอ้ื งทกุ ขไ์ ดย้ าก เพราะยงั บรรดาเจ้าของโรงหีบจะให้บรรดาเจ้าของเกวียนซ่ึงตกลง
ไมม่ ีบริษัทรบั จา้ งตั้งถงั ถา่ ยเทหรอื ท�ำส้วมซมึ ดังนั้น คนท่ี จ้างกันไว้แล้วบรรทุกน�้ำตาลทรายแดงที่หีบได้บรรจุ
อยู่ทางด้านเหนือจึงร่วมใจกันสร้างห้องเล็กๆ ขนาดกว้าง กระสอบกก เกวียนละ 1๓ กระสอบ กระสอบหน่ึงมี
๑ เมตร ๒๕ เซนตเิ มตร เปน็ รปู สเี่ หลยี่ มขนึ้ ๒ แถว แถวหนงึ่ น้ำ� หนกั ๖๐ กโิ ลกรัม มาสง่ ใหน้ ายทนุ (เก๋ยี วจู๊) ยังตลาด
ประมาณ 1๐ ห้อง ฝาก้ันกลางระหว่างห้องสูงพอน่ังลง ในตวั เมอื งชลฯ ดงั นน้ั เมอ่ื ถงึ ฤดหู บี ออ้ ยพอเชา้ ตรกู่ ม็ เี กวยี น
แลว้ มองไมเ่ ห็นหน้ากนั สำ� หรับเปน็ ทป่ี ลดทกุ ข์ของชาย 1 บรรทกุ นำ�้ ตาลทรายแดงมาจอดในวดั กลาง (ซง่ึ เวลานนั้ ยงั
แถว และหญงิ 1 แถว หอ้ งทก่ี ลา่ วนไี้ ดส้ รา้ งลำ้� ลงในหนอง เป็นทีว่ ่าง) วดั กำ� แพง หนา้ และหลังศาลเจา้ ก๊วน ที่ว่างใน
ดา้ นตะวนั ตก สว่ นพวกทม่ี บี า้ นเรอื นอยทู่ างดา้ นใตก้ ท็ �ำเชน่ บริเวณตรอกโรงหมูและอื่นๆ ต่อไปทางทิศใต้เต็มไปหมด
เดียวกัน คือสรา้ งหอ้ งเล็กๆ ข้ึน ๒ แถว ล้�ำลงในหนองทาง บรรดานายทุนจะส่งคนเอาเหล็กแหลมออกไปแทง
ด้านใต้ของโรงเจและปลาที่อยู่ในหนองน้ีเป็นจ�ำนวนมาก กระสอบเอาน�้ำตาลออกมากองใส่กระบะน้�ำตาลเพื่อเป็น
ก็ได้ช่วยกันท�ำกล่นิ ของหนองต้นโพธลิ์ ดน้อยลงได้มาก ตวั อยา่ ง เพอื่ ไดท้ ราบวา่ นำ้� ตาลทสี่ ง่ มานน้ั มสี สี วยหรอื เปน็
ส่วนการคมนาคมติดต่อกับตามต�ำบลหรืออ�ำเภอ น�้ำตาลชนิดเลวขนาดไหน แล้ววางกระบะน้�ำตาลไว้ตาม
62 หนังสือท่รี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี
หนา้ รา้ น เพอื่ ใหบ้ รรดาพอ่ คา้ ทมี่ เี รอื ฉลอมไดซ้ อื้ ไปจำ� หนา่ ย ฝงั่ ซ้ายมาทางอ�ำเภอพนัสนิคม แลว้ สรา้ งถนนทับเสน้ ทาง
ท่ีกรุงเทพฯ และตามจังหวัดอ่ืนๆ ถ้าไม่มีผู้ซ้ือหรือผู้ซ้ือ เก่ามาจนถึงตัวเมืองชลบุรี ราว พ.ศ. ๒๔๗๔ ถนนสายนี้
ตกลงราคากันไม่ได้ ก็จัดการส่งลงเรือกลไฟไปให้ชาวแพ มชี อื่ ว่า “ถนนสาย ๒๒” นบั ว่าเมืองชลบรุ ีมถี นนเชื่อมกับ
ซ่ึงเป็นนายหน้าขายน้�ำตาลที่กรุงเทพฯ ขายต่อไป ดังน้ัน จังหวัดอื่นเป็นคร้ังแรก และต่อมารัฐบาลได้ให้สัมปทาน
ในตอนเชา้ จงึ มคี นทำ� งานกนั ขวกั ไขว่ โดยทพ่ี วกเกวยี นเมอื่ แก่บริษัทขนส่งน�ำรถมาเดินรับคนโดยสารไปมาระหว่าง
ได้รับค่าจ้างบรรทุกแล้วก็ออกเดินเท่ียวหาซื้อของตามที่ ชลบรุ ี - ฉะเชิงเทราวันละหลายเทีย่ ว เปน็ อนั ว่าผูท้ นี่ ำ� รถ
ตอ้ งการ สว่ นนายทนุ กจ็ ดั การใหก้ ลุ ี (จบั กงั ) ซง่ึ เปน็ ชาวจนี มาเดนิ รบั คนโดยสารระหวา่ งชลบรุ ี - พนสั นคิ มอยกู่ อ่ นตอ้ ง
จัดการเอาน้�ำตาลลงจากเกวียน แล้วจัดของที่ทางโรง เลกิ ลม้ กจิ การไปทงั้ ยงั เปน็ เหตใุ หร้ ถโดยสารทเี่ ดนิ ระหวา่ ง
หีบต้องการ เช่น กระสอบกก เชือกปอ ปูนขาว ข้าวสาร ชลบรุ ี - บางปะกงฝง่ั ซา้ ย มผี โู้ ดยสารลดนอ้ ยลงมากเพราะ
และอาหารต่างๆ ข้ึนบรรทุกเกวียนให้พวกเกวียนได้รีบ ตามปกติคนโดยสารเหล่าน้ีมุ่งไปลงเรือเมล์เล็กเพื่อต่อไป
กลบั เพือ่ วนั รุง่ ข้ึนจะได้นำ� นำ�้ ตาลมาสง่ ให้อีก ยงั ฉะเชงิ เทรา จงึ ในท่ีสดุ กต็ ้องเลกิ กิจการไปดว้ ย
ต่อมาถงึ สมยั ท่ีพระยาสัจจาภริ มย์ (สรวง ศรีเพ็ญ) เมอ่ื รฐั บาลได้สร้างถนนสาย ๒๒ เสร็จแลว้ รัฐบาล
มาเปน็ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ชลบรุ ี (ธ.ค. พ.ศ. ๒๔๖๒ - ๑ ธ.ค. ยงั ไดม้ โี ครงการสรา้ งถนนสายเลยี บชายทะเล ฝง่ั ตะวนั ออก
พ.ศ. 2471) ไดอ้ นญุ าตใหน้ ายกมิ เลง้ ววิ ฒั นว์ านชิ กบั พวก เริ่มต้นจากจังหวัดสมุทรปราการผ่านมาทางคลองด่าน -
น�ำรถยนต์ฟอร์ดมาเดินรับส่งคนโดยสารระหว่างชลบุรี- บางปะกง - ชลบรุ ี ไปจนถึงสัตหบี อนั เปน็ ทต่ี ้งั กองทัพเรอื
พนัสนิคม ในถนนท่ีมีอยู่แล้วเป็นเพียงต้องปรับหน้าถนน อีกด้วย ในการที่จะสร้างทางสายน้ีทางกองทัพเรอื มีความ
และเสริมเส้นทางบางตอนให้กว้างขึ้น แล้วใช้ต้นตาลตัด ต้องการใหถ้ นนระยะเมืองชลบรุ ี - สตั หีบ ได้สำ� เร็จขน้ึ ใน
เป็นท่อนแล้วผ่าซีกขุดไส้กลางออกให้เป็นร่อง น�ำมาพาด เร็ววันก่อน เพอ่ื จะไดใ้ ชร้ ถยนต์วงิ่ จากสตั หีบผ่านชลบุรีไป
ตามชอ่ งถนนทขี่ าดใหม้ รี ะยะหา่ งพอดกี บั ชว่ งของลอ้ รถทงั้ ยงั ฉะเชงิ เทรา ขนึ้ รถไฟไปถงึ กรงุ เทพฯ เพยี งเวลา ๖ ชว่ั โมง
สองข้าง เม่ือเริ่มออกเดินรถรับส่งคนโดยสารได้ราว พ.ศ. เท่านั้นเป็นการสะดวกในการท่ีจะติดต่อการงานกับทาง
๒๔๖๕ นับเป็นรถยนต์โดยสารสายแรกท่ีมีข้ึนในจังหวัด กรงุ เทพฯ ไดร้ วดเรว็ ดงั นน้ั ทางกองทพั เรอื จงึ ไดเ้ จรจากบั
ชลบุรี แต่ทว่ารถว่ิงได้ช้ามาก เน่ืองจากยังไม่รู้วิธีการใช้ รัฐบาลของบประมาณมาสร้างทางตอนนี้เสียเอง ซึ่งกรม
ลูกรังมาถมหน้าถนน เป็นแต่เพียงขุดดินในท้องนามาถม ทางได้กรุยทางไว้เสร็จแล้ว โดยกองทัพเรือได้มอบหน้าที่
เมอ่ื รถเดินเขา้ จึงเกิดรอ่ งลกึ ตามรอยของลอ้ ทำ� ใหร้ ถต้อง ให้นายทหารเรือผู้หนึ่ง ซ่ึงมียศในเวลาน้ันว่า ร.ท. คล้อย
วงิ่ ไปตามรอ่ งนัน้ ประกอบกับต้องระวังตอนวง่ิ ให้ตรงรอ่ ง มหาสคุ นธ์ ร.น. มหี นา้ ทค่ี วบคมุ งานกอ่ สรา้ ง และเรม่ิ ลงมอื
ของตน้ ตาลทพ่ี าดรอ่ งนำ�้ ดว้ ย กวา่ รถจะเดนิ ถงึ พนสั ฯ กห็ ยดุ สรา้ งราว พ.ศ. ๒๔๗๖ โดยสร้างจากตวั เมืองชลบุรไี ปทาง
เติมนำ�้ มนั ถึง ๒ คร้ัง ครงั้ ละนานๆ ตอ่ จากนน้ั มาช่วั ระยะ สัตหีบ เป็นอันว่าในตัวเมืองชลบุรีได้มีถนนสายใหญ่เพ่ิม
๒ ปี กเ็ กดิ มรี ถยนตข์ องเอกชนเดนิ รบั สง่ คนโดยสารขน้ึ อกี ขึ้นเป็นสายที่ ๒ ซ่ึงเม่ือทางสายนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วมี
หลายสาย โดยเดินรถอ้อมไปตามทางเกวียนและขอผ่าน ช่ือว่า “ถนนสุขุมวิท” และมีรถของบริษัทขนส่งมาเดิน
ที่ดินของเอกชนโดยการเช่าหรือให้ข้ึนรถฟรีท้ังครอบครัว รับคนโดยสาร เจ้าของรถที่ได้สร้างทางของตนเองเดินรถ
สายหนง่ึ ไปทางขา้ งเขานอ้ ย - ศาลาคู่ - สำ� นกั บก - มาบไผ่ ระหวา่ งชลบุรี - ศรีราชา - นาเกลอื อยู่กอ่ นจึงตอ้ งเลิกไป
- ตลาดบา้ นบึง อกี สายหนึง่ ผา่ นทางตำ� บลหนองรี - ตลาด หมด สว่ นรถโดยสารของเอกชนซง่ึ เดนิ ระหวา่ งตวั เมอื งกบั
บ้านบงึ อีก ๒ สายผา่ นขา้ งวัดเสม็ด - แสนสขุ - ตลาดเกา่ อ�ำเภอบ้านบึงน้ันได้เลิกไปภายหลังทางราชการได้สร้าง
บางพระ - ศรรี าชา แตบ่ างตอนทางแยกกนั คนละทาง และ ทางหลวงจังหวัดสายบา้ นบงึ ขนึ้ ดังทเ่ี หน็ อย่ใู นเวลาน้ี ได้
อกี สายหนงึ่ ผา่ นคลองตำ� หรไุ ปตำ� บลบางปะกงฝง่ั ซา้ ย ตอ่ มา บรรยายสภาพของตัวเมืองชลบุรีสมัยก่อนให้ผู้อ่านได้
รฐั บาลไดส้ รา้ งถนนเชอ่ื มจงั หวดั เรม่ิ แตต่ วั เมอื งฉะเชงิ เทรา ทราบไว้พอเป็นเคร่ืองเปรียบเทียบแล้ว ต่อไปน้ีจะได้เล่า
หนงั สอื ทร่ี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 63
ถึงการตัดถนนในตัวเมืองให้ทราบต่อไป แต่ควรจะได้เล่า ทา่ นปรึกษาหารอื กันดูวา่ ควรจะใช้เงนิ ทร่ี ัฐบาลมอบใหน้ ี้
ถึงการต้ังเทศบาลเมืองชลบุรีไว้ด้วยเพราะการตัดถนน ในทางใดบ้าง เพ่ือให้เกิดประโยชน์ก่อนและหลังอันจะ
ตา่ งๆ ท่จี ะกล่าวถึงลว้ นเป็นงานของเทศบาลเกือบทั้งสน้ิ ทำ� ใหท้ อ้ งถ่ินของท่านเจรญิ
แตเ่ ดมิ มาไดม้ ปี ระชาชนทวั่ ๆ ไปไดบ้ น่ กนั วา่ รฐั บาล ในระยะเรม่ิ ตน้ นต้ี ามพระราชบญั ญตั กิ �ำหนดใหผ้ วู้ า่
เก็บภาษีอากรไปแล้วก็น�ำเอาไปใช้บ�ำรุงแต่ในจังหวัด ราชการจงั หวดั เปน็ ผแู้ ตง่ ตง้ั สมาชกิ เทศบาลขน้ึ ดำ� เนนิ การ
ส่ีแยกเฉลมิ ไทยในอดตี คณะสมาชิกสภาเทศบาลเมอื งชลบรุ ี
พระนครแหง่ เดียวหาได้แบ่งเงินเอาไว้ใชบ้ ำ� รุงทอ้ งถิ่นบ้าง ก่อนมีก�ำหนด ๑ ปี ต่อจากน้ันไปจึงให้มีการเลือกต้ังโดย
ทอ้ งถน่ิ ตา่ งๆ จงึ ไมเ่ จรญิ ขน้ึ ได้ เสยี งบน่ นไ้ี ดป้ รากฏในหนา้ ราษฎร ดังนั้นพระยาศรีมหาเกษตร (ชวน สมุทรานนท์)
หนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง ต่อมารัฐบาลจึงได้ประกาศใช้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีในเวลานั้นจึงได้แต่งตั้งสมาชิก
พระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พุทธศักราช ๒๔๗๖ สภาเทศบาลเมืองชลบุรีข้ึน ๑๘ นาย ในจ�ำนวนน้ีมีสตรี
ข้ึนเป็นครั้งแรก ท้ังนี้เป็นท�ำนองว่า ต่อไปนี้รัฐบาลจะได้ รวมอยู่ดว้ ย ๒ นาง คอื นางเวียน สุรภาพ กับ นางเปรอ่ื ง
จัดแบ่งเงินไว้ให้ใช้บ�ำรุงท้องถ่ิน ตามมากและน้อย ขอให้ เช่ียวเวช และได้ท�ำพิธีเปิดเทศบาลเมืองชลบุรีขึ้นเป็น
คร้ังแรก เม่ือวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒478 โดยใช้
สถานทซี่ งึ่ ทางราชการสรา้ งขนึ้ เพอื่ เปน็ ทอ่ี อกสลากกนิ แบง่
ของจังหวัดชลบุรีคร้ังหน่ึง เป็นศาลาเทศบาลเมืองชลบุรี
สถานทนี่ ต้ี ั้งอยู่ทางทิศตะวนั ตกของโรงเรียนอนบุ าล และ
ตั้งให้หลวงธ�ำรงค์ธุระราษฎร์ (ทองอยู่ กนะกาศัย) เป็น
นายกเทศมนตรเี ทศบาลเมอื งชลบรุ เี ปน็ คนแรก และตง้ั ให้
นายสรอย จันทถิระ กับ นายสุรชัย คมั ภีรญาณนนท์ เปน็
เทศมนตรี และรบั โอนเอากจิ การของสขุ าภบิ าลเมอื งชลบรุ ี
ท้ังหมดมาเป็นของเทศบาล มีโรงไฟฟ้า โรงพยาบาล
เป็นต้น หลวงธ�ำรงค์ฯ รับหน้าที่นายกเทศมนตรีอยู่จวน
ครบคร่ึงปี ทางการยังมิได้ประกาศเลือกตั้งสมาชิกสภา
เทศบาลชดุ ใหมเ่ ขา้ มารบั หนา้ ทแ่ี ทน หลวงธำ� รงคฯ์ กไ็ ดล้ า
ออกเสยี กอ่ นเพราะปว่ ย พระศรนี ครคาม (แชม่ สทุ ธพนิ ท)ุ
รถโดยสาร ชลบุรี หนองมน ศรีราชา ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั คนใหม่ จงึ แตง่ ตงั้ ใหห้ ลวงบำ� รงุ ราชนยิ ม
ภาพถ่ายเมื่อ ๒๓ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๘๒
64 หนงั สอื ทีร่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
(สญู สงิ คาลวณชิ ) เป็นนายกเทศมนตรแี ทน ต่อมาไม่นาน อตั รา ๑๒ ชกั ๑ คอื โรงเรอื นใดทเ่ี จา้ ของเกบ็ คา่ เชา่ ไดค้ รบ
นกั ทางราชการกไ็ ดป้ ระกาศวา่ ผใู้ ดมคี วามประสงคจ์ ะเปน็ ๑๒ เดือน ต้องเสียภาษีตามราคาค่าเช่าเพียง ๑ เดือน
สมาชิกสภาเทศบาลเมืองชลบุรีก็ให้ย่ืนใบสมัคร ซ่ึงหลวง (แต่ปัจจุบันเปล่ียนเป็นภาษีในอัตราค่าเช่า 1 เดือนคร่ึง)
บ�ำรุงราชนิยมก็ได้ย่ืนสมัครผู้หน่ึงและเม่ือได้รับเลือกต้ัง แต่รายจ่ายที่จ�ำเป็นอย่างรีบด่วนมีมาก ดังน้ัน เมื่อหลวง
เปน็ สมาชกิ แลว้ กไ็ ดร้ บั เลอื กจากสภาเทศบาลใหเ้ ปน็ นายก บ�ำรุงราชนิยมได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีจากสภา
เทศมนตรีต่อมาอีกจนหมดสมัย เป็นเวลาอีก 4 ปี (พ.ศ. แล้วจึงได้แถลงนโยบายให้ที่ประชุมทราบเป็นใจความว่า
2479 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2483) และไม่ยนื่ สมคั ร ในขน้ั แรกนไ้ี ดก้ ะโครงการไวว้ า่ จะตอ้ งสรา้ งขยายตวั ศาลา
เป็นสมาชิกสภาเทศบาลต่ออกี เทศบาลออกไปใหม้ สี ถานทเ่ี พยี งพอแกค่ วามตอ้ งการของ
ในสมยั ทต่ี อ้ งมกี ารเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาเทศบาลโดย เจ้าหน้าที่แผนกต่างๆ และหาสถานที่จัดสร้างโรงเรียนให้
ราษฎรเปน็ ครง้ั แรกนเี้ อง ผเู้ ขยี นจงึ ไดส้ มคั รเปน็ ผรู้ บั เลอื ก เด็กๆ ในเขตเทศบาลได้เข้าเรียนตามพระราชบัญญัติจัด
ตั้งดว้ ยผูห้ น่ึง ท้ังนีก้ เ็ พอ่ื จะไดเ้ ขา้ ร่วมการปรึกษาหารอื ใน ระเบียบเทศบาล (ฉบับแรก) ซ่ึงกำ� หนดหนา้ ทีใ่ ห้เทศบาล
กิจการของเทศบาลให้ด�ำเนินไปด้วยดี ซ่ึงผู้เขียนก็ได้รับ ต้องจัดท�ำและจะได้จัดวางแนวทางเดินหน้าห้องแถว
เลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองชลบุรีติดต่อกันมา (ฟตุ บาท) ใหม้ รี ะดบั สงู ตำ่� และยนื่ ออกไปใหเ้ สมอเปน็ แนว
หลายสมยั เปน็ เวลา ๑๖ ปเี ตม็ (พ.ศ. ๒๔๘๐ - ๑๐ มถิ นุ ายน เดียวกันซ่ึงจะท�ำให้น่าดูข้ึน ท้ังจะได้สร้างท่อรับน้�ำจาก
พ.ศ. ๒๔๙๖) จงึ ไดเ้ ลกิ สมคั ร เพราะเหน็ วา่ ตวั เองมอี ายมุ ากแลว้ ห้องแถวฝั่งบนลงสู่ทะเล จัดการถมหินและลาดยางใน
ในระหว่างที่ผู้เขียนเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมือง ถนน (วชริ ปราการ) จนตลอดสาย แตเ่ มอ่ื ไดด้ ตู วั เลขรายได้
ชลบุรีอยู่น้ัน สภาเทศบาลได้เลือกตั้งให้ผู้เขียนเป็น ประจ�ำปีของเทศบาลและตัวเลขรายจ่ายประจ�ำแล้วเห็น
วา่ เหลอื เงนิ ทจ่ี ะใชจ้ า่ ยเปน็ การจรนอ้ ยมาก จงึ รสู้ กึ หนกั ใจ
วา่ งานท่กี ะท�ำไว้จะไม่ก้าวหน้าไปรวดเรว็ ดังใจ เพราะขาด
ก�ำลังเงิน เมื่อที่ประชุมได้รับทราบนโยบายและเห็นชอบ
ดว้ ยแลว้ หลวงบ�ำรงุ ราชนยิ มกไ็ ดล้ งมอื จดั ท�ำงานไปตามที่
ไดแ้ ถลงไว้ คอื มกี ารสรา้ งตอ่ เตมิ ศาลาเทศบาล สรา้ งทอ่ รบั
นำ้� ของถนนฝง่ั บนตลอดสาย วางแนวและปรบั ทางเดนิ เทา้
๒ ฟากถนนใหม้ รี ะเบยี บเหมือนกัน หาทจี่ ดั สร้างโรงเรยี น
ของเทศบาล ซ่ึงได้ตกลงสร้างแทนท่ีศาลาหลังเก่าของ
วัดใหญ่อินทารามซ่ึงทรุดโทรมมากจนไม่สามารถที่จะใช้
การไดแ้ ลว้ แตท่ วา่ ศาลาหลงั นสี้ รา้ งหนา้ จว่ั ไวแ้ ปลกกวา่ ท่ี
คณะสมาชกิ สภาเทศบาลเมอื งชลบุรี อนื่ ๆ กรมศลิ ปากรจงึ ขน้ึ ทะเบยี นเปน็ โบราณวตั ถไุ ว้ ดงั นนั้
กรรมการรา่ งเทศบญั ญตั งิ บประมาณดว้ ยผหู้ นงึ่ และไดร้ บั กอ่ นจะไดส้ รา้ งจงึ ไดท้ ำ� การตกลงกนั วา่ ใหส้ รา้ งหนา้ จวั่ ตาม
หนา้ ทนี่ ้ตี ลอดมาทุกสมยั ตลอดเวลาทผ่ี ้เู ขยี น เปน็ สมาชิก รูปของเดิม และเมื่อสร้างแล้วทางวัดยินยอมให้ใช้เป็น
สภาเทศบาลอยู่น้ัน ผู้เป็นสมาชิกมิได้มีเงินเดือนหรือ โรงเรยี นของเทศบาลดว้ ย เปน็ อนั วา่ เทศบาลเมอื งชลบรุ ไี ด้
เบี้ยประชุมแต่ประการใดเลย มีโรงเรียนของเทศบาลเองขึ้น ๑ โรงเรยี น ซ่งึ จะตอ้ งมีการ
ในระยะทีต่ ง้ั เทศบาลขนึ้ ๕ - ๖ ปแี รกนั้น เทศบาล ตงั้ งบประมาณไวส้ ำ� หรบั ใชส้ อยในกจิ การของโรงเรยี นนข้ี นึ้
ยังมีรายได้น้อยมาก มีไม่กี่ประเภท เพราะรัฐบาลยัง ดว้ ย
พิจารณาจัดสรรแบ่งเงินให้แก่เทศบาลยังไม่เสร็จ แม้แต่ ณ ที่หลังศาลาเทศบาล (หลังเก่า) นี้ มีคลองและ
รายไดข้ องเทศบาลจากการเกบ็ ภาษโี รงเรอื นกเ็ กบ็ ไดเ้ พยี ง ถนนซงึ่ เรมิ่ จากทตี่ รงขา้ มหนา้ ทท่ี ำ� การไปรษณยี ์ ขนานไป
หนังสือทร่ี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 65
ตามล�ำคลองจนจดชายทะเล ในเวลานั้นคลองสายน้ีเป็น ขนานไปตามถนนสุขุมวิทเป็นจ�ำนวนนับต้ัง ๑๐๐ เมตร
ท่าเรือแห่งหน่ึงของเมืองชลบุรี ซ่ึงส่วนมาก เป็นเรือที่มา เศษก็ตามแต่เนื้อท่ีนั้นก็หาได้อยู่ติดกับเขตถนนสุขุมวิท
จอดคอยรับบรรทกุ ผลไม้ตา่ งๆ จากเกวียนทีบ่ รรทุกมาสง่ ไม่เพราะมีที่ดินของเอกชนบังหน้าอยู่ตลอดแนวถนน
ถงึ เรอื เพือ่ นำ� ไปขายทกี่ รงุ เทพฯ อยธุ ยา และจงั หวัดอ่นื ๆ ดงั นน้ั หลวงบำ� รงุ ฯ จึงได้ไปเจรจาขอซือ้ จากเจา้ ของท่นี ้ัน
เรือบรรทุกน้�ำตาลทรายแดงมีบ้าง เวลานั้นถนนสายนั้น เมอื่ ตกลงราคากนั แลว้ กไ็ ดบ้ รจิ าคเงนิ สว่ นตวั ช�ำระคา่ ทดี่ นิ
ช�ำรุดมากทั้งล�ำคลองก็ต้ืนเขิน หลวงบ�ำรุงฯ จึงจัดให้ซื้อ ตลอดแนวที่บังหน้าทั้งหมดน้ัน แล้วยกให้เป็นสมบัติของ
ดินลูกรังมาถมถนน แล้วปรับให้แน่นจนเกวียนเดินข้ึนลง โรงพยาบาลชลบรุ ี เปน็ อนั วา่ โรงพยาบาลไดม้ ที ด่ี นิ เพมิ่ ขนึ้
ได้สะดวก และจัดลอกล�ำคลองให้ แล้วเจรจาขอเก็บเงิน และมอี าณาเขตยน่ื ออกมาจนจดเขตถนนสขุ มุ วทิ ดงั ทเ่ี หน็
จากบรรดาพวกเกวียนท่ีบรรทุกของลงไปในอัตราเกวียน อยู่ในเวลาน้ี
ละ 25 สตางค์ เปน็ เงนิ บำ� รงุ เทศบาลซง่ึ พวกเกวยี นกจ็ า่ ย สว่ นการถมหนิ และลาดยางในถนนวชริ ปราการนนั้
ให้ด้วยความเต็มใจ หลวงบ�ำรุงฯ ท�ำได้ส�ำเร็จเป็นบางตอน ไม่ตลอดสาย
เมอื งชลบรุ เี ปน็ เมอื งทก่ี นั ดารนำ้� ดงั ไดเ้ ลา่ ไวแ้ ลว้ แต่ เนื่องจากเทศบาลมีเงินเหลือเพื่อใช้ในการนี้เพียงปีละ
ตอนก่อน เม่ือหลวงบ�ำรุงฯ ได้ทราบว่าเวลานั้นรัฐบาลได้ ไม่มากเท่าใด ในสมัยท่ีหลวงบ�ำรุงฯ เป็นนายกเทศมนตรี
มเี ครอ่ื งมอื เจาะนำ�้ บาดาลไวใ้ ชแ้ ลว้ จงึ ไดข้ อใหท้ างจงั หวดั อยู่นั้น เทศบาลได้ต้ังงบประมาณจ่ายเงินเดือนให้นายก
ติดต่อไปยังกระทรวงมหาดไทยให้จัดส่งเครื่องมาเจาะที่ เทศมนตรเี ดอื นละ ๘๐ บาท เทา่ น้นั ซึ่งเม่อื หลวงบำ� รงุ ฯ
เมืองชลบุรีบ้าง และได้จัดการถมที่ดินซึ่งอยู่ข้างถนน ไดเ้ ซน็ รบั แลว้ กม็ อบใหเ้ จา้ หนา้ ทผ่ี หู้ นงึ่ รกั ษาไว้ แลว้ เอาเงนิ
วชิรปราการข้ึนแห่งหน่ึงเพื่อใช้เป็นท่ีเจาะบ่อน�้ำดังกล่าว เดือนน้ันจัดสร้างห้องน�้ำห้องสุขาขึ้นในด้านหลังเทศบาล
แต่เป็นท่ีน่าเสียใจท่ีเม่ือเจ้าหน้าท่ีมาเจาะให้ตามที่ขอไปก็ เพื่อเป็นความสะดวกสบายแก่เจ้าหน้าท่ีเป็นอย่างดี
เจาะลงไปไดล้ กึ เพยี ง ๖ เมตร กถ็ งึ หนิ ชนดิ แขง็ (หนิ แกรไนต)์ นอกจากน้ีถ้าเทศบาลจะต้องมีการใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ก็
เจาะไม่ลงจึงต้องเลิกล้มไป ต่อมาเทศบาลก็ได้ยกท่ี เอาเงนิ นนั้ จา่ ยซอื้ ไดท้ นั ที ไมต่ อ้ งทำ� พธิ เี ขยี นหนงั สอื ขอตง้ั
ทถ่ี มไว้นนั้ ใหแ้ กท่ างราชการใชเ้ ปน็ สถานอี ตุ นุ ยิ มชลบรุ มี า เบกิ เงนิ ของเทศบาล ทำ� ใหก้ ารงานสะดวกทำ� ไดร้ วดเรว็ ขน้ึ
จนถึงปัจจุบนั น้ี ครนั้ ถงึ สมยั เลอื กตงั้ สมาชกิ สภาเทศบาลเมอื งชลบรุ ี
อนึ่ง นายแพทย์ทางโรงพยาบาลได้มารายงานให้ คร้ังต่อมา นายจ�ำนงค์ จันทถิระ ได้รับเลือกเป็นสมาชิก
ทราบวา่ เจา้ หนา้ ทก่ี ระทรวงสาธารณสขุ ไดเ้ รยี กไปพบและ สภาผู้หน่ึง และได้รับเลือกตั้งจากสภาเทศบาลเมืองชลฯ
แจ้งให้ทราบว่า ทางรัฐบาลได้ตกลงเป็นท่ีแน่นอนแล้วว่า ใหเ้ ปน็ นายกเทศมนตรดี ว้ ย (1๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ -
ต่อไปน้ีรัฐบาลจะได้โอนเอางานในเร่ืองโรงพยาบาลไปจัด ๒๙ มถิ นุ ายนพ.ศ.๒๔๘๗)ซง่ึ นายจำ� นงค์จนั ทถริ ะไดแ้ ถลง
ท�ำเอง ดังนั้น จึงให้หาที่ทางซ่ึงอยู่บนบกไว้จัดสร้าง นโยบายให้ท่ีประชุมสภาได้รับทราบเป็นใจความว่า นาย
โรงพยาบาลใหม่ เพราะโรงพยาบาลเกา่ ซงึ่ สรา้ งไวใ้ นทะเล จำ� นงคม์ คี วามคดิ อยใู่ นใจเปน็ เวลานานมาแลว้ วา่ ถา้ สามารถ
เป็นสถานท่ีไม่เหมาะและไม่สะดวกในการที่จะขยาย ตัดถนนสายกลางเมืองข้ึนได้อีก 1 สายแล้วจะท�ำให้ตัว
โรงพยาบาลให้ใหญ่โตตามประสงค์ได้ ตัวนายแพทย์สง่า เมอื งชลบุรมี ีลักษณะนา่ ดขู น้ึ เปน็ อันมาก ดังน้ัน เมื่อไดม้ า
วิชพันธ์ เองได้ตรวจดูสถานท่ีแล้วได้เห็นท่ีแห่งหน่ึง ดำ� รงตำ� แหนง่ นายกเทศมนตรเี มอื งชลบรุ ขี นึ้ แลว้ เชน่ น้ี จงึ
เหมาะแก่การสร้างโรงพยาบาลใหม่และเป็นท่ีของหลวง ขอถือเอาความตั้งใจของตนมาเป็นนโยบายท่ีเทศบาลจะ
บ�ำรุงฯ นายกเทศมนตรีน่ันเอง จึงได้เจรจาขอร้องต่อ ไดจ้ ดั ทำ� ตอ่ ไปและไดแ้ ถลงตอ่ ไปวา่ นอกจากเรอ่ื งตดั ถนน
หลวงบำ� รงุ ฯ ทง้ั ขอใหช้ ว่ ยจดั การหาเงนิ มาตง้ั งบประมาณ แล้วจะได้จัดการกับตรอกต่างๆ ซึ่งเดิมเป็นทั้งทางเกวียน
จ่ายค่าท่ีรายนี้ให้เสร็จไปโดยเร็วด้วย แต่ถึงแม้ว่าทาง และทางเดนิ เทา้ ใหม้ รี ปู รา่ งเปน็ ตวั ถนนขนึ้ อยา่ งแทจ้ รงิ อกี
โรงพยาบาลจะไดท้ ่ีดินจำ� นวนถงึ ๒๑ ไร่ และมีความยาว ดว้ ย ซง่ึ ทป่ี ระชมุ สภาไดร้ บั ทราบดว้ ยความยนิ ดี แตน่ นั้ มา
66 หนังสือท่รี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
นายจ�ำนงค์ก็ได้สั่งให้จัดการถมที่ดินจากด้านทิศเหนือ สขุ มุ วทิ แตเ่ ดมิ เปน็ เสน้ ทางคนเดนิ และเสน้ ทางเกวยี นเปน็
เรมิ่ จากแนวถนนสาครพทิ กั ษผ์ า่ นทว่ี า่ งดา้ นทศิ ตะวนั ออก ทรายฟบุ มาก เจ้าของทดี่ ินยังมไิ ด้ปลกู บา้ นเรอื นหรือหอ้ ง
ของวดั กำ� แพงมาทางทศิ ใต้ ถมหนองตน้ โพธหิ์ มดสนิ้ จนมา แถวแตป่ ระการใด ทางจงึ แลดกู วา้ งมาก เมอื่ หลดุ แนวหลงั
จดทางเดินของตรอกต้นจันทน์ ซึ่งแนวถนนต่อไปจะต้อง วัดออกไปก็เป็นทุ่งนา นายจ�ำนงค์จึงได้เที่ยวเจรจาติดต่อ
ผา่ นทด่ี นิ ของเอกชน แลว้ ผา่ กลางวดั โรมนั คาทอลกิ ออกมา กับเจ้าของที่สองข้างทางจนได้ท่ีท�ำถนนกว้างดังท่ีเห็นอยู่
จดทางเกวยี นทางดา้ นใตร้ ะหวา่ งเขตวดั โรมนั คาทอลกิ และ เวลาน้ี ครน้ั แลว้ กม็ าถงึ ตอนทจี่ ะเชอื่ มกบั ถนนวชริ ปราการ
วดั ใหมพ่ ระยาทำ� ซงึ่ นายจำ� นงคก์ ส็ ามารถเจรจากบั เจา้ ของ ได้เล่าไว้แล้วแต่ต้นว่าตอนปากถนนท่ีจะเช่ือมกันน้ีเป็นที่
ที่และผู้ปกครองวัดโรมันคาทอลิกจนส�ำเร็จ ได้ตัดถนน ของเอกชนขวางกั้นอยู่ตรงกลางและเจ้าของได้ปลูกห้อง
ผ่านไปตามแนวที่กะไว้ ต่อจากน้ันก็ได้รับอนุญาตจาก แถว ๓ ห้องมีผู้เช่าค้าขายอยู่เต็ม ทางเทศบาลได้มีความ
เจ้าอาวาสวัดใหมฯ่ ให้ตัดถนนเข้าไปในท่ีว่างของวัดใหมฯ่ เห็นพร้อมกันว่าต้องตั้งงบประมาณไว้เพ่ือซ้ือท่ีดินที่ขวาง
แล้วได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสวัดใหญ่ฯ ให้ตัดผ่านที่ ก้ันอยู่นี้ รื้อห้องแถวออกเป็นตัวถนน ดังน้ันนายจ�ำนงค์
ป่าช้าของวัดใหญ่ฯ ไปจนส�ำเร็จเป็นถนนข้ึนได้ตาม และผเู้ ขยี นจงึ ไดพ้ ากนั ไปหาเจา้ ของทซ่ี งึ่ อยู่ ณ สะพานบา้ น
ประสงค์ เม่ือได้จัดการกรุยทางและปักเขตถนนเป็นที่ โขด และได้เจรจาให้ทราบว่าเทศบาลมีความประสงค์จะ
เรียบร้อยแล้วนายจ�ำนงค์ได้ตั้งช่ือถนนสายน้ีว่า “ถนน ขอซอ้ื ทด่ี นิ ซึ่งขวางปากถนนอัคนิวาต ในชน้ั ต้นเจา้ ของไม่
เจตน์จ�ำนงค์” ซ่ึงเป็นช่ือที่เหมาะสมกับความหมายเป็น ยอมขายโดยอ้างเหตุผลต่างๆ แต่ทางฝ่ายเราก็ได้อธิบาย
อยา่ งยงิ่ และไดต้ งั้ ชอ่ื ถนนสายเดมิ วา่ “ถนนวชริ ปราการ” ช้ีแจงให้เจ้าของที่ได้ทราบว่าเทศบาลมีความจ�ำเป็นจริงๆ
และต้งั ช่ือตรอกศาลเจา้ พอ่ สาครว่า “ถนนสาครพิทกั ษ์” ท่ีจะต้องได้ที่รายนี้เปิดเป็นถนนให้จงได้ และได้อ้อนวอน
และปักเขตขยายถนนให้กว้างตั้งแต่ระหว่างวัดเครือวัลย์ เจ้าของให้ตกลงขายให้ด้วยการเจรจากันเถิด อย่าให้ต้อง
และวัดนอกไปจดถนนสุขุมวิท จัดถมทางเกวียนข้าง มีการบังคับซื้อเลย ดังน้ันเจ้าของจึงได้ตกลงขายซ่ึงทาง
วัดก�ำแพงด้านใต้เพ่ือขยายถนนตอนน้ันให้กว้างข้ึน แล้ว ฝา่ ยเทศบาลกไ็ ดแ้ จง้ ใหเ้ จา้ ของทราบวา่ เมอื่ ไดจ้ ดั การโอน
ตั้งช่ือตรอกตลาดปลา (เก่า) หรือท่ีชาวบ้านชอบเรียกกัน กันแล้วหากทางเจ้าของต้องการเสา ไม้ และอื่นๆ ทาง
วา่ ทางไปหนองต้นโพธว์ิ ่า “ถนนโพธท์ิ อง” ซ่งึ ถนนสายนี้ เทศบาลก็ยินดีให้รื้อถอนเอาไปได้ ดังนั้น ตอนปากถนน
มีอาณาเขตไปจดถนนสุขุมวิทดังกล่าว แล้วตั้งช่ือตรอก อัคนิวาตซึ่งอยู่ระหว่างธนาคารศรีอยุธยากับธนาคาร
วัดใหม่ว่า “ถนนหลานกุญชร” และต้ังชื่อถนนซ่ึงต้ังต้น ออมสินซ่ึงเช่ือมกับถนนวชิรปราการจึงมีความกว้างมาก
แต่ถนนวชิรปราการตรงศาลาฟังธรรมตรงไปหน้าประตู ทำ� ใหต้ ัวเมืองมลี ักษณะภมู ิฐานนา่ ดยู ง่ิ ขน้ึ เปน็ อันมาก
วดั ใหญฯ่ วา่ “ถนนพรหมาสตร”์ อนั เปน็ ชอ่ื ศรของพระราม ยังมีถนนอีกสายหนึ่งซ่ึงปัจจุบันน้ีมีชื่อว่า “ถนน
เลม่ หนง่ึ แลว้ ตง้ั ชอื่ ถนนสายหนา้ โรงไฟฟา้ วา่ “ถนนอคั นวิ าต” ชัยชนะ” พ้ืนท่ีเดิมของถนนสายน้ีก็คือทางเกวียน และ
ซง่ึ เปน็ ชื่อศรของพระรามอีกเลม่ หนึ่ง ซ่ึงเมื่อแผลงออกไป ทางคนเดนิ ซึง่ อยูร่ ะหวา่ งเข่ือนของวัดโรมันคาทอลิกและ
แล้วเป็นไฟ อันมีความหมายถึงโรงไฟฟ้าของเทศบาลใน เขอ่ื นของวัดใหม่ฯ เวลาฤดูฝนทางสายน้เี ฉอะแฉะมากจน
เวลาน้ันตั้งอยู่ข้างถนนสายนี้ด้วย และต้ังชื่อถนนเชื่อม คนเดินทางท่ีประสงค์จะไปทางวัดป่าต้องอาศัยเดินในวัด
ระหวา่ งถนนพรหมาสตรก์ บั ถนนอคั นวิ าต ตรงหนา้ ธนาคาร ใหม่ฯ ไปออกทางหน้าโบสถ์แล้วเดินทางตามคันนาต่อ
ไทยพาณิชย์ว่า “ถนนพลายวาต” อันเป็นชื่อศรของ ไป ระหว่างเขื่อนของวัดทัง้ สองน้ีมีความกว้างประมาณ ๔
พระรามอีกเล่มหนึ่ง นอกจากน้ียังได้ตั้งช่ือถนนสายจาก เมตร ซึ่งไม่กว้างพอที่จะสร้างเป็นถนน นายจ�ำนงค์จึงได้
หน้าท่ที �ำการไปรษณียต์ รงไปยังทะเล มคี ลองอยขู่ า้ งถนน ท�ำการตดิ ต่อกับวัดทัง้ สองขอร่นเข้าไปทง้ั สองขา้ ง แตท่ าง
ซงึ่ เวลาน้นั เปน็ ท่าเรือแหง่ หน่งึ วา่ “ถนนพาสเภตรา” วัดทั้งสองก็อนุญาตให้ร่นเขื่อนเข้าไปเพียงเล็กน้อย ยังได้
การสร้างถนนอัคนิวาตออกไปบรรจบกับถนน เนื้อที่กว้างไม่พอกับความต้องการของนายจ�ำนงค์เพราะ
หนงั สอื ทีร่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี 67
ทางวดั ทั้งสองต่างเก่ยี งกนั ใหน้ ายจ�ำนงค์รน่ เขื่อนของฝา่ ย ปลูกน้นั คงเหลือช่องทางเดินในตรอกราว ๕ เมตรเทา่ นั้น
ตรงข้ามเข้าไปอีก นายจ�ำนงค์จึงได้ส่ังให้คนงานร่นเขื่อน นายชาญจงึ ไดส้ ง่ คนออกตดิ ตอ่ กบั เจา้ ของทส่ี องขา้ งตรอก
ไปตามความเห็นของตนตามท่ีเห็นควร จึงเป็นเหตุให้คน น้ันว่า ถ้าหากเจ้าของที่เหล่าน้ันจะปลูกห้องให้ถอยหลัง
งานของเทศบาลจะเกดิ ววิ าทกบั คนของวดั นายจำ� นงคจ์ งึ ออกไปโดยเว้นท่ีด้านหน้าไว้เป็นตัวถนนให้กว้างเท่ากับท่ี
สั่งระงับการสร้างถนนสายน้ีไว้ช่ัวคราว โดยไม่ยอมสร้าง เป็นอยู่ในเวลาน้ีแล้ว นายชาญยินดีท่ีจะร้ือตึกแถวด้าน
ถนนไปตามความกวา้ งของเนอื้ ทที่ ม่ี อี ยแู่ ลว้ ครนั้ อยตู่ อ่ มา ถนนเจตน์จ�ำนงซ่ึงได้สร้างเสร็จเรียบร้อยและมีคนเช่าอยู่
ไมน่ านไมท่ ราบวา่ นายจ�ำนงคไ์ ดจ้ ดั การอยา่ งไรจงึ ไดเ้ นอ้ื ท่ี แล้วน้ันออกหน่ึงห้อง ทั้งจะสร้างถนนในเนื้อที่ของตนมา
กวา้ งออกไปตามความตอ้ งการตามทเ่ี ปน็ อยเู่ วลานี้ ดงั นนั้ บรรจบกับทางสาธารณะตรงทางเกวียน และเปิดให้เป็น
เมอื่ ไดก้ รยุ ทางและถมดนิ จนพน้ เขอื่ นของวดั ทงั้ สองจนถงึ ทางเดินเข้าออกซึ่งจะเป็นเส้นทางตรงสู่ถนนเจตน์จ�ำนง
ถนนสุขุมวิทแล้ว นายจ�ำนงค์จึงได้ตั้งชื่อถนนสายน้ีตาม ด้วย ซ่ึงเจ้าของที่สองข้างตรอกได้พิจารณาแล้วเห็นว่า
เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนว่า “ถนนชัยชนะ” ซึ่งปัจจุบันน้ีเป็น ถ้าได้ปฏิบัติตามความคิดเห็นของนายชาญแล้วจะเป็น
ถนนสายส�ำคัญท่ีมีความเชื่อมโยงจากถนนสุขุมวิทมายัง ประโยชนม์ าก จงึ ไดว้ างแผนผงั ปลกู ตกึ แถว ถอยหลงั ออก
ถนนเจตน์จ�ำนงเข้าต่อกับถนนหลานกุญชรจนถึงถนน ไปจนเหลอื ทเ่ี ปน็ ทางเดนิ กวา้ งขน้ึ จากทก่ี ะไวเ้ ดมิ มาก สว่ น
วชิรปราการเป็นเส้นทางตรง เป็นการท�ำให้ตัวเมืองมีรูป นายชาญก็ได้รื้อห้องแถวของตนทางด้านถนนเจตน์จ�ำนง
ร่างดีข้ึนเป็นอย่างมากอีกสายหนึ่ง ยังมีท่ีส�ำคัญอีกแห่ง ออกหนึง่ ห้อง แลว้ ท�ำถนนมาเชอ่ื มกันตรงทางเกวียนตาม
หนึ่งซง่ึ เห็นว่าควรเขยี นไวใ้ หท้ ราบอย่างละเอยี ด ทีน่ น่ั คือ ทพี่ ดู ไว้ แลว้ ให้ชื่อถนนสายนีว้ า่ “ซอยศรีมงคล” ซ่ึงตรง
ถนนซอยศรีมงคล ซอยน้ีแต่เดิมเรียกกันว่า “ตรอก กับชื่อค�ำแรกของพระยาศรีมหาเกษตรซึ่งท่านมีบ้านอยู่
โรงหมู” เพราะว่ามีโรงฆ่าหมูตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกลาง ในซอยน้ี ถนนซอยนี้เม่ือสร้างเสร็จแล้วท�ำให้ตัวเมืองมี
ซอยนี้ และมีทางเกวียนจากถนนชัยชนะผ่านถนน ลักษณะน่าดูข้ึนและมีความส�ำคัญแก่การจราจรเป็น
เจตนจ์ ำ� นงมาทางดา้ นหลงั ของทต่ี งั้ ธนาคารกรงุ เทพ จำ� กดั อย่างย่ิง การท่ีนายชาญได้ปฏิบัติการไปดังกล่าวแล้ว
ในปจั จบุ นั นมี้ าสยู่ งั ทว่ี า่ งของหนา้ โรงฆา่ หมู ทางเกวยี นนยี้ งั ผเู้ ขยี นขอชมนายชาญไว้ในทน่ี ้ีดว้ ย
เลยผา่ นไปทางดา้ นเหนอื โดยผา่ นตรอกตน้ จนั ทนห์ ลงั ศาล
เจ้าก๊วนหน้าวัดก�ำแพงด้วย ดังน้ัน เม่ือเราเดินเข้าตรอก
โรงหมูทางด้านถนนวชิรปราการตรงไปทางตะวันออก
จนถึงทางเกวียนตอนที่โค้งไปทางด้านทิศใต้แล้ว และถึง
ที่ดินผืนใหญ่ของนายชาญ กุญชราทรเทพ ขวางหน้าอยู่
คร้ันเม่ือถนนเจตน์จ�ำนงได้ตัดผ่านที่ของนายชาญ ทาง
ดา้ นตะวนั ออกเสรจ็ เรยี บรอ้ ยแลว้ นายชาญจงึ ไดส้ รา้ งหอ้ ง
แถวขึ้นหลายห้องในเน้ือที่ด้านเหนือของตน โดยหันหน้า
ห้องมาทางทิศใต้ดังที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ ส่วนเนื้อที่ด้านหน้า
ซึ่งติดกับถนนเจตน์จ�ำนงนั้นก็ได้สร้างห้องแถวหันหน้า
ออกถนนใหญ่จ�ำนวนหลายห้องเช่นกัน คงเว้นท่ีว่างเป็น
ทางเดินส�ำหรับเข้าออกของห้องแถวข้างในราว ๔ เมตร
ตอ่ มาเจา้ ของทส่ี องขา้ งตรอกโรงหมนู กี้ ไ็ ดเ้ ตรยี มการปกั ไม้
วางแผนผงั จะปลกู ห้องแถวขน้ึ บ้าง ตามแผนผังที่กะว่าจะ สภาพบา้ นเรือนริมทะเล
68 หนังสือทีร่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
ขอเลา่ เพ่ิมเติมไวด้ ว้ ยวา่ เมอ่ื กอ่ นหน้านีห้ ลายสบิ ปี
ป่าไม้ยังมิได้ถูกถางโล่งเตียนไปไกลจากตัวเมืองมากนัก
เมอ่ื ถงึ ฤดฝู นชกุ มฝี นใหญต่ กตดิ ตอ่ กนั ๒ วนั นำ้� ปา่ จะไหล
มาตามทางเกวยี น ผา่ นขา้ งวดั ปา่ ผา่ นถนนสขุ มุ วทิ มาตาม
ทางเกวียนในถนนชัยชนะผ่านถนนเจตน์จ�ำนงมาออก
ทางตรอกโรงหมูแล้วไหลข้ามถนนวชิรปราการลงสู่ทะเล
ทางสะพานหวั คา่ ย (กลปอ้ มคา่ ย) อยเู่ สมอ บางปมี นี ำ้� ไหล
มามากจนเซาะเสาห้องแถวกระท�ำให้เจ้าของห้องต้อง
วนุ่ วายหากระดานมากันปะทะไว้
อน่ึง ในตรอกโรงหมูน้ีเคยเป็นท่ีต้ังโรงบ่อนเบี้ย
อยู่ประมาณ ๒ ปี ตรงห้องแถวด้านเหนือห่างจาก ถนน
วชิรปราการเข้าไปราว 90 เมตร เมื่อเลิกจากตง้ั บ่อนเบี้ย
แลว้ กเ็ ปลยี่ นเปน็ วกิ แสดงลเิ กอยคู่ ราวหนง่ึ จงึ ปรบั ปรงุ เปน็ ชุมชนเสรมิ สนั ตใิ นอดีต
หอ้ งแถวขน้ึ หลายห้อง
นอกจากนายจ�ำนงค์ได้ต้ังชื่อถนนต่างๆ ดังกล่าว (สะพาน ๑๖), เอกวุฒิ (สะพานหมอเก)๋ , อทุ ยาน (สะพาน
มาแล้ว นายจ�ำนงค์ยังได้ต้ังช่ือสะพานต่างๆ ให้มีนาม หน้าวัดสมถะ), ธารนที ปรดี ารมย์ (สะพานหน้าวดั น้อย),
คล้องจองกันท�ำให้จ�ำได้ง่ายอีกด้วย เพราะแต่เดิมช่ือของ ชมสำ� ราญ ยา่ นโพธทิ์ อง (สะพานหนา้ วดั โพธ)์ิ , คลองสงั เขป
สะพานนั้นชาวบา้ นตัง้ ชื่อเรียกกนั เอง บางสะพานก็ตัง้ ชอ่ื (สะพานคลอง), เทพประสาท, ราษฎรป์ ระสทิ ธ,์ิ จติ ตป์ ระสงค,์
คนที่อยู่ในสะพานนั้น แต่คนผู้นั้นก็ตายไปนานแล้ว จงประสาน เทศบาลสมมติ (เป็นสะพานสุดท้ายซึ่งอยู่ใน
คนรนุ่ หลงั กเ็ ลยไมท่ ราบวา่ หมายถงึ สะพานไหน ชอื่ สะพาน เขตเทศบาล) แลว้ ไดน้ �ำปา้ ยช่อื สะพานซ่งึ ตง้ั ชื่อใหมม่ าปกั
ท่ีนายจ�ำนงค์ตั้งข้ึนน้ี ผู้เขียนจะได้เขียนช่ือเก่าก�ำกับไว้ใน ไวท้ ี่เชงิ สะพานเพือ่ ใหเ้ ป็นที่ทราบกัน
วงเล็บด้วยแต่คงเขียนช่ือเก่าไม่ได้ครบทุกสะพานไป อนง่ึ โฉนดทดี่ นิ ซงึ่ เจา้ หนา้ ทไ่ี ดอ้ อกใหผ้ ถู้ อื กรรมสทิ ธ์ิ
ข้ึนต้นของชื่อสะพานท่ีเปล่ียนชื่อใหม่เริ่มจากสะพาน ในสมัยก่อนๆ น้ัน ได้เขียนชื่อหมู่บ้านและต�ำบลตามชื่อ
ด้านใต้สุดเรียงล�ำดับมาทางทิศเหนือ ดังต่อไปน้ี ลาดวิถี ที่ต้ังไว้เดิมทั้งนั้น จึงขอเล่าถึงการต้ังชื่อต�ำบลเสริมไว้ให้
(สะพาน ๑), ศรีบญั ญัติ (สะพาน ๒), รัฐผดุง (สะพาน ๓), คนรนุ่ หลงั ๆ ไดท้ ราบดว้ ยวา่ เดมิ เมอื่ ทางราชการไดจ้ ดั รวม
บำ� รงุ เขต (สะพาน ๔), เจตนป์ ระชา (สะพาน ๕), ทฆี ามารค หมู่บ้านเป็นต�ำบลข้ึนน้ัน ในตัวเมืองชลฯ น้ี ทางราชการ
(สะพานยาว), ภาคมหรรณพ์ (สะพานบา้ นแมห่ อ่ ), จนั ทรส์ ถติ ย์ ได้แบ่งเขตออกเป็นหลายต�ำบล คือต้ังแต่แนวสะพาน
(สะพานบ้านนายสรอย จันทถิระ), พิทย์สถาน (สะพาน คกู ำ� พล ซอยหลานกญุ ชร ถนนชยั ชนะ (เพยี งแนวหลงั วดั )
บา้ นแม่คง), บา้ นลำ� ภู (สะพานตน้ ล�ำพ)ู , คกู �ำพล (สะพาน ฝั่งด้านใต้เร่ือยไปจดคลองบางปลาสร้อยเป็นต�ำบลท้าย
แดง), กลปอ้ มคา่ ย (สะพานหัวคา่ ย), บ่ายพลนำ� (สะพาน บ้าน และต้ังแต่แนวสะพานศรีนิคม ถนนโพธ์ิทองฝั่งใต้
คณุ จ่า), สำ� ราญราษฎร์ (สะพานจนี ), ชาติเดชา (สะพาน เร่ือยมาจนจดเขตต�ำบลท้ายบ้านเป็นต�ำบลตลาดกลาง
จนี สน้ั ), ทา่ เรอื พลี (สะพานศาลเจา้ ซงึ่ เปน็ ทา่ เรอื ), ศรนี คิ ม และต้ังแต่แนวสะพานเสริมสันติ ถนนสาครพิทักษ์ฝั่งใต้
(สะพานเก๋ง), ปฐมวัย (สะพานโรงเรียนกล่อมปฐมวัย), เรื่อยมาจดเขตต�ำบลตลาดกลาง และต้ังแต่แนวสะพาน
ไกรเกรยี งยคุ (สะพานค)ู่ , สขุ นริ นั ดร์ (สะพานบา้ นนายสนุ ), เสริมสันติ ถนนสาครพิทักษ์ฝั่งใต้เร่ือยมาจดเขตต�ำบล
เสรมิ สนั ติ (สะพานหลวง), ตอ่ จากนไ้ี ปขนึ้ ตน้ ใหมว่ า่ อดเิ รก ตลาดกลาง เหนือขึ้นไปนั้นเป็นต�ำบลบ้านโขดและบาง
หนงั สอื ทรี่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 69
ทรายตามลำ� ดบั คำ� วา่ บางปลาสรอ้ ยซงึ่ เปน็ ชอื่ ดงั้ เดมิ หาย
ไป คร้ันต่อมาทางราชการมีความเห็นว่าควรจะรักษาชื่อ
ตำ� บลหรอื เมืองทป่ี รากฏในประวตั ิศาสตร์เอาไว้ จงึ ไดเ้ อา
เขตต�ำบลท้ายบ้านและตลาดกลางรวมกัน แล้วเปลี่ยน
ชอื่ ใหมเ่ ปน็ ต�ำบลบางปลาสรอ้ ย ทัง้ ยงั เปลยี่ นชอื่ อำ� เภอ
เมืองเป็นอ�ำเภอบางปลาสร้อยอีกด้วย แต่ต่อมาไม่ก่ีปีก็
กลับเปลี่ยนช่ือเป็นอ�ำเภอเมืองอีก แต่คร้ังหลังนี้ต้องเติม
ชอ่ื ของเมอื งลงไปดว้ ย เชน่ อำ� เภอเมอื งชลบรุ ี อำ� เภอเมอื ง
ฉะเชิงเทรา เป็นต้น
เมื่อตอนท่ีนายจ�ำนงค์ จันทถิระ เข้ารับต�ำแหน่ง
นายกเทศมนตรเี มืองชลบุรี ในปีแรกๆ นน้ั เทศบาลฯ ได้ โรงน้�ำปลาทงั่ ซังฮะในอดตี
ต้ังงบประมาณจ่ายเงินเดือนให้เพียงเดือนละ ๑๒๐ บาท
เทา่ นน้ั ซงึ่ ไดร้ บั นอ้ ยกวา่ เงนิ เดอื นของนายแพทยม์ าก ทง้ั นี้ ได้ต้ังชื่อถนนช่วงนี้ว่า “ถนนราษฎร์ประสงค์” คร้ันเมื่อ
กโ็ ดยนายแพทยน์ นั้ ไดร้ บั เงนิ เดอื นทางรฐั บาลอยแู่ ลว้ เดอื น นายแพทย์ประสงค์ได้ลาออกจากต�ำแหน่งแล้ว สภาได้
ละ๑๖๐บาทเทศบาลจงึ จา่ ยใหอ้ กี หนง่ึ เทา่ รวมไดร้ บั ๒ทาง เลือกตั้งให้นายประชา ใช้ฮวดเจริญ เป็นนายกเทศมนตรี
เปน็ เงนิ เดือน เดอื นละ ๓๒๐ บาท แต่ผลงานท่ีนายจ�ำนงค์ (๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙3 - ๑๔ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๙4)
ได้จัดท�ำไวแ้ มว้ า่ ยังไม่สำ� เร็จบริบูรณเ์ ป็นสว่ นมาก เช่น ยงั นายประชา ใช้ฮวดเจรญิ นายกเทศมนตรแี ละนายการณุ
มไิ ดถ้ มหนิ ลาดยางวางทอ่ ระบายนำ�้ กด็ ี แตน่ ายจำ� นงคก์ ไ็ ด้ อูนากูล เทศมนตรี ได้ติดต่อกับเจ้าอาวาสวัดน้อย และ
ปักผังวางแนวไว้เสร็จแล้ว ทั้งนี้นับว่าได้ท�ำคุณประโยชน์ เจ้าอาวาสวัดสมถะขออนุญาตรื้อเข่ือนกั้นเขตวัดทั้งสอง
ให้แก่ชาวเมืองชลบุรีเป็นอย่างย่ิง ทั้งเป็นการสะดวกแก่ ออก แลว้ สรา้ งถนนในทข่ี องวดั จากถนนวชริ ปราการไปทาง
ผทู้ ร่ี ับหนา้ ทีต่ ่อมาด้วย ตามที่ไดเ้ ขยี นเลา่ มาแลว้ นี้จะเหน็ ทศิ ตะวนั ออกจนจดกบั ถนนราชประสงค์ ซงึ่ ตามโครงการ
ได้ว่านายจ�ำนงค์ต้องใช้ความคิดและก�ำลังกายเที่ยววิ่ง ต้องการจะตัดพุ่งเป็นเส้นตรงไปบรรจบกับถนนสุขุมวิท
ตดิ ตอ่ กบั เจา้ ของทดี่ นิ ตา่ งๆ มากมาย ซง่ึ ผเู้ ขยี นขอเลา่ เรอ่ื ง แต่เป็นท่ีน่าเสียดายท่ีเจ้าของท่ีดินที่ขวางอยู่ไม่อนุญาต
นไ้ี วเ้ พอ่ื เปน็ อนสุ รณแ์ กน่ ายจำ� นงค์ จนั ทถริ ะ ผวู้ ายชนมไ์ ป เทศบาลจึงยังไม่มีทางเชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทกับถนน
แลว้ ด้วย วชิรปราการเป็นเส้นตรงทางด้านเหนือ ถนนท่ีตัดใหม่น้ี
ในสมัยที่มีการเลือกต้ังสมาชิกสภาเทศบาลคร้ังต่อ ตอ่ มาทางเทศบาลต้งั ช่อื ว่า “ถนนไทยประชา”
มา สภาเทศบาลเมอื งชลบรุ ไี ดเ้ ลอื กตงั้ ใหข้ นุ อภยั ประศาสน์ เมื่อนายประชา ใช้ฮวดเจริญ ลาออกจากหน้าท่ี
(ใจโพธสิ นุ ทร)เปน็ นายกเทศมนตรี(๒มกราคมพ.ศ.๒๔๘๘ นายกเทศมนตรแี ลว้ นายสรุ ชยั คมั ภรี ญาณนนท์ ไดร้ บั เลอื ก
- ๒5 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๒) ซ่ึงก็ได้จัดการต่อไป ใหเ้ ปน็ นายกเทศมนตรตี ่อมา (๑5 สงิ หาคม พ.ศ. ๒๔๙๔
ตามโครงการทน่ี ายจำ� นงค์ จนั ทถริ ะ ได้วางไว้ - ๑๐มถิ นุ ายนพ.ศ.๒๔๙๖)ระหวา่ งทนี่ ายสรุ ชยั รบั หนา้ ทอี่ ยู่
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลคร้ังต่อมาอีก นไ้ี ดม้ ผี อู้ นญุ าตใหเ้ ทศบาลใชท้ ดี่ นิ ตดั ถนนจากถนนสขุ มุ วทิ
สภาเทศบาลเมอื งชลบรุ ไี ดเ้ ลอื กตงั้ ให้ นายแพทยป์ ระสงค์ มาทางทิศตะวันตกผ่านข้างโบสถ์วัดราษฎร์บ�ำรุง มาร่วม
บานชนื่ เปน็ นายกเทศมนตรี (๒๖ พฤษภาคม ๒๔๙๒ - ๑๖ ถนนราษฎร์ประสงค์อกี สายหนง่ึ ซง่ึ ทางเทศบาลให้ชือ่ ว่า
มกราคม ๒๔๙๓) นายแพทยป์ ระสงค์ ไดส้ งั่ ใหถ้ มดนิ ตาม “ถนนสรุ ชยั ” ถนนสายนแ้ี มว้ า่ จะไมเ่ ปน็ เสน้ ทางตรงแตก่ ็
แนวถนนเจตน์จ�ำนงด้านเหนือซ่ึงนายจ�ำนงค์วางผังไว้ นบั วา่ เปน็ ถนนทชี่ ว่ ยแกค้ วามยงุ่ ยากในการทรี่ ถจะผา่ นเขา้
แลว้ ตอ่ ไปจนพน้ เขตวดั ราษฎรบ์ ำ� รงุ ซงึ่ ตอ่ มาทางเทศบาล มาถนนวชิรปราการลงได้มาก
70 หนังสอื ที่ระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
ต่อมาถึงคราวเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลกันใหม่
อีก แต่คร้ังนี้และครั้งต่อๆ มาผู้เขียนมิได้ยื่นสมัครเป็น
สมาชกิ จงึ ไมค่ อ่ ยทราบกจิ การของเทศบาล แตม่ เี รอ่ื งทคี่ วร
เล่าอีก ๒ เร่ือง เพราะเป็นเร่ืองต่อเนื่องกัน คือต่อมาใน
ตอนหลังๆ ได้มีถนนเชื่อมจากถนนเจตน์จ�ำนงกับถนน
สขุ มุ วทิ เกดิ ขน้ึ อกี หนงึ่ สายโดยใชท้ ด่ี นิ ของโรงเจ และทด่ี นิ
ซง่ึ เวลานนั้ เปน็ ของตระกลู โปษยานนท์ และทด่ี นิ ของผอู้ นื่
อีกสร้างถนนสายนี้ขึ้น ได้ทราบว่า นายสมชาย โปษยา
นนท์ ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีในเวลานั้นได้เป็นผู้ท�ำการ
ติดต่อกับเจ้าของที่ดินเหล่าน้ันได้ส�ำเร็จ ถนนสายนี้ทาง
เทศบาลไดต้ งั้ ชอ่ื วา่ “ถนนโปษยานนท”์ นบั เปน็ ถนนเชอื่ ม
สายส�ำคัญสายหนึ่ง ท�ำให้ตัวเมืองมีลักษณะดีย่ิงขึ้นและ โรงเรียนชลกนั ยานกุ ูล พ.ศ. 2484
ทำ� ใหก้ ารจราจรคล่องตัว
อนงึ่ ในสมยั ที่ นายนารถ มนตเสวี เปน็ ผวู้ า่ ราชการ และกระทรวงศึกษาธิการยังได้ให้งบประมาณมาสร้างตึก
จงั หวดั ชลบรุ ี (๓ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๐๒ - ๑๐ กนั ยายน วิทยาศาสตร์ขึ้นทางด้านตะวันออกของโรงเรียนสตรีฯ
พ.ศ. ๒๕๑๓) อยนู่ นั้ นอกจากจะไดร้ บั อนญุ าตจากกระทรวง อีกหนึ่งหลังด้วย ต่อมาได้รับงบประมาณแผ่นดินมาสร้าง
มหาดไทยให้รื้อบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัดออก เพื่อใช้ท่ี ศาลากลางจงั หวดั ชลบรุ ขี นึ้ ใหมเ่ ปน็ ตกึ ๒ ชน้ั โดยใชส้ นาม
สร้างหอพระพุทธสิหิงค์ฯ และได้สร้างบ้านพักผู้ว่าราชการ หนา้ ศาลาเทศบาล (หลังเก่า) เปน็ ที่สร้าง เมอ่ื เสร็จแล้วได้
จงั หวดั ขนึ้ ใหมด่ งั ไดก้ ลา่ วไวใ้ นตอนตน้ แลว้ นายนารถ มนตเสวี ทำ� พธิ เี ปดิ เมอ่ื วนั ที่๑๗ มนี าคมพ.ศ.๒๕๑๐ไดท้ ราบวา่ ในการ
ยังได้จัดให้มีการถมดินด้านชายทะเลซึ่งอยู่ต่อจากบ้าน สร้างนี้เงินงบประมาณท่ีได้มาไม่พอจึงได้ขออนุญาตขาย
พกั แหง่ ใหมล่ งไป อกี ไกลและมบี รเิ วณกวา้ ง แลว้ ไดข้ อเงนิ ศาลากลางหลงั เดมิ ใหแ้ กเ่ ทศบาลเมอื งชลบรุ เี พอ่ื ไดเ้ งนิ มา
สภาจงั หวดั ชลบรุ บี า้ ง เงนิ งานสงกรานตป์ ระจำ� ปบี า้ ง และ สมทบ ศาลาเทศบาลเมืองชลบุรีจึงได้ย้ายไปอยู่ที่ศาลา
เงนิ อน่ื ๆ อกี หลายอยา่ งรวมกนั มาสรา้ งโรงเรยี นสตรปี ระจำ� กลางจังหวัดชลบุรีหลังเก่าสืบมา ส่วนศาลาเทศบาลเดิม
จังหวัดชลบุรี (ชลกนั ยานกุ ูล) ขน้ึ ใหม่ ณ ทใ่ี กลช้ ายทะเล และสโมสรข้าราชการนั้นได้ถูกร้ือลงเป็นท่ีว่างตลอด
ในการหาเงินสร้างนี้ได้อาจารย์สุภรณ์ วีรวรรณ ครูใหญ่ บรเิ วณ และคลองทม่ี อี ยหู่ ลงั ศาลาเทศบาลหลงั เดมิ นนั้ เมอ่ื
โรงเรียนชลกันยานุกลู ในเวลานัน้ เปน็ ผตู้ ิดต่อกบั นักเรียน หมดสภาพในการใชเ้ ป็นทา่ เรอื แลว้ จึงไดถ้ กู กลบไปด้วย
เก่า และท่ียังก�ำลังเรียนอยู่พร้อมด้วยคณะครู ได้เงินมา ในอนาคตข้างหน้าเมืองชลบุรีจะเจริญเติบโตข้ึน
จัดการถมดินในบริเวณโรงเรียนประมาณหนึ่งแสนบาท บ้านเรือนถนนหนทางและสถานที่ต่างๆ จะเปล่ียนแปลง
และยังไดต้ ดิ ต่อขอความช่วยเหลอื จากผู้ปกครองนกั เรียน ไปจากสภาพท่ีเราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน และเมื่อถึงเวลา
พ่อคา้ และคหบดี ไดเ้ งนิ มาสมทบในการสร้างโรงเรยี นอีก นั้นถ้าอนุชนรุ่นหลังบังเอิญจะได้อ่านถึงประวัติความเป็น
หลายแสนบาทดว้ ย ปรากฏวา่ ไดใ้ ชจ้ า่ ยเงนิ เปน็ คา่ ถมทดี่ นิ มาของสถานท่ีตา่ งๆ ตามทผ่ี เู้ ขยี นไดเ้ ขยี นบรรยายมาแลว้
และกอ่ สรา้ งโรงเรยี น คา่ สรา้ งโตะ๊ เกา้ อน้ี กั เรยี น และอนื่ ๆ ข้างต้น ก็หวังว่าจะช่วยท�ำให้ได้รับความรู้ความบันเทิงใจ
รวมทั้งสิ้นประมาณ ๒,๒๙๐,๐๐๐ บาท และได้ย้าย และทราบถึงความเป็นมาของสภาพอ�ำเภอเมืองชลบุรี
โรงเรียนสตรีฯ ไปอยู่ ณ โรงเรียนท่ีสรา้ งใหมน่ ้ี และได้จดั พอสมควร
ใหม้ พี ธิ เี ปดิ เปน็ ทางการ เมอื่ วนั ที่ ๓1 มกราคม พ.ศ. 2505
หนังสอื ทร่ี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี 71
ไขขานประวัติศาลากลางจงั หวดั ชลบรุ หี ลังเก่า
ภาพศาลาเทศบาลเมอื งชลบรุ ีทีโ่ ดดเดน่ งดงามดว้ ยสถาปตั ยกรรมท่เี ป็นเอกลักษณ์ สร้างความประทบั ใจแก่ผูท้ ่ไี ดม้ าเยือน
ด้วยความเก่าแก่ของอาคารทม่ี ีอายุกวา่ 108 ปี นบั จากกอ่ สร้างแลว้ เสรจ็ เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๔๕๔ (ช่วงปลายสมัยรชั กาลที่ ๕)
ปจั จุบันไดข้ ึน้ ทะเบยี นเปน็ อาคารอนรุ กั ษ์ อยใู่ นความดแู ลของกรมศลิ ปากร
ศาลาเทศบาลเมืองชลบรุ ีหลงั นีใ้ นอดีต ราชการจงั หวดั ชลบรุ ี โดยเปน็ ขอ้ มลู ในภาคประวตั ศิ าสตร์
คือ ศาลากลางจงั หวดั ชลบรุ ี ชื่อ ประวัติศาลากลางจังหวัด ซึ่งขอคัดมาเป็นหลักฐาน
เรื่องราวประวัติศาลากลางหลังเก่านี้ ได้มีการ ดงั น้ี
บนั ทกึ ไวเ้ ปน็ หลกั ฐานอา้ งองิ ใหค้ นรนุ่ หลงั ไดร้ บั รู้ ซง่ึ พอจะ “ศาลากลางจังหวัด” หรือศูนย์กลางปฏิบัติ
สรปุ ความไดว้ า่ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๗ จังหวัดชลบุรี ในสมยั ที่ ราชการจงั หวดั ดงั สภาพทเี่ ปน็ อยอู่ ยา่ งปจั จบุ นั เดมิ ทเี ดยี ว
นายนารถ มนตเสวี ด�ำรงต�ำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด คงจะมีลักษณะดังที่สมเด็จกรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ
ชลบุรี ได้ขอให้เทศบาลเมืองชลบุรีรับศาลากลางจังหวัด ทรงนิพนธไ์ วใ้ น “พระบนั ทกึ ความทรงจำ� ” ตอนหนึง่ ท่วี า่
ชลบุรีหลังเดิม (ศาลาเทศบาลในปัจจุบัน) เป็นที่ท�ำการ
เทศบาลเมืองชลบุรี โดยขอเงินช่วยเหลือจากเทศบาล “ตามหัวเมืองในสมัยน้ันประหลาดอีกอย่างหน่ึง
เป็นเงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อสมทบเป็นค่าก่อสร้าง ที่ไม่มีศาลารัฐบาลต้ังประจ�ำส�ำหรับ
ศาลากลางจงั หวดั ชลบรุ หี ลงั ปจั จบุ นั ความเปน็ มาปรากฏ ว่าราชการบ้านเมืองเหมือนอย่างทุกวันนี้
ในเอกสารจงั หวดั ชลบรุ ที จี่ ดั ทำ� โดยสำ� นกั งานจงั หวดั ชลบรุ ี เจ้าเมืองตั้งบ้านเรือนอยู่ท่ีไหน
ในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ สมัยนายประกิต อุตตะโมต เป็นผู้ว่า ก็ว่าราชการบ้านเมืองที่บ้านของตน”
72 หนังสือท่รี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
ฉะนั้น ศาลากลางจังหวัดชลบุรี (โดยประมาณ) ในที่แห่งเดียวกันตามสมควร ก็ได้รับการช่วยเหลือจาก
กอ่ นรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ลง ท่านทั้งสองเป็นอย่างดี โดยได้จัดสรรเงินประมาณให้
ไปศนู ยป์ ฏบิ ตั ขิ องเมอื งกค็ อื บา้ นเจา้ เมอื งซงึ่ นา่ เชอื่ วา่ ตง้ั อยู่ ๓๕๐,๐๐๐ บาท ดังนี้ ข้าพเจ้าจึงจ�ำต้องขอบคุณท่านทั้ง
รมิ ฝง่ั ทะเลมาโดยตลอด แตจ่ ะตรงไหนบา้ งนนั้ ไมอ่ าจชช้ี ดั สองไว้ ณ โอกาสนี้ ถงึ แม้วา่ คณุ ศิริ ปกาศติ อดตี ผอู้ �ำนวย
ลงไปได้ นอกจากนีย้ ังสันนษิ ฐานโดยกว้างๆ เทา่ นน้ั การส�ำนักงบประมาณจะได้วายชนม์ไปแล้วก็ตาม เม่ือได้
จากพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขามีบางตอน รับงบประมาณดังกล่าวนี้ข้าพเจ้าจึงได้ติดต่อกับกรมโยธา
ไดบ้ รรยายพอใหเ้ หน็ วา่ ตวั เมอื งชลบรุ ใี นสมยั พ.ศ. ๒๓๐๙ เทศบาล ขอให้พิจารณาการวางผังต่อเติมศาลากลาง
นั้นน่าจะต้ังอยู่แถววัดเขาบางทรายหรือบ้านบางทราย ซงึ่ ไดร้ บั งบประมาณมานี้ กรมโยธาเทศบาลไดพ้ จิ ารณาแลว้
ในปัจจุบันและเล่ือนลงไปทางใต้เรื่อยมาเป็นระยะทาง เหน็ วา่ ควรจะไดด้ �ำเนนิ การกอ่ สรา้ งศาลากลางใหมท่ ง้ั หลงั
ประมาณ 100 เส้น ในช่วง 200 ปีเศษมาน้ี ซึ่งมีการ จะเหมาะสมดว้ ยประการตา่ งๆ แตเ่ มอื่ ปลายปงี บประมาณ
เล่ือนต่อไปทางใต้หรือทางไหนอีกน้ันคงไม่มีใครท่ีจะคิด ปีน้ัน ข้าพเจ้าได้ไปราชการต่างประเทศ เป็นเวลาหลาย
พยากรณ์ใหเ้ สียสมอง เดือน เม่ือกลับมาก็ส้ินปีงบประมาณแล้ว ปรากฏว่าทาง
กอ่ น พ.ศ. 2437 ลงไป เมอื งชลบุรีเป็นหัวเมือง เจ้าหน้าท่ีของจังหวัดได้ซื้ออุปกรณ์การก่อสร้างไว้โดย
ชายทะเลขึ้นอยู่ในบังคับบัญชาของกรมท่า จะเป็นไปได้ ดำ� เนนิ การตามคำ� แนะนำ� ของเจา้ หนา้ ทส่ี ำ� นกั งบประมาณ
หรือไม่ก็น่าจะให้คิดว่าในช่วงนี้ศูนย์ปฏิบัติราชการของ ว่าในปีต่อไปทางส�ำนักงบประมาณจะได้จัดสรรเงินให้
เมืองชลบุรีอาจจะอยู่แถวๆ บริเวณด้านเหนือตลาดปลา ด�ำเนินการก่อสร้างศาลากลางหลังใหม่ให้เสร็จ อันความ
(ซง่ึ กำ� ลงั จะยา้ ยไปอยทู่ อ่ี น่ื ในเรว็ ๆ น)ี้ แตห่ ลงั จากไดม้ กี าร ปรารถนาดขี องเจา้ หนา้ ทที่ คี่ วบคมุ การใชจ้ า่ ยเงนิ ของชาติ
ปฏริ ปู ระบบราชการการปกครองสว่ นภมู ภิ าคมาเปน็ แบบ ยังมีความปรารถนาดีต่อการสร้างสรรค์ความเจริญของ
มณฑลเทศาภบิ าลโดยการประกาศแบง่ หวั เมอื งตา่ งๆ เปน็ บ้านให้แก่จังหวัดชลบุรีเช่นนี้ ก็จ�ำเป็นอย่างยิ่งในฐานะท่ี
มณฑลและให้มณฑลข้ึนอยู่ในบังคับบัญชาของกระทรวง ข้าพเจ้ามีส่วนในการเห็นชอบจะต้องด�ำเนินการไปตาม
มหาดไทยแทนท่จี ะอยูใ่ นกรมท่าเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๗ แล้ว เปา้ หมายนไี้ ปใหบ้ งั เกดิ ความสำ� เรจ็ เรยี บรอ้ ยและประหยดั
ศูนย์ปฏิบัติราชการหรืออาคารศาลากลางจังหวัดชลบุรี เงินตามมติด้วย ข้าพเจ้าจึงได้ขอร้องไปยังเทศบาลเมือง
(แทนบ้านเจ้าเมือง) จึงได้เริ่มมีข้ึนในระยะน้ี ณ ริมถนน ชลบุรี และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองชลบุรี ขอให้รับเอา
วชริ ปราการ ศาลากลางจังหวัดหลังเดิมเป็นที่ท�ำการเทศบาลแทนที่
ครน้ั ตอ่ มาสมยั ที่ นายนารถ มนตเสวี ดำ� รงตำ� แหนง่ ท�ำการของเทศบาลท่ีก�ำลังช�ำรุดทรุดโทรมอยู่ โดยขอ
ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีจึงได้มีการด�ำริสร้างศาลากลาง เงินช่วยเหลือจากเทศบาลสมทบในการก่อสร้างเป็น
จงั หวดั หลงั ใหมข่ น้ึ ดงั ความตอนหนง่ึ ในสาสน์ ผวู้ า่ ราชการ เงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท และขอเงินงบประมาณแผ่นดิน
จังหวัดชลบุรี ซงึ่ ลงพมิ พใ์ นหนงั สอื ทีร่ ะลกึ เปิดศาลากลาง มาเพียง 2,0๐๐,0๐๐ บาท ข้าพเจ้าขอขอบคุณคณะ
จังหวัดชลบรุ ี ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ ว่า เทศมนตรี และบรรดาสมาชิกสภาเทศบาลเมืองชลบุรี
“......เราได้ศาลากลางจังหวัดหลังใหม่คราวนี้ ไว้ ณ โอกาสน้ีเป็นอย่างสูงท่ีได้พร้อมใจกันเล็งเห็นความ
โดยบงั เอญิ เพราะเมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ ขา้ พเจา้ ไดต้ ดิ ตอ่ กบั ส�ำคัญและความเจรญิ ของจงั หวัดชลบุรี โดยอนุมัตเิ งนิ ให้
คุณศิริ ปกาศิต อดีตผู้อ�ำนวยการส�ำนักงบประมาณและ การกอ่ สรา้ งศาลากลางจงั หวดั นี้ เพอื่ ใหถ้ กู ตอ้ งตรง
คณุ บญุ ธรรม ทองไขมกุ ข์ รองผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งบประมาณ กับผังเมืองในอนาคต ทางจังหวัดชลบุรีจึงได้ขอร้องให้
เพยี งขอเงนิ ๓๕๐,๐๐๐ บาท มาปรบั ปรงุ หอ้ งประชมุ ของ ส�ำนักผังเมืองวางจุดท่ีต้ังศาลากลางท่ีจะก่อสร้างข้ึนใหม่
จังหวัดเสียใหม่ และจะเพ่ิมห้องเป็นท่ีท�ำการส่วนจังหวัด ทางส�ำนักผังเมืองก็ได้ให้ความกรุณาจัดการไปตามความ
ซ่ึงคับแคบกระจัดกระจายกันอยู่ได้มาร่วมปฏิบัติงาน ประสงค์ ในขณะท่ีเริ่มด�ำเนินการก่อสร้างได้มีประชาชน
หนงั สอื ทร่ี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี 73
บางคนผปู้ รารถนาดตี อ่ บา้ นเมอื ง ไดย้ น่ื คำ� รอ้ งไปทางสำ� นกั ตามแบบศาลากลางจงั หวัด ช้ันเอกของกรมโยธาเทศบาล
นายกรัฐมนตรีข่าวผ่านหนังสือพิมพ์ว่า ไม่ควรจะสร้าง (สมยั นนั้ - ปจั จบุ นั คอื กรมโยธาธกิ าร) ขนาดความยาวตลอด
ศาลากลางลงในที่แห่งน้ี จะท�ำให้สนามหญ้าเมืองเสียไป ตวั อาคาร ๙๘ เมตร ความกวา้ งท่ัวไป ๘ เมตร ส�ำหรับมุข
ทางสำ� นกั นายกรฐั มนตรไี ดส้ อบถามทางจงั หวดั ความจรงิ ด้านสกัดแต่ละด้าน มีความกว้าง ๘.๕๐ เมตร ยาว ๓๘
ขา้ พเจา้ กเ็ หน็ ดว้ ยตามทมี่ ผี รู้ อ้ งเรยี นแสดงความคดิ เหน็ ไม่ เมตร สว่ นมขุ กลางกวา้ ง ๑๐ เมตร ยาว ๒๖ เมตร มพี น้ื ที่
เพียงเพราะเหตุว่าเมื่อสร้างศาลากลางแล้วจะไม่มีสนาม ปฏิบัติราชการรวม ๑,๙๔๓ ตารางเมตร (ไม่นับระเบียง
สำ� หรบั เลน่ กฬี ากห็ าไม่ ขา้ พเจา้ ไมเ่ หน็ ดว้ ย เพราะขา้ พเจา้ ทางเดนิ )
ด�ำริจะสร้างที่ชุมนุมชน เพ่ือเป็นเมืองใหม่ขึ้นทางทิศใต้ อน่ึง ศาลากลางจังหวดั ชลบุรหี ลงั นี้ นอกจากจะมี
ของที่ต้ังจังหวัดชลบุรีตามความคิดเห็นชอบของ ฯพณฯ ความกวา้ ง - ยาวเปน็ พเิ ศษแลว้ ยงั มหี อ้ งประชมุ งดงามมาก
รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงมหาดไทย ดงั นี้ ขา้ พเจา้ จึงตอบ แห่งหน่งึ ของประเทศไทยอกี ดว้ ย
ใหท้ างสำ� นกั นายกรฐั มนตรที ราบตามความจรงิ และไดร้ อ การที่จังหวัดชลบุรีให้เทศบาลเมืองชลบุรีรับเอา
ช้ีขาดจากส�ำนักนายกรัฐมนตรี ในเวลาอันสมควรจังหวัด ศาลากลางจังหวัดหลังเก่าเป็นที่ท�ำการของเทศบาลเมือง
ไมร่ บั ตอบประการใด จงึ ไดด้ ำ� เนนิ การกอ่ สรา้ งศาลากลาง ชลบรุ ี ไดท้ ำ� เปน็ หนงั สอื สญั ญาแลกเปลยี่ นทด่ี นิ กนั ระหวา่ ง
จังหวดั หลงั ใหม่ตอ่ ไป” กระทรวงการคลังกับเทศบาลเมืองชลบุรี เมื่อวันท่ี 19
ศาลากลางจังหวัดชลบุรีหลังท่ีเห็นอยู่ในปัจจุบัน กรกฎาคม พ.ศ. 2508 ณ ทวี่ า่ การอำ� เภอเมอื งชลบรุ ี โดย
ได้วางศิลาฤกษ์ลงมือก่อสร้างเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ตกลงสญั ญากนั วา่ กระทรวงการคลงั ยนิ ยอมโอนทด่ี นิ ของ
พ.ศ. ๒๕๐๘ เวลา ๐๘.๒๔ นาฬกิ า และทำ� พธิ เี ปดิ ศาลากลาง กระทรวงการคลัง ตาม น.ส.3 ทะเบยี นเล่ม 1 เลขที่ 28
เมอื่ วนั ที่ ๒๐ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๑๐ เวลา ๑๐.๕๔ นาฬิกา หน้า 6 ต�ำบลบางปลาสรอ้ ย
โดย พล.อ.ประภาส จารุเสถยี ร รฐั มนตรวี า่ การกระทรวง อำ� เภอเมอื งชลบรุ ี จงั หวดั ชลบรุ ี เนอ้ื ที่ 2 ไร่ 1 งาน
มหาดไทยสมัยนั้นเป็นประธานในพิธีท้ังสองคราว 62 วา ใหแ้ กเ่ ทศบาลเมอื งชลบรุ ี และเทศบาลเมอื งชลบรุ ี
ส้ินค่าก่อสร้างท้ังหมดประมาณ ๔.๔ ล้านบาทเศษ ยนิ ยอมโอนทดี่ นิ ของเทศบาลเมอื งชลบรุ ี 2 แปลง คอื ทด่ี นิ
(เงินงบประมาณแผ่นดิน ๒ ล้านบาท เทศบาลเมือง ตาม น.ส.3 ทะเบยี นเลม่ 1 เลขท่ี 75 หน้า 15 ต�ำบล
ชลบุรีช่วยเหลือ 1.๕ ล้านบาท นอกนั้นเป็นเงินบริจาค) บางปลาสร้อย อ�ำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เน้ือท่ี
เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ช้ัน หลังคาทรงไทย 2 ไร่ 42 วา และท่ีดินตาม น.ส.3 ทะเบียนเล่ม 1
ศาลากลางจงั หวดั ชลบรุ ี
74 หนังสือทีร่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
เลขที่ 76 หนา้ 16 ตำ� บลบางปลาสรอ้ ย อำ� เภอเมอื งชลบรุ ี ในที่ดินของกระทรวงการคลัง ตาม น.ส.3 เลขที่ 28 ไว้
จังหวัดชลบรุ ี เนอ้ื ที่ 2 ไร่ 3 งาน 82 วา ใหแ้ กก่ ระทรวง เปน็ เงิน 1,202,500 บาท สว่ นของเทศบาลเมืองชลบรุ ี
การคลังเป็นการแลกเปล่ียน โดยบรรดาอสังหาริมทรัพย์ 2 แปลง น.ส.3 เลขที่ 75 ตรี าคาเปน็ เงนิ 84,200 บาท
ทั้งหลายในที่ดินของกระทรวงการคลังท่ีโอนให้เทศบาล และ น.ส.3 เลขที่ 76 ตีราคาเปน็ เงิน 118,200 บาท
ขณะนนั้ มอี าคาร 3 หลงั ไดแ้ ก่ ศาลากลางจงั หวดั ทท่ี ำ� การ บุคคลซ่ึงเป็นผู้ลงนามฐานะคู่สัญญาในหนังสือสัญญา
สรรพสามติ จงั หวดั และหอ้ งเกบ็ พสั ดขุ องมหาดไทยกโ็ อน แลกเปลย่ี นทดี่ นิ ดงั กลา่ ว คอื นายนพิ ทั ธ์ นลิ สลบั สรรพากร
ให้แก่เทศบาลด้วย ส่วนอาคารและส่ิงปลูกสร้างที่อยู่ใน จังหวัดชลบุรี (แทนกระทรวงการคลัง) กับนายประมวล
ทด่ี นิ ของเทศบาลทงั้ 2 แปลง เทศบาลตอ้ งทำ� การรอื้ ถอน รงั สคิ ตุ ปลดั จงั หวดั ชลบรุ ี ซงึ่ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทนี่ ายกเทศมนตรี
ออกไป ในครั้งน้ันได้มีการตั้งราคาของอสังหาริมทรัพย์ เมืองชลบรุ ี (แทนเทศบาลเมอื งชลบรุ ี) ในขณะนั้น
ศาลากลางจงั หวดั ชลบรุ ี ศาลจังหวดั ชลบุรี
สรา้ งตอนปลายสมยั รัชกาลท่ี 5 สรา้ งตอนปลายสมยั รชั กาลที่ 5
ภาพมุมสงู ภูมทิ ศั น์ ศาลจงั หวดั ชลบุรี หลงั เก่า
บรเิ วณหนา้ ศาลากลางจังหวดั ชลบรุ ี (หลงั เกา่ )
หนังสือท่ีระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี 75
โรงพยาบาลจังหวดั ชลบรุ ี
ถนนโรงพยาบาลเก่า เป็นถนนท่ีเร่ิมจากบริเวณ โรงพยาบาลขึ้น ณ ที่ดินชายทะเล มีลักษณะเป็น
สี่แยกหอพระพุทธสิหิงค์ฯ ไปทางทิศตะวันตก จดกับ เรือนไม้ช้ันเดียวอยู่ตรงสุดถนนโรงพยาบาลเก่าใน
ถนนพระยาสจั จา เหตทุ ไ่ี ดช้ อื่ วา่ “ถนนโรงพยาบาลเก่า” ปัจจุบัน ห่างจากท่ีตั้งศาลากลางจังหวัดชลบุรีประมาณ
เนื่องจากในอดีตตรงบริเวณสุดถนนสายน้ีเป็นที่ตั้งของ ๘๐๐ เมตร ค่าก่อสร้างโรงพยาบาลได้จากการชักชวน
“โรงพยาบาลจังหวัดชลบุรี” ซึ่งเคยเป็นโรงพยาบาล บรรดาพ่อค้า ประชาชนช่วยกันบริจาค ในการสร้าง
ในสังกัดสุขาภิบาลเมืองชลบุรี (เทศบาลเมืองชลบุรีใน โรงพยาบาลน้ีต้องสร้างบ่อคอนกรีตขนาดใหญ่ส�ำหรับ
ปัจจุบนั ) ใส่น�้ำฝนไว้ใช้ถึง ๕ บ่อด้วยกัน เมื่อสร้างโรงพยาบาล
จากหลักฐานเอกสารที่บันทึกเกี่ยวกับประวัติของ เสร็จแล้วให้ช่ือว่า “โรงพยาบาลจังหวัดชลบุรี” สังกัด
โรงพยาบาลชลบุรีบ่งชี้ว่า จังหวัดชลบุรีเริ่มมีโรงพยาบาล สุขาภิบาลเมืองชลบุรี มีนายแพทย์ขุนอินวราคมเป็น
มาต้ังแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๖๒ และตลอดระยะเวลา ผู้ด�ำเนินงาน ซึ่งนับเป็นผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาลชลบุรี
ท่ีผ่านมาได้มีการเปล่ียนสังกัด ย้ายสถานที่ตั้ง ขยาย คนแรก (พ.ศ. ๒๔๖๒ - ๒๔๗๑)
เนอ้ื ที่เพ่มิ อาคารตา่ งๆ ตลอดจนเพม่ิ อตั รากำ� ลัง คณุ ภาพ ส�ำหรับค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลในสมัยนั้นได้มา
และปริมาณงานของโรงพยาบาลมาตามล�ำดับ จนเป็น จากหลายทาง คือ จากเงินรายได้ของสุขาภิบาลและได้มี
โรงพยาบาลศูนย์ของภาคตะวนั ออกในปจั จบุ นั การร้องขอให้ประชาชนช่วยบริจาคบ�ำรุงด้วย นอกจากน้ี
วิวัฒนาการของโรงพยาบาลชลบุรีเริ่มจากใน ได้มีบรรดาข้าราชการในเวลานั้นได้รวบรวมกันเข้าเป็น
ปีพุทธศักราช ๒๔๖๒ อ�ำมาตย์เอกพระยาสัจจาภิรมย์ คณะฝกึ ซอ้ มละครพดู เพอื่ แสดงใหป้ ระชาชนชมในฤดรู อ้ น
(สรวง ศรีเพ็ญ) ข้าหลวงจังหวัดชลบุรีหรือผู้ว่าราชการ ช่วงเดือนเมษายน โดยวิธีออกขายบัตรผ่านประตูใน
จงั หวดั ชลบรุ ใี นสมยั นน้ั รว่ มดว้ ยนายแพทย์ ขนุ อนิ วราคม ภาคพเิ ศษลว่ งหนา้ เงนิ ทไี่ ดจ้ ากการแสดงละครมอบใหแ้ ก่
สาธารณสุขจังหวัด เห็นว่าชลบุรีควรมีโรงพยาบาล โรงพยาบาลเปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยตา่ งๆ สถานทที่ ใี่ ชแ้ สดงละครได้
เพื่อให้บริการประชาชนเสียที จึงได้เร่ิมจัดการก่อต้ัง ปลกู เปน็ โรงชวั่ คราวบรเิ วณทที่ ต่ี ง้ั ศาลากลางจงั หวดั ชลบรุ ี
76 หนงั สือท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี
หลงั ปจั จบุ นั การแสดงละครดงั กลา่ วทำ� ตดิ ตอ่ กนั เปน็ งาน ปัจจุบัน ส�ำหรับเป็นสถานที่ก่อสร้างโรงพยาบาลขึ้นใหม่
ประจ�ำปีอยู่หลายปี อันเป็นต้นเหตุให้เกิดมีงานประจ�ำปี มีเน้ือที่ ๒4 ไร่ 32 วา โดยที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของ
ในเวลาต่อมา แต่ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดงานและจัด หลวงบ�ำรุงราชนิยม นายแพทย์สง่า วิชพันธ์ จึงได้เจรจา
งานใหญข่ นึ้ เรอื่ ยๆ และเปลย่ี นชอ่ื กนั หลายครงั้ จนในทส่ี ดุ ขอซอ้ื ทดี่ นิ จากหลวงบำ� รงุ ราชนยิ ม ซง่ึ หลวงบำ� รงุ ราชนยิ ม
กลายมาเปน็ งานสงกรานตป์ ระจำ� ปดี งั ทเ่ี ปน็ อยใู่ นปจั จบุ นั ได้ขายให้ในราคาทุน มิได้คิดก�ำไรแต่อย่างใด นายแพทย์
ปีพุทธศักราช ๒๔๗8 ได้มีการเปล่ียนแปลง สง่า วิชพันธ์ จึงขอร้องให้หลวงบ�ำรุงราชนิยม หาเงินมา
การปกครองท้องถ่ินใหม่โดยได้มีการประกาศใช้ ตั้งงบประมาณรายจ่ายค่าที่ดินในปีต่อไป เนื่องจากที่ดิน
พระราชบัญญัติเทศบาลข้ึนทั่วประเทศ จึงได้มีการยก ๒4 ไร่ 32 วา ทจ่ี ดั ซอื้ ไวส้ ำ� หรบั สรา้ งโรงพยาบาล แมจ้ ะมี
ฐานะสุขาภิบาลเมืองชลบุรีข้ึนเป็นเทศบาลเมืองชลบุรี ความยาวขนานไปตามแนวถนนสุขุมวิทกว่า ๑๐0 เมตร
โรงพยาบาลจงั หวดั ชลบรุ จี งึ ไดโ้ อนไปอยใู่ นความดแู ลของ แต่ที่ดินมิได้อยู่ติดกับถนนเพราะมีที่ดินของผู้อ่ืนบังอยู่
เทศบาลเมอื งชลบรุ ี โดยมนี ายแพทยส์ งา่ วชิ พนั ธ์ เปน็ นาย ด้านหน้า หลวงบ�ำรุงราชนิยมจึงได้บริจาคเงินส่วนตัว
แพทยผ์ ู้อำ� นวยการโรงพยาบาล ในขณะนั้นโรงพยาบาลมี ขอซ้ือที่ดินท่ีบังหน้าอยู่ยกให้เป็นสมบัติของโรงพยาบาล
เรอื นพกั คนไข้ ๒ หลงั หอ้ งคนไขพ้ ิเศษ ๓ หอ้ ง และหอ้ ง ชลบุรีรวมเป็นเนื้อที่ 3๐ ไร่ โดยมอบหลักฐานในการซ้ือ
ผ่าตัด ๑ หอ้ ง ท่ีดินที่บังหน้านี้ไว้แก่เทศบาลเมืองชลบุรีซึ่งยังเป็นผู้ดูแล
ด้วยเหตุท่ีโรงพยาบาลตั้งอยู่ในทะเล ล้อมรอบไป โรงพยาบาลอยู่ แต่ยังมิได้จัดการขอแบ่งแยกโฉนดออก
ดว้ ยปา่ แสมและโกงกางและอยใู่ นทน่ี ำ้� ทะเลทว่ มถงึ อาคาร มาจากที่เจ้าของเดมิ ต่อมานายแพทย์สงา่ วชิ พนั ธ์ ได้ขอ
ต่างๆ ซ่ึงเป็นอาคารไม้จึงทรุดโทรมเร็ว ขณะเดียวกัน ความช่วยเหลือจากผู้ที่ชอบพอกันให้ช่วยปรับท่ีดินให้ได้
งานบริการผู้ป่วยก็ขยายตัวมากขึ้น การซ่อมแซมอาคาร ระดับ และวางแผนผงั การกอ่ สรา้ งโรงพยาบาล ตลอดจน
หรอื ขยายอาคารทำ� ไดย้ ากลำ� บาก นายแพทยส์ งา่ วชิ พนั ธ์ ขอความช่วยเหลือจากบรรดาพ่อค้าคหบดีให้บริจาคเงิน
ได้เชญิ ให้ พระยาบรุ รี กั ษ์เวชชการ อธบิ ดกี รมสาธารณสขุ เพ่อื เปน็ ค่าใช้จา่ ยในการกอ่ สร้างตกึ และอาคารท่ีจ�ำเป็น
มาชมโรงพยาบาล เม่ือพระยาบุรีรักษ์เวชชการได้ชมท่ัว จากการศึกษาประวัติการรับมอบกิจการของโรง
แล้ว ให้ความเห็นว่า สถานที่ตั้งโรงพยาบาลอยู่ในทะเล พยาบาลชลบุรีจากเทศบาลเมืองชลบุรี พบว่า มีเอกสาร
เชน่ นน้ั ไมเ่ หมาะสม เพราะเปน็ ทมี่ อี ากาศชน้ื ตอ่ ไปบา้ นเมอื ง ของกองนติ ิการ กระทรวงสาธารณสขุ ซง่ึ เปน็ รายงานการ
เจริญขึ้นจะสร้างขยายให้กว้างขวางย่ิงข้ึนจะเป็นการยาก ประชุม เร่ือง การโอนโรงพยาบาลของเทศบาลมาสังกัด
ควรรบี หาทางยา้ ยขน้ึ ไปตง้ั บนบกโดยเรว็ เพอื่ รองรบั ความ กระทรวงสาธารณสขุ ณ หอ้ งประชมุ กระทรวงมหาดไทย
เจรญิ ของเมอื งในภายหนา้ นายแพทยส์ งา่ วชิ พนั ธ์ จงึ ไดน้ �ำ เมอื่ วนั ที่ 9 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2493 ระหวา่ งผแู้ ทนกระทรวง
ความคดิ เหน็ นม้ี ารายงานหลวงบำ� รงุ ราชนยิ ม (สญู สงิ คาล มหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และเทศบาล พบว่า
วณิช) นายกเทศมนตรีเมอื งชลบรุ ีในขณะน้ัน (ปลาย พ.ศ. เป็นการด�ำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือ
๒๔79 – ๒๔83) ใหท้ ราบ ท่ี ม 9156/2492 ลงวนั ที่ 11 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2492
พุทธศักราช ๒๔๘๓ นายแพทย์สง่า วิชพันธ์ โดยในเบื้องต้นจะเสนอในรูปตราเป็นกฎหมายเพราะ
นายแพทยผ์ อู้ ำ� นวยการโรงพยาบาล หลวงบำ� รงุ ราชนิยม มีปัญหาเก่ียวกับเรื่องทรัพย์สิน แต่ผู้แทนของกระทรวง
(สญู สงิ คาลวณชิ ) นายกเทศมนตรเี มอื งชลบรุ ี และพระยา สาธารณสุข ได้ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุขจะรับโอน
บุรีรักษ์เวชชการ อธิบดีกรมสาธารณสุข จึงได้ร่วมกัน เฉพาะกิจการของโรงพยาบาลมาด�ำเนินการเท่านั้น ส่วน
พิจารณาจัดย้ายโรงพยาบาลจากท่ีตั้งเดิมซ่ึงน�้ำท่วมถึงมา อสงั หารมิ ทรพั ย์ ยงั เปน็ ของเทศบาลอยู่ กระทรวงสาธารณสขุ
อยู่บนบก เมื่อได้ปรึกษากับกองออกแบบผังเมืองแล้วได้ เป็นผู้ขอใช้ ด้วยเหตุน้ีจึงมิได้มีการด�ำเนินการเก่ียวกับการ
เลือกและจัดซื้อท่ีดินซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลชลบุรีใน โอนโรงพยาบาลของเทศบาลในรูปของกฎหมาย
หนังสอื ท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 77
ต�ำหนกั น้�ำ
จากอดตี สู่ปัจจุบัน
ต�ำหนักนำ�้ ในอดีต
เม่ือเอ่ยถึง “ต�ำหนักน�้ำ” ชาวชลบุรีในวันนี้ต่าง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมาประทับคราว
นึกถึงภาพสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของเทศบาลเมือง เสด็จประพาสจังหวัดชลบุรี เม่ือวันเสาร์ท่ี ๗ ธันวาคม
ชลบุรีท่ีมีศาลารูปเก๋งจีนตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางสระน้�ำ พุทธศักราช ๒๔๕๕ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี คือ
ใหญ่ สวนสาธารณะที่คลาคล�่ำไปด้วยผู้คนทุกเพศทุกวัย พระยาวิเศษฤๅไชย ได้จัดว่ิงควายถวายทอดพระเนตร
ที่มาเดิน ว่ิง พักผ่อน และออกก�ำลังกายทุกเช้าเย็น แต่ ที่หน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี มีหลักฐานปรากฏใน
หากเมือ่ ย้อนภาพไปในอดีต “ตำ� หนักน้ำ� ” คือ ต�ำหนักที่ พระราชกิจรายวัน กรมราชเลขาธกิ าร บันทึกไว้ ดังนี้
มีลักษณะเป็นเรอื นปัน้ หยาอยูใ่ นทะเล มีสะพานทอดยาว “วนั ๗ฯ๑๔๑๒ ร.ศ. 131 เสดจ็ ลงเรอื พระทนี่ ง่ั ทท่ี า่
จากชายฝั่งลงไปเหมือนบ้านสะพานของคนชลบุรีในอดีต หน้าตำ� หนกั กรมขนุ มรพุ งษ์ พระราชทานพระแสงส�ำหรับ
ต�ำหนักน�้ำหลังดังกล่าวสร้างข้ึน โดยเจ้าพระยาเทเวศร์ มณฑลแก่พระสุนทรพิพิธ แล้วเสด็จลงเรือจะเสด็จเมือง
วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร ณ อยุธยา) เมื่อราวปี ชลบุรี พอผ่านโรงทหาร กองทหารโห่ร้องถวายไชยมงคล
พุทธศักราช ๒๔๕๔ เพ่ือเป็นที่ประทับของเจ้านายที่ ลอ่ งลงมาตามลำ� นำ้� เวลาเทยี่ งถงึ ปากนำ้� บางปะกง เสดจ็ ขนึ้
เสด็จมาชลบุรี ต�ำหนักนี้เป็นต�ำหนักของพลตรีพระเจ้า ประทบั บนศาลาการเปรยี ญวดั บางปะกงมเี จา้ คณะมณฑล
บรมวงศ์เธอ กรมขุนมรุพงษ์ศิริพัฒน์ ประทับเม่ือ และเจ้าอธิการวัดน้ีมาคอยรับเสด็จและมีราษฎรมาคอย
มาว่าราชการท่ีชลบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นต�ำหนักที่ เฝา้ ราษฎรนำ� ปลาและนำ�้ ปลามาถวาย โปรดพระราชทาน
78 หนังสือทร่ี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
เงินทุกราย และพระราชทานเสมาเงิน จ.ป.ร. แก่เด็กลูก พระยาวิเศษฤาไชย น�ำพ่อค้าไทย จีน เฝ้าประทับทอด
หลานของราษฎรทม่ี าเฝา้ นน้ั ทง้ั หญงิ และชาย แลว้ ประทบั พระเนตรแข่งกระบือแลแห่ผ้าป่า ซึ่งพ่อค้าพลเมืองได้จัด
เสวย ณ ท่นี ้นั เวลา บ่าย ๒ โมง 4๕ นาที เสดจ็ ลงประทบั ให้มีขึ้น
เรือยนต์ พระสงฆใ์ นวดั นีส้ วดชยนั โต ประทับเสวยเคร่ืองว่าง ณ ท่ีนั้นแล้วเสด็จกลับยัง
เวลา บา่ ย 3 โมง ๔๕ นาที เรอื พระทน่ี ง่ั เทยี บสะพาน ท่ีประทับแรม โปรดให้เล่ือนก�ำหนดวันท่ีจะเสด็จกลับไป
ทา่ นำ�้ เมอื งชลบรุ ี พระยาวเิ ศษฤๅไชย และขา้ ราชการเมอื ง อกี ๒ วนั ”
นน้ั มาคอยรบั เสดจ็ เสดจ็ ขนึ้ ประทบั ตำ� หนกั กรมขนุ มรพุ งษ์
ท่เี มอื งชลบุรนี ัน้
เวลา บ่าย ๔ โมง เสด็จท่ีว่าการเมือง กองเสือป่า
แ ล ะ ลู ก เ สื อ นั ก เ รี ย น ช า ย ห ญิ ง ตั้ ง แ ถ ว รั บ เ ส ด็ จ ที่
สนามหญ้าหน้าที่ว่าการ ทหารเรือชายทะเลท้ังข้างขวา
ข้างซ้ายต�ำรวจภูธร เมื่อประทับบนที่ว่าการแล้ว
พระยาวิเศษฤาไชย น�ำฝ่ายพลเรือนเฝ้าเรียงตัว
หลวงมริดราบน�ำทหารเรือ ทหารบก ต�ำรวจภูธรเฝ้า
สวนต�ำหนกั นำ้� ในปจั จบุ ัน
หนงั สือท่รี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 79
สัญลกั ษปแณฏกม่ปิบ์แหรัตหาะพิง่ มชสรงาถะคชารลนนาเชทฉเก่ซีพล๕รึ่งื่อิมณรธเพชัฉันียรกลวกะามิาจิชลคพในทนมรม่ี กะ๙พ๒าเกรร๕เสรยีบ๕ษดร�ำ๐็จบตาพิเัด๘นรท๐่ือะกุ งรขพใาบ์นรชร�ำโดอรษำ� กุงเานสาินสขุ มาทรง
เน่ืองในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๘๐ พรรษา ๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี 9 กรมการ
ปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้จัดท�ำโครงการก่อสร้าง
สัญลักษณ์แห่งสถานที่เสด็จพระราชด�ำเนินมาทรงปฏิบัติ
พระราชกรณียกิจในการบำ� บดั ทุกข์บำ� รงุ สขุ แก่ประชาชน
เพ่ือเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิม
พระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ใน ๗๕
จังหวดั จำ� นวน ๘๐ แหง่ ทั่วประเทศ เพอ่ื เป็นการเผยแพร่
พระเกียรติคุณและน้อมร�ำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ตลอดจนถวายเปน็ ราช
สักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่ีได้ทรงสร้าง
คุณประโยชน์แกป่ ระเทศชาตแิ ละพสกนิกรชาวไทย พิจารณาก�ำหนดขนาด วัสดุและประมาณการค่าใช้จ่าย
ในการด�ำเนินงาน จังหวัดชลบุรีได้แต่งต้ังคณะ ทั้งนี้ โดยใช้รูปแบบศาลาและมณฑปตามแบบท่ีกรมการ
ท�ำงานพิจารณาความเหมาะสมของสถานที่ท่ีจะก่อสร้าง ปกครองก�ำหนดเป็นหลักในการด�ำเนินการ ซึ่งเทศบาล
ซ่ึงคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาและมีความเห็นว่าให้ เมืองชลบุรีได้ปรับแบบศาลาและมณฑปใหม่ใหเ้ หมาะสม
ก�ำหนดสถานท่ีก่อสร้างสัญลักษณ์แห่งสถานท่ีเสด็จ กับพ้ืนที่ท่ีจะก่อสร้างดังรูปแบบท่ีปรากฏในปัจจุบัน
พระราชด�ำเนินมาทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจฯ ภายใน โดยอาคารมีลักษณะเป็นศาลาทรงไทยประยุกต์ท่ีมีความ
สวนเฉลิมพระเกียรติฯ รัชกาลท่ี ๙ เน่ืองจากเป็นใจ สงา่ งาม โครงสรา้ งคอนกรตี เสรมิ เหลก็ ชน้ั เดยี วขนาดกวา้ ง
กลางของสถานท่ีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จ ๓.๐๐ เมตร ยาว ๔.๐0 เมตร ภายในอาคารประดษิ ฐาน
พระราชดำ� เนนิ มาปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ในการบำ� บดั ทกุ ข์ แทน่ ตราสญั ลกั ษณ์ 8๐ พรรษา บรเิ วณโดยรอบศาลาเปน็
บำ� รงุ สขุ แกป่ ระชาชน ณ ศาลากลางจงั หวดั ชลบรุ หี ลงั เดมิ ลานคอนกรีตเสริมเหล็กชนิดทรายล้างท่ีสวยงาม พร้อม
(ส�ำนักงานเทศบาลเมืองชลบุรี) ศาลากลางจังหวัดชลบุรี ติดตั้งโคมไฟแสงสว่างบริเวณด้านข้างลานคอนกรีตท้ัง
ปจั จบุ นั และบรเิ วณลานพระบรมรปู รชั กาลท่ี ๕ (สวนเฉลมิ สองด้าน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น จ�ำนวน
พระเกียรตฯิ รัชกาลท่ี ๙) เม่ือปีพทุ ธศกั ราช ๒๕๑๑ ๙๘๐,๐๐๐ บาท โดยกรมการปกครองจดั สรรงบประมาณ
จงั หวดั ชลบรุ ไี ดม้ อบหมายใหส้ ำ� นกั งานโยธาธกิ าร ให้ จ�ำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และจ่ายจากงบประมาณ
และผงั เมอื งจงั หวดั ชลบรุ ี และเทศบาลเมอื งชลบรุ ี รว่ มกนั ของเทศบาลเมอื งชลบรุ ี จำ� นวน ๘๘๐,๐๐๐ บาท
80 หนงั สือที่ระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
บอกกล่าวเลา่ ขาน
“คำ� ขวัญเทศบาลเมืองชลบรุ ี”
พระพทุ ธสิหิงค์ฯ สูงค่า พระปดิ ตาลือเล่ือง
เมอื งเก่าบางปลาสรอ้ ย
ถิ่นซอยคล้องจอง ดังก้องประเพณีวง่ ิ ควาย
เทศบาลเมืองชลบุรีได้จัดท�ำโครงการประกวด และถกู ต้องตามหลักภาษาไทย
คำ� ขวญั ประจำ� เทศบาลขน้ึ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2552 นบั เปน็ ปที ่ี 4. ต้องเป็นค�ำขวัญที่ส่งเข้าประกวดแต่งข้ึนเอง
เทศบาลเมืองชลบุรีมีอายุครบ 74 ปี เพื่อให้เทศบาลมี ไม่ซ้�ำกับคำ� ขวญั อ่ืนและไมเ่ คยได้รบั รางวัลมาก่อน
ค�ำขวัญประจ�ำเทศบาลที่เป็นค�ำขวัญที่บ่งบอกและสื่อ 5. ผู้ส่งค�ำขวัญสามารถส่งได้มากกว่า 1 ค�ำขวัญ
ความหมายท่ีเป็นเอกลักษณ์ของเทศบาลเมืองชลบุรี แต่มสี ทิ ธไ์ิ ด้รับรางวลั เพียง 1 รางวลั
โดยเฉพาะ โดยเปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี น นสิ ติ นกั ศกึ ษาและ 6. คำ� ขวญั ทสี่ ง่ เขา้ ประกวดเปน็ ลขิ สทิ ธขิ์ องเทศบาล
ประชาชนท่ัวไปส่งค�ำขวัญเข้าร่วมประกวด ซึ่งมีผู้สนใจ เมืองชลบุรี และเทศบาลสามารถปรับแต่งค�ำขวัญให้
ส่งค�ำขวัญเข้าร่วมประกวด 580 ค�ำขวัญและเทศบาล เหมาะสมได้
ได้ตัดสินการประกวดค�ำขวัญเมื่อวันท่ี 17 กันยายน
พ.ศ. 2552 โดยมีหลักเกณฑ์การประกวดค�ำขวัญ
ประจ�ำเทศบาลเมืองชลบรุ ี ดังนี้
1. ค�ำขวัญท่ีส่งเข้าประกวดต้องเป็นค�ำขวัญท่ีสื่อ
ความหมายถึง “เทศบาลเมืองชลบุร”ี โดยเฉพาะ
2. คำ� ขวญั ตอ้ งบง่ บอกและมคี วามหมายครอบคลมุ
ถึง เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ความเป็นมาเอกลักษณ์ท่ี
โดดเด่น สถานท่ี ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีที่ส�ำคัญของ
เมอื ง เช่น เมอื งบางปลาสรอ้ ย พระพุทธสิหิงค์ฯ ประเพณี
วง่ิ ควาย พระเจ้าตากสนิ วชิรปราการ เมืองพาณิชยกรรม
เป็นต้น
3. ตอ้ งเปน็ ขอ้ ความทสี่ นั้ กะทดั รดั ใจความเหมาะ
สม สอ่ื ความหมายชดั เจน แสดงถงึ ความคดิ สรา้ งสรรค์ เปน็
ค�ำที่คล้องจอง งา่ ยต่อการจดจ�ำ ความยาวไมเ่ กนิ 20 ค�ำ
หนงั สือท่รี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 81
ค�ำขวัญท่ีได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ค�ำขวัญที่ว่า สหิ งิ คฯ์ องคจ์ รงิ ซงึ่ ประดษิ ฐานอยู่ ณ พระทนี่ ง่ั พทุ โธสวรรย์
“พระพุทธสิหิงค์ฯ สูงค่า พระปิดตาลือเล่ือง เมืองเก่า ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สร้างด้วยเน้ือเงินบริสุทธ์ิ
บางปลาสร้อย ถิ่นซอยคล้องจอง ดังก้องประเพณี ทง้ั องค์ นำ้� หนกั 53 กโิ ลกรมั ฐานเปน็ ทองสำ� รดิ หนกั 73
ว่ิงควาย” โดย ด.ญ. ชมพูนทุ วงศพ์ ิมล นกั เรยี นโรงเรยี น กโิ ลกรมั สมเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช
เทศบาลอินทปัญญาฯ ซึ่งเทศบาลได้ประชาสัมพันธ์ กิตติโสภณมหาเถระ ทรงพระกรุณาท�ำพิธีถวายพระนาม
คำ� ขวญั ดงั กลา่ วในงานประเพณี วง่ิ ควายจงั หวดั ชลบรุ ี ครง้ั ที่ พระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ องคน์ ว้ี า่ “พระพทุ ธสหิ งิ ค์ มง่ิ มงคลสริ นิ าถ
138 ประจำ� ปี พ.ศ. 2552 และไดม้ อบรางวลั ในวนั เสารท์ ่ี พุทธบริษัทราษฎร์กุศลสามัคคี ชลบุรี ปูชนียบพิตร”
3 ตลุ าคม พ.ศ. 2552 ณ บรเิ วณเวทีกลางงานประเพณี วนั ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2504 พุทธศาสนกิ ชนชาวชลบรุ ี
วิ่งควายซึ่งปรากฏว่า ค�ำขวัญดังกล่าวได้รับการยอมรับ ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ฯ จากวัดเบญจมบพิตรมายัง
จากประชาชนทว่ั ไป โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ผซู้ งึ่ เปน็ ชาวชลบรุ ี จงั หวดั ชลบรุ ี ปจั จบุ นั ประดษิ ฐานอยู่ ณ หอพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์
โดยแท้ เน่ืองจากค�ำต่างๆ ท่ีเรียงร้อยเป็นค�ำขวัญนั้น เป็นพระพุทธรปู ประจ�ำเมืองชลบรุ ี มีความศกั ดิ์สิทธิ์ และ
ล้วนบ่งบอกถึงความเป็นเทศบาลเมืองชลบุรีโดยเฉพาะ พุทธลักษณะงดงามยง่ิ นกั
ซ่ึงสอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการตัดสินการ
ประกวดคำ� ขวัญ โดยมีทมี่ าของคำ� ขวัญ ดงั นี้
“พระปิดตาลอื เลอ่ื ง”
“พระพุทธสิหิงค์ฯ สงู คา่ ” ชลบุรีเป็นเมืองพระมาตั้งแต่สมัยโบราณในยุคต้น
รตั นโกสินทร์ พระเกจิอาจารย์ท่ีมชี ่ือเสยี งโด่งดงั ได้สรา้ ง
พระปิดตาสุดยอดล้�ำค่าของเมืองไทยที่มีเอกลักษณ์โดด
เด่นเป็นวัตถุมงคลท่ีได้รับการยอมรับจากประชาชนและ
มีค่านิยมสูงในปัจจุบัน ได้แก่ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์
หลวงปู่ภู่ วัดนอก หลวงปู่เจียม วัดก�ำแพง หลวงพ่อโต
วดั เนนิ สทุ ธาวาส หลวงปคู่ รพี วดั สมถะ ดว้ ยอานภุ าพของ
พุทธคุณอันศักดิ์สิทธ์ิทางด้านเมตตามหานิยม และหาได้
ยากยงิ่ ในปจั จบุ นั จนไดร้ บั การยกยอ่ งใหเ้ ปน็ “เบญจภาคี
พระปิดตา เนื้อผง” ของประเทศไทย ประกอบด้วย
1. หลวงพ่อแกว้ วัดเครือวัลย์
ประวัติหลวงพ่อแก้ว ตามต�ำนานท่านเป็นคน
จงั หวดั เพชรบรุ ี เกดิ ประมาณ พ.ศ. 2346 - พ.ศ. 2351
เดินธุดงค์มาอยู่วัดเครือวัลย์ แขวงบางปลาสร้อย อ�ำเภอ
เมอื ง จังหวัดชลบุรี การสรา้ งพระปดิ ตาของทา่ นคงอยู่ใน
พระพุทธสิหิงค์ฯ ชลบุรี เป็นพระพุทธรูปคู่เมือง ราว พ.ศ. 2400 - พ.ศ. 2430 ไดจ้ ัดสรา้ งไว้หลายพิมพ์
ชลบุรีที่บรรดาพุทธศาสนิกชนในจังหวัดชลบุรี ต่างเห็น มีทั้งเน้ือผงและเน้ือตะกั่ว เป็นพระปิดตายอดนิยมอันดับ
พ้องกันว่า จังหวัดชลบุรีควรจะมีพุทธานุสรณ์ที่เป็นสิ่ง หนงึ่ ของชลบรุ ี ทา่ นมรณภาพประมาณ พ.ศ. 2426 - พ.ศ.
ส�ำคัญเชิดหน้าชตู าและเคารพบชู า จงึ ได้พรอ้ มใจกันหลอ่ 2431 ในกลางสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
หลอมก�ำลังกาย ก�ำลังใจ และก�ำลังทุนทรัพย์จัดสร้างขึ้น เจา้ อยู่หวั รัชกาลที่ 5
กรมศิลปากรเป็นผู้หล่อโดยจ�ำลองแบบเท่ากับพระพุทธ
82 หนังสอื ทร่ี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
4. หลวงพ่อโต วัดเนินสุทธาวาส
พระปดิ ตาหลวงพอ่ แกว้ พิมพใ์ หญ่
หลังแบบเนื้อผงคลุกรัก (ดา้ นหนา้ ด้านหลงั )
2. หลวงปู่ภู่ วดั นอก พระปิดตาหลวงปู่เจียม พมิ พ์โยงกน้
ประวัติหลวงปู่ภู่ ถือว่าเป็นพระภิกษุร่วมสมัย เน้ือผงคลุกรกั (ดา้ นหนา้ ด้านหลัง)
กับหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ท่านเป็นคนเพชรบุรีเช่น ประวตั หิ ลวงพอ่ โต หรอื เจา้ อธกิ ารโต ทา่ นเกดิ เมอื่
เดียวกับหลวงพ่อแก้ว ได้ธุดงค์มาเมืองชลบุรีพร้อมกัน พ.ศ. 2372 เปน็ คนจงั หวดั เพชรบรุ ี เชน่ เดยี วกบั หลวงพอ่
ตามต�ำนานไดบ้ นั ทกึ ไวว้ า่ ทา่ นเกิดประมาณ พ.ศ. 2350 แก้วและหลวงปู่ภู่ ท่านได้ย้ายมาอยู่และอุปสมบทท่ีเมือง
การสรา้ งพระปดิ ตา ไมแ่ นช่ ดั วา่ หลวงปภู่ ไู่ ด้จดั สรา้ งตงั้ แต่ ชลบุรี ท่านได้สร้างพระปิดตาขึ้นประมาณ พ.ศ. 2430
เมื่อใด แต่พระปิดตาเน้ือผงมีอายุความเก่าเช่นเดียวกับ เมื่อคราวสร้างอุโบสถของวัดเนินสุทธาวาส มีพุทธคุณใน
หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จัดสร้างไว้หลายพิมพ์ทรง ด้านเมตตามหานิยม ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระปิดตาของ
เปน็ พระยอดนยิ มอนั ดบั สองของจงั หวดั ชลบรุ ี ทา่ นมรณภาพ ส�ำนักอ่นื ๆ ท่านมรณภาพในปี พ.ศ. 2447
เมื่อประมาณ พ.ศ. 2436 - พ.ศ. 2441
5. หลวงป่คู รีพ วัดอทุ ยานนที (วัดสมถะ)
3. หลวงปูเ่ จยี ม วัดก�ำแพง
พระปดิ ตาหลวงปภู่ ู่ พมิ พ์เศยี รตัด พระปดิ ตาหลวงพ่อโต พมิ พเ์ ข่ายก
เนอ้ื ผงคลกุ รัก (ดา้ นหน้า ด้านหลงั เนอ้ื ผงคลกุ รกั (ด้านหนา้ ด้านหลงั )
ประวัติพระครูชลโธปมคุณมุนี หรือ หลวงปู่เจียม
วดั กำ� แพง เกดิ เมอื่ พ.ศ. 2398 ทจี่ งั หวดั ชลบรุ ี นบั วา่ เปน็ ประวัติหลวงปู่ครีพ ท่านเป็นชาวจังหวัดชลบุรี
พระเกจิอาจารย์รุ่นเก่าองค์หนึ่งของจังหวัดชลบุรี ท่าน เกิดเมื่อ พ.ศ. 2400 ในสมัยรัชกาลที่ 4 ท่านมีความ
สรา้ งพระปดิ ตามหาอตุ มเ์ นอ้ื ผงศกั ดส์ิ ทิ ธไิ์ วห้ ลายพมิ พเ์ มอ่ื สามารถในการเทศนม์ หาชาติ และเปน็ ผูพ้ ฒั นาการศึกษา
กวา่ 100 ปมี าแลว้ ทา่ นเปน็ พระผแู้ กก่ ลา้ ในทางพทุ ธาคม ของคณะสงฆ์ เปน็ กำ� ลงั สำ� คญั ในการพฒั นาศาสนจกั รของ
พระปิดตาท่ีท่านสร้างจึงมีความเข้มขลังในทุกด้าน แต่ไม่ จงั หวดั ชลบรุ จี นเจรญิ ไปมาก ทา่ นเปน็ พระทมี่ คี วามใกลช้ ดิ
ปรากฏหลกั ฐานวา่ ทา่ นสรา้ งขน้ึ มาตงั้ แตเ่ มอ่ื ใด ถอื วา่ เปน็ กับหลวงปู่เจียม วัดก�ำแพง สมัยก่อนอาณาเขตของวัด
อกี หนง่ึ สดุ ยอดของพระปดิ ตาจงั หวดั ชลบรุ ี ทา่ นมรณภาพ ตดิ ตอ่ กนั ทา่ นสรา้ งพระปดิ ตาเนอื้ ผงไว้ ซง่ึ ชาวชลบรุ เี รยี ก
เมอ่ื วันท่ี 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 กันว่า “พระยอดขุนพลแห่งพระปิดตา” ของเมืองชลบุรี
หนังสอื ทร่ี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 83
และเช่ือกันว่าหากหาพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว พระปิดตา มคี ลองๆ หนง่ึ ซง่ึ มตี น้ นำ�้ มาจากเขาเขยี วทต่ี ง้ั อยทู่ างทศิ ใต้
หลวงปู่ภู่ พระปิดตาหลวงปู่เจียม พระปิดตาหลวงพ่อโต ของอำ� เภอในปจั จบุ นั และปรากฏวา่ ในคลองนม้ี ปี ลาสรอ้ ย
ไม่ได้ ให้หา “พระปิดตาหลวงปู่ครีพ” ไว้บูชาแทนก็จะ มาก ชาวบา้ นจงึ เรยี กหมบู่ า้ นนวี้ า่ “บางปลาสรอ้ ย” ซงึ่ คำ�
ไมผ่ ิดหวัง ท่านถึงแก่มรณภาพในปี พ.ศ. 2461 ว่า “บาง” กค็ ือหมู่บา้ นนัน้ เอง
“ถิน่ ซอยคลอ้ งจอง”
พระปดิ ตาหลวงปูค่ รีพ พมิ พเ์ ศียรโต
เน้ือผงคลกุ รกั (ด้านหน้า ดา้ นหลัง)
“เมืองเกา่ บางปลาสรอ้ ย”
เมืองชลบุรีเป็นชุมชนเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก
ของอ่าวไทย มีชื่อเรียกอีกอย่างหน่ึงว่า “เมืองบางปลา วดั นอกและวดั เครอื วัลย์
สรอ้ ย” ปรากฏอยู่ในหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตรส์ มยั กรงุ พ้ืนที่เขตเทศบาลเมืองชลบุรี ฝั่งทิศตะวันตกของ
ศรอี ยธุ ยาตอนกลางในยคุ เดยี วกบั เมอื งบางพระเรอื (ตำ� บล ถนนวชิรปราการตลอดแนวตั้งแต่ทิศใต้ไปจดทิศเหนือจะ
บางพระในปจั จบุ นั ) และเมอื งบางละมงุ (อำ� เภอบางละมงุ )
เป็นชุมชนเมืองท่ีเกิดข้ึนหลังเมืองศรีพโล สถานท่ีต้ังของ มีซอยต่างๆ ท่ีประชาชนใช้เป็นเส้นทางสัญจรจากชุมชน
เมืองชลบุรีปัจจุบันในอดีตคนพื้นที่หรือคนต่างถ่ินหรือ ชายทะเลเขา้ มาในตวั เมอื งซง่ึ เปน็ ยา่ นการคา้ ซอยดงั กลา่ ว
แม้แต่แผนท่ีของทางราชการเรียกว่า “บางปลาสร้อย” ถกู พฒั นามาจากสะพานตา่ งๆ ซง่ึ ในอดตี ทอดยาวลดั เลาะ
คนจนี เรยี ก “มง่ั กะ้ สว่ ย” ปจั จบุ นั “บางปลาสรอ้ ย” เปน็ ผ่านบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ในบริเวณน�้ำทะเลท่วมถึง
ชือ่ ต�ำบลหนงึ่ ในเขตเทศบาลเมอื งชลบรุ ี เปน็ ต�ำบลเก่าแก่ และเป็นทมี่ าของลกั ษณะชุมชนทีเ่ รยี กวา่ “บ้านสะพาน”
สมยั ท่ี นายจำ� นงค์ จนั ทถริ ะ เปน็ นายกเทศมนตรี
เหตทุ เ่ี รยี กวา่ บางปลาสรอ้ ยนนั้ เลา่ กนั วา่ ในทอ้ งทตี่ ำ� บลน้ี เมอื งชลบุรี (๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ – ๒๙ มถิ ุนายน
พ.ศ. ๒๔๘๗) ไดต้ ง้ั ชอ่ื สะพานตา่ งๆ ใหม้ คี วามคลอ้ งจองกนั
ถึง ๓๔ สะพาน ลักษณะเฉพาะของชื่อสะพานที่มีความ
คลอ้ งจองกนั นี้ นำ� ไปสกู่ ารแขง่ ขนั ประลองความแมน่ ยำ� ใน
การรา่ ยเรยี งชอื่ สะพานในหมคู่ นเมอื งชล หากใครสามารถ
ขานชอื่ สะพานไดถ้ กู ตอ้ งครบถว้ นจะไดร้ บั การชน่ื ชม และ
มีความภาคภูมิใจ มิใช่น้อย แม้แต่เด็กเล็กๆ ก็พยายามที่
จะจดจำ� ชือ่ สะพานหรือช่ือซอยทงั้ ๓๔ ซอยดังกลา่ ว เพ่อื
ถา่ ยทอดสคู่ นอืน่ ๆ หากมโี อกาส จึงขอนำ� ชอื่ สะพานหรือ
ชอ่ื ซอยต่างๆ ทัง้ ๓๔ ซอย มาเรยี บเรยี งไว้ดงั นี้
ภาพบรรยากาศในเขตเทศบาลเมอื งชลบรุ ี
84 หนังสอื ทีร่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
1. ลาดวิถี 10. บ้านลำ� ภ ู 19. ไกรเกรยี งยุค 28. ยา่ นโพธิท์ อง
2. ศรีบัญญัต ิ 11. คูกำ� พล 20. สุขนริ นั ดร ์ 29. คลองสังเขป
3. รัฐผดงุ 12. กลป้อมค่าย 21. เสริมสันติ 30. เทพประสาท
4. บำ� รงุ เขต 13. บ่ายพลนำ� 22. อดเิ รก 31. ราษฎรป์ ระสทิ ธิ์
5. เจตนป์ ระชา 14. ส�ำราญราษฎร ์ 23. เอกวุฒิ 32. จิตตป์ ระสงค์
6. ทีฆามารค 15. ชาติเดชา 24. อุทยาน 33. จงประสาน
7. ภาคมหรรณพ์ 16. ท่าเรือพล ี 25. ธารนที 34. เทศบาลสมมติ
8. จนั ทร์สถิต 17. ศรนี ิคม 26. ปรดี ารมย์
9. พิทยส์ ถาน 18. ปฐมวยั 27. ชมส�ำราญ
“ดงั ก้องประเพณวี ่งิ ควาย”
ประเพณีวิ่งควาย เป็นประเพณีเก่าแก่ด้ังเดิมของ
ชาวชลบุรีท่ีมีการสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน จัดข้ึน
โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้ควายซ่ึงเป็นสัตว์เลี้ยงไว้ใช้งาน
ภายในไร่ ในนาไดพ้ กั ผอ่ นหลงั จากทตี่ รากตรำ� ทำ� งานอยา่ ง
หนัก มีถิ่นก�ำเนิด ณ ต�ำบลบางปลาสร้อย เขตเทศบาล
เมืองชลบุรี มีหลักฐานตามต�ำนานว่าเม่ือประมาณ 100
ปีเศษมาแล้ว ณ วัดใหญ่อินทาราม พระอารามหลวง
เจ้าอาวาส อุบาสก อุบาสกิ าและพุทธศาสนิกชนท้ังหลาย
ไดป้ รกึ ษาหารอื กนั วา่ ควรจะจดั ใหม้ กี ารจดั เทศนม์ หาชาติ
เป็นงานประจ�ำปีของวัดในวันข้ึน 15 ค�่ำ เดือน 11 ซ่ึง
ตรงกับวันพระและวันออกพรรษา เม่ือถึงเวลาท�ำบุญ
ชาวไร่ ชาวนาและชาวสวนได้น�ำสิ่งของเครื่องใช้ในการ
ติดกัณฑ์เทศน์ใส่เกวียนบรรทุกไปท่ีวัดและตกแต่งเกวียน
ให้สวยงามด้วยหน่อกล้วย ต้นอ้อย ทะลายมะพร้าวและ
ทางมะพร้าว ตอนบ่ายเจ้าของเกวียนจะชวนกันขี่ควาย
ไปยังสระบัวเพ่ือให้ควายกินน�้ำและเล่นน�้ำ เม่ือควายมา เป็นท่ีสนกุ สนาน ตงั้ แต่น้นั มาเมอ่ื ถึงวนั ขึ้น 14 ค�่ำ เดือน
ชมุ นมุ กนั มากๆ เจา้ ของควายจงึ ทา้ ประลองขคี่ วายแขง่ กนั 11 ของปตี อ่ ๆ มา เจา้ ของควายเทยี มเกวยี นจงึ ไดน้ ำ� ควาย
ของตนออกมาว่ิงแข่งขันกันจนกลายเป็นประเพณีสืบต่อ
กนั มาทกุ ปีนบั ตงั้ แตว่ นั ที่17กนั ยายนพ.ศ.2552เปน็ ตน้
ไป เทศบาลเมืองชลบุรีจึงมีค�ำขวัญประจ�ำเทศบาลที่ว่า
“พระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ สงู คา่ พระปดิ ตาลอื เลอื่ ง เมอื งเกา่ บาง
ปลาสรอ้ ย ถนิ่ ซอยคลอ้ งจอง ดงั กอ้ งประเพณวี ง่ิ ควาย”
ซึ่งถือว่าเป็นค�ำขวัญที่มีความเหมาะสมที่สุดส�ำหรับ
เทศบาลเมืองชลบุรี
หนังสือทีร่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 85
กบั เใมนอื หงลชวลงบรุ ี
ตอนท่ี
๓
รชั กาลท่ี ๕ เสดจ็ ประพาสเมอื งชลบรุ ี
รชั กาลท่ี ๖ เสดจ็ ประพาสเมอื งชลบรุ ี
รชั กาลท่ี ๙ เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ มาจงั หวดั ชลบรุ ี
รชั กาลท่ี ๑๐ เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ มาจงั หวดั ชลบรุ ี
รชั กาลที่ ๕ เสดจ็ ประพาสเมืองชลบรุ ี
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั เสดจ็ ประพาสเมอื งชลบรุ ี
เม่อื วันท่ี ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๑
แถวบนสดุ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยูห่ ัว และ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจา้ อรุ ุพงศ์รัชสมโภช
แถวท่ี ๒ สมเดจ็ พระอนชุ าธริ าชอษั ฎางคเ์ ดชาวธุ กรมหลวงนครราชสีมา
สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพตั รสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรคว์ รพนิ ิต
แถวที่ ๓ กรมหลวงประจักษฯ์ กรมพระยาดำ� รงฯ
แถวที่ ๔ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจา้ ฟา้ จฑุ าธุชธราดลิ ก กรมขุนเพชรบรู ณอ์ นิ ทราชยั
กรมหมน่ื มรุพงษ์ฯ
แถวที่ ๕ กรมหมื่นสงิ หวกิ รมเกรยี งไกร
แถวท่ี ๖ เจา้ พระยายมราช กรมขุนสรรพศาสตร์
แถวท่ี ๗ ท่านขวามือ พระยาบรุ ุษ ท่านซา้ ยมือ คือ หลวงอำ� นาจจนี นกิ ร
88 หนังสือที่ระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดเ้ สดจ็ ไดท้ ราบรายละเอยี ดในการเสดจ็ ประพาสตลาดชลบรุ ขี อง
ประพาสชลบรุ ีหลายคร้ัง แต่ละคร้งั ไดท้ รงพระราชนพิ นธ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวครั้งสุดท้าย
เปน็ จดหมายเหตไุ วเ้ ปน็ หลกั ฐาน ทำ� ใหช้ นรนุ่ หลงั ไดท้ ราบ จึงขออัญเชิญพระราชนพิ นธ์น้นั มาประกอบ
ถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในระหว่างเสด็จพระราชด�ำเนินแล้ว “จนี ไตก้ ง๋ วา่ ถา้ ไปอา่ งหนิ เหน็ จะถกู คลน่ื มากกวา่ นี้
ยังท�ำให้ชนรุ่นหลังมองเห็นสภาพจังหวัดชลบุรีในสมัยนั้น จึงตกลงกันไปเมืองชล เม่ือไปถึงเข้าแล้วพอเรือไชยาจอด
ได้ดีเป็นพิเศษ จดหมายเหตุเหล่าน้ันล้วนเป็นอมตะพระ อยใู่ นทนี่ ั้น แวะไปถามทีเ่ รือไชยาถึงเร่ืองนำ้� และขอยมื เขา
ราชนพิ นธท์ สี่ รา้ งความภมู ใิ จใหแ้ กช่ าวจงั หวดั ชลบรุ มี าทกุ ด้วย สมอส�ำหรับเรือก็มีมาแต่หลวงฤทธิ์ไม่เอามาเพราะ
ยคุ ทุกสมยั เพราะเป็นหลกั ฐานแสดงวา่ พระองค์ทรงพระ ถนัดแต่เดินดิน ในแม่น�้ำไม่ต้องการสมอจึงต้องไปจอด
มหากรณุ าธคิ ณุ ใกลช้ ดิ สนทิ สนมกบั ชาวจงั หวดั ชลบรุ มี าก อาศัยผูกอยู่ที่เรือเจ๊ก เพราะหยั่งน�้ำน้�ำที่น้ันสามศอกเรือ
จนถงึ กบั ชาวจงั หวดั ชลบรุ ตี อ้ งสรา้ งพระบรมราชานสุ าวรยี ์ ไชยาลากเรือไกรสรสีห์ไปแต่เช้า จึงจับเรือไกรสรสีห์ส่ง
ไวเ้ ป็นทีส่ กั การบชู าหน้าศาลากลางจงั หวดั ชลบุรี กรมหลวงด�ำรงเจ้าพระยายมราชข้ึนไปตรวจทางได้ความ
จากพระราชนิพนธ์จดหมายเหตุ ฉบับวันท่ี ๙ ว่า ที่เรือเมล์ไปจอดอยู่ ๒ ล�ำ น้�ำลึก ๔ ศอก เข้าไปได้
มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๙ จะจบด้วยประโยคท่ีวา่ จึงได้แล่นเข้าไปเทียบข้ึนท่ีเรือเมล์ เรือเมล์เขามาจอดที่
“ทอี่ า่ งศลิ าเปน็ ทสี่ นกุ แลเปน็ ทสี่ บายมาก เราอยาก สะพานศาลเจ้า อยู่ระหว่างสะพานหลวงเดิมและสะพาน
จะใครอ่ ยนู่ านๆ แตไ่ มใ่ ครจ่ ะมเี วลาไปอยพู่ น้ ๑๐ วนั เลย” หน้าที่ว่าการยาวกว่าทุกสะพานแต่แคบ เคร่ืองอาบอะไร
จากพระนพิ นธพ์ ระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระสมมติ ท่ีมีไปต้องขอแรงคนในเรือเมล์ช่วยเชิญตามเสด็จ เพราะ
อมรพันธ์ุ พ.ศ. 2438 มีความตอนหนง่ึ ว่า มีมหาดเล็กไปแต่พระยาบุรุษกับพระนายเสมอใจเท่านั้น
“ตะพานข้ึนทา่ นัน้ กไ็ กลมาก มหี ลายตะพาน แตท่ ี่ เจ้าพวกนั้นรื่นรมย์กันมาก ตามเสด็จสะพร่ังเดินก้ันร่มไป
ยาวท่ีสุดและม่ันคงนั้น คือ ตะพานหลวง ได้ลองเดินนับ ตามสะพาน ลมจดั รูส้ กึ จะเปน็ โจนร่มเสยี ใหไ้ ด้ เหมือนยงั
ก้าวคะเนดสู กั 11 เสน้ หรอื กระไรจ�ำไม่ได้ถนดั ” กับร่มมันจะพาตัวเราไปในเลน มีต�ำรวจภูธรน�ำคนหน่ึง
สำ� หรบั ในปี พ.ศ. 2451 ซงึ่ เปน็ ครงั้ สดุ ทา้ ยในการ ด้วย เจ้าน่ันก็เพ่ิงมาอยู่ใหม่ถามอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง
เสดจ็ ประพาสชลบรุ ขี องพระบาทสมเดจ็ พระปยิ มหาราชเจา้ แต่ขยันดี ตลาดเมืองชลนี้ตั้งแต่ไฟไหม้แล้วไม่ได้เคยมา
หลังจากนั้น 2 ปี (2453) เสด็จสวรรคต พระองค์ได้ เหน็ อกี เลย ดคู รกึ ครน้ื แขง็ แรงขน้ึ ทซี่ ง่ึ ขายของสดเตม็ ถนน
เสดจ็ ประพาสตลาดชลบรุ โี ดยบงั เอญิ เดมิ ทรงตง้ั พระราชหฤทยั อยู่แต่ก่อนเด๋ียวน้ีเป็นร้านขายของต่างๆ ท้ังสองฟากแต่
จะเสดจ็ ประพาสอา่ งศลิ า แตป่ รากฏวา่ คลนื่ ลมแรง จงึ เปลยี่ น ของบางกอกทั้งน้ันท่ีเราซื้อไม่ได้สักส่ิงเดียว กรมมรุพงษ์
พระราชหฤทัยเสด็จประพาสตลาดชลบุรี เส้นทางเสด็จ ออกตัวข้ึนมาเองว่าทีจะออกเตรียมๆ เพราะแต่ก่อนเคย
พระราชด�ำเนินจากสะพานศาลเจ้า (ท่าเรือพลี) ถึงศาลา ขายของสดอยเู่ กลย้ี งเกลานกั เวลาน้ีไม่มีใครอยู่ชายกลาง
กลางจังหวัด ได้เสด็จโดยพระบาท มีประชาราษฎร์เฝ้าฯ เข้าไปท�ำพลับพลาฉะเชิงเทรา ปลัดไปประจ�ำอยู่อ่างหิน
รับเสด็จอย่างเนืองแน่น จากจดหมายเหตุเสด็จคร้ังหลัง เหลือกรมการผู้น้อย เดินกว่าจะไปสุดตลาดข้างใต้ถึงที่
สุดน้ี ทรงพระราชนิพนธว์ ่า วา่ การไกลพอใช้ รอ้ นเตม็ ทที ง้ั ใสเ่ กอื กแตเ่ ปน็ เกอื กชบู างยงั
“เดินกว่าจะไปสุดตลาดข้างใต้ถึงที่ว่าการไกล รอ้ นขน้ึ มาจนตนี พอง มรี า้ นถา่ ยรปู รา้ นหนงึ่ ชา่ งจนี อยขู่ า้ ง
พอใช้ ร้อนเต็มที ทั้งใส่เกือก แต่เป็นเกือกชูบาง ยังร้อน จะมีกัลยาณมิตรได้เรียกให้ไปถ่ายรูปหมู่ท่ีท่ีว่าการ ต้ังแต่
ข้นึ มาจนตีนพอง” โรงโทรเลขไปยังเป็นก�ำมะลอยอบแยบอยู่ทั้งน้ัน แต่เขา
ในการเสด็จประพาสคร้ังน้ี ได้รับสั่งให้ช่างจีน อุตส่าห์ปุปะเยียวยาและรักษาสะอาดจริงๆ การงานเป็น
ท่ีเฝ้าฯ รับเสด็จ อยู่ร้านในตลาดชลบุรีไปถ่ายภาพหมู่ไว้ ระเบียบเรียบร้อยดีจริงๆ เรื่องกับเกือบจะเสียที เพราะ
ภาพนั้นมีหลวงอ�ำนาจจีนนิกรชาวจังหวัดชลบุรีถ่ายร่วม กรมมรุพงษ์ให้เมียไปเตรียมท�ำกับข้าวไว้ท่ีอ่างหิน แต่เรา
อยู่ดว้ ย มจี ดหมายเหตุปรากฏเป็นหลักฐาน เพ่ือผอู้ า่ นจะ ไพล่ไปเสียบางปลาสร้อย ถ้าไม่ได้เตรียมตัวไปแล้วเป็น
หนังสอื ที่ระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 89
หาอะไรไมไ่ ดเ้ ปน็ อนั ขาด มีแต่ขนม ขนมแล้วสารพัดจะมี จะแลน่ มาบางเหย้ี คงจะไมช่ า้ กวา่ เรอื โมเตอรเทา่ ใด ขนึ้ เรอื
ฝอยทอง เมด็ ขนนุ ข้าวเหนียวห่อๆ เขาทำ� เป็นแทง่ ยาวๆ โมเตอรกลับมาถึงเวลาบ่าย ๕ โมง เวลาเย็นลมอ่อนมาก
ดีมาก เป็นของควรแก่กิจท่ีจะบริโภคแม้ไม่ใช่ของขายใน ไม่เรียบทีเดียวเหมือนเมื่อวานนี้ระยะทางท่ีไปวันนี้ขาไป
ตลาดและไมใ่ ชส่ ำ� หรบั พระเปน็ อนั ขาด ในบางกอกหาไมไ่ ด้ ตง้ั แตพ่ ลบั พลาทตี่ รงลอ็ คในบางเหยี้ จนถงึ สะพานศาลเจา้
อยา่ งนี้ ส่วนของคาวน้ันไม่ปรากฏว่ามีอะไรนอกจากท่ีจะ ชวั่ โมงหน่งึ กบั ๔๒ นาที ขากลบั ชวั่ โมงหน่ึงกับ ๓๖ นาที
เป็นหม่ี แต่เผอิญเม่ือคืนนี้หลับไปแล้วให้เกิดวิตกวิจารณ์ เปน็ อนั เรอื โมเตอรนไี้ ดอ้ อกทะเลมคี ลน่ื สมความปรารถนา
ขนึ้ มาวา่ คบื กท็ ะเลศอกกท็ ะเลพลาดพลงั้ เขา้ จะอด กรมมรพุ งษ์ ท่ตี อ้ งการ แต่ถา้ หนกั กว่าน้ีเหน็ จะเปยี ก...”
แจกของแจกต่างๆ มีปิ่นโตอต๊อคแจกส�ำหรับประจ�ำ ทราบว่าในการเสด็จพระราชด�ำเนินตลาดชลบุรี
เรือโมเตอรล�ำละใบ เรือจะออกอ๋ีดว้ ย จึงลุกขน้ึ บญั ชาการ คร้ังนี้ที่ท้ายบ้านนอกจากชาวบ้านจะรับเสด็จ อย่าง
ในตกึ ใหเ้ จา้ ถนอมทำ� กบั ขา้ วบรรจลุ งเรอื ลำ� ละใบ ครง้ั เวลา เนืองแน่นแล้ว ยังได้ต้ังตุ่มน้�ำไว้ให้ผู้ตามเสด็จ ดื่มได้ตาม
วนั น้ีข้นึ ไปรวมกนั กนิ ทงั้ ๒ ใบ เล้ยี งพอกนั หมดและอร่อย อัธยาศัย พร้อมท้ังได้เขียนโคลงกระทู้เป็นเชิงทูลเกล้าฯ
อิ่มหน�ำส�ำราญหลวงอ�ำนาจจีนนิกรตามไปหาที่ที่ว่าการ ถวายฎกี าใหท้ รงทราบวา่ “เมอื งชลจนนำ�้ ” เจา้ ของตมุ่ นำ�้
เลยวา่ ใหเ้ อาเรอื ฉลอมมารบั ทส่ี ะพานหนา้ ทว่ี า่ การ เพราะ และโคลงกระทู้น้ันคือ นายจู ต้นตระกูล “จูตะกานนท์”
จะเดนิ ออ้ มกลับไปลงสะพานเดนิ ไมไ่ หว ทั้งไกลทั้งรอ้ น ที่ ปู่ของขุนอินทวราคม จึงเป็นปู่ทวดของ นายสมหวัง
หน้าที่ว่าการน้ีเขาขุดร่องพูนถนนลงไปจนถึงชายเลนลึก จตู ะกานนท์ รองผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ชลบรุ คี นปจั จบุ นั เมอื่
จนมีสะพานไม้ต่อไม่สู้ยาวได้ลงเรือฉลอม ๒ ล�ำด้วยกัน พระพุทธเจ้าหลวงทอดพระเนตรอ่านโคลงกระทู้น้ันแล้ว
แล่นใบกลับมาท่ีสะพานศาลเจ้า ท่ีจริงสบายมาก ออก โปรดใหผ้ ตู้ ามเสดจ็ จดโคลงกระทนู้ นั้ ไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน โคลง
เสียดายว่ามาถึงที่เรือโมเตอรเร็วไปเพราะลมก�ำลังดี ถ้า กระทูน้ น้ั มขี อ้ ความดงั น้ี
เมือง สถติ ชายหาดหว้ ง วังวน
ชล จดื ฝดื เตม็ ทน ท่วั แห้ง
จน พระสรุ ิเยศดล เดอื นทศ มาศเฮย
นำ้� พิรุณโรยแหรง้ ทวั่ ฟา้ หล้าเกษม
ตัง้ โต๊ะเตมิ ต่มุ ตัง้ วารี
ท ี่ พระจอมโมฬ ี ลาศเตา้
บ ู หงประดาม ี หลายหลาก
ชา ตบิ ุปผาเร้า รสฟ้งุ จรงุ ใจ
ตุ่ม เตม็ ตุ่มตงั้ เปย่ี ม อาโป
นำ้� บรสิ ทุ โธ ตงั้ ไว้
ตาม แตห่ มู่ ธโค จรเหนอื่ ย มานา
ทาง เสดจ็ ประเวศให ้ กวาดแผ้วรชั ยางค์
90 หนงั สือทีร่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี
รัชกาลท่ี ๖ เสดจ็ ประพาสเมืองชลบรุ ี
พระบาทสมเดจ็ พระรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าวธุ (ญาณวรเถร) ขณะน้ันด�ำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมไตร
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือทรงพระเยาว์ ทรงด�ำรง โลกาจารย์ ต�ำแหน่งเจ้าคณะมณฑลปราจีนบุรีเป็นผู้น�ำ
พระอิสริยยศเป็นกรมขุนเทพทวารวดี ได้ติดตามสมเด็จ เสด็จ ปรากฏหลักฐานจากค�ำประกาศสถาปนาให้
พระศรพี ชั รนิ ทรา พระบรมราชชนนี ไปประทบั ทเี่ กาะสชี งั พระธรรมไตรโลกาจารย์ดำ� รงสมณศกั ด์ิ พระสาสนโสภณ
เม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๑ และต่อๆ มาอีกหลายคร้ัง เพราะ เม่ือวนั ที่ ๒๔ กนั ยายน พ.ศ. ๒๔๖๔ ความตอนหน่ึงวา่
พระองค์ทรงโปรดปรานสถานที่ประทับบนเกาะสีชังมาก “…เมื่อพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร
และเม่ือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ด�ำรง มหาวชิราวุธทรงผนวชได้ทรงวิสาสะคุ้นเคยกับพระธรรม
พระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้า ไตรโลกาจารย์ และเมอื่ เสดจ็ ประพาสในมณฑลปราจนี บรุ ี
มหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออกผนวชวันท่ี ระหวา่ งท่ีทรงผนวชนนั้ พระธรรมไตรโลกาจารย์กไ็ ดต้ าม
๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ ระหว่างเสด็จประพาสมณฑล เสด็จพระราชด�ำเนินในกระบวนด้วยตลอดทาง ได้ทรง
ปราจีนบุรี เมื่อวันท่ี ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ ได้เสด็จฯ มโี อกาสทรงทราบคณุ สมบตั ขิ องพระธรรมไตรโลกาจารย์
ยงั วดั เขาบางทราย ชลบรุ ี ทรงถวายนมสั การพระพทุ ธบาท ตระหนักแน่ สมควรจะเพ่ิมสมณศักดิ์ให้ด�ำรงต�ำแหน่ง
วดั เขาบางทราย ทา่ นเจา้ ประคณุ สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ อนั สูงได้...”
หนงั สอื ทรี่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี 91
รชั กาลที่ ๙
เสด็จพระราชด�ำเนนิ มาจงั หวดั ชลบรุ ี
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
สมเด็จพระนางเจ้าสริ ิกิติ์ พระบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปีหลวง เสดจ็ ลงจากศาลากลางจงั หวัดชลบุรี
ในคราวเสด็จพระราชด�ำเนนิ มาทรงเยยี่ มราษฎร ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
วนั ท่ี ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙ เปน็ วนั ทพี่ สกนกิ รชาว พุทธคยาซึ่งเป็นหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธ์ิท่ีพุทธคยา
ชลบรุ ที กุ หมูเ่ หล่าปลื้มปตี ิเปน็ ลน้ พน้ เม่ือพระบาทสมเด็จ ประเทศอนิ เดยี ในบรเิ วณหอพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ พรอ้ มเสดจ็ ฯ
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรม ทรงเยยี่ มราษฎร บรเิ วณถนนวชริ ปราการ พสกนกิ รชาวชลบรุ ี
นาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ไดเ้ ฝา้ ฯ รับเสด็จและเฝ้าฯ ถวายพระพรอยา่ งใกลช้ ิด
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วย ทูลกระหม่อม หลังจากปี พ.ศ. ๒๕๐๙ พระบาทสมเด็จพระบรม
หญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จ ชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
พระราชด�ำเนินมาที่จังหวัดชลบุรี ทรงกระท�ำพิธีเปิดหอ ไดเ้ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ มาทจ่ี งั หวดั ชลบรุ อี กี หลายครง้ั โดย
พระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ ชลบรุ ี ทรงสายสตู รเททองหลอ่ พระพทุ ธ เมอ่ื วนั ที่ ๑๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๑๑ เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ
สหิ งิ คฯ์ บรเิ วณหนา้ ศาลากลางจงั หวดั ชลบรุ ี ทรงปลกู ตน้ โพธ์ิ มาทรงกระทำ� พธิ เี ปดิ พระบรมราชานสุ าวรยี พ์ ระบาทสมเดจ็
92 หนังสอื ทีร่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี
พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว รัชกาลที่ ๕ บริเวณหนา้ ศาลา ราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง และพระบรมวงศา
กลางจงั หวัดชลบุรี วนั ที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๕ เสดจ็ นุวงศ์ทุกพระองค์ที่มีต่อพสกนิกรชาวชลบุรี จึงประมวล
พระราชดำ� เนนิ ถวายนมสั การองค์พระพุทธสหิ ิงคฯ์ ชลบุรี ภาพการเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ของพระบาทสมเดจ็ พระบรม
ซง่ึ พสกนกิ รชาวชลบรุ ไี ดค้ อยเฝา้ ฯ รบั เสดจ็ ชมพระบารมกี นั ชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
อย่างเนืองแน่นตลอดเสน้ ทางทเ่ี สด็จพระราชด�ำเนนิ ผา่ น และพระบรมวงศานวุ งศ์ ทเ่ี สดจ็ พระราชดำ� เนนิ มาทจ่ี งั หวดั
ดังนั้น เพ่ือน้อมร�ำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ ชลบุรี มาไว้ในหนังสอื ท่ีระลกึ 84 ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เพ่ือให้ภาพแห่งความทรงจ�ำดังกล่าวประทับอยู่ในดวงใจ
มหาราช บรมนาถบพติ ร สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรม ของชาวชลบรุ ตี ลอดไป
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
สมเดจ็ พระนางเจ้าสริ ิกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง
และทูลกระหม่อมหญงิ อบุ ลรตั นราชกญั ญา สริ วิ ัฒนาพรรณวดี
ทรงยืนหนา้ มุขศาลากลางจังหวัดชลบรุ ี ใหป้ ระชาชนเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพร ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
หนังสือท่ีระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 93
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงสายสูตรเททองหลอ่ พระพุทธสิหงิ คฯ์
ณ ศาลากลางจงั หวดั ชลบุรี ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
(สัญลักษณ์ยงั ปรากฏอยู่ ณ ลานหนา้ ส�ำนกั งานเทศบาลเมืองชลบุรี ในปจั จุบนั )
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ มาทรงนมสั การพระพุทธสหิ ิงคฯ์ ชลบรุ ี
ผู้ว่าราชการจงั หวัดชลบุรี น�ำเสดจ็ ทรงเปน็ ประธานหล่อพระพทุ ธสิหงิ ค์ฯ ทองค�ำ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
94 หนังสือทีร่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
เสด็จพระราชดำ� เนนิ มาทรงเปดิ หอพระพุทธสหิ งิ ค์ฯ ชลบรุ ี
๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
หนังสือท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี 95
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
สมเด็จพระนางเจ้าสริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เสด็จพระราชด�ำเนินมาทรงนมัสการพระพุทธสิหงิ ค์ฯ ชลบรุ ี ผู้วา่ ราชการจังหวดั ชลบุรี นำ� เสด็จ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เสดจ็ พระราชด�ำเนินมาทรงเททองหล่อพระพทุ ธสิหงิ ค์ฯ ณ ศาลากลางจงั หวัดชลบรุ ี
นายนารถ มนตเสวี ผวู้ ่าราชการจงั หวัดชลบุรี ทลู เสด็จ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
96 หนงั สอื ทรี่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
เสด็จพระราชด�ำเนินมาทรงนมสั การพระพทุ ธสหิ งิ ค์ฯ ชลบรุ ี
ผ้วู า่ ราชการจังหวัดชลบรุ ี น�ำเสดจ็ ทรงเป็นประธานหล่อพระพุทธสิหงิ ค์ฯ ทองค�ำ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
สมเด็จพระนางเจา้ สิรกิ ิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนพี ันปหี ลวง และทลู กระหม่อมหญิงอุบลรตั นราชกญั ญา สริ ิวัฒนาพรรณวดี
ทอดพระเนตรห่นุ พระพุทธสิหิงค์ฯ ขนาดหน้าตัก ๙ น้วิ ภายหลังกระทำ� พิธเี ททองเรียบรอ้ ยแล้ว ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
หนังสอื ท่รี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 97
นายฉนั ทะ หรรษา เจ้าของร้านศรสี มิต ปากซอยทา่ เรือพลี ทูลเกล้าฯ ถวายของ
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ในคราวเสดจ็ ฯ มาทรงเยี่ยมราษฎร บรเิ วณถนนวชริ ปราการ ชลบรุ ี ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เสด็จพระราชดำ� เนนิ มาทรงเย่ียมราษฎร บริเวณถนนวชิรปราการ ชลบุรี เดก็ หญงิ บารมี สวสั ดีมงคล ทูลเกลา้ ฯ ถวายของแด่
สมเด็จพระนางเจ้าสริ ิกติ ิ์ พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนีพันปหี ลวง ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
98 หนังสือทรี่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี