พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
สมเดจ็ พระนางเจ้าสริ ิกิติ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี ันปหี ลวง และทูลกระหม่อมหญิงอบุ ลรตั นราชกญั ญา สิริวัฒนาพรรณวดี
เสดจ็ พระราชด�ำเนินมาทรงเย่ยี มพสกนกิ รชาวชลบุรี ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙
ผวู้ ่าราชการจังหวดั กราบบงั คมทลู แผนผังสร้างเมอื งใหม่แดพ่ ระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร 99
มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ ศาลากลางจงั หวดั วันที่ ๑๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๑๑
หนงั สอื ทร่ี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เสดจ็ พระราชด�ำเนินมาทรงนมสั การองค์พระพทุ ธสหิ ิงคฯ์ ชลบรุ ี
๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๕
100 หนังสือที่ระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เสด็จพระราชด�ำเนินมาทรงนมัสการองค์พระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ ชลบุรี คณะกรรมการมูลนิธิพระพทุ ธสิหิงคฯ์
ถวายรายงานเรื่องการสรา้ งศาลารายรอบหอพระ ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๕
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
เสด็จพระราชดำ� เนนิ มาทรงนมัสการองคพ์ ระพุทธสหิ ิงค์ฯ ชลบุรี ๑๕ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๑๕
หนงั สือทีร่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 101
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร
เสดจ็ พระราชดำ� เนินกลบั หลงั จากทรงนมัสการองค์พระพุทธสหิ ิงค์ฯ ชลบุรี ๑๕ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๑๕
พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
เสด็จพระราชด�ำเนนิ มาทรงกระท�ำพธิ ีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั หน้าศาลากลางจงั หวัดชลบรุ ี ๑๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๑๑
102 หนงั สือทรี่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
รชั กาลที่ ๑๐
เสดจ็ พระราชด�ำเนินมาจังหวัดชลบุรี
พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดีศรสี ินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยหู่ ัว
พร้อมด้วยสมเด็จพระเจา้ นอ้ งนางเธอ เจ้าฟ้าจฬุ าภรณวลยั ลักษณ์ อคั รราชกุมารี กรมพระศรสี วางควัฒน วรขตั ตยิ ราชนารี
(เม่อื ครั้งดำ� รงพระอิสริยยศเปน็ สมเด็จพระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกุฎราชกมุ าร และสมเด็จพระเจ้าลกู เธอ เจ้าฟ้าจฬุ าภรณ์วลยั ลกั ษณ์ อัครราชกมุ ารี)
เสดจ็ พระราชดำ� เนินโดยรถยนตพ์ ระท่ีนัง่ มาทรงนมสั การองคพ์ ระพทุ ธสิหิงคฯ์ ชลบรุ ี
โดยนายอธกึ สวสั ดมี งคล ประธานมลู นิธิพระพทุ ธสิหงิ คฯ์ ชลบรุ ี ทูลเกล้าฯ ถวายพระพุทธสหิ ิงคฯ์ ชลบรุ ี ขนาดหนา้ ตกั ๕ นวิ้
และทรงเย่ยี มราษฎรจังหวัดชลบรุ ี วนั อาทิตยท์ ่ี ๓๑ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๑๙ เวลา ๑๐.๑๕ น.
หนงั สอื ทรี่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 103
ประเเมพือณงชทลี บอ้ รุ ีงถน่ิ
ตอนท่ี
๔
ประเพณวี งิ่ ควายจงั หวดั ชลบรุ ี
ประวตั คิ วามเปน็ มาของประเพณวี งิ่ ควาย
กจิ กรรมในงานประเพณวี ง่ิ ควาย
การถบี กระดานของชาวเมอื งชล
ประวตั คิ วามเปน็ มาของ
ประเพณวี ่งิ ควายจงั หวัดชลบุรี
“ประเพณีวิ่งควาย” นบั ว่าเป็นประเพณีซง่ึ มคี วาม
เกา่ แกด่ งั้ เดมิ ของชาวชลบรุ ี และถอื วา่ เปน็ ประเพณที อ้ งถน่ิ
ท่ีมีอยู่แห่งเดียวในประเทศไทย ถือเป็นเอกลักษณ์ทาง
วฒั นธรรมประเพณที ท่ี รงคณุ คา่ และควรอนรุ กั ษใ์ หม้ คี วาม
ย่ังยืนตามที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศข้ึนทะเบียน
“ว่ิงควาย” เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ
ประจำ� ปี พทุ ธศกั ราช 2555 ประเภทกฬี าภมู ปิ ญั ญาไทย
ซึ่งมีรูปแบบเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบเน่ือง
กนั มาเปน็ ระยะเวลาอันยาวนาน จนเป็นประเพณที อ้ งถ่ิน
คบู่ า้ นคูเ่ มืองของจงั หวัดชลบรุ ี
ด้วยสภาพภูมิประเทศของจังหวัดชลบุรี บางส่วน
จะมีลักษณะเป็นท่ีราบลุ่ม ดังน้ันชุมชนที่อาศัยอยู่ใน
เขตพื้นท่ีจังหวัดชลบุรีบางส่วนจึงเป็นชุมชนที่อยู่บน
ที่ราบลุ่ม ผืนดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก
โดยเฉพาะการเกษตรกรรมท�ำไร่ท�ำนา การท�ำนานับว่า
เป็นอาชีพหลักของชาวชลบุรีมาตั้งแต่ดั้งเดิมโดยเฉพาะ
การปลูกข้าวเจ้าไว้เพ่ือบริโภค ส่วนข้าวเหนียวน้ันจะมี
การปลูกกันในบางพื้นที่ของจังหวัด ท้ังน้ีเพราะชาวนา
ของชลบุรีจะปลูกข้าวเหนียวเพื่อใช้ในการท�ำขนมหวาน
ประเภทต่างๆ
จากวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความเช่ือ ความศรัทธา
และภมู ปิ ญั ญาของทอ้ งถน่ิ จงึ กอ่ ใหเ้ กดิ ประเพณที มี่ คี ณุ คา่
ตอ่ คุณธรรมในดา้ นความกตญั ญู คือ ประเพณีวง่ิ ควาย
ประเพณีว่ิงควายเป็นประเพณีหนึ่งซ่ึงจัดขึ้นโดยมี
จดุ มงุ่ หมายเพอื่ ใหค้ วาย ซงึ่ เปน็ สตั วเ์ ลย้ี งไวใ้ ชง้ านภายในไร่
ในนาไดพ้ กั ผอ่ นหลงั จากทค่ี วายเหลา่ นน้ั ตรากตร�ำทำ� งาน
อยา่ งหนกั ใหแ้ กช่ าวไรช่ าวนาตลอดฤดกู าลอกี ทง้ั ประเพณี
วง่ิ ควายนย้ี งั มจี ดุ มงุ่ หมายเพอื่ ใหเ้ ปน็ กจิ กรรมฉลองงานบญุ
อกี ประการหนง่ึ ดว้ ย
106 หนงั สอื ทร่ี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี
ตามต�ำนานโบราณกาลท่ีเล่าสืบต่อกันมาถึงที่มา
ของประเพณีว่ิงควายว่าเกิดจากเปรตอ้ายใหญ่หรือเปรต
เจ้าใหญ่ ซ่ึงเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่ชอบหลอกหลอนให้คน
หวาดกลัวในทุกๆ ค�่ำคืน โดยเฉพาะชาวบ้านในต�ำบล
บางปลาสรอ้ ยนนั้ จะถกู เปรตอา้ ยใหญอ่ าละวาดและขม่ ขวญั
ให้หวาดผวาจนเดือดร้อนกันไปท่ัว จึงต้องมีการเซ่นไหว้
เปรตอ้ายใหญ่กันอยู่เสมอๆ กล่าวกันว่า เปรตอ้ายใหญ่
ชอบดูควายวิ่งแข่งกัน เวลาท่ีชาวนาจะน�ำควายของตน
กลับบ้านในตอนเย็นกลุ่มชาวนาจะพาควายไปชุมนุมกัน
ที่หนองน้�ำชายทุ่งนอกหมู่บ้าน เพ่ือให้ควายของตนได้ด่ืม
กนิ นำ้� และเลน่ นำ้� กอ่ นจะนำ� เขา้ คอก สว่ นชาวบา้ นกจ็ ะรวม
กลมุ่ สนทนากันในเรอ่ื งต่างๆ โดยธรรมชาติของควายแล้ว
เม่ือได้ด่ืมน้�ำและเล่นน�้ำจนสบายตัว ก็จะคึกคะนองวิ่งไล่
กันเป็นที่สนุกสนาน ชาวนาเม่ือเห็นดังน้ันจึงนึกสนุกและ
คิดท่ีจะน�ำควายของตนเองมาวิ่งแข่งขันกัน หรือบางครั้ง
เจา้ ของควายกท็ า้ ทายกนั โดยการขน้ึ ขค่ี วายของตนวงิ่ แขง่
กับควายคนอื่นๆ ส่ิงเหล่าน้ีถือว่าเปรตอ้ายใหญ่ชอบมาก
ถ้าปีใดไม่มีการแข่งขันควายกัน ตกดึกเปรตอ้ายใหญ่ก็จะ
ออกอาละวาดหรือบางครั้งโกรธมากถึงกับเผาตลาดไหม้
วอดวายไป เลา่ กันว่าเปรตอ้ายใหญไ่ ดอ้ อกปากขอให้ชาว
บ้านจัดแข่งขันควายให้ตนเองดูเป็นประจ�ำทุกปี มิฉะน้ัน
จะบันดาลให้เกิดเภทภัยร้ายแรงต่างๆ ปีใดไม่มีการจัด
แขง่ ขนั ควายปนี นั้ กจ็ ะเกดิ ไฟไหมใ้ หญใ่ นตลาดเมอื งชลบรุ ี
เกดิ โรคระบาดตา่ งๆ ววั ควายลม้ ตายเปน็ จ�ำนวนมาก ดว้ ย
ความเชอื่ และแรงศรทั ธาจงึ กอ่ ใหเ้ กดิ เปน็ ประเพณที อ้ งถนิ่
ของชาวจังหวัดชลบุรีข้ึน คือประเพณีว่ิงควาย นับตั้งแต่
น้ันมา จึงเป็นต�ำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมาเป็นเวลาร้อย
กว่าปีแล้วถึงการเกิดงานประเพณีว่ิงควายกันจากอดีตถึง
ปัจจุบัน
หนังสือท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 107
เมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีมาแล้ว ณ วัดใหญ่อินทาราม
พระอารามหลวง ซ่ึงอยู่บริเวณถนนเจตน์จ�ำนงเมืองบาง
ปลาสร้อย (ชลบุรี) เจ้าอาวาสวัด อุบาสก อุบาสิกาและ
พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ได้ปรึกษาหารือกันว่าควรจะให้
มีการจัดเทศน์มหาชาติเป็นงานประจ�ำปีของวัด ซ่ึงเม่ือ
ความคิดเห็นพ้องต้องกันแล้วจึงก�ำหนดให้เวลารุ่งอรุณ
ของวนั ขนึ้ 1๕ คำ�่ เดอื น ๑๑ ซง่ึ ตรงกบั วนั พระและวนั ออก
พรรษา เปน็ เวลาของการเรมิ่ ตน้ ในการเทศนม์ หาชาตกิ ณั ฑ์
ทศพร ซงึ่ ในปแี รกนน้ั ผทู้ รี่ บั เปน็ เจา้ ของกณั ฑเ์ ทศนจ์ ะเปน็
พวกชาวไร่ ชาวนาและชาวสวน และสง่ิ ทน่ี ำ� มาใชใ้ นการตดิ
กัณฑเ์ ทศนน์ น้ั จะเปน็ ผลผลติ การเกษตร เช่น ข้าวเปลือก
ขา้ วสาร ออ้ ย กลว้ ย หมาก มะพรา้ ว ฟกั ทอง และปลาแหง้ เทศน์มาที่วัด จึงได้น�ำควายของตนมาวิ่งแข่งขันกันเพื่อ
ต่างๆ เปน็ ต้น ดังนน้ั เม่อื ถึงเวลาทำ� บุญ พวกชาวไร่ชาวนา ให้คนในตลาดได้ชมกันอย่างสนุกสนาน จนเจ้าของควาย
และชาวสวนจะน�ำสิ่งของเครื่องใช้ในการติดกัณฑ์เทศน์ ในต�ำบลใกล้เคียงได้น�ำควายของตนเองมาร่วมแข่งขันกัน
ใสเ่ กวยี นบรรทกุ ไปทวี่ ดั เกวยี นจะมปี ระทนุ ครอบกนั แดด มากมายนับร้อยตัว ชาวบ้านในท้องถิ่นต่างๆ ก็มาดูการ
และฝน และเนอื่ งจากเปน็ งานบญุ เจา้ ของเกวยี นจงึ ตกแตง่ แข่งขันวิ่งควายกันมากมาย จนกลายเป็นประเพณีสืบต่อ
เกวยี นของตนใหส้ วยงาม โดยการรอ้ ยดอกไมห้ อ้ ยเปน็ มา่ น กันมาทุกๆ ปี
หนา้ ประทนุ เกวยี น ใชห้ นอ่ กลว้ ย ตน้ ออ้ ย ทะลายมะพรา้ ว นอกจากการแต่งเกวียนบรรทุกเครื่องกัณฑ์เทศน์
และทางมะพรา้ วตกแตง่ โดยผกู ขนาบสองขา้ งของเกวยี น ให้ดสู วยงามมสี สี นั สดใสแลว้ ควายทน่ี ำ� มาใช้เทียมเกวียน
เกวียนทุกๆ เล่มจะถูกตกแต่งให้มีสีสันสดใสสวยงามตา หรอื รว่ มแขง่ ขนั วง่ิ ควายนนั้ จะถกู เจา้ ของควายจบั แตง่ ตวั
เพอื่ บรรทกุ ขา้ วของเครอื่ งใชม้ าตดิ กณั ฑเ์ ทศนง์ านบญุ ทวี่ ดั ใหส้ วยงาม เชน่ ใชด้ า้ ย ผา้ ดบิ หรอื ผา้ สสี ดใส คาดระหวา่ ง
เม่ือถึงเวลาบ่าย เจ้าของเกวียนจะชวนกันขี่ควายของตน เขาทงั้ สองขา้ งกลางหนา้ ผากควาย ใชก้ ระดาษแขง็ ตดั เปน็
ไปยังสระบวั ซึง่ เป็นสระนำ้� ขนาดใหญม่ ีดอกบวั ข้ึนในสระ รปู ใบโพธิ์ ปดิ ทบั ดว้ ยแผ่นโลหะฉลุลวดลาย ติดกระดาษสี
มากมาย ซึง่ ควายทเี่ หน็ดเหนื่อยจากการลากเกวียนจะได้ สลบั ไปมา มกี ารรอ้ ยพวงดอกไมเ้ ปน็ มา่ นระยา้ ระหวา่ งเขา
กินน�้ำและเล่นน�้ำในสระบัวอย่างสนุกสนาน เมื่อควายมา ส่วนเขาท้ังสองข้างจะใช้ผ้าดิบเย็บครอบไว้ ตกแต่งผ้าดิบ
ชมุ นุมกนั ทบ่ี ริเวณสระบัวมากๆ เช่นนั้น เจ้าของควายจงึ ดว้ ยลกู ปดั สสี วยงาม สว่ นปลายเขาจะเปน็ พสู่ ที ดี่ แู ลว้ สะดดุ
ทา้ ประลองขค่ี วายแขง่ กนั เปน็ ทส่ี นกุ สนานอยา่ งยงิ่ ทง้ั คน ตา ควายบางตวั ไมไ่ ด้สวมถุงท่เี ขา จะใช้น�้ำมันงาทาเขาให้
และควาย ตงั้ แตน่ นั้ มาเมอ่ื ถงึ วนั ขนึ้ 14 คำ่� เดอื น 11 ของ ด�ำและเปน็ เงางาม ส่วนคอควายจะผูกกระดึงหรอื กระด่ิง
ปตี ่อๆ มา เจา้ ของควายเทยี มเกวียนทบ่ี รรทกุ เครื่องกัณฑ์ ใบใหญ่ๆ เพ่ือให้เกิดเสียงดังเวลาควายเดิน ล�ำตัวควาย
น้ันจะมีการตกแต่งโดยใช้ผ้าผืนใหญ่ลายสดๆ พาดทับ
บา้ ง ใช้สีฉดี พน่ หรอื ทาบา้ ง การตกแต่งควายนขี้ ้ึนอยู่กับ
จนิ ตนาการหรอื ความคดิ ของเจา้ ของควายแตล่ ะคนนนั่ เอง
ในอดีตน้ันเจ้าของควายต่างๆ มักจะน�ำควายของ
ตนเองมาพักเกวียนและควายไว้ตามลานวัด หรือท่ีมี
บริเวณกว้างๆ ซ่ึงเป็นท่ีไม่ไกลจากตลาดมากนัก ปัจจุบัน
คอื บรเิ วณทา่ เกวยี นนน่ั เอง ดงั นนั้ ทกุ ๆ วนั ขนึ้ 14 คำ่� เดอื น
11 และวนั ข้ึน 15 คำ่� เดอื น 11 (วนั ออกพรรษา) จะมี
108 หนังสือที่ระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
ที่อยู่ต่างหมู่บ้านได้ไปมาหาสู่เที่ยวชมงานกันอย่างท่ัวถึง
ภายในงานมีกีฬาและการละเล่นต่างๆ กิจกรรมประกวด
ผลิตผลทางการเกษตร การตรวจสุขภาพสัตว์เล้ียงหรือ
มีงานบนั เทงิ ในตอนกลางคืน
วตั ถปุ ระสงคข์ องการจัด
ประเพณีวิ่งควาย
ประเพณีว่ิงควายเป็นประเพณีท่ีเกี่ยวกับอาชีพ
เกษตรกรรม ซ่ึงตกทอดมาจากบรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน
โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมประเพณีอันดีงาม และ
ส่งเสริมการท่องเท่ียวของจังหวัดชลบุรี โดยจัดงานในวัน
พ่อค้าแม่ค้าน�ำสินค้ามาจ�ำหน่ายบริเวณตลาดท่าเกวียน ขนึ้ 14 คำ่� เดือน 11 หรือกอ่ นออกพรรษา 1 วนั เพื่อ
มากมาย เจา้ ของควายทน่ี ำ� ควายมาจะจงู ควายไปเทย่ี วใน รอคอยเวลาท่ีผลผลิตจะตกดอกออกรวง และให้คนกับ
ตลาด โดยแตง่ ตวั ให้สวยงามทั้งคนและควาย ทั้งน้ีเพื่อให้ ควายได้มีโอกาสพักผ่อนหลังจากตรากตร�ำงานในท้องนา
ควายได้พักผ่อนและเป็นการท�ำขวัญควายอีกด้วย ดังน้ัน มายาวนาน ชาวบ้านได้เตรยี มของไปถวายวัด ได้พกั ผ่อน
การแตง่ ตวั ใหค้ วายจงึ แตง่ อยา่ งวจิ ติ รพสิ ดาร แปลกและนา่ และได้สังสรรค์กันระหว่างชาวบ้านซึ่งเหนื่อยจากงาน
สนใจตามความคิดสร้างสรรค์ของเจ้าของควายนั้นๆ เช่น นอกจากน้ีประเพณีว่ิงควายยังเป็นการแสดงความ
ทำ� ถงุ สวมเขาควาย การตกแตง่ เชอื กจงู ควาย การทำ� กระบงั กตัญญูรู้คุณต่อควายที่เป็นสัตว์มีบุญคุณต่อชาวนาและ
หน้าแต่งให้ควายสวยงามหรือการตกแต่งแส้เฆี่ยนควาย คนไทย เป็นการทำ� ขวัญควายและใหค้ วายได้พักผ่อนจาก
ใหม้ สี สี นั สดใส เปน็ ตน้ เมอื่ จงู ควายไปซอ้ื ของในตลาดแลว้
บางครง้ั จะมกี ารขคี่ วายใหช้ มรอบๆ ตลาดอกี ดว้ ย รงุ่ ขน้ึ จงึ
นำ� ควายไปวงิ่ แขง่ ขนั กนั เปน็ ทสี่ นกุ สนาน ในระหวา่ งปหี าก
ชาวนาคนใดมีควายที่เจ็บป่วยก็จะบนบานศาลกล่าวต่อ
เปรตอ้ายใหญ่ให้ควายของตนเองหายจากความเจ็บป่วย
และน�ำควายมาวิ่งแก้บนให้ชม จนกลายมาเป็นประเพณี
สืบต่อกันมาจนถึงทกุ วนั น้ี
ดังที่กล่าวว่า ประเพณีว่ิงควายน้ัน ถือว่าเป็น
ประเพณสี บื เนอื่ งมาจากงานบญุ นนั่ คอื การเทศนม์ หาชาติ
ดังน้ันในวันท่ีเทศน์มหาชาติ (ข้ึน 15 ค่�ำ เดือน 11)
เจ้าของกณั ฑ์เทศน์ จะน�ำเครื่องกัณฑ์เทศนบ์ รรทกุ เกวยี น
มาทั้งส้นิ 13 เลม่ ตามจำ� นวนของกณั ฑเ์ ทศน์ 13 กัณฑ์
ใชค้ วายในการเทยี มเกวยี นทง้ั สนิ้ 26 ตวั โดยเจา้ ของกณั ฑ์
เทศนน์ น้ั จะนำ� เครอื่ งกณั ฑเ์ ทศนม์ าไวท้ วี่ ดั กอ่ น เพอ่ื เตรยี ม
ในเรื่องงานบุญเทศนม์ หาชาตทิ ่ีจดั ขนึ้
ประเพณีวิ่งควายในปัจจุบัน เทศบาลเมืองชลบุรี
จดั ขน้ึ ในวนั ขึน้ 14 คำ่� เดอื น 11 เป็นงานทใ่ี หญม่ าก จัด
ขึ้นบรเิ วณหนา้ ศาลากลางจังหวดั ชลบุรี เพือ่ ให้ประชาชน
หนังสือทร่ี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี 109
งานในท้องนา เพ่ือให้สอดคล้องกับความเชื่อท่ีว่า หาก เจ้าคณะมณฑลและเจ้าอธกิ ารวดั นม้ี าคอยรบั เสดจ็ และมี
ปีใดไม่มีการวิ่งควายปีนั้นควายจะเป็นโรคระบาดกันมาก ราษฎรมาคอยเฝา้ เปน็ อนั มาก โปรดใหร้ าษฎรเฝา้ ราษฎร
เพื่อแสดงการรู้คุณต่อควายซ่ึงเป็นสัตว์ที่จ�ำเป็นในการ นำ� ปลาและนำ�้ ปลามาถวาย โปรดพระราชทานเงนิ ทกุ ราย
ประกอบอาชีพท�ำนา ชาวนาไทยให้ความส�ำคัญกับควาย และพระราชทานเสมาเงิน จ.ป.ร. แก่เด็กลูกหลานของ
มาก มีการก�ำหนดลักษณะของควายที่เป็นมงคลและ ราษฎรที่มาเฝ้าน้ันท้ังหญิงและชาย แล้วประทับเสวย ณ
อัปมงคลตามความเชื่อ เพ่ือเป็นแนวทางในการคัดเลือก ที่นน้ั เวลาบ่าย ๒ โมง ๔๕ นาที เสด็จประทับลงเรอื ยนต์
ควายท่ีมีลักษณะดีมาใช้แรงงาน ลักษณะควายท่ีเชื่อว่า พระสงฆใ์ นวดั นสี้ วดชยนั โต
เป็นมงคล เชน่ ลำ� ตัวใหญย่ าว ขาแข็งแรง และได้สดั สว่ น เวลา ๓ โมง ๔๕ นาที เรือพระที่นั่งเทียบสะพาน
มีหน้าค่อนข้างยาว รูจมูกเล็กมีความชุ่มช้ืนอยเู่ สมอ มเี ขา ท่าน�้ำเมืองชลบรุ ี พระยาวิเศษฤาไชยและข้าราชการเมือง
โค้งคล้ายวงพระจันทร์ โคนเขาใหญ่ปลายเรียวมีปล้องถ่ี นนั้ มาคอยรบั เสดจ็ เสดจ็ ขน้ึ ประทบั ตำ� หนกั กรมขนุ มรพุ งษ์
เปน็ ตน้ ควายทมี่ ลี กั ษณะดแี ละแขง็ แรง เหมาะสมกับการ ท่เี มืองชลบรุ นี ั้น
ใชง้ านจงึ เปน็ ทต่ี อ้ งการของบรรดาเกษตรกร ในบางทอ้ งท่ี เวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จที่ว่าการเมือง กองเสือป่า
ทยี่ งั คงเหน็ ความสำ� คญั หรอื ความจำ� เปน็ ในการใชแ้ รงงาน และลกู เสอื นกั เรยี นชายหญงิ ตงั้ แถวรบั เสดจ็ ทส่ี นามหญา้
ควายคู่ไปกบั เครื่องทนุ่ แรงต่างๆ หน้าที่ว่าการ ทหารเรือชายทะเลท้ังข้างขวา ข้างซ้าย
ตำ� รวจภธู ร เมอ่ื ประทบั บนทวี่ า่ การแลว้ พระยาวเิ ศษฤาไชย
รชั กาลท่ี ๖ เสดจ็ ประพาสจงั หวดั ชลบรุ ี น�ำฝ่ายพลเรือนเฝ้าเรียงตัว หลวงมริดราบ น�ำทหารเรือ
สิ่งที่น่าภาคภูมิใจย่ิงส�ำหรับประเพณีวิ่งควายของ ทหารบก ต�ำรวจภูธรเฝ้า พระยาวิเศษฤๅไชยน�ำพ่อค้า
ชาวชลบุรีก็คือ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ไทย จีนเฝ้า ประทับทอดพระเนตรแข่งกระบือ และ
เจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสจังหวัดชลบุรี เม่ือวันเสาร์ท่ี 7 แห่ผ้าป่า ซ่ึงพ่อค้าพลเมืองได้จดั ใหม้ ขี ้นึ
ธนั วาคม พ.ศ. 2455 ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ชลบรุ ี คอื พระยา ประทับเสวยเคร่ืองว่าง ณ ที่น้ันแล้วเสด็จกลับยัง
วเิ ศษฤๅไชย ไดจ้ ดั วง่ิ ควายถวายทอดพระเนตรทห่ี นา้ ศาลา ท่ีประทับแรม โปรดให้เล่ือนก�ำหนดวันที่จะเสด็จกลับไป
กลางจงั หวดั ชลบรุ ี มหี ลกั ฐานปรากฏในพระราชกจิ รายวนั อีก ๒ วนั ”
กรมราชเลขาธิการไดบ้ นั ทกึ ไว้ ขอคัดมาเป็นหลักฐาน
“วัน ๗ฯ๑๔๑๒ ร.ศ. 131 เสด็จลงเรือพระที่น่ัง
ที่ท่าหน้าต�ำหนัก กรมขุนมรุพงษ์ พระราชทาน พระแสง
สำ� หรบั มณฑลแกพ่ ระสนุ ทรพพิ ธิ แลว้ เสดจ็ ลงเรอื จะเสดจ็
เมอื งชลบรุ ี พอผา่ นโรงทหาร กองทหารโหร่ อ้ งถวายไชยมงคล
ล่องลงมาตามล�ำน้�ำ เวลาเท่ียงถึงปากน�้ำบางปะกง
เสด็จข้ึนประทับบนศาลาการเปรียญวัดบางปะกง มี
110 หนังสอื ทีร่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี
จากพระราชกิจประจ�ำวันนี้ จะเห็นได้ชัดว่า
ประเพณีวิ่งควายได้มีมาแล้วแต่อดีต และเป็นประเพณี
ที่แปลกกว่าจังหวัดอ่ืน จึงได้เตรียมการจัดถวายทอด
พระเนตรเป็นกรณีพิเศษ
ความเชื่อเก่ียวกบั ประเพณีวง่ิ ควาย
ความเชื่อทางไสยศาสตร์
ในอดีตประเพณีว่ิงควาย เป็นประเพณีที่เกี่ยวข้อง
กบั ความเชอื่ ทางไสยศาสตรท์ วี่ า่ ถา้ ควายของใครเจบ็ ปว่ ย
เจ้าของควายควรจะน�ำควายของตนไปบนกับเทพารักษ์
และเม่ือหายเป็นปกติแล้วจะต้องน�ำควายมาวิ่งแก้บน
ฉะน้ันในปีต่อๆ มาชาวบ้านก็น�ำควายของตนมาวิ่งเพ่ือ
ปอ้ งกนั การเจ็บปว่ ยเสียแตเ่ นิน่ ๆ
ความเชอ่ื ทางศาสนาพุทธ
ส่วนความเชื่อในทางศาสนาพุทธน้ัน เกิดจากการ
ท่ีชาวบ้านมาชมุ นุมกันท่ีวดั ใหญ่อินทาราม จังหวดั ชลบุรี จะน�ำเครื่องกัณฑ์เทศน์มาไว้ท่ีวัดก่อน เพ่ือเตรียมในเร่ือง
เพ่ือน�ำเครื่องกัณฑ์เทศน์ใส่ควายเทียมเกวียนมาพักที่วัด งานบญุ เทศนม์ หาชาติทจ่ี ัดขน้ึ
เพื่อจะรอการติดกัณฑ์เทศน์ในเทศกาลเทศน์มหาชาติ การแหข่ บวนเกวยี นกัณฑ์
ขณะที่รอเด็กเล้ียงควายต่างก็น�ำควายของตนไปอาบน้�ำ ประเพณีว่ิงควาย ถือว่าเป็นประเพณีท่ีสืบเน่ืองมา
ทส่ี ระบรเิ วณวดั เมอื่ ตา่ งคนตา่ งพาควายของตนไปกเ็ กดิ มี จากงานบุญน่ันคือการเทศน์มหาชาติ เจ้าของกัณฑ์เทศน์
การประลองฝีเทา้ ควายเกดิ ขึน้ เพือ่ ทดสอบสขุ ภาพความ จะน�ำเคร่ืองกัณฑ์เทศน์บรรทุกเกวียนมาทั้งส้ิน ๑๓ เล่ม
แข็งแรงกัน การแข่งขันในระยะแรกๆ จึงเป็นเพียงการ ตามจ�ำนวนของกัณฑเ์ ทศน์ ๑๓ กัณฑ์ ดังน้ี
บังคับควายขณะวิ่งในระยะที่ก�ำหนด และห้ามตกจาก 1. กณั ฑ์ทศพร 2. กัณฑห์ ิมพานต์
หลังควาย ต่อมาจึงเช่ือว่าการว่ิงควายได้มีการพัฒนาขึ้น 3. กัณฑท์ านกณั ฑ์ 4. กณั ฑ์วนประเวศน์
เรอ่ื ยๆ มกี ารวงิ่ รอบตลาด เมอ่ื ถงึ เทศกาลกอ่ นออกพรรษา 5. กัณฑช์ ูชก 6. กณั ฑจ์ ุลพน
1 วนั ชาวบ้านรา้ นตลาดตา่ งก็จะรอดคู วายที่มาว่งิ มกี าร 7. กัณฑ์มหาพน 8. กณั ฑ์กมุ าร
ตกแตง่ ควายใหส้ วยงามและวจิ ติ รบรรจงมากขนึ้ จนกลาย 9. กณั ฑ์มทั รี 10. กัณฑส์ กั กบรรพ
เป็นประเพณวี ง่ิ ควาย 11. กณั ฑ์มหาราช 12. กัณฑ์ฉกษัตริย์
13. กัณฑน์ ครกณั ฑ์
พิธกี รรมท่เี ก่ยี วข้อง กัณฑ์ท่ี 1 กัณฑ์ทศพร ประดับด้วยพระคาถา
การเทศนม์ หาชาติ 19 พระคาถา
ประเพณวี ิง่ ควายนนั้ ถือว่าเป็นประเพณีทีส่ ืบเนื่อง เน้ือเรื่องโดยยอ่
มาจากงานบุญนั่นคือการเทศน์มหาชาติ ดังนั้นในวันที่ เร่ิมต้ังแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วเสด็จไปเทศนา
เทศนม์ หาชาติ ซง่ึ ตรงกบั วนั ขน้ึ 15 คำ�่ เดอื น 11 เจา้ ของ โปรดพระเจ้าพิมพิสาร ต่อจากน้ันเสด็จไปโปรดพุทธบิดา
กณั ฑเ์ ทศนจ์ ะนำ� เครอ่ื งกณั ฑเ์ ทศนบ์ รรทกุ เกวยี นมาทงั้ สน้ิ และพระประยรู ญาตทิ ี่กรงุ กบิลพัสด์ุ เกดิ ฝนโบกขรพรรษ
13 เลม่ ตามจำ� นวนของกณั ฑเ์ ทศน์ 13 กณั ฑ์ ใชค้ วายใน พระสงฆ์สาวกกราบทูลอาราธนาให้ทรงแสดงเร่ือง
การเทยี มเกวียนท้งั สนิ้ 26 ตวั โดยเจ้าของกัณฑเ์ ทศนน์ ั้น มหาเวสสนั ดรชาดก เรมิ่ ตง้ั แตเ่ มอ่ื กปั ที่ 98 นบั แตป่ จั จบุ นั
หนังสอื ทร่ี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 111
พระนางผุสดีซ่ึงทรงเป็น พระมารดาของพระเวสสันดร
ทรงอธิษฐานขอเป็นมารดาของผู้มีใจบุญ จบลงตอน
พระนางไดร้ ับพร 10 ประการจากพระอินทร์
อานสิ งส์
ผู้บูชากัณฑ์นี้จะได้รับทรัพย์สมบัติดังปรารถนา
ถ้าเป็นสตรีจะได้สามีท่ีเป็นที่ชอบเนื้อเจริญใจ บุรุษจะได้
ภรรยาเป็นท่ีต้องประสงค์ จะได้บุตรหญิงชายเป็นคนว่า
นอนสอนง่าย มีรูปร่างที่งดงามมีความประพฤติดีกิริยา
เรียบร้อย เนอ้ื เร่อื งโดยยอ่
กัณฑท์ ี่ 2 กณั ฑห์ มิ พานต์ ประดับด้วยพระคาถา ก่อนเสด็จไปอยู่ป่า พระเวสสันดรได้พระราชทาน
134 พระคาถา สตั ตสตกมหาทาน คือ ชา้ ง มา้ รถมา้ ทาสชาย ทาสหญิง
เน้ือเร่ืองโดยย่อ โคนม นางสนม และอาภรณ์ อย่างละ 700 ขณะนั่งรถ
พระเวสสนั ดรเปน็ พระราชโอรสของพระเจา้ สญั ชยั เดนิ ทางเขา้ ปา่ กไ็ ดพ้ ระราชทานรถมา้ แกผ่ มู้ าขอจนหมดสนิ้
กบั พระนางผสุ ดี แหง่ แควน้ สวี รี าษฎร์ ประสตู ทิ ตี่ รอกพอ่ คา้ สดุ ทา้ ยพระเวสสนั ดร พระนางมทั รี ชาลี กณั หา ตอ้ งเดนิ เทา้
ยนิ ดใี นการบรจิ าคทาน เมอ่ื พระเวสสนั ดรไดร้ บั ราชสมบตั ิ เขา้ ปา่
จากพระบิดา ได้พระราชทานช้างปัจจัยนาเคนทร์แก่ อานิสงส์
กษตั รยิ แ์ ควน้ กลงิ คราษฎร์ ประชาชนไมพ่ อใจ พระเวสสนั ดร ผู้บูชากัณฑ์น้ีจะบริบูรณ์ด้วยแก้วแหวน เงินทอง
จึงถกู พระราชบดิ าเนรเทศไปอย่ปู า่ หิมพานต์ ทาส ทาสี และสตั ว์ 2 เทา้ 4 เท้า ครน้ั ตายแลว้ จะได้ไป
อานสิ งส์ เกิดในสวรรค์มีนางเทพอัปสรแวดล้อมมากมาย เสวยสุข
ผู้บูชากัณฑ์นี้ จะได้ส่ิงท่ีปรารถนาทุกประการ ในปราสาทแล้วด้วยแก้ว 7 ประการ
ครั้นตายแล้วได้บังเกิดในสุคติโลกสวรรค์เสวยสมบัติอัน กัณฑ์ที่ 4 กัณฑ์วนประเวศน์ ประดับด้วยพระ
มโหฬาร มบี รวิ ารแวดลอ้ มบำ� รงุ บำ� เรออยเู่ ปน็ นติ ย์ จตุ จิ าก คาถา 57 พระคาถา
สวรรค์แล้ว จะลงมาเกิดในตระกูลขัตติยะมหาศาลหรือ เนื้อเร่ืองโดยยอ่
ตระกูลพราหมณ์มหาศาลอันบริบูรณ์ด้วยทรัพย์ศฤงคาร พระเวสสันดรทรงพาพระนางมัทรีและพระชาลี
บริวารมากมาย ประกอบด้วยสุขทกุ อริ ิยาบถ (โอรส) พระกัณหา (ธิดา) เสด็จจากเมืองผ่านแคว้นเจต
กณั ฑท์ ่ี 3 กณั ฑท์ านกณั ฑ์ ประดบั ดว้ ยพระคาถา ราษฎร์ จนเสดจ็ ถงึ เขาวงกตในป่าหมิ พานต์ และพกั อาศัย
209 พระคาถา อยู่ที่นน่ั ในอาศรมซง่ึ พระอนิ ทร์มาเนรมิตไวใ้ ห้
112 หนงั สือท่ีระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
อานสิ งส์ เนอ้ื เร่อื งโดยยอ่
ผู้บูชากัณฑ์น้ีจะได้รับความสุขท้ังโลกนี้และโลก เฒ่าชูชกเดินทางไปตามค�ำบอกของพรานเจตบุตร
หน้า ได้เป็นบรมกษัตริย์ในชมพูทวีป เป็นผู้ทรงปรีชา พบฤๅษีอัตจุตก็เล่าความเท็จอีก ฤๅษีจึงชี้ทางไปอาศรม
เฉลียวฉลาด สามารถปราบอริราชศัตรใู หย้ ่อยยบั ไป ของพระเวสสันดร เม่ือไปถึงเป็นเวลาพลบค�่ำ เฒ่าชูชกก็
กัณฑ์ที่ 5 กณั ฑช์ ูชก ประดับดว้ ยพระคาถา 79 ซ่อนตัวบนชะง่อนเขาด้วยคิดว่า ต้องรอรุ่งเช้าให้พระนาง
พระคาถา มทั รีออกไปหาผลไม้ เพราะนางคงไม่ยอมยกลูกใหใ้ ครแน่
เนอื้ เร่ืองโดยย่อ อานิสงส์
ชชู ก พราหมณผ์ มู้ อี าชพี ขอทาน ไดน้ างอมติ ตาบตุ ร ผู้บูชากัณฑ์มหาพน จะได้เสวยสมบัติในดาวดึงส์
สาวของเพื่อนเป็นภรรยา นางใช้ให้ชูชกไปขอสองกุมาร เทวโลก หากเกิดเป็นมนุษย์จะได้เป็นกษัตริย์มหาศาล
ชูชกเดินทางไปสืบข่าวในแคว้นสีวีราษฎร์ สามารถหลบ มีทรัพย์ศฤงคาร บริวารมาก มีอุทยานและสระโบกขรณี
หลีกการท�ำร้ายของชาวเมือง เดินทางไปเขาวงกตจนพบ เปน็ ท่ปี ระพาสบรบิ ูรณ์ด้วยศกั ดานุภาพ
สุนัขของพรานเจตบุตรผู้คอยเฝ้าอารักขาอยู่ปากทางเข้า กัณฑ์ที่ 8 กัณฑ์กุมาร ประดับด้วยพระคาถา
ปา่ หิมพานต์ ฝงู สุนขั ไล่กัดชชู ก จนชูชกหนขี ึ้นไปหลบบน 101 พระคาถา
ต้นไม้ เน้อื เรื่องโดยยอ่
อานสิ งส์ ชูชกทูลขอสองกุมาร พระเวสสันดรก็ได้มอบให้
ผู้บูชากัณฑ์น้ี จะได้บังเกิดในตระกูลกษัตริย์ แต่ขอให้ชูชกรอพระนางมัทรีให้แม่ลูกได้ร�่ำลากันก่อน
ประกอบด้วยสมบัติอันงดงามกว่าคนท้ังหลาย จะเจรจา ชูชกไม่ยอม ดว้ ยเกรงว่านางมทั รีจะไม่ยกสองกุมารใหต้ น
ปราศรยั กไ็ พเราะเสนาะโสต แมจ้ ะไดส้ ามี ภรรยาและบตุ ร ก่อนชชู กจะพาสองกุมารจากไป พระเวสสนั ดรได้ตง้ั ราคา
ธิดาก็ลว้ นแต่มีรปู ทรงงดงาม ค่าตัวสองกุมารว่า ถ้าใครจะไถ่ตัวกัณหา ชาลีไป ต้องให้
กณั ฑท์ ี่ 6 กณั ฑจ์ ลุ พน ประดบั ดว้ ยพระคาถา 35 ทาส ทาสี ช้าง ม้า โคนม ทองค�ำ ส่ิงละ 100 จากนั้น
พระคาถา ชูชกได้ใช้เถาวัลย์มัดข้อมือสองกุมาร ลากจูงพาออกไป
เนอ้ื เร่อื งโดยยอ่ สองกมุ ารขดั ขนื กใ็ ชไ้ มโ้ บยตี สองกมุ ารไดร้ บั ความลำ� บาก
พรานเจตบุตร เห็นท่าไม่ดี เกรงพราหมณ์เฒ่าจะ เป็นอนั มาก
เขา้ ไปรบกวนพระเวสสนั ดร จงึ ยกหนา้ ไมจ้ ะยงิ ชชู กใหต้ าย อานสิ งส์
แต่ชูชกหลอกลวงพรานเจตบุตรให้บอกทางไปเขาวงกต ผบู้ ชู ากณั ฑน์ ี้ จะประสบผลสำ� เรจ็ ในสง่ิ ทปี่ รารถนา
ว่าตนเป็นราชทูตของพระเจ้ากรุงสญชัย ก�ำลังจะเข้าไป ครนั้ ตายไปแลว้ ไดเ้ กดิ ในฉกามาพจรสวรรค์ และในสมยั ที่
เชิญพระเวสสันดรกลับเมือง เพราะพระเจ้ากรุงสญชัย พระศรอี รยิ เมตไตรยมาอบุ ตั ิ กจ็ ะไดพ้ บศาสนาของพระองค์
ทรงอภัยโทษแล้ว พรานเจตบุตรหลงเช่อื จึงบอกทางและ จะได้เกิดในตระกูลกษัตริย์ ตลอดจนได้สดับตรับฟัง
มอบเสบียงอาหารใหอ้ ีกดว้ ย พระสทั ธรรมเทศนาของพระองคแ์ ลว้ บรรลพุ ระอรหตั ตผล
อานสิ งส์ พรอ้ มดว้ ยปฏิสัมภิทาทั้ง 4
ผบู้ ชู ากณั ฑน์ ี้ แมบ้ งั เกดิ ในปรภพใดๆ กต็ าม จะเปน็ กัณฑท์ ่ี 9 กณั ฑม์ ัทรี ประดบั ด้วยพระคาถา 90
ผู้สมบูรณ์ด้วยสมบัติบริวาร มีอุทยานอันดารดาษด้วยไม้ พระคาถา
หอมตลบอบอวล มสี ระโบกขรณอี นั เตม็ ไปดว้ ยประทมุ ชาติ เนือ้ เรอ่ื งโดยยอ่
คร้ันตายไปแลว้ กไ็ ด้เสวยทพิ ยสมบตั ิในโลกหน้าสืบตอ่ ไป พระนางมัทรีเสด็จกลับจากหาผลไม้ในป่า ไม่เห็น
กัณฑ์ที่ 7 กัณฑ์มหาพน ประดับด้วยพระคาถา สองกุมาร ได้ร้องเรียกติดตามหาก็ไม่พบพระนางถึงกับ
80 พระคาถา สลบต่อพระพักตร์พระเวสสันดร เม่ือทรงฟื้นแล้ว
พระเวสสันดรตรัสเล่าความจริงเก่ียวกับสองพระกุมาร
พระนางทรงอนโุ มทนาปุตตทานดว้ ย
หนังสอื ท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 113
สืบราชสมบตั ติ ่อไป
6. ขอใหฝ้ นแกว้ 7 ประการ ตกลงในเมอื งสพี ี ขณะ
เมอ่ื พระองค์ไปถึงพระนคร
7. ขอให้สมบัติในท้องพระคลังอย่ารู้หมดสิ้นใน
เวลาบริจาคแก่ยาจกทว่ั เมือง
8. เม่ือทิวงคตแล้ว ขอให้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้น
ดุสิต เมื่อจุติลงมาเป็นมนุษย์ ให้ได้บรรลุพระปรมาภิเษก
สัมโพธิญาณ แล้วพราหมณ์ชราก็คืนร่างเป็นพระอินทร์
เหาะข้นึ ฟา้ จากไป
อานิสงส์
ผู้บูชากัณฑ์น้ี จะเป็นผู้ท่ีเจริญด้วยลาภยศ และ
จตรุ พธิ พรทั้ง 4 คอื อายุ วรรณะ สขุ ะ พละ ตลอดไป
กณั ฑท์ ่ี 11 กณั ฑ์มหาราช ประดับด้วยพระคาถา
อานิสงส์ 69 พระคาถา
ผู้บูชากัณฑ์นี้ เม่ือเกิดในโลกหน้า จะเป็นผู้มั่งค่ัง เนอ้ื เร่อื งโดยย่อ
สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ เป็นผู้มีอายุยืนยาวท้ังประกอบ ชูชกโบยตี ลากจูงชาลี กัณหาเดินทางออกจาก
ด้วยรูปโฉมงดงามกว่าคนทั้งหลาย จะไปในท่ีใดๆ ก็จะมี ป่าหิมพานต์ จนไปถึงทางสองแพร่ง ซึ่งเป็นทางไปเมือง
แต่ความสุขทกุ แหง่ หน กลิงคราษฎร์และเมืองสีพี ชูชกหลงเลือกทางไปเมืองสีพี
กัณฑ์ท่ี 10 กัณฑ์สักกบรรพ ประดับด้วย เดนิ ทางไปถงึ ในตวั เมอื งพวกขา้ หลวงจำ� ชาลีกณั หาได้จงึ จบั
พระคาถา 43 พระคาถา ชูชกพาไปเข้าเฝา้ ฯ พระเจ้ากรงุ สญชยั พระเจ้ากรงุ สญชัย
เน้อื เรื่องโดยย่อ ไดไ้ ถส่ องกมุ าร และพระราชทานอาหารเลย้ี งชชู กมากมาย
พระอินทร์เกรงว่าหากมีผู้มาขอพระนางมัทรี ชชู กกินมากเกนิ ไป อาหารไมย่ ่อยและถึงแก่กรรม
พระเวสสันดรก็จะบริจาคเป็นทาน พระอินทร์ไม่อยาก อานสิ งส์
ให้พระนางมัทรีตกไปเป็นภรรยาของผู้อื่น จึงแปลงเป็น ผู้บูชากัณฑ์น้ี จะได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ
พราหมณ์ชรามาทูลขอพระนางมัทรี เม่ือพระเวสสันดร และนิพพานสมบัติ กล่าวคือ เมื่อเกิดเป็นมนุษย์จะเป็น
มอบให้ตนแล้ว ก็ไม่เอาไป ได้ถวายคืนแก่พระเวสสันดร พระราชา เมื่อจากโลกมนุษย์ไปก็จะไปเสวยทิพยสมบัติ
โดยห้ามพระองค์ประทานนางแก่ผู้ใดอีก ก่อนจากไป ในฉกามาพจรสวรรค์ มีนางเทพอัปสรเป็นบริวาร ครั้น
พระอนิ ทรไ์ ดป้ ระทานพรแกพ่ ระเวสสนั ดร 8 ประการ คอื บารมีแก่กล้าก็จะได้นิพพานสมบัติอันตัดเสียซึ่งชาติ ชรา
1. ขอให้พระบิดามีพระเมตตาเสด็จออกมารับ พยาธิ มรณะ พ้นจากโอฆะทัง้ 3 มกี าโมฆะ เป็นต้น
พระองค์กลบั เข้าไปครองราชย์สมบัติในพระนครสพี ี กณั ฑท์ ่ี 12 กณั ฑฉ์ กษตั รยิ ์ ประดบั ดว้ ยพระคาถา
2. ขอให้ได้ปลดปล่อยนกั โทษจากเรอื นจ�ำทงั้ มวล 36 พระคาถา
3. ขอให้ได้อนุเคราะห์คนยากจนในแว่นแคว้นให้ เน้ือเรอื่ งโดยยอ่
บริบรู ณ์ดว้ ยสรรพโภคสมบัติ พระเจ้ากรุงสญชัย พระนางผุสดี พระชาลี
4. ขออยา่ ใหล้ อุ ำ� นาจสตรี ลว่ งภรรยาผอู้ น่ื ใหพ้ อใจ พระกัณหา เสด็จไปทูลเชิญพระเวสสันดร พระนางมัทรี
เฉพาะในชายาของพระองค์เทา่ นัน้ กลับพระนคร เมื่อกษัตริย์ท้ังหกพระองค์ทรงพบกัน
5. ขอให้พระโอรสท้ังสอง คือพระชาลีกุมารและ ต่างก็ทรงสะอื้นไห้คร�่ำครวญ เสนาอ�ำมาตย์ สนมก�ำนัล
กัณหากุมารี มีชนมายุยืน และได้เป็นพระมหากษัตริย์ ก็สะอ้ืนไห้คร�่ำครวญและต่างตกอยู่ในวิสัญญีภาพ ต่อมา
114 หนงั สือท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี
พระอินทร์บันดาลให้ฝนโบกขรพรรษตกลงมา ทุกคนจึง ไปอาบนํา้ ขัดสีฉวีวรรณ เอาอกเอาใจ เอาดอกไมธ้ ูปเทยี น
ฟน้ื คนื สติ และขอให้พระเวสสนั ดรลาผนวช กลับไปครอง ไปขอขมา ส�ำหรับเน้ือหาของบทท�ำขวัญควายสามารถ
ราชสมบตั ิสบื ไป สะทอ้ นทศั นคตแิ ละลกั ษณะนสิ ัยของคนไทย ดงั นี้
อานิสงส์ ประการที่ 1 ความกตญั ญรู คู้ ณุ คนไทยถอื วา่ ควาย
ผบู้ ชู ากณั ฑน์ จ้ี ะไดเ้ ปน็ ผทู้ เ่ี จรญิ ดว้ ยพร 4 ประการ เป็นสัตว์ใหญ่ และมีบุญคุณแก่ตน เพราะช่วยในการไถ
คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกๆ ชาติ การท�ำไรน่ า
กณั ฑท์ ี่ 13 กณั ฑน์ ครกณั ฑ์ ประดบั ดว้ ยพระคาถา ประการที่ 2 ความเมตตากรุณา บทท�ำขวัญควาย
48 พระคาถา สะท้อนความรู้สึกเมตตากรุณาต่อควายในค�ำสู่ขวัญควาย
เนอ้ื เรอื่ งโดยย่อ กลา่ วถงึ การเอาหญา้ ออ่ น หวานอรอ่ ยมาใหค้ วายเคย้ี วกนิ
พระเวสสันดรทรงลาผนวช ทรงส่ังลาพระอาศรม เป็นการให้รางวลั แกค่ วาย
รับเครื่องทรงกษัตริย์ แล้วเสด็จกลับไปครองเมืองสีพี ประการที่ 3 ความส�ำนึกผิดท่ีเคยรุนแรงต่อควาย
พระเวสสนั ดรเสดจ็ ขนึ้ ครองราชยค์ รองแผน่ ดนิ ทำ� ใหไ้ พรฟ่ า้ ในบทท�ำขวัญควายได้กล่าวถึงว่า ขณะท่ีมีการไถนาอยู่
เสนาอ�ำมาตย์มีสุขสงบกันท่ัวท้ังแคว้น ชาวเมืองยึดมั่น น้ันบางคร้ังควายเดินช้ามัวกินหญ้าตามข้างทางคนอาจ
ในศีล บ�ำเพ็ญกุศลตามสัตย์อธิษฐานของพระเวสสันดร จะตีฟาดด้วยเชือกกระแทกด้วยปฏัก ควายได้รับความ
กษัตริย์เมืองกลิงคราษฎร์ ก็น�ำช้างปัจจัยนาเคนทร์มา เจบ็ ปวด ทรมานแสนสาหัสก็อดทนกล้ํากลนื ไว้ เพราะพูด
ถวายคืน เพราะบ้านเมืองมีฝนตกต้องตามฤดูกาลแล้ว ไม่ได้ ชาวนารสู้ กึ ส�ำนึกผดิ จงึ ทำ� พิธีบายศรีสู่ขวัญขอขมา
พระเวสสันดรทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม และยังคงทรง ววั ควาย นบั เปน็ คณุ ธรรมอนั ประเสรฐิ ในหวั ใจของชาวนา
บรจิ าคทาน จนพระชนมพรรษาได้ 120 พรรษาจงึ สวรรคต ในแง่นพ้ี ธิ ีสู่ขวญั ควายจงึ เปน็ พิธที มี่ นษุ ยข์ อขมาโทษ และ
แล้วจุติอุบัติเป็นท้าวสันดุสิตเทพบุตร บนสวรรค์ชั้นดุสิต ปลอบขวัญควายซ่ึงเป็นสัตวเ์ ดรจั ฉาน
รวมระยะเวลาทพ่ี ระเวสสนั ดร มทั รี ชาลี กณั หา ตอ้ งนริ าศ พิธีสู่ขวัญควาย เป็นพิธีที่สะท้อนความสัมพันธ์
จากพระนครไปอย่ปู ่าเปน็ เวลา 1 ปี 15 วนั ระหว่างมนุษย์กับควาย ท่ีเป็นไปด้วยความอ่อนโยน
อานสิ งส์ เออ้ื อาทรและรสู้ กึ สำ� นกึ ในบญุ คณุ ควาย ประเพณสี ขู่ วญั ควาย
ผู้บูชากัณฑ์นี้ จะได้เป็นผู้บริบูรณ์ ด้วยวงศาคณา จึงเป็นประเพณีท่ีสมควรจะอนุรักษ์เพื่อให้อนุชนรุ่นหลัง
ญาติ ข้าทาสชายหญิง ธิดา สามี หรือบิดามารดาเป็นต้น ได้เห็นภูมิปัญญาและจิตวิญญาณของบรรพชนไทย
อยพู่ ร้อมหนา้ กันโดยความผาสกุ ปราศจากโรคาพยาธทิ ง้ั ในปจั จบุ นั วถิ กี ารทำ� นาไดเ้ ปลยี่ นแปลงไป ควายมบี ทบาท
ปวง จะท�ำการใดๆ ก็พร้อมเพรียงกันยังการงานนั้นๆ ให้ นอ้ ยลงอย่างมาก มีเทคโนโลยอี ย่างอน่ื เข้ามาแทนที่ควาย
สำ� เร็จลุลว่ งไปด้วยดี พิธีท�ำขวัญควายรวมถึงบทสู่ขวัญควายจึงเสี่ยงต่อการ
สญู หายและการสบื ทอดในอนาคต
การทำ� ขวญั ควาย
การท�ำขวัญควายเป็นการระลึกถึงบุญคุณของ
ควายท่ีช่วยมนุษย์ท�ำนา รวมไปถึงการขอขมาท่ีได้ด่าว่า
เฆ่ยี นตี ในระหวา่ งการใชง้ าน ทางภาคเหนอื เรียกวา่ ฮอ้ ง
ขวัญควาย เรียกขวัญควาย หรอื เอาขวญั ควาย ภาคอสี าน
เรียก สู่ขวัญควาย ชาวไทยเขมรสุรินทร์ เรียก ฮาวปลึง
กระไบ พิธีท�ำขวัญควายจัดขึ้นหลังจากได้ปลูกข้าวด�ำนา
เรียบร้อยแล้ว ด้วยความส�ำนึกในบุญคุณ เจ้าของจะท�ำ
พิธบี ายศรสี ขู่ วัญควายใหค้ วายกินหญา้ อ่อน และน�ำควาย
หนงั สือทีร่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 115
กจิ กรรมในงานประเพณวี ิง่ ควาย
การแขง่ ขนั วงิ่ ควาย
การประกวดสุขภาพควาย
การประกวดตกแตง่ ควาย
116 หนังสอื ที่ระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี
การแห่ขบวนเกวยี นกณั ฑ์
ประเพณีว่ิงควาย ถือว่าเป็นประเพณีที่สืบเน่ืองมาจากงานบุญนั่นคือการเทศน์มหาชาติ เจ้าของกัณฑ์เทศน์
จะนำ� เครื่องกณั ฑเ์ ทศน์บรรทกุ เกวยี นมาท้งั สน้ิ ๑๓ เล่ม ตามจำ� นวนของกณั ฑ์เทศน์ ๑๓ กณั ฑ์ ดังน้ี
1. กณั ฑ์ทศพร 2. กัณฑห์ มิ พานต ์ 3. กัณฑ์ทานกณั ฑ์ 4. กณั ฑ์วนประเวศน์
5. กัณฑ์ชชู ก 6. กัณฑ์จุลพน 7. กัณฑม์ หาพน 8. กณั ฑ์กมุ าร
9. กณั ฑ์มทั ร ี 10. กัณฑส์ ักกบรรพ 11. กัณฑม์ หาราช 12. กณั ฑฉ์ กษตั รยิ ์
13. กณั ฑ์นครกัณฑ์
พิธีท�ำขวัญควาย
การท�ำขวัญควาย เป็นการระลึกถึงบุญคุณของควายท่ีช่วยมนุษย์ท�ำนา รวมไปถึงการขอขมาที่ได้ด่าว่า
เฆ่ียนตี ในระหว่างท�ำงาน พิธที �ำขวัญควายจัดท�ำขึน้ หลงั จากไดป้ ลกู ข้าวด�ำนาเรียบร้อยแล้ว เจ้าของจะท�ำพธิ ีบายศรี
ส่ขู วัญควายให้กนิ หญา้ อ่อน และนำ� ควายไปอาบนำ้� เอาดอกไมธ้ ูปเทียนไปขอขมา
หนงั สือทรี่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 117
พีธบี วงสรวงพระบรมราชานุสาวรยี ์ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช
ณ วดั ใหญ่อนิ ทาราม (พระอารามหลวง)
การประกวดสาว (เหลือ) น้อยบ้านนา
การประกวดผู้หญิงสูงวัย ท่ีมีสัญชาติไทย และมีภูมิล�ำเนาในจังหวัดชลบุรี อายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไป มีสุขภาพ
รา่ งกายแขง็ แรง ไมเ่ คยไดร้ ับรางวลั ในการประกวดสาว (เหลือ) น้อยบา้ นนาในปที ผี่ ่านมา
118 หนังสอื ทีร่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี
การประกวดนอ้ งนางบ้านนา
การประกวดสาวงาม สัญชาติไทย มีอายุระหว่าง 16 – 24 ปี (หากอายุต่�ำกว่า 18 ปี ต้องมีใบรับรองจาก
ผ้ปู กครอง) มีความประพฤติดี ไมป่ ระกอบอาชพี ในทางเสือ่ มเสยี ศีลธรรม ไม่เคยไดร้ ับรางวลั จากการประกวดน้องนาง
บ้านนามาก่อน และในวันประกวดใหผ้ เู้ ขา้ ร่วมประกวดต้องแตง่ กายด้วยผา้ ถงุ ยาว สวมเสือ้ คอกลม แขนกระบอกยาว
หรอื แขนสามสว่ น (ไม่จ�ำกัดส)ี แตง่ หนา้ ท�ำผมไดพ้ อสมควร
นอกจากนแ้ี ลว้ ยงั มกี ารประกวดนางฟา้ จำ� แลงบา้ นนา การประกวดวาดภาพระบายสี การประกวดการเพน้ ทส์ ี
ควายปนู ปั้น มหกรรมตลาดนดั พระเครอ่ื ง หมากรกุ ไทย ปรศิ นาค�ำทาย มวยไทย ตดั วา่ วปา่ นคม ตะกรอ้ ลอดห่วง
ปีนเสาน้�ำมัน ยิงเปา้ หนังสติก๊ เป็นตน้
หนังสอื ท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี 119
การถบี กระดานของชาวเมืองชล
ภาพกลมุ่ คนทเ่ี คลอื่ นไหวไปมาอยา่ งรวดเรว็ ในแนว
ชายฝง่ั ทะเลสว่ นทเ่ี ปน็ โคลนเลนยามเมอื่ นำ้� ลด เปน็ ภาพท่ี
ชวนให้ผู้ที่ไม่คุ้นเคยอดนึกกังขาไม่ได้ว่าคนกลุ่มนั้นก�ำลัง
ท�ำอะไรอยู่ เพราะภาพท่ีเห็นน้ัน แต่ละคนก�ำลังสาละวน
อยู่กับการก้มๆ เงยๆ เหมือนก�ำลังเก็บอะไรสักอย่างข้ึน
มาจากโคลนเลนเบื้องหน้าอย่างขะมักเขม้น แต่หากเป็น
คนเมอื งชลโดยแทจ้ ะบอกไดท้ นั ทวี า่ นนั่ คอื ภาพคนทกี่ ำ� ลงั
ถีบกระดานเกบ็ หอยนน่ั เอง
การถบี กระดานเกบ็ หอยถอื เปน็ สว่ นหนงึ่ ของอาชพี
ประมงทีม่ ีมาช้านาน โดยเม่ือวา่ งเว้นจากการจบั ปลา ชาว
ประมงกจ็ ะถบี กระดานเกบ็ หอยชายทะเล สว่ นใหญห่ อยที่
เก็บจะเปน็ หอยแครง ซ่งึ แตก่ ่อนชายทะเลชลบรุ ีจะมหี อย
แครงชกุ ชมุ มาก ใชเ้ วลาถบี กระดานเกบ็ หอยไมถ่ งึ ชว่ั โมงก็
สามารถเกบ็ หอยแครงไดห้ ลายกโิ ลฯ หากวนั ใดโชคดกี อ็ าจ
จับได้ปูทะเลเป็นของแถมอกี ด้วย
การถบี กระดานเก็บหอยน้ใี ช่วา่ จะทำ� ได้งา่ ยๆ ตอ้ ง
อาศัยทักษะและการฝึกฝนพอๆ กับการที่จะสังเกตว่า
โคลนเลนบริเวณใด มีหอยแครงอาศยั อยู่ ชาวประมงหรอื
อาจเรียกว่าชาวเลจะรู้ว่าหอยแครงอยู่ตรงบริเวณไหน การถีบกระดานปลูกป่าชายเลน
ซึ่งธรรมชาติของหอยแครงจะฝังตัวอยู่ในโคลนลึกลงไป สงั เกตว่ามหี อยแครงฝังตัวอยู่ กลา่ วกนั ว่าแมแ้ ตเ่ ดก็ ๆ ซ่งึ
ประมาณ ๑ - ๒ นวิ้ โคลนเลนดา้ นบนจะมรี อยปดุ ของฟอง เปน็ ลกู หลานชาวประมงกส็ ามารถถบี กระดานเกบ็ หอยได้
อากาศที่เกิดจากการหายใจของหอยแครง ท�ำให้เป็นจุด อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้ผู้ใหญ่ แต่ก็มีเด็กบางคนชอบท่ีจะ
ออกไปกับเพื่อนๆ เพื่อถีบกระดานเล่นหรือแข่งขันกันใน
กลมุ่ เพอื่ นกม็ ี แมจ้ ะเปน็ เพยี งสว่ นหนงึ่ ของอาชพี ประมง
แตเ่ ร่อื งราวการถบี กระดานหาหอยของชาวเมอื งชลถอื ว่า
เปน็ สง่ิ ทน่ี า่ ภาคภมู ใิ จ ทง้ั น้ี เนอื่ งจากครง้ั ทพี่ ระบาทสมเดจ็
พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ประพาสจงั หวดั ชลบรุ ี ใน
ปีพุทธศักราช ๒๔๑๙ ได้เคยทอดพระเนตรถีบกระดาน
ของชาวเมอื งชล ซง่ึ ปรากฏในบทความเรอ่ื ง “รชั กาลที่ ๕
ทอดพระเนตรถีบกระดาน” ที่เรียบเรียงไว้ในหนังสือ
รวมเรอื่ งเมอื งชลของยวุ พทุ ธกิ สมาคมชลบรุ ใี นพระสงั ฆรา
ชปู ถัมภ์ ซ่ึงขอคัดมาเป็นหลกั ฐาน ดังน้ี
120 หนังสือท่ีระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี
รชั กาลที่ ๕ ทอดพระเนตรถบี กระดาน ฉะนั้นในงานประจ�ำปีจังหวัดชลบุรีแต่อดีต จึงจัด
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้มีการแข่งขันการถีบกระดานในแต่ละปี เพ่ือเป็นการ
ไดเ้ สดจ็ ประพาสจงั หวดั ชลบรุ หี ลายครงั้ หลายวาระ จงึ ทรง สง่ เสรมิ และรกั ษาเอกลกั ษณส์ ว่ นหนงึ่ ของอาชพี ประมงไว้
มีความคุ้นเคยกับสภาพและความเป็นอยู่ของชาวจังหวัด ตอ่ มาไดว้ า่ งเวน้ การถบี กระดานไปหลายปี ถงึ งานประจำ� ปี
ชลบุรีเป็นอย่างดยี ิ่ง เม่ือ พ.ศ. 2419 ได้เสด็จประพาส พ.ศ. ๒530 ไดม้ กี ารฟ้ืนฟูการแข่งขันถบี กระดานขน้ึ ใหม่
ชลบุรีและประทับแรมที่อ่างศิลาเป็นเวลาหลายวัน ได้มี โดยเฉพาะเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๐ นายสืบ
ลายพระหตั ถเลขา วนั ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2519 ขอ้ ความ รอดประเสรฐิ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ชลบรุ ี ลงถบี กระดานรว่ มกบั
ตอนหนึง่ วา่ ข้าราชการ และชาวประมง จึงจารกึ เปน็ เกยี รติประวตั ิไว้
“ราษฎรที่ท�ำโป๊ะจับปลาในทะเลน้ัน ท�ำได้แต่ ปัจจุบันนี้การถีบกระดานเก็บหอยไม่ค่อยมีให้เห็น
ฤดูกาลเดือน 12 ไปจนถงึ เดือน 3 เป็นฤดูลมตะเภาพัด มากนัก เน่ืองจากสภาพของชายฝั่งทะเลเปลี่ยนแปลงไป
กล้าคล่ืนจัด โป๊ะแตก ต้องหยุดการจับปลาไปจนเดือน อีกท้ังจ�ำนวนหอยแครงธรรมชาติก็ลดน้อยลง อย่างไร
12 ในระหว่างหยุดการจับปลา ท�ำโป๊ะไม่ได้น้ัน ราษฎร ก็ตามชุมชนในเขตเทศบาลก็ได้น�ำการถีบกระดานเลนมา
หากินด้วยลงเฝือกลากอวนจับปลาและถีบกระดานเก็บ ใชใ้ นการปลกู ปา่ ชายเลน ซง่ึ สามารถทำ� ไดร้ วดเรว็ อกี ทงั้ ยงั
หอยชายทะเล เวลาน�้ำลงไปท่ีชายเลน ก็จะเห็นชาวบ้าน ไดช้ ว่ ยกนั อนรุ กั ษก์ ารถบี กระดานไวใ้ หค้ งอยคู่ เู่ มอื งชล โดย
ถีบกระดานดูรวดเรว็ คล่องคลอ่ งย่ิงนัก” จัดให้มีการแข่งขันถีบกระดานข้ึนในชุมชนชายทะเล มิใช่
จากข้อความตามลายพระหัตถเลขาน้ีชี้ชัด เพื่อความสนุกสนานหรือคาดหวังรางวัลจากการแข่งขัน
ว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทอด แตก่ ระทำ� การดว้ ยจติ ใจทตี่ อ้ งการอนรุ กั ษก์ ารถบี กระดาน
พระเนตรการถีบกระดานหาหอยชายทะเลของชาวเมือง ซึ่งเป็นส่วนหน่ึงของอาชีพประมงที่บรรพบุรุษได้ใช้เป็น
ชล ซงึ่ เป็นอาชพี สว่ นหนงึ่ ของชาวเมอื งชล อาชพี หาเลยี้ งตน และลกู หลานมาเนนิ่ นานหลายชว่ั อายคุ น
หนงั สือท่รี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี 121
สถานทท่ี ่องเท่ยี ว
ในเทศบาลเมืองชลบรุ ี
ตอนที่
๕
ไหวพ้ ระ ขอพรสง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธเ์ิ พอ่ื ความเปน็ สริ มิ งคล
หอพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์
ศาลเจา้ พอ่ หลกั เมอื ง “สริ มิ หามงคลชลบรุ ”ี
พระบรมราชานสุ าวรยี พ์ ระบาทสมเดจ็
พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๕
วดั ใหญอ่ นิ ทาราม (พระอารามหลวง)
วดั เนนิ สทุ ธาวาส
วดั เครอื วลั ย์
วดั กำ� แพง
สะพานชลมารควถิ เี ฉลมิ พระเกยี รติ 84 พรรษา
จดุ แลนดม์ ารก์ ...สะพานใหม่
ตลาดประมงทา่ เรอื พลี
เดนิ เลย้ี ว เทยี่ วตลาด ไมพ่ ลาดของอรอ่ ย
รบั ลมชมสวน/ชวนสขุ ภาพดี
ไหวพ้ ระ ขอพรสง่ิ ศักดิ์สิทธ์ิ
เพื่อความเป็นสริ มิ งคล
หจงัอหพวรัดะชพลุทบธุรสี ิหงิ ค์ม่งิ มงคลสิรนิ าถฯ
พระพทุ ธสหิ งิ คม์ งิ่ มงคลสริ นิ าถฯ จงั หวดั ชลบรุ ี เปน็
พระพุทธรูปท่ีชาวชลบุรีพร้อมใจกันสร้างข้ึน ประดิษฐาน
อยู่บนหอพระพุทธสิหิงค์ฯ ซ่ึงออกแบบโดยกรมศิลปากร
นบั วา่ เปน็ หอพระทสี่ วยทสี่ ดุ ในประเทศไทย องคพ์ ระพทุ ธ
สหิ งิ คฯ์ สรา้ งขนึ้ จากเนอ้ื เงนิ บรสิ ทุ ธิ์ จำ� ลองมาจากพระพทุ ธ
สิหิงค์ฯ องค์จริงท่ีประดิษฐาน ณ พระท่ีน่ังพุทไธสวรรย์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร มีขนาด
เท่าองค์จริงทุกประการ และเป็นที่เคารพสักการะของ
ประชาชนชาวจงั หวัดชลบุรเี ป็นอย่างย่งิ
ประวตั ิความเป็นมา
เนื่องจากการพบปะหารือกันระหว่างบรรดา
พทุ ธศาสนกิ ชนในจงั หวดั ชลบรุ ี ตา่ งพากนั เหน็ พอ้ งตอ้ งกนั
ว่าจงั หวัดชลบรุ คี วรจะมีพทุ ธอนุสรณ์ทเ่ี ปน็ ชิน้ สลักส�ำคญั
ไวเ้ ปน็ ทเ่ี ชดิ หนา้ ชตู าและเคารพบชู า ทงั้ จะเปน็ เครอ่ื งดงึ ดดู
ให้บรรดาพทุ ธบรษิ ัททงั้ หลายหนั หนา้ มาฝักใฝใ่ นทางพระ
ธรรมย่ิงขึ้น จากการไตร่ตรองโดยรอบคอบและเห็นชอบ
โดยสว่ นรวม ไดพ้ จิ ารณาเหน็ วา่ ควรจะได้สรา้ งพระพุทธ
รปู จำ� ลองแบบพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ ขน้ึ เพราะพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์
ซึง่ ประดษิ ฐาน ณ พระท่นี ง่ั พุทไธสวรรย์ พิพิธภณั ฑสถาน
แห่งชาติน้ัน เป็นพระพุทธรูปท่ีมีความส�ำคัญและตรงกับ
ความต้องการของจงั หวดั ชลบรุ หี ลายประการ
ประการทห่ี นง่ึ เป็นพระพุทธรูปท่ีรู้จักกันแพร่
หลาย และประชาชนสว่ นใหญเ่ คารพบชู า ถอื เปน็ พระพทุ ธ
รปู ท่ศี กั ดสิ์ ิทธอ์ิ งคห์ นึง่ ของประเทศไทย
ประการทีส่ อง เป็นพระพุทธรูปท่ีมีพุทธลักษณะ
งดงาม ดึงดูดความศรัทธาจากบุคคลผู้ได้พบเห็น รวมท้ัง
มีอายุเกา่ แก่
ประการทส่ี าม เป็นพระพุทธรูปท่ีใช้แห่แหนเป็น
ประเพณีในพิธีสงกรานต์ซ่ึงตรงกับจุดประสงค์หลักของ
124 หนงั สือท่รี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
ได้ย้ายมาด�ำรงต�ำแหน่ง ท่านมีความศรัทธาและมีความ
ต้ังใจว่าจะสร้างพระพุทธสิหิงค์ฯ น้ี ให้ส�ำเร็จให้ได้ในปี
พ.ศ. 2503 และในท่ีประชุมการจัดงานสงกรานต์
ประจ�ำปี พ.ศ. 2503 กไ็ ดก้ �ำหนดให้มีการทำ� พธิ เี ทโลหะ
องคพ์ ระพุทธสหิ ิงคฯ์ ขึน้ ดว้ ย
พิธีสร้างองค์พระ ซ่ึงพระคุณเจ้าสมเด็จพระพุทธ
โฆษาจารยเ์ ปน็ ผกู้ �ำหนดฤกษใ์ ห้ ดงั นี้
วนั ท่ี 17 เมษายน พ.ศ. 2503 เวลา 17.30 น.
พระเถรานเุ ถระ 9 รปู เจรญิ พระพทุ ธมนต์ เวลา 19.30 น.
เรม่ิ สวดพทุ ธาภเิ ษกปลกุ เสกโลหะทจ่ี ะนำ� มาหลอ่ พระ และ
พระอาจารย์ผทู้ รงคุณวุฒิ 16 รปู น่ังปรก
วนั ที่18เมษายนพ.ศ.2503เวลา15.08-17.08น.
ท�ำพิธีเทโลหะเงินหล่อพระพุทธสิหิงค์ฯ ในการน้ีได้สร้าง
ปะร�ำพิธขี ้ึน ณ สนามหน้าศาลากลางจงั หวัด การกระทำ�
พิธีได้ศึกษาแบบอย่างตามจารีตประเพณีแต่โบราณกาล
พรอ้ มดว้ ยกำ� หนดอาณาเขตอนั เปน็ พธิ อี ยา่ งครบถว้ น พระ
จงั หวัดชลบุรที ่ีมงี านสงกรานต์ทุกปี แตข่ าดการปฏบิ ตั กิ จิ มหาราชครูฯ พราหมณ์ ผู้อาวโุ สและมีช่ือเสียงไดม้ โี อกาส
ในทางศาสนา ซง่ึ ถา้ หากไดจ้ ำ� ลองแบบพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ ขนึ้ มาท�ำพิธีบวงสรวงตามแบบแผนในงานนี้ พระเถระช้ัน
แลว้ จะไดท้ ำ� ใหง้ านสงกรานตป์ ระจำ� ปสี มบรู ณย์ ง่ิ ขน้ึ โดยมี ผใู้ หญท่ ไ่ี ดม้ าเปน็ ประธานในพธิ สี วดมนตเ์ ยน็ ไดแ้ ก่ สมเดจ็
การอญั เชญิ และสรงนำ้� เยย่ี งความนยิ มอนั เปน็ แบบแผนทดี่ ี พระมหาวีรวงศ์องค์สังฆนายก ส่วนพิธีพุทธาภิเษกและ
ดังที่ชาวกรุงเทพฯ ได้กระท�ำกนั นั่งปรก สมเด็จพระพุฒาจารย์ได้กรุณามาเป็นประธาน
โดยเหตุผลดังกล่าวแล้ว ความด�ำริเรื่องน้ีจึงเป็น ประกอบด้วย ท่านเจ้าคุณพระเทพสุทธินายก (นาค)
รูปเร่ืองข้ึน โดยมีการน�ำมาพิจารณาในที่ประชุมของงาน วดั ระฆงั พระอาจารยล์ ี วดั อโศการาม เจา้ คณุ วสิ ทุ ธสิ มาจารย์
ประจำ� ปี พ.ศ. 2502 ซ่งึ ในขณะนน้ั นายแสวง รุจริ ตั น์ วัดอ่างศิลา เจ้าคุณวรพรตปัญญาจารย์ วัดอรัญญิกาวาส
เป็นผวู้ า่ ราชการจังหวดั ชลบุรี และไดต้ กลงในหลักการว่า พระอาจารย์เต๋ วัดบางเลน นครปฐม พระอาจารย์แต้ม
จะจำ� ลองแบบพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ เทา่ ขนาดองคจ์ รงิ มหี นา้ ตกั วัดพระลอย สุพรรณบุรี ฯลฯ ในการน้ีได้มีการหล่อพระ
กว้างเพียงศอกเศษ (75 เซนติเมตร) ซ่ึงยังไม่เคยมีผู้ใด บชู าขนาดตา่ งๆ และพระกรง่ิ แบบพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ ไวเ้ ปน็
กระท�ำมาก่อน แต่จะสร้างด้วยเน้ือโลหะท่ีแตกต่างกัน ทร่ี ะลึกด้วย สำ� หรบั พระพทุ ธสิหิงค์ฯ นนั้ ปรากฏว่าหล่อ
ไป คือ จะสรา้ งดว้ ยเนื้อเงนิ แท้ทัง้ องค์ ซง่ึ ทา่ นอธบิ ดีกรม ได้งดงามมาก น่าชมเชยในฝีมือและความสามารถของ
ศิลปากรก็ไม่ขัดข้อง เมื่อได้ตกลงในหลักการเช่นน้ีแล้ว เจ้าหน้าทกี่ รมศิลปากร
ในงานประจำ� ปีพ.ศ.2502จงึ ไดเ้ รม่ิ โฆษณามกี ารออกรา้ น ปรากฏการณ์อันเกิดขึ้นเป็นความมหัศจรรย์
ในงานประจ�ำปี โดยความร่วมมือของพุทธสมาคมและ อยา่ งประหลาด โดยในวนั ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2503 เปน็
ยุวพุทธิกสมาคมแห่งจังหวัดชลบุรีกับให้กรมศิลปากร วนั ทำ� พธิ สี วดมนตเ์ ยน็ มหี ญงิ ชราผมู้ ใี จศรทั ธาผหู้ นงึ่ ไดน้ ำ�
จ�ำลองแบบองค์พระพทุ ธสิหงิ คฯ์ ดว้ ยปลาสเตอร์เท่าองค์ ขนั เงนิ มาสมทบเปน็ โลหะสรา้ งพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ หญงิ ชรา
จริงมาแสดง และขอความร่วมมือจากบรรดาผู้ศรัทธา ได้เล่าว่า ถ้าหากการสร้างพระองค์นี้ได้กระท�ำพิธีโดย
ท้ังหลาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2503 ก่อนงานสงกรานต์ ถูกต้องและจะศักด์ิสิทธิ์ต่อไปแล้ว ในบ่ายวันน้ีควรมีพายุ
ประจำ� ปี ทา่ นผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ชลบรุ ี นายนารถ มนตเสวี และฝน ท่านได้ไปสรงน�้ำบูชาพระพุทธสิหิงค์ฯ องค์จริง
หนังสือทีร่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี 125
ทกี่ รงุ เทพฯ ทกุ ปี ประวตั ใิ นการสรา้ งพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ องคน์ ี้
ตามที่ท่านได้ศึกษามามีต�ำนานเก่ียวพันกับพญานาคอัน
เป็นต�ำนานดั้งเดิม ฉะนั้น เม่ือมีพิธีการอันถูกต้องก็ควร
ที่จะมีพายุฝนในวันน้ี ซึ่งในตอนเช้าวันนั้น ท้องฟ้าโปร่ง
ปราศจากเมฆหมอก และชลบรุ กี แ็ หง้ แลง้ อตั คดั ขาดแคลน
น้�ำกันมานานแล้ว จึงดูว่าไม่น่าจะมีฝนเกิดขึ้น คร้ันเวลา พระกร่ิงแบบพระพุทธสิหงิ ค์ฯ รุ่นแรก พ.ศ. ๒๕๐๓
ประมาณบา่ ยสองโมง (14.00 น.) บรรดาพระเถระและ (เนือ้ เงนิ และเนื้อสัมฤทธิ์)
พระคณาจารย์ได้เริ่มเดินทางมาถึงบริเวณพิธี ท้องฟ้าเริ่ม จากค�ำบอกเล่าและความเชื่อเกี่ยวกับพระพุทธ
เปล่ียนแปลง มีลมพัดแรงข้ึนตามล�ำดับจนกระท่ังเต็นท์ สหิ งิ คฯ์ นี้ ชาวชลบรุ มี คี วามเชอื่ อยอู่ ยา่ งหนง่ึ วา่ เมอื่ ถงึ งาน
ของเทศบาลซ่ึงกางไว้ใกล้บริเวณพิธีล้มลง ฝนก็เริ่มตก สงกรานต์ของชลบุรี ซ่ึงจัดขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปี
อย่างหนัก คร้ันใกล้จะถึงพิธีสวดมนต์เย็นฝนก็ไม่ยอม นน้ั จะต้องมีฝนตก โดยปกตเิ ดือนเมษายนอากาศจะร้อน
หยุด พระคณาจารย์องค์หน่ึงจึงได้แนะน�ำให้ท�ำพิธีจุดธูป อบอ้าว แต่ชลบุรีจะมีฝนตกเกือบจะทุกปีในช่วงเทศกาล
บวงสรวงขอให้ฝนหยุด เมื่อบวงสรวงเสร็จต่อมาเวลาไม่ สงกรานต์
นานฝนกห็ ยดุ สนทิ อากาศเยน็ และมพี ระคณาจารยห์ ลาย พระพุทธสิหิงค์มิ่งมงคลสิรินาถฯ นับว่าเป็นพระ
องค์บอกว่าแปลก มาจากไหนมาได้ไม่พบฝนพอเข้าเขต คู่บ้านคู่เมืองชลบุรี เป็นสิริแห่งความดีงามอันสูงสุดของ
จงั หวดั ชลบุรถี งึ วัดเขาบางทรายกพ็ บฝน ชาวชลบุรี เพราะแนบแน่นเป็นเน้ือเดียวกับสถาบันชาติ
เมอ่ื พธิ เี ทโลหะเสรจ็ แลว้ ชา่ งกรมศลิ ปากรไดน้ ำ� องค์ ในแงท่ ชี่ าวชลบรุ โี ดยการรเิ รม่ิ ของ พลตรศี ริ ิ สริ โิ ยธนิ และ
พระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ ไปขดั และตกแตง่ ทก่ี รมศลิ ปากร จากนน้ั ผู้ว่าราชการจงั หวัดชลบุรี (นายนารถ มนตเสวี) ไดร้ ว่ มกนั
ได้น�ำพระพุทธสิหิงค์ฯ จากกรมศิลปากรไปสู่อุโบสถวัด จัดสร้างขึ้น แนบแน่นเป็นเน้ือเดียวกับพระพุทธศาสนา
เบญจมบพติ ร และในวนั ท่ี 1 มนี าคม พ.ศ. 2504 ซง่ึ ตรง ในแง่ที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
กับวันมาฆบูชา เป็นวันท่ีจะน�ำพระพุทธสิหิงค์ฯ จากวัด กิตติโสภณมหาเถระ วัดเบญจมบพิตร เปน็ ผถู้ วายนามว่า
เบญจมบพิตรไปจงั หวดั ชลบรุ ีนน้ั ท้องฟา้ ก็ชุ่มไปด้วยเมฆ “พระพุทธสิหิงค์ม่ิงมงคลสิรินาถ พุทธบริษัทราษฎร์กุศล
ฝน มลี ะอองเลก็ นอ้ ยโปรยปรายลงมา สมเดจ็ พระสงั ฆราช สามัคคี ชลบุรีปชู นียบพติ ร” และแนบแน่นเป็นเน้ือเดียว
ได้ทรงพระกรุณาท�ำพิธีถวายพระนาม พระพุทธสิหิงค์ฯ กบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ใ์ นแง่ท่ี เมื่อวันที่ 8 มกราคม
องคน์ ว้ี า่ “พระพทุ ธสหิ งิ คม์ ง่ิ มงคลสริ นิ าถ พทุ ธบรษิ ทั ราษฎร์ พ.ศ. 2509 พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศรมหาภมู พิ ล
กศุ ลสามัคคี ชลบุรปี ูชนียบพิตร” ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ อดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ
และอุบาสกอุบาสิกา กับได้ทรงเจิมพระพุทธบัลลังก์และ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อม
ถวายผ้าพัตราภรณ์ ณ อุโบสถวัดเบญจมบพิตร เม่ือ ด้วยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนา
เสร็จพิธีแล้วได้อัญเชิญข้ึนสู่รถยนต์เข้าขบวนแห่เดินทาง พรรณวดี เสด็จพระราชด�ำเนินมาทรงเปิดหอพระพุทธ
ไปสู่จังหวัดชลบุรี โดยจังหวัดชลบุรีได้มีการจัดขบวนแห่ สิหิงค์ฯ และพระองค์ได้ทรงปลูกต้นโพธ์ิพุทธคยาไว้ใน
ต้อนรับ แล้วแหร่ อบเมืองและมีการสมโภช 1 คนื และใน บรเิ วณหอพระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ ปจั จบุ นั ตน้ โพธพิ์ ทุ ธคยาตน้ นย้ี งั
วนั ที่20มนี าคมพ.ศ.2504มกี ารประกอบพธิ เี บกิ พระเนตร คงอยบู่ รเิ วณฝง่ั ใกลร้ ว้ั หอพระตรงขา้ มกบั สถานตี ำ� รวจภธู ร
ในอโุ บสถวดั อรญั ญกิ าวาส ซงึ่ เมอื่ เสรจ็ พธิ แี ลว้ กจ็ ะเปน็ การ เมืองชลบุรี และเม่ือวันท่ี 15 กันยายน พ.ศ. 2515
สมบูรณเ์ สรจ็ สน้ิ สำ� หรบั องคพ์ ระพทุ ธสหิ งิ คฯ์ องคน์ ้ี และ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลย
ตอ่ ไปในงานสงกรานตป์ ระจำ� ปขี องจงั หวดั ชลบรุ ี นบั ตง้ั แต่ เดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จมาทรงนมัสการ
ปนี เี้ ปน็ ตน้ ไปกจ็ ะไดน้ ำ� ออกมาประดษิ ฐานใหป้ ระชาชนได้ อีกครั้งหนึ่ง (ท่ีมา...หนังสือประวัติศาสตร์บอกเล่า...
นมัสการและสรงนำ�้ โดยทั่วกนั เปน็ ประเพณสี ืบไป พระเจา้ ตากสินกบั เมืองชลบุรี โดย สามารถ พ้นภยั พาล)
126 หนังสอื ท่รี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี
ศาลเจา้ พอ่ หลกั เมอื ง “สริ มิ หามงคลชลบรุ ”ี
ศาลเจา้ พอ่ หลกั เมอื ง “สริ มิ หามงคลชลบรุ ”ี ตง้ั อยู่ และทำ� การปรบั ปรงุ ถมดนิ เปลย่ี นสภาพจากสะพานกลาย
ใกล้กับศาลาฟังธรรม ต�ำบลบางปลาสร้อย อ�ำเภอเมือง เป็นซอย ตั้งชื่อใหม่ว่า ซอยฑีฆามารค แปลว่า ทางยาว
ชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นศาลเจ้าพ่อหลักเมืองซึ่งเป็นที่ ซ่งึ ยงั คงสอื่ ถึงช่ือเดิมของสะพานไว้
เคารพศรทั ธาของชาวชลบรุ มี าตง้ั แตอ่ ดตี ศาลนอี้ ยคู่ เู่ มอื ง ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เป็นศาลเจ้าที่ผูกพันกับวิถี
บางปลาสรอ้ ยมาชา้ นาน สรา้ งขน้ึ เมอ่ื ใดนน้ั ไมป่ รากฏหลกั ชีวิตของชาวชลบุรีมาต้ังแต่อดีตกาล โดยมีเร่ืองเล่าเป็น
ฐานแนช่ ดั แตจ่ ากคำ� บอกเลา่ ของคนเกา่ แกท่ อี่ าศัยอยใู่ น ต�ำนานต่อๆ กันมาว่า ในสมัยก่อนต�ำบลบางปลาสร้อย
ชุมชนท้ายบ้านประกอบกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ท่ีมี เป็นชุมชนท่ีมีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นกว่าชุมชนอ่ืนๆ ใน
การจารกึ ไว้ สนั นษิ ฐานกนั วา่ สรา้ งขน้ึ ในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา จังหวัดชลบุรี และมีตลาดซ่ึงถือว่าเป็นย่านการค้าใหญ่
ตอนปลาย ใกล้เคียงกับวัดใหญ่อินทาราม (พระอาราม ที่ส�ำคัญในสมัยนั้น ชื่อ “ท่าเกวียน” ตั้งอยู่ระหว่าง
หลวง) และศาลาฟังธรรมซ่ึงต้ังอยู่ใกล้กัน ปัจจุบันทั้ง วัดใหญ่อินทาราม วัดต้นสน และศาลาฟังธรรม
วดั ใหญอ่ นิ ทาราม ศาลาฟงั ธรรม และศาลเจา้ พอ่ หลกั เมอื ง ตลาดท่าเกวียนน้ีเป็นตลาดท่ีชาวป่า ชาวไร่ ชาวนา และ
นี้ได้ข้ึนทะเบียนเป็นศิลปกรรมโบราณสถานของจังหวัด ชาวสวนน�ำผลิตผล ได้แก่ ข้าว กล้วย อ้อย พืชผัก และ
ชลบุรแี ลว้ ผลไม้ต่างๆ บรรทุกเกวียนมาขาย เม่ือขายสินค้าของตน
หากมองภาพย้อนไปในอดีต ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เสรจ็ แลว้ ขากลบั กซ็ อื้ สงิ่ ของเครอื่ งใชท้ จี่ ำ� เปน็ จากตวั เมอื ง
นตี้ งั้ อยบู่ รเิ วณเชงิ สะพานยาว (ปจั จบุ นั คอื ซอยฑฆี ามารค) กลบั ไป ผลติ ผลทชี่ าวปา่ ชาวไร่ ชาวนา และชาวสวนนำ� มา
หันหน้าศาลลงทะเล ข้างศาลจะมีต้นโพธิ์ใหญ่ ๑ ต้น ซึ่ง ขายท่ีตลาดท่าเกวียนนี้ บรรดาพ่อค้าก็ซื้อและน�ำบรรทุก
ปัจจุบันต้นโพธิ์นี้ยังคงยืนต้นตระหง่านแผ่กิ่งก้านสาขาให้ ใส่เรือซ่ึงมีท้ังเรือแจวและเรือใบ (เรือส�ำเภา) ไปขายยัง
ร่มเงาอยู่ดังเดิม บริเวณหลังศาลเจ้าพ่อแห่งน้ีจะมีบ่อน�้ำ
๑ บอ่ ซง่ึ ชาวบา้ นเรยี กกนั วา่ “บอ่ ศาลเจา้ ” ดา้ นหนา้ ศาล
จะมีสะพานพุ่งตรงไปทะเล สะพานนี้มีช่ือเรียกกันว่า
“สะพานยาว” สาเหตทุ ชี่ อ่ื สะพานยาวกเ็ พราะวา่ สะพาน
นี้มีความยาวกว่าสะพานอ่ืนๆ ในสมัยน้ัน บริเวณสะพาน
ยาวจึงเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าติดต่อไปมากับต่างจังหวัด
อีกด้วย ต่อมาเทศบาลเมืองชลบุรีได้ท�ำการปรับปรุง
พัฒนาพื้นที่ในซอยต่างๆสะพานไม้ได้ถูกรื้อถอนออกไป
หนังสือท่รี ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 127
ตา่ งจงั หวดั และกรงุ เทพฯ ตลาดทา่ เกวยี นจงึ เปน็ จดุ นดั พบ
ของผู้ทีม่ เี กวยี น มคี วายมาชมุ นมุ กันมากมาย และถือเป็น
จดุ กำ� เนดิ ของประเพณวี งิ่ ควายจงั หวดั ชลบรุ ี บนั ทกึ ในอดตี
ทเ่ี กย่ี วกบั ศาลเจา้ พอ่ หลกั เมอื งยงั ทำ� ใหท้ ราบวา่ เดมิ ศาลน้ี
จะมีงานประจ�ำปี ประเพณีกองข้าว เข้าทรงในวันข้ึน “พ่อหลักเมอื งสริ ิมหามงคลชลบุร”ี รุ่น ๑
๖ ค่�ำ เดือน ๖ โดยจะจัดงานติดต่อกัน ๓ วัน ตอนเย็น จดั สรา้ ง “พอ่ หลกั เมอื งสริ มิ หามงคลชลบรุ ”ี ซง่ึ นบั วา่ เปน็
มีการเข้าทรงท�ำพิธีกองข้าวท่ีข้างคลองบางปลาสร้อย รนุ่ 1 น้ี ประกอบดว้ ย เสน้ พระเกศาสมเดจ็ พระญาณสงั วร
กล่าวกันว่า ประเพณีกองข้าวเริ่มจากศาลเจ้าพ่อนี้เป็น สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ผงพุทธคุณ
แห่งแรกของจังหวัดชลบุรี ส่วนศาลาฟังธรรมซึ่งอยู่ใกล้ๆ ตา่ งๆ ของ ดร.ไมตรี บญุ สงู อาทิ ผงดนิ จากประเทศอนิ เดยี
กับศาลเจ้าพอ่ หลักเมืองน้นั เปน็ ศาลาสำ� หรบั ฟงั ธรรมของ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ผงธูปวัดพระแก้ว
ชาวบ้าน โดยในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาตลอด ๓ เดือน ผงธูปวัดบวรนิเวศ ผงธูปวัดสุทัศน์ ผงธูปวัดชนะสงคราม
ได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดต่างๆ ในเขตเทศบาลสับเปลี่ยน ผงธปู โบสถพ์ ราหมณก์ รงุ เทพมหานคร ผงพระอาจารยน์ ำ�
หมุนเวียนกันมาเทศนาธรรมแก่ประชาชนในตอนกลาง วดั ดอนศาลา ผงหลวงปเู่ ทยี ม วดั กษตั รา ผงหลวงพอ่ เมอื ง
คนื และถอื เป็นธรรมเนียมปฏบิ ัติสืบกันมาจวบจนทุกวนั น้ี วัดท่าแหน ผงหลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง ผงหลวงพ่อเกลื้อม
เนื่องจากศาลเจ้าพ่อหลักเมืองนี้เป็นที่เคารพ วัดฉลอง ผงหลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่นอก ผงหลวงปู่สี
ศรัทธาของชาวชลบุรี ครั้นเม่ือเห็นศาลเจ้าพ่อมีสภาพ วดั สะแก ผงหลวงพอ่ ปู่วดั สะแก ผงพทุ ธคณุ และผงจนิ ดามณี
ทรุดโทรม ชาวชลบุรีจึงได้ร่วมกันอุทิศก�ำลังกายและ หลวงปบู่ ญุ วดั กลางบางแกว้ ผงพระครวู มิ ลญาณอดุ ม (ตว๋ิ )
ก�ำลังทรัพย์บูรณะซ่อมแซมศาลเจ้าพ่อกันมาตามก�ำลัง วดั มณชี ลขณั ฑ์ ผงพระอาจารยส์ ตู ิ วดั ในเตา ผงพระอาจารย์
ศรัทธา จวบจนกระท่ังในปีพุทธศักราช ๒๔๙๒ ได้มีการ หรีด วัดป่าโมกข์ ผงพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว
บรู ณะศาลเจา้ พอ่ หลกั เมอื งนด้ี ว้ ยงบประมาณของเทศบาล ผงหลวงพ่อไสว วดั ปรีดาราม ผงพระหกั ต่างๆ เช่น หลวง
เมืองชลบุรี จ�ำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท และในระหว่าง ปทู่ วด วดั ชา้ งให้ ปี ๙๗ ปตั ตานี ผงสมเดจ็ บางขุนพรหม
ปีพุทธศักราช ๒๕๓๙ - ๒๕๔๒ จึงได้มีการบูรณะศาล พระรอดล�ำพูน พระคงลำ� พนู พระนางพญา พระนางตรา
เจ้าพ่อคร้ังใหญ่โดยงบประมาณท่ีประชาชนได้ร่วมกัน ทา่ เรอื ผงหัวใจ ๑๒ นกั ษตั ิ พระอาจารยห์ รีด วดั ปา่ โมกข์
บริจาคด้วยกำ� ลงั ศรทั ธา จำ� นวน ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ผงเจดยี ว์ ดั มหาธาตุ จังหวดั นครศรธี รรมราช ผงหลักเมอื ง
ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้รับพระเมตตา และผงจตุคามปี ๓0 ฯลฯ ผงของท่านผู้การจ�ำเนียร
จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหา ตู้จินดา อาทิ ผงอังคารพระธาตุพระอรหันต์ของ
สังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร พระอาจารย์ยัง วัดเจ้าส�ำราญ ผงอิทธิเจ ผงปัถมัง พระ
ประทานชอ่ื เจ้าพอ่ หลักเมืองนว้ี ่า “สริ มิ หามงคลชลบรุ ”ี อาจารย์ใย วัดสะแก ผงมหาจักรพรรดิ หลวงปู่ด่วู ัดสะแก
ตามหนังสือส�ำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชฯ ผงอทิ ธเิ จทส่ี รา้ งพระปดิ ตา หลวงพอ่ แกว้ วดั ชอ่ งลม รนุ่ ๑
ท่ีพ๕๐๕/๒๕๕๐ลงวนั ท่ี๓กรกฎาคมพ.ศ.๒๕๕๐และเนอ่ื ง จังหวัดสมุทรสาคร ผงพระฤๅษี ลูกอมผงพรายกุมารของ
ในโอกาสทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช หลวงปทู่ มิ วดั ระหารไร่ จงั หวดั ระยอง ผงของผมู้ จี ติ ศรทั ธา
รชั กาลที่ 9 ทรงเจรญิ พระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ในวนั ที่ อาทิ ผงหลวงพอ่ แก้ว วัดเครือวลั ย์ วดั ปา่ วัดหนองตำ� ลึง
๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เพ่ือน้อมถวายเป็นพระราชกุศล ผงหลวงปู่ภู่ วดั ตน้ สน ผงสรงนำ�้ วัดเขาบางทราย ฯลฯ
ชาวชลบุรีจึงได้จัดสร้างวัตถุมงคล “พ่อหลักเมือง นับจากน้ี ศาลเจา้ พ่อหลักเมอื งแห่งน้ีจะเปน็ ท่รี ู้จกั
สริ มิ หามงคลชลบรุ ”ี เนอื้ ผงขนาด ๓.๕ เซนตเิ มตร จำ� นวน ในนาม ศาลเจา้ พอ่ หลกั เมอื ง “สริ มิ หามงคลชลบรุ ”ี นาม
๕๐,๐๐๐ องค์ มอบไว้สักการบูชาเพ่ือเป็นสิริมงคลและ ท่ีเป็นสิรมิ งคลยงิ่ สำ� หรบั ชาวชลบรุ ีสืบไป
เกียรติประวัติแก่ชาวชลบุรี โดยมวลสารศักด์ิสิทธ์ิในการ
128 หนังสือท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
พระบรมราชานุสาวรยี ์
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๕
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 ประดิษฐานอยู่ด้านข้างของ
สวนเฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว รชั กาลท่ี 9 ถนนวชริ ปราการ ตำ� บลบางปลาสร้อย สรา้ งในสมยั
นายนารถ มนตเสวี เปน็ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ชลบรุ ี โดยกรมศลิ ปากรเปน็ ผดู้ ำ� เนนิ การปน้ั หลอ่ พระบรมรปู และพระบาท
สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี 9 เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ มาทรงเปดิ เมอื่ วนั ที่ 15 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2511 ซงึ่ ในปจั จบุ นั
ประชาชนได้พร้อมใจกันท�ำพิธีบวงสรวงในทุกวันอังคารช่วงเย็น และในวันท่ี 23 ตุลาคมของทุกปี ซ่ึงเป็นวันคล้าย
วนั สวรรคตของพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี 5 “วนั ปยิ มหาราช” หนว่ ยงานราชการจะท�ำพธิ ี
วางพวงมาลาและถวายบงั คม
หนังสอื ท่รี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 129
วดั ใหญ่อนิ ทาราม
(พระอารามหลวง)
วัดใหญ่อินทาราม (พระอารามหลวง) ตั้งอยู่เลขท่ี
858 ถนนเจตน์จำ� นง ต.บางปลาสร้อย อ.เมอื ง จ.ชลบุรี
เป็นวัดเก่าแก่โบราณคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดชลบุรี ตาม
ประวัติแต่เดิมช่ือ “วัดอินทาราม” แต่ชาวบ้านเรียก
กันจนติดปากว่า “วัดใหญ่” ปัจจุบันจึงเรียกว่าวัดใหญ่
อนิ ทาราม มอี ายเุ กา่ แกน่ านรว่ ม 600 ปี ทง้ั ยงั เปน็ โบราณ และเป็นวีรกรรมของบรรพบุรุษชาวจังหวัดชลบุรี ท่าน
สถานส�ำคัญของพระพุทธศาสนาคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่ เจ้าอาวาสได้ชักชวนชาวเมืองชลบุรีสร้างพระบรมราชา
สมัยกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันได้เปลี่ยนช่ือเป็น “วัดใหญ่ นุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นพระบรมรูป
อินทาราม” ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรีมีหลักฐานปรากฏ ประทับบนตอไม้ใหญ่ ทรงฉลองพระองค์แบบจอมทัพ
ในพระราชพงศาวดารว่าสมเดจ็ พระเจา้ ตากสิน ไดเ้ สดจ็ ฯ วัดใหญ่อินทารามแห่งนี้ มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
มาพกั รวบรวมไพรพ่ ล เพอ่ื กอบกเู้ อกราช ปราบนายทองอยู่ คู่บ้าน เป็นท่ีเลื่อมใสของชาวเมืองชล คือ หลวงพ่อเฉย
นกเล็ก ซ่ึงมีพฤติกรรมเป็นโจรสลัด ข่มเหงชาวเมือง หลวงพ่อเฉยเป็นพระพุทธปฏิมาส�ำริดทรงเคร่ือง
ชลบุรีและคิดมิชอบต่อบ้านเมือง เพื่อเป็นที่ระลึก ศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมทีหลวงพ่อเฉยเป็น
ถึงพระมหากรุณาธิคุณ เป็นเครื่องเชิดชูพระเกียรติ พระพุทธรูปประจ�ำอยู่วัดสมรโกฏ เป็นวัดที่สร้าง
130 หนงั สือทีร่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี
ในยุคเดียวกับวัดใหญ่อินทาราม (พระอารามหลวง)
แต่ต่อมาภายหลังวัดสมรโกฏไม่มีพระภิกษุอยู่จ�ำพรรษา
ขาดผู้อุปถัมภ์บ�ำรุง จึงกลายเป็นวัดร้าง ชาวบ้านจึงได้
ประกอบพิธีอัญเชิญยา้ ยท่านจากวดั ร้างสมรโกฏมาอยู่ ณ
วดั ใหญอ่ นิ ทาราม (พระอารามหลวง) เพอ่ื ใหป้ ระชาชนได้
สักการะหลวงพ่อเฉย และยังมีสิ่งท่ีน่าสนใจให้ได้ดูได้ชม
กนั อีก ไดแ้ ก่ พระอโุ บสถ เป็นสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา
ตอนปลายถงึ ตน้ รตั นโกสนิ ทร์ วหิ ารเลก็ ทศิ เหนอื ของโบสถ์
ฐานวหิ ารมลี กั ษณะทอ้ งช้างเช่นเดียวกบั โบสถ์ บานประตู
ทางเขา้ วหิ ารตกแตง่ ดว้ ยลายรดนำ�้ ปดิ ทองภาพ ตน้ นารผี ล
ส่วนภาพเขียนภายในวิหารเลือนจนแทบมองไม่เห็นแล้ว
และยังมีพระมณฑป ที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท
จำ� ลอง ทำ� ดว้ ยศลิ าทราย ภายในมพี ระพทุ ธบาทเบอ้ื งซา้ ย
ขนาด ๑๓๐ × ๖๐ เซนติเมตร พระพุทธบาทอยู่คู่กับ
พระอารามมาต้ังแต่อดีตสมัย อยู่ในยุครุ่นราวคราวเดียว
กันกับพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี ซ่ึงจะเปิดให้เข้า
นมัสการในช่วงเทศกาลตรุษจนี
หนงั สอื ท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี 131
วดั เนนิ สุทธาวาส
วัดเนินสุทธาวาสแห่งนี้ นับได้ว่าเป็นศูนย์รวมใจ
พุทธศาสนิกชนมาช้านาน ด้วยความขลังแห่งสรรพวิชา
อาคมแต่ครั้งอดีตกาล อันเป็นต�ำนานกล่าวขานถึงอดีต
เกจอิ าจารยห์ ลายรปู ตงั้ แตห่ ลวงพอ่ ทอง และหลวงพอ่ โต
หรือพระอธิการโต หลวงปู่เกลี้ยง ซ่ึงวัตถุมงคลของท่าน (ชื่อวัดเดิมขณะนั้น) ร่วมไปในกองทัพด้วย โดยหลวงพ่อ
ไดร้ บั ความนยิ มจากแวดวงนกั นยิ มพระไมเ่ ปน็ รองสำ� นกั ไหน ทองนนั้ เลอื่ งลอื เรอื่ งวชิ าอาคมแกก่ ลา้ เปน็ ทเ่ี คารพนบั ถอื
ในชลบรุ ี ของประชาชนในภาคตะวันออกท่ีปรากฏเป็นหลักฐาน
ประวัติวัดเนินสุทธาวาส (วัดเนิน) เป็นวัดเก่าแก่คู่ ภายในวัดคือ พระอุโบสถหลังเก่า ที่มีลักษณะแอ่นโค้ง
เมืองชลบรุ มี าชา้ นานตงั้ แตส่ มยั โบราณแล้ว ตัง้ อยู่บนเนนิ แบบท้องส�ำเภา ซึ่งเป็นรูปแบบนิยมแพร่หลายในสมัย
สงู จงึ เปน็ เหตใุ หเ้ ดมิ เรยี กวา่ “วดั เนนิ ” ตงั้ แตน่ น้ั มาจากคำ� กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สันนิษฐานว่า “วัดเนิน” น่าจะ
บอกเล่าของคนเฒา่ คนแก่ระบุวา่ คราวเสียกรงุ ศรอี ยธุ ยา สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ได้รับการบูรณ
ครั้งที่ ๒ ประมาณ พ.ศ. ๒๓๑๐ สมเด็จพระเจ้าตากสิน ปฏิสังขรณ์เร่ือยมา ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ทางการเพิ่มค�ำว่า
มหาราช ไดท้ รงรวบรวมไพรพ่ ลฝา่ วงลอ้ มของข้าศึกไปตั้ง “สุทธาวาส” ต่อท้ายชื่อเดิม จนกลายเป็นชื่อ “วัดเนิน
ฐานที่ม่ันที่เมืองจันทบุรีนั้น ระหว่างทางทรงแวะประทับ สุทธาวาส” จนปจั จบุ นั
แรมที่วัดอินทาราม จ.ชลบุรี ซึ่งต่อมาเรียกว่า “วัดใหญ่ ใน พ.ศ. ๒๔๓๖ พระอธิการโต อดีตเจ้าอาวาส
อินทาราม” ทรงนิมนต์หลวงพ่อทองเจ้าอาวาสวัดเนิน พระเกจอิ าจารยช์ อ่ื ดงั ไดก้ อ่ สรา้ งพระอโุ บสถหลงั ใหมแ่ ละ
132 หนงั สอื ท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี
ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ขณะหลวงปเู่ กลย้ี งเดนิ ธดุ งค์
เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานท่ีเขาพงพรานต.หนองข้างคอก
เปลี่ยนจากผนังไม้ เป็นก่ออิฐถือปูน ก่อนจะบูรณะอีก อ.เมือง จ.ชลบุรี นั่งสมาธิ นิมิตเห็น เทพยดามาบอก
ครั้งใน พ.ศ. ๒๕๔๓ โดยท่านพระครู พิศิษฐชโลปการ ท่านวา่ “สถานท่ีแห่งนี้ ภายภาคหนา้ จะเป็นที่สำ� คญั ของ
(หลวงปู่เกลี้ยง) อดีตเจ้าอาวาสผู้สืบสานวิชาจากหลวง ประเทศชาตแิ ละพระพทุ ธศาสนา” โดยมอบหมายใหท้ า่ น
พ่อโต อดีตเกจิชื่อดังในฐานะ ผู้ได้รับการถ่ายทอดวิชา ดำ� เนนิ การกอ่ สรา้ ง จงึ สรา้ งสำ� นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมขน้ึ มา ชอื่ วา่
ต่างๆ จากพระอาจารย์ ท�ำให้ช่ือเสียงของ พระครู “สวนปา่ นนั ทวันอาศรม” และสรา้ งมหาธาตุเจดียข์ นาด
พิศิษฐชโลปการ (หลวงปู่เกล้ียง) เป็นที่รู้จักคุ้นเคยของ ใหญ่ดุจดั่งเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ประดิษฐาน
ผู้ศรัทธาในภาคตะวันออกเช่นเดียวกัน คร้ันอายุครบ ไว้เป็นอนุสติ น้อมร�ำลึกถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒๑ ปีบริบูรณ์ หลังไปเกณฑ์ทหารแล้วโยมบิดาก็ให้ อกี ดว้ ย ตลอดชวี ติ ตงั้ แตว่ ยั หนมุ่ จนสริ อิ ายุ ๙๗ ปี หลวงปู่
อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดเนินสุทธาวาส (วัดเนิน) เกล้ียง ทุ่มเทและพัฒนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้
ต.บางปลาสรอ้ ย อ.เมอื ง จ.ชลบรุ ี เมอื่ วนั ที่ ๒ กรกฎาคม วัดเนินสุทธาวาสและศาสนสถานอื่นๆ อันเป็นที่สืบสาน
พ.ศ. ๒๔๘๒ โดยมพี ระครศู รสี ตั ยาภวิ ฒั น์ เจา้ อาวาสวดั ตน้ สน พระพุทธศาสนาเร่ือยมาโดยไม่เคยบ่นหรือแสดงความ
เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสัน ธัมฺมสโร เจ้าอาวาส ท้อถอย เป็นสาเหตุส�ำคัญให้ญาติโยมศรัทธาและเคารพ
วัดเนนิ สทุ ธาวาส เปน็ พระกรรมวาจาจารย์ พระครสู รวฒุ ิ นับถือท่านเป็นจ�ำนวนมาก หลวงปู่เกลี้ยง เคยสร้างวัตถุ
สมาจารย์ เปน็ อนสุ าวนาจารย์ แลว้ จำ� พรรษาอยวู่ ดั แหง่ นี้ มงคล รายได้ท้ังหมดน�ำไปพัฒนาท้องถ่ิน สร้างความ
ไดร้ บั ฉายาวา่ “มนญุ โญ”อปุ สมบทได้ ๕ พรรษา พระอธกิ าร เจริญให้แก่วัดเนินสุทธาวาส ได้รับความนิยมมากๆ คือ
สันลาสิกขา คณะสงฆ์จึงแต่งตั้งให้ พระเกล้ียง (หลวงปู่ หนุมาน พระปิดตา เหรียญ โดยท่านสร้างตามต�ำรับ
เกล้ียง) เป็นผู้รักษาการในต�ำแหน่งเจ้าอาวาส วัดเนิน หลวงพ่อโต อดีตเกจิดังและอดีตเจ้าอาวาส อีกท้ังท่าน
สทุ ธาวาสนาน ๑ ปี จนกระทงั่ วนั ที่ ๑ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๘๗ มีศักดิ์เป็นเหลนของหลวงพ่อโตด้วยแล้ว ย่ิงท�ำให้ความ
ทา่ นจงึ ไดร้ บั การแตง่ ตง้ั เปน็ เจา้ อาวาสวดั เนนิ สทุ ธาวาส ศรัทธาเพ่ิมพูนทวคี ูณ
หนังสือที่ระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี 133
วดั เครอื วลั ย์
วัดเครือวัลย์ ต้ังอยู่ท่ีถนนเจตน์จ�ำนง ต�ำบลมะขามหย่ง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2364
“หลวงพ่อแก้ว” ทา่ นได้ธดุ งค์ผา่ นมาทางภาคตะวันออกและได้มาพกั แรมอยู่ ณ สถานท่ีแหง่ หนึ่ง
ในตัวเมืองจังหวัดชลบุรี ซ่ึงในสมัยนั้น จังหวัดชลบุรียังเป็นป่ารกชัฏด้วยป่าไม้เบญจพรรณต่างๆ
มองไปทางไหนก็พบแต่ความเว้ิงว้างว่างเปล่าของน้�ำทะเล สาเหตุเน่ืองมาจากผลของสงคราม ใน
ช่วงที่สมเด็จพระเจ้าตากสินท�ำการกู้อิสรภาพนั่นเอง วัดวาอารามต่างๆ ท่ีถูกท�ำลายก็ยังไม่ได้รับ
134 หนังสอื ทร่ี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
การฟน้ื ฟู ชาวบา้ นทอ่ี ยใู่ นถนิ่ ฐานนน้ั สว่ นมากมกี ารศกึ ษา
นอ้ ย เพราะขาดการเหลยี วแล จะเปน็ ดว้ ยวาสนาของชาว
จังหวัดชลบุรีหรืออย่างไรไม่ทราบ ที่ท�ำให้ท่านธุดงค์ผ่าน
มาทางนี้ และด้วยเมตตาธรรมอันบริสุทธ์ิของท่าน ท�ำให้
ท่านมีความคิดท่ีจะปลูกฝังญาติโยมในละแวกนั้นให้เข้า
ถึงหลกั ธรรมของพระพุทธองค์ จึงปักกลดอย่ทู ี่น้นั เพราะ
ความน่าเลื่อมใสของท่าน ชาวบ้านในละแวกน้ันต่างก็น�ำ
อาหารมาท�ำบุญ ส่วนชาวบ้านท่ีนิยมของขลัง เมื่อเห็น
พระรุกขมูลมา และมีวัตรปฏิบัติแปลกกว่าพระธุดงค์รูป
อน่ื เกดิ ความเลอื่ มใส เขา้ ไปขอเครอื่ งรางของขลงั กบั ทา่ น ที่ให้ก็ดีจริงๆ อันประกอบไปด้วยบทคาถามหามนต์ขลัง
ส่วนท่านเม่ือมีญาติโยมมาหาท่านก็เช้ือเชิญต้อนรับด้วย เพราะการเดินธุดงค์ท่านจะหอบหิ้วเอาวัตถุของติดตัว
ธัมมปฏิสันถาร เพราะท่านมีธรรมเป็นเครื่องให้ เมื่อใคร มาด้วยนั้น ท่านคงหอบห้ิวไม่ไหวแน่ ท่านคงมีแต่บท
เอ่ยปากขอของขลังจากท่าน ท่านก็ให้ของขลัง และของ คาถามหามนต์ขลัง เม่ือเขาออกปากท่านก็ให้ตามหลัก
กตัญญกตเวทิตาธรรม ตามท่ีพระพุทธองค์ทรงสอนไว้
คือคาถาบทภาวนาระลึกถึงพระรัตนตรัย เม่ือญาติโยม
ในละแวกน้ันเกิดความเล่ือมใส ท�ำให้ท่านเริ่มบูรณะ
ซากปรักหักพังของวัดร้างวัดหนึ่ง โดยได้รับความร่วมมือ
จากญาติโยมในละแวกน้ันเป็นอย่างดีจนพอใช้การได้แล้ว
ท่านก็ได้ต้ังชื่อว่า “วัดเครือวัลย์” คงถือเอานิมิตที่มี
เถาวัลย์ปกคลุมอยู่มากมายก็ได้ หลังจากน้ัน ท่านก็ได้
อบรมส่ังสอนประชาชนให้เข้าถึงหลักธรรมทางพระพุทธ
ศาสนา จนมีผู้แสดงตนเป็นอุบาสก อุบาสิกา เข้าถึง
พระรัตนตรัย ส่วนผู้ท่ีมีศรัทธากล้าก็เข้ามาอุปสมบทใน
พระพทุ ธศาสนา ท่านกอ็ บรมสงั่ สอนดว้ ยหลักธรรมต่างๆ
ตามภมู ิธรรมของบุคคลน้ันๆ
หนังสอื ทรี่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี 135
วดั กำ� แพง
วัดก�ำแพง เปน็ วัดที่จดั สร้างขึน้ มามอี ายยุ นื ยาวเกา่ แก่กว่า 150 ปี ปัจจบุ นั ตง้ั อยูเ่ ลขที่ 420/23 ถนนสาคร
พทิ กั ษ์ ตำ� บลมะขามหยง่ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ชลบรุ ี เปน็ วดั ทปี่ ระชาชนนยิ มเรยี กกนั ตามสภาพแวดลอ้ มวา่ “วดั กำ� แพง”
เพราะมีก�ำแพงล้อมรอบมาต้ังแต่สมัยโบราณ วัดก�ำแพงสร้างขึ้นในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น การสร้างวัดได้รับการ
บอกเล่าต่อๆ กันมาว่า หลวงพ่อโต (เจ้าอาวาสองค์แรก) ท่านเป็นพระธุดงค์มาจากเพชรบุรี พร้อมด้วยหลวงพ่อแก้ว
วดั เครอื วลั ย์ และหลวงพอ่ ภู่ วดั นอก (ซงึ่ ขณะนน้ั ยงั เปน็ สามเณร) ไดเ้ ขา้ มาปกั กลดปฏบิ ตั ธิ รรมในบรเิ วณหนองตน้ โพธ์ิ
136 หนงั สือที่ระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี
ภายหลงั ไดต้ ง้ั สำ� นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมวปิ สั สนาขนึ้ เมอ่ื ประมาณ
พ.ศ. 2354 - 2371 ตอ่ มาภายหลงั จงึ ไดจ้ ดั สรา้ งเปน็ วดั
ชอื่ วา่ “วดั กำ� แพง” วดั นเี้ รมิ่ สรา้ งเปน็ วดั ขน้ึ เมอ่ื พ.ศ. 2400
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2406 เน้ือท่ี
ที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา กว้าง 8 เมตร ยาว
24 เมตร ปจั จบุ นั เนอ้ื ทต่ี งั้ วดั มที ง้ั หมด 5 ไร่ มที ธ่ี รณสี งฆ์
65 ไร่ เปน็ ท่ีดนิ มีโฉนดแล้ว
เสนาสนะ ส่ิงปลูกสร้าง วัดก�ำแพง ซึ่งมีอายุกว่า
รอ้ ยปี ไดม้ กี ารกอ่ สรา้ งและปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลง ซอ่ มแซม
และสรา้ งเสนาสนะใหมใ่ หด้ ขี นึ้ จนกระทง่ั ปจั จบุ นั นี้ จ�ำนวน วตั ถุมงคล “พระปิดตา” ของท่านสุดยอดเลอเลศิ ในศิลป
หลายครง้ั หลายหน ปจั จบุ นั อโุ บสถบรู ณะใหมท่ งั้ หมดเมอ่ื เป็นหนึ่ง ไม่เหมือนใครในจังหวัดชลบุรี เป็นองค์หน่ึงใน
ปี พ.ศ. 2540 และขยายใหก้ วา้ งขึน้ สูงขึ้นและสง่างาม เบญจภาคี “พระปิดตาเมืองชล” เพชรน�้ำเอกสุดยอด
กว้าง 10.50 เมตร ยาว 27 เมตร รวมทั้งเขียนภาพ พระปดิ ตาเมอื งชลบรุ ี เปน็ วตั ถมุ งคลลำ�้ คา่ ทห่ี ลวงพอ่ เจยี ม
ฝาผนังภายในอโุ บสถใหม่ทง้ั หมดเสร็จเรยี บรอ้ ยแล้ว วดั กำ� แพง ทา่ นไดส้ ร้างไว้หลายแบบหลายพมิ พ์ ช่วงเวลา
วัตถุมงคล พระครูชลโธปมคุณมุนี (เจียม) การสรา้ งพระปดิ ตายอดนยิ มของวดั กำ� แพง ชลบรุ ี ทส่ี รา้ ง
เจ้าคณะใหญ่เมืองชลบุรี วัดก�ำแพง พระผู้ทรงบารมี ในสมัยหลวงพ่อเจียมน่าจะมีการสร้างหลายคร้ังด้วยกัน
ย่ิงใหญ่ ผู้ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากคณะสงฆ์ท้ัง (เร่ิมประมาณ พ.ศ. 2439 ถึงประมาณ พ.ศ. 2452)
จงั หวดั ชลบรุ ี เปน็ ทเี่ ลอ่ื มใสศรทั ธาของมหาชน โดยเฉพาะ ถ้านับถงึ ปัจจุบนั กม็ อี ายกุ ารสร้างกว่า 100 ปี
หนังสือท่ีระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 137
เฉลมิ สพะรพะเากนยี ชรลตมิ า๘ร๔ควพถิ รี รษา
จดุ แลนดม์ าร์ก...สะพานใหม่
จังหวัดชลบุรี เมืองท่องเท่ียวท่ีมีการออกแบบ
จดั สรรการใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิ ตามสตี า่ งๆ ขนานไปตามแนว
ชายหาดเพ่ือแบ่งพ้ืนที่ออกเป็นสัดส่วน ท้ังแหล่งส่งเสริม
การท่องเท่ียว แหล่งท่ีพักอาศัย แหล่งอุตสาหกรรม เพ่ือ
ความชดั เจนในการจดั ระเบยี บของเมอื ง เมอื่ เมืองโตขึน้ ก็
ตอ้ งมกี ารวางระบบสาธารณปู โภคตา่ งๆ เพอ่ื รองรบั ความ
ตอ้ งการของประชาชน
การพัฒนาเมืองจะต้องมีองค์ประกอบต่างๆ
เร่ิมจากงานด้านผังเมืองต่อยอดเป็นงานพัฒนาเมือง
งานอาคาร งานบริการด้านช่าง เพ่ือให้เป็นการพัฒนา
เมืองที่สมบูรณ์และย่ังยืน แต่ก็จะต้องเป็นการตกลง
ร่วมใจกันของทุกคน ทุกฝ่าย ที่จะใช้ประโยชน์จากที่ดิน
ร่วมกัน เพื่อเป็นการเน้นให้เมืองมีความปลอดภัยจาก
ธรรมชาติ มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีระบบสาธารณูปโภค
และสาธารณปู การทีม่ ีมาตรฐาน
138 หนงั สอื ทีร่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี
ราชการของภาคนี้ ในปัจจุบันพบว่าเทศบาลเมืองชลบุรี
มีการจราจรท่ีติดขดั หนาแนน่ เนอื่ งมาจากหลายๆ สาเหตุ
อาทิ ปริมาณรถสัญจรท่ีสูงมากบนถนนสุขุมวิท รวมท้ัง
ในถนนสายอืน่ ๆ ทม่ี ที ิศทางในแนวเหนอื - ใต้ ภายในเขต
เทศบาล และสภาพการจราจรที่ตดิ ขดั ในยา่ นต่างๆ
ต่อมาคณะกรรมการพัฒนาพ้ืนที่ชายฝั่งทะเล
ตะวันออก (กพอ.) จึงได้พิจารณาสนับสนุนโครงการ
ถนนเลยี บชายฝง่ั ทะเลจงั หวดั ชลบรุ ี โดยมอบหมายใหก้ รม
โยธาธิการเป็นผู้ด�ำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนา
พ้ืนที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก คร้ังท่ี 2 ที่ กพอ.
2/2538(18เมษายนพ.ศ.2539)ทำ� การสำ� รวจศกึ ษา
ความเหมาะสมตลอดจนศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อม
โครงการเพื่อประกอบการน�ำเสนอคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาอนุมัติก่อนด�ำเนินโครงการ
โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือแก้ไขปัญหาการจราจรในเขต
เทศบาลเมืองชลบุรี อันรวมถึงปัญหาการจราจรในเขต
ชุมชนและเทศบาลท่ีอยู่ใกล้เคียง และปัญหาการจราจร
ผา่ นเมอื งทม่ี าจากตำ� บลบางทรายทางทศิ เหนอื ตำ� บลเสมด็
และตำ� บลอา่ งศลิ าทางทศิ ใตข้ องแนวเสน้ ทางโครงการดว้ ย
การพัฒนาอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมาส่งผลต่อ รวมท้ังแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจอันมีผลเนื่องจากการ
ความเจรญิ ของภมู ภิ าคในพนื้ ทชี่ ายฝง่ั ทะเล ภาคตะวนั ออก จราจรทต่ี ิดขดั และปัญหาการเคล่อื นตัวของการจราจรใน
รวมถึงจังหวัดชลบุรีด้วยเป็นอย่างสูง แม้ว่าในเขตเมือง แนวเหนอื - ใต้ เนอ่ื งจากมถี นนเชอื่ มโยงทไี่ มเ่ พยี งพอ และ
ชลบุรีจะไม่ใช่ศูนย์กลางของการพัฒนาอุตสาหกรรมของ เพ่ือส่งเสริมการท่องเท่ียวของจังหวัดชลบุรี อันเน่ืองมา
ภาคเมอ่ื เทยี บกบั บรเิ วณแหลมฉบงั และบรเิ วณมาบตาพดุ จากสภาพการจราจรทีด่ ีขึน้
ก็ตาม แต่ก็มีการพัฒนาและมีการเจริญเติบโตมากข้ึน สะพานเลียบชายฝั่งทะเลได้ริเร่ิมคร้ังแรกโดย
เน่ืองจากตั้งอยู่บนเส้นทางของความเจริญเติบโตของ เทศบาลเมอื งชลบรุ ี และตอ่ มาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั
ภาคตะวันออกและถูกก�ำหนดให้เป็นศูนย์กลางของการ ชลบุรี และกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ด�ำเนินการ
ให้บริการและศูนย์กลางทางการศึกษาและการบริหาร ตอ่ โดยมีรายละเอยี ดดงั นี้
หนังสือทีร่ ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี 139
๑. เทศบาลเมืองชลบรุ ี
เนื่องด้วยเมืองชลบุรีได้มีการประกาศใช้ผังเมือง
รวมเมืองชลบุรี ซ่ึงส�ำนักผังเมืองได้ท�ำการวางผังก�ำหนด
แนวกอ่ สร้าง ถนนเลียบชายฝัง่ ทะเลต้ังแตป่ ลายถนนสาย
ชลบรุ ี - อา่ งศลิ า ถงึ ปลายถนนวบิ ลู ยธ์ รรมรกั ษ์ เพอื่ ระบาย
การจราจรในชุมชนชายทะเลมิให้แออัดในตัวเมืองและ
เป็นถนนบายพาสเส้นท่ีสอง ซ่ึงหากก่อสร้างถนนเลียบ
ชายฝั่งทะเลนี้ขึ้นจะเป็นประโยชน์แก่ชาวชลบุรีและ
ประชาชนทั่วไปอย่างมาก
เทศบาลเมืองชลบุรีได้พิจารณาแล้วว่าภายในเขต
เทศบาลเมืองชลบุรีประสบปัญหาด้านการจราจรติดขัด
มากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในบริเวณถนนวชิรปราการ
ถนนเจตน์จ�ำนง ถนนสุขุมวิทและซอยที่แยกจากถนน
วชิรปราการและถนนพิพิธทั้ง 34 ซอยท่ีลงไปชุมชน
ชายทะเลฝั่งทิศตะวันตกของเทศบาลเน่ืองจากซอย
คับแคบ รถยนต์จากชุมชนหมู่บ้านชายทะเลเข้าออกยาก
หากไดก้ อ่ สรา้ งถนนเลยี บชายฝง่ั ทะเลขนึ้ จะชว่ ยระบายรถ
จากชมุ ชนชายทะเลไปทางถนนเลยี บชายฝง่ั ทะเล สามารถ
ลดความแออัดของรถในตัวเมืองออกไปได้และแนวถนน การป้องกันและระงับอัคคีภัยในบริเวณหมู่บ้านชายทะเล
เลียบชายฝั่งทะเลยังจะเป็นแนวป้องกันและควบคุม อีกทางหน่ึงด้วย เน่ืองจากปัจจุบันรถดับเพลิงไม่สามารถ
มิให้มลภาวะบนชายฝั่งทะเลเคล่ือนตัวลงสู่ทะเล อีกทั้ง เข้าทางปากซอยถนนพิพิธและถนนวชิรปราการได้
ยังจะช่วยยับยั้งและป้องกันการรุกล�้ำแนวชายทะเลของ เน่ืองจากปากซอยคับแคบ แต่ในอนาคตจะสามารถใช้
ผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้แนวชายฝั่งทะเล นอกจากน้ีเทศบาลจะ เส้นทางสะพานเลียบชายฝั่งทะเลท�ำให้สามารถเข้าถึงที่
ได้รับประโยชน์ในด้านการเพ่ิมขีดความสามารถในด้าน เกดิ เหตุไดอ้ ย่างรวดเร็วยง่ิ ขนึ้
140 หนังสอื ทร่ี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี
เทศบาลเมืองชลบุรีจึงได้ด�ำเนินโครงการก่อสร้าง มีความยาวรวม 450 เมตร ยกระดับพ้นระดับน�้ำทะเล
สะพาน ค.ส.ล. ในแนวสะพานเลยี บชายฝง่ั ทะเลขน้ึ โดยมี ติดตั้งไฟฟ้าเป็นเสาเหล็กโคมหลอดโซเดียม ขนาด 250
ส�ำนักการช่าง เทศบาลเมืองชลบุรีเป็นผู้รับผิดชอบ วัตต์ ชนิดก่งิ คู่ จำ� นวน 25 ตน้ โดยกอ่ สร้างสะพานเลยี บ
โครงการ โดยลักษณะของโครงการเป็นโครงการที่ส่งผล ชายทะเลทางด้านถนนคลองสังเขปตรงมาทางทิศใต้ถึง
การพัฒนาเทศบาลเมืองชลบุรีให้เป็นเมืองน่าอยู่อย่าง บริเวณปลายซอยท่าเรือพลี
ยง่ั ยนื ตามแนวทางการพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ช่วงท่ี 2 ก่อสร้างสะพาน ค.ส.ล. ขนาดกว้าง
ฉบบั ที่ 9 (พ.ศ. 2545 - 2549) ยทุ ธศาสตรด์ า้ นบรกิ าร 23.00 เมตร ยาวประมาณ 365 เมตร มีทางเท้ากว้าง
โครงสร้างพืน้ ฐาน การวางผงั เมือง การคมนาคม และการ
พกั ผอ่ นหยอ่ นใจ เปน็ โครงการทม่ี งุ่ เนน้ การแกไ้ ขปญั หาการ
จราจรในเขตเทศบาล ให้ประชาชนได้รับความสะดวกใน
การสญั จรไปมา เปน็ การพฒั นาระบบบรกิ ารสาธารณปู โภค
พ้ืนฐาน ด้านการคมนาคมในเขตเมืองเอื้อประโยชน์
สว่ นรวมและเอือ้ ต่อการพฒั นาสงิ่ แวดล้อมรอบเมอื ง โดย ขา้ งละ 1.50 เมตร ยกระดบั พน้ ระดบั นำ�้ ทะเล ตดิ ตงั้ ไฟฟา้
มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในเขตเมือง เป็นเสาเหล็กโคมหลอดโซเดียม ขนาด 250 วัตต์ ชนิด
เป็นการลดปริมาณรถยนต์ในถนนวชิรปราการ ถนน กิ่งคู่ จ�ำนวน 20 ต้น โดยก่อสร้างต่อเช่ือมจากโครงการ
เจตน์จำ� นง ถนนสขุ มุ วิท และซอยต่างๆ ออกไปด้านนอก ก่อสร้างในช่วงท่ี 1 ตั้งแต่บริเวณปลายซอยท่าเรือพลีมา
ตัวเมืองและเป็นการป้องกันและควบคุมมลภาวะบน เชื่อมกับปลายถนนพาสเภตราบริเวณวงเวียนปลาฉลาม
ชายฝั่งทะเลท่ีจะเคล่ือนตัวลงสู่ทะเลป้องกันการบุกรุกที่ รวมความยาวของสะพานชว่ งท่ี 1 ตงั้ แต่ ถนนคลองสงั เขป
สาธารณะบริเวณชายทะเล รวมทั้งเป็นการเพ่ิมขีดความ ถึงปลายซอยท่าเรือพลี และช่วงที่ 2 ตั้งแต่ปลายซอย
สามารถในการป้องกันและระงับอัคคีภัย รถดับเพลิง ทา่ เรอื พลถี งึ ปลายถนนพาสเภตรา มรี ะยะทางทง้ั สน้ิ 815
สามารถเข้าสกัดเพลงิ ได้อยา่ งรวดเรว็ ทันเหตุการณ์ยงิ่ ข้ึน เมตร โดยด�ำเนินการในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2543
เป้าหมายของโครงการ ถึง 2546 ใช้งบประมาณ 177,880,000 บาท
ก่อสร้างสะพานเลียบชายฝงั่ ทะเล 2 ชว่ ง ซึ่งโครงการที่เก่ียวข้องก่อนหน้าน้ีท่ีเทศบาลเมืองชลบุรี
ช่วงท่ี 1 ก่อสร้างสะพาน ค.ส.ล. ขนาดกว้าง ไดด้ ำ� เนนิ การในการกอ่ สรา้ งถนนเลยี บชายฝง่ั ทะเลในชว่ ง
17.00 เมตร ยาว 300 เมตร และขนาดกว้าง 23.00 ตั้งแต่หลังศาลารวมใจชนถึงถนนพาสเภตรา ระยะทาง
เมตร ยาว 150 เมตร มที างเท้ากวา้ งข้างละ 1.50 เมตร ยาว 420 เมตร ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2537 รวมท้ังถนนเลียบ
หนังสอื ท่รี ะลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี 141
ชายทะเลบริเวณถนนคลองสังเขป ระยะทางยาว 150 คลองสังเขป ระยะทาง 1,400 เมตร และก่อสร้างทาง
เมตร ในปี พ.ศ. 2538 ซึ่งถือเป็นจุดเร่ิมต้นของการ เชื่อมสะพานดังกล่าว ยาวประมาณ 460 เมตร โดยใช้
ดำ� เนนิ การพฒั นากอ่ ใหเ้ กดิ โครงการกอ่ สรา้ งสะพานเลยี บ รูปแบบรายละเอียดของงานก่อสร้างสะพานเลียบชายฝั่ง
ชายฝง่ั ทะเลจงั หวัดชลบุรใี นช่วงอน่ื ๆ ตราบจนถงึ ปจั จุบนั ทะเลจากเทศบาลเมอื งชลบรุ เี พอ่ื ประกอบในการกอ่ สรา้ ง
ซึ่งถือเป็นจุดแลนด์มาร์กใหม่ของจังหวัดชลบุรี จะเห็นได้ โดยเทศบาลเมืองชลบุรีได้อนุญาตให้องค์การบริหารส่วน
ว่าผลจากการด�ำเนินโครงการนี้ ส่งผลให้ลดปัญหาการ จงั หวดั ชลบรุ ี ใช้รูปแบบงานกอ่ สรา้ งสะพานเลียบชายฝ่ัง
จราจรตดิ ขดั ภายในเขตเทศบาลเมอื งชลบรุ แี ละประชาชน ทะเลจงั หวดั ชลบรุ ี เม่ือวนั ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2547
ได้รับความสะดวกสบายในด้านการคมนาคมมากขึ้น จงั หวดั ชลบรุ ี โดยองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ชลบรุ ี
รวมทั้งประชาชนในท้องถิ่นและพื้นท่ีใกล้เคียง ตลอดจน ได้ขอพระราชทานชื่อสะพานเลียบชายฝั่งทะเลจังหวัด
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเท่ียวในจังหวัดชลบุรี ชลบุรี และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญ
มีสถานท่ีท่องเท่ียวและพักผ่อนหย่อนใจที่สวยงาม ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ 5 ธันวาคม
สง่ ผลให้คณุ ภาพชีวติ โดยรวมของประชาชนดขี ึน้ พ.ศ. 2554 ประดษิ ฐานทปี่ า้ ยชอื่ สะพาน เพอ่ื เปน็ กจิ กรรม
2. องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ได้ด�ำเนิน เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลที่ 9
โครงการกอ่ สรา้ งสะพานเลยี บชายฝง่ั ทะเลจากชว่ งบรเิ วณ เนอื่ งในโอกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา
คลองสังเขปไปถึงแยกเทศบาลตำ� บลบางทราย ความยาว 7รอบ5ธนั วาคมพ.ศ.2554และใหป้ ระชาชนชาวจงั หวดั
1,400 เมตร จังหวัดชลบุรีขอให้องค์การบริหารส่วน ชลบรุ แี ละผทู้ ใ่ี ชส้ ะพานฯ สญั จรไป - มา นอ้ มรำ� ลกึ ในพระ
จังหวัดชลบุรีเร่งรัดด�ำเนินการโครงการก่อสร้างสะพาน มหากรณุ าธคิ ณุ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ซงึ่ ไดร้ บั
ค.ส.ล. เลยี บชายฝง่ั ทะเลจงั หวดั ชลบรุ ี โดยใชง้ บประมาณ พระราชทานชอ่ื สะพานเลยี บชายฝง่ั ทะเลจงั หวดั ชลบรุ วี า่
ขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ชลบรุ ี โดยเรม่ิ ตน้ จากซอย “ชลมารควถิ เี ฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา”
ข้างสถานีดับเพลิงบางทรายไปเชื่อมต่อกบั สะพานบรเิ วณ
142 หนงั สือทรี่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี
ล่าสุดจังหวัดชลบุรียังจะพัฒนาโครงการอย่างต่อ
เนื่องให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยจะต่อขยายทางทิศเหนือ
จากช่วงบางทรายถึงถนนสุขุมวิท บริเวณคลองต�ำหรุ 9
กิโลเมตร และต่อขยายทางทิศใต้จากถนน หน้าองค์การ
บรหิ ารสว่ นจงั หวดั ชลบรุ ี ไปถงึ ทางหลวง 3134 เปน็ ถนน
เขา้ อ่างศิลา 2.50 กิโลเมตร
สะพานแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่ง “แลนด์มาร์กของ
จังหวัดชลบุรี” ซึ่งอยู่ในตัวเมืองไม่ไกลจากชายหาด
บางแสนและเขาสามมุข เป็นสะพานเลียบชายทะเล
เร่ิมจากเทศบาลต�ำบลบางทรายถึงองค์การบริหารส่วน
จงั หวดั ชลบุรี ทอดยาวโคง้ ขนานไปกบั ท้องทะเล สามารถ
๓. กรมโยธาธกิ ารและผงั เมอื ง ไดด้ ำ� เนนิ โครงการ มองวิวของทะเลท่ีสวยงามขนาบข้าง ในช่วงท่ีน�้ำทะเล
ก่อสร้างสะพานเลียบชายฝั่งทะเล แบง่ เปน็ 3 ชว่ ง ไดแ้ ก่ ลดลงจะมองเห็นสภาพป่าชายเลน และภาพของประมง
(1) เทศบาลตำ� บลบางทรายถึงซอยบางทราย ๘๓ พ้ืนบ้านอยู่กลางทะเล ตั้งเรียงรายกันอย่างสวยงามโดย
ความยาว ๙๘๐ เมตร เฉพาะบรรยากาศยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ถือเป็น
(2) ศาลารวมใจชนไปถึงโรงปรับปรุงคุณภาพน้�ำ โครงการที่ประสบผลส�ำเร็จในเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว
อำ� เภอเมอื งชลบุรี จงั หวัดชลบุรี ความยาว 2,170 เมตร และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซ่ึงภายหลังจากการ
(3) โรงปรับปรุงคุณภาพน้�ำ อ�ำเภอเมืองชลบุรี ดำ� เนนิ โครงการพบวา่ มตี ะกอนดนิ และสตั วน์ ำ้� เพมิ่ มากขน้ึ
จังหวัดชลบุรี ถึงถนนหน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัด เช่น ปูทะเล และหอย เข้ามาอาศัยอยู่เป็นจ�ำนวนมาก
ชลบรุ ี ความยาว 1,810 เมตร แสดงให้เหน็ ถงึ สภาพปา่ ชายเลนท่ีสมบรู ณ์
หนงั สอื ทีร่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบรุ ี 143
ตลาดประมงท่าเรือพลี
จดุ นดั พบแวะพกั ของคนรกั อาหารทะเล
เทศบาลเมืองชลบุรี มีพ้ืนที่ฝั่งตะวันตกติดกับ ท่าเรือพลีซึ่งเดิมมีช่ือว่า “สะพานศาลเจ้า” เนื่องจาก
ฝั่งทะเลอ่าวไทย ซึ่งสภาพภูมิประเทศของทะเลดังกล่าว สะพานดังกล่าวมี “ศาลเจ้าฮกเกี้ยนปุ้นเถ้า” ตั้งอยู่
เอ้ือต่อการประกอบอาชีพประมงของชาวบ้านท่ีอาศัยริม ต้นซอย และศาลเจ้าทีตี้เปบ้อ ต้ังอยู่บริเวณปลายซอย
ชายฝั่งและเป็นอาชีพหลักของชาวเมืองชลบุรีมาแต่เก่า ซ่ึงติดท่าเทียบเรือประมง ศาลเจ้าทีต้ีเปบ้อเป็นศาลเจ้า
ก่อน ประกอบกับมีท่าเทียบเรือประมงหรือสะพานปลา ท่ีมีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นท่ีเคารพนับถือของชาวเมืองชล
เปน็ สถานที่รับเจ้า สง่ เจา้ และท�ำพธิ ีลอยกระทงในเทศกาล เปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั ปจั จบุ นั สะพานดงั กลา่ วไดถ้ กู ถมและถกู สรา้ ง
กินเจของทุกๆ ปี จึงเป็นท่ีมาของค�ำว่า “สะพานศาลเจา้ ” เป็นถนน แต่คนพื้นถิ่นเรียกขานว่าซอย เทศบาลเมือง
ปัจจุบันชาวบ้านมักจะเรียกติดปากว่า “สะพานเจ้า” ชลบุรี โดยนายจ�ำนงค์ จันทถิระ เป็นนายกเทศมนตรี
เดมิ ทเี ดยี ว “สะพานศาลเจา้ ” เปน็ ทา่ เทยี บเรอื ทสี่ ำ� คญั ของ (พ.ศ. 2483 - 2487) ไดต้ งั้ ชอ่ื สะพานตา่ งๆ ใหม้ คี วาม
เมืองชลบุรี มีท่าเรือสินค้า เรือส�ำเภา เรือประมงมาจอด สอดคลอ้ งถงึ 34 ซอย สะพานศาลเจา้ จงึ เปลย่ี นชอื่ มาเปน็
เทยี บทา่ เรอื ขนถา่ ยและจำ� หนา่ ยสนิ คา้ อาหารและอนื่ ๆ แต่ สะพานทา่ เรอื พลี หรอื ซอยทา่ เรอื พลใี นปจั จบุ นั นอกจาก
ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นท่าเทียบเรือประมง ท�ำการขนส่ง นี้ปลายซอยสะพานศาลเจ้ายังเป็นท่ีต้ังของโรงน้�ำปลา
ซื้อขายอาหารทะเล และเป็นทางสัญจรของประชาชน ท่ังซังฮะหรือน้�ำปลาทิพรส ซึ่งเป็นโรงงานแห่งแรกและ
แต่ก่อนนั้นซอยต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองชลบุรี มีสภาพ เก่าแก่แห่งหน่ึงของประเทศไทย ปัจจุบันยังท�ำการหมัก
เปน็ สะพานไม้ สรา้ งตอ่ เปน็ ทางเดนิ รมิ สองฝง่ั สะพานปลกู และผลิตนำ้� ปลาอยู่
ความสมบูรณ์อยู่ ควรจะมีการพัฒนาให้เป็นแหล่ง
ท่องเท่ียวเชิงอนุรักษ์ และผลักดันให้เกิดแหล่งท่องเท่ียว
ใหม่ในจังหวัด เพ่ือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทาง
ประวัติศาสตร์ท่ีส�ำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดชลบุรี และ
เปน็ การสง่ เสรมิ การคา้ ขาย การประมงและเศรษฐกจิ ของ
ชุมชน จึงได้จัดตั้งตลาดประมงท่าเรือพลีขึ้น โดยการมี
ส่วนร่วมของชุมชนโดยรอบและมีพิธีเปิดตลาดตั้งแต่วัน
เสาร์ท่ี 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ในช่วงแรกๆ ยังไม่ได้รับความสนใจหรือเป็นที่รู้จัก
ของประชาชนโดยทวั่ ไปหรอื นกั ทอ่ งเทยี่ วมากนกั เนอ่ื งจาก
ส่อื ประชาสมั พนั ธ์ยงั มีข้อจ�ำกัดหลายๆ ดา้ น ยังไม่พฒั นา
ดงั เชน่ ปจั จบุ นั นจ้ี นกระทงั่ รายการตลาดสดสนามเปา้ จาก
ททบ.5 มาถา่ ยทำ� รายการและออกอากาศ จงึ ทำ� ใหต้ ลาด
แมว้ า่ ในปจั จบุ นั การทำ� ประมงสว่ นใหญจ่ ะใชเ้ ครอื่ งไม้
เครื่องมืออุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยแต่การท�ำ
ประมงของชมุ ชนชาวเลของเมอื งชลบุรี ยงั ท�ำการประมง
เชิงอนุรักษ์ ใช้เรือขนาดเล็กและอุปกรณ์แบบภูมิปัญญา
ทอ้ งถนิ่ จบั กงุ้ หอย ปู ปลา และมกี ลมุ่ ผเู้ ลยี้ งหอยในทะเล
น้�ำตื้น เช่น หอยแมลงภู่ หอยนางรม หอยแครง ซ่ึงได้
จ�ำหน่ายในตลาดสดเมืองชลบุรี พื้นที่ข้างเคียงและ
ตา่ งจงั หวดั จนเปน็ สนิ คา้ และเอกลกั ษณข์ องชาวชลบรุ มี า
อยา่ งชา้ นาน ในชว่ งปี พ.ศ. 2550 - 2553 ประสบปญั หา
ภาวะเศรษฐกิจตกต�่ำ ประกอบกับเกิดภาวะเส่ือมโทรม
ของพ้ืนท่ีซ่ึงมีความเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาและการ
เปล่ียนแปลงของเศรษฐกิจยุคใหม่ ท�ำให้ตลาดประมง
พน้ื บา้ น ตลาดอาหารทะเลประเภทตา่ งๆ ทมี่ คี วามรงุ่ เรอื ง
ในอดีตกาลเป็นตลาดร้าง ไร้ผู้คนและนักท่องเที่ยวเข้ามา
ซอ้ื อาหารทะเลเหมือนแต่กอ่ น
จังหวัดชลบุรีและเทศบาลเมืองชลบุรีได้เห็นความ
ส�ำคัญและจุดเด่นที่น่าสนใจของตลาดประมงชายทะเล
เมืองชลบุรีท่ียังคงมีท่าเทียบเรือประมง วิถีชีวิตของ
ชาวประมงและอาคารบ้านเรือนแบบโบราณที่ยังคง
146 หนังสอื ท่ีระลกึ ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบรุ ี
เป็นท่ีรู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่ของนักท่องเที่ยว นักชิม ผลิตภัณฑ์ OTOP สินค้าอุปโภคบริโภค และอื่นๆ มา
นักชอ้ ป จากทั่วภูมิภาคจนถึงปจั จุบันนี้ จำ� หนา่ ยในตลาดได้
ตลาดประมงท่าเรือพลีเปิดด�ำเนินการให้มีการ ในการบริหารจัดการดูแลตลาดประมงท่าเรือพลี
ค้าขายเฉพาะวันเสาร์ พ่อค้า แม่ค้าจะต้ังร้านจ�ำหน่าย แรกเร่ิมตั้งแต่จัดต้ังคณะผู้บริหารเทศบาลและเจ้าหน้าท่ี
สนิ คา้ สองฝง่ั รมิ สะพาน โดยจดั พน้ื ทต่ี รงกลางไวส้ ำ� หรบั ตง้ั เทศบาลโดยเฉพาะกองสาธารณสุขและส่ิงแวดล้อม จะ
โต๊ะและเก้าอี้ส�ำหรับน่ังรับประทานอาหารในบรรยากาศ เปน็ ผคู้ วบคุม กำ� กับ ดูแล ทง้ั ดา้ นการตลาดตลอดจนการ
ริมทะเล สินค้าหลกั ๆ จะเป็นอาหารทะเล ซ่ึงวตั ถดุ ิบส่วน ควบคุมมาตรฐานและการสขุ าภบิ าลอาหาร จนในปี พ.ศ.
ใหญ่ได้มาจากการท�ำประมงของชาวเลในพ้ืนที่ ซ่ึงแบ่ง 2557 ทางเทศบาลเมืองชลบุรีได้เล็งเห็นว่าการบริหาร
เป็นกลุ่มอาหารประเภทต่างๆ ได้ดงั น้ี จัดการตลาดควรจะให้ผู้ประกอบการได้มีส่วนร่วม จึงได้
1. อาหารทะเลสด เช่น ก้งุ หอย ปู ปลา หมึก ฯลฯ ประชุมคัดเลือกตัวแทนของพ่อค้าแม่ค้าท่ีจ�ำหน่ายสินค้า
2. อาหารทะเลแห้ง เชน่ ปลาแหง้ ปลาเคม็ ปลา อาหารทะเลในตลาดเป็นคณะกรรมการตลาด โดยจัดตั้ง
แดดเดยี ว กุ้งแหง้ หมึกแห้ง ฯลฯ เป็นชมรมผู้ประกอบการตลาดประมงท่าเรือพลีเพ่ือท�ำ
3. อาหารทะเลปรงุ สกุ เชน่ ปลาทอด ปตู ม้ แกงสม้ หนา้ ทดี่ แู ลรบั ผดิ ชอบชว่ ยกนั พฒั นาสนิ คา้ การตลาดเพอื่ ให้
ยำ� ชนิดตา่ งๆ หมกึ ยา่ ง ห่อหมก หอยตม้ กุง้ เผา ทอดมนั เกดิ ความหลากหลาย ระดมความคดิ เหน็ จากทกุ ฝา่ ย ทจ่ี ะ
ก้งุ ฯลฯ ทำ� ให้ตลาดได้รับความนิยมและจ�ำหนา่ ยสินคา้ ไดม้ ากขนึ้
4. อาหารประจำ� ถิน่ เมอื งชลบรุ ี เชน่ ก้ามปใู บ้ ผดั ในส่วนการควบคุมคุณภาพอาหารน้ัน กอง
ไทยปู หอยทอด ข้าวผดั ปู สม้ ต�ำทะเล ฮอ่ ยจ๊อ หม่ีกรอบ สาธารณสุขและส่งิ แวดล้อมได้จดั ให้มกี ารเฝา้ ระวงั ตรวจ
สูตรโบราณ แจงลอน นำ�้ พรกิ ไขป่ ู ผกั ปลาคก ฯลฯ ตดิ ตาม โดยเกบ็ ตวั อยา่ งอาหารเพอ่ื ตรวจหาแบคทเี รยี และ
5. ขนมพื้นบ้าน อาหารพ้ืนเมือง เช่น ขนมเรไร สง่ิ ปนเปอ้ื นตา่ งๆ ตามมาตรฐานการสขุ าภบิ าลอาหารของ
ขา้ วเหนยี วมะมว่ งและหนา้ ตา่ งๆ ขา้ วหลาม ขนมหมอ้ แกง
ผลไมต้ ามฤดูกาล ผลผลติ ของเกษตรกรชลบุรี ฯลฯ
เนอื่ งจากตลาดประมงมีพน้ื ท่ีคอ่ นข้างจำ� กดั สนิ ค้า
ก็จะเน้นอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงสุกดังที่ได้
กล่าวมาแล้ว จึงไม่สามารถจัดสินค้าประเภทอ่ืนๆ เช่น
หนงั สอื ที่ระลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมืองชลบุรี 147
สำ� นกั สขุ าภบิ าลอาหารและนำ�้ กรมอนามยั อยเู่ ปน็ ประจำ�
ปีละ 4 ครั้ง มีการมอบปา้ ย Clean Food Good Taste
(CFGT) ใหก้ บั รา้ นทไี่ ดม้ าตรฐาน สะอาดและรสชาตอิ รอ่ ย
ท้ังนี้เพื่อเป็นการรับรองว่าผู้บริโภคหรือนักท่องเที่ยวที่มา
รับประทานอาหารท่ีตลาดประมง หรือซื้อไปรับประทาน
ที่บา้ นหรือเปน็ ของฝากสำ� หรบั ครอบครวั เพ่อื นฝูง ไดร้ บั
ประทานอาหารทปี่ ลอดภัยและมคี ณุ ภาพอยา่ งแนน่ อน
ตลาดประมงท่าเรือพลีเป็นตลาดที่มีนักชิม
นกั ชอ้ ป หลงใหลในรสชาตอิ าหารทะเล ยงิ่ นานวนั ยงิ่ มผี คู้ น
มาทอ่ งเท่ยี วมากยงิ่ ข้ึน จึงท�ำใหต้ ลาดได้รบั การสนบั สนนุ
การบริหารจัดการและส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และ
สนับสนุนให้เป็นตลาดต้นแบบจากหลายๆ หน่วยงาน ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของชลบุรี เป็นแหล่งพักผ่อน
รว่ มจดั กจิ กรรมและชว่ ยสง่ เสรมิ การตลาด เชน่ สำ� นกั งาน และแหล่งท่องเที่ยวของผู้คนท้ังในจังหวัดชลบุรีและ
ท่องเท่ียวและกีฬา จังหวัดชลบุรี กรมการค้าภายใน ต่างจังหวดั ไดม้ าจอดรถเพ่อื ชมบรรยากาศและธรรมชาติ
กระทรวงพาณชิ ย์ และบรษิ ทั ไปรษณยี ไ์ ทย จำ� กดั เปน็ ตน้ ของนำ้� ทะเล ตลอดจนชมวถิ ชี วี ติ ดงั้ เดมิ ของอาชพี ประมง
ปัจจัยส�ำคัญท่ีส่งผลให้ตลาดประมงท่าเรือพลีได้มี เชน่ การเลย้ี งหอยแมลงภู่ หอยนางรม เปน็ ตน้ การพกั ผอ่ น
การพัฒนาและมีอัตราเติบโตอย่างมั่นคงและเป็นที่รู้จัก หย่อนใจ การนั่งล้อมวงรับประทานอาหารในบรรยากาศ
อย่างกว้างขวางจวบจนทุกวันน้ี มีหลายปัจจัยโดยเฉพาะ ยามเย็น ยิ่งท�ำให้ตลาดประมงท่าเรือพลีมีความโดดเด่น
การที่เทศบาลเมืองชลบุรีได้ด�ำเนินการก่อสร้างสะพาน ไดร้ บั ความสนใจจากผคู้ นทเี่ ดนิ ทางมาทอ่ งเทย่ี วในจงั หวดั
เลียบชายฝั่งทะเลระยะแรกความยาว 815 เมตร เพื่อ ชลบุรีเป็นจ�ำนวนมาก อีกทั้งบริเวณด้านข้างของตลาด
แก้ไขปัญหาการจราจรในตัวเมืองและเป็นการอ�ำนวย ประมงเปน็ ทา่ เทยี บเรอื หาปลาถอื เปน็ ทศั นยี ภาพทง่ี ดงาม
ความสะดวกด้านการคมนาคมให้กับประชาชนในพื้นที่ ยงิ่ นกั หากนกั ทอ่ งเทยี่ วไดม้ านงั่ รบั ประทานอาหาร พรอ้ ม
ซงึ่ ในปจั จบุ นั จงั หวดั ชลบรุ ี ไดก้ อ่ สรา้ งสะพานเลยี บชายฝง่ั ชมทวิ ทศั น์ โดยเฉพาะยามพระอาทติ ยอ์ สั ดง ซง่ึ มใี หช้ มกนั
ทะเลระยะที่ 2, 3, 4 ตอ่ เนอื่ งกบั สะพานเดมิ มคี วามยาว 2 บรรยากาศ คือ พระอาทิตย์เล่ือนลาลับในท้องทะเล
รวมท้ังส้ิน 7 กิโลเมตร ซ่ึงส่งผลให้การเดินทาง การ (ยามน�้ำข้ึน) หรือพระอาทิตย์ตกในทะเลโคลนสุดลูกหู
คมนาคม มายังตลาดประมงท่าเรือพลี มีความสะดวก ลกู ตา (ยามนำ�้ ลง) ซงึ่ สามารถมาเทยี่ วชมบรรยากาศเชน่ นี้
สบายมากยิ่งขึ้น ประกอบกับสะพานเลียบชายทะเลน้ี ได้ทตี่ ลาดประมงทา่ เรอื พลีแหง่ นี้
148 หนังสอื ทรี่ ะลึก ๘๔ ปี เทศบาลเมอื งชลบุรี